Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 20101-2002 งานเครื่องยนต์ดีเซล

20101-2002 งานเครื่องยนต์ดีเซล

Published by ADACSOFT CO.,LTD., 2021-03-08 05:51:33

Description: 20101-2002 งานเครื่องยนต์ดีเซล

Search

Read the Text Version

ก้านสบู รปู ลอกสบู งานเคร่อื งยนต์ดีเซล 193 รปู ที่ 11.5 แบบน้ำมันเครือ่ งไหลกลับทางรปู ลอกสูบ ปลอกสบู 2. แบบนำ้ มันเครือ่ งไหลกลับทางรู เสื้อสบู ปลอกสูบ ก้านสบู แบบน้ำมันเคร่ืองไหลกลับทางรูปลอกสูบ หัวฉีดน้ำมนั เครือ่ ง หรือเรียกว่าแบบระบายความร้อนด้วยน้ำมันเครื่อง ท่ีไหลเป็นชว่ ง น้ำมนั เครือ่ งจะไหลไปเกบ็ ไว้ที่ชอ่ ง เล็ก ๆ ใต้หวั ลูกสูบ และติดอยู่เมอื่ ลกู สูบเลื่อนลงใน ตำแหน่งศนู ย์ตายลา่ ง รทู ล่ี ำตัวลูกสูบจะตรงกบั รอ่ งทป่ี ลอกสบู นำ้ มนั เครอ่ื งทใ่ี ตห้ วั ลกู สบู จะระบาย ลงอา่ งนำ้ มนั เครอื่ งตามเดิม น้ำมันเคร่ืองจะทำหน้าท่ีกันไม่ให้ผิวโลหะ ท้ังสองสมั ผัสกัน และหล่อลื่นระหว่างกนั ไดโ้ ดยตรง แรงเสยี ดทานทเี่ กิดขน้ึ จงึ เป็นแรงเสียดทานเนือ่ ง มาจากน้ำมันเคร่ืองซ่ึงน้อยกว่าแรงเสียดทานที่เกิด ขึ้นเมือ่ โลหะสมั ผสั กนั สภาพแห้ง กำลงั งานทีเ่ สียไป กล็ ดนอ้ ยลง การทำใหเ้ กดิ ชน้ั บาง ๆ ของนำ้ มนั เครอ่ื ง ตอ้ งไม่ทำให้โลหะสัมผสั กันชดิ เกนิ ไป 11 3. แบบน้ำมนั เคร่ืองไหลผา่ นโพรง ใตห้ ัวลกู สบู หวั ฉดี นำ้ มนั เครื่อง ฉีดน้ำมันเครอ่ื งจาก เสื้อสูบให้ขึ้นไปใต้ลูกสูบ น้ำมันเครื่องส่วนหนึ่ง หล่อลื่นผิวกระบอกสูบ อีกส่วนหนึ่งขึ้นไประบาย ความร้อนทใ่ี ตห้ วั ลูกสบู และไหลกลับตกลงอ่าง น้ำมันเคร่ือง ในแบบนีจ้ ะไมม่ ที ี่เก็บนำ้ มันเครื่องใต้ หัวลูกสูบ โดยให้ไหลผ่านด้วยความเร็ว เพื่อลด น้ำหนักของลูกสูบซึ่งจะมีผลต่อแรงเฉ่ือยของลูกสูบ ด้วย ซ่งึ เปน็ แบบที่ใช้กับเครอ่ื งยนต์ดเี ซลรถยนต ์ ขนาดใหญ ่ เชน่ เครอ่ื งยนต์รถโดยสารขนาดใหญ ่ รถ 10 ลอ้ หรือรถแทรกเตอร์ รูปที่ 11.6 แบบนำ้ มันเครอ่ื งไหลผ่านโพรงใต้หวั ลูกสบู

194 งานเคร่ืองยนตด์ ีเซล 11.2.3 ขอ้ มลู ทางเทคนคิ ของลกู สบู โลหะเสริมหัวลูกสบู 1. หัวลกู สูบติดโลหะเสริม รปู ที่ 11.7 หวั ลูกสูบตดิ โลหะเสริม เนื่องจากลูกสูบเครื่องยนต์ดีเซลต้องรับภาระ รปู ท่ี 11.8 ลกู สบู ชำรุดจากเคร่อื งยนตน์ ็อก ทางความรอ้ นและความดันหนกั มาก หัวลูกสบู จงึ หลอ่ ตดิ โลหะเสรมิ (Fiber Reinforced Metal = FRM) และ รูปท่ี 11.9 ลูกสบู ชำรดุ เพราะแหวนลกู สบู ตดิ กลงึ เป็นร่องเล็ก ๆ โดยรอบ เพ่ือความแขง็ แรงของรอ่ ง แหวนลูกสูบร่องบนและลดความร้อนไม่ให้ลงสู่ตัวลูกสูบ มาก 2. วิธกี ารออกแบบไมใ่ หล้ ูกสบู ตดิ จากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงในจังหวะระเบิด ทำให้อุณหภูมิในหอ้ งเผาไหม้สูงถงึ ประมาณ 2,500o ซ. ความร้อนเกอื บทั้งหมดถูกระบายผา่ นฝาสูบ ผา่ นลำตวั ลูกสูบ ร่องแหวนลกู สบู และแหวนลูกสูบ ไปยังผนัง กระบอกสบู ท่เี ย็นกว่า ถงึ แมว้ ่าน้ำมนั เครอ่ื งซึ่งทำหน้าท ี่ ลดความฝืดจะช่วยระบายความร้อนด้วยก็ตาม อณุ หภูม ิ ทห่ี วั ลูกสูบกจ็ ะรอ้ นอยปู่ ระมาณ 232o (450oฟ.) และท ่ี ลำตัวจะรอ้ นประมาณ 150oซ. (300oฟ.) การท่ลี กู สูบมีอณุ หภมู สิ งู ดังไดก้ ลา่ ว ทำให้ วสั ดทุ ท่ี ำลูกสบู ขยายตวั จนเป็นเหตใุ หล้ กู สูบตดิ ได ้ วธิ ี การออกแบบไมใ่ หล้ ูกสบู ติดมีดงั ตอ่ ไปนี้ 1) บรเิ วณร่องแหวนลกู สบู ทำใหเ้ รียว 2) ทำหัวลกู สูบใหเ้ ป็นวงรี 3) วัสดุที่ใช้ทำลูกสูบต้องมีการถ่ายเทความร้อน ไดด้ ี 4) เซาะร่องทล่ี ูกสูบ 5) ใช้น้ำมันเครือ่ งระบายความร้อนลูกสบู 3. คณุ สมบัตวิ สั ดุที่ใช้ทำลูกสบู 1) นำ้ หนกั เบา (มีความหนาแน่นน้อย) 2) มีความแขง็ แรงสูง แม้ทอี่ ณุ หภูมสิ ูง ๆ 3) ถ่ายเทความรอ้ นหรอื ระบายความร้อนดี 4) มีอัตราขยายตัวต่ำ 5) มีคณุ สมบัตใิ นการล่นื ไถลดี 6) ทนต่อการสกึ หรอสูง

จัดปากแหวนอดั งานเคร่ืองยนต์ดเี ซล 195 ตา่ งกนั 120o 11.2.4 หนา้ ทแ่ี ละการชบุ ผวิ แหวน ลกู สบู 1. หน้าทแ่ี หวนลกู สูบ (Piston) แหวนลูกสูบสวมใส่ไว้กับลูกสูบเพื่อป้องกันร่ัว เข้าไปในห้องขอ้ เหว่ยี ง และปอ้ งกันนำ้ มนั เครอ่ื งจาก ห้องขอ้ เหวี่ยงผ่านขน้ึ ไปหอ้ งเผาไหม ้ นอกจากนนั้ ยัง ช่วยถ่ายเทความร้อนออกจากลูกสูบส่งไปยังระบบหล่อ ลืน่ และทำหนา้ ทกี่ วาดน้ำมันเครอ่ื งตามผนงั กระบอก สูบลงอา่ งน้ำมันเคร่ือง รปู ท่ี 11.10 แหวนอดั 3 วง แหวนนำ้ มัน 2 วง 2. ปากแหวนลูกสบู (Ring Gap) Blow-by เม่อื ประกอบลูกสูบเข้าในกระบอกสบู ปาก แหวนลูกสบู ต้องมรี ะยะวา่ งไม่สัมผัสกนั เมือ่ ได้รบั 11 ความรอ้ นขน้ึ จะเกิดการขยายตัว ซึง่ สามารถขยายตัว ออกตามเส้นรอบวง ไมส่ ามารถขยายตัวออกตามขนาด ความโตของกระบอกสูบ จะขยายออกทีป่ ากแหวน ลกู สบู ถา้ หากวา่ ระยะห่างทปี่ ากแหวนไมเ่ พียงพอ ทำ ให้ปากแหวนชนกัน ฉะนน้ั ปากแหวนจะต้องมีระยะหา่ ง พอเพยี งสำหรบั การขยายตวั แตไ่ ม่หา่ งมากเกนิ ไปจน เกิดผลเสยี ทำให้กำลังอดั ตกเกิดการรวั่ ไหลของอากาศ อัด และไอเสียร่วั เขา้ ห้องเพลาข้อเหว่ียง รปู ท่ี 11.11 อากาศอดั และไอเสยี รวั่ เข้าหอ้ ง 3. แหวนลูกสบู ชบุ ผิวลดการสกึ หรอ เพลาข้อเหว่ยี ง แหวนอัดได้รบั อทิ ธิพลจากความร้อนมาก แต่ แหวนอดั ตัวบน ได้รบั การหลอ่ ล่ืนนอ้ ย จำเปน็ ต้องชบุ ผิวลดการสกึ หรอ ชบุ โครเมยี ม ด้วยการชบุ โครเมยี ม (Chrome Plating) สว่ นแหวน นำ้ มนั ตอ้ งกวาดนำ้ มนั เครอ่ื งไมใ่ หเ้ ลยไปเขา้ หอ้ งเผาไหม ้ แหวนอัดตัวท ี่ 2 ชบุ ผวิ ดว้ ยไนไตรดิง (Nitriding) ชุบโครเมียม ขอ้ ควรจำ แหวนน้ำมัน ชุบไนไตรดิง เพือ่ ป้องกนั ไมใ่ หป้ ากแหวนขยายตัวชนกันจน หกั ซึ่งจะทำอันตรายตอ่ กระบอกสูบได ้ จึง รูปที่ 11.12 แหวนลกู สูบชบุ ผิวลดการสกึ หรอ ต้องมรี ะยะห่างปากแหวน และปากแหวนจะ ต้องไม่มีช่องว่างมากจนกำลังอัดตก และ ไอเสยี รั่วไหลออกได้

196 งานเครื่องยนต์ดเี ซล 11.2.5 การทำงานของแหวนลูกสบู 1. การทำงานของแหวนอัด หลงั การประกอบลูกสูบและแหวนอัดลงในกระบอกสูบ แหวนอัดจะถ่างออกสมั ผสั กบั ผนังในกระบอก สบู ตลอดเวลา การสมั ผสั ในช่วงน้ ี จะยงั ไมส่ ามารถป้องกันการรว่ั ของอากาศเตม็ ท ่ี จนกวา่ จะมคี วามดันเกดิ ข้ึนใน กระบอกสูบ ความดนั จากการอดั ไอดหี รอื ความดนั ไอเสียจากการเผาไหม้ จะดันสว่ นบนของแหวนอัดให้แหวน อัดกดลงสัมผัสกับส่วนล่างของร่องแหวน ทำให้เกิดช่องว่างที่ส่วนบนของแหวนอัด ความดันจากการอัดไอด ี หรือความดันจากไอเสียจะเข้าแทนที่ดันด้านในของแหวนอัด เพื่อเสริมแรงดันให้แหวนถ่างออกแนบกับผนัง กระบอกสูบดีขนึ้ เมื่อภายในกระบอกสูบไม่มีความดัน แหวน อากาศมคี วามดนั ลูกสูบจะเป็นอิสระอยู่ภายในร่องแหวน การสัมผัสของ ความดนั กดด้านบน แหวนอัดกับผนังกระบอกสูบจะมีเพียงเล็กน้อย เพื่อ ลดความฝืดและการสึกหรอ ผิว 2. การทำงานของแหวนนำ้ มนั กระบอก สูบ ผวิ แหวนลูกสบู ความดนั แหวนน้ำมัน ทำหน้าที่จำกัดปริมาณน้ำมัน สมั ผสั กดดา้ น เคร่ืองให้เพียงพอสำหรับการหล่อล่ืนท่ีผนังกระบอกสูบ ขา้ ง และลูกสูบ ถ้ามากเกินไปน้ำมันเครื่องจะรวมตัว และ ลูกสูบ แทรกผ่านแหวนนำ้ มนั เข้าไปยังหอ้ งเผาไหม ้ ทำให้เกดิ เขม่าจากการเผาไหม้น้ำมันเครื่อง และเผาไหม้ที ่ รปู ท่ี 11.13 การทำงานของแหวนอัดในร่องแหวน ไม่สมบูรณ์ หน้าสัมผัสของแหวนน้ำมันที่กระทำต่อผิว กระบอกสูบจะออกแบบให้มีหน้าสัมผัสแคบ ๆ โดย กระบอกสบู ทั่วไปจะออกแบบไว้เป็น 2 แบบ คือหน้าสัมผัสเดี่ยว และหน้าสัมผัสคู่ รูทีแ่ หวนลูกสบู รทู ล่ี กู สบู แบบหน้าสัมผัสเด่ยี วกวาดน้ำมันเคร่อื งลงล่าง สมั ผัสคู่ ลูกสบู แหวนเป็นแบบเดี่ยว ส่วนมากใช้กับร่องแหวนตัวล่าง สุด (ใกล้ขอบกระโปรงลูกสูบด้านล่าง) โดยการออก รปู ท่ี 11.14 ภาพตัดแหวนน้ำมนั แบบสมั ผสั เด่ียว แบบใหค้ วามโตของลกู สบู ดา้ นใตแ้ หวนนำ้ มนั ตวั ลา่ งสดุ เล็กกว่าความโตส่วนบนของลูกสูบเล็กน้อย เพื่อให ้ กระบอกสบู รทู ล่ี ูกสูบ แหวนนำ้ มนั กวาดนำ้ มนั เครอ่ื งออกจากผนงั กระบอกสบู ลกู สูบ ไหลลงสู่ขอบกระโปรงล่างของลูกสูบ ลงสู่ห้องเพลา รอ่ งนำ้ มนั ข้อเหวี่ยง เคร่อื ง แบบหน้าสัมผัสคู่ สามารถกวาดน้ำมันเครื่อง ออกจากผนังกระบอกสูบได้ดีกว่าแบบหน้าสัมผัสเดี่ยว รปู ท่ี 11.15 ภาพตดั แหวนนำ้ มันแบบสมั ผัสคู่ เพราะเท่ากับปาด 2 ครั้ง

งานเคร่อื งยนตด์ เี ซล 197 11.3 เพลาขอ้ เหวย่ี งและอปุ กรณร์ ว่ มเพลาขอ้ เหวย่ี ง ลอ้ ช่วยแรง ต้มุ สมดุล 11.3.1 เพลาขอ้ เหวย่ี ง ปกี เพลา เพลาข้อเหวย่ี ง (Crankshaft) จัดเป็นช้ินส่วน ประเภทเคลื่อนที่ แรงที่กระทำต่อเพลาข้อเหวี่ยงของ เครื่องยนต์ดีเซลเป็นแรงหนักมาก เพลาข้อเหวี่ยงจึง ตอ้ งแขง็ แรง ภายในเพลาขอ้ เหวย่ี งเจาะรทู ะลจุ ากขอ้ อก เฟอื งหวั เพลา ผ่านแขนข้อเหวี่ยงไปออกที่ข้อก้านทุกตัว เพื่อใช้เป็น ข้ออก ข้อกา้ น ทางเดินของน้ำมันเครื่อง วัสดุที่ใช้ทำเพลาข้อเหวี่ยง รปู ที่ 11.16 เพลาข้อเหวย่ี งเครอ่ื งยนต์ 4 สบู สว่ นมากจะทำดว้ ยเหลก็ ผสมโครเมยี มและนกิ เกลิ เพลา ข้อเหวี่ยงผลิตโดยวิธีตีอัดขึ้นรูป (Forging) เผาให้ร้อน ตีให้เป็นรูปแล้วจึงนำไปกลึง เจียระไนตกแต่ง จากนั้น จะต้องนำไปหาความสมดุลซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย รศั มลี ดความเคน้ = 3 มม. (0.12 นว้ิ ) เพลาขอ้ เหวี่ยงทีไ่ ม่มรี ศั มีลดความเคน้ (Fillet รูปที่ 11.17 รัศมลี ดความเคน้ R) หรือมสี ่วนโค้งเล็กเกินไปทหี่ วั มุมเพลา จะเกิดความ เค้นสงู ถา้ พิจารณาถึงพ้ืนท่หี น้าตดั จะเห็นไดว้ า่ เพลา โลหะแบรง่ิ ข้อเหวี่ยงซึ่งไม่มีส่วนโค้งจะรับภาระมากกว่าเพลาข้อ เหวี่ยงที่มีส่วนโค้ง ส่วนโค้งนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิด ความเค้นสูง ที่จุดดังกล่าวและทำให้เพลาข้อเหวี่ยงม ี 11 ความแขง็ แรงมากขน้ึ ดงั นน้ั การเจยี ระไนเพลาขอ้ เหวย่ี ง เปลือกเหล็ก จมกู แบรงิ่ ทไ่ี มด่ พี อ จะเปน็ สาเหตหุ นง่ึ ทท่ี ำใหเ้ พลาขอ้ เหวย่ี งหกั ได้ รูปที่ 11.18 แบริ่งเนอื้ 2 ชั้น เป1ล-อื 1ก0เ มหมล็ก. 11.3.2 แบริ่งเพลาข้อเหวี่ยง จมูกแบร่ิง บรอนซ์ 0.3-1.5 มม. แบริ่งเพลาข้อเหวี่ยง (Crankshaft Bearing) นิกเกิล และแบรง่ิ กา้ นสูบ (Connecting Rod Bearing) ทำจาก 0.001-0.0015 มม. อะลูมิเนียมผสมเป็นโลหะเนื้ออ่อน ซึ่งเป็นรอยได้ง่าย จงึ มเี ศษโลหะเขา้ ฝงั ในเนอ้ื โลหะแบรง่ิ ได ้ ผวิ หนา้ สมั ผสั กันรนุ เคลอื บผวิ ของแบริ่งจะต้องสะอาดและปราศจากเศษโลหะ ตลอด 0.02-0.025 มม. จนการเก็บรักษา ต้องเก็บแยกไว้ต่างหาก ไม่รวมกับ วัสดุอื่น ๆ แบริ่งเพลาข้อเหวี่ยงสามารถเลือกขนาด รูปที่ 11.19 แบร่งิ 3 ชั้นพรอ้ มกันรนุ ความหนาของแบร่ิงและค่าระยะห่างระหว่างเพลาข้อ เหว่ยี งกบั เสอ้ื สูบใหเ้ หมาะสม ท่ีเรยี กวา่ อันเดอร์ไซส์ได ้ ขอ้ ควรจำ (Undersize = U/S) เพื่อช่วยลดการสั่นสะเทือนและ เสียงที่จะเกิดขึ้น โลหะแบริ่งส่วนใหญเ่ ป็นโลหะสขี าว (White Metal) ซ่งึ มีจดุ หลอมเหลวตำ่ ได้แก่ ตะกวั่ พลวง บสิ มทั ดีบุก แคดเมียมและสังกะสี หรือโลหะผสมของโลหะเหลา่ น้ี

198 งานเครือ่ งยนตด์ เี ซล 11.3.3 รอกสายพานหน้าเครอ่ื งยนต ์ ยาง ตวั สมดุล รอกสายพานหน้าเครื่องยนต์ (Crankshaft Pulley) ซลี เป็นส่วนประกอบที่สวมหัวเพลาข้อเหวี่ยง รอกสายพานสวม ลม่ิ ยาว ผา่ นฝาครอบหนา้ แกนของรอกสายพานสมั ผัสพอดกี บั ซลี ท ี่ ฝาครอบ รอกสายพานทำหน้าที่ขับปั๊มน้ำระบายความร้อน สนั กนั น้ำมนั และอัลเตอร์เนเตอร์ รอกสายพานจึงต้องมรี อ่ งสายพาน อาจ จะใช้รอ่ งเดยี ว ร่องค่ ู หรอื มากกว่า 2 รอ่ ง ขน้ึ อยู่กับขนาดของ ร่องสายพาน เพลาขอ้ เหวี่ยง เครื่องยนต์ ขอบของรอกสายพานหากเครื่องหมายแสดง ตำแหนง่ การฉีดน้ำมนั ไวด้ ้วย เรยี กว่าเคร่ืองหมายตัง้ ป๊ัม หน้าเครอ่ื งยนต์ (Timing Mark) รูปท่ี 11.20 รอกสายพานและตัวสมดุลแรงสัน่ 11.3.4 ตัวสลายแรงสั่นเพลาขอ้ เหวีย่ ง แรงภายใน ตวั สลายแรงสน่ั เพลาขอ้ เหวย่ี ง (Vibration Damper) เปน็ ตัวชว่ ยลดอาการสน่ั ของเพลาขอ้ เหว่ียง ประกอบรว่ มกบั แรงเหวย่ี ง รอกสายพานหนา้ เครอ่ื งยนต ์ ส่วนใหญ่เป็นแบบยางอดั โดย รูปท่ี 11.21 แรงไมส่ มดุลในเครือ่ งยนต์ ใชห้ ลกั ของการยืดหยุ่น เปลี่ยนรปู มวลของยาง ดูดเกบ็ อาการ ลอ้ ชว่ ยแรง สนั่ ของเพลาขอ้ เหวย่ี งเอาไว ้ อกี แบบหน่ึงเปน็ แบบการเปล่ียน แปลงความหนดื ประกอบดว้ ยเสื้อวงแหวนเหลก็ มฝี าปิดภาย เฟืองล้อช่วยแรงสำหรับมอเตอรส์ ตารต์ ขบั ในวงแหวนท่ีลอยตัวอยูด่ ้วยช้นั บาง ๆ ของนำ้ มนั หรอื ซลิ ิโคน รูปที่ 11.22 ล้อชว่ ยแรงตดิ กบั เพลาข้อเหว่ยี ง ตวั สลายแรงสน่ั ยดึ ตดิ กบั ดุมของรอกสายพาน ขณะที่ตัวเสือ้ ตัวสลายแรงสั่นเกิดอัตราเร่งหรืออัตราหน่วง แรงเฉื่อยเป็น เหตใุ ห้วงแหวนภายในเกดิ การเคลอ่ื นทส่ี มั พัทธ ์ ซ่ึงเปน็ ผล ใหเ้ กดิ การตัดเฉือน เปลีย่ นแปลงชนั้ บาง ๆ ของซลิ โิ คน ทำให ้ เกิดการหน่วง ลดอาการสน่ั ของเพลาขอ้ เหวี่ยง 11.3.5 ลอ้ ช่วยแรงเครือ่ งยนต์ดีเซล ล้อช่วยแรง (Flywheel) มีหน้าที่สะสมแรงเฉื่อย (Inertia) ในการหมุนของเพลาข้อเหวยี่ ง ใหก้ ารหมุนของเคร่อื ง ยนต์หมนุ ได้ครบ 4 จังหวะ (Cycle) เพ่อื ให้เครอ่ื งยนตท์ ำงาน ได้ราบเรียบทุกความเรว็ ขนาดความโตของล้อชว่ ยแรงข้ึนอย่กู บั ขนาดจำนวน รอบและจำนวนสบู ของเคร่อื งยนต ์ ถา้ เปน็ เคร่อื งยนตร์ อบชา้ ล้อช่วยแรงจะต้องใหญ่เพื่อพอท่ีจะสะสมแรงไว้จ่ายออกได้ ชั่วเวลานาน และถ้าเป็นเครื่องยนต์สูบเดียวหรือหลายสูบ ขนาดล้อช่วยแรงก็จะเล็กใหญต่ ามสว่ น เฟอื งล้อช่วยแรงเป็นเฟอื งวงแหวน (Ring Gear) อดั ติดไว้กับขอบล้อชว่ ยแรง ดังนั้นเมือ่ ฟนั เฟืองบน่ิ หักหรือสกึ หรอ สามารถถอดออกมาเปลี่ยนได้ ด้านหลังของล้อช่วยแรง เจียระไนผวิ หน้าเรียบ สำหรบั ประกอบกบั ชดุ คลตั ช ์ ดว้ ยเหตนุ ้ี จงึ มักถอื วา่ ล้อช่วยแรงเปน็ ส่วนหนึ่งของคลัตช์

งานเครอ่ื งยนต์ดเี ซล 199 กจิ กร รมท ี่ 11.1 จงเขยี นชอ่ื ชน้ิ สว่ นเครอ่ื งยนตด์ เี ซล ตามหมายเลขการถอดแยกชน้ิ ตอ่ ไปน้ี 1 2 3 14 15 54 9 6 8 10 11 12 89 7 11 11 13 10 ลำดับ ช่อื ชน้ิ ส่วน ลำดบั ช่ือชน้ิ สว่ น ลำดบั ชอ่ื ชิ้นส่วน 16 11 27 12 38 13 49 14 5 10 15

200 งานเครอ่ื งยนต์ดเี ซล 11.4 การถอดอา่ งนำ้ มนั เครอ่ื งและตรวจปม๊ั นำ้ มนั เครอ่ื ง เหลก็ แซะ เหล็กแซะ 11.4.1 การตรวจปั๊มน้ำมนั เคร่อื ง แบบโรเตอร์ 1. การถอดอา่ งน้ำมนั เครอ่ื ง 1) ใช้เหล็กแซะค่อย ๆ แซะเข้าไประหว่างอ่าง น้ำมนั เครื่องและเส้อื สบู 2) ตบี ริเวณด้านหลังของเหลก็ แซะแลว้ คอ่ ย ๆ เลอ่ื นเหลก็ แซะไปตามขอบอา่ งนำ้ มนั เครอ่ื ง จนหมดแล้วถอดออก เครอื่ งหมาย 2. การถอดโรเตอรต์ วั ในและโรเตอร์ ตวั นอก หมุนเครื่องยนต์ให้เครื่องหมายที่โรเตอร์ ตัวในและโรเตอร์ตัวนอกตรงกันก่อน เพื่อใช้เป็นข้อ สังเกตในการประกอบกลับคืน สบู 1, 3 สูบ 2, 4 3. การตรวจหัวฉีดน้ำมันเครื่อง (Oil Jet) หล่อลื่นกระบอกสูบ หวั ฉดี หวั ฉดี นำ้ มนั เคร่ือง น้ำมันเครื่อง หัวฉดี นำ้ มันเคร่อื ง เพือ่ หล่อลน่ื และระบาย (สูบ 2, 4) ความร้อนกระบอกสูบมีอยู่ 2 แบบ แบบแรก (สบู 1, 3) สำหรับสูบ 1 และ 3 และอีกแบบสำหรับสูบ 2 และ สลัก 4 จะต้องประกอบให้ถูกต้องดังรูป เส้อื สบู หัวฉดี นำ้ มันเครือ่ ง ลน้ิ กนั กลบั

งานเครอ่ื งยนต์ดีเซล 201 กจิ กรรมท ่ี 11.2 จงตรวจสภาพปม๊ั นำ้ มนั เครอ่ื งแบบโรเตอรท์ ่ี เครอ่ื งยนตห์ รอื ทอ่ี ปุ กรณก์ ารฝกึ ตามหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ ี 1. จงตรวจช่องห่างยอดฟนั โรเตอร์ 1) ประกอบโรเตอร์ตัวใน และโรเตอร์ตัวนอกเข้า กับฝาหนา้ เครอ่ื งยนต์ 2) ใช้ฟลิ เลอรเ์ กจวดั ช่องห่างยอดฟันโรเตอร์ กำหนดให้ ผลการวัด สภาพ (มม.) (มม.) (ดี/ไมด่ )ี 0.11-0.24 2. จงใช้บรรทัดเหล็กและฟลิ เลอร์เกจวัดชอ่ งว่าง ด้านข้างป๊ัม กำหนดให้ ผลการวัด สภาพ (มม.) (มม.) (ดี/ไม่ด)ี 0.04-0.10 3. จงใช้ฟลิ เลอร์เกจตรวจชอ่ งวา่ งระหวา่ งเสือ้ ปม๊ั 11 กับหลงั โรเตอร์ กำหนดให้ ผลการวดั สภาพ (มม.) (มม.) (ดี/ไม่ดี) ไมเ่ กนิ 0.35 เครอื่ งหมาย 4. จงเตมิ ขอ้ ความแนะนำการประกอบโรเตอรต์ วั ใน และโรเตอร์ตัวนอก 1) ทาน้ำมันเครอื่ งรอบ .......................................... 2) ประกอบโรเตอร์ตัวนอกให้ตรง ........................ ............................................................................. 3) ประกอบโรเตอร์ตัว ............................................

202 งานเครือ่ งยนตด์ เี ซล จงตรวจสภาพปม๊ั นำ้ มนั เครอ่ื งแบบเฟอื ง กจิ กรรมท ี่ 11.3 วงแหวนทเ่ี ครอ่ื งยนตห์ รอื ทอ่ี ปุ กรณก์ ารฝกึ ตามหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ ี 1. จงตรวจระยะห่างขา้ งเฟือง 1) ตรวจรอยสึกหรอท่ัวไปดว้ ย ............................. 2) ตรวจระยะห่างขา้ งเฟอื งกบั ฝาครอบ กำหนดให้ ผลการวดั สภาพ (มม.) (มม.) (ด/ี ไมด่ )ี ไมเ่ กิน 0.1 2. จงตรวจระยะห่างยอดฟนั เฟอื งกบั ล้ินปม๊ั ทัง้ ตวั ในและตวั นอก กำหนดให้ ผลการวัด สภาพ (มม.) (มม.) (ดี/ไมด่ )ี ไม่เกิน 0.4 3. จงตรวจระยะห่างหลังเฟืองกับเสอื้ ป๊มั กำหนดให้ ผลการวดั สภาพ (มม.) (มม.) (ด/ี ไมด่ )ี ไมเ่ กิน 0.2 แหวนยาง 4. จงเตมิ ขอ้ แนะนำการประกอบฝาปม๊ั นำ้ มนั เครอ่ื ง 1) ขดู ปะเกน็ เก่าออกให ้ ........................................ 2) ชโลมจาระบใี ห้ทว่ั แหวนยางกอ่ น ................... ............................................................................. 3) อยา่ ทาปะเก็นเหลวปดิ ร ู ..................................

งานเครอื่ งยนตด์ ีเซล 203 11.5 การถอดแยกและวเิ คราะหส์ ภาพชน้ิ สว่ น 1. หงายเครื่องยนต์ตรวจเครื่องหมายฝาครอบก้าน สูบ ถ้าไม่มีเครื่องหมายจับคู่ให้ตีด้วยเหล็ก นำศูนย์ 2. ตอกทำเครื่องหมายจับคู่ก้านสูบกับฝาครอบก้าน สูบ 11 3. ถอดฝาครอบก้านสูบโดยการถอดนอตที่ฝาครอบ กับก้านสูบด้วยลูกบ๊อกธรรมดา โดยหมุนสูบที่ จะถอดฝาครอบก้านสูบ ให้ฝาครอบก้านสูบขึ้น สูง 4. ใช้ค้อนพลาสติกเคาะสกรูก้านสูบเบา ๆ แล้วยก ฝาครอบก้านสูบออกมาพร้อมกับแบริ่งก้านสูบ

204 งานเครอ่ื งยนตด์ ีเซล 5. ครอบสกรูก้านสูบไว้ด้วยท่อพลาสติกสั้น ๆ เพื่อ ป้องกันเพลาข้อเหวี่ยงเสียหาย ระหว่างถอดก้าน สูบออกจากกระบอกสูบ 6. จัดวางชุดลูกสูบและก้านสูบที่ถอดออก โดยจัด เรียงชุดลูกสูบและชุดก้านสูบ ให้ถูกต้องตาม ลำดับสูบที่ 1 - 2 - 3 - 4 ตวั ท่ ี 1 7. ถอดแหวนลูกสูบออก ด้วยคีมถอดแหวนลูกสูบ เคร่อื งหมาย โดยถอดแหวนอัดตัวที่ 1 และตัวที่ 2 ออกตาม ลำดับ ตวั ท ่ี 2 8. ถอดแหวนน้ำมันออกด้วยมือ แล้วจัดเรียงแหวน ลูกสูบให้ถูกต้องตามลำดับสูบที่ 1 - 2 - 3 - 4

งานเครอ่ื งยนตด์ ีเซล 205 9. ถอดแหวนล็อกสลักลูกสูบ ด้วยคีมปากแหลม เพื่อถอดก้านสูบออกจากลูกสูบ 10. ตอกสลักลูกสูบออกจากลูกสูบ โดยใช้ค้อน พลาสติก และแท่งทองเหลืองตอกสลักลูกสูบ ออกเบา ๆ และถอดก้านสูบออกจากลูกสูบ 11. จัดชดุ ลกู สบู และสลักลกู สูบใหอ้ ยูใ่ นชดุ เดียวกนั 11 และจัดเรียงลูกสูบ สลักลูกสูบ แหวนลูกสูบ แบริ่ง ให้ถูกต้องตามลำดับสูบที่ 1 - 2 - 3 - 4 12. ขูดปะเก็น ขูดคราบเขม่าออกจากส่วนบนหัว ลูกสูบและชิ้นส่วนอื่น ๆ 13. ล้างชิ้นส่วนต่าง ๆ ด้วยน้ำมันก๊าด ในถาดล้าง ชิ้นส่วนให้สะอาด แล้วใช้ลมเป่าให้แห้ง 14. ตรวจสภาพชิ้นส่วนต่อไป

206 งานเคร่ืองยนตด์ เี ซล กิจกรรมที่ 11.4 จงเติมขอ้ ความการวเิ คราะห์สภาพชน้ิ สว่ น แลว้ กรอกสาเหตุในช่องว่าง รอยสกึ เปน็ แนวตามยาว 1. สภาพผิวข้างลูกสูบสึกเป็นแนวตามยาว แสดงว่า เครื่องร้อนลูกสูบขยายตัว ........................................... รอยถูกกดั กรอ่ น หรือการหล่อลื่นลูกสูบ ................................................. รอ่ งแหวน 2. สภาพผิวข้างลูกสูบสึกเป็นรอยกัดกร่อน แสดงว่า น้ำมันเครื่อง ................................. หรือเสื่อมคุณภาพ เพราะขาด ..................................................................... 3. สภาพร่องแหวนลูกสูบสึกด้านบน แสดงว่าเป็นการ .................................. เพราะร่องแหวนอัดตัวบนได้รับ .....................................จึงสึกหรอมากกว่า .................. รอยสึกตอนบน 4. สภาพกระบอกสูบส่วนบนสึกโดยรอบ แสดงว่าเป็น การสึกหรอ ............................. เพราะผิวกระบอกสูบ ส่วนบนร้อนจัดกว่า .......................................... และ หล่อลื่น ........................................................................ 5. สภาพผิวกระบอกสูบสึกเป็นแนวตามยาว แสดงว่า เกิดจากเครื่องยนต์ ................................. ลูกสูบสัมผัส กระบอกสูบด้วยการหล่อลื่น ...................................... เพราะน้ำมันเครื่องเข้า ................................................. รอยสกึ เป็นแนวตามยาว

งานเคร่ืองยนต์ดีเซล 207 แบ บฝกึ ก จิ กรร มท ่ี 1 1 เร่ือง ช้นิ สว่ นและการถอดแยกชิ้นส่วน ตัวเคร่ืองยนต์ ตอนที่ 1 จงเตมิ ข้อความในช่องวา่ งต่อไปน้ีใหถ้ กู ต้อง 1. เสอ้ื สบู เครอื่ งยนต์ดีเซลทำด้วยโลหะอะไร 11 .................................................................................................................................................................................... 2. เครื่องยนตด์ ีเซลรถกระบะ (Pick-up) ทำไมไม่ใชป้ ลอกสูบ เพราะอะไร .................................................................................................................................................................................... 3. ปลอกสบู แหง้ มีลักษณะอย่างไร .................................................................................................................................................................................... 4. เพลาข้อเหว่ียงหมนุ รอบตัวได้อยา่ งไร .................................................................................................................................................................................... 5. ลูกสูบมหี นา้ ทีอ่ ะไร .................................................................................................................................................................................... 6. รปู รา่ งของลูกสูบท่ีถอดออกมาจากกระบอกสบู เป็นทรงอะไร .................................................................................................................................................................................... 7. ลกู สบู มีร่องแหวนลูกสูบรวมกีร่ ่อง .................................................................................................................................................................................... 8. แหวนลกู สูบทำด้วยโลหะอะไร จงึ แตกหกั ได้ .................................................................................................................................................................................... 9. รูในรอ่ งแหวนนำ้ มันเจาะไวท้ ำไม .................................................................................................................................................................................... 10. เนื้อแบริง่ ทีเ่ ปน็ โลหะขาวประกอบด้วยโลหะอะไร เขียนมา 2 ชอื่ .................................................................................................................................................................................... ตอนที่ 2 จงทำเครอ่ื งหมายถกู ( P) ลงหน้าขอ้ ความท่ถี ูกตอ้ งท่สี ดุ 1. แต่ละจังหวะการทำงานเคร่อื งยนตเ์ พลาข้อเหวีย่ งหมนุ ต่างกันอย่างไร ก. จังหวะดดู หมนุ ช้า ข. จงั หวะงานหมนุ เร็ว ค. จังหวะคายหมุนปานกลาง ง. ทุกจงั หวะหมนุ เท่ากนั

208 งานเครอ่ื งยนต์ดีเซล 2. เพลาข้อเหวี่ยงมรี ูน้ำมนั เครื่องเพอ่ื อะไร 6. ร่องเล็ก ๆ ด้านขา้ งสว่ นบนหวั ลูกสูบ ก. หลอ่ ล่ืนแบรง่ิ ขอ้ หลกั ออกแบบไว้เพอ่ื อะไร ข. หล่อลืน่ ลูกสบู ก. ระบายความรอ้ น ค. หลอ่ ลน่ื แบริง่ ขอ้ กา้ น ข. ลดความร้อนลงแหวนลูกสูบ ง. หลอ่ ลื่นแบริง่ ข้อหลักและข้อกา้ น ค. ลดความดนั อากาศ ง. ลดความเร็วอากาศอัด 3. ข้อนิยมใชเ้ ครอ่ื งยนตด์ เี ซล คอื อะไร ก. สน้ิ เปลืองนำ้ มันเชือ้ เพลิงตำ่ 7. ล้อช่วยแรงตุนแรงไวช้ ว่ ยจงั หวะอะไร ข. น้ำมันดีเซลไวไฟน้อย ค. โอกาสเสยี มีนอ้ ย ก. จงั หวะอดั ข. จังหวะดดู ง. ให้แรงบิดสงู ค. จงั หวะคาย ง. ยกเวน้ จงั หวะระเบดิ 4. เครือ่ งยนต์ดีเซลขนาดใหญ ่ ทำไมนยิ มใช้ ปลอกสบู 8. ตวั สมดลุ แรงหมนุ สั่น กำจัดแรงหมุนสน่ั ก. ต้นทนุ การผลิตตำ่ ไดอ้ ยา่ งไร ข. สิ้นเปลอื งนำ้ มันเช้อื เพลงิ ต่ำ ก. ล้อสลายแรงสน่ั เปลยี่ นทศิ ทางแรง ค. สะดวกและประหยดั ในการซอ่ ม ข. ลอ้ สลายแรงส่ันหมนุ ตาม ง. ประสิทธิภาพการเผาไหมด้ ี ค. ลอ้ สลายแรงสั่นเพ่มิ ความเร็วรอบ ง. ลอ้ สลายแรงสนั่ ลดความเรว็ รอบ 5. เพลาข้อเหวีย่ งหักอาจเกิดจากสาเหตุอะไร ก. เพลาขอ้ เหว่ียงไม่ดี 9. หน้าแบร่ิงเพลาข้อเหวีย่ งทำร่องไว้เพอ่ื อะไร ข. ใช้กำลงั เคร่ืองยนตม์ าก ก. เพือ่ ลดความฝืด ค. เคร่ืองยนต์ทำงานหนัก ข. เพ่ือลดพืน้ ทสี่ มั ผสั ง. เพลาสัน่ จนลา้ ค. เพือ่ ให้นำ้ มันเคร่อื งเข้าไปหล่อลน่ื ง. เพ่ือใหน้ ำ้ มันเครอ่ื งไหลกลับ 10. โลหะแบริ่งเรยี กวา่ โลหะเคลเมทเป็นสว่ นผสมของอะไร ก. นกิ เกลิ ผสมดบี กุ ข. ดีบกุ ผสมตะก่วั ค. ตะกั่วผสมทองแดง ง. ทองแดงผสมอะลมู ิเนียม ตอนท่ี 3 จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ใี ห้ได้ใจความสมบูรณ์ 1. ทำไมตอ้ งมวี ธิ รี ะบายความรอ้ นลกู สูบ เชน่ ฉีดน้ำมันเครือ่ งหลอ่ ลน่ื 2. มีความจำเปน็ อยา่ งไร ทีต่ ้องใช้แหวนลูกสูบชุบผวิ ลดการสกึ หรอ 3. รัศมีลดความเคน้ (มุมขา้ ง) เพลาข้อเหวย่ี งมีความสำคัญอยา่ งไร 4. ตัวสลายแรงส่นั สะเทอื นเพลาขอ้ เหว่ยี งมีความสำคญั อยา่ งไร 5. จงเขียนรปู ลูกสูบแบบหัวลูกสบู ตดิ โลหะเสรมิ อยา่ งง่าย 1 รปู

12งานเครื่องยนตด์ เี ซล 209 การศกึ ษาและปฏบิ ตั งิ านตรวจสภาพ และประกอบชน้ิ สว่ นตวั เครอ่ื งยนต์ สาระการเรยี นรู้ 12.1 การใช้พลาสตกิ เกจและการใช้ปะเกน็ เหลว 12.2 การตรวจสภาพชดุ ลูกสูบและก้านสบู 12.3 การประกอบเพลาขอ้ เหวี่ยงเข้าเส้ือสูบ 12.4 การประกอบชดุ ลกู สบู เขา้ เครอ่ื งยนต์ 12.5 การประกอบอา่ งนำ้ มนั เครือ่ งและล้อช่วยแรง ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. แนะนำการใช้พลาสตกิ เกจและการใช้ปะเกน็ เหลวได้ 2. การตรวจสภาพชดุ ลกู สูบและก้านสบู ได้ 3. การประกอบเพลาข้อเหว่ยี งเขา้ เสอื้ สูบได้ 4. การประกอบชุดลกู สูบเขา้ เคร่อื งยนตไ์ ด้ 5. การประกอบอา่ งนำ้ มนั เครอ่ื งและล้อชว่ ยแรงได้ 6. เพอ่ื ให้มีกจิ นิสัยในการทำงานด้วยความเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย ประณตี รอบคอบและตระหนกั ถงึ ความปลอดภยั

210 งานเครอ่ื งยนต์ดีเซล 12 การศกึ ษาและปฏบิ ตั งิ านตรวจสภาพ และประกอบชน้ิ สว่ นตวั เครอ่ื งยนต์ บทนำ 1. เทคนิคการซอ่ มเคร่อื งยนต์ 1) การใชเ้ ครอ่ื งมอื พเิ ศษ ณ สถานทซ่ี ง่ึ กำหนดใหใ้ ช ้ มคี วามสำคญั ตอ่ ประสทิ ธภิ าพความถกู ตอ้ ง และความปลอดภยั ในการบรกิ าร 2) ตอ้ งใช้อะไหล่แทเ้ สมอ 3) ปิน๊ รอ้ ย ปะเก็น แหวนกันรวั่ แหวนยาง (โอ-รงิ ) ซีล แหวนล็อก แหวนสปรงิ และนอตล็อก ในตวั ทีใ่ ช้งานมาแล้ว และถอดออกมา ไมค่ วรนำกลับมาใช้อีก ถ้าซ่อมเพือ่ ใชง้ านจรงิ 4) ตอ้ งจดั เตรียมน้ำมันทำความสะอาด ลมเป่าและนำ้ มนั หลอ่ ลน่ื 5) เกบ็ ชนิ้ สว่ นท่ถี อดออกมาแยกไว้เปน็ กลุม่ ๆ 2. เทคนคิ การประกอบเคร่ืองยนต์ให้รวดเรว็ และถกู ตอ้ ง 1) ทำความสะอาดชนิ้ ส่วนท้งั หมด กอ่ นการตรวจหรอื ประกอบ 2) ทำความสะอาดรูนำ้ มนั เคร่อื งและรูอืน่ ๆ โดยการใชล้ มเป่า 3) หลอ่ ลื่นผิวชนิ้ ส่วน โดยเฉพาะบริเวณท่ีหมุนเสียดสีกันกบั ชนิ้ สว่ นอื่นก่อนประกอบ 4) ใชน้ ้ำยาทาปะเก็นที่กำหนดใหใ้ ชเ้ พ่อื ป้องกันการร่วั ได้อยา่ งถาวร 5) ขันนอตและสกรใู หแ้ นน่ ตามคมู่ ือซ่อมเครื่องยนตก์ ำหนดไว้ 6) ตรวจงานซ้ำอีกครัง้ ไม่มงี านบริการใดสมบรู ณ์หากไม่ปฏบิ ัติดงั กล่าว 3. การทำความสะอาดชิ้นสว่ น ทำความสะอาดชนิ้ ส่วนต่าง ๆ ในถาด หรือทตี่ ้ลู า้ ง เป่าลมและเชด็ ใหแ้ ห้ง การประกอบต้องทำให้ถูกต้องตามค่า กำหนด และใช้แรงขนั สกรยู ดึ ตามคู่มอื ซ่อม เครอ่ื งยนตก์ ำหนด รปู ท่ี 12.1 การทำความสะอาดชน้ิ สว่ น

งานเครอื่ งยนตด์ ีเซล 211 12.1 การใชพ้ ลาสตกิ เกจและการใชป้ ะเกน็ เหลว พลาสติกเกจ 12.1.1 การวดั ระยะหา่ งหลอ่ ลน่ื ดว้ ย รปู ที่ 12.2 การวางพลาสติกเกจ พลาสตกิ เกจ รูปที่ 12.3 การขันสกรูฝาครอบแบริง่ 1) ทำความสะอาดเสื้อสูบ ข้อหลัก ฝาครอบแบริ่ง และแบริ่ง 2) ติดตั้งแบริ่งเข้ากับเสื้อสูบ 3) วางเพลาข้อเหวี่ยงลงบนแบริ่ง 4) หมนุ เพลาขอ้ เหวย่ี งประมาณ 30o เพอ่ื ใหว้ างสนทิ กับแบริ่ง 5) วางพลาสติกเกจ (ลูกศรชี้) ตามความยาวของ ข้อหลัก 6) ติดตั้งฝาครอบพร้อมแบริ่งข้อหลัก 7) ขันสกรูฝาครอบแบริ่งข้อหลักให้แน่น ด้วยแรงขัน ที่กำหนดให้ 170 ± 1 (122.9 ± 7.2) Nm (ปอนด์-ฟุต) ข้อควรระวัง 12 รูปที่ 12.4 เทยี บสเกลระยะหา่ งหล่อลืน่ ที่ข้ออก อย่าให้เพลาข้อเหวี่ยงหมุน 8) ถอดฝาครอบแบริ่งข้อหลัก 9) เทียบสเกลระยะห่างหล่อลื่นด้วยแถบวัดที่พิมพ์ไว้ บนซองพลาสติกเกจ ถ้าคา่ วดั มากกว่าคา่ หมดอายุ ใช้งาน ให้ปฏิบัติเพิ่มเติมดังต่อไปนี้ ก) ใช้ไมโครมิเตอร์วัดความโตของข้อหลัก ข) ใชเ้ กจวดั ในวดั ความโตภายในแบรง่ิ ขอ้ หลกั ถา้ ระยะหา่ งข้อหลกั กับแบริง่ มคี ่าเกนิ คา่ หมดอายุ ใช้งานที่กำหนดไว้ ต้องเปลี่ยนเพลาข้อเหวี่ยง และ/หรือแบริ่งใหม่ ระยะห่างหล่อลื่น หมดอายุใช้งาน 0.035-0.080 มม. ไม่เกิน 0.110 มม. รปู ที่ 12.5 เทียบสเกลระยะห่างหลอ่ ลนื่ ท่ีแบริง่

212 งานเครือ่ งยนต์ดีเซล 12.1.2 การใชป้ ะเก็นเหลวซอ่ ม เครอื่ งยนต์ ซีล ปะเก็นเหลว เพื่อการป้องกันรั่วระหว่างช้ินงานต่อชิ้นงาน รูปที่ 12.6 การทาปะเก็นเหลวท่ีหลังซลี จะตอ้ งใชป้ ะเกน็ เหลวท่ีมีคุณสมบัตดิ ังตอ่ ไปน้ี ปะเก็นเหลว 1) มคี วามยืดหยุ่นตวั ท่ีเหมาะสม รูปท่ี 12.7 การทาปะเก็นเหลวท่ขี อบอ่างน้ำมนั เครื่อง 2) เมื่อแห้งจะมีลักษณะคล้ายยาง มีความ ยืดหยุ่น นำ้ ยากันเกลียวคลาย 3) ทนความร้อนสูงและความดันได้ดี ใช้แทน รูปที่ 12.8 การทาน้ำยากนั เกลียวคลาย ปะเก็นแผ่นของอ่างน้ำมันเครื่อง ฝาครอบ ลิ้น ปั๊มน้ำ เป็นต้น 4) ทนอุณหภูมิได้สูงกว่า 250o ซ. 5) ความเหนียวไม่เปลี่ยนแปลง ไปตามการ เปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ 6) รกั ษาสภาพเดมิ ไดด้ เี มอ่ื ใชง้ านเปน็ ระยะเวลา นาน 7) ขูดออกจากชิ้นส่วนได้ง่าย เมื่อต้องการทำ ความสะอาด 12.1.3 การใชน้ ำ้ ยากันเกลียวคลาย 1) ชิ้นส่วนที่ต้องเคลือบก่อนใช้งาน ได้แก่ นอต และสกรทู เ่ี คยผา่ นการเคลอื บนำ้ ยากนั คลาย มาจากโรงงานผลิตแล้ว 2) หากชน้ิ สว่ นเคลอื บนำ้ ยาถกู ขนั ซำ้ คลายออก หรือมีการเลื่อนตัว จะต้องเคลือบซ้ำใหม่ ด้วยน้ำยาชนิดที่กำหนดอีกครั้ง 3) เมื่อนำชิ้นส่วนเคลือบน้ำยามาใช้ใหม่ ให้ทำ ความสะอาดคราบนำ้ ยาเกา่ ออกใหห้ มดแลว้ เป่าให้แห้งด้วยลมอัด จากนั้นเคลือบเกลียว ของนอตและสกรูเหล่านั้น ด้วยน้ำยากัน คลายชนิดที่กำหนด ข้อควรระวัง นำ้ ยากนั เกลยี วคลายแตล่ ะชนิดมีคณุ สมบัติ ต่างกัน บางชนิดเมื่อทาแล้วต้องปล่อยทิ้ง ไว้ให้แข็งตัวตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น 10 นาที จึงใช้งานได ้

งานเครอื่ งยนต์ดเี ซล 213 กิจกรรมท ่ี 12.1 จงเขยี นช่อื ช้ินสว่ นตามหมายเลขการถอด แยกชิ้น ในตารางข้างลา่ ง สว่ นท่ีตอ้ งหลอ่ ลืน่ 7 ก่อนประกอบกลบั 8 9 12 4 11 10 14 5 13 6 3 12 Nm = นิวตัน-เมตร 2 46 Nm 1 ลำดับ ช่อื ชิ้นส่วน 1 ลำดบั ช่ือช้ินส่วน 2 3 8 4 9 5 10 6 11 7 12 13 14

214 งานเครอื่ งยนตด์ ีเซล กจิ กรรมท่ี12.2 จงเขยี นชอ่ื ช้นิ สว่ นตามหมายเลขการถอด แยกชิ้น ในตารางข้างลา่ ง 9 Nm 1 132 Nm 2 12 5 4 3 7 6 11 Nm 13 11 10 9 8 78 Nm ลำดบั ช่อื ชนิ้ ส่วน ลำดบั ช่อื ชิ้นส่วน 18 29 3 10 4 11 5 12 6 13 7

งานเครอ่ื งยนตด์ ีเซล 215 12.2 การตรวจสภาพชดุ ลกู สบู และกา้ นสบู 12.2.1 การทำความสะอาดลกู สบู ข้อควรจำ ประกอบชุดลูกสูบและก้านสูบไว้เป็นชุด เรียงไว้ ตามลำดับสูบให้เรียบร้อย 1) ทำความสะอาดหวั ลกู สบู ด้วยเหล็กขดู เขม่า ขดู เขม่า ออกให้สะอาด แล้วล้างเขม่าออกให้หมด เหล็กขดู เขม่า 12 2) เซาะร่องแหวนลูกสูบด้วยแหวนลูกสูบเก่าหัก หรือ ใช้เครื่องมือพิเศษเซาะร่องแหวนโดยรอบร่องแหวน ลูกสูบทุกร่อง เซาะร่องแหวนลกู สูบ 3) ขัดลูกสูบทั้งลูกด้วยแปรงทองเหลืองล้างด้วยน้ำมัน ก๊าดให้สะอาดทั้งลูก แล้วเป่าแห้ง ขดั ลกู สบู

216 งานเคร่ืองยนต์ดเี ซล กิจกรรมท่ี 12.3 จงปฏบิ ตั กิ ารตรวจก้านสูบและแหวนลกู สูบ ดงั ต่อไปนี้ 1. จงแนะนำการถอดก้านสบู 1) ทำเครื่องหมายประจำสูบ ที่ด้านข้างของฝาครอบ หมายเลขสบู ก้านสูบ เพื่อ ........................................................... ................................................................................... 2) ถอดก้านสูบพร้อม ................................................... ................................................................................... 2. จงตรวจระยะเบยี ดข้างแหวนลกู สบู แบบธรรมดา แหวน กำหนดให้ ผลการวัด สภาพ (มม.) (มม.) (ด/ี ไมด่ )ี ตัวบน ไมเ่ กิน 0.2 ตรวจระยะเบยี ด นำ้ มนั ไม่เกนิ 0.1 ขา้ งแหวนลูกสูบ ลกู สูบ ฟลิ เลอรเ์ กจ 3. จงตรวจระยะเบียดขา้ งแหวนลูกสบู แบบรูปล่มิ มาตรฐาน กำหนดให้ ผลการวัด (มม.) (มม.) (มม.) แหวนอัด ไม่เกนิ 0.2 0.13-0.17 ไมเ่ กิน 0.1 แหวนน้ำมัน 0.02-0.07 กดแหวนลงด้วยลกู สูบ 4.จงตรวจระยะหา่ งปากแหวนลกู สูบ แหวนลกู สบู ปากแหวน มาตรฐาน กำหนดให้ ผลการวัด (มม.) (มม.) (มม.) แหวนอัด ไม่เกนิ 0.8 0.25-0.45 ไมเ่ กนิ 0.8 แหวนน้ำมนั 0.25-0.45

งานเครอ่ื งยนต์ดีเซล 217 5. จงตรวจศูนย์เพลาขอ้ เหวยี่ ง มาตรฐาน กำหนดให้ ผลการวัด (มม.) (มม.) (ด/ี ไมด่ )ี ไมเ่ กนิ 0.5 ข้อควรจำ เพลาข้อเหว่ียงคด มผี ลกระทบถงึ .................... .............................................................................. เพลาข้อเหวี่ยง 6. จงเติมขอ้ ความการตรวจแบร่งิ และเพลาขอ้ เหวีย่ ง แบริง่ กา้ นสูบ 1) ตรวจรอยละลาย หรอื รอยขูดขีดท ี่ ..................... ............................................................................... 2) ตรวจรอยขดู ขดี หรอื สึกหรอท ่ี ............................. ............................................................................... 7. จงตรวจระยะหา่ งหล่อลนื่ แบรงิ่ ก้านสบู ด้วยการวดั ขนาด มาตรฐาน กำหนดให้ ผลการวดั 12 (มม.) (มม.) (มม.) 0.02-0.06 ไม่เกนิ 0.10 8. จงตรวจระยะห่างหล่อลื่นแบรง่ิ กา้ นสบู ด้วย พลาสติกเกจ มาตรฐาน กำหนดให้ ผลการวดั (มม.) (มม.) (มม.) 0.02-0.06 ไมเ่ กิน 0.10 ข้อควรจำ ถ้าเพลาข้อเหวย่ี งสึกมาก ตอ้ งเปล่ยี นใช้แบริ่ง อนั เดอร์ไซส ์ เช่น ................................................ และ .....................................................................

218 งานเครอื่ งยนตด์ เี ซล 12.2.2 การเปลย่ี นบชุ กา้ นสบู และการ ประกอบลกู สบู เขา้ กระบอกสบู อัด 1. การเปลย่ี นบชุ กา้ นสบู เหล็กอดั บชุ ทานำ้ มนั เครอื่ ง บชุ ก้านสูบ 1) อัดบุชก้านสูบเก่าออก 2) อัดบุชก้านสูบใหม่เข้าแทนในตำแหน่งดังรูป จดั รูนำ้ มนั ดา้ นลบมุม ใหต้ รง ข้อควรจำ รูน้ำมันบุชต้องตรงกับรูน้ำมันที่ก้านสูบ ด้านบนก้านสูบ d 2. การตรวจระยะหา่ งหลอ่ ลน่ื บชุ กา้ นสบู และการบดิ ตวั ของกา้ นสบู ระยะ กำหนดให้ ผลการวดั (มม.) (มม.) (มม.) ห่างหลอ่ ล่ืน 0.05 การบิดตวั 0.1 เคร่อื งหมาย 3. การประกอบลกู สบู กบั กา้ นสบู เครื่องหมายดา้ นหนา้ ด้านหน้า 1) ใส่ลูกสูบเข้ากับก้านสูบ เครอ่ื งหมาย T1 2) หนั เคร่ืองหมายด้านหนา้ ข้ึน แล้วสอดสลักลูกสูบ เข้าไปในลูกสูบ แล้วผ่านเข้าไปในก้านสูบด้วย เคร่อื งหมาย T2 เครอื่ งหมายขนาด แรงหัวแม่มือ ข้อควรจำ แหวนตวั ท ่ี 1 แหวนตัวท ี่ 2 ให้เปลี่ยนสลักลูกสูบใหม่ถ้าหลวมมาก 4. การประกอบแหวนอดั และแหวนนำ้ มนั 1) ประกอบแหวนลานกวาดนำ้ มนั และแหวนนำ้ มนั เข้าในลูกสูบ 2) ประกอบแหวนอดั ตัวท ่ี 2 และตัวท่ี 1 ตามลำดบั โดยต้องหันเครื่องหมาย T1 และ T2 ขึ้นด้านบน (ด้านหัวลูกสูบ)

งานเครอ่ื งยนต์ดีเซล 219 กิจกรรมท่ี 12.4 จงตรวจสภาพเพลาข้อเหว่ยี งและเส้ือสบู ต่อไปน้ี 1. จงตรวจขนาดข้ออก ขนาดเพลา กำหนดให้ ผลการวดั (มม.) เรยี ว เบี้ยว 2. จงตรวจขนาดแบรง่ิ ขอ้ อก ขนาดแบริ่ง กำหนดให้ ผลการวัด (มม.) เรยี ว เบี้ยว 3. จงหาระยะห่างหล่อลนื่ แบรง่ิ ขอ้ อกจากการวดั ข้างบน มาตรฐาน กำหนดให้ ผลการวัด (มม.) (มม.) (มม.) รัศมมี น 2.5 มม. 0.01-0.05 ไมเ่ กนิ 0.1 12 0.01-0.05 ไม่เกิน 0.1 รศั มมี น 2.5 มม. ข้อควรจำ รศั มีมน 2.5 มม. ตรวจรัศมีมน (R) ที่มุม ................................... วดั ความกว้างดว้ ย 4. จงหาระยะหา่ งหลอ่ ล่ืนแบริ่งข้ออกดว้ ยพลาสตกิ ซองพลาสติกเกจ เกจ ใส่เส้นพลาสตกิ เกจ มาตรฐาน กำหนดให้ ผลการวดั (มม.) (มม.) (มม.) 0.01-0.05 ไมเ่ กิน 0.10 ข้อควรจำ ระหว่างตรวจวัดด้วยพลาสติกเกจ อย่าให้ ...........................................................................

220 งานเครื่องยนตด์ เี ซล 5. จงตรวจผิวบนเสือ้ สบู มาตรฐาน กำหนดให้ ผลการวัด (มม.) (มม.) (มม.) 0.05 ไม่เกิน 0.1 6. จงตรวจขนาดกระบอกสบู 1) ตรวจรอยขดู ขีดของ ............................................. 2) ตรวจขนาดเฉล่ยี ของ ........................................... การวดั กำหนดให้ ผลการวัด (มม.) (มม.) ความเบยี้ ว 12 มม. ความเรยี ว ไมเ่ กนิ 0.015 กึ่งกลาง ไมเ่ กิน 0.015 ดา้ นลา่ ง 7. จงตรวจขนาดลกู สูบ ความโตภายนอก 1) ขนาดลูกสบู วัดบริเวณชายลกู สบู สูงกว่า ความสงู หัวลกู สบู ............................................................................... 2) ขนาดโอเวอร์ไซสต์ ่อไปน ้ี ลูกสบู โตขนึ้ เท่าไร ชายลูกสบู ขนาดโอเวอรไ์ ซส์ ลูกสูบโตข้นึ (มม.) 0.50 1.00 8. จงตรวจความสงู หวั ลกู สูบหลังการประกอบ กำหนดให้ ผลการวดั สภาพ (มม.) (มม.) (ด/ี ไม่ด)ี 0.974 ข้อควรจำ ความสูงหัวลูกสูบมากเกินไป ต้องเปลี่ยน ส่วนประกอบ

งานเคร่อื งยนต์ดีเซล 221 ก ิจกร รมที่ 12.5 จงเขยี นขอ้ ความตรวจผลการวดั ระยะห่าง หล่อล่นื ด้วยพลาสตกิ เกจตามภาพซา้ ยมอื 1. พลาสตกิ เกจแบนน้อย แสดงถงึ อะไร ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... 2. พลาสตกิ เกจแบนมาก แสดงถึงอะไร ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... 3. พลาสตกิ เกจแบน 2 หวั ท้ายไมเ่ ท่ากนั แสดงถงึ อะไร ............................................................................................... 12 ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... 4. พลาสตกิ เกจแบนเฉพาะตรงกลาง แสดงถงึ อะไร ............................................................................................... ............................................................................................... 5. พลาสติกเกจแบนหวั ท้ายแสดงถึงอะไร ............................................................................................... ............................................................................................... ข้อควรจำ ขณะวัดด้วยพลาสติกเกจ อย่า ..............................

222 งานเครื่องยนต์ดเี ซล 12.3 การประกอบเพลาขอ้ เหวย่ี งเขา้ เสอ้ื สบู ขอ้ ท่ี 3 1. ขอ้ สงั เกตการประกอบแบรง่ิ เพลา ข้อท่ี 2 ขอ้ เหวย่ี ง 1) ความโตของขอ้ อกของเพลาข้อเหว่ียงมีรหัสสี ทา ขอ้ ท่ี 1 ข้อท ่ี 4 ข้อที่ 5 ไวท้ ่ีปีกข้ออกทกุ ขอ้ ดงั รูป ขอ้ ท ี่ 1 2) เครือ่ งหมายตวั อกั ษรขนาดแบร่ิงข้ออก ตอกไว้ ข้อท่ี 2 ดา้ นหน้า ตรงบรเิ วณทด่ี ้านลา่ งเสอื้ สูบ ดังแสดงในรปู ขอ้ ท ี่ 3 เคร่ืองยนต์ ข้อท่ี 4 ข้อควรจำ ขอ้ ท ่ี 5 ถา้ มีการเจยี ระไนลดขนาดเพลาขอ้ เหวี่ยง เคร่อื งหมายขนาด จะตอ้ งใชแ้ บรง่ิ เปน็ ขนาดอนั เดอรไ์ ซสต์ าม แบร่งิ ข้ออกท่ดี า้ น ดว้ ย ลา่ งเสอ้ื สบู ขอ้ อกเพลาขอ้ เหวยี่ ง เครอ่ื งหมายขนาด รหสั สขี นาดของ ขนาดข้ออก แบร่งิ สำหรบั แบริง่ (สำหรับ รหัสสี (มม.) โรงงานประกอบ การซอ่ ม) เบอร์ สำหรับ สำหรบั โรงงานประกอบ การซอ่ ม 1 ไมม่ ี สีเหลอื ง 65.995-66.000 A เขยี ว 65.988-65.994 B เหลอื ง 2 ไมม่ ี ไม่มีสี 65.982-65.988 C ไมม่ ี A เหลือง 3 ไม่มี สขี าว B ไมม่ ี C ขาว A ไมม่ ี B นำ้ เงนิ C แดง 2. ขั้นตอนการเลือกแบริง่ จากตารางข้างบน ถ้าขอ้ อกของเพลาขอ้ เหว่ยี งวดั ได ้ 65.997 มม. ใช ้ ตารางที่ช่องเบอร ์ 1 รหสั หมายสี

งานเคร่อื งยนตด์ เี ซล 223 แบร่ิงตัวบน 3. การประกอบแบร่งิ ข้ออก แ บร่งิ ตวั ล่าง มีรอ่ งนำ้ มนั 1) ประกอบแบริ่งข้ออกตัวบน (มีร่องน้ำมัน) เข้ากบั เส้อื สบู ไม่มีร่องนำ้ มัน 2) ประกอบแบร่ิงขอ้ อกตวั ล่าง (ไมม่ ีร่องนำ้ มนั ) ไมม่ ีรอ่ ง เข้ากบั ฝาครอบแบริ่ง แบริ่งตวั บนและ ตวั ล่างเหมอื นกนั (สำหรับตัวกลาง) ฝาครอบแบร่ิงข้อหลัก 4. การประกอบฝาครอบแบร่ิงข้ออก 1) ประกอบใหล้ กู ศรฝาครอบ หนั ไปทางหนา้ ลูกศรแสดงด้านหน้า เครือ่ งยนต์ ดา้ นสายพาน 2) ขนั สกรฝู าครอบแบริ่งให้แน่นตามกำหนด เพลาราวลนิ้ หมายเลขฝาครอบ ข้อควรจำ การประกอบแบรง่ิ ข้ออก ให้ประกอบ 12 ตัวกึ่งกลางเครื่องยนต์ก่อน เมื่อขันสกรูฝาครอบแบริ่งข้ออกแน่น แล้ว ต้องสามารถหมุนเพลาข้อเหวี่ยง ได้อย่างคล่องตัว 5. การตรวจระยะรุนเพลาขอ้ เหวย่ี ง มาตรฐาน กำหนดให้ ผลการวดั (มม.) (มม.) (มม.) 0.05-0.18 ไม่เกนิ 0.25

224 งานเคร่อื งยนตด์ เี ซล 12.4 การประกอบชดุ ลกู สบู เขา้ เครอ่ื งยนต์ 12.4.1 การประกอบลกู สบู เขา้ กบั หล่อลื่นบาง ๆ ดนั สลักเข้าไปในลกู สบู กา้ นสบู 1. การประกอบลกู สูบและก้านสูบ ตงั้ แนวก้านสูบ 1) ประกอบแหวนล็อกสลักลูกสูบตัวใหม่เข้ากับ รูของสลักลูกสูบเพียงด้านเดียวก่อน 2) จัดเครื่องหมายบนหัวลูกสูบ ให้ตรงกับ เครื่องหมายก้านสูบ และอัดสลักลูกสูบเข้า ด้วยนิ้วมือ 3) ประกอบแหวนล็อกสลักลูกสูบด้านที่เหลือ ชว่ งต่อแหวนลาน 2. การจัดปากแหวนลูกสบู ปากแหวน 1) ใช้คีมถ่างแหวนประกอบแหวนลูกสูบ โดย แหวนอัดตัวท่ี 1 แหวนนำ้ มัน หันด้านที่มีตัวหนังสือขึ้นบนเสมอ ดา้ นหนา้ หมายเหตุ แหวนน้ำมนั เมื่อประกอบแหวนน้ำมัน และแหวน ลาน ให้ช่วงต่อแหวนลานอยู่ตรงข้าม กับปากแหวนน้ำมันเสมอ 2) จัดปากแหวนให้อยู่ในตำแหน่งตามรูป แหวนอัดตัวที่ 2 ข้อควรจำ อย่าจัดให้ปากแหวนลกู สบู ตรงกนั 3. การประกอบแบร่งิ กา้ นสบู 1) ทำความสะอาดรูก้านสูบและแบริ่งก้านสูบ 2) ประกอบแบริ่งก้านสูบและฝาครอบก้านสูบ 3) หยอดน้ำมันเครื่องใส่หน้าสัมผัสแบริ่ง

งานเคร่ืองยนตด์ ีเซล 225 4. การประกอบชุดลกู สูบเข้ากระบอกสบู 1) ใช้ท่อพลาสติกสวมเข้ากับสกรูก้านสูบ เพื่อ ป้องกันข้อก้านเป็นรอย 2) ชโลมน้ำมันเครื่องที่กระบอกสูบ และแหวน ลูกสูบ 3) ใช้ชุดรัดแหวนลูกสูบ รัดแหวนลูกสูบไว้ 4) ใส่ชุดลูกสูบเข้าในกระบอกสูบ 5) ตอกชุดลูกสูบเข้าด้วยด้ามค้อน 5. การประกอบฝาครอบกา้ นสูบ 1) จัดฝาครอบและก้านสูบให้ตรงกัน ตามหมาย เลขคู่ 2) หันด้านของฝาครอบ และก้านสูบให้ตรงกับ เครื่องหมายที่ทำไว้ และขันนอตก้านสูบสลับ ไปมา 2-3 ครั้ง ตามแรงขันกำหนด แรงขัน 60-70 Nm หมายเหตุ 12 หลังจากขันนอตก้านสูบแน่น ให้ ตรวจการหมนุ ของเพลาขอ้ เหวย่ี งอยา่ ง คล่องตัว สวิตช์ 6. การประกอบสวติ ช์น้ำมันเคร่อื ง นำ้ มนั เครื่อง 1) ทาปะเก็นเหลวที่เกลียวสวิตช์น้ำมันเครื่อง 2) ขันแน่นเพียง 12-18 Nm เพราะเป็นเกลียว เรียว

226 งานเครอ่ื งยนต์ดีเซล 12.5 การประกอบอา่ งนำ้ มนั เครอ่ื งและลอ้ ชว่ ยแรง 1. การประกอบอา่ งนำ้ มันเคร่อื ง 1) ทาปะเก็นเหลว 4 มุมอ่างน้ำมันเครื่อง ดังวงกลมไว้ 2) วางปะเก็นอ่างน้ำมันเครื่องเข้าที่ 3) ใส่สกรูอ่างน้ำมันเครื่องให้ครบทุกตัว 4) ขันสกรูอ่างน้ำมันเครื่องให้ครบทุกตัว 2. การประกอบหม้อกรองนำ้ มันเครือ่ ง 1) ทำความสะอาดหน้าแปลนยึดหม้อกรอง 2) หล่อลื่นแหวนยางหม้อกรองด้วยน้ำมันเครื่อง 3) ขันหม้อกรองน้ำมันเครื่องเข้าจนแน่น ด้วย มือเปล่า 4) ติดเครื่องตรวจรอยน้ำมันเครื่องรั่วซึม 3. การประกอบล้อช่วยแรง ทากาวประสานเกลียวประมาณ 2-3 เกลียว หมายเหตุ กาวประเภทนี้ จะไม่แข็งตัวในอากาศ แต่เป็นตัวประสานเฉพาะ เมื่อใช้ทา ระหว่างร่องเกลียวและไม่มีอากาศ 4. การขันสกรูล้อช่วยแรง 1) ประกอบลอ้ ช่วยแรงเขา้ กับท้ายเพลาข้อเหวย่ี ง 2) ขันสกรูด้วยแรงขันกำหนด 2-3 รอบ ตาม ลำดับตามรูป แรงขัน 85-95 Nm

งานเคร่ืองยนต์ดีเซล 227 แบบฝกึ กจิ กรรมท ่ี 12 เรื่อง งานตรวจสภาพและประกอบชน้ิ สว่ น ตวั เครื่องยนต์ ตอนท่ี 1 จงเตมิ ข้อความในชอ่ งว่างต่อไปนใี้ หถ้ กู ตอ้ ง 12 1. การตรวจสภาพช้นิ ส่วนเครือ่ งยนต์ ควรใชอ้ ะไรตรวจ .................................................................................................................................................................................... 2. จงบอกสาเหตุการใชพ้ ลาสติกเกจตรวจระยะหา่ งหล่อล่นื แบร่งิ .................................................................................................................................................................................... 3. การตรวจระยะหา่ งหลอ่ ลืน่ แบร่ิงด้วยพลาสตกิ เกจ ถ้าพลาสติกเกจแบนมากแสดงวา่ เกดิ อะไร .................................................................................................................................................................................... 4. การวดั ขนาดกระบอกสูบ ทำไมไมว่ ดั จากสว่ นบนสุดท่แี หวนลกู สบู ขน้ึ ไมถ่ งึ ................................................................................................................................................................................... 5. การวัดขนาดเพลา ตอ้ งวัดหาคา่ เฉล่ียอย่างไร .................................................................................................................................................................................... 6. การทำความสะอาดร่องแหวนลกู สบู ทำได ้ 2 วธิ ี คืออะไร .................................................................................................................................................................................... 7. การตรวจระยะห่างข้างแหวนลกู สูบ เพ่อื อะไร .................................................................................................................................................................................... 8. การตรวจระยะหา่ งปากแหวนลูกสบู เพ่อื อะไร .................................................................................................................................................................................... 9. การขันฝาครอบแบร่งิ ข้อหลกั ทำไมตอ้ งขนั จากตวั ในออกสูต่ วั นอก .................................................................................................................................................................................... 10. ก้านสูบควรมรี ะยะรนุ เทา่ ใด .................................................................................................................................................................................... ตอนที่ 2 จงทำเคร่ืองหมายถกู ( P) ลงหน้าขอ้ ความท่ีถกู ตอ้ งท่ีสุด 1. การตรวจสภาพเพลาข้อเหว่ียงด้วยเคร่อื งมือวดั ตรวจอะไรบ้าง ก. ตรวจศนู ย์เพลา ข. ตรวจเพลาเบี้ยวเปน็ วงร ี ค. ตรวจเพลาเรียวเป็นกรวย ง. ถูกทุกขอ้

228 งานเครือ่ งยนตด์ ีเซล 2. การเตรยี มประกอบเครือ่ งยนต์ใหท้ ำอย่างไร 7. การตรวจแบริ่งเพลาขอ้ เหวยี่ งควรตรวจ ก. ทำความสะอาด อะไรบ้าง ข. หล่อลนื่ ชน้ิ สว่ น ก. ตรวจระยะรนุ ค. ตรวจวดั ขนาดและระยะห่างหล่อล่นื ข. ตรวจโลหะแบรงิ่ ง. ถูกทุกขอ้ ค. ตรวจสภาพการสึกหรอหรอื ละลาย 3. การใช้พลาสติกเกจ ถ้าพลาสตกิ เกจแบนนอ้ ย ง. ตรวจสภาพการล้าโลหะแบร่ิง แสดงถึงอะไร ก. ระยะหา่ งหลอ่ ล่ืนมาก 8. แบร่ิงขอ้ หลักตัวบนต่างกบั ตวั ล่างอย่างไร ข. ระยะห่างหลอ่ ลืน่ นอ้ ย ก. ตัวบนมรี นู ้ำมันเครื่อง ค. เพลาเรยี ว ข. ตัวล่างมรี นู ำ้ มนั เคร่อื ง ง. เพลาคอดตรงกลาง ค. ตวั บนมรี หสั ขนาดแบรง่ิ 4. การใช้พลาสติกเกจ ถ้าพลาสติกเกจแบนเพียง ง. ตวั ล่างมรี หัสขนาดแบร่ิง ด้านใดด้านหนงึ่ แสดงถงึ อะไร ก. ระยะหา่ งหลอ่ ลืน่ มาก 9. ระยะรนุ เพลาข้อเหว่ยี งมปี ระมาณเทา่ ใด ข. ระยะหา่ งหลอ่ ลื่นนอ้ ย ก. ไม่นอ้ ยกวา่ 0.01 มม. ค. เพลาเรียว ข. ไมน่ อ้ ยกวา่ 0.03 มม. ง. เพลาคอดตรงกลาง ค. ไม่น้อยกวา่ 0.06 มม. 5. การประกอบลูกสูบเข้ากระบอกสบู ตอ้ งตรวจ ง. ไมน่ อ้ ยกวา่ 1.00 มม. เคร่อื งหมายอะไร ก. ดา้ นหนา้ เครือ่ งยนต์ ข. ดา้ นหลังเครือ่ งยนต ์ 10. กอ่ นประกอบลูกสบู เข้ากระบอกสูบ ค. ดา้ นข้างเครือ่ งยนต์ ง. ผดิ ทุกขอ้ ทำไมตอ้ งจดั ปากแหวนลูกสูบ 6. การประกอบแบรง่ิ ทำไมต้องทำความสะอาด ก. ป้องกนั แหวนลูกสบู ตดิ ตาย หลังแบรง่ิ และส่วนรองรับแบรง่ิ ข. ปอ้ งกันแหวนลกู สูบแตกหกั ก. เพ่ือการหลอ่ ลน่ื ทีด่ ี ค. ปอ้ งกนั ไม่ให้นำ้ มันเคร่อื งเขา้ หอ้ งเผาไหม้ ข. เพือ่ การระบายความรอ้ นท่ดี ี ง. เพื่อประสิทธภิ าพการกวาดน้ำมนั เครอ่ื ง ค. เพื่อความเท่ียงตรงในการประกอบ ง. เพื่อความสะดวกในการประกอบ ตอนที่ 3 จงตอบคำถามตอ่ ไปนใ้ี หไ้ ดใ้ จความสมบรู ณ์ 1. จงเขยี นเทคนคิ การประกอบเครือ่ งยนต์ใหร้ วดเร็ว 5 ขอ้ คืออะไร 2. จงเขยี นคณุ สมบัตปิ ะเกน็ เหลวทีใ่ ช้งานซ่อมเคร่อื งยนต์มา 5 ขอ้ 3. จงเขียนขอ้ แนะนำการใชน้ ้ำยากนั เกลียวคลายมา 5 ขอ้ 4. จงแนะนำขอ้ สังเกตการประกอบแบร่ิงเพลาข้อเหว่ียงมา 2 ขอ้ 5. จงเขียนรูปลำดับการประกอบและขนั สกรฝู าครอบแบร่ิงข้ออกเครอ่ื งยนตด์ เี ซล 4 สบู

13งานเครื่องยนตด์ ีเซล 229 การศกึ ษาและปฏบิ ตั งิ านตดิ เครอ่ื ง และปรบั แตง่ เครอ่ื งยนตด์ เี ซล สาระการเรยี นรู้ 13.1 หน้าทีส่ ่วนประกอบและการทำงานวงจรไฟหวั เผา 13.2 วงจรไฟหวั เผาและลำดบั การเผาหวั เครื่องยนตด์ เี ซล 13.3 การตดิ เครอ่ื งยนตแ์ ละปรับแตง่ เครือ่ งยนตด์ ีเซล ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. อธบิ ายหนา้ ทสี่ ว่ นประกอบและการทำงานวงจรไฟหัวเผาได้ 2. อธบิ ายวงจรไฟหัวเผาและลำดบั การเผาหัวเครื่องยนต์ดเี ซลได้ 3. ปฏิบตั กิ ารติดเครื่องยนตแ์ ละปรบั แต่งเครอ่ื งยนต์ดเี ซลได้ 4. เพ่อื ให้มกี ิจนสิ ัยในการทำงานด้วยความเปน็ ระเบยี บเรียบร้อย ประณตี รอบคอบและตระหนกั ถงึ ความปลอดภยั

230 งานเครือ่ งยนตด์ เี ซล 13 การศกึ ษาและปฏบิ ตั งิ านตดิ เครอ่ื ง และปรบั แตง่ เครอ่ื งยนตด์ เี ซล บทนำ เครื่องยนต์ดีเซลสำหรับรถส่วนใหญ่ ใช้หัวเผาช่วยอุ่นไอดีขณะติดเครื่องยนต์สภาพเย็น เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์ติดง่าย และช่วยจุดส่วนผสมที่อากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิงคลุกเคล้ากันแล้ว คือ เผาไหม้ละอองน้ำมันที่ลอยไปถูกผิวของไส้หัวเผาที่ร้อนจัด เครื่องยนต์ดีเซลปัจจุบันใช้วงจรไฟหัวเผาอัตโนมัติ ไม่ว่าเครื่องยนต์นั้นจะใช้ห้องเผาไหม ้ แบบใดก็ตาม (แต่เดิมห้องเผาไหม้แบบเปิดไม่ต้องใช้หัวเผา) เพราะสามารถเผาหัวได้รวดเร็วและ ยังขึ้นกับอุณหภูมิของเครื่องยนต์อีกด้วย คือเครื่องยนต์เย็นมาก-เย็น-ร้อน ใช้เวลาเผาหัว นาน-เร็ว- ไม่ต้องเผาหวั ตามลำดับ เปลืองกระแสไฟไม่มาก เพราะใชเ้ วลาเผาหวั ตามความจำเป็น แตส่ ามารถ ตดิ เครอื่ งได้ง่าย จะเหน็ ไดว้ ่า ลดการใช้กระแสไฟจากแบตเตอรเ่ี พอ่ื ตดิ เครอ่ื งได้ เปน็ การยืดอายุการ ใช้งานของมอเตอร์สตาร์ตได้อีกด้วย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเรียนรู้และตรวจซ่อมระบบหัวเผา j ไฟเตอื นหวั เผา k สวติ ช์สตารต์ l ไทเมอร์เผาหวั m หวั เผา 4 หวั n เซนเซอร์อณุ หภูมิน้ำหล่อเยน็ เคร่ืองยนต์ o แบตเตอร ่ี p มอเตอรส์ ตารต์ รปู ที่ 13.1 วงจรไฟหัวเผาอัตโนมตั คิ วบคุมด้วยไทเมอรเ์ ผาหวั

งานเครอื่ งยนตด์ เี ซล 231 13.1 หนา้ ทส่ี ว่ นประกอบและการทำงานวงจรไฟหวั เผา หวั เผา หวั ฉดี หอ้ งเผาไหม้ช่วย แผน่ สะพานไฟ หวั เผา ตัวสง่ สญั ญาณ ลกู สูบ อุณหภูมนิ ้ำหลอ่ เยน็ กลอ่ งควบคมุ หัวเผา หมายเลขอะไหล่ ข้วั ตอ่ สายไฟ กล่องตวั ต้านทาน เบอรอ์ ะไหล่ รีเลยห์ วั เผา รปู ท่ี 13.2 ส่วนประกอบสำคัญของวงจรไฟหัวเผา 13.1.1 หนา้ ทส่ี ว่ นประกอบวงจรไฟหวั เผา 13 1) กล่องควบคุมหัวเผา (Preheating Timer) ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของชุดหัวเผา เพื่อป้องกัน ไม่ให้หัวเผาทำงานนานจนเกิดการเสียหาย 2) รีเลย์หัวเผา ทำหน้าที่ควบคุมกระแสไฟที่ส่งออกจากกล่องควบคุมหัวเผา ให้เรียบสม่ำเสมอและจ่าย กระแสไฟไปยังหัวเผาคงที่ 3) หัวเผา (Glow Plug) ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้า เป็นพลังงานความร้อน โดยความร้อนเกิดที่ไส้ ของหัวเผาที่ร้อนแดง 4) ตัวส่งสัญญาณอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น (Water Temperature Sensor) ทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปยัง กล่องควบคุมหัวเผา เพื่อกำหนดช่วงเวลาเผาหัว 5) หลอดไฟเตือน (Glow) ทำหน้าที่แสดงความพร้อมที่จะใช้งานของระบบหัวเผา เปลี่ยนสีได้ 2 สี คือ สีแดง หมายถึง ระบบหัวเผากำลังทำงานอยู่ให้คอย อย่าติดเครื่องยนต์ สีเขียว หมายถึง ระบบหัวเผาพร้อมแล้ว ให้ทำการติดเครื่องยนต์ได้

232 งานเครื่องยนต์ดีเซล 13.1.2 ประเภทหัวเผา นอตกลม 1. หัวเผาแบบไส้ขดลวด ฉนวนสะพานไฟ สะพานไฟ หัวเผาแบบไส้ขดลวด หรือเรียกว่าแบบ 2 ขั้ว (Two Pole) ไส้หัวเผาจะอุ่นอากาศในห้องเผาไหม้โดย ขวั้ ไส้อนั นอก ตรง ใกล้ลำละอองน้ำมันของหัวฉีด ไส้หัวเผาจะไป ฉนวนก้นั สมั ผัสกบั ออกซิเจน แรงกระทบกระแทกจากการทำงาน ขว้ั ไส้อนั ใน ของเครื่องยนต์ เช่น การอัดตัวของไอดีและการขยายตัว ไส้หัวเผา ของแก๊สเผาไหม้ ไส้หัวเผาต้องทำด้วยโลหะผสมพิเศษ ให้มีความต้านทานสูง เช่น Chorm-Aluminium-Iron หรือ Chorm-Aluminium-Cobalt-Iron ไส้หัวเผาต้อง ใหญ่แข็งแรงและสั้นที่สุดด้วย เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยง การสั่นสะเทือน รูปที่ 13.3 ภาพตดั หัวเผาแบบไสข้ ดลวด 2. หวั เผาแบบไสแ้ ท่ง นอตกลม คุณลักษณะของหัวเผาแบบไส้แท่ง หรือเรียก แกนกลาง ว่าแบบหัวเผาร้อนเร็ว (Super Glow Type) เป็นแบบ เกลยี วขันแนน่ แรงดันไฟต่ำ กระแสไฟไหลผ่านไส้หัวเผาทำให้ปลอก ปะเกน็ หุ้มร้อน เพื่อกระจายความร้อนทั่วห้องเผาไหม้ พื้นที่ ไส้หัวเผา ว่างภายในปลอกหุ้มเติมไว้ด้วยผงฉนวน เพื่อป้องกัน ทอ่ หมุ้ ไสห้ ัวเผา ไส้หัวเผาสัมผัสกับผิวภายในปลอกหุ้ม เมื่อมีการสั่น สะเทือน ภายในหัวเผาร้อนเร็ว ประกอบด้วยไส้หัวเผา 3 ไส้ คือไส้ตัวใน ไส้สมดุลและไส้เร่งร้อน ต่อกันเป็น วงจรอนุกรม รูปที่ 13.4 ภาพตดั หวั เผาแบบไส้แท่ง

งานเคร่ืองยนตด์ เี ซล 233 13.1.3 กลอ่ งควบคุมหวั เผาและตวั สง่ สัญญาณอุณหภูมนิ ำ้ หล่อเย็น 1. กลอ่ งควบคุมหัวเผา (Preheating Timer) เนื่องจากเครื่องยนต์ดีเซล เป็นเครื่องยนต์ประเภทจุดระเบิดด้วยความร้อน จากการอัดอากาศใน กระบอกสบู มปี ัญหาติดเครอื่ งยากในสภาพเครื่องยนตเ์ ยน็ จึงจำเปน็ ตอ้ งมีระบบหวั เผาชว่ ย ทำการอนุ่ อากาศ ในห้องเผาไหม้ให้ร้อนถึงอุณหภูมิที่น้ำมันดีเซลจะติดไฟได้ง่าย คือประมาณ 700-900o ซ. ระบบหัวเผาที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน เป็นระบบหัวเผาร้อนเร็ว (Quick Glow Start) เพื่อลดเวลา การเผาหัวให้สั้นลงตามอุณหภูมิของเครื่องยนต์ขณะนั้น โดยใช้กล่องควบคุมหัวเผาควบคุม จึงมีชื่อเรียกอีก อย่างหนึ่งว่า ระบบเผาหัวแบบอัตโนมัติ ชว่ งเวลาเผาหัว ระบบที่ควบคุมด้วยกล่องควบคุมหัวเผา T2 = T1 x 1.8 (รูปที ่ 13.1) ทำงานสอดคลอ้ งกบั อณุ หภูมินำ้ หลอ่ เย็นและแรงดนั ไฟขว้ั L ของอลั เตอรเ์ นเตอรท์ ีป่ ระจ ุ ไฟแบตเตอรี่ กล่องควบคุมหัวเผามีหน้าที่ดังต่อ ไปนี้ กราฟ 1) ทำงานตามอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น คือใช้ หลอดไฟเตือน สัญญาณจากตัวส่งสัญญาณอุณหภูมิน้ำ หล่อเย็นควบคุมให้ไฟเตือนหัวเผาติดตาม อุณหภมู ินำ้ หล่อเย็น oซ. ช่วงเวลา T1 และรีเลย์หัวเผาทำงานตาม ช่วงเวลา T2 ซึ่งผันแปรไปตามอุณหภูมิ น้ำหล่อเย็น รูปที่ 13.5 กราฟการทำงานระหวา่ งอณุ หภมู เิ ครอ่ื งยนต์และ 2) เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว แรงดันไฟของขั้ว กล่องควบคมุ หวั เผา L จะส่งสัญญาณให้กล่องควบคุมหัวเผา ตัดวงจรไฟของหัวเผาและไฟเตือนหัวเผา 13 เทอรม์ ิสเตอร์ความต้านทานตัว ่สง ัสญญาณ 2. ตวั สง่ สญั ญาณอณุ หภมู นิ ำ้ หลอ่ เยน็ (Water Temperature Sensor) อณุ หภูมนิ ำ้ หล่อเยน็ oซ. รปู ที่ 13.6 ภาพตัดและกราฟคุณสมบัตติ วั ส่งสญั ญาณ ตัวส่งสัญญาณหล่อเย็น (เทอร์มิสเตอร์) ติดตั้งอยู่ที่เสื้อสูบ ความต้านทานทางไฟฟ้าของ อุณหภมู ิน้ำหลอ่ เยน็ เทอร์มิสเตอร์เปลี่ยนแปลงไปตามอุณหภูมิน้ำหล่อ เยน็ เปน็ สญั ญาณไฟใหก้ ลอ่ งควบคมุ หวั เผาควบคมุ เวลาเผาหัวและเวลาไฟเตือนหัวเผา

234 งานเคร่ืองยนตด์ ีเซล 13.2 วงจรไฟหวั เผาและลำดบั การเผาหวั เครอ่ื งยนตด์ เี ซล 13.2.1 วงจรการทำงานหวั เผารอ้ นเรว็ ไฟเตอื นหัวเผา สวิตช์กญุ แจ กลอ่ ง ฟิวสไ์ ฟจดุ ระเบิด ควบคุม หวั เผา อลั เตอรเ์ นเตอรข์ ว้ั L รีเลย์หัวเผา หัวเผา 4 หวั รูปท่ี 13.7 วงจรการทำงานหวั เผาร้อนเร็ว (Corolla CE90) 1. ตำแหนง่ เปดิ สวติ ชก์ ญุ แจ ON 1) เมื่อเปิดสวิตช์กุญแจตำแหน่ง ON กล่องควบคุมหัวเผาเริ่มต่อวงจรให้ไฟเตือนหัวเผาพร้อมกับให ้ รีเลย์หัวเผาทำงาน รีเลย์หัวเผาต่อวงจรให้กระแสไฟไหลไปยังหัวเผา หัวเผาจะร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว 2) กล่องควบคุมหัวเผาตัดวงจรไฟหัวเผา ภายหลังจากที่ได้อุ่นอากาศในห้องเผาไหม้ร้อนตามช่วงระยะ เวลาหนึ่ง จนอุณหภูมิหัวเผาเพิ่มขึ้นได้ระดับสูงพอที่จะติดเครื่องยนต์ได้ 3) เมื่อหัวเผาร้อนตามช่วงระยะเวลาอุ่นไอดี รีเลย์หัวเผาจะหยุดทำงาน เพื่อป้องกันหัวเผาไหม้ 2. ตำแหนง่ ตดิ เครอ่ื งยนต์ หมุนสวิตช์กุญแจไปตำแหน่ง START รีเลย์หัวเผาทำงานตามสัญญาณของกล่องควบคุมหัวเผา ป้องกันอุณหภูมิของหัวเผาลดลงระหว่างการติดเครื่อง และเป็นการเพิ่มสมรรถนะการติดเครื่องยนต์ให ้ เครื่องยนต์ติดง่าย 3. หลงั เครอ่ื งยนตต์ ดิ แลว้ หลังเครื่องยนต์ติด กล่องควบคุมหัวเผาจะได้รับสัญญาณจากขั้ว L ของอัลเตอร์เนเตอร์ไฟประจ ุ แบตเตอรี่ ตัดวงจรการทำงานของรีเลย์หัวเผา เพื่อให้หัวเผาหยุดเผาหัว

งานเครอ่ื งยนตด์ เี ซล 235 13.2.2 การทำงานตำแหนง่ ตดิ เครอ่ื ง สวิตช์กญุ แจ 3 วนิ าที ไฟเตอื นหัวเผา 3 วินาที ช่วงเวลาเผาหัว รีเลย์หัวเผา 900o ซ. อุณหภูมิหวั เผา อุณหภูมิหอ้ งเผาไหม้ ติดเคร่อื งยนต์ รปู ที่ 13.8 กราฟการทำงานตำแหน่งตดิ เคร่อื ง 1. หมนุ สวติ ชก์ ญุ แจไปยงั ตำแหนง่ ON 13 1) ไฟเตอื นหวั เผาจะตดิ 2) รเี ลยห์ วั เผาทำงาน หวั เผาจะรอ้ น 2. หลงั จากทห่ี มนุ สวติ ชก์ ญุ แจไปยงั ตำแหนง่ ON เปน็ เวลา 3 วนิ าท ี 1) ไฟเตอื นหวั เผาจะดบั แสดงวา่ พรอ้ มแลว้ ใหต้ ดิ เครอ่ื งได้ 2) หมนุ สวติ ชก์ ญุ แจไปยงั ตำแหนง่ START 3. หลงั จากหมนุ สวติ ชก์ ญุ แจไปยงั ตำแหนง่ ON เกนิ 6 วนิ าท ี ยงั ไมต่ ดิ เครอ่ื ง (*) รเี ลยห์ วั เผาจะไมท่ ำงาน (*) ในกรณที แ่ี รงดนั ไฟแบตเตอรต่ี กตำ่ ชว่ งเวลาในการเผาหวั จะยดื ออกไป จนกวา่ อณุ หภมู ขิ องการ เผาหวั จะรอ้ นถงึ อณุ หภมู ิ 900o ซ. ตามคา่ ทก่ี ำหนด 4. เมอ่ื เครอ่ื งยนตต์ ดิ แลว้ ใหป้ ลอ่ ยสวติ ชก์ ญุ แจกลบั สตู่ ำแหนง่ ON รเี ลยเ์ ผาหวั จะหยดุ ทำงาน การเผาหวั กจ็ ะสน้ิ สดุ ลง

236 งานเครื่องยนต์ดีเซล 13.2.3 การทำงานตำแหนง่ เปดิ สวติ ชก์ ญุ แจคา้ งอย ู่ ON สวิตชก์ ญุ แจ ไฟเตือนหวั เผา 3 วินาที รเี ลย์หัวเผา 6 วนิ าที 900o ซ. อณุ หภูมหิ ัวเผา อณุ หภูมิห้องเผาไหม้ ช่วงเวลาเผาหวั รปู ที่ 13.9 กราฟการทำงานตำแหนง่ เปิดสวติ ชก์ ุญแจค้างอยู่ ON 1. เมอ่ื หมนุ สวติ ชก์ ญุ แจไปยงั ตำแหนง่ ON 1) ไฟเตือนหัวเผาจะติด 2) รีเลย์หัวเผาและหัวเผาทำงาน 2. สวติ ชก์ ญุ แจยงั คา้ งตำแหนง่ ON เปน็ เวลา 3 นาท ี ไฟเตือนหัวเผาจะดับ พร้อมให้ติดเครื่องยนต์ได้ 3. สวติ ชก์ ญุ แจยงั คา้ งตำแหนง่ ON เกนิ 6 วนิ าท ี ชุดรีเลย์หัวเผาจะหยุดทำงาน แบบไสธ้ รรมดา แบบไส้พิเศษ อุณห ูภ ิม ัหวเผา ใ ้ชกระแสไฟ วนิ าที ไสห้ วั เผา เวลาเผาหัว รปู ที่ 13.11 ตรวจไส้หวั เผาด้วยโอห์มมิเตอร์ รูปท่ี 13.10 อณุ หภมู ิและการใชก้ ระแสไฟข้นึ อยู่กบั ไม่ตรวจดว้ ยไฟแบตเตอร่ี (0.9-1.1 Ω) เวลาเผาหัว (วินาที)

งานเครื่องยนตด์ ีเซล 237 กจิ กรรมท ี่ 13.1 จงเขยี นคำวเิ คราะห์ขอ้ ขัดขอ้ งของระบบ หวั เผาอุน่ ไอดีใหร้ ้อนเร็ว ดงั ตอ่ ไปนี้ ข้อขดั ข้อง วธิ วี เิ คราะห์ข้อขัดขอ้ ง j ไฟเตอื นหวั เผาไม่ติด 1) ฟิวส์ ................................................................................................................ 2) หลอดไฟเตอื น ............................................................................................... 3) ขวั้ เสยี บตอ่ สายไฟจากแบตเตอร่ี ................................................................. 4) ข้วั เสียบระหว่างสายไฟกับ .......................................................................... 5) วงจรภายใน .................................................................................................. k รเี ลยห์ ัวเผาไมต่ อ่ วงจร 1) ฟิวส์ ................................................................................................................ (ระหว่างเผาหัว) 2) รเี ลยห์ วั เผา .................................................................................................... 3) ขัว้ เสียบตอ่ สายไฟแบตเตอร่ี ....................................................................... 4) ขว้ั เสียบระหวา่ งสายไฟกับกล่อง ............................................................... 5) วงจรภายใน ................................................................................................. l รีเลย์เผาหัวไม่ตัดวงจร 1) รเี ลยห์ ัวเผา .................................................................................................... 2) วงจรภายใน ................................................................................................. m ไฟเตอื นหวั เผาตดิ คา้ ง 1) รีเลยห์ วั เผา ................................................................................................... 13 ไม่ดบั 2) สายไฟลงดิน ................................................................................................ n ขณะท่ีสตาร์ตอยู่รีเลย์ 1) หนา้ สัมผสั ในสวิตชก์ ญุ แจ .......................................................................... หัวเผาไม่ทำงานแต่ 2) หน้าสมั ผัสหรอื ขั้วต่อชดุ สายไฟมอเตอร์สตารต์ ...................................... ปิด-เปิดเป็นจงั หวะ 3) วงจรภายใน .................................................................................................. (แบตเตอรี่ +) o จงเติมชอื่ ชิน้ สว่ นประกอบวงจรไฟหวั เผาตาม เส้นกำหนดและเตมิ หนา้ ที่กล่องควบคุมหวั เผา . 1) เริ่มเผาหวั และหยดุ เผาหวั ........................... 2) ตัดวงจรหัวเผาเมอื่ เครื่องยนต์ ...................... 3) ตัดวงจรหัวเผาเมอ่ื ไมไ่ ด้ ...............................

238 งานเคร่อื งยนตด์ เี ซล กจิ กรรมท ่ี 13.2 จงตรวจแบตเตอร่แี ละหัวเผาตามหวั ข้อ ตอ่ ไปน้ี หลอดยางบบี 1. จงตรวจไฟแบตเตอรีด่ ว้ ยไฮโดรมเิ ตอร์ ลูกลอย ช่องที่ 1 2 3 4 5 ด/ี ไมด่ ี 6 น้ำกรด หมายเหตุ หลอดแก้ว ถ้านำ้ กลนั่ แบตเตอรี่แห้งบ่อย แสดงว่าแบตเตอร่ี ท่อดดู เส่อื ม หรอื ได้รับประจไุ ฟมากเกินไป 2. จงถอดสายไฟหัวเผาออกจากหวั เผาแลว้ ตรวจการ ต่อวงจรของไสห้ วั เผา กำหนดให้ ผลการวดั สภาพ (ตอ่ /ไมต่ ่อ) (ต่อ/ไม่ตอ่ ) (ด/ี ไม่ดี) ต่อ 3. จงถอดสายไฟหัวเผาแลว้ ถอดหวั เผาออกตรวจไส้ หวั เผา กำหนดให้ ผลการวัด สภาพ (ต่อ/ไม่ตอ่ ) (ต่อ/ไม่ต่อ) (ดี/ไม่ดี) ตอ่ ขอ้ ควรจำ อนั ตราย อยา่ ทำหวั เผาตกพ้นื รีเลย์ 4. จงถอดขัว้ ต่อสายไฟรีเลย์หัวเผาต่อไฟแบตเตอรี่ที่ ขว้ั ไฟเข้ารีเลย ์ แลว้ ตรวจการต่อวงจร กำหนดให้ ผลการวัด สภาพ (ตอ่ /ไม่ตอ่ ) (ตอ่ /ไมต่ อ่ ) (ด/ี ไมด่ ี) ตอ่

งานเครอ่ื งยนตด์ ีเซล 239 13.3 การตดิ เครอ่ื งยนตแ์ ละปรบั แตง่ เครอ่ื งยนตด์ เี ซล 13.3.1 การเตรยี มตดิ เครอ่ื งยนต์ การติดเครื่องยนต์ฝึกหัดมีปัญหามากกว่า การติดเครื่องยนต์รถยนต์ที่ใช้งานประจำ ก่อนติด เครื่องยนต์ฝึกหัด ต้องตรวจความพร้อมและความ ปลอดภัยให้ดี เป็นการประเมินความรู้และทักษะ ขั้นสุดท้ายของวิชาเรียน ความพร้อมที่สำคัญที่สุดคือ ความพร้อม ของผู้เรียนว่า มีพื้นความรู้พอที่จะติดเครื่องยนต์ได ้ เรม่ิ ต้ังแต่การตรวจสภาพเครื่องยนตท์ ั่วไปกอ่ น รูปที่ 13.12 เคร่อื งยนตฝ์ ึกหัด 1) ต้องมีความสมบูรณ์ที่จะติดได ้ 2) ตรวจระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่อง 3) ตรวจระดับน้ำหล่อเย็น รปู ท่ี 13.13 ตรวจระดบั นำ้ มันเครอ่ื ง 4) ตรวจหม้อกรองอากาศ/ท่อไอเสีย และ สายไฟต่าง ๆ 5) เติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้ถูกว่า เบนซินหรือ น้ำมันดีเซล ดูสี ดมกลิ่น หรือการระเหย ต่างกันมาก ข้อควรจำ น้ำมันเชื้อเพลิงไวไฟ เกิดไฟไหม้เป็น 13 อันตรายมามากแล้ว เพราะความประมาท และไม่รไู้ ม่เคยเหน็ เช่นเดียวกัน 6) ตรวจประจไุ ฟแบตเตอรี่ให้เต็ม 7) ตอ่ สายไฟแบตเตอรี่ใหถ้ กู และแนน่ เพราะ มีผลกระทบกับเครื่องยนต์สมัยใหม่ที่ควบ คุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ระวัง ! อย่าเตมิ นำ้ มันผดิ ขอ้ ควรจำ รปู ท่ี 13.14 เติมดว้ ยน้ำมันดเี ซลเทา่ นน้ั วิธีการติดเครื่องยนต์ ใช้วิธีให้ถูกต้อง เครื่องยนต์ดีเซลสภาพเย็น ต้องหมุน ลกู กญุ แจเผาหัวทกุ คร้งั เพือ่ ให้เครอื่ งยนต์ สตาร์ตติดง่าย เมื่อติดแล้วต้องเข้าใจ คำว่าลองเครื่องหรือรันอิน (Run-in) เพื่อ ความปลอดภัยทั้งเครื่องและคน

240 งานเครอ่ื งยนตด์ ีเซล สกรกู ลวง 13.3.2 การถา่ ยนำ้ ออกจากหมอ้ ดกั นำ้ หวั ตอ่ ทอ่ และการไลล่ มวงจรนำ้ มนั ดเี ซล สว่ นหวั 1. หม้อดักน้ำ (Sidimentor) หวั ต่อท่อ หม้อดักน้ำอาจอยู่ติดกับถังน้ำมันดีเซลใต้ท้อง ถ้วยก้ัน สกรกู ลวง รถ หรืออยใู่ กลห้ มอ้ กรองน้ำมันดีเซลในหอ้ งเครือ่ งยนต ์ ลกู ลอย มลี กั ษณะคลา้ ยหมอ้ กรองนำ้ มันดีเซล เป็นตัวดักน้ำท ี่ ปนมากับน้ำมันดีเซล ก่อนที่ผ่านไปสู่หม้อกรองน้ำมัน ลำตวั ดีเซล ปลอกยดึ ภายในหม้อดักน้ำมีลูกลอยอยู่ในน้ำมัน แต ่ ไม่จมน้ำ เพราะน้ำมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำมัน สกรถู ่ายน้ำ หากมีน้ำผ่านเข้าไปในหม้อดักน้ำเกินพิกัด (ประมาณ 450 ซีซี) ลูกลอยจะลอยสูงขึ้น ต่อวงจรไฟเตือนระดับ รปู ที่ 13.15 ส่วนประกอบหมอ้ ดกั นำ้ น้ำให้หลอดไฟเตือนติด วงแหวนสีแดง 2. การถา่ ยนำ้ มนั ออกจากหมอ้ ดกั นำ้ ลูกลอย (เมอ่ื ไฟเตอื นตดิ ) สกรถู า่ ยนำ้ 1) คลายสกรูถ่ายน้ำใต้หม้อดักน้ำ 2) ปั๊มมือประมาณ 10 ครั้ง จนน้ำออกหมด รปู ที่ 13.16 ถา่ ยน้ำออกจากหม้อดักน้ำ 3) ขันสกรูถ่ายน้ำให้แน่นแล้วปั๊มมืออีก 10 ครั้ง 4) ติดเครื่องตรวจน้ำมันรั่วและหลอดไฟเตือน ข้อควรจำ ถ้าต้องถ่ายน้ำออกจากหม้อดักน้ำบ่อย ครั้งกว่าปกติ ให้ถ่ายน้ำออกจากถัง น้ำมันดีเซลด้วย 3. การไล่ลมออกจากวงจรน้ำมันดีเซล 1) คลายสกรูไล่ลมท่หี ม้อกรองน้ำมนั ดเี ซล 1 รอบ 2) ปั๊มมือหลาย ๆ ครั้ง จนไม่มีน้ำออกมาพร้อม กับน้ำมันดีเซล 3) ขันสกรูไล่ลมที่หม้อกรองน้ำมันดีเซลให้แน่น 4) ไล่ลมออกจากท่อน้ำมัน และปั๊มดีเซลด้วยปั๊ม มือประมาณ 15 ครั้ง หรือจนกระทั่งรู้สึก หนักมือ รปู ท่ี 13.17 ปัม๊ มอื ไล่ลม

แดง เขียว งานเคร่ืองยนต์ดีเซล 241 สตาร์ต 13.3.3 การตดิ เคร่ืองยนต์สภาพเย็น รปู ท่ี 13.18 ไฟสัญญาณเผาหัว 1) เปิดสวิตช์กุญแจ “ON’’ ไฟสัญญาณเผาหัวจะติด 2) รอจนไฟสัญญาณเผาหัวดับ 3) เหยียบคันเร่งค้างไว้เพียงครึ่งเดียว พร้อมหมุนลูกกุญแจ ไปตำแหน่ง “START” 4) ปล่อยลูกกุญแจและคันเร่งให้คืนตำแหน่งเดิม เมื่อเครื่อง ยนต์ติดแล้ว 5) ปล่อยให้เครื่องยนต์ติด 10 วินาที เพื่ออุ่นเครื่อง แล้วจึง นำรถออกใช้งาน ข้อควรจำ อย่าติดเครื่องยนต์ติดต่อกันนานเกินกว่า 30 วินาที ต่อครั้ง เพราะอาจทำให้มอเตอร์สตาร์ตและระบบ ไฟเสียหายได ้ อย่าเร่งเครื่องทันทีทันใดหลังเครื่องติด ขณะเครื่อง ยนต์ยังเย็นอยู่ 13.3.4 ลำดับการพว่ งแบตเตอร่ชี ว่ ยติดเครอ่ื งยนต์ ลงดินทเ่ี ป็นโลหะทไี่ ม่มสี ีเคลือบ ขัว้ ลบ แบตเตอร่ีทีใ่ ชพ้ ่วง สายพ่วง ขว้ั บวก 13 ข้วั บวกแบตเตอร่ีทไ่ี ฟหมด แบตเตอร่ีทไ่ี ฟไมด่ ี รูปท่ี 13.19 ลำดับการตอ่ สายพว่ งแบตเตอรีต่ ดิ เครือ่ งยนต์ 1) ถา้ พว่ งแบตเตอร่ีจากรถอกี คนั หนึ่ง ระวงั อย่าให้รถ 2 คันแตะกัน ปิดอปุ กรณ์ไฟฟ้าตา่ ง ๆ ทัง้ หมด 2) แบตเตอรท่ี น่ี ำมาใช้พ่วงต้องมีขนาดแรงดนั ไฟฟ้า 12 โวลตเ์ ทา่ กัน 3) ตอ่ สายพว่ งแบตเตอร่เี รียงตามลำดบั j - k - l - m ดงั ทแี่ สดงในรปู โดยขว้ั บวกต่อกบั ขว้ั บวก (+) และข้วั ลบตอ่ กับขวั้ ลบ (-) 4) ติดเครื่องยนต์ตามปกติ เมื่อเครื่องยนต์ติดเครื่องแล้วเร่งเครื่องยนต์ไว้ที่ความเร็วประมาณ 2,000 รอบ/นาท ี สกั ครูใ่ หญ่ ตรวจไฟเตอื นน้ำมันเคร่อื งและไฟเตือนประจุแบตเตอร่ี 5) ถอดสายพว่ งแบตเตอร่ีเรียงยอ้ นกลับกันตอนเมือ่ ต่อสายพ่วง

242 งานเครอื่ งยนตด์ ีเซล ใหผ้ เู้ รยี นแบง่ กลมุ่ ตรวจรอบเดนิ เบาและรอบ สงู สุดของเคร่ืองยนตด์ ีเซลฝึกหดั ดงั ตอ่ ไปน้ี กจิ กรร มท ่ี 1 3.3 ถอดออก 1. อุ่นเคร่ืองยนต์ถ้าเย็นมาก 2. ตรวจและปรับตั้งรอบเดินเบา 1) ถอดสายคนั เร่งออกจากปั๊มดเี ซล 2) ตรวจรอบเดนิ เบาเคร่อื งยนต์ กำหนดให้ ผลการวัด สภาพ (รอบ/นาที) (รอบ/นาท)ี (ดี/ไม่ดี) 700-750 3) ถ้ารอบเดินเบาไมอ่ ยู่ในคา่ กำหนด หมุนสกรู ปรบั บนป๊มั ดีเซล 3. ตรวจและปรับตั้งรอบสูงสุด 1) ตรวจรอบสงู สดุ เมอ่ื ดงึ ขาคันเร่งจนสดุ กำหนดให้ ผลการวัด สภาพ (รอบ/นาที) (รอบ/นาที) (ด/ี ไมด่ )ี 5,050-5,150 2) ถา้ รอบสงู สดุ ไม่อยใู่ นค่ากำหนด ให้ปรับสกรู รอบสงู สดุ บนปัม๊ ดีเซล


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook