Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 20101-2003 งานเครื่องล่างรถยนต์

20101-2003 งานเครื่องล่างรถยนต์

Published by ADACSOFT CO.,LTD., 2021-03-08 05:54:29

Description: 20101-2003 งานเครื่องล่างรถยนต์

Search

Read the Text Version

รหัสวชิ า 20101-2003งานเครอื่ งลา่ งหนงั สอื หมวดวชิ าสมรรถนะวิชาชีพ รถยนต์(Automotive Suspension Job) นัง ือเล่มนเ้ี รยี บเรียงตามจุดประ งคร์ าย ิชา มรรถนะราย ิชา และคำาอธิบายราย ชิ า ลกั ตู รประกา นยี บตั ร ชิ าชพี (ป ช.) พทุ ธ กั ราช 2562 ของ าำ นกั งานคณะกรรมการการอาชี กึ า กระทร ง กึ าธกิ าร เ มาะแกก่ ารเรยี นรเู้ พอ่ื นาำ ไปประกอบอาชพี รองศาสตราจารยอ์ า� พล ซอ่ื ตรง ค.อ.บ. (เครอื่ งกล), ค.อ.ม., Meister (Kfz.) รองผอู้ ำ� นวยกำรฝำ่ ยวชิ ำกำร ศนู ยส์ ง่ เสรมิ วชิ ำกำร (สำขำชำ่ งอตุ สำหกรรม) 118.00

งานเครอื่ งลา่รงถยนต์ สงวนลิขสิทธ์ิตามพระราชบัญญัติ หา้ มทา� ซา�้ ดดั แปลง ออกจา� หนา่ ย แจกจา่ ย และกระทา� โดยประการอนื่ ในตอนใดตอนหนง่ึ ของหนงั สอื เลม่ นี้ ไมว่ า่ จะเปน็ ข้อความ หรือสิ่งอื่นใด ด้วยวิธีการเรียงพมิ พ์ พมิ พส์ �าเนา หรอื ดว้ ยวธิ อี นื่ ใดทกุ กรณี หากผใู้ ดละเมดิ ลขิ สทิ ธจิ์ ะถกู ดา� เนนิ คดที างกฎหมายทบ่ี ญั ญตั ไิวข้ น้ั สงู สดุ เวน้ แตจ่ ะไดร้ บั ความยนิ ยอม เปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษรจาก สำ� นกั พมิ พศ์ นู ยส์ ง่ เสรมิ วชิ ำกำร ข้อมูลทางบรรณานกุ รมของส�านกั หอสมดุ แหง่ ชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data อ�ำพล ซื่อตรง. งำนเครอ่ื งล่ำงรถยนต์.-- กรงุ เทพฯ : ศนู ยส์ ง่ เสรมิ วชิ ำกำร, 2562. 235 หน้ำ. 1. รถยนต-์ -เครอ่ื งยนต.์ I. ช่อื เร่อื ง. 629.24 ISBN 978-616-418-147-2 ปีท่ีพิมพ์ : 2562 พิมพค์ ร้ังท่ี 1 : 3,000 เล่ม รำคำ 118 บำท บรรณาธกิ ารวิชาการ สาขาช่างอุตสาหกรรม รองศาสตราจารย์อ�าพล ซ่ือตรง ค.อ.บ. (เครอื่ งกล), ค.อ.ม., Meister (Kfz.) จารุณี กาญจะโนสถ ค.บ., ค.ม. (การบรหิ ารการศกึ ษา) บรรณาธิการบรหิ าร รองศาสตราจารย์ ดร.สรุ ศกั ด์ิ อมรรตั นศกั ด์ิ กศ.บ., กศ.ม., ค.ด. (วดั ผลการศกึ ษา) Cert. in Informatic for Research กรรมการผู้จัดการ จติ รา มนี มณี พ.ม., กศ.บ.

กำรเรียบเรียงต�ำรำเรียนวิชางานเคร่ืองล่างรถยนต์เล่มน้ี ได้เรียบเรียงข้ึนตำมจุดประสงค์ รำยวิชำ สมรรถนะรำยวิชำ และค�ำอธิบำยรำยวิชำ หลักสูตรประกำศนียบัตรวิชำชีพ (ปวช.) พุทธศักรำช 2562 ของส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ กระทรวงศึกษำธิกำร มีควำมเหมำะสม ในกำรใช้เรียนใช้สอน สอดคล้องกับควำมก้ำวหน้ำทำงวิชำกำรในอุตสำหกรรมรถยนต์และธุรกิจ ยำนยนต์ จึงได้จ�ำแนกเป็นหลำยหน่วยกำรเรียน สะดวกในกำรใช้ 1 เทอม มีแบบฝึกกิจกรรม ประเมินผลหลังกำรสอนแต่ละหน่วยกำรเรียนพอสังเขป มีคู่มือผู้สอน และเพำเวอร์พอยต์ประกอบ กำรสอนด้วย กำรจัดกำรเรียนกำรสอนควรใช้แผ่นใสและมีอุปกรณ์กำรสอนอ่ืน ๆ ประกอบ กำรเติมค�ำ ในช่องว่ำงหรือในกิจกรรม ให้กรอกด้วยปำกกำสีแดง รูปต่ำง ๆ ก�ำหนดให้ระบำยสีจุดเน้นด้วย ดินสอสี เพื่อให้เกิดกำรเรียนรู้ท่ีลึกซ้ึงและเกิดทักษะในกำรประกอบอำชีพต่อไป เพ่ือประสิทธิภำพกำรเรียนกำรสอนภำคปฏิบัติ ควรมีอุปกรณ์กำรสอนหรือวัสดุฝึกหลำย ๆ ชุด เพื่อให้ผู้เรียนได้หมุนเวียนปฏิบัติงำนในกลุ่ม กลุ่ม ละ 2-4 คน ฝึกหลำย ๆ คร้ัง หลำย ๆ แบบ เพ่ือให้เกิดทักษะ ตำมคติโบรำณที่ว่ำ 10 ปำกรู้ไม่สู้ตำเห็น 10 ตำเห็นไม่เท่ำมือคล�ำ 10 มือคล�ำ ไม่เท่ำช�ำนำญ เพรำะค�ำว่ำท�ำได้น้ันไม่พอ ต้องท�ำเป็นตำมคู่มือกำรซ่อมรถยนต์ด้วย กำรใช้ข้อมูลและบทควำมจำกต�ำรำผู้ทรงคุณวุฒิหลำยเล่ม รวมทั้งบทควำมเอกสำรเผยแพร่ ทำงวิชำกำรต่ำง ๆ ท้ังท่ีได้ระบุไว้ท้ำยเล่มและไม่ได้ระบุไว้ จึงขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ เจ้ำของต�ำรำ และเจ้ำของบทควำมดังกล่ำวไว้ในท่ีน้ี แม้กำรเรียบเรียงจะพยำยำมท�ำให้ดีท่ีสุด แต่คงมี ขำดตกบกพร่องบ้ำง หำกผู้ใช้มีข้อเสนออ่ืนใด โปรดแจ้งให้ผู้เรียบเรียงทรำบด้วย จะได้เป็นข้อมูล ปรับปรุงแก้ไขในโอกำสต่อไป (รองศาสตราจารยอ์ �าพล ซือ่ ตรง) ในนำมผจู้ ัดทำ�

รหสั งานเคร่ืองลา่ งรถยนต์ 1-6-3 20101-2003 (Automotive Suspension Job) จุดประสงคร์ ายวชิ า เพือ่ ให้ 1. เข้ำใจเก่ียวกับ โครงสร้ำงและหลักกำรท�ำงำนของระบบเครื่องล่ำงรถยนต์ 2. สำมำรถถอด ประกอบ ตรวจสภำพ ปรับต้ัง บริกำรและบ�ำรุงรักษำระบบเคร่ืองล่ำง รถยนต์ 3. มีกิจนิสัยท่ีดีในกำรท�ำงำนรับผิดชอบ ประณีตรอบคอบ ตรงต่อเวลำ สะอำด ปลอดภัยและรักษำสภำพแวดล้อม สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงควำมรู้เก่ียวกับโครงสร้ำงและหลักกำรท�ำงำนของระบบเครื่องล่ำงรถยนต์ 2. ถอด ประกอบ ตรวจสภำพชิ้นส่วนของระบบเครื่องล่ำงรถยนต์ตำมคู่มือ 3. บริกำรล้อและยำง ปรับต้ังมุมล้อรถยนต์ตำมคู่มือ 4. บ�ำรุงรักษำระบบเคร่ืองล่ำงรถยนต์ตำมคู่มือ ค�าอธิบายรายวิชา ศึกษำและปฏิบัติเก่ียวกับ โครงสร้ำงและหลักกำรท�ำงำนของระบบเคร่ืองล่ำงรถยนต์ กำรใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ยกรถ กำรถอด ประกอบ ตรวจสภำพ ระบบรองรับน�้ำหนัก ระบบบังคับเลี้ยว ระบบเบรก อุปกรณ์ลดกำรส่ันสะเทือนและกันโคลง กำรบริกำรล้อและ ยำง กำรปรับตั้งมุมล้อ กำรบ�ำรุงรักษำระบบเครื่องล่ำงรถยนต์ และประมำณรำคำค่ำบริกำร

หนว่ ยที่ 1 ระบบรองรบั รถยนต์ดว้ ยสปริงและแหนบ ................................................................................... 1 บทนำ ........................................................................................................................................................... 2 1.1 ระบบรองรบั แบบคานแข็งและแบบอิสระ ............................................................................. 3 1.2 น้ำหนักเหนือใตส้ ปริงและการสัน่ สะเทือน ............................................................................ 5 1.3 การรองรบั รถยนต์ด้วยสปริงรองรบั ......................................................................................... 8 1.4 ระบบรองรับรถยนตด์ ้วยแหนบและยางกนั สะเทอื น ......................................................... 10 1.5 ระบบรองรับรถยนตด์ ้วยสปรงิ ขดและทอร์ชนั บาร์ ............................................................ 13 แบบฝึกกจิ กรรมที่ 1 ........................................................................................................................ 15 หนว่ ยที่ 2 การกันโคลงรถและลกู หมากปกี นก ............................................................................................... 17 บทนำ ........................................................................................................................................................ 18 2.1 หนา้ ทแ่ี ละการบดิ ตัวเหลก็ กนั โคลงรถ .................................................................................... 19 2.2 หน้าท่เี หล็กหนวดกงุ้ และแขนควบคุม .................................................................................... 20 2.3 หนา้ ทแ่ี ละประเภทลูกหมากปีกนก .......................................................................................... 21 2.4 การตรวจสภาพลกู หมากปีกนก ............................................................................................... 24 2.5 การโคลงตวั ที่เกิดจากการบังคบั เล้ียวรถ ................................................................................. 25 2.6 การโคลงตัวมีผลกระทบต่อการบังคบั เลี้ยว ........................................................................... 26 แบบฝกึ กจิ กรรมท่ี 2 ..................................................................................................................... 27 หน่วยท่ี 3 โช้คอพั กนั สนั่ สะเทอื นและการตรวจซ่อม ................................................................................. 29 บทนำ ........................................................................................................................................................ 30 3.1 ความจำเป็นต้องใช้โช้คอัพและประเภทของโช้คอพั ........................................................... 31 3.2 โชค้ อัพแก๊สและโช้คอพั น้ำมัน ................................................................................................... 33 3.3 การตรวจโช้คอพั ทีร่ ถและการเปล่ียนโชค้ อัพ ........................................................................ 35 แบบฝกึ กจิ กรรมท่ี 3 ..................................................................................................................... 37 หน่วยที่ 4 ระบบรองรบั หน้าด้วยปกี นกและการตรวจซ่อม ..................................................................... 39 บทนำ ........................................................................................................................................................ 40 4.1 การรองรบั หนา้ แบบปกี นกคู่ใช้สปรงิ ขด ............................................................................... 41 4.2 การรองรับแบบปกี นกค่ใู ชท้ อร์ชนั บาร์ ................................................................................. 43 4.3 ความปลอดภยั ในงานเครื่องล่างรถยนต์ ................................................................................ 46

4.4 การตรวจลกู หมากปีกนกระบบรองรับด้วยทอร์ชนั บาร์ .................................................. 50 4.5 การถอดประกอบทอรช์ นั บารแ์ ละเหลก็ หนวดกงุ้ .............................................................. 52 แบบฝึกกิจกรรมท่ี 4 ..................................................................................................................... 55 หนว่ ยท่ี 5 ระบบรองรับหน้าหลังด้วยโช้คอพั คำ้ และการตรวจซ่อม ..................................................... 57 บทนำ ....................................................................................................................................................... 58 5.1 ลกั ษณะระบบรองรบั ดว้ ยโช้คอพั คำ้ ....................................................................................... 59 5.2 โชค้ อัพค้ำกระบอกคแู่ ละโช้คอพั ค้ำแก๊สความดนั ต่ำ .......................................................... 61 5.3 การเปลี่ยนโช้คอพั ค้ำรองรบั หน้ารถ ........................................................................................ 66 5.4 การติดตง้ั โช้คอพั ค้ำรองรับหนา้ รถ .......................................................................................... 69 แบบฝึกกิจกรรมที่ 5 ..................................................................................................................... 71 หนว่ ยท ่ี 6 ระบบรองรับหลงั และการตรวจซอ่ ม ........................................................................................... 73 บทนำ ........................................................................................................................................................ 74 6.1 การรองรบั หลงั รถขับหลงั แบบคานแขง็ ใช้แหนบคู่ขนาน ............................................... 74 6.2 การรองรบั หลังรถขบั หลงั แบบอิสระใช้สปริงขด .............................................................. 78 6.3 การรองรับลอ้ หลงั แบบอสิ ระใช้ปกี นกคู่ .............................................................................. 80 6.4 การตรวจซ่อมชนิ้ สว่ นรองรับหลังและลูกปืนล้อหลัง ....................................................... 82 แบบฝกึ กิจกรรมที่ 6 ..................................................................................................................... 83 หนว่ ยท ี่ 7 กระบวนการกลไกบังคบั เลี้ยวและการตรวจซอ่ ม .............................................................. 85 บทนำ ........................................................................................................................................................ 86 7.1 หน้าท่รี ะบบและกลไกบังคบั เลย้ี วรถยนต์ ............................................................................ 87 7.2 แกนพวงมาลยั และกุญแจล็อกพวงมาลัย ............................................................................... 89 7.3 กา้ นตอ่ บงั คับเลี้ยวและคนั ชกั คนั สง่ ....................................................................................... 92 7.4 การตรวจซอ่ มกลไกบงั คบั เลี้ยว ............................................................................................... 97 แบบฝกึ กิจกรรมที่ 7 ..................................................................................................................... 99 หน่วยท ่ี 8 กระปุกพวงมาลยั แบบลูกปืนหมุนวนและการตรวจซอ่ ม .................................................... 101 บทนำ ...................................................................................................................................................... 102 8.1 ลกั ษณะการบังคับเล้ียวของกระปกุ พวงมาลยั .................................................................... 103 8.2 กระปกุ พวงมาลัยธรรมดาแบบลูกปืนหมนุ วน .................................................................. 104 8.3 กระปุกพวงมาลัยเพาเวอรแ์ บบลกู ปนื หมนุ วน .................................................................. 106 8.4 การบรกิ ารพวงมาลัยรถยนต์ ................................................................................................... 108 8.5 การตรวจซ่อมกระปกุ พวงมาลยั แบบลูกปนื หมุนวน ....................................................... 112 แบบฝึกกิจกรรมท่ี 8 ................................................................................................................... 117

หนว่ ยท ี่ 9 กระปุกพวงมาลัยแบบเฟอื งสะพานและการตรวจซ่อม ........................................................ 119 บทนำ ...................................................................................................................................................... 120 9.1 กระปกุ พวงมาลัยธรรมดาแบบเฟอื งสะพาน ...................................................................... 121 9.2 กระปกุ พวงมาลยั เพาเวอร์แบบเฟืองสะพาน ...................................................................... 122 9.3 การไลล่ มวงจรน้ำมันเพาเวอร์ ................................................................................................ 124 9.4 งานตรวจซอ่ มกระปุกพวงมาลยั ธรรมดาแบบเฟืองสะพาน .......................................... 126 แบบฝกึ กจิ กรรมท่ี 9 ................................................................................................................... 133 หนว่ ยท ี่ 10 แมป่ ๊ัมเบรกและการตรวจซอ่ ม ................................................................................................. 135 บทนำ ...................................................................................................................................................... 136 10.1 การทำงานของแมป่ ัม๊ เบรกแบบลูกสูบเดยี ว ..................................................................... 137 10.2 การทำงานของแมป่ ๊มั เบรกแบบลกู สูบคู่ ........................................................................... 138 10.3 ล้ินกันกลบั ทางออกและระยะแปน้ เหยียบเบรก .............................................................. 141 10.4 กระปกุ น้ำมนั เบรกนริ ภยั และคณุ สมบัตนิ ำ้ มันเบรก ...................................................... 143 10.5 การไลล่ มออกจากวงจรนำ้ มันเบรก ..................................................................................... 145 10.6 การตรวจซอ่ มแม่ปั๊มเบรก .................................................................................................... 146 แบบฝกึ กิจกรรมท่ี 10 .............................................................................................................. 149 หนว่ ยท ี่ 11 ระบบเบรกดรัมและการตรวจซอ่ ม ......................................................................................... 153 บทนำ ...................................................................................................................................................... 154 11.1 ประเภทเบรกดรัมและกลไกปรับตั้งเบรกอตั โนมัติ ........................................................ 155 11.2 กระบอกเบรกดรัมและผ้าเบรก ............................................................................................ 158 11.3 เบรกมือและการตรวจปรับเบรกมือ .................................................................................... 160 11.4 การตรวจซอ่ มเบรกดรัม ......................................................................................................... 165 แบบฝึกกิจกรรมท่ี 11 .............................................................................................................. 168 หน่วยท ่ี 12 ระบบเบรกดิสกแ์ ละการตรวจซอ่ ม .......................................................................................... 171 บทนำ ...................................................................................................................................................... 172 12.1 การทำงานและคณุ สมบัตเิ บรกดิสก์ .................................................................................... 173 12.2 ประเภทกา้ มปเู บรกและประสิทธภิ าพเบรกดสิ ก์ ............................................................ 175 12.3 จานเบรกดิสก์และผ้าเบรกพร้อมสัญญาณเตอื นผา้ เบรกสึก ....................................... 177 12.4 การเปลยี่ นผา้ เบรกดิสก์ (โตโยต้า ไฮลักซ์) ....................................................................... 179 แบบฝึกกจิ กรรมที่ 12 .............................................................................................................. 182

224

1 งานเครือ่ งล่างรถยนต์ 1 ระบบรองรบั รถยนตด์ ว้ ย สปรงิ และแหนบ สาระการเรียนรู้ 1.1 ระบบรองรับแบบคานแขง็ และแบบอิสระ 1.2 น้ำหนกั เหนอื ใต้สปรงิ และการสน่ั สะเทอื น 1.3 การรองรบั รถยนตด์ ้วยสปริงรองรบั 1.4 ระบบรองรบั รถยนต์ด้วยแหนบและยางกันสะเทอื น 1.5 ระบบรองรับรถยนตด์ ว้ ยสปริงขดและทอรช์ นั บาร์ ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. อธบิ ายระบบรองรับแบบคานแข็งและแบบอิสระได้ 2. อธิบายน้ำหนกั เหนอื ใตส้ ปริงและการส่นั สะเทือนได้ 3. อธิบายการรองรับรถยนตด์ ว้ ยสปรงิ รองรบั ได้ 4. อธิบายระบบรองรบั รถยนตด์ ้วยแหนบและยางกนั สะเทือนได้ 5. อธิบายระบบรองรับรถยนต์ดว้ ยสปริงขดและทอร์ชนั บาร์ได้ 6. เพ่ือให้มกี ิจนสิ ัยในการทำงานดว้ ยความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย ประณีต รอบคอบและตระหนักถึงความปลอดภัย

2 งานเครอ่ื งลา่ งรถยนต์ 1 ระบบรองรบั รถยนต์ด้วย สปรงิ และแหนบ บทนำ ถ้าใช้รถยนต์อยู่บนถนนที่มีพื้นผิวราบเรียบเหมือนกระจกเงา รถจะไม่มีการสั่นสะเทือนจากพื้น ผิวถนนเลย โดยธรรมชาติแล้ว ผิวพื้นถนนจะมีหลุมบ่ออยู่เป็นอันมาก รถยนต์จึงได้รับแรงสั่นสะเทือน จากถนนอยู่ตลอดเวลา ต้องลดแรงสั่นสะเทือนลงให้อยู่ในระดับที่ทนได้ เพื่อทำให้การขับขี่เป็นไปอย่าง สะดวกสบายและมีเสถียรภาพดีขึ้น จึงต้องมีระบบรองรับยึดต่อตัวถังของรถยนต์เข้ากับล้อรถ ทำหน้าที่ ดังต่อไปนี้ 4 บรรเทาอาการกระดอน (Pitching) การสา่ ย (Yawing) และโคลง (Rolling) ทีร่ ถยนต์ได้รบั ดงั รปู ท่ี 1.1 อันเกิดจากความไม่ราบเรียบของพื้นผิวถนน ให้ขับขี่สบาย ป้องกันอันตรายให้สินค้าที่ บรรทุกมา และทำให้เสถียรภาพในการขับขี่ดีตลอด 4ถ่ายทอดการขับเคลื่อนและแรงเบรก ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากความฝืดระหว่างพื้นผิวถนนและล้อรถ ไปยังเครื่องล่างและตัวรถ 4รองรับตัวถังรถไว้บนเพลาและรักษาความสัมพันธ์ศูนย์ล้อให้ขับขี่รถปลอดภัย แนวดง่ิ แนวขวาง แนวยาว กระตกุ ผลักดนั การโคลง การกระดอน การส่าย การสนั่ การกระโดด รูปที่ 1.1 ลักษณะการเคลื่อนไหวของตัวรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากระบบสปริงหรือแหนบขณะเดินทาง (EUROPA)

งานเคร่อื งลา่ งรถยนต์ 3 1.1 ระบบรองรับแบบคานแข็งและแบบอิสระ 1 แหนบ 1.1.1 ระบบรองรับแบบคานแข็ง แกนหมนุ ลอ้ 1. คณุ ลักษณะ รูปที่ 1.2 รองรับล้อหน้าแบบไม่อิสระ ระบบรองรบั แบบคานแขง็ (Solid Axle) มใี ช้ รูปที่ 1.3 การรองรับล้อหลังแบบไม่อิสระ สำหรับการรองรับหน้าและหลังของรถบรรทุกและรถ โดยสาร การรองรับล้อหนา้ แบบคานแข็งมีคุณลักษณะ ล้อรถ ต่อไปนี้ โครงรถ แหนบ 1) จำนวนชิ้นส่วนทีป่ ระกอบมีจำนวนนอ้ ย และ เฟอื งทา้ ย ขับขีป่ กตแิ หนบโคง้ โครงสร้างเป็นแบบง่าย ดังนั้นจึงง่ายต่อการ บำรุงรกั ษา ท้ายกดลงขณะเรง่ 2) มคี วามทนทานต่อการใชง้ านหนกั 3) เมื่อเลยี้ วจะมกี ารเอียงของตวั รถเล็กน้อย ทา้ ยยกขึ้นขณะเบรก 4) ศูนย์รถเปลีย่ นแปลงนอ้ ย เนื่องจากการเคล่อื น ไหวขึ้นลงของล้อน้อย ดังนั้นยางจึงสึกหรอ นอ้ ย 5) มนี ำ้ หนกั ใตส้ ปรงิ รองรบั มากจงึ ลดความนมุ่ นวล สะดวกสบายในการขับข่ี 6) ล้อซ้ายและขวามีการเคลื่อนไหวขึ้นลงร่วมกัน การสั่นสะเทือนและการเต้น จึงเกิดข้ึนได้มาก กว่าการรองรับแบบอิสระ 2. แรงปฏกิ ริ ยิ ากับเสอ้ื เฟอื งทา้ ย 1) แรงบดิ ของเคร่อื งยนตส์ ง่ ถ่ายไปยงั ล้อ เพ่อื ขับ เคล่อื นรถยนต์ไปข้างหนา้ ตามลำดบั ตอ่ ไปน ี้ ระบบสง่ กำลัง g เพลาขบั ลอ้ g ลอ้ รถ 2) เมอ่ื มีแรงการเรง่ ขบั เคล่อื นรถและการเบรก จะ เกดิ แรงตา้ นการหมนุ ในทางตรงกนั ขา้ ม แหนบ จะมว้ นตวั รูปที่ 1.4 แรงปฏิกิริยากับเสื้อเพลาท้าย

4 งานเคร่ืองล่างรถยนต์ 1.1.2 ร(Iะnบdบepรeอnงdรeบั nแt)บบอสิ ระ 1. คณุ ลักษณะการรองรบั แบบอสิ ระ มใี ชอ้ ยา่ งกวา้ งขวางสำหรบั การรองรบั หนา้ ของรถยนต์นั่งและรถบรรทุกขนาดเล็ก และยังม ี การนำไปใช้กับการรองรับหลังสำหรับรถยนต์นั่งอีก รปู ท่ี 1.5 การรองรับแบบอิสระ ลอ้ รถอยู่บนพ้ืนสงู ต่ำต่างกัน มากมาย คุณลักษณะของระบบการรองรับแบบ อิสระ มีดังต่อไปนี้ ระบบรองรบั หลงั (Rear Suspension) (รFะrบonบtร Sอuงsรpบั enหsนio้าn ) 1) สามารถทำใหม้ นี ำ้ หนกั ใตส้ ปรงิ รองรบั ลดลง และคุณสมบัติในการเกาะถนนของล้อได้ดี ดังนั้น จึงทำใหค้ วามน่มุ นวลสะดวกสบาย ในการขบั ข่ี และมสี มรรถนะในการบงั คบั รถได้ดี ( เRบeรaกr หBลraังk e) 2) สปริงมีหน้าที่แต่เพียงรองรับตัวถังเท่านั้น ไม่ไดม้ ีหน้าทยี่ ดึ ลอ้ ใหอ้ ยใู่ นตำแหน่งบังคบั เบรกหนา้ (Front Brake) ซง่ึ หนา้ ทน่ี ก้ี ระทำโดยกา้ นตอ่ ตา่ ง ๆสามารถ รูปที่ 1.6 การรองรบั แบบอิสระ ลอ้ หน้าและลอ้ หลงั รถขับหนา้ ใชส้ ปริงที่ไม่แข็งมากได้ ชดุ พวงมาลัย 3) ไม่มีเพลาเชื่อมต่อระหว่างล้อซ้ายและขวา (Steering) จงึ สามารถทำใหพ้ น้ื รถตำ่ ลงได ้ จดุ ศนู ยถ์ ว่ ง ของรถจะต่ำลง และสามารถทำให้ห้อง โดยสารและหอ้ งเก็บสัมภาระกว้างขึ้นได้ 4) โครงสรา้ งค่อนขา้ งซบั ซอ้ น 5) ความกว้างและศูนย์ล้อมีการเปลี่ยนแปลง ไปตามการเคล่อื นไหวข้นึ ลงของล้อ ลอ้ หน้า (Front Wheel) รูปท่ี 1.7 การรองรบั แบบอิสระ ล้อหนา้ และล้อหลังรถขับหลัง 2. การรองรบั อิสระล้อหน้าและลอ้ หลัง ปีกนกบน การรองรบั ลอ้ หนา้ แบบอสิ ระมใี ชก้ บั รถนง่ั 2 แบบ คือระบบรองรับแบบโช้คอัพคำ้ ดงั รูปท ่ี 1.6- 1.7 และระบบรองรับแบบปีกนกคู่ รูปที่ 1.8 หมายเหตุ ปีกนกลา่ ง โช้คอพั เหลก็ กันโคลง แบบโช้คอัพค้ำ หรือเรียกทับศัพท์ตาม รูปที่ 1.8 ระบบรองรับแบบปีกนกคู่ ภาษาอังกฤษว่า แบบแมกเฟอร์สันสตรัต (Mcpherson Strut Type) ซ่งึ เปน็ แบบนยิ ม ใช้กนั แพรห่ ลายในรถน่งั ปัจจุบัน

งานเครอ่ื งลา่ งรถยนต์ 5 1.2 นำ้ หนกั เหนือใตส้ ปรงิ และการสน่ั สะเทือน 1 ตัวรถคือ 1.2.1 นำ้ หนกั เหนอื สปริงและน้ำหนกั นำ้ หนกั เหนอื ใต้สปริงรองรบั สปรงิ รองรับ 1. คุณลักษณะน้ำหนักเหนือสปริงและใต้สปริง ยางคอื น้ำหนกั ใต้ รองรับ สปริงรองรับ แหนบและสปริงรองรับทำหน้าที่ลดการสั่น รูปที่ 1.9 สปริงรองรับน้ำหนักรถ สะเทือน ช่วยใหก้ ารบงั คับรถได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ และขบั ขีน่ ุ่มนวล การสน่ั สะเทือนเกดิ จาก 3 แกนตัวรถ นำ้ หนกั เหนอื สปรงิ ดังรูปที่ 1.1 คอื การสา่ ย การกระดอนและการโคลง นำ้ หนกั ใต้สปรงิ การสนั่ สะเทือนจากแนวดิง่ สปรงิ เปน็ ตัวรอง รับแรงเต้นขึ้นลงให้เกิดการยืดหยุ่นระหว่างแขนโยก ลอ้ กับตัวรถ ทัง้ น้ำหนกั เหนอื สปรงิ (Sprung Weight) คือนำ้ หนักส่วนทีส่ ปริงรองรบั และนำ้ หนักใตส้ ปรงิ (Unsprung Weight) คือนำ้ หนักสว่ นท่สี ปรงิ ไมไ่ ด้ รองรับ เชน่ วงลอ้ ยางรถ เบรกและเพลา เป็นต้น ลอ้ รถจะเกาะถนนและสปรงิ จะใหค้ วามนมุ่ นวล ได้ด ี รถต้องมีน้ำหนักใต้สปรงิ น้อย ความแข็งออ่ นของ สปริงหรือสปรงิ รองรบั เป็นโลหะมขี นาดคงท่ี รูปที่ 1.10 คลื่นน้ำหนักเหนือสปริงและใต้สปริงรองรับ 2. นำ้ หนกั เหนอื สปรงิ ยง่ิ มากยง่ิ ลดการสน่ั สะเทอื น น้ำหนัก การมีน้ำหนักเหนือสปริงมากกว่าจะทำให้เกิด เหนือสปริง ความสะดวกสบายในการขบั ขไ่ี ดด้ กี วา่ เพราะนำ้ หนกั ที่ รองรับมากการเหว่ียงตัวกระแทกของตัวถังรถจะลดลง สปริง ในทางกลบั กนั ถ้าน้ำหนกั ใต้สปริงมีมากการกระแทก ตวั ของตวั ถงั จะเกดิ ขน้ึ ได้งา่ ย นำ้ หนกั ใต้สปริง ยางรถ การสน่ั สะเทอื นและการกระแทกของชน้ิ สว่ น เหนอื สปรงิ รองรบั ของรถยนต ์ โดยเฉพาะตวั ถงั มผี ลตอ่ ความสะดวกสบายในการขับขีเ่ ปน็ อย่างยง่ิ รูปที่ 1.11 น้ำหนักเหนือสปริงยิ่งมากยิ่งลดการสั่นสะเทือน

6 งานเคร่ืองลา่ งรถยนต์ 1.2.2 การส่นั สะเทือนของน้ำหนักเหนอื สปรงิ รองรับ รูปท่ี 1.12 การกระดอนแนวยาวของตัวรถ รปู ที่ 1.13 การโคลงของตัวรถ 1. การกระดอนแนวยาวของตวั รถ (Pitching) รปู ที่ 1.14 การกระโดดของตัวรถ รปู ท่ี 1.15 การสา่ ยของตวั รถ การกระดอนของตัวรถ คือการสัน่ สะเทือนขน้ึ หรือลงของตัวรถด้านหนา้ และหลงั โดยสมั พันธก์ ับจดุ ศนู ยถ์ ว่ งของตัวรถ อาการนีเ้ กดิ ขนึ้ เมื่อใช้รถยนต์ไปบน ถนนท่เี ป็นรอ่ งหรือการกระแทก และเมื่อเคล่ือนไปบน ถนนที่ไม่ได้ลาดยางและเต็มไปด้วยหลุมบ่อ อาการ กระดอนนี้เกิดขึ้นได้มากในรถยนต์ที่มีสปริงหรือแหนบ แข็ง 2. การโคลงของตวั รถ (Rolling) เมื่อเลี้ยวหรือเมื่อใช้รถยนต์บนถนนที่เป็น หลุมบอ่ สปรงิ ดา้ นหนึง่ ของรถยนตจ์ ะยดึ ตัวในขณะที่ อีกด้านหนึ่งจะยุบตัว สาเหตุนี้จะทำให้ตัวถังเกิดการ โคลงทางด้านข้าง คือเอียงข้างเมื่อเลี้ยวโค้ง 3. การกระโดดของตวั รถ (Bouncing) การกระโดด คือการเคลื่อนไหวขึ้นและลง ของตัวถังรถยนตท์ งั้ คัน เม่อื ใชร้ ถด้วยความเรว็ สูงบน ถนนทม่ี ีผวิ ไม่ราบเรียบ การกระโดดนี้จะเกิดข้นึ โดยงา่ ย เม่ือใชส้ ปรงิ หรือแหนบอ่อน ขอ้ ควรจำ รถกระโดดมากถ้าโช้คอพั ไมด่ ี 4. การส่ายของตัวรถ (Yawing) การส่าย คือการเคลื่อนไหวของตัวรถไปทาง ซา้ ยและขวา ตามเส้นผ่านศูนย์แนวด่งิ โดยสัมพนั ธ์ กบั จดุ ศูนยถ์ ว่ งของรถบนถนน เมื่อเกดิ อาการกระดอน จะเกิดอาการสา่ ยไปพร้อมกัน

การเต้น งานเครื่องลา่ งรถยนต์ 7 การกระดอน การมัวนตวั 11.2.3 การสนั่ สะเทอื นของนำ้ หนกั ใตส้ ปริงและการกระแทกท้าย รูปที่ 1.16 การเต้นของตัวรถ 1. การเต้นของตวั รถ (Hopping) รูปที่ 1.17 การกระดอนแนวขวางของตัวรถ การเต้น คือการเตน้ ขนึ้ และลงของล้อ ซึ่งจะเกิดข้ึนบนถนนท่ีเป็นลูกคลื่นในขณะขับขี่ ทคี่ วามเร็วปานกลางและความเรว็ สงู ขอ้ ควรจำ เพือ่ จำกดั ระยะการเต้น จงึ ตดิ ตั้งยางกัน กระแทก (Bumper) 2. การกระดอนแนวขวางของตัวรถ (Tramping) การกระดอน คือการเตน้ ขึ้นและลง ในทศิ ทางตรงกนั ข้ามของล้อรถดา้ นซ้ายและขวา เปน็ เหตุใหล้ อ้ เกิดการเต้นบนผวิ ถนน อาการนี ้ จะเกิดข้ึนโดยงา่ ยในรถยนต์ ซง่ึ ใชร้ ะบบรองรับ แบบคานแข็ง 3. การม้วนตัวของตัวรถ (Wind-up) การม้วนตัว คือการบิดตัวที่แหนบ พยายามที่จะม้วนตัวเองรอบเพลา เนื่องจาก แรงขบั เคลอื่ นผลกั ดนั จากเพลากลาง จะเกดิ ข้นึ มากเมือ่ เร่มิ ออกรถ รูปที่ 1.18 รถม้วนตัวของตัวรถ 4. การกระแทกท้ายของตัวรถ (Bottoming) รูปที่ 1.19 รถกระแทกท้ายของตัวรถ การกระแทกทา้ ย เกดิ ขนึ้ เม่อื มกี ารเต้น กระแทกบนปกี นกตวั ลา่ ง หรอื เพลากบั โครงรถ เพราะสปริงถูกกดลงจนเกินขีดจำกัดของสปริง หรือเมื่อระบบรองรับรับภาระมากเกินไป เช่น เมอื่ มสี ัมภาระในห้องเกบ็ ของมาก

8 งานเครือ่ งล่างรถยนต์ 1.3 การรองรับรถยนตด์ ้วยสปรงิ รองรับ 1.3.1 หนา้ ที่แหนบและสปริงรองรบั ระบบรองรับรถยนตร์ ุน่ ใหม่ ๆ ส่วนใหญ่แลว้ ใชห้ ลกั การเดียวกัน แม้วิธีการออกแบบคงจะแตกต่าง กันไปบ้างก็ตาม เมื่อดูโดยรวมจะคล้าย ๆ กันนั่นเอง ซึ่งให้ผลในการยึดเกาะถนนมากขึ้น มีความนิ่มนวล หนา้ ยางสมั ผัสถนนได้เตม็ ที่ขณะเลี้ยวโคง้ ช่วยใหก้ ารทรงตวั ของรถและการบังคบั รถทันใจมากข้ึน การออกแบบระบบรองรบั ดว้ ยสปรงิ รองรบั ไมใ่ ชส่ ตู รตายตวั หรอื สตู รสำเรจ็ ผอู้ อกแบบจะออกแบบ การรบั แรงในแต่ละจดุ ของตัวรถแตกตา่ งกันไป บางครง้ั การออกแบบระหวา่ งสปริงกบั โช้คอัพ อาจจะไมไ่ ด้ อยทู่ ีเ่ ดียวกนั แต่อย่ใู นตำแหน่งท่ใี กล้กนั และทำงานรว่ มกนั แตผ่ ลสรปุ ตอ้ งออกมาดีและพอใจกบั คุณภาพท ี่ ได้ เมื่อทกุ อยา่ งลงตวั คุณภาพตอ้ งดี ขบั ขีส่ บายและปลอดภยั กว่าที่จะได้ใช้รถดี ๆ เป็นผลจากความคิดสร้างสรรค์ของวิศวกรยานยนต์ ซึ่งเริ่มต้นจากการพัฒนา เพอ่ื ใหไ้ ดส้ ง่ิ ทด่ี ที ส่ี ดุ ความนมุ่ นวลทเ่ี กดิ ขน้ึ ในขณะทน่ี ง่ั อยใู่ นรถ การทรงตวั ในทางโคง้ ชว่ งลา่ งทด่ี จี ะทำใหเ้ กดิ ความมน่ั ใจ โดยเฉพาะแหนบและสปรงิ รองรบั กเ็ ปน็ สว่ นหนง่ึ ทร่ี วมอยใู่ นระบบกนั สะเทอื น แหนบและสปรงิ รองรับตอ้ งมนี ำ้ หนักน้อยที่สดุ มีหน้าทีด่ ังตอ่ ไปนี้ 1) รองรบั น้ำหนักทงั้ คนั รถ 2) รองรับแรงมวลจลน์ 3) รองรบั แรงกระแทกเปลี่ยนเปน็ คลน่ื สน่ั สะเทอื นออกไปชา้ ๆ 4) กำจดั การกระดอนและการโคลงตัว สมดุลใหก้ ลับทรงตัวสภาพปกติ 5) ช่วยใหร้ ถเกาะถนนได้ดี 6) รักษาระดบั ตวั รถใหพ้ นื้ รถหา่ งผวิ ถนนคงท่ี รูปที่ 1.20 ส่วนประกอบรถยนต์ใช้สปริงรองรับ (EUROPA)

งานเครอื่ งลา่ งรถยนต์ 9 1.3.2 การยดื หยุ่นของสปรงิ รองรบั 1 ปล่อย ถ้ามีแรงไปกระทำต่อวัตถุที่ทำจากวัสดุ เช่น ลูกโป่ง จะเกิดแรงเค้น (การบิดเบี้ยว) ขึ้น ลกู โป่ง มือกด ในวัตถุนั้น เมื่อเอาแรงนั้นออก ความเค้นก็จะ หายไป และวัตถนุ ั้นจะคืนกลบั รูปทรงเดิม เรยี ก รูปที่ 1.21 แรงกระทำต่อลูกโป่ง เม่อื ปล่อยกก็ ลับ คุณสมบัติชนิดนี้ว่า ความยืดหยุ่น แหนบและ สปรงิ ของรถยนตใ์ ชห้ ลกั การความยดื หยนุ่ น ้ี เพอ่ื รองรับตัวถังและอาการส่ันสะเทือนของรถจาก พื้นผิวถนน และทำการสะสมพลังงานที่ถูก กระทำให้เกดิ ข้ึน โดยเก็บความเคน้ ไว้ชวั่ คราว ความถี่ค ่ลืน แหนบสะสมพลังงานตามการโค้งงอ สปรงิ ขดหรอื ทอรช์ นั บารส์ ะสมพลงั งานดว้ ยการ บดิ ตวั พลังงานนีจ้ ะสลายตวั ออกไปเม่อื สปรงิ คืนกลับไปสสู่ ถานะตามปกติ รูปท่ี 1.22 สปรงิ สะสมพลงั งานและสลายออกไปในชว่ งเวลา t รปู ที่ 1.23 การเต้นของสปรงิ รถยนต์รุนแรงและสลายตวั ไปในทส่ี ุด (TOYOTA) 1.3.3 การเตน้ ของสปริง เมอ่ื ลอ้ รถยนตก์ ระทบกบั สง่ิ กดี ขวาง สปรงิ ของรถยนตจ์ ะถกู กดอยา่ งรวดเรว็ สปรงิ แตล่ ะตวั พยายาม ทจ่ี ะคืนกลบั ไปยงั สภาพเดิม เป็นการยกตวั ถังของรถยนตใ์ หก้ ระเด้งขึน้ เมอ่ื สปรงิ มกี ารสะสมพลังงานไวใ้ น ขณะถูกกดลง สปริงจึงกระเดง้ ขน้ึ จนเลยระยะความยาวปกติของสปรงิ เพอ่ื สลายพลังงานนนั้ ออกไป ถ้าการ เต้นขนึ้ ลงน้ถี กู ปลอ่ ยไม่มีการควบคุม จะเปน็ เหตใุ หไ้ ม่เพียงแตก่ ารขับขไ่ี มส่ ะดวกสบายเทา่ น้ัน แตย่ งั นำไปส ู่ ความไม่มีเสถยี รภาพในการควบคุมด้วยเชน่ เดียวกัน เพือ่ ป้องกนั สาเหตุนจ้ี ึงตอ้ งจัดใหม้ โี ชค้ อพั

10 งานเครือ่ งล่างรถยนต์ 1.4 ระบบรองรบั รถยนตด์ ว้ ยแหนบและยางกันสะเทือน 1.4.1 ระบบรองรบั รถยนตด์ ้วยแหนบ โตงเตงหูแหนบ โชค้ อพั โตงเตงหแู หนบ ยางกนั กระแทก ชดุ แหนบ สาแหรกแหนบ เฟืองท้าย หแู หนบ รปู ท่ี 1.24 ระบบรองรบั รถยนต์ดว้ ยแหนบและยางกันสะเทอื น แหนบเสริมสำหรบั ทำใหแ้ หนบแขง็ 1. ส่วนประกอบของแหนบ (Leaf Spring) หแู หนบสำหรับ แหนบทำจากเหล็กสปริงรูปแบบโค้งท่ี หแู หนบสำหรบั ยึด ยึดโตงเตง เรียกว่าแผ่นแหนบ จำนวนหลายแผ่นวางซ้อนเข้า ตัวถงั รถ ดว้ ยกันตามลำดบั จากสน้ั ท่ีสุดไปถึงยาวท่สี ดุ แผ่น แหนบที่ซ้อนกันอยู่ยึดเข้ารวมกันที่จุดศูนย์กลาง ปลอกสำหรับยึด ของแผน่ แหนบดว้ ยสกรหู รือหมุดยำ้ ทเ่ี รยี กว่า แผ่นแหนบเขา้ ดว้ ยกัน สะดือแแหนบ (Center Bolt) และเพอื่ ปอ้ งกันแผ่น แหนบเลอ่ื นหลดุ ออกจากกัน จะมปี ลอกรัดแผ่น รูปที่ 1.25 ส่วนประกอบของแหนบ แหนบไวอ้ ยู่หลายอนั ด้วย ปลายทงั้ 2 ดา้ นของ แผน่ ที่ยาวท่ีสดุ (แผ่นหลกั ) ม้วนงอเปน็ รปู ทรง โครงรถ โตงเตงหูแหนบ กระบอกเรยี กวา่ หแู หนบ เพอ่ื ใชย้ ดึ ตดิ กบั โครงรถ หรอื คานรถ สะดอื แหนบ 2. โตงเตงหูแหนบ (Spring Shackle) หูแหนบ ปลอกรดั โตงเตงหูแหนบทำหน้าที่ส่งถ่ายน้ำหนัก รปู ที่ 1.26 โตงเตงหูแหนบ และการสั่นสะเทือนจากสปริงแหนบ เมื่อแหนบ ได้รับน้ำหนักจะยืดตัวออก แต่ถ้าหูแหนบถูก ยึดตาย จะทำให้การโค้งงอเป็นสปริงของแหนบ หมดไป ตอ้ งใสห่ แู หนบเพอ่ื สมดลุ ความยาวแหนบ

งานเครือ่ งลา่ งรถยนต์ 11 ความโค้งเดยี่ ว 3. ความโคง้ ของแหนบ 1 ความโค้งรวม เม่อื แหนบเกดิ การยืดหยุ่น ความโคง้ รูปที่ 1.27 ความโคง้ ของแหนบ จะเป็นเหตุให้แหนบแต่ละแผ่นขัดสีซ่ึงกันและ กัน ความฝึดที่เกิดจากการขัดสีจะสลายการ เต้นของแหนบอย่างรวดเร็ว ความฝดื นเี้ รยี กวา่ ความฝืดระหว่างแผน่ เปน็ คณุ สมบตั ทิ ี่สำคญั มากที่สุดของแหนบ อย่างไรก็ตาม ความฝืดนี้ เป็นเหตุให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ลดลง ด้วย เพราะเป็นตวั ป้องกันความยดื หยุน่ ตัวได้ โดยงา่ ยของแหนบ ดังนั้น แหนบจงึ ใช้กบั รถ บรรทกุ เปน็ สว่ นใหญ่ รับภาระ 4. อัตราแหนบคืนตัว อัตราท่แี หนบคืนตัวกลับไปส่ตู ำแหน่ง เดมิ เมื่อภาระบนตัวแหนบลดลงจะแตกต่าง จากอตั ราทซ่ี ง่ึ แหนบหยนุ่ ตวั ลงเมอ่ื มภี าระกระทำ ตอ่ แหนบ ความแตกตา่ งนเี้ นื่องจากความฝดื ระหวา่ งแผ่น ดงั กราฟในรปู ท ี่ 1.28 การโค้งงอ 5. การสลายการสั่นสะเทือน รปู ที่ 1.28 กราฟอัตราแหนบคืนตัว แหนบรถยนต์นั่งต้องทำให้มีความ รปู ที่ 1.29 การสลายการส่นั สะเทือน นมุ่ นวล เพือ่ ให้ความสะดวกสบายในการขับข ี่ มากขน้ึ โดยการสอดแผน่ เกบ็ เสยี งเขา้ ไวร้ ะหวา่ ง แผ่นแหนบ หรอื ทำใหป้ ลายแผ่นแหนบเรยี ว เพ่อื ลดความฝดื ระหวา่ งแผ่น โดยทว่ั ไปแลว้ แหนบทม่ี คี วามยาวมาก จะมคี วามนม่ิ นวลมาก และแหนบทม่ี จี ำนวน แผ่นมากกว่าจะสามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า แตใ่ นทางตรงขา้ ม จะทำใหแ้ หนบแขง็ ขน้ึ และ ความสะดวกสบายในการขบั ขล่ี ดนอ้ ยลง

12 งานเคร่อื งล่างรถยนต์ 6. แหนบหลักและแหนบช่วย แหนบช่วย รถบรรทุกและรถยนตอ์ ่ืน ๆ ท่ีมีนำ้ หนกั แหนบหลกั บรรทุกที่ไม่แน่นอน จะมีการใช้แหนบช่วย แหนบชว่ ยตดิ ตงั้ อย่เู หนือแหนบหลัก เม่ือมกี าร บรรทกุ นอ้ ย แหนบหลักทำงานเพยี งอย่างเดียว แตเ่ มื่อบรรทุกมากเกนิ กวา่ คา่ ทกี่ ำหนด ทง้ั แหนบ หลกั และแหนบช่วยจะทำงานร่วมกนั รับภาระรูปที่ 1.30 แหนบหลกั และแหนบช่วย 7. คุณสมบัติของแหนบ แหนบหลกั แหนบช่วย 1) โดยตัวแหนบเองแล้ว แหนบจะทำ การโคง้ งอ หนา้ ทย่ี ดึ เพลาใหอ้ ยใู่ นตำแหนง่ ทถ่ี กู ตอ้ ง รูปท่ี 1.31 กราฟการรบั ภาระของแหนบหลักและแหนบช่วย จงึ ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งมแี ขนควบคมุ (Link Rod) หรือเหล็กหนวดกุ้ง (Strut Bar) บุชยาง 2) ทำหน้าที่ควบคุมการเต้นของตัวแหนบ บุชยาง เอง โดยความฝดื ระหวา่ งแผน่ รปู ท่ี 1.32 ยางกันสะเทอื น 3) มีอายุการใช้งานเพียงพอสำหรับการ บรรทกุ หนกั อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 4) มคี วามคงทนสงู 1.4.2 ยางกันสะเทือน ยางกนั สะเทอื นจะสลายการสน่ั สะเทอื น ผ่านทางความฝืดภายในท่เี กดิ ข้ึน เมือ่ ยางมกี าร บดิ เบย้ี วโดยแรงภายนอก ขอ้ ดขี องยางกนั สะเทอื น คอื 1) สามารถผลติ ตามรูปแบบท่ตี อ้ งการ 2) มคี วามเงียบในขณะใชง้ าน 3) ไม่จำเป็นต้องมกี ารหลอ่ ลื่น ยางกันสะเทือนไม่เหมาะสำหรับใช้ใน การรองรบั นำ้ หนักมาก ดงั นั้น ยางกนั สะเทอื น จงึ ใชเ้ ปน็ ตัวช่วย เชน่ เปน็ บชุ และตวั กันกระแทก (Bumper) เป็นตน้

งานเครอ่ื งลา่ งรถยนต์ 13 1.5 ระบบรองรบั รถยนต์ดว้ ยสปรงิ ขดและทอรช์ นั บาร์ แท่งสปริง 1.5.1 ระบบรองรับรถยนตด์ ้วยสปรงิ ขด (Coil Spring Type) สปรงิ ขดสมมาตร รปู ที่ 1.33 แท่งสปรงิ และสปริงขดสมมาตร 1. สว่ นประกอบของสปรงิ ขด สปรงิ ขดทำขน้ึ จากแทง่ เหลก็ สปรงิ ขน้ึ รปู เปน็ ขด เม่อื มภี าระไปกระทำต่อขดสปรงิ เหลก็ สปรงิ ทง้ั หมดจะบดิ ตวั ไป เปน็ การยบุ ตวั ของสปรงิ สปริงขดติดตั้งไว้ระหว่างปีกนกตัวล่างหรือเพลา และโครงรถโดยผา่ นยางรอง (แหวนยางลดเสยี งดงั ) ความยาว (ม.) 2. สปริงขดสมมาตร (Symmetrical) สปรงิ ขดสมมาตร คอื สปรงิ ขดทม่ี คี วาม โตและระยะพติ ชข์ ดสปรงิ คงท ่ี การยดื หยนุ่ ตวั ของ สปรงิ ขดสมมาตรเปน็ สดั สว่ นโดยตรงกบั ภาระทไ่ี ด้ รบั ถา้ ใชส้ ปรงิ ออ่ นจะรองรบั ภาระไมพ่ อ หาก ใชส้ ปรงิ แขง็ เมอ่ื มภี าระนอ้ ยขบั ขไ่ี มน่ ม่ิ นวล จงึ ไดก้ ราฟเปน็ เสน้ ตรง (Linear Characteristics) รปู ที่ 1.34 สปรงิ ขดสมมาตรรับภาระ 3. สปริงขดไม่สมมาตร (Assymmetrical) ความยาว (ม.) สปริงขดไม่สมมาตร อาจเป็นสปริงที่มี รปู ที่ 1.35 กราฟสปริงขดทรงกรวย ระยะพิตชข์ ดสปรงิ ไมค่ งที่ หรอื สปรงิ เปน็ รปู ทรง กรวย (ดังรูป) เพอื่ ให้สปริงส่วนทม่ี รี ะยะพิตชข์ ด สปรงิ นอ้ ย หรอื ส่วนทีเ่ ปน็ ฐานกรวยยุบตัวและ สลายการสนั่ สะเทือนภายใต้ภาระนอ้ ย ในทาง ตรงข้าม ส่วนอน่ื รบั ภาระหนกั เพราะมคี วามแข็ง มากกว่า จึงได้กราฟเป็นเส้นโค้ง (Progressive Characteristic)

14 งานเครอ่ื งล่างรถยนต์ ภาระ ภาระ 4. คุณสมบัตขิ องสปริงขด รูปที่ 1.36 สปรงิ ขดสมมาตรรับภาระัรบภาระ 1) อัตราการสลายพลังงานต่อหน่วย กราฟสปริงขดไม่สมมาตร นำ้ หนกั จะดกี วา่ เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั แหนบ กราฟสปรงิ ขดสมมาตร 2) สามารถออกแบบให้สปริงมคี วาม การโค้งงอ ยดื หยนุ่ ได้ รูปท่ี 1.37 การรับภาระของสปริงขดสมมาตรและไมส่ มมาตร 3) ไม่มีความฝืดระหว่างแผ่นเหมือน แหนบ จงึ ไมม่ กี ารควบคมุ การเตน้ รปู ที่ 1.38 เปรยี บเทยี บทอร์ชันบาร์ต้านแรงบดิ โดยตวั ของสปรงิ เอง 4) ไมม่ ีการตา้ นทานแรงในแนวขวาง จงึ จำเปน็ ตอ้ งมกี ลไกกา้ นตอ่ เพอ่ื รองรบั เพลา เชน่ ปกี นก แขน ควบคมุ และเหลก็ หนวดกงุ้ 1.5.2 ระบบรองรับรถยนตด์ ว้ ย ทอร์ชันบาร ์ (Torsion Bar) 1. ส่วนประกอบทอร์ชันบาร์ ทอร์ชันบาร ์ คอื แทง่ เหลก็ สปริง ซ่ึงใช้คุณสมบัติการยืดหยุ่นตัวตามแรงบิด ไปต้านการบิดตัว ปลายด้านหนึ่งของ ทอร์ชันบาร์ยึดเก่ียวอยู่กับโครงรถหรือคาน ของตวั ถงั และปลายดา้ นตรงขา้ มคอื ปกี นก ยดึ อยกู่ บั สว่ นประกอบทร่ี บั ภาระของรถยนต์ โชค้ อัพ ปกี นกตัวบน ทอรช์ ันบาร ์ 2. คุณสมบัติของทอร์ชันบาร์ ขายึด 1) อัตราการสลายพลังงานต่อหน่วย น้ำหนักดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับ สปริงแบบอื่น ๆ จึงทำให้ระบบ รองรับเบาขนึ้ ได้ เหลก็ กนั โคลง 2) โครงสร้างของระบบรองรับเป็น แบบงา่ ย ๆ 3) ทอรช์ นั บารไ์ มส่ ามารถควบคมุ การ ปกี นกตัวล่าง เหลก็ หนวดกงุ้ เตน้ ดว้ ยตนเองไดเ้ ชน่ เดยี วกบั สปรงิ ขด จงึ จำเปน็ ตอ้ งใชค้ วบคกู่ นั กบั รูปท่ี 1.39 ระบบรองรบั รถยนต์ดว้ ยทอรช์ ันบาร์ โชค้ อพั

แบบฝกึ กจิ กรรมท ่ี 1 เรอ่ื ง ระบบรองรับรถยนต์ด้วยสปรงิ และแหนบ ตอนท่ ี 1 จงเติมขอ้ ความลงในชอ่ งว่างให้ถกู ตอ้ ง 1. แหนบรถยนตม์ หี นา้ ทีส่ ำคัญ 6 ข้อ คอื อะไร 1) ................................................................................ 2) ................................................................................ 3) ...................................................................................... 4) ................................................................................ 5) ................................................................................ 6) ...................................................................................... 2. เปรยี บเทยี บแหนบและสปรงิ รองรับรถยนต์ การเลือกใช้ตอ้ งพจิ ารณาถงึ นำ้ หนัก เนอ้ื ท ี่ ความแข็ง รับแรงแนวยาว-แนวขวาง ยดื หยนุ่ ทนส่ิงแวดลอ้ ม การ บำรุงรักษาและราคา ซึง่ มขี ้อดขี ้อเสียตอ่ การใชง้ านดังน้ี ลักษณะ ประเภท ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ข้อดี ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ขอ้ เสีย ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... งานเคร่อื งล่างรถยนต์ 15 ใช้งาน ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ...................................................

16 งานเคร่อื งลา่ งรถยนต์ ตอนที่ 2 จงทำเคร่ืองหมายถกู ( P) ลงหน้าข้อความท่ีถกู ตอ้ งที่สดุ 1. แหนบทย่ี าวทสี่ ุด คอื แผ่นใด 6. การบิดตัวของทอรช์ นั บาร์เหมือนกับอะไร ก. แผ่นอนั บน ข. แผ่นอันล่าง ก. แหนบแผน่ ข. สปรงิ ขด ค. แหนบทั้งบนและลา่ ง ง. แหนบแผ่นอนั กลาง ค. หมอนลม ง. ยาง 2. ดา้ นหน้าของหแู หนบยึดอยู่กับอะไร 7. ขอ้ ดขี องทอรช์ ันบาร์ประการหน่ึงคืออะไร ก. โครงรถดว้ ยสลัก ก. ถอดเปลย่ี นได ้ ข. ซอ่ มไดง้ า่ ย ข. โครงรถด้วยโตงเตง ค. ไมม่ กี ารหกั ง. ปรบั แตง่ ได้ ค. โครงรถด้วยสลกั ยู 8. ขณะท่รี ถเล้ียวซ้าย สปรงิ รองรบั ด้าน ง. โครงรถด้วยสาแหรกแหนบ ขวามือจะเป็นอยา่ งไร 3. สะดอื แหนบของสปรงิ แหนบมีหน้าทอ่ี ย่างไร ก. ยืดตัว ข. ยุบตัว ก. ลดความฝดื ระหวา่ งแผ่นแหนบแต่ละแผน่ ค. คงตัว ง. ไม่มขี อ้ ใดถกู ข. ดดู กลนื อาการเตน้ และปอ้ งกนั การเกดิ ชอ่ งวา่ งของแผน่ 9. นำ้ หนักเหนือสปรงิ รองรบั มมี าก มผี ลอะไร ค. ป้องกนั ไม่ให้แผน่ แหนบเกดิ การเล่ือนหลดุ ก. ยางรถคงทน ง. ส่งถา่ ยน้ำหนักและการส่นั สะเทือน ข. เกดิ การกระแทกตัวงา่ ย 4. ถ้าติดตงั้ สปริงขดไวบ้ นปกี นกอันบน ปลายอกี ดา้ น ค. สะดวกสบายในการขบั ข่ี หนึง่ ของสปรงิ ขดจะยึดอยกู่ ับอะไร ง. สะดวกสบายในการบังคับเลี้ยว ก. ใตโ้ ครงรถ ข. เบา้ รองรับตอ่ จากโครงรถ 10. น้ำหนกั ใตส้ ปริงรองรบั มมี าก มีผลอะไร ค. ใตต้ ัวรถ ง. เบ้าปีกนก ก. ยางรถคงทน 5. ปลายดา้ นในของทอร์ชันบาร์ยึดอยู่กับอะไร ข. เกิดการกระแทกตวั งา่ ย ก. ปีกนกอนั บน ข. แกนลอ้ ค. สะดวกสบายในการขบั ขี่ ค. ปีกนกอนั ลา่ ง ง. โครงรถ ง. สะดวกสบายในการบงั คับเลี้ยว ตอนที ่ 3 จงตอบคำถามต่อไปน้ีใหไ้ ด้ใจความสมบรู ณ์ 1. จงเขียนหน้าที่ระบบรองรับมา 3 ข้อ 2. น้ำหนักที่สปริงรองรับและน้ำหนักที่สปริงไม่รองรับหมายถึงอะไร 3. จงเขียนคุณสมบัติของสปริงขดมา 4 ข้อ 4. จงเขียนข้อดีของทอร์ชันบาร์มา 2 ข้อ 5. จงสเกตช์รูปแหนบ - สปริง และทอร์ชันบาร์มาอย่างละ 1 รูป

2 งานเครื่องลา่ งรถยนต์ 17 การกนั โคลงรถและลกู หมากปกี นก สาระการเรียนรู้ 2.1 หนา้ ท่ีและการบดิ ตัวเหลก็ กนั โคลงรถ 2.2 หนา้ ท่เี หลก็ หนวดก้งุ และแขนควบคมุ 2.3 หน้าทแ่ี ละประเภทลกู หมากปกี นก 2.4 การตรวจสภาพลูกหมากปกี นก 2.5 การโคลงตัวท่เี กิดจากการบงั คบั เลย้ี วรถ 2.6 การโคลงตวั มีผลกระทบตอ่ การบงั คับเลยี้ ว ผลการเรยี นรูท้ ่ีคาดหวงั 1. อธิบายหน้าทแี่ ละการบิดตัวเหล็กกันโคลงรถได้ 2. อธบิ ายหน้าท่ีเหล็กหนวดกุ้งและแขนควบคุมได้ 3. อธบิ ายหนา้ ที่และประเภทลูกหมากปีกนกได้ 4. ปฏบิ ตั ิการตรวจสภาพลกู หมากปกี นกได้ 5. อธิบายการโคลงตัวทเี่ กิดจากการบังคับเล้ียวรถได้ 6. อธบิ ายการโคลงตัวมีผลกระทบต่อการบงั คับเลยี้ วได้ 7. เพ่อื ให้มกี ิจนิสัยในการทำงานด้วยความเป็นระเบียบเรียบรอ้ ย ประณีต รอบคอบและตระหนกั ถงึ ความปลอดภยั

18 งานเครือ่ งลา่ งรถยนต์ 2 การกนั โคลงรถ และลกู หมากปกี นก บทนำ รถยนตจ์ ะมีการเคลอื่ นไหวขน้ึ ๆ ลง ๆ เนอ่ื งจากการกระดอนและการกระโดดของตวั รถอยู่ตลอด เวลา พรอ้ มกนั น้ี สปรงิ มีการยืดและยุบตวั ซำ้ ๆ กัน บชุ ก้านตอ่ ระบบรองรับตา่ ง ๆ มีการบดิ เบ้ยี วตวั อยู่ ตลอดเวลาเชน่ เดยี วกนั ดว้ ยเหตนุ ้ี จงึ ทำใหล้ อ้ รถมกี ารเคลอ่ื นไหวอยา่ งซบั ซอ้ นตามการบดิ เบย้ี วตวั ของสปรงิ และบชุ การเคลือ่ นไหวนจี้ ะตา่ งกนั ตามชนดิ ของกลไกกา้ นตอ่ ของเคร่ืองลา่ ง จึงต้องมกี ลไกการกนั โคลงรถ ถา้ ใชเ้ พียงแต่สปรงิ ทีอ่ อ่ นตวั เพ่ือความสะดวกสบายในการขบั ขี่ ตวั ถังรถจะเอยี งออกมากเกินไป ในขณะเลี้ยวโค้ง เน่อื งจากแรงเหว่ยี งหนศี นู ยก์ ลางในรถยนต์ โดยเฉพาะระบบรองรบั อสิ ระจะเกดิ โคลงมาก ดังนั้นจึงต้องจัดให้มีเหล็กกันโคลง เพื่อใช้ลดการโคลงตัวถังรถในขณะเลี้ยว ให้เหลือน้อยที่สุดและทำให้ ล้อรถเกาะถนนดีขนึ้ ด้วย ท่อน้ำมันเบรก แป้นยึด คานหน้า โช้คอัพค้ำ ลูกหมากปีกนกล่าง เหล็กหนวดกุ้ง บชุ ยาง ยางกนั สะเทือน ประกบั เหล็กกนั โคลง รูปท่ี 2.1 ระบบรองรับหนา้ รถแบบโช้คอัพคำ้ ใชล้ ูกหมากปีกนกล่างและเหลก็ กันโคลง (TOYOTA)

งานเคร่ืองล่างรถยนต์ 19 2.1 หนา้ ทแ่ี ละการบดิ ตวั เหลก็ กนั โคลงรถ 1. หนา้ ที่เหล็กกนั โคลงรถ (Stabilizer) 2 เหล็กกันโคลงทำหน้าท่ีรักษาระดับของตัว รถขณะเลย้ี ว เพือ่ รกั ษาสมรรถนะการยดึ เกาะถนน ของยางรถ โดยปลายทงั้ คู่ของเหลก็ กันโคลงยดึ กับ ปกี นกตวั ล่างทั้งคูร่ องรบั ด้วยบชุ ยาง ตรงกลางเหล็ก กนั โคลงยึดตดิ กับโครงรถรองรบั ด้วยบชุ ยาง 2. การบิดตัวเหลก็ กันโคลงรถ รปู ที่ 2.2 รถโคลงเมื่อเลี้ยวโคง้ ตามแรง F และ G หากล้อด้านซ้ายและขวา (ปลายเหล็กกัน รูปที่ 2.3 แสดงการบิดตวั ของเหลก็ กนั โคลงรถ โคลงด้านซ้ายและขวา) ขึ้นลงในเวลาเดียวกัน ใน ปีกนกตัวล่าง ทิศทางเดียวกันและในขนาดทเ่ี ทา่ กัน จะไม่มคี วาม เหล็กกนั โคลง ตา้ นทานในการบดิ ตัวเกิดขน้ึ แต่เมื่อขบั ขร่ี ถยนตไ์ ปในเสน้ ทางโคง้ แรง เหวย่ี งหนศี นู ยก์ ลางจะเปน็ เหตใุ หร้ ถพยายามทจ่ี ะหนี แนวในเสน้ ตรง ดงั นน้ั สว่ นบนของตวั รถจงึ เอยี งออก จนเหน็ ได ้ การเอยี งออกนเ้ี รยี กวา่ การโคลงตวั ถงั เม่อื เกิดการเอียงของตวั ถงั ขนึ้ จะมีน้ำหนกั ไปกระทำ ตอ่ สปรงิ หน้า ดังนัน้ ปกี นกตัวลา่ งด้านนอกจงึ หมุน ขนึ้ พร้อมกบั ยกปลายเหล็กกันโคลงขน้ึ ไปพรอ้ มกนั ในทางตรงกันข้ามจะมีน้ำหนักไปกระทำ ตอ่ สปรงิ ดา้ นในนอ้ ยลง ดงั นั้นสปรงิ จึงขยายตวั ออก เป็นเหตุให้ปีกนกตัวล่างด้านในหมุนลง ซึ่งทำให้ ปลายเหลก็ กนั โคลงด้านในถกู กดลงไปด้วย เม่ือปลายเหล็กกันโคลงด้านนอกถูกยกขึ้น โดยปีกนกตวั ล่างด้านนอก ในขณะที่ปลายด้านใน ถกู กดลง โดยปกี นกตัวล่างด้านใน เหลก็ กนั โคลง จึงบิดตัว อย่างไรก็ตาม เหล็กกันโคลงจะมีความ ตา้ นทานในการบิดตัว เพราะวา่ ทำมาจากเหลก็ สปรงิ ดงั น้ันจึงตา้ นการเอียงออกตวั รถบนทางโคง้ หมาย ความว่าจะมีการเอียงของตัวถังรถน้อยกว่าท่ีจะเป็น เม่อื ไม่มเี หลก็ กนั โคลง รูปที่ 2.4 การบิดตัวของเหลก็ กนั โคลงระบบรองรับหน้ารถ

20 งานเครอื่ งลา่ งรถยนต์ 2.2 หนา้ ท่เี หล็กหนวดก้งุ และแขนควบคมุ 1. เหล็กหนวดกุ้ง (Strut Bar) โครงรถ เหล็กหนวดกุ้งเป็นตัวยึดปลายปีกนก กับโครงรถของระบบรองรับหน้า เพื่อปอ้ งกนั ปลายปีกนกเหว่ียงไปข้างหน้าหรือข้างหลังใน ขณะเบรก และเมอ่ื ลอ้ กระแทกกับส่งิ กดี ขวาง หรอื หลุมบอ่ ในถนน ด้านยึดกบั โครงรถมยี าง รองรับ 2 ด้าน และเป็นนอต 2 ด้าน ใหป้ รับ ยึดกับโครงรถ ความยาวของเหล็กหนวดกุ้งได้ เหล็กหนวดกงุ้ ปีกนกตวั ลา่ ง รปู ท่ี 2.5 เหลก็ หนวดกงุ้ 2. แขนควบคุมแนวขนาน (Link Rod) สปรงิ ขด แขนควบคุมแนวขนาน จำแนกเป็น แขนควบคมุ แนวขนาน แขนควบคุมบนและแขนควบคุมล่าง สำหรับ รปู ที่ 2.6 แขนควบคุมแนวขนาน รับแรงตามแนวขนานกับตัวรถของระบบ รองรับหลัง ให้ตำแหน่งของเพลาอยู่ในศูนย์ กำหนด แขนควบคุมยึดติดตามแนวยาวตัวรถ ระหว่างปลายปีกนกหลังหรือเสื้อเพลาท้ายและ โครงรถหรือพื้นรถ โดยมีบุชยางรองรับเพื่อ ต้านแรงปฏิกิริยาจากการขับเคลื่อนและเบรก แขนควบคุมแนวขวาง 3. แขนควบคมุ แนวขวาง (Lateral Rod) เพื่อเป็นการรับแรงในแนวขวางและ ช่วยให้ตำแหน่งของเพลาท้ายไม่ให้เคลื่อนผิดท่ี ในแนวขวาง จึงมกี ารใชแ้ ขนควบคุมแนวขวาง ในระบบรองรับหลงั แขนควบคุมแนวขวางยดึ ติดในแนวทแยงระหว่างเสื้อเพลาและโครงฐาน ตัวถังรถ โดยมีบุชยางรองรับ เพื่อต้านแรง ปฏกิ ริ ยิ าจากการเลี้ยวรถ รูปท่ี 2.4 แขนควบคุมแนวขวาง

งานเครอ่ื งล่างรถยนต์ 21 2.3 หน้าท่แี ละประเภทลกู หมากปีกนก ลูกหมากปกี นกตวั บน 22.3.1 หนา้ ทลี่ ูกหมากปกี นก (Ball Joint) แกนบงั คบั เลีย้ ว ระบบรองรบั หนา้ แบบอสิ ระ ปกี นกและแกน บังคับเลี้ยวจะเชื่อมต่อกันด้วยลูกหมากปีกนกตัวบน และตวั ล่าง ลูกหมากปีกนกทำหน้าทีเ่ ปน็ จุดหมนุ ของ แกนบังคับเลีย้ วเม่อื ล้อรถหนั เลยี้ ว และเป็นการช่วย รบั ภาระในแนวตง้ั และแนวขวางไดเ้ ปน็ อยา่ งด ี ภายใน ลกู หมากปกี นกใส่จาระบีหลอ่ ลนื่ ถาวร ลูกหมากปีกนกตัวลา่ ง รปู ที่ 2.8 ส่วนประกอบระบบรองรบั ดว้ ยปกี นก 1. ลกู หมากปีกนกตวั ตาม สปริงยนั เบ้าลกู หมาก ระบบรองรับหนา้ ปีกนกตัวบน (Upper Ball Joint) ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวรับน้ำหนักรถยนต ์ เส้อื ลูกหมาก ลกู หมากปกี นกตวั บน จงึ ทำหนา้ ทเ่ี ปน็ จดุ หมนุ ของแกน ยางกนั ฝุ่น บังคับเล้ยี ว รวมท้ังรับภาระแนวยาวและแนวขวาง แกนลูกหมาก ของรถยนตเ์ ทา่ น้ัน ลกู หมากปกี นกตวั บนไมไ่ ดร้ ับ นำ้ หนัก จงึ เรยี กวา่ ลูกหมากปกี นกตวั ตาม สปรงิ ยัน ภายในของลูกหมากปีกนกจะยันเบ้าลูกหมากปีกนก แรงสปรงิ กดจะทำใหเ้ บา้ และลกู หมากไมม่ รี ะยะหลวม คลอน ซึ่งอาจเกิดขึ้นระหว่างเบ้าและลูกหมาก อนั เนือ่ งจากการสกึ หรอ รูปที่ 2.9 ลกู หมากปกี นกตัวตาม 2. ลูกหมากปีกนกตัวรบั ภาระ เนือ่ งจากนำ้ หนักของรถยนต ์ รองรับโดย แกนลูกหมาก ปีกนกตวั ล่าง (Lower Ball Joint) ดงั นน้ั ลูกหมาก ปกี นกตวั ลา่ งจงึ เปน็ ทง้ั ตวั รบั นำ้ หนกั ของรถยนต ์ ภาระ ยางกันฝุ่น ในแนวขนานตัวรถกับแนวขวางตัวรถยนต์ และทำ หน้าที่เป็นจุดหมุนของแกนบังคับเลี้ยว ลูกหมาก เบา้ ลกู หมาก ชนดิ นี้เรยี กวา่ ลูกหมากปกี นกตวั รับภาระ ไม่มีสปรงิ เสื้อลูกหมาก ยันเพอ่ื ไมเ่ กดิ ระยะหลวมคลอนเนื่องจากการสกึ หรอ ยางกนั กระแทก รปู ที่ 2.10 ลกู หมากปกี นกตวั รับภาระ

22 งานเครื่องล่างรถยนต์ ลกู หมากปกี นกตัวรับภาระ 3. ภาระทก่ี ระทำต่อลูกหมากปีกนก หวั ทอรช์ ันบาร์ ภาระทก่ี ระทำตอ่ ลกู หมากชนดิ รบั ภาระใน ปกี นกตัวบน เพลา ทศิ ทางแนวด่ิง คอื นำ้ หนักรถยนตบ์ วกแรงกระแทก โครงรถ และแรงภายนอกอื่น ๆ จากพืน้ ผวิ ถนน ซ่งึ เกิดขึ้น ขณะเกิดการเต้นกระโดด ภาระนกี้ ระทำเชน่ แรงดงึ ปีกนกตัวลา่ ง หรือแรงกดขึ้นอยู่กับโครงสร้างของระบบรองรับ ลูกหมากปกี นกตวั ตาม แกนหมนุ เลีย้ ว (Steering Knuckle) และตำแหน่ง ของสปรงิ รปู ท่ี 2.11 ภาระท่ีกระทำตอ่ ลูกหมากปีกนกรองรบั ดว้ ย ทอรช์ นั บาร์ ภาระที่กระทำต่อลูกหมากปีกนกรองรับ ดว้ ยทอร์ชนั บาร ์ ดงั รูปท่ี 2.11 ปกี นกตวั บนเปน็ ตัว รับภาระ ลูกหมากปกี นกตวั บนเป็นตัวรับภาระ คอื เป็นตวั รองรับน้ำหนกั ตัวรถและรองรบั แรงกด ลูกหมากปีกนกตวั ตาม 4. ลกู หมากปกี นกรับแรงดึง ปีกนกตวั บน ถ้าแกนบังคับเลี้ยวติดตั้งอยู่บนปีกนกตัว สปริงขด ล่าง ดังเช่นในรูปที่ 2.12 และสปริงขดติดตั้งอยู่ เพลา ระหว่างปีกนกตัวล่างและโครงรถ ลูกหมากตัวล่าง โครงรถ จะรับภาระเป็นแรงดึง นั่นคือเกิดแรงซึ่งพยายามที่ จะดึงลูกหมากให้แยกออกจากกัน ปีกนกตวั ล่าง ลกู หมากปีกนกตัวรบั ภาระ ลูกหมากปีกนกตัวล่างจึงเป็นลูกหมาก ตัวรับภาระ คือต้องใช้ลูกหมากปีกนกตัวบนเป็น รูปท่ี 2.12 ลกู หมากปีกนกตัวล่างรับแรงดึง ลูกหมากปีกนกแบบตัวตาม ลูกหมากปีกนกตัวล่าง ใช้ลูกหมากปีกนกแบบรับภาระ ลกู หมากปีกนกตวั ตาม 5. ลกู หมากปกี นกรบั แรงกด ปีกนกตัวบน สปริงขด ระบบรองรับซึ่งมีโครงสร้าง ดังรูปที่ 2.13 โครงรถ แรงกดคอื แรงท่ลี กู หมากปกี นกตัวล่างได้รบั ปกี นก เพลา ตวั ลา่ งเปน็ ตวั รบั นำ้ หนกั ของรถยนต ์ ดงั นน้ั ลกู หมาก ตัวล่างจึงเป็นตัวรับน้ำหนักและเป็นตัวรับแรงกด แกน ลักษณะการติดตั้งลูกหมากปีกนกตัวล่าง บงั คบั อยู่ใต้ปีกนกตัวล่าง เพื่อส่งถ่ายแรงกดให้กับแกน ปีกนกตัวล่าง เลีย้ ว บังคับเลี้ยว ต่างกับรูปที่ 2.12 ลูกหมากปีกนกตัวรับภาระ รปู ที่ 2.13 ลูกหมากปกี นกตวั ล่างรองรับแรงกด

งานเคร่อื งลา่ งรถยนต์ 23 ลูกหมากตัวตาม 2.3.2 การสึกหรอและการหลอ่ ลนื่ ปีกนกตัวบน ลกู หมากปีกนก สปริงขด 1. การสึกหรอของลูกหมากปีกนก 2 โครงรถ การสึกหรอของลูกหมากปีกนกจะเป็น ปีกนกตวั ล่าง ลกู หมาก เพลา เหตุให้ศูนย์ลอ้ ผดิ ปกต ิ การบังคบั เล้ยี วทำได้ ตวั รบั ภาระ ลำบาก รถสา่ ยและยางสกึ หรอผิดปกติ รูปท่ี 2.14 ระบบรองรบั ประเภทสปรงิ ขด การตรวจความสึกหรอลูกหมากปีกนก ลกู หมากปีกนกต้องไม่รองรบั ภาระใด ๆ ดงั นั้น จงึ ตอ้ งยกล้อให้พน้ จากพ้นื โดยใชแ้ ม่แรงยกท่ีใต้ ปกี นกตัวล่าง จงระลึกไว้เสมอว่าโดยทั่วไปแล้ว ลกู หมากปกี นกตวั รบั ภาระจะมกี ารสกึ หรอเรว็ กวา่ ตวั ไม่ต้องรับภาระ เพราะว่ารับภาระมากกวา่ แกนลูกหมาก 2. การหลอ่ ล่ืนลูกหมากปีกนกชนิดตอ้ ง หลอ่ ล่นื ยางกันฝนุ่ อัดจาระบีเข้าไปภายในลูกหมาก เพื่อ หล่อลน่ื ผิวหน้าทมี่ ีการเคล่ือนไหว การอัดจาระบ ี ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในหนังสือคู่มือการใช้ รถ และใช้จาระบีโมลิบดินัมไดซัลไฟด์อดั เขา้ เบา้ ลกู หมาก ไล่จาระบีเกา่ ออกใหห้ มด เพ่ือใหจ้ าระบใี หม่เข้า เสื้อลกู หมาก รับหน้าท่ีหล่อลื่นแทนของเก่าที่หมดอายุการใช้ สกรูอดุ งาน รูปที่ 2.15 ลูกหมากปกี นกชนิดตอ้ งหลอ่ ล่ืน 3. ลูกหมากปีกนกชนดิ ไม่ต้องหลอ่ ล่นื ลูกหมากปีกนกชนิดไม่ต้องหล่อลื่น ลแกูกนหมาก ใชว้ ัสดุสงั เคราะห ์ (Resin Seat) ประเภทไนลอน เสอื้ ลูกหมาก รูปท่ี 2.16 ลกู หมากปีกนกชนดิ ไมต่ ้องหล่อล่ืน เปน็ เบ้าลกู หมาก ในลูกหมากปีกนกชนดิ น้ีจงึ ยาง ไมม่ ีความจำเป็นตอ้ งอดั จาระบี กันฝุน่ ข้อควรจำ เบา้ วสั ดุ กรณียางกันฝุ่น (Boot) ลูกหมากปีกนก สงั เคราะห์ เปื่อยหรือขาด ให้เปลี่ยนยางกันฝุ่น ป้องกันน้ำ และสิ่งสกปรกเข้าทำลาย ลูกหมากปีกนก

24 งานเครอื่ งลา่ งรถยนต์ 2.4 การตรวจสภาพลกู หมากปกี นก การสกึ หรอของลกู หมากปีกนก ทำใหย้ างรถสกึ หรอเร็วกว่าปกตแิ ละศนู ยล์ อ้ เปลีย่ นไป มีผลกระทบ ต่อระบบบังคบั เลีย้ วดว้ ย และยังอาจทำให้เกดิ ความเสยี หายแก่ส่วนประกอบอ่ืน ๆ ของระบบรองรับน้ำหนกั หรอื แม้แต่ตวั ถังรถ ถ้าลกู หมากหลุดในขณะขับรถดว้ ยความเรว็ สงู อาจทำให้เกิดอบุ ตั ิเหตรุ า้ ยแรงถึงชีวิตได้ 1. การตรวจลกู หมากปกี นกทร่ี องรบั ดว้ ยปกี นกคู่ รูปท่ี 2.17 ยกขน้ึ ลงตรวจลูกหมากปีกนก 1) ลูกหมากจะต้องไม่รับภาระใด ๆ ดังนั้นจึง ตอ้ งยกล้อให้พน้ จากพ้ืน โดยยกทีใ่ ต้ปีกนก รูปท่ี 2.18 โยกล้อบนลา่ งตรวจลูกหมากปกี นก ตัวล่าง หัวทอร์ชนั บาร์ 2) การตรวจความหลวมของลกู หมากปกี นกโดย โครงรถ ปกี นกตัวบน ยกหรอื งัดล้อขนึ้ -ลงในแนวดิ่ง 3) โดยโยกล้อเข้า-ออก (ใช้มือหนึ่งจับล้อส่วนที่ อยูใ่ กลพ้ ื้น อีกมอื หนง่ึ จบั ล้อด้านบนแลว้ โยก สลับกนั โดยมอื หน่งึ ผลักอกี มอื หนึง่ ดัน) 4) ถ้าพบระยะฟรีผิดปกติใด ๆ ให้เพื่อนเหยยี บ เบรกไว้ และโยกล้อขนึ้ ลงเพอ่ื ตรวจระยะฟรี อกี ครง้ั ถา้ ระยะฟรหี ายไปแสดงวา่ ระยะฟรี ทเี่ กิดข้นึ จากลูกปืนล้อ ถา้ ระยะฟรไี มห่ ายไป ให้ถอดล้อและแกนบังคับเลี้ยวออก หาว่า ลูกหมากตวั ใดมีระยะฟรี 5) ตรวจลูกหมากทั้งตัวล่างและตัวบน ถ้ามี ระยะฟรใี นแตล่ ะตวั มากเกนิ กวา่ คา่ กำหนดให้ เปล่ยี นลูกหมากใหม่ 2. การตรวจลูกหมากปีกนกท่ีรองรับด้วย ทอร์ชนั บาร์ตดิ ตงั้ อยปู่ กี นกตัวบน 1) ยกรถขึ้นให้สูงจนที่ยางรถพ้นจากพื้น จาก นั้นวางขาตั้งรองรับไว้ใต้โครงรถ (อย่าขึ้น แม่แรงที่ปีกนกตัวล่าง) 2) ใช้วธิ ีการตรวจเช่นเดยี วกับทีก่ ล่าวมาแล้ว ปีกนกตัวล่าง ขอ้ ควรจำ รูปท่ี 2.19 ตรวจลูกหมากปกี นกท่รี องรับดว้ ยทอรช์ ันบาร์ วธิ กี ารตรวจลกู หมากรถแตล่ ะรนุ่ จะแตกตา่ ง กันบ้าง ขึ้นอยู่กับระบบรองรับของรถยนต ์ ฉะนั้นการตรวจจะต้องปฏิบัติตามคู่มือการ ซ่อมท่ีเกี่ยวข้องเสมอ

งานเครอ่ื งล่างรถยนต์ 25 2.5 การโคลงตวั ท่เี กิดจากการบงั คบั เลย้ี วรถ 1. การโคลงตวั ระบบคานแขง็ ขณะเลย้ี วรถ 2 เม่ือรถยนต์เลย้ี วโคง้ ตวั ถงั จะเอียงตวั เนอ่ื งจากแรงเหวย่ี งหนศี นู ยก์ ลาง ในขณะนข้ี นาด การหยุ่นตัวของแหนบหรือสปริงระบบรองรับ ดา้ นซ้ายและขวาแตกตา่ งกนั ทิศทางของล้อรถ จะเปลยี่ นแปลงไปเลก็ น้อย มผี ลเปน็ เสมือนวา่ มี การหมนุ พวงมาลัยเพิ่มอกี เลก็ น้อย จึงเรยี กว่า การเลี้ยวด้วยเพลาหรือ การโคลงตวั ขณะเลี้ยว แนวเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของเพลาขบั ลอ้ 2. การโคลงตัวระบบรองรับหลังอิสระ รูปที่ 2.20 การโคลงตัวระบบคานแข็งขณะเล้ียวรถ (Independent Type) ล้อซา้ ย ล้อขวา แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางเป็นเหตุให้รถ ทก่ี ำลงั เลีย้ วโคง้ เกดิ การเอียง (การโคลง) ไปทาง R O′ ดา้ นหนึ่ง ทำให้เพลาของล้อหลังเคลื่อนไปขา้ ง L′ หนา้ และขา้ งหลังคนละทศิ ทาง สัมพันธ์กบั บุช O ปีกนกซึ่งยึดติดกับตัวถัง กระบวนการนี้มีผล เหมอื นกับลอ้ ถูกทำให้เลยี้ ว L ตัวอย่างเช่น รูปที่ 2.21 เมื่อรถยนต ์ d เลี้ยวขวา ตัวถงั จะโคลงไปทางด้านซา้ ย เนื่อง รปู ท่ี 2.21 กลไกระบบรองรบั อิสระ จากแรงเหว่ยี งหนีศูนย์กลาง เปน็ เหตใุ หจ้ ดุ O ของบุชปีกนกด้านซ้ายและขวาเคลื่อนไปที่ L (บชุ ดา้ นซา้ ย) และ R (บุชดา้ นขวา) ดังนัน้ แนว เพลาของลอ้ ดา้ นซา้ ยจึงเล่ือนไปด้านหนา้ ทจ่ี ดุ L เปน็ ระยะทางจากจุด O เท่ากบั d การเยื้องศูนย ์ นี้ ล้อหลังไถลไปจากมุมการเลี้ยวของล้อหน้า เปน็ เหตใุ หร้ ถยนตล์ ืน่ ไถลไปจากวงเลย้ี ว รูปที่ 2.22 การโคลงตวั และลอ้ หลงั ไถลขณะเล้ยี ว

26 งานเครอื่ งล่างรถยนต์ 2.6 การโคลงมผี ลกระทบต่อการบังคับเลยี้ ว มมุ ของการโคลง 1. การเลย้ี วรถมผี ลกระทบตอ่ มมุ แคมเบอร์ แรงเหวีย่ ง ระบบรองรบั แบบคานแขง็ (Rigid Axle) เม่อื ตวั ถังเอยี งตวั มมุ แคมเบอร์ของลอ้ จะไม่มกี าร เปลีย่ นแปลง แต่ในกรณีของระบบรองรบั อสิ ระ เมอ่ื ตวั ถงั เอยี งตวั มมุ แคมเบอร์ของล้อจะเปลีย่ น แปลงไปตามสภาพของพ้ืนผวิ ถนน ซ่งึ ทำให้เกดิ ผลกระทบตอ่ การบังคับเลี้ยว รูปที่ 2.23 ผลกระทบการรองรับเปน็ คานแขง็ 2. ผลกระทบการรองรบั ดว้ ยปีกนกเดยี ว มมุ ของการโคลง (Single Link Type) แรงเหวย่ี ง เมอื่ ตัวถงั เกดิ การเอยี งขา้ ง ลอ้ รถจะเอียง ตวั เขา้ ดา้ นในของการเลย้ี ว ดงั นน้ั ลอ้ รถจงึ พยายาม รูปที่ 2.24 ผลกระทบการรองรบั ดว้ ยปีกนกเดยี ว ทจี่ ะกลิ้งไปตามทศิ ทางการเลยี้ ว เมื่อใชร้ ะบบรอง มมุ ของการโคลง รบั แบบนเ้ี ปน็ ตวั รองรบั หลงั รถจะเกดิ การลน่ื ไถล ออกนอกวงเลยี้ ว ถา้ ใช้กับระบบรองรบั หนา้ รถ แรงเหว่ยี ง จะเกดิ การลืน่ ไถลออกนอกวงเลยี้ ว และแสดง อาการเล้ียวเกนิ รูปที่ 2.25 ผลกระทบการรองรับดว้ ยปกี นกคู่ 3. ผลกระทบการรองรับดว้ ยปกี นกคู่ (Double Wishbone Type) เมื่อตัวถังรถเกิดการเอียงตัว ล้อรถจะ มีการเอียงไปในทิศทางเดียวกันกับตัวถัง ซึ่ง ตรงกันข้ามกับที่เกิดขึ้นในระบบรองรับแบบ ปีกนกเดียว ดังนั้น ล้อรถจึงพยายามที่จะฝืนตัว ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับการเลี้ยวของรถ จากผลอันนี้ ถ้าใช้ระบบรองรับแบบปีกนกคู่กับ ระบบรองรับหน้า รถมีแนวโน้มที่จะลื่นไถลออก นอกวงเลี้ยว เมื่อใช้กับระบบรองรับหลังม ี แนวโน้มที่จะเกิดอาการเลี้ยวเกิน

งานเคร่อื งล่างรถยนต์ 27 แบบฝกึ กจิ กรรมท่ี 2 เรอ่ื ง การกนั โคลงรถและลูกหมากปกี นก ตอนท ่ี 1 จงเติมขอ้ ความลงในช่องว่างใหถ้ กู ต้อง 2 1. เหล็กกันโคลงในระบบรองรับทำหนา้ ทอ่ี ะไร .................................................................................................................................................................................................... 2. เหลก็ หนวดกงุ้ จับยึดอย่างไร .................................................................................................................................................................................................... 3. แขนควบคมุ แนวขนานทำหน้าทีอ่ ะไร .................................................................................................................................................................................................... 4. ระบบรองรบั หนา้ อสิ ระ ปกี นกและแกนบังคบั เลี้ยวตอ่ กนั ด้วยอะไร .................................................................................................................................................................................................... 5. ลูกหมากปีกนกตัวตาม หมายถงึ ลูกหมากตวั ใด ให้เหตุผล .................................................................................................................................................................................................... 6. ลูกหมากปกี นกตัวรับภาระ รับภาระ 3 อย่าง คอื อะไร .................................................................................................................................................................................................... 7. ลูกหมากปีกนกทำงานสัมพนั ธก์ ับระบบบงั คับเลี้ยวอย่างไร .................................................................................................................................................................................................... 8. ถา้ สปรงิ ขดตดิ ตั้งอยู่ระหว่างปกี นกตัวลา่ งและโครงรถ ลูกหมากตวั ลา่ งรบั ภาระอะไร .................................................................................................................................................................................................... 9. การสึกหรอลกู หมากปีกนกมีผลกระทบ 3 อย่าง คอื อะไร .................................................................................................................................................................................................... 10. เพราะเหตุใดรถเลีย้ วโคง้ ตวั ถังรถจึงเอยี งตัว ....................................................................................................................................................................................................

28 งานเครอื่ งลา่ งรถยนต์ ตอนท ่ี 2 จงทำเครอ่ื งหมายถูก ( P) ลงหน้าข้อความท่ีถกู ตอ้ งท่ีสดุ 1. ทำไมตอ้ งใชเ้ หล็กกนั โคลง 6. ลกู หมากปีกนกตัวตามคือตวั ใด ก. ลดการกระแทกขณะเลี้ยวโค้ง ก. ตวั ไมไ่ ดร้ บั นำ้ หนกั ข. ลดการกระแทกขณะบรรทกุ หนัก ข. ตวั รบั นำ้ หนกั ปานกลาง ค. ลดการเอยี งขณะเลีย้ ว ค. ตวั รบั นำ้ หนกั มาก ง. ลดการเอียงขณะบรรทกุ หนัก ง. ตวั รบั นำ้ หนกั บางชว่ ง 2. เหล็กกนั โคลงเขยี นอยา่ งไรจงึ จะถกู 7. ลูกหมากปีกนกตัวรบั น้ำหนักคือตัวใด ก. Stabizer Bar ข. Stabiliser Bar ก. ตวั ไมไ่ ดร้ บั นำ้ หนกั ค. Stabilizer Bar ง. Stabliser Bar ข. ตวั รบั นำ้ หนกั ปานกลาง 3. เหลก็ หนวดกงุ้ เขยี นอยา่ งไรจงึ จะถกู ค. ตวั รบั นำ้ หนกั มาก ก. Stut Bar ข. Strut Bar ง. ตวั รบั นำ้ หนกั บางชว่ ง ค. Stus Bar ง. Stuter Bar 8. ทำไมไมต่ ้องหล่อลน่ื ลูกหมากปกี นก 4. เหล็กหนวดกงุ้ มีหนา้ ท่ีอะไร ก. เพราะค่าแรงแพง ก. ปอ้ งกนั ปกี นกเหวีย่ งตัว ข. เพราะออกแบบ ข. ปอ้ งกันปีกนกลอยตัว ค. เพราะเบา้ เป็นบรอนซ์ ค. ปอ้ งกันปกี นกกระแทกตวั ง. เพราะเบา้ เปน็ วสั ดุสังเคราะห์ ง. ป้องกันปีกนกเอยี งตวั มาก 9. การรองรบั ไมอ่ ิสระเขียนอยา่ งไร 5. การบิดตวั ของเหล็กกันโคลงเป็นผลให้รถเป็นอยา่ งไร ก. Rigid Axle ข. Axle Rigid ค. Ridid Axle ง. Axle Ridid ก. รถไมเ่ ซ ไม่ไถล 10. การรองรับอสิ ระเขียนอย่างไร ข. รถเลย้ี วเขา้ โคง้ ไดด้ ี ก. Indipenden Type ข. Indemenden Type ค. รถวิ่งทางตรงได้ดี ค. Independent Type ง. Independunt Type ง. รถไม่สะเทือนเมอื่ ว่งิ บนถนนขรุขระ ตอนท่ ี 3 จงตอบคำถามต่อไปนใ้ี ห้ไดใ้ จความสมบรู ณ์ 1. เหล็กกันโคลงมีหน้าที่อะไร 2. จงอธิบายการติดตั้งเหล็กกันโคลงในระบบรองรับหน้า 3. จงเขียนสาเหตุที่ทำให้ตัวถังเกิดอาการโคลงทางด้านข้าง 4. การต้านอาการหน้าทิ่มและท้ายกระดกเป็นอย่างไร 5. จงสเกตช์ภาพเหล็กกันโคลง ภาพการทำงานเหล็กกันโคลง และภาพการโยกล้อตรวจสภาพ ลูกหมากปีกนก

3 งานเคร่อื งล่างรถยนต์ 29 โชแค้ ลอะัพกการนั ตสรัน่ วสจะซเ่อทมือน สาระการเรียนรู้ 3.1 ความจำเป็นต้องใช้โชค้ อพั และประเภทของโชค้ อพั 3.2 โช้คอพั แก๊สและโชค้ อัพน้ำมนั 3.3 การตรวจโช้คอพั ท่รี ถและการเปลยี่ นโช้คอพั ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. อธิบายความจำเป็นตอ้ งใช้โชค้ อพั และประเภทของโช้คอพั ได้ 2. อธิบายโชค้ อพั แก๊สและโชค้ อพั น้ำมนั ได้ 3. ปฏบิ ัติการตรวจโชค้ อพั ท่ีรถและการเปลย่ี นโชค้ อพั ได้ 4. เพอ่ื ใหม้ กี จิ นิสัยในการทำงานด้วยความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย ประณตี รอบคอบและตระหนกั ถงึ ความปลอดภัย

30 งานเครือ่ งลา่ งรถยนต์ 3 โชค้ อัพกนั สนั่ สะเทอื น และการตรวจซ่อม บทนำ โช้คอพั (Shockabsorber) เปลี่ยนพลงั งานการเคล่ือนที่ตามมวลของการส่ันสะเทอื นเปน็ ความร้อน การหน่วงหรือการสลายการสั่นสะเทือนของสปริงช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยอาศัยความฝืด น้ำมันเป็นตัวต้านทานการสั่นสะเทือนนั้น เพื่อให้ 4ยางรถเกาะถนนได้ดีขึ้น 4กำจัดอาการโยนตัวของตัวรถที่สปริงยืดหยุ่น 4รักษาเสถียรภาพในทางโค้งและรักษาศูนย์ล้อ โช้คอพั หน้า 4สลายอาการสั่นที่จะกระทบระบบบังคับเลี้ยว 4ลดการสึกหรอของยาง กลไกบังคับเลี้ยวและ กลไกรองรับ ยางรถ 4ลดการสึกหรอของส่วนประกอบบังคับเลี้ยว 4ลดการสึกหรอของส่วนประกอบการรองรับ รูปที่ 3.1 โช้คอัพกระบอกรองรับหน้า ปกต ิ ตกหลุม ปนี ขนึ้ ปกติ รูปที่ 3.2 โช้คอัพสลายแรงสั่นสะเทือนให้ตัวรถคงระนาบเดิม แม้ล้อรถจะตกหลุมหรือปีนขึ้นที่สูง (TOYOTA)

งานเครอื่ งลา่ งรถยนต์ 31 3.1 ความจำเปน็ ต้องใช้โช้คอัพและประเภทของโช้คอพั ตวั ถัง 3.1.1 ความจำเป็นทีต่ อ้ งใช้โชค้ อัพ เมื่อรถยนต์ได้รับความสั่นสะเทือน 3 สปรงิ โช้คอพั จากพน้ื ผวิ ถนน สปรงิ รองรบั จะหดและขยายตวั เพื่อสลายแรงสั่นสะเทือนนี้ อย่างไรก็ตาม แขนรองรบั สปรงิ มคี ณุ สมบตั ใิ นการเตน้ ตอ่ เนอ่ื ง และตอ้ ง และเพลารถ ใช้เวลานานกว่าจะหยุด ทำให้การขับขี่ ยางรถ ไมส่ ะดวกสบาย จึงออกแบบใช้โช้คอัพกนั การ สั่นสะเทอื น การใชโ้ ช้คอพั ไมเ่ พียงแตจ่ ะทำให้ การขับข่สี ะดวกสบายขึน้ เทา่ น้นั แต่ยังชว่ ยให ้ รูปท่ี 3.3 ลักษณะการติดตง้ั โชค้ อพั คุณสมบัติในการเกาะถนนของยางดีขึ้น และ ทำใหเ้ สถยี รภาพในการบังคับเล้ยี วดีขน้ึ ด้วย ไมม่ โี ช้คอัพความ ่ถี 1. หลักการทำงานของโชค้ อพั มโี ช้คอัพ โชค้ อพั แบบกระบอกทใ่ี ชอ้ ยใู่ นรถยนต์ เวลา ประกอบดว้ ยนำ้ มนั พเิ ศษทเ่ี รยี กวา่ นำ้ มนั โชค้ อพั เป็นตัวกลางในการทำงาน แรงต้านทานการ รูปท่ี 3.4 กราฟเปรียบเทยี บการสลายแรงสัน่ สะเทือนด้วยโชค้ อพั สั่นสะเทือนเกิดขึ้นจากความต้านทานการไหล ของนำ้ มนั โชค้ อพั ผา่ นรเู ลก็ ๆ ของลกู สบู ดงั รปู ท ่ี 3.5 เรยี กวา่ รรู ดี โดยการเคลอ่ื นทข่ี องลกู สบู หรือมีลิ้นต้านการไหลของน้ำมันโช้คอัพ รูเลก็ ๆ 2. แรงต้านทานการส่ันสะเทอื น ตำแหนง่ กด แรงต้านหรือแรงหน่วงที่จะต้านทาน ลกู สบู การเคล่อื นทแ่ี ละการสน่ั อย่างรวดเร็วของตัวถัง ตำแหนง่ ดึง รถ แรงต้านจะแปรเปล่ยี นไดต้ ามความเร็วของ ลกู สบู โชค้ อพั เอง เพอ่ื สลายการสน่ั สะเทอื น ลิ้น รูปท่ี 3.5 จำลองโช้คอัพ 2 ตำแหน่ง 1) ตำแหน่งกดน้ำมันไหลผ่านได้ 2 ทาง แสดงว่าตา้ นการยุบได้น้อย 2) ตำแหนง่ ดงึ นำ้ มนั ไหลผา่ นไดท้ างรรู ดี ทางเดยี ว จงึ มีแรงต้านการเดง้ ตัวรถ หรอื การสปรงิ ตวั ของสปรงิ รองรบั มาก

32 งานเคร่ืองล่างรถยนต์ 3.1.2 ประเภทของโชค้ อัพกันสะเทอื น (Type of Shockabsorber) ทอ่ กนั ภัย กา้ นโชค้ อพั 1. โ(Dช้คouอbพั lทe ำAงcาtนio 2n ทTาyงp e) แก๊สแรงดันต่ำ โช้คอัพแบบนี ้ มแี รงต้านเกิดข้ึนทง้ั เมื่อ โช้คอพั ยดึ ตัวและเม่ือถูกกด ปัจจบุ ันโช้คอพั แบบน้ ี น้ำมนั นิยมใช้กับรถยนต์ทั่วไป โช้คอัพแบบนี้ออกแบบ ลูกสูบอสิ ระ ใหม้ ีแรงต้านการดึงมากกวา่ แรงตา้ นการกด แก๊สแรงดันสงู ขอ้ ควรระวงั ช่วงก่อนปี พ.ศ. 2500 มีโช้คอัพแบบ รปู ท่ี 3.6 โช้คอัพทำงาน 2 ทาง ทำงานทางเดียว คือต้านแรงดึงทางเดียว คอื ทางสปรงิ ๆ ตัวกลบั ล้ิน 2. โชค้ อัพกระบอกค ู่ (Double Tube Type) กระบอกโชค้ อพั แบง่ ออกเป็นห้องทำงาน (กระบอกตัวใน) และห้องสำรองนำ้ มนั (กระบอก ตวั นอก) นำ้ มนั 3. โชค้ อพั กระบอกเดยี ว (Single Tube Type) ลิ้น โชค้ อพั แบบนม้ี กี ระบอกสบู เพยี งกระบอก รูปที่ 3.7 โช้คอพั กระบอกคู่ (ซา้ ย) โชค้ อัพกระบอกเดยี ว (ขวา) เดยี ว ไม่มีห้องสำรองน้ำมันเหมือนโช้คอัพแบบ กระบอกคู่ 4. โช้คอพั นำ้ มนั คอื โชค้ อพั ธรรมดาซง่ึ ใชเ้ พยี งนำ้ มนั โชค้ อพั เปน็ ตัวกลางในการทำงานเพียงอย่างเดียว 5. โชค้ อัพแก๊ส ลิน้ หอ้ งน้ำมนั อากาศ คอื โชค้ อพั นำ้ มนั ทบ่ี รรจทุ ง้ั นำ้ มนั และแกส๊ สำรอง ห้อง น้ำมัน ลนิ้ เปน็ ตัวกลางในการทำงาน แกส๊ พ้ืนฐานทใ่ี ช้บรรจุ ทำงาน คือแก๊สไนโตรเจน ซง่ึ มีท้ังแบบความดนั ตำ่ (10-15 นำ้ มนั บาร์) หรอื แบบความดันสูง (20-30 บาร์) รูปที่ 3.8 โชค้ อัพแกส๊ ความดันต่ำและความดันสูง

งานเครื่องล่างรถยนต์ 33 3.2 โช้คอัพแก๊สและโช้คอัพน้ำมัน ตำแหนง่ กด 3.2.1 โชค้ อพั แกส๊ (Gas Filled) โชค้ อพั แกส๊ หรอื เรียกว่า โชค้ อพั กระบอกชนั้ เดยี ว บรรจุ 3 ปลอกนอก ท้ังน้ำมนั โชค้ อัพกบั แกส๊ ไนโตรเจน ด้วยความดันประมาณ 25 บาร์ จากความดันภายในนี้ เกิดแรงผลักดันก้านโช้คอัพตลอดเวลา ก้าน ลกู สูบโช้คอพั กบั ลนิ้ โชค้ อัพจงึ เคลือ่ นทอ่ี อกนอกโช้คอัพเสมอ มหี ลักการทำงานดงั นี้ น้ำมัน 1. ตำแหนง่ กด ลูกสบู ลอย เมอื่ ยางรถเตน้ ขน้ึ จากผิวถนนท่ขี รขุ ระ โชค้ อัพถูกกดเขา้ หา ไนโตรเจน กัน นำ้ มนั โช้คอพั ด้านใตล้ กู สบู ไหลผ่านล้นิ ทลี่ ูกสูบไปทางด้านกา้ น โชค้ อพั เปน็ การหน่วงการเคลื่อนท่ ี ในเวลาเดียวกัน กา้ นโชค้ อัพอัด ตำแหนง่ ดงึ แก๊สพรอ้ มกบั นำ้ มนั ด้วย จึงเกิดแรงปฏิกริ ยิ าจากแก๊สเพม่ิ ขนึ้ 2. ตำแหน่งดึง น้ำมันด้านก้านโช้คอัพ ถูกอัดให้ผ่านลิ้นที่ลูกสูบไปอยู่ใต้ ห้องลูกสูบ ความต้านทานการไหลน้ำมันผ่านลิ้น จึงหน่วงการ เคลอ่ื นท ี่ แกส๊ ขยายตวั สมดุลปริมาตรก้านสูบ รปู ท่ี 3.9 โช้คอพั แก๊สแบบมีลูกสบู ลอย 3. คณุ สมบตั ิ ไนโตรเจน 1) หนว่ งการเคลอ่ื นที่ไดด้ ีมาก นำ้ มัน 2) ใช้งานไดท้ กุ แนว คือประกอบด้านใดข้ึนบนก็ได้ รปู ท่ี 3.10 โชค้ อพั แกส๊ แบบไม่มลี ูกสบู ลอย 3) มกี ารระบายความร้อนที่ดี เพราะว่าทอ่ เดียวสมั ผัสโดยตรง กบั อากาศภายนอก 4) ปลายดา้ นหนง่ึ ของท่อบรรจไุ ว้ด้วยแกส๊ ความดันสูง ผนกึ แยกออกจากนำ้ มนั อย่างสมบูรณ์โดยลูกสูบอิสระ จะไมเ่ กดิ โพรงอากาศและการอดั ของอากาศในขณะทำงาน แรงต้าน มเี สถยี รภาพดขี ้นึ 5) ลดเสยี งจากการทำงานไดม้ าก เพราะไมม่ ชี อ่ งวา่ งหลงั ลกู สบู 6) เมื่อแก๊สเก็บไว้ในหอ้ งซึ่งแยกไวต้ ่างหาก ความยาวของการ สลายการสะเทือนท้งั หมดจงึ มากกว่าแบบธรรมดา ข้อควรจำ เพื่อความปลอดภัย ให้ระบายแก๊สโช้คอัพออกให้ หมดก่อนทิ้ง

34 งานเคร่อื งลา่ งรถยนต์ 3.2.2 โช้คอัพน้ำมัน ตำแหน่งกด โช้คอพั น้ำมนั หรือเรยี กว่า โชค้ อัพกระบอก 2 ชัน้ ปลอกนอก (Telescope Shock Absorber) บรรจุนำ้ มัน มหี ลักการทำงาน ดังนี้ กา้ นโช้คอพั ทหทหอ่อ่้อ้อในงงนพนอ้ำักกมนนั ้ำมัน 1. ตำแหนง่ กด ล้นิ แผน่ เมอ่ื ยางรถเตน้ ขน้ึ จากผวิ ถนน โชค้ อพั ถกู กดนำ้ มนั ลกู สบู ไหลผ่านลิ้นลูกสูบที่เปิดอยู่ ไปยังห้องน้ำมันด้านบน ในเวลา เดียวกันที่ก้านสูบเคล่ือนที่เข้าภายในโช้คอัพน้ำมันส่วนหน่ึง ลนิ้ ตวั ลา่ ง จะถกู อัดออกทางลิน้ ตัวล่างซึ่งเปน็ ลิ้นแผ่น (ปกติปิด) ความ หโู ชค้ อพั ตา้ นทานการไหลจึงหน่วงการสนั่ สะเทอื นลงได้ ตำแหน่งดึง 2. ตำแหนง่ ดงึ รปู ท่ี 3.11 สว่ นประกอบโชค้ อพั นำ้ มัน นำ้ มนั ทอ่ี ยเู่ หนอื ลกู สบู จะถกู อดั ออกทางลน้ิ ลกู สบู ท ่ี ปดิ อย ู่ ใหน้ ำ้ มนั กลบั คนื ไปสหู่ อ้ งนำ้ มนั ดา้ นลา่ งความตา้ นทาน ยางหโู ช้คอัพ การไหลจงึ หนว่ งการสน่ั สะเทอื นได ้ ในเวลาเดยี วกนั ลน้ิ ตวั ลา่ ง ก้านโชค้ อพั เปดิ ใหน้ ำ้ มนั ไหลกลบั ดว้ ย เมอ่ื ลอ้ เตน้ ขน้ึ นำ้ มนั ไหลเขา้ หอ้ ง ปลอกนอก นำ้ มนั ตามเคย ซีล ห้องน้ำมัน 3. คุณสมบัติ ทอ่ นอก ท่อใน 1) หนว่ งการเต้นของล้อหรอื การยืดหดของสปริงได้ดี ห้องพักนำ้ มนั 2) มีอายกุ ารใชง้ านนาน ลกู สูบ 3) หนว่ งไดม้ ากเมอ่ื ดงึ และจะยง่ิ หนว่ งมากเมอ่ื ยง่ิ ดงึ เรว็ ลน้ิ ตวั ลา่ ง 4) อาจมฟี องอากาศภายในทำใหเ้ กดิ การหยนุ่ ตวั ภายใน 5) การติดตัง้ เอยี งไดน้ ้อย กลับดา้ นหรอื เอยี งมากไมไ่ ด้ รูปท่ี 3.12 ภาพตดั โชค้ อัพน้ำมนั ข้อควรจำ โช้คอัพไม่ดี รถยนต์ได้รับการถ่ายทอดการ เต้นจากผิวถนน ทำให้การขับขี่ไม่สบาย โช้คอัพไม่ดี รถยนต์เต้นหรือส่ายมากเมื่อทาง เป็นหลุมบ่อหรือถนนขรุขระ โชค้ อพั ไมด่ ี รถยนตป์ ดั เซ ทำใหม้ กี ารเหวย่ี ง ไปมาในระหว่างการขับขี่

งานเครอ่ื งลา่ งรถยนต์ 35 3.3 การตรวจโชค้ อพั ทร่ี ถและการเปลย่ี นโชค้ อพั 3.3.1 การตรวจสภาพโช้คอัพที่รถ 3 การตรวจสภาพโช้คอพั 1. ตรวจการทำงาน 1) ตรวจการทำงานของโชค้ อพั ถา้ แรงตา้ น ของโชค้ อพั ไมเ่ พยี งพอจะไมส่ ามารถสลาย การเตน้ ของสปรงิ ระบบรองรบั ไวไ้ ด ้ ตวั ถงั รถจะเต้นโคลงโดยรอบ โดยเฉพาะเมอ่ื ขับขี่บนถนนทีข่ รุขระ 2) จะไม่มีความสบายในการขับขี่ และการ ทรงตัวรถไมด่ ี 2. การตรวจน้ำมนั โช้คอัพรัว่ 1) ยกรถข้ึนสูงหรอื จอดบนสะพาน ตรวจ สภาพรถยนต์ 2) ตรวจนำ้ มนั โชค้ อพั รว่ั ซมึ ออกมาจากสว่ น บนของโช้คอัพ ข้อควรจำ ตรวจนำ้ มนั โช้คอพั รว่ั ซมึ โชค้ อพั เสยี ใหเ้ ปลย่ี นทง้ั ดา้ นซา้ ยและ ดา้ นขวา ตรวจยางหูโชค้ อพั บน ช่างไทยซอ่ มโชค้ อัพได ้ โดยเปล่ยี น ลนิ้ ซีลและนำ้ มันโชค้ อพั ราคา ถูกกว่าเปล่ียนทัง้ อัน ตรวจยางหูโชค้ อพั ล่าง 3. การตรวจยางหูโชค้ อพั 1) ตรวจสภาพยางหโู ชค้ อพั 2) ตรวจการตดิ ตง้ั อยโู่ ดยไมม่ กี ารหลวมหรอื โยกคลอนใด ๆ ถา้ ตดิ ตง้ั โชค้ อพั ไมถ่ กู ตอ้ ง จะทำให้เกิดแรงต้าน การเคลื่อนตัวของ โช้คอัพมากเกินไป ทำให้การทำงาน ไม่ถูกต้อง และจะทำให้ได้รับแรงต้านที่ ต้องการไม่เพียงพอ

36 งานเครื่องล่างรถยนต์ 3.3.2 การเปลย่ี นโช้คอัพ jk 1. การถอดโชค้ อพั k 1) ยกหนา้ รถใหล้ อยสูงข้นึ รองรบั ไว้ดว้ ยขาตั้ง l 2) ถอดล้อออก ถอดชิ้นส่วนตามลำดับเบอร์ ดึง ที่แสดงในภาพประกอบ กด j นอตลอ็ กหัวโช้คอพั 6-8 มม. k บุชและแหวนรอง l สกรูหูโชค้ อัพลา่ ง 2. การตรวจโชค้ อัพ 1) ตรวจนำ้ มนั รว่ั หรอื เสยี งผดิ ปกตจิ ากกระบอก โชค้ อัพ 2) ตรวจบุชยางหมดอายหุ รือชำรุด 3) ตรวจการทำงาน โดยการดงึ และกดโชค้ อัพ เพื่อตรวจช่วงฟรีและแรงต้านการไหลของ น้ำมนั โช้คอัพ 3. การติดต้ังโช้คอัพ 1) ตดิ ตง้ั โชค้ อพั และบชุ ยางพรอ้ มกบั แหวนรอง 2) ขันนอตยึดและนอตล็อก 24-35 Nm ข้อควรระวัง ขันนอตยึดและนอตล็อกเข้าไปจน กระทั่งเกลียวยื่นโผล่พ้นนอตล็อก 6-8 มม. 3) ขันสกรูหูโช้คอัพล่างให้แน่น ค่าแรงขัน: 55-80 Nm 4) ตรวจความเรียบร้อยของการทำงาน

งานเครอื่ งล่างรถยนต์ 37 แบบฝกึ กจิ กรรมท ่ี 3 เรอื่ ง โช้คอพั กนั สนั่ สะเทอื นและการ ตรวจซอ่ ม ตอนท่ ี 1 จงเตมิ ขอ้ ความลงในช่องวา่ งให้ถูกต้อง โช้คอัพสลายอาการสั่นสะเทือนของตัวถังรถได้ เพราะลูกสูบโช้คอัพมีรูเล็ก ๆ ต้านการไหลของ 3นำ้ มันท่ไี หลผา่ นขณะท่ีลกู สูบโช้คอัพเคล่ือนที่ โชค้ อพั จงึ สลายอาการส่นั สะเทือนได้ 1. โชค้ อพั ชำรดุ มีผลกระทบต่ออะไร และสงั เกตจากการใชร้ ถลอ้ เตน้ อย่างไร 1) มีผลกระทบตอ่ …………………………..…….. และการยึด ……………………..……….. 2) รถทโ่ี ชค้ อัพเสีย ล้อจะเตน้ มากเมอื่ …………………………………………………..……….. 2. โช้คอพั จำแนกแบบท่อ แบ่งเปน็ 2 แบบ คืออะไรบ้าง ……………………..………………………………………………………………………………………. ลนิ้ รใู หญ่ 3. ขอ้ ดขี องโชค้ อพั แกส๊ คอื อะไร ล้ินรเู ล็ก ไม่เกดิ ช่องว่างใน …………………….................... น้ำมัน ลด ………….….............................................……….. ได้ดี 4. จงอธบิ ายการทำงานโชค้ อพั นำ้ มันตามภาพซา้ ยมอื แกส๊ ความดนั ต่ำ 1) ตำแหนง่ ยืดตัว นำ้ มนั ………………………………………….................……. ลูกสบู อสิ ระ …………………………………….................…………. แก๊สความดนั สงู 2) ตำแหนง่ ยบุ ตัว ……………………………………................…………. ……………………………………...............…………. 5. จงอธิบายการทำงานโช้คอพั 2 แบบตอ่ ไปน้ี 1) โช้คอพั แกส๊ ความดันต่ำ ……………………………………………….............. ………………………………………………............. 2) โช้คอัพแกส๊ ความดันสูง ………………………………………………............. ………………………………………………............

38 งานเคร่อื งล่างรถยนต์ ตอนที่ 2 จงทำเคร่ืองหมายถกู ( P) ลงหน้าข้อความท่ีถกู ต้องทส่ี ดุ 1. รู้ไดอ้ ยา่ งไรว่าโช้คอพั ไมด่ ีระหวา่ งขบั รถ 6. Telescope Shock Absorber หมายถงึ อะไร ก. เบรกไมอ่ ย ู่ ข. ล้อรถสนั่ ก. โชค้ อพั กระบอกชนั้ เดียว ค. ตวั รถโยนโยกเยก ง. เกิดเสยี งดัง ข. โชค้ อัพกระบอก 2 ช้ัน 2. โชค้ อัพรกั ษาเสถยี รภายในทางโค้งอยา่ งไร ค. โชค้ อพั กระบอก 3 ชั้น ก. ชว่ ยใหเ้ บรกเกาะถนน ง. โชค้ อพั กระบอก 4 ชน้ั ข. ตวั รถไมโ่ ยนโยกเยก 7. โช้คอัพน้ำมันมขี อ้ ดีคอื อะไร ค. ช่วยใหย้ างรถไมส่ ่นั ก. ราคาประหยัด ข. หาซือ้ ง่าย ง. ลดความแข็งของสปริง ค. มีอายุใชง้ านนาน ง. ใชง้ านไม่มเี สยี งดงั 3. การทำงานโช้คอัพใชอ้ ะไรเปน็ ตวั กลาง 8. เพราะเหตุใดตอ้ งเปลีย่ นโชค้ อัพทงั้ คู่ ก. น้ำมันโช้คอัพ ข. แกส๊ โชค้ อพั ก. เพื่อความปลอดภัยในการขบั ข ่ี ค. อากาศอดั ง. ความฝดื จากลกู ยาง ข. เพื่อป้องกนั สปริงหัก 4. ลูกสูบโชค้ อัพต้านการไหลของน้ำมันดว้ ยอะไร ค. เพือ่ ปอ้ งกันยางรถสกึ หรอ ก. ลกู สบู โช้คอัพ ข. กระบอกโชค้ อัพ ง. เพอื่ ปอ้ งกันรถสั่น ค. น้ำมันโชค้ อพั ง. รูรดี นำ้ มัน 9. ถา้ แรงต้านของโช้คอพั ไมพ่ อมีผลกระทบอะไร 5. ตำแหน่งกดต่างกับตำแหนง่ ดึงโชค้ อัพอย่างไร ก. ศูนย์ลอ้ รถยนต์ ก. ตำแหนง่ กดหนืดมากกวา่ ข. การบงั คับเลีย้ ว ข. ตำแหน่งดงึ หนดื มากกวา่ ค. การรองรับ ค. ตำแหนง่ เทา่ กัน ง. การสลายการเตน้ ของสปริง ง. แล้วแตข่ นาด 10. การตรวจการทำงานของโช้คอพั เป็นการตรวจอะไร ก. ตรวจระดบั นำ้ มันโชค้ อัพ ข. ตรวจระดบั แก๊สโชค้ อพั ค. ตรวจการตา้ นการไหลน้ำมัน ง. ตรวจการตา้ นการไหลแก๊ส ตอนท่ี 3 จงตอบคำถามต่อไปน้ีใหไ้ ด้ใจความสมบูรณ์ 1. โช้คอัพในระบบรองรับทำหน้าทีอ่ ะไร 2. หลกั การทำงานโช้คอัพอย่างงา่ ย ๆ เปน็ อยา่ งไร 3. จงเขียนคุณสมบตั โิ ช้คอัพแก๊สมา 4 ขอ้ 4. จงเขยี นคุณสมบตั โิ ชค้ อพั กระบอก 2 ช้ัน มา 5 ข้อ 5. จงสเกตชภ์ าพโช้คอพั แบบใดแบบหนึง่ แสดงการทำงานภายในโช้คอพั

4 งานเครอ่ื งล่างรถยนต์ 39 ระบบแรลอะงกราบัรตหรนวา้ จดซว้ อ่ยมปกี นก สาระการเรียนรู้ 4.1 การรองรบั หน้าแบบปีกนกค่ใู ช้สปรงิ ขด 4.2 การรองรบั แบบปกี นกคู่ใช้ทอร์ชนั บาร์ 4.3 ความปลอดภัยในงานเครื่องล่างรถยนต์ 4.4 การตรวจลกู หมากปกี นกระบบรองรับดว้ ยทอร์ชันบาร์ 4.5 การถอดประกอบทอร์ชนั บาร์และเหล็กหนวดกงุ้ ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. อธบิ ายการรองรับหนา้ แบบปกี นกคใู่ ชส้ ปริงขดได้ 2. อธิบายการรองรบั แบบปกี นกคู่ใชท้ อรช์ ันบาร์ได้ 3. อธบิ ายความปลอดภยั ในงานเคร่อื งล่างรถยนต์ได้ 4. ปฏบิ ตั กิ ารตรวจลกู หมากปกี นกระบบรองรบั ดว้ ยทอรช์ ันบารไ์ ด้ 5. ปฏิบัตกิ ารถอดประกอบทอร์ชนั บาร์และเหลก็ หนวดกงุ้ ได้ 6. เพ่ือใหม้ ีกิจนสิ ยั ในการทำงานด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประณตี รอบคอบและตระหนักถึงความปลอดภัย

40 งานเครอ่ื งล่างรถยนต์ 4 ระบบรองรบั หนา้ ดว้ ยปกี นก และการตรวจซอ่ ม บทนำ การรองรบั ดว้ ยปกี นก เปน็ ระบบทเ่ี ชอ่ื มตวั ถงั รถกบั ยางเขา้ ดว้ ยกนั มไี วส้ ำหรบั พยงุ ตวั ถงั และสปรงิ รวมทง้ั ช่วยลดความสนั่ สะเทอื นและแรงกระแทกจากพ้นื ผิวถนน นอกจากนี้ ยังมีโช้คอพั ช่วยรองรับความ โคลงของตวั ถงั และเสริมสรา้ งความมั่นใจในความสะดวกสบายของการขบั ขี่ ขณะเดยี วกัน เม่ือมีการ เรง่ ความเร็ว เบรกหรือเล้ยี วโค้ง ชดุ ปกี นกจะรองรับแรงตา่ ง ๆ ทมี่ ากระทบตัวถงั รถ การรองรบั ด้วยปีกนก ประกอบด้วยปกี นกและกลไกข้อตอ่ ยางรถและสปริงเปน็ ตวั ลดแรงกระแทก จากพื้นถนน โชค้ อพั รองรบั ความสน่ั สะเทอื นในทางขึ้นและลงของตวั ถัง และเหลก็ กนั โคลงปอ้ งกันการโยก คลอนทางด้านข้างของตัวถังรถ โช้คอัพ จุดหมนุ ปกี นก หัวตอ่ ท่อน้ำมนั เบรก ตวั บนและตวั ลา่ ง สปรงิ เหลก็ กนั โคลง เหลก็ หนวดกงุ้ แกนบงั คบั เลี้ยว แผ่นหลังเบรก ดุมล้อหนา้ รปู ท่ี 4.1 สว่ นประกอบการรองรับหน้ารถด้วยปกี นก ใช้สปรงิ ขดและเบรกดสิ ก์

งานเครอ่ื งล่างรถยนต์ 41 4.1 การรองรบั หนา้ แบบปกี นกคใู่ ชส้ ปรงิ ขด ลูกหมากปกี นก การรองรบั อสิ ระแบบปีกนกคู่ (Double 4 สปรงิ Wishbone Type with Coils Springs) ใช้เปน็ บชุ ยางที่โคนปกี นก แกนบงั คบั เล้ยี ว ระบบรองรบั หน้ารถน่ังขนาดใหญ ่ รถต้แู ละรถ เพลาหนา้ กระบะเล็ก 1. ส่วนประกอบปกี นกค่ใู ชส้ ปรงิ ขด ลกู ยาง เหล็กหนวดกุ้ง ล้อรถยึดต่อกับตัวถังรถโดยผ่านปีกนก ลูกหมากปีกนกตวั ล่าง 2 ตวั (ปกี นกตวั บนและปกี นกตวั ลา่ ง) โชค้ อพั และ สปรงิ ขดตดิ ตั้งอยู่ระหว่างปกี นกท้งั สอง ซง่ึ ยึดอย ู่ รูปที่ 4.2 การรองรับแบบปีกนกคูพ่ รอ้ มดว้ ยสปรงิ ขด กับแกนบังคบั เล้ยี วและโครงรถ ปีกนกคู่ยาวเท่ากนั โคนปีกนกยึดกับโครงรถ หรอื ตวั ถังรถ โดยผา่ นบุชยาง ปลายปีกนกยดึ ตดิ กับแกนบงั คบั เลีย้ วดว้ ยลกู หมากปีกนก ส่วนบนของโชค้ อัพยึด ติดอยู่กับตัวถังหรือโครงรถ และปลายส่วนล่าง ยึดอยู่กับปีกนกตัวล่าง สปริงขดอัดแน่นอยู่ใน ระหว่างปีกนกตัวล่างและตัวถังหรือโครงรถด้วย เชน่ เดียวกัน รปู ที่ 4.3 รถใชป้ กี นกคยู่ าวเทา่ กัน 2. รถใชป้ ีกนกคู่ยาวเทา่ กัน ปกี นกยาวไม่เทา่ กนั เมอ่ื พจิ ารณาตามโครงสรา้ งทางเรขาคณติ คือความยาว ตำแหน่งและมุมของปีกนก ซ่ึงมี หน้าที่ควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ของล้อ เมื่อ รถยนตเ์ คลอ่ื นไปในทางโคง้ หรอื ตกหลมุ ทิศทาง เคลอ่ื นทีม่ ีผลตอ่ การบงั คบั เลีย้ ว การเกาะถนน และการสกึ หรอของยาง ถา้ ปกี นกตวั บนกับตวั ลา่ งขนานกนั และมีความยาวเท่ากัน เมื่อลอ้ เตน้ รถจะไม่เอียงตามการเคลื่อนที่ขึ้นลง ระยะห่าง ระหวา่ งลอ้ ซ้ายและขวาเปลยี่ นแปลงไป เปน็ ผล ใหก้ ารเลย้ี วโคง้ ไมด่ ี เพราะมมุ แคมเบอรไ์ มเ่ ปลย่ี น แปลง ยางไถลสึกหรอเร็ว ดังรูปที่ 4.3 ระยะหา่ งยงั คงที่ รูปที่ 4.4 รถใชป้ กี นกคยู่ าวไม่เทา่ กนั

42 งานเครื่องล่างรถยนต์ 3. รถใช้ปกี นกค่ยู าวไมเ่ ท่ากัน ปกี นกบน การรองรับรถยนต์รุ่นใหม่จะไม่ทำให้ปีกนก ขนานกันและมีความยาวไมเ่ ทา่ กัน เพอื่ ใหล้ อ้ รถมีการ แกน สปรงิ เอยี งเขา้ ดา้ นในเลก็ นอ้ ยตามการขน้ึ ลงของลอ้ ความกวา้ ง ลอ้ จงึ ไมม่ ีการเปลีย่ นแปลง และทำให้การเลยี้ วโคง้ ดีขึ้น เพราะวา่ ลอ้ ด้านนอก ซง่ึ รับภาระมากกวา่ และตอ้ งออก ปีกนกล่าง แรงในการเขา้ โคง้ มากกวา่ ในเวลาเดยี วกนั มมุ แคมเบอร์ เปลย่ี นไป ดงั น้ันการเกาะถนนจึงดีขนึ้ ไม่มีผลกระทบ ต่อการสกึ หรอของยางรถ ดังรูปที่ 4.4 และรปู ที่ 4.5 รปู ท่ี 4.5 รถใช้ปีกนกค่ยู าวไม่เท่ากัน เมอ่ื ลอ้ เตน้ ระยะหา่ งของ ลอ้ ยงั คงที่ 4. บุชปกี นก บุชปีกนกเป็นบุชยางธรรมชาติและวัสดุ สงั เคราะหท์ ม่ี คี วามยดื หยนุ่ สงู ปอ้ งกนั การสน่ั สะเทอื น ของตัวถังได้ดี ใช้ง่ายและราคาไม่แพง มีคุณสมบัติ บุชปกี นก 3 ประการ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1) หล่อข้นึ รปู ได้ตามต้องการ 2) สลายการสั่นสะเทือนได้ด้วยความฝืดภายใน บุช ยาง ปีกนก 3) ไม่ต้องการหลอ่ ลน่ื รปู ท่ี 4.6 บุชปีกนกท้งั 2 ด้าน หนา้ 5. กลไกการปรับต้ังมุมแคมเบอรแ์ ละแคสเตอร์ แคสเตอร์น้อย การปรบั ตง้ั มมุ แคมเบอรแ์ ละแคสเตอรก์ ระทำ ได้โดยการเพิ่มหรือลดขนาดความหนาของแผ่นชิม แคมเบอร์ นแอ้ คยมเบอร์ เพลา ต้ังศูนย์ลอ้ ซึ่งสอดอยู่ระหวา่ งเพลาปกี นกตัวบนและ มาก ปีกนก โครงรถ แคสเตอร์มาก แผน่ ชิมตงั้ ศูนย์ล้อ ขอ้ ควรจำ การปรับตั้งจะเปลี่ยนแปลงไปตามรุ่นของรถ ยนต์ ใหด้ จู ากคูม่ ือการซอ่ มและใชแ้ ผนภูมิ ให้ตรงตามรนุ่ ของรถ รูปที่ 4.7 ปรับต้ังมุมแคมเบอร์และแคสเตอรด์ ว้ ยชิมต้ังศูนย์ล้อ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook