งานเครือ่ งยนต์แกส๊ โซลนี 243 ใบงานที่ 10.1 เร่ือง การปรับตงั้ ระยะห่างลนิ้ ไอดีและล้ินไอเสีย จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม 1. ปรับต้ังระยะห่างลิ้นไอดีและล้ินไอเสยี ได้ 2. วเิ คราะห์ระยะห่างของล้นิ ไอดแี ละล้นิ ไอเสียทีเ่ หมาะสมได้ เคร่อื งมอื และอุปกรณ์ 1. ชดุ ฝึกเครอื่ งยนตแ์ กส๊ โซลนี 2. ฟลี เลอรเ์ กจ 3. เครื่องมือชา่ งพ้ืนฐาน ข้นั ตอนการปฏบิ ัติงาน 1. ถอดฝาครอบลนิ้ ออก 2. หมุนเคร่อื งใหอ้ ยู่ในจังหวะอัดสดุ 3. ตรวจวดั ระยะห่างลิน้ ดว้ ยฟลี เลอร์เกจ 4. ตั้งระยะห่างโดยปรับท่สี กรปู รบั ต้ัง - ตั้งระยะหา่ งล้ินไอดี 0.2 มม. และลน้ิ ไอเสยี 0.3 มม. 5. ประกอบกลบั รูปที่ 1 การปรบั ระยะลนิ้
244 ใบงานท่ี 10.1 การปรบั ตง้ั ระยะห่างล้ินไอดีและลนิ้ ไอเสยี ภายหลังจากการท�ำการทดลอง เก็บอปุ กรณ์ เครือ่ งมือและวัสดแุ ลว้ ทำ� ความสะอาดบรเิ วณทปี่ ฏบิ ัตงิ าน สรปุ ผลและวจิ ารณก์ ารปฏิบัติ ……………………………………………………………………………………………………………………………………..... ...…………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………... ........................................................................................................................................ ความเห็นของครูผสู้ อน ……………………………………………………………………………………………………………………………………..... ...…………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………... ........................................................................................................................................ ……..…………………………………………… ครูผู้สอน ……..…………………………………………… ผู้ควบคมุ การฝึก ……..…………………………………………… วนั ท่ี / เดือน / พ.ศ.
งานเคร่ืองยนตแ์ กส๊ โซลนี 245 ใบงานท่ี 10.2 เร่ือง การตรวจความโกง่ ของฝาสูบ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม เพอ่ื ใหส้ ามารถวินจิ ฉัยอาการโก่งของฝาสูบเครื่องยนตเ์ บอื้ งต้นได้ เคร่ืองมอื และอปุ กรณ์ 1. ไมโครมิเตอร์ 2. บรรทดั วัดความโก่ง 3. เกจแผ่นสอด (Filler Gauge) 4. เกจหนา้ ปัด (Dial Gauge) 5. เครอื่ งมอื ชา่ งพ้นื ฐาน ขั้นตอนการปฏิบัตงิ าน 1. ถอดตะแกรงกรองน้�ำมนั เครื่องและลนิ้ ระบายความดันออก 2. ถอดป๊มั น้ำ� มนั เครื่องและเสอ้ื ซลี น้ำ� มันด้านหลงั ใช้เครื่องมือพเิ ศษยดึ เฟืองป๊ัมน้�ำมนั ถอดเสื้อซีลน�้ำมนั หลัง
246 ใบงานที่ 10.2 การตรวจความโกง่ ของฝาสบู 3. ถอดฝารองเพลาก้านสูบพร้อมชุดลูกสูบออก แสดงทำ� เครื่องหมายกา้ นสูบ แสดงการถอดฝารองล่ืน 4. ถอดฝารองเพลาหลักและถอดเพลาข้อเหวี่ยงออก 5. ขูดคราบปะเก็นออกจากผิวเรียบด้านบนเส้ือสูบและท�ำความสะอาดเสื้อสูบ
งานเครอ่ื งยนต์แกส๊ โซลีน 247 6. ตรวจสอบและวิเคราะห์ผิวเรียบด้านบนเสื้อสูบและผิวรอบผนังกระบอกสูบ 6.1. ใช้บรรทัดวัดความโก่งและเกจแผ่นสอด ตรวจสอบความโก่งผิวเรียบด้านบนเสื้อสูบ ตามแนวยาวด้านซ้ายขวา ด้านหัวท้าย และแนวทแยงมุมรวมทั้งหมด 6 แนวแล้วจดบันทึกค่าที่วัดได้ ไว้ 6.2. ตรวจสอบสภาพกระบอกสูบด้วยตาเปล่า โดยตรวจบริเวณรอบ ๆ ที่ผิวกระบอกสูบ ถ้าพบรอยขูดขีดในแนวด่ิงและรอยขูดขีดท่ีลึกมาก ต้องคว้านกระบอกสูบใหม่ท้ังหมด ถ้าจ�ำเป็นต้อง เปลี่ยนเสื้อสูบ วิธวี ิเคราะห์ผิวเรยี บดา้ นบนเส้อื สบู น�ำค่าความโก่งงอของผิวเรียบด้านบนเส้ือสูบที่วัดได้มาเปรียบเทียบกับค่าความโก่งงอท่ีระบุโดย บริษัทผู้ผลิตในคู่มือการซ่อมเครื่องยนต์ โดยท่ัวไปอยู่ท่ีค่าความโก่งงอจ�ำกัด 0.05 มม. (0.0020 นิ้ว) ถ้าความโก่งงอมากกว่าค่าจ�ำกัด เปล่ียนเส้ือสูบใหม่ ผิวผนังกระบอกสูบถ้ามีรอยขูดขีดท่ีลึกในแนวดิ่ง ให้ควา้ นกระบอกสบู ใหม่ ถ้าจำ� เปน็ ต้องเปลย่ี นเสอ้ื สบู 7. วธิ ตี รวจสอบและวิเคราะห์ความบิดเบย้ี ว ความเรยี วของกระบอกสบู
248 ใบงานที่ 10.2 การตรวจความโกง่ ของฝาสบู สรปุ ผลและวิจารณ์การปฏบิ ัติ ……………………………………………………………………………………………………………………………………..... ...…………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………... ความเห็นของครูผสู้ อน ……………………………………………………………………………………………………………………………………..... ...…………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………... ……..…………………………………………… ครูผ้สู อน ……..…………………………………………… ผคู้ วบคมุ การฝกึ ……..…………………………………………… วนั ที่ / เดอื น / พ.ศ.
11 การปรบั แตง่ เครอ่ื งยนต์แกส๊ โซลนี จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม (Behavioral Objectives) หลงั จากศกึ ษาจบบทเรยี นนี้แลว้ นักศกึ ษาจะมคี วามสามารถดังนี้ 1. อธิบายกลไกการเผาไหม้ได้ 2. บอกปญั หาที่ท�ำใหเ้ ครือ่ งยนตข์ ัดขอ้ งได้ 3. ระบแุ นวทางแกไ้ ขสาเหตุที่เครอ่ื งยนต์ขดั ข้องได้ 4. ตรวจสอบกำ� ลงั อัดในกระบอกสบู ของเครอื่ งยนต์ได้ 5. ปฏิบตั กิ ารตรวจสภาพแบตเตอรไี่ ด้ 6. ปรับแต่งมุมดะแวลและคารบ์ ูเรเตอร์ได้ 7. ระบขุ อ้ ควรปฏิบัติในการปรับแตง่ เครอ่ื งยนต์ในการใช้แก๊สโซฮอลลไ์ ด้
11 การปรบั แต่ง เครื่องยนต์แกส๊ โซลนี กลไกการเผาไหม้ การเผาไหมใ้ นออกซเิ จนเปน็ ปฏกิ ริ ยิ าเคมลี กู โซ่ การเรม่ิ เผาไหมจ้ ะตอ้ งใหค้ วามรอ้ นสงู แกเ่ ชอ้ื เพลงิ ทีอ่ ยใู่ นออกซเิ จน จนเกดิ ปฏกิ ริ ิยาการเผาไหม้ เปลยี่ นโครงสร้างโมเลกลุ จากสารประกอบไฮโดรคาร์บอน กับออกซเิ จนไปเปน็ คาร์บอนไดออกไซด์และนำ�้ แล้วปลอ่ ยความร้อนออกมา เรียกวา่ ปฏกิ ริ ยิ าคายความ ร้อน ความร้อนนีจ้ ะส่งไปยังโมเลกลุ ต่อ ๆ ไปท�ำให้เกดิ ปฏิกิรยิ าเปน็ ลกู โซ่ จนสารประกอบไฮโดรคาร์บอน กบั ออกซเิ จนหมดลง จงึ จะส้ินสดุ การเผาไหม้ หรอื ปฏกิ ิรยิ าหยดุ ลง ซ1 5งึ่ ใ%นกCา1ร1นเHผำ้� 2าม4ไ,นัห8แม%กจ้ ะ๊สCตโ6ซอ้Hลง6ใีน,ช1อ้(0Gอ%aกsซoCเิ จl7iHนn8ใe,น1fกu0าe%รlท)Cำ� มป8ีอHฏง7กิ คaริ ป์ nยิ รdาะสก2นั อ%ดบาCเปป8Hน็โด1ย02เ0โกด%ดิ ยปปCฏร8กิมิHริา1ยิ8ต,าร2มด0ีคัง%วนา้ี มCถ9Hว่ ง20จ,ำ� 1เพ5%าะ C=100H.7224, CCC22242CCCCC1791HH68881HHHH0H82H2016714+280+2+++++9+11O3124259372O15OO1O-OO2>O22222-2--->7-->>>->>C>913O1C112212266OCCC0CC+2OOCOOO+O422222H2+++1++2+0O671H11HH2280+2H222OHHOOH2H22O+2OOe++Oa+H++HHt+eHeeHHaHaaeteetteaaatattt
งานเครอ่ื งยนต์แก๊สโซลนี 251 หรือ เขียนไดว้ า่ เชื้อเพลิง + ออกซิเจน -> คารบ์ อนไดออกไซด์ + นำ้� + ความรอ้ น จากสมการปฏิกริ ิยาด้านบน ถ้ามีการเผาไหมโ้ ดยสมบูรณ์แล้ว เมอื่ ท�ำการค�ำนวณการเผาไหม้ น�้ำมันแก๊สโซลีน 1 แกลลอน (1 แกลลอน = 3.78 ลิตร) แลว้ จะเกดิ คาร์บอนไดออกไซด์ 8.7 กโิ ลกรมั การเผาไหม้ คอื ปฏกิ ิรยิ าเคมีระหวา่ งสารเชอื้ เพลิง (ส่วนใหญเ่ ป็นสารประกอบอนิ ทรยี ์ หรือสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอน) กับสารออกซิแดนท์ (Oxidant) หรือสารท่ีมอี อกซิเจน (หรือฟลูโอลีน) เป็นส่วนประกอบ เปน็ ปฏิกิรยิ าคายความร้อน เชน่ ปฏกิ ริ ิยาการเผาไมร้ ะหว่างมีเทนกบั ออกซิเจน ดงั เช่น CXHY + (X+Y/4)O2 → XCO2 + (Y/2)H2O + Heat จะเห็นได้ว่าการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ จะให้ผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นคาร์บอนไดออกไซด์กับไอน้�ำ แต่ถา้ เผาไหม้ไมส่ มบรู ณจ์ ะใหผ้ ลติ ภัณฑ์เป็นคารบ์ อนมอนนอกไซด์ (CO) หรอื คาร์บอน (C) หรือเกิดการ รวมตัวกับไนโตรเจนในอากาศซึ่งมีมากถึง 78% ท�ำให้เกิดออกไซด์ของไนโตรเจน (NOX) ตัวอย่าง การเผาไหมท้ ี่เกดิ ปฏิกิริยาไม่สมบูรณ์ เป็นดงั น้ี 2CH4 + 3O2 → 2CO + 4H2O N2 + O2 → 2NO N2 + 2O2 → 2NO2 การเผาไหมข้ องเชอ้ื เพลงิ ในระบบปดิ ทางความรอ้ น (Adiabatic process) เชอื้ เพลงิ แตล่ ะชนดิ จะปลอ่ ยความรอ้ นไมเ่ ทา่ กนั ขนึ้ อยกู่ บั คา่ ความรอ้ นของเชอ้ื เพลงิ นนั้ สำ� หรบั การเผาไหมถ้ า่ นหนิ ในอากาศ บรรยากาศ จะปล่อยความร้อนให้มีอุณหภูมิ 2,200OC น�้ำมันเช้ือเพลิงเหลว 2,150 OC และก๊าซ ธรรมชาติ 2,000 OC การปรบั แต่งเพื่อแก้ปญั หาขอ้ ขดั ข้อง ปญั หาหลักของเครอ่ื งยนตแ์ กส๊ โซลนี มี 3 ขอ้ ใหญ่ ๆ ซง่ึ ทำ� ให้การเผาไหมข้ องเช้ือเพลิงไมส่ มบรู ณ์ ประสทิ ธภิ าพของเครือ่ งยนต์ลดลง คอื 1. ส่วนผสมของเช้อื เพลงิ ทไ่ี ม่ดี 2. ความดันในกระบอกสบู มไี ม่มากพอ 3. ประกายไฟท่กี ระโดดขา้ มเข้ียวหัวเทียนแรงไม่พอ
252 บทที่ 11 การปรับแต่งเครอ่ื งยนต์แก๊สโซลีน นอกจากปัญหาทั้งสามข้อน้ีก็ยังมีปัญหาอ่ืนๆ รองลงมาอีกมากมาย จะไม่กล่าวรายละเอียด ในทนี่ ้ี เพราะปญั หาหลกั ทงั้ สามขอ้ เปน็ สาเหตสุ ำ� คญั ทท่ี ำ� ใหเ้ ครอื่ งยนตเ์ บนซนิ ทำ� งานไดไ้ มเ่ ตม็ ประสทิ ธภิ าพ ปญั หาทีท่ �ำใหเ้ ครอื่ งยนต์มคี วามขดั ข้องทงั้ 3 มรี ายละเอยี ด ดงั นี้ 1. สว่ นผสมของเชอ้ื เพลงิ ทไ่ี มด่ ี สาเหตุ ผลที่เกิดขึ้น และแนวทางแก้ไขส�ำหรับอาการที่เคร่ืองยนต์ท�ำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ เน่อื งจากสว่ นผสมที่ไมเ่ หมาะสม แสดงได้ดงั ตารางท่ี 11.1 ตารางที่ 11.1 สาเหตุ ผลทเ่ี กิดขน้ึ และแนวทางแก้ไขเนอ่ื งจากสว่ นผสมท่ีไม่เหมาะสม สาเหตุ ผลทีเ่ กิดขน้ึ แนวทางแก้ไข มีเช้ือเพลิงที่เผาไหม้ไม่หมดออก เกิดแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ ปรบั ตั้งเครือ่ งยนต์ใหม่ มาสูบ่ รรยากาศภายนอก (CO) ออกสชู่ ั้นบรรยากาศ อากาศท่ีไหลเข้าอาจจะมีการอุด เครอื่ งยนต์เดนิ สะดุด หรือดับไป ตรวจสอบท่อทางส่งน้�ำมันเชื้อ ตนั ท�ำใหม้ ีน�้ำมนั เช้อื เพลิงผสมกบั เลย เพลิงไมใ่ ห้อุดตัน อากาศไม่เพียงพอ ระบบเช้ือเพลิงอาจจ่ายเช้ือเพลิง เครอ่ื งยนตท์ ำ� งานไมเ่ รยี บ หรือ ตรวจเช็คระบบจ่ายเช้ือเพลิงไม่ มากเกนิ ไป หรือนอ้ ยเกนิ ไปท่จี ะ สะดดุ ว่าจะเป็น คาร์บูเรเตอร์ หรอื หวั เข้าไปผสมกับอากาศ นัน่ หมายถงึ ฉีด การเผาไหม้ไมไ่ ด้สัดส่วนทพ่ี อดี อาจมีสารปนเปื้อนอยู่ในน้�ำมันเชื้อ เครอ่ื งยนต์เดินสะดดุ หรือดบั ไป เปลี่ยน/ถ่ายน้�ำมันเชื้อเพลิง เพลงิ เช่น มนี ้ำ� ผสมอย่ใู นถังน้�ำมัน เลย ใหม่ หรือใช้น้�ำมันเชื้อเพลิงไม่ตรงข้อ กำ� หนดของเครือ่ งยนต์ 2. ความดันในกระบอกสูบมีไม่มากพอ ถ้าอากาศและเชื้อเพลิงในกระบอกสูบไม่สามารถอัดตัวได้อย่างเหมาะสม กระบวนการ เผาไหมจ้ ะไมเ่ กดิ หรอื ทำ� งานแบบมปี ญั หา การตรวจสอบความดนั ในกระบอกสบู ใชเ้ ครอื่ งมอื วดั ความดนั (Compression Tester) ซงึ่ มลี กั ษณะเปน็ เกจวดั ตอ่ สายเขา้ กบั เบา้ หวั เทยี น ดงั รปู ท่ี 11.1 ซง่ึ จะวดั ความดนั ภายในกระบอกสูบของเคร่ืองยนต์เมื่อส้ินสุดจังหวะอัดตัว รายละเอียดกล่าวไว้ในหัวข้อ 11.4 สาเหตุ ที่ทำ� ให้ความดันไมพ่ อ ผลที่เกิดขึน้ และแนวทางแก้ไขแสดงไว้ในตารางที่ 11.2
งานเครื่องยนต์แก๊สโซลนี 253 รูปท่ี 11.1 การใชเ้ ครอ่ื งวดั กำ� ลังอัดในกระบอกสูบ ตารางท่ี 11.2 สาเหตุ ผลท่ีเกดิ ขึน้ และแนวทางแก้ไขเนอ่ื งจากกำ� ลงั อัดของเครื่องยนตไ์ มพ่ อ สาเหตุ ผลทเี่ กดิ ขึ้น แนวทางแกไ้ ข แหวนลูกสูบอาจเส่ือมสภาพ เครื่องยนต์เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ เปล่ยี นแหวนลกู สูบทง้ั หมดใหม่ ทำ� ให้เกดิ การร่ัวของไอดีผ่านช่อง เกดิ กา๊ ซ CO ออกสูบ่ รรยากาศ ว่างของกระบอกสูบกับลูกสูบใน ระหว่างการอัด วาล์วไอดี หรือวาล์วไอเสยี ปดิ ไม่ เครื่องยนต์เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ปิดวาลว์ เครอื่ งยนต์ใหม่ หรือให้ สนทิ อาจเกดิ จากการทบ่ี ่าวาลว์ เกดิ กา๊ ซ CO ออกส่บู รรยากาศ เปลย่ี นวาลว์ เสยี รปู บ่าวาล์วสกึ หรอ จงึ ท�ำให้ ตปี ลอกวาลว์ ใหม่ เกดิ การร่วั ในระหวา่ งการอดั เกิดการรั่วบนฝาสูบ (Cylinder เคร่ืองยนต์ก�ำลังตกไม่มีก�ำลัง เปลี่ยนปะเก็น และตรวจสอบ head) เช่น ช่องที่วาล์ว และ เคร่ืองเดินไม่เรียบ เผาไหม้ไม่ รอยรั่วอ่นื ๆ หัวเทยี น หรือปะเกน็ ฝาสบู แตก สมบูรณ์ ทัง้ หมดน้ที �ำใหแ้ รงอัดรวั่ 3. ประกายไฟทกี่ ระโดดขา้ มเข้ยี วหัวเทยี นแรงไมพ่ อ ประกายไฟทีก่ ระโดดขา้ มเขยี้ วหัวเทียนท่ีแรงพอ ดงั รปู 11.2 จะทำ� ให้การจดุ ระเบิดเป็นไป อย่างสมบูรณ์ การท่ีไม่มีประกายไฟกระโดดข้ามเขี้ยวหัวเทียน หรือประกายไฟอ่อนนั้น สาเหตุ ผลที่ เกิดขนึ้ และวิธกี ารแกไ้ ขแสดงไวใ้ นตารางท่ี 11.3
254 บทที่ 11 การปรับแตง่ เครือ่ งยนตแ์ ก๊สโซลีน รปู ที่ 11.2 ประกายไฟท่กี ระโดดข้ามเข้ยี วหวั เทยี น ตารางที่ 11.2 สาเหตุ ผลท่ีเกดิ ขนึ้ และแนวทางแกไ้ ขเน่อื งจากประกายไฟขา้ มเขีย้ วหวั เทียนไม่แรงพอ สาเหตุ ผลท่เี กดิ ขึน้ แนวทางแก้ไข หวั เทยี น หรือสายหัวเทยี น เครือ่ งดบั เดนิ สะดดุ เปลี่ยนสายหัวเทียน เสอ่ื มคณุ ภาพ เดนิ ไมเ่ รยี บ หรอื หวั เทียนใหม่ สายไฟอาจขาดใน หรือหายไป เคร่อื งดบั เดนิ สะดดุ เปลี่ยนสายหวั เทียนใหม่ หรือระบบการส่งประกายไฟตำ�่ เดินไมเ่ รยี บ มคี วามผดิ พลาดในจงั หวะจดุ ระเบดิ เครอ่ื งมเี สยี งโขกดงั คลา้ ยมคี อ้ น ตั้งจงั หวะการจดุ ระเบดิ ใหม่ เชน่ การเกดิ ประกายไฟกอ่ นกำ� หนด มากระแทกทเี่ ครื่องเป็นจังหวะ (Pre-ignitions) หรอื เกิดหลังจาก เคร่อื งเดินสะดดุ ไมม่ ีกำ� ลงั จังหวะทีจ่ ะต้องจุดระเบดิ แบตเตอรี่เสีย มอเตอรส์ ตารท์ ไมห่ มุนขบั เปลี่ยนแบตเตอรใ่ี หม่ เคร่อื งยนตใ์ หต้ ดิ ตรวจสอบ/เปลย่ี นวาลว์ หรือตง้ั วาลว์ ใหม่ ให้ทำ� งานถกู ต้อง วาลว์ เปิดและปดิ ไมต่ รงตามเวลา เคร่ืองดับ เดินสะดุด ตรวจสอบระบบหลอ่ ลื่น ทีถ่ กู ต้อง อากาศจงึ ไม่สามารถเขา้ เดินไม่เรียบ และไอเสียปล่อยออกไมไ่ ด้ การหล่อลนื่ ภายในเครือ่ งยนต์ เคร่ืองยนต์ความร้อนสงู มีปัญหา (Overheat) ช้ินส่วนท�ำงาน ตดิ ขดั และไหมต้ ิดกนั
งานเครอื่ งยนตแ์ ก๊สโซลนี 255 การปรับแตง่ เพ่อื เพิ่มสมรรถนะของเครอ่ื งยนต์ การปรบั แต่งเคร่อื งยนต์ มีจุดประสงค์คอื เพือ่ เพ่มิ ความสามารถให้กบั เครอ่ื งยนต์ หมายถึง การ ทำ� ใหเ้ คร่อื งยนตท์ �ำงานไดด้ กี ว่าเดิม ซง่ึ จะตอ้ งสมั พันธ์กบั กลไกการเผาไหมท้ ่ีได้กลา่ วมาแล้ว โดยสามารถ ดึงเอาพลงั ท่อี ย่อู อกมาจากเครื่องยนต์ มาใชง้ านใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพได้เตม็ ที่ มคี วามประหยดั เชอื้ เพลิงได้ มากกว่า โดยมีแนวทางการปรับแตง่ ดังนี้ 1. การเพิม่ อัตราส่วนการอัดและปริมาตรการอัด ผลท่ีได้ คือ ก�ำลังและแรงบิดของเคร่ืองยนต์สูงขึ้น อัตราส่วนการอัด (Compressor ratio) คือ อัตราส่วนการอัดตัวของส่วนผสมระหว่างอากาศกับน�้ำมันเช้ือเพลิง เคร่ืองยนต์แก๊สโซลีนทั่วไป มอี ตั ราส่วนการอดั อยู่ทป่ี ระมาณ 8:1 (อากาศแปดส่วนตอ่ นำ้� มนั เชือ้ เพลงิ หน่ึงส่วน) ถงึ ประมาณ 15:1 อตั ราส่วนการอัดท่ีสงู กว่า เปน็ ผลให้ไดก้ ำ� ลงั งานท่มี ากกว่า วิธีการทนี่ ิยมใช้กค็ ือการเสริมหรอื ลดปะเกน็ หรือปาดฝาสบู ค่า กรรมวธิ ีเหล่านีส้ ามารถหาค่าได้จากการคำ� นวณ รายละเอียดจะยงั ไมก่ ล่าวในท่ีน้ี การเพิ่มปรมิ าตรการอดั (Increase Displacement) ทำ� ได้ดว้ ยการเพ่ิมขนาดเส้นผา่ ศูนย์กลาง ลูกสูบและกระบอกสูบให้ใหญ่ขึ้น เช่น คว้านกระบอกสูบและเปลี่ยนลูกสูบให้ใหญ่กว่าเดิม การเสริม ปะเกน็ (Gasket) ฝาสบู ดังรูปที่ 11.3 หรือเพ่มิ ระยะชกั ให้ยาวข้นึ ก็สามารถเพ่ิมปรมิ าตรอากาศให้เขา้ สู่ ห้องเผาไหมม้ ากขนึ้ ไดเ้ ชน่ กัน วธิ ีการขยายทอ่ ไอดี ขยายชอ่ งวาลว์ ไอดีให้ใหญ่ขึ้น เปิดวาล์วไอดีใหล้ กึ ขน้ึ ปรับเวลาการเปดิ วาลว์ ไอดีใหน้ านขึน้ หรอื เจียระไนผิวภายในทอ่ ไอดีให้เรียบมนั เหล่าน้ี ก็ท�ำให้อากาศไหลเข้าเข้าได้มากขึ้น รวมทั้งการเจียระไนฝาสูบให้บางลง การเปลี่ยนต�ำแหน่งติดต้ังปากท่อไอดีให้อยู่ในต�ำแหน่งที่เหมาะสม ก็ช่วยใหอ้ ากาศไหลเข้าท่อไดง้ า่ ยเชน่ กัน รูปท่ี 11.3 การเพม่ิ ปะเก็นฝาสบู
256 บทที่ 11 การปรบั แตง่ เครอื่ งยนตแ์ กส๊ โซลนี การติดต้ังเทอร์โบชาร์จเจอร์ ดังรปู ที่ 11.4 หรอื ซปุ เปอรช์ าร์ทเจอรเ์ พอื่ เพิม่ ความดันปากทอ่ ทำ� ให้อากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ให้มากขึน้ อยา่ งไรก็ดกี ารเพ่ิมความดนั ให้ปากท่อด้วยอุปกรณ์เหล่าน้ีจำ� เปน็ ต้องตดิ ตัง้ อินเตอร์คลู เลอร์ เพื่อระบายความรอ้ นของอากาศกอ่ นทจ่ี ะเขา้ กระบอกสูบ เพราะวา่ อากาศท่ี รอ้ นน้ันอากาศจะขยายตวั ท�ำใหอ้ ากาศไหลเขา้ กระบอกสบู ไดน้ ้อย มีผลตอ่ ประสทิ ธภิ าพของเคร่อื งยนต์ การลดอณุ หภูมอิ ากาศท่ีเข้าทำ� ให้ความหนาแนน่ ของอากาศ (หรือมวลของอากาศ) เขา้ เพิม่ ข้นึ รูปที่ 11.4 เทอร์โบชาร์ทเจอร์ 2. เพ่มิ ความเร็วในการระบายไอเสียออก การทมี่ ไี อเสยี คา้ งอยใู่ นหอ้ งเผาไหมจ้ ำ� นวนมากทำ� ใหแ้ รงตา้ นการไหลออกของไอเสยี มมี ากไปดว้ ย ทำ� ใหเ้ กดิ ความดนั ยอ้ นกลบั (Back-Pressure) ดนั ไอเสยี กลบั เขา้ ไปในหอ้ งเผาไหม้ มผี ลทำ� ใหป้ ระสทิ ธภิ าพ ของเคร่อื งยนตล์ ดลง การเพ่ิมอัตราและปรมิ าณการคายออกของไอเสียกระทำ� ได้หลายวธิ ี เช่น ขยายทอ่ ไอเสียเปลีย่ น จากหัวท่อไอเสยี (Header) เดิมทมี่ ีมุมงอมาก มาเปน็ แบบตรงหรอื โค้งเล็กนอ้ ย ลดความยาวท่อไอเสีย หรือเจียระไนผิวภายในท่อไอเสียให้เรียบมัน เพื่อลดความต้านทานการไหลของไอเสีย ขยายช่องวาล์ว ไอเสยี ให้ใหญข่ ้ึน เปดิ วาลว์ ไอเสียให้ลึกขึน้ หรือปรบั เวลาการเปิดวาลว์ ไอเสยี ให้นานขน้ึ เปน็ ตน้ รถยนต์ บางรุ่นจะมีท่อไอเสียออกมาสองท่อท่ีเรียกว่า ปลายท่อแยก (Dual exhaust) ดังรูปท่ี 11.5 เพื่อช่วย ระบายไอเสยี ใหอ้ อกเรว็ ขน้ึ
งานเครอ่ื งยนตแ์ กส๊ โซลีน 257 รปู ท่ี 11.5 ทอ่ ไอเสียปลายแยก 3. เพิ่มก�ำลังและแรงบิดจากการเร่งการเผาไหม้เชื้อเพลิงและเติมเช้ือเพลิงผสมให้มีค่า ความรอ้ นสงู ขนึ้ เชน่ การใช้สารออกซิไดเซอร์ประเภทไนตรัสออกไซด์ 4. การลดแรงเสียดทานท่ีช้ินส่วนเคลื่อนไหวของเคร่ืองยนต์ เพื่อท�ำให้ประสิทธิภาพเพ่ิมขึ้น ท�ำโดยการเจยี ระไนผิวสัมผสั ของช้นิ ส่วนเคลอ่ื นไหวท่ีสัมผัสกันใหเ้ รียบมันวาล์วมากขึ้น ซงึ่ สามารถทำ� ได้ กับลกู สูบ กระบอกสบู แหวนลกู สบู กา้ นวาลว์ เพลาข้อเหวี่ยง กระเดอ่ื งกลไกทุกชิ้น ฯลฯ 5. ปรับอัตราส่วนผสมเช้ือเพลิงอากาศให้ตรงกับค่าที่เหมาะสมท่ีสุด การปรับอัตราส่วนผสม จะต้องทราบว่าจะเกิดการเผาไหม้สมบูรณ์ด้วยสัดส่วนใดในสภาวะของเคร่ืองยนต์นั้น การมีอัตราส่วน เชอ้ื เพลงิ นอ้ ยหรอื มากเกนิ ไปไมส่ ง่ ผลดตี อ่ กำ� ลงั แรงบดิ และประสทิ ธภิ าพ การเพมิ่ ปรมิ าณนำ�้ มนั เชอ้ื เพลงิ เกินระดับท่ีเหมาะสม จะท�ำให้ส้นิ เปลืองสงู ไมท่ ำ� ใหก้ �ำลงั เพมิ่ ขึ้น และเกดิ มลพิษจากไอเสียมากข้นึ 6. ลดน้�ำหนักของเครื่องยนต์ ช้ินส่วนที่มีน�้ำหนักเบา จะช่วยให้สมรรถนะเคร่ืองยนต์ดีข้ึน ยกตัวอย่างเช่น ลูกสูบถ้าเป็นเหล็กการเคล่ือนท่ีของลูกสูบแต่ละคร้ัง จะท�ำให้สูญเสียพลังงานมาก การเปลี่ยนมาใช้ลูกสูบท่ีเปน็ อะลูมิเนยี มผสม (Aluminum alloys) จะช่วยลดน�ำ้ หนกั ในสว่ นนไี้ ด้ วธิ ีการปรับแตง่ เคร่ืองยนต์ การตรวจสอบกำ� ลงั อัด (Compression Test) การตรวจสอบกำ� ลังอัดในกระบอกสูบ เป็นการวินิจฉัยสภาพของเครอื่ งยนต์วธิ หี นึ่ง ซง่ึ สามารถ ทราบได้วา่ แหวนลูกสูบ ลิ้น ห้องเผาไหมอ้ ยใู่ นสภาพอยา่ งไร โดยไม่ต้องถอดเครื่องออกมาดู ในการตรวจ สอบนีต้ อ้ งใช้เครือ่ งมอื วดั ก�ำลังอดั (Compression Tester) ซ่งึ มีสองแบบ ดังรปู 10.6 คือ เครอ่ื งมือวดั กำ� ลังอดั แบบกดอัด (Push-in Compression Tester) แบบนปี้ ลายเกจเปน็ จุกยางขนาดพอ ๆ กบั รขู อง หัวเทยี น เวลาใชต้ อ้ งกดจุกยางไว้ที่รูของหวั เทยี นใหแ้ น่น อีกแบบหน่ึงคือ เครือ่ งวดั กำ� ลงั อดั แบบขนั เขา้
258 บทท่ี 11 การปรบั แตง่ เครอ่ื งยนตแ์ ก๊สโซลนี (Screw-in Compression Tester) แบบนีจ้ ะมีท่อยางยาวทนแรงอดั สงู กับขอ้ ต่อเปน็ เกลียวสำ� หรบั ขัน เข้ากบั รูของหวั เทยี น ถา้ ความดนั ในแตล่ ะกระบอกสบู แตกต่างกันเกิน 15 ปอนดต์ ่อตารางนวิ้ แสดงวา่ เครอื่ งยนต์หลวมและหมดสภาพ ต้องท�ำการโอเวอร์ฮอลล์ (Overhaul) เครือ่ งยนตใ์ หม่ รปู ที่ 11.6 เครื่องตรวจสอบกำ� ลงั อัดทัง้ สองแบบ วธิ ีตรวจสอบกำ� ลังอัด มีดงั นี้ 1. แบตเตอรต่ี อ้ งอยูใ่ นสภาพดีขั้วไฟตอ้ งแน่น 2. อุ่นเครื่องจนถึงอุณหภมู ิการท�ำงาน 3. ดบั เคร่ืองแล้วคลายหัวเทียนออกหนึ่งรอบ แล้วตดิ เครื่องยนต์เรง่ เคร่ืองเพอ่ื ไลเ่ ขม่า 4. ถอดหมอ้ กรองอากาศออก และทำ� ใหล้ น้ิ เรง่ ลน้ิ โชค้ เปดิ เตม็ ที่ แลว้ กราวดส์ ายคอยล์ ไฟแรงสงู ลงดนิ ให้แน่น 5. ประกอบเครอ่ื งวดั กำ� ลังอดั ถ้าเป็นแบบกดตอ้ งกดใหแ้ น่น แบบขนั เขา้ กข็ นั ให้แนน่ ตงึ มอื 6. ตดิ เครอื่ งยนต์ และเดนิ เครอ่ื งกระทงั่ กำ� ลงั อดั ทำ� ใหเ้ ขม็ ในเครอ่ื งวดั ขน้ึ สงู สดุ จนไมเ่ พมิ่ ขนึ้ อกี (คือ ใหไ้ ดก้ �ำลังอัดอย่างน้อย 4 - 5 คร้งั ) แลว้ จดคา่ ที่ได้ของแตล่ ะสูบไว้ ความหมายของค่ากำ� ลังอดั ทอ่ี า่ นไดข้ ณะวัด - ถ้าจังหวะอัดครั้งแรกเข็มขึ้นเพียงเล็กน้อย และจังหวะอัดต่อมาเพ่ิมขึ้นอีกเล็กน้อย ค่าท่ี อ่านได้ตำ่� แสดงวา่ ล้ินไหม้ ล้นิ ร่ัวหรอื คา้ ง - ถา้ จงั หวะอดั ครง้ั แรกเขม็ ขนึ้ เลก็ นอ้ ย และจงั หวะอดั ตอ่ มาเพมิ่ ขนึ้ มาก คา่ ทอี่ า่ นไดป้ านกลาง แสดงว่าแหวนลูกสบู สึก เป็นรอยหรือตดิ - ถา้ สองกระบอกสบู ทอ่ี ยตู่ ดิ กนั อา่ นคา่ ไดต้ ำ่� แสดงวา่ ปะเกน็ ฝาสบู ผวิ หนา้ ฝาสบู หรอื เรอื นสบู เปน็ รอย
งานเคร่อื งยนตแ์ กส๊ โซลนี 259 7. ใสน่ ำ้� มันเครื่องเบอร์ 30 หรือ 40 ประมาณ 1 ช้อนโตะ้ เข้าไปในกระบอกสูบ ท่ีอ่านค่าไดต้ ำ่� ใชเ้ คร่อื งมอื วดั ก�ำลังอดั อีกครั้ง - ถา้ คา่ อา่ นไดส้ ูงกว่าเดมิ พอควร แสดงวา่ แหวนลกู สบู สกึ หรอ แตถ่ า้ ค่าเปล่ียนแปลงเลก็ น้อย แสดงว่าลิ้นบกพรอ่ ง ลกู สูบแตกหรือชำ� รดุ ปะเกน็ ฝาสูบรั่ว - ถา้ ก�ำลงั อดั วัดไดส้ ูงกว่าคา่ ทก่ี �ำหนดแสดงวา่ มีเขมา่ จับอย่ทู ห่ี ้องเผาไหมแ้ ละหวั ลกู สูบมาก หลังจากพบสาเหตุความบกพร่องจากเครื่องวัดก�ำลังอัดแล้ว ให้ปรับแต่งและแก้ไขตาม อาการทต่ี รวจสอบพบ การตรวจสภาพแบตเตอรี่ แบตเตอรี่แบบไม่ต้องเติมนำ้� กลน่ั ไมส่ ามารถทจ่ี ะใช้ Hydrometer หรอื Cell tester ตรวจได้ เพราะแบตเตอรี่แบบน้ีมักถูกออกแบบเป็นฝาปิดเรียบ แต่สามารถตรวจได้โดย Voltmeter โดยมาก แบตเตอร่ีแบบนี้จะมีตาแมวกระจกให้ส่องดูระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่ ซ่ึงบอกได้แต่เพียงปริมาณไฟฟ้า ท่ีอยเู่ ท่าน้ัน ไมส่ ามารถบอกสภาพของแบตเตอรีน่ นั้ ได้ แบตเตอรี่แบบไม่ต้องเติมน�้ำกลั่น แต่ละบริษัทผู้ผลิตอาจจะมีลักษณะตาแมวกระจกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะระบุไว้ชัดเจนบนตัวแบบเตอรี่ว่าลักษณะที่แสดงบนตาแมวนั้น หมายถึง สภาวะของไฟ ในแบตเตอรี่เป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ให้น�ำแบตเตอร่ีไปชาร์จไฟก็ต่อเมื่อไฟหมด (หรือใกล้จะหมด) เท่านัน้ อยา่ นำ� ไปชาร์จขณะทยี่ ังมีไฟเต็มอยู่ เพราะอาจทำ� ใหช้ �ำรุดเสยี หายได้ ถ้าไมม่ กี ารรา้ วบนตัวเรอื น แบตเตอร่ีเกดิ ขนึ้ กส็ ามารถใชไ้ ด้อย่างต่อเน่อื งจนกระทง่ั เสื่อมสภาพ จงึ จะเปลีย่ นใหม่ การตรวจด้วย Hydrometer ไม่ควรตรวจหลังเติมน้�ำกล่ันแล้ว ถ้าน้�ำยาในแบตเตอร่ีมีระดับ ต�่ำมาก ใหเ้ ตมิ น้�ำกล่นั และใช้รถไปสักระยะหนง่ึ ก่อนท�ำการตรวจ วธิ กี ารตรวจแบตเตอรี่ มดี งั น้ี 1. ถอดสายกราวดข์ องแบตเตอรี่ออกโดยมากเปน็ ขวั้ ลบ 2. เปิดฝาเตมิ นำ�้ กล่ันออก 3. ถา้ Hydrometer มีเทอรโ์ มมเิ ตอร์อยู่ด้วย ดดู ตัวอย่างน�ำ้ ยาจากรเู ตมิ น้�ำกล่ันแต่ละช่อง แล้วจดอุณหภูมิทุกครั้งด้วยพร้อมกับค่าความถ่วงจ�ำเพาะของน้�ำยา และต้องถ่ายน้�ำยาคืนกลับช่องเดิม ทุกคร้งั ทวี่ ัดเสร็จแลว้ ทัง้ น้ีทีอ่ ุณหภมู ิ 80F น�ำ้ ยาควรมีคา่ ความถว่ งจ�ำเพาะ 1.250 และถา้ อุณหภูมสิ งู กวา่ 80F ขน้ึ ไปทกุ ๆ 5 องศา ค่าความถว่ งจำ� เพาะจะเพมิ่ ขนึ้ 0.002 เสมอแต่ถ้าอณุ หภมู ติ ่ำ� กว่า 80F ลงมาทุก 5 องศา คา่ ความถ่วงจำ� เพาะจะลดลง 0.002 เสมอ 4. ถ้า Hydrometer ไมม่ เี ทอรโ์ มมเิ ตอร์ให้หาเทอร์โมมิเตอร์มาสอดเข้าในนำ้� ยา และวดั จด อุณหภูมิทุกครง้ั ที่วดั 5. น�ำคา่ ที่วดั ได้มาเทียบกับอุณหภมู ทิ ว่ี ัดได้ เพื่อความแนน่ อนที่จะท�ำให้รูส้ ภาพของแบตเตอรี่
260 บทท่ี 11 การปรับแต่งเครอื่ งยนตแ์ ก๊สโซลีน ความหมายของค่าทีอ่ ่านได้ - ค่าเฉล่ียของค่าความถ่วงจ�ำเพาะ ควรอยู่ประมาณ 1.240 - 1.270 ซ่ึงแสดงว่าแบตเตอรี่ อยู่ในสภาพปกติ ถ้าค่าเฉล่ียที่อ่านได้น้อยกว่าน้ี ควรน�ำแบตเตอร่ีไปชาร์จไปไฟและตรวจสอบดูใหม่ ถ้าแต่ละเซลต่างกันเกิน 0.025 แสดงว่าเกิดการลัดวงจรภายในเซลนั้น ถ้าแบตเตอร่ีต้องชาร์จไฟบ่อย ๆ ระบบไฟในเครอื่ งยนตค์ วรจะตรวจดวู า่ ท�ำงานปกติดไี หม - ค่า ถ.พ.ท่วี ดั ไดจ้ าก Hydrometer (พจิ ารณาที่ 20 องศา) 1. สงู กว่า 1.300 ค่า ถ.พ.สูงไป เตมิ น�้ำกล่ันปรับค่า ถ.พ. 2. ระหวา่ ง 1.250 - 1.295 คอ่ นข้างดี ถา้ ถ.พ.ทตี่ า่ งกันของแต่ละช่องของแต่ละเซลต�่ำกวา่ 0.015 ไมต่ ้องแก้ไข ถ้าเกนิ กว่า 0.015 ให้วดั ไฟใหม่ และปรับค่า ถ.พ.ของแต่ละเซลให้ถูกต้อง 3. ระหว่าง 1.225 - 1.250 พอใช้ ตอ้ งอดั ไฟใหม่ ตรวจดูการทำ� งานของเรค็ กเู รเตอร์พรอ้ มทงั้ ตรวจดูระบบไฟวา่ หวั ตอ่ หลวม สึกหรอ กกั กรอ่ น และลงดนิ (กราวด)์ ถกู ตอ้ งหรือไม่ 4. ต�่ำกวา่ 1.225 ใชไ้ ม่ได้ อดั ไฟใหม่ ตรวจเล็คกเู รเตอร์และ ความเรยี บรอ้ ยของระบบไฟฟา้ 5. เซลไฟฟา้ แต่ละชอ่ งมีค่า ถ.พ.ต่างกนั มากกว่า 0.025 แสดงว่า - เกดิ การลัดวงจรในเซล - น�ำ้ กรดน้อยเกินไป - ชอ่ งกนั้ ระหว่างเซลแตก อัดไฟประมาณ 7 แอมป์จนกระท่งั ถ.พ.ที่อ่านได้ 3 ครง้ั ใน 1 ชว่ั โมงไม่เพิ่มขนึ้ อกี ปรบั ค่า ถ.พ. ของเซลแล้วปลอ่ ยให้จา่ ยไฟ 12 ชั่วโมง ถ้า ถ.พ.ต่างกันมากกวา่ 0.15 โวลทแ์ สดงว่าแบตเตอรี่หมดสภาพ ใช้เซลลเ์ ทส(CellTest)วดั แรงเคลือ่ นของเซลลแ์ ตล่ ะตัวและหาค่าความแตกต่างของแรงเคล่ือน ในแต่ละเซลล์ ถ้าอ่านได้ในแถบสีเขียวท้ังหมดทุกเซลล์ แสดงว่าแบตเตอรี่ดี ถ้าอ่านได้ในแถบสีแดง ท้ังหมด ตอ้ งชาร์ทไฟแบตเตอร่แี ละทำ� การตรวจใหม่ สำ� หรับแบตเตอรี่ 120 Ah. ตอ้ งอ่านได้ 1.7 โวลต์ การปรบั แตง่ มุม Dwell มมุ ดะแวล (Dwell) คอื ระยะทางทล่ี กู เบ้ยี วจานจา่ ยเคลื่อนท่ีไปขณะทช่ี ดุ หนา้ ทองขาวยงั ปิดอยู่ เกิดจากการลากเสน้ จากจุดเริ่มปดิ จนถึงจดุ ทองขาวเริม่ เปดิ ไปยังจดุ ศูนย์กลางของลกู เบย้ี ว ถ้าชว่ งระยะ ทางเวลาการเปดิ ของหนา้ ทองขาวสนั้ หรอื ยาวเกนิ ไป กระแสไฟฟา้ แรงสงู ทถ่ี กู สรา้ งขนึ้ ดว้ ยคอยลจ์ ดุ ระเบดิ สง่ ไปยังหวั เทียนกจ็ ะไมด่ ี และเครอ่ื งยนตก์ จ็ ะวิ่งไม่เรยี บ ดังรูปที่ 11.7
งานเครอื่ งยนตแ์ กส๊ โซลีน 261 ปดิ เปิด มมุ ดะแวล มมุ ดะแวล มมุ ดะแวลปกติ ระยะห่างมาก ระยะห่างน้อย มมุ ดะแวลน้อยเกินไป มุมดะแวลมากเกินไป รูปท่ี 11.7 มมุ ดะแวลกำ� หนดระยะหา่ งหน้าทองขาว รปู ที่ 11.8 การต้ังหน้าทองขาวและใชฟ้ ลี เลอร์เกจวดั ระยะ วิธใี นการตั้งหน้าทองขาว โดยการปรับมมุ Dwell แลว้ ใชฟ้ ลี เลอร์เกจ (Feeler Gauge) ดังรูปท่ี 11.8 วดั นัน้ อาจมีการคลาดเคลือ่ นเกดิ ขน้ึ มาก การปรบั มุมดะแวลโดยใช้ดะแวลมเิ ตอร์ (Dwell meter) จะผิดพลาดไดน้ อ้ ยกว่ามาก ดะแวลมิเตอร์เปน็ โวลตม์ ิเตอร์ (Voltmeter) ชนดิ หนง่ึ ที่วัดบนั ทึกแรงเคลอ่ื นไฟฟ้าทีผ่ า่ นระบบ จุดระเบิดที่วงจรไฟแรงต�่ำ ขณะท่ีชุดหน้าทองขาวเปิดและปิด ถ้าหน้าทองขาวเปิดปิดใช้เวลาสั้น แรง เคลือ่ นทีเ่ กดิ ขนึ้ จะต�ำ่ กว่าเมอ่ื เปรียบเทียบกับการเปิดปิดปกติ ถา้ หน้าทองขาวใช้เวลายาว แรงเคลอื่ นท่ี เกิดข้นึ จะมากกว่าปกติ โดยท่วั ไป ดะแวลมเิ ตอรม์ กั จะรวมอยู่เป็นชุดกับเครอ่ื งวดั รอบ ทเ่ี รียกว่าดะแวลแทกโคมิเตอร์ (Dwell-Tachometer) ดงั รปู 11.9 เครอื่ งวดั รอบจะใชว้ ัดความเร็วรอบของเครอ่ื งยนต์เปน็ รอบต่อนาที เครอ่ื งวดั รอบนย้ี งั ชว่ ยใหค้ วามสะดวกขณะทำ� การวดั มมุ ดะแวล โดยสามารถใหเ้ ครอื่ งยนตท์ ำ� งานทคี่ วามเรว็ รอบตามท่ีคูม่ อื ก�ำหนด แลว้ เปลีย่ นจากเคร่อื งวดั รอบมาใช้วดั ดะแวล เพยี งแตป่ รับสวทิ ชเ์ ปล่ยี นเทา่ นนั้
262 บทท่ี 11 การปรบั แต่งเครอ่ื งยนต์แก๊สโซลีน รูปท่ี 11.9 ดะแวลแทกโคมิเตอร์และวิธีต่อเพื่อวัดมมุ ดะแวล การปรบั คารบ์ ูเรเตอร์ ก่อนปรับคาร์บูเรเตอร์ ตอ้ งปรบั ตัง้ องศาจดุ ระเบิดกอ่ น โดยปฏบิ ัตดิ ังนี้ 1. ติดเครอ่ื งยนต์ถงึ อณุ หภมู ิการท�ำงาน 2. ตรวจสอบระดับน�ำ้ มนั ในหอ้ งลูกลอยใหม้ รี ะดับถกู ต้อง 3. ตรวจสอบองศาการจุดระเบิดให้ถูกต้อง 4. ตอ่ สายเคร่อื งวัดรอบไทมง่ิ ไลท์ ดังรูปที่ 11.10 การปรับคาร์บูเรเตอร์ ให้หมุนสกรูปรับคันเร่งเข้าหรือออกให้รอบเดินเบาถูกต้องตามก�ำหนด ของเคร่ืองยนต์ หมนุ สกรูปรับส่วนผสมเข้าหรือออกเพอ่ื ให้รอบของเครื่องยนต์สงู ขน้ึ ให้มากทีส่ ดุ ปรบั จน ความเร็วรอบไม่เพิ่มข้ึนอีกแล้ว เร่งเคร่ืองยนต์ 2 - 3 คร้ัง แล้วปล่อยคันเร่ง สังเกตดูรอบเครื่องยนต์ อีกครั้ง
งานเครอื่ งยนต์แก๊สโซลนี 263 ศกึ ษาจากคู่มือใหท้ ราบตำ� แหน่ง กระบอกสูบท่หี นึ่ง ของสูบทหี่ น่ึงใหแ้ นน่ อน เขยี ว อแดปเตอร์ อแดปเตอร์ หัวจ่ายของสูบท่ีหน่ึง สายหวั เทียนของสบู ทห่ี นึ่ง รปู ท่ี 11.10 การตั้งองศาจุดระเบดิ การบาลานซส์ ูบ ตรวจดูการท�ำงานเคร่ืองยนต์มีการท�ำงานครบทุกสูบหรือไม่ โดยการดึงสายหัวเทียนแต่ละสูบ ออกแลว้ สังเกตความเรว็ รอบลดลงหรอื ไม่ - ถ้าเครื่องยนต์ส่ันเดินไม่เรียบหรือความเร็วรอบลดลงแสดงว่าสูบท่ีเราดึงสายหัวเทียนออก ท�ำงานเป็นปกติ - ถา้ เคร่ืองยนต์ไม่สัน่ หรอื ความเรว็ รอบไม่ลดลงแสดงวา่ สูบนั้นไม่ทำ� งาน สาเหตุหัวเทียนอาจ จะบอดหรอื ไมท่ �ำงาน สายหวั เทยี นอาจจะขาด ทำ� การตรวจสอบแกไ้ ข การปรับแต่งเครื่องยนตใ์ นการใช้แก๊สโซฮอล์ แก๊สโซฮอล์ (Gasohal) คือ ส่วนผสมระหว่างน้�ำมันเบนซิน (แก๊สโซลีน) กับเอทานอล ซ่ึง คุณสมบตั ขิ องเอทานอลหลกั ๆ คอื ใหค้ า่ พลงั งาน 22 MJ/liter ค่าออกเทนเป็น 106 และความถ่วงจ�ำเพาะ อุณหภูมิ 15.5OC 0.79 Kg/liter ซง่ึ คา่ ออกเทน คอื คา่ บ่งช้คี ุณสมบตั ิการต้านทานการจุดระเบิดท่ไี ม่ ตอ้ งการ กลา่ วคอื การจดุ ระเบดิ กอ่ นถงึ ตำ� แหนง่ ทต่ี อ้ งการใหเ้ กดิ การระเบดิ โดยการระเบดิ กอ่ นนห้ี วั เทยี น ยังไม่ได้เกิดประกายไฟ แต่อากาศและเชื้อเพลิงทีเ่ กดิ การอดั ตัวจะลุกติดไฟเอง ซ่ึงจะทำ� ใหเ้ ครื่องยนต์เกิด
264 บทท่ี 11 การปรบั แตง่ เครอ่ื งยนต์แกส๊ โซลีน การนอ็ ค (Knock) เอทานอล 99.5% มคี า่ ออกเทน 106 ดงั นน้ั เมื่อผสมเอทานอลลงในน้ำ� มันแก๊สโซลีน จะท�ำให้คา่ ออกเทนของน้ำ� มนั สูงขึ้นตามสดั ส่วนน้ำ� มันเช้อื เพลงิ ตอ่ อากาศท่เี หมาะสมที่สดุ จะมีค่า อากาศ : นำ้� มนั เชอื้ เพลิง เท่ากับประมาณ 14.6 : 1 โดยมวล ซง่ึ นำ้� มนั เช้อื เพลงิ เป็นชนิดไม่มีออกซเิ จน (Non oxygenated petrol fuel) ส�ำหรบั เอทานอล 10% หรือ E10 จะมีสัดสว่ นออกซิเจนอยู่ประมาณ 3.5% โดยน�้ำหนกั ซง่ึ ช่วยใหม้ ีออกซเิ จนในการเผาไหมม้ ากขนึ้ แก๊สโซลีนผสมเอทานอล จะติดเคร่ืองในขณะที่อากาศเย็นได้ยากข้ึน ซึ่งจะมีผลกระทบในฤดู หนาวโดยเฉพาะประเทศที่มีอากาศเย็นจัด เช่น อุณหภูมิต่�ำกว่า จุดเยือกแข็ง เพราะคุณสมบัติของ เอทานอล มีค่าความร้อนแผงในการกลายเป็นไอ (Latent heat of evaporation) สูงกว่าแก๊สโซลีน มากกว่า 100% ท�ำให้การแตกเปน็ ฝอยของไอน้ำ� มนั จะไม่ละเอยี ดเทา่ กบั แกส๊ โซลีน มีผลตอ่ การเผาไหม้ท่ี มปี ระสทิ ธภิ าพลดลงหรอื เผาไหม้ได้ยากและเผาไหม้ไมห่ มด ในการปรบั แต่งเครื่องยนตเ์ พอ่ื ใหใ้ ช้แก๊สโซฮอล์ ไดน้ น้ั มีค�ำแนะน�ำดงั น้ี 1. ตรวจสอบความทนทานของชนิ้ สว่ นเครอ่ื งยนตก์ บั บรษิ ทั ผผู้ ลติ รถยนต์ วา่ สามารถทนตอ่ การ ใช้งานเชือ้ เพลงิ ผสมเอทานอลได้หรือไม่ และปรับแต่งตามคำ� แนะนำ� ของบริษทั ผ้ผู ลิตรถยนต์ 2. ปรับตั้งเพิ่มปริมาณการฉีดน�้ำมันเชื้อเพลิง เพ่ือชดเชยค่าความร้อนท่ีต่�ำลงของเอทานอล ส�ำหรับกรณเี ชอื้ เพลงิ ผสมเอทานอลต�ำ่ เช่น E10 หรือ E20 อาจมีผลกระทบนอ้ ยมากเพราะค่าความรอ้ น ของน้�ำมนั เช้ือเพลิงเปล่ยี นแปลงน้อย อปุ กรณ์ควบคุมอเิ ล็กทรอนิกส์ (ECU) ของเคร่ืองยนตส์ ามารถรบั รู้ และปรบั โดยอตั โนมตั ิ แต่ถ้าเปน็ เคร่ืองยนตร์ นุ่ เกา่ ทีใ่ ชค้ าร์บูเรเตอร์ ควรปรบั ตัง้ ให้เพ่ิมปริมาณเชือ้ เพลิง ขน้ึ เลก็ น้อยทห่ี วั จ่ายนำ�้ มนั หรือเรียกว่า นมหนู (Nozzle screw) ท่อสมดลุ โชค้ (เปดิ ) ทางนำ�้ มนั เข้า คอคอด นมหนู วาล์วปีกผีเสื้อ บานพับลูกลอย ลกู ลอย ท่อฉีดนำ้� มนั รูปท่ี 11.11 คารบ์ เู รเตอร์อยา่ งงา่ ย
งานเคร่ืองยนตแ์ ก๊สโซลีน 265 รถยนตส์ มยั ก่อนนิยมใชค้ าร์บูเรเตอร์ ดงั รูป 11.11 เป็นตวั จ่ายอากาศผสม ซงึ่ จะตดิ ตั้งไว้ทท่ี อ่ ทางดดู ของเครอ่ื งยนต์ ให้อากาศทีเ่ ครือ่ งยนต์ดดู เข้าในจงั หวะดดู ไหลผา่ น ในตัวคารบ์ เู รเตอร์จะมอี า่ งเกบ็ น้ำ� มันเชอื้ เพลงิ ขนาดเลก็ มีทอ่ ต่อมาจากถงั นำ�้ มัน ปล่อยให้น�้ำมันเช้ือเพลิงไหลมาขงั ไวใ้ นอา่ งเกบ็ ขนาด เล็กท่ีควบคุมปริมาณโดยลูกลอย เม่ือติดเคร่ืองยนต์อากาศจะไหลผ่านช่องอากาศเข้าสู่บริเวณช่องแคบ (Ventury) เพอื่ เพม่ิ ความเรว็ ของอากาศ ปรมิ าณอากาศจะไหลไดม้ ากหรอื นอ้ ยควบคมุ โดยวาลว์ ปกี ผเี สอ้ื และมที อ่ ขนาดเลก็ ปลอ่ ยนำ้� มนั เชอ้ื เพลงิ จากอา่ งเกบ็ ทนี่ ำ�้ มนั เชอื้ เพลงิ จะไหลไปไดด้ ว้ ยแรงดดู ของอากาศ ท่ีเกิดข้ึนจากการไหลด้วยความเร็วสูงของอากาศ ซึ่งท่ีท่อไหลของน้�ำมันเช้ือเพลิงจะมีการติดตั้งตัวปรับ แบบเกลยี ว (Adjust Screw) ดังรปู 11.12 เพอ่ื ปรับหรีป่ ริมาณน�ำ้ มนั เชอ้ื เพลิงให้ไหลได้มากหรอื น้อยตาม ทีต่ ้องการ รูปที่ 11.12 การตั้งนมหนบู นคารบ์ ูเรเตอร์ 3. ปรบั ตงั้ องศาจดุ ระเบิด การจุดระเบิดด้วยหัวเทียน จะต้องจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าไปท่ีเข้ียวหัวเทียนแล้วเกิดประกายไฟ ซง่ึ จะทำ� ใหอ้ ากาศผสมนำ�้ มนั เชอื้ เพลงิ ลกุ ตดิ ไฟแลว้ ลามไปจนทว่ั หอ้ งเผาไหม้ การจดุ ระเบดิ จะเกดิ ในตำ� แหนง่ ทล่ี กู สบู เคลอ่ื นทใ่ี นตำ� แหนง่ อดั ใกลถ้ งึ จดุ สงู สดุ เมอ่ื จดุ ระเบดิ แลว้ ใชเ้ วลาชว่ งหนง่ึ ลามไปจนเผาไหมท้ ว่ั หอ้ ง เผาไหม้ ซึง่ จะเป็นตำ� แหน่งทลี่ ูกสูบเคล่อื นที่ผ่านจุดสงู สดุ ไปเล็กน้อย เขา้ ส่จู งั หวะก�ำลัง อากาศจะขยาย ตัวดันให้ลูกสูบเคล่ือนที่ลงมา การจุดระเบิดเร็วเกินไปจะท�ำให้เผาไหม้เร็วซึ่งลูกสูบยังอยู่ในจังหวะอัด กอ่ นถงึ ต�ำแหน่งก�ำลงั จะทำ� ให้เกิดแรงตา้ นการเคลอื่ นทีข่ ึน้ ท�ำให้เสียก�ำลังและถ้ามากกจ็ ะเกดิ การนอ็ ค หรือเครื่องยนต์เสียหายได้ แต่ถ้าช้าเกินไปลูกสูบเคล่ือนท่ีลงมาในจังหวะก�ำลังมากแล้ว อากาศจึงเร่ิม ขยายตัวและดันลูกสบู แทนทจี่ ะดันต้ังแตต่ �ำแหน่งตน้ ๆ ของการเคล่อื นท่ีลง ท�ำใหเ้ กิดการสูญเสยี กำ� ลัง เชน่ กนั
266 บทที่ 11 การปรับแตง่ เคร่ืองยนต์แก๊สโซลีน คุณสมบัตขิ องเอทานอลมกี ารเผาไหม้ช้ากว่าแกส๊ โซลีน ท�ำให้ต้องใชเ้ วลาต้งั แต่เริม่ จุดระเบดิ ไป จนถึงเผาไหม้หมดนานกว่าแก๊สโซลีน ดังน้ัน จึงต้องตั้งต�ำแหน่งจุดระเบิดให้เร็วข้ึน โดยการปรับตั้ง ที่จานจ่ายหรอื ท่ี ECU ท่ีควบคุมการจดุ ระเบิด สำ� หรับช้ินส่วนอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ จ�ำเปน็ ต้องเปลย่ี นหรือไมน่ ้นั ต้องพจิ ารณาปัจจยั ทเี่ กี่ยวขอ้ งอ่ืน ๆ เช่น 1. ความร้อนในห้องเผาไหม้เปลี่ยนแปลง เพราะระยะเวลาการเผาไหม้ตั้งแต่เร่ิมจุดระเบิด จนเผาไหมห้ มด และค่าความร้อนแตกต่างจากเดมิ 2. การชะล้างผวิ ช้นิ สว่ นท่ีสมั ผสั เช่น บ่าวาลว์ กระบอกสบู ลูกสบู แหวนลูกสูบ เปน็ ต้น ซง่ึ เอทานอลมีคณุ สมบัตใิ นการทำ� ละลายหรือชะล้าง สารเคลือบนำ้� มนั หลอ่ ลน่ื หรือเขมา่ ตา่ ง ๆ ได้สูงกวา่ แกส๊ โซฮอล์ 3. การเกดิ ปฏกิ ิริยาต่อวัสดทุ แี่ ตกตา่ งจากเดมิ ซงึ่ ปจั จัยเหลา่ นี้ จะมีผลตอ่ วัสดุทสี่ มั ผสั ช้นิ สว่ นที่ ตอ้ งทำ� งานในสภาวะแวดลอ้ มตามทก่ี ลา่ วมา เชน่ หวั เทยี นตอ้ งเปน็ รนุ่ ทร่ี องรบั ตอ่ ความรอ้ นในหอ้ งเผาไหมท้ ่ี เหมาะสมตรงกนั ซึ่งจากการเปรยี บเทยี บคณุ สมบตั ิของแกส๊ โซลีนและแกส๊ โซลีนผสมเอทานอล E10 แลว้ คุณสมบัตทิ ้ังหมดจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมน้อยมาก ดังนนั้ การปรบั เปล่ยี นช้ินส่วนหรอื การปรบั แตง่ เกอื บทงั้ หมดทีก่ ล่าวมา จะมีความจำ� เป็นนอ้ ยท่จี ะตอ้ งท�ำในการเปลีย่ นจากการใชแ้ ก๊สโซลีนมาเปน็ แกส๊ โซฮอล์ E10 สิง่ ที่จะต้องปรับแต่งเลก็ นอ้ ย เช่น ปริมาณการฉดี น�ำ้ มนั เชอ้ื เพลิง และองศาจดุ ระเบิด เพราะ สามารถปรับแต่งไดง้ า่ ย ไม่มีตน้ ทุนสงู และเพมิ่ ประสทิ ธิภาพเครอ่ื งยนตใ์ หไ้ ดส้ งู สดุ ในการใชแ้ กส๊ โซฮอล์ E10 แต่ถ้าใช้แก๊สโซฮอล์ที่มีสัดส่วนเอทานอลสูงกว่าน้ัน เช่น E20 หรือ E85 จะต้องพิจารณาปัจจัย ที่น�ำเสนอมาเพื่อปรับแต่งเครอ่ื งยนต์ใหเ้ หมาะสมทีส่ ดุ
งานเคร่ืองยนตแ์ ก๊สโซลีน 267 แบบทดสอบและกิจกรรมการฝกึ ทกั ษะ บทท่ี 11 การปรับแต่งเครือ่ งยนต์แก๊สโซลนี ตอนท่ี 1 อธิบาย (หมายถึง การให้รายละเอียดเพ่ิมเติม ขยายความ ถ้ามีตัวอย่างให้ยกตัวอย่าง ประกอบ) ตอบแบบสั้น 1. จงเขียนสมการการเผาไหม้ อเี ธน (C2H6) สำ� หรบั การเผาไหม้ทีส่ มบรู ณ์ เกดิ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และไอน้�ำอย่างละก่โี มเลกลุ CXHY + (X+Y/4)O2 → XCO2 + (Y/2)H2O 2. ปญั หาหลกั 3 ขอ้ ของเครื่องยนตแ์ ก๊สโซลีน ซึ่งทำ� ใหก้ ารเผาไหม้ของเชือ้ เพลงิ ไม่สมบรู ณ์ มีอะไรบ้าง 3. วัดคา่ ถ.พ. ของแบตเตอรล่ี กู หน่ึงโดยใช้ Hydrometer ที่อุณหภูมปิ ระมาณ 20°C ได้ค่า ถ.พ. 1.350 แสดงวา่ แบตเตอร่นี ี้มีสภาพอยา่ งไร ควรแกไ้ ขอย่างไร 4. อุปกรณท์ ต่ี ิดตั้ง ดงั รูปนี้ เพื่อประโยชนใ์ ด 5. มมุ ดะแวลมีผลอย่างไรตอ่ การจดุ ระเบดิ ของเคร่อื งยนต์ อธบิ าย
268 บทท่ี 11 การปรับแตง่ เครือ่ งยนต์แกส๊ โซลีน ตอนที่ 2 อธิบายคำ� ศพั ท์ (หมายถงึ แปลคำ� ศัพท์ ให้รายละเอียดเพ่มิ เติม ขยายความ ถ้ามตี ัวอย่าง ให้ยกตัวอยา่ งประกอบ) ตอบแบบส้ัน 1. Compression Tester 2. Overheat 3. Gasket 4. Header 5. Screw – in Compression Tester 6. Nozzle Screw 7. Ventury 8. Adjust Screw 9. Dual Exhaust 10. Back - Pressure ตอนท่ี 3 จงเลือกคำ� ตอบขอ้ ทีถ่ ูกท่ีสดุ 1. การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ดูไดจ้ ากอะไร ก. ดจู ากไอเสียจะมสี ีขาว ข. ดจู ากไอเสยี จะมีสดี ำ� ค. ดจู ากอาการสนั่ ของเครือ่ งยนต์ ง. ดูจากไอเสยี จะมสี ฟี ้าอ่อน 2. กำ� ลังอดั ของเคร่อื งยนตส์ ามารถรวั่ ทางชน้ิ สว่ นใด ก. ลน้ิ ไอดี ไอเสยี , ปลอกล้นิ ข. ปะเก็บฝาสูบ, ท่อไอดี ค. ซีลหนา้ เครือ่ ง, แหวนลูกสูบ ง. แหวนลูกสบู , ล้นิ ไอเสีย 3. การวดั กำ� ลังอดั เครือ่ งยนตแ์ บบเปียก ถา้ มคี ่าก�ำลังอัดเพิ่มขนึ้ เกดิ จากสาเหตุใด ก. ลิน้ รัว่ ข. ฝาสูบโก่งงอ ค. แหวนลูกสูบสกึ หรอ ง. ปะเกน็ ฝาสูบชำ� รดุ 4. แรงดันน้�ำมันเปดิ ล้ินหวั ฉีดมากหรือน้อยข้ึนอยูก่ ับช้นิ ส่วนใด ก. เข็มนมหนู ข. สปรงิ หัวฉีด ค. แกนสง่ เข็มหวั ฉีด ง. ชุดเขม็ หัวฉดี 5. การปรบั สว่ นผสมนำ้� มนั เชอ้ื เพลงิ กับอากาศที่คาร์บูเรเตอร์มวี ิธีการทำ� แบบใด ก. หมุนสกรปู รับอากาศเข้าและคลายออก หนง่ึ รอบครึง่ ข. ตดิ เครือ่ งยนตป์ รบั สกรูอากาศและเรง่ เครอื่ ง ค. ติดเครอ่ื งยนต์อนุ่ ใหไ้ ด้อณุ หภมู ิการท�ำงานและปรบั สกรูอากาศ ง. หมนุ สกรูปรับอากาศให้แน่นแล้วหมนุ สกรูปรบั ลิน้ เร่ง
งานเครือ่ งยนต์แก๊สโซลนี 269 6. การตรวจความถ่วงจ�ำเพาะของน้ำ� ยาแบตเตอรี่ใช้เคร่อื งมือใด ก. Thermometer ข. Hydrometer ค. Battery Tester ง. Hygrometer 7. การประกอบจานจ่ายเขา้ กบั เคร่อื งยนต์ต้องสังเกตสง่ิ ใดก่อน ก. ทิศทางการหมุดของหัวโรเตอร์ ข. ลำ� ดับการจดุ ระเบิด ค. ตำ� แหนง่ หน้าทองขาว ง. ต�ำแหนง่ องศาจุดระเบิดบนพูลเลย์ 8. น้�ำมันเคร่ืองเปน็ สีน�้ำนม เกิดจากสาเหตุใด ก. มีน�้ำปนอย่ ู ข. มเี ขมา่ และสง่ิ สกปรก ค. มีส่วนผสมของสารตะกว่ั ง. มนี ้�ำมนั เบนซินปนอยู่ 9. ลกั ษณะของควันไอเสียสีขาวแสดงถงึ ความผิดปกตขิ องเคร่อื งยนตอ์ ย่างไร ก. สว่ นผสมบาง ข. ส่วนผสมหนา ค. มนี �้ำผสมอยใู่ นน้�ำมนั เช้อื เพลงิ ง. นำ้� มนั เครอื่ งเข้าหอ้ งเผาไหม้ 10. การแก้ไขวธิ ใี ด ใหไ้ ฟจดุ ระเบดิ เรว็ ขนึ้ ทถ่ี ูกตอ้ ง ก. ปรับระยะหา่ งหนา้ ทองขาวใหช้ ดิ ข. ปรับระยะหา่ งหน้าทองขาวใหห้ า่ ง ค. หมนุ เรอื นจานจ่าย ตามการหมนุ ของหวั โรเตอร์ ง. หมนุ เรอื นจานจา่ ยทวนการหมุนของหวั โรเตอร์ 11. เคร่ืองยนต์ที่ใช้คาร์บเู รเตอร์ ถา้ นำ�้ มนั ท่วมควรท�ำอยา่ งไร ก. ยกคันเร่งสดุ ข. เหยยี บคนั เร่งสดุ ค. เหยียบคันเร่งซำ้� ง. ใชม้ อื ปิดช่องทางเขา้ คาร์บูเรเตอร์ 12. ชุดโซลีนอยดเ์ ปดิ ช่องน�้ำมันของคารบ์ ูเรเตอร์เสีย จะมีผลกบั เครือ่ งยนต์อยา่ งไร ก. สตาร์ตไมต่ ดิ ข. เดินเบาเครอ่ื งจะสั่น ค. เร่งเคร่ืองไมไ่ ด ้ ง. เดินเบาเครอ่ื งจะดบั 13. Turbo charger ถูกขบั ให้หมนุ ดว้ ยอะไร ก. มอเตอร ์ ข. เพลาขอ้ เหวีย่ ง ค. ไอเสีย ง. โรเตอร์ 14. ความล่าชา้ ในการจุดระเบดิ (Ignition delay) ขนึ้ อยู่กบั ส่ิงใด ก. ปริมาณน้�ำมันเชือ้ เพลงิ ข. ปรมิ าณอากาศ ค. อตั ราส่วนการอดั ง. การเผาไหม้ของน้�ำมันเชอ้ื เพลิง 15. การฉีดนำ้� มนั เชอื้ เพลงิ หลังศนู ย์ตายบนไปแล้วจะมผี ลตอ่ เครอื่ งยนตอ์ ยา่ งไร ก. เครื่องเบาไมไ่ ด้ ข. ไมม่ ีกำ� ลงั ค. สนิ้ เปลอื งน้ำ� มนั เชอื้ เพลิง ง. เร่งค้าง
270 ใบงานที่ 11.1 การวดั กำ� ลังอดั ของเครื่องยนต์แกส๊ โซลีน ใบงานที่ 11.1 เรอื่ ง การวดั ก�ำลังอดั ของเคร่ืองยนต์แก๊สโซลนี จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. ตรวจวดั กำ� ลงั อัดและวิเคราะห์สภาพของเคร่อื งยนตไ์ ด้ถกู ต้อง 2. ใช้เครื่องวดั กำ� ลังอัดได้ถกู ต้อง เครือ่ งมือและอุปกรณ์ 1. ชุดฝึกเครอ่ื งยนต์แกส๊ โซลนี 2. เครอื่ งวดั ก�ำลังอัด 3. เครื่องมอื ช่างพื้นฐาน 4. น้�ำมันหลอ่ ล่ืน ขน้ั ตอนการปฏบิ ตั ิงาน ก. การวัดก�ำลังอัดแบบแห้ง 1. เตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ และวัสดุให้พร้อม 2. ติดเคร่ืองยนต์เพื่อให้ความร้อนถึงอุณหภูมิท�ำงานปกติแล้วดับเคร่ืองยนต์ 3. ปลดสายไฟที่จานจ่ายออก จากน้ันปลดสายไฟแรงสูงออกจากหัวเทียน แล้วจึงถอด หัวเทียน 4. ติดต้ังเครื่องวัดก�ำลังอัดเข้าท่ีช่องหัวเทียน
งานเครอื่ งยนต์แกส๊ โซลีน 271 แบบกดอัด แบบขันเข้า รูปท่ี 1 เครื่องวัดก�ำลังอัด รูปที่ 2 การติดต้ังเครื่องวัดก�ำลังอัด 5. เปิดล้ินเร่งเต็มที่ (ต�ำแหน่งเร่งสุด) สตาร์ตเครื่องยนต์ สังเกตเข็มที่หน้าปัดเครื่องวัด ก�ำลังอัดขึ้นสูงสุดอ่านค่าแล้วจดบันทึกไว้ 6. ปฏิบัติตามล�ำดับขั้นในข้อ 4 – 5 ซ้�ำ ส�ำหรับวัดก�ำลังอัดแต่ละกระบอกสูบ ข) การวัดก�ำลังอัดแบบเปียก 1. หยอดน�้ำมันหล่อล่ืนลงไปในกระบอกสูบเล็กน้อยแล้วปฏิบัติตามล�ำดับขั้นในข้อ 4 – 5 ของการวัดก�ำลังอัดแบบแห้ง ส�ำหรับวัดก�ำลังอัดแต่ละกระบอกสูบ 2. จดบันทึกค่าท่ีอ่านได้แล้วจดบันทึกไว้
272 ใบงานท่ี 11.1 การวัดก�ำลงั อัดของเคร่อื งยนต์แก๊สโซลีน 3. น�ำมาเปรียบเทียบกับการวัดก�ำลังอัดแบบแห้ง - ถ้าค่าท่ีวัดได้สูงข้ึนเป็นไปได้ว่า แหวนลูกสูบและกระบอกสูบ สึกหรอหรือช�ำรุด - ถ้าค่าที่วัดได้เท่าเดิม เป็นไปได้ว่าลิ้นอาจจะติดหรือบ่าวาล์วไม่ปกติ หรืออาจมีการร่ัว ทางปะเก็น - ถ้าค่าที่วดั ไดเ้ ท่าเดิมและเท่ากันในสองสูบทต่ี ิดกันแสดงวา่ ปะเกน็ ฝาสูบหรือฝาสูบเสยี หาย ภายหลงั จากการทำ� การทดลอง 1. ถอดเครื่องวัดกำ� ลังอดั แล้วประกอบหัวเทียน 2. ใส่สายหัวเทยี นแลว้ ต่อสายไฟท่จี านจ่าย 3. เกบ็ อปุ กรณ์ เครอื่ งมือและวัสดแุ ลว้ ท�ำความสะอาดบริเวณทปี่ ฏบิ ตั งิ าน ข้อควรระวงั (ความปลอดภัยขณะปฏบิ ัตงิ าน) 1. ใหใ้ ชแ้ บตเตอร่ีควรมีประจุไฟเต็มเสมอ 2. ตรวจสอบให้แนใ่ จว่าได้ปลดสายไฟท่จี านจ่ายและสายไฟแรงสงู ออกจากหัวเทียนออกแลว้ สรปุ ผลและวิจารณก์ ารปฏบิ ัติ …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ความเห็นของครผู ู้สอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………… ครผู สู้ อน ……..…………………………………………… ผคู้ วบคุมการฝึก ……..…………………………………………… วันที่ / เดอื น / พ.ศ.
12 การบำ� รุงรกั ษาเครือ่ งยนต์ จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม (Behavioral Objectives) หลังจากศกึ ษาจบบทเรยี นนแ้ี ล้ว นักศกึ ษาจะมคี วามสามารถดงั นี้ 1. ตรวจสอบและบำ� รงุ รกั ษาเครื่องยนต์ในเบอื้ งต้นได้ 2. บ�ำรงุ รักษาเคร่อื งยนต์ในสว่ นประกอบหลักได้ 3. อธบิ ายวงรอบในการปฏบิ ตั ขิ องรถยนต์ที่ใช้เคร่อื งยนตแ์ กส๊ โซลีนได้
12 การบ�ำรงุ รักษาเครอื่ งยนต์ เครื่องยนต์จะท�ำงานได้ดีและมีอายุการใช้งานยาวนาน ข้ึนอยู่กับลักษณะการใช้งานและบ�ำรุง รกั ษาทถ่ี ูกวิธตี ามระเบยี บปฏิบัตหิ รือตามคมู่ อื ของบริษัทผ้ผู ลิตกำ� หนด ผใู้ ช้จะตอ้ งเอาใจใส่ดูแลตลอดจน แก้ไขข้อบกพร่องเล็กน้อย อันเป็นจุดเร่ิมต้นของความเสียหายซึ่งหากละเลยจะบานปลายข้ึนจนแก้ไข ได้ยากล�ำบาก จุดประสงค์ของการบำ� รุงรักษาเครอ่ื งยนต์ สามารถสรปุ ได้ดงั น้ี 1. การทำ� งานของเครื่องยนตเ์ ตม็ ประสทิ ธภิ าพสูง 2. ลดการสึกหรอชนิ้ ส่วนของเครอื่ งยนต์ 3. เครอ่ื งยนต์มกี �ำลังสม�่ำเสมอ ไมเ่ สียบ่อย สมรรถนะการใชง้ านได้ดี 4. อายุการใชง้ านของเครือ่ งยาวนาน ไมม่ ีผลกระทบจากขอ้ ขดั ข้อง 5. ลดคา่ ใช้จา่ ยและการสญู เสยี เวลาซ่อม 6. ประหยัดน�้ำมนั เชอ้ื เพลิง 7. ใช้งานปลอดภัยและม่ันใจในการเดนิ ทาง นอกเหนือจากการท่ีผู้ใช้งานและช่างเทคนิคจะต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเคร่ืองยนต์เพ่ือ ให้รู้จักและเข้าใจในการท�ำงาน รวมท้ังการบ�ำรุงรักษาเครื่องยนต์ เพ่ือให้เคร่ืองยนต์ท�ำงานได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพและมอี ายงุ านทย่ี าวนานแลว้ นน้ั การรจู้ กั สงั เกตสงิ่ ผดิ ปกตทิ เ่ี กดิ ขนึ้ กบั เครอื่ งยนตก์ เ็ ปน็ ทกั ษะ อย่างหนึ่งที่ควรมี ซึ่งส่ิงนี้จะได้มาจากประสบการณ์และการเรียนรู้โดยตรง ในบทนี้จะได้กล่าวถึงการ บำ� รุงรักษาเครื่องยนต์ซ่งึ เป็นสง่ิ ที่ควรปฏบิ ัตอิ ย่างสม่�ำเสมอ
งานเคร่ืองยนตแ์ ก๊สโซลีน 275 รายการตรวจสอบ รายการดงั ต่อไปนี้ เป็นรายการการตรวจสอบเบื้องต้น ก่อนใชง้ านเครื่องยนต์เพ่อื ยดื อายุการใช้ งาน และเปน็ จดุ เริม่ ต้นของการหาสาเหตุขอ้ บกพร่องอน่ื ๆ ต่อไป (ในกรณีทีเ่ ครื่องยนตท์ �ำงานผิดปกติ) น้ำ� หล่อเยน็ ควรตรวจเชค็ ระดบั นำ�้ หลอ่ เยน็ ใหอ้ ยใู่ นระดบั ทเ่ี หมาะสมอยเู่ สมอ โดยตรวจเชค็ ในขณะทด่ี บั เครอ่ื ง และเคร่ืองเย็น โดยทั่วไปน้�ำหล่อเยน็ จะมกี ารพรอ่ งลงไปบ้าง ถา้ ใช้งานเครือ่ งยนตเ์ ป็นประจำ� อยา่ งไรกด็ ี ถา้ ระดบั น้�ำพร่องหายไปมากไปจนผิดปกติ สงั เกตไดจ้ ากการทต่ี อ้ งเติมนำ้� ลงไปเพิม่ ปริมาณมาก อาจจะ มีปัญหาอย่างใดอย่างหน่ึงเกิดขึ้นกับระบบหล่อเย็น ซ่ึงจ�ำเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องพิจารณาหาสาเหตุ และท�ำการแก้ไขต่อไป ฝาปดิ หมอ้ น�ำ้ ทอ่ นำ้� ล้น ฝาเติม ท่อน�ำ้ ล้น หม้อนำ�้ ถงั พักนำ้� รปู ท่ี 12.1 หม้อน�ำ้ และถังพกั น้ำ� การตรวจระดับน้�ำหล่อเย็นในหมอน้ำ� ใหเ้ ปด ฝาหมอนำ้� ออกเพ่อื ตรวจดนู �้ำภายในหมอน�้ำ ถ้าน้ำ� นอยเกินไปก็ควรเติมใหเต็ม แต่ถ้าน�้ำมีคราบสกปรกก็ควรเปลี่ยนน้�ำในหมอน้�ำใหมแลวเติมใหไดระดับ โดยทัว่ ไป ใหส้ ังเกตระดบั นำ�้ หล่อเย็นทถ่ี ังพกั ซึ่งควรจะอยูร่ ะหว่าง MAX กบั MIN อาจจะเติมนำ้� หล่อเย็น สว่ นทีพ่ รอ่ งลงไปในถังพกั ไดเ้ ลย ดังรูปท่ี 12.1
276 บทท่ี 12 การบำ� รุงรักษาเคร่ืองยนต์ ระดบั น้ำ� มันเคร่อื ง การตรวจเชค็ ระดับน้ำ� มันเครือ่ ง ให้อุ่นเคร่อื งยนตจ์ นถึงอณุ หภูมทิ ำ� งานแล้วดับเคร่อื ง เชค็ ระดับ น�้ำมันเครื่องโดยใช้ก้านวัดระดับน�้ำมันเคร่ือง เพ่ือให้การตรวจเช็คถูกต้อง รถควรจอดอยู่ในแนวระดับ และท�ำการวัดหลังจากดบั เครือ่ ง 2 - 3 นาที เพอื่ ให้น้ำ� มนั เคร่ืองไหลกลบั ลงด้านล่างกอ่ น ดงึ ก้านวดั น�้ำมันเครอื่ งออก เชด็ นำ�้ มันเครือ่ งทีต่ ดิ กบั กา้ นวัดดว้ ยผ้าใหห้ มด จากนน้ั เสียบก้านวัด นำ้� มันเคร่ืองกลบั คืน ดึงก้านวัดออกมาอีกคร้งั หน่งึ เพอื่ ตรวจสอบระดับน�้ำมนั เคร่ืองท่ปี ลายกา้ นวัด ถา้ ระดบั นำ้� มันเคร่ืองอยู่ระหว่าง F (Full = เต็ม) กบั L (Low = ต่ำ� ) ดังรูปท่ี 12.2 แสดงว่าระดับน�้ำมัน เครอ่ื งปกติ กา้ นวัดระดบั น�้ำมัน ท่อแหย่ก้านวดั รปู ท่ี 12.2 ระดับน�้ำมันเครื่องทเ่ี หมาะสม เมื่อทําการวดั ระดบั นำ้� มันหลอล่ืนแลว ปรากฏวาน้�ำมันหลอลนื่ ต�ำ่ กวาระดับขดี L ใหต้ รวจสอบ การรว่ั ของนำ้� มันหลอล่ืน แก้ไขใหเ้ รียบรอ้ ยแลว เติมใหไ ดระดับขดี F ข้อควรระวงั - หลกี เล่ียงการเติมนำ้� มันเคร่อื งมากเกินไป เพราะอาจทำ� ให้เครือ่ งยนต์เสยี หายได้ - ตรวจเชค็ ระดบั นำ�้ มันเครือ่ งท่ีกา้ นวดั อกี ครง้ั หลังเติมน�ำ้ มันเครื่องลงไป - ใชเ้ กรดของน�้ำมนั เครอ่ื งตรงตามขอ้ ก�ำหนดของคมู่ ือประจำ� รถ หรอื ใช้เกรดสูงกว่า - เปลี่ยนกรองน�้ำมนั เคร่ือง แหวนรองต่าง ๆ ใหม่ทุกครง้ั หลงั เปลย่ี นถ่ายน�ำ้ มนั เคร่อื ง ระดบั น้�ำกลน่ั แบตเตอรี่ ควรตรวจเช็คระดบั น้ำ� กล่ันแบตเตอร่ีใหอ้ ยู่ระหวา่ งต�ำแหน่งUPPERLEVELและLOWERLEVEL ดังรปู 12.3 ไม่ควรเติมเกนิ กว่าระดับ UPPER LEVEL เพราะถ้าเติมมากเกินไป น้ำ� ยาอิเลคโทรไลทซ์ ง่ึ เปน็ สารละลายกรดซัลฟูริค จะเจือจางท�ำให้ประสิทธิภาพการท�ำงานลดลง นอกจากน้ีน้�ำยาอิเลคโทรไลท์ อาจจะกระเดน็ ออกทางรูระบายไอ และไปกัดกรอ่ นชน้ิ ส่วนต่าง ๆ ในหอ้ งเคร่อื งยนตไ์ ด้
งานเครอื่ งยนตแ์ กส๊ โซลีน 277 ตำ่� ปกติ (ก) แบบกล่องใสใหด้ ูท่ีระดับด้านขา้ ง (ข) แบบทบึ ให้เปิดฝาเติมน้ำ� กล่ันออก แล้วสอ่ งดแู นวของแผ่นอีเลคโตรด รปู ที่ 12.3 ระดับนำ�้ กล่นั ท่เี หมาะสม ขอ้ ควรระวงั - ปดิ ฝาเติมน�้ำกลนั่ ให้แน่น - ขว้ั แบตเตอรท่ี ี่ขัว้ บวกและลบขนั แนน่ - แบตเตอร่ยี ึดแนน่ กับฐานทตี่ ัง้ - ควรตรวจดูระดับน�้ำกลัน่ กอ่ นทำ� การชารจ์ ทกุ ครั้ง อย่าเติมเกนิ ระดับ UPPER เพราะนำ�้ กลัน่ จะลน้ ขณะชารจ์ - ไม่ควรเติมน้�ำหรอื สงิ่ อืน่ ใดลงไปในแบตเตอรี่ นอกจากนำ้� กลนั่ ตรวจเชค็ สภาพของสายพาน ตรวจดจู ากสภาพภายนอกของสายพานว่ามรี อยฉกี ขาดหรอื มีรอยแตกหรือไม่ ถ้าตรวจพบว่ามี สภาพดงั กล่าวควรเปลยี่ นสายพานใหมท่ นั ที และตรวจความตงึ ของสายพานโดยการใช้นวิ้ หัวแม่มอื กดลง บนสายพาน ถ้าสายพานหยอ่ นเกินไป ผปู้ ฏิบัติงานต้องตงั้ สายพานใหไ้ ดต้ ามค่าที่กำ� หนดคา่ ความหย่อน สายพาน คา่ ท่แี นะน�ำดังน้ี - สายพานใหม่ 7 - 10 มลิ ลเิ มตร (0.28 - 0.39 น้วิ ) - สายพานเกา่ 10 - 15 มิลลิเมตร (0.39 - 0.59 นว้ิ ) การใช้นว้ิ หัวแม่มอื กดสายพานแลว้ ใช้ไม้บรรทดั วดั แมเ้ ปน็ วิธีท่งี า่ ยและสะดวกแตจ่ ะไม่แน่นอน การใชเ้ ครื่องมือวัดความตงึ ของสายพาน (Belt Tension Gauge) ดังรปู 12.4 จะชว่ ยให้การวัดแมน่ ย�ำ มากย่งิ ขน้ึ
278 บทท่ี 12 การบ�ำรุงรกั ษาเครื่องยนต์ รปู ท่ี 12.4 เครื่องมือวัดความตึงของสายพานแบบตา่ งๆ การตรวจไส้กรองอากาศ การตรวจไส้กรองอากาศควรปฏิบัตดิ งั นี้ - ตรวจสภาพไส้กรองอากาศด้วยตาเปล่า ไส้กรองอากาศท่ีมีฝุ่นละออง รอยฉีกขาดหรือมี คราบน�้ำมันเกาะตดิ อยู่ ซง่ึ พจิ ารณาดแู ล้วว่าหมดสภาพควรเปล่ียนใหม่ - ถ้าดสู ภาพแลว้ ยงั พอใช้งานตอ่ ไปได้ ให้ท�ำความสะอาดไส้กรองอากาศ โดยใช้ลมเปา่ จาก ด้านในออกด้านนอกจนกวา่ ฝุ่นละอองจะหมด ดังรปู 12.5 รูปท่ี 12.5 การใชล้ มเปา่ ท�ำความสะอาดกรองอากาศ ตรวจเชค็ สภาพภายในหอ้ งเคร่ืองโดยรวม โดยวิธีการมองดูรอบ ๆ ภายในห้องเคร่ือง ให้สังเกตดูว่ามีความผิดปกติใด ๆ หรือไม่ เช่น คราบนำ�้ ซึมบนทอ่ ยางหมอ้ นำ�้ ความเรยี บร้อยของสายไฟภายในหอ้ งเครื่องเรยี บร้อย มรี อยหนกู ดั หรือไม่ มคี ราบน�้ำมนั เครอ่ื งรัว่ ซึมหรือไม่ เปน็ ตน้
งานเครอ่ื งยนตแ์ ก๊สโซลนี 279 การบำ�รุงรักษาเครือ่ งยนต์ในส่วนประกอบหลัก การบำ� รุงรกั ษาชดุ หม้อน�้ำ หมอ้ นำ�้ (Radiator) ทำ� หนา้ ทค่ี วบคมุ การระบายความร้อนจากห้องเผาไหมข้ องเครือ่ งยนต์ ให้ อยใู่ นอณุ หภูมิใช้งาน (Working Temperature) ระหว่าง 160 - 180 ฟาเรนไฮต์ มลี กั ษณะเปน็ ท่อขด เวียนไปมาและค่ันขวางด้วยครีบจ�ำนวนมาก เป็นช้ินส่วนท่ีค่อนข้างบอบบาง หากได้รับการกระทบ กระเทอื นอย่างแรง หรอื ถูกวัสดุแข็งกระแทกเพียงเล็กนอ้ ย ก็มีโอกาสจะช�ำรุดเสยี หาย รวมถึงการใชง้ าน ทไ่ี ม่เหมาะสมและผิดประเภท อาจทำ� ใหห้ มอ้ น�ำ้ ท�ำงานได้ไมเ่ ตม็ ประสิทธภิ าพและลดอายงุ าน สปรงิ รบั แรงดัน ปะเกน็ ฝาหมอ้ น้ำ� ด้านล่าง ปะเก็นฝาหม้อน�ำ้ ด้านบน หนา้ สมั ผสั ดา้ นลา่ งฝาหมอ้ นำ้� รวู าลว์ สูญญากาศ หนา้ สมั ผสั ดา้ นบนฝาหมอ้ นำ้� ท่อน�ำ้ มนั รูปที่ 12.6 ฝาปดิ หม้อน�้ำ ฝาปดิ หม้อน้�ำ (Radiator Cap) ดงั รูป 12.6 เป็นอีกสว่ นประกอบหนึง่ ของชดุ หมอ้ น้ำ� ท่ีมคี วาม ส�ำคญั ท�ำหน้าทคี่ วบคุมแรงดันของหม้อน้�ำ เม่ือนำ�้ ในหม้อน�้ำเดือด แรงดนั จะดนั ให้วาลว์ ในฝาหมอ้ น้ำ� เปดิ เพ่ือให้น�้ำไหลเขา้ ถงั พัก เป็นการลดความดนั หม้อน้�ำ และไหลกลับเขา้ หม้อน�ำ้ อีกครั้ง เมอ่ื ความดนั และอุณหภมู ิของหมอ้ น้�ำต่ำ� ลง การปฏิบตั ิในการบำ� รุงรักษา ดังนี้ 1. ตรวจดูระดับน้ำ� อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ปกติระดับนำ�้ ตอ้ งอยรู่ ะหวา่ งคอหมอ้ น้ำ� 2. ควรเตมิ นำ�้ ยาหลอ่ เย็นพรอ้ มกับนำ�้ ทส่ี ะอาด ดว้ ยอัตราสว่ นท่ีระบไุ วก้ ับค่มู ือประจำ� รถลงไป ในหม้อน้ำ� เท่าน้ัน เพ่ือป้องกนั มิให้หมอ้ นำ้� หรือทางเดนิ ของหลอดรังผึ้งหม้อน้ำ� เกดิ การอุดตัน
280 บทที่ 12 การบ�ำรุงรักษาเคร่ืองยนต์ 3. ตรวจดูรอยรัว่ ตามท่ตี า่ งๆ เชน่ ท่อยางหมอ้ น้�ำ แผงหม้อน�้ำ ป๊ัมน�้ำ ฯลฯ แกไ้ ขในทนั ทีหากมี รอยรวั่ ซมึ การเปลย่ี นทอ่ ยางหม้อน้ำ� หรอื ปั๊มนำ้� ตอ้ งทายางกนั ซึม (Sealant) ด้วย หลังจากน้นั ขนั อปุ กรณ์ ยึดตา่ ง ๆ ใหแ้ นน่ ดังรปู 12.7 ทายางกันซึมขณะทเ่ี ปลีย่ นท่อสายยางใหม่ ขันเขม็ ขัดรัดใหแ้ นน่ รปู ที่ 12.7 การเปล่ียนทอ่ ยางหมอ้ น้�ำ 4. ตรวจสภาพและความตึงของสายพานพดั ลมหมอ้ นำ้� 5. ตรวจดูครบี ทแ่ี ผงหมอ้ น�้ำอยา่ ให้พบั งอปดิ ชอ่ งทางลม หรือสกปรกเต็มไปดว้ ยดิน โคลนและ คราบน้�ำมัน เพราะจะท�ำให้การระบายความร้อนไม่ดี เคร่ืองยนต์ความร้อนสูง หากครีบพับงอให้ ใช้ใบเลื่อยหรอื โลหะบาง ๆ ดดั ใหต้ รง หรอื ใชห้ วีจัดครบี ดังรปู 12.8 ถ้าครีบสกปรกให้ทำ� ความสะอาด ใชล้ มหรือไอน้ำ� รอ้ นทีม่ ีความดันสงู พน่ ย้อนทศิ ทางลมเข้า ใชไ้ ขควงปากแบนจัดครีบ ใช้หวจี ดั ครบี รูปที่ 12.7 การจัดครบี ของแผงหมอ้ น้�ำ
งานเครือ่ งยนต์แกส๊ โซลีน 281 6. พัดลมระบายความรอ้ นตอ้ งอยูใ่ นสภาพทด่ี ี ไม่แตกหกั หรอื บิดงอเสียศูนย์ เพราะจะทำ� ให้ ปม๊ั น้�ำช�ำรดุ 7. อยา่ ตดิ เครอ่ื งยนตโ์ ดยมไิ ดป้ ดิ ฝาหมอ้ นำ้� เปน็ อนั ขาด เพราะจะทำ� ใหเ้ กดิ ตะกรนั ในแผงหมอ้ นำ้� และภายในเครื่องยนต์ 8. มาตรวดั ความรอ้ นต้องอยู่ในสภาพทใ่ี ช้งานได้ เปลี่ยนใหมห่ ากช�ำรุด 9. อย่าปดิ ฝาหมอ้ น�้ำเพื่อตรวจเชค็ ระดบั น�้ำในขณะท่เี ครือ่ งยนต์มอี ุณหภมู ิสูง หรอื กำ� ลังท�ำงาน อยู่ เพราะแรงดันของไอนำ้� จะท�ำให้เกดิ อันตรายได้ 10. หากน�้ำในหม้อน้�ำเกิดแห้งลงในขณะท่ีเคร่ืองยนต์ก�ำลังท�ำงานและมีอุณหภูมิสูง อย่าดับ เคร่ืองยนต์และเติมน้�ำในทันที ให้เดินเบาเคร่ืองยนต์สักระยะหนึ่ง พอให้อุณหภูมิเครื่องยนต์ลดลง แล้วคอ่ ย ๆ เตมิ นำ้� ที่สะอาดลงไปทลี ะนอ้ ยด้วยความระมดั ระวัง 11. ถา่ ยน�้ำทง้ิ เมอื่ เหน็ วา่ น้�ำในหม้อน้ำ� สกปรก เช่น มสี นมิ หรือคราบนำ้� มนั การถ่ายนำ้� ใหต้ ิด เครื่องเดินเบา พร้อมกับน�ำน�้ำสะอาดมาเติมที่หม้อน�้ำให้เต็มอยู่เสมอ ในขณะท่ีเปิดก็อกถ่ายน้�ำเอาไว้ การทำ� เช่นนี้เพือ่ ให้น้ำ� มกี ารหมุนเวียนถ่ายสงิ่ สกปรกทง้ิ ออกไปตามน้ำ� ด้วย การบำ� รงุ รกั ษาแบตเตอร่ี แบตเตอร่ีเป็นอุปกรณ์ที่เปล่ียนพลังงานจากปฏิกิริยาทางเคมีเป็นพลังงานไฟฟ้า ประกอบด้วย ตวั เรอื นซง่ึ มลี กั ษณะเปน็ กลอ่ งผลติ จากพลาสตกิ บาง ภายในบรรจแุ ผน่ ธาตปุ ระกอบดว้ ยแผน่ ตะกว่ั บรสิ ทุ ธิ์ และแผน่ ตะก่ัวออ๊ กไซด์ โดยมีแผน่ ฉนวนกั้นระหวา่ งแผน่ ธาตุ แผน่ ธาตุท้งั หมดจะถูกจุ่มไว้ในน�ำ้ ยา (Elec- trolytes) ซึ่งเป็นส่วนผสมของน�ำ้ กรดก�ำมะถนั กบั น�ำ้ กลัน่ ใหไ้ ด้ ถ.พ. ตามท่ตี ้องการประมาณ 1,250 แบตเตอรี่หากไม่ได้รับการบ�ำรุงรักษาให้ถูกวิธีหรือใช้งานผิดวิธี จะท�ำให้อายุการใช้งานส้ัน และช�ำรุดเสียหายได้งา่ ย การปฏบิ ัตใิ นการบำ� รุงรักษา ดังนี้ 1. การใส่ขั้วแบตเตอร่ีอย่าใช้โลหะหรือของแข็งตอกอัดข้ัวลงไป เพราะจะท�ำให้ข้ัวแบตเตอรี่ ช�ำรุดและแผน่ ธาตุภายในหลดุ ร่วง เกดิ การลดั วงจรในช่องของแบตเตอรี่ ควรใช้มือกดหมนุ ลงไปเทา่ น้นั ถ้าข้ัวสายเล็กกว่าให้ใช้ไขควงถ่างรอยผ่าเสียก่อน แล้วขันเกลียวให้แน่นพอสมควร เสร็จแล้วใช้จาระบี ทาบาง ๆ เพ่ือปอ้ งกนั ซัลเฟสเกาะทีข่ ้วั แบตเตอร่ี 2. การถอดขั้วสายออกจากแบตเตอรี่ห้ามใชไ้ ขควงหรอื ของแข็งงัดออก จะทำ� ใหฝ้ าแบตเตอรี่ ช�ำรุดเสียหายได้ ต้องกระท�ำโดยวิธีคลายเกลียวออกให้หลวมเสียก่อน แล้วใช้ไขควงบิดรอยแตกแยก ให้ถา่ งออก แลว้ จึงใช้มือหมนุ ออกเชน่ เดยี วกบั ขอ้ 1 3. อย่าสตาร์ตเคร่ืองยนต์ให้นานเกินควร หรือสตาร์ตติดต่อเป็นเวลานานเกิน 10 วินาที เพราะจะทำ� ให้แผ่นธาตุแบตเตอรช่ี ำ� รุด หรอื มอเตอร์สตารต์ ไหมไ้ ด้
282 บทที่ 12 การบ�ำรงุ รกั ษาเครือ่ งยนต์ 4. ใหเ้ ปดิ ฝาตรวจดรู ะดบั นำ�้ ยาทอ่ี ยใู่ นชอ่ งแบตเตอรแ่ี ตล่ ะชอ่ งทกุ สปั ดาห ์ ถา้ ระดบั นำ�้ ยาลดลง ใหเ้ ติมเฉพาะน้�ำกลนั่ เทา่ นน้ั และควรสงู ทว่ มแผ่นธาตปุ ระมาณ 1 เซนตเิ มตร 5. ไม่ควรปล่อยแบตเตอรี่ไว้โดยไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน ควรติดเครื่องยนต์อย่างน้อยสอง อาทิตย์ต่อคร้ัง กรณีท่ีไม่ได้ติดเคร่ืองเป็นเวลานาน หลังติดเคร่ืองแล้วควรเดินเบาเคร่ืองไว้อย่างน้อย 10 นาที เพ่ือใหร้ ะบบอดั ประจุอดั ไฟเขา้ แบตเตอรี่ 6. ไมค่ วรชาร์จแบตเตอรดี่ ว้ ยกระแสไฟท่สี ูงเกินไปจะทำ� ให้แผน่ ธาตุทำ� ปฏกิ ริ ยิ ากับน้ำ� ยาอย่าง รวดเร็ว เกดิ ความรอ้ นสงู ทำ� ใหอ้ ายุการใชง้ านของแบตเตอรีล่ ดลง 7. หมนุ ฝาเติมน้�ำกล่นั ใหแ้ น่นและรรู ะบายอากาศบนฝาต้องไมต่ นั เพ่อื ระบายกา๊ ซออก เพราะ ขณะแผน่ ธาตุทำ� ปฏกิ ิรยิ ากับนำ้� ยาในแบตเตอร ่ี จะเกดิ ความร้อนและก๊าซขยายตัว อาจท�ำใหแ้ บตเตอรี่ บวมหรอื ระเบดิ ได้ 8. หมนั่ ทำ� ความสะอาดแบตเตอร่ี อย่าให้มีส่งิ สกปรก เช่น ฝนุ่ นำ�้ มัน และความชนื้ เปน็ ต้น หรือใชน้ ำ้� อุน่ ลา้ งถา้ มซี ัลเฟสเกาะทขี่ ว้ั สาย ใช้แปรงทำ� ความสะอาดข้ัวแบตเตอรี่ถา้ สกปรก ดังรปู 12.9 รปู ท่ี 12.9 การท�ำความสะอาดข้วั แบตเตอรี่ 9. อย่าวางอปุ กรณห์ รอื เครอ่ื งมือท่เี ปน็ โลหะ เช่น ปะแจ ไวบ้ นแบตเตอร่ ี อาจจะท�ำให้เกิดการ ลัดวงจรได้ 10. การติดตั้งแบตเตอรี่ต้องติดต้ังกับแท่นยึดที่แข็งแรงและแน่น ไม่ส่ันสะเทือนมากในขณะ ท�ำงาน 11. ตรวจสภาพแบตเตอรี่ภายนอกในภาพรวม ดังรูป 12.10 อยู่เสมอ เช่น รอยแตก ขั้วต่อ สายต่อแปน้ ยึด
งานเครอ่ื งยนตแ์ ก๊สโซลนี 283 ตรวจสอบสายตอ่ ตรวจสอบ แป้นยึด ตรวจสอบขวั้ ต่อ ตรวจสอบข้วั แบตเตอรี่ ตรวจสอบ ระดับน�ำ้ กล่นั ตรวจสอบ รอยแตก รปู ท่ี 12.10 การตรวจสภาพภายนอกโดยรวมบนแบตเตอรี่ 12. แบตเตอรใ่ี หมห่ ลงั จากเตมิ นำ้� ยาแล้ว จะเกดิ กระแสขึ้นเองซึง่ สามารถใชง้ านไดท้ นั ที แต่ใน ทางดา้ นเทคนิคยงั ไม่ควรนำ� ไปใช้งาน เพราะจะทำ� ใหอ้ ายกุ ารใช้งานของแบตเตอร่ีส้ัน ควรนำ� ไปชารจ์ ไฟ เสียกอ่ นดว้ ยกระแสไฟอตั ราไมเ่ กิน 2 - 3 แอมแปร์ ประมาณ 72 ชัว่ โมง หลงั การทำ� การชาร์จเรียบรอ้ ย แลว้ ควรพกั แบตเตอร่ใี ห้ระดบั ความร้อนของแบตเตอรี่ลดลงประมาณ 1ช่ัวโมง จงึ นำ� ไปใชง้ าน จะท�ำให้ ไดแ้ บตเตอรี่ท่ีมปี ระสิทธิภาพสูงสดุ 13. แบตเตอรี่โดยทั่วไปมีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือนถึง 2 ปี ซ่ึงข้ึนอยู่กับการใช้และ บ�ำรุงรกั ษาทีถ่ ูกวิธี 14. ตรวจเช็คคา่ ความถว่ งจ�ำเพาะ (ถ.พ.) ของแบตเตอรอ่ี ยู่เสมอ ควรใชไ้ ฮโดรมเิ ตอรต์ รวจทลี ะ ช่องจนครบ ดังรปู 12.11 คา่ ความถ่วงจำ� เพาะจะอยูป่ ระมาณ 1.250 - 1.280 แต่ถ้าตรวจเชค็ แบตเตอรี่ แล้ว ปรากฏวา่ น้�ำกรดแบตเตอร่ลี ดต่�ำลงกวา่ ขดี Upper level ควรเตมิ น�้ำกลน่ั แบตเตอรี่ให้อยใู่ นระดับ Upper level เพ่ือรักษาระดับของความถ่วงจ�ำเพาะให้เหมาะสม ถ้าเป็นแบตเตอรี่แบบมีไฮโดรมิเตอร์ ติดต้ังสำ� เรจ็ ใหต้ รวจสอบค่าทน่ี ั่น ไฮโดรมิเตอร์ ตาแมว สเี ขียวไฟเต็ม สเี หลืองเปลี่ยน แบบติดตงั้ สำ� เร็จ ใหม่ ไฮโดรมิเตอร์ ทอ่ พลาสติก สีเขยี วเขม้ น�ำไปชาร์จ ลกู บอลสีเขยี ว รูปท่ี 12.11 ตรวจระดับไฟจากความถ่วงจำ� เพาะโดยไฮโดรมิเตอร์
284 บทที่ 12 การบ�ำรุงรักษาเครื่องยนต์ การบำ� รุงรักษาเรกกเู ลเตอร์ (Regulator) รูปที่ 12.12 ระบบอัดประจุ เรกกูเลเตอร์ท่ีเรยี กกนั ทั่ว ๆ ไปว่า คทั เอาต์ เปน็ อุปกรณ์ไฟฟา้ ทำ� หน้าท่ีควบคุมการท�ำงานของ อัลเตอรเ์ นเตอร์ (Alternator) หรอื ทีเ่ รยี กว่าไดชารจ์ ไมใ่ หจ้ ่ายกระแสมากหรือนอ้ ยเกนิ ไป เป็นตวั ตดั ต่อ วงจรกระแสไฟฟา้ ทไ่ี หลจากอลั เตอรเ์ นเตอรเ์ ขา้ ไปเกบ็ ในแบตเตอรี่ ดงั รปู ท่ี 12.12 ดังนนั้ เรกกูเลเตอรก์ ับ อัลเตอร์เนเตอร์จะต้องทำ� งานสมั พันธก์ ัน โดยอปุ กรณ์ทง้ั สองจะตอ้ งมสี ภาพดที ้ังคู่ ระบบอดั ประจุจงึ จะ ท�ำงานไดด้ ตี ามวตั ถปุ ระสงค์ การบกพร่องในการท�ำงานของตัวใดตัวหน่ึงจะท�ำให้ระบบอดั ประจลุ ้มเหลว การปฏบิ ัติในการบ�ำรุงรักษา ดังนี้ 1. ใสส่ ายแบตเตอรีใ่ ห้ถูกกบั ขวั้ แบตเตอรี่ โดยสว่ นมากแล้วจะใช้ข้ัวบวก (+) ต่อเขา้ กบั มอเตอร์ สตาร์ตและขวั้ ลบ (-) ลงแทน่ เคร่ือง (ลงกราวด์) ถ้าตอ่ ผดิ จะทำ� ใหเ้ รกกเู ลเตอรช์ �ำรดุ เสียหาย มเี คร่ืองยนต์ บางร่นุ เช่น CMC ซึ่งตอ้ งตอ่ ขัว้ บวกจะตอ่ ลงกราวด์และขว้ั ลบตอ่ เขา้ กับมอเตอรส์ ตาร์ต ดังน้ัน การใสข่ วั้ แบตเตอรตี่ อ้ งตรวจสอบให้แน่ใจเสยี ก่อน 2. ห้ามปรับแต่งไม่ว่าจะเป็นการงัด คลาย หรือถอดอุปกรณ์ภายในเรกกูเลเตอร์เป็นอันขาด ถา้ ไมม่ คี วามชำ� นาญหรอื ประสบการณพ์ อ ทำ� ไดก้ เ็ พยี งใชก้ ระดาษทรายชนดิ ละเอยี ดขดั เพอื่ ทำ� ความสะอาด หน้าทองขาวเทา่ นน้ั 3. อย่าเปิดฝาครอบเรกกูเลเตอร์ทิ้งไว้ เพราะจะท�ำให้ความชื้นและน้�ำมันเข้าไป ซ่ึงอาจจะ ท�ำให้เกดิ ประกายไฟทห่ี น้าทองขาว ถ้าไม่มมี ิเตอรส์ �ำหรบั วัดแอมแปร์แสดงไฟชาร์จ หากตรวจการชาร์จ ไฟใหถ้ อดขวั้ แบตเตอร่อี อก แลว้ ลองเขย่ี ขั้วเดิมดู ถ้ามปี ระกายไฟแสดงว่าไฟชารจ์
งานเคร่ืองยนต์แกส๊ โซลีน 285 การบำ� รงุ รักษาอลั เตอรเ์ นเตอร์ (Alternator) อัลเตอร์เนเตอร์เป็นอุปกรณ์ใช้กับเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบไฟฟ้าสตาร์ต (Electrical Starting) ท�ำหน้าทจี่ า่ ยกระแสไฟตรงเขา้ แบตเตอร่เี พอ่ื ใชใ้ นการติดเครอื่ งยนต์ ดรู ปู ที่ 12.12 และ 12.13 และยงั ใช้ กับหลอดไฟแสงสว่างส�ำหรับการท�ำงานของเคร่ืองยนต์เวลากลางคืน อัลเตอร์เนเตอร์จะท�ำงานได้ดี หรือมอี ายุการใช้งานคงทน ข้ึนอยู่กบั การใช้และบ�ำรุงรกั ษาให้ถูกวธิ ี ดังน้ี รูปที่ 12.13 อลั เตอร์เนเตอร์ 1. หมั่นตรวจสอบความตึงของสายพานที่ขับเสมอ อย่าให้ตึงหรือหย่อนจนเกินไป เพราะถ้า สายพานหย่อนเกินไป จะท�ำให้อัลเตอร์เนเตอร์จ่ายกระแสน้อย และสายพานจะสึกหรอช�ำรุดเสียหาย ได้ง่าย ถ้าสายพานตงึ เกนิ ไปจะท�ำใหล้ กู ปนื อัลเตอรเ์ นเตอรช์ �ำรดุ เสียหายได้เชน่ กัน 2. หลอ่ ลน่ื อัลเตอรเ์ นเตอรใ์ นกรณที มี ชี อ่ งหยอดน้ำ� มนั หลอ่ ลนื่ ทกุ ๆ 250 ชัว่ โมงการท�ำงาน 3. หม่ันตรวจสลักเกลียวทย่ี ดึ อลั เตอร์เนเตอรใ์ หแ้ น่นเสมอ เพราะถ้าปล่อยให้หลวม จะท�ำให้ ขายดึ แตกหักได้ 4. ขณะปฏิบัติงานหากเกิดมีเสียงดังผิดปกติในตัวอัลเตอร์เนเตอร์ ให้หยุดเครื่องยนต์ท�ำการ ตรวจสอบสาเหตุ อาจเกดิ จากลกู ปนื ชำ� รดุ ท�ำใหเ้ สียดสีภายในตวั อัลเตอรเ์ นเตอรไ์ ด้ 5. หลกี เลย่ี งการนำ� วตั ถไุ วไฟวางใกลก้ บั อลั เตอรเ์ นเตอร์ เพราะอาจจะลกุ ไหมไ้ ดโ้ ดยประกายไฟ จากอลั เตอรเ์ นเตอร์ 6. ถ้าน้�ำเข้าอัลเตอร์เนเตอร์หรือเปียกน้�ำ ควรถอดออกมาท�ำความสะอาด โดยการอบหรือ ตากใหแ้ หง้ เสยี ก่อน อย่าปลอ่ ยท้งิ ไว้จะท�ำให้เกดิ สนมิ และกระแสไฟลดั วงจรได้
286 บทที่ 12 การบำ� รงุ รักษาเครื่องยนต์ การบำ� รงุ รกั ษามอเตอร์สตารต์ มอเตอร์สตารต์ ทำ� หน้าทเี่ ปลย่ี นพลังงานไฟฟา้ จากแบตเตอรี่ไปเปน็ พลงั งานกล เพอื่ หมนุ ขบั ลอ้ ช่วยแรง (Flywheel) ซ่ึงตดิ กบั เพลาขอ้ เหวย่ี ง (Crankshaft) ของเครอื่ งยนตใ์ หห้ มุนตาม เป็นการเรมิ่ ต้น ให้เครื่องยนต์ท�ำงาน มอเตอร์สตาร์ตจะมีอายุการใช้งานและประสิทธิภาพสูง ขึ้นอยู่กับการบ�ำรุงรักษา ที่ดี ดังน้ี 1. ไม่ควรสตาร์ตเครื่องยนต์เกินกว่าคร้ังละ 10 วินาที เพราะจะท�ำให้มอเตอร์สตาร์ตไหม้ หรือเกดิ การช�ำรุดเสยี หายได้ 2. ไมค่ วรใช้กระแสไฟในการสตาร์ตเกนิ กว่าท่ีระบุไว้กับคู่มือรถ 3. ไม่ควรใช้สายไฟหรอื เคร่ืองมอื เช่น ไขควงต่อวงจรสตาร์ตแทนสวติ ชก์ ุญแจ (ชอร์ตสตารต์ ) เพราะจะท�ำให้โซลีนอยด์เกิดการกระแทกต่อเน่ืองกันหลายครั้ง อาจท�ำให้โซลีนอยด์เกิดการช�ำรุด เสียหายได้ 4. มอเตอรส์ ตารต์ ไมค่ วรมีสิง่ สกปรกหรือคราบน�ำ้ มนั ตดิ อยู่ เพราะจะทำ� ใหซ้ ีค่ อมมวิ เตอร์และ แปรงถา่ นสกปรก มอเตอร์สตารต์ จะทำ� งานไม่เตม็ ท่ีหรือไมห่ มุน เมอื่ มีความจ�ำเปน็ ต้องท�ำความสะอาด ควรใชน้ ำ�้ มนั ระเหยตัวได้เรว็ เช่น น�้ำมนั เบนซินลา้ งท�ำความสะอาด เปน็ ตน้ 5. อยา่ ใหน้ ำ�้ หรอื ละอองนำ�้ เขา้ มอเตอรส์ ตารต์ เพราะจะทำ� ใหส้ ปรงิ กดแปรงถา่ นหรอื สว่ นอน่ื ๆ ภายในมอเตอร์สตารต์ เป็นสนิม แปรงถ่านอาจขดั ตัว ท�ำใหม้ อเตอร์สตาร์ตไม่หมุน 6. ตรวจสอบขั้วสายแบตเตอร่ีและปรมิ าณไฟในแบตเตอร่สี มำ่� เสมอ 7. ทุก ๆ 1,500 ชว่ั โมงควรถอดท�ำความสะอาด ใสจ่ าระบีท่ีลกู ปืน หรือน�้ำมนั หลอ่ ล่นื ที่ลูกปืน ตรวจซ่ีคอมมิวเตอร์ ถ้าจ�ำเป็นต้องกลึงและเซาะร่องไมก้า แปรงถ่านถ้าสึกเกินครึ่งต้องเปล่ียนใหม่ ตรวจแรงสปรงิ กดถา่ นและซองแปรงถา่ น อย่าให้แปรงถ่านขัดตวั วงรอบในการปฏิบัติ การบ�ำรุงรักษารถยนต์ตามระยะทางถือเป็นเร่ืองจ�ำเป็น โดยทางผู้ผลิตรถยนต์ได้ก�ำหนดไว้ 2 ลักษณะดว้ ยกัน คอื 1. ระยะเวลา (นบั ตงั้ แตว่ นั ทอ่ี อกรถ) 2. ระยะทาง (กโิ ลเมตรท่ีวง่ิ ใช้งานไปแล้ว) หากมีการใช้รถน้อย ให้ค�ำนวณจากระยะเวลา แต่ถ้าใช้รถยนต์เป็นปกติถึงมาก ก็ให้คิดจาก ระยะทางปัจจุบัน (บนมาตรวัด) หรือแล้วแต่ระยะใดถึงก่อน การน�ำรถเข้าตรวจเช็คตามระยะทาง ที่ก�ำหนด จะเกิดประโยชน์อย่างมากแก่ผู้ใช้รถ ชิ้นส่วนต่าง ๆ ย่อมมีการซ่อม เปลี่ยน หรือบ�ำรุงรักษา
งานเครอื่ งยนต์แกส๊ โซลีน 287 ตามก�ำหนด จะสง่ ผลให้มีการใชง้ านไดย้ าวนาน ซงึ่ ช่วยประหยดั ในดา้ นตา่ ง ๆ เป็นอย่างดี และไม่จ�ำเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งซอ่ มบอ่ ย เพอ่ื ใหร้ ถยนตอ์ ยใู่ นสภาพพรอ้ มใชง้ านอยตู่ ลอดเวลา รวมถงึ สมรรถนะสงู สดุ ดว้ ย ดงั นนั้ ควรตรวจเช็ครายการอะไหลต่ ่าง ๆ ตามระยะทีก่ ำ� หนด ตัวอย่างบางรายการในรปู แบบของตาราง ดังรปู 12.14 ตารางการบำ� รงุ รกั ษา YARIS การบำ� รุงรักษา I = ตรวจสอบและแก้ไขหรือเปลยี่ นถา้ จำ� เปน็ ; R = เปลย่ี น ถา่ ย หรือหลอ่ ล่ืน ; L = หล่อลน่ื หมายเหตุ : ราคาอะไหลท่ แี่ จง้ ยังไมร่ วม VAT รปู ท่ี 12.14 ตวั อยา่ งตารางปฏิบัตกิ ารบำ� รงุ รักษาเคร่อื งยนต์ตามวงรอบ โดยท่ัวไป มาตรฐานของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนตแ์ กส๊ โซลีน มีวงรอบการปฏิบตั ิ ดังนี้ ก) เคร่อื งยนต์ ตรวจสอบระดบั นำ�้ มนั หลอ่ ลน่ื ทกุ ครง้ั ทเ่ี ตมิ นำ�้ มนั เชอ้ื เพลงิ (แตค่ วรดบั เครอื่ งไมน่ อ้ ยกวา่ 3 นาท)ี หรอื สปั ดาห์ละครง้ั เปล่ยี นน้ำ� มนั หลอ่ ลื่นทกุ ๆ ระยะ 3,000 - 5,000 กิโลเมตร (ปจั จุบนั ไดถ้ ึง 10,000 กโิ ลเมตร) เปลยี่ นกรองน้�ำมนั หลอ่ ล่ืน แหวนรองตา่ ง ๆ ทุกครั้งท่เี ปลย่ี นนำ้� มนั หลอ่ ลน่ื (หรืออย่างน้อยครงั้ เวน้ คร้ัง แตไ่ ม่ควรเกนิ 10,000 กโิ ลเมตร) เปลย่ี นสายพานราวล้นิ ทกุ ระยะ 80,000 - 100,000 กโิ ลเมตร (หรือประมาณ 2 ปี) ตรวจสอบ สายพาน และปรบั ความตึงทุก ๆ ระยะ 5,000 กิโลเมตร (หรือ 3 เดือน) ตรวจสอบระยะห่างของวาลว์ ทกุ ๆ 20,000 กโิ ลเมตร (หรือ 1 ป)ี ข) แบตเตอรี่ ตรวจสอบระดับของเหลวในแบตเตอรี่ทุกสัปดาห์ ทำ� ความสะอาดขั้วแบตเตอร่ที ุก ๆ ระยะ 1,500 กิโลเมตร (หรือ 1 เดอื น)
288 บทที่ 12 การบ�ำรุงรกั ษาเครื่องยนต์ ค) ระบบหล่อเยน็ ตรวจสอบระดับน้ำ� หล่อเยน็ ทุกสปั ดาห์ ตรวจสอบสภาพทอ่ น�้ำหล่อเยน็ ทกุ ๆ ระยะ 1,500 กโิ ลเมตร (หรอื 1 เดอื น) ตรวจสอบฝาหมอ้ น้ำ� ทุก ๆ ระยะ 1,500 กโิ ลเมตร (หรอื 1 เดอื น) เปล่ยี นนำ�้ หล่อเยน็ ทุก ๆ ระยะ 20,000 กิโลเมตร (หรือ 1 ป)ี ลา้ งหมอ้ น�้ำทกุ ๆ ระยะ 20,000 กโิ ลเมตร (หรอื 1 ปี) ง) ระบบเชอ้ื เพลงิ ท�ำความสะอาดกรองอากาศทุก ๆ ระยะ 5,000 กิโลเมตร (หรอื 3 เดือน) เปลี่ยนกรองอากาศทกุ ๆ ระยะ 20,000 กโิ ลเมตร (หรือ 1 ป)ี เปลย่ี นกรองนำ�้ มันเช้อื เพลิงทุก ๆ ระยะ 40,000 กโิ ลเมตร (หรือ 2 ปี) จ) ระบบสง่ กำ� ลงั ตรวจสอบและปรับสายพานทุก ๆ ระยะ 5,000 กโิ ลเมตร (หรอื 3 เดือน) เปลย่ี นสายพานทกุ ๆ ระยะ 40,000 กโิ ลเมตร (หรือ 2 ปี) หลอ่ ลืน่ ขอ้ ต่อตา่ ง ๆ ทกุ ๆ 10,000 กโิ ลเมตร (หรือ 6 เดอื น)
งานเครื่องยนตแ์ ก๊สโซลีน 289 แบบทดสอบและกิจกรรมการฝึกทกั ษะ บทที่ 12 การบำ�รุงรักษาเคร่ืองยนต์ ตอนท่ี 1 อธิบาย (หมายถึง การให้รายละเอียดเพิ่มเติม ขยายความ ถ้ามีตัวอย่างให้ยกตัวอย่าง ประกอบ) ตอบแบบสัน้ 1. จงบอกประโยชนข์ องการบ�ำรงุ รักษาเครือ่ งยนต์ 2. จงเขียนการบ�ำรงุ รกั ษาระบบระบายความร้อนมา 2 ข้อ 3. จงเขยี นการบ�ำรงุ รักษาระบบหล่อลื่นมา 2 ข้อ 4. จงบอกระยะเวลาในการบำ� รงุ รกั ษาระบบหล่อเย็น 5. ท�ำไมต้องมีการบำ� รุงรกั ษาเครอ่ื งยนตต์ ามระยะ ตอนที่ 2 อธบิ ายคำ� ศัพท์ (หมายถึง แปลคำ� ศัพท์ ใหร้ ายละเอียดเพ่มิ เติม ขยายความ ถา้ มีตวั อย่าง ใหย้ กตัวอย่างประกอบ) ตอบแบบสัน้ 1. Belt Tension Gauge 2. Radiator 3. Working Temperature 4. Sealant 5. Flywheel 6. Crankshaft ตอนที่ 3 จงเลือกคำ� ตอบข้อทีถ่ ูกท่สี ุด ข. นำ้� หล่อเย็น 1. อะไร ไม่ใช่ รายการซอ่ มบ�ำรงุ เครอ่ื งยนต์ ง. สายพาน ก. นำ้� มนั เครื่อง ข. ทุก 6 เดือน ค. น้�ำมนั เกียร ์ ง. ทกุ 24 เดือน 2. ตารางบ�ำรุงรกั ษากำ� หนดระยะเวลานานเท่าใด ก. ทกุ เดือน ค. ทกุ 12 เดือน
290 บทท่ี 12 การบ�ำรุงรักษาเครอ่ื งยนต์ 3. ท�ำความสะอาดไสก้ รองอากาศดว้ ยอะไร ก. ด้วยน�ำ้ ยา ข. ด้วยน้ำ� มนั ค. ด้วยผงซกั ฟอก ง. ดว้ ยลมเป่า 4. ควรตรวจทีใ่ ดกอ่ นถ้ามอเตอรส์ ตารต์ ไม่ท�ำงาน ก. ตรวจระดบั นำ�้ กรด ข. ตรวจ ถ.พ. น�้ำกรด ค. ตรวจความสกปรกข้วั แบตเตอร ่ี ง. ตรวจการยดึ แบตเตอรี่ 5. ควรตรวจท่ีใดถา้ แบตเตอรี่ไฟหมด ก. ตรวจระดบั น�้ำกรด ข. ตรวจ ถ.พ. น�้ำกรด ค. ตรวจความสกปรกข้ัวแบตเตอร่ ี ง. ตรวจการยดึ แบตเตอรี่ 6. ท�ำไมหา้ มสตาร์ตเคร่ืองทีไ่ มต่ ิดนานเกิน 15 วนิ าที ก. ปอ้ งกันไฟหมด ข. ป้องกันมอเตอร์สตาร์ตไหม้ ค. ป้องกนั สายไฟไหม้ ง. ปอ้ งกนั น�้ำกรดแบตเตอร่ีร้อนจดั 7. เคร่ืองมอื ที่ใช้วดั ความตึงสะพานคอื อะไร ก. Belt Filler Wrench ข. Belt compressor gauge ค. Belt strieng gauge ง. Belt tension gauge 8. ถา้ เตมิ น้�ำในขณะเคร่ืองยนต์รอ้ นและน้�ำแห้งในหม้อน้ำ� จะมีผลอยา่ งไร ก. จะทำ� ใหห้ มอ้ น้�ำแตกได้ ข. จะทำ� ให้เครอ่ื งยนตเ์ ย็นเรว็ เกินไป ค. นำ้� จะเดือดพงุ่ ออกจากหมอ้ นำ้� เปน็ อนั ตราย ง. จะทำ� ใหเ้ ครือ่ งยนต์แตกหรือรา้ วได้ 9. อะไรคอื เหตผุ ลในการห้ามเตมิ น้ำ� ในหมอ้ น�้ำขณะที่นำ้� แหง้ และเคร่ืองยนต์ความรอ้ นสูง ก. อาจทำ� ใหห้ ม้อนำ�้ แตกได้ ข. อาจท�ำใหเ้ คร่อื งยนต์เยน็ เรว็ เกนิ ไป ค. น้�ำจะเดอื ดพ่งุ ออกจากหมอ้ น�้ำเป็นอันตราย ง. จะทำ� ให้เคร่ืองยนต์แตกรา้ วได้ 10. การเปลีย่ นน�้ำมนั เครอ่ื งควรปฏบิ ตั ิอยา่ งไร ก. จอดรถบนพืน้ สงู แลว้ ดบั เครอื่ งยนตป์ ระมาณ 5 นาทกี ่อน ข. อุ่นเครื่องยนต์ใหร้ อ้ นแลว้ จงึ ถ่ายนำ�้ มันเคร่ืองออก ค. ให้เครื่องยนต์เย็นกอ่ นแลว้ จงึ ถ่ายนำ�้ มนั เครอื่ งออก ง. ไมเ่ ปดิ ฝาเติมน้ำ� มนั เคร่อื งขณะถ่ายนำ้� มันเครอื่ งออก
งานเคร่อื งยนต์แก๊สโซลีน 291 11. ชน้ิ ส่วนของมอเตอรส์ ตารต์ ท่ีจะตอ้ งตรวจความสะอาดและหลอ่ ลนื่ คือช้นิ ส่วนใด ก. อาร์เมเจอร์ ข. คอมมวิ เตเตอร์ ค. ฟลิ ดค์ อยส ์ ง. ชดุ แปรงถา่ น 12. รูระบายอากาศของฝาปดิ ถงั น�ำ้ มันเชือ้ เพลิงอุดตันจะเกิดผลอยา่ งไร ก. น�ำ้ มันไหลไม่สะดวก ข. ส่วนผสมน้�ำมันเขา้ คารบ์ เู รเตอร์จะหนา ค. อัตราเครือ่ งยนต์เรง่ ให้อย่างรวดเรว็ ง. นำ�้ มันท่คี ารบ์ เู รเตอรท์ ่วม 13. การตรวจสภาพภายนอกแบตเตอรค่ี ือการตรวจอะไร ก. การตรวจรอยร่ัวและระดับน้ำ� กรด ข. การตรวจความถ่วงจ�ำเพาะ ค. การตรวจแรงดันไฟ ง. การตรวจวัดกระแส 14. การเติมน�้ำกลน่ั ให้ไดร้ ะดับอยูเ่ สมอทำ� เพื่ออะไร ก. เพอ่ื ไมใ่ หก้ ระแสไฟในแบตเตอร่ลี ดลง ข. เพื่อรกั ษาอณุ หภมู ิของแบตเตอรี่ ค. เพื่อรกั ษาสภาพของแผ่นธาต ุ ง. เพ่อื ไมใ่ หแ้ ผน่ ธาตุลัดวงจร 15. หลงั จากเปลยี่ นนำ้� หล่อเย็นตอ้ งติดเครื่องยนตเ์ พ่อื อะไร ก. ทดสอบรอยรั่ว ข. อ่นุ เครอื่ งยนต์ใหไ้ ดอ้ ุณหภูมิท�ำงาน ค. ล้างระบบน�้ำหล่อเย็นให้หมด ง. ไล่อากาศ
292 ใบงานที่ 12.1 งานตรวจสภาพและบ�ำรงุ รกั ษาเครอ่ื งยนต์เลก็ แกส๊ โซลนี ใบงานที่ 12.1 เรือ่ ง งานตรวจสภาพและบ�ำรุงรกั ษาเครื่องยนตเ์ ล็กแก๊สโซลนี จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม อธิบายการใช้ตารางการบำ� รงุ รกั ษาและการบริการเครื่องยนต์แก๊สโซลนี ได ขั้นตอนการปฏบิ ตั ิงาน 1. จงระบุเวลาตารางการบ�ำรุงรักษาและการบริการเครื่องยนต์แก๊สโซลีนให้ถูกต้อง 2. ใช้เวลา 30 นาที
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316