Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 20101-2001 งานเครื่องยนต์แก๊สโซลีน engine work

20101-2001 งานเครื่องยนต์แก๊สโซลีน engine work

Published by ADACSOFT CO.,LTD., 2021-03-08 05:21:22

Description: 20101-2001 งานเครื่องยนต์แก๊สโซลีน engine work

Search

Read the Text Version

งานเคร่อื งยนตแ์ ก๊สโซลนี 43 6. Four – Stroke – Cycle Engine 7. Multivalve Engines 8. Valve Train 9. Spark Plug 10. Displacement ตอนท่ี 3 จงเลือกค�ำตอบขอ้ ทถี่ กู ท่ีสุด 1. เครื่องยนต์ลูกสูบแบ่งเปน็ 2 ชนิด ได้แกข่ อ้ ใด ก. ชนิดโรตารแ่ี ละชนิดเคลอ่ื นท่ีสลับ ข. ชนิดเคล่อื นทสี่ ลับและชนดิ ใชก้ ้านสง่ ค. จดุ ระเบิดดว้ ยประกายไฟและจดุ ระเบดิ ด้วยการอัดตัว ง. จดุ ระเบดิ ดว้ ยประกายไฟและแบบแก๊สโซลีน 2. เครอ่ื งยนตผ์ ลติ กำ� ลังไดโ้ ดยวธิ ีใด ก. การหมุนของเพลาขอ้ เหวีย่ ง ข. การท�ำงานของล้นิ ทงั้ สอง ค. ความดันจากการเผาไหม้ไปดนั ลูกสูบ ง. การเคล่ือนที่ข้ึนลงของลูกสูบ 3. ในการเปลี่ยนการเคลอ่ื นทแี่ บบขน้ึ ลงใหเ้ ป็นการเคลอื่ นท่ีแบบหมุนเคร่ืองยนต์ต้องใชช้ ้ินสว่ นใด ก. เพลาลูกเบย้ี วกบั เพลาข้อเหวี่ยง ข. ลูกสบู และก้านสูบ ค. เพลาลกู เบี้ยวและกา้ นสบู ง. กา้ นสูบและเพลาขอ้ เหวี่ยง 4. ขณะท่ลี กู สบู อยทู่ ่ตี �ำแหน่ง BDC วดั ปรมิ าตรในกระบอกสบู ได้ 630 cc ถา้ กำ� ลังอดั ของเครื่องยนตน์ ี้ เป็น 7 : 1 ปรมิ าตรในกระบอกสูบเมื่อลกู สูบอยทู่ ี่ TDC มีค่าเท่าไร ก. 70 cc ข. 90 cc ค. 120 cc ง. 4,410 cc 5. ระบบใดไมม่ ใี นเครือ่ งยนตด์ ีเซล ก. ระบบเชื้อเพลิง ข. ระบบจดุ ระเบดิ ดว้ ยไฟฟา้ ค. ระบบหลอ่ ลนื่ ง. ระบบหลอ่ เยน็ 6. เคร่ืองยนต์เบนซินเคร่ืองหน่ึงรบั พลงั งานความร้อนจากเชอ้ื เพลิงทง้ั สนิ้ 1,200 KW แต่สามารถ เปลยี่ นเป็นพลังงานกลให้ล้อรถหมนุ ได้ 300 KW ประสิทธิภาพเชงิ ความร้อนของเครอ่ื งยนต์นมี้ คี า่ เท่าไร ก. 30% ข. 25% ค. 20% ง. 40%

44 บทท่ี 2 การทำ� งานของเครอ่ื งยนตแ์ ก๊สโซลีน 7. ถา้ ตอ้ งการออกแบบรถใหม้ สี มรรถนะทางอากาศสูงควรเลอื กใชเ้ ครื่องยนต์แบบใด ก. สูบเรยี ง ข. สูบวี ค. สบู เอยี ง ง. สบู นอน 8. การวางเครื่องยนตต์ ามยาวตอนหน้าของรถเพ่อื ขบั เคล่ือนล้อหลงั ไมต่ ้องใชส้ ่วนประกอบใดในการ ทำ� งาน ก. เพลาขบั ข. เฟอื งทา้ ย ค. เพลารว่ ม ง. ระบบสง่ กำ� ลัง 9. การวางเครอื่ งแบบใดสามารถกระจายน�้ำหนกั ของรถได้ดที ส่ี ดุ ก. วางหน้าตามขวาง ข. วางหนา้ ตามยาว ค. วางกลางตามขวาง ง. วางทา้ ย 10. ถา้ ตอ้ งการพืน้ ทใี่ นห้องโดยสารมากควรเลือกรถทมี่ ีการวางเครอื่ งยนตอ์ ย่างไร ถ้ามิตขิ องรถเทา่ กัน ก. วางหน้าขบั หลัง ข. วางกลางขับหลัง ค. วางหนา้ ขบั หนา้ ค. วางหลงั ขับหลงั ตอนท่ี 4 กจิ กรรมการฝึกทักษะ (ใหค้ วามสำ� คญั การท�ำงานเป็นทีมงาน) 1. แบง่ กล่มุ เพือ่ นสนทิ 4 กลมุ่ จำ� นวนเทา่ ๆ กนั เลอื กหัวหนา้ กลุ่มงานเคร่อื งยนตแ์ กส๊ โซลีน ระดับ 3 ประชุมคณะท�ำงาน แบ่งหน้าท่ีและความรบั ผดิ ชอบ จับฉลากเลอื กกิจกรรมต่อไปนี้ จดั เตรียมสื่อ อปุ กรณ์ ตวั อย่าง ทชี่ ่วยสนับสนุนการน�ำเสนอให้เกดิ ความชดั เจนและครบสาระการเรียนรู้ บรหิ ารเวลากลุ่มละ 20 นาที น�ำเสนอด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ / แผ่นใส 1. จดั บอรด์ เชิงปฏิบัตกิ าร “การท�ำงานของเคร่ืองยนต์แกส๊ โซลนี ” 2. สนทนาเชิงปฏิบตั ิการ “การทำ� งานของเครอื่ งยนต”์ 3. อภปิ ราย (Discuss) “ระบบเสรมิ การทำ� งานของเครอื่ งยนตเ์ ปน็ สง่ิ จำ� เปน็ หรอื ไมจ่ ำ� เปน็ ” 4. แต่ละกลมุ่ งานปฏิบตั ิตามใบงานท่ี 1 “เร่อื งการเคลอื่ นย้ายเครอ่ื งยนต์ออกจากตวั รถ”

งานเคร่อื งยนต์แก๊สโซลนี 45 2.1ใบงานที่ เร่ือง การเคลือ่ นยา้ ยเครอื่ งยนตอ์ อกจากตวั รถ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม เพื่อให้นักศึกษาสามารถเคลื่อนยา้ ยเครอ่ื งยนตอ์ อกจากตัวรถ ความร้เู บอ้ื งต้น การซอ่ มบ�ำรงุ เครื่องยนต์แบบปรับปรุงใหม่ (Overhaul) พน้ื ทใี่ นการท�ำงานใต้ฝากระโปรงรถ อาจจะคบั แคบท�ำให้การท�ำงานไม่สะดวก การยกเครื่องออกจากตัวรถเพ่ือมาปฏิบตั ิงาน จึงเป็นวธิ ที ่ชี า่ ง นยิ ม ทั้งนเ้ี พ่ือความสะดวกในการทำ� งานและการเกบ็ รายละเอียดไดด้ กี ว่า เครอื่ งมือและอปุ กรณ์ 1. ปั้นจั่นพร้อมโซ่ขนาดใหญ่ 2. เครือ่ งมอื ชา่ งพนื้ ฐาน ข้ันตอนการปฏบิ ตั ิงาน 1. เคล่ือนย้ายอุปสรรครอบ ๆ ตัวรถ รถยนต์ต้องจอดสนิทโดยล้อท้ัง 4 อยู่ที่พ้ืน เนื่องจาก การยกเครอ่ื งออกจากรถ ทำ� ให้น�้ำหนักของรถถูกเอาออกไป รถจะเสียสมดุลไดง้ ่าย 2. ปรบั ปน้ั จนั่ ใหไ้ ดร้ ะยะทเ่ี หมาะสม ไมต่ ำ�่ หรอื สงู เกนิ ไป ประเมนิ วา่ ถา้ ยกเครอื่ งขนึ้ จากรถแลว้ สามารถท่จี ะเลอ่ื นเครอ่ื งยนตอ์ อกโดยไม่ติดขัดสง่ิ ใด

46 ใบงานที่ 2.1 การเคลื่อนย้ายเคร่อื งยนตอ์ อกจากตวั รถ 3. ถอดแท่นรองเครื่องตอนบนออกด้วยเคร่ืองมือช่าง เหลือไว้ 1 ตวั ส�ำหรับถอดก่อนท่จี ะยกเคร่ืองขึน้ 4. คลอ้ งโซ่ไปตามส่วนตา่ ง ๆ ของเคร่ืองยนต์ โดยทั่วไปเคร่ืองยกจะมหี ูห้ิวไวส้ ำ� หรบั คล้องอยู่ ใหม้ ัน่ ใจว่าแขง็ แรงพอไมเ่ ลอ่ื นหลดุ ขณะยก 5. ปรับความยาวของโซ่ให้เหมาะสม สอดแม่แรงไวใ้ ตเ้ ครอ่ื ง ยกแมแ่ รงจนกระทัง่ คานยกยนั เครือ่ งยนตไ์ ว้ 6. ถอดแท่นรองเคร่อื งตัวสุดทา้ ยออก เครือ่ งจะไม่หลน่ เพราะรองแม่แรงไว้แลว้ 7. ผู้ช่วย 2 คนทำ� งานร่วมกัน คนท่ีหนง่ึ ควบคุมการทำ� งานของปนั้ จั่น ผู้ชว่ ยอกี คนคอยบงั คบั ทิศทางของเครอื่ งยนต์ จนกระท่ังเครือ่ งยนต์ถูกยกออกจากรถเรียบร้อย คำ� ถามทา้ ยการปฏิบตั ิงาน 1. สรุปขั้นตอนการเคล่อื นย้ายเครอ่ื งยนตอ์ อกจากตัวรถ 1.1 ………………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 ………………………………………………………………………………………………………………………… 1.3 ………………………………………………………………………………………………………………………… 1.4 …………………………………………………………………………………………………………………………

งานเคร่ืองยนต์แกส๊ โซลนี 47 2. เหตใุ ดจงึ ต้องใช้แมแ่ รงร่วมในการถอดเคล่ือนย้ายเคร่อื งยนต์ด้วย 2.1 ………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 ………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 ………………………………………………………………………………………………………………………… 2.4 ………………………………………………………………………………………………………………………... สรปุ ผลและวจิ ารณ์การปฏิบตั ิ …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ความเห็นของครูผูส้ อน …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………… ครผู สู้ อน ……..…………………………………………… ผคู้ วบคมุ การฝกึ ……..…………………………………………… วนั ท่ี / เดือน / พ.ศ.

3 ระบบไอดี ไอเสีย และเชอ้ื เพลิง จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม (Behavioral Objectives) หลงั จากศึกษาจบบทเรยี นน้ีแลว้ นักศกึ ษาจะมคี วามสามารถดังน้ี 1. แสดงความร้เู ก่ียวกบั ระบบเชือ้ เพลงิ 2. อธิบายถึงการทำ� หนา้ ท่ีของอปุ กรณ์ในระบบไอดแี ละระบบไอเสียได้ 3. สรปุ การทำ� งานของอุปกรณ์ในระบบจา่ ยนำ�้ มันเชื้อเพลิงได้ 4. เขยี นวงจรประกอบของเกจวัดระดับน้�ำมนั ชนดิ เข็มและอณุ หสถิตได้

3 ระบบไอดี ไอเสยี และเชอ้ื เพลงิ ระบบไอดี กรองอากาศ (Air Cleaner) ทุก ๆ 1,500 กิโลเมตร ปริมาณอากาศที่มากกว่า 3,000 ลูกบาศก์เมตร จะไหลเข้าไปใน เคร่ืองยนต์โดยผ่านระบบไอดี ดังนั้น ส่ิงสกปรกท้ังหลาย เช่น เม็ดกรวด ทราย หรือฝุ่น ซ่ึงปะปนอยู่ ในอากาศจะต้องถกู แยกออกก่อนทีจ่ ะปลอ่ ยใหเ้ ขา้ ไปในเครอื่ งยนต์เพือ่ ป้องกันความเสยี หาย อากาศภายนอกจะไหลเข้าเครื่องยนต์โดยผ่านกรองอากาศ ซึ่งมีลักษณะเป็นทรงวงแหวนหรือ ทรงส่ีเหลี่ยม ดังรูปที่ 3.1 กรุภายในด้วยกระดาษกรอง (Filter Paper) หรือวัสดุอ่ืน ๆ ดังรูปท่ี 3.2 ท�ำหน้าทใ่ี นการดกั ฝนุ่ ละอองหรอื สงิ่ สกปรกตา่ ง ๆ ทมี่ าพร้อมกบั อากาศไมใ่ หผ้ ่านเข้าไปในเครือ่ งยนต์ นอกจากน้ี กรองอากาศยังท�ำหน้าท่ีเก็บเสียงของอากาศที่ไหลเข้าไปในขณะที่ล้ินไอดีท�ำงาน โดยใช้ท่อคอคอด (Tuning Venturi) ตดิ ต้ังในเรอื นกรองอากาศ ดงั รปู ท่ี 3.1 B โดยทั่วไปกรองอากาศแบบวงแหวนจะถูกติดต้ังไว้ตอนบนเหนือคาร์บูเรเตอร์หรือเรือนล้ิน ปีกผีเสื้อ (Throttle Body) ดังรูปที่ 3.1 A และแบบสี่เหล่ียมจะติดตั้งใด ๆ ก็ได้แต่จะเช่ือมมายัง คาร์บเู รเตอรห์ รือเรือนลนิ้ ปกี ผเี สื้อดว้ ยทอ่ ควบคมุ ทศิ ทาง (Remote - Hose) ดังรูปท่ี 3.3

50 บทท่ี 3 ระบบไอดี ไอเสยี และเชอ้ื เพลิง (A) (B) รปู ที่ 3.2 โครงสรา้ งภายในของกรองอากาศ รปู ท่ี 3.1 กรองอากาศ รปู ท่ี 3.3 การตดิ ตั้งเรอื นกรองอากาศแบบมที ่อควบคมุ เช่อื ม

งานเคร่อื งยนตแ์ ก๊สโซลนี 51 ชุดตวั ตดั อุณหภมู ใิ นกรองอากาศ ชดุ ตวั ตดั อณุ หภมู ิ (Thermostatic Air Cleaner) ในกรองอากาศ ดงั รปู ที่ 3.4 จะถกู นำ� มาใชก้ บั ระบบจา่ ย เชื้อเพลิงแบบคาร์บูเรเตอร์หรือแบบเรือนลิ้นปีกผีเสื้อ เทา่ นนั้ โดยจะไมน่ ำ� มาใชก้ บั ระบบจา่ ยเชอื้ เพลงิ แบบหวั ฉดี หรือเคร่ืองยนต์ท่ีมีระบบอัดอากาศ (Turbocharged or Supercharged) จุดประสงค์ในการติดตั้งตัวตัด อุณหภูมิเพื่อเพ่ิมสมรรถนะของเครื่องยนต์และการขับขี่ เมื่อเครื่องยนต์มีอุณหภูมิต่�ำ ระบบจะท�ำการอุ่นอากาศ ที่จะไหลเข้าคาร์บูเรเตอร์ (หรือเรือนลิ้นปีกผีเส้ือ) ให้ ร้อนก่อน ในขณะทเ่ี ครือ่ งยนตท์ �ำงานทอี่ ุณหภูมติ �่ำ ซง่ึ จะ ท�ำให้เคร่ืองยนต์ท�ำงานด้วยอากาศผสมแบบบาง (Lean รูปท่ี 3.4 ชุดตัวตดั อุณหภูมิในกรองอากาศ Mixture) ในขณะอุ่นเครื่องยนต์ เรือนล้นิ ปกี ผีเส้ือ ปริมาณของอากาศท่ีไหลเข้าไปในเครื่องยนต์ท่ีใช้การจุดระเบิดด้วยหัวเทียนนั้น ถูกควบคุม เบื้องต้นโดยผู้ขับข่ีรถยนต์ผ่านแป้นคันเร่ง (Accelerator Pedal) ดังรูปที่ 3.5 การท�ำงานของเท้า บนแป้นคันเร่งจะถูกถ่ายทอดผ่านชุดข้อต่อ (Linkage) หรือเคเบิลไปยังล้ินปีกผีเสื้อ (Throttle Valve) ท่ีอยู่ในเรอื นลิ้นปีกผีเส้ือ ซง่ึ เปน็ ช้นิ ส่วนทีค่ วบคมุ ปริมาณ อากาศส�ำหรบั เคร่ืองยนต์ที่ใชก้ ารจดุ ระเบดิ ด้วยหวั เทียน การเหยียบกดแป้นคันเร่งจะท�ำให้ล้ินปีกผีเสื้อ เปิด ท�ำใหอ้ ากาศทีอ่ อกมาจากกรองอากาศไหลผ่านลง สทู่ ่อรว่ มไอดี ส�ำหรับคารบ์ เู รเตอร์ ลิ้นปีกผีเสือ้ จะท�ำ หนา้ ทคี่ วบคุมปริมาณของอากาศผสมท่ีจะไหลเข้า แต่ จะท�ำหน้าท่ีควบคุมปริมาณของอากาศเพียงอย่างเดียว ส�ำหรับเคร่อื งยนต์ทีใ่ ช้ระบบหัวฉีด รปู ที่ 3.5 การควบคุมปริมาณอากาศโดยลน้ิ ปีกผเี ส้ือ ผา่ นแป้นคนั เรง่

52 บทท่ี 3 ระบบไอดี ไอเสยี และเช้อื เพลิง ท่อรว่ มไอดี ท่อรว่ มไอดี ดังรูปที่ 3.6 เปน็ ชิน้ ส่วนที่ยดึ ตอ่ กับเรือนล้นิ ปกี ผเี สอื้ บริเวณปลายท่เี ป็นทอ่ รวม โดย ปลายแยกจะยดึ กบั ฝาสูบ โดยแยกจา่ ยอากาศตามจ�ำนวนของกระบอกสูบ ทอ่ รว่ มไอดจี ะเป็นชุดของทอ่ ทางเดิน ซง่ึ นำ� อากาศหรืออากาศผสมใหไ้ หลผา่ น เครอ่ื งยนตท์ ใ่ี ชห้ วั ฉดี เปน็ ตวั จา่ ยนำ้� มนั ทอ่ รว่ มไอดจี ะปลอ่ ยใหอ้ ากาศไหลผา่ นเขา้ ไปในทอ่ รว่ มกอ่ น แล้วจงึ ฉีดฝอยนำ�้ มนั เขา้ ไปผสม ดังรูปท่ี 3.7 สำ� หรบั เคร่ืองยนตท์ ใ่ี ชค้ ารบ์ เู รเตอร์ น�้ำมันจะถกู รวมกับ อากาศก่อนท่จี ะไหลผ่านท่อร่วม ดงั รูปท่ี 3.8 รปู ที่ 3.6 ทอ่ รว่ มไอดี รปู ท่ี 3.7 ทอ่ ร่วมไอดีทใี่ ช้กบั ระบบหวั ฉีด รปู ท่ี 3.8 ท่อรว่ มไอดีทีใ่ ช้กับคาร์บเู รเตอร์

งานเครื่องยนต์แกส๊ โซลนี 53 รูปท่ี 3.9 แสดงการประกอบท่อรว่ มไอดี ฝาสูบ และทอ่ รว่ มไอเสีย (Exhaust Manifold) สำ� หรบั เครือ่ งยนต์ 4 สบู เรียง ท่อรว่ มไอดขี น้ึ รปู ให้เปน็ ชนิ้ เดียวดว้ ยเหล็กหล่อ (Casting Iron) หรอื อะลูมเิ นียม อลั ลอยด์ (Aluminum Alloy) เป็นชอ่ งทางใหอ้ ากาศผสมไหลผ่าน การออกแบบทอ่ รว่ มไอดีจะพยายาม ทำ� ให้มีขนาดสน้ั ทส่ี ุดและมีเหลย่ี มมมุ น้อยทส่ี ุด รปู ที่ 3.9 ส่วนประกอบของทอ่ รว่ มไอดี ทอ่ รว่ มไอเสยี และฝาสูบ ระบบไอเสีย อากาศผสมหลงั จากเสรจ็ สิน้ กระบวนการสนั ดาปแลว้ จะกลายสภาพเปน็ ไอเสยี ซ่ึงจะถูกนำ� ออก จากเคร่ืองยนต์โดยผ่านระบบไอเสีย และปล่อยทิ้งสู่บรรยากาศทตี่ อนท้ายของรถยนต์ ระบบไอเสียทด่ี ี จะถกู ออกแบบมา เพ่ือให้มีการรวมมวลอนุภาคของก๊าซสนั ดาปไดด้ ี ลดเสยี งของก๊าซทป่ี ลอ่ ยระบายออก และกำ� จดั มลพิษท่ีอย่ใู นก๊าซได้บ้างพอสมควร รูปที่ 3.10 ระบบไอเสยี

54 บทที่ 3 ระบบไอดี ไอเสยี และเชอื้ เพลิง ระบบไอเสีย ดังรูปท่ี 3.10 จะประกอบด้วย ท่อร่วมไอเสีย (Exhaust Manifold) ท่อทางเดิน ไอเสีย (Exhaust Pipe) ตวั แปลงคาตาไลตกิ (Catalytic Converter) ทอ่ พักกลาง (Muffler) ทอ่ พกั ทา้ ย (Resonator) และปลายท่อ (Tail Pipe) ในเครอ่ื งยนตท์ มี่ ีการแยกฝงั่ ของลกู สบู เช่น เครือ่ งยนต์สูบวี อาจจะใชร้ ะบบท่อไอเสยี แบบเดีย่ ว (Single Exhaust System) โดยจะมที ่อรว่ มไอเสียฝ่ังละตัว ซงึ่ อาจจะใช้ท่อทางเดินไอเสยี ต่อออกมาแลว้ นำ� มารวมกนั กอ่ น เพอ่ื ให้ไอเสยี ไหลผา่ นตวั แปลงคาตาไลตกิ ตัวเดยี วกนั หรืออาจจะใช้ระบบทอ่ ไอเสยี คู่ (Dual Exhaust System) คือ มีระบบไอเสียฝั่งละชุด ดังรูปท่ี 3.11 เพ่ือเพิ่มสมรรถนะในการระบาย ไอเสียกไ็ ด้ รปู ท่ี 3.11 ระบบท่อไอเสยี แบบท่อคู่ 1. ท่อร่วมไอเสีย เป็นชุดของท่อทีม่ ีลักษณะคล้ายกับท่อรว่ มไอดี ทำ� หน้าที่พาไอเสียออกจาก ช่องไอเสีย (Exhaust Port) ท่อี ย่ใู นฝาสูบ ผ่านไปยงั ทอ่ ทางเดินไอเสีย ทอ่ ร่วมไอเสยี ทำ� หน้าทร่ี วมไอเสยี ทอ่ี อกมาจากชอ่ งไอเสียแต่ละชอ่ งเข้าดว้ ยกันเพื่อใหไ้ หลออกทางเดียว ท่อรวมไอเสยี ประเภททอ่ เฮดเดอร์ (Header) ดังรูปที่ 3.12 อาจจะรวมการไหลจาก 2 กระบอกสบู ให้เปน็ 1 ก่อนกไ็ ด้ EXHAUST PORT รูปที่ 3.12 ท่อรวมแบบเฮดเดอร์

งานเคร่ืองยนตแ์ ก๊สโซลนี 55 2. ทอ่ พกั กลาง ดงั รูปท่ี 3.13 โดยปกติจะถูกวางไว้ระหว่างตัวแปลงแคทาลิตกิ คอนเวอรเ์ ตอร์ กับท่อพักท้ายหรือปลายท่อ มีหน้าที่ลดเสียงของไอเสียท่ีปล่อยออก ภายในจะมีชุดของรู ช่องทาง และห้องสะท้อน ซ่ึงจะเป็นตัวดักและกรองเสียงของไอเสียท่ีไหลผ่าน เสียงของไอเสียเกิดจากการท่ี กา๊ ซรอ้ นแรงดนั สูงไหลออกจากลิ้นไอเสียอย่างรวดเร็วในจังหวะท่ีล้นิ เปดิ ระบบไอเสียบางระบบมีการใส่ ทอ่ พกั ท้ายเพอ่ื ลดเสียงอีกคร้งั หน่งึ รปู ท่ี 3.13 ทอ่ พกั กลาง รถยนตบ์ างชนดิ ใชท้ อ่ ไอเสยี แบบครอบเปน็ ชนั้ ซอ้ นกนั มที ง้ั แบบโลหะซอ้ นกนั 2 ชนั้ และแบบ 3 ชนั้ ซึ่งมีช้นั กลางเป็นแผน่ พลาสตกิ สอดระหว่างแผน่ โลหะ 2 แผน่ เพอ่ื เพ่มิ ประสทิ ธภิ าพในการกรองเสยี ง ส�ำหรับรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอาจจะมีระบบ 2 โหมด คือ โหมดแลน่ (Tour) และโหมดเร่ง (Sport) โดยมีลิ้นปิดเปดิ ท่อตดิ ตงั้ อยใู่ นท่อ และควบคมุ การปดิ เปดิ ด้วยสวติ ช์ที่อยใู่ นห้องผ้ขู ับ การเปิด ลน้ิ เต็มท่ี (Fully Opened) จะทำ� ใหไ้ อเสียออกได้มากขนึ้ ซ่งึ เปน็ การประหยดั น้�ำมัน 3. ตวั แปลงแคทาลติ กิ คอนเวอรเ์ ตอร์ (Catalytic Converter) เปน็ อปุ กรณท์ ล่ี ดมลภาวะ ของกา๊ ซพษิ ทอ่ี อกมาพรอ้ มกบั ไอเสยี โดยเปลยี่ นกา๊ ซพษิ เชน่ CO, HC และ NOX ใหอ้ ยใู่ นรปู CO2, H2O และ N2 ไอเสียที่ไหลผา่ นตวั แปลงแคทาลติ ิกคอนเวอรเ์ ตอร์ จะถกู กระบวนการคาตาไลสใ์ ห้เกิดการ เปล่ียนแปลงดงั กล่าว ระบบเชอื้ เพลิง ระบบเช้อื เพลงิ (Fuel System) ทำ� หนา้ ท่ีจา่ ยของผสมระหว่างอากาศกับเชอ้ื เพลิง (ตอ่ ไปจะ เรยี ก อากาศผสม) เขา้ ไปในเครอ่ื งยนต์ ซงึ่ จะถกู เผาไหมแ้ ละเกดิ การสนั ดาปเพอื่ สรา้ งกำ� ลงั ในการขบั เคลอื่ น ตอ่ ไป ระบบเชื้อเพลิงจะแบ่งเป็นระบบย่อยอีก 2 ระบบ คือ ระบบจ่ายเช้ือเพลิง (Fuel Supply System) และระบบปรบั ปรมิ าณเชอื้ เพลงิ (Fuel Metering System) ระบบจ่ายเช้ือเพลิงจะสบู น้ำ� มัน เช้อื เพลงิ มาจากถงั นำ�้ มนั (Fuel Tank) แล้วสง่ ต่อไปยังระบบตวงเชอ้ื เพลงิ ซง่ึ อาจจะเปน็ คาร์บเู รเตอร์

56 บทท่ี 3 ระบบไอดี ไอเสยี และเชือ้ เพลิง (Caburator) หรอื หัวฉดี เช้อื เพลงิ (Fuel - Injector) ก็ได้ ระบบตวงเช้ือเพลิงจะทำ� หน้าที่ “ปรบั ” ปริมาณเชื้อเพลิงให้เหมาะสมก่อนที่จะไปรวมตัวกับอากาศท่ีไหลเข้ามาที่เคร่ืองยนต์โดยผ่านระบบไอดี (Air - Intake System)เปน็ อากาศผสมเพ่อื เผาไหมต้ ่อไป อากาศผสมท่ีสันดาปแล้ว เรยี กวา่ ไอเสยี (Exhaust Gas) จะถกู ขับออกจากเครื่องยนต์ผา่ น ระบบไอเสยี (Exhaust System) ซึง่ ไอเสยี จะถูกปล่อยออกผา่ นสอู่ ากาศบริเวณตอนท้ายของรถยนต์ ระบบจ่ายนำ�ม้ ันเชอื้ เพลิง ระบบจ่ายนำ�้ มันเช้ือเพลิงสำ� หรับเครอ่ื งยนตท์ ่ใี ชเ้ ช้อื เพลิงประเภทแกส๊ โซลีนจะมอี ยู่ 2 ระบบ คอื ระบบหวั ฉดี (Fuel - Injected System) และระบบคารบ์ เู รตด์ (Carbureted System) ทั้ง 2 ชนดิ ตา่ งกันทก่ี รรมวิธใี นการ “ปรบั ” นำ้� มันเช้ือเพลงิ เพอ่ื น�ำไปรวมกับอากาศ โดยให้ไดอ้ ากาศผสมในอัตราท่ี ตอ้ งการ ระบบคารบ์ ูเรตดจ์ ะมอี ปุ กรณ์ท่ีเรยี กวา่ คาร์บูเรเตอร์ ดังรปู ท่ี 3.14 ซ่ึงทำ� หนา้ ทคี่ ล้ายกับห้อง ส�ำหรับผสมอากาศกบั เชอื้ เพลิงเข้าดว้ ยกัน ส่วนระบบหัวฉดี จะใช้หัวฉดี ดงั รปู ท่ี 3.15 ฉีดละอองเชอื้ เพลงิ เขา้ ไปในอากาศ เพื่อให้เกิดเปน็ ของผสมพรอ้ มสันดาป (Combustible Mixture) รูปท่ี 3.14 คารบ์ ูเรเตอร์ รูปท่ี 3.15 หวั ฉดี นอกจากน้ี ระบบจา่ ยนำ้� มันเชอ้ื เพลงิ ทงั้ 2 ระบบยงั รวมถงึ สว่ นประกอบอ่ืน ๆ เช่น ถังน้ำ� มนั (Fuel Tank) เครื่องแสดงระดบั นำ้� มนั (Fuel - Level Indicator) ทอ่ สง่ นำ้� มนั (Fuel Line) และปม๊ั น�้ำมนั (Fuel Pump) ดงั รปู ท่ี 3.16 ยกเวน้ ขน้ั ตอนในการ “ปรบั ” ปรมิ าณนำ�้ มันเชื้อเพลงิ แล้ว ระบบจา่ ย น�ำ้ มันเชื้อเพลิงทง้ั 2 ระบบท�ำงานเหมือนกนั กล่าวคือ ถังนำ้� มนั จะทำ� หนา้ ท่ีกกั เกบ็ น้�ำมนั ไว้ ปั๊มน�้ำมนั จะ

งานเคร่อื งยนตแ์ กส๊ โซลีน 57 สบู นำ้� มนั ขน้ึ มาจากถงั ผา่ นตวั กรอง (Filter) ไหลไปตามทอ่ สง่ นำ้� มนั ไปยงั คารบ์ เู รเตอรห์ รอื หวั ฉดี พรอ้ มกนั นน้ั จะกรองอากาศทไี่ หลเขา้ มาในเครอ่ื งยนต์ จากนน้ั เรอื นลน้ิ ปกี ผเี สอื้ จะปรบั ปรมิ าณของอากาศกอ่ นไหล เข้าทอ่ ร่วมไอดใี ห้เหมาะสม กอ่ นท่ีท่อร่วมไอดจี ะปลอ่ ยอากาศ (หรอื อากาศผสม) เข้ากระบอกสูบตอ่ ไป รูปท่ี 3.16 ระบบจา่ ยน้�ำมันเชื้อเพลิง 1. ถงั นำ้� มนั เช้อื เพลงิ ถังน้�ำมนั เชอ้ื เพลิง ดงั รปู ที่ 3.16 และ 3.17 ท�ำมาจากโลหะหรอื พลาสตกิ โดยทั่วไปจะถูกติดตั้ง ไว้ตอนทา้ ยของรถยนต์ ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 3 ชุด คือ 1) ชดุ ท่อเตมิ นำ�้ มนั เขา้ ประกอบดว้ ย คอกรองน้�ำมัน (Fuel Filter Neck) และท่อตอ่ เขา้ ถัง (Inlet Hose) เปน็ ทางเดนิ เขา้ ของนำ�้ มนั ใหไ้ หล เขา้ ไปเก็บในถังในขณะทเี่ ติมน้ำ� มันเชอ้ื เพลิง ท้งั คู่มที ่อปลายปล่อยเรียกว่า ทอ่ ระบายไอ (Breathe Hose) 2) ชดุ ทางออกของน�ำ้ มัน จะประกอบด้วย ปัม๊ น้ำ� มนั แบบ มอเตอร์ไฟฟา้ (Electric Fuel Pump) หรือทเี่ รยี กวา่ “ปมั๊ ตก๊ิ ” แชอ่ ย่ใู นถงั น�ำ้ มัน ซ่ึงจะมีทอ่ ส่งน้�ำมัน (Fuel Outlet) ติดอยู่ ทำ� หน้าทสี่ ง่ น�ำ้ มนั ไปยงั เคร่อื งยนต์ และ 3) หนว่ ยสง่ สัญญาณระดับนำ�้ มนั (Fuel Guage Sending Unit) โดยมชี ดุ ลกู ลอย (Float) คอยตรวจสอบระดบั นำ�้ มนั ในถงั และสง่ สญั ญาณไปยังแปน้ ควบคมุ หน้ารถ รปู ท่ี 3.17 ถงั นำ้� มนั เช้อื เพลิง

58 บทท่ี 3 ระบบไอดี ไอเสยี และเช้อื เพลงิ 2. ฝาปิดถงั น้�ำมนั ฝาปดิ ถงั น�้ำมัน (Fuel - Tank Cap) ดงั รปู ที่ 3.18 ใชใ้ น รถยนตป์ จั จุบันที่มีระบบควบคมุ พิษของไอน้ำ� มันระเหย ภายในฝา จะมลี ้นิ อยู่ 2 ตัว คือ ลิน้ ระบายความดัน (Pressure - Relief Valve) และลน้ิ สลายสุญญากาศ (Vacuum - Relief Valve) ลนิ้ ระบายความดันจะเปิดเมื่อมีความดันในถังเกิดข้ึนสูง ขณะท่ีล้ิน สลายสุญญากาศจะเปิดออกให้อากาศไหลเข้ามาเมื่อเกิดสภาวะ สุญญากาศในถัง ซึ่งอาจจะเกิดข้ึนได้ในขณะท่ีเคร่ืองยนต์เดินแต่ ไมม่ ีน�ำ้ มนั ในถงั รปู ท่ี 3.18 ฝาปดิ ถังนำ้� มัน 3. ปัม๊ น�้ำมันเชอื้ เพลิง ปั๊มน้�ำมันจะท�ำหน้าท่ีส่งน�้ำมันท่ีไหลมาจากถังน�้ำมันไปยังคาร์บูเรเตอร์หรือหัวฉีด ปั๊มน�้ำมัน ส�ำหรับรถยนตแ์ บง่ ออกเปน็ 2 ชนิด คือ ปั๊มกล (Mechanical Pump) และปัม๊ ไฟฟ้า (Electrical Pump) ระบบเช้ือเพลงิ ทใี่ ช้คาร์บูเรเตอรส์ ่วนใหญ่จะนิยมใชป้ ม๊ั กล ดังรปู ที่ 3.19 โดยปกตจิ ะตดิ ตัง้ ไว้ ดา้ นข้างของเสื้อสบู ผลของระยะเยอ้ื งศูนย์ในการหมนุ ของเพลาลกู เบ้ียว ดังรูปท่ี 3.20 จะบังคบั กระเดอื่ ง กด (Rocker Arm) ใหเ้ คลอื่ นทข่ี นึ้ ลง ซงึ่ จะไปดดั ใหแ้ ผน่ ไดอะแฟม (Diaphragm) งอขึ้นลงท�ำใหเ้ กดิ การสบู น้�ำมันขนึ้

งานเคร่อื งยนต์แกส๊ โซลนี 59 รปู ท่ี 3.20 การทำ� งานของปั๊มน้�ำมนั แบบกล รปู ท่ี 3.19 ปั๊มน�ำ้ มันเชอ้ื เพลิงแบบกลใชก้ ับ เครอ่ื งยนตค์ ารบ์ ูเรเตอร์ รถยนต์ท่ใี ช้ปัม๊ น�้ำมนั แบบกลรว่ มกบั คาร์บเู รเตอรจ์ ะมที ่อไอน้ำ� มนั กลับ (Vapor - Return Line) ดงั รูปที่ 3.21 ซึ่งจะเดนิ ท่อจากป๊ัมน้�ำมันหรือกรองนำ้� มันเช้ือเพลงิ กลับไปยงั ถงั น�ำ้ มัน เนื่องจากปมั๊ น้�ำมัน สามารถสบู น�้ำมนั ในรูปของเหลวเทา่ นั้น ดังน้ัน ไอในรูปแบบใดก็ตามท่ีกอ่ ตวั ขึ้นในป๊มั น�้ำมันต้องถูกสง่ กลับไปยงั ถงั นำ้� มนั ผ่านท่อไอนำ้� มนั กลบั นี้ ถา้ ในระบบยงั คงมไี อค่ังคา้ งอยูจ่ ะเกิดอาการไออดุ ตวั (Vapor Lock) ข้นึ ซึ่งจะทำ� ใหน้ ้ำ� มันหยุดการจ่ายทนั ที รูปที่ 3.21 เครื่องยนต์วางขวางพร้อมกบั ระบบน้�ำมนั แบบคาร์บเู รเตอร์

60 บทท่ี 3 ระบบไอดี ไอเสีย และเชือ้ เพลิง รถยนตบ์ างรนุ่ ตดิ ตงั้ อปุ กรณ์แยกไอ (Vapor Separator) ไวร้ ะหว่างปม๊ั นำ�้ มันกบั คารบ์ เู รเตอร์ ไอนำ้� มนั ท่ีปนอยู่ในเชอ้ื เพลิงทีจ่ ะไหลเขา้ คาร์บูเรเตอร์ และระเหยขน้ึ สว่ นบนของอุปกรณแ์ ยกไอ จากนั้น ส่วนที่เป็นไอจะไหลผ่านท่อไอน�้ำมันกลับเข้าสู่ถังน�้ำมัน ระบบน�้ำมันในรูปท่ี 3.21 ใช้อุปกรณ์แยกไอ ซึ่งประกอบรว่ มอยใู่ นกรองน�ำ้ มนั เชอ้ื เพลงิ ปั๊มน้�ำมันเช้ือเพลิงชนิดไฟฟ้า ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าหรือโซลินอยด์ท�ำให้เกิดกระบวนการสูบน้�ำมัน ขอ้ ดขี องปั๊มน�ำ้ มันชนดิ ไฟฟา้ ทเ่ี หนือกวา่ ปั๊มชนิดกล คอื จา่ ยน�ำ้ มนั ทนั ทีท่ีหมุนสวิตช์ติดเครื่องยนต์ และ สามารถจ่ายนำ้� มันได้มากกว่าปรมิ าณนำ้� มนั ทีเ่ ครื่องยนตต์ อ้ งการ ป๊มั น้�ำมนั ชนดิ ไฟฟา้ มี 2 แบบ คอื แบบนอกถัง (In - Line) ทเี่ รียกว่า “ปม๊ั ต๊กิ ” และแบบในถงั (In - Tank) เรียกวา่ “ปมั๊ แช่” แบบนอกถังดงั รูปท่ี 3.22 (A) จะตดิ ตั้งอยู่ภายในทางเดนิ นำ�้ มนั ระหว่าง ถงั นำ�้ มนั กบั เคร่ืองยนต์ (โดยทว่ั ไปจะอยู่ใกลก้ บั ถงั น�ำ้ มัน) สว่ นแบบในถังจะติดต้งั ให้แชอ่ ยู่ในถังนำ้� มันเลย ดังรปู ที่ 3.22 (B) รถยนต์บางชนดิ อาจจะใช้รว่ มกนั ท้ัง 2 แบบกไ็ ด้ รปู ที่ 3.22 (A) ปัม๊ น�้ำมันแบบนอกถงั รูปท่ี 3.22 (B) ปมั๊ นำ้� มนั แบบในถัง มอเตอรไ์ ฟฟา้ ทอ่ี ยใู่ นปม๊ั ดงั รปู ที่3.22(C)จะขบั ใหเ้ ครอ่ื งพดั (Impeller) ท�ำการสูบน�้ำมันขึ้นมาโดยการอัดน�้ำมันให้มีความดัน สงู แลว้ พน่ ออกไฟ เน่อื งจากนำ้� มนั ถูกอดั ตวั ด้วยความดนั จงึ ท�ำให้ การทำ� งานแบบนป้ี อ้ งกันการเกดิ อาการไออุดตัวได้ รูปท่ี 3.22 (C) ชน้ิ ส่วนภายในป๊ัมเชอ้ื เพลิง

งานเครือ่ งยนต์แก๊สโซลีน 61 รปู ท่ี 3.23 แสดงการประกอบวงจรของปมั๊ นำ�้ มนั ชนิดในถัง ป๊ัมจะรับกระแสไฟฟา้ จากแบตเตอรี่ ได้โดยผ่านรเี ลยม์ อเตอร์สตาร์ต (Starting Motor Relay) ซ่ึงจะทำ� ใหป้ ั๊มสามารถจ่ายน้ำ� มันไดใ้ นทนั ที ที่มอเตอร์สตาร์ตเร่ิมหมุนเคร่ืองยนต์ หลังจากเครื่องยนต์ติดแล้ว วงจรไฟฟ้าจะถูกควบคุมให้ท�ำงาน ต่อเน่ือง โดยสวติ ชค์ วามดนั น้�ำมันหล่อล่นื (Oil Pressure Switch) ป๊มั น�้ำมันจะตดั การจา่ ยน�ำ้ มนั ทนั ที ที่เคร่ืองยนต์ดับ หรือแรงดันน�้ำมันหล่อล่ืนตก นอกจากนี้ ปั๊มยังตัดการท�ำงานเมื่อปิดสวิตช์สตาร์ต หรือระบบจุดระเบิดหยุดการท�ำงาน รปู ท่ี 3.23 วงจรของปั๊มน้ำ� มนั ชนดิ ในถงั 4. กรองน้�ำมันเชอ้ื เพลงิ และตะแกรงกรอง ระบบเช้อื เพลงิ จะตอ้ งมีกรองน�้ำมนั เช้ือเพลิงและตะแกรงกรอง เพ่อื ปอ้ งกันสงิ่ สกปรกไม่ให้ผ่าน เข้าไปในทอ่ ทางเดินน�ำ้ มนั และป๊ัมน�ำ้ มัน ระบบเชอื้ เพลิงสว่ นใหญจ่ ะมกี ารกรองอย่างน้อย 2 ครงั้ ครัง้ แรก จะผ่านตะแกรงกรองจะตดิ อยทู่ ่ที ่อพาน้�ำมนั เขา้ ปัม๊ (Pick - Up Tube) ดงั รูปที่ 3.22 B และครง้ั ที่ 2 จะผา่ นกรองนำ�้ มนั เชอ้ื เพลงิ ดงั รูปท่ี 3.24 ซงึ่ ติดต้งั ไว้ในทางเดนิ น�ำ้ มนั ระหวา่ งถงั นำ้� มันและคารบ์ ูเรเตอร์ หรอื หัวฉีด ภายในกรองน�้ำมันเชื้อเพลิงอาจจะบรรจุไว้ด้วยแม่เหล็ก เพื่อใช้จับอนุภาคโลหะที่ปะปนอยู่ ในน�้ำมัน วัสดทุ ีใ่ ช้ในการกรองโดยทวั่ ไปทำ� มาจากเซรามิกหรอื กระดาษ

62 บทท่ี 3 ระบบไอดี ไอเสีย และเชื้อเพลิง รูปท่ี 3.24 กรองน�ำ้ มันเช้อื เพลิงแบบต่าง ๆ เครือ่ งแสดงระดับน�ำ้ มันในระบบเชือ้ เพลิง เครอื่ งแสดงระดบั น้�ำมันเชื้อเพลิง เครอื่ งแสดงระดบั นำ้� มนั เชอ้ื เพลงิ เปน็ เครอ่ื งมอื ทอ่ี ยบู่ นแผงหนา้ ปดั ซงึ่ จะคอยเตอื นผขู้ บั ขใ่ี หท้ ราบ ปรมิ าณน�ำ้ มนั เช้อื เพลงิ ทมี่ ีอย่ใู นถังนำ�้ มนั มอี ยู่ 2 ชนดิ คอื ชนิดไฟแสดงผล (Electronic Fuel - Level Display) และชนิดเขม็ (Electro - Mechanical Fuel Gauge) ดงั รปู ท่ี 3.25 บางชนดิ มไี ฟแสดงระดับ น�้ำมันต่�ำทีแ่ ผงหนา้ ปดั ดว้ ย รูปท่ี 3.25 เครื่องแสดงระดบั น�้ำมนั เชอื้ เพลงิ

งานเคร่ืองยนต์แก๊สโซลีน 63 เกจวัดระดับนำ้� มันเชอื้ เพลงิ การท�ำงานของเกจวัดระดับน้�ำมันเช้ือเพลิงจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดแม่เหล็ก (Magnetic) และชนดิ อณุ หสถติ (Thermostatic) รูปที่ 3.26 แสดงวงจรประกอบของเกจวัดระดับเช้ือเพลิงชนิดแม่เหล็ก ซึ่งเป็นเกจวัดแบบ แอนะล็อก ภายในหน่วยแสดงผลหนา้ จอจะมีขดลวดเหนี่ยวน�ำ (Coil) ซึง่ จะสรา้ งสนามแม่เหล็กไฟฟ้ากับ อารเ์ มเจอร์ ภายในถงั นำ้� มนั จะมลี กู ลอย (Float) ตดิ อยกู่ บั หนา้ สมั ผสั แบบเลอื่ น (Sliding Contact) ระดบั น�้ำมันจะเป็นตัวบังคับลูกลอยให้ลอยข้ึนลง ซึ่งจะท�ำให้หน้าสัมผัสแบบเล่ือนเคล่ือนที่ไปตามแนวของ ตวั ตา้ นทาน (Resistance) ระดับนำ้� มนั ที่เพมิ่ ข้ึนจะไปเพมิ่ ความตา้ นทานในวงจร ซง่ึ จะลดการไหล กระแสไฟ ทำ� ใหข้ ดลวดเหนยี่ วนำ� ดา้ นขวาดงึ เขม็ ทต่ี ดิ กบั อารเ์ มเจอรไ์ ปทางดา้ นขวา แสดงใหเ้ หน็ บนหนา้ ปดั วา่ มรี ะดบั มากไปจนถงึ เตม็ ถงั (Full) และท�ำงานในลกั ษณะตรงข้ามเมอื่ ระดับลูกลอยลดตำ่� ลง แสดงถึง ปรมิ าณน้�ำมันที่ต�่ำลงจนถงึ หมดถงั (Empty) รปู ที่ 3.26 วงจรประกอบของเกจวดั ระดับน�้ำมนั ชนดิ เข็ม

64 บทที่ 3 ระบบไอดี ไอเสยี และเช้อื เพลงิ รูปท่ี 3.27 เกจวดั ชนิดอุณหสถติ เมื่อระดับของน�ำ้ มันเช้ือเพลงิ ในถงั ตำ่� คา่ ความต้านทานในถงั มคี ่าสูง จึงปลอ่ ยกระแสใหไ้ หลผ่านไปยังแผงหนา้ ปัดแสดงผลไดน้ อ้ ย ในทางตรงกันข้าม เม่ือระดับนำ�้ มนั ถกู เติมให้เพมิ่ ขนึ้ ความต้านทานลดลงกระแสไหลไดม้ าก กระแสทีไ่ หลผ่านจะมากหรือนอ้ ยกต็ าม จะไหลไปยงั ขดลวดความร้อน (Heater Coil) ทพี่ ันอยู่ รอบ ๆ แผ่นใบอุณหสถิต (Thermostatic Blade) ความร้อนจากกระแสไฟจะไปดัดให้แผ่นใบโค้งงอ ถ้าแผน่ ใบโกง่ ไปดา้ นขวา เข็มช้ีจะถูกดนั ให้เคลือ่ นทต่ี ามไปด้วย แสดงถงึ ระดบั น�้ำมนั เตม็ รปู ที่ 3.27 วงจรประกอบของเกจวดั แบบอณุ หสถิต

งานเคร่อื งยนต์แกส๊ โซลนี 65 แบบทดสอบและกิจกรรมการฝึกทกั ษะ บทที่ 3 ระบบไอดี ไอเสีย และเชื้อเพลิง ตอนท่ี 1 อธิบาย (หมายถึง การให้รายละเอียดเพ่ิมเติม ขยายความ ถ้ามีตัวอย่างให้ยกตัวอย่าง ประกอบ) ตอบแบบสน้ั 1. อธิบายระบบเชือ้ เพลิง 2. ระบบไอดปี ระกอบดว้ ยอะไรบ้าง 3. กรองอากาศท�ำหน้าทอ่ี ะไร อธบิ ายและยกตวั อยา่ งประกอบ 4. ในการตดิ ต้งั ตัวตดั อุณหภมู ิมจี ุดประสงค์เพือ่ อะไร 5. เรือนลนิ้ ปกี ผเี ส้อื มลี ักษณะการท�ำงานอย่างไร 6. ทอ่ ร่วมไอดีมีลักษณะการท�ำงานอย่างไร 7. อธิบายระบบไอเสยี 8. อธบิ ายระบบจา่ ยนำ้� มันเช้ือเพลงิ 9. เครื่องแสดงในระบบเชื้อเพลงิ ประกอบด้วยอะไรบา้ ง อธิบายโดยสรปุ 10. เขียนวงจรประกอบของเกจวดั ระดับนำ�้ มนั ชนดิ เข็ม ตอนที่ 2 อธบิ ายค�ำศพั ท์ (หมายถงึ แปลค�ำศัพท์ ให้รายละเอียดเพมิ่ เติม ขยายความ ถ้ามตี วั อยา่ ง ให้ยกตัวอย่างประกอบ) ตอบแบบสนั้ 1. Fuel System 2. Air Cleaner 3. Thermostatic Air Cleaner 4. Accelerator Pedal 5. Exhaust System 6. Filter 7. Electric Fuel Pump 8. Fuel – Tank Cap 9. Pick – Up Tube 10. Resistance

66 บทที่ 3 ระบบไอดี ไอเสีย และเชื้อเพลิง ตอนท่ี 3 จงเลือกคำ� ตอบขอ้ ที่ถกู ท่สี ดุ 1. ระบบเชื้อเพลิงทใี่ ชก้ ับเครอื่ งยนต์จดุ ระเบดิ ด้วยหวั เทียนมี 2 ชนิด มีความหมายสอดคล้องกับขอ้ ใด ก. คาร์บเู รเตอร์และดเี ซล ข. หัวฉดี และดเี ซล ค. ช่องทางเดินน�ำ้ มนั และเรือนลนิ้ ปกี ผีเส้อื ง. หัวฉดี และคารบ์ เู รเตอร์ 2. นายช่างสมบญุ กล่าววา่ “ฝาปิดถงั นำ�้ มนั มีล้ินสำ� หรบั ป้องกนั ความดันอดั ตวั ขึ้นในถงั ” และนายชา่ ง สมศักดิก์ ลา่ วว่า “ฝามีล้ินปอ้ งกันการกอ่ ตัวของสุญญากาศในถงั ” ใครกล่าวถูกต้อง ก. นายช่างสมบญุ ข. นายชา่ งสมศักดิ์ ค. ถกู ทั้งค ู่ ง. ผิดท้งั คู่ 3. ขอ้ ความต่อไปน้เี ป็นความจริงเกยี่ วกับปม๊ั น้�ำมนั แบบไฟฟา้ ยกเว้นข้อใด ก. อาจจะตดิ ต้งั อยูใ่ นทอ่ ทางเดินนำ้� มนั หรอื แชไ่ ว้ในถังก็ได้ ข. ติดตง้ั อย่บู นเสื้อสบู หรือฝาสูบ ค. ลดโอกาสท่ีจะเกิดอาการไออดุ ตัว ง. จะตัดการทำ� งานเมอ่ื เครอ่ื งยนต์สตารต์ ติดแล้ว 4. อปุ กรณซ์ ่ึงควบคุมปรมิ าณของอากาศท่ไี หลเขา้ ไปในเครอ่ื งยนต์แบบจุดระเบดิ ดว้ ยหวั เทียนคือขอ้ ใด ก. ลนิ้ ปีกผเี ส้ือ ข. กรองอากาศ ค. ทอ่ รว่ มไอด ี ง. หัวฉดี เช้ือเพลิง 5. ช้ินสว่ นดังรปู ท�ำหน้าทอี่ ะไรในเครอ่ื งยนต์ ก. พาอากาศดีเขา้ สเู่ ครอ่ื งยนต ์ ข. พาไอเสยี ออกจากช่องไอเสยี ค. เป็นแทน่ ติดต้งั หวั ฉดี หรอื คาร์บเู รเตอร ์ ง. จ่ายนำ้� มันเขา้ ไปในเครือ่ งยนต์ 6. วิธีใดใชแ้ ก้ปญั หาไมใ่ หเ้ กดิ อาการไออดุ ตวั ขึ้นในระบบเช้อื เพลิง ก. การใชป้ ัม๊ น้ำ� มันแบบไฟฟา้ ข. การมที อ่ เดนิ นำ�้ มันกลบั ค. เปลย่ี นไปใช้ระบบหวั ฉีดแทนระบบคาร์บเู รเตอร์ ง. ถูกทกุ ขอ้

งานเครอ่ื งยนต์แกส๊ โซลนี 67 7. จากรปู เสอื้ สบู ของเครื่องยนตเ์ ครื่องหนึ่งดงั รปู น่าจะมรี ะบบท่อไอเสียแบบใด ก. ระบบทอ่ ไอเสยี แบบเด่ยี ว ข. ระบบท่อไอเสียคู่ ค. ระบบทอ่ ไอเสียแบบสูบละทอ่ ง. ระบบท่อไอเสียแบบ 2 สูบต่อ 1 ท่อ 8. อากาศผสมท่ีสันดาปแล้วเรยี กวา่ อะไร ก. ไอดี ข. ไอเสีย ค. เชือ้ เพลงิ ง. มลพิษ 9. ระบบเช้อื เพลิงจะตอ้ งมีกรองน้�ำมนั เชื้อเพลงิ และตะแกรงกรองเพอื่ ป้องกันอะไร ก. อโลหะ ข. ส่งิ สกปรก ค. อากาศ ง. น้ำ� มนั หลอ่ ลนื่ ตก 10. เครื่องแสดงระดบั นำ�้ มนั เชือ้ เพลิงเป็นเคร่ืองมอื ที่อยู่บนแผงหนา้ ปดั ทำ� หน้าทีอ่ ะไร ก. เตือนลมล้อยางรถยนต ์ ข. เตือนความร้อนจากหม้อน้�ำ ค. เตือนปรมิ าณน�ำ้ มัน ง. เตือนสัญญาณอบุ ตั ิเหตุ ตอนท่ี 4 กจิ กรรมการฝึกทกั ษะ (ใหค้ วามสำ� คัญการท�ำงานเป็นทมี งาน) 1. ใหน้ กั ศกึ ษานับหมายเลข 1, 2, 3, 4 นับหมายเลข 1 มารวมกนั เป็นกลมุ่ ท่ี 1 นับ 2 กล่มุ ท่ี 2 นับ 3 กลุม่ ท่ี 3 นบั 4 กลมุ่ ที่ 4 เลือกหวั หนา้ กลุ่มงานระบบไอดี ไอเสีย และเช้ือเพลงิ ระดบั 3 ประชมุ คณะ ทำ� งาน แบ่งหน้าท่ีและความรบั ผิดชอบ จับฉลากเลือกกจิ กรรมตอ่ ไปนี้ จดั เตรียมสื่อ อปุ กรณ์ ตวั อยา่ ง ที่ ช่วยสนับสนนุ การนำ� เสนอใหเ้ กดิ ความชดั เจนและครบสาระการเรียนรู้ บรหิ ารเวลากลมุ่ ละ 20 นาที น�ำ เสนอดว้ ยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ / แผน่ ใส 1. จัดบอรด์ เชิงปฏบิ ตั ิการ “ระบบไอดี ไอเสยี และเช้ือเพลิง” 2. สนทนาเชงิ ปฏิบตั ิการ “ระบบจา่ ยนำ้� มันเช้ือเพลิง” 3. อภิปราย (Discuss) “เคร่ืองแสดงในระบบเชอ้ื เพลิงเปน็ สิ่ง จำ� เปน็ หรอื ไม่จ�ำเปน็ ” 4. แตล่ ะกลุม่ งานปฏิบัติตามใบงานท่ี 2 “เร่อื งการเปลีย่ นปะเกน็ ฝาวาล์ว”

68 ใบงานที่ 3.1 การเปล่ียนปะเกน็ ฝาครอบล้นิ 3.1ใบงานที่ เรือ่ ง การเปลี่ยนปะเก็นฝาครอบล้ิน จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม เพ่ือให้นกั ศึกษาสามารถเปลย่ี นปะเก็นฝาครอบล้ิน ความรู้เบ้ืองตน้ การตรวจสอบหาต�ำแหน่งของรอยรั่วซึมบริเวณตอนบนของเคร่ืองกระท�ำได้ค่อนข้างยาก เนอ่ื งจากน้�ำมนั ท่ีรั่วซมึ จะไหลยอ้ ยลงมาข้างลา่ งและจะปลิวไปเลอะทกุ ๆ สว่ นภายในห้องเครอ่ื งเนื่องจาก ลมในขณะขับข่ี แต่โดยทั่วไปต�ำแหน่งที่ร่ัวบริเวณตอนบนของเคร่ืองยนต์มักจะเกิดขึ้นท่ีบรเิ วณปะเก็น ฝาครอบลน้ิ การรั่วซึมของปะเกน็ ลิน้ เป็นเรือ่ งปกตสิ ำ� หรบั รถเกา่ ซงึ่ แก้ไขได้โดยการเปลี่ยนปะเก็นใหม่ เครือ่ งมอื และอุปกรณ์ 2. ประแจบล็อก 4. ปะเก็นอะไหล่ 1. ค่มู ือประจำ� รถ 6. ซิลิโคนยางพร้อมปืนยิง 3. ปะแจแรงบิด 5. เกรยี งขดู ปะเกน็ 7. คีม

งานเครื่องยนต์แก๊สโซลนี 69 ขั้นตอนการปฏบิ ัตงิ าน 1. ปล่อยใหเ้ ครือ่ งยนต์เย็นกอ่ นปฏิบตั ิงาน 2. เพอ่ื ความปลอดภัย ใหป้ ลดขว้ั ลบของแบตเตอร่ีออก 3. ใช้คมี ถอดแหวนรดั ท่อลมเปา่ ออก จากนั้นถอดท่อลมออก 4. ถอดสายหวั เทียนออกจากตัวลอ็ ค 5. ใช้ประแจบล็อกคลายสลักเกลียวท่ียึดฝาครอบลิ้นออก ถอดสลกั เกลียวออก 6. ถอดลน้ิ ออก ถ้าตดิ ให้ใชค้ ้อนยางเคาะเบา ๆ อยา่ เคาะแรง เนอ่ื งจากฝาครอบลนิ้ เปน็ อะลมู เิ นยี มอาจเสยี หายได้ ดงึ ปะเกน็ ฝาครอบ ลนิ้ ออก (จะเปน็ ยาง) 7. ทำ� ความสะอาดฝาครอบลิน้ ในอา่ งท�ำความสะอาดตรวจสอบวาล์วดว้ ย 8. ใชผ้ ้าปิดฝาครอบลิน้ ไว้ จากน้ันใช้เกรยี งขดู คราบปะเก็นเกา่ ออกจนหมด เชด็ ดว้ ยน้ำ� ยา ทำ� ความสะอาด

70 ใบงานที่ 3.1 การเปล่ยี นปะเก็นฝาครอบลน้ิ 9. ใส่ปะเกน็ อันใหมล่ งไปในร่องของฝาครอบล้ิน ประกอบ กลบั ไปที่เครื่อง ตรวจสอบขอ้ มลู จากค่มู อื รถถงึ ขนาดของแรงบดิ ทใี่ ช้ ขนั ล้ิน จากน้ันขันด้วยประแจแรงบิดตามค่าดงั กล่าว 10. ประกอบกลบั สายหัวเทียน ทอ่ ลมเป่า และข้วั ลบของ แบตเตอร่ี เดนิ เคร่อื งสักระยะ ตรวจสอบรอยรว่ั อกี คร้ัง คำ� ถามทา้ ยการปฏิบัติงาน 1. สรปุ ข้ันตอนการเปลีย่ นปะเก็นฝาครอบล้นิ 1.1 ……………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 ……………………………………………………………………………………………………………………… 1.3 ……………………………………………………………………………………………………………………… 1.4 ……………………………………………………………………………………………………………………… 2. เหตผุ ลอะไรต้องมกี ารขดู คราบปะเก็นของเดมิ ออก 2.1 …………………………………………………………………………………………………………… 2.2 …………………………………………………………………………………………………………… 2.3 …………………………………………………………………………………………………………… 2.4 …………………………………………………………………………………………………………… สรุปผลและวิจารณก์ ารปฏิบัติ …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………....................

งานเคร่ืองยนตแ์ กส๊ โซลนี 71 ความเหน็ ของครผู ู้สอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………… ครูผสู้ อน ……..…………………………………………… ผคู้ วบคมุ การฝึก ……..…………………………………………… วนั ท่ี / เดอื น / พ.ศ.

4 ระบบจา่ ยน้ำ� มนั เช้อื เพลงิ จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม (Behavioral Objectives) หลงั จากศกึ ษาจบบทเรยี นนี้แล้ว นักศกึ ษาจะมคี วามสามารถดงั น้ี 1. แสดงความรู้เร่ืองระบบจ่ายน�ำ้ มนั เชือ้ เพลิงได้ 2. บอกคณุ สมบัติของน้�ำมันเบนซินได้ 3. ล�ำดับขนั้ ตอนการเผาไหม้ภายในหอ้ งเผาไหม้ 4. วเิ คราะหค์ า่ ออกเทนได้ 5. ระบสุ ่วนประกอบของระบบเชือ้ เพลิงแก๊สโซลีนได้ 6. สรุปชนดิ และหลกั การท�ำงานพ้ืนฐานของคาร์บูเรเตอร์ได้ 7. อธบิ ายหลักการทำ� งานของหัวฉีดเชือ้ เพลงิ ได้

4 ระบบจา่ ยน้�ำมนั เชอ้ื เพลิง ระบบนำ้� มนั เชอื้ เพลงิ เปน็ ระบบทท่ี ำ� หนา้ ทลี่ ำ� เลยี งนำ�้ มนั เขา้ สเู่ ครอื่ งยนต์ ประกอบดว้ ยถงั นำ�้ มนั เช้ือเพลิง กรองนำ�้ มันเชอื้ เพลงิ ปม๊ั นำ้� มนั เช้อื เพลิง และคารบ์ เู รเตอร์หรอื หวั ฉดี ระบบน�้ำมันเช้ือเพลิงแก๊สโซลีน (Gasoline Fuel System) เป็นระบบการป้อนน�้ำมัน เชื้อเพลิงของเครื่องยนต์แก๊สโซลนี ซ่งึ ประกอบด้วย ถังนำ้� มนั (Fuel Tank) ปัม๊ นำ้� มัน (Fuel Pump) และ คารบ์ ูเรเตอร์ (Carburator) หรือหวั ฉดี (Injector) ถ้าเป็นระบบหวั ฉีด เช้ือเพลิงที่บรรจุอยู่ในถังเชื้อเพลิงจะถูกส่งเข้าท่ีคาร์บูเรเตอร์ ผ่านท่อโลหะและท่อยางต่าง ๆ โดยมกี รองเชอ้ื เพลงิ เปน็ ตวั แยกนำ�้ ทราย สง่ิ สกปรก และสารทไี่ มพ่ งึ ปรารถนาออกจากเชอ้ื เพลงิ จากนน้ั คาร์บูเรเตอร์ (ส�ำหรับรถธรรมดา) จะจ่ายส่วนผสมของอากาศและเช้ือเพลิงจ�ำนวนท่ีพอเหมาะให้แก่ เครอ่ื งยนต์ สว่ นจำ� นวนแกส๊ ไฮโดรคารบ์ อนซง่ึ เกดิ ขน้ึ โดยธรรมชาตภิ ายในถงั เชอ้ื เพลงิ จะถกู ลดปรมิ าณลง ด้วยตัวกรองแกส๊ ในเชอ้ื เพลงิ (มีใชเ้ ฉพาะรนุ่ เท่านน้ั ) นำ�้ มนั เบนซนิ ในถงั เชอื้ เพลงิ ไหลเขา้ สกู่ รองเชอื้ เพลงิ โดยผา่ นทอ่ สง่ จากนน้ั นำ้� มนั ทถี่ กู กรองจะถกู ปม๊ั เชื้อเพลิงสูบข้ึนมาเพอ่ื ส่งเขา้ สคู่ าร์บเู รเตอร์ ซึ่งคารบ์ ูเรเตอร์จะคดั สรรเชอื้ เพลงิ และอากาศใหผ้ สมกนั ในอตั ราสว่ นทเ่ี หมาะสม ซง่ึ สว่ นผสมนจ้ี ะระเหยไปบางสว่ นและกลายเปน็ ไอในขณะทไ่ี หลผา่ นทอ่ รว่ มไอดี เข้าสู่กระบอกสบู

74 บทที่ 4 ระบบจ่ายนำ้� มนั เชื้อเพลิง คณุ สมบัตขิ องน�้ำมันเบนซิน นำ้� มนั เบนซนิ เปน็ เชอ้ื เพลงิ ทใี่ ชก้ บั เครอื่ งยนตแ์ กส๊ โซลนี เมอื่ ผา่ นกระบวนการกลน่ั จะตอ้ งปรบั ปรงุ ดว้ ยการผา่ นกระบวนการแปรรปู นำ้� มัน ใหม้ ีคณุ ภาพและคณุ สมบตั ทิ ีเ่ หมาะสม เช่น มคี ุณสมบตั ใิ นการ ป้องกันการน็อค (Knock) ของเคร่อื งยนต์ สตาร์ตตดิ ง่าย มอี ตั ราสว่ นผสมทีพ่ อเหมาะ ระเหยตวั ยากเพอื่ ปอ้ งกันการเกิดเวเปอร์ล็อค (Vapor Lock) เรง่ เครื่องยนตไ์ ดเ้ รยี บอยา่ งสมำ�่ เสมอ และอุน่ เคร่ืองยนตไ์ ด้ อย่างรวดเรว็ เปน็ ต้น สารตัวเตมิ ในน้�ำมนั เบนซินเพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธิภาพของน้ำ� มนั เบนซนิ โดยท่ัวไปมดี ังน้ี 1. สารป้องกนั การน็อค เปน็ สารตะกวั่ [TEL (C2H2)] เพ่ือเพมิ่ ค่าการปอ้ งกันการน็อคใหก้ บั เครอื่ งยนต์ 2. สี เพือ่ เป็นการแยกประเภทของน�้ำมนั วา่ เป็นชนิดธรรมดาหรอื พเิ ศษ 3. สารป้องกนั การรวมตัวของออกซเิ จน เพ่อื ปอ้ งกนั ยางเหนียวรวมตวั กบั ออกซเิ จน 4. สารปอ้ งกนั การกดั กรอ่ น เพอื่ ปอ้ งกนั นำ้� มนั เบนซนิ ละลายโลหะทใี่ ชก้ บั ระบบนำ�้ มนั เชอ้ื เพลงิ เช่น ทองแดง 5. สารหล่อลื่น เปน็ การปอ้ งกันยางเหนียวในระบบไอดี 6. สารป้องกันการเกิดเกล็ดน้�ำแข็ง เป็นการป้องกันการเกิดเกล็ดน�้ำแข็งที่นมหนูหลักใน คาร์บูเรเตอร์ 7. สารปอ้ งกนั การติดไฟเร็วกวา่ ก�ำหนด (Pre - Ignition) การเกดิ เวเปอรล์ อ็ คเกดิ จากการระเหยกลายเปน็ ไอของนำ้� มนั เชอ้ื เพลงิ เนอื่ งจากมคี า่ ออกเทนตำ่� และไดร้ บั ความร้อน ไอระเหยที่เกิดขนึ้ สว่ นมากจะเกิดขนึ้ ระหวา่ งถังนำ้� มนั กบั ป๊มั เช้ือเพลิง จะมลี ักษณะ เปน็ ฟองอากาศ ทำ� ให้น้�ำมันเชอื้ เพลงิ ไหลไม่สมำ่� เสมอและเครือ่ งยนต์เดนิ เบาไม่เรยี บ วิธีแกไ้ ขกระท�ำได้ โดยต่อท่อจ่ายน้�ำมันเช้ือเพลิงให้ติดต้ังอยู่ห่างจากท่อไอเสีย หรือหม้อพักไอเสีย หรือต่อท่อระบาย ท่ีปั๊มเชือ้ เพลงิ เพ่อื ปอ้ งกนั นำ้� มันเช้อื เพลงิ ที่ตกค้างทป่ี ั๊มเกิดการระเหยเป็นไอ การเผาไหม้ การเผาไหมภ้ ายในหอ้ งเผาไหม้ของเคร่ืองยนต์เกิดขน้ึ ในชว่ งระยะเวลาอนั ส้ัน อัตราสว่ นโมเลกลุ ของอากาศต่อนำ�้ มันเชอื้ เพลงิ ทผ่ี สมกนั อย่างถกู ต้องตามทฤษฎี จะอย่ทู ่ีประมาณ 14.7 : 1 โดยออกซเิ จน ทอ่ี ยใู่ นอากาศประมาณ 20% จะรวมตวั กนั กบั เชอื้ เพลงิ ซงึ่ เปน็ สารประกอบประเภทไฮโดรคารบ์ อน (CXHY) สันดาปออกมาเปน็ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์และไอน�ำ้ ดงั สมการเคมี CXHY(g) + O2(g) ⇒ CO2(g) + H2O(g)

งานเครอ่ื งยนต์แกส๊ โซลนี 75 สำ� หรบั การเผาไหมส้ มบรู ณน์ นั้ เมอ่ื สว่ นผสมของไอดถี กู อดั ใหม้ อี ณุ หภมู สิ งู ขน้ึ ในจงั หวะอดั หวั เทยี น จะจุดประกายไฟในจังหวะจุดระเบิด เชื้อเพลิงจะค่อย ๆ ลุกไหม้แผ่ขยายออกไปอย่างช้า ๆ จนสุด ห้องเผาไหม้อีกด้านหนึง่ จึงทำ� ใหเ้ กิดแรงดันเพิ่มข้นึ เร่อื ย ๆ ผลกั ดนั ลกู สบู ให้เคลื่อนทล่ี งในจงั หวะระเบิด ดังรูปท่ี 4.1 สำ� หรบั การเผาไหมท้ ไี่ มส่ มบรู ณน์ นั้ เปน็ สาเหตทุ ำ� ใหเ้ ครอ่ื งยนตเ์ กดิ การนอ็ คขนึ้ ทผ่ี นงั กระบอกสบู และห้องลูกสูบ เนื่องจากแรงดันท่ีสูงขึ้นอย่างรวดเร็วภายในห้องเผาไหม้ สาเหตุการน็อคน้ีเกิดจาก การเผาไหมซ้ �้ำซ้อนกัน แบ่งลักษณะของการเผาไหม้ซ้ำ� ซ้อนน้อี อกเป็น 2 ลกั ษณะ คอื รูปที่ 4.1 การสันดาปทส่ี มบรู ณ์ 1. ดีโทเนชัน (Detonation) เปน็ การนอ็ คท่เี กิดจากการทีเ่ ครื่องยนตม์ ีอตั ราสว่ นการอดั สงู โดยส่วนผสมของไอดที อ่ี ยูต่ รงขา้ มกับหวั เทยี นเกิดการลกุ ไหมข้ น้ึ เอง (Self - Combustion) อยา่ งรวดเร็ว ในขณะท่ีหวั เทียนจุดประกายเผาไหม้ไอดีเชน่ กัน ท�ำให้เกดิ คลนื่ แรงดนั ปะทะกันอยา่ งรนุ แรงข้ึนบรเิ วณ หัวลูกสูบ สาเหตเุ กดิ ข้ึนเนื่องจากการใช้น�้ำมันเชอ้ื เพลงิ ที่มีคา่ ความต้านทานการน็อคทตี่ ำ่� ดังรูปท่ี 4.2

76 บทที่ 4 ระบบจ่ายน้�ำมันเช้อื เพลงิ รูปท่ี 4.2 การเผาไหมท้ ีไ่ ม่สมบรู ณแ์ บบดโี ทเนชัน 2. การชงิ จุด (Pre - Ignition) เป็นการนอ็ คซึง่ เกิดขนึ้ หลงั จากหัวเทียนจุดประกายไฟหรือ เมือ่ ปิดสวิตช์จุดระเบิด เน่ืองมาจากเกิดจุดร้อนแดงข้ึนภายในห้องเผาไหม้ สาเหตุมาจากการเกิดเขม่า หรือการใช้หัวเทียนที่ร้อนจัดเกินไป ความร้อนจากจุดร้อนแดงน้ีท�ำให้เช้ือเพลิงเกิดการลุกไหม้ขึ้น ในจังหวะอดั กอ่ นทีห่ ัวเทียนจะเริ่มจดุ ประกายไฟ ดงั รปู ที่ 4.3 รปู ท่ี 4.3 การเผาไหม้ทไ่ี ม่สมบรู ณแ์ บบการชิงจุด

งานเครอื่ งยนต์แกส๊ โซลนี 77 คา่ ออกเทน คา่ ออกเทน (Octane Number) เปน็ ดชั นที ใี่ ชก้ ำ� หนดคา่ คณุ ภาพของนำ้� มนั เบนซนิ ในการตอ่ ตา้ น การนอ็ คจากการลกุ ไหม้ขึน้ เองของนำ�้ มันเบนซิน ค่าออกเทนทีส่ ูงจะหมายถงึ ความชา้ ของการเผาไหม้ น�ำ้ มันทม่ี คี า่ ออกเทนตำ�่ กวา่ มาตรฐานจะมกี ารเผาไหม้อย่างรวดเร็ว ด้วยเหตนุ ี้ จากองศาการจุด ระเบิดท่ีก�ำหนดไว้ นำ้� มันจะถกู เผาไหม้ไปหมดส้ินก่อนท่ีลูกสูบจะเคลอื่ นขนึ้ ไปจนถงึ จุดสูงสดุ (Top Dead Center) ทำ� ใหเ้ กดิ เปน็ แรงกระแทกผลักลกู สูบกลบั ลงมาสวนทางกับการหมุนข้ึนของลูกสูบ เกดิ เปน็ เสยี ง เคาะท่ีเรียกวา่ เครอื่ งน็อค ให้ได้ยนิ ดงั น้นั การแกไ้ ขสามารถท�ำไดโ้ ดยการเปลยี่ นนำ้� มนั ให้มีคา่ ออกเทน สูงข้ึน เพอื่ เพม่ิ ระยะเวลาการเผาไหม้ หรือปรับต�ำแหนง่ องศาการจุดระเบดิ ใหมโ่ ดยการตง้ั ไฟใหอ้ อ่ นกว่า ปกติ เชน่ เครื่องยนต์ Toyota 2E ถ้าใช้น�ำ้ มันค่าออกเทน 90 จะตงั้ องศาจุดระเบิด 10° กอ่ นศูนยต์ าย บน แตพ่ อใช้น้�ำมนั ค่าออกเทน 85 ตอ้ งตั้งองศาจดุ ระเบดิ ออ่ นลงเปน็ 5° ก่อนศูนยต์ ายบน เปน็ ตน้ การปรบั องศาจุดระเบดิ กระท�ำได้โดยการขยบั ตัวเรือนจานจ่าย ใชห้ ลัก “หมุนตามไฟออ่ นหมุน ยอ้ นไฟแก่” สำ� หรบั รถรนุ่ ใหมท่ ี่ใชร้ ะบบไรจ้ านจ่าย (Distributorless) จะมีตัวน็อคเซน็ เซอรค์ อยตรวจ จบั อาการนอ็ คของเครือ่ งยนต์ ใหม้ ีการปรับองศาไฟจุดระเบดิ อ่อนลงเองโดยอัตโนมัติ น้�ำมันที่มีค่าออกเทนสูงกว่ามาตรฐานจะมีลักษณะการเผาไหม้ท่ีช้าลง ท�ำให้การจุดระเบิดยาว นานขนึ้ โดยอาจจะมาสิน้ สุดตอนท่ลี กู สูบผา่ นจดุ ศนู ย์ตายบน และกำ� ลงั เคล่ือนตัวกลับลงมา ยอ่ มมผี ลกับ การทำ� งานของเคร่อื งยนต์ ท�ำใหม้ ีประสทิ ธภิ าพลดลง ดังนนั้ เม่ือมีการใช้นำ�้ มันเชื้อเพลิง ที่มคี า่ ออกเทน สงู ขนึ้ นั้น แมก้ �ำลังเครอ่ื งยนต์จะดีขึ้นแตก่ ารทำ� งานของเครอ่ื งยนต์จะไม่ค่อยราบเรียบ น้�ำมันเชือ้ เพลงิ ทีด่ ี คือน้ำ� มันทม่ี คี ่าออกเทนเหมาะสมกบั รูปแบบของเคร่อื งยนต์ ซึ่งความแตก ตา่ งในความต้องการของนำ�้ มนั เชื้อเพลิงแต่ละชนิดขน้ึ อย่กู บั ปัจจัยหลายประการ เช่น ก�ำลังอดั และรอบ ของเครื่องยนต์ รูปแบบห้องเผาไหม้ ระบบจ่ายเช้ือเพลิง หรือระบบจุดระเบิด ดังนั้น ควรตรวจสอบ บริษัทผู้ผลิตหรือจากหนังสือคู่มือประจ�ำรถ ถึงระดับค่าออกเทนของน�้ำมันเช้ือเพลิงท่ีใช้ในเคร่ืองยนต์ ประจำ� รถยนต์รนุ่ นั้น ๆ และสงั เกตดปู ฏกิ ิริยาของเครอื่ งยนต์หลงั จากเตมิ นำ้� มนั เชื้อเพลงิ แล้ว ถา้ พบวา่ เครอื่ งยนตน์ ็อคหรอื มีเสยี งน็อคยามหักเล้ียวท่รี อบเครอ่ื งยนตต์ �ำ่ ก�ำลงั เครื่องยนตต์ กต�่ำกว่าเดิม แสดงวา่ ใชน้ ้�ำมันมคี ่าออกเทนตำ่� ไป

78 บทท่ี 4 ระบบจา่ ยน�ำ้ มนั เชือ้ เพลงิ ส่วนประกอบของระบบเชอื้ เพลงิ แกส๊ โซลีน ระบบเชื้อเพลงิ แกส๊ โซลนี จะทำ� หนา้ ท่ีจา่ ยสว่ นผสมของอากาศกบั นำ้� มนั เช้อื เพลิงเข้าภายในหอ้ ง เผาไหมข้ องเครอื่ งยนต์ เพอ่ื ใหเ้ กดิ การเผาไหมแ้ ละกำ� ลงั งาน พรอ้ มทง้ั การปรบั สว่ นผสมของนำ�้ มนั เชอื้ เพลงิ กับอากาศ ให้เหมาะสมกับสภาวะของการท�ำงาน ดังน้ัน ระบบจึงมีช้ินส่วนและอุปกรณ์หลายชนิดที่มี ลักษณะและหน้าที่แตกต่างกนั ไปมารว่ มทำ� งาน น้�ำมันเชื้อเพลิงถูกจ่ายให้กับระบบเช้ือเพลิงของเคร่ืองยนต์แก๊สโซลีนได้ โดยใช้หลักของ แรงโน้มถ่วง (คารบ์ ูเรเตอร)์ และหลกั การของแรงดัน (หัวฉดี ) ส่วนประกอบหลกั ของระบบเชือ้ เพลงิ แสดงไว้ดงั รูปที่ 4.4 รูปท่ี 4.4 สว่ นประกอบของระบบเช้อื เพลงิ 1. ถังน�้ำมนั เชื้อเพลิง ถังเชื้อเพลงิ ดงั รูปท่ี 4.5 ท�ำดว้ ยเหล็กแผน่ อยา่ งบาง ทำ� หนา้ ท่ีเกบ็ นำ�้ มันเชอื้ เพลงิ เพอื่ ใหป้ ๊ัมสบู ขน้ึ ไปจา่ ยใหก้ ับเครือ่ งยนต์ ตำ� แหนง่ ทต่ี ดิ ต้ังจะต้องใหอ้ ยูห่ ่างจากเคร่อื งยนต์ โดยทั่วไปจะอยทู่ ด่ี า้ นลา่ ง หรือดา้ นหลังของรถ เพ่ือปอ้ งกันการรวั่ ของน�้ำมนั ในขณะเกดิ อุบัติเหตทุ างดา้ นหนา้ ของรถ ซง่ึ อาจจะ ท�ำใหเ้ กดิ อคั คภี ัยได้ ภายในถงั จะถกู เคลือบดว้ ยสารชนิดพิเศษป้องกนั สนมิ ตอ้ งมีทอ่ ส�ำหรบั เตมิ น�ำ้ มนั ตดิ ตงั้ อยู่ด้านบนของถัง ถงั เชอื้ เพลงิ มีทอ่ เตมิ เช้ือเพลิง สลกั เกลยี วสำ� หรับถา่ ยเชือ้ เพลงิ และมาตรแจ้งปริมาณเชอื้ เพลงิ ที่ เหลืออยใู่ นถัง ในขณะเดียวกนั ภายในถังเช้อื เพลิงจะแบง่ ออกเปน็ ห้อง เพื่อทำ� หน้าท่เี ป็นตวั ปอ้ งกันนำ�้ มัน กระฉอก ในขณะท่รี ถเรม่ิ เคลอื่ นตวั หรอื หยดุ ทนั ทที นั ใดหรือในขณะที่ขบั รถบนถนนขรขุ ระ ถา้ หากวา่ ถงั เช้อื เพลงิ ไมไ่ ดถ้ ูกแบ่งเปน็ สว่ น ๆ ดังกล่าวแล้ว เชื้อเพลิงจะกระฉอกในถงั เชอ้ื เพลิงทำ� ให้เกิดเสยี งดัง และ อาจจะกระเซ็นออกจากทอ่ เตมิ เช้ือเพลงิ ได้

งานเครอื่ งยนตแ์ กส๊ โซลีน 79 เชอื้ เพลิงถกู ดูดขนึ้ ผ่านท่อส่งเชื้อเพลงิ ซง่ึ ปลายทอ่ ติดต้ังอยู่เหนือส่วนทต่ี �่ำท่สี ดุ ของถงั เช้อื เพลงิ ประมาณ 2 - 3 ซม. เพ่ือป้องกันไม่ให้น้�ำและส่ิงสกปรกอ่ืน ๆ ถูกดูดเข้าท่อส่งปะปนไปกับเชื้อเพลิง ในขณะที่ถังเช้ือเพลิงมีเชื้อเพลิงบรรจุอยู่ไม่เต็ม ถังจะมีปริมาณของอากาศท่ีอยู่เหนือเช้ือเพลิงในถังอยู่ ซง่ึ ความชนื้ ในอากาศจะกล่นั ตวั เป็นหยดน�ำ้ และสะสมอยู่ภายในถงั เชือ้ เพลิง แตเ่ นื่องจากวา่ น�้ำมีน�ำ้ หนัก มากกว่าน�้ำมันเบนซิน น�้ำจึงเร่ิมสะสมอยู่อย่างช้า ๆ ท่ีก้นถัง ซึ่งจะท�ำให้เคร่ืองยนต์เริ่มเกิดปัญหาขึ้น ในเวลาตอ่ มา เพราะวา่ ปรมิ าณนำ�้ เพยี งเลก็ นอ้ ยกจ็ ะทำ� ใหเ้ กดิ สนมิ ขน้ึ ในถงั เชอื้ เพลงิ ได้ ซงึ่ จะทำ� ใหไ้ สก้ รอง และนมหนูในคาร์บเู รเตอรอ์ ุดตัน ดงั นั้น จงึ ควรระวงั ไมค่ วรปลอ่ ยให้มีน้ำ� ปะปนเขา้ สู่ถังเชอ้ื เพลิง และถึง แม้ว่าถังเชื้อเพลิงจะไม่มีเชื้อเพลิงบรรจุอยู่ก็ตาม อันตรายจากการระเบิดอาจจะเกิดข้ึนได้อยู่ เนื่องจาก ยงั คงมไี อของเบนซินปะปนอยู่ในถังเชื้อเพลิง ดงั น้ัน จงึ ไมค่ วรท�ำการเช่ือม ตัด หรอื บดั กรีถงั เช้อื เพลงิ รูปท่ี 4.5 สว่ นประกอบของถังน้�ำมันเชอื้ เพลงิ 2. ป๊ัมนำ้� มันเชือ้ เพลิง เน่อื งจากถังนำ้� มนั ตดิ ตงั้ อยูใ่ นระดับท่ีต่�ำกวา่ คารบ์ ูเรเตอร์ ดงั น้นั ในการเคลอ่ื นยา้ ยของไหลจาก ที่ต�่ำข้ึนไปยังที่สูง จึงต้องมีปั๊มเพ่ือท�ำหน้าท่ีดูดน้�ำมันจากถังน�้ำมันส่งจ่ายให้กับคาร์บูเรเตอร์ ปั๊มน้�ำมัน ท่ีนยิ มใช้มอี ยู่ดว้ ยกัน 2 แบบ คือ 2.1 ปมั๊ เช้อื เพลงิ แบบกลไก (Mechanical Pump) จะท�ำงานโดยอาศัยลูกเบย้ี วท่ีเพลา ลูกเบย้ี วกดกระเด่ืองของปม๊ั ให้แผ่นไดอะแฟรมเคลื่อนตวั ขึน้ และลง เพ่อื ดูดน�้ำมันผา่ นลน้ิ กนั กลบั ท้งั สอง ดังรปู ท่ี 4.6

80 บทท่ี 4 ระบบจ่ายน�ำ้ มนั เชอ้ื เพลงิ รูปท่ี 4.6 ส่วนประกอบของปัม๊ เชอ้ื เพลงิ แบบกลไก 2.2 ป ั ๊ ม น�้ ำ มั น เ ช้ื อ เ พ ลิ ง แ บ บ ไ ฟ ฟ ้ า (Electrical Pump) ป๊ัมแบบนม้ี ขี ้อดีกว่าปมั๊ น้ำ� มนั เช้อื เพลงิ แบบกลไก เนอ่ื งจากสามารถจา่ ยน้ำ� มนั เช้ือเพลงิ ไปยังคาร์บูเรเตอร์ได้อย่างทันทีที่ผู้ใช้เปิดสวิตช์ติด เครื่องยนต์ กระแสไฟฟา้ จากแบตเตอรี่จะควบคมุ การ ท�ำงานของปมั๊ ดังรปู ท่ี 4.7 รูปที่ 4.7 ชุดปั๊มน้�ำมนั แบบไฟฟา้ ปม๊ั เชอ้ื เพลงิ แบบไฟฟา้ ทใี่ ชใ้ นเครอ่ื งยนตท์ ใ่ี ชร้ ะบบฉดี เชอ้ื เพลงิ ดว้ ยอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ มใี ชอ้ ยู่ 2 แบบ คอื ปั๊มเชอ้ื เพลิงแบบโรเตอร์ ดังรปู ที่ 4.8 ตดิ ตัง้ อยูท่ ่ีทางเดินของน�ำ้ มนั เช้อื เพลิง และแบบกงั หนั ดงั รูปท่ี 4.9 ซึง่ จะตดิ ตง้ั อยู่ภายในถงั น้ำ� มนั เชือ้ เพลิง รูปที่ 4.8 ปม๊ั เชื้อเพลิงแบบโรเตอร์

งานเครื่องยนตแ์ ก๊สโซลนี 81 รูปที่ 4.9 ปั๊มเช้ือเพลงิ แบบกงั หัน 3. ท่อสง่ เชื้อเพลงิ นำ้� มันเบนซินถกู สง่ จากถงั เชอ้ื เพลิงไปสูค่ ารบ์ ูเรเตอร์ด้วยท่อสง่ เชื้อเพลงิ ซ่ึงทำ� มาจากทอ่ เหลก็ และท่อยาง ปกติจะวางอยู่ใต้โครงรถหรือพื้นรถ โดยมีแผ่นป้องกันอันตรายจากหินและถนนท่ีขรุขระ ท่อส่งเชื้อเพลิงท้ังหลายท�ำจากสังกะสีแผ่น ท่อเหล็กผสมทองแดง ส่วนของท่อส่งเช้ือเพลิงที่ต่อเข้า เครื่องยนต์จะเป็นท่อยาง 4. กรองเช้ือเพลิง นำ้� มันเบนซินในบางครง้ั จะมีสง่ิ สกปรกและน้ำ� ปะปนอยู่ สง่ิ ปนเป้ือนเหล่านจ้ี ะไปอุดตนั ทอ่ เล็ก ๆ เชน่ นมหนู หัวฉีด ฯลฯ ถ้าหากวา่ สารปะปนเหลา่ น้ีเขา้ สคู่ าร์บูเรเตอร์ ซ่งึ ทำ� ให้เคร่อื งยนต์เดนิ สะดดุ กรองเชอื้ เพลิง ดงั รูปที่ 4.10 จึงถกู ติดต้งั อยูร่ ะหว่างถังเช้อื เพลงิ กบั ปัม๊ เช้อื เพลงิ เพื่อแยกสารแปลกปลอม เหล่านน้ั ออกจากเชอ้ื เพลิง ไส้กรองเบนซินท�ำหนา้ ทลี่ ดความเรว็ ในการไหลของเชอื้ เพลิงและดกั จับนำ้� ทราย และสารแปลก ปลอมซ่ึงหนักกว่าน้�ำมันเบนซิน ส่ิงเหล่านี้จะจมลงสู่ก้นกรองเช้ือเพลิง ส่วนสารแปลกปลอมที่เบากว่า ก็จะถูกกรองโดยไส้กรอง กรองเชื้อเพลิงเป็นอุปกรณ์ท่ีประกอบแบบเบ็ดเสร็จ จึงไม่อาจถอดแยกได้ ต้องเปลี่ยนทั้งชดุ หากพบว่าช�ำรดุ จากถังเช้ือเพลงิ ไปปั๊มเช้อื เพลิง ไสก้ รอง รูปที่ 4.10 กรองเช้ือเพลิง

82 บทท่ี 4 ระบบจ่ายน้�ำมันเชือ้ เพลิง 5. กรองอากาศ ท�ำหน้าที่กรองฝุ่นละอองที่ปะปนอยู่กับอากาศและยังลดเสียงดังของอากาศที่ไหลผ่านเข้า คาร์บเู รเตอร์ รวมท้งั ยังช่วยป้องกนั เปลวไฟย้อนกลับทีเ่ กิดจากการจดุ ระเบิดที่ผดิ พลาด มใี ช้อยู่ 3 แบบ คอื 5.1 กรองอากาศแบบแห้ง จะท�ำด้วยกระดาษ บรรจุไว้ในหม้อกรองอากาศ จะกรองอนภุ าคของฝุน่ ละอองโดย จะให้ตกอยู่รอบๆไส้กรองไส้กรองแบบนี้เม่ือเกิดการอุดตันจะ สามารถท�ำการเปลย่ี นใหมป่ ระมาณ 20,000 กม. หรอื เป่าทำ� ความสะอาดทกุ ๆ 2,500 กม. ดังรปู ท่ี 4.11 รูปท่ี 4.11 กรองอากาศแบบแห้ง 5.2 กรองอากาศแบบเปียก ไสก้ รองจะท�ำ จากเสน้ ใยโลหะทีส่ ามารถอุ้มซับน้ำ� มนั ไวไ้ ด้ ภายในหมอ้ กรองอากาศดา้ นลา่ งจะมีอา่ งนำ้� มนั หล่อล่ืน ฝ่นุ ละออง ท่มี ขี นาดใหญ่จะถูกกักไว้ที่อ่างน�้ำมัน ส่วนฝุ่นละออง ท่ีมีอนุภาคขนาดเล็กจะถูกกักไว้ท่ีไส้กรองที่ถูกชโลมไว้ ด้วยน้�ำมนั ดงั รปู ที่ 4.12 รูปท่ี 4.12 กรองอากาศแบบเปียก 5.3 กรองอากาศแบบไซโคลน ไสก้ รอง ทำ� ดว้ ยกระดาษ ภายในไสก้ รองจะมคี รบี ทำ� ใหอ้ ากาศท่ี ไหลเข้าเกิดการหมุนวน ฝนุ่ ละอองที่มนี ้�ำหนกั มากเม่ือ ถูกแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางจะตกอยู่ในถังเก็บฝุ่นละออง ทอ่ี ยดู่ า้ นลา่ งของกรองอากาศ สว่ นฝนุ่ ผงทอี่ นภุ าคเลก็ จะถกู กรองดว้ ยไสก้ รองอากาศ ทำ� ใหไ้ สก้ รองไม่เกิดการ อดุ ตัน ช่วยลดการบำ� รงุ รักษา ดงั รูปที่ 4.13 รปู ที่ 4.13 กรองอากาศแบบไซโคลน

งานเครื่องยนต์แก๊สโซลนี 83 6. คาร์บเู รเตอร์ มีหนา้ ท่ีจดั สรรนำ้� มนั เชือ้ เพลงิ ใหผ้ สมกับอากาศเพือ่ ให้เป็นไอดี (ไอดี คืออตั ราส่วนผสมระหว่าง น้�ำมันเช้อื เพลิงกบั อากาศซง่ึ มีสถานะเป็นกา๊ ซ) ประจเุ ข้าสู่กระบอกสูบให้ถูกต้องเหมาะสมกับสภาวะการ ทำ� งานของเครื่องยนต์ ดังนั้น อัตราสว่ นผสมของไอดีจึงต้องปรบั เปลี่ยนได้ อัตราส่วนระหว่างอากาศกบั น้�ำมันเชอ้ื เพลงิ ท่เี หมาะสม แสดงไว้ในตารางท ี่ 4.1 ตารางที่ 4.1 อัตราส่วนผสมไอดี รอบการท�ำงาน เดนิ เบา ปานกลาง รอบสงู เร่งรอบ ผลของอตั ราส่วนผสมไอดี 8-12 ต่อ 1 15-17 ต่อ 1 12.5-13 ต่อ 1 11-12 ตอ่ 1 อตั ราส่วนของไอดีทเี่ หมาะสม และทำ� ให้เกดิ การเผาไหมท้ ี่สมบูรณ์ท่ีสดุ สะอาดหมดจดและได้ กา๊ ซไอเสยี ท่ีสะอาดไร้มลภาวะทสี่ ุด คือ อัตราส่วนผสมโดยมวลของอากาศกับน้�ำมนั เช้อื เพลงิ ประมาณ 14.7 - 15.2 ต่อ 1 การเผาไหมจ้ ะสมบูรณท์ ี่สุด โดยไอเสยี ที่ออกมาจะปราศจากกา๊ ซคาร์บอนมอนอกไซด์ และสารประกอบไฮโดรคารบ์ อนเจอื ปน แตจ่ ะไดส้ มรรถนะของเคร่ืองยนต์ประมาณ 90 - 95% เท่านัน้ โดยอตั ราสว่ นผสมไอดสี ภาวะต่าง ๆ ในขณะเครอื่ งยนตท์ �ำงานจะแบง่ เปน็ ช่วง ๆ ดังน้ี การสตาร์ตเครื่องยนต์ส่วนผสมหนากวา่ ปกตแิ ตจ่ ะแปรผนั ตามอณุ หภมู ขิ องอากาศในขณะเวลา นั้น ๆ ดว้ ย อัตราสว่ นผสมจะอยูใ่ นระดบั 4 - 8 ต่อ 1 (โดยมวลของอากาศกบั น้ำ� มัน) อากาศยงิ่ เย็นเครือ่ ง กย็ ง่ิ ตอ้ งการไอดที หี่ นากวา่ ปกติ การท�ำงานของเครอ่ื งยนต์ในรอบเดินเบาเครือ่ งยนตเ์ ดนิ เบาทปี่ ระมาณ600-700รอบต่อนาที อตั ราส่วนของไอดีที่เหมาะสมต่อการท�ำงานในรอบเดินเบาจะอยู่ในระดับ 8 - 12 ต่อ 1 หนากว่าปกติ ในขณะทีเ่ คร่อื งยนตเ์ ดินเบาก๊าซไอเสยี จะมีมลภาวะมากและสิ้นเปลืองน้�ำมันเชื้อเพลิงมาก การทำ� งาน ของเครอื่ งยนตท์ รี่ อบสงู กวา่ เดนิ เบาจนถงึ ประมาณ 3,000 รอบตอ่ นาที อตั ราสว่ นผสมบางกวา่ ปกตเิ ลก็ นอ้ ย 15 - 17 ตอ่ 1 ความประหยดั จึงเป็นส่งิ ท่ีเกิดข้ึนในช่วงความเรว็ รอบนี้ เช่น ความเรว็ คงท่ี 60 - 90 กม./ชม. การทำ� งานในรอบการท�ำงานทีเ่ กนิ กวา่ 2,500 รอบต่อนาที จนถงึ รอบสูงสดุ ในช่วงนม้ี ักจะ ต้องการก�ำลังจากเครือ่ งยนต์เต็มท่ี อัตราสว่ นผสมไอดใี นช่วงความเร็วรอบน้ี จะใช้ประมาณ 12.5 - 13 ต่อ 1 หนากว่าปกติ ไม่ประหยดั แต่ได้สมรรถนะเต็มท่ี การทำ� งานของเครอื่ งยนตเ์ มอื่ ตอ้ งการเพมิ่ ความเรว็ อยา่ งกะทนั หนั เ ชน่ ก ารแซงหรอื หลบหลกี อัตราส่วนผสมไอดที เ่ี หมาะสมประมาณ 11 - 12 ต่อ 1 หนากว่าปกติโดยจะมรี ะบบปั๊มเร่ง

84 บทท่ี 4 ระบบจ่ายน้ำ� มนั เชอ้ื เพลงิ ชนิดและหลกั การทำ� งานพืน้ ฐาน ของคาร์บเู รเตอร์ เมอ่ื เครอ่ื งยนตท์ ำ� งาน ลกู สบู จะดดู สว่ นผสมของไอดผี า่ นคารบ์ เู รเตอรเ์ ขา้ สหู่ อ้ งเผาไหมส้ ญุ ญากาศ ภายในห้องเผาไหม้จะมมี าก ท�ำใหเ้ กิดแรงดันท่แี ตกต่างกันระหว่างแรงดนั ภายในกระบอกสูบและแรงดัน ภายนอกกระบอกสูบ ผลทแ่ี ตกต่างกนั นท้ี �ำใหน้ �ำ้ มันเช้ือเพลิงภายในหอ้ งลูกลอยถูกดดู ผา่ นหัวฉีด (นมหน)ู และเมื่อไดร้ ับแรงดันของอากาศจากภายนอกผา่ นกระทบให้แตกเปน็ ฝอยกระจาย ดงั รูปที่ 4.14 รปู ท่ี 4.14 การแตกเป็นฝอยกระจายของนำ้� มนั เชื้อเพลงิ สาเหตุที่อากาศไหลผ่านเข้าคาร์บูเรเตอร์ได้ อยา่ งรวดเรว็ ไดน้ นั้ เนอื่ งมาจากการออกแบบใหท้ อ่ อากาศ ภายในคาร์บเู รเตอรม์ ลี กั ษณะเปน็ คอคอด (Venturi) เพ่ือ ทำ� ให้เกดิ สญุ ญากาศขึ้นท่ีปลายทอ่ หัวฉดี ดังรูปท่ี 4.15 รูปท่ี 4.15 ต�ำแหน่งความแตกตา่ ง ของคอคอดท่ีเกิดสญุ ญากาศ

งานเครือ่ งยนต์แกส๊ โซลีน 85 คอคอดที่ใช้กับคารบ์ ูเรเตอร์ แบง่ ตามลักษณะการใชง้ านเป็น 2 แบบ คือ 1. คารบ์ เู รเตอรแ์ บบคอคอดคงที่ ขนาดความโตของคอคอดที่ อากาศไหลผ่านจะคงที่ สุญญากาศและปริมาณน�้ำมันที่ฉีดเข้าภายใน กระบอกสูบจะเปล่ียนแปลงไปมากหรือน้อยข้ึนอยู่กับการเปิดปิดของ ลิน้ เร่ง ดงั รปู ท่ี 4.16 อีกทัง้ ยังแบ่งเป็นแบบท่อเดี่ยว ท่อคู่ และแบบดูดลง หรอื ดดู ขา้ ง ดังรปู ท่ี 4.17 และ 4.18 ตามล�ำดบั รปู ที่ 4.16 คอคอดของคาร์บเู รเตอร์แบบความเรว็ คงท่ี รปู ที่ 4.17 คอคอดของคารบ์ ูเรเตอร์แบบดูดลง รปู ที่ 4.18 คอคอดของคารบ์ ูเรเตอรแ์ บบดูดขา้ ง

86 บทท่ี 4 ระบบจ่ายน้�ำมนั เชอื้ เพลงิ 2. คารบ์ เู รเตอรแ์ บบคอคอดเปลย่ี นแปลงได้ การเปดิ ของคอคอดจะเปลย่ี นแปลงไปตามสภาพ ความเร็วรอบของเคร่ืองยนต์ มีทั้งแบบดูดข้าง (แบบเอสยู) และแบบดูดลง (แบบวี) ดังรูปท่ี 4.19 และ 4.20 ตามล�ำดับ รปู ท่ี 4.19 คอคอดของคารบ์ เู รเตอร์แบบดดู ข้าง รูปท่ี 4.20 คารบ์ เู รเตอร์แบบวีดูดลง

งานเคร่ืองยนตแ์ กส๊ โซลีน 87 การท�ำงานของคารบ์ ูเรเตอรค์ อคอดแบบคงท่จี ะถูกแบง่ เปน็ วงจรการทำ� งาน ดงั นี้ 1. วงจรลกู ลอย (Floating Circuit) ทำ� หนา้ ทร่ี กั ษาระดบั นำ้� มนั เชอื้ เพลงิ ในหอ้ งลกู ลอยใหอ้ ยคู่ งทใ่ี นขณะทเี่ ครอื่ งยนตท์ ำ� งาน ถา้ ระดบั สงู เกินไปน�้ำมันเช้ือเพลิงจะถูกปอ้ นเขา้ หวั ฉดี มากท�ำให้ส่วนผสมหนาเกินไป แตถ่ ้าระดบั ตำ่� เกนิ ไป น�ำ้ มัน เช้อื เพลิงเข้าน้อยเกินไปส่วนผสมจะบาง วงจรประกอบดว้ ย ลกู ลอย หอ้ งลูกลอย และเข็มลูกลอย ระดบั นำ้� มนั เช้อื เพลิงในหอ้ งลูกลอยจะถกู ควบคมุ ดว้ ยลูกลอย ดงั รปู ท่ี 4.21 รูปที่ 4.21 การท�ำงานของวงจรลกู ลอย เพ่ือเป็นการป้องกันระดับน�้ำมันเชื้อเพลิงภายในห้องลูกลอยมากเกินไป ระดับน้�ำมันเชื้อเพลิง จะต้องตำ�่ กวา่ หัวฉดี หลกั (นมหนหู ลกั ) ประมาณ 2 - 5 มม. ดงั รปู ท่ี 4.22 รปู ที่ 4.22 ระดบั ความสูงของหัวฉดี หลักที่สูงกวา่ ระดบั น�้ำมนั ในหอ้ งลกู ลอย

88 บทที่ 4 ระบบจา่ ยนำ�้ มนั เช้ือเพลิง 2. วงจรเดนิ เบาและความเรว็ ตำ่� (Idle and Low Speed Circuit) 2.1 วงจรเดินเบา เม่ือวาล์วปีกผีเสื้อปิด หรือเปิดหร่ีเล็กน้อย อากาศปริมาณน้อยจะไหลผ่าน คาร์บูเรเตอร์ สญุ ญากาศทีค่ อคอดเกดิ ข้นึ นอ้ ยมากจนไม่ มีน้�ำมันเชื้อเพลิงออกมาจากหัวฉีดหลักวงจรเดินเบาจะ ท�ำงานดว้ ยสุญญากาศจากท่อรว่ มไอดี ซงึ่ ท�ำหนา้ ทป่ี อ้ น สว่ นผสมในขณะท่ีเครอื่ งยนตเ์ ดินเบา วงจรประกอบด้วย ช่องทางเดนิ ของน�ำ้ มันเชอ้ื เพลงิ และอากาศ ช่องทางเดิน ของอากาศเรียกว่ารูอากาศ(AirBleed)อากาศส่วนน้ีจะ ท�ำให้น้�ำมันเช้ือเพลิงแตกเป็นฝอยไหลผ่านช่องเดินเบา ตรงปลายแหลมของหมุดเกลียวปรับส่วนผสมเดินเบาซ่ึง รูปท่ี 4.23 วงจรเดินเบา อยใู่ ต้ปกี ผเี ส้อื ดงั รปู ท่ี 4.23 2.2 วงจรความเร็วตำ�่ เมอื่ วาลว์ ปีกผเี ส้อื เปิดเพียงเล็กน้อยการเกิดสุญญากาศท่ีคอคอดยัง น้อยอยู่ น้�ำมันเช้ือเพลิงยังไม่จ่ายออกทางหัวฉีด หลกั แต่อากาศก็ผา่ นทางล้ินเรง่ ซึ่งท�ำใหต้ อ้ งการ น้�ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น วงจรเดินเบาไม่สามารถ จ่ายน้�ำมันเช้ือเพลิงได้เพียงพอ จึงต้องมีช่องให้ นำ้� มนั เชอ้ื เพลงิ ออกเพมิ่ ขน้ึ คอื ชอ่ งอตั ราเรว็ ตำ�่ ซึง่ อย่สู ูงกวา่ ขอบลิน้ เร่งเมอ่ื เปิดเล็กนอ้ ย ดังรูปที่ 4.24 ส่วนผสมไอดีขณะเครื่องยนต์เดินเบาหรือ รปู ท่ี 4.24 วงจรความเรว็ ต�ำ่ ความเร็วต�่ำจะหนาประมาณ 8 - 12 ต่อ 1 ท่ี อตั ราสว่ นนี้ การเผาไหมท้ ไี่ มส่ มบรู ณเ์ กดิ ขนึ้ ไดง้ า่ ยและมผี ลตอ่ มลภาวะ ดงั นนั้ จงึ อาจจะปรบั ความหนาบาง ของสว่ นผสมนไ้ี ด้ โดยการปรับท่ลี น้ิ เร่งหรอื ปรบั ที่สกรูปรับอตั ราส่วนผสมเดนิ เบา 3. วงจรความเร็วสูง (High Speed Circuit) 3.1 รอบปานกลาง อัตราสว่ นผสมไอดีประมาณ 16 - 18 ต่อ 1 เมอ่ื วาลว์ ปีกผีเสื้อคอ่ ย ๆ เปิดกวา้ งขน้ึ สญุ ญากาศใตล้ ิ้นเร่งค่อย ๆ ลดลง ในขณะเดยี วกัน สุญญากาศตามบรเิ วณคอคอดก็จะค่อย ๆ สงู ขนึ้ สว่ นผสมทช่ี อ่ งเดนิ เบาจะลดนอ้ ยลงตามลำ� ดบั แตท่ หี่ วั ฉดี หลกั จะเรมิ่ ฉดี นำ�้ มนั และฉดี มากขนึ้ เรอื่ ยๆ ในทีส่ ุดช่องเดนิ เบาจะหยดุ ฉีดน�้ำมันในขณะนีเ้ ครื่องยนตจ์ ะเดนิ ท่คี วามเรว็ หนงึ่ ทล่ี นิ้ เร่งเปิดครง่ึ ๆ ก ลาง ๆ ดังรปู ท่ี 4.25

งานเครือ่ งยนตแ์ กส๊ โซลนี 89 รูปท่ี 4.25 วงจรรอบปานกลาง 3.2 รอบสูง เคร่ืองยนต์เดินท่ีความเร็วสูงสุด ต�ำแหน่งล้ินเร่งเปิดกว้างสุด อากาศจะไหล เขา้ เตม็ ทแี่ ละนำ�้ มนั กจ็ ะออกได้เต็มท่ี หลกั การท�ำงานของหวั ฉดี เชือ้ เพลงิ เคร่ืองยนต์ท่ใี ชค้ ารบ์ ูเรเตอร์แบบธรรมดา ปริมาณนำ�้ มนั ที่ปอ้ นให้กับเคร่อื งยนตถ์ กู ควบคุมด้วย คาร์บเู รเตอร์ สำ� หรบั เคร่อื งยนตส์ มัยใหมท่ ใ่ี ช้ระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (Electronic Fuel Injection, EFI) ปริมาณของเชอ้ื เพลงิ ท่จี ่ายเขา้ สกู่ ระบอกสบู ดว้ ยหัวฉดี จะถูกควบคุมด้วยคอมพวิ เตอร์ ซ่งึ จะควบคมุ ปรมิ าณของเช้ือเพลิงไดอ้ ย่างถูกตอ้ งและแน่นอนกว่า ระบบอเี อฟไอจดั ใหม้ กี ารฉดี เชอ้ื เพลงิ ไดอ้ ยา่ งสงู สดุ ตามอณุ หภมู ขิ องไอดี ความเรว็ รอบเครอื่ งยนต์ อณุ หภมู ขิ องน�ำ้ หล่อเย็น ตำ� แหน่งของล้ินเร่ง การจบั ตวั ของออกซิเจนภายในทอ่ ไอเสีย และสภาวะที่ จ�ำเป็นตา่ ง ๆ คอมพิวเตอร์ของระบบอีเอฟไอ จะควบคุมปริมาณของเชือ้ เพลิงทีถ่ ูกส่งเขา้ สู่เครอ่ื งยนต์ที่ จังหวะการฉีด และอตั ราส่วนของอากาศและเชื้อเพลงิ สูงสดุ ตามพ้นื ฐานการทำ� งานของเครื่องยนต์ ดังนัน้ ระบบอีเอฟไอจึงท�ำให้อัตราส่วนของอากาศและเช้ือเพลิงเป็นไปอย่างสมบูรณ์ในทุกรอบการท�ำงานของ เคร่อื งยนต์ จึงท�ำใหเ้ ชอ้ื เพลงิ ถูกเผาไหม้ได้เต็มประสิทธิภาพสูงสดุ ตวั อยา่ งของระบบอเี อฟไอ ดังรปู ที่ 4.26 ของเครอื่ ง 4A - GE ของโตโยตา้

90 บทที่ 4 ระบบจ่ายน้ำ� มนั เชื้อเพลงิ รปู ที่ 4.26 ระบบ EFI เบ้ืองตน้ ระบบอีเอฟไอถูกออกแบบมาเพือ่ ใชว้ ดั ปรมิ าณของไอดี เพื่อใช้ควบคมุ การฉดี เชือ้ เพลิงได้อย่าง สอดคล้องกนั ปรมิ าณของไอดีจะถกู วัดได้ทัง้ ทางอ้อมด้วยแรงดนั ของอากาศในทอ่ ร่วมไอดี เรยี กวา่ ระบบ อีเอฟไอแบบดี หรือโดยตรงดว้ ยมาตรวัดการไหลของอากาศ เรียกว่า ระบบอเี อฟไอแบบแอล 1. ประเภทของระบบอเี อฟไอ 1.1 ระบบอีเอฟไอแบบดี ดังรูปท่ี 4.27 จะวดั แรงดันของอากาศภายในทอ่ ร่วมไอดี ซ่ึง จากการวัดน้ันท�ำใหท้ ราบปริมาณของอากาศท่ีเข้าส่เู ครอ่ื งยนต์ อย่างไรก็ดี เนื่องจากแรงดนั ของอากาศ และปริมาณของอากาศในท่อรว่ มไอดีไม่เป็นอัตราสว่ นทแ่ี นน่ อน ระบบอเี อฟไอแบบดีจงึ ใหค้ วามแนน่ อน แม่นย�ำต่�ำกว่าระบบอีเอฟไอแบบแอล อเี อฟไอแบบดี ปกติเรยี กว่า “ดี - เจทรอนคิ ” ซ่ึงเปน็ เครื่องหมายการค้าของ บรษิ ัท บ๊อช (Bosch) สญั ลักษณ์ “ด”ี เป็นตวั ยอ่ ในภาษาเยอรมนั ว่า “ดรีค” ซึง่ มีความหมายว่า “แรงดัน” และคำ� วา่ “เจทรอนิค” มคี วามหมายว่า “การฉีดเช้อื เพลงิ ”

งานเคร่ืองยนต์แกส๊ โซลนี 91 รูปที่ 4.27 ระบบอีเอฟไอแบบดี 1.2 ระบบอีเอฟไอแบบแอล ระบบอีเอฟไอ แบบแอล ดงั รปู ที่ 4.28 จะควบคุมด้วยมาตรวัดการไหล ของอากาศโดยจะวัดปริมาณของอากาศที่ไหลผ่านเข้า สทู่ ่อร่วมไอดีโดยตรง เนื่องจากว่ามาตรวดั การไหลของ อากาศนี้ท�ำงานได้อย่างเท่ียงตรง ระบบอีเอฟไอแบบ แอล จงึ สามารถควบคุมปรมิ าณการฉีดเช้อื เพลิงไดอ้ ย่าง แมน่ ยำ� กว่าระบบอเี อฟไอแบบดี อีเอฟไอแบบแอลปกติจะเรยี กว่า “แอล - เจ ทรอนคิ ” ค�ำวา่ “แอล” ยอ่ มาจากค�ำในภาษาเยอรมัน ว่า รปู ที่ 4.28 มาตรวดั การไหลของระบบแอล “ลุฟท”์ ซง่ึ แปลวา่ อากาศ 2. โครงสร้างพนื้ ฐานของระบบอเี อฟไอ ระบบอีเอฟไอประกอบดว้ ยโครงสร้างการทำ� งานอยู่ 3 ส่วน คอื ระบบเชอื้ เพลงิ ระบบอากาศ ไอดี และระบบควบคุมทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ นอกเหนือจากนน้ั ระบบอเี อฟไอยงั ประกอบดว้ ยระบบฉดี เช้อื เพลิงและระบบปรบั ปรงุ การฉดี เชอ้ื เพลงิ ให้ถกู ตอ้ ง รายละเอยี ด ดังรปู ที่ 4.29 ซึ่งเปน็ โครงสร้างพื้นฐาน ของการฉีดเช้ือเพลิงและหน่วยปรับปรงุ การแก้ไขการฉีดเชือ้ เพลงิ

92 บทท่ี 4 ระบบจา่ ยน้�ำมนั เช้อื เพลิง รูปที่ 4.29 โครงสรา้ งการทำ� งานของระบบอเี อฟไอ 2.1 ระบบเช้ือเพลิง เช้ือเพลิงถูกดูดมาจากถังเช้ือเพลิงด้วยปั๊มเชื้อเพลิง และถูกส่งด้วย แรงดันไปยังกรองเช้ือเพลิง เช้ือเพลิงที่ผ่านการกรองจนสะอาดแล้วจะถูกส่งต่อไปยังหัวฉีดและหัวฉีด สตาร์ตเย็น ดังรูปที่ 4.30 แรงดันของเชื้อเพลิงที่อยู่ในท่อเชื้อเพลิงจะถูกควบคุมด้วยตัวควบคุมแรงดัน เชื้อเพลิง น้�ำมันส่วนที่เกินความต้องการจะถูกส่งกลับไปยังถังเชื้อเพลิง โดยทางท่อเช้ือเพลิงไหลกลับ ส่วนการกระเพ่ือมของน้�ำมันที่เกิดจากการฉีดเชื้อเพลิง จะถูกดูดซับไว้ด้วยตัวกันกระเพื่อม เชื้อเพลิง ถูกฉีดเข้าสู่ท่อร่วมไอดดี ้วยหัวฉดี ซึ่งการฉดี นี้จะตอ้ งสอดคล้องกับสญั ญาณการฉีดท่ไี ด้รับจากอีซยี ู หัวฉีด สตาร์ตเย็นจ่ายเช้ือเพลิงให้กับห้องไอดีโดยตรงในขณะที่อากาศเย็น เพ่ือท่ีจะท�ำให้เครื่องยนต์สามารถ สตารต์ ติดไดง้ า่ ยขน้ึ ดงั แผนผังการทำ� งานในรปู ที่ 4.31


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook