พมา่ประวตั ศิ าสตรจ์ านเดยี ว อภชิ ยั อารยะเจรญิ ชัย อาคารสตูดโิ อโซน (หอ้ ง ๒๘๐๕) ซอยลาดพร้าว ๑๐๒ เขตวงั ทองหลาง กรงุ เทพ ๑๐๓๑๐ [email protected] www.facebook.com/janghooman
ประวตั ิศาสตรจ์ านเดยี วอิ่ม ภาพปกหนา้ อภชิ ัย อารยะเจรญิ ชยั สหี สาสนบัลลังก์ เปน็ ท่ปี ระทบั ของ กษัตริย์พม่าเมือ่ ออกว่าราชการ Apichai Arayacharoenchai ตงั้ อยู่ภายใน พระราชวังกมั โพชธานี เผยแพร่ครัง้ แรกท่ี www.ebooks.in.th ท่เี ห็นน้เี ปน็ ของจำ�ลองท่ีกรมศิลป์ ในรูปแบบหนังสอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ พ.ศ. ๒๕๕๗ พมา่ สร้างข้ึนใหม่ อาคารสตูดโิ อโซน (ห้อง ๒๘๐๕) เลขที่ ๑๒๖/๑๔๐ ภาพปกหลงั ซอยลาดพร้าว ๑๐๒ เขตวังทองหลาง กรุงเทพ ๑๐๓๑๐ พระเจดยี ไ์ จ๊กท์ ีโย ตงั้ อยู่ในเขต [email protected] www.facebook.com/janghooman เมืองไจ๊ก์โท รัฐมอญ คนไทยเรยี ก พระธาตุอนิ ทร์แขวน เป็นหนึ่งในห้า ปชู นียสถานที่ส�ำ คญั ของชาวพม่า
ประวตั ศิ าสตรจ์ านเดียว จากผ้เู ขียน สมัยกอ่ นนั้น พมา่ กบั ผมมคี วามใกลช้ ดิ กนั เพยี งแคก่ ารตดิ ต่อสื่อสาร กับแรงงานท้ังหลายที่เข้ามาทำ�งานทำ�ในบา้ นเรา และแค่การเดินทางไปแนวชาย แดนแมส่ ายเพอื่ ไปเทย่ี วเลน่ ตามประสา คร้ังหนง่ึ เคยไปซอ้ื เหล้าฝรง่ั ราคาประหยดั มาหวงั จะได้เมากนั แบบหรูหรา พอเอาเขา้ จรงิ ๆ ผมกับพรรคพวกไดแ้ ต่นง่ั จอ้ ง เหล้าในขวด เกย่ี งกนั วา่ ใครจะลองซดกอ่ น เพราะมขี ่าวว่ามเี หล้านอกปลอมระบาด ที่แม่สาย กก็ ลวั กันวา่ กินแล้วจะตาบอดเสยี เปล่าๆ จำ�ไมไ่ ดแ้ ลว้ สรปุ วา่ วันนัน้ เรา เมากันด้วยเหลา้ อะไร หลังพน้ วยั หนุ่มคะนองมาแล้วผมก็แทบไม่ได้ไปเหยยี บพมา่ อีกเลย จน มาไมน่ านน้ไี ด้โอกาสไปเทยี่ วพม่าแบบไปเทยี่ วจริงจัง จงึ เรมิ่ ต้นด้วยการคน้ คว้า ขอ้ มูลดว้ ยความอยากรอู้ ยากเห็น แต่คน้ ไปคน้ มาชักรสู้ ึกว่ามนั จะมากเกินความ อยากร้ไู ปเสียหนอ่ ย ความรู้เร่อื งพมา่ ของผมมตี ิดตัวเพยี งในแง่ประวัติศาสตร์และ ศลิ ปะท่ีเคยได้ร่ำ�เรยี นมา พอศกึ ษาเพม่ิ เตมิ จึงรูส้ กึ ว่าประเทศนมี้ อี ะไรหลายอย่าง ทท่ี ัง้ คลา้ ยคลึงและตา่ งกับประเทศไทย ขอ้ มูลต่างๆ ทไ่ี ดม้ าจากหนังสือตำ�ราบ้าง บทความวิชาการบา้ ง คำ�บอกเล่าของคนไทยและคนพม่าเองบ้าง รวมๆ กันแล้วก็ พอสมควร คร้นั จะทงิ้ ไวก้ ็เสยี ดาย จึงเรียบเรียงเอาไวเ้ ปน็ บันทึกส่วนตวั แต่เหน็ ว่า พอจะเผยแพร่ได้หากวา่ ใครสนใจจะอ่าน ประวัติศาสตร์พม่ากับไทยน้ันลองถามจากหลายคนเห็นจะจำ�กันอยู่เรื่อง เดียว คือเรอื่ งที่พม่ามาตีเอาไทยเปน็ เมืองขนึ้ ไดถ้ ึงสองหน โดยเฉพาะหนที่สองที่ ทำ�เอาคนไทยเจบ็ ใจไมห่ ายดว้ ยการเผากรงุ ศรอี ยุธยาจนเหลอื แต่ตอ อาจดว้ ยสื่อ ทมี่ มี ากมายที่ยกเอาประเดน็ ชาตินยิ มซง่ึ ใช้ได้ผลในแงข่ องการตลาดมาใช้ ย่งิ ปลกุ กระแสใหค้ นไทยหันมาสนใจพม่ากันอีกรอบ แต่ดันในแงม่ มุ ที่ไมค่ อ่ ยสรา้ งสรรค์ เท่าไหร่ ยง่ิ ในสงั คมข่าวสารทีค่ นไทยส่วนหนงึ่ ยงั เสพกนั อย่างไม่ไตรต่ รองให้ รอบคอบ กใ็ หร้ สู้ ึกวา่ น่าเสียดาย
ประวัติศาสตร์จานเดยี ว เมอื่ กอ่ นเราอาจมองพมา่ อยา่ งดแู คลน แต่ทุกวันน้ีเราจะมองข้ามพมา่ ไม่ได้อกี แล้ว (แตผ่ มเช่อื ว่าคนไทยสว่ นใหญย่ งั ไม่รตู้ วั ) เมือ่ พม่าเปิดประเทศ และมีนโยบายทนั สมยั ขน้ึ พวกเขาจึงฝันถงึ การกลับสู่ต�ำ แหน่งมหาอำ�นาจบน ดินแดนสวุ รรณภูมิน้ีอกี ครง้ั แมพ้ มา่ ยังคงปกครองด้วยรัฐบาลทหาร (โดยส่วน ใหญ)่ แต่การเมืองในพม่าก็มัน่ คงและมแี นวโน้มทีด่ ูดใี นการเป็นประชาธปิ ไตยใน อนาคต นานาชาติตา่ งรุกเขา้ ไปลงทุน ความเจริญในพมา่ กำ�ลงั เบง่ บาน ต่างจาก ประเทศไทยท่ีดูวีแ่ ววแลว้ น่าเปน็ ห่วง ข้อเขียนในหนงั สือเลม่ นม้ี ุ่งเนน้ ไปทเี่ รื่องของประวัติศาสตร์ ซงึ่ ถา้ หากจะ ให้ใสข่ อ้ มูลท้ังหมดทม่ี ลี งไปคงได้หนงั สอื หนาราวสามกก๊ ผมจงึ พยายามคดั กรอง สว่ นที่เห็นวา่ ควรจะรูไ้ ว้ รายละเอียดปลีกย่อยน้นั ผมอยากให้ผอู้ า่ นไดล้ องขบคิด และคน้ คว้าเพ่ิมเตมิ เรื่องประวตั ศิ าสตรน์ ี่อยา่ เพิ่งเช่ือทง้ั หมด เพราะประวตั ิศาสตร์ มกั เขียนโดยผู้ชนะครับ ไม่วา่ จะพม่าเขยี น ไทยเขยี นหรือฝรง่ั เขียน เราก็จะไดข้ ้อมูล ทต่ี า่ งกนั ผมจงึ อยากใหผ้ ู้อา่ นไดล้ องศึกษาเพม่ิ เติมในข้อท่ีสงสัยและพจิ ารณาด้วย ตนเอง ข้อเขียนในแต่ละบทจะมีทง้ั ส่วนทีเ่ ป็นข้อมูลทีไ่ ด้จากการคน้ คว้า และ สว่ นที่เป็นความคิดเหน็ ของผมเองซึ่งผมเช่อื ว่าท่านผู้อ่านจะสามารถแยกแยะออก วา่ สว่ นใดคอื ข้อมลู และสว่ นใดเปน็ ความเหน็ สว่ นตัว หวงั ว่าทา่ นผู้อ่านจะได้สาระประโยชน์จากขอ้ เขยี นของผม และขอนอ้ ม รับขอ้ บกพรอ่ งทุกประการทีป่ รากฏในหนงั สือเลม่ น้ี ในฐานะนกั ประวตั ิศาสตร์ สมัครเลน่ ผมค่อนขา้ งพอใจทีข่ อ้ มูลทอี่ ตุ ส่าห์ศกึ ษามาได้ถกู เรียบเรียงเปน็ ชิน้ เป็น อนั เสียที และผลจากการคน้ คว้าคร้ังนี้กท็ ำ�ให้ผมยงั ร้สู กึ ภมู ใิ จทุกครง้ั ทีร่ ู้ว่าตวั เองได้ เกิดเปน็ คนไทยครับ อภิชยั อารยะเจริญชัย กมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๗ ปล. ดว้ ยความคุ้นเคย ผมจึงขอใช้ค�ำ วา่ “พมา่ ” แทน “เมยี นมาร”์ นะครับ
ประวัตศิ าสตรจ์ านเดียว สารบญั ๑. ยอ้ นรอยพมา่ ยุคเริม่ ต้น ๑ ๒. พกุ ามเรอื งอำ�นาจ ๙ ๓. พม่ากบั มอญ ๒๑ ๔. ตองอรู วมแผ่นดิน ๓๕ ๕. หงสาวดสี ้ินอำ�นาจ ๔๙ ๖. อลองพญามหาราช ๖๓ ๗. เสียทีให้องั กฤษ ๗๕ ๘. เสยี ทรี อบสอง ลางรา้ ยมาเยือน ๘๗ ๙. พม่าเสียเมอื ง ๙๙ ๑๐. พมา่ ในปากสงิ โต (ยคุ แรก) ๑๒๓ ๑๑. พมา่ ในปากสงิ โต (ยุคปฏวิ ัต)ิ ๑๓๗ ๑๒. วนั ท่พี มา่ ตอ้ งยืนด้วยตนเอง ๑๕๓ ๑๓. ประชาธปิ ไตยในพม่าหายไปไหน ๑๖๗ ๑๔. นักโทษทีไ่ มเ่ คยโดดเดีย่ ว ๑๙๕ ๑๕. อนาคตของ ซูจี และอนาคตของ พมา่ ๒๑๓ ๒๒๗ รายพระนามพระมหากษัตรยิ พ์ ม่า ๒๓๓ รายนามผ้นู �ำ พม่า (ภายหลงั ได้รับเอกราช) ๒๓๕ เอกสารอา้ งองิ ๒๔๐ เกี่ยวกับผู้เขยี น
ประวัตศิ าสตรจ์ านเดยี ว
ยอ้ นรอยพม่ายคุ เริ่มต้น บรรดาเพ่อื นบา้ นใกล้เคยี งกับไทย หากไม่นับประเทศลาวท่ี คนไทยชอบตู่เอาเองวา่ เขาเป็นเมอื งนอ้ ง โดยท่เี ราเปน็ บ้านพี่ ทงั้ ที่ไม่ร้ใู จ เขาดว้ ยซำ้�ว่าเขาอยากจะนับญาติกับเราด้วยรึไม่ กเ็ ห็นจะมีประเทศพมา่ นี่ กระมังทส่ี นทิ ชิดเชือ้ กบั คนไทย ท้งั ในฐานะเพ่อื นบา้ นร้ัวตดิ กัน หรือในฐานะ คู่แคน้ สงครามแต่กาลกอ่ น หรือกระทั่งในปัจจบุ ันทค่ี นพมา่ หล่งั ไหลเขา้ มา ทำ�งานในบา้ นเราจนบางท้องท่ีเต็มไปด้วยคนพมา่ จนเรยี กได้ว่าเป็น ลิตเต้ิล เมียนมาร์ กไ็ ด้ พดู ถงึ ชอ่ื เมยี นมาร์ (Myanmar) คนไทยหลายคนยังไมค่ ้นุ สักเทา่ ไหร่ เพราะยงั ติดปากกบั พม่า มาแต่ไหนแต่ไร อย่าวา่ แต่ชาวเรา คนบา้ นเมอื งอ่ืน เขาก็ยังค้นุ กับ เบอรม์ า (Burma) ทใ่ี ช้มานมนาน หนังสอื หรอื แผนทภี่ าษาฝร่ัง บางฉบบั ยังตอ้ งเขียนกำ�กับไวส้ องแบบ คอื แบบเกา่ กบั แบบใหม่ แบบเกา่ ก็ เป็นช่ือตามที่พวกอังกฤษเรียกและใช้กันตั้งแต่สมัยที่เข้ามากินรวบพม่าเม่ือ สมยั ตน้ กรงุ รตั นโกสินทร์โน้น ส่วนชื่อแบบใหม่ก็เปน็ ช่ือทร่ี ฐั บาลพมา่ เขาใช้ กัน นยั ว่าพยายามสลดั ความเป็นอังกฤษออกไปใหห้ มด พาลทำ�เอาวุน่ วาย กันไปทัว่ ว่าเมอื งนั้นเมอื งน้จี ะเรยี กช่อื ว่าอะไรดี แตส่ �ำ หรับคนไทยเราไม่ยาก เอาทค่ี นุ้ กันมาแตเ่ ดิมนัน่ แหละดี ใครจะเปล่ียนยังไงก็ชา่ งเขา ๑
ประวตั ศิ าสตร์จานเดียว คนไทยยงั สนทิ ชิดเช้ือกบั พม่าในทางอน่ื ๆ อกี มาก อย่างเรือ่ งของ การศกึ สงครามในสมัยกอ่ น ถา้ ใครตงั้ ใจเรยี นวิชาประวตั ิศาสตร์เสยี หนอ่ ย นา่ จะพอคุน้ ๆ วา่ สมยั กรุงศรอี ยุธยาเรามักจะมีสงครามกบั พมา่ อยเู่ นืองๆ บ้านเมอื งข้างๆ อยา่ งล้านนา ลา้ นช้าง ขอม นานทปี หี นถึงจะมีเร่ืองกระทบ กนั สักครัง้ สว่ นใหญเ่ รามักจะฟาดฟนั กบั พม่า ถา้ เขาไม่มารบกับเรา เราก็ ออกรบกบั เขา ในหนังสือพงศาวดาร ไทยรบพม่า ของสมเด็จฯ กรมพระยา ด�ำ รงราชานุภาพ ท่านบนั ทึกไว้วา่ ไทยเรารบกบั พม่าถงึ ๔๔ คร้ัง แคย่ คุ กรงุ ศรีอยธุ ยา ๔๐๐ ปีเศษๆ น่กี ป็ าเขา้ ไปต้งั ๒๔ หน แล้วสงสยั กนั บา้ งไหมนีว่ ่า ท�ำ ไมต้องรบกับหนกั หนาด้วยนะสองประเทศน้ี ประเดยี๋ วเอาไว้ว่ากันทหี ลงั ดีกวา่ ครับ เอาเป็นว่าไทยกบั พมา่ สนทิ สนมกันมานาน แต่รู้กนั ไหมวา่ ทเี่ ราเรียกกนั ว่าพม่า หรอื บางทีกเ็ รียก คลอ้ งจองกนั วา่ พมา่ รามัญ เอาเข้าจรงิ แลว้ ใชว่ ่าจะมแี ต่คนพม่าเท่านนั้ พมา่ ก็คือพมา่ แต่รามญั น่เี ขาหมายถงึ พวกมอญ น่ีก็สองชาติเขา้ ใหแ้ ลว้ ความจริง แล้วพม่านน้ั ประกอบไปด้วยผูค้ นหลากหลายเชอ้ื ชาติ แต่ท่เี ด่นๆ เป็นท่ีรูจ้ ัก กเ็ หน็ จะเป็นสองชาตนิ ้ี ผลัดกันขนึ้ ครองอ�ำ นาจ รวมๆ แล้วก็เหมาเอาเสยี วา่ เปน็ ประเทศเดยี วกันไป กเ็ รยี กเอาสะดวกว่าพม่ากแ็ ลว้ กัน ******************** ถ้าเอาหลักฐานทางวิชาการมากางดูจะเห็นว่าแผ่นดินแถบน้ีมีผู้คน อาศัยอยู่มาเน่ินนานจนยากจะสรุปได้ว่าเทือกเถาเหล่ากอท่ีแท้จริงเป็นใคร อย่างคนไทยเรานที่ ุกวันนยี้ ังหาขอ้ สรุปแบบแท้จริงไมไ่ ดเ้ ลยว่ามาจากไหน ท่ี เรยี นกนั มาแตเ่ ด็กน้นั ยงั เปน็ เพียงขอ้ สันนิษฐาน พอจะยดึ เอาทฤษฎีน้ันมา เป็นหลัก กม็ ักจะมีข้อค้านจากอกี ทฤษฎี แย้งกันไปมาจนหาขอ้ สรุปไม่ได้ พม่าน่กี ็เหมอื นกนั กับเรา เขากย็ ังสงสัยกนั ไมห่ ายว่ามาจากไหน ๒
ประวัตศิ าสตร์จานเดยี ว ถ้าจะใหเ้ ริ่มตน้ จรงิ ๆ ก็บอกได้เลยเหมือนกนั วา่ ไม่รู้ ถา้ ใครร้กู ็บอก ดว้ ยวา่ คนพมา่ มาจากไหน แตจ่ ากหลักฐานทป่ี รากฎ ดนิ แดนตรงน้ีท่เี รียกวา่ สวุ รรณภูมิ พบวา่ มคี นอาศัยอยูม่ านมนานกาเลนับหม่นื ปี ตามหลักฐานทาง ประวัตศิ าสตร์ทีม่ กี ารบนั ทึกไว้กล่าวว่า สุวรรณภูมิคือดินแดนกวา้ งใหญอ่ นั อดุ มสมบูรณ์ ต้งั อยฝู่ ่ังตะวนั ออกของอนิ เดีย ซ่ึงก็คือบริเวณเอเชียอาคเนยท์ ี่ เราอาศยั อยู่ ทีว่ า่ สุวรรณภมู หิ รือดนิ แดนทองคำ� อาจหมายความตามตัวได้ ว่าแผ่นดนิ แถบนม้ี ีแร่ทองค�ำ อยมู่ าก หรอื จะเป็นความหมายแฝงหมายถงึ วา่ แผ่นดนิ อันอดุ มสมบูรณ์ ชนชาติแรกที่นับกันว่ารุ่งเรืองก่อนใครบนผืนแผ่นดินบริเวณลุ่ม น�ำ้ สาละวนิ คือ มอญ พวกเขาตงั้ รกรากบรเิ วณตอนใต้ของแผน่ ดินพมา่ ใน ปัจจุบัน แตถ่ ้าจะนับเฉพาะอาณาจกั รแหง่ แรกของชาวพมา่ คืออาณาจักร ตะโกง้ ซ่ึงสันนิษฐานกนั วา่ นา่ จะสืบทอดมาจากอินเดยี ตอนเหนอื หรอื ธเิ บต ชาตพิ ันธุน์ ้ีเรียกว่า พยู แต่เดิมเข้าใจว่าคงจะแยกกันตั้งถิน่ ฐานบ้านใครบา้ น มัน จนกระทั่งตอ่ มาจึงรวมตวั กันจนเปน็ อาณาจักร และกแ็ ผข่ ยายความ รุ่งเรืองจนบางยคุ ก็สามารถยดึ เอามอญเป็นเมืองข้นึ ไดด้ ้วยซำ้� แท้จริงแล้วก่อนหน้านั้นมีกลุ่มชนอยู่มากมายเชียวที่ตั้งรกรากอาศัย อยู่บริเวณแถบน้ี แลว้ ก็มีการรวมตวั กนั ตั้งเปน็ เมอื งอยหู่ ลายแหง่ แตเ่ อา เป็นวา่ จะขอข้ามๆ ไป และมาเร่ิมต้นทอ่ี าณาจักรมอญเสยี เลย ไม่เชน่ น้ันจะ กลายเปน็ ตำ�ราเรยี นชาตพิ ันธ์ุวทิ ยาไปเสียกอ่ น พวกมอญนัน้ เจรญิ มาแตเ่ ก่าก่อนตั้งแตพ่ ุทธศตวรรษท่ี ๒ มีศูนย์ กลางอยทู่ ี่เมืองสะเทมิ เป็นเผ่าพนั ธ์ทุ ่ยี ่ิงใหญ่มาก่อนพม่าหรอื พยูเสยี ด้วยซำ�้ มหี ลักฐานกล่าวไวว้ า่ ราว ๓๐๐ ปี กอ่ นคริสตกาล พระเจา้ อโศกแห่งอินเดียได้ ส่งคณะศาสนทูตมาเผยแผพ่ ทุ ธศาสนาถงึ เมืองสะเทิม มีตำ�นานของมอญเลา่ วา่ มีพอ่ คา้ มอญสองคนไดน้ ำ�พระเกศาธาตุ (เสน้ ผม) ของพระพทุ ธองคจ์ ำ�นวน ๘ เสน้ กลบั มายงั อาณาจักรมอญและไดส้ รา้ งพระเจดยี ์ถวาย ซึง่ ก็คอื เจดีย์ ๓
ประวัตศิ าสตร์จานเดยี ว ชเวดากองนีเ่ อง คำ�ว่า ชเว แปลว่าทอง ค�ำ ว่า ดากอง กน็ ่าจะแผลงมาจาก ตะเกิง หรือ ตะกอง ซง่ึ กค็ อื เมอื งตะเกงิ (ย่างกุง้ ) ถา้ ยึดเอาตามต�ำ นานนกี้ ็ อนุมานเอาได้ว่าอาณาจักรมอญน้ันเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลเลยที เดียว ถึงตรงน้ขี อเตือนกันกอ่ นว่าต�ำ นานของพมา่ และมอญนั้น ส่วนใหญ่ มักจะชอบอิงกับพทุ ธศาสนา คอื ยังไงกต็ ้องเอาศาสนาไปมีเอยี่ วด้วยเสมอ ย่งิ บางตำ�นานก็อา้ งว่าเกิดขึ้นมาสมัยพทุ ธกาล ตำ�นานก็คอื ต�ำ นานนะครบั จะจรงิ หรือไม่จริงประการใดกต็ อ้ งหาหลักฐานทางวิชาการมายันกนั แตถ่ ้า ฟังไว้เปน็ ตำ�นานตามอยา่ งเขาว่าก็พอได้อยู่ สนกุ ดเี หมือนกนั สรุปความได้ว่ามอญน้ันต้ังหลักปักฐานแถวนี้มาตั้งแต่เดิม อาจจะกอ่ นพวกพยูดว้ ยซ้ำ� แล้วก็แผ่ขยายอำ�นาจจนย่งิ ใหญอ่ ยนู่ านทเี ดยี ว แต่มอญกลับไม่ไดส้ รา้ งอาณาจักรเป็นเร่อื งเป็นราว ตา่ งคนตา่ งอยู่เปน็ เมอื ง ต่างๆ ถงึ กระน้ันกย็ งั รวมตัวกนั ในฐานะชาตพิ นั ธ์ุมอญด้วยกนั ก่อนที่พวก พยูจะเร่มิ ตั้งอาณาจักรบ้าง แต่ก็นา่ แปลกท่คี นมอญทเ่ี คยยงิ่ ใหญใ่ นวนั นั้น จะกลายเป็นชนชาตทิ ี่ไรแ้ ผ่นดนิ ในวนั น้ี อนิจจังแท้หนอ มอญยงั คงคมุ ดนิ แดนบรเิ วณปากอา่ วแถวๆ ตอนใต้ของพม่านน่ั ละ่ ขณะท่ีพวกพยูกเ็ ริม่ เขม้ แขง็ ขึ้นเหมอื นกัน ศนู ยก์ ลางของพวกพยูอยทู่ ี่ เมอื งแปร จนราว ค.ศ. ๔๐๐ หรือก่อนพทุ ธกาลเลก็ น้อย พยูก็เร่มิ เบ่งเทียบ เท่ามอญเสียแล้ว แต่ยงั ไมไ่ ด้มีการกลืนกินชาตกิ ันแตอ่ ยา่ งใด ทง้ั สองชนชาติ ก็เปน็ ใหญ่เหนอื แผ่นดินแถบนี้ แลว้ ก็ยงั ลามเขา้ มาทางฝงั่ ตะวนั ออก ลงใต้ เรยี กวา่ ชายฝง่ั ทะเลด้านอันดามนั นน้ั เสรจ็ สองชาตินีห้ มด ต่อมาบรรดาชาวพยกู เ็ ริ่มเขยิบข้ึนไปตอนบนมากข้นึ ส่วนทางมอญ ยังคงยึดถ่ินเดิม ดังน้ันสองชนชาติก็รุกคืบพื้นทีเ่ ขา้ ไปเร่อื ยๆ แลว้ กเ็ ร่ิม ปรากฏชนชาตพิ ม่าขึ้นอย่างเด่นชัด ชนชาติพม่าน้ันถือกำ�เนิดข้ึนเม่ือตอนที่ชาวพยูที่อยู่ด้านบนเร่ิม ๔
ประวัติศาสตร์จานเดียว เส่ือมอำ�นาจประมาณปลายคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๘ จากการทถ่ี ูกอาณาจกั รน่าน เจ้าทอี่ ยู่ด้านบนเร่ิมขยับเขา้ มาเรอ่ื ยๆ และยังแผก่ วา้ งออกไปทางฝ่งั ตะวัน ออก และยงั มีเอยี่ วมาทางตอนใต้ซ่งึ พวกมอญปกั หลกั อยู่ แตถ่ ึงอยา่ งนน้ั มอญก็ยงั คงความเป็นใหญท่ างตอนใตเ้ อาไวไ้ ด้ น่าแปลกท่มี อญท�ำ ไมไม่ตะลยุ ขึ้นไปยึดเอาเมืองของพวกพยู กค็ ง มบี า้ งทข่ี อขยายดนิ แดนเสยี หน่อย แต่มอญก็ไมเ่ คยบกุ ไปไกลเกนิ กว่าพะโค (หงสาวดี) คอื ตอนบนของแมน่ ้ำ�อริ ะวดีน่ีมอญเขาไม่สน สนใจเฉพาะดนิ แดน สามเหลี่ยมปากแมน่ ้ำ� อาจเพราะมนั ดนิ ดีอดุ มสมบูรณ์ เพาะปลูกอะไรกข็ น้ึ อีกท้งั พวกพยูก็แขง็ แกร่ง แถมมอญยังไม่ได้รวมตัวกันเปน็ อาณาจกั รอย่าง ท่เี ล่าไว้ตอนตน้ ครน้ั จะรวมตัวกันเพอ่ื ไปชิงบ้านเมืองอ่นื เขามันกก็ ระไรอยู่ วา่ ใครจะนำ�ใคร มอญจึงพอใจกบั ดินแดนกวา้ งใหญ่ที่ตัวเองครอบครองอยู่ และเจรญิ ร่งุ เรอื งในทกุ ๆ ดา้ น ตั้งแตค่ ริสตศ์ วรรษท่ี ๗-๙ จากความรุ่งเรือง อยา่ งยาวนานนเี้ องทำ�ใหว้ ัฒนธรรมมอญซึมลึกลงไปในดินแดนแถบนี้ ขนาด ทีว่ ่าแม้จะถูกพมา่ กลืนเขา้ ไป แต่วฒั นธรรมของพวกเขากย็ งั คงอยู่ แม้วา่ มอญบนดินแดนพม่าจะไมไ่ ดร้ วมตัวเป็นอาณาจกั ร แต่มอญ ทางฝง่ั ไทยกลบั สร้างอาณาจักรทวาราวดีขนึ้ มาทางลุ่มแมน่ ้ำ�เจา้ พระยา มี เมืองละโวเ้ ปน็ ศนู ยก์ ลาง และยังเจริญรุง่ เรืองสุดๆ เปน็ อาณาจักรที่ยง่ิ ใหญ่ มากบนแผน่ ดินเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ สสู ีกันกับอาณาจกั รขอม ขณะ ท่มี อญทางฝั่งพมา่ กลับรวมตัวกันเขา้ ท�ำ นองเป็น สหพนั ธรฐั มอญ ซง่ึ ก็ เก่งกาจไมย่ ง่ิ หยอ่ นกวา่ กัน สามารถขับไล่พวกพยูให้ร่นขนึ้ ไปจากสามเหล่ยี ม ปากแมน่ ำ�้ และยังตอ่ กรกบั น่านเจา้ ได้อยา่ งทดั เทียม เสยี ตรงทค่ี วามเปน็ สหพันธรฐั ท�ำ ให้รวมตัวกนั ไม่เปน็ ปึกแผ่นเสยี ที จนกลายเปน็ เหตุใหเ้ กิด ความยงุ่ ยากภายหลงั ******************** ๕
ประวัตศิ าสตรจ์ านเดียว ถงึ ตอนนชี้ นชาตพิ ม่าก็เรม่ิ เห็นเป็นรปู เปน็ ร่างมากข้นึ ซ่งึ กถ็ อื กำ�เนิด มาจากพวกพยู พอเวลาผ่านไปนานเข้าก็เริ่มผสมผสานเผา่ พนั ธุ์เข้าด้วยกนั จนเกดิ เปน็ ชนชาตพิ มา่ ข้นึ เพราะทจ่ี ริงแล้วนอกจากพยูแลว้ ก็ยงั มชี นเผา่ เลก็ เผ่าน้อยอ่นื ๆ อาศัยอยรู่ ่วมกนั ด้วย อาณาจักรพยถู กู อาณาจกั รนา่ นเจา้ เข้ารุกราน จนถงึ ราวปลายคริสต ศตวรรษที่ ๙ พยกู ็แตกโดยสมบูรณ์และตกอยภู่ ายใตอ้ าณตั ิของนา่ นเจา้ แต่ ทหารน่านเจา้ กไ็ มไ่ ดร้ ุกรานเข้ามาท�ำ ลายจนเละเทะ เพราะว่าพวกน่านเจ้า ทนอากาศร้อนไม่ไหว ชาวพม่าจึงมีโอกาสทีจ่ ะรวบรวมก�ำ ลังกันใหม่ โดยท่ี พม่ายงั คงปกครองกันเองอยู่ ชาวพมา่ เร่มิ สร้างเมอื งใหแ้ ขง็ แกร่งข้นึ และ ค่อยๆ ฟื้นฟอู ำ�นาจข้ึนมาใหม่อกี ครั้งในสมยั ของพระเจ้าอนุรทุ ธ (พระเจา้ อโนรธามงั ช่อ) โดยมีศนู ย์กลางอยู่ท่เี มืองพุกาม พระเจ้าอนุรุทธ เร่มิ ฟนื้ ฟแู ผน่ ดินพม่าข้ึนมาใหม่ด้วยพระปรีชาด้าน การศึกและการปกครอง ในพงศาวดารทั้งของพมา่ มอญ หรอื ไทย ต่างก็ ยกยอ่ งพระองคใ์ นดา้ นนท้ี ัง้ ส้ิน พระองคเ์ รม่ิ จากการจัดการเร่อื งภายในราช สำ�นกั เสียก่อน โดยหลงั จากที่กวาดเส้ียนหนามภายในจนส้ินแลว้ ก็เริ่มก�ำ ราบ เมอื งเล็กเมอื งนอ้ ยรายรอบ ถงึ ตอนนพี้ ม่ากไ็ ม่ไดอ้ ย่ภู ายใต้ร่มเงาของน่าน เจ้าอกี ต่อไปแล้ว ตรงนี้ผู้เขียนคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่น่านเจ้าคงหมดความสนใจพม่า ไปแลว้ อาจเพราะตดิ พนั กับภยั คุกคามท้งั จากฝง่ั อินเดียและจากจนี จนไม่มี เวลามาใสใ่ จกับพมา่ หรอื ไมก่ ็เพราะน่านเจา้ อาจจะมปี ัญหาภายในของตวั เองอยู่เหมอื นกนั เมอื่ พระเจ้าอนรุ ทุ ธแผ่ขยายอำ�นาจไปกวา้ งไกลมากข้นึ ๆ มอญก็หนี ไมพ่ น้ เง้อื มมอื ของพระองค์เช่นกัน ในตอนน้ันมอญไม่ได้แขง็ แกร่งเหมอื นแต่ เดิมแล้ว เพราะตอ้ งรับมือกับศกึ สองทางคอื พมา่ ทางตอนเหนือและอนิ เดีย ทางทะเล เมอื งสะเทมิ ที่เคยแขง็ แกร่ง ตอนนีแ้ ค่สะกิดนดิ เดยี วกพ็ ร้อมจะแตก ๖
ประวตั ิศาสตร์จานเดียว เป็นร้วิ ๆ แลว้ พระเจ้าอนุรทุ ธนัน้ แมจ้ ะเชย่ี วชาญการศกึ แต่พระองคก์ เ็ ลื่อมใส ศรัทธาในพระพทุ ธศาสนามใิ ช่นอ้ ย พระองค์แอนตีเ้ รอ่ื งการนับถอื ผีสางของ ชาวบา้ นมากทีเดียว และยังไมท่ รงปลมื้ กบั พุทธนกิ ายมหายานสกั เท่าไหร่ แต่ ด้วยพระราชอำ�นาจทำ�ให้พระองค์สามารถลดความเช่ืองมงายของชาวบ้าน ลงได้พอสมควร และยงั น�ำ เอาพุทธแบบเถรวาทเขา้ มาในพม่าจนหย่ังรากลึก จนท�ำ ให้พทุ ธศาสนากลายเป็นศาสนาประจ�ำ ชาตขิ องพมา่ ในท่ีสุด ในตอนน้ันพระองค์เร่มิ เหลม่ าทางมอญแล้ว พระองค์ทรงทราบดี วา่ บดั น้ีมอญเหลอื แตช่ ือ่ จงึ สง่ ราชทตู มายังเมอื งสะเทมิ เพอ่ื ขอพระไตรปิฎก จากพระเจ้ามนหู ะ ตรงน้อี าจพจิ ารณาไดส้ องทางวา่ พระองค์อาจจะตง้ั ใจมา ขอดีๆ เพราะความศรัทธา หรอื มาขอแบบหยง่ั เชิงทำ�นองข่มนดิ ๆ ถ้ามอญ ยอมยกให้กเ็ ทา่ กบั ว่ายอมพม่าไปในที หากไมย่ อมยกให้ก็เป็นการดหู มนิ่ ยงั ไงก็มีแต่เสยี กบั เสีย ขึ้นอยูท่ ่ีวา่ มอญจะเลอื กทางใด เหมือนมัดมอื ชก ขอนอกเร่อื งสักนิดหน่งึ เหตกุ ารณ์ที่พระเจา้ อนรุ ทุ ธสง่ ทูตมาขอ พระไตรปฎิ กจากมอญน้ี ท�ำ ให้นกึ ถึงคราวทพ่ี ระเจ้าบเุ รงนองส่งทตู มาขอชา้ ง เผอื กจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ถา้ มองแง่ดกี ็คอื พระเจ้าบเุ รงนองอุตส่าห์ มาขอชา้ งเผอื กจากเราเพ่ือไปเสริมพระบารมี ดเู หมือนจะอ่อนน้อมในที แต่ ลึกๆ กลับแฝงอบุ ายแยบคาย ก็ถา้ ฝา่ ยไทยยอมยกชา้ งเผือกให้ก็เท่ากับวา่ ย อมพมา่ ถา้ ไม่ยอม พมา่ กห็ าเรื่องมารบจนได้ ข้างไทยเราเองกย็ งั แตกเปน็ สองฝ่าย ฝา่ ยหน่ึงเสนอวา่ กย็ กใหเ้ ขาไปเถอะ เรามีต้ัง ๗ ช้าง ใหไ้ ป ๒ ชา้ งคง ไมเ่ ทา่ ไหร่ ถือเสยี วา่ ผใู้ หญใ่ ห้ผนู้ อ้ ย มองแง่ดไี ปเสยี อกี ฝ่ายกเ็ สนอว่ายอมไม่ ได้ ขนื ยอมยกให้ก็เทา่ กบั วา่ ยอมแพ้พม่า สุดทา้ ยกเ็ ลยรบกันจรงิ ๆ จนเราเอง ทเี่ ป็นฝ่ายขอต้งั โต๊ะเจรจาและตอ้ งเสยี ชา้ งเผอื กให้ไปเพ่มิ เปน็ ๔ ชา้ ง ว่ากัน วา่ เพราะเราแบ่งเป็นสองความคดิ นี่ละ่ กรงุ ศรีฯ ก็เลยแตก เพราะฝ่ายทบี่ อก วา่ ให้ยอมกม็ องวา่ เห็นไหม เชอ่ื กันต้งั แต่แรกก็จบเรื่อง ๗
ประวตั ิศาสตรจ์ านเดียว ในกรณขี องพระเจา้ อนรุ ทุ ธนีเ่ กิดกอ่ นหลายร้อยปี ไม่รู้ว่าพระเจ้า บเุ รงนองไดไ้ อเดยี นมี้ ารเึ ปล่า ฝง่ั มอญนน้ั เลอื กทจ่ี ะไม่ยอม ขอสู้แบบไวล้ าย ดีกวา่ แตต่ อนนั้นลายของมอญจางเต็มทนแลว้ พมา่ ล้อมเมืองสะเทมิ ไวแ้ ค่ สามเดือนก็ปิดเกม อย่าเพิ่งคิดว่าพระเจา้ อนุรทุ ธจะถอื โอกาสถล่มเมืองสะเทิมราบคาบ พระองค์ทราบดีว่าพวกมอญน้ันมีศิลปวิทยาล้ำ�เลิศและทรงช่ืนชมเสมอมา อีกทั้งยังตั้งพระทัยท่ีจะอาศัยพวกมอญนี่ล่ะให้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ชาว พมา่ เพ่อื สรา้ งรากฐานความเจริญแก่อาณาจักร จึงสง่ั ใหเ้ ทครัวชาวมอญ กลับกรงุ พุกาม เมืองสะเทิมทเี่ คยรุ่งเรืองกก็ ลายเป็นเมอื งร้าง ปิดฉากความ ย่งิ ใหญ่ของมอญนับแต่บดั นนั้ ส่วนพระเจา้ มนูหะและบรรดาเสนาอำ�มาตย์ พระองคก์ ็ส่งั ให้จองจำ�แลว้ ขน้ึ รถแห่เปน็ ขบวนเพื่อฉลองชยั ถงึ อย่างน้ันกท็ รง ให้เกียรติเจ้าเมืองสะเทิมโดยโซ่ตรวนท่ีจองจำ�นั้นทำ�มาจากทองคำ�แท้ๆ เปน็ การแสดงใหเ้ ห็นเลยวา่ ไฮโซกันขนาดไหน ไม่รู้วา่ พระเจ้ามนหู ะจะชอบใจหรือเสยี ใจดี เหมือนจะใหเ้ กียรติ แต่ กลับจบั ใสโ่ ซ่ตรวนซะอยา่ งนนั้ ถึงจะท�ำ จากทองค�ำ กเ็ ถอะ อแี บบน้อี ยา่ ใส่ เสยี ดกี ว่า หรือไม่กฆ็ ่าเสียใหพ้ ้นอายจะยังพอรบั ได้ วา่ ไหม ๘
พกุ ามเรอื งอ�ำ นาจ หลงั จากทพี่ ระเจา้ อนรุ ทุ ธจัดการเมืองเลก็ เมอื งนอ้ ย กำ�ราบชน เผา่ อืน่ ๆ ลงได้ รวมถึงเกบ็ มอญที่เป็นจ๊กิ ซอวช์ ิน้ ใหญไ่ ดใ้ นปี พ.ศ. ๑๕๘๗ ก็เท่ากับว่าได้ถือกำ�เนิดอาณาจักรพม่าขึ้นอย่างสมบูรณ์ภายใต้การปกครอง ของราชวงศพ์ กุ าม โดยมเี มอื งพุกามเป็นศนู ยก์ ลาง พระเจา้ อนุรุทธจงึ ได้ชือ่ ว่าเปน็ กษัตรยิ ์พระองค์แรกทรี่ วบรวมพม่ากลายเปน็ ปกึ แผ่นสำ�เรจ็ ในชว่ งทร่ี งุ่ เรอื งสุดขีดน้นั อาณาจักรพกุ ามยิง่ ใหญม่ ากทงั้ ในด้านการ ปกครองและภูมปิ ระเทศ ทางเหนอื จรดนา่ นเจา้ ทางใตจ้ รดมาลายู ตะวนั ตก ตดิ กับยะไข่ ตะวันออกน้นั แผข่ ยายไปจนถงึ อาณาจักรขอม ดังนน้ั ในช่วงพทุ ธ ศตวรรษท่ี ๑๖ แผ่นดินสวุ รรณภูมจิ งึ อยู่ภายใตอ้ �ำ นาจของสองมหาอาณาจักร เทา่ น้นั คอื ขอมและพกุ าม นอกจากความยงิ่ ใหญด่ า้ นการปกครองและการทหาร พทุ ธศาสนาก็ รุ่งเรืองมากในพุกาม มกี ารสร้างพระเจดีย์มากมายในยคุ น้ี และยงั คงเหลือให้ เห็นมาจนถึงปจั จบุ นั พกุ ามนนั้ ไดช้ ่ือว่าเปน็ ดนิ แดนแหง่ พระเจดีย์ ดว้ ยความ เช่อื วา่ สร้างเจดียแ์ ล้วจะได้บุญ จ�ำ นวนของพระเจดยี น์ น้ั มเี ทา่ ไหร่ไมท่ ราบ แน่ชัด ในยคุ พกุ ามเรอื งอำ�นาจนั้นวา่ กันวา่ มีเป็นพันหรอื อาจจะถึงหมืน่ องค์ อาจจะรวมเจดยี ์องคเ์ ลก็ องคน์ อ้ ยเอาไว้หรอื เปล่ากไ็ มท่ ราบได้ ๙
ประวัติศาสตรจ์ านเดียว เอาเป็นว่าในปัจจุบันหากใครไปพุกามก็ยังคงเห็นวิวที่เรียกกันว่า ทะเลเจดีย์ ได้อยู่ ด้วยความทีเ่ จดยี ท์ น่ี ม่ี มี ากเสยี เหลือเกนิ เพราะผู้คนในยคุ อาณาจักรพกุ ามเรืองอำ�นาจน้นั เขานยิ มสรา้ งเจดยี ถ์ วายเปน็ พทุ ธบูชาจรงิ ๆ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความศรทั ธาอันแรงกลา้ แตท่ า้ ยทส่ี ุดแล้วความศรัทธาใน พระพุทธศาสนาก็มีส่วนอยู่เหมือนกันที่ทำ�ให้อาณาจักรพุกามต้องเส่ือมลง อาจไม่ใช่เหตุผลสำ�คัญแต่ก็มีอยู่ล่ะด้วยความท่ีเห็นต่างกันของความเช่ือสอง ดา้ น หลังจากทพ่ี ระเจ้าอนุรุทธปราบพวกมอญจนราบคาบแลว้ อำ�นาจ ของอาณาจกั รพกุ ามกเ็ รม่ิ นบั หนง่ึ เรื่องราวการแผพ่ ระราชอาณาจักรของ พระองคน์ น้ั มบี ันทกึ ไว้แลดูโลดโผนโจนทะยานไม่นอ้ ย คนโบราณเขาก็คงมใี ส่ สกี ันบา้ งเพ่อื ใหม้ นั ดูนา่ ย�ำ เกรง มบี ารมี ประเดี๋ยวผู้คนจะไมศ่ รัทธา แตห่ าก พิจารณากนั ตามจริงกไ็ มใ่ ช่เรอ่ื งแปลก เพราะพระองค์ทรงปฏริ ูประบบ ระเบียบการทหารและการปกครองเสียใหม่หมด นา่ จะนำ�เอาบทเรียนจาก เมอ่ื ครง้ั ท่ีอาณาจักรพยตู อ้ งเสียให้แกน่ า่ นเจ้ามาปรบั ใช้ คือเก็บเอาอดตี มา เปน็ บทเรยี นแกไ้ ขเทา่ นั้นเอง ในสมัยของพระองค์อาจจะกลา่ วได้ว่าเปน็ คร้ังแรกที่มกี ารนำ�เอาช้าง มาออกศึก ต�ำ นานเขาว่าอยา่ งน้ีแตจ่ รงิ ๆ แลว้ นน้ั เป็นอย่างไรกช็ ักไมม่ ัน่ ใจ เพราะขา้ มไปแถบแอฟริกา พวกคาร์เธจ (Carthage) เขากเ็ อาช้างออกรบ เหมือนกนั เทียบปีศกั ราชแล้วกส็ สู ีกนั อยู่ หรือเปน็ ไปได้วา่ จะนับเอาเฉพาะ ดนิ แดนสุวรรณภมู ิ การทพี่ ระองคน์ ำ�ช้างมาร่วมทำ�ศึกนก้ี น็ บั ว่าได้ผลดีไม่นอ้ ย แมว้ ่าจะไมว่ ่องไวคลอ่ งแคลว่ เหมือนมา้ ศึก แต่ลกู ปะทะนัน้ มีมากกวา่ แนน่ อน ก่อนทพี่ ุกามจะเรอื งอำ�นาจ ผคู้ นในดนิ แดนแถบน้ีล้วนแต่นบั ถือ พทุ ธศาสนาควบคู่กบั ความเชื่อเรอื่ งภตู ผิ ี พอพระเจ้าอนรุ ทุ ธครองอ�ำ นาจ พระองค์ทรงหันมาเล่ือมใสนิกายเถรวาทและรังเกียจความเช่ือเร่ืองภูติผี อย่างมาก แตเ่ ร่อื งแบบนจี้ ะมาหา้ มไมใ่ ห้เชื่อกนั คงยาก ยงิ่ เขายินดีทีจ่ ะเช่อื ๑๐
ประวตั ศิ าสตรจ์ านเดยี ว กันแบบนัน้ ด้วยแลว้ แตพ่ ระองคก์ ว็ างนโยบายทีจ่ ะลดความงมงายของ ราษฎรใหไ้ ดม้ ากที่สุด นับว่าเปน็ กษัตรยิ ท์ ่มี ีแนวคิดสมัยใหม่ไมน่ ้อย ******************** คนพม่านับถือผีกันมาช้านานไม่ต่างกับคนไทยหรือคนชาติไหนๆ ในดินแดนสวุ รรณภูมิ อันท่จี รงิ กท็ ั้งโลกก็ว่าได้ ไม่เห็นมีชาตไิ หนไม่มตี ำ�นาน ความเช่ือเรอื่ งภูติผเี สียบ้างเลย แตผ่ ที ี่ชาวพมา่ เขานบั ถอื น่มี ีการจัดระเบยี บ สังคมผเี สียดว้ ย พูดเป็นเลน่ ไป กอ่ นทพ่ี ระเจ้าอนรุ ทุ ธจะมนี โยบายจัดระเบียบสังคมผี คนพมา่ เขา กน็ บั ถือของเขามาแต่ไหนแตไ่ ร มผี ีมากมายให้เคารพบชู ากัน ผขี องพม่าเขา เรยี กวา่ ‘นัต’ หรอื ‘ผีนตั ’ น่าจะมาจากค�ำ วา่ ‘นาถ’ ทแ่ี ปลว่า ผเู้ ป็นที่พ่ึง ผใู้ ห้ ความชว่ ยเหลอื ผูป้ กปอ้ ง ก็คือเคารพบูชาแลว้ จะได้รบั ความคมุ้ ครอง ฟังดู เหมอื นผีมาเฟยี ทะแมง่ ๆ กเ็ อาเปน็ ว่าคนพม่าเขากเ็ คารพของเขา จะบนบาน ขออะไรกม็ าขอเอากบั ผีนัต จนพระเจ้าอนุรุทธรู้สึกวา่ ทา่ จะไมไ่ ด้การเสียแล้ว แตพ่ ระองคก์ ็เข้าใจดีวา่ จะไปหักห้ามเอาเด๋ียวนนั้ คงจะเปน็ เรือ่ ง ใน ช่วงนน้ั พระองค์เพิ่งจะโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ร้างพระมหาเจดยี ์ชเวสกิ องขนึ้ พอดี จึงประกาศรวบรวมบรรดาผีนัตตา่ งๆ ทช่ี าวบ้านนับถอื มาจดั ลำ�ดับชนั้ แล้ว ประกาศว่าพวกผีนัตเหล่าน้อี ยภู่ ายใต้การปกครองของพระอินทร์ ดังน้ันหาก จะเคารพบชู าก็ควรมาเคารพพระอนิ ทร์แทนเสียดกี ว่า ซึง่ จะว่าไปพระอนิ ทร์ นน้ั ดจู ะใกล้ชิดกบั พระพทุ ธศาสนามากกวา่ กนั เยอะ เปน็ การเปลย่ี นฐาน ความเชื่อของชาวบ้านได้อย่างเนียนๆ แบบบวั ไม่ช้�ำ น�ำ้ ไมข่ ุ่น เร่อื งของผีนัตนนั้ ยงั คงได้รบั ความเชื่อจากวันนั้นมาจนถึงวนั นี้ ถา้ พระเจ้าอนรุ ทุ ธทรงทราบคงจะเคืองพระทยั ไม่น้อย อุตสา่ ห์วางแผนเสียดิบดี พวกประชาชนก็ยงั ไม่คลายความเชือ่ เร่อื งแบบน้เี ปลย่ี นกนั ยาก ขนาดยุคที่ ๑๑
ประวัติศาสตร์จานเดยี ว คนออกไปท่องอวกาศกนั แลว้ เขากย็ ังไมค่ ลายความเช่อื เร่อื งพรรณนเ้ี ลย แต่ ผีนตั ทวี่ า่ น้กี ล็ ดจำ�นวนลงและมีระบบระเบยี บกันมากขึ้น ถึงวนั นผ้ี นี ตั ทค่ี น พม่านบั ถอื เหลือเพยี ง ๓๙ ตนเท่านนั้ ที่นบั เปน็ ทางการ ท่วี า่ เปน็ ทางการก็ เพราะน่าจะเป็นการนับจากราชสำ�นักหรอื ท่ีเรยี กวา่ นัตหลวง สว่ นที่ไม่เปน็ ทางการจะมเี ทา่ ไหรก่ ็ไมร่ ูเ้ หมือนกนั แลว้ กไ็ มร่ ูว้ ่าเขาจะมีนบั เพ่มิ กนั รเึ ปลา่ ที่ว่ามีนับเพิ่มเพราะดูเหมือนว่าเขาจะมีเพิ่มจำ�นวนผีนัตกันได้ด้วย แต่ละยคุ สมยั กจ็ ะมีผนี ัตจำ�นวนไม่เทา่ กัน แล้วเขานบั หรือยกย่องกันอย่างไรก็ ไม่ทราบเหมือนกนั ดอู ยา่ งดวงพระวิญญาณของพระเจ้าตะเบงชเวต้ี กษตั ริย์ พม่าผู้ยงิ่ ใหญ่นั่นประไร คนพมา่ กน็ ับถือว่าเปน็ ผีนัตกันซะอยา่ งนัน้ ขนาด กษัตรยิ ์กไ็ มเ่ วน้ นอกจากผนี ตั ระดับกษตั รยิ แ์ ลว้ ผนี ตั ตนอน่ื ๆกล็ ว้ นแต่มยี ศถาบรรดา ศกั ด์กิ ันทั้งน้นั บา้ งก็เป็นเชื้อพระวงศ์ บ้างกเ็ ป็นแมท่ พั นายกอง แตล่ ะตนก็จะ มีอ�ำ นาจตา่ งๆ กัน ใครอยากขอพรแบบไหนกต็ ้องไปไหวผ้ นี ัตให้ถกู ตน ไมง่ ้ัน จะไมส่ มหวงั ไม่ต่างอะไรกับยุคนีเ้ ลย จะขออะไรก็ตอ้ งไปบนบานใหถ้ ูกทถ่ี กู องค์ ดวู ่นุ วายนา่ ปวดหวั เสียจรงิ ๆ ******************** ยังจำ�ตอนที่พระเจ้าอนุรุทธส่งราชทูตไปขอพระไตรปิฎกจากเมือง สะเทมิ ได้ไหม พระองคเ์ อาไมน้ ีก้ ลบั มาใช้อีกคร้งั กบั พวกนา่ นเจ้า หลงั จากท่ี อาณาจักรพุกามเรืองอ�ำ นาจแล้ว พระองคก์ เ็ หลอื บข้ึนไปมองนา่ นเจ้าท่ีอยู่ ด้านบน ต้องไมล่ ืมวา่ แต่เดมิ นน้ั อาณาจกั รของพระองคก์ ็คือดินแดนของชาว พยมู าแตเ่ ดิมกอ่ นทจ่ี ะถกู นา่ นเจ้าตแี ตก เม่อื เป็นใหญ่ข้ึนมาแล้วไฉนพระองค์ จะไม่บกุ ขึน้ ไปเหยยี บนา่ นเจา้ เสยี บา้ ง เปน็ การลา้ งแคน้ ในที แถมยงั ได้ใจชาว พยูทยี่ ังหลงเหลืออยู่อกี ดว้ ย ๑๒
ประวตั ิศาสตรจ์ านเดียว พระองคส์ ่งราชทตู ไปทลู ขอพระเข้ียวแก้วจากน่านเจ้า ในตอนนน้ั ใครจะหาญกล้าส้กู ับพกุ ามละ่ กษัตรยิ ์นา่ นเจา้ ก็อยูใ่ นสถานะเดยี วกับเจา้ เมอื งสะเทมิ เม่อื กาลโนน้ ไมย่ กให้กโ็ ดนบุก ให้ไปก็เท่ากับวา่ เป็นฝ่ายยอม นับดูแล้วยอมเขาเสยี ดีกว่าจะไดไ้ ม่เสียเลอื ดเนอื้ ดงั น้นั พุกามของพระองค์ จึงขยายออกไปถึงดนิ แดนนา่ นเจ้า และยงั ได้รับการสวามภิ กั ด์ิจากพวกไทย ใหญเ่ ปน็ ของแถมอกี ดว้ ย เมอื่ อาณาจักรพุกามแผไ่ พศาลมากขนึ้ พระองคจ์ ึงจำ�เป็นต้องเขม้ งวดในการปกครองมากขนึ้ หลายเทา่ แมจ้ ะอยู่ภายใต้อาณาจักรเดียวกัน แต่ ราษฎรสว่ นใหญย่ งั คงไม่มีความรู้สึกเป็นชาติเดยี วกนั ทุกคนยังรสู้ กึ ว่าฉนั เป็นมอญ ฉนั เป็นพะสมิ ฉันเป็นนา่ นเจา้ ฉนั เปน็ พยู ภาระในการรวมชาติ ของพระองค์จงึ มิใช่แค่เอาชนะสงครามยึดแผน่ ดินมาได้เพียงเท่านนั้ แต่ ตอ้ งรวมใจของคนในอาณาจักรใหเ้ ปน็ หนึง่ เดียว ซงึ่ ที่สดุ แลว้ แม้วา่ พุกามจะ รงุ่ เรอื งอยู่ถงึ สองรอ้ ยกว่าปี ก็ยงั ไมอ่ าจรวมเป็นหน่ึงใจเดยี วกันไดอ้ ยา่ งทีห่ วัง เมอ่ื พุกามแตก แตล่ ะเมอื งก็ต้งั ตนเป็นอสิ ระอีกคร้ังทนั ที นกึ ไปถงึ แผ่นดินจีนของจ๋นิ ซฮี อ่ งเต้ พระองค์อุตสา่ ห์รวบรวม อาณาจักรอันกว้างใหญไ่ พศาลไวไ้ ดใ้ ต้ฝ่าพระบาทแลว้ แท้ๆ แตก่ ไ็ มอ่ าจรวม น�ำ้ ใจราษฎรได้ แม้จะใช้ท้ังพระเดชและพระคณุ แลว้ ก็ตาม เพียงแค่ไมถ่ งึ ชวั่ อายุคนในการครองแผ่นดิน อาณาจกั รฉนิ ของพระองคก์ ็แตกสลาย ก็ขนาด ฉนิ ยงั รวมไม่ได้ พกุ ามจะไปเหลืออะไร ว่ากันว่าพระเจ้าอนุรุทธนั้นทรงปกครองด้วยความเข้มงวดมากจนถึง ขน้ั ที่เรยี กวา่ ดุร้าย ใครผิดกต็ อ้ งโดนดไี มเ่ ป็นเยีย่ งอย่าง ทรงรกั ษาระเบยี บ อยา่ งเครง่ ครัดราวกบั เป็นรัฐทหาร ก็ไม่แปลกส�ำ หรบั บ้านเมอื งทเ่ี ริ่มต้ัง ตวั ดอู ย่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชของไทยเรา หลายคนไม่เคยทราบว่า พระองค์ทรง “ดุ” และเครง่ ระเบียบวินัยมากแคไ่ หน ขนาดสองออกญาท่เี คย รบเคียงบ่าเคียงไหลก่ ับพระราชบดิ า พระองคก์ ส็ ั่งกุดหัวเสียเมอ่ื ท�ำ ผิด ดว้ ย ๑๓
ประวัตศิ าสตรจ์ านเดยี ว เพราะคนไทยอยู่กันเรอ่ื ยเป่อื ยจนเคยตวั ต้งั แต่เปน็ เมอื งข้นึ ของพม่า ถ้าขนื ยงั ทำ�ตัวเหลวไหลไรว้ ินยั ก็เหน็ จะเป็นเอกราชได้ไมน่ าน พระเจา้ อนุรุทธครองพกุ ามอยู่ ๓๓ ปี ก็เสด็จสวรรคต (ชว่ งเวลาท่ี ครองราชย์ พ.ศ. ๑๕๘๗-๑๖๒๐) พระราชโอรสคอื พระเจา้ สอลู ขึ้นครอง ราชยใ์ นชว่ งสนั้ ๆ (พ.ศ. ๑๖๒๐-๑๖๒๗) ก่อนที่ พระเจา้ จนั สิตตา หรอื บาง ตำ�ราเรียกแบบไทยๆ เลยวา่ พระเจา้ ครรชิต จะสถาปนาตนขน้ึ ครองราชย์ แทนในปี พ.ศ. ๑๖๒๗ นัน่ จึงเริ่มเข้าสยู่ ุคทองสดุ ๆ ของพุกาม ******************** การปกครองอาณาจกั รท่กี ว้างใหญน่ ัน้ ผ้ปู กครองต้องมที ั้งอ�ำ นาจ บารมแี ละตอ้ งใชท้ ้งั พระเดชและพระคณุ ควบค่กู นั ไป ตลอดรชั สมยั ของ พระเจ้าจนั สติ ตาไม่ปรากฎว่ามีการกอ่ กบฎข้นึ เลยสักคร้ัง อาจเปน็ เพราะ พระองค์ทรงใช้นโยบายผ่อนปรนและยืดหยุ่นกว่าในสมัยพระเจ้าอนุรุทธ เข้าใจว่าพระองค์คงพอจะคะเนสถานการณ์ออกว่าหากขืนดึงดันไม่ยอมโอน ออ่ นละ่ ก็ อาจะเกิดศกึ ใหญข่ นึ้ มาได้ โดยเฉพาะกับพวกมอญ ในสมยั พกุ ามยุคเรม่ิ ตน้ นน้ั พวกมอญคอ่ นข้างได้รบั การดูแลเป็น อย่างดจี ากพระเจ้าอนรุ ุทธ เพราะพระองคร์ ดู้ วี ่ามอญมีปญั ญา มศี ลิ ปวทิ ยา กรทก่ี า้ วหน้ากว่าชนชาตอิ ืน่ ๆ จึงต้องการใช้ความรู้ของมอญในการสรา้ ง บ้านเมือง เอาแคเ่ รอ่ื งภาษาที่ใชใ้ นอาณาจกั ร ปราชญใ์ นราชสำ�นกั พยายามที่ จะสรา้ งภาษาพม่าข้ึนมาใช้เอง ภาษาพยนู ้ันไม่ตอ้ งพดู ถึง เพราะน่าจะตายไป พรอ้ มกบั อาณาจกั รนู่นแลว้ แม้วา่ ภาษามอญจะใช้กันอย่างกวา้ งขวางแตก่ ย็ งั ไม่นบั เป็นภาษาราชการ ด้วยยงั มีคนทีค่ ดิ ว่าภาษามอญเป็นภาษาของพวก เชลย เป็นภาษาชัน้ ล่าง แตไ่ มใ่ ช่กบั พระเจา้ จนั สิตตา พระองค์ใชภ้ าษามอญ ๑๔
ประวตั ิศาสตรจ์ านเดยี ว ในการบนั ทกึ หรือออกเป็นหนังสอื ราชการทงั้ หลาย ทางหนง่ึ ก็น่าจะเข้าใจกนั ไดส้ ะดวกดี ทางหนง่ึ ก็เปน็ การแสดงให้เห็นถงึ การยอมรับวฒั นธรรมมอญไป ในที แต่ก็ไมไ่ ดล้ ะเลยในการสรา้ งภาษาพม่าเองด้วยเช่นกัน เป็นไปได้ว่าเพราะพระองค์น้ันไม่ได้สืบเช้ือสายกษัตริย์มาตั้งแต่ต้น ดังน้ันการที่จะยอมรับเอาภาษามอญมาใช้จึงไม่ใช่เร่ืองผิดแปลกอะไรสำ�หรับ พระองค์ นอกจากนี้พระองค์ยังได้ทำ�นุบำ�รุงพุทธศาสนาจนเจริญแบบสุดๆ ด้วยนโยบายประนปี ระนอม เน่ืองจากเดมิ นัน้ พวกมอญยงั นับถอื พทุ ธ ศาสนาแบบผสมฮินดู คือยังเช่ือในเร่อื งทวยเทพต่างๆ อยู่ อยา่ งเชน่ พระ วิษณุ พระองคป์ ระกาศตนวา่ เปน็ ภาคหนงึ่ ของพระวษิ ณกุ ย็ ง่ิ ทำ�ให้ชาวมอญ นบั ถอื อีกท้ังเปน็ การบง่ บอกเชิงสญั ลักษณว์ า่ พระวิษณกุ ย็ งั ย�ำ เกรงพระพุทธ องค์ แผนการสรา้ งความสมานฉนั ทข์ องชาวพทุ ธทัง้ สองความเชอื่ จงึ ราบรน่ื ไมม่ สี ะดุด พระมหาเจดียช์ เวสิกองท่พี ระเจ้าอนรุ ุทธทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง มาเสรจ็ สมบูรณ์เอาในสมยั พระเจ้าจันสติ ตาน่ีเอง ภายในน้นั บรรจุพระ เขย้ี วแกว้ ทอ่ี ญั เชญิ มาจากนครลงั กา ก็เทา่ กบั เป็นการประกาศยอมรบั พทุ ธ ศาสนานิกายเถรวาทอยา่ งเตม็ ตัว แล้วยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวดั ขึ้น มากมายภายในอาณาจกั ร จนเรมิ่ เกิดธรรมเนียมเอาอย่างเจ้าข้ึนมา เมื่อเหน็ เจ้าสร้างวัดมาก บรรดาขนุ นางประชาชีก็สร้างวัดเอาอย่างบา้ ง ความนิยมสร้างวัดหรือถวายที่ดินให้วัดน้ันเป็นการส่งเสริมพุทธ ศาสนาใหเ้ ขม้ แข็ง และยังเปน็ การแสดงใหเ้ ห็นถงึ ศรัทธาอยา่ งแรงกลา้ ของ ชาวพุกาม แต่อะไรที่มันมากไปก็มกั จะมปี ญั หาตามมาภายหลัง ซง่ึ ความ นยิ มแบบนก้ี ็เริ่มส่งผลในอีกไม่นาน การท่ีมีอะไรก็ถวายวดั ทั้งเงินทอง ที่ดนิ หรอื ไมก่ ท็ �ำ บญุ ด้วยการ สร้างวดั สร้างเจดยี ์ มากเขา้ ๆ ก็เริม่ ส่งผลกระทบตอ่ เงินคงคลัง กษัตริยเ์ องก็ ๑๕
ประวตั ศิ าสตร์จานเดยี ว นยิ มถวายทีด่ นิ ให้เปน็ ของสงฆ์ ท้องพระคลังก็แทบจะไมม่ ีเงินเข้า มแี ต่เงิน ออก เพราะการเก็บภาษลี ดลงอยา่ งน่าใจหาย ผลผลติ ทางการเกษตรก็ลดลง กเ็ พราะกลายเปน็ ท่วี ดั ไปหมด การค้าการขายก็ไม่เจริญดงั แตก่ ่อน การท่ีเอะอะก็ถวายวัดหมดก็ทำ�ให้เกิดความแตกแยกในสถาบัน ศาสนา กว็ ดั เรม่ิ มอื เตบิ ข้ึน สงสยั วา่ พวกสมีอลัชชนี า่ จะมีมาแต่สมยั โน้น อยา่ งพวกนกิ ายอรัญวาสีทตี่ ้องอยู่ปา่ ก็ไมอ่ ยู่เสยี แลว้ เข้ามาอยวู่ ัดในเมือง สบายกวา่ กันเป็นกอง ขณะทร่ี าษฎรก็ยังคงเล่อื มใสและถวายให้วัดกนั ไมข่ าด สายเหมอื นเดิม แตก่ ารสร้างวดั สร้างเจดีย์เริ่มตดิ ขดั เพราะเร่ืองเงินๆ ทองๆ ประการหนงึ่ แรงงานกด็ ้วยประการหนงึ่ ขนาดกษัตริย์จะสร้างเจดยี ์บ้างกเ็ ร่ิม ล�ำ บากขนึ้ ทุกที หลังจากยุคของพระเจ้าจนั สติ ตา สถาบันกษัตรยิ เ์ รม่ิ เสอ่ื มถอย กษัตริยบ์ างพระองค์เร่ิมประพฤติตนนอกลู่นอกทาง มีความขดั แย้งภายใน ราชส�ำ นกั อทิ ธิพลของอาณาจักรเริม่ ลดนอ้ ยลง วนั เวลาแหง่ ความรุ่งเรืองเริม่ นบั ถอยหลงั ลงทุกที ******************** กองทพั มองโกลนำ�โดย กบุ ไลขา่ น แผ่ขยายอ�ำ นาจจนสามารถพชิ ติ อาณาจกั รซ้องทางภาคเหนอื ได้ และเริม่ กรีฑาทพั ลงมายึดเอาอาณาจกั รใต้ ในปี พ.ศ. ๑๗๙๖ กย็ ึดเอานา่ นเจา้ ไปได้ แลว้ ยงั บุกตะลุยไปถงึ ฮานอย เป้า หมายของมองโกลคือจะยึดเอาอนิ โดจีนทัง้ หมดใหไ้ ด้ ซ่งึ ทางฝ่งั อันดามันน้ัน ยงั ติดอาณาจกั รพุกามทขี่ วางทางอยู่ แมว้ า่ จะเสยี นา่ นเจา้ ไปแล้วแต่กษัตรยิ พ์ มา่ กย็ งั น่งิ เฉย จนมองโกล สง่ ราชทตู ลงมาเพ่ือเรียกร้องบรรณาการ ถ้าจะให้เดาก็คิดว่ามองโกลเอง ก็อาจจะใช้กลวิธีเดียวกับที่พม่าเคยใช้ตอนท่ีไปขอพระไตรปิฎกกับพระ ๑๖
ประวัตศิ าสตร์จานเดยี ว เข้ยี วแก้ว พุกามตอนนัน้ ไม่ไดเ้ กรยี งไกรดังแตก่ อ่ น แต่มองโกลเองก็ไมก่ ลา้ ผลผี ลามตะลยุ ลงมาตี เพราะพุกามยังคงมเี ขย้ี วเลบ็ อยู่บ้าง ท่สี ำ�คญั คือเรอื่ ง ของสภาพภูมิอากาศทีร่ ้อนชืน้ พวกนา่ นเจา้ เองในสมัยกอ่ นก็ยังไมก่ ล้าลงมา ทำ�ศกึ ยืดเยือ้ กษัตริยพ์ ม่าในตอนนั้นคอื พระเจา้ นรสหี บดี ทรงทราบความ ประสงคข์ องมองโกลก็ทรงกริ้วนัก ส่ังประหารคณะทตู ท้งั หมด การกระทำ�ของพระองคใ์ ช่ว่าจะไม่มเี หตุผล แม้ว่ากองทพั พมา่ จะไม่ ไดเ้ ข้มแขง็ เหมือนกอ่ นแตก่ ็ไมใ่ ชก่ องทัพขไ้ี ก่ การยอมมองโกลก็เทา่ กบั ยอม เป็นเมอื งขึ้น แล้วหวั เมอื งทางปากอ่าวกต็ อ้ งเสรจ็ มองโกลแน่ๆ ยงั ไม่รวม ถึงอาณาจักรไทยทางฝัง่ ตะวนั ออก การทีพ่ มา่ ทำ�เชน่ นก้ี ็นับเปน็ การชว่ ยมิ ใหม้ องโกลบุกลงมาไดง้ า่ ยดาย ยอมเปน็ กนั ชนให้ขนาดน้ีตอ้ งนบั วา่ ทรงกลา้ หาญไม่นอ้ ยทเี ดียว ในชว่ งแรกๆ ยงั คงเป็นโชคดขี องพมา่ ท่ีมองโกลมวั แตว่ นุ่ วายกบั การจดั ระเบียบอาณาจกั รซอ้ งทีเ่ พิ่งยึดได้ รวมถึงเมอื งเล็กเมืองน้อยอ่นื ๆ จึงยังพกั เร่อื งพกุ ามเอาไวก้ อ่ น เมื่อมองโกลไม่บุกลงมา พม่าก็บกุ ขน้ึ ไปเสยี เอง โดยรกุ เขา้ ตเี มืองกองไกซึ่งขณะนั้นตกเป็นของมองโกลไปแลว้ อีกทง้ั ยงั เป็นการแสดงแสนยานุภาพว่าพม่ายังมีคงไฟอยู่ แตด่ ูเหมือนไฟของพมา่ คง ไมแ่ รงพอ เพราะขณะทีร่ บติดพันอยู่ทางด้านเหนือ พวกมอญทางฝัง่ ใต้ก็เร่ิม แข็งเมอื งบ้างแล้ว การรบทางตอนเหนอื น้ันจบลงด้วยความปราชัยของทัพพม่า ท่ถี ูก ทัพมองโลกซ่ึงร่วมมือกบั พวกไทยใหญ่ไล่ตีจนแตกกระเจิง แตท่ ัพมองโกลก็ ไมไ่ ด้รกุ คืบลงมาถึงพุกาม เพราะสภาพอากาศทเี่ ปน็ อปุ สรรคใหญ่ มองโกล สง่ คณะทูตมายงั พกุ ามอีกรอบหวงั ให้ยอมแพ้เสียโดยดี แตก่ ไ็ มม่ ีสัญญาณ ตอบรบั จากพระเจา้ นรสหี บดี ทัพมองโกลจงึ ถอื เปน็ ขอ้ อา้ งเข้าตีเมืองตะโก้ง แล้วกป็ ระกาศว่าพ้นื ท่ีตอนเหนือของลมุ่ น้�ำ อิระวดีเป็นของมองโกลแลว้ เรื่องของสภาพภูมิอากาศอันเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำ�ให้ทัพมองโกล ๑๗
ประวตั ศิ าสตร์จานเดียว หรอื นา่ นเจ้าหยดุ แคแ่ นวรบดา้ นเหนือ ไม่ตลี งมาถงึ เมอื งพุกาม นอกจาก ความรอ้ นช้นื ท่ไี มค่ ุ้นเคยแลว้ สง่ิ ทน่ี า่ จะตามมาก็คือโรคระบาด ชาวมองโกล ไม่ชอบอากาศรอ้ นชืน้ เป็นทุนเดมิ เมื่อมาท�ำ ศึกสงครามก็อย่านึกวา่ จะมี ระบบสาธารณสขุ ท่ีเลศิ หรู ชาวเหนอื เมอ่ื เจอร้อนเข้าหน่อยก็อาจจะป่วย เอางา่ ยๆ เช้อื โรคจงึ แพรก่ ระจายอย่างรวดเรว็ ซ่งึ อาจจะมผี ลท�ำ ใหม้ องโกล คร้านท่จี ะบุกลงมาในตอนน้ัน ไม่นานนกั พระเจา้ นรสีหบดกี เ็ สดจ็ สวรรคต กษตั ริยพ์ ระองคใ์ หมค่ อื พระเจา้ กยอชวา กไ็ มไ่ ด้เขม้ แขง็ อะไรนกั ในบางชว่ งยงั ตอ้ งยอมไปพึ่งพวก ไทยใหญเ่ สยี ดว้ ยซ้�ำ เพราะกองทพั พม่านัน้ แทบไม่มีเหลือแลว้ ขณะที่พวก ไทยใหญก่ �ำ ลงั เขม้ แข็งขึ้นทกุ ทีๆ สดุ ทา้ ยแล้วพระราชอ�ำ นาจของกษตั รยิ ์พม่ากเ็ หลอื แคใ่ นนาม พระ เจ้ากยอชวา ทรงเปน็ เหมือนหนุ่ เชิดทน่ี ง่ั อยบู่ นบัลลังกต์ ามค�ำ สง่ั ของมองโกล พุกามยังคงมีกษตั รยิ ์สบื เนอ่ื งมาอีกหนง่ึ พระองค์ จนสิ้นสุดราชวงศ์พุกาม อย่างเปน็ ทางการในปี พ.ศ. ๑๘๕๕ นบั อายุจากยคุ ท่ีพระเจ้าอนรุ ทุ ธทรง สถาปนาอาณาจกั รจนถึงวันส้ินสดุ น้นั รวมได้ ๒๖๘ ปี ๑๘
ประวตั ศิ าสตรจ์ านเดยี ว เจดีย์ชเวสิกอง (ภาพจาก www.buckettripper.com) ๑๙
ประวตั ศิ าสตรจ์ านเดียว นครอมรปุระ ราวปี พ.ศ. ๒๓๙๗ (ภาพจาก Getty Images) นครอมรปุระ ราวปี พ.ศ. ๒๓๙๘ (ภาพจาก http://www.luminous-lint.com) ๒๐
พม่ากับมอญ ภายหลังการสิ้นสุดราชวงศ์พุกามหรือถ้าจะให้ชัดเจนก็น่าจะ ก่อนสิ้นราชวงศด์ ว้ ยซ�้ำ ชาวพม่าก็เริม่ แตกออกเปน็ กลมุ่ ๆ ตา่ งเร่ิมต้ังตัวเป็น อิสระกันต้งั แต่พกุ ามยงั ไม่แตกดี แมร้ าชส�ำ นักจะทราบเร่อื งแต่ก็ทำ�อะไรไมไ่ ด้ ดว้ ยติดศึกกับพวกมองโกล หรอื ต่อใหไ้ มม่ กี ็ไมแ่ นว่ ่าจะก�ำ ราบพวกทีแ่ ข็งเมอื ง ลงได้ เพราะในช่วงนั้นกองทัพพกุ ามเหลอื แตช่ ่อื จรงิ ๆ ชว่ งรอยต่อน้ีเองไดเ้ กดิ กลมุ่ อ�ำ นาจใหม่ขึ้น ท่ีเห็นเดน่ ชดั มอี ยู่สอง กลุม่ คือเมืองปนิ ยาแหง่ หนึง่ และเมอื งสะแคงอีกแห่งหนึง่ ท้ังสองเมอื งนั้น ครอบครองโดยกษัตริยเ์ ชื้อสายไทยใหญ่ แตก่ เ็ จริญรงุ่ เรอื งมาได้ราว ๕๐ ปี เศษ ก็ล่มสลายลง ราชวงศ์ไทยใหญ่ส่วนหน่ึงยังคงครองอำ�นาจและตั้งตัวเป็นใหญ่ข้ึน โดยมีเมืององั วะเปน็ ศูนย์กลาง มี พระเจ้าทาโดมินพญา เป็นปฐมกษัตริย์ พระองค์ปรารถนาจะรวบรวมพม่าให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้งเหมือนในสมัย พระเจา้ อนุรุทธ โดยเรม่ิ จดั ระเบยี บกฎหมายเสียใหมร่ วมถงึ ระเบียบวนิ ยั ของ สงฆด์ ว้ ย หลังจากทีใ่ นชว่ งปลายของอาณาจักรพุกามนัน้ พทุ ธศาสนาเกดิ ความวนุ่ วายขึน้ จากคณะสงฆท์ แ่ี ตกแยกกัน นอกจากนี้พระองคย์ งั เร่มิ วาง นโยบายรวมชาตดิ ว้ ยการเขา้ ยดึ เมืองตองอูไดเ้ ปน็ ผลส�ำ เรจ็ ๒๑
ประวตั ิศาสตรจ์ านเดียว นา่ เสยี ดายทีพ่ ระเจ้าทาโดมนิ พญาครองบัลลังก์ไดเ้ พยี ง ๔ ปี ก็ เสด็จสวรรคต แต่เนื่องจากพระองค์ไมม่ ีรัชทายาท บรรดาเสนาบดีทัง้ หลาย จงึ พากนั เชิญเจ้านายฝ่ายไทยใหญพ่ ระองค์หน่งึ ขึน้ เปน็ กษัตริย์ ทรงพระนาม พระเจ้าสวาสอแก พระองคพ์ ยายามด�ำ เนินตามนโยบายรวมประเทศของ พระเจา้ ทาโดมนิ พญา แต่ติดอุปสรรคคือพวกไทยใหญ่ทย่ี งั เขม้ แข็งอย่ทู าง เหนือ สว่ นทางใต้กม็ ีเมืองพะโค หรอื หงสาวดี ซ่ึงเป็นของพวกมอญขวาง ทางอยู่ แต่เม่อื ไตร่ตรองแล้วพระองค์ได้ปรับเปล่ียนนโยบายใหม่ โดย ด�ำ เนนิ การทางการทตู เพ่อื สมานฉนั ทก์ บั หงสาวดี ซึ่งในตอนนั้นอยู่ในรัชสมยั ของ พระเจ้าพินยาอู่ หรอื ที่ในหนังสือ ราชาธิราช ฉบับเจา้ พระยาพระคลัง (หน) เรียก พระเจา้ อู่ ทั้งสองฝ่ายต่างยินดจี บั มือกันเป็นมิตรประเทศ หลัง จากนั้นสถานะของพระเจ้าสวาสอแกก็เร่ิมมั่นคงและได้รับการยอมรับมาก ขึน้ ถงึ ขนาดทเี่ มอื งยะไข่ได้ส่งราชทูตมาทลู ขอให้พระราชวงศ์พระองค์ใด พระองคห์ น่ึงไปครองเมืองหลังจากที่เจ้าเมอื งยะไขส่ วรรคต นบั เปน็ การยอม ศโิ รราบแบบสมยอม ทำ�ให้พระองคค์ ลายกงั วลเร่ืองชายแดนฝ่ังใตแ้ ละตะวัน ตก ขณะเดียวกันก็ยังรับคณะทูตจากเชียงใหม่เพ่ือสร้างความสัมพันธ์ อนั ดกี บั ดนิ แดนฝงั่ ตะวนั ออก แลว้ คอยสงั เกตการณ์ความเคลื่อนไหวของ หัวเมืองทางเหนือซ่งึ ขณะน้นั มองโกลเรมิ่ เสื่อมอ�ำ นาจลงเร่ือยๆ จากการ ทำ�สงครามกบั ราชวงศห์ มงิ ในมณฑลยนู าน โดยภาพรวมแล้วนับวา่ องั วะมี อำ�นาจมากทีเดยี วในยุคของพระเจ้าสวาสอแก ภายในนครอังวะเองน้นั ก็เรม่ิ แขง็ แกรง่ ขึน้ กวา่ แต่ก่อนมาก หลงั จาก ท่ีพกุ ามแตกแล้วก็มีเมืองตา่ งๆ ขึ้นมากุมอ�ำ นาจเอาไว้แต่กเ็ พียงระยะสน้ั ๆ ตา่ งจากเมืององั วะทเ่ี รมิ่ ต้นโดยพระเจ้าทาโดมินพญา แล้วมารุ่งเรืองเอาใน สมัยพระเจ้าสวาสอแก พระองคค์ รองอำ�นาจอยนู่ านถงึ ๓๓ ปี ในชว่ งน้ไี ด้ ๒๒
ประวัตศิ าสตร์จานเดียว ทรงขยายอำ�นาจทางการทหาร ขยายดนิ แดนเพ่ิมข้นึ และทรงทำ�นบุ �ำ รงุ อาณาประชาราษฎร์ ปรับปรุงระบบคมนาคม การชลประทาน ศาสนา ฯลฯ เรียกได้ว่าทรงเริ่มสร้างประเทศข้ึนมาใหม่โดยมีปณิธานรวมพม่าให้เป็นหน่ึง เหมอื นในสมัยพระเจ้าอนุรทุ ธ ภายหลงั ที่พระเจา้ สวาสอแกส้นิ พระชนม์ เกิดเหตุวนุ่ วายเล็กๆ ใน ราชสำ�นัก สดุ ท้าย มงั ฆอ้ งราชบุตร ก็ได้ขึน้ ครองราชย์ ซึง่ คนไทยคนุ้ เคยกนั ในพระนาม พระเจ้าฝร่งั มังฆอ้ ง ตามหนังสือ ราชาธริ าช ******************** อีกหน่ึงข้ัวอำ�นาจท่ีเปล่งประกายข้ึนมาภายหลังการสูญส้ินของ อาณาจกั รพกุ ามคอื พวกมอญ หลังจากส้นิ สุดยุครงุ่ เรืองของมอญในชว่ งพุทธ ศตวรรษที่ ๑๒ มอญก็ตกเป็นส่วนหนึง่ ของพุกามมาตลอด น่าแปลกท่คี น มอญยังคงไม่ลมื ทจี่ ะหาโอกาสตง้ั ตนเป็นอิสระอย่เู สมอ จนมาถึงในยุคของ พระเจ้าวเรรุ หรอื ทคี่ นไทยรจู้ กั ในพระนาม พระเจ้าฟา้ รัว่ เรื่องราวของพระเจ้าฟ้ารั่วสามารถหาอ่านได้เองในหนังสือ ราชาธิราช สนุกสนานไม่แพ้สามก๊กของจีน นอกจากการรบทพั จับศกึ แล้วยงั ได้ทราบเรื่องราวประวัติศาสตร์ของพม่ากับมอญที่ขับเค่ียวกันมาแสนนาน แต่ต้องพิจารณาใหด้ ีด้วยวา่ ส่วนใดคือตำ�นาน ส่วนใดคอื เร่อื งจรงิ เพอื่ ความ สมบรู ณ์ จะขอเลา่ เรอ่ื งราวของต้นวงศ์พระเจา้ ราชาธริ าชทเ่ี ปน็ พระเอกของ แผน่ ดนิ มอญในชว่ งทห่ี งสาวดีเรอื งอำ�นาจ จะได้เข้าใจกันถ้วนท่ัว ช่วงปลายของอาณาจักรพกุ าม ในตอนน้ันใครพอจะเอาตวั รอดกัน ไดก้ เ็ ผ่นกนั ไปแลว้ แนน่ อนวา่ ชาวมอญท่ตี ัง้ ท่าพร้อมจะเป็นอสิ ระอย่แู ล้วก็ นบั วันรอ ในตอนน้ันเองกม็ ผี ้มู บี ญุ มาเกดิ อนั น้วี ่ากนั ตามตำ�นานของชาว มอญ คนมบี ญุ ผู้น้ีนามว่า มะกะโท เปน็ พ่อคา้ ธรรมดาๆ ไม่ไดม้ ีอทิ ธิฤทธ์ิ ๒๓
ประวตั ิศาสตร์จานเดยี ว อะไร แตว่ า่ มปี ัญญาและคิดใหญไ่ ม่คิดเลก็ มะกะโท เดินทางเขา้ มาพ่งึ พระบรมโพธสิ มภารใน สมเดจ็ พระรว่ ง เจา้ หรอื พ่อขุนรามค�ำ แหงมหาราช แห่งอาณาจักรสโุ ขทยั มะกะโทเตบิ โต ก้าวหนา้ ขึ้นพรวดๆ ดว้ ยสตปิ ัญญาและความขยันขนั แข็งจนหนา้ ทีก่ ารงาน ก้าวกระโดดไดเ้ ป็นถงึ ขุนวัง เร่ืองเลา่ ของมะกะโทนนั้ สนกุ สนานมากทเี ดยี ว ทา่ นทสี่ นใจตอ้ งไปลองหามาอ่านให้ได้ ท่ไี มเ่ ลา่ เพราะเดย๋ี วจะกลายเป็นเล่า เรอื่ งหนังสือราชาธริ าชไปเสยี ต่อมาขุนวังมะกะโทเกิดไปลักลอบได้เสียกับพระราชธิดาของ พระร่วงเจ้าแล้วกลัวความผิด จึงพากนั หนอี อกจากกรงุ สโุ ขทัยไปปักหลัก กนั ท่เี มืองเมาะตะมะ เมอ่ื พระรว่ งเจา้ ทราบเรื่องเขา้ แทนทจี่ ะทรงกริว้ กลบั เข้าอกเขา้ ใจหัวอกหนมุ่ สาว เม่ือมะกะโทหนไี ปนั้นได้เขยี นหนังสอื ของ พระราชทานอภยั โทษท้ิงไว้ พระองค์ทรงเอ็นดหู นุ่มมะกะโทผนู้ ้มี าแตเ่ ดิมจงึ ไมไ่ ดค้ ดิ เอาผดิ ภายหลงั เมอ่ื มะกะโทสามารถตง้ั ตวั เป็นใหญจ่ นได้ครองเมือง พะโคแล้วก็ส่งราชทูตนำ�เคร่ืองราชบรรณาการมาถวายยังอาณาจักรสุโขทัย แสดงความอ่อนนอ้ มเหมือนแต่หนหลัง พระองค์จงึ พระราชทานนามให้วา่ พระเจ้าฟา้ รั่ว หรอื พระเจ้าวาเรรุ ตามท่มี าทเ่ี ปน็ นมิ ติ ปาฏิหารย์ ดังนั้น เมอื งพะโค (หรือหงสาวด)ี กับอาณาจักรสโุ ขทยั จึงเป็นไมตรี ตอ่ กนั ดว้ ยความสมั พันธแ์ ตเ่ ดมิ ของกษัตรยิ ท์ ง้ั สองแผน่ ดนิ แตค่ วามสมั พันธ์ น้ีกอ็ ยู่เพยี งไมก่ ีช่ ั่วอายุคน เพราะหลังจากสน้ิ บุญพระเจา้ ฟ้ารัว่ ไมตรขี องท้งั สองฝ่ายกเ็ ร่มิ หา่ งกันไปทกุ ทๆี หลังจากสถาปนาราชวงศ์ มกี ษตั ริย์ปกครอง สืบทอดมาอีก ๖ พระองค์ จนมาถึงรชั สมยั พระเจา้ อู่ จงึ เกดิ เร่อื งวุน่ ๆ ขึ้น พระเจา้ อู่นน้ั มพี ระราชโอรสพระองคห์ น่ึงคอื พระยาน้อย หรอื มงั สุ ระมณีจกั ร ซ่งึ ไม่ไดเ้ ป็นรชั ทายาทหรอกนะครบั เพราะพระราชบดิ าไมท่ รง โปรด แต่พระยานอ้ ยมคี วามสามารถและมีบารมี ถ้าเปน็ สมัยนก้ี ค็ งเรียกวา่ เปน็ ขาใหญ่ตั้งแต่ยังหนมุ่ ใจกว้าง ถงึ ไหนถึงกัน และก็ชอบแสวงหาคนดมี ี ๒๔
ประวตั ศิ าสตร์จานเดยี ว ฝมี อื เอาไว้เป็นบรวิ าร ดว้ ยความเอาไหนเอาดว้ ยและรกั ลูกน้อง ท�ำ ใหใ้ ครๆ ตา่ งกพ็ อใจทจ่ี ะมาเขา้ เปน็ พวกดว้ ย พอสน้ิ บุญพระเจ้าอู่กเ็ กิดเรือ่ งข้นึ ภายใน ราชสำ�นัก เมอ่ื พระเจ้าป้าคอื พระมหาเทวีเกิดคดิ อยากจะรวบเอาราชสมบตั ิ ยกใหก้ ับชายช้ขู องตนคอื สมิงราหู จึงเกิดการชงิ ราชสมบัตกิ นั พอหอมปาก หอมคอ สุดทา้ ยพระยาน้อยเปน็ ฝา่ ยมีชยั ข้ึนเปน็ พระเจา้ ราชาธิราชครอง บลั ลงั ก์แห่งกรุงหงสาวดี มีเกร็ดเล่าถึงความห้าวของพระยาน้อยสมัยยังหนุ่มซ่ึงเป็นรอยด่าง พร้อยของพระองคต์ ลอดพระชนม์ชีพ คือกรณที ี่ไปชิงเอาเมียชาวบา้ นเขามา เป็นของตวั เอง ท่านอาจจะเคยได้ยินสำ�นวน พระยานอ้ ยชมตลาด ทกี่ รม ศิลปากรเขาเคยเอามาดัดแปลงเป็นละครเล่นกนั อยูอ่ อกบ่อย เรอื่ งมนั เกิด ตอนท่ีพระยาน้อยก�ำ ลงั อยู่ในวยั หนุ่มเตม็ ท่ี วนั หนงึ่ กพ็ าพรรคพวกไปเดินชม ตลาด ก็บงั เอิญไปป๊งิ สาวขายแป้งน�้ำ มนั ช่ือนาง เมย้ มะนกิ แม่ค้าคนสวยคน นเ้ี ปน็ ทเ่ี ล่อื งลือ หนุ่มๆ มักจะแวะมาซือ้ แปง้ น้ำ�มันของนางเพียงเพราะอยาก จะมาชมโฉม ทั้งสองคนสบตากนั ครง้ั แรกไฟก็ลกุ พรบ่ึ ขึน้ ทันที ติดตรงท่ีนาง เมย้ มะนกิ กม็ ีสามอี ยู่แลว้ ฝ่ายพระยาน้อยก็มี ตะละแม่ทา้ ว อยแู่ ล้วเหมือน กัน แต่ไฟราคะมันลุกโชนห้ามกนั ไมไ่ ด้ ไม่รู้วา่ ชะตาของสามีนางเมย้ มะนกิ จบลงตรงไหน จ�ำ ไดเ้ ลาๆ วา่ พ่อคณุ แจ้นไปฟ้องพระมหาเทวีวา่ คณุ หลาน ตวั ดีของทา่ นมาชงิ เอาเมียของกระผมไปเสียแลว้ เดาเอาว่าวอนหาเรื่องแบบ นี้คงจบไมส่ วยแนๆ่ แต่ท่ีแนก่ ว่าคอื นางเม้ยมะนกิ ก็กลายเป็นเบอรส์ องของ พระยานอ้ ย และก้าวขน้ึ มาเปน็ สุภาพสตรหี มายเลขหน่ึงเมอ่ื พระองค์ขน้ึ เป็น พระเจา้ ราชาธริ าชแลว้ เขาก็เลยมีส�ำ นวน พระยาน้อยชมตลาด ไมไ่ ดห้ มายความวา่ เดนิ ตลาดแลว้ ไปฉุดเอาแมค่ า้ มาทำ�เมีย แตเ่ ขากึง่ ประชดในความหมายท่ีวา่ เดนิ นวยนาดออ้ ยอ่งิ เดินลอยชายไปเร่อื ยอย่างไม่คอ่ ยมจี ุดหมายเทา่ ไหร่ เวลา เจอใครเดินขวางทางเกะกะท�ำ นองนีก้ ็มกั จะประชดใหว้ า่ เดินราวกบั พระยา ๒๕
ประวตั ศิ าสตรจ์ านเดียว น้อยชมตลาด ประมาณนน้ั เร่ืองของนางเม้ยมะนกิ ยังไม่จบ ความทพ่ี ระยาน้อยเอาเมียคนอ่นื มาเชยชมถกู โจษจนั ไปทั่ว แมพ้ ระองคจ์ ะเก่งกาจสามารถและเลอ่ื มใสพุทธ ศาสนามาเพยี งใด แตก่ ารประพฤตผิ ิดศลี ขอ้ สามน้กี ็กลายเป็นทีค่ รหาไปชั่ว ชวี ิต แถมยังท�ำ ให้เกิดความร้าวฉานในครอบครัวจนเปน็ เรื่องราวใหญ่โตขา้ ม ภพชาติเสียดว้ ย ******************** ไมตรีระหว่างอังวะกับหงสาวดีมาสะเทือนเอาเมื่อตอนท่ีพระเจ้าอู่ เสด็จสวรรคต เกิดความวุ่นวายขึน้ ระหว่างก๊กของพระยานอ้ ยกับกก๊ ของพระ มหาเทวี พระขนิษฐาของพระยาอู่ท่ีพยายามจะรง้ั อ�ำ นาจไว้ในมือตนโดยยก เอาสมิงราหูขึน้ เป็นกษตั ริยแ์ ทน แตส่ ดุ ทา้ ยแล้วพระยาน้อยกไ็ ดค้ รองบัลลังก์ สถาปนาขน้ึ เป็นกษตั รยิ ์พระองค์ใหมข่ องชาวมอญพระนามวา่ พระเจา้ ราชาธริ าช พระเจา้ สวาสอแกยกทัพมารบตามคำ�ขอของพระมหาเทวีโดยอ้าง สัมพันธค์ รัง้ เก่าสมยั พระยาอู่ ซ่งึ คดิ ว่าแท้จรงิ แลว้ พระเจา้ สวาสอแกกค็ งไมไ่ ด้ ยกทัพมาตามที่พระมหาเทวที ูลขอ แตพ่ ระองคน์ า่ จะต้งั ใจยกทพั มาตงั้ แต่ตน้ แล้วดว้ ยเห็นวา่ หงสาวดเี พิ่งผลัดแผ่นดินใหม่ๆ ทางหนงึ่ กย็ ังสมานสมั พนั ธ์ กบั กลุม่ อำ�นาจเก่าของมอญเอาไว้ ทางหน่งึ กอ็ าจจะนึกอยากหยง่ั เชิงกอง กำ�ลงั ของมอญเสียหน่อย เพราะไม่นานนกั ท้งั สองทัพกห็ ยา่ ศกึ เมอื่ ถงึ ฤดู นำ�้ หลาก แตก่ ย็ งั จ้องกันเขม็งพร้อมจะเปดิ ศึกใหม่ไดท้ ุกเม่ือ หรือเป็นไปได้ ไหมวา่ หลงั จากทีพ่ ระเจ้าสวาสอแกหย่งั เชงิ แล้วกพ็ บวา่ กษัตริย์หนุ่มผนู้ ้ไี มใ่ ช่ ธรรมดา เลยเบรกไว้กอ่ นดกี ว่า แต่หลงั จากส้นิ พระเจ้าสวาสอแกแล้ว มอญ กับพม่ากไ้ ด้รบกนั จริงๆ แถมยังยดื เยอ้ื กนิ เวลาหลายสิบปี ในประวตั ศิ าสตรน์ ้ันมอญกับพมา่ หรอื จะเรยี กว่า พระเจา้ ราชาธริ าช ๒๖
ประวตั ิศาสตรจ์ านเดียว กับ พระเจ้ามงั ฆอ้ ง รบกันอยหู่ ลายหน ทีร่ บกันดุเดอื ดก็คือกรณเี มืองยะไขท่ ่ี พระเจ้าราชาธริ าชบุกเข้ายดึ บงั เอิญวา่ ไดส้ งั หารพระราชบตุ รเขยของพระเจา้ มงั ฆ้องที่กินเมืองยะไข่อยู่พอดี ซึ่งคงไม่ได้บงั เอิญ ทั้งสองพระองค์นัน้ ถือว่า เป็นหน้าทีข่ องกษัตริยผ์ ู้ยง่ิ ใหญ่ในการทจี่ ะแผ่ขยายอาณาเขตออกไป แมว้ า่ จะจับมือเป็นมิตรกนั มากอ่ น แตก่ ต็ ้องยอมรับว่าท้ังมอญและพมา่ ต่างกเ็ ขมน่ กนั อยู่ในที ในหนงั สอื ราชาธิราชน้ันอา้ งวา่ เกดิ การกระทบกระทงั่ กันบริเวณ ชายแดนของทง้ั สองอาณาจกั รทเี่ คยทำ�สญั ญากนั ไวแ้ ตเ่ ดิม เม่ือเกิดกรณีเมืองยะไข่ข้ึนก็เท่ากับว่าเป็นสัญญาณเปิดศึกคร้ังใหม่ ระหวา่ งสองอาณาจกั ร สว่ นใหญ่จะเปน็ ฝ่ายพม่าท่ยี กทพั ลงมาหมายจะ ปราบพวกมอญ ซึ่งหนงึ่ ในนัน้ มรี ัชทายาทแห่งกรงุ อังวะ เจ้าชายมังรายกยอ ชวา ยกทัพลงมาเอง อนั นี้เปน็ เร่อื งเลา่ หรือเปน็ ต�ำ นานก็สุดแทแ้ ต่ กค็ ือยอ้ นไปกรณีเม้ ยมะนกิ ทเี่ ล่าไวต้ อนตน้ นั่นไง ซึ่งในหนังสอื ราชาธริ าชและตำ�นานของพวก มอญกเ็ ลา่ ไวต้ รงกัน พระเจา้ ราชาธิราชเมอ่ื ครัง้ ยังดำ�รงต�ำ แหน่งเป็นพระยานอ้ ยน้ัน มี มเหสีเป็นตัวตนอยูแ่ ลว้ คือ ตะละแมท่ า้ ว จนกระท่ังไปหยบิ เอานางเมย้ มะนิ กมาเป็นเบอรส์ อง เม่ือเถลงิ ราชสมบตั เิ ป็นพระเจ้าราชาธิราช พระองค์โปรด เบอร์สองมากกว่า เมอ่ื ครงั้ ประกอบพธิ ีปราบดาภเิ ษกนั้นก็จะต้องมพี ิธกี ารตงั้ อัครมเหสี ซงึ่ พระองคต์ ง้ั พระทัยจะตงั้ ตะละแมท่ า้ วให้เป็นอคั รมเหสีฝ่ายขวา และให้เมย้ มะนิกเปน็ อัครมเหสีฝ่ายซา้ ย เม่ือถงึ เวลา ตะละแม่ท้าวยงั ถือโกรธ และหึงหวงอยูไ่ มห่ ายจึงไมไ่ ดเ้ สด็จเข้ารว่ มพิธี พระเจา้ ราชาธิราชพโิ รธยง่ิ นัก แต่ก็ไม่ได้กระทำ�สง่ิ ใดด้วยยังเกรงพระทัยอยู่ จึงแตง่ ต้ังเมย้ มะนกิ เพียงฝา่ ย เดยี วให้เป็น พระนางปยิ ราชเทวี ยิง่ ท�ำ ให้ตะละแม่ท้าวนอ้ ยอกน้อยใจเขา้ ไป ใหญ่ หลังจากนน้ั มาพระองค์ก็มิไดด้ ูด�ำ ดูดพี ระนางอกี เลย พระเจ้าราชาธิราชกับตะละแม่ท้าวนั้นมีพระราชบุตรหนึ่งพระองค์ ๒๗
ประวตั ิศาสตร์จานเดยี ว คอื พอ่ ลาวแกน่ ท้าว ซง่ึ คงจะติดแมพ่ อสมควร อาจเพราะพอ่ นนั้ รบทัพจบั ศึกไม่เว้นวาย และเม่ือไปไดเ้ มย้ มะนิกมาอกี คนหนง่ึ ยิง่ ทำ�ใหแ้ ม่ยิ่งหมดความ ส�ำ คัญลงไปอกี พระราชบุตรจึงไดแ้ ตเ่ จ็บแทนพระราชมารดาอย่เู งยี บๆ จนเม่ือครั้งหนึ่งพระราชบุตรต้องเข้าเฝ้าพระเจ้าราชาธิราชท่ีท้อง พระโรงโดยมพี ระนางปิยราชเทวีขนาบข้าง เม่ือตอ้ งกราบถวายบงั คมกน็ ึกถงึ ความเจบ็ แค้นของแม่ขึน้ มา ก็นกึ ว่าน่เี ราตอ้ งกราบนางเบอรส์ องคนน้ดี ้วย ละ่ หรอื ถา้ ไมม่ ีน้วิ เราก็คงไมต่ อ้ งกราบมนั ให้เสยี มอื พระราชบตุ รจึงกัดนวิ้ มือเสยี หมดส้ิน พระเจา้ ราชาธริ าชเหน็ ดังนน้ั กข็ ดั เคืองพระราชหฤทยั เปน็ อันมาก “บุตรเรามากดั นิว้ ตนเองเสียดังนี้เพื่อประสงคส์ ิ่งใด ชะรอยมันคดิ ว่า จะไม่ไหวก้ ูแล้วจึงทำ�องอาจดงั น้ี เมอ่ื เป็นลกู จะมไิ หว้พอ่ ฉะนี้จะเล้ยี งไว้มิได”้ ก็ยิ่งไปกนั ใหญ่ โกรธแม่แล้วก็ยังโกรธลกู ต่อ ฝา่ ยลูกไมช่ อบหน้าแมเ่ ลยี้ งก็ พาลทำ�ใหพ้ อ่ โกรธเข้าอีก พระเจา้ ราชาธริ าชจงึ สั่งใหเ้ อาพอ่ ลาวแก่นทา้ วไป ประหารเสยี กอ่ นจะถกู ประหาร พอ่ ลาวแกน่ ทา้ วขอไปไหวพ้ ระธาตมุ ุเตากอ่ น ตาย และได้อธิษฐานวา่ พระราชบิดาประหารเราทั้งที่หาความผิดมิได้น้ี ด้วยอานสิ งส์ทไ่ี ดถ้ วายมหามาลาเป็นพทุ ธบูชาน้ี ขอใหไ้ ดไ้ ปเกดิ เป็นพระ ราชบตุ รพระเจา้ กรงุ อังวะ และขอใหไ้ ด้ทำ�ศึกกับพระเจา้ กรุงหงสาวดีนด้ี ้วย เถิด ราชมัลทคี่ ุมตัวพอ่ ลาวแกน่ ท้าวไปน้ันก็นำ�ความท้งั หมดขึน้ กราบบงั คม ทลู พระเจ้าราชาธิราช พระองค์จงึ เสดจ็ ไปยงั พระธาตมุ ุเตาเพอื่ อธิษฐานบา้ ง พระองคถ์ อดมหามาลาถวายเปน็ พทุ ธบูชาและอธษิ ฐานวา่ ดว้ ย บตุ รคดิ ประทุษร้ายจองเวรขา้ พเจ้านน้ั ขอให้บญุ ญาบารมชี ว่ ยดลให้มนั พา่ ย แพ้ อย่าสขู้ า้ พเจ้าผ้เู ป็นบิดาไดเ้ ลย เมือ่ พระเจ้ามังฆ้องไดพ้ ระราชบุตร มังรายกยอชวา ชาวมอญจึงเชอ่ื กันว่านีค่ อื พอ่ ลาวแกน่ ท้าวกลับชาตมิ าเกดิ และกไ็ ด้รบกบั พระเจ้าราชาธริ าช ตามทีไ่ ดอ้ ธิษฐานเอาไวน้ น่ั เอง ๒๘
ประวตั ศิ าสตรจ์ านเดียว ท้งั สองฝ่ายรบกนั อยนู่ านถงึ สามปี ในช่วงแรกของการสงครามนน้ั เปน็ ฝา่ ยพม่าทไี่ ดเ้ ปรียบ รบชนะเรื่อยมา ด้วยฝีมอื การศึกของเจา้ ชายแห่ง กรงุ องั วะนนั้ ไมเ่ ป็นรองใคร ถึงกบั จับเป็นแม่ทัพเอกของพระเจ้าราชาธิราช ไดค้ นหนง่ึ เลา่ กนั ว่าเจา้ ชายได้รบั การสอนสงั่ ให้ชงิ ชงั พวกมอญมาแตน่ ้อย จะด้วยผลแห่งการอธษิ ฐานเมอื่ ชาติกอ่ นหรอื ไม่ก็ไมท่ ราบได้ เม่อื เจา้ ชายยัง เปน็ ทารกน้ันหากร้องไห้คร้งั ใดกไ็ ม่มีใครจะหยุดลงได้ แต่หากปลอบว่าเดี๋ยว จะเอากรงุ หงสาวดมี าถวาย เท่าน้นั ล่ะถึงจะสงบลงได้ แค้นข้ามชาตกิ ันเลยที เดียว เมือ่ ชนะถี่เข้าก็เร่ิมลำ�พอง ทรงยกทัพบุกเข้าตะลุยมาในถ่ินของพวก มอญ อาจเพราะผลแห่งการอธษิ ฐานของพระเจา้ ราชาธริ าช ท�ำ ใหเ้ จ้าชาย รบยงั ไงกไ็ มอ่ าจเผดจ็ ศึกมอญได้ จนกระทั่งเกดิ เสยี ทีพลัดตกจากหลังช้างจน บาดเจ็บสาหสั พวกมอญจบั เป็นได้ก็นำ�ไปถวายพระเจา้ ราชาธิราช พระเจา้ ราชาธิราชทรงทราบวา่ นีค่ อื พระราชบตุ รกลบั ชาตมิ าเกดิ ถึง จะแคน้ อยา่ งไรกย็ ังมนี ้�ำ ใจรักและเปน็ หว่ งอย่ดู ี พระองค์ตรสั แกเ่ จา้ ชายว่า ลูกเอย๋ ขา้ จะรักษาเจา้ จนหายดี เพียงแตเ่ จ้าต้องรกั ษาสัตย์วา่ จะจงรกั ภกั ดี ตอ่ ขา้ ตลอดไป แตเ่ จา้ ชายกลบั ปฏิเสธ จนสุดท้ายพระองค์ก็ทวิ งคต หลงั จากสูญเสยี ครัง้ นัน้ ทงั้ ฝ่ายพระเจา้ ราชาธิราชและพระเจา้ มงั ฆอ้ งต่างกม็ ไิ ดม้ แี ก่ใจจะท�ำ ศกึ อีกต่อไป ต่างเลิกทัพกลับบ้านเมืองของใคร ของมัน นานๆ ทจี ะออกมารบกนั บา้ งแต่กป็ ระปรายเต็มทน ทีใ่ หญ่สุดก็น่า จะเป็นเหตุกระทบกระทง่ั ในเมืองตองอทู ี่พวกมอญบุกเข้ามายึด ฝา่ ยพมา่ จงึ พยายามขบั ไล่ ผมว่านอกจากทีจ่ ะเลกิ รากนั ดว้ ยเหตขุ องการเสยี เจ้าชายแลว้ ฝา่ ยพมา่ ก็ก�ำ ลงั ประสบเหตุทางด้านเหนือ เม่ือทัพพระเจา้ กรุงจีนบุกลงมา ท�ำ ใหต้ ้องรบติดพนั สองด้านน่ันเอง ******************** ๒๙
ประวัติศาสตร์จานเดียว สป่ี ีหลังการสญู เสยี เจ้าชายมังรายกยอชวา พระเจ้ามงั ฆ้องก็เสด็จ สวรรคต และอีกขวบปีต่อมา พระเจา้ ราชาธริ าชกเ็ สดจ็ สวรรคต จากนั้นจงึ เร่ิมเข้าสยู่ ุคเส่ือมของทั้งสองอาณาจกั ร พระเจ้าสีหสุ ขนึ้ ครองกรงุ อังวะสืบตอ่ มา พระองค์ได้อภิเษกสมรส กบั เจา้ หญิงมอญ คอื พระนางชนิ สอบู (ซ่งึ มเี ข้ามามีบทบาทอยา่ งมากใน ภายหลงั ) พระเจ้าสหี สดุ �ำ เนนิ นโยบายเปน็ มิตรกบั มอญตา่ งจากในสมยั พระ เจา้ มังฆอ้ ง แต่นัน่ กเ็ พียงระยะส้ันๆ เมอ่ื พระองคเ์ สด็จสวรรคตหลงั จากครอง บลั ลังกไ์ ดเ้ พยี งส่ปี ี หลงั จากน้นั กรุงอังวะก็ไมไ่ ด้สงบสุข ด้วยมีการแย่งชิงราช สมบตั กิ ันตอ่ มา อีกท้ังเกิดการชงิ อ�ำ นาจกนั ระหว่างพวกพม่าและไทยใหญ่ เกดิ การแขง็ เมืองข้ึนหลายแหง่ โดยเฉพาะเมอื งส�ำ คญั อยา่ ง ยะไข่ และ แปร ไมน่ านนกั อ�ำ นาจของพมา่ ในกรงุ อังวะก็แทบจะสิน้ สดุ ลง ไทยใหญ่ ข้ึนมามอี ิทธิพลเหนือพระเจา้ กรุงอังวะ แม้กรงุ อังวะจะยงั ยืนยงอยู่ต่อมาได้ อกี กว่าร้อยปี แตก่ เ็ ต็มไปดว้ ยสงครามและการกบฎ ราษฎรไดร้ บั ความเดอื ด รอ้ นแสนสาหสั ชาวพม่าจำ�นวนมากอพยพหนีไปอยเู่ มืองตองอู กรุงองั วะ แทบจะล่มสลาย ขณะทอ่ี ังวะเรม่ิ เส่อื มลง ยะไข่กบั หงสาวดกี ลบั เจรญิ ข้นึ ทางฝง่ั มอญ นน้ั เม่ือพระเจา้ สหี สุของพมา่ สิน้ พระชนม์ พระนางชินสอบกู เ็ สด็จกลับเมอื ง หงสาวดี น่าจะเรยี กวา่ หนีกลบั จะถูกกว่า เพราะความจริงแล้วพวกพม่าไม่ ตอ้ งการให้พระนางเสด็จกลบั แต่ต้องการให้พระนางอยเู่ ปน็ องค์ประกันเสีย มากกวา่ ในหนงั สือราชาธริ าชน้ันเขยี นไว้วา่ พระนางถูกพวกพมา่ ลกั พาตวั ไปขณะทเี่ สด็จไปนมัสการพระเกศาธาตุ หรอื พระมหาเจดยี ช์ เวดากอง ท่ี เมืองตะเกงิ แต่ในทางประวตั ศิ าสตรน์ ้ันระบวุ ่า ฝา่ ยมอญไดย้ กพระนางให้แก่ พระเจา้ กรงุ อังวะเพอื่ เจรญิ สมั พันธไมตรี จะทางไหนก็แล้วแตพ่ ระนางก็มีแต่ เสียกบั เสยี อยูด่ ี ดงั นัน้ เมือ่ เกดิ การผลดั แผน่ ดินพม่าขึ้น พระนางก็คิดเสดจ็ กลับหง ๓๐
ประวัติศาสตรจ์ านเดยี ว สาวดี โดยมีพระภกิ ษุสองรูปเป็นไส้ศึกช่วยพาพระนางหนีออกจากกรุงอังวะ เม่ือถงึ หงสาวดี พระนางได้รับการต้อนรับเปน็ อยา่ งดี และแมว้ า่ พระนางจะ พอมบี ารมแี ละอทิ ธิพลอย่บู ้าง แตก่ ็มิได้แสดงออกถงึ ความทะเยอทะยานใน ราชสมบัติแต่ประการใด หน�ำ ซ้ำ�ยงั คอยเป็นฝ่ายไกลเ่ กลย่ี ใหก้ ับเช้อื พระวงศ์ ทง้ั หลาย นน่ั ยิ่งท�ำ ใหพ้ ระนางไดร้ ับความเคารพยำ�เกรงทงั้ ในราชส�ำ นกั และ กบั ราษฎรทั่วไป ที่เขาว่าน่ิงเสยี ต�ำ ลงึ ทองน่นี ่าจะจรงิ สุดทา้ ยแล้วเม่ือบัลลังก์ว่างลง เหลา่ เสนาบดีกท็ ลู เชิญพระนางชนิ สอบูข้ึนครองกรุงหงสาวดี เป็นสมเด็จพระ ราชินนี าถ เม่ือปี พ.ศ. ๑๙๙๖ พระนางชินสอบฝู กั ใฝใ่ นทางธรรมมาตั้งแต่ไหนแตไ่ ร สงิ่ ท่ีพระนาง ปรารถนาหาใชอ่ าณาจกั รท่กี วา้ งใหญ่ แต่พระนางต้องการให้หงสาวดเี ป็น ศูนย์กลางแห่งพระพทุ ธศาสนาและการคา้ เหมือนอยา่ งพกุ าม ดว้ ยความที่ พระนางเคยประทับท่ีกรุงอังวะมานานจึงพยายามให้ความช่วยเหลือเสมอ ในชว่ งที่กรงุ องั วะประสบปญั หา โดยเฉพาะในเรอื่ งของศาสนา เม่ือเกดิ ความ ขัดแย้งกนั ในหมูส่ งฆร์ ะหว่างฝา่ ยเถรวาทและฝ่ายอรญั วาสี อีกทัง้ ความเชอ่ื ในเร่อื งไสยศาสตร์ที่กลบั มามีอทิ ธพิ ลอย่างมากในหมู่ราษฎร ในด้านการปกครอง หงสาวดีในยุคของพระนางนับว่าสงบรม่ เยน็ ทำ�ให้การคา้ ขายเจรญิ ก้าวหนา้ หงสาวดที ำ�การคา้ ขายกบั ฝง่ั ไทย (อาณาจกั ร สโุ ขทัย) พวกมสุ ลมิ ทางตะวันออกเฉียงใต้ ยะไข่ พะสมิ ท�ำ ให้ชาวมอญร�ำ่ รวย หน้าตาแจ่มใสเบ่งบานเลยทเี ดยี ว เม่ือมที รพั ย์มากขึน้ พระนางจงึ ทมุ่ เทไปกับกจิ กรรมทางศาสนา ทรง ส่งสมณทูตไปยงั กรงุ ลังกา สมทบทุนสรา้ งพระเจดียช์ เวดากองเพิ่มเตมิ ถวาย ทองค�ำ ปิดองคพ์ ระเจดยี ์เป็นจ�ำ นวนมาก เรยี กไดว้ ่าพุทธศาสนาในสมัยของ พระนางน้ันรุ่งเรอื งสุดๆ ถดั จากรชั สมัยของพระนาง หงสาวดีปกครองโดย พระเจ้าธรรม ๓๑
ประวัตศิ าสตร์จานเดยี ว เจดีย์ ซ่ึงก็มิใชใ่ ครอ่นื เปน็ หนึ่งในสองพระภิกษทุ ี่พาพระนางหนจี ากกรงุ อังวะ พระองค์เคยเป็นภิกษุมาก่อนจึงค่อนข้างจะใฝ่ในทางธรรมเช่นเดียวกับในยุค ของพระนางชินสอบู แมบ้ า้ นเมอื งจะสงบร่มเย็นแตก่ บั อาณาจกั รเพือ่ นบา้ น นนั้ กลับมิได้สงบตาม การท่พี ระองค์ไมโ่ ปรดการท�ำ ศึกสงครามท�ำ ใหก้ ลาย เป็นขอ้ ดอ้ ยทเี่ ปิดชอ่ งใหอ้ รริ าชศตั รรู กุ ลำ้�เขา้ มาได้ แต่ในขณะทพี่ ระเจา้ ธรรมเจดีย์ครองราชย์อย่นู น้ั พระองคเ์ ป็นที่รจู้ ัก และไดร้ บั การยกยอ่ งในฐานะองคพ์ ระอุปถมั ภ์พระพุทธศาสนาผยู้ งิ่ ใหญ่ ทรง เปน็ ธรรมราชาผู้เปี่ยมดว้ ยเมตตาและปัญญา ในหนังสือราชาธิราชไดก้ ล่าว ถึงพระปรชี าสามารถของพระองคไ์ ว้หลายตอน พระองค์ได้เจริญพระราช ไมตรีกับนานาประเทศ และแมจ้ ะไมไ่ ด้ทรงท�ำ สงครามเลย แตอ่ าณาจักรของ พระองคก์ ข็ ยายออกไปไดด้ ว้ ยการเจรจาความเมอื ง คอื เอาชนะด้วยธรรม แท้ๆ ... สาธุ แต่เมอื่ มีรุง่ ก็ย่อมมรี ว่ งเป็นปกตวิ ิสยั ไม่มอี าณาจกั รใดอยยู่ ้ังยืนยงได้ ตลอดกาล กรุงหงสาวดีเจริญรุ่งเรืองนับแต่รัชสมัยของพระนางชินสอบูเป็นต้น มา กรงุ องั วะกลบั ตรงกันข้าม มีแตจ่ ะเสื่อมถอยลงทกุ ขณะ จนสุดทา้ ยก็ต้อง ล่มสลายตกเปน็ ของชาวไทยใหญไ่ ปในทส่ี ดุ เมอื่ ราวปี พ.ศ. ๒๐๗๐ แต่เมอ่ื องั วะแตก หงสาวดกี เ็ ริ่มเสอื่ มตาม สน้ิ รัชสมัยพระเจ้าธรรมเจดยี ์ อำ�นาจและ อทิ ธิพลของมอญกเ็ ร่ิมเสื่อมถอยลงบา้ ง กษัตรยิ ใ์ นล�ำ ดบั ต่อๆ มาไม่ได้ทรง ไวซ้ ่ึงพระราชอ�ำ นาจดงั กอ่ น ประกอบกับการขยายอ�ำ นาจของราชวงศต์ องอู ท่สี ุดแล้วหงสาวดกี เ็ สรจ็ ตองอใู นเวลาต่อมาไมน่ านนัก ๓๒
ประวตั ิศาสตรจ์ านเดยี ว หนุ่มสาวชาวพมา่ ถา่ ยไวร้ าว พ.ศ. ๒๔๑๓ (ภาพจาก http://www.luminous-lint.com) ๓๓
ประวัตศิ าสตรจ์ านเดียว หญิงสาวชาวพม่า ถ่ายไวร้ าว พ.ศ. ๒๔๑๓ (ภาพจาก http://www.luminous-lint.com) ๓๔
ตองอรู วมแผ่นดิน แผ่นดินพม่าถูกครอบครองโดยสองชนชาติมาอย่างยาวนานคือ พมา่ กับ มอญ หลงั สงครามคร้ังใหญ่ระหวา่ งพระเจา้ ราชาธริ าชและพระเจ้า มงั ฆ้อง สองฝ่ายตา่ งกเ็ ร่มิ ถงึ คราวเสือ่ มลง ฝงั่ พม่าน้นั เสือ่ มแลว้ เสื่อมเลย ทางฝ่ังมอญยังพอจะมีช่วงท่ีผงาดขึ้นมาได้บ้างในสมัยของพระนางชินสอบู แต่สุดทา้ ยกไ็ ปไมร่ อดด้วยกันท้ังคู่ ความขัดแยง้ จนเกิดเปน็ สงครามนั้นกนิ เวลายาวนาน นอกจากพมา่ กับมอญจะรบกันแล้ว ในบางชว่ งทั้งพมา่ และมอญตา่ งก็มสี งครามภายใน ด้วยเหมือนกัน แลว้ ไหนจะสงครามกบั เมืองอ่ืนๆ อย่าง ยะไข่ พะสมิ แปร ฯลฯ รบกันไม่ได้หยดุ หย่อน สร้างความเดอื ดร้อนให้กบั ราษฎร ท�ำ ให้มีหลาย ครอบครัวตัดรำ�คาญด้วยการอพยพหนีไปนับหนึ่งใหม่ท่ีไหนสักแห่งท่ีสงบสุข และไมม่ สี งคราม ซง่ึ ท่ีที่วา่ นน้ั คือ ตองอู ตองอูน้ันเดิมทีก็เป็นเพียงเมืองกะทัดรัดท่ีแม้จะไม่ได้มีความสำ�คัญ อะไรมากนกั แตก่ ต็ ั้งอยู่ในชัยภูมิทีด่ ดู ี อยรู่ ะหวา่ งเมืองส�ำ คญั อยา่ งกรุงอังวะ และกรุงหงสาวดี ตองอนู ้ันกินอาณาบริเวณทรี่ าบแถบแม่นำ�้ สะโตง ตรงกลาง ระหวา่ งแมน่ ำ�้ อริ ะวดแี ละแม่นำ้�สาละวิน ขณะที่พกุ ามเจรญิ น้ันกไ็ ม่ไดม้ ีใคร ใหค้ วามสำ�คัญกับตองอูนกั ปล่อยใหช้ าวกะเหรยี่ งดแู ลปกครองกนั เองเรอ่ื ย ๓๕
ประวัติศาสตร์จานเดยี ว มา จนเม่อื ถงึ สมยั ท่ีบา้ นเมอื งมแี ตส่ งคราม ชาวบา้ นชาวชอ่ งจึงเลือกหนไี ป ตองอทู อ่ี ยู่ไมใ่ กลไ้ ม่ไกลนกั นเี้ อง แรกเร่ิมเดิมทีนั้นตองอูก็เป็นส่วนหนึ่งในอาณาจักรพุกามอันยิ่งใหญ่ เมือ่ พกุ ามเสือ่ มลงจงึ เป็นอิสระ พอเมอื งอังวะผงาดขนึ้ มาเป็นใหญ่ ตองอูก็ เป็นส่วนหนึ่งขององั วะอีกที คอื ไมว่ า่ ใครจะขน้ึ มาเปน็ ใหญก่ ็จะต้องไดต้ องอู ไปครองเสยี ทกุ ครัง้ และทุกครัง้ เชน่ กันท่ตี องอูมกั จะสร้างปญั หาทั้งเล็กและ ใหญใ่ หเ้ สมอ ไม่วา่ จะเป็นการกบฎหรือปญั หาภายในที่มักจะส่งผลเปน็ ลกู โซ่ ตามมา ******************** กษัตริย์พระองคแ์ รกท่ปี กครองตองอูไดอ้ ย่างเด็ดขาดคือ พระเจา้ เมงคยนิ โย ทรงประกาศเอกราชใหแ้ ก่ตองอเู มอ่ื ปี พ.ศ. ๒๐๒๙ ขณะน้นั ฝ่าย องั วะเร่ิมท่จี ะเส่ือมอำ�นาจลงทกุ ขณะ มีสงครามและการก่อกบฎอยูบ่ ่อยคร้ัง เช่นเดยี วกับฝา่ ยกรงุ หงสาวดี ดังนั้นเมอื งตองอจู งึ เรมิ่ เข้มแข็งขึ้น ประกอบกับ มผี ู้คนอพยพเขา้ มามากขึน้ ๆ ท้ังชาวบา้ นธรรมดา นายทหาร บณั ฑิต พระ สงฆ์ ช่างฝมี อื อีกประการหนง่ึ ที่น่าสนใจคอื เมอื่ กรุงอังวะลม่ นน้ั ได้ถูกครอบ ครองโดยพวกไทยใหญ่ ทำ�ให้ชาวพมา่ หลบหนมี าพ่ึงตองอมู ากขนึ้ ดว้ ยเห็น วา่ อย่างไรเสีย ตองอูกย็ ังเปน็ เชอ้ื สายชาวพม่าดว้ ยกัน นัน่ จึงย่งิ ท�ำ ใหต้ องอู จงึ เจรญิ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ ความเจริญอย่างพุ่งพรวดของตองอูนี้เองสร้างความคร่ันคร้ามแก่ พระเจ้ากรงุ หงสาวดี หรอื กระทั่งกษัตริยแ์ ห่งอโยธยา ท่ยี ังตอ้ งสง่ ราชทตู มา เจริญสมั พันธไมตรีด้วย พระเจา้ เมงคยินโยครองราชยอ์ ยนู่ านถงึ ๔๕ ปี ก็เสด็จสวรรคต เจา้ ชายมนิ ตรา หรือ มงั ตรา ผเู้ ป็นราชบตุ รได้ข้นึ ครองราชยแ์ ทนดว้ ยพระ ๓๖
ประวตั ศิ าสตรจ์ านเดยี ว ชนมายยุ ังไมค่ รบ ๑๖ พรรษาดี แมจ้ ะทรงพระเยาว์แตก่ ติ ตศิ ัพทค์ วามเก่งกาจ ของพระองค์กข็ ึ้นชอ่ื ลอื ชามาก่อนท่ีจะข้ึนเป็นกษตั รยิ เ์ สยี อีก เมือ่ ประสูตนิ น้ั เกดิ อภนิ ิหารขน้ึ ทหี่ ้องพระคลังแสง โดยบรรดาศตั ราวุธทง้ั หลายเปลง่ แสงเป็นประกายทัง้ ที่เปน็ เวลากลางคืน จึงเปน็ นิมิตรว่า พระโอรสจะต้องเปน็ ผู้เช่ยี วชาญการศกึ ประกอบกบั ท่ไี ดร้ บั การถา่ ยทอด วชิ าการปกครองและรฐั ศาสตร์จากพระเจา้ เมงคยินโย ทำ�ให้สปอรต์ ไลต์ทกุ ดวงพุ่งตรงไปทเ่ี จา้ ชายมังตรา กอ่ นทจี่ ะขึ้นครองบลั ลังก์น้ัน พระองคไ์ ด้สรา้ งวรี กรรมท่ีเป็นทก่ี ล่าว ขานในประวตั ิศาสตร์ ตามประเพณขี องชาวพมา่ เด็กชายทุกคนจะตอ้ งบวช เรยี นไมม่ เี ว้น และจะตอ้ งประกอบพธิ ีเจาะหเู พอื่ แสดงว่าไดผ้ ่านพ้นชว่ งวัย เดก็ การท�ำ พิธเี จาะหนู ม้ี ักจะกระทำ�ขน้ึ ในวัด แตบ่ ังเอิญว่าเจา้ ชายมงั ตราน้นั พิเศษหน่อยตรงท่ีพระองค์เลือกที่จะทำ�พิธีที่วัดพระธาตุชเวมอดอหรือพระ ธาตมุ เุ ตา ท่กี รุงหงสาวดี ในเขตของพวกมอญทเี่ ปน็ ศัตรูกนั วดั หลวงมีมากมายแตพ่ ระองค์ทรงเลอื กวัดพระธาตมุ เุ ตา คดิ ว่า มเี หตุผลน่าสนใจ ในทางหน่งึ นน้ั แนน่ อนวา่ เปน็ การแสดงให้เห็นถงึ ความ กลา้ หาญ ไมเ่ กรงกลวั ศตั รู ในทางหนึ่งก็เปน็ การประกาศพระเกียรตยิ ศให้ ขจรขจาย ลองคิดดวู า่ บกุ เข้าไปถงึ ถิน่ เสือเพยี งแค่ท�ำ พิธีเจาะพระกรรณ เหมือนจะบอกกลายๆ วา่ แผ่นดนิ มอญน้ันอีกไมน่ านก็ต้องเปน็ ของพระองค์ พระองค์น่าจะทรงค�ำ นวณเสรจ็ สรรพแลว้ วา่ มอญน้นั เหลือแตช่ ือ่ ไมจ่ ำ�เป็น ตอ้ งเกรงกลวั อะไร เพราะต่อใหอ้ าจหาญสักเพยี งไหนการทบี่ ุกไปยังถ่ินศัตรู แบบบา้ บนิ่ เชน่ นีก้ น็ บั วา่ เสีย่ งไม่น้อย เล่ากันวา่ พระองค์น�ำ ทหารไปเพียง ๕๐๐ นาย ออกเดินทางไปถึงวดั พระธาตุมเุ ตาในตอนเช้าตรู่ ทหารมอญร้ขู ่าวก็กระจายก�ำ ลงั ลอ้ มบรเิ วณวดั เอาไว้ แตไ่ ม่ยกั กะมีใครกลา้ บกุ เขา้ ไป ขณะนน้ั บรรดาเกจอิ าจารยผ์ ู้ท�ำ พิธีก็ น่าจะอกส่ันขวญั แขวนไมน่ อ้ ย อาจจะมอี าการมอื สั่นบา้ ง บรรดาทหาร ๕๐๐ ๓๗
ประวตั ศิ าสตรจ์ านเดยี ว นายที่ตดิ ตามไปน้นั ก็คงต้องมีสัน่ กันบา้ งเหมอื นกนั แต่พระองคก์ ลบั นิง่ เฉย ตรสั แก่ผ้ทู ำ�พิธวี า่ “ชา่ งพวกมอญมนั ประไร เจาะใหด้ ี หูข้าส�ำ คัญกว่าพวก มอญนัก” ท�ำ พิธเี สรจ็ พระองค์ก็นำ�ทัพกลับตองอูหน้าตาเฉย ไมม่ ที หารมอญ สักคนทกี่ ล้าบุกเข้าไป เห็นว่าทหารมอญตวั สนั่ กันด้วยซ�ำ้ ไปเมอื่ ไดเ้ หน็ ตวั จริงของพระองค์ จากนน้ั มาชือ่ เสียงของพระองค์ก็ย่งิ ลือลนั่ เป็นท่เี กรงขาม ไปทั่วแผน่ ดนิ จากน้นั พระองค์จงึ ประกอบพิธีราชาภเิ ษกข้นึ เปน็ กษัตรยิ ์ทรง พระนามว่า พระเจ้าตะเบงชเวต้ี คนไทยนน้ั ค้นุ เคยกบั พระองค์เปน็ อยา่ งดี แต่เมื่อพูดถึงพระองค์ แลว้ ก็จะอดเอย่ ถงึ อีกชือ่ หนง่ึ ไม่ได้ ซ่ึงบุคคลผนู้ ี้จะมบี ทบาทสำ�คัญต่อแผน่ ดินพม่าในกาลตอ่ มา นัน่ คือ จะเดด็ แมท่ ัพคนสนทิ เป็นบตุ รของแม่นมของ พระองค์ พระองค์รักจะเดด็ เสมือนพช่ี ายและในฐานะเพื่อนสนิทคู่พระทัย ภายหลังจะเด็ดลกั ลอบมีความสัมพนั ธก์ บั พระขนษิ ฐาของพระองค์ ซ่งึ มี ความผดิ ถงึ ขน้ั ประหารชีวติ ถึงตอนนใ้ี ครๆ ตา่ งกจ็ ับตามองแล้วว่าพระองค์ จะตัดสินพระทัยอยา่ งไร ฝา่ ยจะเด็ดนัน้ กใ็ จเดด็ ไม่น้อย เม่ือความผดิ ปรากฎแทนทจ่ี ะหนไี ป เขากลับยอมรบั โทษแต่โดยดี เขากลา่ ววา่ ไม่ใชเ่ รอ่ื งผดิ ทีช่ ายหน่มุ จะรักหญงิ สาว แต่ทีผ่ ิดคอื การเสยี สัตย์ต่อน�ำ้ พพิ ิฒนส์ ัตยาทใี่ หไ้ ว้กบั พระเจา้ อย่หู ัว สุด ยอดไหมล่ะ สุดท้ายแล้วพระองค์เลือกท่ีจะฝืนกฎมณเฑียรบาลโดยยกให้แม่ทัพ หนุ่มขน้ึ เป็นเจา้ เสียเลย ใหต้ �ำ แหนง่ เปน็ กยอดนิ นรธา และยกพระพนี่ างให้ แตง่ งานดว้ ย แน่นอนว่าพระองค์ใช้วธิ ปี รกึ ษาเสนาบดีผ้ใู หญท่ ้ังหลายแทนท่ี จะตดั สนิ ใจดว้ ยพระองค์เองเพียงฝ่ายเดียว ซง่ึ แน่ล่ะวา่ ใครจะกลา้ ขดั พระทัย แต่ท่ีทำ�เช่นน้ีก็เพ่ือป้องกันคำ�ครหาและเป็นการรักษาประเพณีของราชสำ�นัก เอาไว้ การตดั สนิ พระทยั ครง้ั นี้ย่ิงทำ�ให้จะเดด็ เพ่มิ ความจงรกั ภกั ดีแก่พระองค์ ๓๘
ประวตั ิศาสตร์จานเดยี ว และพระองค์ก็ยิง่ เป็นที่รักใคร่ของราษฎรเพิม่ ขน้ึ อกี หลายเท่า ******************** นโยบายของพระเจ้าตะเบงชเวต้ีคือต้องการกำ�จัดมอญเพ่ือยึดเมือง ทา่ ต่างๆ ส�ำ หรับท�ำ การคา้ ทางฝงั่ อังวะนั้นไม่นา่ มีปญั หาเพราะรอแค่เวลา ลม่ สลายเท่าน้นั พวกไทยใหญท่ ีค่ รองอังวะอยู่นัน้ มิไดส้ ามคั คีกนั สกั เทา่ ไหร่ ย่ิงเมืองแปรกแ็ ยกตัวออกจากองั วะแล้วดว้ ย แมว้ ่าเจ้าเมืองแปรนน้ั ยงั เปน็ มติ รกบั ฝ่ายมอญอยู่ แตห่ ากมอญแตกเมอื่ ใด องั วะก็คงล่มตาม คิดสะระตะ แล้วพระองคก์ ็เลอื กทีจ่ ะเขา้ ถล่มหงสาวดขี องมอญก่อน อย่างท่ีเล่าไปตอนต้นว่าพระองค์เคยเสด็จไปทำ�พิธีเจาะพระกร รณถึงกรุงหงสาวดมี าแล้ว ดังน้นั พระองค์จึงไมค่ อ่ ยเกรงกลัวทัพของพวก มอญสักเทา่ ไหร่ แมจ้ ะต้องเหน่อื ยสกั หน่อยดว้ ยทางข้างมอญนนั้ ได้ทหาร โปรตุเกสมาช่วยรบ แตก่ ไ็ ม่อาจตา้ นทานก�ำ ลงั ทพั ของพระเจา้ ตะเบงชเวตไ้ี ว้ ได้ ประกอบกบั ทัพนำ้�ที่คุมมาโดยแม่ทัพจะเดด็ ที่ตอนนไ้ี ด้รบั ต�ำ แหนง่ บเุ รง นอง รุกเข้าตปี ระสานกนั จนสามารถเอาชนะได้ชยั ในท่สี ุด ภายหลงั จากท่ีหงสาวดีแตกแลว้ พระองค์กลับมิได้เผาท�ำ ลายหรอื เข่นฆา่ ชาวมอญเลย กลับคืนต�ำ แหน่งให้แมท่ ัพและขนุ นางมอญเชน่ เดิม แม่ทัพมอญคนไหนยอมจำ�นนแต่โดยดีก็พระราชทานอภัยโทษเพราะเป็น นโยบายของพระองค์ท่ีต้องการจะรวมแผ่นดินเข้าด้วยกันอีกครั้งเหมือนสมัย พกุ าม หาไดต้ ้องการทำ�ลายล้างมอญให้สน้ิ ซาก จะเหลือก็แตเ่ พยี งเมาะตะ มะท่ชี าวมอญที่นัน่ ยงั คงไมย่ อมแพ้ ความพยายามโอนอ่อนของพระองคไ์ ม่เป็นผล เจา้ เมืองเมาะตะมะ ประกาศตนเป็นกษัตริย์มอญพระองค์ใหม่และเตรียมทัพรับศึกกับพระเจ้าตะ เบงชเวตี้ พระองคก์ ริ้วมาก ส่ังจัดทัพใหญ่หมายจะเหยียบเมาะตะมะใหร้ าบ ๓๙
ประวัตศิ าสตรจ์ านเดียว พวกทหารโปรตุเกสท่ีเดิมทีอยู่กับฝ่ายมอญก็เร่ิมโอนเอียงเพราะอยากจะอยู่ ฝ่ายชนะมากกวา่ อกี ทง้ั ทพั ของพระเจา้ ตะเบงชเวตี้ให้คา่ จ้างสูงกว่า พระองค์ ย่ืนขอ้ เสนอให้เจา้ เมืองเมาะตะมะอีกครั้งแตก่ ลบั ถกู ปฏเิ สธ คราวนพี้ ระองค์ ไม่ยอมใชไ้ มน้ วมอกี แลว้ ส่ังบุกเขา้ ตเี ต็มกำ�ลงั จนสุดทา้ ยเมาะตะมะก็แตก จบั เจ้าเมอื งและครอบครัวรวมทัง้ แม่ทพั ท่ีตอ่ ต้านประหารเสียท้งั หมด เปน็ การ แสดงความเด็ดขาดเพราะพระองค์ถือว่าทรงให้ทางเลือกแล้วแต่กลับไม่เลือก เอง ดงั นนั้ จึงสมควรตาย เมือ่ ปราบมอญไดร้ าบคาบนน้ั พระองค์ไม่ไดด้ แู คลนเชลยมอญแต่ อย่างใด กลับส่งเสริมให้ดำ�เนินชีวติ กันตามเดมิ แต่หนหลงั ข้าราชการ แม่ทัพ นายกอง พ่อคา้ วาณิช ต่างใชช้ วี ติ กันตามปกติ ทรงแตต่ ั้งชาวมอญขึน้ ดำ�รง ตำ�แหนง่ ส�ำ คัญๆ จ�ำ นวนมาก เป็นการแสดงความยกยอ่ งและให้เกียรตชิ าว มอญเปน็ อยา่ งยง่ิ พระองค์ยงั ได้แต่งตัง้ เจ้าหญิงมอญเปน็ มเหสีและยงั ทรง พระเกศาแบบชาวมอญอีกด้วย หลงั จากนัน้ ก็ไมม่ ีใครจะหยดุ พระเจา้ ตะเบงชเวตไี้ ด้อีกแลว้ เมือง แปร เมืองยะไข่ ก็ถกู ปราบลงอยา่ งง่ายดาย อาณาจักรของพระองคก์ ็ย่ิง ขยายแผ่ไพศาลมากข้นึ ทีนีก้ ็เหลอื แต่กรุงศรอี ยุธยาท่รี อเปน็ เหย่ือรายต่อไป ในชว่ งนน้ั ตรงกบั รชั สมยั ของ สมเด็จพระไชยราชาธริ าช ขณะที่ พระองค์กรฑี าทัพขึน้ ปราบเมืองเชยี งใหม่ ท่ีอยุธยาก็มกี ารเตรียมการชิง บัลลงั ก์โดย ทา้ วศรีสดุ าจนั ทร์ จากนน้ั ก็เกดิ การแย่งชิงอ�ำ นาจกนั ครงั้ ใหญ่ ในราชส�ำ นักอยนู่ านกวา่ จะสงบราบคาบลง จากนน้ั คณะผู้ก่อการจึงไดก้ ราบ บงั คมทูลเชญิ สมเดจ็ พระเฑียรราชา ขนึ้ ครองอยุธยา ทรงพระนาม สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ พระเจ้าตะเบงชเวตี้ที่หมายจะยดึ อยธุ ยาใหไ้ ด้ ทรงยกทพั ใหญเ่ ข้า มาหมายจะเหยียบกรงุ ศรีอยุธยาใหร้ าบ สงครามคร้ังนีท้ ำ�ใหเ้ ราตอ้ งสญู เสีย สมเด็จพระศรีสรุ ิโยทยั หลังจากนั้นไมน่ านฝ่ายอยุธยาก็ขอเจรจาสงบศกึ ต้อง ๔๐
ประวัติศาสตรจ์ านเดยี ว เสียช้างเผือกมงคลและตอ้ งส่งภาษีจ�ำ นวนมากให้พม่าทกุ ๆ ปี เพื่อแลกกับ การไม่ต้องเป็นเมอื งขนึ้ แม้จะเหมอื นเปน็ การยอมรบั อยกู่ ลายๆ กต็ ามที หลงั ศึกครงั้ นน้ั พระเจา้ ตะเบงชเวตม้ี พี ระชนมายุ ๓๒ พรรษาแลว้ อาจจะยงั ไม่มากแต่พระองคก์ ็ท�ำ ศกึ มาตง้ั แตท่ รงพระเยาว์นับได้กวา่ ๒๐ ปี ความฝันท่ีจะรวมแผ่นดินให้ได้อีกคร้ังเหมือนสมัยพระเจ้าอนุรุทธเร่ิมเป็นรูป เปน็ รา่ ง พระองคจ์ ึงเรมิ่ คลายกงั วลและทรงผอ่ นคลายมากขนึ้ อารมณ์ผ่อนคลายของพระองค์คือการออกลา่ สตั วบ์ า้ ง คลอ้ งช้าง บ้าง แล้วกเ็ สพนำ�้ จณั ฑ์ ซง่ึ เรม่ิ มีกระแสข่าวลือวา่ พระองค์เรม่ิ ตดิ และเสพจน เมามายจนไมเ่ ปน็ อนั ออกวา่ ราชการ ตรงน้กี น็ ่าเห็นใจพระองคเ์ พราะออก รบมาต้ังแต่แตกเนอื้ หนมุ่ พอบ้านเมอื งสงบแลว้ จะพักผอ่ นเสยี หนอ่ ยกถ็ ูก บรรดาเสนาอำ�มาตย์ค่อนเอาว่าไมใ่ ส่พระทยั ในราชกิจ หรืออาจจะเมาไปไม่ หน่อยก็ไม่ทราบได้ พระสหายร่วมเสพน้�ำ จณั ฑ์น้นั ก็คอื พวกโปรตุเกสทรี่ ว่ ม รบกบั พระองคม์ าแต่เรม่ิ นน่ั ล่ะ จะฝรั่งหรือพมา่ เมอ่ื เมาแล้วก็ไดเ้ สยี งานทุกที ไปสิ การปล่อยพระองค์เช่นน้ีก็เท่ากับเปิดช่องว่างให้กับผู้ไม่ปรารถนา ดี ดที ย่ี งั มีบุเรงนองขุนศึกค่พู ระทัยอยเู่ คยี งขา้ งทำ�ให้ศัตรูทง้ั ในและนอกราช ส�ำ นกั ยังไมก่ ลา้ กล�ำ้ กราย จนเมื่อบุเรงนองต้องออกไปปราบกบฎทเ่ี มือง สิเรยี ม พระเจ้าตะเบงชเวตก้ี เ็ สดจ็ ไปคล้องชา้ งตามท่ีเจา้ เมืองสะโตงกราบ บงั คมทูลเชญิ ซ่งึ ที่น่ันคอื สถานทป่ี ิดฉากความย่งิ ใหญ่ของกษตั ริยห์ นมุ่ ผนู้ ้ี ******************** พระเจ้าตะเบงชเวต้ีแห่งตองอูถูกลอบปลงพระชนม์ขณะบรรทม มิไดเ้ สดจ็ สวรรคตในการศกึ ให้สมกับท่ีเป็นนกั รบ นา่ เสียดายทผ่ี ยู้ ง่ิ ใหญใ่ น อดีตหลายท่านจบชวี ติ ลงอย่างไมค่ อ่ ยจะสมเกียรติสักเท่าไหร่ แต่ท่ีเสียดาย ยิ่งกว่าก็คืออาณาจักรท่ีพระองค์อุตส่าห์ทำ�ศึกรวบรวมไว้เกือบจะเป็นปึก ๔๑
ประวัติศาสตร์จานเดียว แผน่ แลว้ นนั้ กลับแตกออกเป็นเสีย่ งๆ หลังทราบข่าว เจา้ เมืองต่างๆ ท่ีเคย ศโิ รราบต่างแข็งเมอื งประกาศตนเปน็ เอกราชเสยี ส้นิ เป็นอุทธาหรณ์อย่างดีว่าแท้จริงแล้วบรรดาเมืองที่ยกธงยอมนั้นเขา ยอมเพราะสู้ไมไ่ ด้ แต่ไมไ่ ด้ยอมด้วยใจจริง ทง้ั ท่ีพระองคพ์ ยายามใชไ้ มน้ วม ไม่ลงอาญา แถมยังยกเมอื งให้ปกครองดังเดมิ แต่นน่ั อาจเป็นเพราะชว่ ง เวลาแค่ ๑๕ ปี เทา่ นน้ั จึงยงั ไมอ่ าจหลอมรวมน้�ำ ใจทุกคนใหเ้ ปน็ หนึง่ เดียวได้ ไม่รวู้ า่ เจ้าเมอื งต่างๆ ทปี่ ระกาศตนเป็นอสิ ระนนั้ ลืมนึกไปรึไมว่ ่ายงั มแี มท่ พั ใหญ่ บุเรนองกยอดนิ นรธา ผู้จงรกั ภกั ดอี ย่อู ีกหนง่ึ คน เสนาบดที งั้ หลายต่างเหน็ พ้องกนั ว่าไม่มผี ้ใู ดมีบารมเี ทา่ บเุ รงนองอีกแลว้ จงึ พร้อมใจกนั ยกแม่ทัพใหญข่ ้ึนครองบลั ลังกส์ บื ทอดปณิธานของพระเจา้ ตะเบงชเวต้ี ในปี พ.ศ. ๒๐๙๔ ภาระใหญข่ องพระเจา้ บเุ รงนองคอื การรวมแผ่นดินอีกครัง้ หนึ่ง ขวบ ปีแรกของการขนึ้ ครองราชย์ พระองค์เริ่มตีเอาเมอื งหงสาวดีของพวกมอญ ก่อน เมอ่ื จัดการจนราบคาบแลว้ พระองคม์ ิได้ท�ำ ลายเมืองให้สมแคน้ กลบั ประกาศนิรโทษกรรม ยกใหข้ ้าราชการมอญทั้งหลายคงปฏิบัตหิ น้าทตี่ ามเดิม แลว้ ทรงโปรดเกลา้ ฯ สถาปนาให้เมอื งหงสาวดเี ปน็ ราชธานีแห่งใหม่ ทรง ประกอบพธิ บี รมราชาภิเษกขน้ึ ที่น่ี เฉลิมพระนามาภไิ ธย พระเจา้ สิรสิ ธุ รรม ราชา จากน้นั จึงเรม่ิ เกบ็ เมอื งอืน่ ๆ เช่น เมืองแปร เมอื งเมาะตะมะ เป็นตน้ และใชว้ ธิ เี ดิมคอื ไมท่ �ำ ลาย ไมฆ่ า่ ลา้ งโคตร แต่ใช้ความปรานี ยกให้ขา้ ราชการ กินตำ�แหน่งเดิม เพยี งแตค่ ราวนท้ี รงต้งั พระอนุชาไว้เป็นเจ้าเมอื งเพือ่ คอย ดแู ลตา่ งพระเนตรพระกรรณ จากนั้นอกี สองปี พระองค์ก็ตกี รงุ อังวะแตก พระองค์ยังตะลยุ ตอ่ จนชนะยดึ เอาแคว้นไทยใหญไ่ ด้ ตามดว้ ยนครเชียงใหม่ เปน็ อันวา่ ทางตอน เหนอื และตะวนั ออกล้วนแต่กลายเป็นของพระองคเ์ สยี หมดสนิ้ ขนาดเมอื ง มณีปุระริมในเขตอินเดียทางฝั่งตะวันตกก็ยังยอมส่งบรรณาการมาถวาย ๔๒
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266