Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการบริหารงานบุคคล ปรับปรุงครั้งที่ 4

คู่มือการบริหารงานบุคคล ปรับปรุงครั้งที่ 4

Published by dongthong.da, 2020-09-19 23:02:21

Description: คู่มือการบริหารงานบุคคล ปรับปรุงครั้งที่ 4

Search

Read the Text Version

คำนำ ตามที่ได้มีคาสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คาสั่งท่ี 10/2559 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2559 เรือ่ ง การขับเคลอ่ื นการปฏริ ูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภมู ิภาค และคาสงั่ ที่ 11/2559 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2559 เรื่อง การบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค ซึง่ กาหนดให้มีคณะกรรมการขับเคลือ่ นการปฏริ ปู การศกึ ษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค และใหย้ บุ เลิก อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนที่การศึกษา ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้ง ให้โอนอานาจหนา้ ท่ขี อง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบขา้ ราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา ไปเปน็ อานาจหนา้ ทข่ี องคณะกรรมการศึกษาธิการจงั หวัด ซึง่ ต่อมาไดม้ ีคาสงั่ หัวหนา้ คณะรักษา ความสงบแห่งชาติ คาสั่งที่ 19/2560 ลงวันที่ 3 เมษายน 2560 เรื่อง การปฏิรูปการศกึ ษาในภมู ิภาคของ กระทรวงศึกษาธิการ ปรับปรุงองค์ประกอบและอานาจหน้าที่ของคณะกรรมการขับเคล่ือนการปฏิรูป การศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาคและคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด เพ่ือให้การดาเนินการ เก่ยี วกับการบรหิ ารงานบุคคลของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาเปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ น้ัน ในช่วงระยะเวลาท่ีผ่านมาสานักงาน ก.ค.ศ. ได้มีการจัดประชุมสัมมนาผู้แทนสานักงาน ก.ค.ศ. ใน กศจ. และประชุมสัมมนาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ใน กศจ. เพื่อสรา้ งความรู้ ความเข้าใจ เก่ียวกับกฎ ระเบยี บ หลักเกณฑ์ วิธีการและแนวปฏิบตั ิทีเ่ กีย่ วข้องกับ การบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมท้ังแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ประสบการณ์ ในการปฏิบตั ิงาน อย่เู ปน็ ระยะ ๆ ซง่ึ ในการประชุมสมั มนาดังกลา่ วพบวา่ ผู้เข้าร่วมประชมุ มขี อ้ คาถามเกยี่ วกับ การปฏิบัติงานด้านการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในหลายประเด็น ประกอบกับมีข้อหารือจากสานักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษา และสานักงานศึกษาธิการจังหวัด ในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจ สานักงาน ก.ค.ศ. จึงได้รวบรวมประเด็นข้อหารือดังกล่าวเป็นหมวดหมู่ เพือ่ ประกอบการปฏบิ ัติงานของผูแ้ ทนสานกั งาน ก.ค.ศ. ใน กศจ. และคณะกรรมการศึกษาธกิ ารจังหวดั ซึง่ จะ ส่งผลให้การปฏิบัติงานด้านการบรหิ ารงานบคุ คลของขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา เปน็ มาตรฐาน เดียวกัน สานักงาน ก.ค.ศ. หวังเป็นอย่างย่ิงว่า เอกสาร “แนวทางการพิจารณาเก่ียวกับ การบริหารงานบคุ คลของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา” ฉบบั น้ี จะเป็นประโยชน์ตอ่ การปฏิบตั งิ าน ของผู้แทนสานักงาน ก.ค.ศ. ใน กศจ. และคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ท่ีถูกต้อง ชัดเจนและเป็น มาตรฐานเดียวกัน ตอ่ ไป สำนักงำน ก.ค.ศ. สงิ หำคม 2563

สารบัญ หนา้ เรอ่ื ง 1 6 1. การประชมุ ของ กศจ. 31 2. การสรรหา บรรจุ แตง่ ตั้ง และการบรรจุกลบั เข้ารับราชการ 48 3. เงินเดอื น และคา่ ตอบแทน 71 4. การยา้ ย 77 5. การเกลีย่ อัตรากาลัง 87 6. การโอน ๑25 7. การประเมนิ วิทยฐานะ ๑39 8. การพัฒนา 159 9. การบริหารงานบคุ คลของบคุ ลากรทางการศกึ ษาอน่ื ตามมาตรา ๓๘ ค. (๒) 214 10. การดาเนินการทางวนิ ยั และการออกจากราชการ 11. การร้องทุกขแ์ ละการพิจารณารอ้ งทกุ ข์

๑. การประชมุ ของ กศจ. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพ.ศ. ๒๕๔๗ มาตรา ๒๒ กำหนดให้ การประชมุ ของ อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนท่ีการศึกษา ใหน้ ำความในมาตรา ๑๖ มาใช้บงั คับโดยอนโุ ลม ดังนั้น การประชุมพิจารณาของ กศจ. ในส่วนที่เป็นอำนาจหน้าที่ของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา จึงต้องดำเนินการตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ท่บี ัญญัตวิ า่ “มาตรา ๑๖ การประชุม ก.ค.ศ. ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน กรรมการทง้ั หมด จึงจะเปน็ องคป์ ระชมุ ในการประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการทำหน้าที่แทน ถ้าไม่มีรองประธานกรรมการหรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติ หน้าที่ได้ ให้ที่ประชมุ เลอื กกรรมการคนหน่งึ ทำหนา้ ท่เี ปน็ ประธานในทปี่ ระชุม ในการประชุมถ้ามกี ารพิจารณาเรื่องเกี่ยวกับตัวกรรมการผู้ใดโดยเฉพาะ หรือเมื่อมีกรณีเข้าข่าย ทก่ี ฎหมายกำหนดว่ากรรมการผนู้ ้ันมสี ว่ นไดเ้ สีย กรรมการผู้น้ันไม่มีสทิ ธิเขา้ ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีหนึ่งเสียง ในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเทา่ กนั ใหป้ ระธานในทป่ี ระชุมออกเสยี งเพิ่มข้นึ อีกเสยี งหนงึ่ เปน็ เสยี งช้ขี าด” นอกจากการประชุมของ กศจ. จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติมาตรา ๑๖ ประกอบมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ แล้ว ยังต้องเป็ นไปตาม มาตรา ๘๐ – ๘๓ แห่งพระราชบัญญัติวิธปี ฏิบัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ด้วย ดงั ตอ่ ไปนี้ “มาตรา ๘๐ การประชุมใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บการทค่ี ณะกรรมการกำหนด การนัดประชุมต้องทำเป็นหนังสือและแจ้งให้กรรมการทุกคนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า สามวัน เว้นแต่กรรมการนั้นจะได้ทราบการบอกนัดในที่ประชุมแล้ว กรณีดังกล่าวนี้จะทำหนังสือแจ้งนัด เฉพาะกรรมการทไี่ มไ่ ด้มาประชมุ ก็ได้ บทบัญญัติในวรรคสองมิให้นำมาใช้บังคับในกรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนซึ่งประธานกรรมการ จะนัดประชุมเปน็ อย่างอืน่ กไ็ ด้” “มาตรา ๘๑ ประธานกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการประชุม และเพื่อรักษา ความเรียบร้อยในการประชมุ ใหป้ ระธานมีอำนาจออกคำสง่ั ใด ๆ ตามความจำเปน็ ได้ ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธาน กรรมการทำหน้าที่แทน ถ้าไม่มีรองประธานกรรมการหรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการ ทีม่ าประชมุ เลอื กกรรมการคนหนง่ึ ขึน้ ทำหนา้ ท่ีแทน ในกรณีที่ประธานกรรมการมีหน้าที่ต้องดำเนินการใด ๆ นอกจากการดำเนินการประชุม ใหน้ ำความในวรรคสองมาบังคบั ใช้โดยอนโุ ลม” “มาตรา ๘๒ การลงมตขิ องที่ประชมุ ให้ถือเสียงขา้ งมาก

-๒- กรรมการคนหนึ่งให้มีหนึ่งเสียงในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธาน ในท่ปี ระชุมออกเสยี งเพิ่มขน้ึ อกี หนึ่งเสยี งเป็นเสียงชีข้ าด เรื่องใดถ้าไม่มีผู้คัดค้าน ให้ประธานถามที่ประชุมว่ามีผู้เห็นเป็นอย่างอื่นหรือไม่ เมอื่ ไมม่ ผี ูเ้ ห็นเปน็ อย่างอน่ื ใหถ้ อื วา่ ที่ประชมุ ลงมตเิ ห็นชอบในเร่อื งน้ัน” “มาตรา ๘๓ ในการประชมุ ตอ้ งมรี ายงานการประชุมเป็นหนงั สือ ถ้ามีความเห็นแย้งให้บันทึกความเห็นแย้งพร้อมทั้งเหตุผลไว้ในรายงานการประชุม และถา้ กรรมการฝา่ ยขา้ งน้อยเสนอความเหน็ แย้งเปน็ หนังสือก็ให้บันทกึ ความเหน็ แยง้ นัน้ ไวด้ ้วย” อีกประการหนึ่ง การประชุม กศจ. เป็นการพิจารณาทางปกครองเพื่อนำไปสู่การออกคำส่ังทางปกครอง จึงอยู่ภายใต้บทบัญญัติว่าด้วยคำสั่งทางปกครอง ในหมวด ๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เกิดเป็นข้อโต้แย้งอยู่บ่อยครั้ง เช่น ในเรื่อง “ความเป็นกลางในการพิจารณาทางปกครองของเจ้าหน้าที่” ซึ่งหลักกฎหมายดังกล่าวปรากฏตามมาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๖ แหง่ พระราชบญั ญัติวธิ ีปฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ดังตอ่ ไปนี้ “มาตรา ๑๓ เจ้าหนา้ ที่ดงั ตอ่ ไปน้ีจะทำการพิจารณาทางปกครองไม่ได้ (๑) เป็นค่กู รณีเอง (๒) เป็นคู่หม้ันหรอื คู่สมรสของคกู่ รณี (๓) เป็นญาติของคู่กรณี คือ เป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานไม่ว่าชั้นใด ๆ หรือเป็นพี่น้องหรือ ลูกพีล่ ูกนอ้ งนับไดเ้ พยี งภายในสามชัน้ หรอื เปน็ ญาตเิ ก่ยี วพันทางแต่งงานนับไดเ้ พียงสองช้ัน (๔) เปน็ หรือเคยเป็นผ้แู ทนโดยชอบธรรมหรอื ผู้พิทักษห์ รอื ผูแ้ ทนหรือตัวแทนของคู่กรณี (๕) เป็นเจา้ หนี้หรอื ลูกหน้ี หรือเปน็ นายจ้างของคกู่ รณี (๖) กรณีอ่นื ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง” “มาตรา ๑๖ ในกรณีมีเหตุอื่นใดนอกจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๓ เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่หรือ กรรมการในคณะกรรมการที่มีอำนาจพิจารณาทางปกครองซึ่งมีสภาพร้ายแรงอันอาจทำให้การพิจารณา ทางปกครองไม่เป็นกลาง เจา้ หน้าที่หรือกรรมการผูน้ ้ันจะทำการพิจารณาทางปกครองในเร่ืองน้นั ไม่ได้ ในกรณีตามวรรคหนง่ึ ให้ดำเนนิ การ ดงั นี้ (๑) ถ้าผู้นั้นเห็นเองว่าตนมีกรณีดังกล่าว ให้ผู้นั้นหยุดการพิจารณาเรื่องไว้ก่อนและแจ้งให้ ผ้บู งั คบั บัญชาเหนือตนขนึ้ ไปชนั้ หนึ่งหรอื ประธานกรรมการทราบ แลว้ แต่กรณี (๒) ถ้ามีคู่กรณีคัดค้านว่าผู้นั้นมีเหตุดังกล่าว หากผู้นั้นเห็นว่าตนไม่มีเหตุตามที่คัดค้านนั้น ผู้นั้นจะทำการพิจารณาเรื่องต่อไปก็ได้แต่ต้องแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาเหนือตนขึ้นไปชั้นหนึ่งหรือประธาน กรรมการทราบ แลว้ แต่กรณี (๓) ให้ผู้บังคับบัญชาของผู้นั้นหรือคณะกรรมการที่มีอำนาจพิจารณาทางปกครองซึ่งผู้น้ัน เป็นกรรมการอยู่มีคำสั่งหรือมีมติโดยไม่ชักช้า แล้วแต่กรณีว่าผู้นั้นมีอำนาจในการพิจารณาทางปกคร อง ในเรื่องน้นั หรอื ไม่

-๓- ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๔ วรรคสอง และมาตรา ๑๕ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคส่ี มาใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม” ความเปน็ กลางในการพจิ ารณาทางปกครองของเจา้ หนา้ ท่ี พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งเป็นกฎหมายกลางที่วางหลักเกณฑ์ทั่วไป เกี่ยวกับการออกคำสั่งทางปกครองและการปฏิบัติภายหลังจากที่ได้มีการออกคำสั่งทางปกครอง เพอ่ื ให้การปฏิบัตหิ นา้ ทขี่ องเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองมีมาตรฐานเดียวกัน ได้มขี อ้ กำหนดเกีย่ วกบั “หลักความเปน็ กลาง” ของเจา้ หน้าทใ่ี นการพิจารณาทางปกครองไว้ ซึง่ เปน็ ประโยชน์อย่างย่ิงสำหรบั คูก่ รณีท่ีจะปกป้องและรักษาสิทธิ ของตนเอง เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวได้มีข้อกำหนดลักษณะของเจ้าหน้าที่ที่เข้าข่ายมีความไม่เป็นกลาง ในการพิจารณาทางปกครองไว้ โดยคู่กรณีสามารถใช้สิทธิโต้แย้งหรือคัดค้านการปฏบิ ัติหน้าทีข่ องเจ้าหน้าท่ีดังกล่าวได้ หรือแม้แต่ตัวเจ้าหน้าที่เองเมื่อเห็นว่าตนอาจเข้าลักษณะที่จะทำให้การพิจารณาทางปกครองเกิดความไม่เป็นกลาง ก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลงั ทั้งนี้ เพราะหาก ฝ่ายปกครองวินิจฉัยสั่งการในเรื่องใดอย่างมีอคติไม่ว่าจะในทางบวกหรือทางลบ เพราะด้วยเหตุมีความไม่เป็นกลางแล้ว ย่อมส่งผลให้การวินิจฉัยสั่งการในเรื่องนั้นเป็นการฝ่าฝืนหลักความเป็นกลาง ไม่ชอบด้วยกฎหมายและอาจถูก เพิกถอนไดใ้ นที่สดุ เหตุหรือพฤติการณ์ทีอ่ าจทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เปน็ กลาง ตามกฎหมายวิธีปฏิบตั ิราชการ ทางปกครองนัน้ ประกอบด้วย ๒ ประการ กล่าวคือ ประการแรก ความไม่เป็นกลางจากสภาพภายนอก อันเป็นเหตุตามมาตรา ๑๓ ซึ่งได้กำหนดลกั ษณะ ของเจา้ หนา้ ที่ทจี่ ะทำการพิจารณาทางปกครองไม่ได้ไว้ ไดแ้ ก่ (๑) เปน็ คู่กรณเี อง เชน่ เจา้ หน้าที่เป็นผู้ย่ืนคำขอ ในเรื่องที่ตนเป็นผู้มีอำนาจพิจารณา (๒) เป็นคู่หมั้นหรือคู่สมรสของคู่กรณี (๓) เป็นญาติของคู่กรณี คือ เป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานไม่ว่าชั้นใด ๆ หรือเป็นพี่น้องหรือลูกพี่ลูกน้องนับได้เพียงภายในสามชั้น หรือเป็น ญาติเกี่ยวพันทางแต่งงานนับได้เพียงสองชัน้ (๔) เป็นหรือเคยเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้พทิ ักษห์ รือผู้แทน หรือตัวแทนของคู่กรณี (๕) เป็นเจ้าหนี้หรือลูกหน้ี หรือเป็นนายจ้างของคู่กรณี หรือกรณีอื่นตามที่กำหนด ในกฎกระทรวง ซึ่งกรณีตามมาตรา ๑๓ นี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับฐานะหรือความสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ พิจารณาทางปกครองกับคู่กรณีในลักษณะของความไม่เป็นกลางจากสภาพภายนอก ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ ในรปู แบบท่สี ามารถเหน็ ได้คอ่ นข้างชดั เจน

-๔- ประการที่สอง ความไม่เป็นกลางจากสภาพภายใน โดยมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง กำหนดว่า ในกรณีมีเหตุอื่นใด นอกจากมาตรา ๑๓ เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่หรือกรรมการในคณะกรรมการที่มีอำนาจพิจารณาทางปกครอง ซึ่งมีสภาพร้ายแรงอันอาจทำให้การพิจารณาทางปกครองไมเ่ ปน็ กลาง เจ้าหน้าทีห่ รือกรรมการผู้น้ันจะทำการพิจารณา ทางปกครองในเรื่องนั้นไม่ได้ โดยความไม่เป็นกลางจากสภาพภายในน้ี เป็นเรื่องที่ต้องตีความและพิจารณา เป็นกรณี ๆ ไปว่ามีสภาพร้ายจนถึงขนาดทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลางหรือไม่ ตัวอย่างความไม่เป็นกลาง จากสภาพภายใน เช่น เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจพิจารณาทางปกครองเคยมีคดีความหรือกำลังมีข้อพิพาทกัน อยู่กับคู่กรณี หรือเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจอนุมัติทำสัญญาจ้างมีหุ้นส่วนอยู่ในบริษัทซึ่งเป็นคู่กรณี หรือเจ้าหน้าท่ี ได้เคยแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณชนในเรื่องที่ตนจะต้องทำการพิจารณา จึงถือว่ามีสภาพร้ายแรงภายใน ที่ทำให้ไม่อาจพิจารณาในเรื่องนั้น ๆ ได้ เนื่องจากมีเหตุที่ชวนให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยได้ว่า เจ้าหน้าท่ี ผูม้ ีอำนาจดงั กลา่ วอาจไมเ่ ป็นกลางเพราะมีอคตหิ รือประโยชน์ไดเ้ สยี ในเรอื่ งนน้ั ๆ เปน็ ต้น กรณีตัวอย่างเก่ยี วกับหลกั ความเป็นกลาง กรณี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเมื่อได้ใช้อำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย อย่างร้ายแรงข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดแล้ว ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาผู้นั้น ไม่อาจเข้าร่วมพิจารณาในฐานะกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาในชั้นพิจารณาได้ แต่สามารถ สง่ั ลงโทษตามมติ อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาได้ ข้อเท็จจริง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน วินัยอย่างร้ายแรงข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ผลการสอบสวนคณะกรรมการสอบสวนมีความเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจึงต้องส่งเรื่องให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาพิจารณา ในขั้นตอนการพิจารณาผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นอนุกรรมการ และเลขานุการโดยตำแหน่งใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาตามมาตรา ๒1 (๒) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ด้วย จงึ มีปัญหาวา่ ในข้ันตอนการพิจารณาของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นทกี่ ารศึกษาและในช้นั การออกคำส่งั ลงโทษทางวนิ ัย ผอู้ ำนวยการเขตพื้นท่ีการศึกษา เป็นเจ้าหน้าที่ท่ีมีเหตุ อันมีสภาพร้ายแรงอันอาจทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลางตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งอาจทำให้การออกคำสั่งลงโทษทางวินัยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อย่างไร คณะกรรมการวิธีปฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พิจารณาแล้วมคี วามเห็นสรปุ ไดด้ ังนี้ (1) ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาซึ่งเป็นอนุกรรมการและเลขานุการโดยตำแหน่ง ใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาจะทำการพิจารณาทางปกครองในเรื่องการดำเนินการทางวินัยที่ตนมีคำสั่งแต่งต้ัง คณะกรรมการสอบสวนอย่างร้ายแรงและมีความเห็นว่า พฤติการณ์ของผู้นั้นเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง มีเหตุซึ่งมีสภาพร้ายแรงได้หรือไม่ อย่างไร เห็นว่า การดำเนินการทางวินัยซึ่งเริ่มตั้งแต่การดำเนินการของ คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยจนถึงการออกคำสั่งลงโทษทางวินัยต้องดำเนินการด้วยความเป็นกลาง มาตรา ๑๖ แหง่ พระราชบัญญัตวิ ิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงได้บัญญัตเิ หตุทีม่ ีสภาพร้ายแรง

-๕- อันอาจทำให้การพิจารณาทางปกครองของเจ้าหน้าที่ไม่เป็นกลางได้ เมื่อผู้อำนวยการสำนักงานเขต พื้นที่ การศึกษาเป็นอนุกรรมการและเลขานุการโดยตำแหน่งใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ตามมาตรา ๒๑ (๒) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงมีฐานะเป็นกรรมการในคณะกรรมการที่มีอำนาจพิจารณาทางปกครองในชั้นการพิ จารณาข้อเท็จจริงและ การพิจารณาโทษทางวินัยด้วย และเป็นผู้มีเหตุที่จะทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลางได้ ตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ในกรณีนี้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ การศกึ ษาจึงไมส่ ามารถรว่ มพิจารณาสำนวนการสอบสวนทางวินยั น้ันได้ (2) ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาซึ่งจะต้องเป็นผู้ออกคำสั่งลงโทษทางวินัยจะถือว่าเป็น เจา้ หนา้ ท่ีทมี่ เี หตุซึ่งมสี ภาพร้ายแรงอันอาจทำให้การพิจารณาทางปกครองไมเ่ ปน็ กลางไดห้ รือไม่เห็นว่าการพิจารณา สั่งการในกรณีผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ๔๐(๓)แห่งกฎก.ค.ศ. ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ. ๒๕๕๐กำหนดให้กรณีที่คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าผู้ถูกสอบสวนกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงสมควร ลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจะต้องส่งเรื่องให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาพิจารณา กรณีเช่นน้ีจะเห็นว่า ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในฐานะผู้มีอำนาจจะต้องส่งเรื่องให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาพิจารณา และเมื่อ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามีมติเป็นอย่างใด ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาตอ้ งออกคำส่งั ตามมติของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ไม่อาจมีคำสั่งให้แตกต่างไปได้ จึงไม่มีประเด็นว่าเป็นผู้มีเหตุที่ทำให้ การพิจารณาไม่เป็นกลางหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากเป็นกรณีอื่นที่ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนสามารถพิจารณา สั่งการตามที่เห็นสมควรได้ แสดงว่าเป็นกรณีที่สามารถใช้ดุลพินิจในการพิจารณาสั่งสำนวนได้จึงอาจจะมีเหตุ ทจ่ี ะทำใหก้ ารพิจารณาสำนวนไม่เป็นกลางตามมาตรา๑๖แหง่ พระราชบัญญตั วิ ธิ ปี ฏิบัติราชการทางปกครองพ.ศ. 2539 (ความเห็นคณะกรรมการวธิ ีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง เรื่องเสรจ็ ที่ ๔๘๓/๒๕๕๑)

๒. การสรรหา บรรจุ แตง่ ต้งั และการบรรจุกลับเข้ารับราชการ การสรรหา การสรรหาบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งต้ังเข้ารบั ราชการเปน็ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สามารถดำเนินการได้ ๒ วธิ ี คือ การสอบแข่งขัน และการคดั เลอื ก ๒.๑ การสอบแข่งขัน ตำแหนง่ ครผู ู้ช่วย การสอบแข่งขัน ตำแหนง่ ครผู ู้ช่วย หมายถึง การสรรหาบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตง้ั เข้ารับราชการ เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด โดยใช้วิธีการสอบข้อเขียน สอบภาคปฏิบัติ และการสอบสมั ภาษณ์ ซึ่งผู้สอบแข่งขันได้จะได้รบั การบรรจุและแต่งตั้ง ตามลำดับที่ทสี่ อบแข่งขันได้ กฎหมาย กฎ ระเบียบ หลกั เกณฑ์และวิธีการทีเ่ ก่ียวข้อง ๑. มาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กำหนดว่า การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพ่ือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใด ใหบ้ รรจแุ ละแต่งต้ังจากผู้สอบแขง่ ขันไดส้ ำหรับตำแหน่งน้นั โดยบรรจแุ ละแต่งตงั้ ตามลำดับที่ในบัญชีผสู้ อบแข่งขันได้ ๒. คำส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ข้อ ๘ ให้ ก.ค.ศ. เป็นผู้ดำเนินการสอบแข่งขันเพ่ือบรรจุและแต่งต้ังบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ในกรณีที่ ก.ค.ศ. เห็นสมควร จะมอบหมายให้ กศจ. อ.ก.ค.ศ. ซึ่ง ก.ค.ศ. ต้ัง ตามมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ส่วนราชการ หรือหน่วยงานการศึกษา เป็นผู้ดำเนินการก็ได้ หลักสูตร วิธีการสอบแข่งขัน วิธีดำเนินการ ท่ีเก่ียวกับการสอบแข่งขัน เกณฑ์การตัดสิน การขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ การนำบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีหนึ่ง ไปข้ึนบัญชีเป็นผู้สอบแข่งขันได้ในบญั ชีอ่ืน การยกเลกิ บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ และรายละเอียดเกี่ยวกับการสอบแข่งขัน ให้เป็นไปตามหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเง่ือนไขที่ ก.ค.ศ. กำหนด ๓. หลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งต้ังบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ ๐๒๐๖.๖/ว ๑๔ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖3

-7- แผนผังการดำเนนิ การสอบแขง่ ขนั ตำแหน่งครูผู้ช่วย ๑. สพฐ. ดำเนินการ ๑.๑ กำหนดสดั สว่ นตำแหน่งว่าง ๒. กศจ. ดำเนินการ ๑.๒ กำหนดวัน เวลา ในการสอบภาค ก และ ภาค ข ๑.๓ กำหนดระยะเวลาการขึ้นบัญชีต้องไม่เกนิ สองปี ๒.๑ กำหนดจำนวนตำแหนง่ วา่ ง และกลมุ่ วชิ า หรอื ทาง หรือสาขาวชิ าเอก ๑.๔ บรหิ ารจัดการเกีย่ วกบั การออกขอ้ สอบภาค ก ๒.๒ ประกาศรับสมัครสอบแข่งขนั ภาค ข และกำหนดตัวช้ีวัดและวิธีการ ให้คะแนน ภาค ค แบบรูบริค ๒.๓ รบั สมคั รสอบแขง่ ขัน ๑.๕ จัดทำบัญชีรายช่ือผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อแต่งตั้ง เป็นกรรมการประเมินภาค ค ๒.๔ ตรวจสอบเอกสาร คณุ สมบตั ิ และคณุ วฒุ ิของผูส้ มัคร ๑.๖ กำกับติดตามการดำเนินการสอบแข่งขัน สอบแข่งขนั ผ้สู มัครสอบแขง่ ขัน ๒.๕ ประกาศรายชื่อผ้มู สี ทิ ธิสอบแขง่ ขนั วัน เวลา และสถานทส่ี อบ ๑. ต้องมคี ณุ สมบัติท่วั ไป ตามมาตรา ๓๐ • และมีคุณสมบัตเิ ฉพาะสำหรับตำแหน่ง ๒.๖ ดำเนวินนั กเาวรลจาัดแสลอะบสภถาาคนทกส่ี แอลบะ ภาค ข ตามมาตรฐานตำแหนง่ ครผู ชู้ ว่ ย วนั เวลา และสถานท่ีสอบ ๒. เลอื กสมัครสอบไดเ้ พียงแห่งเดยี ว และสาขาวิชาเอกใดเอกหน่งึ เทา่ น้ัน ๒.๗ ประกาศรายช่ือผสู้ อบผา่ น ภาค ก และ ภาค ข ๓. ระบรุ ะดบั การศกึ ษาและระดบั ชัน้ ท่ีจะสาธิตการสอน ๔. จดั ทำรายละเอยี ดประเมนิ ภาค ค ๒.๘ กำหนดวนั เวลา และสถานทปี่ ระเมนิ ภาค ค ๒.๙ แต่งตง้ั คณะกรรมการประเมนิ ภาค ค ตามองค์ประกอบที่ ก.ค.ศ. กำหนด ๒.๑๐ ดำเนนิ การจดั สอบ ภาค ค วนั เวลา และสถานท่ีสอบ ๒.๑๑ ประกาศรายชื่อผู้สอบแข่งขนั ได้ ๒.๑๒ เรยี กตวั ผสู้ อบแขง่ ขันไดม้ ารายงานตวั เพอื่ บรรจแุ ละแต่งต้งั ๓. ผู้มอี ำนาจสั่งบรรจแุ ละแตง่ ตั้ง

-8- คำอธิบายแผนผงั ๑. การดำเนนิ การของสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน มีดงั นี้ ๑.๑ กำหนดสดั ส่วนตำแหน่งว่างเพ่อื ใช้ในการสอบแข่งขนั และการคัดเลือก ๑.๒ กำหนดวัน เวลา ในการสอบแข่งขันภาค ก และ ภาค ข ๑.๓ กำหนดระยะเวลาการข้ึนบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ให้มีระยะเวลาที่เหมาะสม โดยให้คำนึงถึง ประโยชน์ท่ที างราชการจะไดร้ ับเป็นสำคญั ทง้ั น้ี ต้องไมเ่ กินสองปี ๑.๔ บริหารจัดการเกี่ยวกับการออกข้อสอบ ภาค ก ภาค ข และกำหนดตัวชี้วัดและคะแนน การประเมินภาค ค พร้อมท้ังกำหนดเกณฑ์การประเมินและวิธีการให้คะแนน ภาค ค แบบรูบริค (Scoring Rubric) ตามหลักสูตรที่กำหนดท้ายหลักเกณฑ์ฯ ดังน้ี ภาค ก ความรอบรู้ ความสามารถทั่วไป (คะแนนเตม็ ๒๐๐ คะแนน) ภาค ข มาตรฐานความรู้และประสบการณว์ ิชาชพี (คะแนนเตม็ ๒๐๐ คะแนน) ภาค คความเหมาะสมกับตำแหนง่ วิชาชพี และการปฏิบัติงานในสถานศกึ ษา(คะแนนเตม็ ๑๐๐ คะแนน) ๑.๕ จดั ทำบญั ชรี ายชือ่ ผทู้ รงคุณวุฒเิ พ่ือให้ กศจ. พิจารณาแต่งตงั้ เป็นกรรมการประเมินภาค ค ๑.๖ กำกับตดิ ตามการดำเนินการสอบแข่งขัน ๒. การดำเนินการของผู้ดำเนินการคัดเลือก (กศจ.) มดี ังน้ี ๒.๑ กำหนดจำนวนตำแหน่งว่างท่ีมีอัตราเงินเดือน และกลุ่มวิชา หรือทาง หรือสาขาวิชาเอก ท่ีใช้ในการสอบแข่งขัน ตามความต้องการจำเป็นของสถานศกึ ษา ๒.๒ ประกาศสอบแข่งขนั ก่อนวนั รบั สมัครไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ไม่เวน้ วันหยดุ ราชการ ๒.๓ รบั สมัครสอบแขง่ ขันไม่น้อยกว่าเจ็ดวันไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยให้ผสู้ มัครยื่นสมัครด้วยตนเอง หรือทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามแบบหรือวิธีการที่ผู้ดำเนินการสอบแข่งขันกำหนด พร้อมด้วยค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ จำนวน ๓๐๐ บาท และให้สมัครในวัน เวลา ที่เปิดรับสมัคร ๒.๔ กำหนดให้มีเจ้าหน้าท่ีตรวจสอบเอกสาร คุณสมบัติ และคุณวุฒิของผู้สมัครสอบแข่งขัน ให้ถูกต้องตรงตามท่ีระบุไว้ในประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน และจดั ทำสถิติผู้สมัครแยกตามคุณวุฒิ ประเภทวิชา หรอื กลมุ่ วิชา หรือทาง หรือสาขาวชิ าเอก ๒.๕ ประกาศรายช่ือผู้มีสิทธิสอบแข่งขัน วัน เวลา และสถานที่สอบ รวมทั้งระเบียบว่าด้วย การปฏิบัติของผู้เข้าสอบ และระเบียบอ่ืน ๆ เก่ียวกับการสอบแข่งขัน ๒.๖ ดำเนินการสอบ ภาค ก และ ภาค ข ๒.๗ ประกาศรายช่ือผู้ที่ได้คะแนนภาค ก และ ภาค ข แต่ละภาคไม่ต่ำกว่าร้อยละหกสิบ ที่มีสิทธิ สอบภาค ค โดยเรียงตามลำดับเลขประจำตัวสอบ พร้อมทั้ง กำหนดวัน เวลา และสถานท่ีในการประเมินภาค ค รวมทงั้ รายการ และเอกสารการประเมินภาค ค ท่ีผ้สู อบแขง่ ขนั ตอ้ งจดั ทำ ๒.๘ แตง่ ต้งั มีคณะกรรมการประเมนิ ภาค ค จำนวน ๕ คน ตามองค์ประกอบท่ี ก.ค.ศ. กำหนด ๒.๙ ดำเนินการสอบ ภาค ค พรอ้ มทงั้ บันทึกภาพและเสยี งในรปู แบบวดี โี อไวเ้ ป็นหลักฐาน

-9- ๒.๑๐ ประกาศรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้เฉพาะผู้ที่ได้คะแนน ภาค ก ภาค ข และ ภาค ค แต่ละภาคไม่ต่ำกว่าร้อยละหกสิบ โดยเรียงลำดับผู้ที่ได้คะแนนรวมจากมากไปหาน้อย และให้ข้ึนบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ตามระยะเวลาที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด ทั้งนี้ หากมีการประกาศข้ึนบัญชี ผู้สอบแข่งขันได้ในคุณวุฒิ กลุ่มวชิ า หรือทาง หรือสาขาวชิ าเอกเดียวกันคร้ังใหม่ บัญชีผ้สู อบแขง่ ขันได้ครง้ั กอ่ น เปน็ อันยกเลกิ สำหรบั บญั ชผี ู้สอบแข่งขนั ไดจ้ ะถกู ยกเลกิ การขนึ้ บญั ชี เม่อื ผู้นนั้ มกี รณใี ดกรณหี น่ึง ดงั ต่อไปน้ี ๑) ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งไปแล้ว ๒) ขอสละสิทธิการบรรจุและแต่งต้ัง ๓) ไม่มารายงานตัวเพื่อรับการบรรจุและแต่งต้ังตามกำหนด ๔) ไม่อาจรับการบรรจุและแต่งตั้งตามวันที่กำหนดได้ ๒.๑๑ ให้เรียกตัวผู้สอบแข่งขันได้มารายงานตัวเพ่ือบรรจุและแต่งต้ัง โดยให้ทำหนังสือเรียกตัว ผู้สอบแข่งขันได้โดยตรงเป็นรายบุคคลตามลำดับท่ีในประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ตามที่อยู่ที่ปรากฏ ในเอกสารการสมัคร โดยกำหนดวันรายงานตัวไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน แต่ไม่เกินสิบวัน นับแต่วันประทับตรา ลงทะเบียนของไปรษณีย์ต้นทาง ท้ังน้ี การดำเนินการสอบแข่งขัน กศจ. แต่งตั้งกรรมการและเจ้าหน้าที่รับผิดชอบการสอบแข่งขัน ได้ตามความจำเป็นและความเหมาะสม หรือมอบหมายให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด สำนักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษา สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา แล้วแต่กรณี แต่งตั้งกรรมการและเจ้าหน้าท่ี รับผิดชอบการสอบแข่งขัน ได้ตามความจำเป็นและความเหมาะสม โดยการดำเนินการสอบแข่งขัน ให้ยึดหลกั การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี หากปรากฏว่ามีการทุจรติ หรือส่อไปในทางไม่สุจรติ หรือดำเนินการ ผดิ พลาดอันอาจเกดิ ความไม่เป็นธรรม กศจ. สามารถพิจารณาแกไ้ ขหรอื ยกเลิกการสอบแข่งขันได้ ๓. ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง ส่ังบรรจุและแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้ท่ีมีคุณสมบัติครบถ้วน และมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือหลักฐานที่ใช้แสดงในการประกอบวิชาชีพครูตามที่คุรุสภาออกให้ เพ่ือปฏิบัติหน้าท่ีสอน ท่ียังไม่หมดอายุ โดยให้บรรจุและแต่งต้ังเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย และรับเงินเดือนในอันดับครูผู้ช่วย ตามประกาศรับสมัครสอบแข่งขันตามจำนวนตำแหน่งว่าง ตามลำดับท่ีในประกาศข้ึนบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ โดยอนุมัติของ กศจ. และให้ส่งสำเนาคำสั่งบรรจุและแต่งตั้ง ผู้สอบแข่งขันได้ พร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ไปยังสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาที่รับการบรรจุและแต่งตั้ง ส่วนราชการและสำนักงาน ก.ค.ศ. แล้วแต่กรณี หน่วยงานละ ๑ ชุด ภายใน ๗ วัน นับตั้งแต่วันออกคำส่ัง เพื่อตรวจสอบคำส่ัง ท้ังน้ี สถานศึกษาที่รับการบรรจุและแต่งต้ัง ต้องมีจำนวนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ไมเ่ กนิ เกณฑ์อตั รากำลงั ท่ี ก.ค.ศ. กำหนด

- 10 - ขอ้ พึงระวัง (ถ้ามี) ๑. คุณวฒุ ทิ ี่นำมาสมคั รต้องไดร้ ับการรับรองจาก ก.ค.ศ. แล้ว ๒. คุณวุฒแิ ละอตั ราเงนิ เดือน ตอ้ งตรงตามประกาศรับสมัคร ๓. ในวันสมัคร ผู้สมัครสอบแข่งขันต้องได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือหลักฐานท่ีใช้แสดง ในการประกอบวิชาชีพครูตามท่ีคุรุสภาออกให้เพ่ือปฏิบัติหน้าท่ีสอนอยู่ก่อนหรือไม่หลังวันเปิดรับสมัคร สอบแขง่ ขันวันสดุ ท้าย (ยกเวน้ ผูส้ มคั รสอบในสาขาขาดแคลน) ๔. ในวันบรรจุและแต่งตั้ง ผู้สอบแข่งขันได้ทุกกรณี ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือหลกั ฐานทใี่ ชแ้ สดงในการประกอบวชิ าชีพครูตามท่ีคุรุสภาออกให้เพื่อปฏิบตั ิหนา้ ที่สอน ทย่ี งั ไม่หมดอายุ

- 11 - ๒.๒ การคัดเลือก ตำแหน่งครผู ู้ช่วย การคดั เลือกตำแหน่งครูผู้ช่วย หมายถึง การสรรหาบคุ คลเพอื่ บรรจุและแต่งต้ังเขา้ รับราชการ เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ โดยวธิ ีการคดั เลอื ก ตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารที่ ก.ค.ศ. กำหนด มีจำนวน ๗ กรณี ดังนี้ กรณีท่ี ๑ มีมติคณะรัฐมนตรี หรือทางราชการมีเง่ือนไขให้รับโอนโรงเรียนเอกชน หรือ โรงเรยี นอ่นื ใดมาเปน็ โรงเรยี นรัฐบาล หรอื เงอ่ื นไขผกู พันอ่นื ทที่ างราชการใหไ้ วเ้ ปน็ การเฉพาะใหบ้ รรจุและแตง่ ต้งั กรณีท่ี ๒ มสี ัญญาผกู พนั ตามโครงการพเิ ศษ หรอื โครงการนักเรียนทนุ รัฐบาล กรณที ี่ ๓ ประกาศรบั สมคั รสอบแขง่ ขนั ไม่น้อยกว่าสองคร้ังแล้ว ไม่มีผสู้ มัคร กรณีที่ ๔ ดำเนินการสอบแข่งขันไม่น้อยกว่าสองคร้ังแล้ว ไดจ้ ำนวนคนไม่เพียงพอกับตำแหนง่ ว่าง ที่จะบรรจแุ ละแตง่ ตงั้ ตามท่ีประกาศ กรณีท่ี ๕ การบรรจุและแต่งต้ังบุคคลให้ไปดำรงตำแหน่งในพ้ืนท่ีท่ีเป็นเกาะหรือบนภูเขาสูง ท่ีไม่สามารถเดินทางด้วยพาหนะใด ๆ ได้สะดวกตลอดปี หรือพื้นท่ีท่ีมีความเสี่ยงต่อความม่ันคงของประเทศ ตามประกาศของกระทรวงการคลงั หรือกระทรวงมหาดไทย หรือกระทรวงอืน่ หรอื พืน้ ท่พี ิเศษ กรณีที่ ๖ การบรรจุและแต่งต้ังพนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ครูสอนศาสนาอิสลาม หรือวิทยากรอิสลามศึกษาตามประกาศแนวการดำเนินงานและการจัดการเรียนการสอนอิสลามศึกษาในสถานศึกษา ตามที่ส่วนราชการกำหนด พนักงานจ้างเหมาบริการ ครูอัตราจ้างหรือลูกจ้างช่ัวคราวจากเงินงบประมาณ หรือเงินรายได้ของสถานศึกษา ซ่ึงทุกตำแหน่งต้องได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่สอน ตามคำส่ังหรือสัญญาจ้าง อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันไม่น้อยกว่าสามปี นับถึงวันรับสมัครคัดเลือกวันสุดท้าย โดยมีภาระงานการสอน ตามท่สี ว่ นราชการกำหนด กรณีท่ี ๗ ความจำเปน็ หรือมีเหตพุ ิเศษอื่น ตามทผ่ี ดู้ ำเนินการคัดเลือกกำหนด โดยไดร้ บั อนุมตั จิ าก ก.ค.ศ. กฎหมาย กฎ ระเบียบ หลกั เกณฑแ์ ละวิธีการที่เก่ียวข้อง ๑. มาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กำหนดว่า ในกรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษท่ี อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนท่ีการศึกษาไม่สามารถดำเนินการสอบแข่งขันได้ หรือการสอบแข่งขันอาจทำให้ไม่ได้บุคคลต้องตามประสงค์ของทางราชการ อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนที่การศึกษา อาจคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยวิธีอื่นได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ี ก.ค.ศ. กำหนด ๒. หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งต้ังเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ ๐๒๐๖.๖/ว ๑๖ ลงวันท่ี ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ ๐๒๐๖.๖/ว ๑๓ ลงวนั ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐

- 12 - แผนผังการดำเนนิ การคดั เลือก ตำแหน่งครผู ู้ช่วย กรณที ่ี ๑ และกรณีท่ี ๒ ๑. สนง.ศธจ. ดำเนนิ การรายงานข้อมลู บคุ คลท่เี ปน็ ไปตามกรณที ี่มคี วามจำเป็น หรอื มเี หตุพิเศษ ตามกรณีท่ี ๑ หรือ กรณที ี่ ๒ ให้ กศจ. พจิ ารณา ๒. กศจ. ดำเนนิ การ ๒.๑ ตรวจสอบคณุ สมบตั ิให้ครบถว้ นตามมาตรฐานตำแหน่งครผู ู้ชว่ ย ๒.๒ กำหนดวันเวลาในการคัดเลือก ๒.๓ ดำเนินการประเมินความเหมาะสมกบั ตำแหนง่ และวชิ าชีพดว้ ยการสัมภาษณ์ โดยพจิ ารณาจากประวตั ิส่วนตวั การศึกษา บุคลิกภาพ ทว่ งทวี าจา ปฏภิ าณ เจตคติและอดุ มการณ์ ๓. สนง. ศธจ. แจ้งผลการคดั เลอื กไปยงั ผเู้ ข้ารับการคดั เลือก ๔. ผูม้ อี ำนาจ สั่งบรรจุและแต่งต้ัง

- 13 - คำอธบิ ายแผนผัง ๑. ให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด รายงานข้อมูลบุคคลที่เป็นไปตามกรณีที่มีความจำเป็น หรอื มีเหตพุ ิเศษ ตามกรณีท่ี ๑ หรือ กรณีท่ี ๒ ให้ กศจ. พจิ ารณา ๒. กศจ. พิจารณาวา่ เปน็ ไปตามกรณที ีม่ ีความจำเปน็ หรอื มเี หตุพเิ ศษ ตามกรณที ี่ ๑ หรือ กรณีที่ ๒ หรือไม่ โดยดำเนินการดังนี้ ๒.๑ ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบตั ิให้ครบถว้ นตามมาตรฐานตำแหน่งครูผชู้ ว่ ย ๒.๒ กำหนดวันและเวลาในการดำเนินการคดั เลือก ๒.๓ ดำเนนิ การคัดเลือก ด้วยวิธีการสมั ภาษณ์ โดยพิจารณาจากประวตั ิสว่ นตวั และการศึกษา บุคลิกลักษณะ ทว่ งทีวาจา ปฏิภาณไหวพรบิ เจตคติ และอดุ มการณ์ ๓. สำนกั งานศกึ ษาธิการจังหวดั แจ้งผลการคดั เลือกใหผ้ ้เู ขา้ รับการคัดเลือกทราบ ๔. ผู้มีอำนาจส่ังบรรจุและแต่งต้ัง ส่ังบรรจุและแต่งต้ังตามจำนวนตำแหน่งว่าง พร้อมส่งสำเนา คำส่งั บรรจุและแตง่ ต้งั ให้สว่ นราชการ และสำนกั งาน ก.ค.ศ. จำนวน ๑ ชดุ ภายใน ๗ วนั นบั ตง้ั แตว่ นั ออกคำส่งั

- 14 - แผนผังการดำเนนิ การคัดเลือก ตำแหน่งครูผ้ชู ่วย กรณีที่ ๓ กรณที ่ี ๔ กรณที ี่ ๕ และกรณีท่ี ๖ ๑. สพฐ. ดำเนินการ ๑.๑ กำหนดวันเวลาในการคัดเลอื ก ๒. สนง.ศธจ. แจ้งขอ้ มลู ตามท่ี สพฐ. กำหนด ๑.๒ กำหนดสดั สว่ นตำแหน่งวา่ งทีจ่ ะใช้คดั เลอื ก ให้ กศจ. ทราบและพิจารณา ดำเนินการ ๑.๓ กำหนดองค์ประกอบและตัวชว้ี ัด ภาค ค ๓. กศจ. ดำเนินการ ผสู้ มคั รเข้ารับการคัดเลอื ก กรณที ี่ (๓) – (๖) ๓.๑ กำหนดกลมุ่ วิชา หรอื ทาง หรอื สาขาวิชาเอก - ต้องมีคุณสมบัตทิ ั่วไปตามมาตรา ๓๐ และ ๓.๒ ออกข้อสอบ ภาค ก และ ภาค ข มีคุณสมบตั เิ ฉพาะตามมาตรฐานตำแหนง่ ครผู ู้ชว่ ย ๓.๓ ประกาศรับสมัครคดั เลอื กไมน่ ้อยกวา่ ๗ วัน ผสู้ มคั รเขา้ รบั การคดั เลอื ก กรณที ี่ (๖) - เป็นพนกั งานราชการ ลกู จา้ งประจำฯ ๓.๔ รบั สมคั รคดั เลอื กไม่นอ้ ยกวา่ ๗ วนั ไม่เวน้ วนั หยดุ ราชการ สงั กัด สพฐ. โดยจ้างจากเงินงบประมาณ และตรวจสอบเอกสาร คณุ สมบตั ิ และคณุ วุฒิของผู้สมคั รคัดเลือก หรอื เงนิ รายได้ของสถานศกึ ษา - มชี วั่ โมงสอนตามท่ี สพฐ. กำหนด ๓.๕ ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือก วัน เวลา และสถานท่ีสอบ - ปฏิบตั หิ น้าท่ีสอนในสถานศึกษาสงั กัด และดำเนินการจัดสอบคัดเลือก สพฐ. มาแล้วไม่น้อยกว่า ๓ ปี •๓.๖ ประกาศรายช่อื ผไู้ ด้รบั การคดั เลอื ก ๓.๗ เรยี กตัวผไู้ ด้รับการคดั เลอื กมารายงานตวั เพื่อบรรจแุ ละแตง่ ตั้งเท่าตำแหน่งวา่ งท่ีประกาศ ๔. ผมู้ อี ำนาจสั่งบรรจุและแตง่ ตง้ั ไม่มกี ารขึ้นบญั ชี

- 15 - คำอธิบายแผนผัง ๑. สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน ดำเนนิ การ ดงั น้ี ๑.๑ กำหนดวนั เวลาในการคัดเลือก ๑.๒ กำหนดสัดส่วนตำแหนง่ ว่างท่ีจะใชค้ ัดเลือก ๑.๓ กำหนดองค์ประกอบและตวั ช้ีวัด ภาค ค ๒. สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด รับแจ้งข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน และใหน้ ำเสนอ กศจ. ทราบและพจิ ารณาดำเนนิ การ ๓. กศจ. ดำเนินการดงั นี้ ๓.๑ กำหนดวชิ าเอกเพื่อใช้ในการคดั เลือก ตามความจำเป็นและความต้องการของสถานศึกษา ๓.๒ ดำเนินการเกี่ยวกับการออกข้อสอบข้อเขียนแบบปรนัย ภาค ก และ ภาค ข ตามหลักสูตร ท้ายหลกั เกณฑ์และวธิ กี าร ๓.๓ ประกาศรับสมัครคัดเลือกก่อนวันรับสมัครไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน โดยระบุหลักสูตร การคัดเลือก จำนวนตำแหน่งว่าง อัตราเงินเดือน คุณสมบัติท่ัวไป และคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง องคป์ ระกอบการประเมนิ ตัวช้ีวัด และคะแนนการประเมนิ ความเหมาะสมกบั ตำแหนง่ และวิชาชีพ ๓.๔ รับสมัครไม่น้อยกว่าเจ็ดวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ด้วยการย่ืนสมัครด้วยตนเองตามแบบ หรือวธิ ีการสมคั รท่ีผูด้ ำเนนิ การคดั เลือกกำหนด และตรวจสอบเอกสาร คุณสมบตั ิ และคุณวุฒิของผ้สู มคั รคัดเลอื ก ๓.๕ ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเขา้ รับการคดั เลือก วัน เวลา และสถานทคี่ ดั เลือก และดำเนินการคัดเลือก ๓.๖ ประกาศผลการคดั เลือก โดยเรยี งลำดบั จากผู้ที่ไดค้ ะแนนรวมทกุ ภาคจากมากไปหาน้อย ๓.๗ เรียกตัวผู้ได้รับการคัดเลือกมารายงานตัวเพ่ือบรรจุและแต่งตั้งตามลำดับที่ท่ีคัดเลือกได้ ให้ครบตามจำนวนตำแหน่งว่างท่ีประกาศไว้ โดยใช้ประกาศผลการคัดเลือกเป็นการเรียกตัวผู้มีสิทธิได้รับการบรรจุ และแต่งตง้ั โดยกำหนดวันรายงานตัวไมน่ ้อยกวา่ เจ็ดวัน แต่ไมเ่ กินสบิ วัน นับแต่วนั ประกาศผลการคดั เลือก ทั้งนี้ การดำเนินการคัดเลือกให้ยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี หากปรากฏว่า มกี ารทุจริตหรือส่อไปในทางไม่สุจริต หรือดำเนินการผิดพลาดอันอาจเกิดความไม่เป็นธรรม กศจ. สามารถพิจารณา แก้ไขหรอื ยกเลิกการคัดเลอื กได้ ๔. ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งต้ัง และออกคำสั่งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามรูปแบบท่ี ก.ค.ศ. กำหนด พร้อมส่งสำเนาคำส่ังบรรจุและแต่งตั้งให้ส่วนราชการ และสำนักงาน ก.ค.ศ. จำนวน ๑ ชุด ภายใน ๗ วัน นับตั้งแต่วันออกคำส่ัง ทั้งนี้ การบรรจุและแต่งต้ังให้บรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือกให้ครบตามจำนวน ตำแหน่งทป่ี ระกาศรับสมัคร “โดยไม่ขึ้นบัญชี”

- 16 - แผนผงั การดำเนินการคัดเลือก ตำแหนง่ ครผู ชู้ ่วย กรณที ี่ ๗ ๑. สนง. ศธจ. เสนอขออนุมตั ิดำเนนิ การคัดเลอื ก กรณีทมี่ คี วามจำเป็นหรือมเี หตพุ ิเศษตามหลกั เกณฑ์ฯ ข้อ ๒.๗ โดยเสนอขออนุมัติเปน็ กรณเี ฉพาะราย ๒. กศจ. พจิ ารณาคณุ สมบัติของผไู้ ดร้ บั การเสนอรายชื่อ โดยต้องมคี ณุ สมบตั คิ รบถว้ นตามมาตรา ๓๐ และคณุ สมบัติเฉพาะตามมาตรฐานตำแหน่งครผู ชู้ ว่ ย และเหตุผลความจำเป็น ๓. สนง. ศธจ. แจ้งมติ กศจ. พรอ้ มชแี้ จงเหตุผลความจำเปน็ ไปยงั ก.ค.ศ. ก.ค.ศ. พิจารณา ไม่อนุมตั ิ อนุมัติให้ดำเนนิ การคัดเลอื ก โดยกำหนดวธิ กี าร คดั เลอื กเปน็ การเฉพาะราย แจ้งมตไิ ปยัง สนง. ศธจ. ๕. กรณอี นุมัติให้ กศจ. ดำเนินการคัดเลือกตามวธิ ีการท่ี ก.ค.ศ. กำหนด ๖. ผู้มอี ำนาจสงั่ บรรจแุ ละแตง่ ต้ัง

- 17 - คำอธบิ ายแผนผัง ๑. สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด เสนอขออนุมัติดำเนินการคัดเลือก กรณีที่มีความจำเป็น หรือมีเหตพุ ิเศษตามหลกั เกณฑ์ฯ ข้อ ๒.๗ โดยเสนอขออนุมัติเปน็ กรณเี ฉพาะราย ๒. กศจ. พิจารณาคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอรายชื่อ โดยต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามมาตรา ๓๐ และคุณสมบัติเฉพาะตามมาตรฐานตำแหน่งครผู ้ชู ว่ ย และเหตุผลความจำเป็น ๓. เมอื่ กศจ. มีมตเิ หน็ ชอบ ให้สำนกั งานศกึ ษาธิการจังหวดั แจง้ มติ กศจ. ไปยังสำนกั งาน ก.ค.ศ. เพื่อเสนอ ก.ค.ศ. พิจารณา ๔. เมื่อ ก.ค.ศ. อนุมัติให้ดำเนินการคัดเลือก โดยกำหนดวิธีการคัดเลือกเป็นการเฉพาะรายแล้ว สำนักงาน ก.ค.ศ. จะแจง้ มติ ก.ค.ศ. ไปยงั สำนักงานศกึ ษาธกิ ารจงั หวดั ๕. กรณอี นมุ ัติ ให้ กศจ. พิจารณาดำเนินการคดั เลอื กตามวธิ กี ารคัดเลอื กที่ ก.ค.ศ. กำหนด ๖. ให้ผู้มีอำนาจส่ังบรรจุและแต่งตั้ง และออกคำส่ังผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามรูปแบบที่ ก.ค.ศ. กำหนด พร้อมส่งสำเนาคำสั่งบรรจุและแตง่ ต้ังใหส้ ่วนราชการ และสำนกั งาน ก.ค.ศ. จำนวน ๑ ชุดภายใน ๗ วนั นบั ตั้งแตว่ ันออกคำส่ัง

- ๑8 - ๒.3 การคัดเลือก ตำแหน่งศกึ ษานิเทศก์ การคัดเลือกตำแหน่งศกึ ษานิเทศก์ หมายถงึ การสรรหาบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งต้งั เข้ารับราชการ เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ โดยวิธีการคัดเลือก ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ท่ี ก.ค.ศ. กำหนด กฎหมาย กฎ ระเบียบ หลกั เกณฑ์และวธิ ีการทเี่ กยี่ วขอ้ ง ๑. มาตรา ๑๙ (๔) และมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ๒. หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ ๐๒๐๖.๖/ว ๓๓ ลงวนั ที่ ๒๔ ตลุ าคม ๒๕๖๐

- ๑9 - แผนผังการดำเนนิ การการคดั เลอื ก ตำแหนง่ ศกึ ษานิเทศก์ ๑. สพฐ. ดำเนินการ ๒. กศจ. ดำเนินการ ๑.๑ กำหนดวนั เวลาในการคัดเลือก ๒.๑ ประกาศรับสมัครคดั เลอื ก ๑.๒ ออกขอ้ สอบ ภาค ก และกำหนด ๒.๒ รับสมคั รคดั เลือก และตรวจสอบเอกสาร คณุ สมบตั ิ และคณุ วฒุ ขิ องผู้สมคั ร องคป์ ระกอบ และตัวชวี้ ัด ภาค ข ๑.๓ พัฒนาก่อนแตง่ ต้งั ๒.๓ ประกาศรายชือ่ ผู้มสี ทิ ธิ์สอบ วนั เวลา และสถานทีส่ อบ • ผูส้ มคั รต้องมคี ณุ สมบตั ิท่ัวไป ตามมาตรา ๓๐ และมีคณุ สมบตั เิ ฉพาะสำหรบั ตำแหน่ง ๒.๔ ดำเนวินนั กาเรวจลัดาสแอลบะคสัดถเาลนือทก่ีสอบ ตามมาตรฐานตำแหนง่ ศึกษานเิ ทศก์ วนั เวลา และสถานทสี่ อบ ๒.๕ ประกาศรายช่อื ผไู้ ด้รบั การคดั เลือกและเรยี กตัวผูไ้ ดร้ บั การคดั เลอื ก มารายงานตวั เพอ่ื บรรจุและแตง่ ตงั้ • ๒.๖ เรยี กตวั ผไู้ ด้รับการคดั เลอื กมารายงานตวั เพ่อื บรรจแุ ละแต่งต้ัง ๓. ผู้มอี ำนาจสงั่ บรรจแุ ละแตง่ ตง้ั

- 20 - คำอธบิ ายแผนผัง การดำเนินการคัดเลือก ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ ตามหลักเกณฑ์ฯ ผู้มีสิทธิสมัครเข้ารับการคัดเลือก ต้องมีคณุ สมบัตเิ ฉพาะสำหรับตำแหนง่ ตามมาตรฐานตำแหน่งศกึ ษานเิ ทศก์ ท้งั น้ี หลักเกณฑฯ์ กำหนดใหส้ ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน และ กศจ. ดำเนนิ การ ดงั น้ี ๑. การดำเนนิ การของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐาน มดี งั นี้ ๑.๑ กำหนดวนั และเวลาในการคดั เลอื ก ๑.๒ ดำเนินการและบริหารจัดการเกี่ยวกับการออกข้อสอบ ภาค ก ความรู้ท่ัวไปและกฎหมาย ท่ีเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน และความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง และกำหนดองค์ประกอบ การประเมิน ตวั ช้ีวดั และคะแนนการประเมนิ ภาค ข ความเหมาะสมกับตำแหน่ง ๑.๓ ดำเนนิ การใหม้ กี ารพัฒนาก่อนบรรจุและแต่งต้ัง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด ๒. การดำเนินการของ กศจ. มดี งั น้ี ๒.๑ ประกาศรับสมคั รกอ่ นวนั รบั สมคั รคดั เลอื กไมน่ ้อยกวา่ เจด็ วนั ๒.๒ ดำเนินการรับสมัครคัดเลือกไม่น้อยกว่าเจ็ดวันไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยให้ผู้สมัคร ยน่ื สมคั รตามแบบและวธิ ีการที่ กศจ. กำหนด ๒.๓ ประกาศรายช่ือผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลอื ก ภาค ก และ ภาค ข วัน เวลา และสถานท่ีคัดเลือก ตลอดจนระเบียบการปฏบิ ัติของผูเ้ ข้าสอบ ระเบยี บอน่ื ๆ เกีย่ วกับการคดั เลือก ๒.๔ ดำเนินการคัดเลือก ภาค ก ความรู้ทั่วไปและกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน และความรูค้ วามสามารถท่ีใชเ้ ฉพาะตำแหนง่ และ ภาค ข ความเหมาะสมกบั ตำแหนง่ ๒.๕ ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือก โดยผู้ได้รับการคัดเลือกต้องได้คะแนนภาค ก และภาค ข แต่ละภาคไมต่ ่ำกว่ารอ้ ยละห้าสิบ และตอ้ งไดค้ ะแนนรวมทง้ั สองภาคไม่ตำ่ กว่าร้อยละหกสิบ ทั้งนี้ บัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกให้ใช้ได้เกินหนึ่งปีนับแต่วันประกาศข้ึนบัญชี เว้นแต่ มกี ารประกาศขน้ึ บญั ชีคร้งั ใหม่ บัญชีเดมิ เปน็ อนั ยกเลกิ ๒.๖ เรยี กตวั ผูไ้ ด้รบั การคดั เลอื กมารายงานตัวเพ่ือบรรจุและแต่งต้ัง ๑) การเรียกตัวคร้ังแรก ให้ใช้ประกาศขึ้นบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นการเรียกตัวตามลำดับท่ี ทปี่ ระกาศผลการคัดเลือกไว้ ๒) การเรียกตัวในคร้ังต่อ ๆ ไป ให้เรียกตัวผู้สอบแข่งขันได้โดยตรงเป็นรายบุคคลตามลำดับที่ ทปี่ ระกาศผลการคัดเลือกไว้ ก่อนวนั รายงานตวั ไมน่ ้อยกว่าสบิ วันนับต้งั แตว่ นั ประทบั ตราลงทะเบียนของไปรษณียต์ ้นทาง

- 21 - บญั ชีผไู้ ดร้ บั การคัดเลือกจะถูกยกเลกิ เป็นการเฉพาะบุคคลเมื่อผู้นั้นมกี รณีใดกรณหี น่งึ ดงั นี้ ๑) ได้รบั การบรรจุและแต่งตั้งใหด้ ำรงตำแหน่งศึกษานเิ ทศก์ไปแล้ว ๒) ขอสละสทิ ธิการบรรจุและแต่งต้ัง ๓) ในวันที่บรรจุและแต่งต้ัง มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามมาตรฐานตำแหน่งและ/หรือไม่ ผา่ นการพัฒนากอ่ นแต่งตงั้ ๔) ไม่มารายงานตวั เพอ่ื รบั การบรรจแุ ละแตง่ ต้งั ตามกำหนด ๕) ไมอ่ าจรบั การบรรจุและแต่งตั้งตามวันที่กำหนดได้ ท้งั น้ี การดำเนินการคัดเลือกอาจมอบหมายให้สำนกั งานศึกษาธิการจังหวัด สำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษา หรือสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา แล้วแต่กรณี แต่งตั้งคณะกรรมการ หรือเจ้าหน้าท่ีเพ่ือดำเนินการคัดเลือกได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยการคัดเลือก หากปรากฏว่า การคัดเลือกมีการทุจริตหรือส่อไปในทางไม่สุจริต หรือดำเนินการผิดพลาดอันอาจเกิดความไม่เป็นธรรม ให้ กศจ. พจิ ารณาแกไ้ ขหรือยกเลกิ การคัดเลือก ๓. ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งต้ังผู้ได้รับการคัดเลือกตามลำดับที่ท่ีขึ้นบัญชี จากผู้มีคุณสมบัติ ตรงตามมาตรฐานตำแหน่ง และผ่านการพัฒนาตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ี ก.ค.ศ. กำหนด พร้อมส่งสำเนาคำสั่ง บรรจุและแตง่ ตง้ั ใหส้ ่วนราชการ และสำนกั งาน ก.ค.ศ. จำนวน ๑ ชดุ ภายใน ๗ วนั นบั ตงั้ แต่วนั ออกคำส่ัง

- 22 - ๒.4 การนำรายช่ือผไู้ ดร้ ับการคดั เลอื กในบัญชีหนึ่งไปขึน้ บญั ชเี ป็นผไู้ ด้รบั การคัดเลือกในบัญชอี นื่ ตำแหน่งศกึ ษานิเทศก์ การนำรายช่ือผู้ได้รับการคัดเลือกในบัญชีหน่ึงไปขึ้นบัญชีเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกในบัญชีอื่น ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ หมายถึง การนำรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกในบัญชีหน่ึงไปข้ึนบัญชีเป็นผู้ได้รับการคัดเลือก ในบัญชีอื่น ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ โดยความตกลงยินยอมระหว่าง กศจ. ที่เป็นเจ้าของบัญชี และ กศจ. ที่ขอรายช่ือ ผ้ไู ดร้ ับการคดั เลือก กฎหมาย กฎ ระเบยี บ หลักเกณฑ์และวธิ กี ารทเี่ กีย่ วข้อง ๑. หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งต้ังให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ ๐๒๐๖.๖/ว ๓๓ ลงวันท่ี ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๒. หลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการนำรายช่อื ผู้ได้รับการคัดเลอื กในบัญชีหนงึ่ ไปขนึ้ บัญชีเป็นผู้ได้รบั การคัดเลือก ในบัญชีอ่ืน ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ ๐๒๐๖.๖/ว ๔ ลงวนั ท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๖๑

- 23 - แผนผงั การดำเนินการขอใชบ้ ัญชหี รือการให้บัญชผี ู้ได้รบั การคดั เลอื ก ตำแหนง่ ศึกษานเิ ทศก์ ๑. กศจ. ทจ่ี ะนำรายชื่อผไู้ ดร้ ับการคัดเลือกมาใช้ ๑) ให้ขอรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือก จาก กศจ. ที่มีพ้ืนที่ติดต่อกันในสังกัด สำนักงานศกึ ษาธกิ ารภาคเดียวกนั ๑.๑ พจิ ารณาตามลำดับและข้นั ตอน ๑.๒ แจ้งมตไิ ปยัง กศจ. เจา้ ของบัญชี ๒)หากไม่มี ให้ขอจาก กศจ. ท่ีมพี น้ื ทีต่ ดิ ต่อกันในสังกัดสำนกั งานศกึ ษาธิการภาคอ่ืน ๓) หากไม่มี ให้ขอจาก กศจ. ใดก็ได้ในสงั กดั สำนักงานศึกษาธิการภาคเดยี วกัน ๔) หากไมม่ ี ให้ขอจาก กศจ. ในสงั กัดสำนกั งานศึกษาธิการภาคใดก็ได้ ๒. กศจ. เจ้าของบญั ชี ๒.๑ พจิ ารณาการใหบ้ ญั ชี ไม่อนุมัติ อนุมัติ แจ้งมติไปยงั กศจ.ทข่ี อรายช่ือผไู้ ดร้ บั การคดั เลอื ก ๒.๒ สอบถามความสมคั รใจผไู้ ดร้ บั การคัดเลือกทข่ี น้ึ บัญชไี ว้ ๒.๓ ได้รบั หนงั สือตอบรับจากผไู้ ดร้ ับการคดั ลือกทข่ี ึ้นบัญชีไว้ จดั ลำดับท่ี สมคั รใจ ไม่สมัครใจ คงบัญชเี ดมิ ส่งรายชื่อพร้อมเอกสารไปให้ กศจ. ผู้ขอรายชือ่ ๓. กศจ. ท่ีขอรายชือ่ ผู้ไดร้ ับการคดั เลอื ก ได้รบั รายชื่อให้ประกาศขน้ึ บญั ชี ๔. เรียกตัว/ผู้มีอำนาจสังบรรจุและแตง่ ตั้ง และแจ้ง กศจ. เจา้ ของบัญชี เพอื่ ยกเลิกบญั ชเี ดมิ ตง้ั

- 24 - คำอธิบายแผนผงั การขอใช้บัญชี ให้ทำได้โดยการตกลงยินยอมของ กศจ. เจ้าของบัญชี และ กศจ. ที่ขอรายช่ือ ผู้ได้รบั การคดั เลือก โดยดำเนินการดังนี้ ๑. การดำเนินการของ กศจ. และสำนกั งานศึกษาธกิ ารจังหวดั ที่ขอรายชือ่ ผ้ไู ดร้ บั การคดั เลือก มีดังน้ี ๑.๑ ให้ กศจ. พิจารณาและมีมติอนุมัติหรือไม่อนุมัติให้ขอรายช่ือผู้ได้รับการคัดเลือก โดยให้ดำเนินการตามลำดับและขั้นตอน ดงั น้ี ๑) ให้ขอรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกจากบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือก ของ กศจ. ที่มีพื้นที่ติดต่อกัน ในสงั กัดสำนักงานศกึ ษาธกิ ารภาคเดยี วกัน ๒) หาก กศจ. ท่ีมีพื้นที่ติดต่อกันในสังกัดสำนักงานศึกษาธิการภาคเดียวกัน ไม่มีบัญชี ผู้ได้รับการคดั เลอื ก ให้ขอจาก กศจ. ทีม่ ีพ้ืนทตี่ ิดต่อกนั ในสังกดั สำนกั งานศึกษาธิการภาคอน่ื ๓) หากกศจ. ทม่ี พี ื้นทต่ี ดิ ต่อกนั ในสังกัดสำนกั งานศึกษาธกิ ารภาคอน่ื ไม่มีบญั ชีผู้ได้รับการคัดเลอื ก ใหข้ อจาก กศจ. ใดก็ไดใ้ นสงั กดั สำนักงานศึกษาธิการภาคเดียวกนั ๔) หาก กศจ. ในสังกัดสำนักงานศึกษาธิการภาคเดียวกัน ไม่มีบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือก ใหข้ อจาก กศจ. ในสังกดั สำนักงานศึกษาธิการภาคใดกไ็ ด้ ๑.๒ หาก กศจ. มีมติอนุมัติ ให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด แจ้งมติ กศจ. ไปยังสำนักงาน ศึกษาธิการจังหวัดที่มีบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือก เพ่ือขอรายช่ือผู้ได้รับการคัดเลือก โดยให้แจ้งจำนวนตำแหน่งว่าง และรายช่ือสำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาทีข่ อรับการบรรจแุ ละแตง่ ตัง้ ๒. การดำเนินการของ กศจ. เจา้ ของบญั ชี มีดังนี้ ๒.๑ พจิ ารณาเพ่อื มมี ติอนมุ ตั ิหรือไม่อนุมตั ิใหใ้ ช้บญั ชี ๒.๒ กรณีอนุมัติให้ใช้บัญชี ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามีหนังสือสอบถามความสมัครใจ ผู้ได้รับการคัดเลือก ตามรายช่ือและจำนวนที่ได้รับอนุมัติ โดยแจ้งรายละเอียดเก่ียวกับลำดับที่ท่ีมีสิทธิ ไดร้ ับการบรรจแุ ละแต่งต้งั พร้อมช่ือและท่ตี ั้งสำนกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาทีจ่ ะบรรจุและแต่งตง้ั ทั้งนี้ อาจให้มีการสอบถามความสมัครใจมากกว่าจำนวนที่ขอ เพื่อเป็นผู้สมัครสำรอง ตามจำนวนที่เห็นว่าเหมาะสม โดยต้องระบุให้ชัดเจนว่า ผู้ถูกสอบถามความสมัครใจถูกสอบถามในฐานะ ผู้สมัครสำรอง และจะได้รับการพิจารณาเมอื่ มีตำแหน่งว่าง ให้ผู้ได้รับการคัดเลือกแสดงความจำนงตามแบบท่ีกำหนดแล้วส่งคืนทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หากพน้ กำหนดถอื ว่าสละสิทธใิ นการแสดงความจำนง และยังคงการขนึ้ บญั ชีผู้ไวต้ ามลำดบั ทเี่ ดมิ ในบัญชเี ดมิ

- ๒5 - ๒.๓ เม่อื ไดร้ บั หนังสือตอบรับแล้ว ให้ดำเนนิ การเฉพาะผทู้ ีส่ มคั รใจ ดังนี้ ๑) จัดลำดับที่ โดยผทู้ ีไ่ ด้ลำดับทด่ี ีกว่าจะไดร้ ับการพจิ ารณาก่อน ๒) แจ้งรายช่ือ ลำดับที่ เอกสารหลักฐานการสมัคร หนังสือสอบถามความสมัครใจ และที่อยู่ท่ีสามารถติดต่อได้ ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ขอรายช่ือฯ ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ และรายงานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐานทราบดว้ ย ท้ังน้ี เม่ือได้รับหนังสือแจ้งการประกาศขึ้นบัญชี และคำสั่งบรรจุและแต่งต้ังจากสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาที่ขอรายช่ือฯ แล้ว ให้เสนอ กศจ. ยกเลิกการขึ้นบัญชีเดิม แล้วรายงานให้สำนักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน และสำนกั งาน ก.ค.ศ. ทราบ ๓. เม่ือสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดได้รับรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกท่ีจัดลำดับท่ี เอกสารหลักฐาน การสมัครคัดเลือก หนังสือสอบถามความสมัครใจและที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ของผู้สมัครใจจากสำนักงาน ศึกษาธกิ ารจังหวัดทส่ี ่งรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกแลว้ ใหร้ ายงาน กศจ. เพอื่ ประกาศข้ึนบัญชผี ไู้ ดร้ ับการคัดเลือก ๔. ให้เรียกตัวผู้ได้รับการคัดเลือกมารายงานตัวเพื่อบรรจุและแต่งต้ัง โดยให้ใช้ประกาศข้ึนบัญชี ผู้ได้รับการคัดเลือก เป็นการเรียกตัวผู้มีสิทธิได้รับการบรรจุและแต่งต้ังตามลำดับท่ี และให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง โดยความเห็นชอบของ กศจ. ดำเนินการสั่งบรรจุและแต่งต้ังผู้ได้รับการคัดเลือกท่ีมีคุณสมบัติครบถ้วนตามมาตรฐานตำแหน่ง ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ดำเนินการออกคำสั่งบรรจุและแต่งต้ังพร้อมส่งสำเนาคำส่ังดังกล่าวให้สำนักงาน ก.ค.ศ. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน และสำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาท่ขี อรับการบรรจุและแต่งต้ัง แหง่ ละ ๑ ชดุ ทั้งนี้ ผู้ได้รับการคัดเลือกรายใดท่ีสมัครใจและได้รับการประกาศขึ้นบัญชีของ กศจ. ที่ขอรายชื่อ ผู้ไดร้ ับการคัดเลือกแล้ว หากไม่ประสงค์หรือขอระงับการบรรจแุ ละแต่งต้ัง ให้ถือว่าผู้ได้รับการคดั เลือกรายนั้น สละสิทธิการบรรจแุ ละแต่งต้ังตามบัญชีผู้ไดร้ ับการคดั เลือก ท้ังของ กศจ. เจ้าของบัญชีเดิมและบัญชีของ กศจ. ที่ขอรายชอื่ ผไู้ ดร้ บั การคดั เลอื ก เมื่อบรรจุและแต่งต้ังแล้วให้แจ้งสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดท่ีส่งรายช่ือผู้ได้รับการคัดเลือก พร้อมส่งสำเนาคำส่ังบรรจุและแต่งต้ัง จำนวน ๑ ชุด ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ เพ่ือเสนอ กศจ. เจ้าของบัญชี ยกเลิกการข้ึนบัญชเี ดมิ ของผู้ไดร้ บั การคัดเลือกท่ีได้รบั การบรรจุและแต่งตงั้ แล้ว

- ๒6 - ๒.5 การคดั เลือก ตำแหนง่ รองผู้อำนวยการสถานศกึ ษาและผอู้ ำนวยการสถานศึกษา การคัดเลือกตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา หมายถึง การสรรหาบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งต้ังเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา โดยวิธกี ารคัดเลอื ก ตามหลักเกณฑ์และวิธกี าร ท่ี ก.ค.ศ. กำหนด กฎหมาย กฎ ระเบยี บ หลกั เกณฑแ์ ละวิธีการทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ๑. มาตรา ๑๙ (๔) และมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ๒. หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผอู้ ำนวยการสถานศกึ ษา ตามหนังสือสำนกั งาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ ๐๒๐๖.๖/ว ๘ ลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๒

- ๒7 - แผนผงั การดำเนนิ การการคัดเลือกตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผูอ้ ำนวยการสถานศึกษา ๑. สพฐ. ดำเนนิ การ ๑.๑ กำหนดองคป์ ระกอบในการคดั เลือก ๒. กศจ. ดำเนินการ ๑.๒ กำหนดวธิ กี ารและเง่ือนไขในการสมคั ร ๒.๑ กำหนดวนั และเวลาในการคัดเลอื ก ๒.๒ กำหนดตำแหน่งว่างที่จะใช้ในการบรรจุและแต่งตงั้ ของผู้สมคั ร ๒.๓ จดั ทำประกาศรบั สมัครตามรายละเอยี ดท่ี สพฐ. หรือ กศจ. กำหนด ๑.๓ กำหนดวธิ กี ารคดั เลือก ตามความเหมาะสม ๒.๔ ตง้ั คณะกรรมการเพ่ือดำเนินการคัดเลือก ๑.๔ กำหนดเกณฑก์ ารตดั สนิ ๑.๕ กำหนดเง่ือนไขระยะเวลาการขนึ้ บญั ชี ๑) ประกาศรบั สมคั ร ผไู้ ด้รับการคดั เลอื ก ๒) รับสมคั ร และตรวจสอบเอกสาร คณุ สมบตั ิ และคุณวฒุ ขิ องผ้สู มคั ร ๑.๖ กำหนดวธิ กี ารเรียกตัวและเง่ือนไขการบรรจุ ผสู้ มคั รตอ้ งมคี ณุ สมบตั ทิ ่ัวไปตามมาตรา ๓๐ และมคี ุณสมบตั เิ ฉพาะ ตามมาตรฐานตำแหนง่ รอง ผอ. รร. หรือ ผอ. รร. แลว้ แต่กรณี และแต่งตง้ั • ประกาศรบั สมคั ร ๑.๗ กำหนดขอ้ ตกลงในการปฏิบตั งิ านในหนา้ ที่ ๑.๘ กำหนดองคป์ ระกอบการประเมิน ๓) ประกาศรายชอ่ื ผมู้ สี ิทธิสอบ วนั เวลา และสถานที่ สมั ฤทธิผลการปฏบิ ตั ิงานในหน้าท่ี ทั้งนี้ เมื่อ สพฐ. กำหนดแล้ว ตอ้ งเสนอ ก.ค.ศ. ใหค้ วามเห็นชอบกอ่ นแจ้ง ให้ กศจ. ดำเนนิ การ 4) คณะกรรมการดำเนินการสรรหาตามวธิ ีการท่ี สพฐ. กำหนด ๕) ประกาศรายชื่อและเรยี กตวั ผทู้ ี่จะไดร้ ับการบรรจุและแตง่ ต้งั ใหม้ ารายงานตวั เพอื่ บรรจแุ ละแตง่ ตง้ั ๓. ผมู้ อี ำนาจสัง่ บรรจแุ ละแตง่ ต้ัง

- ๒8 - คำอธิบายแผนผัง การดำเนินการคัดเลือก ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา ตามหลักเกณฑ์ฯ ผู้มีสิทธิสมัครต้องมีคุณสมบัติ เฉพาะสำหรับตำแหน่งตามมาตรฐานตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผอู้ ำนวยการสถานศกึ ษา แลว้ แตก่ รณี ทงั้ น้ี หลกั เกณฑ์ฯ กำหนดใหส้ ำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน และ กศจ. ดำเนินการ ดงั นี้ ๑. การดำเนนิ การของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน มีดังนี้ ๑.๑ กำหนดองค์ประกอบในการคัดเลอื กให้สอดคล้องกับลักษณะงานที่ปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสถานศึกษาหรอื ผู้อำนวยการสถานศึกษา แลว้ แตก่ รณี รวมทั้ง ตัวชี้วดั และคะแนน ๑.๒ กำหนดวิธีการและเงอื่ นไขในการสมคั รของผู้สมัคร ๑.๓ กำหนดวิธีการคัดเลอื ก ตามความเหมาะสม ๑.๔ กำหนดเกณฑ์การตดั สนิ ๑.๕ กำหนดเงอื่ นไขระยะเวลาการขึน้ บญั ชีผู้ได้รับการคดั เลือก ๑.๖ กำหนดวิธกี ารเรียกตัวและเง่อื นไขการบรรจแุ ละแต่งตั้ง ๑.๗ กำหนดขอ้ ตกลงในการปฏิบัติงานในหน้าทใี่ ห้เป็นไปตามลักษณะงานทป่ี ฏบิ ตั ิ ๑.๘ กำหนดองค์ประกอบการประเมินสัมฤทธิผลการปฏิบัติงานในหน้าท่ีตามข้อตกลง รวมท้ัง ตวั ชี้วัด คะแนนการประเมิน เกณฑ์การตดั สนิ กรรมการประเมนิ และวิธกี ารประเมิน ทั้งนี้ เมื่อส่วนราชการดำเนินการ ตามข้อ ๑.๑ – ๑.๘ แล้ว ให้นำเสนอ ก.ค.ศ. พิจารณา ใหค้ วามเหน็ ชอบก่อนแจ้ง กศจ. ดำเนนิ การต่อไป ๒. การดำเนนิ การของ กศจ. มีดงั นี้ ๒.๑ กำหนดวนั และเวลาในการคัดเลอื ก ๒.๒ กำหนดตำแหน่งว่างที่จะใช้ในการบรรจแุ ละแตง่ ต้งั ๒.๓ จัดทำประกาศรับสมัครตามรายละเอียดที่ส่วนราชการ หรือ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ต้ัง แล้วแต่กรณกี ำหนด รวมทงั้ คุณสมบัตแิ ละเงื่อนไขทีก่ ำหนดตามหลักเกณฑ์และวธิ กี ารน้ี ๒.๔ ตัง้ คณะกรรมการเพ่ือดำเนินการคัดเลอื ก ตามวธิ กี ารคดั เลือกท่สี ว่ นราชการกำหนด

- ๒9 - เมอ่ื ดำเนินการตามขอ้ ๒.๑ – ๒.๔ แล้ว ใหด้ ำเนินการ ดงั นี้ ๑) ประกาศรับสมคั ร ตามวันและเวลาที่ กศจ. กำหนด ๒) ดำเนินการรับสมัคร และตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่ ก.ค.ศ. กำหนด ๓) ประกาศรายชอ่ื ผูม้ ีสทิ ธเิ ข้ารับการสรรหา ตลอดจนรายละเอยี ดที่ผเู้ ข้ารบั การสรรหาควรทราบ ๔) คณะกรรมการดำเนนิ การสรรหาตามวธิ ีการท่สี ำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษากำหนด ๕) ประกาศรายชื่อและเรียกตัวผูท้ ่จี ะได้รบั การบรรจุและแตง่ ตง้ั ให้มารายงานตวั เพ่ือบรรจุและแตง่ ตั้ง สำหรับการบริหารจัดการเกี่ยวกับการดำเนินการคัดเลือก กศจ. อาจแต่งต้ังคณะทำงาน เพอื่ รับผิดชอบไดต้ ามความจำเปน็ และความเหมาะสม การดำเนินการคัดเลือกให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยยึดถือระบบคุณธรรม ความเสมอภาค ความโปร่งใส และตรวจสอบได้ หากปรากฏว่ามีการทุจริตหรือส่อไปในทางไม่สุจริต หรือดำเนินการผิดพลาดอันอาจทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม ให้ กศจ. พิจารณาแก้ไขหรือยกเลิกการคัดเลือกในคร้ังนั้นได้ และรายงานให้สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน และ ก.ค.ศ. ทราบ ๓. การบรรจุและแต่งต้ังผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือผู้อำนวยการสถานศึกษา แลว้ แต่กรณี ให้ผู้มีอำนาจส่ังบรรจุและแต่งต้งั ส่ังบรรจุและแต่งตั้งผไู้ ดร้ ับการคดั เลือก ซึ่งเป็นผู้ท่ีมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ โดยความเห็นชอบของ กศจ. ทั้งนี้ ให้ดำเนินการออกคำสั่ง พร้อมทั้งส่งสำเนาคำส่ังบรรจุและแต่งต้ังให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน และสำนักงาน ก.ค.ศ. หนว่ ยงานละ ๑ ชดุ ภายใน ๗ วัน นบั ต้งั แต่วันออกคำสั่ง ทั้งนี้ ผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาหรือผู้อำนวยการสถานศึกษา แล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ต้องได้รับการประเมินสัมฤทธิผลการปฏิบัติงานในหน้าที่เพ่ือพัฒนาการศึกษา โดยให้มีการประเมิน ๒ ครั้ง หากผลการประเมินรวมท้ัง ๒ ครั้ง ผ่านเกณฑ์การประเมิน ให้ผู้รับการประเมิน ปฏิบัติงานในหน้าที่ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาหรือผู้อำนวยการสถานศึกษา แล้วแต่กรณี ต่อไป แต่หากผลการประเมนิ รวมทัง้ ๒ ครง้ั ไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมิน ให้ดำเนินการตามมาตรา ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยให้ผูท้ ี่มีอำนาจตามที่กำหนดไวใ้ นกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารับเงินเดือนในอัตรากำลังทดแทน พ.ศ. ๒๕๕๑ ดำเนินการสั่งย้ายและแต่งต้ังผู้ท่ีมีผลการประเมินไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินรายน้ัน ไปดำรงตำแหน่งเดิม ซึ่งเปน็ ตำแหน่งกอ่ นเขา้ สู่ตำแหนง่ รองผ้อู ำนวยการสถานศึกษาหรือผู้อำนวยการสถานศึกษา

- 30 - รายการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เอกสารอเิ ล็กทรอนิกส์ เอกสาร (QR Code) ว ๑๔/256๓ เร่อื ง หลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารสอบแข่งขนั เพือ่ บรรจุและแตง่ ตง้ั บคุ คล เขา้ รับราชการเปน็ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครผู ู้ช่วย ว 16/2557 เรื่อง หลักเกณฑแ์ ละวิธีการคัดเลือกบุคคลเพ่ือบรรจแุ ละแตง่ ตงั้ เข้ารบั ราชการเปน็ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหนง่ ครูผูช้ ว่ ย กรณีท่มี ีความจำเปน็ หรอื มีเหตพุ เิ ศษ ว 13/2560 เรอื่ ง การแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธกี ารคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้ง เขา้ รบั ราชการเปน็ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหนง่ ครูผู้ช่วย กรณที ีม่ ีความจำเปน็ หรอื มีเหตพุ เิ ศษ ว 33/2560 เรื่อง หลกั เกณฑ์และวิธกี ารคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจแุ ละแต่งตั้ง ใหด้ ำรงตำแหนง่ ศึกษานิเทศก์ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน ว 4/2561 เรอ่ื ง หลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารนำรายชอ่ื ผู้ไดร้ บั การคดั เลือกในบัญชหี นึ่ง ไปข้นึ บัญชเี ปน็ ผูไ้ ดร้ ับการคดั เลอื กในบัญชีอนื่ ตำแหนง่ ศึกษานิเทศก์ สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน ว 8/2562 เรื่อง หลกั เกณฑ์และวธิ กี ารคัดเลอื กบุคคลเพื่อบรรจุและแตง่ ตงั้ ให้ดำรงตำแหน่งรองผอู้ ำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา

๓. เงนิ เดือน และค่าตอบแทน กศจ. มีอำนาจในการพิจารณาเงินเดอื นและค่าตอบแทนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ๔ กรณี ดังนี้ ๑. การให้ความเห็นชอบการพิจารณาเล่ือนเงินเดือนของผู้มีอำนาจสั่งเลื่อนเงินเดือนข้าราชการครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษาที่มีใบอนญุ าตประกอบวิชาชพี ๒. การพิจารณาอนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาลาไปศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจัย ถอื เปน็ การปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีราชการและมสี ิทธิไดร้ บั การพิจารณาเล่ือนเงินเดือนในระหวา่ งลา ๓. การอนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาท่ีปฏิบตั ิหนา้ ท่สี อนคนพิการ (พ.ค.ก.) ๔. การพิจารณาให้ความเห็นชอบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือนในกรณี ที่ได้รับคณุ วฒุ เิ พม่ิ ข้ึนหรือสูงขน้ึ ตามคณุ วฒุ ิท่ี ก.ค.ศ. รบั รอง

- 32 - 1. การใหค้ วามเหน็ ชอบการพจิ ารณาเล่ือนเงนิ เดือนของผู้มีอำนาจส่ังเล่ือนเงนิ เดือนข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศกึ ษาท่ีมใี บอนญุ าตประกอบวิชาชีพ 2. กฎหมาย กฎ ระเบยี บ หลักเกณฑ์และวธิ ีการทเ่ี กยี่ วข้อง 2.๑ มาตรา ๗๒ มาตรา ๗๓ มาตรา ๘๑ และมาตรา ๑๓๓ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และทีแ่ กไ้ ขเพม่ิ เตมิ 2.2 ขอ้ 7 ของคำสัง่ หวั หน้าคณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ ที่ 16/2560 ลงวนั ท่ี 21 มนี าคม 2560 2.3 ข้อ 13 ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่ี 19/2560 ลงวันที่ 3 เมษายน 2560 เรอ่ื ง การปฏริ ูปการศึกษาในภมู ิภาคของกระทรวงศึกษาธกิ าร 2.4 พระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครู และบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และท่แี ก้ไขเพ่มิ เติม 2.5 กฎ ก.ค.ศ. การเล่ือนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕61 2.6 กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดอื นสูงกว่า หรอื ต่ำกวา่ ขนั้ ตำ่ หรอื สูงกว่าข้นั สงู ของอนั ดับ พ.ศ. ๒๕๕๓ และท่ีแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ 2.7 ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการ และลูกจ้างประจำผู้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างถึงขั้นสูงหรือใกล้ถึงข้ันสูงของอันดับหรือตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๕๐ และท่แี กไ้ ขเพ่มิ เติม 2.8 หนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ด่วนท่ีสุด ที่ ศธ ๐๒๐๖.๗/ว ๘ ลงวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เร่ือง พระราชบญั ญัติเงนิ เดือน เงนิ วิทยฐานะ และเงนิ ประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ 2.9 หนังสอื สำนกั งาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ 0206.7/ว 20 ลงวันท่ี 30 ตุลาคม 2561 2.10 หนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ 0206.7/ว 5 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 เรอื่ ง การเล่ือนเงนิ เดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 2.11 หนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.7/ว 6 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2562 เรื่อง การประเมินผลการปฏบิ ตั งิ านของข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา 2.12 หนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.7/ว 9 ลงวันท่ี 26 เมษายน 2562 เรื่อง การได้รบั เงนิ เดอื นของขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา

- 33 - 3. แผนผงั ขนั้ ตอนการพิจารณาเล่ือนเงินเดือนของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาท่มี ใี บอนญุ าต ประกอบวิชาชพี 1. พิจารณาผลการประเมนิ 1. ผบู้ ังคับบัญชาแต่งตั้ง ตาม ว 20/2561 และ ว 6/2562 กรรมการไม่น้อยกว่า 3 คน 2. รายงานผลการพิจารณา 2. คณะกรรมการพิจารณา 3. เสนอความเห็นต่อผ้บู งั คับบญั ชา 3. ผู้บังคบั บัญชาพิจารณาผลการประเมนิ 4. สพท. บรหิ ารวงเงินในภาพรวม ของเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาตามทสี่ ว่ นราชการกำหนด พจิ ารณาทบทวน 5. กศจ. ไม่เหน็ ชอบ พิจารณา เห็นชอบ 6. ผูม้ ีอำนาจตาม ม. 53 ออกคำสั่งเลอื่ นเงินเดอื น 7. แจ้ง สพท. หมายเหตุ : การพิจารณาเล่ือนเงินเดือนของสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาท่ีมีขอบเขตความรับผิดชอบ หลายจังหวัด ให้สำนกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษาจัดทำบญั ชีรายละเอยี ดการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาแยกตามจังหวัดทีข่ ้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาท่ีปฏบิ ัติหน้าทอ่ี ยู่ในจังหวัดน้ัน และเสนอ กศจ. จังหวดั นัน้ ๆ

- 34 - 4. กฎ ก.ค.ศ. การเลื่อนเงินเดือนของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2561 การเลื่อนเงินเดือนของขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ให้เล่อื นปลี ะ 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 เป็นการเลื่อนเงินเดือนสำหรับการปฏิบัติราชการในครึ่งปีแรก โดยให้เล่ือนในวันท่ี 1 เมษายนของปีทีไ่ ดเ้ ล่ือน ครั้งที่ 2 เป็นการเล่ือนเงินเดือนสำหรับการปฏิบัติราชการในคร่ึงปีหลัง โดยให้เล่ือนในวันที่ 1 ตุลาคมของปีถดั ไป 1. ผู้บงั คบั บญั ชาแตง่ ตงั้ กรรมการไม่นอ้ ยกวา่ 3 คน การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้ผู้บังคับบัญชาแต่งต้ัง คณะกรรมการไม่น้อยกว่า 3 คน ทำหน้าท่ีพิจารณา รายงานผลการพิจารณา และเสนอความเห็น ตอ่ ผู้บงั คบั บญั ชาตามลำดับ เพื่อประกอบการพิจารณาของผมู้ ีอำนาจส่งั เลื่อนเงนิ เดือนโดยความเห็นชอบของ กศจ. 2. คณะกรรมการพิจารณา ให้คณะกรรมการพิจารณาการเลื่อนเงินเดือนไม่เกินวงเงินท่ีสถานศึกษาและเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ไดร้ ับการจดั สรร ดงั น้ี 2.1 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจะได้รับการพิจารณาเล่ือนเงินเดือนในแต่ละครั้ง ต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ตามข้อ 10 ของกฎ ก.ค.ศ. การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2561 2.2 ให้นำผลการประเมินผลการปฏิบัติงานท่ีได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.7/ว 20 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2561 และหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.7/ว 6 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 มาประกอบการพจิ ารณา 2.3 รายงานผลการพจิ ารณาและเสนอความเหน็ ต่อผบู้ งั คับบญั ชา ตามลำดบั 3. ผู้บงั คับบัญชาพจิ ารณาผลการประเมนิ ผู้บังคับบัญชาพิจารณารายงานผลการพิจารณาและความเห็นของคณะกรรมการ โดยสรุปผล การประเมินว่า ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษามีผลการประเมินอยู่ในระดับดีเด่น ดีมาก ดี พอใช้ หรือปรับปรงุ และส่งผลการประเมินให้สำนกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาเพ่ือบรหิ ารวงเงนิ ในการเลื่อนเงินเดอื น 4. สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาบริหารวงเงินในภาพรวมของเขตพ้ืนที่การศึกษา ตามที่สว่ นราชการกำหนด ในแตล่ ะรอบการประเมนิ ใหส้ ำนกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาดำเนนิ การดงั นี้ 4.1 บริหารวงเงินในภาพรวมของเขตพื้นท่ีการศึกษา โดยนับรวมเงินเดือนของข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ท่ีรับเงินเดอื นตามบัญชเี งนิ เดอื นข้ันต่ำข้ันสูงของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา ท่ีมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เฉพาะตำแหน่งท่ีมีผู้ดำรงตำแหน่งอยู่ ณ วันท่ี 1 มีนาคม หรือ 1 กันยายน แลว้ แต่กรณี มาคำนวณวงเงินงบประมาณสำหรบั การเล่ือนเงนิ เดือนรอ้ ยละ 3 4.2 การเลื่อนเงินเดือนในแต่ละรอบการประเมินให้อยู่ในวงเงินร้อยละ 3 ของเงินเดือนรวม ของข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา หากมเี งนิ เหลอื ไมส่ ามารถนำมาใช้ในรอบการประเมนิ ต่อไปได้อกี 4.3 แยกวงเงินการเลื่อนเงินเดือนตามข้อ 4.1 ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มท่ี 1 ตำแหน่ง และวิทยฐานะท่ีรับเงินเดือนในอันดับครูผู้ช่วย คศ.1 คศ.2 และ คศ.3 และกลุ่มท่ี 2 ตำแหน่งและวิทยฐานะ ทีร่ บั เงินเดอื นในอนั ดบั คศ.4 และ คศ.5

- 35 - 4.4 กำหนดกรอบวงเงินในการเลื่อนเงินเดือนรายบุคคลไม่เกินร้อยละ 6 ของฐาน ในการคำนวณและช่วงเงินเดือนสำหรับการเลื่อนเงินเดือนในแต่อันดับของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ท่ีมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ โดยจะใช้วิธีหารเฉลี่ยเพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคน ไดร้ ับการเล่อื นเงนิ เดือนในอตั ราร้อยละท่เี ท่ากันมิได้ 4.5 การคำนวณจำนวนเงินสำหรับการเล่ือนเงินเดือน ให้ใช้ฐานในการคำนวณและ ช่วงเงินเดือนสำหรับการเลื่อนเงินเดือนในแต่ละอันดับของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เช่น 4.5.1 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารับเงินเดือนในอันดับ คศ.2 วทิ ยฐานะครูชำนาญการ ใหใ้ ช้ฐานในการคำนวณและช่วงเงนิ เดอื นในอันดบั คศ.2 4.5.2 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารับเงินเดือนในอันดับ คศ.3 อาศัยรบั เงนิ เดอื นในอนั ดับ คศ.4 ใช้ฐานในการคำนวณและช่วงเงนิ เดอื นในอันดบั คศ.3 4.6 สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประกาศอัตราร้อยละของฐานในการคำนวณท่ีได้ใช้เป็นเกณฑ์ ในการคำนวณเพื่อเลอ่ื นเงนิ เดือน โดยต้องประกาศใหท้ ราบเป็นการท่ัวไปอยา่ งชา้ ท่สี ดุ พรอ้ มกับมีคำสัง่ เล่อื นเงินเดอื น 5. กศจ. พิจารณา กศจ. พิจารณาตามข้อ 4 กรณีเห็นชอบให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 ออกคำสั่งเล่ือนเงินเดือน กรณีไมเ่ ห็นชอบส่งคนื ใหส้ ำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาพจิ ารณาทบทวน 6. ผมู้ ีอำนาจตามมาตรา 53 ออกคำส่ังเล่อื นเงินเดอื น ผมู้ ีอำนาจตามมาตรา 53 ออกคำสงั่ เลือ่ นเงนิ เดอื นตามมติ กศจ. 7. แจ้งสำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษา สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดแจ้งคำส่ังเล่ือนเงินเดือนเพื่อให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จัดใหม้ ีการแจง้ ผลการเลื่อนเงินเดอื นเปน็ รายบุคคล โดยการแจ้งผลการเล่ือนเงินเดือน ประกอบด้วย อัตราร้อยละที่ได้รับการเลื่อน ฐานในการคำนวณ จำนวนเงินที่ได้รับการเล่ือน และเงินเดือนท่ีพึงได้รับ เม่อื มกี ารเล่อื นตามผลการเล่ือนเงินเดอื น 5. ข้อพึงระวัง 5.1 การพิจารณาเล่ือนเงินเดือนกรณีลาศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจัย จะต้องเป็นกรณีท่ีข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาผู้นั้นรายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติราชการและสำเร็จการศึกษาตามระยะเวลา ท่ีได้รับอนุญาตและตามหลักสูตรท่ีกำหนด โดยไม่มีการขอขยายระยะเวลา และมีผลการเรียนไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ ที่กำหนด จงึ จะพจิ ารณาสัง่ เลื่อนเงินเดือนได้ไมเ่ กนิ และเล่อื นไดไ้ ม่เกินร้อยละ 2 ของฐานในการคำนวณ 5.2 การเล่ือนเงินเดือนกรณีเงินเดือนถึงข้ันสูงของอันดับเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษาผู้นั้นต้องเป็นผู้ที่มีวิทยฐานะชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ และเชี่ยวชาญ และต้องได้รับ เงินเดือนถึงข้ันสูงของอันดับเงินเดือน คศ.๒ คศ.๓ และ คศ.๔ ในรอบท่ีแล้วมา แล้วแต่กรณี จึงจะมีสิทธิ ไดร้ บั เงนิ เดอื นในอันดับถัดไปได้อีกหนง่ึ อันดับเทา่ น้นั 5.3 การเล่ือนเงินเดือนกรณีเสียชีวิต ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้นั้นต้องปฏิบัติหน้าท่ี มาแล้วไม่น้อยกว่า ๔ เดือน และเป็นกรณีที่เสียชีวิตก่อนหรือในวันท่ี ๑ เมษายน หรือวันที่ ๑ ตุลาคม ให้ผมู้ อี ำนาจสง่ั เลอื่ นเงินเดอื น โดยใหม้ ีผลในวนั ท่ผี ู้นัน้ ถึงแกค่ วามตาย

- 36 - รายการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เอกสารอเิ ล็กทรอนิกส์ (QR Code) เอกสาร ว 8/2558 เรอ่ื ง พระราชบัญญตั ิเงนิ เดือน เงนิ วทิ ยฐานะ และเงินประจำตำแหน่ง ขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2558 ว 20/2561 เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์และวธิ กี ารประเมินผลการปฏิบัตงิ านของข้าราชการครู และบคุ ลากรทางการศึกษา ว 5/2562 เรอ่ื ง การเล่ือนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา ว 6/2562 เรอื่ ง การประเมนิ ผลการปฏิบัติงานของขา้ ราชการครู และบคุ ลากรทางการศึกษา ว 9/2562 เรื่อง การไดร้ บั เงนิ เดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

- 37 - 1. การอนมุ ตั ิให้ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาลาไปศึกษา ฝกึ อบรม หรือปฏิบัตงิ านวจิ ยั ถอื เป็นการปฏบิ ัติหน้าทีร่ าชการและมสี ิทธไิ ด้รับการพิจารณาเลอ่ื นเงินเดือนในระหว่างลาไปศึกษา ฝึกอบรม หรอื ปฏิบัติงานวิจัย 2. กฎหมาย ระเบียบ หลกั เกณฑ์และวธิ ีการท่เี ก่ียวขอ้ ง 2.๑ มาตรา ๘๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กำหนดวา่ ให้ผู้บังคบั บัญชามหี นา้ ทใ่ี นการส่งเสริม สนับสนนุ ผ้อู ยู่ใตบ้ ังคบั บญั ชาโดยการให้ไปศกึ ษา ฝกึ อบรม ดูงานหรอื ปฏบิ ัตงิ านวิจยั และพัฒนาตามระเบียบที่ ก.ค.ศ. กำหนด ในกรณีท่ีมีความจำเป็นหรือเป็นความต้องการของหน่วยงาน เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนา คุณภาพการศึกษาหรือวิชาชีพ หรือคุณวุฒิขาดแคลน ผู้บังคับบัญชาอาจส่งหรืออนุญาตให้ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาลาไปศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจัย โดยอนุมัติ ก.ค.ศ. หรือ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ที่ได้รับมอบหมาย โดยให้ถือเป็นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการ และมีสิทธิได้เลื่อนขั้นเงินเดือนในระหว่างลาไปศึกษา ฝกึ อบรม หรอื วิจยั แล้วแตก่ รณี ทั้งนี้ ภายใตบ้ งั คบั มาตรา 73 วรรคสาม 2.๒ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2560 ลงวันท่ี 21 มีนาคม 2560 เร่ือง การบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้อ ๗ ให้แก้ไขคําว่า “ขั้นเงินเดือน” ในกฎหมายว่าดว้ ยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นคาํ ว่า “เงินเดือน” ทกุ แห่ง 2.3 คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 ลงวันท่ี 3 เมษายน 2560 เร่ือง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ข้อ 13 กำหนดว่า การบรรจุและแต่งตั้ง ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในจังหวัดหรือกรุงเทพมหานครตามมาตรา ๕๓ (๓) และ (๔) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้ศกึ ษาธิการจังหวัด โดยความเห็นชอบของ กศจ. เปน็ ผมู้ อี ํานาจสง่ั บรรจุและแต่งตั้ง 2.4 กฎ ก.ค.ศ. การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕61 ตามหนงั สือสำนกั งาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ 0206.7/ว 15 ลงวันที่ 27 กนั ยายน 2561 2.5 ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรวี ่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดงู าน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙ 2.6 ระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการส่งเสริม สนับสนุนให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ไปศึกษา ฝกึ อบรม ดงู าน หรือปฏบิ ัตงิ านวจิ ัยและพัฒนา พ.ศ. ๒๕๕๒ 2.7 หนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ ๐๒๐๖.๗/ว ๘ ลงวันที่ ๒๘ มถิ นุ ายน ๒๕๕๔ เร่ือง แนวปฏิบัติ ในการขออนุมัติและแนวทางการพิจารณาการอนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไปศึกษา ฝึกอบรม หรือปฏิบัติงานวิจัย ถือเป็นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการและมีสิทธิได้รับการพิจารณาเลื่อนข้ันเงินเดือน ในระหวา่ งลาไปศกึ ษา ฝึกอบรม หรอื ปฏิบัติงานวจิ ัย 2.8 หนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ด่วนมาก ที่ ศธ ๐๒๐๖.๗/ว ๒๖ ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เร่ือง แนวปฏิบัติในการขออนุมัติและแนวทางการพิจารณาการอนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ไปศึกษา ฝึกอบรม หรือปฏิบัติงานวิจัย ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการและมีสิทธิได้รับการพิจารณา เลอ่ื นขนั้ เงนิ เดอื นในระหวา่ งลาไปศกึ ษา ฝึกอบรม หรอื ปฏิบัตงิ านวจิ ยั หมายเหตุ *อยูร่ ะหว่างการปรับแนวปฏิบัติให้สอดคลอ้ งกับกฎ ก.ค.ศ.ฯ พ.ศ. 2561*

- 38 - 3. การอนุมตั ิใหข้ ้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาลาไปศกึ ษา ฝกึ อบรม หรือปฏิบตั งิ านวิจยั ถอื เปน็ การปฏบิ ัติหนา้ ท่รี าชการและมีสิทธิได้รบั การพิจารณาเลอ่ื นเงินเดอื นในระหว่างลาไปศกึ ษา ฝกึ อบรม หรอื ปฏิบตั งิ านวิจยั ช่วงที่ 1 ข้าราชการครูฯ ย่นื แบบคำขอใหม้ สี ทิ ธิได้รับการพจิ ารณาเลอื่ นเงินเดอื นในระหวา่ งลา 1. ยืน่ แบบคำขอต่อผบู้ งั คับบัญชาพร้อมเอกสารหลักฐานก่อนไปศกึ ษา ฝึกอบรม หรอื วจิ ยั ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ซ่ึงผู้บังคบั บัญชาส่งหรืออนุญาตให้ลาไปศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจัย ตามความจำเป็นหรือความต้องการของหน่วยงานเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาหรือวิชาชีพ หรือเป็นคุณวุฒิขาดแคลน ย่ืนแบบคำขออนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ไปศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจัย ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการและมีสิทธิได้รับการพิจารณาเล่ือนเงินเดือน ในระหว่างลากอ่ นไปศึกษา พรอ้ มเอกสารหลักฐาน 2. ผู้บังคับบัญชาพิจารณาตามกฎ ก.ค.ศ. การเล่ือนเงินเดือนของข้าราชการครูและ บคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2561 ผู้บังคับบัญชาพิจารณา และส่งแบบคำขอและเอกสารหลักฐานให้สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา เพ่ือส่งสำนกั งานศึกษาธิการจังหวดั เสนอ กศจ. พิจารณา ใหด้ ังน้ี 2.1 ยนื่ แบบคำขอต่อผ้บู งั คบั บัญชากอ่ นไปศกึ ษา ฝึกอบรม หรือวิจัย 2.2 ผู้บังคับบัญชาได้ส่งหรืออนุญาตให้ลาไปศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจัย ตามความจำเป็น หรือความต้องการของหนว่ ยงานเพ่ือประโยชนต์ อ่ การพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาหรอื วิชาชพี หรือเป็นคุณวฒุ ิขาดแคลน 2.3 หลักสตู รท่ีไปศึกษาตอ้ งเป็นคุณวุฒิท่ี ก.ค.ศ. รับรองและกำหนดวา่ เปน็ คุณสมบัติเฉพาะ ตำแหน่งข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาก่อนไปศกึ ษา 2.4 อนุญาตใหล้ าไปศึกษา ฝกึ อบรม หรือวจิ ยั ตามระยะเวลาของหลกั สูตรที่สถาบนั การศึกษา หรือหน่วยงานที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้กำหนดไว้ ท้ังน้ี ต้องไม่เกินกำหนดระยะเวลา ท่กี ำหนดไวใ้ นระเบียบสง่ เสรมิ สนับสนนุ สำหรับปริญญาโท มีกำหนด 2 ปี และปริญญาเอก มกี ำหนด 4 ปี 3. กศจ. พิจารณาตามกฎ ก.ค.ศ. การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2561 กศจ. พิจารณาตามข้อ 2 และสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาแจ้งมติอนุมัติหรือไม่อนุมัติ ใหก้ ารลาไปศึกษา ฝึกอบรม หรอื วจิ ัย ของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ถือเป็นการปฏิบัตหิ น้าท่ีราชการ และมีสิทธิได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนระหว่างลา ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อแจ้งสถานศึกษ า ทีข่ ้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาลาไปศึกษา ฝกึ อบรม หรือวจิ ัย ทราบ ช่วงที่ 2 ข้าราชการครฯู ยื่นเอกสารรายงานผลการศึกษาทกุ ครง้ั ท่ีมีการพิจารณาเลือ่ นเงนิ เดือน 1. ส่งรายงานผลการศกึ ษาต่อผูบ้ งั คับบัญชาทุกคร้ังที่มีการพจิ ารณาเล่ือนเงนิ เดอื น ในระหว่างลาไปศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจัย ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารายงาน ผลการศึกษา ผลการฝึกอบรม หรอื ความก้าวหนา้ ในการวจิ ัย และรายงานเสนอแนวความคิดหรือวิธีการพัฒนาคุณภาพ การจดั การเรียนร้หู รอื คณุ ภาพการศึกษาตอ่ ผู้บงั คบั บัญชาทกุ รอบการประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ าน 2. คณะกรรมการพจิ ารณาและรายงานผบู้ งั คบั บญั ชาตามกฎ ก.ค.ศ.ฯ ขอ้ 11 2.1 ผู้บังคับบัญชาแต่งต้ังคณะกรรมการพิจารณาผลการศึกษา ผลการฝึกอบรม หรือ ความก้าวหน้าในการวิจัยและรายงานเสนอแนวความคิดหรือวิธีการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ หรือคณุ ภาพการศึกษา และรายงานผลต่อผบู้ งั คบั บญั ชา

- 39 - 2.2 ผู้บังคับบัญชาพิจารณาผลตามข้อ 2.1 ถ้าเห็นว่าอยู่ในเกณฑ์ท่ีจะได้รับการพิจาณา เลอื่ นเงินเดือน ให้จัดทำรายงานผลสง่ สำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาเพื่อเสนอผู้อำนาจตามมาตรา 53 พิจารณา ทุกครงั้ ท่มี ีการพจิ ารณาเลอ่ื นเงินเดอื น 3. ศึกษาธิการจงั หวดั พจิ ารณา ศึกษาธิการจังหวัดพิจารณารายงานผลของผู้บังคับบัญชา ถ้าเห็นว่าอยู่ในเกณฑ์ท่ีจะได้รับ การพจิ ารณาเล่อื นเงินเดอื น ให้เสนอ กศจ. พจิ ารณาเลอื่ นเงินเดอื น แตใ่ หร้ อการเลอ่ื นเงนิ เดอื นไว้ก่อน 4. กศจ. พจิ ารณาตามกฎ ก.ค.ศ.ฯ ข้อ 13 คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวดั พิจารณารายงานผลของผู้บังคับบัญชาและความเห็นของ ศึกษาธิการจังหวดั ดงั น้ี 4.1 กรณีอยู่ในเกณฑ์ท่ีจะได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนตามกฎ ก.ค.ศ.ฯ ข้อ 13 ให้ได้รับการพิจารณาเล่ือนเงนิ เดือนในแตล่ ะคร้ังท่พี ิจารณาไม่เกินร้อยละ 2 ของฐานในการคำนวณ และให้รอ การเล่ือนเงินเดือนไว้ก่อน เมื่อผู้นั้นสำเร็จการศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจัย และกลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการ ใหผ้ ูม้ อี ำนาจสั่งเลอ่ื นเงินเดอื นยอ้ นหลงั ไปในแต่ละคร้ังที่ได้รอการเล่ือนเงินเดือนไว้ 4.2 กรณีไม่อยู่ในเกณฑ์ท่ีจะได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนตามกฎ ก.ค.ศ.ฯ ข้อ 13 จะไม่ไดร้ บั การพิจารณาเลื่อนเงินเดือนในแตล่ ะคร้ังในการพิจารณา สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดแจ้งมติ กศจ. ให้สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาเพื่อแจ้งสถานศึกษา ท่ีขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาลาไปศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจัย ทราบ ช่วงที่ 3 ขา้ ราชการครูฯ สำเรจ็ การศกึ ษาและรายงานตวั กลบั เข้าปฏบิ ัติหนา้ ทีร่ าชการ 1. ข้าราชการครูฯ รายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติหน้าท่ีราชการพร้อมย่ืนเอกสารการสำเร็จการศึกษา ตอ่ ผบู้ งั คับบัญชา 1.1 ข้าราชการครูและบุคลกรทางการศึกษาเมื่อศึกษาจบหลักสูตรตามที่ได้รับอนุญาตให้ไปศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจัย ระหว่างรอหลักฐานการส่งตัวกลับจากสถาบันการศึกษาที่เข้าศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจัย ให้รายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการทันทีท่ีสำเร็จการศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจัย โดยให้รายงานเป็นหนังสือ ต่อผู้มีอำนาจอนุญาตเพ่ือพจิ ารณาสัง่ การกลับใหเ้ ข้ารบั ราชการ 1.2 ผู้บังคับบัญชารายงานสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาเพ่ือเสนอผู้มีอำนาจสั่งเล่ือนเงินเดือน พจิ ารณา 2. ผูม้ ีอำนาจส่ังเลือ่ นเงินเดือนพจิ ารณาตาม กฎ ก.ค.ศ.ฯ ขอ้ 11 ผู้มีอำนาจสั่งเล่ือนเงินเดือนพิจารณาข้อ 11 ของ กฎ ก.ค.ศ. การเลื่อนเงินเดือนของ ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2561 ดังนี้ 2.1 ศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจัย สำเร็จภายในระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตและตามระยะเวลา ของหลักสูตรท่ีสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานท่ีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไปศึกษา ฝึกอบรม หรอื วจิ ยั ไดก้ ำหนดไวโ้ ดยไมม่ ีการขอขยายระยะเวลา 2.2 มีผลการศกึ ษา ฝกึ อบรม หรอื วิจัย ดงั นี้ 2.2.1 การศกึ ษาระดับปรญิ ญาตรี มผี ลการศึกษาสะสมตามหลักสูตร ไม่ตำ่ กวา่ 2.5 2.2.2 การศึกษาระดับปริญญาโท มีผลการศึกษาสะสมตามหลักสตู ร ไมต่ ่ำกว่า 3.2 2.2.3 การศึกษาระดบั ปริญญาเอก มีผลการศึกษาสะสมตามหลักสูตร ไมต่ ่ำกว่า 3.5 2.2.4 การฝึกอบรม หรือวิจัย มีผลการฝึกอบรมหรือมีความก้าวหน้าในการวิจัย ทมี่ ีคุณภาพสงู แลว้ แต่กรณี

- 40 - กรณีเป็นไปตามกฎ ก.ค.ศ. ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 ส่ังเล่ือนเงินเดือนย้อนหลังต้ังแต่ ครั้งที่มีการพิจารณาให้รอการเล่ือนเงินเดือนไว้ไม่เกินร้อยละ 2 ของฐานในการคำนวณของข้าราชการครูฯ และส่งสำเนาคำสั่งการเลื่อนเงินเดือนพร้อมเอกสารและหลักฐานประกอบการพิจารณาให้ ก.ค.ศ. ทราบ และแจ้งผลการพิจาณาให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพ่ือแจ้งสถานศึกษาที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ลาไปศกึ ษา ฝกึ อบรม หรอื วิจัย ทราบ กรณีไม่เป็นไปตามข้อ 13 ของ กฎ ก.ค.ศ.ฯ ให้งดการเล่ือนเงินเดือนท่ีได้รอไว้ในระหว่าง ลาไปศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจัย และแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาเพ่ือแจ้งสถานศึกษา ที่ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาลาไปศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจยั ทราบ 4. ข้อพงึ ระวัง 1. ผู้บังคับบัญชาควรส่งหรอื อนุญาตให้ลาไปศึกษา ฝึกอบรม หรือวจิ ัย ตามความจำเป็นหรือ ความตอ้ งการของหน่วยงานเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาหรือวชิ าชพี หรือเป็นคณุ วฒุ ขิ าดแคลน 2. กรณีอยู่ระหว่างไปศึกษา ฝกึ อบรม หรอื ปฏบิ ัติงานวจิ ัย แล้วกลับเข้าปฏิบตั ิหน้าท่ีราชการ โดยให้เหตุผลว่าอยู่ระหว่างการทำวิทยานิพนธ์ ถือว่าไม่สำเร็จการศึกษาตามระยะเวลาที่หลักสูตรกำหนด และไมไ่ ด้รบั การพิจารณาเล่ือนเงินเดอื นตามที่ให้รอการเลือ่ นเงินเดือนไว้ 3. คุณวุฒิท่ีสำเร็จการศึกษาต้องเป็นคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ. รับรองและกำหนดเป็นคุณสมบัติเฉพาะ สำหรับตำแหนง่ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา 5. คำถามที่พบบอ่ ย คำถาม กรณีไปศึกษาแล้ว แต่หลักสูตรที่ลาไปศึกษา ก.ค.ศ. ยังมิได้รับรอง แต่รับรอง ก่อนสำเร็จการศกึ ษา สามารถนำคณุ วฒุ ิทสี่ ำเร็จการศึกษามาขอเลอ่ื นเงินเดือนในระหวา่ งลาไปศึกษาได้หรือไม่ คำตอบ หลักสูตรที่ไปศึกษาต้องได้รับการรับรองคุณวุฒิจาก ก.ค.ศ. ก่อนไปศึกษา จึงสามารถมีสิทธิได้รับการพิจารณาให้ลาไปศึกษา ฝึกอบรม หรือวิจัย ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และมสี ิทธไิ ดร้ บั การพจิ ารณาเล่อื นเงินเดอื นในระหวา่ งลา

- 41 - รายการเอกสารอเิ ล็กทรอนิกส์ เอกสารอเิ ล็กทรอนิกส์ เอกสาร (QR Code) ว 15/2561 เร่ือง การเล่อื นเงินเดือนของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ว 8/2554 เรื่อง แนวปฏิบัติในการขออนุมัติและแนวทางการพิจารณาการอนุมัติ ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไปศึกษา ฝึกอบรม หรือ ปฏิบัติงานวิจัย ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการและมีสิทธิได้รับการ พิจารณาเลื่อนข้ันเงินเดือนในระหว่างลาไปศึกษา ฝึกอบรม หรือ ปฏิบตั งิ านวิจัย ว 26/2555 เรื่อง การให้ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาไปศึกษา ฝึกอบรม หรือปฏิบัติงานวิจัย ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการและมีสิทธิได้รับ การพิจารณาเล่ือนข้ันเงินเดือนในระหว่างลาไปศึกษา ฝึกอบรม หรอื ปฏิบัติงานวจิ ัย

- 42 - 1. การอนุมัตใิ หข้ า้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาไดร้ บั เงนิ เพ่ิมสำหรบั ตำแหน่งที่มเี หตพุ เิ ศษ ของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาท่ปี ฏบิ ตั ิหนา้ ที่สอนคนพกิ าร (พ.ค.ก.) 2. กฎหมาย ระเบียบ หลกั เกณฑ์และวิธีการทีเ่ ก่ยี วข้อง 2.1 มาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม กำหนดว่า ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาอาจได้รับเงินเพิ่ม สำหรบั ตำแหนง่ ท่ีมีเหตุพเิ ศษ ตามระเบยี บที่ ก.ค.ศ. กำหนด โดยความเห็นชอบของคณะรฐั มนตรี 2.๒ ข้อ 13 คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่ี 19/2560 ลงวันท่ี 3 เมษายน 2560 เรอ่ื ง การปฏริ ูปการศึกษาในภูมภิ าคของกระทรวงศึกษาธิการ 2.3 ระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยเงินเพ่ิมสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ที่ปฏิบัติหน้าที่สอนคนพิการ พ.ศ. 2556 ตามหนังสือ สำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.7/257 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2556

- 43 - 3. แผนผงั ขั้นตอนการดำเนนิ การของสถานศกึ ษาอ่ืนนอกจากสถานศกึ ษาทีเ่ ปิดสอนเฉพาะคนพกิ าร (สถานศึกษาทมี่ ีคนพกิ ารเรียนร่วมกบั คนปกติ) 1. ยน่ื แบบขอรบั /รายงาน เพอ่ื ขอรับ พ.ค.ก. พร้อมเอกสาร/หลกั ฐาน 2. ผอ. สถานศึกษาตรวจสอบ ความถกู ต้องและรับรองขอ้ มลู 3. สพท. ตรวจสอบ คุณสมบัติของผู้ขอรับ พ.ค.ก. 4. สนง. ศธจ. ตรวจสอบคณุ สมบตั ิ 5. กศจ. พจิ ารณา อนมุ ตั ิ ไม่อนุมัติ ผมู้ ีอำนาจตาม ม. 53 ออกคำส่งั 6. สนง. ศธจ. แจ้งผล ให้ สพท. ทราบ 7. สพท. แจง้ ผล ใหส้ ถานศึกษาท่ผี ูข้ อสงั กดั อย่ทู ราบ หมายเหตุ สำหรบั กรณีขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา สงั กัดสำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา ขอรบั พ.ค.ก. ใหส้ ำนกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เสนอขออนุมัติ กศจ. ที่สถานศกึ ษานั้นตงั้ อยู่

- 44 - 4. ระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าดว้ ยเงนิ เพ่ิมสำหรบั ตำแหนง่ ทม่ี ีเหตุพเิ ศษของขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ท่ีปฏิบัตหิ น้าทสี่ อนคนพิการ พ.ศ. 2556 เงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ปฏิบัติหน้าท่ีสอนคนพิการ (พ.ค.ก.) ให้สำหรับผู้ท่ีปฏิบัติหน้ าท่ีสอนคนพิการในสถานศึกษา ท่ีลักษณะงานมีความยากลำบาก ต้องใช้ความอดทนสูง และตรากตรำในการทำงาน ใช้ความรู้ความสามารถ และความเอาใจใส่เป็นพิเศษต่อคนพิการ ก.ค.ศ. จึงได้กำหนดระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยเงินเพ่ิมสำหรับตำแหน่ง ที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่สอนคนพิการ พ.ศ. 2556 โดยใหไ้ ด้รับในอตั ราเดอื นละสองพันหา้ รอ้ ยบาท โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดงั นี้ ๑. ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สอนคนพิการในสถานศึกษาที่เปิดสอนเฉพาะคนพิการ (สำหรับผู้ดำรงตำแหน่งครูผู้ช่วย ครู รองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษา) เป็นอำนาจหน้าท่ี ของสว่ นราชการเปน็ ผู้พจิ ารณาตรวจสอบ ๒. ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สอนคนพิการในสถานศึกษาอื่นนอกจาก สถานศึกษาท่ีเปิดสอนเฉพาะคนพิการ คือ สถานศึกษาท่ีมีคนพิการเรียนร่วมกับคนปกติ (สำหรับผู้ดำรง ตำแหน่งครูผู้ช่วยและครู) เป็นอำนาจหน้าที่ของ กศจ. เป็นผู้พิจารณาตรวจสอบ ซึ่งมีคำอธิบาย ตามแผนผังของข้นั ตอนการดำเนินการ ดังน้ี ขน้ั ตอนการดำเนนิ การของสถานศกึ ษาอน่ื นอกจากสถานศกึ ษาทเี่ ปิดสอนเฉพาะคนพกิ าร (สถานศกึ ษาท่ีมคี นพิการเรยี นรว่ มกบั คนปกติ) 1. ยนื่ แบบคำขอ/รายงาน เพ่ือขอรับ พ.ค.ก. พร้อมเอกสาร/หลักฐาน แบง่ ไดเ้ ป็น 2 กรณี ดังนี้ 1.๑ กรณียื่นแบบขอรับ พ.ค.ก. ตามแบบที่ ก.ค.ศ. กำหนด (แบบ พ.ค.ก. 1/2) ใช้สำหรับผู้ย่ืน ขอรับ พ.ค.ก. คร้ังแรก หรือภายหลังจากการย้าย การช่วยราชการ หรือการโอนมาปฏิบัติหน้าที่ ในอีกสถานศึกษาหน่ึง สามารถขอยอ้ นหลงั ไดไ้ มก่ ่อนวนั เริม่ ต้นของปีการศึกษาเป็นปี ๆ ไป 1.2 กรณีแบบรายงานข้อมูลการปฏิบัติหน้าท่ีของผู้ที่ได้รับ พ.ค.ก. ตามแบบท่ี ก.ค.ศ. กำหนด (แบบ พ.ค.ก. ๒/๒) ใช้สำหรับผู้ท่ีปฏิบัติหน้าที่สอนคนพิการ ท่ีได้รับอนุมัติให้ได้รับ พ.ค.ก. อยู่แล้ว หากยังปฏิบัติหน้าที่สอนคนพิการในสถานศึกษาเดิม เม่ือเริ่มปีการศึกษาใหม่ให้ดำเนินการรายงานข้อมูล การปฏิบัติหน้าที่ ภายใน 45 วัน 2. ผอู้ ำนวยการสถานศึกษาตรวจสอบความถกู ตอ้ งและรบั รองขอ้ มลู ตรวจสอบเอกสารตามท่ีผู้ขอยื่นแบบขอรับ/รายงาน หากถูกต้องตามระเบียบการขอรับ พ.ค.ก. ให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาลงลายมือช่ือ และวัน/เดือน/ปี กำกับใหถ้ ูกต้องครบถ้วน โดยตรวจสอบเอกสาร/หลกั ฐาน ดงั นี้ ๒.๑ แบบขอรับ (แบบ พ.ค.ก. ๑/๒)/แบบรายงาน พ.ค.ก. (แบบ พ.ค.ก. ๒/๒) 2.๒ สำเนาคำส่ังบรรจุและแต่งตั้ง คำสงั่ ย้าย/โอน คำส่ังช่วยราชการ คำสั่งมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่สอน คนพิการในสถานศึกษาของทางราชการและหรอื ในความควบคุมของทางราชการหรอื คำสง่ั อื่นท่เี กี่ยวข้องแลว้ แต่กรณี (ใชเ้ ฉพาะกรณีแบบขอรับ) ๒.๓ สำเนาวุฒิปริญญาทางการศึกษาพิเศษ/สำเนาวุฒิบัตรผ่านการอบรมด้านการสอนคนพิการ ตามหลกั สูตรท่ี ก.ค.ศ. อนมุ ัติ/รบั รอง (ใชเ้ ฉพาะกรณีแบบขอรับ)

- 45 - ๒.๔ บัญชีแสดงรายช่ือและจำนวนนักเรียนทั้งโรงเรียน ในปีการศึกษาท่ีขอรับ/รายงาน โดยต้องแสดง จำนวนคนปกติและคนพิการ (ที่เรียนร่วมอยู่ในแต่ละชั้นเรียน/แต่ละห้องเรียน) พร้อมท้ังจำแนกความพิการ ในแตล่ ะประเภทใหช้ ัดเจน (ใชท้ ัง้ 2 กรณี) 2.๕ ตารางสอนรวมของสถานศกึ ษา ในปีการศกึ ษาท่ีขอรบั /รายงาน (ใช้ทง้ั 2 กรณ)ี เพื่อใช้ตรวจสอบว่าในสถานศึกษานั้น ๆ มีครูท่ีทำการสอนทั้งหมดกี่คน ทำการสอนวิชาใดบ้าง ในหนง่ึ สัปดาห์ และผู้ย่นื ทำการสอนวชิ าใด จำนวนก่ีหนว่ ยชว่ั โมง ๒.๖ ตารางสอนรายบุคคล ในปกี ารศกึ ษาทขี่ อรับ/รายงาน (ใชท้ ั้ง 2 กรณ)ี เพื่อนำมาใช้เปรียบเทียบกับตารางสอนรวมว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่ เวลาในการจัดการเรียน การสอนตอ้ งไมซ่ ำ้ ซ้อนกับผ้อู ื่น ๒.๗ ตารางสอนเสรมิ วิชาการ ในปีการศกึ ษาทีข่ อรบั /รายงาน (ใช้ทัง้ 2 กรณ)ี เพ่ือใช้สำหรับตรวจสอบว่าผู้ยื่นสอนเสริมวิชาใด จำนวนกี่หน่วยชั่วโมง สอดคล้องกับ ตารางสอนรวมและตารางสอนรายบคุ คลหรอื ไม่ การตรวจสอบตารางสอนในแต่ละประเภทให้ตรงตามการปฏิบัติหน้าท่ีตามเง่ือนไขอย่างใด อย่างหนึง่ ตอ้ งตรวจสอบตามลกั ษณะของการปฏบิ ัตงิ าน ดงั น้ี 1. กรณีเป็นครูประจำช้ันท่ีแยกสอนเฉพาะห้องคนพิการ ต้องมีเวลาทำการสอนคนพิการ ไมน่ อ้ ยกว่า 18 หนว่ ยช่ัวโมง/สัปดาห์ คนพิการไม่น้อยกวา่ 6 คน 2. กรณีเป็นครูเสริมวิชาการ ต้องมีเวลาทำการสอนเสริมและให้ความช่วยเหลือคนพิการ ไมน่ อ้ ยกวา่ 18 หน่วยชว่ั โมง/สปั ดาห์ คนพิการไมน่ อ้ ยกว่า 6 คน 3. กรณีเป็นครูเดินสอน ต้องมีเวลาทำการสอนเสริมและให้ความช่วยเหลือคนพิการ ไม่น้อยกว่า 18 หน่วยช่ัวโมง/สัปดาห์ ในสถานศึกษาไม่น้อยกว่า 2 แห่ง คนพิการรวมกันไม่น้อยกว่า 3 คน (การสอนหรือปฏิบัติงาน รวมถึง เวลาทำการสอนหรือปฏิบัติงานนอกสถานศึกษาท่ีมีการร้องขอ และผูบ้ ังคับบญั ชาไดอ้ นญุ าตแล้วด้วย) 4. กรณีเป็นครูประจำชนั้ ทีม่ ีคนพิการเรียนรว่ มกบั คนปกติ จะตอ้ งปฏบิ ัตหิ นา้ ที่เป็นครูเสริมวิชาการ ให้แก่คนพิการด้วย โดยต้องทำการสอนในช้ันเรียน/ห้องเรียนไม่น้อยกว่า 18 หน่วยชั่วโมง/สัปดาห์ และทำการสอนเสรมิ คนพิการไมน่ ้อยกวา่ 5 หนว่ ยชัว่ โมง/สปั ดาห์ คนพกิ ารไมน่ อ้ ยกว่า 3 คน ๒.๘ สำเนาบัตรประจำตวั คนพิการ สมุดประจำตัวคนพิการ เอกสารรบั รองความพิการจากแพทย์เฉพาะทาง (ทยี่ งั ไม่หมดอายุ) (ใช้ท้ัง 2 กรณี) 2.๙ สำเนาแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) ของนักเรียนพิการท่ีทำการสอนในปีการศึกษา ทีข่ อรับ/รายงาน (ใชท้ ้งั 2 กรณี) ๒.๑๐ กำหนดเปิด -ปดิ ภาคเรยี น ประจำปกี ารศึกษาที่ขอรับ/รายงาน (ระบุภาคเรยี น/ปีการศึกษา) (ใชท้ ้งั 2 กรณ)ี ๒.๑๑ สำเนาทะเบยี นประวัติ (ก.พ. 7 หรือ ก.ค.ศ. 16) ที่เปน็ ปจั จุบัน (ใช้ท้ัง 2 กรณ)ี 2.1๒ หลักฐานอ่ืนๆ ไดแ้ ก่ หลักฐานการเปล่ียนช่ือ -นามสกุล ใบสำคัญการสมรส ใบสำคัญการหย่า หรือ คำสงั่ ให้ไดร้ บั พ.ค.ก. เปน็ ต้น (ใชท้ ัง้ 2 กรณ)ี 2.1๓ แบบรายงานผลการพัฒนา หรือผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรู้ของคนพิการ ในปีการศึกษาที่แล้วมา ตามแบบที่ ก.ค.ศ. กำหนด (แบบ พ.ค.ก. ๓) (ใชเ้ ฉพาะกรณแี บบรายงาน) เพื่ อ ใช้พิ จ ารณ าจาก ผ ล สั ม ฤท ธ์ิใน ก ารจั ดก ารเรียน ก ารส อ น ข องแผ น ก ารจั ดก ารศึ ก ษ า เฉพาะบคุ คล (IEP)/โปรแกรมการศึกษาเฉพาะบคุ คล

- 46 - 3. สำนักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาตรวจสอบคณุ สมบตั ิของผู้ขอรับ พ.ค.ก. โดยพิจารณาจาก - รายละเอียด ตามขอ้ ๑ - ๒ 4. สำนกั งานศกึ ษาธิการจังหวัดตรวจสอบคุณสมบตั ิ โดยพิจารณาจาก - รายละเอยี ด ตามขอ้ 1 - 3 (กรณคี ุณสมบัติครบตามท่ี ก.ค.ศ. กำหนด ให้เสนอ กศจ. พจิ ารณา) 5. คณะกรรมการศึกษาธกิ ารจังหวัด (กศจ.) พิจารณา - อนุมัติ/ไม่อนุมัติ ให้ผู้ยื่นแบบขอรับ/รายงาน ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งท่ีมีเหตุพิเศษ ทีป่ ฏิบัติหนา้ ทสี่ อนคนพิการในสถานศึกษาอืน่ นอกจากสถานศึกษาทเ่ี ปิดสอนเฉพาะคนพิการ 6. สำนักงานศกึ ษาธกิ ารจงั หวัด (ศธจ.) แจง้ ผลให้สำนกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาทราบ - เมื่อ กศจ. พิจารณาอนมุ ัติ/ไมอ่ นมุ ตั ิแลว้ ใหอ้ อกคำสั่งแจ้งสำนักงานเขตพ้ืนการศกึ ษา 7. สำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาแจ้งผลสถานศกึ ษาท่ีผขู้ อสงั กดั อยู่ทราบ - สำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาแจง้ ผลการพจิ ารณาให้สถานศึกษาดำเนนิ การต่อไป 5. ข้อพึงระวงั 1. การอนุมัติให้ได้รับเงิน พ.ค.ก. ต้องไม่ก่อนวันเปิดภาคเรียนในปีการศึกษาที่ขอ และต้องไม่ก่อนวนั ท่ปี ฏบิ ตั หิ น้าที่สอนคนพิการ ๒ . การปฏิ บั ติหน้าท่ี สอนคนพิ การไม่เต็มเดือนในเดือนใด ให้ ผู้นั้ นได้รับ พ.ค.ก. สำหรับเดือนนั้น ตามสว่ นของจำนวนวันที่ปฏิบตั ิหน้าท่ี ถ้าในเดือนใด มิได้ปฏิบัติหน้าที่ ผู้นั้นไม่มีสิทธิได้รับ พ.ค.ก. สำหรบั เดอื นนนั้ ๓. ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดท่ีมีสิทธิได้รับ พ.ค.ก. ต้องมีคุณสมบัติ ตามระเบยี บที่ ก.ค.ศ. กำหนดอย่างเครง่ ครดั ๔. กรณีที่ กศจ. ได้พิจารณาและมีมติอนุมัติให้เพิกถอนคำส่ังให้ได้รับ พ.ค.ก. รายใด ให้ผ้นู ั้นสง่ พ.ค.ก. ท่ีได้รับคนื ตามระเบียบทท่ี างราชการกำหนด ๕. การรายงานเท็จ/การรับรองขอ้ มลู อื่นที่เป็นเท็จ ให้ถือเปน็ ความผดิ ทางวินัย 6. คำถามที่พบบ่อย 6.1 คำถาม กรณีคนพิการท่ีทำการสอนไม่มีบัตรประจำตัว สมุดประจำตัว หรือเอกสารที่รับรอง ความพิการที่ออกให้โดยแพทย์เฉพาะทาง สามารถใช้ใบคัดกรองโรค หนังสือแจ้งผลการตรวจและแนวทาง ช่วยเหลือคนพิการ ใบรับรองแพทย์ หรือเอกสารรับรองความพิการที่ออกให้ โดยแพทย์แต่ไม่ใช่ แพทยเ์ ฉพาะทางเป็นผูอ้ อกให้ มาใช้ยนื่ ขอรับ/รายงาน พ.ค.ก. แทนได้หรือไม่ คำตอบ สามารถนำใบรับรองแพทย์ที่ออกให้โดยแพทย์ซ่ึงไม่ใช่แพทย์เฉพาะทาง มายื่น เพื่อขอรับ/รายงาน พ.ค.ก. แทนได้ แต่เป็นการเฉพาะราย โดยในใบรับรองแพทย์น้ันแพทย์ต้องพิเคราะห์โรคแล้ว ระบุอาการของคนพิ การว่ามีอุปสรรคใน การเรียนรู้ และมีกำหน ดระยะเวลา 1 ปี การศึกษ า ท่ขี อรบั /รายงาน เท่านน้ั 6.2 คำถาม กรณีจำนวนหน่วยช่ัวโมงในการจัดการเรียนการสอนสำหรับคนพิการไม่ครบตามจำนวน ที่กำหนด สามารถนำจำนวนหน่วยชั่วโมงที่ปฏิบัติงานด้านอ่ืนมานับรวมเพื่อให้ครบตามจำนวนท่ีกำหนดไว้ ในระเบียบได้หรือไม่ อยา่ งไร คำตอบ ได้ เฉพาะกรณี เป็นครูเดินสอนคนพิการประจำศูนย์เสริมวิชาการการศึกษาพิเศษ ท่ีปฏิบัติงานด้านการสอนและให้ความช่วยเหลือแก่คนพิการ ซ่ึงสามารถนำจำนวนหน่วยช่ัวโมงที่เป็น เวลาทำการสอนหรือปฏิบัตงิ านนอกสถานศกึ ษาที่มีการร้องขอและผู้บังคับบัญชาอนุญาต จำนวนไมน่ ้อยกว่า 2 แห่ง มานับ จำนวนหน่วยชัว่ โมงรวมกันได้

- 47 - รายการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เอกสาร (QR Code) ศธ 0206.7/257 ลงวนั ที่ 10 กรกฎาคม 2556 เรื่อง ระเบยี บ ก.ค.ศ. ว่าด้วยเงินเพมิ่ สำหรบั ตำแหน่งท่มี ีเหตุพิเศษของ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ทป่ี ฏิบตั ิหน้าทีส่ อนคนพิการ พ.ศ. 2556


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook