ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๔๕ ๕. บททีเ่ นื่องดวยประธาน บททีเ่ นอื่ งดว ย(ขยาย)ประธาน คอื บททล่ี งวภิ ตั ตเิ ดยี วกันกบั ประธาน หรือแปลและสมั พนั ธเ ขา กบั ตวั ประธานได สว นมากมกั วางอยูห นา ประธาน เชน ๑. มหาปฺโ ภกิ ฺขุ ภกิ ขฺ ํ ภิกขฺ ติ. อ.ภกิ ษุ ผูมีปญ ญามาก ยอมขอ ซึ่งภกิ ษา. ๒. ปณฑฺ โิ ต สามเณโร โอวาทํ คณหฺ าต.ิ อ.สามเณร ผฉู ลาด ยอมรับเอา ซงึ่ โอวาท. แตถ า หากวา เปน โคตร ยศ หรอื ตำแหนง สว นตวั นนั้ มกั จะวางอยูขางหลงั ประธาน เชน ๑. สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ. อ.พระสมณะ ผูโ คดม ยอ มทรงแสดง ซง่ึ ธรรม. ๒. วสิ าขา มหาอปุ าสกิ า วหิ ารํ คจฺฉต.ิ อ.นางวิสาขา ผูเ ปน มหาอุบาสกิ า ยอมไป สวู หิ าร. ๖. กิรยิ าในระหวา ง /บทนามท่มี ีวิภตั ติเดียวกบั ประธาน/ประโยคแทรก ก. กริ ยิ าในระหวา ง มีอยู ๒ ประเภท คอื ๑. กริ ิยาศพั ท (ธาตุ)ทีป่ ระกอบดว ย ต, อนฺต มาน ปจ จยั ซึง่ จะมลี งิ ค วจนะ และวภิ ตั ตเิ สมอ กนั กบั ประธาน เชน เถโร วิหารํ ปวสิ นโฺ ต ธมฺมํ วทติ. อ.พระเถระ เขา ไปอยู สวู หิ าร ยอ มกลา ว ซงึ่ ธรรม สามเณโร ธมมฺ ํ สณุ นฺโต ปสีทติ. อ.สามเณร ฟง อยู ซง่ึ ธรรม ยอมเลอ่ื มใส. ๒. กิริยาศัพท (ธาตุ) ทปี่ ระกอบดว ย ตูน, ตวฺ า, ตฺวาน ปจจัย (เฉพาะทบี่ งชดั วา เปนกริ ิยาอาการ ของประธานในประโยคนน้ั ๆ เชน เถโร โอวาทํ ทตวฺ า วิหารํ คจฺฉติ. อ.พระเถระ ใหแลว ซ่งึ โอวาท ยอมไป สวู ิหาร. ปรุ ิโส ภตฺตํ ภุ ฺชติ ฺวา มขุ ํ โธวติ. อ.บรุ ษุ บริโภคแลว ซึ่งภัตร ยอ มลา ง ซง่ึ ปาก. ข. บทนามทีม่ ีลิงค- วจนะ-วิภตั ตเิ ดยี วกนั กับประธาน เชน ปรุ ิโส ธมฺมํ สตุ วฺ า ปพฺพชติ วฺ า ลทฺธปู สมปฺ โท ปจฺ วสสฺ านิ กมฺมฐานํ อุคฺคณฺห.ิ อ.บรุ ษุ ฟง แลว ซงึ่ ธรรม บวชแลว ผูมอี ปุ สมบทอนั ไดแ ลว เรยี นเอาแลว ซงึ่ กมั มฏั ฐาน ส้นิ ป ท. หา . ค. ประโยคแทรก คือ ในประโยคทมี่ บี ทนามนาม หรอื ปรุ สิ สพั พนาม ท่ปี ระกอบดว ยฉฏั ฐวี ิภตั ติ (แปลวา เมื่อ....) หรือสตั ตมวี ิภัตติ (แปลวา ครนั้ เมอ่ื ....) และมกี ิรยิ ากติ กท ี่ลง อนตฺ มาน ต ปจ จัย ประกอบ ดว ยฉัฏฐวี ภิ ตั ตหิ รือสตั ตมีวภิ ตั ตติ ามนามนามน้ันๆ เชน ปตา ภตตฺ ํ ภุชฺ นโฺ ต ปตุ ตฺ สฺส โรทนตฺ สสฺ ตํ ภตฺตํ เทต.ิ อ.บิดา บริโภคอยู ซึง่ ภตั ร เมือ่ บุตร รอ งใหอ ยู ยอมให ซึ่งภัตร นน้ั . ภกิ ฺขุ ธมฺมํ สณุ นโฺ ต มชฺฌิมยาเม อตกิ กฺ นเฺ ต คพภฺ ํ ปาวสิ ิ.
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๔๖ อ.ภกิ ษุ ฟงอยู ซ่งึ ธรรม ครัน้ เมื่อมชั ฌมิ ยาม ลว งไปแลว เขาไปแลว สหู อ ง. ๗. บทเน่ืองดวยกริ ยิ าในระหวาง บทเน่อื งดว ยกริ ิยาในระหวาง คอื บทนามทตี่ ง้ั อยขู า งหนา กิรยิ าในระหวา งน้ันๆและมขี อความท่ี เกี่ยวเน่ืองกบั กริ ยิ าในระหวา ง เชน ๑. เถโร สามเณรสสฺ โอวาทํ ทตวฺ า วหิ ารํ ปวสิ ติ ฺวา นสิ ีทติ. อ.พระเถระ ใหแลว ซ่งึ โอวาท แกส ามเณร เขา ไปแลว สวู หิ าร ยอ มนง่ั . ๒. มนสุ ฺสา ภิกขฺ นู ํ ภิกขฺ ํ ทตฺวา เต ภกิ ขฺ ู วนทฺ ติ วฺ า นวิ ตฺตสึ .ุ อ.มนษุ ย ท. ถวายแลว ซึ่งภกิ ษา แกภ ิกษุ ท. ไหวแ ลว ซงึ่ ภิกษุ ท. เหลานั้น กลับแลว . ๘. กิรยิ าคมุ พากย กริ ยิ าคุมพากยนนั้ จะมปี ระเภทใหญๆ อยู ๓ ประเภท คอื ๑. กิริยาอาขยาตท้ังหมด คอื ธาตุที่ประกอบดวยปจ จยั ในแตละวาจกของอาขยาต ซึ่งกิริยา อาขยาตน้ี ถอื วาเปน กริ ิยาคมุ พากยท ใ่ี หญท่ีสดุ ในประโยคน้ันๆ เชน เถโร ธมมฺ ํ สณุ าติ. อ.พระเถระ ยอ มฟง ซึ่งธรรม. (สุณาติ = สุ+ณา+ต)ิ ภกิ ฺขุ วิหารํ คจฺฉติ. อ.ภิกษุ ยอ มไป สวู ิหาร. (คจฉฺ ติ = คมฺ+อ+ต)ิ ๒. กริ ยิ ากติ ก คอื กริ ยิ ากติ กท ี่ประกอบปจจัย ๓ ตวั นี้ ไดแ ก ต อนีย ตพพฺ ปจจัย ใชคมุ พากยได เชน ปรุ โิ ส คามํ คโต. อ.บรุ ษุ ไปแลว สูบา น ปรุ เิ สน กมฺมํ กรณยี .ํ อ.กรรม อนั บรุ ุษ พงึ กระทำ ปุริเสน กมมฺ ํ กตฺตพพฺ .ํ อ.กรรม อนั บรุ ุษ พึงกระทำ ๓. กริ ยิ าบทพิเศษ มีอยู ๒ ตวั คอื อลํ (สมควร) สกกฺ า (อาจ, สามารถ) เชน เอวํ กาตุ น สกกฺ า. อนั เรา ไมอ าจ เพื่ออนั ทำ อยางน้ี. ขอควรรู :- ๑.กิรยิ าคุมพากยนน้ั กิรยิ าอาขยาตถอื วาใหญส ดุ ถา ในประโยคหนึง่ ๆ มที ง้ั กริ ยิ ากิตกท ่ี ประกอบดว ย ต อนยี ตพพฺ ตวั ใดตัวหนงึ่ และมกี ริ ิยาอาขยาตดว ย ในประโยคน้นั ใหเอากริ ยิ าอาขยาตเปน ใหญ (คมุ พากย) แลว เอากริ ิยากติ กเปน วกิ ตกิ ตตฺ า (กริ ยิ าคณุ นาม) แทน หรือแปลเปน กริ ิยาธรรมดาทว่ั ไป ของประธาน เชน อหํ วิหารํ อาคโตมฺห.ิ (อาคโต+อมหฺ )ิ อ.เรา เปน ผมู าแลว สวู หิ าร ยอ มเปน .
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๔๗ ๒. กริ ิยากติ กที่ประกอบดว ย ต อนยี ตพพฺ คมุ พากยไ ดเ ฉพาะประโยคที่นามนามทว่ั ไปเปน ประธาน หากในประโยคใด มี อมหฺ (เรา) ศพั ท หรอื ตุมฺห (ทา น) ศัพท เปนประธาน แตก ิริยาสดุ ทา ยเปน กิรยิ ากติ ก ในประโยคนน้ั ตองยกกริ ิยาอาขยาตเขา มาเอง ซงึ่ โดยสวนมากจะโยคธาตุวา มวี า เปน เขา มา (หุ ธาตุ, ภู ธาต,ุ อสฺ ธาตุ เปน ตน ) เปนกริ ิยาคุมพากย แลว แปลกิริยากติ กในประโยคนนั้ เปน วกิ ตกิ ตั ตา แปลวา เปน ผู ถา กิรยิ านนั้ เปน ธาตทุ มี่ กี รรมใหแ ปลวา เปน ผอู นั ..... เชน อหํ วิหารํ อาคโต. (อมหฺ )ิ อ.เรา เปน ผูมาแลว สวู หิ าร (ยอ มเปน ). ตุมฺเห มยา ทิ า. (โหถ) อ.ทา น ท. เปน ผูอนั เราเหน็ แลว (ยอ มเปน). จะเหน็ ไดวา ทั้ง ๒ ประโยคนน้ั มกี ริ ิยากิตกซ ึ่งประกอบดว ย ต ปจจัยอยู แตเ ปน เพราะประธานเปน อมหฺ , ตมุ หฺ ศัพท จงึ ไมสามารถทำหนาทค่ี มุ พากยไ ด เวลาแปล นักเรยี นจึงตอ งยกกิริยาอาขยาตเขา มาคมุ พากยเอง แลวแปลกริ ิยากติ กน้ันเปนคลา ยคุณนามไปแทน แตถา นามนามทั่วไปเปน ประธาน กิริยากติ กน ้ันๆ กใ็ ชค มุ พากยไ ดเ ลย ไมต องยกกิริยาอาขยาตมา เชน ปรุ ิโส คามํ คโต. อ.บรุ ุษ ไปแลว สูหมูบาน. ภิกฺขู วหิ ารํ อาคตา. อ.ภิกษุ ท. มาแลว สวู ิหาร. ๓. ประโยคท่ีมี สกฺกา คมุ พากยน ั้น มวี ธิ สี ังเกตวาจก ดงั นี้ -ถาในประโยค สกกฺ า นนั้ มปี ระธาน ประโยคนนั้ เปน กมั มวาจก เชน น สกกฺ า ธมฺโม อคารมชเฺ ฌ ปเู รต.ุ อ.ธรรม (อันบคุ คล) ไมอ าจ เพ่อื อันใหเตม็ ในทา มกลางแหงเรือน -ถา ในประโยค สกฺกา นนั้ ไมมีประธาน ประโยคนัน้ เปนภาววาจก เชน (มยา) เอวํ กาตุ น สกกฺ า. (อันเรา) ไมอาจ เพ่อื อนั ทำ อยา งนี้ (อมฺเหหิ) เอวํ เปเสตุ น สกกฺ า. (อนั เรา ท.) ไมอ าจ เพือ่ อนั สง ไป อยางน้ี (กริ ยิ ากติ ก หรอื กริ ยิ าอาขยาต ทเ่ี ขา สมาสแลว นั้น จดั เปนนามนามหรอื คุณนาม เชน ทิปพุ โฺ พ วยปฺปตฺโต นตถฺ ปิ โู ว ซึ่งจะใชเปน กิริยาในระหวา ง หรอื กิรยิ าคมุ พากยไ มไ ด) ๙. บทเน่ืองดวยกริ ยิ าคมุ พากย บทเน่อื งดว ยกริ ยิ าคมุ พากย คอื บทนามทต่ี ัง้ อยขู า งหนา กริ ยิ าคุมพากยน ั้นๆ (ตงั้ อยขู างหลงั บา งก็ มี) และมขี อความทเ่ี กยี่ วเนอื่ งกบั กิรยิ าคมุ พากยนนั้ เชน สตถฺ า ภกิ ขฺ ูนํ ธมมฺ ํ เทเสต.ิ อ.พระศาสดา ยอ มแสดง ซง่ึ ธรรม แกภ กิ ษุ ท. เถโร สามเณรสสฺ จวี รํ เทต.ิ อ.พระเถระ ยอมให ซง่ึ จวี ร แกส ามเณร.
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๔๘ ตวั อยา งลำดับการแปล บาลี = อตเี ต หิ เอโก ปรุ ิโส วนํ คนตฺ ฺวา อาคจฉฺ นฺโต เอกํ สปปฺ ทสิ ฺวา ปลายติ ฯ ๒ ๑ ๔ ๓ ๖ ๕ ๗ ๑๐ ๙ ๘ ๑๑ แปล = ดงั จะกลา วโดยพิสดาร ในกาลอนั ลวงไปแลว อ.บุรุษ คนหนึง่ ไปแลว สูป า มาอยู เห็นแลว ซึง่ งู ตวั หน่ึง ยอ มหนีไป. บาลี = ตทา หิ มหาปโฺ ภิกขฺ ุ สามเณรสสฺ โอวาทํ ทตวฺ า วหิ ารํ ปวสิ ติ ฯ ๒๑ ๔ ๓ ๗ ๖๕ ๙๘ แปล = ก็ ในกาลนนั้ อ.ภิกษุ ผมู ีปญ ญามาก ใหแ ลว ซ่งึ โอวาท แกสามเณร ยอมเขา ไป สวู หิ าร. บาลี = สาวตถฺ ยิ ํ กริ เอโก ชโน อตตฺ โน ปุตตฺ สสฺ สมปฺ ตฺตึ ทตวฺ า ปพฺพชติ ฺวา วหิ าเร วสติ ฯ ๒ ๑ ๔ ๓ ๘ ๗ ๖ ๕ ๙ ๑๑ ๑๐ แปล = ไดย นิ วา ณ เมอื งสาวตั ถี อ.ชน คนหนง่ึ ใหแ ลว ซงึ่ สมบตั ิ แกบ ุตร ของตน บวชแลว ยอ มอยู ในวหิ าร. ใหนักศกึ ษาอา นประโยคบาลีตอไปนแี้ ลว ดวู าศพั ทไ หนเปน ศพั ทอ ะไรในบรรดาหลกั การแปล ๙ ประการ เชน อาลปนะ นบิ าตตน ขอความ ประธาน กริ ิยาในระหวาง กริ ิยาคมุ พากย เปนตน แลว ทดลอง แปลโดยถอื ตามหลกั การแปล ๙ ขอ ขา งตน นน้ั ๑. พทุ โฺ ธ ธมฺมํ เทเสติ. ๒. ภกิ ขฺ ู ธมมฺ ํ สณุ นตฺ .ิ ๓. ตวฺ ํ ปาเทหิ สปิ ปฺ าคารํ อาคจฺฉสิ. ๔. ตมุ ฺเห รเถน คามํ คจฉฺ ถ. ๕. อหํ ยาจกสฺส เอกกหาปณํ ททาม.ิ ๖. มยํ ภกิ ฺขุสงฆฺ สฺส ทานํ เทม. ๗. มนสุ สฺ า ปาณาตปิ าตา วริ มนตฺ ุ. ๘. อุปาสกา คามา นิคฺคตา. ๙. มยํ อตตฺ โน สนตฺ กํ ปริจฺจชาม. ๑๐. อโิ ต อมหฺ ากํ คาโม อวทิ เู ร โหติ. ๑๑. โลเก มหาการุณโิ ก พุทโฺ ธ เทวมนุสสฺ านํ หิตาย สขุ าย อุปปฺ ชฺชต.ิ ๑๒. อตีเต กิร พหู มนุสสฺ า ธมฺมสสฺ วนาย วหิ ารํ อคจฉฺ สึ .ุ ๑๓. เอกโกว ภนฺเต ตฺวํ ปณ ฑฺ าย อปฺปสทธฺ กิ านํ อมฺหากํ เคหํ ปวสิ าห.ิ ๑๔. เสวฺ ภนเฺ ต นวหิ ภกิ ฺขหู ิ สทธฺ ึ ภุ ฺชนตฺถาย อมหฺ ากํ ฆรํ อาคเมถ. ๑๕. อเถกทวิ สํ สตถฺ า ปจฺจสู กาเล โลกํ โวโลเกนโฺ ต ตํ พรฺ าหฺมณํ ทิสวฺ า กนิ นฺ ุ โขติ อุปธาเรนโฺ ต อร หา ภวสิ ฺสตีติ ตวฺ า สายณหฺ สมเย วิหารจารกิ ํ จรนฺโต วยิ พรฺ าหมฺ ณสสฺ สนตฺ กิ ํ คนตฺ วฺ า พรฺ าหมฺ ณ กึ กโรนฺโต วจิ รสตี ิ อาห. ๑๖. โส พรฺ าหมฺ โณ ภกิ ขฺ นู ํ วตตฺ ปฺปฏวิ ตตฺ ํ กโรมิ ภนเฺ ตติ อาห. ลภสิ เตสํ สนตฺ ิกา สงฺคหนตฺ ิ. อาม ภนฺเต, อาหารมตตฺ ํ ลภามิ, น ปน มํ ปพพฺ าเชนฺตตี ิ.
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๔๙ ๑๗. สตถฺ า เอตสฺมึ นิทาเน ภกิ ขฺ สุ งฺฆํ สนนฺ ปิ าตาเปตวฺ า ตมตฺถํ ปุจฉฺ ติ วฺ า ภกิ ขฺ เว อตถฺ ิ โกจิ อมิ สฺส พฺ ราหมฺ ณสสฺ อธิการํ สรนโฺ ตติ ปุจฉฺ .ิ สาริปตุ ตฺ ตฺเถโร อหํ ภนเฺ ต สรามิ, อยํ เม ราชคเห ปณ ฑฺ าย จรนตฺ สสฺ อตตฺ โน อภหิ ฏํ กฏจฉฺ ภุ ิกขฺ ํ ทาเปสิ, อมิ สสฺ าหํ อธิการํ สรามิ, สาธุ ภนเต, ปพฺพาเชสฺสามตี ิ อาห. ๑๘. นธิ นี วํ ปวตตฺ ารํ ยํ ปสฺเส วชชฺ ทสสฺ ินํ นิคคฺ ยฺหวาทึ เมธาวึ ตาทสิ ํ ปณฑฺ ิตํ ภเช ตาทิสํ ภชมานสสฺ เสยโฺ ย โหติ น ปาปโย. (ข.ุ ธ. ๒๕/๗๖/๓๐) เฉลยคำแปล(โดยอรรถ) ใหฝก แปลโดยพยญั ชนะจนชำนาญเพือ่ ทบทวนหลกั ไวยากรณ ๑. พระพุทธองค ทรงแสดง ซ่งึ ธรรม ๒. ภิกษุท้งั หลาย กำลังฟง ซึง่ ธรรม ๓. เธอ มา สโู รงเรยี น ดว ยเทา (เธอเดินมาโรงเรียน) ๔. พวกเธอ ไป สบู า น ดว ยรถ (พวกเธอนัง่ รถกลบั บา น) ๕. ขา พเจา ให เงนิ ๑ บาท แกข อทาน ๖. พวกขาพเจา ถวาย ทาน แกภ กิ ษุสงฆ ๗. มนษุ ยท ้งั หลาย จงพากันเวน จากการเบียดเบียนสตั ว ๘. อุบาสกและอบุ าสิกา ออกไปแลว จากบา น ๙. พวกขาพเจา พากันบรจิ าค ซ่ึงทรพั ย ของตน ๑๐. หมูบ า นของพวกขา พเจา มอี ยู ไมไ กล จาก(โรงเรยี น)น้ี ๑๑. พระพทุ ธเจา ผทู รงมีพระมหากรุณา เสดจ็ อุบตั ิขน้ึ ในโลก เพ่อื เก้อื กูล เพอื่ ความสขุ แกเทวดา และมนุษยทั้งหลาย ๑๒. ไดย นิ วา ในอดตี กาล มนษุ ยเ ปนอนั มาก ไดพ ากันไปแลว สูวหิ ารเพอ่ื ฟงธรรม ๑๓. ทา นครบั ทานผูเดียวเทา น้ัน นิมนตเ ขา ไป สเู รอื น ของพวกกระผม ผูม ศี รทั ธานอ ย เพ่อื รบั บิณฑบาต ๑๔. ขาแตท า นผเู จริญ ในวนั พรุง น้ี นิมนตท า น มาสบู าน ของพวกขาพเจา เพอื่ ฉันภตั ตาหาร พรอมดว ยภิกษุ ๙ รปู ๑๕. ครง้ั นน้ั วันหนง่ึ พระศาสดา ทรงตรวจดูสตั วโลก ในเวลาใกลร ุง ทอดพระเนตรเหน็ พราหมณ นัน้ แลว ทรงใครค รวญอยวู า \"เหตุไรหนอ\" ดงั นแี้ ลว ทรงทราบวา \"ราธพราหมณจักเปนพระอรหนั ต\" ในเวลา เยน็ ทรงเปน เหมือนเสดจ็ เทย่ี วไปในวหิ าร เสด็จไปสทู อี่ ยูของพราหมณแ ลวตรัสวา \"พราหมณ เธอเทยี่ วทำ อะไรอย\"ู ๑๖. พราหมณน น้ั กราบทูลวา \"ขาพระพุทธองคทำวตั รและปฏิวตั รแกภกิ ษุทง้ั หลายอยู พระพทุ ธเจาขา \" \"เธอไดก ารสงเคราะหจ ากสำนักของภกิ ษเุ หลา นัน้ หรอื \" \"ไดพระพทุ ธเจาขา ขา พระพทุ ธ องคไ ดแตเพยี งอาหาร แตทา นไมใหข า พระพทุ ธองคบ วช\" ๑๗. พระศาสดารบั สั่งใหป ระชุมภิกษุสงฆในเพราะเรอ่ื งนั้นแลว ตรัสถามความนน้ั แลว ตรสั ถามวา \"ภกิ ษทุ ้งั หลาย ใคร ๆ ระลกึ ถงึ คณุ ของพราหมณนี้ได มอี ยูบา งหรือ\" พระสารบี ุตรเถระกราบทูลวา \"พระพทุ ธเจา ขา ขาพระพุทธองคร ะลกึ ได เมอ่ื ขาพระพุทธองคเ ที่ยวบิณฑบาตอยูใ นกรงุ ราชคฤหฺ พราหมณน ี้
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๕๐ ใหค น ถวายภิกษาทพั พีหนงึ่ ท่ีเขานำมาเพื่อตน ขา พระพุทธองคร ะลกึ ถงึ คณุ ของพราหมณน ไี้ ด ดีแลว พระพทุ ธเจาขา ขาพระพุทธองคจ กั ใหบ วช\" ๑๘. บุคคลพึงเห็นผมู ปี ญ ญา ซึง่ เปนผูกลา วชโี้ ทษ วา เปน เหมอื นผูบ อกขมุ ทรพั ยใ ห พงึ คบผมู ี ปญญาซง่ึ เปน บณั ฑิตเชนนน้ั เมอื่ คบทา นผเู ชน นนั้ มแี ตค ณุ อยางประเสรฐิ ไมมโี ทษอนั เลวทรามเลย คำทักทายดว ยภาษาบาลงี า ย ๆ ๑. สปุ ภาตํ ภนเฺ ต. ขา แตทานผเู จรญิ อ.รุงเชาอนั เจรญิ (ภวตุ จงมี เต แกท า น) สุปภาตํ อาวโุ ส. ขาแตทานผูมอี ายุ อ.รงุ เชา อนั เจรญิ (ภวตุ จงมี เต แกท า น) สปุ ภาตํ หรือ สปุ ปฺ ภาตํ (อรุณสวสั ด)์ิ สุ อปุ .(ดี งาม งา ย) + ป อปุ .(ทวั่ ขางหนา กอน ออก) + ภา ธาตุ ใน ความสวา ง,รงุ เรือง+ต ปจจยั ในกิริยากติ ก ๒. กจจฺ ิ ขมนยี ํ ยาปนียํ ภนฺเต. ขา แตท านผเู จรญิ [อ.ยนตคือสรีระ(สรีรยนตฺ ํ) มีลอ สี่ (จตุจกฺกํ) มที วารเกา(นวทวฺ าร)ํ อนั ทา น ท.(ตมุ เฺ หหิ)] พึงอดทนได พึงใหเปน ไปได แลหรอื ขมนยี ํ อาวโุ ส, ตวํ ปน. ขา แตท า นผูมอี ายุ [อ.ยนตค ือสรีระ(สรีรยนฺตํ) มีลอ ส่ี (จตจุ กกฺ ํ) มีทวารเกา (นวทวฺ ารํ) อนั กระผม(มยา)] พงึ อดทนได (พึงใหเปน ไปได) , ก็(แลว ) อ.ทาน (เลา ) ๓. กินฺนาโมสิ ตวฺ ํ. (กนิ ฺนามาสิ ตวฺ ํ) อ.ทาน เปน ผชู อ่ื อะไร ยอมเปน . มนุ ี นาม ภนเฺ ต. (สริ ิมา นาม ภนเฺ ต)ขา แตท า นผูเ จรญิ (อห)ํ อ.เรา ชอื่ วา มนุ ี (โหมิ) ยอมเปน .(ผหู ญิง=สริ มิ า) ๔. กโุ ต อาคจฉฺ สิ ภนเฺ ต. ขาแตท านผูเจรญิ อ.ทา น(ตวฺ )ํ ยอ มมา แตท ่ีไหน. คามโต อาคจฉฺ ามิ, ตวํ ปน. อหํ(อ.เรา) ยอมมา จากหมบู า น, ก็ อ.ทาน (ยอ มมา แตท ่ีไหน). ลาดพรา วนคิ มโต อาคจฉฺ ามิ. อหํ(อ.เรา) ยอ มมา จากยา นลาดพรา ว. ๕. กุหึ คจฉฺ ถ ตุมเฺ ห. อ.ทาน ท. จะไป ท่ไี หน. อาปเณ คจฺฉาม, ตุมเฺ ห ปน. มยํ (อ.เรา ท.) จะไป ทตี่ ลาด, ก็ อ.ทา น ท.(จะไป ในทไี่ หน). เชยี งใหมนคเร คจฉฺ าม. มยํ (อ.เรา ท.) จะไป ทเ่ี มืองเชยี งใหม. ๖. กึ สิปฺป สกิ ฺขถ ตุมเฺ ห. อ.ทาน ท. ยอมเรยี น ซง่ึ ศลิ ปะ อะไร. ปาลิพฺยากรณํ สกิ ฺขาม, ตมุ เฺ ห ปน. อ.เรา ท. ยอ มเรียน ซึง่ ไวยากรณบ าลี, ก็ อ.ทา น ท. (ยอ มเรียน ซง่ึ ศิลปะ อะไร). ตปิ ฏกํ อคุ คฺ ณหฺ าม. มยํ (อ.เรา ท.) ยอ มเรียนเอา ซง่ึ พระไตรปฎก.
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๕๑ ๔.๒ ประโยคเนื้อความเดยี ว หลักการแปลบทประธาน ความในภาษาบาลนี ้ัน ตา งจากภาษาไทย ใชก ลบั กนั เชน พทุ ฺธสฺส ธมฺโม = ของพระพทุ ธเจา พระ ธรรม คำแปลไทยนัน้ ตองเรยี งกลับกันวา พระธรรม ของพระพทุ ธเจา เหตุนน้ั เวลาจะแปลภาษาบาลี นกั เรียนจึงตองแปลจากบทหลังไปหาบทหนา โดยการใชคำเชื่อมบท(อายตนบิ าต) ใหไ ดค วามเหมาะสม ตวั อยางเชน สตฺถุ ธมเฺ ม ปสาโท อ.ความเล่อื มใส ในธรรม ของพระศาสดา ภกิ ขฺ ุโน จีวรํ อ.จวี ร ของภกิ ษุ อาจริเย คารโว อ.ความเคารพ ในอาจารย ภกิ ขฺ ุโน ปตฺเต โภชนํ อ.โภชนะ ในบาตร ของภกิ ษุ พทุ ธฺ สสฺ สาสเน สามเณรา อ.สามเณร ท.ในศาสนา ของพระพุทธเจา รกุ ฺขสฺส สุสิเร สปฺโป อ.งู ในโพรง ของตนไม ปตุ เคเห ธนานิ อ.ทรัพย ท. ในเรือน ของบดิ า อคฺคโิ น ขนโฺ ธ อ.กอง แหง ไฟ สาสเน เถรสฺส โอวาโท อ.โอวาท ของพระเถระ ในศาสนา เส ิโน ภริยาย ปตุ ตฺ า อ.บตุ ร ท. ของภรรยา ของเศรษฐี ทณฺฑสิ สฺ หตเฺ ถ ทณฺโฑ อ. ทอ นไม ในมอื ของคนมไี มเทา หลกั การแปลบทคณุ นาม คณุ นาม (บทขยาย) น้ัน จะมลี งิ ค วจนะ และวิภตั ติ เหมือนลงิ ค วจนะ และวภิ ตั ตขิ องนามนาม นัน้ ๆ โดยมากจะเรยี งอยูขา งหนา นามนามบทน้ัน แตถ า เปน ยศหรือวาตำแหนงพเิ ศษหรือยศตำแหนง สว นตัว จะวางอยูขางหลงั นามนามบทนั้น เพราะฉะนนั้ เมอ่ื แปลบทนามนามทเี่ ปน ประธานแลว ถา บทท่อี ยขู างหนา หรือขา งหลัง มลี ิงค วจนะ วภิ ตั ติ เหมอื นกบั นามนาม บทน้นั กใ็ หแ ปลบทที่อยขู า งหนา หรอื ขา งหลงั นน้ั เปน ลำดับตอ มา โดยคำแปลท่ใี ชเ ช่อื มสำหรบั คุณนามน้ัน ถา เปน สิ่งมชี วี ติ กใ็ หใ ชบ ทวา ผู...., มี....., ตวั ... เปน ตน ถาเปน ส่ิงไมมชี วี ติ ก็ใชบ ทวา ท.่ี .., ซงึ่ ..., อนั ... เปน ตน สำหรบั คณุ นามนี้ คำแปลนนั้ จะไมออกสำเนยี งของวภิ ตั ตแิ ละวจนะ แตออกสำเนียงเพียงวา ผ.ู ... ม.ี ... อนั .... ตัว... เปน ตน คำใดคำหนง่ึ แทน เชน สตตฺ านํ อคโฺ ค พุทฺโธ อ.พระพทุ ธเจา ผูเ ลศิ แหง สตั ว ท. สตถฺ ุ สนุ ฺทโร ธมโฺ ม อ.พระธรรม อนั ดี ของพระศาสดา ภิกขฺ โุ น มหนฺโต ปตโฺ ต อ.บาตร อันใหญ ของภกิ ษุ สุนทฺ รสฺส ธมมฺ สฺส วิปาโก อ.วิบาก แหง ธรรม อันดี
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๕๒ จณฑฺ านํ โจรานํ ชนปโท อ.ชนบท ของโจร ท. ผูด รุ า ย เมธาวโิ น รโฺ วสิ าลํ เขตตฺ ํ อ.นา อนั กวาง ของพระราชา ผมู ปี ญ ญา สสิ ฺสานํ กุสโล อาจรโิ ย อ.อาจารย ผูฉลาด ของศิษย ท. สคุ นเฺ ธ ปปุ ฺเผ ภมโร อ.แมลงภู ในดอกไม มกี ลนิ่ หอม อคคฺ สสฺ พทุ ฺธสสฺ สาสนํ อ.ศาสนา ของพระพทุ ธเจา ผเู ลิศ อฑฒฺ านํ กุลานํ ธตี โร อ.ธดิ า ท. ของตระกูล ท. อนั ม่ังค่ัง มหาโภโค ราชา อ.พระราชา มีโภคะมาก อปตุ ตฺ กสสฺ เสฐ โิ น ทาโส อ.ทาส ของเศรษฐี ผูไมมีบตุ ร สุกกฺ สสฺ โอทนสฺส ปาตี อ.ถาด แหงขา วสุก อันสขี าว วสิ ารโท ปรุ ิโส อ.บุรษุ ผกู ลา สุทฺธานํ สาวกานํ สงโฺ ฆ อ.หมู แหงสาวก ท. ผบู รสิ ุทธิ์ มหติยา สาลาย โจรา อ.โจร ท. ในศาลา ท่ีใหญ โกวิทสฺส อาจรยิ สสฺ สนตฺ เิ ก มหาปฺ า สทุ ธฺ า สามเณรา. อ.สามเณร ท.ผมู ีปญ ญามาก ผูบรสิ ุทธ์ิ ในสำนกั ของอาจารย ผฉู ลาด หลกั การแปล อนตฺ มาน ปจ จยั อนฺต มาน ปจจัยทปี่ ระกอบดว ย ปฐมาวิภัตติ อยหู นาประธาน และท่ีประกอบดวย ทตุ ยิ าวภิ ตั ตถิ งึ สตั ตมวี ภิ ัตติ ใหแปลเปน วเิ สสนะวา ผ.ู ..,อัน..., (ยกเวนทเ่ี ปนกริ ิยาของประโยคแทรก) ตวั อยางเชน ธมฺมํ สณุ นฺโต ภกิ ฺขุ พุทฺธสสฺ ธมเฺ ม ปสที ต.ิ อ.ภิกษุ ผูฟงอยู ซ่งึ ธรรม ยอมเลอ่ื มใส ในธรรม ของพระพุทธเจา. (อหํ ) เอกํ ปรุ ิสํ ฉตตฺ ํ คเหตวฺ า คจฉฺ นฺตํ ปสสฺ ามิ. (อ.เรา) ยอมเห็น ซงึ่ บุรษุ คนหนง่ึ ผถู อื เอาแลว ซ่ึงรม ไปอยู. สวน อนตฺ มาน ปจจยั ท่ปี ระกอบดว ยปฐมาวิภตั ติ อยหู ลงั ประธาน เปนกริ ยิ าในระหวา ง แปลวา อยู เม่อื ตวั อยางเชน สตถฺ า ธมมฺ ํ เทเสนฺโต ตํ ภิกขฺ ุ โอวทต.ิ อ.พระศาสดา ทรงแสดงอยู ซ่ึงธรรม ยอมกลาวสอน ซงึ่ ภกิ ษุน้ัน. ปรุ โิ ส กมมฺ ํ กโรนโฺ ต กิลมติ. อ.บุรุษ กระทำอยู ซงึ่ การงาน ยอ มลำบาก. อนง่ึ ถา อนฺต มาน ปจจัย เปน กิริยาท่ีทำพรอ มกบั กริ ยิ าขางหลงั ตน สามารถแปลพรอมกนั กบั กริ ยิ าขา งหลงั นน้ั ได ตวั อยา งเชน อปุ าสโก สตถฺ ารํ โอโลเกนโฺ ต อาส.ิ อ.อบุ าสก ไดย ืนแลดอู ยูแลว ซง่ึ พระศาสดา.
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๕๓ พิเศษ :- มาน ปจ จยั นนั้ ถา ประกอบดว ย อิ อาคม และ ย ปจจยั หรือ ลง ย ปจจยั กต็ อ งแปลให เหมอื นประโยคกมั มวาจก คอื ตองหาบทนามทแ่ี ปลวา อนั .... เม่อื แปลบทนามนนั้ แลว จงึ คอยแปลกริ ิยาที่ ประกอบดวย มาน ปจจัย เชน เถเรน ปจุ ฺฉยิ มาโน สามเณโร ตํ ปวตตฺ ึ อาจกิ ขฺ ติ. อ.สามเณร ผอู นั พระเถระถามอยู ยอมบอก ซ่ึงความเปน ไปทัว่ น้นั . อาจรเิ ยน โอวทิยมาโน สิสโฺ ส คารเวน สณุ าติ. อ.ศิษย ผูอันอาจารยก ลาวสอนอยู ยอมฟง ดว ยความเคารพ เปน ตน . ถากริ ิยา อนตฺ มาน ปจจยั ในประโยคใด ใชธาตตุ ัวเดียวกันกบั กริ ิยาคมุ พากยในประโยคนัน้ กริ ยิ า ทปี่ ระกอบ อนตฺ มาน ตวั นน้ั จะแปลวา \"เม่อื \" ตัวอยา งเชน สตถฺ า วิหาเร ธมฺมํ เทเสนฺโต ภกิ ฺขนู ํ เทเสติ. อ.พระศาสดา เมื่อทรงแสดง ซง่ึ ธรรม ในวหิ าร ยอ มทรงแสดง แกภิกษุ ท. ปุริโส คามํ คจฉฺ นฺโต เวเคน คจฉฺ ติ. อ.บุรษุ เม่ือไป สบู าน ยอมไป โดยเรว็ . ตัวอยา งประโยค อนฺต มาน ปจ จัย ๑. เสโ พทุ ฺโธ ธมมฺ ํ เทเสนฺโต ภิกขฺ ู โอวทติ. อ.พระพุทธเจา ผปู ระเสรฐิ สดุ แสดงอยู ซ่ึงธรรม ยอ มกลา วสอน ซงึ่ ภิกษุ ท. ๒. ทกโฺ ข ภิกขฺ ุ กมมฺ านํ อคุ คฺ ณหฺ นโฺ ต พุทฺธธมเฺ ม ปสีทติ. อ.ภกิ ษุ ผขู ยนั เมอ่ื เรยี นเอา ซ่งึ พระกัมมฏั ฐาน ยอมเล่อื มใส ในธรรมของพระพทุ ธเจา . ๓. กสุ โล สามเณโร อาจรเิ ยน โอวทิยมาโน สณุ าติ. อ.สามเณร ผฉู ลาด อนั อาจารย กลา วสอนอยู ยอมฟง . ๔. สทุ โฺ ธ สตฺโต อมิ สมฺ ึ โลเก อปุ ฺปชฺชมาโน ขตตฺ ยิ กุเล อปุ ฺปชชฺ ติ. อ.สัตว ผูบรสิ ุทธิ์ เมอ่ื เกดิ ขน้ึ ในโลก นี้ ยอ มเกดิ ขน้ึ ในตระกูลแหง กษตั รยิ . ๕. ทกโฺ ข ภิกขฺ ุ สตถฺ ารา โอวทิยมาโน อรหตตฺ ํ ปาปณุ .ิ อ.ภกิ ษุ ผูขยนั อนั พระศาสดา กลา วสอนอยู บรรลุแลว ซ่ึงพระอรหตั ๖. กฺ า เภสชฺชํ ภฺุชนตฺ ี ปต ุ เภสชฺชํ ภุ ชฺ ติ. อ.นางสาวนอย เมอ่ื บริโภค ซ่งึ เภสัช ยอ มบรโิ ภค ซง่ึ เภสชั ของบิดา. ๗. จณโฺ ฑ สนุ โข รุกฺขมเู ล นปิ ชชฺ มาโน สพฺพรตตฺ ึ นทิ ฺทายติ. อ.สุนขั ตวั ดรุ าย นอนอยู ท่โี คนแหง ตนไม ยอ มหลบั ตลอดราตรีทง้ั ปวง. ๘. อาจรโิ ย สิสสฺ านํ สปิ ปฺ วาเจนโฺ ต กิลมติ. อ.อาจารย บอกอยู ซง่ึ ศิลปะ แกศษิ ย ท. ยอมลำบาก ๙. ปตุ โฺ ต ปตรา โปสยิ มาโน อนุปุพฺเพน วฑฒฺ ติ. อ.บตุ ร อนั บดิ า เลย้ี งอยู ยอ มเจรญิ โดยลำดบั . ๑๐. สาลาย นสิ ที นฺตา ภกิ ขฺ ู อตตฺ โน อตตฺ โน อาสเน นสิ ที นฺติ. อ.ภกิ ษุ ท. เมื่อน่งั ในศาลา ยอมน่ัง ท่อี าสนะ ของตน ๆ.
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๕๔ หลักการแปล ต ปจ จยั ต ปจจัยนนั้ สามารถเปน ไดห ลายวาจก ฉะนน้ั เวลาแปล นักเรยี นตอ งดธู าตดุ ว ย วา มีกรรมหรือไม ถา เปน ธาตุทมี่ ีกรรม แลว ประกอบกบั ต ปจ จยั สว นมากเปน กมั มวาจก ถาเปน ธาตไุ มมกี รรม กเ็ ปนกัตตุ วาจก ซึง่ มวี ธิ ีแปล ดงั นี้ ต ปจ จัยทป่ี ระกอบดวยปฐมาวภิ ตั ติ ถาอยูหนาประธาน แปลเปน วิเสสนะวา ผู. ., อนั .., เชน ปมํ อาคโต ภกิ ขฺ ุ ปุรโต นิสที .ิ อ.ภกิ ษุ ผมู าแลว กอ น นงั่ แลว ขา งหนา. ต ปจ จัยทปี่ ระกอบดวยปฐมาวิภตั ติ ถา อยูหลงั ประธาน แตไ มใ ชเปน กริ ิยาคมุ พากย แปลเปน กริ ิยาตามปกติ เชน อยํ ปรุ โิ ส นสิ ินฺโน ภตตฺ ํ ภุชฺ ติ. อ.บุรุษ น้ี นั่งแลว ยอ มบริโภค ซงึ่ ภัตร. แปลเปน วเิ สสนะวา ผ.ู .. อัน.... เชน อยํ ปรุ โิ ส นสิ ินโฺ น ภตตฺ ํ ภุ ชฺ ต.ิ อ.บรุ ุษ นี้ ผนู ่งั แลว ยอมบรโิ ภค ซ่งึ ภตั ร. แปลเปน วกิ ตกิ ตั ตาวา เปน (โดยใส หตุ วฺ า มาเพื่อรบั วกิ ตกิ ตั ตาตวั นนั้ ) เชน อยํ ปรุ โิ ส นสิ นิ โฺ น (หตุ วฺ า) ภตตฺ ํ ภุชฺ ติ. อ.บรุ ุษน้ี เปน ผนู งั่ แลว (เปน ) ยอมบรโิ ภค ซึ่งภตั ร. ต ปจ จยั ทเี่ ปนกิรยิ าคมุ พากยม กั อยคู ำสดุ ทา ยของประโยค ซง่ึ จะไมแ ปลวา ผู. ..,อนั ..., แปลเปนกริ ิยาตามปกติ เชน พทุ ฺโธ โลเก อปุ ปฺ นฺโน. อ.พระพทุ ธเจา อุบตั แิ ลว ในโลก. แปลเปน วกิ ตกิ ตั ตาวา เปน โดยใสก ริ ยิ าวามีวาเปนมารบั วกิ ติกตั ตา ซึ่งตองใหต รงบรุ ษุ กัน ถาประธานเปนปฐมบุรษุ ใช โหต,ิ โหนตฺ ิ, เชน พทุ ฺโธ โลเก อุปฺปนโฺ น. (โหต)ิ อ.พระพทุ ธเจา เปน ผูอบุ ัตแิ ลว ในโลก ยอมเปน . พทุ ฺธา โลเก อปุ ปฺ นนฺ า. (โหนตฺ ิ) อ.พระพทุ ธเจา ท. เปน ผูอุบตั แิ ลว ในโลก ยอ มเปน. ถา ประธานเปน มธั ยมบุรษุ ใช อสิ อตถฺ , โหสิ โหถ เชน ตฺวํ วหิ ารํ อาคโต. (อสิ) อ.ทาน เปน ผูมาแลว สวู หิ าร ยอมเปน . ตุมฺเห วิหาร อาคตา. (อตถฺ ) อ.ทาน ท. เปนผมู าแลว สวู หิ าร ยอมเปน . ถาประธานเปนอตุ ตมบรุ ษุ ใช อมหฺ ิ อมหฺ , โหมิ โหม เชน อหํ วหิ ารํ อาคโต. (อมฺห)ิ อ.เรา เปน ผมู าแลว สวู หิ าร ยอ มเปน . มยํ วหิ ารํ อาคตา. (อมหฺ ) อ.เรา ท. เปนผมู าแลว สวู ิหาร ยอมเปน . สว น ต ปจ จัย ทป่ี ระกอบดวยทตุ ยิ าวิภตั ติ ถงึ สตั ตมวี ิภตั ติ ใหแ ปลเปน วเิ สสนะวา ผู.., อนั .. (ยกเวน ทีเ่ ปน กริ ยิ าของประโยคแทรก) เชน เถโร ตํ ภิกขฺ ุ อาคตํ อทฺทส. อ.พระเถระ ไดเหน็ แลว ซ่งึ ภกิ ษนุ น้ั ผมู าแลว . สตถฺ า สามเณรํ ปณ ฺฑาย คตํ อททฺ ส. อ.พระศาสดา ไดท รงเหน็ แลว ซงึ่ สามเณร ผไู ปแลว เพ่ือบณิ ฑบาตร. สว น ต ปจจัย ทปี่ ระกอบดวยธาตทุ ม่ี ีกรรม เปน กมั มวาจก เชน สตฺถารา ธมโฺ ม เทสโิ ต. อ.ธรรม อนั พระศาสดา แสดงแลว . ภิกขฺ ุนา ภิกขฺ า ลทธฺ า. อ.ภิกษา อนั ภิกษุ ไดแ ลว .
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๕๕ พิเศษ :- แมจะไมใชก ริ ยิ าคุมพากย คอื ประกอบดวยวิภตั ตอิ ื่นนอกจากปฐ มาวภิ ตั ติ ถา เปน ต ปจ จยั ทปี่ ระกอบดวยธาตุทมี่ ีกรรม เวลาแปล กต็ องแปลใหเ หมอื นกัมมวาจกเชน กนั คอื ตอ งแปลหานาม นามทแี่ ปลวา อนั ( ผูอนั ......กริ ิยา ต ปจจยั ) เชน ภิกขฺ ุ เถเรน ปุจฉฺ ิตํ สามเณรํ โอวทต.ิ อ.ภกิ ษุ ยอมกลาวสอน ซง่ึ สามเณร ผอู นั พระเถระ ถามแลว. ตัวอยา งประโยค ต ปจจยั ๑. ราชา นฺหานาย นทึ คโต. อ.พระราชา เสด็จไปแลว สแู มนำ้ เพื่อสรงนำ้ . ๒. ภิกฺขนุ า สตถฺ ุ ธมโฺ ม ปฏปิ ชชฺ โิ ต. อ.พระธรรม ของพระศาสดา อนั ภกิ ษุ ปฏิบตั แิ ลว . ๓. ภกิ ขฺ ุ คามํ ปณ ฑฺ าย ปวิโ . อ.ภิกษุ เขา ไปแลว สหู มบู า น เพื่อกอนขา ว. ๔. ภกิ ฺขนุ า เถรสฺส โอวาโท ภาสิโต. อ.โอวาท ของพระเถระ อันภิกษุ กลาวแลว . ๕. วาณิโช ทานํ ทตวฺ า ปกกฺ นฺโต. อ.พอ คา ใหแ ลว ซงึ่ ทาน หลกี ไปแลว . ๖. เถเรน อติ ถฺ ยิ า โภชนํ คหติ ํ . อ.โภชนะ ของหญงิ อนั พระเถระ รับเอาแลว. ๗. เถโร สามเณรํ วหิ ารํ อาคตํ ปกโฺ กสติ. อ.พระเถระ ยอมรอ งเรียก ซ่ึงสามเณร ผูมาแลว สวู หิ าร. ๘. ปรุ ิเสน มหนโฺ ต รกุ โฺ ข ฉนิ โฺ น. อ.ตนไม ใหญ อันบุรุษ ตดั แลว. ๙. วสิ าขาย ทานํ สตถฺ ุ ทนิ ฺน.ํ อ.ทาน อนั นางวิสาขา ถวายแลว แดพระศาสดา. ๑๐.สามเณโร เอกาย อติ ถฺ ยิ า มุฬฺโห. อ.สามเณร อนั หญิง คนหนงึ่ หลงแลว . หลักการแปล อนีย ตพฺพ ปจ จยั อนยี ปจ จยั นนั้ ใชป ระกอบกบั ธาตุทม่ี กี รรมสว นมากถาเปน กิรยิ าคมุ พากยจะเจอในรปู แบบของ กมั มวาจก เพราะฉะนั้น เวลาแปลกต็ องแปลตามขอกำหนดรปู แบบของกมั มวาจก(อ.– อนั – กริ ยิ า) เชน ปุรเิ สน กมฺมํ กรณยี ํ. อ.กรรม อนั บรุ ุษ พึงกระทำ. ภกิ ฺขนุ า ธมโฺ ม วจนโี ย. อ.ธรรม อนั ภิกษุ พงึ กลาว. ในบางประโยคทีเ่ ปนกมั มวาจกน้นั บางครงั้ ตวั อนภหิ ติ กตั ตา (บทนามทแ่ี ปลวา อนั ) กไ็ มม มี าให เวลาแปลนกั เรียนจะตอ งเพมิ่ เขา มาเอง เพอ่ื ใหเ นื้อความนน้ั ๆสมบูรณ โดยดจู ากเนือ้ เรือ่ งวา ควรจะยกศพั ท อะไรมา เชน (ปุคคฺ เลน) สจุ ริตํ กรณยี ํ. อ.สุจริต (อนั บุคคล) พึงกระทำ หากวาธาตทุ ป่ี ระกอบดว ย อนีย ปจ จัยนน้ั ไมใชก ริ ิยาคุมพากย ก็จะแปลเปน เหมอื นคุณนามของ นามนามบทนน้ั ๆ ซงึ่ เวลาแปล กต็ องแปลเหมอื นรปู แบบกมั มวาจก คอื ตองหาบทนามทแ่ี ปลวา อนั กอน แลวจงึ คอ ยแปลกริ ยิ าท่ีประกอบดว ย อนยี นัน้ ตพฺพ ปจ จัยนั้น เปนไดทง้ั ภาววาจก กัมมวาจก เหตุกมั มวาจก ซงึ่ มวี ิธีการท่ีจะสังเกตวาจก ดังนี้ - ถาประกอบกับธาตุทไ่ี มม กี รรม (เชน ภู ธาตุ เปน ตน ) เปนภาววาจก เวลาแปลไมต อ งหาบทนาม ทล่ี งปฐมาวภิ ตั ติ เพราะในภาววาจกไมม ี จะมกี แ็ ตบ ทนามท่ีลงตติยาวิภตั ติ (แปลวา อัน) และกริ ิยา ตัวอยา งเชน
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๕๖ อนตฺ ราเยน เอตฺถ (วตถฺ สุ มฺ ึ) ภวิตพพฺ .ํ อันอนั ตราย พึงมี ในเรอ่ื งน.ี้ - ถาประกอบดว ยธาตุทมี่ กี รรม แตไ มไดลงเหตุปจจยั เปน กัมมวาจก เชน ปุรเิ สน กมมฺ ํ กตตฺ พพฺ .ํ อ.กรรม อนั บุรษุ พึงกระทำ. รฺ า โภชนํ ภุชฺ ิตพพฺ .ํ อ.โภชนะ อนั พระราชา พงึ เสวย. หากวาธาตุทป่ี ระกอบดวย ตพฺพ ปจจยั นนั้ ไมไดเ ปน กริ ิยาคมุ พากย จะแปลเปนเหมือนคุณนาม ของนามนามบทนนั้ ๆ ซง่ึ เวลาแปล กต็ องแปลเหมอื นรปู แบบกมั มวาจก คือ ตอ งหาบทนามทแ่ี ปลวา อนั กอ นแลวจงึ คอยแปลกริ ิยาทปี่ ระกอบดว ย ตพพฺ ปจ จยั นน้ั ตัวอยา งการแปล อนีย ตพพฺ ปจ จยั สูเทน โอทโน ปจติ พฺโพ. อ.ขาวสกุ อนั พอครวั พึงหงุ . อหํ มยา วจนยี ํ วจนํ วทามิ. อ.เรา จะกลาว ซ่งึ คำ อนั อนั เรา พงึ กลาว ชเนหิ ผลานิ คเหตพพฺ าน.ิ อ.ผลไม ท. อนั ชน ท. พึงถอื เอา.(พึงเกบ็ เอา) จณฺโฑ ปรุ โิ ส อตตฺ โน ญาตหี ิ ภินทฺ ติ พโฺ พ.อ.บุรุษ ผูดรุ า ย อนั ญาติ ท. ของตน พึงทำลาย. กสุ เลน ภกิ ขฺ นุ า กเิ ลสา ฉินทฺ ิตพฺพา. อ.กเิ ลส ท.อันภกิ ษุ ผฉู ลาด พงึ ตดั . เถโร ภิกขฺ นุ า กรณยี ํ กจิ ฺจํ อาจกิ ขฺ ต.ิ อ.พระเถระ ยอ มบอก ซึง่ กจิ อันภกิ ษุ พึงกระทำ. ปุริเสน อิมสมฺ ึ เคเห ภวติ พพฺ .ํ อนั บุรษุ พึงมี ในเรอื น น.้ี ภกิ ฺขุนา สตถฺ ุ ธมโฺ ม วจนโี ย. อ.พระธรรม ของพระศาสดา อันภิกษุ พงึ กลา ว. หลักการแปล ตวฺ า ปจ จัย สำหรบั ตวฺ า ปจจยั ท่ีทำกอนกริ ยิ าทอี่ ยูข า งหลงั ใหแ ปลวา \"แลว \" (ทว่ั ๆไป) เชน โส ปรุ ิโส ธมมฺ ํ สตุ วฺ า คามํ คจฺฉติ. อ.บุรษุ นัน้ ฟง แลว ซึง่ ธรรม ยอมไป สูบา น. ราชา ทานํ ทตวฺ า ธมมฺ ํ สตุ วฺ า สีลํ รกฺขติ. อ.พระราชา ถวายแลว ซง่ึ ทาน สดับแลว ซงึ่ ธรรม ยอ มรกั ษา ซงึ่ ศีล. สำหรบั ตวฺ า ปจจัยทเ่ี รยี งไวต วั แรกของประโยคหลัง หากวาใชธ าตตุ ัวเดียวกนั หรอื มีอรรถเดียวกนั กับกิริยาคุมพากยข องประโยคหนา แปลวา \"ครนั้ ...แลว \" เชน ปุริโส ปพพฺ ช,ิ ปพฺพชติ ฺวา จ ปน อรหตตฺ ํ ปาปณุ .ิ อ.บรุ ษุ บวชแลว , กแ็ ล (อ.บรุ ษุ นั้น) ครั้นบวชแลว บรรลแุ ลว ซงึ่ พระอรหตั . สตฺถา ภิกขฺ นู ํ ธมฺมํ เทเสสิ, เทเสตวฺ า จ ปน เต (ภิกขฺ )ู โอวทติ. อ.พระศาสดา ทรงแสดงแลว ซงึ่ ธรรม แกภ ิกษุ ท., ก็แล อ.พระศาสดา ครนั้ ทรงแสดงแลว ยอ มกลาวสอน ซ่งึ ภกิ ษุ ท. เหลานน้ั . ตฺวา ปจจยั ทท่ี ำพรอมกนั กบั กิรยิ าท่ีอยขู างหลงั จะไมออกสำเนียงคำแปลวา แลว เชน ปรุ โิ ส ฉตฺตํ คเหตวฺ า คจฉฺ ติ. อ.บรุ ษุ ถือ ซง่ึ รม ไปอย.ู ตฺวา ปจ จัยแบบนเี้ รียกวา สมานกาลกิริยา ซงึ่ มคี วามหมายเทา กบั อนตฺ มาน ปจ จยั ที่ทำพรอมกบั กริ ิยาทีอ่ ยูขา งหลงั ตัวอยา งเชน โอโลเกตวฺ า อ าสิ มคี วามหมายเทา กับ โอโลเกนฺโต อาสิ กตฺวา วิจรติ มคี วามหมายเทา กับ กโรนโฺ ต วิจรต.ิ ตวฺ า ปจจยั ทที่ ำหลงั กริ ิยาคมุ พากย ก็ใหแ ปลหลงั กิริยาคมุ พากยตวั นนั้ เชน เถโร ธมมฺ าสเน นิสที ิ จติ ตฺ วชี นึ คเหตฺวา.
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๕๗ อ.พระเถระ น่งั แลว บนธรรมาสน จบั ซึ่งพดั อันวจิ ิตร. ตฺวา ปจ จยั ท่ีไมไ ดทำหนาท่เี ปน กริ ยิ าแตทำหนา ทเี่ ปน ตวั ขยาย ถาเขากับนามแปลหลังนาม เปน วิ เสสนะ ถา เขา กับกริ ิยาแปลหลงั กริ ยิ า เปน กริ ยิ าวเิ สสนะ เชน เปตวฺ า เทวฺ อคคฺ สาวเก อวเสสา (ภกิ ขฺ )ู อรหตฺตํ ปาปุณสึ ุ. อ.ภกิ ษุ ท. ผเู หลือลง เวน ซง่ึ พระอัครสาวก ท. สอง บรรลุแลว ซ่ึงพระอรหตั . อิมํ คามํ นสิ สฺ าย โกจิ อารฺ โก วหิ าโร อตถฺ ิ. อ.วหิ าร อนั ต้งั อยูในปา ไรๆ อาศยั ซ่งึ บา น นี้ มีอยู หรือ. ตณี ิ รตนานิ เปตวฺ า อฺ ํ เม ปฏิสรณํ นตถฺ .ิ อ.ท่ีพง่ึ อ่ืน ของเรา ยอ มไมม ี เวน ซ่ึงรตนะ ท. สาม. ตวฺ า ปจ จัย หากจะแปลหลงั คมุ พากยกไ็ ด ในบางกรณี เพื่อใหเ นอ้ื ความสละสลวยขน้ึ ซงึ่ เวลาแปล ก็ใหแปลวา เพราะ เชน สหี ํ ทิสวฺ า ภยํ อปุ ปฺ ชฺชต.ิ อ.ความกลวั ยอ มเกิดขน้ึ เพราะเห็น ซง่ึ สีหะ. มยา อาจรยิ ํ นิสฺสาย ชวี ิตํ ลทธฺ ํ. อ.ชวี ติ อนั เรา ไดแลว เพราะอาศัย ซึ่งอาจารย. ตัวอยา ง ตวฺ า ปจจัย ๑. เถโร สามเณรสสฺ โอวาทํ อทาสิ, ทตวฺ า จ ปน วิหารํ ปวิโ . อ.พระเถระ ไดใหแ ลว ซึง่ โอวาท แกส ามเณร,ก็แล อ.พระเถระ ครนั้ ใหแ ลว เขา ไปแลว สวู หิ าร. ๒. ปรุ ิโส ภริยาย เคหํ คนตฺ วฺ า ตสสฺ า ธนํ ทตวฺ า โภชนํ ภุชฺ นฺโต มฺจเก ภุ ชฺ ต.ิ อ.บรุ ษุ ไปแลว สเู รอื น ของภริยา ใหแ ลว ซง่ึ ทรพั ย แกภ ริยานน้ั เมอ่ื บรโิ ภค ซงึ่ โภชนะ ยอมบรโิ ภค บนเตยี ง. ๓. อหํ โจรํ ทสิ วฺ า ภายามิ. อ.เรา ยอ มกลวั เพราะเหน็ ซง่ึ โจร. ๔. ตยา มํ นิสฺสาย ชวี ิตํ ลทธฺ ํ. อ.ชวี ติ อนั ทาน ไดแลว เพราะอาศยั ซง่ึ เรา. ๕. อมจโฺ จ รโฺ วจเนน กตฺวา คามํ คจฉฺ ติ. อ.อำมาตย ยอ มไป สูหมบู าน เพราะกระทำ ตามคำ ของพระราชา. ๖. ปตุ ฺโต อาหารํ อาเนตฺวา ปต ุ ทตวฺ า นวิ ตตฺ .ิ อ.บตุ ร นำมาแลว ซงึ่ อาหาร ใหแ ลว แกบ ดิ า กลบั แลว . ๗. สามเณโร สีลํ สมาทิยติ วฺ า ธมมฺ ํ สุณาติ. อ.สามเณร สมาทานแลว ซง่ึ ศีล ยอมฟง ซงึ่ ธรรม. ๘. อติ ฺถี วนํ ปวสิ ติ วฺ า เอกํ ปรุ ิสํ อททฺ ส. อ.หญงิ เขาไปแลว สปู า ไดเห็นแลว ซึง่ บุรษุ คนหนง่ึ . ๙. จณฺโฑ หตฺถี เอกํ ภกิ ฺขุ ทิสฺวา ปสที ต.ิ อ.ชาง ตวั ดุรา ย เหน็ แลว ซง่ึ ภกิ ษุ รปู หนงึ่ ยอมเลอื่ มใส. ๑๐.ภิกฺขนุ า ธมมฺ ํ สตุ ฺวา สลี ํ รกขฺ ติ พฺพํ . (ภกิ ษุ, ธรรม, ฟง , ศลี , รกั ษา) อ.ศีล อนั ภิกษุ ฟงแลว ซงึ่ ธรรม พงึ รักษา.
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๕๘ หลักการแปลวาจกอาขยาต วาจกในอาขยาตนน้ั มีอยู ๕ วาจกดว ยกัน คือ - กตั ตวุ าจก วาจกท่ีกลา วถงึ ผูท่ีทำกิริยาน้นั ๆดว ยตนเอง - กมั มวาจก วาจกทกี่ ลาวถึงบคุ คลหรือสงิ่ ทถ่ี ูกกระทำ - ภาววาจก วาจกทกี่ ลา วถงึ เพียงความมคี วามเปน เทานนั้ - เหตกุ ตั ตวุ าจก วาจกทก่ี ลา วถงึ บคุ คลท่ใี ชค นอน่ื ใหทำสง่ิ ตา งๆ - เหตุกมั มวาจก วาจกท่ีกลาวถงึ สงิ่ ทีถ่ กู บคุ คลใชคนอนื่ ใหทำ ซงึ่ ในแตล ะวาจกนน้ั กม็ คี ำแปลและขอ กำหนดเฉพาะตนอยู เพราะฉะนนั้ จงึ จำเปน อยา งยงิ่ ท่ี นักเรยี นตอ งทำความเขา ใจในหลักวาจกทงั้ ๕ น้ี เพื่อนำไปสกู ารแปลบาลไี ดอ ยางถกู ตอง ดงั ตอไปน้ี หลักการแปลกตั ตวุ าจก กัตตวุ าจก จะประกอบดว ยปจ จยั ๑๐ ตวั คือ อ-เอ-ย-ณ-ุ ณา-นา-ณหฺ า-โอ-เณ-ณย ตวั ใดตวั หนง่ึ เพราะฉะนน้ั กริ ยิ า (ธาตุ) ใดกต็ ามประกอบดว ยปจจยั เหลานต้ี ัวใดตวั หนึ่ง กริ ยิ านนั้ กเ็ ปน กตั ตวุ าจก, การประกอบปจจยั นนั้ จะประกอบตามประจำหมวดของตน เชน ถา เปน กร ธาตุ ก็จะลง โอ ปจจัย เพราะ กร ธาตุ อยใู นหมวด ตนฺ ธาตุ ซงึ่ ตนฺ ธาตุนนั้ มปี จจยั ประจำหมวด คอื โอ นนั่ เอง, สว น วภิ ัตตอิ าขยาต ที่มกั ใชในกตั ตวุ าจกนน้ั จะใชก ริ ิยาธาตุทลี่ งวภิ ัตตอิ าขยาต ฝายปรสั สบทเปน สวนใหญ องคประกอบหลกั ๆ จะตอ งมี ประธาน และ กริ ิยา (อ. – (กรรม) -กิริยา) เชน - ปรุ ิโส กมมฺ ํ กโรติ = อ.บรุ ษุ ยอมกระทำ ซึ่งกรรม. (กรฺ ธาตุ ลง โอ ปจจัยประจำหมวดธาตุ และวิภัตติฝายปรสั สบท คอื ติ ) - เถรา ธมมฺ ํ สุณนฺติ = อ.พระเถระ ท. ยอมฟง ซงึ่ ธรรม. (สุ ธาตุ ลง ณา ปจ จัยประจาหมวดธาตุ และวภิ ตั ติฝา ยปรสั สบท คอื อนตฺ )ิ - ตวฺ ํ โอทนํ ปจาหิ = อ.ทา น จงหุง ซึ่งขาวสกุ . (ปจฺ ธาตุ ลง อ ปจ จยั ประจาหมวดธาตุ และวิภัตติฝา ยปรัสสบท คอื ห)ิ หลกั การแปลกมั มวาจก กมั มวาจก นน้ั จะประกอบดวย ย ปจ จยั กับทงั้ อิ อาคม หนา ย ดว ย หรอื บางครง้ั ประกอบดวย ย ปจจยั อยางเดียวก็มี, สว นวภิ ตั ติอาขยาต ทมี่ ักใชในกมั มวาจกนน้ั จะใชกริ ยิ าธาตุ ท่ลี งวภิ ตั ติอาขยาต ฝา ยอตั ตโนบทเปนสว นใหญ องคประกอบหลกั ๆ จะตอ งมี คนทำ, ประธาน และ กริ ยิ า (อ. – อัน – กริ ิยา) เชน - สูเทน โอทโน ปจิยเต = อ.ขาวสกุ อนั พอครวั หุงอยู (ปจยิ เต >> ปจฺ ธาตุ + ย ปจ จยั + อิ อาคมหนา ย + เต วัตตมานา อตั ตโนบท) - สูเทน โอทโน ปจฺจเต = อ.ขา วสกุ อนั พอ ครวั หงุ อยู (ปจจฺ เต = ปจฺ + ย + เต, แปลง ย กับ จฺ ทสี่ ดุ ธาตุ เปน จฺจ) พเิ ศษ :- กัมมวาจกน้ี ไมคอ ยจะนิยมใชใ นรูปแบบอาขยาตมากนกั สว นมากทา นจะใชเปน รูปแบบ กริ ยิ ากติ ก (ลง ต อนีย ตพพฺ ปจจัย), อน่งึ ขอใหน กั เรียนสังเกตเถดิ กมั มวาจกนีแ้ ปลกจากกตั ตวุ าจก อยา งนี้ - ประธานในประโยคกตั ตวุ าจก พอมากมั มวาจก จะเปลยี่ นจากปฐมาวิภตั ติ มาลงตติยาวิภตั ติ (อนั ....)
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๕๙ - ตวั กรรม (ส่งิ ทถ่ี ูกกระทา) ในกตั ตวุ าจก พอมากมั มวาจก จะเปลยี่ นจากทตุ ิยาวภิ ตั ติ เปน ปฐมา วิภตั ติ(อ.) - ตวั กริ ิยาในกตั ตวุ าจก ซ่ึงลงปจจัยประจำหมวดธาตุของตน และใชว ภิ ตั ตฝิ า ยปรสั สบท พอ มากมั มวาจก จะไมล งปจจัยในหมวดของตน แตจ ะลง ย ปจจยั กบั อิ อาคม หนา ย หรอื ย ปจ จยั ตวั เดยี วก็ มี และใชวภิ ตั ติฝา ยอตั ตโนบท เชน สูโท (ป. – อ.) โอทน (ทุ. – ซึง่ ) ปจติ (ปจ + อ + ติ) = กตั . สเู ทน (ต. – อนั ) โอทโน (ป. – อ.)ปจิยเต (ปจ + ย + อิ อาคม หนา ย + เต) = กัม. หลกั การแปลภาววาจก ภาววาจก นัน้ จะประกอบดวย ย ปจ จยั เพียงตวั เดียว สว นวภิ ตั ติอาขยาต ท่มี ักใชในภาววาจกนน้ั จะใชกิรยิ าอาขยาตทีล่ ง เต วัตตมานา ฝา ยอตั ตโนบท, ภาววาจกนี้ ท่อี ยใู นรปู แบบอาขยาต นักเรียนจะเจอ นอยมากๆ เพราะสว นใหญ ถาเปน ภาววาจก ทานจะใช ตพฺพ ปจ จัยในกริ ิยากติ ก + ธาตทุ ไี่ มม ีกรรม (ภู ธาตุ – ภวติ พฺพ เปน ตน) องคประกอบหลกั ๆ คือ นามนามที่ลงตติยาวภิ ัตติ และกริ ิยา (อนั – กิริยา) เชน เตน ปุรเิ สน ภูยเต = อนั บรุ ษุ น้ัน เปน อยู (ภยู เต >>> ภู ธาตุ + ย ปจ จยั ในภาววาจก + เต วตั ตมานา อัตตโนบท) หลักการแปลเหตกุ ัตตุวาจก เหตกุ ัตตวุ าจก จะประกอบดวยปจ จยั ๔ ตวั คือ เณ-ณย-ณาเป-ณาปย ตวั ใดตวั หนง่ึ ซึง่ กริ ยิ าที่ลงปจจัย ๔ ตวั น้ี มีขอ ทคี่ วรรู คือ เมื่อลงไปแลว ณ จะถูกลบเสมอ ซ่งึ ถา ตน ธาตุเปน รัสสะ ณ ทลี่ บไปนนั้ มีอานาจ พอครา วๆ ดงั น้ี - ถา ตน ธาตุนนั้ เปน อ จะทฆี ะเปน อา - ถา ตน ธาตุนนั้ เปน อิ จะทฆี ะเปน อี - ถาตน ธาตุนน้ั เปน อุ จะทฆี ะเปน อู - ถา ตน ธาตนุ น้ั เปน อิ จะวกิ ารเปน เอ บาง - ถา ตน ธาตนุ นั้ เปน อุ จะวกิ ารเปน โอ บา ง - ถาตนธาตุเปน ทีฆะอยแู ลว หรอื วา มีพยญั ชนะสงั โยค (ตัวสะกด) ซอ นอยูเ บือ้ งหลงั ก็ไมต องทำ อะไร คงไวอ ยางเดมิ เพยี งลบ ณ ไปเทา นน้ั เพราะฉะนน้ั กริ ยิ า (ธาตุ) ใดกต็ ามประกอบดวยปจจยั เหลา นต้ี ัวใดตวั หนง่ึ กริ ยิ านนั้ ก็เปนเหตกุ ตั ตวุ าจก (ยกเวน เณ ณยฺ ของหมวด จรุ ฺ ธาต)ุ การประกอบปจจยั เหลา น้นั กับธาตุ ให ประกอบตามขอกาหนดดังทกี่ ลาวมา, สว นวิภตั ตอิ าขยาต ทมี่ กั ใชใ นเหตกุ ตั ตวุ าจกน้ี จะใชกริ ยิ าธาตุทล่ี ง วภิ ัตติอาขยาต ฝา ยปรสั สบทเปนสว นใหญ. เหตกุ ัตตวุ าจก นี้ ตองมตี วั การติ กรรม (คนท่ีถกู ใช) และ กอ นแปลกริ ิยาตองมีคำหนนุ วา “ให” องคประกอบหลกั จะตองมี ประธาน-การิตกรรม-อวุตตกรรม-กริ ิยา (อ.-ยัง-กิรยิ า-ซง่ึ ) - สามโิ ก สูทํ โอทนํ ปาเจติ. (ปาจาเปติ, ปาจาปยติ,) อ.นาย ยังพอครวั ใหห งุ อยู ซง่ึ ขา วสกุ . (ปาเจติ = ปจฺ + เณ + ติ >>> ลบ ณ เสีย แลว ทฆี ะตน ธาตซุ ึง่ เปน อ ใหเ ปน อา )
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๖๐ พิเศษ :- จะขออธบิ ายถงึ เณ ณย ปจ จัย คอื ปจ จัย ๒ ตวั นี้ นกั เรยี นจำไดไ หม มีอยทู ้ังในกตั ตุ วาจก (หมวด จุรฺ ธาตุ) และ เหตกุ ตั ตุวาจก (เณ ณย ณาเป ณาปย) นักเรียนตอ งดใู หด ี มฉิ ะนนั้ อาจแปลผดิ วาจกไดเลย ซง่ึ ขา พเจามแี นวทางพอใหส งั เกต ดงั นี้ - ถากริ ยิ า (ธาต)ุ ทีป่ ระกอบกับ เณ ณย ปจ จยั นั้น ไมใชธ าตุทอ่ี ยใู นหมวดของ จุรฺ ธาตุ กริ ยิ านน้ั เปน เหตุกตั ตุวาจกอยา งแนน อน เชน ราชา ชเน วหิ ารํ กาเรติ = อ.พระราชา ยังชน ท. ใหก ระทำอยู ซึ่งวิหาร. ( กรฺ ธาตลุ ง โอ ปจจยั ไมไดล ง เณ ปจ จัย เพราะ กรฺ ธาตไุ มไ ดอ ยูในหมวด จรุ ฺ ธาตดุ งั นนั้ กาเรติ ตัวน้ี จงึ เปน เหตกุ ตั ตวุ าจก) - ถา กิรยิ า (ธาตุ) ทป่ี ระกอบกบั เณ ณย ปจ จยั นั้น เปน ธาตุท่อี ยูในหมวดของ จรุ ฺ ธาตุ กริ ิยานนั้ สว นมากเปน กตั ตุวาจก เพราะถา ทา นตองการแสดงวาเปน เหตกุ ตั ตวุ าจก ทานจะเอาธาตุทีอ่ ยใู นหมวด จรุ ฺ ธาตุ ตวั นนั้ ๆ ลง ณาเป ปจจยั แทน เพ่อื ทำใหชดั ขนึ้ แสดงใหเ หน็ งา ยข้นึ วาเปนเหตกุ ตั ตวุ าจก เชน ปุรโิ ส จินฺเตติ = อ.บรุ ุษ ยอ มคิด. (จินตฺ + เณ + ติ) (จนิ ตฺ อยใู นหมวดของ จรุ ฺ ซงึ่ จุรฺ ธาตุลง เณ อยแู ลว ดังน้นั จึงแปลเปนกตั ตวุ าจก) ปุรโิ ส ชเน ธนํ โจราเปติ = อ.บรุ ษุ ยงั ชน ท. ยอ มใหลัก ซง่ึ ทรัพย (จุรฺ + ณาเป + ต)ิ (จรุ ฺ ธาตมุ ี เณ ณย เปน ปจ จยั ประจาหมวดธาตุ ไมใช ณาเป ดังนน้ั เมือ่ จรุ ฺ ธาตุประกอบกบั ณาเป ปจจยั เชนน้ี กต็ องเปน เหตุกตั ตวุ าจก). หลกั การแปลเหตกุ มั มวาจก เหตกุ มั มวาจก จะประกอบดว ยปจ จยั ๑๐ ตวั ของกตั ตวุ าจกตวั ใดตวั หนึ่งดวย, จะลง ณาเป ปจ จยั ของเหตุกตั ตวุ าจกดว ย, ลง ย ปจ จัย กบั ทั้ง อิ อาคมหนา ย เหมอื นกมั ม-วาจกดว ย (-าปย), วิภัตตอิ าขยาต ทมี่ กั ใชในเหตกุ มั มวาจกน้ี จะใชก ิรยิ าธาตทุ ล่ี งวภิ ตั ตอิ าขยาต ฝายอตั ตโนบทเปน สว นใหญ. (ตองแปลหนนุ กอ นกริ ิยาวา ให เหมือนกนั ) องคประกอบหลกั จะตอ งมี ประธาน – อนภิหติ กตั ตา –การติ กรรม –กิรยิ า (อ. .............อนั ...................ยัง...............กริ ิยา) - สามเิ กน ภรยิ ํ กมมฺ ํ การาปยเต = อ.กรรม อันสามี ยงั ภรรยา ใหก ระทำอยู. พเิ ศษ :- เหตกุ มั มวาจกน้ี ขอใหนักเรียนสงั เกตเถดิ จะแปลกจากเหตกุ ตั ตวุ าจก อยา งนี้ - ประธานในประโยคเหตกุ ตั ตวุ าจก พอมาเหตุกมั มวาจก จะเปลย่ี นจากปฐมาวภิ ตั ติ เปน ตติยา วภิ ตั ติ(อนั .) - ตวั กรรม(สงิ่ ที่ถูกกระทำ) ในเหตุกตั ตุ. พอมาเหตกุ มั ม. จะเปลี่ยนจาก ทตุ ยิ าวภิ ัตติ เปนปฐมา วภิ ตั ติ(อ.) - ตวั การติ กรรม(คนทถี่ ูกใช) ในเหตกุ ตั ต.ุ พอมาเหตุกมั ม.จะลงทตุ ยิ าวิภัตติ และแปลอยเู หมอื นเดมิ (ยงั .....) - ตัวกริ ยิ าในเหตกุ ตั ตวุ าจก ซ่ึงลงปจ จัย ๔ ตัวน้นั และใชว ิภัตตฝิ า ยปรัสสบท พอมาเหตกุ มั มวาจก จะลงปจจัยตามขอ กาหนดของเหตุกมั มวาจกดังทก่ี ลา วมา และใชวิภตั ติฝา ยอตั ตโนบท เชน สามิโก (ป. – อ.) สูท (ท.ุ – ยัง) โอทน (ทุ. – ซงึ่ ) ปาเจติ = เหตกุ ตั . สามิเกน (ต. – อนั ) สทู (สเู ทน กไ็ ด) โอทโน (ป. – อ.) ปาจาปย เต = เหตกุ มั .
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๖๑ ตัวอยา งวาจกอาขยาต ๑. สตถฺ า วหิ าเร ภิกฺขนู ํ ธมมฺ ํ เทเสติ. อ.พระศาสดา ยอมแสดง ซง่ึ ธรรม แกภ ิกษุ ท. ในวิหาร. ๒. ราชา ปุริเส ผลานิ อาหราเปติ. อ.พระราชา ยงั บรุ ุษ ท. ยอมใหน ำมา ซง่ึ ผลไม ท. ๓. สตถฺ ารา ธมฺโม เทสิยเต. อ.ธรรม อนั พระศาสดา ยอมทรงแสดง. ๔. ภกิ ขฺ นุ า สามเณรํ จวี รํ สพิ พฺ าปยเต. อ.จีวร อนั ภกิ ษุ ยังสามเณร ยอมใหเ ย็บ. ๕. เถโร ภิกขฺ ู วหิ าเร ธมฺมํ สณุ าเปติ. อ.พระเถระ ยงั ภกิ ษุ ท. ยอมใหฟ ง ซง่ึ ธรรม ในวหิ าร. ๖. กุมาโร “ อหํ ปพฺพชิสฺสามตี ิ จนิ เฺ ตสิ. อ.กมุ าร คดิ แลว วา “อ.เรา จักบวช”ดังนี้. ๗. มาตาปต โร ปตุ เฺ ต สปิ ปฺ านิ (ศลิ ปะ) อคุ ฺคณหฺ าเปนตฺ ิ. อ.มารดาและบดิ า ท. ยงั บุตร ท. ยอมใหเ รยี นเอา ซึ่งศิลปะ ท. ๘. พุทโฺ ธ โลเก อุปปฺ ชชฺ ิ. โส มนสุ ฺสานํ ธมฺมํ เทเสติ. อ.พระพุทธเจา อุบัตขิ ึ้นแลว ในโลก. อ.พระพุทธเจา พระองคน น้ั ยอ มแสดง ซงึ่ ธรรม แกมนุษย ท. ๙. ภิกขฺ นุ า สามเณโร โอวทยิ เต. อ.สามเณร อนั ภิกษุ ยอมกลา วสอน. ๑๐. ตทา ราชา ชเน วหิ ารํ การาเปส.ิ โส ตํ วหิ ารํ สตฺถุ เทต.ิ สตฺถา ภกิ ขฺ ู สาธกุ ารํ ทาเปสิ. ในกาลนน้ั อ.พระราชา ยงั ชน ท. ใหกระทำแลว ซ่งึ วิหาร. (อ.พระราชา) นัน้ ยอมถวาย ซง่ึ วิหาร น้นั แดพ ระศาสดา. อ.พระศาสดา ยงั ภิกษุ ท. ใหใหแลว ซง่ึ สาธกุ าร. หลักการแปลประโยคแทรก ประโยคแทรกน้นั มีอยู ๒ ประเภท คอื ๑. ประโยคอนาทร คอื ประโยคทมี่ บี ทนามนามประกอบดว ยฉัฏฐวี ภิ ตั ติ และมกี ิรยิ าท่ีลง ต อนฺต มาน ปจจัย ประกอบดวยฉฏั ฐีวิภตั ตเิ ชน กนั มีคำแปลวา เม่ือ..... ๒. ประโยคลกั ขณะ คอื ประโยคทม่ี บี ทนามนามประกอบดว ยสัตตมวี ภิ ตั ติ และมกี ริ ยิ าท่ีลง ต อนฺต มาน ปจจัย ประกอบดว ยสัตตมวี ิภัตติเชนกัน มคี ำแปลวา คร้นั เมือ่ .... หลกั การก็คอื ถา อยูต น ประโยคกแ็ ปลไดเ ลย ถา แทรกอยูกลางประโยค แทรกเขา มาตอนไหน ก็ให แปลตอนน้นั ไดเ ลย -ประโยคอนาทร มปี ระธานและกริ ิยาประกอบดว ยฉฏั ฐวี ิภัตติ (สว นใหญจ ะใช อนตฺ มาน ปจจัย เปน ปจจบุ นั กาลอยา งเดียว) แปลวา เมือ่ เชน ตวฺ ํ , มม วทนตฺ สสฺ , อกโฺ กสส.ิ อ.ทาน, เมือ่ ขา พเจา กลาวอยู ยอมดา. -ประโยคลกั ขณะ จะมปี ระธานและกริ ยิ าประกอบดวยสัตตมีวิภัตติ (ใช อนตฺ มาน ต ปจจยั แต นยิ มใช ต ปจ จัยมากกวา จงึ มักเปน อดตี กาล) แปลวา คร้ันเมอ่ื เชน
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๖๒ เถโร, เวลาย สมปฺ ตฺตาย, วหิ ารํ ปวสิ ติ. อ.พระเถระ, ครน้ั เม่อื เวลา ถงึ พรอ มแลว , ยอ มเขา ไป สูวหิ าร. ขอควรรู. ....พิเศษ สำหรบั ประโยคแทรกนี้ ถา กริ ิยาเขา สมาสกับนามนามอยู ไมว า นามนามนนั้ จะสมาส อยูขา งหนา หรอื ขา งหลงั กต็ าม จะไมส ามารถแปลเปน ตวั กริ ยิ าได นกั เรยี นจะตอ งแปลใหเ ปนเหมอื นวิกติกตั ตาแทน (แปลวา เปนผ.ู ...) แลว ใหโยค อสฺ ธาตเุ ขา มาเปน ตวั คมุ กิริยานั้น โดยใหลงวภิ ัตติตรงกับกิริยานัน้ ๆ โดยหลัก โยค มดี ังน้ี - ในประโยคอนาทร ป.ุ นป.ุ สนฺตสฺส สนตฺ านํ สมานสฺส สมานานํ อติ . สนตฺ ิยา สนตฺ นี ํ สมานาย สมานานํ - ในประโยคลักขณะ ป.ุ นป.ุ สนฺเต สติ สนเฺ ตสุ สมาเน สมาเนสุ อิต. สนฺตยิ า สนตฺ ีสุ สมานาย สมานาสุ - ตวั อยา งประโยคอนาทร ทีม่ ีกริ ิยาสมาสกับบทนาม ตสฺส ปตุ ตฺ สสฺ วยปปฺ ตตฺ สฺส (สมานสฺส), ปต า กาลมกาสิ. เม่ือบตุ รน้ัน เปน ผถู งึ แลว ซึ่งวยั มีอย,ู อ.บดิ า ไดก ระทำแลวซง่ึ กาละ. - ตวั อยา งประโยคลกั ขณะ ท่มี กี ริ ิยาสมาสกับบทนาม กุม ฺพิโก, ปต ริ กาลกเต (สนฺเต), มาตรํ ปฏิชคคฺ ิ. อ.กุมพี, ครนั้ เม่ือบดิ า เปนผูมกี าละอนั กระทำแลว มอี ย,ู ปฏิบตั แิ ลว ซ่ึงมารดา. สตถฺ า, รเฺ นสิ นิ นฺ มตฺเต (สนเฺ ต), ธมมฺ ํ เทเสสิ. อ.พระศาสดา, ครน้ั เมื่อพระราชา เปน ผสู กั วา นั่งแลว มอี ยู, แสดงแลว ซ่งึ ธรรม. หลกั การแปลวกิ ตกิ ตั ตา วิกตกิ ตั ตานัน้ คอื บทคณุ นาม หรอื นามนามท่ีใชด จุ คณุ นาม ซง่ึ แปลเขากบั กิริยาวา มีวาเปน (หุ ภู อส ธาตุ รวมถึง ชน ธาตดุ ว ย) เรยี กวา วกิ ตกิ ตั ตา วกิ ตกิ ตั ตานกี้ ็เหมือนวเิ สสนะคอื แปลไมอ อกสาเนียงอายต นิบาต มคี าแปลวา เปน.... เม่อื วาโดยประเภทจาแนกไดเ ปน ๓ ประเภทหลักๆ คือ ๑. วกิ ติกตั ตาทเ่ี ปนคณุ นาม คอื ศัพทคุณนามทขี่ ยายนามนาม มีลงิ ค วจนะ และวภิ ตั ติ เหมอื นกนั กับนามนาม แตว างอยหู นา ธาตุวา “มี” วา “เปน ” เวลาแปลกต็ อ งใสค ำแปลหนุนวา “เปน ” ตวั อยางเชน - ราชา รเ ชนานํ อิสฺสโร โหต.ิ อ.พระราชา เปนใหญ แหง ชน ท. ในแวน แควน ยอ มเปน . ๒. วิกติกตั ตาท่ีเปน นามนาม คอื บทนามนามที่ใชเ ปน ดุจคณุ นาม ซงึ่ จะมวี จนะ วภิ ัตติ ตรงกบั นามนาม สว นลงิ คน นั้ อาจจะตรงกนั บาง หรอื ตา งกนั บา ง แลว แตรากฐานของศพั ทนน้ั ๆ หมายความวา หากนามนามทใ่ี ชเปนดุจคณุ นามนั้นเปน ลิงคไหน แมจะเอาไปขยายบทนามทต่ี า งลงิ คก นั กไ็ ม ตองเปลยี่ นลงิ คไ ปตาม ศัพทเ ดมิ เปน ลงิ คอ ะไร กค็ งเปน ลงิ คน นั้ ตัวอยางเชน - พทุ ฺโธ เม วรํ สรณํ โหติ. อ.พระพุทธเจา เปน ท่ีพ่ึง อนั ประเสรฐิ ของเรา ยอมเปน .
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๖๓ - อปปฺ มาโท อมตํ ปทํ (โหต)ิ . อ.ความไมป ระมาท เปน ทาง อันไมตาย (ยอ มเปน). ๓. วกิ ติกตั ตาท่เี ปน กริ ยิ ากติ ก คอื กริ ิยากติ ก ทป่ี ระกอบดว ยลงิ ค วจนะ และวิภตั ติ เดยี วกันกบั นามนาม (บทประธาน) แตวางอยหู นา ธาตวุ า มวี าเปน หรือกิรยิ ากิตกท่ลี ง ต อนยี และ ตพพฺ ปจ จัย แตอ ยูในประโยคท่ีมี อมฺห หรอื ตมุ หฺ ศพั ท เปน ประธาน สว นกริ ยิ านนั้ อยูต วั สดุ ทา ย เวลาแปล กแ็ ปลหนนุ วา เปนผู......โดยโยคกิริยาวามีวา เปน มาคุม ตวั อยา งเชน - อหํ วหิ ารํ อาคโต (อมฺหิ) = อ.เรา เปน ผูม าแลว สูวหิ าร (ยอมเปน). - ปรุ ิโส อุปสมปฺ นโฺ น โหติ = อ.บุรษุ เปน ผอู ปุ สมบทแลว ยอ มเปน . วิกตกิ ัตตา ในประโยคภาววาจก จะประกอบดว ยตติยาวิภัตติ ตวั อยา งเชน - ภิกขฺ นุ า อกสุ เี ตน ภวติ พฺพํ . อนั ภิกษุ เปนผไู มเ กียจครา น พึงเปน . วกิ ตกิ ัตตาน้ี ถา หากวา อยูก ลางประโยค ใหใสก ิรยิ าวามวี าเปน คือ หตุ วฺ า (เปน ) เพอื่ รับวกิ ตกิ ัตตา นั้นๆ เชน - ปรุ โิ ส ปพฺพชิตฺวา ทุกโฺ ข (หตุ วฺ า) วิหาเร วสติ. อ.บุรุษ บวชแลว เปนผูม ีทกุ ข (เปน) ยอ มอยู ในวหิ าร. วิกตกิ ตั ตา ถา อยูท ายประโยค (คอื ไมม กี ริ ยิ าคุมพากย) กใ็ หใ สก ริ ิยาวา มี วา เปน มารบั โดยให บุรุษ วจนะ ตรงกนั กบั ประธานนน้ั ๆ และใหถ กู กาลในเรอ่ื งนน้ั ๆ ซึ่งมีหลกั โยค.........ดงั นี้ - ประธานเปนปฐมบุรุษใหใช โหติ โหนตฺ ิ - ประธานเปนมธั ยมบุรุษใหใ ช อสิ อตฺถ - ประธานเปน อตุ ตมบรุ ษุ ใหใ ช อมหฺ ิ อมหฺ , อสมฺ ิ อสมฺ (ใชสาหรบั ปจจบุ นั กาล) สำหรบั อดตี กาลนั้น ถา ประธานเปน ปฐมบุรุษ ใหใ ช อโหสิ อเหสุ เปน ตน เชน - น ภิกขฺ เว อิทาเนว อยํ ภิกขุ ปาโป(โหต)ิ ,ปพุ เฺ พป เอส (ภกิ ฺข)ุ ปาโปเยว (อโหสิ). ดูกอ นภิกษุ ท. อ.ภิกษุนี้ เปน คนบาป (ยอ มเปน ) ในกาลน้ีน่นั เทยี ว หามิได, (อ.ภกิ ษุ) นน่ั เปนคนบาปนน่ั เทียว (ไดเปน แลว ) แมในกาลกอน. พเิ ศษ :- ถาวิกติกตั ตาเปนกริ ิยากิตกท่ีลง ต ปจจัย ซงึ่ ประกอบดว ยธาตทุ ี่มกี รรม เวลาแปล กต็ อง แปลใหเหมอื นกมั มวาจก คอื ตอ งแปลไปหานามนามทแี่ ปลวา อนั .. (เปน ผอู ัน....) เชน - อยํ (รกุ โฺ ข) เทวตาย ปริคคฺ หิโต ภวิสสฺ ติ. (อ.ตน ไม) นี้ เปนตน ไมอันเทวดา ถอื เอารอบแลว จักเปน . - ตวฺ ํ มยา โอวทโิ ต (อสิ). อ.ทาน เปนผูอนั เรากลา วสอนแลว (ยอมเปน ). วกิ ตกิ ัตตาน้ี หากแปลโดยพยญั ชนะ โดยมากนิยมแปลวา เปน......ยอ มเปน , เปน .....จกั เปน, เปน .......ไดเ ปนแลว , หากแปลโดยอรรถ นิยมแปลวา เปน......, หลักการแปลวกิ ตกิ ัมมะ วิกตกิ ัมมะ คอื บทนามท่ลี งทุติยาวภิ ตั ตแิ ละอยูหนา กรฺ ธาตุ (กระทา) ทำหนาทข่ี ยายบทนามนาม ท่ีลงทตุ ยิ าวิภตั ติอีกตวั หนง่ึ (ซ่งึ อยูข า งหนาตน)
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๖๔ หลักการสังเกต คอื ในประโยคใด ถา มบี ทนามนามลงดว ยทตุ ิยาวภิ ัตติ (อยขู างหนา) และมีบท นามประกอบดว ยทตุ ยิ าวภิ ตั ตอิ กี ตัวอยขู า งหลังนามนามนน้ั และอยขู างหนา กรฺ ธาตุ บทนามทอ่ี ยใู กลกบั กรฺ ธาตนุ นั้ คือ ตัววิกติกมั มะน่ันเอง (แปลวา ให, ใหเปน ) สว นนามนามท่ลี งทตุ ิยาวภิ ัตตแิ ละอยูข า งหนานนั้ แปลวา ซึ่ง หลักการแปลวกิ ตกิ ัมมะ....แปล กรฺ ธาตกุ อน แลวแปลบทนามนามท่ลี งทตุ ิยาวภิ ตั ติ (แปลวา ซง่ึ ) เปน ลาดบั ตอ มา แลว จงึ คอ ยแปล ตวั วิกติกมั มะวา ให, ใหเ ปน วิธใี ชคำแปลวา ให, ใหเ ปน - หากวา แปล กรฺ ธาตทุ ่ลี ง ตฺวา ปจจัย (กตวฺ า) และวกิ ตกิ ัมมะ กอนกิรยิ าคุมพากยใ นประโยคนนั้ วกิ ตกิ มั มะนน้ั แปลวา “ใหเ ปน ” เชน เตนหิ เขตฺตํ เทวฺ โกาเส กตวฺ า ตํ (โก าสํ ) กโรหิ ถาอยางน้นั อ.ทาน ทำแลว ซ่ึงนา ใหเ ปน สว น ๒ จงทำ ซึ่งสว นนน้ั . - หากวา ในประโยคใด วิกตกิ ัมมะอยูใ กลก บั กรฺ ธาตุ และ กรฺ ธาตนุ น้ั เปน กริ ยิ าคุมพากยด วย วกิ ตกิ มั มะนนั้ แปลวา “ใหเ ปน ” เหมอื นกัน เชน อหํ ตํ (ปุริสํ ) กุม พฺ สสฺ สามิกํ กริสสฺ ามิ อ.เรา จกั ทำ (ซงึ่ บรุ ษุ ) นนั้ ใหเปน เจาของ แหงขุมทรพั ย. - หากวา ในประโยคใด วกิ ตกิ มั มะ และกริ ยิ าวา ทำ (กตวฺ า) แปลหลังกิริยาคมุ พากยในประโยคนน้ั วิกตกิ มั มะตวั นน้ั แปลวา “ให” เชน ตฺวํ อมิ ํ อตถฺ ํ ปากฏํ กตวฺ า วเทห.ิ อ.เจา จงกลาว ซ่งึ เนือ้ ความ น้ี กระทำ ใหป รากฏ. วิกตกิ ัมมะนน้ั จะเจอไดใ นประโยคกตั ตุวาจกและกมั มวาจก มวี ธิ ีสงั เกต......ดังนี้ ๑. ในประโยคกตั ตวุ าจก วกิ ตกิ มั มะ จะประกอบดว ยทตุ ยิ าวภิ ตั ติเหมือนตวั อวุตตกมั มะ (บทนาม นามท่ีลงทุติยาวิภตั ตเิ ชน กนั และอยูขางหนา ตน) สว นวจนะ อาจไมเ สมอกนั กไ็ ด มคี ำแปลวา ให, ใหเปน ตวั อยา งเชน - อหํ ตํ (ปรุ ิสํ ) กุ ม พฺ สสฺ สามิกํ กริสสฺ ามิ. อ.เรา จกั ทำ (ซงึ่ บรุ ษุ ) นนั้ ใหเ ปนเจา ของ แหง ขุมทรัพย. - เตนหิ เขตตฺ ํ เทฺว โก าเส กตวฺ า ตํ (โก าสํ ) กโรหิ. ถา อยา งน้นั อ.ทา น ทำแลว ซ่งึ นา ใหเ ปน สว น ๒ จงทำ ซึ่งสว นนน้ั . ๒. ในประโยคกัมมวาจก วกิ ติกมั มะน้ี จะประกอบดว ยปฐมาวภิ ัตติเหมือนตวั ประธาน ในประโยค น้นั (ทำหนาที่คลา ยคณุ นาม) และวางอยูขา งหนา กรฺ ธาตเุ ชน กนั เชน - สตถฺ ารา ภิกขฺ ุ ปาณาติปาตสสฺ อการโก กโต. อ.ภกิ ษุ อนั พระศาสดา ทรงกระทำแลว ใหเ ปน ผไู มท ำ ซึง่ ปาณาตปิ าต. หมายเหตุ ๑ : -ในบางประโยค แมกริ ยิ าวา ทำ(กตวฺ า) ไมไดเ ขียนไว เวลาแปลตอ งเติมเขา มา เชน - ตวฺ ํ อิมํ อตถฺ ํ ปากฏํ (กตฺวา) วเทห.ิ อ.เจา จงกลาว ซ่ึงเนือ้ ความน้ี (กระทำ) ใหป รากฏ. (กตวฺ า ในประโยคน้ี ไมออกสาเนียงวา “แลว ” เพราะแปลหลงั กริ ยิ าคมุ พากย) หมายเหตุ ๒ : -นอกจาก กรฺ ธาตแุ ลว ทใี่ ช จรฺ ธาตบุ างกม็ ี (มกั อยใู นคาถา) เชน
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๖๕ - (ปคุ ฺคโล) ธมฺมํ สจุ รติ ํ จเร. (อ.บุคคล) พึงประพฤติ ซึง่ ธรรม ใหส จุ ริต. หลกั การแปล ตุ ปจจยั ตุ ปจ จัยน้นั มีอยู ๒ ประเภทหลกั ๆ คอื ๑. ตุ ปจจยั ที่ใชเปน ประธาน แปลออกสำเนยี งของปฐมาวิภัตติ มคี ำแปลวา “อ.อนั ..” อยูใ นประโยคท่มี ี วฏติ (ยอ มควร), ยุตตฺ (ควรแลว ), อยุตตฺ (ไมค วรแลว) เปน กิริยาคุมพากย หรอื มีบทวา ปฏริ ปู , อนรุ ปู , อนุจฉฺ วิก (สมควร) เปนวกิ ตกิ ตั ตา และมธี าตวุ ามวี าเปน (ภู หุ อส ธาตุ) เปนกริ ิยา คุมพากย ตวั อยา งเชน - มยา ปลายติ วฺ า ปพฺพชิตุ วฏ ติ = อ.อนั อนั เรา หนไี ปแลว บวช ยอ มควร. - ตยา เอวํ กาตุ อนุจฉฺ วิกํ = อ.อนั อนั ทา น กระทำอยา งน้ี เปน การสมควร (ยอ มเปน). หลกั การแปล มีอยู ๕ ลำดบั คือ - แปลตวั ตุ วา อ.อัน-แลว พกั ไวก อน (อยา พ่ึงแปลบทกิรยิ าท่ปี ระกอบกบั ตุ นัน้ ) - แปลบทนามนามทล่ี งดว ยตตยิ าวิภัตติ (แปลวา อนั ) ซง่ึ เปนคนท่ที ำกิริยาน้นั ๆ ถา ไมมี นกั เรียน ตองโยคขน้ึ มา โดยการโยคน้นั ใหดทู เี่ นอื้ เรื่องเปน สำคญั วา ควรโยคศัพทไหน - แปลบทขยายนามนามนนั้ หรือกริ ยิ าตวั อ่ืนซึ่งวางอยขู า งหนา ตุ ปจ จยั น้นั (ถา มี) - แปลตวั กริ ิยาที่ประกอบอยูกับ ตุ ปจจัยนัน้ (ทพี่ ักไวต ง้ั แตแรก) - แปลกริ ิยาคุมพากย ตัวอยา งลำดบั ทงั้ ๕ มยา อิโต านโต ปลายติ วฺ า ปพฺพชติ ุ วฏ ต.ิ ๒๓ ๓ ๓ ๔ ๑๕ อ.อัน อนั เรา หนไี ปแลว จากท่ี นี้ บวช ยอมควร. ๒. ตุ ปจ จัย ท่เี ปนจตุตถีวภิ ัตติ แปลวา เพ่อื การ....,เพ่อื อนั .... ซึง่ จะอยหู นา กิริยาหลายธาตุ เชน สกโฺ กติ (อาจ,สามารถ), อิจฉฺ ติ (ปรารถนา) เปน ตน ตุ ที่ ๒ น้ี ที่เขา สมาสกม็ ี ซึ่งมกั จะสมาสกบั กาม ศัพท (แปลวา ใคร) เวลาสมาสนน้ั นิคคหติ ของ ตุ จะถูกลบ เชน คนตฺ กุ าโม (ผใู ครเ พื่ออันไป), โสตกุ าโม (ผใู คร เพ่อื อนั ฟง ) เปน ตน - อหํ ธมมฺ ํ โสตกุ าโม (โหม)ิ = อ.เรา เปน ผใู ครเ พอ่ื อนั ฟง ซึง่ ธรรม (ยอมเปน ). - อหํ เอวํ กาตุ สกโฺ กมิ = อ.เรา ยอมอาจ เพือ่ อันกระทำ อยางนี.้ ขอควรรูพเิ ศษสาหรบั ตุ ปจจัย ๑. ตุ ปจ จยั ท่ีอยปู ระโยคเลขนอก (เนื้อเรอื่ งทว่ั ไป ไมไดพ ดู คยุ กัน) แปลวา เพือ่ อนั .... - ปรุ โิ ส ธมมฺ ํ โสตุ อจิ ฺฉติ = อ.บุรษุ ยอมปรารถนา เพ่ืออันฟง ซงึ่ ธรรม. ๒. ตุ ปจ จัยทอี่ ยใู นเลขใน (ประโยคพดู คยุ , ถาม, หรือคดิ ) ใหสงั เกต ดงั น้ี ก. ถา ประโยคเลขในทมี่ ี ตุ นั้น มี วฏต,ิ อยุตตฺ , ยุตตฺ เปน ตน ตามทก่ี ลา วมานน้ั เปน กิริยาคมุ พากย หรอื มบี ทวา ปฏิรปู , อนุจฉฺ วิก อนรุ ูป เปน ตน เปน วกิ ตกิ ตั ตา ตุ ปจจัยในประโยคนน้ั จะเปน ประธาน แปลวา อ.อนั ...... เชน ตยา เอวํ กาตุ น วฏ ติ = อ.อนั อนั ทา น กระทาอยา งน้ี ยอ มไมค วร. ข. ถา ไมม กี ิรยิ าคมุ พากยทก่ี ลาวมาเชน วฏ ต,ิ อยุตตฺ เปน ตน หรอื ไมม พี วกบทวา ปฏิรปู , อนจุ ฺ ฉวิก เปน ตน ตุ ปจ จัยประโยคน้ัน กแ็ ปลวา “เพ่อื อนั .....” เชน กนั
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๖๖ ๓. ตุ ปจ จัย ท่ีเปน ประธาน (อ.อัน) ในการแปลโดยอรรถนน้ั ใหแ ปลวา ........... ก. การที.่ ................ยอ มควร,ควรอยู (คำวา ที่ แทนคำวา “อนั ” ของบทตตยิ า) ข. ควรท่.ี ..........................................(แปล วฏติ กอ นเลย) - มยา คามํ คนตฺ ุ วฏ ติ = การทีเ่ รา ไปสบู า น ยอมควร, (ควรอย)ู , (จงึ จะควร). - มยา คามํ คนตฺ ุ วฏติ = ควรทเ่ี ราจะไปสบู าน ๔. ตุ ปจจัยท่เี ปน จตุตถีวภิ ตั ติ (เพือ่ อนั ) ในการแปลโดยอรรถน้ัน ใหแ ปลวา.......... ก. จะ............ เชน ปรารถนาจะ, ตองการจะ, ข. เพ่ือจะ...... เชน ปรารถนาเพื่อจะ, สามารถเพ่อื จะ, - ภิกขฺ ุ ธมมฺ ํ โสตุ อจิ ฉฺ ติ = ภกิ ษุ ปรารถนาเพือ่ จะฟงธรรม - เถโร ทานํ ทาตุกาโม = พระเถระ ประสงคจ ะใหท าน ๕. ถากิริยาท่ีประกอบกบั ตุ ปจ จยั นนั้ ลง เณ ณาเป ปจจัย ของเหตกุ ตั ตวุ าจก เวลาจะแปล กต็ อง แปลตามขอ กำหนดของเหตกุ ัตตุวาจก คอื ตอ งแปลบทนามนามทล่ี งทุติยาวภิ ัตติ (ทีแ่ ปลวา ยัง) กอ น แลว จงึ คอยแปลกริ ิยานน้ั (เพอ่ื อนั ยงั .......ให......) เชน - ปรุ โิ ส ภรยิ ํ โภชนํ โภเชตกุ าโม โหติ อ.บุรษุ เปน ผใู คร เพื่ออนั ยงั ภรรยาใหบ รโิ ภค ซึง่ โภชนะ ยอ มเปน . ๔.๓ ประโยคเรยี งความ(หลายเนอ้ื ความ) หลกั การแปลประโยคเลขใน ประโยคเลขใน หมายถึง ประโยคท่อี ยูในเครอ่ื งหมายคำพดู คำถาม คำปรึกษา เปนตน ซึง่ กอ นเขา ประโยคเลขในนน้ั กใ็ หแปล อติ ิ วา “วา............” หลงั แปลจบประโยคเลขในก็ใหแ ปลปด ทา ยวา “ดงั น”้ี (วา ...........ดังน)ี้ ซึง่ ประโยคเลขในนน้ี ้นั จะมเี ครื่องหมาย คือ - ตน ประโยคเลขใน จะใสเคร่อื งหมาย “ มาให ( “................ต)ิ - จบประโยคเลขใน จะใช อติ ิ ศพั ท เปน เคร่อื งหมาย และอิติ นน้ั จะสนธอิ ยูกบั บทตัว สดุ ทา ยของเลขในนน้ั ๆ ซง่ึ มรี ูปแบบสนธิ พอเปน ตวั อยาง ดงั น้ี โ – ติ เชน “ อหํ ตว อาจรโิ ยติ (อาจริโย + อิต)ิ -าติ เชน “ ปรุ ิโส อตตฺ านํ โอวทติ อมมฺ าติ (อมมฺ + อติ )ิ เ – ติ เชน “ อหํ ตํ คามํ คจฉฺ ามิ อุปาสเิ กติ (อปุ าสิเก + อติ ิ) ถา บทสดุ ทา ยในเลขในนน้ั ๆ ลง อํ วภิ ัตติ ก็ใหแ ปลง อํ นนั้ เปน นฺ ซงึ่ เปน พยัญชนะทส่ี ุดวรรคของ ต ( -นตฺ ิ ) ตวั อยา งเชน “ ภารยิ ํ เต กมมฺ ํ กตนฺติ ( กตํ + อติ ิ ) ถาบทสดุ ทายในเลขในนน้ั ๆ มสี ระ อิ เปนทสี่ ดุ ก็ใหลบ อิ ตวั นน้ั แลว ใหท ีฆะ อิ ท่ี อิติ เปน อี เปน อตี ิ แลวสนธกิ ับบทสดุ ทายนน้ั ๆ ตวั อยา งเชน “ ภิกขฺ ุ ธมฺมํ สุณาตตี ิ ( สุณาติ + อติ ิ ) ถา บทสดุ ทายในเลขในนั้นๆ มสี ระ อุ เปน ท่สี ดุ กใ็ หลบ อิ ที่ อติ ิ แลว ทีฆะสระ อุ ของบทสดุ ทาย นัน้ เปน อู แลว จงึ นำไปสนธกิ บั อติ ิ ตัวอยา งเชน “ สามเณโร ธมฺม สณุ าตูติ ( สณุ าตุ + อติ ิ )
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๖๗ ถาบทสดุ ทายในเลขในนัน้ ๆ มีสระ อี เปน ที่สดุ กใ็ หลบ อี ตวั นน้ั แลว ใหทฆี ะ อิ ที่ อิติ เปน อี เปน อตี ิ แลวสนธกิ ับบทสุดทา ยนน้ั ๆ ตวั อยางเชน “ กหุ ึ คตา นารตี ิ ( นารี + อติ ิ ) ศพั ทท่ีเปนเครื่องสังเกตประโยคเลขใน พอมใี หน ักเรยี นไดสังเกต ดงั น้ี - บทอาลปนะ (ปรุ ิส, กุมาร, อาวโุ ส, ตาต, อมมฺ , ภนเฺ ต มหาราช, สามเณร เปนตน ) - ปรุ สิ สพั พนามท่ีเปนมธั ยมบุรุษ และอตุ ตมบรุ ุษ (ตฺวํ , ตุมเฺ ห, อหํ , มยํ ) - กิริยาอาขยาตท่อี ยูในมัธยมบุรุษ และ อตุ ตมบุรษุ ( กโรมิ, คจฉฺ าห,ิ สณุ าถ เปน ตน ) - อติ ิ ศพั ท ซง่ึ สนธเิ ขา กับศพั ททอี่ ยูขางหนา (ดรู ปู แบบสนธดิ ังท่ีกลา วมาขา งตน ) กอนทีจ่ ะแปลประโยคเลขในนั้น นกั เรียนตอ งแปลคำหรอื กริ ิยาทจ่ี ะใชเปด อติ ิ ศพั ทกอน จงึ จะ แปลประโยคเลขในได ตวั อยางเชน - ราชา \" อหํ ธมมฺ ํ สณุ ามตี ิ จนิ ฺเตสิ. อ.พระราชา ทรงดำรแิ ลว วา “ อ.เรา จักฟง ซงึ่ ธรรม ดงั นี้. บทวา สณุ ามตี ิ แยกศัพทเปน สณุ ามิ + อติ ิ ราชา, อติ ิ และ จนิ ฺเตสิ เปน ประโยคเลขนอก อหํ ธมฺมํ สณุ ามิ เปน ประโยคเลขใน ซึ่งขยายความของคำวา จนิ เฺ ตสิ (คดิ ) วาคดิ อะไร คิดเร่อื ง อะไร คดิ อยางไร เปน ตน จนิ เฺ ตสิ ก็คอื คำ (กิริยา) ทีม่ าเปด อิติ ศัพทนนั่ เอง. วธิ ีการแปลเขา ประโยคเลขใน กอนทจ่ี ะแปลประโยคเลขใน ตอ งแปลคำกริ ยิ าหรอื บทนามนามทเี่ ปน เจาของประโยคเลขในกอ น ถา ไมม ีคำกิริยาหรอื นามเหลา นี้ ตองใสเขามาเอง และแปลกอ นขอ ความในเลขในนนั้ ซง่ึ มวี ธิ ี ดงั น้ี ถาหลงั ประโยคเลขใน ยังไมจ บประโยค ยงั มเี นื้อความตอ ไปอกี (อติ ิ ระหวา งประโยค) กรณีน้ี ใหใ สกริ ิยาในระหวาง คือ ตวฺ า ปจจยั มาเปด ประโยคเลขใน (ไมตอ งโยคมาใส หากมี กริ ยิ า นั้นปรากฏอยหู ลัง อิติ แลว ) ซงึ่ การโยคนน้ั ใหด ูทข่ี อ ความในเลขในนน้ั ๆ ดงั นี้ ถา ประโยคเลขในเปน กริ ิยาในระหวางทตี่ อ งเติมเขา มา คำพดู สนทนา วตวฺ า กเถตวฺ า อาโรเจตฺวา (กลา วแลว,บอกแลว ) คำถาม ปุจฉฺ ติ ฺวา (ถามแลว ) ความนกึ คิด จินเฺ ตตวฺ า (คดิ แลว ) การฟง สตุ วฺ า (ฟง แลว ) การรบั รอง ปฏสิ ณุ ติ ฺวา สมปฺ ฏจิ ฺฉติ วฺ า (ฟง ตอบแลว , รับพรอ มแลว ) การกำหนด สลลฺ กเฺ ขตวฺ า (กำหนดแลว ) ตัวอยางการเติมกริ ิยาในระหวา งเพอื่ เปด ประโยคเลขใน ราชา “อหํ ป คมิสสฺ ามตี ิ (จนิ เฺ ตตวฺ า) วหิ ารํ คโต. อ.พระราชา ทรงดำรแิ ลว วา “ แม อ.เรา จักไป ดงั น้ี ไปแลว สูวหิ าร. หมายเหตุ :-กิริยาทีม่ าเปด เลขในนน้ั ถาเปนกิรยิ าอาขยาต อยขู า งหนาประโยคเลขในก็ได ขา งหลงั ประโยคเลขในกไ็ ด แตถ า เปน กิริยากติ ก จะอยขู างหลังเลขในอยา งเดียว เชน - ราชา “อหํ ป คมสิ สฺ ามตี ิ จนิ เฺ ตตวฺ า วิหาร คโต. อ.พระราชา ทรงดำรแิ ลว วา “ แม อ.เรา จกั ไป ดงั น้ี ไปแลว สูวหิ าร.
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๖๘ - ราชา \" อหํ ธมฺมํ สุณามตี ิ จนิ เฺ ตสิ. อ.พระราชา ทรงดำรแิ ลว วา “ อ.เรา จักฟง ซงึ่ ธรรม ดงั น้ี. - ราชา จนิ ฺเตสิ \" อหํ ธมฺมํ สณุ ามตี ิ. อ.พระราชา ทรงดำรแิ ลว วา “ อ.เรา จักฟง ซง่ึ ธรรม ดงั น้ี. ในประโยคใด มแี ตป ระโยคเลขใน ไมม ปี ระธานและกิริยาคมุ พากย (คอื เร่ิมตน ประโยค ใหมกเ็ ขาเลขในเลย และตอนจบเลขในก็จบประโยคใหญด ว ย) ในกรณนี ้ี ใหใสทัง้ ประธานและ กริ ยิ าคุมพากยมาเปดประโยคเลขในนน้ั สำหรบั ประธานทจี่ ะโยคมานน้ั ใหน ักเรยี นดูทีป่ ระโยค ขางหนากอ นวาใครทำอะไร ท่ไี หน อยา งไร สว นกริ ยิ าทจ่ี ะโยคมาคมุ พากยนน้ั ใหด ูทีข่ อ ความในเลขใน วา เปนประโยคชนดิ ใด (กริ ิยาทโ่ี ยค วจนะตองตรงกบั ประธาน) ซึ่งมวี ธิ ีโยค ดงั นี้ ถาประโยคเลขในเปน กริ ยิ าคุมพากยทต่ี องเติมเขามา คำพูดสนทนา อาห, อาหํสุ (กลา วแลว) กเถสิ, กเถสุ , กถยสึ ุ (กลา วแลว) อาจกิ ขฺ ิ, อาจกิ ขฺ สึ ุ (บอกแลว ) อาโรเจสิ, อาโรเจสุ , อาโรจยึสุ (บอกแลว ) วทิ, วทสึ ุ (กลาวแลว) ความคิด จินฺเตสิ, จินตฺ ยึสุ, จนิ เฺ ตสุ (คดิ แลว ) คำปรกึ ษา มนตฺ ยิ,มนตฺ ยึสุ (ปรกึ ษากนั แลว) คำถาม ปจุ ฉฺ ,ิ ปจุ ฉฺ ึสุ (ถามแลว ) ตัวอยา งการเติมกริ ยิ าคุมพากยเ พ่อื เปด ประโยคเลขใน ๑.(ราชา) “ โอทนํ ปจาหตี ิ (อาห). อ.พระราชา ตรสั แลว วา “ อ.เจา จงหุง ซง่ึ ขา วสกุ ดงั นี้. ๒.(สามเณโร) “ กึ วเทสตี ิ (ปจุ ฉฺ )ิ . อ.สามเณร ถามแลววา “ อ.ทา น ยอมกลาว ซ่ึงอะไร ดงั น้ี. คำอธบิ ายเพ่ิมเตมิ สำหรบั ตวั อยางทงั้ ๒ ตัวอยา งที่ ๑ ในประโยคเลขใน เปนการสั่งใหหงุ ขาว ซง่ึ เปน การพดู คุย จงึ โยค อาห. ตัวอยา งที่ ๒ ในประโยคเลขในนนั้ เปนการถามวา กลา ว (พูด) อะไร จึงโยค ปจุ ฉฺ ิ. ถา ขอความในประโยคเลขในทำพรอมกิรยิ าที่อยหู ลงั อติ ิ ศัพท กรณนี ี้ ใหใสน ามนาม ตตยิ าวิภตั ติ (แปลวา ดว ย) มาเปด ประโยคเลขใน โดยแปลบทนามนามทล่ี งตติยาวิภตั ตนิ นั้ หลงั กริ ยิ าทีอ่ ยูน อก อติ ิ แลว จึงแปลเขา ใปในประโยคเลขใน (ดวย..........วา .........ดงั น)ี้ เชน ถาประโยคเลขในเปน บทนามตตยิ าวภิ ตั ตทิ ตี่ อ งเตมิ เขามา คำพดู สนทนา วจเนน (ดว ยคำ) คำถาม ปจุ ฉฺ เนน (ดว ยการถาม) การกำหนดนึก มนสิกาเรน (ดวยการกระทำไวใ นใจ) ความนกึ คิด จินตฺ เนน (ดว ยอนั คดิ , ดวยความคดิ ) ความคาดหวงั อาสาย (ดว ยความหวงั ) ความสำคัญมน่ั หมาย สฺ าย (ดว ยสำคญั )
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๖๙ ตวั อยา งการเตมิ บทนามนามตตยิ าวิภตั ตเิ พ่อื เปด ประโยคเลขใน ๑.ปรุ โิ ส “ คจฉฺ ตฺวํ , ธมมฺ ํ สณุ าหีติ (วจเนน) ภรยิ ํ เปเสส.ิ อ.บรุ ษุ สง ไปแลว ซึ่งภรรยา ดว ยคำวา “ อ.เธอ จงไป, อ.เธอ จงฟง ซ่งึ ธรรม ดังนี.้ ๒.สามเณโร “ อหํ อิธ วสสิ สฺ ามีติ (จินตฺ เนน) วหิ ารํ ปาวสิ ิ. อ.สามเณร เขาไปแลว สวู หิ าร ดว ยอนั คดิ วา “ อ.เรา จกั อยู ในวหิ ารนี้ ดังน้.ี ๓.ปุรโิ ส “ สปโฺ ป อมิ สมฺ ึ เคเห อตถฺ ตี ิ (สฺ าย) ภายติ. อ.บุรุษ ยอมกลวั ดวยสำคญั วา “ อ.งู มอี ยู ในเรอื นนี้ ดังนี้. ขอ ควรรเู พ่มิ เติมของประโยคเลขใน ประโยคเลขในน้ี ยังมอี กี แบบหนง่ึ คือ ประโยคทม่ี นี ามนามท่ีลงปฐมาวภิ ตั ติ (อ.) เปน ตวั เปด อติ ิ เขาไป (ประโยคที่ มี อถ นิบาต และมี บทวา เอตทโหสิ อยูใกลๆ กนั ) - อถสฺส เอตทโหสิ, อถสสฺ า เอตทโหสิ, อถ เนส เอตทโหสิ ฯลฯ ตัวอยา งเชน :- อถสสฺ (ปุริสสฺส) เอตทโหสิ “ เถโร มม สนตฺ กิ ํ อาคจเฺ ฉยยฺ าติ. ครั้งน้ัน อ.ความคดิ นั่น ไดม แี ลว แกบ ุรุษนน้ั วา “ อ.พระเถระ พงึ มา สูส านกั ของเรา ดงั น้ี. - อถสสฺ ตดั บทเปน อถ อสฺส - เอตทโหสิ ตดั บทเปน เอตํ อโหสิ - เอตํ ใหโ ยค จนิ ตฺ นํ เขา มาเสมอ แปลวา อ.ความคดิ นนั่ หลักการแปล ประโยค อถ.....เอตทโหสิ มี ๒ แบบ คือ ๑.แปลทง้ั ประธาน (เอตํ จนิ ฺตนํ ) ทัง้ กริ ยิ าคุมพากย (อโหสิ) กอ นเขา อติ ิ เลย (เพ่อื กันลืม) ซึ่งจะ แปลวา คร้งั นัน้ อ.ความคดิ นน่ั ไดม แี ลว แก.......นนั้ วา .............ดังนี้ ฯ ๒.แปลประธานเสร็จเขา อติ ิ เลย แลว คอยมาแปล กริ ิยาคมุ พากยทหี ลัง (ระวงั ลมื แปล) ซงึ่ จะ แปลวา ครงั้ นั้น อ.ความคิดนัน่ วา.............ดังนี้ ไดม ีแลว แก.......นนั้ ฯ ถากิรยิ าขางนอก อติ ิ นัน้ บง ถึง ขาวสาสน , ปรบมอื , ตกี ลอง, ดีดนิ้ว, โฆษณา, ประกาศ เปน ตน กอ นจะแปลประโยคเลขใน ใหใ สค ำวา าปนเหตุกํ หลัง อติ ิ ศัพทเสมอ ซง่ึ แปลวา มอี นั ใหรวู า (กอนเขา อติ ิ)........ดงั นีเ้ ปน เหตุ (ตอนจบ อติ ิ) ตวั อยางเชน เถโร “ ตวฺ ํ ปมาณํ น ชานาสีติ (าปนเหตกุ ํ ) อจฉฺ รํ ปหร.ิ (ดดี นวิ้ ) อ.พระเถระ ประหารแลว ซงึ่ นวิ้ มอื มีอนั ใหรวู า “ อ.ทา น ยอมไมรู ซง่ึ ประมาณ ดังนีเ้ ปนเหต.ุ ราชา “ ชนา สีลานิ รกฺขนตฺ ตู ิ (าปนเหตกุ ํ ) สาสนํ เปเสสิ. (สงขา วสาสน ) อ.พระราชา ทรงสง ไปแลว ซง่ึ ขา วสาสน มอี ันใหรวู า “ อ.ชน ท. จงรกั ษา ซ่งึ ศลี ท. ดังนเ้ี ปน เหตุ. หลักการแปลประโยคนทิ ธารณะ ประโยคนิทธารณะ (ประโยคถอน) คือ ประโยคทต่ี อนตน จะกลา วถึงนามนามโดยจำนวนรวมกอ น ภายหลงั กลา วแยกถอนนามนามออกจากจำนวนที่รวมกนั อยูนนั้ เพียงจำนวนหนงึ่ บา ง เฉพาะที่ตองการบาง หรือบางครั้งถอนออกทงั้ หมดก็มี ประโยคถอนนี้ นามนามจะประกอบดวยฉฏั ฐวี ภิ ตั ติ และสตั ตมวี ภิ ตั ติ มวี ิธแี ปล ดงั นี้ ถา แปลโดยพยญั ชนะ จะนิยมแปลหนนุ คำวา “หนา” เขา มาหลงั แปลบทนามนามนน้ั
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๗๐ (ฉัฏฐวี ภิ ตั ติ = แหง ...........หนา, สตั ตมีวภิ ตั ติ = ใน..............หนา) ถาแปลโดยอรรถ จะนิยมแปล ๒ แบบ คอื ก. ถา ลงฉัฏฐีวภิ ตั ติ นิยมแปลวา “บรรดา” ข. ถา ลงสตั ตมวี ิภัตติ นยิ มแปลวา ใน.....,บรรดา......,ในบรรดา...,ในหมู......ฯลฯ ตวั อยา งบทนทิ ธารณะทีเ่ ปน ฉัฏฐีวภิ ัตติ เถโร สามเณรานํ เอกํ ปกโฺ กสิ. พยัญชนะ....... อ.พระเถระ เรยี กมาแลว แหง สามเณร ท. หนา ซึง่ สามเณร รปู หน่งึ . แบบทนี่ ิยม..... อ.พระเถระ เรียกมาแลว ซ่งึ -แหงสามเณร ท. หนา -สามเณร รปู หนง่ึ . อรรถ.................บรรดาสามเณรท้งั หลาย พระเถระเรียกสามเณรรูปหนง่ึ มา. ภกิ ฺขนู ํ โกวโิ ท ภิกขฺ ุ ธมมฺ ํ ปาปณุ าต.ิ พยญั ชนะ............แหง ภกิ ษุ ท. หนา อ.ภกิ ษผุ ูฉลาด ยอ มบรรลุ ซง่ึ ธรรม. อรรถ...................บรรดาภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษุผทู ี่ฉลาด ยอ มบรรลุธรรม. ตวั อยา งบทนิทธารณะท่เี ปน สัตตมวี ิภัตติ เตสุ (ทวสี ุ โคเณส)ุ เอโก (โคโณ) มโต. พยัญชนะ............ในโค ท. ๒ เหลานน้ั หนา อ.โค ตัวหนึง่ ตายแลว. อรรถ...................บรรดาโคทัง้ สองตวั นน้ั โคตวั หนง่ึ ตายแลว . ทนฺโต เสโ มนุสเฺ สสุ. พยญั ชนะ............ในมนษุ ย ท. หนา อ.มนุษยผ ฝู กแลว เปนผูป ระเสริฐท่ีสดุ ยอมเปน . อรรถ...................ในหมมู นษุ ย มนุษยท่ฝี ก แลว เปน ผปู ระเสรฐิ ท่ีสดุ . หลกั การแปลประโยคอุปมา ประโยคอปุ มา คอื ประโยคเปรยี บเทียบเน้ือความกบั เนอ้ื ความของประโยคใหญ โดยมี ศัพททเ่ี ปน ตวั บงบอก คอื วิย หรอื อวิ ศพั ท ประกอบอยู วิย แปลวา ราวกะ, ราวกะวา , ดจุ , ดุจดัง, เหมือน, เหมอื นกับ อวิ แปลวา เพียงดัง, เพยี งดงั วา , ดจุ , ดจุ ดัง, เหมอื น, เหมอื นกบั ซึง่ ในการแปลโดยพยญั ชนะนนั้ วยิ ศัพท จะแปลวา ราวกะ,ราวกะวา สว น อิว ศพั ท จะแปลวา เพยี งดัง. หลักการใช วิย, อวิ ท้งั ๒ ศัพท วยิ มกั ใชใ นทอ งนิทานธรรมดา อิว มกั ใชใ นคาถาหรอื ฉนั ท ซง่ึ อวิ ศพั ทน้ี จะมสี ระ อิ อยหู นา เวลาประกอบกบั ศพั ทที่ตนอุปมา สามารถลบ อิ (อวิ ) เหลอื ไวเ พยี ง ว ตวั เดียวกไ็ ด จะคงไวอยางเดมิ ก็ได เพราะฉะนนั้ เวลาแปล นกั เรียนควรดู ใหด วี า เปน ว ของ อวิ (เพยี งดัง) หรือวา ว นบิ าต (เทยี ว) วธิ ีสงั เกตกค็ อื ถา ว วางอยูห างจากศพั ทห นา ของ ตน ว ตวั นนั้ คือ ว นบิ าต แตถา ว นนั้ วางตดิ กบั ศพั ทห นา ของตน ว น้นั จะเปน ว ของ อวิ เชน - ปาโต ว = แตเชาเทยี ว (ปาโต + ว) - จกฺกวํ = เพียงดงั อ.ลอ (จกกฺ ํ + อวิ ) ประโยคอปุ มานี้ เมอ่ื แบง เปน ประเภทแลว จะมีอยู ๔ แบบดว ยกนั คือ
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๗๑ ๑.อปุ มาลงิ คตั ถะ คือ ประโยคอปุ มา ท่ีลงปฐมาวิภตั ติ ซงึ่ เปรียบเทียบตวั ประธานของประโยค ใหญนน่ั เอง วธิ ีแปลกค็ ือ หลังแปลตัวอปุ มาเสร็จ *จะตอ งใสกริ ยิ าตัวเดยี วกันกับกริ ยิ าของประโยคใหญนน้ั ๆ เขามา แตใ หป ระกอบกิริยาท่ใี สม านัน้ ดว ย อนตฺ ปจ จยั และตองใหตรง กบั ลงิ คว จนะและวิภัตติ ของตวั อปุ มา, วยิ ศัพทท ีอ่ ปุ มานนั้ ใชค ำแปลวา ราวกะ อ. ....... เชน - เทวฺ อกฺขนี ิ *(วชิ ฌฺ ายนฺต)ี ทปี สขิ า วิย *วิชฺฌายสึ ุ. อ.นยั นต า ท. ๒ ดบั แลว ราวกะ อ.เปลวแหง ประทปี ดบั อยู. ๒.อุปมาวเิ สสนะ คอื ประโยคอปุ มาทเี่ ปรียบเทียบการกระทำ ของนามนามในประโยค ใหญ (วยิ ท่อี ยหู ลงั กริ ยิ ากติ กท ีล่ ง อนตฺ มาน ปจจัย) แปลวา ผรู าวกะวา........ เชน - เต ชนา กิลมนตฺ า วยิ อตตฺ โน กมมฺ ํ น กโรนตฺ ิ. อ.ชน ท. เหลานน้ั ผรู าวกะวา ลำบากอยู ยอมไมก ระทำ ซงึ่ การงานของตน. ๓.อุปมาวิกตกิ ตั ตา คือ ประโยคอปุ มาท่ีใชเปรียบเทยี บลักษณะอาการ ของนามนามใน ประโยคใหญ (วยิ ทอี่ ยูหนา ธาตวุ ามวี าเปน ) แปลวา เปน ราวกะวา .....,เปน ผูราวกะวา......,เชน - สุชาตา โถกํ อากุลา วยิ โหต.ิ อ.นางสชุ าดา เปนผูราวกะวา วนุ วาย หนอ ยหน่งึ ยอ มเปน. ๔.อปุ มาวิกตกิ ัมมะ คอื ประโยคอปุ มาท่ีเปรยี บเทยี บการทำใหเ ปลีย่ นไป ของนามนามใน ประโยคใหญ (วิย ท่อี ยูหนา กรฺ ธาต)ุ แปลหลงั กรฺ ธาตุ วา ใหเ ปนราวกะวา .........เชน - ปรุ โิ ส เอกํ อิตถฺ ึ อตตฺ โน ภรยิ ํ วยิ อกาสิ. อ.บรุ ุษ ไดก ระทำแลว ซึง่ หญงิ คนหน่ึง ใหเ ปน ราวกะวา ภรรยา ของตน. หลักการแปลประโยคแบบ ประโยคแบบ คอื ประโยคทีม่ คี ำแปล คงตวั ตายตวั ตองแปลตามกำหนดนน้ั ๆเสมอ ซง่ึ ในภาษา บาลี กม็ อี ยูมากพอสมควร แตในทนี่ ้ี จะขอยกมาเฉพาะที่พบบอ ยๆในการแปลธรรมบท ดงั นี้ ๑.ประโยคสนทนาในธรรมสภา คือ ประโยคที่ภกิ ษทุ ง้ั หลายจะสนทนากันในโรงธรรม เปน เหตกุ ัตตวุ าจกเสมอ ซงึ่ กอนจะเขาเลขใน (ประโยคสนทนา) น้ัน จะตอ งแปลตวั เปด อิติ กอน ในบางเร่ืองกม็ แี ตกริ ยิ ามาให (สมุ าเปสิ, สมุ าเปสุ ) นกั เรียนจะตอ งโยคนามนามทีล่ งทตุ ยิ าวิภตั ติ (ท่ี แปลวา ยงั ) เขา มา เพอื่ ใหค รบขอกำหนดของเหตกุ ตั ตวุ าจก และ เขาเลขในได ซ่งึ จะโยคอยูเพยี งศพั ทเ ดยี ว คอื กถํ แปลวา ยังวาจาเปน เคร่ืองกลาว มวี ธิ แี ปล ๒ แบบ คือ - อ. ..........ยงั วาจาเปนเครื่องกลาว ใหต ้ังขน้ึ แลว ในธรรมสภาวา ” ................ดงั น.ี้ - อ. ..........ยังวาจาเปนเครอ่ื งกลา ว วา “ ................ดงั น้ี ใหตง้ั ขนึ้ แลว ในธรรมสภา. ๒.ประโยคทพ่ี ระพุทธเจาถามภิกษถุ งึ เร่อื งทีส่ นทนากนั ในโรงธรรม ตอ จากอนั แรกเลย คอื ขณะท่พี ระภกิ ษุกำลงั สนทนากัน หากพระพุทธองคเ สด็จมาทอดพระเนตรเหน็ กจ็ ะตรัสถามพระภกิ ษุ ทั้งหลายถึงเรอื่ งทก่ี ำลังสนทนากนั อยู มรี ูปแบบประโยค ดังน้ี - สตถฺ า อาคนฺตวฺ า “ กาย นตุ ถฺ ภกิ ฺขเว เอตรหิ กถาย สนฺนิสนิ นฺ าติ ปจุ ฺฉติ ฺวา...... - อ.พระศาสดา เสด็จมาแลว ตรัสถามแลว วา “ ดูกอนภกิ ษุ ท. อ.เธอ ท. เปน ผนู ง่ั พรอ มกนั แลว ดว ยวาจาเปน เครอื่ งกลาวอะไร หนอ ยอมเปน ในกาลนี้ ดงั นี.้ .....
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๗๒ ๓.ประโยคท่ภี กิ ษทุ ้ังหลายตอบคำถามพระพทุ ธเจาในโรงธรรม อยตู อจากประโยคทพ่ี ระพทุ ธเจา ทรงถามเรอื่ งทีภ่ กิ ษุทงั้ หลายสนทนากันในโรงธรรม (อยตู อ จากกริ ยิ าวา ปุจฉฺ ติ วฺ า ประโยคกอนหนา นี้ นน่ั เอง) ซึ่งจะอยูในรปู แบบของประโยค แทรก ดงั น้ี - “ อมิ าย นามาติ วตุ ฺเต = (โยค..มยํ เอตรหิ (อมิ าย นาม) กถาย สนนฺ ิสนิ นฺ า อมหฺ ) (เลขนอกโยค เตหิ ภกิ ฺขหู ,ิ วจเน เปน ......เตหิ ภิกขฺ หู ิ “ อิมาย นามาติ วจเน วุตเฺ ต ) - ครน้ั เม่อื คำวา วา “ อ.ขา พระองค ท. เปน ผูน่งั พรอ มแลว ดว ยวาจาเปน เครื่องกลา ว ช่อื น้ี ยอ ม เปน ในกาลนี้ ดงั น้ี อนั ภกิ ษุ ท. เหลานน้ั กราบทูลแลว ....... ๔.ประโยค วุตเฺ ต (วจเน) คือ ประโยคทม่ี ีคนตอบคำถาม หรอื วาสนทนาแทรกขนึ้ มาในระหวา ง ซึ่งจะอยูในรูปแบบของประโยคแทรก (ลงสตั ตมวี ภิ ตั ติ) เวลาจะแปลนัน้ ตองโยค วจเน (ครนั้ เมื่อคำ) เปน ประธานของกริ ยิ าประโยคแทรกนน้ั แลว โยคนามนามท่ลี งตติยาวภิ ตั ติ (แปลวา อัน) ซงึ่ เปน คนตอบใน ประโยคนน้ั จะโยคเปน เอกวจนะหรอื พหวุ จนะนน้ั แลว แตเน้อื ความตอนนนั้ ๆ จะอำนวย แตถา มีอยแู ลวกไ็ ม ตองโยค. วธิ แี ปล = ครน้ั เมอ่ื คำวา......................ดงั น้ี อัน..........(ท.) กลาวแลว . - รฺ า “ คจฉฺ ตฺวํ ตาตาติ วตุ เฺ ต, โส ปุรโิ ส เวเคน อคมาสิ. ครั้นเม่อื คำวา แนะพอ อ.เจา จงไป ดังน้ี อนั พระราชา ตรสั แลว, อ.บรุ ษุ นน้ั ไดไ ปแลว โดยเรว็ . - เถโร ปรุ ิสํ อาห “ธมฺมํ สณุ าหีติ.(เตน ปุรเิ สน)“อหํ ภนเฺ ต น สุณสิ ฺสามีติ วตุ เฺ ต, เถโร ตํ (ปรุ ิส)ํ โอวท.ิ อ.พระเถระ กลา วแลว กะบรุ ุษวา อ.เธอ จงฟง ซง่ึ ธรรม ดงั นี้. ครน้ั เมอ่ื คำวา ขา แตท า นผเู จรญิ อ.กระผม จกั ไมฟ ง ดงั นี้ อนั บรุ ษุ นนั้ กลา วแลว , อ.พระเถระ กลา วสอนแลว ซ่งึ บรุ ษุ นั้น. ๕.ประโยค กึ (ปโยชนํ ) คือ ประโยคทีม่ ี กึ ศัพทอยขู า งหนา มบี ทนามนามทล่ี งจตตุ ถีวภิ ตั ตอิ ยู ตรงกลาง และมีบทนามนามทลี่ งตติยาวภิ ัตติอยตู วั สุดทา ย วธิ แี ปล = อ.ประโยชนอ ะไร แก..............ดวย.............ฯ - กึ เม ธเนน = อ.ประโยชนอ ะไร แกเรา ดวยทรพั ย. - กึ เม ฆราวาเสน = อ.ประโยชนอะไร แกเรา ดว ยการอยูครองซงึ่ เรอื น. ๖.ประโยค กิมงฺคํ ปน (ก็ อ.องคอะไรเปนเหตเุ ลา) คือ ประโยคทีเ่ ปน การเปรียบเทียบความ เหมือนกนั ของ ๒ ประโยค เชน วา ตกจาก ชน้ั ๓ ยังไมต าย แลวแคต กจากชั้น ๒ จะตายไดอ ยางไร (คอื ไม ตายทงั้ ๒ อยา งนนั่ เอง), ประโยคน้ี เปน ประโยคท่ีไมส มบูรณ คือ จะมเี พยี งตัวประธานหรอื ศัพทที่บงถงึ ประธานเทานนั้ เวลาแปลน้นั นักเรียนตอ งโยคกิริยามาประกอบประโยคใหสมบรู ณ ซงึ่ กิริยาทโ่ี ยคมานน้ั จะตองเปน กริ ยิ าธาตุตวั เดยี วกันกับกริ ยิ าธาตขุ องประโยคหนา และใหป ระกอบดว ยภวสิ สันตวิ ิภตั ติ.........มี หลกั ดังน้ี - ถา ประโยคขางหนา กมิ งฺคํ เปน ประโยคปฏเิ สธ ประโยคหลังซ่งึ มี กมิ งฺคํ จะตอ งเปน ประโยคบอก เลา (ไมป ฏิเสธ) - แตถา หากวา ประโยคขางหนา กิมงคฺ ํ เปนประโยคบอกเลา ประโยคหลงั ซงึ่ มี กมิ งฺคํ จะตอ งเปน ประโยคปฏิเสธ ( ใส น ปฏเิ สธมาหนา กริ ยิ าทตี่ นโยค) แบบประโยคหนาปฏิเสธ ประโยคหลงั บอกเลา - อตตฺ โน หตฺถปาทาป น วเส วตฺตนฺติ, กิมงคฺ ํ ปน าตกา (วเส วตตฺ ิสสฺ นฺติ).
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๗๓ แม อ.มือและเทา ท. ของตน ยอ มไมเ ปน ไป ในอำนาจ, ก็ อ.องคอะไรเปน เหตเุ ลา อ.ญาติ ท. จกั เปน ไป ในอำนาจ. แบบประโยคหนา บอกเลา ประโยคหลงั ปฏเิ สธ - โลเก สพเฺ พ มนุสสฺ าป มรนฺติ, กมิ งคฺ ํ ปน สตฺตา (น มริสสฺ นตฺ ิ). แม อ.มนุษย ท. ทง้ั ปวง ในโลก ยอ มตาย, ก็ อ.องคอะไรเปน เหตเุ ลา อ.สัตว ท. จักไมตาย. คำอธบิ ายเพม่ิ เตมิ สำหรบั ตวั อยางทั้ง ๒ ตวั อยา งท่ี ๑ เปน การเปรยี บเทยี บวา แมแ ตมอื เทาท่ีเปน ของเรา เวลาแกต วั ไป ก็ยังบงั คับไมไ ด จะ ไปบงั คบั ญาตไิ ดอ ยางไรกนั หมายถงึ วา เราไมสามารถบงั คับญาตไิ ด เหมอื นทเ่ี ราไมส ามารถบงั คับมอื เทา ให ทำสง่ิ ตา งๆทต่ี องการ เวลาแกต วั ไป (สรปุ กค็ อื ไมส ามารถบงั คบั ทง้ั ๒ อยางทวี่ ามานน่ั เอง) ตัวอยา งท่ี ๒ เปน การเปรยี บเทยี บวา แมแ ตพ วกมนษุ ยทุกคน ยังตอ งตาย จะไปนบั ประสาอะไร กับพวกสตั ว หมายถงึ วา พวกสตั วก ็ตอ งตายเหมือนมนษุ ยเชน กนั (สรปุ ก็คอื ตายทั้ง ๒ จำพวก) ๗.ประโยคตงั้ ชอื่ คอื ประโยคทมี่ ีชอ่ื คน,สัตว,ท่ี,สง่ิ ของ สนธอิ ยกู บั อติ ิ ศัพท แลว มบี ทวา นามํ อยู ขางหลัง และบทวา นามํ นน้ั อยหู นากริ ยิ า คือ กรฺ ธาตุ ดวย ตวั อยางเชน จุลฺลกาโลติ นามํ กตฺวา, ตสิ ฺโสติ นามํ อกํสุ เปนตน มวี ธิ แี ปล คือ หลงั แปลกริ ยิ าเสรจ็ กอ นจะเขา เลขใน ใหโ ยคบทวา วจนํ (ซง่ึ คำ) เขามาหนา บทวา นามํ แลว จงึ คอยแปลเขา เลขใน หลงั แปลเลขใน และ อิติ ศัพทเสรจ็ ใหแ ปลบทวา นามํ นัน้ วา “ใหเ ปน ชื่อ” สำหรบั ผทู เ่ี ปน เจาของช่อื (ผูทีถ่ กู ตงั้ ชอื่ ) นนั้ จะอยขู า งหนา ของเลขใน และจะประกอบดวยฉัฏฐี วภิ ัตติ (แปลวา ของ) ซงึ่ จะแปลตอจากบทวา นามํ , คำแปลประโยคแบบนี้ คอื (ได)กระทำแลว ซ่งึ คำวา อ. ............ดงั น้ี ใหเ ปน ชอ่ื ของ............(นนั้ ) ตัวอยา งเชน - เสี ตสฺส ปตุ ฺตสสฺ จลุ ลฺ กาโลติ นามํ กริ. อ.เศรษฐี กระทำแลว ซ่ึงคำวา อ.จลุ ลกาละ ดงั น้ี ใหเ ปนชื่อ ของบุตรนนั้ . - อติ ฺถี เอกํ ปตุ ฺตํ วชิ ายิ. สา (อติ ถฺ ี) ตสฺส (ปตุ ฺตสสฺ ) ติสฺโสติ นามํ อกาสิ. อ.หญงิ คลอดแลว ซึ่งบตุ ร คนหนงึ่ . อ.หญงิ นน้ั ไดกระทำแลว ซง่ึ คำวา อ.ติสสะ ดังน้ี ใหเปน ชอ่ื ของบตุ รนน้ั . หลกั การแปล/การใชส งั ขยา ศพั ทส งั ขยานน้ั กเ็ หมอื นกบั ศัพทค ุณนาม ซึ่งทา นนยิ มเรยี งไวห นานามนามทต่ี นขยาย เพราะฉะนนั้ เวลาแปล เมื่อแปลบทนามนามแลว หากมบี ทสังขยาอยูขา งหนา ก็ใหแ ปลบทสงั ขยานนั้ ตอ จาก บทนามนามนนั้ ทันที โดยออกสำเนยี งเชือ่ มบทบา ง ไมอ อกบา ง เชน - เอโก ปรุ โิ ส = อ.บุรุษ คนหนง่ึ (คำวา คน คือ คำเชื่อมของบรุ ุษ) - สตตฺ โจรา = อ.โจร ท. ๗ (ไมอ อกสำเนยี งคำเชือ่ มบท) กอนจะทำการฝกแปลสังขยาแตล ะตวั ควรท่ีจะรูจกั การใชสงั ขยากนั กอนเพ่ือเปน ประโยชนใ นการ แปล และการนำไปใชใ นชน้ั ตอๆไป ดงั นี้ ๑. เอก (๑) ศพั ทที่เปนสงั ขยา เปน เอกวจนะอยา งเดยี ว ๒. ทวฺ ิ (๒) ถงึ อารส (๑๘) เปน พหุวจนะอยางเดียว ๓. ต้งั แต เอกนู วสี ติ (๑๙) ถงึ อ นวตุ ิ (๙๘) เปน เอกวจนะ และอติ ถลี งิ ค อยางเดยี วเทานน้ั แมว า จะขยายศพั ทท ี่เปนพหวุ จนะและลงิ คอนื่ (ปุ – นปุ ) กค็ งอยอู ยางนัน้ ไมเ ปล่ียนแปลงไปตาม
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๗๔ ๔. ตง้ั แต เอกนู สตํ (๙๙) ขน้ึ ไป เปนไดท ง้ั สองวจนะ และเปน นปงุ สกลงิ ค สวนการแจกสังขยาแตล ะตัวน้ัน มีวิธีดังน.้ี ..... ๑. เอก – ติ – จตุ ศัพท แจกไดทง้ั ๓ ลิงค (มีในแบบ) ๒. ทฺวิ และ ปฺจ ศัพท ในแบบมแี จกใหแ ลว เชน กัน (ใชแ บบเดยี วกันใน ๓ ลิงค) ๓. ตงั้ แต ฉ (๖) ถึง อารส (๑๘) แจกเหมือน ปฺจ (๕) ๔. สว นตงั้ แต เอกนู วสี ติ (๑๙) ถงึ อ นวตุ ิ (๙๘) มวี ิธแี จกดงั นี้ - ถาสงั ขยานัน้ มี ส เปนทสี่ ดุ (เชน วีส) ใหแ จกอยา ง เอกนู วีส (๑๙) - ถา สงั ขยาน้นั มี อิ เปน ทสี่ ุด เชน สตตฺ ติ แจกอยา ง รตตฺ ิ อิ การนั ตใ นอติ ถลี งิ ค เอกวจนะอยา ง เดยี ว - ถา สงั ขยานัน้ มี อี เปนทส่ี ดุ เชน ส ี แจกอยาง นารี อี การนั ตในอติ ถีลิงค เอกวจนะอยางเดียว ๕. ตงั้ แต เอกนู สตํ (๙๙) ขนึ้ ไป แจกอยา ง กลุ อ การนั ตใ นนปุงสกลงิ ค ท้ัง ๒ วจนะ ตวั อยา งการแจกสังขยา จำนวน ๑๙ ถึง ๙๘ - เพอื่ ภกิ ษุ ท. ๒๓ = เตวีสตยิ า ภิกขฺ นู ํ - แหงสามเณร ท. ๘๐ = อสีตยิ า สามเณรานํ ตัวอยา งแรก ภกิ ฺขนู ํ เปน อุ การนั ต ในปงุ ลงิ ค ลงจตตุ ถวี ิภตั ติ ฝา ยพหุวจนะ ซง่ึ มสี ังขยาทีข่ ยาย คือ ๒๓ แตจำนวน ๒๓ น้ัน อยูในกฎทว่ี า ๑๙ – ๙๘ เปน อิต. เอก. อยา งเดียว และ เตวีสติ (๒๓) นนั้ มี อิ เปนทีส่ ดุ จึงแจกอยา ง รตตฺ ิ อิ การนั ตในอิตถีลิงค ฝา ย เอกวจนะ เทาน้ัน โดยแจกใหล งวภิ ัตติเดยี วกบั ภิกฺขูนํ คอื จตตุ ถวี ิภตั ติ ซงึ่ รตตฺ ิ ใน จตตุ ถวี ิภตั ติ เอกวจนะ มีรูปเปน รตฺตยิ า ฉะนน้ั เตวสี ติ ซึง่ ขยาย ภิกขฺ นู ํ จงึ เปน เตวีสตยิ า (ไมเ ปล่ียนแปลงไปตาม ภกิ ขฺ ูนํ เลย) ตวั อยางท่ี ๒ กพ็ งึ พิจารณาตามแนวน้.ี อธบิ ายเพมิ่ เติมเกยี่ วกบั สงั ขยา สงั ขยา แปลวา การนบั หมายถงึ ศพั ทท่ีเปน เครอื่ งนับนามนาม แบง ออกเปน ๒ อยา งคอื ๑. ปกตสิ ังขยา คอื นับนามนามโดยปกติ เพ่อื ใหร วู า นามนามนน้ั มปี ระมาณ เทา ใด เชน เอก ๑, ทฺวิ ๒, ติ ๓, จตุ ๔ เปน ตน ๒. ปรู ณสงั ขยา คือ นบั นามนามท่ีเต็มในทน่ี น้ั ๆ เจาะจงนบั เอาแตห นวยเดยี ว ตัวอยา งเชน :- - ทส ปุริสา บรุ ษุ ๑๐ คน นบั จำนวนบรุ ษุ ทุกคน รวมเปน ๑๐ คน (ปกตสิ ังขยา) - ทสโม ปรุ โิ ส บุรุษคนท่ี ๑๐ กลาวถงึ คนสดุ ทายคนเดยี วเทา นน้ั คือ คนท่ี ๑๐ มิไดก ลาวถึงคนทง้ั ๑๐ คน (ปูรณสังขยาจึงเปน เอกวจนะเสมอ) การใช ทวฺ ิ ศัพท (ยอๆ) ทฺวิ ศพั ท น้ี แจกเปน แบบเดยี วกันทง้ั ๓ ลิงค ๑. เมอื่ อยูหนา ทส, วสี ติ, ตสึ แปลงเปน ทวฺ และ พา ๒. เมอ่ื อยูหนาสังขยาตงั้ แต จตฺตาีส ถงึ นวุติ แปลงเปน เทวฺ และ ทฺวา ๓. แปลงเปน ทิ บาง เชน ทโิ ช สตั วเกดิ ๒ หน (พราหมณ ฯลฯ) ๔. เมอื่ เขา กับนามนาม คง ทฺวิ ไวบา ง เชน ทวฺ ปิ าทา (สตั ว ๒ เทา ) ๕. แปลงเปน ทุ บา ง เชน ทปุ ฏํ วตถฺ ํ (ผา ๒ ชนั้ = สงั ฆาฏิ )
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๗๕ การใช อภุ ศัพท อภุ ศพั ท ใชก ับสงิ่ ท่ีมีอยเู ปน คู ๆ ตามธรรมชาติ หรือสง่ิ ทรี่ ูกนั ทวั่ ไปวาอยคู กู นั เชน เมียและผวั ทั้งสอง อาจารยก ับศษิ ยทั้งสอง ลกู ตาทงั้ สอง มือทงั้ สอง เปน ตน การใช ติ ศพั ท ๑. เมอ่ื เขา กับสงั ขยาจำนวนสิบ แปลงเปน เต เชน เตรส, เตวสี ติ ฯลฯ ๒. เมอ่ื เขากบั สงั ขยานามนาม คง ติ ไว เชน ติสตํ , ตสิ หสฺสํ ฯลฯ ๓. เมอื่ เขา กับนามนาม คงเปน ติ หรือแปลงเปน เต เชน ตโิ ยชนํ ๓ โยชน ฯลฯ การใช นว ศัพท ๑. นว ศัพท ท่ีเปน สงั ขยาคณุ นาม แปลวา ๙ เชน นว ภิกฺขู อ. ภกิ ษุ ท. ๙ ๒. นว ศัพท ทีเ่ ปน คุณนาม แปลวา ใหม มกั ลง ก ตอทา ย เชน นวก + โอวาท = นวโกวาท แปลวา โอวาทเพอ่ื ภิกษุใหม ๔.๔ การแปลพระไตรปฎกและอรรถกถา รปู แบบประโยคเริม่ ตนเรือ่ ง รูปแบบประโยคเรมิ่ ตน เร่ือง คือ ประโยคบาลี ท่ีทา นจะแตง ไวก อนจะเลาเรอื่ งนน้ั ๆ โดยจะพูดถึง ประมาณวา เรอื่ งนนั้ ๆ เกดิ ข้ึนตอนท่ีพระพุทธองคเ สด็จประทบั อยู ณ วดั ใด ทรงปรารภใครในเพราะเรอื่ ง น้ันๆ แลว จึงตรสั คาถา เปน ตน ซ่งึ มรี ปู แบบครา วๆ ดังนี้ ............ติ อมิ ํ ธมมฺ เทสนํ สตถฺ า.................วหิ รนโฺ ต....................อารพฺภ กเถสิ. ............ติ อมิ ํ ธมมฺ เทสนํ สตถฺ า.........นิสฺสาย.........วิหรนโฺ ต........อารพภฺ กเถสิ. ลำดับการแปลประโยคเร่มิ ตน เร่อื ง - แปล สตฺถา - แปล วิหรนโฺ ต (ถา มี นิสสฺ าย แปล นิสสฺ าย กับ บททีอ่ ยขู า งหนา นิสฺสาย กอ น) - แปลบทท่อี ยขู า งหนา วหิ รนโฺ ต - แปล อารพฺภ - แปล บททอี่ ยูขา งหนา อารพฺภ - แปล กเถสิ - แปล อมิ ํ ธมมฺ เทสนํ - แปลเขา อติ ิ แลวทบั บททอี่ ยใู น อิติ - แปลปด ทาย อติ ิ วา ดงั นเี้ ปนตน ฯ ตวั อยางเชน.......... “ อุ านวโตติ อมิ ํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เวฬวุ เน วหิ รนโฺ ต กมุ ฺภโฆสกเสึ อารพฺภ กเถสิ ฯ แปล :- อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู ในวดั เวฬุวนั ทรงปรารภ ซง่ึ เศรษฐชี อ่ื วา กมุ ภโฆสกะ ตรสั แลว ซงึ่ พระธรรมเทศนาน้ีวา อุ านวโต ดงั นเี้ ปนตน ฯ รปู แบบประโยคกอนจบเรื่อง รปู แบบประโยคกอ นจบเรือ่ ง คือ ประโยคบาลีทบ่ี อกถงึ ผลในการแสดงพระธรรมของพระพทุ ธเจา ในเร่ืองน้ันๆ วา หลงั ทรงตรสั สอนดว ยพระคาถาแลว มผี ลเกิดข้นึ อยา งไรบา ง ซง่ึ กม็ ีรูปแบบประโยค พอใหด ู ไวเปนตวั อยา ง ดังตอ ไปนี้
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๗๖ - เทสนาปรโิ ยสาเน พหู โสตาปนนฺ าทโย อเหสุ . ในกาลเปน ทีส่ ดุ ลงแหง เทศนา อ.ชน ท. มาก เปน พระอรยิ บคุ คลมีพระโสดาบนั เปน ตน ไดเ ปนแลว ฯ - คาถาปรโิ ยสาเน โส เถโร โสตาปตฺติผเล ปติ หิ. ในกาลเปน ที่สดุ ลงรอบแหง พระคาถา อ.พระเถระนน้ั ตง้ั อยเู ฉพาะแลว ในโสดาปต ตผิ ล ฯ - เทสนา มหาชนสฺส สาตถฺ ิกา อโหสิ. อ.เทศนา เปนเทศนาเปน ไปกบั ดว ยประโยชน แกมหาชน ไดเปนแลว ฯ - เทสนาวสาเน พหนู ํ ชนานํ ธมมฺ าภิสมโย อโหสิ. ในกาลเปน ท่สี ดุ ลงแหง เทศนา อ.การรเู ฉพาะ(การบรรล)ุ ซึง่ ธรรม ไดมแี ลว แกช น ท. มาก ฯ - อเฺ ป พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณสึ ุ. อ.ชน ท. มาก แมเหลาอนื่ บรรลแุ ลว ซงึ่ อริยผล ท. มโี สดาปต ติผล เปน ตน ฯ - สมปฺ ตตฺ ปรสิ ายป สาตถฺ ิกา เทสนา อโหสิ. อ.เทศนา เปนเทศนาเปน ไปกบั ดว ยประโยชน แมแ กบรษิ ทั ผูถึงพรอมแลว ไดเ ปนแลว ฯ - คาถาปรโิ ยสาเน พหู โสตาปตตฺ ิผลาทนี ิ สจฺฉกิ รึสุ. ในกาลเปน ทีส่ ดุ ลงรอบแหง พระคาถา อ.ชน ท. มาก กระทำใหแ จง แลว ซึง่ อรยิ ผล ท. มีโสดาปต ตผิ ล เปน ตน ฯ เทคนคิ /แนวคิดในการแปล การจะแปลบาลไี ดด แี ละถกู ตองนั้น ตอ งมคี วามรพู น้ื ฐานในหลกั ไวยากรณทด่ี ี และมคี วามเขา ใจใน หลกั การแปลทแ่ี จม แจง ประโยคในภาษาบาลี โดยเฉพาะในธรรมบท มกี ารวางและการใชศ พั ทท่ซี ้ำกนั และ คลา ยๆกนั มาก ดงั นนั้ แมว า เรายังไมคนุ เคย ก็สามารถจะแปลไดเ ชนกนั หากวา เรามปี ระสบการณในการ ฝก ฝน ท้ังในสวนไวยากรณ และหลักการแปล เมอ่ื วาโดยรวมแลว นักเรยี นจะตอ งประกอบดว ยคณุ สมบตั ิ ดังน้ี - ตอ งจำและเขา ใจในหลกั ไวยากรณใหด ี - ตอ งหมน่ั ศกึ ษาหลักการแปล โดยอาศยั การอา น การฝก ฝน และการแปลบอยๆ ในกรณีทไี่ มเ คยพบ หรือไดพ บเห็นมาแตน อยครงั้ นนั้ มเี ทคนคิ ในการแปล ดังตอไปน้ี - กำหนดประโยคหลกั ไว โดยดทู เี่ ครอ่ื งหมายจบประโยค ( ฯ ) วา มกี ่ีประโยค - เมอื่ กำหนดไดแลว นกึ ถงึ ลำดับการแปลไวใ นใจ - เริ่มแกะทลี ะประโยค โดยหาศัพทห รอื บท ทตี่ อ งแปลกอนประธาน แลวคอ ยไปแปลประธาน ถา ไมมปี ระธาน ใหด ทู ่กี ริ ยิ าคุมพากย และตองแยกใหออก วา เปน วาจกอะไร โดยใหด ทู ป่ี จจัยท่ีประกอบอยูก บั กิรยิ าคุมพากยต วั นนั้ เมื่อรวู าจกแลว นึกถงึ คำแปล แมแ บบของวาจกนน้ั ไวในใจ เชน ถา เปน กมั มวาจก ก็ ตอ งมสี ว นสำคญั ๓ อยา ง คอื อ. – อนั – กริ ยิ า หาใหค รบทัง้ สามสวนนก้ี อน เมอ่ื หาไดแ ลว กแ็ ปลตามลำดบั การแปล - เมือ่ กริ ิยาหรอื ศัพทไ หนทเ่ี ราแปลไมไ ด ใหค าดเดาจากเน้ือความกอนๆหรือหลงั ๆ หากคดิ ไมอ อก จริงๆ กแ็ ปลทับศัพทเสีย แตข อใหอ อกสำเนยี งอายตนบิ าตใหช ดั เจน (แตถ า ใหแนะนำ ควรแปลออกดกี วา แปลอะไรก็ได ทค่ี ดิ วา นา จะใชแ ละเขา กบั เน้ือความในตอนนนั้ ๆ)
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๗๗ - ถา เจอประโยค อิติ ทซ่ี อนกันหลายๆประโยค ก็ใหสงั เกตท่ีเนอื้ ความ คอื ลองแปลดหู ลายๆแบบ และคดิ ดูวา ตรงกบั เนอื้ ความในตอนนน้ั ๆหรือไม แปลแลวเขาใจ สมเน้ือเรอ่ื ง เปน ตน เชน วา มหาเถโร “อยํ ปรุ โิ ส ‘ อหนเฺ ต ทานํ เทมตี ิ วทตตี ิ จนิ เฺ ตสิ ฯ ประโยคใหญ คอื มหาเถโร กับ จนิ เฺ ตสิ สว นทเี่ หลือ คอื เลขใน ซงึ่ มสี องเลขใน คอื ตง้ั แต อยํ ....................วทตตี ิ เปน เลขในใหญ ตงั้ แต อหนฺเต.............เทมตี ิ เปนเลขในเลก็ ซงึ่ กเ็ ปน เลขในซอนของเลข ในใหญ อยางประโยคนี้ ใหส ังเกตดู มกี ริ ิยาถึง ๓ ตัว คอื เทมิ วทติ และ จนิ เฺ ตสิ จินเฺ ตสิ คอื กริ ิยานอก กริ ิยาของมหาเถระ (มหาเถระคดิ วา) สวน เทมิ คือ กิริยา ทเี่ ปน คำพูดของบุรุษ ซึง่ มหาเถระกำลังคดิ ถึง วทติ กเ็ ปน กริ ิยาการพูดของบรุ ุษ ซ่ึงมหาเถระก็กำลงั คดิ เชน กนั เวลาแปล กแ็ ปลตามลำดบั เนื้อความ ดงั น้ี ๑.แปล มหาเถโร กับ จินเฺ ตสิ กอ น ๒.แปล อยํ ปรุ โิ ส กบั วทติ เปนลำดับตอมา เพ่อื เขา อติ ิ เลก็ (อหนเฺ ต......เทมตี ิ) จากนนั้ จึงคอยแปล ประโยคเลขในซอ น คอื อหนเฺ ต........เทมตี ิ อ.มหาเถระ คดิ แลว วา อ.บรุ ุษนี้ ยอ มกลาววา อ.กระผม จะถวาย ซง่ึ ทาน แกท าน ดงั นี้ ดงั น้ี ฯ ดงั นี้ อนั แรก คอื ของ เทมตี ิ ดังนี้ ทส่ี อง คือของ วทตตี ิ คดิ วา (จนิ ฺเตสิ) คอื ตวั เขา เลขในใหญ เปน กริ ิยาของมหาเถระ พดู วา (วทติ) คอื กิริยาเขา เลขในเล็กซึง่ เปนคำพูดของบุรุษ ฯ อกี อนั หนง่ึ ทค่ี วรสงั เกตไว สำหรับชัน้ ตน น้ี คอื ถา เปน เลขในใหญ จะใชเ ครื่องหมาย ( “ ) ถา เปน เลขในเลก็ จะใชเครือ่ งหมาย ( ‘ ) ตัวอยา งการแปลโดยพยญั ชนะและโดยอรรถแบบพ้ืนฐาน ๑. สาวตถฺ ยิ ํ กเิ รโก กุลปตุ โฺ ต สาสเน ปพพฺ ชติ วฺ า วหิ าเร วสติ. โดยพยัญชนะ ไดยินวา อ.กลุ บตุ ร คนหนงึ่ ในเมืองชอื่ วาสาวตั ถี บวชแลว ในศาสนา ยอ มอยู ในวิหาร ฯ โดยอรรถ ไดย นิ วา กุลบตุ รคนหนงึ่ ในเมอื งสาวตั ถี บวชในพระศาสนาแลว อยใู นวิหารฯ ๒. จตฺตาโร ภิกขฺ ู คามํ ปณฑฺ าย อคมํสุ. โดยพยญั ชนะ อ.ภิกษุ ท. ๔ ไดไปแลว สหู มบู าน เพอ่ื กอ นขา ว ฯ โดยอรรถ ภิกษุ ๔ รูป ไดไ ปยงั หมบู าน เพ่อื บิณฑบาต ฯ ๓. ตีณิ ผลานิ รกุ ขฺ า ปตติ าน.ิ โดยพยัญชนะ อ.ผลไม ท. ๓ ตกแลว จากตน ไม ฯ โดยอรรถ ผลไม ๓ ลกู ตกจากตนไม ฯ ๔. มนุสสฺ า สตถฺ ุ ธมฺมํ โสตุ วหิ ารํ คตา. โดยพยญั ชนะ อ.มนุษย ท. ไปแลว สวู ิหาร เพ่ืออนั ฟง ซง่ึ ธรรม ของพระศาสดา ฯ โดยอรรถ พวกมนุษย พากันไปวิหาร เพ่ือฟง ธรรมของพระศาสดา ฯ ๕. ราชา ปรุ ิเส ภิกฺขนู ํ อารามํ กาเรส.ิ โดยพยัญชนะ อ.พระราชา ยงั บรุ ษุ ท. ใหก ระทำแลว ซง่ึ อาราม เพื่อภกิ ษุ ท. ฯ โดยอรรถ พระราชา ทรงรับสงั่ ใหพ วกบุรุษสรางอารามขนึ้ เพ่อื ภิกษทุ งั้ หลาย ฯ ๖. ราชา ปรุ เิ ส ผลานิ อาหราเปต.ิ
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๗๘ โดยพยัญชนะ อ.พระราชา ยอมยงั บรุ ุษ ท. ใหนำมา ซึ่งผลไม ท. ฯ โดยอรรถ พระราชา ทรงรับสงั่ ใหพวกบรุ ษุ นำผลไมทงั้ หลายมา (ถวาย) ฯ ๗. สามเณโร สลี ํ สมาทิยติ วฺ า ธมมฺ ํ สณุ าติ. โดยพยญั ชนะ อ.สามเณร สมาทานแลว ซง่ึ ศลี ยอ มฟง ซ่งึ ธรรม ฯ โดยอรรถ สามเณรสมาทานศลี แลวฟง ธรรม ฯ ๘. สามเณเรน ทส สลี านิ รกขฺ ิตุ วฏ ติ. โดยพยัญชนะ อ.อันอนั สามเณร รกั ษา ซ่งึ ศลี ท. ๑๐ ยอมควร ฯ โดยอรรถ ควรท่ีสามเณรจะรกั ษาศลี ๑๐ ฯ การที่สามเณรรักษาศีล ๑๐ ยอมควร ฯ สามเณรควรรกั ษาศลี ๑๐ ฯ ๙. อาจรโิ ย สามเณรํ ปาลึ สกิ ฺขาเปตุกาโม หตุ ฺวา ตํ สามเณรํ อามนฺเตสิ โดยพยัญชนะ อ.อาจารย เปน ผใู ครเพ่ืออนั ยงั สามเณรใหศ ึกษา ซ่งึ บาลี เปน เรยี ก มาแลว ซ่งึ สามเณรนั้น ฯ โดยอรรถ อาจารยมคี วามประสงคจ ะใหสามเณรเรียนบาลี จึงเรยี กสามเณรนน้ั มา ฯ ๑๐. ตยา มํ นสิ สฺ าย ชวี ติ ํ ลทธฺ ํ . โดยพยัญชนะ อ.ชวี ติ อนั ทาน ไดแลว เพราะอาศยั ซง่ึ เรา ฯ อ.ชีวติ อนั ทา น อาศัยแลว ซง่ึ เรา ไดแลว ฯ โดยอรรถ ทานไดช วี ิต เพราะอาศัยเรา ฯ ทานอาศยั เรา จงึ ไดชวี ติ ฯ ๑๑. เถโร สามเณรํ อตตฺ โน อนฺเตวาสกิ ํ กตวฺ า ตํ สามเณรํ โอวทติ. โดยพยัญชนะ อ.พระเถระ กระทำแลว ซง่ึ สามเณร ใหเ ปน อนั เตวาสกิ ของตน ยอ มพรำ่ สอน ซง่ึ สามเณรนนั้ ฯ โดยอรรถ พระเถระ ทำใหสามเณรเปน อันเตวาสกิ ของตนแลว พร่ำสอนสามเณรน้นั ฯ ๑๒. สพเฺ พ ชนา, อตตฺ โน อตตฺ โน ธเน นเ, โสจนฺติ. โดยพยญั ชนะ อ.ชน ท. ทงั้ ปวง คร้ันเม่อื ทรพั ย ของตน ๆ ฉบิ หายแลว ยอมเศรา โศก ฯ โดยอรรถ คนท้งั หมด เมอื่ ทรัพยของตนๆหมดไป กพ็ ากนั เศราโศก ฯ ๑๓. เตสุ ปฺจสุ ชเนสุ เทวฺ (ชนา) อรยิ สาวกา โหนตฺ .ิ โดยพยญั ชนะ ในชน ท. ๕ เหลา นน้ั หนา อ.ชน ท. ๒ เปน พระอรยิ สาวก ยอ มเปน ฯ โดยอรรถ บรรดาชน ๕ คนนน้ั ชน ๒ คน เปนพระอริยสาวก ฯ ๑๔. เถโร สามเณรํ อตตฺ โน าตกํ วยิ กโรต.ิ โดยพยญั ชนะ อ.พระเถระ ยอ มกระทำ ซงึ่ สามเณร ใหเปน ราวกะญาติ ของตน ฯ โดยอรรถ พระเถระ ทำใหสามเณรเปน เหมอื นญาตขิ องตน ฯ ๑๕. สาลาย นสิ ที นตฺ า ภกิ ขฺ ู อตตฺ โน อตตฺ โน อาสเน นิสที นตฺ ิ.
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๗๙ โดยพยญั ชนะ อ.ภกิ ษุ ท. เม่ือนง่ั บนศาลา ยอ มน่งั บนที่นัง่ ของตน ๆ ฯ โดยอรรถ พวกภกิ ษุ เมื่อจะนงั่ บนศาลา กพ็ ากนั นงั่ บนอาสนะของตนๆ ฯ ทบทวนฝกการแปลโดยพยญั ชนะ ๑. เถโร สามเณรํ ทิสวฺ า “ คจฉฺ ตวฺ ํ , อาหารํ อาเนหตี ิ (วตวฺ า) ตํ สามเณรํ เปเสสิ ฯ อ.พระเถระ เหน็ แลว ซ่ึงสามเณร กลาวแลว วา อ.เธอ จงไป จงนำมา ซง่ึ อาหาร ดังน้ี สง ไปแลว ซง่ึ สามเณร นนั้ ฯ ๒. ราชา “ อหํ ธมมฺ ํ สุณสิ สฺ ามตี ิ (จนิ เฺ ตตวฺ า) วหิ ารํ คโต ฯ อ.พระราชา ดำรแิ ลววา อ.เรา จกั ฟง ซง่ึ ธรรม ดงั นี้ ไปแลว สวู หิ าร ฯ ๓. กุมาโร “ อหํ ปพฺพชิสสฺ ามีติ จินเฺ ตสิ ฯ อ.กมุ าร คดิ แลว วา อ.เรา จกั บวช ดงั นี้ ฯ ๔. สตถฺ า วิหาเร จตุนฺนํ ภกิ ขฺ นู ํ กมมฺ านํ อทาสิ ฯ อ.พระศาสดา ไดใหแลว ซ่งึ พระกัมมัฏฐาน แกภิกษุ ท. สี่ ในวหิ าร ฯ ๕. เอโก โจโร เอกสสฺ ภิกฺขโุ น จีวรํ เถเนตวฺ า ปลายิ ฯ อ.โจร คนหนงึ่ ขโมยแลว ซง่ึ จวี ร ของภกิ ษุ รปู หนึง่ หนไี ปแลว ฯ ๖. นวุติ สามเณรา คาเม อาวาเส มนฺเต สชฌฺ ายนตฺ ิ ฯ อ.สามเณร ท. เกา สบิ สาธยายแลว ซงึ่ มนต ท. ในอาวาส ใกลห มบู า น ฯ ๗.สพเฺ พ สตตฺ า อตตฺ โน อตถฺ าย ปุ ฺานิ กเรยยฺ ุ ฯ อ.สัตว ท. ทง้ั ปวง พงึ กระทำ ซง่ึ บญุ ท. เพอ่ื ประโยชน ของตน ฯ ๘. ธมมฺ ครุเกน ภิกฺขุนา สลี านิ รกขฺ ติ พพฺ านิ ฯ อ.ศีล ท. อันภกิ ษุ ผูเคารพในธรรม พงึ รกั ษา ฯ ๙. อิมสมฺ ึ โลเก ปพพฺ ชติ า สตเฺ ตสุ กรณุ าภยิ ตุ ตฺ า ภเวยยฺ ุ ฯ อ.บรรพชติ ท.ในโลก นี้ พึงเปน ผปู ระกอบดวยความกรณุ า ในสตั ว ท. พึงเปน ฯ ๑๐. เส ปิ ตุ โฺ ต สาสเน ปสนฺโน วิหารํ คนตฺ วฺ า ปพฺพชฺชํ ยาจิ ฯ อ.บตุ รของเศรษฐี เลอื่ มใสแลว ในศาสนา ไปแลว สวู ิหาร ขอแลว ซง่ึ การบรรพชา ฯ ๑๑. ภกิ ฺขุโน ธมฺมํ กเถนตฺ สสฺ , เทโว วสฺสิ ฯ เม่ือภกิ ษุ กลาวอยู ซง่ึ ธรรม, อ.ฝน ตกแลว ฯ ๑๒. อมจโฺ จ รฺโ นิเวสนํ คนฺตวฺ า ตสสฺ กิจจฺ ํ กตฺวา อตฺตโน เคหํ อคมาสิ ฯ
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๘๐ อ.อำมาตย ไปแลว สพู ระราชนิเวศน ของพระราชา กระทำแลว ซงึ่ สง่ิ ควรกระทำ แกพระราชานน้ั ไดไปแลว สเู รือน ของตน ฯ ๑๓. เอโก ภิกขฺ ุ อตตฺ โน อาจรยิ ํ อปุ สงกฺ มิตวฺ า วนฺทติ วฺ า อตตฺ โน อาสเน นสิ ีทิ ฯ อ.ภิกษุ รปู หนง่ึ เขา ไปใกลแ ลว ซง่ึ อาจารย ของตน ไหวแ ลว น่ังแลว บนอาสนะ ของตน ฯ ๑๔. อาจริโย, สิสเฺ สสุ ปกกฺ นเฺ ตสุ, อตตฺ โน คพภฺ ํ ปวิ โ สพพฺ รตตฺ ึ สมณธมฺมํ อกาสิ ฯ อ.อาจารย, คร้ันเมอ่ื ศษิ ย ท. หลกี ไปแลว , เขา ไปแลว สหู อ ง ของตน ไดก ระทำแลว ซงึ่ สมณธรรม ตลอดราตรีทัง้ ปวง ฯ ๑๕. ตุมฺเห กตรสฺมึ วหิ าเร วสถ, สพเฺ พ มยํ เสิโน เคหสฺส สมเี ป เิ ต วิหาเร วสาม ฯ อ.ทาน ท. ยอ มอยู ในวิหาร ไหน, อ.เรา ท. ทงั้ ปวง ยอมอยู ในวหิ าร อันตงั้ อยแู ลว ในทใี่ กล แหง เรอื น ของเศรษฐี ฯ ๑๖. สาวตถฺ ยิ ํ เอโก กลุ ปุตโฺ ต, ปตริ มเต, สหตถฺ า เขตเฺ ต จ ฆเร จ สพฺพกมมฺ านิ กโรติ ฯ อ.กลุ บตุ ร คนหน่งึ ในเมอื งสาวัตถี, ครัน้ เมือ่ บดิ า ตายแลว , ยอมกระทำ ซึง่ การงานทงั้ ปวง ท. ใน นา ดว ย ในเรอื น ดว ย ดว ยมือของตน ฯ วธิ แี ปลแกอรรถกถา24๑ การแปลอรรถกถานั้น ผแู ปลตองเตมิ คำวา “อติ ิ อตโฺ ถ” เขามาสดุ ทายประโยคทกุ คร้งั ในกรณที ่ี ทา นไมไ ดใ สเขา มาให ซง่ึ จะแปลจากตัวแกอ รรถ(คำอธบิ ายพระบาล)ี ไปหาตวั ตงั้ อรรถ(ตัวพระบาลี)เสมอ มี วธิ ดี งั นี้ อนิ ทฺ ฺริเยสตู ิ (ปทสสฺ ) “จกขฺ าทีสุ ฉสุ อินทฺ รฺ ิเยสุ (อติ ิ อตโฺ ถ). บทแรก (ตวั ทบึ ) เปนตวั ตง้ั อรรถ บทขา งหลังทีข่ ดี เสน ใต ๓ บท เปนตวั แกอรรถ โดยพยญั ชนะวา อ.อรรถวา ในอนิ ทรยี ท. ๖ มจี กั ขุนทรยี เปนตน ดงั นี้ แหงบทวา อนิ ทฺ ฺรเิ ยสุ ดังนี้ โดยอรรถวา บทวา อนิ ฺทฺรเิ ยสุ ไดแ ก อินทรียท ัง้ ๖ มจี กั ขนุ ทรีย เปน ตน . ลักษณะการแปลอรรถกถาโดยอรรถ นยิ มแปลจากตวั ตัง้ อรรถ(ตวั พระบาลี)ไปหาตัวแกอรรถ(ตวั อธิบายพระบาล)ี ความจรงิ ตวั ตง้ั อรรถและตวั แกอรรถน้ันเทา กบั เปน เลขในโดยปรยิ าย ซ่งึ จะตอ งใสต วั ทจ่ี ะ เปด อติ ิ เขา มาแนน อน ตวั ทีจ่ ะเปด อติ ิ ที่อยูหลงั ตวั ตงั้ อรรถนน้ั มหี ลายอยา ง สว นตวั ที่จะมาเปด อติ ิ ที่อยู หลงั ตวั แกอรรถนั้นคอื อตโฺ ถ เปน สว นมาก จะมบี ทวา อธิปปฺ าโย อยบู า งไมม าก ขอควรจำ ๑.ถา บทตั้งมี ๑ บท บทเปด อติ ิ ตอ งเปน ปทสสฺ (แหง บท) เชน ปสนเฺ นนาติ (ปทสสฺ ) อนภิชฌฺ าทหี ิ คเุ ณหิ ปสนเฺ นน (อติ ิ อตโฺ ถ). ๑ สมชยั รตนาโณ, พระมหา.(เปรยี ญธรรม ๙ ประโยค) หนังสือคมู อื หลักการแปลบาลี ๘ ประการ สำหรับนกั ศึกษาใหมผ ใู คร รู. (เชยี งใหม,หจก.ดาราวรรณการพิมพ,๒๕๕๐), หนา ๙๓-๑๐๐.
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๘๑ โดยพยญั ชนะวา อ.อรรถวา (มนสา) มใี จ อนั เลอ่ื มใสแลว ดว ยคณุ ท. มอี นภชิ ฌาเปน ตน ดงั นี้ แหง บทวา ปสนฺเนน ดงั นี้. โดยอรรถวา บทวา ปสนเฺ นน ไดแ ก (มใี จ)อันเลอ่ื มใสแลว ดว ยคุณมอี นภชิ ฌาเปน ตน . ๒.ถา บทตัง้ มี ๒ บท บทเปด อติ ิ ตอ งเปน ปททฺวยสสฺ (แหง หมวดสองแหงบท) เชน เต ฌายโิ นติ (ปททวฺ ยสฺส) เต อปฺปมตตฺ า ปณฺฑติ า อ สมาปตตฺ ิสงฺขาเตน อารมฺมณูปนชิ ฌฺ าเนน วิปสสฺ นามคคฺ ผลสงขฺ าเตน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จาติ ทพุ ฺพเิ ธนป ฌาเนน ฌายิโน (อติ ิ อตโฺ ถ). โดยพยญั ชนะวา อ.อรรถวา อ.บัณฑิต ท. ผูไมประมาทแลว เหลานัน้ ชือ่ วา เปน ผมู ีความเพง ดวย ฌาน แมท ั้ง ๒ อยาง คอื ดวยอารมั มณปู นชิ ฌาน อนั บัณฑติ นบั พรอ มแลว วาสมาบัติ ๘ ดวย ดว ยลกั ขณปู นิชฌาน อันบัณฑติ นบั พรอ มแลววา วิปส สนาและมรรคและผล ดวย ดงั นี้ แหง หมวดสองแหง บทวา เต ฌายิ โน ดงั นี้ โดยอรรถวา สองบทวา เต ฌายิโน ความวา บัณฑติ ผไู มป ระมาทเหลา นนั้ ชอ่ื วาเปนผมู คี วามเพง ดว ยฌานแมทงั้ ๒ อยาง คอื ดว ยอารัมมณปู นชิ ฌานกลา วคือสมาบตั ิ ๘ และดวยลกั ขณูปนชิ ฌานกลา วคอื วิปสสนามรรคและผล. ๓.ถา บทต้งั มี ๓ บทขึน้ ไป ซ่งึ ไมใ ชบาทคาถา บทเปด อติ ิ ตอ งเปน ปทานํ (แหงบท ท.) เชน เยน ภควา เตนุปสงกฺ มตี ิ (ปทานํ) ยตฺถ ภควา นิสีทติ ตตถฺ คตา (อติ ิ อตโฺ ถ). โดยพยญั ชนะวา อ.อรรถวา อ.พระผมู พี ระภาคเจา ประทบั อยู ณ ท่ใี ด (เทวตา) อ.เทวดา ไปแลว ในที่นั้น ดงั น้ี แหง บท ท.วา เยน ภควา เตนุปสงกฺ มิ ดังน.้ี โดยอรรถวา หลายบทวา เยน ภควา เตนุปสงกฺ มิ ความวา พระผมู ีพระภาคเจา ประทับอยู ณ ทีใ่ ด เทวดาก็ไปในทน่ี ั้น. ๔.ถา บทต้งั เปน บาทคาถา บทเปด อติ ิ ตอ งเปน คาถาปาทสสฺ (แหงบาทแหงพระคาถา) เชน อปฺปมาเท ปโมทนตฺ ตี ิ (คาถาปาทสสฺ ) เต เอวํ ตวฺ า ตสมฺ ึ อตตฺ โน อปปฺ มาเท ปโมทนตฺ ิ ปหสํ ติ มขุ า ตุ ปปฺ ห า โหนตฺ ิ (อติ ิ อตโฺ ถ) โดยพยัญชนะวา อ.อรรถวา (เต ปณฺฑิตา) อ.บัณฑติ ท.เหลา น้ัน ครั้นรแู ลว อยางนี้ ยอ มบนั เทงิ คือวา เปน ผมู หี นาย้มิ แยม ไดแก เปน ผูยนิ ดีแลว และราเริงแลว ในความไมป ระมาท ของตน นั้น ยอมเปน ดงั นี้ แหง บาทแหงพระคาถาวา อปปฺ มาเท ปโมทนตฺ ิ ดงั นี้ โดยอรรถวา บาทพระคาถาวา อปปฺ มาเท ปโมทนตฺ ิ ความวา บัณฑติ เหลา นนั้ ครนั้ รูอยา งนแ้ี ลว ยอมบนั เทิงคือเปนผมู ีหนา ยมิ้ แยม ไดแกเ ปน ผูยนิ ดรี า เรงิ ในความไมป ระมาทของตน. ๕.ถา บทตั้งเปนสองบาทคาถา บทเปด อติ ิ ตอ งเปน คาถาปาททฺวยสฺส (แหง หมวดสองแหง บาท แหงพระคาถา) มวี ธิ ีการเขา อติ ิ เหมอื นกับ คาถาปาทสสฺ เพียงแตม ีบาทพระคาถามากกวา เทา นัน้
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๘๒ การแปลรูปวิเคราะห25๑ การแปลรปู วเิ คราะหน น้ั ถา แปลโดยพยัญชนะ มกั จะแปลจากขา งในรปู วเิ คราะหออกไปหาขา ง นอกคือรปู สำเรจ็ ขอควรจดจำคอื ภายในรปู วเิ คราะห จะตองแปลเปน ประโยค ย (ใด) เสมอ สว นรปู สำเรจ็ จะแปลเปน ประโยค ต (นนั้ ) เชน (โย ปุคคฺ โล) ปณฑฺ ติ าณคตยิ า คจฺฉตตี ิ ปณฑฺ ิโต (โส ปุคฺคโล). รปู วเิ คราะห เปน ประโยคทอ่ี ยูด านหนา ตัวทบึ รปู สำเรจ็ เปน บทหลงั ทข่ี ดี เสน ใต โดยพยัญชนะวา อ.บคุ คล ใด ยอมดำเนนิ ไป คอื วา ยอ มไป ดวยญาณคติ เพราะเหตนุ ัน้ อ. บคุ คล นนั้ ชอื่ วา บัณฑิต. โดยอรรถ มหี ลายวิธดี งั น้ี ๑.แปลวา เพราะอรรถวเิ คราะหว า (โย ปุคคฺ โล) ปณฑฺ ติ าณคติยา คจฉฺ ตตี ิ ปณฑฺ โิ ต (โส ปุคคฺ โล). โดยอรรถวา ทช่ี อ่ื วาบัณฑิต เพราะอรรถวิเคราะหว า ยอมดำเนินไป คอื ยอ มไป ดวยญาณคติ. ๒.แปลวา เพราะกระทำวิเคราะหวา (ในกรณที ีม่ ี กตวฺ า อยูห ลัง อติ ิ ในรูปวิเคราะห) เจตนา ปส ณุ วาจา “สุปณ ํ วตตฺ ิ เอตายาติ (วคิ คฺ ห)ํ กตฺวา. โดยพยญั ชนะวา อ.เจตนา ช่ือวาเปนเหตกุ ลาวซึ่งคำสอเสียด เพราะกระทำซ่ึงการวิเคราะหวา อ. บุคคล ยอ มกลาว ซ่ึงคำสอ เสยี ด ดวยเจตนานัน่ ดังน้ี. (วตฺติ = วจฺ + อ + ติ ลบที่สุดธาตุ ซอ น ต)ฺ โดยอรรถวา เจตนา ชือ่ วา ปส ุณวาจา เพราะกระทำวเิ คราะหวา เปน เหตกุ ลา วคำสอเสยี ด. ๓.แปลวา เพราะวิเคราะหว า ปณฑฺ ติ าณคตยิ า คจฉฺ ตีติ ปณฑฺ ิโต. โดยอรรถวา ทช่ี ื่อวาบัณฑิต เพราะวเิ คราะหวา ยอมดำเนินไป คือยอมไป ดว ยญาณคติ. ๔.แปลวา เพราะอรรถวา (โย ปคุ ฺคโล) ปณฑฺ าย อิโต คโต ปวตโฺ ตติ ปณฑฺ ิโต (โส ปคุ ฺคโล). โดยพยัญชนะวา อ.บุคคล ใด ไปแลว คือวาดำเนินไปแลว ไดแกเปนไปแลว ดวยปญญาชื่อ วา ปณ ฑาเพราะเหตนุ นั้ อ.บคุ คล น้นั ช่ือวาบัณฑติ . โดยอรรถวา ท่ีชื่อวาบัณฑิต เพราะอรรถวา ไปแลว คือดำเนินไปแลว ไดแกเปนไปแลว ดวย ปญญาชือ่ วาปณ ฑา ๕.แปลวา เพราะ พาโล ลกขฺ ยิ ติ ายติ เอเตหตี ิ พาลลกฺขณานิ วุจฺจนฺต.ิ ๑ สมชยั รตนาโณ, พระมหา.(เปรยี ญธรรม ๙ ประโยค) หนงั สือคูม อื หลกั การแปลบาลี ๘ ประการ สำหรบั นกั ศึกษาใหมผใู คร รู. (เชียงใหม, หจก.ดาราวรรณการพิมพ, ๒๕๕๐), หนา ๑๐๑-๑๐๔.
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๘๓ โดยพยัญชนะวา อ.พาลลกั ษณะ ท.(ปุคฺคเลน) อนั บุคคล ยอมเรยี ก (อตเฺ ถน) เพราะอรรถวา อ.คน พาล (ปุคคฺ เลน) อนั บุคคล ยอมกำหนดได คือวายอ มรูได (เอเตหิ ลกขฺ เณหิ) ดวยลกั ษณะ ท.เหลานี้ ดงั น.้ี โดยอรรถวา ทานเรียกวา พาลลกั ษณะ เพราะ คนพาล เปน เหตุถกู กำหนด คอื ถกู ร.ู คำวา อรรถวิเคราะหวา, เพราะกระทำวิเคราะหวา, เพราะวิเคราะหวา, เพราะอรรถวา, และ เพราะโดยความหมายกเ็ หมือนกนั จะใชคำใดคำหนึง่ ก็ได แตถ าเปนรูปวิเคราะหในแกอ รรถตอ งใสบ ทวา อิติ วคิ ฺคโห ปณฺฑิเตน กาตพโฺ พ เขามากำกบั ขางหลงั ของรูปสำเร็จ เชน ตตฺถ (คาถายํ) “(โย ปุคฺคโล) อนฺโต อุปฺปนฺนํ อกุสลวิตกฺกํ หิริยา นิเสเธตีติ หิรินิเสโธ (โส ปุคคฺ โล) (อิติ วิคฺคโห ปณฑฺ เิ ตน กาตพฺโพ). โดยพยัญชนะวา อ.การวิเคราะหวา อ.บุคคล ใด ยอมหาม ซ่ึงอกุศลวิตก อันเกิดข้ึนแลว ใน ภายใน ดวยหิริ เพราะเหตนุ ้ัน อ.บุคคล น้ัน ชือ่ วา หิรินิเสธะ ดังนี้ อันบัณฑิต พึงกระทำ ในพระ คาถา นน้ั . โดยอรรถวา ในพระคาถาน้ัน บณั ฑิตควรทำการวิเคราะหว า บุคคลทไ่ี ดช ื่อวา หิรนิ เิ สธะ เพราะวา หามอกศุ ลวิตกทเี่ กดิ ข้ึนภายในดวยหริ ิได. ๔.๕ สรุปทา ยบท การแปลภาษาบาลีนั้น จำเปนตองรูหลักเกณฑของการแปลภาษาบาลีเปนอยางดี และการจะรู หลักเกณฑไดดีนั้น ก็ตอ งเขาใจหลักไวยากรณของภาษาเปน อยา งดีดวย แตเ ม่อื กลาวโดยยอแลว ประโยคใน ภาษาบาลมี ีแบบแผนอยูไ มม าก พอจะรวบรวมไดเ พยี ง ๖ ประโยคหลักเทานน้ั เอง คอื ๑.ประโยคลงิ คตั ถะ คอื ประโยคที่ไมม ีกิริยาคุมพากย ๒.ประโยคกัตตุ คือประโยคที่มีประธานและกิริยาครบ โดยกิริยาจะกลาวถึงผูกระทำเองเปน ประธาน ๓.ประโยคกัมมะ คือประโยคท่ีมีประธานและกิริยาครบเหมือนกันแปลกแตวากิริยาจะกลาวตัว กรรมเปน ประธาน ๔.ประโยคเหตุกัตตุ คือประโยคท่ีมีประธานและกิริยาครบแตกลาวถึงผูเปนตนเหตุเปนประธาน คอื คนท่ใี ชใ หค นอ่นื กระทำ ๕.ประโยคเหตุกัมมะ คือประโยคท่ีมีประธานและกิริยาครบเหมือนกัน ตางแตเพียงกิริยาจะ กลาวถึงตวั กรรมท่เี ปน เหตุ และมตี วั อนภิหติ กัตตา(อนั ) กบั ตวั การติ กัมมะ(ยงั )อยใู นประโยคดวย ๖.ประโยคภาวะ คือประโยคที่กลาวถึงเพียงกิริยาเทานั้น มีตัวกัตตาท่ีประกอบดวยตติยาวิภัตติ ทำหนา ท่ีคลายตัวประธานของประโยค สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรบั การแปลบาลี คือยึดหลักการแปล ๙ ประการ ตามลำดบั พจิ ารณาไปที ละประโยค คือดูประโยคใหญวามีกี่ประโยคยอย แลวจึงเขาไปพิจารณาข้ันตอนการแปลตามลำดับขอ ๑-๙ เรียงกันไป ถาขอใดไมมีบทอยูในประโยคท่ีพิจารณา ก็เล่ือนไปแปลขอตอไป คือไมจำเปนตองมี ครบทงั้ ๙ ขอ โดยมขี อ สงั เกตกอนการแปลดงั น้ี
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๘๔ ๑.พิจารณากอนวาเปนประโยคอะไรใน ๖ ประโยคหลัก ซึ่งจะทำใหทราบวาจกทั้ง ๕ ยกเวน ประโยคลงิ คตั ถะ เนอื่ งจากไมมกี ิรยิ าคุมพากย ๒.วาจกท้ัง ๕ นนั้ มีองคป ระกอบทส่ี ำคัญอยางไรบา ง ๓.เปน ประโยคทีม่ เี ลขนอก เลขใน หรือไม หรอื มีประโยคเลขในซอ นหรือไม ๔.มีเนื้อความกตี่ อน และควรแปลตอนไหนกอนตามหลกั การแปล ๕.เปนประโยคกิริยาอาขยาต หรือกิริยากิตก และเปนปจจุบันกาล อดีตกาล หรืออนาคตกาล เพอ่ื การแปลทถ่ี ูกตอ งและเหมาะสม
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๘๕ ๕.๑ แบบฝกทกั ษะการอา น บทท่ี ๕ แบบฝกทกั ษะการอานและการแปล แบบฝก การอา นที่ ๑ บทนมสั การพระพทุ ธเจา นโม ตสสฺ ภควโต อรหโต สมมฺ าสมฺพุทธสสฺ . นโม ตสสฺ ภควโต อรหโต สมมฺ าสมฺพุทธสฺส. นโม ตสสฺ ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพทุ ธสฺส. บทบชู าพระรตั นตรัย อรหํ สมฺมาสมพฺ ุทฺโธ ภควา. พทุ ฺธํ ภควนฺตํ อภิวาเทมิ. สฺวากขฺ าโต ภควตา ธมฺโม. ธมมฺ ํ นมสสฺ าม.ิ สปุ ฏิปนโฺ น ภควโต สาวกสงโฺ ฆ. สงฆฺ ํ นมามิ. บทพระพุทธคณุ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ อิตปิ โส ภควา อรหํ สมมฺ าสมฺพทุ ฺโธ วชิ ฺชาจรณสมปฺ นโฺ น สุคโต โลกวิทู อนตุ ตฺ โร ปุรสิ ทมมฺ สารถิ สตถฺ าเทวมนุสสฺ านํ พทุ โฺ ธ ภควาติ สฺวากขฺ าโต ภควตา ธมโฺ ม สนทฺ ิ ิโก อกาลโิ ก เอหปิ สฺสโิ ก โอปนยิโก ปจฺจตตฺ ํ เวทติ พโฺ พ วิ ฺหู ตี ิ สปุ ฏิปนโฺ น ภควโต สาวกสงโฺ ฆ อุชุปฏปิ นฺโน ภควโต สาวกสงโฺ ฆ ายปฏปิ นโฺ น ภควโต สาวกสงฺโฆ สามจี ิปฏปิ นโฺ น ภควโต สาวกสงโฺ ฆ ยททิ ํ จตฺตาริ ปุรสิ ยคุ านิ อ ปรุ ิสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงโฺ ฆ อาหเุ นยฺโย ปาหเุ นยฺโย ทกฺขเิ ณยโฺ ย อฺชลกี รณโี ย อนตุ ตฺ รํ ปุ ฺ กฺเขตตฺ ํ โลกสฺสาติ บทสวด อภยปรติ ตฺ ํ ยนฺทุนฺนมิ ติ ตฺ ํ อวมงคฺ ลฺจ โย จามนาโป สกณุ สฺส สทโฺ ท ปาปคคฺ โห ทุสสฺ ปุ น ํ อกนตฺ ํ พุทฺธานภุ าเวน วนิ าสเมนตฺ ุ ฯ ยนฺทุนฺนมิ ิตตฺ ํ อวมงคฺ ลฺจ โย จามนาโป สกุณสฺส สทโฺ ท ปาปคคฺ โห ทุสฺสุปน ํ อกนตฺ ํ ธมมฺ านภุ าเวน วนิ าสเมนตฺ ุ ฯ ยนฺทนุ นฺ มิ ติ ตฺ ํ อวมงคฺ ลฺจ โย จามนาโป สกุณสฺส สทโฺ ท ปาปคคฺ โห ทุสสฺ ุปน ํ อกนตฺ ํ สงฺฆานุภาเวน วนิ าสเมนตฺ ุ ฯ
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๘๖ คำแปล ลางรา ยใด อปั มงคลใด เสยี งนกทนี่ า สะพรึงกลวั ใด เคราะหร า ยและฝน รายทไ่ี มนา ปรารถนาใด ดว ยพุทธานภุ าพ ดว ยธรรมานุภาพ ดวยสังฆานภุ าพ ขอความเลวรายทงั้ ปวงนน้ั จงพินาศไปสน้ิ ฯ อภยปริตร หรือเรียกอกี ชือ่ คือคาถายันทนุ เปน พระพทุ ธมนตแหง การใหอ ภัยและอโหสิกรรม อานสิ งสข องการสวดบทน้จี ะทำใหพ นจากทกุ ข ทเี่ กิดจากความไมสบายใจ สิง่ ทเ่ี ปน อปั มงคล ฝนรา ยและ อาเพศสงั หรณใจไปในทางทไ่ี มด ี แบบฝก การอา นที่ ๒ บทสวด พทุ ธฺ ชยมงคฺ ลคาถา พาหุ สหสฺสมภนิ มิ มฺ ติ สาวธุ นตฺ ํ ครฺ ีเมขลํ อทุ ติ โฆรสเสนมารํ ทานาทธิ มฺมวิธนิ า ชติ วา มนุ นิ โฺ ท ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ มาราตเิ รกมภยิ ุชฺฌติ สพพฺ รตตฺ ึ โฆรมปฺ นาฬวกมกฺขมถทฺธยกขฺ ํ ขนตฺ ีสุทนตฺ วธิ นิ า ชติ วา มนุ นิ โฺ ท ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ นาฬาคริ ึ คชวรํ อตมิ ตตฺ ภตู ํ ทาวคฺคจิ กฺกมสนวี สทุ ารณุ นตฺ ํ เมตตฺ มฺพุเสกวธิ นิ า ชติ วา มนุ ินโฺ ท ตนเฺ ตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ อุกขฺ ติ ตฺ ขคฺคมตหิ ตถฺ สทุ ารณุ นตฺ ํ ธาวนตฺ โิ ยชนปถํ คุลิมาลวนตฺ ํ อิทฺธภี สิ งฺขตมโน ชติ วา มนุ นิ โฺ ท ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ กตฺวาน กมทุ รํ อวิ คพฺภนิ ยี า จิจฺ าย ทุ วจนํ ชนกายมชฺเฌ สนฺเตน โสมวธิ นิ า ชติ วา มุนนิ โฺ ท ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ สจฺจํ วิหาย มตสิ จฺจกวาทเกตุ วาทาภิโรปต มนํ อติอนธฺ ภตู ํ ปฺาปทปี ชลโิ ต ชติ วา มนุ นิ ฺโท ตนเฺ ตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ นนโฺ ทปนนฺทภชุ คํ วพิ ธุ ํ มหทิ ธฺ ึ ปตุ เฺ ตน เถรภชุ เคน ทมาปยนฺโต อิทฺธูปเทสวธิ ินา ชิตวา มนุ นิ โฺ ท ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๘๗ ทคุ คฺ าหทิิภชุ เคน สุทหตฺถํ พรฺ หฺมํ วิสุทธฺ ชิ ุตมิ ทิ ธฺ พิ กาภธิ านํ าณาคเทน วธิ ินา ชติ วา มนุ ินโฺ ท ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ เอตาป พทุ ฺธชยมงฺคลอ คาถา โย วาจโน ทนิ ทเิ น สรเต มตนทฺ ี หิตวฺ านเนกววิ ธิ านิ จปุ ทฺทวานิ โมกขฺ ํ สขุ ํ อธคิ เมยฺย นโร สปโฺ ฯ พระพทุ ธชยั มงคลคาถา หรอื มกั เรียกวา พระคาถาพาหงุ ตามวรรคแรกของพระคาถา หรือใน ภาษาบาลเี รียก พาหุงมหาการณุ ิโก หรอื พาหงุ มหากา เรียกอกี อยา งวา ชยั มงคลคาถา หรอื บทสวด ถวายพรพระ เปนชอ่ื พระคาถาในพระพทุ ธศาสนา มคี วามยาวแปดบท ใชสวดสรรเสริญชัยชนะแปดประการ ที่พระสมณโคดมทรงมเี หนอื มนษุ ยและอมนุษยดว ยธรรมานุภาพ ศาสตราจารยพ ิเศษเสฐียรพงษ วรรณปก ราชบณั ฑติ แสดงความเห็นไวว า คาถาพาหุง เรยี กเปน ทางการวา พทุ ธฺ ชยมงคฺ ลอกคาถา แปลวา “คาถาวา ดว ยชยั ชนะ ๘ ประการ อันเปนมงคลของพระพุทธเจา ” ท่ีเรยี กกนั ตดิ ปากวา “คาถาพาหงุ ” เพราะขน้ึ ตนดวยคำวา “พา หงุ ” และอางทัศนะของ อ. สุชพี ปญุ ญานภุ าพ ผูเ ช่ียวชาญดา นศาสนาพทุ ธ ทรี่ ะบวุ า เม่ือครง้ั สมเดจ็ พระ มหาธีรราชเจา รชั กาลท่ี ๖ แหง กรงุ รตั นโกสนิ ทร ทรงประกาศสงครามกบั ประเทศเยอรมนี ออสเตรีย และ ฮังการี เมือ่ เกดิ สงครามโลกคร้ังท่ี ๑ โดยเขา รวมกับ ฝา ยสัมพันธมติ ร เมอ่ื วนั ท่ี ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ และทรงไดสง ทหารไปสสู งครามเมอื่ วนั ที่ ๑๖ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๖๑ นนั้ พระองคท รงนำกองทัพสวดคาถา พาหุง พรอมทัง้ คำแปลทีท่ รงพระราชนิพนธ เปน วสนั ตดิลกเพอื่ ชัยชนะแหง กองทพั ไทย และฝา ย พันธมติ ร โดยฉนั ทพ ระราชนพิ นธบ ทน้ี ทรงนำเอา พทุ ธชยมงคฺ ลอกคาถา บทแรก (คือบทพาหงุ ) มาลงไว ดัดแปลงตอนทา ยจากเดมิ ตนเฺ ตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ เปน ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยสทิ ธฺ ิ นิจฺจํ นอกจากนี้ นักวชิ าการบางทา นสนั นษิ ฐานวา ผปู ระพันธค าถานคี้ ือ พระมหาพทุ ธสริ ิเถระ ซึง่ รจนา คัมภีรฎ กี าพาหุง ในราว พ.ศ. ๒๐๐๖ ตรงกบั สมยั สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ซง่ึ การมีอยขู องคัมภรี ฎ กี าพา หุงทำใหสามารถอนมุ านไดวา พระคาถานน้ี า จะแตง ขนึ้ กอนพุทธศตวรรษที่ ๒๑ ท้ังน้ี บางกระแสระบุวา คาถานชี้ อื่ วา “บทถวายพรพระ” เพราะแตง ถวายพระเจา แผน ดนิ ชนะศึก บทที่ ๑ ปราบมาร ดว ยทานบารมี พระคาถาพาหงุ บทแรก พญามารเขา ผจญพระพุทธองคเ พือ่ ขวางการตรัสรู พระพุทธองคท รงใช บารมขี องพระองค ปรากฏพระแมธ รณอี อกมาบบี มวยผม อานุภาพแหงพระคาถาบทนี้ สะทอนพทุ ธคุณใน การชว ยปด เปาอปุ สรรคอนั ตรายทงั้ ปวง บทที่ ๒ ปราบยกั ษ ดวยขนั ตธิ รรม ทรงปราบอาฬาวกะยกั ษท่ไี ดร บั พรจากทาวเวสสวุ รรณใหจ บั สง่ิ มชี ีวติ ทเี่ ขามาใกลเ ขตของตนกิน ได โดยทรงใชขนั ติเขา ปราม อานุภาพแหงพระคาถาบทนี้ เพ่ือเอาชนะคนทม่ี ีจติ ใจกระดางอำมหิต
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๘๘ บทท่ี ๓ ปราบชา ง ดวยเมตตาธรรม พระเทวทตั คดิ กลอบุ ายปลอ ยชางนาฬาคิรี ที่เมาและตกมนั มาหมายจะสงั หารพระพุทธองค ทรง แผเ มตตาไปยงั พญาชางทำใหพญาชางสงบ อานภุ าพของพระคาถาบทนี้ เพ่ือชนะศตั รูสตั วร ายทั้งหลาย บทที่ ๔ ปราบมหาโจร ดวยอิทธฤิ ทธิ์ โจรองคุลีมารถอื ดาบหมายจะสงั หารพระพทุ ธองค และทรงใชอ ทิ ธฤิ ทธิท์ างใจจนสามารถเอาชนะ ใจโจร องคลุ มี ารใหก ลบั ใจได อานุภาพของพระคาถาบทนี้ เพื่อปองกันโจรและกลบั ใจคนได บทที่ ๕ ปราบหญิงแพศยา ดว ยสนั ตธิ รรม นกั บวชลทั ธเิ ชนจา งโสเภณี ช่ือ จญิ จาใสร า ยวา ทอ งกับพระพุทธองค ทรงชนะไดดว ยวิธสี งบพระ หฤทัย ทา ยสดุ นางจญิ จายะตองโทษถกู ธรณสี บู อานภุ าพพระคาถาบทนี้ เพอื่ ชนะการใสร า ย การชนะคดี ความ บทท่ี ๖ ปราบเจา ลัทธิ ดว ยปญ ญา สจั จกนคิ รนถ นกั บวชลัทธเิ ชน กลา วทาทายดูหมนิ่ ศาสนาพุทธ พระพุทธองคท รงแสดงธรรม โตต อบเพ่ือโปรดความเขลาจนนกั บวชตอ งจนหนทาง อานุภาพของพระคาถาบทน้ี เพือ่ เอาชนะความเขลา ของคนและเอาชนะการโตเ ถยี งขดั แยง บทท่ี ๗ ปราบพญานาคจอมพาล ดว ยฤทธิส์ ฤู ทธิ์ นันโทปนนั ทนาคราช ไมพอใจพระพทุ ธเจา ที่เหาะขามวิมานตนไป จงึ มาทา ทาย พระโมคลานะจงึ ขออาสาใชฤ ทธปิ์ ราบพญานาคราช จนสามารถปราบเอาชนะได อานุภาพแหง พระคาถาบทน้ี เพ่อื เอาชนะ เลหเลี่ยมของคน บทท่ี ๘ ปราบพกาพรหม ดว ยญาณ พรหมชอ่ื พกา หลงผิดคดิ วา ตนนนั้ บรรลอุ ยูคงทนเปน นริ ันดร พระพทุ ธองคจงึ มาแสดงธรรมเพ่อื โปรด พกามารพรหมทา ทายลองฤทธก์ิ บั พระพุทธองค พระพุทธองคจงึ แสดงอทิ ธฤิ ทธิ์แอบซอ นตัวในมวยผม เพอื่ ใหพกามารพรหมคน หาและทรงชนะในท่สี ดุ อานุภาพของพระคาถาบทนี้ เพือ่ เอาชนะมานะทฏิ ฐิ คำแปล พญามารเนรมติ แขนต้ังพัน ถืออาวธุ ครบมือ ขช่ี าง ครเี มขละ พรอมดว ยเสนามาร โหรอ งกอ งกกึ พระจอมมนุ ีทรงเอาชนะได ดวยธรรมวธิ ี มที านบารมี เปนตน ดว ยเดช แหง ชัยชนะนน้ั ขอชยั มงคลจงมีแกทาน อาฬวกยกั ษผ กู ระดาง ปราศจาก ความอดทน ดุราย สูร บกบั พระพุทธเจา อยาง ทรหดยงิ่ กวา มารตลอดราตรี พระจอมมนุ ีทรง เอาชนะไดด วยขนั ตวิ ธิ ที ่ที รงฝก ฝนมาดี ดวยเดชแหง ชยั ชนะนน้ั ขอชัยมงคลจงมีแกทา น
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๘๙ พระจอมมนุ ี ไดเ อาชนะชา งตวั ประเสรฐิ ช่อื นาฬาคริ ี ทเี่ มายงิ่ นัก และแสนจะดรุ าย ประดจุ ไฟปาและจักราวธุ และสายฟา ดวยวธิ ีรดลงดว ยน้ำ คือ ความมีพระทยั เมตตา ดวยเดช แหงชยั ชนะนนั้ ขอชัยมงคลจงมีแกท า น โจรองคุลมิ าล (โจรฆา คนเอานว้ิ ทำพวงมาลยั แสนดุรา ย) ถือดาบเงอ้ื งา วงิ่ ไลฆ า พระพุทธองคสน้ิ ระยะทาง ๓ โยชน พระจอมมณุ ี ทรงบนั ดาลอทิ ธิฤทธิ์ทางใจเอาชนะไดร าบคาบ ดวยเดชแหง ชัยชนะนนั้ ขอชัยมงคลจงมีแกทาน นางจญิ จมาณวิกา (สาวิกาพวกนคิ รนถ) เอาไมก ลมๆ มาผูกทอ ง ทำอาการ ประหนง่ึ วา มีครรภ ใสร ายพระพุทะเจา ทามกลางฝูงชน พระจอมมนุ ีทรงเอาชนะได ดว ยวิธสี งบระงับพระหฤทยั อันงดงาม ดว ยเดชแหงชยั ชนะนนั้ ขอชยั มงคลจงมแี กท าน สัจจกนคิ รนถผ ูถือตวั วาฉลาด เปนนกั โตว าทะชน้ั ยอด สละเสยี ซงึ่ สัจจะต้ังใจมาไดว าทะหกั ลา งพระพทุ ธองค เปน คนมืดบอดยง่ิ นกั พระจอมมนุ ผี สู วา งจาดวย “แสงปญ ญา” ทรงเอาชนะได ดวยเดชแหง ชยั ชนะนน้ั ขอชัยมงคลจงมแี กทาน พญานาค ช่อื นันโทปนันทะ ผูม ีความรผู ดิ มีฤทธิม์ าก พระจอมมนุ ที รงมพี ทุ ธบญั ชาใหพ ระโมคคลั ลานะพุทธโอรสไปปราบ ดว ยวิธแี สดงฤทธท์ิ เ่ี หนือกวา ดว ยเดชแหงชัยชนะนัน้ ขอชยั มงคล จงมแี กท า น พรหมชื่อ พกา ผมู ีฤทธิ์ เห็นผิดคดิ วาตนเปน ผูรงุ เรอื งดว ยคณุ อันบริสทุ ธ์ิ ยดึ มั่นในความเห็นผดิ ดุจมีมอื ถูกอสรพิษขบเอา เพราะมจี ิตท่ีคดิ ถอื เอาความเหน็ ผิด พระองคจ งึ ทรงใชว ิธวี างยา คือ ทรงแสดงเทศนาใหถ กู ใจ คนมปี ญ ญาสวดพุทธชยั มงคล คาถาทั้ง ๘ นเ้ี ปน ประจำ โดยไมเกียจคราน พึงขจัดอปุ ท วนั ตรายทั้งหลายได บรรลถุ งึ ซ่ึง พระนิพพานอันเปนสขุ บทสวด มหาการุณโิ ก มหาการุณิโก นาโถ หิตาย สพฺพปาณินํ ปูเรตวฺ า ปารมี สพฺพา ปตโฺ ต สมฺโพธมิ ตุ ตฺ มํ เอเตน สจจฺ วชเฺ ชน โหตุ เต ชยมงฺคลํ ฯ ชยนโฺ ต โพธยิ า มเู ล สกฺยานํ นนทฺ ิวฑฺฒโน เอวํ ตวฺ ํ วิชโย โหหิ ชยสฺสุ ชยมงคฺ เล อปราชติ ปลลฺ งเฺ ก สีเส ปวโิ ปกขฺ เร อภิเสเก สพฺพพทุ ธฺ านํ อคฺคปฺปตโฺ ต ปโมทติ ฯ สุนกขฺ ตฺตํ สุมงฺคลํ สปุ ภาตํ สุหุ ิตํ สุขโณ สมุ ุหุตโฺ ต จ สุยิ ํ พรฺ หมฺ จารสี ุ ปทกขฺ ิณํ กายกมฺมํ วาจากมฺมํ ปทกฺขิณํ ปทกขฺ ิณํ มโนกมมฺ ํ ปณิธี เต ปทกขฺ ณิ า
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๙๐ ปทกขฺ ณิ านิ กตวฺ าน ลภนฺตตเฺ ถ ปทกฺขเิ ณ ฯ ภวตุ สพพฺ มงคฺ ลํ รกขฺ นตฺ ุ สพฺพเทวตา สพพฺ พทุ ธฺ านภุ าเวน สทา โสตถฺ ี ภวนตฺ ุ เต* ภวตุ สพพฺ มงคฺ ลํ รกขฺ นตฺ ุ สพฺพเทวตา สพพฺ ธมฺมานภุ าเวน สทา โสตถฺ ี ภวนตฺ ุ เต* ภวตุ สพพฺ มงคฺ ลํ รกขฺ นตฺ ุ สพฺพเทวตา สพพฺ สงฆฺ านุภาเวน สทา โสตถฺ ี ภวนตฺ ุ เต* * ถา สวดใหคนอนื่ ใชคำวา เต สวดใหต วั เองใชค ำวา เม (เต แปลวา แกทา น - เม แปลวา แก ขาพเจา) คาถาแผเ มตตาตนเอง อหํ สขุ โิ ต โหมิ ขอใหข า พเจา มคี วามสขุ อหํ นิททฺ ุกโฺ ข โหมิ ขอใหขา พเจาปราศจากความทกุ ข อหํ อเวโร โหมิ ขอใหข า พเจาปราศจากเวร อหํ อพยฺ าปชฺโฌ โหมิ ขอใหข า พเจา ปราศจากอุปสรรคอนั ตรายทัง้ ปวง สุขี อตตฺ านํ ปรหิ รามิ ขอใหข า พเจา จงมคี วามสขุ กายสขุ ใจ รกั ษากายวาจาใจใหพ น จากความทุกขภัยท้งั ปวงเถดิ แผเ มตตาใหส รรพสตั ว สพเฺ พ สตฺตา สัตวทงั้ หลาย ทีเ่ ปน เพือ่ นทกุ ข เกิด แก เจบ็ ตาย ดว ยกนั อเวรา โหนฺตุ ท้ังหมดทง้ั สน้ิ อพฺยาปชฺฌา โหนตฺ ุ จงเปนสขุ เปนสุขเถดิ อยา ไดม ีเวรแกก นั และกนั เลย อนีฆา โหนตฺ ุ จงเปน สขุ เปน สุขเถดิ อยาไดพ ยาบาทเบียดเบยี น สุขี อตตฺ านํ ปริหรนฺตุ ซง่ึ กนั และกนั เลย จงเปนสขุ เปนสขุ เถดิ อยาไดม คี วามทุกขกายทุกขใจเลย จงมคี วามสขุ กายสขุ ใจ รักษาตนใหพนจากทกุ ขภ ัยทั้งสนิ้ เถดิ ฯ บทกรวดน้ำ (อุทิศสว นกศุ ล) อิทํ เม มาตาปต ูนํ โหตุ สขุ ติ า โหนตฺ ุ มาตาปตโร - ขอสว นบุญน้จี งสำเรจ็ แกม ารดาบดิ าของขา พเจา ขอใหม ารดาบิดาของขา พเจา จงมคี วามสขุ อทิ ํ เม าตินํ โหตุ สขุ ติ า โหนฺตุ าตโย - ขอสว นบุญนี้จงสำเรจ็ แกญ าติทงั้ หลายของขาพเจา ขอใหญ าตทิ ้ังหลายของขาพเจา จงมี ความสขุ อทิ ํ เม คุรูปชฺฌายาจรยิ านํ โหตุ สขุ ิตา โหนตฺ ุ คุรูปชฺฌายาจรยิ า - ขอสว นบญุ นีจ้ งสำเร็จ แดค รอู ุปช ฌายอาจารยข องขา พเจา ขอใหค รอู ปุ ช ฌายอ าจารย จงมี ความสขุ
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๙๑ อิทํ สพพฺ เทวตานํ โหตุ สุขติ า โหนตฺ ุ สพเฺ พ เทวา - ขอสว นบุญนีจ้ งสำเรจ็ แกเทวดาทั้งหลาย ขอใหเ ทวดาทั้งหลายจงมคี วามสขุ อิทํ สพพฺ เปตานํ โหตุ สขุ ติ า โหนตฺ ุ สพเฺ พ เปตา - ขอสว นบญุ นีจ้ งสำเร็จ แกเ ปรตทงั้ หลาย ขอใหเปรตทงั้ หลาย จงมคี วามสขุ อทิ ํ สพพฺ เวรีนํ โหตุ สุขติ า โหนฺตุ สพเฺ พ เวรี - ขอสว นบญุ นี้จงสำเร็จแกเจา กรรมนายเวรทง้ั หลาย ขอใหเ จา กรรมนายเวรทง้ั หลาย จงมคี วามสขุ อทิ ํ สพพฺ สตตฺ านํ โหตุ สุขติ า โหนตฺ ุ สพเฺ พ สตตฺ า - ขอสว นบญุ นจี้ งสำเรจ็ แกส ตั วทงั้ หลายทง้ั ปวง ขอใหส ตั วทง้ั หลายทง้ั ปวง จงมีความสุข แบบฝกการอา นที่ ๓ พระคาถาชนิ บัญชร กอ นสวดใหนึกถึง หลวงปูโ ต พรหมรงั สี แลวตัง้ จติ อธษิ ฐาน วา ปุตตฺ กาโม ลเภปตุ ฺตํ ธนกาโม ลเภธนํ อตถฺ กิ าเย กายาย เทวานํ ปยตํ สตุ ฺวา อติ ิป โส ภควา ยมราชาโน ทา วเวสฺสวุ ณฺโณ มรณํ สุขํ อรหํ สคุ โต นโมพุทฺธาย สวดบทพระคาถาชินบญั ชร ๑๕ บท ๑. ชยาสนากตา พทุ ธฺ า เชตวฺ า มารํ สวาหนํ จตุสจฺจาสภํ รสํ เย ปวสึ ุ นราสภา. ๒. ตณฺหงกฺ ราทโย พุทฺธา อวีสติ นายกา สพเฺ พ ปติ ติ า มยฺหํ มตถฺ เก เต มนุ ิสสฺ รา. ๓. สีเส ปติิโต มยหฺ ํ พุทโฺ ธ ธมฺโม ทวฺ โิ ลจเน สงโฺ ฆ ปติ ิโต มยหฺ ํ อุเร สพฺพคณุ ากโร. ๔. หทเย เม อนุรทุ โฺ ธ สารปี ตุ โฺ ต จ ทกขฺ เิ ณ โกณฑฺ โฺ ป ภิ าคสมฺ ึ โมคฺคลฺลาโน จ วามเก. ๕. ทกขฺ เิ ณ สวเน มยฺหํ อาสุ อานนทฺ ราหุโล กสสฺ โป จ มหานาโม อุภาสุ วามโสตเก. ๖. เกสโต ป ภิ าคสฺมึ สรุ โิ ย ว ปภงกฺ โร นิสนิ โฺ น สิริสมฺปนโฺ น โสภโิ ต มุนิปุงคฺ โว ๗. กมุ ารกสสฺ โป เถโร มเหสี จิตตฺ วาทโก โส มยฺหํ วทเน นิจจฺ ํ ปติ าสคิ ณุ ากโร. ๘. ปุณโฺ ณ องฺคลุ ิมาโร จ อปุ าลี นนฺทสวี ลี เถรา ปจฺ อเิ ม ชาตา นลาเต ตลิ กา มม. ๙. เสสาสตี ิ มหาเถรา วิชิตา ชนิ สาวกา เอเตสตี ิ มหาเถรา ชติ วนฺโต ชิโนรสา ชลนตฺ า สีลเตเชน องคฺ มงฺเคสุ สณฺติ า.
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๙๒ ๑๐.รตนํ ปรุ โต อาสิ ทกขฺ เิ ณ เมตฺตสุตตฺ กํ ธชคฺคํ ปจฺฉโต อาสิ วาเม องฺคลุ ิมาลกํ อาฏานาฏิยสตุ ตฺ กํ ๑๑.ขนธฺ โมรปรติ ตฺ ฺจ เสสา ปาการสณฺ ติ า อากาเส ฉทนํ อาสิ สตตฺ ปปฺ าการลงกฺ ตา พาหิรชฌฺ ตตฺ ปุ ททฺ วา. ๑๒.ชนิ า นานาวรสํยตุ ตฺ า อนนฺตชนิ เตชสา วาตปต ตฺ าทสิ ฺชาตา สทา สมพฺ ุทธฺ ปฺชเร. วหิ รนตฺ ํ มหตี เล ๑๓.อเสสา วนิ ยํ ยนตฺ ุ เต มหาปรุ สิ าสภา. วสโต เม สกิจฺเจน สุคตุ โฺ ต สรุ กโฺ ข ชติ ปุ ททฺ โว ๑๔.ชนิ ปชฺ รมชฌฺ มฺหิ ชิตาริสงฺโฆ สทา ปาเลนตฺ ุ มํ สพเฺ พ ชติ นฺตราโย จรามิ ชินปชฺ เรติ. ๑๕.อิจเฺ จวมนฺโต ชนิ านภุ าเวน ธมฺมานภุ าเวน สงฆฺ านุภาเวน สทธฺ มฺมานภุ าวปาลิโต คำแปลพระคาถาชินบัญชร ๑.พระพทุ ธเจา และพระนราสภาท้ังหลาย ผูประทบั นง่ั แลว บนชัยบลั ลงั ก ทรงพชิ ติ พระยา มาราธิราชผพู รง่ั พรอ มดว ยเสนาราชพาหนะแลว เสวยอมตรสคอื อรยิ ะสจั ธรรมทัง้ สป่ี ระการ เปนผนู ำสรรพ สตั วใหข ามพน จากกเิ ลสและกองทกุ ข ๒.มี ๒๘ พระองคคือ พระผทู รงพระนามวา ตณั หังกรเปน ตน พระพุทธเจา ผจู อมมนุ ที ้ังหมดนน้ั ๓.ขา พระพุทธเจา ขออญั เชญิ มาประดิษฐานเหนอื เศียรเกลา องคสมเด็จพระสมั มาสมั พุทธเจา ประดษิ ฐานอยูบนศีรษะ พระธรรมอยทู ดี่ วงตาทั้งสอง พระสงฆผเู ปนอากรบอ เกิดแหง สรรพคุณอยูที่อก ๔.พระอนุรุทธะอยูท ใี่ จ พระสารบี ตุ รอยูเบอื้ งขวา พระโมคคลั ลานะอยูเ บอื้ งซา ย พระอญั ญา โกณทญั ญะอยเู บ้ืองหลงั ๕.พระอานนทก ับพระราหุลอยหู ขู วา พระกสั สะปะกับพระมหานามะอยทู ห่ี ซู าย ๖.มุนผี ปู ระเสรฐิ คอื พระโสภติ ะผูสมบูรณด ว ยสริ ดิ งั พระอาทิตยสอ งแสง อยูที่ทกุ เสน ขน ตลอดรา ง ท้ังขา งหนา และขา งหลงั ๗.พระเถระกุมารกสั สะปะผแู สวงบญุ ทรงคณุ อันวเิ ศษ มวี าทะอนั วิจติ รไพเราะอยปู ากเปน ประจำ ๘.พระปุณณะ พระองั คุลมิ าล พระอุบาลี พระนนั ทะ และพระสวี ะลี พระเถระทงั้ ๕ น้ี จงปรากฏ เกดิ เปนกระแจะจุณเจมิ ทหี่ นาผาก ๙.สวนพระอสตี มิ หาเถระทเ่ี หลอื ผูมีชยั และเปนพระโอรส เปน พระสาวกของพระพทุ ธเจา ผูท รงชยั แตละองคล วน รงุ เรอื งไพโรจนด ว ยเดชแหง ศลี ใหด ำรงอยูท่วั อวยั วะนอยใหญ
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๙๓ ๑๐.พระรัตนสูตรอยูเบอื้ งหนา พระเมตตสูตรอยูเบอื้ งขวา พระองั คลุ ิมาลปริตรอยูเบอ้ื งซาย พระธชคั คสตู รอยเู บอื้ งหลงั ๑๑.พระขันธปริตร พระโมรปรติ ร และพระอาฏานาฏยิ สูตร เปน เคร่อื งกางก้นั ดจุ หลงั คาอยบู น นภากาศ ๑๒.อนงึ่ พระชนิ เจาท้ังหลาย นอกจากท่ไี ดก ลา วมาแลว นี้ ผูป ระกอบพรอมดว ยกำลังนานาชนดิ มีศลี าทิคุณอนั มนั่ คง สตั ตะปราการเปนอาภรณมาตง้ั ลอ มเปน กำแพงคมุ ครองเจด็ ชนั้ ๑๓.ดว ยเดชานภุ าพแหง พระอนนั ตชนิ เจา ไมว าจะทำกจิ การใดๆ เมอ่ื ขา พระพุทธเจา เขา อาศัยอยู ในพระบญั ชรแวดวงกรงลอมแหง พระสมั มาสมั พทุ ธเจา ขอโรคอปุ ทวะทุกขท ั้งภายนอกและภายใน อนั เกิด แตโ รครา ย คอื โรคลมและโรคดเี ปนตน เปน สมุฏฐานจงกำจัดใหพนิ าศไปอยาไดเหลอื ๑๔.ขอพระมหาบรุ ุษผูทรงพระคณุ อนั ลำ้ เลศิ ทัง้ ปวงน้ัน จงอภิบาลขา พระพทุ ธเจา ผูอ ยูในภาคพน้ื ทา มกลางพระชนิ บญั ชร ขา พระพทุ ธเจา ไดร ับการคมุ ครองปกปกรกั ษาภายในเปน อนั ดฉี ะนแ้ี ล ๑๕.ขา พระพทุ ธเจาไดร บั การอภบิ าลดว ยคณุ านุภาพแหง สทั ธรรม จงึ ชนะเสยี ไดซ ึ่งอปุ ทวอนั ตราย ใดๆ ดวยอานภุ าพแหงพระชินพุทธเจา ชนะขา ศึกศตั รดู วยอานภุ าพแหงพระธรรม ชนะอันตรายทงั้ ปวงดว ย อานุภาพแหง พระสงฆ ขอขา พระพทุ ธเจา จงไดปฏิบตั ิ และรกั ษาดำเนนิ ไปโดยสวัสดเี ปน นิจนิรนั ดรเทอญฯ ประวตั ิพระคาถาชนิ บัญชร ชนิ บัญชรเปน คาถาหนง่ึ ท่มี คี วามสำคัญ และมอี ายยุ าวนานนับรอ ยป ตั้งแตเ รม่ิ ตนกรุงรตั นโกสนิ ทร ประมาณชว งสมัยรชั กาลที่ ๒ มาจนถงึ ปจ จบุ ัน เพราะดว ยพลานุภาพและความศักด์ิสทิ ธจ์ิ งึ ทำใหชาวไทยท่ี นบั ถือศาสนาพทุ ธหนั มาทอ งพระคาถานเ้ี พ่อื เพิม่ ความเปนสริ มิ งคลใหกบั ตัวเอง อกี ทงั้ ยังเปน การปอ งกนั ให ตนเองนนั้ พน จากภยั อนั ตรายตางๆ ทัง้ ปวง มกี ารถกเถียงกนั มาเปน ระยะเวลายาวนานนับทศวรรษเกย่ี วกับเรือ่ งราวท่วี า ใครทเ่ี ปน ผแู ตง คาถาชนิ บญั ชร ขนึ้ ระหวา ง สมเด็จพระพฒุ าจารย (โต) พรหมรสํ ี แหงวดั ระฆังโฆษติ าราม กับพระมหาเถระ ผเู ชีย่ วชาญบาลปี กรณร ปู หน่งึ จากเชยี งใหม ซง่ึ ในกรณขี องสมเดจ็ พระพุฒาจารย (โต) นั้น เปน ทย่ี อมรับกนั อยา งกวา งขวางวา ทา นเปนเพียงแคผ นู ำพระคาถาชนิ บญั ชร มาเผยแพรต อ มิไดเ ปน ผแู ตง ขึ้นเอง ตามทไ่ี ดม ี หลักฐานทางประวตั ิศาสตรบ นั ทกึ ไวว า สมเด็จพระพฒุ าจารยไดไปสวดพระคาถานถ้ี วายองคพ ระบาทสมเด็จ พระจอมเกลาเจา อยหู ัว รัชกาลท่ี ๔ พระองคทรงมรี บั สง่ั วา ถอ ยคำในบทสวดน้ันไพเราะ และไดท รงซกั ถาม เพมิ่ เตมิ วา “ขรวั โตไดมาจากไหน แตง เองหรอื เปลา ” สมเด็จพระพุฒาจารยจึงไดถ วายพระพรตอบวา “หา มิได เปนสำนวนเกา ของเมืองเหนอื นำมาแกไขดดั แปลงใหม ตดั ตอนใหส น้ั เขา ของลังกายาวกวา น”้ี ฉะนน้ั จึงเปนไปไดว าผแู ตง นาจะเปน พระภกิ ษชุ าวลา นนารูปหนึ่ง อยูในสมัยพระเจา ตโิ ลกราชทอ่ี าจจะเปน ยคุ ทอง เนอื่ งจากในยคุ นน้ั เปนยคุ สมัยทม่ี ีการสนับสนุนใหพ ระเถระหลายรอยรูปเดินทางไปศึกษา พระไตรปฎ กท่ลี งั กา เม่ือไดสำเร็จการศกึ ษาจงึ มีการแขง ขนั กนั แตง บาลีปกรณกนั อยางเอิกเกรกิ จนช่ือเสยี ง แผขยายไปจนถึงพมา กรงุ ศรีอยุธยา สิบสองปน นา และลา นชา ง ทำใหเมืองเหลา นน้ั ตองขอคมั ภรี ภาษาบาลี ที่จารโดยพระภิกษลุ านนาไปศึกษาอยางแพรห ลาย
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๙๔ ความหมายของชินบญั ชร ความหมายของคำวา ชินบญั ชร น้นั แปลวา กรง หรือ เกราะปองกันภัยของพระพุทธเจา คำวา ชนิ หมายถึง พระพุทธเจา คำวา บญั ชร หมายถงึ กรง หรือ เกราะ โดยท่เี นอื้ หาในคาถาชนิ บญั ชรนนั้ จะ เปน การอญั เชญิ พระพุทธเจา จำนวน ๒๘ พระองค เริม่ ต้งั แตพระพุทธเจาพระนามวา ตัณหงั กร เปน ตน เดนิ ทางลงมาสถติ อยใู นทกุ อณูของรา งกาย เพอื่ เปนการเสรมิ ใหต นเองน้ันมพี ลงั พุทธคุณใหย ่ิงใหญ จากน้ัน จึงอญั เชญิ พระอรหนั ตที่เปน สาวกของพระพุทธเจาจำนวน ๘๐ องคซ ึง่ เปน ผมู บี ารมธี รรมทย่ี ิ่งใหญ อกี ทง้ั ยัง ไดมกี ารอาราธนาพระสตู รอนั ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ ทีท่ รงอานภุ าพในดา นตา งๆ มาสถติ ในทกุ สว นของรา งกายจนรวมกนั เปน กำแพงแกว คุมกนั ตงั้ แตก ระหมอมลงมาหอ มลอมรอบตวั ของผูสวดภาวนาพระคาถาชนิ บญั ชรจนกระทั่ง อนั ตรายกไ็ มส ามารถหาชอ งโหวเ พ่อื สอดแทรกเขา มาได อานุภาพของพระคาถาชินบัญชร พระคาถาชนิ บัญชรนมี้ ีอานภุ าพศักด์ิสทิ ธิ์มาก หากผูใ ดสวดมนต หรอื ภาวนาคาถาชนิ บัญชรอยู เปนประจำ ไมว า จะกนิ เดนิ นง่ั นอน หรือภาวนาพระคาถาแมย ามอาบน้ำ แปรงฟน หรอื แมกระทงั่ ตอน ทำงานก็จะชว ยเสรมิ ใหเกดิ ความเปน สริ มิ งคล สมบรู ณพ ูลผล ศัตรหู มูพ าลไมก ลำ้ กราย เดนิ ทางไปท่ีใดกเ็ กดิ เมตตามหานยิ ม มลี าภผลทวี ขจดั ภัยภูตผีปศ าจ ตลอดจนคณุ ไสยตา งๆ หากสวดคาถาชนิ บญั ชรนขี้ ณะทำ นำ้ มนตร ดแกว ิกลจรติ แกสรรพโรคไดห ายสนิ้ นบั วา เปน อกี หนง่ึ พระคาถาทม่ี ีคุณานุภาพตามแตจ ะ ปรารถนา ดงั คำโบราณทว่ี า “ฝอยทว มหลงั ชา ง” เมอ่ื เดนิ ทางไปทใ่ี ดๆ ใหสวด ๑๐ จบแลวอธฐิ านกจ็ ะ สำเรจ็ ไดส มดงั ใจ ๕.๒ แบบฝกทกั ษะการแปล แบบฝก การแปลท่ี ๑ ๑.เทวฺ สหายา26๑ เอโก กสโก ชนปเท วสติ. โส เอกํ คทฺรภํ เอกฺจ สนุ ขํ โปเสติ. เอกทิวสํ โจโร วนสมฺ า อาคนตฺ วฺ า กสกสสฺ เคหํ คนตฺ วฺ า โจรกมมฺ ํ กโรต.ิ คทฺรโภ สนุ ขํ วทติ “โจโร สมฺม สามกิ สสฺ เคหํ ปวสิ ติ. โส โจโร สามิกสสฺ ภณฺฑํ โจเรต.ิ ตวฺ ํ ภภุ ุกฺกโรหิ.” อติ ิ . สนุ โข สยมาโน น ภุภกุ ฺกโรต.ิ คทรฺ โภ เอวํ วทติ “สนุ ข ตวฺ ํ น สททฺ ํ กโรสิ. ตฺวํ สนุ ทฺ โร น โหส.ิ อหเํ อว สททฺ ํ กโรมิ.”อติ .ิ โส คทฺรโภ อจุ ฺจาสทฺทํ กโรนฺโต ติ ติ. โจโร ปลายต.ิ สามิโก ปน เตน อุจจาสทฺเทน พุชฺฌิตฺวา กุชฺฌติ. โส ทณฺฑํ คเหตฺวา คทฺรภสฺส สีสํ ปหรติ. สุนโข วทติ “ตวฺ ํ คทฺรภ อตฺตโน กิจจฺ ํ อกโรนฺโต มม กจิ จฺ ํ กโรสิ. ตสฺมา ตวฺ ํ ทุกฺขํ ลภส.ิ ”อติ ิ. ๑ เสฐียรพงษ วรรณปก,ศ.พิเศษ(ราชบัณฑติ ). บาลเี รียนงาย เลม ๑. (กรุงเทพมหานคร : หจก.หอรตั นชัยการพิมพ, ๒๕๔๓).หนา ๖๑-๖๓.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258