Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการอ่านและแปลภาษาโบราณ _ ภาษาบาลี

คู่มือการอ่านและแปลภาษาโบราณ _ ภาษาบาลี

Description: คู่มือการอ่านและแปลภาษาโบราณ _ ภาษาบาลี

Search

Read the Text Version

ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๙๕ ศพั ทเ พ่ือพจิ ารณาประกอบการแปล กสโก (ป.ุ ) ชาวนา โปเสติ (ปุส-ฺ เณ-ต)ิ ยอมเล้ยี ง โจรกมมฺ ํ (นป.ุ ) โจรกรรม ปวิสติ (ป-วสิ -ฺ อ-ติ) ยอมเขา ไป ภุภุกกฺ โรติ (ภภุ กุ -ฺ กร-ฺ โอ-ติ)ยอ มทำเสยี ง “ภภุ ”ุ ,ยอ มเหา สททฺ ํ กโรหิ จงทำเสยี ง, จงเหา อุจฺจาสทฺทํ กโรนโฺ ต ทำอยซู ่งึ เสยี งดงั ปลายติ (ปลฺ-ณย-ต)ิ ยอมหนไี ป กชุ ฌฺ ติ (กธุ ฺ-กุชฺฌ-อ-ต)ิ ยอ มโกรธ คทฺรภํ (ป.ุ ) ซึง่ ลา เอกทวิ สํ ในวันหนงึ่ โจรกมมฺ ํ กโรติ ลัก, ขโมย วทติ (วท-ฺ อ-ติ) ยอ มกลาว สุนฺทโร น โหสิ ทา นไมดี ติติ (า-ติ-อ-ติ) ยอมยนื อยู ปหรติ (ป-หรฺ-อ-ติ) ยอมตี วสติ (วส-ฺ อ-ติ) ยอ มอยู อาคนตฺ ฺวา (อา-คมฺ-ตวฺ า) มาแลว สมฺม ดกู อ นเพอ่ื นยาก ภณฺฑํ (นป.ุ ) ส่งิ ของ สยมาโน (สี-มาน) นอนอยู อจุ จฺ าสทฺทํ (นป.ุ ) เสียงดงั อตฺตโน ของตน พุชฺฌติ ฺวา (พธุ -ฺ พุชฌฺ -อิ-ตฺวา) ตื่นแลว ลภสิ (ลภฺ-อ-สิ) ยอ มได คำแปลโดยพยญั ชนะ ๑.อ.สหาย ท. สอง อันขา พเจา จะกลา ว (มยา วุจฺจนฺเต)27๑ อ.ชาวนา คนหนงึ่ ยอ มอยู ในชนบท. (อ.ชาวนา) นนั้ ยอ มเลี้ยง ซง่ึ ลา ตวั หนง่ึ ดว ย ซงึ่ สุนขั ตัว หนึ่ง ดว ย. ในวันหนง่ึ อ.โจร มาแลว จากปา ไปแลว สเู รอื น ของชาวนา ยอ มกระทำ ซึง่ โจรกรรม. อ.ลา ยอมกลาว กะสนุ ัขวา “ดกู อ นเพ่อื นยาก อ.โจร เขา ไปอยู สูเรือน ของเจา นาย. อ.โจร นน้ั ยอมขโมย ซง่ึ สิง่ ของ ของเจา นาย. อ.เจา จงเหา เถดิ ดังนี้ อ.สนุ ัข นอนอยู ยอ มเหา หามไิ ด. อ.ลา ยอ มกลา ว อยา งนวี้ า “แนะเจา สุนขั อ.เจา ยอ มกระทำ ซงึ่ เสยี ง หามไิ ด. อ.เจา เปน สนุ ัขดี ยอ มเปน หามิได. อ.เรา นนั่ เทียว ยอ มกระทำ ซง่ึ เสียง.”ดงั น.้ี อ.ลา นน้ั ยอมยนื กระทำอยู ซง่ึ เสียงดัง อ. โจร ยอมหนีไป. ก็ อ.เจา นาย ตน่ื แลว เพราะเสียงดัง นนั้ ยอมโกรธ. (อ.เจา นาย) นนั้ ถือเอาแลว ซงึ่ ทอนไม ยอ มตี ซึง่ ศรี ษะ ของลา. อ.สนุ ัข ยอ มกลา ววา “แนะเจา ลา อ.เจา ไมก ระทำอยู ซึง่ กจิ ของตน (แต)ยอมกระทำ ซง่ึ กิจ ของเรา. เพราะเหตนุ ั้น อ.เจา ยอมได ซง่ึ ความทกุ ข. ดงั นี้. ๑ วฒั นา พ่ึงชื่น นกั ภาษาโบราณชำนาญการพิเศษ สำนกั หอสมุดแหงชาติ กรมศิลปากร (แปลและเรียบเรียงเปน ภาษาไทย)(วุจจฺ นฺ เต = วจฺ ธาตุ + ย ปจ จัย กมมฺ วาจก + อนเฺ ต วิภตั ติ อตั ตโนบท แปลงทสี่ ุดธาตุกบั ย ปจ จัยเปน จจฺ เอา อ ที่ ว เปน อ)ุ

ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๙๖ ๒.ทุมฺเมโธ คทรฺ โภ28๑ เอโก ทุมเฺ มโธ คทรฺ โภ วนนเฺ ต ตณิ ํ ขาทต.ิ โส จีรกิ สสฺ สทฺทํ สตุ วฺ า ตุ โ  โหต.ิ โส คทฺรโภ “จรี กิ สสฺ สทฺโท อตมิ ธโุ ร โหติ” อติ ิ จินเฺ ตตวฺ า จรี กิ ํ อปุ สงกฺ มต.ิ คทฺรโภ ปุจฉฺ ติ “สมฺม จรี กิ ตยุ ฺหํ สทโฺ ท อติมธโุ ร โหติ มนาโป. กึ ตวฺ ํ ขาทสิ” อิต.ิ จรี ิโก วทติ “อหํ ติเณ อสุ ฺสาวํ ปว ามิ ตสมฺ า เม สทฺโท อตมิ ธโุ ร โหต”ิ อติ .ิ คทฺรโภ ตณิ ํ น ขาทติ. อุสฺสาวเมว ปว ต.ิ น จเิ รน โส มรณํ ปตโฺ ต. อทิ ํ วตฺถุ อทิ มตฺถํ ทีเปติ “ทมุ เฺ มโธ สตฺโต สเุ ขน วฺจโิ ต โหติ. โส วนิ าสํ ปตโฺ ต โหต”ิ อิติ. ศพั ทท ี่ควรทราบ ทุมฺเมโธ มีปญ ญาทราม,โง คทรฺ โภ (ป.ุ ) ลา วนนฺเต (นป.ุ ) ท่ชี ายปา ขาทติ (ขาทฺ-อ-ต)ิ ยอมกนิ จีรกิ สสฺ (ป.ุ ) แหง จงิ้ หรดี สตุ ฺวา (สุ-ตฺวา) ไดยนิ แลว ตุ โ  (ตุส-ฺ ต) ยนิ ดแี ลว สทฺโท (ปุ.) เสยี ง อติมธโุ ร (ไตร.) ไพเราะยงิ่ จนิ ฺเตตฺวา (จนิ ฺต-ฺ ตวฺ า) คดิ แลว อุปสงกฺ มติ (อปุ -สํ-กมฺ-อ-ติ)ยอมเขา ไปใกล ปจุ ฺฉติ (ปุจฉฺ -ฺ อ-ติ) ยอมถาม สมฺม ดกู อ นเพื่อน อติมธโุ ร โหติ เปนเสยี งไพเราะมาก มนาโป นาพอใจ ขาทสิ (ขาท-ฺ อ-ส)ิ ยอมกนิ ตเิ ณ (นป.ุ ) บนหญา อุสสฺ าวํ (ปุ.) ซึ่งนำ้ คาง ปว ามิ (ปา>ปว-ฺ อ-มิ) ยอ มดมื่ ตสฺมา เพราะฉะนน้ั น จเิ รน โดยไมน าน มรณํ ปตโฺ ต ถึงแลว ซึ่งความตาย อทิ ํ วตฺถุ เรอ่ื งนี้ ทเี ปติ (ทิป-ฺ เณ-ติ) ยอมสอ ง,ยอมแสดง สุเขน (นปุ.) โดยงาย วจฺ โิ ต (วฺจฺ-อ-ิ ต) อันเขาลวงแลว วินาสํ (ป.ุ ) ซ่ึงความพนิ าศ ปตฺโต (ปท-ฺ ต) ถงึ แลว ๑ เสฐยี รพงษ วรรณปก,ศ.พเิ ศษ(ราชบณั ฑติ ). บาลเี รียนงาย เลม ๑. (กรุงเทพมหานคร : หจก.หอรัตนชัยการพิมพ, ๒๕๔๓).หนา ๗๓-๗๔.

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๙๗ คำแปลโดยพยญั ชนะ ๒.อ.ลา ตวั มีปญญาทราม อนั ขาพเจา จะกลา ว (มยา วุจจฺ เต)29๑ อ.ลา โง ตวั หนงึ่ ยอ มกิน ซง่ึ หญา ท่ชี ายปา. (อ.ลา) ตวั นัน้ ไดยนิ แลว ซ่ึงเสยี ง แหง จิ้งหรดี เปน ผู ยนิ ดแี ลว ยอ มเปน. อ.ลา นนั้ คิดแลว วา “อ.เสียง แหง จิง้ หรดี เปน เสยี งไพเราะมาก ยอมเปน . ดงั น้ี ยอมเขา ไปใกล ซึง่ จง้ิ หรดี . อ.ลา ยอมถามวา “ดกู อ นจง้ิ หรดี เพือ่ นยาก อ.เสยี ง ของเจา เปนเสียงไพเราะมาก เปนทน่ี าพอใจ ยอ มเปน . อ.เจา ยอ มกนิ อะไร.ดังน.้ี อ.จ้ิงหรดี ยอ มกลา ววา “อ.เรา ยอมดม่ื ซงึ่ น้ำคา ง บนหญา . เพราะเหตุ นนั้ อ.เสียง ของเรา เปน เสียงไพเราะมาก ยอมเปน .ดังน้.ี อ.ลา ยอมกนิ ซง่ึ หญา หามิได. (แต)(อ.ลา) ยอมด่ืม ซง่ึ นำ้ คา ง เทา นน้ั . (อ.ลา) นนั้ ถงึ แลว ซงึ่ ความตาย (โดยกาล) นาน หามิได. อ.เร่ือง นี้ ยอ มแสดง ซึง่ เน้ือความ นวี้ า “อ.สตั ว ผูมปี ญญาทราม เปน ผูอนั เขาหลอกลวงแลว โดยงาย ยอ มเปน. (อ.ลา) นน้ั เปน ผถู งึ แลว ซ่ึงความพนิ าศ ยอ มเปน.ดงั น.้ี ๓.กมฺมวิปาโก30๒ อตเี ต เอกสฺมึ คาเม เอโก เวชโฺ ช อโหส.ิ โส จกฺขโุ รเค พฺยตฺโต อโหสิ. ตตถฺ (คาเม) เอกา อติ ฺถี วส.ิ จกขฺ โุ รโค ตสสฺ า (อติ ฺถิยา) อปุ ฺปชฺชิ. โส (เวชโฺ ช) ปกโฺ กสิโต อโหสิ. โส ตสสฺ า เคหํ คนตฺ วฺ า จกขฺ ุโรคํ โอโลเกสิ. โส อาห “จกฺขโุ รโค เต อุปปฺ นฺโน. อหํ ตํ ตกิ จิ ฉฺ ามิ กึ เม ตวฺ ํ เทส”ิ อติ ิ. สา (อติ ฺถี) อาห “สเจ เม โร โค ตกิ จิ ฉฺ โิ ต, อหํ ยาวชวี ํ ตุยหฺ ํ ทาสี โหมิ” อติ ิ. โส ตสฺสา เภสชชฺ ํ อกาสิ นจริ ํ สา อโรคา อโหสิ. อปรภาเค สา เวชฺเชน ปุจฉฺ ยิ มานา อาห “สามิ อหํ ปพุ เฺ พ อปสสฺ ึ อิทานิ ปน น ปสสฺ ามิ” อติ .ิ โส เวชฺโช “อยํ อติ ถฺ ี มํ วเฺ จต”ิ อติ ิ จนิ เฺ ตส.ิ โส ตสสฺ า จกขฺ สุ ฺมึ วสิ ํ ปกขฺ ปิ . สา อตอิ นธฺ า ชาตา. อทิ ํ ตสสฺ เวชฺชสฺส ปุพฺพกมมฺ ํ อโหส.ิ โส เวชฺโช อิมสมฺ ึ พทุ ธฺ กาเล จกขฺ ุปาลเถโร ชาโต. ศัพททค่ี วรทราบ อาห (พฺร-ู ปฐม.เอก.แปลงพรู เปน อาห) (เขา)กลาวแลว อโหสิ (อ-หุ อดตี ของ โหต)ิ ไดม แี ลว พฺยตโฺ ต ฉลาด,เฉยี มแหลม อปุ ปฺ ชฺชิ (อ-ุ ปทฺ, อดตี ของ อปุ ปฺ ชชฺ ต)ิ เกดิ ขน้ึ แลว ปกโฺ กสโิ ต (ป-กุสฺ กิตกตปจจัย,) เปนผอู นั เขาเรยี กแลว ๑ วฒั นา พึง่ ชืน่ นกั ภาษาโบราณชำนาญการพเิ ศษ สำนกั หอสมุดแหงชาติ กรมศลิ ปากร (แปลและเรยี บเรยี งเปนภาษาไทย) ๒ เสฐียรพงษ วรรณปก,ศ.พิเศษ(ราชบณั ฑติ ). บาลีเรียนงา ย เลม ๑. (กรุงเทพมหานคร : หจก.หอรตั นชัยการพิมพ,๒๕๔๓).หนา ๙๒-๙๓.

ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๙๘ โอโลเกสิ (โอ-ลกุ ,ฺ อดตี ของ โอโลเกต)ิ แลดแู ลว อุปปฺ นโฺ น (อุ-ปทฺ,กริยากติ กต ปจจัย) เกดิ ขน้ึ แลว ติกิจฉฺ โิ ต (ตกิ ติ ฺ กริยากติ กปจจัย) อนั เขารกั ษาแลว เภสชชฺ ํ อกาสิ ไดกระทำแลว ซงึ่ ยา,ไดประกอบยา อโรคา อโหสิ (หลอน) ไดเปน ผไู มมีโรคแลว ,ไดห ายโรค ยาวชวี ํ ตลอดชวี ติ นจิรํ ไมน าน อปรภาเค ในเวลาตอ มา เวชเฺ ชน ปุจฺฉยิ มานา (หลอ น) ผอู นั หมอถามอยู อปสสฺ ึ (อ-ทสิ >ฺ ปสสฺ ฺ,อดตี ของ ปสฺสติ) เห็นแลว ปสสฺ ามิ (ทิส> ปสสฺ ฺ-อ) ยอมเห็น อติอนธฺ า ชาตา กลายเปน คนตาบอดสนิทแลว วเฺ จติ (วฺจ-ฺ เอ) ยอ มลวง ปพุ ฺพกมฺมํ อโหสิ เปน บพุ กรรมไดเ ปน แลว .เปน กรรมเกา จกฺขุปาลเถโร ชาโต เกดิ เปน พระจักขุบาลแลว คำแปลโดยพยญั ชนะ ๓.อ.วิบากกรรม อนั ขาพเจา จะกลาว(มยา วจุ จฺ เต)31๑ ในกาลอันลา งไปแลว ในหมบู า น แหง หน่ึง อ.หมอ คนหนึ่ง ไดม แี ลว . (อ.หมอ) นน้ั เปน ผูฉลาด ในโรคตา ไดเ ปนแลว . อ.หญงิ คนหนงึ่ อยแู ลว (ในหมบู าน) นนั้ . อ.โรคตา เกดิ ขึ้นแลว (แกห ญงิ ) นนั้ . (อ.หมอ) น้ัน เปน ผูอ นั (หญิงนนั้ )เรียกแลว ไดเ ปน แลว . อ.(หมอ) น้นั ไปแลว สูเรอื น (ของหญงิ ) นน้ั แลดแู ลว ซงึ่ โรคตา. (อ.หมอ) นัน้ กลาวแลว วา “อ.โรคตา เกดิ ขนึ้ แลว แกเ ธอ. อ.เรา จะเยยี วยา ซง่ึ (โรคตา)นนั้ . อ. เธอ จะให อะไร แกเ รา.ดังน.ี้ (อ.หญงิ ) นน้ั กลา วแลว วา “หากวา อ.โรค ของเรา (อันทาน) รกั ษาแลว ไซร อ.เรา เปน ทาส ของทา น ตลอดกาลเพยี งใดแหง ชวี ติ ยอ มเปน . ดังนี.้ (อ.หมอ) นน้ั ไดก ระทำแลว ซง่ึ ยา (เพอ่ื หญงิ ) นน้ั . ไมน าน(อ.หญงิ ) นั้น เปน ผูไมมีโรค ไดเ ปน แลว . ในกาลอันเปน สวนอนื่ อกี (อ.หญิง) นน้ั ผอู ันหมอถามอยู กลาวแลว วา “ขาแตนาย อ.เรา ได เหน็ แลว ในกาลกอน. แตว า ในกาลนี้ (อ.เรา) ยอ มเหน็ หามิได. ดังน้ี. อ.หมอ นน้ั คดิ แลว วา “อ.หญงิ น้ี ๑ วฒั นา พ่ึงชนื่ นักภาษาโบราณชำนาญการพิเศษ สำนกั หอสมดุ แหง ชาติ กรมศลิ ปากร (แปลและเรยี บเรียงเปน ภาษาไทย)

ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๙๙ ยอ มหลอกลว ง ซงึ่ เรา ดงั นี้. (อ.หมอ) น้ัน หยอดแลว ซงึ่ ยาพษิ ในดวงตา (ของหญงิ ) นนั้ . (อ.หญงิ ) น้ัน เปน คนบอดยิ่ง เกดิ แลว . อ.เร่อื ง(วตฺถ)ุ น้ี เปนกรรมอนั กระทำไวใ นกาลกอน ของหมอ นั้น ไดเปน แลว . อ.หมอ นน้ั เปน พระ จักขบุ าลเถระ เกดิ แลว ในกาลแหง พระพทุ ธเจา นี.้ ๔.มหาชนโก โพธสิ ตโฺ ต32๑ อตเี ต อริ  ชนโก นาม ราชา มถิ ิลานคเร รชฺชํ กาเรต.ิ โส โปลชนเกน นาม ภาติเกน มารโิ ต โหติ. ตสสฺ อริ ชนกสสฺ เทวี ปลายต.ิ สา มหาชนกํ นาม ปตุ ตฺ ํ วิชายติ. มหาชนโก โพธิสตโฺ ต โหติ มหาชนโก วยปปฺ ตโฺ ต มถิ ลิ านคเร รชชฺ สมฺปตตฺ ึ อิจฉฺ นโฺ ต วาณิชฺชาย มหาสมทุ ฺทํ ปกขฺ นฺโต. นาวา มหาสมุทฺทํ โอสที ต.ิ มหาชโน ภยาภภิ โู ต กนฺทติ ปริเทวติ เทวตาโย จ ปูเชต.ิ มหาชนโก ปน น กนฺเทติ น ปรเิ ทวติ น จ เทวตาโย ปูเชต.ิ โส อทุ รปรู ํ อาหารํ ภญุ ชต.ิ นาวาย โอสที มานาย, กูปกํ อภริ หุ ติ ฺ วา มถิ ลิ านครสสฺ ทสิ าภาคํ โอโลเกนโฺ ต มหาสมทุ ํ ลงฆฺ ต.ิ โส ผลกํ คเหตฺวา สตฺตาหํ อทุ เก ปฺลวต.ิ เอกา มณเิ มขลา นาม เทวตา อากาเส ปากฏา มหาชนกํ วทติ “โก นุ ตวฺ ํ มหาสมทุ ฺเท วายมสิ มหาสมทุ โฺ ท อตวิ สิ าโล โหติ. ตวฺ ํ วายมสิ วา น วา วายมสิ. ตวฺ ํ มรณา มตุ ฺโต น โหส”ิ อติ .ิ มหาชนโก วทติ “ปรุ ิโส นาม วายมต.ิ วรี เิ ยน หิ ปุคคฺ โล ทกุ ขํ อจเฺ จต”ิ อิติ. มณิเมขลา มหาชนกํ คเหตวฺ า มถิ ลิ านครํ สมปฺ าเปติ. อปรภาเค โส มหาชนโก มิถลิ านครสฺส ราชา ชาโต. วีรยิ ํ ปณฑฺ เิ ตน ปสสํ ติ ํ โหต.ิ ศพั ทที่ควรทราบ รชชฺ ํ (นปุ.) ซง่ึ ความเปน พระราชา รชชฺ ํ กาเรติ ยงั เขาใหก ระทำซงึ่ ราชสมบตั ิ (ยอ มครองราชย) มารโิ ต (มร-ฺ อ-ิ ตปจจัย) อนั เขาใหต ายแลว ปลายติ (ปลฺ-ณย-ต)ิ ยอ มหนไี ป วชิ ายติ (ว-ิ ชน-ฺ ย-ต)ิ ยอมคลอด วยปปฺ ตฺโต (วย-ปตฺโต.>ปท.-ตปจ จัย) ถึงแลว ซ่ึงวัย (เจรญิ วยั ) อิจฺฉนโฺ ต (อสิ ฺ-อนตฺ ปจจยั ) ปรารถนาอยู ๑ เสฐยี รพงษ วรรณปก,ศ.พเิ ศษ(ราชบัณฑติ ). บาลเี รยี นงา ย เลม ๑. (กรุงเทพมหานคร : หจก.หอรัตนชัยการพิมพ, ๒๕๔๓).หนา ๘๖-๘๘.

ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๐ ปกฺขนฺโต (ป-ขท-ิ ตปจจยั ) แลน ไปแลว โอสที ติ (โอ-สที ฺ-อ-ต)ิ ยอมจมลง ภยาภภิ ูโต (ภย-อภภิ ูโต>อภ-ิ ภู-ตปจ จยั ) อันภยั ครอบงำแลว (กลวั ) กนทฺ ติ (กนฺทฺ-อ-ต)ิ ยอ มรองไห ปริเทวติ (ปร-ิ เทว-ฺ อ-ติ) ยอ มคร่ำครวญ ปเู ชติ (ปูช-ฺ เอ-ต)ิ ยอมบชู า อุทรปูรํ เต็มทอง ภุชฺ ติ (ภุช-ฺ อ-ต)ิ ยอมกนิ อภิรหุ ติ วฺ า (อภ-ิ รหุ -ฺ อิ-ตปจจยั ) ข้ึนแลว นาวาย โอสที มานาย (โอ-สที ฺ-มานปจ จัย) เม่อื เรอื จมอยู โอโลเกนโฺ ต (โอ-ลกุ ฺ-อนตฺ ปจจัย) มองดอู ยู ทิสาภาคํ (ปุ.) ซงึ่ สว นแหงทิศ ลงฺฆติ (ลฆฺ-อ-ต)ิ ยอมกระโดด ผลกํ (นป.ุ ) ซึง่ แผนกระดาน ปลฺ วติ (ปฺลวฺ -อ-ติ) ยอมลอย ปากฏา (ป-กรุ-ตปจ จัย) ปรากฏแลว วายมสิ (วายม-ฺ อ-ส)ิ ทา นยอ มพยายาม อติ-วิสาโล (ปุ.) กวา งขวางอยางยิง่ มุตโฺ ต (มจุ -ฺ ตปจจยั ) พน แลว อจฺเจติ (อต-ิ อี-อ-ต)ิ ยอ มกาวลว ง สมปฺ าเทติ (ส-ํ ปท-ฺ เณ-ต)ิ ยอมยัง..ใหถ งึ อปรภาเค ในกาลตอ มา ราชา ชาโต เกิดเปน พระราชาแลว ,กลายเปนพระราชาแลว ปสสํ ติ ํ (ป-สํส-ฺ อิ-ตปจจยั ) อันเขาสรรเสรญิ แลว

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๑ คำแปลโดยพยญั ชนะ ๔.อ.พระโพธสิ ัตว ชอ่ื วา พระมหาชนก อนั ขาพเจา จะกลา ว(มยา วจุ ฺจเต)33๑ ในกาลอนั ลว งไปแลว อ.พระราชา พระนามวา อรฏิ ฐชนก ยงั บคุ คลใหกระทำอยู ซงึ่ ความเปน แหง พระราชา ในเมอื งช่อื วา มถิ ลิ า. (อ.พระราชา) นั้น เปนผูอนั นองชาย ช่อื วา โปลชนก ใหต ายแลว ยอมเปน . อ. พระเทวี ของพระเจา อรฏิ ฐชนก นัน้ ยอ มหนไี ป. (อ.พระเทวี) นนั้ ยอมคลอด ซ่งึ บตุ ร พระนามวา มหาชนก. อ.พระมหาชนก เปนพระโพธสิ ตั ว ยอมเปน . อ.พระมหาชนก ผถู งึ แลว ซงึ่ วัย ปรารถนาอยู ซง่ึ สมบตั แิ หง ความเปนแหง พระราชา ในเมอื งมถิ ิลา แลน ไปแลว สมู หาสมุทร เพอ่ื การคา. อ.เรือ ยอ มจมลง สมู หาสมทุ ร. อ.มหาชน ผอู นั ภยั ครอบงำแลว ยอมรองไห ดว ย ยอมครำ่ ครวญ ดว ย ยอมบูชา ซึง่ เทวดา ท. ดวย. สว นวา อ.พระมหาชนก ยอ มรองไห หามไิ ด ดวย ยอ มครำ่ ครวญ หามิได ดว ย ยอ มบชู า ซง่ึ เทวดา ท.หามิได ดว ย. (อ.พระมหาชนก) นนั้ ยอมบรโิ ภค ซ่ึงอาหาร เต็มทอ ง. เมอ่ื เรือ จม อยู ข้นึ แลว สเู สากระโดง แลดอู ยู ซงึ่ สว นแหง ทศิ ของเมอื งมถิ ลิ า ยอ มกระโดด สูมหาสมทุ ร. (อ.พระมหาชนก) น้นั ถอื เอาแลว ซง่ึ แผน กระดาน ยอมลอย ในน้ำ ตลอดเจด็ วนั . อ.เทวดา ตน หนงึ่ ชื่อวา มณเี มขลา ปรากฏแลว บนอากาศ ยอมกลา ว กะพระมหาชนกวา “อ.ทา น ชือ่ อะไร หนอ ยอ ม พยายาม ในมหาสมทุ ร. อ.มหาสมทุ ร เปนแดนกวา งขวางยิ่ง ยอ มเปน . อ.ทา น ยอ มพยายาม หรือ หรือวา ยอมพยายาม หามิได. อ.ทาน เปน ผพู นแลว จากความตาย ยอมเปน หามไิ ด. ดังน้.ี อ.พระมหาชนก ยอ มกลาววา “ช่ือวา อ.บุรษุ ยอมพยายาม. จรงิ อยู อ.บุคคล ยอ มกา วลว ง ซงึ่ ความทกุ ข ดว ยความเพียร. ดังน.้ี อ.นางมณเี มขลา จบั เอาแลว ซง่ึ พระมหาชนก ยอมยงั (พระมหาชนก)ใหถ งึ ซ่ึงเมอื งมถิ ิลา. ใน กาลอันเปน สว นอ่ืนอกี อ.พระมหาชนก นน้ั เปน พระราชา แหง เมืองมถิ ิลา เกดิ แลว . อ.ความเพียร เปนสง่ิ อันบณั ฑติ สรรเสรญิ แลว ยอ มเปน . แบบฝกการแปลท่ี ๒ จกขฺ ปุ าลตเฺ ถรวตถฺ ุ. มโนปพุ พฺ งฺคมา ธมฺมา มโนเสา มโนมยา มนสา เจ ปทุเน ภาสติ วา กโรติ วา ตโต นํ ทกุ ขฺ มเนวฺ ติ จกกฺ วํ วหโต ปทนตฺ .ิ อยํ ธมมฺ เทสนา กตถฺ ภาสติ าต.ิ สาวตถฺ ยิ ํ. กํ อารพภฺ าต.ิ จกขฺ ปุ าลตเฺ ถร.ํ สาวตถฺ ิยํ กิร มหาสุวณโฺ ณ นาม กุ ม ฺพโิ ก อโหสิ อฑโฺ ฒ มหทธฺ โน มหาโภโค อปตุ ตฺ โก. โส เอกทิวสํ นฺหานตติ ฺถํ คนตฺ วฺ า นฺหาตวฺ า อาคจฺฉนโฺ ต อนตฺ รามคเฺ ค สมฺปนนฺ สาขํ เอกํ วนปปฺ ตึ ทสิ วฺ า อยํ มเหสกขฺ าย เทวตาย ปรคิ คฺ หโิ ต ภวสิ สฺ ตตี ิ ตสฺส เห าภาคํ โสธาเปตวฺ า ปาการปรกิ ฺเขป การาเปตวฺ า วาลกุ ํ โอกิราเปตฺวา ๑ วัฒนา พ่งึ ชื่น นกั ภาษาโบราณชำนาญการพเิ ศษ สำนักหอสมดุ แหงชาติ กรมศลิ ปากร (แปลและเรยี บเรยี งเปน ภาษาไทย)

ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๒ ธชปตากํ อสุ สฺ าเปตฺวา วนปปฺ ตึ อลงกฺ รติ ฺวา ปตุ ตฺ ํ วา ธตี รํ วา ลภิตวฺ า ตมุ หฺ ากํ มหาสกกฺ ารํ กรสิ ฺสามตี ิ ปตถฺ นํ กตวฺ า ปกกฺ ามิ. อถสสฺ ภริยาย กจุ ฉฺ ิยํ คพฺโภ ปติ  าสิ. โส ตสฺสา คพภฺ ปรหิ ารํ อทาสิ. สา ทสมาสจฺจเยน ปตุ ตฺ ํ วิชายิ. เส ี อตตฺ นา ปาลติ ํ วนปปฺ ตึ นสิ ฺสาย ลทธฺ ตตฺ า ตสฺส ปาโลติ นามํ อกาสิ. อปรภาเค อฺ ํ ปุตตฺ ํ ลภิ. ตสฺส จุลฺลปาโลติ นามํ กตวฺ า อติ รสสฺ มหาปาโลติ นามํ กริ. เต วยปฺปตฺเต ฆรพนธฺ เนน พนธฺ ึส.ุ อปรภาเค มา ตาปต โร กาลมกํสุ. สพพฺ ํ โภคํ ทวฺ นิ ฺนเํ ยว ววิ เรส.ุ คำแปลโดยพยญั ชนะ อ.เร่อื งแหง พระเถระชอื่ วา จกั ขบุ าล (อนั ขาพเจา จะกลา ว) ฯ (อ.อันถาม) วา อ.พระธรรมเทศนาน้ี วา อ.ธรรม ท. มีใจเปนสภาพถงึ กอ น มใี จประเสรฐิ ท่สี ุด สำเร็จแลว ดวยใจ หากวา (อ.บุคคล) มีใจอนั อนั โทษประทุษรา ย แลว กลา วอยหู รอื หรอื วา กระทำอยไู ซร, อ.ทกุ ข ยอ มไปตาม (ซึ่งบคุ คล) น้นั (เพราะทจุ รติ อนั มอี ยา งสาม) น้ัน เพยี งดัง อ.ลอ (หมุนไปตามอย)ู ซ่งึ รอยเทา (แหง โคตวั เน่อื งดว ยกำลงั ) ตวั นำ ไปอยู (ซงึ่ แอก) ดังนี้ (อนั พระศาสดา) ตรัสแลว (ในท่ี) ไหน ดงั น้ี ฯ (อ.อันแก) วา อ.พระธรรมเทศนานี้ อนั พระศาสดา ตรสั แลว ในพระนครช่ือวา สาวตั ถี (ดังน)ี้ ฯ (อ.อนั ถาม) วา อ.พระธรรมเทศนาน้ี อันพระศาสดา ทรงปรารภซึง่ ใคร ตรัสแลว ในพระนครช่อื วา สาวัตถี ดังน้ี (อ.อันแก) วา อ.พระธรรมเทศนานี้ อันพระศาสดา ทรงปรารภซงึ่ พระเถระช่อื วา จักขบุ าล ตรัส แลว ในพระนครชอ่ื วา สาวตั ถี ดงั นี้ ฯ ไดยินวา (อ.เศรษฐี) ชื่อวา มหาสวุ รรณ เปนผมู ขี มุ ทรพั ย๒ เปน ผมู งั่ คัง่ เปนผมู ีทรพั ยม าก เปน ผูมี โภคะมาก เปน ผูมีบตุ รหามไิ ด ไดม ีแลว ในพระนครชอื่ วา สาวตั ถี ฯ ในวันหนงึ่ (อ.เศรษฐ)ี นน้ั ไปแลว สูทา เปนทอ่ี าบ อาบแลว มาอยู เหน็ แลว ซงึ่ ตน ไมอ นั เปนเจา แหง ปา ตน หน่งึ มกี ิ่งอนั ถงึ พรอมแลว ใน ระหวา งแหงหนทาง (คดิ แลว ) วา (อ.ตน ไม) นี้ เปน ตน ไมอ ันเทวดา ผูม ศี กั ด์ิใหญ ถอื เอารอบแลว จกั เปน ดงั น้ี (ยงั บคุ คล) ใหชำระแลว ซึ่งสว นภายใต (แหง ตน ไม) น้นั (ยงั บุคคล) ใหก ระทำแลว ซึง่ เครอ่ื งลอ มคอื กำแพง (ยังบคุ คล) ใหเ กลย่ี ลงแลว ซงึ่ ทราย (ยังบุคคล) ใหย กขน้ึ แลว ซ่งึ ธงชัยและธงแผน ผา ประดับแลว ซง่ึ ตนไมอนั เปน เจาแหง ปา กระทำแลว ซงึ่ ความปรารถนาวา (อ.เรา) ไดแ ลว ซึ่งบุตรหรือ หรอื วา ซงึ่ ธดิ า จกั กระทำ ซง่ึ สักการะใหญ แกท าน ท. ดงั นี้ หลกี ไปแลว ฯ คร้ังน้นั อ.สตั วผ เู กิดแลวในครรภ ตงั้ อยูเฉพาะแลว ในทอ ง ของภรรยา (ของเศรษฐี) นั้น ฯ (อ. เศรษฐี) นนั้ ไดใหแ ลว ซง่ึ วตั ถุเปน เครือ่ งบรหิ ารซ่งึ ครรภ (แกภรรยา) นนั้ ฯ (อ.ภรรยา) นนั้ คลอดแลว ซงึ่ บตุ ร โดยกาลเปน ทีล่ ว งไปแหง เดอื นสบิ ฯ อ.เศรษฐี ไดกระทำแลว (ซง่ึ คำ) วา อ.ปาละ ดงั น้ี ใหเปน ชือ่ (ของบตุ ร) นนั้ เพราะความท่ี (แหงบตุ รนน้ั ) เปน ผอู ันตนอาศยั แลว ซ่ึงตน ไมอ ันเปน เจาแหง ปา อันอนั ตน รกั ษาแลว ไดแ ลว ฯ ในกาลอนั เปน สว นอนื่ อีก (อ.เศรษฐนี นั้ ) ไดแ ลว ซง่ึ บตุ ร อนื่ ฯ (อ.เศรษฐนี ัน้ ) กระทำ

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๓ แลว (ซง่ึ คำ) วา อ.จลุ ลปาละ ดังนี้ ใหเ ปน ชอื่ (ของบตุ ร) น้นั กระทำแลว (ซ่ึงคำ) วา อ.มหาปาละ ดงั นี้ ให เปนชือ่ (ของบตุ ร) นอกนี้ ฯ (อ.มารดาและบดิ า ท.) ผกู แลว (ซึง่ บุตร ท.) เหลา น้นั ผถู งึ แลว ซง่ึ วัย ดว ย เครอ่ื งผกู คือเรือน ฯ ในกาลอันเปน สว นอ่ืนอีก อ.มารดาและบดิ า ท. ไดก ระทำแลว ซงึ่ กาละ ฯ (อ.ญาติ ท.) แบง แลว ซึง่ โภคะ ทั้งปวง (แกบ ตุ รแหงเศรษฐี ท.) สองนนั่ เทยี ว ฯ แบบฝก การแปลที่ ๓ จกขฺ ปุ าลตเฺ ถรวตถฺ 3ุ4๑ (ตอ ) ตสมฺ ึ สมเย สตถฺ า ปวตฺตติ ปวรธมมฺ จกฺโก อนปุ พุ เฺ พน คนฺตวฺ า, อนาถปณ ฑฺ ิกมหาเส ินา จตปุ ปฺ ฺาสโกฏธิ นํ วิสฺสชเฺ ชตฺวา การิเต เชตวนมหาวหิ าเร วหิ รติ; มหาชนํ สคคฺ มคฺเค จ โมกขฺ มคเฺ ค จ ปติ าปยมาโน. ตถาคโต หิ \"มาติปกขฺ โต อสตี ยิ า ปต ปิ กขฺ โต อสีติยาติ เทวฺ อสตี ิาติกลุ สหสฺเสหิ การิเต นิโครฺ ธมหาวิหาเร เอกเมว วสฺสาวาสํ วสิ, อนาถปณฑฺ เิ กน การิเต เชตวนมหาวหิ าเร เอกนู วีสต,ิ วสิ าขาย สตตฺ วสี ตโิ กฏิธนปรจิ จฺ าเคน การิเต ปุพฺพาราเม ฉ วสสฺ าวาเสติ ทฺวนิ ฺนํ กลุ านํ คณุ มหนตฺ ตํ ปฏิจฺจ สาวตถฺ ึ นสิ ฺสาย ปจฺ วีสติ วสฺสาวาเส วส.ิ อนาถปณฺฑโิ กป วสิ าขาป มหาอุปาสกิ า นพิ ทธฺ ํ ทวิ สสฺส เทวฺ วาเร ตถาคตสฺส อุป านํ คจฺฉนตฺ .ิ คจฉฺ นตฺ า จ \"ทหรสามเณรา โน หตเฺ ถ โอโลเกสฺสนตฺ ตี ิ ตุจฉฺ หตถฺ า น คตปพุ ฺพา: ปุเรภตฺตํ คจฉฺ นตฺ า ขาทนยี าทนี ิ คาหาเปตวฺ า คจฺฉนตฺ ิ, ปจฉฺ าภตฺตํ ปจฺ เภสชชฺ านิ อ จ ปานานิ. นเิ วสเนสุ ปน เตสํ ทวฺ นิ นฺ ํ ทฺวนิ ฺนํ ภิกฺขุสหสฺสานํ นิจฺจํ ปฺตฺตาเนวาสนานิ โหนตฺ .ิ อนนฺ ปานเภสชฺเชสุ โย ยํ อจิ ฉฺ ติ, ตสฺส ตํ ยถจิ ฺฉติ เมว สมปฺ ชฺชติ, เตสุ อนาถปณ ฺฑิเกน เอกเมว ทิวสํ สตฺถารํ ปฺโห น ปจุ ฉฺ ติ ปพุ ฺโพ. โส กิร \"ตถาคโต พุทธฺ สขุ มุ าโล ขตตฺ ยิ สุขมุ าโล พหปุ กาโร เม คหปตตี ิ มยหฺ ํ ธมฺมํ เทเสนฺโต กิลเมยฺยาต,ิ สตถฺ ริ อธิมตตฺ สเิ นเหน ปหฺ ํ น ปุจฉฺ ต.ิ สตถฺ า ปน ตสมฺ ึ นสิ นิ นฺ มตเฺ ตเยว \"อยํ เส ี มํ อรกขฺ ติ พพฺ  าเน รกขฺ ติ, อหํ หิ กปปฺ สตสหสฺสาธกิ านิ จตตฺ าริ อสงเฺ ขยฺยานิ อลงฺกตปปฺ ฏยิ ตฺตํ อตตฺ โน สสี ํ ฉนิ ทฺ ติ วฺ า อกขฺ นี ิ อปุ ปฺ าเฏตฺวา หทยมสํ ํ อพุ พฺ ตฺเตตวฺ า ปาณสมํ ปตุ ตฺ ทารํ ปรจิ จฺ ชติ วฺ า ปารมิโย ปเู รนโฺ ต ปเรสํ ธมฺมเทสนตถฺ เมว ปเู รส,ึ เอส มํ อรกฺขติ พฺพ าเน รกขฺ ตีติ เอกํ ธมฺมเทสนํ กเถสิเยว. ตทา สาวตฺถิยํ สตฺต มนสุ สฺ โกฏโิ ย วสนฺติ.เตสุ สตถฺ ุ ธมฺมกถํ สตุ วฺ า ปจฺ โกฏมิ ตตฺ า มนสุ สฺ า อรยิ สาวกา ชาตา, เทวฺ โกฏมิ ตตฺ า ปถุ ุชชฺ นา. เตสุ อรยิ สาวกานํ เทวฺ เยว กจิ จฺ านิ อเหส:ุ ปุเรภตตฺ ํ ทานํ เทนตฺ ,ิ ปจฺฉาภตตฺ ํ คนธฺ มาลาทิหตถฺ า วตฺถเภสชชฺ ปานกาทึ คาหาเปตวฺ า ธมมฺ สฺสวนตถฺ าย คจฺฉนตฺ ิ. อเถกทวิ สํ มหาปาโล อริยสาวเก คนธฺ มาลาทหิ ตเฺ ถ วหิ ารํ คจฉฺ นเฺ ต ทิสฺวา, \"อยํ มหาชโน กุหึ คจฉฺ ตีติ ปจุ ฺฉติ วฺ า, \"ธมมฺ สฺสวนายาติ สุตวฺ า, \"อหปํ  คมิสสฺ ามีต,ิ คนตฺ วฺ า สตฺถารํ วนทฺ ติ วฺ า ปริสปริยนฺเต นิสที .ิ ๑อรรถกถาเลม ที่ ๑๘ ภาษาบาลีอักษรไทย อรรถกถา ขุททกนิกาย ธมั มปทัฏฐกถา(คาถาธรรมบท) สืบคนเมื่อ ๒๘ พ.ค.๒๕๖๓ จาก https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=11&p=1( ๑ พ.ย.๒๕๔๘)

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๔ พุทธฺ า จ นาม ธมฺมํ เทเสนตฺ า, สรณสลี ปพฺพชชฺ าทนี ํ อปุ นสิ ฺสยํ โอโลเกตวฺ า อชฌฺ าสยวเสน ธมมฺ ํ เทเสนตฺ ิ; ตสมฺ า ตทํ วิ สํ สตถฺ า ตสสฺ อปุ นสิ ฺสยํ โอโลเกตวฺ า ธมฺมํ เทเสนโฺ ต อนปุ ุพพฺ กี ถํ กเถสิ. เสยยฺ ถที ํ ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ กามานํ อาทนี วํ โอการํ สงกฺ เิ ลสํ เนกขฺ มฺเม อานสิ ํสํ ปกาเสส.ิ ตํ สตุ วฺ า มหาปาโล กุ ม พฺ โิ ก จินเฺ ตสิ \"ปรโลกํ คจฉฺ นตฺ ํ ปตุ ตฺ ธตี โร วา โภคา วา นานคุ จฺฉนตฺ ิ, สรรี ปํ  อตตฺ นา สทธฺ ึ น คจฉฺ ต;ิ กึ เม ฆราวาเสน, ปพฺพชิสฺสามตี .ิ โส เทสนาปรโิ ยสาเน สตถฺ ารํ อปุ สงกฺ มติ วฺ า ปพฺพชฺชํ ยาจ.ิ อถ นํ สตถฺ า \"นตฺถิ เต โกจิ อาปุจฺฉติ พฺพยตุ ตฺ โก าตตี ิ อาห. \"กนิภาตา เม อตถฺ ิ ภนฺเตติ. \"เตนหิ ตํ อาปจุ ฉฺ าหตี ิ. โส \"สาธตู ิ สมปฺ ฏิจฉฺ ติ ฺวา สตถฺ ารํ วนทฺ ิตวฺ า เคหํ คนตฺ ฺวา กนิ   ปกโฺ กสาเปตฺวา \"ตาต ยํ อมิ สฺมึ กุเล สวิ ฺาณกาวิฺ าณกํ ธนํ กิจฺ ิ อตฺถ,ิ สพพฺ นฺตํ ตว ภาโร, ปฏปิ ชชฺ าหิ นนตฺ .ิ \"ตมุ ฺเห ปน สามตี .ิ \"อหํ สตถฺ ุ สนตฺ ิเก ปพฺพชิสฺสามตี .ิ \"กึ กเถสิ ภาตกิ ; ตฺวํ เม มาตริ มตาย มาตา วยิ , ปตริ มเต ปต า วยิ ลทโฺ ธ, เคเห โว มหาวิภโว, สกฺกา เคหํ อชฌฺ าวสนฺเตเหว ปุ ฺ านิ กาต;ุ มา เอวมกตฺถาต.ิ \"ตาต มยา สตถฺ ุ ธมฺมเทสนา สตุ า, สตถฺ ารา หิ สณหฺ สุขมุ ํ ตลิ กขฺ ณํ อาโรเปตวฺ า อาทิมชฌฺ ปรโิ ยสานกลยฺ าณธมโฺ ม เทสโิ ต. น สกฺกา โส อคารมชฺเฌ ปเู รต;ุ ปพฺพชสิ ฺสามิ ตาตาติ.\"ภาติก ตรณุ าปจ ตาว, มหลลฺ กกาเล ปพฺพชิสสฺ ถาต.ิ \"ตาต มหลลฺ กสฺส หิ อตตฺ โน หตถฺ ปาทาป อนสฺสวา โหนตฺ ิ, น วเส วตฺตนฺติ, กมิ งคฺ ํ ปน าตกา, สวฺ าหํ ตว วจนํ น กโรมิ, สมณปฏิปตตฺ ึ ปูเรสฺสาม,ิ ชราชชฺชริตา โหนตฺ ิ หตถฺ ปาทา อนสฺสวา ยสฺส, โส วหิ ตตถฺ าโม กถํ ธมมฺ ํ จรสิ ฺสติ, ปพพฺ ชสิ สฺ าเมวาหํ ตาตาต.ิ ตสฺส วิรวนตฺ สฺเสว, สตถฺ ุ สนตฺ ิกํ คนตฺ วฺ า ปพฺพชฺชํ ยาจติ วฺ า, ลทธฺ ปพพฺ ชฺ- ชูปสมปฺ โท อาจริยุปชฌฺ ายานํ สนตฺ ิเก ปฺจ วสสฺ านิ วสิตวฺ า, วตุ ถฺ วสโฺ ส ปวาเรตวฺ า, สตฺถารํ อปุ สงกฺ มติ วฺ า วนทฺ ติ วฺ า ปุจฉฺ ิ \"ภนเฺ ต อิมสมฺ ึ สาสเน กติ ธรุ านตี ิ. \"คนถฺ ธุรํ วปิ สฺสนาธุรนตฺ ิ เทวฺ เยว ธุรานิ ภกิ ขฺ ตู .ิ \"กตมํ ปน ภนเฺ ต คนถฺ ธรุ ,ํ กตมํ วปิ สสฺ นาธรุ นตฺ .ิ \"อตตฺ โน ปฺานรุ ูเปน เอกํ วา เทฺว วา นกิ าเย สกลํ วา ปน เตปฏ กํ พทุ ธฺ วจนํ อคุ คฺ ณหฺ ติ วฺ า ตสฺส ธารณํ กถนํ วาจนนฺติ อทิ ํ คนฺถธุรํ นาม. สลลฺ หุกวตุ ตฺ ิโน ปน ปนฺตเสนาสนาภริ ตสฺส อตฺตภาเว ขยวยํ ป เปตฺวา สาตจฺจกริ ิยาวเสน วิปสสฺ นํ วฑเฺ ฒตวฺ า อรหตตฺ คฺคหณนตฺ ิ อทิ ํ วิปสสฺ นาธรุ ํ นามาติ. \"ภนเฺ ต อหํ มหลฺลกกาเล ปพฺพชิโต คนถฺ ธรุ ํ ปเู รตุ น สกขฺ ิสสฺ ามิ, วปิ สสฺ นาธรุ ํ ปน ปเู รสฺสาม;ิ กมมฺ านํ เม กเถถาติ. อถสสฺ สตถฺ า ยาว อรหตฺตา กมมฺ านํ กเถสิ. โส สตถฺ ารํ วนฺทติ วฺ า, อตตฺ นา สหคามโิ น ภิกขฺ ู ปริเยสนโฺ ต สี ภิกขฺ ู ลภติ วฺ า, เตหิ สทฺธึ นกิ ขฺ มติ วฺ า, วสี โยชนสตมคคฺ ํ คนตฺ วฺ า, เอกํ มหนฺตํ ปจจฺ นตฺ คามํ ปตวฺ า, ตตฺถ สปริวาโร ปณ ฑฺ าย ปาวสิ .ิ มนสุ สฺ า วตตฺ สมปฺ นเฺ น ภกิ ฺขู ทสิ ฺวา ปสนนฺ จติ ตฺ า, อาสนานิ ปฺ าเปตวฺ า นสิ ที าเปตฺวา, ปณเี ตนาหาเรน ปรวิ ิสิตวฺ า, \"ภนเฺ ต กหุ ึ อยฺยา คจฉฺ นตฺ ตี ิ ปุจฉฺ ิตวฺ า, \"ยถาผาสกุ  านํ อปุ าสกาติ วตุ เฺ ต, ปณฺฑติ มนุสฺสา \"วสฺสาวาสํ เสนาสนํ ปรเิ ยสนตฺ ิ ภทนตฺ าติ ตวฺ า \"ภนเฺ ต สเจ อยฺยา อิมํ เตมาสํ อิธ วเสยยฺ ุ; มยํ สรเณสุ ปติ าย, สลี านิ คณเฺ หยยฺ ามาติ อาหสํ .ุ เตป \"มยํ อมิ านิ กุลานิ นิสสฺ าย, ภวนิสฺสรณํ กริสฺสามาติ อธวิ าเสส.ุ มนสุ สฺ า เตสํ ปฏิ ฺ  คเหตวฺ า วหิ ารํ ปฏิชคคฺ ติ วฺ า รตตฺ ิ านทิวาานานิ สมปฺ าเทตวฺ า อทํส.ุ เต นพิ ทธฺ ํ ตเมว คามํ ปณ ฺฑาย ปวสิ นตฺ ิ. อถ เน เอโก เวชโฺ ช อุปสงกฺ มิตวฺ า, \"ภนเฺ ต พหนุ นฺ ํ วสน าเน อผาสกุ ปํ  นาม โหติ, ตสฺมึ อปุ ปฺ นเฺ น, มยหฺ ํ กเถยฺยาถ; เภสชฺชํ กรสิ สฺ ามตี ิ ปวาเรสิ.

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๕ เถโร วสฺสูปนายิกาทวิ เส เต ภกิ ขฺ ู อามนเฺ ตตวฺ า ปุจฉฺ ิ \"อาวุโส อิมํ เตมาสํ กตีหิ อริ ิยาปเถหิ วตี นิ าเมสฺสถาติ. \"จตหู ิ ภนเฺ ตต.ิ \"กึ ปเนตํ อาวโุ ส ปฏริ ูป, นนุ อปฺปมตเฺ ตหิ ภวติ พพฺ ?ํ มยํ หิ ธรมานสฺส พุทธฺ สสฺ สนตฺ กิ า กมมฺ านํ คเหตวฺ า อาคตา, พทุ ฺธา จ นาม น สกฺกา สเน อาราเธต,ุ กลฺยาณชฌฺ าสเยน เหเต อาราเธตพพฺ า, ปมตฺตสฺส จ นาม จตตฺ าโร อปายา สกเคหสทิสา, อปปฺ มตฺตา โหถาวุโสติ. \"ตมุ เฺ ห ปน ภนเฺ ตต.ิ \"อหํ ตหี ิ อริ ิยาปเถหิ วตี นิ าเมสสฺ ามิ, ป ึ น ปสาเรสฺสามิ อาวุโสติ. \"สาธุ ภนฺเต, อปปฺ มตฺตา โหถาติ. เถรสสฺ นทิ ฺทํ อโนกฺกมนตฺ สสฺ , ปมมาเส อตกิ ฺกนเฺ ต, อกขฺ โิ รโค อุปปฺ ชฺชิ. ฉทิ ฺทฆฏโต อทุ กธารา วยิ อกฺขหี ิ ธารา ปคฺฆรนตฺ .ิ โส สพพฺ รตตฺ ึ สมณธมฺมํ กตวฺ า, อรุณคุ คฺ มเน คพฺภํ ปวิสติ วฺ า นิสที ิ. ภิกขฺ ู ภกิ ขฺ าจาร- เวลาย เถรสสฺ สนตฺ กิ ํ คนตฺ วฺ า \"ภิกขฺ าจารเวลา ภนเฺ ตติ อาหสํ ุ. \"เตนหาวุโส คณฺหถ ปตตฺ จีวรนตฺ ิ อตฺตโน ปตตฺ จีวรํ คาหาเปตวฺ า นกิ ขฺ มิ. ภิกขฺ ู ตสสฺ อกขฺ ี ปคฺฆรนเฺ ต ทสิ วฺ า \"กเิ มตํ ภนเฺ ตติ ปจุ ฉฺ สึ .ุ \"อกขฺ ี เม อาวโุ ส วาตา วิชฌฺ นตฺ ตี ิ. \"นนุ ภนเฺ ต เวชเฺ ชนมฺห ปวารติ า, ตสสฺ กเถยฺยามาต.ิ \"สาธาวุโสต.ิ เต เวชฺชสสฺ กถยึส.ุ โส เตลํ ปจิตวฺ า เปเสส.ิ เถโร นาสาย เตลํ อาสิ ฺจนโฺ ต นิสินนฺ โกว อาสิจฺ ิตวฺ า อนโฺ ตคามํ ปาวสิ ิ. เวชโฺ ช ทสิ วฺ า อาห \"ภนเฺ ต อยยฺ สสฺ กริ อกขฺ ี วาโต วชิ ฌฺ ตตี ิ. \"อาม อุปาสกาติ. \"ภนฺเต มยา เตลํ ปจติ ฺวา เปสติ ,ํ นาสาย โว อาสติ ตฺ นตฺ .ิ \"อาม อปุ าสกาติ. \"อทิ านิ กที ิสนฺติ. \"รุชเตว อปุ าสกาต.ิ เวชโฺ ช \"มยา เอกวาเรเนว วปู สมนตถฺ ํ เตลํ ปหิตํ, กนิ นฺ ุ โข โรโค น วปู สนโฺ ตติ จนิ ฺเตตฺวา \"ภนเฺ ต นสิ ีทติ วฺ า โว อาสติ ตฺ ํ, นปิ ชชฺ ติ วฺ าติ ปุจฉฺ .ิ เถโร ตุณหฺ ี อโหสิ; ปนุ ปฺปนุ ํ ปุจฉฺ ยิ มาโนป น กเถส.ิ โส \"วิหารํ คนฺตวฺ า วสนานํ โอโลเกสสฺ ามตี ิ จินเฺ ตตวฺ า \"เตนหิ ภนเฺ ต คจฉฺ ถาติ เถรํ วสิ ฺสชเฺ ชตวฺ า วิหารํ คนตฺ วฺ า เถรสสฺ วสน านํ โอโลเกนโฺ ต จงกฺ มนนิสีทน านเมว ทิสวฺ า สยน านํ อทสิ วฺ า \"ภนฺเต นสิ นิ เฺ นหิ โว อาสิตตฺ ,ํ นิปฺปนเฺ นหตี ิ ปุจฉฺ ิ. เถโร ตณุ หฺ ี อโหสิ. \"มา ภนเฺ ต เอวมกตถฺ ; สมณธมโฺ ม นาม, สรเี ร ยาเปนฺเต, สกกฺ า กาต;ุ นิปชฺชิตวฺ า อาสิฺจถาติ ปนุ ปปฺ นุ ํ ยาจิ. \"คจฺฉาวโุ ส, มนเฺ ตตวฺ า ชานิสสฺ ามตี ิ. เถรสฺส จ ตตถฺ เนว าตี น สาโลหิตา อตถฺ ,ิ เกน สทธฺ ึ มนฺเตยยฺ กรชกาเยน ปน สทฺธึ มนเฺ ตนโฺ ต \"วเทหิ ตาว อาวโุ ส ปาลติ , กึ อกฺขี โอโลเกสฺสสิ อุทาหุ พทุ ฺธสาสนํ อนมตคคฺ สมฺ ึ หิ สสํ ารวเฏ ตว อกขฺ กิ าณสฺส คณนา นตฺถ,ิ อเนกานิ ปน พุทฺธสตานิ พทุ ฺธสหสฺสานิ อตีตานิ; เตสุ เอกพทุ โฺ ธป น ปรจิ ฉฺ นิ โฺ น, อิทานิ อมิ ํ อนโฺ ตวสสฺ ํ ตโย มาเส น นปิ ชฺชสิ ฺสามีติ เต มานสํ พทฺธ;ํ ตสมฺ า จกขฺ ูนิ เต นสฺสนตฺ ุ วา ภิชฺชนตฺ ุ วา; พทุ ธฺ สาสนเมว ธาเรหิ, มา จกขฺ นู ตี ิ ภตู กายํ โอวทนโฺ ต อมิ า คาถา อภาสิ \"จกขฺ นู ิ หายนตฺ ุ มมายิตานิ, โสตานิ หายนฺต,ุ ตเถว เทโห, สพพฺ มฺปท ํ หายตุ เทหนิสสฺ ติ ;ํ กึการณา ปาลติ ตวฺ ํ ปมชฺชสิ. จกฺขนู ิ ชรี นตฺ ุ มมายิตานิ, โสตานิ ชรี นฺตุ, ตเถว กาโย, สพฺพมปฺ ทํ ชรี ตุ กายนสิ สฺ ติ ํ; กกึ ารณา ปาลติ ตวฺ ํ ปมชฺชส.ิ จกขฺ นู ิ ภชิ ชฺ นตฺ ุ มมายิตานิ,

ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๖ โสตานิ ภชิ ฺชนตฺ ุ ตเถว รปู , สพฺพมฺปท ํ ภิชชฺ ตุ รปู นิสฺสติ ํ; กกึ ารณา ปาลติ ตวฺ ํ ปมชฺชสตี ิ. เอวํ ตีหิ คาถาหิ อตฺตโน โอวาทํ ทตฺวา นิสนิ นฺ โกว นตฺถุกมมฺ ํ กตวฺ า คามํ ปณ ฑฺ าย ปาวสิ .ิ เวชฺโช ทิสฺวา \"กึ ภนเฺ ต นตฺถกุ มฺมํ กตนตฺ ิ ปุจฉฺ ิ. \"อาม อปุ าสกาต.ิ \"กที สิ ํ ภนเฺ ตต.ิ รชุ เตว อปุ าสกาติ. \"นิสที ิตวฺ า โว ภนฺเต กตํ, นิปชชฺ ติ ฺวาติ. เถโร ตณุ หฺ ี อโหสิ; ปุนปปฺ นุ ํ ปจุ ฉฺ โิ ตป, น กิฺจิ กเถส.ิ อถ นํ เวชโฺ ช \"ภนเฺ ต ตมุ เฺ ห สปฺปายํ น กโรถ, อชชฺ ป าย `อสเุ กน เม เตลํ ปกกฺ นฺติ มา วทติ ถฺ , อหปํ  `มยา โว เตลํ ปกกฺ นตฺ ิ น วกขฺ ามตี ิ อาห. โส เวชเฺ ชน ปจจฺ กขฺ าโต, วิหารํ คนตฺ ฺวา \"เวชฺเชนาป ปจฺจกขฺ าโตสิ, อริ ยิ าปถํ มา วิสฺสชชฺ ิ สมณาติ, \"ปฏกิ ขฺ ิตโฺ ต ตกิ จิ ฉฺ าย เวชฺเชนาสิ วิวชชฺ โิ ต นิยโต มจฺจุราชสสฺ , กึ ปาลติ ปมชชฺ สตี ิ อมิ าย คาถาย อตตฺ านํ โอวทิตฺวา สมณธมมฺ ํ อกาส.ิ อถสสฺ มชฺฌมิ ยาเม อตกิ กฺ นตฺ มตเฺ ต, อปพุ พฺ ํ อจริมํ อกขฺ ีนิ เจว กเิ ลสา จ ปภิชชฺ สึ ุ. โส สกุ ขฺ วิปสสฺ โก อรหา หุตวฺ า คพฺภํ ปวสิ ติ ฺวา นิสีท.ิ ภกิ ขฺ ู ภกิ ฺขาจาร- เวลาย คนฺตวฺ า \"ภกิ ขฺ าจารกาโล ภนฺเตติ อาหํส.ุ \"กาโล อาวุโสติ. \"อาม ภนฺเตติ. \"เตนหิ คจฉฺ ถาติ. \"ตมุ ฺเห ปน ภนเฺ ตต.ิ \"อกขฺ นี ิ เม อาวุโส ปรหิ ีนานตี ิ. เต ตสฺส อกขฺ นี ิ โอโลเกตวฺ า อสสฺ ปุ ณุ ฺณเนตตฺ า หตุ วฺ า \"ภนเฺ ต มา จนิ ตฺ ยติ ฺถ, มยํ โว ปฏิชคฺคิสสฺ ามาติ เถรํ อสสฺ าเสตวฺ า กตตฺ พฺพยุตฺตกํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตวฺ า คามํ ปวสิ สึ .ุ มนุสสฺ า เถรํ อทิสวฺ า \"ภนเฺ ต อมหฺ ากํ อยโฺ ย กหุ นิ ตฺ ิ ปจุ ฺฉติ วฺ า ตํ ปวตตฺ ึ สุตวฺ า ยาคุ เปเสตวฺ า สยํ ปณ ฑฺ ปาตํ อาทาย คนตฺ วฺ า เถรํ วนฺทติ วฺ า ปาทมเู ล ปวฏ มานา โรทิตวฺ า \"มยํ ภนเฺ ต ปฏชิ คฺคสิ ฺสาม, ตมุ เฺ ห มา จินตฺ ยติ ฺถาติ สมสฺสาเสตฺวา ปกฺกมึสุ.ตโต ป าย นิพทธฺ ํ ยาคภุ ตตฺ ํ วหิ ารเมว เปเสนตฺ ิ. เถโรป อิตเร ส ิภกิ ฺขู นิรนตฺ รํ โอวทต.ิ เต ตสฺโสวาเท ตวฺ า อปุ กกฺ  าย ปวารณาย, สพฺเพว สห ปฏิสมฺภทิ าหิ อรหตฺตํ ปาปณุ ึสุ, วตุ ถฺ วสฺสา จ ปน สตถฺ ารํ ทุกามา หตุ ฺวา เถรํ อาหสํ ุ \"ภนเฺ ต สตถฺ ารํ ท กุ ามมหฺ าติ. เถโร เตสํ วจนํ สตุ วฺ า จนิ เฺ ตสิ \"อหํ ทพุ พฺ โล, อนตฺ รามคเฺ ค จ อมนสุ ฺสปรคิ ฺคหติ า อฏวี อตถฺ ิ, มยิ เอเตหิ สทธฺ ึ คจฺฉนฺเต, สพเฺ พ กลิ มิสสฺ นตฺ ิ, ภกิ ฺขํป ลภติ ุ น สกฺขสิ ฺสนตฺ ิ, อเิ ม ปเุ รตรเมว เปเสสฺสามตี ิ. อถ เน อาห \"อาวโุ ส ตมุ เฺ ห ปุรโต คจฺฉถาต.ิ \"ตมุ เฺ ห ปน ภนเฺ ตต.ิ \"อหํ ทพุ ฺพโล, อนตฺ รามคเฺ ค จ อมนสุ สฺ ปรคิ คฺ หติ า อฏวี อตฺถิ, มยิ ตมุ ฺเหหิ สทฺธึ คจฉฺ นเฺ ต, สพฺเพ กลิ มิสสฺ ถ, ตมุ เฺ ห ปรุ โต คจฉฺ ถาต.ิ \"มา ภนเฺ ต เอวํ กรติ ถฺ , มยํ ตมุ ฺเหหิ สทธฺ เึ ยว คมสิ ฺสามาต.ิ \"มา โว อาวโุ ส เอวํ รจุ จฺ ติ ถฺ , เอวํ สนเฺ ต มยฺหํ อผาสกุ ํ ภวิสสฺ ติ, มยฺหํ กนิโ  ตมุ เฺ ห ทสิ วฺ า ปุจฉฺ สิ ฺสต,ิ อถสฺส มม จกขฺ ูนํ ปรหิ นี ภาวํ อาโรเจยฺยาถ; โส มยหฺ ํ สนตฺ กิ ํ กฺจเิ ทว ปหณิ ิสฺสติ; เตน สทฺธึ อาคจฉฺ ิสสฺ ามิ; ตมุ เฺ ห มม วจเนน ทสพลจฺ อสีติมหาเถเร จ วนฺทถาติ เต อุยโฺ ยเชสิ. เต เถรํ ขมาเปตวฺ า อนโฺ ตคามํ ปวสิ สึ ุ. มนสุ สฺ า เต นสิ ที าเปตวฺ า ภิกขฺ ํ ทตวฺ า \"กึ ภนเฺ ต อยฺยานํ คมนากาโร ปฺ ายตตี ิ. \"อาม อุปาสกา, สตฺถารํ ท ุกามมฺหาต.ิ เต ปนุ ปปฺ นุ ํ ยาจติ วฺ า เตสํ คมนฉนฺทเมว ตวฺ า อนุคนตฺ วฺ า ปรเิ ทวติ วฺ า นิวตฺตสึ .ุ เตป อนปุ ุพเฺ พน เชตวนํ คนฺตวฺ า สตฺถารฺจ มหาเถเร จ เถรสฺส วจเนน วนฺทติ ฺวา ปุนทวิ เส, ยตถฺ เถรสสฺ กนิโ วสติ; ตํ วถี ึ ปณ ฺฑาย ปวสิ สึ ุ. กุ มพฺ โิ ก เต สชฺ านติ วฺ า นิสที าเปตวฺ า กตปฏิสนฺถาโร,\"ภาตกิ ตฺเถโร เม กหุ นิ ตฺ ิ ปจุ ฉฺ ิ.

ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๗ อถสฺส เต ตํ ปวตตฺ ึ อาโรเจสุ. โส เตสํ ปาทมเู ล ปวเฏนโฺ ต โรทิตวฺ า ปจุ ฉฺ ิ \"อทิ านิ ภนเฺ ต กึ กาตพพฺ นตฺ .ิ \"เถโร อิโต กสสฺ จิ คมนํ ปจจฺ าสึสติ, คตกาเล เตน สทธฺ ึ อาคมสิ ฺสตตี .ิ \"อยํ เม ภนฺเต ภาคเิ นยโฺ ย ปาลโิ ต นาม, เอตํ เปเสถาต.ิ \"เอวํ เปเสตุ น สกกฺ า, มคเฺ ค ปรปิ นฺโถ อตถฺ ิ, ปพพฺ าเชตวฺ า เปเสตุ วฏ ตตี .ิ \"เอวํ กตฺวา เปเสถ ภนฺเตติ. อถ นํ ปพฺพาเชตวฺ า อฑฒฺ มาสมตตฺ ํ จวี รคคฺ หณาทนี ิ สกิ ขฺ าเปตวฺ า มคคฺ ํ อาจกิ ฺขติ ฺวา ปหิณสึ ุ. โส อนุปพุ ฺเพน ตํ คามํ ปตวฺ า คามทวฺ าเร เอกํ มหลลฺ กํ ทสิ วฺ า \"อิมํ คามํ นสิ สฺ าย โกจิ อารฺ โก วหิ าโร อตถฺ ตี ิ ปุจฺฉ.ิ \"อตถฺ ิ ภนเฺ ตต.ิ \"โก ตตฺถ วสตตี ิ. \"ปาลิตตฺเถโร นาม ภนฺเตต.ิ \"มคคฺ ํ เม อาจกิ ฺขถาต.ิ \"โกสิ ตวฺ ํ ภนเฺ ตต.ิ \"เถรสฺส ภาคเิ นยฺโยมฺหตี .ิ อถ นํ คเหตวฺ า วหิ ารํ เนส.ิ โส เถรํ วนฺทติ วฺ า อฑฒฺ มาสมตตฺ ํ วตตฺ ปฏวิ ตตฺ ํ กตฺวา เถรํ สมมฺ า ปฏิชคฺคติ ฺวา \"ภนเฺ ต มาตุลกุ ม พฺ โิ ก เม ตมุ หฺ ากํ อาคมนํ ปจฺจาสึสติ; เอถ, คจฉฺ ามาติ อาห. \"เตนหิ เม ยโิ กฏึ คณหฺ าหตี ิ. โส ย โิ กฏึ คเหตฺวา เถเรน สทธฺ ึ อนฺโตคามํ ปาวสิ ิ. มนสุ สฺ า เถรํ นิสีทาเปตวฺ า \"กึ ภนฺเต คมนากาโร โว ปฺ ายตตี ิ ปจุ ฺฉสึ ุ. \"อาม อปุ าสกา, คนตฺ วฺ า สตถฺ ารํ วนฺทสิ สฺ ามตี .ิ เต นานปปฺ กาเรน ยาจติ วฺ า อลภนตฺ า เถรํ อุยฺโยเชนตฺ า อปุ ฑฺฒปถํ คนตฺ วฺ า โรทติ วฺ า นวิ ตตฺ สึ .ุ สามเณโร เถรํ ยิโกฏิยา อาทาย คจฉฺ นโฺ ต อนตฺ รามคเฺ ค อฏวิยํ สงฺก นครํ นาม เถเรน อปุ นิสสฺ าย วุตถฺ ปพุ พฺ คามํ สมฺปาปุณิ. โส ตโต นิกขฺ มติ ฺวา อรฺเ คายติ วฺ า ทารูนิ อทุ ธฺ รนตฺ ยิ า เอกิสฺสา อติ ฺถยิ า คตี สททฺ ํ สตุ ฺวา สเร นมิ ติ ตฺ ํ คณหฺ .ิ อติ ฺถีสทโฺ ท วิย หิ อโฺ  สทฺโท ปุริสานํ สกลสรรี ํ ผรติ วฺ า าตุ สมตโฺ ถ นาม นตถฺ .ิ เตนาห ภควา \"นาหํ ภกิ ฺขเว อฺ  เอกสทฺทมปฺ  สมนุปสสฺ าม,ิ โย เอวํ ปรุ ิสสฺส จิตตฺ ํ ปรยิ าทาย ติ ต;ิ ยถยทิ ํ ภิกขฺ เว อิตถฺ สี ทโฺ ทติ. สามเณโร ตตถฺ นมิ ติ ตฺ ํ คเหตฺวา ยโิ กฏึ วิสสฺ ชฺเชตวฺ า \"ติถ ตาว ภนเฺ ต, กิจจฺ ํ เม อตถฺ ีติ ตสสฺ า สนตฺ ิกํ คโต. สา ตํ ทสิ วฺ า ตณุ หฺ ี อโหสิ. โส ตาย สทธฺ ึ สลี วปิ ตฺตึ ปาปณุ .ิ เถโร จนิ เฺ ตสิ \"อิทาเนเวโก คตี สทโฺ ท สยู ติ ฺถ, โส จ โข อิตถฺ ิยา, สามเณโรป จริ ายติ, โส สลี วปิ ตตฺ ึ ปตฺโต ภวิสสฺ ตตี .ิ โสป อตตฺ โน กจิ จฺ ํ นิ าเปตฺวา อาคนตฺ ฺวา \"คจฉฺ าม ภนฺเตติ อาห. อถ นํ เถโร ปจุ ฉฺ ิ \"ปาโป ชาโตสิ สามเณราต.ิ โส ตณุ ฺหี หุตวฺ า ปนุ ปฺปนุ ํ ปุโ ป น กิ ฺจิ กเถส.ิ อถ นํ เถโร อาห \"ตาทิเสน ปาเปน มม ยิโกฏคิ คฺ หณกจิ จฺ ํ นตฺถตี ิ. โส สเํ วคปปฺ ตโฺ ต กาสายานิ อปเนตฺวา คหิ นิ ยิ าเมน ปริทหิตวฺ า \"ภนเฺ ต อหํ ปุพเฺ พ สามเณโร, อทิ านิ ปนมหฺ ิ คหิ ี ชาโต; ปพพฺ ชนฺโตปจ าหํ น สทธฺ าย ปพพฺ ชิโต, มคคฺ ปรปิ นฺถภเยน ปพพฺ ชิโต; เอถ, คจฉฺ ามาติ อาห. \"อาวโุ ส คหิ ิปาโปป สมณปาโปป ปาโปเยว; ตวฺ ํ สมณภาเว ตวฺ าป สลี มตตฺ ํ ปเู รตุ นาสกขฺ ิ; คิหี หตุ วฺ า กนิ นฺ าม กลยฺ าณํ กรสิ สฺ สิ; ตาทเิ สน ปาเปน มม ย โิ กฏิคคฺ หณกิจจฺ ํ นตฺถตี .ิ \"ภนฺเต อมนุสสฺ ปุ ททฺ โู ต มคโฺ ค, ตมุ ฺเห จ อนธฺ า, กถํ อธิ วสสิ ฺสถาติ. อถ นํ เถโร \"อาวโุ ส ตวฺ ํ มา เอวํ จนิ ตฺ ย,ิ อเิ ธว เม นิปชชฺ ติ วฺ า มรนฺตสสฺ าป อปราปรํ ปวเ ฏนตฺ สฺสาป, ตยา สทฺธึ คมนํ นาม นตถฺ ตี ิ วตวฺ า อมิ า คาถา อภาสิ \"หนฺทาหํ หตจกขฺ สุ มฺ ิ กนตฺ ารทธฺ านมาคโต, สยมาโน น คจฉฺ ามิ; นตถฺ ิ พาเล สหายตา. หนทฺ าหํ หตจกขฺ ุสมฺ ิ กนตฺ ารทธฺ านมาคโต

ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๘ มรสิ สฺ ามิ, โน คมสิ สฺ ามิ; นตถฺ ิ พาเล สหายตาติ. ตํ สตุ วฺ า อติ โร สเํ วคชาโต, \"ภาริยํ วต เม สาหสกิ ํ อนนุจฉฺ วกิ ํ กมมฺ ํ กตนตฺ ิ พาหา ปคคฺ ยฺห กนฺทนโฺ ต วนสณฑฺ ํ ปกขฺ นฺทติ วฺ า ตถา ปกฺกนโฺ ตว อโหสิ เถรสฺสาป สลี เตเชน สโิ ยชนายามํ ปณฺณาสโยชนวติ ถฺ ตํ ปณณฺ รสโยชนพหลํ ชยสมุ นปปุ ผฺ วณฺณํ นิสที นุ หนกาเลสุ โอนมนนุ นฺ มนปกตกิ ํ สกกฺ สสฺ เทวราชสสฺ ปณฺฑกุ มพฺ ลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสเฺ สสิ. สกฺโก \"โก นุ โข มํ านา จาเวตกุ าโมติ โอโลเกนฺโต ทพิ เฺ พน จกขฺ นุ า เถรํ อททฺ ส. เตนาหุ โปราณา \"สหสฺสเนตโฺ ต เทวนิ โฺ ท ทิพพฺ จกฺขุ วโิ สธยิ ` ปาปครหี อยํ ปาโล อาชวี ํ ปรโิ สธย'ิ , ทพิ พฺ จกขฺ ุ วโิ สธยิ สหสสฺ เนตฺโต เทวนิ โฺ ท นสิ นิ โฺ น สาสเน รโตต.ิ ` ธมฺมครุโก อยํ ปาโล อถสสฺ เอตทโหสิ \"สจาหํ เอวรูปสสฺ ปาปครหโิ น ธมฺมครกุ สสฺ อยฺยสสฺ สนตฺ กิ ํ น คมสิ สฺ าม,ิ มุทฺธา เม สตตฺ ธา ผเลยยฺ ; คมสิ สฺ ามสิ สฺ สนตฺ ิกนตฺ ิ. ตโต สหสฺสเนตโฺ ต เทวนิ ฺโท เทวรชชฺ สริ ธี โร ตํขเณน อาคนตฺ วฺ า, จกฺขุปาลํ อุปาคม.ิ อปุ คนตฺ ฺวา จ ปน เถรสสฺ าวทิ เู ร ปทสททฺ ํ อกาสิ. อถ นํ เถโร ปุจฉฺ ิ \"โก เอโสต.ิ \"อหํ ภนฺเต อทธฺ ิโกต.ิ \"กหุ ึ ยาสิ อปุ าสกาติ. \"สาวตฺถยิ ํ ภนเฺ ตติ. \"ยาหิ อาวุโสติ. \"อยโฺ ย ปน ภนเฺ ต กหุ ึ คมิสฺสตตี .ิ \"อหํป ตตเฺ ถว คมสิ สฺ ามตี ิ. \"เตนหิ เอกโตว คจฉฺ าม ภนเฺ ตต.ิ \"อหํ ทุพพฺ โล, มยา สทธฺ ึ คจฺฉนฺตสฺส ตว ปปฺโจ ภวสิ ฺสตตี .ิ \"มยหฺ ํ อจฺจายิกํ นตถฺ ิ; อหปํ  อยฺเยน สทฺธึ คจฉฺ นโฺ ต ทสสุ ปุฺกิรยิ าวตถฺ สู ุ เอกํ ลภิสสฺ ามิ; เอกโตว คจฉฺ าม ภนเฺ ตต.ิ เถโร \"เอโส สปฺปุรโิ ส ภวิสสฺ ตีติ จนิ เฺ ตตวฺ า \"เตนหิ ย ิโกฏึ คณหฺ อปุ าสกาติ อาห. สกโฺ ก ตถา กตฺวา ปวึ สงขฺ ปิ นโฺ ต สายณหฺ สมเย เชตวนํ สมปฺ าเปส.ิ เถโร สงฺขปณวาทสิ ทเฺ ท สุตวฺ า \"กตเฺ ถโส สทโฺ ทติ ปจุ ฺฉิ. \"สาวตถฺ ิยํ ภนเฺ ตติ. \"มยํ คมนกาเล จเิ รน คมมิ หฺ าต.ิ \"อหํ อชุ กุ มคคฺ ํ ชานามิ ภนฺเตติ. ตสฺมึ ขเณ เถโร \"นายํ มนุสฺโส, เทวตา ภวสิ สฺ ตีติ สลลฺ กฺเขสิ. สหสฺสเนตฺโต เทวนิ โฺ ท เทวรชชฺ สริ ีธโร สงขฺ ิปต ฺวาน ตํ มคฺคํ ขปิ ปฺ  สาวตฺถิมาคม.ิ โส เถรสฺเสวตถฺ าย กนิกุ ม ฺพิเกน การติ ํ ปณณฺ สาลํ เนตฺวา ผลเก นสิ ที าเปตวฺ า ปย สหายวณฺเณน ตสสฺ สนตฺ กิ ํ คนตฺ วฺ า \"สมฺม ปาลาติ ปกโฺ กส.ิ \"กึ สมมฺ าติ. \"เถรสฺส อาคตภาวํ ชานาสตี .ิ \"น ชานามิ, กึ ปน เถโร อาคโตติ. \"อาม สมฺม, อิทานาหํ วหิ ารํ คนฺตวฺ า เถรํ ตยา การติ ปณณฺ สาลายํ นิสนิ ฺนกํ ทสิ ฺวา อาคโตมฺหตี ิ วตวฺ า ปกกฺ าม.ิ กุ ม พฺ ิโกป วิหารํ คนตฺ ฺวา เถรํ ทสิ วฺ า ปาทมเู ล ปวเฏนฺโต โรทติ วฺ า \"อิทํ ทสิ วฺ า อหํ ภนเฺ ต ตุมหฺ ากํ ปพฺพชิตุ นาทาสนิ ตฺ อิ าทนี ิ วตฺวา เทวฺ ทาสทารเก ภุชสิ เฺ ส กตฺวา เถรสสฺ สนตฺ ิเก ปพพฺ าเชตวฺ า \"อนโฺ ต คามโต ยาคภุ ตตฺ าทนี ิ อาหรติ วฺ า เถรํ อปุ  หถาติ ปฏปิ าเทสิ. สามเณรา วตตฺ ปฏวิ ตตฺ ํ กตวฺ า เถรํ อุปหึส.ุ อเถกทวิ สํ ทสิ าวาสโิ น ภกิ ขฺ ู \"สตถฺ ารํ ปสฺสิสสฺ ามาติ เชตวนํ อาคนตฺ วฺ า สตถฺ ารํ วนทฺ ติ วฺ า อสีตมิ หา เถเร ทิสวฺ า วหิ ารจารกิ ํ จรนตฺ า จกขฺ ุปาลตเฺ ถรสฺส วสนานํ ปตวฺ า \"อทิ ํป ปสสฺ สิ สฺ ามาติ สายํ ตทภิมุขา

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๙ อเหส.ุ ตสมฺ ึ ขเณ มหาเมโฆ อุ ห.ิ เต \"อิทานิ สายจฺ , เมโฆ จ อุ  โิ ต, ปาโตว อาคนตฺ ฺวา ปสฺสสิ สฺ ามาติ นิวตตฺ สึ .ุ เทโว ปมยาเม วสสฺ ติ วฺ า มชฌฺ มิ ยาเม วคิ โต. เถโร อารทธฺ วิรโิ ย อาจิณฺณจงฺกมโน; ตสมฺ า ปจฺฉิมยาเม จงกฺ มนํ โอตริ. ตทา ปน นววุ  าย ภมู ยิ า พหู อนิ ทฺ โคปกา อุ หสึ .ุ เต เถเร จงกฺ มนเฺ ต, เยภุยฺเยน วิปชชฺ สึ ุ. อนเฺ ตวาสกิ า เถรสสฺ จงกฺ มน านํ กาลสฺเสว น สมมฺ ชฺชสึ .ุ อติ เร ภกิ ขฺ ู \"เถรสสฺ วสน านํ ปสสฺ สิ ฺสามาติ อาคนตฺ วฺ า จงกฺ มเน ปาณเก ทสิ วฺ า \"โก อิมสฺมึ จงกฺ มตีติ ปจุ ฺฉึสุ. \"อมหฺ ากํ อปุ ชฌฺ าโย ภนเฺ ตต.ิ เต อชุ ฌฺ ายึสุ \"ปสฺสถ สมณสฺส กมฺมํ; สจกฺขกุ าเล นปิ ชชฺ ติ ฺวา นทิ ฺทายนโฺ ต กิฺจิ อกตฺวา, อิทานิ จกฺขุวกิ ลกาเล `จงกฺ มามีติ เอตตฺ เก ปาเณ มาเรสิ; `อตถฺ ํ กริสฺสามตี ิ อนตถฺ ํ อกรีต.ิ อถ เต คนตฺ วฺ า ตถาคตสฺส อาโรเจสุ \"ภนเฺ ต จกฺขปุ าลตฺเถโร `จงกฺ มามตี ิ พหู ปาณเก มาเรสตี ิ. \"กึ ปน โส ตุมเฺ หหิ มาเรนโฺ ต ทิ โ ต.ิ \"น ทิ โ ภนเฺ ตต.ิ \"ยเถว ตุมเฺ ห ตํ น ปสฺสถ; ตถา โสป เต ปาเณ น ปสสฺ ติ, ขีณาสวานํ มรณเจตนา นาม นตถฺ ิ ภกิ ขฺ เวติ. \"ภนเฺ ต อรหตฺตสสฺ อปุ นสิ ฺสเย สติ, กสมฺ า อนโฺ ธ ชาโตต.ิ \"อตตฺ นา กตกมฺมวเสน ภกิ ฺขเวติ. \"กึ ปน ภนฺเต เตน กตนตฺ ิ. \"เตนหิ ภกิ ขฺ เว สณุ าถ: อตีเต พาราณสิยํ พาราณสรี าเช รชชฺ ํ กาเรนฺเต, เอโก เวชฺโช คามนคิ เม จรติ วฺ า เวชชฺ กมมฺ ํ กโรนโฺ ต เอกํ จกขฺ ทุ ุพฺพลํ อติ ถฺ ึ ทสิ วฺ า ปจุ ฉฺ ิ \"กนิ เฺ ต อผาสกุ นฺต.ิ \"อกขฺ หี ิ น ปสฺสามตี ิ. \"เภสชชฺ นฺเต กริสสฺ ามตี .ิ \"กโรหิ สามีต.ิ \"กึ เม ทสฺสสตี ิ. \"สเจ เม อกขฺ นี ิ ปากตกิ านิ กาตุ สกฺขสิ สฺ สิ, อหนเฺ ต สทธฺ ึ ปตุ ตฺ ธตี าหิ ทาสี ภวสิ ฺสามตี ิ. โส \"สาธตู ิ เภสชฺชํ สวํ ิทห.ิ เอกเภสชฺเชเนว อกฺขนี ิ ปากตกิ านิ อเหส.ุ สา จนิ เฺ ตสิ \"อหํ เอตสฺส สปตุ ตฺ ธตี า ทาสี ภวสิ ฺสามตี ิ ปฏชิ าน,ึ น โข ปน มํ สณฺเหน สมทุ าจรสิ ฺสต,ิ วฺเจสสฺ ามิ นนตฺ .ิ สา เวชเฺ ชนาคนตฺ วฺ า \"กที ิสํ ภทเฺ ทติ ปุ า, \"ปุพเฺ พ เม อกขฺ นี ิ โถกํ รุชฺชสึ ุ, อทิ านิ อตเิ รกตรํ รุชฺชนตฺ ตี ิ อาห. เวชฺโช \"อยํ มํ วเฺ จตวฺ า กิ จฺ ิ อทาตุกามา, น เม เอตาย ทนิ นฺ ภตยิ า อตโฺ ถ, อทิ านิ ตํ อนธฺ ํ กรสิ ฺสามตี ิ จนิ เฺ ตตวฺ า เคหํ คนฺตวฺ า ภริยาย ตมตถฺ ํ อาจกิ ขฺ .ิ สา ตณุ หฺ ี อโหส.ิ โส เอกํ เภสชชฺ ํ โยเชตวฺ า ตสสฺ า สนฺติกํ คนตฺ วฺ า \"ภทฺเท อิมํ เภสชฺชํ อฺชาหตี ิ อชฺ าเปสิ. เทวฺ อกขฺ นี ิ ทีปสขิ า วยิ วชิ ฌฺ ายสึ ุ. โส เวชโฺ ช จกขฺ ปุ าโล อโหส.ิ \"ภิกขฺ เว ตทา มม ปตุ เฺ ตน กตกมมฺ ํ ปจฉฺ โต ปจฺฉโต อนุพนธฺ ,ิ ปาปกมฺมํ หิ นาเมตํ ธุรํ วหโต พลวิ ทฺทสฺส ปทํ จกกฺ ํ วยิ อนคุ จฉฺ ตตี ิ อทิ ํ วตถฺ ุ กเถตวฺ า อนสุ นธฺ ึ ฆเฏตวฺ า ปติาปตมตตฺ กิ ํ สาสนํ ราชมุททฺ าย ลฺฉนโฺ ต วยิ ธมฺมราชา อมิ ํ คาถมาห \"มโนปพุ พฺ งฺคมา ธมฺมา มโนเส า มโนมยา; มนสา เจ ปทุ เน ภาสติ วา กโรติ วา, ตโต นํ ทกุ ขฺ มเนฺวติ จกฺกวํ วหโต ปทนตฺ .ิ ตตถฺ \"มโนติ กามาวจรกุสลาทเิ ภทํ สพพฺ มปฺ  จตภุ มู ิกจติ ตฺ ํ. อมิ สฺมึ ปน ปเท ตทา ตสฺส เวชชฺ สสฺ อุปปฺ นนฺ จติ ตฺ วเสน นิยมยิ มานํ ววตถฺ าปย มานํ ปรจิ ฉฺ ชิ ชฺ มานํ, โทมนสฺสสหคตํ ปฏฆิ สมฺปยุตตฺ ํ จติ ตฺ เมว ลพภฺ ติ. ปพุ พฺ งคฺ มาต:ิ เตน ปมคามนิ า หตุ วฺ า สมนนฺ าคตา. ธมมฺ าติ: คุณเทสนาปรยิ ตตฺ นิ ิสสฺ ตฺตนชิ ชฺ วี วเสน จตตฺ าโร ธมฺมา นาม. เตสุ

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๐ \"น หิ ธมโฺ ม อธมโฺ ม จ อุโภ สมวิปากโิ น, อธมฺโม นริ ยํ เนติ ธมฺโม ปาเปติ สคุ คฺ ตนิ ตฺ ิ อยํ คณุ ธมโฺ ม นาม. \"ธมมฺ ํ โว ภกิ ขฺ เว เทเสสฺสามิ อาทกิ ลฺยาณนฺติ อยํ เทสนาธมโฺ ม นาม. \"อิธ ปน ภิกฺขเว เอกจเฺ จ กุลปตุ ตฺ า ธมมฺ ํ ปริยาปุณนตฺ ิ สตุ ตฺ ํ เคยยฺ นฺติ อยํ ปริยตฺตธิ มโฺ ม นาม. \"ตสมฺ ึ โข ปน สมเย ธมฺมา โหนตฺ ,ิ ขนฺธา โหนตฺ ตี ิ อยํ นสิ ฺสตตฺ ธมโฺ ม นาม. นชิ ชฺ วี ธมฺโมตปิ  เอเสว นโย. เตสุ อมิ สมฺ ึ าเน นสิ สฺ ตตฺ นิชชฺ ีวธมฺโม อธิปฺเปโต. โส อตฺถโต ตโย อรูปโ น ขนธฺ า \"เวทนากขฺ นโฺ ธ สฺากขฺ นโฺ ธ สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธต.ิ เอเต ห,ิ มโนปพุ ฺพงฺคโม เอเตสนตฺ ิ มโนปพุ พฺ งคฺ มา นาม. \"กถํ ปเนเตหิ สทธฺ ึ เอกวตถฺ โุ ก เอการมฺมโณ อปพุ พฺ ํ อจรมิ ํ เอกกขฺ เณ อปุ ฺปชฺชมาโน มโน ปพุ ฺพงฺคโม นาม โหตตี ิ. อปุ ฺปาทปปฺ จจฺ ยตเฺ ถน. ยถา หิ พหูสุ เอกโต คามฆาตาทกิ มมฺ านิ กโรนเฺ ตสุ, \"โก เตสํ ปุพฺพงฺคโมติ วุตเฺ ต, โย เตสํ ปจจฺ โย โหต,ิ ยํ นสิ ฺสาย เต ตํ กมมฺ ํ กโรนฺต;ิ โส ทตโฺ ต วา มตโฺ ต วา \"เตสํ ปุพฺพงฺคโมติ วุจจฺ ติ; เอวํ สมฺปทมิทํ เวทติ พพฺ ํ. อิติ อุปปฺ าทปปฺ จฺจยตเฺ ถน มโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ มโนปุพพฺ งคฺ มา. น หิ เต, มเน อนปุ ฺปชชฺ นฺเต, อปุ ฺปชชฺ ิตุ สกฺโกนตฺ ิ. มโน ปน, เอกจเฺ จสุ เจตสิเกสุ อนปุ ฺปชฺชนฺเตสปุ , อปุ ฺปชฺชติเยว. อธปิ ตวิ เสน ปน มโน เสโ เอเตสนตฺ ิ มโนเสา. ยถา หิ โจราทีนํ โจรเชกาทโย อธปิ ติโน เสา; ตถา เตสมปฺ  มโนติ มโนเส า. ยถา ปน ทารุอาทหี ิ นิปผฺ นนฺ านิ ตานิ ตานิ ภณฑฺ านิ ทารมุ ยาทนี ิ นาม โหนตฺ ิ; ตถา เอเตป มนโต นปิ ผฺ นนฺ ตตฺ า มโนมยา นาม. ปทุ เ นาต:ิ อาคนตฺ เุ กหิ อภชิ ฌฺ าทีหิ โทเสหิ ปทุเ น. ปกตมิ โน หิ ภวงคฺ จติ ตฺ .ํ ตํ อปฺปทุ , ยถา หิ ปสนนฺ ํ อทุ กํ อาคนตฺ ุเกหิ นีลาทหี ิ อปุ กกฺ ิลิ   นโี ลทกาทเิ ภทํ โหต,ิ น จ นวํ อุทกํ นาป ปรุ มิ ํ ปสนนฺ อุทกเมว; ตถา ตมปฺ  อาคนฺตุเกหิ อภิชฌฺ าทหี ิ โทเสหิ ปทุ   โหต,ิ น จ นวํ จติ ตฺ ํ, นาป ปรุ ิมํ ภวงฺคจติ ฺตเมว. เตนาห ภควา \"ปภสฺสรมทิ ํ ภิกฺขเว จติ ตฺ .ํ ตจฺ โข อาคนตฺ เุ กหิ อปุ กกฺ ิเลเสหิ อุปกกฺ ลิ ิ  นตฺ .ิ เอวํ มนสา เจ ปทุเ น. ภาสติ วา กโรติ วาต:ิ โส ภาสมาโน จตุพพฺ ธิ ํ วจีทจุ จฺ รติ เมว ภาสต,ิ กโรนโฺ ต ตวิ ธิ ํ กายทุจฺจริตเมว กโรติ, อภาสนโฺ ต อกโรนโฺ ต ตาย อภชิ ฌฺ าทหี ิ ปทุ มานสตาย ตวิ ิธํ มโน ทจุ จฺ รติ ํ ปเู รต.ิ เอวมสฺส ทส อกสุ ลกมมฺ ปถา ปารปิ รู ึ คจฉฺ นตฺ ิ. ตโต นํ ทกุ ฺขมเนวฺ ตตี ิ: ตโต ตวิ ธิ ทุจฺจรติ โต ตํ ปคุ คฺ ลํ ทกุ ฺขมเนฺวติ: ทจุ ฺจรติ านุภาเวน จตูสุ อปาเยสุ วา มนสุ ฺเสสุ วา ตมตฺตภาวํ คจฉฺ นตฺ ํ กายวตถฺ กุ มปฺ  อติ รวตถฺ ุกมปฺ ติ อิมนิ า ปรยิ าเยน กายกิ เจตสกิ ํ วิปากทกุ ขฺ ํ อนุคจฉฺ ติ. ยถากึ? จกกฺ วํ วหโต ปทนตฺ :ิ ธเุ ร ยตุ ตฺ สสฺ ธรุ ํ วหโต พลิวททฺ สฺส ปทํ จกกฺ ํ วิย. ยถา หิ โส เอกปํ  ทิวสํ เทวฺ ป ปจฺ ป ทสป อฑฒฺ มาสํป วหนโฺ ต จกกฺ ํ นวิ ตฺเตตุ ชหติ ุ น สกโฺ กติ; อถขวฺ สฺส ปรุ โต อตกิ กฺ มนฺตสสฺ ยุคํ ควี ํ พาธต,ิ ปจฉฺ โต ปฏกิ กฺ มนตฺ สสฺ จกฺกํ อรู มุ ํสํ ปฏหิ นตฺ ิ; อเิ มหิ ทฺวีหิ การเณหิ พาธนตฺ ํ จกกฺ ํ ตสฺส ปทานปุ ทกิ ํ โหนฺต,ิ ตเถว มนสา ปทุ เ น ตณี ิ ทจุ ฺจรติ านิ ปูเรตวฺ า ิตํ ปุคคฺ ลํ นิรยาทสี ุ ตตถฺ ตตถฺ คต าเนสุ ทจุ จฺ รติ มูลกํ กายกิ มฺป เจตสิกมฺป ทุกขฺ ํ อนพุ นฺธตตี ิ. คาถาปรโิ ยสาเน ตสึ สหสสฺ า ภกิ ฺขู สห ปฏิสมภฺ ิทาหิ อรหตตฺ ํ ปาปณุ สึ ุ. สมปฺ ตตฺ ปริสายป เทสนา สาตฺถกิ า สผลา อโหสตี .ิ จกฺขุปาลตเฺ ถรวตถฺ ุ.

ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๑ คำแปลโดยอรรถ ในสมยั น้นั พระศาสดาทรงประกาศพระบวรธรรมจกั รใหเ ปน ไปแลว เสด็จไปโดยลำดบั ประทับอยู ณ พระเชตวนั มหาวหิ าร ทที่ านอนาถบณิ ฑิกมหาเศรษฐบี รจิ าคทรัพยน บั ได ๕๔ โกฏิสรา งถวาย, ทรงสงั่ สอน มหาชนใหต ั้งอยใู นทางสวรรคแ ละในทางนพิ พาน. แทจรงิ พระตถาคตเสด็จอยูจำพรรษาๆ เดยี วเทานน้ั ในนิโครธมหาวหิ าร ท่ีพระญาติวงศฝ า ย พระชนนี ๘ หมนื่ ตระกูล, ฝา ยพระชนก ๘ หมน่ื ตระกูล เขา กนั เปน แสนหกหมน่ื ตระกลู สรางถวาย, เสด็จอยู จำพรรษา ณ เชตวนั มหาวิหาร ทท่ี า นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐสี รางถวาย ๑๙ พรรษา, เสด็จจำพรรษา ณ บพุ พา ราม ทนี่ างวสิ าขามหาอุบาสกิ าบรจิ าคทรพั ยน บั ได ๒๗ โกฏสิ รา งถวาย ๖ พรรษา, ทรงอาศัยทต่ี ระกูลทง้ั สอง เปนผใู หญโ ดยคุณธรรม เสดจ็ อยจู ำพรรษาอาศัยกรุงสาวตั ถี (เปน โคจรคาม) ถงึ ๒๕ พรรษา ดว ยประการ ฉะน.้ี ทงั้ ทานอนาถบิณฑกิ มหาเศรษฐี ทง้ั วิสาขามหาอบุ าสกิ า ยอมไปสทู อ่ี ปุ ฏ ฐากพระตถาคตเจาวันละ ๒ ครง้ั เปน ประจำ และเมอ่ื ไปไมเ คยมมี ือเปลา ไป ดว ยคิดเกรงวา “ภิกษหุ นุมและสามเณร จกั แลดมู อื ตน.” เมื่อไปกอนเวลาฉนั อาหาร ยอ มใชใ หคนถอื ของขบเค้ียวเปนตน ไป; เมอ่ื ไปภายหลงั แตเ วลาฉนั อาหาร ใชให คนถอื ปญจเภสัช35๑ และอฐั บาน36๒ ไป. และในเคหสถานแหงทา นท้งั สองนนั้ เขาแตง อาสนะไวเ พอื่ ภกิ ษแุ หง ละ ๒ พันรูปเปน นติ ยกาล. พระภกิ ษุรูปใดปรารถนาของส่ิงใด จะเปนขาวน้ำหรือเภสัช ของนน้ั กส็ ำเร็จแก พระภิกษรุ ปู นัน้ สมปรารถนา. ในทา นทง้ั สองนน้ั ทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐไี มเ คยทลู ถามปญ หาตอพระศาสดา จนวนั เดียว. ไดยนิ วา ทานคิดวา “พระตถาคตเจา เปน พระพทุ ธเจา ผูละเอียดออน เปน กษตั รยิ ผ ลู ะเอียดออ น เมื่อทรง แสดงธรรมแกเรา ดว ยทรงพระดำริวา ‘คฤหบดมี อี ปุ การะแกเ รามาก’ ดงั นี้ จะทรงลำบาก” แลว ไมท ลู ถาม ปญหาดว ยความรกั ในพระศาสดาเปนอยางยง่ิ . ฝายพระศาสดา พอทา นเศรษฐนี ง่ั แลว ทรงพระพทุ ธดำริวา “เศรษฐผี นู ้ีรกั ษาเราในทีไ่ มค วรรกั ษา, เหตวุ า เราไดต ดั ศรี ษะของเราอนั ประดบั ประดาแลว ควกั ดวงตาของเราออกแลว ชำแหละเนือ้ หวั ใจของเรา แลว สละลกู เมยี ผูเปน ทีร่ กั เสมอดว ยชีวติ ของเราแลว บำเพ็ญบารมีอยู ๔ อสงไขยกบั แสนกัลป กบ็ ำเพ็ญแลว เพ่อื แสดงธรรมแกผูอนื่ เทา นนั้ เศรษฐนี ี่รกั ษาเราในทีไ่ มค วรรกั ษา,” (ครนั้ ทรงพุทธดำร)ิ ฉะนแี้ ลว กต็ รสั พระ ธรรมเทศนากณั ฑห น่ึงเสมอ. คร้ังน้นั ในกรุงสาวตั ถี มคี นอยู ๗ โกฏิ ในคนหมนู น้ั คนไดฟง ธรรมกถาของพระศาสดาแลว เกดิ เปนอริยสาวกประมาณ ๕ โกฏิ ยังเปน ปุถชุ นอยูประมาณ ๒ โกฏิ. ในคนเหลานนั้ กิจของพระอริยสาวกมี เพียง ๒ อยางเทานนั้ คอื ในกาลกอ นแตเวลาฉนั อาหาร ทานถวายทาน, ในกาลภายหลังแตฉ ันอาหารแลว ทา นมมี อื ถอื เคร่อื งสักการบชู ามขี องหอมและระเบยี บดอกไมเ ปน ตน ใชค นใหถือไทยธรรมมผี าเภสชั และนำ้ ปานะเปน ตน ไปเพือ่ ตองการฟง ธรรม. ๑ ปญจเภสัช หมายถงึ เภสัช ๕ คอื เนยใส ๑ เนยขน ๑ น้ำมนั ๑ น้ำผึง้ ๑ นำ้ ออย ๑. ๒ อฏั ฐบาน หมายถึง ปานะ ๘ คือ น้ำมะมว ง ๑ นำ้ ชมพูหรอื น้ำหวา ๑ น้ำกลว ยมีเมลด็ ๑ น้ำกลว ยไมม ีเมลด็ ๑ นำ้ มะซาง ๑ น้ำลกู จันทน หรอื องนุ ๑ นำ้ เหงา อบุ ล ๑ นำ้ มะปรางหรอื ล้ินจี่ ๑

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๒ ภายหลังวนั หนงึ่ กุ มพีมหาปาละเหน็ หมูอ รยิ สาวก มมี อื ถอื เครอ่ื งสกั การบชู า มีของหอมและ ระเบียบดอกไมเ ปน ตน ไปสวู หิ าร จึงถามวา “มหาชนหมูนี้ไปไหนกนั ?” ครน้ั ไดย นิ วา “ไปฟง ธรรม” กค็ ิดวา “เราก็จักไปบาง” ครนั้ ไปถงึ ถวายบังคมพระศาสดาแลว นัง่ อยขู า งทา ยประชมุ ชน. ธรรมดาพระพุทธเจา ทง้ั หลาย เมอ่ื จะทรงแสดงธรรม ทอดพระเนตรอปุ นิสัยแหงคณุ มสี รณะ ศีล และบรรพชาเปนตน(กอ น) แลวจงึ ทรงแสดงธรรมตามอำนาจอธั ยาศัย. เหตนุ ั้น วันนน้ั พระศาสดาทอดพระเนตรอปุ นสิ ยั ของกุ ม พมี หาปาละแลว เมือ่ ทรงแสดงธรรม ได ตรสั อนุปพุ พีกถา คือทรงประกาศทานกถา(พรรณนาทาน) สลี กถา(พรรณนาศลี ) สคั คกถา(พรรณนาสวรรค) โทษ ความเลวทรามและความเศราหมองแหง กามทงั้ หลาย และอานสิ งสในเนกขมั มะ(คอื ความออกไปจาก กามทัง้ หลาย) กุม พมี หาปาละไดส ดบั ธรรมน้ันแลว คิดวา “บตุ รและธดิ ากด็ ี โภคสมบตั กิ ด็ ี ยอ มไปตามผไู ปสู ปรโลกหาไดไ ม แมสรีระกไ็ ปกบั ตัวไมไ ด ประโยชนอะไรของเราดว ยการอยคู รองเรือน เราจกั บวช” พอ เทศนาจบ เขากเ็ ขาไปเฝา พระศาสดา ทลู ขอบวช. ขณะนน้ั พระศาสดาตรสั ถามเขาวา “ญาตไิ หนๆ ของทา นท่ีควรจะตอ งอำลาไมมบี า งหรือ?” เขาทลู วา “พระเจา ขา นองชายของขา พระพุทธเจามอี ย.ู ” พระศาสดารบั สงั่ วา “ถา อยางนนั้ ทา นจงอำลาเขาเสยี [กอ น].” เขาทลู รบั วา “ดแี ลว ” ถวายบังคมพระศาสดาแลว ไปถงึ เรือนแลว ใหเรยี กนอ งชายมา มอบทรัพย สมบัตใิ หว า “แนะ พอ สวญิ ญาณกทรพั ยก็ดี อวญิ ญาณกทรัพยกด็ ี อนั ใดอันหนงึ่ บรรดามใี นตระกูลนี้ ทรัพย นน้ั จงตกเปนภาระของเจา ทงั้ หมด เจา จงดแู ลทรัพยน ั้นเถิด.” นองชายถามวา “นาย ก็ทา นเลา ?” พชี่ ายตอบวา “ขา จักบวชในสำนักของพระศาสดา.” น. พพ่ี ูดอะไร เม่ือมารดาของขาพเจาตายแลว ขา พเจาไดท า นเปน เหมอื นมารดา เมอ่ื บดิ าตายแลว ไดทา นเปน เหมอื นบดิ า. สมบตั ิเปน อนั มากมีอยใู นเรือนของทาน, ทา นอยูครองเรือนเทานัน้ อาจทำบญุ ได, ขอ ทา นอยา ไดทำอยา งนั้นเลย. พ. พอ ขา ไดฟ งธรรมเทศนาของพระศาสดา, เพราะ (เหตุที่) พระศาสดาทรงแสดงธรรมมคี ุณ ไพเราะ (ทง้ั ) ในเบ้อื งตน ทา มกลาง และท่สี ดุ ยกขนึ้ สไู ตรลกั ษณะ37๑ อนั ละเอยี ดสขุ มุ ธรรมนั้น อันใครๆ ไม สามารถจะบำเพ็ญใหบ ริบรู ณในทามกลางเรอื นได; ขา จกั บวชละ พอ. น. พี่ เออ ก็ทา นยงั หนมุ อยโู ดยแท, เอาไวบ วชในเมื่อทา นแกเ ถดิ . พ. พอ ก็แมมอื และเทา ของคนแก (แต) ของตวั กย็ ังวา ไมฟ ง ไมเ ปนไปในอำนาจ, กจ็ กั กลาวไป ทำไมถึงญาติทง้ั หลาย, ขา นนั้ จะไมทำ (ตาม) ถอ ยคำของเจา , ขา จกั บำเพ็ญสมณปฏบิ ัตใิ หบ รบิ รู ณ. มือและเทาของผูใดทรุดโทรมไปเพราะชรา วาไมฟ ง ผูน ั้นมเี รยี่ วแรงอันชรากำจัดเสียแลว จักประพฤตธิ รรมอยางไรได. ขาจกั บวชแนละ พอ. ๑ ไตรลกั ษณะ คือ อนจิ จลกั ษณะ ๑ ทกุ ขลกั ษณะ ๑ อนัตตลักษณะ ๑.

ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๓ เมอ่ื นอ งชายกำลังรองไหอยูเทยี ว, เขาไปสูสำนักพระศาสดาแลว ทลู ขอบวช ไดบรรพชาอุปสมบท แลว อยูใ นสำนกั แหง พระอาจารย และอปุ ชฌายครบ ๕ พรรษาแลว ออกพรรษา ปวารณาแลว เขา ไปเฝา พระศาสดา ถวายบงั คมแลว ทลู ถามวา “พระเจา ขา ในพระศาสนานมี้ ีธรุ ะกีอ่ ยา ง?” พระศาสดาตรัสตอบวา “ภกิ ษุ ธรุ ะมี ๒ อยา ง คือ คนั ถธุระ (กับ) วปิ สสนาธรุ ะ เทานนั้ .” พระมหาปาละทูลถามวา “พระเจา ขา กค็ ันถธรุ ะเปนอยา งไร? วิปสสนาธุระเปน อยา งไร?” ศ. ธรุ ะน้ี คอื การเรียนนิกายหน่ึงก็ดี สองนกิ ายกด็ ี จบพทุ ธวจนะคือพระไตรปฎ กกด็ ี ตามสมควร แกปญ ญาของตนแลว ทรงไว กลา วบอกพุทธวจนะนนั้ ชอ่ื วา คันถธรุ ะ. สว นการเริ่มตัง้ ความสนิ้ และความ เสอ่ื มไวใ นอตั ภาพ ยงั วปิ ส สนาใหเ จรญิ ดว ยอำนาจแหง การตดิ ตอ แลว ถือเอาพระอรหตั ของภกิ ษผุ มู ีความ ประพฤติแคลวคลอง ยนิ ดยี ิ่งแลวในเสนาสนะอนั สงดั ชอื่ วา วปิ ส สนาธุระ. ม. พระเจา ขา ขาพระองคบ วชแลว แตเ มอ่ื แก ไมส ามารถจะบำเพญ็ คันถธุระใหบ รบิ ูรณไ ด, แตจ กั บำเพญ็ วปิ ส สนาธรุ ะใหบ รบิ รู ณ, ขอพระองคต รัสบอกพระกรรมฐานแกข าพระองคเ ถดิ . ลำดับนัน้ พระศาสดาไดต รสั บอกพระกรรมฐานตลอดถงึ พระอรหัตแกพ ระมหาปาละ. ทานถวาย บงั คมพระศาสดาแลว แสวงหาภิกษผุ ูจะไปกับตน ไดภกิ ษุ ๖๐ รปู แลว ออกพรอ มกับเธอท้งั หลายไปตลอด ทาง ๑๒๐ โยชน ถงึ บา นปลายแดนหมูใหญต ำบลหน่งึ จงึ พรอ มดวยบรวิ าร เขาไปบณิ ฑบาต ณ บานนนั้ . หมูม นษุ ยเหน็ ภิกษุทง้ั หลาย ผูถงึ พรอ มดว ยวตั ร มจี ติ เลอ่ื มใส แตงอาสนะแลว นิมนตใ หนงั่ องั คาส ดวยอาหารอนั ประณตี แลว ถามวา “ทา นเจา ขา พระผเู ปน เจา จะไปทไี่ หน?” เม่ือเธอทง้ั หลายกลาวตอบวา “อุบาสกและอบุ าสกิ าท้ังหลาย เราจะไปสทู ี่ตามผาสุก” ดังนแี้ ลว , มนษุ ยผเู ปน บณั ฑติ รูวา “ทา นผูเจรญิ ท้ังหลายแสวงหาเสนาสนะท่จี ำพรรษา,” จงึ กลา วอาราธนา วา “ทานผเู จรญิ ถาพระผูเ ปน เจาทงั้ หลาย พึงอยู ณ ท่นี ่ตี ลอดไตรมาสนี้ ขาพเจา ทัง้ หลายจะพงึ ตง้ั อยูใน สรณะแลว ถอื ศีล.” แมเ ธอท้ังหลายกค็ ดิ เห็นวา “เราไดอ าศยั ตระกลู เหลา นี้ จักทำการออกไปจากภพได” ดงั น้ี จงึ รบั นมิ นต. หมมู นุษยรบั ปฏิญญาของเธอทง้ั หลายแลว ได (ชว ยกัน) ปด กวาดวหิ าร จัดทีอ่ ยูในกลางคืน และทีอ่ ยู ในกลางวัน แลว มอบถวาย. เธอทง้ั หลายเขาไปบิณฑบาตบา นนนั้ ตำบลเดยี วเปน ประจำ. ครงั้ นนั้ หมอผูห นง่ึ เขาไปหาเธอทงั้ หลาย ปวารณาวา “ทานผูเจรญิ ธรรมดาในทอี่ ยูของคนมาก ยอ มมคี วามไมผ าสกุ บา ง. เมอ่ื ความไมผาสุกนั้นเกดิ ข้นึ แลว ทานทง้ั หลายพงึ บอกแกขา พเจา ขาพเจาจกั ทำ เภสัชถวาย.” ในวนั จำพรรษา พระเถระเรยี กภิกษุเหลานนั้ มา (พรอมกัน) แลว ถามวา “ทา นผมู ีอายุทัง้ หลาย ทา นท้ังหลายจักใหไ ตรมาสน้นี อมลวงไปดว ยอริ ยิ าบถเทาไร?” ภกิ ษุทงั้ หลายเรียนตอบวา “จกั ใหน อมลว งไปดว ยอิรยิ าบถครบทง้ั ๔ ขอรบั .” ถ. ทานผมู อี ายุทงั้ หลาย กข็ อนนั้ สมควรละหรือ? เราทั้งหลายควรเปน ผไู มป ระมาทไมใ ชห รือ? เพราะเราทง้ั หลายเรียนพระกรรมฐานมาจากสำนกั ของพระพุทธเจา ผยู งั ทรงพระชนมอยู. แลธรรมดาวา พระพทุ ธเจา ทง้ั หลาย อนั คนมักอวดไมสามารถจะใหท รงยนิ ดไี ด, ดวยวา พระพุทธเจาท้งั หลายนนั้ อนั คนมี อัธยาศัยงาม (จำพวกเดยี ว) พงึ ใหทรงยนิ ดีได, และขึน้ ชอื่ วาอบายท้ัง ๔ เปน เหมือนเรือนของตัวเองแหง คนผู ประมาทแลว , ขอทานทัง้ หลายจงเปน ผูไ มป ระมาทเถดิ ทา นผูม ีอายทุ ้งั หลาย. ภ. กท็ า นเลา ขอรบั . ถ. ทา นผูม ีอายทุ งั้ หลาย ขาพเจา จกั ให (ไตรมาสน)้ี (นอม)ลวงไปดวยอริ ิยาบถ ๓, จกั ไมเหยียดหลงั .

ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๔ ภ. สาธุ ขอจงเปน ผไู มป ระมาทเถดิ ขอรบั . เมอื่ พระเถระไมห ยงั่ ลงสูน ทิ รา, เม่ือเดือนตน ผา นไปแลว , โรคในจกั ษกุ เ็ กดิ ขึน้ . สายน้ำไหลออกจาก ตาท้งั ๒ ขา ง เหมือนสายนำ้ อนั ไหลออกจากหมอ อนั ทะลุ. ทานบำเพญ็ สมณธรรมตลอดราตรที ง้ั สิน้ แลว ใน เวลาอรุณขน้ึ เขา หอ งนัง่ แลว . ในเวลาภิกขาจาร ภกิ ษทุ ง้ั หลายไปสสู ำนักของพระเถระเรียนวา “เวลาน้เี ปน เวลาภิกขาจาร ขอรบั .” พระเถระตอบวา “ทา นผมู อี ายทุ ั้งหลาย ถา อยางนนั้ ทานทงั้ หลายถอื บาตรและจวี ร เถดิ ” ดังนีแ้ ลว ใหเ ธอทั้งหลายถือบาตรและจวี รของตนออกไปแลว . ภิกษทุ ั้งหลายเหน็ ตาทง้ั สองของพระเถระนองอยู จงึ เรยี นถามวา “นัน่ เปน อะไร ขอรบั ” ถ. ทานผูม อี ายทุ งั้ หลาย ลมแทงตาของขาพเจา . ภ. ทานขอรับ หมอปวารณาเราไวไ มใ ชห รอื ? เราควรบอกแกเขา. ถ. ดลี ะ ทา นผมู อี ายุท้งั หลาย. เธอทงั้ หลายจึงไดบ อกแกห มอ. เขาหงุ นำ้ มันสง ไปถวายแลว. พระเถระเมอื่ หยอดนำ้ มันในจมกู น่ัง หยอดเทยี วแลว เขาไปภายในบาน. หมอเหน็ เรยี นถามวา “ทานขอรับ ไดยนิ วา ลมแทงตาของพระผูเปน เจา หรอื ?” ถ. เจรญิ พร อุบาสก. ม. ทานเจาขา ขา พเจาหงุ นำ้ มันแลว สงไป (ถวาย) ทา นหยอดทางจมกู แลวหรือ? ถ. เจรญิ พร อุบาสก. ม. เดย๋ี วนี้ เปน อยา งไร ขอรบั . ถ. ยังแทงอยูท เี ดียว อบุ าสก. หมอคดิ ฉงนใจ “เราสง นำ้ มนั เพอ่ื จะยงั โรคใหระงับไดด ว ยการหยอดเพียงครัง้ เดยี วเทานน้ั ไปถวาย แลว , เหตไุ ฉนหนอแล โรคจึงยงั ไมสงบ?” จงึ เรียนถามวา “ทา นเจา ขา นำ้ มนั นน้ั ทานนงั่ หยอดหรือนอน หยอด.” พระเถระไดน งิ่ เสีย, ทานแมห มอซักถามอยู กไ็ มพดู . หมอนึกวา “เราจกั ไปวหิ ารดทู ี่อยูเ อง” ดงั นแ้ี ลว กลา ววา “ถาอยา งนัน้ นิมนตไ ปเถิด ขอรับ” ผละ พระเถระแลว ไปสวู หิ ารดูทอี่ ยขู องพระเถระ เหน็ แตท ีจ่ งกรมและทนี่ งั่ ไมเห็นทน่ี อน จงึ เรยี นถามวา “ทาน เจาขา นำ้ มนั นนั้ ทา นน่งั หยอดหรอื นอนหยอด\" พระเถระไดน ่งิ เสยี . หมอออ นวอนซ้ำวา “ทา นผูเจรญิ ขอ ทา นอยา ไดทำอยางนั้น, ธรรมดา สมณธรรม เมื่อรา งกายยังเปน ไปอยู กอ็ าจทำได, ขอทานนอนหยอดเถดิ .” พระเถระตอบวา “ไปเถิด ผมู อี ายุ ขาพเจา จกั ปรึกษาดูกอนแลว จงึ จกั รู.” กใ็ นทน่ี ้ันไมม ญี าติ สาโลหติ ของพระเถระเลย ทานจะพงึ ปรึกษากบั ใครเลา ? ถึงอยางนน้ั ทา นปรกึ ษากับกรัชกาย อยดู ำริวา “แนะ ปาลติ ะผมู ีอายุ ทานจงวามากอน, ทา นจักเหน็ แกจ ักษุหรอื จักเห็นแกพ ระพุทธศาสนา, กใ็ นสังสารวฏั อนั มที ส่ี ดุ อนั ใครตามคน ไปกร็ ูไมไ ด การคณนานบั ตัวทา นผบู อดดว ยจักษหุ ามไี ม, และพระพุทธเจา ทั้งหลายก็ ลว งไปหลายรอ ยหลายพันพระองคแลว ในพระพุทธเจาเหลานนั้ พระพทุ ธเจา แมแตพ ระองคเดยี วกก็ ำหนด ไมได, ทา นไดผูกใจไวเด๋ยี วนเี้ องวา “จักไมน อน จนตลอด ๓ เดือนภายในฤดูฝนนี้; เหตฉุ ะนัน้ จักษขุ องทา น ฉบิ หายเสยี หรอื แตกเสยี กต็ ามเถดิ ทานจงทรงแตพระพุทธศาสนาไวเ ถิด อยาเห็นแกจักษุเลย” เมอ่ื กลาวสอนภตู กาย ไดภ าษติ คาถาเหลานวี้ า :- “จกั ษทุ ท่ี านถอื วา ของตัว เสอื่ มไปเสยี เถดิ หูก็ เสอื่ มไปเสยี เถดิ , กายกเ็ ปน เหมอื นกนั อยางน้นั เถิด,

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๕ แมสรรพสงิ่ อันอาศัยกายน้ี ก็เส่ือมไปเสียเถิด, ปาลติ ะ เหตไุ ฉน ทา นจงึ ประมาทอย.ู จักษุท่ที า นถือวา ของตัว ทรุดโทรมไปเสียเถิด, หกู ็ทรดุ โทรมไปเสียเถดิ , กาย กเ็ ปน เหมอื นกนั อยา งนน้ั เถดิ , แมส รรพสิ่งอนั อาศยั กายน้ี ก็ทรดุ โทรมไปเสยี เถดิ , ปาลติ ะ เหตไุ ฉน ทา น จงึ ประมาทอยู. จักษุท่ที า นถอื วา ของตัวแตกไปเสยี เถดิ , หูก็แตกไปเสียเถดิ , รปู ก็เปน เหมือนกนั อยางนนั้ เถิด, แมสรรพสิ่งอันอาศยั กายนก้ี แ็ ตกไปเสยี เถดิ , ปาลิตะ เหตไุ ฉน ทา นจึงประมาทอย.ู ” ตนเองดว ย ๓ คาถาอยางนแ้ี ลว ไดน ัง่ ทำนตั ถุกรรม แลว จึงเขา ไปบานเพื่อบิณฑบาต หมอเหน็ แลว เรียนถามวา “ทานเจาขา ทา นทำนัตถุกรรมแลวหรือ?” ถ. เออ อุบาสก. ม. เปน อยา งไรบาง ขอรบั . ถ. ยังแทงอยูเ ทยี ว อบุ าสก. ม. ทานนั่งหยอดหรอื นอนหยอด ขอรบั . พระเถระไดน ง่ิ เสยี , ทานแมอ นั หมอถามซำ้ กไ็ มพ ูดอะไร. ขณะนนั้ หมอกลาวกะทา นวา “ทานผเู จรญิ ทา นไมท ำความสบาย ตงั้ แตว นั น้ี ขอทา นอยาไดกลา ว วา ‘หมอผโู นน หงุ น้ำมนั ใหเรา’ แมข า พเจากจ็ กั ไมกลา ววา “ขา พเจา หุงนำ้ มนั ถวายทาน.” พระเถระถกู หมอบอกเลิกแลว กลับไปสวู หิ าร ดำรวิ า “ทานแมห มอเขากบ็ อกเลิกแลว ทา นอยา ได ละอิรยิ าบถเสียนะ สมณะ” แลวกลา วสอนตนดว ยคาถาน้วี า “ปาลติ ะ ทา นถูกหมอเขาบอกเลิกจากการรกั ษา ทิ้งเสยี แลว เท่ียงตอมัจจุราช ไฉนจงึ ยงั ประมาทอยเู ลา ?” ดงั นแ้ี ลว บำเพญ็ สมณธรรม. ลำดับนนั้ พอมัชฌิมยามลว งแลว , ทง้ั ดวงตา ทั้งกเิ ลส ของทา นแตก (พรอมกนั ) ไมก อ นไมหลงั กวา กนั . ทา นเปนพระอรหนั ตสกุ ขวปิ ส สก เขา ไปสหู อ งนั่งแลว. ในเวลาภกิ ขาจาร ภิกษุทง้ั หลายไปเรยี นวา “ทา นผเู จรญิ เวลานเี้ ปนเวลาภิกขาจาร.” ถ. กาลหรอื ? ทานผมู ีอายุทง้ั หลาย. ภ. ขอรบั . ถ. ถา อยางนัน้ ทานทง้ั หลายไปเถดิ . ภ. กท็ านเลา? ขอรบั . ถ. ตาของขา พเจา เส่อื มเสียแลว ทานผมู ีอายุทงั้ หลาย. เธอท้ังหลายแลดตู าของทานแลว มีตาเตม็ ดว ยนำ้ ตา ปลอบพระเถระวา “ทานผเู จริญ ทา นอยา คดิ ไปเลย, กระผมทงั้ หลายจกั ปฏิบตั ทิ า น.” ดังนแี้ ลว ทำวตั รปฏบิ ตั ิทคี่ วรจะทำเสร็จแลวเขา ไปสบู า น. หมมู นษุ ยไ มเ หน็ พระเถระ ถามวา “ทา นเจา ขา พระผเู ปน เจา ของขา พเจา ทงั้ หลายไปขา งไหนเสีย” ทราบขา วนั้นแลว สง ขา วตม ไปถวายกอ นแลว ถอื เอาบณิ ฑบาตไปเอง ไหวพ ระเถระแลว รองไหก ลิ้งเกลอื ก

ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๖ อยูแทบเทา (ของทา น) ปลอบวา “ทานเจา ขา ขา พเจาทงั้ หลายจักรับปฏบิ ตั ิ ทา นอยา ไดค ดิ ไปเลย” แลว ลา กลับ. ตัง้ แตน ้ันมา เขาก็สง ขา วตม และขา วสวยไปถวายทีว่ หิ ารเปน นิตย. ฝายพระเถระกก็ ลา วสอนภกิ ษุ ๖๐ รูปนอกนีเ้ ปน นิรนั ดร. เธอทง้ั หลายตง้ั อยใู นโอวาทของทา น, ครน้ั จวนวนั ปวารณา กบ็ รรลพุ ระอรหตั พรอมดว ยปฏิสมั ภทิ าทุกรปู . กแ็ ลเธอท้งั หลายออกพรรษาแลว อยากจะเฝา พระศาสดา จงึ เรยี นพระเถระวา “กระผมทง้ั หลาย อยากจะเฝา พระศาสดา ขอรับ.” พระเถระไดฟ งคำของเธอทัง้ หลายแลว คดิ วา “เราเปน คนทพุ พลภาพ และในระหวางทาง ดงท่ี อมนษุ ยสิงก็มอี ยู เมอ่ื เราไปกบั เธอทั้งหลาย จักพากนั ลำบากทงั้ หมด จักไมอาจเพ่ืออันไดแ มภกิ ษา เราจกั สง ภกิ ษเุ หลานีไ้ ปเสยี กอ น.” ลำดับนน้ั ทานจงึ กลาวกะเธอท้งั หลายวา “ผูม อี ายทุ ้ังหลาย ทานทง้ั หลายไปกอ นเถดิ .” ภ.ก็ทานเลา? ขอรับ. ถ.ขา พเจาเปน คนทุพพลภาพ และในระหวางทาง ดงท่ีอมนษุ ยสงิ ก็มีอยู เม่ือขา พเจาไปกบั ทา น ทัง้ หลาย จกั พากันลำบากทง้ั หมด ทานทง้ั หลายไปกอ นเถิด. ภ. อยาทำอยางนีเ้ ลย ขอรบั กระผมท้ังหลายจกั ไปพรอ มกันกบั ทานทีเดียว. ถ. “ทา นทงั้ หลายอยาชอบอยางน้ันเลย, เมอ่ื เปน อยา งนนั้ ความไมผ าสกุ จกั มแี กขา พเจา , นอ งชาย ของขา พเจา เห็นทา นทง้ั หลายแลว คงจกั ถาม, เมอ่ื เชนนน้ั ทา นท้งั หลายพงึ บอกความทจ่ี ักษขุ องขา พเจา เสอ่ื มเสยี แลว แกเขา เขาคงจักสงใครๆ มาสสู ำนักของขา พเจา ขาพเจา จกั ไปกบั เขา, ทา นท้ังหลายจงไหวพ ระ ทศพลและพระอสตี มิ หาเถระตามคำของขาพเจา” ดังนแี้ ลว ก็สงภกิ ษเุ หลานนั้ ไป. เธอทง้ั หลายขมาพระเถระแลว เขา ไปสูภายในบาน. หมมู นุษยน ิมนตใ หนง่ั ถวายภิกษาแลว ถามวา “ทา นเจา ขา ดทู า ทพี ระผเู ปน เจาทงั้ หลายจะไปกนั ละหรอื ?” เธอท้ังหลายตอบวา “เออ อุบาสกและ อบุ าสกิ าทงั้ หลาย พวกขาพเจาอยากจะเฝา พระศาสดา.” พวกเขาออ นวอนเปน หลายครั้งแลว ทราบความ พอใจในการทเ่ี ธอทง้ั หลายจะไปใหไ ด จึงตามไปสง แลว บน รำพนั กลับมา. ฝายเธอทงั้ หลายไปถงึ พระเชตวนั โดยลำดบั ถวายบังคมพระศาสดาและไหวพระมหาเถระทง้ั หลาย ตามคำของพระเถระแลว , ครน้ั รงุ ขนึ้ เขาไปสถู นนทนี่ องชายของพระเถระอยู เพอื่ บิณฑบาต. กุ มพจี ำเธอ ทั้งหลายไดน มิ นตใหน ั่ง ทำปฏสิ นั ถารแลว ถามวา “พระเถระพี่ชายของขา พเจา อยไู หน?” ลำดบั นั้น เธอท้ังหลายแจง ขา วนน้ั แกเขาแลว . เขารองไหก ลิ้งเกลือกอยูแทบบาทมูลของเธอทง้ั หลาย ถามวา “ทา นเจา ขา บดั น้ีควรทำอะไรด”ี ภ. พระเถระตอ งการใหใ ครๆ ไปจากทน่ี ี้, ในกาลเมอื่ ไปถงึ แลว ทา นจกั มากบั เขา. ก. ทา นเจา ขา เจาคนนี้ หลานของขา พเจา ชอื่ ปาลติ ะ ขอทานท้ังหลายสงเจานไ่ี ปเถดิ . ภ. สงไปอยา งนไ้ี มไ ด (เพราะ) อนั ตรายในทางมอี ยู, ตอ งใหบ วชเสียกอนแลวสงไป จึงจะควร. ก. ขอทา นทงั้ หลายทำอยา งน้นั แลวสง ไปเถดิ ขอรับ. ครัง้ น้ัน เธอทงั้ หลายใหเขาบวชแลว สัง่ สอนใหศกึ ษาขอ วตั รปฏิบตั มิ รี บั จวี รเปน ตน สักกงึ่ เดือนแลว บอกทางใหแลว สง ไป. สามเณรถึงบา นน้ันโดยลำดบั เห็นชายผใู หญค นหนงึ่ ทปี่ ระตูบา น จึงถามวา “วหิ ารปา ไรๆ อาศัย บานนม้ี ีบา งหรอื ?”

ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๗ ช. มี เจา ขา. ส. ใครอยูทน่ี นั่ ? ช. พระเถระช่อื ปาลติ ะ เจาขา . ส. ขอทานบอกทางแกข าพเจาหนอ ย. ช. ทานเปน อะไรกนั ? เจา ขา . ส. รปู เปนหลานของพระเถระ. ขณะนน้ั เขาพาเธอนำไปสวู หิ ารแลว . เธอไหวพ ระเถระแลวทำวตั รปฏิบตั ิ บำรุงพระเถระดวยดีสกั กงึ่ เดอื นแลว เรยี นวา “ทา นผูเจรญิ กุม พผี ลู งุ ของกระผมตองการใหท านกลบั ไป ขอทา นมาไปดวยกนั เถิด.” พระเถระกลา ววา “ถา อยางน้นั เธอจงจบั ปลายไมเ ทา ของเราเขา.” สามเณรจับปลายไมเ ทา เขา ไปภายในบา นกบั พระเถระ. หมูมนุษยนมิ นตใ หน งั่ แลว เรยี นถามวา “ทา นผเู จรญิ ดทู าทที า นจะไปละ กระมงั ?” พระเถระตอบวา “เออ อุบาสกและอุบาสิกาทั้งหลาย เราจะไปถวายบงั คมพระศาสดา.” หมมู นษุ ย เหลานน้ั ออ นวอนโดยประการตา งๆ เมอ่ื ไมไ ด (สมหวัง) กไ็ ปสง พระเถระไดก ึง่ ทางแลว พากนั รอ งไหก ลบั มา. สามเณรพาพระเถระดวยปลายไมเ ทาไปอยู ถงึ บา นทพี่ ระเถระเคยอาศยั เมอื งช่ือสงั กฏั ฐะ อยแู ลว ในดงระหวางทาง. เธอไดย นิ เสยี งขบั ของหญงิ คนหนึง่ ผอู อกจากบานนน้ั แลว ขับพลางเท่ียว เกบ็ ฟน พลางอยู ในปา ถอื นมิ ิตในเสยี งแลว. จรงิ อยู ไมม เี สยี งอนื่ ชอ่ื วาสามารถแผไ ปทว่ั สรีระของบุรษุ ทง้ั หลายต้ังอยู เหมอื นเสยี งหญงิ , เหตนุ ้ัน พระผมู พี ระภาคเจาจงึ ตรสั วา “ภิกษุทง้ั หลาย เราไมเหน็ เสยี งอืน่ แมส กั อยาง อนั จะยดึ จติ ของบุรุษตงั้ อยู เหมือนเสียงหญงิ นะ ภิกษทุ ัง้ หลาย.” สามเณรถือนมิ ิตในเสียงน้นั แลว ปลอ ยปลายไมเ ทา เสียแลว กลา ววา “ทา นขอรบั ขอทา นรออยู กอ น, กิจของกระผมมี” ดังนี้แลว ไปสสู ำนักของหญงิ นน้ั . นางเหน็ เธอแลวไดห ยดุ นิง่ . เธอถงึ ศีลวิบตั ิกบั นาง แลว. พระเถระคดิ วา “เราไดย นิ เสยี งขับอนั หน่ึงแลวเดี๋ยวนเ้ี อง, กแ็ ล เสยี งนน้ั คงเปนเสียงหญงิ ถงึ สามเณรกช็ ักชาอยู, เธอจกั ถงึ ศลี วบิ ัติเสียแนแ ลว .” ฝา ยสามเณรนนั้ ทำกจิ ของตนสำเร็จแลว มาพูดวา “เราทง้ั หลายไปกนั เถดิ ขอรบั ” ขณะนน้ั พระเถระถามเธอวา “สามเณร เธอกลายเปนคนช่วั เสยี แลว หรอื ?” เธอนงิ่ เสีย แมพ ระเถระถามซ้ำ กไ็ มพ ดู อะไรๆ. ลำดบั น้ัน พระเถระกลา วกะเธอวา “ธรุ ะดวยการทคี่ นชวั่ เชนเธอจับปลายไมเทา ของเรา ไมตองม.ี ” เธอถงึ ซง่ึ ความสงั เวชแลว เปล้อื งผา กาสายะเสยี แลว นุง หม อยา งคฤหัสถพดู วา “ทา นผูเ จรญิ เม่อื กอน กระผมเปน สามเณร แตเดย๋ี วนี้กระผมกลบั เปนคฤหสั ถแ ลว , อนง่ึ กระผมเมือ่ บวชกไ็ มไ ดบ วชดว ย ศรทั ธา บวชเพราะกลวั แตอ นั ตรายในหนทาง ขอทานมาไปดว ยกนั เถดิ ” พระเถระพดู วา “ผูม อี ายุ คฤหัสถช ่วั กด็ ี สมณะชัว่ ก็ดี กช็ วั่ ท้ังน้นั ; เธอแมต ้งั อยูใ นความเปน สมณะ แลว ไมอ าจเพอ่ื ทำคุณเพยี งแตศ ีลใหบ ริบูรณ เปน คฤหสั ถจกั ทำความดีงามชือ่ อะไรได, ธรุ ะดว ยการทค่ี นชวั่ เชนเธอจบั ปลายไมเ ทาของเรา ไมต อ งมี.” นายปาลติ ะตอบวา “ทานผเู จริญ หนทางมอี มนษุ ยช ุมและทานกเ็ สยี จักษจุ ักอยใู นท่นี อ้ี ยา งไรได”

ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๘ ลำดบั น้ัน พระเถระกลาวกะเขาวา “ผมู อี ายุ เธออยา ไดค ิดอยางนน้ั เลย, เราจะนอนตายอยู ณ ที่น้ี ก็ดี จะนอนพลิกกลบั ไปกลบั มา ณ ทนี่ กี้ ด็ ี ขนึ้ ชอื่ วา การไปกับเธอยอ มไมม ี”(ครนั้ วา อยา งนแ้ี ลว ) ไดก ลา ว คาถาเหลา น้วี า “เอาเถดิ เราเปน ผมู จี ักษอุ ันเสียแลว มาสูท าง ไกลอนั กันดาร นอนอยู (กช็ า ง) จะไมไป เพราะความ เปนสหายในชนพาลยอ มไมมี. เอาเถดิ เราเปน ผูมี จกั ษเุ สยี แลว มาสูทางไกลอนั กนั ดาร จักตายเสยี จกั ไมไ ป เพราะความเปน สหายในชนพาลยอมไมม .ี ” นายปาลติ ะไดย นิ คำน้นั แลว เกดิ ความสังเวช นกึ วา “เราทำกรรมหนัก เปน ไปโดยดว น ไมส มควร หนอ” ดังนี้แลว กอดแขนครำ่ ครวญ แลน เขา ราวปา ไดห ลีกไป ดวยประการนนั้ แล. ดว ยเดชแหงศลี แมของพระเถระ (ในขณะนน้ั ) บณั ฑกุ มั พลสิลาอาสน๑- ของทาวสกั กเทวราช ยาว ๖๐ โยชน กวา ง ๕๐ โยชน หนา ๑๕ โยชน มสี ดี ุจดอกชยั พฤกษ มปี กติยบุ ลงในเวลาประทบั นง่ั และฟูขน้ึ ใน เวลาเสด็จลุกขึน้ แสดงอาการรอนแลว . ทาวสกั กเทวราชทรงดำรวิ า “ใครหนอแล ใครจ ะยงั เราใหเคลือ่ นจากสถาน” ดงั น้แี ลว ทรงเลง็ ลง มา ไดท อดพระเนตรเห็นพระเถระดวยทิพยจักษุ. เหตนุ น้ั พระโบราณาจารยทง้ั หลาย จึงกลาววา “ทา วสหสั เนตร ผูเปน เจา แหง เทวดา สองทพิ ยจักษุ (ทรงทราบวา) พระปาลเถระองคนี้ ตเิ ตยี นคนบาป ชำระ เครือ่ งเลี้ยงชีพใหบรสิ ทุ ธิแ์ ลว , ทา วสหัสเนตร ผเู ปน เจา แหงเทวดา สอ งทพิ ยจกั ษุ (ทรงทราบวา ) พระปาลเถระ องคนหี้ นักในธรรม ยนิ ดีในศาสนา นง่ั อยแู ลว.” ขณะนนั้ ทา วเธอไดท รงพระดำรวิ า “ถา เราจกั ไมไ ปสูสำนกั ของพระผเู ปนเจา ผตู ิเตยี นคนบาป หนกั ในธรรม เหน็ ปานนน้ั , ศีรษะของเราพึงแตก ๗ เสย่ี ง; เราจักไปสูส ำนกั ของทาน,” (คร้นั ทรงพระดำริ ฉะนีแ้ ลว กเ็ สด็จไป).เหตนุ น้ั (พระโบราณาจารยท ง้ั หลาย จงึ กลาววา ) “ทาวสหัสเนตร ผเู ปน เจาแหง เทวดา ทรงสิริ ของเทวราช เสด็จมาโดยขณะนั้นแลว เขาไปใกล พระจักขปุ าลเถระแลว .” ก็แลครน้ั เสดจ็ เขา ไปใกลแ ลว ไดทรงทำเสยี งฝพ ระบาทในที่ใกลพ ระเถระ. ขณะนน้ั พระเถระถามทา วเธอวา “น่ันใคร?” เทวราชตรัสตอบวา “ขาพเจา คนเดนิ ทาง เจาขา .” ถ. ทา นจะไปไหน อบุ าสก. ท. เมืองสาวตั ถี เจา ขา. ถ. ไปเถดิ ทา นผมู อี ายุ. ท. กพ็ ระผเู ปน เจาเลา เจาขา จักไปไหน? ถ. ถงึ เรากจ็ กั ไปในทนี่ ัน้ เหมอื นกนั . ท. ถาอยางนนั้ เราทงั้ หลายไปดวยกนั เถดิ เจาขา. ถ. เราเปน คนทุพพลภาพ, ความเนน่ิ ชา จักมแี กท า นผไู ปอยกู ับเรา.

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๙ ท. กจิ รบี ของขาพเจา ไมมี ถงึ ขา พเจาไปอยกู บั พระผูเปน เจา จักไดบ ญุ กริ ยิ าวตั ถุ ๑๐ สักประการ หนึ่ง เราทง้ั หลายไปดว ยกันเถอะเจา ขา. พระเถระคดิ วา “นนั่ จักเปน สัตบรุ ษุ ” จงึ กลาววา “ถาอยา งนั้น จบั ปลายไมเ ทา เขาเถดิ อุบาสก.” ทา วสกั กเทวราชทรงทำอยา งนั้นแลว ยอพน้ื ปฐพใี หถ งึ พระเชตวนั ในเพลาเยน็ . พระเถระไดฟ งเสียงเครอื่ งประโคมมสี งั ขแ ละบัณเฑาะวเ ปน ตน แลว ถามวา “นน่ั เสยี งทไ่ี หน?” ท. ในเมอื งสาวตั ถี เจา ขา . ถ. ในเวลาไป เราไปโดยกาลชา นานแลว . ท. ขาพเจา รทู างตรง เจา ขา . ในขณะนัน้ พระเถระกำหนดไดวา “ผนู ีม้ ิใชม นุษย จักเปนเทวดา.” (เหตนุ นั้ พระโบราณาจารยทงั้ หลายจงึ กลาววา ) “ทา วสหัสเนตร ผูเปนเจา แหงเทวดา ทรงสริ ขิ อง เทวราช ยน ทางนนั้ พลนั เสดจ็ มาถงึ เมืองสาวตั ถแี ลว.” ทา วเธอนำพระเถระไปสบู รรณศาลา ทก่ี ุ ม พีผนู อ งชายทำเพ่อื ประโยชนแ กพ ระเถระนนั้ เทยี ว นมิ นตใหน งั่ เหนอื แผน กระดาน แลว จำแลงเปนสหายทร่ี กั ไปสูส ำนกั ของกุ ม พจี ุลปาละ ตรสั รอ งเรียกวา “แนะ ปาละผสู หาย” กุม พจี ลุ ปาละรองถามวา “อะไร? สหาย.” ท. ทานรคู วามท่พี ระเถระมาแลวหรอื ? จ. ขาพเจายงั ไมร ู, กพ็ ระเถระมาแลวหรอื ? เทวราชตรัสวา “เออ สหาย ขาพเจา ไปวหิ าร เหน็ พระเถระน่งั อยูในบรรณศาลาทที่ า นทำ มาแลว เดีย๋ วนเี้ อง” ดังนแี้ ลว เสด็จหลกี ไป. ฝา ยกุม พีไปถงึ วหิ าร เหน็ พระเถระแลว รองไหก ลง้ิ เกลอื กอยูท ่ีบาทมลู กลาววา “ทา นผเู จรญิ เจา ขา ขาพเจาเห็นเหตนุ แี้ ลวจงึ ไมย อมใหทานบวช” ดงั นเี้ ปน ตน แลว ทำเดก็ ทาส ๒ คนใหเ ปน ไท ใหบวชใน สำนกั ของพระเถระแลว สั่งวา “ทา นท้ังหลายจงนำเอาของฉนั มขี าวตม และขา วสวยเปนตน มาจากภายใน บา น อุปฏฐากพระเถระ” ดงั นแ้ี ลว มอบใหแ ลว . สามเณรทง้ั หลายก็ทำวัตรปฏบิ ตั อิ ปุ ฏ ฐากพระเถระแลว . ภายหลงั วนั หนง่ึ ภกิ ษทุ ั้งหลายผูอยูในทศิ (ผอู ยูท อี่ นื่ ) มาสพู ระเชตวนั ดว ยหวงั วา “จกั เฝาพระ ศาสดา” ถวายบังคมพระศาสดา เยี่ยมพระอสตี มิ หาเถระแลว เท่ยี วจารกิ อยูในวหิ าร ถงึ ทอ่ี ยขู องพระจกั ขุ ปาลเถระแลว มีหนาตรงตอ ท่นี ัน้ ในเวลาเยน็ ดว ยหวงั วา “จักดแู มที่น”้ี ในขณะน้ัน มหาเมฆตั้งขน้ึ แลว. พวกเธอคิดวา “เด๋ยี วนเ้ี ยน็ แลว , และเมฆกต็ ้งั ขน้ึ แลว, เราจักมาดู แตเชา เทยี ว” ดงั นแ้ี ลวกลบั ไป. ฝนตกในปฐมยาม หยดุ ในมชั ฌมิ ยาม. พระเถระเปนผู (เคย) ปรารภความ เพียร เดนิ จงกรมเปน อาจิณ; เหตฉุ ะนน้ั จงึ ลงสูท ีจ่ งกรมแลว ในปจฉมิ ยาม. แลในกาลนนั้ ตวั แมลงคอ มทอง (หรือแมลงเมา ) เปนอนั มาก ตงั้ ขน้ึ แลว บนพน้ื ทฝี่ นตกใหม. ตวั เหลานนั้ เม่อื พระเถระจงกรมอยู ไดวบิ ตั ิ (ตาย) โดยมาก. พวกอนั เตวาสิกยังไมท นั กวาดทจี่ งกรมของพระเถระแตเชา . ฝา ยพวกภกิ ษุนอกนี้ มาดว ยหวงั วา “จกั ดูทอ่ี ยขู องพระเถระ” เหน็ สตั วท ั้งหลายในทจ่ี งกรมแลว ถามวา “ใครจงกรมในท่นี ี.้ ” พวกอันเตวาสกิ ของพระเถระตอบวา “อปุ ชฌายของพวกกระผมขอรับ.”

ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๐ เธอทง้ั หลายติเตียนวา “ทานทง้ั หลายดกู รรมของสมณะเถดิ ในกาลมีจักษุ ทานนอนหลับเสยี ไม ทำอะไร, ในกาลมีจกั ษวุ กิ ลเด๋ียวนไ้ี วต วั วา ‘ จงกรม ’ ทำสตั วม ปี ระมาณถงึ เทา นใ้ี หต ายแลว ทา นคดิ วา ‘จกั ทำประโยชน’ กลบั ทำการหาประโยชนม ิได. ” พวกเธอไปกราบทูลพระตถาคตแลว ในขณะนน้ั วา “พระเจา ขา พระจักขุปาลเถระไวต วั วา ‘จงกรม’ ทำสตั วม ีชีวติ เปน อันมากใหต ายแลว .” พระศาสดาตรสั ถามวา “ทา นทง้ั หลายเหน็ เธอกำลงั ทำสตั วม ชี ีวติ เปน อันมากใหต ายแลว หรือ?” ภิกษเุ หลา นน้ั กราบทูลวา “ไมไดเหน็ พระเจา ขา .” ศ. ทานทัง้ หลายไมเ หน็ เธอ (ทำดงั นน้ั ) ฉันใดแล ถึงเธอก็ไมเห็นสัตวม ีชวี ิตเหลานน้ั ฉนั นน้ั . ภิกษุ ทัง้ หลาย ข้ึนชอื่ วา เจตนาเปน เหตใุ หต าย ของพระขีณาสพท้ังหลาย (คอื บุคคลผมู ีอาสวะสนิ้ แลว ) มไิ ดม ี. ภ. พระเจาขา เม่ืออปุ นิสัยแหงพระอรหนั ตม อี ยู เหตุไฉน ทานจงึ กลายเปน คนมีจักษมุ ืดแลว . ศ. ดว ยอำนาจกรรมอนั ตนทำไวแ ลว ภิกษุทัง้ หลาย. ภ. ก็ทา นไดท ำกรรมอะไรไวแ ลว พระเจา ขา . พระศาสดาตรสั วา “ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ถาอยา งนนั้ ทา นทั้งหลายจงฟง ” ดังนแ้ี ลว (ตรัสเลา เรอื่ งวา ) ในอดตี กาล ครน้ั พระเจา พาราณสีดำรงราชยอยูในกรงุ พาราณสี หมอผหู นง่ึ เทย่ี วทำเวชกรรมอยใู น บานและนคิ ม เหน็ หญิงทรุ พลดว ยจกั ษคุ นหนงึ่ จึงถามวา “ความไมผาสุกของทา นเปน อยา งไร”? หญงิ น้ันตอบวา “ขาพเจาไมแ ลเหน็ ดว ยดวงตา.” หมอกลา ววา “ขา พเจา จกั ทำยาใหแกท าน” ญ. ทำเถดิ นาย. ม. ทานจักใหอะไรแกข าพเจา ? ญ. ถา ทา นอาจจะทำดวงตาของขา พเจา ใหก ลบั เปน ปกตไิ ด, ขาพเจากบั บตุ รและธิดา จักยอมเปน ทาสขี องทา น. ม. รบั วา “ดีละ” ดังนีแ้ ลว ประกอบยาใหแ ลว. ดวงตากลับเปน ปกติ ดว ยยาขนานเดยี วเทา นน้ั . หญงิ น้นั คิดแลว วา “เราไดป ฏิญญาแกหมอนน้ั ไวว า ‘จกั พรอ มดว ยบตุ รธดิ า ยอมเปน ทาสีของเขา’ ก็แตเ ขาจกั ไมเ รยี กเราดวยวาจาอนั ออ นหวาน เราจกั ลวงเขา.” นางอนั หมอมาแลว ถามวา “เปน อยางไร? นางผเู จริญ” ตอบวา “เม่ือกอน ดวงตาของขา พเจา ปวดนอย เดยี๋ วนปี้ วดมากเหลอื เกิน.” หมอคดิ วา “หญิงน้ปี ระสงคลวงเราแลว ไมใ หอ ะไร ความตองการของเราดว ยคา จางทห่ี ญงิ นใ้ี หแ ก เรา มไิ ดม ี, เราจกั ทำเขาใหจ กั ษุมดื เสียเดยี๋ วน”้ี แลว ไปถงึ เรอื นบอกความน้นั แกภรรยา. นางไดน งิ่ เสยี . หมอ น้นั ประกอบยาขนานหนง่ึ แลวไปสสู ำนักหญงิ นน้ั บอกใหหยอดวา “นางผเู จริญ ขอทา นจงหยอดยาขนาน น้.ี ” ดวงตาทง้ั สองขา งไดดบั วบู แลวเหมือนเปลวไฟ. หมอนนั้ ได (มาเกิด) เปน จักขุปาลภิกษแุ ลว. พระศาสดาตรสั วา “ภิกษทุ ง้ั หลาย กรรมที่บตุ รของเราทำแลว ในกาลนั้น ตดิ ตามเธอไปขา งหลงั ๆ. จริงอยู ขน้ึ ชอ่ื วา บาปกรรมนี้ยอมตามผทู ำไป เหมอื นลอ อนั หมนุ ตามรอยเทา โคพลพิ ัท (คอื โคทเ่ี ขา เทยี มเกวยี นบรรทกุ สนิ คา ) ตัวเข็นธุระไปอยู” ครัน้ ตรัสเรอ่ื งนแ้ี ลว พระองคผ เู ปน พระธรรมราชา ไดตรสั พระคาถานี้สบื อนุสนธิ ดจุ ประทบั พระ ราชสาสน ซึ่งมดี นิ ประจำไวแ ลว ดว ยพระราชลญั จกรวา มโนปพุ ฺพงคฺ มา ธมมฺ า มโนเส า มโนมยา

ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๑ มนสา เจ ปทุ เน ภาสติ วา กโรติ วา ตโต นํ ทกุ ขฺ มเนวฺ ติ จกกฺ วํ วหโต ปท.ํ “ธรรมทงั้ หลาย มใี จเปน หวั หนา มีใจเปน ใหญ สำเร็จแลว ดวยใจ, ถาบคุ คลมีใจรา ย พูดอยกู ็ดี ทำอยกู ด็ ,ี ทกุ ขยอ มไปตามเขา เพราะเหตนุ ัน้ ดุจลอ หมุนไปตามรอยเทาโค ผูนำแอกไปอยฉู ะนั้น.” แกอ รรถ จติ ที่เปน ไปในภูมิ ๔ แมท้งั หมด ตา งโดยจติ มกี ามาวจรกุศลจิตเปน ตน ช่ือวา “มโน” ในพระคาถา น้นั . ถงึ อยางนน้ั ในบทนี้ เม่อื นิยม กะ กำหนดลง ดวยอำนาจจติ ทเ่ี กดิ ขนึ้ แกห มอน้ัน ในคราวนั้น ยอมได จำเพาะจิต ท่เี ปน ไปกบั ดว ยโทมนสั ประกอบดว ยปฏิฆะ (อยา งเดียว). บทวา ปพุ ฺพงฺคมา คอื ชอื่ วา มาตามพรอมดว ยจิตนัน้ อนั เปน หวั หนาไปกอน. บทวา ธมมฺ า คอื ชอ่ื วา ธรรมเปน ๔ อยา ง ดว ยอำนาจคณุ ธรรม เทศนาธรรม ปรยิ ตั ธิ รรม และ นสิ สตั ตนิชชวี ธรรม. ในธรรม ๔ ประการนน้ั ธรรมศพั ทน ใี้ นคำวา “ธรรมและอธรรม ๒ ประการ ใหผลเหมอื นกนั หามไิ ด อธรรมยอ มนำไปสนู รก ธรรมยอ มใหถ งึ สุคต”ิ ดังน้ี ช่อื วาคุณธรรม (แปลวา ธรรมคอื คุณ). ธรรมศพั ทน ้ี ในคำวา “ภิกษทุ ้ังหลาย เราจกั แสดงธรรมงามในเบอ้ื งตน แกทา นทง้ั หลาย” ดังนเี้ ปน ตน ช่ือวา เทศนาธรรม (แปลวาธรรมคอื เทศนา). ธรรมศัพทน ้ี ในคำวา “ภิกษทุ ้ังหลาย อนึง่ กุลบตุ รบางจำพวกในโลกน้ี ยอ มเรยี นธรรม คอื สุตตะ เคยยะ” ดงั น้ีเปนตน ช่ือวา ปรยิ ัตธิ รรม (แปลวาธรรมคอื ปรยิ ตั ิ). ธรรมศัพทน ี้ ในคำวา “กส็ มยั น้นั แล ธรรมทง้ั หลายยอ มมี ขันธท ั้งหลายยอมมี” ดงั น้ี เปน ตน ชื่อวา นสิ สตั ตธรรม (แปลวา ธรรมคอื สภาพท่ีมิใชส ตั ว) นัยแมในบทวา “นชิ ชีวธรรม” (ซ่งึ แปลวาธรรมคอื สภาพมใิ ชช วี ติ ) กด็ ุจเดยี วกนั . ในธรรม ๔ ประการนนั้ นสิ สัตตธรรมหรือนชิ ชวี ธรรม พระศาสดาทรงประสงคแลว ในทน่ี ้ี. นิ สสตั ตธรรมหรอื นชิ ชวี ธรรมนั้น โดยความกอ็ รปู ขนั ธ ๓ ประการ คอื “เวทนาขนั ธ สัญญาขนั ธ สงั ขารขนั ธ.” เหตวุ า อรูปขนั ธ ๓ ประการนน่ั ชอ่ื วา มใี จเปน หวั หนาของอรูปขนั ธ ๓ ประการนัน่ . มีคำถามวา “ก็ใจ มีวตั ถเุ ดยี วกนั มอี ารมณเ ดียวกัน เกดิ ในขณะเดยี วกนั พรอมกบั ธรรมเหลานนั้ ไมกอนไมห ลังกวากนั ชอ่ื วา เปนหวั หนาของธรรมเหลา น้นั อยางไร?” มคี ำแกวา ใจไดช ่ือวา เปน หัวหนาของธรรมเหลานน้ั ดวยอรรถวา เปน ปจ จัยเครื่องยงั ธรรมให เกิดขน้ึ . เหมอื นอยางวา เมอื่ พวกโจรเปน อันมาก ทำโจรกรรมมีปลน บา นเปนตนอยดู วยกนั เม่ือมีใครถามวา “ใครเปน หัวหนาของพวกมนั ?” ผูใดเปน ปจ จัยของพวกมัน คอื อาศัยผูใดจงึ ทำกรรมน้ันได ผนู ้ันชื่อ ทตั ตะ ก็ ตาม ช่อื มัตตะ กต็ าม เขาเรียกวา หัวหนา ของมนั ฉันใด; คำอปุ ไมยซง่ึ เปน เครื่องใหอ รรถถงึ พรอมน้ี บณั ฑติ พงึ รูแ จง ฉนั นนั้ . ใจชอ่ื วา เปน หวั หนาของธรรมทั้งหลายนั่น ดว ยอรรถวา เปน ปจ จัยเครือ่ งยังธรรมใหเกดิ ขน้ึ ฉะน้ี เหตนุ นั้ ธรรมท้ังหลายนนั่ จึงชอ่ื วา มใี จเปน หวั หนา , เพราะเมอื่ ใจไมเ กิดข้ึน ธรรมเหลา นน้ั ยอ มไมสามารถจะ เกดิ ขนึ้ ได. ฝา ยใจ ถงึ เจตสกิ ธรรมบางเหลา แมไ มเกดิ ขึ้น กย็ อ มเกดิ ขนึ้ ไดแ ท.

ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๒ อนึ่ง ใจชอ่ื วา เปน ใหญข องธรรมทง้ั หลายนนั่ ดว ยอำนาจเปนอธบิ ดี เหตนุ น้ั ธรรมทง้ั หลายนนั่ จงึ ชอื่ วา มใี จเปน ใหญ. เหมอื นอยางวา ชนท้ังหลายมโี จรผูเปน หวั โจกเปน ตน ผูเปน อธบิ ดี ไดชอื่ วาเปน ใหญของชน ทง้ั หลายมโี จรเปนตน ฉนั ใด, ใจผูเปน อธิบดี ไดชือ่ วาเปนใหญของธรรมเหลา น้นั ฉนั นั้น, เหตนุ ้นั ธรรม เหลานน้ั จงึ ช่อื วา มีใจเปน ใหญ. อนงึ่ สิ่งทง้ั หลายนน้ั ๆ เสรจ็ แลวดว ยวตั ถุมไี มเ ปน ตน ก็ช่ือวา ของสำเร็จแลวดว ยไมเ ปน ตน ฉนั ใด, แมธ รรมทัง้ หลายนนั่ ไดชอ่ื วา สำเร็จแลวดว ยใจ เพราะสำเรจ็ มาแตใ จ ฉนั นน้ั . บทวา ปทุ เ น คอื อันโทษมีอภชิ ฌาเปนตนซ่งึ จรมาประทษุ รา ยแลว . จรงิ อยู ใจปกติช่ือวา ภวังคจติ , ภวงั คจติ นน้ั ไมต อ งโทษประทษุ รา ยแลว . เหมอื นอยา งวา น้ำใสเศราหมองแลว เพราะสีทงั้ หลายมสี ี เขยี วเปน ตน ซึ่งจรมา (กลับ) เปนน้ำตางโดยประเภทมีนำ้ เขียวเปน ตน จะชอื่ วา นำ้ ใหมก็มใิ ช จะชื่อวาน้ำใส ตามเดิมนน่ั แลกม็ ใิ ช ฉนั ใด, ภวงั คจติ แมนนั้ อนั โทษมอี ภิชฌาเปน ตน ทจ่ี รมาประทุษรายแลว จะช่ือวา จติ ใหมก ็มใิ ช จะช่อื วา ภวงั คจติ ตามเดมิ นน่ั แลก็มิใช ฉนั น้นั , เหตนุ นั้ พระผมู พี ระภาคเจาจึงตรัสวา “ภกิ ษุ ทงั้ หลาย จติ นผ้ี ุดผอง แตม นั เศรา หมองแลว เหตอุ ปุ กิเลสท้ังหลายซึ่งจรมาแล” ดงั น.้ี ถาบุคคลมีใจรา ยแลวอยางน.ี้ บาทพระคาถาวา ภาสติ วา กโรติ วา คอื เมอ่ื เขาพดู ยอ มพูดเฉพาะแตว จที จุ รติ ๔ อยาง, เมื่อ ทำ ยอมทำ เฉพาะแตกายทจุ รติ ๓ อยาง, เม่อื ไมพ ูด เมอื่ ไมท ำ เพราะความท่ีตวั เปนผมู ีใจอนั โทษมอี ภชิ ฌา เปนตน ประทษุ รายแลว นั้น ยอมทำมโนทุจรติ ๓ อยา งใหเตม็ . อกศุ ลกรรมบถ ๑๐ อยางของเขา ยอมถงึ ความเตม็ ท่ี ดวยประการอยา งน.้ี บาทพระคาถาวา ตโต นํ ทกุ ขฺ มเนวฺ ติ ความวา ทุกขยอ มตามบคุ คลนนั้ ไป เพราะทจุ ริต ๓ อยา ง นน้ั คอื วา ทกุ ขท ่ีเปน ผลทงั้ เปน ไปในกาย ทง้ั เปน ไปในจติ โดยบรรยายนว้ี า ทุกขมีกายเปนทต่ี ัง้ บาง ทกุ ขมีจติ นอกนเี้ ปน ท่ตี งั้ บาง ยอ มไปตามอตั ภาพนน้ั ผไู ปอยใู นอบาย ๔ กด็ ี ในหมมู นษุ ยก็ดี เพราะอานุภาพแหง ทุจรติ . มีคำถามวา “ทกุ ขย อ มตดิ ตามบคุ คลนน้ั เหมอื นอะไร?” มคี ำแกวา เหมอื นลอ หมนุ ไปตามรอยเทา ของโคพลพิ ทั ตวั เขน็ ไปอยู, อธบิ ายวา “เหมอื นลอ หมุนไป ตามรอยเทาของโคพลพิ ัทอันเขาเทยี มไวท แ่ี อก นำแอกไปอย.ู เหมอื นอยา งวา มนั ลากไปวันหนง่ึ กด็ ี สองวนั ก็ ดี สบิ วนั กด็ ี ก่งึ เดือนกด็ ี ยอ มไมอ าจใหล อหมุนกลับ คอื ไมอ าจละลอ ไปได, โดยที่แท เมอ่ื มนั กาวไปขา งหนา แอกกเ็ บยี ดคอ (ของมนั ) เม่อื มันถอยหลงั ลอ กข็ ูดเน้อื ทขี่ า, ลอเบียดเบยี นดวยเหตุ ๒ ประการนี้ หมุนตาม รอยเทาของมนั ไป ฉนั ใด, ทกุ ขท ง้ั ทเี่ ปน ไปทางกาย ทง้ั ทเ่ี ปนไปทางจติ อนั มีทุจรติ เปน มลู ยอมตดิ ตามบคุ คล ผมู ใี จรา ยแลว ทำทจุ รติ ๓ ประการใหเ ตม็ ทีต่ ง้ั อยู ในท่เี ขาไปแลว นนั้ ๆ มนี รกเปนตน ฉนั นนั้ แล. ในกาลจบคาถา ภิกษสุ ามพนั รูปไดบ รรลุพระอรหตั พรอ มดว ยปฏิสมั ภิทาทง้ั หลาย. เทศนาไดเปน กถามปี ระโยชนม ีผลแมแ กบ ริษัทผปู ระชมุ กนั แลว ดงั นี้แล. เรื่องพระจกั ขปุ าลเถระ จบ.

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๓ ๕.๓ สรปุ ทา ยบท การอา นภาษาบาลี ใหถ กู ตองตามหลักภาษามีความสำคัญอยา งมาก ในฐานะผรู ักษาพระพุทธ พจน เพอื่ ไมใหภ าษาวบิ ตั หิ รอื สึกกรอ น จึงควรออกเสียงภาษาบาลตี ามอกั ขรวธิ ีการอาน ของพยัญชนะและ สระตามฐาน กรณ และปยตนะ อนั จะเปนการรกั ษาความหมายทแ่ี ทจ รงิ ของภาษาอีกประการหนง่ึ ดวย การแปลภาษาบาลี โดยหลกั แลว มี ๒ ประการ คือการแปลโดยพยญั ชนะ และการแปลโดยอรรถ การจะแปลโดยอรรถไดช ำนาญเกดิ จากการแปลโดยพยญั ชนะอยางถกู ตอ งแมนยำและเกบ็ ศัพทไดท ั้งหมด เพื่อรกั ษาศัพทเดมิ ไวซ ึ่งทำใหไ มเ สยี ความหมายเดมิ การแปลโดยพยัญชนะจึงเปน บาทฐานของการแปลโดย อรรถอยา งแทจ ริง และสามารถท่จี ะใชส ำนวนการแปลใหไพเราะสวยงาม เขาใจงา ยชวนใหต ดิ ตามอา น โดย ไมท ิ้งศพั ทบาลที ่มี อี ยใู นคมั ภีร เพือ่ ใหนักศึกษาแปลกลบั จากภาษาไทยมาเปนภาษาบาลีตามเดมิ ทมี่ าในพระ บาลหี รอื อรรถกถาไดอยางถกู ตอ งนนั่ เอง

ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๔ บรรณานุกรม หนงั สอื ตพี มิ พ กฤษณชยั แดงพูลผล และละอองดาว นนทะสร. บาลีไวยากรณ หลกั ไวยากรณร ะดับความเขา ใจ. พมิ พคร้งั ท่ี ๒. นครปฐม: บรษิ ัท รุงศลิ ปการพมิ พ (๑๙๗๗) จำกดั , ๒๕๕๑. ประดิษฐ บณุ ยะภักด.ี คมู อื เรยี นภาษาบาลดี ว ยตนเอง ประยุกตด วยวธิ ีแปลภาษาบาลแี บบสากล. พมิ พค รง้ั ท่ี ๔. กรงุ เทพฯ: บริษัท ประยรู วงศพรน้ิ ทต ง้ิ จำกัด, ๒๕๓๘. พระญาณธชเถระ(แลดีสยาดอ). นริ ตุ ตทิ ีปน(ี คัมภีรว า ดวยหลกั ไวยากรณส ายโมคคลั ลานะ). แปล จาก นริ ตุ ฺตทิ ปี นี โดย พระธรรมโมล(ี สมศกั ดิ์ อปุ สโม),พระมหานิมติ ร ธมมฺ สาโร ตรวจชำระ สมควร ถว นนอก ปริวรรต. กรุงเทพฯ: หา งหุนสว นจำกดั ไทยรายวนั การพิมพ, ๒๕๔๘. พระมหาธติ ิพงศ อตุ ฺตมปโฺ . ไวยากรณบ าลเี บื้องตน พน้ื ฐานเพอ่ื การเรยี นภาษาบาลี เปน ประเพณีของชาวไทย. นนทบุร:ี นติ ธิ รรมการพิมพ, ๒๕๕๖. พระมหาศราวธุ จติ ตฺ ทนโฺ ต. บาลีไวยากรณ คูม ือศึกษาพระปรยิ ตั ธิ รรมแผนกบาลี ประโยค ๑-๒ และ ประโยค ป.ธ. ๓. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พม หาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๖๑. พระมหาสมคดิ จนิ ตฺ ามโย. คูมอื หลักเกณฑการแปลบาลี ประโยค ๑-๒-๓. พมิ พค รง้ั ที่ ๓. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พเล่ยี งเชียง, ๒๕๓๔. พระมหาสมชยั รตนาโณ. หนังสอื คมู อื หลกั การแปลบาลี ๘ ประการ สำหรบั นกั ศกึ ษาใหมผ ูใครร ู. เชยี งใหม: หจก.ดาราวรรณการพิมพ, ๒๕๕๐. พระอุดรคณาธกิ าร(ชวินทร สระคำ) และจำลอง สารพัดนกึ . พจนานุกรมบาลี - ไทย ฉบบั นกั ศกึ ษา. พิมพค รงั้ ท่ี ๒. กรุงเทพฯ : โรงพิมพม หาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๐. ระวี จนั ทรส อง. ตวิ เขม เกบ็ ๓๐๐ คะแนนเต็ม PAT ๗.๖ บาล.ี กรงุ เทพฯ: บริษัท ซีเอด็ ยูเคชนั่ จำกดั (มหาชน), ๒๕๖๒. วชิรญาณวโรรส,สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยา. บาลีไวยากรณ. พิมพครั้งที่ ๔๔. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พมหามกฏุ ราชวิทยาลยั , ๒๕๓๖. เสฐยี รพงษ วรรณปก. บาลเี รียนงาย เลม ๑. พิมพค รง้ั ที่ ๒. กรุงเทพฯ: หจก.หอรตั นชัยการพมิ พ, ๒๕๔๓. สำนกั เรียนวัดอรุณราชวราราม. บาลไี วยากรณ อกั ขรวิธี วจวี ิภาค และวากยสมั พนั ธ. กรงุ เทพฯ: บรษิ ัท พมิ พสวย จำกดั , ๒๕๖๐. หลวงเทพดรณุ านศุ ิษฏ(ทวี ธรมธชั ป.๙). บาลไี วยากรณพเิ ศษ เลม ๒ กริ ิยากติ ก. พิมพค รง้ั ท่ี ๘. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พม หามกฏุ ราชวิทยาลัย, ๒๕๓๘. สืบคนขอ มูลทางอินเตอรเนต็ Buddhafacts. ประวตั คิ วามเปนมาและพัฒนาการของภาษาบาลี. สบื คนเมือ่ ๑๑ ก.ย. ๒๕๖๒ จาก https:// buddhafacts.wordpress.com/ บาลไี วยากรณเ บือ้ งตน -thepathofpurity. บาลไี วยากรณเ บ้ืองตน สำหรับนักศกึ ษาใหม ชมรม นริ ตุ ติศกึ ษา วดั มหาธาตุ คณะ ๒๕ พระมหาสมปอง มุทโิ ต (บทนำ). สบื คน เม่อื ๑ ม.ี ค.

ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๕ ๒๕๖๓ จาก https://www.thepathofpurity.com/%E0%B8%A0%E0%B8%B2% E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0% พระพทุ ธศาสนาในโลกไซเบอร เพอื่ พระพทุ ธศาสนาและวฒั นธรรม. ความอัศจรรยข องภาษาบาลี. สืบคนเม่อื ๑๗ ก.ย. ๖๒ จาก https://www.cybervanaram.net/2010-05-25-08-17- 50/87-2010-03-29-07-30-43?showall=1 พระวนิ ัยปฎ ก (โปรแกรมพระไตรปฎ กภาษาไทย ฉบบั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั เลม: ๑ หนา : ๑๑). เวรญั ชพราหมณ เวรัญชกณั ฑ มหาวิภงั ค ภาค ๑. สบื คน เม่ือ ๑๓ ก.ย. ๒๕๖๒ จาก http://www.84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=1&siri=1 มหาบาลวี ชิ ชาลัย. หลกั การแปลมคธเปน ไทย(อาลปนะ-บทขยายกริ ยิ าคมุ พากย) โดยสามเณร โดนี่ จนั ทรดี เปรียญ ๘. [ออนไลน] . สบื คน เมอ่ื ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓, จาก: https://www.mahapali.com/main.php?url=download_view&id=112&kwb=&cat=A &page=3(8 may 2018) อรรถกถามหาวภิ งั ค ปฐมภาค เวรัญชกัณฑ. เปรยี บเทียบแพทยผไู มฉลาดทำการผา ตัด. สบื คน เมอ่ื ๑๗ ก.ย. ๖๒ จาก http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=1&i= 1&p=14# เปรยี บดว ยแพทยผูไมฉ ลาดทำการผาตดั . อรรถกถาเลมท่ี ๑๘ ภาษาบาลีอกั ษรไทย อรรถกถา ขุททกนกิ าย.ธมั มปทัฏฐกถา(คาถาธรรมบท). สบื คนเมื่อ ๒๘ พ.ค.๒๕๖๓ จาก https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b= 25&i=11&p=1 (๑ พ.ย.๒๕๔๘)

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๖ ภาคผนวก ชื่อแบบฉบบั คมั ภีรใบลาน เพื่อการลงทะเบยี นเอกสารโบราณประเภทคมั ภรี ใบลาน

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๗ ชือ่ แบบฉบบั คมั ภีรใบลาน พระวินยั ปฎก หมวดบาลี ผูแตง ๑.อาทิกมมฺ ปาลิ (ปาราชกิ ปาล)ิ มหาวภิ งฺคปาลิ พระพุทธพจน ๒.นสิ ฺสคคฺ ยิ ปาลิ มหาวิภงฺคปาลิ พระพุทธพจน ๓.ปาจติ ฺตยิ ปาลิ มหาวิภงฺคปาลิ พระพทุ ธพจน ๔.นิสสฺ คคฺ ยิ -ปาจติ ตฺ ิยปาลิ มหาวิภงฺคปาลิ พระพุทธพจน ๕.ภิกฺขุนวี ภิ งฺคปาลิ พระพุทธพจน ๖.มหาวคคฺ ปาลิ พระพุทธพจน ๗.จูฬวคฺคปาลิ พระพทุ ธพจน ๘.ปรวิ ารปาลิ พระพทุ ธพจน หมวดอรรถกถา ผแู ตง ๑.มหาอ กถา38๑ หรือ มลู อ กถา ๒.มหาปจฺจารีอ กถา หรือ อรรถกถาแพใหญ คณะสงฆมหาวหิ าร ลงั กา ๓.กรุ นุ ทอี กถา คณะสงฆชาวลังกา ๔.อนฺธกกถา คณะสงฆเวฬุวหิ าร ลังกา ๕.สงฺเขป กถา ภิกษุชาวอินเดียภาคใต ๖.อาทิกมฺมวณณฺ นา (ปม) สมนตฺ ปาสาทิกา วนิ ยกถา ภกิ ษชุ าวอนิ เดยี ภาคใต ๗.นิสฺสคฺคยิ วณฺณนา (ทตุ ิย) สมนฺตปาสาทิกา วินย กถา ๘.ปาจติ ตฺ ิยวณณฺ นา (ทุตยิ ) สมนตฺ ปาสาทกิ า วินย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๙.นิสสฺ คคฺ ิย-ปาจิตตฺ ิยวณฺณนา (ทุตยิ ) สมนฺตปาสาทกิ า วนิ ยกถา พระพุทธโฆสาจารย ๑๐.ภกิ ขฺ นุ ีวิภงฺควณฺณนา (ทุติย) สมนฺตปาสาทกิ า วินย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๑๑.มหาวคฺควณณฺ นา (ตตยิ ) สมนตฺ ปาสาทิกา วินย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๑๒.จูฬวคฺควณณฺ นา (จตุตฺถ) สมนตฺ ปาสาทิกา วนิ ย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๑๓.ปรวิ ารวคคฺ วณฺณนา (ปฺจม) สมนตฺ ปาสาทิกา วินย กถา พระพุทธโฆสาจารย พระพทุ ธโฆสาจารย พระพุทธโฆสาจารย ๑ มหาอรรถกถา หรือ มูลอรรถกถา คัมภรี น้ี เปนของพระสงฆคณะมหาวิหาร เมืองอนุราธปรุ ะ ประเทศลงั กา เปนคัมภรี อ รรถกถา แก( อธิบายความในพระไตรปฎ ก)ครบท้ัง ๓ ปฎ ก คอื พระวนิ ยั ปฎ ก พระสตุ ตนั ตปฎ ก และพระอภธิ รรมปฎก ภาษาสงิ หลสมยั โบราณ ตน ฉบับอนั ตรธานแลว

ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๘ หมวดฎีกา ผแู ตง ๑.อาทิกมฺมวณฺณนา (ปม) สารตถฺ ทีปนี วินยฏกี า พระสารีบตุ ร (ลงั กา) ๒.นสิ สฺ คคฺ ยิ วณฺณนา (ทุติย) สารตถฺ ทปี นี วนิ ยฏีกา พระสารีบตุ ร (ลงั กา) ๓.ปาจติ ตฺ ยิ วณฺณนา (ทตุ ิย) สารตถฺ ทปี นี วนิ ยฏีกา พระสารีบตุ ร (ลังกา) ๔.นิสสฺ คคฺ ยิ -ปาจิตฺติยวณฺณนา (ทุตยิ ) สารตถฺ ทีปนี วินยฏีกา พระสารีบตุ ร (ลังกา) ๕.ภิกฺขุนีวิภงฺควณณฺ นา (ทุติย) สารตถฺ ทีปนี วนิ ยฏีกา พระสารีบุตร (ลงั กา) ๖.มหาวคคฺ วณฺณนา (ตติย) สารตฺถทปี นี วนิ ยฏกี า พระสารีบุตร (ลงั กา) ๗.จฬู วคคฺ วณณฺ นา (จตุตถฺ ) สารตฺถทปี นี วนิ ยฏกี า พระสารีบุตร (ลงั กา) ๘.ปริวารวคฺควณณฺ นา (ปจฺ ม) สารตถฺ ทีปนี วินยฏกี า พระสารีบตุ ร (ลงั กา) ๙.อาทกิ มมฺ วณฺณนา (ปม) วิมตวิ ิโนทนี วนิ ยฏีกา พระโกิยกสั สปะ ๑๐.นิสฺสคฺคยิ วณฺณนา (ทุติย) วิมตวิ ิโนทนี วินยฏีกา พระโกิยกสั สปะ ๑๑.ปาจิตตฺ ยิ วณณฺ นา (ทตุ ยิ ) วิมตวิ ิโนทนี วนิ ยฏีกา พระโกิยกสั สปะ ๑๒.นิสฺสคคฺ ิย-ปาจิตฺติยวณฺณนา (ทตุ ิย) วมิ ตวิ โิ นทนี วินยฏกี า พระโกิยกสั สปะ ๑๓.ภิกฺขุนีวิภงฺควณณฺ นา (ทุตยิ ) วมิ ติวิโนทนี วินยฏกี า พระโกยิ กสั สปะ ๑๔.มหาวคฺควณณฺ นา (ตตยิ ) วมิ ติวิโนทนี วินยฏกี า พระโกิยกสั สปะ ๑๕.จูฬวคคฺ วณณฺ นา (จตตุ ฺถ) วิมติวโิ นทนี วินยฏกี า พระโกิยกสั สปะ ๑๖.ปริวารวคฺควณณฺ นา (ปจฺ ม) วมิ ติวิโนทนี วนิ ยฏกี า พระโกิยกัสสปะ ๑๗.วชิรพทุ ธฺ ิ วนิ ยฏีกา พระวชิรพทุ ธิ หมวดโยชนา ผแู ตง ๑.อาทกิ มฺมวณณฺ นา วินยกถาอตฺถโยชนา พระญาณกิตติ(เชียงใหม) ๒.นิสสฺ คฺคิยวณฺณนา วินยกถาอตฺถโยชนา พระญาณกติ ต(ิ เชียงใหม) ๓.ปาจิตฺตยิ วณณฺ นา วนิ ยกถาอตถฺ โยชนา พระญาณกิตต(ิ เชยี งใหม) ๔.นสิ ฺสคคฺ ยิ -ปาจติ ตฺ ยิ วณฺณนา วินยกถาอตถฺ โยชนา พระญาณกติ ต(ิ เชยี งใหม) ๕.มหาวคฺควณณฺ นา วินยกถาอตฺถโยชนา พระญาณกติ ติ(เชียงใหม) ๖.จูฬวคฺควณฺณนา วนิ ยกถาอตฺถโยชนา พระญาณกติ ต(ิ เชียงใหม) ๗.ปรวิ ารวคคฺ วณณฺ นา วินยกถาอตฺถโยชนา พระญาณกิตติ(เชียงใหม) หมวดคณั ฐี ผแู ตง ๑.คุยหตฺถทปี นี (จูฬคณฺ) มหาวคฺควณฺณนา พระสัทธรรมโชตปิ าละ ๒.คุยหตถฺ ทีปนี (มหาคณฺ) มหาวคฺควณณฺ นา พระสัทธรรมโชตปิ าละ ๓.คูฬหฺ ตฺถทปี นี (จฬู คณฺ ) มหาวคฺควณณฺ นา พระสทั ธรรมโชตปิ าละ ๔.คูฬฺหตถฺ ทีปนี (มหาคณฺ ) มหาวคฺควณณฺ นา พระสัทธรรมโชตปิ าละ ๕.ปริวารคณฺ ทปี นี ไมปรากฏผแู ตง

หมวดปกรณพ ิเศษ ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๙ ๑.ภกิ ขฺ ปุ าติโมกฺข(บัญญตั สิ กิ ขาบทมหาวภิ ังค) ๒.ภกิ ฺขุนปี าตโิ มกฺข(บัญญัติสิกขาบทภกิ ขนุ วี ภิ งั ค) ผแู ตง ๓.อุภโตปาติโมกขฺ (ทง้ั สองวิภงั ค) พระพุทธพจน ๔.ขทุ ฺทกปาตโิ มกขฺ (บอกสกิ ขาบทในภิกขปุ าติโมกข) พระพุทธพจน ๕.ขทุ ทฺ กสกิ ฺขา หรือ ขทุ ฺทสิกฺขา พระพุทธพจน ๖.มูลสกิ ขฺ า พระพุทธพจน ๗.วินยวินจิ ฉฺ ยสงคฺ ห พระธัมมสริ ิมหาเถระ ๘.อตุ ฺตรวนิ ยวินจิ ฺฉย พระมหาสามิเถระ ๙.ปาลมิ ตุ ฺตกวนิ ยวนิ จิ ฺฉยสงฺคห(วนิ ยสงคฺ หกถา) พระพทุ ธทัตตะ ๑๐.วตตฺ วนิ จิ ฉฺ ย พระพุทธทัตตะ ๑๑.ธมฺมสมหุ พระสารีบุตร(ชาวลงั กา) ๑๒.นปิ ุณปทสงฺคห ไมปรากฏผแู ตง ๑๓.วินยธรสกิ ฺขาปท ไมปรากฏผแู ตง ๑๔.วนิ ยกฺขนฺธกนทิ เฺ ทส ไมปรากฏผแู ตง ๑๕.วนิ ยสงฺเขป ไมปรากฏผูแ ตง ๑๖.ปาริสทุ ฺธวิ นิ ย ไมป รากฏผแู ตง ๑๗.อนาปตตฺ ทิ ปี นี ไมป รากฏผูแ ตง ๑๘.สิกฺขาปทวลชฺ นี ไมป รากฏผูแตง ๑๙.สมี าลงกฺ ารสงฺคห ไมป รากฏผูแ ตง ๒๐.สมี าสงฺกรวินิจฺฉย พระปญ จมูลมหาเถรสามี ๒๑.สมี าวจิ ารณ พระวาจสิ สระ ๒๒.สีมาวโิ สธนี พระญาณกิตติ ๒๓.สมี าลกฺขณทีปนี พระจอมเกลา เจาอยูหัว ๒๔.กมฺมากมมฺ วนิ จิ ฺฉย พระสาครพุทธิ ๒๕.สมี านยทปฺปน พระวมิ ละ ๒๖.นานากมฺมวาจา ไมปรากฏผแู ตง ๒๗.วนิ ยสารวนิ จิ ฉฺ ย พระธรรมลังกาเถระ ๒๘.สคุ ตวิทตถฺ ิ (วติ ฺถาร) ไมป รากฏผูแตง ๒๙.ปุพพฺ สิกฺขาวณฺณนา ไมปรากฏผแู ตง ๓๐.กมฺมวาจาวิธิ ปวเรศวรยิ าลงกรณ ๓๑.วินยสิกฺขาปทวินจิ ฺฉย พระอมราภิรักขติ ะ ๓๒.สิกขฺ าปทวนิ ิจฉฺ ย ไมปรากฏผแู ตง ๓๓.ปพฺพชฺชาวินจิ ฉฺ ย ไมปรากฏผูแ ตง ไมปรากฏผแู ตง พระสารีบุตร(ลังกา)

ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๐ อรรถกถา พระพุทธโฆสาจารย ๑.กงขฺ าวิตรณี ปาตโิ มกขฺ กถา(มาตกิ  กถา) พระพทุ ธโฆสาจารย ๒.กงฺขาวติ รณี ภิกฺขปุ าติโมกขฺ  กถา พระพุทธโฆสาจารย ๓.กงฺขาวติ รณี ภิกฺขนุ ปี าตโิ มกฺข กถา พระธรรมสิริ ๔.ขทุ ฺทกสิกขฺ าอตถฺ วินิจฉฺ ย พระพทุ ธนาคเถระ พระวาจิสสระ ฎีกา พระสมันตคุณสาเถระ ๑.วนิ ยตฺถมฺชสู า ปาติโมกขฺ ฏกี า พระเรวตะ39๑ ๒.สมุ งคฺ ลปสาทนี ขทุ ฺทกสกิ ขฺ าฏีกา พระตปิ ฏ กาลังการ ๓.วนิ ยวิมติจฺเฉทนี มลู สิกฺขานวฏกี า พระติปฏกาลังการ ๔.ลีนตฺถปกาสนา อุตตฺ รวินยวนิ ิจฺฉยฏกี า พระสัทธรรมโชติปาละ ๕.อนตุ ฺตานทีปนี ปาลมิ ุตฺตกวินยวินจิ ฺฉยสงคฺ หฏกี า พระสทั ธรรมโชตปิ าละ ๖.วินยาลงกฺ าร ปาลมิ ุตตฺ กวินยวนิ ิจฺฉยสงฺคหฏกี า พระพุทธนาคเถระ ๗.วินยตฺถสารสนฺทปี นี วินยวนิ ิจฉฺ ยสงคฺ หฏีกา พระวมิ ลสารเถระ ๘.สีมาลงฺการสงฺคหฏกี า พระสงั ฆรกั ขิต ๙.กงขฺ าวติ รณี ปาติโมกขฺ ฏีกา(กงฺขาวิตรณีอภินวฏีกา) พระมุนินทโฆสะ ๑๐.มลู สิกขฺ าฏกี า40๒ พระวนวาสีเถระ ๑๑.ขุทฺทกสิกฺขาฏีกา41๓ พระมหาราชครู ๑๒.วนิ ยสิกฺขาฏกี า พระญาณกิตตเิ ถระ พระมหาวชิรพทุ ธิ โยชนา ๑.ขทุ ทฺ กสกิ ฺขาอตฺถโยชนา ๒.วินยวนิ ิจฉฺ ยสงคฺ หอตฺถโยชนา คัณฐี ๑.ภิกฺขปุ าตโิ มกขฺ คณฺ ท ปี นี ๒.วินยคณฺี หมวดบาลี พระสตุ ตนั ตปฎ ก ผแู ตง ๑.สีลกฺขนธฺ วคคฺ ปาลิ ทฆี นิกาย พระพุทธพจน ๒.มหาวคฺคปาลิ ทีฆนกิ าย พระพุทธพจน ๑ ลนี ัตถปกาสนา ฎีกาอตุ ตรวนิ ยวินจิ ฉยั พระเรวตะ แตง ทีเ่ มืองพุกาม มชี ่อื เกาเรียกวา อรมิ ัททนะ ๒ มลู สกิ ขาฎกี า เรยี กวา วิมตจิ เฉทฎกี า กไ็ ด พระสมันตคณุ สาคระ แตง ท่เี มอื งวิชัยปุระ ๓ ขุททกสกิ ขาฎีกา เรยี กวา สุมังคลปสาทนฎี ีกา ก็ได พระสงั ฆรักขิต แตง ทเ่ี มืองวชิ ยั ปุระ

๓.ปาฏกิ วคฺคปาลิ ทีฆนิกาย ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๑ ๔.ปาถกิ วคฺคปาลิ ทีฆนิกาย ๕.ปาเถยยฺ วคฺคปาลิ ทฆี นิกาย พระพุทธพจน ๖.มูลปณฺณาสกปาลิ มชฺฌมิ นิกาย พระพทุ ธพจน ๗.มชฺฌมิ ปณฺณาสกปาลิ มชฺฌิมนิกาย พระพทุ ธพจน ๘.อปุ รปิ ณณฺ าสกปาลิ มชฌฺ ิมนิกาย พระพทุ ธพจน ๙.สคาถวคฺคปาลิ สํยุตฺตนกิ าย พระพทุ ธพจน ๑๐.นทิ านวคฺคปาลิ สํยุตฺตนกิ าย พระพทุ ธพจน ๑๑.ขนฺธวารวคคฺ ปาลิ สยํ ุตฺตนิกาย พระพุทธพจน ๑๒.ขนฺธวรวคฺคปาลิ สยํ ตุ ตฺ นิกาย พระพุทธพจน ๑๓.ขนธฺ วคคฺ ปาลิ สํยุตตฺ นกิ าย พระพุทธพจน ๑๔.ขนฺธกวคคฺ ปาลิ สํยุตฺตนกิ าย พระพทุ ธพจน ๑๕.สฬายตนวคฺคปาลิ สํยตุ ฺตนกิ าย พระพุทธพจน ๑๖.มหาวารวคคฺ ปาลิ สํยตุ ฺตนกิ าย พระพทุ ธพจน ๑๗.มหาวรวคคฺ ปาลิ สํยตุ ฺตนิกาย พระพทุ ธพจน ๑๘.มหาวคคฺ ปาลิ สยํ ตุ ตฺ นิกาย พระพุทธพจน ๑๙.เอกกนปิ าตปาลิ องคฺ ตุ ฺตรนิกาย พระพทุ ธพจน ๒๐.ทกุ นิปาตปาลิ องคฺ ุตตฺ รนิกาย พระพุทธพจน ๒๑.ติกนปิ าตปาลิ องฺคุตตฺ รนกิ าย พระพทุ ธพจน ๒๒.จตุตกฺ นปิ าตปาลิ องฺคตุ ตฺ รนกิ าย พระพุทธพจน ๒๓.ปฺจกนิปาตปาลิ องคฺ ตุ ฺตรนกิ าย พระพุทธพจน ๒๔.ฉกฺกนปิ าตปาลิ องคฺ ุตฺตรนิกาย พระพุทธพจน ๒๕.สตฺตกนปิ าตปาลิ องคฺ ตุ ฺตรนกิ าย พระพุทธพจน ๒๖.อ กนปิ าตปาลิ องฺคตุ ฺตรนิกาย พระพุทธพจน ๒๗.นวกนิปาตปาลิ องฺคตุ ตฺ รนกิ าย พระพทุ ธพจน ๒๘.ทสกนิปาตปาลิ องคฺ ตุ ตฺ รนกิ าย พระพทุ ธพจน ๒๙.เอกาทสกนิปาตปาลิ องคฺ ตุ ตฺ รนิกาย พระพุทธพจน ๓๐.ขทุ ทฺ กปาปาลิ ขุททฺ กนกิ าย พระพุทธพจน ๓๑.ธมมฺ ปทปาลิ ขทุ ทฺ กนิกาย พระพทุ ธพจน ๓๒.อทุ านปาลิ ขุทฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๓๓.อติ ิวุตตฺ กปาลิ ขุทฺทกนิกาย พระพุทธพจน ๓๔.สุตตฺ นิปาตปาลิ ขุทฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๓๕.วิมานวตถฺ ุปาลิ ขทุ ทฺ กนกิ าย พระพทุ ธพจน ๓๖.เปตวตฺถุปาลิ ขุทฺทกนิกาย พระพทุ ธพจน พระพทุ ธพจน พระพุทธพจน

ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๒ ๓๗.เถรคาถาปาลิ ขทุ ทฺ กนกิ าย พระพทุ ธพจน ๓๘.เถรคี าถาปาลิ ขทุ ทฺ กนกิ าย พระพทุ ธพจน ๓๙.เอกกนปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนิกาย พระพทุ ธพจน ๔๐.ทุกนปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ทฺ กนิกาย พระพทุ ธพจน ๔๑.ตกิ นิปาต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๔๒.จตกุ กฺ นปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนิกาย พระพทุ ธพจน ๔๓.ปจฺ กนปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนกิ าย พระพุทธพจน ๔๔.ฉกฺกนปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๔๕.สตฺตกนปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ทฺ กนิกาย พระพุทธพจน ๔๖.อ กนปิ าต ชาตกปาลิ ขุทฺทกนิกาย พระพทุ ธพจน ๔๗.นวกนปิ าต ชาตกปาลิ ขุททฺ กนิกาย พระพุทธพจน ๔๘.ทสกนิปาต ชาตกปาลิ ขุททฺ กนิกาย พระพทุ ธพจน ๔๙.เอกาทสกนปิ าต ชาตกปาลิ ขุทฺทกนิกาย พระพุทธพจน ๕๐.ทฺวาทสกนปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนกิ าย พระพุทธพจน ๕๑.เตรสกนิปาต ชาตกปาลิ ขทุ ทฺ กนกิ าย พระพุทธพจน ๕๒.ปกณิ ฺณกนปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนิกาย พระพทุ ธพจน ๕๓.วสี ตินปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนิกาย พระพทุ ธพจน ๕๔.ตสึ นปิ าต ชาตกปาลิ ขุทฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๕๕.จตฺตาีสนิปาต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนกิ าย พระพุทธพจน ๕๖.ปฺ าสนิปาต ชาตกปาลิ ขทุ ทฺ กนกิ าย พระพทุ ธพจน ๕๗.ส นิปาต ชาตกปาลิ ขุทฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๕๘.สตตฺ ตินปิ าต ชาตกปาลิ ขุททฺ กนกิ าย พระพทุ ธพจน ๕๙.อสตี นิ ิปาต ชาตกปาลิ ขุทฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๖๐.มหานิปาต (ทสชาติ) ชาตกปาลิ ขทุ ทฺ กนกิ าย พระพุทธพจน ๖๑.มหานิปาต {เวสฺสนตฺ รชาตก(คาถาพัน)} ชาตกปาลิ ขุทฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๖๒.มหานิทฺเทสปาลิ ขทุ ฺทกนิกาย พระสารีบุตร ๖๓.จูฬนิทฺเทสปาลิ ขุทฺทกนิกาย พระสารีบุตร ๖๔.ปฏสิ มภฺ ิทามคคฺ ปาลิ ขุททฺ กนกิ าย พระสารีบตุ ร ๖๕.อปทานปาลิ ขุททฺ กนกิ าย พระพทุ ธพจน ๖๖.พทุ ธฺ วสํ ปาลิ ขทุ ฺทกนกิ าย พระกสั สปะ ๖๗.จรยิ าปฏ กปาลิ ขุททฺ กนิกาย พระพทุ ธพจน ๖๘.เนตตฺ ปิ กรณปาลิ ขุทฺทกนิกาย พระมหากจั จายนะ ๖๙.เปฏโกปเทสปาลิ ขทุ ทฺ กนิกาย พระมหากจั จายนะ

ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๓ ๗๐.มลิ ินทฺ ปหฺ าปาลิ ขุทฺทกนกิ าย ไมปรากฏผูแตง 42๑ หมวดอรรถกถา ผูแตง ๑.สลี กขฺ นธฺ วคฺควณฺณนา สุมงฺคลวิลาสนิ ี ทีฆนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๒.มหาวคฺควณณฺ นา สุมงฺคลวิลาสนิ ี ทฆี นิกายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๓.ปฏิกวคฺควณณฺ นา สมุ งคฺ ลวิลาสนิ ี ทีฆนิกายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๔.มลู ปณณฺ าสกวณณฺ นา ปปจฺ สทู นี มชฺฌิมนกิ าย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๕.มชฌฺ มิ ปณฺณาสกวณฺณนา ปปฺจสูทนี มชฌฺ มิ นกิ าย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๖.อุปรปิ ณฺณาสกวณฺณนา ปปจฺ สูทนี มชฺฌิมนกิ ายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๗.สคาถวคฺควณณฺ นา สารตถฺ ปกาสนิ ี สยํ ตุ ฺตนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๘.นิทานวคฺควณฺณนา สารตถฺ ปกาสนิ ี สยํ ตุ ฺตนกิ ายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๙.ขนธฺ วารวคฺควณฺณนา สารตฺถปกาสนิ ี สํยตุ ตฺ นกิ ายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๑๐.สฬายตนวคคฺ วณฺณนา สารตถฺ ปกาสินี สํยุตฺตนิกาย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๑๑.มหาวารวคคฺ วณฺณนา สารตฺถปกาสินี สํยตุ ตฺ นิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๑๒.เอกกนิปาตวณณฺ นา มโนรถปรู ณี องคฺ ุตตฺ รนกิ าย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๑๓.ทกุ นิปาตวณณฺ นา มโนรถปรู ณี องฺคตุ ฺตรนกิ าย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๑๔.ติกนิปาตวณณฺ นา มโนรถปรู ณี องฺคุตตฺ รนิกาย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๑๕.จตกุ ฺกนปิ าตวณณฺ นา มโนรถปูรณี องฺคุตตฺ รนิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๑๖.ปฺจกนปิ าตวณณฺ นา มโนรถปรู ณี องคฺ ตุ ตฺ รนิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๑๗.ฉกกฺ นิปาตวณฺณนา มโนรถปรู ณี องคฺ ตุ ฺตรนิกาย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๑๘.สตตฺ กนิปาตวณฺณนา มโนรถปูรณี องคฺ ตุ ตฺ รนกิ ายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๑๙.อ กนิปาตวณณฺ นา มโนรถปรู ณี องฺคุตตฺ รนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๒๐.นวกนิปาตวณฺณนา มโนรถปรู ณี องฺคุตตฺ รนกิ ายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๒๑.ทสกนิปาตวณณฺ นา มโนรถปรู ณี องคฺ ตุ ฺตรนิกาย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๒๒.เอกาทสกนปิ าตวณฺณนา มโนรถปูรณี องคฺ ตุ ตฺ รนกิ าย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๒๓.ขุททฺ กปาวณณฺ นา ปรมตถฺ โชติกา ขุทฺทกนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๒๔.ธมฺมปทวณณฺ นา ธมมฺ ปทกถา ขุทฺทกนิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๒๕.อุทานวณณฺ นา ปรมตถฺ ทปี นี ขุททฺ กนกิ าย กถา พระธรรมปาละ ๒๖.อิติวุตฺตกวณฺณนา ปรมตถฺ ทีปนี ขุททฺ กนกิ าย กถา พระธรรมปาละ ๒๗.สุตตฺ นิปาตวณณฺ นา ปรมตฺถโชตกิ า ขทุ ฺทกนกิ ายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๒๘.วมิ านวตถฺ ุวณฺณนา ปรมตถฺ ทีปนี ขุททฺ กนกิ าย กถา พระธรรมปาละ ๑ มลิ ินทปญหาปกรณนัน้ ไมป รากฏวาทา นใดเปนผรู จนา สนั นิษฐานวา พระพุทธโฆสาจารย เปนผูแตงนิทานกถาและนคิ มกถา ประกอบเขา ตวั เน้ือเรอ่ื ง(ขอสนทนาถาม-ตอบระหวา งพระนาคเสนกบั พระยามลิ นิ ท) ยงั ไมปรากฏหลกั ฐาน

ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๔ ๒๙.เปตวตฺถุวณฺณนา ปรมตถฺ ทีปนี ขุททฺ กนกิ าย กถา พระธรรมปาละ ๓๐.เถรคาถาวณฺณนา ปรมตถฺ ทีปนี ขทุ ทฺ กนกิ ายกถา พระธรรมปาละ ๓๑.เถรีคาถาวณฺณนา ปรมตถฺ ทีปนี ขุทฺทกนิกาย กถา พระธรรมปาละ ๓๒.เอกกนปิ าตวณณฺ นา ชาตกกถา ขทุ ทฺ กนกิ าย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๓๓.ทุกนปิ าตวณฺณนา ชาตกกถา ขทุ ฺทกนกิ ายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๓๔.ติกนปิ าตวณณฺ นา ชาตกกถา ขทุ ฺทกนิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๓๕.จตุกฺกนปิ าตวณฺณนา ชาตก กถา ขทุ ทฺ กนิกาย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๓๖.ปฺจกนิปาตวณณฺ นา ชาตกกถา ขทุ ทฺ กนิกายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๓๗.ฉกกฺ นปิ าตวณฺณนา ชาตก กถา ขุทฺทกนกิ าย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๓๘.สตฺตกนปิ าตวณฺณนา ชาตกกถา ขุทฺทกนิกายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๓๙.อ กนิปาตวณฺณนา ชาตกกถา ขุทฺทกนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๔๐.นวกนิปาตวณณฺ นา ชาตกกถา ขุทฺทกนกิ ายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๔๑.ทสกนปิ าตวณณฺ นา ชาตกกถา ขุททฺ กนิกาย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๔๒.เอกาทสกนิปาตวณณฺ นา ชาตกกถา ขุททฺ กนิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๔๓.ทวฺ าทสกนิปาตวณณฺ นา ชาตกกถา ขทุ ฺทกนิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๔๔.เตรสกนปิ าตวณฺณนา ชาตกกถา ขุททฺ กนกิ ายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๔๕.ปกิณณฺ กนิปาตวณฺณนา ชาตกกถา ขทุ ทฺ กนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๔๖.วสี ตินิปาตวณณฺ นา ชาตกกถา ขทุ ฺทกนกิ ายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๔๗.ตสึ นิปาตวณณฺ นา ชาตก กถา ขทุ ฺทกนิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๔๘.จตฺตาสี นปิ าตวณฺณนา ชาตก กถา ขุทฺทกนิกายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๔๙.ปฺ าสนปิ าตวณฺณนา ชาตกกถา ขทุ ฺทกนกิ ายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๕๐.ส นปิ าตวณฺณนา ชาตกกถา ขุททฺ กนกิ าย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๕๑.สตฺตตินิปาตวณณฺ นา ชาตก กถา ขทุ ฺทกนกิ ายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๕๒.อสีตนิ ปิ าตวณฺณนา ชาตกกถา ขุทฺทกนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๕๓.มหานปิ าตวณณฺ นา (ทสชาต)ิ ชาตกกถา ขุททฺ กนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๕๔.มหานปิ าตวณฺณนา (เวสฺสนตฺ รชาตก) ชาตก กถา ขทุ ฺทกนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๕๕.มหานิทฺเทสวณฺณนา สทฺธมฺมโชตกิ า ขทุ ทฺ กนิกายกถา พระอปุ เสนะ ๕๖.จฬู นิทเฺ ทสวณณฺ นา สทธฺ มมฺ โชตกิ า ขุททฺ กนิกาย กถา พระอุปเสนะ ๕๗.ปฏิสมฺภทิ ามคฺควณฺณนา สทฺธมมฺ ปกาสินี ขุทฺทกนกิ าย กถา พระมหานามะ ๕๘.อปทานวณณฺ นา วสิ ุทธฺ ชนวลิ าสนิ ี ขุททฺ กนิกาย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๕๙.พทุ ฺธวสํ วณฺณนา มธุรตถฺ วลิ าสินี ขทุ ฺทกนกิ ายกถา พระพุทธทตั ตะ ๖๐.จรยิ าปฏ กวณฺณนา ปรมตฺถทีปนี ขุทฺทกนกิ าย กถา พระธรรมปาละ ๖๑.เนตตฺ ปิ กรณวณณฺ นา เนตฺตอิ กถา ขุทฺทกนกิ าย กถา พระธรรมปาละ

ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๕ หมวดฎกี า ผแู ตง ๑.สลี กขฺ นธฺ วคฺควณณฺ นา ลนี ตฺถปกาสนา ทีฆนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๒.มหาวคคฺ วณณฺ นา ลนี ตถฺ ปกาสนา ทีฆนิกายฏีกา พระธรรมปาละ ๓.ปาฏิกวคฺควณณฺ นา ลนี ตถฺ ปกาสนา ทีฆนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๔.ปาเถยฺยวคคฺ วณณฺ นา ลีนตถฺ ปกาสนา ทีฆนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๕.มลู ปณฺณาสกวณณฺ นา ลีนตฺถปกาสนา มชฌฺ มิ นิกายฏีกา พระธรรมปาละ ๖.มชฌฺ มิ ปณณฺ าสกวณณฺ นา ลีนตฺถปกาสนา มชฌฺ ิมนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๗.อปุ ริปณณฺ าสกวณณฺ นา ลนี ตฺถปกาสนา มชฺฌิมนกิ ายฏีกา พระธรรมปาละ ๘.สคาถวคคฺ วณฺณนา ลีนตฺถปกาสนา สํยุตฺตนกิ ายฏีกา พระธรรมปาละ ๙.นิทานวคคฺ วณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสนา สยํ ตุ ตฺ นิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๑๐.ขนธฺ วารวคคฺ วณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสนา สํยุตตฺ นกิ ายฏีกา พระธรรมปาละ ๑๑.สฬายตนวคฺควณณฺ นา ลนี ตถฺ ปกาสนา สํยตุ ฺตนกิ ายฏกี า พระธรรมปาละ ๑๒.มหาวารวคคฺ วณณฺ นา ลนี ตฺถปกาสนา สยํ ตุ ฺตนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๑๓.เอกกนิปาตวณฺณนา ลีนตถฺ ปกาสินี องคฺ ตุ ตฺ รนิกายฏีกา พระธรรมปาละ ๑๔.ทุกนิปาตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสนิ ี องคฺ ตุ ตฺ รนิกายฏีกา พระธรรมปาละ ๑๕.ติกนิปาตวณณฺ นา ลีนตถฺ ปกาสนิ ี องฺคุตฺตรนิกายฏีกา พระธรรมปาละ ๑๖.จตกุ ฺกนปิ าตวณฺณนา ลนี ตฺถปกาสนิ ี องคฺ ุตตฺ รนกิ ายฏีกา พระธรรมปาละ ๑๗.ปจฺ กนิปาตวณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสนิ ี องคฺ ตุ ตฺ รนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๑๘.ฉกฺกนิปาตวณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสนิ ี องฺคุตฺตรนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๑๙.สตตฺ กนิปาตวณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสินี องคฺ ุตตฺ รนกิ ายฏีกา พระธรรมปาละ ๒๐.อ กนปิ าตวณณฺ นา ลนี ตถฺ ปกาสนิ ี องคฺ ุตตฺ รนกิ ายฏีกา พระธรรมปาละ ๒๑.นวกนปิ าตวณณฺ นา ลีนตฺถปกาสินี องคฺ ตุ ตฺ รนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๒๒.ทสกนปิ าตวณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสินี องคฺ ุตตฺ รนิกายฏีกา พระธรรมปาละ ๒๓.เอกาทสกนิปาตวณณฺ นา ลนี ตฺถปกาสินี องคฺ ตุ ตฺ รนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๒๔.เอกกนปิ าตวณฺณนา สารตถฺ มชฺ สู า องคฺ ุตตฺ รนกิ ายฏกี า พระสารีบุตร(ลงั กา) ๒๕.ทกุ นปิ าตวณฺณนา สารตฺถมฺชูสา องคฺ ุตตฺ รนกิ ายฏีกา พระสารีบุตร(ลังกา) ๒๖.ตกิ นิปาตวณณฺ นา สารตฺถมชฺ ูสา องคฺ ุตตฺ รนกิ ายฏกี า พระสารีบุตร(ลงั กา) ๒๗.จตุกกฺ นิปาตวณณฺ นา สารตถฺ มชฺ ูสา องคฺ ุตฺตรนิกายฏีกา พระสารีบุตร(ลงั กา) ๒๘.ปจฺ กนิปาตวณฺณนา สารตถฺ มชฺ ูสา องคฺ ุตฺตรนิกายฏกี า พระสารีบุตร(ลงั กา) ๒๙.ฉกฺกนิปาตวณณฺ นา สารตฺถมชฺ ูสา องคฺ ุตตฺ รนกิ ายฏีกา พระสารีบุตร(ลงั กา) ๓๐.สตตฺ กนปิ าตวณณฺ นา สารตฺถมชฺ สู า องคฺ ตุ ฺตรนิกายฏกี า พระสารีบุตร(ลงั กา) ๓๑.อ กนิปาตวณณฺ นา สารตฺถมฺชสู า องฺคตุ ฺตรนิกายฏกี า พระสารีบุตร(ลังกา) ๓๒.นวกนิปาตวณฺณนา สารตฺถมชฺ ูสา องฺคุตตฺ รนกิ ายฏกี า พระสารีบตุ ร(ลังกา) ๓๓.ทสกนิปาตวณฺณนา สารตถฺ มชฺ ูสา องคฺ ตุ ฺตรนิกายฏีกา พระสารีบุตร(ลงั กา)

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๖ ๒๔.เอกาทสกนิปาตวณฺณนา สารตถฺ มชฺ ูสา องฺคตุ ตฺ รนิกายฏกี า พระสารีบตุ ร(ลังกา) ๓๕.เอกกนิปาตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสินี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๓๖.ทกุ นิปาตวณฺณนา ลนี ตฺถปกาสนิ ี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๓๗.ตกิ นิปาตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสนิ ี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๓๘.จตุกกฺ นิปาตวณฺณนา ลีนตถฺ ปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๓๙.ปจฺ กนิปาตวณณฺ นา ลีนตฺถปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๔๐.ฉกฺกนปิ าตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๔๑.สตฺตกนิปาตวณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสินี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๔๒.อ กนิปาตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสนิ ี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๔๓.นวกนปิ าตวณณฺ นา ลีนตถฺ ปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๔๔.ทสกนปิ าตวณณฺ นา ลีนตฺถปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๔๕.เอกาทสกนิปาตวณณฺ นา ลีนตฺถปกาสินี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๔๖.ทฺวาทสกนปิ าตวณฺณนา ลีนตถฺ ปกาสนิ ี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๔๗.เตรสกนิปาตวณณฺ นา ลีนตถฺ ปกาสินี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๔๘.ปกิณฺณกนปิ าตวณณฺ นา ลนี ตถฺ ปกาสนิ ี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๔๙.วสี ตินปิ าตวณณฺ นา ลีนตถฺ ปกาสนิ ี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๕๐.ตสึ นิปาตวณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๕๑.จตฺตาีสนปิ าตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสนิ ี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๕๒.ปฺ าสนปิ าตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๕๓.ส นิปาตวณฺณนา ลนี ตฺถปกาสินี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๕๔.สตตฺ ตินิปาตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๕๕.อสีตนิ ปิ าตวณณฺ นา ลนี ตฺถปกาสนิ ี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๕๖.มหานิปาตวณณฺ นา (ทสชาต)ิ ลีนตถฺ ปกาสนิ ี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๕๗.มหานปิ าตวณณฺ นา (เวสฺสนตฺ รชาตก) ลีนตถฺ ปกาสนิ ี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๕๘.มธุรตฺถปกาสนิ ี มิลินฺทปหฺ าฏีกา พระตปิ าติเถระ43๑ ๕๙.เนตฺติปกรณฏกี า พระญาณาภวิ ังสะ ๖๐.รตนวี เนตตฺ ิปกรณฏีกา ไมป รากฏผูแ ตง ๖๑.เนตฺติวภิ าวนา เนตฺติปกรณฏกี า(เนตฺตวิ ิภาวนิ ี) หมวดนวฎีกา พระสัทธรรมปาละมหาธรรมราชครุ ุ ผแู ตง ๑.สลี กฺขนฺธวคฺควณณฺ นา สาธวุ ิลาสนิ ี ทฆี นกิ ายนวฏกี า พระญาณาภิวงั สะ ๑ ในคำนำ มลิ นิ ทปญหา ฉบับหอสมุดแหง ชาติ พระนพิ นธส มเดจ็ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และในฉบับอักษรโรมนั เหน็ เหมือนกันวา พระมหาติปฏ กจุฬาภยั เปนผรู จนา สว นในบญั ชีคัมภรี ภ าษาบาลแี ละสนั สฤต หอพระสมดุ วชิรญาณ วา พระติปาติ เถระ เปน ผูรจนา

ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๗ หมวดคัณฐี ผแู ตง ๑.เอกกนิปาตวณณฺ นา อนุตตฺ านทีปนี องคฺ ตุ ตฺ รนกิ ายวณณฺ นา ไมป รากฏผูแตง ๒.ทุกนปิ าตวณฺณนา อนตุ ตฺ านทปี นี องฺคุตตฺ รนิกายวณณฺ นา ไมปรากฏผูแตง ๓.ติกนิปาตวณณฺ นา อนตุ ตฺ านทปี นี องฺคตุ ฺตรนิกายวณณฺ นา ไมป รากฏผแู ตง ๔.จตกุ ฺกนิปาตวณณฺ นา อนตุ ตฺ านทีปนี องคฺ ตุ ฺตรนิกายวณฺณนา ไมป รากฏผูแตง ๕.ปจฺ กนิปาตวณณฺ นา อนตุ ฺตานทีปนี องคฺ ุตฺตรนกิ ายวณฺณนา ไมปรากฏผูแ ตง ๖.ฉกฺกนิปาตวณฺณนา อนตุ ฺตานทีปนี องฺคุตตฺ รนกิ ายวณณฺ นา ไมป รากฏผแู ตง ๗.สตฺตกนิปาตวณณฺ นา อนุตฺตานทปี นี องฺคุตตฺ รนกิ ายวณฺณนา ไมปรากฏผแู ตง ๘.อ กนปิ าตวณณฺ นา อนุตฺตานทีปนี องคฺ ุตตฺ รนิกายวณณฺ นา ไมปรากฏผแู ตง ๙.นวกนิปาตวณณฺ นา อนุตฺตานทปี นี องฺคตุ ตฺ รนิกายวณณฺ นา ไมป รากฏผแู ตง ๑๐.ทสกนปิ าตวณณฺ นา อนุตตฺ านทีปนี องฺคุตตฺ รนกิ ายวณฺณนา ไมป รากฏผูแตง ๑๑.เอกาทสกนปิ าตวณณฺ นา อนตุ ฺตานทีปนี องฺคุตตฺ รนิกายวณฺณนา ไมป รากฏผแู ตง ๑๒.ธมฺมปทคณฺ ท ปี นี ไมป รากฏผูแ ตง ๑๓.ปฏิสมภฺ ิทามคฺคคณฺ ทีปนี พระมหาภธิ านเถระ ๑๔.มงคฺ ลตถฺ ทีปนี พระสริ ิมงั คลาจารย ๑๕.เวสฺสนตฺ รทปี นี พระสริ ิมังคลาจารย ๑๖.ทสชาติคณฺ อตถฺ ววิ รณ ไมป รากฏผูแตง ๑๗.ทสชาติคณฺ ท ปี นี ไมป รากฏผแู ตง หมวดปกรณพิเศษ ผูแ ตง ๑.สตุ ฺตสงฺคห พระอริยวงั สเถระ ๒.มาเลยฺยสุตตฺ (มาเลยยฺ เทวตเฺ ถรวตถฺ )ุ ภิกษุชาวพมา ๓.ชมฺพุปติสุตตฺ ไมปรากฏผแู ตง ๔.อรุณวตสี ุตฺต ไมปรากฏผแู ตง ๕.มหากปนธชสุตตฺ ไมปรากฏผูแตง ๖.ปฺ าสชาตก (บ้นั ตน ๕๐ ผูก บน้ั ปลาย ๕๐ ผูก) ภิกษชุ าวเชียงใหม ๗.โลกนยชาตก ไมป รากฏผูแตง ๘.พธริ ชาตก ไมปรากฏผูแ ตง ๙.สวิ ิชยชาตก ไมปรากฏผแู ตง ๑๐.ปุณโฺ ณวาทสุตตฺ ไมปรากฏผแู ตง ๑๑.ปรมตถฺ ธมมฺ สตุ ฺต ไมปรากฏผแู ตง ๑๒.มหาวชิ ยเสสตุ ตฺ ไมปรากฏผแู ตง ๑๓.นนทฺ พรฺ าหมฺ ณสตุ ฺต ไมปรากฏผูแตง ๑๔.นพิ พฺ านสตุ ตฺ าทิ ไมป รากฏผูแตง

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๘ ๑๕.สตตฺ มงคฺ ลสตุ ฺตาทิ พระพุทธโฆสาจารย ๑๖.สภุ ททฺ สุตฺตาทิ ไมป รากฏผูแตง ๑๗.มลิ ินทฺ ปหฺ าสงเฺ ขป ไมปรากฏผแู ตง ไมป รากฏผแู ตง อรรถกถา ไมปรากฏผูแ ตง ๑.คนฺถสารจนิ ฺตา เวสสฺ นตฺ รชาตกกถา ไมปรากฏผแู ตง ๒.สกาภมิ ต เวสฺสนตฺ รชาตกวณณฺ นา ไมป รากฏผูแตง ๓.เวสสฺ นตฺ รวิวรณ ไมปรากฏผแู ตง ๔.สตุ ตฺ สงฺคหอกถา ไมปรากฏผูแ ตง ๕.ธมฺมปทววิ รณ ไมปรากฏผแู ตง ๖.สารตถฺ สมจุ จฺ ย จตุภาณวารอ กถา ไมปรากฏผูแตง ๗.สทฺธมมฺ วิลาสนิ ี ธมมฺ จกกฺ อกถา ไมป รากฏผูแตง ๘.ธมมฺ จกฺกสงฺเขปอ กถา ไมป รากฏผแู ตง ๙.อรุณวตีสตุ ตฺ อ กถา ไมปรากฏผแู ตง ๑๐.ปรมตถฺ ธมฺมสตุ ฺตวณฺณนา พระธรรมกิตตมิ หาสามิ ฎกี า พระวรสมั โพธมิ หาเถระ ๑.ธมมฺ จกฺกฏีกา ๒.มาเลยยฺ สุตฺตทีปนีฏกี า พระสิริสมุ ังคลเถระ ๓.ธมฺมปทมหาฏกี า ไมป รากฏผแู ตง โยชนา ๑.ธมฺมปทกถาคาถาโยชนา ผแู ตง พระพทุ ธพจน คณั ฐี พระพทุ ธพจน ๑.ธมมฺ จกกฺ คณฺท ปี นี พระพทุ ธพจน พระพุทธพจน หมวดบาลี พระอภธิ รรมปฎก พระพุทธพจน ๑.ธมมฺ สงคฺ ณิปาลิ พระพทุ ธพจน ๒.วภิ งคฺ ปาลิ พระพทุ ธพจน ๓.ธาตกุ ถาปาลิ พระพทุ ธพจน ๔.ปุคคฺ ลปฺตฺตปิ าลิ พระพุทธพจน ๕.กถาวตฺถุปาลิ ๖.ยมกปาลิ ๗.ตกิ ป าน ปานปาลิ ๘.ทุกป าน ปานปาลิ ๙.ทกุ ตกิ ป าน ปานปาลิ

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๙ ๑๐.ติกทกุ ป าน ปานปาลิ พระพทุ ธพจน ๑๑.ตกิ ตกิ ป าน ปานปาลิ พระพุทธพจน ๑๒.ทุกทกุ ป าน ปานปาลิ พระพุทธพจน หมวดอรรถกถา ผูแตง ๑.ธมมฺ สงคฺ ณวิ ณณฺ นา อ สาลินี อภิธมมฺ  กถา พระพุทธโฆสาจารย ๒.วภิ งฺควณณฺ นา สมโฺ มหวโิ นทนี อภธิ มมฺ  กถา พระพุทธโฆสาจารย ๓.ธาตกุ ถาวณฺณนา ปจฺ ปกรณกถา ปรมตฺถทปี นี อภธิ มฺม กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๔.ปคุ ฺคลปฺ ตตฺ วิ ณฺณนา ปจฺ ปกรณ กถา ปรมตถฺ ทีปนี อภิธมมฺ  กถา พระพุทธโฆสาจารย ๕.กถาวตฺถุวณณฺ นา ปจฺ ปกรณ กถา ปรมตฺถทีปนี อภิธมมฺ  กถา พระพุทธโฆสาจารย ๖.ยมกวณฺณนา ปจฺ ปกรณกถา ปรมตถฺ ทีปนี อภธิ มมฺ กถา พระพุทธโฆสาจารย ๗.ป านวณณฺ นา ปฺจปกรณกถา ปรมตถฺ ทปี นี อภิธมมฺ  กถา พระพทุ ธโฆสาจารย หมวดฎีกา ผูแตง ๑.ธมฺมสงคฺ ณวิ ณฺณนา ลีนตฺถโชตนา อภธิ มมฺ มูลฏีกา พระอานันทาจารย ๒.วิภงคฺ วณฺณนา ลนี ตฺถโชตนา อภธิ มมฺ มลู ฏกี า พระอานนั ทาจารย ๓.ธาตกุ ถาวณณฺ นา ปฺจปกรณวณณฺ นา ลนี ตถฺ โชตนา อภธิ มมฺ มูลฏีกา พระอานันทาจารย ๔.ปคุ ฺคลปฺตตฺ วิ ณณฺ นา ปฺจปกรณวณณฺ นา ลนี ตถฺ โชตนา อภิธมฺมมูลฏีกา พระอานันทาจารย ๕.กถาวตถฺ ุวณฺณนา ปฺจปกรณวณณฺ นา ลนี ตฺถโชตนา อภธิ มมฺ มูลฏีกา พระอานันทาจารย ๖.ยมกวณณฺ นา ปจฺ ปกรณวณณฺ นา ลนี ตถฺ โชตนา อภิธมฺมมลู ฏีกา พระอานนั ทาจารย ๗.ป านวณฺณนา ปฺจปกรณวณณฺ นา ลนี ตถฺ โชตนา อภิธมฺมมลู ฏกี า พระอานันทาจารย ๘.มธสุ ารตฺถทีปนี อภิธมมฺ ฏีกา พระอานันทเถระ44๑ ๙.ปรมตถฺ วภิ สู นี ธาตกุ ถาฏกี า พระมหาตโิ ลกครุ หมวดอนุฎกี า ผูแตง ๑.ธมฺมสงคฺ ณวิ ณณฺ นา ลีนตฺถปกาสินี อภธิ มฺมอนุฏีกา พระจลุ ลธรรมปาลเถระ ๒.วภิ งฺควณฺณนา ลนี ตฺถปกาสนิ ี อภธิ มมฺ อนฏุ กี า พระจุลลธรรมปาลเถระ ๓.ธาตุกถาวณณฺ นา ปฺจปกรณวณฺณนา ลนี ตฺถปกาสนิ ี อภธิ มมฺ อนุฏีกา พระจลุ ลธรรมปาลเถระ ๔.ปคุ คฺ ลปฺตฺติวณฺณนา ปจฺ ปกรณวณณฺ นา ลนี ตถฺ ปกาสินี อภิธมมฺ อนุฏีกา พระจุลลธรรมปาลเถระ ๕.กถาวตถฺ ุวณณฺ นา ปจฺ ปกรณวณฺณนา ลนี ตฺถปกาสนิ ี อภิธมฺมอนุฏีกา พระจลุ ลธรรมปาลเถระ ๖.ยมกวณณฺ นา ปจฺ ปกรณวณณฺ นา ลีนตถฺ ปกาสนิ ี อภิธมฺมอนฏุ ีกา พระจลุ ลธรรมปาลเถระ ๗.ป านวณณฺ นา ปจฺ ปกรณวณฺณนา ลีนตถฺ ปกาสนิ ี อภธิ มฺมอนุฏีกา พระจลุ ลธรรมปาลเถระ ๑ มธสุ ารตั ถทปี นี ฎกี าอธบิ ายความแหงมลู ฎกี า พระอานันทเถระ พระเถระชาวพมา แตงท่เี มอื งหงสาวดี ประเทศพมา

ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๔๐ หมวดโยชนา ผแู ตง ๑.อ สาลินีอตฺถโยชนา พระญาณกิตติเถระ ๒.สมโฺ มหวโิ นทนีอตฺถโยชนา พระญาณกติ ตเิ ถระ ๓.ธาตกุ ถาอตถฺ โยชนา พระญาณกิตติเถระ ๔.ปคุ คฺ ลปฺตตฺ ิอตถฺ โยชนา พระญาณกิตติเถระ ๕.กถาวตถฺ อุ ตฺถโยชนา พระญาณกติ ติเถระ ๖.ยมกอตฺถโยชนา พระญาณกิตติเถระ ๗.ป านอตฺถโยชนา พระญาณกติ ตเิ ถระ หมวดคณั ฐี ผูแตง ๑.ธมมฺ สงฺคณิวณฺณนา คุยฺหตฺถทีปนี (คูฬหฺ ตฺถทีปนี) พระสารทัสสี ๒.วภิ งฺควณฺณนา คยุ หฺ ตถฺ ทปี นี (คูฬหฺ ตถฺ ทปี นี) ไมป รากฏผแู ตง ๓.ธาตุกถาวณฺณนา ปฺจปกรณวณฺณนา คยุ หฺ ตถฺ ทปี นี (คูฬฺหตฺถทีปนี) ไมปรากฏผแู ตง ๔.ปคุ คฺ ลปฺ ตฺติวณฺณนา ปจฺ ปกรณวณฺณนา คุยฺหตฺถทีปนี (คฬู ฺหตฺถทปี นี) ไมป รากฏผแู ตง ๕.กถาวตถฺ ุวณฺณนา ปจฺ ปกรณวณฺณนา คุยหฺ ตถฺ ทปี นี (คฬู หฺ ตถฺ ทีปน)ี ไมปรากฏผแู ต ๖.ยมกวณฺณนา ปจฺ ปกรณวณณฺ นา คยุ หฺ ตถฺ ทปี นี (คฬู หฺ ตถฺ ทปี นี) ไมปรากฏผแู ต ๗.ป านวณฺณนา ปฺจปกรณวณฺณนา คุยหฺ ตฺถทีปนี (คฬู หฺ ตถฺ ทีปนี) ไมป รากฏผูแต ๘.ธาตกุ ถาคณฺทปี นี ไมป รากฏผูแตง ๙.ปุคฺคลปฺ ตฺตคิ ณฺท ีปนี ไมปรากฏผแู ตง ๑๐.ปจฺจยทีปนี ธาตุกถาทปี นี ไมป รากฏผแู ตง ๑๑.ปจจฺ ยทีปนี ปานทีปนี พระธรรมโพธิศิริ ๑๒.ธมฺมสงฺคณิทีปนี พระธรรมโพธิศริ ิ หมวดปกรณพ เิ ศษ ผแู ตง ๑.อภธิ มฺมมาติกา ไมปรากฏผูแตง ๒.อภิธมมฺ าวตาร พระพุทธทัตตะ ๓.อภิธมมฺ ตฺถสงฺคห พระอนุรุทธาจารย ๔.ปรมตถฺ วนิ ิจฺฉย พระอนุรทุ ธาจารย ๕.เขมปกรณ พระเขมาจารย ๖.นามรปู ปริจฺเฉท พระอนรุ ทุ ธาจารย ๗.นามรูปสมาส ไมป รากฏผูแตง ๘.นามาจารทีปก พระโชตปิ าลเถระ ๙.สภาวคนถฺ า ไมปรากฏผูแตง

ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๔๑ ๑๐.ปรมตฺถสาร ไมป รากฏผแู ตง ๑๑.ปรมตถฺ ธมฺมสาร ไมป รากฏผูแตง ๑๒.สารีริกวินิจฺฉย ไมปรากฏผแู ตง ๑๓.ธมฺมวิภูสนี ไมป รากฏผูแตง ๑๔.สตตฺ ปฺปกรณาภิธมฺม ไมป รากฏผูแ ตง ๑๕.รูปารูปวิภาค พระวาจิสสระ ๑๖.รปู วภิ าค ไมปรากฏผูแตง ๑๗.สจจฺ สงฺเขปปกรณ พระจฬู ธรรมปาละ อรรถกถา ไมป รากฏผูแตง ๑.โมหวจิ เฺ ฉทนี อภธิ มมฺ มาติกาอ กถา ไมปรากฏผแู ตง ๒.หตถฺ สาร อภธิ มฺมาวตารวณฺณนา พระอนุรทุ ธาจารย ๓.อภธิ มมฺ ตถฺ สงฺคหสรปู พระพุทธจฬุ าภาติกเถระ ฎกี า ไมป รากฏผแู ตง ๑.มธุสารตฺถทปี นี สตตฺ ปฺปกรณาภิธมฺมฏกี า พระสารบี ุตร ๒.มาติกาวณฺณนา “หลวง” ฏกี า พระสุมงั คลาจารย ๓.อภธิ มฺมาวตารโปราณฏกี า พระสมุ งั คลาจารย ๔.อภิธมฺมตฺถวกิ าสนี อภธิ มมฺ าวตารฏกี า พระนววิมลพุทธิ ๕.อภธิ มฺมตฺถวิภาวนี อภิธมมฺ ตถฺ สงคฺ หฏีกา พระอริยวังสะ ๖.ปรมตฺถมชฺ สู า อภธิ มฺมตถฺ สงฺคหอนุฏกี า พระโชตปาละ45๑ ๗.มณสิ ารมชฺ ูสา อภธิ มฺมตฺถสงฺคหนวฏีกา พระมหาสวุ ณั ณทีปเถระ ๘.สงฺเขปวณณฺ นา อภธิ มฺมตฺถสงคฺ หฏกี า ไมปรากฏผูแตง ๙.อเผคฺคุสารตฺถทีปนี อภธิ มฺมตฺถสงฺคหจูฬฏีกา ไมป รากฏผแู ตง ๑๐.มขุ มตตฺ กถา ปรมตถฺ วินิจฺฉยโปราณฏีกา พระวาจิสสระ ๑๑.ปรมตถฺ วินจิ ฉฺ ยฏีกา พระวาจิสสระ ๑๒.เขมปกรณฏีกา ไมปรากฏผแู ตง ๑๓.ลนี ตถฺ ปกาสินี นามรปู ปริจฺเฉทโปราณฏีกา ไมป รากฏผูแตง ๑๔.อภธิ มฺมาวตารลีนตฺถทีปนี พระอรยิ วังสะ ๑๕.อภธิ มฺมตถฺ สงคฺ หลนี ตถฺ ทีปนี พระสัทธรรมโชติปาละ ๑๖.มณีปทปี ตกิ มาติกาวณฺณนา ไมป รากฏผแู ตง ๑๗.มาตกิ าทีปนี มาติกาวณณฺ นา ไมปรากฏผูแ ตง ๑๘.มาติกาสรูปวภิ าวนี มาติกาอตถฺ วคิ คฺ หวณฺณนา ๑๙.ฉายารามปกรณ มาติกาวณฺณนา ๑ สังเขปวัณณนา ฎีกาอภิธัมมตั ถสงั คหะ พระโชตะปาละ หรือ สัทธมั มโชตปิ าละ ผแู ตง วสิ ทุ ธมิ รรคคณั ฐี เปน ผูแตง

ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๔๒ ๒๐.สจจฺ สงเฺ ขปปกรณฏกี า พระวาจสิ สระ ๒๑.อภธิ มมฺ ตฺถสงฺคหสรปู ฏีกา พระอนรุ ุทธาจารย ๒๒.ภูมิสงคฺ ห พระธรรมรงั ษี โยชนา ไมปรากฏผูแ ตง ๑.อภิธมมฺ ตฺถสงคฺ หอตฺถโยชนา พระญาณกิตติ ๒.อภธิ มมฺ ตถฺ วภิ าวนีอตถฺ โยชนา พระธรรมปาละ ๓.สจฺจสงฺเขปปกรณอตถฺ โยชนา พระมหาพุทธงั กูร ๔.จตุวีสตปิ จฺจยวารสรูป ไมปรากฏผแู ตง คณั ฐี ไมปรากฏผแู ตง ๑.จิตฺรคณฺท ีปนี ๒.เขมปกรณวิวรณ พระอรยิ วังสธรรมเสนาบดี ๓.มณปี ทปี ตกิ มาติกาวณฺณนาววิ รณ ๔.อภธิ มฺมตถฺ สงฺคหคณฺทปี นี ไมป รากฏผูแตง ๕.อภิธมมฺ ตฺถสงคฺ หวินิจฺฉย ไมป รากฏผูแตง ๖.สารสงคฺ หอกถาคณฺทปี นี ไมป รากฏผูแตง นิสสยั พระภทั ทนั ตานุรทุ ธาจารย ๑.อภธิ มมฺ ตฺถสงคฺ หนสิ สฺ ย ไมปรากฏผแู ตง ๒.ธาตกุ ถาอกถานสิ ฺสย ไมปรากฏผแู ตง ๓.ปรมตฺถสรูปเภทนี คัมภีรอธบิ ายพระไตรปฎก ปกรณพ เิ ศษ ผแู ตง ๑.วิสุทธฺ ิมคคฺ พระพทุ ธโฆสาจารย ๒.วมิ ตุ ตฺ ิมคฺค พระอุปตสิ สเถระ ฎกี า ๑.ปรมตฺถมชฺ ูสา วสิ ทุ ธฺ มิ คฺคมหาฏกี า พระธรรมปาละ ๒.สงเฺ ขปตฺถโชตนี วิสทุ ธฺ ิมคคฺ จูฬฏกี า ไมปรากฏผูแตง คัณฐี พระสทั ธัมมโชติปาละ ๑.วิสุทธฺ มิ คคฺ คณฺท ปี นี ไมป รากฏผแู ตง ๒.เตปฏกคณฺ ท ีปนี

ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๔๓ ๑.เวสฺสนฺตรชาตกานสิ สํ ปกิณกะ ไมปรากฏผูแ ตง ๒.ชาลิกณฺหาภเิ สก ไมป รากฏผแู ตง ๓.จตุรารกขฺ าปาลิ พระพุทธโฆสาจารย ๔.จตรุ ารกขฺ าอ กถา พระญาณมงคล ๕.จตรุ ารกฺขาฏกี า ไมป รากฏผแู ตง ๖.มหามลู กมมฺ าน ไมป รากฏผแู ตง ๗.สคฺคาวตาร ไมป รากฏผแู ตง ๘.กายวริ ตคิ าถา ไมปรากฏผแู ตง ๙.ภววริ ติคาถา ไมป รากฏผูแตง ๑๐.มหาพุทธฺ คุณปาลิ ไมปรากฏผแู ตง ๑๑.มหาพุทฺธคณุ อกถา ไมป รากฏผแู ตง ๑๒.มหาพทุ ฺธคุณฏกี า ไมป รากฏผแู ตง ๑๓.มหาพทุ ฺธาทิคณุ ปาลิ ไมปรากฏผูแ ตง ๑๔.มหาพุทธฺ าทคิ ุณอกถา ไมปรากฏผูแตง ๑๕.พุทธฺ คุณปกาสินี ไมปรากฏผูแ ตง ๑๖.ปชชฺ มธุ ไมป รากฏผูแตง ๑๗.ธมมฺ กายาทิ ไมป รากฏผแู ตง ๑๘.ปรติ ตฺ วณณฺ นา พระเตโชทีปกเถระ ๑๙.ปริตตฺ คณฺ ทีปนี ไมปรากฏผูแตง ๒๐.นโมฏีกา ไมป รากฏผูแตง ๒๑.พาหฏุ ีกา ไมป รากฏผแู ตง ๒๒.การสพฺพธมฺมาทิ ไมป รากฏผูแ ตง ๒๓.การสจฺจาภสิ มฺโพธน ไมป รากฏผแู ตง ๒๔.การสพฺพธมฺม ไมปรากฏผูแ ตง ๒๕.การคมมฺ ไมป รากฏผูแตง ๒๖.การคมน ไมป รากฏผแู ตง ๒๗.การอธคิ มฺม ไมป รากฏผแู ตง ๒๘.การขนฺธสนฺตาน ไมปรากฏผูแตง ๒๙.การสพฺพฺ ู ไมปรากฏผแู ตง ๓๐.การปรภิ าวติ ตฺ ไมปรากฏผูแตง ๓๑.การคมนาการ ไมปรากฏผูแตง ๓๒.สุจติ ตฺ าลงฺการ พระกลั ยาณสาระ ๓๓.อุปาสกชนาลงฺการ ไมป รากฏผูแตง

๓๔.มนุ ิคุณาลงกฺ าร ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๔๔ ๓๕.ปฏปิ ตฺตสิ งคฺ ห ๓๖.สารสงคฺ ห พระสรณงั กรสงั ฆราช ๓๗.สารตถฺ ทปี นีสงเฺ ขป ไมป รากฏผูแตง ๓๘.ปสาทนยี กถา ๓๙.พาลจติ ฺตปฺปโพธคนฺถ พระนนั ทาจารย( เชียงใหม) ๔๐.สทฺธมฺโมปายน ๔๑.อตฺถปปฺ ทีปกา ไมปรากฏผูแตง ๔๒.มาตุคณุ กถา ไมป รากฏผแู ตง ๔๓.ปตุคณุ กถา ไมปรากฏผแู ตง ๔๔.ภมุ ฺมสงฺคห ไมป รากฏผแู ตง ๔๕.ปฺจคติ ไมป รากฏผแู ตง ๔๖.มหาวปิ าก ไมป รากฏผแู ตง ๔๗.สตฺตวิปาก ไมป รากฏผูแ ตง ๔๘.ทสวตถฺ ทุ านกถา ไมป รากฏผแู ตง ๔๙.ทสปุ ฺ กริ ยิ าวตฺถุกถา ไมป รากฏผูแตง ๕๐.สหสสฺ วตถฺ ปุ กรณ ไมปรากฏผแู ตง ๕๑.มธุรสวาหินี (ชมฺพุทปี ) ไมปรากฏผแู ตง ๕๒.มธรุ สวาหินฏี กี า (ชมฺพุทีป) ไมปรากฏผูแตง ๕๓.มธุรสวาหนิ ี (ลงกฺ าทีป) ไมป รากฏผูแตง ๕๔.มธรุ สวาหนิ ีฏกี า (ลงฺกาทีป) ไมปรากฏผูแตง ๕๕.โสตพฺพมาลนิ ี พระรัฐปาละ ๕๖.สาธจุ รโิ ตทยคาถา สทิ ธตั ถกวี ๕๗.โมคคฺ ลฺลานพมิ พฺ ปหฺ า ไมปรากฏผแู ตง ๕๘.สุตฺตชาตกนิทานานสิ สํ กถา พระรฐั ปาละ ๕๙.วตถฺ ทานานิสํสกถา ไมป รากฏผูแตง ๖๐.ทานานสิ สํ กถา ไมป รากฏผแู ตง ๖๑.ยานานสิ ํสกถา ไมปรากฏผแู ตง ๖๒.ทปี ทานานิสสํ กถา ไมป รากฏผูแ ตง ๖๓.วหิ ารทานานิสสํ กถา ไมป รากฏผูแ ตง ๖๓.ปตฺตาธารทานานสิ สํ กถา ไมป รากฏผูแ ตง ๖๖.ปฏสิ งฺขรณานสิ ํสกถา ไมปรากฏผูแตง ๖๗.สีมานิสํสกถา ไมป รากฏผแู ตง ๖๘.ปฺจสีลานิสํสกถา ไมป รากฏผแู ตง ไมป รากฏผูแ ตง ไมปรากฏผูแ ตง ไมปรากฏผูแ ตง ไมป รากฏผแู ตง