ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๙๕ ศพั ทเ พ่ือพจิ ารณาประกอบการแปล กสโก (ป.ุ ) ชาวนา โปเสติ (ปุส-ฺ เณ-ต)ิ ยอมเล้ยี ง โจรกมมฺ ํ (นป.ุ ) โจรกรรม ปวิสติ (ป-วสิ -ฺ อ-ติ) ยอมเขา ไป ภุภุกกฺ โรติ (ภภุ กุ -ฺ กร-ฺ โอ-ติ)ยอ มทำเสยี ง “ภภุ ”ุ ,ยอ มเหา สททฺ ํ กโรหิ จงทำเสยี ง, จงเหา อุจฺจาสทฺทํ กโรนโฺ ต ทำอยซู ่งึ เสยี งดงั ปลายติ (ปลฺ-ณย-ต)ิ ยอมหนไี ป กชุ ฌฺ ติ (กธุ ฺ-กุชฺฌ-อ-ต)ิ ยอ มโกรธ คทฺรภํ (ป.ุ ) ซึง่ ลา เอกทวิ สํ ในวันหนงึ่ โจรกมมฺ ํ กโรติ ลัก, ขโมย วทติ (วท-ฺ อ-ติ) ยอ มกลาว สุนฺทโร น โหสิ ทา นไมดี ติติ (า-ติ-อ-ติ) ยอมยนื อยู ปหรติ (ป-หรฺ-อ-ติ) ยอมตี วสติ (วส-ฺ อ-ติ) ยอ มอยู อาคนตฺ ฺวา (อา-คมฺ-ตวฺ า) มาแลว สมฺม ดกู อ นเพอ่ื นยาก ภณฺฑํ (นป.ุ ) ส่งิ ของ สยมาโน (สี-มาน) นอนอยู อจุ จฺ าสทฺทํ (นป.ุ ) เสียงดงั อตฺตโน ของตน พุชฺฌติ ฺวา (พธุ -ฺ พุชฌฺ -อิ-ตฺวา) ตื่นแลว ลภสิ (ลภฺ-อ-สิ) ยอ มได คำแปลโดยพยญั ชนะ ๑.อ.สหาย ท. สอง อันขา พเจา จะกลา ว (มยา วุจฺจนฺเต)27๑ อ.ชาวนา คนหนงึ่ ยอ มอยู ในชนบท. (อ.ชาวนา) นนั้ ยอ มเลี้ยง ซง่ึ ลา ตวั หนง่ึ ดว ย ซงึ่ สุนขั ตัว หนึ่ง ดว ย. ในวันหนง่ึ อ.โจร มาแลว จากปา ไปแลว สเู รอื น ของชาวนา ยอ มกระทำ ซึง่ โจรกรรม. อ.ลา ยอมกลาว กะสนุ ัขวา “ดกู อ นเพ่อื นยาก อ.โจร เขา ไปอยู สูเรือน ของเจา นาย. อ.โจร นน้ั ยอมขโมย ซง่ึ สิง่ ของ ของเจา นาย. อ.เจา จงเหา เถดิ ดังนี้ อ.สนุ ัข นอนอยู ยอ มเหา หามไิ ด. อ.ลา ยอ มกลา ว อยา งนวี้ า “แนะเจา สุนขั อ.เจา ยอ มกระทำ ซงึ่ เสยี ง หามไิ ด. อ.เจา เปน สนุ ัขดี ยอ มเปน หามิได. อ.เรา นนั่ เทียว ยอ มกระทำ ซง่ึ เสียง.”ดงั น.้ี อ.ลา นน้ั ยอมยนื กระทำอยู ซง่ึ เสียงดัง อ. โจร ยอมหนีไป. ก็ อ.เจา นาย ตน่ื แลว เพราะเสียงดัง นนั้ ยอมโกรธ. (อ.เจา นาย) นนั้ ถือเอาแลว ซงึ่ ทอนไม ยอ มตี ซึง่ ศรี ษะ ของลา. อ.สนุ ัข ยอ มกลา ววา “แนะเจา ลา อ.เจา ไมก ระทำอยู ซึง่ กจิ ของตน (แต)ยอมกระทำ ซง่ึ กิจ ของเรา. เพราะเหตนุ ั้น อ.เจา ยอมได ซง่ึ ความทกุ ข. ดงั นี้. ๑ วฒั นา พ่ึงชื่น นกั ภาษาโบราณชำนาญการพิเศษ สำนกั หอสมุดแหงชาติ กรมศิลปากร (แปลและเรียบเรียงเปน ภาษาไทย)(วุจจฺ นฺ เต = วจฺ ธาตุ + ย ปจ จัย กมมฺ วาจก + อนเฺ ต วิภตั ติ อตั ตโนบท แปลงทสี่ ุดธาตุกบั ย ปจ จัยเปน จจฺ เอา อ ที่ ว เปน อ)ุ
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๙๖ ๒.ทุมฺเมโธ คทรฺ โภ28๑ เอโก ทุมเฺ มโธ คทรฺ โภ วนนเฺ ต ตณิ ํ ขาทต.ิ โส จีรกิ สสฺ สทฺทํ สตุ วฺ า ตุ โ โหต.ิ โส คทฺรโภ “จรี กิ สสฺ สทฺโท อตมิ ธโุ ร โหติ” อติ ิ จินเฺ ตตวฺ า จรี กิ ํ อปุ สงกฺ มต.ิ คทฺรโภ ปุจฉฺ ติ “สมฺม จรี กิ ตยุ ฺหํ สทโฺ ท อติมธโุ ร โหติ มนาโป. กึ ตวฺ ํ ขาทสิ” อิต.ิ จรี ิโก วทติ “อหํ ติเณ อสุ ฺสาวํ ปว ามิ ตสมฺ า เม สทฺโท อตมิ ธโุ ร โหต”ิ อติ .ิ คทฺรโภ ตณิ ํ น ขาทติ. อุสฺสาวเมว ปว ต.ิ น จเิ รน โส มรณํ ปตโฺ ต. อทิ ํ วตฺถุ อทิ มตฺถํ ทีเปติ “ทมุ เฺ มโธ สตฺโต สเุ ขน วฺจโิ ต โหติ. โส วนิ าสํ ปตโฺ ต โหต”ิ อิติ. ศพั ทท ี่ควรทราบ ทุมฺเมโธ มีปญ ญาทราม,โง คทรฺ โภ (ป.ุ ) ลา วนนฺเต (นป.ุ ) ท่ชี ายปา ขาทติ (ขาทฺ-อ-ต)ิ ยอมกนิ จีรกิ สสฺ (ป.ุ ) แหง จงิ้ หรดี สตุ ฺวา (สุ-ตฺวา) ไดยนิ แลว ตุ โ (ตุส-ฺ ต) ยนิ ดแี ลว สทฺโท (ปุ.) เสยี ง อติมธโุ ร (ไตร.) ไพเราะยงิ่ จนิ ฺเตตฺวา (จนิ ฺต-ฺ ตวฺ า) คดิ แลว อุปสงกฺ มติ (อปุ -สํ-กมฺ-อ-ติ)ยอมเขา ไปใกล ปจุ ฺฉติ (ปุจฉฺ -ฺ อ-ติ) ยอมถาม สมฺม ดกู อ นเพื่อน อติมธโุ ร โหติ เปนเสยี งไพเราะมาก มนาโป นาพอใจ ขาทสิ (ขาท-ฺ อ-ส)ิ ยอมกนิ ตเิ ณ (นป.ุ ) บนหญา อุสสฺ าวํ (ปุ.) ซึ่งนำ้ คาง ปว ามิ (ปา>ปว-ฺ อ-มิ) ยอ มดมื่ ตสฺมา เพราะฉะนน้ั น จเิ รน โดยไมน าน มรณํ ปตโฺ ต ถึงแลว ซึ่งความตาย อทิ ํ วตฺถุ เรอ่ื งนี้ ทเี ปติ (ทิป-ฺ เณ-ติ) ยอมสอ ง,ยอมแสดง สุเขน (นปุ.) โดยงาย วจฺ โิ ต (วฺจฺ-อ-ิ ต) อันเขาลวงแลว วินาสํ (ป.ุ ) ซ่ึงความพนิ าศ ปตฺโต (ปท-ฺ ต) ถงึ แลว ๑ เสฐยี รพงษ วรรณปก,ศ.พเิ ศษ(ราชบณั ฑติ ). บาลเี รียนงาย เลม ๑. (กรุงเทพมหานคร : หจก.หอรัตนชัยการพิมพ, ๒๕๔๓).หนา ๗๓-๗๔.
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๙๗ คำแปลโดยพยญั ชนะ ๒.อ.ลา ตวั มีปญญาทราม อนั ขาพเจา จะกลา ว (มยา วุจจฺ เต)29๑ อ.ลา โง ตวั หนงึ่ ยอ มกิน ซง่ึ หญา ท่ชี ายปา. (อ.ลา) ตวั นัน้ ไดยนิ แลว ซ่ึงเสยี ง แหง จิ้งหรดี เปน ผู ยนิ ดแี ลว ยอ มเปน. อ.ลา นนั้ คิดแลว วา “อ.เสียง แหง จิง้ หรดี เปน เสยี งไพเราะมาก ยอมเปน . ดงั น้ี ยอมเขา ไปใกล ซึง่ จง้ิ หรดี . อ.ลา ยอมถามวา “ดกู อ นจง้ิ หรดี เพือ่ นยาก อ.เสยี ง ของเจา เปนเสียงไพเราะมาก เปนทน่ี าพอใจ ยอ มเปน . อ.เจา ยอ มกนิ อะไร.ดังน.้ี อ.จ้ิงหรดี ยอ มกลา ววา “อ.เรา ยอมดม่ื ซงึ่ น้ำคา ง บนหญา . เพราะเหตุ นนั้ อ.เสียง ของเรา เปน เสียงไพเราะมาก ยอมเปน .ดังน้.ี อ.ลา ยอมกนิ ซง่ึ หญา หามิได. (แต)(อ.ลา) ยอมด่ืม ซง่ึ นำ้ คา ง เทา นน้ั . (อ.ลา) นนั้ ถงึ แลว ซงึ่ ความตาย (โดยกาล) นาน หามิได. อ.เร่ือง นี้ ยอ มแสดง ซึง่ เน้ือความ นวี้ า “อ.สตั ว ผูมปี ญญาทราม เปน ผูอนั เขาหลอกลวงแลว โดยงาย ยอ มเปน. (อ.ลา) นน้ั เปน ผถู งึ แลว ซ่ึงความพนิ าศ ยอ มเปน.ดงั น.้ี ๓.กมฺมวิปาโก30๒ อตเี ต เอกสฺมึ คาเม เอโก เวชโฺ ช อโหส.ิ โส จกฺขโุ รเค พฺยตฺโต อโหสิ. ตตถฺ (คาเม) เอกา อติ ฺถี วส.ิ จกขฺ โุ รโค ตสสฺ า (อติ ฺถิยา) อปุ ฺปชฺชิ. โส (เวชโฺ ช) ปกโฺ กสิโต อโหสิ. โส ตสสฺ า เคหํ คนตฺ วฺ า จกขฺ ุโรคํ โอโลเกสิ. โส อาห “จกฺขโุ รโค เต อุปปฺ นฺโน. อหํ ตํ ตกิ จิ ฉฺ ามิ กึ เม ตวฺ ํ เทส”ิ อติ ิ. สา (อติ ฺถี) อาห “สเจ เม โร โค ตกิ จิ ฉฺ โิ ต, อหํ ยาวชวี ํ ตุยหฺ ํ ทาสี โหมิ” อติ ิ. โส ตสฺสา เภสชชฺ ํ อกาสิ นจริ ํ สา อโรคา อโหสิ. อปรภาเค สา เวชฺเชน ปุจฉฺ ยิ มานา อาห “สามิ อหํ ปพุ เฺ พ อปสสฺ ึ อิทานิ ปน น ปสสฺ ามิ” อติ .ิ โส เวชฺโช “อยํ อติ ถฺ ี มํ วเฺ จต”ิ อติ ิ จนิ เฺ ตส.ิ โส ตสสฺ า จกขฺ สุ ฺมึ วสิ ํ ปกขฺ ปิ . สา อตอิ นธฺ า ชาตา. อทิ ํ ตสสฺ เวชฺชสฺส ปุพฺพกมมฺ ํ อโหส.ิ โส เวชฺโช อิมสมฺ ึ พทุ ธฺ กาเล จกขฺ ุปาลเถโร ชาโต. ศัพททค่ี วรทราบ อาห (พฺร-ู ปฐม.เอก.แปลงพรู เปน อาห) (เขา)กลาวแลว อโหสิ (อ-หุ อดตี ของ โหต)ิ ไดม แี ลว พฺยตโฺ ต ฉลาด,เฉยี มแหลม อปุ ปฺ ชฺชิ (อ-ุ ปทฺ, อดตี ของ อปุ ปฺ ชชฺ ต)ิ เกดิ ขน้ึ แลว ปกโฺ กสโิ ต (ป-กุสฺ กิตกตปจจัย,) เปนผอู นั เขาเรยี กแลว ๑ วฒั นา พึง่ ชืน่ นกั ภาษาโบราณชำนาญการพเิ ศษ สำนกั หอสมุดแหงชาติ กรมศลิ ปากร (แปลและเรยี บเรยี งเปนภาษาไทย) ๒ เสฐียรพงษ วรรณปก,ศ.พิเศษ(ราชบณั ฑติ ). บาลีเรียนงา ย เลม ๑. (กรุงเทพมหานคร : หจก.หอรตั นชัยการพิมพ,๒๕๔๓).หนา ๙๒-๙๓.
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๙๘ โอโลเกสิ (โอ-ลกุ ,ฺ อดตี ของ โอโลเกต)ิ แลดแู ลว อุปปฺ นโฺ น (อุ-ปทฺ,กริยากติ กต ปจจัย) เกดิ ขน้ึ แลว ติกิจฉฺ โิ ต (ตกิ ติ ฺ กริยากติ กปจจัย) อนั เขารกั ษาแลว เภสชชฺ ํ อกาสิ ไดกระทำแลว ซงึ่ ยา,ไดประกอบยา อโรคา อโหสิ (หลอน) ไดเปน ผไู มมีโรคแลว ,ไดห ายโรค ยาวชวี ํ ตลอดชวี ติ นจิรํ ไมน าน อปรภาเค ในเวลาตอ มา เวชเฺ ชน ปุจฺฉยิ มานา (หลอ น) ผอู นั หมอถามอยู อปสสฺ ึ (อ-ทสิ >ฺ ปสสฺ ฺ,อดตี ของ ปสฺสติ) เห็นแลว ปสสฺ ามิ (ทิส> ปสสฺ ฺ-อ) ยอมเห็น อติอนธฺ า ชาตา กลายเปน คนตาบอดสนิทแลว วเฺ จติ (วฺจ-ฺ เอ) ยอ มลวง ปพุ ฺพกมฺมํ อโหสิ เปน บพุ กรรมไดเ ปน แลว .เปน กรรมเกา จกฺขุปาลเถโร ชาโต เกดิ เปน พระจักขุบาลแลว คำแปลโดยพยญั ชนะ ๓.อ.วิบากกรรม อนั ขาพเจา จะกลาว(มยา วจุ จฺ เต)31๑ ในกาลอันลา งไปแลว ในหมบู า น แหง หน่ึง อ.หมอ คนหนึ่ง ไดม แี ลว . (อ.หมอ) นน้ั เปน ผูฉลาด ในโรคตา ไดเ ปนแลว . อ.หญงิ คนหนงึ่ อยแู ลว (ในหมบู าน) นนั้ . อ.โรคตา เกดิ ขึ้นแลว (แกห ญงิ ) นนั้ . (อ.หมอ) น้ัน เปน ผูอ นั (หญิงนนั้ )เรียกแลว ไดเ ปน แลว . อ.(หมอ) น้นั ไปแลว สูเรอื น (ของหญงิ ) นน้ั แลดแู ลว ซงึ่ โรคตา. (อ.หมอ) นัน้ กลาวแลว วา “อ.โรคตา เกดิ ขนึ้ แลว แกเ ธอ. อ.เรา จะเยยี วยา ซง่ึ (โรคตา)นนั้ . อ. เธอ จะให อะไร แกเ รา.ดังน.ี้ (อ.หญงิ ) นน้ั กลา วแลว วา “หากวา อ.โรค ของเรา (อันทาน) รกั ษาแลว ไซร อ.เรา เปน ทาส ของทา น ตลอดกาลเพยี งใดแหง ชวี ติ ยอ มเปน . ดังนี.้ (อ.หมอ) นน้ั ไดก ระทำแลว ซง่ึ ยา (เพอ่ื หญงิ ) นน้ั . ไมน าน(อ.หญงิ ) นั้น เปน ผูไมมีโรค ไดเ ปน แลว . ในกาลอันเปน สวนอนื่ อกี (อ.หญิง) นน้ั ผอู ันหมอถามอยู กลาวแลว วา “ขาแตนาย อ.เรา ได เหน็ แลว ในกาลกอน. แตว า ในกาลนี้ (อ.เรา) ยอ มเหน็ หามิได. ดังน้ี. อ.หมอ นน้ั คดิ แลว วา “อ.หญงิ น้ี ๑ วฒั นา พ่ึงชนื่ นักภาษาโบราณชำนาญการพิเศษ สำนกั หอสมดุ แหง ชาติ กรมศลิ ปากร (แปลและเรยี บเรียงเปน ภาษาไทย)
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๑๙๙ ยอ มหลอกลว ง ซงึ่ เรา ดงั นี้. (อ.หมอ) น้ัน หยอดแลว ซงึ่ ยาพษิ ในดวงตา (ของหญงิ ) นนั้ . (อ.หญงิ ) น้ัน เปน คนบอดยิ่ง เกดิ แลว . อ.เร่อื ง(วตฺถ)ุ น้ี เปนกรรมอนั กระทำไวใ นกาลกอน ของหมอ นั้น ไดเปน แลว . อ.หมอ นน้ั เปน พระ จักขบุ าลเถระ เกดิ แลว ในกาลแหง พระพทุ ธเจา นี.้ ๔.มหาชนโก โพธสิ ตโฺ ต32๑ อตเี ต อริ ชนโก นาม ราชา มถิ ิลานคเร รชฺชํ กาเรต.ิ โส โปลชนเกน นาม ภาติเกน มารโิ ต โหติ. ตสสฺ อริ ชนกสสฺ เทวี ปลายต.ิ สา มหาชนกํ นาม ปตุ ตฺ ํ วิชายติ. มหาชนโก โพธิสตโฺ ต โหติ มหาชนโก วยปปฺ ตโฺ ต มถิ ลิ านคเร รชชฺ สมฺปตตฺ ึ อิจฉฺ นโฺ ต วาณิชฺชาย มหาสมทุ ฺทํ ปกขฺ นฺโต. นาวา มหาสมุทฺทํ โอสที ต.ิ มหาชโน ภยาภภิ โู ต กนฺทติ ปริเทวติ เทวตาโย จ ปูเชต.ิ มหาชนโก ปน น กนฺเทติ น ปรเิ ทวติ น จ เทวตาโย ปูเชต.ิ โส อทุ รปรู ํ อาหารํ ภญุ ชต.ิ นาวาย โอสที มานาย, กูปกํ อภริ หุ ติ ฺ วา มถิ ลิ านครสสฺ ทสิ าภาคํ โอโลเกนโฺ ต มหาสมทุ ํ ลงฆฺ ต.ิ โส ผลกํ คเหตฺวา สตฺตาหํ อทุ เก ปฺลวต.ิ เอกา มณเิ มขลา นาม เทวตา อากาเส ปากฏา มหาชนกํ วทติ “โก นุ ตวฺ ํ มหาสมทุ ฺเท วายมสิ มหาสมทุ โฺ ท อตวิ สิ าโล โหติ. ตวฺ ํ วายมสิ วา น วา วายมสิ. ตวฺ ํ มรณา มตุ ฺโต น โหส”ิ อติ .ิ มหาชนโก วทติ “ปรุ ิโส นาม วายมต.ิ วรี เิ ยน หิ ปุคคฺ โล ทกุ ขํ อจเฺ จต”ิ อิติ. มณิเมขลา มหาชนกํ คเหตวฺ า มถิ ลิ านครํ สมปฺ าเปติ. อปรภาเค โส มหาชนโก มิถลิ านครสฺส ราชา ชาโต. วีรยิ ํ ปณฑฺ เิ ตน ปสสํ ติ ํ โหต.ิ ศพั ทที่ควรทราบ รชชฺ ํ (นปุ.) ซง่ึ ความเปน พระราชา รชชฺ ํ กาเรติ ยงั เขาใหก ระทำซงึ่ ราชสมบตั ิ (ยอ มครองราชย) มารโิ ต (มร-ฺ อ-ิ ตปจจัย) อนั เขาใหต ายแลว ปลายติ (ปลฺ-ณย-ต)ิ ยอ มหนไี ป วชิ ายติ (ว-ิ ชน-ฺ ย-ต)ิ ยอมคลอด วยปปฺ ตฺโต (วย-ปตฺโต.>ปท.-ตปจ จัย) ถึงแลว ซ่ึงวัย (เจรญิ วยั ) อิจฺฉนโฺ ต (อสิ ฺ-อนตฺ ปจจยั ) ปรารถนาอยู ๑ เสฐยี รพงษ วรรณปก,ศ.พเิ ศษ(ราชบัณฑติ ). บาลเี รยี นงา ย เลม ๑. (กรุงเทพมหานคร : หจก.หอรัตนชัยการพิมพ, ๒๕๔๓).หนา ๘๖-๘๘.
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๐ ปกฺขนฺโต (ป-ขท-ิ ตปจจยั ) แลน ไปแลว โอสที ติ (โอ-สที ฺ-อ-ต)ิ ยอมจมลง ภยาภภิ ูโต (ภย-อภภิ ูโต>อภ-ิ ภู-ตปจ จยั ) อันภยั ครอบงำแลว (กลวั ) กนทฺ ติ (กนฺทฺ-อ-ต)ิ ยอ มรองไห ปริเทวติ (ปร-ิ เทว-ฺ อ-ติ) ยอ มคร่ำครวญ ปเู ชติ (ปูช-ฺ เอ-ต)ิ ยอมบชู า อุทรปูรํ เต็มทอง ภุชฺ ติ (ภุช-ฺ อ-ต)ิ ยอมกนิ อภิรหุ ติ วฺ า (อภ-ิ รหุ -ฺ อิ-ตปจจยั ) ข้ึนแลว นาวาย โอสที มานาย (โอ-สที ฺ-มานปจ จัย) เม่อื เรอื จมอยู โอโลเกนโฺ ต (โอ-ลกุ ฺ-อนตฺ ปจจัย) มองดอู ยู ทิสาภาคํ (ปุ.) ซงึ่ สว นแหงทิศ ลงฺฆติ (ลฆฺ-อ-ต)ิ ยอมกระโดด ผลกํ (นป.ุ ) ซึง่ แผนกระดาน ปลฺ วติ (ปฺลวฺ -อ-ติ) ยอมลอย ปากฏา (ป-กรุ-ตปจ จัย) ปรากฏแลว วายมสิ (วายม-ฺ อ-ส)ิ ทา นยอ มพยายาม อติ-วิสาโล (ปุ.) กวา งขวางอยางยิง่ มุตโฺ ต (มจุ -ฺ ตปจจยั ) พน แลว อจฺเจติ (อต-ิ อี-อ-ต)ิ ยอ มกาวลว ง สมปฺ าเทติ (ส-ํ ปท-ฺ เณ-ต)ิ ยอมยัง..ใหถ งึ อปรภาเค ในกาลตอ มา ราชา ชาโต เกิดเปน พระราชาแลว ,กลายเปนพระราชาแลว ปสสํ ติ ํ (ป-สํส-ฺ อิ-ตปจจยั ) อันเขาสรรเสรญิ แลว
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๑ คำแปลโดยพยญั ชนะ ๔.อ.พระโพธสิ ัตว ชอ่ื วา พระมหาชนก อนั ขาพเจา จะกลา ว(มยา วจุ ฺจเต)33๑ ในกาลอนั ลว งไปแลว อ.พระราชา พระนามวา อรฏิ ฐชนก ยงั บคุ คลใหกระทำอยู ซงึ่ ความเปน แหง พระราชา ในเมอื งช่อื วา มถิ ลิ า. (อ.พระราชา) นั้น เปนผูอนั นองชาย ช่อื วา โปลชนก ใหต ายแลว ยอมเปน . อ. พระเทวี ของพระเจา อรฏิ ฐชนก นัน้ ยอ มหนไี ป. (อ.พระเทวี) นนั้ ยอมคลอด ซ่งึ บตุ ร พระนามวา มหาชนก. อ.พระมหาชนก เปนพระโพธสิ ตั ว ยอมเปน . อ.พระมหาชนก ผถู งึ แลว ซงึ่ วัย ปรารถนาอยู ซง่ึ สมบตั แิ หง ความเปนแหง พระราชา ในเมอื งมถิ ิลา แลน ไปแลว สมู หาสมุทร เพอ่ื การคา. อ.เรือ ยอ มจมลง สมู หาสมทุ ร. อ.มหาชน ผอู นั ภยั ครอบงำแลว ยอมรองไห ดว ย ยอมครำ่ ครวญ ดว ย ยอมบูชา ซึง่ เทวดา ท. ดวย. สว นวา อ.พระมหาชนก ยอ มรองไห หามไิ ด ดวย ยอ มครำ่ ครวญ หามิได ดว ย ยอ มบชู า ซง่ึ เทวดา ท.หามิได ดว ย. (อ.พระมหาชนก) นนั้ ยอมบรโิ ภค ซ่ึงอาหาร เต็มทอ ง. เมอ่ื เรือ จม อยู ข้นึ แลว สเู สากระโดง แลดอู ยู ซงึ่ สว นแหง ทศิ ของเมอื งมถิ ลิ า ยอ มกระโดด สูมหาสมทุ ร. (อ.พระมหาชนก) น้นั ถอื เอาแลว ซง่ึ แผน กระดาน ยอมลอย ในน้ำ ตลอดเจด็ วนั . อ.เทวดา ตน หนงึ่ ชื่อวา มณเี มขลา ปรากฏแลว บนอากาศ ยอมกลา ว กะพระมหาชนกวา “อ.ทา น ชือ่ อะไร หนอ ยอ ม พยายาม ในมหาสมทุ ร. อ.มหาสมทุ ร เปนแดนกวา งขวางยิ่ง ยอ มเปน . อ.ทา น ยอ มพยายาม หรือ หรือวา ยอมพยายาม หามิได. อ.ทาน เปน ผพู นแลว จากความตาย ยอมเปน หามไิ ด. ดังน้.ี อ.พระมหาชนก ยอ มกลาววา “ช่ือวา อ.บุรษุ ยอมพยายาม. จรงิ อยู อ.บุคคล ยอ มกา วลว ง ซงึ่ ความทกุ ข ดว ยความเพียร. ดังน.้ี อ.นางมณเี มขลา จบั เอาแลว ซง่ึ พระมหาชนก ยอมยงั (พระมหาชนก)ใหถ งึ ซ่ึงเมอื งมถิ ิลา. ใน กาลอันเปน สว นอ่ืนอกี อ.พระมหาชนก นน้ั เปน พระราชา แหง เมืองมถิ ิลา เกดิ แลว . อ.ความเพียร เปนสง่ิ อันบณั ฑติ สรรเสรญิ แลว ยอ มเปน . แบบฝกการแปลท่ี ๒ จกขฺ ปุ าลตเฺ ถรวตถฺ ุ. มโนปพุ พฺ งฺคมา ธมฺมา มโนเสา มโนมยา มนสา เจ ปทุเน ภาสติ วา กโรติ วา ตโต นํ ทกุ ขฺ มเนวฺ ติ จกกฺ วํ วหโต ปทนตฺ .ิ อยํ ธมมฺ เทสนา กตถฺ ภาสติ าต.ิ สาวตถฺ ยิ ํ. กํ อารพภฺ าต.ิ จกขฺ ปุ าลตเฺ ถร.ํ สาวตถฺ ิยํ กิร มหาสุวณโฺ ณ นาม กุ ม ฺพโิ ก อโหสิ อฑโฺ ฒ มหทธฺ โน มหาโภโค อปตุ ตฺ โก. โส เอกทิวสํ นฺหานตติ ฺถํ คนตฺ วฺ า นฺหาตวฺ า อาคจฺฉนโฺ ต อนตฺ รามคเฺ ค สมฺปนนฺ สาขํ เอกํ วนปปฺ ตึ ทสิ วฺ า อยํ มเหสกขฺ าย เทวตาย ปรคิ คฺ หโิ ต ภวสิ สฺ ตตี ิ ตสฺส เห าภาคํ โสธาเปตวฺ า ปาการปรกิ ฺเขป การาเปตวฺ า วาลกุ ํ โอกิราเปตฺวา ๑ วัฒนา พ่งึ ชื่น นกั ภาษาโบราณชำนาญการพเิ ศษ สำนักหอสมดุ แหงชาติ กรมศลิ ปากร (แปลและเรยี บเรยี งเปน ภาษาไทย)
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๒ ธชปตากํ อสุ สฺ าเปตฺวา วนปปฺ ตึ อลงกฺ รติ ฺวา ปตุ ตฺ ํ วา ธตี รํ วา ลภิตวฺ า ตมุ หฺ ากํ มหาสกกฺ ารํ กรสิ ฺสามตี ิ ปตถฺ นํ กตวฺ า ปกกฺ ามิ. อถสสฺ ภริยาย กจุ ฉฺ ิยํ คพฺโภ ปติ าสิ. โส ตสฺสา คพภฺ ปรหิ ารํ อทาสิ. สา ทสมาสจฺจเยน ปตุ ตฺ ํ วิชายิ. เส ี อตตฺ นา ปาลติ ํ วนปปฺ ตึ นสิ ฺสาย ลทธฺ ตตฺ า ตสฺส ปาโลติ นามํ อกาสิ. อปรภาเค อฺ ํ ปุตตฺ ํ ลภิ. ตสฺส จุลฺลปาโลติ นามํ กตวฺ า อติ รสสฺ มหาปาโลติ นามํ กริ. เต วยปฺปตฺเต ฆรพนธฺ เนน พนธฺ ึส.ุ อปรภาเค มา ตาปต โร กาลมกํสุ. สพพฺ ํ โภคํ ทวฺ นิ ฺนเํ ยว ววิ เรส.ุ คำแปลโดยพยญั ชนะ อ.เร่อื งแหง พระเถระชอื่ วา จกั ขบุ าล (อนั ขาพเจา จะกลา ว) ฯ (อ.อันถาม) วา อ.พระธรรมเทศนาน้ี วา อ.ธรรม ท. มีใจเปนสภาพถงึ กอ น มใี จประเสรฐิ ท่สี ุด สำเร็จแลว ดวยใจ หากวา (อ.บุคคล) มีใจอนั อนั โทษประทุษรา ย แลว กลา วอยหู รอื หรอื วา กระทำอยไู ซร, อ.ทกุ ข ยอ มไปตาม (ซึ่งบคุ คล) น้นั (เพราะทจุ รติ อนั มอี ยา งสาม) น้ัน เพยี งดัง อ.ลอ (หมุนไปตามอย)ู ซ่งึ รอยเทา (แหง โคตวั เน่อื งดว ยกำลงั ) ตวั นำ ไปอยู (ซงึ่ แอก) ดังนี้ (อนั พระศาสดา) ตรัสแลว (ในท่ี) ไหน ดงั น้ี ฯ (อ.อันแก) วา อ.พระธรรมเทศนานี้ อนั พระศาสดา ตรสั แลว ในพระนครช่ือวา สาวตั ถี (ดังน)ี้ ฯ (อ.อนั ถาม) วา อ.พระธรรมเทศนาน้ี อันพระศาสดา ทรงปรารภซึง่ ใคร ตรัสแลว ในพระนครช่อื วา สาวัตถี ดังน้ี (อ.อันแก) วา อ.พระธรรมเทศนานี้ อันพระศาสดา ทรงปรารภซงึ่ พระเถระช่อื วา จักขบุ าล ตรัส แลว ในพระนครชอ่ื วา สาวตั ถี ดงั นี้ ฯ ไดยินวา (อ.เศรษฐี) ชื่อวา มหาสวุ รรณ เปนผมู ขี มุ ทรพั ย๒ เปน ผมู งั่ คัง่ เปนผมู ีทรพั ยม าก เปน ผูมี โภคะมาก เปน ผูมีบตุ รหามไิ ด ไดม ีแลว ในพระนครชอื่ วา สาวตั ถี ฯ ในวันหนงึ่ (อ.เศรษฐ)ี นน้ั ไปแลว สูทา เปนทอ่ี าบ อาบแลว มาอยู เหน็ แลว ซงึ่ ตน ไมอ นั เปนเจา แหง ปา ตน หน่งึ มกี ิ่งอนั ถงึ พรอมแลว ใน ระหวา งแหงหนทาง (คดิ แลว ) วา (อ.ตน ไม) นี้ เปน ตน ไมอ ันเทวดา ผูม ศี กั ด์ิใหญ ถอื เอารอบแลว จกั เปน ดงั น้ี (ยงั บคุ คล) ใหชำระแลว ซึ่งสว นภายใต (แหง ตน ไม) น้นั (ยงั บุคคล) ใหก ระทำแลว ซึง่ เครอ่ื งลอ มคอื กำแพง (ยังบคุ คล) ใหเ กลย่ี ลงแลว ซงึ่ ทราย (ยังบุคคล) ใหย กขน้ึ แลว ซ่งึ ธงชัยและธงแผน ผา ประดับแลว ซง่ึ ตนไมอนั เปน เจาแหง ปา กระทำแลว ซงึ่ ความปรารถนาวา (อ.เรา) ไดแ ลว ซึ่งบุตรหรือ หรอื วา ซงึ่ ธดิ า จกั กระทำ ซง่ึ สักการะใหญ แกท าน ท. ดงั นี้ หลกี ไปแลว ฯ คร้ังน้นั อ.สตั วผ เู กิดแลวในครรภ ตงั้ อยูเฉพาะแลว ในทอ ง ของภรรยา (ของเศรษฐี) นั้น ฯ (อ. เศรษฐี) นนั้ ไดใหแ ลว ซง่ึ วตั ถุเปน เครือ่ งบรหิ ารซ่งึ ครรภ (แกภรรยา) นนั้ ฯ (อ.ภรรยา) นนั้ คลอดแลว ซงึ่ บตุ ร โดยกาลเปน ทีล่ ว งไปแหง เดอื นสบิ ฯ อ.เศรษฐี ไดกระทำแลว (ซง่ึ คำ) วา อ.ปาละ ดงั น้ี ใหเปน ชือ่ (ของบตุ ร) นนั้ เพราะความท่ี (แหงบตุ รนน้ั ) เปน ผอู ันตนอาศยั แลว ซ่ึงตน ไมอ ันเปน เจาแหง ปา อันอนั ตน รกั ษาแลว ไดแ ลว ฯ ในกาลอนั เปน สว นอนื่ อีก (อ.เศรษฐนี นั้ ) ไดแ ลว ซง่ึ บตุ ร อนื่ ฯ (อ.เศรษฐนี ัน้ ) กระทำ
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๓ แลว (ซง่ึ คำ) วา อ.จลุ ลปาละ ดังนี้ ใหเ ปน ชอื่ (ของบตุ ร) น้นั กระทำแลว (ซ่ึงคำ) วา อ.มหาปาละ ดงั นี้ ให เปนชือ่ (ของบตุ ร) นอกนี้ ฯ (อ.มารดาและบดิ า ท.) ผกู แลว (ซึง่ บุตร ท.) เหลา น้นั ผถู งึ แลว ซง่ึ วัย ดว ย เครอ่ื งผกู คือเรือน ฯ ในกาลอันเปน สว นอ่ืนอีก อ.มารดาและบดิ า ท. ไดก ระทำแลว ซงึ่ กาละ ฯ (อ.ญาติ ท.) แบง แลว ซึง่ โภคะ ทั้งปวง (แกบ ตุ รแหงเศรษฐี ท.) สองนนั่ เทยี ว ฯ แบบฝก การแปลที่ ๓ จกขฺ ปุ าลตเฺ ถรวตถฺ 3ุ4๑ (ตอ ) ตสมฺ ึ สมเย สตถฺ า ปวตฺตติ ปวรธมมฺ จกฺโก อนปุ พุ เฺ พน คนฺตวฺ า, อนาถปณ ฑฺ ิกมหาเส ินา จตปุ ปฺ ฺาสโกฏธิ นํ วิสฺสชเฺ ชตฺวา การิเต เชตวนมหาวหิ าเร วหิ รติ; มหาชนํ สคคฺ มคฺเค จ โมกขฺ มคเฺ ค จ ปติ าปยมาโน. ตถาคโต หิ \"มาติปกขฺ โต อสตี ยิ า ปต ปิ กขฺ โต อสีติยาติ เทวฺ อสตี ิาติกลุ สหสฺเสหิ การิเต นิโครฺ ธมหาวิหาเร เอกเมว วสฺสาวาสํ วสิ, อนาถปณฑฺ เิ กน การิเต เชตวนมหาวหิ าเร เอกนู วีสต,ิ วสิ าขาย สตตฺ วสี ตโิ กฏิธนปรจิ จฺ าเคน การิเต ปุพฺพาราเม ฉ วสสฺ าวาเสติ ทฺวนิ ฺนํ กลุ านํ คณุ มหนตฺ ตํ ปฏิจฺจ สาวตถฺ ึ นสิ ฺสาย ปจฺ วีสติ วสฺสาวาเส วส.ิ อนาถปณฺฑโิ กป วสิ าขาป มหาอุปาสกิ า นพิ ทธฺ ํ ทวิ สสฺส เทวฺ วาเร ตถาคตสฺส อุป านํ คจฺฉนตฺ .ิ คจฉฺ นตฺ า จ \"ทหรสามเณรา โน หตเฺ ถ โอโลเกสฺสนตฺ ตี ิ ตุจฉฺ หตถฺ า น คตปพุ ฺพา: ปุเรภตฺตํ คจฉฺ นตฺ า ขาทนยี าทนี ิ คาหาเปตวฺ า คจฺฉนตฺ ิ, ปจฉฺ าภตฺตํ ปจฺ เภสชชฺ านิ อ จ ปานานิ. นเิ วสเนสุ ปน เตสํ ทวฺ นิ นฺ ํ ทฺวนิ ฺนํ ภิกฺขุสหสฺสานํ นิจฺจํ ปฺตฺตาเนวาสนานิ โหนตฺ .ิ อนนฺ ปานเภสชฺเชสุ โย ยํ อจิ ฉฺ ติ, ตสฺส ตํ ยถจิ ฺฉติ เมว สมปฺ ชฺชติ, เตสุ อนาถปณ ฺฑิเกน เอกเมว ทิวสํ สตฺถารํ ปฺโห น ปจุ ฉฺ ติ ปพุ ฺโพ. โส กิร \"ตถาคโต พุทธฺ สขุ มุ าโล ขตตฺ ยิ สุขมุ าโล พหปุ กาโร เม คหปตตี ิ มยหฺ ํ ธมฺมํ เทเสนฺโต กิลเมยฺยาต,ิ สตถฺ ริ อธิมตตฺ สเิ นเหน ปหฺ ํ น ปุจฉฺ ต.ิ สตถฺ า ปน ตสมฺ ึ นสิ นิ นฺ มตเฺ ตเยว \"อยํ เส ี มํ อรกขฺ ติ พพฺ าเน รกขฺ ติ, อหํ หิ กปปฺ สตสหสฺสาธกิ านิ จตตฺ าริ อสงเฺ ขยฺยานิ อลงฺกตปปฺ ฏยิ ตฺตํ อตตฺ โน สสี ํ ฉนิ ทฺ ติ วฺ า อกขฺ นี ิ อปุ ปฺ าเฏตฺวา หทยมสํ ํ อพุ พฺ ตฺเตตวฺ า ปาณสมํ ปตุ ตฺ ทารํ ปรจิ จฺ ชติ วฺ า ปารมิโย ปเู รนโฺ ต ปเรสํ ธมฺมเทสนตถฺ เมว ปเู รส,ึ เอส มํ อรกฺขติ พฺพ าเน รกขฺ ตีติ เอกํ ธมฺมเทสนํ กเถสิเยว. ตทา สาวตฺถิยํ สตฺต มนสุ สฺ โกฏโิ ย วสนฺติ.เตสุ สตถฺ ุ ธมฺมกถํ สตุ วฺ า ปจฺ โกฏมิ ตตฺ า มนสุ สฺ า อรยิ สาวกา ชาตา, เทวฺ โกฏมิ ตตฺ า ปถุ ุชชฺ นา. เตสุ อรยิ สาวกานํ เทวฺ เยว กจิ จฺ านิ อเหส:ุ ปุเรภตตฺ ํ ทานํ เทนตฺ ,ิ ปจฺฉาภตตฺ ํ คนธฺ มาลาทิหตถฺ า วตฺถเภสชชฺ ปานกาทึ คาหาเปตวฺ า ธมมฺ สฺสวนตถฺ าย คจฺฉนตฺ ิ. อเถกทวิ สํ มหาปาโล อริยสาวเก คนธฺ มาลาทหิ ตเฺ ถ วหิ ารํ คจฉฺ นเฺ ต ทิสฺวา, \"อยํ มหาชโน กุหึ คจฉฺ ตีติ ปจุ ฺฉติ วฺ า, \"ธมมฺ สฺสวนายาติ สุตวฺ า, \"อหปํ คมิสสฺ ามีต,ิ คนตฺ วฺ า สตฺถารํ วนทฺ ติ วฺ า ปริสปริยนฺเต นิสที .ิ ๑อรรถกถาเลม ที่ ๑๘ ภาษาบาลีอักษรไทย อรรถกถา ขุททกนิกาย ธมั มปทัฏฐกถา(คาถาธรรมบท) สืบคนเมื่อ ๒๘ พ.ค.๒๕๖๓ จาก https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=11&p=1( ๑ พ.ย.๒๕๔๘)
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๔ พุทธฺ า จ นาม ธมฺมํ เทเสนตฺ า, สรณสลี ปพฺพชชฺ าทนี ํ อปุ นสิ ฺสยํ โอโลเกตวฺ า อชฌฺ าสยวเสน ธมมฺ ํ เทเสนตฺ ิ; ตสมฺ า ตทํ วิ สํ สตถฺ า ตสสฺ อปุ นสิ ฺสยํ โอโลเกตวฺ า ธมฺมํ เทเสนโฺ ต อนปุ ุพพฺ กี ถํ กเถสิ. เสยยฺ ถที ํ ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ กามานํ อาทนี วํ โอการํ สงกฺ เิ ลสํ เนกขฺ มฺเม อานสิ ํสํ ปกาเสส.ิ ตํ สตุ วฺ า มหาปาโล กุ ม พฺ โิ ก จินเฺ ตสิ \"ปรโลกํ คจฉฺ นตฺ ํ ปตุ ตฺ ธตี โร วา โภคา วา นานคุ จฺฉนตฺ ิ, สรรี ปํ อตตฺ นา สทธฺ ึ น คจฉฺ ต;ิ กึ เม ฆราวาเสน, ปพฺพชิสฺสามตี .ิ โส เทสนาปรโิ ยสาเน สตถฺ ารํ อปุ สงกฺ มติ วฺ า ปพฺพชฺชํ ยาจ.ิ อถ นํ สตถฺ า \"นตฺถิ เต โกจิ อาปุจฺฉติ พฺพยตุ ตฺ โก าตตี ิ อาห. \"กนิภาตา เม อตถฺ ิ ภนฺเตติ. \"เตนหิ ตํ อาปจุ ฉฺ าหตี ิ. โส \"สาธตู ิ สมปฺ ฏิจฉฺ ติ ฺวา สตถฺ ารํ วนทฺ ิตวฺ า เคหํ คนตฺ ฺวา กนิ ปกโฺ กสาเปตฺวา \"ตาต ยํ อมิ สฺมึ กุเล สวิ ฺาณกาวิฺ าณกํ ธนํ กิจฺ ิ อตฺถ,ิ สพพฺ นฺตํ ตว ภาโร, ปฏปิ ชชฺ าหิ นนตฺ .ิ \"ตมุ ฺเห ปน สามตี .ิ \"อหํ สตถฺ ุ สนตฺ ิเก ปพฺพชิสฺสามตี .ิ \"กึ กเถสิ ภาตกิ ; ตฺวํ เม มาตริ มตาย มาตา วยิ , ปตริ มเต ปต า วยิ ลทโฺ ธ, เคเห โว มหาวิภโว, สกฺกา เคหํ อชฌฺ าวสนฺเตเหว ปุ ฺ านิ กาต;ุ มา เอวมกตฺถาต.ิ \"ตาต มยา สตถฺ ุ ธมฺมเทสนา สตุ า, สตถฺ ารา หิ สณหฺ สุขมุ ํ ตลิ กขฺ ณํ อาโรเปตวฺ า อาทิมชฌฺ ปรโิ ยสานกลยฺ าณธมโฺ ม เทสโิ ต. น สกฺกา โส อคารมชฺเฌ ปเู รต;ุ ปพฺพชสิ ฺสามิ ตาตาติ.\"ภาติก ตรณุ าปจ ตาว, มหลลฺ กกาเล ปพฺพชิสสฺ ถาต.ิ \"ตาต มหลลฺ กสฺส หิ อตตฺ โน หตถฺ ปาทาป อนสฺสวา โหนตฺ ิ, น วเส วตฺตนฺติ, กมิ งคฺ ํ ปน าตกา, สวฺ าหํ ตว วจนํ น กโรมิ, สมณปฏิปตตฺ ึ ปูเรสฺสาม,ิ ชราชชฺชริตา โหนตฺ ิ หตถฺ ปาทา อนสฺสวา ยสฺส, โส วหิ ตตถฺ าโม กถํ ธมมฺ ํ จรสิ ฺสติ, ปพพฺ ชสิ สฺ าเมวาหํ ตาตาต.ิ ตสฺส วิรวนตฺ สฺเสว, สตถฺ ุ สนตฺ ิกํ คนตฺ วฺ า ปพฺพชฺชํ ยาจติ วฺ า, ลทธฺ ปพพฺ ชฺ- ชูปสมปฺ โท อาจริยุปชฌฺ ายานํ สนตฺ ิเก ปฺจ วสสฺ านิ วสิตวฺ า, วตุ ถฺ วสโฺ ส ปวาเรตวฺ า, สตฺถารํ อปุ สงกฺ มติ วฺ า วนทฺ ติ วฺ า ปุจฉฺ ิ \"ภนเฺ ต อิมสมฺ ึ สาสเน กติ ธรุ านตี ิ. \"คนถฺ ธุรํ วปิ สฺสนาธุรนตฺ ิ เทวฺ เยว ธุรานิ ภกิ ขฺ ตู .ิ \"กตมํ ปน ภนเฺ ต คนถฺ ธรุ ,ํ กตมํ วปิ สสฺ นาธรุ นตฺ .ิ \"อตตฺ โน ปฺานรุ ูเปน เอกํ วา เทฺว วา นกิ าเย สกลํ วา ปน เตปฏ กํ พทุ ธฺ วจนํ อคุ คฺ ณหฺ ติ วฺ า ตสฺส ธารณํ กถนํ วาจนนฺติ อทิ ํ คนฺถธุรํ นาม. สลลฺ หุกวตุ ตฺ ิโน ปน ปนฺตเสนาสนาภริ ตสฺส อตฺตภาเว ขยวยํ ป เปตฺวา สาตจฺจกริ ิยาวเสน วิปสสฺ นํ วฑเฺ ฒตวฺ า อรหตตฺ คฺคหณนตฺ ิ อทิ ํ วิปสสฺ นาธรุ ํ นามาติ. \"ภนเฺ ต อหํ มหลฺลกกาเล ปพฺพชิโต คนถฺ ธรุ ํ ปเู รตุ น สกขฺ ิสสฺ ามิ, วปิ สสฺ นาธรุ ํ ปน ปเู รสฺสาม;ิ กมมฺ านํ เม กเถถาติ. อถสสฺ สตถฺ า ยาว อรหตฺตา กมมฺ านํ กเถสิ. โส สตถฺ ารํ วนฺทติ วฺ า, อตตฺ นา สหคามโิ น ภิกขฺ ู ปริเยสนโฺ ต สี ภิกขฺ ู ลภติ วฺ า, เตหิ สทฺธึ นกิ ขฺ มติ วฺ า, วสี โยชนสตมคคฺ ํ คนตฺ วฺ า, เอกํ มหนฺตํ ปจจฺ นตฺ คามํ ปตวฺ า, ตตฺถ สปริวาโร ปณ ฑฺ าย ปาวสิ .ิ มนสุ สฺ า วตตฺ สมปฺ นเฺ น ภกิ ฺขู ทสิ ฺวา ปสนนฺ จติ ตฺ า, อาสนานิ ปฺ าเปตวฺ า นสิ ที าเปตฺวา, ปณเี ตนาหาเรน ปรวิ ิสิตวฺ า, \"ภนเฺ ต กหุ ึ อยฺยา คจฉฺ นตฺ ตี ิ ปุจฉฺ ิตวฺ า, \"ยถาผาสกุ านํ อปุ าสกาติ วตุ เฺ ต, ปณฺฑติ มนุสฺสา \"วสฺสาวาสํ เสนาสนํ ปรเิ ยสนตฺ ิ ภทนตฺ าติ ตวฺ า \"ภนเฺ ต สเจ อยฺยา อิมํ เตมาสํ อิธ วเสยยฺ ุ; มยํ สรเณสุ ปติ าย, สลี านิ คณเฺ หยยฺ ามาติ อาหสํ .ุ เตป \"มยํ อมิ านิ กุลานิ นิสสฺ าย, ภวนิสฺสรณํ กริสฺสามาติ อธวิ าเสส.ุ มนสุ สฺ า เตสํ ปฏิ ฺ คเหตวฺ า วหิ ารํ ปฏิชคคฺ ติ วฺ า รตตฺ ิ านทิวาานานิ สมปฺ าเทตวฺ า อทํส.ุ เต นพิ ทธฺ ํ ตเมว คามํ ปณ ฺฑาย ปวสิ นตฺ ิ. อถ เน เอโก เวชโฺ ช อุปสงกฺ มิตวฺ า, \"ภนเฺ ต พหนุ นฺ ํ วสน าเน อผาสกุ ปํ นาม โหติ, ตสฺมึ อปุ ปฺ นเฺ น, มยหฺ ํ กเถยฺยาถ; เภสชฺชํ กรสิ สฺ ามตี ิ ปวาเรสิ.
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๕ เถโร วสฺสูปนายิกาทวิ เส เต ภกิ ขฺ ู อามนเฺ ตตวฺ า ปุจฉฺ ิ \"อาวุโส อิมํ เตมาสํ กตีหิ อริ ิยาปเถหิ วตี นิ าเมสฺสถาติ. \"จตหู ิ ภนเฺ ตต.ิ \"กึ ปเนตํ อาวโุ ส ปฏริ ูป, นนุ อปฺปมตเฺ ตหิ ภวติ พพฺ ?ํ มยํ หิ ธรมานสฺส พุทธฺ สสฺ สนตฺ กิ า กมมฺ านํ คเหตวฺ า อาคตา, พทุ ฺธา จ นาม น สกฺกา สเน อาราเธต,ุ กลฺยาณชฌฺ าสเยน เหเต อาราเธตพพฺ า, ปมตฺตสฺส จ นาม จตตฺ าโร อปายา สกเคหสทิสา, อปปฺ มตฺตา โหถาวุโสติ. \"ตมุ เฺ ห ปน ภนเฺ ตต.ิ \"อหํ ตหี ิ อริ ิยาปเถหิ วตี นิ าเมสสฺ ามิ, ป ึ น ปสาเรสฺสามิ อาวุโสติ. \"สาธุ ภนฺเต, อปปฺ มตฺตา โหถาติ. เถรสสฺ นทิ ฺทํ อโนกฺกมนตฺ สสฺ , ปมมาเส อตกิ ฺกนเฺ ต, อกขฺ โิ รโค อุปปฺ ชฺชิ. ฉทิ ฺทฆฏโต อทุ กธารา วยิ อกฺขหี ิ ธารา ปคฺฆรนตฺ .ิ โส สพพฺ รตตฺ ึ สมณธมฺมํ กตวฺ า, อรุณคุ คฺ มเน คพฺภํ ปวิสติ วฺ า นิสที ิ. ภิกขฺ ู ภกิ ขฺ าจาร- เวลาย เถรสสฺ สนตฺ กิ ํ คนตฺ วฺ า \"ภิกขฺ าจารเวลา ภนเฺ ตติ อาหสํ ุ. \"เตนหาวุโส คณฺหถ ปตตฺ จีวรนตฺ ิ อตฺตโน ปตตฺ จีวรํ คาหาเปตวฺ า นกิ ขฺ มิ. ภิกขฺ ู ตสสฺ อกขฺ ี ปคฺฆรนเฺ ต ทสิ วฺ า \"กเิ มตํ ภนเฺ ตติ ปจุ ฉฺ สึ .ุ \"อกขฺ ี เม อาวโุ ส วาตา วิชฌฺ นตฺ ตี ิ. \"นนุ ภนเฺ ต เวชเฺ ชนมฺห ปวารติ า, ตสสฺ กเถยฺยามาต.ิ \"สาธาวุโสต.ิ เต เวชฺชสสฺ กถยึส.ุ โส เตลํ ปจิตวฺ า เปเสส.ิ เถโร นาสาย เตลํ อาสิ ฺจนโฺ ต นิสินนฺ โกว อาสิจฺ ิตวฺ า อนโฺ ตคามํ ปาวสิ ิ. เวชโฺ ช ทสิ วฺ า อาห \"ภนเฺ ต อยยฺ สสฺ กริ อกขฺ ี วาโต วชิ ฌฺ ตตี ิ. \"อาม อุปาสกาติ. \"ภนฺเต มยา เตลํ ปจติ ฺวา เปสติ ,ํ นาสาย โว อาสติ ตฺ นตฺ .ิ \"อาม อปุ าสกาติ. \"อทิ านิ กที ิสนฺติ. \"รุชเตว อปุ าสกาต.ิ เวชโฺ ช \"มยา เอกวาเรเนว วปู สมนตถฺ ํ เตลํ ปหิตํ, กนิ นฺ ุ โข โรโค น วปู สนโฺ ตติ จนิ ฺเตตฺวา \"ภนเฺ ต นสิ ีทติ วฺ า โว อาสติ ตฺ ํ, นปิ ชชฺ ติ วฺ าติ ปุจฉฺ .ิ เถโร ตุณหฺ ี อโหสิ; ปนุ ปฺปนุ ํ ปุจฉฺ ยิ มาโนป น กเถส.ิ โส \"วิหารํ คนฺตวฺ า วสนานํ โอโลเกสสฺ ามตี ิ จินเฺ ตตวฺ า \"เตนหิ ภนเฺ ต คจฉฺ ถาติ เถรํ วสิ ฺสชเฺ ชตวฺ า วิหารํ คนตฺ วฺ า เถรสสฺ วสน านํ โอโลเกนโฺ ต จงกฺ มนนิสีทน านเมว ทิสวฺ า สยน านํ อทสิ วฺ า \"ภนฺเต นสิ นิ เฺ นหิ โว อาสิตตฺ ,ํ นิปฺปนเฺ นหตี ิ ปุจฉฺ ิ. เถโร ตณุ หฺ ี อโหสิ. \"มา ภนเฺ ต เอวมกตถฺ ; สมณธมโฺ ม นาม, สรเี ร ยาเปนฺเต, สกกฺ า กาต;ุ นิปชฺชิตวฺ า อาสิฺจถาติ ปนุ ปปฺ นุ ํ ยาจิ. \"คจฺฉาวโุ ส, มนเฺ ตตวฺ า ชานิสสฺ ามตี ิ. เถรสฺส จ ตตถฺ เนว าตี น สาโลหิตา อตถฺ ,ิ เกน สทธฺ ึ มนฺเตยยฺ กรชกาเยน ปน สทฺธึ มนเฺ ตนโฺ ต \"วเทหิ ตาว อาวโุ ส ปาลติ , กึ อกฺขี โอโลเกสฺสสิ อุทาหุ พทุ ฺธสาสนํ อนมตคคฺ สมฺ ึ หิ สสํ ารวเฏ ตว อกขฺ กิ าณสฺส คณนา นตฺถ,ิ อเนกานิ ปน พุทฺธสตานิ พทุ ฺธสหสฺสานิ อตีตานิ; เตสุ เอกพทุ โฺ ธป น ปรจิ ฉฺ นิ โฺ น, อิทานิ อมิ ํ อนโฺ ตวสสฺ ํ ตโย มาเส น นปิ ชฺชสิ ฺสามีติ เต มานสํ พทฺธ;ํ ตสมฺ า จกขฺ ูนิ เต นสฺสนตฺ ุ วา ภิชฺชนตฺ ุ วา; พทุ ธฺ สาสนเมว ธาเรหิ, มา จกขฺ นู ตี ิ ภตู กายํ โอวทนโฺ ต อมิ า คาถา อภาสิ \"จกขฺ นู ิ หายนตฺ ุ มมายิตานิ, โสตานิ หายนฺต,ุ ตเถว เทโห, สพพฺ มฺปท ํ หายตุ เทหนิสสฺ ติ ;ํ กึการณา ปาลติ ตวฺ ํ ปมชฺชสิ. จกฺขนู ิ ชรี นตฺ ุ มมายิตานิ, โสตานิ ชรี นฺตุ, ตเถว กาโย, สพฺพมปฺ ทํ ชรี ตุ กายนสิ สฺ ติ ํ; กกึ ารณา ปาลติ ตวฺ ํ ปมชฺชส.ิ จกขฺ นู ิ ภชิ ชฺ นตฺ ุ มมายิตานิ,
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๖ โสตานิ ภชิ ฺชนตฺ ุ ตเถว รปู , สพฺพมฺปท ํ ภิชชฺ ตุ รปู นิสฺสติ ํ; กกึ ารณา ปาลติ ตวฺ ํ ปมชฺชสตี ิ. เอวํ ตีหิ คาถาหิ อตฺตโน โอวาทํ ทตฺวา นิสนิ นฺ โกว นตฺถุกมมฺ ํ กตวฺ า คามํ ปณ ฑฺ าย ปาวสิ .ิ เวชฺโช ทิสฺวา \"กึ ภนเฺ ต นตฺถกุ มฺมํ กตนตฺ ิ ปุจฉฺ ิ. \"อาม อปุ าสกาต.ิ \"กที สิ ํ ภนเฺ ตต.ิ รชุ เตว อปุ าสกาติ. \"นิสที ิตวฺ า โว ภนฺเต กตํ, นิปชชฺ ติ ฺวาติ. เถโร ตณุ หฺ ี อโหสิ; ปุนปปฺ นุ ํ ปจุ ฉฺ โิ ตป, น กิฺจิ กเถส.ิ อถ นํ เวชโฺ ช \"ภนเฺ ต ตมุ เฺ ห สปฺปายํ น กโรถ, อชชฺ ป าย `อสเุ กน เม เตลํ ปกกฺ นฺติ มา วทติ ถฺ , อหปํ `มยา โว เตลํ ปกกฺ นตฺ ิ น วกขฺ ามตี ิ อาห. โส เวชเฺ ชน ปจจฺ กขฺ าโต, วิหารํ คนตฺ ฺวา \"เวชฺเชนาป ปจฺจกขฺ าโตสิ, อริ ยิ าปถํ มา วิสฺสชชฺ ิ สมณาติ, \"ปฏกิ ขฺ ิตโฺ ต ตกิ จิ ฉฺ าย เวชฺเชนาสิ วิวชชฺ โิ ต นิยโต มจฺจุราชสสฺ , กึ ปาลติ ปมชชฺ สตี ิ อมิ าย คาถาย อตตฺ านํ โอวทิตฺวา สมณธมมฺ ํ อกาส.ิ อถสสฺ มชฺฌมิ ยาเม อตกิ กฺ นตฺ มตเฺ ต, อปพุ พฺ ํ อจริมํ อกขฺ ีนิ เจว กเิ ลสา จ ปภิชชฺ สึ ุ. โส สกุ ขฺ วิปสสฺ โก อรหา หุตวฺ า คพฺภํ ปวสิ ติ ฺวา นิสีท.ิ ภกิ ขฺ ู ภกิ ฺขาจาร- เวลาย คนฺตวฺ า \"ภกิ ขฺ าจารกาโล ภนฺเตติ อาหํส.ุ \"กาโล อาวุโสติ. \"อาม ภนฺเตติ. \"เตนหิ คจฉฺ ถาติ. \"ตมุ ฺเห ปน ภนเฺ ตต.ิ \"อกขฺ นี ิ เม อาวุโส ปรหิ ีนานตี ิ. เต ตสฺส อกขฺ นี ิ โอโลเกตวฺ า อสสฺ ปุ ณุ ฺณเนตตฺ า หตุ วฺ า \"ภนเฺ ต มา จนิ ตฺ ยติ ฺถ, มยํ โว ปฏิชคฺคิสสฺ ามาติ เถรํ อสสฺ าเสตวฺ า กตตฺ พฺพยุตฺตกํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตวฺ า คามํ ปวสิ สึ .ุ มนุสสฺ า เถรํ อทิสวฺ า \"ภนเฺ ต อมหฺ ากํ อยโฺ ย กหุ นิ ตฺ ิ ปจุ ฺฉติ วฺ า ตํ ปวตตฺ ึ สุตวฺ า ยาคุ เปเสตวฺ า สยํ ปณ ฑฺ ปาตํ อาทาย คนตฺ วฺ า เถรํ วนฺทติ วฺ า ปาทมเู ล ปวฏ มานา โรทิตวฺ า \"มยํ ภนเฺ ต ปฏชิ คฺคสิ ฺสาม, ตมุ เฺ ห มา จินตฺ ยติ ฺถาติ สมสฺสาเสตฺวา ปกฺกมึสุ.ตโต ป าย นิพทธฺ ํ ยาคภุ ตตฺ ํ วหิ ารเมว เปเสนตฺ ิ. เถโรป อิตเร ส ิภกิ ฺขู นิรนตฺ รํ โอวทต.ิ เต ตสฺโสวาเท ตวฺ า อปุ กกฺ าย ปวารณาย, สพฺเพว สห ปฏิสมฺภทิ าหิ อรหตฺตํ ปาปณุ ึสุ, วตุ ถฺ วสฺสา จ ปน สตถฺ ารํ ทุกามา หตุ ฺวา เถรํ อาหสํ ุ \"ภนเฺ ต สตถฺ ารํ ท กุ ามมหฺ าติ. เถโร เตสํ วจนํ สตุ วฺ า จนิ เฺ ตสิ \"อหํ ทพุ พฺ โล, อนตฺ รามคเฺ ค จ อมนสุ ฺสปรคิ ฺคหติ า อฏวี อตถฺ ิ, มยิ เอเตหิ สทธฺ ึ คจฺฉนฺเต, สพเฺ พ กลิ มิสสฺ นตฺ ิ, ภกิ ฺขํป ลภติ ุ น สกฺขสิ ฺสนตฺ ิ, อเิ ม ปเุ รตรเมว เปเสสฺสามตี ิ. อถ เน อาห \"อาวโุ ส ตมุ เฺ ห ปุรโต คจฺฉถาต.ิ \"ตมุ เฺ ห ปน ภนเฺ ตต.ิ \"อหํ ทพุ ฺพโล, อนตฺ รามคเฺ ค จ อมนสุ สฺ ปรคิ คฺ หติ า อฏวี อตฺถิ, มยิ ตมุ ฺเหหิ สทฺธึ คจฉฺ นเฺ ต, สพฺเพ กลิ มิสสฺ ถ, ตมุ เฺ ห ปรุ โต คจฉฺ ถาต.ิ \"มา ภนเฺ ต เอวํ กรติ ถฺ , มยํ ตมุ ฺเหหิ สทธฺ เึ ยว คมสิ ฺสามาต.ิ \"มา โว อาวโุ ส เอวํ รจุ จฺ ติ ถฺ , เอวํ สนเฺ ต มยฺหํ อผาสกุ ํ ภวิสสฺ ติ, มยฺหํ กนิโ ตมุ เฺ ห ทสิ วฺ า ปุจฉฺ สิ ฺสต,ิ อถสฺส มม จกขฺ ูนํ ปรหิ นี ภาวํ อาโรเจยฺยาถ; โส มยหฺ ํ สนตฺ กิ ํ กฺจเิ ทว ปหณิ ิสฺสติ; เตน สทฺธึ อาคจฉฺ ิสสฺ ามิ; ตมุ เฺ ห มม วจเนน ทสพลจฺ อสีติมหาเถเร จ วนฺทถาติ เต อุยโฺ ยเชสิ. เต เถรํ ขมาเปตวฺ า อนโฺ ตคามํ ปวสิ สึ ุ. มนสุ สฺ า เต นสิ ที าเปตวฺ า ภิกขฺ ํ ทตวฺ า \"กึ ภนเฺ ต อยฺยานํ คมนากาโร ปฺ ายตตี ิ. \"อาม อุปาสกา, สตฺถารํ ท ุกามมฺหาต.ิ เต ปนุ ปปฺ นุ ํ ยาจติ วฺ า เตสํ คมนฉนฺทเมว ตวฺ า อนุคนตฺ วฺ า ปรเิ ทวติ วฺ า นิวตฺตสึ .ุ เตป อนปุ ุพเฺ พน เชตวนํ คนฺตวฺ า สตฺถารฺจ มหาเถเร จ เถรสฺส วจเนน วนฺทติ ฺวา ปุนทวิ เส, ยตถฺ เถรสสฺ กนิโ วสติ; ตํ วถี ึ ปณ ฺฑาย ปวสิ สึ ุ. กุ มพฺ โิ ก เต สชฺ านติ วฺ า นิสที าเปตวฺ า กตปฏิสนฺถาโร,\"ภาตกิ ตฺเถโร เม กหุ นิ ตฺ ิ ปจุ ฉฺ ิ.
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๗ อถสฺส เต ตํ ปวตตฺ ึ อาโรเจสุ. โส เตสํ ปาทมเู ล ปวเฏนโฺ ต โรทิตวฺ า ปจุ ฉฺ ิ \"อทิ านิ ภนเฺ ต กึ กาตพพฺ นตฺ .ิ \"เถโร อิโต กสสฺ จิ คมนํ ปจจฺ าสึสติ, คตกาเล เตน สทธฺ ึ อาคมสิ ฺสตตี .ิ \"อยํ เม ภนฺเต ภาคเิ นยโฺ ย ปาลโิ ต นาม, เอตํ เปเสถาต.ิ \"เอวํ เปเสตุ น สกกฺ า, มคเฺ ค ปรปิ นฺโถ อตถฺ ิ, ปพพฺ าเชตวฺ า เปเสตุ วฏ ตตี .ิ \"เอวํ กตฺวา เปเสถ ภนฺเตติ. อถ นํ ปพฺพาเชตวฺ า อฑฒฺ มาสมตตฺ ํ จวี รคคฺ หณาทนี ิ สกิ ขฺ าเปตวฺ า มคคฺ ํ อาจกิ ฺขติ ฺวา ปหิณสึ ุ. โส อนุปพุ ฺเพน ตํ คามํ ปตวฺ า คามทวฺ าเร เอกํ มหลลฺ กํ ทสิ วฺ า \"อิมํ คามํ นสิ สฺ าย โกจิ อารฺ โก วหิ าโร อตถฺ ตี ิ ปุจฺฉ.ิ \"อตถฺ ิ ภนเฺ ตต.ิ \"โก ตตฺถ วสตตี ิ. \"ปาลิตตฺเถโร นาม ภนฺเตต.ิ \"มคคฺ ํ เม อาจกิ ฺขถาต.ิ \"โกสิ ตวฺ ํ ภนเฺ ตต.ิ \"เถรสฺส ภาคเิ นยฺโยมฺหตี .ิ อถ นํ คเหตวฺ า วหิ ารํ เนส.ิ โส เถรํ วนฺทติ วฺ า อฑฒฺ มาสมตตฺ ํ วตตฺ ปฏวิ ตตฺ ํ กตฺวา เถรํ สมมฺ า ปฏิชคฺคติ ฺวา \"ภนเฺ ต มาตุลกุ ม พฺ โิ ก เม ตมุ หฺ ากํ อาคมนํ ปจฺจาสึสติ; เอถ, คจฉฺ ามาติ อาห. \"เตนหิ เม ยโิ กฏึ คณหฺ าหตี ิ. โส ย โิ กฏึ คเหตฺวา เถเรน สทธฺ ึ อนฺโตคามํ ปาวสิ ิ. มนสุ สฺ า เถรํ นิสีทาเปตวฺ า \"กึ ภนฺเต คมนากาโร โว ปฺ ายตตี ิ ปจุ ฺฉสึ ุ. \"อาม อปุ าสกา, คนตฺ วฺ า สตถฺ ารํ วนฺทสิ สฺ ามตี .ิ เต นานปปฺ กาเรน ยาจติ วฺ า อลภนตฺ า เถรํ อุยฺโยเชนตฺ า อปุ ฑฺฒปถํ คนตฺ วฺ า โรทติ วฺ า นวิ ตตฺ สึ .ุ สามเณโร เถรํ ยิโกฏิยา อาทาย คจฉฺ นโฺ ต อนตฺ รามคเฺ ค อฏวิยํ สงฺก นครํ นาม เถเรน อปุ นิสสฺ าย วุตถฺ ปพุ พฺ คามํ สมฺปาปุณิ. โส ตโต นิกขฺ มติ ฺวา อรฺเ คายติ วฺ า ทารูนิ อทุ ธฺ รนตฺ ยิ า เอกิสฺสา อติ ฺถยิ า คตี สททฺ ํ สตุ ฺวา สเร นมิ ติ ตฺ ํ คณหฺ .ิ อติ ฺถีสทโฺ ท วิย หิ อโฺ สทฺโท ปุริสานํ สกลสรรี ํ ผรติ วฺ า าตุ สมตโฺ ถ นาม นตถฺ .ิ เตนาห ภควา \"นาหํ ภกิ ฺขเว อฺ เอกสทฺทมปฺ สมนุปสสฺ าม,ิ โย เอวํ ปรุ ิสสฺส จิตตฺ ํ ปรยิ าทาย ติ ต;ิ ยถยทิ ํ ภิกขฺ เว อิตถฺ สี ทโฺ ทติ. สามเณโร ตตถฺ นมิ ติ ตฺ ํ คเหตฺวา ยโิ กฏึ วิสสฺ ชฺเชตวฺ า \"ติถ ตาว ภนเฺ ต, กิจจฺ ํ เม อตถฺ ีติ ตสสฺ า สนตฺ ิกํ คโต. สา ตํ ทสิ วฺ า ตณุ หฺ ี อโหสิ. โส ตาย สทธฺ ึ สลี วปิ ตฺตึ ปาปณุ .ิ เถโร จนิ เฺ ตสิ \"อิทาเนเวโก คตี สทโฺ ท สยู ติ ฺถ, โส จ โข อิตถฺ ิยา, สามเณโรป จริ ายติ, โส สลี วปิ ตตฺ ึ ปตฺโต ภวิสสฺ ตตี .ิ โสป อตตฺ โน กจิ จฺ ํ นิ าเปตฺวา อาคนตฺ ฺวา \"คจฉฺ าม ภนฺเตติ อาห. อถ นํ เถโร ปจุ ฉฺ ิ \"ปาโป ชาโตสิ สามเณราต.ิ โส ตณุ ฺหี หุตวฺ า ปนุ ปฺปนุ ํ ปุโ ป น กิ ฺจิ กเถส.ิ อถ นํ เถโร อาห \"ตาทิเสน ปาเปน มม ยิโกฏคิ คฺ หณกจิ จฺ ํ นตฺถตี ิ. โส สเํ วคปปฺ ตโฺ ต กาสายานิ อปเนตฺวา คหิ นิ ยิ าเมน ปริทหิตวฺ า \"ภนเฺ ต อหํ ปุพเฺ พ สามเณโร, อทิ านิ ปนมหฺ ิ คหิ ี ชาโต; ปพพฺ ชนฺโตปจ าหํ น สทธฺ าย ปพพฺ ชิโต, มคคฺ ปรปิ นฺถภเยน ปพพฺ ชิโต; เอถ, คจฉฺ ามาติ อาห. \"อาวโุ ส คหิ ิปาโปป สมณปาโปป ปาโปเยว; ตวฺ ํ สมณภาเว ตวฺ าป สลี มตตฺ ํ ปเู รตุ นาสกขฺ ิ; คิหี หตุ วฺ า กนิ นฺ าม กลยฺ าณํ กรสิ สฺ สิ; ตาทเิ สน ปาเปน มม ย โิ กฏิคคฺ หณกิจจฺ ํ นตฺถตี .ิ \"ภนฺเต อมนุสสฺ ปุ ททฺ โู ต มคโฺ ค, ตมุ ฺเห จ อนธฺ า, กถํ อธิ วสสิ ฺสถาติ. อถ นํ เถโร \"อาวโุ ส ตวฺ ํ มา เอวํ จนิ ตฺ ย,ิ อเิ ธว เม นิปชชฺ ติ วฺ า มรนฺตสสฺ าป อปราปรํ ปวเ ฏนตฺ สฺสาป, ตยา สทฺธึ คมนํ นาม นตถฺ ตี ิ วตวฺ า อมิ า คาถา อภาสิ \"หนฺทาหํ หตจกขฺ สุ มฺ ิ กนตฺ ารทธฺ านมาคโต, สยมาโน น คจฉฺ ามิ; นตถฺ ิ พาเล สหายตา. หนทฺ าหํ หตจกขฺ ุสมฺ ิ กนตฺ ารทธฺ านมาคโต
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๘ มรสิ สฺ ามิ, โน คมสิ สฺ ามิ; นตถฺ ิ พาเล สหายตาติ. ตํ สตุ วฺ า อติ โร สเํ วคชาโต, \"ภาริยํ วต เม สาหสกิ ํ อนนุจฉฺ วกิ ํ กมมฺ ํ กตนตฺ ิ พาหา ปคคฺ ยฺห กนฺทนโฺ ต วนสณฑฺ ํ ปกขฺ นฺทติ วฺ า ตถา ปกฺกนโฺ ตว อโหสิ เถรสฺสาป สลี เตเชน สโิ ยชนายามํ ปณฺณาสโยชนวติ ถฺ ตํ ปณณฺ รสโยชนพหลํ ชยสมุ นปปุ ผฺ วณฺณํ นิสที นุ หนกาเลสุ โอนมนนุ นฺ มนปกตกิ ํ สกกฺ สสฺ เทวราชสสฺ ปณฺฑกุ มพฺ ลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสเฺ สสิ. สกฺโก \"โก นุ โข มํ านา จาเวตกุ าโมติ โอโลเกนฺโต ทพิ เฺ พน จกขฺ นุ า เถรํ อททฺ ส. เตนาหุ โปราณา \"สหสฺสเนตโฺ ต เทวนิ โฺ ท ทิพพฺ จกฺขุ วโิ สธยิ ` ปาปครหี อยํ ปาโล อาชวี ํ ปรโิ สธย'ิ , ทพิ พฺ จกขฺ ุ วโิ สธยิ สหสสฺ เนตฺโต เทวนิ โฺ ท นสิ นิ โฺ น สาสเน รโตต.ิ ` ธมฺมครุโก อยํ ปาโล อถสสฺ เอตทโหสิ \"สจาหํ เอวรูปสสฺ ปาปครหโิ น ธมฺมครกุ สสฺ อยฺยสสฺ สนตฺ กิ ํ น คมสิ สฺ าม,ิ มุทฺธา เม สตตฺ ธา ผเลยยฺ ; คมสิ สฺ ามสิ สฺ สนตฺ ิกนตฺ ิ. ตโต สหสฺสเนตโฺ ต เทวนิ ฺโท เทวรชชฺ สริ ธี โร ตํขเณน อาคนตฺ วฺ า, จกฺขุปาลํ อุปาคม.ิ อปุ คนตฺ ฺวา จ ปน เถรสสฺ าวทิ เู ร ปทสททฺ ํ อกาสิ. อถ นํ เถโร ปุจฉฺ ิ \"โก เอโสต.ิ \"อหํ ภนฺเต อทธฺ ิโกต.ิ \"กหุ ึ ยาสิ อปุ าสกาติ. \"สาวตฺถยิ ํ ภนเฺ ตติ. \"ยาหิ อาวุโสติ. \"อยโฺ ย ปน ภนเฺ ต กหุ ึ คมิสฺสตตี .ิ \"อหํป ตตเฺ ถว คมสิ สฺ ามตี ิ. \"เตนหิ เอกโตว คจฉฺ าม ภนเฺ ตต.ิ \"อหํ ทุพพฺ โล, มยา สทธฺ ึ คจฺฉนฺตสฺส ตว ปปฺโจ ภวสิ ฺสตตี .ิ \"มยหฺ ํ อจฺจายิกํ นตถฺ ิ; อหปํ อยฺเยน สทฺธึ คจฉฺ นโฺ ต ทสสุ ปฺุกิรยิ าวตถฺ สู ุ เอกํ ลภิสสฺ ามิ; เอกโตว คจฉฺ าม ภนเฺ ตต.ิ เถโร \"เอโส สปฺปุรโิ ส ภวิสสฺ ตีติ จนิ เฺ ตตวฺ า \"เตนหิ ย ิโกฏึ คณหฺ อปุ าสกาติ อาห. สกโฺ ก ตถา กตฺวา ปวึ สงขฺ ปิ นโฺ ต สายณหฺ สมเย เชตวนํ สมปฺ าเปส.ิ เถโร สงฺขปณวาทสิ ทเฺ ท สุตวฺ า \"กตเฺ ถโส สทโฺ ทติ ปจุ ฺฉิ. \"สาวตถฺ ิยํ ภนเฺ ตติ. \"มยํ คมนกาเล จเิ รน คมมิ หฺ าต.ิ \"อหํ อชุ กุ มคคฺ ํ ชานามิ ภนฺเตติ. ตสฺมึ ขเณ เถโร \"นายํ มนุสฺโส, เทวตา ภวสิ สฺ ตีติ สลลฺ กฺเขสิ. สหสฺสเนตฺโต เทวนิ โฺ ท เทวรชชฺ สริ ีธโร สงขฺ ิปต ฺวาน ตํ มคฺคํ ขปิ ปฺ สาวตฺถิมาคม.ิ โส เถรสฺเสวตถฺ าย กนิกุ ม ฺพิเกน การติ ํ ปณณฺ สาลํ เนตฺวา ผลเก นสิ ที าเปตวฺ า ปย สหายวณฺเณน ตสสฺ สนตฺ กิ ํ คนตฺ วฺ า \"สมฺม ปาลาติ ปกโฺ กส.ิ \"กึ สมมฺ าติ. \"เถรสฺส อาคตภาวํ ชานาสตี .ิ \"น ชานามิ, กึ ปน เถโร อาคโตติ. \"อาม สมฺม, อิทานาหํ วหิ ารํ คนฺตวฺ า เถรํ ตยา การติ ปณณฺ สาลายํ นิสนิ ฺนกํ ทสิ ฺวา อาคโตมฺหตี ิ วตวฺ า ปกกฺ าม.ิ กุ ม พฺ ิโกป วิหารํ คนตฺ ฺวา เถรํ ทสิ วฺ า ปาทมเู ล ปวเฏนฺโต โรทติ วฺ า \"อิทํ ทสิ วฺ า อหํ ภนเฺ ต ตุมหฺ ากํ ปพฺพชิตุ นาทาสนิ ตฺ อิ าทนี ิ วตฺวา เทวฺ ทาสทารเก ภุชสิ เฺ ส กตฺวา เถรสสฺ สนตฺ ิเก ปพพฺ าเชตวฺ า \"อนโฺ ต คามโต ยาคภุ ตตฺ าทนี ิ อาหรติ วฺ า เถรํ อปุ หถาติ ปฏปิ าเทสิ. สามเณรา วตตฺ ปฏวิ ตตฺ ํ กตวฺ า เถรํ อุปหึส.ุ อเถกทวิ สํ ทสิ าวาสโิ น ภกิ ขฺ ู \"สตถฺ ารํ ปสฺสิสสฺ ามาติ เชตวนํ อาคนตฺ วฺ า สตถฺ ารํ วนทฺ ติ วฺ า อสีตมิ หา เถเร ทิสวฺ า วหิ ารจารกิ ํ จรนตฺ า จกขฺ ุปาลตเฺ ถรสฺส วสนานํ ปตวฺ า \"อทิ ํป ปสสฺ สิ สฺ ามาติ สายํ ตทภิมุขา
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๐๙ อเหส.ุ ตสมฺ ึ ขเณ มหาเมโฆ อุ ห.ิ เต \"อิทานิ สายจฺ , เมโฆ จ อุ โิ ต, ปาโตว อาคนตฺ ฺวา ปสฺสสิ สฺ ามาติ นิวตตฺ สึ .ุ เทโว ปมยาเม วสสฺ ติ วฺ า มชฌฺ มิ ยาเม วคิ โต. เถโร อารทธฺ วิรโิ ย อาจิณฺณจงฺกมโน; ตสมฺ า ปจฺฉิมยาเม จงกฺ มนํ โอตริ. ตทา ปน นววุ าย ภมู ยิ า พหู อนิ ทฺ โคปกา อุ หสึ .ุ เต เถเร จงกฺ มนเฺ ต, เยภุยฺเยน วิปชชฺ สึ ุ. อนเฺ ตวาสกิ า เถรสสฺ จงกฺ มน านํ กาลสฺเสว น สมมฺ ชฺชสึ .ุ อติ เร ภกิ ขฺ ู \"เถรสสฺ วสน านํ ปสสฺ สิ ฺสามาติ อาคนตฺ วฺ า จงกฺ มเน ปาณเก ทสิ วฺ า \"โก อิมสฺมึ จงกฺ มตีติ ปจุ ฺฉึสุ. \"อมหฺ ากํ อปุ ชฌฺ าโย ภนเฺ ตต.ิ เต อชุ ฌฺ ายึสุ \"ปสฺสถ สมณสฺส กมฺมํ; สจกฺขกุ าเล นปิ ชชฺ ติ ฺวา นทิ ฺทายนโฺ ต กิฺจิ อกตฺวา, อิทานิ จกฺขุวกิ ลกาเล `จงกฺ มามีติ เอตตฺ เก ปาเณ มาเรสิ; `อตถฺ ํ กริสฺสามตี ิ อนตถฺ ํ อกรีต.ิ อถ เต คนตฺ วฺ า ตถาคตสฺส อาโรเจสุ \"ภนเฺ ต จกฺขปุ าลตฺเถโร `จงกฺ มามตี ิ พหู ปาณเก มาเรสตี ิ. \"กึ ปน โส ตุมเฺ หหิ มาเรนโฺ ต ทิ โ ต.ิ \"น ทิ โ ภนเฺ ตต.ิ \"ยเถว ตุมเฺ ห ตํ น ปสฺสถ; ตถา โสป เต ปาเณ น ปสสฺ ติ, ขีณาสวานํ มรณเจตนา นาม นตถฺ ิ ภกิ ขฺ เวติ. \"ภนเฺ ต อรหตฺตสสฺ อปุ นสิ ฺสเย สติ, กสมฺ า อนโฺ ธ ชาโตต.ิ \"อตตฺ นา กตกมฺมวเสน ภกิ ฺขเวติ. \"กึ ปน ภนฺเต เตน กตนตฺ ิ. \"เตนหิ ภกิ ขฺ เว สณุ าถ: อตีเต พาราณสิยํ พาราณสรี าเช รชชฺ ํ กาเรนฺเต, เอโก เวชฺโช คามนคิ เม จรติ วฺ า เวชชฺ กมมฺ ํ กโรนโฺ ต เอกํ จกขฺ ทุ ุพฺพลํ อติ ถฺ ึ ทสิ วฺ า ปจุ ฉฺ ิ \"กนิ เฺ ต อผาสกุ นฺต.ิ \"อกขฺ หี ิ น ปสฺสามตี ิ. \"เภสชชฺ นฺเต กริสสฺ ามตี .ิ \"กโรหิ สามีต.ิ \"กึ เม ทสฺสสตี ิ. \"สเจ เม อกขฺ นี ิ ปากตกิ านิ กาตุ สกฺขสิ สฺ สิ, อหนเฺ ต สทธฺ ึ ปตุ ตฺ ธตี าหิ ทาสี ภวสิ ฺสามตี ิ. โส \"สาธตู ิ เภสชฺชํ สวํ ิทห.ิ เอกเภสชฺเชเนว อกฺขนี ิ ปากตกิ านิ อเหส.ุ สา จนิ เฺ ตสิ \"อหํ เอตสฺส สปตุ ตฺ ธตี า ทาสี ภวสิ ฺสามตี ิ ปฏชิ าน,ึ น โข ปน มํ สณฺเหน สมทุ าจรสิ ฺสต,ิ วฺเจสสฺ ามิ นนตฺ .ิ สา เวชเฺ ชนาคนตฺ วฺ า \"กที ิสํ ภทเฺ ทติ ปุ า, \"ปุพเฺ พ เม อกขฺ นี ิ โถกํ รุชฺชสึ ุ, อทิ านิ อตเิ รกตรํ รุชฺชนตฺ ตี ิ อาห. เวชฺโช \"อยํ มํ วเฺ จตวฺ า กิ จฺ ิ อทาตุกามา, น เม เอตาย ทนิ นฺ ภตยิ า อตโฺ ถ, อทิ านิ ตํ อนธฺ ํ กรสิ ฺสามตี ิ จนิ เฺ ตตวฺ า เคหํ คนฺตวฺ า ภริยาย ตมตถฺ ํ อาจกิ ขฺ .ิ สา ตณุ หฺ ี อโหส.ิ โส เอกํ เภสชชฺ ํ โยเชตวฺ า ตสสฺ า สนฺติกํ คนตฺ วฺ า \"ภทฺเท อิมํ เภสชฺชํ อฺชาหตี ิ อชฺ าเปสิ. เทวฺ อกขฺ นี ิ ทีปสขิ า วยิ วชิ ฌฺ ายสึ ุ. โส เวชโฺ ช จกขฺ ปุ าโล อโหส.ิ \"ภิกขฺ เว ตทา มม ปตุ เฺ ตน กตกมมฺ ํ ปจฉฺ โต ปจฺฉโต อนุพนธฺ ,ิ ปาปกมฺมํ หิ นาเมตํ ธุรํ วหโต พลวิ ทฺทสฺส ปทํ จกกฺ ํ วยิ อนคุ จฉฺ ตตี ิ อทิ ํ วตถฺ ุ กเถตวฺ า อนสุ นธฺ ึ ฆเฏตวฺ า ปติาปตมตตฺ กิ ํ สาสนํ ราชมุททฺ าย ลฺฉนโฺ ต วยิ ธมฺมราชา อมิ ํ คาถมาห \"มโนปพุ พฺ งฺคมา ธมฺมา มโนเส า มโนมยา; มนสา เจ ปทุ เน ภาสติ วา กโรติ วา, ตโต นํ ทกุ ขฺ มเนฺวติ จกฺกวํ วหโต ปทนตฺ .ิ ตตถฺ \"มโนติ กามาวจรกุสลาทเิ ภทํ สพพฺ มปฺ จตภุ มู ิกจติ ตฺ ํ. อมิ สฺมึ ปน ปเท ตทา ตสฺส เวชชฺ สสฺ อุปปฺ นนฺ จติ ตฺ วเสน นิยมยิ มานํ ววตถฺ าปย มานํ ปรจิ ฉฺ ชิ ชฺ มานํ, โทมนสฺสสหคตํ ปฏฆิ สมฺปยุตตฺ ํ จติ ตฺ เมว ลพภฺ ติ. ปพุ พฺ งคฺ มาต:ิ เตน ปมคามนิ า หตุ วฺ า สมนนฺ าคตา. ธมมฺ าติ: คุณเทสนาปรยิ ตตฺ นิ ิสสฺ ตฺตนชิ ชฺ วี วเสน จตตฺ าโร ธมฺมา นาม. เตสุ
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๐ \"น หิ ธมโฺ ม อธมโฺ ม จ อุโภ สมวิปากโิ น, อธมฺโม นริ ยํ เนติ ธมฺโม ปาเปติ สคุ คฺ ตนิ ตฺ ิ อยํ คณุ ธมโฺ ม นาม. \"ธมมฺ ํ โว ภกิ ขฺ เว เทเสสฺสามิ อาทกิ ลฺยาณนฺติ อยํ เทสนาธมโฺ ม นาม. \"อิธ ปน ภิกฺขเว เอกจเฺ จ กุลปตุ ตฺ า ธมมฺ ํ ปริยาปุณนตฺ ิ สตุ ตฺ ํ เคยยฺ นฺติ อยํ ปริยตฺตธิ มโฺ ม นาม. \"ตสมฺ ึ โข ปน สมเย ธมฺมา โหนตฺ ,ิ ขนฺธา โหนตฺ ตี ิ อยํ นสิ ฺสตตฺ ธมโฺ ม นาม. นชิ ชฺ วี ธมฺโมตปิ เอเสว นโย. เตสุ อมิ สมฺ ึ าเน นสิ สฺ ตตฺ นิชชฺ ีวธมฺโม อธิปฺเปโต. โส อตฺถโต ตโย อรูปโ น ขนธฺ า \"เวทนากขฺ นโฺ ธ สฺากขฺ นโฺ ธ สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธต.ิ เอเต ห,ิ มโนปพุ ฺพงฺคโม เอเตสนตฺ ิ มโนปพุ พฺ งคฺ มา นาม. \"กถํ ปเนเตหิ สทธฺ ึ เอกวตถฺ โุ ก เอการมฺมโณ อปพุ พฺ ํ อจรมิ ํ เอกกขฺ เณ อปุ ฺปชฺชมาโน มโน ปพุ ฺพงฺคโม นาม โหตตี ิ. อปุ ฺปาทปปฺ จจฺ ยตเฺ ถน. ยถา หิ พหูสุ เอกโต คามฆาตาทกิ มมฺ านิ กโรนเฺ ตสุ, \"โก เตสํ ปุพฺพงฺคโมติ วุตเฺ ต, โย เตสํ ปจจฺ โย โหต,ิ ยํ นสิ ฺสาย เต ตํ กมมฺ ํ กโรนฺต;ิ โส ทตโฺ ต วา มตโฺ ต วา \"เตสํ ปุพฺพงฺคโมติ วุจจฺ ติ; เอวํ สมฺปทมิทํ เวทติ พพฺ ํ. อิติ อุปปฺ าทปปฺ จฺจยตเฺ ถน มโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ มโนปุพพฺ งคฺ มา. น หิ เต, มเน อนปุ ฺปชชฺ นฺเต, อปุ ฺปชชฺ ิตุ สกฺโกนตฺ ิ. มโน ปน, เอกจเฺ จสุ เจตสิเกสุ อนปุ ฺปชฺชนฺเตสปุ , อปุ ฺปชฺชติเยว. อธปิ ตวิ เสน ปน มโน เสโ เอเตสนตฺ ิ มโนเสา. ยถา หิ โจราทีนํ โจรเชกาทโย อธปิ ติโน เสา; ตถา เตสมปฺ มโนติ มโนเส า. ยถา ปน ทารุอาทหี ิ นิปผฺ นนฺ านิ ตานิ ตานิ ภณฑฺ านิ ทารมุ ยาทนี ิ นาม โหนตฺ ิ; ตถา เอเตป มนโต นปิ ผฺ นนฺ ตตฺ า มโนมยา นาม. ปทุ เ นาต:ิ อาคนตฺ เุ กหิ อภชิ ฌฺ าทีหิ โทเสหิ ปทุเ น. ปกตมิ โน หิ ภวงคฺ จติ ตฺ .ํ ตํ อปฺปทุ , ยถา หิ ปสนนฺ ํ อทุ กํ อาคนตฺ ุเกหิ นีลาทหี ิ อปุ กกฺ ิลิ นโี ลทกาทเิ ภทํ โหต,ิ น จ นวํ อุทกํ นาป ปรุ มิ ํ ปสนนฺ อุทกเมว; ตถา ตมปฺ อาคนฺตุเกหิ อภิชฌฺ าทหี ิ โทเสหิ ปทุ โหต,ิ น จ นวํ จติ ตฺ ํ, นาป ปรุ ิมํ ภวงฺคจติ ฺตเมว. เตนาห ภควา \"ปภสฺสรมทิ ํ ภิกฺขเว จติ ตฺ .ํ ตจฺ โข อาคนตฺ เุ กหิ อปุ กกฺ ิเลเสหิ อุปกกฺ ลิ ิ นตฺ .ิ เอวํ มนสา เจ ปทุเ น. ภาสติ วา กโรติ วาต:ิ โส ภาสมาโน จตุพพฺ ธิ ํ วจีทจุ จฺ รติ เมว ภาสต,ิ กโรนโฺ ต ตวิ ธิ ํ กายทุจฺจริตเมว กโรติ, อภาสนโฺ ต อกโรนโฺ ต ตาย อภชิ ฌฺ าทหี ิ ปทุ มานสตาย ตวิ ิธํ มโน ทจุ จฺ รติ ํ ปเู รต.ิ เอวมสฺส ทส อกสุ ลกมมฺ ปถา ปารปิ รู ึ คจฉฺ นตฺ ิ. ตโต นํ ทกุ ฺขมเนวฺ ตตี ิ: ตโต ตวิ ธิ ทุจฺจรติ โต ตํ ปคุ คฺ ลํ ทกุ ฺขมเนฺวติ: ทจุ ฺจรติ านุภาเวน จตูสุ อปาเยสุ วา มนสุ ฺเสสุ วา ตมตฺตภาวํ คจฉฺ นตฺ ํ กายวตถฺ กุ มปฺ อติ รวตถฺ ุกมปฺ ติ อิมนิ า ปรยิ าเยน กายกิ เจตสกิ ํ วิปากทกุ ขฺ ํ อนุคจฉฺ ติ. ยถากึ? จกกฺ วํ วหโต ปทนตฺ :ิ ธเุ ร ยตุ ตฺ สสฺ ธรุ ํ วหโต พลิวททฺ สฺส ปทํ จกกฺ ํ วิย. ยถา หิ โส เอกปํ ทิวสํ เทวฺ ป ปจฺ ป ทสป อฑฒฺ มาสํป วหนโฺ ต จกกฺ ํ นวิ ตฺเตตุ ชหติ ุ น สกโฺ กติ; อถขวฺ สฺส ปรุ โต อตกิ กฺ มนฺตสสฺ ยุคํ ควี ํ พาธต,ิ ปจฉฺ โต ปฏกิ กฺ มนตฺ สสฺ จกฺกํ อรู มุ ํสํ ปฏหิ นตฺ ิ; อเิ มหิ ทฺวีหิ การเณหิ พาธนตฺ ํ จกกฺ ํ ตสฺส ปทานปุ ทกิ ํ โหนฺต,ิ ตเถว มนสา ปทุ เ น ตณี ิ ทจุ ฺจรติ านิ ปูเรตวฺ า ิตํ ปุคคฺ ลํ นิรยาทสี ุ ตตถฺ ตตถฺ คต าเนสุ ทจุ จฺ รติ มูลกํ กายกิ มฺป เจตสิกมฺป ทุกขฺ ํ อนพุ นฺธตตี ิ. คาถาปรโิ ยสาเน ตสึ สหสสฺ า ภกิ ฺขู สห ปฏิสมภฺ ิทาหิ อรหตตฺ ํ ปาปณุ สึ ุ. สมปฺ ตตฺ ปริสายป เทสนา สาตฺถกิ า สผลา อโหสตี .ิ จกฺขุปาลตเฺ ถรวตถฺ ุ.
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๑ คำแปลโดยอรรถ ในสมยั น้นั พระศาสดาทรงประกาศพระบวรธรรมจกั รใหเ ปน ไปแลว เสด็จไปโดยลำดบั ประทับอยู ณ พระเชตวนั มหาวหิ าร ทที่ านอนาถบณิ ฑิกมหาเศรษฐบี รจิ าคทรัพยน บั ได ๕๔ โกฏิสรา งถวาย, ทรงสงั่ สอน มหาชนใหต ั้งอยใู นทางสวรรคแ ละในทางนพิ พาน. แทจรงิ พระตถาคตเสด็จอยูจำพรรษาๆ เดยี วเทานน้ั ในนิโครธมหาวหิ าร ท่ีพระญาติวงศฝ า ย พระชนนี ๘ หมนื่ ตระกูล, ฝา ยพระชนก ๘ หมน่ื ตระกูล เขา กนั เปน แสนหกหมน่ื ตระกลู สรางถวาย, เสด็จอยู จำพรรษา ณ เชตวนั มหาวิหาร ทท่ี า นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐสี รางถวาย ๑๙ พรรษา, เสด็จจำพรรษา ณ บพุ พา ราม ทนี่ างวสิ าขามหาอุบาสกิ าบรจิ าคทรพั ยน บั ได ๒๗ โกฏสิ รา งถวาย ๖ พรรษา, ทรงอาศัยทต่ี ระกูลทง้ั สอง เปนผใู หญโ ดยคุณธรรม เสดจ็ อยจู ำพรรษาอาศัยกรุงสาวตั ถี (เปน โคจรคาม) ถงึ ๒๕ พรรษา ดว ยประการ ฉะน.้ี ทงั้ ทานอนาถบิณฑกิ มหาเศรษฐี ทง้ั วิสาขามหาอบุ าสกิ า ยอมไปสทู อ่ี ปุ ฏ ฐากพระตถาคตเจาวันละ ๒ ครง้ั เปน ประจำ และเมอ่ื ไปไมเ คยมมี ือเปลา ไป ดว ยคิดเกรงวา “ภิกษหุ นุมและสามเณร จกั แลดมู อื ตน.” เมื่อไปกอนเวลาฉนั อาหาร ยอ มใชใ หคนถอื ของขบเค้ียวเปนตน ไป; เมอ่ื ไปภายหลงั แตเ วลาฉนั อาหาร ใชให คนถอื ปญจเภสัช35๑ และอฐั บาน36๒ ไป. และในเคหสถานแหงทา นท้งั สองนนั้ เขาแตง อาสนะไวเ พอื่ ภกิ ษแุ หง ละ ๒ พันรูปเปน นติ ยกาล. พระภกิ ษุรูปใดปรารถนาของส่ิงใด จะเปนขาวน้ำหรือเภสัช ของนน้ั กส็ ำเร็จแก พระภิกษรุ ปู นัน้ สมปรารถนา. ในทา นทง้ั สองนน้ั ทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐไี มเ คยทลู ถามปญ หาตอพระศาสดา จนวนั เดียว. ไดยนิ วา ทานคิดวา “พระตถาคตเจา เปน พระพทุ ธเจา ผูละเอียดออน เปน กษตั รยิ ผ ลู ะเอียดออ น เมื่อทรง แสดงธรรมแกเรา ดว ยทรงพระดำริวา ‘คฤหบดมี อี ปุ การะแกเ รามาก’ ดงั นี้ จะทรงลำบาก” แลว ไมท ลู ถาม ปญหาดว ยความรกั ในพระศาสดาเปนอยางยง่ิ . ฝายพระศาสดา พอทา นเศรษฐนี ง่ั แลว ทรงพระพทุ ธดำริวา “เศรษฐผี นู ้ีรกั ษาเราในทีไ่ มค วรรกั ษา, เหตวุ า เราไดต ดั ศรี ษะของเราอนั ประดบั ประดาแลว ควกั ดวงตาของเราออกแลว ชำแหละเนือ้ หวั ใจของเรา แลว สละลกู เมยี ผูเปน ทีร่ กั เสมอดว ยชีวติ ของเราแลว บำเพ็ญบารมีอยู ๔ อสงไขยกบั แสนกัลป กบ็ ำเพ็ญแลว เพ่อื แสดงธรรมแกผูอนื่ เทา นนั้ เศรษฐนี ี่รกั ษาเราในทีไ่ มค วรรกั ษา,” (ครนั้ ทรงพุทธดำร)ิ ฉะนแี้ ลว กต็ รสั พระ ธรรมเทศนากณั ฑห น่ึงเสมอ. คร้ังน้นั ในกรุงสาวตั ถี มคี นอยู ๗ โกฏิ ในคนหมนู น้ั คนไดฟง ธรรมกถาของพระศาสดาแลว เกดิ เปนอริยสาวกประมาณ ๕ โกฏิ ยังเปน ปุถชุ นอยูประมาณ ๒ โกฏิ. ในคนเหลานนั้ กิจของพระอริยสาวกมี เพียง ๒ อยางเทานนั้ คอื ในกาลกอ นแตเวลาฉนั อาหาร ทานถวายทาน, ในกาลภายหลังแตฉ ันอาหารแลว ทา นมมี อื ถอื เคร่อื งสักการบชู ามขี องหอมและระเบยี บดอกไมเ ปน ตน ใชค นใหถือไทยธรรมมผี าเภสชั และนำ้ ปานะเปน ตน ไปเพือ่ ตองการฟง ธรรม. ๑ ปญจเภสัช หมายถงึ เภสัช ๕ คอื เนยใส ๑ เนยขน ๑ น้ำมนั ๑ น้ำผึง้ ๑ นำ้ ออย ๑. ๒ อฏั ฐบาน หมายถึง ปานะ ๘ คือ น้ำมะมว ง ๑ นำ้ ชมพูหรอื น้ำหวา ๑ น้ำกลว ยมีเมลด็ ๑ น้ำกลว ยไมม ีเมลด็ ๑ นำ้ มะซาง ๑ น้ำลกู จันทน หรอื องนุ ๑ นำ้ เหงา อบุ ล ๑ นำ้ มะปรางหรอื ล้ินจี่ ๑
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๒ ภายหลังวนั หนงึ่ กุ มพีมหาปาละเหน็ หมูอ รยิ สาวก มมี อื ถอื เครอ่ื งสกั การบชู า มีของหอมและ ระเบียบดอกไมเ ปน ตน ไปสวู หิ าร จึงถามวา “มหาชนหมูนี้ไปไหนกนั ?” ครน้ั ไดย นิ วา “ไปฟง ธรรม” กค็ ิดวา “เราก็จักไปบาง” ครนั้ ไปถงึ ถวายบังคมพระศาสดาแลว นัง่ อยขู า งทา ยประชมุ ชน. ธรรมดาพระพุทธเจา ทง้ั หลาย เมอ่ื จะทรงแสดงธรรม ทอดพระเนตรอปุ นิสัยแหงคณุ มสี รณะ ศีล และบรรพชาเปนตน(กอ น) แลวจงึ ทรงแสดงธรรมตามอำนาจอธั ยาศัย. เหตนุ ั้น วันนน้ั พระศาสดาทอดพระเนตรอปุ นสิ ยั ของกุ ม พมี หาปาละแลว เมือ่ ทรงแสดงธรรม ได ตรสั อนุปพุ พีกถา คือทรงประกาศทานกถา(พรรณนาทาน) สลี กถา(พรรณนาศลี ) สคั คกถา(พรรณนาสวรรค) โทษ ความเลวทรามและความเศราหมองแหง กามทงั้ หลาย และอานสิ งสในเนกขมั มะ(คอื ความออกไปจาก กามทัง้ หลาย) กุม พมี หาปาละไดส ดบั ธรรมน้ันแลว คิดวา “บตุ รและธดิ ากด็ ี โภคสมบตั กิ ด็ ี ยอ มไปตามผไู ปสู ปรโลกหาไดไ ม แมสรีระกไ็ ปกบั ตัวไมไ ด ประโยชนอะไรของเราดว ยการอยคู รองเรือน เราจกั บวช” พอ เทศนาจบ เขากเ็ ขาไปเฝา พระศาสดา ทลู ขอบวช. ขณะนน้ั พระศาสดาตรสั ถามเขาวา “ญาตไิ หนๆ ของทา นท่ีควรจะตอ งอำลาไมมบี า งหรือ?” เขาทลู วา “พระเจา ขา นองชายของขา พระพุทธเจามอี ย.ู ” พระศาสดารบั สงั่ วา “ถา อยางนนั้ ทา นจงอำลาเขาเสยี [กอ น].” เขาทลู รบั วา “ดแี ลว ” ถวายบังคมพระศาสดาแลว ไปถงึ เรือนแลว ใหเรยี กนอ งชายมา มอบทรัพย สมบัตใิ หว า “แนะ พอ สวญิ ญาณกทรพั ยก็ดี อวญิ ญาณกทรัพยกด็ ี อนั ใดอันหนงึ่ บรรดามใี นตระกูลนี้ ทรัพย นน้ั จงตกเปนภาระของเจา ทงั้ หมด เจา จงดแู ลทรัพยน ั้นเถิด.” นองชายถามวา “นาย ก็ทา นเลา ?” พชี่ ายตอบวา “ขา จักบวชในสำนักของพระศาสดา.” น. พพ่ี ูดอะไร เม่ือมารดาของขาพเจาตายแลว ขา พเจาไดท า นเปน เหมอื นมารดา เมอ่ื บดิ าตายแลว ไดทา นเปน เหมอื นบดิ า. สมบตั ิเปน อนั มากมีอยใู นเรือนของทาน, ทา นอยูครองเรือนเทานัน้ อาจทำบญุ ได, ขอ ทา นอยา ไดทำอยา งนั้นเลย. พ. พอ ขา ไดฟ งธรรมเทศนาของพระศาสดา, เพราะ (เหตุที่) พระศาสดาทรงแสดงธรรมมคี ุณ ไพเราะ (ทง้ั ) ในเบ้อื งตน ทา มกลาง และท่สี ดุ ยกขนึ้ สไู ตรลกั ษณะ37๑ อนั ละเอยี ดสขุ มุ ธรรมนั้น อันใครๆ ไม สามารถจะบำเพ็ญใหบ ริบรู ณในทามกลางเรอื นได; ขา จกั บวชละ พอ. น. พี่ เออ ก็ทา นยงั หนมุ อยโู ดยแท, เอาไวบ วชในเมื่อทา นแกเ ถดิ . พ. พอ ก็แมมอื และเทา ของคนแก (แต) ของตวั กย็ ังวา ไมฟ ง ไมเ ปนไปในอำนาจ, กจ็ กั กลาวไป ทำไมถึงญาติทง้ั หลาย, ขา นนั้ จะไมทำ (ตาม) ถอ ยคำของเจา , ขา จกั บำเพ็ญสมณปฏบิ ัตใิ หบ รบิ รู ณ. มือและเทาของผูใดทรุดโทรมไปเพราะชรา วาไมฟ ง ผูน ั้นมเี รยี่ วแรงอันชรากำจัดเสียแลว จักประพฤตธิ รรมอยางไรได. ขาจกั บวชแนละ พอ. ๑ ไตรลกั ษณะ คือ อนจิ จลกั ษณะ ๑ ทกุ ขลกั ษณะ ๑ อนัตตลักษณะ ๑.
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๓ เมอ่ื นอ งชายกำลังรองไหอยูเทยี ว, เขาไปสูสำนักพระศาสดาแลว ทลู ขอบวช ไดบรรพชาอุปสมบท แลว อยูใ นสำนกั แหง พระอาจารย และอปุ ชฌายครบ ๕ พรรษาแลว ออกพรรษา ปวารณาแลว เขา ไปเฝา พระศาสดา ถวายบงั คมแลว ทลู ถามวา “พระเจา ขา ในพระศาสนานมี้ ีธรุ ะกีอ่ ยา ง?” พระศาสดาตรัสตอบวา “ภกิ ษุ ธรุ ะมี ๒ อยา ง คือ คนั ถธุระ (กับ) วปิ สสนาธรุ ะ เทานนั้ .” พระมหาปาละทูลถามวา “พระเจา ขา กค็ ันถธรุ ะเปนอยา งไร? วิปสสนาธุระเปน อยา งไร?” ศ. ธรุ ะน้ี คอื การเรียนนิกายหน่ึงก็ดี สองนกิ ายกด็ ี จบพทุ ธวจนะคือพระไตรปฎ กกด็ ี ตามสมควร แกปญ ญาของตนแลว ทรงไว กลา วบอกพุทธวจนะนนั้ ชอ่ื วา คันถธรุ ะ. สว นการเริ่มตัง้ ความสนิ้ และความ เสอ่ื มไวใ นอตั ภาพ ยงั วปิ ส สนาใหเ จรญิ ดว ยอำนาจแหง การตดิ ตอ แลว ถือเอาพระอรหตั ของภกิ ษผุ มู ีความ ประพฤติแคลวคลอง ยนิ ดยี ิ่งแลวในเสนาสนะอนั สงดั ชอื่ วา วปิ ส สนาธุระ. ม. พระเจา ขา ขาพระองคบ วชแลว แตเ มอ่ื แก ไมส ามารถจะบำเพญ็ คันถธุระใหบ รบิ ูรณไ ด, แตจ กั บำเพญ็ วปิ ส สนาธรุ ะใหบ รบิ รู ณ, ขอพระองคต รัสบอกพระกรรมฐานแกข าพระองคเ ถดิ . ลำดับนัน้ พระศาสดาไดต รสั บอกพระกรรมฐานตลอดถงึ พระอรหัตแกพ ระมหาปาละ. ทานถวาย บงั คมพระศาสดาแลว แสวงหาภิกษผุ ูจะไปกับตน ไดภกิ ษุ ๖๐ รปู แลว ออกพรอ มกับเธอท้งั หลายไปตลอด ทาง ๑๒๐ โยชน ถงึ บา นปลายแดนหมูใหญต ำบลหน่งึ จงึ พรอ มดวยบรวิ าร เขาไปบณิ ฑบาต ณ บานนนั้ . หมูม นษุ ยเหน็ ภิกษุทง้ั หลาย ผูถงึ พรอ มดว ยวตั ร มจี ติ เลอ่ื มใส แตงอาสนะแลว นิมนตใ หนงั่ องั คาส ดวยอาหารอนั ประณตี แลว ถามวา “ทา นเจา ขา พระผเู ปน เจา จะไปทไี่ หน?” เม่ือเธอทง้ั หลายกลาวตอบวา “อุบาสกและอบุ าสกิ าท้ังหลาย เราจะไปสทู ี่ตามผาสุก” ดังนแี้ ลว , มนษุ ยผเู ปน บณั ฑติ รูวา “ทา นผูเจรญิ ท้ังหลายแสวงหาเสนาสนะท่จี ำพรรษา,” จงึ กลา วอาราธนา วา “ทานผเู จรญิ ถาพระผูเ ปน เจาทงั้ หลาย พึงอยู ณ ท่นี ่ตี ลอดไตรมาสนี้ ขาพเจา ทัง้ หลายจะพงึ ตง้ั อยูใน สรณะแลว ถอื ศีล.” แมเ ธอท้ังหลายกค็ ดิ เห็นวา “เราไดอ าศยั ตระกลู เหลา นี้ จักทำการออกไปจากภพได” ดงั น้ี จงึ รบั นมิ นต. หมมู นุษยรบั ปฏิญญาของเธอทง้ั หลายแลว ได (ชว ยกัน) ปด กวาดวหิ าร จัดทีอ่ ยูในกลางคืน และทีอ่ ยู ในกลางวัน แลว มอบถวาย. เธอทง้ั หลายเขาไปบิณฑบาตบา นนนั้ ตำบลเดยี วเปน ประจำ. ครงั้ นนั้ หมอผูห นง่ึ เขาไปหาเธอทงั้ หลาย ปวารณาวา “ทานผูเจรญิ ธรรมดาในทอี่ ยูของคนมาก ยอ มมคี วามไมผ าสกุ บา ง. เมอ่ื ความไมผาสุกนั้นเกดิ ข้นึ แลว ทานทง้ั หลายพงึ บอกแกขา พเจา ขาพเจาจกั ทำ เภสัชถวาย.” ในวนั จำพรรษา พระเถระเรยี กภิกษุเหลานนั้ มา (พรอมกัน) แลว ถามวา “ทา นผมู ีอายุทัง้ หลาย ทา นท้ังหลายจักใหไ ตรมาสน้นี อมลวงไปดว ยอริ ยิ าบถเทาไร?” ภกิ ษุทงั้ หลายเรียนตอบวา “จกั ใหน อมลว งไปดว ยอิรยิ าบถครบทง้ั ๔ ขอรบั .” ถ. ทานผมู อี ายุทงั้ หลาย กข็ อนนั้ สมควรละหรือ? เราทั้งหลายควรเปน ผไู มป ระมาทไมใ ชห รือ? เพราะเราทง้ั หลายเรียนพระกรรมฐานมาจากสำนกั ของพระพุทธเจา ผยู งั ทรงพระชนมอยู. แลธรรมดาวา พระพทุ ธเจา ทง้ั หลาย อนั คนมักอวดไมสามารถจะใหท รงยนิ ดไี ด, ดวยวา พระพุทธเจาท้งั หลายนนั้ อนั คนมี อัธยาศัยงาม (จำพวกเดยี ว) พงึ ใหทรงยนิ ดีได, และขึน้ ชอื่ วาอบายท้ัง ๔ เปน เหมือนเรือนของตัวเองแหง คนผู ประมาทแลว , ขอทานทัง้ หลายจงเปน ผูไ มป ระมาทเถดิ ทา นผูม ีอายทุ ้งั หลาย. ภ. กท็ า นเลา ขอรบั . ถ. ทา นผูม ีอายทุ งั้ หลาย ขาพเจา จกั ให (ไตรมาสน)้ี (นอม)ลวงไปดวยอริ ิยาบถ ๓, จกั ไมเหยียดหลงั .
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๔ ภ. สาธุ ขอจงเปน ผไู มป ระมาทเถดิ ขอรบั . เมอื่ พระเถระไมห ยงั่ ลงสูน ทิ รา, เม่ือเดือนตน ผา นไปแลว , โรคในจกั ษกุ เ็ กดิ ขึน้ . สายน้ำไหลออกจาก ตาท้งั ๒ ขา ง เหมือนสายนำ้ อนั ไหลออกจากหมอ อนั ทะลุ. ทานบำเพญ็ สมณธรรมตลอดราตรที ง้ั สิน้ แลว ใน เวลาอรุณขน้ึ เขา หอ งนัง่ แลว . ในเวลาภิกขาจาร ภกิ ษทุ ง้ั หลายไปสสู ำนักของพระเถระเรียนวา “เวลาน้เี ปน เวลาภิกขาจาร ขอรบั .” พระเถระตอบวา “ทา นผมู อี ายทุ ั้งหลาย ถา อยางนนั้ ทานทงั้ หลายถอื บาตรและจวี ร เถดิ ” ดังนีแ้ ลว ใหเ ธอทั้งหลายถือบาตรและจวี รของตนออกไปแลว . ภิกษทุ ั้งหลายเหน็ ตาทง้ั สองของพระเถระนองอยู จงึ เรยี นถามวา “นัน่ เปน อะไร ขอรบั ” ถ. ทานผูม อี ายทุ งั้ หลาย ลมแทงตาของขาพเจา . ภ. ทานขอรับ หมอปวารณาเราไวไ มใ ชห รอื ? เราควรบอกแกเขา. ถ. ดลี ะ ทา นผมู อี ายุท้งั หลาย. เธอทงั้ หลายจึงไดบ อกแกห มอ. เขาหงุ นำ้ มันสง ไปถวายแลว. พระเถระเมอื่ หยอดนำ้ มันในจมกู น่ัง หยอดเทยี วแลว เขาไปภายในบาน. หมอเหน็ เรยี นถามวา “ทานขอรับ ไดยนิ วา ลมแทงตาของพระผูเปน เจา หรอื ?” ถ. เจรญิ พร อุบาสก. ม. ทานเจาขา ขา พเจาหงุ นำ้ มันแลว สงไป (ถวาย) ทา นหยอดทางจมกู แลวหรือ? ถ. เจรญิ พร อุบาสก. ม. เดย๋ี วนี้ เปน อยา งไร ขอรบั . ถ. ยังแทงอยูท เี ดียว อบุ าสก. หมอคดิ ฉงนใจ “เราสง นำ้ มนั เพอ่ื จะยงั โรคใหระงับไดด ว ยการหยอดเพียงครัง้ เดยี วเทานน้ั ไปถวาย แลว , เหตไุ ฉนหนอแล โรคจึงยงั ไมสงบ?” จงึ เรียนถามวา “ทา นเจา ขา นำ้ มนั นน้ั ทานนงั่ หยอดหรือนอน หยอด.” พระเถระไดน งิ่ เสีย, ทานแมห มอซักถามอยู กไ็ มพดู . หมอนึกวา “เราจกั ไปวหิ ารดทู ี่อยูเ อง” ดงั นแ้ี ลว กลา ววา “ถาอยา งนัน้ นิมนตไ ปเถิด ขอรับ” ผละ พระเถระแลว ไปสวู หิ ารดูทอี่ ยขู องพระเถระ เหน็ แตท ีจ่ งกรมและทนี่ งั่ ไมเห็นทน่ี อน จงึ เรยี นถามวา “ทาน เจาขา นำ้ มนั นนั้ ทา นน่งั หยอดหรอื นอนหยอด\" พระเถระไดน ่งิ เสยี . หมอออ นวอนซ้ำวา “ทา นผูเจรญิ ขอ ทา นอยา ไดทำอยางนั้น, ธรรมดา สมณธรรม เมื่อรา งกายยังเปน ไปอยู กอ็ าจทำได, ขอทานนอนหยอดเถดิ .” พระเถระตอบวา “ไปเถิด ผมู อี ายุ ขาพเจา จกั ปรึกษาดูกอนแลว จงึ จกั รู.” กใ็ นทน่ี ้ันไมม ญี าติ สาโลหติ ของพระเถระเลย ทานจะพงึ ปรึกษากบั ใครเลา ? ถึงอยางนน้ั ทา นปรกึ ษากับกรัชกาย อยดู ำริวา “แนะ ปาลติ ะผมู ีอายุ ทานจงวามากอน, ทา นจักเหน็ แกจ ักษุหรอื จักเห็นแกพ ระพุทธศาสนา, กใ็ นสังสารวฏั อนั มที ส่ี ดุ อนั ใครตามคน ไปกร็ ูไมไ ด การคณนานบั ตัวทา นผบู อดดว ยจักษหุ ามไี ม, และพระพุทธเจา ทั้งหลายก็ ลว งไปหลายรอ ยหลายพันพระองคแลว ในพระพุทธเจาเหลานนั้ พระพทุ ธเจา แมแตพ ระองคเดยี วกก็ ำหนด ไมได, ทา นไดผูกใจไวเด๋ยี วนเี้ องวา “จักไมน อน จนตลอด ๓ เดือนภายในฤดูฝนนี้; เหตฉุ ะนัน้ จักษขุ องทา น ฉบิ หายเสยี หรอื แตกเสยี กต็ ามเถดิ ทานจงทรงแตพระพุทธศาสนาไวเ ถิด อยาเห็นแกจักษุเลย” เมอ่ื กลาวสอนภตู กาย ไดภ าษติ คาถาเหลานวี้ า :- “จกั ษทุ ท่ี านถอื วา ของตัว เสอื่ มไปเสยี เถดิ หูก็ เสอื่ มไปเสยี เถดิ , กายกเ็ ปน เหมอื นกนั อยางน้นั เถิด,
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๕ แมสรรพสงิ่ อันอาศัยกายน้ี ก็เส่ือมไปเสียเถิด, ปาลติ ะ เหตไุ ฉน ทา นจงึ ประมาทอย.ู จักษุท่ที า นถือวา ของตัว ทรุดโทรมไปเสียเถิด, หกู ็ทรดุ โทรมไปเสียเถดิ , กาย กเ็ ปน เหมอื นกนั อยา งนน้ั เถดิ , แมส รรพสิ่งอนั อาศยั กายน้ี ก็ทรดุ โทรมไปเสยี เถดิ , ปาลติ ะ เหตไุ ฉน ทา น จงึ ประมาทอยู. จักษุท่ที า นถอื วา ของตัวแตกไปเสยี เถดิ , หูก็แตกไปเสียเถดิ , รปู ก็เปน เหมือนกนั อยางนนั้ เถิด, แมสรรพสิ่งอันอาศยั กายนก้ี แ็ ตกไปเสยี เถดิ , ปาลิตะ เหตไุ ฉน ทา นจึงประมาทอย.ู ” ตนเองดว ย ๓ คาถาอยางนแ้ี ลว ไดน ัง่ ทำนตั ถุกรรม แลว จึงเขา ไปบานเพื่อบิณฑบาต หมอเหน็ แลว เรียนถามวา “ทานเจาขา ทา นทำนัตถุกรรมแลวหรือ?” ถ. เออ อุบาสก. ม. เปน อยา งไรบาง ขอรบั . ถ. ยังแทงอยูเ ทยี ว อบุ าสก. ม. ทานนั่งหยอดหรอื นอนหยอด ขอรบั . พระเถระไดน ง่ิ เสยี , ทานแมอ นั หมอถามซำ้ กไ็ มพ ูดอะไร. ขณะนนั้ หมอกลาวกะทา นวา “ทานผเู จรญิ ทา นไมท ำความสบาย ตงั้ แตว นั น้ี ขอทา นอยาไดกลา ว วา ‘หมอผโู นน หงุ น้ำมนั ใหเรา’ แมข า พเจากจ็ กั ไมกลา ววา “ขา พเจา หุงนำ้ มนั ถวายทาน.” พระเถระถกู หมอบอกเลิกแลว กลับไปสวู หิ าร ดำรวิ า “ทานแมห มอเขากบ็ อกเลิกแลว ทา นอยา ได ละอิรยิ าบถเสียนะ สมณะ” แลวกลา วสอนตนดว ยคาถาน้วี า “ปาลติ ะ ทา นถูกหมอเขาบอกเลิกจากการรกั ษา ทิ้งเสยี แลว เท่ียงตอมัจจุราช ไฉนจงึ ยงั ประมาทอยเู ลา ?” ดงั นแ้ี ลว บำเพญ็ สมณธรรม. ลำดับนนั้ พอมัชฌิมยามลว งแลว , ทง้ั ดวงตา ทั้งกเิ ลส ของทา นแตก (พรอมกนั ) ไมก อ นไมหลงั กวา กนั . ทา นเปนพระอรหนั ตสกุ ขวปิ ส สก เขา ไปสหู อ งนั่งแลว. ในเวลาภกิ ขาจาร ภิกษุทง้ั หลายไปเรยี นวา “ทา นผเู จรญิ เวลานเี้ ปนเวลาภิกขาจาร.” ถ. กาลหรอื ? ทานผมู ีอายุทง้ั หลาย. ภ. ขอรบั . ถ. ถา อยางนัน้ ทานทง้ั หลายไปเถดิ . ภ. กท็ านเลา? ขอรบั . ถ. ตาของขา พเจา เส่อื มเสียแลว ทานผมู ีอายุทงั้ หลาย. เธอท้ังหลายแลดตู าของทานแลว มีตาเตม็ ดว ยนำ้ ตา ปลอบพระเถระวา “ทานผเู จริญ ทา นอยา คดิ ไปเลย, กระผมทงั้ หลายจกั ปฏิบตั ทิ า น.” ดังนแี้ ลว ทำวตั รปฏบิ ตั ิทคี่ วรจะทำเสร็จแลวเขา ไปสบู า น. หมมู นษุ ยไ มเ หน็ พระเถระ ถามวา “ทา นเจา ขา พระผเู ปน เจา ของขา พเจา ทงั้ หลายไปขา งไหนเสีย” ทราบขา วนั้นแลว สง ขา วตม ไปถวายกอ นแลว ถอื เอาบณิ ฑบาตไปเอง ไหวพ ระเถระแลว รองไหก ลิ้งเกลอื ก
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๖ อยูแทบเทา (ของทา น) ปลอบวา “ทานเจา ขา ขา พเจาทงั้ หลายจักรับปฏบิ ตั ิ ทา นอยา ไดค ดิ ไปเลย” แลว ลา กลับ. ตัง้ แตน ้ันมา เขาก็สง ขา วตม และขา วสวยไปถวายทีว่ หิ ารเปน นิตย. ฝายพระเถระกก็ ลา วสอนภกิ ษุ ๖๐ รูปนอกนีเ้ ปน นิรนั ดร. เธอทง้ั หลายตง้ั อยใู นโอวาทของทา น, ครน้ั จวนวนั ปวารณา กบ็ รรลพุ ระอรหตั พรอมดว ยปฏิสมั ภทิ าทุกรปู . กแ็ ลเธอท้งั หลายออกพรรษาแลว อยากจะเฝา พระศาสดา จงึ เรยี นพระเถระวา “กระผมทง้ั หลาย อยากจะเฝา พระศาสดา ขอรับ.” พระเถระไดฟ งคำของเธอทัง้ หลายแลว คดิ วา “เราเปน คนทพุ พลภาพ และในระหวางทาง ดงท่ี อมนษุ ยสิงก็มอี ยู เมอ่ื เราไปกบั เธอทั้งหลาย จักพากนั ลำบากทงั้ หมด จักไมอาจเพ่ืออันไดแ มภกิ ษา เราจกั สง ภกิ ษเุ หลานีไ้ ปเสยี กอ น.” ลำดับนน้ั ทานจงึ กลาวกะเธอท้งั หลายวา “ผูม อี ายทุ ้ังหลาย ทานทง้ั หลายไปกอ นเถดิ .” ภ.ก็ทานเลา? ขอรับ. ถ.ขา พเจาเปน คนทุพพลภาพ และในระหวางทาง ดงท่ีอมนษุ ยสงิ ก็มีอยู เม่ือขา พเจาไปกบั ทา น ทัง้ หลาย จกั พากันลำบากทง้ั หมด ทานทง้ั หลายไปกอ นเถิด. ภ. อยาทำอยางนีเ้ ลย ขอรบั กระผมท้ังหลายจกั ไปพรอ มกันกบั ทานทีเดียว. ถ. “ทา นทงั้ หลายอยาชอบอยางน้ันเลย, เมอ่ื เปน อยา งนนั้ ความไมผ าสกุ จกั มแี กขา พเจา , นอ งชาย ของขา พเจา เห็นทา นทง้ั หลายแลว คงจกั ถาม, เมอ่ื เชนนน้ั ทา นท้งั หลายพงึ บอกความทจ่ี ักษขุ องขา พเจา เสอ่ื มเสยี แลว แกเขา เขาคงจักสงใครๆ มาสสู ำนักของขา พเจา ขาพเจา จกั ไปกบั เขา, ทา นท้ังหลายจงไหวพ ระ ทศพลและพระอสตี มิ หาเถระตามคำของขาพเจา” ดังนแี้ ลว ก็สงภกิ ษเุ หลานนั้ ไป. เธอทง้ั หลายขมาพระเถระแลว เขา ไปสูภายในบาน. หมมู นุษยน ิมนตใ หนง่ั ถวายภิกษาแลว ถามวา “ทา นเจา ขา ดทู า ทพี ระผเู ปน เจาทงั้ หลายจะไปกนั ละหรอื ?” เธอท้ังหลายตอบวา “เออ อุบาสกและ อบุ าสกิ าทงั้ หลาย พวกขาพเจาอยากจะเฝา พระศาสดา.” พวกเขาออ นวอนเปน หลายครั้งแลว ทราบความ พอใจในการทเ่ี ธอทง้ั หลายจะไปใหไ ด จึงตามไปสง แลว บน รำพนั กลับมา. ฝายเธอทงั้ หลายไปถงึ พระเชตวนั โดยลำดบั ถวายบังคมพระศาสดาและไหวพระมหาเถระทง้ั หลาย ตามคำของพระเถระแลว , ครน้ั รงุ ขนึ้ เขาไปสถู นนทนี่ องชายของพระเถระอยู เพอื่ บิณฑบาต. กุ มพจี ำเธอ ทั้งหลายไดน มิ นตใหน ั่ง ทำปฏสิ นั ถารแลว ถามวา “พระเถระพี่ชายของขา พเจา อยไู หน?” ลำดบั นั้น เธอท้ังหลายแจง ขา วนน้ั แกเขาแลว . เขารองไหก ลิ้งเกลือกอยูแทบบาทมูลของเธอทง้ั หลาย ถามวา “ทา นเจา ขา บดั น้ีควรทำอะไรด”ี ภ. พระเถระตอ งการใหใ ครๆ ไปจากทน่ี ี้, ในกาลเมอื่ ไปถงึ แลว ทา นจกั มากบั เขา. ก. ทา นเจา ขา เจาคนนี้ หลานของขา พเจา ชอื่ ปาลติ ะ ขอทานท้ังหลายสงเจานไ่ี ปเถดิ . ภ. สงไปอยา งนไ้ี มไ ด (เพราะ) อนั ตรายในทางมอี ยู, ตอ งใหบ วชเสียกอนแลวสงไป จึงจะควร. ก. ขอทา นทงั้ หลายทำอยา งน้นั แลวสง ไปเถดิ ขอรับ. ครัง้ น้ัน เธอทงั้ หลายใหเขาบวชแลว สัง่ สอนใหศกึ ษาขอ วตั รปฏิบตั มิ รี บั จวี รเปน ตน สักกงึ่ เดือนแลว บอกทางใหแลว สง ไป. สามเณรถึงบา นน้ันโดยลำดบั เห็นชายผใู หญค นหนงึ่ ทปี่ ระตูบา น จึงถามวา “วหิ ารปา ไรๆ อาศัย บานนม้ี ีบา งหรอื ?”
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๗ ช. มี เจา ขา. ส. ใครอยูทน่ี นั่ ? ช. พระเถระช่อื ปาลติ ะ เจาขา . ส. ขอทานบอกทางแกข าพเจาหนอ ย. ช. ทานเปน อะไรกนั ? เจา ขา . ส. รปู เปนหลานของพระเถระ. ขณะนน้ั เขาพาเธอนำไปสวู หิ ารแลว . เธอไหวพ ระเถระแลวทำวตั รปฏิบตั ิ บำรุงพระเถระดวยดีสกั กงึ่ เดอื นแลว เรยี นวา “ทา นผูเจรญิ กุม พผี ลู งุ ของกระผมตองการใหท านกลบั ไป ขอทา นมาไปดวยกนั เถิด.” พระเถระกลา ววา “ถา อยางน้นั เธอจงจบั ปลายไมเ ทา ของเราเขา.” สามเณรจับปลายไมเ ทา เขา ไปภายในบา นกบั พระเถระ. หมูมนุษยนมิ นตใ หน งั่ แลว เรยี นถามวา “ทา นผเู จรญิ ดทู าทที า นจะไปละ กระมงั ?” พระเถระตอบวา “เออ อุบาสกและอุบาสิกาทั้งหลาย เราจะไปถวายบงั คมพระศาสดา.” หมมู นษุ ย เหลานน้ั ออ นวอนโดยประการตา งๆ เมอ่ื ไมไ ด (สมหวัง) กไ็ ปสง พระเถระไดก ึง่ ทางแลว พากนั รอ งไหก ลบั มา. สามเณรพาพระเถระดวยปลายไมเ ทาไปอยู ถงึ บา นทพี่ ระเถระเคยอาศยั เมอื งช่ือสงั กฏั ฐะ อยแู ลว ในดงระหวางทาง. เธอไดย นิ เสยี งขบั ของหญงิ คนหนึง่ ผอู อกจากบานนน้ั แลว ขับพลางเท่ียว เกบ็ ฟน พลางอยู ในปา ถอื นมิ ิตในเสยี งแลว. จรงิ อยู ไมม เี สยี งอนื่ ชอ่ื วาสามารถแผไ ปทว่ั สรีระของบุรษุ ทง้ั หลายต้ังอยู เหมอื นเสยี งหญงิ , เหตนุ ้ัน พระผมู พี ระภาคเจาจงึ ตรสั วา “ภิกษุทง้ั หลาย เราไมเหน็ เสยี งอืน่ แมส กั อยาง อนั จะยดึ จติ ของบุรุษตงั้ อยู เหมือนเสียงหญงิ นะ ภิกษทุ ัง้ หลาย.” สามเณรถือนมิ ิตในเสียงน้นั แลว ปลอ ยปลายไมเ ทา เสียแลว กลา ววา “ทา นขอรบั ขอทา นรออยู กอ น, กิจของกระผมมี” ดังนี้แลว ไปสสู ำนักของหญงิ นน้ั . นางเหน็ เธอแลวไดห ยดุ นิง่ . เธอถงึ ศีลวิบตั ิกบั นาง แลว. พระเถระคดิ วา “เราไดย นิ เสยี งขับอนั หน่ึงแลวเดี๋ยวนเ้ี อง, กแ็ ล เสยี งนน้ั คงเปนเสียงหญงิ ถงึ สามเณรกช็ ักชาอยู, เธอจกั ถงึ ศลี วบิ ัติเสียแนแ ลว .” ฝา ยสามเณรนนั้ ทำกจิ ของตนสำเร็จแลว มาพูดวา “เราทง้ั หลายไปกนั เถดิ ขอรบั ” ขณะนน้ั พระเถระถามเธอวา “สามเณร เธอกลายเปนคนช่วั เสยี แลว หรอื ?” เธอนงิ่ เสีย แมพ ระเถระถามซ้ำ กไ็ มพ ดู อะไรๆ. ลำดบั น้ัน พระเถระกลา วกะเธอวา “ธรุ ะดวยการทคี่ นชวั่ เชนเธอจับปลายไมเทา ของเรา ไมตองม.ี ” เธอถงึ ซง่ึ ความสงั เวชแลว เปล้อื งผา กาสายะเสยี แลว นุง หม อยา งคฤหัสถพดู วา “ทา นผูเ จรญิ เม่อื กอน กระผมเปน สามเณร แตเดย๋ี วนี้กระผมกลบั เปนคฤหสั ถแ ลว , อนง่ึ กระผมเมือ่ บวชกไ็ มไ ดบ วชดว ย ศรทั ธา บวชเพราะกลวั แตอ นั ตรายในหนทาง ขอทานมาไปดว ยกนั เถดิ ” พระเถระพดู วา “ผูม อี ายุ คฤหัสถช ่วั กด็ ี สมณะชัว่ ก็ดี กช็ วั่ ท้ังน้นั ; เธอแมต ้งั อยูใ นความเปน สมณะ แลว ไมอ าจเพอ่ื ทำคุณเพยี งแตศ ีลใหบ ริบูรณ เปน คฤหสั ถจกั ทำความดีงามชือ่ อะไรได, ธรุ ะดว ยการทค่ี นชวั่ เชนเธอจบั ปลายไมเ ทาของเรา ไมต อ งมี.” นายปาลติ ะตอบวา “ทานผเู จริญ หนทางมอี มนษุ ยช ุมและทานกเ็ สยี จักษจุ ักอยใู นท่นี อ้ี ยา งไรได”
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๘ ลำดบั น้ัน พระเถระกลาวกะเขาวา “ผมู อี ายุ เธออยา ไดค ิดอยางนน้ั เลย, เราจะนอนตายอยู ณ ที่น้ี ก็ดี จะนอนพลิกกลบั ไปกลบั มา ณ ทนี่ กี้ ด็ ี ขนึ้ ชอื่ วา การไปกับเธอยอ มไมม ี”(ครนั้ วา อยา งนแ้ี ลว ) ไดก ลา ว คาถาเหลา น้วี า “เอาเถดิ เราเปน ผมู จี ักษอุ ันเสียแลว มาสูท าง ไกลอนั กันดาร นอนอยู (กช็ า ง) จะไมไป เพราะความ เปนสหายในชนพาลยอ มไมมี. เอาเถดิ เราเปน ผูมี จกั ษเุ สยี แลว มาสูทางไกลอนั กนั ดาร จักตายเสยี จกั ไมไ ป เพราะความเปน สหายในชนพาลยอมไมม .ี ” นายปาลติ ะไดย นิ คำน้นั แลว เกดิ ความสังเวช นกึ วา “เราทำกรรมหนัก เปน ไปโดยดว น ไมส มควร หนอ” ดังนี้แลว กอดแขนครำ่ ครวญ แลน เขา ราวปา ไดห ลีกไป ดวยประการนนั้ แล. ดว ยเดชแหงศลี แมของพระเถระ (ในขณะนน้ั ) บณั ฑกุ มั พลสิลาอาสน๑- ของทาวสกั กเทวราช ยาว ๖๐ โยชน กวา ง ๕๐ โยชน หนา ๑๕ โยชน มสี ดี ุจดอกชยั พฤกษ มปี กติยบุ ลงในเวลาประทบั นง่ั และฟูขน้ึ ใน เวลาเสด็จลุกขึน้ แสดงอาการรอนแลว . ทาวสกั กเทวราชทรงดำรวิ า “ใครหนอแล ใครจ ะยงั เราใหเคลือ่ นจากสถาน” ดงั น้แี ลว ทรงเลง็ ลง มา ไดท อดพระเนตรเห็นพระเถระดวยทิพยจักษุ. เหตนุ น้ั พระโบราณาจารยทง้ั หลาย จึงกลาววา “ทา วสหสั เนตร ผูเปน เจา แหง เทวดา สองทพิ ยจักษุ (ทรงทราบวา) พระปาลเถระองคนี้ ตเิ ตยี นคนบาป ชำระ เครือ่ งเลี้ยงชีพใหบรสิ ทุ ธิแ์ ลว , ทา วสหัสเนตร ผเู ปน เจา แหงเทวดา สอ งทพิ ยจกั ษุ (ทรงทราบวา ) พระปาลเถระ องคนหี้ นักในธรรม ยนิ ดีในศาสนา นง่ั อยแู ลว.” ขณะนนั้ ทา วเธอไดท รงพระดำรวิ า “ถา เราจกั ไมไ ปสูสำนกั ของพระผเู ปนเจา ผตู ิเตยี นคนบาป หนกั ในธรรม เหน็ ปานนน้ั , ศีรษะของเราพึงแตก ๗ เสย่ี ง; เราจักไปสูส ำนกั ของทาน,” (คร้นั ทรงพระดำริ ฉะนีแ้ ลว กเ็ สด็จไป).เหตนุ น้ั (พระโบราณาจารยท ง้ั หลาย จงึ กลาววา ) “ทาวสหัสเนตร ผเู ปน เจาแหง เทวดา ทรงสิริ ของเทวราช เสด็จมาโดยขณะนั้นแลว เขาไปใกล พระจักขปุ าลเถระแลว .” ก็แลครน้ั เสดจ็ เขา ไปใกลแ ลว ไดทรงทำเสยี งฝพ ระบาทในที่ใกลพ ระเถระ. ขณะนน้ั พระเถระถามทา วเธอวา “น่ันใคร?” เทวราชตรัสตอบวา “ขาพเจา คนเดนิ ทาง เจาขา .” ถ. ทา นจะไปไหน อบุ าสก. ท. เมืองสาวตั ถี เจา ขา. ถ. ไปเถดิ ทา นผมู อี ายุ. ท. กพ็ ระผเู ปน เจาเลา เจาขา จักไปไหน? ถ. ถงึ เรากจ็ กั ไปในทนี่ ัน้ เหมอื นกนั . ท. ถาอยางนนั้ เราทงั้ หลายไปดวยกนั เถดิ เจาขา. ถ. เราเปน คนทุพพลภาพ, ความเนน่ิ ชา จักมแี กท า นผไู ปอยกู ับเรา.
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๑๙ ท. กจิ รบี ของขาพเจา ไมมี ถงึ ขา พเจาไปอยกู บั พระผูเปน เจา จักไดบ ญุ กริ ยิ าวตั ถุ ๑๐ สักประการ หนึ่ง เราทง้ั หลายไปดว ยกันเถอะเจา ขา. พระเถระคดิ วา “นนั่ จักเปน สัตบรุ ษุ ” จงึ กลาววา “ถาอยา งนั้น จบั ปลายไมเ ทา เขาเถดิ อุบาสก.” ทา วสกั กเทวราชทรงทำอยา งนั้นแลว ยอพน้ื ปฐพใี หถ งึ พระเชตวนั ในเพลาเยน็ . พระเถระไดฟ งเสียงเครอื่ งประโคมมสี งั ขแ ละบัณเฑาะวเ ปน ตน แลว ถามวา “นน่ั เสยี งทไ่ี หน?” ท. ในเมอื งสาวตั ถี เจา ขา . ถ. ในเวลาไป เราไปโดยกาลชา นานแลว . ท. ขาพเจา รทู างตรง เจา ขา . ในขณะนัน้ พระเถระกำหนดไดวา “ผนู ีม้ ิใชม นุษย จักเปนเทวดา.” (เหตนุ นั้ พระโบราณาจารยทงั้ หลายจงึ กลาววา ) “ทา วสหัสเนตร ผูเปนเจา แหงเทวดา ทรงสริ ขิ อง เทวราช ยน ทางนนั้ พลนั เสดจ็ มาถงึ เมืองสาวตั ถแี ลว.” ทา วเธอนำพระเถระไปสบู รรณศาลา ทก่ี ุ ม พีผนู อ งชายทำเพ่อื ประโยชนแ กพ ระเถระนนั้ เทยี ว นมิ นตใหน งั่ เหนอื แผน กระดาน แลว จำแลงเปนสหายทร่ี กั ไปสูส ำนกั ของกุ ม พจี ุลปาละ ตรสั รอ งเรียกวา “แนะ ปาละผสู หาย” กุม พจี ลุ ปาละรองถามวา “อะไร? สหาย.” ท. ทานรคู วามท่พี ระเถระมาแลวหรอื ? จ. ขาพเจายงั ไมร ู, กพ็ ระเถระมาแลวหรอื ? เทวราชตรัสวา “เออ สหาย ขาพเจา ไปวหิ าร เหน็ พระเถระน่งั อยูในบรรณศาลาทที่ า นทำ มาแลว เดีย๋ วนเี้ อง” ดังนแี้ ลว เสด็จหลกี ไป. ฝา ยกุม พีไปถงึ วหิ าร เหน็ พระเถระแลว รองไหก ลง้ิ เกลอื กอยูท ่ีบาทมลู กลาววา “ทา นผเู จรญิ เจา ขา ขาพเจาเห็นเหตนุ แี้ ลวจงึ ไมย อมใหทานบวช” ดงั นเี้ ปน ตน แลว ทำเดก็ ทาส ๒ คนใหเ ปน ไท ใหบวชใน สำนกั ของพระเถระแลว สั่งวา “ทา นท้ังหลายจงนำเอาของฉนั มขี าวตม และขา วสวยเปนตน มาจากภายใน บา น อุปฏฐากพระเถระ” ดงั นแ้ี ลว มอบใหแ ลว . สามเณรทง้ั หลายก็ทำวัตรปฏบิ ตั อิ ปุ ฏ ฐากพระเถระแลว . ภายหลงั วนั หนง่ึ ภกิ ษทุ ั้งหลายผูอยูในทศิ (ผอู ยูท อี่ นื่ ) มาสพู ระเชตวนั ดว ยหวงั วา “จกั เฝาพระ ศาสดา” ถวายบังคมพระศาสดา เยี่ยมพระอสตี มิ หาเถระแลว เท่ยี วจารกิ อยูในวหิ าร ถงึ ทอ่ี ยขู องพระจกั ขุ ปาลเถระแลว มีหนาตรงตอ ท่นี ัน้ ในเวลาเยน็ ดว ยหวงั วา “จักดแู มที่น”้ี ในขณะน้ัน มหาเมฆตั้งขน้ึ แลว. พวกเธอคิดวา “เด๋ยี วนเ้ี ยน็ แลว , และเมฆกต็ ้งั ขน้ึ แลว, เราจักมาดู แตเชา เทยี ว” ดงั นแ้ี ลวกลบั ไป. ฝนตกในปฐมยาม หยดุ ในมชั ฌมิ ยาม. พระเถระเปนผู (เคย) ปรารภความ เพียร เดนิ จงกรมเปน อาจิณ; เหตฉุ ะนน้ั จงึ ลงสูท ีจ่ งกรมแลว ในปจฉมิ ยาม. แลในกาลนนั้ ตวั แมลงคอ มทอง (หรือแมลงเมา ) เปนอนั มาก ตงั้ ขน้ึ แลว บนพน้ื ทฝี่ นตกใหม. ตวั เหลานนั้ เม่อื พระเถระจงกรมอยู ไดวบิ ตั ิ (ตาย) โดยมาก. พวกอนั เตวาสิกยังไมท นั กวาดทจี่ งกรมของพระเถระแตเชา . ฝา ยพวกภกิ ษุนอกนี้ มาดว ยหวงั วา “จกั ดูทอ่ี ยขู องพระเถระ” เหน็ สตั วท ั้งหลายในทจ่ี งกรมแลว ถามวา “ใครจงกรมในท่นี ี.้ ” พวกอันเตวาสกิ ของพระเถระตอบวา “อปุ ชฌายของพวกกระผมขอรับ.”
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๐ เธอทง้ั หลายติเตียนวา “ทานทง้ั หลายดกู รรมของสมณะเถดิ ในกาลมีจักษุ ทานนอนหลับเสยี ไม ทำอะไร, ในกาลมีจกั ษวุ กิ ลเด๋ียวนไ้ี วต วั วา ‘ จงกรม ’ ทำสตั วม ปี ระมาณถงึ เทา นใ้ี หต ายแลว ทา นคดิ วา ‘จกั ทำประโยชน’ กลบั ทำการหาประโยชนม ิได. ” พวกเธอไปกราบทูลพระตถาคตแลว ในขณะนน้ั วา “พระเจา ขา พระจักขุปาลเถระไวต วั วา ‘จงกรม’ ทำสตั วม ีชีวติ เปน อันมากใหต ายแลว .” พระศาสดาตรสั ถามวา “ทา นทง้ั หลายเหน็ เธอกำลงั ทำสตั วม ชี ีวติ เปน อันมากใหต ายแลว หรือ?” ภิกษเุ หลา นน้ั กราบทูลวา “ไมไดเหน็ พระเจา ขา .” ศ. ทานทัง้ หลายไมเ หน็ เธอ (ทำดงั นน้ั ) ฉันใดแล ถึงเธอก็ไมเห็นสัตวม ีชวี ิตเหลานน้ั ฉนั นน้ั . ภิกษุ ทัง้ หลาย ข้ึนชอื่ วา เจตนาเปน เหตใุ หต าย ของพระขีณาสพท้ังหลาย (คอื บุคคลผมู ีอาสวะสนิ้ แลว ) มไิ ดม ี. ภ. พระเจาขา เม่ืออปุ นิสัยแหงพระอรหนั ตม อี ยู เหตุไฉน ทานจงึ กลายเปน คนมีจักษมุ ืดแลว . ศ. ดว ยอำนาจกรรมอนั ตนทำไวแ ลว ภิกษุทัง้ หลาย. ภ. ก็ทา นไดท ำกรรมอะไรไวแ ลว พระเจา ขา . พระศาสดาตรสั วา “ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ถาอยา งนนั้ ทา นทั้งหลายจงฟง ” ดังนแ้ี ลว (ตรัสเลา เรอื่ งวา ) ในอดตี กาล ครน้ั พระเจา พาราณสีดำรงราชยอยูในกรงุ พาราณสี หมอผหู นง่ึ เทย่ี วทำเวชกรรมอยใู น บานและนคิ ม เหน็ หญิงทรุ พลดว ยจกั ษคุ นหนงึ่ จึงถามวา “ความไมผาสุกของทา นเปน อยา งไร”? หญงิ น้ันตอบวา “ขาพเจาไมแ ลเหน็ ดว ยดวงตา.” หมอกลา ววา “ขา พเจา จกั ทำยาใหแกท าน” ญ. ทำเถดิ นาย. ม. ทานจักใหอะไรแกข าพเจา ? ญ. ถา ทา นอาจจะทำดวงตาของขา พเจา ใหก ลบั เปน ปกตไิ ด, ขาพเจากบั บตุ รและธิดา จักยอมเปน ทาสขี องทา น. ม. รบั วา “ดีละ” ดังนีแ้ ลว ประกอบยาใหแ ลว. ดวงตากลับเปน ปกติ ดว ยยาขนานเดยี วเทา นน้ั . หญงิ น้นั คิดแลว วา “เราไดป ฏิญญาแกหมอนน้ั ไวว า ‘จกั พรอ มดว ยบตุ รธดิ า ยอมเปน ทาสีของเขา’ ก็แตเ ขาจกั ไมเ รยี กเราดวยวาจาอนั ออ นหวาน เราจกั ลวงเขา.” นางอนั หมอมาแลว ถามวา “เปน อยางไร? นางผเู จริญ” ตอบวา “เม่ือกอน ดวงตาของขา พเจา ปวดนอย เดยี๋ วนปี้ วดมากเหลอื เกิน.” หมอคดิ วา “หญิงน้ปี ระสงคลวงเราแลว ไมใ หอ ะไร ความตองการของเราดว ยคา จางทห่ี ญงิ นใ้ี หแ ก เรา มไิ ดม ี, เราจกั ทำเขาใหจ กั ษุมดื เสียเดยี๋ วน”้ี แลว ไปถงึ เรอื นบอกความน้นั แกภรรยา. นางไดน งิ่ เสยี . หมอ น้นั ประกอบยาขนานหนง่ึ แลวไปสสู ำนักหญงิ นน้ั บอกใหหยอดวา “นางผเู จริญ ขอทา นจงหยอดยาขนาน น้.ี ” ดวงตาทง้ั สองขา งไดดบั วบู แลวเหมือนเปลวไฟ. หมอนนั้ ได (มาเกิด) เปน จักขุปาลภิกษแุ ลว. พระศาสดาตรสั วา “ภิกษทุ ง้ั หลาย กรรมที่บตุ รของเราทำแลว ในกาลนั้น ตดิ ตามเธอไปขา งหลงั ๆ. จริงอยู ขน้ึ ชอ่ื วา บาปกรรมนี้ยอมตามผทู ำไป เหมอื นลอ อนั หมนุ ตามรอยเทา โคพลพิ ัท (คอื โคทเ่ี ขา เทยี มเกวยี นบรรทกุ สนิ คา ) ตัวเข็นธุระไปอยู” ครัน้ ตรัสเรอ่ื งนแ้ี ลว พระองคผ เู ปน พระธรรมราชา ไดตรสั พระคาถานี้สบื อนุสนธิ ดจุ ประทบั พระ ราชสาสน ซึ่งมดี นิ ประจำไวแ ลว ดว ยพระราชลญั จกรวา มโนปพุ ฺพงคฺ มา ธมมฺ า มโนเส า มโนมยา
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๑ มนสา เจ ปทุ เน ภาสติ วา กโรติ วา ตโต นํ ทกุ ขฺ มเนวฺ ติ จกกฺ วํ วหโต ปท.ํ “ธรรมทงั้ หลาย มใี จเปน หวั หนา มีใจเปน ใหญ สำเร็จแลว ดวยใจ, ถาบคุ คลมีใจรา ย พูดอยกู ็ดี ทำอยกู ด็ ,ี ทกุ ขยอ มไปตามเขา เพราะเหตนุ ัน้ ดุจลอ หมุนไปตามรอยเทาโค ผูนำแอกไปอยฉู ะนั้น.” แกอ รรถ จติ ที่เปน ไปในภูมิ ๔ แมท้งั หมด ตา งโดยจติ มกี ามาวจรกุศลจิตเปน ตน ช่ือวา “มโน” ในพระคาถา น้นั . ถงึ อยางนน้ั ในบทนี้ เม่อื นิยม กะ กำหนดลง ดวยอำนาจจติ ทเ่ี กดิ ขนึ้ แกห มอน้ัน ในคราวนั้น ยอมได จำเพาะจิต ท่เี ปน ไปกบั ดว ยโทมนสั ประกอบดว ยปฏิฆะ (อยา งเดียว). บทวา ปพุ ฺพงฺคมา คอื ชอื่ วา มาตามพรอมดว ยจิตนัน้ อนั เปน หวั หนาไปกอน. บทวา ธมมฺ า คอื ชอ่ื วา ธรรมเปน ๔ อยา ง ดว ยอำนาจคณุ ธรรม เทศนาธรรม ปรยิ ตั ธิ รรม และ นสิ สตั ตนิชชวี ธรรม. ในธรรม ๔ ประการนน้ั ธรรมศพั ทน ใี้ นคำวา “ธรรมและอธรรม ๒ ประการ ใหผลเหมอื นกนั หามไิ ด อธรรมยอ มนำไปสนู รก ธรรมยอ มใหถ งึ สุคต”ิ ดังน้ี ช่อื วาคุณธรรม (แปลวา ธรรมคอื คุณ). ธรรมศพั ทน ้ี ในคำวา “ภิกษทุ ้ังหลาย เราจกั แสดงธรรมงามในเบอ้ื งตน แกทา นทง้ั หลาย” ดังนเี้ ปน ตน ช่ือวา เทศนาธรรม (แปลวาธรรมคอื เทศนา). ธรรมศัพทน ้ี ในคำวา “ภิกษทุ ้ังหลาย อนึง่ กุลบตุ รบางจำพวกในโลกน้ี ยอ มเรยี นธรรม คอื สุตตะ เคยยะ” ดงั น้ีเปนตน ช่ือวา ปรยิ ัตธิ รรม (แปลวาธรรมคอื ปรยิ ตั ิ). ธรรมศัพทน ี้ ในคำวา “กส็ มยั น้นั แล ธรรมทง้ั หลายยอ มมี ขันธท ั้งหลายยอมมี” ดงั น้ี เปน ตน ชื่อวา นสิ สตั ตธรรม (แปลวา ธรรมคอื สภาพท่ีมิใชส ตั ว) นัยแมในบทวา “นชิ ชีวธรรม” (ซ่งึ แปลวาธรรมคอื สภาพมใิ ชช วี ติ ) กด็ ุจเดยี วกนั . ในธรรม ๔ ประการนนั้ นสิ สัตตธรรมหรือนชิ ชวี ธรรม พระศาสดาทรงประสงคแลว ในทน่ี ้ี. นิ สสตั ตธรรมหรอื นชิ ชวี ธรรมนั้น โดยความกอ็ รปู ขนั ธ ๓ ประการ คอื “เวทนาขนั ธ สัญญาขนั ธ สงั ขารขนั ธ.” เหตวุ า อรูปขนั ธ ๓ ประการนน่ั ชอ่ื วา มใี จเปน หวั หนาของอรูปขนั ธ ๓ ประการนัน่ . มีคำถามวา “ก็ใจ มีวตั ถเุ ดยี วกนั มอี ารมณเ ดียวกัน เกดิ ในขณะเดยี วกนั พรอมกบั ธรรมเหลานนั้ ไมกอนไมห ลังกวากนั ชอ่ื วา เปนหวั หนาของธรรมเหลา น้นั อยางไร?” มคี ำแกวา ใจไดช ่ือวา เปน หัวหนาของธรรมเหลานน้ั ดวยอรรถวา เปน ปจ จัยเครื่องยงั ธรรมให เกิดขน้ึ . เหมอื นอยางวา เมอื่ พวกโจรเปน อันมาก ทำโจรกรรมมีปลน บา นเปนตนอยดู วยกนั เม่ือมีใครถามวา “ใครเปน หัวหนาของพวกมนั ?” ผูใดเปน ปจ จัยของพวกมัน คอื อาศัยผูใดจงึ ทำกรรมน้ันได ผนู ้ันชื่อ ทตั ตะ ก็ ตาม ช่อื มัตตะ กต็ าม เขาเรียกวา หัวหนา ของมนั ฉันใด; คำอปุ ไมยซง่ึ เปน เครื่องใหอ รรถถงึ พรอมน้ี บณั ฑติ พงึ รูแ จง ฉนั นนั้ . ใจชอ่ื วา เปน หวั หนาของธรรมทั้งหลายนั่น ดว ยอรรถวา เปน ปจ จัยเครือ่ งยังธรรมใหเกดิ ขน้ึ ฉะน้ี เหตนุ นั้ ธรรมท้ังหลายนนั่ จึงชอ่ื วา มใี จเปน หวั หนา , เพราะเมอื่ ใจไมเ กิดข้ึน ธรรมเหลา นน้ั ยอ มไมสามารถจะ เกดิ ขนึ้ ได. ฝา ยใจ ถงึ เจตสกิ ธรรมบางเหลา แมไ มเกดิ ขึ้น กย็ อ มเกดิ ขนึ้ ไดแ ท.
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๒ อนึ่ง ใจชอ่ื วา เปน ใหญข องธรรมทง้ั หลายนนั่ ดว ยอำนาจเปนอธบิ ดี เหตนุ น้ั ธรรมทง้ั หลายนนั่ จงึ ชอื่ วา มใี จเปน ใหญ. เหมอื นอยางวา ชนท้ังหลายมโี จรผูเปน หวั โจกเปน ตน ผูเปน อธบิ ดี ไดชอื่ วาเปน ใหญของชน ทง้ั หลายมโี จรเปนตน ฉนั ใด, ใจผูเปน อธิบดี ไดชือ่ วาเปนใหญของธรรมเหลา น้นั ฉนั นั้น, เหตนุ ้นั ธรรม เหลานน้ั จงึ ช่อื วา มีใจเปน ใหญ. อนงึ่ สิ่งทง้ั หลายนน้ั ๆ เสรจ็ แลวดว ยวตั ถุมไี มเ ปน ตน ก็ช่ือวา ของสำเร็จแลวดว ยไมเ ปน ตน ฉนั ใด, แมธ รรมทัง้ หลายนนั่ ไดชอ่ื วา สำเร็จแลวดว ยใจ เพราะสำเรจ็ มาแตใ จ ฉนั นน้ั . บทวา ปทุ เ น คอื อันโทษมีอภชิ ฌาเปนตนซ่งึ จรมาประทษุ รา ยแลว . จรงิ อยู ใจปกติช่ือวา ภวังคจติ , ภวงั คจติ นน้ั ไมต อ งโทษประทษุ รา ยแลว . เหมอื นอยา งวา น้ำใสเศราหมองแลว เพราะสีทงั้ หลายมสี ี เขยี วเปน ตน ซึ่งจรมา (กลับ) เปนน้ำตางโดยประเภทมีนำ้ เขียวเปน ตน จะชอื่ วา นำ้ ใหมก็มใิ ช จะชื่อวาน้ำใส ตามเดิมนน่ั แลกม็ ใิ ช ฉนั ใด, ภวงั คจติ แมนนั้ อนั โทษมอี ภิชฌาเปน ตน ทจ่ี รมาประทุษรายแลว จะช่ือวา จติ ใหมก ็มใิ ช จะช่อื วา ภวงั คจติ ตามเดมิ นน่ั แลก็มิใช ฉนั น้นั , เหตนุ นั้ พระผมู พี ระภาคเจาจึงตรัสวา “ภกิ ษุ ทงั้ หลาย จติ นผ้ี ุดผอง แตม นั เศรา หมองแลว เหตอุ ปุ กิเลสท้ังหลายซึ่งจรมาแล” ดงั น.้ี ถาบุคคลมีใจรา ยแลวอยางน.ี้ บาทพระคาถาวา ภาสติ วา กโรติ วา คอื เมอ่ื เขาพดู ยอ มพูดเฉพาะแตว จที จุ รติ ๔ อยาง, เมื่อ ทำ ยอมทำ เฉพาะแตกายทจุ รติ ๓ อยาง, เม่อื ไมพ ูด เมอื่ ไมท ำ เพราะความท่ีตวั เปนผมู ีใจอนั โทษมอี ภชิ ฌา เปนตน ประทษุ รายแลว นั้น ยอมทำมโนทุจรติ ๓ อยา งใหเตม็ . อกศุ ลกรรมบถ ๑๐ อยางของเขา ยอมถงึ ความเตม็ ท่ี ดวยประการอยา งน.้ี บาทพระคาถาวา ตโต นํ ทกุ ขฺ มเนวฺ ติ ความวา ทุกขยอ มตามบคุ คลนนั้ ไป เพราะทจุ ริต ๓ อยา ง นน้ั คอื วา ทกุ ขท ่ีเปน ผลทงั้ เปน ไปในกาย ทง้ั เปน ไปในจติ โดยบรรยายนว้ี า ทุกขมีกายเปนทต่ี ัง้ บาง ทกุ ขมีจติ นอกนเี้ ปน ท่ตี งั้ บาง ยอ มไปตามอตั ภาพนน้ั ผไู ปอยใู นอบาย ๔ กด็ ี ในหมมู นษุ ยก็ดี เพราะอานุภาพแหง ทุจรติ . มีคำถามวา “ทกุ ขย อ มตดิ ตามบคุ คลนน้ั เหมอื นอะไร?” มคี ำแกวา เหมอื นลอ หมนุ ไปตามรอยเทา ของโคพลพิ ทั ตวั เขน็ ไปอยู, อธบิ ายวา “เหมอื นลอ หมุนไป ตามรอยเทาของโคพลพิ ัทอันเขาเทยี มไวท แ่ี อก นำแอกไปอย.ู เหมอื นอยา งวา มนั ลากไปวันหนง่ึ กด็ ี สองวนั ก็ ดี สบิ วนั กด็ ี ก่งึ เดือนกด็ ี ยอ มไมอ าจใหล อหมุนกลับ คอื ไมอ าจละลอ ไปได, โดยที่แท เมอ่ื มนั กาวไปขา งหนา แอกกเ็ บยี ดคอ (ของมนั ) เม่อื มันถอยหลงั ลอ กข็ ูดเน้อื ทขี่ า, ลอเบียดเบยี นดวยเหตุ ๒ ประการนี้ หมุนตาม รอยเทาของมนั ไป ฉนั ใด, ทกุ ขท ง้ั ทเี่ ปน ไปทางกาย ทง้ั ทเ่ี ปนไปทางจติ อนั มีทุจรติ เปน มลู ยอมตดิ ตามบคุ คล ผมู ใี จรา ยแลว ทำทจุ รติ ๓ ประการใหเ ตม็ ทีต่ ง้ั อยู ในท่เี ขาไปแลว นนั้ ๆ มนี รกเปนตน ฉนั นนั้ แล. ในกาลจบคาถา ภิกษสุ ามพนั รูปไดบ รรลุพระอรหตั พรอ มดว ยปฏิสมั ภิทาทง้ั หลาย. เทศนาไดเปน กถามปี ระโยชนม ีผลแมแ กบ ริษัทผปู ระชมุ กนั แลว ดงั นี้แล. เรื่องพระจกั ขปุ าลเถระ จบ.
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๓ ๕.๓ สรปุ ทา ยบท การอา นภาษาบาลี ใหถ กู ตองตามหลักภาษามีความสำคัญอยา งมาก ในฐานะผรู ักษาพระพุทธ พจน เพอื่ ไมใหภ าษาวบิ ตั หิ รอื สึกกรอ น จึงควรออกเสียงภาษาบาลตี ามอกั ขรวธิ ีการอาน ของพยัญชนะและ สระตามฐาน กรณ และปยตนะ อนั จะเปนการรกั ษาความหมายทแ่ี ทจ รงิ ของภาษาอีกประการหนง่ึ ดวย การแปลภาษาบาลี โดยหลกั แลว มี ๒ ประการ คือการแปลโดยพยญั ชนะ และการแปลโดยอรรถ การจะแปลโดยอรรถไดช ำนาญเกดิ จากการแปลโดยพยญั ชนะอยางถกู ตอ งแมนยำและเกบ็ ศัพทไดท ั้งหมด เพื่อรกั ษาศัพทเดมิ ไวซ ึ่งทำใหไ มเ สยี ความหมายเดมิ การแปลโดยพยัญชนะจึงเปน บาทฐานของการแปลโดย อรรถอยา งแทจ ริง และสามารถท่จี ะใชส ำนวนการแปลใหไพเราะสวยงาม เขาใจงา ยชวนใหต ดิ ตามอา น โดย ไมท ิ้งศพั ทบาลที ่มี อี ยใู นคมั ภีร เพือ่ ใหนักศึกษาแปลกลบั จากภาษาไทยมาเปนภาษาบาลีตามเดมิ ทมี่ าในพระ บาลหี รอื อรรถกถาไดอยางถกู ตอ งนนั่ เอง
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๔ บรรณานุกรม หนงั สอื ตพี มิ พ กฤษณชยั แดงพูลผล และละอองดาว นนทะสร. บาลีไวยากรณ หลกั ไวยากรณร ะดับความเขา ใจ. พมิ พคร้งั ท่ี ๒. นครปฐม: บรษิ ัท รุงศลิ ปการพมิ พ (๑๙๗๗) จำกดั , ๒๕๕๑. ประดิษฐ บณุ ยะภักด.ี คมู อื เรยี นภาษาบาลดี ว ยตนเอง ประยุกตด วยวธิ ีแปลภาษาบาลแี บบสากล. พมิ พค รง้ั ท่ี ๔. กรงุ เทพฯ: บริษัท ประยรู วงศพรน้ิ ทต ง้ิ จำกัด, ๒๕๓๘. พระญาณธชเถระ(แลดีสยาดอ). นริ ตุ ตทิ ีปน(ี คัมภีรว า ดวยหลกั ไวยากรณส ายโมคคลั ลานะ). แปล จาก นริ ตุ ฺตทิ ปี นี โดย พระธรรมโมล(ี สมศกั ดิ์ อปุ สโม),พระมหานิมติ ร ธมมฺ สาโร ตรวจชำระ สมควร ถว นนอก ปริวรรต. กรุงเทพฯ: หา งหุนสว นจำกดั ไทยรายวนั การพิมพ, ๒๕๔๘. พระมหาธติ ิพงศ อตุ ฺตมปโฺ . ไวยากรณบ าลเี บื้องตน พน้ื ฐานเพอ่ื การเรยี นภาษาบาลี เปน ประเพณีของชาวไทย. นนทบุร:ี นติ ธิ รรมการพิมพ, ๒๕๕๖. พระมหาศราวธุ จติ ตฺ ทนโฺ ต. บาลีไวยากรณ คูม ือศึกษาพระปรยิ ตั ธิ รรมแผนกบาลี ประโยค ๑-๒ และ ประโยค ป.ธ. ๓. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พม หาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๖๑. พระมหาสมคดิ จนิ ตฺ ามโย. คูมอื หลักเกณฑการแปลบาลี ประโยค ๑-๒-๓. พมิ พค รง้ั ที่ ๓. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พเล่ยี งเชียง, ๒๕๓๔. พระมหาสมชยั รตนาโณ. หนังสอื คมู อื หลกั การแปลบาลี ๘ ประการ สำหรบั นกั ศกึ ษาใหมผ ูใครร ู. เชยี งใหม: หจก.ดาราวรรณการพิมพ, ๒๕๕๐. พระอุดรคณาธกิ าร(ชวินทร สระคำ) และจำลอง สารพัดนกึ . พจนานุกรมบาลี - ไทย ฉบบั นกั ศกึ ษา. พิมพค รงั้ ท่ี ๒. กรุงเทพฯ : โรงพิมพม หาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๐. ระวี จนั ทรส อง. ตวิ เขม เกบ็ ๓๐๐ คะแนนเต็ม PAT ๗.๖ บาล.ี กรงุ เทพฯ: บริษัท ซีเอด็ ยูเคชนั่ จำกดั (มหาชน), ๒๕๖๒. วชิรญาณวโรรส,สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยา. บาลีไวยากรณ. พิมพครั้งที่ ๔๔. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พมหามกฏุ ราชวิทยาลยั , ๒๕๓๖. เสฐยี รพงษ วรรณปก. บาลเี รียนงาย เลม ๑. พิมพค รง้ั ที่ ๒. กรุงเทพฯ: หจก.หอรตั นชัยการพมิ พ, ๒๕๔๓. สำนกั เรียนวัดอรุณราชวราราม. บาลไี วยากรณ อกั ขรวิธี วจวี ิภาค และวากยสมั พนั ธ. กรงุ เทพฯ: บรษิ ัท พมิ พสวย จำกดั , ๒๕๖๐. หลวงเทพดรณุ านศุ ิษฏ(ทวี ธรมธชั ป.๙). บาลไี วยากรณพเิ ศษ เลม ๒ กริ ิยากติ ก. พิมพค รง้ั ท่ี ๘. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พม หามกฏุ ราชวิทยาลัย, ๒๕๓๘. สืบคนขอ มูลทางอินเตอรเนต็ Buddhafacts. ประวตั คิ วามเปนมาและพัฒนาการของภาษาบาลี. สบื คนเมือ่ ๑๑ ก.ย. ๒๕๖๒ จาก https:// buddhafacts.wordpress.com/ บาลไี วยากรณเ บือ้ งตน -thepathofpurity. บาลไี วยากรณเ บ้ืองตน สำหรับนักศกึ ษาใหม ชมรม นริ ตุ ติศกึ ษา วดั มหาธาตุ คณะ ๒๕ พระมหาสมปอง มุทโิ ต (บทนำ). สบื คน เม่อื ๑ ม.ี ค.
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๕ ๒๕๖๓ จาก https://www.thepathofpurity.com/%E0%B8%A0%E0%B8%B2% E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0% พระพทุ ธศาสนาในโลกไซเบอร เพอื่ พระพทุ ธศาสนาและวฒั นธรรม. ความอัศจรรยข องภาษาบาลี. สืบคนเม่อื ๑๗ ก.ย. ๖๒ จาก https://www.cybervanaram.net/2010-05-25-08-17- 50/87-2010-03-29-07-30-43?showall=1 พระวนิ ัยปฎ ก (โปรแกรมพระไตรปฎ กภาษาไทย ฉบบั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั เลม: ๑ หนา : ๑๑). เวรญั ชพราหมณ เวรัญชกณั ฑ มหาวิภงั ค ภาค ๑. สบื คน เม่ือ ๑๓ ก.ย. ๒๕๖๒ จาก http://www.84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=1&siri=1 มหาบาลวี ชิ ชาลัย. หลกั การแปลมคธเปน ไทย(อาลปนะ-บทขยายกริ ยิ าคมุ พากย) โดยสามเณร โดนี่ จนั ทรดี เปรียญ ๘. [ออนไลน] . สบื คน เมอ่ื ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓, จาก: https://www.mahapali.com/main.php?url=download_view&id=112&kwb=&cat=A &page=3(8 may 2018) อรรถกถามหาวภิ งั ค ปฐมภาค เวรัญชกัณฑ. เปรยี บเทียบแพทยผไู มฉลาดทำการผา ตัด. สบื คน เมอ่ื ๑๗ ก.ย. ๖๒ จาก http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=1&i= 1&p=14# เปรยี บดว ยแพทยผูไมฉ ลาดทำการผาตดั . อรรถกถาเลมท่ี ๑๘ ภาษาบาลีอกั ษรไทย อรรถกถา ขุททกนกิ าย.ธมั มปทัฏฐกถา(คาถาธรรมบท). สบื คนเมื่อ ๒๘ พ.ค.๒๕๖๓ จาก https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b= 25&i=11&p=1 (๑ พ.ย.๒๕๔๘)
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๖ ภาคผนวก ชื่อแบบฉบบั คมั ภีรใบลาน เพื่อการลงทะเบยี นเอกสารโบราณประเภทคมั ภรี ใบลาน
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๗ ชือ่ แบบฉบบั คมั ภีรใบลาน พระวินยั ปฎก หมวดบาลี ผูแตง ๑.อาทิกมมฺ ปาลิ (ปาราชกิ ปาล)ิ มหาวภิ งฺคปาลิ พระพุทธพจน ๒.นสิ ฺสคคฺ ยิ ปาลิ มหาวิภงฺคปาลิ พระพุทธพจน ๓.ปาจติ ฺตยิ ปาลิ มหาวิภงฺคปาลิ พระพทุ ธพจน ๔.นิสสฺ คคฺ ยิ -ปาจติ ตฺ ิยปาลิ มหาวิภงฺคปาลิ พระพุทธพจน ๕.ภิกฺขุนวี ภิ งฺคปาลิ พระพุทธพจน ๖.มหาวคคฺ ปาลิ พระพุทธพจน ๗.จูฬวคฺคปาลิ พระพทุ ธพจน ๘.ปรวิ ารปาลิ พระพทุ ธพจน หมวดอรรถกถา ผแู ตง ๑.มหาอ กถา38๑ หรือ มลู อ กถา ๒.มหาปจฺจารีอ กถา หรือ อรรถกถาแพใหญ คณะสงฆมหาวหิ าร ลงั กา ๓.กรุ นุ ทอี กถา คณะสงฆชาวลังกา ๔.อนฺธกกถา คณะสงฆเวฬุวหิ าร ลังกา ๕.สงฺเขป กถา ภิกษุชาวอินเดียภาคใต ๖.อาทิกมฺมวณณฺ นา (ปม) สมนตฺ ปาสาทิกา วนิ ยกถา ภกิ ษชุ าวอนิ เดยี ภาคใต ๗.นิสฺสคฺคยิ วณฺณนา (ทตุ ิย) สมนฺตปาสาทิกา วินย กถา ๘.ปาจติ ตฺ ิยวณณฺ นา (ทุตยิ ) สมนตฺ ปาสาทกิ า วินย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๙.นิสสฺ คคฺ ิย-ปาจิตตฺ ิยวณฺณนา (ทุตยิ ) สมนฺตปาสาทกิ า วนิ ยกถา พระพุทธโฆสาจารย ๑๐.ภกิ ขฺ นุ ีวิภงฺควณฺณนา (ทุติย) สมนฺตปาสาทกิ า วินย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๑๑.มหาวคฺควณณฺ นา (ตตยิ ) สมนตฺ ปาสาทิกา วินย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๑๒.จูฬวคฺควณณฺ นา (จตุตฺถ) สมนตฺ ปาสาทิกา วนิ ย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๑๓.ปรวิ ารวคคฺ วณฺณนา (ปฺจม) สมนตฺ ปาสาทิกา วินย กถา พระพุทธโฆสาจารย พระพทุ ธโฆสาจารย พระพุทธโฆสาจารย ๑ มหาอรรถกถา หรือ มูลอรรถกถา คัมภรี น้ี เปนของพระสงฆคณะมหาวิหาร เมืองอนุราธปรุ ะ ประเทศลงั กา เปนคัมภรี อ รรถกถา แก( อธิบายความในพระไตรปฎ ก)ครบท้ัง ๓ ปฎ ก คอื พระวนิ ยั ปฎ ก พระสตุ ตนั ตปฎ ก และพระอภธิ รรมปฎก ภาษาสงิ หลสมยั โบราณ ตน ฉบับอนั ตรธานแลว
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๘ หมวดฎีกา ผแู ตง ๑.อาทิกมฺมวณฺณนา (ปม) สารตถฺ ทีปนี วินยฏกี า พระสารีบตุ ร (ลงั กา) ๒.นสิ สฺ คคฺ ยิ วณฺณนา (ทุติย) สารตถฺ ทปี นี วนิ ยฏีกา พระสารีบตุ ร (ลงั กา) ๓.ปาจติ ตฺ ยิ วณฺณนา (ทตุ ิย) สารตถฺ ทปี นี วนิ ยฏีกา พระสารีบตุ ร (ลังกา) ๔.นิสสฺ คคฺ ยิ -ปาจิตฺติยวณฺณนา (ทุตยิ ) สารตถฺ ทีปนี วินยฏีกา พระสารีบตุ ร (ลังกา) ๕.ภิกฺขุนีวิภงฺควณณฺ นา (ทุติย) สารตถฺ ทีปนี วนิ ยฏีกา พระสารีบุตร (ลงั กา) ๖.มหาวคคฺ วณฺณนา (ตติย) สารตฺถทปี นี วนิ ยฏกี า พระสารีบุตร (ลงั กา) ๗.จฬู วคคฺ วณณฺ นา (จตุตถฺ ) สารตฺถทปี นี วนิ ยฏกี า พระสารีบุตร (ลงั กา) ๘.ปริวารวคฺควณณฺ นา (ปจฺ ม) สารตถฺ ทีปนี วินยฏกี า พระสารีบตุ ร (ลงั กา) ๙.อาทกิ มมฺ วณฺณนา (ปม) วิมตวิ ิโนทนี วนิ ยฏีกา พระโกิยกสั สปะ ๑๐.นิสฺสคฺคยิ วณฺณนา (ทุติย) วิมตวิ ิโนทนี วินยฏีกา พระโกิยกสั สปะ ๑๑.ปาจิตตฺ ยิ วณณฺ นา (ทตุ ยิ ) วิมตวิ ิโนทนี วนิ ยฏีกา พระโกิยกสั สปะ ๑๒.นิสฺสคคฺ ิย-ปาจิตฺติยวณฺณนา (ทตุ ิย) วมิ ตวิ โิ นทนี วินยฏกี า พระโกิยกสั สปะ ๑๓.ภิกฺขุนีวิภงฺควณณฺ นา (ทุตยิ ) วมิ ติวิโนทนี วินยฏกี า พระโกยิ กสั สปะ ๑๔.มหาวคฺควณณฺ นา (ตตยิ ) วมิ ติวิโนทนี วินยฏกี า พระโกิยกสั สปะ ๑๕.จูฬวคคฺ วณณฺ นา (จตตุ ฺถ) วิมติวโิ นทนี วินยฏกี า พระโกิยกสั สปะ ๑๖.ปริวารวคฺควณณฺ นา (ปจฺ ม) วมิ ติวิโนทนี วนิ ยฏกี า พระโกิยกัสสปะ ๑๗.วชิรพทุ ธฺ ิ วนิ ยฏีกา พระวชิรพทุ ธิ หมวดโยชนา ผแู ตง ๑.อาทกิ มฺมวณณฺ นา วินยกถาอตฺถโยชนา พระญาณกิตติ(เชียงใหม) ๒.นิสสฺ คฺคิยวณฺณนา วินยกถาอตฺถโยชนา พระญาณกติ ต(ิ เชียงใหม) ๓.ปาจิตฺตยิ วณณฺ นา วนิ ยกถาอตถฺ โยชนา พระญาณกิตต(ิ เชยี งใหม) ๔.นสิ ฺสคคฺ ยิ -ปาจติ ตฺ ยิ วณฺณนา วินยกถาอตถฺ โยชนา พระญาณกติ ต(ิ เชยี งใหม) ๕.มหาวคฺควณณฺ นา วินยกถาอตฺถโยชนา พระญาณกติ ติ(เชียงใหม) ๖.จูฬวคฺควณฺณนา วนิ ยกถาอตฺถโยชนา พระญาณกติ ต(ิ เชียงใหม) ๗.ปรวิ ารวคคฺ วณณฺ นา วินยกถาอตฺถโยชนา พระญาณกิตติ(เชียงใหม) หมวดคณั ฐี ผแู ตง ๑.คุยหตฺถทปี นี (จูฬคณฺ) มหาวคฺควณฺณนา พระสัทธรรมโชตปิ าละ ๒.คุยหตถฺ ทีปนี (มหาคณฺ) มหาวคฺควณณฺ นา พระสัทธรรมโชตปิ าละ ๓.คูฬหฺ ตฺถทปี นี (จฬู คณฺ ) มหาวคฺควณณฺ นา พระสทั ธรรมโชตปิ าละ ๔.คูฬฺหตถฺ ทีปนี (มหาคณฺ ) มหาวคฺควณณฺ นา พระสัทธรรมโชตปิ าละ ๕.ปริวารคณฺ ทปี นี ไมปรากฏผแู ตง
หมวดปกรณพ ิเศษ ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๒๙ ๑.ภกิ ขฺ ปุ าติโมกฺข(บัญญตั สิ กิ ขาบทมหาวภิ ังค) ๒.ภกิ ฺขุนปี าตโิ มกฺข(บัญญัติสิกขาบทภกิ ขนุ วี ภิ งั ค) ผแู ตง ๓.อุภโตปาติโมกขฺ (ทง้ั สองวิภงั ค) พระพุทธพจน ๔.ขทุ ฺทกปาตโิ มกขฺ (บอกสกิ ขาบทในภิกขปุ าติโมกข) พระพุทธพจน ๕.ขทุ ทฺ กสกิ ฺขา หรือ ขทุ ฺทสิกฺขา พระพุทธพจน ๖.มูลสกิ ขฺ า พระพุทธพจน ๗.วินยวินจิ ฉฺ ยสงคฺ ห พระธัมมสริ ิมหาเถระ ๘.อตุ ฺตรวนิ ยวินจิ ฺฉย พระมหาสามิเถระ ๙.ปาลมิ ตุ ฺตกวนิ ยวนิ จิ ฺฉยสงฺคห(วนิ ยสงคฺ หกถา) พระพทุ ธทัตตะ ๑๐.วตตฺ วนิ จิ ฉฺ ย พระพุทธทัตตะ ๑๑.ธมฺมสมหุ พระสารีบุตร(ชาวลงั กา) ๑๒.นปิ ุณปทสงฺคห ไมปรากฏผแู ตง ๑๓.วินยธรสกิ ฺขาปท ไมปรากฏผแู ตง ๑๔.วนิ ยกฺขนฺธกนทิ เฺ ทส ไมปรากฏผแู ตง ๑๕.วนิ ยสงฺเขป ไมปรากฏผูแ ตง ๑๖.ปาริสทุ ฺธวิ นิ ย ไมป รากฏผแู ตง ๑๗.อนาปตตฺ ทิ ปี นี ไมป รากฏผูแ ตง ๑๘.สิกฺขาปทวลชฺ นี ไมป รากฏผูแตง ๑๙.สมี าลงกฺ ารสงฺคห ไมป รากฏผูแ ตง ๒๐.สมี าสงฺกรวินิจฺฉย พระปญ จมูลมหาเถรสามี ๒๑.สมี าวจิ ารณ พระวาจสิ สระ ๒๒.สีมาวโิ สธนี พระญาณกิตติ ๒๓.สมี าลกฺขณทีปนี พระจอมเกลา เจาอยูหัว ๒๔.กมฺมากมมฺ วนิ จิ ฺฉย พระสาครพุทธิ ๒๕.สมี านยทปฺปน พระวมิ ละ ๒๖.นานากมฺมวาจา ไมปรากฏผแู ตง ๒๗.วนิ ยสารวนิ จิ ฉฺ ย พระธรรมลังกาเถระ ๒๘.สคุ ตวิทตถฺ ิ (วติ ฺถาร) ไมป รากฏผูแตง ๒๙.ปุพพฺ สิกฺขาวณฺณนา ไมปรากฏผแู ตง ๓๐.กมฺมวาจาวิธิ ปวเรศวรยิ าลงกรณ ๓๑.วินยสิกฺขาปทวินจิ ฺฉย พระอมราภิรักขติ ะ ๓๒.สิกขฺ าปทวนิ ิจฉฺ ย ไมปรากฏผแู ตง ๓๓.ปพฺพชฺชาวินจิ ฉฺ ย ไมปรากฏผูแ ตง ไมปรากฏผแู ตง พระสารีบุตร(ลังกา)
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๐ อรรถกถา พระพุทธโฆสาจารย ๑.กงขฺ าวิตรณี ปาตโิ มกขฺ กถา(มาตกิ กถา) พระพทุ ธโฆสาจารย ๒.กงฺขาวติ รณี ภิกฺขปุ าติโมกขฺ กถา พระพุทธโฆสาจารย ๓.กงฺขาวติ รณี ภิกฺขนุ ปี าตโิ มกฺข กถา พระธรรมสิริ ๔.ขทุ ฺทกสิกขฺ าอตถฺ วินิจฉฺ ย พระพทุ ธนาคเถระ พระวาจิสสระ ฎีกา พระสมันตคุณสาเถระ ๑.วนิ ยตฺถมฺชสู า ปาติโมกขฺ ฏกี า พระเรวตะ39๑ ๒.สมุ งคฺ ลปสาทนี ขทุ ฺทกสกิ ขฺ าฏีกา พระตปิ ฏ กาลังการ ๓.วนิ ยวิมติจฺเฉทนี มลู สิกฺขานวฏกี า พระติปฏกาลังการ ๔.ลีนตฺถปกาสนา อุตตฺ รวินยวนิ ิจฺฉยฏกี า พระสัทธรรมโชติปาละ ๕.อนตุ ฺตานทีปนี ปาลมิ ุตฺตกวินยวินจิ ฺฉยสงคฺ หฏกี า พระสทั ธรรมโชตปิ าละ ๖.วินยาลงกฺ าร ปาลมิ ุตตฺ กวินยวนิ ิจฺฉยสงฺคหฏกี า พระพุทธนาคเถระ ๗.วินยตฺถสารสนฺทปี นี วินยวนิ ิจฉฺ ยสงคฺ หฏีกา พระวมิ ลสารเถระ ๘.สีมาลงฺการสงฺคหฏกี า พระสงั ฆรกั ขิต ๙.กงขฺ าวติ รณี ปาติโมกขฺ ฏีกา(กงฺขาวิตรณีอภินวฏีกา) พระมุนินทโฆสะ ๑๐.มลู สิกขฺ าฏกี า40๒ พระวนวาสีเถระ ๑๑.ขุทฺทกสิกฺขาฏีกา41๓ พระมหาราชครู ๑๒.วนิ ยสิกฺขาฏกี า พระญาณกิตตเิ ถระ พระมหาวชิรพทุ ธิ โยชนา ๑.ขทุ ทฺ กสกิ ฺขาอตฺถโยชนา ๒.วินยวนิ ิจฉฺ ยสงคฺ หอตฺถโยชนา คัณฐี ๑.ภิกฺขปุ าตโิ มกขฺ คณฺ ท ปี นี ๒.วินยคณฺี หมวดบาลี พระสตุ ตนั ตปฎ ก ผแู ตง ๑.สีลกฺขนธฺ วคคฺ ปาลิ ทฆี นิกาย พระพุทธพจน ๒.มหาวคฺคปาลิ ทีฆนกิ าย พระพุทธพจน ๑ ลนี ัตถปกาสนา ฎีกาอตุ ตรวนิ ยวินจิ ฉยั พระเรวตะ แตง ทีเ่ มืองพุกาม มชี ่อื เกาเรียกวา อรมิ ัททนะ ๒ มลู สกิ ขาฎกี า เรยี กวา วิมตจิ เฉทฎกี า กไ็ ด พระสมันตคณุ สาคระ แตง ท่เี มอื งวิชัยปุระ ๓ ขุททกสกิ ขาฎีกา เรยี กวา สุมังคลปสาทนฎี ีกา ก็ได พระสงั ฆรักขิต แตง ทเ่ี มืองวชิ ยั ปุระ
๓.ปาฏกิ วคฺคปาลิ ทีฆนิกาย ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๑ ๔.ปาถกิ วคฺคปาลิ ทีฆนิกาย ๕.ปาเถยยฺ วคฺคปาลิ ทฆี นิกาย พระพุทธพจน ๖.มูลปณฺณาสกปาลิ มชฺฌมิ นิกาย พระพทุ ธพจน ๗.มชฺฌมิ ปณฺณาสกปาลิ มชฺฌิมนิกาย พระพทุ ธพจน ๘.อปุ รปิ ณณฺ าสกปาลิ มชฌฺ ิมนิกาย พระพทุ ธพจน ๙.สคาถวคฺคปาลิ สํยุตฺตนกิ าย พระพทุ ธพจน ๑๐.นทิ านวคฺคปาลิ สํยุตฺตนกิ าย พระพทุ ธพจน ๑๑.ขนฺธวารวคคฺ ปาลิ สยํ ุตฺตนิกาย พระพุทธพจน ๑๒.ขนฺธวรวคฺคปาลิ สยํ ตุ ตฺ นิกาย พระพุทธพจน ๑๓.ขนธฺ วคคฺ ปาลิ สํยุตตฺ นกิ าย พระพุทธพจน ๑๔.ขนฺธกวคคฺ ปาลิ สํยุตฺตนกิ าย พระพทุ ธพจน ๑๕.สฬายตนวคฺคปาลิ สํยตุ ฺตนกิ าย พระพุทธพจน ๑๖.มหาวารวคคฺ ปาลิ สํยตุ ฺตนกิ าย พระพทุ ธพจน ๑๗.มหาวรวคคฺ ปาลิ สํยตุ ฺตนิกาย พระพทุ ธพจน ๑๘.มหาวคคฺ ปาลิ สยํ ตุ ตฺ นิกาย พระพุทธพจน ๑๙.เอกกนปิ าตปาลิ องคฺ ตุ ฺตรนิกาย พระพทุ ธพจน ๒๐.ทกุ นิปาตปาลิ องคฺ ุตตฺ รนิกาย พระพุทธพจน ๒๑.ติกนปิ าตปาลิ องฺคุตตฺ รนกิ าย พระพทุ ธพจน ๒๒.จตุตกฺ นปิ าตปาลิ องฺคตุ ตฺ รนกิ าย พระพุทธพจน ๒๓.ปฺจกนิปาตปาลิ องคฺ ตุ ฺตรนกิ าย พระพุทธพจน ๒๔.ฉกฺกนปิ าตปาลิ องคฺ ุตฺตรนิกาย พระพุทธพจน ๒๕.สตฺตกนปิ าตปาลิ องคฺ ตุ ฺตรนกิ าย พระพุทธพจน ๒๖.อ กนปิ าตปาลิ องฺคตุ ฺตรนิกาย พระพุทธพจน ๒๗.นวกนิปาตปาลิ องฺคตุ ตฺ รนกิ าย พระพทุ ธพจน ๒๘.ทสกนิปาตปาลิ องคฺ ตุ ตฺ รนกิ าย พระพทุ ธพจน ๒๙.เอกาทสกนิปาตปาลิ องคฺ ตุ ตฺ รนิกาย พระพุทธพจน ๓๐.ขทุ ทฺ กปาปาลิ ขุททฺ กนกิ าย พระพุทธพจน ๓๑.ธมมฺ ปทปาลิ ขทุ ทฺ กนิกาย พระพทุ ธพจน ๓๒.อทุ านปาลิ ขุทฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๓๓.อติ ิวุตตฺ กปาลิ ขุทฺทกนิกาย พระพุทธพจน ๓๔.สุตตฺ นิปาตปาลิ ขุทฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๓๕.วิมานวตถฺ ุปาลิ ขทุ ทฺ กนกิ าย พระพทุ ธพจน ๓๖.เปตวตฺถุปาลิ ขุทฺทกนิกาย พระพทุ ธพจน พระพทุ ธพจน พระพุทธพจน
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๒ ๓๗.เถรคาถาปาลิ ขทุ ทฺ กนกิ าย พระพทุ ธพจน ๓๘.เถรคี าถาปาลิ ขทุ ทฺ กนกิ าย พระพทุ ธพจน ๓๙.เอกกนปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนิกาย พระพทุ ธพจน ๔๐.ทุกนปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ทฺ กนิกาย พระพทุ ธพจน ๔๑.ตกิ นิปาต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๔๒.จตกุ กฺ นปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนิกาย พระพทุ ธพจน ๔๓.ปจฺ กนปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนกิ าย พระพุทธพจน ๔๔.ฉกฺกนปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๔๕.สตฺตกนปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ทฺ กนิกาย พระพุทธพจน ๔๖.อ กนปิ าต ชาตกปาลิ ขุทฺทกนิกาย พระพทุ ธพจน ๔๗.นวกนปิ าต ชาตกปาลิ ขุททฺ กนิกาย พระพุทธพจน ๔๘.ทสกนิปาต ชาตกปาลิ ขุททฺ กนิกาย พระพทุ ธพจน ๔๙.เอกาทสกนปิ าต ชาตกปาลิ ขุทฺทกนิกาย พระพุทธพจน ๕๐.ทฺวาทสกนปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนกิ าย พระพุทธพจน ๕๑.เตรสกนิปาต ชาตกปาลิ ขทุ ทฺ กนกิ าย พระพุทธพจน ๕๒.ปกณิ ฺณกนปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนิกาย พระพทุ ธพจน ๕๓.วสี ตินปิ าต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนิกาย พระพทุ ธพจน ๕๔.ตสึ นปิ าต ชาตกปาลิ ขุทฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๕๕.จตฺตาีสนิปาต ชาตกปาลิ ขทุ ฺทกนกิ าย พระพุทธพจน ๕๖.ปฺ าสนิปาต ชาตกปาลิ ขทุ ทฺ กนกิ าย พระพทุ ธพจน ๕๗.ส นิปาต ชาตกปาลิ ขุทฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๕๘.สตตฺ ตินปิ าต ชาตกปาลิ ขุททฺ กนกิ าย พระพทุ ธพจน ๕๙.อสตี นิ ิปาต ชาตกปาลิ ขุทฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๖๐.มหานิปาต (ทสชาติ) ชาตกปาลิ ขทุ ทฺ กนกิ าย พระพุทธพจน ๖๑.มหานิปาต {เวสฺสนตฺ รชาตก(คาถาพัน)} ชาตกปาลิ ขุทฺทกนกิ าย พระพทุ ธพจน ๖๒.มหานิทฺเทสปาลิ ขทุ ฺทกนิกาย พระสารีบุตร ๖๓.จูฬนิทฺเทสปาลิ ขุทฺทกนิกาย พระสารีบุตร ๖๔.ปฏสิ มภฺ ิทามคคฺ ปาลิ ขุททฺ กนกิ าย พระสารีบตุ ร ๖๕.อปทานปาลิ ขุททฺ กนกิ าย พระพทุ ธพจน ๖๖.พทุ ธฺ วสํ ปาลิ ขทุ ฺทกนกิ าย พระกสั สปะ ๖๗.จรยิ าปฏ กปาลิ ขุททฺ กนิกาย พระพทุ ธพจน ๖๘.เนตตฺ ปิ กรณปาลิ ขุทฺทกนิกาย พระมหากจั จายนะ ๖๙.เปฏโกปเทสปาลิ ขทุ ทฺ กนิกาย พระมหากจั จายนะ
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๓ ๗๐.มลิ ินทฺ ปหฺ าปาลิ ขุทฺทกนกิ าย ไมปรากฏผูแตง 42๑ หมวดอรรถกถา ผูแตง ๑.สลี กขฺ นธฺ วคฺควณฺณนา สุมงฺคลวิลาสนิ ี ทีฆนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๒.มหาวคฺควณณฺ นา สุมงฺคลวิลาสนิ ี ทฆี นิกายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๓.ปฏิกวคฺควณณฺ นา สมุ งคฺ ลวิลาสนิ ี ทีฆนิกายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๔.มลู ปณณฺ าสกวณณฺ นา ปปจฺ สทู นี มชฺฌิมนกิ าย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๕.มชฌฺ มิ ปณฺณาสกวณฺณนา ปปฺจสูทนี มชฌฺ มิ นกิ าย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๖.อุปรปิ ณฺณาสกวณฺณนา ปปจฺ สูทนี มชฺฌิมนกิ ายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๗.สคาถวคฺควณณฺ นา สารตถฺ ปกาสนิ ี สยํ ตุ ฺตนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๘.นิทานวคฺควณฺณนา สารตถฺ ปกาสนิ ี สยํ ตุ ฺตนกิ ายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๙.ขนธฺ วารวคฺควณฺณนา สารตฺถปกาสนิ ี สํยตุ ตฺ นกิ ายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๑๐.สฬายตนวคคฺ วณฺณนา สารตถฺ ปกาสินี สํยุตฺตนิกาย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๑๑.มหาวารวคคฺ วณฺณนา สารตฺถปกาสินี สํยตุ ตฺ นิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๑๒.เอกกนิปาตวณณฺ นา มโนรถปรู ณี องคฺ ุตตฺ รนกิ าย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๑๓.ทกุ นิปาตวณณฺ นา มโนรถปรู ณี องฺคตุ ฺตรนกิ าย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๑๔.ติกนิปาตวณณฺ นา มโนรถปรู ณี องฺคุตตฺ รนิกาย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๑๕.จตกุ ฺกนปิ าตวณณฺ นา มโนรถปูรณี องฺคุตตฺ รนิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๑๖.ปฺจกนปิ าตวณณฺ นา มโนรถปรู ณี องคฺ ตุ ตฺ รนิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๑๗.ฉกกฺ นิปาตวณฺณนา มโนรถปรู ณี องคฺ ตุ ฺตรนิกาย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๑๘.สตตฺ กนิปาตวณฺณนา มโนรถปูรณี องคฺ ตุ ตฺ รนกิ ายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๑๙.อ กนิปาตวณณฺ นา มโนรถปรู ณี องฺคุตตฺ รนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๒๐.นวกนิปาตวณฺณนา มโนรถปรู ณี องฺคุตตฺ รนกิ ายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๒๑.ทสกนิปาตวณณฺ นา มโนรถปรู ณี องคฺ ตุ ฺตรนิกาย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๒๒.เอกาทสกนปิ าตวณฺณนา มโนรถปูรณี องคฺ ตุ ตฺ รนกิ าย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๒๓.ขุททฺ กปาวณณฺ นา ปรมตถฺ โชติกา ขุทฺทกนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๒๔.ธมฺมปทวณณฺ นา ธมมฺ ปทกถา ขุทฺทกนิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๒๕.อุทานวณณฺ นา ปรมตถฺ ทปี นี ขุททฺ กนกิ าย กถา พระธรรมปาละ ๒๖.อิติวุตฺตกวณฺณนา ปรมตถฺ ทีปนี ขุททฺ กนกิ าย กถา พระธรรมปาละ ๒๗.สุตตฺ นิปาตวณณฺ นา ปรมตฺถโชตกิ า ขทุ ฺทกนกิ ายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๒๘.วมิ านวตถฺ ุวณฺณนา ปรมตถฺ ทีปนี ขุททฺ กนกิ าย กถา พระธรรมปาละ ๑ มลิ ินทปญหาปกรณนัน้ ไมป รากฏวาทา นใดเปนผรู จนา สนั นิษฐานวา พระพุทธโฆสาจารย เปนผูแตงนิทานกถาและนคิ มกถา ประกอบเขา ตวั เน้ือเรอ่ื ง(ขอสนทนาถาม-ตอบระหวา งพระนาคเสนกบั พระยามลิ นิ ท) ยงั ไมปรากฏหลกั ฐาน
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๔ ๒๙.เปตวตฺถุวณฺณนา ปรมตถฺ ทีปนี ขุททฺ กนกิ าย กถา พระธรรมปาละ ๓๐.เถรคาถาวณฺณนา ปรมตถฺ ทีปนี ขทุ ทฺ กนกิ ายกถา พระธรรมปาละ ๓๑.เถรีคาถาวณฺณนา ปรมตถฺ ทีปนี ขุทฺทกนิกาย กถา พระธรรมปาละ ๓๒.เอกกนปิ าตวณณฺ นา ชาตกกถา ขทุ ทฺ กนกิ าย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๓๓.ทุกนปิ าตวณฺณนา ชาตกกถา ขทุ ฺทกนกิ ายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๓๔.ติกนปิ าตวณณฺ นา ชาตกกถา ขทุ ฺทกนิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๓๕.จตุกฺกนปิ าตวณฺณนา ชาตก กถา ขทุ ทฺ กนิกาย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๓๖.ปฺจกนิปาตวณณฺ นา ชาตกกถา ขทุ ทฺ กนิกายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๓๗.ฉกกฺ นปิ าตวณฺณนา ชาตก กถา ขุทฺทกนกิ าย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๓๘.สตฺตกนปิ าตวณฺณนา ชาตกกถา ขุทฺทกนิกายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๓๙.อ กนิปาตวณฺณนา ชาตกกถา ขุทฺทกนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๔๐.นวกนิปาตวณณฺ นา ชาตกกถา ขุทฺทกนกิ ายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๔๑.ทสกนปิ าตวณณฺ นา ชาตกกถา ขุททฺ กนิกาย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๔๒.เอกาทสกนิปาตวณณฺ นา ชาตกกถา ขุททฺ กนิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๔๓.ทวฺ าทสกนิปาตวณณฺ นา ชาตกกถา ขทุ ฺทกนิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๔๔.เตรสกนปิ าตวณฺณนา ชาตกกถา ขุททฺ กนกิ ายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๔๕.ปกิณณฺ กนิปาตวณฺณนา ชาตกกถา ขทุ ทฺ กนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๔๖.วสี ตินิปาตวณณฺ นา ชาตกกถา ขทุ ฺทกนกิ ายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๔๗.ตสึ นิปาตวณณฺ นา ชาตก กถา ขทุ ฺทกนิกาย กถา พระพุทธโฆสาจารย ๔๘.จตฺตาสี นปิ าตวณฺณนา ชาตก กถา ขุทฺทกนิกายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๔๙.ปฺ าสนปิ าตวณฺณนา ชาตกกถา ขทุ ฺทกนกิ ายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๕๐.ส นปิ าตวณฺณนา ชาตกกถา ขุททฺ กนกิ าย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๕๑.สตฺตตินิปาตวณณฺ นา ชาตก กถา ขทุ ฺทกนกิ ายกถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๕๒.อสีตนิ ปิ าตวณฺณนา ชาตกกถา ขุทฺทกนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๕๓.มหานปิ าตวณณฺ นา (ทสชาต)ิ ชาตกกถา ขุททฺ กนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๕๔.มหานปิ าตวณฺณนา (เวสฺสนตฺ รชาตก) ชาตก กถา ขทุ ฺทกนิกายกถา พระพุทธโฆสาจารย ๕๕.มหานิทฺเทสวณฺณนา สทฺธมฺมโชตกิ า ขทุ ทฺ กนิกายกถา พระอปุ เสนะ ๕๖.จฬู นิทเฺ ทสวณณฺ นา สทธฺ มมฺ โชตกิ า ขุททฺ กนิกาย กถา พระอุปเสนะ ๕๗.ปฏิสมฺภทิ ามคฺควณฺณนา สทฺธมมฺ ปกาสินี ขุทฺทกนกิ าย กถา พระมหานามะ ๕๘.อปทานวณณฺ นา วสิ ุทธฺ ชนวลิ าสนิ ี ขุททฺ กนิกาย กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๕๙.พทุ ฺธวสํ วณฺณนา มธุรตถฺ วลิ าสินี ขทุ ฺทกนกิ ายกถา พระพุทธทตั ตะ ๖๐.จรยิ าปฏ กวณฺณนา ปรมตฺถทีปนี ขุทฺทกนกิ าย กถา พระธรรมปาละ ๖๑.เนตตฺ ปิ กรณวณณฺ นา เนตฺตอิ กถา ขุทฺทกนกิ าย กถา พระธรรมปาละ
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๕ หมวดฎกี า ผแู ตง ๑.สลี กขฺ นธฺ วคฺควณณฺ นา ลนี ตฺถปกาสนา ทีฆนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๒.มหาวคคฺ วณณฺ นา ลนี ตถฺ ปกาสนา ทีฆนิกายฏีกา พระธรรมปาละ ๓.ปาฏิกวคฺควณณฺ นา ลนี ตถฺ ปกาสนา ทีฆนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๔.ปาเถยฺยวคคฺ วณณฺ นา ลีนตถฺ ปกาสนา ทีฆนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๕.มลู ปณฺณาสกวณณฺ นา ลีนตฺถปกาสนา มชฌฺ มิ นิกายฏีกา พระธรรมปาละ ๖.มชฌฺ มิ ปณณฺ าสกวณณฺ นา ลีนตฺถปกาสนา มชฌฺ ิมนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๗.อปุ ริปณณฺ าสกวณณฺ นา ลนี ตฺถปกาสนา มชฺฌิมนกิ ายฏีกา พระธรรมปาละ ๘.สคาถวคคฺ วณฺณนา ลีนตฺถปกาสนา สํยุตฺตนกิ ายฏีกา พระธรรมปาละ ๙.นิทานวคคฺ วณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสนา สยํ ตุ ตฺ นิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๑๐.ขนธฺ วารวคคฺ วณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสนา สํยุตตฺ นกิ ายฏีกา พระธรรมปาละ ๑๑.สฬายตนวคฺควณณฺ นา ลนี ตถฺ ปกาสนา สํยตุ ฺตนกิ ายฏกี า พระธรรมปาละ ๑๒.มหาวารวคคฺ วณณฺ นา ลนี ตฺถปกาสนา สยํ ตุ ฺตนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๑๓.เอกกนิปาตวณฺณนา ลีนตถฺ ปกาสินี องคฺ ตุ ตฺ รนิกายฏีกา พระธรรมปาละ ๑๔.ทุกนิปาตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสนิ ี องคฺ ตุ ตฺ รนิกายฏีกา พระธรรมปาละ ๑๕.ติกนิปาตวณณฺ นา ลีนตถฺ ปกาสนิ ี องฺคุตฺตรนิกายฏีกา พระธรรมปาละ ๑๖.จตกุ ฺกนปิ าตวณฺณนา ลนี ตฺถปกาสนิ ี องคฺ ุตตฺ รนกิ ายฏีกา พระธรรมปาละ ๑๗.ปจฺ กนิปาตวณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสนิ ี องคฺ ตุ ตฺ รนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๑๘.ฉกฺกนิปาตวณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสนิ ี องฺคุตฺตรนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๑๙.สตตฺ กนิปาตวณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสินี องคฺ ุตตฺ รนกิ ายฏีกา พระธรรมปาละ ๒๐.อ กนปิ าตวณณฺ นา ลนี ตถฺ ปกาสนิ ี องคฺ ุตตฺ รนกิ ายฏีกา พระธรรมปาละ ๒๑.นวกนปิ าตวณณฺ นา ลีนตฺถปกาสินี องคฺ ตุ ตฺ รนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๒๒.ทสกนปิ าตวณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสินี องคฺ ุตตฺ รนิกายฏีกา พระธรรมปาละ ๒๓.เอกาทสกนิปาตวณณฺ นา ลนี ตฺถปกาสินี องคฺ ตุ ตฺ รนิกายฏกี า พระธรรมปาละ ๒๔.เอกกนปิ าตวณฺณนา สารตถฺ มชฺ สู า องคฺ ุตตฺ รนกิ ายฏกี า พระสารีบุตร(ลงั กา) ๒๕.ทกุ นปิ าตวณฺณนา สารตฺถมฺชูสา องคฺ ุตตฺ รนกิ ายฏีกา พระสารีบุตร(ลังกา) ๒๖.ตกิ นิปาตวณณฺ นา สารตฺถมชฺ ูสา องคฺ ุตตฺ รนกิ ายฏกี า พระสารีบุตร(ลงั กา) ๒๗.จตุกกฺ นิปาตวณณฺ นา สารตถฺ มชฺ ูสา องคฺ ุตฺตรนิกายฏีกา พระสารีบุตร(ลงั กา) ๒๘.ปจฺ กนิปาตวณฺณนา สารตถฺ มชฺ ูสา องคฺ ุตฺตรนิกายฏกี า พระสารีบุตร(ลงั กา) ๒๙.ฉกฺกนิปาตวณณฺ นา สารตฺถมชฺ ูสา องคฺ ุตตฺ รนกิ ายฏีกา พระสารีบุตร(ลงั กา) ๓๐.สตตฺ กนปิ าตวณณฺ นา สารตฺถมชฺ สู า องคฺ ตุ ฺตรนิกายฏกี า พระสารีบุตร(ลงั กา) ๓๑.อ กนิปาตวณณฺ นา สารตฺถมฺชสู า องฺคตุ ฺตรนิกายฏกี า พระสารีบุตร(ลังกา) ๓๒.นวกนิปาตวณฺณนา สารตฺถมชฺ ูสา องฺคุตตฺ รนกิ ายฏกี า พระสารีบตุ ร(ลังกา) ๓๓.ทสกนิปาตวณฺณนา สารตถฺ มชฺ ูสา องคฺ ตุ ฺตรนิกายฏีกา พระสารีบุตร(ลงั กา)
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๖ ๒๔.เอกาทสกนิปาตวณฺณนา สารตถฺ มชฺ ูสา องฺคตุ ตฺ รนิกายฏกี า พระสารีบตุ ร(ลังกา) ๓๕.เอกกนิปาตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสินี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๓๖.ทกุ นิปาตวณฺณนา ลนี ตฺถปกาสนิ ี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๓๗.ตกิ นิปาตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสนิ ี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๓๘.จตุกกฺ นิปาตวณฺณนา ลีนตถฺ ปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๓๙.ปจฺ กนิปาตวณณฺ นา ลีนตฺถปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๔๐.ฉกฺกนปิ าตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๔๑.สตฺตกนิปาตวณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสินี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๔๒.อ กนิปาตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสนิ ี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๔๓.นวกนปิ าตวณณฺ นา ลีนตถฺ ปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๔๔.ทสกนปิ าตวณณฺ นา ลีนตฺถปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๔๕.เอกาทสกนิปาตวณณฺ นา ลีนตฺถปกาสินี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๔๖.ทฺวาทสกนปิ าตวณฺณนา ลีนตถฺ ปกาสนิ ี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๔๗.เตรสกนิปาตวณณฺ นา ลีนตถฺ ปกาสินี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๔๘.ปกิณฺณกนปิ าตวณณฺ นา ลนี ตถฺ ปกาสนิ ี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๔๙.วสี ตินปิ าตวณณฺ นา ลีนตถฺ ปกาสนิ ี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๕๐.ตสึ นิปาตวณฺณนา ลนี ตถฺ ปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๕๑.จตฺตาีสนปิ าตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสนิ ี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๕๒.ปฺ าสนปิ าตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๕๓.ส นิปาตวณฺณนา ลนี ตฺถปกาสินี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๕๔.สตตฺ ตินิปาตวณฺณนา ลีนตฺถปกาสินี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๕๕.อสีตนิ ปิ าตวณณฺ นา ลนี ตฺถปกาสนิ ี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๕๖.มหานิปาตวณณฺ นา (ทสชาต)ิ ลีนตถฺ ปกาสนิ ี ชาตกฏีกา พระธรรมปาละ ๕๗.มหานปิ าตวณณฺ นา (เวสฺสนตฺ รชาตก) ลีนตถฺ ปกาสนิ ี ชาตกฏกี า พระธรรมปาละ ๕๘.มธุรตฺถปกาสนิ ี มิลินฺทปหฺ าฏีกา พระตปิ าติเถระ43๑ ๕๙.เนตฺติปกรณฏกี า พระญาณาภวิ ังสะ ๖๐.รตนวี เนตตฺ ิปกรณฏีกา ไมป รากฏผูแ ตง ๖๑.เนตฺติวภิ าวนา เนตฺติปกรณฏกี า(เนตฺตวิ ิภาวนิ ี) หมวดนวฎีกา พระสัทธรรมปาละมหาธรรมราชครุ ุ ผแู ตง ๑.สลี กฺขนฺธวคฺควณณฺ นา สาธวุ ิลาสนิ ี ทฆี นกิ ายนวฏกี า พระญาณาภิวงั สะ ๑ ในคำนำ มลิ นิ ทปญหา ฉบับหอสมุดแหง ชาติ พระนพิ นธส มเดจ็ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และในฉบับอักษรโรมนั เหน็ เหมือนกันวา พระมหาติปฏ กจุฬาภยั เปนผรู จนา สว นในบญั ชีคัมภรี ภ าษาบาลแี ละสนั สฤต หอพระสมดุ วชิรญาณ วา พระติปาติ เถระ เปน ผูรจนา
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๗ หมวดคัณฐี ผแู ตง ๑.เอกกนิปาตวณณฺ นา อนุตตฺ านทีปนี องคฺ ตุ ตฺ รนกิ ายวณณฺ นา ไมป รากฏผูแตง ๒.ทุกนปิ าตวณฺณนา อนตุ ตฺ านทปี นี องฺคุตตฺ รนิกายวณณฺ นา ไมปรากฏผูแตง ๓.ติกนิปาตวณณฺ นา อนตุ ตฺ านทปี นี องฺคตุ ฺตรนิกายวณณฺ นา ไมป รากฏผแู ตง ๔.จตกุ ฺกนิปาตวณณฺ นา อนตุ ตฺ านทีปนี องคฺ ตุ ฺตรนิกายวณฺณนา ไมป รากฏผูแตง ๕.ปจฺ กนิปาตวณณฺ นา อนตุ ฺตานทีปนี องคฺ ุตฺตรนกิ ายวณฺณนา ไมปรากฏผูแ ตง ๖.ฉกฺกนิปาตวณฺณนา อนตุ ฺตานทีปนี องฺคุตตฺ รนกิ ายวณณฺ นา ไมป รากฏผแู ตง ๗.สตฺตกนิปาตวณณฺ นา อนุตฺตานทปี นี องฺคุตตฺ รนกิ ายวณฺณนา ไมปรากฏผแู ตง ๘.อ กนปิ าตวณณฺ นา อนุตฺตานทีปนี องคฺ ุตตฺ รนิกายวณณฺ นา ไมปรากฏผแู ตง ๙.นวกนิปาตวณณฺ นา อนุตฺตานทปี นี องฺคตุ ตฺ รนิกายวณณฺ นา ไมป รากฏผแู ตง ๑๐.ทสกนปิ าตวณณฺ นา อนุตตฺ านทีปนี องฺคุตตฺ รนกิ ายวณฺณนา ไมป รากฏผูแตง ๑๑.เอกาทสกนปิ าตวณณฺ นา อนตุ ฺตานทีปนี องฺคุตตฺ รนิกายวณฺณนา ไมป รากฏผแู ตง ๑๒.ธมฺมปทคณฺ ท ปี นี ไมป รากฏผูแ ตง ๑๓.ปฏิสมภฺ ิทามคฺคคณฺ ทีปนี พระมหาภธิ านเถระ ๑๔.มงคฺ ลตถฺ ทีปนี พระสริ ิมงั คลาจารย ๑๕.เวสฺสนตฺ รทปี นี พระสริ ิมังคลาจารย ๑๖.ทสชาติคณฺ อตถฺ ววิ รณ ไมป รากฏผูแตง ๑๗.ทสชาติคณฺ ท ปี นี ไมป รากฏผแู ตง หมวดปกรณพิเศษ ผูแ ตง ๑.สตุ ฺตสงฺคห พระอริยวงั สเถระ ๒.มาเลยฺยสุตตฺ (มาเลยยฺ เทวตเฺ ถรวตถฺ )ุ ภิกษุชาวพมา ๓.ชมฺพุปติสุตตฺ ไมปรากฏผแู ตง ๔.อรุณวตสี ุตฺต ไมปรากฏผแู ตง ๕.มหากปนธชสุตตฺ ไมปรากฏผูแตง ๖.ปฺ าสชาตก (บ้นั ตน ๕๐ ผูก บน้ั ปลาย ๕๐ ผูก) ภิกษชุ าวเชียงใหม ๗.โลกนยชาตก ไมป รากฏผูแตง ๘.พธริ ชาตก ไมปรากฏผูแ ตง ๙.สวิ ิชยชาตก ไมปรากฏผแู ตง ๑๐.ปุณโฺ ณวาทสุตตฺ ไมปรากฏผแู ตง ๑๑.ปรมตถฺ ธมมฺ สตุ ฺต ไมปรากฏผแู ตง ๑๒.มหาวชิ ยเสสตุ ตฺ ไมปรากฏผแู ตง ๑๓.นนทฺ พรฺ าหมฺ ณสตุ ฺต ไมปรากฏผูแตง ๑๔.นพิ พฺ านสตุ ตฺ าทิ ไมป รากฏผูแตง
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๘ ๑๕.สตตฺ มงคฺ ลสตุ ฺตาทิ พระพุทธโฆสาจารย ๑๖.สภุ ททฺ สุตฺตาทิ ไมป รากฏผูแตง ๑๗.มลิ ินทฺ ปหฺ าสงเฺ ขป ไมปรากฏผแู ตง ไมป รากฏผแู ตง อรรถกถา ไมปรากฏผูแ ตง ๑.คนฺถสารจนิ ฺตา เวสสฺ นตฺ รชาตกกถา ไมปรากฏผแู ตง ๒.สกาภมิ ต เวสฺสนตฺ รชาตกวณณฺ นา ไมป รากฏผูแตง ๓.เวสสฺ นตฺ รวิวรณ ไมปรากฏผแู ตง ๔.สตุ ตฺ สงฺคหอกถา ไมปรากฏผูแ ตง ๕.ธมฺมปทววิ รณ ไมปรากฏผแู ตง ๖.สารตถฺ สมจุ จฺ ย จตุภาณวารอ กถา ไมปรากฏผูแตง ๗.สทฺธมมฺ วิลาสนิ ี ธมมฺ จกกฺ อกถา ไมป รากฏผูแตง ๘.ธมมฺ จกฺกสงฺเขปอ กถา ไมป รากฏผแู ตง ๙.อรุณวตีสตุ ตฺ อ กถา ไมปรากฏผแู ตง ๑๐.ปรมตถฺ ธมฺมสตุ ฺตวณฺณนา พระธรรมกิตตมิ หาสามิ ฎกี า พระวรสมั โพธมิ หาเถระ ๑.ธมมฺ จกฺกฏีกา ๒.มาเลยยฺ สุตฺตทีปนีฏกี า พระสิริสมุ ังคลเถระ ๓.ธมฺมปทมหาฏกี า ไมป รากฏผแู ตง โยชนา ๑.ธมฺมปทกถาคาถาโยชนา ผแู ตง พระพทุ ธพจน คณั ฐี พระพทุ ธพจน ๑.ธมมฺ จกกฺ คณฺท ปี นี พระพทุ ธพจน พระพุทธพจน หมวดบาลี พระอภธิ รรมปฎก พระพุทธพจน ๑.ธมมฺ สงคฺ ณิปาลิ พระพทุ ธพจน ๒.วภิ งคฺ ปาลิ พระพทุ ธพจน ๓.ธาตกุ ถาปาลิ พระพทุ ธพจน ๔.ปุคคฺ ลปฺตฺตปิ าลิ พระพุทธพจน ๕.กถาวตฺถุปาลิ ๖.ยมกปาลิ ๗.ตกิ ป าน ปานปาลิ ๘.ทุกป าน ปานปาลิ ๙.ทกุ ตกิ ป าน ปานปาลิ
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๓๙ ๑๐.ติกทกุ ป าน ปานปาลิ พระพทุ ธพจน ๑๑.ตกิ ตกิ ป าน ปานปาลิ พระพุทธพจน ๑๒.ทุกทกุ ป าน ปานปาลิ พระพุทธพจน หมวดอรรถกถา ผูแตง ๑.ธมมฺ สงคฺ ณวิ ณณฺ นา อ สาลินี อภิธมมฺ กถา พระพุทธโฆสาจารย ๒.วภิ งฺควณณฺ นา สมโฺ มหวโิ นทนี อภธิ มมฺ กถา พระพุทธโฆสาจารย ๓.ธาตกุ ถาวณฺณนา ปจฺ ปกรณกถา ปรมตฺถทปี นี อภธิ มฺม กถา พระพทุ ธโฆสาจารย ๔.ปคุ ฺคลปฺ ตตฺ วิ ณฺณนา ปจฺ ปกรณ กถา ปรมตถฺ ทีปนี อภิธมมฺ กถา พระพุทธโฆสาจารย ๕.กถาวตฺถุวณณฺ นา ปจฺ ปกรณ กถา ปรมตฺถทีปนี อภิธมมฺ กถา พระพุทธโฆสาจารย ๖.ยมกวณฺณนา ปจฺ ปกรณกถา ปรมตถฺ ทีปนี อภธิ มมฺ กถา พระพุทธโฆสาจารย ๗.ป านวณณฺ นา ปฺจปกรณกถา ปรมตถฺ ทปี นี อภิธมมฺ กถา พระพทุ ธโฆสาจารย หมวดฎีกา ผูแตง ๑.ธมฺมสงคฺ ณวิ ณฺณนา ลีนตฺถโชตนา อภธิ มมฺ มูลฏีกา พระอานันทาจารย ๒.วิภงคฺ วณฺณนา ลนี ตฺถโชตนา อภธิ มมฺ มลู ฏกี า พระอานนั ทาจารย ๓.ธาตกุ ถาวณณฺ นา ปฺจปกรณวณณฺ นา ลนี ตถฺ โชตนา อภธิ มมฺ มูลฏีกา พระอานันทาจารย ๔.ปคุ ฺคลปฺตตฺ วิ ณณฺ นา ปฺจปกรณวณณฺ นา ลนี ตถฺ โชตนา อภิธมฺมมูลฏีกา พระอานันทาจารย ๕.กถาวตถฺ ุวณฺณนา ปฺจปกรณวณณฺ นา ลนี ตฺถโชตนา อภธิ มมฺ มูลฏีกา พระอานันทาจารย ๖.ยมกวณณฺ นา ปจฺ ปกรณวณณฺ นา ลนี ตถฺ โชตนา อภิธมฺมมลู ฏีกา พระอานนั ทาจารย ๗.ป านวณฺณนา ปฺจปกรณวณณฺ นา ลนี ตถฺ โชตนา อภิธมฺมมลู ฏกี า พระอานันทาจารย ๘.มธสุ ารตฺถทีปนี อภิธมมฺ ฏีกา พระอานันทเถระ44๑ ๙.ปรมตถฺ วภิ สู นี ธาตกุ ถาฏกี า พระมหาตโิ ลกครุ หมวดอนุฎกี า ผูแตง ๑.ธมฺมสงคฺ ณวิ ณณฺ นา ลีนตฺถปกาสินี อภธิ มฺมอนุฏีกา พระจลุ ลธรรมปาลเถระ ๒.วภิ งฺควณฺณนา ลนี ตฺถปกาสนิ ี อภธิ มมฺ อนฏุ กี า พระจุลลธรรมปาลเถระ ๓.ธาตุกถาวณณฺ นา ปฺจปกรณวณฺณนา ลนี ตฺถปกาสนิ ี อภธิ มมฺ อนุฏีกา พระจลุ ลธรรมปาลเถระ ๔.ปคุ คฺ ลปฺตฺติวณฺณนา ปจฺ ปกรณวณณฺ นา ลนี ตถฺ ปกาสินี อภิธมมฺ อนุฏีกา พระจุลลธรรมปาลเถระ ๕.กถาวตถฺ ุวณณฺ นา ปจฺ ปกรณวณฺณนา ลนี ตฺถปกาสนิ ี อภิธมฺมอนุฏีกา พระจลุ ลธรรมปาลเถระ ๖.ยมกวณณฺ นา ปจฺ ปกรณวณณฺ นา ลีนตถฺ ปกาสนิ ี อภิธมฺมอนฏุ ีกา พระจลุ ลธรรมปาลเถระ ๗.ป านวณณฺ นา ปจฺ ปกรณวณฺณนา ลีนตถฺ ปกาสนิ ี อภธิ มฺมอนุฏีกา พระจลุ ลธรรมปาลเถระ ๑ มธสุ ารตั ถทปี นี ฎกี าอธบิ ายความแหงมลู ฎกี า พระอานันทเถระ พระเถระชาวพมา แตงท่เี มอื งหงสาวดี ประเทศพมา
ค่มู ือการอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๔๐ หมวดโยชนา ผแู ตง ๑.อ สาลินีอตฺถโยชนา พระญาณกิตติเถระ ๒.สมโฺ มหวโิ นทนีอตฺถโยชนา พระญาณกติ ตเิ ถระ ๓.ธาตกุ ถาอตถฺ โยชนา พระญาณกิตติเถระ ๔.ปคุ คฺ ลปฺตตฺ ิอตถฺ โยชนา พระญาณกิตติเถระ ๕.กถาวตถฺ อุ ตฺถโยชนา พระญาณกติ ติเถระ ๖.ยมกอตฺถโยชนา พระญาณกิตติเถระ ๗.ป านอตฺถโยชนา พระญาณกติ ตเิ ถระ หมวดคณั ฐี ผูแตง ๑.ธมมฺ สงฺคณิวณฺณนา คุยฺหตฺถทีปนี (คูฬหฺ ตฺถทีปนี) พระสารทัสสี ๒.วภิ งฺควณฺณนา คยุ หฺ ตถฺ ทปี นี (คูฬหฺ ตถฺ ทปี นี) ไมป รากฏผแู ตง ๓.ธาตุกถาวณฺณนา ปฺจปกรณวณฺณนา คยุ หฺ ตถฺ ทปี นี (คูฬฺหตฺถทีปนี) ไมปรากฏผแู ตง ๔.ปคุ คฺ ลปฺ ตฺติวณฺณนา ปจฺ ปกรณวณฺณนา คุยฺหตฺถทีปนี (คฬู ฺหตฺถทปี นี) ไมป รากฏผแู ตง ๕.กถาวตถฺ ุวณฺณนา ปจฺ ปกรณวณฺณนา คุยหฺ ตถฺ ทปี นี (คฬู หฺ ตถฺ ทีปน)ี ไมปรากฏผแู ต ๖.ยมกวณฺณนา ปจฺ ปกรณวณณฺ นา คยุ หฺ ตถฺ ทปี นี (คฬู หฺ ตถฺ ทปี นี) ไมปรากฏผแู ต ๗.ป านวณฺณนา ปฺจปกรณวณฺณนา คุยหฺ ตฺถทีปนี (คฬู หฺ ตถฺ ทีปนี) ไมป รากฏผูแต ๘.ธาตกุ ถาคณฺทปี นี ไมป รากฏผูแตง ๙.ปุคฺคลปฺ ตฺตคิ ณฺท ีปนี ไมปรากฏผแู ตง ๑๐.ปจฺจยทีปนี ธาตุกถาทปี นี ไมป รากฏผแู ตง ๑๑.ปจจฺ ยทีปนี ปานทีปนี พระธรรมโพธิศิริ ๑๒.ธมฺมสงฺคณิทีปนี พระธรรมโพธิศริ ิ หมวดปกรณพ เิ ศษ ผแู ตง ๑.อภธิ มฺมมาติกา ไมปรากฏผูแตง ๒.อภิธมมฺ าวตาร พระพุทธทัตตะ ๓.อภิธมมฺ ตฺถสงฺคห พระอนุรุทธาจารย ๔.ปรมตถฺ วนิ ิจฺฉย พระอนุรทุ ธาจารย ๕.เขมปกรณ พระเขมาจารย ๖.นามรปู ปริจฺเฉท พระอนรุ ทุ ธาจารย ๗.นามรูปสมาส ไมป รากฏผูแตง ๘.นามาจารทีปก พระโชตปิ าลเถระ ๙.สภาวคนถฺ า ไมปรากฏผูแตง
ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๔๑ ๑๐.ปรมตฺถสาร ไมป รากฏผแู ตง ๑๑.ปรมตถฺ ธมฺมสาร ไมป รากฏผูแตง ๑๒.สารีริกวินิจฺฉย ไมปรากฏผแู ตง ๑๓.ธมฺมวิภูสนี ไมป รากฏผูแตง ๑๔.สตตฺ ปฺปกรณาภิธมฺม ไมป รากฏผูแ ตง ๑๕.รูปารูปวิภาค พระวาจิสสระ ๑๖.รปู วภิ าค ไมปรากฏผูแตง ๑๗.สจจฺ สงฺเขปปกรณ พระจฬู ธรรมปาละ อรรถกถา ไมป รากฏผูแตง ๑.โมหวจิ เฺ ฉทนี อภธิ มมฺ มาติกาอ กถา ไมปรากฏผแู ตง ๒.หตถฺ สาร อภธิ มฺมาวตารวณฺณนา พระอนุรทุ ธาจารย ๓.อภธิ มมฺ ตถฺ สงฺคหสรปู พระพุทธจฬุ าภาติกเถระ ฎกี า ไมป รากฏผแู ตง ๑.มธุสารตฺถทปี นี สตตฺ ปฺปกรณาภิธมฺมฏกี า พระสารบี ุตร ๒.มาติกาวณฺณนา “หลวง” ฏกี า พระสุมงั คลาจารย ๓.อภธิ มฺมาวตารโปราณฏกี า พระสมุ งั คลาจารย ๔.อภิธมฺมตฺถวกิ าสนี อภธิ มมฺ าวตารฏกี า พระนววิมลพุทธิ ๕.อภธิ มฺมตฺถวิภาวนี อภิธมมฺ ตถฺ สงคฺ หฏีกา พระอริยวังสะ ๖.ปรมตฺถมชฺ สู า อภธิ มฺมตถฺ สงฺคหอนุฏกี า พระโชตปาละ45๑ ๗.มณสิ ารมชฺ ูสา อภธิ มฺมตฺถสงฺคหนวฏีกา พระมหาสวุ ณั ณทีปเถระ ๘.สงฺเขปวณณฺ นา อภธิ มฺมตฺถสงคฺ หฏกี า ไมปรากฏผูแตง ๙.อเผคฺคุสารตฺถทีปนี อภธิ มฺมตฺถสงฺคหจูฬฏีกา ไมป รากฏผแู ตง ๑๐.มขุ มตตฺ กถา ปรมตถฺ วินิจฺฉยโปราณฏีกา พระวาจิสสระ ๑๑.ปรมตถฺ วินจิ ฉฺ ยฏีกา พระวาจิสสระ ๑๒.เขมปกรณฏีกา ไมปรากฏผแู ตง ๑๓.ลนี ตถฺ ปกาสินี นามรปู ปริจฺเฉทโปราณฏีกา ไมป รากฏผูแตง ๑๔.อภธิ มฺมาวตารลีนตฺถทีปนี พระอรยิ วังสะ ๑๕.อภธิ มฺมตถฺ สงคฺ หลนี ตถฺ ทีปนี พระสัทธรรมโชติปาละ ๑๖.มณีปทปี ตกิ มาติกาวณฺณนา ไมป รากฏผแู ตง ๑๗.มาตกิ าทีปนี มาติกาวณณฺ นา ไมปรากฏผูแ ตง ๑๘.มาติกาสรูปวภิ าวนี มาติกาอตถฺ วคิ คฺ หวณฺณนา ๑๙.ฉายารามปกรณ มาติกาวณฺณนา ๑ สังเขปวัณณนา ฎีกาอภิธัมมตั ถสงั คหะ พระโชตะปาละ หรือ สัทธมั มโชตปิ าละ ผแู ตง วสิ ทุ ธมิ รรคคณั ฐี เปน ผูแตง
ค่มู อื การอา่ นและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๔๒ ๒๐.สจจฺ สงเฺ ขปปกรณฏกี า พระวาจสิ สระ ๒๑.อภธิ มมฺ ตฺถสงฺคหสรปู ฏีกา พระอนรุ ุทธาจารย ๒๒.ภูมิสงคฺ ห พระธรรมรงั ษี โยชนา ไมปรากฏผูแ ตง ๑.อภิธมมฺ ตฺถสงคฺ หอตฺถโยชนา พระญาณกิตติ ๒.อภธิ มมฺ ตถฺ วภิ าวนีอตถฺ โยชนา พระธรรมปาละ ๓.สจฺจสงฺเขปปกรณอตถฺ โยชนา พระมหาพุทธงั กูร ๔.จตุวีสตปิ จฺจยวารสรูป ไมปรากฏผแู ตง คณั ฐี ไมปรากฏผแู ตง ๑.จิตฺรคณฺท ีปนี ๒.เขมปกรณวิวรณ พระอรยิ วังสธรรมเสนาบดี ๓.มณปี ทปี ตกิ มาติกาวณฺณนาววิ รณ ๔.อภธิ มฺมตถฺ สงฺคหคณฺทปี นี ไมป รากฏผูแตง ๕.อภิธมมฺ ตฺถสงคฺ หวินิจฺฉย ไมป รากฏผูแตง ๖.สารสงคฺ หอกถาคณฺทปี นี ไมป รากฏผูแตง นิสสยั พระภทั ทนั ตานุรทุ ธาจารย ๑.อภธิ มมฺ ตฺถสงคฺ หนสิ สฺ ย ไมปรากฏผแู ตง ๒.ธาตกุ ถาอกถานสิ ฺสย ไมปรากฏผแู ตง ๓.ปรมตฺถสรูปเภทนี คัมภีรอธบิ ายพระไตรปฎก ปกรณพ เิ ศษ ผแู ตง ๑.วิสุทธฺ ิมคคฺ พระพทุ ธโฆสาจารย ๒.วมิ ตุ ตฺ ิมคฺค พระอุปตสิ สเถระ ฎกี า ๑.ปรมตฺถมชฺ ูสา วสิ ทุ ธฺ มิ คฺคมหาฏกี า พระธรรมปาละ ๒.สงเฺ ขปตฺถโชตนี วิสทุ ธฺ ิมคคฺ จูฬฏกี า ไมปรากฏผูแตง คัณฐี พระสทั ธัมมโชติปาละ ๑.วิสุทธฺ มิ คคฺ คณฺท ปี นี ไมป รากฏผแู ตง ๒.เตปฏกคณฺ ท ีปนี
ค่มู อื การอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๔๓ ๑.เวสฺสนฺตรชาตกานสิ สํ ปกิณกะ ไมปรากฏผูแ ตง ๒.ชาลิกณฺหาภเิ สก ไมป รากฏผแู ตง ๓.จตุรารกขฺ าปาลิ พระพุทธโฆสาจารย ๔.จตรุ ารกขฺ าอ กถา พระญาณมงคล ๕.จตรุ ารกฺขาฏกี า ไมป รากฏผแู ตง ๖.มหามลู กมมฺ าน ไมป รากฏผแู ตง ๗.สคฺคาวตาร ไมป รากฏผแู ตง ๘.กายวริ ตคิ าถา ไมปรากฏผแู ตง ๙.ภววริ ติคาถา ไมป รากฏผูแตง ๑๐.มหาพุทธฺ คุณปาลิ ไมปรากฏผแู ตง ๑๑.มหาพุทฺธคณุ อกถา ไมป รากฏผแู ตง ๑๒.มหาพทุ ฺธคุณฏกี า ไมป รากฏผแู ตง ๑๓.มหาพทุ ฺธาทิคณุ ปาลิ ไมปรากฏผูแ ตง ๑๔.มหาพุทธฺ าทคิ ุณอกถา ไมปรากฏผูแตง ๑๕.พุทธฺ คุณปกาสินี ไมปรากฏผูแ ตง ๑๖.ปชชฺ มธุ ไมป รากฏผูแตง ๑๗.ธมมฺ กายาทิ ไมป รากฏผแู ตง ๑๘.ปรติ ตฺ วณณฺ นา พระเตโชทีปกเถระ ๑๙.ปริตตฺ คณฺ ทีปนี ไมปรากฏผูแตง ๒๐.นโมฏีกา ไมป รากฏผูแตง ๒๑.พาหฏุ ีกา ไมป รากฏผแู ตง ๒๒.การสพฺพธมฺมาทิ ไมป รากฏผูแ ตง ๒๓.การสจฺจาภสิ มฺโพธน ไมป รากฏผแู ตง ๒๔.การสพฺพธมฺม ไมปรากฏผูแ ตง ๒๕.การคมมฺ ไมป รากฏผูแตง ๒๖.การคมน ไมป รากฏผแู ตง ๒๗.การอธคิ มฺม ไมป รากฏผแู ตง ๒๘.การขนฺธสนฺตาน ไมปรากฏผูแตง ๒๙.การสพฺพฺ ู ไมปรากฏผแู ตง ๓๐.การปรภิ าวติ ตฺ ไมปรากฏผูแตง ๓๑.การคมนาการ ไมปรากฏผูแตง ๓๒.สุจติ ตฺ าลงฺการ พระกลั ยาณสาระ ๓๓.อุปาสกชนาลงฺการ ไมป รากฏผูแตง
๓๔.มนุ ิคุณาลงกฺ าร ค่มู ือการอ่านและแปลภาษาโบราณ : ภาษาบาลี ๒๔๔ ๓๕.ปฏปิ ตฺตสิ งคฺ ห ๓๖.สารสงคฺ ห พระสรณงั กรสงั ฆราช ๓๗.สารตถฺ ทปี นีสงเฺ ขป ไมป รากฏผูแตง ๓๘.ปสาทนยี กถา ๓๙.พาลจติ ฺตปฺปโพธคนฺถ พระนนั ทาจารย( เชียงใหม) ๔๐.สทฺธมฺโมปายน ๔๑.อตฺถปปฺ ทีปกา ไมปรากฏผูแตง ๔๒.มาตุคณุ กถา ไมป รากฏผแู ตง ๔๓.ปตุคณุ กถา ไมปรากฏผแู ตง ๔๔.ภมุ ฺมสงฺคห ไมป รากฏผแู ตง ๔๕.ปฺจคติ ไมป รากฏผแู ตง ๔๖.มหาวปิ าก ไมป รากฏผแู ตง ๔๗.สตฺตวิปาก ไมป รากฏผูแ ตง ๔๘.ทสวตถฺ ทุ านกถา ไมป รากฏผแู ตง ๔๙.ทสปุ ฺ กริ ยิ าวตฺถุกถา ไมป รากฏผูแตง ๕๐.สหสสฺ วตถฺ ปุ กรณ ไมปรากฏผแู ตง ๕๑.มธุรสวาหินี (ชมฺพุทปี ) ไมปรากฏผแู ตง ๕๒.มธรุ สวาหินฏี กี า (ชมฺพุทีป) ไมปรากฏผูแตง ๕๓.มธุรสวาหนิ ี (ลงกฺ าทีป) ไมป รากฏผูแตง ๕๔.มธรุ สวาหนิ ีฏกี า (ลงฺกาทีป) ไมปรากฏผูแตง ๕๕.โสตพฺพมาลนิ ี พระรัฐปาละ ๕๖.สาธจุ รโิ ตทยคาถา สทิ ธตั ถกวี ๕๗.โมคคฺ ลฺลานพมิ พฺ ปหฺ า ไมปรากฏผแู ตง ๕๘.สุตฺตชาตกนิทานานสิ สํ กถา พระรฐั ปาละ ๕๙.วตถฺ ทานานิสํสกถา ไมป รากฏผูแตง ๖๐.ทานานสิ สํ กถา ไมป รากฏผแู ตง ๖๑.ยานานสิ ํสกถา ไมปรากฏผแู ตง ๖๒.ทปี ทานานิสสํ กถา ไมป รากฏผูแ ตง ๖๓.วหิ ารทานานิสสํ กถา ไมป รากฏผูแ ตง ๖๓.ปตฺตาธารทานานสิ สํ กถา ไมป รากฏผูแ ตง ๖๖.ปฏสิ งฺขรณานสิ ํสกถา ไมปรากฏผูแตง ๖๗.สีมานิสํสกถา ไมป รากฏผแู ตง ๖๘.ปฺจสีลานิสํสกถา ไมป รากฏผแู ตง ไมป รากฏผูแ ตง ไมปรากฏผูแ ตง ไมปรากฏผูแ ตง ไมป รากฏผแู ตง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258