Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปาฬิสิกขาและสัททสังเขป โดย พระอาจารย์ชนกาภิวังสะ อัครมหาบัณฑิต

ปาฬิสิกขาและสัททสังเขป โดย พระอาจารย์ชนกาภิวังสะ อัครมหาบัณฑิต

Description: ✍️

Search

Read the Text Version

238 ข้อความตอนท้ายหนังสอื ยทิ ๑. ยทิ สํฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สํโฆ อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทยฺย อิตฺถนฺนาเมน อุปชฌฺ าเยน. ถา้ กาลของพระสงฆ์พรอ้ มเพรียงแล้ว พระสงฆ์ยังบคุ คลชอ่ื นพี้ ึงใหบ้ วช ดว้ ย อปุ ชั ฌาย์ช่อื นี้ ๒. ปจุ ฺฉ มหาราช ยทากงขฺ สิ. ขา้ แตม่ หาราช ถา้ ตอ้ งการถาม กจ็ งถาม ยทิ ศพั ท์ บางครัง้ มีอรรถ ปริกปปฺ เหมอื นกบั วา ศพั ท์ เช่น ๑. ยญฺเทว ปริสํ อปุ สงฺกมต,ิ ยทิ ขตตฺ ยิ ปรสิ ,ํ ยทิ พรฺ าหมณปริส,ํ ยทิ คหปตปิ ริส,ํ ยทิ สมณปริสํ. เข้าไปหาบริษัท ใด ใด ขัตติยะบริษัทก็ดี พราหมณบริษัทก็ดี คหบดีบริษัท ก็ดี สมณะบริษทั ก็ดี ๒. คาเม วา ยทิ จารญฺเ นนิ ฺเน วา ยทิ วา ถเล. ยตถฺ อรหนโฺ ต วิหรนฺติ ตํ ภมู ิรามเณยฺยกํ. พระอรหนั ต์ ท. อยใู่ นทใ่ี ด ในบ้านกด็ ี ในปา่ กด็ ี ทด่ี อนกด็ ี ทีล่ ุ่มกด็ ี ที่นั้นเปน็ ท่ี นา่ ร่นื รมย์ ๓. นตฺถิ โลเก รโห นาม ปาปกมมฺ ํ ปกพุ พฺ โต, อตตฺ า เต ปรุ สิ ชานาติ สจจฺ ํ วา ยทิ วา มสุ า. ขึ้นช่ือว่าความลับไม่มีในโลก แก่บุคคลผู้กระท�ำบาป ดูก่อนบุรุษ ตัวของตน ยอ่ มรู้ จริงหรอื หรอื ไม่จริง อถ ๑. อถาปิสฺส หตเฺ ถ อทตฺวา อาจรโิ ย วา อุปชฌฺ าโย วา สยเมว อจฉฺ าเทติ วฏฏฺ ต.ิ แม้ถา้ ไมใ่ หใ้ นมือของเธอนัน้ อาจารย์ก็ดี อปุ ัชฌายก์ ด็ ี นุ่งเองนน่ั เทียว ยอ่ มควร ฯ ๒. อถาปสิ ฺส สทฺธึ จรา นตฺถิ. ตสฺมเึ ยว ปน วหิ าเร เอโก วา เทวฺ วา วตฺตสมปฺ นฺนา วทนฺติ... แมถ้ ้าวา่ ภิกษอุ งค์น้นั ไม่มสี ามเณรผู้ไปพร้อมกับตนในวิหารน้นั ๆ เทยี ว องคห์ นึง่ หรือวา่ สององค์ ยอ่ มบอก (ไมต่ อ้ งอาบตั ิ) อถ ศัพท์นอกจากน้มี อี รรถหลายอย่าง

ประโยคพเิ ศษ 239 สเจ ๑. สเจ ตํ ภคินิ ฉทฑฺ ินียธมมฺ ํ อธิ เม ปตฺเต อากิร. ดกู ่อนน้องหญิง ถ้าวา่ วัตถนุ ั้น มสี ภาพจะท้ิง จงใสล่ ง ในบาตรเราน้ี ๒. สเจ เต กสฺสป อครุ, วเสยยฺ าม เอกรตฺตํ อคยฺ าคาเร. ดูก่อนกสั สปะ ถา้ วา่ ความไม่หนักใจ มีอยู่ แก่ทา่ น เรา ขออยู่ ในโรงไฟ สักคนื เจ ๑. โน เจ มํ อนสุ ฺสเรยฺยาถ, อถ ธมฺมํ อนุสฺสเรยฺยาถ. ถ้าว่าทา่ น ท. ไมน่ ึกถึงเรา, เวลานนั้ ทา่ น ท. พงึ นกึ ถงึ ธรรม ๒. เถโร เจปิ มํ วเทยฺย, หิตานุกมปฺ ิ มํ วเทยยฺ , โน อหิตานกุ มปฺ ี. แม้หากว่าพระเถระพึงกล่าวกะเรา เป็นผู้มีความอนุเคราะห์ พึงกล่าวกะเรา ไม่มคี วามอนุเคราะห์แล้ว ไม่พงึ กล่าวกะเรา ยนนฺ นู ยนฺนูน นิบาตนี้อยู่หน้าประโยคแสดงอรรถความคิด และต้องมีกิริยาอาขยาตเป็น สัตตมีวภิ ัตติ อมฺหโยค เปน็ สว่ นมากท่ีเปน็ ตมุ หฺ โยค และภวสิ สันตีวิภัตติ มใี ช้น้อย ๑. ยนฺนูนาหํ ปญฺจวคคฺ ยิ านํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยยฺ .ํ เราแสดงธรรมแก่ปญั จวคั คีย์ ท. ก่อน คงดีหนอ ๒. ยนฺนนู าหมปฺ ิ ธมฺมํ สเุ ณยฺยํ ถ้าวา่ เราดว้ ย พึงฟงั พระธรรม ดีหนอ ๓. ยนฺนนู มยมปฺ ิ ติณฺหานิ สตฺถานิ การาเปสฺสาม. ถ้าวา่ เรา ท. ดว้ ย ใหท้ �ำศัตรา ท. อนั คม ดีหนอ ๔. ยนฺนนู มณุ โฺ ฑ ราชา อายสมฺ นฺตํ ปริยปุ าเสยฺย. อปฺเปว นาม มณุ ฺโฑ ราชา อายสมฺ โต นารทสสฺ ธมมฺ ํ สุตฺวา โสกสลฺลํ ปชเหยฺย. ถ้าว่าพระเจ้ามุณฑะ พงึ ไปหา นารทะ ดีหนะ พระเจา้ มุณฑะฟงั ธรรม ของนารทะ ผูม้ อี ายุ คงจะถอนธรรมคอื ความโศก ไดห้ นอ

240 ข้อความตอนทา้ ยหนังสือ กญิ จฺ าปิ กญิ ฺจาปิ นิบาตนห้ี ากกลา่ วอรรถยกย่อง (อนคุ คฺ หตฺถ) และ อรรถติเตยี น (คหรตถฺ ) จะต้องมศี ัพท์เหลา่ น้ีคือ ปน, อถ, โข, เอวํ สนฺเต, ตถาป,ิ อปิจ. ศพั ทใ์ ด ศัพทห์ น่งึ อยู่ใน ประโยคต่อไป และต้องมเี น้ือความตรงกนั ข้าม ถ้าหากไมม่ กี ต็ ้องใส่เข้ามาในเวลาแปล ๑. อยํ กิญจฺ าปิ ทานํ น เทต,ิ กเถนฺโต ปน เตเลน วิย มกฺขติ. อ.คนนี้ แม้ไมถ่ วายทาน แตว่ ่า กล่าวอยู่ ยอ่ มข่ม ราวกะว่า นำ�้ มัน (ติเตียน) ๒. อยํ ภนเฺ ต อานนโฺ ท กญิ ฺจาปิ เสกโฺ ข, เตนหิ ภนฺเต เถโร อายสฺมนฺตมปฺ ิ อานนทฺ ํ อุจฺจนิ ตุ. ขา้ แตท่ า่ นผเู้ จรญิ อ.พระอานนทน์ ี้ แมเ้ ปน็ เสกขบคุ คล ขา้ แตท่ า่ นผเู้ จรญิ ถงึ อยา่ งนน้ั อ.พระเถระ ขอจงเลอื ก ซง่ึ พระอานนท์ ผู้มอี ายุดว้ ย กามํ แปลวา่ แนแ่ ท้ ใช้กริ ิยาได้ทง้ั หมด ๑. กามํ จชาม อสเุ รสุ ปาณ.ํ แม้ อ.เรา ท. จะสละ ซง่ึ ชีวติ ในอสรู แน่ ๒. กามํ ตโจ จ นหารุ จ อฏฺ ิ จ อวสสิ ฺสตุ. สรีเร อปุ สุสสฺ ตุ มํสโลหติ ํ. แม้หนัง แม้เอ็น แม้กระดูก จักเหลือลง แม้เน้ือและเลือด ในร่างกาย จัก เหอื ดแหง้ ...แน่ ในบางท่ี กามํ ศพั ท์มีอรรถเหมือน กญิ จฺ าปิ ๑. กามํ โข มาหุ ปรโลโก. โหตุ เนสํ ภวตํ สมณพรฺ าหมฺ ณานํ สจจฺ ํ วจนํ. ก็แล แม้ในโลกอ่ืนไม่มี. เอวํ สติ คร้ันเมื่อความเป็นอย่างนั้น มีอยู่ อ.ค�ำสัจจ์ ของสมณะพราหมณ์ ผู้เจรญิ เหล่าน้นั จงเปน็ ความจรงิ ๒. ภกิ ขฺ นุ ิทูสโก เจตฺถ กามํ อพฺรหมจารคิ คฺ หเณน คหิโตว, อพรหมจารึ ปน อายตึ สวํ เร าตกุ ามํ สรณานิ ทตวฺ า อุปสมฺปาเทตุํ วฏฺฏต.ิ กใ็ นบรรดาสามเณร ท. เหลา่ น้ี อ.สามเณรผปู้ ระทษุ รา้ ยนางภกิ ษณุ ี แมร้ บั เอาแลว้ ด้วย อพฺรหฺมจารีศัพท์ ควรให้สรณคมน์แล้วให้อุปสมบท แก่อพรหมจารีบุคคล ผู้ต้องการ ต้งั อยู่ในความส�ำรวมตอ่ ไป

ประโยคพิเศษ 241 อตฺถิ นาม, กถํ หิ นาม, ยตฺร หิ นาม นาม อติ ิ ครหา ปสสํ น สญฺา ปญฺเหสุ จ (รปู สิทธิ. ๑๓๕) ถ้าต้องการติเตยี น หรือสรรเสรญิ ตอ้ งใช้ อตฺถิ นาม, กถํ หิ นาม หรือ ยตฺร หิ นาม อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ไวใ้ นประโยค และตอ้ งมกี ริ ยิ าเปน็ อนาคต วภิ ตั ตใิ นอดตี เปน็ สว่ นมาก (อรรถ ปัจจุบันมนี อ้ ย) หากใช้ ยตฺร หิ นาม จะต้องเขยี นใหเ้ ป็น ๒ ประโยค คือประโยคแน่นอน (ประโยค ต) และประโยคไมแ่ นน่ อน (ประโยค ย) ยตฺร หิ นาม นมี้ ีเนื้อความเท่ากับ โย นาม, ยา นาม, ยสฺมึ หรือ ยสฺมา อยา่ งใด อย่างหนง่ึ ตเิ ตียน ๑. อตฺถิ นาม อานนฺท เถรํ ภกิ ฺขํุ วเิ หสิยมานํ อชฺฌุเปกขฺ ิสฺสถ. น หิ นาม อานนทฺ การุญฺมปฺ ิ ภวสิ สฺ ติ เถรมหฺ ิ ภิกขฺ ุมฺหิ วิเหสิยมานมฺห.ิ ดูก่อนอานนท์ เธอ ท. วางเฉยแล้ว ซึ่งพระเถระผู้ถูกเบียดเบียนอยู่ (แสดงความ ไมพ่ อใจ) อานนท์ คร้นั เมื่อพระเถระภิกษุถูกเบียดเบียน อ. ความกรณุ า จกั ไม่มไี ด้อย่างไร ติเตียน ๒. กถํ หิ นาม โส ภกิ ขฺ เว โมฆปรุ ิโส สพฺพมตตฺ กิ ามยํ กฏุ ิกํ กรสิ ฺสติ. น หิ นาม ภกิ ขฺ เว ตสสฺ โมฆปุรสิ สสฺ ปาเณสุ อนทุ ฺทยา อนุกมปฺ า อวเิ หสา ภวิสฺสติ. ดกู อ่ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย อ.โมฆบรุ ษุ นนั้ กระท�ำแลว้ ซง่ึ กฏุ อิ นั ส�ำเรจ็ แลว้ ดว้ ยดนิ เหนยี ว ทั้งหมดกระท�ำได้อย่างไร ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย อ.ความกรุณา ของโมฆบุรุษนั้น ไม่มีแล้ว ในสตั ว์ทงั้ หลายเลยหรือ ติเตยี น ๓. ถริ ตถฺ ุ กิร โภ ชาติ นาม ยตฺร หิ นาม ชรา ปญฺ ายิสฺสต.ิ คร้ันเมือ่ ชาติมีอยู่ อ.ชรา ปรากฏแลว้ ได้ยินว่า ชอื่ อ.ชาติ อนั เจริญ น่าเกลยี ด หนอ

242 ขอ้ ความตอนทา้ ยหนังสอื สรรเสรญิ ๔. อจฺฉริยํ วต โภ อพฺภุตํ วต โภ ยาว สทฺธายํ สุปฺปิยา ปสนฺนา ยตฺร หิ นาม อตตฺ โนปิ มสํ านิ ปริจฺจตฺตาน.ิ (ยตฺร, ยสมฺ า) น่าอัศจรรยห์ นอ ไม่น่ามีแลว้ หนอ อ.นางสปุ ปิยาคนน้ี มีศรัทธาแรงมาก เพราะ สละแม้เนือ้ ของตนเอง ฯ นาม ศพั ท์ กล่าวอรรถ สญฺ า (ชือ่ ) ๕. อฏฺ อกขฺ รา สรา นาม, อฏฺ โลภสหคตจติ ตฺ านิ นาม. นาม ศัพทก์ ลา่ วอรรถ ตเิ ตียน กึ นุ โข ตยุ ฺหํ อุทายิ พาลสสฺ พยฺ ตฺตสฺส ภณิเตน, ตวมปฺ ิ นาม ภณิตพพฺ ํ มญฺ ส.ิ ดูก่อนอุทายี อ.ประโยชน์อะไร ด้วยค�ำพูด ของเธอ ผู้เป็นพาล แม้ อ.เธอ ย่อมส�ำคญั ว่าเปน็ ค�ำพดู ท่คี วรกล่าวรึ ? อฏฺานเมตํ อนวกาโส เนตํ านํ วชิ ฺชติ. หากต้องการกล่าวถึงสภาพท่ีเป็นไปไม่ได้ จะต้องเขียนเป็น ๒ ประโยค คือเขียน อฏฺานเมตํ อนวกาโส เป็นประโยคหน้าแสดงความแน่นอน (นิยมวากฺย) และต้องมี ประโยคแสดงความไม่แนน่ อน (อนยิ มวากฺย ประโยค ย) มกี ริ ยิ าอาขยาตเป็น สัตตมีวิภตั ติ เป็นประโยคหลงั และมี เนตํ านํ วชิ ชฺ ติ อยหู่ ลังจากประโยค ย อกี (จะไม่มีก็ได)้ ยํ ศพั ท์ มอี รรถเปน็ เยน าเนน. เยน โอกาเสน. ๑. อฏฺ านเมตํ ภกิ ฺขเว อนวกาโส, ยํ ทิฏฺ สิ มปฺ นโฺ น ปคุ ฺคโล มาตรํ ชวี ติ า โวโรเปยยฺ , เนตํ านํ วชิ ฺชต.ิ (องฺ., เอก. ๒๘) อ.บุคคลผู้เปน็ สมั มาทิฏฐิ ปลงลง ซ่ึงมารดา จากชีวติ เพราะฐานะใด. อ.ฐานะนั้น ไมม่ ี (บคุ คลผูเ้ ปน็ สัมมาทิฏฐิ ฆ่าแม่ เป็นไปไมไ่ ด้) ๒. อฏฺานเมตํ ภิกขฺ เว อนวกาโส, ยํ กายทุจจฺ รติ สฺส อฏิ ฺโ กนฺโต มนาโป วปิ าโก นพิ พฺ ตฺเตยยฺ , เนตํ านํ วิชฺชต.ิ (องฺ., เอก. ๓๐)

ประโยคพเิ ศษ 243 านเมตํ วชิ ฺชติ หากต้องการกล่าวถึงสภาพท่ีเป็นไปได้จริง จะต้องเขียนประโยค านเมตํ วิชฺชติ เป็นประโยคหน้า วธิ ีทเ่ี หลือเหมือนกับประโยค อฏฺานเมตํ อนวกาโส. ๑. านญฺจ โข เอตํ ภิกฺขเว วิชชฺ ต.ิ ยํ ปุถุชฺชโน มาตรํ ชีวติ า โวโรเปยฺย. านเมตํ วิชฺชติ. น โข ปเนตํ ปติรูปํ (ปน ศัพทไ์ ม่มกี ไ็ ด)้ หากตอ้ งการกล่าวถงึ ความไมส่ มควร ต้องเขยี นประโยค น โข ปเนตํ ปตริ ูป.ํ ประโยค หนา้ และประโยคหลงั เป็นประโยคอนิยม (ย ศพั ท)์ มวี จนะตามประธานบท ๑. น โข ปเนตํ ปติรปู ํ. ยวฺ าหํ เสกฺโข สมาโน สนฺนิปาตํ คจเฺ ฉยฺยํ. (ว,ิ , ๑, ๑๐) เราใด แม้เป็นเสกขะ มีอยู่ พึงเข้าไปสู่ที่ประชุม อ.การเข้าไปสู่ท่ีประชุมน้ัน ไม่สมควรแก่เราน้นั ฯ ๒. น โข ปเนตํ ปตริ ูปํ ยฺวาหํ ทสพลสฺส สาสนวิปตตฺ ึ สุตวฺ า อปโฺ ปสสฺ ุกโฺ ก ภเวยฺยํ (วิ, , ๑, ๑๐) ๓. น โข ปเนตํ อมฺหากํ ปติรูป.ํ เย มยํ ปพุ พฺ เกหิ ธมมฺ เิ กหิ ธมมฺ ราชูหิ สมนคุ ฺ- คหติ สสฺ พุทฺธสาสนสสฺ ปรหิ านิการณํ ปสฺสมานาเยว อชฺฌุเปกขฺ ติ วฺ า อปโฺ ปสุกกฺ า วหิ เรยยฺ าม. (ฉฏฺ นทิ าน) อ.เรา ท. เหลา่ ใด เหน็ อยซู่ งึ่ เหตแุ หง่ ความเสอื่ มแหง่ พระศาสนา ของพระพทุ ธเจา้ ผู้อันพระธรรมราชา ท. ผู้เป็นโบราณ อนุเคราะห์ด้วยดี อยู่เฉย ๆ แล้ว ไม่ขวนขวายอยู่ อ.การอยู่อยา่ งนีไ้ ม่สมควร แกเ่ รา ท. เหล่านใี้ ด ๔. น โข ปเนตํ ปติรูป.ํ ยวฺ าหํ สาสเน ปพฺพชิโต สมาโน ปริยตฺตึ อปรยิ าปุณนฺโต ปฏปิ ตตฺ ึ อปฏิปชชฺ นฺโต วหิ เรยยฺ .ํ อุปมา อปุ เมยยฺ หากต้องการกล่าวถึงการเปรียบเทียบกันในส่ิงสองส่ิงก็ต้องใช้นิบาตเหล่าน้ีคือ ยถา, เสยฺยถาป,ิ เสยยฺ ถาปิ นาม เป็นตน้ แสดง อุปมา (ส่ิงที่น�ำมาเปรียบ) อยู่ในประโยคหนงึ่ , และ ใช้ ตถา, เอว,ํ เอวเมวํ ศัพท์เป็นตัวแสดง อปุ เมยยฺ (สิ่งท่ถี ูกเปรยี บ) อยู่ในอีกประโยคหนง่ึ , ถ้าว่าการเปรียบนั้นอยู่ในประโยคเดียวกันต้องใช้ อิว, วิย, ยถา ศัพท์เป็นต้นเป็นตัวแสดง อุปมา ก็และอุปมาบทและอุปเมยยบทจะมีวิภัตติและวจนะเหมือนกันก็ตาม ไม่เหมือนกัน

244 ข้อความตอนทา้ ยหนังสือ ก็ตาม แตต่ อ้ งมีวิภัตติเดียวกนั และในบางที่ อปุ มานโชตก (ศพั ท์แสดงอุปมา) หรอื อุปเมยยฺ โชตก (ศพั ท์แสดงอปุ เมยฺย) อย่างใดอยา่ งหน่งึ ไมม่ ีในเวลาแปลต้องใสเ่ ข้ามา นิยม ๑. นาหํ ภกิ ฺขเว อญฺ ํ เอกรปู มปฺ ิ สมนปุ สฺสามิ. ยํ เอวํ ปรุ สิ สสฺ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺ ติ ยถยทิ ํ ภกิ ฺขเว อติ ฺถริ ูป.ํ ยํ เป็น อปุ เมยฺย, อิทํ อิตฺถริ ปู ํ เปน็ อุปมาน มวี ภิ ตั ตติ รงกัน ๒. ผลํ เว กทลึ หนตฺ ิ ผลํ เวฬุํ ผลํ นฬํ, สกกฺ าโร กาปรุ สิ ํ หนฺติ คพโฺ ภ อสสฺ ตรึ ยถา. อ.ผลกล้วย ย่อมฆา่ ซง่ึ ต้นกลว้ ย อ.ขุยไผ่ ย่อมฆ่า ซงึ่ ตน้ ไผ่ อ.ผลออ้ ย่อมฆ่า ซ่ึงต้นอ้อ อ.ม้าอัสดร ตัวอยู่ในท้อง ย่อมฆ่า ซึ่งแม่ม้าอัสดร ฉันใด, อ.สักการะ ย่อมฆ่า ซง่ึ บุรุษน่าเกลียด (เหมือนพระเทวทัต) ฉนั นนั้ . ผลํ กทลึ เป็นต้น เป็น อปุ มาน, สกกฺ าโร กาปุรโิ ส เป็นอปุ เมยฺย มีวิภตั ตเิ หมือนกนั ๓. เสยฺยถาปิ โภ โคตม นิกกฺ ชุ ฺชิตํ วา อกุ ฺกุชฺเชยยฺ ปฏิจฉฺ นนฺ ํ วา วิวเรยยฺ . มุฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย. อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย. \"จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีต.ิ เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปรยิ าเยน ธมฺโม ปกาสโิ ต. ๔. เอวมฺปิ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควตา โอฬารเิ ก นมิ ติ ฺเต กริยมาเน โอฬาริเก โอภาเส กรยิ มาเน นาสกขฺ ิ ปฏิวิชฺฌติ ุํ น ภควนตฺ ํ ยาจิ (ตฏิ ฺตุ ภนฺเต ภควา กปฺป.ํ ติฏฺตุ สุคโต กปฺปํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย เทวมนสุ ฺสานนฺต.ิ ยถา ตํ มาเรน กรยี ฏฺติ จิตโฺ ต.) (ตํ ไมม่ ีอรรถ) ตํ ทอี่ ยูห่ ลงั ยถา ไมม่ ีอรรถ แตถ่ ้าเป็น ตํ ยถา กม็ ีอรรถ ๕. อยํ โข เม พราหฺมณ รตตฺ ิยา ปเม ยาเม ปมา วชิ ชฺ า อธิคตา. อวิชชฺ า วหิ ตา. วิชชฺ า อปุ ปฺ นฺนา. ตโม วหิ โต. อาโลโก อปุ ปฺ นโฺ น. ยถา ตํ อปปฺ มตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสสฺ วหิ รโต. เม เป็น อปุ เมยยฺ และ อปปฺ มตฺตสสฺ เปน็ ต้น เป็น อุปมาน มวี ิภตั ตติ รงกนั ๖. อยํ โข พรฺ าหมณ ปมาภนิ ิพฺภทิ า อโหสิ กกุ ฺกฏุ จฉฺ าปกสเฺ สว อณฑฺ โกสมหฺ า. เม เปน็ อปุ เมยฺย กกุ ฺกฏุ จฺฉาปกสฺส เปน็ อุปมาน มวี ภิ ัตติตรงกนั อิว เป็น อุปมา- โชตก ฯ

ประโยคพิเศษ 245 อปุ มาน กับ อปุ เมยฺย มีวภิ ัตติตา่ งกนั ก็มีเช่น ๗. เอกาหํ ภนเฺ ต ปาณึ อภินิมมฺ นิ ิสฺสามิ เสยฺยถาปิ มหาปถว.ี (ปาณึ เป็น อปุ เมยยฺ ทุติยาวิภตั ติ มหาปถวี เป็น อุปมา ปฐมาวภิ ัตติ) เอกํ อหํ ภนฺเต หตฺถํ ยถา อยํ มหาปถวี เอวํ อภินิมฺมินิสฺสามิ ปถวีสทิสํ กริสฺสาม.ิ (ค�ำขยายของขอ้ ๗) ๘. ปุพเฺ พว สนนฺ ิวาเสน ปจฺจุปฺปนนฺ หิเตน วา, เอวํ ตํ ชายเต เปมํ อปุ ปฺ ลวํ ยโถทเก. เปมํ เปน็ อุปเมยยฺ , อปุ ปฺ ลํ เปน็ อุปมาน มีวภิ ัตตติ รงกัน ๙. อถสฺส ฌานผเลน สนฺนิสินฺโนปิ กิเลโส กรณฺฑเก ปกฺขิตฺตอาสีวิโส วิย ผณํ กตฺวา อุฏฺ หิ. ขรี รุกฺขสฺส วาสยิ า อาโกฏติ าโล วยิ อโหส.ิ กิเลสอันนอนเนื่อง เพราะฌานผล ของฤาษีน้ัน เกิดข้ึนเหมือนกับงูอันบุคคล ใส่เขา้ แลว้ ในตะกร้าเปน็ เหมอื นการถกู ฟันด้วยขวาน แหง่ ต้นไมม้ ียาง (กเิ ลส เปน็ อปุ เมยฺย ปกฺ...สีวโิ ส และ อาโก...กาโล เปน็ อุปมาน มวี ภิ ัตตติ รงกัน ๑๐. อิมมหฺ ิ เจ อยํ (ปทฏุ ฺจติ โฺ ต) สมเย ปคุ คฺ โล กาลํ กเรยฺย. ยถาภตํ นกิ ขฺ ติ โฺ ต. เอวํ นริ เย. ๑๑. เยสํ ภกิ ฺขุ อญฺตรํ วา อญฺตรํ วา อาปชชฺ ติ วฺ า น ลภติ ภกิ ฺขหู ิ สทธฺ ึ สวํ าสํ ยถา ปเุ ร, ตถา ปจฉฺ า. ตาทิส ยาทสิ เปน็ ศพั ท์แสดง อปุ มา, อปุ เมยฺย อีกอยา่ งหน่งึ ๑๒. สทฺโธ ภกิ ฺขเว ภิกฺขุ เอวํ สมมฺ า อายาจมาโน อายาเจยฺย \"ตาทโิ ส โหม.ิ ยาทสิ า สารปิ ุตฺตโมคคฺ ลลฺ านา\" ต.ิ ยาทสิ า เปน็ อปุ มาน ตาทโิ ส เปน็ อุปเมยฺย ๑๓. สทธฺ า ภกิ ฺขเว ภิกขฺ นุ ี เอวํ สมฺมา อายาจมานา อายาเจยยฺ ตาทสิ ี โหมิ. ยาทสิ ี เขมา จ ภิกฺขนุ ี อปุ ปฺ ลวณฺณา จาติ. บางคร้ัง วิย, อิว เป็น ตทฺธมฺมูปจาร (กล่าวถึงสิ่งที่ไม่เคยมีให้มีข้ึน) คือเป็น ตวั แสดงถงึ สภาพทไ่ี ม่เคยมีหรอื มีไมไ่ ดใ้ นบางสงิ่ ให้มขี ึน้ ได้ ในสงิ่ ท่ีไมม่ นี น้ั เชน่ พดู วา่ ดอกบัว อยใู่ นน้ำ� นานก็เหนอื่ ย จงึ ขนึ้ มาอยู่บนบก เหมือนกบั มาพกั ผ่อนความเหนื่อยและการพกั ผ่อน ของบัวไม่มีแตก่ ล่าวให้มขี ้ึนเปน็ ต้น (สภาพท่ีมอี ยกู่ บั สงิ่ ทีม่ ีชีวติ น�ำไปใช้กับส่ิงทไ่ี ม่มชี วี ติ )

246 ข้อความตอนท้ายหนงั สอื ๑๔. โพธิสตตฺ ปฺปภาเวน ถเลปิ ชลชานยฺ หํ,ุ นุทนตฺ านิว สุจิรา วาสกเฺ ลสํ ตหึ ชเล. บทวา่ นุทนตฺ านิ อิว เป็น ตทฺธมมฺ ปู จาร เพราะความเหนื่อยไมม่ ใี นดอกบวั แต่ใช้ ค�ำว่า นุทนฺตานิ อวิ ดอกบวั เหนอื่ ย พเิ ศษ บางครั้ง ยถา, ตถา ไม่ได้เป็น อุปมา กิริยาของประโยค ตถา จะต้องเปลี่ยนเป็น ลกขฺ ณกริ ิยา แล้วสัมพันธก์ บั ยถาศพั ท์ ยถา, ตถา ท่ีไมใ่ ช่ อุปมา จะรู้ได้โดยเน้ือความและกิริยาของประโยค ตถา จะต้องไปเป็น ลกฺขณกิริยา (เป็น กติ กิรยิ า สตั ตมีวภิ ัตต)ิ ของ ประโยค ยถา ๑. โสหํ ภนฺเต ตถา กริสฺสามิ. ยถา มํ มาตาปิตโร อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคารยิ ํ ปพฺพชชฺ าย. ครั้นเม่ืออาการอันเรากระท�ำโดยประการใด อ.มารดา บิดา จัก...ไมม่ ี อ.เรา จกั กระท�ำ ซ่ึงประการนน้ั กริสฺสามิ เป็นกิริยาของ ตถา กริสฺสามิ น้ัน เป็นลักขณะกิริยาของ ยถา ว่า \"กริยมาเน\" ๒. ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา. เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายาย. ๓. ยถา ตถาหํ ภนเฺ ต ภควตา ธมมฺ ํ เทสติ ํ อาชานามิ. นยิทํ สกุ รํ อคารํ อชฌฺ าวสตา เอกนฺตปริปณุ ฺณํ เอกนตฺ ปรสิ ทุ ฺธํ สงฺขลขิ ิตํ พฺรหมฺ จรยิ ํ จริต.ํุ ๔. ยถา สกฺกา โส กาต,ํุ ตถา เม อาจกิ ฺขาห.ิ คร้ันเมื่อบอกโดยประการไร อ.ท่านนั้น อันเราอาจเพ่ือรู้ได้ จงบอกแก่เรา โดยประการน้ัน

ประโยคพิเศษ 247 ยถา ศัพท์ท่ีแปลวา่ ตาม ยถา ศพั ทป์ ระกอบกับบททุตยิ าวิภตั ตแิ สดงอรรถ ตามทเ่ี คยประพฤติมา. ๑. ยถาภุตตฺ ญจฺ ภญุ ชฺ ถ. จงปรโิ ภคตามที่เคยบริโภคมา ๒. ยถาสุขํ นิสที ตุ. จงนัง่ ตามสบาย ๓. ยถากถติ ํ กเถหิ. จงกลา่ วตามค�ำท่เี ขาบอก ยทิ เอวํ ประโยคโจทกใ์ ช้ ยทิ เอวํ แปลว่า ถา้ เช่นน้ัน ๑. ยสฺมา ปนสสฺ กิญฺจิ ทสพลเทสติ ํ สตุ ฺตเคยฺยาทกิ ํ ภควโต อสมมฺ ุขา ปฏฺิคคฺ หิตํ นาม นตฺถ.ิ ตสฺมา วินาปิ (เตน อายสมฺ ตา ธมฺมสงฺคตี ิ าตุํ) น สกฺกา. ยทิ เอวํ เสกฺโขปิ สมาโน ธมฺมสงคฺ ีติยา พหกุ ารตตฺ า เถเรน อจุ ฺจินติ พฺโพ อสฺส. อถ กสฺมา น อจุ ฺจินิโต. ๒. ยทิ เอวํ อหมปฺ ิ เอตเฺ ถว ปพพฺ ชามิ. ถา้ อย่างนัน้ เราจะบวชในศาสนานี้ นัน่ เทียว ๓. ยทิ เอวํ สนฺเต โหติ วา สนทฺ ิฏฺ กิ ํ สามญฺ ผลํ โน วา ถ้าเม่ือเปน็ อย่างนัน้ สามญั ญผล อนั ควรแก่การเหน็ มีหรือไมม่ ี ยาว, ตาว, ปุเรปรุ า ประโยคทมี่ ศี พั ทเ์ หลา่ นอ้ี ยเู่ บอ้ื งหนา้ กริ ยิ าตอ้ งเปน็ วตั ตมานาวภิ ตั ตลิ งในอรรถ อนาคต ๑. เอยฺยาสิ ภนฺเต ปุราหํ หญฺาม.ิ ท่าน ครบั ท่านพึงมา ก่อนท่ผี มจะถกู ฆา่ ๒. หนฺท มยํ อาวุโส ธมฺมญฺจ วินยญฺจ สงฺคาเยยฺยาม. ปเุ ร อธมโฺ ม ทิปฺปติ, ธมฺโม ปฏิพาหยิ ฺยติ, อวนิ โย ทปิ ปฺ ติ วนิ โย ปฏิพาหยิ ยฺ ติ ปเุ ร อธมมฺ วาทิโน พลวนฺโต โหนตฺ ,ิ ธมมฺ วาทโิ น ทุพพฺ ลา โหนฺต,ิ อวนิ ยวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ วนิ ยวาทโิ น ทพพฺ ลา โหนฺต.ิ เชิญเถิด อาวุโสท้ังหลาย เราทั้งหลาย พึงสังคายนาพระธรรมและพระวินัย ก่อนท่อี ธรรมจะรุ่งเรอื ง วินยั จะถูกคดั ค้าน กอ่ นท่ีอธรรมวาทีจะมกี �ำลงั ธัมมวาที จะถอยก�ำลงั อวนิ ยวาทีจะมีก�ำลัง

248 ขอ้ ความตอนทา้ ยหนงั สอื ๓. ตาว ตวฺ ํ อเิ ธว โหหิ, ยาวาหํ อาคจฉฺ ามิ ขอท่าน จงรอ ข้าพเจา้ ในที่นแี้ หละ จนกว่าข้าพเจ้าจะมา ฯ บางที ยาว ศัพท์มีอรรถ มรยิ าท แปลวา่ ถงึ , ต้อง, จรด ประกอบกับปญั จมีวิภัตติ เปน็ ส่วนมาก ทุติยาวภิ ัตติ มใี ช้บา้ ง ฯ ๑. ยาว พรฺ หมฺ โลกา สทฺโท อพฺภคุ คฺ จฺฉ.ิ เสียงแผ่ไปถงึ ซ่งึ พรหมโลก ฯ ๒. ยาว เชตุตฺตรนครา สฏฺ โิ ยชน.ํ ถงึ ซ่ึงนครเชตดุ ร ๖๐ โยชน์ ฯ ๓. ยาว กนุ ถฺ กปิ ิลฺลเิ ก. ถงึ ซึ่งมดและปลวกทง้ั หลาย ฯ ยาว, ตาว ศพั ท์ แปลวา่ มาก (ยาวสทโฺ ท ปมาณาตกิ กฺ เม) ๑. ยาว คมฺภโี ร จายํ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท กป็ ฏิจจสมปุ ปาทน้ี ล่มุ ลกึ มาก ยททิ ํ ยทิทํ ศัพท์นี้มีอยู่จะต้องเขียนเป็น ๒ ประโยค นิยม (ประโยค ต แสดงถึงความ แนน่ อน) ประโยคหนง่ึ และประโยคอนยิ ม (ประโยค ย แสดงถงึ ความไมแ่ นน่ อน) ประโยคหนง่ึ ตามล�ำดบั (ยทิทํ เท่ากบั โย+อย,ํ ยา+อย,ํ ย+ํ อทิ )ํ ๑. เอตทคฺคํ ภกิ ขฺ เว มม สาวกานํ ภิกฺขนู ํ มหาปญฺาน,ํ ยททิ ํ สารปิ ุตโฺ ต. ดกู อ่ นภิกษทุ ง้ั หลาย อ.พระสารบี ตุ รใด มอี ย,ู่ อ.พระสารบี ุตรนี้ เลิศกว่าภิกษุ ท. ผู้มปี ญั ญามาก ผู้เป็นสาวกของเรา ฯ ๒. เอตทคคฺ ํ ภกิ ขฺ เว มม สาวิกานํ ภกิ ฺขุนีนํ อิทธฺ มิ นฺตนี ํ, ยทิทํ อุปฺปลวณฺณา. ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. อ.อบุ ลวณั ณาใด มอี ย่,ู อ.อุบลวณั ณาน้ี เลิศกว่าภกิ ษุนี ท. ผูม้ ี ฤทธิ์ ผเู้ ป็นสาวิกาของเรา ๓. ฉนนฺ วุตนี ํ ปาสณฑฺ านํ ธมฺมานํ ปวรํ, ยททิ ํ สุคตวนิ โย. อ.ค�ำสอนของพระพุทธเจา้ ใด มีอย,ู่ อ.ค�ำสอนของพระพทุ ธเจา้ น้ี ประเสริฐกว่า ลัทธิปาสัณฑะ ท. ๙๖ อทิ ํ วุตฺตํ โหต.ิ อิติ วุตตฺ ํ โหติ. ประโยคทมี่ เี นอ้ื ความไมป่ รากฏชดั หากตอ้ งการใหเ้ นอ้ื ความนปี้ รากฏชดั ตอ้ งเขยี น อทิ ํ วตุ ฺตํ โหติ ไว้หน้าประโยคหรอื ใช้ อิติ วุตตฺ ํ โหติ ไว้ทา้ ยประโยค

ประโยคพิเศษ 249 ทตุ ยิ าวิภตั ติ ในทีม่ ี อน,ุ ปติ, ปริ, อภิ อุปสัคและนิบาตที่กลา่ วกรรม (กมฺมปปฺ วจนีย) ประกอบอยู่ ให้ลงทตุ ิยาวภิ ตั ตใิ นอรรถทจี่ ะกลา่ วต่อไปน้ี ๑. ลกฺขณตฺถ ก. ปพฺพชติ มนุ ปพฺพชสึ .ุ ข. สรุ ยิ คุ ฺคมนํ ปติ (ปร,ิ อน,ุ อภิ) ทิพพฺ า ภิกฺขา ปาตุภเวยฺยุ.ํ ๒. สหตฺถ ก. นทิมนวฺ สติ า พาราณส.ี ๓. หนี ตฺถ ก. อนสุ าริปุตฺตํ ปญฺวา. ๔. อติ ถฺ มฺภตู กฺขาน ก. สาธุ เทวทตโฺ ต มาตรํ ปต.ิ (ปริ, อนุ, อภิ) ข. ตํ โข ปน ภควนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตตฺ สิ ทโฺ ท อพภฺ ุคคฺ โต. ๕. ภาคตถฺ ก. ยเทตถฺ มํ ปติ (ปร,ิ อนุ) สิยา. ตํ ทยี ตุ. ๖. วจิ ฉฺ าตถฺ ก. อตถฺ มตถฺ ํ ปติ สทโฺ ท นิวสิ ติ. ข. รุกขฺ ํ รกุ ขฺ ํ ปติ (ปริ, อน,ุ อภ)ิ วชิ โฺ ชตเต จนฺโท. ทุตยิ าวิภัตติ (กมฺมปปฺ วจนยี ) มเี นอื้ ความเท่ากับประโยคเหลา่ น้ี ๑. ก. ปพพฺ ชติ มนุ = โพธิสตเฺ ต ปพพฺ ชเิ ต. (ลกขฺ ณตฺถํ) ๒. ก. นทึ อนุ = นทยิ า สห. (สหตถฺ ) ๓. ก. อนุ สาริปุตฺตํ = สาริปตุ ตฺ โต หโี น (หนี ตถฺ ) ๔. ข. ตํ ภควนตฺ ํ โคตมํ อภิ = ตสสฺ โภโต โคตมสฺส. (อติ ฺถมฺภูตกฺขานตถฺ ) ๕. ก. มํ ปติ. = มม (ภาคตถฺ ) ๖. ก. อตฺถํ อตถฺ ํ ปติ = อตฺเถ อตฺเถ (วิจฉฺ า) และในทปี่ ระกอบกับ ธิ, วนิ า นบิ าต กล็ งทุตยิ าวิภัตติ เชน่ ๑. ธิ พรฺ าหฺมณสฺส หนฺตาร.ํ ๒. ธริ ตถฺ มุ ํ ปูติกายํ.

250 ข้อความตอนทา้ ยหนงั สือ ๓. ธิรตถฺ ุ ตํ วสิ วนฺตํ. ๔. วนิ า อาหาร.ํ ๕. วินา สทฺธมมฺ ํ. ฉฏฺ ยิ ตถฺ ทตุ ยิ า (กวฺ จิ ทุตยิ า ฉฏฺนี มตเฺ ถ) อนฺตรา อภโิ ต ปรโิ ต ปติ ปฏภิ าตโิ ยเค อย.ํ ลงทุติยาวิภัตติในอรรถฉฏฺวี ิภัตติในท่ีประกอบกับ อนฺตรา ศัพท์ อภิโต ศัพท์ ปรโิ ต ศพั ท์ ปตศิ ัพท์ และ ปฏภิ าติศพั ท์ ๑. อนฺตรา ศพั ท์ ก. อนฺตรา จ ราชคหํ อนฺตรา จ นาลนฺทํ อทธฺ านมคฺคปฏปิ นโฺ น โหต.ิ ๒. อภิโต ก. อภโิ ต คามํ วสติ. ๓. ปริโต ก. ปริโต คามํ วสต.ิ ๔. ปติ ก. นทึ เนรญชฺ รํ ปติ. ๕. ปฏิภาติ. ก. ปฏิภนตฺ ุ ตํ จุนทฺ โพชฌฺ งคฺ า. ข. อุปมา มํ ปฏิภาต.ิ ค. ปฏภิ าติ ตํ ภิกฺขุ ธมโฺ ม ภาสติ ํุ. ฆ. อปสิ ฺสุ มํ อคฺคิวสสฺ นํ ตสิ โฺ ส อปุ มา ปฏิภํสุ. ตตยิ ตถฺ , สตตฺ มยฺ ตฺถ ทตุ ิยา (ตตยิ า สตตฺ มนี ญจฺ ) ลง ทตุ ยิ าวิภัตติในอรรถตตยิ าและสัตตมี ในทป่ี ระกอบกับธาตเุ ป็นต้นเหลา่ นี้ ลปภาสธาตุโยเค วนิ านฺตเรน ยชุ ชฺ เน, ตตยิ าย สหตเฺ ถว ทตุ ยิ า สุชินา มตา. กาเล อุปานวฺ ชฌฺ าวส อธปิ ุพฺพสิาน จ, โยเค ตปฺปานจาเร จ สตตฺ มยฺ า ทตุ ิยา มตา.

ประโยคพเิ ศษ 251 ตติยตฺเถ ลงทุตยิ าในอรรถตตยิ า ในที่ประกอบกับ ลปธาตุ เชน่ สเจ มํ สมโณ โคตโม นาลปิสฺสติ. ภาสธาตุ เช่น ตฺวญฺจ มํ นาภิภาสส,ิ วินาศัพท์ เชน่ วินา สทธฺ มฺมํ กุโต สุขํ. อนฺตรศพั ท์ เช่น อุปายนตฺ เรน น อตฺถสทิ ฺธ.ิ สตฺตมฺยตฺถ ลงทุติยาวิภัตติในอรรถสัตตมี ในอรรถกาล และท่ีประกอบกับธาตุ เหล่านท้ี ี่มีอุปสัคอยู่หนา้ ในอรรถกาล. เชน่ ปุพพฺ ณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา, เอกํ สมยํ ภควา อิมํ รตตฺ ึ จตตฺ าโร มหาราชาโน. อปุ + วสธาตุ เช่น คามํ อปุ วสต.ิ อนุ + วสธาตุ เช่น คามํ อนุวสติ. อธิ + วสธาตุ เช่น วิหารํ อธิวสต.ิ อา + วสธาตุ เชน่ คามํ อาวสติ. อธิ + อา + วสธาตุ เชน่ อคารํ อชฌฺ าวสต.ิ อธิ + สธิ าตุ เชน่ ปถวึ อธเิ สสสฺ ติ. อภิ + นิ + สที ธาตุ เชน่ มญฺจํ วา ปิ ํ วา อภนิ สิ เี ทยฺย วา อภนิ ปิ ชเฺ ชยยฺ วา. อธิ + าธาตุ เชน่ คามํ อธติ ฏิ ฺติ. ตปปฺ าน - ดื่มในนั้น เช่น นทึ ปิวติ. ตจฺจาร - ประพฤตใิ นนน้ั หรือเทีย่ วไปในนั้น เชน่ คามํ จรต.ิ ตติยาวภิ ัตติ สหาทิโยเค จ. ลงตติยาวภิ ตั ตใิ นท่ี ๆ ประกอบดว้ ย สหศัพท์ เปน็ ต้น ๑. สหาปิ คคเฺ คน สโํ ฆ อโุ ปสถํ กเรยยฺ . อ.สงฆ์ พงึ กระท�ำ ซึง่ อโุ บสถ แมก้ บั ดว้ ยพระคคั คะ ผ้เู ป็นบ้าหรือ ? ๒. วนิ าปิ คคเฺ คน สโํ ฆ อุโปสถํ กเรยฺย. อ.สงฆ์ พงึ กระท�ำ ซง่ึ อุโบสถ แม้เวน้ จากพระคคั คะ ผเู้ ป็นบา้ หรอื ? ๓. มหตา ภิกขฺ ุสเํ ฆน สทฺธึ. กับ ดว้ ยหมแู่ ห่งภิกษุ หมใู่ หญ่ ๔. สหสฺเสน สมํ มติ า. นับแลว้ เสมอ ด้วยพัน

252 ขอ้ ความตอนท้ายหนังสอื สหตฺถโยค ลงตติยาวภิ ตั ตใิ นทม่ี เี นอ้ื ความ สห ศพั ท์ ๑. เทวทตฺโต ราชคหํ ปาวสิ ิ โกกาลเิ กน ปจฉฺ าสมเณน. อ.พระเทวทัต เข้าไปแล้ว สู่เมืองราชคฤห์ กับด้วยพระโกกาลิกะ ผู้เป็นปัจฉา- สมณะ ๒. อมฺพฏฺโ ปน มาณโว จงฺกมนโฺ ตปิ นสิ นิ เฺ นน ภควตา กิญจฺ ิ กถํ วีติสาเรติ. บางครั้งมี สห ศัพท์ อยู่หน้า ลงปัญจมีวิภัตติ และสัตตมีวิภัตติ ในที่ประกอบกับ สหศพั ท์ แปลว่า \"พร้อมกบั \" ๑. ปรินพิ ฺพุเต ภควติ สห ปรินิพฺพานา มหาภมู จิ าโล อโหส.ิ ครัน้ เม่ือพระพุทธเจา้ ปรนิ พิ พานแล้ว อ.การหวนั่ ไหวแหง่ แผ่นดนิ ใหญ่ ได้มีแล้ว พรอ้ มกับ ดว้ ยการปรนิ พิ พาน ๒. สห วจนา จ ปน ภควโต สุปปฺ วาสา โกสยิ ธตี า อโรคา อโรคํ ปตุ ฺตํ วิชายิ. กแ็ ล อ.นางสปุ ปวาสา ผเู้ ป็นธิดาของเจ้าโกสยิ ะ ผู้ไมม่ โี รค คลอดแล้ว ซึง่ บตุ ร ผู้ ไมม่ โี รค พรอ้ มกบั ดว้ ยพระด�ำรสั ของพระผมู้ ีพระภาคเจ้า ๓. สห อทุ าหรณเวลาย ธมฺมาภสิ มโย โหติ. อ.การตรสั รธู้ รรม ยอ่ มมี พรอ้ มกบั ดว้ ยเวลายกอุทาหรณ์ (แสดงธรรม) อติ ฺถมภฺ ตู ลกขฺ ณ ลกั ษณะพเิ ศษ หรือ ความแปลกของบคุ คล เปน็ ต้น ตอ้ งลงตติยา- วิภัตติ ในศัพทท์ ีแ่ สดงความพเิ ศษนั้น เพื่อเปน็ เครอ่ื งจดจ�ำหรอื ท�ำให้ตา่ งจากบุคคลอื่น ๑. สา ภินเฺ นน สเี สน ปคฺฆรนเฺ ตน โลหิเตน ปฏวิ สิ ฺสกานํ อุชฌฺ าเปติ. อ.นางทาสี ชอื่ วา่ กาลนี นั้ มหี วั แตกแลว้ มเี ลอื ด ไหลออกอยู่ ยงั ชนผคู้ นุ้ เคย ท. ยอ่ ม ใหต้ ิเตยี น ๒. โย ปน ภิกฺขุ อนู ปญจฺ พนธฺ เนน ปตเฺ ตน อญฺํ นวํ ปตฺตํ เจตาเปยฺย. ก็ อ.ภิกษุใด มีบาตร ทเ่ี ย็บยงั ไม่ถึง ๕ เปราะ พึงขอ ซ่งึ บาตร ใบใหม่อ่นื ๓. ตทิ ณฺฑเกน ปริพาชก'มททฺ กฺขิ. - เห็นแลว้ ซง่ึ ปรพิ าชก มไี ม้เทา้ สามง่าม ๔. อสสฺ ุปณุ เฺ ณหิ เนตเฺ ตหิ ปติ รํ โส อทุ กขฺ ติ. - อ.บตุ รน้นั มนี ยั ตาท้ังหลาย อันเต็ม ด้วยนำ�้ ตา ย่อมดู ซง่ึ บดิ า ๕. อถ โข โส ภกิ ฺขุ ปพุ ฺพณหฺ สมยํ นวิ าเสตวฺ า ปตฺตจวี รมาทาย กฏี าคริ ึ ปณิ ฑฺ าย ปาวิสิ ปาสาทิเกน อภิกฺกนเฺ ตน ปฏกิ กฺ นเฺ ตน อาโลกเิ ตน วิโลกิเตน สมญิ ฺชเิ ตน ปสารเิ ตน โอกฺขติ ฺตจกฺขุ อิรยิ าปถสมปฺ นโฺ น.

ประโยคพเิ ศษ 253 ครั้งนั้นแล อ.ภกิ ษนุ น้ั นุ่งแล้ว ถอื เอาแลว้ ซ่ึงบาตรและจวี ร มอี าการก้าวไป การถอย กลับ การแลดู การเหลยี วกลบั การคเู้ ข้า การเหยยี ดออก อนั นา่ เล่อื มใส ผูม้ สี ายตาอนั ทอด ลงต่�ำ ผถู้ งึ พร้อมดว้ ยอิริยาบถ เข้าไปแลว้ ส่กู ีฏาคีรชี นบท เพือ่ บณิ ฑบาต ในเวลาเชา้ ๖. ปาฏิหารเิ ยหิ ปิณฺฑาย ปวสิ ต.ิ - อ.ภิกษุ ด้วยทั้งปาฏิหารย์ ท. ยอ่ มเข้าไป เพ่ือ บณิ ฑบาต ๗. อุกฺขิตฺตกาย อนตฺ รฆเร คจฺฉนฺติ. ภกิ ษุ ท. มีผา้ เวิกขนึ้ แล้ว ย่อมไป ในภายใน แหง่ บ้าน ๘. น อกุ ขฺ ติ ตฺ กาย อนตฺ รฆเร คมสิ สฺ ามตี ิ สกิ ขฺ า กรณยี า. อ.ขอ้ ศกึ ษาวา่ อ.เรา มผี า้ อนั เวิกข้ึนแล้ว จักไมไ่ ป ในภายในแห่งบา้ น อนั ภกิ ษพุ ึงประพฤติ ๙. ปลลฺ ตถฺ ิกาย อนตฺ รฆเร นสิ ที นตฺ .ิ อ.ภิกษุ ท. มีการรดั เขา่ ย่อมน่งั ในภายในบ้าน ๑๐. น ปลลฺ ตถฺ ิกาย อนฺตรฆเร นสิ ีทิสสฺ ามีติ สกิ ฺขา กรณียา. อ.ข้อศกึ ษาวา่ อ.เรา มกี ารรดั เขา่ จกั ไมน่ ่งั ในภายในบ้าน อนั ภกิ ษุพึงประพฤติ อิตถฺ มภฺ ตู ลกฺขณนี้ เปน็ ตุลยฺ าธิกรณวเิ สสน ชนิดหนง่ึ ดังนัน้ จงึ เขียนได้อีกอยา่ งหนึง่ ดงั ตอ่ ไปนี้ อติ ฺถมฺภตู ลกฺขณ ตลุ ยฺ าธิกรณวิเสสน ๑. ภนิ เฺ นน สเี ลน กาฬ.ี = ภินนฺ สสี า กาฬ.ี ๒. อนู ปญจฺ พนฺธเนน ปตฺเตน ภิกฺขุ. = อูนปญฺจพนฺธนปตฺโต ภกิ ฺข.ุ ๓. ติทณฺฑเกน ปรพิ าชกมททฺ กฺขิ. = ตทิ ณฺฑกํ ปริพาชกมททฺ กขฺ .ิ ๔. อสฺสปุ ุณฺเณหิ เนตเฺ ตหิ โส. = อสฺสุปุณณฺ เนตโฺ ต โส. กิริยาปวคฺค กิริยาท่ีส�ำเร็จได้เร็วกว่าธรรมดา วิ. กฺริยา ปวคฺโคติ กิริยาย อาสํุ ปรนิ ฏิ ฺาปน.ํ (ลงตตยิ าวิภัตตใิ นศพั ทท์ กี่ �ำหนดนบั กาลเวลา) ๑. เอกาเหเนว พาราณสึ ปายาสิ - ไปแล้ว สูเ่ มอื งพาราณสี โดยวนั เดียวน่ันเทียว ๒. นวหิ มาเสหิ วิหารํ นฏิ ฺ าเปสิ - ยังวิหาร ให้ส�ำเรจ็ แล้ว ดว้ ยเดือน ท. เก้า ๓. อถ โข ภิกฺขเว ภกิ ฺขู เยภุยฺเยน เอกาเหเนว ชนปทจาริกํ ปกกฺ มึสุ - ดกู รภกิ ษุ ท. อ.ภิกษุ ท. หลกี ไปแล้ว สทู่ จ่ี ารกิ ในชนบท โดยวนั เดยี วนั่นเทียว โดยมาก ๔. เอกาเหเนว พนฺธุมตึ ราชธานึ อุปสงฺกมึสุ - เข้าไปแล้ว สู่เมืองช่ือว่าพันธุมดี โดยวนั เดยี วน่นั เทียว

254 ขอ้ ความตอนท้ายหนังสอื ๕. พุทธฺ วจนํ สตตฺ หิ มาเสหิ สงฺคตี ํ - อ.พทุ ธพจน์ อนั พระเถระ ท. รวบรวมแลว้ โดยเดือน ท. เจ็ด ๖. อยํ สงคฺ ตี ิ อฏฺ หิ มาเสหิ นิฏฺ ติ า - อ.การสงั คายนาน้ี ส�ำเรจ็ แลว้ ด้วยเดอื น ท. แปด กาลทฺธาน ลงตติยาวภิ ัตตใิ นอรรถ กาล และ ระยะทาง ๑. มาเสน ภุญชฺ ติ - ยอ่ มบริโภค ในเดอื น ๒. โยชเนน คจฉฺ ติ - ยอ่ มไป ในโยชน์ ปจจฺ ตฺต (ปฐมา) ตตยิ า ลงตตยิ าวภิ ัตตใิ นอรรถปฐมา ๑. อตฺตนาว อตฺตานํ สมมฺ นฺนติ. อ.ตนนน่ั เทียว ย่อมสมมตุ ิ ซง่ึ ตน. กมฺมตถฺ ตตยิ า ลงตตยิ าวิภัตติในอรรถกรรม ๑. ติเลหิ เขตฺเต วปติ. ยอ่ มหว่าน ซง่ึ งา ท. ในนา ๒. สํวิภเชถ โน รชเฺ ชน. อ.ท่าน ท. จงแบ่ง ซง่ึ ราชสมบัติ แกเ่ รา ท. ปญฺจมยฺ ตถฺ ตตยิ า ลงตตยิ าวิภตั ตใิ นอรรถปญั จมี ๑. สุมุตฺตา มยํ เตน มหาสมเณน. เรา ท. พน้ ดแี ล้ว จากพระมหาสมณะน้ัน ๒. ถาเมน พเลน ปรหิ ายนฺติ (ท,ี ๒, ๑๐๘) ยอ่ มเส่อื ม จากความสามารถ จากก�ำลัง องคฺ วกิ ารลกขฺ ณ ตตยิ า ลงตติยาวิภตั ติในศพั ท์ท่ีกลา่ วอรรถอวยั วะพกิ าร ๑. อกขฺ ินา กาโณ = บอด ดว้ ยตา ๒. หตฺเถน กณุ ี = หงกิ ดว้ ยมือ ๓. กาณํ ปสฺสติ เนตเฺ ตน = ย่อมเหน็ ซง่ึ คนบอด ดว้ ยตา ๔. ปาเทน ขญโฺ ช = กระเผก (เป๋) ดว้ ยเท้า ๕. ปฏิ ฺ ยิ า ขชุ ฺโช. = ค่อม ดว้ ยหลัง

ประโยคพิเศษ 255 สตตฺ มฺยตฺถ ตตยิ า ลงตตยิ าวิภัตติในอรรถ สตั ตมีทีก่ ล่าวกาลเวลา, ระยะทาง, ทิศ, และสถานท่ีเปน็ ตน้ (สตตฺ มฺยตฺเถ จ. กาลทธฺ านทิสาเทสาทสี ุ อยํ) ๑. กาล กาลเวลา เช่น เตน สมเยน, เตน กาเลน, กาเลน ธมฺมสฺสวน.ํ ในสมัยนนั้ , ในกาลนั้น, การฟงั ธรรม ในกาล โส โว มมจจฺ เยน สตถฺ า. มาเสน ภุญฺชต.ิ อ.ธรรมวนิ ัยนน้ั จักเป็นศาสดา ของเธอ ท. ในกาลลว่ งไป แห่งเรา. ยอ่ มบรโิ ภค ในเดอื น ๒. อทฺธา ระยะทาง เช่น โยชเนน ธาวติ. ยอ่ มวงิ่ ในโยชน์ ๓. ทสิ า ทศิ เชน่ ปรุ ตถฺ เิ มน ธตรฏโฺ , ทกฺขเิ ณน วริ ุฬฺหโก. ปจฉฺ เิ มน วริ ปู กฺโข. อ.ทา้ วธตรฏั ฐะ ยอ่ มอยู่ ในทศิ ตะวนั ออก, อ.ทา้ ววริ ฬุ หก ยอ่ มอยู่ ในทศิ ใต,้ อ.ทา้ ว วริ ปุ กั ยอ่ มอยู่ ในทิศตะวนั ตก อตุ ตฺ เรน กสิวนฺโต, ชโนฆ'มปเรน จ. อ.เมืองกสวิ นั ตะ มอี ยู่ ในทศิ เหนอื , อ.เมอื ง ชโนฆะ มีอยู่ ในทศิ อนื่ ๔. เทส สถานท่ี เชน่ เยน ภควา, เตนุปสงฺกมิ - อ.พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทบั อยู่ ในทศิ ใด เข้าไปเฝ้าแลว้ ในทศิ น้ัน จตุตถีวิภัตติ อลํ อรหตถฺ ลงจตุตถวี ิภตั ติในทีป่ ระกอบกบั อลํ ศัพท์ ที่มอี รรถว่าสมควร ๑. อลํ เม รชเฺ ชน อลํ ภกิ ฺขุ ปตตฺ สสฺ . อลํ มลโฺ ล มลลฺ สฺส. อรหติ มลโฺ ล มลฺลสฺส. อกฺขธุตโฺ ต ปรุ ิสปุคฺคโล นาลํ ทารภรณาย. อ.ความสมควร ดว้ ยความเปน็ พระราชา แกเ่ รา อ.ภิกษุ สมควร แก่บาตร. อ.นักมวย สมควร ต่อการชก. อ.บุคคลผู้เป็นบุรุษ เปน็ นักเลงการพนัน ไม่สมควร เพือ่ เล้ียงซงึ่ ภรรยา อลํ ปฏิกฺเขปตฺถ ลงจตตุ ถวี ิภตั ตใิ นท่ีประกอบกบั อลํ ศัพท์ อรรถ ปฏิเสธ, (ห้าม) ๑. อลํ เต อธิ วาเสน, อลํ เม หิรญฺสุวณเฺ ณน. ไมม่ ปี ระโยชน์ แกท่ า่ น ดว้ ยการอยใู่ นทน่ี ,้ี ไมม่ ปี ระโยชน์ แกเ่ รา ดว้ ยเงนิ และทอง

256 ขอ้ ความตอนท้ายหนงั สอื ๒. กึ เม เอเกน ตณิ เฺ ณน ปุรเิ สน ถามทสสฺ ินา. อ.ประโยชน์อะไร แกเ่ รา ด้วยบุรุษผู้เหน็ ความสามารถของตน ผูข้ ้ามไป คนเดยี ว ๓. กึ เต ชฏาหิ ทมุ ฺเมธ. กึ เตตฺถ จตมุ ฏฺสฺส (กาย, ตระกูล, เสยี ง, คณุ ) พิลํ ปวสิ . ดกู ่อนบัณฑิตชัว่ อ.ประโยชน์อะไร แก่ทา่ น ด้วยชฎา ท. อ.ประโยชน์อะไร แก่ ท่านหมาจง้ิ จอกผสู้ มบูรณ์ดว้ ยคุณอันละเอยี ด ๔ อย่าง ในทน่ี ี,้ อ.ทา่ น จงเข้าไป สรู่ ู มญฺ านาทรปาณนิ ิ ลงจตตุ ถีวิภัตติในเน้อื ความของกรรมที่ถกู ดูหม่ิน โดยไมเ่ คารพ และต้องไม่เปรียบกับสตั ว์ ๑. กฏฺสฺส ตุวํ มญฺเ. กลิงคฺ รสฺส ตุวํ มญเฺ . ยอ่ มส�ำคญั ซ่ึงทา่ น เหมือนกบั ฟนื . ยอ่ มส�ำคัญ ซ่งึ ทา่ น เหมือนท่อนไมเ้ ล็ก ๆ ๒. ชวี ติ ํ ตณิ ายปิ น มญฺ มาโน. ไม่ส�ำคญั อยู่ ซง่ึ ชีวติ เหมอื นหญ้า ๓. คณเย จกกฺ วาฬํ โส จนทฺ นายปิ สีตลํ, สมฺโพธสิ ตตฺ หทโย ปทติ ตฺ งคฺ ารปูรติ .ํ พระโพธสิ ตั วพ์ ระองคน์ น้ั ผมู้ พี ระทยั อนั มน่ั แลว้ ในสมั โพธญิ าณ พงึ นบั (ค�ำนงึ ถงึ ) ซ่ึงจักรวาฬ อนั เต็มดว้ ยถ่านเพลิงอนั ลกุ โพลง กระท�ำใหเ้ ย็น เหมอื นจันทน์ ๔. โย มารเสน'มาสนฺน' มาสนฺนวิชยสุ ฺสโว, ตณิ ายปิ น มญฺิตฺก โส โว เทตุ ชยํ ชโิ น. พระพทุ ธเจา้ พระองคใ์ ด มคี วามส�ำเร็จ (ฉลอง) อนั ใกลเ้ ข้ามาแลว้ ไมส่ �ำคญั แลว้ ซงึ่ พญามารและเสนามาร อนั เขา้ มาสทู่ ใ่ี กลแ้ หง่ พระองค์ เหมอื นหญา้ พระพทุ ธเจา้ พระองคน์ น้ั ขอจงประทานให้ชยั ชนะแก่ทา่ น ท. คตฺยตฺถ กมมฺ นิ ลงจตตุ ถีวภิ ตั ติ ในศพั ท์ท่เี ปน็ กรรมของธาตุ ทม่ี ีอรรถวา่ \"ไป\" ๑. อนธฺ ภูโต อยํ โลโก ตนุเกตฺถ วปิ สสฺ ต,ิ สกุโณ ชาล'มตุ โฺ ต'ว อปฺโป สคคฺ าย คจฉฺ ติ. สตั วโ์ ลกนเี้ ปน็ ผบู้ อด สตั วจ์ �ำนวนนอ้ ยในโลกนจ้ี กั พจิ ารณาเหน็ เหมอื นนกจ�ำนวน น้อยพน้ แลว้ จากตาขา่ ย สตั ว์จ�ำนวนนอ้ ยย่อมไปส่สู วรรค์ ฯ ๒. นพิ ฺพานาย วชนฺติยา - ไปสู่นิพพาน ๓. มลู าย ปฏิกสเฺ สยยฺ - พงึ ชักเข้าหา ซ่ึงอาบตั ิเดมิ

ประโยคพิเศษ 257 อาสสี ตถฺ จตุตถฺ ี จงจตตุ ถีวภิ ตั ติ ในอรรถ ความหวัง ในทป่ี ระกอบกบั ศพั ท์เหล่าน้ี อายุ ภททฺ ญฺจ กสุ ลํ สุขํ อตฺถํ อนามย,ํ หิตํ จ สฺวาคตํ โสตฺถิ อาสีสตเฺ ถ นิโยชเย. อายุ - อายสมฺ โต ทีฆายุ โหต.ุ อ.อายุยืนยาว จงมี แกท่ า่ น ภททฺ ํ - ภททฺ ํ ภวโต โหต.ุ อ.ความเจรญิ จงมี แก่ทา่ น กุสลํ - กุสลํ ภวโต โหตุ. อ.ความฉลาด จงมี แกท่ ่าน สุขํ - สขุ ํ ภวโต โหต.ุ อ.ความสขุ จงมี แก่ทา่ น อตฺถํ - อตถฺ ํ ภวโต โหต.ุ อ.ประโยชน์ จงมี แกท่ ่าน อนามยํ - อนามยํ ภวโต โหตุ. อ.ความไมม่ ีโรค จงมี แก่ท่าน หิตํ - หิตํ ภวโต โหตุ. อ.ประโยชนเ์ ก้ือกูล จงมี แกท่ า่ น สวฺ าคต ํ - สวฺ าคตํ ภวโต โหตุ. อ.การไปดี จงมี แกท่ ่าน โสตถฺ ิ - โสตฺถิ เต โหตุ สพพฺ ทา. อ.ความสวสั ดี จงมี แก่ทา่ น ในกาลทง้ั ปวง สมฺมุติปโยเค ลงจตุตถวี ภิ ัตติในท่ีประกอบกับ สมมฺ ุติ และ ภยิ ยฺ ศพั ท์ สมมฺ ตุ ิ - สาธุ สมฺมุติ เม ตสฺส ภควโต ทสฺสนาย. การสมมตุ ิ เพ่อื เห็นซ่ึงพระผมู้ พี ระภาคเจา้ พระองคน์ ัน้ เป็นการดี ต่อเรา ภิยยฺ - ภิยโฺ ยโส มตตฺ าย - เพือ่ ประมาณโดยยิ่ง สตฺตมฺยตฺถ ลงจตุตถีวิภัตติ ในอรรถสัตตมี ในที่ประกอบกับ อาวิกรณศัพท์ และ ปาตภุ วนศัพท์ (ในอรรถกระท�ำให้แจ้ง และ ความปรากฏ)

258 ขอ้ ความตอนท้ายหนังสือ ๑. ตุยหฺ ญจฺ สสฺ อาวิกโรมิ. อ.เรา ยอ่ มกระท�ำใหแ้ จง้ ในทา่ นด้วย ในบุคคลนัน้ ดว้ ย ๒. ตสสฺ เม สกฺโก ปาตรุ โหส.ิ อ.ทา้ วสกั กะ ปรากฏแล้ว ในเราน้นั ลงจตุตถีวภิ ตั ติในที่ประกอบกับ ปหณิ ติ กิรยิ า. (การส่งไป) และ ผาสุศัพทเ์ ปน็ ต้น ๑. ตสสฺ ปหิเณยยฺ . พึงสง่ ไป แกบ่ ุคคลน้นั ๒. ภกิ ฺขูนํ ทูตํ ปาเหส.ิ ส่งทตู ไป แก่ภิกษุ ท. ๓. กปฺปติ สมณานํ อาโยโค, อทิ ํ โว กปฺปติ. อ.ความเพยี ร ยอ่ มควร แก่สมณะ ท., อ.กรรมนี้ ยอ่ มสมควร แก่ท่าน ท. ๔. เอกสฺส ทินฺนํ ทฺวนิ ฺนํ ตณณฺ ํ ปโหต.ิ อ.วัตถุที่ให้ แกค่ นหนึ่ง ยอ่ มเพียงพอ แก่คน ท. ๒ - ๓ คน ๕. อปุ มํ เต กริสฺสามิ. อ.เรา จกั กระท�ำ ซึ่งอปุ มา แกท่ า่ น ๖. อญชฺ ลึ เต ปคฺคณฺหาม.ิ อ.เรา ยอ่ มประคอง ซึง่ อัญชลี แก่ทา่ น ๗. ตสฺส ผาสุ โหติ. อ.ความผาสกุ ยอ่ มมี แก่ทา่ นน้ัน ๘. โลกสสฺ ตฺโถ. เป็นประโยชน์ แกช่ าวโลก ๙. มณนิ า เม อตโฺ ถ. อ.ความต้องการ ด้วยแกว้ มณี ย่อมมี แกเ่ รา ๑๐. เสยโฺ ย เม อตฺโถ. มตํ เต ชวี ติ า เสยฺโย. อ.ประโยชน์ ของเรา ประเสริฐกว่า, ความตาย ของท่าน ประเสรฐิ กวา่ การเป็นอยู่ ปญั จมวี ิภัตติ ธาตนุ ามานมปุ สคฺคโยคาทสี วฺ ปิ จ. ลงปัญจมีวภิ ตั ติ อรรถอปาทาน ในที่ประกอบกบั ธาตุ, นาม และอปุ สัค ธาตุโยเค ปรา - ช,ิ ป - ภ,ู ชนธาตุโยเค. ในท่ีประกอบกบั ปราปพุ ฺพ ชิธาต,ุ ปปพุ พฺ ภธู าตุ และ ชนธาตุ ๑. พุทธฺ สฺมา ปราเชนฺติ อญฺ ติตฺถิยา. อ.เดยี รถยี ์ ท. ย่อมแพ้ จากพระพทุ ธเจา้ ๒. หมิ วตา ปภวนฺติ ปญฺจ มหานทิโย. อ.แม่นำ้� ใหญ่ ท. ๕ สาย ยอ่ มเรม่ิ จากภเู ขาหมิ พานต์ ๓. กามโต ชายตี โสโก กามโต ชายตี ภยํ, กามโต วปิ ปฺ มุตฺตสสฺ นตฺถิ โสโก กโุ ต ภยํ.

ประโยคพิเศษ 259 อ.ความโศก ยอ่ มเกดิ จากกาม อ.ภยั ยอ่ มเกดิ จากกาม, อ.ความโศก ของบคุ คล ผพู้ น้ จากกาม ย่อมไม่มี, อ.ภยั จักมี แต่ท่ไี หน ๔. อรุ สฺมา ชาโต ปตุ ฺโต. อ.บตุ ร เกิดแล้ว จากอก นามปฺปโยเค อญฺ ตฺถติ ราทหี ิ ยตุ ฺเต. ลงปญั จมวี ภิ ัตติ อรรถอปาทาน ในที่ประกอบ กับศัพทท์ มี่ ีอรรถอืน่ (อนื่ ) และอติ ร ศพั ท์เปน็ ต้น ๑. นาญฺ ตร ทกุ ฺขํ สมฺโภติ, นาญฺํ ทกุ ฺขํ นิรุชฌฺ ติ. อ.สภาพอื่น จากทกุ ข์ ย่อมไมเ่ กดิ ขึน้ , อ.สภาพอื่น จากทุกข์ ย่อมไมด่ บั ๒. ตโต อญเฺ น กมเฺ มน. ดว้ ยกรรมอนื่ จากกรรมนน้ั ๓. ตโต อิตร.ํ อ.วัตถุ นอกน้ี จากวัตถุนั้น ๔. อภุ โต สชุ าโต ปตุ โฺ ต. อ.บุตร ผ้เู กิดดีแลว้ จากฝา่ ยมารดาและฝา่ ยบิดา ทั้งสอง อปุ สคฺยุตเฺ ต อป, ปรีหิ วชชฺ นตฺเถหิ โยเค, มรยิ าทาภิวิธิ อตฺเถ อาโยเค, ปตินา ปตินิธิ ปติทานตฺเถน โยเค จ. ลงปัญจมีวภิ ัตติ ในท่ปี ระกอบกบั อุปสคั เหล่าน้ีคอื อป, ปริ ที่มอี รรถวา่ เวน้ , อาอปุ สัค ที่มีอรรถขอบเขต และอรรถแผ่ไป, และทมี่ ปี ติ อรรถเหมือนกัน และอรรถให้แทน ศัพทเ์ ป็นอปาทาน อรรถเปน็ กรรม อป - วชฺชนตฺถ - อป สาลาย อายนตฺ ิ วาณิชา. อ.พ่อคา้ ท. เวน้ ซ่งึ ศาลา ย่อมมา ปริ - วชชฺ นตถฺ - ปริ ปพฺพตา เทโว วสฺสติ. อ.ฝน เว้น ซ่งึ ภเู ขา ย่อมตก อา - มรยิ าท - อา ปพฺพตา เขตฺตํ ตฏิ ฺต.ิ อ.นา ถึงซง่ึ ภเู ขา ย่อมตัง้ อยู่ อาอภวิ ธิ ิ - อา พรฺ หฺมโลกา สทโฺ ท อพฺภุคฺคจฺฉต.ิ อ.เสียง ยอ่ มดงั ขึ้นไป ถงึ ซึง่ พรหมโลก ปติ - ปตนิ ิธิ - พุทฺธสมฺ า ปติ สาริปุตฺโต ธมมฺ เทสนาย ภิกฺข อาลปติ เตมาส.ํ อ.พระสารบี ุตร ยอ่ มเรยี ก ซง่ึ ภกิ ษุ ท. เพ่ือแสดงธรรม แทน พระศาสดา ตลอดสามเดือน ปติ - ปติทาน - ฆตมสสฺ เตลสมฺ า ปติ ททาติ. ยอ่ มให้ ซึง่ เนยใส แทนน้�ำมัน แกบ่ คุ คลน้ัน

260 ขอ้ ความตอนทา้ ยหนังสือ - กนกมสสฺ หริ ญฺสมฺ า ปติ ททาติ. ย่อมให้ ซ่งึ ทอง แทนเงนิ แก่บุคคลน้นั นิปาตยตุ เฺ ต ริเต นานา วนิ าทีหิ โยเค. (ยาว) ลงปัญจมีวภิ ตั ตใิ นอรรถอปาทาน ในทปี่ ระกอบกบั นบิ าตเหล่าน้ี คอื รเิ ต, นานา, วินา, และ ยาวศัพท์ ริเต - รเิ ต สทธฺ มมฺ า กุโต สขุ ํ ลภต.ิ เว้น จากพระสัทธรรม จะไดค้ วามสขุ อยา่ งไร นานา - เต ภกิ ขฺ ู นานากลุ า ปพพฺ ชิตา. (นานา = ออกแล้ว) อ.ภิกษุ ท. เหล่านั้น ออกแลว้ จากตระกลู ตา่ ง ๆ บวชแล้ว วนิ า - วินา สทฺธมมฺ า นตถฺ ญโฺ  โกจิ นาโถ โลเก วิชชฺ ต.ิ อ.ท่พี ง่ึ ไร ๆ มีอยู่ ในโลก อ.ทพ่ี ่งึ อ่นื เวน้ จากพระสัทธรรม ยอ่ ม ไมม่ ี ปุถุ - อรเิ ยหิ ปถุ เควายํ ชโน. อ.ชนน้ี เป็นอื่น จากพระอริยะ ท. ยาว - ยาว พรฺ หฺมโลกา สทฺโท อพฺภคุ คฺ จฉฺ ติ. อ.เสียง ย่อมฟ้งุ ขนึ้ ไป เพยี งใด แต่พรหมโลก อปิคคฺ หเณน กมฺมาปาทานการกมชเฺ ฌปิ ปญฺจมี กาลทฺธาเนหิ. ลงปญั จมวี ภิ ตั ติ ศพั ทท์ อี่ ยใู่ นทา่ มกลางแหง่ บทกรรม และบทอปาทานทส่ี อ่ งอรรถ กาล เวลาและระยะทาง บทอปาทาน บทกมมฺ ๑. ลทุ ทฺ โก อิโต ปกฺขสมฺ า มคิ ํ วชิ ฌฺ ต.ิ อ.นายพราน ย่อมแทง ซึง่ เนอ้ื จากปักษ์ แต่กาลนี้ ๒. อโิ ต ปกขฺ สมา โภชนํ ภญุ ชฺ ติ. ยอ่ มบริโภค ซงึ่ โภชนะ จากปักษ์ แต่กาลนี้ ๓. อิโต โกสา กญุ ชฺ รํ วิชฌฺ ติ. ย่อมแทง ซง่ึ เนือ้ จากโกสะ แตท่ ่นี ี้ ๔. ลทุ ทฺ โก อชฺช วิชฌฺ ิตฺวา ปกขฺ สมฺ า วิชฺฌต.ิ อ.นายพราน แทงแล้ว ในวันนี้ ย่อมแทง จากปักษ์

ประโยคพิเศษ 261 จสทฺทคฺคหเณน ปภุตยฺ าทิอตเฺ ถ, ตทตฺถปโยเค จ. ลงปัญจมวี ิภตั ติ ในอรรถอปาทาน ในที่ประกอบกบั ปภตุ ิ ศัพท์ (จ�ำเดิม) และในท่ี ประกอบกบั อรรถของ ปภุติ ศัพท์ ๑. ยโตหํ ภคนิ ิ อรยิ าย ชาติยา ชาโต. ดูกรน้องหญิง อ.เรา เกิดแลว้ โดยชาติ แห่งอรยิ ะ แต่กาลใด ๒. ยโต สรามิ อตฺตานํ ยโต ปตฺโตสมฺ ิ วิญฺุ ตํ. อ.เรา ย่อมระลึกถงึ ซง่ึ ตน แตก่ าลใด อ.เรา บรรลแุ ลว้ ซ่งึ ความเป็นผ้รู ู้ ย่อมเป็น แตก่ าลใด ๓. ยตวฺ าธิกรณเมนํ. ยโต ปภุติ. ยโต ปฏฺ าย. เพราะเหตุใด ซึ่งภกิ ษุน้นั . เกิดขึน้ แลว้ แตก่ าลใด. จ�ำเดมิ แตก่ าลใด กาลนมิ มฺ าน อปาทาน ลงปัญจมี ในศัพทท์ ี่กลา่ วอรรถก�ำหนดกาลเวลา ๑. อิโต เอกนวุติกปปฺ มตฺถเก วปิ สฺสี ภควา โลเก อุทปาท.ิ อ.พระผมู้ พี ระภาคเจา้ พระนามวา่ วปิ สั สี ไดอ้ บุ ตั ขิ นึ้ แลว้ ในโลก ในทสี่ ดุ แหง่ กปั ป์ ท่ี ๙๑ แตภ่ ัทรกัปปน์ ี้ ๒. อิโต ติณฺณํ มาสานํ อจฺจเยน ตถาคโต ปรนิ พิ ฺพายิสฺสต.ิ อ.พระตถาคต จกั ปรนิ พิ พาน ในกาลล่วงไป แห่งเดอื น ท. สาม แต่กาลนี้ ตฺวาโลป อปาทาน ลงปญั จมวี ภิ ัตติ ในอรรถอปาทาน ในทีล่ บ ตวฺ า ปัจจยั ๑. ปาสาทา สงฺกเมยฺย = ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา สงฺกเมยยฺ . พึงย้าย จากปราสาท = ขึน้ แล้ว สู่ปราสาทแลว้ พงึ ยา้ ย ๒. หตถฺ กิ ฺขนธฺ า สงฺกเมยฺย = หตถฺ ิกฺขนฺธํ อภริ ุหิตวฺ า สงกฺ เมยยฺ . พึงยา้ ย จากคอชา้ ง = ข้ึนแล้ว ส่คู อชา้ งแลว้ พงึ ยา้ ย ๓. อภธิ มฺมา ปจุ ฉฺ นฺติ = อภธิ มมฺ ํ สตุ ฺวา ปจุ ฺฉนฺติ. ย่อมถาม จากอภิธรรม = ฟังแล้ว ซึ่งอภิธรรมแลว้ ยอ่ มถาม ๔. อภิธมฺมา กถยนตฺ ิ = อภิธมฺมํ ปติ ฺวา กถยนฺติ. ย่อมกลา่ ว จากอภธิ รรม = สวดแล้ว ซึ่งอภธิ รรมแล้ว ยอ่ มกลา่ ว

262 ขอ้ ความตอนท้ายหนงั สือ ๕. อาสนา วฏุ ฺ เหยยฺ = อาสเน นสิ ที ติ ฺวา วฏุ ฺ เหยฺย. พึงลุกขึ้น จากอาสนะ = นัง่ แล้ว บนอาสนะแลว้ พงึ ลุกขึ้น ทิสาโยค อปาทาน ลงปัญจมวี ภิ ัตตใิ นอรรถอปาทาน ในทป่ี ระกอบกับศพั ทอ์ นั กลา่ วอรรถวา่ ทิศ ๑. อโิ ต สา ปจฺฉมิ า ทิสา. อ.ทศิ นนั้ เป็นทศิ ตะวนั ตก จากภเู ขาสิเนรนุ ี้ ๒. อวีจโิ ต ยาวอุปริ ภวคฺคํ. ถึงซ่ึงภวัคคภูมิ ในเบอ้ื งบน จากอเวจีนรก ๓. อุทธฺ ํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา. ในเบ้อื งบน จากพน้ื เทา้ เบื้องล่าง จากปลายผม สตตฺ มยฺ ตถฺ อปาทาน ลง โต ปัจจัยในอรรถสัตตมี ๑. ปรุ ตถฺ ิมโต ทกขฺ ิณโต. ในทิศตะวันออก ในทศิ ใต้ วภิ ตตฺ อปาทาน เป็นอปาทานในทจี่ �ำแนกคณุ โดยคณุ มีสภาพตา่ งกันอยแู่ ลว้ เปรยี บเทียบด้วยคณุ อกี คร้งหนึ่ง ๑. ยโต ปณีตตโร วา วิสิฏฺ ตโร วา นตถฺ ิ. อ.ธรรม ทป่ี ระณตี กวา่ หรอื ประเสรฐิ กวา่ กวา่ ค�ำสอนของพระพทุ ธเจา้ พระองคใ์ ด ยอ่ มไม่มี ๒. อตตฺ ทนโฺ ต ตโต วร.ํ อ.ผ้ฝู ึกตน ประเสริฐกวา่ กว่าการฝกึ บุคคลอ่ืน มีมา้ เปน็ ตน้ นั้น ๓. ทานโต สลี เมว วร.ํ อ.ศลี นน่ั เทียว ประเสรฐิ กว่า กว่าทาน ๔. ตโต มยา สตุ า อสตุ เมว พหุตร.ํ อ.สงิ่ ทย่ี งั ไมเ่ คยฟัง มีมากกวา่ กว่าธรรมทีเ่ ราฟงั แล้วน้ัน ๕. สลี เมว สตุ า เสยฺโย อ.ศีลนัน่ เทียว ประเสรฐิ กวา่ กว่าการฟงั ๖. มถุรา ปาฏลิปตุ ฺตเกหิ อภริ ูปตรา อ.ชาวมถรุ า เป็นผมู้ ีรูปงามกว่า กวา่ ชาวปาฏลีบุตรทงั้ หลาย (ย่อมเป็น)

ประโยคพเิ ศษ 263 ๗. ปญฺวนตฺ า นาม สาริปุตตฺ โต หีนา. ช่ือวา่ ผมู้ ปี ัญญา ท. ตำ่� กว่าพระสารีบุตร ๘. ตโต อธกิ ํ วา อูนํ วา น วฏฺฏติ. มากกวา่ หรอื ว่านอ้ ยกว่า กว่าประมาณน้ัน ย่อมไม่ควร โถกตฺถ อปาทาน เป็นสททฺ อปาทาน อรรถตตยิ าวิภัตติ. (ลงตตยิ าวภิ ัตตกิ ไ็ ด้) ๑. โถกา มจุ จฺ ติ. ย่อมพน้ โดยหนอ่ ยหน่งึ ๒. อปปฺ มตฺตา มจุ จฺ ต.ิ ยอ่ มพน้ โดยประมาณน้อย ๓. กิจฉฺ า มุจจฺ ติ. ยอ่ มพ้น โดยยาก เหตวฺ ตฺถ อปาทาน ลงปัญจมีวภิ ตั ติในอรรถเหตุ ๑. สตสมฺ า พทโฺ ธ นโร รญฺ า. อ.ชน อันพระราชา ผูกแล้ว เพราะทรพั ย์ร้อยหนึง่ ๒. อสิ สฺ ริยาย ชนํ รกขฺ ติ ราชา. อ.พระราชา ยอ่ มรักษา ซ่ึงชน เพราะความเป็นใหญ่ ๓. สลี โต นํ ปสสํ นฺต.ิ ย่อมสรรเสริญ บคุ คลนนั้ เพราะศลี ๔. ปญฺาย วมิ ตุ ฺตมโน. มีใจพน้ แลว้ เพราะปญั ญา ๕. กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา วิปุลตตฺตา อุปฺปนฺนํ โหติ จกฺขุวิญฺาณํ. อ.จักขุ วิญญาณ เป็นวิญญาณอันเกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็น เพราะความที่แห่งกรรมถูกกระท�ำแล้ว ถูก ส่งั สมแล้ว มากขน้ึ แลว้ แผข่ ยายออกไป ๖. หุตวฺ า อภาวโต'นิจจฺ า อุทยพพฺ ยปีฬนา, ทุกฺขา อวสวตฺตติ ฺตา อนตตฺ าติ ตลิ กฺขณ.ํ อ.สงั ขารธรรม ท. เปน็ สภาพไมเ่ ที่ยง เพราะความมีแล้วไมม่ ,ี เป็นทุกข์ เพราะ ความเกดิ ข้นึ และความเส่อื มเบียดเบยี น ช่ือวา่ อนตั ตา เพราะไมเ่ ป็นไปในอ�ำนาจ ของตน ๗. จตุนฺนํ ภิกฺขเว อริยสจฺจานํ อนนุโพธา อปฏิเวธา ยถาภูตํ อทสฺสนา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนธฺ าวติ ํ สํสริตํ มมญฺเจว ตมุ หฺ ากญฺจ. ดูก่อยภกิ ษุ ท. อนั เราดว้ ย อันท่าน ท. ดว้ ย แลน่ ไปแล้ว เวียนไปแลว้ สูท่ างไกลอนั ยืดยาว คือ สงสารนี้ อย่างนี้ เพราะไมร่ ู้ เพราะ ไม่แทงตลอด ซ่ึงอรยิ สัจ ท. ๔ เพราะไมเ่ ห็น ตามความเป็นจริง ๘. อวิชฺชาปจจฺ ยา สงขฺ ารา. สงฺขารปจจฺ ยา วญิ ฺาณ.ํ อ.สงั ขาร ท. ย่อมเกดิ เพราะ อวิชชาเป็นเหตุ, อ.วญิ ญาณ ยอ่ มเกิด เพราะสงั ขารเปน็ เหตุ ๙. อวชิ ฺชายเตวฺ ว อเสสวริ าคนิโรธา สงฺขารนโิ รโธ. สงขฺ ารนิโรธา วญิ ฺ าณนโิ รโธ. สว่ นวา่ อ.การดบั แห่งสงั ขาร ยอ่ มมี เพราะการดับไม่เหลือ แห่งอวิชชาน่นั เทยี ว ...

264 ข้อความตอนทา้ ยหนังสือ ฉัฏฐีวภิ ัตติ ฉฏฺ ี จ. ตติยตฺถ สตตฺ มฺยตฺถ ฉฏฺวี ิภตฺติ. ลงฉฏั ฐวี ภิ ตั ติ ในอรรถตติยา และ สตั ตมี ยชาทิกรเณ ปณุ ฺณ ตุลยฺ ก'ึ ลํ กเิ ตหิ จ, โยเค ฉฏฺ ี ตติยตเฺ ถ ภมุ ฺมตฺเถ กุสลาทนิ า. ฉัฏฺ วี ภิ ตั ติ ลงในอรรถตตยิ า มไี ดใ้ นท่ปี ระกอบกบั ธาตุมอี รรถบชู า มี ยช ธาตุ เปน็ ต้น ประกอบกับศัพท์ทม่ี อี รรถเตม็ , เหมอื นกนั , กึ ศัพท,์ อลํ ศพั ท์ และศพั ทท์ ี่มี กติ ปจั จยั เป็น ท่ีสุดด้วย ฉัฏฐีวิภัตติ ลงในอรรถสัตตมี มีได้ในที่ประกอบด้วยศัพท์ท่ีมีอรรถ ฉลาด หรือ คล่องแคล่ว มี กุสล ศัพท์ เป็นต้น ตติยตถฺ ฉฏฺกี รณ. ลงฉฏั ฐีวิภตั ติอรรถ กรณ ยช ธาตุ - ปปุ ฺผสฺส พทุ ธฺ ํ ยชติ. (เป็น ปุปฺเผน กไ็ ด้) ยอ่ มบชู า ซ่ึงพระพุทธเจา้ ดว้ ยดอกไม้ ปรู ธาตุ - ปตฺตํ โอทนสสฺ ปูเรตฺวา. อมิ เมว กายํ ปูรํ นานปฺปการสสฺ อสุจิโน ปจจฺ เวกขฺ ติ. - ยงั บาตร ใหเ้ ตม็ แลว้ ดว้ ยขา้ ว, ยอ่ มพจิ ารณา ซง่ึ กายนนี้ น่ั เทยี ว อนั เต็ม ดว้ ยของไมส่ ะอาด นานบั ประการ - ปูรํ หริ ญฺ สวุ ณฺณสฺส. เตม็ ดว้ ยเงินและทอง - ปรู ติ พาโล ปาปสฺส. คนพาล ย่อมเต็มด้วยบาป ตลุ ยฺ - ปิตุสฺส ตลุ ฺโย. มาตุ ตลุ โฺ ย. เสมอ ด้วยพ่อแม่ กึ - กึ ตสสฺ จ ตฏุ ฺ สสฺ . อ.ประโยชนอ์ ะไร ดว้ ยวตั ถุ อนั นา่ สนั โดษ น้ัน อลํ - อลํ ตสสฺ จ ตุฏฺสสฺ . อ.อย่าเลย ด้วยวัตถุ อนั นา่ สันโดษ น้นั กตฺตริ กิตปจจฺ ยานํ โยเค. ฉฏฺี กตตฺ า ๑. รญฺโ สมฺมโต. รญฺโ ปูชิโต. รญฺโ สกฺกโต. รญฺโ อปจิโต. รญฺโ มานโิ ต. อนั พระราชา สมมติแล้ว. อนั พระราชา บชู าแลว้ ๒. อมตํ เตสํ ภิกฺขเว อปริภุตฺตํ. เยสํ กายคตาสติ อปริภุตฺตา. ดูก่อน ภิกษุ ท. อ.กายคตาสติ อันภิกษุ ท. เหล่าใด ไม่บริโภคแล้ว, อ.พระนิพพาน อันภกิ ษุ ท. เหลา่ น้ัน ไม่บรโิ ภคแลว้ .

ประโยคพเิ ศษ 265 สตฺตมฺยตถฺ ลงฉฏั ฐวี ิภัตติ ในอรรถสตั ตมี ๑. กุสลา นจฺจคตี สฺส สิกฺขิตา จาตรุ ิตถฺ โิ ย. อ.หญงิ งาม ท. ผฉู้ ลาดผชู้ �ำนาญ ในการฟ้อนและการขบั ร้อง ๒. กุสโล ตฺวํ รถสฺส องฺคปจฺจงฺคาน.ํ อ.ทา่ น ผฉู้ ลาด ในอวยั วะนอ้ ยใหญ่ ของรถ ๓. กุสโล มคคฺ สสฺ . กุสโล อมคฺคสสฺ . ผูฉ้ ลาด ในหนทาง. ผู้ฉลาด ในท่มี ิใช่หนทาง ๔. สนตฺ ิ หิ ภกิ ฺขเว โอฬารา ยกฺขา ภควโต ปสนนฺ า. ดกู ่อนภกิ ษุ ท. ยกั ษ์ (เทวดา) จ�ำนวนมาก เลื่อมใส ในพระผ้มู พี ระภาค มีอยู่ ๕. ทิวสสสฺ ติกฺขตตฺ ํุ, มาสสฺส ทวฺ กิ ขฺ ตตฺ .ํุ ๓ คร้ัง ในวัน, ๒ คร้ัง ในเดือน ทตุ ิยตถฺ ปญจฺ มฺยตฺถ ฉฏฺ.ี ลงฉัฏฐวี ภิ ตั ติ ในอรรถทตุ ยิ า และปัญจมีวภิ ัตติ กิตปจจฺ ยโยคสฺส สริจฺฉาทีน กมมฺ น,ิ ปติปุพฺพกโรตสิ ฺส ทุตยิ ตฺเถ ฉฏฺี มตา. หานภิ ยตฺถโยเค ตุ ปญฺจมฺยตเฺ ถ ฉฏฺี มตา, ต ตวนตฺ ุ ตาวีสุ นฏิ ฺ าทสี ุ น สา ภเว. อ.ฉัฏฐีวิภัตติ ในอรรถของทุติยาวิภัตติ อันนักศึกษาพึงทราบ ในกรรมของบทที่ ประกอบดว้ ยกติ ปจั จยั ยุ ณฺวุ ตุ เปน็ ต้นดว้ ย กรรมของสรธาตุ และอสิ ธุ าตุ เป็นตน้ ท. ด้วย แห่งกรธาตุอันมี ปติเป็นบทหน้าด้วย ส่วน ฉัฏฐีวิภัตติในอรรถปัญจมีวิภัตติ อันนักศึกษา พึงทราบ ในที่ประกอบด้วยศัพท์ที่มีอรรถเสื่อม และศัพท์ท่ีมีอรรถกลัว อ.ฉัฏฐีวิภัตติ ย่อมไมล่ งในอรรถกรรมในท่ีประกอบดว้ ยนิฏฐปจั จัย ท. คอื ต, ตวนฺตุ, ตาวี ฉฏฺ กี มมฺ บทกรรมของ ยุ, ณวฺ ุ, ตุ ปจั จัยเปน็ ต้น ส่วนมากเป็นฉัฏฐีวภิ ัตติ ๑. อเสวนา จ พาลานํ ปณฑฺ ติ านญฺจ เสวนา. อ.การไม่คบ ซ่ึงคนพาล ท. ด้วย อ.การคบ ซง่ึ บณั ฑิต ท. ด้วย ๒. ปาปานํ อกรณํ สุข.ํ อ.การไมก่ ระท�ำ ซง่ึ บาป ท. เป็นสุข (ย่อมเป็น) ๓. กมมฺ สฺส การโก นตถฺ ิ วิปากสสฺ จ เวทโก. อ.ผู้กระท�ำ ซึ่งกรรม ยอ่ มไม่มี, อ.ผู้เสวย ซ่ึงผลกรรม ย่อมไม่มี ๔. อวสิ ํวาทโก โลกสฺส. ไมเ่ ป็นผู้หลอกลวง ซ่ึงโลก ๕. ตสสฺ ภวนตฺ ิ วตฺตาโร. อ.ผกู้ ล่าว ซึ่งบคุ คลนน้ั ย่อมมี ๖. สหสา กมมฺ สสฺ กตตฺ าโร. อ.ผูก้ ระท�ำ ซงึ่ กรรม โดยผลุนผลนั

266 ขอ้ ความตอนท้ายหนังสอื ๗. อมตสสฺ ทาตา. อ.ผู้ให้ ซง่ึ นิพพาน ๘. ภินนฺ านํ สนธฺ าตา. อ.ผปู้ ระสาน ซึง่ บุคคลผู้แตกแยกกัน ท. ๙. สหติ านํ อนปุ ปฺ ทาตา. อ.ผใู้ หก้ �ำลังใจ ซ่งึ บคุ คลผู้พรอ้ มเพรียง ท. ๑๐. โพเธตา ปชาย. อ.ผู้ยังหม่สู ตั ว์ ใหร้ ู้ ๑๑. สตี สฺส ปฏฆิ าตาย อุณหฺ สสฺ ปฏฆิ าตาย. เพ่ือป้องกนั ซงึ่ ความหนาว เพื่อปอ้ งกนั ซง่ึ ความรอ้ น บางทลี งทตุ ิยาวิภตั ติ ก็มใี ช้ ๑. คมฺภีรญจฺ กถํ กตฺตา. อ.ผ้กู ระท�ำ ซ่ึงค�ำพดู อันลุ่มลึกด้วย ๒. กาเลน ธมฺมํ กถํ กตตฺ า โหต.ิ เปน็ ผู้กระท�ำ ซ่ึงธรรมกถา ในกาล ยอ่ มเป็น ๓. ปเรสํ ปญุ ฺานิ อนุโมทิตา. อ.ผู้อนโุ มทนา ซ่งึ บุญ ท. ของชน ท. เหล่าอื่น ๔. กชุ ฺฌติ า สจจฺ านํ. อ.ผูโ้ กรธแลว้ ตอ่ สจั จะ ท. ๕. กฏํ การโก. อ.ผกู้ ระท�ำ ซ่งึ เส่อื ๖. ปสโว ฆาตโก. อ.ผู้ฆา่ ซึ่งสัตว์ ท. สรธาตุ อิสธุ าตุ มบี ทกรรมเปน็ ฉัฏฐี (เป็นทุติยาวภิ ัตติ กไ็ ด)้ ๑. มาตุ สรติ. ยอ่ มระลกึ ถงึ ซึ่งมารดา ๒. ปุตฺตสสฺ อิจฺฉต.ิ ยอ่ มปรารถนา ซง่ึ บตุ ร ปติปพุ พฺ กรธาต.ุ มบี ทกรรมเปน็ ฉัฏฐี (เปน็ ทุติยาวภิ ัตติก็ได้) ๑. อุทกสฺส ปติกุรเฺ ต. กณฺฑสสฺ ปตกิ ุรุเต. ปรุงแตง่ ซง่ึ นำ�้ . กระท�ำปรบั ปรงุ ซงึ่ ลูกศร (ดัด) ปญจฺ มฺยตถฺ . ลงฉฏั ฐวี ภิ ัตติ ในอรรถปญั จมีวภิ ตั ติ ๑. อสสฺ วนตา ธมมฺ สสฺ ปรหิ ายนตฺ .ิ ยอ่ มเสอื่ ม จากธรรม เพราะการไมส่ ดบั (ไมเ่ รยี น) ๒. กึ นุ โข อหํ ตสสฺ สุขสสฺ ภายามิ. เพราะเหตุไรหนอ อ.เรา ยอ่ มกลัว แตส่ ุขนัน้ ๓. สพฺเพ ตสนตฺ ิ ทณฑฺ สสฺ สพเฺ พ ภายนตฺ ิ มจจฺ โุ น. อ.สัตว์ ท. ทั้งปวง ย่อมสะดุ้ง แต่ทัณฑกรรม อ.สัตว์ ท. ท้ังปวง ย่อมกลัว แต่ความตาย

ประโยคพเิ ศษ 267 ๔. ภโี ต จตุนฺนํ อาสวิ ิสานํ โฆรวสิ าน.ํ กลวั แลว้ จากงพู ษิ ท. ตวั มพี ิษนา่ กลวั ๔ ตัว น นฏิ ฺาทสี ุ. นิฏฐปัจจัย คือ ต, ตวนตฺ ,ุ ตาวี, ตวฺ า, อนฺต, มาน, อาน ประกอบอยู่ ห้ามเขยี นบทกรรมเปน็ ฉฏั ฐวี ิภัตติ ๑. สุขกามี วิหารํ กโต. ผู้มคี วามต้องการซ่งึ ความสขุ กระท�ำแล้ว ซ่ึงวหิ าร ๒. รถํ กตวนฺโต. ผกู้ ระท�ำแลว้ ซ่ึงรถ ๓. รถํ กตาว.ี ผูก้ ระท�ำแล้ว ซง่ึ รถ ๔. กฏํ กตฺวา, กฏํ กโรนฺโต, กฏํ กรมาโน, กฏํ กราโน. กระท�ำ ซ่ึงเสอ่ื อปาทานตถฺ ฉฏฺ .ี ลงฉัฏฐวี ภิ ัตติ ในอรรถอปาทาน ๑. ฉนฺนวตุ นี ํ ปาสณฑฺ านํ ธมมฺ านํ ปวร.ํ ยทิทํ สคุ ตวินโย. อ.ค�ำสอนของพระพุทธเจ้า ใด มอี ยู,่ อ.ค�ำสอนของพระพทุ ธเจ้านี้ ประเสริฐกว่า กว่าธรรมท้ังหลายของลัทธิปาสัณฑะ ท. ๙๖ ๒. สเทวกสฺส โลกสสฺ สตถฺ า โลเก อนตุ ตฺ โร. อ.พระศาสดา เป็นผปู้ ระเสรฐิ กว่า กว่ามนุษยโ์ ลก กับท้งั เทวโลก ในโลก ๓. อคฺโคหมสฺมิ โลกสสฺ , เชฏโฺ หมสฺมโิ ลกสสฺ , เสฏฺโหมสมฺ ิ โลกสฺส. อ.เรา เปน็ ผู้เลิศ กวา่ สตั ว์โลก ยอ่ มเปน็ , อ.เรา เป็นผเู้ จริญที่สุด กว่าสตั วโ์ ลก, ย่อมเป็น, อ.เรา เป็นผู้ประเสรฐิ ท่สี ุด กวา่ สัตว์โลก ยอ่ มเป็น สตั ตมวี ิภัตติ กมฺม กรณ นิมติ ฺตตเฺ ถสุ สตฺตม.ี ลงสัตตมวี ภิ ัตติในอรรถกรรม, กรณะ และอรรถเหตุ กมฺม. ๑. สุนทฺ ราวโุ ส อเิ ม อาชีวกา, ภกิ ขฺ ูสุ อภวิ าเทนตฺ ิ. ดกู อ่ นทา่ นผูม้ อี ายุ อ.อาชวี ก ท. เหลา่ น้ี งาม, ย่อมกราบไหว้ ซ่งึ ภกิ ษุ ท. ๒. มทุ ธฺ นิ จุมพฺ ิตฺวา. จูบแล้ว ซงึ่ กระหมอ่ ม ๓. ปรุ ิสสฺส พาหาสุ คเหตฺวา. จบั แล้ว ซ่ึงแขน ท. ของบรุ ษุ . (จับแลว้ ซง่ึ บุรษุ ท่ีแขน) ควรทราบ อาธาร ภมู ิ, ฉฏฺี กมฺม. อา กมฺม, ทุตยิ า ฉฏฺ.ี

268 ขอ้ ความตอนท้ายหนงั สอื อธบิ ายวา่ ถา้ แปลบทสตั ตมวี ภิ ัตติ (ภูมิ) เป็น อาธาร (สถานที)่ บทท่เี ป็น ฉัฏฐีวภิ ัตติ จะตอ้ งแปลเปน็ กมฺม, และถา้ แปลบท สตั ตมีวภิ ตั ตเิ ปน็ กมมฺ บททตุ ิยาวิภตั ติ ตอ้ งแปลเปน็ ฉฏั ฐวี ิภตั ติ ตามทอ่ี รรถกถาพรรณาไวว้ า่ ก. ปรุ ิสสฺส พาหาสุ คเหตวฺ า. จบั แล้ว ซ่ึงบุรุษ ทีแ่ ขน ท. ข. ปรุ สิ ํ พาหาสุ คเหตฺวา. จับแล้ว ซง่ึ แขน ท. ของบุรุษ ๔. ปรุ าณทุติยกิ าย พาหายํ คเหตฺวา. จับแล้ว ซึง่ ภรรยาเก่า ที่แขน ปุราณทุติยิกํ พาหายํ คเหตวฺ า. จับแลว้ ซ่งึ แขน ของภรรยาเกา่ (ว.ิ ๒ ปาราชกิ ) กรณตฺถ สตฺตมี สัตตมวี ิภตั ติ อรรถ กรณ (เคร่อื งมอื ) ๑. หตฺเถสุ ปิณฺฑาย จรนตฺ .ิ ปตฺเตสุ ปิณฑฺ าย จรนตฺ ิ. อ.ภกิ ษุ ท. ยอ่ มเทีย่ วไป เพอ่ื บณิ ฑบาต ดว้ ยมอื ท. ฯลฯ ดว้ ยบาตร ท. ๒. ปเถสุ คจฺฉนฺต.ิ ยอ่ มไป ตามทาง ท. ๓. ตทหุ ปพฺพชิโต สนฺโต ชาติยา สตฺตวสสฺ โิ ก, โสปิ มํ อนุสาเสยฺย สมฺปฏิจฉฺ ามิ มตฺถเก. อ.สามเณร ผูบ้ วชแล้วในวนั น้ัน เปน็ อยู่ ผมู้ อี ายเุ จด็ ขวบโดยชาติ (การเกิด) พงึ ส่งั สอน ซ่ึงข้าพระองค์ อ.ข้าพระองค์ จกั รบั ด้วยกระหม่อม นิมิตฺตตถฺ สตตฺ ม.ี ลงสตั ตมวี ิภตั ติ ในอรรถเหตุ ๑. ทีปิ จมฺเมสุ หญฺ เต, กญุ ชฺ โร ทนฺเตสุ หญฺ เต. อ.เสอื ดาว ยอ่ มถกู ฆา่ ในเพราะหนงั . หรอื เพราะหนงั ท. เปน็ เหตุ เสอื จงึ ถกู ฆา่ , อ.ชา้ ง ยอ่ มถกู ฆา่ ในเพราะงา ท. หรือเพราะงา ท. เปน็ เหตุ ชา้ งจงึ ถกู ฆ่า ๒. อนมุ ตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสสฺ าวี. อ.ผ้มู ีปกติเหน็ ภัย ในเพราะโทษ ท. อันมีประมาณ นอ้ ย. หรือ เพราะโทษ ท. อนั มปี ระมาณน้อยเป็นเหตุ ๓. สมปฺ ชานมสุ าวาเท ปาจติ ตฺ ยิ .ํ อ.อาบตั ปิ าจติ ตยี ์ ยอ่ มมี แกภ่ กิ ษุ ในเพราะการกลา่ ว เท็จทั้งร้ตู ัวอย,ู่ หรอื เพราะกล่าวเท็จโดยรู้อยเู่ ปน็ เหตุ สมฺปทานตฺถ สตตฺ มี. ลงสตั ตมีวิภัตติ ในอรรถสมั ปทาน (จตุตถี) ๑. สํเฆ ตฺวํ โคตมิ เทหิ, สํเฆ ทินนฺ ํ มหปฺผล.ํ แนะ่ นางโคตมี อ.เธอ จงถวาย แกส่ งฆ,์ อ.ทาน อนั เธอถวายแลว้ แกส่ งฆ์ เปน็ ทาน มีผลมาก ยอ่ มเป็น

ประโยคพเิ ศษ 269 ๒. สํเฆ เต ทินเฺ น อหญฺเจว ปชู โิ ต ภวิสสฺ ามิ. ครั้นเม่ือทาน อันเธอ ถวายแลว้ แก่สงฆ์ อ.เราน่ันเทยี ว จกั เปน็ ผอู้ ันเธอบชู าแล้ว จกั เป็น ๓. ยา ปลาลมยํ มาลํ นารี ทตวฺ าน เจติเย, อลตถฺ กญจฺ นมยํ มาลํ โพชฺฌงฺคิกญฺจ สา. อ.หญงิ ใด ถวายแล้ว ซึง่ พวงมาลยั อนั ส�ำเรจ็ แล้วดว้ ยฟาง แก่เจดยี ์ อ.หญงิ นนั้ ไดแ้ ลว้ ซ่งึ มาลยั อนั ส�ำเรจ็ แล้วดว้ ยทองด้วย ซ่ึงมาลัยคือโพชฌงค์ด้วย ปญฺจมยฺ ตถฺ สตตฺ มี. ปญจฺ มฺยตฺเถ จ. ลงสัตตมีวภิ ัตติ ในอรรถอปาทาน ๑. กทลสี ุ คเช รกขฺ นตฺ .ิ อ.ชน ท. ยอ่ มรักษา ซึง่ ช้าง ท. จากตน้ กลว้ ย ท. อุปาธฺยาธกิ ิสฺสรวจเน. ในทปี่ ระกอบกบั อปุ และ อธิ ทม่ี ีอรรถ ยงิ่ และอรรถ เปน็ ใหญ่ ต้องลงสตั ตมีวภิ ตั ติ อปุ , อธิ ทมี่ ีอรรถ ยิง่ ๑. อุป ขาริยํ โทโณ, อุป นกิ ฺเข กหาปณํ. อ.ทะนาน อันเกินไป จากขารี. อ.กหาปณะ อันเกินไปจากนิกขะ (หนึ่งขารี่ เกนิ ไปทะนานหน่งึ , เหมือนกับหนง่ึ กิโล เกนิ ไปขีดหน่งึ ) ๒. อธิ เทเวสุ พุทโฺ ธ. อ.พระพทุ ธเจา้ ย่งิ กวา่ กวา่ เทวดา ท. อธิ ท่มี ีอรรถ เป็นใหญ่ ๑. อธิ พรฺ หมฺ ทตฺเต ปญจฺ าลา. อ.ชาวปญั จาลา เปน็ ทาสของพระเจ้าพรหมทตั หรอื อ.ชาวปญั จาลา มพี ระเจา้ พรหมทตั เป็นใหญ่ อธิ นจเฺ จสุ โคตมี. โคตมี เป็นใหญ่ แหง่ หญิงฟอ้ น ท. มณฺฑติ สุ ฺสุกฺเกสุ ตตยิ า จ. ในท่ีมีเน้ือความ เล่ือมใส และความเพียร ต้องลงตติยา หรือสัตตมีวภิ ตั ติ ๑. าเณน ปสนฺโน. าณสฺมึ ปสนฺโน เล่อื มใสแลว้ ดว้ ยญาณ เลอื่ มใสแล้ว ในญาณ ๒. าเณน อสุ ฺสุกโฺ ก. าณสฺมึ อสุ สฺ กุ โฺ ก. อ.บุคคลผ้เู พียรแลว้ ดว้ ยญาณ. ผู้เพียรแลว้ ในญาณ

270 ขอ้ ความตอนทา้ ยหนงั สือ ๑๒๒. อุยโยชนคาถา นจิ จฺ ํ ปสฺสนฺตุ โสตาโร ปาฬิสิกฺขํ อมิ ํ สุภํ, ยถา สมมฺ านจิตฺเตน โปโส นวปิโย ปิย.ํ เหลา่ นกั ศกึ ษา จงเฝ้าดปู าฬิสกิ ขา อันโสภาน้ี เป็นนิจ เหมือนบุรุษ ไดภ้ รรยาใหม่ ๆ เฝา้ ยลโฉมโสภาดว้ ยใจพงึ สิกขฺ ตํ ปาฬิสกิ ขฺ 'ํ มํ ปาฬิ หตฺถคฺคตา ภวิ, ปุพพฺ ํ คนฺตวฺ าน คณฺหนตฺ ุ มา ติฏฺ นเฺ ต'วธิ 'ญชฺ เส. พระบาลคี ือพระไตร เขา้ มาใกลม้ อื ของผู้ศกึ ษาปาฬสิ กิ ขาแล้ว แต่วา่ นักศกึ ษาต้องก้าว ไปข้างหนา้ แลว้ ควา้ เอา อย่ามัวเพลินหยดุ อย่แู ต่บนเสน้ ทางถนนคอื ปาฬิสิกขานี้เลย ปาฬยิ า กตกาเล จ สรนตฺ ุ สสุ ภุ ํ อมิ ,ํ ยถา สรติ จติ เฺ ตน มคคฺ ํ โปโส ทสิ ํคโต. ในเวลาเรียนพระไตร นักศึกษา จงระลึกถึงปาฬิสิกขาอันโสภาน้ี เหมือนกับบุรุษ ผเู้ ท่ยี วไปในทิศต่าง ๆ ได้ ด้วยจติ ที่จดจ�ำทางน้นั ๆ ไว้กอ่ น ดปู าฬิสกิ ขา อนั โสภานี้ เป็นนิตย์ ค�ำนงึ และควรคิด จ�ำใสจ่ ติ ทุกบทตอน เปรียบเหมือนกบั บุรษุ ชมชนื่ นชุ สายสมร คะนึงถงึ บังอร ยามจากจรดว้ ยใจพงึ ฯ พระไตรอันโสภา สภาพมาใกลม้ ือนักเรียน พยายามใชค้ วามเพยี ร ทวนอา่ นเขียนปาฬิสิกขา มุ่งมน่ั ต้งั ใจไว้ กา้ วหนา้ ไป คว้าเอามา ส่งั สมสรา้ งปัญญา อย่าหยดุ ชา้ บนทางนี้ ฯ ระลกึ ปาฬสิ กิ ขา ในเวลาเรียนพระไตร เมื่อยามทส่ี งสยั น�ำมาใช้ทนั เหตกุ ารณ์ ดจุ บรุ ุษผู้เทีย่ วไป สู่ทศิ ใหญ่น้อยทุกสถาน จดจ�ำหนทางผา่ น ทุกวันวารทเ่ี ท่ียวมา ฯ

รายช่ือเจ้าภาพพิมพ์หนงั สือ ๕๐๐ บาท “ปาฬสิ กิ ขา และ สัททสังเขป” ๕๐๐ บาท วัดท่ามะโอ ต.เวยี งเหนือ อ.เมือง จงั หวัดล�ำปาง ๕,๐๐๐ บาท จ�ำนวน ๒,๐๐๐ เลม่ ๆ ละ ๑๒๘ บาท ๑,๒๘๐ บาท ๑,๒๘๐ บาท ------------------- ๑๒๘ บาท สายบุญกลุ่มเชียงใหม่ ๑๒๘ บาท ๑. แม่ชี ผ่องพรรณ ล่องทอง ๑,๒๘๐ บาท ๒. แมช่ ี ปาริชาติ บญุ ประเสริฐ ๓๕๖ บาท ๓. พญ. มณีรตั น์ อนนั ต์ธนวณิช ๑,๐๐๐ บาท ๔. คุณ พชั ราภรณ์ อุปสรรค์ ๑,๒๘๐ บาท ๕. พญ. อรนชุ หล่อธาน ๑,๑๕๒ บาท ๖. นาง พิมพา สามนนถ ี ๓๐๐ บาท ๗. นาย อภิรักษ์ จติ รรัตน ์ ๖๔๐ บาท ๘. นาย ชาญชัย - นาง สปุ ระวณี ์ รตั นาภรณ์นกุ ุล ๑,๐๐๐ บาท ๙. นาง เพญ็ ศรี แกว้ มีศรี ๕๐๐ บาท ๑๐. ทพญ. ณทั ญา ศรเี มอื ง ๑,๐๐๐ บาท ๑๑. น.ส. สพุ าณี เพื่อนาง จนิ ตนา สุพงศพ์ ัฒนกจิ ๕๐๐ บาท ๑๒. น.ส. สุปิยา เพือ่ นาง จนิ ตนา สุพงศพ์ ัฒนกจิ ๕๐๐ บาท ๑๓. นาง จารยี ์ - น.ส. โชตริ ส หอเจรญิ ๓๘๔ บาท ๑๔. นาย สงิ ขร รักแผ่นดิน ๕๑๒ บาท ๑๕. ร.ต. เข็มชาติ - นาง อจั ฉราภรณ์ สนามพล ๑๒๘ บาท ๑๖. พนี่ ุช ไทยรัฐ ๑๗. นาย พงษ์ศักด์ิ รอดโพธิ์ทอง ๑๘. น.ส. โชติกา รัตนาภรณน์ ุกลุ และ นาย ณัฐชนน อุปสรรค ์ ๑๙. นาง อุไร วัชรย่งิ ยง ๒๐. แมช่ ี ชญาณ์นันท์ ฐติ ิศภุ กนั ต์ ๒๑. น.ส. กชพร รตั นคณุ กรณ ์ ๒๒. นาย ภาวัต คหเทพบวรกุล

๒๓. นาย สุวิทย์ ใจจ้มุ ๑,๐๐๐ บาท ๒๔. น.ส. สายทอง หยกวฒุ ริ ตั น์ ๖๔๐ บาท ๒๕. คุณ พรรณษาชล มลู กยุ ๒๐๐ บาท ๒๖. คุณ สนธิลักษณ์ รกั ไทย ๒๕๖ บาท ๒๗. คุณ ผอ่ งศรี ยองจา ๑๒๘ บาท ๒๘. ทพ. สหธัช แกว้ ก�ำเนดิ ๒๙. พ.ต.ท. ประสงค์ วรรพศิ ิษฐ ๒,๐๐๐ บาท ๓๐. น.ส. อาวรณ์ ฝ้ันเฝือ ๑,๒๘๐ บาท ๓๑. บจก. สวุ รรณะรงุ่ เรอื ง ช่างทอง น�ำโดย คณุ อนรุ ตั น์ ธัมมอญั ญา และบุตร ๓๒. คณุ เมธาวี และคุณ เอกสทิ ธ์ิ ศรชี ัยวทิ ย ์ ๓๐๐ บาท ๓๓. พญ. เพ็ญพักตร์ รัตนรังรอง ๑๐๐,๐๐๐ บาท ๓๔. คณุ ปกรณ์ เจด็ คัมภรี ์ รวม ๕๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท ๒,๐๐๐ บาท ๑๒๘,๖๕๒ บาท สายบญุ กลุ่มวัดทา่ มะโอ จ.ล�ำปาง ๓๐,๐๐๐ บาท ๑. วดั ทา่ มะโอ ๒๐,๐๐๐ บาท ๒. คุณ วรวุฒิ - ทพญ. รตั นาวดี ปปุ ผาเจรญิ สุข ๕,๐๐๐ บาท ๓. คณุ กวี - คณุ ปรางค์มาศ นติ ธิ รรม ๒,๐๐๐ บาท ๔. คุณ กลบี ผกา แก้วปลง่ั และครอบครัว ๒,๐๐๐ บาท ๕. คุณ กิติศักดิ์ กัลยาณมติ ร และครอบครวั ๑,๐๐๐ บาท ๖. คุณ สายหยุด สกลุ มติ รภาพ ๑,๐๐๐ บาท ๗. บริจาคอทุ ศิ กุศลแด่ พอ่ ใส - แม่แดง และพว่ี ิโรจน์ โสภาวรรณ ์ ๑,๐๐๐ บาท ๘. คุณ ธาตรี ฉายศรี ๙. คุณ สุเทพ - คณุ อัมพร เหลืองมะลาภีร ์ ๕๐๐ บาท ๑๐. คุณ สุพัตรา ปินยา และครอบครัว ๒,๐๐๐ บาท ๑๑. คุณ สิทธิชัย ธาราอริยกลุ ๕,๐๐๐ บาท ๑๒. คุณ ชตุ มิ า แกว้ กลาง รวม ๕๐๐ บาท ๗๐,๐๐๐ บาท

สายบุญกล่มุ โยมเสรมิ สขุ ๑. คุณ เสริมสขุ ปัทมสถาน ๕๐,๐๐๐ บาท ๒. คณุ อภิญญา แจง้ อรยิ วงศ ์ ๑๐,๐๐๐ บาท รวม ๖๐,๐๐๐ บาท สายบุญกลมุ่ ศิษยบ์ าลใี หญ่ ๑. คุณ พรกมล โตร่งุ ๒๐,๐๐๐ บาท ๒. คณุ ฉววี รรณ โมนะ ๑,๐๐๐ บาท ๓. คุณ ภัทรี วัยอดุ มวุฒิ ๕,๐๐๐ บาท ๔. ญาติมติ รรว่ มท�ำบุญขึน้ บา้ นใหม่ บ้าน “คงสบาย” ๒๓,๒๖๐ บาท ๕. คุณ อุน่ เรือน เทยี มศักด์ิ ๑๐,๐๐๐ บาท ๖. ทพญ. อัจฉรา กลน่ิ สวุ รรณ์ ๕,๐๐๐ บาท ๗. พระครปู คุณสรกจิ (พระมหากณุ ย)์ ๑,๐๐๐ บาท ๘. พระมหาปรญิ ญา อทุ ศิ ให้ คุณพอ่ นายแพทย์ชูศักดิ์ ใบตระกูล และนางสาววาสนา ใบตระกูล ๒,๐๐๐ บาท ๙. คณุ อัญชฎา อูปแกว้ ๓๐๐ บาท ๑๐. คณุ สทุ ัศนาภรณ์ วงศ์ตระกลู ๑,๐๐๐ บาท ๑๑. คณุ ศริ ิพร มงคลทวีสิทธ์ิ ๑,๓๐๐ บาท ๑๒. คณุ ชญาดา ธาราธคิ ุณเดช ๓๐๐ บาท ๑๓. คุณ ธนภทั ร มคิ ะวะ และครอบครวั ๒๐๐ บาท รวม ๗๐,๓๖๐ บาท รวมปัจจัยท�ำบญุ พมิ พห์ นงั สือปาฬิสกิ ขาทง้ั ส้ิน ๓๒๙,๐๑๒ บาท ค่าพมิ พ ์ ๒๕๖,๐๐๐ บาท คงเหลอื ๗๓,๐๑๒ บาท ถวายวดั ทา่ มะโอไว้ เพือ่ เปน็ คา่ ใช้จ่ายถา่ ยเอกสาร พิมพ์หนังสือเล่มอื่นๆ หรอื อุปกรณ์การศกึ ษา สาธ ุ สาธุ อนุโมทาม.ิ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เวลา ๑๐.๓๒ นาฬิกา -------------