38 ปาฬสิ ิกขา ๑. คามสสฺ ปูชิโต - อนั ชาวบ้าน บชู าแลว้ ๒. พาลานํ อเสวนา - การไม่ซอ่ งเสพ ซงึ่ คนเลว ๓. คาวนี ํ กณฺหา - บรรดาแมว่ ัว ท. แมว่ วั ด�ำ ๔. ธมมฺ านํ ปวรํ - ประเสรฐิ กว่าธรรม ท. ๕. ทารกสฺส รุทโต - เม่ือเด็ก รอ้ งไหอ้ ยู่ ๗.* สตั ตมีวภิ ตั ติ แปลวา่ ใน, ใกล,้ ท,่ี ครั้นเม่อื , ในเพราะ, เหนอื , บน, ใน...หนา, บรรดา, ดว้ ย, เพราะ, ซง่ึ สัตตมีวิภัตติ นอกจากจะแปลว่า “ใน” เป็นต้นแล้วยังแปลเนื้อความอย่างอ่ืน ไดอ้ ีก เช่น ภิกขฺ ูสุ ภุตฺเตสุ - ครนั้ เมอ่ื ภิกษุ ท. ฉนั แล้ว ภิกฺขูสุ โภชียมาเนส ุ - ครนั้ เมื่อภิกษุ ท. อันบุคคล ใหฉ้ ันอยู่ ทารเก รทุ นฺเต - ครน้ั เม่อื เด็ก ร้องไห้อยู่ ธมเฺ ม เทสยิ มาเน - ครัน้ เมอ่ื พระธรรม ถกู แสดงอยู่ คาวีสุ กณฺหา - บรรดาแมโ่ ค ท. อ.แมว่ ัวตัวด�ำ หตฺเถสุ ปิณฺฑาย จรนตฺ ิ - อ.ภิกษุ ท. ยอ่ มเท่ยี วไป เพ่ือบณิ ฑบาต ด้วยมอื ท. จมเฺ มสุ หญฺ เต - (เสือดาว) ย่อมถูกฆ่า ในเพราะหนัง ท. ภกิ ขฺ สู ุ อภิวาเทนฺต ิ - ยอ่ มไหว้ ซึง่ ภกิ ษุ ท. สาวตถฺ ิยํ คมิสฺสาม ิ - ขา้ พเจ้า จักไป สู่เมืองสาวตั ถี ๘. ตฺร, ถ, ธิ, ธ, ทา, หิ, ห, หญิ ฺจนํ, หํ, ทาจน,ํ ทานิ, รห,ิ ธุนา ปัจจยั เหลา่ นี้ ส่วนมากออกส�ำเนยี งว่า “ใน” ทแี่ ปลอยา่ งอื่น เช่น อนั วา่ , ซง่ึ , หรอื สู่ มใี ช้นอ้ ย อุทาหรณ์ที่แปลว่า “ใน” เช่น ยตฺร, ยตฺถ - ในท่ีใด, สพฺพธิ - ในท่ีท้ังปวง, อิธ - ในภพนี้, กทา - ในกาลไร, ยหํ - ในทใ่ี ด, กทุ าจนํ - ในกาลบางคร้ัง (แต่ไหนแตไ่ รมา), กหํ - ในท่ีไหน, อธุนา - ในกาลนี้ เป็นตน้ . ในบางท่แี ปลอยา่ งอนื่ ไดอ้ กี เช่น กหุ ํ คจฉฺ สิ - * อรรถของวิภตั ติมี ปฐมา อนั วา่ , ทตุ ยิ า ซง่ึ , สู่ เปน็ ตน้ ถึงสตั ตมี ใน, ใกล้ เปน็ ตน้ ตอ้ งท่องใหจ้ �ำได้ จงึ จะมีประโยชนม์ าก
กัณฑ์ท่ี ๓ 39 อ.ทา่ น ยอ่ มไป ส่ทู ไ่ี หน, ยตรฺ = ยสฺมา เพราะเหตไุ ร, ยตรฺ = โย อ. บุคคลใด ดงั น้ี เปน็ ต้น, ที่แปลดังนี้ ในพระบาลมี นี อ้ ยมาก ค�ำสัง่ จงทอ่ งขอ้ ความส�ำคญั ๆ ใหค้ ลอ่ งแคลว่ แลว้ ดอู ทุ าหรณท์ แี่ สดงไวแ้ ลว้ นน้ั ดว้ ย อยา่ ได้ เกียจคร้านเบ่ือหน่ายต่อการท่องบ่นเพียงเท่าน้ีเลย เพราะว่าการทรงจ�ำได้มากจะมีประโยชน์ ชว่ ยเหลอื เรามากทเี ดยี วในการศึกษาพระบาลีชนั้ สูง ๆ ต่อไป จบกัณฑท์ ่ี ๒ กณั ฑ์ที่ ๓ ๓๕. ภวิสสันตี อาขยาตวภิ ัตติ อนาคตกาล = จัก (ทอ่ ง) ๑. สสฺ ติ, สสฺ นตฺ ิ. สฺสสิ, สสฺ ถ. สฺสาม,ิ สสฺ าม. ๒. ภวิสสฺ ติ, ภวิสฺสนฺต.ิ ภวสิ ฺสส,ิ ภวิสสฺ ถ. ภวสิ ฺสามิ, ภวิสฺสาม. ๓. คมสิ สฺ ติ, คมิสสฺ นตฺ ิ. คมสิ ฺสสิ, คมิสฺสถ. คมสิ ฺสามิ, คมิสฺสาม. ๔. เหสสฺ ติ, เหสฺสนฺติ. เหสสฺ ส,ิ เหสสฺ ถ. เหสฺสามิ, เหสฺสาม. ข้อควรทราบ อนาคต คือกาลท่ียังมาไม่ถึง หรึอยังไม่เกิดข้ึน (กาลข้างหน้า) และกิริยาที่จะมีขึ้น แน่นอน เรียกว่า อนาคต มีค�ำแปล (อรรถ) ว่า “จะ” และ “จัก” ภวิสฺสติ - จักม,ี เหสฺสติ - จกั เปน็ , นกิ ฺขมิสฺสติ - จกั ออกไป, ทสสฺ ติ - จกั ให,้ หรอื จกั ถวาย, ทสสฺ าม - จกั ให้, วกฺขสิ - จักกลา่ ว, เหต,ิ เหหิติ, โหหิติ - จกั เป็น จงแสดงอุทาหรณ์ที่ได้กล่าวไปแล้วโดยเปล่ียนกิริยาให้เป็นอนาคตกาล ส�ำหรับ ในกัณฑ์น้ี ข้าพเจ้าจะแสดงเพียงส่วนน้อยเท่าน้ัน และพึงจ�ำวิธีใช้ด้วยว่า วิภัตติสองตัวแรก ส�ำหรับประกอบกบั นามศัพท์ สองตวั กลาง ส�ำหรบั ประกอบกบั ตุมฺหศพั ห์ และสองตัวหลัง ส�ำหรบั ประกอบกับ อมฺหศพั ท์
40 ปาฬสิ กิ ขา อทุ าหรณ์กิริยาอนาคตกาล ๑. อนาคเต เมตฺเตยฺโย นาม พทุ โฺ ธ ภวิสฺสต.ิ ๒. วสิสสฺ สิ นุ ตวฺ ํ อมิ สฺมึ วหิ าเร อมิ ํ เตมาส.ํ ๓. นาหํ วสิสฺสามิ อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาสํ. ๔. อหํ ทารเกน สทฺธึ อคคฺ ริ เถน เทวนครํ คมสิ ฺสามิ. ๕. มยํ อมิ สฺมึ วหิ าเร สฆํ สสฺ อมิ านิ จวี รานิ ทสสฺ าม. ๖. ตมุ ฺเห อมิ สฺมา วหิ ารา นกิ ฺขมิสสฺ ถ. ๗. มยํ เทวนครโต ล�ำปางนครํ คมสิ ฺสาม. ๘. อิทํ จีวรํ มม สนตฺ กํ เหสฺสต.ิ ๙. ทารกิ า กสมฺ า สฆํ สฺส อตถฺ าย ภตฺตํ น ปจิสฺสติ. จงเปล่ียนเป็นบาลี ๑. เขา ท. จักเป็นคนพาล ในอนาคต ๒. สตั ว์ ท. จกั ถึง ซ่งึ อบาย ๓. ขา้ พเจา้ ท. จักไป ส่กู รุงเทพฯ ดว้ ยเครอ่ื งบิน ๔. ชน ท. จกั ถวาย ซ่งึ ทาน แกพ่ ระสงฆ์ ๔. ท่าน ท. จกั ไป สูเ่ มอื งล�ำปาง จากเมืองเชยี งใหม่ ด้วยรถไฟ ๖. จีวรน้ี จักเป็นของมีอยู่ (สมบตั ิ) แหง่ ภิกษุ ๗. ขา้ พเจาั จะอยู่ ในวัดน้ี ตลอด ๓ เดือนนี้ ประโยคกรรมวาจก ๑. มยา ทารเกหิ สทธฺ ึ อคคฺ ิรเถน เทวนครํ คจฉฺ ยี สิ สฺ เต. ๒. ตยา อมิ สฺมึ วิหาเร ภิกขฺ ุสํฆสฺส อิมานิ จวี รานิ ทียสิ ฺสนเฺ ต. ๓. อมฺเหหิ เทวนครโต ล�ำปางนครํ อคคฺ ิรเถน อาคมยี ิสฺสเต. ๔. ทารกิ าย กสฺมา สํฆสฺส อตถฺ าย ภตฺตํ น ปจฺจิสฺสเต.
กณั ฑ์ท่ี ๓ 41 จงเปล่ยี นเปน็ บาลี ๑. เมืองล�ำปาง อันบุรุษ จกั ไป กับ ดว้ ยหญิงสาว ๒. เมืองล�ำปาง อนั ทา่ น ท. จกั มา จากกรงุ เทพ ฯ ดว้ ยรถไฟ ๓. อ.ขา้ ว อันทา่ น จักไมห่ งุ ๔. อ.ท่าน (ทาง) ท. อันขา้ พเจา้ จักไป ๕. อ.ข้าพเจ้า (ข้าว) ท. อนั ท่าน จกั หุง ๓๖. อชั ชตนี อาขยาตวภิ ตั ติ อดีตกาล = วนั นี้ (แล้ว) ท่องและแปล อ,ี อํุ. โอ, ตฺถ. อึ, มฺหา. อี - อภว,ี ภวี, อภวิ, ภว.ิ อํุ - อภวุ,ํ ภวํ,ุ อภวึสุ, ภวสึ .ุ โอ - อภโว, ภโว, อภว,ิ ภว.ิ ตฺถ - อภวติ ฺถ, ภวติ ถฺ , อภวตุ ถฺ , ภวตุ ถฺ . อึ - อภว,ึ ภวึ. มหฺ า - อภวมิ ฺหา, ภวมิ ฺหา, อภวิมหฺ , ภวิมฺห. ขอ้ ควรทราบ อดีต หมายถึงกิริยาการกระท�ำ หรือเรื่องราวที่ล่วงเลยไปแล้ว ฉะน้ัน จึงแปลกิริยา อภว,ี ภวี วา่ ไดเ้ ปน็ แลว้ อคมาสิ - ไดไ้ ปแลว้ , อโหสิ - ไดเ้ ปน็ แลว้ , อเหสํุ - เขา ท. ไดเ้ ปน็ แลว้ , อทาสิ - ไดใ้ ห้แล้ว ดังนเ้ี ป็นต้น และบทอดีตกิรยิ ายังมกี ารเปลย่ี นไปก็หลายรปู แบบ ขอให้นักศึกษาจงเปลี่ยนอุทาหรณ์ที่ได้แสดงไปแล้วนั้น ให้เป็นอดีตกิริยา ตามความ สามารถท่ีจะท�ำได้ ส�ำหรบั ในท่ีน้ีจะแสดงเฉพาะอทุ าหรณ์บางอยา่ งเท่านั้น ประโยคกัตตวุ าจก ทเี่ ปน็ อดีต ๑. โคตโม นาม พุทฺโธ โลเก อโหสิ. ๒. อหํ อิมสมฺ ึ วหิ าเร อมิ ํ เตมาสํ อวส.ึ ๓. มยํ ตยา สห นาวาย ชลบรุ นี ครํ อคมมิ หฺ า.
42 ปาฬสิ ิกขา ๔. ตมุ เฺ ห พทุ ฺธสาสเน สฆํ สสฺ จวี รํ อทตถ. ๕. ตุมฺเห กุโต อมิ ํ นครํ เกน อาคมิตฺถ. ๖. มยํ เทวนครโต อิมํ ล�ำปางนครํ อคคฺ ิรเถน อาคมมิ หฺ า. ๗. อิมสฺมึ นคเร สฆํ สสฺ มหาวหิ าโร อโหส.ิ ๘. อเหสุํ อตตี มทฺธานํ อรหนฺโต สมมฺ าสมพฺ ุทฺธา. ประโยคกรรมวาจก ทีเ่ ป็นอดตี ๑. อมเฺ หหิ ทาริกาหิ สห นาวาย ชลบรุ นี ครํ คจฺฉยี ิตฺถ. ๒. ตมุ ฺเหหิ พทุ ฺธสาสเน สํฆสสฺ จีวรํ ทียิตฺถ. ๓. มยา เทวนครโต ล�ำปางนครํ วายุยาเนน อาคมยี ิตถฺ . ข้อควรทราบ สมมฺ าสมพฺ ทุ ธฺ า - พระพทุ ธเจา้ ท., อรหนฺโต - ผ้สู มควรไดร้ บั การบูชาอยา่ งพเิ ศษ, อเหสุํ ได้ทรงมีแลว้ , อทฺธานํ - ในกาล, อตตี ํ - อนั ลว่ งเลยไปแล้ว. (วภิ ัตติอาขยาตท่ีไม่ได้ น�ำมาในที่น้ี ยังมีอีกมาก เมอื่ ศกึ ษาค้นคว้าคมั ภรี ์ไวยากรณ์ ก็จะได้รเู้ อง) จงเปล่ยี นเปน็ ภาษาบาลี (กตฺตวุ าจก) ๑. อ.พระพทุ ธเจ้า เปน็ พระราชา พระนามว่า เวสสนั ดร ได้เป็นแลว้ ๒. อ.ข้าพเจา้ ท. ไปแล้ว สูก่ รุงเทพ ฯ ด้วยรถไฟ ๓. อ.ทา่ น มาแล้ว จากท่ไี หน ด้วยอะไร (โดยอะไร) ๔. อ.ขา้ พเจ้า มาแล้ว จากเมืองล�ำปาง ดว้ ยรถไฟ ๕. อ.ข้าพเจา้ ได้ถวายแลว้ ซึ่งอาหาร (บณิ ฑะ) แก่พระสงฆ์ ทกี่ รุงเทพ ฯ จงเปล่ียนเปน็ ภาษาบาลี (กมฺมวาจก) ๑. อ.กรงุ เทพฯ อันขา้ พเจ้า ไปแลว้ ดว้ ยรถไฟ ๒. อ.เมืองเชยี งใหม่ อันท่าน ท. มาแลว้ จากเมืองล�ำปาง ด้วยเครอื่ งบิน
กณั ฑท์ ่ี ๓ 43 ข้อควรทราบ ยงั ไม่ได้วางกริ ยิ าหลาย ๆ อย่างไว้ จงึ ยังไม่ตอ้ งศึกษา ตมุ ฺหวากฺย และ อมฺหวากฺย ในที่นี้แสดงเฉพาะ นามโยคพอเป็นตัวอย่างเท่านั้น ในเบื้องต้น นักศึกษาพึงก�ำหนดจดจ�ำ ลักษณะ กมมฺ วาจก ไว้กอ่ น ส�ำหรับกริ ยิ าวา่ คจฺฉียติ ถฺ เปน็ ตน้ พึงทราบวา่ แปลง อา วภิ ตั ติเป็น ตฺถ วิธที ่แี ปลง อา วภิ ัตตใิ นประโยค กมมฺ วาจก เปน็ ตถฺ นี้ ในพระบาลมี ใี ช้มาก ๓๗. ปญั จมี อาขยาตวภิ ัตติ (จง, เถดิ , ขอจง) ทอ่ ง ตุ อนตฺ ุ ตํ อนตฺ ํ หิ ถ สสฺ ุ โวฺห มิ ม เอ อามเส ภวตุ, ภเว ภวนฺตุ ภวต ํ ภวนฺตํ ภวาห,ิ ภว ภวถ ภวสฺสุ ภวโวหฺ ภวามิ, ภเว ภวาม ภเว ภวามเส ภวต,ุ ภเว, ภวตํ - (เขา) จงเป็น ภว, ภวาห,ิ ภวสสฺ ุ - (ท่าน) จงเป็น ภเว, ภวามิ - (ข้าพเจา้ ) จงเป็น กลอนลงปญั จมีวภิ ตั ตใิ นที่... มีความหวงั การสบถ ประชดด่า บังคบั วา่ ออ้ นวอน ตอนสอบถาม ปรารถนา เช้ญื เชิญ เพ่อี แนะน�ำ ด้วยถอ้ ยค�ำ เรยี ก นมิ นต์ ปัญจมี.
44 ปาฬิสกิ ขา ๑. อรรถ อาณตตฺ ิ - จง (บงั คับ) เช่น คจฉฺ อาวุโส ตวฺ ํ คาม.ํ อาวโุ ส ดูกอ่ นทา่ นผู้มีอายุ ตฺวํ อ.ทา่ น คจฺฉ จงไป คามํ สู่หมู่บา้ น อาคจฺฉาวโุ ส ตวฺ ํ วิหาร.ํ อาวโุ ส ดกู อ่ นท่านผมู้ ีอาย ุ ตฺวํ อ.ทา่ น อาคจฉฺ จงมา วิหารํ สูว่ ิหาร ๒. อรรถ อชฺฌฏิ ฺ - ขอจง (อ้อนวอน) เชน่ เทเสตุ ภนฺเต ภควา ธมมฺ ํ. ภนเฺ ต ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ภควา อ.พระผมู้ พี ระภาคเจา้ เทเสตุ ขอจงแสดง ธมฺมํ ซึ่งธรรม ๓. อรรถ ยาจน - ขอจง (การขอ) เชน่ ททาหิ เม คามวรํ. ตวฺ ํ อ.ทา่ น ททาหิ ขอจงให้ คามวรํ ซง่ึ บา้ นส่วย เม แก่เรา เชน่ อมิ ํ จีวรํ มยหฺ ํ เทม.ิ ตฺวํ อ.ทา่ น เทมิ ขอจงให ้ อิมํ จีวรํ ซงึ่ จีวรน ี้ มยหฺ ํ แก่เรา ๔. อรรถ ปตถฺ นา - จง (ปรารถนา) เช่น อยํ สมุ นมาลาว ปิยา โหมิ ภวาภเว. อหํ อ.ดฉิ นั ปิยา เปน็ ผู้เป็นที่รกั ของบุคคลอนื่ หรือ เป็นหญงิ สาวผูน้ า่ รกั อยํ สมุ นมาลา อวิ เพยี งดงั อ.ดอกมะลนิ ้ี โหมิ จงเปน็ ภวาภเว ในภพนอ้ ย ภพใหญ่ หรอื ในทุก ๆ ภพเถดิ ๕. ก. อรรถ อาสิฏฺ - จง (ความหวงั ส�ำหรับตน) เชน่ อหํ อเวโร โหมิ อพยฺ าปชฺโช โหมิ อนโี ฆ โหมิ สขุ ี อตฺตานํ ปริหรามิ. อหํ อ.ขา้ พเจา้ อเวโร โหมิ จงเปน็ ผไู้ มม่ เี วร อพยฺ าปชโฺ ช โหมิ จงเปน็ ผไู้ มม่ ี ความทกุ ข์ใจ อนีโฆ โหมิ จงเป็นผู้ไมม่ คี วามทุกข์กาย สุขี เปน็ ผู้มคี วาม สขุ กายสุขใจ (หตุ วฺ า) เปน็ ปริหรามิ จงบริหาร (ตลอดชวี ิต) อตตฺ านํ ซ่ึงกายของตนเถิด ข. อรรถ อาสิฏฺ - จง (ความหวังส�ำหรบั คนอนื่ ) เช่น สพฺเพ สตตฺ า อเวรา โหนฺตุ อพยฺ าปชชฺ า โหนฺตุ อนฆี า โหนตฺ ุ สุขี อตตฺ านํ ปรหิ รนตฺ .ุ สตตฺ า อ.สัตว์ ท. สพเฺ พ ทง้ั ปวง อเวรา โหนฺตุ จงเปน็ ผู้ไม่มีเวรเถดิ
กณั ฑท์ ่ี ๓ 45 อพยฺ าปชฺชา โหนตฺ ุ จงเป็นผูไ้ ม่มีความทกุ ข์ใจเถดิ อนฆี า โหนฺตุ จงเป็น ผไู้ มม่ คี วามทกุ ขก์ ายเถดิ สขุ ี อตตฺ านํ ปรหิ รนตฺ ุ จงเปน็ ผมู้ คี วามสขุ กายสขุ ใจ บรหิ ารซึ่งกายของตนเถดิ ๖. อรรถ สปถ - จง (การสาบแช่งดว้ ยความโกรธ) เช่น อยํ วสโล มรต.ุ อยํ วสโล อ.คนถ่อยน้ ี มรตุ จงตาย ๗. อรรถ สปถ - จง (การสาบานเพอ่ื แสดงความบรสิ ุทธเิ์ ปน็ ตน้ ) เชน่ เอกกิ า สยเน เสตุ ยา เต อมเฺ พ อวาหริ. ยา อ.หญิงใด อวาหริ ขโมยแลว้ อมฺเพ ซง่ึ ผลมะม่วง ท. เต ของทา่ น สา อ.หญิงนน้ั เอกกิ า เป็นหญิงผู้เดียว เสตุ จงนอน สยเน บนทน่ี อน ๘. อรรถ สมปุจฉฺ า จัก (ค�ำถามเพราะไม่แนใ่ จ) เช่น กึ นุ โภ อภิธมมฺ ํ วา วนิ ยํ วา สุโณมิ กึ ? โภ ข้าแตท่ ่านผูเ้ จริญ อหํ อ.ขา้ พเจา้ อภธิ มมฺ ํ วา สุโณมิ กึ นุ จักฟงั ซงึ่ อภธิ รรมหรือหนอ (อุทาหุ) หรอื วา่ วนิ ยํ วา สโุ ณมิ กึ นุ จกั ฟงั ซึง่ วินยั หรือหนอ (หมายความว่า จักเรียนคัมภีร์อภิธรรมก่อนหรือจักเรียนคัมภีร์ วนิ ัยกอ่ น) ๙. อรรถ วธิ ิ - พึง (แนะน�ำวธิ ีท�ำ ) เชน่ เอวํ ปญุ ฺ ํ กโรตุ โภ. โภ ข้าแตท่ ่านผเู้ จรญิ ปุคคฺ โล อ.บุคคล กโรตุ พงึ กระท�ำ ปญุ ฺํ ซง่ึ บญุ เอวํ อยา่ งน้ี ๑๐. อรรถ อามนฺตน - เชญิ (เช้อื เชญิ ) เช่น อาคจฺฉตุ ภวํ. ภวํ อ.ทา่ น อาคจฉฺ ตุ เชญิ มา เอตฺถ นิสที ตุ. นสิ ที ตุ เชิญนัง่ เอตฺถ ในที่น้ี ๑๑. อรรถ นิมนฺตน ขอจง (นิมนต์) เช่น อธิวาเสตุ เม ภตฺตํ ภควา สวฺ าตนาย ต.ํ ภนฺเต ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภควา อ.พระผู้มีพระภาคเจ้า อธิวาเสตุ ขอจงรับ ตํ ภตตฺ ํ ซงึ่ ภัตรนน้ั เม ของขา้ พเจา้ สวฺ าตนาย เพอื่ ประโยชน์ แห่งปตี ปิ ราโมทย์อันจะมใี นวันพรงุ่ นี้ หรือเพือ่ การฉันอาหารในวนั พรุง่ น้ี
46 ปาฬิสกิ ขา จงเปล่ียนเป็นบาลี ก. ดกู ่อนผู้มีอายุ อ.เธอ จงหุง ซ่งึ ข้าว ข. แน่ะสามเณร ผมู้ อี ายุ อ.เธอ จงแสดง ซึง่ ธรรม ค. ขา้ แต่ท่านผเู้ จริญ อ.ทา่ น ขอจงให้ ซึง่ จวี ร แกก่ ระผม ฆ. อ.ขา้ พเจา้ ขอจงเปน็ ผ้มู ีปญั ญา ในทกุ ๆ ภพเถิด ง. อ.ขา้ พเจ้า ขอจงอยา่ เปน็ คนพาล ในทกุ ๆ ภพเถิด จ. อ.อาจารย์ ของข้าพเจ้า จงเป็นผไู้ มม่ เี วร ฉ. อ.คนถ่อยน้ี จงไหม้ ในนรก (สบถ) ช. อ.ข้าพเจา้ จงไหม้ ในนรก (สาบาน) ซ. ขา้ แตอ่ าจารย์ อ.ข้าพเจ้า จักเรียน ซงึ่ คมั ภรี ป์ าฬิสกิ ขา หรอื ว่า จกั เรียน ซงึ่ พระวนิ ยั ฌ. โอ... สามเณร อ.เธอ จงฉัน ซึ่งข้าว อย่างน้ี ญ. ข้าแต่ทา่ นอาจารย์ อ.ทา่ น นิมนตน์ ่ัง ในทนี่ ี้ ฎ. ข้าแตท่ า่ นผู้เจรญิ อ.ท่าน ขอจงรับ (ซง่ึ ภตั ร) เพื่อฉันอาหารในวนั พร่งุ นี้ จบอรรถปญั จมวี ภิ ตั ติ ๓๘. สตั ตมี อาขยาตวิภตั ติ (ควร, พึง) ทอ่ งและแปล เอยยฺ เอยฺย ํุ เอถ เอรํ เอยยฺ าสิ เอยฺยาถ เอโถ เอยฺยาโวหฺ เอยยฺ ามิ เอยฺยาม เอยฺย ํ เอยยฺ าเมฺห ภเวยฺย, ภเว ภเวยยฺ ุํ ภเวถ ภเวรํ ภเวยยฺ าส,ิ ภเว ภเวยยฺ าถ ภเวโถ ภเวยยฺ าโวฺห ภเวยฺยาม,ิ ภเว ภเวยฺยาม ภเวยฺย,ํ ภเว ภเวยยฺ าเมฺห
กณั ฑ์ที่ ๓ 47 ควรทราบ ภเวยฺย, ภเว - พงึ เป็น, สเจ ภเวยฺยํุ - หากวา่ พงึ เป็นไซร้, คจเฺ ฉยยฺ าสิ - พงึ ไป, (อรรถ อนมุ ติ คอื การอนญุ าตแกบ่ คุ คลผปู้ รารถนาจะไปวา่ ถา้ ตอ้ งการไป กไ็ ปได)้ ส�ำหรบั อรรถ ของสตั ตมวี ภิ ตั ติเหมอื นกบั ปัญจมีวิภตั ติ ได้แสดงไว้แล้วเปน็ ส่วนมาก คจเฺ ฉยย, คจเฺ ฉ - พงึ ไป, ปเจยฺย, ปเจ - พึงหุง, ลเภยยฺ , ลเภ - พงึ ได้, สยิ า อสฺส - พึงเปน็ (เอยยฺ วภิ ตั ติ), สยิ ุ,ํ อสสฺ ุ - พึงเปน็ (เอยยฺ วุํ ิภัตต)ิ , สเจ อสฺสถ - ถา้ วา่ พึงเป็นไซร้ (เอยฺยาถวภิ ัตต)ิ , สเจ อสฺสํ - ถ้าวา่ พงึ เป็นไซร้ (เอยฺยามิวิภตั ต)ิ ทอ่ งและแปล ๑. อยํ กุมาโร พทุ โฺ ธ ภเวยฺย. ๒. โภนฺโต ทารกา ตุมเฺ ห ปณฺฑิตา ภเวยฺยาถ. ๓. ภนเฺ ต มยํ พาลา น ภเวยฺยาม. ๔. อหํ ภวาภเว ปิโย ภเวยฺยํ. ๕. อาวุโส ตฺวํ คามํ คจเฺ ฉยยฺ าสิ. ๖. เอหิ อาวโุ ส, คามํ ปณิ ฑฺ าย คจเฺ ฉยยฺ าส.ิ ๗. สเจ ตุมเฺ ห ปญุ ฺ ํ กเรยฺยาถ, ปุญเฺ น สคุ ตึ ปาปเุ ณยยฺ าโวฺห. ๘. สเจ อยํ ทารโก พาโล อสฺส, นิรยํ ปาปุเณยย. จงเปลี่ยนเป็นบาลี ก. อ.ทารกน้ี เปน็ บัณฑติ พงึ เปน็ ข. อ.ทา่ น ท. เป็นคนพาล ไมพ่ งึ เป็น ค. อ.ข้าพเจา้ ท. เป็นบณั ฑิต ทุก ๆ ภพ พึงเปน็ ฆ. ดกู ่อนผ้มู อี ายุ อ.ทา่ น พึงมา สู่วัด ง. ดกู ่อนผมู้ ีอายุ อ.เธอ จงมา, (อ.เธอ) พงึ ใป ส่เู มืองล�ำปาง จ. ถา้ ว่า อ.ขา้ พเจา้ เป็นคนพาล พงึ เปน็ ไซร,้ พึงถงึ ซึง่ นรก ฉ. ถ้าว่า อ.ท่าน ท. พึงกระท�ำ ซง่ึ บญุ ไซร้, พึงไป สู่สวรรค์
48 ปาฬสิ ิกขา ควรทราบ ภเวยฺย - พึงเป็น, ภเวยฺยาถ - พึงเป็น, น ภเวยฺยาถ - ไม่พึงเปน็ , เอหิ - จงมา, สเจ กเรยฺยาถ - ถ้าวา่ อ.ท่าน ท. พึงกระท�ำไซร้, ปาปุเณยยฺ าโวหฺ - พงึ ถงึ , สคุ ตึ - ซ่ึงสคุ ติ (ภพด)ี , ปิโย - เปน็ ผ้เู ป็นทรี่ ักหรือเป็นชายหนุ่มผู้น่ารกั , นริ ยํ - ซึ่งนรก ๓๙. กติ ก์กิริยา อรรถภาวะ และกรรม ตพฺพ อนยี ปัจจัย (ท่อง) โหตพพฺ ,ํ ภวิตพฺพ,ํ ภวนยี ํ - ควรเปน็ , พึงเป็น คนฺตพฺพํ, คมนียํ - (อันเขา) ไป, ควรไป, พึงไป กตฺตพพฺ ํ, กาตพพฺ ,ํ กรณยี ํ - (อนั เขา) กระท�ำ, ควรกระท�ำ, พงึ กระท�ำ ทฏฺพพฺ ํ - (อันเขา) จดจ�ำ, ควรจดจ�ำ, พงึ จดจ�ำ เวทิตพพฺ ํ - (อันเขา) รู้, ควรร,ู้ พงึ รู้ รมณีย ํ - (อันเขา) พงึ ยนิ ดี, พงึ ร่าเรงิ โสตพฺพํ, สวณีย ํ - (อันเขา) ฟงั , ควรฟงั , พงึ ฟงั ปจติ พฺพ ํ - (อันเขา) หุง, ควรหุง, พึงหุง, (ตม้ , แกง) ทอ่ งและแปล ประโยคภาววาจก ๑. สามเณเรน นาม ทนเฺ ตน ภวิตพพฺ ,ํ น อทนเฺ ตน. ๒. ตยา พทุ ฺธํ วนฺทติ พพฺ .ํ ประโยคกัมมวาจก ๔. มยา กรงุ เทพนครํ คนตฺ พฺพ,ํ น เชยี งใหม่นคร.ํ ๕. ตยา กุสลํ กาตพพฺ ,ํ น อกุสลํ. ๖. ตุมเฺ หหิ อทิ ํ สนฺนฏิ ฺานํ ทฏฺ พฺพ,ํ อญฺํ น เวทิตพพฺ ํ. ๗. เทวมนุสฺเสหิ ภควโต เชตวนํ รมณยี ํ, มนุสสฺ านํ คาโม น รมณโี ย.
กณั ฑท์ ่ี ๓ 49 ข้อควรทราบ ในประโยคภาววาจก บทกัตตา จะต้องลงตติยาวภิ ตั ต,ิ ในท่มี กี รรม บทกรรม ต้องลง ทุติยาวิภัตติ บทกิริยา ลง เต วัตตมานาวิภัตติ ปรัสสบท เอกวจนะ หรือ สิปฐมาวิภัตติ นปงุ สกลงิ คเ์ ทา่ นั้น ในประโยคกมั มวาจก บทกรรมและบทกริ ิยา จะต้องลงปฐมาวภิ ัตติ มีลิงค์ และวจนะ เหมีอนกนั ทนโฺ ต - คนสภุ าพ, คนท่ฝี กึ แล้ว, สนนฺ ิฏฺานํ - ค�ำสนั นิษฐาน, ตัดสนิ ใจ จงเปล่ียนเปน็ บาลี ก. อันข้าพเจ้า พงึ เป็นคนสภุ าพ พงึ เป็น ข. อันคนพาล ไม่พึงเป็นบณั ฑติ ก. อ.หมบู่ ้าน อนั ภกิ ษุ ท. พึงไป เพ่อื ก้อนขา้ ว ฆ. อ.บญุ อันมนุษย์ ท. พึงกระท�ำ เพอื่ ความสุข ในกาลข้างหนา้ ง. อ.พระธรรม อันพระพุทธเจ้า พึงทรงแสดง แกเ่ ทวดาและมนุษย์ ท. จ. อ.หมู่บ้าน อนั ขา้ พเจา้ พึงไป ฉ. อ.อกุศล อันคนพาล พงึ กระท�ำ, (อ.อกุศล) อนั บณั ฑติ ไม่พงึ กระท�ำ ช. อ.วดั ของข้าพเจา้ ท. อันขา้ พเจา้ ท. พึงยินดี (รน่ื รมย)์ , อ.บา้ น ของทา่ น ท. อันข้าพเจา้ ท. ไมพ่ งึ ยินดี ? ฌ. อ.ค�ำพคู ของอาจารย์ อันลกู ศิษย์ ควรฟัง, อ.ค�ำพคู ของคนพาล (อนั ลกู ศษิ ย์) ไมค่ วรฟงั ญ. อ.บาตร อันนภกิ ษุ ควรเผา (รม) ฎ. อ.ค�ำสนั นิษฐาน อันขา้ พเจ้า ท. ควรจดจ�ำ ฐ. อ.ลกู ศษิ ย์ อันอาจารย์ พึงรู้
50 ปาฬสิ กิ ขา ๔๐. ต ปัจจัยทก่ี ลา่ ว กตตฺ า (ท่อง) ภโู ต - เปน็ แล้ว คโต - ไปแลว้ , ย่อมไป, ถึงแลว้ , ยอ่ มถงึ รโต - ยินดแี ลว้ อภิรโต - ยินดีย่ิงแล้ว ชาโต - เปน็ แลว้ , เกิดแลว้ มโต - ตายแลว้ โิ ต - ยืนอย่แู ล้ว, ต้งั อยแู่ ลว้ , ด�ำรงอยู่แลว้ ปตโฺ ต - ถงึ แล้ว, บรรลแุ ลว้ ภนิ โฺ น - แตกแลว้ , ถูกท�ำลายแล้ว ฉนิ โฺ น - ขาดแลว้ , ตัดแล้ว สงฺกนโฺ ต - ย้ายแล้ว วพิ ฺภนฺโต - สกึ แล้ว นิกขฺ นฺโต - ออกไปแล้ว นิฏฺโิ ต - จบแลว้ , หมดแล้ว, ส�ำเรจ็ แลว้ วสฺสํ วตุ ฺโถ - อยูแ่ ล้ว ตลอดกาลฝน (ออกพรรษาแลว้ ) ทอ่ งและแปล ๑. ปรุ ิโส คามํ ปาเทน คโต. ๒. อหํ พทุ ฺธสาสเน รโต. ๓. มาติโต ปุตฺโต ชาโต. ๔. ปุตฺโต มโต, ปุตฺเต มเต, ปิตา โรทต.ิ ๕. สามเณโร พทุ ธสาสเน น รโต, วพิ ภฺ นโฺ ต. จงเปล่ียนเป็นบาลี ก. อ.เวลา ลว่ งเลยไปแลว้ ข. อ.บาตร แตกแล้ว ค. อ.มนษุ ย์ ท. ยา้ ยไปแล้ว
กณั ฑท์ ี่ ๓ 51 ขอ้ ควรทราบ บทกิตก์กิริยาท่ีเป็นกัตตุวาจก ต้องลงปฐมาวิภัตติ และมี ลิงค์ วจนะ เหมือนกับ บทกัตตา และ ต ปัจจยั เป็นต้น เปน็ ได้ทงั้ ๓ กาล ๔๑. ต ปัจจัยทีก่ ลา่ ว กรรม (ทอ่ ง) กโต - (อันเขา) กระท�ำแล้ว, กระท�ำแลว้ หโต - (อนั เขา) ฆา่ แล้ว ปเุ รกขฺ โต - (อันเขา) กระท�ำไว้ข้างหนา้ , ตัง้ ไว้ข้างหน้า ปริวโุ ต, ปริวาริโต - (อนั เขา) แวดล้อมแลว้ ทฑโฺ ฒ - (อันไฟ) ไหมแ้ ล้ว ทฏโฺ - (อนั ง)ู กดั แล้ว อนุสิฏฺโ - (อนั เขา) สง่ั สอนแลว้ ทฏิ โฺ - (อนั เขา) เห็นแลว้ วสุ ติ ํ - (อนั เขา) ประพฤตแิ ลว้ ฉนโฺ น - (อันเขา) ปกปดิ แลว้ สุโต, สตุ ํ - (อนั เขา) ฟงั แล้ว, ฟังแลว้ วุตฺตํ - (อนั เขา) กล่าวแล้ว ลทฺโธ - (อนั เขา) ไดแ้ ล้ว ปุฏโฺ - (อนั เขา) ถามแล้ว ปสฏโฺ - (อนั เขา) สรรญเสรญิ แลว้ ภตุ ฺโต - (อันเขา) กนิ แล้ว ปีตํ - (อนั เขา) ดื่มแลว้ ทอ่ งและแปล ๑. มยา ปญุ ฺํ กตํ, น ปาปํ. ๒. ตยา ปรุ โิ ส หโต, มยา น หโต. ๓. อาจริโย สสิ ฺเสหิ ปุเรกฺขโต.
52 ปาฬิสกิ ขา ๔. พุทโฺ ธ ภิกฺขสุ ํเฆน ปริวาริโต. (ปริวโุ ต) ? ๕. อคคฺ นิ า นโร ทฑโฺ ฒ. จงเปล่ยี นเป็นบาลี ก. อ.นางสาวน้อย อันข้าพเจา้ เห็นแล้ว ข. อ.ศลี อันขาพเจ้า ประพฤตแิ ลว้ ค. อ.บาป อันคนพาล ปกปิดแลว้ ฆ. อ.สามเณร อันอาจารย์ สง่ั สอนแล้ว ขอ้ ควรทราบ บทกติ ก์ กิริยาที่เปน็ กมั มวาจก ต้องลงปฐมาวภิ ตั ติ และมลี ิงค์ วจนะ เหมอื นบทกรรม ข ปจั จยั ทีก่ ลา่ วกรรม (ท่อง) ทกุ กฺ รํ - (อนั เขา) กระท�ำได้โดยล�ำบาก หรอื กระท�ำโดยยาก ทลุ ฺลโภ, ทุลลฺ ภํ - (อนั เขา) ไดโ้ ดยล�ำบาก, ไดโ้ ดยยาก ททุ ฺทส ํ - (อันเขา) เห็นโดยล�ำบาก, เหน็ ได้ยาก สกุ รํ - (อนั เขา) กระท�ำได้โดยสะดวก, กระท�ำไดง้ ่าย สลุ ภ ํ - (อนั เขา) ได้โดยสะดวก, ไดง้ า่ ย สทุ สํ - (อันเขา) เห็นโดยสะดวก, เห็นได้งา่ ย ทอ่ งและแปล ๑. พาเลน ปญุ ฺ ํ ทุกกฺ รํ, ปาปํ สุกรํ. ๒. ปณฺฑิเตน ปาปํ ทกุ ฺกรํ, ปุญฺ ํ สุกรํ. ๓. โลกสฺมึ มนสุ สฺ ภาโว ทลุ ลฺ โภ, น สุลโภ. ๔. ปเรสํ วชฺชํ สุทส,ํ อตตฺ โน วชฺชํ ทุททฺ ส.ํ
กณั ฑ์ที่ ๓ 53 จงเปลยี่ นเป็นบาลี ก. ดกู ่อนทา่ นผมู้ ีอายุ.... อ.ความเปน็ มนษุ ย์ ( ) ได้โดยง่าย ในโลกหรือ ? ข. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ.... อ.ความเปน็ มนุษย์ ( ) ไดไ้ มง่ ่าย (ไดย้ าก) ในโลก ค. ดูก่อนท่านผู้มอี ายุ.... อ.บญุ อนั คนพาล กระท�ำไดง้ ่ายหรือ ? ฆ. ข้าแตท่ ่านผูเ้ จริญ.... อ.บญุ อันคนพาล กระท�ำไดย้ าก ง. ดกู ่อนทา่ นผ้มู อี ายุ.... อ.โทษ ของบคุ คลอ่ืน เหน็ ได้งา่ ยหรือ ? จ. ข้าแต่ทา่ นผูเ้ จรญิ .... ครบั เหน็ ไดง้ า่ ย ฉ. ดูกอ่ นทา่ นผูม้ ีอายุ.... อ.โทษ ของตน เหน็ ได้ยาก มใิ ชห่ รอื ? ๔๒. ตเว, ตุํ ปจั จยั แปลว่า “อ.อัน, เพือ่ อนั ” (ทอ่ ง) คนตฺ เว, คนตฺ ํุ - เพ่ืออนั ไป กาตเว, กาต ุํ - เพื่ออนั กระท�ำ ภวติ ํุ - เพื่ออันมี, เพ่ืออันเป็น ทฏฐฺ ํุ - เพื่ออนั เหน็ , เพ่อื อนั เฝา้ รมติ ํุ - เพื่ออันยนิ ดี (เพ่อื อันรน่ื รมย์) ปจิตํุ - เพือ่ อันหุง ปตฺตุํ - เพอ่ื อนั ถึง, เพ่อื อันบรรลุ โสตุํ - เพ่อื อันฟัง วสติ ํุ - เพ่อื อันอยู่ ฉินทฺ ติ ํุ - เพ่อื อนั ตดั ภินทฺ ติ ํุ - เพ่อื อันท�ำลาย วนฺทิตํุ - เพ่ืออันไหว้ จรติ ํุ - เพือ่ อนั เที่ยวไป ปวิสิตุํ - เพื่ออนั เข้าไป
54 ปาฬสิ กิ ขา ท่องและแปล ๑. ทารโก ปญุ ฺํ กาตํุ วิหารํ คจฺฉต.ิ ๒. ทารกิ า ธมฺมํ โสตุํ อิจฉฺ ติ. ๓. ตวฺ ํ สิปฺปํ อิจฺฉส.ิ ๔. มยํ พทุ ฺธํ วนทฺ ติ ุํ วหิ ารํ คมสิ ฺสาม. ๕. อาวโุ ส เอถ, ปณิ ฑฺ าย จรติ ํุ คามํ ปวิสสิ สฺ าม. จงเปลย่ี นเป็นบาลี ก. อ.ท่าน ยอ่ มไมป่ รารถนา เพ่อื ฟงั ซ่งึ ธรรม ข. อ.ข้าพเจ้า ท. ย่อมปรารถนา เพ่อื เรียน ซง่ึ ศิลปะ ค. อ.ทา่ น ท. จงมา สู่วดั เพื่อฟงั ซงึ่ ธรรม ฆ. อ.ขา้ พเจ้า ย่อมหงุ ซ่งึ ขา้ ว เพอ่ื ไป สู่นคร ๔๓. ตุน, ตวฺ าน, ตฺวา ปัจจัย แปลวา่ “แลว้ ” (ท่อง) หุตฺวา - เปน็ แล้ว กาตุน, กตวฺ าน, กตฺวา - กระท�ำแลว้ ทตฺวา - ให้แล้ว, ถวายแล้ว, ประทานแลว้ สุตฺวาน, สุตฺวา - ฟังแล้ว คนฺตุน, คนตฺ ฺวาน, คนตฺ ฺวา - ไปแลว้ ภุตวฺ าน, ภุตวฺ า - กินแลว้ ปจิตนุ , ปจติ ฺวาน, ปจิตฺวา - หงุ แลว้ วนทฺ ติ ฺวาน, วนทฺ ติ วฺ า - ไหวแ้ ลว้ ทอ่ งและแปล ๑. มนุสฺสา ทานํ ทตฺวา สคคฺ ํ ปาปุณสิ สฺ นตฺ ิ. ๒. สามเณรา สลี ํ สมาทิยิตวฺ า สคุ ตึ คจฺฉสิ ฺสนฺติ.
กัณฑ์ที่ ๓ 55 ๓. ทารกา สปิ ปฺ ํ สกิ ขฺ ติ ฺวา ปณฑฺ ติ า ภวิสฺสนฺต.ิ ๔. อหํ พุทธฺ ํ วนทฺ ติ วฺ า ปณิ ฺฑาย คามํ ปวสิ ิตุํ คมิสสฺ ามิ. ๕. พาลา ปาปํ กตวฺ าน นริ เย ปจิสฺสนตฺ ิ. จงเปลยี่ นเปน็ บาลี ก. อ.นางสาวนอ้ ย หุงแล้ว ซึ่งข้าว ยอ่ มกนิ ข. อ.ข้าพเจา้ กนิ แลว้ ซง่ึ ข้าว จักนอน ค. อ.ท่าน ท. นอนแล้ว จงเรียน ซึ่งศลิ ปะ ฆ. อ.สามเณร ท. เที่ยวไปแล้ว เพอื่ กอ้ นข้าว จะมา ส่วู ดั ง. อ.เดก็ ชาย อยแู่ ล้ว ในวัด จักอ่าน ซงึ่ หนังสอื จ. อ.ท่าน ท. ไหวแ้ ล้ว ซง่ึ พระพทุ ธเจา้ จงนอน ๔๔. มาน, อนฺต ปจั จยั (เมือ่ , อย่,ู เปน็ ปัจจุบันกาล) ภวมาโน, ภวนฺโต - เป็นอย,ู่ เมอื่ เป็น สมาโน, สนฺโต - มีอยู่, เมอื่ มี คจฉฺ มาโน, คจฺฉนโฺ ต - ไปอยู่, เมอื่ ไป ปจมาโน, ปจนโฺ ต - หุงอย,ู่ เมอื่ หุง กโรนฺโต - กระท�ำอย,ู่ เมือ่ กระท�ำ วิหรนโฺ ต - อยู่อย,ู่ เมื่ออยู่ วนฺทมาโน, วนทฺ นโฺ ต - ไหวอ้ ย,ู่ เม่อื ไหว้ ท่องและแปล ๑. ตวฺ ํ คามํ คจฉฺ นโฺ ต ปิณฑฺ ํ ลภิสฺสสิ. ๒. อหํ ปณิ ฺฑํ ลภมาโน ภญุ ชฺ ิสสฺ ามิ. ๓. ทารกิ า ภตตฺ ํ ปจมานา พุทธฺ ํ จิตเฺ ตน วนฺทติ. ๔. ทารโก ภตฺตํ ภุญฺชมาโน สยิตํุ อจิ ฉฺ ติ. ๕. อาจริโย อมรปรุ นคเร มหาคนฺธาราเม วิหรนฺโต อมิ ํ ปาฬิสกิ ขฺ ํ ลขิ ติ.
56 ปาฬสิ ิกขา จงเปลีย่ นเป็นบาลี ก. อ.ขา้ พเจา้ เมื่อเปน็ เดก็ ยอ่ มอยู่ ในวดั น้ี ข. อ.ทา่ น เมือ่ เรียน ซึง่ ศิลปะ จงฟงั ซึง่ ค�ำ ของอาจารย์ ค. อ.บณั ฑติ เมอ่ี การะท�ำ ซ่ึงบญุ ย่อมท�ำ เพ่อื ถงึ ซง่ึ พระนพิ พาน ฆ. อ.ข้าพเจ้า เม่อื อยู่ ทีว่ ัดท่ามะโอ ในนครล�ำปาง เรยี นแล้ว ซง่ึ ปาฬสิ ิกขา ๔๕. จ, เจวศัพท์ ในประโยคหน่ึงมี จ ศัพท์ตัวเดียวก็มี จ ศัพท์สองสามตัวก็มี ส�ำหรับในท่ีนี้ สองสามตัวน้ัน ส่วนมากจะเห็น เจวศพั ท์ อย่างหน้า (เจว กบั จศัพท์น้นั หากอย่ใู นจุณณยิ ะ (ร้อยแก้ว) แล้ว เจวศัพท์ต้องอยู่หน้า จศัพท์แน่นอน, แต่ในคาถา บางครั้งก็วาง เจว ไว้ ขา้ งหลงั จศพั ทบ์ ้าง และบางคร้งั กว็ าง จศพั ท์ไว้หลัง เจวศพั ท์ไมแ่ น่นอน) ในประโยค (วากฺย) ทม่ี ี จศพั ทต์ ัวเดียว ใหแ้ ปลว่า “ด้วย, อน่ึง, ก,็ กจ็ ริง” ถา้ มี จ สองสามศัพท์ ใหแ้ ปลว่า “ดว้ ย” ท่องและแปล จุณฺณิยปเท ปพุ พฺ เจว ปร จ นอกจากคาถา เจว กอ่ น จ, คาถา ปเท เจว จ อนยิ ต ในคาถา จ ก่อน เจว กม็ .ี จงแปลเปน็ ไทย ๑. พุทฺโธ โลเก อุปปฺ ชชฺ ติ, โส จ ธมมฺ ํ เทเสติ, ตํ ธมฺมํ เทวา เจว มนุสสฺ า จ สณุ นฺต.ิ ๒. พหู เทวา มนสุ สฺ า จ มงฺคลานิ อจนิ ฺตยุํ. ๓. อหํ พุทธฺ ญจฺ ธมฺมญจฺ สํฆญจฺ สรณํ คโต. ๔. อเสวนา จ พาลานํ ปณฑฺ ิตานํ เสวนา, ปูชา จ ปูชนยี านํ เอตํ มงคฺ ลมตุ ตมํ.
กณั ฑท์ ี่ ๓ 57 จงเปลย่ี นเป็นบาลี ๑. อ. ขา้ พเจา้ ยอ่ มกราบไหว้ ซง่ึ พระพทุ ธเจา้ ดว้ ย ซงึ่ พระธรรมดว้ ย ซง่ึ พระสงฆด์ ว้ ย ๒. อ.เทวดา ท. ดว้ ย อ.มนษุ ย์ ท. ดว้ ย เป็นอนั มาก ยอ่ มถึง ซ่งึ พระพทุ ธเจ้า วา่ เปน็ ทพี่ ่งึ ๓. อ.การคบ (เสพ) ซ่งึ คนพาล ด้วย อ.การไมค่ บ (ไม่เสพ) ซ่งึ บัณฑติ ด้วย อ.การไม่ บชู า ซึ่งบัณฑติ ผคู้ วรบชู าดว้ ย อ.สามส่งิ เหล่าน้ี เป็นอวมงคล ย่อมเปน็ ๔๖. ป,ิ อปิศพั ท์ ปิ และ อปศิ พั ท์ แปลวา่ “แม้, ก็, ด้วย, และ” ซึ่งเหมอื นกบั จ ศพั ท์ ทแี่ สดงมาแลว้ ที่แปลว่า “ด้วย, และ” น้ัน แสดงอรรถการรวบรวมซ่ึงกันและกัน เช่น พระสารีบุตรและ พระโมคคลั ลานะ อทุ าหรณข์ อง ปิ และ อปศิ ัพท์ ๑. พาโล ทานํ น เทต,ิ สีลํ น รกฺขติ. ๒. อหํ พทุ ธฺ ํปิ ธมฺมปํ ิ สํฆปํ ิ สรณํ คโต. บางครั้ง ปิ และ อปศิ ัพท์ กลา่ วอรรถ สมภฺ าวนา (การยกยอ่ ง) ๓. พทุ ฺโธป*ิ ตํ ธมมฺ ํ ตฺวา พทุ ธฺ ภาวํ คโต. แม้ อ.พระพทุ ธจา้ ตรสั รแู้ ลว้ ซง่ึ ธรรมนน้ั ทรงถงึ แลว้ ซงึ่ ความเปน็ แหง่ พระพทุ ธเจา้ หมายความว่า พระธรรมท่ีพระองค์ตรัสรู้นั้น ประเสริฐที่สุด คนธรรมดาสามัญ จะตรสั รเู้ หมอื นพระองคม์ ไิ ดเ้ ลย เพราะฉะนน้ั อปศิ พั ทใ์ นทน่ี ี้ กลา่ วสรรเสรญิ พระพทุ ธเจา้ และ พระธรรมวา่ ประเสรฐิ จรงิ ๆ * ถงึ ในภาษาบาลี มอี รรถทแี่ ตกตา่ งออกไป แตใ่ นภาษาไทยสว่ นมากแปลวา่ แมพ้ งึ รวู้ า่ แมใ้ นทนี่ ้ี เปน็ การยกยอ่ งสรรเสรญิ พระพุทธเจ้าและพระธรรม
58 ปาฬสิ ิกขา ๔. อปิ* ทิพเฺ พสุ กาเมสุ รตึ โส นาธคิ จฺฉติ. อ.เขานั้น ย่อมไมไ่ ด้ ซ่ึงความยินดี แมใ้ นกาม ท. อันเป็นทพิ ย์ อปิศัพท์ในท่ีน้ี สรรเสริญกามท่ีเป็นทิพย์ด้วย สรรเสริญผู้ไม่ยินดีในกามท่ีเป็นทิพย์ นั้นด้วย หมายความว่า ในเทวโลกนั้น มีกามคุณท่ีน่ายินดีมากเพียงใด พระโพธิสัตว์ก็ยัง ไม่ประสงค์เสวยกามคุณน้ัน แล้วเหตุใด พระองค์จะมายินดีกามคุณของมนุษย์ ซ่ึงเป็น ของต่�ำเล่า ในบางคร้งั อปศิ พั ท์ ยังกล่าวอรรถ ครหา - การตเิ ตยี น เช่น ๕. สามิเกน อู้ อตู้ ิ อสุ สฺ าหยิ มาโน สนุ โขปิ ฑสํ ต.ิ แม้ อ.สุนัข ผอู้ นั เจา้ ของ ให้เกิคความพยายามอยู่ (ยุแหย)่ ดว้ ยเสยี งวา่ อุ้ อุ้ ยอ่ มกดั (ยงั กัดได)้ อปิศัพท์ในท่ีน้ี กล่าวอรรถ ครหา เพราะเอาสุนัขมาเปรียบเทียบกับคน สุนัขเป็น สตั วเ์ ดรัจฉานที่ต่ำ� ชนิดหนง่ึ แต่เม่ือเจา้ ของ ยใุ ห้กดั ขโมยเปน็ ต้น กย็ งั กดั ตามค�ำยุนนั้ (เพราะ เชื่อค�ำของเจ้าของ) แล้วท่านท้ังหลายผู้ได้สมญานามว่ามนุษย์ล่ะ ท�ำไมไม่พยายามประพฤติ ตามค�ำของสัตบรุ ษุ มีพระพุทธเจ้าเป็นต้นท่ีทรงแนะน�ำไว้ ๖. สารถนิ า ปาชยิ มาโน โคโณปิ อุชมุ คฺคํ คจฉฺ ต.ิ แม้ อ.วัว ตวั อนั นายสารถี ขับไปอยู่ ย่อมไป ส่ทู างอันตรง หมายความวา่ วัวเป็นสตั ว์เดรัจฉาน ยงั สามารถไปตรงได้ แตท่ �ำไมเลา่ ท่านท้งั หลาย ผู้มีอาจารย์คอยตกั เตอื นสงั่ สอนอยู่ จึงไมป่ ระพฤติตรง ๆ อปศิ พั ท์ ในขอ้ ๕ - ๖ ตเิ ตยี น สุนขั และวัวดว้ ย ตเิ ตยี นผไู้ มม่ คี วามพยายาม และ ผไู้ มป่ ระพฤติตรง ๆ ด้วย * อปิ ศพั ทเ์ ปน็ อฏฺ านปยตุ ตฺ ประกอบในท่ีไม่สมควร เวลาแปล ตอ้ งย้ายมาไวห้ ลงั กาเมสุ เป็น กาเมสุ อปิ
กัณฑท์ ่ี ๓ 59 ๔๗. วาศัพท์ ในบางคร้ัง วา ศัพท์ กลา่ วอรรถ สมุจฺจย - รวบรวม ที่แปลว่า “ด้วย” หรอื “และ” เหมอื นกับ จ และ อปิ ศัพท์ เชน่ ๑. ราชโต วา โจรโต วา อารกขฺ ํ คณฺหณตฺ .ุ จงถอื เอา ซ่ึงการอารกั ขา จากพระราชาด้วย จากโจรด้วย ในบางครัง้ บรรดา วา ศัพท์ ๒ - ๓ ตวั เป็นตน้ รวมกันอยู่ในประโยค (วากยฺ ) กลา่ ว เน้อื ความ วิกปั ป์ (ไม่แนน่ อน) ไดแ้ ก่ เนอื้ ความอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ เช่น ๒. อทิ ํ ภตตฺ ํ อมฺหากํ ทฺวนิ นฺ ํ น ปโหต,ิ ตวฺ ํ วา ภุญชฺ สฺส,ุ อหํ วา ภญุ ฺชสิ ฺสาม.ิ อ.ขา้ วน้ี ยอ่ มไมเ่ พียงพอ แก่เรา ท. ๒ คน, อ.ทา่ น จกั ฉนั หรือ, หรอื วา่ อ.กระผม จักฉนั ๔๘. เอวศพั ท์ หากว่าประโยคสองประโยคมี ประธานต่างกนั มกี ิรยิ ากล่าวอรรถเหมอื นกนั ประโยค หนงึ่ มี เอวศัพท์ อีกประโยคหนง่ึ ไมม่ ี เอวศพั ท์นน้ั มีเน้อี ความหา้ มประธานของประโยคอืน่ นอกจากประโยคของตน มคี �ำแปลวา่ “น่ันเทียว” หรอื “เท่าน้นั ” หากในท่ีไมม่ ีเน้ือความหา้ ม กท็ �ำเนื้อความของประโยคนั้นให้แนน่ อน ไมเ่ ป็นอยา่ งอ่นื เชน่ - สเจ อิทํ ภตฺตํ อมฺหากํ ทฺวินฺนํ น ปโหติ, ตฺวํ มา ภุญฺชาหิ, อหเมว ภุญฺชสิ ฺสาม.ิ ถา้ วา่ อ.ขา้ วนี้ ย่อมไม่เพียงพอ แก่เรา ท. ๒ คน ไซร,้ อ.ทา่ น จงอยา่ ฉัน, อ.กระผมน่นั เทยี ว จกั ฉัน - อหํ ปณิ ฺฑาย จรติ ฺวา สยเมว ภุญฺช.ึ อ.กระผม เทยี่ วไปแล้ว เพื่อบณิ ฑบาต ฉนั แลว้ ด้วยตนเองนน่ั เทียว
60 ปาฬสิ ิกขา ๔๙. มาศัพท์ มา ศพั ท์ กลา่ วเนอ้ื ความปฏเิ สธ - ห้าม แปลว่า “อย่า, ไม”่ มไี ด้ในประโยคทมี่ ีกิรยิ า อาขยาตเปน็ ปัญจมวี ภิ ัตต,ิ อชั ชตนีวิภัตติ และหยิ ยัตตนวี ิภตั ติเทา่ นั้น มใี นปัญจมวี ภิ ตั ตเิ ปน็ สว่ นมาก เช่น มา เต ภวนตฺ วนตฺ รายา. (ภวนตฺ ุ + อนตฺ รายา) อ.อนั ตราย ท. จงอย่ามี แกท่ ่าน (ขออนั ตรายทงั้ หลาย จงอยา่ มแี กท่ า่ น) สรปุ ข้อควรจ�ำ จศัพท์ ปศิ ัพท์ และ วาศัพท์ มอี รรถรวบรวมในทีม่ ีสภาพเหมอื นกันไดเ้ ท่าน้นั อปุ มา เหมอื นแกงหมู แกงไก่ และแกงอน่ื ๆ หากเปน็ ประเภทเดยี วกัน ก็เทรวมกนั ได้ คนก็เช่นกนั หากมสี ภาพเหมือนกันหรือตรงกนั กร็ วมเขา้ หม่เู ดียวกันได้ เอว ศัพท์ ก็ห้ามซ่ึงคุณที่เหมือนกันเท่านั้น หากไม่เหมือนกัน ก็ไม่จ�ำเป็นที่จะต้อง ห้ามเลย เพราะฉะนั้น ในท่ีรวบรวมและในท่ีห้าม ก็ต้องรวบรวม กัตตา กับ กัตตา, ห้าม กตั ตา กับ กัตตา เป็นต้นเท่านั้น ส�ำหรับ ปิ และ อปิ ศัพทท์ เ่ี ปน็ สมฺภาวนา (ยกยอ่ ง) ตอ้ งตั้งอยู่หลังบททก่ี ลา่ วอรรถ ประเสรฐิ และอรรถ มาก ตรงกนั ข้ามกบั ปิ แและ อปิ ศัพทท์ เ่ี ป็น ครหา (ติเตยี น) ซง่ึ ตงั้ อยู่ หลงั บทท่กี ลา่ วอรรถ เลว และ อรรถ น้อย จบกณั ฑท์ ี่ ๓ หมายเหตุ: ภาษาบาลีท่ีเป็นภาษาท่ีมาในพระไตรปิฎกของพระพุทธเจ้า จึงยากที่จะน�ำมาแสดง ได้ท่ัวท้ังหมด โดยเฉพาะ ปาฬิสิกฺขา แล้ว ได้แสดงเพียงขั้นพื้นฐาน ส�ำหรับนักศึกษา ผู้ทีจ่ ะศึกษาพระบาลตี ่อเทา่ นัน้ นักศึกษาผเู้ รยี น ปาฬสิ ิกขฺ า และ สททฺ สงฺเขป (ไวยากรณย์ อ่ ) อนั เปน็ ขน้ั พ้ืนฐานน้ี
กณั ฑท์ ่ี ๓ 61 จนคล่องช�ำนาญแลว้ หากต้องการเรียน ธมมฺ ปทฏฺ กถา องฺคุตตฺ รนิกายปาฬิ และ วนิ จิ ฉฺ ย- ปาฬิ (มหาวคฺค) ก็คงจะเรียนได้โดยมีอาจารย์คอยช่วยเหลือแนะน�ำบางสิ่งบางอย่างที่เห็น ว่ายาก ก็จะท�ำใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย เพราะฉะนั้น นกั ศึกษาทเ่ี รียน ปาฬสิ ิกฺขา หนงึ่ รอบแลว้ ยังไมเ่ ข้าใจ ยังไมค่ ลอ่ ง ก็ ควรเรยี นรอบ ๒ อีก เมือ่ คล่องปาก ข้นึ ใจแล้ว กจ็ ะมีประโยชนม์ ากในการเรยี นพระบาลี ขั้น ตอ่ ไป ยํ พุทฺโธ ภาสเต วาจํ ธมฺมํ นพิ พานปตฺติยา, ทุกฺขสสฺ นฺตกริ ยิ าย สา เว วาจาน มุตตมา. (วงฺคสี สยํ ตุ ตฺ ปาฬ)ิ พระพุทธเจ้าที่ประเสริฐ ทรงตรัสพระวาจาท่ีเป็น ธรรมใด เพื่อการบรรลุพระนิพพานและเพื่อการ กระท�ำซง่ึ ทสี่ ดุ แหง่ ทกุ ข์ พระวาจานน้ั เปน็ พระวาจา ท่ปี ระเสรฐิ กว่าพระวาจาท้ังหมดแล จบปาฬิสิกขา
สทั ทสงั เขป (ไวยากรณย์ อ่ ) ๕๐. ไวยากรณ์ย่อ แบง่ ออกเปน็ ๖ กัณฑ์ ในไวยากรณย์ อ่ ชนั้ ประถมต้นน้ี แบ่งออกเป็น ๖ กณั ฑ์ ดังนี้ ๑. นามคณะย่อ ๒. อาขยาตคณะยอ่ ๓. สนธิย่อ ๔. สมาสย่อ ๕. ตทั ธติ ยอ่ ๖. กติ กย์ ่อ นักศึกษาจะต้องเรียนทั้ง ๖ กัณฑ์ โดยเร่ิมเรียนตั้งแต่นามคณะย่อลงมาตามล�ำดับ เม่อื เขา้ ใจและทรงจ�ำนามคณะยอ่ อาขยาตคณะยอ่ ไดห้ มดแล้ว กจ็ ะสามารถเข้าใจนามกัณฑ์ และอาขยาตกัณฑ์ ในคัมภีร์ศัพทศาสตร์ท้ังหลายได้ และเมื่อนักศึกษาเรียนปาฬิสิกขาเข้าใจ และทรงจ�ำไวไ้ ด้ กจ็ ะเขา้ ใจในการกกัณฑ์อีกด้วย ไวยากรณ์ย่อนี้ มีบางท่านอาจจะคิดว่าเขียนอย่างไม่เคารพ เหมือนกับค�ำพูดเล่น ของเด็ก แต่ถึงอย่างไร ข้าพเจ้าก็เช่ือเหลือเกินว่า ท่านเหล่าน้ันคงจะชอบใจเมื่อทราบถึง จุดประสงค์ว่า ท่ีเขียนข้นึ มานี้ กเ็ พอื่ ให้สามเณรนอ้ ย ๆ และผู้เริ่มเรียนภาษาบาลไี ดเ้ ขา้ ใจบาลี ชน้ั ประถมก่อน เม่อื ช�ำนาญในนามศพั ทต์ ่าง ๆ แลว้ จะแตง่ คาถาก็ดี เขียนจณุ ณิยะ (รอ้ ยแก้ว) ก็ดี รจนาคมั ภรี ก์ ด็ ี หรอื เขา้ ใจความหมายในพระไตรปฎิ กกด็ ี ไดโ้ ดยไมย่ าก ฉะนน้ั ขา้ พเจา้ จะแสดง นามปทมาลา ๑๓ คณะ คือต้ังแต่ ปุรสิ เปน็ ตน้ ถึงสัพพนามเปน็ ทสี่ ุดก่อน ตามล�ำดบั ของ วิภตั ติ ๑๖ ตวั รวมท้งั อาลปนะดว้ ย ๕๑. นามคณะยอ่ ในนามคณะยอ่ น้ี ทา่ นจ�ำแนกนามศพั ท์ออกเปน็ ๓ ประเภทดว้ ยกนั คอื ๑. ปุลลฺ ิงคฺ ํ = ปุงลิงค์ (เพศชาย) ๒. อติ ถฺ ิลิงคฺ ํ = อติ ถลี งิ ค์ (เพศหญิง) ๓. นปํุสกลิงคฺ ํ = นปงุ สกลิงค์ (มิใชเ่ พศชายมิใช่เพศหญิง)
นามคณะ 63 ศัพท์บางพวกมีวิธีส�ำเร็จรูปไม่ยากและวางรูปไว้ไม่สับสนรู้ได้ง่าย ก็ถูกสมมติให้เป็น ปงุ ลงิ ค์ (เพศชาย) ศพั ทบ์ างพวกมวี ธิ สี �ำเรจ็ รปู ยากและวางรปู ไวส้ บั สนรไู้ ดย้ าก กถ็ กู สมมตใิ หเ้ ปน็ อติ ถลี งิ ค์ (เพศหญิง) ศัพท์บางพวกมีวิธีส�ำเร็จรูปไม่ง่ายไม่ยากและวางรูปไว้สับสนก็ไม่ใช่ ไม่สับสนก็ไม่ใช่ เชน่ น้ี จึงถกู สมมตใิ ห้เป็น นปงุ สกลิงค์ (เพศกระเทย) ท่ีจัดเช่นน้ีจัดโดยคล้อยตามสภาพท่ีมีอยู่ในโลก (โดยสมมติ) หมายความว่าบุคคล บางพวกมีขนมีหนวดมีก�ำลังมากและมีกิริยาอาการมีการยืน เดิน น่ัง นอน เป็นต้น ไม่มี ลับลมคมใน เปน็ เหตุให้ผู้พบเห็นรไู้ ด้ง่ายวา่ เปน็ ชาย เชน่ น้ี จงึ ถูกเรียกวา่ ปุงลิงค์ (เหตุใหร้ ู้ ถึงความเปน็ ชาย) บคุ คลบางจ�ำพวกมสี ภาพไมส่ ะอาดมกี ริ ยิ าอาการทผ่ี พู้ บเหน็ จะรอู้ าการเหลา่ นนั้ ไดย้ าก จงึ ถกู เรยี กวา่ อิตถลี งิ ค์ (เหตใุ หร้ ถู้ ึงความเป็นหญิง) บุคคลบางพวกมีสภาพอันไม่สะอาดก็ไม่ใช่ สะอาดก็ไม่ใช่กิริยาอาการรู้ได้ง่ายก็ไม่ใช่ รู้ได้ยากกไ็ มใ่ ช่ จงึ ถกู เรียกวา่ นปงุ สกลงิ ค์ (เหตใุ ห้รู้ถงึ ความไมใ่ ชช่ าย ไม่ใชห่ ญงิ ) ทก่ี ลา่ ว มาน้ีเป็นลงิ ค์โดยเนื้อความ เรยี กวา่ อตถฺ ลิงฺค ศพั ทบ์ างพวกมเี นอ้ื ความของอติ ถลี งิ ค์ แตม่ วี ธิ สี �ำเรจ็ รปู ไดง้ า่ ย เปน็ ตน้ กส็ มมตใิ หเ้ ปน็ ปุงลงิ ค์ เชน่ มาตคุ าโม - หญงิ แมบ่ ้าน, ทาโร - เมยี เป็นตน้ ศัพท์บางพวกไมม่ ีเน้ือความของอิตถลี ิงค์ แตม่ วี ธิ สี �ำเรจ็ รปู ไดย้ ากเปน็ ตน้ ก็ถูกสมมติ ให้เปน็ อติ ถลี งิ ค์ เช่น ตฏา - ตลงิ่ ชนั หรือ หนา้ ผา เป็นตน้ ศัพท์บางพวกไม่มีเนื้อความของนปุงสกลิงค์ แต่มีวิธีส�ำเร็จรูปได้โดยไม่ง่ายไม่ยาก เป็นตน้ กถ็ กู สมมตใิ ห้เปน็ นปุงสกลงิ ค์ เช่น กลตตฺ ํ - เมยี เปน็ ต้น ท้งั ๓ จ�ำพวกน้เี ป็นลิงค์ โดยศพั ท์ เรยี กว่า สทฺทลิงค
64 สทั ทสังเขป ๕๒. วิภตั ติ วภิ ตั ติ มี ๒ ประการ คือ นามวิภตั ติ และ อาขยาตวิภัตติ ในทน่ี จ้ี ะกลา่ วถึง วภิ ตั ต-ิ นามก่อน วภิ ตั ติ คอื ศพั ทห์ มหู่ นงึ่ ทลี่ งหลงั จากนามเพอ่ื จ�ำแนกเนอื้ ความของบทความใหต้ า่ งกนั ออกไป คือชี้ชัดลงไปว่า ศัพท์มีรูปอย่างน้ี มีเน้ือความกรรม (ส่ิงท่ีถูกกระท�ำ) มีรูปเช่นน้ี มเี นอ้ื ความกรณะ (เปน็ เครอื่ งมอื ) เปน็ ตน้ อยา่ งหนง่ึ และยงั ใหร้ ถู้ งึ เอกพจน์ (ของสง่ิ เดยี ว) พหพู จน์ (ของหลายสิ่ง) อย่างหน่ึง มี ๑๔ ตวั นับอาลปนะดว้ ยเป็น ๑๖ ตวั แบ่งเป็น ๘ หมวด ๆ ละ ๒ ตวั ส,ิ โย. อํ, โย. นา, ห.ิ ส, นํ. สมฺ า, หิ. ส, น.ํ สมฺ ,ึ สุ. สิ, โย. ๕๓. ช่ือเรียกวภิ ตั ติ ๒ หมวดในอรรถกถาและฎกี า ปจจฺ ตฺต’มุปโยคญฺจ กรณํ สมฺปทานยิ ,ํ นิสสฺ กกฺ ํ สามิวจน ํ ภมุ ฺมาลปนมฏฺ ม.ํ ซ่ึงต่างจากไวยากรณ์เรยี กว่า ปฐมาวภิ ัตตเิ ปน็ ตน้ ชอื่ วภิ ตั ติ วิภตั ติ ค�ำแปลของวภิ ัตติ (อายตนบิ าต) .ฎ.ี ไว. เอก. พหุ อนั วา่ ..., อนั วา่ ทั้งหลาย ปจฺจตตฺ ปมา สิ โย ซ่งึ , สู่, ยงั , สน้ิ , ตลอด, กะ, เฉพาะ, แหง่ , ใน, อปุ โยค ทุตยิ า อํ โย ให้เปน็ ....ทง้ั หลาย ด้วย, โดย, อัน, ตาม, เพราะ, ม,ี ดว้ ยทงั้ , ใน....ท. กรณ ตตยิ า นา หิ แก่, เพื่อ, ต่อ, ....ท. สปฺปทาน จตุตฺถี ส นํ แต,่ จาก, กวา่ , เหต,ุ เพราะ, โดย....ท, นิสฺสกกฺ ปญจฺ มี สฺมา ห ิ แหง่ , ของ, เมื่อ, บรรดา, กว่า, อนั ....ท. สาม ิ ฉฏฺ ี ส นํ ใน, ใกล้, ท่ี, คร้ันเมอื่ , ในเพราะ, เหนอื , บน, ซึง่ , ภมุ ฺม สตฺตมี สฺมึ ส ุ ดว้ ย, เพราะ, จาก, ....ท. แนะ่ , ดกู อ่ น, ขา้ แต่, โอ... ท., .... อาลปน อาลปน สิ โย
นามคณะ 65 เมื่อรู้ค�ำแปลของวิภัตติแล้วก็ต้องแปลประกอบกับศัพท์ต่าง ๆ มีปุริสศัพท์เป็นต้น อยา่ งน้ี ป. เอก. ปุรโิ ส = อ.บรุ ุษ ป. พห.ุ ปุรสิ า = อ.บรุ ุษท้งั หลาย อา. เอก. ปรุ สิ า = แน่ะบรุ ษุ , ดกู ่อนบรุ ุษ, ขา้ แตบ่ รุ ษุ , โอบรุ ษุ อา. พห.ุ ปรุ ิสา = แน่ะบุรษุ ท., ดกู ่อนบรุ ุษ ท., ข้าแตบ่ ุรุษ ท., โอบรุ ุษ ท. ทุ. เอก. ปุริสํ = ซึ่งบรุ ุษ, ยงั บรุ ุษ ฯลฯ ใหเ้ ป็น ท.ุ พหุ. ปรุ เิ ส = ซ่ึงบรุ ุษ ท., ..... ต. เอก. ปุรเิ สน = ดว้ ยบุรษุ , โดยบรุ ษุ , อันบรุ ษุ , ฯลฯ ในบรุ ษุ ต. พห.ุ ปรุ เิ สห,ิ ปุริเสภิ = ดว้ ยบรุ ษุ ท., ..... จ. เอก. ปุรสิ สสฺ = แก่บุรษุ , เพ่ือบุรษุ , ต่อบรุ ษุ จ. พห.ุ ปุริสานํ = แกบ่ ุรษุ ท., ..... ปญ.ฺ เอก. ปรุ ิสสฺมา = แตบ่ รุ ษุ , จากบรุ ษุ , กว่าบรุ ษุ ฯลฯ โดยบุรษุ ปญฺ. พหุ. ปรุ เิ สห,ิ ปรุ ิเสภิ = แตบ่ รุ ุษ ท., ..... ฉ. เอก. ปุรสิ สฺส = แหง่ บรุ ุษ, ของบุรษุ ฯลฯ อนั บรุ ุษ ฉ. พห.ุ ปุริสานํ = แหง่ บรุ ษุ ท., ..... ส. เอก. ปรุ ิสสฺมึ = ในบุรุษ, ใกล้บรุ ุษ, ท่บี รุ ุษ ฯลฯ จากบุรษุ ส. พห.ุ ปรุ ิเสสุ = ในบุรุษ ท., ..... ข้อควรทราบ ในนามคณะน้ีจะไม่แสดงวิธีส�ำเร็จรูปท้ังหมด จะบอกเฉพาะรูปพิเศษและสูตรท่ี เก่ียวกับคณะเท่านั้น การส�ำเร็จรูปโดยพิศดารนักศึกษาจะเข้าใจได้ตามวิธีของไวยากรณ์ ในคมั ภีรไ์ วยากรณอ์ ีกครั้งหนง่ึ ครจู ะตอ้ งใหน้ กั เรยี นเรยี นและทอ่ งในเวลากลางวนั สว่ นกลางคนื กใ็ หน้ กั เรยี นรวมกนั เปน็ กล่มุ ๆ ท�ำตวั รปู พิเศษและน�ำศพั ทแ์ จกตามที่มีอยใู่ นคาถามาแจกปทมาลา และควรถาม ถงึ รปู ศัพท์เดิมว่าเปน็ ลิงคอ์ ะไร เป็นการันตอ์ ะไร เมอื่ ถามเช่นนี้บ่อย ๆ นกั ศกึ ษาก็จะมีความ เขา้ ใจในนามคณะมากข้นึ
66 สทั ทสงั เขป ๕๔. ปรุ ิสาทิคณะ (ปุงลงิ ค์) หมู่บทที่มี อการันต์เป็นท่ีสุด มี ปุริส ศัพท์เป็นต้น เฉพาะปฐมาเมื่อส�ำเร็จรูปแล้ว มี โอ การนั ตเ์ ปน็ ทสี่ ุด (ปุรโิ ส) เช่นน้ีชือ่ ว่าปุริสาทิคณะ เป็นปงุ ลิงค์อยา่ งเดียว ปรุ ิโส - บุรษุ , บคุ คล ปรุ ิสสททฺ ปทมาลา (บุรษุ , บคุ คล) เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. ปรุ ิโส ปุรสิ า อา. โภ ปรุ ิส, ปรุ ิสา ภวนโฺ ต ปุริสา ท.ุ ปุริสํ ปรุ ิเส ต. ปรุ เิ สน ปุรเิ สหิ ปรุ ิเสภิ จ. ปรุ สิ สสฺ ปุรสิ านํ ปญฺ. ปุรสิ า ปุรสิ มฺหา ปรุ สิ สมฺ า ปรุ ิเสหิ ปุริเสภิ ฉ. ปรุ สิ สสฺ ปุรสิ านํ ส. ปุริเส ปุริสมหฺ ิ ปรุ สิ สมฺ ึ ปุริเสสุ แจกเหมอื น ปุริส ศพั ท์ พทุ ฺโธ ธมโฺ ม สโํ ฆ โปโส เทโว จ มนุสโฺ ส นโร, มาตคุ าโม โอโรโธติ ปรุ สิ าทคิ โณ มโต. ศัพท์ว่า พระพุทธเจ้า, พระธรรม, พระสงฆ์, ผู้ชาย, เทวดา, มนุษย์, คน, หญิง ชาวบา้ น, นางสนม, นกั ศกึ ษาพึงทราบว่า เปน็ ปรุ ิสาทิคณะ วิธสี �ำเรจ็ รปู โดยย่อ ๑. หลังจาก อการันต์ ในปงุ ลงิ ค์ แปลง สิ เปน็ โอ = โส ๒. หลงั จาก อการันต์ แปลงโยปฐมาเปน็ อา, โย ทตุ ยิ า เปน็ เอ ดว้ ยสตู ร สพพฺ โย- นีนมาเอ
นามคณะ 67 ๓. ตั้งสิวิภตั ตใิ นอาลปนะมีชื่อว่า ค = อาลปเน สิ คสญโฺ ในเพราะ ค เบอื้ งหลัง ทีฆะ อ เปน็ อา = อการปติ าทยนตฺ านมา ในเพราะ ค เบื้องหลงั รสั สะ อา เป็น อ = อากาโร วา ลบ ค = เสสโต โลปํ คสปิ ิ ๔. หลังจาก อการนั ต์ แปลง นา วภิ ัตติ เปน็ เอน = อโต เนน ๕. เพราะ สุ และ หิ วภิ ตั ตเิ บ้อื งหลงั แปลง อ เปน็ เอ = สุหิสฺวกาโร เอ ๖. เพราะ ส วภิ ตั ตเิ บ้ืองหลงั ลง สฺ อาคม = สาคโม เส ๗. เพราะ สุ นํ และ หิ วิภตั ติ เบื้องหลงั ทีฆะ อ เป็น อา, อิ เป็น อี, อุ เป็น อู บ้าง = สนุ หํ สิ ุ จ ๘. แปลง สฺมา เป็น มหฺ า, หิ เปน็ ภิ และ สมฺ ึ วิภตั ติ เปน็ มฺหิ บา้ ง = สมฺ าหสิ มฺ นึ ํ มฺหาภิมหฺ ิ วา ๙. หลงั จาก อการนั ต์ แปลง สมฺ า เป็น อา และ สมฺ ึ เปน็ เอ บ้าง = สมฺ าสฺมึนํ วา เมื่อท�ำวธิ เี หล่าน้ีแล้ว รปู ใดมสี ระสองตวั ก็ต้องลบสระหนา้ ปกตสิ ระหลงั ไว้ ดว้ ยสตู ร วา่ สรโลโปมาเทสปจฺจยาทมิ ฺหิ สรโลเป ตุ ปกติ. แลว้ จงึ น�ำพยญั ชนะทไ่ี มม่ สี ระไปประกอบกบั สระหลังดว้ ยสูตรวา่ นเย ปรํ ยุตเฺ ต เชน่ ปรุ โิ ส = ปรุ สิ + สิ ปรุ สิ + โอ = โส ปรุ สิ x โอ = สรโลโปมาเทสปจจฺ ยาทมิ ฺหิ สรโลเป ตุ ปกติ ปรุ โิ ส = นเย ปรํ ยตุ ฺเต ส�ำเรจ็ รปู เปน็ ปรุ โิ ส สว่ นศพั ท์อน่ื ๆ นักศกึ ษาพึงเทียบวิธีส�ำเร็จรปู ตามปุริสศพั ท์น้ี ๕๕. จติ ตาทิคณะ (นปุงสกลงิ ค์) หมู่บทท่ีมี อการันต์เป็นที่สุด มี จิตฺต เป็นต้น เฉพาะปฐมาเมื่อส�ำเร็จรูปแล้ว มีนิคหติ เป็นทสี่ ดุ (จิตฺตํ) ชือ่ ว่า จติ ตาทคิ ณะ ๆ น้ี เป็นนปงุ สกลิงค์เท่านั้น
68 สัททสังเขป จิตตฺ ํ - จติ จติ ฺตสททฺ ปทมาลา (จติ ) เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. จติ ฺตํ จิตตฺ า จิตฺตานิ อา. โภ จิตตฺ จิตตฺ า ภวนฺตานิ จติ ตฺ า จติ ตฺ านิ ท.ุ จิตฺตํ จิตเฺ ต จิตตฺ านิ ต. จิตเฺ ตน จติ เฺ ตหิ จิตฺเตภิ จ. จติ ตฺ สสฺ จติ ฺตานํ ปญ.ฺ จติ ฺตา จิตตฺ มหฺ า จติ ตฺ สฺมา จติ ฺเตหิ จิตฺเตภิ ฉ. จิตฺตสฺส จิตฺตานํ ส. จติ ฺเต จติ ตฺ มฺหิ จติ ฺตสฺมึ จติ เฺ ตสุ ศพั ทแ์ จก เหมอื น จิตฺต ศพั ท์ กุลํ จ กสุ ลํ ปญุ ฺ ํ กลตตฺ ํ อุทกํ สขุ ,ํ ทกุ ฺขํ อกุสลํ ปาปํ กมฺมํ จิตตฺ าทิกํ มต.ํ ตระกูล, กุศล, บญุ , เมยี , น�้ำ, ความสขุ ; ความทุกข์, อกุศล, บาป, กรรม (การงาน) เปน็ จติ ตาทิคณะ สูตรท�ำตวั รูป อการันตใ์ นนปงุ สกลิงคโ์ ดยยอ่ ๑. หลังจาก อการันต์ แปลง สิ เป็น อํ - สึ ๒. หลงั จาก อการันต์ แปลง โย เป็น นิ - อโต นจิ จฺ ํ ๓. หลงั จาก อการนั ต์ แปลง นิ เปน็ อา - สพฺพโยนีนมาเอ ๔. ในเพราะ นิ เบอ้ื งหลงั ทฆี ะ อ เป็น อา - โยสุกตนกิ ารโลเปสุ ทีฆํ รูปท่ีเหลือทง้ั หมด เหมอื นกบั ปุริส ศัพท์
นามคณะ 69 กมมฺ ศัพท์มรี ูปท่ีแตกต่างจาก จิตฺต ศพั ท์ ในตตยิ าวิภตั ติ ถึง สัตตมวี ิภัตติมีดงั น้ี ต. กมฺเมน กมฺมนา กมฺมุนา กมฺเมหิ กมเฺ มภิ จ. กมฺมสฺส กมฺมุโน กมฺมานํ มี กมฺมสมฺ า กมฺมมฺหา กมฺมุนา กมเฺ มหิ กมเฺ มภิ ฉ. กมมฺ สสฺ กมฺมโุ น กมฺมานํ ส. กมมฺ นิ กมฺเม กมฺมมฺหิ กมฺมสฺมึ กมฺเมสุ ท�ำเฉพาะรปู พิเศษ ต. เฉพาะ นา วิภัตติ แปลง อ ของ กมฺม เป็น อ, อุ ดว้ ยสตู ร - อกมฺมนตฺ สฺส จ จ.ฉ. เฉพาะ ส วภิ ัตติ แปลง อ ของ กมฺม เปน็ อุ ดว้ ย จ ศพั ท์ ในสตู ร - อนุ ามฺหิ จ ตง้ั อุ ชอ่ื ล - อวิ ณฺณุวณฺณา ฌลา หลังจาก ล แปลง ส วิภตั ติ เป็น โน - ฌลโต สสสฺ โน วา หลังจาก ล แปลง สมฺ า วภิ ตั ติ เป็น นา - ฌลโต จ ส. แปลง สฺมึ วภิ ตั ติ เปน็ นิ ด้วย ตุ ศัพทใ์ นสตู ร - พฺรหมฺ โต ตุ สมฺ ึ นิ รปู ศัพท์ทีเ่ หลือท้ังหมดท�ำเหมอื น ปรุ สิ ศพั ท์ ฯ ๕๖. กญั ญาทคิ ณะ (อติ ถลี งิ ค์) หมู่บทที่มี อา ปัจจัย และ ตา ปัจจัยเป็นที่สุดช่ือว่า กัญญาทิคณะ เป็นอิตถีลิงค์ เทา่ นั้น กญฺา - สาวนอ้ ย กญฺาสทฺทปทมาลา (ทอ่ ง) เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. กญฺา กญฺา กญฺาโย อา. โภติ กญฺเ โภติโย กญฺ า กญฺ าโย
70 สทั ทสงั เขป เอกวจนะ พหุวจนะ ท.ุ กญฺ กญฺ า กญฺาโย ต. กญฺ าย กญฺ าหิ กญฺาภิ จ. กญฺาย กญฺ านํ ปญ.ฺ กญฺาย กญฺาหิ กญฺาภิ อ. กญฺ าย กญฺ านํ ส. กญฺ าย กญฺายํ กญฺาสุ ศัพทแ์ จกเหมือน กญฺา ศพั ท์ สทธฺ า เมตฺตา ปญฺ า คงฺคา ปุจฺฉา สิกฺขา ภกิ ฺขา ตณฺหา วาจา คาถา อมฺมา อนนฺ า ปริสา จ สภา (สมา). (เดก็ สาว) ศรัทธา, เมตตา, ปัญญา, แม่นำ้� คงคา, ค�ำถาม, ข้อศึกษา, อาหาร, ตณั หา, วาจา, คาถา, แม่, แม,่ บรษิ ทั , ท่ีประชุม, (สมา แจกเหมือน กญฺ า ศัพท์) อมมฺ า อนฺนา และ อมฺพา ศัพท์ ในอาลปนะไมเ่ ป็น เอ เหมอื น กญเฺ มรี ูปเป็น อมฺม อมนฺ า อนนฺ อนนฺ า เปน็ ตน้ ปริสา, และ สภา ศัพท์ ในสตั ตมีวภิ ัตตมิ ีรปู เปน็ ปรสิ ตึ. สภต.ึ โดยเอา สมฺ ึ วภิ ตั ตเิ ป็น ตึ ด้วยสตู รวา่ ตสึ ภาปรสิ โต (โมคคฺ ลลฺ าน) แตป่ ัจจุบนั ใช้เปน็ ปริสติ สภต,ิ โดยลบนิคคหิตเสยี ก็มี (ในปทรปู สทิ ฺธิ ไม่ได้แสดงไว)้ วิธีส�ำเร็จรปู ในอติ ถิลี ิงค์ กญฺา + อา หลังจาก อการนั ต์ ลง อา อติ ถลี ิงค์ปจั จัย ด้วยสูตร = อติ ถฺ ิยมโต อาปจฺจโย ๑. กญฺา แยก - ลบ - รวม = ปุพพฺ มโธ ฯ, สรโลโป ฯ, นเย ปรํ ยุตเฺ ต กญฺา ต้งั เปน็ นาม ด้วย จ ศพั ทใ์ น ตทฺธิตสมาสกิตกา นามวํ าตเวตนุ าทีสุ จ กญฺา + สิ ลง สิ วิภตั ติ = ลงิ คฺ ตเฺ ถ ปมา กญฺ า ลบ สิ วภิ ัตติ = เสสโต โลปํ คสิปิ ส�ำเรจ็ รปู เปน็ กญฺา ๒. ต้ัง อา ชอื่ ฆ = อา โฆ หลังจาก ฆ ลบ โยวิภัตติ = ฆปโต จ โยนํ โลโป
นามคณะ 71 ๓. หลังจาก ฆ แปลง สิ ที่ช่อื ค เป็น เอ = ฆเต จ ๔. หลงั จาก ฆ แปลง นา, ส, สฺมา, ส, สฺม,ึ วิภัตติ เป็น อาย = ฆโต นาทีนํ ๕. หลังจาก ฆ แปลง สมฺ ึ วิภัตติ เป็น ยํ = ฆปโต สมฺ ึ ยํ วา ๕๗. มโนคณะ (ปํุ + นปุ)ํ หมู่บททม่ี ี อการนั ต์เป็นทส่ี ุดมี (มน) เปน็ ต้น เม่อื ส�ำเร็จรปู แลว้ เหมอื น ปรุ สิ าทคิ ณะ ตา่ งแตม่ ลี กั ษณะพเิ ศษกวา่ ปรุ สิ าทคิ ณะ จงึ ไดช้ อ่ื วา่ มโนคณะ ๆ น้ี มี ๒ ประเภท คอื มโนคณะ อยา่ งหน่งึ มโนคณาทิคณะ อย่างหนง่ึ ๑. มโนคณะศัพท์ มีลกั ษณะ ๓ ๑. นา, ส, สมฺ ึ วภิ ตั ติ เปน็ สา โส สิ อทุ าหรณว์ ่า มนสา มนโส มนสิ ตามล�ำดับ ๒. บทกรรมของกิรยิ า แปลง อํ วภิ ตั ติ เป็น โอ อทุ าหรณว์ า่ มโน ตวฺ า รู้แล้ว ซง่ึ ใจ ๓. แปลง อ เป็น โอ กลางบทสมาสและตัทธติ อทุ าหรณ์ มโนธาตุ มโนมยํ มนสทฺทปทมาลา (ทอ่ ง) เอกวจนะ พหุวจนะ ป. มนํ มโน มนา มนานิ อา. เห มน มนา เห มนา มนานิ ทุ. มโน มนํ มเน มนานิ ต. มนสา มเนน มเนหิ มเนภิ จ. มนโส มนสสฺ มนานํ มี. มนสฺมา มนมหฺ า มนา มเนหิ มเนภิ ฉ. มนโส มนสสฺ มนานํ ส. มนสิ มเน มนมหฺ ิ มนสมฺ ึ มเนสุ
72 สทั ทสงั เขป มโนคณะศัพท์ มโน วโจ วโย เตโช ตโป เจโต ตโม ยโส, อโย ปโย สโิ ร ฉนฺโท สโร อุโร รโห อโห. ใจ วาจา วัย เดช ตบะ จิต ความมืด ยศ เหลก็ นำ�้ นม หัว ความชอบใจ (ฉันทเจตสกิ ) สระน้�ำ อก ทล่ี ับ วนั ท�ำตวั รปู เฉพาะรปู พเิ ศษ ๑. หลังจากมโนคณะศพั ท์ แปลง อํ วภิ ตั ติ เปน็ โอ - จ ศัพท์ในสตู ร สสฺส โจ ๒. หลังจากมโนคณะศพั ท์ แปลง นา, ส, สมฺ ึ วภิ ตั ติ เปน็ อา, โอ, อิ - มโนคณาทโิ ต สมฺ ึนานมิอา ๓. เพราะสระ อา, โอ, อิ เบือ้ งหลัง ลง สฺ อาคม - ส สเร วาคโม รปู ท่เี หลอื ท�ำเหมือน ปุริส ศพั ท์ จบมโนคณะศพั ท์ ฯ ข้อควรทราบ ในลกั ษณะทั้ง ๓ นี้มใิ ชจ่ ะเป็นไปไดแ้ น่นอน ท่ีไม่เปน็ ไปตามลักษณะน้ีก็มีบา้ ง เชน่ ใน ลักษณะท่ี ๑ นา, ส, สมฺ ึ วภิ ตั ติ มีรูปเปน็ มเนน, มนสฺส, มนสฺมึ กม็ ี ในลกั ษณะทง้ั ๒ บทกรรมของกริ ิยา แปลง อํ วภิ ตั ติ เปน็ โอ กม็ ี ไมแ่ ปลงเปน็ โอ ก็มี มโน ตฺวา แปลง อํ เปน็ โอ, มนํ ตวฺ า ไมแ่ ปลง อํ เป็น โอ (รูแ้ ล้ว ซ่ึงใจ) ในลักษณะท้ัง ๓ กลางบทสมาสและตทั ธิตเปน็ โอ ก็มี ไมเ่ ปน็ โอ กม็ ี เชน่ มโนธาตุ มโนมยํ เป็น โอ กลางสมาส และตทั ธิต, อยกปลลฺ ํ ไมเ่ ป็น โอ กลางสมาส, เพราะฉะนน้ั นักศึกษาพึงสังเกตลักษณะของมโนคณะศัพท์ ตามท่ีกล่าวมาแล้วน้ี และศัพท์มโนคณะ ท้งั หมด คัมภรี ป์ ทรปู สิทฺธิ กล่าววา่ เป็น ปงุ ลงิ ค์ สว่ นในคัมภรี ส์ ัททนีตกิ ลา่ วว่าเป็นปงุ ลงิ ค์ และ นปงุ สกลงิ ค์ ในบาลี อรรถกถา และฎกี า ใช้เปน็ นปุงสกลิงค์
นามคณะ 73 ๕๘. มโนคณาทคิ ณะ มโนคณาทคิ ณะนีม้ ลี ักษณะ ๒ พลิ ํ พลํ ทโม วาโห ถาโม ถามํ ชโร ชรา ปทํ มุขนตฺ ยฺ ฏฺาทฺยงฺก- ปณุ ฺณา มโน คณาทิโก. รู (ช่อง, โพรง) ก�ำลัง, การฝกึ , เกวียน, ก�ำลงั , โรคไข้, ความแก่, บท, หน้า, หน้า (ปาก) ศพั ทท์ งั้ ๘ น้ี เปน็ มโนคณาทคิ ณะเพราะมเี ฉพาะลกั ษณะที่ ๑ เทา่ นน้ั ในคาถานศี้ พั ทท์ มี่ ี นิคคหิตเปน็ ที่สุดเปน็ นปุงสกลงิ ค์ มีโอการันตเ์ ป็นท่ีสดุ เปน็ ปงุ ลงิ ค์ สว่ น ชรา เป็นอติ ถลี งิ ค์ พิลสทฺทปทมาลา (นป)ุํ เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. พลิ ํ พลิ า พิลานิ อา. โภ พิล พิลา ภวนตฺ านิ พิลา พิลานิ ทุ. พิลํ พิเล พลิ านิ ต. พิลสา พิเลน พิเลหิ พิเลภิ จ. พลิ โส พลิ สฺส พลิ านํ ม.ี พลิ า พลิ มหฺ า พิลสฺมา พิเลหิ พเิ ลภิ ฉ. พลิ โส พิลสฺส พิลานํ ส. พิลสิ พิเล พลิ มหฺ ิ พิลสฺมึ พเิ ลสุ อาโป จ สรโท วาโย รโช รชนฺติ อาทโย, อนฺตงกฺ ทวฺ ยสมปฺ นฺนา มโนคณาทโิ ก มตา. น้�ำ, ฤดูอบั ลม (ป)ี ลม, ฝ่นุ (ธลุ ี) ศัพท์ทง้ั ๕ น้มี ลี กั ษณะ ๒ คือ ลักษณะท่ี ๒ และ ลกั ษณะท่ี ๓ อาโป ถึง รโช เป็นปงุ ลงิ ค,์ รชํ เปน็ นปงุ สกลงิ ค์
74 สทั ทสังเขป อาปสททฺ ปทมาลา (ปุํ) เอกวจนะ พหุวจนะ ป. อาโป อาปา อา. โภ อาป อาปา ภวนฺโต อาปา ทุ. อาปํ อาโป อาเป ต. อาเปน อาเปหิ อาเปภิ จ. อาปสฺส อาปานํ ม.ี อาปสมฺ า อาปมหฺ า อาปา อาเปหิ อาเปภิ ฉ. อาปสฺส อาปานํ ส. อาปสฺมึ อาปมหฺ ิ อาเป อาเปสุ ถามสททฺ ปทมาลา (ปํุ) เอกวจนะ พหุวจนะ ป. ถาโม ถามา อา. โภ ถาม ถามา ภวนโฺ ต ถามา ท.ุ ถามํ ถาเม ต. ถามสา ถาเมน ถามุนา ถามโส ถาเมหิ ถาเมภิ จ. ถามโส ถามสสฺ ถามุโน ถามานํ มี. ถามนุ า ถามสมฺ า ถามมหฺ า ถามา ถาเมหิ ถาเมภิ ฉ. ถามโส ถามสสฺ ถามุโน ถามานํ ส. ถามสิ ถาเม ถมมฺหิ ถามสฺมึ ถาเมสุ (หากต้องการเปน็ นปุงสกลงิ ค์ พงึ แจกปฐมา, อาลปนะ และทตุ ิยาวภิ ัตติ ตามวธิ ขี อง นปงุ สกลงิ ค์ ทีเ่ หลือเหมอื นกับปุงลิงค์)
นามคณะ 75 ท�ำตัวรปู เฉพาะรูปพิเศษ ๑. เพราะ นา วิภัตติ แปลง อ ท่ีสุดของ ถาม เป็น อุ ด้วย อนฺต ศัพท์ในสูตร - อกมมฺ นตฺ สฺส จ ๒. หลงั จาก อการนั ต์ แปลง นา วภิ ัตติ เปน็ โส - โส วา (กจฺ ๑๐๕ ใน ปทรูปสทิ ธฺ ิ ไมแ่ สดงไว้) ๓. เพราะ ส, สฺมา วิภัตติ แปลง สระ อ ทส่ี ดุ ของ ถามศพั ท์ เป็น อุ ด้วย จ ศัพท์ ในสูตร - อนุ ามหฺ ิ จ ๔. ตง้ั อุ ชือ่ ล - อิวณณฺ วุ ณณฺ า ฌลา ๕. หลังจาก อุ ชือ่ ล แปลง ส วภิ ัตติ เปน็ โน - ฌลโต สสสฺ โน วา ๖. หลงั จาก อุ ชอ่ื ล แปลง สมฺ า เป็น นา - ฌลโต จ วธิ ที ่เี หลอื เหมือน มน ศพั ท์ ๕๙. คณุ วันตาทคิ ณะ (ปํ,ุ นป)ุํ หมู่บทที่มี วนฺตุ มนฺตุ ตวนฺตุ ตาวนฺตุ อาวนฺตุ อิมนฺตุ ปัจจัยเป็นท่ีสุดชื่อว่า คุณวนั ตาทคิ ณะ คุณวันตาทิคณะ ปุงลิงค์ รูปเดิมเป็น คุณวนฺตุ อุการันต์ มีรูปส�ำเร็จเป็น คุณวา อาการนั ต์ โดยแปลง นฺตุ กบั สิ เป็น อา ด้วยสตู รวา่ อา สิมหฺ ,ิ และรปู ว่า คณุ วนโฺ ต แปลง อุ ที่ นฺตุ เปน็ อ ด้วยสูตรวา่ สมิ หฺ ิ วา, แปลง สิ วภิ ตั ติ เป็น โอ ดว้ ยสตู รวา่ โส, เช่นน้เี ปน็ คณุ วนั ตาทคิ ณะ ปงุ ลิงค์ คุณวนตฺ ุสทฺทปทมาลา (ปุ)ํ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. คณุ วา คุณวนฺโต คุณวนฺตา คุณวนโฺ ต อา. โภ คุณวํ คุณว คณุ วา ภวนโฺ ต คุณวนฺตา คณุ วนฺโต ทุ. คุณวํ คณุ วนตฺ ํ คุณวนฺเต ต. คุณวตา คุณวนฺเตน คุณวนเฺ ตหิ คุณวนฺเตภิ จ. คณุ วสฺส คุณวโต คุณวนฺตสฺส คณุ วตํ คณุ วนฺตานํ
76 สทั ทสังเขป เอกวจนะ พหุวจนะ ม.ี คุณวตา คณุ วนฺตา คณุ วนตฺ มหฺ า คณุ วนตฺ สมฺ า คุณวนเฺ ตหิ คณุ วนเฺ ตภิ ฉ. คุณวสสฺ คุณวโต คณุ วนตฺ สฺส คณุ วตํ คุณวนตฺ านํ ส. คณุ วติ คุณวนเฺ ต คุณวนฺตมหฺ ิ คณุ วนตฺ สมฺ ึ คุณวนฺเตสุ ในคัมภีร์ปทรูปสทิ ธิ กล่าววา่ ในเพราะ สิ วิภัตติ แปลง อุ ของ นตฺ ุ เปน็ อ ดว้ ยสตู ร สิมฺหิ วา, มีได้เฉพาะ หิมวนฺตุ ศัพท์เท่าน้ัน แต่ในพระบาลี แม้ศัพท์อ่ืนที่ไม่ใช่ หิมวนฺตุ ก็แปลง อุ ของ นฺตุ เปน็ อ ได้ เชน่ อคโุ ล นาม นาเมน ปญฺ วนโฺ ต (ชุตินธฺ โร) (พุทฺธวสํ ) คติมนโฺ ต สตมิ นโฺ ต ธติ มิ นฺโต จ โย อสิ .ิ (อานนทฺ เถรคาถา) และใน ส วภิ ตั ติ รปู คณุ วสสฺ ในปทรูปสิทธิ ไม่ได้แสดงไว้ ส่วนในคัมภรี ์โมคคัลลานะ ก็ดี ในพระบาลี ก็ดี มีใชอ้ ยู่ จงึ น�ำมาแสดงไว้ในทีน่ ี้ วธิ ีท�ำรปู ในคุณวันตาทิคณะ ๑. เพราะ สิ วภิ ัตติ แปลง นตฺ ุ กบั สิ เปน็ อา = อา สมิ ฺหิ ๒. เพราะ สิ วิภตั ติ แปลง อุ ของ นฺตุ เป็น อ = สิมหฺ ิ วา ๓. เพราะ สุ, น,ํ หิ, โย วภิ ัตติ แปลง อุ ของ นฺตุ เป็น อ = นตฺ ุสฺสนฺโต โยสุ จ ๔. เพราะ อ,ํ นา, ส, สฺมึ วิภัตติ แปลง อุ ของ นฺตุ เปน็ อ ดว้ ย จ ศัพท์ ในสตู ร = นฺตุสฺสนโฺ ต โยสุ จ ๕. เพราะ โย แปลง นตฺ ุ กับ โย เป็น นโฺ ต = นฺตุสฺส นโฺ ต ๖. เพราะ สิ ช่ือ ค แปลง นฺตุ กบั ค เป็น อ,ํ อ, อา = อวณณฺ า จ เค ๗. เพราะ ส, สฺมึ, นา วภิ ัตติ แปลง นฺตุ กบั ส เป็น โต กบั สฺมึ เป็น ติ กบั นา เปน็ ตา = โตตติ า สสฺมึนาสุ ๘. เพราะ ส แปลง นฺตุ กับ ส เป็น นตฺ สสฺ = นตฺ สฺส เส วา ๙. หลังจาก นฺตุ แปลง สมฺ า วภิ ตั ติ เปน็ นา = อมฺหตุมฺหนฺตรุ าชพฺรหฺมตตฺ ฯ ใน นปุงสกลิงค์ ศพั ทเ์ ดมิ เป็น คุณวนตฺ ุ อกุ ารนั ต์ เมื่อส�ำเร็จรปู แล้ว เปน็ คณุ วํ มนี ิคคหติ เปน็ ทส่ี ดุ โดยแปลง นตฺ ุ กับ สิ เป็น อํ ด้วยสตู ร = อํ นปํุสเก. เช่นน้ี เปน็ คุณวนั ตาทิคณะ นปงุ สกลงิ ค์
นามคณะ 77 คุณวนฺตุสททฺ ปทมาลา (นปุํ) เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. คณุ วํ คณุ วนฺตา คุณวนตฺ ิ คุณวนตฺ านิ อา. โภ คุณวํ คณุ ว คุณวา ภวนตฺ าน ิ คณุ วนตฺ า คุณวนตฺ ิ คุณวนตฺ านิ ท.ุ คุณวํ คณุ วนฺตํ คณุ วนเฺ ต คณุ วนฺติ คุณวนตฺ านิ ตติยาวภิ ัตติ ถงึ สตั ตมีวิภัตติ แจกเหมือน ปงุ ลิงค์ ศัพทแ์ จกตาม หมิ วา สตมิ า เจว พนธฺ ุมา ภุตฺตวาปิจ เอตฺตาวา จ ยาว ตาวา จนฺทมิ า คณุ วาทโย. หิมวา - ภูเขาหมิ พานต์, สติมา - ผู้มีสต,ิ พนธฺ มุ า - ผมู้ พี วกพ้อง, ภตุ ฺตวา - ผู้กนิ , เอตฺตาวา - มีเพียงน,ี้ ยาวา - เพียงใด, ตาวา - เพียงนน้ั , จนทฺ ิมา - พระจันทร์ วธิ ีท�ำตวั รูปคุณวนั ตาทคิ ณะ (นปํุ) ๑. เพราะ สิ วิภตั ติ แปลง นฺตุ กบั สิ เป็น อํ = อํ นปุสํ เก ๒. เพราะ โย วิภัตติ แปลง อุ ของ นฺตุ เปน็ อ = นฺตสุ สฺ นโฺ ต โยสุ จ ๓. แปลง โย เป็น อิ ดว้ ย อนฺต ศัพท์ ในสตู ร = นฺตุสสฺ นโฺ ต โยสุ จ วิธที เี่ หลอื เหมอื นในปงุ ลงิ ค์ ๖๐. คัจฉนั ตาทคิ ณะ หมทู่ ี่มี อนตฺ ปจั จัยเปน็ ท่สี ุด มี คจฉฺ นฺต เปน็ ต้น เม่อื ส�ำเร็จรูปแล้ว มนี ิคคหิตเป็นทีส่ ุด (คจฺฉํ และ คจฉฺ นฺโต) ชื่อว่า คจั ฉนั ตาทคิ ณะ เปน็ ได้ ๒ ลงิ ค์คือ ปํลุ งิ ค์ และ นปงุ สกลงิ ค์
78 สัททสังเขป คจฺฉนฺตสททฺ ปทมาลา (ปํ)ุ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. คจฉฺ ํ คจฉฺ นโฺ ต คจฉฺ นตฺ า คจฉฺ นฺโต อา. โภ คจฉฺ ํ คจฺฉ คจฉฺ า ภวนโฺ ต คจฺฉนตฺ า คจฉฺ นโฺ ต ท.ุ คจฉฺ ํ คจฉฺ นตฺ ํ คจฺฉนฺเต ต. คจฉฺ ตา คจฉฺ นฺเตน คจฺฉนฺเตหิ คจฉฺ นฺเตภิ จ. คจฺฉสสฺ คจฺฉโต คจฺฉนตฺ สสฺ คจฺฉตํ คจฉฺ นฺตานํ มี. คจฺฉตา คจฺฉนตฺ า คจฉฺ นตฺ มฺหา - สฺมา คจฺฉนฺเตหิ คจฉฺ นฺเตภิ ฉ. คจฺฉสฺส คจฺฉโต คจฉฺ นฺตสสฺ คจฉฺ ตํ คจฺฉนฺตานํ ส. คจฺเฉ คจฉฺ นเฺ ต คจฉฺ นตฺ มหฺ ิ - สฺมึ คจฉฺ นเฺ ตสุ คจฉฺ นฺตสทฺทปทมาลา (นปํุ) เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. คจฺฉํ คจฺฉนตฺ ํ คจฉฺ นฺตา คจฉฺ นตฺ ิ คจฉฺ นตฺ านิ อา. โภ คจฉฺ ํ คจฉฺ คจฺฉา ภวนฺ ตานิ คจฺฉนฺตา คจฺฉนตฺ ิ คจฺฉนตฺ านิ ทุ. คจฉฺ ํ คจฺฉนฺตํ คจฺฉนฺตา คจฉฺ นตฺ ิ คจฉฺ นตฺ านิ ตตยิ าวิภัตติ ถึง สตั ตมีวภิ ตั ติ แจกเหมอื นปงุ ลงิ ค์ ศัพทแ์ จกตาม เอวํ สยํ จรํ ตฏิ ฺํ ททํ ภญุ ฺชํ สณุ ํ ปจํ, ชรี ํ มยี ํ จวํ กรํ ภวํ สํ อรหํ มหํ. เอวํ แจกเหมอื น คจฉฺ นตฺ ผไู้ ป, ผูน้ อนอยู่, ผู้เทีย่ วไปอย่,ู ผยู้ นื อย่,ู ผู้ใหอ้ ย่,ู ผกู้ นิ อยู่, ผฟู้ งั อย,ู่ ผหู้ งุ อย,ู่ ผแู้ ก,่ ผตู้ าย, ผตู้ าย, ผกู้ ระท�ำอย,ู่ ผเู้ จรญิ , ผสู้ งบ, พระอรหนั ต,์ ผปู้ ระเสรฐิ ศพั ท์ ในคาถาน้ีบางศัพทม์ วี ธิ ีแจกปทมาลาใน ปุํลงิ ค์ ตา่ งจาก คจฉฺ นฺต ศพั ท์ จงึ จะแจกไวต้ ่างหาก, สว่ น อรหํ และ มหํ ศพั ท์ มรี ปู พเิ ศษเฉพาะในปฐมาเท่านน้ั มรี ปู ดังนี้ คอื
นามคณะ 79 ป. อรหํ อรหนโฺ ต อรหา อรหนฺโต อรหนตฺ า ป. มหํ มหนฺโต มหา มหนโฺ ต มหนตฺ า รปู ทเ่ี หลือ แจกเหมือน คจฉฺ นฺต ศัพท์ ในปุงลิงค์ วธิ ที �ำรปู ใน คจั ฉนั ตาทิคณะ ๑. เพราะ สิ วิภัตติ แปลง นฺตุ กับ สิ เปน็ อํ = สมิ หฺ ิ คจฉฺ นตฺ าทีนํ นตฺ สทฺโท อํ ๒. เพราะ วิภตั ติ และปัจจัย ท. ที่ไม่ใช่ สิ แปลง นฺต เหมอื น นตฺ ุ = เสเสสุ นฺตุว วธิ ที ่ีเหลอื มีแปลง นฺตุ กับ โย เปน็ นฺโต เป็นต้น เหมือนคุณวันตาทิคณะ กโรนตฺ สทฺทปทมาลา (ปํ)ุ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. กรํ กโรนโฺ ต กโรนฺตา กโรนโฺ ต อา. โภ กโรนตฺ กโรนฺตา ภวนฺโต กโรนฺตา กโรนฺโต ทุ. กโรนตฺ ํ กโรนเฺ ต ต. กโรตา กโรนเฺ ตน กโรนเฺ ตหิ กโรนเฺ ตภิ จ. กโรโต กโรนตฺ สสฺ กโรตํ กโรนตฺ านํ มี. กโรตา กโรนตฺ า กโรนฺตมหฺ า - สมฺ า กโรนฺเตหิ กโรนฺเตภิ ฉ. กโรโต กโรนฺตสสฺ กโรตํ กโรนตฺ านํ ส. กโรติ กโรนเฺ ต กโรนฺตมหฺ ิ - สมฺ ึ กโรนฺเตสุ ภวนฺตสททฺ ปทมาลา เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. ภวํ โภนโฺ ต โภนฺตา ภวนฺโต ภวนฺตา อา. เห ภวํ ภว ภวา โภนฺต โภนฺตา เห โภนโฺ ต โภนฺตา ภวนฺโต ภวนฺตา ทุ. ภวํ ภวนฺตํ โภนฺเต ภวนเฺ ต ต. โภตา ภวตา โภเตน ภวนฺเตน ภวนฺเตหิ ภวนเฺ ตภิ
80 สทั ทสงั เขป เอกวจนะ พหวุ จนะ จ. ภวสสฺ ภวโต ภวนฺตสฺส โภโต โภนตฺ สฺส ภวตํ ภวนฺตานํ ม.ี โภตา ภวตา ภวนตฺ า ภวนฺตมฺหา - สมฺ า ภวนเฺ ตหิ ภวนฺเตภิ ฉ. ภวสสฺ ภวโต ภวนฺตสฺส โภโต โภนตฺ สฺส ภวตํ ภวนฺตานํ ส. ภวติ ภวนเฺ ต ภวนตฺ มฺหิ ภวนฺตสมฺ ึ ภวนเฺ ตสุ สนตฺ สทฺทปทมาลา (ป)ุํ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. สํ สนโฺ ต สนฺตา สนโฺ ต อา. โภ สํ ส สา ภวนฺโต สนฺตา สนฺโต ท.ุ สํ สนตฺ ํ สนฺเต ต. สตา สนฺเตน สนฺเตหิ สนฺเตภิ สพภฺ ิ จ. สสฺส สโต สนตฺ สฺส สตํ สนตฺ านํ มี. สตา สนฺตา สนฺตมฺหา สนตฺ สมฺ า สนเฺ ตหิ สนฺเตภิ สพภฺ ิ ฉ. สสฺส สโต สนตฺ สสฺ สตํ สนตฺ านํ ส. สติ สนเฺ ต สนตฺ มหฺ ิ สนฺตสฺมึ สนเฺ ตสุ ภวนตฺ ศัพท์ ตา่ งจาก คจฉฺ นฺต ศัพทใ์ น นา, ส วภิ ัตติเท่านนั้ ๑. เพราะ โย วิภัตติ แปลง ว ของ ภวนตฺ เปน็ โอ = โอภาโว กวฺ จิ โยสุ วการสสฺ ๒. เพราะ สิ ชือ่ ค แปลง ภวนตฺ ศพั ท์ เปน็ โภ = โภ เค ตุ เพราะ ค แปลง ภวนตฺ ศัพท์ เปน็ ภวนฺเต โภนฺต โภนตฺ า ด้วย ตุศัพท์ ในสูตร = โภ เค ตุ ๓. เพราะ นา และ ส วิภตั ติ แปลง ว ของ ภวนตฺ ศัพท์ เปน็ โอ = โอภาโว กวฺ จิ โยควิภาคะในสูตร โอภาโว กวฺ จิ โยสุ วการสสฺ (โยควิภาค กค็ ือ การแบ่งสูตรออกเป็น ๒ ส่วนเป็นต้น แล้วน�ำมาท�ำรูป) วธิ ีทเี่ หลือ เหมือนกบั คจั ฉนั ตาทคิ ณะศพั ท์
นามคณะ 81 ๖๑. ปมุ าทคิ ณะ (ป)ํุ หมู่ศัพท์ที่มี อการันต์เป็นที่สุด มี ปุม ศัพท์เป็นต้น เม่ือส�ำเร็จรูปแล้ว มีอาการันต์ เปน็ ท่ีสุด มี ปุมา ศพั ท์เป็นตน้ โดยแปลง อ กบั สิ เป็น อา ด้วยสตู ร - ปุมนตฺ สฺสา สิมหฺ ิ. ชือ่ วา่ ปมุ าทิคณะ เปน็ ปงุ ลงิ คเ์ ทา่ น้นั ปมุ - ผชู้ าย ปุมสทฺทปทปมาลา เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. ปมุ า ปโุ ม ปมุ าโน ปมุ า อา. เห ปุมํ ปมุ ปุมา เห ปมุ าโน ปุมา ทุ. ปุมานํ ปมุ ํ ปุมาโน ปุเม ต. ปุมนุ า ปมุ านา ปเุ มน ปมุ าเนหิ ปมุ าเนภิ ปเุ มหิ - ภิ จ. ปมุ โุ น ปมุ สสฺ ปมุ านํ มี, ปมุ ุนา ปมุ า ปมุ มฺหา ปุมสมฺ า ปมุ าเนหิ - ภิ ปุเมหิ - ภิ ฉ. ปมุ โุ น ปุมสสฺ ปุมานํ ส. ปมุ าเน ปเุ ม ปุมมหฺ ิ ปมุ สมฺ ึ ปมุ าเนสุ ปุเมสุ ปุมาสุ ยุว ศพั ท์ แจกตาม ปุม ศพั ท์ มีพเิ ศษกว่าในรปู ที่แปลง อ ที่สดุ ของ ยุว เปน็ อาน ด้วย จ ศพั ท์ ในสตู รว่า หวิ ภิ ตตฺ ิมหฺ ิ จ และใน สวิภตั ติ รูป ยวุ โิ น ในคัมภรี ์โมคคัลลานะก็ดี ในพระบาลกี ด็ ี มอี ยู่ จงึ แปลง อ เป็น อิ ดว้ ยสตู รว่า เตสุ วุทธฺ ิ ฯ, ตั้ง อิ ชื่อ ฌ แล้วแปลง ส วิภตั ติ เป็น โน ด้วยสูตรวา่ ฌลโต สสสฺ โน วา ยุวสททฺ ปทมาลา (ชายหนุ่ม) เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. ยุวาโน ยุวา ยุวานา ยุวา อา. โภ ยุวาน ยุวานา ยุว ยุวา โภนโฺ ต ยวุ านา ยวุ า ทุ. ยุวานํ ยวุ ํ ยวุ าเน ยุเว
82 สทั ทสงั เขป เอกวจนะ พหวุ จนะ ยุวาเนหิ ยวุ าเนภิ ยุเวหิ - ภิ ต. ยุวาเนน ยุเวน ยวุ านา ยุวานานํ ยุวานํ จ. ยวุ านสสฺ ยวุ สสฺ ยุวโิ น ยุวาเนหิ ยวุ าเนภิ ยเุ วหิ - ภิ ม.ี ยุวา ยวุ มฺหา ยวุ สมฺ า ยวุ านา ยวุ านมฺหา ยุวานสฺมา ยวุ านานํ ยุวานํ ฉ. ยุวานสสฺ ยวุ สสฺ ยวุ โิ น ยุวาเนสุ ยเุ วสุ ยวุ าสุ ส. ยุเว ยุวมฺหิ ยุวสฺมึ ยวุ าเน ยวุ านมหฺ ิ ยุวานสฺมึ มฆ ศัพท์ แจกปทมาลาเหมือนกัน จงึ จะแจกปทมาลาไวต้ ่างหาก (ในคัมภรี ส์ ัททนีติ กล่าววา่ มฆวา เปน็ ศพั ท์มี วนตฺ ุปัจจัยเป็นทส่ี ุด จดั เปน็ คุณวาทิคณะ) อทฺธ - ระยะทาง อทฺธสททฺ ปทมาลา เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. อทฺธา อทธฺ าโน อา. โภ อทฺธ อทฺธา โภนฺโต อทฺธาโน ท.ุ อทฺธานํ อทธฺ าโน ต. อทฺธนุ า อทฺธาเนหิ อทธฺ าเนภิ จ. อทฺธโุ น อทฺธานํ มี. อทฺธนุ า อทฺธาเนหิ อทธฺ าเนภิ ฉ. อทธฺ โุ น อทธฺ านํ ส. อทฺธนิ อทฺธาเน อทฺธาสุ สูตรท�ำตัวรูปใน ปุมาทคิ ณะ ๑. เพราะ สิ วภิ ตั ติ แปลง อ ของ ปุม กบั สิ เป็น อา = ปมุ นตฺ สฺสา สมิ หฺ ิ ๒. เพราะ โย วภิ ัตติ ท. แปลง อ ของ ปุม กับ โย เป็น อาโน = โยสวฺ าโน ๓. เพราะ สิ ช่ือ ค แปลง อ ของ ปุม กบั ค เปน็ อํ = อมาลปเนกวจเน ๔. เพราะ นา วิภตั ติ แปลง อ ของ ปมุ เปน็ อา = อุ นามฺหิ จ
นามคณะ 83 ๕. เพราะ ส, สมฺ า วภิ ัตติ แปลง อ ของ ปุม, กมมฺ และ ถาม เป็น อุ ดว้ ย จ ศัพท์ ในสตู ร = อุ นามฺหิ จ ๖. เพราะ หิ วภิ ัตติ แปลง อ ของ ปมุ เป็น อาเน = หวิ ิภตฺตมิ ฺหิ จ ๗. หลังจาก อิ, อี ช่อื ฌ และ อุ อู ชอื่ ล แปลง สฺมา วภิ ตั ติ เป็น นา บา้ ง ด้วยสูตร ว่า = ฌลโต จ ๘. เพราะ สฺมึ วิภัตติ แปลง อ ของ ปมุ เป็น อาเน = อาเน สฺมมึ ฺหิ วา ๙. เพราะ สุ วิภัตติ แปลง อ ของ ปมุ เปน็ อา = สสุ มฺ ิมา วา ท�ำตวั รปู ยวุ ศัพท์ ๑. แปลง อ ของ ยวุ เป็นต้น กับ สิ เปน็ อา ด้วย อนตฺ ศพั ทใ์ นสูตร = ปมุ นตฺ สสฺ า สมิ หฺ ิ ๒. เพราะวภิ ัตตทิ ้ังปวง แปลง อ ของ ยุว เป็นตน้ เปน็ อาน ดว้ ย จ ศพั ท์ ในสูตร = หวิ ภิ ตฺตมิ หฺ ิ จ ๓. เพราะ นา, สุ วภิ ัตติ แปลง อ ของ ยวุ ศพั ท์เปน็ ต้น เป็น อา ด้วย จ ศพั ท์ ในสตู ร = อกมฺมนตฺ สสฺ จ วิธีทเ่ี หลือ เหมือนกับ ปมุ ศพั ท์ จบปมุ าทคิ ณะ ๖๒. ราชาทคิ ณะ (ปุ)ํ หมูบ่ ทท่มี ี อการันต์เปน็ ที่สุด มี ราช ศพั ท์เปน็ ต้น ใน สิ ปฐมาวิภัตติ มรี ูปส�ำเร็จเป็น อาการนั ต์ (ราชา) โดยแปลง สิ วภิ ัตติ เปน็ อา ดว้ ยสูตรวา่ สฺยา จ ชือ่ วา่ ราชาทิคณะ เป็น ปงุ ลิงคอ์ ยา่ งเดียว
84 สทั ทสงั เขป ราชา - พระราชา ราชสทฺทปทมาลา เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. ราชา ราชาโน อา. โภ ราช ราชา โภนฺโต ราชาโน ทุ. ราชานํ ราชํ ราชาโน ต. รญฺ า ราชินา ราเชน ราชหู ิ - ภ,ิ ราเชหิ - ภิ จ. รญฺโ ราชิโน รญฺ ํ ราชูนํ ราชานํ มี. รญฺ า ราชูหิ - ภิ, ราเชหิ - ภิ ฉ. รญฺโ ราชิโน รญฺ ํ ราชูนํ ราชานํ ส. รญเฺ ราชนิ ิ ราชสู ุ ราเชสุ พรฺ หมฺ า - พรหม พฺรหมฺ สทฺทปทมาลา (ปํุ) เอกวจนะ พหุวจนะ ป. พฺรหฺมา พฺรหมฺ าโน อา. โภ พรฺ หเฺ ม โภนฺโต พรฺ หมฺ าโน ท. พฺรหฺมานํ พฺรหมฺ ํ พฺรหมฺ าโน ต. พรฺ หฺมุนา พฺรหเฺ มหิ พฺรหเฺ มภิ จ. พฺรหฺมุโน พรฺ หมฺ สฺส พรฺ หฺมนู ํ พฺรหมฺ านํ ม.ี พฺรหมฺ นุ า พฺรหฺเมหิ พรฺ หเฺ มภิ ฉ. พรฺ หฺมโุ น พฺรหมฺ สสฺ พฺรหมฺ นู ํ พฺรหฺมานํ ส. พฺรหมฺ นิ พรฺ หฺเมสุ
นามคณะ 85 อตฺตา - ตน, จติ อตตฺ สททฺ ปทมาลา (ปํ)ุ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. อตฺตา อตตฺ าโน อา. โภ อตฺต อตตฺ า โภนฺโต อตฺตาโน ท.ุ อตฺตานํ อตตฺ ํ อตตฺ าโน ต. อตฺตนา อตฺเตน อตตฺ เนหิ อตตฺ เนภิ จ. อตตฺ โน อตฺตานํ มี. อตตฺ นา อตตฺ เนหิ อตฺตเนภิ ฉ. อตฺตโน อตตฺ านํ ส. อตตฺ นิ อตฺตเนสุ อตเฺ ตสุ อาตมุ สทฺทปทมาลา (ตน) เอกวจนะ พหุวจนะ ป. อาตมุ า อาตมุ าโน อา. โภ อาตมุ อาตมุ า โภนฺโต อาตมุ าโน ท.ุ อาตุมานํ อาตมุ ํ อาตมุ าโน ปทมาลาทเี่ หลือ เหมือนปรุ สิ ศัพท์
86 สัททสังเขป สขา - เพือ่ น สขสททฺ ปทมาลา (ปํุ) เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. สขา สขาโน สขาโย สขิโน อา. โภ สข สขา สเข โภนโฺ ต สขาโน สขาโย สขิโน ท.ุ สขานํ สขารํ สขํ สขาโน สขาโย สขิโน ต. สขินา สขาเรหิ - ภ,ิ สเขหิ - ภิ จ. สขโิ น สขสิ สฺ สขนี ํ สขารานํ สขานํ ม.ี สขนิ า สขาเรหิ - ภ,ิ สเขหิ - ภิ ฉ. สขโิ น สขสิ สฺ สขนี ํ สขารานํ สขานํ ส. สเข สขาเรสุ สเขสุ สูตรท่ีใชท้ �ำตวั รูปในราชาคณะ ๑. หลังจาก ราช เป็นตน้ แปลง สิ วิภตั ตเิ ปน็ อา = สฺยา จ ๒. หลงั จาก ราช เปน็ ตน้ แปลง โย วิภัตติเป็น อาโน = โยนมาโน ๓. หลงั จาก พรฺ หมฺ ศพั ทเ์ ป็นต้น แปลง อํ วิภตั ติเปน็ อานํ = พรฺ หมฺ ตฺตสขราชาทโิ ต อมานํ ๔. เพราะ นา วิภตั ติ แปลง ราช กับ นา เปน็ รญฺา = นามหฺ ิ รญฺา วา ๕. เพราะ สุ, น,ํ หวิ ิภัตติ แปลง ราช เป็น ราชุ = ราชสฺส ราชุ สุนหํ ิสุ จ ๖. เพราะ ส วิภัตติ แปลง ราช กับ ส เป็น รญฺโ = ราชสสฺ รญฺโ ราชิโน เส ๗. เพราะ นํ วิภตั ติ แปลง ราช กบั นํ เปน็ รญฺ ํ = รญฺํ นมํ ฺหิ วา ๘. หลงั จาก ตมุ ฺห, อมหฺ ศัพทเ์ ปน็ ตน้ แปลง สฺมา วภิ ตั ติ เปน็ นา = อมฺหตุมฺห- นตฺ ุราชพรฺ หมฺ ตตฺ สขสตฺถปุ ติ าทหี ิ สฺมา นาว ๙. เพราะ สมฺ ึ วิภัตติ แปลง ราช กบั สมฺ ึ เปน็ รญฺเ, ราชินิ = สฺมมึ ฺหิ รญฺเ ราชิน.ิ พฺรหฺม ศพั ท์ มรี ปู พิเศษ ๔ วภิ ัตติ คอื ค, นา, ส, สฺมึ ๑. หลงั จาก พรฺ หฺม แปลง สิ ชื่อ ค เปน็ เอ = พฺรหมฺ โต คสสฺ จ
นามคณะ 87 ๒. เพราะ ส, นา วภิ ตั ติ แปลง อ ของ พฺรหมฺ เปน็ อุ = อตุ ตฺ ํ สนาสุ ๓. เพราะ นํ วิภตั ติ แปลง อ ของ พรฺ หมฺ เป็น อุ = อตุ ตฺ ํ โยควภิ าคในสตู รวา่ อุตตฺ ํ สนาสุ ๔. หลัง อิ, อี ชื่อ ฌ และ อุ, อู ชอื่ ล แปลง ส เป็น โน = ฌลโต สสโฺ น วา ๕. หลังจาก พฺรหฺม เป็นต้น แปลง สฺมึ วภิ ัตติ เป็น นิ = พฺรหฺมโต ตุ สมฺ ึ นิ วิธีทีเ่ หลอื เหมอื นกับ ปรุ ิส ศพั ท์ อตฺต ศพั ท์ตัง้ แต่ตติยาวิภตั ติตา่ งจาก ราช ศัพท์ ๑. เพราะ นา วิภัตติ แปลง อ ท่ีสุดของ อตฺต เป็น อ = จ ศัพท์ในสูตร อกมมฺ นฺตสฺส จ ๒. เพราะ หิ วภิ ตั ติ แปลง อ ทสี่ ดุ ของ อตตฺ เป็น อน = อตฺตนโฺ ต หิสฺมิมนตตฺ ํ ๓. หลัง อตตฺ แปลง ส วิภตั ตเิ ป็น โน = สสสฺ โน ๔. หลงั อตตฺ แปลง สมฺ า วิภตั ติเปน็ นา = สฺมา นา ๕. หลงั อตฺต แปลง สฺมึ วภิ ตั ตเิ ปน็ นิ = ตโต สฺมึ นิ สขศพั ท์ ๑. หลงั จาก สข แปลง โย วิภตั ติ เป็น อาโย, โน = สขโต จาโยโน ๒. เพราะ โน, นา, นํ และ ส วิภัตติ แปลง อ ของ สข เป็น อิ = สขนฺตสฺสิ โนนานํเสสุ ๓. หลงั จาก สข แปลง สิ ช่ือ ค เปน็ อ, อา, เอ = สขโต คสเฺ ส วา ๔. เพราะ ส,ุ นํ, อํ วภิ ตั ติ แปลง อ ของ สข เปน็ อาร = สุนมํสุ วา ๕. เพราะ หิ วิภัตติ แปลง อ ของ สข เปน็ อาร = อาโร หิมฺหิ วา ๖. หลงั จาก สข ศพั ท์ แปลง สมฺ ึ วิภัตติ เปน็ เอ แน่นอน = สมิเม จบราชาทคิ ณะ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287