Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ✍️ รายการตำรับยาแผนไทยแห่งชาติ ฉบับเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒

✍️ รายการตำรับยาแผนไทยแห่งชาติ ฉบับเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒

Description: ✍️ รายการตำรับยาแผนไทยแห่งชาติ ฉบับเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒

Search

Read the Text Version

229 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

230 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

อภิธานศัพท์ กลอ่ นลงฝกั ดู กษัยกล่อนลงฝกั กลาก ตามผวิ หนงั จะปรากฏวงมขี อบชดั เจน เชอ้ื ราจะอยตู่ ามขอบของวงนน้ั โรคนเี้ กดิ จากเชอ้ื ราหลายชนดิ กลากพรรนยั เกิดเป็นวงแล้วเป็นเม็ดข้ึนกลางวง แล้วก็ลามต่อ ๆ กันออกไปเต็มทั้งกายเป็นขนนุง กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทย คันมาก ถ้าแก่เข้ารักษาไม่หายก็กลายเป็นวงขดติด ๆ กันไปก็มี บางทีเป็นแนว ๆ เหมือนไมเ้ รยี วตีก็มี กลากเหล็ก เกดิ แตผ่ วิ หนังก�ำเรบิ กด็ ี ผิวหนังหย่อนกด็ ี ผวิ หนงั พิการกด็ ี กล่าวคอื กองปถั วธี าตุให้ เปน็ เหตทุ �ำใหค้ ันผิวเนอ้ื และผิวเน้อื นน้ั ชาสากไป แล้วกผ็ ดุ ข้ึนมาเปน็ เม็ดรี ยาว กลม และเป็นวง มีผิวอันด�ำดุจผิวเหล็ก คันมาก ยิ่งเกาย่ิงคัน ครั้นหายคันแล้วกระท�ำให้ แสบรอ้ น เม่อื เหงอ่ื ออก จงึ จึงอกี เลา่ ถา้ บคุ คลผ้ใู ดเป็นดงั กลา่ วมานี้โลกสมมติวา่ เป็น ชาติกรรมลามกโรค ว่าโรคเกิดแต่กายอันไปมไิ ดบ้ ริสทุ ธ์ิ โดยอธิบายแห่งอาจารย์วา่ ไว้ ดังน้ี ถ้าแพทย์รักษาให้กระท�ำสิรังษะวิธีเสียก่อน คือกระท�ำให้กายและเครื่องอุปโภค บรโิ ภคนั้นใหส้ ุทธิ แลว้ จงึ แตง่ ยากิน ยาทา รักษาต่อไป กษยั กล่อนลงฝกั ลกู อณั ฑะข้างหน่งึ โต มอี าการปวดเสยี ด ถ่วง กษยั เส้น น. ความผดิ ปรกติทีเ่ กดิ ในกลา้ มเนื้อและเส้นเอ็น ท�ำใหม้ ีอาการปวดเมื่อยตามรา่ งกาย ท้องผูก ออ่ นเพลีย เปน็ ตน้ . กษัยเหลก็ น. กษัยอันเกิดจากอุปปาติกะโรคชนิดหนึ่ง เกิดจากลมอัดแน่นแข็งเป็นดานอยู่ใน ทอ้ งนอ้ ย ผปู้ ว่ ยมอี าการเจบ็ ปวด ทอ้ งแขง็ ลามขนึ้ ไปถงึ ยอดอก กนิ อาหารไมไ่ ด้ เปน็ ตน้ . ไขก้ �ำเดา ไอแหง่ ความรอ้ น มสี มฏุ ฐานมาจากเปลวแหง่ วาโย โลหติ และเสมหะ แบง่ เปน็ ๒ จำ� พวก คอื ไขก้ ำ� เดานอ้ ย มอี าการปวดศรี ษะ ตาแดง ตวั รอ้ น ไอ สะบดั รอ้ นสะทา้ นหนาว ปากขม ปากเปรยี้ ว กนิ ขา้ วไม่ได้ อาเจียน นอนไม่หลับ และไขก้ ำ� เดาใหญ่ มอี าการคล้ายไข้ กำ� เดานอ้ ย แตอ่ าการมากกวา่ มผี ดุ ตามรา่ งกายเหมอื นยงุ กดั ไมม่ ยี อด มไี อเปน็ เสมหะ โลหิตออกทางปาก จมูก คอ ฟัน เพดานแห้ง ความรอ้ นสงู เชื่อมมวั เมื่อยไปท้งั ตัว ออ่ นเพลียมึนงงมาก บางทีมอื เทาก�ำไข้เกดิ แตก่ องเสมหะสมฏุ ฐาน ไข้จบั สนั่ ดู ไขป้ า่ . (โบราณเรียกเชน่ น้ีเน่อื งจากผ้ปู ว่ ยโรคนม้ี กั มีอาการหนาวส่ัน). ไขเ้ ช่อื มซมึ ดู เชอ่ื มมวั ไขป้ ระดง ดู ประดง ไข้ปา่ น. โรคชนิดหนงึ่ ผู้ปว่ ยมีอาการไข้สูงมากเปน็ เวลา สว่ นใหญ่มกั มีอาการหนาวส่ันร่วม ดว้ ย นอกจากน้ี ยงั อาจมอี าการปวดศีรษะ มอื และเท้าเยน็ มีเหงื่อออกมาก กระหายนำ�้ ปัสสาวะบ่อย หากเป็นติดต่อกันหลายวันไม่หาย ผู้ป่วยจะซีด เบ่ืออาหาร ตับโต ม้ามโต เป็นต้น โบราณเรียก ไข้ป่า เน่ืองจากผู้ป่วยมักเป็นโรคนี้หลังกลับออกมา จากปา่ , ไขจ้ บั สน่ั ไขด้ อกสกั (ผปู้ ว่ ยมกั เปน็ โรคนใี้ นชว่ งฤดฝู นซง่ึ เปน็ ชว่ งทด่ี อกสกั บาน) หรือไขด้ อกบวบ ก็เรยี ก. 231

ไขพ้ ิษไข้กาฬ น. โรคกลุ่มหน่ึงที่มีอาการรุนแรง ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ ตัวร้อนจัด ปากแห้ง ฟนั แหง้ นำ�้ ลายเหนยี ว ตาแดง รอ้ นในกระหายนำ้� มอื เทา้ เยน็ มเี มด็ สดี ำ� แดง หรอื เขยี ว ขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้างผุดข้ึนตามร่างกาย ต�ำราการแพทย์แผนไทยแบ่งออกเป็น ๒๑ ชนิด โดยเรียกชื่อแตกต่างกันตามลักษณะอาการ เช่น ไข้อีแดง ไข้ปานด�ำ ไข้ปานแดง ไข้รากสาด. ไขเ้ พือ่ ก�ำเดา ดู ไข้กำ� เดา กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทย ไขเ้ พ่อื เสมหะ ดู ไขเ้ กิดแต่กองเสมหะสมฏุ ฐาน ไข้รากสาด น. ไขก้ าฬกลมุ่ หนงึ่ ผปู้ ่วยอาจมีอาการตัวร้อนจดั มือเท้าเย็น ปวดศีรษะมาก ตาแดง เพ้อ มือกำ� เท้าก�ำ ตาเหลอื ก ตาชอ้ น หรอื อาจมีอาการตัวเย็น เหงื่อออกมาก แตร่ อ้ น ภายใน หอบ สะอกึ ล้นิ กระดา้ งคางแข็ง เช่ือมมัว ไม่มีสติ นอกจากน้ี ยงั อาจมอี าการ ถ่ายเป็นเลือด ไอเปน็ เลอื ด อาเจยี นเป็นเลอื ด เปน็ ตน้ ต�ำราการแพทยแ์ ผนไทยแบ่งไข้ รากสาดออกเป็น ๙ ชนิด เรยี กชอ่ื แตกต่างกันไปตามลกั ษณะอาการทปี่ รากฏใหเ้ หน็ ทางผิวหนัง ได้แก่ ไข้รากสาดปานแดง ไข้รากสาดปานด�ำ ไข้รากสาดปานเขียว ไข้รากสาดปานเหลือง ไข้รากสาดปานขาว ไข้รากสาดปานม่วง ไข้รากสาดนางแย้ม ไข้รากสาดพะนนั เมือง และไข้รากสาดสามสหาย, ไขล้ ากสาด กเ็ รียก. ไขร้ �ำเพรำ� พดั น. โรคชนิดหน่ึง มกั ไมท่ ราบสาเหตุ ผปู้ ่วยมอี าการแตกตา่ งกนั ออกไป เช่น อาจมไี ข้ จกุ เสียดในทอ้ ง อาเจยี นละเมอเพ้อพก, ไข้ลมเพลมพัด รำ� เพร�ำพดั หรอื ลมเพลมพดั ก็เรียก. ไข้สันนบิ าต ดู สนั นิบาต ไข้หดั ดู ไข้ออกหดั ไขเ้ หือด ดู ไข้ออกเหือด ไข้ออกหดั น. ไขก้ าฬชนิดหนึง่ ผปู้ ว่ ยมไี ข้ สะบัดร้อนสะทา้ นหนาว เชอ่ื มมวั ปวดศรี ษะ หลังจาก นั้นจะ มีเม็ดคล้ายเม็ดทราย ยอดแหลมผุดข้ึนท่ัวตัว หากไม่มีเม็ดยอดผุดขึ้นมา โบราณเรยี ก หดั หลบ หรอื ไขห้ ดั หลบใน ผปู้ ว่ ยมอี าการทอ้ งเสยี เปน็ ตน้ , ไขห้ ดั กเ็ รยี ก. ไข้ออกเหอื ด น. ไข้กาฬชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยมีอาการคล้ายอาการออกหัดแต่เม็ดท่ีผุดข้ึนทั่วตัวยอด ไม่แหลม, ไขเ้ หือด กเ็ รียก. จุก อาการท่บี งั เกิดแนน่ อยู่ในอกหรือในท้อง เช่น กินมากจนจุก. ช�ำระแผล วิธีการท�ำความสะอาดแผลตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย โดยใช้ยาทาหรือพอกไว้ ทบ่ี าดแผล ใชไ้ ดท้ ้งั แผลสดและแผลเปอื่ ย. เช่ือมมวั หน้าหมองเนอ่ื งจากพษิ ไข้ ซางขุม เป็นแผลในปากเดก็ เกิดเปน็ จดุ ขาวเปน็ ขุมท่ีลิ้น ปาก กระพุง้ แกม้ เพดาน เจ็บน้ำ� ลาย ไหล ถ้าเปน็ มากท�ำใหด้ ูดนมล�ำบาก ทอ้ งมาน, ทอ้ งมาร น. ช่ือโรคจำ� พวกหน่ึงมอี าการใหท้ ้องโตอย่างหญิงมคี รรภ์. 232

ประดง น. ๑. โรคกลมุ่ หนงึ่ ตำ� ราการแพทยแ์ ผนไทยส่วนใหญ่วา่ เกดิ จากไขก้ าฬแทรกไขพ้ ิษ ผู้ป่วยมีเม็ดผ่ืนหรือตุ่มขึ้นตามผิวหนัง อาจมีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน ตัวร้อน มอื เทา้ เยน็ ร้อนในกระหายน้�ำ หอบ สะอึก ปวดเมอ่ื ย ในกระดกู ปวดศีรษะ เป็นตน้ แบ่งออกเปน็ ๘ ประเภท ตามลกั ษณะของเม็ดผ่ืนหรอื ตมุ่ ไดแ้ ก่ ประดงมด ประดงช้าง ประดงควาย ประดงววั ประดงลิง ประดงแมว ประดงแรด และประดงไฟ. ๒. โรคประเภทหน่งึ ต�ำราการแพทย์แผนไทยว่า เกิดจากลมรามะธานี ซ่ึงเกิดท่ีหัวใจ พัดขึ้นไปบนศีรษะ กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทย ท�ำให้ผู้ป่วยมีอาการคันหู หน้า และตา. ๓. โรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ท�ำให้คัน เป็นต้น ตามตำ� ราการแพทย์แผนไทยวา่ มีหลายชนดิ เช่น ประดงเลอื ด ประดงลม, ไข้ประดง ก็เรยี ก. ปัตฆาต [ปัดตะคาด] น. ๑. เส้นท่ีมีจุดเริ่มต้นบริเวณของเชิงกรานด้านหน้า แล่นถึงตาตุ่ม เสน้ ดา้ นบนจะแลน่ ไปทางดา้ นหลงั ขน้ึ ขา้ งกระดกู สนั หลงั (ถดั ออกมาจากเสน้ รตั ตฆาต) ถงึ บรเิ วณต้นคอ ทา้ ยทอย ขน้ึ ศีรษะ แลว้ ลงมาท่แี ขน เสน้ ทอี่ ยูด่ ้านขวา เรียก เสน้ ปตั ฆาตขวา เส้นท่อี ยดู่ า้ นซา้ ย เรียก เส้นปัตฆาตซา้ ย สว่ นเสน้ ดา้ นล่างจะเร่มิ จากบรเิ วณ หน้าขา แลน่ ลงมาถึงตาตมุ่ ด้านใน เรยี ก เสน้ ปตั ฆาตใน ส่วนดา้ นนอกเร่ิมจากบรเิ วณ สะโพก แลน่ ลงมาถงึ ตาตมุ่ ดา้ นนอก เรยี ก เสน้ ปตั ฆาตนอก. ๒. โรคลมชนดิ หนงึ่ ผปู้ ว่ ย มักมอี าการปวดเมอ่ื ย ตามแนวเส้นปัตฆาต เคลอื่ นไหวไม่สะดวก, ลมปัตฆาต ก็เรียก, เขยี นวา่ ปฏั ฆาต ปัตคาด ปัตฆาฏ หรอื ปตั ะฆาฎ กม็ ี. พรรดกึ [พันระดกึ ] ๑. ก. อาการท้องผกู มาก มีอจุ จาระเป็นกอ้ นแขง็ คล้ายขแี้ มวหรือข้ีแพะ. ๒. น. อจุ จาระเปน็ กอ้ นแขง็ กลม คล้ายขีแ้ มวหรือขแ้ี พะ. มองครอ่ น. ๑. โรคระบบทางเดนิ หายใจประเภทหนง่ึ ผปู้ ว่ ยมเี สมหะเหนยี วขน้ อยใู่ นชอ่ งหลอดลม ทำ� ใหม้ อี าการไอเรอ้ื รงั .๒. ในทางการแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั หมายถงึ โรคหลอดลมโปง่ พอง มีเสมหะในชอ่ งหลอดลม ทำ� ใหม้ ีอาการไอเรือ้ รัง โดยเฉพาะเมอ่ื นอนราบ, มงคร่อ หรือ มงคล่อ กเ็ รยี ก. (อ. Bronchiectasis). รำ� เพร�ำพดั ดู ไขร้ ำ� เพร�ำพดั . รดิ สดี วง น. โรคกลุ่มหน่ึง เกิดได้กับอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เช่น ตา จมูก ล�ำไส้ ทวารหนกั ต�ำรา การแพทยแ์ ผนไทยวา่ มี 18 ชนดิ แตล่ ะชนดิ มอี าการและชอ่ื เรียกแตกตา่ งกันไป บางชนดิ อาจมตี ง่ิ หรอื กอ้ นเนอื้ เกดิ ขน้ึ ทอ่ี วยั วะนนั้ เชน่ รดิ สดี วงตา รดิ สดี วงทวารหนกั , หฤศโรค ก็เรียก, เขยี นวา่ ฤศดวง หรือ ฤษดวง กม็ .ี รดิ สีดวงแหง้ โรคชนดิ หนึ่ง ผ้ปู ว่ ยมอี าการกระหายน้�ำ อกแห้ง คอแห้ง ไอ หอบ ผอมเหลือง สาเหตุ เนอ่ื งมาจากพงั ผดื พิการ หรือแตก. เร้อื นกวาง เกิดขนึ้ ตามขอ้ มอื และขอ้ เทา้ ขบั พับ และก�ำด้น (ต้นคอ) ทำ� ใหเ้ ป็นนำ้� เหลอื งลามออก ไป คร้นั ต้องยาเขา้ กแ็ หง้ เข้า บางทกี ห็ ายขาด บางทกี ไ็ มห่ าย แต่ไม่ตายเปน็ แตล่ �ำบาก ลมกระษยั , ลมกษัย น. ลมที่ท�ำให้ผอมแหง้ แรงนอ้ ย เป็นต้น. ลมกระษัยกล่อน ลมท่ีลงอัณฑะทำ� ให้อักเสบบวม 233

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทยลมกลอ่ น ลมลงลูกอัณฑะ ท�ำให้มีอาการปวดถ่วงลูกอัณฑะ มีอาการอักเสบ บวมแดง ลมกองละเอยี ด แก้โดยการนวด ลมกองหยาบ น. ลมทที่ ำ� ใหม้ อี าการหนา้ มดื ตาลาย วงิ เวยี น ออ่ นเพลยี สวงิ สวาย ใจสน่ั เปน็ ตน้ , ลมก�ำเดา สขุ มุ วาตะ หรอื สุขมุ วาตา ก็เรียก. ลมเขา้ ขอ้ น. ลมท่ีท�ำใหม้ ีอาการจกุ เสยี ดแนน่ ท้องอืด ท้องเฟอ้ เปน็ ต้น, โอฬารกิ วาตะ หรอื ลมชกั โอฬาริกวาตา กเ็ รียก. ลมทักขิณคุณ โรคลมชนดิ หน่ึง ตำ� ราการแพทยแ์ ผนไทยวา่ เปน็ ลมทีเ่ กิดแทรกไข้กำ� เดา ผปู้ ่วย ลมทนุ ะยกั ษวาโย มอี าการวงิ เวยี น หนา้ มืด ตาลาย หนกั ศรี ษะ เจ็บตา เปน็ ตน้ . โรคลมชนิดหนึง่ ทท่ี �ำให้ปวดขอ้ ข้อบวม ลมประวาตะคลุ ะมะ ลมทีท่ ำ� ใหเ้ กดิ อาการชกั ลมปะกัง โรคลมชนิดหน่ึง ให้ศรี ษะสั่น เจรจามไิ ด้ โรคลมชนิดหน่ึง เกดิ แตก่ องลมอัมพาต เปน็ ตน้ ลมกองนีม้ กั ทำ� ใหเ้ สียดสีข้าง และ ลมปะวาตะคุณ ชายโครงขน้ึ มามใิ หไ้ หวติงตวั ได้ มกั ให้โก่งตัวอยู่ ให้ทอ้ งแขง็ เปน็ เกลยี ว บรโิ ภค ลมพาหรุ วาโย อาหารมไิ ด้ มกั รากลมเปลา่ และมกั เปน็ รำ� มะนาด มกั ใหต้ ามดื ตาฟาง และกระทำ� ลงเป็นคราว ๆ มกั พัดเตโชใหด้ บั ถ้าผใู้ ดเปน็ ดงั กลา่ วมานีม้ กั ถอยอายุทุกวัน ลมพทุ ธยักษ ์ ดู ลมประวาตะคลุ ะมะ น. โรคชนิดหนึง่ ผ้ปู ว่ ยมีอาการปวดศีรษะมาก อาจจะปวดข้างเดียว หรือสองขา้ ง ลมมหาสดมภ ์ ก็ได้ บางต�ำราว่ามักเป็นเวลาเช้า ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ตาพร่า ลมราทยกั ษ ์ วงิ เวยี น อาเจียน. อันว่าลม ก้อน ดาน อนั ชือ่ ว่าประวาตะคลุ ะมะ ต้ังแอบกอ้ นลมทักษณิ ะคุละมะอยู่ ทำ� ให้เป็นกอ้ น ดาน เถา อยู่ในอกและตั้งอยู่บนยอดไส้ออ่ น ผา่ นลงในนาภี โรคลมชนิดหน่ึง บังเกิดแต่สุขุมังควาต กล่าวคือลมคูถทวารแล่นขึ้นมาจับเอา หลังมือ กระท�ำให้มือบวมขึ้น แล้วแล่นลงมาจับเอาหลังเท้า กระท�ำให้เท้านั้น เบ่งข้ึนแล้วกลับแล่นขึ้นสู่กระบาลศีรษะ กระท�ำให้หนักศีรษะ ให้ศีรษะซุนไป ให้วิงเวียน และให้น�้ำมูกตก น้�ำตาตก ให้เสียวล�ำมือล�ำเท้า ให้เป็นเหน็บ และ ลมกองน้เี กิดแต่ผ้ใู ดกำ� หนด ๕ เดือน จะลกุ ขน้ึ มิไดเ้ ลย โรคลมชนิดหน่ึง ผู้ป่วยมักมีอาการชัก กระสับกระส่าย ขบฟันตาเหลือก ตาเบกิ กวา้ ง ปากเบยี้ ว มอื กำ� เทา้ งอ แยกแขง้ แยกขา ไมม่ สี ติ เปน็ ตน้ , ลมสนั นบิ าต พุทธยักษ์ ก็เรียก. โรคลมอันมพี ษิ ชนดิ หนงึ่ ผูป้ ว่ ยมอี าการหาวนอนมาก จิตใจสบั สน หมดสต.ิ โรคลมชนดิ หนง่ึ ผปู้ ่วยมอี าการเปน็ ไขต้ ัวรอ้ น ชกั มือเท้า กำ� งอ ลิน้ กระด้างคาง แขง็ คอแข็ง ตาเหลือง เปน็ ต้น, ลมราชยกั ษ์ หรอื ราทยกั ษวาโย กเ็ รียก. 234

ลมสรรพวาระจกั รโมละ โรคลมชนดิ หนงึ่ เกดิ แตก่ องอมั พฤกษแ์ ละปตั คาดระคนกนั กระทำ� ใหจ้ บั เปน็ คราว ๓-๔ วันจับทีหน่ึง เม่ือจะจับข้ึนมานั้นให้เจ็บหลังก่อน แล้วแล่นข้ึนไปจับเกลียว ขา้ ง ให้เจบ็ ตน้ คอยิง่ นัก ลมสนั ดาน ลมประจำ� ตัวแต่ละบุคคล ลมสิตมัควาโย โรคลมชนดิ หนง่ึ กระทำ� ใหม้ อื เทา้ เยน็ กอ่ น แลว้ กระทำ� ใหม้ อื เทา้ ตาย ยกมอื ขน้ึ มไิ ด้ ลมกองน้ีคร้ันแก่เข้าแก้มิถอย จึงตกไปในระหว่างอัมพาต กระท�ำให้ล้ินกระด้าง กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทย เจรจามิชัด มักให้เตโชเป็นติกธาตุ แพทย์ทั้งหลายพึงรู้ ถ้าบังเกิดขึ้นแก่บุคคล ผู้ใดแลว้ บคุ คลผู้น้นั อายุมิยืนเลย ลมออกห ู อาการหอู ้อื ลมอัมพฤกษ ์ ลมที่ทำ� ใหเ้ กดิ อาการเคลื่อนไหวไมไ่ ด้ โดยกระดกู ไม่เคลอ่ื น ลมอัมพาต (๑) ลมทที่ ำ� ใหเ้ คล่อื นไหวไม่ได้ และมีอาการกระดกู เคลอ่ื น (๒) ลมจับเอากันกบ ข้ึนไปถึงราวข้าง จับเอาหัวใจแล้วซึมมึน แล้วขึ้นไปราวบ่าทั้งสองข้าง ขึ้นไปจับ เอาต้นลนิ้ เจรจามิได้ชัดแล ลมอทุ ธงั คมาวาตา ลมที่พัดเป็นปกตินั้น พัดแต่ปลายเท้าจนถึงที่สุดแห่งศีรษะ ย่อมรักษากาย มิให้ เปน็ อันตราย และลมจำ� พวกน้ี ถ้าแตกเมอื่ ใดกใ็ หผ้ ูน้ นั้ ทุรนทรุ าย มือตีนขวักไขว่ พลกิ ตวั ไปมา ให้หาว ใหเ้ รอ ใหล้ มปะทะบ่อย สมฏุ ฐานวาตะ ท่ตี ั้งหรอื ทแ่ี รกเกดิ ของโรคอนั เกดิ จากลม แบ่งออกเปน็ ๓ อยา่ ง ได้แก่ หทัยวาตะ (ลมในหัวใจ อนั ทำ� ให้หัวใจทำ� งานเป็นปรกต)ิ สัตถกวาตะ (ลมทท่ี ำ� ให้เกดิ อาการ เสียดแทงตามส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกาย) และ สมุ นาวาตะ (ลมในเสน้ อนั ทำ� ให้เกดิ อาการปวดเมอื่ ย). สัตถกวาตะ ดใู น สมฏุ ฐานวาตะ.  สัตถกวาตะ โรคลมชนิดหนงึ่ ตำ� ราแพทยแ์ ผนไทยวา่ เกดิ จากสนั ฑฆาต ผู้ป่วยจะเรมิ่ มอี าการ เจ็บบริเวณหน้าอก เม่ือเป็นนานเข้าจะเกิดเป็นเวลา โดยเม่ือมีอาการจะรู้สึกเจ็บ แปลบปลาบไปทวั่ ทง้ั ตวั เหมอื นถกู มดี เชอื ดและเหลก็ แหลมแทง ใจสนั่ เมอ่ื อาการ บรรเทาลงจะรสู้ กึ หวิ ไมม่ แี รง ปวดหวั ตามวั กินอาหารไมไ่ ด้ นอนไม่หลบั . สันนิบาต น. ๑. ความเจ็บปว่ ยอนั เกิดจากกองสมฏุ ฐานปติ ตะ วาตะ และเสมหะ กระทำ� ร่วม กันให้เกิดโทษเต็มก�ำลัง, ไข้สันนิบาต หรือ สันนิปาติกาอาพาธา ก็เรียก. ๒. ชือ่ ความเจบ็ ป่วยพวกหน่งึ ผปู้ ว่ ยจะมีอาการสั่นเท้มิ ชักกระตกุ เพ้อ เปน็ ต้น เชน่ สนั นิบาตลูกนก สนั นบิ าต หน้าเพลงิ สันนบิ าตหนังตาตก. สุม วางทบั ซอ้ น ๆ กันไปจนสูงเปน็ กอง มกั ใชก้ บั ค�ำวา่ กระหมอ่ ม. 235

236 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

237 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

238 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทย กล่มุ โรคเด็ก กลุ่มโรคเด็ก กล่าวถึงโรคและอาการทีเ่ กิดขึ้นในเดก็ ตง้ั แต่แรกเกดิ จนถงึ อายปุ ระมาณ ๑๔ – ๑๕ ปี เปน็ ชว่ งสิน้ กำ� หนดโรคซางและตานขโมย ๑. ซาง โรคซางเกิดกับเด็กทารก ต้ังแต่แรกเกิด จนถึงอายุ ๕ - ๖ ขวบ เกิดเม็ดซางขึ้นตามร่างกาย จำ� นวนหลายเม็ด มสี ตี ่างกัน เช่น สีแดง สีม่วง สเี หลือง เป็นตน้ บริวารซางขึ้นลอ้ มรอบแมซ่ างในลักษณะ ต่างๆ เรียกวา่ “ดวงซาง” เมด็ ซางสามารถเลอ่ื นไปตามอวยั วะต่างๆได้ ซ่งึ ซางแต่ละชนดิ จะมจี ดุ ก�ำเนดิ และการเคล่ือนทต่ี า่ งกนั เรยี กวา่ “แผนซาง” ต�ำแหน่งทเี่ กิดเม็ดซางเกิดขน้ึ ไดท้ งั้ อวยั วะภายในร่างกาย เช่น ในปาก คอ ลนิ้ ทรวงอก ปอด ในท้อง กระเพาะอาหาร ตับ มา้ ม ลำ� ไสเ้ ล็ก ล�ำไสใ้ หญ่ กระเพาะปัสสาวะ ทวารหนกั และอวัยวะภายนอก เช่น แขน ขา หนา้ แข้ง สันหลงั สีข้าง และตามผิวหนัง ซางแตล่ ะชนดิ จะมอี าการแตกต่างกัน ต้ังแตอ่ าการเล็กน้อย เช่น เปน็ ไข้ ตัวร้อน กระหายน�ำ้ ไอ กินข้าวกนิ นมไมไ่ ด้ ปวดท้อง ท้องเสีย อาเจยี น ทอ้ งผกู จนถึงอาการรุนแรง เช่น ถา่ ยเป็นมกู เปน็ เลือด เปน็ หนอง ตัวเหลอื ง ตาเหลือง ปสั สาวะเหลอื ง ตบั โต ม้ามโต เป็นต้น แต่ซางทข่ี น้ึ ตามอวัยวะตา่ งๆ จะมีอาการเหมอื นกนั เชน่ ซางขน้ึ คอ ทำ� ให้ เจ็บคอ ไอ อาเจยี น ปากแหง้ คอแหง้ กนิ ขา้ วกนิ นมมไิ ด้ ซางข้ึนกระเพาะ ทำ� ให้ เบือ่ อาหาร อาเจยี น ซางขน้ึ ล�ำไส้ออ่ น ทำ� ให้ ถ่ายอจุ จาระสเี ขยี วดังใบไม้ ซางขึ้นลำ� ไสแ้ ก่ ท�ำให้ ถา่ ยอจุ จาระสีเหมือนนำ้� ส่าเหลา้ ซางขึ้นในท้อง ทำ� ให้ ทอ้ งเสยี ปวดทอ้ ง ทอ้ งข้นึ ซางขน้ึ หัวเหน่า ท�ำให้ เปน็ บิด ปวดมวน ขัดอจุ จาระ ซางขึ้นกระเพาะปสั สาวะ ทำ� ให้ ขัดปัสสาวะ ซางข้ึนตับ ท�ำให้ ถ่ายเปน็ มกู เปน็ เลอื ด เปน็ หนอง ตัวเหลือง ตาเหลอื ง ตบั โต ม้ามโต ซางข้ึนตา ทำ� ให้ ตาแฉะ ตาฟาง ตาเปน็ เกลด็ กระด่ี ตาบอด ซางข้นึ หู ท�ำให้ หเู นา่ (มหี นอง) ซางขึน้ ปาก ท�ำให้ ปากแดง การวิเคราะหเ์ พอ่ื วางแผนการรกั ษา โรคซางนนั้ อาการคอ่ ยๆดำ� เนนิ ไป จากอาการน้อยจนถงึ อาการหนัก จากพระคัมภรี ท์ ่กี ลา่ วไว้ว่า “ ลักษณะซาง(บางชนิด)ถึงร้ายก็จริง แต่ว่า(เม็ด)ซางน้ันขึ้นทีละยอด ถ้าแพทย์ประกอบยาท่ีถูกกับ โรคซางนั้นก็จะหายไป” ถ้าแพทย์ให้การรักษาที่ถูกต้อง และรักษาในระยะเริ่มแรกซึ่งอาการยังน้อยอยู่ กส็ ามารถหายได้ ไมท่ ำ� ใหโ้ รคลกุ ลามรนุ แรงขนึ้ แตถ่ า้ แพทยว์ างยาไมถ่ กู ตอ้ งกบั โรคและอาการแลว้ หรอื รกั ษา ในระยะท่ีโรคลกุ ลามรนุ แรง กเ็ ป็นการยากทจ่ี ะรักษาใหห้ ายได้ 239

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทย ดังนัน้ จงึ ตอ้ งพิจารณา ๑. ระยะเวลาทีเ่ กิดโรค เช่น ถ้าเพิง่ เร่ิมเปน็ จะรักษาได้ง่ายกวา่ เปน็ เรื้อรงั ๒. ความรุนแรงของโรค เช่น ถ่ายเป็นน้�ำคาวปลา ถ่ายเป็นมูก เป็นเลือด เป็นหนอง ตวั เหลือง ตาเหลอื ง ตับโต มา้ มโต ถ้ามีอาการเรือ้ รงั และรุนแรง ควรส่งต่อให้แพทย์ผมู้ ีความเช่ียวชาญท�ำการรักษา อาการท่ีไม่รุนแรงที่สามารถรักษาได้ คือ เป็นไข้ ตัวร้อน (ไม่เกิน ๓๙° c) ไอ เบื่ออาหาร ปวดท้อง ทอ้ งเสยี อาเจยี น ทอ้ งผูก เปน็ เมด็ ในปากในคอทล่ี นิ้ เปน็ ผ่นื ข้นึ ตามผวิ หนัง หลักในการรักษา ๑. ยาทใ่ี ช้ในเดก็ โดยทวั่ ไปไมค่ วรใช้ต�ำรบั ยาทมี่ รี สรอ้ นจัด หรือต�ำรับยาท่มี ีรสเย็นจัด ๒. ควรใชต้ ำ� รบั ยาทมี่ รี สสขุ ุม ปานกลาง ๓. ไม่ควรใช้กระสายยาที่มฤี ทธ์ิแรง ๔. ควรใชก้ ระสายยาใหเ้ หมาะกบั อาการของเด็ก ๒. หละ ละออง (กลุ่มโรคในปากในคอเดก็ ) โรคหละและละออง เกิดกบั เดก็ ทารก ตัง้ แต่แรกเกดิ จนถงึ อาย ุ ๕ - ๖ ขวบ เกดิ เฉพาะ ในปากในคอเด็ก หละ ลักษณะเปน็ เมด็ โตขนาดเท่าหัวสวิ มีสตี า่ งๆ เชน่ สแี ดง สเี หลือง สีเขียว สีด�ำ เปน็ ต้น เกดิ ขน้ึ ทโ่ี คนขากรรไกรซา้ ยหรอื ขวา มอี าการ ทอ้ งเสยี บางชนดิ มอี าการชกั บางชนดิ มอี าการเปน็ อมั พาต ละออง ลักษณะเปน็ เมด็ เล็กๆ สแี ดง สมี ่วง หรอื เป็นจุดขาวๆ หรอื เปน็ เมอื กใสหนาๆ ท่ลี นิ้ กระพงุ้ แก้ม เพดานปาก มีอาการ ท้องเสีย ไข้สูง ชัก บางคนมอี าการชัก โดยไม่มไี ข้ ๓. ลมซาง โรคลม ที่เกิดข้ึนในเด็กต้ังแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึง ๕ – ๖ ขวบ มีอาการต่างๆ เช่น ปวดท้อง ทอ้ งขึ้น ทอ้ งเสีย บางชนดิ มีอาการชกั ตาเหลือก หลงั แขง็ หน้าเขียว ๔. ตานขโมย เกิดในเด็กอายุต้ังแต่ ๕ - ๑๒ ขวบ เกิดจากการกินอาหารอันท�ำให้เกิดพยาธิในร่างกาย มีอาการ เช่น ท้องเสีย อุจจาระมีกลิ่นเหม็นคาวจัด บางคร้ังถ่ายเป็นมูกเลือด บางครั้งอุจจาระสีขาวซีด ถา้ เปน็ เร้อื รัง ท�ำใหเ้ ดก็ ซบู ซีด ผอม ต�ำรับยาแผนไทยแห่งชาติในกลุ่มโรคเด็กนี้ ได้คัดเลือกต�ำรับยาท่ีมีศักยภาพและพิจารณา จ �ำแน กประเภทของกล่มุ โรค /อาการตา่ งๆ ตามทไี่ ดอ้ ธิบายไว้ขา้ งต้นรวมทัง้ สนิ้ ๓๗ ต�ำรบั ดังนี้ ๑. กลุ่มยาแก้ซาง หละ ละออง รสประธานของยา เย็น - สุขมุ เย็น ตวั ยาทีจ่ ำ� เปน็ ต้องมี ๑. ตวั ยารสสขุ มุ เชน่ โกฐ เทียน ขอนดอก ชะลดู กะลำ� พกั กฤษณา สมลุ แว้ง เป็นตน้ ๒. ตัวยาทมี่ ฤี ทธิ์เยน็ ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ เชน่ ลกู ขี้กาแดง เนระพสู ี มหาสะดำ� พิษนาศน ์ จันทนท์ ั้งสอง เป็นต้น 240

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทย ๓. ตัวยารสร้อนและกระจายลม เช่น หอมแดง พรกิ ไทย กระเทียม ขิงแหง้ ผักแพวแดง สะค้าน กานพลู ดอกจนั ทน์ ผลจันทน์ เปราะหอม เป็นต้น ๔. ตัวยาท่ีมีฤทธิ์ระบาย เช่น ตรผี ลา ชุมเหด็ ไทย เกลือสนิ เธาว์ โกศน้�ำเตา้ เป็นตน้ ๕. ตวั ยาท่ีมีฤทธ์ฝิ าด (กรณที ี่มีอาการทอ้ งเสยี ) เช่น ลูกเบญกานี สเี สยี ดเทศ เปน็ ต้น ๖. ตวั ยาทม่ี ฤี ทธิ์แกล้ ิน้ เป็นฝา้ หละ ละออง เช่น น�้ำประสานทอง ลกู เบญกาน ี เป็นตน้ ต�ำรับยาในกลุ่มยาแกซ้ าง หละ ละออง ทคี่ ัดเลอื กเปน็ ต�ำรบั ยาแผนไทยแห่งชาติ ๑. ยาแกซ้ างขุมซางดอกหมาก ๒. ยาสมุ กระหม่อมเดก็ สตู ร ๑ ๓. ยาสมุ กระหมอ่ มเด็ก สตู ร ๒ ๒. กลุม่ ยาแก้ลมซาง (ทอ้ งเสยี ทอ้ งขน้ึ ) รสประธานของยา รอ้ น - สุขุมร้อน ตวั ยาท่ีจำ� เปน็ ตอ้ งมี ๑. ตัวยารสรอ้ นและกระจายลม เชน่ พรกิ ไทย ขงิ ดีปลี กระเทยี ม มหาหงิ ค์ุ ว่านน้�ำ ใบหนาด ไพล เจตพังคี ขมิ้นอ้อย ขา่ คนทสี อ หอมแดง ผลจันทน์ เปราะหอม กะเพราท้ังสอง กะพังโหม เป็นต้น ๒. ตัวยาทม่ี ีฤทธ์ริ ะบาย เช่น เกลอื ฝกั ราชพฤกษ์ มะขามเปยี ก ยาด�ำ โกฐน�ำ้ เตา้ เป็นต้น ตำ� รบั ยากลุม่ ยาแกล้ มซาง ทค่ี ดั เลือกเปน็ ต�ำรับยาแผนไทยแหง่ ชาติ ๑. ยาแกเ้ ด็กทอ้ งขึ้น ๒. ยาธาตเุ ด็ก ๓. ยาส�ำหรบั เดก็ ๓. กลุ่มยาแกต้ านขโมย (ถ่ายพยาธิ ระบาย ช่วยให้เจรญิ อาหาร) รสประธานของยา ร้อน - สุขุมรอ้ น ตวั ยาท่ีจำ� เป็นต้องมี ๑. ตัวยารสร้อนและกระจายลม เช่น ขิง ดีปลี ว่านน�้ำ ใบหนาด ไพล ขม้ินอ้อย ข่า การบูร ผวิ มะกรดู หอมแดง แห้วหมู ผักเส้ียนผี ลกู จนั ทน์ ดอกจันทน์ โหรพา ลูกผักชี กระชาย เจตพงั คี เปน็ ตน้ ๒. ตวั ยาทม่ี ฤี ทธิ์ระบาย เช่น สมอไทย สมอเทศ สมอพเิ ภก ฝักราชพฤกษ์ ยาด�ำ รากตองแตก ใบมะขามแขก เป็นต้น ตำ� รับยากลมุ่ ยาแก้ตานขโมย ท่ีคดั เลือกเปน็ ตำ� รบั ยาแผนไทยแหง่ ชาติ ๑. ยาแก้ดากเด็ก 241

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทยกล่มุ โรคลม กลมุ่ อาการโรคทเ่ี กิดจากสภาวะตดิ ขัดของตรีสมุฏฐาน ปติ ตะ วาตะ เสมหะ ในกองธาตุ สภาวะ ติดขัดดังกล่าว ท�ำให้เกิดพิษข้ึนมากระท�ำโทษ และแสดงอาการวิปริต แปรปรวนไปต่าง ๆ ออกมา เช่น เส้นอษั ฏากาศ หากมสี ภาพ เส้นตบี ขัดข้อง ตดิ ขดั เกดิ เม็ดหรืออดุ ตนั ขน้ึ ในเสน้ ถกู ความร้อนความเย็น เกนิ ประมาณ ทำ� ให้เลือดเดินไมส่ ะดวก เกิดพษิ ข้ึน พษิ กลับเขา้ ไปท�ำให้หัวใจพิการ เปน็ โรครา้ ยแรงตา่ งๆ เช่น ลม ๖ ประการ ลมชิวหาสดมภ์ ลมมหาสดมภ์ ลมทักขิณโรธ ลมตะนิยาวิโรธ กาฬสิงคล ี ลมนางงมุ้ และลมนกนางแอน่ เปน็ ตน้ เส้นสุมนา หากมสี ภาพ เส้นตีบ ขดั ขอ้ ง ตดิ ขัดหรือมีเมด็ ข้ึนในเส้น หรืออาจถูกเส้น อิทาหรือเส้นปิงคลาเบียดหรือทับ ท�ำให้เลือดเดินไม่สะดวก จึงเกิดพิการขึ้น เกิดพิษ พิษนั้นกลับเข้าท�ำให้หัวใจพิการ ท�ำให้เกิด โรคร้ายแรงต่างๆ เช่น ลม ๖ ประการ คือ ลมราทยักษ ์ ลมกุมภัณฑยักษ์ ลมบาดทะจิต ลมพุทธยักษ์ ลมอัคมุขี และลมอินธนู (ดูรายละเอียดในคัมภีร์ชวดาร) เม่ือแกห้ ายแลว้ บางครัง้ กลายเปน็ อมั พาต เปน็ ต้น พษิ ทีก่ ระทำ� โทษ มี ๒ สภาวะคอื ๑. สภาวะไหว ๒. สภาวะตึง โรคลมบางครง้ั เรยี กวา่ เกดิ ลม หรือ ลม เฉย ๆ กเ็ รียก และมักเรยี กร่วมกบั เลอื ด เรียกวา่ เลือดลม ธรรมชาตขิ องลม ทเ่ี ปน็ ปกต ิ เป็นหนง่ึ ในกองธาตุ ๔ ทีเ่ ราสงเคราะหเ์ รยี กวา่ “ธาตลุ ม” หรือ วาโยธาต ุ หรือ วาโยรปู เปน็ รูปปรมตั ถ์ ซ่งึ มลี ักษณะไหวหรอื เครง่ ตึง มีลักขณาทจิ ตุกะ ดงั นี้ ๑. มคี วามเคร่งตึงเป็นลกั ษณะ ๒. มีการไหวเป็นกจิ ๓. มีการเคลอื่ นยา้ ยเป็นผล ๔. มีธาตทุ งั้ ๓ ที่เหลือเป็นเหตุใกล้ ธรรมชาติท่ที รงภาวการณ์เคร่งตึงกด็ ี การไหวกด็ ที มี อี ยูใ่ นกายน้ัน เรยี กวา่ วาโยธาตุ ธาตลุ มภายใน หมายถึง ธาตุลมอันเปน็ ส่วนประกอบของรา่ งกายที่มีวิญญาณ ซ่งึ มีอยู่ ๖ อยา่ ง ได้แก่ ๑. ลมทพ่ี ดั ข้นึ เบอ้ื งบน เช่น การเรอ การหาว การไอ การจาม เปน็ ต้น ๒. ลมท่ีพดั ลงสู่เบ้ืองต่�ำ เช่น การผายลม การเบ่ง (ลมเบ่ง) เป็นต้น ๓. ลมท่อี ยู่ในชอ่ งทอ้ ง ท�ำให้ปวดทอ้ ง เสียดทอ้ ง เป็นตน้ ๔. ลมท่อี ยู่ในลำ� ไส ้ เชน่ ทอ้ งลั่น ทอ้ งรอ้ ง เป็นต้น ๕. ลมที่พดั อยู่ทวั่ รา่ งกาย ทำ� ให้ไหวร่างกายได้ ๖. ลมหายใจเขา้ ออก โรคลม มมี ลู แห่งเหตทุ ่ีส�ำคัญมาจาก อาหาร อารมณ์ การกินอาหารผิดเวลา มกั เกิดขึ้นในทวัต ตงิ สาการ หรือ อาการ ๓๒ เชน่ เกดิ ในเนื้อ ในหนงั ในเสน้ ในเอ็น ในกระดูก ในเลอื ด ในหวั ใจ เป็นตน้ โรคลม เกดิ ข้นึ อย่างเฉยี บพลนั หรือเรอื้ รงั ก็ได้ เมอ่ื เกดิ ขน้ึ แลว้ มักมอี าการท่รี นุ แรง การรักษา คอ่ นข้างลำ� บาก พลาดพล้งั อาจถงึ แก่ชีวิตได้ 242

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทย โรคลม อาการที่แสดงออกที่ไม่รุนแรงเป็นอาการท่ัว ๆ ไป เช่น อาการจุกเสียด แน่นเฟ้อ ปวดท้อง ปวดเมือ่ ย สวิงสวาย วิงเวียนศรี ษะ ใจสน่ั นอนไมห่ ลบั ความดนั โลหติ สูง ฯ ลฯ ไปจนถึงอาการ ทรี่ นุ แรง เชน่ หนา้ มดื เปน็ ลมนอนแนน่ ง่ิ ลมพษิ ชกั มอื กำ� เทา้ งอ ลนิ้ กระดา้ งคางแขง็ ละเมอเพอ้ พก อมั พฤกษ ์ อัมพาต ฯ ลฯ เปน็ ต้น การพิจารณารักษาโรคลม ต้องพิจารณาว่าเกิดท่ีใด ในอาการ ๓๒ ประการ ตามคัมภีร์ชวดาล แนะน�ำไว้ดังนี้ เช่น โรคลมน้ันเกิดได้ ในเส้น ในเนื้อ ในโลหิต ในกระดูก ในผิวหนัง ในหัวใจ เป็นต้น พึงพิจารณาลมน้ันก่อน แล้วจึงพิจารณายาท่ีจะซาบไปในที่น้ัน ให้ควรแก่โรค เช่น ถ้าโรคลมบังเกิดขึ้น ในเส้น ควรนวดและยาประคบ กินยาแก้ลมในเส้น จึงหาย ถ้าโรคลมจ�ำพวกใดบังเกิดในโลหิต ให้ปล่อย หมอน้อยกอกศีรษะ กินยาในทางลมโลหิต จึงหาย ถ้าโรคลมจ�ำพวกใดบังเกิดในผิวหนัง ชอบทายา และ รมยา และกอกลม กนิ ยาในทางลม และรกั ษาผิวหนงั ใหบ้ ริบรู ณ์ จงึ หาย ตำ� รับยาท่ใี ช้มกั เป็น ต�ำรับยาหอม ต�ำรบั ยาลม ควบคู่กบั ตำ� รับยาถา่ ย ต�ำรับยาระบาย กลุ่มเคร่ืองยาแกโ้ รคลม ๑. กลุ่มเคร่ืองยารสร้อน ขิง พริกไทย ปลี พริกหอม หัสคุณไทย หัสคุณเทศ มหาหิงคุ ์ ว่านน�้ำ มะกรูด กะเพรา เปลือกต้นมะรุม เปลือกอบเชยเทศ เปลือกกุ่มท้ัง ๒ เถาสะค้าน หัวแห้วหมู ลกู จนั ทน ์ ดอกจนั ทน์ กระวาน กานพล ู ลูกผกั ชลี ้อม ลกู ผักชลี า เทพทาโร เจตพังค ี ข่า ๒. กลุ่มเคร่ืองยารสสุขุม กลุ่มโกฏ กลุ่มเทียน กะล�ำพัก จันทน์ชะมด สมุลแว้ง รากแฝกหอม ชะลดู ขอนดอก ก�ำยาน จนั ทน์เทศ ๓. กลมุ่ เครอ่ื งยารสเยน็ พมิ เสน ชะมดเชยี ง ชะมดเชด็ มะล ิ ดอกบนุ นาค ดอกสารภ ี ขอนดอก ล�ำเจียก ลำ� ดวน ดอกกระทงิ แกน่ จันทนา ๔. กลมุ่ เครื่องยาท่มี ฤี ทธิร์ ะบาย ตองแตก สลดั ได ยาดำ� รงทอง สมอไทย สลอด ต�ำรบั ยาโรคลม ที่คัดเลือกเปน็ ต�ำรบั ยาแผนไทยแห่งชาติ ๑. ยากษยั เสน้ ๒. ยาแกก้ �ำเดาใหต้ ามัวมืด ๓. ยาแก้ลม สตู ร ๑ ๔. ยาแกล้ ม สูตร ๒ ๕. ยาแกล้ มกลอ่ น แลลมพทุ ยกั ษ์ ราทยกั ษ์ ๖. ยาแกล้ มกล่อนให้จุก ๗. ยาแก้ลมทนุ ะยักษวาโย ๘. ยาแก้ลมปัตคาด ๙. ยาแกล้ มพาหรุ วาโย ๑๐. ยาแกล้ มมหาสดมภ์ ๑๑. ยาแก้ลมมหาสดมภ์ และลมอมั พาต ๑๒. ยาแก้ลมสรรพวาระจกั รโมละ ๑๓. ยาแกล้ มสันดาน สูตร ๑ 243

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทย ๑๔. ยาแกล้ มสนั ดาน สตู ร ๒ ๑๕. ยาแกล้ มเสียงแหง้ ๑๖. ยาแกล้ มออกตามหแู ละตา ๑๗. ยาแกล้ มอมั พฤกษ์ ๑๘. ยาแกล้ มอัมพฤกษ์ อมั พาต สตู ร ๑ ๑๙. ยาแก้ลมอัมพฤกษ์ อมั พาต สตู ร ๒ ๒๐. ยาแกส้ ารพดั ลม ๒๑. ยาแก้เส้นปัตคาด ๒๒. ยาแกอ้ ัคนีจร ๒๓. ยาจิตรวาโย ๒๔. ยาชมุ นมุ วาโย ๒๕. ยาทภิ าวุธ ๒๖. ยานารายณ์พงั ค่าย ๒๗. ยาน�้ำมนั สิทธโิ ยคี ๒๘. ยาเบญจขันธ์ ๒๙. ยาประคบ ๓๐. ยาประคบคลายเส้น ๓๑. ยาประสะพริกไทย ๓๒. ยาประสะสมอ ๓๓. ยาปัตคาดใหญ่ ๓๔. ยาผสมโคคลาน ๓๕. ยาผสมเถาวลั ย์เปรยี ง ๓๖. ยาผกั เป็ดแดง ๓๗. ยาพระเป็นเจา้ มงกฎุ ลม ๓๘. ยาพระแสงจกั ร ๓๙. ยาพัดในลำ� ไส้ ๔๐. ยามหาก�ำลงั ๔๑. ยามหาไชยวาตะ ๔๒. ยาลมอนั ให้เยน็ ไปท้งั ตวั ๔๓. ยาลลุ ม ๔๔. ยาวาตาธิจร ๔๕. ยาวริ ณุ นาภี ๔๖. ยาสหัศธารา ๔๗. ยาสุมลมเจบ็ สูง ๔๘. ยาหทยั วาตาธคิ ณุ ๔๙. ยาหอมเบญโกฏ ๕๐. ยาอินทจร 244

กลุม่ อาการระบบทางเดนิ หายใจ กลมุ่ อาการระบบทางเดนิ หายใจ เปน็ กลมุ่ อาการของโรคทไ่ี มป่ รากฏในพระคมั ภรี แ์ พทยแ์ ผนโบราณ เชน่ โรคไขห้ วัดนอ้ ย ไข้หวัดใหญ่ มีรายละเอียดอยู่ในพระคัมภรี ์ตกั กศลิ า โรคระบบทางเดนิ หายใจ เปน็ อาการของโรคทมี่ คี วามสมั พนั ธก์ บั โรคทม่ี อี ยใู่ นพระคมั ภรี บ์ างคมั ภรี ์ เช่น พระคัมภรี ส์ มุฏฐานวินจิ ฉัย ทีก่ ล่าวถึง อาโปธาตุสมฏุ ฐาน ศอเสมหะ น�ำ้ เสลดในคอ พกิ าร ใหไ้ อ เจ็บคอ คอแห้ง เปน็ หดื เขโฬ นำ้� ลายท่ีอยูใ่ นปาก พกิ าร ใหเ้ จ็บคอ เป็นเมด็ ในคอและทีโ่ คนลิน้ สังฆานิกา (น�้ำมกู ) เปน็ น�้ำใสออกทางจมกู พกิ าร ให้ปวดในสมอง ตามวั น�้ำมกู ไหล เป็นตน้ กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทย กลุ่มอาการระบบทางเดินหายใจนั้น พบได้ในหลายๆ โรค ของพระคัมภีร์แพทย์แผนโบราณ มูลเหตุของโรค ที่ท�ำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บจากพระคัมภีร์เวชศึกษา และพระคัมภีร์ธาตุวิวรณ์ เช่น ฤดูท่ี แปรเปล่ียนไป อาหารให้โทษ อากาศร้อนและเย็น อดนอน อดน�้ำ กินอิ่มจนเกินควร ท�ำงานเกินก�ำลัง ในพระคมั ภีร์ธาตุวิภงั ค์กลา่ วถึงความไมส่ มดุลของธาตุ มีผลให้เกดิ ความเจ็บป่วย การพิจารณาคัดเลือกต�ำรับยาแผนไทยแห่งชาติ ในกลุ่มอาการระบบทางเดินหายใจ ได้คัดเลือก ตามข้อบ่งใช้ และสรรพคุณท่ีสามารถบรรเทาอาการไอ เจบ็ คอ คอแหง้ ขับเสมหะ น้�ำลายเหนียว อาการหวัด หรอื แพ้อากาศ ทไี่ ม่มีอาการไขร้ ่วมด้วย จำ� นวน ๓ ตำ� รบั ดงั น้ี ๑) กล่มุ ยาบรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ ตัวยาที่จำ� เปน็ ตอ้ งมี คือ ๑.๑) ตวั ยาทม่ี สี รรพคณุ แก้ไอ เชน่ เนือ้ ผลมะขามป้อม ผลมะแวง้ ตน้ ผลมะแว้งเครอื ๑.๒) ตัวยาท่ีมสี รรพคุณขบั เสมหะ เช่น ใบกะเพรา เน้ือผลสมอพิเภก เทียนขาว ๑.๓) ตัวยาที่ท�ำใหช้ ุ่มคอ เช่น รากชะเอมเทศ ใบมะกลำ�่ เครอื (แก้เจ็บคอ กระตุ้นน้�ำลาย) ๑.๔) น้�ำกระสายยา เช่น น�้ำมะขามเปยี ก น้�ำมะนาว นำ้� ส้มซ่า ตำ� รบั ยาบรรเทาอาการไอ ขบั เสมหะ ท่คี ดั เลอื กเป็นตำ� รับยาแผนไทยแหง่ ชาติ ๑. ยาแกค้ อแห้งกระหายน�ำ้ ๒. ยาแก้ไอ ๓. ยาแก้ไอขบั เสมหะ สตู ร ๑ ๔. ยาแก้ไอขับเสมหะ สูตร ๒ ๕. ยาแกไ้ อคอแหบแหง้ ๖. ยาแก้ไอผสมกานพลู ๗. ยาแก้ไอผสมมะนาวดอง ๘. ยาแก้ไอพน้ื บา้ นอสี าน ๙. ยาตรีผลา ๑๐. ยาประสะนำ้� มะนาว ๑๑ . ยาเสมหะพินาศ ๒) กลุ่มยาบรรเทาอาการหวัดหรอื แพอ้ ากาศ (ซงึ่ ไม่มอี าการไข้ร่วมด้วย) ตัวยาทีจ่ ำ� เป็นตอ้ งมี คือ ๒.๑) ตัวยาทม่ี รี สรอ้ น เชน่ พริกไทยดำ� หสั คุณเทศ ดอกกานพลู เหง้าขิง รากเจตมลู เพลิงแดง ๒.๒) ตวั ยาทมี่ รี สสขุ มุ เชน่ เหงอื กปลาหมอ (ทง้ั ตน้ ) โกฐสอ โกฐเขมา เทยี นดำ� เทยี นแดง ต�ำรับยาบรรเทาอาการหวดั หรือแพ้อากาศ ทค่ี ัดเลอื กเป็นต�ำรับยาแผนไทยแห่งชาติ ๑. ยาแกไ้ ข้เพอ่ื เสมหะ ๒. ยาแกห้ ดื ๓. ยาฝนแสนหา่ สิงคาทจิ ร 245

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทยกลมุ่ ไข้ เมื่อเจ็บป่วยร่างกายมักแสดงอาการท่ีผิดปกติต่าง ๆ ออกมา อาการท่ีผิดปกติอย่างหนึ่งน้ัน คืออณุ หภูมิร่างกายสงู ขึน้ อาการผดิ ปกติน้ี เรียกวา่ ไข ้ หรอื เปน็ ไข ้ เจ็บไข้ จบั ไข้ มีไข ้ ได้ไข้ ไข้ เป็นสัญญาณท่ีบอกว่าร่างกายก�ำลังเกิดโรค อาการท่ีพบ มักมีอาการตัวร้อน ปวดศีรษะ บางครงั้ มนี ำ�้ มกู และอาจมรี อยโรคตามผวิ กาย เชน่ ออกเมด็ ออกผน่ื เปน็ จำ�้ เลอื ด บางครงั้ มอี าการความรสู้ กึ อารมณ์ เช่น ไม่สบายตัว เช่ือมมัว เช่ือมมึน คลั่งเพ้อ ระส่�ำระสาย เรียกได้ว่าเป็นไปต่าง ๆ นานา แล้วแต่พิษของไข้จะกระท�ำโทษถึง ไข้ เป็นสภาวะท่ีแสดงออกหรือสื่อให้รู้ว่า ร่างกายมีสภาวะผิดปกติ หรือสื่อให้รู้ว่าโรคร้ายก�ำลัง เขา้ จโู่ จม ไขก้ ลา่ วตามหลกั เวชกรรมไทยไดว้ า่ เปน็ สภาวะของการขาดความสมดลุ ของ สมฏุ ฐาน ปติ ตะ วาตะ เสมหะ ในกองธาตทุ ง้ั ๔ อาการทแี่ สดงออกคอื ความผดิ ปกตขิ องสภาวะรอ้ น เยน็ ความผดิ ปกตขิ องชพี จร ความผิดปกติของกองธาตทุ ้ัง ๔ ไขม้ ชี ่อื เรยี กและประเภทต่าง ๆ มากมาย เช่น ไขห้ วัด ไขห้ วัดน้อย ไข้หวัดใหญ ่ ไขส้ ามฤดู ไขก้ �ำเดา ไขพ้ ษิ ไข้กาฬ มกี ารแบง่ ประเภทลกั ษณะไขท้ เ่ี กดิ ตามกำ� ลงั ของตรสี มฏุ ฐาน ปติ ตะ วาตะ เสมหะ ไดแ้ ก่ ไขเ้ อกโทษ ไข้ทุวันโทษ ไข้ตรีโทษ ไขส้ ันนบิ าต ไข้มีการเรียกชื่อตามระยะเวลา จ�ำนวนวันที่มีไข้ เช่น ไข้ตติยะชวร ไข้ดรุณชวร ไข้มัธยมชวร ไขโ้ บราณชวร ไข้สำ� ประชวร (ไข้เร้อื รังทแี่ สดงความผดิ ปกตขิ องสีดวงตา) เปน็ ตน้ ไขเ้ ปน็ สภาวะทว่ี นิ จิ ฉยั ยาก และรกั ษายาก หากหมอประมาทไข้ นำ� ไปสกู่ ารรกั ษาทผ่ี ดิ พลาด คนไข้ อาจเสียชวี ิตได้ การรักษาไขม้ ีขนั้ ตอนวธิ ีการเริม่ ต้งั แต่ การแก้ไข ้ การกระท้งุ พิษไข ้ การแปรไข ้ ทา้ ยสุดคอื การ ครอบไข้ การรกั ษาไขม้ กั มขี อ้ หา้ มตา่ ง ๆ มากมาย เชน่ หา้ มมใิ หว้ างยารสเผด็ รสรอ้ น รสเปรย้ี ว มใิ หป้ ระคบ ห้ามนวด มิให้ปล่อยปลิง ห้ามเอาโลหิตออก ไม่ให้ถูกน้�ำมัน ห้ามสุรา ห้ามด่ืมน้�ำร้อน อาบน้�ำร้อน หา้ มกนิ สม้ หา้ มกินกะทิ นำ้� มัน เป็นต้น กลุ่มเครื่องยาบรรเทาอาการไข้ บอระเพ็ด กระดอม ชิงช้าชาลี รากชิงช่ี รากเท้ายายม่อม รากคนทา รากมะเดื่อชุมพร รากย่านาง ลูกใต้ใบ รากปลาไหลเผือก รากเหมือดคน จันทน์แดง รากมะกรูด รากมะนาวหวาน รากมะปรางหวาน จันทนแ์ ดง จนั ทนข์ าว โกฐสอ มะล ิ พกิ ลุ สารภ ี เนระพสู ี มหาสด�ำ พญามอื เหลก็ กา้ งปลาทงั้ ๒ ระงับพิษ โกฐจฬุ าลมั พา กอมขม ใบระงบั ราชดดั 246

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทย ต�ำรบั ยาอาการไข ้ ทค่ี ดั เลอื กเปน็ ตำ� รับยาแผนไทยแหง่ ชาติ ๑. ยาแก้ไข้ สูตร ๑ ๒. ยาแก้ไข้ สตู ร ๒ ๓. ยาแกไ้ ข้ตา่ ง ๆ ๔. ยาแกไ้ ขท้ ับระดูและระดทู ับไข้ ๕. ยาแก้ไข้สนั นบิ าต ๖. ยาเขยี วเบญจขันธ์ ๗. ยาเขียวพกิ ลุ ทอง ๘. ยาจนั ทน์สามโลก ๙. ยาตัดก�ำลงั ไข้ ๑๐. ยาถา่ ยไขพ้ ษิ พษิ ไขก้ าฬ ๑๑. ยาทพิ ดารา ๑๒. ยานารายณ์ประสทิ ธ์ิ ๑๓. ยาบ�ำรุงธาตุหลังฟืน้ ไข้ ๑๔. ยาปะโตลาทิคุณ ๑๕. ยาแปรไข้ 247

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทยกลุ่มโรครดิ สดี วง โรคริดสีดวงเป็นกลุ่มโรคหนึ่งท่ีเกืดจากสมุฎฐานวาตะติดขัด หรือเดินไม่สะดวก จึงเกิดลมท่ี เรยี กวา่ ลมรดิ สดี วงบงั เกดิ ข้ึน ซ่งึ สามารถเกดิ ไดใ้ นสว่ นตา่ งๆของรา่ งกาย และมักจะเกิดข้ึนในแนวแกนกลาง ล�ำตัว โดยได้มีการอธิบายลักษณะของหฤศโรคหรือโรคริดสีดวง ไว้ในจารึกต�ำรายาวัดพระเชตุพนวิมล มงั คลาราม โดยแบง่ ออกเป็น ๑๘ จำ� พวก ตามต�ำแหนง่ ทเ่ี กดิ คอื ปาลตญิ าณะโรค(เกดิ ในสมอง) วติ านะโรค (เกิดในนัยน์ตา) ฆานะโรค(เกิดในจมูก) พรณิ ะโรค(เกิดในปากและลน้ิ ) โรหินโี รค(เกิดในล�ำคอ) วิชกิ ามะโรค (เกิดในดวงจิต) อุระปัศโรค(เกดิ ในทรวงอกและสขี า้ งท้ังสอง) อันตะรศิ โรค(เกดิ ในล�ำไส้ใหญ)่ อันตคุณโรค (เกิดในล�ำไส้น้อย) ตาระสกะโรค(เกิดในหัวเหน่า) อัคนีโชตโรค(เกิดในทางเดินปัสสาวะ) วาตะสุตะโรค (เกดิ ในสนั หลงั ) อรุ ะวณั ณโรค(เกดิ ในทรวงอก) สกั เคระโรค(เกดิ ในทวารหนกั ) สวุ ชิ กิ า(เกดิ ทข่ี อบทวารหนกั ) สกะถานะโรค(เกิดท่ีริมทวารหนักขา้ งใน) บานทะโรค(เกดิ ตามขอบทวารหนกั ) สกุ ระโรค(เกิดในทวารหนัก) ซงึ่ ตวั ยาหลกั ทคี่ วรเปน็ ตวั ยาทมี่ ฤี ทธใ์ิ นการระบายของเสยี ทค่ี งั่ ขา้ งและประกอบดว้ ยตวั ยาทมี่ รี สฝาดเลก็ นอ้ ย เพอ่ื สมานแผลบรเิ วาณทเ่ี ปน็ รดิ สดี วงจนทำ� ใหโ้ ลหติ ออกได้ และ ตวั ยารสรอ้ นขบั ลมทคี่ ง่ั คา้ งในเสน้ ใหร้ ะบาย ออกมา ตำ� รับยาอาการรดิ สดี วงทวาร ที่คัดเลอื กเป็นต�ำรบั ยาแผนไทยแห่งชาติ ๑. ยาผสมเพชรสงั ฆาต 248

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทย กลมุ่ โรคกษัย เป็นกลุ่มโรคทีเ่ กดิ จาก ความผิดปกติของตรโี ทษ(ปติ ตะ วาตะ เสมหะ) ท�ำให้เกิดพิษสะสมเรอื้ รัง มาเปน็ เวลานาน สง่ ผลใหเ้ กดิ ความเสอื่ มของรา่ งกาย โดยแสดงออกออกมาตามอวยั วะและอาการตา่ งๆ โดยที่ กษยั บางชนดิ สน้ิ สดุ เมอื่ สนิ้ ชวี ติ อายุ แตใ่ นบางชนดิ จะกลายเปน็ มาน พระคมั ภรี ก์ ระษยั ไดแ้ บง่ ประเภทกระษยั ไว้ ๒ กลมุ่ ใหญ่ๆตามสาเหตขุ องการเกิดโรค คือ กระษัยทเ่ี กดิ แต่กองสมุฎฐาน ๘ จำ� พวก (กษยั กลอ่ นดิน กษยั กลอ่ นนำ้� กษยั กลอ่ นลม กษัยกลอ่ นไฟ กษัยกล่อนเถา กษยั นำ้� กษยั ลม และกษัยเพลงิ ) และกษัยท่เี กิด จากอุปปาตกิ ะโรค ๑๘ จ�ำพวก (กษัยล้น กษยั ราก กษัยเหลก็ กษัยปู กษยั จกุ กษัยปลาหมอ กษัยปลาไหล กษัยปลาดุก กษัยปลวก กษัยล้ินกระบือ กษัยเต่า กษัยดาน กษัยท้น กษัยเสียด กษัยเพลิง กษัยน�้ำ กษัยเชือก กษยั ลม) โดยผู้ที่เป็นโรคกษัยจะมีลักษณะอาการเช่น ร่างกายซูบผอมจากการเจ็วป่วยด้วยโรคเร้ืองรัง โลหิตจาง ผิวเนื้อซีด ไม่มีแรง มือเท้าชา เป็นต้น ซึ่งในการพิจารณาคัดเลือกต�ำรับยาแผนไทยแห่งชาติ ในกลุม่ โรคกษัย ควรจะมตี วั ยาหลักเป็นตัวยาระบายเพื่อระบาย ขับ ถ่าย ของเสียหรือพิษทค่ี ่ังคา้ งให้ออกมา มีตวั ยาประกอบเปน็ ยาปรบั ธาตุ เพ่อื ฟนื ฟูธาตใุ หก้ ลับมาเป็นปกติ และกลมุ่ ยาทแ่ี ก้อาการตามอาการทปี่ รากฎ หรือแสดงออกมา ต�ำรับยาโรคกษัย ทค่ี ดั เลือกเป็นต�ำรับยาแผนไทยแห่งชาติ ๑. ยาแก้กษยั กล่อน สตู ร ๑ ๒. ยาแก้กษยั กล่อน สตู ร ๒ ๓. ยาแก้กษัยดาน ๔. ยาแก้กษยั เพือ่ เตโชธาตุ ๕. ยาดาวดงึ ษา ๖. ยาตม้ แกก้ ษยั เส้น ๗. ยาถา่ ยลมถา่ ยเสมหะในโรคกษยั สตู ร ๑ ๘. ยาถา่ ยลมถา่ ยเสมหะในโรคกษัย สูตร ๒ ๙. ยาถ่ายลมถา่ ยเสมหะในโรคกษยั สตู ร ๓ ๑๐. ยาธรณีสัณฑะฆาต ๑๑. ยาน�้ำมันสนนั่ ไตรภพ ๑๒. ยาอายุวัฒนะ 249

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทยกลุ่มโรคผวิ หนัง โรคหรืออาการท่ีแสดงลักษณะข้ึนในผิวเนื้อหรือบนผิวหนัง ซึ่งพระคัมภีร์วิถีกุฏิโรคได้ระบุไว้ว่า เป็นกลุ่มของโรคท่ีเกดิ จากกมิ ชิ าติ โดยถ้าเกดิ ในกระดูก สมมติวา่ เป็นกฏุ ฐงั จะเปน็ อติสัยโรค ซงึ่ เปน็ โรคท่ี รกั ษาไม่หาย ถ้าเกิดในชนิ้ เนอื้ สมมติวา่ เป็นโรคเร้อื น เป็นอสาทยะโรค ซึง่ เป็นโรคทร่ี ักษายาก ซ่งึ สาเหตุท่ี ทำ� ให้เกิดโรคอนั มาจากพษิ ของตรีโทษ นัน้ มีอยดู่ ว้ ยกนั ๗ ประการ คือ บงั เกดิ แต่กองปถวธี าตุ อาโปธาตุ วาโยธาตุ เตโชธาตุ บังเกิดแต่ชาติสัมพันธ์ตระกูล บังเกิดด้วยสามัคคีรส และบังเกิดด้วยเป็นอุปปาติกะ โรคเร้อื นท่ีบงั เกดิ ขึ้นน้นั แบง่ ตามลกั ษณะอาการดงั น้ี ๑. เร้อื นกวาง เกดิ ตามข้อมือข้อเท้า และกำ� ด้นตน้ คอ ทำ� ใหเ้ ป็นน�ำ้ เหลืองไหลลามออกไป ๒. เร้ือนมลู นก ผุดเป็นแวน่ วงตามผวิ หนงั สีขาวนุงๆ ขอบนูนบ้างเลก็ บ้าง คลา้ ยกลาก นานเขา้ จะลามทงั้ ตัว ๓. เรือ้ นวมิ าลา เกิดท่ีหแู ละกำ� ดน้ ต้อคอ ใหค้ ันและเปอื่ ยพุงพอง คล้ายมะเรง็ ไร ยิ่งเกาย่งิ คัน ๔. เรื้อนหูด ผุดเป็นตุ่มเท่าเมล็ดพริกไทย ผลถั่วด�ำ ตะขบไทย มะนาว มะกรูด เต็มทั่วตัว เป็นพยาธกิ ามโรค รักษาไมห่ าย ๕. เร้อื นเกล็ดปลา เกิดทห่ี น้าก่อน แล้วลามจากตน้ คอลงมาถึงทรวงอก และลามทัว่ ตวั ๖. เร้อื นบอน ผุดเป็นรูปรุ มองไมช่ ัด เห็นเพยี งขาวๆแดงๆในเนอ้ื รำ� ไร ๗. เรื้อนหิด ลามขนึ้ ทงั้ ตวั ดจุ คนเป็นกลาก ๘. เรือ้ นดอกหมาก ผุดเป็นขาวๆคล้ายดอกหมาก เมอื่ เหงืออกจะท�ำให้คัน เกาจนนำ�้ เหลอื งซมึ จงึ จะหายคนั ๙. เรอ้ื นมะไฟ ขนึ้ เปน็ เกลด็ แดง ขอบขาว ใหญเ่ ท่าผลมะไฟ ทำ� ใหร้ ้อนดจุ ไฟ ใหพ้ องขึ้นมา และยงั มลี ักษณะของโรคผวิ หนังท่แี สดงออกมาจากสาเหตจุ ากโรคอน่ื ๆ ซ่ึงในการพจิ ารณาคดั เลอื กต�ำรบั ยาแผนไทยแห่งชาติ ในกลุ่มโรคผวิ หนงั มีทงั้ การใช้รปู แบบยาใช้ ภายนอก ควรใชย้ าทมี่ ลี กั ษณะเปน็ ยานำ�้ มนั มสี ว่ นประกอบหลกั ของสมนุ ไพรรสเมาเบอื่ ทม่ี สี รรพคณุ แกพ้ ยาธิ ผื่นคัน ฆ่าเชื้อภายนอก สมุนไพรรสฝาดมีสรรพคุณสมานแผล รวมถึงตัวยาที่เป็นธาตุวัตถุท่ีมีสรรพคุณ แกโ้ รคทางผวิ หนงั และรปู แบบยาใชภ้ ายใน ควรมยี าหลกั เปน็ ยาทม่ี สี รรพคณุ แกโ้ ลหติ น�้ำเหลอื งเสยี เพอื่ ชำ� ระ โลหติ น�้ำเหลอื งในรา่ งกายให้บรบิ รู ณ์ ร่วมกบั การใชย้ าภายนอก ต�ำรับยาโรคผิวหนัง ทีค่ ัดเลือกเป็นตำ� รับยาแผนไทยแห่งชาติ ๑. ยาแก้กลากพรรนยั ๒. ยาแกก้ ลากเหล็ก ๓. ยาแกพ้ ยาธโิ รคเรอื้ น ๔. ยาทาแกเ้ ร้ือนกวาง ๕. ยาทาแกเ้ ร้อื นข้นี ก ๖. ยาทาแกเ้ รอ้ื นวลิ า ๗. ยาทาแก้โรคผวิ หนงั ๘. ยาทาพระเสน้ ๙. ยาน้�ำมนั ช�ำระแผล ๑๐. ยาน้�ำมนั มหาจักร 2 50 ๑๒. ยาน้�ำมันสมานแผล

251 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

252 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทย คณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภมู ิปัญญาการแพทย์แผนไทย (ดำ� รงตำ� แหนง่ ตามวาระระหว่างวนั ท่ี ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ - ๒๘ ธนั วาคม ๒๕๖๓) ประธานกรรมการ ปลดั กระทรวงสาธารณสุข อธบิ ดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก อธบิ ดีกรมวทิ ยาศาสตร์การแพทย์ อธบิ ดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปญั ญา เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เลขาธิการสำ�นกั งานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม อธิบดีกรมวิชาการเกษตร อธบิ ดีกรมป่าไม้ อธิบดกี รมปศสุ ัตว์ ผู้อำ�นวยการสำ�นกั สถานพยาบาลและการประกอบโรคศลิ ปะ นายภูมิพฒั น์ เวชพฤกษษ์ กรรมการผทู้ รงคณุ วุฒิ กลุ่มผู้ประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนไทย นางลัดดาวัลย์ ครปู ัญญามาตย์ กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิ กลุ่มผู้ประกอบโรคศลิ ปะ สาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ นายแตง่ กุสาวดี กรรมการผทู้ รงคุณวุฒิ กลุ่มหมอพ้ืนบา้ นภาคเหนือ นายบรบิ รู ณ์ ธชั แก้วกรพนิ ธุ์ กรรมการผู้ทรงคณุ วฒุ ิ กลมุ่ หมอพนื้ บ้านภาคกลาง นายนิคม เบ้าทอง กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิ กลมุ่ หมอพน้ื บา้ นภาคตะวันออกเฉียงเหนอื นายณรงค์ สามพิมพ์ กรรมการผทู้ รงคณุ วุฒิ กลุ่มหมอพืน้ บ้านภาคใต้ นายกร พงษเ์ ถอ่ื น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กลุ่มองคก์ ารเอกชนพัฒนาด้านการแพทยแ์ ผนไทย นายพเิ ชษฐ เวชวฐิ าน กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ กลมุ่ นักวชิ าการ นายประจวบ จนั ทร์เพญ็ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กลมุ่ ผู้ผลิตหรอื จำ�หนา่ ยยาแผนไทย นายณฐั โฆษวิ ากาญจน์ กรรมการผ้ทู รงคณุ วุฒิ กล่มุ ผปู้ ลกู หรือแปรรปู สมนุ ไพร 253

254 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

255 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

256 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

257 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

258 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

259 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

260 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

261 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

262 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

263 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

264 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

265 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

266 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

267 กองค้มุ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยและแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย

กลากพรรนัย กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทยดชั นโี รคและอาการ กลากเหลก็ กษัยเส้น ๕ ๙๗ ๒๓๑ ๒๕๑ กษยั เหลก็ 5 7 231 251 ไข้จับสั่น ไข้เช่ือมซึม 3 83 84 85 109 231 243 250 ไข้ประดง 120 231 250 ไข้ป่า ไข้พิษไข้กาฬ 111 112 143 144 231 ไข้เพอ่ื เสมหะ 17 231 ไข้รากสาด ไขส้ นั นิบาต 105 231 233 ไข้เหอื ด 165 231 เช่อื มมวั ซางขมุ 89 105 111 112 232 247 ทอ้ งมาน 22 232 246 ประดง ปตั คาด 105 111 112 232 พรรดึก 24 25 105 111 112 113 114 232 235 247 248 มองครอ่ รดิ สดี วง 105 232 เรื้อนกวาง 22 67 77 231 232 247 ลมกระษัยกลอ่ น ลมกล่อน 27 232 241 ลมกองหยาบ 179 232 ลมชกั ลมทนุ ะยกั ษวาโย 105 231 233 ลมปะกัง 41 47 62 63 65 140 148 163 164 233 235 243 244 ลมพาหรุ วาโย ลมพุทธยกั ษ ์ 33 136 137 141 148 233 ลมมหาสดมภ ์ 74 179 233 ลมราทยักษ ์ ลมสรรพวาระจกั รโมละ 147 179 233 249 ลมสนั ดาน 95 99 233 ลมสติ มคั วาโย ลมออกหู 141 179 233 ลมอมั พฤกษ ์ 36 38 137 163 164 234 243 ลมอมั พาต สมุฏฐานวาตะ 166 234 สันนิบาต 33 151 152 234 268 39 234 243 171 234 43 44 234 243 234 242 45 46 234 242 243 158 234 242 47 235 243 49 51 235 243 244 123 124 235 54 235 55 57 59 60 136 137 235 244 39 45 46 103 157 158 234 235 243 22 87 235 24 25 150 173 235 247 248

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทยกรวยป่า ดชั นีสมนุ ไพร กระจับ กระชาย 97, 99, 101 กระดอม 156 กระดังงา กระดาดขาว 3, 43, 47, 62, 79, 84, 103, 119, 147, 163 กระดาดแดง 16, 18, 24, 59, 125, 138, 143 กระเทียม 173 กระเทียมทอก 11, 35, 108 กระเบา 11, 35, 108 กระเบียน กระพงั โหม 11, 14, 24, 36, 38, 41, 43, 51, 55, 57, 59, 62, 69, กระล�ำพกั (สลดั ได) 71, 79, 103, 123, 132, 155, 161, 163 กระล�ำพกั (ตาตมุ่ ) 5 กระวาน 101 กรุงเขมา 101 กฤษณา 24 กลอย 107 กะทือ 157 กะเพรา กะเพราแดง 3, 11, 28, 33, 36, 49, 59, 69, 79, 108, 119, 123, กะเมง็ 134, 136, 157, 163, 173, 175 กญั ชา 54, 79, 175, 179 กา้ งปลาขาว 107, 157 กา้ งปลาแดง 11, 108, 136, 140 กานพลู 3, 43, 62, 79, 150,163 การบรู 28, 119, 123, 151 74 กำ� แพงเจด็ ชน้ั 147 กำ� มะถันเหลือง 9, 119, 140 กำ� ยาน 18 ก�ำลงั วัวเถลิง 18 กมุ่ น้ำ� กมุ่ บก 3, 11, 33, 49, 60, 69, 72, 73, 74, 79, 82, 90, เก๊กฮวย 92, 108, 115, 119, 123, 134, 141, 157, 171, 175 เกล็ดสะระแหน่ เกลือ 3, 11, 36, 39, 41, 43, 47, 49, 55, 57, 59, 82, 90, เกลอื กะตัง 108, 117, 119, 128, 140, 148, 157, 161, 165, 168, เกลอื ฝ่อ 173 31 7 24,121, 171 3 55, 57, 97, 151, 163 55, 57, 97, 151, 163 72 73, 74 53, 57, 119 157 126 269

เกลือพิก 126 เกลอื เม็ด 128 เกลอื วกิ 126 เกลอื สมทุ รี 126, 130 เกลอื สินเธาว์ 36, 45, 46, 55, 59, 74, 79, 126, 136, 155, 157 แกแล 18 โกฐกระดกู 107, 108, 140, 173 โกฐกกั กรา 82, 90, 166 โกฐกา้ นพรา้ ว 166 กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทยโกฐเขมา82, 88, 90, 92, 108, 126, 136, 166, 175 โกฐจฬุ าลัมพา 9, 24, 74, 92, 126, 140, 175 โกฐเชยี ง 24, 88, 92, 107, 126, 173, 175 โกฐน้�ำเต้า 3, 13, 108, 140, 147 โกฐพงุ ปลา 9, 60, 166 โกฐสอ 9, 24, 49, 60, 65, 79, 82, 88, 90, 92, 111, 113, 126, 140,157, 175 โกฐหัวบัว 20, 24, 88, 92, 107, 111, 126, 136, 140, 173, 175 ขนนุ 18 ขม้ินชัน 128 ขม้ินอ้อย 16, 30, 43, 55, 57, 59, 62, 74, 89, 94, 101, 125, 163, 168, 169 ขอนดอก 88, 107 ขอบชะนางขาว 97, 99, 101, 115, 121 ขอบชะนางแดง 97, 99, 101, 115, 121 ขอ่ ย 178 ขัดมอญ 24 ขันทศกร 94 ข่า 24, 38, 41, 43, 46, 47, 55, 57, 62, 79, 89, 103, 123, 150, 151, 163 ข่าตาแดง 168 ข้าวเยน็ ใต้ 7, 21 ขา้ วเยน็ เหนอื 7, 21, 28, 31 ข้าวสาร 156 ขา่ หลวง 97, 151 ขิง 3, 13, 24, 38, 41, 53, 62, 64, 74, 79, 92, 110, 113, 125, 141, 148, 150, 153, 160, 161, 163, 171, 179 ขงิ แหง้ 11, 36, 43, 49, 51, 65, 66, 71, 94, 108, 123, 126, 132, 134, 136, 138, 153, 155, 157, 173 ขก้ี าแดง 24 ขเ้ี หล็ก 7, 16, 24, 92, 103, 121, 126, 163 ขี้อ้ายนา 121 เขา้ ค่า 79 ไข่แลน 31 คนทา 16, 18, 105, 111, 143 คนทสี อ 41, 62, 79 ครอบตลบั 18 270

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทยคล้า 18 คดั เคา้ 119 ค�ำไทย 175 คนู 89 ไคร้เครอื 105 ไครห้ างนาค 24 จวง 22 จนั ทร์ขาว 16, 18, 20, 24, 77, 88, 105, 111, 138, 143, 175 จันทน์ชะมด 105, 111 จันทน์แดง 16, 18, 20, 24, 27, 77, 88, 105, 111, 143, 175 จนั ทนเ์ ทศ 77, 78, 111 จนั ทนา 77, 105, 111 จงิ จอ้ 82, 90, 166 จงิ จ้อแดง 136 จงิ จ้อเหล่ียม 33 จิงจอ้ ใหญ่ 157 จุกโรหินี 22 จุณข้เี หล็ก จนุ สี 5 เจตพงั คี 115 เจตมูลเพลงิ 13, 175 เจตมลู เพลงิ แดง 59, 126, 140 เจตมูลเพลิงขาว 3, 5, 9, 11, 41, 49, 55, 57, 59, 64, 82, 90, 94, 108, 110, แจง 113, 123, 125, 136, 153, 155, 157, 165, 179 ชองระอา 123 ชะพลู 84 ชา้ พลู 105, 111 ชะมดเช็ด 3, 49, 51, 60, 61, 65, 74, 78, 79, 110, 113, 125, 126, 136, ชะลดู 153, 155, 179 ชะเอมเทศ 3, 49, 51, 60, 61, 65, 74, 78, 79, 110, 113, 125, 126, 136, ชะเอมไทย 153, 155, 179 ช้าหมอง 173 ชิงช้าชาลี 88, 107, 175 ชงิ ชี่ 3, 9, 53, 67, 69, 72, 73, 74, 107, 108, 140, 156, 175 ชมุ เหด็ 21, 66, 71, 73, 74, 175 ชมุ เห็ดเทศ 31 เชือกเขาหนงั 76, 123 ดอกจันทน์ 16, 18, 105, 111, 143, 151 ดองดึง ดนิ ประสิว 24 ดนิ ประสวิ ขาว 7, 28 ดินหมารา่ 31 3, 11, 24, 26, 39, 55, 57, 69, 90, 108, 115, 119, 123, 134, 141, 151, 165, 173, 175 9, 14, 49, 79, 94, 108, 140, 153, 157 15, 89, 132, 169 15, 132, 169 169 271

ดงี ตู ้น 28 ดปี ลี 3, 9, 13, 18, 22, 28, 33, 36, 38, 41, 43, 47, 49, 53, 54, 59, 66, 67, 69, 74, 78, 79, 82, 90, 92, 94, 110, 117, 125, 126, 132, 134, 136, 141, 148, 153, 155, 157, 160, 161, 163, 165, 173, 175, 179 ดีหมีต้น 101 ดูกใส 146 ดกู หิน 146 โด่ไมร่ ลู้ ม้ 145 กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทยตองแตก33, 59, 82, 103 ตะโกนา 84, 178 ตะเคยี น 121 ตะไคร้ 128 ตะไครห้ อม 61, 103 ตานหมอ่ น 101 ตาล 18 ตาลโตนด 53 ตำ� ลึง 76 ตำ� ลงึ ตวั ผู้ 170 เตยหอม 76 เต่าเกยี ด 35, 163 ถ่วั พู 156 เถาคันแดง 115 เถาวลั ย์แดง 121 เถาวัลยเ์ ปรียง 3, 16, 146 เถาวัลย์เหล็ก 7 ทนดี 90, 92, 94, 113, 165 ทองเครอื 123 ทองพนั ชง่ั 5, 20, 76, 145 ทองหลางนำ้� 170 ทองหลางใบมน 55, 57, 121, 123, 163 ทิ้งถ่อน 178 เทียนขาว 14, 24, 33, 43, 79, 82, 88, 90, 92, 107, 108, 117, 119, 121, 123, 126, 141, 151, 153, 166, 175 เทียนข้าวเปลอื ก 14, 24, 33, 80, 88, 92, 117, 126, 151, 153, 175 เทยี นดำ� 11, 13, 24, 33, 43, 80, 82, 88, 90, 92, 108, 113, 117, 119, 121, 123, 126, 130, 141, 151, 153, 157, 166, 175 เทียนแดง 14, 25, 33, 80, 82, 88, 90, 92, 117, 121, 126, 151, 153, 165, 175 เทียนตาตกั๊ แตน 14, 25, 33, 80, 82, 88, 90, 92, 117, 126, 151, 153, 165, 175 เทยี นเยาวพาณี 65, 121 เทยี นสัตตบษุ ย์ 166 น้�ำตาลกรวด 72, 156 น้�ำตาลทราย 26 น้�ำตาลทรายแดง 74 272

กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทยนำ้� เตา้ 77, 121 น้�ำประสานทอง 80, 175 น้ำ� ผ้ึง น้ำ� มันงา 74 เนระพสู ี 95, 99, 115, 117, 119, 121, 123 บว๊ ย บอระเพ็ด 26 บวั เกราะ 72, 73 บวั ขม 16, 22, 25, 28, 54, 60, 76, 123, 125, 138, 143, 174, 175, บวั เผื่อน 178, 179 บัวหลวง บุก 156 บุกรอ 156 บนุ นาค 156 เบญกานี 3, 16, 77, 88, 125, 143, 156 เบี้ยจั่น 11, 108 ใบกระวาน 136, 140 ใบเงิน 4, 77, 113, 143, 156, 175 ใบทอง 27, 168 ประค�ำไก่/มะคำ� ไก่ 38 ปลาไหลเผอื ก 49, 156 ปบี 20 ปูนขาว 20 เปราะหอม เปลา้ น้อย 62 เปลา้ ใหญ่ 105, 111 ผักกระโฉม ผักคราด 159 ผกั เป็ดแดง 163 ผักแพวแดง 22, 76, 80, 107, 161, 176 ผักเส้ียนไทย 51, 80, 113, 153 ผักเสี้ยนผี 80, 113 ไผ่ปา่ 20, 75, 76 ไผ่สีสุก 35, 45, 46 ฝาง/ฝางเสน 148 ฝ้ายแดง 9, 11, 54, 65, 108, 134 แฝกหอม 35, 62 พญามอื เหลก็ 28, 35, 55, 57, 62, 119, 123, 171 พรมมิ 31, 89, 121 พริกเทศ 35, 62 พรกิ ไทย 18, 105, 111 75 พริกไทยด�ำ 138 พรกิ ไทยลอ่ น 7 45, 46, 66, 75 163 3, 9, 11, 13, 25, 38, 39, 43, 47, 49, 51, 57, 59, 62, 66, 69, 78, 79, 82, 90, 92, 94, 103, 113, 119, 132, 155, 159, 161, 163, 172, 174, 176, 178, 179 41, 134 3, 36, 55, 64, 74, 108, 140, 148, 157, 165 273

พรกิ ลอ่ นกอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทย 153 พรกิ หอม 113 พรกิ หาง 107 พลับพลึง 130 พลแู ก 30, 97 พิกลุ 4, 76, 77, 88, 125, 143 พมิ เสน 72, 168, 173 พมิ เสนตน้ / 20, 47, 75, 76, 77 ใบพมิ เสน 43, 54, 78, 179 พิลงั กาสา 121 พุงดอ 169, 170 พุทรา 147 เพชรสงั ฆาต 3, 145 โพคาน ไพล ๓ ฟกั ขา้ ว 3, 15, 41, 43, 47, 55, 57, 62, 80, 128, 130, 146, มดยอบ มวกแดง 153, 163 มหาหิงค์ุ 76, 170 /หงิ ค์ยุ างโพ มะกรดู 123 มะกลำ�่ เครือ 88 มะกลำ่� ตน้ 9, 13, 14, 30, 35, 36, 39, 41, 59, 62, 65, 80, 82, มะกา 103, 108, 113, 136, 140, 148, 151, 157, 163, 166 มะเกลอื 15, 35, 41, 43, 47, 57, 62, 80, 111, 117, 128, 151, มะขาม 161, 163, 172 มะขามปอ้ ม 27, 53, 69 มะเขือข่นื 53, 67, 69 มะคำ� ไก/่ ประคำ� ไก่ 89 มะคำ� ดคี วาย 101 มะง่ัว 5, 15, 26, 53, 89, 103, 128, 130 มะเด่ืออทุ ุมพร 14, 16, 67, 72, 73, 74, 80, 86, 92, 94, 108, 138, มะตูม 140, 153 มะนาว 67, 69 มะปรางหวาน 84, 103 มะพรา้ วไฟ 138, 170 มะเฟือง 57 มะยม 16, 18, 105, 111, 121, 143 มะระ 22, 33, 47, 54, 113, 125, 138, 145, 161, 179 มะรมุ 47, 53, 57, 72, 73, 80, 111, 132 มะลิ 111 มะแวง้ เครือ 31, 101 มะแว้งต้น 30, 76, 89, 121 76, 89 274 77, 121 47, 151, 157, 163 4, 143 18, 67, 69, 72, 73 18, 22, 67

มะหาด 25 ม้ากระทืบโรง 3 เมล็ดพรรณผกั กาด 35, 150, 172 แมงลกั 46, 66, 119, 123 แมงลักคา 45 โมกหลวง 179 ไมเ้ ทา้ ยายมอ่ ม 16, 18, 77, 105, 111, 143 ยง้ั 7, 31 ยาด�ำ 9, 39, 59, 62, 80, 82, 89, 90, 103, 108, 140, 157, กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทย163 ยา่ นาง 16, 18, 25, 76, 77, 88, 105, 111, 121, 143 ยาสบู 101 ยี่สนุ่ 156 รงทอง 108, 140 ระงบั , ระงับพษิ 143 ระยอ่ ม 105 รักขาว 99 รางแดง 84 ราชพฤกษ์ 138 เรว่ 108 โรกขาว 31, 151 โรกแดง 31, 151 ลกู จันทน์ 3, 11, 25, 26, 33, 39, 55, 57, 69, 90, 108, 115, 119, 123, 134 136, 141, 151, 165, 174, 176 ลกู ชีลอ้ ม 78, 113, 138 ลูกผักชี 136, 150, 172 เล็บครฑุ 76 เลี่ยน 101, 103 สม้ กุ้งใหญ่ 92, 132 ส้มกุ้งน้อย 69, 92, 132 ส้มจีน 72 ส้มซ่า 35, 36, 47, 59, 82, 90, 91, 92, 93, 134, 148, 157, 158, 160, 172 ส้มป่อย 69, 89, 128, 132 สมอดีง ู 126 สมอทะเล 126 สมอเทศ 126, 148, 157, 176, 179 สมอไทย 13, 14, 16, 25, 33, 67, 74, 80, 82, 84, 86, 90, 92, 94, 108, 126, 136, 140, 148, 153, 165, 172, 174, 176 สมอพิเภก 14 16 25 67 72 80 86 92 94 126 138 148 153 176 สม ี 169 สมุลแวง้ 11, 80, 140, 153, 173, 176 สลอด 54, 79, 179 สะแกแสง 101 สะคา้ น 3, 9, 49, 61, 64, 78, 80, 110, 113, 125, 126, 138, 140, 153, 155, 161, 179 275

สะเดา 18, 22 41 43 59 78 80 143 174 สะเดาดนิ 22 สกั 25 สกั ขี 176 สันพรา้ มอญ 75, 168 สารภี 4, 77, 143 สารสม้ 45, 46, 74, 80, 115, 132, 153 สีเสียดเทศ 27, 121 กอง ้คุมครองและส่งเส ิรมภู ิม ัปญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ ้พืน ้บานไทยเสนยี ด 138 แสมทะเล 9, 18, 38, 92 แสมสาร 3, 18, 28, 38 หญา้ คา 25, 143 หญ้าใต้ใบ 21 หญ้าไทร 119, 123 หญ้าปากควาย 16, 89, 143 หญ้าฝรน่ั 105, 156, 173 หญ้าแพรก 16, 89, 143 หญา้ หนวดแมว 31, 123 หนอนตายหยาก 7 หนาด 41, 157, 161, 172 หมากผู้ 20 หมากเมีย 20 หวายขม 143 หวายลงิ 143 หอม 15, 30, 35, 51, 62, 69, 71, 103 หอมแดง 43, 47, 119 หอยขม 134, 159 หอยแครง 38, 134, 163 หัสคุณเทศ 61, 80, 82, 90, 157, 165 หสั คณุ ไทย 153 เหด็ มูลโค 95 เห็ดรา่ งแห 95 เหมอื ดคน 105, 111, 143 แห้วหมู 18, 25, 43, 54, 60, 64, 77, 78, 84, 88, 125, 138, 178, 179 โหระพา 110, 157 โหราทา้ วสนุ ขั 141 อบเชย 72, 88, 130, 176 อบเชยไทย 49 อบเชยญวน 73 อบเชยเทศ 3, 107, 171 อังกาบ 20 อตุ พดิ 136, 141 เออ้ื งเพด็ มา้ 97 276