Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติศาสตร์ชาติไทย

ประวัติศาสตร์ชาติไทย

Description: ประวัติศาสตร์ชาติไทย

Search

Read the Text Version

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย อนึ่ง พระองค์ยังให้มีการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของ ประเทศใหท้ นั สมยั โดยทรงสถาปนากระทรวงยตุ ธิ รรมขนึ้ ใน พ.ศ. ๒๔๓๔ เพอ่ื ดำ� เนนิ การปรบั ปรงุ แกไ้ ขระเบยี บการศาลใหเ้ ปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั ทวั่ ประเทศ ต่อมา โปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ัดตั้งศาลโปริสภา (คือ ศาลแขวง ในปจั จุบัน) เพื่อตดั สนิ ความท่ีมีโทษสถานเบา ท�ำให้การด�ำเนินคดีรวดเร็วข้ึน และได้มีการจัดตั้ง ศาลหวั เมอื งขนึ้ ทม่ี ณฑลกรงุ เกา่ เปน็ แหง่ แรกใน พ.ศ. ๒๔๓๙ นอกจากน้ี ยงั โปรด เกลา้ ฯ ใหม้ กี ารชำ� ระพระราชกำ� หนดกฎหมาย และตราประมวลกฎหมายขน้ึ ใหม่ เพ่อื ใหเ้ ป็นทีย่ อมรับตามหลกั สากลและเหมาะสมกบั สภาวะบ้านเมอื งด้วย รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นช่วงเวลาท่ีไทย ต้องเผชิญกับการคุกคามจากประเทศมหาอ�ำนาจตะวันตก โดยเสียดินแดน ให้แก่ฝรั่งเศสถึง ๔ ครั้ง และให้แก่อังกฤษ ๒ คร้ัง เหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุด คือ วิกฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖) ซง่ึ ฝรงั่ เศสสง่ เรอื รบมาปิดอา่ วไทย บังคับให้ไทยยอมปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของฝรั่งเศส จนเกิดการยิงปะทะกัน ท�ำให้ทหารไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจ�ำนวนมาก ในท่ีสุดไทยจ�ำต้องยอมยก ดินแดนฝั่งซา้ ยของแมน่ ้ำ� โขง พร้อมเงนิ ชดเชยคา่ เสยี หายจ�ำนวน ๓ ล้านฟรังก์ ให้แก่ฝรั่งเศส เหตุการณ์ครั้งนี้น�ำไปสู่การสูญเสียดินแดนประเทศราชของไทย ในกัมพูชาและลาวในเวลาต่อมา แมว้ า่ ต้องสญู เสยี ดินแดนประเทศราชไปเกอื บ ท้งั หมด แตไ่ ทยกเ็ ปน็ เพยี งชาตเิ ดียวในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ทีส่ ามารถรกั ษา ความเปน็ เอกราชไวไ้ ด้ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตเม่ือวนั ที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ พระชนมพรรษา ๕๘ พรรษา และในโอกาสครบรอบ ๑๕๐ ปีแห่งวันพระบรมราชสมภพ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๖ องค์การ การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศ ยกย่องพระเกียรติคุณให้เป็นบุคคลส�ำคัญของโลก สาขาการศึกษา วัฒนธรรม สังคมศาสตร์ มานษุ ยวิทยา การพัฒนาสังคม และการสื่อสาร 151

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย รัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หัว (พ.ศ. ๒๔๕๓ - ๒๔๖๘) พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยูห่ ัว ในพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก พ.ศ. ๒๔๕๓ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระนามเดิมว่า สมเด็จ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว และสมเด็จพระศรพี ัชรนิ ทรา บรมราชินีนาถ เสดจ็ พระบรมราชสมภพเมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๓ เป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์แรกท่ีได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ พระองค์มีพระราชปณิธานท่ี จะปรับปรุงขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมของประเทศให้สอดคล้องกับสังคมโลก 152

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย โดยทรงเช่ือว่าการพัฒนาปรับปรุงเหล่าน้ีจะเป็นเคร่ืองแสดงถึงความเจริญ กา้ วหน้าของประเทศไดอ้ กี ทางหนึ่ง เช่น การให้คนไทยมีนามสกุล การใช้ค�ำนำ� หน้าเด็ก สตรี และบุรุษ การให้ผู้ชายมีภรรยาคนเดียว การจัดการศึกษาภาค บงั คบั ๔ ปี แกเ่ ยาวชน และการจดั ตงั้ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั เปน็ มหาวทิ ยาลยั แห่งแรกในประเทศไทย ตลอดจนการก�ำหนดเวลาให้สอดคล้องกับสากลและ การใชป้ ีพทุ ธศกั ราช พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อย่หู วั และพระนางเจ้าสวุ ทั นา พระวรราชเทวี 153

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย เมอื่ เกดิ สงครามโลกคร้งั ท่ี ๑ พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยหู่ วั ทรงเขา้ ร่วมกบั ฝา่ ยสัมพันธมิตร และประกาศสงครามกบั ฝ่ายมหาอ�ำนาจกลาง ใน พ.ศ. ๒๔๖๐ ถือเป็นการแสดงเกยี รติภูมิและความสามารถของสยามใหเ้ ป็น ทป่ี ระจกั ษแ์ กน่ านาประเทศ เมอื่ ฝา่ ยสมั พนั ธมติ รมชี ยั ชนะในสงคราม พระบาท สมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสง่ ผแู้ ทนไปเจรจากบั ประเทศตา่ งๆ เพอื่ ขอ แก้ไขสนธิสัญญาท่ีไม่เสมอภาคซ่ึงไทยต้องยอมท�ำกับตะวันตกในสมัยรัชกาล ที่ ๔ และรัชกาลท่ี ๕ ทหารไทยสวนสนามทปี่ ระเทศฝรั่งเศสภายหลังชนะในสงครามโลกคร้งั ที่ ๑ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงใหค้ วามสำ� คญั กบั การสรา้ ง ความคิดชาตินิยมในหมู่ประชาชน โดยมีสาระส�ำคัญคือ ความรักชาติ ความ จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และการยึดม่ันในค�ำสอนของศาสนา พระองค์ ทรงปลกู ฝงั อดุ มการณ์ตา่ ง ๆ เหล่าน้ี ผ่านบทพระราชนพิ นธ์ พระบรมราโชวาท และพระราชด�ำรัส ร่วมกับการใช้สัญลักษณ์ เช่น การประดิษฐ์ธงชาติขึ้นใหม่ พระราชทานช่อื ว่า “ธงไตรรงค”์ เปน็ ธงสามสี ประกอบดว้ ยสแี ดง สีขาว และ สีนำ้� เงนิ ซ่ึงแต่ละสเี ป็นสญั ลักษณแ์ ทน ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั ริย์ 154

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย อนง่ึ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงกอ่ ตงั้ “กองเสอื ปา่ ” ขึน้ ใน พ.ศ. ๒๔๕๔ ซึ่งนอกจากจะมเี ป้าหมายหลกั คอื การสร้างความสามัคคี ความจงรักภักดี และการรู้จักเสียสละเพื่อชาติและพระมหากษัตริย์แล้ว ยัง เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพได้มีโอกาสเรียนรู้วิชาการทหาร ซงึ่ จะเปน็ กำ� ลงั สนบั สนนุ บา้ นเมอื งในยามสงครามและเปน็ การฝกึ อบรมระเบยี บ วินยั ความสามัคคีในหมพู่ ลเรือนดว้ ย เครื่องแบบเสือป่าสมัยแรก ในรชั สมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดเ้ กดิ เหตกุ ารณ์ ทางการเมืองท่ีส�ำคัญคือ เหตุการณ์ ร.ศ. ๑๓๐ ซึ่งเป็นความเคล่ือนไหวของ คณะนายทหารและพลเรือนกลุ่มหน่ึงท่ีรวมตัวกันก่อต้ังเป็นสมาคมช่ือ อนาร์คิสต์ (Anarchist) สมาชิกส่วนใหญ่เป็นทหารบกรุ่นหนุ่ม มีนายร้อยเอก ขุนทวยหาญพิทักษ์ (เหล็ง ศรีจันทร์) เป็นหัวหน้าผู้ก่อการ เป้าหมายหลักคือ ต้องการเปล่ียนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็น ระบอบประชาธปิ ไตย 155

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย การเคลื่อนไหวนเี้ กดิ จากสาเหตหุ ลายประการดว้ ยกนั คือ ความไม่พอใจ เกยี่ วกบั การปรบั ปรงุ การปกครองของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เช่น การให้ความส�ำคัญกบั กองมหาดเล็กและกจิ การเสอื ปา่ จนดเู หมอื นกองทพั ถูกลดความส�ำคัญลง รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจตกต�่ำขณะน้ัน ท�ำให้กลุ่มทหาร เหล่าน้ีเกิดความไม่ศรัทธาในระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และตอ้ งการเปลย่ี นแปลงการปกครองใหเ้ ปน็ ระบอบประชาธปิ ไตย แตพ่ ระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบเรื่องก่อน ท�ำให้กลุ่มผู้คิดก่อการถูก จับกมุ และทหารระดับหวั หนา้ หลายคนถกู พิพากษาประหารชวี ติ แตไ่ ด้รบั การ ลดโทษจากประหารชีวิตเป็นการถอดยศและจ�ำคุกตลอดชีวิต ซ่ึงต่อมาได้รับ พระราชทานอภยั โทษและคนื ยศใหด้ ังเดิม ภายหลงั เหตกุ ารณ์ ร.ศ. ๑๓๐ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงด�ำเนินพระบรมราโชบายด้านการเมืองการปกครองหลายประการเพื่อ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นน้ีข้ึนอีก เช่น ทรงแสดงพระราชวินิจฉัยว่าการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยยังไม่เหมาะสมท่ีจะน�ำมาใช้ในประเทศไทย พระองค์ทรงจดั ตั้งเมอื งจ�ำลองชื่อ “ดสุ ิตธาน”ี ขึ้นในบรเิ วณพระราชวังพญาไท ภายในเมืองจ�ำลองมีการแบ่งเขตการปกครอง การจัดต้ังพรรคการเมือง และการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร รวมทั้งมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญและให้ สทิ ธิเสรีภาพแก่หนงั สือพมิ พ์ในการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองได้อยา่ งเตม็ ท่ี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตเม่ือวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๘ พระชนมพรรษา ๔๖ พรรษา ทรงดำ� รงสริ ิราชสมบตั ิ เป็นเวลา ๑๖ ปี มีพระราชธิดาพระองค์เดียว คือ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ซ่ึงประสูติแต่พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ในพ.ศ. ๒๕๒๔ องค์การ การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้สดุดีพระเกียรติคุณและยกย่องพระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าเป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่น ด้านการศึกษา วทิ ยาศาสตร์ และวัฒนธรรม 156

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย รชั สมยั พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อย่หู ัว (พ.ศ. ๒๔๖๘ - ๒๔๗๗) พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยู่หวั 157

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยู่หัวและสมเดจ็ พระนางเจ้ารำ� ไพพรรณี พระบรมราชินี ทรงอภิเษกสมรสเมือ่ วนั ที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๑ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้า ประชาธปิ กศกั ดเิ ดชน์ เปน็ พระราชโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินนี าถ เสดจ็ พระบรมราชสมภพ เมื่อวันท่ี ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๖ เม่ือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตใน พ.ศ. ๒๔๖๘ ไม่มีพระราชโอรส มีแต่พระราชธิดา เพยี งพระองคเ์ ดยี วคอื สมเดจ็ พระเจา้ ภคนิ เี ธอ เจา้ ฟา้ เพชรรตั นราชสดุ าสริ โิ สภา พณั ณวดี พระราชธดิ าในพระนางเจ้าสวุ ทั นา พระวรราชเทวี ไม่อยู่ในขา่ ยทจี่ ะ สบื ราชสมบตั ไิ ด้ ตามกฎมณเฑยี รบาลวา่ ดว้ ยการสบื ราชสนั ตตวิ งศ์ พ.ศ. ๒๔๖๗ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระราชอนชุ า จงึ เสดจ็ ขน้ึ ครองราชยเ์ ปน็ พระมหากษัตรยิ ล์ �ำดับที่ ๗ แห่งกรงุ รตั นโกสินทร์ 158

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ เย่ยี มราษฎรทอ้ งถ่นิ ตา่ งๆ และทอดพระเนตรชวี ิตความเปน็ อยู่ของประชาชน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ สุดท้ายในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เน่ืองจากในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ บุคคลคณะหนึ่งประกอบด้วยทหารและพลเรือน ในนามของ “คณะราษฎร” ได้เข้ายึดอ�ำนาจการปกครองเพื่อเปล่ียนแปลงเป็นระบอบ ประชาธิปไตย พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจ้าอยู่หวั ซึง่ ขณะนน้ั ประทับอยู่ท่ี วังไกลกังวล อ�ำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทรงยอมรับการเป็น พระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ เพราะทรงเห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของ บา้ นเมอื ง และไดท้ รงลงพระปรมาภไิ ธยในพระราชบญั ญตั ธิ รรมนญู การปกครอง แผ่นดินสยามช่วั คราว เม่ือวันที่ ๒๗ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ถอื เปน็ การส้นิ สดุ ของระบอบสมบูรณาญาสทิ ธิราชย์ 159

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย คณะราษฎรและสาเหตุแห่งการปฏวิ ัตสิ ยาม พ.ศ. ๒๔๗๕ คณะผู้ก่อการเปล่ียนแปลงการปกครองได้เร่ิมก่อตัวขึ้นในประเทศ ฝรง่ั เศส โดยมีนายปรีดี พนมยงค์ และร้อยโท ประยูร ภมรมนตรี เป็นผรู้ เิ รม่ิ ท้ังสองได้ตกลงที่จะร่วมมือกันเปล่ียนแปลงการปกครอง และได้มีการประชุม เปน็ ทางการครง้ั แรกในเดอื นกุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๔๖๙ ณ หอพกั แหง่ หนึง่ ในกรงุ ปารีส ครั้งนั้นที่ประชุมได้ตกลงกันที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบ สมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ มาเปน็ ระบอบกษตั รยิ ภ์ ายใตร้ ฐั ธรรมนญู ในทส่ี ดุ สามารถ ประสานงานชกั ชวนผเู้ ขา้ รว่ มอดุ มการณไ์ ดอ้ กี ราวรอ้ ยคน ประกอบดว้ ยกลมุ่ คน จากฝา่ ยทหารบก ทหารเรอื และพลเรอื น โดยไดค้ ดั เลอื กใหพ้ นั เอก พระยาพหล พลพยุหเสนาเปน็ หัวหนา้ ผกู้ ่อการปฏิวตั ิ พันเอก พระยาพหลพลพยหุ เสนา (พจน์ พหลโยธนิ ) ผนู้ �ำฝา่ ยทหารของคณะผู้ก่อการเปล่ียนแปลงการปกครองเมือ่ วนั ท่ี ๒๔ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๗๕ 160

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย หลวงประดษิ ฐม์ นูธรรม (ปรดี ี พนมยงค์) ผ้นู �ำฝา่ ยพลเรือนของคณะผูก้ ่อการเปล่ยี นแปลงการปกครอง เมือ่ วนั ที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ สาเหตแุ หง่ การปฏิวตั ิ สาเหตุทางการเมือง ปัญหาทางการเมืองที่ส�ำคัญในรัชสมัยพระบาท สมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั คอื ปญั หาการเมอื งภายใน ซงึ่ ปญั หาทใ่ี กลพ้ ระองค์ มากทส่ี ดุ คอื การจดั ต้ัง “อภิรฐั มนตรสี ภา” ประกอบด้วยเชอ้ื พระวงศช์ ัน้ ผ้ใู หญ่ หลายพระองค์ ท�ำหน้าท่ีถวายค�ำปรึกษาในเร่ืองการบริหารราชการแผ่นดิน ท�ำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการผูกขาดอ�ำนาจไว้ในหมู่พระราชวงศ์ นอกจากนน้ั รฐั บาลของพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ยงั ประสบปญั หา เกยี่ วกบั การบรหิ ารงานของเสนาบดสี ภาทขี่ าดประสทิ ธภิ าพและบางครงั้ มคี วาม ขดั แยง้ แตกแยกกันเอง ท�ำให้รฐั บาลขาดเสถยี รภาพในการบรหิ ารงาน น�ำมาสู่ ความไมไ่ วว้ างใจในหมขู่ า้ ราชการและกระแสวพิ ากษว์ จิ ารณใ์ นหนา้ หนงั สอื พมิ พ์ อยา่ งกวา้ งขวาง สาเหตทุ างสงั คม การจดั การศกึ ษาแบบใหมเ่ พอื่ สรา้ งคนเขา้ รบั ราชการ ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทำ� ใหเ้ กดิ คนกลมุ่ ใหม่ ทเี่ รยี ก วา่ “ชนชน้ั กลาง” ขนึ้ ในสงั คม ซ่งึ เป็นกลมุ่ ขา้ ราชการที่อยใู่ นวงราชการทหาร 161

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย และพลเรือน คนกลมุ่ น้ีไดร้ ับโอกาสในการศึกษาระบบใหม่ จากท้งั ในและนอก ประเทศ เช่น กรณีของหลวงพิบูลสงคราม (จอมพล ป. พิบูลสงคราม) และ หลวงประดิษฐ์มนธู รรม (นายปรดี ี พนมยงค)์ กล่มุ คนเหลา่ นม้ี ีความคดิ นยิ มใน การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยมากขน้ึ เนอื่ งจากเหน็ วา่ ระบอบประชาธปิ ไตย ที่มีในโลกตะวันตกเป็นทางออกของสังคมและสามารถน�ำมาซึ่งความเจริญ กา้ วหนา้ ของประเทศได้ อกี ทงั้ ยงั เหน็ วา่ ระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชยเ์ ปน็ เรอ่ื ง ลา้ หลงั ถว่ งความเจริญของชาติบ้านเมือง ขณะเดียวกัน การตื่นตัวทางการเมืองของผู้มีการศึกษาที่อยู่นอกระบบ ราชการก็มเี พ่มิ มากขนึ้ ด้วย เชน่ นักเขียน นกั หนังสือพิมพ์ นักธรุ กจิ การค้า โดย เฉพาะหนงั สอื พมิ พ์ ซง่ึ เรม่ิ ขยายตวั มาตงั้ แตส่ มยั รชั กาลท่ี ๖ และแพรห่ ลายอยา่ ง กว้างขวางขึ้นในสมัยรัชกาลท่ี ๗ การเตบิ โตของสอื่ มวลชนนี้มีบทบาทส�ำคัญที่ ท�ำให้เกิดการเผยแพร่ความคิดทางการเมือง การวิพากษ์วิจารณ์การปกครอง แบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ การเสนอแนวทางใหม่ ๆ ตลอดจนความนิยมต่อ ระบอบประชาธิปไตยในหมู่ผ้มู กี ารศกึ ษามากขน้ึ สาเหตทุ างเศรษฐกจิ ภาวะเศรษฐกจิ ตกตำ่� ทวั่ โลก ซง่ึ เกดิ ขนึ้ ในระหวา่ ง พ.ศ. ๒๔๗๒ - ๒๔๗๕ ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างมาก เช่น ท�ำให้ ราคาขา้ วซึง่ เป็นสินคา้ ออกสำ� คัญของไทยตกต�ำ่ ลงมากถงึ ๒ ใน ๓ ประชาชน ขาดเงนิ สดสำ� หรบั ใชซ้ อ้ื เครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภคและเสยี ภาษอี ากร เกดิ ภาวะหนส้ี นิ และอัตราการว่างงานสูง นอกจากน้ี การที่ประเทศต้องเผชิญกับภาวะภัยแล้ง ใน พ.ศ. ๒๔๕๒ - ๒๔๕๓ และ ๒๔๖๐ - ๒๔๖๒ น้ัน ท�ำใหป้ ริมาณการผลิตขา้ ว ลดตำ�่ ลงดว้ ย การเงินแผ่นดินจงึ เร่ิมขาดดุลอยา่ งต่อเน่อื งมาต้งั แตป่ ลายรัชสมัย พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพยายามหาทางแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้รายได้เพียงพอต่อ รายจ่าย เช่น การตัดงบประมาณ การปลดข้าราชการเพื่อลดรายจ่ายของรัฐ ซงึ่ ขา้ ราชการทถ่ี ูกปลดมากทส่ี ดุ คือ ทหารบก นอกจากนัน้ ยงั มีการเพม่ิ อัตรา ภาษีอากรและประกาศเพิ่มชนิดของภาษีลักษณะต่าง ๆ เช่น ภาษีไม้ขีดไฟ สรา้ งความไมพ่ อใจแก่ขา้ ราชการและราษฎรโดยทั่วไปอย่างมาก 162

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยูห่ ัวพระราชทานรฐั ธรรมนูญฉบบั ถาวร ณ พระทน่ี ง่ั อนนั ตสมาคม พระราชวังดุสติ เมอื่ วันท่ี ๑๐ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ หลงั การเปลยี่ นแปลงการปกครอง พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพยายามวางพระองคเ์ ปน็ กลาง มพี ระราชอตุ สาหะ และความอดทนอดกลน้ั อย่างใหญ่หลวงในการรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและราษฎร แต่ ความยุ่งยากทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเน่ือง ท�ำให้ทรงตัดสินพระทัย สละราชสมบตั ิขณะประทับพกั รักษาพระองค์ ณ ประเทศองั กฤษ เมอื่ วันท่ี ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๗๗ โดยทรงสละพระราชสทิ ธใิ นการแตง่ ตง้ั ผสู้ บื ราชสนั ตตวิ งศ์ แต่ทรงตั้งพระทัยที่จะสละอ�ำนาจเดิมของพระองค์ให้แก่ราษฎรท่ัวไป ดัง ขอ้ ความในพระราชหตั ถเลขาสละราชสมบัตทิ วี่ า่ “ข้าพเจ้ามีความเต็มใจท่ีจะสละอ�ำนาจอันเป็นของ ขา้ พเจา้ อยเู่ ดมิ ใหแ้ กร่ าษฎรทว่ั ไป แตข่ า้ พเจา้ ไมย่ นิ ยอมยกอำ� นาจ ท้ังหลายของข้าพเจ้าแก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะเพ่ือใช้อ�ำนาจ โดยสิทธขิ าด และโดยไม่ฟังเสยี งอันแท้จริงของประชาราษฎร” 163

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย สมเดจ็ พระนางเจา้ ร�ำไพพรรณี พระบรมราชนิ ีในรชั กาลท่ี ๗ เฝา้ รับเสดจ็ พระโกศพระบรมอฐั ิพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจา้ อยู่หวั หลังจากทรงสละราชสมบัติแล้ว ได้ประทับอยู่ในประเทศอังกฤษต่อไป จนเสด็จสวรรคต เมื่อวนั ที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ขณะมีพระชนมพรรษา ๔๘ พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าร�ำไพพรรณี พระบรมราชินี ทรงจัดการถวาย พระเพลงิ พระบรมศพเปน็ การสว่ นพระองคอ์ ยา่ งเรยี บงา่ ย ตอ่ มา เมอ่ื สงครามโลก ครั้งท่ี ๒ สิ้นสุดลง จึงได้อัญเชิญพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยูห่ วั กลบั ส่ปู ระเทศไทย ใน พ.ศ. ๒๔๙๒ 164

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย รชั สมยั พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล พระอัฐมรามาธบิ ดนิ ทร (พ.ศ. ๒๔๗๗ - ๒๔๘๙) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล ในคราวเสดจ็ นิวตั พระนครคร้ังแรกเมือ่ พ.ศ. ๒๔๘๑ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร พระนามเดิมว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล เป็นพระราชโอรส ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จพระบรมราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๘ และเสดจ็ สวรรคตเม่ือวนั ท่ี ๙ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ พระชนมพรรษา ๒๐ พรรษา พระองค์มีสมเด็จพระเชษฐภคินีและสมเด็จ พระราชอนชุ าธิราช รวม ๒ พระองค์ คอื 165

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย ๑) สมเด็จพระเจ้าพ่นี างเธอ เจา้ ฟ้ากลั ยาณวิ ัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครนิ ทร์ ๒) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช ภายหลงั การเปลยี่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ และพระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจา้ อยูห่ ัวทรงสละราชสมบัติเมื่อวันท่ี ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ตาม ความในรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รสยาม ซงึ่ เปน็ ไปตามนยั แหง่ กฎมณเฑยี ร บาล ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ. ๒๔๖๗ และด้วยความเห็นชอบของ สภาผแู้ ทนราษฎร ไดม้ มี ตใิ หอ้ ญั เชญิ พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ อานนั ทมหดิ ล เสด็จขน้ึ ครองราชยเ์ ปน็ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล พระ มหากษัตรยิ ์รชั กาลที่ ๘ แหง่ พระบรมราชจกั รีวงศ์ ขณะน้นั มีพระชนมายเุ พยี ง ๙ พรรษา จึงจำ� เป็นตอ้ งมีคณะผู้ส�ำเรจ็ ราชการแทนพระองค์ ประกอบด้วย ๑. พระเจา้ วรวงศ์เธอ กรมหมนื่ อนวุ ตั รจาตรุ นต์ ๒. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองคเ์ จา้ อาทิตยท์ ิพอาภา ๓. เจ้าพระยายมราช (ปน้ั สุขมุ ) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เป็นยุวกษัตริย์ท่ี เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็น ประมขุ พระองคแ์ รก ขณะนน้ั เปน็ ชว่ งเวลาทป่ี ระเทศไทยประสบกบั ความผนั ผวน ทงั้ ทางการเมอื ง เศรษฐกจิ และสงั คม อกี ทงั้ ยงั ไดร้ บั ผลกระทบจากสงครามมหา เอเชียบูรพา และสงครามโลกครั้งท่ี ๒ เปน็ อย่างมาก การขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหา อานนั ทมหดิ ล พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร จงึ เปน็ การสรา้ งความเชอ่ื มนั่ แกป่ ระชาชน ว่า เม่ือทรงพระเจริญวัย จะเป็นพระมหากษัตริย์ท่ีงดงาม พร้อมด้วย ทศพิธราชธรรม เป็นม่ิงขวัญ น�ำความสงบสุขร่มเย็นแก่ประชาชนผู้อยู่ภายใต้ พระบารมีต่อไป และถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ศึกษาเล่าเรียน อยู่ในต่างประเทศ แต่มิได้ทรงละหน้าท่ีหรือความห่วงใยท่ีมีต่อพสกนิกรและ ชาติบ้านเมือง ดังกระแสพระราชด�ำรัสในคราวเสด็จนิวัตพระนครคร้ังแรก เม่อื พ.ศ. ๒๔๘๑ วา่ “ขา้ พเจ้ารูส้ ึกยนิ ดที ีไ่ ด้เดินทางกลบั สู่ประเทศอันเป็นทร่ี กั ของข้าพเจ้า และในวนั ทจี่ ะไดเ้ หน็ บรรดาประชาราษฎรของขา้ พเจา้ เอง” 166

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร ทรงประกอบพระราชกรณียกิจต่าง ๆ เพ่ือประโยชน์ของประเทศชาติและ พสกนิกร เสด็จพระราชด�ำเนินเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของราษฎรอย่างใกล้ชิด โดยทรงปฏสิ นั ถารแกผ่ มู้ าเฝา้ อยา่ งเรยี บงา่ ยวา่ ลงุ ปา้ นา้ อา โปรดใหร้ าชสำ� นกั จดั เงนิ ส่วนพระองค์ ใสถ่ งุ ผา้ ขาวเปน็ เงินเหรยี ญถุงละ ๕ บาท สำ� หรบั เป็นเงิน กน้ ถงุ พระราชทานแก่ราษฎร พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ขณะพระชนมพรรษา ๒๐ พรรษา (พ.ศ. ๒๔๘๘) อน่ึง พระองค์ทรงตระหนักถึงความส�ำคัญและทรงส่งเสริมการศึกษา ของชาติ ได้เสด็จ ฯ ทอดพระเนตรโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ พร้อมทั้งพระราชทานพระราชด�ำรัสอันเป็นประโยชน์แก่สถานศึกษาแต่ละ แห่งด้วย นอกจากน้ัน ยังทรงสนพระราชหฤทัยในการพัฒนากิจการด้าน สาธารณสขุ โดยทรงบรจิ าคพระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองคเ์ พอื่ สรา้ งตกึ อำ� นวยการ 167

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย โรงพยาบาลประจำ� กรมแพทยท์ หารบก ณ จงั หวดั ลพบรุ ี และพระราชทานนามวา่ “โรงพยาบาลอานันทมหิดล” และด้วยเหตุท่ีมีพระราชปรารภว่า ต้องการให้ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ผลิตแพทย์เพิ่มมากขึ้น ให้เพียงพอท่ีจะช่วยเหลือ ประชาชน จึงท�ำให้เกิดการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์แห่งท่ีสอง คือ โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ (ปจั จบุ นั คือ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ) พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร ทรงประกอบพระราชกรณยี กจิ ครง้ั สำ� คญั ซงึ่ นำ� ความสงบรม่ เยน็ มาสปู่ ระชาชน ภายใตพ้ ระบรมโพธสิ มภาร คือ การเสด็จประพาสส�ำเพง็ ในวันที่ ๓ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ เน่ืองจากพระองค์ได้ทรงทราบถึงความขัดแย้งระหว่างชาวไทย กับชาวจีน ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์รุนแรงท่ีย่านถนนเยาวราชต้ังแต่ช่วง ปลายปี พ.ศ. ๒๔๘๘ ด้วยเหตุน้ี จึงมีพระราชประสงค์เสด็จประพาสส�ำเพ็ง ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนส�ำคัญของชาวจีน ก่อนท่ีจะเสด็จกลับไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพ่ือเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างคนไทยและ คนจนี การเสด็จประพาสในคร้ังน้ัน นบั เปน็ วันส�ำคญั ทางประวตั ศิ าสตรว์ นั หนึ่ง ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและประชาชน เช้ือสายจีนในเมืองไทย 168

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๔๘๙ - ปจั จบุ ัน) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระราชโอรสในสมเด็จ พระมหติ ลาธเิ บศร อดลุ ยเดชวกิ รม พระบรมราชชนกและสมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทรา บรมราชชนนี เสดจ็ พระบรมราชสมภพเมอ่ื วันจนั ทรท์ ี่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ณ โรงพยาบาลเมานต์ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตต์ ประเทศ สหรัฐอเมริกา เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙ แห่ง พระบรมราชจักรีวงศ์ เม่ือวันท่ี ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ ทรงประกอบ พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกสมรสกบั หมอ่ มราชวงศส์ ริ กิ ติ ิ์ กติ ยิ ากร ณ พระตำ� หนกั 169

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า วังสระปทุม เมอ่ื วันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓ คร้ันวนั ท่ี ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ต้ังการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบอย่าง โบราณราชประเพณี และทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ สถาปนาสมเดจ็ พระราชนิ ี สิริกิต์ิให้ด�ำรงฐานันดรศักด์ิเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินี ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณในพระบรมมหาราชวัง มีพระราชโอรสและ พระราชธิดารวม ๔ พระองค์ คือ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณฯ สยามมกุฎราชกมุ าร สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๕๘) ทรงครองสิริราชสมบตั เิ ปน็ เวลา ๖๙ ปี พระราชพิธบี รมราชาภิเษก ระหว่างวนั ท่ี ๔ - ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ 170

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมีฐานะเป็นองค์ พระประมุขของชาติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชภารกิจ และพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นไปเพ่ือความผาสุกของปวงชน ชาวไทย ดังพระปฐมบรมราชโองการเมื่อคราวพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นพระเจ้าแผ่นดินโดยสมบูรณ์เม่ือวันท่ี ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ความ ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” และทรงหลง่ั ทกั ษโิ ณทกตงั้ พระราชสตั ยาธษิ ฐานจะทรงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ ปกครองราชอาณาจกั รไทยโดยทศพิธราชธรรม แม้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชจะทรงด�ำรง ฐานะพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ท�ำให้ พระองค์ทรงเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินได้น้อยตามที่บัญญัติไว้ ในรัฐธรรมนูญ แต่พระองค์มีบทบาทส�ำคัญในการสร้างความปรองดองของ คนในชาติยามที่บา้ นเมืองเกดิ วกิ ฤตการณ์ และไม่มผี ู้ใดสามารถแก้ไขปญั หาได้ ดงั จะเห็นไดจ้ ากเหตกุ ารณเ์ ม่อื วนั ที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ และเหตกุ ารณ์ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ด้วยพระบารมีของพระองค์ ท�ำให้บ้านเมือง กลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อย อีกทั้งยังมีบทบาทในการพระราชทานความเป็น ธรรมแก่ราษฎร ทั้งการใช้พระราชอ�ำนาจในการพระราชทานอภัยโทษตาม รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายอื่น ๆ พระองคท์ รงใส่พระทัย เรื่องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษแก่นักโทษซ่ึงต้องโทษเป็นอันมาก เพื่อให้ ราษฎรของพระองค์ท่ีต้องโทษได้มีโอกาสกลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดี และกลับมาบ�ำเพ็ญประโยชน์แก่ครอบครัวและประเทศชาติต่อไป รวมถึงการ พระราชทานความชว่ ยเหลอื ในเรอื่ งทร่ี าษฎรทลู เกลา้ ฯ ถวายฎกี ารอ้ งทกุ ขต์ า่ ง ๆ ทไ่ี มเ่ กย่ี วขอ้ งกับคดคี วามด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทุ่มเทก�ำลังพระวรกายและก�ำลังพระ สติปัญญาเพื่อพสกนิกรของพระองค์ ดังจะเห็นได้จาก การพระราชทานแนว พระราชด�ำริเพ่ือแก้ไขปัญหาส�ำคัญของชาติหลายประการ เช่น พระราชด�ำริ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางในการด�ำเนินชีวิตและปฏิบัติตน ตั้งแต่ ระดบั บคุ คล ครอบครวั ชมุ ชน และประเทศชาติ โดยเนน้ การพงึ่ ตนเองเปน็ หลกั 171

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย โดยมีพระบรมราโชวาทเก่ียวกับเศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ ครั้งแรก เมื่อคราวเสด็จ พระราชดำ� เนนิ ไปในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รทมี่ หาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ เม่ือ พ.ศ. ๒๕๑๗ เน่ืองจากขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะ ถดถอย และไดม้ ีพระราชดำ� รสั อกี ครง้ั เม่ือวนั ท่ี ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ เพ่อื ทรงเตอื นสตแิ ละทรงชแี้ นะแนวทางการดำ� รงชวี ติ ในชว่ งทปี่ ระเทศไทยเกดิ วกิ ฤต เศรษฐกจิ อยา่ งรุนแรง ส�ำนกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ได้อัญเชิญแนวพระราชด�ำริเศรษฐกิจพอเพียงบรรจุไว้ในแผนพัฒนา เศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๔๕ - ๒๕๔๙) และฉบบั ที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๔) แนวพระราชด�ำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงยังคงเป็น แนวทางปฏิบัติจนกระทั่งปจั จุบนั การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม เปน็ พระราช กรณียกจิ ท่พี ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั ทรงใหค้ วามสำ� คญั อย่างมาก ไม่ว่าจะ เปน็ แหลง่ นำ�้ ดนิ และปา่ ไม้ เพอ่ื กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ ตอ่ ราษฎร โดยเฉพาะนำ้� ซงึ่ ถอื เปน็ ปจั จยั สำ� คญั ในการดำ� รงชวี ติ ของราษฎรในสงั คมไทยซงึ่ ยงั คงเปน็ สงั คม เกษตรกรรม กอ่ ใหเ้ กดิ โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ� รติ า่ ง ๆ เชน่ โครงการ ฝนหลวง สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชด�ำเนินไป ทรงเยย่ี มราษฎรทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๙๘ ทอดพระเนตร เห็นความแห้งแล้งและราษฎรยากจน แนวพระราชด�ำริเพื่อการจัดการน้�ำใน เวลานั้น คือ การสร้างฝายก้ันน�้ำพร้อมอ่างเก็บน้�ำขนาดเล็กตามลาดเขา และ ทรงหาวิธีบังคับเมฆให้ตกเป็นฝนในพ้ืนท่ีที่ต้องการ ทรงพระวิริยอุตสาหะ คน้ ควา้ วจิ ัย รวมท้งั พระราชทานพระราชทรัพยส์ ว่ นพระองคร์ ว่ มเป็นค่าใช้จ่าย การทดลองท�ำฝนเทียมครง้ั แรกเมอ่ื วนั ท่ี ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๒ ที่บริเวณ เหนอื อทุ ยานแหง่ ชาตเิ ขาใหญ่ และไดม้ ีการจดทะเบยี นเทคโนโลยีฝนหลวงกบั องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ และวันท่ี ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ กระทรวงพาณิชย์ได้ทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรเลข ที่ ๑๓๘๙๘ ส�ำหรับการดัดแปลงสภาพอากาศเพ่ือให้เกิดฝน (ฝนหลวง) และ ส�ำนักสิทธิยุโรปได้ทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรเลขที่ ๑๔๙๑๐๘๘ มีผลคุ้มครอง สิทธ์ิในทวีปยุโรป ๓๐ ประเทศที่เป็นภาคีสมาชิกองค์การทรัพย์สินทางปัญญา 172

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย โลก โครงการฝนหลวงเปน็ การช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้�ำระหวา่ งฝนแล้ง หรือฝนทิ้งช่วง เสริมสร้างเส้นทางคมนาคมทางน�้ำ เจือจางและบ�ำบัดน�้ำเสีย เพมิ่ ปริมาณน�้ำในเขอ่ื นและแหลง่ กกั เก็บน้�ำตา่ ง ๆ เพ่ือผลติ กระแสไฟฟ้า มสี ่วน ส�ำคญั ในการดบั ไฟป่าบรเิ วณพรโุ ต๊ะแดง เมอื่ พ.ศ. ๒๕๔๑ และหมอกควนั จาก ไฟปา่ บริเวณจังหวัดทางภาคเหนือ เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๕๐ เปน็ ต้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประดิษฐ์ภาพต�ำราฝนหลวงดว้ ยคอมพิวเตอร์ แสดงขั้นตอนและกรรมวิธีการดดั แปลง สภาพอากาศให้เกิดฝนจากเมฆอ่นุ และเมฆเยน็ พระราชทานแก่นกั วชิ าการฝนหลวง 173

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย ในการแกไ้ ขปญั หานำ�้ เสยี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ทรงคิดคน้ และ ประดษิ ฐก์ งั หนั นำ้� ชยั พฒั นา ซงึ่ เปน็ เครอื่ งกลสำ� หรบั เพมิ่ ออกซเิ จนในนำ�้ ไดอ้ ยา่ ง มปี ระสทิ ธภิ าพ หรอื โครงการนำ้� ดไี ลน่ ำ�้ เสยี โดยการใชบ้ งึ มกั กะสนั ซง่ึ ทรงเปรยี บ เสมือนว่าเป็นไตธรรมชาติ เป็นแหล่งรองรับและฟอกน้�ำเสียจากชุมชนในเขต กรงุ เทพฯ และปรมิ ณฑล ใช้ระบายนำ้� ในฤดูฝน และบึงพระราม ๙ ซึง่ เปน็ บงึ ขนาดใหญใ่ จกลางกรุงเทพฯ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มพี ระราชด�ำริให้ใช้ เคร่ืองเตมิ อากาศลงในนำ�้ ซงึ่ ไดผ้ ลดเี ป็นอย่างย่งิ ส่งผลใหป้ ระชาชนมคี ณุ ภาพ ชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น หรือทรงคิดค้นวิธีการแก้ไขปัญหาน�้ำท่วมบริเวณ กรงุ เทพฯ และปรมิ ณฑล หรอื พนื้ ทเี่ พาะปลกู ตา่ ง ๆ หรอื ปญั หาการขาดแคลนนำ�้ เพอื่ การอปุ โภค บรโิ ภค เพอ่ื การเกษตร และการผลติ กระแสไฟฟา้ เชน่ โครงการ แกม้ ลงิ อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ� ริ โครงการประตนู ำ้� คลองลดั โพธิ์ และโครงการ พัฒนาล่มุ แม่น�้ำปา่ สกั อนั เนอ่ื งมาจากพระราชด�ำริ เป็นตน้ โครงการบ�ำบดั น�้ำเสยี แบบธรรมชาติ บงึ มกั กะสัน 174

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย โครงการแก้มลงิ ฝ่ังตะวนั ตก นอกจากนี้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มพี ระราชดำ� รใิ นการพฒั นาดนิ ทเี่ สอ่ื มโทรมใหส้ ามารถใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เชน่ การ “แกลง้ ดนิ ” เพื่อท�ำใหพ้ ื้นดินกลับฟน้ื คืนสภาพสามารถท�ำการเพาะปลูกได้ หรือ “การปลกู หญา้ แฝก” ปอ้ งกนั การเสอ่ื มโทรมและพงั ทลายของหนา้ ดนิ ซงึ่ ไดร้ บั การยอมรบั จากนานาชาตวิ า่ ประเทศไทยทำ� ไดผ้ ลอยา่ งเตม็ ทแี่ ละมปี ระสทิ ธภิ าพยอดเยยี่ ม ดงั จะเห็นได้จาก International Erosion Control Association (IECA) ได้ มีมติถวายรางวัล The International Erosion Control Association’s International Merit Award แดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวเมื่อวนั ท่ี ๒๕ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๓๖ และคณะผบู้ รหิ ารสหภาพวทิ ยาศาสตรท์ างดนิ นานาชาติ (International Union of Soil Sciences – IUSS) ทลู เกลา้ ฯ ถวายรางวัล The Humanitarian Soil Scientist หรือนักวิทยาศาสตร์ดินเพ่ือมนุษยชาติ เปน็ พระองค์แรกของโลก เมอ่ื วันท่ี ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ และกราบบงั คม ทูลขอพระบรมราชานุญาต ให้วนั ที่ ๕ ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันดินโลก พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงดำ� เนนิ ตามรอยสมเดจ็ พระมหติ ลาธเิ บศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในการบำ� เพญ็ พระราชกรณยี กจิ ทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ เพอื่ ประโยชนส์ ขุ 175

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย ของปวงชนชาวไทย เชน่ การพระราชทานทรพั ยส์ ว่ นพระองคแ์ กก่ องวทิ ยาศาสตร์ สภากาชาด เพือ่ สร้างอาคารมหิดลวงศานุสรณ์ เป็นศนู ย์ผลติ วคั ซีน บ.ี ซี.จ.ี ซ่ึง เปน็ วคั ซนี ป้องกนั วณั โรค ใน พ.ศ. ๒๔๙๖ คร้ัน พ.ศ. ๒๔๙๗ ไดพ้ ระราชทาน ทรัพย์ในการจัดต้ังกองทุนราชประชาสมาสัย ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นมูลนิธิราช ประชาสมาสัยในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อสนับสนุนการด�ำเนินงานปราบปราม โรคเรอื้ น อกี ทงั้ ยงั ทรงเลง็ เหน็ ความสำ� คญั ของการพฒั นาบคุ ลากรทางการแพทย์ ของไทยให้ก้าวหน้ายิ่งข้ึน โดยโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งทุนการศึกษาช้ันสูงส�ำหรับ ผู้ที่ส�ำเร็จการศึกษาระดับปริญญาบัณฑิตสาขาแพทยศาสตร์ในประเทศไทยไป ศกึ ษาต่อ ณ ตา่ งประเทศ โดยพระราชทานทุนอานนั ทมหดิ ล ซ่ึงตอ่ มาเปล่ียน สถานภาพจากทุนเป็นมูลนิธิอานันทมหิดล และขยายการพระราชทานทุนให้ แก่นักศึกษาในสาขาอ่ืน ๆ นอกจากแพทยศาสตร์ด้วย และยังพระราชทาน รางวลั สมเดจ็ เจา้ ฟา้ มหดิ ล โดยรฐั บาลจดั ตง้ั มลู นธิ ริ างวลั สมเดจ็ เจา้ ฟา้ มหดิ ลขนึ้ และพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ รบั ไวใ้ นพระบรม ราชูปถัมภ์ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะมอบรางวัลแด่บุคคลหรือองค์กรจากทั่วโลก ท่ีมีผลงานดีเด่นทางการแพทย์และการสาธารณสุข โดยไม่จ�ำกัดเช้ือชาติ ศาสนา และลัทธิการปกครอง ทั้งน้ี มีผู้ได้รับพระราชทานรางวัลคร้ังแรกใน พ.ศ. ๒๕๓๕ นอกจากการพัฒนาในด้านต่าง ๆ แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงให้ความส�ำคัญกับการศึกษาเพื่อพัฒนาบุคคลเป็นอย่างมาก เช่น การ พระราชทานความชว่ ยเหลอื ใหจ้ ดั ตงั้ โรงเรยี นต่าง ๆ มากกว่า ๒๐๐ โรงเรียน ทวั่ ประเทศ เชน่ โรงเรยี นร่มเกลา้ ส�ำหรบั เยาวชนในทอ้ งถน่ิ ชนบททอี่ ยู่ห่างไกล ในถิ่นทุรกันดารและมีความไม่สงบจากภัยต่าง ๆ โรงเรียนราชประชาสมาสัย สำ� หรบั เยาวชนทเ่ี ปน็ บตุ รธดิ าของคนไขโ้ รคเรอ้ื น โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ร่วมกับประชาชนเพ่ือให้การศึกษาแก่เด็กก�ำพร้าท่ีครอบครัวประสบวาตภัย ในภาคใต้และเด็กท่ียากไร้ขาดที่พ่ึง ทรงจัดต้ังโรงเรียนจิตรลดาในบริเวณ พระตำ� หนกั จติ รลดารโหฐานเพอื่ เปน็ สถานศกึ ษาสำ� หรบั พระราชโอรส พระราช ธิดา และบุตรหลานของพระบรมวงศานุวงศ์ มหาดเล็ก และประชาชนทั่วไป และพระราชทานทรพั ยส์ ว่ นพระองคพ์ ฒั นาโรงเรยี นวงั ไกลกงั วล หวั หนิ สำ� หรบั 176

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย ประชาชนทพ่ี ลาดโอกาสศกึ ษาในระบบ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระ กรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั ตงั้ โครงการพระดาบส เพอื่ ฝกึ อบรมวชิ าชา่ งสาขาตา่ ง ๆ ในลักษณะของการศึกษานอกโรงเรียนแก่ผู้ที่มาจากครอบครัวท่ีมีฐานะยากจน รวมทง้ั ทหาร ตำ� รวจ พลเรอื น ทที่ พุ พลภาพจากการปอ้ งกนั ประเทศ ใหส้ ามารถ นำ� ความรไู้ ปประกอบอาชพี ได้ ซงึ่ ปจั จบุ นั ไดจ้ ดทะเบยี นเปน็ โรงเรยี นพระดาบส และยงั ทรงกอ่ ตง้ั โครงการสารานกุ รมสำ� หรบั เยาวชนไทยตามพระราชประสงค์ น�ำเสนอความร้ดู ้านตา่ ง ๆ เช่น สงั คม วฒั นธรรม ธรรมชาติ วทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยแี กผ่ ูอ้ า่ นทุกระดับ หนังสอื ชดุ สารานกุ รมส�ำหรับเยาวชนฯ สามารถ ใชใ้ นการพัฒนาและส่งเสริมการศึกษาได้เป็นอยา่ งดี พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวและสมเดจ็ พระนางเจา้ สิริกิต์ิ พระบรมราชินนี าถ เสด็จพระราชดำ� เนินไปทรงเปิดโรงเรียนร่มเกลา้ จงั หวดั สกลนคร เมือ่ พ.ศ. ๒๕๑๖ แมว้ า่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั จะเสดจ็ พระบรมราชสมภพและทรง ศึกษายังต่างประเทศ แต่พระองค์ทรงตระหนักถึงความส�ำคัญและคุณค่าของ ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของไทย พระองค์มีพระราชด�ำริให้ฟื้นฟู พระราชพิธตี า่ ง ๆ ที่ถกู ยกเลกิ เมื่อคราวเปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ เชน่ การฟ้ืนฟูพระราชพธิ ีสงกรานต์ขน้ึ ใหม่ตามโบราณราชประเพณี การฟื้นฟู พระราชพธิ แี รกนาขวญั เพอ่ื รกั ษาบรู พประเพณอี นั เปน็ มงิ่ ขวญั ของการเกษตรไว้ 177

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย สบื ไป การฟน้ื ฟกู ารทำ� บตั รอวยพรพระราชทานในวนั วสิ าขบชู าตามพระราชดำ� ริ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้น อีกทั้งยังมีน�้ำพระราช หฤทัยห่วงใยในปัญหาการใช้ภาษาไทย อันเป็นผลมาจากคนไทยส่วนมากขาด ความส�ำนกึ ในคณุ คา่ ของภาษาประจำ� ชาติ ดงั ปรากฏในพระบรมราโชวาทเมอื่ คราวเสด็จพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เม่อื วนั ที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ ความวา่ “...ในปัจจุบัน ปรากฏว่า ได้มีการใช้ถ้อยค�ำออกจะ ฟมุ่ เฟอื ย แลว้ ไมต่ รงกบั ความหมายอนั แทจ้ รงิ อยเู่ นอื ง ๆ ทง้ั ออก เสยี งกไ็ มถ่ กู ตอ้ งตามอกั ขรวธิ ี ถา้ ปลอ่ ยใหเ้ ปน็ ดงั นี้ ภาษาของเรา มีแต่จะทรุดโทรม ชาติไทยของเรามีภาษาของเราใช้เองเป็นสิ่ง อันประเสริฐอยู่แล้ว เป็นมรดกอันมีค่าตกทอดมาถึงเรา ทุกคน จึงมหี น้าทีจ่ ะต้องรักษาไว้...” หรือเมื่อคราวเสด็จพระราชด�ำเนินไปเป็นประธานและทรงร่วมประชุม ทางวิชาการท่ีชุมนุมภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมอื่ วนั ท่ี ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ ไดพ้ ระราชทานพระราชดำ� รัสแจกแจง ปัญหาในการใช้ภาษาไทย การรักษาและทะนุบ�ำรุงภาษาไทยเพื่อให้ด�ำรงอยู่ อยา่ งงดงามยั่งยืน เปน็ เอกลักษณ์ของชาติ ดงั ความว่า “...การท่ีมชี มุ นุมภาษาไทยนัน้ เปน็ สง่ิ ทส่ี มควรอยา่ งยิง่ เพราะ ว่า ภาษาไทย นั้น เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของชาติ ภาษาท้ัง หลายเป็นเครื่องมือของมนุษย์ชนิดหน่ึง คือเป็นทางส�ำหรับ แสดงความคิดเห็นอย่างหน่ึง เป็นสิ่งท่ีสวยงามอย่างหนึ่ง เช่น ในทางวรรณคดี เป็นต้น ฉะนั้น จึงจ�ำเป็นต้องรักษาเอาไว้ให้ดี ประเทศไทยนั้นมีภาษาของเราเอง ซ่ึงต้องหวงแหน ประเทศ ใกล้เคียงของเราหลายประเทศ มีภาษาของตนเอง แต่ว่าเขาก็ ไม่ค่อยแข็งแรง เขาต้องพยายามหาทางที่จะสร้างภาษาของ ตนเองไว้ให้ม่ันคง เรามีโชคดที ีม่ ภี าษาของตนเองแตโ่ บราณกาล จงึ สมควรอย่างยง่ิ ที่จะรักษาไว้ 178

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย ปัญหาเฉพาะดา้ นรกั ษาภาษาน้ี มีหลายประการ อยา่ งหน่งึ ตอ้ งรักษาให้บรสิ ุทธใ์ิ นทางออกเสยี ง คอื ออก เสยี งให้ถูกต้องชัดเจน อกี อยา่ งหนงึ่ ตอ้ งรกั ษาใหบ้ รสิ ทุ ธใิ์ นวธิ ใี ช้ หมายความวา่ วธิ ีใชค้ ำ� มาประกอบเปน็ ประโยคนบั เป็นปัญหาสำ� คัญ ปญั หาทส่ี าม คอื ความรำ่� รวยในคำ� ของภาษาไทย ซงึ่ พวก เรานกึ วา่ ไมร่ ่�ำรวยพอ จึงตอ้ งมกี ารบญั ญัตศิ พั ทใ์ หมม่ าใช้...การ บัญญตั ิศพั ท์ใหมก่ ็เปน็ สิ่งสำ� คญั เหมอื นกนั จ�ำเป็น แตอ่ นั ตราย ...ส่วนการจะบัญญัติศัพท์น้ัน ขอให้ระวังอย่างเดียว ขออย่าให้เกิน คือว่า อย่าท�ำเกินความจ�ำเป็น และส�ำหรับใน ด้านวิชาการ ก็เห็นว่าควรจะมีการบัญญัติศัพท์ แต่ขอให้อยู่ใน ขอบเขตของวชิ าการ... ...เห็นด้วยที่เราควรจะรักษาภาษาภาคเหนือ ภาคใต้ ต้องระวงั ใหด้ ี เพราะเป็นแหล่งท่จี ะไปศึกษาภาษาโดยแท.้ ..การ รกั ษาภาษาในชนบทนน้ั ตอ้ งทำ� อาจไมท่ ราบวา่ ภาษามาจากไหน ภาษาของไทยเราเป็นของจริง อยู่ที่ไหน เพราะว่าเราพยายาม กอ่ ข้ึนมาโดยไมม่ ีหลกั ฐาน ไม่มคี วามรอบคอบพอ แลว้ กแ็ พร่ไป ตา่ งจงั หวดั ไปทำ� ลายภาษาพน้ื เมอื ง ซง่ึ จะเปน็ หลกั ประกนั ความ บรสิ ุทธ์ิของภาษา...” ด้วยพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถปราดเปร่ืองในการใช้ภาษา ไทย ตลอดจนทรงแสดงน้�ำพระราชหฤทัยห่วงใยการใช้ภาษาไทยอย่างชัดแจ้ง คณะรฐั มนตรจี งึ มมี ตเิ มอ่ื วนั ท่ี ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ เหน็ ชอบใหป้ ระกาศ วนั ที่ ๒๙ กรกฎาคม ของทุกปี เป็น “วนั ภาษาไทยแหง่ ชาต”ิ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นช่วงเวลาท่ีเกิดเหตุการณ์ ครัง้ ส�ำคัญหลายครงั้ ดว้ ยกนั ทส่ี ำ� คัญ คือ กรุงเทพมหานครมีอายุครบ ๒๐๐ ปี เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๒๕ นับเป็นมหามงคลสมัยแสดงถึงความมั่นคงของบ้านเมอื งท่ไี ด้ ผ่านพ้นภัยพิบัติต่าง ๆ ด้วยพระบารมีและพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระ 179

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย บรู พมหากษตั รยิ าธิราชเจ้า จึงได้จัดใหม้ ีงานสมโภชกรุงรัตนโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี ขึ้นระหว่างวันท่ี ๔ - ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมกัน ประกอบกิจกรรมตา่ ง ๆ เพอ่ื เปน็ การเชดิ ชูชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ เช่น การบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง ดว้ ยเงนิ บรจิ าคจากประชาชนและงบประมาณสนบั สนนุ จากรฐั บาล การประกอบ พระราชพิธีต่าง ๆ เช่น การพระราชกุศลทักษิณานุปทาน พระราชพิธีถวาย ราชสักการะบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า พระราชพิธี ยกช่อฟ้าพระอุโบสถฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระราชพิธีบวงสรวง พระสยามเทวาธริ าช พระราชพธิ ีสมโภชหลักเมือง เปน็ ต้น เหตุการณ์ที่ส�ำคัญอีกคร้ังหน่ึง คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง ครองสิรริ าชสมบตั คิ รบ ๖๐ ปี เมื่อพ.ศ. ๒๕๔๙ นับเปน็ พระมหากษตั รยิ ท์ ีท่ รง ครองราชย์ยาวนานกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในโลก พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้รัฐบาลและประชาชนจัด งานเฉลมิ ฉลองเพอื่ เปน็ สริ มิ งคลแกร่ าชอาณาจกั ร และพระราชทานชอ่ื พระราช พิธวี ่า พระราชพธิ ฉี ลองสิริราชสมบตั ิครบ ๖๐ ปี กำ� หนดขอบเขตงานระหวา่ ง วันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึงวนั ที่ ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ การพระราช พธิ ีมขี ึ้นระหวา่ งวนั ที่ ๘ - ๑๓ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และการพระราชพิธคี ร้งั น้ี รัฐบาลได้กราบบังคมทูลเชิญพระประมุขและพระราชวงศ์ต่างประเทศเสด็จ พระราชดำ� เนนิ มาทรงรว่ มงานดว้ ย งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๖๐ ปี หนว่ ยงาน ราชการและเอกชนไดจ้ ดั โครงการเฉลมิ พระเกยี รตจิ ำ� นวนมากทเี่ กดิ ประโยชนต์ อ่ สาธารณะ อาทิ การทะนบุ ำ� รงุ และสรา้ งสงิ่ สาธารณปู โภค การจดั พมิ พห์ นงั สอื ท่ี ระลกึ การจดั นทิ รรศการแสดงพระราชกรณยี กจิ และพระอจั ฉรยิ ภาพ การแสดง มหรสพสมโภช โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งเม่ือวนั ที่ ๙ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๔๙ พระบาท สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ออกมหาสมาคม ณ สหี บญั ชร พระทน่ี งั่ อนนั ตสมาคม พระราชวังดุสิต ประชาชนนับแสนร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวาย พระพรเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” และได้มีการถ่ายทอดไปทั่วโลก เป็นการ แสดงถึงความจงรักภักดีของปวงชนที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะท่ีเป็นท่ีเคารพรัก เทิดทูน และเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน 180

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย และในโอกาสมหามงคลน้ี สหประชาชาติได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัล ความส�ำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ (UNDP Human Development Lifetime Achievement Award) แดพ่ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว เมอ่ื วนั ที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เพอ่ื เปน็ การเทิดพระเกยี รตพิ ระมหากษตั รยิ ์ผู้ทรง พระวริ ยิ อตุ สาหะทรงงานอยา่ งตอ่ เนอ่ื งยาวนาน กอ่ ใหเ้ กดิ ผลการพฒั นาประเทศ อย่างแท้จรงิ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั และสมเดจ็ พระนางเจ้าสริ กิ ิต์ิ พระบรมราชินีนาถ เสดจ็ ออกมหาสมาคม ณ สหี บญั ชร พระทีน่ ัง่ อนนั ตสมาคม พระราชวงั ดสุ ิต ในพระราชพธิ ฉี ลอง สริ ริ าชสมบตั ิครบ ๖๐ ปี เมอ่ื วนั ที่ ๙ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๔๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรักษาและหวงแหนขนบธรรมเนียม ประเพณแี ละวฒั นธรรมอนั ดงี ามของไทย เพอื่ ใหล้ กู หลานชาวไทยไดม้ วี ฒั นธรรม ที่เป็นของตนเองตลอดไปชั่วลูกหลาน อีกทั้งแนวพระราชด�ำริและพระราช กรณียกิจส่วนใหญ่ ล้วนมีจุดมุ่งหมายเพ่ือให้ราษฎรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีข้ึน อยา่ งแทจ้ รงิ สมดงั พระปฐมบรมราชโองการทว่ี า่ “เราจะครองแผน่ ดนิ โดยธรรม เพ่ือประโยชนส์ ุขแหง่ มหาชนชาวสยาม” 181

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย ประเทศไทยหลงั เปลย่ี นแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ - ปจั จุบัน นบั แต่ พ.ศ. ๒๔๗๕ ประเทศไทยไดเ้ ปลยี่ นแปลงการปกครองจากระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข ภายในช่วงเวลากว่า ๘๐ ปีหลังจากนั้น ประเทศไทยเกิดความ เปล่ียนแปลงทางการเมืองหลายครั้ง ส่งผลต่อสภาพทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไทย มาจนถึงปจั จบุ ัน โดยอาจแบง่ เปน็ ช่วงสมยั ตา่ ง ๆ ดงั นี้ สมัยหลงั เปลย่ี นแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ - ๒๔๙๐ ในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ “คณะราษฎร” ซึ่งประกอบด้วย ทหารและพลเรือนส่วนหนึ่งที่ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ ประกาศยึด อ�ำนาจการปกครองแผ่นดินจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และ เปล่ียนการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากไม่พอใจท่ีรัฐบาล สมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจตกต�่ำของประเทศ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงไม่ประสงค์ให้มีการต่อสู้กันให้เสีย เลอื ดเนอ้ื ประกอบกบั มพี ระราชดำ� รทิ จี่ ะพระราชทานรฐั ธรรมนญู เปน็ หลกั การ ปกครองประเทศอยแู่ ลว้ จงึ ทรงยอมตามขอ้ เรยี กรอ้ งของคณะราษฎร ใหม้ สี ภา ผแู้ ทนราษฎรและมรี ฐั บาลบรหิ ารประเทศ โดยมพี ระยามโนปกรณน์ ติ ธิ าดาดำ� รง ต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนแรก และต่อมาได้จัดพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญ ในวนั ที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ อย่างไรก็ตาม เกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับคณะราษฎรใน เร่ืองเค้าโครงเศรษฐกิจของชาติ ซ่ึงร่างขึ้นโดยหลวงประดิษฐ์มนูธรรมหรือ นายปรีดี พนมยงค์ ผู้เป็นมันสมองของคณะราษฎร อีกทั้งพระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชวิจารณ์ว่าเค้าโครงเศรษฐกิจฉบับนี้มีลักษณะ เป็นคอมมิวนิสต์ เป็นเหตุให้รัฐบาลประกาศปิดสภาผู้แทนราษฎร และ นายปรีดี พนมยงค์ ต้องเดินทางออกนอกประเทศ แต่ต่อมาพันเอก พระยา 182

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย นายปรดี ี พนมยงค์ พหลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะราษฎรฝ่ายทหารได้ประกาศยึดอ�ำนาจรัฐบาล พระยามโนปกรณน์ ิตธิ าดาและเปิดประชุมสภาผแู้ ทนราษฎรขึน้ อกี ครง้ั พระยา พหลพลพยหุ เสนาขนึ้ ดำ� รงตำ� แหนง่ นายกรฐั มนตรี เปน็ ชนวนใหเ้ กดิ กลมุ่ ตอ่ ตา้ น ที่น�ำโดยพระองค์เจ้าบวรเดช ใช้ช่ือว่า “คณะกู้บ้านกู้เมือง” แต่รัฐบาลถือว่า เป็น “กบฏบวรเดช” และท�ำการปราบปรามอย่างราบคาบ พระบาทสมเด็จ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงไมพ่ อพระราชหฤทยั ทร่ี ฐั บาลกระทำ� การอยา่ งรนุ แรง จึงเสด็จฯ ไปทรงรักษาพระวรกายที่ประเทศอังกฤษ และทรงสละราชสมบัติ ในเวลาตอ่ มา รฐั บาลพระยาพหลพลพยหุ เสนามกี ารดำ� เนนิ นโยบายหลายประการทส่ี ง่ ผลตอ่ สังคม เช่น ปรับปรุงภาษอี ากรตา่ ง ๆ ให้มคี วามเป็นธรรมยงิ่ ข้นึ ขยายการ ศกึ ษาและสาธารณสขุ และแกไ้ ขสนธสิ ญั ญาไมเ่ ปน็ ธรรมกบั ประเทศมหาอำ� นาจ ท�ำให้ประเทศไทยมีเอกราชโดยสมบูรณ์ แต่ตอ่ มา ใน พ.ศ. ๒๔๘๑ รัฐบาลแพ้ การลงมติในสภาผู้แทนราษฎร จึงประกาศยุบสภา จอมพล ป. พิบูลสงคราม ข้ึนด�ำรงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน มีนโยบายที่ส�ำคัญคือนโยบายชาตินิยม สร้างชาติใหเ้ ป็นมหาอ�ำนาจ ปลุกระดมใหค้ นไทยเกิดความร้สู กึ รกั ชาติ สง่ เสรมิ ให้ประชาชนใช้เครื่องอุปโภคบริโภคท่ีผลิตขึ้นในประเทศไทย สงวนอาชีพบาง ประเภทไวใ้ หค้ นไทย เรยี กร้องดนิ แดนในอินโดจนี คนื จากฝรั่งเศส เป็นต้น 183

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นประกาศสงครามกับฝ่าย สัมพันธมิตรและยกพลข้ึนบกหลายจุดในเอเชียรวมทั้งประเทศไทยด้วย แม้ว่า ในตอนแรกรัฐบาลไทยจะทำ� การตอ่ ตา้ น แตต่ อ่ มากย็ อมเปน็ พนั ธมิตรกับญ่ีปนุ่ และประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร ส่งผลให้ฝ่ายสัมพันธมิตรเร่ิมโจมตี ประเทศไทยด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิด ท�ำให้เกิดการขาดแคลนเครื่องอุปโภค บริโภค ข้าวยากหมากแพง ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก จึงเกิด ขบวนการต่อต้านญ่ีปุ่นขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศใช้ช่ือว่า “เสรีไทย” โดยเสรีไทยภายในประเทศมีผู้น�ำคือนายปรีดี พนมยงค์ ส่วนเสรีไทยภายนอก ประเทศทสี่ หรฐั อเมรกิ ามผี นู้ ำ� คอื ม.ร.ว. เสนยี ์ ปราโมช และทป่ี ระเทศองั กฤษนำ� โดยกลมุ่ นกั เรยี นไทยและราชนกิ ลู หลายพระองค์ ตอ่ มาไดท้ ำ� งานรว่ มกนั ในการ ตอ่ ตา้ นญป่ี นุ่ และสนบั สนนุ ฝา่ ยสมั พนั ธมติ ร ประกอบกบั จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม เส่ือมอ�ำนาจลง และพ้นจากต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรีใน พ.ศ. ๒๔๘๗ เม่ือฝ่าย อกั ษะแพส้ งคราม ผนู้ ำ� เสรไี ทยจงึ ไดเ้ จรจากบั ฝา่ ยสมั พนั ธมติ รไมใ่ หป้ ระเทศไทย ตกเปน็ ฝ่ายแพ้สงคราม และไดเ้ ข้ารว่ มองคก์ ารสหประชาชาติด้วย ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๘๘ - ๒๔๙๐ มีการปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้เป็น ประชาธิปไตยยิ่งข้ึน มีรัฐบาลพลเรือนหลายชุด มีนโยบายฟื้นฟูสภาพ ประเทศไทยหลังสงคราม อยา่ งไรก็ตาม เกิดความตกต�ำ่ ทางเศรษฐกจิ ขน้ึ หลาย ประการ เชน่ การขาดแคลนขา้ วและสนิ คา้ ตา่ ง ๆ ขาดแคลนเงนิ ตราตา่ งประเทศ เกิดภาวะเงินเฟ้อ น�ำไปสู่ความอดอยากยากไร้ แก่งแย่งแข่งขัน และปัญหา สังคมอื่นๆ ที่ตามมา เช่น ปัญหาโจรผู้ร้าย ปัญหาการกักตุนสินค้า ค้าก�ำไร เกินควร และการฉ้อราษฎร์บังหลวง เป็นต้น รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ประกอบกบั พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ลเสดจ็ สวรรคตอยา่ ง กะทันหัน และรัฐบาลไม่สามารถอธิบายต่อสาธารณชนได้อย่างกระจ่างแจ้ง คณะทหารที่น�ำโดยพลโท ผิน ชุณหะวัณ จึงประกาศยึดอ�ำนาจจากรัฐบาล เม่ือ พ.ศ. ๒๔๙๐ 184

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย สมัยอ�ำนาจนิยม พ.ศ. ๒๔๙๐ - ๒๕๑๖ คณะทหารสนับสนุนให้นายควง อภยั วงศ์ ด�ำรงต�ำแหนง่ นายกรฐั มนตรี เปน็ ชว่ งเวลาสนั้ ๆ แตต่ อ่ มาไดก้ ดดนั ใหล้ าออก และเชญิ จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม ขึ้นด�ำรงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรีใน พ.ศ. ๒๔๙๑ แต่ก็ต้องเผชิญการต่อต้าน หลายคร้ัง ได้แก่ กบฏนายพลหรือกบฏเสนาธกิ าร พ.ศ. ๒๔๙๑ กบฏวงั หลวง พ.ศ. ๒๔๙๒ กบฏแมนฮัตตัน พ.ศ. ๒๔๙๔ ซ่ึงรัฐบาลปราบปรามได้ท้ังหมด อีกทั้งเป็นชว่ งเวลาเดียวกบั ท่ีโลกเขา้ สยู่ ุคสงครามเยน็ ระหว่างสหรฐั อเมรกิ ากับ สหภาพโซเวยี ต รฐั บาลจอมพล ป. พบิ ลู สงครามประกาศอยา่ งชดั เจนวา่ มนี โยบาย ต่อต้านคอมมิวนิสต์ จึงได้เป็นพันธมิตรท่ีแนบแน่นกับสหรัฐอเมริกาและได้ รับความช่วยเหลอื ด้านต่าง ๆ จำ� นวนมาก เช่น ความชว่ ยเหลือด้านเศรษฐกจิ อาวธุ ยทุ โธปกรณ์ ยาและเวชภณั ฑ์ การศกึ ษา การสาธารณสขุ การสาธารณปู โภค ฯลฯ ส่วนรฐั บาลไทยกม็ กี ารด�ำเนินการตา่ ง ๆ ทส่ี นับสนุนสหรัฐอเมริกาในการ ต่อต้านคอมมิวนิสต์ เช่น การส่งทหารไปช่วยในสงครามเกาหลี การประกาศ พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั การกระทำ� อนั เปน็ คอมมวิ นสิ ต์ และการเขา้ รว่ มองคก์ าร สนธสิ ญั ญาปอ้ งกนั ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ หรอื SEATO ทสี่ หรฐั อเมรกิ า จัดตงั้ ข้ึนใน พ.ศ. ๒๔๙๗ เพอ่ื ปอ้ งกนั การขยายตัวของคอมมวิ นิสต์ในภมู ภิ าคน้ี ตอ่ มารฐั บาลประสบปญั หาอยา่ งมากและสรา้ งความไมพ่ อใจแกป่ ระชาชน จากประเด็นต่าง ๆ ทั้งการทุจริตเลือกต้ัง และการแสวงหาผลประโยชน์ทาง ธุรกิจอย่างกว้างขวาง ใน พ.ศ. ๒๕๐๐ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงใช้ก�ำลัง ทหารยึดอ�ำนาจจากรัฐบาลและขึ้นด�ำรงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเวลาต่อมา มีการประหารชีวิตบุคคลท่ีเป็นภัยต่อบ้านเมืองจ�ำนวนหลายคน ทั้งในข้อหา วางเพลิง เป็นคอมมิวนิสต์ ค้ายาเสพติด เป็นต้น มีการจับกุมนักเลงอันธพาล ท่วั ประเทศ ท�ำให้เหตุรา้ ยตา่ ง ๆ ลดน้อยลง ในด้านเศรษฐกจิ มีการจัดท�ำแผน พัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับแรกขึ้นใน พ.ศ. ๒๕๐๔ โดยได้รับอิทธิพลจาก ค�ำแนะน�ำของธนาคารโลก ที่ต้องการให้ประเทศไทยส่งเสริมเศรษฐกิจแบบ ทนุ นยิ มเสรี ใหป้ ระเทศตา่ ง ๆ เขา้ มาลงทนุ ในประเทศไทยไดม้ ากขน้ึ โดยเฉพาะ ในด้านอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังมีนโยบายช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและ 185

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย ค่าครองชีพแก่ประชาชนหลายประการ เช่น การแจกจ่ายน้�ำในบริเวณที่ ขาดแคลน การลดค่าไฟฟ้า ค่าโทรศพั ท์ คา่ เล่าเรยี น เป็นต้น จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผนู้ �ำทบ่ี ริหารประเทศโดยมงุ่ เนน้ ความม่นั คง ตอ่ ต้านคอมมวิ นสิ ต์ และพฒั นาเศรษฐกิจ ใน พ.ศ. ๒๕๐๖ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรชั ต์ ถงึ แกอ่ สญั กรรม จอมพล ถนอม กิตติขจร ดำ� รงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรสี ืบต่อ และบรหิ ารประเทศโดยให้ความ สำ� คญั กับความมน่ั คง การตอ่ ต้านคอมมิวนิสต์ รวมท้ังการพัฒนาเศรษฐกจิ และ สงั คมแบบทนุ นยิ มเสรเี ชน่ เดยี วกบั สมยั รฐั บาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรชั ต์ อยา่ งไร ก็ตาม นโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ของรัฐบาลส่งผลให้เกิดการปะทะกันด้วย อาวุธระหว่างกองกำ� ลังของรฐั บาลกบั พรรคคอมมิวนสิ ต์แห่งประเทศไทย และ มีการสู้รบกันเร่ือยมา มีผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่ายจ�ำนวนมาก ส่วนในด้านการต่าง ประเทศ ประเทศไทยไดเ้ ปน็ สมาชิกผกู้ ่อตงั้ สมาคมแหง่ ประชาชาตเิ อเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ หรือ ASEAN ใน พ.ศ. ๒๕๑๐ 186

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย จอมพล ถนอม กิตติขจร รัฐบาลจอมพล ถนอม กิตตขิ จร ประสบปญั หาทางการเมอื งอย่างมาก จากการแก่งแย่งผลประโยชน์ และยังต้องเผชิญกับการตรวจสอบซักฟอก อย่างแข็งขันจากฝ่ายค้าน จอมพล ถนอม กิตติขจร จึงท�ำการรัฐประหาร ตนเองใน พ.ศ. ๒๕๑๔ เพื่อกระชับอ�ำนาจให้มั่นคงยิ่งขึ้น แต่เนื่องจากปัญหา ต่างๆ ยังไม่ได้รับการแก้ไข เกิดกลุ่มนิสิตนักศึกษาและชนช้ันกลางท่ีไม่พอใจ และเร่ิมแสดงบทบาททางการเมือง เช่น การเดินขบวนต่อต้านสินค้าญี่ปุ่นใน พ.ศ. ๒๕๑๕ การคัดค้านกฎหมายรวบอ�ำนาจตุลาการ และการเรียกร้องให้มี รฐั ธรรมนญู ทเี่ ปน็ ประชาธปิ ไตยใน พ.ศ. ๒๕๑๖ ซงึ่ นำ� ไปสเู่ หตกุ ารณ์ ๑๔ ตลุ าคม ๒๕๑๖ ในทีส่ ดุ สมัยปรบั ตวั สูร่ ะบอบประชาธิปไตย พ.ศ. ๒๕๑๖ - ๒๕๓๕ ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๑๔ - ๒๕๑๖ ประชาชนเกิดความไม่พอใจรัฐบาล จอมพล ถนอม กิตติขจร มากขึ้นจากการปิดก้ันสิทธิเสรีภาพทางการเมือง การผูกขาดอ�ำนาจและผลประโยชน์ภายในตระกูลของจอมพล ถนอม กิตตขิ จร จอมพล ประภาส จารเุ สถยี ร และพนั เอก ณรงค์ กติ ตขิ จร การขาดแคลนขา้ วสาร และน�้ำตาล ฯลฯ ใน พ.ศ. ๒๕๑๖ มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งแจกใบปลิวเรียกร้อง รฐั ธรรมนญู แตถ่ กู ตำ� รวจจบั กมุ ตวั ไป ศนู ยก์ ลางนสิ ติ นกั ศกึ ษาแหง่ ประเทศไทย 187

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย จงึ จดั การชมุ นมุ เรยี กรอ้ งใหป้ ลอ่ ยตวั ผทู้ ถี่ กู จบั กมุ ตวั และตอ่ มาไดข้ ยายขอ้ เรยี ก ร้องให้รัฐบาลประกาศใช้รัฐธรรมนูญด้วย มีนิสิตนักศึกษาและประชาชนเข้า รว่ มชมุ นมุ เพมิ่ ข้ึนจนมจี ำ� นวนกว่า ๕ แสนคน ในท่สี ดุ เกิดการปะทะกับตำ� รวจ ในตอนเชา้ วันท่ี ๑๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๖ รฐั บาลจึงสั่งใหท้ หารปราบปรามผู้ ชุมนุม น�ำไปสู่การจลาจลท่ัวกรุงท่ีท�ำให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็น จำ� นวนมาก ช่วงค�่ำวันนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมีพระ ราชด�ำรัสผ่านทางโทรทัศน์และวิทยุขอให้ทุกฝ่ายระงับความรุนแรง ทรงเรียก เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ วา่ “วันมหาวิปโยค” จอมพล ถนอม กติ ตขิ จร จอมพล ประภาส จารุเสถยี ร และพนั เอก ณรงค์ กิตติขจร เดินทางออกนอก ประเทศ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ด�ำรงต�ำแหน่งนายก รัฐมนตรี ต่อมามีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความเป็นประชาธิปไตยมาก ข้ึน น�ำไปสู่การเลือกตั้งจนได้รัฐบาลพลเรือนหลายสมัยระหว่าง พ.ศ. ๒๕๑๘ - ๒๕๑๙ ที่ให้สิทธิเสรีภาพทางการเมืองมากขึ้น รวมทั้งเปิดความสัมพันธ์กับ สาธารณรฐั ประชาชนจนี ท่ีเป็นประเทศคอมมวิ นสิ ต์ ประชาชนจำ� นวนมากมาชุมนมุ กนั เพ่ือตอ่ ตา้ นรัฐบาลจอมพล ถนอม กิตติขจร น�ำไปสเู่ หตกุ ารณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ หรือวันมหาวิปโยค 188

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย ในช่วงเวลาเดียวกันน้ี ประเทศกัมพูชา เวียดนาม และลาว เปล่ียน การปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ ท�ำให้คนไทยบางกลุ่มเกิดความหวาดกลัวว่า ประเทศไทยจะตกเป็นคอมมิวนิสต์ด้วย มีการโฆษณาชวนเชื่อให้เกิดความ เกลียดชังคอมมิวนิสต์และกล่าวหาว่ากลุ่มนิสิตนักศึกษาเป็นคอมมิวนิสต์ จึงเริ่มมีการจัดตั้งกลุ่มต่อต้านนักศึกษาและคอมมิวนิสต์ขึ้นหลายกลุ่ม เช่น กลมุ่ นวพล กลมุ่ กระทงิ แดง กลมุ่ ลกู เสอื ชาวบา้ น ใชเ้ พลงปลกุ ใจตา่ ง ๆ เชน่ เราสู้ รักเมืองไทย หนักแผ่นดิน มากระตุ้นให้เกิดความรู้สึกรักชาติและปกป้องชาติ จากศตั รู จนเมอื่ กลมุ่ นสิ ติ นกั ศกึ ษาจดั การชมุ นมุ กนั ทม่ี หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ เพ่อื ต่อต้านการกลบั เขา้ ประเทศของจอมพล ถนอม กติ ติขจร มกี ารกล่าวหาวา่ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในวันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ กองก�ำลังต�ำรวจ ทหารและประชาชนกลุ่มหน่ึงจึงใช้ก�ำลังอาวุธบุกเข้าท�ำร้ายนักศึกษาจนบาด เจ็บและเสยี ชีวิตจำ� นวนมาก ในวันเดียวกนั นนั้ คณะทหารท่ีนำ� โดยพลเรือเอก สงดั ชลออยู่ ประกาศยดึ อำ� นาจ และตอ่ มาไดแ้ ตง่ ตงั้ ใหน้ ายธานนิ ทร์ กรยั วเิ ชยี ร ด�ำรงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีนโยบายส�ำคัญคือการต่อต้านและปราบปราม คอมมิวนิสต์อย่างเข้มข้น ท�ำให้นักศึกษาและประชาชนจ�ำนวนมากหนีเข้าป่า ไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เกิดความแตกแยกในประเทศ อยา่ งรนุ แรง ในปตี อ่ มาคณะทหารชดุ เดมิ ทำ� การยดึ อำ� นาจอกี ครงั้ และแตง่ ตงั้ ให้ พลเอก เกรยี งศกั ดิ์ ชมะนันท์ ดำ� รงตำ� แหน่งนายกรฐั มนตรี รัฐบาลพลเอก เกรียงศักด์ิ ชมะนันท์ พยายามด�ำเนินนโยบายที่เป็น ทางสายกลางมากขนึ้ มงุ่ ใชว้ ธิ กี ารรอมชอม มกี ารนริ โทษกรรมนกั ศกึ ษาประชาชน ที่ถูกคุมขังตั้งแต่เหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ รวมทั้งผู้ที่หลบหนีเข้าป่าไป รว่ มกบั พรรคคอมมวิ นสิ ตแ์ หง่ ประเทศไทย มกี ารปรบั ความสมั พนั ธก์ บั ประเทศ เพ่ือนบ้านที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ และกระชับความสัมพันธ์กับ สาธารณรัฐประชาชนจีนและสหภาพโซเวียต มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ที่เปิดโอกาสให้กลุ่มต่าง ๆ ในสงั คมเข้ามามีสว่ นรว่ มทางการเมอื งมาก ขน้ึ เรยี กกนั วา่ เปน็ สมยั ประชาธปิ ไตยครง่ึ ใบ อยา่ งไรกต็ าม รฐั บาลประสบปญั หา จากวิกฤตการณ์ราคาน�ำ้ มันทส่ี งู ข้นึ ท�ำใหร้ าคาสนิ คา้ อุปโภคบริโภคในประเทศ สงู ขนึ้ อยา่ งมาก รัฐบาลไม่สามารถแกป้ ญั หาและไดร้ บั แรงกดดนั จากฝ่ายตา่ งๆ 189

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ จึงประกาศลาออกจากต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรี และพลเอก เปรม ติณสลู านนท์ เข้าดำ� รงต�ำแหนง่ นายกรัฐมนตรีแทน ใน พ.ศ. ๒๕๒๓ ผลงานส�ำคัญของรัฐบาลพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ คือการแก้ปัญหา ความขัดแย้งภายในประเทศโดยใช้หลัก “การเมืองน�ำการทหาร” ดังปรากฏ ในค�ำสั่งส�ำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๖๖/๒๕๒๓ ท่ีก�ำหนดให้มีการแก้ปัญหาความ ไมย่ ตุ ธิ รรมทางการเมอื ง เศรษฐกจิ และสงั คม สง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื ง ตามกระบวนการประชาธิปไตย นิรโทษกรรมให้แก่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ แหง่ ประเทศไทยทยี่ อมวางอาวธุ และหนั มาเปลย่ี นแปลงประเทศดว้ ยสนั ตวิ ธิ ใี น ฐานะ “ผรู้ ว่ มพฒั นาชาตไิ ทย” ทำ� ใหส้ มาชกิ พรรคคอมมวิ นสิ ตแ์ หง่ ประเทศไทย เข้ามารายงานตัวมากขึ้น และยุติการต่อสู้ลงในที่สุด นอกจากนี้ รัฐบาลยัง ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยปฏิบัติตามค�ำแนะน�ำของ ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่ให้ปรับปรุงการผลิตและ อุตสาหกรรมเพอื่ เนน้ การสง่ ออกมากขึน้ ประกอบกบั ค่าจ้างแรงงานท่ีต่ำ� ทำ� ให้ ประเทศตา่ ง ๆ ย้ายฐานการผลติ เขา้ มาลงทนุ ในประเทศไทยมากข้ึน การผลิต เพอ่ื ส่งออกขยายตัว และเศรษฐกิจไทยเริม่ ฟ้ืนตวั ขึน้ ตอ่ มารฐั บาลพลเอก เปรม ตณิ สลู านนท์ ประกาศยบุ สภาใน พ.ศ. ๒๕๓๑ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้รับเลือกตั้งให้ด�ำรงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรี มนี โยบายพฒั นาเศรษฐกจิ ผา่ นการขยายการลงทนุ การคา้ และตลาดทงั้ ภายใน และภายนอกประเทศ มกี ารปรบั ความสมั พนั ธก์ บั ประเทศเพอื่ นบา้ นในภมู ภิ าค อินโดจีนท่ีเป็นคอมมิวนิสต์ ท�ำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างรวดเร็ว อย่างไร กต็ าม รฐั บาลมปี ญั หาดา้ นความชอบธรรม เนอ่ื งจากนกั ธรุ กจิ และผมู้ อี ทิ ธพิ ลใน ท้องถ่ินเขา้ มามีส่วนในระบบการเมอื งมากขน้ึ เกดิ การทุจริตเลือกตัง้ และใช้เงิน ซอ้ื เสยี งกนั มากขนึ้ รวมทงั้ การฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวงเพอื่ หาผลประโยชนเ์ ขา้ ตนเอง ประกอบกับรัฐบาลเกิดความขัดแย้งกับกองทัพ ในท่ีสุดคณะรักษาความสงบ เรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่น�ำโดยพลเอก สุนทร คงสมพงษ์ จึงประกาศยึด อำ� นาจการปกครอง ใน พ.ศ. ๒๕๓๔ และตอ่ มาไดแ้ ตง่ ตงั้ นายอานนั ท์ ปนั ยารชนุ ให้ด�ำรงต�ำแหนง่ นายกรฐั มนตรี โดยใหค้ วามส�ำคัญกับความโปรง่ ใสของรฐั บาล 190

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย และพยายามเปิดเสรีทางเศรษฐกิจเพ่ือความก้าวหน้าของประเทศ จึงเป็นท่ี ยอมรบั ของคนในสังคม ต่อมา พลเอก สุจินดา คราประยูร ข้ึนด�ำรงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท้ังท่ีไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ท�ำให้เกิดการชุมนุมต่อต้านในเดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยมีผู้น�ำคือพลตรี จ�ำลอง ศรีเมือง มีผู้เข้าร่วม ประมาณ ๒ แสนคน รัฐบาลใช้ก�ำลังต�ำรวจและทหารปราบปรามจนเกิดการ ปะทะกันอย่างรุนแรงและลุกลามเป็นการจลาจลทั่วกรุงระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ เรียกว่าเหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ภูมิพลอดลุ ยเดช โปรดให้พลเอก สจุ นิ ดา คราประยูร และ พลตรี จ�ำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้าฯ และพระราชทานพระบรมราโชวาทให้ทั้ง สองฝ่ายหันหน้าเข้าหากันและยุติความรุนแรง เหตุการณ์จึงได้สงบลง พลเอก สจุ นิ ดา คราประยรู ลาออกจากตำ� แหนง่ นายกรฐั มนตรี นายอานนั ท์ ปนั ยารชนุ ด�ำรงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นการช่ัวคราว และเม่ือมีการเลือกต้ังทั่วไป พรรคประชาธิปัตย์ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย หัวหนา้ พรรคประชาธปิ ัตยไ์ ดด้ ำ� รงตำ� แหน่งนายกรัฐมนตรี การปะทะระหว่างทหารกบั กลมุ่ ผูช้ มุ นมุ ตอ่ ต้านรัฐบาลพลเอก สจุ ินดา คราประยรู ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ หรอื เหตกุ ารณพ์ ฤษภาทมฬิ 191

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย สมัยปฏริ ปู การเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ - ปัจจบุ ัน ภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. ๒๕๓๕ หลายฝ่ายมองเห็นถึง ความจำ� เป็นทจี่ ะต้องมีการปฏิรูปการเมอื ง จึงเริ่มมคี วามเคลอ่ื นไหวเพอ่ื ใหเ้ กิด การปฏิรูปการเมืองจากภาคส่วนตา่ ง ๆ มกี ารรา่ งรฐั ธรรมนูญฉบบั ใหม่โดยเปดิ ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง จนส�ำเร็จเป็นรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. ๒๕๔๐ ซงึ่ เรยี กกนั วา่ รฐั ธรรมนญู ฉบบั ปฏริ ปู การเมอื ง หรอื รฐั ธรรมนญู ฉบบั ประชาชน เนอ้ื หาของรฐั ธรรมนญู มีการรับรองสทิ ธเิ สรีภาพและการมสี ว่ นรว่ ม ทางการเมอื งของประชาชนมากกวา่ ฉบบั กอ่ น ๆ และมกี ลไกตรวจสอบการเขา้ สู่ อำ� นาจรฐั และการใชอ้ ำ� นาจรฐั เพอื่ สรา้ งความชอบธรรมในระบบการเมอื ง สว่ น ทางด้านเศรษฐกิจและสังคมน้ัน แม้ว่าจะมีการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ ๑ – ๗ (พ.ศ. ๒๕๐๔ – ๒๕๓๙) และประสบความ สำ� เร็จในการพัฒนาเศรษฐกจิ ให้กา้ วหนา้ ขน้ึ แตก่ ท็ ำ� ให้เกิดปัญหาตามมาหลาย ประการ โดยเฉพาะปัญหาสังคมและความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ในแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคม ฉบบั ที่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๔๐ - ๒๕๔๔) จงึ เปลี่ยน แนวคิดการพฒั นา จากเดมิ ทเี่ นน้ การพัฒนาเศรษฐกิจเปน็ หลกั เปลยี่ นเป็นการ พัฒนาคน เพอ่ื การพฒั นาที่ยง่ั ยืน อย่างไรก็ตาม ใน พ.ศ. ๒๕๔๐ ประเทศไทยประสบวิกฤตเศรษฐกิจ ครง้ั ใหญ่ เนอ่ื งจากเงนิ บาทลดคา่ ลงอยา่ งมากจากการเปดิ เสรที างการเงนิ ทำ� ให้ ธรุ กจิ ลม้ ละลาย มคี นวา่ งงานจำ� นวนมาก ประเทศไทยตอ้ งกเู้ งนิ จากกองทนุ การ เงนิ ระหวา่ งประเทศเพอื่ แกป้ ญั หา วกิ ฤตเศรษฐกจิ ครงั้ นเ้ี รยี กวา่ “วกิ ฤตตม้ ยำ� กงุ้ ” และไดล้ กุ ลามไปยงั ประเทศอน่ื ๆ ในเอเชยี เชน่ อนิ โดนเี ซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ มาเลเซยี เกาหลีใต้ ญปี่ ุ่น พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั ภมู พิ ลอดุลยเดช ทรงแนะนำ� วิธี อยรู่ อดทา่ มกลางวกิ ฤตโดยใชห้ ลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง ซงึ่ ตอ่ มาไดใ้ ชเ้ ปน็ แนวทาง การพัฒนาประเทศอย่างย่ังยืน บรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฉบบั ที่ ๙ - ๑๑ ใน พ.ศ. ๒๕๔๔ พรรคไทยรกั ไทยได้รบั ชัยชนะจากการเลอื กตง้ั พ.ต.ท. ทกั ษณิ ชนิ วตั ร ขนึ้ ดำ� รงตำ� แหนง่ นายกรฐั มนตรี และสามารถรวบรวมผสู้ นบั สนนุ 192

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย จากพรรคตา่ ง ๆ จัดต้งั รัฐบาลทีม่ ีความเขม้ แขง็ อยา่ งมาก ด�ำเนินนโยบายหลาย ประการที่มุ่งเน้นการให้ผลประโยชน์แบบประชานิยม เช่น นโยบายพักหน้ี เกษตรกร นโยบายกองทุนหมบู่ า้ น นโยบาย ๓๐ บาทรกั ษาทกุ โรค ฯลฯ ท�ำให้ รัฐบาลได้รับคะแนนนิยมอย่างมากจากชาวบ้านในท้องถิ่น โดยเฉพาะในภาค เหนือและภาคอสี าน อยา่ งไรกต็ าม พ.ต.ท. ทกั ษณิ ชนิ วตั ร ประสบปญั หาดา้ นความชอบธรรม หลายประการ เชน่ การทุจรติ เลือกตัง้ การรวบอำ� นาจเข้าสนู่ ายกรฐั มนตรี การ ฉ้อราษฎร์บังหลวงและผลประโยชน์ทับซ้อน การใช้อ�ำนาจรัฐและละเมิดสิทธิ มนุษยชน ฯลฯ ทำ� ใหร้ ฐั บาล พ.ต.ท. ทักษณิ ชินวัตร เริม่ เสื่อมความนิยม นำ� ไป สู่การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพ่ือประชาธิปไตย มีผู้ เขา้ ร่วมนับแสนคน รัฐบาลประกาศยุบสภาให้มกี ารเลอื กตั้งใหม่ แต่พรรคฝ่าย คา้ นหลายพรรคไมร่ ว่ มลงแขง่ ขนั เนอ่ื งจากเหน็ วา่ ไมถ่ กู ตอ้ ง แมพ้ รรคไทยรกั ไทย จะชนะการเลือกตั้ง แต่ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาให้การเลือกต้ังเป็นโมฆะ น�ำ ไปสู่สุญญากาศทางการเมือง เป็นเหตุให้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ ประชาธปิ ไตย (คปค.) ที่น�ำโดย พลเอก สนธิ บุญยรตั กลนิ ประกาศยดึ อ�ำนาจ ในเดอื นกันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ การชมุ นมุ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพ่ือประชาธปิ ไตย เพอื่ ขบั ไลร่ ัฐบาล พ.ต.ท. ทกั ษณิ ชินวัตร ใน พ.ศ. ๒๕๔๙ 193

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแต่งตั้งให้ พลเอก สรุ ยุทธ์ จุลานนท์ ดำ� รงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรี และท�ำการปฏิรปู การเมอื งอีก ครั้งโดยการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพ่ือสร้างความเป็นประชาธิปไตยอย่าง แท้จริง รวมทั้งวางมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ของรัฐบาล เกิดเปน็ รฐั ธรรมนญู ฉบับ พ.ศ. ๒๕๕๐ ซ่ึงเปน็ รัฐธรรมนญู ฉบบั แรก ของประเทศไทยที่ผ่านการทำ� ประชามติ นอกจากน้ี ยังมกี ารจัดทำ� แผนแม่บท พฒั นาการเมอื ง และตงั้ สภาพฒั นาการเมอื งขนึ้ อกี ดว้ ย อยา่ งไรกต็ าม เมอื่ มกี าร เลอื กตง้ั ใหม่ พรรคการเมอื งฝา่ ย พ.ต.ท. ทกั ษณิ ชนิ วตั ร ยงั คงไดร้ บั ชยั ชนะและ ไดบ้ รหิ ารประเทศ จนกระทง่ั เกดิ การชมุ นมุ ตอ่ ตา้ นจากกลมุ่ พนั ธมติ รประชาชน เพ่ือประชาธิปไตย และน�ำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกคร้ัง พรรค ประชาธิปัตยไ์ ดข้ นึ้ เป็นรัฐบาล ใน พ.ศ. ๒๕๕๑ นายอภสิ ทิ ธ์ิ เวชชาชีวะ หัวหนา้ พรรคประชาธิปัตย์ ดำ� รงต�ำแหนง่ นายกรฐั มนตรี รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บริหารประเทศโดยมุ่งเน้นภาพลักษณ์ ความโปร่งใส และยังคงด�ำเนินนโยบายหลายประการท่ีมีลักษณะประชานิยม อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้รวมตัวกันใช้ชื่อว่า แนวร่วมประชาธิปไตยตอ่ ตา้ นเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดการชมุ นมุ ต่อต้าน รฐั บาลหลายครงั้ ผเู้ ขา้ รว่ มสว่ นใหญค่ อื ประชาชนจากตา่ งจงั หวดั การชมุ นมุ ครง้ั ใหญเ่ กิดขนึ้ ในเดอื นพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เกดิ ความรนุ แรงระหวา่ งผชู้ ุมนุม กบั ทหารและตำ� รวจหลายครง้ั รฐั บาลจงึ ดำ� เนนิ การสง่ั ใหท้ หารสลายการชมุ นมุ ผชู้ มุ นุมทำ� การต่อตา้ นด้วยอาวธุ และจุดไฟเผาอาคารรา้ นค้า ผลจากเหตุการณ์ ทำ� ให้มผี ู้เสยี ชวี ติ จำ� นวนมาก รัฐบาลนายอภิสิทธ์ิ เวชชาชีวะ ยังคงบริหารประเทศต่อไปจนกระทั่ง มีการเลือกตัง้ ใหมใ่ นเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ พรรคเพื่อไทยได้รบั ชยั ชนะ นางสาวย่งิ ลักษณ์ ชนิ วัตร หัวหน้าพรรคผเู้ ปน็ นอ้ งสาว พ.ต.ท. ทกั ษณิ ชินวัตร ขึ้นด�ำรงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีการใช้นโยบายประชานิยมเช่นเดิม รัฐบาล ถูกวิพากษ์วจิ ารณ์อย่างหนกั ในการด�ำเนินนโยบายหลายประการ เช่น นโยบาย จำ� นำ� ขา้ วทท่ี ำ� ใหป้ ระเทศตอ้ งสญู เสยี เงนิ จำ� นวนมาก รวมทงั้ ถกู กลา่ วหาวา่ ทจุ รติ เลือกตั้งและฉ้อราษฎร์บังหลวง ในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ รัฐบาลเสนอ 194

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย การชมุ นมุ ของกลมุ่ แนวรว่ มประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ เพือ่ ตอ่ ตา้ นรัฐบาลนายอภสิ ทิ ธ์ิ เวชชาชีวะ ใน พ.ศ. ๒๕๕๓ รา่ ง พ.ร.บ. นริ โทษกรรม ซ่ึงจะมีผลให้ พ.ต.ท. ทักษณิ ชนิ วัตร หลุดพน้ จาก โทษผิดในคดีทั้งปวงท่ีศาลตัดสินไปแล้ว กลุ่มผู้ต่อต้านจึงรวมตัวกันชุมนุมใหญ่ มีผเู้ ข้าร่วมนบั แสนคน จนรัฐบาลต้องประกาศยบุ สภาเพอ่ื ใหม้ ีการเลือกตงั้ ใหม่ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกต้ัง น�ำไปสู่การปะทะ กันระหว่างผู้ชุมนุมกับฝ่ายรัฐบาลหลายครั้ง ในท่ีสุดเมื่อวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ (คสช.) ทนี่ ำ� โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศยึดอ�ำนาจ และตั้งรัฐบาลข้ึนบริหารประเทศ พลเอก ประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา ดำ� รงตำ� แหนง่ นายกรฐั มนตรี ดำ� เนนิ นโยบายปฏริ ปู ประเทศ ปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง และใช้หลกั คุณธรรม เพอื่ น�ำประเทศใหเ้ ปน็ ประชาธิปไตยอย่างแทจ้ รงิ 195

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย บทสรปุ ความหมายและท่ีมาของค�ำว่า “ไทย” “ชาวไทย” “ชาติไทย” แท้ ๆ นั้น ยงั ยากท่ีจะหาคำ� อธิบายท่ถี กู ตอ้ งทส่ี ุดได้ เราทกุ คนท่ีอยใู่ นผนื แผน่ ดนิ ไทย ตา่ งตระหนกั และระลกึ รรู้ ว่ มกนั วา่ เราคอื คนไทย ไมว่ า่ จะเปน็ คนทมี่ ปี ระวตั สิ าย เลอื ดทีส่ ืบต่อกันมาอยา่ งยาวนาน หรือคนที่เพงิ่ ได้เข้ามาต้ังถิน่ ฐานทำ� มาหากิน เมอ่ื ไมน่ าน ความเปน็ คนไทยทมี่ ชี วี ติ อยอู่ าศยั อยา่ งเปน็ สขุ ในดนิ แดนไทย จงึ เกดิ สำ� นึกในบุญคณุ ของแผน่ ดนิ การเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทยทำ� ใหท้ ราบวา่ แผน่ ดนิ ไทยทเ่ี ราอาศยั อยู่ นน้ั เปน็ ผนื แผน่ ดนิ ประเสรฐิ สดุ ดว้ ยทรพั ยากรธรรมชาตทิ อ่ี ดุ มสมบรู ณย์ งิ่ เขตที่ ตงั้ และผนื แผน่ ดนิ เหมาะสมแกก่ ารทำ� เกษตรกรรมอนั เปน็ พน้ื ฐานในการยงั ชพี มี แร่ธาตแุ ละทรพั ยากรท่ีสามารถบันดาลความม่งั ค่ังใหแ้ ก่ทกุ คนในชาติ สภาพท่ี ตงั้ อยใู่ นเขตทไ่ี มค่ อ่ ยไดร้ บั ผลกระทบจากภยั ธรรมชาตขิ นาดรนุ แรงบอ่ ยครงั้ นกั นอกจากนน้ั ยงั ตงั้ อยใู่ นภมู ภิ าคทเ่ี ปรยี บเสมอื นศนู ยก์ ลางแหง่ การตดิ ตอ่ คา้ ขาย ระหวา่ งโลกตะวนั ออกและโลกตะวนั ตกมาตง้ั แตอ่ ดตี กาล จนถงึ ปจั จบุ นั ทเ่ี ปรยี บ เสมอื นเปน็ ศนู ย์กลางของกลุม่ ประเทศอาเซยี น ด้วยปัจจยั พืน้ ฐานทีด่ เี ชน่ นี้ หากมองยอ้ นไปในอดตี จะพบว่าบรรพบุรุษ ของชาวไทยเรา มีคุณูปการอย่างย่ิงต่อเราผู้มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน บรรพบุรุษได้ คิดค้นและส่ังสมเทคโนโลยีในการด�ำรงชีพเร่ิมตั้งแต่คิดค้นเครื่องมือหิน หลอม เหล็กและโลหะอ่ืน ๆ มาท�ำเครื่องมือเคร่ืองใช้ อาวุธ พัฒนามาจนทันสมัยใน ปจั จุบัน ในด้านการรักษาทรพั ยากรและแผ่นดนิ บรรพบุรุษได้ดูแลรักษาอยา่ ง เตม็ ทเี่ พอ่ื สบื ทอดตอ่ ชนรนุ่ หลงั เรมิ่ ตงั้ แตก่ ารบรหิ ารจดั การบา้ นเมอื ง จากบา้ น เปน็ เมอื ง แควน้ อาณาจกั ร ประเทศ ดแู ลใหผ้ คู้ นในบา้ นในเมอื งมอี าหารการกนิ พอแก่การด�ำรงชีพ มชี ีวิตทส่ี ุขสบาย มคี วามสัมพันธท์ ีด่ ีตอ่ กนั ในชุมชน และ 196

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย เออ้ื เฟอ้ื เผอ่ื แผ่แกผ่ ทู้ เี่ ข้ามาพึง่ พงิ พักอาศัย เม่อื มีภยั คุกคามจากต่างถน่ิ กต็ ่อสู้ ปอ้ งกนั เพ่อื ปกปอ้ งผนื แผน่ ดนิ และผู้คนพลเมอื ง ผู้น�ำในสังคมจึงมีความส�ำคัญนับต้ังแต่ผู้น�ำท่ีเป็นพ่อเมืองเปรียบเสมือน พอ่ ปกครองลูกในสมัยสโุ ขทัย พระมหากษัตรยิ ท์ ีเ่ ป็นสมมุติเทพในสมยั อยธุ ยา จนเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญภายหลังการเปลี่ยนแปลงการ ปกครองซ่ึงพระมหากษัตริย์ยังทรงเปรียบเสมือนร่มโพธ์ิร่มไทรของประชาชน ทรงดูแลทุกข์สุขของราษฎรในทุก ๆ ด้าน พระราชทานค�ำแนะน�ำและเป็น แบบอยา่ งทด่ี ใี นการดำ� รงชวี ติ สว่ นนายกรฐั มนตรเี ปน็ ผนู้ ำ� ในการบรหิ ารประเทศ ตามเงอ่ื นไขเจตนารมณข์ องประชาชนชาวไทย หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทยเล่มน้ี มีจุดประสงค์เพื่อให้ได้ทราบถึง ความเป็นมาของแผ่นดินที่เราอยู่อาศัย นับตั้งแต่เริ่มมีหลักฐานร่องรอยการใช้ ชวี ติ ของผคู้ นตงั้ แตด่ กึ ดำ� บรรพ์ พฒั นาการมาเปน็ บา้ นเมอื ง เกดิ การแลกเปลยี่ น ทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐท่ีอยู่ใกล้เคียงกัน การรับวัฒนธรรมอินเดียและจีน อทิ ธพิ ลของพระพทุ ธศาสนา การกอ่ กำ� เนดิ อาณาจกั รสโุ ขทยั การประดษิ ฐอ์ กั ษร ไทย การเติบโตของอาณาจักรอยธุ ยา ความสำ� คัญของสถาบนั พระมหากษตั ริย์ การขยายตัวทางการค้าของชาติตะวันตกและผลกระทบทางการเมือง ตลอด จนวัฒนธรรมท่ีเข้ามาผสมผสาน การปฏิรูปการปกครองสมัยพระบาทสมเด็จ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั การเปลยี่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ เหตกุ ารณ์ ๑๔ ตลุ าคม ๒๕๑๖ ตอ่ มาจนถงึ เหตกุ ารณ์รว่ มสมัย การรู้ภูมิหลังของประเทศย่อมก่อให้เกิดความเข้าใจถึงสิ่งต่าง ๆ ท่ีเกิด ข้นึ ในปจั จุบนั รวมทง้ั เขา้ ใจตัวเองด้วย การศกึ ษาเรอื่ งราวในอดตี จงึ เปน็ ไปเพือ่ ความเขา้ ใจปัจจบุ นั และเปน็ แนวทางในการวางอนาคต 197

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย บรรณานกุ รม กติ ติ ตันไทย. ประวตั ิศาสตร์ไทย. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยราชภฏั สงขลา, ๒๕๕๐. ครสิ เบเคอร์ และ ผาสกุ พงษไ์ พจติ ร. ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยรว่ มสมยั . กรงุ เทพฯ : มตชิ น, ๒๕๕๗. จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. รวมพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง ชมุ นุมพระบรมราชาธบิ ายและประชมุ พระราช นิพนธ์ในรัชกาลที่ ๔. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, ๒๕๔๘. (คณะ กรรมการอ�ำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า อยูห่ วั จดั พมิ พเ์ ปน็ ท่ีระลกึ ในโอกาสทว่ี นั พระบรมราชสมภพครบ ๒๐๐ ปี วันที่ ๑๘ ตุลาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๗). จัดงานสมโภชกรงุ รัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี, คณะกรรมการ. ประวตั ศิ าสตรก์ รงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๑ - รัชกาลท่ี ๓ พ.ศ. ๒๓๒๕ - พ.ศ. ๒๓๘๔ เลม่ ๑. กรงุ เทพฯ : อมรนิ ทรก์ ารพิมพ,์ ๒๕๒๕. เจรญิ ไชยชนะ. ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยตงั้ แตส่ มยั ดกึ ดำ� บรรพจ์ นถงึ สมยั ปจั จบุ นั . พมิ พค์ รง้ั ที่ ๓. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจ�ำกดั การพิมพไ์ ชยวฒั น์, ๒๕๑๖. ฉลาด พนั ธแุ์ กว้ . อาณาจกั รสุโขทัยจากอดตี ...สู่ปัจจบุ ัน. กรุงเทพฯ : แมค็ , ๒๕๔๘. ชยั เรืองศลิ ป์. ประวตั ศิ าสตร์ไทยสมยั พ.ศ. ๒๓๕๒ - ๒๔๕๓ ดา้ นเศรษฐกจิ . กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานชิ , ๒๕๔๑. ชัยอนันต์ สมทุ วณิช. การเมือง - การเปลย่ี นแปลงทางการเมืองไทย ๒๔๑๑ - ๒๔๗๕. กรุงเทพฯ : บรรณกจิ , ๒๕๒๓ ชาญวทิ ย์ เกษตรศริ .ิ ๒๔๗๕ การปฏวิ ตั สิ ยาม. กรงุ เทพฯ: มลู นธิ โิ ครงการตำ� ราสงั คมศาสตร์ และมนษุ ยศาสตร์, ๒๕๔๗. . ประวตั กิ ารเมืองไทย ๒๔๗๕ - ๒๕๐๐. กรงุ เทพฯ : มลู นิธติ ำ� ราสังคมศาสตร์ และมนษุ ยศาสตร,์ ๒๕๔๙. ชารล์ ส ไฮแอม และรชั นี ทศรตั น.์ สยามดกึ ดำ� บรรพ:์ ยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตรถ์ งึ สมยั สโุ ขทยั . กรุงเทพฯ : บรษิ ัท ริเวอรบ์ ุค๊ ส์ จ�ำกดั , ๒๕๔๒. ดนัย ไชยโยธา. ประวัติศาสตร์ไทย : ยุคก่อนประวัติศาสตร์ถึงสิ้นอาณาจักรสุโขทัย. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร,์ ๒๕๔๖. ด�ำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. พระราชพงศาวดารกรุง รัตนโกสินทร์ รัชกาล ๒. พิมพ์คร้ังที่ ๙. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด ไอเดียสแควร,์ ๒๕๔๖. 198

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย ด�ำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา และ ราชเสนา, พระยา. เทศาภบิ าล. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั สาธารณปู โภค จำ� กดั , ๒๕๐๓. (พมิ พเ์ ปน็ อนสุ รณ์ ในงานพระราชทานเพลงิ ศพ พระยาอรรถกระวสี นุ ทร (สงวน ศตะรตั - อรรถกระวี สนุ ทร) ณ สสุ านหลวงวัดเทพศิรินทราวาส วันท่ี ๙ พฤษภาคม ๒๕๐๓) เดวิด เค. วัยอาจ. ประวัติศาสตร์ไทยฉบับสังเขป. กรุงเทพฯ : มูลนิธิโครงการต�ำรา สงั คมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, ๒๕๕๖. เตช บุนนาค. การปกครองระบบเทศาภบิ าลของประเทศสยาม พ.ศ. ๒๔๓๕ - ๒๔๕๘. แปลโดย ภรณี กาญจนษั ฐิติ และคณะ. กรงุ เทพฯ : สามลดา, ๒๕๔๘. ถดั พรหมมาณพ. ภมู ศิ าสตรม์ ณฑลกรงุ เทพฯ. พระนคร : โรงพมิ พธ์ รรมพทิ ยาคาร, ๒๔๗๔. ทองตอ่ กลว้ ยไม้ ณ อยธุ ยา. พระบรมราชจักรีวงศ.์ กรุงเทพฯ : บพธิ การพมิ พ์, ๒๕๔๗. . เล่าเรอื่ งพระจอมเกล้า. กรงุ เทพฯ : ทวพิ ัตร (๒๐๐๔), ๒๕๔๘. (คณะกรรมการ อ�ำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกในโอกาสที่วันพระบรมราชสมภพครบ ๒๐๐ ปี วันท่ี ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗). ทพิ ากรวงศ,์ เจา้ พระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรตั นโกสินทร์ รชั กาลท่ี ๒. กรุงเทพฯ : องค์การค้าของคุรสุ ภา, ๒๕๐๔. ทพิ ากรวงศมหาโกษาธบิ ดี, เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลท่ี ๓. พิมพ์ครั้งที่ ๗. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, ๒๕๔๗. (กรมศิลปากร จดั พิมพเ์ ผยแพร)่ . . พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๔ ของเจ้าพระยาทิพากร วงศมหาโกษาธิบดี. พมิ พ์คร้งั ที่ ๖. กรุงเทพฯ : บรษิ ทั อมรินทรพ์ รน้ิ ตง้ิ แอนด์ พับลิชชิ่ง จ�ำกัด (มหาชน), ๒๕๔๘. (คณะกรรมการอ�ำนวยการจัดงาน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดพิมพ์เป็นท่ีระลึก ในโอกาสท่วี ันพระบรมราชสมภพครบ ๒๐๐ ปี วันที่ ๑๘ ตลุ าคม พุทธศกั ราช ๒๕๔๗). . พระราชพงศาวดารกรุงรตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลท่ี ๑. พิมพค์ รั้งที่ ๗. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพก์ ารศาสนา กรมศาสนา, ๒๕๔๕. (กรมศลิ ปากรจดั พมิ พเ์ ผยแพร่) เทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ าร,ี สมเดจ็ พระ. ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมยั รตั นโกสนิ ทร์ : การปฏิรูปการปกครอง. นครนายก: กองวิชาประวัติศาสตร์ ส่วนการศึกษา โรงเรยี นนายร้อยพระจุลจอมเกล้า, ๒๕๓๖. ธิดา สาระยา. (ศรี) ทวารวดี: ประวัติศาสตร์ยุคต้นของสยามประเทศ. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรงุ เทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๓๘. 199

ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย ธดิ า สาระยา. ประวัติศาสตรส์ ุโขทัย : พลงั คน อำ� นาจผี บารมีพระ. กรงุ เทพฯ : เมอื ง โบราณ, ๒๕๔๔. นครินทร์ เมฆไตรรตั น.์ การปฏิวัตสิ ยาม พ.ศ. ๒๔๗๕. กรงุ เทพฯ : ฟ้าเดียวกนั , ๒๕๕๓. นจิ หญิ ชรี ะนนั ทนแ์ ละคณะ. “ถนน : ววิ ฒั นาการในรอบ ๒๐๐ ป.ี ” ใน การเปลยี่ นแปลงของ กรุงเทพฯ ในรอบ ๒๐๐ ปี : วัง วัด บ้าน คลอง ตลาด ถนน. (เอกสารประกอบ การสัมมนาทางวิชาการในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ ๒๐๐ ปี ณ หอ้ งประชุมสารนิเทศ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั วันที่ ๒๑ - ๒๒ มถิ นุ ายน ๒๕๒๕). ประจกั ษ์ พนั ธช์ เู พชร. การเมอื งและการปกครองไทย: มติ ทิ างประวตั ศิ าสตร์ และสถาบนั ทางการเมอื ง. กรุงเทพฯ: ม.ป.ท., ๒๕๔๓. ผาสุก พงษ์ไพจติ ร และ ครสิ เบเคอร.์ เศรษฐกิจการเมอื งไทยสมยั กรงุ เทพฯ. เชียงใหม่ : ซลิ คเ์ วอรม์ , ๒๕๔๖. ผาสุข อินทราวธุ . ทวารวดี: การศึกษาเชงิ วิเคราะหจ์ ากหลกั ฐานโบราณคด.ี กรงุ เทพฯ : ภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๒. พระปกเกล้า, สถาบัน. สมุดภาพรัชกาลที่ ๗. นนทบุรี: สถาบันพระปกเกล้า, ๒๕๔๔. (จัดพิมพ์เป็นท่ีระลึกในนิทรรศการอวดภาพและของหายากยุครัชกาลท่ี ๗ ณ พิพธิ ภัณฑ์พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจา้ อยูห่ วั วันที่ ๑๒ พฤศจกิ ายน - ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔). พิทยา ด�ำเด่นงาม. ประวัติศาสตรโ์ บราณสถานเมอื งสวรรคโลก. พิมพค์ รง้ั ท่ี ๒. ม.ป.ท. : โรงพิมพ์คุรุสภาพระสุเมรุ, ๒๕๑๒. (พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางชม ด�ำเด่นงาม และนางสาวบุญชุบ ดำ� เด่นงาม). พเิ ศษ เจยี จนั ทรพ์ งษ์. “หนว่ ยที่ ๒ ความเป็นมาของชาติไทย ตอนที่ ๒.๒ การกอ่ ตวั ของ บ้านเมอื งในดนิ แดนประเทศไทย” และ “หนว่ ยท่ี ๓ พฒั นาการของแว่นแควน้ ในดินแดนประเทศไทย.” ใน สังคมศึกษา ๕ (ประวัติศาสตร์ไทยส�ำหรับครู). นนทบุรี : สาขาศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช, ๒๕๒๙. . การเมอื งในประวตั ศิ าสตรย์ คุ สโุ ขทยั - อยธุ ยา พระมหาธรรมราชากษตั ราธริ าช. กรงุ เทพฯ : มตชิ น, ๒๕๔๖. . ศาสนาและการเมอื งในประวตั ศิ าสตร์สุโขทยั - อยุธยา. กรงุ เทพฯ : มติชน, ๒๕๔๕. . สโุ ขทัยเมอื งพระรว่ ง. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๓๑. ภารดี มหาขันธ์. รัตนโกสนิ ทร์ยุคปรับปรุงประเทศ (พ.ศ. ๒๓๙๔ - ๒๔๗๕). กรงุ เทพฯ : ไทยวัฒนาพานชิ จำ� กัด, ๒๕๒๗. 200


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook