กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขเอกสารอ้างอิง ๑. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง ยาสามญั ประจาำ บา้ น ฉบบั ท่ี ๒ (๒๕๓๗, ๓ ตุลาคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เล่ม ๑๑๑ ตอนพเิ ศษ ๔๒ ง. หน้า ๘๕. ๒. ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแหง่ ชาต ิ เรือ่ ง บญั ชยี าหลักแหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (พ.ศ. ๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หน้า ๔. (เอกสารแนบ ท้ายประกาศ หน้า ๒๓๒, ๒๓๙) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาสามัญประจำาบ้านแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (พ.ศ. ๒๕๕๖, ๑๔ กุมภาพนั ธ์). ราชกจิ จานุเบกษา. เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๒๑ ง. หนา้ ๔๒. ๔. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง ยาสามัญประจำาบ้าน ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๗, ๓ ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เลม่ ๑๑๑ ตอนพเิ ศษ ๔๒ ง. หน้า ๘๕. ๕. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอื่ ง ยาสามญั ประจาำ บ้านแผนโบราณ (พ.ศ. ๒๕๔๒, ๒๔ สงิ หาคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๑๖ ตอนพิเศษ ๖๗ ง. หน้า ๔๔. 81
ยาธาตุอบเชย ที่มาของตำารับยา สูตรตำารับน้ีเป็น เภสัชตำารับโรงพยาบาลอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยปรับสูตร ตำารับจากยาธาตุนำ้าเปลือกอบเชย ของหมอจันดี เข็มเฉลิม แพทย์ประจำาตำาบล เกาะขนนุ อาำ เภอพนมสารคาม จังหวดั ฉะเชิงเทรา “ยาธาตุนา้� เปลือกอบเชย ตัวยา (๑) เปลือกอบเชย ๕๐ กรัม (๒) เปลือกสมนุ แว้ง ๕๐ กรัม (๓) ชะเอมเทศ ๕๐ กรมั (๔) กานพลู ๕๐ กรมั (๕) การบูร ๑๐ กรัม (๖) เม็นทอล ๕ กรัม (๗) น้�าสะอาด ๕,๐๐๐ ซี.ซี.” สูตรตำารับยา ในนา้ำ ๑๐๐ มิลลลิ ิตร ประกอบด้วยตัวยา ๗ ชนิด รวมนำ้าหนัก ๔,๑๐๐ มิลลิกรมั (๑) ดังนี้ ตวั ยา น้าำ หนกั ยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กระวาน ๘๐๐ มลิ ลิกรัม ๘๐๐ มลิ ลิกรมั กานพลู ๘๐๐ มิลลกิ รมั ชะเอมเทศ ๘๐๐ มลิ ลกิ รมั สมุลแวง้ ๘๐๐ มิลลิกรัม อบเชยเทศ ๕๐ มลิ ลกิ รัม การบรู ๕๐ มิลลิกรัม เกล็ดสะระแหน่ สรรพคณุ ขับลม บรรเทาอาการทอ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ (๑) รูปแบบยา ยาตม้ (ดภู าคผนวก ๓.๑.๑) ขนาดและวิธกี ารใช้ ดม่ื คร้ังละ ๑๕-๓๐ มิลลลิ ิตร วันละ ๓ ครั้ง หลงั อาหาร เชา้ กลางวันและเย็น (๑) ขอ้ ควรระวัง ควรระวังการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยท่ีมีความผิดปรกติ ของตบั ไต เน่อื งจากอาจเกิดการสะสมของการบรู และเกดิ พิษได ้ (๑) ขอ้ มูลเพิม่ เตมิ ยาธาตุอบเชย เดิมชื่อ ยาธาตุน้ำาเปลือกอบเชย เป็นสูตรตำารับของหมอจันด ี เข็มเฉลิม แพทย์ประจำาตำาบลเกาะขนนุ อาำ เภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชงิ เทรา โดยผ้ใู หญ่วิบลู ย์ เขม็ เฉลิม (บตุ รชาย) ได้มอบสตู รตาำ รับใหโ้ ครงการสมุนไพร เพ่ือการพ่ึงตนเองเป็นผู้เผยแพร่สูตรตำารับ (๒) มีการใช้อย่างแพร่หลาย และ มกี ารปรบั สตู รตาำ รบั เพม่ิ เตมิ เชน่ เพม่ิ ลกู กระวาน ทง้ั นยี้ งั ไดต้ พี มิ พใ์ นตาำ ราแพทย์ โบราณทั่วไปสาขาเภสัชกรรมของกองการประกอบโรคศิลปะ สำานักงานปลัด กระทรวงสาธารณสุข (๓) และมีงานวิจยั (๔) รองรบั จงึ ช่วยสรา้ งการยอมรับ เพ่มิ ขน้ึ 82
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขเอกสารอา้ งองิ ๑. ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแหง่ ชาต ิ เรอ่ื ง บัญชียาหลกั แหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔ ง. หนา้ ๔. (เอกสารแนบท้าย ประกาศ หนา้ ๒๓๒) ๒. โครงการสมุนไพรเพ่ือการพึ่งตนเอง. ยาไทยที่ใช้ได้ผล. อนุสรณ์ฐานงานบรรจุอัฎฐ ิ หมอจนั ดี เข็มเฉลมิ , ๒๕๒๘. ๓. กองการประกอบโรคศิลปะ สำานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. ตำาราแพทย์แผนโบราณ ทวั่ ไป สาขาเภสัชกรรม. กรุงเทพฯ: โรงพิมพช์ มุ นมุ สหกรณ์แห่งประเทศไทย. ๒๕๔๑, หนา้ ๒๑๘. ๔. กำาไร กฤตศิลป์, กุลลณา ตนั ตปิ ระวรรณ, ขนษิ ฐา วัลลพี งษ,์ จริ ญั ญา มขุ ขันธ,์ ฉวีวรรณ ม่วงน้อย และคณะ. ประสิทธิผลและความปลอดภัยของยาธาตุอบเชยในการรักษาผู้ป่วย Functional Dyspepsia. สารศิรริ าช ๒๕๔๙; ๕๘(๑๑): ๑๑๐๓-๖. 83
ยานนทเสน ทม่ี าของตาำ รบั ยา ตำารายาเกรด็ (๑, ๒) “ยาบ�ารงุ เอา ดอกค�า ๑ สลงึ จันทนแ์ ดง ๒ สลงึ จนั ทนข์ าว ๒ สลงึ จนั ทนา ๒ สลงึ ชะเอมเทศ ๒ สลงึ กฤษณา ๑ สลึง รากมะกรูด ๑ สลงึ รากมะตูม ๑ สลงึ ชะลดู ๑ สลงึ รากแฝกหอม ๑ สลงึ ฝาง เท่ายาท้ังหลาย ต�าผงละลายน้�าฝางกิน บา� รุงเลือดแล ช่อื นนทเสน ๚” สตู รตาำ รบั ยา ประกอบด้วยตวั ยา ๑๑ ชนิด รวมนำา้ หนัก ๑๐๕ กรัม ดังนี้ ตัวยา นา้ำ หนักยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ฝาง ๕๒.๕ กรัม จันทนข์ าว ๗.๕ กรัม จันทน์แดง ๗.๕ กรัม จนั ทนา ๗.๕ กรัม ชะเอมเทศ ๗.๕ กรมั กฤษณา ๓.๗๕ กรมั คำาไทย ๓.๗๕ กรมั ชะลดู ๓.๗๕ กรัม แฝกหอม ๓.๗๕ กรัม มะกรูด ๓.๗๕ กรัม มะตมู (ราก) ๓.๗๕ กรมั สรรพคณุ บำารงุ โลหิต รูปแบบยา ยาผง (ดภู าคผนวก ๓.๒) ขนาดและวิธกี ารใช้ ละลายน้าำ ฝางกนิ ครัง้ ละ ๑ กรมั วันละ ๑ ครง้ั กอ่ นอาหารเช้า ขอ้ มลู เพ่ิมเติม ผงยาตอ้ งมขี นาดทสี่ ามารถผา่ นแรง่ เบอร์ ๘๐ ได้ เอกสารอ้างอิง ๑. “ตาำ รายาเกร็ด”. หอสมุดแหง่ ชาติ. หนงั สือสมดุ ไทยขาว. อักษรไทย. ภาษาไทย. เลขที่ ๒๕๑. หมวดตาำ ราเวชศาสตร์. ๒. ประกาศกำาหนดตำาราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาติ (ฉบับท่ี ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙, (๒๕๖๐, ๒๔ พฤษภาคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๔ ตอนพิเศษ ๑๓๙ ง, หนา้ ๑. 84
ยานา�้ มันแกแ้ ผลเป่ือย ท่มี าของตำารบั ยา ศลิ าจารึกตำารายาวัดพระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม (วัดโพธิ)์ (๑, ๒) “เปลอื กฝ่ินต้น ดีงตู ้น รากถวั่ พู นา�้ มันงา ต�าเอานา�้ ส่งิ ละจอก หุงให้คงแต่น้�ามัน เบญกานี สีเสียด ปรุงลงทาเป่อื ยหาย” สตู รตำารบั ยา ประกอบดว้ ยตวั ยา ๖ ชนดิ ดงั นี้ ตัวยา นำ้าหนักยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ดงี ูตน้ ๑๐๐ มลิ ลลิ ติ ร ถั่วพู ๑๐๐ มลิ ลลิ ิตร นำ้ามันงา ๑๐๐ มลิ ลิลิตร ฝน่ิ ตน้ ๑๐๐ มลิ ลลิ ิตร เบญกานี สีเสียดไทย ๑๕ กรัม ๑๕ กรมั สรรพคุณ แก้แผลสดและแผลเปอื่ ย รูปแบบยา ยานาำ้ มัน (ดูภาคผนวก ๓.๖) วิธปี รุงยา นำานำ้าเปลือกฝิ่นต้น น้ำาดีงูต้น นำ้ารากถั่วพู มาหุงกับน้ำามันงา ให้เหลือ แตน่ ำ้ามันงา แลว้ นำาน้าำ มันงาทีไ่ ด้ไปผสมกบั ผงเบญกานแี ละผงสีเสียดไทย ขนาดและวิธกี ารใช้ ทาบรเิ วณที่มีอาการ วันละ ๒ คร้งั เช้า และเยน็ กอ่ นทาใหท้ ำาความสะอาดแผล และ บรเิ วณใกล้เคยี งดว้ ยนำ้าเกลือลา้ งแผล คาำ เตือน ใชเ้ ฉพาะผิวหนงั ภายนอกเท่านน้ั ข้อหา้ มใช้ ห้ามทาบรเิ วณขอบตาและเนื้อเยอื่ อ่อน ข้อมลู เพิ่มเติม การเตรียมนำ้าเปลอื กฝิ่นตน้ น้าำ ใบดงี ตู ้น และน้ำารากถ่วั พ ู ทำาโดยการนำาสว่ นของ พืชสดที่ต้องการ ผสมนำ้าเลก็ น้อยโขลกใหล้ ะเอยี ด คน้ั เอานำา้ ให้ได้อย่างละ ๑๐๐ มลิ ลลิ ติ ร เอกสารอ้างองิ ๑. สำานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลอื ก. หนงั สอื ชดุ ตาำ ราภมู ปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทย ฉบบั อนรุ กั ษ ์ ตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยในศลิ าจารกึ วดั พระเชตุพนวิมลมงั คลาราม (วดั โพธิ์) เลม่ ๒. พมิ พ์ครง้ั ท่ี ๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ ทหารผา่ นศกึ ในพระบรมราชูปภัมภ,์ ๒๕๕๗. ๒. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๘, ๓๐ พฤศจิกายน). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๒ ตอนพิเศษ ๓๑๗ ง. 85
ยาบา� รุงเลือด สตู ร ๑ ที่มาของตาำ รบั ยา ตำารายาเกรด็ (๑, ๒) “ยาบ�ารงุ เลือด ใบคูน ๑ เจตมลู เพลิง ๑ สะคา้ น ๑ ขงิ ๑ ดีปลี ๑แห้วหมู ๑ สมอทัง้ ๓ บอระ เพด็ ๑ รากชา้ พลู ๑ พรกิ ๑ กระเทยี ม ๑ ลกู กระดอม ๑ ตม้ กินบา� รุงเลอื ด ๚” สตู รตาำ รับยา ประกอบดว้ ยตัวยา ๑๔ ชนดิ รวมนำ้าหนัก ๑๔ สว่ น ดงั น้ี กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตัวยา นำา้ หนกั ยา กระดอม ๑ ส่วน กระเทียม ๑ ส่วน ขิง ๑ สว่ น คูน (ใบ) ๑ ส่วน เจตมลู เพลงิ ๑ ส่วน ชะพล ู (ราก) ๑ ส่วน ดีปลี ๑ ส่วน บอระเพด็ ๑ ส่วน พริก ๑ ส่วน สมอเทศ ๑ สว่ น สมอไทย ๑ สว่ น สมอพิเภก ๑ สว่ น สะคา้ น ๑ ส่วน แห้วหมู ๑ สว่ น สรรพคุณ บำารงุ โลหติ รูปแบบยา ยาต้ม (ดูภาคผนวก ๓.๑.๑) ขนาดและวิธกี ารใช้ ดื่มคร้ังละ ๑๐๐-๒๐๐ มิลลิลิตร วันละ ๒ คร้ัง ก่อนอาหาร เช้าและเย็น ดื่มขณะยายงั อ่นุ อยู่ ขอ้ ห้ามใช้ หา้ มใชใ้ นหญงิ ตงั้ ครรภ ์ ผทู้ มี่ ไี ข ้ ผทู้ กี่ นิ ยาละลายลมิ่ เลอื ดและผทู้ ม่ี แี ผลในกระเพาะ อาหาร ข้อมลู เพ่ิมเตมิ ยา ๑ หมอ้ ใช้ตดิ ตอ่ กัน ๕-๗ วัน โดยให้อนุ่ น้ำาสมนุ ไพรทุกครง้ั กอ่ นใช้ยา เอกสารอา้ งองิ ๑. “ตาำ รายาเกรด็ ”. หอสมดุ แห่งชาติ. หนงั สือสมุดไทยขาว. อักษรไทย. ภาษาไทย. เลขที่ ๒๕๑. หมวดตาำ ราเวชศาสตร์. ๒. ประกาศกำาหนดตำาราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รับยาแผนไทยของชาติ (ฉบบั ที ่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙, (๒๕๖๐, ๒๔ พฤษภาคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๔ ตอนพเิ ศษ ๑๓๙ ง, หน้า ๑. 86
ยาบา� รุงเลือด สูตร ๒ ท่ีมาของตาำ รบั ยา ตำารายาเกรด็ (๑, ๒) “ยาต้มบา� รุงเลอื ด ท่านใหเ้ อา ดอกค�า ฝาง แกน่ ขนนุ แกน่ ประดู่ ดอกบัว ดอกบุนนาค ดอกมะลิ ดอกพกิ ุล เทียนตน้ ทัง้ ๕ เอาเสมอภาคตม้ กนิ บา� รงุ เลอื ดงามดีนักแล ๚” สูตรตาำ รับยา ประกอบดว้ ยตวั ยา ๙ ชนดิ รวมนาำ้ หนัก ๙ สว่ น ดังน้ี ตัวยา นาำ้ หนกั ยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ขนนุ ๑ สว่ น ๑ สว่ น คาำ ไทย ๑ ส่วน เทยี นตน้ (ท้ัง ๕) ๑ สว่ น บวั ๑ ส่วน ๑ ส่วน บนุ นาค ๑ สว่ น ประดู่ ๑ สว่ น ฝาง ๑ ส่วน พกิ ุล มะลิ สรรพคณุ บำารงุ โลหติ รปู แบบยา ยาตม้ (ดูภาคผนวก ๓.๑.๑) ขนาดและวธิ กี ารใช้ ดมื่ คร้ังละ ๑๐๐-๒๐๐ มิลลิลติ ร วนั ละ ๒ ครง้ั กอ่ นอาหาร เชา้ และเยน็ ด่มื ขณะยายังอนุ่ อยู่ ข้อมูลเพ่มิ เตมิ ยา ๑ หมอ้ ใช้ติดตอ่ กัน ๕-๗ วนั โดยใหอ้ ุน่ นาำ้ สมุนไพรทกุ ครั้งก่อนใชย้ า เอกสารอ้างอิง ๑. “ตำารายาเกรด็ ”. หอสมุดแหง่ ชาต.ิ หนังสอื สมดุ ไทยดำา. อักษรไทย. ภาษาไทย. เลขท่ี ๒๕๔. หมวดตาำ ราเวชศาสตร์. ๒. ประกาศกำาหนดตำาราการแพทย์แผนไทยของชาตแิ ละตาำ รับยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบับท่ี ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙, (๒๕๖๐, ๒๔ พฤษภาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๔ ตอนพิเศษ ๑๓๙ ง, หนา้ ๑. 87
ยาบ�ารงุ โลหิต ทม่ี าของตาำ รับยา สตู รตำารับทใ่ี กล้เคยี งตำารับน ้ี พบในคัมภรี แ์ พทยไ์ ทยแผนโบราณ ขุนโสภติ บรรณลักษณ์ เล่ม ๒(๑) “๑๗๒. ยาบา� รุงโลหติ เอาเบญจกลู สิง่ ละ ๑ บาท ดอกจนั ทน์ ลูกจนั ทน์ ลกู กระวาน กานพลู เทยี นทัง้ ๕ โกฐทง้ั ๕ ลกู สมอทั้ง ๓ ชะลดู อบเชย จันทนท์ ้ัง ๒ แก่นแสมทั้ง ๒ กฤษณา เอาสิง่ ละ ๒ สลึง ขม้ินเครอื มวกแดง กา� ลงั วัวเถลิง ดอกสาระภี ดอกพิกลุ ดอกบนุ นาค เกษรบวั หลวง เอาสิ่งละ ๑ บาท ครงั่ ๔ บาท ฝาง ๕ บาท ดอกคา� ไทย ๕ บาท ต้มกนิ หรือจะบดเปน็ ผงละลายนา�้ ร้อนกนิ กไ็ ด้” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สูตรตาำ รับยา ประกอบด้วยตัวยา ๓๘ ชนิด รวมน้ำาหนกั ๗๕ กรัม (๒) ดงั นี้ ตัวยา น้าำ หนกั ยา คำาไทย ๑๐ กรัม ฝาง ๑๐ กรมั คร่งั ๘ กรมั กาำ ลงั วัวเถลงิ ๒ กรัม ขมนิ้ เครอื ๒ กรัม ขงิ ๒ กรัม เจตมลู เพลงิ แดง ๒ กรมั ชะพลู (ราก) ๒ กรมั ดปี ลี ๒ กรมั บัวหลวง ๒ กรมั บนุ นาค ๒ กรัม พิกลุ ๒ กรมั มวกแดง ๒ กรัม สะคา้ น ๒ กรัม สารภี ๒ กรมั กระวาน ๑ กรัม กฤษณา ๑ กรัม กานพลู ๑ กรัม โกฐเขมา ๑ กรัม โกฐจฬุ าลัมพา ๑ กรมั โกฐเชยี ง ๑ กรมั โกฐสอ ๑ กรมั โกฐหัวบัว ๑ กรมั จันทนแ์ ดง ๑ กรมั 88
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขตัวยาน้ำาหนักยา ๑ กรัม ชะลดู ๑ กรัม ดอกจันทน์ ๑ กรมั เทียนขาว ๑ กรมั เทียนข้าวเปลือก ๑ กรมั เทยี นดาำ ๑ กรมั เทียนแดง ๑ กรมั เทยี นตาตั๊กแตน ๑ กรมั ลกู จนั ทน์ ๑ กรมั สมอดีงู ๑ กรมั สมอไทย ๑ กรมั สมอพเิ ภก ๑ กรัม แสมทะเล ๑ กรัม แสมสาร ๑ กรัม อบเชยเทศ สรรพคณุ บาำ รงุ โลหติ (๒) รูปแบบยา ยาผง (๒) (ดูภาคผนวก ๓.๒) ยาแคปซูล (๒) (ดูภาคผนวก ๓.๓) ยาเม็ด (๒) (ดูภาคผนวก ๓.๔.๒) ขนาดและวิธีการใช้ ชนิดผง กินครง้ั ละ ๑ กรมั ละลายน้ำากระสายยา วันละ ๒ ครงั้ ก่อนอาหาร เช้าและเยน็ กระสายยาท่ีใช้ - ใชน้ าำ้ ต้มดอกคาำ ไทย หรือดอกคำาฝอย - ถา้ หาน้าำ กระสายไม่ได้ให้ใช้นา้ำ สุกแทน ชนดิ แคปซลู และชนดิ เม็ด กินคร้งั ละ ๑ กรมั วันละ ๒ ครัง้ ก่อนอาหาร เช้าและเยน็ (๒) ข้อห้ามใช้ หา้ มใชก้ ับหญงิ ตั้งครรภ์ ผทู้ ่ีมไี ข ้ (๒) ข้อควรระวงั - ควรระวังการใช้ยากบั ผปู้ ว่ ยทีแ่ พ้ละอองเกสรดอกไม้ - ควรระวังการกนิ ร่วมกับยาในกลมุ่ สารกันเลอื ดเป็นลิม่ (anticoagulant) และ ยาต้านการจบั ตัวของเกลด็ เลือด (antiplatelet) (๒) เอกสารอ้างอิง ๑. ขุนโสภิตบรรณลักษณ ์ (อาำ พัน กติ ติขจร). คมั ภีรแ์ พทยไ์ ทยแผนโบราณ เล่ม ๒. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์อตุ สาหกรรมการพิมพ์, ๒๕๐๔. หน้า ๒๑๖. ๒. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแหง่ ชาต ิ เรื่อง บญั ชยี าหลกั แห่งชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หนา้ ๔. (เอกสารแนบท้าย ประกาศ หนา้ ๒๕๓) 89
ยาประสะกะเพรา ท่มี าของตำารบั ยา สตู รตาำ รับท่ใี กล้เคียงตำารับน ี้ พบในตาำ ราอายรุ เวทศกึ ษา (ขนุ นทิ เทสสขุ กจิ ) เลม่ ๒(๑) “ยาประสะกะเพรา ของหมอมา ตันสุภาพ เอาพริกไทย น้�าประสานทองสะตุ ขิงแห้ง ดีปลี กระเทยี ม สงิ่ ละ ๑ สลึง ชะเอม มหาหงิ ค์ุ สิ่งละ ๑ บาท ผวิ มะกรดู ๒ บาท เกลือสนิ เธาว์ ๑ เฟ้ือง ใบกระเพราเท่ายาทั้งหลาย บดด้วยน้�าสุรา ปั้นแท่งเท่าเม็ดพริกไทย ละลายน้�า น้�าสุรา กินแก้ท้องข้ึน ท้องเฟื้อ แกป้ วดมวนแทรกไพลหมกไฟปนกบั นา�้ สุรา” สตู รตำารบั ยา ประกอบดว้ ยตัวยา ๙ ชนดิ รวมนำา้ หนกั ๙๐ กรัม (๒) ดงั น้ี กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตัวยา นาำ้ หนกั ยา กะเพราแดง ๔๕ กรมั มะกรดู ๒๐ กรัม ชะเอมเทศ ๘ กรมั มหาหิงค์ุ ๘ กรมั กระเทยี ม ๒ กรมั ขิงแห้ง ๒ กรมั ดีปลี ๒ กรมั พริกไทยล่อน ๒ กรมั เกลือสินเธาว์ ๑ กรัม สรรพคณุ บรรเทาอาการท้องอดื ทอ้ งเฟ้อ จุกเสียด (๒, ๓) รูปแบบยา ยาผง (๒) (ดูภาคผนวก ๓.๒) ยาแคปซูล (๒) (ดูภาคผนวก ๓.๓) ยาเมด็ (๒, ๓) (ดูภาคผนวก ๓.๔.๑) ขนาดและวธิ ีการใช้ ชนิดผง เดก็ อายุ ๑-๓ เดือน กนิ คร้งั ละ ๑๐๐-๒๐๐ มลิ ลิกรมั อายุ ๔-๖ เดอื น กินครั้งละ ๒๐๐-๓๐๐ มลิ ลิกรมั อายุ ๗-๑๒ เดือน กนิ คร้ังละ ๔๐๐-๖๐๐ มิลลกิ รมั ละลายนาำ้ กระสายยา (ทงิ้ ไวใ้ หต้ กตะกอน แลว้ ใชห้ ลอดหยดดดู สว่ นนาำ้ ใส) กนิ วันละ ๒ ครัง้ กอ่ นอาหาร เชา้ และเยน็ เม่ือมอี าการ (๒) กระสายยาทีใ่ ช้ - แก้ทอ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ ใช้น้ำาสกุ หรอื น้าำ ใบกะเพราต้ม - แก้จกุ เสยี ด ใชไ้ พลเผาไฟให้พอสุก ฝนกับนำ้าสกุ (๒, ๓) 90
ชนิดแคปซลู และชนดิ เม็ด ข้อหา้ มใช้ เด็ก อายุ ๖-๑๒ ขวบ กนิ ครั้งละ ๑ กรัม วนั ละ ๒ ครง้ั ก่อนอาหาร ขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ เช้าและเย็น เมือ่ มอี าการ (๒) ห้ามใชใ้ นหญงิ ต้ังครรภ์ และผูท้ ีม่ ไี ข้ (๒) - การเตรยี มตวั ยามหาหิงค์กุ ่อนนำาไปใช ้ (ดูภาคผนวก ๒.๙) - สูตรตาำ รับยาประสะกะเพราตามประกาศยาสามญั ประจาำ บ้าน พ.ศ. ๒๕๓๗ (๔) มีตัวยา “นำ้าประสานทองสะตุ” เป็นสว่ นประกอบ แต่ได้ตัดออกจากสูตรตำารับ ตามประกาศยาสามญั ประจาำ บ้านแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๔๒ (๕) แลว้ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข เอกสารอา้ งองิ ๑. นิทเทส (ถมรัตน)์ พมุ่ ชูศร.ี อายุรเวทศกึ ษา (ขนุ นิทเทสสุขกจิ ) เล่ม ๒. กรุงเทพ ฯ: พร้อมจกั รการพมิ พ;์ ๒๕๑๖. หน้า ๒๖๓. ๒. ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแหง่ ชาต ิ เร่อื ง บญั ชยี าหลกั แหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หนา้ ๔. (เอกสารแนบท้าย ประกาศ หน้า ๒๓๓) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เร่ือง ยาสามัญประจำาบา้ นแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กมุ ภาพนั ธ์). ราชกจิ จานุเบกษา. เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๒๑ ง. หน้า ๓๘. ๔. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอ่ื ง ยาสามัญประจาำ บ้าน ฉบบั ท ่ี ๒ (๒๕๓๗, ๓ ตุลาคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ ๑๑๑ ตอนพิเศษ ๔๒ ง. หนา้ ๗๙. ๕. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอื่ ง ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ (๒๕๔๒, ๒๔ สงิ หาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เลม่ ๑๑๖ ตอนพเิ ศษ ๖๗ ง. หนา้ ๓๘. 91
ยาประสะกะเพราน้อย ชื่ออ่นื ประสะกะเพรา (๑-๔) ทีม่ าของตำารบั ยา ๑. ศิลาจารกึ ตำารายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธ)์ิ (๑, ๒) “ยาประสะกะเพรา เอายาด�า หิงคุย์ างโพ กระเทียม พริกไทย ดีปลี วา่ นนา�้ สงิ่ ละสว่ น ใบกะเพรา ๖ ส่วน ท�าเป็นจุณบดท�าแท่งไว้ละลาย น้�ามะกรูดก็ได้น้�าสุราก็ได้ ให้กินตามก�าลัง แก้ท้องข้ึนจุกเสียด อนั บังเกิดเพอ่ื ตานโจร อันชอื่ รตั ตะธาตุ ซง่ึ กระทา� ให้ปิดอุจจาระนน้ั ” ๒. เวชศาสตรฉ์ บับหลวงรชั กาลที่ ๕ เลม่ ๑ หนา้ ๓๙๒ (๓, ๔) “ยาชอ่ื ว่าประสะกะเพราขนานนี้ ท่านให้เอายาด�า หิงยางโพ กะเทียม พรกิ ไทย ดีปลี ว่านน�้า รวมยา ๖ สงิ่ น้เี อาเสมอภาค ใบกะเพราเทา่ ยาท้งั หลายท�าเปนจุณบดปัน้ แทง่ ไวล้ ะลายน�้ามะกรดู ก็ได้สุรา ก็ได้ กนิ เปนยาภายในแกท้ อ้ งขึน้ เปนยาประจา� ท้องกุมารทั้งปวงดนี ัก” ๓. แพทยศาสตรส์ งเคราะห์ เลม่ ๑ พระยาพิศณุประสาทเวช ร.ศ. ๑๒๘ (๕, ๖) “ยาช่ือประสระกระเพรา (น้อย) ขนานน้ีท่านให้เอา ยาด�า ๑ หิงคุ์ยางโพ ๑ กระเทียม ๑ พรกิ ไทย ๑ ดปี ลี ๑ หวา้ นน้�า ๑ รวมยา ๖ ส่งิ น้ีเอาเสมอภาค เอาใบกระเพราเทา่ ยาทงั้ หลายท�าเปนจณุ บดทา� แทง่ ไวล้ ะลายน�้ามะกรูดก็ได้, นา�้ สุราก็ได้ กนิ แกท้ ้องขน้ึ เปนยาประจา� ทอ้ งกมุ ารทง้ั ปวง” สูตรตำารับยา ประกอบดว้ ยตวั ยา ๗ ชนิด รวมน้าำ หนกั ๑๒ ส่วน ดงั นี้ ตวั ยา นา้ำ หนกั ยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กะเพรา ๖ สว่ น กระเทยี ม ๑ สว่ น ดีปลี ๑ ส่วน พรกิ ไทย ๑ ส่วน ยาดำา ๑ สว่ น ว่านน้าำ ๑ ส่วน หิงค์ุยางโพ ๑ ส่วน สรรพคุณ บรรเทาอาการทอ้ งอืด ทอ้ งเฟ้อ จุกเสียด ท้องผูก รูปแบบยา ยาเมด็ พิมพ์ ขนาด ๑๐๐ มิลลกิ รมั (ดูภาคผนวก ๓.๔.๑) ขนาดและวธิ ีการใช้ เด็ก อายุ ๑-๓ เดอื น กิน ครั้งละ ๑-๒ เมด็ อายุ ๓-๖ เดือน กิน คร้งั ละ ๒-๓ เม็ด อายุ ๖-๑๒ เดอื น กิน คร้ังละ ๔-๖ เมด็ อายุ ๑-๖ ขวบ กิน ครัง้ ละ ๕-๑๐ เม็ด อายุ ๖-๑๒ ขวบ กิน ครง้ั ละ ๑๐-๑๕ เมด็ 92
ละลายน้าำ มะกรดู หรอื นำ้าสุรา เพ่ิมลดไดต้ ามส่วน กนิ วันละ ๒ ครง้ั กอ่ นอาหาร เช้าและเยน็ ขอ้ หา้ มใช้ ห้ามใชใ้ นหญงิ ตัง้ ครรภแ์ ละผู้ทม่ี ไี ข้ ขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ การเตรียมตัวยายาดาำ ก่อนนาำ ไปใช้ (ดูภาคผนวก ๒.๑๒) เอกสารอ้างอิง ๑. สำานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก. ตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยในศลิ าจารกึ วดั พระเชตุพนวิมลมงั คลาราม (วดั โพธิ์) เล่ม ๒. พิมพค์ ร้ัง ที่ ๑. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์องคก์ ารสงเคราะห์ทหารผา่ นศกึ ในพระบรมราชูปภมั ภ์. ๒๕๕๗. ๒. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๘, ๓๐ พฤศจกิ ายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๒ ตอนพเิ ศษ ๓๑๗ ง. ๓. หอสมุดแหง่ ชาติ กรมศิลปากร. ตำาราเวชศาสตรฉ์ บับหลวง รัชกาลท ี่ ๕ เลม่ ๑. กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั อมรินทร ์ พร้นิ ติ้งแอนดพ์ ับลชิ ชิ่ง จาำ กดั (มหาชน), ๒๕๔๒. ๔. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาติและตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบับท ี่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๙, ๑๒ มกราคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๓ ตอนพิเศษ ๗ ง, หนา้ ๑-๓. ๕. พิศณปุ ระสาทเวช, พระยา. แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ เลม่ ๑. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ศภุ การ จำารูญถนนอัษฏางค;์ ร.ศ. ๑๒๘. ๖. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบบั ท ี่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๖๐, (๒๕๖๐, ๖ พฤศจกิ ายน). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๔ ตอนพเิ ศษ ๒๗๑ ง, หน้า ๑. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข 93
ยาประสะกานพลู ช่อื อ่ืน ประสระกานพลู (๑) ทีม่ าของตำารบั ยา สตู รตำารับที่ใกล้เคียงตาำ รับน ้ี พบในตำาราเวชศกึ ษา แพทย์ศาสตรส์ ังเขป เลม่ ๑ พระยาพิศณปุ ระสาทเวช ร.ศ. ๑๒๗(๑) “ยาประสระกานพลู เอาเทียนด�า ๑ เทยี นขาว ๑ โกฐสอ ๑ โกฐกระดกู ๑ มาศทงั้ ๒ การบนู ๑ ไคร้เครือ ๑ เปลือกเพกา ๑ เปลอื กขอ้ี ้าย ๑ ใบกระวาน ๑ ลกู กระวาน ๑ ลูกผกั ชี ๑ แฝกหอม ๑ ว่านนา�้ ๑ กะชาย ๑ เปราะ ๑ รากแจง ๑ กรงุ เขมา ๑ ยาเหลา่ น้หี นักส่งิ ละ ๑ บาท รากเข้าสานหนกั ๒ บาท เนอื้ ไม้ ๑ ลูกจัน ๑ ขมน้ิ ชนั ๑ ยาทั้งน้ีหนกั สิง่ ละ ๒ บาท น�้าประสารทอง ๑ ไพล ๑ เบญ็ จกลู ๑ ยาเหล่านห้ี นักสง่ิ ละ ๒ สลงึ ตรีกฏกุ หนกั สิง่ ละสลงึ เปลอื กซกิ หนกั ๒ บาท ๒ สลงึ กานพลเู ทา่ ยาทง้ั หลาย แก้ปวดมวน ลูกจนั ทน์เทศ ไพล กะทือหมกไฟเป็นกระสาย” สตู รตำารบั ยา ประกอบดว้ ยตัวยา ๓๐ ชนิด รวมนำ้าหนกั ๒๕๐ กรมั (๒) ดงั น้ี ตัวยา นา้ำ หนกั ยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กานพลู ๑๒๕ กรมั ซิก ๑๐ กรัม ขม้ินชัน ๘ กรัม ขา้ วสาร ๘ กรมั เน้อื ไม้ ๘ กรมั ลูกจันทน์ ๘ กรมั กระชาย ๔ กรมั ๔ กรมั กระวาน ๔ กรมั ๔ กรมั กรงุ เขมา ๔ กรมั การบรู ๔ กรัม กาำ มะถันเหลือง ๔ กรัม โกฐกระดูก ๔ กรมั โกฐสอ ๔ กรมั ขอี้ ้าย ๔ กรัม แจง ๔ กรัม เทยี นขาว ๔ กรัม เทียนดาำ ๔ กรัม ใบกระวาน เปราะหอม 94
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขตัวยา นาำ้ หนกั ยา แฝกหอม ๔ กรัม เพกา ๔ กรัม ลูกชีลา ๔ กรมั ว่านนำา้ ๔ กรัม ขงิ ๓ กรมั ดีปลี ๓ กรมั เจตมูลเพลงิ แดง ๒ กรมั ชะพลู (ราก) ๒ กรัม ไพล ๒ กรัม สะค้าน ๒ กรัม พริกไทยลอ่ น ๑ กรัม สรรพคุณ บรรเทาอาการปวดท้อง จุกเสียด แน่นเฟ้อจากอาหารไม่ย่อย เน่ืองจากธาตุ รปู แบบยา ไมป่ รกติ (๒, ๓) ขนาดและวธิ กี ารใช้ ยาผง (ดูผนวก ๓.๒) ยาแคปซูล (ดผู นวก ๓.๓) ยาเมด็ (ดผู นวก ๓.๔.๒) ชนิดผง กินคร้งั ละ ๑ กรมั ละลายนา้ำ กระสายยา วนั ละ ๓ ครงั้ หลงั อาหาร เมอื่ มีอาการ ข้อหา้ มใช้ กระสายยาทใ่ี ช้ ข้อควรระวงั - ใชไ้ พลเผาไฟใหพ้ อสุก ฝนกับนา้ำ ปนู ใสเปน็ นา้ำ กระสาย ข้อมลู เพิ่มเตมิ - หากหานาำ้ กระสายยาไมไ่ ด้ใหใ้ ช้นาำ้ สุกแทน ชนิดแคปซลู และชนิดเม็ด กินครัง้ ละ ๑ กรัม วันละ ๓ ครั้ง หลงั อาหาร เมื่อมอี าการ (๒, ๓) หา้ มใช้ในหญิงต้ังครรภ์ และผ้ทู ม่ี ไี ข้ (๒) ควรระวังการใช้ยาอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยท่ีมีความผิดปรกติ ของตับ ไต เนอื่ งจากอาจเกดิ การสะสมของการบูรและเกิดพษิ ได ้ (๒) สตู รตาำ รับยาประสะกานพลูตามประกาศยาสามญั ประจำาบ้าน พ.ศ. ๒๕๓๗ (๔) มตี วั ยา “นาำ้ ประสานทองสะตแุ ละไครเ้ ครอื ” เปน็ สว่ นประกอบ ซง่ึ นาำ้ ประสานทอง สะตุได้ตดั ออกจากสตู รตำารับตามประกาศยาสามัญประจาำ บ้านแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๔๒ (๕) สว่ น “ไครเ้ ครอื ” ไดต้ ดั ออกจากสตู รตำารบั เนอ่ื งจากมขี ้อมลู งาน วิจัยบ่งช้ีว่าไคร้เครือท่ีใช้และมีการจำาหน่ายในท้องตลาด เป็นพืชในสกุล Aristolochia ซ่งึ พชื ในสกุล Aristolochia มรี ายงานพบว่าก่อให้เกิดความเปน็ พิษต่อไต (nephrotoxicity) และเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๕ องค์การอนามัยโลกได้ ประกาศให้พืชสกุล Aristolochia เป็นสารกอ่ มะเร็งในมนษุ ย ์ (๒) 95
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขเอกสารอ้างองิ ๑. พิศณุประสาตรเวช, พระยา. เวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๗ หนา้ ๖๖. ๒. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแหง่ ชาต ิ เรอื่ ง บัญชียาหลกั แห่งชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔ ง. หน้า ๔. (เอกสารแนบทา้ ย ประกาศ หนา้ ๒๓๔) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง ยาสามัญประจำาบา้ นแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กุมภาพนั ธ)์ . ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๒๑ ง. หนา้ ๓๘. ๔. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรอื่ ง ยาสามญั ประจาำ บา้ น ฉบับท ี่ ๒ (๒๕๓๗, ๓ ตลุ าคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ ๑๑๑ ตอนพเิ ศษ ๔๒ ง. หน้า ๘๖. ๕. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอ่ื ง ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ (๒๕๔๒, ๒๔ สงิ หาคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. เล่ม ๑๑๖ ตอนพเิ ศษ ๖๗ ง. หนา้ ๓๙. 96
ยาประสะจนั ทน์แดง ช่ืออื่น ประสระจนั ทนแ์ ดง (๑) ที่มาของตำารับยา สูตรตำารับท่ีใกล้เคียงตำารับนี้ พบในต�าราเวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑ พระยาพิศณุประสาทเวช ร.ศ. ๑๒๗(๑) “ยาประสระจันทน์แดง รากเหมอื ดคน ๑ ตา� ลงึ รากมะปรางหวาน ๑ ตา� ลงึ รากมะนาว ๑ ตา� ลึง เปราะหอม ๑ ตา� ลึง โกฐหัวบัว ๑ ตา� ลึง จนั ทนเ์ ทศ ๑ ตา� ลึง ฝางเสน ๑ ต�าลงึ เกสรบวั หลวง ๑ บาท เกสรสารภี ๑ บาท เกสรบนุ นาค ๑ บาท ดอกมะลิซ้อน ๑ บาท จนั ทนแ์ ดงเท่ายาท้งั หลาย แก้ไขร้ ้อนเชอ่ื ม มัวกระหายน�า้ แก้คถู เสมหะเปน็ พษิ นา�้ ดอกไม้ เหมือดคน รากมะนาว รากมะปรางหวาน ฝน ฯ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สตู รตาำ รบั ยา ประกอบด้วยตัวยา ๑๒ ชนิด รวมนา้ำ หนกั ๖๔ กรัม (๒) ดงั นี้ ตัวยา นา้ำ หนกั ยา จันทนแ์ ดง ๓๒ กรัม โกฐหัวบวั ๔ กรมั จนั ทนเ์ ทศ ๔ กรมั เปราะหอม ๔ กรัม ฝางเสน ๔ กรมั มะนาว (ราก) ๔ กรมั มะปรางหวาน ๔ กรัม เหมอื ดคน ๔ กรัม บวั หลวง ๑ กรัม บุนนาค ๑ กรัม มะลิ ๑ กรัม สารภี ๑ กรมั สรรพคณุ บรรเทาอาการไขต้ วั ร้อน (ไขพ้ ษิ ) แก้รอ้ นในกระหายน้ำา (๒, ๓) รูปแบบยา ยาผง (ดูผนวก ๓.๒) ยาแคปซลู (ดูผนวก ๓.๓) ยาเมด็ (ดผู นวก ๓.๔.๒) ขนาดและวิธีการใช้ ชนิดผง ผูใ้ หญ่ กินครงั้ ละ ๑ กรมั ละลายน้ำากระสายยา ทุก ๓-๔ ช่วั โมง เด็ก อายุ ๖-๑๒ ขวบ กนิ ครัง้ ละ ๕๐๐ มลิ ลกิ รัม ละลายนา้ำ กระสายยา ทกุ ๓-๔ ชว่ั โมง 97
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข นำ้ากระสายทีใ่ ช้ ใชน้ าำ้ สกุ หรือนำ้าดอกมะล ิ (๒, ๓) ชนดิ แคปซลู และชนิดเมด็ ผู้ใหญ่ กินครัง้ ละ ๑ กรมั ทกุ ๓-๔ ช่วั โมง เด็ก อายุ ๖-๑๒ ขวบ กนิ คร้งั ละ ๕๐๐ มิลลกิ รมั ทกุ ๓-๔ ชวั่ โมง (๒, ๓) ขอ้ ควรระวงั - ควรระวงั การใช้ยาในผูป้ ่วยท่ีแพ้ละอองเกสรดอกไม้ (๒) - ไม่แนะนำาให้ใช้ในผู้ที่สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก เนื่องจากอาจบดบังอาการ ของไข้เลือดออก (๒) - กรณีบรรเทาอาการไข้ ร้อนในกระหายนำ้า หากใช้ยาเป็นเวลานานเกิน ๓ วนั แลว้ อาการไมด่ ขี น้ึ ควรปรกึ ษาแพทย์ (๒) เอกสารอา้ งองิ ๑. พิศณุประสาตรเวช, พระยา. เวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ไทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๗ หนา้ ๗๔. ๒. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแหง่ ชาต ิ เรื่อง บญั ชยี าหลกั แห่งชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หนา้ ๔. (เอกสารแนบทา้ ย ประกาศ หน้า ๒๔๖) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรอ่ื ง ยาสามญั ประจำาบ้านแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กุมภาพันธ)์ . ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๒๑ ง. หนา้ ๔๓. 98
ยาประสะเจตพังคี ชื่ออนื่ ประสระเจตพงั ค ี (๑) ทม่ี าของตำารับยา สตู รตำารับทใี่ กลเ้ คียงตำารบั น ี้ พบในตาำ ราเวชศึกษา แพทยศ์ าสตร์สงั เขป เลม่ ๑ พระยาพศิ ณุประสาทเวช ร.ศ. ๑๒๗(๑) “ยาประสระเจตพังคี เอา ดอกจนั ๑ ลูกจนั ๑ ลกู กระวาน ๑ กานพลู ๑ ใบกระวาน ๑ กรุงเขมา ๑ ไครเ้ ครอื ๑ การบนู ๑ ลูกสมอทะเล ๑ พระยารากขาว ๑ เปลอื กหวา้ ๑ เกลือสินเธาว์ ๑ ยาท้งั นี้ เอาสงิ่ ละ ๒ สลงึ พรกิ ไทย ๑ บาท บรเพด็ ๑ บาท ข่า ๘ บาท ระยอ่ ม ๔ ต�าลงึ เจตพังคี ๘ ต�าลงึ น้�ากระสายต่าง ๆ แกล้ มกไษยท้าวมือเย็น” สตู รตำารบั ยา ประกอบดว้ ยตวั ยา ๑๖ ชนิด รวมนา้ำ หนกั ๖๖ กรมั (๒) ดงั น้ี กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตวั ยา นาำ้ หนักยา เจตพงั คี ๓๓ กรัม ขา่ ๑๖ กรัม ๒ กรัม บอระเพ็ด ๒ กรมั พรกิ ไทยล่อน ๒ กรัม ระย่อม ๑ กรัม ๑ กรัม กระวาน ๑ กรัม ๑ กรมั กรุงเขมา ๑ กรมั กานพลู ๑ กรมั การบรู ๑ กรมั เกลือสินเธาว์ ๑ กรมั ดอกจันทน์ ๑ กรมั ใบกระวาน ๑ กรมั พญารากขาว ๑ กรัม ลกู จนั ทน์ สมอทะเล (ผล) หว้า 99
สรรพคุณ แก้จกุ เสียด ขับผายลม (๒) รปู แบบยา ยาผง (ดผู นวก ๓.๒) ยาแคปซูล (ดูผนวก ๓.๓) ยาเม็ด (ดผู นวก ๓.๔.๒) ขนาดและวธิ กี ารใช้ ชนดิ ผง ละลายนำ้าสุก กนิ ครั้งละ ๑ กรมั วันละ ๒ คร้งั กอ่ นอาหาร เชา้ และเยน็ (๒, ๓) ชนิดแคปซูลและชนิดเม็ด ข้อห้ามใช้ ข้อควรระวัง กินคร้ังละ ๑ กรมั วันละ ๒ ครงั้ ก่อนอาหาร เชา้ และเยน็ (๒, ๓) หา้ มใชใ้ นหญิงตัง้ ครรภ์ และผู้ทม่ี ีไข้ (๒) ข้อมลู เพิ่มเติม ควรระวังการใช้ยาอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะอย่างย่ิงในผู้ป่วยท่ีมีความผิดปรกติ ของตบั ไต เน่อื งจากอาจเกิดการสะสมของการบูรและเกดิ พิษได้ (๒) ในสตู รตาำ รบั ไดต้ ดั ไครเ้ ครอื ออก เนอ่ื งจากมขี อ้ มลู งานวจิ ยั บง่ ชวี้ า่ ไครเ้ ครอื ทใ่ี ชแ้ ละ มีการจำาหน่ายในท้องตลาด เป็นพืชในสกุล Aristolochia ซ่ึงพืชในสกุล Aristolochia มีรายงานพบวา่ ก่อใหเ้ กดิ ความเปน็ พษิ ตอ่ ไต (nephrotoxicity) และเม่อื พ.ศ. ๒๕๔๕ องคก์ ารอนามัยโลกได้ประกาศใหพ้ ชื สกุล Aristolochia เปน็ สารกอ่ มะเร็งในมนษุ ย ์ (๒) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข เอกสารอา้ งอิง ๑. พิศณุประสาตรเวช, พระยา. เวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พไ์ ทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๗ หน้า ๘๐. ๒. ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔ ง. หนา้ ๔. (เอกสารแนบ ท้ายประกาศ หน้า ๒๓๕) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เร่ือง ยาสามัญประจำาบ้านแผนโบราณ พ.ศ.๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กมุ ภาพนั ธ์). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๒๑ ง. หน้า ๔๐. 100
ยาประสะนา้� นม ชื่ออน่ื ยาต้มประสะนาำ้ นม ทม่ี าของตาำ รับยา ตำาราเวชศาสตรฉ์ บับหลวง รชั กาลท ี่ ๕ เล่ม ๑ (๑, ๒) “ยาตม้ ประสะนา�้ นมขนานน้ี ทา่ นใหเ้ อาสมอไทย ขงิ แหง้ แหว้ หมู ศิรยิ า ๓ ส่ิงนี้เอา เสมอภาค ต้ม ๓ เอา ๑ กินแปรนา�้ นมรา้ ยใหเ้ ปนดแี ล” สตู รตำารบั ยา ประกอบด้วยตวั ยา ๓ ชนิด รวมน้ำาหนัก ๔๕ กรัม ดังนี้ ตวั ยา นาำ้ หนักยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ขงิ แหง้ ๑๕ กรัม สมอไทย ๑๕ กรมั แห้วหมู ๑๕ กรมั สรรพคณุ กินแปรนำา้ นมรา้ ยให้เปน็ ดี รูปแบบยา ยาตม้ (ดูภาคผนวก ๓.๑.๓) ขนาดและวิธีการใช้ ดืม่ คร้งั ละ ๑๐๐-๑๕๐ มลิ ลลิ ติ ร วนั ละ ๒ ครั้ง กอ่ นอาหาร เช้าและเย็น ระหวา่ งการใช้ยานี้ หา้ มกินอาหารหรอื เครือ่ งดืม่ ทีม่ รี สเยน็ คำาเตอื น - อุ่นนำา้ สมุนไพรทกุ คร้ังก่อนกนิ ยา ขอ้ มูลเพมิ่ เติม - ยา ๑ หม้อ ใชต้ ดิ ต่อกนั ประมาณ ๗ วนั เมอ่ื ครบ ๗ วัน จงึ เปลี่ยนตัวยาใหม่ เอกสารอ้างอิง ๑. หอสมุดแห่งชาต ิ กรมศลิ ปากร. ตำาราเวชศาสตร์ฉบบั หลวง รัชกาลท่ี ๕ เลม่ ๑. กรงุ เทพฯ: บริษทั อมรินทร ์ พร้ินตงิ้ แอนด์พบั ลิชชงิ่ จำากัด (มหาชน), ๒๕๔๒. ๒. ประกาศกาำ หนดตำาราการแพทย์แผนไทยของชาติและตำารับยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบับที ่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๙, ๑๒ มกราคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ ๑๓๓ ตอนพเิ ศษ ๗ ง, หน้า ๑-๓. 101
ยาประสะเปราะใหญ่ ที่มาของตำารับยา สตู รตำารับท่ใี กล้เคียงตำารับน ี้ พบใน คมั ภรี ์แพทย์ไทยแผนโบราณ ขนุ โสภติ บรรณลักษณ์ เลม่ ๒(๑) “ยาประสะเปราะใหญ่ แกพ้ ิษไขต้ านซางตานขะโมย แกล้ มซางทัง้ ปวง แก้ลมผู้ใหญ่กไ็ ด้ เอาโกฐ ทง้ั ๕ เทยี นทัง้ ๕ ลูกจนั ทน์ ดอกจันทน์ ลูกกระวาน กานพลู จนั ทนท์ ้ัง ๒ ดอกบนุ นาค ดอกสารภี ดอกพกิ ลุ เกสรบวั หลวง เอาสง่ิ ละ ๑ บาท เอาว่านเปราะเท่ายาทง้ั หลาย บดปน้ั แทง่ ละลายนา้ำ ดอกไมห้ รือ นา้ำ ซาวขา้ วกินและชะโลม” สูตรตำารับยา ประกอบดว้ ยตัวยา ๒๑ ชนิด รวมนาำ้ หนัก ๘๐ กรมั (๒) ดงั นี้ ตวั ยา นาำ้ หนักยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข เปราะหอม ๔๐ กรัม ๒ กรัม กระวาน ๒ กรัม ๒ กรัม กานพลู ๒ กรัม โกฐเขมา ๒ กรัม โกฐจุฬาลมั พา ๒ กรัม โกฐเชยี ง ๒ กรัม โกฐสอ ๒ กรัม โกฐหวั บวั ๒ กรัม จันทนแ์ ดง ๒ กรมั จันทนเ์ ทศ ๒ กรมั ดอกจนั ทน์ ๒ กรมั เทยี นขาว ๒ กรัม เทยี นข้าวเปลอื ก ๒ กรมั เทียนดาำ ๒ กรมั เทยี นแดง ๒ กรมั เทียนตาตก๊ั แตน ๒ กรัม บัวหลวง ๒ กรมั บนุ นาค ๒ กรมั พิกลุ ๒ กรัม ลกู จันทน์ สารภี 102
สรรพคุณ ถอนพษิ ไขต้ านซางสาำ หรับเด็ก (๒, ๓) รปู แบบยา ยาผง (๒, ๓) (ดูภาคผนวก ๓.๒) ยาแคปซูล (๒) (ดภู าคผนวก ๓.๓) ยาเม็ด (๒) (ดภู าคผนวก ๓.๔.๑) ขนาดและวธิ ีการใช้ ชนดิ ผงและชนดิ เมด็ เดก็ อายุ ๑-๕ ขวบ กินคร้ังละ ๕๐๐ มิลลิกรัม-๑ กรัม ละลายนำ้า กระสายยาทกุ ๓-๔ ชั่วโมง (๒) กระสายยาท่ใี ช้ นาำ้ ดอกไมเ้ ทศหรอื นำ้าสกุ (๒, ๓) ชนดิ แคปซูลและชนิดเมด็ ข้อควรระวัง เดก็ อาย ุ ๖-๑๒ ขวบ กนิ คร้งั ละ ๑ กรัม ทกุ ๓-๔ ชวั่ โมง (๒) - ควรระวงั ในการกนิ รว่ มกบั ยาในกลมุ่ สารกนั เลอื ดเปน็ ลมิ่ (anticoagulant) และ ยาตา้ นการจับตัวของเกลด็ เลอื ด (antiplatelet) - ควรระวังการใช้ยาในผ้ปู ว่ ยทแ่ี พ้ละอองเกสรดอกไม้ - ไม่แนะนำาให้ใช้ในผู้ท่ีสงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก เนื่องจากอาจบดบังอาการ ขอ้ มูลเพมิ่ เติม ของไข้เลอื ดออก - หากใชย้ าเป็นเวลานานเกิน ๓ วัน แลว้ อาการไมด่ ขี ึ้น ควรปรกึ ษาแพทย์ (๒) - ในบัญชียาสามัญประจำาบ้านฯ ระบุว่าถอนพิษไข้ตานทรางสำาหรับเด็กอายุ ตำา่ กวา่ ๕ ขวบ นอกจากการกนิ ยา สามารถใช้ยาผงผสมนำ้าสรุ าสมุ กระหม่อม รว่ มดว้ ยได้ (๓) - จากความเห็นของผู้เชย่ี วชาญ ขนาดยาที่ใชส้ มุ กระหม่อมขึน้ อยู่กบั ขนาด กระหม่อมเด็ก และควรเล่ียงการใช้ในเด็กท่ีมีพัฒนาการของกะโหลกศีรษะ ผดิ ปรกติ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข เอกสารอา้ งองิ ๑. ขุนโสภิตบรรณลักษณ์ (อำาพัน กติ ติขจร). คมั ภรี แ์ พทย์ไทยแผนโบราณ เล่ม ๒. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพอ์ ุตสาหกรรมการพมิ พ,์ ๒๕๐๔. หน้า ๑๗๖. ๒. ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแหง่ ชาติ เรอ่ื ง บัญชียาหลกั แหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔ ง. หน้า ๔. (เอกสารแนบ ทา้ ยประกาศ หนา้ ๒๔๗) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรื่อง ยาสามญั ประจำาบ้านแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กุมภาพันธ์). ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๒๑ ง. หน้า ๔๘. 103
ยาประสะผิวมะกรดู ท่มี าของตำารบั ยา คัมภรี ์แพทย์ไทยแผนโบราณ ขนุ โสภิตบรรณลกั ษณ ์ เล่ม ๒ (๑) “ยาประสะผิวมะกรดู เอาใบคนทสิ อ ใบหนาด ใบผกั เสย้ี นผี พริกไทย ขิง ดีปลี กะทือ ไพล หัวหอม หัวกระเทียม ขา่ สารส้ม เอาส่ิงละเสมอภาค เอาผิวมะกรดู เท่ายาท้งั หลาย บดป้นั เป็นเม็ด ละลาย นา�้ รอ้ นหรอื สรุ ากินครง้ั ละ ๓ หรือ ๕ เม็ด ขบั เลือดร้ายในเรือนไฟ แกป้ วดทอ้ งเม่ือคลอดลกู เพราะเลอื ด ไมต่ ก เปน็ ยาบา� รงุ โลหิตใหร้ ะดูงามดี” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สตู รตำารบั ยา ประกอบดว้ ยตวั ยา ๑๓ ชนดิ รวมนำ้าหนกั ๙๐ กรมั ดงั น้ี ตวั ยา นา้ำ หนักยา มะกรูด ๔๕ กรัม กระเทียม ๓.๗๕ กรมั กะทอื ๓.๗๕ กรมั ข่า ๓.๗๕ กรมั ๓.๗๕ กรมั ขิง ๓.๗๕ กรัม ๓.๗๕ กรัม คนทสี อ (ใบ) ๓.๗๕ กรมั ดปี ลี ๓.๗๕ กรมั ผักเสี้ยนผี ๓.๗๕ กรัม พรกิ ไทย ๓.๗๕ กรัม ไพล ๓.๗๕ กรัม สารส้ม ๓.๗๕ กรัม หนาด (ใบ) หอม สรรพคุณ ขบั เลอื ดและขับนาำ้ คาวปลาหลังคลอด แกป้ วดทอ้ งจากการคลอดลกู ขับโลหิต ประจาำ เดือนใหม้ าตามปรกติ รปู แบบยา ยาเม็ด ขนาด ๓๐๐ มิลลิกรมั (ดูภาคผนวก ๓.๔.๒) ขนาดและวิธกี ารใช้ กินคร้ังละ ๓-๕ เม็ด ละลายน้ำาร้อนหรือเหล้า วันละ ๒ คร้ัง ก่อนอาหาร เช้าและเย็น ข้อห้ามใช้ ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์ ผ้ปู ว่ ยทีม่ ไี ข้และผปู้ ่วยทีม่ ภี าวะตกเลือดหลังคลอด ขอ้ ควรระวัง ระหว่างการใช้ยานี้ ห้ามกินอาหารหรือเคร่อื งด่มื ทมี่ รี สเย็น ขอ้ มูลเพิม่ เติม การเตรยี มตวั ยาสารสม้ ก่อนนำาไปใช้ (ดภู าคผนวก ๒.๒๐) เอกสารอ้างองิ ๑. ขุนโสภิตบรรณลักษณ ์ (อาำ พัน กิตตขิ จร). คมั ภรี แ์ พทย์ไทยแผนโบราณ เลม่ ๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพอ์ ตุ สาหกรรมการพมิ พ์, ๒๕๐๔. 104
ยาประสะไพล ชอื่ อนื่ ประสระไพล (๑) ทมี่ าของตาำ รบั ยา สูตรตำารับทใ่ี กลเ้ คียงตำารับน ี้ พบใน ๑.ตาำ ราเวชศกึ ษา แพทย์ศาสตรส์ งั เขป เลม่ ๑ พระยาพศิ ณปุ ระสาทเวช ร.ศ. ๑๒๗(๑) “ยาประสระไพล เอาผิวมกรูด ๒ ตา� ลึง ว่านนา�้ ๒ ต�าลึง กะเทียม ๒ ตา� ลงึ หอม ๒ ตา� ลงึ พริกไทย ๒ ต�าลึง ดีปลีหนกั ๒ ต�าลึง ขงิ หนัก ๒ ตา� ลึง ขมน้ิ ออ้ ย ๒ ต�าลงึ เทียนด�าหนัก ๒ ต�าลงึ เกลือ สนิ เธาว์ ๒ ตา� ลึง การบูน ๑ บาท ตา� ผงแกจ้ กุ เสยี ดนา�้ รอ้ น” ๒. ตำาราอายรุ เวทศึกษา ขุนนิทเทสสขุ กิจ เลม่ ๒ (๒) “ยาประสะไพล เอาผวิ มะกรูด ว่านน้า� กระเทียม หอม พริกไทย ดีปลี ขงิ ขมิ้นออ้ ย เทยี นดา� เกลอื สินเธาว์ส่ิงละ ๒ ตา� ลึงการบรู ๑ บาท ไพลเทา่ ยาทงั้ หลายต�าผง กินแกจ้ ุกเสยี ดนา�้ ร้อน” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สตู รตาำ รบั ยา ประกอบด้วยตัวยา ๑๒ ชนดิ รวมน้ำาหนกั ๑๖๒ กรมั (๓) ดังน้ี ตัวยา นำา้ หนักยา ไพล ๘๑ กรัม กระเทยี ม ๘ กรมั เกลือสินเธาว์ ๘ กรมั ขมนิ้ ออ้ ย ๘ กรัม ขงิ ๘ กรัม ๘ กรมั ดีปลี ๘ กรมั เทยี นดำา ๘ กรัม พริกไทยลอ่ น ๘ กรมั มะกรูด ๘ กรมั ว่านนาำ้ ๘ กรัม หอม ๑ กรัม การบูร สรรพคณุ ระดมู าไมส่ มา่ำ เสมอหรอื มานอ้ ยกวา่ ปรกต ิ (๓) บรรเทาอาการปวดประจาำ เดอื น (๓, ๕-๗) ขบั นำ้าคาวปลาในหญิงหลงั คลอดบตุ ร (๓, ๔) แก้ระดูไม่ปรกติ (๔) แกจ้ กุ เสยี ด (๔) รูปแบบยา ยาผง (๓, ๔) (ดูภาคผนวก ๓.๒) ยาเม็ด (๓, ๔) (ดูภาคผนวก ๓.๔.๒) ยาแคปซูล (๓, ๔) (ดภู าคผนวก ๓.๓) ยาลกู กลอน (๓) (ดภู าคผนวก ๓.๕) 105
ขนาดและวิธีการใช้ กรณรี ะดมู าไมส่ มา่ำ เสมอหรอื มาน้อยกว่าปรกติ ชนดิ ผง กนิ คร้ังละ ๑ กรัม ละลายนา้ำ สุก วันละ ๓ คร้ัง ก่อนอาหาร เชา้ กลางวัน และ เย็น เปน็ เวลา ๓-๕ วนั เม่ือระดูมาใหห้ ยุดกนิ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ชนิดแคปซูล ชนิดเมด็ และชนิดลกู กลอน กินครั้งละ ๑ กรมั วันละ ๓ ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน และเยน็ เป็นเวลา ๓-๕ วัน เมอ่ื ระดมู าให้หยุดกนิ (๓) กรณีปวดประจำาเดอื น* ชนิดผง กินคร้ังละ ๑ กรัม ละลายน้ำาสกุ วนั ละ ๓ ครง้ั ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน และเยน็ ชนิดแคปซลู ชนดิ เมด็ และชนดิ ลกู กลอน กินครั้งละ ๑ กรมั วันละ ๓ คร้งั กอ่ นอาหาร เชา้ กลางวนั และเยน็ (๓) *ในกรณีท่ีมีอาการปวดประจ�าเดือนเป็นประจ�า ให้กินยาก่อนมีประจ�าเดือน ๒-๓ วันไปจนถงึ วันแรกและวนั ทีส่ องท่มี ีประจา� เดือน กรณขี บั นำา้ คาวปลาในหญงิ หลังคลอดบตุ ร ชนิดผง กินครง้ั ละ ๑ กรัม ละลายนาำ้ สุก (๓, ๔) หรอื นาำ้ สุรา (๔) วันละ ๓ ครั้ง กอ่ นอาหาร เช้า กลางวัน และเยน็ ให้กนิ จนกว่านาำ้ คาวปลาจะหมด แต่ไม่เกิน ๑๕ วัน ชนิดแคปซลู ชนดิ เมด็ และชนิดลูกกลอน กินครัง้ ละ ๑ กรัม วันละ ๓ คร้ัง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน และเยน็ ให้กนิ จนกว่าน้ำาคาวปลาจะหมด แตไ่ ม่เกนิ ๑๕ วนั (๓, ๔) กรณีระดมู าไม่ปรกติ ชนดิ ผง กินคร้ังละ ๕๐๐ มิลลิกรัม-๑ กรัม ละลายน้ำาสุกหรือนำ้าสุรา วันละ ๓ คร้ัง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน และเย็น ชนดิ เมด็ และชนดิ แคปซูล กินครงั้ ละ ๕๐๐ มลิ ลิกรมั -๑ กรัม วันละ ๓ ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า กลางวนั และ เยน็ (๔) 106
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กรณีแกจ้ กุ เสียด ชนดิ ผง กนิ ครัง้ ละ ๐.๕-๑ กรัม ละลายน้ำาสุก หรือน้ำาสรุ า วนั ละ ๓ คร้งั ก่อนอาหาร เช้า กลางวนั และเย็น ชนดิ เมด็ และชนดิ แคปซูล กนิ ครง้ั ละ ๐.๕-๑ กรมั วนั ละ ๓ คร้ัง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน และเยน็ (๔) ขอ้ ห้ามใช้ - หา้ มใชใ้ นหญงิ ตกเลอื ดหลงั คลอด หญงิ ต้งั ครรภ ์ และผทู้ ี่มีไข้ - หา้ มกินในหญงิ ทีม่ ีระดมู ากกว่าปรกต ิ เพราะจะทำาให้มีการขบั ระดูออกมามากขน้ึ (๓) ข้อควรระวงั - ควรระวังการใช้ยาอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีความผิดปรกติ ของตับ ไต เน่ืองจากอาจเกิดการสะสมของการบรู และเกิดพิษได้ - กรณรี ะดูมาไมส่ มำ่าเสมอหรอื มาน้อยกวา่ ปรกต ิ ไมค่ วรใชต้ ดิ ต่อกันนานเกิน ๑ เดอื น - กรณขี ับนาำ้ คาวปลาในหญงิ หลังคลอดบุตร ไม่ควรใช้ตดิ ตอ่ กันนานเกนิ ๑๕ วัน (๓) เอกสารอา้ งอิง ๑. พิศณุประสาตรเวช, พระยา. เวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพไ์ ทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๗ หนา้ ๗๘. ๒. นิทเทส (ถมรัตน์) พุ่มชูศรี. อายุรเวทศึกษา (ขุนนิทเทสสุขกิจ) เล่ม ๒. กรุงเทพฯ: พร้อมจกั รการพิมพ,์ ๒๕๑๖. ๓. ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาต ิ เรื่อง บัญชียาหลกั แหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หน้า ๔. (เอกสารแนบทา้ ย ประกาศ หน้า ๒๔๒) ๔. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง ยาสามัญประจาำ บา้ นแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กมุ ภาพนั ธ์). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๒๑ ง. หนา้ ๔๗. ๕. กฤษฎา จักรไชย. การตั้งตำารับและการประเมินความพึงพอใจของผู้ป่วยในการใช้ ยาประสะไพลรักษาอาการปวดประจำาเดือนชนิดปฐมภูมิ ณ ศูนย์บริการทางการแพทย์ มหาวิทยาลัย มหาสารคาม [วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาเภสชั ศาสตรบ์ ณั ฑติ ]. มหาสารคาม: มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม; ๒๕๕๑. ๖. สริ ภพ ซาซมุ . การพฒั นาตาำ รบั ยาแคปซลู ประสะไพลสกดั และประสทิ ธภิ าพในการรกั ษาอาการ ปวดประจำาเดือนชนิดปฐมภูมิ [วิทยานิพนธ์ปริญญาเภสัชศาสตร์บัณฑิต]. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัย มหาสารคาม; ๒๕๕๓. ๗. Sriyakul K, Kietinun S, Pattaraarchachai J, Ruangrungsi N. A comparative double-blinded randomized study: the efficacy of prasaplai herbal extract versus mefenamic acid in relieving pain among primary dysmenorrhea patients. Open Complement Med J. ๒๐๑๒;๔:๑๖-๒๑. 107
ยาประสะมะแวง้ ที่มาของตำารับยา สูตรตำารับท่ีใกล้เคียง คือ ยาประสะมะแว้ง ในประกาศยาสามัญประจำาบ้าน พ.ศ. ๒๔๙๘ (๑) ดังที่บันทึกไว้ใน ตำาราประมวลหลักเภสัช. โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ. หน้า ๑๗๒. (๒) “ยาประสะมะแวง้ วัตถสุ ว่ นประกอบ สารส้ม ๑ สว่ น ขมิ้นออ้ ย ๓ สว่ น ใบสวาด ใบตาลหมอ่ น ใบกะเพรา เอาส่ิงละ ๔ สว่ น ลกู มะแวง้ ตน้ ลกู มะแว้งเครือ เอาสิง่ ละ ๘ สว่ น วธิ ีท�าและขนาดรบั ประทาน บดเปน็ ผงผสมนา�้ สกุ แทรกดงี ูเหลือมพมิ เสนพอควร ป้ันเม็ดหนกั ประมาณ ๑/๕ กรัม เด็กครง้ั ละ ๑ เม็ด ผใู้ หญค่ รงั้ ละ ๕-๗ เม็ด รับประทานบอ่ ย ๆ สรรพคณุ แก้ไอ แก้เสมหะ ละลายน้�ามะขามเปียกแทรกเกลือ หรอื ใช้ผสม นา�้ มะนาว หัวหอมแทรกเกลอื พอควรกวาดคอ” สูตรตาำ รับยา ประกอบดว้ ยตัวยา ๗ ชนดิ รวมนำา้ หนัก ๙๖ กรมั (๓) ดงั น้ี ตวั ยา นาำ้ หนกั ยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข มะแว้งเครือ (ผล) ๒๔ กรัม มะแว้งต้น (ผล) ๒๔ กรมั กะเพรา ๑๒ กรมั ตานหมอ่ น ๑๒ กรมั สวาด ๑๒ กรัม ๙ กรัม ขม้ินออ้ ย ๓ กรมั สารสม้ สรรพคุณ บรรเทาอาการไอ มีเสมหะ ทำาใหช้ ุ่มคอ ช่วยขบั เสมหะ (๓, ๔) รปู แบบยา ยาผง (๓) (ดูภาคผนวก ๓.๒) ยาเม็ด (๓) (ดภู าคผนวก ๓.๔.๒) ยาลูกกลอน (๓, ๔) (ดภู าคผนวก ๓.๕) ขนาดและวธิ ีการใช้ ชนดิ ผง ผใู้ หญ่ กินครั้งละ ๑-๑.๔ กรมั เดก็ อายุ ๖-๑๒ ขวบ กินครง้ั ละ ๒๐๐-๔๐๐ มลิ ลกิ รัม ละลายนา้ำ มะนาวแทรกเกลอื กนิ เมือ่ มอี าการ (๓) ชนิดเมด็ และชนิดลูกกลอน ผู้ใหญ่ กินหรอื อมครั้งละ ๑-๑.๔ กรัม เด็ก อายุ ๖-๑๒ ขวบ กนิ หรืออม คร้ังละ ๒๐๐-๔๐๐ มลิ ลิกรัม ละลายน้ำามะนาวแทรกเกลอื กนิ หรืออมเม่อื มอี าการ (๓, ๔) 108
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขข้อควรระวงั - ไม่ควรใชต้ ดิ ตอ่ กันนานเกิน ๑๕ วัน หากอาการไม่ดีขน้ึ ควรปรกึ ษาแพทย์ (๓) - ไม่ควรใชน้ า้ำ มะนาวแทรกเกลอื กบั ผู้ปว่ ยทีต่ อ้ งจาำ กัดการใชเ้ กลอื (๓) ข้อมลู เพม่ิ เตมิ การเตรยี มตัวยาสารส้มกอ่ นนำาไปใช้ (ดภู าคผนวก ๒.๒๐) เอกสารอ้างองิ ๑. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ ประกาศระบยุ าสามญั ประจาำ บา้ น ตามความในพระราชบญั ญตั ิ การขายยา พ.ศ. ๒๔๙๓ (๒๔๙๘, ๑ ธนั วาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๗๒ ตอนท ี่ ๙๓ ฉบบั พเิ ศษ หน้า ๑๐ . ๒. โรงเรียนแพทยแ์ ผนโบราณ วัดพระเชตพุ นวิมลมงั คลารามราชวรมหาวิหาร. ตำาราประมวล หลกั เภสัช. กรงุ เทพฯ. ๒๕๒๘. หนา้ ๑๗๒. ๓. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแห่งชาติ เรือ่ ง บญั ชยี าหลักแห่งชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานุเบกษา. เลม่ ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔ ง. หน้า ๔. (เอกสารแนบ ท้ายประกาศ หนา้ ๒๕๑) ๔. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรื่อง ยาสามัญประจำาบ้านแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กมุ ภาพนั ธ์). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๒๑ ง. หนา้ ๔๗. 109
ยาประสะลม พท่มีริกาไขทอยงตข“าำยงิ รแาับหชยอื่้งปาใรบ ะห สเนะวลาชมดศขาเนสอาตานรสนฉ์ิ่งลท้ีบะบัา่ นห๑ใลห๑วเ้ งอ๑รราวัชใมบกยาภ๑าลมุ ทเ๗ส่ ี ๕นส ิ่งเกลนาม่้ที ร �าบ๑เูนป(น๑จผ,ุณวิ ม๒เอก)ารนูดา�้เอมานาสวเง่ิ ปลนะกระส๑๑ายกเ๑บทดยี ปมั้นก๑รแอทบ่ง ๑ ไวล้ ลายน้�า มกรูด กไ็ ด้กนิ แก้ลม จุกเสียด แลลมอมริดลมทรางท้ังปวงหาย ๚ ” มนาว ขบแทง ซ่มซา่ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สตู รตาำ รับยา ประกอบดว้ ยตัวยา ๗ ชนดิ รวมนำ้าหนกั ๗๑.๒๕ กรัม ดังน ี้ ตัวยา นำา้ หนกั ยา กระเทียม ๑๕ กรมั ขงิ แหง้ ๑๕ กรัม พริกไทย ๑๕ กรัม หนาด (ใบ) ๑๕ กรัม การบรู ๓.๗๕ กรมั พิมเสน ๓.๗๕ กรัม มะกรดู ๓.๗๕ กรมั สรรพคณุ แก้ลมซาง ลมจกุ เสียด ทอ้ งอดื ท้องเฟ้อ รปู แบบยา ยาเม็ดพิมพ์ ขนาด ๑๐๐ มลิ ลิกรมั (ดูภาคผนวก ๓.๔.๑) ขนาดและวธิ ีการใช้ เดก็ แรกเกดิ -๖ เดอื น กิน ครง้ั ละ ๑ เมด็ อายุ ๖ เดอื น-๑ ขวบ กิน ครง้ั ละ ๒ เมด็ อายุ ๑-๓ ขวบ กิน คร้งั ละ ๓ เม็ด อายุ ๓-๖ ขวบ กนิ ครัง้ ละ ๔ เมด็ ละลายนาำ้ มะนาว วนั ละ ๒ ครงั้ กอ่ นอาหาร เช้าและเย็น ขอ้ หา้ มใช้ หา้ มใชใ้ นผทู้ ม่ี ไี ข ้ ข้อควรระวงั - ควรระวงั การใชย้ าอยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในผปู้ ว่ ยทม่ี คี วามผดิ ปรกติ ของตับ ไต เน่ืองจากอาจเกิดการสะสมของการบรู และเกดิ พษิ ได ้ - ไม่ควรกนิ ตดิ ต่อกนั เป็นเวลานานเกนิ ๗ วัน - หากกนิ ยาน้แี ล้วอาการไม่ดีขน้ึ ควรพบแพทย์ 110
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขข้อมูลเพมิ่ เติม การเตรยี มตวั ยากระเทยี มกอ่ นนาำ ไปใช ้ (ดูภาคผนวก ๒.๑) เอกสารอ้างอิง ๑. หอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร. ตำาราเวชศาสตรฉ์ บบั หลวง รัชกาลท ่ี ๕ เล่ม ๑. กรงุ เทพฯ: บรษิ ัท อมรนิ ทร ์ พริ้นตง้ิ แอนด์พับลิชช่ิง จำากัด (มหาชน), ๒๕๔๒. หน้า ๓๖๕. ๒. ประกาศกำาหนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รับยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบับท ่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๙, ๑๒ มกราคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๓ ตอนพเิ ศษ ๗ ง, หนา้ ๑-๓. 111
ยาประสะว่านนางคา� ที่มาของตำารบั ยา คมั ภีร์แพทยแ์ ผนโบราณ ขุนโสภิตบรรณลักษณ ์ เลม่ ๒ (๑) “ยาประสะวา่ นนางค�า เอาพริกไทย ขิงแหง้ ดีปลี ดินประสิว สารส้ม การะบนู เอาส่ิงละ ๒ สลงึ เปราะหอม ว่านนา้� ผวิ มะกรดู แก่นแสมทงั้ ๒ เทยี นดา� ไพล เอาสง่ิ ละ ๑ บาท วา่ นนางคา� ๑๐ บาท บดเป็นผงละลายน้�าร้อนหรือสุรากิน แก้โลหิตท�าพิษในเรือนไฟ ขับโลหิตและน้�าคาวปลา แก้ปัสสาวะ ไมส่ ะดวกดว้ ย” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สูตรตาำ รบั ยา ประกอบด้วยตัวยา ๑๔ ชนิด รวมนำา้ หนัก ๓๐๐ กรมั ดงั น้ี ตัวยา น้าำ หนกั ยา วา่ นนางคำา ๑๕๐ กรัม เทยี นดำา ๑๕ กรมั เปราะหอม ๑๕ กรมั ไพล ๑๕ กรมั มะกรูด ๑๕ กรัม วา่ นน้ำา ๑๕ กรัม แสมทะเล ๑๕ กรัม แสมสาร ๑๕ กรมั ๗.๕ กรัม การบูร ๗.๕ กรมั ขงิ แห้ง ๗.๕ กรัม ดนิ ประสวิ ๗.๕ กรมั ดปี ลี ๗.๕ กรัม พรกิ ไทย ๗.๕ กรัม สารส้ม สรรพคณุ ขับโลหิตและนา้ำ คาวปลาในสตรีหลังคลอด และแก้ปสั สาวะไม่สะดวก รูปแบบยา ยาผง (ดภู าคผนวก ๓.๒) ขนาดและวิธีการใช้ กินครงั้ ละ ๑-๒ ช้อนชา วันละ ๒ ครัง้ ก่อนอาหาร เชา้ และเยน็ ขอ้ หา้ มใช้ หา้ มใชใ้ นหญิงตง้ั ครรภ์ และผทู้ ่ีมีไข้ ขอ้ มลู เพิ่มเติม การเตรยี มตวั ยาสารสม้ ก่อนนำาไปใช้ (ดูภาคผนวก ๒.๒๐) เอกสารอ้างอิง ขุนโสภติ บรรณลักษณ์ (อาำ พัน กติ ตขิ จร). คมั ภรี แ์ พทยไ์ ทยแผนโบราณ เล่ม ๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อตุ สาหกรรมการพมิ พ์, ๒๕๐๔. 112
ยาปราบชมพทู วปี ทม่ี าของตาำ รบั ยา สูตรตำารับน้ีเป็นเภสัชตำารับโรงพยาบาล โรงพยาบาลสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ท่ีมีการศึกษาวจิ ยั ในโครงการศกึ ษาประสิทธภิ าพยาไทยในโรงพยาบาล (๑) สูตรตาำ รับยา ประกอบด้วยตวั ยา ๒๓ ชนิด รวมนำา้ หนัก ๔๖๕ กรมั (๒) ดังน้ี ตวั ยา นำ้าหนกั ยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กญั ชาเทศ ๑๒๐ กรัม พรกิ ไทยดาำ ๑๒๐ กรมั เหงอื กปลาหมอ ๑๒๐ กรมั กานพลู ๑๐ กรมั หสั คณุ เทศ ๑๐ กรมั ขิง ๘ กรมั ๘ กรมั เจตมลู เพลงิ แดง ๘ กรมั บกุ รอ ๘ กรมั ๘ กรัม สมอเทศ ๖ กรัม สมอไทย ๖ กรมั เทยี นแกลบ ๖ กรมั เทียนแดง ๔ กรัม เทยี นตาต๊ักแตน ๔ กรมั โกฐเขมา ๔ กรัม โกฐสอ ๔ กรมั เทยี นดำา ๔ กรมั พลิ งั กาสา ๒ กรัม ลำาพันหางหมู ๒ กรัม การบรู ๑ กรัม ดีปลี ๑ กรัม กระวาน ๑ กรมั ดอกจนั ทน์ ลกู จนั ทน์ สรรพคุณ บรรเทาอาการหวัดในระยะแรก และอาการทเ่ี กิดจากการแพอ้ ากาศ (๒) รูปแบบยา ยาแคปซูล (ดภู าคผนวก ๓.๓) ยาลกู กลอน (ดูภาคผนวก ๓.๕) ขนาดและวิธกี ารใช้ กินครั้งละ ๗๕๐ มิลลิกรัม-๑.๕ กรัม วันละ ๔ คร้ัง หลังอาหารและ ก่อนนอน (๒) 113
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขข้อหา้ มใช้ - ห้ามใชเ้ มอ่ื พบภาวะแทรกซอ้ นจากการแพ้อากาศ เชน่ ไซนสั อกั เสบ การตดิ เชอื้ แบคทเี รียทีม่ ีอาการเจบ็ บริเวณไซนัส ไข้สูง น้ำามกู เสมหะเขยี ว (๒) - ห้ามใชใ้ นหญิงตง้ั ครรภ ์ ผ้ทู มี่ ีไข้ และเดก็ (๒) ข้อควรระวัง - ควรระวังการบริโภคในผู้ป่วยโรคความดันเลือดสูง โรคหัวใจ โรคแผลเปื่อย เพปตกิ และโรคกรดไหลย้อน เนื่องจากเป็นตาำ รับยารสรอ้ น (๒) - ควรระวังการใช้ยาอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะอย่างย่ิงในผู้ป่วยท่ีมีความผิดปรกติ ของตบั ไต เนื่องจากอาจเกิดการสะสมของการบรู และเกิดพิษได ้ (๒) - ควรระวังการใช้ยาน้ีร่วมกับยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เนื่องจากตำารับนี้มีพริกไทยในปริมาณสูง มีรายงานว่าสารพิเพอรีน piperine ในพรกิ ไทยเพิ่มการดูดซมึ ของยาเหล่าน ้ี เอกสารอา้ งองิ ๑. เอกชัย ปญั ญาวฒั นานุกูล. รายงานผลการศึกษาประสิทธภิ าพยาไทย โรงพยาบาลกาบเชิง จงั หวดั สุรินทร์. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พอ์ งค์การสงเคราะหท์ หารผา่ นศึก. ๒๕๓๘, หน้า ๘๖-๑๐๖. ๒. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บญั ชียาหลกั แหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หน้า ๔. (เอกสารแนบ ท้ายประกาศ หน้า ๒๕๑) 114
ยาปลกู ไฟธาตุ ทมี่ าของตำารบั ยา สูตรตำารับทใ่ี กลเ้ คียงตำารับน้ี พบในแพทยศ์ าสตรส์ งเคราะห์ เลม่ ๒ พระยาพศิ ณุ ประสาทเวช ร.ศ. ๑๒๖(๑) “ยาปลกู ไฟธาตุ เปนอายุวฑั ฒนะด้วย ทา่ นให้เอาดีปลี ๑ รากช้าพลู ๑ ผกั แพวแดง ๑ สค้าน ๑ ขิงแหง้ ๑ ผลผกั ชีล้อม ๑ วา่ นนา�้ ๑ หัวแหว้ หมู ๑ ผลพิลงั กาสา ๑ ผวิ มะกรูด ๑ ท้ังนเี้ อาเสมอภาค พริกล่อนเทา่ ยาทงั้ หลาย ท�าผงละลายน�้าผ้งึ กไ็ ด้ น้�าส้มซา่ กไ็ ด้ นา้� ร้อนกไ็ ด้ สุราก็ได้ ปลกู ไฟธาตุให้โลหิต งาม ถ้าไมม่ ฤี ดใู หฤ้ ดูมีมา ถ้าแม่ลูกอ่อนกินมนี า้� นมมาก ทั้งโทษมไิ ดเ้ ลยดีนกั แล” สูตรตาำ รบั ยา ประกอบด้วยตวั ยา ๑๑ ชนดิ รวมนา้ำ หนัก ๑๐๐ กรมั (๒) ดงั นี้ ตัวยา นำ้าหนักยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข พรกิ ไทยลอ่ น ๕๐ กรัม ขงิ แห้ง ๕ กรัม ชะพลู (ราก) ๕ กรมั ดปี ลี ๕ กรมั ผกั แพวแดง ๕ กรมั พลิ ังกาสา ๕ กรมั มะกรดู ๕ กรัม ลกู ชีล้อม ๕ กรมั วา่ นน้ำา ๕ กรมั สะคา้ น ๕ กรัม แห้วหมู ๕ กรมั สรรพคุณ กระตุ้นน้ำานม กระจายเลือดลมในหญิงหลังคลอด ปรับไฟธาตุให้บริบูรณ ์ ปรับระบบการยอ่ ยอาหารให้ดขี นึ้ (๒) รูปแบบยา ยาแคปซูล (๒) (ดูภาคผนวก ๓.๓) ยาลูกกลอน (๒) (ดูภาคผนวก ๓.๕) ขนาดและวธิ ีการใช้ กนิ คร้งั ละ ๕๐๐ มิลลกิ รัม-๑.๕ กรมั วนั ละ ๓ คร้งั ก่อนอาหาร เชา้ กลางวัน และเยน็ (๒) ขอ้ ห้ามใช้ ห้ามใชใ้ นหญงิ ตกเลอื ดหลงั คลอด หญิงตง้ั ครรภ ์ และผูท้ ี่มีไข้ (๒) ขอ้ ควรระวัง ควรระวังการใช้ร่วมกับยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เน่อื งจากตาำ รบั นม้ี พี ริกไทยในปริมาณสงู (๒) อาการไมพ่ งึ ประสงค์ แสบรอ้ นยอดอก (๒) 115
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขเอกสารอา้ งองิ ๑. พิศณุประสาทเวช, พระยา. แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ เล่ม ๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ศุภการ จำารูญถนนอัษฏางค์; ร.ศ. ๑๒๖. ๒. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแห่งชาติ เรอ่ื ง บญั ชียาหลักแห่งชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หนา้ ๔. (เอกสารแนบทา้ ย ประกาศ หนา้ ๒๔๓ และ ๒๕๙) 116
ยาผายโลหิต ทมี่ าของตำารบั ยา แพทย์ศาสตรส์ งเคราะห์ เล่ม ๒ พระยาพิศณปุ ระสาทเวช ร.ศ. ๑๒๖ (๑, ๒) “อนง่ึ ยาผายโลหติ เอารากขี้กาแดง ๑ ข้ีเหลก็ ทงั้ หา้ ๑ ใบมะกา ๑ ใบมะขาม ๑ ใบสม้ ปอ่ ย ๑ หญา้ ไซ ๑ ผลคัดเคา้ ๑ ตม้ ให้งวดแล้วกรองเอานา�้ ขย�าใสล่ งอีก เขยี้ วใหข้ น้ ปรงุ ยาด�าสลึงเฟื้อง ดีเกลอื ๑ บาท กนิ ประจโุ ลหิตร้ายทงั้ ปวง แกไ้ ข้สนั นิบาท แก้ไขฝ้ ดี าษแล” สตู รตำารับยา ประกอบด้วยตวั ยา ๙ ชนิด รวมนาำ้ หนัก ๑๒๐ กรมั ดังนี้ ตัวยา นำ้าหนกั ยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ขกี้ าแดง (ราก) ๑๕ กรมั ข้ีเหล็ก (ทั้ง ๕) ๑๕ กรัม คัดเค้า ๑๕ กรมั มะกา ๑๕ กรมั ๑๕ กรมั มะขาม ๑๕ กรมั ๑๕ กรมั สม้ ป่อย (ใบ) ๗.๕ กรัม หญ้าไทร ๗.๕ กรมั ดเี กลอื ยาดำา สรรพคุณ ประจโุ ลหิต ฟอกโลหติ แกป้ ระจำาเดอื นมาไมป่ รกติ รปู แบบยา ยาต้ม (ดูภาคผนวก ๓.๑.๓) ขนาดและวิธกี ารใช ้ ดื่มคร้ังละ ๖๐-๑๒๐ มิลลิลิตร วันละ ๒ ครั้ง ก่อนอาหาร เช้าและเย็น ด่มื ขณะยายงั อุ่นอยู่ ขอ้ หา้ มใช้ - หา้ มใชใ้ นสตรมี คี รรภ ์ - ห้ามใชใ้ นผ้ปู ว่ ยทีม่ คี วามผิดปรกตขิ องหัวใจ และผูป้ ว่ ยโรคความดันโลหิตตา่ำ - ห้ามใช้ในผู้ป่วยท่ีมีภาวะทางเดินอาหารอุดตัน (gastrointestinal obstruction/ileus) - ห้ามใชใ้ นผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวาร ทมี่ อี าการถ่ายเป็นเลอื ด ขอ้ ควรระวัง - ไมค่ วรกินยานีต้ ิดตอ่ กันเกิน ๗ วัน - ควรระวงั การใช้ยาในผ้ปู ่วยที่มคี วามผดิ ปรกติของไตหรือตับ (renal/hepatic impairment) ขอ้ มูลเพ่ิมเตมิ - ยา ๑ หมอ้ ใช้ตดิ ตอ่ กนั ๕-๗ วัน โดยให้อนุ่ น้าำ สมนุ ไพรทุกครง้ั กอ่ นใช้ยา - การเตรียมตวั ยายาดำากอ่ นนาำ ไปใช้ (ดภู าคผนวก ๒.๑๒) 117
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขเอกสารอ้างองิ ๑. พศิ ณุประสาทเวช, พระยา. แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ เลม่ ๒. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พศ์ ภุ การ จาำ รูญถนนอษั ฏางค์; ร.ศ. ๑๒๖. ๒. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบบั ท ี่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๖๐, (๒๕๖๐, ๖ พฤศจิกายน). ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ ๑๓๔ ตอนพเิ ศษ ๒๗๑ ง, หนา้ ๑. 118
ยาแผว้ ฟา้ ทมี่ าของตาำ รบั ยา ศิลาจารึกตาำ รายาวดั พระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม (วัดโพธิ)์ (๑, ๒) “ยาแผ้วฟ้า เอาตรีกฏุก เกลือสินเธาว์ สิ่งละส่วน รากส้มกุ้งทั้งสอง รากมะแว้งต้น รากมะแว้งเครอื รากมะอึก เมล็ดในมะเขอื ขื่น สิ่งละ ๒ สว่ น ผักแพวแดง สะค้าน ใบกระวาน ส่งิ ละ ๓ ส่วนฝกั ส้มปอ่ ยปง้ิ ๔ ส่วน ขิงแครง ๕ ส่วน วิธีท�า ท�าเปน็ จุณบดทา� แทง่ ไว้ละลายน้�าขา่ แทรกเกลอื ก วาด สรรพคณุ แก้ละอองลมอันบงั เกดิ ในโอษฐ์โรค กระท�าให้สม้ ปากเป็นตน้ แลใหค้ อแหง้ เปน็ เมด็ ยอดเกิด ในคอใหไ้ อ ใหอ้ ว้ ก ให้อาเจยี นและให้บงั เกดิ ละออง ๔ ประการ คือละอองขาว เหลือง ดา� แดง” สูตรตาำ รบั ยา ประกอบด้วยตวั ยา ๑๕ ชนิด รวมนา้ำ หนกั ๓๔ สว่ น ดังน้ี ตัวยา นาำ้ หนักยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ขิงแครง ๕ สว่ น สม้ ปอ่ ย (ฝกั ) ๔ สว่ น ใบกระวาน ๓ สว่ น ผักแพวแดง ๓ สว่ น สะคา้ น ๓ ส่วน มะเขอื ขื่น ๒ ส่วน มะแวง้ เครอื (ราก) ๒ ส่วน มะแวง้ ตน้ (ราก) ๒ สว่ น มะอึก ๒ สว่ น ส้มกุง้ น้อย ๒ สว่ น สม้ กงุ้ ใหญ่ ๒ สว่ น เกลือสินเธาว์ ๑ สว่ น ๑ สว่ น ขงิ ๑ ส่วน ๑ สว่ น ดปี ลี พรกิ ไทย สรรพคุณ แก้ละอองในปาก และคอ 119 รูปแบบยา ยาเมด็ พิมพ์ ขนาด ๑๐๐ มิลลิกรัม (ดูภาคผนวก ๓.๔.๑) ขนาดและวิธกี ารใช ้ เดก็ แรกเกิด-๖ เดอื น กวาดครง้ั ละ ๑ เมด็ อายุ ๖ เดือน-๑ ขวบ กวาดครง้ั ละ ๒ เมด็ อายุ ๑-๓ ขวบ กวาดครง้ั ละ ๓ เม็ด อายุ ๓-๖ ขวบ กวาดครง้ั ละ ๔ เม็ด วันละ ๒ ครง้ั ก่อนอาหาร เช้าและเย็น
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กระสายยาทใี่ ช้ ละลายน้าำ ขา่ แทรกเกลอื กวาด ขอ้ ควรระวงั - ไมค่ วรใชใ้ นเด็กทสี่ งสยั ว่าเป็นไขเ้ ลือดออก เนอ่ื งจากอาจบดบังอาการของไขเ้ ลือดออก - หากใชย้ าเป็นเวลาเกิน ๓ วัน แล้วอาการไมด่ ขี ึ้น ควรปรึกษาแพทย์ เอกสารอ้างอิง ๑. สำานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก. หนังสือชุดตำาราภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ฉบับอนุรักษ์ ตำาราการแพทย์แผนไทย ในศลิ าจารกึ วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม (วดั โพธิ์) เลม่ ๓. พมิ พค์ รั้งที่ ๑. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์องคก์ าร สงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปภมั ภ์, ๒๕๕๗. ๒. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๘, ๓๐ พฤศจกิ ายน). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๒ ตอนพิเศษ ๓๑๗ ง. 120
ยาพรหมพักตร์ ทม่ี าของตำารับยา ศลิ าจารึกตาำ รายาวัดพระเชตพุ นวิมลมงั คลาราม (วัดโพธิ์) (๑, ๒) “ยาชื่อพรหมพกั ตร์ เอาผลจนั ทน์ ดอกจันทน์ สิง่ ละส่วน มหาหงิ ค์ุ ยางสลดั ได การบรู สิง่ ละ ๔ ส่วน พรกิ หอม ๕ สว่ นทา� เปน็ จณุ เอานา้� เปลอื กมะรุมต้มเปน็ กระสายบด แล้วจึงเอาใส่กระทะขึ้นตงั้ ไฟ กวนพอปัน้ ได้ ท�าแทง่ ไว้กนิ ตามธาตหุ นักเบา ขับโลหติ เน่าร้าย ซง่ึ กระทา� ให้ปวดท้องจุกเสยี ดนั้นหายสิน้ ดนี ัก ฯ” สตู รตาำ รบั ยา ประกอบดว้ ยตวั ยา ๖ ชนิด รวมนาำ้ หนัก ๒๘๕ กรัม ดงั นี้ ตวั ยา น้าำ หนกั ยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข พรกิ หอม ๗๕ กรัม การบรู ๖๐ กรมั มหาหิงคุ์ ๖๐ กรัม สลดั ได ๖๐ กรมั ดอกจนั ทน์ ๑๕ กรัม ลกู จันทน์ ๑๕ กรมั สรรพคณุ ขับโลหติ เน่าร้าย ทีม่ อี าการปวดทอ้ ง รูปแบบยา ยาผง (ดูภาคผนวก ๓.๒) วธิ ีปรงุ ยา บดเปน็ ผง ละลายนำ้าเปลอื กมะรุมต้ม แลว้ จึงเอาใสก่ ระทะ ข้ึนตง้ั ไฟกวนพอปนั้ เปน็ เมด็ ได้ ขนาดและวธิ ีการใช้ กินครงั้ ละ ๑๐๐-๒๐๐ มลิ ลิกรมั วนั ละ ๑ คร้งั กอ่ นอาหารเชา้ กินยาสัปดาห์ละ ๑-๒ ครัง้ ตามกาำ ลงั ธาตหุ นักเบา และให้กนิ ก่อนประจาำ เดอื นมา ๓-๗ วนั คำาเตอื น - การใช้ยานคี้ วรอย่คู วามควบคุมดูแลของแพทย์แผนไทย ขอ้ ห้ามใช้ - หา้ มใชใ้ นสตรมี ีครรภ์ - หา้ มใชใ้ นผปู้ ว่ ยทมี่ คี วามผดิ ปรกตขิ องโรคหวั ใจและผปู้ ว่ ยโรคความดนั โลหติ ตา่ำ - ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะทางเดินอาหารอุดตัน (gastrointestinal obstruction/ileus) - หา้ มใชใ้ นผปู้ ว่ ยทม่ี คี วามผดิ ปรกตขิ องไตหรอื ตบั (renal/hepatic impairment) ข้อควรระวงั - ควรระวงั การบรโิ ภคในผปู้ ว่ ยโรคความดนั เลอื ดสงู โรคหวั ใจ ผปู้ ว่ ยโรคแผลเปอ่ื ย เพปติกและกรดไหลย้อน เน่ืองจากเปน็ ตาำ รับยารสร้อน - ควรระวงั การใชย้ าอยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในผปู้ ว่ ยทมี่ คี วามผดิ ปรกติ ของตบั ไต เนอ่ื งจากอาจเกดิ การสะสมของการบูรและเกิดพษิ ได้ - ยาน้ีเป็นยาถ่ายอย่างแรง ไม่ควรใช้ยาในผู้ป่วยอ่อนเพลียมากหรือมีภาวะ ขาดน้ำา 121
- ไม่ควรกินติดตอ่ กนั เกิน ๗ วัน ข้อมูลเพิ่มเตมิ - การเตรยี มตัวยามหาหิงคกุ์ อ่ นนาำ ไปใช้ (ดูภาคผนวก ๒.๙) - การเตรยี มตวั ยาสลัดไดกอ่ นนำาไปใช ้ (ดภู าคผนวก ๒.๑๗) เอกสารอา้ งองิ ๑. สำานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลอื ก. หนงั สอื ชดุ ตาำ ราภมู ปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทย ฉบบั อนรุ กั ษ ์ ตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยในศลิ าจารกึ วัดพระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม (วดั โพธิ์) เล่ม ๓. พิมพ์ครง้ั ท ี่ ๑. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พอ์ งค์การสงเคราะห์ ทหารผ่านศึกในพระบรมราชปู ภัมภ.์ ๒๕๕๗. ๒. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๘, ๓๐ พฤศจิกายน). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๒ ตอนพเิ ศษ ๓๑๗ ง. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข 122
ยาไฟประลยั กัลป์ ทม่ี าของตำารับยา สูตรตำารับทีใ่ กล้เคียงตาำ รบั น ้ี พบในตาำ ราอายุรเวทศกึ ษา (ขุนนิทเทสสุขกิจ) เลม่ ๒(๑) “ยาไฟประลยั กัลป์ เอาพริกไทย ขงิ ดีปลี กระเทยี ม สิ่งละ ๔ บาท กะทอื ๕ บาท ขมนิ้ ออ้ ย ข่า ไพล เปลือกมะรุม ส่ิงละ ๕ บาท เจตมลู เพลิง สารสม้ แก่นแสมทะเล การบรู ผิวมะกรดู สงิ่ ละ ๖ บาท ตา� เปน็ ผงกนิ ” สูตรตาำ รับยา ประกอบดว้ ยตวั ยา ๑๔ ชนดิ รวมนา้ำ หนกั ๗๑ กรัม (๒) ดงั น้ี ตัวยา น้าำ หนกั ยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข การบูร ๖ กรมั เจตมูลเพลิงแดง ๖ กรัม มะกรูด ๖ กรัม สารสม้ ๖ กรัม แสมทะเล ๖ กรมั กะทอื ๕ กรมั ขมิ้นอ้อย ๕ กรัม ข่า ๕ กรมั ๕ กรมั ไพล ๕ กรัม มะรมุ ๔ กรมั ๔ กรัม กระเทียม ๔ กรัม ขิง ๔ กรัม ดปี ลี พรกิ ไทยล่อน สรรพคุณ ขับน้าำ คาวปลาในเรือนไฟ ช่วยใหม้ ดลกู เข้าอ ู่ (๒) รปู แบบยา ยาผง (๒) (ดภู าคผนวก ๓.๒) ยาแคปซูล (๒) (ดูภาคผนวก ๓.๓) ยาเม็ด (๒) (ดูภาคผนวก ๓.๔.๒) ขนาดและวิธกี ารใช้ ชนดิ ผง กนิ ครั้งละ ๑ กรมั ละลายนา้ำ สกุ วันละ ๓ ครง้ั กอ่ นอาหาร เช้า กลางวนั และ เยน็ ให้กนิ จนกว่าน้าำ คาวปลาจะหมด แต่ไม่ควรเกนิ ๑๕ วัน 123
ชนิดแคปซลู และชนดิ เมด็ ข้อหา้ มใช้ กินครง้ั ละ ๑ กรมั วนั ละ ๓ ครง้ั ก่อนอาหาร เช้า กลางวันและเย็น ให้กินจนกว่า น้าำ คาวปลาจะหมด แตไ่ มค่ วรเกิน ๑๕ วัน (๒) ข้อควรระวงั - ห้ามใชใ้ นหญิงตกเลือดหลงั คลอด หญิงตัง้ ครรภ ์ และผูท้ ี่มไี ข้ - ห้ามใชใ้ นหญิงท่ผี า่ คลอด เน่อื งจากทำาให้แผลหายช้า (๒) ข้อมลู เพิ่มเติม - ควรระวังการใช้ยาอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีความผิด ปรกติของตับ ไต เน่ืองจากอาจเกิดการสะสมของการบูรและเกิดพษิ ได ้ (๒) การเตรยี มตวั ยาสารสม้ กอ่ นนาำ ไปใช้ (ดูภาคผนวก ๒.๒๐) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข เอกสารอ้างอิง ๑. นิทเทส (ถมรัตน์) พุ่มชูศรี. อายุรเวทศึกษา (ขุนนิทเทสสุขกิจ) เล่ม ๒. กรุงเทพฯ: พรอ้ มจกั รการพมิ พ;์ ๒๕๑๖. หนา้ ๒๑๘. ๒. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแหง่ ชาต ิ เร่ือง บญั ชียาหลักแห่งชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หนา้ ๔. (เอกสารแนบ ทา้ ยประกาศ หน้า ๒๔๓) 124
ยาไฟหา้ กอง ทม่ี าของตำารับยา สูตรตำารับที่ใกล้เคียงตำารับนี้ พบในคัมภีร์แพทย์ไทยแผนโบราณ ขุนโสภิต- บรรณลักษณ์ เลม่ ๒ (๑) “ยาชือ่ ไฟหา้ กอง เอา เจตมูลเพลงิ ขิง พริกไทย สารสม้ ฝกั ส้มปอ่ ย เอาส่งิ ละ ๑ บาท บดเปน็ ผงละลายสรุ า หรือน้�าส้มสา้ น้า� รอ้ นกิน ขับเลอื ดเน่า และแก้เลอื ดตีข้นึ ” สูตรตาำ รับยา ประกอบด้วยตวั ยา ๕ ชนดิ รวมนาำ้ หนัก ๑๐๐ กรัม (๒) ดังนี้ ตัวยา นาำ้ หนกั ยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ขิง ๒๐ กรัม ๒๐ กรัม เจตมูลเพลิงแดง ๒๐ กรัม พรกิ ไทยลอ่ น ๒๐ กรมั ส้มป่อย (ฝกั ) ๒๐ กรัม สารส้ม สรรพคุณ ขบั นำา้ คาวปลาในเรือนไฟ ช่วยใหม้ ดลูกเข้าอู่ (๒) รปู แบบยา ยาผง (๒) (ดภู าคผนวก ๓.๒) ยาแคปซูล (๒) (ดูภาคผนวก ๓.๓) ยาเม็ด (๒) (ดภู าคผนวก ๓.๔) ขนาดและวิธกี ารใช้ ชนิดผง กนิ ครัง้ ละ ๑-๑.๕ กรมั ละลายนา้ำ สุก วันละ ๓ ครัง้ กอ่ นอาหาร เชา้ กลางวนั และเยน็ ให้กินจนกว่าน้ำาคาวปลาจะหมด แตไ่ ม่ควรเกิน ๑๕ วนั (๒) ชนิดแคปซูล และชนดิ เมด็ ขอ้ หา้ มใช้ กนิ ครง้ั ละ ๑-๑.๕ กรัม วนั ละ ๓ ครงั้ กอ่ นอาหาร เชา้ กลางวันและเยน็ ใหก้ นิ ข้อมูลเพ่ิมเตมิ จนกวา่ น้าำ คาวปลาจะหมด แต่ควรไม่เกนิ ๑๕ วัน (๒) - หา้ มใช้ในหญิงตกเลอื ดหลงั คลอด หญงิ ตัง้ ครรภ ์ และผทู้ ี่มไี ข้ - หา้ มใช้หญงิ ทผ่ี ่าคลอด เนอ่ื งจากทาำ ให้แผลหายชา้ (๒) การเตรยี มตัวยาสารสม้ ก่อนนำาไปใช้ (ดูภาคผนวก ๒.๒๐) เอกสารอา้ งอิง ๑. ขุนโสภติ บรรณลกั ษณ์ (อาำ พัน กติ ติขจร). คัมภีร์แพทย์ไทยแผนโบราณ เลม่ ๒. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พอ์ ตุ สาหกรรมการพมิ พ,์ ๒๕๐๔. หนา้ ๒๑๗. ๒. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแห่งชาต ิ เร่ือง บญั ชียาหลกั แหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔ ง. หน้า ๔. (เอกสาร แนบท้ายประกาศ หน้า ๒๔๓) 125
ยามหากะเพรา ชอ่ื อนื่ มหากระเพรา, มหากะเพรา ทีม่ าของตำารบั ยา ๑. เวชศาสตร์ฉบบั หลวงรัชกาลที่ ๕ เลม่ ๑ หนา้ ๓๙๓ (๑, ๒) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข “ยาช่อื ว่ามหากะเพราขนานนี้ ท่านใหเ้ อาเทียนทัง้ หา้ เอาส่งิ ละสว่ น ตรีกฏุก เอาสิ่งละ ๔ สว่ น มหาหิง กะเทียม เอาสิง่ ละ ๘ ส่วน เอาใบกะมเกุกพรดู ราเทา่ ยาทง้ั หลาย รวมยา ๑๖ ส่งิ นี้ท�าเปเนจบจทณุ ้อง เอาสรุ าเปน กระสายบดป้นั แท่งไว้ละลายสรุ ากนิ แกต้ ก เปลูนอื ใสด ปวดมวนหายดนี กั ๚” ท้องข้ึน ๒. แพทยศาสตรส์ งเคราะห์ เล่ม ๑ พระยาพศิ ณุประสาทเวช ร.ศ. ๑๒๘ (๓,อจุ ๔าร)มิออก “ยาช่ือมหากระเพรา ท่านใหเ้ อา เทียนท้งั ๕ เอาส่ิงละ ๑ สว่ น ตรีกะฏกุ เอาสิ่งละ ๔ ส่วน มหาหิงคุ์ ๑ กระเทียม ๑ เอาสง่ิ ละ ๘ ส่วน ใบกระเพราเอาเท่ายาทง้ั หลาย รวมยา ๑๑ สิ่งน้ที า� เปนจุณ เอาสรุ าเปนกระสายบดทา� แท่งละลายสรุ ากนิ แก้ตกมูกตกเลือด ปวดมวน” สตู รตาำ รบั ยา ประกอบดว้ ยตัวยา ๑๑ ชนิด รวมน้ำาหนัก ๖๖ สว่ น ดังนี้ ตวั ยา น้าำ หนักยา กะเพรา ๓๓ ส่วน กระเทียม ๘ สว่ น มหาหงิ ค์ุ ๘ ส่วน ขงิ ๔ ส่วน ๔ ส่วน ดีปลี ๔ สว่ น พรกิ ไทย ๑ ส่วน เทยี นขาว ๑ ส่วน เทยี นขา้ วเปลอื ก ๑ สว่ น เทียนดำา ๑ ส่วน เทียนแดง ๑ ส่วน เทียนตาตกั๊ แตน สรรพคณุ แกท้ ้องเสีย มีมูกเลือด แก้ปวดทอ้ ง รปู แบบยา ยาเม็ดพิมพ์ ขนาด ๑๐๐ มิลลกิ รมั (ดภู าคผนวก ๓.๔.๑) ขนาดและวิธกี ารใช้ เด็ก อายุ ๓-๕ เดือน ครั้งละ ๒ เมด็ อายุ ๖-๑๒ เดอื น ครง้ั ละ ๓-๔ เมด็ อายุ ๑-๖ ขวบ คร้งั ละ ๕-๗ เม็ด อายุ ๖-๑๒ ขวบ ครง้ั ละ ๘-๑๐ เมด็ ละลายน้าำ สุรา ๔-๕ หยด กนิ ทุก ๓-๕ ชั่วโมง เมื่อมีอาการ 1 26
ผใู้ หญ่ กนิ ครง้ั ละ ๑๐ เมด็ ละลายนำ้าสุรา ๔-๕ หยด กินทุก ๓-๕ ช่ัวโมง ข้อห้ามใช้ เมอ่ื มีอาการ ข้อควรระวงั ห้ามใชใ้ นผทู้ ีม่ ีไข้ ตัวร้อน หากกนิ ยานเ้ี กิน ๑ วนั แล้วอาการไมด่ ีขน้ึ ควรพบแพทย์ ขอ้ มลู เพิม่ เตมิ การเตรียมตวั ยามหาหงิ คุก์ อ่ นนาำ ไปใช ้ (ดภู าคผนวก ๒.๙) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขเอกสารอา้ งอิง ๑. หอสมดุ แห่งชาติ กรมศิลปากร. ตำาราเวชศาสตร์ฉบบั หลวง รัชกาลท ี่ ๕ เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: บริษทั อมรนิ ทร ์ พริ้นติ้งแอนด์พบั ลชิ ช่งิ จำากดั (มหาชน), ๒๕๔๒. ๒. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตำารบั ยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบบั ท่ ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๙, ๑๒ มกราคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ ๑๓๓ ตอนพิเศษ ๗ ง, หน้า ๑-๓. ๓. พิศณุประสาทเวช, พระยา. แพทย์ศาสตรส์ งเคราะห์ เล่ม ๑. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พศ์ ุภการ จาำ รูญถนนอัษฏางค;์ ร.ศ. ๑๒๘. ๔. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบบั ท ่ี ๑๓) พ.ศ. ๒๕๖๐, (๒๕๖๐, ๖ พฤศจกิ ายน). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๔ ตอนพเิ ศษ ๒๗๑ ง, หนา้ ๑. 127
ยามหาจกั รใหญ่ ที่มาของตำารับยา สูตรตำารับที่ใกล้เคียงตำารับนี้ พบในแพทย์ศาสตร์สงเคราะห ์ เล่ม ๑ พระยาพิศณุ ประสาทเวช ร.ศ. ๑๒๘ (๑) “ยาช่ือมหาจักร (ใหญ่) ขนานนท้ี ่านใหเ้ อา โกฐสอ ๑ โกฐเขมา ๑ โกฐพุงปลา ๑ โกฐก้านพรา้ ว ๑ โกฐกระดกู ๑ เทยี นดา� ๑ เทยี นแดง ๑ เทยี นขาว ๑ เทยี นเขา้ เปลือก ๑ เทยี นเยาวภานี ๑ ตรีผลา ๑ หญ้าฝรั่น ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ การพลู ๑ ชะเอม ๑ เมล็ดโหระพา ๑ ผลผักชี ๑ สานส้ม ๑ ดินประสิวขาว ๑ ขมนิ้ อ้อย ๑ กระเทียม ๑ น้�าประสานทอง ๑ ยาทงั้ นีเ้ อาส่งิ ละ ๒ สลึง ยาด�า ๒ บาท ใบกระพงั โหม ๑๕ บาท รวมยา ๒๘ สิ่งน้ีท�าเปนจุณ บดป้นั แทง่ ไวล้ ะลายน้�าสรุ า ก็ได้กนิ แก้ลมทรางทง้ั ๗ วนั หายดนี ัก ไดเ้ ช่อื แลว้ อย่าสนเทห่ เ์ ลย” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สตู รตาำ รับยา ประกอบดว้ ยตัวยา ๒๕ ชนิด รวมน้ำาหนัก ๑๑๔ กรัม ดังน้ี ตัวยา น้ำาหนักยา กระพงั โหม ๖๐ กรัม ยาดาำ ๘ กรัม กระเทยี ม ๒ กรัม กระวาน ๒ กรมั กานพลู ๒ กรมั โกฐกระดูก ๒ กรมั โกฐกา้ นพร้าว ๒ กรมั โกฐเขมา ๒ กรมั โกฐพุงปลา ๒ กรมั โกฐสอ ๒ กรมั ขมน้ิ อ้อย ๒ กรมั ชะเอมเทศ ๒ กรมั ดอกจันทน์ ๒ กรมั เทยี นขาว ๒ กรัม เทยี นขา้ วเปลือก ๒ กรัม เทียนดำา ๒ กรมั เทยี นแดง ๒ กรัม เทยี นเยาวพาณี ๒ กรัม มะขามปอ้ ม ๒ กรัม ลกู จันทน์ ๒ กรัม ลูกชีลา ๒ กรมั สมอไทย ๒ กรมั สมอพิเภก ๒ กรมั สารสม้ ๒ กรัม ๒ กรัม 128 โหระพา
สรรพคณุ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขแกล้ มซาง บรรเทาอาการทอ้ งอดื ท้องเฟอ้ (๒, ๓) รปู แบบยา ยาผง (๒) (ดภู าคผนวก ๓.๒) ยาแคปซลู (๒) (ดูภาคผนวก ๓.๓) ยาเม็ด (๒, ๓) (ดูภาคผนวก ๓.๔.๑) ขนาดและวิธกี ารใช้ กรณแี ก้ลมซาง ชนดิ ผงและชนิดเมด็ เดก็ อายุ ๑-๕ ขวบ กินคร้ังละ ๕๐๐ มิลลิกรัม-๑.๕ กรัม ละลายน้ำาสุก เพ่มิ และลดได้ตามส่วน วันละ ๒ ครงั้ กอ่ นอาหาร เชา้ และเยน็ กรณบี รรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟอ้ ชนดิ ผงและชนดิ เม็ด เด็ก อายุ ๑-๕ ขวบ กินคร้ังละ ๕๐๐ มิลลิกรัม-๑.๕ กรัม ละลายน้ำาสุก เพิม่ และลดไดต้ ามสว่ น วันละ ๒ คร้ัง ก่อนอาหาร เช้าและเย็น ขอ้ ควรระวัง ชนิดเม็ดและชนดิ แคปซลู เด็ก อายุ ๖–๑๒ ขวบ กินครั้งละ ๑.๕ กรัม วันละ ๒ คร้ัง ก่อนอาหาร ข้อมลู เพม่ิ เตมิ เชา้ และเย็น - ควรระวังการกนิ ร่วมกบั ยาในกล่มุ สารกันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulant) และ ยาต้านการจบั ตัวของเกลด็ เลือด (antiplatelet) - หากกนิ แลว้ มอี าการท้องเสีย ให้หยดุ กนิ ยา - การเตรียมตวั ยายาดาำ ก่อนนาำ ไปใช ้ (ดูภาคผนวก ๒.๑๒) - การเตรยี มตวั ยาสารสม้ ก่อนนาำ ไปใช ้ (ดภู าคผนวก ๒.๒๐) - สูตรตาำ รับยามหาจักรใหญต่ ามประกาศยาสามัญประจาำ บา้ น พ.ศ. ๒๕๓๗ (๔) มีตัวยา “ดินประสิว” เป็นส่วนประกอบ แต่ได้ตัดออกจากสูตรตำารับ ตามประกาศยาสามัญประจาำ บา้ นแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๔๒ (๕) แล้ว เอกสารอ้างอิง ๑. พศิ ณุประสาทเวช, พระยา. แพทยศ์ าสตร์สงเคราะห์ เลม่ ๑ พิมพ์ครง้ั ที ่ ๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๘. ๒. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแห่งชาติ เร่ือง บญั ชยี าหลกั แหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หนา้ ๔. (เอกสารแนบ ทา้ ยประกาศ หน้า ๒๓๖) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรือ่ ง ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กุมภาพันธ์). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๒๑ ง. หนา้ ๔๐. ๔. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรอื่ ง ยาสามญั ประจำาบา้ น ฉบบั ที ่ ๒ (๒๕๓๗, ๓ ตุลาคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ ๑๑๑ ตอนพเิ ศษ ๔๒ ง. หนา้ ๙๑. ๕. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอื่ ง ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ (๒๕๔๒, ๒๔ สงิ หาคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ ๑๑๖ ตอนพิเศษ ๖๗ ง. หนา้ ๔๑. 129
ยามหานิลแท่งทอง ทม่ี าของตำารบั ยา สูตรตำารับที่ใกล้เคียงตำารับนี้ พบใน “ตำาราอายุรเวทศึกษา (ขุนนิทเทสสุขกิจ) เลม่ ๒” (๑) “ยามหานิลแท่งทองใหญ่ ของหมอมา ตันสุภาพ เอาเม็ดในสบ้าใหญ่เผา กระดูกแร้งเผา หัวกาเผา กระดกู งูเหลือมเผา หวายตะค้าเผ้า เม็ดมะกอกเผา ถ่านไมซ้ าก ลูกประคา� ดคี วายเผา จนั ทนแ์ ดง จันทนเ์ ทศ ใบพมิ เสน ใบเถาหญา้ นาง หมึกหอม สง่ิ ละ ๑ บาท เบ้ยี จ่ันเผา ๓ เบ้ีย บดด้วยนา�้ ดอกไมส้ ด ปัน้ เมด็ ปดิ ทองคา� เปลว ละลายน�้าดอกมะลิ แกไ้ ขพ้ ิษกาฬจบั หัวใจ แก้ไขเ้ หนือ ด�าแดง ถ้าลิ้นกระดา้ งคาง แขง็ ใช้กนิ และละลายน�้าครา� ทาคางคอ ละลายน�้าปูนใส จดุ กาฬ จุดหวั ล�าลอกแก้ว ถ้าชโลมใช้น้�าตา� ลงึ ตัวผู้ แก้เสมหะจกุ คอ คอเจ็บใชน้ ้�าหญ้าเกลด็ หอยแทรกเกลอื ทง้ั กินทั้งอม แก้อาเจียนใช้เปลือกลูกมะตมู ตม้ หรอื ยอปิง้ แล้วตม้ แกก้ ระหายนา�้ ใชเ้ งา่ บัวหลวง รากหญา้ คา ชะเอม ต้มละลายยาแทรกดงี เู หลอื ม ถ้าหอบเอา กฤษณา รากถ่ัวพตู ม้ ละลายยาแทรกพิมเสนกินได้ ท้ังเด็กผู้ใหญ”่ สตู รตำารับยา ประกอบด้วยตัวยา ๑๑ ชนิด รวมนาำ้ หนัก ๑๐๓ กรัม (๒) ดังน้ี ตวั ยา นาำ้ หนักยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข จันทนแ์ ดง ๑๐ กรมั จันทนเ์ ทศ ๑๐ กรมั พมิ เสนต้น ๑๐ กรัม มะกอก ๑๐ กรัม ๑๐ กรมั มะคำาดีควาย ๑๐ กรมั ย่านาง ๑๐ กรมั ๑๐ กรัม สะบา้ มอญ ๑๐ กรัม สกั ๑๐ กรัม ๓ กรัม หมึกหอม หวายตะค้า เบยี้ จั่น สรรพคณุ บรรเทาอาการไข้จากไขก้ าฬ หัด และอีสุกอีใส* แกร้ อ้ นในกระหายนาำ้ (๒, ๓) รปู แบบยา ยาผง (๒) (ดภู าคผนวก ๓.๒) ยาแคปซลู (๒) (ดภู าคผนวก ๓.๓) ยาเมด็ (๒, ๓) (ดภู าคผนวก ๓.๔.๒) ขนาดและวิธกี ารใช้ ชนดิ ผง ผใู้ หญ่ กินครั้งละ ๑.๕-๒ กรัม ละลายนำ้าสุก วันละ ๒ คร้ัง ก่อนอาหาร เชา้ และเยน็ เด็ก อาย ุ ๖-๑๒ ขวบ กินคร้งั ละ ๕๐๐ มลิ ลิกรมั -๑ กรัม ละลายนำ้าสุก วันละ ๒ ครัง้ กอ่ นอาหาร เชา้ และเยน็ (๒, ๓) 130 *กรณแี กห้ ดั และอีสุกอีใส ใหล้ ะลายน้ำารากผักชตี ม้ เปน็ กระสาย (๓)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290