ชนิดแคปซูลและชนดิ เม็ด ผูใ้ หญ่ กินคร้ังละ ๑.๕-๒ กรมั วันละ ๒ ครง้ั ก่อนอาหาร เชา้ และเยน็ ข้อควรระวงั เด็ก อายุ ๖-๑๒ ขวบ กินครั้งละ ๕๐๐ มิลลิกรัม-๑ กรัม วันละ ๒ ครั้ง ก่อนอาหาร เชา้ และเย็น (๒) - ไม่แนะนำาให้ใช้ในผู้ท่ีสงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก เน่ืองจากอาจบดบังอาการของ ข้อมูลเพม่ิ เติม ไข้เลอื ดออก - หากใชย้ าเปน็ เวลานานเกิน ๓ วัน แล้วอาการไมด่ ขี ้นึ ควรปรึกษาแพทย ์ (๒) - การเตรียมตวั ยาเบย้ี จัน่ ก่อนนำาไปใช ้ (ดูภาคผนวก ๒.๕) - การเตรยี มตวั ยามะกอกก่อนนำาไปใช ้ (ดภู าคผนวก ๒.๑๐) - การเตรียมตวั ยามะคาำ ดคี วายก่อนนำาไปใช้ (ดูภาคผนวก ๒.๑๑) - การเตรยี มตวั ยาสะบา้ มอญกอ่ นนาำ ไปใช ้ (ดภู าคผนวก ๒.๑๘) - การเตรยี มตวั ยาสักกอ่ นนำาไปใช้ (ดภู าคผนวก ๒.๑๙) - การเตรียมตัวยาหวายตะค้าก่อนนาำ ไปใช ้ (ดภู าคผนวก ๒.๒๑) - สตู รตาำ รบั ยามหานลิ แทง่ ทองตามประกาศยาสามญั ประจาำ บา้ น พ.ศ. ๒๕๓๗ (๔) มีตัวยา “กระดูกงูเหลือมและกระดูกกา” เป็นส่วนประกอบ แต่ได้ตัดออกจากสูตร ตาำ รับตามประกาศยาสามญั ประจำาบา้ นแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๔๒ (๕) เนอ่ื งจาก มกี ารถกู ประกาศใหง้ เู หลอื มและนกกาเปน็ สตั วป์ า่ คมุ้ ครอง ตามพระราชบญั ญตั สิ งวน และค้มุ ครองสัตว์ปา่ พ.ศ. ๒๕๓๕ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข เอกสารอ้างองิ ๑. นิทเทส (ถมรตั น)์ พมุ่ ชศู ร.ี อายรุ เวทศึกษา (ขนุ นิทเทสสุขกิจ) เล่ม ๒. กรงุ เทพ ฯ: พร้อมจกั รการพิมพ์, ๒๕๑๖. หน้า ๒๖๓. ๒. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแหง่ ชาต ิ เร่อื ง บญั ชียาหลักแห่งชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หน้า ๔. (เอกสารแนบ ท้ายประกาศ หนา้ ๒๔๘) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เร่ือง ยาสามญั ประจาำ บ้านแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กุมภาพันธ์). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๒๑ ง. หน้า ๔๔. ๔. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอื่ ง ยาสามัญประจำาบ้าน ฉบับท่ี ๒ (๒๕๓๗, ๓ ตุลาคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๑๑ ตอนพิเศษ ๔๒ ง. หน้า ๗๘. ๕. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอื่ ง ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ (๒๕๔๒, ๒๔ สงิ หาคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๑๖ ตอนพเิ ศษ ๖๗ ง. หน้า ๔๗. 131
ยามหาวาตาธคิ ุณ ที่มาของตำารบั ยา ศิลาจารึกวดั พระเชตพุ นวิมลมังคลาราม (วดั โพธิ์) (๑, ๒) “๏ สทิ ธกิ ารยิ ะ จะกล่าวด้วยลกั ษณะก�าเนิดลม อันชอ่ื ว่าลมสัตถกวาตนัน้ เปน็ คา� รบ ๒ ถา้ บังเกิด แต่บุคคลผู้ใด มักกระทา� ใหเ้ จ็บอกเป็นตน้ แลลมกองนเ้ี กดิ เพื่อสนั ทคาด คร้ันแก่เขา้ กระทา� ใหจ้ บั เป็นเพลา และอาการทจี่ บั นน้ั มกั ใหเ้ จบ็ ไปทกุ ชน้ิ เนอ้ื ดจุ ดง่ั บคุ คลเอามดี มาเชอื ดและเอาเหลก็ อนั แหลมมาแทง ใหแ้ ปลบ ปลาบไปทัง้ กาย ให้ใจนน้ั สั่นอย่รู กิ ๆ ใหเ้ จบ็ อกเป็นกา� ลัง คร้ันสรา่ งแล้วให้หวิ หาแรงมไิ ดใ้ หเ้ จ็บศรี ษะใหจ้ กั ษุ มวั มไิ ดเ้ หน็ สงิ่ อนั ใดบรโิ ภคอาหารมไิ ด้ นอนมหิ ลบั ถา้ จะแกใ้ หแ้ กแ้ ตย่ งั เจบ็ อกอยนู่ น้ั ใหห้ าย ถา้ มหิ ายแกเ่ ขา้ กจ็ ะกลายเปน็ โทสนั ทคาดและตรสี นั ทคาดต เปน็ อตสิ ยั โรคตามอาจารยก์ ลา่ วไวว้ า่ เปน็ โรคตดั แพทยท์ ง้ั หลาย พงึ รูด้ งั น้ี ฯ “ยาชอ่ื มหาวาตาธิคุณ เอาโกฐทงั้ หา้ เทยี นทัง้ หา้ จันทนท์ ัง้ ๒ ผลจันทน์ ดอกจนั ทน์ กานพลู อบเชย สมุลแวง้ ขิงแหง้ ดปี ลี ผลเอน็ ล�าพันแดงส่ิงละสว่ น ดอกกระดังงา ใบกระวาน การบูร สง่ิ ละ ๒ ส่วน รากยา่ นาง ๓ สว่ น ทา� เป็นจุณบดทา� แทง่ ไว้ ละลายน�้าดอกไมแ้ ทรกชะมด แทรกพิมเสนใหก้ นิ แกล้ มสัตถกะวาตซงึ่ กระทา� ให้เจบ็ ตลอดไปทกุ ชนิ้ เนือ้ นั้นหายดีนัก ฯ” สตู รตำารับยา ประกอบด้วยตวั ยา ๒๕ ชนดิ รวมนา้ำ หนัก ๓๐ ส่วน ดังนี้ ตวั ยา นา้ำ หนกั ยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ย่านาง ๓ สว่ น ๒ สว่ น กระดังงา ๒ ส่วน ๒ สว่ น กระวาน ๑ สว่ น ๑ สว่ น การบรู ๑ ส่วน กานพลู ๑ ส่วน โกฐเขมา ๑ สว่ น โกฐจฬุ าลัมพา ๑ ส่วน โกฐเชียง ๑ ส่วน โกฐสอ ๑ ส่วน โกฐหวั บัว ๑ สว่ น ขงิ แห้ง ๑ สว่ น จันทนข์ าว ๑ สว่ น จันทนแ์ ดง ๑ สว่ น ดอกจนั ทน์ ดีปลี เทยี นขาว 132
ตัวยากรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขนำา้ หนักยา เทียนข้าวเปลอื ก ๑ ส่วน เทียนดำา ๑ สว่ น เทยี นแดง ๑ สว่ น เทยี นตาตัก๊ แตน ๑ สว่ น ลำาพันแดง ๑ สว่ น ลกู จนั ทน์ ๑ สว่ น ลูกเอน็ ๑ สว่ น สมุลแว้ง ๑ สว่ น อบเชย ๑ สว่ น สรรพคุณ กระจายลม ท่ีทาำ ให้เกิดอาการแนน่ หน้าอก ใจสัน่ รูปแบบยา ยาเม็ดพมิ พ์ ขนาด ๓๐๐ มลิ ลิกรมั (ดูภาคผนวก ๓.๔.๑) ขนาดและวิธกี ารใช้ กินครั้งละ ๓-๕ เม็ด วันละ ๒-๓ คร้งั หลงั อาหาร เชา้ เย็น หรือก่อนนอน เม่อื มอี าการ ข้อควรระวัง ควรระวังการใช้ยาอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะอย่างย่ิงในผู้ป่วยที่มีความผิดปรกติ ของตบั ไต เน่ืองจากอาจเกดิ การสะสมของการบูรและเกดิ พษิ ได้ เอกสารอ้างองิ ๑. สำานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลอื ก. หนงั สอื ชดุ ตาำ ราภมู ปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทย ฉบบั อนรุ กั ษ ์ ตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยในศลิ าจารกึ วัดพระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม (วดั โพธ์)ิ เลม่ ๓. พมิ พ์ครัง้ ท ี่ ๑. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ ทหารผ่านศึกในพระบรมราชปู ภัมภ์, ๒๕๕๗. ๒. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๘, ๓๐ พฤศจิกายน). ราชกิจจานุเบกษา. เลม่ ๑๓๒ ตอนพิเศษ ๓๑๗ ง. 133
ยามหาวาโย ทมี่ าของตำารับยา ตำาราโอสถคร้ังรชั กาลท่ ี ๒ (๑, ๒) “ยาขนุ มหาวาโยทลู เกลา้ ทูลกระหม่อมถวาย พระต�าราช่ือมหาวาโย ท่านให้เอา ดีปลี ๖ สลึง ใบสะเดา ๖ สลึง มหาหงิ ค์บุ าท ๑ พรกิ ไทยบาท ๑ การบรู บาท ๑ ยาดา� บาท ๑ รากทนดบี าท ๑ ขมิ้น ออ้ ยบาท ๑ สหสั คณุ เทศบาท ๑ ว่านนา้� ๒ สลงึ เจตมลู ๒ สลึง แหว้ หมู ๒ สลึง กะทอื ๒ สลึง กระวาน ๒ สลงึ น�้าประสานทอง ๒ สลงึ เกลือสินเธาว์ ๒ สลงึ ขิงแห้ง ๒ สลงึ รากชะพลู ๒ สลงึ ลูกกระดอม สลงึ ๑ กานพลูสลึง ๑ โกฐพุงปลาเฟื้อง ๑ โกฐสอเฟื้อง ๑ สรรพยา ๒๓ สงิ่ นี้ ตา� เปน็ ผง ละลายน�้าผ้งึ , นา้� รอ้ น, นา�้ สม้ ส้า, กไ็ ด้ แก้ลมอมั พาต ลมราทยกั ษ์ ลมปัตฆาต แก้ลมบา้ หมู แก้โลหติ แหง้ โลหิตตีขน้ึ แกห้ ดื ไอ แกร้ ิดสดี วงมองครอ่ แกก้ ลอ่ นแห้งลงฝกั แกไ้ ส้เล่อื น ไส้ลาม แกม้ ตุ กิด มุจฆาต แก้ฝีในทอ้ ง ในอก แกจ้ กุ เสยี ดหายแล ๚” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สูตรตำารับยา ประกอบด้วยตวั ยา ๒๒ ชนิด รวมนำา้ หนัก ๒๒๘.๗๕ กรมั ดังน ี้ ตัวยา นำา้ หนักยา ดปี ลี ๒๒.๕ กรัม สะเดา (ใบ) ๒๒.๕ กรัม การบูร ๑๕ กรมั ขมน้ิ อ้อย ๑๕ กรัม ทนดี ๑๕ กรัม ๑๕ กรัม พริกไทย ๑๕ กรมั มหาหงิ คุ์ ๑๕ กรัม ยาดำา ๑๕ กรมั สหัสคุณเทศ ๗.๕ กรมั กระวาน ๗.๕ กรัม ๗.๕ กรัม กะทอื ๗.๕ กรัม เกลือสินเธาว์ ๗.๕ กรัม ขงิ ๗.๕ กรัม ๗.๕ กรัม เจตมลู เพลิง ๗.๕ กรัม ชะพลู (ราก) ๗.๕ กรมั นำ้าประสานทอง ๓.๗๕ กรมั ว่านน้ำา ๓.๗๕ กรัม แห้วหมู ๑.๘๗๕ กรมั กระดอม ๑.๘๗๕ กรัม กานพลู โกฐพุงปลา 134 โกฐสอ
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขสรรพคณุ แกล้ มอัมพาต ลมราทยกั ษ์ และลมปัตฆาต รูปแบบยา ยาลูกกลอน (ดูภาคผนวก ๓.๕) ขนาดและวิธีการใช้ กนิ คร้ังละ ๒-๔ เม็ด วนั ละ ๓ ครั้ง ก่อนอาหาร เชา้ กลางวนั และเย็น ขอ้ หา้ มใช้ หา้ มใช้ในหญิงตง้ั ครรภ์ ผู้ทีม่ ไี ข ้ และเด็ก ข้อมลู เพมิ่ เตมิ - การเตรียมตัวยามหาหิงค์ุกอ่ นนาำ ไปใช้ (ดูภาคผนวก ๒.๙) - การเตรียมตัวยายาดำาก่อนนาำ ไปใช ้ (ดูภาคผนวก ๒.๑๒) เอกสารอ้างอิง ๑. สมเด็จพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระมหาสมณะ. ตาำ ราพระโอสถ ครง้ั รชั กาลที่ ๒: โรงพิมพ ์ โสภณพพิ รรฒธนากร, ๒๔๕๙. ๒. ประกาศกำาหนดตำาราการแพทย์แผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบับท่ ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๙, ๑๒ มกราคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๓ ตอนพิเศษ ๗ ง, หน้า ๑-๓. 135
ยามหาสดมภ์ ชอื่ อน่ื ยามะหาสะดม (๑, ๒) ที่มาของตาำ รบั ยา เวชศาสตร์ฉบับหลวงรชั กาลท ี่ ๕ เล่ม ๑ (๑, ๒) “ยามะหาสะดม ชะมดเชียงสว่ น ๑ ภมิ เสน ๑ การะบูร ๑ เทียนดา� ๑ ดองดงึ ๑ เจตมลู เพลงิ ๑ เอาส่ิงละ ๒ สว่ น กฤษณา ๑ กะลา� ภกั ๑ จันทน์เทศ ๑ เอาสงิ่ ละ ๓ ส่วน ก�ายาน ๔ สว่ น ขงิ ๑ ดปี ลี ๑ ส่งิ ละ ๘ สว่ น สนเทศ ๔ ส่วน บดด้วยน้�ามะนาวเปนกระสาย ปั้นแท่งผึง่ ในรม่ ใหแ้ ห้งแลว้ ใสข่ วดบดิ ไว้ อย่าใหล้ มเข้าได้ ถ้าลมจับแน่ไปฝนด้วยน้�ามะนาว ๗ เมด คัดปากกรอกเขา้ ไปฟ้ืนแล ถา้ ใหร้ ะสา่� ระสาย หิวโหยหาแรงมไิ ด้ ฝนด้วยน�้าดอกไมเ้ ทศ น�้าดอกไมไ้ ทย กไ็ ด้ แทรกน้�าตาลกรวดกนิ หาย แกล้ มจับหัวใจ แกโ้ ลหติ กา� เรบิ แลลมกา� เรบิ จบั หวั ใจใหน้ อนนงิ่ แนไ่ ปกด็ ี แลลน้ิ กระดา้ ง คางแขงเรยี กไมไ่ ดย้ นิ อา้ ปากมอิ อก” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สตู รตาำ รับยา ประกอบดว้ ยตวั ยา ๑๓ ชนดิ รวมนาำ้ หนกั ๔๕ สว่ น ดงั นี้ ตวั ยา นาำ้ หนักยา ขงิ ๘ ส่วน ๘ สว่ น ดปี ลี ๔ สว่ น กาำ ยาน ๔ สว่ น สนเทศ ๓ ส่วน กระลาำ พกั ๓ ส่วน กฤษณา ๓ ส่วน จันทนเ์ ทศ ๒ สว่ น การบรู ๒ สว่ น เจตมลู เพลงิ ๒ สว่ น ชะมดเชียง ๒ สว่ น ดองดงึ ๒ ส่วน เทียนดาำ ๒ สว่ น พมิ เสน สรรพคณุ แกล้ มมหาสดมภ์ รูปแบบยา ยาเมด็ พิมพ์ ขนาด ๓๐๐ มิลลิกรัม (ดูภาคผนวก ๓.๔.๑) ขนาดและวธิ ีการใช้ กินคร้ังละ ๗ เม็ด เม่ือมีอาการ หรือกินคร้ังละ ๒ เม็ด วันละ ๒ คร้ัง ก่อนอาหาร เชา้ และเย็น กระสายยาท่ใี ช้ ละลายน้ำามะนาว น้ำาดอกไม้เทศ หรือน้ำาดอกไม้ไทย แทรกน้าำ ตาลกรวด 136
ขอ้ มลู เพ่ิมเติม ให้แยกชะมดเชียงเอาไว้ก่อน เม่ือจะใช้ยาจึงนำาชะมดเชียงมาผสมตามต้องการ แล้วจึงกิน เอกสารอา้ งอิง ๑. หอสมุดแห่งชาติ กรมศลิ ปากร. ตำาราเวชศาสตรฉ์ บบั หลวง รชั กาลท ี่ ๕ เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: บรษิ ทั อมรนิ ทร ์ พร้ินตง้ิ แอนด์พับลชิ ชง่ิ จำากัด (มหาชน), ๒๕๔๒. ๒. ประกาศกำาหนดตาำ ราการแพทย์แผนไทยของชาตแิ ละตาำ รับยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบบั ท ่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๙, ๑๒ มกราคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ ๑๓๓ ตอนพเิ ศษ ๗ ง, หนา้ ๑-๓. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข 137
ยามหาอา� มฤต ชอื่ อ่ืน มหาอาำ มฤก (๑, ๒), มหาอาำ ฤต (๓, ๔) ทมี่ าของตำารบั ยา ๑. เวชศาสตร์ฉบับหลวงรัชกาลที่ ๕ เลม่ ๑ (๑, ๒) “๏ ยาชื่อมหาอ�ามฤกขนานนี้ท่านให้เอาเทียนท้ัง ๕ ตรีกฏุก สมอไทย ยาด�าท่ีดี ผิวมกรูด รากตองแตก เอาสิ่งละส่วน มหาหิง ผลมตูมอ่อน ว่านน�้า เอาสิ่งละสี่ส่วน โกฎน�้าเต้า ๑๐ ส่วนคร่ึง ถรว้ามจยะชา�าร๑ะ๗มกู เสล่ิงือนดี้ทให�าเล้ ปลนายจุณน้�าเใอบาน้�ามมปทเทฃกนูับรยีใาทสดู นมิมเ๑ปียตก้มเกปินนหการยะสดาีนยักฯบ”ดปั้นแท่งไว้ลลายเทนจอ้ บ�้างทรขอ้ึ้น้องนกินแก้ทรางเพ่ือลม อจุ ารมอิ อก ๒. แพทยศาสตร์สงเคราะห์ เลม่ ๑ พระยาพศิ ณปุ ระสาทเวช ร.ศ. ๑๒๘ (๓, ๔) “ยาช่อื มหาอ�าฤต ขนานน้ีทา่ นใหเ้ อา เทยี นทงั้ ๕ ตรีกระฏุก ๑ สมอไทย ๑ ยาด�าท่ดี ี ๑ ผิวมะกรดู ๑ รากตองแตก ๑ เอาสิ่งละสว่ น มหาหงิ คุ์ ๑ ผลมะตูมอ่อน ๑ หวา้ นน�้า ๑ เอาสิง่ ละ ๔ สว่ น โกฐน้า� เตา้ ๑๐ ส่วนครงึ่ รวมยา ๑๗ สง่ิ น้ีท�าเปนจณุ เอานา�้ มะขามเปยี กเปนกระสาย บดปนั้ แทง่ ไว้ละลาย น้า� ร้อนกิน แกท้ รางเพอื่ ลม ถา้ จะชา� ระมกู เลือดใหล้ ะลายน้�าใบเทียนใบทบั ทมิ ตม้ กนิ หายดีนัก” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สตู รตำารบั ยา ประกอบด้วยตัวยา ๑๖ ชนดิ รวมนาำ้ หนกั ๓๔ สว่ นครึง่ ดงั นี้ ตวั ยา น้าำ หนกั ยา โกฐนำ้าเตา้ ๑๐ สว่ นคร่ึง มะตมู (ผลออ่ น) ๔ ส่วน มหาหิงคุ์ ๔ ส่วน วา่ นน้ำา ๔ สว่ น เทียนขาว ๑ สว่ น เทยี นตาตั๊กแตน ๑ สว่ น เทียนขา้ วเปลือก ๑ ส่วน เทยี นแดง ๑ สว่ น เทยี นดาำ ๑ ส่วน พรกิ ไทย ๑ ส่วน ขิง ๑ ส่วน ๑ สว่ น ดปี ลี ๑ สว่ น สมอไทย ๑ สว่ น มะกรูด ๑ ส่วน ตองแตก ๑ ส่วน ยาดาำ 138
สรรพคุณ แกท้ อ้ งผกู แก้ทอ้ งอืดเฟ้อ รปู แบบยา ยาเมด็ พมิ พ์ ขนาด ๑๐๐ มลิ ลิกรมั (ดูภาคผนวก ๓.๔.๑) ขนาดและวิธีการใช้ เด็ก อายุ ๑-๓ เดือน ครั้งละ ๑-๒ เม็ด อายุ ๔-๖ เดือน ครั้งละ ๒-๓ เม็ด อายุ ๗-๑๒ เดอื น ครั้งละ ๓-๔ เมด็ อายุ ๑-๖ ขวบ ครงั้ ละ ๕-๑๐ เมด็ อายุ ๖-๑๒ ขวบ คร้งั ละ ๑๐-๑๕ เมด็ ละลายนาำ้ กระสายยา กินวันละ ๒ คร้ัง กอ่ นอาหาร เชา้ และเย็น กระสายยาทีใ่ ช้ - กรณแี ก้ซางเพ่ือลม ใช้นำา้ รอ้ น - กรณีชำาระมูกเลือด ใช้นำา้ ใบเทยี นกิ่งตม้ หรือน้าำ ใบทบั ทมิ ตม้ ข้อมลู เพ่ิมเติม - การเตรยี มตวั ยามหาหงิ ค์กุ ่อนนำาไปใช้ (ดูภาคผนวก ๒.๙) - การเตรียมตัวยายาดำาก่อนนาำ ไปใช ้ (ดูภาคผนวก ๒.๑๒) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข เอกสารอ้างองิ ๑. หอสมุดแหง่ ชาติ กรมศิลปากร. ตาำ ราเวชศาสตรฉ์ บับหลวง รัชกาลท ี่ ๕ เลม่ ๑. กรงุ เทพฯ: บริษทั อมรินทร ์ พริ้นตงิ้ แอนด์พบั ลชิ ช่งิ จำากัด (มหาชน), ๒๕๔๒. ๒. ประกาศกำาหนดตำาราการแพทย์แผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๙, ๑๒ มกราคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ ๑๓๓ ตอนพเิ ศษ ๗ ง, หน้า ๑-๓. ๓. พศิ ณุประสาทเวช, พระยา. แพทยศ์ าสตรส์ งเคราะห์ เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พศ์ ุภการ จาำ รญู ถนนอษั ฏางค;์ ร.ศ. ๑๒๘. ๔. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบบั ท ่ี ๑๓) พ.ศ. ๒๕๖๐, (๒๕๖๐, ๖ พฤศจิกายน). ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ ๑๓๔ ตอนพเิ ศษ ๒๗๑ ง, หนา้ ๑. 139
ยามนั ทธาตุ ทมี่ าของตำารับยา สตู รตำารบั ทใี่ กล้เคียงตาำ รบั น ้ี พบในตำาราเวชศึกษา แพทย์ศาสตรส์ งั เขป เลม่ ๑ พระยาพิศณปุ ระสาทเวช ร.ศ. ๑๒๗ (๑) “ยามันทธาตุ เอาโกฐทง้ั ๕ เทียนทง้ั ๕ รากไคร้เครอื ๑ ลกู ผกั ชีทง้ั ๒ การบนู ๑ กะเทียม ๑ สมุลแว้ง ๑ เปลือกโมกมนั ๑ จนั ทน์แดง ๑ จนั ทนเ์ ทศน์ ๑ กานพลู ๑ เบ็ญจกูล ๑ พรกิ ไทย ๑ ลูกจัน ๑ ยาท้ังน้ีเอาสิ่งละส่วน ขิงแห้ง ๑ ส่วน ลูกเบ็ญกานี ๓ ส่วน ท�าผงน้�ากระสายตามแต่จะใช้ กนิ แกธ้ าตทุ ัง้ ๔ หยอ่ นฯ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สตู รตำารับยา ประกอบด้วยตัวยา ๒๗ ชนิด รวมนาำ้ หนกั ๙๓ กรมั (๒) ดงั น้ี ตัวยา น้ำาหนกั ยา ขงิ แห้ง ๙ กรมั เบญกานี ๙ กรัม กระเทยี ม ๓ กรัม กานพลู ๓ กรัม การบูร ๓ กรัม โกฐเขมา ๓ กรัม โกฐจฬุ าลัมพา ๓ กรัม โกฐเชยี ง ๓ กรัม โกฐสอ ๓ กรัม โกฐหวั บวั ๓ กรัม จนั ทนแ์ ดง ๓ กรมั จันทนเ์ ทศ ๓ กรมั เจตมูลเพลิงแดง ๓ กรมั ชะพลู (ราก) ๓ กรมั ดีปลี ๓ กรมั เทียนขาว ๓ กรมั เทยี นข้าวเปลอื ก ๓ กรมั เทยี นดำา ๓ กรมั เทยี นแดง ๓ กรมั เทียนตาต๊ักแตน ๓ กรมั พรกิ ไทยล่อน ๓ กรมั โมกมนั ๓ กรมั ลูกจันทน์ ๓ กรมั ลูกชีลอ้ ม ๓ กรมั ลูกชีลา ๓ กรัม สมลุ แวง้ ๓ กรัม ๓ กรมั 140 สะค้าน
สรรพคณุ บรรเทาอาการทอ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ แกธ้ าตไุ ม่ปรกติ (๒, ๓) รปู แบบยา ยาผง (ดภู าคผนวก ๓.๒) ยาแคปซูล (ดภู าคผนวก ๓.๓) ยาเมด็ (ดภู าคผนวก ๓.๔.๒) ขนาดและวิธกี ารใช้ ชนดิ ผง ผ้ใู หญ่ กินครงั้ ละ ๑ กรมั ละลายนำ้าสุก วนั ละ ๓ คร้งั ก่อนอาหาร เด็ก อายุ ๖-๑๒ ขวบ กินคร้ังละ ๕๐๐ มิลลกิ รัม ละลายนาำ้ สกุ วนั ละ ๓ ครง้ั กอ่ นอาหาร เชา้ กลางวันและเย็น (๒, ๓) ชนิดเมด็ และชนิดแคปซูล ผูใ้ หญ่ กนิ คร้งั ละ ๑ กรัม วนั ละ ๓ ครั้ง ก่อนอาหาร ข้อหา้ มใช้ เดก็ อายุ ๖-๑๒ ขวบ กนิ ครัง้ ละ ๕๐๐ มิลลิกรมั วนั ละ ๓ คร้งั กอ่ นอาหาร เช้า กลางวันและเย็น (๒, ๓) - ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำากว่า ๑ ขวบ เนื่องจากเป็นยารสร้อน ทำาให้ล้ิน ขอ้ ควรระวัง ปากแสบรอ้ นได้ (๒) - ห้ามใชใ้ นหญิงตั้งครรภ์ -และผูท้ ม่ี ไี ข้ (๒) - ควรระวงั การกินร่วมกับยาในกลมุ่ สารกนั เลือดเปน็ ลมิ่ (anticoagulant) และ ยาตา้ นการจบั ตัวของเกลด็ เลอื ด (antiplatelets)(๒) ขอ้ มูลเพิม่ เติม - ควรระวงั การใชย้ าอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในผปู้ ว่ ยทมี่ คี วามผดิ ปรกติ ของตบั ไต เนอ่ื งจากอาจเกิดการสะสมของการบรู และเกดิ พิษได ้ (๒) ในสตู รตาำ รบั ไดต้ ดั ไครเ้ ครอื ออก เนอ่ื งจากมขี อ้ มลู งานวจิ ยั บง่ ชวี้ า่ ไครเ้ ครอื ทใ่ี ชแ้ ละ มีการจำาหน่ายในท้องตลาด เป็นพืชในสกุล Aristolochia ซ่ึงพืชในสกุล Aristolochia มีรายงานพบว่ากอ่ ใหเ้ กดิ ความเป็นพิษต่อไต (nephrotoxicity) และเม่อื พ.ศ. ๒๕๔๕ องค์การอนามัยโลกไดป้ ระกาศใหพ้ ชื สกลุ Aristolochia เปน็ สารกอ่ มะเรง็ ในมนษุ ย ์ (๒) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข เอกสารอา้ งอิง ๑. พิศณุประสาตรเวช, พระยา. เวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๗ หนา้ ๘๔. ๒. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแห่งชาติ เรอื่ ง บญั ชยี าหลักแห่งชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔ ง. หน้า ๔. (เอกสารแนบ ท้ายประกาศ หนา้ ๒๓๕) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กุมภาพนั ธ์). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๒๑ ง. หนา้ ๓๙. 141
ยารดิ สดี วงมหากาฬ ชอ่ื อืน่ รดิ สีดวงมหาพาล (๑) ท่มี าของตาำ รับยา สตู รตำารับทีใ่ กลเ้ คยี งตาำ รบั น ี้ พบในตาำ ราเวชศึกษา แพทย์ศาสตรส์ งั เขป เล่ม ๑ พระยาพศิ ณปุ ระสาทเวช ร.ศ. ๑๒๗ (๑) “ยาริดสดี วงมหาพาล เอาเทยี นท้งั ๕ โกฐสอ ๑ โกฐกัดกรา ๑ โกฐจุลาลา� พา ๑ โกฐก้านพรา้ ว ๑ โกฐพุงปลา ๑ ลกู จนั ๑ ดอกจนั ๑ ตรกี ฎุก ๑ สคา้ น ๑ มดยอบ ๑ สนเทศ ๑ สมุลแวง้ ๑ อบเชย ๑ ขอบชะนางทงั้ ๒ เอาส่งิ ละ ๑ บาท ชาตก้อน ๑ เฟอ้ื ง แต่ชาตนน้ั ใสก่ ระเบอื้ งตง้ั ไฟใหร้ อ้ น เอาน้�ามะกรูด บีบใส่ลงขว้ั ใหแ้ ห้ง ๓ หน จนชาตกรอบแล้ว จึงประสมกับยาทงั้ ปวงตา� เปนผงบดแทรกเกลอื พิมเสน ป้นั เม็ด เท่าพริกไทยกิน ๓ เม็ด น�้าสรุ าเป็นยากระสาย แก้สาระพัดโรคริดสีดวงเร้ือรังฝีเปือ่ ยพังทงั้ ตัว คุธราดอปุ ทม ไส้ดว้ นไส้ลาม แกม้ ตุ กจิ ฉ์แลริดสดี วงในทวารหนกั เบากินหาย ใช้มามากแลว้ ดนี ักแล” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สตู รตำารบั ยา ประกอบดว้ ยตัวยา ๒๒ ชนิด รวมน้ำาหนกั ๑๑๐ กรมั (๒) ดงั น้ี ตัวยา น้ำาหนักยา โกฐกกั กรา ๕ กรมั โกฐกา้ นพรา้ ว ๕ กรมั โกฐจุฬาลัมพา ๕ กรมั โกฐพงุ ปลา ๕ กรมั โกฐสอ ๕ กรัม ขอบชะนางขาว ๕ กรัม ๕ กรมั ขอบชะนางแดง ๕ กรัม ๕ กรัม ขิง ๕ กรัม ดอกจนั ทน์ ๕ กรัม ดปี ลี ๕ กรมั เทียนขาว ๕ กรมั เทียนขา้ วเปลอื ก ๕ กรมั เทียนดำา ๕ กรมั เทียนแดง ๕ กรัม เทียนตาตก๊ั แตน ๕ กรมั พรกิ ไทยล่อน ๕ กรมั มดยอบ ๕ กรัม ลกู จันทน์ ๕ กรัม สนเทศ ๕ กรัม สมุลแว้ง ๕ กรัม สะค้าน 142 อบเชยเทศ
สรรพคณุ บรรเทาอาการริดสีดวงทวารหนกั (๒) รูปแบบยา ยาแคปซูล (ดภู าคผนวก ๓.๓) ยาเม็ด (ดูภาคผนวก ๓.๔.๒) ยาลกู กลอน (ดูภาคผนวก ๓.๕) ขนาดและวิธีการใช้ กินครั้งละ ๘๐๐ มิลลิกรัม-๑ กรัม วันละ ๓ ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน และเยน็ (๒) ข้อควรระวัง - ควรระวงั การกินรว่ มกับยาในกลุม่ สารกนั เลอื ดเปน็ ล่มิ (anticoagulant) และ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ยาตา้ นการจับตวั ของเกล็ดเลอื ด (antiplatelet) (๒) - ควรระวงั การใช้ยาในหญงิ ต้งั ครรภแ์ ละหญงิ ใหน้ มบุตร (๒) ขอ้ มลู เพ่ิมเตมิ - สตู รตาำ รบั ในบัญชยี าหลักแหง่ ชาตไิ ดต้ ดั ตวั ยา “ชาด” ออก เนอ่ื งจากเปน็ โลหะ หนัก เดมิ ในสตู รตาำ รบั มีชาดประมาณ ๑.๘๗๕ กรมั ในยาทง้ั หมด ๑๑๑.๘๗๕ กรัม (โดยประมาณ) ขนาดของชาดก้อนท่ีได้รับในมื้อหน่ึงประมาณ ๔.๕ มลิ ลกิ รมั (เมอื่ เทยี บจากยา ๓ เมด็ ขนาดเทา่ เมด็ พรกิ ไทย) ซง่ึ ไมเ่ กนิ ปรมิ าณ ทส่ี าำ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยาอนญุ าตใหใ้ ช ้ คอื สาำ หรบั กนิ ในมอื้ หนง่ึ รวมกันไม่เกิน ๓๐ มิลลิกรัม โดยในทางการแพทย์แผนไทย ชาดถือเป็น ตัวยาสำาคัญท่ีใช้แก้โลหิตและนำ้าเหลืองเสีย และในสถานพยาบาลบางแห่ง ยงั คงใช้สูตรตำารบั ทีม่ ีชาดอยู่ - การเตรียมตัวยามดยอบกอ่ นนาำ ไปใช้ (ดภู าคผนวก ๒.๘) เอกสารอ้างองิ ๑. พิศณุประสาตรเวช, พระยา. เวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พไ์ ทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๗ หนา้ ๘๒. ๒. ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เร่ือง บญั ชียาหลกั แห่งชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔ ง. หน้า ๔. (เอกสารแนบ ทา้ ยประกาศ หนา้ ๒๔๑) 143
ยาเลอื ดงาม ทม่ี าของตาำ รับยา เภสัชตำารบั โรงพยาบาล โรงพยาบาลกดุ ชุม จงั หวดั ยโสธร สตู รตำารับยา ประกอบด้วยตัวยา ๒๒ ชนดิ รวมน้ำาหนัก ๑๐๒ กรมั (๑) ดงั นี้ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตวั ยา นาำ้ หนกั ยา ๕ กรัม กระชาย ๕ กรัม กระเทยี ม ๕ กรมั กะทือ ๕ กรัม กะเพรา ๕ กรัม กานพลู ๕ กรัม โกฐจฬุ าลัมพา ๕ กรมั ขิง ๕ กรัม เจตมลู เพลิงแดง ๕ กรัม ชะพลู (ทั้งตน้ ) ๕ กรมั ชะเอมเทศ ๕ กรมั ดปี ลี ๕ กรมั ตะไคร้ ๕ กรมั พริกไทยลอ่ น ๕ กรมั เพกา ๕ กรมั ไพล ๕ กรัม มะกรดู ๕ กรมั มะนาว (ใบ) ๕ กรัม เร่วหอม ๕ กรัม ลกู จันทน์ ๕ กรมั สะระแหน่ ๑ กรัม การบรู ๑ กรัม พมิ เสน สรรพคณุ บรรเทาอาการปวดประจำาเดือน ช่วยให้ประจำาเดอื นมาเปน็ ปรกต ิ แก้มุตกดิ (๑) รปู แบบยา ยาผง (๑) (ดูภาคผนวก ๓.๒) ยาแคปซลู (๑) (ดภู าคผนวก ๓.๓) ขนาดและวธิ กี ารใช้ ชนิดผง กนิ ครั้งละ ๑-๒ กรมั ละลายน้ำาสกุ วนั ละ ๓ ครั้ง กอ่ นอาหาร เชา้ กลางวนั และเย็น 144
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ชนิดแคปซูล กินคร้ังละ ๑-๒ กรัม วันละ ๓ ครง้ั ก่อนอาหาร เชา้ กลางวันและเย็น (๑) ข้อหา้ มใช้ หา้ มใช้ในหญิงตกเลอื ดหลังคลอด หญิงตงั้ ครรภ ์ และผทู้ ี่มีไข้ (๑) ขอ้ ควรระวัง ควรระวังการใช้ยาอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีความผิดปรกติ ของตบั ไต เนือ่ งจากอาจเกิดการสะสมของการบูรและเกดิ พิษได ้ (๑) เอกสารอ้างองิ ๑. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลกั แหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หนา้ ๔. (เอกสารแนบท้าย ประกาศ หนา้ ๒๔๔) 145
ยาวาตาประสิทธิ ทีม่ าของตำารับยา ตาำ รายาพระองคเ์ จา้ สายสนทิ วงศ์ (๑, ๒) “ยาที่ ๕ ช่อื วาตาประสิทธิ ช่ือโทสันฆาฏก็ชื่อ ใหเ้ อาสะค้านบาท ๑ ดปี ลีบาท ๑ ขงิ แหง้ บาท ๑ โกฐสอบาท ๑ ชะเอมเทศบาท ๑ หญา้ ตีนนกบาท ๑ กญั ชาบาท ๑ หัวอุตพิศบาท ๑ หวั ดองดงึ บาท ๑ ยาด�า ๓ บาท มหาหิงคุ์ ๓ บาท แก่นแสมทะเล ๓ บาท โกฐน้�าเต้า ๓ บาท โกฐพุงปลา ๓ บาท ผักแพวแดง ๓ บาท ว่านน้�า ๓ บาท เดิมเอาสงิ่ ละเสมอภาค พรกิ ไทย หนักเท่ายา ๑๖ ส่งิ ใหมน่ ี้ ใหเ้ อาพรกิ ไทยหนักเท่ายา ๑๖ สิ่ง” สูตรตำารับ ประกอบดว้ ยตวั ยา ๑๗ ชนดิ รวมนำ้าหนัก ๙๐๐ กรมั ดงั น ้ี กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตัวยา นา้ำ หนกั ยา พริกไทย ๔๕๐ กรมั โกฐนาำ้ เตา้ ๔๕ กรมั โกฐพุงปลา ๔๕ กรมั ผักแพวแดง ๔๕ กรัม มหาหิงค์ุ ๔๕ กรัม ยาดำา ๔๕ กรมั ว่านนำา้ ๔๕ กรัม แสมทะเล ๔๕ กรัม กัญชา ๑๕ กรมั โกฐสอ ๑๕ กรมั ขงิ แหง้ ๑๕ กรัม ชะเอมเทศ ๑๕ กรมั ดองดึง ๑๕ กรัม ดปี ลี ๑๕ กรัม สะค้าน ๑๕ กรมั หญ้าตีนนก ๑๕ กรมั อตุ พิด ๑๕ กรัม สรรพคณุ แก้ลม แก้โทสนั ทฆาต รูปแบบยา ยาลูกกลอน (ดูภาคผนวก ๓.๕) ขนาดและวธิ ีการใช้ กินคร้งั ละ ๒-๔ เม็ด วนั ละ ๒ ครงั้ ก่อนอาหาร เช้าและเย็น ตามกาำ ลงั ธาตหุ นกั เบา 146
ขอ้ หา้ มใช้ หา้ มใชใ้ นหญิงตงั้ ครรภ์ ผู้ท่มี ไี ข ้ และเด็ก ขอ้ ควรระวงั - ควรระวังการกินร่วมกับยาในกลุ่มสารกันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulant) และยาต้านการจบั ตัวของเกลด็ เลอื ด (antiplatelet) - ควรระวงั การใช้ ร่วมกบั ยา phenyltoin propranolol theophylline และ rifampicin เนื่องจากตำารบั นี้มพี ริกไทยในปริมาณสงู ข้อมลู เพิม่ เตมิ - ตำารับยานี้มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๕ ตามพระราชบัญญตั ิยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ การใชย้ าตำารับนตี้ อ้ งอยู่ ภายใตก้ ารควบคมุ และการกบั ดแู ลจากผปู้ ระกอบวชิ าชพี แพทยแ์ ผนไทยเทา่ นน้ั - การเตรยี มตัวยามหาหงิ ค์ุกอ่ นนาำ ไปใช้ (ดูภาคผนวก ๒.๙) - การเตรียมตวั ยายาดาำ กอ่ นนาำ ไปใช ้ (ดภู าคผนวก ๒.๑๒) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข เอกสารอ้างอิง ๑. รองอาำ มาตย์เอก หลวงแผน่ ะทเี พิม่ . ๒๔๗๑. ตำารายาพระองคเ์ จา้ สายสนิทวงศ.์ โรงพมิ พ์ ศรีหงส,์ จังหวดั พระนคร. ๒. ประกาศกำาหนดตำาราการแพทย์แผนไทยของชาติและตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบบั ที ่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๙, ๑๒ มกราคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๓ ตอนพิเศษ ๗ ง, หน้า ๑-๓. 147
ยาวสิ ัมพยาใหญ่ ชอ่ื อน่ื วสิ ำาพยาไหญ่ (๑) ท่มี าของตำารับยา สตู รตำารบั ท่ใี กล้เคยี งตาำ รบั น ้ี พบในตาำ ราเวชศกึ ษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑ พระยาพศิ ณปุ ระสาทเวช ร.ศ. ๑๒๗ (๑) “ยาวิส�าพยาใหญ่ ลูกผกั ชีลา ๑ บาท ลูกจัน ๑ บาท ดอกจัน ๑ บาท กระวาน ๑ กานพลู ๑ โกฐทง้ั ๕ อบเชย ๑ สมลุ แว้ง ๑ นา้� ประสารทอง ๑ สมอเทศ ๑ สมอไทย ๑ รากไคร้เครือ ๑ ว่านนา�้ ๑ บรเพด็ ๑ ขงิ แห้ง ๑ พยารากขาว ๑ ยาเหล่านีเ้ อาหนกั ส่งิ ละ ๑ สลึง ดปี ลเี ทา่ ยาท้ังหลาย แกจ้ กุ เสียดนา้� ผ้ึงนา้� รอ้ นเปนกระสาย” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สูตรตำารบั ยา ประกอบดว้ ยตัวยา ๑๙ ชนดิ รวมนำ้าหนกั ๑๐๘ กรมั (๒) ดังน้ี ตวั ยา นำ้าหนกั ยา ดปี ลี ๕๔ กรมั ดอกจันทน์ ๘ กรัม ลูกจันทน์ ๘ กรมั ลกู ชลี า ๘ กรัม ๒ กรัม กระวาน ๒ กรมั ๒ กรัม กานพลู ๒ กรมั โกฐเขมา ๒ กรมั โกฐจุฬาลมั พา ๒ กรมั โกฐเชียง ๒ กรัม โกฐสอ ๒ กรัม โกฐหวั บัว ๒ กรมั ขิงแห้ง ๒ กรมั บอระเพด็ ๒ กรมั พญารากขาว ๒ กรมั ว่านนา้ำ ๒ กรมั สมอเทศ ๒ กรัม สมอไทย ๒ กรมั สมุลแวง้ อบเชย 148
สรรพคุณ บรรเทาอาการทอ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ จุกเสยี ด (๒, ๓) รปู แบบยา ยาผง (ดูผนวก ๓.๒) ขนาดและวิธกี ารใช้ ละลายนำ้าสุกหรือผสมน้ำาผ้งึ กนิ ครั้งละ ๑ กรมั ทกุ ๔ ช่วั โมง (๒, ๓) ข้อหา้ มใช้ ห้ามใชใ้ นหญิงต้ังครรภ์ และผทู้ ีม่ ีไข้ (๒) ข้อควรระวงั - ควรระวังการกินร่วมกับยาในกลุ่มสารกันเลือดเป็นล่ิม (anticoagulant) และยาต้านการจบั ตวั ของเกลด็ เลือด (antiplatelets) (๒) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข - ควรระวงั การใชร้ ว่ มกบั ยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เนอ่ื งจากตาำ รบั นม้ี ีดอกดปี ลใี นปริมาณสูง (๒) ข้อมลู มูลเพ่มิ เติม สตู รตำารับยาวสิ ัมพยาใหญต่ ามประกาศยาสามัญประจำาบา้ น พ.ศ. ๒๕๓๗ (๔) มตี ัวยา “น้าำ ประสานทองสะตุและไคร้เครือ” เปน็ สว่ นประกอบ ซ่งึ น้าำ ประสาน ทองสะตุได้ตัดออกจากสูตรตำารับตามประกาศยาสามัญประจำาแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๔๒ (๕) สว่ น “ไครเ้ ครอื ” ไดต้ ัดออกจากสูตรตำารับ เนอื่ งจากมีขอ้ มูล งานวิจัยบ่งช้ีว่าไคร้เครือที่ใช้และมีการจำาหน่ายในท้องตลาด เป็นพืชในสกุล Aristolochia ซึง่ พืชในสกลุ Aristolochia มรี ายงานพบว่ากอ่ ให้เกิดความเป็น พษิ ต่อไต (nephrotoxicity) และเม่ือ พ.ศ. ๒๕๔๕ องคก์ ารอนามัยโลกได้ ประกาศให้พชื สกุล Aristolochia เป็นสารก่อมะเร็งในมนษุ ย ์ (๒) เอกสารอา้ งอิง ๑. พิศณุประสาตรเวช, พระยา. เวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพไ์ ทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๗ หน้า ๗๘. ๒. ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เร่ือง บัญชียาหลักแหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔ ง. หน้า ๔. (เอกสารแนบ ทา้ ยประกาศ หนา้ ๒๓๗) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอื่ ง ยาสามัญประจาำ บา้ นแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กมุ ภาพนั ธ)์ . ราชกิจจานุเบกษา. เลม่ ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๒๑ ง. หนา้ ๓๘. ๔. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรื่อง ยาสามญั ประจาำ บ้าน ฉบับท่ ี ๒ (๒๕๓๗, ๓ ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เลม่ ๑๑๑ ตอนพิเศษ ๔๒ ง. หน้า ๘๕. ๕. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอื่ ง ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ (๒๕๔๒, ๒๔ สงิ หาคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เล่ม ๑๑๖ ตอนพิเศษ ๖๗ ง. หนา้ ๓๘. 149
ยาศภุ มติ ร ทีม่ าของตำารับยา ตาำ รายาเกรด็ (๑, ๒) “๏ ยาศภุ มิตรกินให้มีลมเบ่ง ให้เอา ลูกผักชี ๒ สลึง ลกู จนั ทน์ ๒ สลงึ ดอกจนั ทน์ ๒ สลงึ กระวาน ๒ สลงึ กานพลู ๒ สลงึ เทียนดา� ๒ สลงึ เทียนขาว ๒ สลงึ เทียนแดง ๒ สลึง สารสม้ ๑ บาท สะตุต�าผงกนิ กับนา้� สม้ ซา่ นา�้ ร้อน นา้� ตาลทราย หยดนอ้ ยหน่ึงกนิ กดลมลงลา่ งรักษาลกู ในครรภ์ดว้ ย ๚” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สูตรตาำ รบั ยา ประกอบด้วยตัวยา ๙ ชนิด รวมน้ำาหนกั ๗๕ กรัม ดงั นี้ ตัวยา นำ้าหนักยา สารส้ม ๑๕ กรัม กระวาน ๗.๕ กรัม ๗.๕ กรมั กานพลู ๗.๕ กรัม ดอกจนั ทน์ ๗.๕ กรมั เทยี นขาว ๗.๕ กรมั เทียนดำา ๗.๕ กรมั เทยี นแดง ๗.๕ กรมั ลูกจนั ทน์ ๗.๕ กรัม ลูกชลี า สรรพคณุ กนิ ให้มลี มเบ่ง รปู แบบยา ยาผง (ดูภาคผนวก ๓.๒) ขนาดและวธิ กี ารใช้ กินคร้ังละ ๑-๒ หยดในนำ้าร้อน ๑ แก้ว (๒๐๐ มิลลิลิตร) วันละ ๒ ครั้ง ก่อนอาหาร เชา้ และเย็น ๑ สปั ดาห์ก่อนกาำ หนดคลอด กรณีคลอดปรกติ ข้อมลู เพ่ิมเตมิ การเตรยี มตวั ยาสารสม้ กอ่ นนาำ ไปใช ้ (ดภู าคผนวก ๒.๒๐) เอกสารอ้างอิง ๑. “ตำารายาเกรด็ ”. หอสมุดแห่งชาติ. หนงั สอื สมุดไทยดำา. อกั ษรไทย. ภาษาไทย. เลขที่ ๒๓๑. หมวดตำาราเวชศาสตร์. ๒. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบบั ท ่ี ๘) พ.ศ. ๒๕๕๙, (๒๕๖๐, ๒๔ พฤษภาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เลม่ ๑๓๔ ตอนพเิ ศษ ๑๓๙ ง, หนา้ ๑. 150
ยาสตรหี ลังคลอด ที่มาของตาำ รบั ยา เภสัชตาำ รับโรงพยาบาลกาบเชิง จังหวัดสรุ ินทร์ “แก่นแกแล แกน่ ขนุน วา่ นชักมดลกู แกน่ ฝางเสน เถาสะค้านรากเจตมลู เพลิงแดง ดอกดปี ลี โกฐเชียง เถาก�าแพงเจ็ดช้ัน หนักส่ิงละ ๑๐ กรัม พริกไทยล่อน รากช้าพลู ดอกค�าฝอย ดอกมะลิ ดอกพกิ ุล ดอกบนุ นาค ดอกสารภี เกสรบัวหลวง หนักสิง่ ละ ๕ กรมั กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สตู รตาำ รบั ยา ประกอบด้วยตวั ยา ๑๗ ชนดิ รวมนา้ำ หนกั ๑๓๐ กรัม (๑) ดงั น้ี ตัวยา น้าำ หนักยา กำาแพงเจ็ดช้นั ๑๐ กรมั แกแล ๑๐ กรมั โกฐเชียง ๑๐ กรมั ๑๐ กรมั ขนนุ ๑๐ กรัม ๑๐ กรมั เจตมูลเพลงิ แดง ๑๐ กรมั ดปี ลี ๑๐ กรมั ฝางเสน ๑๐ กรมั วา่ นชกั มดลูก ๕ กรัม สะค้าน ๕ กรัม คาำ ฝอย ๕ กรัม ชะพลู (ราก) ๕ กรมั บัวหลวง ๕ กรัม บุนนาค ๕ กรมั พริกไทยลอ่ น ๕ กรมั พกิ ุล ๕ กรมั มะลิ สารภี สรรพคุณ ขับนาำ้ คาวปลา บาำ รงุ เลอื ด ช่วยใหม้ ดลกู เข้าอูเ่ ร็วในหญิงหลงั คลอด (๑) รปู แบบยา ยาตม้ (๑) (ดูภาคผนวก ๓.๑.๑) ขนาดและวิธีการใช้ ดืม่ ครงั้ ละ ๒๕๐ มิลลิลติ ร วันละ ๓ คร้งั กอ่ นอาหาร เช้า กลางวนั และเยน็ หรือด่ืมแทนนำ้าติดต่อกัน ๑ สัปดาห์หรือจนกว่าน้ำาคาวปลาจะหมด แต่ไม่ควร เกนิ ๑๕ วนั (๑) ดมื่ ขณะยายงั อุ่นอยู่ 151
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขขอ้ หา้ มใช้ ห้ามใชใ้ นหญงิ ตกเลือดหลังคลอด หญิงต้ังครรภ ์ และผทู้ ี่มไี ข้ (๑) ข้อควรระวงั - ควรระวงั การกนิ รว่ มกบั ยาในกลมุ่ สารกนั เลอื ดเปน็ ลมิ่ (anticoagulant) และ ต้านการจบั ตวั ของเกล็ดเลือด (antiplatelet) - ควรระวงั การใชย้ ากบั ผ้ปู ว่ ยทีแ่ พล้ ะอองเกสรดอกไม้ (๑) ข้อมลู เพิ่มเตมิ - แพทย์แผนไทยดงั้ เดมิ ใช้เป็นยาแทนการอยไู่ ฟของหญิงหลังคลอด - ยา ๑ หม้อ ใชต้ ดิ ต่อกนั ๕-๗ วัน โดยให้อนุ่ น้าำ สมุนไพรทกุ คร้งั ก่อนใช้ยา เอกสารอ้างอิง ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแหง่ ชาต ิ เรอื่ ง บญั ชยี าหลกั แหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานุเบกษา. เลม่ ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หน้า ๔. (เอกสารแนบท้ายประกาศ หน้า ๒๔๔) 152
ยาสมมทิ กมุ ารนอ้ ย ชือ่ อื่น ยาสมมดิ ทะกมุ าร ทม่ี าของตำารับยา ๑. เวชศาสตรฉ์ บบั หลวง รชั กาลท ี่ ๕ เล่ม ๑ (๑, ๒) “ยาชอื่ สมมดิ ทะกุมารขนานนี้ ท่านให้เอาแกน่ สน ผลจันทน์ ดอกจนั ทน์ กระวาน การพลู อบเชย สมุลแวง้ จนั ทนช์ ะมด กฤษนา กระลา� ภัก ชะลูด ขอนดอก ชมดเชยี ง หญา้ ฝรน่ั ผลผักชลี า สังกรนี เอาสิ่งละ ๑ สลึง โกดท้ังเกา้ ภมุ เสน อ�าพันทอง เอาสง่ิ ละ ๒ สลึง เทยี นทง้ั ห้า เอาสิ่งละ ๑ บาท ก�ายาน ๑ บาท ๑ สลึง รวมยา ๓๓ สิง่ นก้ี ระท�าให้เปนจณุ เอานา�้ ดอกไมเ้ ปนกระสายบดปนั้ แท่งไว้ แก้พศิ ม์ทราง จับหัวใจ แลทรางข้นึ ตับ ขนึ้ ปอด แลข้ึนทรวงอก ใหต้ กมูกตกเลอื ด ให้เช่ือมมนึ มีกา� ลังน้ันนอ้ ยใหอ้ ิดโรย ไปนกั ถ้าจะแก้ระส่�าระสายละลายน�้าดอกไมน้ า�้ จันทน์กนิ ถ้าจะแกร้ ากละลายนา�้ ผลยอต้มกิน ถา้ จะแก้หอบ ระหวยก�าลงั นัน้ นอ้ ยนัก ละลายนา้� รากถว่ั ภตู ม้ กนิ ถ้าจะแกค้ ล่งั ลลายนา�้ แก่นสนต้มกนิ ถ้าจะแกก้ ินเขา้ มิได้ ลลายนา�้ ขันทศกรกนิ ถ้าจะแก้เชอื่ มแก้มนึ ละลายน�้าชเอมต้มกนิ ถา้ จะแก้ลงละลายน้�าเปลอื กมรุมต้มกนิ ยาขนานนใี้ ช้ได้ทกุ ประการดีนัก ฯ” ๒. แพทยศาสตร์สงเคราะห์ เล่ม ๑ พระยาพิศณุประสาทเวช ร.ศ. ๑๒๘ (๓, ๔) “ยาชอ่ื สมมิทกุมารน้อย ขนานนท้ี า่ นให้เอาแก่นสน ๑ ผลจนั ทน์ ๑ ดอกจนั ทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ อบเชย ๑ สมลุ แวง้ ๑ จันทนช์ ะมด ๑ กฤษณา ๑ กระลา� ภัก ๑ ชะลดู ๑ ขอนดอก ๑ ชะมดเชียง ๑ หญ้าฝรั่น ๑ ผลผักชีลา ๑ สังกรณี ๑ เอาส่ิงละ ๑ สลึง โกฐท้ัง ๙ พิมเสน ๑ อา� พันทอง ๑ เอาส่ิงละ ๑ สลึง เทยี นทง้ั ๕ เอาส่งิ ละ ๑ บาท ก�ายาน ๕ สลงึ รวมยา ๓๓ สงิ่ นี้กระท�า ให้เปนจุณ เอาน�้าดอกไม้เปนกระสาย บดปั้นแท่งไว้แก้พิษทรางจับหัวใจ แลทรางข้ึนตับข้ึนปอด แลขึ้น ทรวงอกใหต้ กมกู ตกโลหติ ให้เช่ือมมนึ กา� ลังนอ้ ยใหอ้ ิดโรยใชน้ ้า� กระสายดังนี้ ถา้ จะแกร้ ะส�่าระสายละลายน�้า ดอกไม้นา�้ จันทน์กิน ถ้าจะแก้รากละลายผลยอต้มกนิ ถ้าจะแก้หอบระหวยกา� ลังน้อยนกั ละลายน�้ารากถัว่ ภู ตม้ กิน ถา้ จะแกค้ ล่ังละลายน้�าแกน่ สนต้มกนิ ถา้ จะแกก้ นิ เขา้ มไิ ดล้ ะลายน้�าขนั ทศกรกนิ ถา้ จะแกเ้ ชอื่ มแกม้ ึน ละลายน้�าชะเอมต้มกนิ ถ้าจะแก้ลงละลายน�้าเปลือกมะรมุ ต้มกนิ ยาขนานนี้ใช้ได้ ทุกประการดีนัก” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สตู รตาำ รับยา ประกอบด้วยตวั ยา ๓๓ ชนิด รวมนาำ้ หนัก ๒๓๖.๒๕ กรัม ดงั นี้ ตวั ยา นาำ้ หนักยา กำายาน ๑๘.๗๕ กรัม เทยี นขาว ๑๕ กรัม เทียนขา้ วเปลอื ก ๑๕ กรัม เทียนดำา ๑๕ กรมั เทียนแดง ๑๕ กรัม เทียนตาต๊กั แตน ๑๕ กรมั โกฐกระดกู ๗.๕ กรัม 153
ตัวยา นา้ำ หนกั ยา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขโกฐก้านพร้าว ๗.๕ กรมั โกฐเขมา ๗.๕ กรัม โกฐจฬุ าลัมพา ๗.๕ กรมั โกฐชฎามงั สี ๗.๕ กรัม โกฐเชยี ง ๗.๕ กรัม โกฐพงุ ปลา ๗.๕ กรัม โกฐสอ ๗.๕ กรมั โกฐหวั บัว ๗.๕ กรัม พิมเสน ๗.๕ กรัม อำาพันทอง ๗.๕ กรมั กระลำาพัก ๓.๗๕ กรัม กระวาน ๓.๗๕ กรมั ๓.๗๕ กรมั กฤษณา ๓.๗๕ กรมั กานพลู ๓.๗๕ กรมั แก่นสน ๓.๗๕ กรมั ๓.๗๕ กรมั ขอนดอก ๓.๗๕ กรมั ๓.๗๕ กรัม จันทนช์ ะมด ๓.๗๕ กรมั ชะมดเชยี ง ๓.๗๕ กรัม ชะลูด ๓.๗๕ กรัม ดอกจันทน ์ ๓.๗๕ กรัม ลกู จันทน์ ๓.๗๕ กรัม ลูกชีลา ๓.๗๕ กรัม สมลุ แวง้ ๓.๗๕ กรัม สังกรณี หญ้าฝร่ัน อบเชย สรรพคณุ แกซ้ าง แก้พิษซาง รปู แบบยา ยาเม็ดพมิ พ์ ขนาด ๑๐๐ มลิ ลกิ รมั (ดภู าคผนวก ๓.๔.๑) ขนาดและวธิ ีการใช้ เด็ก แรกเกดิ -๖ เดือน กนิ ครั้งละ ๑ เมด็ อายุ ๖ เดอื น-๑ ขวบ กนิ ครั้งละ ๒ เม็ด อายุ ๑-๓ ขวบ กินคร้ังละ ๓ เม็ด อายุ ๓-๖ ขวบ กนิ ครง้ั ละ ๔ เมด็ 154
ละลายน้ำากระสายยาตามอาการ กินวันละ ๒ ครั้ง ก่อนอาหาร เชา้ และเยน็ กระสายยาท่ใี ช้ - แกร้ ะสำา่ ระสาย ละลายนำา้ ดอกไม้เทศหรือนาำ้ จันทน์แดง (ฝน) - แกอ้ าเจยี น ละลายน้าำ ลูกยอต้ม - แกห้ อบ ไมม่ แี รง ละลายนาำ้ รากถว่ั พูต้ม - แกค้ ลั่ง ละลายน้ำาแกน่ สนตม้ - แก้กินข้าวไม่ได ้ ละลายนำ้าขนั ทศกร - แก้เช่ือมมนึ ละลายนา้ำ ชะเอมตม้ - แก้ท้องเสยี ละลายนา้ำ เปลือกมะรมุ ตม้ ขอ้ ควรระวงั - ไม่ควรใช้ในเด็กท่ีสงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก เน่ืองจากอาจบดบังอาการของ ไข้เลือดออก - หากใชย้ าเป็นเวลาเกนิ ๓ วัน แลว้ อาการไม่ดขี นึ้ ควรพบแพทย์ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข เอกสารอา้ งอิง ๑. หอสมดุ แห่งชาติ กรมศลิ ปากร. ตาำ ราเวชศาสตร์ฉบบั หลวง รัชกาลท ่ี ๕ เลม่ ๑. กรงุ เทพฯ: บรษิ ัท อมรินทร ์ พร้นิ ตง้ิ แอนดพ์ บั ลิชช่ิง จาำ กัด (มหาชน), ๒๕๔๒. ๒. ประกาศกาำ หนดตำาราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตำารบั ยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบับท ่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๙, ๑๒ มกราคม). ราชกิจจานุเบกษา. เลม่ ๑๓๓ ตอนพเิ ศษ ๗ ง, หน้า ๑-๓. ๓. พศิ ณุประสาทเวช, พระยา. แพทยศ์ าสตรส์ งเคราะห์ เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พศ์ ภุ การ จาำ รญู ถนนอัษฏางค์; ร.ศ. ๑๒๘. ๔. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบบั ท ี่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๖๐, (๒๕๖๐, ๖ พฤศจิกายน). ราชกจิ จานุเบกษา. เล่ม ๑๓๔ ตอนพิเศษ ๒๗๑ ง, หนา้ ๑. 155
ยาสุวรรณเกษรา ทม่ี าของตำารับยา ศิลาจารึกตาำ รายาวัดพระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม (วัดโพธ์)ิ เลม่ ๒ (๑, ๒) “ถ้าจะแก้เอาโกฐสอ โกฐเขมา โกฐหัวบัว โกฐเชียง โกฐก้านพร้าว เทียนด�า เทียนแดง เทียนขาว เทียนเยาวพาณี เทียนสัตตบุษย์ ดอกสัตตบุษย์ ดอกลินจง ดอกจงกลนี ดอกสัตตบรรณ ดอกนลิ บุ ล กฤษณา กระล�าพกั ชะลูด ขอนดอก จันทนท์ ้ังสอง แก่นสน สักขี เทพทาโร สมุลแวง้ อบเชย รากสามสิบ เอาเสมอภาคตม้ ๓ เอา ๑ ใหก้ นิ แกส้ รรพไข้ในครรภรกั ษาหาย ยานี้ชื่อสวุ รรณเกษรา ฯ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สตู รตาำ รับยา ประกอบด้วยตัวยา ๒๗ ชนิด รวมนำ้าหนัก ๔๐๕ กรมั ดงั นี้ ตัวยา นา้ำ หนกั ยา กระลำาพัก ๑๕ กรัม กฤษณา ๑๕ กรมั โกฐก้านพรา้ ว ๑๕ กรมั โกฐเขมา ๑๕ กรมั โกฐเชียง ๑๕ กรมั โกฐสอ ๑๕ กรัม โกฐหวั บวั ๑๕ กรัม ขอนดอก ๑๕ กรัม ๑๕ กรัม จนั ทนข์ าว ๑๕ กรัม จนั ทน์แดง ๑๕ กรมั ชะลูด ๑๕ กรมั เทพทาโร ๑๕ กรมั เทยี นขาว ๑๕ กรัม เทียนดำา ๑๕ กรมั เทยี นแดง ๑๕ กรัม เทยี นเยาวพาณี ๑๕ กรัม เทยี นสัตตบุษย์ ๑๕ กรัม บัวจงกลนี ๑๕ กรัม บัวนิลบุ ล ๑๕ กรมั บวั ลินจง ๑๕ กรัม บวั สัตตบรรณ ๑๕ กรมั ๑๕ กรมั บัวสัตตบุษย์ ๑๕ กรัม รากสามสบิ ๑๕ กรัม ๑๕ กรัม สน ๑๕ กรัม สมลุ แวง้ สกั ขี 156 อบเชย
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขสรรพคณุ บำารงุ ครรภ ์ แกไ้ ขใ้ นครรภ์รักษา รูปแบบยา ยาต้ม (ดภู าคผนวก ๓.๑.๓) ขนาดและวิธกี ารใช้ ดื่มคร้งั ละ ๑๐๐-๒๐๐ มิลลิลติ ร วนั ละ ๒ ครงั้ ก่อนอาหาร เช้าและเย็น ดม่ื ขณะ ยายังอุ่นอยู่ กรณที มี่ ไี ข้ ดื่มครัง้ ละ ๑๐๐-๒๐๐ มลิ ลลิ ิตร วันละ ๔ ครง้ั ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เยน็ และกอ่ นนอน ด่มื ขณะยายังอนุ่ อยู่ ขอ้ ควรระวงั หากใช้ยาน้ตี ดิ ตอ่ กนั ๓ วนั แลว้ อาการไม่ดขี ้นึ ควรหยุดใช้ยาและพบแพทย์ ขอ้ มูลเพิม่ เตมิ ยา ๑ หม้อ ใชต้ ดิ ต่อกนั ๕-๗ วัน โดยใหอ้ ุ่นน้ำาสมนุ ไพรทุกครง้ั ก่อนใช้ยา เอกสารอ้างองิ ๑. สำานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลอื ก. หนงั สอื ชดุ ตาำ ราภมู ปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทย ฉบบั อนรุ กั ษ ์ ตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยในศลิ าจารกึ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วดั โพธิ์) เล่ม ๒. พิมพ์คร้ังท ่ี ๑. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์องค์การสงเคราะห์ ทหารผ่านศกึ ในพระบรมราชปู ภมั ภ์. ๒๕๕๗. ๒. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๘, ๓๐ พฤศจกิ ายน). ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๒ ตอนพเิ ศษ ๓๑๗ ง. 157
ยาแสงหมกึ ที่มาของตำารบั ยา สูตรตำารับท่ีใกล้เคียงตำารับน้ี พบในคัมภีร์แพทย์ไทยแผนโบราณ ขุนโสภิต บรรณลกั ษณ์ เลม่ ๒ (๑) “ยาแสงหมึก เอาหมึกหอม จันทนช์ ะมด ลูกกระวาน จันทนเ์ ทศ ใบพิมเสน ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ กานพลู ใบสนั พร้าหอม หัวหอม ใบกะเพรา ดงี เู หลือม เอาสงิ่ ละ ๑ บาท ชะมด พิมเสน ดีจรเข้ เอาสง่ิ ละ ๒ สลงึ บดปัน้ เปน็ เมด็ แก้น�้าลายเหนยี ว แทรกหัวหอม พมิ เสน แก้ตวั รอ้ น เชื่อมซมึ ละลายน�้าดอกไม้เทศ หรอื นา้� จนั ทน์เทศ ฝนกนิ แกช้ กั ละลายน้�ารอ้ น แทรกพมิ เสนกิน แก้ทอ้ งข้นึ ปวดท้อง ละลายน�้าใบกระเพรา ต้มกิน แกไ้ อละลายนา้� ลูกมะแวง้ เครอื กวาด แก้ลงท้องและตกมกู เลือด ละลายน้�าเนื้อไมต้ ม้ กนิ แกล้ งท้อง ละลายน�้าใบเทียน ใบทบั ทิมตม้ กิน แก้ปากเปอื่ ย ละลายนา�้ หมากดบิ ทาปากแก้ละออง ละลายน�้าร้อนแทรก นา�้ ประสานทองสะตุ ทาปากและกนิ ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สูตรตำารบั ยา ประกอบดว้ ยตัวยา ๑๒ ชนิด รวม ๔๕ กรมั (๒) ดังนี้ ตัวยา น้าำ หนกั ยา กระวาน ๔ กรมั ๔ กรัม กะเพรา ๔ กรมั กานพลู ๔ กรัม จนั ทนช์ ะมด ๔ กรัม จนั ทน์เทศ ๔ กรัม ดอกจันทน์ ๔ กรัม พิมเสนตน้ ๔ กรัม ลูกจันทน์ ๔ กรัม สนั พร้าหอม ๔ กรมั หมกึ หอม ๔ กรัม หอม ๑ กรมั พิมเสน สรรพคณุ แกต้ วั ร้อน แกท้ ้องขึ้น ปวดท้อง แกไ้ อ ขับเสมหะ แกแ้ ผลในปาก แก้ละออง (๒) รูปแบบยา ยาเม็ด (๒) (ดภู าคผนวก ๓.๔.๒) ขนาดและวธิ ีการใช้ กรณีแก้ตวั ร้อน แกท้ ้องขึน้ ปวดท้อง แก้ไอ ขับเสมหะ เดก็ อาย ุ ๑-๖ เดอื น ครง้ั ละ ๐.๔ กรัม อายุ ๗-๑๒ เดือน คร้งั ละ ๐.๖ กรมั กวาดคอวันละ ๑ คร้ัง หลังจากนน้ั กินทกุ ๓ ชวั่ โมง 158
กรณแี ก้แผลในปาก แกล้ ะออง ใช้ทาในปากวันละ ๑ ครั้ง กระสายยาท่ีใช้ - แกต้ วั ร้อน ละลายน้ำาดอกไมเ้ ทศ - แก้ท้องข้นึ ปวดทอ้ ง ละลายน้ำาใบกะเพราตม้ ขอ้ มูลเพิ่มเตมิ - แกไ้ อ ขบั เสมหะ ละลายน้าำ ลูกมะแว้งเครอื หรือลูกมะแว้งต้นกวาดคอ - แก้แผลในปาก แกล้ ะออง ละลายนา้ำ ลกู เบญกานฝี นทาในปาก (๒) - ในกรณีแก้ไอ ขับเสมหะ อาจใช้นำ้ามะนาวแทรกเกลือเป็นนำ้ากระสายแทน หากหาน้ำากระสายท่ีระบุข้างต้นไม่ได้ ให้ใช้นำ้าต้มสุกหรือนำ้ากระสายอื่นที่ เหมาะสมตามศาสตรก์ ารแพทยแ์ ผนไทย - สูตรตำารับยาแสงหมึกตามประกาศยาสามัญประจำาบ้าน พ.ศ. ๒๕๓๗ (๓) มตี วั ยา “ดงี เู หลอื ม และชะมด” เป็นส่วนประกอบ แต่ได้ตัดออกจากสูตรตาำ รบั ตามประกาศยาสามัญประจำาบ้านแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๔๒ (๔) เน่ืองจาก มีการประกาศให้งูเหลือมและชะมดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติ สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ และชะมดยังถูกประกาศให้เป็นสัตว์ ที่อยู่ใน “อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซ่ึงชนิดพันธุ์สั้ตว์ป่าท่ีใกล้ สญู พันธุ ์ (CITES)” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข เอกสารอ้างอิง ๑. ขุนโสภติ บรรณลกั ษณ์ (อำาพนั กิตตขิ จร) คัมภีรแ์ พทยไ์ ทยแผนโบราณ เล่ม ๒. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์อุตสาหกรรมการพมิ พ,์ ๒๕๐๔. หน้า ๑๕๑. ๒. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาสามัญประจำาบา้ นแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กมุ ภาพนั ธ์). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๒๑ ง. หนา้ ๓๙. ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรื่อง ยาสามัญประจาำ บ้าน ฉบบั ท ี่ ๒ (๒๕๓๗, ๓ ตลุ าคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๑๑ ตอนพิเศษ ๔๒ ง. หนา้ ๘๗. ๔. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอ่ื ง ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ (๒๕๔๒, ๒๔ สงิ หาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๑๖ ตอนพิเศษ ๖๗ ง. หนา้ ๔๐. 159
ยาหอมแกล้ มวงิ เวียน ทมี่ าของตาำ รับยา เภสัชตำารับโรงพยาบาลวังนำ้าเยน็ จังหวัดสระแกว้ “รากชะเอมเทศ หนัก ๓๒ กรัม แก่นจันทน์เทศ หนัก ๒๔ กรัม ดอกกานพลู โกฐเชียง โกฐหัวบวั รากแฝกหอม เกษรบัวหลวง หนกั สง่ิ ละ ๑๒ กรมั เปลือกสมุลแวง้ หนัก ๑๐ กรมั เปลอื ก อบเชยเทศ กฤษณา กระล�าพกั โกฐจฬุ าสัมพา โกฐพุงปลา เปลือกชะลูด หนักสิ่งละ ๘ กรัม พิเสน ขอนดอก ดอกบุนนาค ดอกพกิ ุล ดอกสารภี หนกั สิง่ ละ ๖ กรัม เถามวกแดง ๕ กรัม น้�าประสานทองสะตุ แก่นจันทร์แดง หนกั ส่งิ ละ ๔ กรมั ” สตู รตำารบั ยา ประกอบดว้ ยตัวยา ๒๓ ชนิด รวมนา้ำ หนกั ๒๒๕ กรมั (๑) ดงั น้ี กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตัวยา นา้ำ หนกั ยา ชะเอมเทศ ๓๒ กรัม จนั ทนเ์ ทศ ๒๔ กรัม กานพลู ๑๒ กรัม โกฐเชียง ๑๒ กรมั โกฐหัวบวั ๑๒ กรัม บวั หลวง ๑๒ กรัม แฝกหอม ๑๒ กรัม สมลุ แวง้ ๑๐ กรัม กระลาำ พัก ๘ กรัม กฤษณา ๘ กรมั โกฐจุฬาลัมพา ๘ กรมั โกฐพุงปลา ๘ กรมั ชะลดู ๘ กรมั อบเชยญวน ๘ กรมั อบเชยเทศ ๘ กรัม ขอนดอก ๖ กรมั ๖ กรมั บุนนาค ๖ กรมั พกิ ุล ๖ กรัม พมิ เสน ๖ กรัม สารภี ๕ กรัม มวกแดง ๔ กรัม ๔ กรัม จนั ทนแ์ ดง นำา้ ประสานทอง 160
สรรพคณุ แกล้ มวิงเวยี น ออ่ นเพลีย นอนไมห่ ลบั (๑) รูปแบบยา ยาผง (ดูผนวก ๓.๒) ยาเมด็ (ดผู นวก ๓.๔.๒) ขนาดและวิธีการใช ้ กินครั้งละ ๖๐๐ มิลลิกรมั -๑ กรัม ละลายน้ำาสุก เม่อื มีอาการ ทกุ ๓-๔ ช่ัวโมง ไมค่ วรเกินวนั ละ ๓ คร้ัง (๑) ข้อควรระวงั - ควรระวังการกินรว่ มกบั ยาในกลุ่มสารกันเลอื ดเปน็ ล่ิม (anticoagulant) และ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ยาตา้ นการจบั ตัวของเกลด็ เลอื ด (antiplatelet) (๑) - ควรระวงั การใชก้ บั ผ้ปู ่วยท่มี ีประวตั แิ พเ้ กสรดอกไม ้ (๑) เอกสารอา้ งอิง ๑. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแหง่ ชาติ เรื่อง บัญชียาหลกั แหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หนา้ ๔. (เอกสารแนบท้าย ประกาศ หน้า ๒๓๐) 161
ยาหอมทิพโอสถ ท่ีมาของตำารับยา สูตรตำารับท่ีใกล้เคียงตำารับน้ี พบในตำาราเวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑ พระยาพิศณปุ ระสาทเวช ร.ศ. ๑๒๗ (๑) “ยาหอมทพิ โอสถ เอาดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาค ๑ สารภี ๑ มะลิ ๑ บัวหลวง ๑ กระดงั งา ๑ จ�าปา ๑ จงกล ๑ แหว้ ไทย ๑ กะจับ ๑ ฝาง ๑ จันทน์แดง ๑ จนั ทน์ขาว ๑ จันทนเ์ ทศ ๑ เนอ้ื ไม้ ๑ ชลูด ๑ อบเชย ๑ สมลุ แว้ง ๑ สนเทศ ๑ ว่านน้�า ๑ กะชาย ๑ เปราะ ๑ ดอกค�า ๑ ชะเอม ๑ สุรามริด ๑ ขา่ ต้น ๑ ลูกจนั ๑ ดอกจัน ๑ ยาทง้ั นเ้ี อาหนักสิ่งละ ๑ บาท โกฐทง้ั ๙ หนักสง่ิ ละ ๒ สลงึ เทียนท้ัง ๙ การบนู หนักสิง่ ละ ๑ สลงึ ชมดเชยี งหนัก ๒ สลึง แกเ้ ชอื่ มมวั เพื่อพศิ เสมหะนา้� ดอกไม้จนั ทนแ์ ดงฝนแทรก พมิ เสน แกช้ กั เพอื่ พศิ ลมเพอื่ พศิ โลหติ น�้าดอกไมห้ ญา้ ฝรน่ั พมิ เสนแทรกดงี เู หลอื ม แกอ้ อ่ นเพลยี วาโยวงิ เวยี น หิวโหยสวิงสวายเหน่ือยหอบ น้�าดอกไม้หญ้าฝรั่นพิมเสนชมดเชียงอ�าพัน หรือจะใช้น�้าหัวถ่ัวภูต้มกับ นา้� ดอกไม้ก็ได”้ สูตรตาำ รบั ยา ประกอบด้วยตัวยา ๔๘ ชนดิ รวมนำ้าหนัก ๑๔๒ กรัม (๒) ดงั นี้ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตัวยา นำา้ หนักยา กระจับ ๔ กรัม กระชาย ๔ กรัม ๔ กรัม กระดงั งา ๔ กรัม ๔ กรัม กฤษณา ๔ กรมั ขา่ ตน้ ๔ กรมั คาำ ไทย ๔ กรัม จนั ทน์ขาว ๔ กรัม จันทน์แดง ๔ กรมั จนั ทน์เทศ ๔ กรัม จาำ ปา ๔ กรัม ชะลูด ๔ กรัม ชะเอมเทศ ๔ กรัม ดอกจันทน์ ๔ กรมั บัวจงกลนี ๔ กรัม บวั หลวง ๔ กรัม บนุ นาค ๔ กรัม เปราะหอม ฝาง 162
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตวั ยา นา้ำ หนักยา พกิ ุล ๔ กรัม มะลิ ๔ กรัม ลูกจันทน์ ๔ กรัม วา่ นนำ้า ๔ กรัม สนเทศ ๔ กรัม สมุลแว้ง ๔ กรัม สารภี ๔ กรัม สุรามฤต ๔ กรัม แหว้ ไทย ๔ กรัม อบเชย ๔ กรมั โกฐกระดกู ๒ กรัม โกฐกา้ นพรา้ ว ๒ กรัม โกฐเขมา ๒ กรัม โกฐจุฬาลัมพา ๒ กรัม โกฐชฎามังสี ๒ กรมั โกฐเชยี ง ๒ กรัม โกฐพุงปลา ๒ กรัม โกฐสอ ๒ กรมั โกฐหัวบัว ๒ กรมั การบูร ๑ กรมั เทยี นเกลด็ หอย ๑ กรัม เทียนขาว ๑ กรมั เทียนขา้ วเปลือก ๑ กรัม เทยี นดาำ ๑ กรมั เทียนแดง ๑ กรัม เทยี นตากบ ๑ กรมั เทียนตาตั๊กแตน ๑ กรมั เทียนเยาวพาณี ๑ กรมั เทียนสัตตบุษย์ ๑ กรัม พิมเสน ๑ กรมั 163
สรรพคุณ แกล้ มวงิ เวียน (๒, ๓) รปู แบบยา ยาผง (๒, ๓) (ดูภาคผนวก ๓.๒) ยาเม็ด (๒, ๓) (ดูภาคผนวก ๓.๔.๒) ขนาดและวิธกี ารใช้ ชนดิ ผง กินครั้งละ ๑-๑.๔ กรมั ละลายนำ้ากระสายยา เมือ่ มีอาการ ทกุ ๓-๔ ชว่ั โมง ไมเ่ กินวนั ละ ๓ คร้งั กระสายยาทใี่ ช้ นา้ำ ดอกไม้หรือนำา้ สกุ (๒, ๓) ชนดิ เม็ด ขอ้ ควรระวงั กินคร้ังละ ๑-๑.๔ กรัม เมื่อมีอาการ ทุก ๓-๔ ช่ัวโมง ไม่ควรเกินวันละ ๓ ครัง้ (๒, ๓) - ควรระวงั การกนิ รว่ มกบั ยาในกลมุ่ สารกนั เลอื ดเปน็ ลม่ิ (anticoagulant) และ ยาต้านการจบั ตวั ของเกลด็ เลอื ด (antiplatelet) - ควรระวังการใช้ยาอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะอย่างย่ิงในผู้ป่วยที่มี ข้อมูลเพิ่มเติม ความผิดปรกติของตับ ไต เนื่องจากอาจเกิดการสะสมของการบูรและ เกดิ พษิ ได้ - ควรระวังการใชย้ าในผ้ปู ่วยท่แี พล้ ะอองเกสรดอกไม้ สตู รตาำ รับยาหอมทิพโอสถตามประกาศยาสามญั ประจำาบา้ น พ.ศ. ๒๕๓๗ (๔) มีตัวยา “ชะมดเชด็ ” เปน็ ส่วนประกอบ แต่ได้ตัดออกจากสูตรตำารบั ตามประกาศ ยาสามัญประจำาบ้านแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๔๒ (๕) เนอื่ งจากมีการประกาศให้ ชะมดเช็ดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ และเปน็ สัตวท์ อ่ี ยู่ใน “อนุสัญญาวา่ ดว้ ยการคา้ ระหวา่ งประเทศซึง่ ชนิดพนั ธส์ุ ัตว์ป่าที่ใกลส้ ูญพันธ ุ์ (CITES)” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข เอกสารอ้างองิ ๑. พิศณุประสาตรเวช, พระยา. เวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พไ์ ทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๗ หนา้ ๙๐. ๒. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแห่งชาต ิ เรอื่ ง บญั ชยี าหลักแห่งชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หนา้ ๔. (เอกสารแนบ ทา้ ยประกาศ หนา้ ๒๒๘) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรอ่ื ง ยาสามัญประจำาบา้ นแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กมุ ภาพนั ธ์). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๒๑ ง. หนา้ ๔๕. ๔. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่อื ง ยาสามญั ประจำาบา้ น ฉบับที ่ ๒ (๒๕๓๗, ๓ ตุลาคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ ๑๑๑ ตอนพิเศษ ๔๒ ง. หน้า ๗๗. ๕. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอ่ื ง ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ (๒๕๔๒, ๒๔ สงิ หาคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ ๑๑๖ ตอนพิเศษ ๖๗ ง. หน้า ๔๘. 164
ยาหอมเทพจติ ร ช่ืออืน่ ยาหอมเทพจติ ร ์ (๑) ท่ีมาของตำารับยา สูตรตำารับท่ีใกล้เคียงตำารับน้ี พบในตำาราเวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑ พระยาพศิ ณุประสาทเวช ร.ศ. ๑๒๗ (๑) “ยาหอมเทพจิตร์ เอาลูกจัน ๑ ดอกจัน ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ จันทน์ทั้ง ๒ เน้ือไม้ ๑ กะล�าพัก ๑ ขอนดอก ๑ ชลดู ๑ อบเชย ๑ เปราะหอม ๑ แฝกหอม ๑ ยาท้งั นเี้ อาสิ่งละ ๒ สลงึ ผวิ มะกรดู ๑ บาท ผวิ มะงัว่ ๑ บาท ผิวมะนาว ๑ บาท ผวิ ส้มกรงั กานู ๑ บาท ผิวส้มจีน ๑ บาท ผวิ ส้มโอ ๑ บาท ผิวส้มเขียวหวาน ๑ บาท ผิวสม้ สา้ ๗ บาท ดอกพิกุล ๑ บาท บุนนาค ๑ บาท สารภี ๑ บาท เกสรบัว หลวง ๑ บาท บวั ขม ๑ บาท บวั เผอ่ื น ๑ บาท ชมด ๑ สลงึ การบูน ๑ สลึง โกฐท้ัง ๙ ส่งิ ละ ๑ บาท เทยี นทงั้ ๙ สิ่งละ ๑ บาท ดอกมะลเิ ท่ายาทง้ั หลาย บดด้วยนา้� ดอกไมเ้ ทศ แก้ลมจบั น่งิ แนก่ ระทบดวง น้า� ดอกไมห้ ญา้ ฝร่ันพิมเสนชมดเชียงอา� พันทองแทรกฯ” สตู รตำารับยา ประกอบด้วยตวั ยา ๔๘ ชนิด รวม ๓๖๖ กรมั (๒) ดงั นี้ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตวั ยา นา้ำ หนักยา มะลิ ๑๘๓ กรมั สม้ ซ่า ๒๘ กรัม โกฐกระดูก ๔ กรมั โกฐก้านพรา้ ว ๔ กรัม โกฐเขมา ๔ กรัม โกฐจฬุ าลัมพา ๔ กรัม โกฐชฎามงั สี ๔ กรัม โกฐเชยี ง ๔ กรัม โกฐพงุ ปลา ๔ กรมั โกฐสอ ๔ กรมั โกฐหวั บัว ๔ กรมั เทยี นเกล็ดหอย ๔ กรมั เทยี นขาว ๔ กรมั เทยี นข้าวเปลอื ก ๔ กรมั เทยี นดำา ๔ กรัม เทยี นแดง ๔ กรัม เทยี นตากบ ๔ กรัม เทยี นตาตัก๊ แตน ๔ กรัม 165
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตวั ยา น้ำาหนักยา เทยี นเยาวพาณี ๔ กรัม เทียนสตั ตบษุ ย์ ๔ กรมั บวั ขม (ดอก) ๔ กรมั บัวเผือ่ น ๔ กรมั บวั หลวง ๔ กรัม บนุ นาค ๔ กรัม พกิ ุล ๔ กรัม พมิ เสน ๔ กรัม มะกรูด ๔ กรมั มะงวั่ ๔ กรมั มะนาว (ผวิ เปลอื กผล) ๔ กรมั ส้มเขียวหวาน ๔ กรมั ส้มจนี ๔ กรมั ส้มตรงั กาน ู หรือส้มจุก ๔ กรมั ส้มโอ ๔ กรมั สารภี ๔ กรมั กระลำาพัก ๒ กรัม กระวาน ๒ กรมั กฤษณา ๒ กรมั กานพลู ๒ กรมั ขอนดอก ๒ กรมั จันทนข์ าว ๒ กรมั จันทนแ์ ดง ๒ กรัม ชะลูด ๒ กรัม ดอกจนั ทน์ ๒ กรมั เปราะหอม ๒ กรมั แฝกหอม ๒ กรมั ลูกจนั ทน์ ๒ กรมั อบเชย ๒ กรมั การบูร ๑ กรมั 166
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขสรรพคณุ แก้ลมกองละเอยี ด ได้แก ่ อาการหนา้ มืด ตาลาย สวงิ สวาย ใจส่ัน และบาำ รุง ดวงจติ ใหช้ ุ่มชื่น (๒, ๓) รูปแบบยา ยาผง (๒) (ดภู าคผนวก ๓.๒) ยาเมด็ (๒, ๓) (ดภู าคผนวก ๓.๔.๒) ขนาดและวิธกี ารใช้ ชนิดผง กินคร้งั ละ ๑-๑.๔ กรมั ละลายนาำ้ สุก เม่ือมอี าการ ทุก ๓-๔ ชั่วโมง ไม่เกนิ วนั ละ ๓ ครง้ั (๒) ชนิดเม็ด กนิ คร้ังละ ๑-๑.๔ กรัม เมอ่ื มอี าการ ทุก ๓-๔ ชวั่ โมง ไมเ่ กนิ วนั ละ ๓ คร้งั (๒, ๓) ข้อควรระวัง - ควรระวังการกินรว่ มกบั ยาในกลุ่มสารกนั เลอื ดเปน็ ลิ่ม (anticoagulant) และ ยาตา้ นการจับตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelet) - ควรระวงั การใช้ยาอย่างต่อเน่อื ง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในผปู้ ่วยทมี่ ี ความผิดปรกตขิ องตบั ไต เนื่องจากอาจเกิดการสะสมของการบูรและเกิดพษิ ได ้ - ควรระวังการใชย้ าในผูป้ ว่ ยทแ่ี พล้ ะอองเกสรดอกไม้ ขอ้ มูลเพมิ่ เตมิ สูตรตำารับยาหอมเทพจติ รตามประกาศยาสามัญประจำาบา้ น พ.ศ. ๒๕๓๗ (๔) มีตวั ยา “ชะมดเช็ด” เป็นสว่ นประกอบ แต่ได้ตดั ออกจากสูตรตาำ รบั ตามประกาศ ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๔๒ (๕) เนอ่ื งจากชะมดเชด็ ถกู ประกาศ ใหเ้ ปน็ สตั วป์ า่ คมุ้ ครอง ตามพระราชบญั ญตั สิ งวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ พ.ศ. ๒๕๓๕ และเป็นสัตว์ท่ีอยู่ใน “อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ ปา่ ทใ่ี กล้สญู พนั ธ์ุ (CITES)” เอกสารอา้ งอิง ๑. พิศณุประสาตรเวช, พระยา. เวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพไ์ ทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๗ หนา้ ๘๘. ๒. ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เร่ือง บัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หน้า ๔. (เอกสารแนบ ทา้ ยประกาศ หน้า ๒๒๘) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ่ ง ยาสามัญประจาำ บา้ นแผนโบราณ พ.ศ.๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กมุ ภาพนั ธ)์ . ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๒๑ ง. หนา้ ๔๕. ๔. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอื่ ง ยาสามญั ประจำาบา้ น ฉบบั ที่ ๒ (๒๕๓๗, ๓ ตลุ าคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. เล่ม ๑๑๑ ตอนพเิ ศษ ๔๒ ง. หนา้ ๗๖. ๕. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอ่ื ง ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ (๒๕๔๒, ๒๔ สงิ หาคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. เล่ม ๑๑๖ ตอนพเิ ศษ ๖๗ ง. หนา้ ๔๗. 167
ยาหอมนวโกฐ ช่ืออนื่ ยาหอมเนาวโกฐ (๑) ท่ีมาของตำารับยา สูตรตำารับที่ใกล้เคียงตำารับนี้ พบในตำาราเวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑ พระยาพศิ ณปุ ระสาทเวช ร.ศ. ๑๒๗ (๑) “ยาหอมเนาวโกฐ เอาเบญ็ จกลู หนัก ๓ สลึง หวั แหว้ หมหู นกั ๑ บาท โกฐทัง้ ๙ หนกั สิง่ ละ ๑ บาท เทียนทงั้ ๙ หนกั สิ่งละ ๑ บาท สักขี ๑ ลกู ราชดัด ๑ ลกู สาระพดั พศิ ๑ ลูกกระวาน ๑ กานพลู ๑ ดอกจัน ๑ ลูกจนั ๑ จันทนเ์ ทศ ๑ จนั ทน์แดง ๑ อบเชย ๑ สมลุ แวง้ ๑ หญา้ ตีนนก ๑ แฝกหอม ๑ ชลูด ๑ เปราะหอม ๑ ไครเ้ ครอื ๑ น้�าประสารทองจนี ๑ เนอ้ื ไม้ ๑ ขอนดอก ๑ กะล�าพกั ๑ ลกู มะขามป้อม ๑ ลกู สมอพิเภก ๑ ชะเอม ๑ ลกู ผกั ชีลา ๑ ลูกกะดอม ๑ บรเพด็ ๑ เกสรบวั หลวง ๑ ดอกพิกลุ ๑ ดอกบุนนาค ๑ ดอกสารภี ๑ ดอกมะลิ ๑ แกน่ สนเทศ ๑ ยาทั้งน้เี อาหนักส่ิงละ ๑ บาท ตา� ผง แกว้ าโยวงิ เวยี นคลน่ื เหียน น้�าดอกไมห้ ญา้ ฝรั่น พิมเสนชมดเชยี งอ�าพันทองแทรก แกป้ ลายไข้เพ่อื ลมเจริญอาหาร กา้ นสะเดา ๓๓ กา้ น บรเพ็ด ๗ องคุลี ลูกกระดอม ๗ ลกู ตม้ เปน็ กระสายแทรกพิมเสนฯ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สตู รตาำ รบั ยา ประกอบด้วยตัวยา ๕๑ ชนดิ รวมน้ำาหนัก ๒๑๒ กรมั (๒) ดงั นี้ ตวั ยา นำ้าหนักยา กระดอม ๔ กรัม ๔ กรมั กระลำาพัก ๔ กรัม กระวาน ๔ กรมั ๔ กรัม กฤษณา ๔ กรัม กานพลู ๔ กรัม โกฐกระดกู ๔ กรัม โกฐกา้ นพร้าว ๔ กรมั โกฐเขมา ๔ กรมั โกฐจุฬาลัมพา ๔ กรมั โกฐชฎามังสี ๔ กรัม โกฐเชยี ง ๔ กรมั โกฐพงุ ปลา ๔ กรัม โกฐสอ ๔ กรมั โกฐหวั บัว ๔ กรัม ขอนดอก ๔ กรัม ๔ กรัม จนั ทนแ์ ดง จนั ทน์เทศ ชะลดู 168
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตวั ยา นา้ำ หนกั ยา ๔ กรมั ชะเอมเทศ ๔ กรมั 169 ดอกจันทน์ ๔ กรมั เทียนเกล็ดหอย ๔ กรมั เทยี นขาว ๔ กรัม เทียนขา้ วเปลือก ๔ กรมั เทียนดำา ๔ กรมั เทียนแดง ๔ กรมั เทียนตากบ ๔ กรมั เทียนตาตก๊ั แตน ๔ กรมั เทียนเยาวพาณี ๔ กรมั เทียนสัตตบุษย์ ๔ กรัม บอระเพ็ด ๔ กรัม บวั หลวง ๔ กรัม บนุ นาค ๔ กรัม เปราะหอม ๔ กรัม แฝกหอม ๔ กรัม พกิ ุล ๔ กรัม มะขามป้อม ๔ กรัม มะลิ ๔ กรัม ราชดดั ๔ กรัม ลูกจนั ทน์ ๔ กรัม ลกู ชีลา ๔ กรัม สน ๔ กรัม สมอพเิ ภก ๔ กรัม สมลุ แว้ง ๔ กรัม สักขี ๔ กรัม สารพัดพษิ ๔ กรัม สารภี ๔ กรัม หญ้าตีนนก ๔ กรมั แหว้ หมู ๔ กรมั อบเชยญวน ๓ กรัม ขงิ ๓ กรมั เจตมลู เพลงิ แดง ๓ กรมั ชะพลู (ราก) ๓ กรัม ดปี ลี ๓ กรัม สะคา้ น ๑ กรัม พมิ เสน
สรรพคุณ แก้ลมวิงเวยี น คลนื่ เหยี น อาเจียน (ลมจกุ แน่นในอก) ในผู้สูงอายุ แก้ลมปลายไข้ (หลงั จากฟน้ื ไขแ้ ลว้ ยงั มอี าการ เชน่ คลน่ื เหยี น วงิ เวยี น เบอ่ื อาหาร ทอ้ งอดื และ ออ่ นเพลยี ) (๒, ๓) รปู แบบยา ยาผง (๒, ๓) (ดผู นวก ๓.๒) ยาเม็ด (๒, ๓) (ดผู นวก ๓.๔.๒) ขนาดและวิธกี ารใช้ ชนดิ ผง กนิ คร้ังละ ๑-๒ กรมั ละลายนำา้ กระสาย เมื่อมีอาการ ทุก ๓-๔ ชวั่ โมง ไม่เกนิ วันละ ๓ คร้ัง กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขกระสายยาท่ีใช้ - แก้ลมวิงเวยี น คลน่ื เหยี น อาเจยี น (ลมจกุ แน่นในอก) ในผ้สู งู อายุ ใช้น้ำาลกู ผกั ชี (๑๕ กรัม) หรือเทียนดำา (๑๕ กรมั ) ตม้ เป็นนำา้ กระสายยา - แก้ลมปลายไข้ ใช้ก้านสะเดา (๓๓ ก้าน หรือ ๑๕ กรัม) ลูกกระดอม (๗ ลูก หรอื ๑๕ กรัม) และเถาบอระเพด็ (๗ องคุลี หรอื ๑๕ กรมั ) ต้มเป็นนาำ้ กระสายยา - ถา้ หานา้ำ กระสายยาไมไ่ ด้ ใหใ้ ช้นาำ้ สกุ แทน (๒, ๓) ชนดิ เม็ด กินครัง้ ละ ๑-๒ กรัม เม่ือมีอาการ ทุก ๓-๔ ชัว่ โมง ไมเ่ กินวันละ ๓ ครงั้ (๒) ขอ้ หา้ มใช้ หา้ มใชใ้ นหญิงตง้ั ครรภ์ และผู้ท่ีมไี ข้ (๒) ขอ้ ควรระวัง - ควรระวงั การกนิ รว่ มกบั ยาในกลมุ่ สารกนั เลอื ดเปน็ ลม่ิ (anticoagulant) และ ยาตา้ นการจบั ตัวของเกล็ดเลอื ด (antiplatelet) (๒) - ควรระวังการใช้ยาในผู้ปว่ ยที่แพ้ละอองเกสรดอกไม้ (๒) ขอ้ มูลเพ่มิ เตมิ สูตรตำารับยาหอมนวโกฐตามประกาศยาสามัญประจำาบ้าน พ.ศ. ๒๕๓๗ (๔) มีตัวยา “ชะมดเช็ด นำ้าประสานทอง และไคร้เครือ” เป็นส่วนประกอบ ซึ่ง “ชะมดเช็ดและนำ้าประสานทอง” ไดต้ ดั ออกจากสตู รตำารับตามประกาศยาสามัญ ประจาำ บ้านแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๔๒ (๕) เน่อื งจากมกี ารประกาศให้ชะมดเช็ด เปน็ สตั วป์ ่าคุ้มครอง ตามพระราชบญั ญตั ิสงวนและคุ้มครองสตั วป์ ่า พ.ศ. ๒๕๓๕ และเป็นสัตว์ท่ีอยู่ใน “อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซ่ึงชนิดพันธุ์สัตว์ ปา่ ทใี่ กลส้ ญู พนั ธ ์ุ (CITES)” สว่ น “ไครเ้ ครอื ” ไดต้ ดั ออกจากสตู รตาำ รบั เนอ่ื งจาก มีข้อมูลงานวิจัยบ่งชี้ว่าไคร้เครือท่ีใช้และมีการจำาหน่ายในท้องตลาด เป็นพืชใน สกลุ Aristolochia ซึง่ พืชในสกลุ Aristolochia มีรายงานพบวา่ ก่อให้เกดิ ความ เปน็ พิษต่อไต (nephrotoxicity) และเมอ่ื พ.ศ. ๒๕๔๕ องค์การอนามัยโลกได้ ประกาศใหพ้ ชื สกลุ Aristolochia เป็นสารกอ่ มะเรง็ ในมนษุ ย์ (๒) เอกสารอา้ งองิ ๑. พิศณุประสาตรเวช, พระยา. เวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ไทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๗ หนา้ ๘๗. ๒. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแห่งชาต ิ เรื่อง บัญชียาหลกั แห่งชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔ ง. หนา้ ๔. (เอกสารแนบ ท้ายประกาศ หน้า ๒๓๐) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรอ่ื ง ยาสามัญประจำาบา้ นแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กมุ ภาพนั ธ)์ . ราชกจิ จานุเบกษา. เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๒๑ ง. หนา้ ๔๖. ๔. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่อื ง ยาสามัญประจำาบ้าน ฉบับที่ ๒ (๒๕๓๗, ๓ ตลุ าคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ ๑๑๑ ตอนพิเศษ ๔๒ ง. หน้า ๘๔. ๕. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอื่ ง ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ (๒๕๔๒, ๒๔ สงิ หาคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ ๑๑๖ ตอนพิเศษ ๖๗ ง. หนา้ ๕๐. 170
ยาหอมนอ้ ย ทีม่ าของตาำ รับยา ๑. เวชศาสตร์ฉบบั หลวง รชั กาลท ่ี ๕ เลม่ ๑ (๑, ๒) “ ยาช่ือหอมน้อยขนานนี้ทา่ นให้เอา โกดสอ ๑ โกดพงุ ปลา ๑ โกดจุลาลา� ภา ๑ เทียนเยาวภานี ๑ ชะเอมเทด ๑ นา�้ ประสานทอง ๑ สานสม้ ๑ ผลโหรภา ๑ ผลผักชี ๑ ผลสมอไทย ๑ ผลสมอพิเภก ๑ ผลมะขามปอ้ ม ๑ รวมยา ๑๒ ส่ิงนเี้ อาเสมอภาคทา� ให้เปนจณุ เอาสุราเปนกระสายบดแชห่ มักไว้ ๓ วัน แล้วจึงเอาบดท�าแท่งไว้ ถ้าจะแก้ลงละลายน�้าเปลอื กมเดือ่ เปลือกแค ก็ได้ ถา้ จะแกม้ ูกแก้เลือด ละลาย น�้ากทือ น้�าปูนไส ก็ได้ ถ้าจะแก้รากละลายน้�าผึ้ง น้�าสมอ ก็ได้พิมเสนร�าหัดกิน ถ้าทรางขึ้นลิ้นละลาย น้า� ขมนิ้ ออ้ ย พมิ เสนรา� หัดกวาด ถ้าจะแก้อก แกฅ้ อแห้งละลายน้า� มะกล่�าเครอื กนิ ถ้าจะแก้พิศม์ทรางละลาย น้�าดอกไม้ พมิ เสนรา� หดั กนิ ดีนกั ฯ” ๒. แพทยศาสตรส์ งเคราะห์ เลม่ ๑ พระยาพศิ ณปุ ระสาทเวช ร.ศ. ๑๒๘ (๓, ๔) “ยาช่อื หอมนอ้ ย ขนานน้ที ่านใหเ้ อา โกฐสอ ๑ โกฐพุงปลา ๑ โกฐจลุ าลา� ภา ๑ เทยี นเยาวภานี ๑ ชะเอมเทศ ๑ น�้าประสานทอง ๑ สานสม้ ๑ ผลโหระภา ๑ ผลผกั ชี ๑ ผลสมอไทย ๑ ผลสมอพิเภก ๑ ผลมะขามปอ้ ม ๑ รวมยา ๑๒ ส่ิงน้เี อาเสมอภาคทา� ให้เปนจุณเอาสรุ าเปนกระสาย บดแชห่ มกั ไว้สามวนั แลว้ จงึ เอาบดแท่งไว้ ถ้าจะแก้ลงละลายน้�าเปลือกมะเดอ่ื , เปลือกแค, กไ็ ด้ ถา้ จะแกม้ ูกเลือดละลายน�้าปูนใส น�้ากระทือก็ได้ ถ้าจะแก้อาเจียรละลายนา้� ผ้งึ น�้าสมอก็ได้พมิ เสนรา� หดั กนิ ถา้ ทรางขน้ึ ลนิ้ ละลายน�้าขมิ้นออ้ ย พมิ เสนรา� หดั กวาด ถา้ จะแกค้ อแหง้ ละลายนา้� มะกลา่� เครอื กนิ ถา้ จะแกพ้ ษิ ทรางละลายนา�้ ดอกไมพ้ มิ เสนรา� หดั กนิ ดนี ัก” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สูตรตำารับยา ประกอบดว้ ยตัวยา ๑๒ ชนิด รวมนำา้ หนกั ๑๒ ส่วน ดังน้ี ตัวยา นำ้าหนักยา โกฐจุฬาลมั พา ๑ ส่วน โกฐพุงปลา ๑ ส่วน โกฐสอ ๑ สว่ น ชะเอมเทศ ๑ ส่วน เทียนเยาวพาณี ๑ ส่วน น้ำาประสานทอง ๑ สว่ น มะขามป้อม ๑ สว่ น ลูกชีลา ๑ สว่ น สมอไทย ๑ ส่วน สมอพิเภก ๑ ส่วน สารส้ม ๑ สว่ น โหระพา ๑ ส่วน 171
สรรพคุณ แกท้ อ้ งเสยี แกถ้ า่ ยเปน็ มูกเลือด แกอ้ าเจียน แก้ซางขนึ้ ล้ิน แกอ้ กแห้งคอแห้ง แกพ้ ิษซาง รปู แบบยา ยาเมด็ พมิ พ์ ขนาด ๑๐๐ มิลลกิ รัม (ดภู าคผนวก ๓.๔.๑) ขนาดและวธิ กี ารใช้ เด็ก แรกเกิด-๖ เดือน กินครงั้ ละ ๑ เมด็ อายุ ๖ เดือน-๑ ขวบ กินครัง้ ละ ๒ เมด็ อายุ ๑-๓ ขวบ กนิ คร้งั ละ ๓ เม็ด อายุ ๓-๖ ขวบ กินครั้งละ ๔ เม็ด บดละลายน้ำากระสายยา วนั ละ ๒ ครั้ง ก่อนอาหาร เชา้ และเยน็ กระสายยาท่ใี ช้ - แก้ทอ้ งเสยี ละลายนา้ำ เปลือกมะเดอื่ อุทุมพร เปลือกแค - แกถ้ ่ายเปน็ มูกเลอื ด ละลายน้ำาปนู ใส นา้ำ กะทอื - แก้อาเจยี น ละลายน้าำ ผงึ้ น้าำ สมอไทย ราำ หดั พมิ เสน - แก้ซางข้นึ ลิน้ ละลายนาำ้ ขม้ินอ้อย ราำ หดั พิมเสนกวาด - แก้คอแหง้ ละลายน้าำ มะกล่าำ เครือกนิ - แก้พษิ ซางละลายนา้ำ ดอกไม ้ รำาหัดพมิ เสน ขอ้ ควรระวัง - ไม่ควรใช้ในเด็กที่สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก เน่ืองจากอาจบดบังอาการของ ไขเ้ ลือดออก - หากใชย้ าเป็นเวลาเกิน ๓ วัน แลว้ อาการไมด่ ีขนึ้ ควรปรึกษาแพทย์ ข้อมูลเพิ่มเติม การเตรยี มตัวยาสารส้มกอ่ นนาำ ไปใช้ (ดภู าคผนวก ๒.๒๐) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข เอกสารอา้ งองิ ๑. หอสมดุ แห่งชาติ กรมศิลปากร. ตำาราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลท ี่ ๕ เลม่ ๑. กรุงเทพฯ: บริษทั อมรินทร ์ พร้ินติ้งแอนด์พับลิชชง่ิ จำากดั (มหาชน), ๒๕๔๒. ๒. ประกาศกำาหนดตำาราการแพทย์แผนไทยของชาติและตำารับยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๙, ๑๒ มกราคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๓ ตอนพิเศษ ๗ ง, หนา้ ๑-๓. ๓. พิศณปุ ระสาทเวช, พระยา. แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ เลม่ ๑. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ศุภการ จำารูญถนนอษั ฏางค;์ ร.ศ. ๑๒๘. ๔. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ (ฉบบั ท ่ี ๑๓) พ.ศ. ๒๕๖๐, (๒๕๖๐, ๖ พฤศจิกายน). ราชกจิ จานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๔ ตอนพิเศษ ๒๗๑ ง, หนา้ ๑. 172
ยาหอมอินทจักร์ ที่มาของตำารบั ยา สตู รตำารบั ที่ใกลเ้ คยี งตาำ รบั น ี้ พบใน “ตาำ ราเวชศกึ ษา แพทย์ศาสตรส์ ังเขป เลม่ ๑ พระยาพศิ ณปุ ระสาทเวช ร.ศ. ๑๒๗” (๑) “ยาหอมอนิ ทจักร์ เอาสะค้าน ๑ รากช้าพลู ๑ ขงิ ๑ ดปี ลี ๑ รากเจตมูลเพลิง ๑ ลกู ผักชี ๑ โกฐสอ ๑ โกฐเขมา ๑ โกฐกา้ นพรา้ ว ๑ โกฐพงุ ปลา ๑ โกฐจลุ าล�าพา ๑ โกฐเชยี ง ๑ โกฐกดั กรา ๑ โกฐน�า้ เตา้ ๑ โกฐกระดูก ๑ เทียนดา� ๑ เทยี นแดง ๑ เทียนขาว ๑ เทียนเข้าเปลอื ก ๑ เทยี นเยาวภานี ๑ จันทน์แดง ๑ จันทน์ขาว ๑ มวกแดง ๑ มวกขาว ๑ รากหญา้ นาง ๑ ชลดู ๑ อบเชย ๑ สมุลแว้ง ๑ กฤษณา ๑ กะล�าพกั ๑ บรเพ็ด ๑ ลกู กะดอม ๑ ก�ายาน ๑ ขอนดอก ๑ อา� พันทอง ๑ หญา้ ฝรั่น ๑ ชมดเชียง ๑ ลกู จัน ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ รากไครเ้ ครอื ๑ อา� พนั แดง ๑ ดอกสาระภี ๑ ดอกพิกลุ ๑ ดอกบุนนาค ๑ ดอกจา� ปา ๑ ดอกกระดังงา ๑ ดอกมะลิ ๑ ดอกค�าไทย ๑ ฝางเสน ๑ เลอื ดแรด ๑ ดงี เู ห่า ๑ ดีหมปู ่า ๑ ดีโคเถ่ือน ๑ ยาท้ังน้เี อาหนกั สิ่งละ ๑ บาท พมิ เสน ๑ เฟอ้ื ง ท�าผงแก้ลมอันมพี ิศลม บาทจิตร จับหัวใจให้คลุ้มคลั่ง ให้หลงใหล ลมอันแน่นหน้าอก กินเข้ามิได้ให้อาเจียร ให้แน่นหน้าอก ให้คล่ืนเหียนให้จุกอก แลพิศโลหิตท�าให้คลั่งเพ้อเลือดตีขึ้น แลแก้นอนมิหลับให้ระส�่าระสาย น�้าดอกไม้ หญา้ ฝร่ันพมิ เสนชะมดเชียงอา� พนั ทองเป็นกระสาย” สตู รตาำ รับยา ประกอบดว้ ยตวั ยา ๔๙ ชนิด รวมนา้ำ หนกั ๙๘ กรัม (๒) ดังนี้ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตวั ยา นาำ้ หนกั ยา ๒ กรมั กระดอม ๒ กรัม กระดงั งา ๒ กรัม กระลาำ พกั ๒ กรัม กระวาน ๒ กรมั กฤษณา ๒ กรัม กานพลู ๒ กรัม กำายาน ๒ กรมั โกฐกระดูก ๒ กรัม โกฐกักกรา ๒ กรัม โกฐกา้ นพรา้ ว ๒ กรัม โกฐเขมา ๒ กรมั โกฐจุฬาลัมพา ๒ กรัม โกฐเชยี ง ๒ กรัม โกฐน้าำ เตา้ ๒ กรัม โกฐพงุ ปลา ๒ กรมั โกฐสอ 173
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตวั ยา น้าำ หนกั ยา ๒ กรมั ขอนดอก ๒ กรัม ขงิ ๒ กรัม คำาไทย ๒ กรัม จนั ทน์แดง ๒ กรัม จันทนเ์ ทศ ๒ กรัม จำาปา ๒ กรัม เจตมลู เพลงิ แดง ๒ กรัม ชะพลู (ราก) ๒ กรัม ชะลดู ๒ กรมั ดอกจนั ทน์ ๒ กรมั ดปี ลี ๒ กรมั เทยี นขาว ๒ กรมั เทียนข้าวเปลอื ก ๒ กรมั เทียนดาำ ๒ กรมั เทียนแดง ๒ กรัม เทยี นเยาวพาณี ๒ กรัม บอระเพด็ ๒ กรัม บุนนาค ๒ กรัม ฝางเสน ๒ กรัม พกิ ุล ๒ กรัม พิมเสน ๒ กรัม มวกขาว ๒ กรัม มวกแดง ๒ กรัม มะลิ ๒ กรัม ย่านาง ๒ กรัม ลำาพันแดง ๒ กรัม ลูกจันทน์ ๒ กรัม ลกู ชีลา ๒ กรัม วัว ๒ กรัม สมุลแวง้ ๒ กรัม สะค้าน ๒ กรัม สารภี ๒ กรัม อบเชย 174
สรรพคุณ แก้ลมบาดทะจิต แก้คลน่ื เหียนอาเจยี น แกล้ มจกุ เสยี ด (๒, ๓) รูปแบบยา ยาผง (ดผู นวก ๓.๒) ยาเมด็ (ดูผนวก ๓.๔.๒) ขนาดและวิธกี ารใช้ ชนิดผง กนิ ครงั้ ละ ๑-๒ กรัม ละลายนาำ้ กระสายยา ทุก ๓-๔ ช่ัวโมง ไมเ่ กนิ วนั ละ ๓ ครงั้ กระสายยาท่ใี ช้ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข - แก้ลมบาดทะจิต ใช้นำ้าดอกมะลิ - แก้คลน่ื เหียนอาเจียน ใชน้ ำา้ ลกู ชีลา เทยี นดำาตม้ ถา้ ไม่มใี ช้นาำ้ สุก - แกล้ มจกุ เสียด ใช้นาำ้ ขิงต้ม (๒, ๓) ชนิดเมด็ กนิ ครั้งละ ๑-๒ กรัม ทกุ ๓-๔ ชั่วโมง ไมเ่ กินวันละ ๓ ครง้ั (๒) ข้อห้ามใช้ หา้ มใชใ้ นหญิงตง้ั ครรภ์ ขอ้ ควรระวงั - ควรระวังการกินร่วมกับยาในกลุ่มสารกนั เลอื ดเปน็ ล่ิม (anticoagulant) และ ยาตา้ นการจับตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelet) (๒) - ควรระวังการใชย้ าในผู้ป่วยท่ีแพล้ ะอองเกสรดอกไม้ ขอ้ มูลเพ่ิมเตมิ สูตรตำารับยาหอมอนิ ทจักรต์ ามประกาศยาสามญั ประจาำ บ้าน พ.ศ. ๒๕๓๗ (๔) มีตัวยา “ชะมดเช็ด ดีงูเห่า ดีหมูป่า และไคร้เครือ” เป็นส่วนประกอบ ซึ่ง “ชะมดเช็ด ดีงูเห่า และดีหมูป่า” ได้ตัดออกจากสูตรตำารับตามประกาศ ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๔๒ (๕) เนอ่ื งจาก ๑. มีการประกาศ ให้ชะมดเช็ดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ ปา่ พ.ศ. ๒๕๓๕ และเป็นสตั ว์ทอ่ี ยูใ่ น “อนุสญั ญาว่าด้วยการคา้ ระหว่างประเทศ ซ่งึ ชนดิ พนั ธส์ุ ัตว์ป่าทใ่ี กล้สูญพนั ธ ุ์ (CITES)” ๒. ดงี ูเหา่ และดหี มปู ่าเปน็ สตั ว์ วัตถุท่ีหาได้ยาก ซ่ึงในขณะนั้นยังไม่มีการเพาะเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย จึงได้ ตดั ออกจากตำารับ สว่ น “ไคร้เครือ” ไดต้ ัดออกจากสูตรตาำ รับ เนื่องจากมีขอ้ มลู งานวิจัยบ่งช้ีว่าไคร้เครือท่ีใช้และมีการจำาหน่ายในท้องตลาด เป็นพืชในสกุล Aristolochia ซ่ึงพืชในสกุล Aristolochia มีรายงานพบว่าก่อให้เกิดความ เปน็ พิษตอ่ ไต (nephrotoxicity) และเมอื่ พ.ศ. ๒๕๔๕ องคก์ ารอนามัยโลกได้ ประกาศให้พืชสกลุ Aristolochia เปน็ สารก่อมะเรง็ ในมนษุ ย์ (๒) เอกสารอา้ งองิ ๑. พิศณุประสาตรเวช, พระยา. เวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๗ หน้า ๘๖. ๒. ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแหง่ ชาติ เร่ือง บัญชยี าหลกั แหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔ ง. หน้า ๔. (เอกสาร แนบท้ายประกาศ หนา้ ๒๓๑) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่อื ง ยาสามญั ประจำาบา้ นแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กมุ ภาพนั ธ์). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๒๑ ง. หน้า ๔๕. ๔. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาสามญั ประจาำ บ้าน ฉบบั ท ่ี ๒ (๒๕๓๗, ๓ ตลุ าคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๑๑ ตอนพเิ ศษ ๔๒ ง. หนา้ ๘๓. ๕. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอ่ื ง ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ (๒๕๔๒, ๒๔ สงิ หาคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ ๑๑๖ ตอนพเิ ศษ ๖๗ ง. หนา้ ๔๙. 175
ยาห้าราก ช่อื อนื่ แกว้ ห้าดวง (๑) ท่ีมาของตำารับยา สูตรตำารับท่ใี กลเ้ คยี งตาำ รบั น ้ี พบในตาำ ราเวชศาสตรฉ์ บับหลวงรชั กาลท่ี ๕ เลม่ ๑ (๑) “.....แลลักษณะไข้พิษน้ัน คืออิด�า อิแดง .... ถ้าเห็นยังลึกอยู่ไม่ข้ึนให้เอาเทียนส่องมือดู แล้วใหแ้ ต่งยากะทงุ้ ให้กินชอื่ วา่ แก้วหา้ ดวง เอารากคนทา ๑ รากไม้เทา้ ยายมอ่ ม ๑ รากชิงชี่ ๑ รากมะเด่อื ๑ รากหญา้ นาง ๑ ยาทัง้ นีเ้ อาเสมอภาคตน้ ใหก้ ิน แล้วจึงแตง่ ยาประสะกะทุ้งผิวภายนอก ใบหญ้านาง ๑ ใบมะขาม ๑ เอาเสมอภาคเอาดนิ ประสิวใส่แตพ่ อสมควรละลายนา้� ซาวเข้าพ่น ถา้ มขิ ้นึ กระทา� ใหต้ วั ร้อนเปน็ เปลว เอาเถาขีก้ าแดงทงั้ ใบท้งั ราก ๑ เถาหญา้ นางท้งั ใบท้งั ราก ๑ เอาเสมอภาคแทรกดนิ ประสิวละลายดว้ ย นา�้ ซาวเขา้ ทงั้ กนิ ทงั้ พน่ ถา้ มฟิ งั ใหเ้ อาใบทองหลางใบมน ๑ เปลอื กทองหลางใบมน ๑ เขา้ สารดว้ ย เอาเสมอ ภาคแทรกดนิ ประสวิ ท้งั กินทั้งพ่น” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สตู รตำารบั ยา ประกอบดว้ ยตัวยา ๕ ชนิด รวมน้ำาหนัก ๑๐๐ กรัม (๒) ดังนี้ ตวั ยา นาำ้ หนักยา คนทา ๒๐ กรมั ชิงชี่ ๒๐ กรมั มะเดื่ออุทมุ พร ๒๐ กรัม ไม้เท้ายายมอ่ ม ๒๐ กรมั ย่านาง ๒๐ กรัม สรรพคณุ บรรเทาอาการไข้ (๒) กระทุง้ พษิ ไข ้ (๑) รูปแบบยา ยาผง (ดูผนวก ๓.๒) ยาแคปซลู (ดผู นวก ๓.๓) ยาเมด็ (ดผู นวก ๓.๔.๒) ขนาดและวธิ ีการใช้ ชนดิ ผง ผู้ใหญ่ กนิ ครง้ั ละ ๑-๑.๕ กรมั เด็ก อายุ ๖-๑๒ ขวบ กินครัง้ ละ ๕๐๐ มิลลกิ รัม-๑ กรัม ละลายนำ้าสุก วันละ ๓ ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน และเย็น เมอื่ มอี าการ (๒) ชนิดแคปซูลและชนิดเม็ด ผู้ใหญ่ กินคร้ังละ ๑-๑.๕ กรัม เด็ก อายุ ๖-๑๒ ขวบ กินคร้ังละ ๑ กรมั วันละ ๓ ครั้ง ก่อนอาหาร เชา้ กลางวนั และเย็น เมอื่ มีอาการ (๒) 176
ข้อควรระวัง - ไม่ควรใช้ในผู้ที่สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก เน่ืองจากอาจบดบังอาการของ ไข้เลอื ดออก (๒) - ไม่แนะนำาให้ใชใ้ นหญิงทม่ี ไี ข้ทบั ระดูหรือไข้ระหวา่ งมีประจำาเดือน (๒) - หากใชย้ าเปน็ เวลานานเกิน ๓ วัน แลว้ อาการไมด่ ีขนึ้ ควรปรึกษาแพทย์ (๒) เอกสารอา้ งอิง ๑. กรมศลิ ปากร. ตาำ ราเวชศาสตรฉ์ บับหลวง รชั กาลท่ ี ๕ เล่ม ๑. กรุงเทพฯ, ๒๕๔๒. หน้า ๖๓. ๒. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแหง่ ชาติ เรอ่ื ง บญั ชยี าหลักแห่งชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔ ง. หน้า ๔. (เอกสารแนบ ท้ายประกาศ หน้า ๒๔๘) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข 177
ยาเหลอื งปิดสมทุ ร ชอื่ อนื่ เหลอื งปิดสมุท (๑) ที่มาของต�ารับยา สูตรตำารับท่ีใกล้เคียงตำารับน้ี พบในตำาราเวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑ พระยาพศิ ณุประสาทเวช ร.ศ. ๑๒๗ (๑) “ยาเหลอื งปิดสมุท แห้วหมู ๑ ขมน้ิ ออ้ ย ๑ เปลือกเพกา ๑ รากกล้วยตบี ๑ กะเทยี ม ๑ ดปี ลี ๑ ชนั ย้อย ๑ คร่ัง ๑ สเี สียดไทย ๑ สเี สยี ดเทศ ๑ ใบเทยี น ๑ ใบทบั ทมิ ๑ ขมิ้นชันก่งึ ยาท้งั หลาย แกอ้ ุจจาระเปนเสมหะโลหิต” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สูตรต�ารบั ยา ประกอบด้วยตวั ยา ๑๓ ชนดิ รวมน้ำาหนกั ๙๐ กรัม (๒) ดังน้ี ตัวยา น้�าหนกั ยา ขมนิ้ ชนั ๓๐ กรัม กระเทยี ม ๕ กรัม กล้วยตีบ ๕ กรัม ขมิน้ ออ้ ย ๕ กรมั ครั่ง ๕ กรมั ชันยอ้ ย ๕ กรมั ดปี ลี ๕ กรัม ทับทิม (ใบ) ๕ กรัม เทยี นก่ิง ๕ กรมั เพกา ๕ กรมั สเี สียดเทศ ๕ กรัม สเี สยี ดไทย ๕ กรมั แหว้ หมู ๕ กรมั สรรพคุณ บรรเทาอาการทอ้ งเสียชนิดท่ไี มเ่ กดิ จากการตดิ เชื้อ เชน่ อุจจาระไม่เปน็ มูก หรือ มเี ลือดปน ท้องเสียชนดิ ทีไ่ มม่ ไี ข้ (๒) รปู แบบยา ยาผง (ดภู าคผนวก ๓.๒) ยาแคปซลู (ดูภาคผนวก ๓.๓) ยาเมด็ (ดูภาคผนวก ๓.๔.๒) ขนาดและวิธกี ารใช้ ชนดิ ผงและชนดิ เม็ด ผูใ้ หญ ่ กินคร้งั ละ ๑ กรัม ละลายน้าำ กระสายยา ทุก ๓-๕ ช่ัวโมง เมื่อมอี าการ เด็ก อาย ุ ๓-๕ เดือน กินคร้ังละ ๒๐๐ มิลลกิ รมั อาย ุ ๖-๑๒ เดอื น กนิ ครงั้ ละ ๓๐๐-๔๐๐ มิลลกิ รมั 178
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข อายุ ๑-๕ ขวบ กนิ คร้งั ละ ๕๐๐-๗๐๐ มลิ ลิกรมั อายุ ๖-๑๒ ขวบ กินครั้งละ ๘๐๐ มลิ ลิกรัม-๑ กรัม (๒) ละลายน้าำ กระสายยา กนิ ทกุ ๓-๕ ชัว่ โมง เมื่อมอี าการ กระสายยาท่ใี ช้ - ใช้นำ้าเปลือกผลทับทิมหรือเปลือกแคต้ม แทรกกับนำ้าปูนใสเป็นน้ำากระสายยา สำาหรบั เดก็ เลก็ ใหบ้ ดผสมกับนำา้ กระสายยา ใช้กนิ หรอื กวาดกไ็ ด้ - ถา้ หานำ้ากระสายยาไม่ได้ ให้ใช้น้ำาสกุ แทน (๒, ๓) ชนิดแคปซูลและชนดิ เม็ด ผูใ้ หญ่ กินคร้งั ละ ๑ กรมั ทกุ ๓-๕ ชว่ั โมง เมอ่ื มีอาการ (๒, ๓) เด็ก อาย ุ ๖-๑๒ ขวบ กินครัง้ ละ ๘๐๐ มิลลกิ รมั -๑ กรัม เม่ือมอี าการ ขอ้ ควรระวงั ใชย้ าน้เี กิน ๑ วนั หากอาการไมด่ ขี น้ึ ควรปรกึ ษาแพทย์ (๒) เอกสารอา้ งอิง ๑. พิศณุประสาตรเวช, พระยา. เวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพไ์ ทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๗ หน้า ๖๙. ๒. ประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแห่งชาติ เรอ่ื ง บัญชยี าหลักแหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔ ง. หนา้ ๔. (เอกสารแนบ ท้ายประกาศ หนา้ ๒๔๐) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เร่อื ง ยาสามัญประจำาบ้านแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กมุ ภาพนั ธ)์ . ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๒๑ ง. หน้า ๔๒. 179
ยาอภยั สาลี ชือ่ อื่น อไภยสาลี (๑) ที่มาของตำารับยา สูตรตำารับท่ีใกล้เคียงตำารับน้ี พบในตำาราเวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑ พระยาพิศณุประสาทเวช ร.ศ. ๑๒๗ (๑) “ยาอไภยสาลี เอาลกู จนั ๑ สลงึ ดอกจนั ๒ สลงึ ลกู กระวาน ๓ สลงึ กานพลู ๑ บาท ลูกพลิ งั กาสา ๑ บาท ๒ สลึง ว่านน้�า ๑ บาท ๓ สลึง โกฐสอ ๒ บาท โกฐเขมา ๒ บาท ๑ สลงึ เทียนเขา้ เปลือก ๒ บาท ๒ สลึง เทียนแดง ๒ บาท ๓ สลึง เทียนขาว ๒ บาท เทยี นตาตกั แตน ๒ บาท ๑ สลึง เจตมูลเพลิง ๓ บาท สมอไทย ๓ บาท ๑ สลงึ สมอเทศ ๓ บาท ๑ สลงึ หัวบกุ รอ ๓ บาท ๓ สลึง สหศั คุณเทศ ๑ ต�าลึง ๒ บาท จันทนเ์ ทศ ๑ ตา� ลึง กนั ชา ๓ บาท ๓ สลึง พลกิ ลอ่ น ๑ ต�าลึง กนิ เชา้ เย็นทุกวนั แก้สาระพัดลม ๘๐ จ�าพวก แก้โลหิต ๒๐ จา� พวก แกร้ ิดสดี วง ๒๐ จ�าพวก ยานีก้ นิ ได้ ๓ เดือน หายโรคาพยาธิมไิ ดม้ ีเลย อายุวัฒนะ ท้งั เกดิ ปัญญาร้หู ลกั นกั ปราชญ์มากกว่าคนทง้ั ปวง ถา้ ผ้ใู ด พบให้ท�ากินวิเศษนกั ใครกินยานี้ดุจยาทพิ ยน์ น้ั แล ฯ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สูตรตำารับยา ประกอบดว้ ยตัวยา ๑๙ ชนิด รวมน้าำ หนัก ๑๘๗ กรมั (๒) ดงั นี้ ตัวยา นำ้าหนกั ยา หัสคณุ เทศ ๒๔ กรมั จันทนเ์ ทศ ๑๖ กรัม พริกไทยลอ่ น ๑๖ กรัม บุกรอ ๑๕ กรมั สมอเทศ ๑๓ กรมั สมอไทย ๑๓ กรมั เจตมูลเพลิงแดง ๑๒ กรมั เทียนแดง ๑๑ กรัม เทียนขา้ วเปลอื ก ๑๐ กรมั โกฐเขมา ๙ กรมั เทยี นตาต๊ักแตน ๙ กรมั โกฐสอ ๘ กรมั เทยี นขาว ๘ กรมั วา่ นนา้ำ ๗ กรัม พิลังกาสา ๖ กรัม กานพลู ๔ กรัม กระวาน ๓ กรัม ดอกจันทน์ ๒ กรัม ลูกจนั ทน์ ๑ กรมั 180
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290