กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขสรรพคณุ บาำ บัดโรคลม บรรเทาอาการจกุ เสียดแนน่ (๒) รูปแบบยา ยาเมด็ (ดูภาคผนวก ๓.๔.๒) ยาลกู กลอน (ดภู าคผนวก ๓.๕) ขนาดและวธิ ีการใช้ กินครง้ั ละ ๑.๕-๒ กรมั วนั ละ ๒ ครงั้ ก่อนอาหาร เช้าและเยน็ (๒) ขอ้ หา้ มใช้ หา้ มใช้ในหญิงตง้ั ครรภ์ และผูท้ ีม่ ไี ข้ (๒) ข้อควรระวงั ควรระวงั ในการกนิ ร่วมกบั ยาในกลุม่ สารกันเลือดเปน็ ลม่ิ (anticoagulant) และ ยาต้านการจับตวั ของเกลด็ เลอื ด (antiplatelet) (๒) ขอ้ มูลเพ่มิ เตมิ ในสตู รตาำ รบั นเ้ี ดมิ มตี วั ยา “กญั ชา” เปน็ สว่ นประกอบ แตไ่ ดต้ ดั ออกจากสตู รตาำ รบั เนอ่ื งจากตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ กำาหนดใหก้ ญั ชา เปน็ ยาเสพตดิ ประเภทที่ ๕ จงึ ไมส่ ามารถนาำ มาใชป้ ระกอบในตำารับได ้ เอกสารอา้ งอิง ๑. พิศณุประสาตรเวช, พระยา. เวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพไ์ ทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๗ หนา้ ๗๒. ๒. ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรอ่ื ง บญั ชยี าหลกั แห่งชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔ ง. หนา้ ๔. (เอกสารแนบ ทา้ ยประกาศ หน้า ๒๓๗) 181
ยาอา� มฤควาที ช่ืออื่น ยาอำามฤควาที (๑) ท่ีมาของตำารับยา สูตรตำารับที่ใกล้เคียงตำารับน้ี พบในตำาราเวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑ พระยาพศิ ณปุ ระสาทเวช ร.ศ. ๑๒๗ (๑) “ยาอ�ามฤควาที เอารากไคร้เครือ ๑ โกฐพุงปลา ๑ เทยี นขาว ๑ นา�้ ประสารทองเทศสตุ ๑ ลูกผักชลี า ๑ ลกู มะขามปอ้ ม ๑ ลูกสมอพเิ ภกเอาแตเ่ นือ้ ๑ ชะเอมเทศเทา่ ยาทงั้ หลาย ท�าผงแก้เสมหะ พกิ ารละลายน�้ามะขามเปียกหรอื นา้� ส้มซา่ แซกเกลือ บา� รงุ เสมหะ” สตู รตำารับยา ประกอบดว้ ยตวั ยา ๖ ชนดิ รวมนา้ำ หนกั ๗๐ กรัม (๒) ดังน้ี กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตัวยา นาำ้ หนักยา ชะเอมเทศ ๓๕ กรมั โกฐพุงปลา ๗ กรมั เทยี นขาว ๗ กรัม มะขามปอ้ ม ๗ กรัม ลูกชีลา ๗ กรมั สมอพเิ ภก ๗ กรมั สรรพคณุ บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ (๒, ๓) รูปแบบยา ยาผง (๒, ๓) (ดภู าคผนวก ๓.๒) ยาลกู กลอน (๒) (ดภู าคผนวก ๓.๕) ขนาดและวธิ ีการใช้ ชนิดผง ผูใ้ หญ่ กนิ ครง้ั ละ ๑ กรัม ละลายนำ้ากระสายยา เมือ่ มอี าการ เดก็ อายุ ๖-๑๒ ขวบ กนิ คร้งั ละ ๕๐๐ มิลลกิ รมั ละลายนำา้ กระสายยา เมื่อมอี าการ กระสายยาที่ใช้ ละลายน้ำามะนาวแทรกเกลือ ใช้จบิ หรือกวาดคอ (๒, ๓) ชนิดลูกกลอน ข้อควรระวงั ขอ้ มลู เพิ่มเติม ผูใ้ หญ่ กนิ ครง้ั ละ ๑ กรมั เมือ่ มีอาการ เด็ก อายุ ๖-๑๒ ขวบ กินครัง้ ละ ๕๐๐ มลิ ลกิ รัม เม่ือมีอาการ (๒) 182 ไม่ควรใชน้ ้ำามะนาวแทรกเกลอื กบั ผู้ป่วยทีต่ ้องจาำ กัดการใช้เกลอื (๒) - จากตำาราการแพทยแ์ ผนไทยกลา่ ววา่ หากใช้แก้เสมหะพิการ ให้ละลายนำ้า มะขามเปียกหรอื น้าำ ส้มซา่ แทรกเกลือ บำารงุ เสมหะ ฯ (๑) แก้ไอน้าำ กานพลู ตม้ คอแหง้ นาำ้ ลายเหนยี วนา้ำ มะขามเปยี กเกลอื แทรก เสยี งแหบแหง้ นา้ำ มะขาม เปียกเกลือแทรกน้าำ ตาลกรวด (๔) แก้ไขห้ วดั ลงคอ ตวั ร้อน ละลายนำ้าผล มะแวง้ เครือ น้าำ มะขามเปยี กแทรกเกลอื กวาด (๕)
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข - สตู รตาำ รบั ยาอาำ มฤควาทตี ามประกาศยาสามญั ประจาำ บา้ น พ.ศ. ๒๕๓๗ (๖) มตี วั ยา “นา้ำ ประสานทองสะตแุ ละไครเ้ ครอื ” เปน็ สว่ นประกอบ ซงึ่ นาำ้ ประสาน ทองสะตุได้ตัดออกจากสูตรตำารับตามประกาศยาสามัญประจำาบ้าน แผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๔๒ (๗) ส่วน “ไคร้เครอื ” ได้ตดั ออกจากสูตรตำารับ เนอ่ื งจากมขี อ้ มลู งานวจิ ยั บง่ ชว้ี า่ ไครเ้ ครอื ทใี่ ชแ้ ละมกี ารจาำ หนา่ ยในทอ้ งตลาด เป็นพืชในสกุล Aristolochia ซึ่งพืชในสกุล Aristolochia มีรายงาน พบวา่ กอ่ ใหเ้ กดิ ความเปน็ พษิ ตอ่ ไต (nephrotoxicity) และเมอื่ พ.ศ. ๒๕๔๕ องคก์ ารอนามยั โลกได้ประกาศใหพ้ ชื สกลุ Aristolochia เปน็ สารก่อมะเร็ง ในมนุษย ์ (๒) เอกสารอา้ งองิ ๑. พิศณุประสาตรเวช, พระยา. เวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ไทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๗ หน้า ๗๗. ๒. ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแหง่ ชาติ เร่อื ง บญั ชียาหลักแหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑, ๑๙ มกราคม). ราชกิจจานุเบกษา. เลม่ ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔ ง. หนา้ ๔. (เอกสารแนบท้าย ประกาศ หนา้ ๒๕๑) ๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอื่ ง ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ พ.ศ. ๒๕๕๖. (๒๕๕๖, ๑๔ กุมภาพันธ)์ . ราชกจิ จานุเบกษา. เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๒๑ ง. หน้า ๔๗. ๔. ขุนโสภิตบรรณลกั ษณ์ (อำาพนั กติ ติขจร). คมั ภีร์แพทย์ไทยแผนโบราณ เลม่ ๓ พระนคร : อุตสาหกรรมการพมิ พ์, ๒๕๐๔ หนา้ ๑๓๕. ๕. นทิ เทส (ถมรตั น)์ พุ่มชศู รี. อายรุ เวทศึกษา (ขนุ นิทเทสสขุ กจิ ) เลม่ ๒. กรุงเทพ ฯ : พร้อมจกั รการพิมพ์, ๒๕๑๖ หน้า ๒๓๒. ๖. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอื่ ง ยาสามญั ประจาำ บ้าน ฉบบั ท่ี ๒ (๒๕๓๗, ๓ ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เลม่ ๑๑๑ ตอนพเิ ศษ ๔๒ ง. หน้า ๘๐. ๗. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอื่ ง ยาสามญั ประจาำ บา้ นแผนโบราณ (๒๕๔๒, ๒๔ สงิ หาคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ ๑๑๖ ตอนพเิ ศษ ๖๗ ง. หนา้ ๕๑. 183
ยาอนิ ทรป์ ระสิทธ์ิ ชือ่ อ่ืน ยาอนิ ท์ประสทิ ธ์ิ ที่มาของตาำ รับยา ศลิ าจารึกวดั พระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม (วดั โพธ)์ิ (๑, ๒) “ยาช่ืออินท์ประสทิ ธ์ิ เอาโกฐท้งั หา้ กระแจะตะนาว ผิวมะกรดู ผวิ มะนาว ผิวสม้ ซ่า ผิวมะงัว่ กฤษณา กระล�าพกั ชะลดู ขอนดอก จันทน์แดง พกิ ุล สารภี การบรู ชะมดเชียง จันทน์เทศ พมิ เสน ผลพรกิ ไทยออ่ น ชะเอมเทศ สง่ิ ละส่วน ดอกมะลิ ๔๒ ส่วน ทา� เป็นจุณบดท�าแทง่ ไวใ้ หก้ นิ แกล้ มวาโยใน กองสมฏุ ฐานอนั มพี ิษนน้ั หายวิเศษนัก ฯ ยาสามขนานนี้ ของขา้ พระพทุ ธเจ้า พระบา� เรอราช ทูลเกล้าฯ ถวาย ขอเดชะ ไดใ้ ช้แลว้ ฯ” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข สูตรตำารับยา ประกอบด้วยตัวยา ๒๔ ชนดิ รวมนา้ำ หนัก ๖๕ สว่ น ดังน ้ี ตวั ยา น้าำ หนกั ยา มะลิ ๔๒ ส่วน กระแจะตะนาว ๑ สว่ น กระลำาพัก ๑ สว่ น กฤษณา ๑ สว่ น การบูร ๑ สว่ น โกฐเขมา ๑ สว่ น โกฐจฬุ าลมั พา ๑ สว่ น โกฐเชียง ๑ สว่ น โกฐสอ ๑ สว่ น โกฐหัวบวั ๑ สว่ น ขอนดอก ๑ สว่ น จันทน์แดง ๑ สว่ น จนั ทนเ์ ทศ ๑ สว่ น ชะมดเชยี ง ๑ สว่ น ชะลูด ๑ สว่ น ชะเอมเทศ ๑ สว่ น พรกิ ไทย ๑ สว่ น พิกุล ๑ สว่ น พิมเสน ๑ สว่ น มะกรดู ๑ สว่ น มะงัว่ ๑ สว่ น มะนาว (ผวิ เปลอื กผล) ๑ ส่วน สม้ ซา่ ๑ ส่วน สารภี ๑ ส่วน 184
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขสรรพคณุ แก้ลม บำารุงหัวใจ รปู แบบยา ยาเมด็ พมิ พ์ ขนาด ๓๐๐ มิลลกิ รัม (ดูภาคผนวก ๓.๔.๑) ขนาดและวธิ ีการใช้ กนิ ครั้งละ ๓-๕ เม็ด วนั ละ ๒-๓ ครัง้ หลังอาหาร เช้า เยน็ หรอื กอ่ นนอน ข้อควรระวัง - ควรระวังการใชก้ บั ผู้ปว่ ยที่มปี ระวตั ิแพเ้ กสรดอกไม้ - ควรระวงั การใชย้ าอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในผปู้ ว่ ยทมี่ คี วามผดิ ปรกติ ของตบั ไต เนื่องจากอาจเกิดการสะสมของการบูรและเกดิ พิษได้ เอกสารอา้ งอิง ๑. สำานักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลอื ก. หนงั สอื ชดุ ตาำ ราภมู ปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทย ฉบบั อนรุ กั ษ ์ ตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยในศลิ าจารกึ วดั พระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม (วัดโพธ์)ิ เลม่ ๓. พิมพ์ครั้งท่ี ๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องคก์ ารสงเคราะห์ ทหารผา่ นศกึ ในพระบรมราชูปภมั ภ,์ ๒๕๕๗. ๒. ประกาศกาำ หนดตาำ ราการแพทยแ์ ผนไทยของชาตแิ ละตาำ รบั ยาแผนไทยของชาต ิ พ.ศ. ๒๕๕๘, (๒๕๕๘, ๓๐ พฤศจกิ ายน). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม ๑๓๒ ตอนพิเศษ ๓๑๗ ง. 185
186 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
187 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
188 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
ภภเาภาคคสผผนนัชวววกตัก๑ถ๑ุ เภสัชวตั ถุ ลลาำ าดดบับั ชชอื่ อ่ื ตตัววั ยยาา สส่วว่ นนทท่ใี ี่ใชช้ ้ ชอ่ืช่อืววิทิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 1 กระจับ ชชอื่ ่ือลละะตตนิ นิ 2 กระแจะ เมล็ด Trapae Natansis Semen Trapa natans L. ตะนาว ผงเครือ่ งหอม Krachae Pulveris - กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข3 กระชาย 4 กระดอม ประสม 5 กระดังงา เหงา้ Boesenbergiae Rotundae Boesenbergia rotunda (L.) Rhizoma Mansf. 6 กระเทียม 7 กระเทยี ม ผลอ่อน Gymnopetali Fructus Gymnopetalum chinense 8 กระพังโหม (Lour.) Merr. 9 กระพงั โหม 10 กระลาพกั ดอก Canangae Odoratae Flos Cananga odorata (Lam.) 11 กระวาน Hook. f. et Thomson var. 12 กรุงเขมา 13 กฤษณา odorata 14 กล้วยตีบ 15 กะทือ หัว Allii Sativi Bulbus Allium sativum L. ราก Allii Sativi Radix Allium sativum L. ส่วนเหนือดนิ Paederiae Foetidae Paederia foetida L. Herba ราก Paederiae Foetidae Radix Paederia foetida L. แกน่ Excoecariae Agallochae Excoecaria agallocha L. (ทม่ี รี าลง) Lignum ผล Amomi Testacei Fructus Amomum testaceum Ridl. ราก Cissampelotis Pareirae Cissampelos pareira L. var. Radix hirsuta (Buch. ex DC.) Forman แก่น Aquilariae Resinatum Aquilaria crassna Pierre ex (ท่มี รี าลง) Lignum Lecomte, A. malaccensis Lam. ราก Kluitip Radix Musa (ABB) ‘Tip’ เหง้า Zingiberis Zerumbeti Zingiber zerumbet (L.) Roscoe Rhizoma ex Sm. 16 กะเพรา ใบ Ocimi Tenuiflori Folium Ocimum tenuiflorum L. 17 กะเพราแดง ใบ Ocimi Tenuiflori Folium Ocimum tenuiflorum L., red 18 กะเม็ง, Rubrum cultivar กะเม็งแดง ส่วนเหนอื ดิน Ecliptae Prostratae Herba Eclipta prostrata (L.) L. 19 กัญชา สว่ นเหนือดนิ Cannabis Flos Cannabis sativa L. (ต้นเพศเมยี ) 189
ลลาำ าดดับับ ชชือ่ ื่อตตัวัวยยาา สส่วว่ นนทที่ใีใ่ ชช้ ้ ชชือ่ อื่ ลละะตตนิ ิน ชือ่ช่อืววทิ ิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 20 กัญชาเทศ ใบ Leonuri Sibirici Folium Leonurus sibiricus L. 21 กานพลู Caryophylli Flos Syzygium aromaticum (L.) 22 การบรู ดอกตูมก่อน Merr. & L.M. Perry 23 กาแพงเจด็ ช้ัน บาน Camphora d-camphor, dl-camphor 24 กามะถัน - Salaciae Chinensis Caulis Salacia chinensis L. เหลอื ง ลาต้น Sulphuris sulphur กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข 25 กายาน - 26 เกล็ด Benzoinum Styrax tonkinensis (Pierre) สะระแหน่ ยางจากตน้ Mentholum Craib ex Hartwich 27 เกลอื - l-menthol, dl-menthol 28 เกลอื สินเธาว์ - 29 แกแล - Natrii Chloridum sodium chloride 30 โกฐกระดกู แกน่ 31 โกฐกกั กรา ราก Natrii Chloridum sodium chloride 32 โกฐก้านพรา้ ว ปมุ่ หูด Maclurae Maclura cochinchinensis 33 โกฐเขมา เหง้าและราก Cochinchinensis Cortex (Lour.) Corner 34 โกฐจุฬาลัมพา Aucklandiae Lappae Aucklandia lappae DC. 35 โกฐชฎามงั สี เหง้า 36 โกฐเชียง สว่ นเหนือดิน Radix 37 โกฐน้าเต้า รากและเหง้า รากแขนง Pistachiae Galla Pistachia chinensis Bunge 38 โกฐพุงปลา รากและเหง้า subsp. integerrima (Stewart ex ปมุ่ หดู Brandis) Rech.f Neopicrorhizae Neopicrorhiza scrophulariiflora Scrophulariiflorae Radix (Pennell) Hong et Rhizoma Atractylodis Lanceae Atractylodes lancea (Thunb.) Rhizoma DC. Artemisiae Annuae Herba Artemisia annua L. Nardostachydis Radix et Nardostachys grandiflora DC. Rhizoma Angelicae Sinensis Radix Angelica sinensis (Oliv.) Diels Lateralis Rhei Radix et Rhizoma Rheum palmatum L., R. officinale Baill., R. tanguticum Maxim. ex Balf. Terminaliae Chebulae Terminalia chebula Retz. Galla 190
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขลลาำ าดดับับ ชช่อื ื่อตตัวัวยยาา สสว่ ว่ นนทท่ใี ่ีใชช้ ้ ชชือ่ ่ือลละะตตนิ นิ ชอื่ชื่อววิทิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 39 โกฐสอ ราก Angelicae Dahuricae Angelica dahurica (Hoffm.) Radix Benth. & Hook.f. ex Franch. & 40 โกฐสอเทศ ราก Sav. 41 โกฐหวั บวั เหงา้ Iridis Rhizoma Iris germanica L., I. pallida 42 ขนนุ แกน่ Lam. 43 ขมิน้ เครือ เถา Chuanxiong Rhizoma Ligusticum sinense Oliv. cv. 44 ขมิ้นชนั เหง้า chuanxiong 45 ขมิน้ อ้อย เหงา้ Artocarpi Heterophylli Artocarpus heterophyllus 46 ขอนดอก เนอ้ื ไม้ Lignum Lam. 47 ขอบชะนาง Arcangelisiae Flavae Arcangelisia flava (L.) Merr. Caulis ขาว Curcumae Longae Curcuma Longa L. 48 ขอบชะนาง Rhizoma Khamin-oi Rhizoma Curcuma sp. “Khamin oi” แดง Mimusops Elengi Lignum Mimusops elengi L. 49 ขา่ 50 ข่าตน้ ใบ Pouzolziae Zeylanicae Pouzolzia zeylanica (L.) Benn. 51 ขา้ วสาร Folium 52 ขิง, ขงิ แครง 53 ขงิ แห้ง ใบ Gonostegiae Pentandrae Gonostegia pentandra (Roxb.) 54 ข้ีกาขาว Folium Miq. 55 ขก้ี าขาว 56 ขี้กาแดง เหง้า Alpiniae Galangae Alpinia galanga (L.) Willd. 57 ขก้ี าแดง Rhizoma แก่น Cinnamomi Illicioidis Cinnamomum illicioides A. Lignum Chev. เมล็ด Oryzae Sativae Semen Oryza sativa L. เหง้า Zingiberis Officinalis Zingiber officinale Roscoe. Rhizoma เหงา้ Zingiberis Zingiber ligulatum Roxb. Ligulati Rhizoma ผล Gymnopetalum Scabri Gymnopetalum scabrum Fructus (Lour.) ราก Gymnopetalum Scabri Gymnopetalum scabrum Radix (Lour.) ใบ Trichosanthis Trichosanthes tricuspidata Tricuspidatae Folium Lour. ผล Trichosanthis Trichosanthes tricuspidata Tricuspidatae Fructus Lour. 191
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขลลาำ าดดบัับ ชชอื่ อื่ ตตัวัวยยาา สส่ว่วนนททใี่ ใ่ี ชช้ ้ ชชื่ออื่ ลละะตตนิ ิน ช่อืช่ือววทิ ิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 58 ขี้กาแดง ราก Trichosanthis Trichosanthes tricuspidata 59 ขเี้ หล็ก ทัง้ 5 Tricuspidatae Radix Lour. 60 ขอ้ี ้าย Sennae Siamea Omnis V Senna siamea (Lam.) H.S. Irwin 61 คนทา เปลอื กตน้ & Barneby 62 คนทสี อ ราก Terminaliae Terminalia nigrovenulosa 63 คนทสี อ ใบ Nigrovenulosae Cortex Pierre 64 คร่ัง ผล Harrisoniae Perforatae Harrisonia perforata (Blanco) 65 คดั เคา้ Radix Merr. 66 คาไทย สารคดั หล่งั Viticis Trifoliae Folium Vitex trifolia L. 67 คาฝอย จากครง่ั ตวั ผู้ Viticis Trifoliae Fructus Vitex trifolia L. 68 คนู Lacca Resina Laccifera chinensis 69 คนู ผล Mahdihassan 70 จันทน์ขาว ดอก Oxycerotis Horridi Oxyceros horridus Lour. 71 จนั ทนช์ ะมด ดอก Fructus 72 จนั ทน์แดง เน้อื ในฝกั Bixae Orellanae Flos Bixa orellana L. 73 จนั ทนเ์ ทศ ใบ Carthami Flos Carthamus tinctorius L. 74 จนั ทนา แกน่ Cassiae Fistulae Pulpa Cassia fistula L. 75 จาปา แกน่ Cassiae Fistulae Folium Cassia fistula L. 76 จงิ จอ้ ขาว แกน่ Santali Albi Lignum Santalum album L. 77 จงิ จ้อแดง แก่น Mansoniae Gagei Lignum Mansonia gagei J.R. Drumm. 78 จุกโรหินี แก่น ex Prain 79 เจตพงั คี ดอก Santali Rubri Lignum Pterocarpus santalinus L.f. 80 เจตมูลเพลงิ , ราก Santali Albi Lignum Santalum album L. เจตมลู เพลงิ ราก Tarennae Hoaensis Tarenna hoaensis Pit. แดง ราก Lignum ราก Magnoliae Champacae Magnolia champaca (L.) Baill. 192 ราก Flos ex Pierre Merremiae Umbellatae Merremia umbellata (L.) Radix Hallier f. Operculinae Turpethi Operculina turpethum (L.) Radix Silva Manso Calami Acanthophylli Calamus acanthophyllus Radix Becc. Crotonis Crassifolii Radix Croton crassifolius Geiseler Plumbagonis Indicae Plumbago indica L. Radix
ลลาำ าดดบับั ชชอ่ื อ่ื ตตัววั ยยาา สสว่ ว่ นนททใ่ี ใ่ี ชช้ ้ ชช่อื ื่อลละะตตนิ ิน ช่ือช่ือววทิ ิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 81 แจง ราก Maeruae Siamensis Radix Maerua siamensis (Kurz) Pax 82 ชะพลู ท้งั ตน้ Piperis Sarmentosi Herba Piper sarmentosum Roxb. 83 ชะพลู ใบ Piperis Sarmentosi Piper sarmentosum Roxb. 84 ชะพลู 85 ชะมดเชด็ Folium 86 ชะมดเชียง กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ราก Piperis Sarmentosi Radix Piper sarmentosum Roxb. 87 ชะลดู สารคดั หลั่ง Civetta Viverricula malaccensis 88 ชะเอมเทศ 89 ชะเอมไทย จากตอ่ มกล่ิน (Gmelin) 90 ชนั ย้อย 91 ชิงชี่ สารคัดหล่งั Moschus Moschus moschiferus 92 ชุมเหด็ จากตอ่ มกลิ่น Linnaeus, 93 ซกิ 94 ดอกจันทน์ M. chrysogaster (Hodgson), 95 ดองดึง 96 ดนิ ประสิว M. berezovskii Flerov, 97 ดีเกลือ 98 ดีเกลือฝร่ัง M. fuscus Li 99 ดีงูต้น 100 ดีปลี เปลือกเถา Alyxiae Reinwardtii Alyxia reinwardtii Blume 101 ตองแตก 102 ตะไคร้ Cortex ราก Glycyrrhizae Grabrae Glycyrrhiza glabra L. Radix ลาตน้ Albiziae Myriophyllae Albizia myriophylla Benth. Caulis ยางไม้ Hopeae Odoratae Resina Hopea odorata Roxb. ราก Capparidis Micracanthae Capparis micracantha DC. Radix ใบ Sennae Torae Folium Senna tora (L.) Roxb. เปลอื กตน้ Albiziae Lebbeck Cortex Albizia lebbeck (L.) Benth. เยือ่ ห้มุ เมล็ด Myristicae Macis Myristica fragrans Houtt. หวั Gloriosae Superbae Gloriosa superba L. Rhizoma - Kalium Nitricum potassium nitrate - Natrii Sulfas sodium sulfate decahydrate - Magnesii Salfas magnesium sulfate heptahydrate ใบ Picrasma Javanica Folium Picrasma javanica Blume ชอ่ ผล Piperis Retrofracti Fructus Piper retrofractum Vahl ราก Baliospermi Solanifolii Baliospermum solanifolium Radix (Burm.) Suresh เหงา้ Cymbopogoni Citrati Cymbopogon citratus (DC.) และกาบใบ Herba Stapf. 193
ลลำาาดดบัับ ชชื่อื่อตตัววั ยยาา สสว่ ่วนนทท่ใี ่ใี ชช้ ้ ชช่อื ือ่ ลละะตตนิ ิน ชื่อชือ่ววทิ ิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 103 ตานขโมย ราก Apostasiae Nudae Radix Apostasia nuda R.Br. 104 ตานดา ราก 105 ตานเสย้ี น ราก Diospyrotis Montanae Diospyros montana Roxb. 106 ตานหม่อน ราก Radix 107 ตาลโตนด ราก 108 เต่าเกยี ด หวั Xantolidis Siamensis Xantolis siamensis (Fletcher) 109 เตา่ นา หัว กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข110 ถัว่ พู ราก Radix P. Royen 111 เถาวัลยเ์ ปรียง เถา 112 ทนดี ราก Tarlmouniae Ellipticae Tarlmounia elliptica (DC.) H. 113 ทองหลางน้า ราก 114 ทองหลางใบ ใบ Radix Rob., S. C. Keeleg, Skvarla & R. ใบ มน ผล Chan 115 ทบั ทมิ เนือ้ ไม้ 116 ทับทิม ใบ Borassi flabelliferis Radix Borassus flabellifer L. 117 เทพทาโร เมล็ด 118 เทียนกง่ิ ผล Homalomenae Homalomena aromatica 119 เทียน ผล ผล Aromaticae Rhizoma (Spreng.) Schott เกลด็ หอย เมล็ด 120 เทยี นแกลบ Malayemidis Malayemys macrocephala 121 เทยี นขาว 122 เทยี น Macrocephalae Caput (Gray) ขา้ วเปลอื ก Psophocarpi Psophocarpus 123 เทียนดา Tetragonolobi Radix tetragonolobus (L.) DC. Solorii Scandenidis Caulis Solori scandens (Roxb.) Sirich. & Adema Baliospermi Solanifolii Baliospermum solanifolium Radix (Burm.) Suresh Erythrinae Variegatae Erythrina variegata L. Radix Erythrinae Strictae Erythrina stricta Roxb. Folium Punicae Granati Folium Punica granatum L. Punicae Granatae Punica granatum L. Pericarpium Cinnamomi Porrecti Cinnamomum porrectum Lignum (Roxb.) Kosterm. Lawsoniae Folium Lawsonia inermis L. Plantaginis Ovatae Plantago ovata Forssk. Semen Foeniculi Vulgare Fructus Foeniculum vulgare Mill. Cumini Cymini Fructus Cuminum cyminum L. Foeniculi Dulcis Fructus Foeniculum vulgare Mill. Nigellae Sativae Semen Nigella sativa L. 194
ลลาำ าดดับับ ชชือ่ ่อื ตตัวัวยยาา สสว่ ่วนนทท่ีใ่ีใชช้ ้ ชชื่ออ่ื ลละะตตินิน ช่ือชือ่ววทิ ิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 124 เทยี นแดง เมล็ด Lepidii Sativi Semen Lepidium sativum L. 125 เทยี นต้น ท้งั ๕ Impatiens Balsaminae Impatiens balsamina L. 126 เทียนตากบ ผล Omnis V 127 เทียน ผล Cari Carvi Fructus Carum carvi L. ผล Anethi Graveolens Anethum graveolens L. ตาตก๊ั แตน ผล Fructus 128 เทยี น Trachyspermi Ammi Trachyspermum ammi (L.) Fructus Sprague เยาวพาณี Pimpinellae Anisi Fructus Pimpinella anisum L. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข129 เทียน ราก Olacis Psittacori Radix Olax psittacorum (Lam.) Vahl สตั ตบษุ ย์ - Saccharo Brunneis sucrose 130 นา้ ใจใคร่ 131 น้าตาลทราย ใบ Lagenariae Sicerariae Lagenaria siceraria (Molina) สว่ นเหนอื ดนิ Folium Standl. แดง Euphorbiae Hirtae Herba Euphorbia hirta L. 132 นา้ เต้า - Natrii Borate sodium borate 133 น้านมราชสหี ์ 134 นา้ ประสาน น้ามันระเหย Sesami Oleum Sesamum indicum L. ยากทบ่ี บี ได้ ทอง จากเมล็ด Taccae chantrierii Tacca chantrieri Andre 135 นา้ มนั งา เหง้า Rhizoma 136 เนระพสู ี แกน่ 137 เน้อื ไม้ Aquilariae Resinatum Aquilaria crassna Pierre ex เถา 138 บอระเพด็ ใบ Lignum Lecomte, A. malaccensis 139 บอระเพ็ด ดอก 140 บัว ดอก Lam. 141 บัวขม ดอก 142 บัวขาว ดอก Tinosporae Crispae Caulis Tinospora crispa (L.) Hook. f. & 143 บัวจงกลนี ดอก 144 บัวแดง Thomson Tinosporae Crispae Tinospora crispa (L.) Hook. f. & Folium Thomson Nelumbinis Flos Nelumbo nucifera Gaertn. Nymphaeae Pubescencis Nymphaea pubescens Wild. Flos Nymphaeae Flos Alba Nymphaea ampla (Salisb.) DC. Chongkonni Flos Nymphaea pubescens Willd. Nymphaeae Loti Flos Nymphaea lotus L. 195
ลลาำ าดดบัับ ชชือ่ ื่อตตัวัวยยาา สสว่ ่วนนททใ่ี ี่ใชช้ ้ ชชอ่ื อื่ ลละะตตนิ นิ ช่อืชอื่ววทิ ิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 145 บัวนลิ บุ ล ดอก Nilubon Flos Nymphaea nouchali Burm.f. 146 บวั เผอื่ น ดอก 147 บัวลนิ จง ดอก Buaphuen Flos Nymphaea nouchali Burm.f. 148 บวั สัตตบรรณ ดอก 149 บวั สัตตบุษย์ ดอก Linchong Flos Nymphaea spp. 150 บวั หลวง 151 บุกรอ เกสรเพศผู้ Nymphaeae Rubrae Flos Nymphaea rubra Roxb. ex 152 บุนนาค เหง้า กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข153 เบญกานี ดอก Andrews 154 เบี้ยจ่ัน ปมุ่ หูด 155 ใบกระวาน - Nelumbinis Flos Alba Nelumbo nucifera Gaertn. 156 ประดู่ 157 ปลาไหลเผอื ก ใบ Nelumbinis Stamen Nelumbo nucifera Gaertn. 158 ปูนขาว แก่น 159 เปราะหอม ราก Amorphalli Paeoniifolii Amorphophallus paeoniifolius 160 เปลา้ น้อย - 161 เปล้าใหญ่ เหง้า Rhizoma (Dennst.) Nicolson 162 ผกั กระโฉม ราก 163 ผกั แพวแดง ราก Mesuae Ferreae Flos Mesua ferrea L. 164 ผกั เส้ียนผี ใบ 165 ผกั เสีย้ นผี ทงั้ ตน้ Querci Infectoriae Quercus infectoria G. Olivier 166 ผักหวาน ทัง้ ต้น 167 ไผป่ ่า ใบ Galla ทัง้ ต้น ใบ Monetariae Monetae Monetaria moneta Concha Lauri Nobilidis Folium Laurus nobilis L. Pterocarpi Macrocarpi Pterocarpus macrocarpus Kurz Lignum Eurycomae Longifoliae Eurycoma longifolia Jack Radix Calcium Cadmiae Calcium oxide Kaempferiae Galangae Kaempferia galanga L. Rhizoma Crotonis Stellatopilosi Croton stellatopilosus H. Radix Ohba Crotonis Persimilidis Croton persimilis Mull. Arg. Radix Limnophilae Rugosae Limnophila rugosa (Roth) Folium Merr. Polygoni odorati Herba Polygonum odoratum Lour. Cleomes Viscosae Herba Cleome viscosa L. Cleomes Viscosae Folium Cleome viscosa L. Saurapi Androgyni Herba Sauropus androgynus (L.) Merr. Bambusae Bambotis Bambusa bambos (L.) Voss Folium 196
ลลาำ าดดบับั ชชอ่ื ือ่ ตตัววั ยยาา สสว่ ว่ นนทที่ใ่ใี ชช้ ้ ชชื่อือ่ ลละะตตนิ นิ ช่ือช่อืววิทิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 168 ไผ่ป่า ตากิง่ Bambusae Bambotis Bambusa bambos (L.) Voss 169 ฝาง, ฝางเสน แก่น 170 ฝ่ินต้น Gnarl 171 แฝกหอม เปลอื กตน้ 172 พญารากขาว ราก Sappan Lignum Caesalpinia sappan L. 173 พรกิ ไทย, ราก ผล Jatrophae Multifidae Jatropha multifida L. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข พรกิ ไทยดา 174 พริกไทยล่อน, Cortex พริกล่อน Chrysopogonis Zizanioidis Chrysopogon zizanioides (L.) 175 พริกหอม 176 พลู Radix Roberty 177 พลแู ก 178 พิกลุ Albiziae Lucidioris Radix Albizia lucidior (Steud.) I.C. 179 พมิ เสน 180 พิมเสนตน้ , Nielsen ใบพมิ เสน Piperis Nigri Fructus Piper nigrum L. 181 พิลังกาสา 182 พษิ นาศน์ เมลด็ Piperis Nigri Semen Piper nigrum L. 183 พุงดอ 184 เพกา เมล็ด Zathoxyli Bungeani Zanthoxylum bungeanum Ma 185 ไพล ราก 186 มดยอบ ใบ Semen xim. 187 มวกขาว ดอก 188 มวกแดง - Piperis Betlei Rhizoma Piper betle L. ใบ ผล Piperis Aurantiaci Folium Piper aurantiacum Miq. ราก ราก Mimusops Elengi Flos Mimusops elengi L. เปลือกต้น เหงา้ Borneolum borneol camphor ยางไม้ เถา Pogostemonis Folium Pogostemon cablin (Blanco) เถา Benth. Ardisiae Ellipticae Fructus Ardisia elliptica Thunb. Sophorae Exiguae Sophora exigua Craib Rhizoma Azimae Samentosae Azima sarmentosa Benth. & Radix Hook.f. Oroxyli Indici Cortex Oroxylum indicum (L.) Benth. ex Kurz Zingiberis Montani Zingiber montanum (J. Koenig) Rhizoma Link ex A Dietr. Commiphorae Myrrhae Commiphora myrrha (Nees) Resina Engl. Parameriae Laevigatae Parameria laevigata (Juss.) Caulis Moldenke Urceolae Roseae Caulis Urceola rosea (Hook. & Arn.) D.J. Middleton 197
ลลาำ าดดับบั ชชื่ออ่ื ตตัวัวยยาา สส่ว่วนนททใี่ ี่ใชช้ ้ ชชือ่ ื่อลละะตตนิ ิน ชือ่ชอื่ววิทิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 189 มหาสดา เหงา้ Pteridrys Syrmaticae Pteridrys syrmatica (Willd.) C. 190 มหาหงิ ค์ุ, Rhizoma Chr. & Ching ยางจากราก Gum Assafoetidae Ferula assa-foetida L. หิงคุ์ยางโพ ผิวเปลอื กผล กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข191 มะกรูด Citri Hystricis Exocarpium Citrus hystrix DC. 192 มะกรดู ผล 193 มะกรูด ราก Citri Hystricis Fructus Citrus hystrix DC. 194 มะกล่าเครอื ใบ 195 มะกลา่ เครือ ราก Citri Hystricis Radix Citrus hystrix DC. 196 มะกอก เมล็ด 197 มะกา ใบ Abri Precatorii Folium Abrus precatorius L. 198 มะเกลือ ราก 199 มะขาม ใบ Abri Precatorii Abrus precatorius L. 200 มะขาม/ เน้อื ในฝัก ผล Radix มะขามเปยี ก เมลด็ 201 มะขามป้อม ราก Spondiatis Pinnatae Spondias pinnata (L. f.) Kurz 202 มะเขือขน่ื ผล 203 มะเขือข่ืน ผวิ เปลือกผล Semen 204 มะคาดคี วาย ราก 205 มะงว่ั ใบ Brideliae Ovatae Folium Bridelia ovata Decne. 206 มะเด่ืออุทมุ พร ผลออ่ น 207 มะตมู ราก Diospyrotis Mollis Radix Diospyros mollis Griff. 208 มะตูม ผวิ เปลอื กผล 209 มะตูม Tamarindi Indicae Folium Tamarindus indica L. 210 มะนาว Tamarindi Pulpa Tamarindus indica L. Phyllanthi Emblicae Phyllanthus emblica L. Fructus Solani Aculeatissimi Solanum aculeatissimum Semen Jacq. Solani Aculeatissimi Solanum aculeatissimum Radix Jacq. Sapindi Trifoliati Fructus Sapindus trifoliatus L. Citri Ichangensis Citrus ichangensis Swingle. Exocarpium Ficae Racemosae Radix Ficus racemosa L. Aegle Marmelos Folium Aegle marmelos (L.) Correa ex Roxb. Aegle Marmelos Fructus Aegle marmelos (L.) Correa ex Roxb. Aegle Marmelos Radix Aegle marmelos (L.) Correa ex Roxb. Citri Aurantifoliae Citrus aurantifolia (Christm.) Exocarpium Swingle 198
ลลาำ าดดับับ ชชอื่ อ่ื ตตัววั ยยาา สสว่ ่วนนททีใ่ ่ใี ชช้ ้ ชช่ืออ่ื ลละะตตนิ ิน ช่อืช่อืววทิ ิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 211 มะนาว ราก Citri Aurantifoliae Radix Citrus aurantifolia (Christm.) 212 มะนาว ใบ 213 มะปรางหวาน ราก Swingle 214 มะรมุ 215 มะลิ เปลอื กตน้ Citri Aurantifoliae Folium Citrus aurantifolia (Christm.) 216 มะแวง้ เครือ ดอก 217 มะแวง้ เครือ ผล Swingle กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข218 มะแวง้ ตน้ ราก 219 มะแว้งตน้ ผล Boueae Macrophyllae Bouea macrophylla Griff. 220 มะอึก ราก 221 เมล็ดพรรณ ราก Radix เมล็ด ผักกาด Moringae Oleiferae Moringa oleifera Lam. 222 โมกมนั เปลือกตน้ 223 ไมเ้ ทา้ ยายม่อม ราก Cortex 224 ยาดา 225 ยา่ นาง ยางจากใบ Jasmini Sambaci Flos Jasminum sambac (L.) Aiton 226 ยา่ นาง ใบ 227 รงทอง ราก Solani Trilobati Fructus Solanum trilobatum L. 228 ระงับพิษ, ยางจากต้น Solani Trilobati Radix Solanum trilobatum L. ระงับ ใบ 229 ระย่อม ราก Solani Sanitwongsei Solanum sanitwongsei W.G. 230 รากสามสบิ ราก 231 ราชดดั ผล Fructus Craib 232 ราชพฤกษ์ เนอื้ ในฝกั Solani Sanitwongsei Radix Solanum sanitwongsei W.G. Craib Solani Stramoniifolii Solanum stramoniifolium Radix Jacq. Brassicae Rapae Semen Brassica rapa L. Wrightiae Pubescencis Wrightia pubescens R. Br. Cortex Clerodendri Indicae Radix Clerodendrum indicum (L.) Kuntze Aloin Aloe vera (L.) Burm. f. Tiliacorae Triandrae Tiliacora triandra (Colebr.) Folium Diels. Tiliacorae Triandrae Radix Tiliacora triandra (Colebr.) Diels. Gambogia Resina Garcinia hanburyi Hook.f. Breyniae Glaucae Folium Breynia glauca Craib Rauvolfiae Serpentinae Rauvolfia serpentina (L.) Radix Benth. ex Kurz Asparagi Racemosi Radix Asparagus racemosus Willd. Bruceae Fructus Brucea javanica (L.) Merr. Cassiae Fistulae Fructus Cassia fistula L. 199
ลลาำ าดดบัับ ชชอื่ ือ่ ตตัววั ยยาา สส่ว่วนนททใี่ ่ใี ชช้ ้ ชชอ่ื อื่ ลละะตตนิ นิ ชื่อช่อืววทิ ิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 233 เร่วหอม เมล็ด Amomi Villosi Semen Amomum villosum Lour. Var. เหงา้ Enhali Acoroidis Rhizoma xanthioides (Wall. ex Baker) T.L. 234 ลาพนั , Wu & S. Chen ลาพันแดง, Enhalus acoroides (L.f.) Royle ลาพนั หางหมู กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข เถา Erycibes Expansae Caulis Erycibe expansa Wall. ex G. 235 ล้ินเสอื Don 236 ลูกจันทน์ 237 ลูกชีล้อม, เมลด็ Myristicae Semen Myristica fragrans Houtt. ผักชีลอ้ ม ผล Oenanthes Javanicae Oenanthe javanica (Blume) 238 ลูกชีลา, Fructus DC. ลูกผกั ช,ี ผล Coriandri Sativi Fructus Coriandrum sativum L. ผลผกั ช,ี ผลชีลา เมลด็ Trigonellae Semen Trigonella foenum-graecum L. 239 ลูกซดั ผล Cardamomi Fructus Elettaria cardamomum (L.) 240 ลกู เอน็ , ราก Maton ลกู เอ็ล เปลอื กตน้ Combreti Indici Radix Combretum indicum (L.) 241 เลบ็ มอื นาง ดี DeFilipps 242 โลด เหง้าและ Aporosae Villasae Cortex Aporosa villosa (Wall. ex 243 วัว โคนก้านใบ Lindl.) Baill. 244 ว่านกีบแรด เหงา้ Botis Tauri Vesicae Fellis Bos taurus Linnaeus 245 วา่ นชักมดลูก เหงา้ Angiopteridis Evectae Angiopteris evecta (G. Forst.) 246 ว่านนางคา เหง้าและราก Rhizoma Hoffm. 247 ว่านน้า เหงา้ Curcumae Comosae Curcuma comosa Roxb. 248 วา่ นรอ่ นทอง ใบ Rhizoma 249 วา่ นหางช้าง ราก Curcumae Aromaticae Curcuma aromatica Salisb. 250 วา่ นหางช้าง Rhizoma Acori Calami Rhizoma Acorus calamus L. Boesenbergiae Boesenbergia longiflora (Wall.) Longiflorae Rhizoma Kuntze Iridis Domesticae Folium Iris domestica (L.) Goldblatt & Mabb. Iridis Domesticae Radix Iris domestica (L.) Goldblatt & Mabb. 200
ลลาำ าดดบับั ชช่อื ื่อตตัววั ยยาา สส่วว่ นนททีใ่ ใ่ี ชช้ ้ ชช่ือื่อลละะตตินนิ ช่ือชือ่ววิทิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 251 สน แกน่ Pini Merkusii Cortex Pinus merkusii Jungh. & de 252 สนเทศ แกน่ 253 สน่นุ Vriese 254 สม้ กุ้ง, เปลือกตน้ ราก Platycladi Orientalidis Platycladus orientalis (L.) ส้มกุ้งใหญ่ ราก 255 สม้ กุ้งน้อย Cortex Franco 256 ส้มเขยี วหวานกรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขผวิ เปลือกผล Salicis Tetraspermae Salix tetrasperma Roxb. Cortex Ampelocissi Martini Radix Ampelocissus martini Planch. Grewiae Sinuatei Radix Grewia sinuata Wall. ex Mast. Citri Reticulatae Citrus reticulata Blanco Exocarpium 257 สม้ จนี ผวิ เปลือกผล Citri Sinensidis Citrus sinensis (L.) Osbeck 258 ส้มซา่ ผวิ เปลือกผล Exocarpium 259 สม้ ตรงั กานู ผวิ เปลอื กผล Citri Aurantii Exocarpium Citrus x aurantium L. 260 ส้มป่อย Citri Reticalatae Citrus reticulata Blanco 261 สม้ ป่อย ฝกั Exocarpium 262 สมอดีงู ใบ Acaciae Concinnae Acacia concinna (Willd.) DC. 263 สมอทะเล ผล Fructus 264 สมอทะเล ใบ Acacia Concinnae Folium Acacia concinna (Willd.) DC. 265 สมอเทศ ผล Terminaliae Citrinae Terminalia citrina (Gaertn.) 266 สมอไทย ผล Fructus Roxb. ex Fleming 267 สมอพเิ ภก ผล Shirakiopi Indicae Folium Shirakiopsis indica (Willd.) 268 สม้ โอ ผล Esser 269 สมุลแวง้ ผวิ เปลือกผล Shirakiopi Indicae Fructus Shirakiopsis indica (Willd.) เปลือกตน้ Esser Terminaliae Chebulae Terminalia chebula Retz. Fructus Importa Terminaliae Chebulae Terminalia chebula Retz. Fructus Terminaliae Belliricae Terminalia bellirica (Gaertn.) Fructus Roxb. Citri Maximae Citrus maxima (Burm.) Merr. Exocarpium Cinnamomi Bejolghotae Cinnamomum bejolghota Cortex (Buch.-Ham.) Sweet 201
ลลาำ าดดับบั ชชอื่ ื่อตตัววั ยยาา สสว่ ว่ นนทท่ใี ีใ่ ชช้ ้ ชชอื่ ือ่ ลละะตตนิ ิน ช่อืชือ่ววิทิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 270 สรรพพิษ, ผล Sophorae Tomentosae Sophora tomentosa L. สารพดั พิษ Fructus 271 สลอด เมลด็ Crotonis Fructus Croton tiglium L. 272 สลัดได ยางจากตน้ Euphorbiae Antiquori Euphorbia antiquorum L. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข273 สลัดไดตน้ Euphorbiae Antiquori Euphorbia antiquorum L. Lignum 274 สวาด ใบ Caesalpiniae Bonducis Caesalpinia bonduc (L.) Roxb. Folium 275 สะค้าน เถา Piperis Wallichii Caulis Piper wallichii (Miq.) Hand.- Mazz. 276 สะเดา ดอก Azadirachtae Indicae Flos Azadirachta indica A. Juss. 277 สะเดา ใบ Azadirachtae Indicae Azadirachta indica A. Juss. Folium 278 สะบา้ เนอื้ ในเมลด็ Entadae Rheedii Semen Entada rheedii Spreng. 279 สะบา้ มอญ เนือ้ ในเมล็ด Entadae Rhaseoloidis Entada phaseoloides (L.) Merr. Semen 280 สะระแหน่ ทั้งต้น Menthae Herba Mentha × villosa Huds. 281 สกั แกน่ Tectonae Grandidis Tectona grandis L.f. Lignum 282 สกั ขี แกน่ Maclurae Maclura Cochinchinensidis Lignum cochinchinensis (Lour.) Corner 283 สังกรณี ราก Barleriae Strigosae Radix Barleria strigosa Willd. 284 สนั พรา้ นางแอ เปลอื กต้น Caralliae Brachiatae Carallia brachiata (Lour.) Cortex Merr. 285 สันพรา้ หอม ใบ Eupatorii Fortunei Folium Eupatorium fortunei Turcz. 286 สารภี ดอก Mammeae Siamensis Mammea siamensis T. Flos Anderson 287 สารส้ม - Alumen aluminium potassium sulfate dodecahydrate 288 สาโรง เปลอื กต้น Sterculiae Foetidae Sterculia foetida L. Cortex 289 สีเสยี ดเทศ สงิ่ สกดั ด้วยน้า Gambir Extractum Uncaria gambir (Hunter) Roxb. 290 สีเสยี ดไทย ได้จากใบ Acacia catechu (L.f.) Willd. และกงิ่ สิ่งสกัดด้วยนา้ Catechi Extractum ได้จากแก่น 202
ลลาำ าดดบับั ชชื่ออื่ ตตัววั ยยาา สส่วว่ นนทที่ใ่ีใชช้ ้ ชชอื่ อ่ื ลละะตตินิน ชอื่ชื่อววทิ ิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 291 สุรามฤต แกน่ Cocculi Laurifoli Cortex Cocculus laurifolius DC. 292 เสนียด ใบ 293 แสมทะเล แก่น Justiciae Adhatodae Justicia adhatoda L. 294 แสมสาร แกน่ 295 หญ้าชันกาด หัว Folium 296 หญา้ ตีนนก ทั้งต้น 297 หญา้ ไทร ทั้งต้น Avicenniae Marinae Avicennia marina (Forssk.) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข298 หญ้าแพรก ทั้งต้น 299 หญ้าฝรนั่ เกสร Lignum Vierh. 300 หนาด ใบ 301 หนาด ราก Sennae Garrettianae Senna garrettiana (Craib) Irwin 302 หมากผู้ ใบ 303 หมากเมีย ใบ Lignum & Barneby 304 หมึกหอม - 305 หว้า Panici Rapensi Rhizoma Panicum repens L. 306 หวายตะค้า เปลอื กต้น 307 หอม เถา Digitoriae Ciliaridis Herba Digitaria ciliaris (Retz.) Koeler 308 หอมแดง หวั 309 หสั คุณเทศ หวั Leersiae Hexandrae Leersia hexandra Sw. 310 หัสคณุ ไทย ราก เน้ือไม้ Herba 311 หางไหลแดง 312 เหงือกปลา เถา Cynodoni Dactyloni Cynodon dactylon (L.) Pers. ทง้ั ตน้ หมอ Herba Croci Stigma Crocus sativus L. Blumeae Balsamiferae Blumea balsamifera (L.) DC. Folium Blumeae Balsamiferae Blumea balsamifera (L.) DC. Radix Cordylines Fruticosae Cordyline fruticosa (L.) A. Folium Chev. Cordylines Fruticosae Cordyline fruticosa (L.) A. Folium Chev. Atramento Seres Chinese ink Syzygii Cumini Cortex Syzygium cumini (L.) Skeels Calami Caesii Caulis Calamus caesius Blume Allii Ascalonici Bulbus Allium ascalonicum L. Eleutherinae Americanae Eleutherine bulbosa (Mill.) Bulbus Urb. Clausenae Excavatae Clausena excavata Burm. f. Radix Micromeli Integerrimi Micromelum integerrimum Herba (Buch.-Ham. ex DC.) Wight & Arn. ex M. Roem. Derritis Ellipticae Caulis Derris elliptica (Wall.) Benth. Acanthi Ebracteati Herba, Acanthus ebracteatus Vahl, A. Acanthi Illicifolii Herba illicifolius L. 203
ลลาำ าดดับบั ชชือ่ ่ือตตัววั ยยาา สส่ว่วนนททีใ่ ีใ่ ชช้ ้ ชชื่ออื่ ลละะตตินนิ ชอ่ืช่ือววทิ ิทยยาาศศาาสสตตร์ ร์ 313 เหมอื ดคน ราก Heliciopsidis Termibalidis Heliciopsis terminalis (Kurz) Radix Sleumer 314 แหว้ ราก Cyperi Esculenti Radix Cyperus esculentus L. 315 แหว้ หมู เหง้า Cyperi Rhizoma Cyperus rotundus L. 316 โหระพา ใบ Ocimi Basilici Folium Ocimum basilicum L. 317 โหระพา ผล Ocimi Basilici Fructus Ocimum basilicum L. 318 อบเชย, เปลือกต้น Cinnamomi Cortex Cinnamomum iners Reinw. ex Blume อบเชยไทย เปลอื กตน้ Cinnamomi Loureirii Cinnamomum loureiroi Nees 319 อบเชยญวน Cortex 320 อบเชยเทศ เปลือกตน้ Cinnamomi Veri Cortex Cinnamomum verum J. Presl 321 องั กาบกรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขใบ 322 อาพันทอง Barleriae Cristatae Folium Barleria cristata L. 323 อตุ พิด น้ากามของ วาฬ Ambergris Physeter catodon Linnaeus หวั Typhonii Trilobati Typhonium trilobatum (L.) Cormus Schott 204
205 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
206 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
ภาคผนวก ๒ การเตรยี มตัวยากอ่ นใชป้ รงุ ยา ยาไทย หรือ ยาแผนไทย มักใช้เป็นยาตำารับ ซึ่งแต่ละตำารับประกอบด้วยตัวยาต่าง ๆ ในการเตรียมตัวยาเพื่อใช้ปรุงยาตามตำารับยาน้ันมีความสำาคัญมาก เน่ืองจากตัวยาสมุนไพรหลายชนิด ต้องผ่านกระบวนการบางอย่างก่อนท่ีแพทย์ปรุงยาจะนำามาใช้ปรุงยาได้ ทั้งนี้เน่ืองจากตัวยามีฤทธิ์แรง เกินไป ไมส่ ะอาด อาจมกี ารปนเป้ือนของเช้อื โรค มีปริมาณความชืน้ มากเกินไป หรือมพี ิษมาก จึงต้องผ่าน กระบวนการประสะ สะต ุ และฆา่ ฤทธิ์เสยี กอ่ น เพื่อความปลอดภยั ในการนำามาใช้ ประสะ เม่ืออยู่ในชื่อยา คำา ประสะ อาจมคี วามหมาย ๒ อย่าง คือ ทาำ ให้สะอาด บรสิ ุทธ ิ์ หรือ มมี ากขนึ้ เชน่ ยาประสะนำ้านม หมายถงึ ยาท่ีทำาให้นาำ้ นมสะอาดขึ้น กบั มสี ว่ นผสมเทา่ ยาอืน่ ทั้งหมด เชน่ ยาประสะกะเพรา หมายความวา่ ยานนั้ มกี ะเพราเท่าตัวยาอื่นทั้งหมดรวมกัน แตใ่ นความหมายทเ่ี กยี่ วกับ การเตรียมตัวยากอ่ นนำาไปใช้ปรงุ ยานัน้ คำา ประสะ หมายถงึ การทาำ ใหพ้ ษิ ของตวั ยานนั้ ลดลง เช่น ประสะ ยางสลัดได ยางตาตมุ่ ยางหวั เข้าคา่ สะตุ ในศาสตร์ดา้ นเภสัชกรรมแผนไทย คาำ สะตุ อาจหมายถงึ ทำาใหต้ วั ยาแห้งและมฤี ทธิแ์ รงขนึ้ (เช่น การสะตสุ ารสม้ ) หรอื ทาำ ให้พิษของตัวยาลดลง (เช่น การสะตหุ ัวงเู ห่า) หรอื ทาำ ให้ตัวยาแหง้ และ ปราศจากเชือ้ (เชน่ การสะตุดนิ สอพอง) หรอื การทำาให้ตวั ยานั้นสลายตวั ลง (เช่น การสะตุเหลก็ ) ฆ่าฤทธิ์ หมายถงึ ทำาใหค้ วามเป็นพษิ ของเคร่ืองยาบางอยา่ งลดลงหรอื หมดไป จนสามารถนาำ ไป ใช้ปรงุ ยาไดโ้ ดยไม่เป็นอนั ตรายกบั ผูใ้ ชย้ า มักใชก้ ับตวั ยาทีม่ ีพษิ มาก เชน่ ลกู สลอด สารหน ู ปรอท ชาด หรือใช้กับตัวอย่างท่ีไม่มีพิษ เช่น ชะมดเช็ด ซึ่งเป็นการฆ่ากลิ่นฉุนหรือดับกล่ินคาว ทำาให้มีชะมดเช็ด มกี ลิน่ หอม กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตวั อย่างการเตรยี มตวั ยากอ่ นใช้ปรงุ ยา ๑. กระเทยี ม เอาตวั ยาไปค่ัว จงึ นาำ ไปใช้ปรงุ ยาได้ ๒. เกลอื การสะตุเกลือเป็นวิธีการล้างเกลือให้สะอาด โดยเอาเกลือใส่ในหม้อดินเทนำ้าใส่ให้เกลือละลาย แล้วนำามาตั้งไฟจนแห้งและฟู หรือทำาได้โดยการคั่วท่ีอุณหภูมิสูง จนความช้ืนและน้ำาระเหยออกไปหมด อาจทาำ ไดโ้ ดยนาำ เกลือใส่ในหมอ้ ดนิ ต้งั ไฟใหน้ าำ้ ระเหยออกหมดจนเกลือกรอบ จึงนาำ มาใชป้ รุงยา ๓. ตองแตก ๓.๑ เอาตัวยาไปค่วั จึงนาำ ไปใชป้ รุงยาได ้ ๓.๒ ห่ันเปน็ ชิ้นเล็ก ๆ คลุกเคลา้ ดว้ ยสุราใหช้ ุม่ แลว้ ตง้ั ไฟควั่ ให้แห้ง จึงนำาไปปรงุ ยาได้ ๔. บอระเพด็ เอาตัวยาไปตากแหง้ แล้วนาำ ไปควั่ จึงนาำ มาใชป้ รงุ ยาได้ 207
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข๕. เบีย้ จน่ั ๕.๑ เอาตัวยาไปตำาให้พอแหลก คั่วให้กรอบ แล้วใช้มือบี้ให้เป็นผงละเอียดแล้วจึงนำาไป ใช้ปรุงยาได้ ๕.๒ เอาตัวยาไปวางไว้บนเตาถ่าน จนตัวยาเปล่ียนจากสีดำากลายเป็นสีขาว หลังจากน้ัน นำาไปแรง่ ดว้ ยแรง่ เบอร ์ ๖๐ นำาไปใช้ปรงุ ยาได ้ ๖. เปล้าน้อย เอาตัวยาไปคว่ั จึงนาำ ไปใชป้ รงุ ยาได ้ หรือหัน่ เปน็ ชิ้นเลก็ ๆ คลุกเคล้าดว้ ยสุราให้ชมุ่ แล้วตั้งไฟ ควั่ ให้แห้ง แล้วนาำ ไปปรงุ ยาได้ ๗. เปลา้ ใหญ่ เอาตัวยาไปค่ัว จึงนาำ ไปใช้ปรงุ ยาได ้ หรอื หั่นเป็นชนิ้ เลก็ ๆ คลุกเคลา้ ด้วยสุราให้ชมุ่ แล้วตง้ั ไฟ ค่ัวให้แห้ง แล้วนำาไปปรุงยาได้ ๘. มดยอบ เอาตวั ยาไปค่ัว จงึ นำาไปใช้ปรงุ ยาได้ ๙. มหาหงิ ค์ุ การสะตุมหาหิงคุ์เอามหาหิงคุ์ใส่ในภาชนะ ละลายด้วยนำ้าต้มใบกะเพราแดง แล้วกรองให้สะอาด จึงนาำ มาใชป้ รุงยาได้ ๑๐. มะกอก เอาตวั ยาไปสมุ จึงนาำ ไปใชป้ รุงยาได้ ๑๑. มะคาำ ดีควาย เอาตวั ยาไปสุม จึงนำาไปใชป้ รงุ ยาได้ ๑๒. ยาดำา การสะตุยาดำาก่อนนำามาใช้ปรุงยาตามตำารับยา อาจทำาได้โดยเอายาดำาใส่กระทะที่สะอาด ค่ัวจนกรอบ หรอื เอายาดาำ ใส่กระทะ บีบน้ำามะกรดู ลงไปพอควร ตั้งบนเตาไฟกวนใหแ้ ห้งจวนจะไหม ้ หรือ โดยการเอายาดาำ ใสห่ มอ้ ดิน เติมนา้ำ เล็กน้อย ยกขน้ึ ต้ังไฟ จนยาดำากรอบดแี ล้ว ๑๓. รงทอง การสะตรุ งทองมี ๓ วิธ ี ดงั น้ ี ๑๓.๑ เอารงทองมาบดเปน็ ผง บบี นา้ำ มะกรดู ใสล่ งจนปน้ั ได ้ หอ่ ใบบวั หลวง ๗ ชน้ั ปง้ิ ไฟใหเ้ กรยี ม ๑๓.๒ เอารงทองหอ่ ในใบบัวป้งิ ไฟใหไ้ หม ้ หรือ ๑๓.๓ เอารงทองห่อใบข่า ปิง้ ไฟใหเ้ กรียม ๑๔. ลูกซัด เอาตัวยาไปคั่ว จึงนำาไปใชป้ รุงยาได้ ๑๕. สมอทะเล (ใบ) เอาใบสมอทะเลไปนง่ึ จึงจะนาำ มาใชไ้ ด้ปรุงยาได ้ สว่ นกรณยี าตม้ ใช้ใบสดไดโ้ ดยไมต่ ้องน่งึ 208
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข๑๖. สลอด วิธีการฆ่าฤทธ์สิ ลอดน้นั ตำาราการแพทย์แผนไทย ใหไ้ วห้ ลายแบบหลายวิธี เช่น ๑๖.๑ ปอกเปลอื กผลสลอด เอาเมลด็ ออก ล้างนาำ้ ให้สะอาด ห่อผ้าขาวบาง ใสใ่ นหม้อต้มกบั ขา้ ว สารหรือขา้ วเปลือก กวนจนแหง้ ทาำ ซำา้ อกี ๒ ครัง้ แลว้ เอามาควั่ กบั นาำ้ ปลาจนเกรียม จากน้ันเอามาทำาจน นำา้ มนั ออก แลว้ จึงเอามาใช้ทำายา ๑๖.๒ เอาผลสลอดปอกเปลือกแล้ว ในวนั แรกตม้ กบั ใบพลูแก วันท่ ี ๒ ตม้ กบั ใบชะพล ู วนั ท่ี ๓ ต้มกบั ใบพริกเทศ วันท ี่ ๔ ตม้ กับใบมะขาม วันที ่ ๕ ตม้ นำ้าเกลือ วนั ที่ ๖ ต้มกบั ข้าวสาร วนั ท่ี ๗ ต้มกับ มตู รโคดาำ ๑๖.๓ เอาเมลด็ ใส่ในข้าวสุก แล้วเผาใหเ้ กรยี ม ๑๖.๔ เอาผลสลอดแชน่ า้ำ ปลารา้ ปากไหไว้ ๑ คนื แลว้ ยัดเขา้ ในผลมะกรูด เอาผลมะกรดู สมุ ในไฟ แกลบใหร้ ะอ ุ แลว้ บดรวมกนั หรอื บางตาำ ราใชส้ ลอดยดั เขา้ ในมะกรดู หรอื มะนาว แลว้ เผาใหเ้ มลด็ สลอดเกรยี ม ๑๖.๕ ปอกเปลอื กสลอดใหห้ มด แช่น้าำ เกลอื ไว ้ ๒ คนื แล้วจึงเอายัดในผลมะกรดู หมกไฟให้สกุ เกรียมแล้ว จึงเอามาท้ังผลมะกรูดประสมเขา้ กับยา ๑๖.๖ ต้มสลอดกับใบมะขามและสม้ ปอ่ ย (๑ กำามอื ) และเกลือ (๑ กาำ มอื ) ให้สกุ แล้วตากแดด ใหแ้ หง้ ๑๖.๗ เอาผลสลอดปอกเปลือก ผ่าเอาเมล็ดออกก่อน แช่นำ้าปลาร้าปากไหไว้คืน ๑ แล้วคั่ว ให้เหลอื ง เอาห่อผา้ ๕ ชั้น ทบั เอานำ้ามันออกเสยี (ใช้ครกทบั ) ๑๖.๘ เอาเนื้อเมล็ดสลอด ใส่ในลูกมะพร้าวนาฬิเก สุมไฟแกลบไว้ ๑ คืน เอาออกมาทับนำ้า ใหแ้ ห้ง แลว้ ค่วั ให้เกรยี ม ๑๖.๙ แกะเมล็ดสลอดเอาเปลือกออก ตม้ กับนาำ้ มูตร ๑ วัน ตม้ กบั นา้ำ มะพรา้ ว ๑ วัน ตม้ กับข้าว สาร ๑ วัน ต้มกับนำ้าอ้อยแดง ๑ วัน ทับนาำ้ ใหแ้ หง้ แล้วตากแดดใหแ้ ห้ง ๑๖.๑๐ ปอกเปลอื กผลสลอด แกะเอาเมล็ดออก เอาข้าวสุกห่อให้มิด ห่อผ้าขาวต้มให้น้าำ แหง้ ๓ หน แลว้ ตากแดดให้แหง้ แลว้ เอาต้มด้วยใบมะขามใหน้ าำ้ แห้ง ๑ คร้งั ต้มดว้ ยใบสม้ ป่อยใหน้ า้ำ แห้ง ๑ คร้งั ต้มด้วยเกลือให้น้ำาแห้ง ๑ ครงั้ แลว้ เอาตากแดดใหแ้ หง้ ๑๖.๑๑ การฆ่าฤทธิ์สลอดโดยเอาผลสลอด ๑๐๘ เมล็ด ผ่าเอาเมล็ดละซีก บดให้ละเอียด แลว้ ทอดในนาำ้ มนั มะพร้าวไฟให้เกรียม บางตำาราใช้วิธีการคั่วให้เมลด็ สลอดเกรียมแทน ๑๗. สลดั ได ๑๗.๑ เอายางสลดั ไดใส่ในถ้วย ตม้ นำ้ารอ้ นใหเ้ ดอื ด ชงลงในยาง ทิ้งไว้ให้เย็น คอ่ ย ๆ รินน้าำ ทิ้ง แลว้ ใช้นำ้าเดือด ๆ ชงอีกครงั้ จนสุก จึงนาำ ไปใช้ปรงุ ยา ๑๗.๒ เอายางสลัดไดใส่ถว้ ย ใสน่ า้ำ เยน็ ลงไปเล็กนอ้ ย เอาน้าำ ใสก่ ระทะตัง้ ไฟ เอาถว้ ยยางนั้นขนึ้ ตั้งในกระทะ ปิดฝาตุ๋น อยา่ ใหน้ า้ำ ในกระทะเข้าไปในถ้วยยาง เม่ือยางสกุ จงึ นาำ ไปใช้ปรุงยาได้ ๑๗.๓ เอาต้นสลัดได ห่นั เป็นชนิ้ แล้วตากใหแ้ หง้ จึงนำาไปใช้ปรุงยาได้ ๑๘. สะบา้ มอญ เอาตัวยาไปสุมกับไฟ จงึ นาำ ไปใชป้ รุงยาได้ 209
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข๑๙. สกั เอาตวั ยาไปสุมกับไฟ จงึ นาำ ไปใช้ปรงุ ยาได้ ๒๐. สารสม้ สารสม้ ทใี่ ชท้ างยานนั้ มกั จะเอามาสะตกุ อ่ นใช ้ เรยี ก สารสม้ สะต ุ หรอื สารสม้ สทุ ธ ิ โดยเอาสารสม้ มาบดให้ละเอียด ใส่ในหม้อดินหรือกระทะเหล็ก ตั้งไฟจนสารส้มฟูและมีสีขาว แล้วจึงยกลงจากไฟ ท้งิ ใหแ้ ห้ง ๒๑. หวายตะค้า เอาตวั ยาไปสุมกับไฟ จึงนาำ ไปใช้ปรงุ ยาได้ ๒๒. หัสคณุ เทศ ๒๒.๑ เอาตัวยาไปคั่ว จึงนำาไปใชป้ รงุ ยาได ้ ๒๒.๒ หนั่ เป็นชนิ้ เล็ก ๆ คลุกเคล้าดว้ ยสรุ าใหช้ ่มุ แลว้ ตั้งไฟควั่ ให้แห้ง จึงนาำ ไปใช้ปรุงยาได้ ๒๓. หสั คณุ ไทย ๒๓.๑ เอาตัวยาไปคั่ว จึงนำาไปใชป้ รงุ ยาได ้ ๒๓.๒ ห่นั เปน็ ชิน้ เลก็ ๆ คลกุ เคล้าด้วยสุราใหช้ มุ่ แล้วตั้งไฟคว่ั ใหแ้ ห้ง จึงนำาไปใชป้ รุงยาได้ 210
211 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
212 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ภาคผนวก ๓ วิธกี ารปรงุ ยา ๓.๑ ยาตม้ เปน็ รูปแบบการปรงุ ยาแผนโบราณที่แพทย์แผนไทยนยิ มใช้กนั มากรปู แบบหนึ่ง การปรงุ ยา ด้วยรูปแบบนี้มีการจัดเตรียมตัวยาได้ท้ังสดและแห้ง ตัวยาหลากหลายชนิดประสมกันต้มเดือดหรือเคี่ยว รนิ กินนาำ้ โดยทวั่ ไปโบราณจะใช้หมอ้ ดินเผาใหม่ ๆ ไม่ใชห้ ม้อดนิ ทีท่ าำ ดว้ ยโลหะตา่ ง ๆ เช่น หม้อทองแดง หม้ออะลูมิเนียม เพราะทำาให้ฤทธิ์ของยาเปล่ียนไปหรือมีโลหะปนเปื้อนยา ปัจจุบันนิยมใช้หม้อสเตนเลส หรอื หม้อเคลือบตงั้ ต้มบนเตาแก๊ส ไมใ่ ช้หมอ้ ดินเพราะแตกงา่ ยเน่ืองจากไมม่ ียางฟนื ผสานกน้ หมอ้ เคร่ืองยาที่นำาไปใชต้ ้มตามตำารับนน้ั ต้องทำาความสะอาดโดยการปัดฝนุ่ ล้างน้ำา นำาไปผึ่งลมแห้ง แล้วย่อยขนาด ให้เหมาะสมสำาหรับต้มให้นำ้าสามารถซึมซาบไปในเน้ือตัวยาและดึงตัวยาสำาคัญออกมาได ้ แลว้ นาำ ตัวยาไปใส่ในหม้อต้มขนาดพอเหมาะ เตมิ นำ้าพอทว่ มยา นำาตั้งเตาตม้ ใหเ้ ดือดด้วยไฟกลางประมาณ ๑๕ นาท ี ดบั ไฟยกหมอ้ ลงจากเตา รินเอานาำ้ ดื่ม ซง่ึ รูปแบบยาต้มแบง่ ออกเป็น ๓ วิธ ี ได้แก่ ๓.๑.๑ ยาต้ม วธิ ีท่ี ๑ การต้มให้เดือดด้วยไฟแรงก่อนแล้วลดอุณหภูมิลงโดยใช้ไฟอ่อน ๆ ตม้ ตอ่ ไปอีก ๑๐-๑๕ นาที กรองเอาสว่ นที่เปน็ น้ำามาด่มื ๓.๑.๒ ยาตม้ วธิ ที ี่ ๒ การตม้ เคยี่ วดว้ ยไฟอ่อน คือ การต้มโดยใช้ไฟออ่ น ๆ ใช้เวลาในการตม้ ประมาณ ๒๐-๓๐ นาที กรองเอาแตส่ ว่ นทเ่ี ป็นนำ้ามาด่มื ๓.๑.๓ ยาต้ม วิธีท่ี ๓ ยาต้มเคี่ยวไฟกลาง ต้มสามเอาหน่ึง คือ เติมนำ้าใส่ตัวยาสามส่วนต้ม ให้เหลอื นา้ำ เพยี งหนึง่ สว่ น รนิ เอาแต่นำ้าเกบ็ ไว้ วธิ ีการต้มแบบนน้ี ยิ มใชก้ บั ตำารบั ยาเลก็ ๆ ส่วนตาำ รบั ยาทีม่ ี ตวั ยาประสมมาก ๆ นิยมนาำ ยามาตม้ ซาำ้ แบบเดิม ๓ ครง้ั นำาเอาน้าำ ยาทงั้ หมดมารวมกันแบง่ เอาแต่นาำ้ ด่มื กระบวนการผลติ ยาต้ม ๑. นำาเครื่องยาที่ใช้ตามตำารับยามาทำาความสะอาด ด้วยการคัดแยกสิ่งแปลกปลอมออกจากตัวยา ทไ่ี มส่ ามารถลา้ งดว้ ยนาำ้ ได ้ และคดั แยกสงิ่ ทป่ี นเปอ้ื นมากบั ตวั ยา เชน่ นาำ ไปลา้ งนา้ำ ทาำ ความสะอาด เอาดิน ฝุ่นผง และสิ่งสกปรกอื่น ๆ ออกจากตัวยา นำาตัวยาท่ีคัดแยกเอาส่ิงแปลกปลอมและ ปนเปอื้ นออกเรียบร้อยแลว้ ไปผ่งึ ลมใหแ้ หง้ ๒. ยอ่ ยขนาดของสมนุ ไพรใหเ้ หมาะสมสาำ หรบั ตม้ เพอ่ื ใหน้ าำ้ สามารถซบึ ซาบเขา้ ไปในตวั ยาและดงึ เอา สารสำาคัญออกมาได้ ๓. นำาเครอ่ื งยาปรมิ าณตามตำารบั ยามาต้มนา้ำ ในระยะเวลาทีก่ ำาหนดไวใ้ นแตล่ ะตำารบั ๓.๑ กรณยี าตม้ วิธที ่ี ๑ ให้เติมนำา้ พอท่วม (โดยใช้มือกดบนยาเบา ๆ ใหต้ วั ยาจมอยู่ใตน้ ำา้ และ ให้น้ำาท่วมหลังมือ) นาำ ไปตงั้ บนเตา ตม้ จนเดือดดว้ ยไฟกลาง แล้วลดอุณหภมู ลิ งโดยใช้ไฟ ออ่ น ๆ ตม้ ตอ่ ไปอกี ๑๐-๑๕ นาท ี จงึ ยกหมอ้ ลงจากเตา รินเอานำา้ แต่นำา้ ดืม่ ๓.๒ กรณียาต้ม วธิ ีท ี่ ๒ เตมิ นา้ำ ใหท้ ่วมยา ตงั้ ไฟต้มเคย่ี วจนเหลือน้าำ ครึ่งหน่ึง 213
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ๓.๓ กรณียาต้ม วธิ ที ่ี ๓ ให้ประมาณจากน้าำ ที่ใส่ลงไป เช่น หากใส่นำ้าลงไป ๓ ถว้ ย ใหต้ ้มเคี่ยว จนไดน้ ้ำายาประมาณ ๑ ถว้ ย ๔. กรองแยกกากออกดว้ ยผ้าข้าวบางจะได้ส่วนยานำ้าทผ่ี ่านการกรอง ๕. สารปรุงแตง่ ในตาำ รับ (ถ้ามี) ๕.๑ สารปรุงแต่งท่ีเป็นของแข็ง เช่น การบูร พิมเสน ดีเกลือ ให้แทรกละลายนำ้ายาท่ีได้ จากขอ้ ๔ ๕.๒ สารปรงุ แตง่ ที่เปน็ ของเหลว เช่น นา้ำ ผงึ้ ใหแ้ ทรกผสมกนั กับยานาำ้ ท่ีไดจ้ ากขอ้ ๔ ๖. บรรจยุ าลงในภาชนะท่เี หมาะสม ๓.๒ ยาผง ยาผงเป็นยาเตรียมแผนโบราณไทยรูปแบบหนึ่ง ยาเตรียมแบบน้ีอาจใช้กินโดยตรง แล้วดื่มนำ้า ตามมาก ๆ หรืออาจแทรกด้วยกระสายบางอย่างเพื่อช่วยให้กินยาได้ง่ายข้ึน การเตรียมยาผงอาจทำาได้ โดยการนำาตัวยาตา่ ง ๆ ตามชนดิ ปรมิ าณ ปรมิ าตร ที่ระบุหรือกาำ หนดไวใ้ นตำารบั ยามาผสมกัน จากนน้ั นำายาทไี่ ด้ไปบดให้ละเอยี ดโดยใช้เคร่ืองมือสาำ หรบั บดยาชนดิ ตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม หรอื นาำ ไปบดด้วย เคร่ืองบดยาสมุนไพรท่ีใช้กระแสไฟฟ้า จากนั้นนำาผงยาท่ีได้ไปแร่งผ่านตะแกรงหรือแร่งที่เหมาะสม โดยทวั่ ไปมักใช้แร่งเบอร ์ ๑๐๐ เบอร ์ ๘๐ หรือเบอร ์ ๖๐ จนได้ยาผงท่มี ีขนาดตามตอ้ งการ กระบวนการผลติ ยาผง ๑. การทาำ ใหแ้ หง้ ก่อนนำาไปยอ่ ยขนาด มีหลกั การปฏิบตั ดิ ังต่อไปนี้ ๑.๑ ตอ้ งทาำ ความสะอาดวตั ถดุ บิ สมนุ ไพรอยา่ งเหมาะสม และเขา้ สกู่ ระบวนการทาำ ใหแ้ หง้ โดย เรว็ ทส่ี ุดเพอ่ื ปอ้ งกันการเนา่ และเพอ่ื ลดการปนเปือ้ นของเช้อื จลุ ินทรีย ์ ๑.๒ ควรมีการยอ่ ยขนาดใหเ้ หมาะสมเทา่ ๆ กนั กอ่ นนาำ ไปทำาใหแ้ ห้ง ๑.๓ ไมว่ างสมุนไพรซอ้ นกันจนหนาเกนิ ไป และควรเกลย่ี ชนิ้ สว่ นของสมุนไพรใหส้ ม่าำ เสมอ ๑.๔ ใชอ้ ณุ หภมู ทิ เี่ หมาะสมกบั ชนดิ และสว่ นของสมนุ ไพร เพอื่ คงกลนิ่ รส สารสาำ คญั ของพชื สมนุ ไพรไว้ ๑.๕ บรเิ วณท่ปี ฏบิ ตั ิงานควรสะอาด ถกู สุขลกั ษณะ มีการถ่ายเทอากาศท่ีดี ลดการปนเป้ือน ของเชอ้ื จุลินทรยี ์ ๒. การยอ่ ยขนาดหรอื การบดผง เคร่อื งมือทใ่ี ช้มีอยู่หลายประเภท เช่น เคร่ืองบด Hammer mill และ Cutting mill ซึ่งใช้ในการย่อยขนาดของสมุนไพรแห้งและสมุนไพรสดตามลำาดับ นอกจาก เคร่ืองมือที่ใช้การย่อยขนาดแล้ว ยังตอ้ งคำานึงถงึ สิง่ ตอ่ ไปน้ี ๒.๑ สมุนไพรทน่ี าำ ไปยอ่ ยตอ้ งถกู ชนดิ ถูกสว่ น สะอาด ไม่มกี ารปนเปอื้ นของหนิ ดนิ และ ทราย ๒.๒ มีการลดความชื้นของสมุนไพรเพื่อให้ย่อยขนาดได้ง่าย ไม่เหนียว เช่น มีความช้ืน นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๕ ของสมุนไพรแห้ง จะทำาใหบ้ ดสมนุ ไพรได้ง่ายขนึ้ 214
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ๒.๓ ในกรณีที่ตอ้ งการผงยาสมนุ ไพรละเอียดมาก ไมค่ วรบดสมุนไพรใหล้ ะเอียดทง้ั หมดใน ครงั้ เดียว แต่ควรมีการแรง่ เปน็ ระยะๆ กล่าวคือ เร่มิ แรง่ จากแร่งเบอรเ์ ล็กก่อน จากนั้น นาำ ไปบดซา้ำ และเปล่ียนเป็นแรง่ เบอรใ์ หญข่ นึ้ เรอื่ ยๆ จนไดข้ นาดที่ต้องการ ๒.๔ สมุนไพรทีม่ เี ส้นใยสูง เช่น เถาวัลย์เปรียง ควรตัดหรือสับให้มีขนาดเล็กลงก่อน แลว้ จงึ นำาไปบดดว้ ยเคร่ืองบด ๒.๕ ในกรณที ต่ี อ้ งบดสมนุ ไพรหลายชนดิ รวมกนั เชน่ ในสตู รตาำ รบั ยาหอม ให้ใสส่ มุนไพร ท่ีบดยากลงไปบดกอ่ น ๒.๖ อัตราการปอ้ นสมุนไพรเขา้ เคร่ืองบดต้องสมั พนั ธก์ ับความสามารถในทาำ งานของเคร่ือง ๒.๗ การบดสมุนไพรทล่ี ะเอยี ดมากอาจเกดิ ความรอ้ นขนึ้ ได้งา่ ย จึงควรหยดุ พักการทาำ งาน ของเครือ่ งเปน็ ชว่ งๆ หรอื หาเทคนคิ การลดความรอ้ นทีเ่ หมาะสม ๒.๘ ถ้าในสูตรตาำ รับมตี ัวยาสมนุ ไพรหลายชนิด ต้องทำาใหม้ กี ารกระจายของตัวยาสมนุ ไพร แตล่ ะชนดิ อยา่ งสมาำ่ เสมอกอ่ นทจี่ ะนาำ ไปบรรจ ุ หากใชว้ ธิ บี ดพรอ้ มกนั ตอ้ งบดใหล้ ะเอยี ด โดยมขี นาดเท่ากันทง้ั หมด ไม่มีสว่ นใดเหลือ ในกรณที แ่ี ยกบด ตอ้ งบดโดยผ่านแร่งทม่ี ี เบอรข์ นาดเดยี วกนั และนาำ ไปผสมในเครอ่ื งผสมทเ่ี หมาะสมในเวลาทเี่ หมาะสมจนผงยา เขา้ เปน็ เนอ้ื เดยี วกนั รวมทง้ั ศกึ ษาการกระจายตวั ของผงยาสมนุ ไพรในวธิ กี ารทผี่ ลติ ดว้ ย ๒.๙ บรเิ วณทท่ี าำ การบดผง ตอ้ งมกี ารควบคมุ สขุ ลกั ษณะทด่ี เี พอื่ ลดการปนเปอ้ื นเชอื้ จลุ นิ ทรยี ์ ๒.๑๐ บุคลากรที่ปฏิบัติงานจะต้องผ่านการฝึกอบรมทั้งด้านการปฏิบัติการเภสัชกรรม ทด่ี แี ละความปลอดภยั ในโรงงาน เนอ่ื งจากต้องทาำ งานกับเคร่อื งจักรกล ๓. การบรรจุ ๓.๑ ห้องทที่ าำ การบรรจตุ อ้ งสะอาด มีการควบคมุ ความชนื้ มีการฆ่าเชื้อทเ่ี หมาะสม ถา้ เป็น ไปได้ควรบรรจุในหอ้ งท่มี กี ารควบคุมความดันอากาศเปน็ บวก ๓.๒ เครื่องบรรจมุ คี วามเหมาะสมในการบรรจุใหผ้ งยาสมนุ ไพรลงสู่ซองหรือภาชนะบรรจุได้ ในปรมิ าณท่กี าำ หนดไว้ ๓.๓ ยาแคปซูล ยาแคปซูล (capsule) เป็นรูปแบบยาเตรียมสมัยใหม่ที่สำานักงานคณะกรรมการอาหารและ ยาอนญุ าตใหใ้ ชก้ บั ยาแผนโบราณไทยได ้ แคปซลู ทใ่ี ชอ้ าจแบง่ เปน็ ๒ ประเภท ใหญ ่ ๆ ตามลกั ษณะภายนอก ท่ปี รากฏ คือ ๑. แคปซูลชนิดแขง็ (hard gelatin capsule) เป็นแคปซลู ทมี่ ีปลอก ๒ ส่วน คอื ตัว (body) และฝา (cap) ๒. แคปซูลชนิดนิม่ (soft gelatin capsule) เปน็ แคปซลู ที่ตอ้ งใช้เครอ่ื งผลติ เฉพาะ ส่วนใหญ่ ใชบ้ รรจยุ าทมี่ ีลักษณะเปน็ น้ำามนั ของเหลว ของก่งึ แขง็ เปน็ ตน้ ในการเตรียมยาแผนไทยหรือยาสมุนไพรนั้น ส่วนใหญ่จะบรรจุผงยาสมุนไพรในแคปซูล ชนดิ แข็ง โดยมีวิธกี ารเตรียมตวั ยาสมุนไพรท่ใี ชบ้ รรจุแคปซูลนน้ั คล้ายกับการเตรียมตวั ยาเพือ่ ตอกยาเม็ด แตอ่ าจใช้ผงยาทีบ่ ดละเอยี ดและผ่านแร่งแล้วผสมกับสารชว่ ยอ่นื ๆ แลว้ นาำ เขา้ สู่กระบวนการบรรจแุ คปซูล โดยไม่ต้องเตรียมเปน็ แกรนลู ก่อน 215
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กระบวนการผลติ ยาแคปซูล ๑. เตรียมอุปกรณ์การผลิตให้อยู่ในสภาพที่พรอ้ มจะใช้งาน มกี ารทาำ ความสะอาดท่เี หมาะสม ๒. เตรียมผงยาสมุนไพร (ผงยาผ่านแร่งอย่างน้อยเบอร์ ๘๐) และองค์ประกอบอื่น อย่างเหมาะสม เช่น การย่อยขนาด การผสมของผงยาสมุนไพรหรอื สารชว่ ยในแต่ละสตู ร ตาำ รบั ให้กระจายตัวสมำา่ เสมอ ๓. วัดปริมาณความชื้นของผงยาสมุนไพรผสม หากความช้ืนเกินกว่าร้อยละ ๕ ให้อบผงยา สมุนไพรผสมอีกคร้ัง โดยใชอ้ ณุ หภมู ริ ะหวา่ ง ๔๐-๖๐ องศาเซลเซยี ส นาน ๔-๖ ชว่ั โมง ๔. บรรจผุ งยาสมนุ ไพรลงในแคปซลู ด้วยเครอ่ื งบรรจุแคปซูล ๕. สุม่ ตรวจคา่ ความผนั แปรของนำ้าหนักยาสมุนไพร ถ้าไม่เป็นไปตามขอ้ กำาหนด หยดุ การผลติ และดำาเนนิ การแกไ้ ขโดยเรง่ ด่วน ถ้าเป็นไปตามข้อกำาหนดให้ดำาเนินการในข้อถัดไป ๖. นำายาแคปซูลที่บรรจุได้ไปทำาความสะอาดเพ่ือกำาจัดผงยาสมุนไพรที่เกาะติดอยู่ที่เปลือกด้าน นอกของยาแคปซลู สมนุ ไพร ถา้ ผลติ ยาแคปซลู สมนุ ไพรจาำ นวนนอ้ ยอาจใชผ้ า้ สะอาดเชด็ เบาๆ ท่ีเปลือกด้านนอกของยาแคปซูลสมุนไพร สำาหรับในระดับอุตสาหกรรมใช้เครื่องขัดแคปซูล ซ่งึ ประกอบด้วยขนแปรงที่หมุนตลอดเวลาและตอ่ เข้ากับเคร่ืองดูดฝุ่น เพอ่ื ปัดฝุ่นและดูดฝุ่น ออกจากยาแคปซูลทีไ่ หลผา่ นเครอ่ื งตงั้ แตเ่ ขา้ จนออก ๓.๔ ยาเมด็ ยาเม็ดเป็นยาเตรียมรูปแบบหน่ึง ตำาราเภสัชกรรมแผนโบราณของไทยให้วิธีการปรุงยาเตรียม รปู แบบนี้ไวร้ วมกับยาผงว่า เตรยี มจาก “ยาตากแห้งประสมแลว้ บดเป็นผงละเอยี ด ป้ันเม็ดหรือใชใ้ นรูป ยาผง” การทาำ ยาเม็ดแบง่ ได ้ ๒ วธิ ี ไดแ้ ก ่ การใชแ้ บบพิมพด์ ้วยมอื และการใชเ้ คร่อื งตอกยาเมด็ ๓.๔.๑ การใช้แบบพิมพด์ ้วยมือ การทาำ ยาเม็ดด้วยวิธีน ้ี จะตอ้ งเตรียมเครือ่ งมือและอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ก่อน โดยการนำาแบบพมิ พ์ ยาเม็ดและกระจกแผ่นใสวางลงในกะละมังขนาดใหญ่ เทราดด้วยน้ำาเดือดจนทั่ว เช็ดให้แห้งสนิทด้วยผ้า สะอาด ใช้สำาลีชุบแอลกอฮอล์ เช็ดซ้ำาอีกครั้งหนึ่ง ท้ิงให้แอลกอฮอล์ระเหยไปก่อนนำาไปใช้พิมพ์ยาเม็ด จากนัน้ วางกระจกแผน่ ใสบนโต๊ะ แล้ววางแบบพมิ พ์ยาเมด็ ลงบนแผ่นกระจกใส อุปกรณ์ ๑. แบบพิมพย์ าเมด็ (แบบทองเหลือง) ๒. แผ่นกระจกใส ๑ แผ่น ๓. กาตม้ นำา้ ๔. ผา้ ผืนเลก็ ๕. ถาดใส่ยาเม็ด ๖. แปง้ มัน ๗. กะละมัง ๘. แอลกอฮอล์ ๙. สาำ ลี 216
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กระบวนการผลิตยาเมด็ แบบพิมพด์ ้วยมอื ๑. กวนแป้งมันกับน้ำาเดือดให้เป็นแป้งเปียกใส นำาผงยามาคลุกเคล้ากับแป้งเปียกใสในสัดส่วน ทพี่ อเหมาะจนเข้ากนั ดี ๒. นำาผงยาทผ่ี สมกันแล้วมาแผ่บนแผ่นกระจก แล้วนำาแบบพิมพย์ าเมด็ กดลงบนยา ๓. กดยาทีพ่ มิ พแ์ ลว้ ออกจากแบบพมิ พย์ าเม็ด ใส่ถาดทเ่ี ตรยี มไว้ ๔. นำาไปตากแดดจัด ๆ หรือเข้าตู้อบไฟฟ้าซึ่งต้ังอุณหภูมิไว้ท่ี ๕๐-๕๕ องศาเซลเซียส นานราว ๕-๖ ชว่ั โมง ๕. นาำ ยาเมด็ ทไ่ี ดเ้ กบ็ ใสข่ วดโหลแก้วท่ีสะอาด ปดิ ฝาใหม้ ิดชดิ ๓.๔.๒ การใชเ้ ครื่องตอกยาเมด็ ยาเมด็ ตอกอดั (compressed tablet) เปน็ รปู แบบยาเตรยี มทส่ี าำ นกั งานคณะกรรมการอาหารและ ยา กระทรวงสาธารณสุข อนุญาตให้นำามาใช้กับยาแผนไทยได้ เพ่ือพัฒนายาแผนไทยให้มีมาตรฐาน ง่ายต่อการตรวจสอบ และปลอดภัยต่อผู้บริโภค ในการผลิตยาเม็ดตอกอัดนั้น จำาเป็นต้องมีส่วนผสมอื่น นอกจากองค์ประกอบอันเป็นตัวยาสำาคัญ ได้แก่ สารเพ่ิมปริมาณ (diluent) สารยึดเกาะ (binder) สารช่วยไหล (glidant) สารช่วยลื่น (lubricant) สารกันติด (antiadherent) สารช่วยแตกตัว (disintegrant) สารลดแรงตึงผิว (surfactant) และสารดดู ซับ (adsorbent) กระบวนการผลติ ยาเมด็ ตอกอดั ด้วยเครอื่ งตอกยาเมด็ มี ๒ วธิ ี คือ ๑. การตอกโดยตรง (direct compression) มขี ้ันตอนดังนี้ ๑.๑ นำาผงยาและสารช่วยต่าง ๆ ในตำารับยาผ่านแร่งความละเอียดอย่างน้อยเบอร์ ๘๐ ชั่งตามสูตรตำารับ ๑.๒ ผสมผงยาและสารช่วยท้งั หมดเข้าด้วยกนั ๑.๓ นำาไปตอกดว้ ยเครือ่ งตอกยาเมด็ ไดเ้ ปน็ ยาเม็ดออกมา ๑.๔ นาำ ไปบรรจุภาชนะ ๒. ตอกยาเม็ดด้วยการทำาแกรนลู (granulation) มขี ้ันตอนดงั นี้ ๒.๑ นาำ ผงยา และสารชว่ ย เช่น สารเพ่ิมปรมิ าณ สารชว่ ยแตกตัว ผสมแหง้ ด้วยเคร่อื งผสม ใหเ้ ข้าเปน็ เน้อื เดยี วกนั ๒.๒ เตรยี มสารละลายสารยึดเกาะตามสูตรตำารบั ผสมเปียกในสารผสมข้อ ๒.๑ จนไดเ้ ป็นสาร ทจ่ี บั ตวั กันเปน็ กอ้ น ๒.๓ นาำ มาแรง่ เปยี กด้วยเครอ่ื งแรง่ เปยี ก ได้เป็นแกรนลู เปยี ก ๒.๔ นำาแกรนลู เปียกมาอบแหง้ ด้วยตูอ้ บไฟฟ้าจนได้เปน็ แกรนลู แหง้ ๒.๕ นำาแกรนูลแห้งมาแร่งแห้งและผสมสารช่วย เช่น สารช่วยไหล สารกันติด สารช่วย หลอ่ ลน่ื ให้เข้ากนั ๒.๖ นำาสารผสมท่ีได้ในขอ้ ๒.๕ ตอกดว้ ยเครอ่ื งตอกยาเม็ดไดเ้ ปน็ ยาเมด็ ออกมา ๒.๗ นำาไปบรรจภุ าชนะ 217
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ๓.๕ ยาลกู กลอน ยาลกู กลอนเปน็ ยาเตรยี มทม่ี รี ปู รา่ งกลม อาจทาำ จากผงยาชนดิ เดยี วหรอื ผงตวั ยาหลายชนดิ ทผ่ี สม ปรงุ ตามตำารับยา โดยมนี ำ้ากระสายยาทีท่ าำ ใหผ้ งยาเกาะตดิ กัน เช่น นา้ำ ต้มสกุ น้าำ ผึ้ง นา้ำ แปง้ นำา้ ขา้ วเช็ด น้ำามะกรูด น้ำาเปลือกมะรุม โดยท่ัวไปนิยมใช้ น้ำาผึ้ง ตำารายาแผนโบราณไทยให้วิธีการปรุงยาเตรียม รปู แบบน้ีไวว้ ่า “ยาตากแห้ง ประสมแลว้ บดเป็นผงละเอยี ด ปั้นเปน็ ลูกกลอน” องคป์ ระกอบในการผลติ ยายาลกู กลอน การผลิตยาลกู กลอนให้ไดค้ ณุ ภาพต้องคาำ นงึ ถึงองค์ประกอบ ๓ ประการ ดังนี้ ๑. สารเพิม่ ปริมาณ (diluent) หรือผงยาสมุนไพร คุณลกั ษณะของผงยาสมนุ ไพรแต่ละชนดิ มีความสาำ คญั ตอ่ การผลติ ยาลูกกลอน ปจั จยั ทเี่ กย่ี วขอ้ งมดี งั ตอ่ ไปนี้ ๑.๑ ลกั ษณะผงยาสมนุ ไพรทจี่ ะทาำ ใหผ้ ลติ ยาลกู กลอนไดด้ ี จะตอ้ งเปน็ ผงยาสมนุ ไพรทลี่ ะเอยี ด ผ่านแรง่ ขนาดเบอร ์ ๖๐-๑๐๐ ๑.๒ คณุ ลักษณะเฉพาะตวั ของสมุนไพรท่ีใช้มผี ลตอ่ การผลติ ยาลูกกลอน เช่น ถา้ สว่ นของ สมุนไพรนั้นมีแป้งอยู่เป็นจำานวนมาก เช่น เหง้าของขม้ิน ไพล เปราะหอม รากระย่อมน้อย ผลกล้วย เมล็ดเทยี นตา่ ง ๆ จะทำาใหก้ ารผลิตยาลกู กลอนทาำ ได้งา่ ย เนอ่ื งจากสมุนไพรมกี ารเกาะตัวกนั ไดด้ ี ทาำ ให้ป้ัน เปน็ ลกู กลอนไดส้ ะดวก ไม่ตอ้ งใชส้ ารยดึ เกาะจาำ นวนมาก แตถ่ ้ามีส่วนผสมของเปลอื ก แก่น ใบ ซ่ึงส่วน ใหญ่ไม่มแี ป้ง จะมปี ัญหาการไม่เกาะตัวของสมนุ ไพร ทำาใหป้ ัน้ เม็ดไดย้ าก ซึ่งอาจแก้โดยบดผงยาสมุนไพร ให้ละเอียดมากขึ้น และใช้สารยึดเกาะช่วยในปริมาณที่เหมาะสม เพราะอาจทำาให้เกิดปัญหายาลูกกลอน ไม่แตกตัวหรอื แตกตวั ชา้ ๒. สารยดึ เกาะ (binder) สารยดึ เกาะทใี่ ชใ้ นการผลติ ยาลกู กลอน นยิ มใชน้ าำ้ ผง้ึ หรอื นาำ้ ผงึ้ เทยี ม น้ำาผึ้ง เป็นของเหลว เหนียว ใส สีเหลือง หรือเหลืองปนนำ้าตาล หนักกว่านำ้า คือมีนำ้า หนัก๑.๓-๑.๕ กิโลกรมั ตอ่ ปรมิ าตร ๑ ลิตร เป็นผลติ ผลจากนาำ้ หวานของดอกไม ้ ปัจจัยท่มี ผี ลต่อคณุ ภาพ ของนำา้ ผ้งึ ไดแ้ ก่ แหล่งผลิตและฤดกู าล โดยทั่วไปน้าำ ผงึ้ แทป้ ระกอบดว้ ยนาำ้ ตาลอินเวอรต์ (invert sugar) ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๕ มีนำ้าตาลซูโครส (sucrose) น้อยมาก ไม่เกินร้อยละ ๑๐ นอกจากน ้ี ยงั มีนาำ้ ตาลเดก็ ซโ์ ทรส (dextose) และฟรกั โทส (fructose) ในปรมิ าณใกลเ้ คยี งกัน น้ำาผ้ึงเทียม ส่วนผสมของนำ้าผึ้งเทียมส่วนใหญ่ คือ นำ้าตาลแบะแซหรือน้ำาเชื่อมกลูโคส (glucose syrup) ได้มาจากการย่อยแป้งมันสำาปะหลังหรือแป้งข้าวโพดได้เป็นนำ้าตาลกลูโคสชนิดหนึ่ง บางชนิดมีแป้งผสมอยู่ซ่ึงจะช่วยทำาให้การเกาะตัวดีข้ึน แต่มีข้อเสียคือ เก็บได้ไม่นานเมื่อเทียบกับนำ้าผ้ึง เกิดการบูด มีกลิ่นเปร้ียว นอกจากน้ี ยาลูกกลอนที่ใช้น้ำาผึ้งเทียมในการยึดเกาะ จะคงตัวไม่ได้นานและ ขึน้ ราได้ง่าย นอกจากน้ี ยงั สามารถใช้น้ำาเชือ่ มและแป้งเปยี กมาใช้เป็นสว่ นชว่ ยสารยึดเกาะไดอ้ ีกด้วย ๓. เคร่ืองมือการผลิต เคร่ืองมือการผลิตท่ีใช้ในการผลิตยาลูกกลอนขึ้นอยู่กับขนาดของ การผลิต ตง้ั แตร่ ะดับครวั เรือนจนถึงระดบั โรงงานอตุ สาหกรรมขนาดใหญ ่ โดยทัว่ ไปประกอบดว้ ยเครอ่ื งมือ อยา่ งนอ้ ย ๔ เครื่อง ไดแ้ ก่ - เครอ่ื งผสม - เครื่องรีดเส้น 218
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข - เคร่ืองตัดเม็ด - เครอ่ื งปนั้ เมด็ ทมี่ ีสว่ นประกอบ ๓ ส่วน ไดแ้ ก่ เคร่ืองกลิง้ เม็ดให้กลม หมอ้ เคลือบ และ เคร่อื งอบแห้ง กระบวนการผลติ ยาลกู กลอน ๑. เตรียมเครอื่ งมือให้สะอาดอยูใ่ นสภาพทีพ่ ร้อมใชง้ าน ๒. เตรียมส่วนผสมให้เป็นไปตามสูตรตำารบั ๓. เตรียมผงยาสมุนไพรก่อนการผลิตให้เหมาะสม เช่น การทำาความสะอาดการทำาให้แห้ง การย่อยขนาดการผสมใหเ้ ขา้ กัน ๔. ผลิตตามรูปแบบเคร่ืองมือการผลิตของแต่ละสถานท่ีผลิต โดยยึดแนวทางการทำาให้ได้ ยาลกู กลอนทด่ี ี ซึง่ มีขอ้ ควรระวังในข้ันตอนตา่ งๆ ดงั นี้ ๔.๑ ข้ันตอนการผสมเปียก ต้องมีความระมัดระวังรอบคอบทุกขั้นตอน การผสมให้เป็น เนื้อเดยี วกันขึ้นอย่กู บั เครอื่ งมือ สารยึดเกาะท่ใี ช้ และระยะเวลาใชผ้ สม ๔.๒ ขน้ั ตอนการรดี เส้น ตอ้ งรดี เสน้ ให้มขี องเนือ้ ยาหนาแน่นสม่าำ เสมอ เพือ่ ใหไ้ ด้เม็ดยาท่ีมี ขนาดใกลเ้ คยี งกนั เมื่อนาำ ไปตดั เม็ด ๔.๓ ข้นั ตอนการตดั เม็ด ๔.๔ ขนั้ ตอนการปั้นเม็ดกลม ๔.๕ ขั้นตอนการกล้ิงเม็ดให้กลม นิยมใช้แป้งข้าวโพดหรือผงยาโปรยลงไปในบริเวณที่กลิ้ง เมด็ ยา เพือ่ กนั การตดิ กันของยาลกู กลอน ๔.๖ ข้นั ตอนการอบแห้ง ซง่ึ ควรอยู่ในมาตรฐานทก่ี ำาหนด ๔.๗ ขนั้ ตอนการเคลอื บ ซง่ึ ตอ้ งมคี วามชาำ นาญอยา่ งมากเพอ่ื ไมใ่ หค้ วามชนื้ ในเมด็ ยาออกมา ขา้ งนอก และไมใ่ ห้ความชืน้ จากขา้ งนอกเข้าไปในเมด็ ยา ท้ังยงั ทาำ ให้เม็ดยาลูกกลอน เงางาม นา่ กิน 219
ขนั้ ตอนการผลติ ยาลูกกลอน การเตรียมสมนุ ไพร ๑. ทำาความสะอาด ๒ ทำาให้แหง้ ๓. ลดขนาด การผสมเปียก ผสมผงสมนุ ไพรตา่ งๆ กับสารยดึ เกาะ (binder) ให้เปน็ เนอ้ื เดียวกนั การปน้ั ลูกกลอน กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข วิธที ่ี ๑. การใชม้ อื ปั้นและ วธิ ีที่ ๒. การใช้เครอื่ งรีด วิธที ่ี ๓ การใชเ้ ครอ่ื ง ใชร้ างไม้ปนั้ ลูกกลอน เส้นและเคร่อื งตดั เส้น ผลิตลกู กลอนอัตโนมตั ิ ๑. ปนั้ เส้นยา ๑. รดี เสน้ ยา ๒. ตัดเส้นยาดว้ ยรางไม้ ๒. ตดั เสน้ ยาเปน็ เม็ดลูกกลอน ปนั้ ลกู กลอน ๓.๖ ยานำ้ามนั ยาน้าำ มันเป็นยาเตรียมรูปแบบหนง่ึ วธิ กี ารปรุงยาเตรยี มจากยาสดหรือแหง้ เม่ือผสมแล้วบดเป็น ผงหยาบ หุงด้วยน้ำามัน ยาน้ำามันใช้เป็นยาภายในและยาภายนอกได้ นำ้ามันที่ใช้ในการปรุงยามักเป็น นา้ำ มนั พืช (ที่ใช้มากไดแ้ ก ่ นาำ้ มนั งา และนา้ำ มนั มะพร้าว) นา้ำ มนั เนย นมหรือไขสัตว ์ ผสมกับตัวยาตาม ตาำ รับ ตวั ยาที่มีน้าำ มากกใ็ ห้บบี เอาแต่นำา้ ส่วนตวั ยาที่แหง้ หรือมนี าำ้ เป็นส่วนประกอบนอ้ ยมากจะบดเป็นผง แล้วผสมนา้ำ ให้พอเปียก เมือ่ ผสมกับนำา้ มนั พชื หรือไขสัตว์แล้วก็หุงเค่ยี วใหเ้ หลอื แต่นำ้ามนั เมือ่ ไดน้ ้าำ มนั แล้ว อาจรินเอานำา้ มนั เก็บไวใ้ ช ้ หรือเก็บน้าำ มันแช่ตัวยาไว ้ เม่อื จะใชก้ ็ตักเอาแตน่ ้าำ มันมาใช้ 220
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กระบวนการผลติ ยาน้าำ มัน ๑. นาำ สมุนไพรในสตู รตาำ รบั มาหน่ั บาง ๆ ๒. เคย่ี วในน้าำ มนั โดยใช้ไฟกลาง ๆ ระวังไมใ่ หช้ ิน้ สว่ นสมนุ ไพรไหม ้ ๓. เติมสว่ นประกอบอื่น ๆ ในสตู รตาำ รับท่ีตอ้ งใชค้ วามรอ้ นเพื่อช่วยการละลายลงไปในระหว่าง การเคย่ี ว เช่น กาำ ยาน สีเสยี ด จุนสี ๔. กรองโดยใชผ้ า้ ขาวบาง เพอ่ื เก็บนำ้ามันท่ไี ดจ้ ากการเคย่ี ว ๕. เติมส่วนประกอบในตำารับ (ท่ีไม่ต้องใชค้ วามร้อนชว่ ยละลาย) ลงไปในน้ำามัน ขอ้ ๔ เช่น พมิ เสน การบูร ๖. บรรจุในภาชนะที่เหมาะสม ๓.๗ ยาพอก ตาำ ราเภสชั กรรมแผนโบราณของไทยมวี ธิ กี ารปรงุ ยารปู แบบนจี้ ากสมนุ ไพรสด หรอื สมนุ ไพรแหง้ โดยการนำาสมุนไพรมาประสม ตำาให้แหลก นำามาพอกหรือสุมบริเวณท่ีต้องการ มีตั้งแต่พอกฝี พอกเขา่ แกป้ วด พอกหวั แมเ่ ทา้ ให้ตาสวา่ ง หรอื สมุ เช่น กระหมอ่ ม กระบวนการผลติ ยาพอกหรือยาสมุ ๑. นำาสมุนไพรตามสูตรตำารับมาทำาความสะอาด จากน้ันนำามาหั่น สับ หรือโขลกให้แหลก เพอ่ื ให้ตวั ยามขี นาดตามทต่ี ้องการ ๒. ผสมกระสาย (ถา้ ม)ี เช่น สรุ า นำ้าซาวข้าว ๓. นาำ ตวั ยาพอกหรอื สมุ บรเิ วณทต่ี อ้ งการ หรอื นาำ ตวั ยาหอ่ ผา้ และนาำ มาพนั บรเิ วณทตี่ อ้ งการ เชน่ พันตัวยารอบหัวเข่าบรรเทาปวด 221
222 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
223 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
224 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
อภธิ านศัพท์ กระจายลม ก. ทำาให้ลมในรา่ งกายไหลเวียนไปตามปรกต ิ ไมต่ ดิ ขัด ไม่ตงึ ตวั ไมเ่ ป็นกอ้ น กระจายเลือด ก. ทาำ ใหเ้ ลือดในรา่ งกายไหลเวยี นไปตามปรกต ิ ไม่จับตัวเปน็ ลมิ่ เปน็ ก้อน กระตุ้นนา้ำ นม ก. ทำาให้เกิดนำ้านมมากขึ้นในหญิงใหน้ มลูก น้ำานมหล่งั มากขึ้น กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กระทงุ้ พษิ ไข้ ก. ทาำ ให้พิษออกจากร่างกายโดยใชย้ า กระสาย, กระสายยา น. เครอื่ งแทรกยา เช่น นำ้า เหลา้ นาำ้ ผงึ้ นา้ำ ดอกไม ้ ในทางเภสัชกรรมแผนไทย ใช้แทรกยาเพื่อช่วยให้กินยาง่ายข้ึน และ/หรือเสริมฤทธิ์ของยาให้มีสรรพคุณดีขึ้น หากเป็นของเหลวมักเรยี ก นำา้ กระสาย หรือ น้าำ กระสายยา กล่อนลงฝกั ดู กลอนแห้งลงฝัก กล่อนแหง้ น. โรคกลุม่ หนึ่งเกิดเพือ่ เสน้ ทำาใหม้ อี าการปวดถว่ ง (ปวดร้าว) ลงอัณฑะและต้นขา ปัสสาวะไม่สะดวก เช่น กล่อนแห้งบังเกิดเพื่อเส้นมุตตฆาต มีอาการขัดปัสสาวะ ปัสสาวะหยดย้อย ปวดถว่ งลงหวั หนา่ ว ทำาใหป้ ัสสาวะบ่อย ปวดเมือ่ ยบ้นั เอวและต้น ขา ๒ ขา้ ง เปน็ ต้น กล่อนแห้งลงฝัก น. โรคเกิดเพราะเส้นเล่ือนลงสู่ถุงอัณฑะ ทำาให้ถุงอัณฑะโต ปัสสาวะขัด เป็นต้น, กลอ่ นลงฝกั กเ็ รียก กวาด, กวาดยา ก. เอายาปา้ ยในปาก คอ ล้ินของทารกและเด็ก โดยใชน้ วิ้ หมนุ โดยรอบ มกั ใช้นว้ิ ชี้ กษัย น. โรคกลุ่มหนึ่ง เกิดจากความเสื่อมหรือความผิดปรกติของร่างกาย จากความเจ็บป่วย ท่ีไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาแล้วไม่หาย ทำาให้ร่างกายซูบผอม กล้ามเนื้อและเส้น เอ็นรดั ตึง โลหติ จาง ผิวหนังซีดเหลือง ไม่มีแรง มือเทา้ ชา เปน็ ต้น กษัยเสน้ น. ความผิดปรกติที่เกิดในกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ทำาให้มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเน้ือ ตามรา่ งกาย ทอ้ งผกู อ่อนเพลยี เปน็ ต้น กาำ เรบิ ก. รนุ แรงขึน้ ขดั ก. ไมค่ ล่อง เช่น ขัดเบา, ไมเ่ ป็นปรกต ิ เชน่ ขดั หวั ไหล่ ขับ ก. บังคับให้ออก เช่น ขบั นา้ำ คาวปลา ขับลม ขบั ปสั สาวะ ฯลฯ ขบั ผายลม ก. ขบั ลมในกระเพาะและลาำ ไส้ใหอ้ อกมาทางทวารหนกั ขับเลอื ด, ขบั โลหิต ก. เรง่ บงั คับทำาให้ระดูหรอื ประจำาเดือนของหญิงออกมาตามปรกติ ไข ้ ๑. น. ความเจบ็ ป่วยทางกายหรือจิตใจ เชน่ ไข้พิษ ไข้กาฬ ไข้เหนอื ไข้หวดั ฯลฯ ๒. ก. อาการคร่นั เน้ือครั่นตัว สะบดั ร้อนสะท้านหนาว ปวดเม่อื ย, โดยท่วั ไปหมายถึง อาการทอ่ี ณุ หภมู ิของรา่ งกายสูงขึน้ ผิดจากระดับปรกตเิ นอื่ งจากความเจ็บป่วย ไข้กาฬ ๑. น. โรคกลมุ่ หนึง่ ผู้ป่วยมักมไี ข ้ มเี มด็ ขนึ้ ตามอวยั วะภายใน เช่น ปอด ตับ ม้าม แลว้ ผุดออกมากท่ผี วิ หนัง เป็นเม็ดสดี ำา สเี ขยี ว สีคราม หรือเป็นเม็ดทราย เปน็ แผ่น เป็นวงทวั่ ตวั ทาำ ใหเ้ กดิ อาการแตกตา่ งกันไป 225
๒. น. ช่ือโรคกลุ่มหนึ่ง ผู้ป่วยมีอาการไข้สูง และมีเม็ดผื่นข้ึนตามร่างกาย ได้แก่ ไข้ประดง ไข้กระโดง และไขร้ ากสาด ไข้ทบั ระด ู น. อาการไขข้ ณะทกี่ าำ ลงั มรี ะดหู รือระดูเพ่ิงหยุด อาการอาจรุนแรงถงึ ตายได้ ไขเ้ ปลยี่ นฤด ู น. โรคชนิดหน่ึง มักเกิดข้ึนในช่วงรอยต่อของแต่ละฤดู ผู้ป่วยมักมีไข้ สะบัดร้อน สะท้านหนาว กระหายน้ำา เป็นต้น ในทางการแพทย์แผนไทยแบ่งโรคน้ี ตามฤดกู าลเป็น ๓ ประเภท ไดแ้ ก ่ ไข้ในฤดรู ้อน ไขใ้ นฤดูฝน และไขใ้ นฤดูหนาว กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ไข้พิษไข้กาฬ น. โรคกลุ่มหน่ึงท่ีมีอาการรุนแรง ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ ตัวร้อนจัด ปากแห้ง ฟันแห้ง น้ำาลายเหนียว ตาแดง ร้อนในกระหายน้ำา มือเท้าเย็น มีเม็ดสีดำา แดง หรือเขยี ว ขนาดเล็กบ้างใหญ่บา้ งผดุ ขน้ึ ตามร่างกาย ตาำ ราการแพทยแ์ ผน ไทยแบ่งออกเปน็ ๒๑ ชนดิ โดยเรียกช่อื แตกต่างกันตามลักษณะอาการ เช่น ไขอ้ ดี ำา ไข้อีแดง ไข้ปานดาำ ไขป้ านแดง ไขร้ ากสาด ครรภร์ กั ษา น. การดแู ลรักษาพยาบาลหญงิ ตงั้ ครรภใ์ หเ้ ป็นปรกติ คล่ัง ก. อาการผดิ ปรกติ กระวนกระวาย เสยี สต ิ ของร่างกายและจติ ใจ มี ๒ ประเภท คือ อาการทีเ่ กิดข้นึ ในจติ ใจ ทำาให้อารมณแ์ ปรปรวน ฟุ้งซา่ น คล่งั ข้นึ กบั อาการ คลั่งท่ีเกิดเพราะพิษไข้ในร่างกาย อันอาจมาจากการถูกพิษ หรือที่เรียกว่า โรคทางกายทำาใหค้ ลง่ั คลนื่ เหียน ก. มอี าการคลนื่ ไส้ จะอาเจยี น คถู เสมหะ น. เมอื กทเี่ คลอื บอยู่ท่ีผนงั ดา้ นในของลาำ ไสถ้ ึงทวารหนกั จบิ ก. ดม่ื ทลี ะนดิ ทีละนอ้ ย จกุ ก. อาการที่บงั เกิดแนน่ อยู่ในอกหรือในทอ้ ง เชน่ กินมากจนจกุ เจริญอาหาร ๑. ก. บรโิ ภคอาหารได้มากขึ้น ๒. ว. ท่ที าำ ใหบ้ รโิ ภคอาหารไดม้ ากขึ้น เกี่ยวกบั ความรสู้ ึกอยากอาหาร เช่น ยาเจรญิ อาหาร ใจส่นั น. อาการหัวใจเตน้ เร็วผิดปรกติ ชโลม ก. ทาำ ใหเ้ ปยี กชุ่ม ในทางการแพทยแ์ ผนไทย ใช้ผ้าชุบนาำ้ ยาแลว้ เช็ดตวั ใหเ้ ปยี ก เชน่ ชโลมยา ชโลมนาำ้ ชกั ดาก ก. ทาำ ใหป้ ลายลำาไสใ้ หญ่บริเวณทวารหนกั ทยี่ ่นื ออกมาภายนอก หดเขา้ ทเี่ ดิม ชาำ ระโทษนำ้านม ก. ขับน้ำานมท่ีให้โทษออก ชำาระมูกเลอื ด ก. ขับอจุ จาระเสียท่ีเปน็ มกู เลือดออก ชกู ำาลงั ก. ทำาให้มกี ำาลงั เชอื่ ม ๑. น. อาการอย่างหนึ่งของผู้ป่วยท่ีเป็นโรคบางชนิด มีลักษณะอาการหน้าหมอง ซึม มนึ งง ตาปรอื คล้ายจะเปน็ ไข้ หรอื เป็นอาการทเ่ี กิดจากพิษไขห้ รอื พษิ ของ โรคบางชนดิ ๒. ว. มีอาการเงื่องหงอยมึนซึมคล้ายเป็นไข้ มักใช้ร่วมกับคำาอ่ืนที่มีความหมาย เก่ียวข้องกับอาการท่ีแสดงออกให้เห็นเด่นชัด ได้แก่ เช่ือมซึม เชื่อมมึน และ 226 เชอื่ มมวั
เช่ือมมวั ดใู น เช่อื ม. เชอ่ื มมึน ดูใน เช่ือม. ซาง น. โรคเด็กประเภทหน่ึง มักเกิดในเดก็ เล็ก ทำาใหม้ อี าการตวั รอ้ น เช่ือมซึม ปากแห้ง อาเจียน กินอาหารไม่ได้ ท้องเดิน มีเม็ดข้ึนในปาก ในคอ ลิ้นเป็นฝ้า เป็นต้น แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ ซางเจ้าเรือน และซางจร จะทำาให้มีอาการแตกต่างกัน ตามวนั เกดิ ของเดก็ , เขียนวา่ ทราง ก็มี กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ซางขน้ึ ลิน้ น. อาการแสดงของโรคซางประเภทต่างๆ ทีเ่ กดิ ขน้ึ ท่ลี น้ิ ซางฝา้ ย น. ซางจรชนดิ หนง่ึ เกิดแทรกซางนาำ้ อนั เปน็ ซางเจ้าเรอื นประจาำ เดก็ เกดิ วันจนั ทร์ ไมม่ ี แมซ่ างเกดิ ขึ้นตามผิวหนงั แตข่ นึ้ ท่ีเพดานปาก กระพุง้ แก้ม ไรฟัน และล้ิน เดก็ ท่ีเปน็ โรคนีจ้ ะมีอาการล้ินเป็นฝา้ ขาว มไี ข้สูง ปากร้อน ปากแหง้ ไม่มีนาำ้ ลาย หุบปากไม่ลง กนิ อาหารไม่ได ้ อาเจียน ท้องเดนิ อุจจาระเหมน็ เหมือนไข่เน่า เป็นต้น ซางเพลงิ , ซางไฟ น. ซางเจ้าเรอื นประจำาเดก็ เกิดวันอาทติ ย ์ เดก็ ท่ปี ่วยเป็นโรคนีจ้ ะเริ่มมีเมด็ ยอดที่เปน็ แม่ซาง ๔ เมด็ เกิดทบ่ี รเิ วณฝา่ เท้าเมอื่ อายุได ้ ๗ วนั และมเี มด็ ยอดทเ่ี ปน็ บริวารอีก ๔๐ เม็ด ขน้ึ ทหี่ น้าแขง้ ขา้ งละ ๒๐ เม็ด ซงึ่ อาจจะรักษาใหห้ ายได้ใน ๑๑ วัน แต่ถ้า รกั ษาไม่หายและมีอาการคงอยู่ แมซ่ างและบริวารจะกระจายออกไป ทำาให้เกิดอาการ ตา่ งๆ เช่น เมอ่ื แมซ่ างและบรวิ ารกระจายขึน้ ไปจากกลางหนา้ แข้งถึงหัวเข่าเป็นเมด็ สีแดงลามออกไปเหมือนไฟไหม้ ทำาให้มีอาการปวด เมื่อมีอาการรุนแรงข้ึนอาจถึง ตายได้ ซางเพื่อลม น. ซางท่เี กดิ มาจากลม ซางไฟ ดู ซางเพลงิ ดาก น. ลาำ ไสใ้ หญส่ ว่ นปลายท่ที วารหนัก ดากออก ก. อาการทเ่ี บง่ ถ่ายมากและบอ่ ยๆ จงึ ทำาให้ลาำ ไสใ้ หญ่สว่ นปลายทีท่ วารหนักย่ืนออก มาภายนอก ตกมกู ตกเลอื ด ดู ตกมกู เลือด ตกมกู เลอื ด ก. อาการท่ถี ่ายอุจจาระมีมกู และเลอื ดปน, ตกมกู ตกเลือด ก็เรยี ก ตกเลอื ด ก. อาการท่เี ลอื ดออกผดิ ธรรมดาเน่อื งจากแท้งลูก มีโลหิตระดูมากผดิ ปรกต ิ มเี ลือด ออกมากผิดปรกติหลังคลอด เป็นตน้ , ตับโต ดู ตับทรุด ตับทรดุ น. ชอื่ โรคชนดิ หนง่ึ อาการของโรคเกดิ จากลม้ ลงโดยแรง ตกจากทสี่ งู หรอื เดก็ ตกจาก เปล หรือถกู ฟาดฟนั โดยแรง ทาำ ใหเ้ ปน็ ไข ้ ซาง ละออง หละ หรือธาตุสมุฎฐานใน ร่างกายผิดปรกติ วิปริต ทำาให้ตับเคลื่อนท่ี หรือตับหย่อน ทำาให้เกิดเจ็บป่วยข้ึน, ตับโต หรอื ตับย้อย ก็เรียก ตบั ยอ้ ย ดู ตับทรดุ ตาน น. โรคเด็กประเภทหน่ึง มักเกิดในเดก็ อายุต้งั แต ่ ๕-๑๒ ขวบ แบ่งเปน็ ๒ ประเภท คอื ตานโจร และตานจร 227
ตานขโมย ดู ตานโจร ตานโจร น. ตานทเ่ี กิดกบั เดก็ ท่ีมีอายุต้งั แต่ ๕-๗ ขวบ แพทยแ์ ผนไทยเช่ือวา่ มกั เกิดจากการ กินอาหารอนั ทาำ ใหเ้ กดิ พยาธใิ นรา่ งกาย มีอาการหลายอยา่ ง เชน่ ลงท้อง ธาตุวิปริต ชอบกนิ ของสดของคาว กนิ อาหารไดน้ ้อย อุจจาระเหมน็ คาวจัด อุจจาระกะหริบกะ ปรอยหรือเปน็ มกู เลือด บางทเี ลอื ดออกสดๆ ทาำ ใหเ้ ดก็ ซูบซีด เม่อื เป็นนานประมาณ ๓ เดือน จะมีอาการลงทอ้ ง ตกเลอื ดดัง่ นำา้ ล้างเนื้อ ปวดมวนเปน็ มกู เลือดดากออก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตวั ผอมเหลือง, ตานขโมย ก็เรียก, เขยี นว่า ตาลโจร ก็มี ตานซาง, ตานทราง น. ๑. โรคหรือความเจ็บปว่ ยทเ่ี กดิ ในเด็กมี ๒ กลมุ่ ใหญ่ๆ คอื โรคตาน และโรคซาง ใชค้ าำ นเี้ มอ่ื ไมต่ อ้ งการระบเุ ฉพาะเจาะจงวา่ เปน็ โรคใด, เขยี นวา่ ตาลซาง หรอื ตาลทราง กม็ ี ๒. โรคตานท่ีเกิดข้ึนต่อเน่ืองจาก โรคซาง แต่รักษาไม่หาย เม่ือเด็กพ้นเขตซาง จึงพัฒนาเปน็ โรคตาน ตาลโจร ดู ตาลโจร ตาลซาง, ตาลทรางดู ตานซาง, ตานทราง ถอนพิษ ก. การขับหรือล้างพษิ ให้ออกไปจากร่างกาย ถอนพษิ ไข ้ ก. ทำาให้อาการผิดปรกติที่เกิดข้ึนจากไข้บรรเทาหรือหายไป มักใช้คู่กับดับพิษร้อน เปน็ ดับพิษรอ้ ยถอนพษิ ไข้ ถ่ายเป็นมกู เลอื ด ก. ถา่ ยอจุ จาระมมี กู และเลือดปนออกมา เถาดาน น. โรคชนดิ หนึ่ง มีลกั ษณะเปน็ ลำาแข็งต้ังข้นึ ท่ยี อดอกแล้วลามลงไปถงึ ท้องน้อย ทาำ ใหเ้ จ็บปวด จกุ เสียด แน่นหนา้ อก ทราง ดู ซาง ทอ้ งพอง น. อาการทอ้ งขนึ้ ทอ้ งอืดมากจนท้องโต แทรก ก. ๑. สอดหรอื เบยี ดเสยี ดเขา้ ไปอยูใ่ นระหว่างส่งิ อนื่ เชน่ โรคแทรกซ้อน ๒. เจอื หรอื ปนอย่เู ล็กน้อย เชน่ แทรกพิมเสน โทสนั ฑฆาต น. โรคชนิดหน่ึงที่เกิดจากการกระทบกระแทกอย่างแรงจนชอกช้ำา เป็นอาการต่อ เน่ืองจากเอกสันฑฆาต เกดิ อาการทอ้ งผูกจนเปน็ พรรดึก เกิดเปน็ กองลมเข้าไปอยู่ใน ทอ้ ง ทำาให้เจบ็ ปวดไปท้ังตวั มอี าการเมอื่ ยบัน้ เอว ขัดตะโพก เวยี นศรี ษะ สะบัดรอ้ น สะทา้ นหนาว เป็นตน้ ธาต ุ น. ส่งิ ท่ถี ือว่าเปน็ สว่ นสาำ คัญทปี่ ระกอบกันเป็นรา่ งของสิ่งทงั้ หลาย ตามหลักวชิ าการ แพทย์แผนไทยโดยทั่วไปว่า มี ๔ ธาตุ เรียก ธาตุ ๔ ได้แก่ ธาตุดิน ธาตุนำ้า ธาตุลม และธาตไุ ฟ แต่อาจมีธาตทุ ่ี ๕ คือ อากาศธาตุ ธาตเุ บา ๑. ว. เกย่ี วกบั การถา่ ยอุจจาระง่ายโดยปรกติวิสัย กนิ ยาระบายออ่ นๆ กถ็ ่าย. ๒. น. ภาวะถา่ ยอุจจาระงา่ ยโดยปรกติวิสัย กินยาระบายอ่อนก็ถา่ ย ธาตุไม่ปรกติ น. การย่อยอาหารผิดปรกติ ซ่ึงอาจทำาให้เกิดอาการท้องอืดเฟ้อ ท้องเสีย ท้องผูก เปน็ ต้น 228
ธาตหุ นกั ๑. ว. เก่ยี วกบั การถา่ ยอจุ จาระยากโดยปรกตวิ ิสัย ตอ้ งกินยาถา่ ยมากจึงจะถา่ ย. ๒. น. ภาวะถา่ ยอจุ จาระยากโดยปรกตวิ สิ ัย ต้องกินยาถ่ายมากจึงจะถ่าย นำ้ากระสายยา ดู กระสาย, กระสายยา นำ้าคาวปลา น. นำา้ ทขี่ ับออกจากชอ่ งคลอดลกู แล้ว มีกลิน่ เหมือนคาวปลา โดยท่ัวไปควรมีไมเ่ กิน ๑ เดอื น นา้ำ นม น. ของเหลวสขี าวออกมากจากนมคนและสตั วเ์ พศเมยี สาำ หรบั เลยี้ งลกู หรอื ของเหลว กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ทไี่ ด้จากพืชบางชนิด เช่น นา้ำ นมถ่วั เหลอื ง น้าำ นมขา้ วโพด ในเรือนไฟ ดู อยไู่ ฟ บาทจติ ร ดู ลมบาดทะทิต, ลมบาตทะจิตต์ บาำ รงุ ก. ทาำ ให้ดีข้นึ ทำาให้มากขึ้น เช่น บาำ รุงนำา้ นม รกั ษาใหอ้ ยใู่ นสภาพดี เชน่ บาำ รงุ สุขภาพ บาำ รงุ รา่ งกาย บาำ รุงกำาลงั ก. ทำาให้มีกำาลังมากขึ้น มักเร่ิมด้วยการทำาให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงก่อนจึงจะมี เรีย่ วแรงมากขึ้น บาำ รุงครรภ ์ ก. รักษากุมารในครรภใ์ หแ้ ขง็ แรงเปน็ ปรกติ บาำ รุงดวงจิตใหช้ ่มุ ชื่น ดู บา� รุงหัวใจ บำารุงธาต ุ ก. ๑. รกั ษาใหธ้ าตทุ ง้ั ๔ ในรา่ งกายอยใู่ นสภาพทด่ี ี ๒. ทาำ ใหร้ ะบบยอ่ ยอาหารทาำ งาน ดขี น้ึ บาำ รงุ น้าำ นม ก. ทำาให้มารดาหลังคลอดมีน้าำ นมมากขึ้น บำารุงไฟธาต ุ ก. ทำาใหไ้ ฟธาตใุ นร่างกายมีกาำ ลังมากข้นึ หรอื ดขี ึน้ บำารงุ เลือด, บำารุงโลหิต ๑. ก. ทำาให้เลอื ดมากขึ้นหรือดีขนึ้ ๒. ว. ซงึ่ ทำาใหเ้ ลือดมากหรอื ดขี ้นึ บาำ รุงหวั ใจ ก. ทำาใหเ้ ลอื ดลมสะดวก มีเลอื ดไปเลย้ี งหัวใจและสมองมากขึน้ ทาำ ใหร้ ู้สึกสดชื่น แจม่ ใส, บาำ รงุ ดวงจิตใหช้ มุ่ ชื่น กเ็ รียก ประจุ ก. ขับออก ถา่ ยออก ประจโุ ลหิต ก. ขบั โลหติ ระดูท่ีเนา่ เสียออกจากร่างกาย ประสะ ก. ๑. ทำาความสะอาดตวั ยาหรือลา้ งตัวยา ๒. ทำาให้พษิ ของตวั ยาสมุนไพรลดลง ๓. มีน้าำ หนกั เท่าตัวยาอนื่ ทงั้ หมดในตำารบั ยารวมกนั มักใชเ้ ป็นชอื่ ยา ๔. ทาำ ให้สะอาด บริบรู ณ ์ หรือมมี ากขึน้ ปรับธาต ุ ก. ทาำ ใหธ้ าตทุ ั้ง ๔ สมดลุ ทาำ หนา้ ท่ไี ดต้ ามปรกติ ปลุกเลอื ดให้งาม ก. ทาำ ใหค้ ณุ ภาพเลือด ปรมิ าณเลอื ดดีขนึ้ , ปลูกเลือดใหง้ าม กเ็ รยี ก ปลกู ไฟธาต ุ ๑. ก. ทาำ ให้ธาตไุ ฟสมบรู ณ์เปน็ ปรกต ิ ๒. น. ยาแผนไทยขนานหนึ่ง ใชเ้ ปน็ ยาบำารงุ และปรับธาตไุ ฟให้เป็นปรกต ิ กระตุน้ นา้ำ นม กระจายเลอื ดลมในหญงิ หลงั คลอด เป็นยาอายุวฒั นะ 229
ปลูกเลอื ดให้งาม ดู ปลกู เลอื ดให้งาม ปวดมวน ก. รู้สกึ ปวด ปนั่ ป่วนในทอ้ ง แปรน้าำ นม ก. ทำานำ้านมทรี่ ้ายหรอื นาำ้ นมให้โทษ ใหเ้ ปน็ น้าำ นมดี พยาธิ น. ๑. [พะยาท]ิ ความเจบ็ ไข้ ๒. [พะยาด] ชอื่ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ซง่ึ อยา่ งนอ้ ย ในระยะหนึ่งของชวี ติ จะเปน็ ปรสติ อยใู่ นมนุษยแ์ ละสตั ว ์ ชนิดตวั แบน เชน่ พยาธใิ บไม้ พยาธิตวั ตดื ชนิดตวั กลมหรือหนอนพยาธ ิ เชน่ พยาธไิ สเ้ ดือน พยาธเิ ส้นดา้ ย พยาธิ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข แสม้ ้า ๓. เชื้อโรค พรรดกึ ๑. ก. อาการทอ้ งผูกมาก มอี จุ จาระเป็นก้อนแขง็ คล้ายขี้แมวหรือขแ้ี พะ ๒. น. อจุ จาระเป็นกอ้ นแข็งกลม คล้ายข้ีแมวหรือขีแ้ พะ พรหมกิจ น. ตานจรชนิดหน่งึ เกิดจากพยาธิ ผู้ป่วยมีฝีเกิดขน้ึ ที่รสู ะดอื ถ่ายอุจจาระเปน็ เลอื ด สดๆ หากทิง้ ไว้นานอาจมีหนองปน รอ้ นๆ หนาวๆ หมดสติ ถา้ เปน็ นานถึง ๑ เดอื น อาจตายได้ เม่ือใกลต้ ายจะมเี ลือดออกตามรขู ุมขนและตา พิการ น. ความผิดปรกติของธาตุ สมุฎฐาน หรือร่างกาย ทำาให้ไม่สามารถทำาหน้าที่ได้ ตามปรกต ิ พษิ น. สงิ่ รา้ ยทเ่ี ปน็ อนั ตรายแกร่ า่ งกายหรอื ทาำ ความเดอื ดรอ้ นใหแ้ กจ่ ติ ใจ เมอื่ เขา้ สรู่ า่ งกาย จะทำาใหต้ าย เจ็บปวด หรือพกิ ารได ้ บางอย่างเกดิ จากแร ่ เชน่ สารหน ู บางอยา่ งเกิด จากพชื เชน่ ตน้ แสลงใจ บางอยา่ งเกิดจากสตั ว ์ เช่น ง ู พษิ ไข ้ น. อาการผดิ ปรกตทิ เ่ี กดิ ขน้ึ จากไข ้ เชน่ มผี นื่ รอ้ นใน กระหายนาำ้ ทอ้ งผกู ออ่ นเพลยี ครน่ั เนือ้ ครั่นตัว พษิ ซาง น. อาการทเี่ กิดจากซาง เชน่ ตวั ร้อน เชือ่ มซมึ ปากแห้ง กนิ อาหารหรอื ดม่ื นมไมไ่ ด ้ ท้องเดนิ มกั มีเม็ดข้นึ ตามรา่ งกาย เชน่ ในปาก ในคอ ลนิ้ เป็นฝ้า พิษหัด น. อาการทเี่ กดิ จากหดั เชน่ เป็นไข้ตวั รอ้ น ออกผน่ื ตามรา่ งกาย พิษอสี ุกอีใส น. อาการที่เกิดจากอีสุกอีใส เช่น ไข้ต่ำา คร่ันเนื้อครั่นตัว ปวดศีรษะ เจ็บคอ ไม่อยากอาหาร ผื่นเป็นจุดแดง ๆ ตามร่างกาย และผื่นแปรเป็นตุ่มพองขนาดเล็ก มนี ำา้ ใส ๆ ภายใน มีอาการคนั ฟอกเลือด, ฟอกโลหติ ก. ทำาให้เลือดประจำาเดือนที่ผิดปรกติ เช่น เลือดสีคลำ้าดำา เป็นลิ่มเป็นก้อน มีกลน่ิ เหมน็ คาว เปน็ ตน้ กลบั เป็นปรกต ิ เลือดมีสีแดง ไมเ่ ป็นลม่ิ เปน็ กอ้ น ไม่มกี ลิน่ เหมน็ คาว ไฟธาตกุ าำ เริบ น. ภาวะทธี่ าตไุ ฟในรา่ งกายทาำ หนา้ ทม่ี ากผดิ ปรกตจิ นทาำ ใหเ้ กดิ โทษ เชน่ สนั ตปั ปคั - คีกาำ เรบิ จะทำาให้ผปู้ ว่ ยมอี าการตวั รอ้ น เป็นไข้ เป็นตน้ มดลูกเขา้ อ ู่ น. มดลูกหดตวั เขา้ สู่ภาวะปรกติภายหลงั คลอด มัว น. เช่ือมมวั (ดูในเช่อื ม) มุตกดิ น. โรคชนดิ หน่งึ เกิดกบั ผหู้ ญิง ผปู้ ่วยมกั มรี ะดขู าว ปัสสาวะขนุ่ ข้น บางคร้งั บรเิ วณ ขอบทวารเบาอาจเป็นเม็ด หรือแผลคัน เปื่อย แสบ เหม็นคาว มีอาการแสบอก กนิ อาหารไม่รรู้ ส ปวดหลงั เสยี วมดลูก เป็นตน้ , เขียนว่า หรอื มุตกจิ มตุ กิต ก็มี 230
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290