มกุ กิต ดู มุตกดิ มตุ คาด, มุตฆาต, มุตตฆาต น. โรคชนดิ หน่ึงท่ีทาำ ใหเ้ กดิ ความผิดปรกติของนำ้าปัสสาวะ เกดิ จากการก ระทบกระทงั่ เชน่ จากอบุ ตั เิ หต ุ เพศสมั พนั ธ ์ ผปู้ ว่ ยมอี าการปวดมากเวลาถา่ ยปสั สาวะ ปัสสาวะกระปริบกระปรอย ปวดขัดบริเวณสีขา้ ง จุกเสยี ดบรเิ วณหนา้ อก อาเจียนเปน็ ลมเปล่า เบอ่ื อาหาร เปน็ ตน้ ยา ๑. น. ส่ิงที่ใช้ป้องกันโรคหรือบำารุงร่างกาย ในทางการแพทย์แผนไทยมักหมายถึง กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ผลติ ภัณฑท์ ่ีได้จากสมนุ ไพรต้งั แต ่ ๒ สิ่งข้นึ ไป ผสมปรงุ แต่งตามตำารบั ๒. น. วตั ถุท่ี รับรองไว้ในตำารับยาท่ีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศ วัตถุที่มุ่งหมาย สาำ หรบั การใชใ้ นการวนิ จิ ฉยั บาำ บดั บรรเทา รกั ษา หรอื ปอ้ งกนั โรคหรอื ความเจบ็ ปว่ ย ของมนษุ ย์หรอื สตั ว ์ วัตถทุ เี่ ป็นเคมีภณั ฑ ์ หรอื เภสชั เคมีภณั ฑก์ ึ่งสำาเรจ็ รูป หรอื วตั ถุ ท่ีมุ่งหมายสำาหรับให้เกิดผลแก่สุขภาพ โครงสร้าง หรือการกระทำาหน้าที่ใดๆ ของ ร่างกายมนษุ ยห์ รอื สัตว ์ ๓. ก. ทำาใหห้ ายโรค รักษาให้หาย ในคำาวา่ เยียวยา ยาประจ ุ น. ยาแผนโบราณประเภทหนึง่ ใชข้ ับพษิ ถา่ ยพิษ ล้างพิษ หรือฟอกพิษ ยาประจุโลหิต น. ยาฟอกเลือด ยาขับโลหติ ระดทู ่เี นา่ เสียออกจากร่างกาย ยาผาย น. ยาแผนโบราณไทยรูปแบบหน่ึง ใช้ขับหรือระบายลม เลอื ดและธาต ุ ใหเ้ ดินเป็น ปรกต ิ เช่น ยาผายลมช่วยให้ลมระบายออกทางทวารหนกั ยาผายเลือดเป็นยาสาำ หรับ ฟอดเลือดหรอื ระดูให้เปน็ ปรกต ิ ยาผายธาตุชว่ ยใหถ้ า่ ยอจุ จาระเปน็ ปรกติ รอ้ นใน น. อาการร้อนภายในช่องท้องถึงภายในปาก ผู้ป่วยมักมีอาการปากแห้ง คอแห้ง กระหายน้าำ มแี ผลทีเ่ ยอ่ื บภุ ายในช่องปาก ทอ้ งผูก เป็นต้น มกั ใชค้ กู่ บั กระหายนำ้า เป็นร้อนในกระหายน้ำา ร้อนในกระหายนำา้ ดูใน ร้อนใน ระดู น. เลอื ดประจำาเดือนท่ถี กู ขบั ถ่ายจากมดลกู ออกมาทางช่องคลอด ระดขู ัด น. เลอื ดประจำาเดือนไม่มา มานอ้ ย หรอื มาไม่ปกต ิ มากะปริบกะปรอย มักมีอาการ ปวดทอ้ งรว่ มด้วย ระดทู ับไข ้ น. การมีระดอู อกมาระหว่างเป็นไข ้ อาการอาจจะรุนแรงนอ้ ยกวา่ ไขท้ บั ระด ู แตอ่ าจ รนุ แรงถึงตายได้ ระบาย ก. ถ่ายออก เชน่ ระบายทอ้ ง ระบายพษิ ไข้ ก. ถา่ ยอาการผิดปรกตทิ ี่เกิดข้ึนจากไข้ ระส่ำาระสาย ก. อาการกระวนกระวาย, กระสับกระส่าย ราำ หดั ก. แทรก, เจอื , ใส่, โรยตวั ยาปรมิ าณเล็กนอ้ ย โดยใช้ปลายนว้ิ หวั แมม่ ือและนิว้ ชีจ้ บี เข้าหากัน ริดสดี วงมหากาฬ น. ๑. รดิ สดี วงประเภทหนง่ึ เกิดในลำาคอ อก ลำาไส ้ และทวารหนกั เมือ่ เร่ิมเป็นผปู้ ว่ ย มเี มด็ ขนาดเทา่ ถว่ั เขยี วขนึ้ เปน็ กลมุ่ ๙-๑๐ เมด็ เมอื่ สกุ จะแตกออกเปน็ หนองปนเลอื ด แลว้ เปอ่ื ยลามเปน็ ปน้ื มหี นองปนเลอื ดไหลซมึ ตลอดเวลา ปากคอเปอ่ื ย กนิ อาหารเผด็ รอ้ นไมไ่ ด ้ ๒. ยาแผนไทยขนานหนึง่ ใช้แกร้ ดิ สดี วง 231
เรอื นไฟ น. สถานท่ีสาำ หรับมารดาหลงั คลอดบุตรใช้อย่ไู ฟ ลมกรรมมชั วาต น. ลมที่เกิดในหญิงกำาลงั จะคลอดบุตร มดลูกจะหดตัว ตาำ แหน่งของทารกอยู่ต่ำามาก พร้อมจะคลอดออกมา, ลมกมั มัชชวาต, ลมกัมมัชวาต หรือลมแบง่ กเ็ รยี ก ลมกองละเอียด น. ลมที่ทาำ ให้มีอาการหน้ามดื ตาลาย วิงเวยี น ออ่ นเพลยี สวงิ สวาย ใจสนั่ เปน็ ตน้ , สขุ มุ วาตะ หรือ สุขมุ วาตา กเ็ รียก ลมกองหยาบ น. ลมทท่ี าำ ให้มอี าการจุกเสยี ดแน่น ท้องอดื ทอ้ งเฟ้อ เปน็ ตน้ , โอฬารกิ วาตะ หรอื กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข โอฬารกิ วาตา กเ็ รยี ก, เขียนว่า ลมทราง กม็ ี ลมกัมมัชชาต, ลมกมั มชั วาต ดู ลมกรรมมัชวาต ลมก�าเนิด ดู ลมซาง ลมกมุ ภณั ฑย์ กั ษ ์ น. โรคลมมพี ษิ ชนดิ หนง่ึ ผปู้ ว่ ยมอี าการชกั มอื กาำ เทา้ งอ หมดสต ิ โบราณวา่ ถา้ รกั ษา ไมไ่ ด้ภายใน ๑๑ วัน อาจถงึ แกค่ วามตาย ลมข้นึ , ลมขึ้นสงู น. โรคชนิดหน่ึงหรือความผิดปรกติอันเกิดจากธาตุลม ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย สวงิ สวาย หนา้ มดื หอู ้อื เป็นตน้ , ลมตีข้ึนเบื้องสงู ก็เรียก ลมซาง น. โรคลมชนดิ หนึ่ง เกดิ ในเดก็ ตัง้ แต่อยใู่ นครรภ์มารดาจนถึง ๕ ขวบ ผูป้ ่วยมีอาการ แตกตา่ งกันไปตามวนั เกิด, ลมกำาเนิด กเ็ รียก, เขยี นวา่ ลมทราง ก็มี ลมตขี ้นึ เบอ้ื งสูง ดู ลมขึน้ สงู ลมทราง ดู ลมซาง ลมบาดทะจติ , ลมบาตทะจติ ต ์ น. โรคลมมีพษิ ชนดิ หนึ่ง ผู้ปว่ ยมไี ขส้ งู เพอ้ ชกั เปน็ ตน้ โบราณว่า ถ้ารักษาไม่ได้ภายใน ๑๐ วัน อาจถึงแก่ความตาย, บาทจิตร ก็เรียก ลมบา้ หม ู น. โรคลมชนดิ หน่ึง ผูป้ ว่ ยมอี าการชกั น้ำาลายฟมู ปากเป็นฟอง มือเทา้ กาำ ไม่รสู้ กึ ตวั ลมเบง่ ดู ลมกรรมมัชวาต ลมปลายไข ้ น. ความผิดปรกติเล็กๆ น้อยๆ เช่น ไม่สบายตัว วิงเวียน คล่ืนไส้ เบ่ืออาหาร อ่อนเพลีย ทอ้ งอืดเฟ้อ มักเกิดข้ึนหลงั ฟื้นไข ้ หรือหายจากความเจ็บปว่ ยบางอย่าง ลมปตั ฆาต, ลมปัตฆาฏ น. โรคลมชนดิ หนงึ่ ผปู้ ว่ ยมกั มอี าการปวดเมอื่ ยตามแนวเสน้ ปตั ฆาต เคลอ่ื นไหว ไม่สะดวก ลมมหาสดมภ ์ น. โรคลมอนั มพี ิษชนดิ หน่งึ ผปู้ ่วยมอี าการหาวนอนมาก จิตใจสับสน หมดสติ ลมราทยักษ ์ น. โรคลมชนิดหน่ึง ผู้ป่วยมีอาการเป็นไข้ตัวร้อน ชัก มือเท้ากำางอ ล้ินกระด้าง คางแข็ง คอแขง็ ตาเหลอื ง เปน็ ตน้ ลมวาระยกั ขวาโย น. โรคลมท่ีเกิดจากการบริโภคอาหารแสลง อาหารคาวหวาน เนื้อปลา ปู หอย เม่ือบริโภคเขา้ ไปทำาใหเ้ สียดชายโครงทั้ง ๒ ขา้ ง และใหจ้ กุ อก แลว้ แล่นลงมาจบั เอา องคชาติ กระทำาให้มือเท้าตายและหิวโหยหาแรงมิได้ ลมจำาพวกน้ีถ้าบังเกิดข้ึนกับ บคุ คลใดถึง ๑ ป ี จะให้มือเท้าทั้ง ๒ นัน้ ตาย ลมวิงเวียน น. ลมกองละเอียดประเภทหนึง่ ทำาให้หนา้ มืด ตาลาย วงิ เวยี น ออ่ นเพลีย สวงิ สวาย ใจสนั่ 232
ลมสะอึก ดู สะอกึ ลมสุนทรวาต น. ลมซางชนิดหนึ่ง เกิดในเด็กที่เกิดวันพุธ เด็กเร่ิมมีอาการปวดท้อง ท้องข้ึน ตามด้วยอาการทอ้ งเสีย ชัก มือกำาเทา้ งอ ท้องและหนา้ เขยี ว เป็นต้น ลมหทัยวาตะ น. ลมในหวั ใจ อันทำาให้หัวใจทาำ งานเปน็ ปรกติ ลมหศั คนิ นี, ลมหศั คนิ ,ี ลมหัสดี น. ลมซางชนดิ หน่ึง เกดิ ในเด็กที่เกดิ วันพฤหัสบด ี เด็กมีอาการชัก มอื กาำ เทา้ งอ หลงั แขง็ เหงอื่ ออก ทอ้ งอดื เปน็ ตน้ เดก็ ทเี่ ปน็ โรคนหี้ า้ มอาบนาำ้ เยน็ และ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ไม่ใชย้ าทผี่ สมกบั เหล้า ลมอรติ น. ลมซางชนิดหน่งึ เกิดในเด็กท่ีเกิดวันศุกร ์ เด็กมอี าการคอเขยี ว ชัก มือกำาเท้างอ นัยน์ตากลอกไปมา น้ำาลายฟูมปาก ลิ้นกระด้างคางแข็ง บางท่ีชักข้างซ้ายแต่เกร็ง ขา้ วขวา เปน็ ตน้ ลมอุทธังคมาวาตา น. ลมพดั ตง้ั แตป่ ลายเทา้ ถงึ ศรี ษะ บางตาำ ราวา่ พดั ตง้ั แตก่ ระเพาะอาหารถงึ ลาำ คอแลว้ ออกทางปาก เชน่ ลมทเ่ี กดิ จากการเรอ อุทธงั คมาวาตาเปน็ องคป์ ระกอบ ๑ ใน ๖ ชนดิ ของธาตุลม ลมอุทรวาต น. ลมซางชนดิ หนง่ึ เกดิ กบั เดก็ ทเี่ กดิ วนั องั คาร เดก็ จะรอ้ งไหใ้ นเวลาเยน็ ทกุ วนั ตง้ั แต่ อยู่ในเรอื นไฟจนถงึ ๓ เดอื น แตจ่ ะหายไปเองหรือเลิกร้องไห้ ชาวบ้านเรียก “รอ้ งไห ้ ๓ เดอื น” เมื่อมอี าการจะทาำ ให้ท้องข้ึน ขนลกุ ชัน เชอื่ มมัว หอบ เป็นต้น ถ้าอายเุ กิน ๓ เดอื นข้นึ ไปแลว้ ยงั รกั ษาไมห่ าย จะมอี าการซูบผอม ทอ้ งขึ้น อาเจียน จกุ เสียด เปน็ ตน้ ในท่สี ุดจะชกั มอื กำาเทา้ งอ ตาช้อนสูง ละออง น. โรคเด็กชนดิ หนงึ่ เกดิ กับทารกแรกเกิดถงึ อายไุ มเ่ กิน ๕ ขวบ ๖ เดอื น ผู้ป่วย จะมีฝ้าบาง ๆ เกิดขึ้นในปาก ลำาคอ กระพุ้งแก้ม หรือบนลิ้น ฝ้าบาง ๆ น้ีอาจ มีสีต่าง ๆ กนั ทำาใหม้ ชี ่ือเรียกแตกตา่ งกันไป นอกจากน ี้ ยังมเี จา้ เรอื นและชอื่ เรยี ก แตกต่างกันไปตามวนั เกิดของผปู้ ว่ ยดว้ ย ละอองในคอ น. อาการแสดงของโรคละอองประเภทต่าง ๆ ทเี่ กิดข้นึ ในบริเวณลาำ คอของผปู้ ่วย ละอองในปาก น. อาการแสดงของโรคละอองประเภทตา่ ง ๆ ท่ีเกิดข้นึ ในบริเวณปาก กระพ้งุ แก้ม หรือบนล้ิน ละอองเปลวไฟฟา้ น. ละอองทเ่ี ปน็ กบั ทารกหรอื เดก็ ทเี่ กดิ วนั เสาร ์ มซี างโจรเปน็ เจา้ เรอื น และทารกหรอื เดก็ ทเ่ี กดิ วนั อาทติ ย ์ มซี างเพลงิ เปน็ เจา้ เรอื น ผปู้ ว่ ยมกั มเี มด็ ยอดสแี ดงคลา้ ยสขี าดหรอื สียอดทบั ทมิ ผุดข้นึ มาตามฝ้าบาง ๆ ท่เี กิดขนึ้ ในปาก ลำาคอ กระพุ้งแกม้ หรอื บนลนิ้ เมอื่ รุนแรงมักมอี าการลิน้ กระดา้ งคางแข็ง ตาคา้ ง ชัก เท้ากาำ มือกำา ตวั ร้อนจดั ละอองพระบาท น. ละอองที่อาจทาำ ใหม้ ีอาการรนุ แรงขึ้นถึงตายได ้ เชน่ ละอองมหาเมฆ ละอองเปลว ไฟฟ้า ละอองแกว้ วิเชยี ร ละอองมหาเมฆ น. ละอองท่ีเกิดกับทารกหรอื เด็กทีเ่ กดิ วันพฤหัสบดี มซี างโคเป็นเจ้าเรือน ผู้ป่วยมกั มียอดสีม่วงคล้ำาขึ้นในปาก เมื่อรุนแรงข้ึนจะมีอาการหน้าเขียว ชัก เท้ากำามือกำา ตาช้อนสงู อจุ จาระปัสสาวะไมอ่ อก 233
เลอื ดงาม ดู โลหติ งาม เลือดตขี ึน้ ดู โลหิตตีขึ้น โลหิต น. นา้ำ เลอื ดที่ขงั อยูแ่ ละไหลเวยี นไปท่ัวกาย เป็นธาตนุ ำ้าประเภทหนึง่ ในร่างกาย โลหติ งาม, เลือดงาม น. สภาวะปรกตขิ องเลอื ด ๓ ประการ ๑) ปรมิ าณเลอื ด ๒) คุณภาพเลือด ๓) การไหลเวียนของเลือด, เลือดงาม ก็เรียก โลหิตตขี ึ้น น. สตรีหลงั คลอดบตุ ร, เลอื ดตีข้นึ ก็เรยี ก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข โลหติ เนา่ น. โลหิตทจุ ริตโทษประเภทหน่งึ เกดิ จากโลหติ ระดรู า้ ง โลหติ คลอดบตุ ร โลหิตต้อง พิฆาต และโลหิตตกหมกช้ำา ที่ปล่อยท้ิงให้เร้ือรังจนเน่า ทำาให้เกิดอาการต่างๆ แทรกซอ้ นขึ้น เช่น เกดิ จา้ำ เลือดตามผิวหนังเป็นสีดำา แดง เขยี ว หรือขาว หรือเปน็ ตมุ่ ขนาดเล็ก ทาำ ให้มีอาการคันมาก, โลหติ เนา่ รา้ ย กเ็ รียก โลหิตเน่าร้าย ดู โลหิตเนา่ โลหิตระดูพกิ าร น. เลอื ดประจาำ เดอื นทีม่ าไม่เป็นปรกติ สมฏุ ฐาน น. ท่เี กิด ทต่ี ัง้ เหตุ สมุฏฐานเสมหะ น. ทีต่ ง้ั ที่แรกเกิดของโรคอนั เกิดจากเสลด บางออกเป็น ๓ อยา่ ง ไดแ้ ก่ ศอเสมหะ (เสมหะในลำาคอ) อรุ ะเสมหะ (เสมหะในอก) และคถู เสมหะ (เสมหะในทวารหนกั ) สวิงสวาย ก. อาการทร่ี ู้สึกใจหวิว วิงเวียน คลน่ื ไส้ ตาพรา่ จะเป็นลม สะอกึ ก. อาการท่หี ายใจชะงักเปน็ ระยะ เนือ่ งจากกะบงั ลมหดตวั และชอ่ งสายเสยี งปดิ ตาม ทนั ทีทนั ใดในเวลาเดียวกัน, ลมสะอกึ ก็เรยี ก สมุ ก. ๑. วางทับซ้อนๆ กันลงไปจนสูงเป็นกอง มักใช้กับคำาว่า กระหม่อม เป็น สุมกระหม่อม ๒. นาำ ตวั ยามาผสมรวมกันใสใ่ นหม้อดิน เผาให้เป็นถ่าน ยกลงจากเตา ทิง้ ไวจ้ นเยน็ (โดยไมเ่ ปิดฝาหม้อ หากเปดิ ฝาหมอ้ ตวั ยาภายในจะเป็นเถ้า มักใช้รว่ ม กับคาำ ว่า ยา เปน็ สมุ ยา) สุมกระหมอ่ ม ดใู น สมุ เส้น น. สิ่งที่มีลักษณะเป็นแนว ไม่กำาหนดความยาว แนวที่มีลักษณะของธาตุดินจะจับ ตอ้ งได้ เชน่ เส้นเลอื ด เสน้ เอน็ เสน้ ประสาน ในแนวเหล่าน้อี าจเป็นทางขับเคลือ่ น ของธาตุนา้ำ ธาตไุ ฟ หรอื ธาตุลม, เอ็น หรือ เสน้ เอน็ กเ็ รยี ก เสียด ก. อาการท่ีรู้สึกอึดอัดหรือแทงยอกในท้องหรืออกเน่ืองจากมีลมอยู่ ในคำาว่า เสียดทอ้ ง เสยี ดอก จุกเสยี ด ไสล้ าม น. โรคตดิ ต่อทางเพศสมั พนั ธช์ นิดหนึง่ เกิดได้ท้งั ในผู้หญงิ และผชู้ าย ผปู้ ว่ ยมีเม็ดฝี ข้นึ ท่ีภายในอวยั วะเพศและลามออกมาภายนอก ไปที่ทอ้ งนอ้ ย ทวารหนกั ทวารเบา เมือ่ เม็ดฝีแตกออกหนองจะไหลออกมา อาจมีอาการปวดมวนท้อง ถา่ ยเป็นมกู เลือด แนน่ หนา้ อก อาเจยี น กนิ อาหารไมไ่ ด ้ หรือเป็นลมบอ่ ยๆ รว่ มด้วย 234
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขไส้เลื่อน น. โรคท่ีลำาไสอ้ อกไปจากชอ่ งทอ้ ง ได้แก ่ ลงมาท่ถี ุงอัณฑะ (ในผู้ชาย) ทแี่ คมใหญ่ หทยั วาต (ในผหู้ ญงิ ) หรือเลอ่ื นลงมาทางหน้าขา หรือเลอื่ นออกไปทางหนา้ ทอ้ ง สะดอื หรอื หดั เลื่อนผ่านกระบังลมเข้าไปในชอ่ งอก น. โรคลมชนดิ หนง่ึ ผูป้ ่วยมกั มอี าการมนึ ตงึ ไม่ค่อยพดู คยุ ใจลอยบ่อยๆ ชอบอยู่ อยูไ่ ฟ คนเดยี ว ใจน้อย โกรธง่าย เบ่ืออาหาร บางคร้ังหัวเราะ บางครงั้ ร้องไห ้ ถ้าจะรักษา ให้รักษาเม่อื เริม่ มีอาการ หากท้งิ ไว้นานจะรักษายาก น. ไข้กาฬชนดิ หน่ึง ผู้ป่วยมกั มไี ข ้ เรยี กวา่ ไขอ้ อกหัด อาการมกั เริม่ จากผ้ปู ่วยมไี ข้ อัมพฤกษ ์ สะบัดร้อนสะท้านหนาว เช่ือมมัว ปวดศีรษะ หลังจากน้ันจะมีเม็ดคล้ายเม็ดทราย อมั พาต ยอดแหลมผดุ ขน้ึ ทวั่ ตวั หากไมม่ เี มด็ ยอดผดุ ขน้ึ มาโบราณเรยี กวา่ หดั หลบ หรอื ไขห้ ดั หลบใน ทำาใหผ้ ู้ป่วยมอี าการท้องเสยี อาเจียน ๑. ก. นอนหรือนั่งผงิ ไฟ ใช้กบั สตรหี ลงั คลอด โบราณมกั ใชไ้ ฟจากไมท้ ่ีตดิ ไฟง่าย อสี ุกอใี ส ให้ความร้อนดแี ละนาน ไมแตกปะทุ เช่น ไมส้ ะแกนา ไม้มะขาม ๒. น. กระบวนการดแู ลสขุ ภาพของมารดาหลงั คลอดในระยะแรก ซง่ึ ครอบคลุมการ นอนหรือนงั่ ผิงไฟ การเข้ากระโจม การอาบสมุนไพร การนงั่ ถ่าน การทบั หมอ้ เกลอื การนวด การประคบ การกนิ ยา การกนิ อาหาร เปน็ ตน้ โบราณเชื่อว่าความร้อนจะ ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วขึ้น ช่วยขับนำ้าคาวปลา ช่วยให้เลือดลมของสตรีหลังคลอด ไหลเวยี นดขี ึน้ ลดการเกร็งและปวดเมือ่ ยของกลา้ มเนื้อ ชว่ ยใหแ้ ผลฝเี ยบ็ หายเร็วขนึ้ ลดอาการเจบ็ ปวด อนั เกดิ จากการหดรดั ตวั ของมดลกู และจากเตา้ นมคดั ชว่ ยใหค้ วาม อบอนุ่ แก่ร่างกาย เป็นตน้ , ในเรอื นไฟ ก็เรยี ก น. ๑. เส้นเหนือสะดือท่ีต่อเนื่องจากเส้นสุมนา การทำางานและความผิดปรกติของ เสน้ นจ้ี ะสมั พนั ธก์ บั เสน้ สมุ นา ๒. ลมทพี่ ดั จากปลายเทา้ ขน้ึ ไปทวั่ ตวั ทาำ ใหอ้ วยั วะตา่ งๆ ออ่ นแรง เคลื่อนไหวไม่สะดวก น. ๑. ลมพัดจากปลายเท้าข้ึนไปท่ัวตัว ทำาให้อวัยวะบางส่วน เช่น แขนขาตาย ลิน้ กระดา้ ง คางแข็ง ๒. โรคชนิดหนึ่ง ผปู้ ่วยมีอาการของอวัยวะบางสว่ น เชน่ แขนขาตาย ไมม่ คี วามรสู้ กึ ก. สาำ รอกออกมาทางปาก, รากออกมา, อ้วกออกมา น. ไข้กาฬชนิดหน่ีง ผู้ป่วยจะมีไข้ รู้สึกครั่นเน้ือครั่นตัว เหน่ือยง่าย เฉ่ือยชา ปวดศีรษะ เจบ็ คอ เบื่ออาหาร ในชว่ ง ๑-๒ วันแรก จากนน้ั จะเกิดผ่นื เปน็ จุดแดง ๆ ตามรา่ งกาย ท้ังใบหนา้ หน้าอก หลงั ปาก เปลือกตา ผื่นแดงจะกลายเป็นตมุ่ พอง ขนาดเล็ก มีนา้ำ ใส ๆ ภายในตุ่ม ในอกี ๒-๔ วันก่อนจะตกสะเกด็ ในสัปดาห์ต่อมา มกั มีอาการคนั บรเิ วณที่เกิดผืน่ หรอื ต่มุ พอง 235
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขอจุ จาระธาตุพกิ าร น. อาการทธ่ี าตทุ งั้ ๔ ของร่างกายกาำ เริบ หยอ่ น หรือพกิ าร ทำาใหเ้ กิดความผดิ ปรกติ ทางอุจจาระ คือ มีสีเขียว สีขาว สีดำา หรือสีแดง มีกล่ินหญ้าเน่า กล่ินข้าวบูด กล่ินปลาเน่า หรือกลิ่นซากศพ และมีลักษณะเป็นเมือก เป็นมัน เป็นเปลว หรือเป็นไต นอกจากน ี้ อาจถ่ายอจุ จาระบ่อย เอน็ ดู เสน้ โอฬาริกวาตะ, โอฬารกิ วาตา ดู ลมกองหยาบ 236
237 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
238 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กลมุ่ โรคโลหติ ระดสู ตรี ทฤษฎีการแพทย์แผนไทยได้กล่าวถึงเน้ือหาเกี่ยวกับการรักษาโรคของสตรีไว้ในพระคัมภีร์ มหาโชตรัต โดยเริ่มตัง้ แต่การแยกลกั ษณะของหญิงที่ตา่ งจากชาย การมปี ระจาำ เดอื น หรือ รอบเดอื น หรือ ระดูของสตรี โดยการเจ็บป่วยอันเกิดจากการมีระดูของสตรีมีการแยกประเภทเป็นโลหิตปกติโทษ, โลหิต ทจุ ริตโทษ, โลหิตอนั เกิดแต่กองธาต ุ ลักษณะวเิ ศษโลหติ ซ่ึงมีอาการและข้นั ตอนการรกั ษาเป็นเอกลักษณ์ ของพระคัมภีร์มหาโชตรัตน้ีแตกต่างกันไป แต่โดยภาพรวมในการพิจารณาคัดเลือกตำารับยาแผนไทย แห่งชาตใิ นกลุม่ โรคโลหิตระดสู ตรนี ใี้ นเบอื้ งต้นได้คดั เลอื กตามข้อบง่ ใช ้ ไดแ้ ก ่ ยาบาำ รุงเลอื ด หมายถึง ตาำ รบั ยาที่ทำาให้เลอื ดมากข้นึ หรอื ดีขนึ้ โดยจะใชย้ ารสประธานรสสขุ ุมติด ไปทางร้อน ยาประจุโลหติ หมายถงึ ตำารับยาท่ีขับโลหิตระดเู นา่ เสยี ออกจากรา่ งกาย โดยจะใช้ยารสประธาน รสรอ้ น ยาฟอกเลือด หรือฟอกโลหิตประจำาเดอื น หมายถงึ ตำารับยาทที่ าำ ให้ประจาำ เดือนเปน็ ปรกต ิ หรือ กระทำาใหโ้ ลหิตไม่เปน็ ลิ่ม เป็นก้อน ใสขึ้น ขบั ออกมาสะดวก โดยจะใช้ยารสประธานรสร้อน ยาแกป้ วดประจาำ เดอื น หมายถงึ ตาำ รบั ยาทใี่ ชใ้ นสตรที ม่ี อี าการปวดหนว่ งทอ้ งนอ้ ยระหวา่ งมปี ระจาำ เดือน ซึ่งสาเหตุมาจากการเจ็บป่วยอันเกิดจากการมีระดูของสตรีอย่างใดข้างต้นก็ได้ ยาจะมีลักษณะ การละลายและขบั เสมหะและลมสง่ิ ที่ค่ังคา้ งในมดลูกให้ออกมา โดยจะใช้ยารสประธานรสรอ้ น ยาแก้ไข้ทับระดู ระดทู บั ไข ้ หมายถึง ตาำ รบั ยาทีใ่ ช้ในสตรที ม่ี อี าการไข้ขณะทก่ี าำ ลงั มรี ะดู หรอื ระดู พ่ึงหยุด อาการอาจมากนอ้ ย บางครง้ั รนุ แรงอาจถงึ ตายได ้ โดยจะใชย้ ารสประธานรสสขุ มุ ยาบาำ รุงครรภ ์ (ครรภร์ ักษา) หมายถึง ตำารับยาที่ใชด้ แู ล พยาบาล สตรีตั้งครรภใ์ หเ้ ปน็ ปรกต ิ โดยจะใช้ยารสประธานรสสขุ มุ ยาเพมิ่ ลมเบง่ หมายถงึ ตาำ รบั ยาทใ่ี ชใ้ นสตรตี ้ังครรภก์ าำ ลงั จะคลอด เป็นยาที่เข้าไปเพ่ิมกาำ ลงั ของ ลมกมั มชั วาต เพ่อื ใหค้ ลอดบุตรงา่ ยตามวาระครรภป์ ระสตู ิ โดยจะใช้ยารสประธานรสร้อน ซง่ึ แพทยต์ อ้ ง เป็นผูพ้ จิ ารณาในการใช้รกั ษาหรือส่ังจา่ ยยาให ้ เน่ืองจากมีสมุนไพรทม่ี สี รรพคุณเปน็ ยาขับ ต้องระมดั ระวัง เพราะอาจเกิดอนั ตรายตอ่ สตรีมีครรภ์ ยาขับนำ้าคาวปลา หมายถงึ ตำารบั ยาทใี่ ช้ในสตรหี ลงั คลอดใชข้ บั โลหิตและเสมหะเนา่ เสยี เชน่ น้ำาคาวปลาออกจากร่างกายสตรีหลังคลอด โดยจะใชย้ ารสประธานรสร้อน ยาบาำ รงุ นาำ้ นม หมายถงึ ตาำ รับยาทใี่ ช้ในสตรหี ลงั คลอด และใหน้ มบตุ รในกรณมี ีนา้ำ นมนอ้ ย หรอื มภี าวะนา้ำ นมเปน็ พษิ ในเรอื่ งนำ้านมดนี ำา้ นมชั่ว โดยจะใช้ยารสประธานรสร้อน รวมท้ังสนิ้ ๒๘ ตำารบั ดงั นี้ ๑. กล่มุ ยาบำารุงเลือด ตัวยาหลักท่จี าำ เปน็ ต้องมี ๑. ตวั ยาท่ีมสี รรพคุณบาำ รุงเลือด เช่น ดอกคาำ ไทย คาำ ฝอย เลอื ดแรด ฝางเสน ครั่ง 239
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ๒. ตวั ยาทีม่ รี สสุขมุ สรรพคณุ แก้ไข ้ ทำาดวงจิตให้ชุ่มชนื่ บำารงุ หวั ใจ เชน่ โกฐ เกสรบวั กฤษณา กะลาำ พัก ชะลูด ขอนดอก เกสรทงั้ ๕ ๓. ตัวยาท่ีมีสรรพคุณขับลมท่ีมีรสร้อน เช่น เทียน ตรีกฏุก เบญจกูล เทียนท้ัง ๕ ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ กระวาน กานพลู ๔. ตัวยาที่มสี รรพคุณระบายเสมหะขบั โลหิตเน่ารา้ ย หรอื นำ้าเหลอื งเสยี เชน่ แสมสาร แสมทะเล มะกรดู สมอไทย สมอเทศ สมอพิเภก เถามวกขาว เถามวกแดง ตำารับยาบาำ รงุ เลอื ดท่คี ดั เลือกเปน็ ตาำ รบั ยาแผนไทยแหง่ ชาต ิ ๑. ยากำาลังราชสหี ์ สูตร ๑ ๒. ยากาำ ลังราชสีห์ สูตร ๒ ๓. ยาบาำ รงุ เลอื ด สตู ร ๑ ๔. ยาบำารุงเลือด สตู ร ๒ ๕. ยานนทเสน ๖. ยาบาำ รุงโลหิต ๒. ยาแกป้ ระจำาเดือนไมป่ กติ ๒.๑ ยาประจุโลหติ ตวั ยาทจี่ าำ เป็นตอ้ งมี ๑. ตวั ยาทีม่ รี สร้อน สรรพคุณขับโลหติ ขบั ลม เช่น ดปี ลี ชา้ พลู สะค้าน เจตมลู เพลงิ ๒. ตัวยาทีม่ สี รรพคณุ เปน็ ยาถา่ ย เชน่ ยางสลดั ได มหาหงิ คุ์ ยาดาำ รงทอง ตาำ รบั ยาประจุโลหิตทคี่ ัดเลือกเปน็ ตาำ รับยาแผนไทยแหง่ ชาต ิ ยาพรหมพักตร์ ๒.๒ ยาฟอกเลือด ตัวยาทจี่ ำาเป็นต้องมี ๑. ตัวยาทม่ี ีรสเปร้ยี ว เช่น ผลมะกรูด สารส้ม ใบมะขาม ใบส้มเส้ยี ว ใบส้มป่อย ๒. ตวั ยาท่ีมฤี ทธถิ์ า่ ยหรอื ระบาย ขบั โลหิตเน่าร้าย เชน่ แก่นแสมทะเล แก่น แสมสาร ยาดาำ ดีเกลือ ใบมะกา สมอทะเล ตำารบั ยาฟอกโลหิตที่คดั เลอื กเปน็ ตาำ รับยาไทยแหง่ ชาติ ๑. ยาผายโลหติ ๒. ยาแกห้ ญงิ ไม่มรี ะดู ๓. ยาแก้ระดูขดั ๓. ยาแกป้ วดประจาำ เดือน ตัวยาทีจ่ าำ เป็นตอ้ งมี ๑. ตัวยาทีม่ รี สร้อน ขับเลอื ด ขบั ลม เชน่ พริกไทย ขิง ดปี ล ี ไพล กะทอื ๒. ตัวยาทมี่ สี รรพคณุ ระบาย เชน่ ดีเกลอื มหาหงิ ค์ุ ยาดาำ เกลอื สนิ เธาว์ 240
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขตำารับยาแกป้ วดประจาำ เดอื นที่คัดเลือกเป็นตำารบั ยาไทยแห่งชาต ิ ๑. ยาประสะไพล ๒. ยาประสะผิวมะกรูด ๓. ยาเลือดงาม ๔. ยาแกไ้ ขท้ ับระดหู รือระดูทับไข้ ตวั ยาที่จาำ เปน็ ตอ้ งมี ๑. ตัวยาที่มีรสสุขุม แก้ไข ้ เช่น เปลือกสันพร้านางแอ กระพงั โหม ๒. ตวั ยาท่มี รี สเยน็ แก้ไข ้ เชน่ พิกดั บัวนาำ้ จันทนท์ ้ังสอง ๓. ตัวยาที่มีรสฝาด บาำ รุงธาต ุ เชน่ ผลมะตูมอ่อน ๔. ตัวยาท่ีมรี สรอ้ น ขับลม เช่น ลูกจันทน์ ดอกจนั ทน์ กระวาน กานพลู ตาำ รับยาแกไ้ ข้ทบั ระดู/ระดทู บั ไขท้ ีค่ ัดเลอื กเป็นตาำ รับยาไทยแห่งชาต ิ ๑. ยาแกไ้ ข้ทบั ระดูหรอื ระดูทับไข้ สตู ร ๑ ๒. ยาแก้ไขท้ บั ระดหู รอื ระดูทบั ไข้ สตู ร ๒ ๕. ยาบำารงุ ครรภ์ ตัวยาทจ่ี าำ เป็นต้องมี ตวั ยาทมี่ ีรสสขุ ุม บาำ รงุ หัวใจ เช่น โกฐทั้ง ๕ พิกัดเกสร พกิ ดั บวั นา้ำ ตำารับยาบำารงุ ครรภ์ทีค่ ัดเลอื กเปน็ ตำารับยาไทยแห่งชาติ ๑. ยาสวุ รรณเกษรา ๒. ยาครรภ์รักษา ๖. ยาเพม่ิ ลมเบ่ง ตวั ยาท่จี ำาเปน็ ตอ้ งมี ๑. ตวั ยาที่มีรสรอ้ น เช่น กระวาน กานพล ู สารส้ม ๒. ตัวยาท่มี รี สสุขมุ เชน่ ผักช ี ลูกจนั ทน์ ดอกจนั ทน ์ เทยี นดาำ เทยี นขาว เทียนแดง ตำารับยาเพ่ิมลมเบ่งทค่ี ัดเลือกเป็นตาำ รับยาไทยแหง่ ชาต ิ ยาศุภมติ ร ๗. ยาขบั น้าำ คาวปลา ตัวยาทีจ่ ำาเป็นตอ้ งมี ๑. ตัวยาทีม่ ีรสรอ้ น เช่น ไพล เจตมูลเพลิง เทยี นดาำ แสมทะเล พรกิ ไทย ดีปลี ขงิ ๒. ตวั ยาท่ีมีฤทธิร์ ะบาย เช่น ยาดำา มหาหงิ คุ์ ใบมะกา ส้มปอ่ ย ตำารบั ยาขับนาำ้ คาวปลาทีค่ ัดเลือกเป็นตำารบั ยาไทยแหง่ ชาติ ๑. ยาประสะว่านนางคาำ ๒. ยาไฟประลยั กลั ป์ 241
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ๓. ยาไฟหา้ กอง ๔. ยาสตรหี ลงั คลอด ๕. ยากนิ เมื่อคลอดลูก ๖. ยาแกอ้ ยไู่ ฟไมไ่ ด้ ๗. ยาประสะไพล ๘. ยาบ�ารุงน้�านม ตัวยาทจ่ี า� เปน็ ต้องมี ๑. ตวั ยาท่ีทำาใหน้ า้ำ นมมาก เช่น กะทอื โคกกระออม ระยอ่ ม แห้วหม ู พญารากขาว ๒. ตัวยาทม่ี รี สรอ้ น เช่น ขงิ ดีปลี พรกิ ไทย อบเชย เรว่ กระวาน ตำารับยาบำารุงนา้ำ นมที่คดั เลือกเปน็ ตาำ รับยาไทยแห่งชาต ิ ๑. ยาปลูกไฟธาตุ ๒. ยาประสะนา้� นม ๓. ยาชำาระโลหติ นำา้ นม ๔. ยาสตรีหลงั คลอด ๕. ยากินเมอื่ คลอดลกู ๖. ยาแก้อยู่ไฟไมไ่ ด้ 242
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กลมุ่ โรคเดก็ กลมุ่ โรคเดก็ กล่าวถงึ โรคและอาการท่ีเกิดขนึ้ ในเด็ก ตงั้ แต่แรกเกิดจนถงึ อายุ ๑๔-๑๕ ปี เป็นชว่ งส้นิ กำาหนดโรคซางและตานขโมย ๑. ซาง โรคซางเกดิ กับเดก็ ทารก ตง้ั แตแ่ รกเกดิ จนถงึ อาย ุ ๕-๖ ขวบ เกิดเมด็ ซางขึ้นตามรา่ งกาย จาำ นวนหลายเม็ด มสี ตี า่ งกนั เช่น สีแดง สีม่วง สีเหลือง เปน็ ต้น บริวารซางขน้ึ ล้อมรอบแมซ่ างในลักษณะ ต่างๆ เรยี กว่า “ดวงซาง” เม็ดซางสามารถเล่ือนไปตามอวัยวะตา่ ง ๆ ได ้ ซางแตล่ ะชนดิ จะมีจุดกำาเนดิ และการเคล่ือนที่ต่างกัน เรียกว่า “แผนซาง” ตำาแหน่งที่เกิดเม็ดซางเกิดข้ึนได้ทั้งอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ในปาก คอ ล้นิ ทรวงอก ปอด ในทอ้ ง กระเพาะอาหาร ตับ ม้าม ลำาไสเ้ ล็ก ลำาไสใ้ หญ ่ กระเพาะ ปัสสาวะ ทวารหนัก อวยั วะภายนอก เชน่ แขน ขา หน้าแขง้ สนั หลัง สขี า้ ง และตามผวิ หนงั ซางแต่ละชนดิ มีอาการแตกต่างกัน ตั้งแตอ่ าการเล็กนอ้ ย เช่น เปน็ ไข้ ตวั ร้อน กระหายนาำ้ ไอ กินข้าวกินนมไม่ได้ ปวดท้อง ท้องเสีย อาเจียน ท้องผูก จนถึงอาการรุนแรง เช่น ถ่ายเป็นมูก เปน็ เลอื ด เปน็ หนอง ตวั เหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะเหลอื ง ตบั โต มา้ มโต แตซ่ างท่ีข้นึ ตามอวยั วะต่าง ๆ จะมอี าการเหมือนกนั เช่น ซางขนึ้ คอ ทำาใหเ้ จ็บคอ ไอ อาเจยี น ปากแห้ง คอแห้ง กนิ ขา้ วกนิ นมมิได ้ ซางข้ึนกระเพาะ ทำาใหเ้ บือ่ อาหาร อาเจยี น ซางขน้ึ ลำาไสอ้ อ่ น ทาำ ให้ถ่ายอจุ จาระสเี ขยี วดังใบไม้ ซางข้ึนลำาไสแ้ ก ่ ทาำ ใหถ้ ่ายอุจจาระสีเหมือนนาำ้ ส่าเหล้า ซางขน้ึ ในท้อง ทาำ ให้ทอ้ งเสียปวดทอ้ ง ทอ้ งขึ้น ซางขึ้นหวั เหนา่ ทาำ ให้เปน็ บิดปวดมวน ขัดอจุ จาระ ซางขึ้นกระเพาะปสั สาวะทำาให้ปัสสาวะขัด ซางขึ้นตบั ทาำ ใหถ้ า่ ยเป็นมูก เปน็ เลือด เป็นหนอง ตัวเหลือง ตาเหลอื ง ตบั โต มา้ มโต ซางขน้ึ ตา ทำาให้ตาแฉะ ตาฟาง ตาเป็นเกลด็ กระด ี่ ตาบอด ซางขน้ึ หู ทาำ ใหห้ เู นา่ (มหี นอง) ซางขึน้ ปาก ทำาใหป้ ากแดง การวเิ คราะห์เพ่อื วางแผนการรกั ษา โรคซางน้นั อาการคอ่ ย ๆ ดำาเนนิ ไปจากอาการนอ้ ยจนถึงอาการหนกั จากพระคมั ภีร์ทก่ี ล่าวไวว้ า่ “ลักษณะซาง(บางชนิด) ถึงร้ายก็จริง แต่ว่า(เม็ด) ซางนั้นข้ึนทีละยอด ถ้าแพทย์ประกอบยาที่ถูกกับ โรคซางน้ันก็จะหายไป” ถ้าแพทย์ให้การรักษาท่ีถูกต้อง และรักษาในระยะเร่ิมแรกซึ่งอาการยังน้อยอยู่ ก็สามารถหายได้ ไม่ทำาให้โรคลุกลามรนุ แรงขน้ึ แตถ่ ้าแพทย์วางยาไม่ถกู ตอ้ งกับโรคและอาการแลว้ หรอื รกั ษาในระยะทโ่ี รคลุกลามรุนแรง ก็ยากทจ่ี ะรักษาใหห้ ายได้ 243
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ดงั นนั้ จงึ ตอ้ งพจิ ารณา ๑. ระยะเวลาท่ีเกดิ โรค เช่น ถ้าเพ่ิงเรม่ิ เปน็ จะรกั ษาได้งา่ ยกวา่ เปน็ เรื้อรงั ๒. ความรนุ แรงของโรค เชน่ ถ่ายเปน็ น้าำ คาวปลา ถ่ายเป็นมกู เป็นเลอื ด เปน็ หนอง ตวั เหลอื ง ตาเหลอื ง ตับโต มา้ มโต ถา้ มีอาการเร้ือรงั และรุนแรง ควรสง่ ต่อให้แพทยผ์ ูม้ คี วามเชี่ยวชาญทาำ การรกั ษา อาการทไี่ มร่ นุ แรงท่ีสามารถรกั ษาได้ คือ เป็นไข้ ตวั ร้อน (ไมเ่ กนิ ๓๙ องศาเซลเซียล) ไอ เบ่อื อาหาร ปวดทอ้ ง ทอ้ งเสยี อาเจียน ท้องผูก เป็นเมด็ ในปากในคอท่ีล้นิ เป็นผืน่ ขนึ้ ตามผวิ หนงั หลกั ในการรกั ษา ๑. ยาทใี่ ช้ในเด็ก โดยทวั่ ไปไมค่ วรใช้ตาำ รับยาท่มี ีรสร้อนจัด หรือตำารับยาท่มี ีรสเย็นจัด ๒. ควรใช้ตำารับยาทม่ี ีรสสขุ มุ ปานกลาง ๓. ไมค่ วรใชก้ ระสายยาทีม่ ฤี ทธแิ์ รง ๔. ควรใชก้ ระสายยาให้เหมาะกับอาการของเดก็ ๒. หละ ละออง (กลมุ่ โรคในปากในคอเดก็ ) โรคหละและละออง เกิดกับเด็กทารก ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุ ๕-๖ ขวบ เกิดเฉพาะ ในปากในคอเดก็ ลกั ษณะเปน็ เมด็ โตขนาดเท่าหัวสวิ มีสีต่างๆ เช่น สแี ดง สีเหลือง สีเขียว สีดำา เกดิ ขึน้ ท่ี โคนขากรรไกรซ้ายหรอื ขวา มอี าการ ท้องเสยี บางชนิดมีอาการชกั บางชนดิ มีอาการเปน็ อัมพาต ละออง ลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ สีแดง สีม่วง หรือเป็นจุดขาว ๆ เป็นเมือกใสหนา ๆ ที่ลนิ้ กระพงุ้ แกม้ เพดานปาก มีอาการทอ้ งเสีย ไขส้ งู ชัก บางคนมีอาการชกั โดยไม่มีไข้ ๓. ลมซาง โรคลมที่เกิดขึ้นในเด็กต้ังแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึง ๕-๖ ขวบ มีอาการต่าง ๆ เช่น ปวดทอ้ ง ทอ้ งข้นึ ทอ้ งเสยี บางชนิดมีอาการชกั ตาเหลอื ก หลงั แข็ง หน้าเขยี ว ๔. ตานขโมย เกิดในเด็กอายุต้ังแต่ ๕-๑๒ ขวบ เกิดจากการกินอาหารอันทำาให้เกิดพยาธิในร่างกาย มอี าการ เช่น ท้องเสีย อจุ จาระมกี ลิ่นเหม็นคาวจัด บางครัง้ ถา่ ยเป็นมูกเลือด บางคร้ังอจุ จาระสีขาวซดี ถ้าเปน็ เรื้อรัง ทำาใหเ้ ด็กซูบซีด ผอม ตำารับยาแผนไทยแห่งชาติในกลุ่มโรคเด็กนี้ ได้คัดเลือกตำารับยาท่ีมีศักยภาพและพิจารณา จำาแนกประเภทของกลุ่มโรค/อาการต่าง ๆ ตามท่ีได้อธิบายไวข้ า้ งต้นรวมทั้งสิ้น ๓๗ ตำารบั ดังนี้ ๑. กลมุ่ ยาแกซ้ าง หละ ละออง รสประธานของยา เย็น –สุขุมเยน็ ตวั ยาทจ่ี ำาเป็นต้องมี ๑. ตวั ยารสสขุ มุ เช่น โกฐ เทยี น ขอนดอก ชะลูด กระลำาพกั กฤษณา สมุลแวง้ ๒. ตวั ยาท่มี ฤี ทธเิ์ ย็น ดบั พิษร้อน ถอนพิษไข ้ เชน่ ลูกข้ีกาแดง เนระพูส ี มหาสดาำ พิษนาศน ์ จนั ทนท์ ัง้ สอง 244
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ๓. ตวั ยารสรอ้ นและกระจายลม เชน่ หอมแดง พรกิ ไทย กระเทยี ม ขงิ แหง้ ผกั แพวแดง สะคา้ น กานพลู ดอกจันทน ์ ผลจนั ทน์ เปราะหอม ๓. ตวั ยาทม่ี ีฤทธริ์ ะบาย เชน่ ตรีผลา ชมุ เหด็ ไทย เกลือสนิ เธาว์ โกฐนำา้ เต้า เปน็ ต้น ๔. ตวั ยาที่มีฤทธิ์ฝาด (กรณที มี่ อี าการทอ้ งเสยี ) เชน่ ลูกเบญกานี สีเสยี ดเทศ ๕. ตวั ยาที่มฤี ทธิแ์ กล้ ้นิ เป็นฝา้ หละ ละออง เช่น นา้ำ ประสานทอง ลูกเบญกาน ี ตำารับยาในกลุ่มยาแก้ซาง หละ ละออง ทคี่ ัดเลอื กเป็นตำารบั ยาแผนไทยแห่งชาติ ๑. ยาหอมน้อย ๒. ยาแก้ตานซาง ๓. ยาแก้ซางเพลงิ ๔. ยาแผว้ ฟา้ ๕. ยาแกไ้ อผสมตรีผลา ๖. ยาสมมทิ กมุ ารน้อย ๘. ยาแก้ละอองพระบาท ๙. ยาแสงหมกึ ๒. กล่มุ ยาแกไ้ ข้ หดั สุกใส แกร้ อ้ นใน กระหายนำา้ รสประธานของยา เยน็ –สุขุมเยน็ ตัวยาทีจ่ าำ เปน็ ตอ้ งมี ๑. ตวั ยารสสขุ ุม เช่น โกฐ เทยี น ขอนดอก ชะลูด กระลาำ พกั กฤษณา จันทนช์ ะมด สมลุ แวง้ ๒. ตวั ยารสเยน็ เชน่ จนั ทนแ์ ดง จันทนข์ าว ใบพิมเสน ดอกพกิ ลุ ดอกบุนนาค ดอกสารภี ๓. ตัวยาที่มีฤทธ์ิกระจายลม เช่น เมล็ดผักชี เมล็ดพรรณผักกาด หัวเปราะหอม ลูกจันทน ์ ดอกจนั ทน ์ กระวาน กานพล ู กระชาย ตำารับยาในกลุ่มยาแก้ไข้ หัด สุกใส แก้ร้อนในกระหายน้ำา ที่คัดเลือกเป็นตำารับยา แผนไทยแห่งชาติ ๑. ยาเขียวหอม ๒. ยามหานลิ แท่งทอง ๓. ยาประสะเปราะใหญ่ ๔. ยาคันธารส ๓. กลุ่มยาแก้ลมซาง (ทอ้ งเสีย ท้องขนึ้ ) รสประธานของยา ร้อน – สขุ ุมรอ้ น ตวั ยาทจี่ าำ เปน็ ต้องมี ๑. ตวั ยารสรอ้ นและกระจายลม เช่น พริกไทย ขงิ ดีปลี กระเทียม มหาหิงคุ ์ ว่านนำา้ ใบหนาด ไพล เจตพังค ี ขมน้ิ อ้อย ขา่ คนทสี อ หอมแดง ผลจันทน์ เปราะหอม กะเพราทงั้ สอง กระพังโหม ๒. ตวั ยาท่ีมฤี ทธ์ิระบาย เช่น เกลือ ฝกั ราชพฤกษ ์ มะขามเปียก ยาดาำ โกฐนา้ำ เตา้ 245
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ตาำ รับยาในกลุ่มยาแกล้ มซาง ที่คัดเลอื กเปน็ ตาำ รับยาแผนไทยแห่งชาติ ๑. ยาตรีหอม ๒. ยาประสะกะเพรา ๓. ยามหาจักรใหญ่ ๔. ยาทาทอ้ ง สูตร ๑ ๕. ยาทาทอ้ ง สูตร ๒ ๖. ยาทาทอ้ ง สูตร ๓ ๗. ยาทาทอ้ ง สูตร ๔ ๘. ยาประสะแกล้ ม ๙. ยาแกล้ มสุนทรวาต ๑๐. ยาประสะกะเพราน้อย ๑๑. ยาแกท้ อ้ งเสยี ในเด็กออ่ น ๑๒. ยาเขียวน้อย ๑๓. ยาแกป้ วดทอ้ งผสมคนทสี อ ๑๔. ยามหาอำามฤต ๑๕. ยามหากะเพรา ๑๖. ยาแกท้ ้องขึน้ ๔. กล่มุ ยาแก้ตานขโมย (ถ่ายพยาธิ ระบาย ช่วยให้เจรญิ อาหาร) รสประธานของยา รอ้ น-สขุ มุ รอ้ น ตัวยาท่ีจำาเป็นตอ้ งมี ๑. ตวั ยารสรอ้ นและกระจายลม เชน่ ขงิ ดีปล ี ว่านนา้ำ ใบหนาด ไพล ขมิน้ ออ้ ย ขา่ การบรู ผวิ มะกรูด หอมแดง แหว้ หมู ผักเส้ียนผี ลูกจันทน์ ดอกจนั ทน ์ โหระพา ลกู ผกั ช ี กระชาย เจตพงั คี ๒. ตวั ยาทมี่ ฤี ทธร์ิ ะบาย เชน่ สมอไทย สมอเทศ สมอพเิ ภก ฝกั ราชพฤกษ ์ ยาดาำ รากตองแตก ใบมะขามแขก ตาำ รบั ยาในกลุ่มยาแก้ตานขโมย ที่คัดเลอื กเป็นตาำ รบั ยาแผนไทยแหง่ ชาติ ๑. ยาแก้ตาน ๒. ยาทองเนอ้ื งาม ๓. ยาถา่ ยพยาธิ ๔. ยาแกต้ านขโมย ๕. ยาถา่ ยพยาธิพรหมกิจ ๖. ยาทองพนั ชงั่ ๗. ยาชักดากใหห้ ดเข้า 246
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข๕. ยาแก้ตับทรุด (ตบั โตในเดก็ ) รสประธานของยา ขม-ขมเยน็ ตวั ยาท่ีจำาเป็นตอ้ งมี ๑. ตวั ยารสขม หอมเยน็ เช่น ดอกสารภ ี ดอกบนุ นาค ดอกขจร ๒. ตวั ยาท่มี ีสรรพคุณ แก้ตับทรดุ ตบั ยอ้ ย เชน่ หัวเตา่ นา หัวเต่าเกียด เถาลิ้นเสอื ตาำ รบั ยาในกลุม่ ยาแก้ตบั ทรุด ทีค่ ดั เลือกเปน็ ตำารับยาแผนไทยแห่งชาติ ๑. ยาแก้ตับทรดุ 247
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กลมุ่ โรคลม กลุ่มอาการโรคทีเ่ กิดจากสภาวะติดขดั ของตรสี มฏุ ฐาน ปิตตะ วาตะ เสมหะ ในกองธาต ุ สภาวะ ติดขัดดังกล่าว ทำาให้เกิดพิษข้ึนมากระทำาโทษ และแสดงอาการวิปริต แปรปรวนต่าง ๆ ออกมา เช่น เส้นอษั ฏากาศ หากมีสภาพเส้นตบี ขดั ข้อง ติดขัด เกิดเม็ดหรอื อดุ ตนั ขึน้ ในเสน้ ถกู ความรอ้ นความเยน็ เกินประมาณ ทำาให้เลือดเดินไม่สะดวก เกิดพิษขึ้น พิษกลับเข้าไปทำาให้หัวใจพิการ เป็นโรคร้ายแรง ตา่ ง ๆ เชน่ ลม ๖ ประการ คือ ลมชวิ หาสดมภ์ ลมมหาสดมภ์ ลมทกั ขิณโรธ ลมตะนยิ าวโิ รธ กาฬสงิ คลี และลมนางงุ้ม เสน้ สมุ นา หากมสี ภาพเสน้ ตีบ ขัดข้อง ตดิ ขดั หรอื มีเม็ดขึ้นในเส้น หรือถูกเส้นอิทาหรอื เสน้ ปงิ คลาเบยี ดหรอื ทบั ทาำ ใหเ้ ลอื ดเดนิ ไมส่ ะดวก จงึ เกดิ พกิ ารขน้ึ เกดิ พษิ พษิ นนั้ กลบั เขา้ ทาำ ใหห้ วั ใจพกิ าร ทำาให้เกิดโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น ลม ๖ ประการ คือ ลมราทยักษ์ ลมกุมภัณฑยักษ์ ลมบาดทะจิต ลมพทุ ธยักษ์ ลมอคั มุขี และลมอนิ ธน ู (ดรู ายละเอียดในคัมภรี ช์ วดาร) เม่อื แก้หายแลว้ บางครัง้ กลายเปน็ อมั พาต พิษที่กระทำาโทษ ม ี ๒ สภาวะคือ ๑. สภาวะไหว ๒. สภาวะตงึ โรคลมบางครง้ั เรียกว่า เกิดลม หรือ ลม กเ็ รียก และมกั เรยี กรว่ มกบั เลือด เรยี กว่า เลือดลม ธรรมชาติของลม ที่เป็นปกติ เป็นหน่ึงในกองธาตุ ๔ ท่ีสงเคราะห์เรียกว่า “ธาตุลม” หรือ วาโยธาตุ หรอื วาโยรปู เปน็ รปู ปรมตั ถ ์ ซง่ึ มลี ักษณะไหวหรอื เครง่ ตงึ มลี ักขณาทิจตุกะ ดังนี้ ๑. มคี วามเครง่ ตงึ เป็นลกั ษณะ ๒. มกี ารไหวเปน็ กจิ ๓. มกี ารเคลอ่ื นยา้ ยเป็นผล ๔. มธี าตทุ ั้ง ๓ ท่ีเหลอื เป็นเหตุใกล้ ธรรมชาตทิ ีท่ รงภาวการณ์เครง่ ตงึ กด็ ี การไหวก็ดที ี่มีอยู่ในกายนั้น เรยี กว่า วาโยธาตุ ธาตลุ มภายใน หมายถึง ธาตลุ มอันเปน็ สว่ นประกอบของร่างกายท่ีมวี ญิ ญาณ ซ่ึงมีอยู่ ๖ อย่าง ได้แก่ ๑. ลมที่พัดขนึ้ เบ้อื งบน เช่น การเรอ การหาว การไอ การจาม ๒. ลมทีพ่ ัดลงสเู่ บอื้ งตาำ่ เช่น การผายลม การเบ่ง (ลมเบ่ง) ๓. ลมท่อี ยู่ในช่องท้อง ทำาใหป้ วดทอ้ ง เสียดท้อง ๔. ลมทอ่ี ย่ใู นลาำ ไส้ เช่น ทอ้ งลัน่ ท้องรอ้ ง ๕. ลมทพี่ ดั อยูท่ ่วั ร่างกาย ทาำ ใหไ้ หวรา่ งกายได้ ๖. ลมหายใจเข้า ออก โรคลม มีมูลแห่งเหตุท่ีสำาคัญมาจาก อาหาร อารมณ์ การกินอาหารผิดเวลา มักเกิดขึ้น ในทวัตติงสาการ หรอื อาการ ๓๒ เช่น เกิดในเน้อื หนงั เส้น เอน็ กระดกู เลอื ด หวั ใจ โรคลม เกดิ ข้นึ อย่างเฉียบพลัน หรอื เรอ้ื รงั ก็ได ้ เม่ือเกิดข้ึนแลว้ มักมอี าการรนุ แรง รกั ษาค่อน ข้างลำาบาก พลาดพลงั้ อาจถึงแก่ชวี ิตได้ 248
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข โรคลม อาการท่ีแสดงออกที่ไม่รุนแรงเป็นอาการทั่ว ๆ ไป เช่น อาการจุกเสียด แน่นเฟ้อ ปวดท้อง ปวดเม่อื ย สวิงสวาย วิงเวยี นศรี ษะ ใจสัน่ นอนไม่หลบั ความดันโลหิตสูง ฯลฯ ไปจนถึงอาการ ทรี่ นุ แรง เชน่ หนา้ มดื เปน็ ลมนอนแนน่ ิ่ง ลมพิษ ชักมือกาำ เทา้ งอ ลน้ิ กระดา้ งคางแข็ง ละเมอเพ้อพก อัมพฤกษ์ อัมพาต ฯลฯ การพจิ ารณารกั ษาโรคลม ต้องพจิ ารณาวา่ เกดิ ทใี่ ด ในอาการ ๓๒ ประการ ตามคมั ภีร์ชวดาร แนะนำาไว้ดังน้ี “โรคลมน้ันเกิดได้ ในเส้น ในเน้ือ ในโลหิต ในกระดูก ในผิวหนัง ในหัวใจ เป็นต้น พึงพิจารณาลมน้ันก่อน แล้วจึงพิจารณายาที่จะซาบไปในที่นั้น ให้ควรแก่โรค เช่น ถ้าโรคลมบังเกิดขึ้น ในเสน้ ควรนวดและยาประคบ กินยาแกล้ มในเส้น จงึ หาย ถ้าโรคลมจ�าพวกใดบังเกิดในโลหติ ใหป้ ล่อย หมอน้อยกอกศีรษะ กนิ ยาในทางลมโลหติ จึงหาย ถ้าโรคลมจ�าพวกใดบงั เกดิ ในผวิ หนัง ชอบทายา และ รมยา และกอกลม กินยาในทางลม และรกั ษาผิวหนังใหบ้ ริบูรณจ์ ึงหาย ต�ารับยาทใี่ ชม้ ักเปน็ ต�ารบั ยาหอม ตา� รบั ยาลม ควบคู่กับต�ารับยาถ่าย ตา� รบั ยาระบาย” กลมุ่ เครอ่ื งยาแกโ้ รคลม ๑. กลมุ่ เครือ่ งยารสร้อน ขงิ พริกไทย ปลี พริกหอม หสั คณุ ไทย หัสคณุ เทศ มหาหงิ ค์ุ วา่ นนา้ำ มะกรูด กะเพรา เปลือกต้นมะรุม เปลือกอบเชยเทศ เปลือกกุ่มท้ัง ๒ เถาสะค้าน หัวแห้วหมู ลกู จันทน์ ดอกจนั ทน ์ กระวาน กานพล ู ลูกผักชีล้อม ลกู ผกั ชีลา เทพทาโร เจตพงั คี ข่า ๒. กล่มุ เครอื่ งยารสสุขมุ กลมุ่ โกฐ กล่มุ เทยี น กระลาำ พกั จันทน์ชะมด สมลุ แวง้ รากแฝกหอม ชะลูด ขอนดอก กำายาน จันทนเ์ ทศ ๓. กลมุ่ เครอ่ื งยารสเยน็ พมิ เสน ชะมดเชยี ง ชะมดเชด็ มะล ิ ดอกบนุ นาค ดอกสารภ ี ขอนดอก ลาำ เจียก ลาำ ดวน ดอกกระทงิ แกน่ จันทนา ๔. กลุม่ เครอื่ งยาทีม่ ฤี ทธ์ริ ะบาย ตองแตก สลดั ได ยาดำา รงทอง สมอไทย สลอด ตาำ รับยาในกลมุ่ โรคลมที่คดั เลอื กเปน็ ตาำ รบั ยาแผนไทยแห่งชาติ ๑. ยาแกล้ มปัตฆาต ๒. ยาวาตาประสทิ ธิ ๓. ยาแก้วาโยกำาเรบิ ๔. ยาแก้ลมอทุ ธังคมาวาตา ๕. ยามหาวาโย ๖. ยาชริ นัคคจี ร ๗. ยามหาสดมภ์ ๘. ยามหาวาตาธคิ ุณ ๙. ยาแก้ลมวาระยักขะวาโย ๑๐. ยาแกล้ มอัควารันตวาโย 249
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข ๑๑. ยาแกล้ มหทยั วาตะกาำ เรบิ สูตร ๑ ๑๒. ยาแก้ลมหทยั วาตะกำาเริบ สตู ร ๒ ๑๓. ยาอินทร์ประสทิ ธิ์ ๑๔. ยาทวิวาตาธิคุณ ๑๕. ยาหอมทพิ โอสถ ๑๖. ยาหอมเทพจิตร ๑๗. ยาหอมนวโกฐ ๑๘. ยาหอมอินทจักร์ ๑๙. ยาหอมแกล้ มวิงเวียน ๒๐. ยาแก้ลมปะกงั กลมุ่ โรคในระบบทางเดนิ อาหาร โรคหรอื อาการท่ีเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารในทางการแพทย์แผนไทยนั้น มดี ้วยกนั หลาก หลายอาการ เช่น อาการท้องอดื ท้องเฟอ้ จุกเสียด แน่นท้อง ท้องเสยี ท้องผกู รวมถงึ รดิ สดี วง เปน็ ตน้ ซ่งึ เปน็ อาการรว่ มอยู่ในกลมุ่ อาการของโรคหลาย ๆ โรคในพระคัมภีร์แพทยแ์ ผนไทย โดยอาการตา่ ง ๆ เหลา่ นเี้ รม่ิ บง่ บอกวา่ ธาตสุ มฏุ ฐานในรา่ งกายเรม่ิ แปรเปลย่ี นไป ซง่ึ พระคมั ภรี แ์ พทยแ์ ผนไทยทม่ี เี นอื้ หาเกยี่ ว เนอ่ื งกับโรคหรอื อาการ ทเ่ี กิดจากการแปรเปล่ยี นของธาตใุ นระบบทางเดนิ อาหารโดยหลัก ๆ นั้น ได้แก ่ พระคัมภรี ์ธาตุบรรจบ (กล่าวถึงโรคเกย่ี วกับอจุ จาระ และมหาภตู รปู อนั ทาำ ใหอ้ ุจจาระ มลี ักษณะ สี และ กลนิ่ ผดิ ปกต)ิ พระคมั ภรี จ์ ะละนะสงั คหะ (กลา่ วถงึ ลกั ษณะอจุ จาระธาต ุ ๔ ประการ) พระคมั ภรี ธ์ าตอุ ภญิ ญา ณ (กลา่ วถึงลักษณะของโรคทีเ่ กิดกบั ธาตุท้ัง ๔ อนั ทำาให้อจุ จาระมสี ีตา่ งๆ) พระคมั ภีรอ์ ติสาร (กลา่ วถึง โรคอจุ จาระรว่ ง) พระคมั ภีรอ์ ทุ รโรค (กล่าวถงึ โรคมาน ทอ้ งโต) โดยมีสาเหตุทีท่ ำาให้เกดิ โรคหรอื อาการใน ระบบทางเดินอาหาร เชน่ ไฟปรณิ ามคั คีพกิ าร หรอื ธาตุไฟหย่อน กนิ อาหารเกนิ กำาลังธาตุ กินอาหารท่มี ี ฤทธเ์ิ ย็น ขม ฝาด เป็นประจาำ หรอื แม้กระทง่ั การมีภาวะเครียด ซง่ึ ในการพจิ ารณาคัดเลอื กตำารับยาแผน ไทยแห่งชาติ ในระบบทางเดินอาหารได้คัดเลือกตำารับยาตามข้อบ่งใช้ เช่น กลุ่มยาบรรเทาอาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ควรมีรสประธานของตำารับยาเป็นรสร้อน เพ่ือบำารุงไฟธาตุและช่วยในการขับลมออก กลมุ่ ยาบรรเทาอาการทอ้ งเสยี ควรมรี สยาหลกั เปน็ รสฝาดและมสี มนุ ไพรทมี่ สี รรพคณุ รถู้ า่ ยรปู้ ดิ เพอ่ื ชว่ ยใน การหยุดอาการท้องเสีย กลุ่มยาบรรเทาอาการริดสีดวง ควรมียารสสุขมเป็นรสประธานหลักของยาและ มสี มนุ ไพรท่ีมีสรรพคุณเป็นยาระบายเพื่อชว่ ยในการขบั ถ่าย โดยตาำ รับยาที่ได้คัดเลอื กมที งั้ ส้ิน ๑๐ ตาำ รบั ดงั น ้ี 250
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข๑. กลุม่ ยาบรรเทาอาการทอ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ ตัวยาทค่ี วรมี ๑. ตัวยาท่ีมีสรรพคุณขับลม เช่น ขิง ข่า พริกไทย ดีปลี เทียนดำา สะค้าน ช้าพลู เจตพงั คี ลูกจันทน์ ดอกจนั ทน ์ กระวาน การพลู อบเชย ๒. ตวั ยาที่มีสรรพคุณบำารงุ ไฟธาต ุ เช่น เจตมูลเพลิง ว่านนา้ำ ขงิ ดีปล ี ชา้ พลู สะคา้ น ตำารับยาบรรเทาอาการท้องอดื ทอ้ งเฟอ้ ท่ีคัดเลอื กเป็นตำารบั ยาแผนไทยแห่งชาติ ๑. ยาประสะกานพลู ๒. ยาประสะเจตพังคี ๓. ยามันทธาตุ ๔. ยาวิสมั พยาใหญ่ ๕. ยาอภยั สาลี ๖. ยาธาตอุ บเชย ๒. ยาบรรเทาอาการท้องเสีย ตัวยาท่คี วรมี ๑. ตัวยาท่มี ีรสฝาด เช่น ใบทบั ทิม เปลือกทับทิม ใบฝร่ัง เปลือกแค เปลือกมังคุด ครั่ง เบญกานี ขมนิ้ ชัน ๒. ตัวยาที่มีสรรพคุณกระจายลม เชน่ ลกู จนั ทน์ ดอกจันทน ์ กระวาน กานพล ู เทียนดำา เทียนแดง ขงิ เปราะหอม ๓. ในยาไทยบางตำารับ อาจะมีตัวยาท่ีมีสรรพคุณรู้ถ่ายรู้ปิด เช่น สมอไทย สมอเทศ โกฐนำ้าเตา้ ตำารบั ยาบรรเทาอาการท้องเสยี ที่คัดเลือกเปน็ ตาำ รบั ยาแผนไทยแหง่ ชาติ ๑. ยาธาตุบรรจบ ๒. ยาเหลืองปดิ สมทุ ร ๓. ยาบรรเทาอาการริดสีดวง ตวั ยาท่ีควรมี ๑. ตัวยาที่มีสรรพคุณเป็นยาระบาย เช่น พลูแก ยาดำา เน้ือในฝักคูณ เพชรสังฆาต ผักแพวแดง เปลือกขอ่ ย ขลู่ ๒. ตัวยาทีม่ ีรสสขุ มุ เช่น พิกดั โกฐทงั้ ๕ พิกัดเทยี นทงั้ ๕ ตาำ รบั ยาบรรเทาอาการริดสดี วง ทค่ี ัดเลือกเปน็ ตำารับยาแผนไทยแห่งชาติ ยาริดสีดวงมหากาฬ 251
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กลุ่มอาการระบบทางเดินหายใจ กลมุ่ อาการระบบทางเดนิ หายใจ เปน็ กลมุ่ อาการของโรคทไ่ี มป่ รากฏในพระคมั ภรี แ์ พทยแ์ ผนโบราณ เชน่ โรคไข้หวัดน้อย ไขห้ วัดใหญ ่ มีรายละเอยี ดอยูใ่ นพระคมั ภีร์ตกั กศลิ า โรคระบบทางเดนิ หายใจ เปน็ อาการของโรคทมี่ คี วามสมั พนั ธก์ บั โรคทมี่ อี ยใู่ นพระคมั ภรี บ์ างคมั ภรี ์ เช่น พระคัมภรี ์สมฏุ ฐานวนิ ิจฉัย ท่ีกล่าวถงึ อาโปธาตสุ มุฏฐาน ศอเสมหะ น้าำ เสลดในคอ พกิ าร ให้ไอ เจ็บคอ คอแห้ง เปน็ หดื เขโฬ นา้ำ ลายท่ีอยู่ในปาก พิการ ให้เจ็บคอ เปน็ เมด็ ในคอและที่โคนลน้ิ สังฆานกิ า (นำ้ามกู ) เป็นนำ้าใสออกทางจมกู พิการ ใหป้ วดในสมอง ตามัว นาำ้ มกู ไหล เป็นต้น กลุ่มอาการระบบทางเดินหายใจนั้น พบได้ในหลาย โรคของพระคัมภีร์แพทย์แผนโบราณ มูลเหตุของโรคท่ีทำาให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บจากพระคัมภีร์เวชศึกษาและพระคัมภีร์ธาตุวิวรณ์ เช่น ฤดูที่แปร เปลี่ยนไป อาหารให้โทษ อากาศร้อนและเย็น อดนอน อดนำ้า กินอิ่มจนเกินควร ทำางานเกินกำาลัง ในพระคมั ภรี ธ์ าตวุ ภิ ังค์กลา่ วถงึ ความไม่สมดุลของธาตุ มผี ลให้เกดิ ความเจ็บปว่ ย การพจิ ารณาคัดเลอื กตาำ รับยาแผนไทยแห่งชาต ิ ในกลมุ่ อาการระบบทางเดินหายใจ ได้คดั เลอื ก ตามขอ้ บง่ ใชแ้ ละสรรพคุณทสี่ ามารถบรรเทาอาการไอ เจ็บคอ คอแหง้ ขับเสมหะ นำ้าลายเหนียว อาการ หวดั หรอื แพอ้ ากาศ ท่ีไมม่ ีอาการไข้รว่ มด้วย จาำ นวน ๓ ตำารับ ดงั น้ี ๑) กลุ่มยาบรรเทาอาการไอ ขบั เสมหะ ตัวยาที่จาำ เป็นต้องม ี คอื ๑.๑) ตัวยาท่ีมสี รรพคณุ แก้ไอ เชน่ เน้อื ผลมะขามป้อม ผลมะแวง้ ตน้ ผลมะแวง้ เครือ ๑.๒) ตัวยาทีม่ สี รรพคณุ ขับเสมหะ เช่น ใบกะเพรา เน้อื ผลสมอพเิ ภก เทียนขาว ๑.๓) ตัวยาท่ที าำ ให้ชุ่มคอ เช่น รากชะเอมเทศ ใบมะกลำา่ เครือ (แก้เจบ็ คอ กระตนุ้ นา้ำ ลาย) ๑.๔) นาำ้ กระสายยา เชน่ น้าำ มะขามเปยี ก น้าำ มะนาว นา้ำ ส้มซา่ ตาำ รับยาบรรเทาอาการไอ เจ็บคอ ทคี่ ดั เลือกเป็น ตาำ รบั ยาแผนไทยแหง่ ชาติ ๑) ยาประสะมะแวง้ ๒) ยาอาำ มฤควาที ๒) กลุ่มยาบรรเทาอาการหวัดหรือแพอ้ ากาศ (ซง่ึ ไม่มอี าการไขร้ ว่ มดว้ ย) ตวั ยาทจี่ าำ เป็นต้องม ี คือ ๒.๑) ตัวยาท่ีมีรสร้อน เช่น พริกไทยดำา หัสคุณเทศ ดอกกานพลู เหง้าขิง รากเจต มลู เพลงิ แดง ๒.๒) ตัวยาที่มีรสสุขุม เช่น เหงือกปลาหมอ (ทั้งต้น) โกฐสอ โกฐเขมา เทียนดำา เทยี นแดง ตาำ รับยาบรรเทาอาการหวดั หรือแพ้อากาศทค่ี ดั เลือกเป็นตำารบั ยาแผนไทยแห่งชาติ ยาปราปชมพทู วปี 252
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กล่มุ ไข้ เม่ือเจ็บป่วยร่างกายมักแสดงอาการท่ีผิดปรกติต่าง ๆ ออกมา อาการที่ผิดปรกติอย่างหน่ึง คอื อณุ หภมู ิรา่ งกายสงู ขึ้น อาการผดิ ปรกติน ี้ เรียกวา่ ไข้ หรอื เป็นไข ้ เจบ็ ไข ้ จับไข้ มีไข ้ ได้ไข้ ไข้ เป็นสัญญาณท่ีบอกว่าร่างกายกำาลังเกิดโรค อาการที่พบ มักมีอาการตัวร้อน ปวดศีรษะ บางครั้งมีนำ้ามูก และอาจมีรอยโรคตามผิวกาย เช่น ออกเม็ด ออกผ่ืน เป็นจ้ำาเลือด บางคร้ังมีอาการ ความรู้สึก อารมณ ์ เช่น ไม่สบายตัว เช่ือมมวั เช่อื มมนึ คลัง่ เพอ้ ระสา่ำ ระสาย เรยี กไดว้ า่ เป็นไปต่าง ๆ นานา แล้วแต่พิษของไขจ้ ะกระทำาโทษถงึ ไข้ เป็นสภาวะท่ีแสดงออกหรือส่ือให้รู้ว่า ร่างกายมีสภาวะผิดปกติ หรือส่ือให้รู้ว่าโรคร้าย กำาลังเข้าจู่โจม ไข้กล่าวตามหลักเวชกรรมไทยได้ว่า เป็นสภาวะของการขาดความสมดุลของ สมุฏฐาน ปิตตะ วาตะ เสมหะ ในกองธาตุทั้ง ๔ อาการที่แสดงออกคือ ความผิดปรกติของสภาวะร้อน เย็น ความผดิ ปรกติของชีพจร ความผิดปรกตขิ องกองธาตทุ ั้ง ๔ ไข้มชี อ่ื เรียกและประเภทตา่ ง ๆ มากมาย เช่น ไขห้ วดั ไข้หวดั น้อย ไข้หวัดใหญ ่ ไขส้ ามฤด ู ไขก้ ำาเดา ไข้พิษ ไขก้ าฬ มีการแบ่งประเภทลักษณะไข้ท่ีเกิดตามกำาลังของตรีสมุฏฐาน ปิตตะ วาตะ เสมหะ ได้แก ่ ไขเ้ อกโทษ ไข้ทวุ ันโทษ ไข้ตรโี ทษ ไขส้ นั นิบาต ไข้มีการเรียกชอ่ื ตามระยะเวลา จำานวนวนั ท่มี ีไข ้ เช่น ไข้ตติยะชวร ไข้ดรุณชวร ไข้มธั ยมชวร ไขโ้ บราณชวร ไขส้ าำ ประชวร (ไข้เรอ้ื รังทแี่ สดงความผดิ ปรกตขิ องสีดวงตา) ไข้เป็นสภาวะที่วินิจฉัยยากและรักษายาก หากหมอประมาทไข้ นำาไปสู่การรักษาท่ีผิดพลาด คนไขอ้ าจเสียชีวติ ได้ การรักษาไข้มีขั้นตอนวิธีการเริ่มตั้งแต่การแก้ไข้ การกระทุ้งพิษไข้ การแปรไข้ ท้ายสุด คือ การครอบไข้ การรักษาไข้มักมีข้อห้ามต่าง ๆ มากมาย เช่น ห้ามมิให้วางยารสเผ็ด รสร้อน รสเปรี้ยว มิให้ประคบ ห้ามนวด มิให้ปล่อยปลิง ห้ามเอาโลหิตออก ไม่ให้ถูกนำ้ามัน ห้ามสุรา ห้ามดื่มนำ้าร้อน อาบนำ้าร้อน ห้ามกนิ ส้ม ห้ามกนิ กะทิ นำ้ามัน ฯลฯ 253
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข กลุ่มเคร่ืองยาบรรเทาอาการไข้ บอระเพ็ด กระดอม ชิงช้าชาลี รากชิงช่ี รากเท้ายายม่อม รากคนทา รากมะเด่ืออุทุมพร รากย่านาง ลูกใต้ใบ รากปลาไหลเผือก รากเหมือดคน จันทน์แดง รากมะกรูด รากมะนาวหวาน รากมะปรางหวาน จันทนแ์ ดง จนั ทน์ขาว โกฐสอ มะลิ พกิ ลุ สารภี เนระพสู ี มหาสดาำ พญามอื เหล็ก ก้างปลาทงั้ ๒ ระงบั พษิ โกฐจุฬาลมั พา กอมขม ใบระงบั ราชดัด ตำารับยาบรรเทาอาการไข ้ ทค่ี ดั เลือกเปน็ ตาำ รบั ยาแผนไทยแหง่ ชาติ ๑. ยาจนั ทนล์ ีลา ๒. ยาประสะจันทนแ์ ดง ๓. ยาหา้ ราก 254
255 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข คณะกรรมการคมุ้ ครองและส่งเสรมิ ภูมปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทย ประธานกรรมการ ปลดั กระทรวงสาธารณสุข กรรมการ อธบิ ดีกรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก อธบิ ดกี รมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อธิบดกี รมการแพทย์ อธบิ ดกี รมทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เลขาธกิ ารสำานักงานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม อธิบดีกรมวชิ าการเกษตร อธบิ ดกี รมปา่ ไม้ อธิบดกี รมปศสุ ตั ว์ ผ้อู ำานวยการสาำ นักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศลิ ปะ นายภูมิพัฒน ์ เวชพฤกษ์ษ กรรมการผู้ทรงคณุ วุฒ ิ กลมุ่ ผู้ประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทยแ์ ผนไทย นางลดั ดาวลั ย์ ครปู ญั ญามาตย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒ ิ กลมุ่ ผปู้ ระกอบโรคศลิ ปะ สาขาการแพทย์แผนไทยประยกุ ต์ นายกำาป้นั ออ่ นชาวนา กรรมการผู้ทรงคณุ วฒุ ิ กลุ่มหมอพ้นื บ้านภาคเหนอื นายบริบูรณ ์ ธชั แกว้ กรพนิ ธ์ุ กรรมการผ้ทู รงคุณวุฒ ิ กลมุ่ หมอพนื้ บ้านภาคกลาง นายนคิ ม เบา้ ทอง กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ กล่มุ หมอพ้นื บ้านภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ นายมนูญ แกว้ ดาำ กรรมการผทู้ รงคณุ วุฒ ิ กลุม่ หมอพื้นบ้านภาคใต้ นายกร พงษ์เถ่อื น กรรมการผทู้ รงคุณวุฒ ิ กลมุ่ องค์การเอกชนพัฒนาดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย นางสาวสมใจ โจะ๊ ประโคน กรรมการผทู้ รงคุณวุฒ ิ กลมุ่ นกั วิชาการ นายประจวบ จนั ทร์เพญ็ กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิ กลุ่มผ้ผู ลติ หรือจาำ หน่ายยาแผนไทย นายณฐั โฆษิวากาญจน์ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ กลมุ่ ผู้ปลกู หรอื แปรรปู สมนุ ไพร 256
คณะอนกุ รรมการจัดทา� ตา� รับยาแผนไทยแหง่ ชาติ ในคณะกรรมการค้มุ ครองและสง่ เสรมิ ภมู ิปญั ญาการแพทยแ์ ผนไทย ประธานอนุกรรมการ นายแพทย์สเุ ทพ วชั รปยิ านันทน์ อธบิ ดีกรมการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข และการแพทยท์ างเลือก (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทยแ์ ผนไทย และการแพทย์ทางเลือก (พ.ศ. ๒๕๖๐-ปัจจุบนั ) อนุกรรมการ นายแพทย์ปราโมทย์ เสถยี รรตั น์ รองอธบิ ดีกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลอื ก นายแพทยข์ วญั ชยั วิศิษฐานนท์ ผ้อู ำานวยการสถาบนั การแพทยแ์ ผนไทย นางพรทิพย์ เติมวิเศษ ผอู้ ำานวยการสำานักงานบรหิ ารกองทุน ภมู ิปญั ญาการแพทยแ์ ผนไทย ศาสตราจารยช์ ยนั ต ์ พเิ ชียรสนุ ทร ประธานคณะทาำ งานกลั่นกรองตำารับยาแผนไทย แห่งชาต ิ ชดุ ที ่ ๑ นางเสาวณีย์ กลุ สมบรู ณ ์ ประธานคณะทำางานกลน่ั กรองตำารบั ยาแผนไทย แหง่ ชาต ิ ชุดท่ ี ๒ นางสาวอญั ชลี จฑู ะพทุ ธ ิ ประธานคณะทาำ งานกลั่นกรองตำารับยาแผนไทย แหง่ ชาติ ชดุ ที่ ๓ นายกสภาการแพทย์แผนไทย ผู้อาำ นวยการสำานักยา สำานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ผู้อำานวยการสาำ นักยาและวตั ถเุ สพตดิ กรมวทิ ยาศาสตร์การแพทย์ ผู้แทนโรงเรยี นแพทยแ์ ผนโบราณวดั พระเชตพุ นฯ ผู้แทนสมาคมเภสัชและอายุรเวชโบราณแห่งประเทศไทย ผู้แทนสมาคมแพทยแ์ ผนโบราณวัดมหาธาตุ นายแพทย์สุริยะ วงศค์ งคาเทพ นายประจวบ จนั ทรเ์ พ็ญ นายสนั ตสิ ขุ โสภณสิริ นางมาลา สรอ้ ยสาำ โรง นายปยิ ะพงษ์ พกุ ะนัดด์ นายนันทศักด์ิ โชติชนะเดชาวงศ์ นางสาวสวุ มิ ล สมุ ลตรี นางสาวกญั ญ์วรา ทวิชศรี นางสาวกมลทิพย์ สวุ รรณเดช 257
คณะท�างานกลน่ั กรองต�ารับยาแผนไทยแห่งชาติ จา� นวน ๓ ชดุ ทปี่ รึกษา นายแพทยส์ รุ ิยะ วงศค์ งคาเทพ อธิบดีกรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙) นายแพทยส์ เุ ทพ วชั รปิยานันทน ์ อธิบดกี รมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) นายแพทย์เกยี รตภิ ูมิ วงศร์ จิต อธบิ ดกี รมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก (พ.ศ. ๒๕๖๐-ปจั จบุ นั ) นายแพทย์ปราโมทย์ เสถียรรตั น ์ รองอธบิ ดกี รมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก คณะท�างานกลั่นกรองต�ารับยาแผนไทยแหง่ ชาติ (ชดุ ท่ี ๑) ประธานคณะทำางาน ศาสตราจารย์ชยนั ต์ พิเชียรสนุ ทร คณะทำางาน นายชาตรี เจตนธรรมจักร นายคมสัน ทินกร ณ อยุธยา นายสวุ ัตร์ ต้ังจติ รเจริญ นางสาวสุภาวดี ตรรี ัตนถวลั ย์ นายประโยชน์ ใจเพชร นายศราวุธ กำากัดวงษ ์ นางเนตรดาว ยวงศร ี นายทรัพยส์ ิน ทองนพคุณ นายประจวบ จนั ทรเ์ พ็ญ นายสมชาย ชา้ งแก้วมณ ี นายนิติกร พรหมพทิ ักษ์ นางเสาวณยี ์ กลุ สมบรู ณ ์ นายนันทศกั ดิ์ โชติชนะเดชาวงศ ์ นายปยิ ะพงษ์ พกุ ะนัดด ์ นางสาวสวุ มิ ล สุมลตร ี นายธนดล มางาม นางสาวคญั ฑมารา สทิ ธไิ กรพงษ์ หัวหนา้ กลุม่ งานเวชกรรมและผดุงครรภ์แผนไทย สถาบนั การแพทย์แผนไทย หวั หนา้ กลุ่มงานวิชาการเภสัชกรรมแผนไทย สถาบนั การแพทย์แผนไทย หัวหน้ากล่มุ งานสนับสนุนการขึ้นทะเบียนยาแผนไทย สถาบันการแพทยแ์ ผนไทย 258
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข คณะทา� งานกลน่ั กรองต�ารบั ยาแผนไทยแหง่ ชาติ (ชดุ ท่ี ๒) ประธานคณะทำางาน นางเสาวณีย์ กลุ สมบรู ณ ์ คณะทำางาน นางสาวเพญ็ ศร ี สงวนทรพั ย ์ นายไกรสีห์ ล้มิ ประเสรฐิ นายอนิ สม สิทธติ นั นางสาวกิ่งกาญจน ์ บันลอื พืช นายองอาจ พงษ์โนรี นายประภาส มาสขาว นางมนัชยา มรรคอนนั ตโชต ิ นายสมั ฤทธ์ ิ วิชยั ดษิ ฐ นางจนั ทร์ฉาย เขตต์สทิ ธ์ ิ นายไพวัลย์ โคศรีสทุ ธิ ์ นายวรายุทธ อุทังโค นายสิทธโิ ชค ปราสาร รองศาสตราจารย์พาณี ศิรสิ ะอาด นายบุญเลศิ สาำ ราญบาำ รงุ นายอาจนิ สวา่ งชพี นายกัมพล มะลาพมิ พ์ นายธีระกุล อุทะกัง นางสาวนชุ วิภา จงรกั ษ์ นางจิรัชยา ประมวล นางสาวจรัสศรี บญุ คงทอง นางสาวจิราภรณ์ บุญมาก นางสาวกมลทพิ ย์ สวุ รรณเดช นางสาวภัทร วาศนา นายชยั พร กาญจนอกั ษร นางสาวพชั ศศิร ์ ดุจจานุทัศน์ หวั หนา้ กลุ่มงานวิชาการเภสัชกรรมแผนไทย สถาบันการแพทย์แผนไทย 259
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข คณะทา� งานกล่ันกรองต�ารบั ยาแผนไทยแห่งชาติ (ชดุ ที่ ๓) ประธานคณะทาำ งาน นางสาวอญั ชลี จูฑะพทุ ธิ คณะทำางาน นายแพทยข์ วญั ชัย วิศิษฐานนท์ นางพรทพิ ย์ เตมิ วเิ ศษ นางวรวรรณ กอปรกจิ งาม นายพินติ ชนิ สรอ้ ย นางสาวดลิชา ชง่ั สริ ิพร นางสาวสภุ าภรณ์ ปติ ิพร นางพนารัตน ์ ดีทอง นายชยั พร กลนิ่ จันทร์ ผ้แู ทนสถานการแพทยแ์ ผนไทยประยุกต ์ คณะแพทยศาสตรศ์ ริ ิราชพยาบาล มหาวทิ ยาลัยมหิดล นางสาวอรทัย สารกลุ นายณรงค์ ตาบทิพยว์ ฒั นา นางสาวสภุ ัททรา รังสิมาการ นางสาวอังสนาภรณ์ พาณิชอนุเคราะหก์ ลุ นางสาวกมลวรรณ บานช่ืน นางมาลา สรอ้ ยสาำ โรง นางสาวกญั ญว์ รา ทวิชศรี นายศภุ จิต แพจ้ยุ นางสาวเยน็ ภัทร์ คาำ แดงยอดไตย 260
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข คณะทา� งานด้านเลขานกุ าร ประธานคณะทำางาน นางสาวอญั ชลี จูฑะพุทธิ คณะทาำ งาน ศาสตราจารย์ชยนั ต ์ พิเชียรสุนทร นางเสาวณยี ์ กุลสมบูรณ ์ นางสาวคัญฑมารา สิทธิไกรพงษ์ นายศภุ จติ แพจุย้ นางสาวภัทร วาศนา นายชัยพร กาญจนอกั ษร นางสาวเย็นภัทร์ คำาแดงยอดไตย นายนันทศกั ด ์ิ โชตชิ นะเดชาวงศ์ นางสาวสวุ มิ ล สมุ ลตรี นายปิยะพงษ์ พกุ ะนดั ด์ นายธนดล มางาม นางสาวกมลทพิ ย์ สวุ รรณเดช นางสาวกัญญ์วรา ทวชิ ศรี 261
คณะทา� งานจดั ทา� รูปเล่มบญั ชีรายการตา� รบั ยาแผนไทยแห่งชาติ ฉบบั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑ ทป่ี รกึ ษา นายแพทย์สรุ ยิ ะ วงศ์คงคาเทพ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสข นายแพทย์สุเทพ วชั รปิยานันทน ์ อธบิ ดีกรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) นายแพทย์เกียรตภิ ูม ิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก (พ.ศ. ๒๕๖๐-ปจั จบุ ัน) นายแพทยป์ ราโมทย์ เสถียรรัตน ์ รองอธบิ ดกี รมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก นายแพทยส์ ขุ มุ กาญจนพมิ าย อธิบดกี รมวทิ ยาศาสตร์การแพทย์ นายแพทยว์ นั ชยั สตั ยาวฒุ ิพงศ ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ประธานคณะทำางาน ศาสตราจารยช์ ยนั ต ์ พิเชยี รสนุ ทร รองประธานคณะทำางาน นางเสาวณยี ์ กลุ สมบรู ณ์ นางสาวอญั ชลี จูฑะพุทธิ คณะทำางาน นางนยั นา วราอัศวปต ิ นางสาวกรวิกา จารพุ นั ธ์ นางสาวรุจิรา หวังธรี ะประเสรฐิ นายนติ กิ ร พรหมพทิ ักษ์ นางมาลา สรอ้ ยสำาโรง นายนนั ทศกั ด์ ิ โชติชนะเดชาวงศ์ นางสาวสุวิมล สมุ ลตรี นางสาวกมลทพิ ย์ สุวรรณเดช นายธนดล มางาม นางสาวกัญญว์ รา ทวชิ ศรี 262
กระจับ ดัชนี ๑๖๒ กระแจะตะนาว ๑๘๔ กระชาย ๒๔ ๕๑ ๙๔ ๑๔๔ ๑๖๒ กระดอม ๑๐ ๕๓ ๘๖ ๑๓๔ ๑๖๘ ๑๗๓ กระดอม ๑๗๐ กระดังงา ๓ ๕ ๖๖ ๑๓๒ ๑๖๒ ๑๗๓ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขกระเทยี ม ๑๙ ๒๑ ๒๔ ๒๙ ๓๑ ๔๐ ๔๓ ๕๖ ๕๘ ๗๒ ๗๔ ๘๖ ๙๐ ๙๒ ๑๐๔ ๑๐๕ ๑๑๐ ๑๒๓ ๑๒๖ ๑๒๘ ๑๔๐ ๑๔๔ ๑๗๘ กระพงั โหม ๘ ๔๔ ๑๒๘ กระลาำ พัก ๓ ๕ ๓๗ ๑๓๖ ๑๕๔ ๑๕๖ ๑๖๐ ๑๖๖ ๑๖๘ ๑๗๓ ๑๘๔ กระวาน ๔ ๑๐ ๓๔ ๓๕ ๖๖ ๗๙ ๘๒ ๘๘ ๙๔ ๙๙ ๑๐๒ ๑๑๓ ๑๒๘ ๑๓๒ ๑๓๔ ๑๔๘ ๑๕๐ ๑๕๔ ๑๕๘ ๑๖๖ ๑๖๘ ๑๗๓ ๑๘๐ กรงุ เขมา ๙๔ ๙๙ กฤษณา ๓ ๕ ๓๙ ๘๔ ๘๘ ๑๓๖ ๑๕๔ ๑๕๖ ๑๖๐ ๑๖๒ ๑๖๖ ๑๖๘ ๑๗๓ ๑๘๔ กลว้ ยตบี ๑๗๘ กะทือ ๑๙ ๔๙ ๑๐๔ ๑๒๓ ๑๓๔ ๑๔๔ กะเพรา ๒๔ ๓๑ ๔๔ ๖๓ ๙๒ ๑๐๘ ๑๒๖ ๑๔๔ ๑๕๘ กะเพราแดง ๙๐ กะเมง็ ๔๕ กะเม็งแดง ๕๕ กญั ชา ๒๙ ๓๗ ๑๔๖ กญั ชาเทศ ๑๑๓ กานพลู ๔ ๖ ๑๐ ๒๙ ๓๕ ๓๗ ๕๖ ๖๓ ๗๙ ๘๒ ๘๘ ๙๔ ๙๙ ๑๐๒ ๑๑๓ ๑๒๘ ๑๓๒ ๑๓๔ ๑๔๔ ๑๔๘ ๑๕๐ ๑๕๔ ๑๕๘ ๑๖๐ ๑๖๖ ๑๖๘ ๑๗๓ ๑๘๐ การบรู ๖ ๒๙ ๓๑ ๓๗ ๔๐ ๖๓ ๖๖ ๖๘ ๗๙ ๘๒ ๙๔ ๙๙ ๑๐๕ ๑๑๐ ๑๑๒ ๑๑๓ ๑๒๑ ๑๒๓ ๑๓๒ ๑๓๔ ๑๓๖ ๑๔๐ ๑๔๔ ๑๖๓ ๑๖๖ ๑๘๔ กำาแพงเจ็ดชัน้ ๑๕๑ กำามะถันเหลอื ง ๙๔ กำายาน ๑๓๖ ๑๕๓ ๑๗๓ เกล็ดสะระแหน ่ ๘๒ เกลอื ๔๓ ๗๒ เกลือ ๑๘๒ เกลือสนิ เธาว ์ ๖๘ ๙๐ ๙๙ ๑๐๕ ๑๑๙ ๑๓๔ แกแล ๑๕๑ โกฐกระดกู ๘ ๑๐ ๙๔ ๑๒๘ ๑๕๓ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๘ ๑๗๓ โกฐกกั กรา ๑๔๒ ๑๗๓ โกฐกา้ นพรา้ ว ๕ ๘ ๑๐ ๓๕ ๗๙ ๑๒๘ ๑๔๒ ๑๕๔ ๑๕๖ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๘ ๑๗๓ โกฐเขมา ๔ ๘ ๑๐ ๒๙ ๓๕ ๓๗ ๔๙ ๕๓ ๗๙ ๘๘ ๑๐๒ ๑๑๓ ๑๒๘ ๑๓๒ ๑๔๐ ๑๔๘ ๑๕๔ ๑๕๖ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๘ ๑๗๓ ๑๘๐ ๑๘๔ โกฐจุฬาลัมพา ๔ ๘ ๑๐ ๒๙ ๔๙ ๕๓ ๖๖ ๘๘ ๑๐๒ ๑๓๒ ๑๔๐ ๑๔๒ ๑๔๔ ๑๔๘ ๑๕๔ ๑๖๐ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๘ ๑๗๑ ๑๗๓ ๑๘๔ โกฐชฎามังส ี ๘ ๑๐ ๑๕๔ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๘ 263
โกฐเชยี ง ๔ ๕ ๘ ๑๐ ๔๙ ๗๙ ๘๘ ๑๐๒ ๑๓๒ ๑๔๐ ๑๔๘ ๑๕๑ ๑๕๔ ๑๕๖ ๑๖๐ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๘ ๑๗๓ ๑๘๔ โกฐนา้ำ เตา้ ๓๕ ๕๙ ๑๓๘ ๑๔๖ ๑๗๓ โกฐพงุ ปลา ๕ ๘ ๑๐ ๓๕ ๗๙ ๑๒๘ ๑๓๔ ๑๔๒ ๑๔๖ ๑๕๔ ๑๖๐ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๘ ๑๗๑ ๑๗๓ ๑๘๒ โกฐสอ ๔ ๘ ๑๐ ๓๕ ๔๙ ๕๓ ๕๙ ๖๖ ๗๙ ๘๘ ๙๔ ๑๐๒ ๑๑๓ ๑๒๘ ๑๓๒ ๑๓๔ ๑๔๐ ๑๔๒ ๑๔๖ ๑๔๘ ๑๕๔ ๑๕๖ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๘ ๑๗๑ ๑๗๓ ๑๘๐ ๑๘๔ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขโกฐสอเทศ ๕ โกฐหวั บวั ๔ ๘ ๑๐ ๓๕ ๓๗ ๔๙ ๘๘ ๙๗ ๑๐๒ ๑๓๒ ๑๔๐ ๑๔๘ ๑๕๔ ๑๖๐ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๘ ๑๘๔ ขนุน ๘๗ ๑๕๑ ขมิ้นเครือ ๘๘ ขมนิ้ ชัน ๙๔ ๑๗๘ ขม้ินอ้อย ๑๕ ๑๗ ๑๙ ๒๑ ๒๔ ๔๐ ๔๕ ๕๕ ๖๘ ๗๐ ๗๖ ๑๐๕ ๑๐๘ ๑๒๓ ๑๒๘ ๑๓๔ ๑๗๘ ขอนดอก ๓ ๕ ๔๙ ๑๕๔ ๑๕๖ ๑๖๐ ๑๖๖ ๑๖๘ ๑๗๔ ๑๘๔ ขอบชะนางขาว ๑๙ ๑๔๒ ขอบชะนางแดง ๑๙ ๕๕ ๑๔๒ ขา่ ๕๖ ๗๐ ๗๘ ๙๙ ๑๐๔ ๑๒๓ ข่าตน้ ๑๖๒ ข้าวสาร ๙๔ ขิง ๕ ๗ ๒๑ ๒๓ ๒๖ ๒๗ ๓๔ ๓๕ ๔๒ ๔๕ ๕๖ ๗๐ ๗๒ ๗๔ ๗๙ ๘๖ ๙๕ ๑๐๔ ๑๐๕ ๑๑๐ ๑๑๓ ๑๑๙ ๑๒๓ ๑๒๕ ๑๒๖ ๑๓๔ ๑๓๖ ๑๓๘ ๑๔๒ ๑๔๔ ๑๖๙ ๑๗๔ ขิงแครง ๑๑๙ ขงิ แหง้ ๓ ๑๙ ๒๙ ๓๑ ๔๐ ๖๖ ๙๐ ๑๐๑ ๑๑๒ ๑๑๕ ๑๓๒ ๑๔๐ ๑๔๖ ๑๔๘ ขก้ี าขาว ๑๖ ๖๑ ๖๕ ๗๐ ขก้ี าแดง ๑๖ ๑๙ ๖๑ ๖๕ ๗๐ ๑๑๗ ขเ้ี หล็ก ๖๑ ๑๑๗ ขอี้ ้าย ๙๔ คนทา ๑๗๖ คนทีสอ ๗ ๒๔ ๓๓ ๔๐ ๑๐๔ ครั่ง ๘๘ ๑๗๘ คดั เค้า ๑๑๗ คำาไทย ๓ ๕ ๘๔ ๘๗ ๘๘ ๑๖๒ ๑๗๔ คำาฝอย ๑๕๑ คูน ๖๑ ๘๖ จนั ทนข์ าว ๓ ๘ ๑๐ ๓๓ ๓๙ ๔๗ ๔๙ ๕๓ ๘๔ ๑๓๒ ๑๕๖ ๑๖๒ ๑๖๖ จนั ทน์ชะมด ๓๗ ๕๑ ๑๕๔ ๑๕๘ จันทนแ์ ดง ๓ ๘ ๑๐ ๓๓ ๓๙ ๔๗ ๔๙ ๕๓ ๘๔ ๘๘ ๙๗ ๑๐๒ ๑๓๐ ๑๓๒ ๑๔๐ ๑๕๖ ๑๖๐ ๑๖๖ ๑๖๘ ๑๗๔ ๑๘๔ จันทนเ์ ทศ ๑๐ ๓๔ ๙๗ ๑๐๒ ๑๓๐ ๑๓๖ ๑๔๐ ๑๕๘ ๑๖๐ ๑๖๒ ๑๖๘ ๑๗๔ ๑๘๐ ๑๘๔ จันทนา ๕๑ ๘๔ จำาปา ๓ ๕ ๗ ๑๖๒ ๑๗๔ จกุ โรหิน ี ๑๐ เจตพงั คี ๒๑ ๗๔ ๙๙ เจตมูลเพลิง ๓ ๗๔ ๘๖ ๑๓๔ ๑๓๖ เจตมลู เพลงิ แดง ๒๗ ๘๘ ๙๕ ๑๑๓ ๑๒๓ ๑๒๕ ๑๔๐ ๑๔๔ ๑๕๑ ๑๖๙ ๑๗๔ ๑๘๐ 264
แจง ๙๔ ชะพลู ๓ ๘๖ ๘๘ ๙๕ ๑๑๕ ๑๓๔ ๑๔๐ ๑๔๔ ๑๕๑ ๑๖๙ ๑๗๔ ชะมดเชด็ ๖๖ ชะมดเชียง ๑๓๖ ๑๕๔ ๑๘๔ ชะลูด ๓ ๔๙ ๘๔ ๘๙ ๑๕๔ ๑๕๖ ๑๖๐ ๑๖๒ ๑๖๖ ๑๖๘ ๑๗๔ ๑๘๔ ชะเอมเทศ ๓ ๑๒ ๓๔ ๕๑ ๕๙ ๘๒ ๘๔ ๙๐ ๑๒๘ ๑๔๔ ๑๔๖ ๑๖๐ ๑๖๒ ๑๖๙ ๑๗๑ ๑๘๒ ๑๘๔ ชะเอมไทย ๑๒ ชันย้อย ๑๗๘ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขชงิ ชี่ ๑๗๖ ชมุ เหด็ ๑๙ ซกิ ๙๔ ดอกจันทน์ ๔ ๖ ๑๐ ๓๗ ๕๖ ๖๓ ๖๖ ๗๙ ๘๙ ๙๙ ๑๐๒ ๑๑๓ ๑๒๑ ๑๒๘ ๑๓๒ ๑๔๒ ๑๔๘ ๑๕๐ ๑๕๔ ๑๕๘ ๑๖๒ ๑๖๖ ๑๖๙ ๑๗๔ ๑๘๐ ดองดงึ ๒๙ ๑๓๖ ๑๔๖ ดินประสิว ๕๖ ๑๑๒ ดีเกลือ ๑๑๗ ดีเกลอื ฝรง่ั ๖๑ ดีงตู ้น ๘๕ ดปี ลี ๓ ๕ ๗ ๒๑ ๒๓ ๒๔ ๒๗ ๒๙ ๓๑ ๓๓ ๓๔ ๓๕ ๓๗ ๔๐ ๔๒ ๔๕ ๕๖ ๕๘ ๖๖ ๗๙ ๘๖ ๙๐ ๙๒ ๙๕ ๑๐๔ ๑๐๕ ๑๑๒ ๑๑๓ ๑๑๕ ๑๑๙ ๑๒๓ ๑๒๖ ๑๓๒ ๑๓๔ ๑๓๖ ๑๓๘ ๑๔๐ ๑๔๒ ๑๔๔ ๑๔๖ ๑๔๘ ๑๕๑ ๑๖๙ ๑๗๔ ๑๗๘ ตองแตก ๒๗ ๕๖ ๖๑ ๖๕ ๑๓๘ ตะไคร ้ ๑๗ ๑๔๔ ตานขโมย ๑๕ ๗๐ ตานด�า ๑๕ ๗๐ ตานเสย้ี น ๑๕ ๗๐ ตานหม่อน ๑๕ ๑๗ ๑๙ ๒๔ ๗๐ ๑๐๘ ตาลโตนด ๑๕ ๑๗ ๗๐ เตา่ เกยี ด ๑๔ เต่านา ๑๔ ถ่ัวพู ๗๒ ๘๕ เถาวลั ย์เปรยี ง ๕ ๖๑ ทนดี ๗๘ ๑๓๔ ทองหลางน้�า ๓๙ ทองหลางใบมน ๗ ทบั ทิม ๒๓ ๑๗๘ เทพทาโร ๒๙ ๓๓ ๑๕๖ เทียนก่ิง ๑๗๘ เทียนเกลด็ หอย ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๙ เทยี นแกลบ ๑๑๓ เทยี นขาว ๔ ๕ ๑๐ ๔๙ ๕๖ ๖๘ ๗๙ ๘๙ ๙๔ ๑๐๒ ๑๒๖ ๑๒๘ ๑๓๒ ๑๓๘ ๑๔๐ ๑๔๒ ๑๕๐ ๑๕๓ ๑๕๖ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๙ ๑๗๔ ๑๘๐ ๑๘๒ เทยี นข้าวเปลือก ๔ ๕ ๑๑ ๓๓ ๔๙ ๕๖ ๖๘ ๘๙ ๑๐๒ ๑๒๖ ๑๒๘ ๑๓๓ ๑๓๘ ๑๔๐ ๑๔๒ ๑๕๓ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๙ ๑๗๔ ๑๘๐ เทียนด�า ๔ ๕ ๙ ๑๑ ๑๒ ๒๕ ๒๗ ๓๕ ๔๒ ๔๙ ๕๖ ๖๘ ๗๙ ๘๙ ๙๔ ๑๐๒ ๑๐๕ ๑๑๒ ๑๑๓ ๑๒๖ ๑๒๘ ๑๓๓ ๑๓๖ ๑๓๘ ๑๔๐ ๑๔๒ ๑๕๐ ๑๕๓ ๑๕๖ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๙ ๑๗๔ 265
เทยี นแดง ๔ ๕ ๑๑ ๑๒ ๓๕ ๔๙ ๕๖ ๖๘ ๗๙ ๘๙ ๑๐๒ ๑๑๓ ๑๒๖ ๑๒๘ ๑๓๓ ๑๓๘ ๑๔๐ ๑๔๒ ๑๕๐ ๑๕๓ ๑๕๖ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๙ ๑๗๔ ๑๘๐ เทยี นตน้ ๘๗ เทยี นตากบ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๙ เทียนตาตัก๊ แตน ๔ ๑๑ ๓๓ ๓๕ ๔๙ ๕๖ ๖๘ ๘๙ ๑๐๒ ๑๑๓ ๑๒๖ ๑๓๓ ๑๓๘ ๑๔๐ ๑๔๒ ๑๕๓ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๙ ๑๘๐ เทยี นเยาวพาณี ๕ ๙ ๑๑ ๓๕ ๗๐ ๗๙ ๑๒๘ ๑๕๖ ๑๖๓ ๑๖๖ ๑๖๙ ๑๗๑ ๑๗๔ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขเทียนสัตตบุษย ์ ๑๑ ๗๙ ๑๕๖ ๑๖๓ ๑๖๖ ๑๖๙ น�้ากะทอื ๑๗๒ น�้ากานพลู ๑๘๒ น�้าแกน่ สน ๑๕๕ น�้าขมนิ้ ออ้ ย ๑๗๒ น�้าขันทศกร ๑๕๕ น�้าขงิ ๑๗๕ นำ้าจนั ทนแ์ ดง ๑๕๕ นำ้าใจใคร่ ๓๔ น�้าชะเอม ๑๕๕ น้�าดอกมะลิ ๑๗๕ น้�าดอกไม้ ๑๗๒ น�้าตาลกรวด ๑๘๒ น้�าตาลทรายแดง ๓๔ น้�าเตา้ ๑๙ ๔๕ น้ำานมราชสีห์ ๕๕ น�้าใบกะเพรา ๑๕๙ น�้าประสานทอง ๒๙ ๗๖ ๑๓๔ ๑๖๐ ๑๗๑ น�้าปูนใส ๑๗๒ น�้าปนู ใส ๑๗๙ น�้าเปลอื กทบั ทมิ ๑๗๙ น�้าเปลือกมะรุม ๑๕๕ นา้ำ มะกล่ำาเครอื ๑๗๒ น�้ามะขามเปียก ๑๘๒ น�้ามะนาว ๑๘๒ นา้ำ มะแว้งเครือ ๑๘๒ น�้ามนั งา ๘๕ น้�าลูกชลี า ๑๗๕ น้�าลกู เบญกานี ๑๕๙ นา้ำ ลกู มะแว้งเครือ ๑๕๙ น้�าลูกมะแว้งต้น ๑๕๙ น้�าสม้ ซา่ ๑๘๒ น�้าสมอไทย ๑๗๒ น้�าสกุ ๑๗๕ ๑๗๙ เนระพสู ี ๑๒ ๔๗ เนื้อไม้ ๙๔ บอระเพ็ด ๑๑ ๔๐ ๕๓ ๗๐ ๘๖ ๙๙ ๑๔๘ ๑๖๙ ๑๗๔ บอระเพ็ด ๑๗๐ 266
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขบอระเพด็ ๑๗๐ บวั ๘๗ บวั ขม ๕ ๑๖๖ บัวขาว บัวจงกลนี ๖ บัวแดง ๘ ๔๙ ๑๕๖ ๑๖๒ บวั นิลุบล บัวเผอื่ น ๖ บัวลินจง ๘ ๔๙ ๑๕๖ บวั สตั ตบรรณ บวั สัตตบษุ ย์ ๖ ๑๖๖ บวั หลวง ๘ ๔๙ ๑๕๖ บกุ รอ ๘ ๔๙ ๑๕๖ บนุ นาค ๘ ๔๙ ๑๕๖ เบญกานี ๓ ๖ ๓๔ ๔๗ ๘๘ ๙๗ ๑๐๒ ๑๕๑ ๑๖๐ ๑๖๒ ๑๖๖ ๑๖๙ เบี้ยจน่ั ๑๑๓ ๑๘๐ ใบกระวาน ๓ ๖ ๑๔ ๓๔ ๔๗ ๘๗ ๘๘ ๙๗ ๑๐๒ ๑๕๑ ๑๖๐ ๑๖๒ ๑๖๖ ๑๖๙ ๑๗๔ ประดู่ ๓๙ ๘๕ ๑๔๐ ปลาไหลเผือก ปูนขาว ๑๓๐ เปราะหอม ๙๔ ๙๙ ๑๑๙ เปล้าน้อย เปลา้ ใหญ่ ๘๗ เปลือกแค ๕๓ ผกั กระโฉม ๑๔ ผักแพวแดง ๔๗ ๕๘ ๗๙ ๙๔ ๙๗ ๑๐๒ ๑๑๒ ๑๖๒ ๑๖๖ ๑๖๙ ผักเส้ียนผี ๒๗ ๒๙ ผักหวาน ๒๗ ไผป่ ่า ๑๗๒ ฝาง ๔๗ ฝางเสน ๑๑๕ ๑๑๙ ๑๔๖ ฝ่ินต้น ๑๕ ๑๐๔ แฝกหอม ๔๔ พญารากขาว ๗ ๑๔ ๖๑ พรกิ ไทย ๘๔ ๘๗ ๘๘ ๑๖๒ ๓ ๖ ๙๗ ๑๕๑ ๑๗๔ พรกิ ไทยดาำ ๘๕ พรกิ ไทยล่อน ๑๑ ๔๗ ๔๙ ๕๘ ๘๔ ๙๕ ๑๖๐ ๑๖๖ ๑๖๙ พรกิ ลอ่ น ๑๔๘ พรกิ หอม ๖ ๗ ๑๙ ๒๑ ๒๔ ๒๗ ๒๙ ๓๔ ๓๕ ๓๗ ๔๐ ๔๒ ๔๓ ๔๕ ๕๖ ๕๘ ๗๒ ๗๔ พลูแก ๙๒ ๑๐๔ ๑๑๐ ๑๑๒ ๑๑๙ ๑๒๖ ๑๓๔ ๑๓๘ ๑๔๖ ๑๘๔ พกิ ลุ ๑๑๓ พิมเสน ๙๐ ๙๕ ๙๙ ๑๐๕ ๑๑๕ ๑๒๓ ๑๒๕ ๑๔๐ ๑๔๒ ๑๔๔ ๑๕๑ ๑๘๐ พมิ เสนตน้ ๓๕ พลิ ังกาสา ๓๗ ๑๒๑ ๗๔ ๓ ๔๗ ๘๗ ๘๘ ๑๐๒ ๑๕๑ ๑๖๐ ๑๖๓ ๑๖๖ ๑๖๙ ๑๗๔ ๑๘๔ ๕๓ ๖๓ ๖๖ ๑๑๐ ๑๓๖ ๑๔๔ ๑๕๔ ๑๕๘ ๑๖๐ ๑๖๓ ๑๖๖ ๑๖๙ ๑๗๔ ๑๘๔ ๔๗ ๗๙ ๑๓๐ ๑๕๘ ๓๗ ๑๑๓ ๑๑๕ ๑๘๐ 267
พิษนาศน์ ๔๗ พงุ ดอ ๓๙ เพกา ๙๕ ๑๔๔ ๑๗๘ ไพล ๑๕ ๑๙ ๒๑ ๓๑ ๔๐ ๔๒ ๔๓ ๕๑ ๕๖ ๖๘ ๗๔ ๗๖ ๙๕ ๑๐๕ ๑๑๒ ๑๒๓ ๑๔๔ มดยอบ ๑๔๒ มวกขาว ๖ ๑๗๔ มวกแดง ๖ ๘๘ ๑๖๐ ๑๗๔ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขมหาสดาำ ๔๗ มหาหงิ คุ์ ๒๑ ๒๙ ๓๑ ๓๗ ๖๘ ๗๒ ๗๔ ๗๖ ๗๘ ๙๐ ๑๒๑ ๑๒๖ ๑๓๔ ๑๓๘ ๑๔๖ มะกรูด ๑๖ ๒๑ ๒๖ ๒๙ ๓๑ ๔๒ ๖๘ ๘๔ ๙๐ ๑๐๔ ๑๐๕ ๑๑๐ ๑๑๒ ๑๑๕ ๑๒๓ ๑๓๘ ๑๔๔ ๑๖๖ ๑๘๔ มะกลา่ำ เครือ ๑๒ ๓๙ ๔๔ มะกอก ๑๓๐ มะกา ๖๑ ๑๑๗ มะเกลือ ๗๐ มะขาม ๖๑ ๖๕ ๑๑๗ มะขามปอ้ ม ๑๑ ๒๙ ๔๔ ๕๙ ๖๕ ๗๐ ๑๒๘ ๑๖๙ ๑๗๑ ๑๘๒ มะขามเปียก ๗๖ มะเขอื ขืน่ ๗๐ ๑๑๙ มะคำาดีควาย ๑๓๐ มะงั่ว ๑๖๖ ๑๘๔ มะเดอ่ื อทุ ุมพร ๑๗๖ มะเดอ่ื อุทมุ พร ๑๗๒ มะตมู ๘ ๑๑ ๒๓ ๔๐ ๘๔ ๑๓๘ มะนาว ๙๗ ๑๔๔ ๑๖๖ ๑๘๔ มะปรางหวาน ๙๗ มะรุม ๑๒๓ มะลิ ๘๗ ๙๗ ๑๕๑ ๑๖๓ ๑๖๕ ๑๖๙ ๑๗๔ ๑๘๔ มะแว้งเครือ ๑๑ ๓๔ ๗๐ ๑๐๘ ๑๑๙ มะแว้งตน้ ๑๑ ๗๐ ๑๐๘ ๑๑๙ มะอกึ ๑๑๙ เมลด็ พรรณผักกาด ๒๕ ๔๓ ๕๑ โมกมัน ๑๔๐ ไมเ้ ทา้ ยายมอ่ ม ๑๗๖ ยาดาำ ๑๕ ๒๕ ๓๑ ๕๖ ๖๑ ๖๘ ๗๐ ๗๖ ๗๘ ๙๒ ๑๑๗ ๑๒๘ ๑๓๔ ๑๓๘ ๑๔๖ ยา่ นาง ๖ ๕๑ ๖๖ ๑๓๐ ๑๓๒ ๑๗๔๑๗๖ รงทอง ๗๔ ๗๖ ๗๘ ระงบั ๑๙ ระงับพิษ ๔๕ ระย่อม ๙๙ ราชดัด ๑๖๙ ราชพฤกษ ์ ๑๖ ๖๕ ๗๖ เร่วหอม ๑๔๔ ลาำ พนั ๖๖ ลาำ พันแดง ๑๓๓ ๑๗๔ 268
ลำาพนั หางหมู ๑๑๓ ลิน้ เสือ ๑๔ ลกู จนั ทน์ ๔ ๖ ๑๑ ๒๔ ๓๐ ๓๕ ๕๖ ๖๓ ๖๖ ๗๙ ๘๙ ๙๔ ๙๙ ๑๐๒ ๑๑๓ ๑๒๑ ๑๒๘ ๑๓๓ ๑๔๐ ๑๔๒ ๑๔๔ ๑๔๘ ๑๕๐ ๑๕๔ ๑๕๘ ๑๖๓ ๑๖๖ ๑๖๙ ๑๗๔ ๑๘๐ ลูกชลี อ้ ม ๑๑๕ ๑๔๐ ลกู ชีลา ๕๑ ๕๙ ๗๙ ๙๕ ๑๒๘ ๑๔๐ ๑๔๘ ๑๕๐ ๑๕๔ ๑๖๙ ๑๗๑ ๑๗๔ ๑๘๒ ลกู ซดั ๕๙ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขลูกเอน็ ๖๖ ๑๓๓ เลบ็ มอื นาง ๗๐ วัว ๑๗๔ ว่านกบี แรด ๑๒ ๔๗ ว่านชกั มดลูก ๑๕๑ วา่ นนางคาำ ๑๑๒ วา่ นนาำ้ ๒๑ ๓๑ ๔๐ ๔๓ ๕๘ ๖๘ ๗๔ ๙๒ ๙๕ ๑๐๕ ๑๑๒ ๑๑๕ ๑๓๔ ๑๓๘ ๑๔๖ ๑๔๘ ๑๖๓ ๑๘๐ วา่ นร่อนทอง ๑๒ ๔๗ วา่ นหางชา้ ง ๕๖ สน ๓๕ ๔๙ ๑๕๖ ๑๖๙ สนเทศ ๑๓๖ ๑๔๒ ๑๖๓ สนุ่น ๑๗ ส้มกุ้ง ๒๕ ส้มกุ้งนอ้ ย ๒๙ ๑๑๙ ส้มก้งุ ใหญ่ ๒๙ ๑๑๙ สม้ เขยี วหวาน ๑๖๖ ส้มจนี ๑๖๖ สม้ ซ่า ๑๖๕ ๑๘๔ สม้ ตรงั กาน ู ๑๖๖ สม้ ป่อย ๒๕ ๖๑ ๖๕ ๑๑๗ ๑๑๙ ๑๒๕ สมอดีง ู ๖๑ ๘๙ สมอทะเล ๒๕ ๖๘ ๙๙ สมอเทศ ๑๕ ๓๗ ๕๙ ๘๖ ๑๑๓ ๑๔๘ ๑๘๐ สมอไทย ๑๑ ๑๕ ๒๙ ๔๔ ๕๙ ๖๑ ๖๕ ๖๘ ๗๐ ๗๙ ๘๖ ๘๙ ๑๐๑ ๑๑๓ ๑๒๘ ๑๓๘ ๑๔๘ ๑๗๑ ๑๘๐ สมอพเิ ภก ๑๑ ๑๕ ๒๙ ๔๔ ๕๙ ๖๕ ๖๘ ๗๐ ๘๖ ๘๙ ๑๒๘ ๑๖๙ ๑๗๑ ๑๘๒ สม้ โอ ๑๖๖ สมุลแว้ง ๖ ๔๙ ๖๖ ๗๙ ๘๒ ๑๓๓ ๑๔๐ ๑๔๒ ๑๔๘ ๑๕๔ ๑๕๖ ๑๖๐ ๑๖๓ ๑๖๙ ๑๗๔ สรรพพษิ ๑๑ สลอด ๖๓ สลัดได ๒๗ ๑๒๑ สวาด ๖๓ ๑๐๘ สะค้าน ๓ ๘๖ ๘๘ ๙๕ ๑๑๕ ๑๑๙ ๑๔๐ ๑๔๒ ๑๔๖ ๑๕๑ ๑๖๙ ๑๗๔ สะเดา ๑๐ ๒๔ ๔๐ ๑๓๔ สะเดา ๑๗๐ สะบ้า ๓๓ สะบา้ มอญ ๑๓๐ 269
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพท ์ยทางเลือก กระทรวงสาธารณ ุสขสะระแหน่ ๑๔๔ สัก ๑๓๐ สักข ี ๑๕๖ ๑๖๙ สงั กรณ ี ๑๕๔ สันพรา้ นางแอ สนั พร้าหอม ๘ สารพัดพิษ ๔๗ ๑๕๘ สารภี สารส้ม ๑๖๙ สาำ โรง ๔ ๑๔ ๔๗ ๘๘ ๙๗ ๑๐๒ ๑๕๑ ๑๖๐ ๑๖๓ ๑๖๖ ๑๖๙ ๑๗๔ ๑๘๔ สเี สยี ดเทศ สเี สยี ดไทย ๑๖ ๒๖ ๕๖ ๑๐๔ ๑๐๘ ๑๑๒ ๑๒๓ ๑๒๕ ๑๒๘ ๑๕๐ ๑๗๑ สรุ ามฤต ๑๕ เสนียด แสมทะเล ๓๙ ๑๗๘ แสมสาร ๘๕ ๑๗๘ หญา้ ชนั กาด หญ้าตีนนก ๑๖๓ หญ้าฝรั่น ๔๕ หญ้าแพรก ๗๔ ๘๙ ๑๑๒ ๑๒๓ ๑๔๖ หนาด ๘๙ ๑๑๒ หมากผู้ ๔๐ หมากเมีย ๑๔๖ ๑๖๙ หมกึ หอม ๑๕๔ หว้า ๒๖ หวายตะค้า ๒๓ ๔๕ ๗๔ ๑๐๔ ๑๑๐ หอม ๔๗ หอมแดง ๔๗ หสั คณุ เทศ ๑๓๐ ๑๕๘ หัสคุณไทย ๙๙ หางไหลแดง ๑๓๐ หิงคุย์ างโพ ๖๕ ๗๒ ๑๐๔ ๑๐๕ เหงือกปลาหมอ ๑๕ ๑๙ ๒๔ ๔๓ ๕๖ เหมือดคน ๒๗ ๕๖ ๗๔ ๑๑๓ ๑๘๐ แห้วหม ู ๕๖ ๗๔ โหระพา ๒๕ อบเชย ๙๒ อบเชยญวน ๑๑๓ อบเชยเทศ ๙๗ อบเชยไทย ๑๑ ๑๕ ๔๐ ๕๘ ๗๐ ๘๖ ๑๐๑ ๑๑๕ ๑๓๔ ๑๖๙ ๑๗๘ อังกาบ ๗๐ ๑๒๘ ๑๗๑ อำาพันทอง ๖ ๑๓๓ ๑๔๘ ๑๕๔ ๑๕๖ ๑๖๓ ๑๖๖ ๑๗๔ อตุ พดิ ๑๖๐ ๑๖๙ ๔ ๙ ๑๑ ๓๔ ๘๒ ๘๙ ๑๔๒ ๑๖๐ 270 ๙ ๑๑ ๔๕ ๑๕๔ ๑๔๖
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290