2. ใหท้ ำตวั ประหนง่ึ เปน็ นกั บญุ (ปญุ ญจารโิ ก) คอื ทำตวั เหมอื นมาแสวงบญุ นึกถึงพระพุทธเจ้าหรือศาสดาในศาสนาของตนเองเอาไว้ เพื่อที่จะได้ ไมร่ สู้ กึ เหนอ่ื ยลา้ จากการมาแสวงบญุ ครง้ั น้ี เปน็ การลดอตั ตา ลดตวั ตนลง เมื่อไม่มีตัวตน...ความทุกข์กายทุกข์ใจก็จะเข้ามาเกาะกุมตัวเราไม่ได้... เม่ือไม่มี “ตวั ตน” ก็ไม่มีทุกข์ ไมเ่ หน่ือย ไมล่ ้า... 3. ใหท้ ำตวั ประหนง่ึ เปน็ นกั ศกึ ษา (สกิ โข) คอื ทำตวั เปน็ นกั เรยี นทม่ี าเรยี นรู้ มาศึกษาโลก ศึกษาธรรมในห้องเรียนของชีวิตจริง ผ่านธรรมชาติและ ชีวิตของผู้ทเ่ี ราได้พบพาน 4. ใหท้ ำตวั ประหนง่ึ เปน็ นกั ปราชญ์ (ปณั ฑโิ ต) คอื ฉลาดในการจดั สรรขอ้ มลู ทไ่ี ดพ้ บเจอ ไดเ้ ห็น ไดย้ ิน ไดส้ ัมผสั แลว้ นำเอาประสบการณ์เหล่านน้ั ไป เป็นประโยชน์ต่อตนเอง เป็นครูของตนเอง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ ในโลกนใ้ี หต้ นเอง และนำไปพฒั นาสกู่ ารเขา้ ใจผอู้ น่ื และเขา้ ใจตนเองตอ่ ไป 5. ให้ทำตัวประหนึ่งเป็นนักผจญภัย (เอกจาริโก) คือ ทำตัวเหมือนกำลัง เดินทางมาเพียงลำพัง ทำใจให้กล้า เปิดตาเปิดใจให้กว้าง พร้อมรับ ประสบการณใ์ หมๆ่ ผคู้ น วฒั นธรรม และความคดิ ใหมๆ่ โดยไมต่ อ้ งกงั วล กับแผนการ หรือขั้นตอนเดมิ ๆทค่ี นุ้ เคย *เม่อื แอบยกนวิ้ นบั ๆดแู ลว้ ฉนั ว่าฉันมีครบทุกข้อเลยทเี ดียว (อิอ)ิ * หลังจากที่หลวงพ่อสอนจบ ท่านก็เปิดโอกาสให้ฉันตั้งคำถามดูบ้าง ฉันจึง เรียนถามหลวงพ่อว่า...การเข้าวัดแบบติดชื่อเสียงของวัด หรือติดชื่อเสียงบารมี ของพระประจำวดั นน้ั ๆ เปน็ สง่ิ ทด่ี ไี มด่ หี รอื ควรไมค่ วรอยา่ งไร ทา่ นกใ็ หค้ ำตอบไว้ อย่างน่าฟังน่าคิดตาม โดยท่านเปรียบเทียบศาสนาต่างๆ เป็นยี่ห้อหรือแบรนด์ ของสินค้า “…บางคนก็ชอบแบรนด์‘ฮอลลิวู้ด’ ซึ่งอาจเทียบได้กับศาสนาคริสต์ บางคนชอบแบรนด์‘บอลิวู้ด’ ซึ่งเทียบได้กับศาสนาฮินดู ส่วนบางคนก็ไม่ชอบใช้ ของแบรนด์เนม อันอาจเทียบได้กับพวกที่ไม่นับถือศาสนาใดๆ แต่แท้จริงแล้ว... 74
พวกทบ่ี อกวา่ ตนเองไมม่ ศี าสนาหรอื ไมน่ บั ถอื ศาสนาใดนน้ั แทจ้ รงิ แลว้ เขากม็ ศี าสนา แต่เป็นศาสนาของเขาเอง เมื่อความชอบของแต่ละคนแตกต่างกันไปหลายทาง หลายแบรนด์ การจะมาเปลย่ี นมาบงั คบั ใหแ้ ตล่ ะคนชอบแบรนดอ์ น่ื ๆทไ่ี มถ่ กู จรติ กับของเขาจึงเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาย่อมรับไม่ได้...” “…และแท้จริงแล้วทุกศาสนาในโลกนี้ ล้วนเป็นสถาบันที่ยึดถือการให้โดย ไม่หวังสิ่งตอบแทนด้วยกันทั้งสิ้น หากจะแตกต่างกันอยู่บ้างก็ตรงที่ ศาสนาพุทธ เปน็ ศาสนาทเ่ี คารพในความแตกตา่ ง และมี “นโยบาย” เปน็ เพอ่ื นเปน็ มติ รกบั ทกุ ศาสนา ไมม่ นี โยบายทจ่ี ะเปลย่ี นคนตา่ งศาสนาใหม้ าเปน็ ชาวพทุ ธ หรอื ไมม่ นี โยบาย ที่จะทำให้ทุกคนต้องคิดเหมือนกัน หรือต้องเข้ามาอยู่ร่วมศาสนาเดียวกัน จึงจะ ได้รับการยอมรับว่าเป็นพรรคพวกเดียวกัน เพราะความคิดเช่นนั้น คือการคิดที่ จะ ‘แตกแยก’ กลุ่มก้อนเดิมของเขาออกไป ไม่ใช่การ ‘รวบรวม’ ให้คนเข้ามา เป็นกล่มุ เดยี วกัน” เมื่อฟังถึงตรงนี้ก็ทำให้ฉันคิดถึงสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน ที่มีการแบ่งฝัก แบง่ ฝา่ ย แบง่ พรรคแบง่ พวก แบง่ สแี บง่ กลมุ่ กนั มากมาย ซง่ี ถา้ พจิ ารณาตามแนวคดิ ทห่ี ลวงพอ่ วา่ ใครกต็ ามทก่ี ำลงั หาพรรคหาพวกโดยสรา้ งความแตกแยก กถ็ อื ไดว้ า่ คนเหล่านั้นไม่ได้ทำตาม “นโยบาย” ของศาสนาพุทธ หลวงพ่อยังเสริมด้วยว่า “...การมีพวกเป็นเรื่องที่ดี เพราะเมื่อมีพวกดี มีแต่ให้…ตัวจัญไรก็ไม่ลง... มพี รรคดแี ลว้ คนในพรรคกค็ วรจงรกั ภกั ดี จะไดด้ กี นั ทว่ั หนา้ เมอ่ื เปน็ การสรา้ งกลมุ่ เพอ่ื ให้ กจ็ ะมแี ต่ ‘ได’้ ถา้ ไมร่ จู้ กั ‘ให’้ ไมน่ าน ‘หา่ ’ กล็ ง... พรรคดตี อ้ งมศี ลี ธรรมดี กำกับด้วย... ดีให้ตลอด อย่าดีเป็นพักๆ รักชาติบ้านเมือง องค์ราชา พุทธศาสนา ทง้ั พรรคทง้ั พวกก็จะพากันเจริญ... ดังน้ันขอใหเ้ ราจงเนน้ ‘สรา้ งพวกใหม้ าก’ เพราะการ ‘สร้างพวก’ หมายถึง การสร้าง ‘กัลยาณมติ ร’ การมีมิตรท่ไี มด่ …ี ไมถ่ ือวา่ มมี ิตร การมีมิตรทดี่ ี…จะนับเฉพาะแตก่ ารมกี ัลยาณมติ รเทา่ นนั้ ...” 75
หลวงพ่อยังเล่าถึงวัฒนธรรมความเช่ือและความเป็นอยู่ของชาวอินเดีย สอดแทรกไปกบั การบรรยายธรรมใหฉ้ นั ฟงั ไปเรอ่ื ยๆตลอดทาง ฉนั ซง่ึ นง่ั อยดู่ า้ นหลงั กฟ็ งั ไป จดไป คดิ ตามไปเรอ่ื ยๆ และกม็ หี ลายครง้ั ทฉ่ี นั ไดข้ ำจากเกรด็ เลก็ เกรด็ นอ้ ย ทท่ี า่ นเลา่ ใหฟ้ งั หนง่ึ ในนน้ั กค็ อื เรอ่ื งความเชอ่ื เกย่ี วกบั การดม่ื นมของคนในดนิ แดน ชมภทู วีปแห่งน้ี ที่ประเทศอินเดีย...ผู้คนจะนับถือทุกสิ่งทุกอย่าง ไหว้ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ กระทั่งวัวเขากไ็ หวไ้ ด้ เพราะเขาไหว้ ‘คุณ’ ของววั ... เนื่องจากต้ังแตว่ วั ลมื ตาขึน้ ดูโลก ววั กม็ ีแตใ่ ห้ประโยชนแ์ ละทำใหช้ ีวติ ของชาวอินเดียไดอ้ ิ่มหนำสขุ สบาย ววั จึงเป็นเทพสำหรับชาวอินเดีย (ฮินดู) และน้ำนมจากวัวก็คือ ‘น้ำทิพย์’ หรือของ กำนัลจากเทพเจ้า ชาวฮินดูมีความเชื่อกันว่า... การดื่มนมวัวจะทำให้ผู้ดื่มฉลาดมีสติปัญญา ‘ขั้นเทพ’ แต่ถ้าดื่มนมกาสรหรือนมควาย ก็จะทำให้มีกำลังวังชามาก บึกบึน หนกั เบาเอาสู้ (เหมอื นไดแ้ รงกาสรไป) สว่ นใครทด่ี ม่ื นมแพะ...กจ็ ะเกง่ เรอ่ื งการตอ่ สู้ ถนัดทางพุ่งเข้าชน สู้ไม่ถอย...โดยเฉพาะถ้าได้ดื่มตั้งแต่อ้อนแต่ออก ใครอยากให้ ลกู ของตนมคี วามโดดเดน่ ดา้ นไหน กล็ องหานมดงั กลา่ วมาใหล้ กู ๆดม่ื กนั ไดเ้ ลยนะคะ แตต่ ามหลกั วทิ ยาศาสตรส์ มยั ใหมน่ น้ั การดม่ื นมแมอ่ ยา่ งเดยี วตลอด 6 เดอื นแรก จะดีที่สุดคะ่ ส่วนตัวผู้เขียน ไม่มีโอกาสได้ดื่มนมแม่ตอนที่เกิดมาอาทิตย์แรก และได้รับ คำบอกเล่าว่าได้ดื่มแต่นมวัว เลยพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่า ‘มันคงเป็นสาเหตุ ใหเ้ ราฉลาดขน้ั เทพ’ แตล่ กึ ๆแลว้ อดสงสยั ไมไ่ ดว้ า่ ...นา่ จะโดนคนขายนม หลอกเอา นมควายมาขายเป็นนมวัวใหก้ นิ เสยี มากกวา่ (ฮา...) เมอ่ื ไดฟ้ งั เรอ่ื งอทิ ธฤิ ทธข์ิ องเทพเจา้ ในอนิ เดยี มากๆเขา้ ฉนั กช็ กั เรม่ิ จะ ‘อนิ ’ 76
ตามชาวฮินดู แต่หลวงพ่อก็ชิงกล่าวหักมุมขึ้นมาก่อนว่า...“แต่หากจะว่ากันจริงๆ แลว้ ... ตอ่ ให้นำอทิ ธฤิ ทธิ์ของทวยเทพทวั่ ทงั้ อนิ เดียมารวมกนั ...ฤทธ์ิน้นั ก็ยังมิอาจ เทียบได้กับ อิทธิฤทธิ์ของมนุษย์ธรรมดาๆบางคนเลยด้วยซ้ำ เพราะสำหรับผู้ที่ เดนิ ทางมาจารกิ แสวงบญุ นน้ั ... ฤทธข์ิ อง ‘พระ’ มมี ากกวา่ ฤทธข์ิ องพระนารายณ์ 10 ปางทแ่ี ปลงรา่ งลงมาจากสวรรคเ์ สยี อกี ... เหตใุ ดจงึ เปน็ เชน่ นน้ั เลา่ นน่ั กเ็ พราะ ‘พระ’ สามารถใหท้ พ่ี กั พงิ ทางกายทางใจใหญ้ าตโิ ยมทง้ั หลายไดอ้ ยา่ งเปน็ ‘รปู ธรรม’ เชน่ ยามเราหิวก็มีข้าวให้เรากนิ ยามเรางว่ งก็มที ่ีนอนให้เราไดพ้ ักผ่อน ยามจิตใจ เราว้าว่นุ ก็มีธรรมะคอยกลอ่ มเกลา มีพระคอยทำหนา้ ที่คุ้มครองเรา...” เมอ่ื อา่ นถงึ ตรงนก้ี อ็ ยา่ เพง่ิ คดิ ขอ้ งใจ วา่ ทำไมหลวงพอ่ ทา่ นถงึ พดู เอาแตด่ เี ขา้ หา ‘พระ’ เพราะท่านได้อธิบายต่อ ถึงสาเหตุที่ทำให้พระมีฤทธิ์มากขนาดนั้นว่า... “ฤทธิ์ของพระที่ว่ามีมากกว่านารายณ์ 10 ปางนั้น... ‘มีฤทธิ์เสมอด้วยฤทธิ์ของ เรา’ และฤทธข์ิ องเราก็เกดิ มาจาก ‘ฤทธ์ิของพ่อแม่เรา’ น่นั เอง...” “ความรกั ความหว่ งใยของพอ่ แมม่ ฤี ทธย์ิ ง่ิ ใหญม่ หาศาล และสามารถขา้ มนำ้ ข้ามทะเล ข้ามภพข้ามกาลเวลา มาคุ้มครองผู้เป็นลูกได้ ยิ่งพ่อแม่รักเรามาก... อำนาจฤทธีนั้นก็ยิ่งแรงกล้ามาก พลังแห่งความรักนั้น จึงส่งผลให้เราได้รับการ คมุ้ ครองตลอดการเดนิ ทางในอนิ เดยี หรอื แมก้ ระทง่ั ตลอดการเดนิ ทางของชวี ติ น.้ี ..” “ฤทธิ์แห่งความรักของพ่อแม่...จะผลักดันให้เราได้พบคนที่จะมาช่วยเหลือ เรา ไดพ้ บพระหรอื คนดๆี ทจ่ี ะคอยชว่ ยดแู ลเรา ดงั นน้ั จงอยา่ ไดป้ ดิ กน้ั ความรกั ของ พอ่ แม.่ ..อยา่ ไดล้ มื วา่ สง่ิ ดๆี ทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั เรานน้ั ...มผี ลมาจากความรกั ของพอ่ แมเ่ รา... พอ่ แม่จงึ เป็น ‘พระ’ ทม่ี ฤี ทธส์ิ งู ส่งเสมอสำหรับลกู …” “โดยเฉพาะสำหรบั ชาวพทุ ธนน้ั พอ่ แมไ่ ดม้ อบเราใหเ้ ปน็ ลกู ของพระพทุ ธศาสนา ตั้งแต่ตอนที่ท่านเขียนกรอกลงในสูติบัตรแล้วว่าเราเป็นชาวพุทธ และอีกครั้งเมื่อ 77
เราปาวารณาตนเป็นพุทธมามกะ เพราะพ่อแม่รู้ดีว่าเมื่อตนเองแก่เฒ่าหรืออ่อน กำลงั วงั ชาลงไป หรอื อยใู่ นทๆ่ี มอิ าจมองเหน็ ลกู ได้ ไมอ่ าจใชม้ อื ชว่ ยเหลอื อมุ้ ชลู กู ได.้ .. ลกู จะมพี ทุ ธศาสนาคอยดแู ลชว่ ยเหลอื สบื ไป ไมว่ า่ จะเปน็ การชว่ ยเหลอื ทาง จิตใจจากพระธรรมคำสอน หรือการช่วยเหลือจากพระสงฆ์องค์เจ้า... การมี พระพุทธศาสนาคอยคุ้มครองจะทำใหเ้ รามชี ีวติ ทีป่ ลอดภยั อย่เู สมอ มี ‘บุญ’ อยู่ เสมอ เพราะคำว่า ‘บุญ’ คือสัญลักษณ์ของผู้ที่มีชีวิต ‘ไม่มีบุญ’ ก็คือ ‘ไม่มีชีวิต’ เราจงึ เรยี กการตายของคนวา่ ‘การสน้ิ บญุ ’ และเมอ่ื เราสน้ิ บญุ หรอื สน้ิ ชวี ติ ไปแลว้ เราก็มแี ต่จะต้องรอรับส่วนบุญเทา่ น้นั …” “การไดเ้ ปน็ ชาวพทุ ธนน้ั เปรยี บเสมอื นกบั ไดเ้ ปน็ บตุ รบญุ ธรรมของพระพทุ ธเจา้ เปน็ บตุ ร-ธดิ าจากพระอรุ ะของพระพทุ ธองค์ ภายในอกของเราจงึ มแี ตค่ วามอบอนุ่ เสมือนได้รับความอบอุ่นจากพระพุทธเจ้า... การมาอินเดียจึงเปรียบเสมือนการ เดนิ ทางตามรอยของบรรพบรุ ษุ เดนิ ทางตามสายบญุ อนิ เดยี จงึ เปน็ เมอื งของคนไทย ‘ใจถึง’ ซึ่งไม่ได้หมายถึงการมีใจใหญ่ใจนักเลง แต่หมายถึงการมี ‘ใจถึงธรรมะ’ ดังนั้น ใครก็ตามที่ได้มีบุญมาถึงอินเดีย แล้วเก็บกลับไปเพียงรูปถ่าย… แต่ไม่ได้ ชำระลา้ งจติ ใจกลบั ไป หรอื ไมไ่ ดเ้ หน็ ‘ของด’ี ทพ่ี ระพทุ ธองคท์ รงฝากไวใ้ นแผน่ ดนิ นแ้ี ลว้ ไซร้ ก็ถือวา่ น่าเสยี ดายอยา่ งยงิ่ …” ฟงั แลว้ อม่ิ ใจไหมคะ...เพราะฉนั ฟงั แลว้ รสู้ กึ อม่ิ ใจมาก...อม่ิ ใจทง้ั จากความรกั ของพอ่ แม่...และอิ่มใจจากความรักของพระพทุ ธองค์... แตเ่ นอ่ื งจากสภาพสงั คมทเ่ี ปน็ อยใู่ นปจั จบุ นั ไมค่ อ่ ยเออ้ื ใหเ้ ราไดม้ องเหน็ ‘คณุ ’ ของ พระในบา้ นและพระนอกบา้ น ในแงท่ ห่ี ลวงพอ่ ทา่ นกลา่ วมา แตก่ ลบั มขี า่ วคราว หรอื เรื่องราว ของความเสื่อมทางศาสนาและครอบครวั ให้เหน็ อยู่ตลอดเวลา เม่อื ฉนั เอย่ ถามหลวงพอ่ วา่ ...เวลาทเ่ี ราเจอพระทไ่ี มด่ หี รอื วดั ทไ่ี มด่ ี เราควรจะทำเชน่ ไร ทา่ นกต็ อบว่า... 78
“ยิ่งเจอวัดที่ไม่ดี ยิ่งต้องเข้าวัด ให้วัดนั้นดีให้ได้... เพราะหากคนไม่เข้าวัด กเ็ หมอื นปลอ่ ยใหเ้ หลอื บมารศาสนาไดเ้ สวยสขุ ไดท้ ำตวั ไมด่ ตี อ่ ๆไป จงึ เปน็ หนา้ ท่ี ของอบุ าสก-อบุ าสกิ าซง่ึ เปน็ หนง่ึ ใน ‘พทุ ธบรษิ ทั ทง้ั ส’่ี 1 ทจ่ี ะตอ้ งมหี นา้ ทท่ี ำนบุ ำรงุ ดูแล และสังคายนาพุทธศาสนาให้เจริญสืบไป เพราะศาสนาจะเจริญสืบไปไม่ได้ หากขาดบรษิ ทั ใดบรษิ ทั หนง่ึ การทม่ี พี ระเพย้ี น วดั เสอ่ื ม จงึ ไมไ่ ดห้ มายความถงึ มี แตว่ ดั กบั พระเทา่ นน้ั ทเ่ี สอ่ื ม แตอ่ บุ าสกอบุ าสกิ ากเ็ สอ่ื มกเ็ พย้ี นดว้ ยเชน่ กนั จงึ ไมไ่ ด้ ปฏบิ ตั ิหน้าท่ขี องตนเองอย่างท่คี วรจะเปน็ ” ฉนั จงึ เรยี นถามหลวงพอ่ ถงึ การทพ่ี ระสงฆบ์ างรปู มกี ารปฏบิ ตั แิ ปลกๆ หรอื มคี ำสอนแปลกๆออกมาในสมยั น้ี เชน่ ทเ่ี คยมขี า่ ววา่ มพี ระสงฆร์ ปู หนง่ึ สอนชาวบา้ น ว่าไม่ต้องกราบไหว้พระพุทธรูป แต่ให้ตบหน้าพระพุทธรูป เพื่อเป็นการตบความ โง่เขลาความหลงผิดของตน ว่าท่านคิดเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้ และเราในฐานะ พุทธบรษิ ัทที่ดี ควรมีท่าทีตอ่ เร่อื งนีอ้ ยา่ งไร ทา่ นจงึ ตอบวา่ ... “มนษุ ยเ์ รามี ‘สามญั สำนกึ ’ กนั ทกุ คน กระทง่ั สนุ ขั เรายงั รวู้ า่ ไมค่ วรไปตบมนั แลว้ ทำไมเราจงึ ควรจะไปตบหนา้ พระพทุ ธรปู ในเมอ่ื พระพทุ ธรปู คอื ตวั แทนของพระพทุ ธองค์ เปน็ ตวั แทนของการตง้ั อยขู่ องธรรมะและคำสอนของ พระพทุ ธเจา้ ทเ่ี รากราบพระพทุ ธรปู เราไมไ่ ดก้ ราบอฐิ กราบปนู แตเ่ รากำลงั กม้ กราบ คณุ งามความดี กราบระลกึ ถงึ พระพทุ ธองค์ และพระธรรมคำสอนของพระพทุ ธองค…์ ” “ในเรอ่ื งการศกึ ษาหรอื การสอนเกย่ี วกบั ศาสนานน้ั … ขอใหเ้ นน้ ปฏบิ ตั ใิ ห้ มาก ไม่ใชพ่ ูดมาก หรอื แสดงอทิ ธิฤทธข์ิ องตัวเองให้มาก… เพราะศาสนาพุทธ เป็นศาสนาแห่งการปฏิบัติ ปฏิบัติธรรมแล้วได้อะไร มีแต่ผู้ปฏิบัติจริงเท่านั้น จงึ จะรู้ได้ และผูป้ ฏบิ ตั ิจริงจะไมพ่ ูดมาก...มีแตจ่ ะปฏบิ ตั ิให้มาก” 1 พุทธบรษิ ทั 4 คือ ภิกษุ ภกิ ษุณี อุบาสก อุบาสกิ า 79
“คนอินเดียนั้นนับถือพุทธศาสนาน้อย... แต่พวกเขาเชื่อถือและปฏิบัติตาม แนวทางของพทุ ธศาสนา มากกว่าคนไทยหลายๆคนเสยี ดว้ ยซ้ำ... เราชอบตำหนิ พวกแขกฮนิ ดเู สมอ เกย่ี วกบั การเอาแพะเอาสตั วต์ า่ งๆมาบชู ายญั แตเ่ วลาคนไทย เราเอาพระพุทธรูปมาสะเดาะเคราะห์ของตัวเองนั้น... มันยิ่งแย่กว่าเขาเสียอีก... เพราะนั่นคือการลากเอาสิ่งที่มีคุณอันยิ่งใหญ่ ลงมาเป็นเพียงเครื่องเซ่นเครื่อง สังเวยเคราะห์กรรมของตัวเอง... ลองคิดเอาดูเถิด...ว่าจะได้บาปหรือได้บุญ จะ พน้ เคราะห์หรือเพ่มิ เคราะห.์ ..” หลวงพอ่ ยงั เสรมิ อกี วา่ ... “จะวา่ ไปแลว้ ชาวอนิ เดยี นถ่ี อื ไดว้ า่ เปน็ คนทม่ี คี วามสขุ ทส่ี ดุ ในโลก เพราะถา้ เขาไมม่ คี วามสขุ เขาจะกนิ ดม่ื นง่ั นอนรมิ ถนนทม่ี ที ง้ั เสยี งแตรรถ ฝนุ่ ควนั และแมลงรบกวนไดอ้ ยา่ งสบายใจไดอ้ ยา่ งไรเลา่ เศรษฐบี างคน ทน่ี อนบน ฟกู หนาแอรเ์ ย็นฉำ่ ยังไมส่ ามารถนอนหลบั ใหส้ นิท ได้อยา่ งชาวอนิ เดยี พวกนเ้ี ลย การปฏบิ ตั ติ นเชน่ ชาวพทุ ธทแ่ี ท.้ .. จงึ ทำใหเ้ รามคี วามสขุ ได้ ‘ในทท่ี กุ สถาน ในกาล ทกุ เมอ่ื ’ ถา้ ใครไมไ่ ดร้ สู้ กึ เชน่ นน้ั ...กแ็ ปลวา่ ยงั ไมไ่ ดป้ ฏบิ ตั ติ ามวถิ แี หง่ พทุ ธนน่ั เอง” กอ่ นท่ี ‘ยานธรรม’ ของฉนั จะมาถงึ หนา้ สถานรี ถไฟกอรกั ปรู ์ หลวงพอ่ กลา่ ว ทง้ิ ทา้ ยไวว้ า่ การจะมาสส่ี งั เวชนยี สถานในอนิ เดยี ใหไ้ ดป้ ระโยชน์ ควรจะมพี ระธรรมทตู มาเปน็ ไกดด์ ว้ ยจงึ จะถอื วา่ มาอยา่ งสำเรจ็ การมาหาพระพทุ ธเจา้ ควรอาศยั พระธรรมทตู นำทาง จึงจะเดินทางไปพบพระพุทธเจ้าหรือพระธรรมจากพระพุทธองค์ได้โดย ไมห่ ลงทาง ซง่ึ เรอ่ื งนฉ้ี นั เหน็ ดว้ ยอยา่ งยง่ิ จากการไดร้ บั ประโยชนข์ องการเดนิ ทาง ที่มีพระธรรมทูตคอยเทศน์คอยสอน และเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ฟัง ซึ่งดีกว่า การมาโดดๆโดยไม่รู้เรือ่ งรรู้ าวอะไร แต่ท่านก็บอกว่าการมาอินเดียคนเดียวของฉัน ก็ถือว่าเป็นการมาจาริก แสวงบญุ และเปน็ การปฏบิ ตั ธิ รรมอยา่ งหนง่ึ เพราะฉนั จะไดร้ บั ประสบการณแ์ ละ ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่แตกต่างจากผู้ที่เดินทางมาเที่ยวเป็นหมู่คณะกับบริษัททัวร์ 80
และการจะเปน็ นกั เขยี นทด่ี หี รอื การจะสรา้ งงานเขยี นดๆี ออกมานน้ั มกั จะเกดิ ขน้ึ ในยามที่เราไดอ้ ยกู่ บั ตวั เองคนเดยี ว ในยามที่เราลำบาก และตกทกุ ข์ได้ยาก รวม ทั้งในยามที่เราได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นด้วย ซึ่งประสบการณ์เหล่านั้นคงไม่ เกดิ ขึน้ ถ้าฉนั มาเที่ยวแบบสุขสบายหรือมีเพ่ือนฝูงมาดว้ ยมากมาย ทา่ นยงั เสรมิ ดว้ ยวา่ การทำบญุ นน้ั ... ไมไ่ ดห้ มายถงึ แค่ การตกั บาตร ทำสงั ฆทาน ทอดผา้ ปา่ ทอดกฐิน ฯลฯ แต่เราควรทำบุญดว้ ยของ 3 อยา่ ง คอื ... 1. ทำบญุ ดว้ ย ‘น้ำใจ’ หรือการเอ้อื เฟ้อื เผ่อื แผต่ อ่ ทกุ ผู้...ทุกคน...ทุกชีวติ ... 2. ทำบุญด้วย ‘น้ำคำ’ หรือการพูด การเล่า การบอกกล่าวถึงพระธรรม คำสอนของพระสัมมาสมั พทุ ธเจ้า 3. ทำบญุ ดว้ ย ‘นำ้ หมกึ ’ หรอื การเขยี นถงึ พระธรรมคำสอน เผยแพรง่ านเขยี น ทางธรรมะ จากนน้ั ‘ยานธรรม’ ทฉ่ี นั อาศยั มา กม็ าหยดุ ทห่ี นา้ โรงแรมทพ่ี กั ของฉนั พอดี ฉันกราบ ‘ขอบพระคุณ’ หลวงพ่อพระราชรัตนรังษี สำหรับความเมตตากรุณา รวมถงึ คำสอนของทา่ น ซง่ึ มปี ระโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ ทง้ั ตอ่ สตปิ ญั ญาและตอ่ จติ ใจของฉนั ฉนั กลา่ ว ‘ขอบคณุ ’ คนขบั รถชาวอนิ เดยี ... จากนน้ั กก็ า้ วลงจาก ‘ยานธรรม’ ดว้ ย จติ ใจท่ีอิ่มเอิบแจ่มใส 81
บทท่ี 7 จากกอรกั ปรู .์ ..สพู่ าราณสี เมอ่ื กลบั ไปถงึ แซตยมั เกสตเ์ ฮาส์ (Satyum Guesthouse) ผดู้ แู ลหอ้ งพกั ตา่ ง ถามฉันด้วยความสงสัยปนเป็นห่วงเล็กๆว่า ฉันหายไปไหนโดยไม่กลับที่พักทั้งคืน พอทราบวา่ ฉนั ไปพกั ทว่ี ดั ไทยกสุ นิ าราจงึ โลง่ ใจ จากนน้ั ฉนั กจ็ า่ ยคา่ หอ้ งพกั ของวนั ใหม่ แล้วเอาของกลับไปเก็บบนห้องก่อนจะกลับออกไปที่สถานีรถไฟท่ีอยู่ฝ่ังตรงข้าม อกี ครั้งเพือ่ จัดการเร่อื งตว๋ั รถไฟไปเมอื งพาราณสี วีธีการทีง่ า่ ยทส่ี ดุ สำหรับชาวตา่ งชาตทิ จ่ี ะซอื้ ตั๋วรถไฟในอินเดีย คือเดนิ ไปที่ Tourist Office หรอื ศูนยช์ ่วยเหลอื นักทอ่ งเที่ยว แลว้ บอกจดุ หมายปลายทางกบั รายละเอียดในการเดินทางให้เจ้าหน้าที่ทราบ และเจ้าหน้าที่ที่คอยช่วยเหลือฉัน อยา่ งดี ก็คือ Saran หรอื ที่ฉนั เรยี กวา่ “ศรญั ญา” หลงั จากไดร้ ายละเอยี ดตา่ งๆจนครบถว้ นแลว้ ศรญั ญากอ็ าสาไปซอ้ื ตว๋ั ใบใหม่ ให้ฉัน โดยหน้าที่ของฉันก็คือ นั่งรอในออฟฟิศที่มีแอร์เย็นฉ่ำ ต่างกับชาวอินเดีย อกี นบั รอ้ ย ท่ีนงั่ รอนอนรอรถไฟตามพื้นสถานที ่รี ้อนอ้าว ครู่เดียวศรัญญาก็กลับมาพร้อมตั๋วรถไฟชั้นธรรมดาราคา 56 รูปี ซึ่งทำให้ ฉนั กงั วลอยา่ งมากวา่ จะไมม่ ที น่ี ง่ั แตเ่ ธอกย็ นื ยนั วา่ ไมม่ ปี ญั หา เพราะเปน็ รถตน้ ทาง ฉนั สามารถนง่ั ตรงไหนกไ็ ด้ จากนน้ั คอ่ ยจา่ ยเงนิ เพม่ิ อกี 60 รปู ี กบั เจา้ หนา้ ทเ่ี ดนิ ตว๋ั เพื่ออัพเกรดเป็นตั๋วชั้นตู้นอน (sleeper) ฉันถามย้ำกับศรัญญาถึง 3 รอบว่า ‘ไมม่ ปี ญั หาแนน่ ะ’ และเธอกย็ นื ยนั เปน็ มน่ั เหมาะทง้ั 3 ครง้ั (แตฉ่ นั กไ็ มแ่ นะนำให้ ใครทำแบบน้ีนะคะ เพราะใชว่ ่ามันจะได้ผลทุกครั้ง) 83
ระหวา่ งทฉ่ี นั คยุ กบั ศรญั ญาอย.ู่ .. อามติ (Amit) เพอ่ื นของเธอทเ่ี ขา้ มานง่ั เลน่ ใน ทวั รสิ ตอ์ อฟฟศิ (Tourist office) กบ็ อกกบั ฉนั วา่ เขารจู้ กั ภาษาไทยและเพลงไทย จากหนงั เรอ่ื ง “บอมเบยท์ แู บงคอ็ ก” (Bombay to Bangkok) ซง่ึ เปน็ หนงั อนิ เดยี แตม่ เี นอ้ื หาเกย่ี วกบั ประเทศไทย มกี ารถา่ ยทำในประเทศไทย และเพลงประกอบหนงั กม็ ที อ่ นฮคุ เปน็ ภาษาไทยประมาณวา่ ... “ฉนั ชอบแกงกะหรไ่ี ก่ แตเ่ ธอชอบผดั ไทย” แถมรายการวทิ ยทุ ฟ่ี งั อยกู่ เ็ ปดิ เพลงนข้ี น้ึ มาพอดี เขาเลยโชวน์ ำ้ เสยี งใหฉ้ นั กบั ศรญั ญา และเพอ่ื นของเธออกี คนฟงั ถา้ ใครอยากลองฟงั เพลงนก้ี ล็ องเสริ ช์ หาเพลง “We are same same, but different” จากอนิ เตอร์เน็ตมาลองฟงั ดนู ะคะ หลงั จากคยุ กนั ไปครใู่ หญ่ ฉนั กข็ อตวั ออกไปธนาคาร พออามติ ไดย้ นิ กอ็ าสา พาฉันซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่ธนาคาร ก่อนที่เขาจะเดินทางไปยังที่ทำงานซึ่งอยู่ ไม่ไกลจากนั้น ถ้าตอนนั้นเป็นเวลาโพล้เพล้ฉันคงไม่ไปกับเขาเป็นแน่ แต่พอเห็น ศรญั ญาแสดงทา่ ทวี า่ ‘เขาวางใจได้ ไมเ่ ปน็ ไรหรอก’ ฉนั จงึ ตกลงซอ้ นทา้ ยมอเตอรไ์ ซค์ อามติ ไปธนาคาร แต่พอไปถึงที่จอดมอเตอร์ไซค์ของอามิต ฉันก็เห็นอามิตหัวเสีย และเดิน ตรวจตราดูสภาพรถของเขาเป็นการใหญ่ เพราะมีวี่แววเหมือนกับว่ารถถูกชนล้ม และมคี วามเสยี หายบางอยา่ งเกดิ ขน้ึ อามติ คยุ กบั คนแถวนน้ั เปน็ ภาษาฮนิ ดี ฉนั จงึ จนปญั ญาทจ่ี ะเขา้ ใจไดว้ า่ พวกเขาคยุ อะไรกนั จนเมอ่ื ผา่ นไปสกั พกั อามติ กห็ นั มา บอกฉันว่า...รถของเขาซ่งึ จอดอยู่เฉยๆโดนรถยนต์ถอยมาชน แตห่ ลงั จากบน่ ๆไป สักพัก เขาก็โบกมือลาอารมณ์หงุดหงิด แล้วสตาร์ทมอเตอร์ไซค์... ส่งห่ออาหาร กลางวันของเขาให้ฉันถือ... จากนั้นก็พาฉันซิ่งมอเตอร์ไซค์ แหวกการจราจรอัน จอแจแออัดของกอรักปรู เ์ พอ่ื ไปยังธนาคาร ประสบการณน์ ง่ั ซอ้ นทา้ ยมอเตอรไ์ ซคใ์ นอนิ เดยี ของฉนั นน้ั นา่ หวาดเสยี วพอๆ กบั การนง่ั รถไฟเหาะตลี งั กาหรอื เรอื ไวกง้ิ เลยทเี ดยี ว ถนนสายเลก็ ๆ คราครำ่ ไปดว้ ย 84
มอเตอรไ์ ซคน์ บั รอ้ ยๆคนั สามลอ้ ถบี อกี มากมี สามลอ้ เครอ่ื งอกี มากมาย แถมใหด้ ว้ ย รถยนตก์ บั รถบรรทกุ และฝงู ววั แมล่ กู ทต่ี า่ งออกมาใชช้ วี ติ อยบู่ นถนนสายเดยี วกนั เหมือนมใี ครเอาทองหรือเอาหญ้ามาวางลอ่ อยตู่ รงหนา้ เสยี งแตรทช่ี วนกระชากขวญั และฝนุ่ ควนั ทล่ี อยฟงุ้ ไปทว่ั ทำใหฉ้ นั ตอ้ งหยตี า อยตู่ ลอด ในขณะทอ่ี ามติ กพ็ ยายามแซงซา้ ยปา่ ยขวา เหมอื นนกั แขง่ ‘มอเตอรค์ รอส’ เขาก็ไม่ลมื ทจ่ี ะทำหนา้ ท่ีเปน็ ไกดเ์ ฉพาะกจิ โดยส่งเสียงมาบอกฉนั วา่ กำลงั จะขับ พาฉนั ผา่ นถนนซิเนมา่ สตรีท (Cinema Street) ซ่ึงไดช้ ื่อน้เี พราะมีโรงหนังอยบู่ น ถนนสายสน้ั ๆเส้นน้ี ถึง 5 โรง พอมอเตอรไ์ ซคข์ องเขาโผลพ่ น้ ซอยเลก็ ๆ กอ่ นเลย้ี วสถู่ นนซเิ นมา่ สตรที ฉนั ก็ เจอเขา้ กบั หา้ งใหญ่ หา้ งดงั และเปน็ หา้ งเดยี วของกอรกั ปรู ์ ทม่ี ชี อ่ื วา่ หา้ ง ‘ซติ ม้ี อลล’์ (City Mall) ตามด้วยโรงหนงั ท่อี ยู่ติดๆกัน 2 โรง อยา่ งที่อามติ บอก พอผ่านท่ีทำงานของเขา อามิตกช็ ใ้ี ห้ฉนั ดูว่า “นี่ล่ะทีท่ ำงานของผม” แล้วก็ พาฉนั เลย้ี วผา่ นสแ่ี ยกเขา้ สู่ ‘แบงคส์ ตรที ’ (Bank Street) ใชค่ ะ่ …ไมต่ อ้ งบอกคณุ ก็ คงเดาได้ ว่ามันเป็นถนนที่รวมเอาธนาคารหลายๆธนาคารไว้ในถนนเส้นเดียวกัน ตามชื่อของมนั กอ่ นถงึ ธนาคารฉันเห็นร้านรับแลกเงนิ เต็ม 2 ข้างทางไปหมด จงึ ถามอามิต ไปดว้ ยความสงสยั วา่ การแลกเงนิ ขา้ งนอกถกู กวา่ แลกในธนาคารหรอื เปลา่ เพราะ ฉันเห็นว่ามีร้านแลกเงินเรียงรายเต็มไปหมด แต่อามิตบอกว่าการแลกเงินนอก ธนาคารแพงกวา่ เพราะต้องเสียคา่ ธรรมเนยี มในการแลกด้วย ซ่งึ ตรงกันข้ามกบั บ้านเรา เพราะร้านรับแลกเงินเอกชน จะใหอ้ ัตราแลกเปลี่ยนทด่ี ีกวา่ การแลกเงิน ทธ่ี นาคารเลก็ นอ้ ย แตห่ ากคณุ จำเปน็ ตอ้ งแลกเงนิ ตามขา้ งทางเวลาไปเทย่ี วอนิ เดยี ก็อยากให้ระวังเรื่องธนบัตรปลอมกับเรื่องเอกสารการแลกเงินด้วยนะคะ เพราะ 85
บางทีชาวต่างชาตอิ าจถกู ขอเรยี กดเู อกสารการแลกเงินไดค้ ่ะ พอมาถึงหน้าธนาคาร ฉันก็รีบ ‘ขอบคุณ’ ในน้ำใจของอามิต จากนั้นเขาก็ เปดิ กระเปา๋ สตางคอ์ อกมาแลว้ หยบิ รปู ตดิ บตั รของตนเองออกมาเขยี นอเี มลใ์ หฉ้ นั พรอ้ มกับบอกว่าเขาให้รูปฉนั ไว้ เพอ่ื ทฉ่ี นั จะไดจ้ ำชื่อกับจำหน้าของเขาได้ เผือ่ ฉนั จะมโี อกาสกลบั มากอรกั ปรู อ์ กี และยงั บอกดว้ ยวา่ ฉนั เปน็ เพอ่ื นชาวตา่ งชาตคิ นแรก ของเขา และยงั บอกวา่ ...ฉนั หนา้ เหมอื นคนอนิ เดยี ชอ่ื กเ็ หมอื นคนอนิ เดยี ... แตไ่ มใ่ ช่ คนอนิ เดยี ... คลา้ ยๆกบั เพลง “วอี าร์ เซมเซม บทั ดฟิ เฟอเรนท”์ (We are same same, but different) เพลงโปรดของเขา แลว้ เขากข็ ม่ี อเตอรไ์ ซคก์ ลบั ไปทำงานตอ่ หลงั จากเสรจ็ ธรุ ะเรอ่ื งแลกเงนิ แลว้ ฉนั กน็ ง่ั รถสามลอ้ กลบั ไปทโ่ี รงแรม เพอ่ื เก็บขา้ วของ อาบน้ำอาบท่า กอ่ นกลับไปท่สี ถานรี ถไฟอกี ครงั้ และน่งั รอรถไฟจน ถงึ เวลา 15.30 น. เมอ่ื รถไฟมาถงึ ฉนั จงึ กลา่ วลาศรญั ญา โดยไมล่ มื ทจ่ี ะ ‘ขอบคณุ ’ ในความช่วยเหลือของเธออกี ครัง้ พอขน้ึ ไปบนรถไฟ ฉนั กเ็ ลอื กทน่ี ง่ั ในฝง่ั ทเ่ี ปน็ แนวยาวขนานกบั ตวั รถไฟ จะได้ ไม่ต้องมองหน้าใคร หรือไม่ต้องคุยอะไรกับใครมากนัก เพราะเป็นที่นั่งซึ่งไม่มี เบาะฝั่งตรงข้าม แต่ไม่ช้าก็มีชายคนหนึ่งมานั่งเบาะเดียวกับฉัน ซึ่งฉันก็ต้องยินดี และเจียมตัวอยู่แล้ว เพราะฉันคือผู้ที่ ‘ไม่มีสิทธิ์’ นั่งในตู้นี้ จนกว่าฉันจะเจอ เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วและขออัพเกรดตั๋วเสียก่อน ดีไม่ดีฉันอาจนั่งทับที่ของผู้ชายคน นั้นอยูก่ ็ได้ พอเจา้ หนา้ ทต่ี รวจตว๋ั เดนิ มาถงึ ฉนั ยน่ื ตว๋ั ใหเ้ ขาพรอ้ มกบั แจง้ วา่ จะขออพั เกรด ต๋ัวเปน็ ช้นั สลีปเปอร์ (Sleeper) แตเ่ ขาก็บอกวา่ ไมต่ อ้ ง ไม่เป็นไร คณุ น่งั ตรงน้ีได้ หวั ใจฉนั มนั แช่มชนื่ เหมือนได้นำ้ เย็นๆมารดใจ และรู้สึกดกี บั อินเดียมากขน้ึ อีก ประสบการณ์การนั่งรถไฟอินเดียครั้งแรกของฉัน ให้ความตื่นเต้นพอๆกับ 86
การนง่ั เครอ่ื งบนิ ครง้ั แรกเลยทเี ดยี ว... ไมน่ านรถไฟกเ็ รม่ิ เคลอ่ื นตวั ... สายลมอนุ่ ๆ คอ่ ยๆพดั ไลใ้ บหนา้ ของฉนั กอ่ นทจ่ี ะกลายเปน็ ลมกระโชกแรงปนฝนุ่ ละเอยี ดยบิ ... กล่ินไหม้ของตอซงั ขา้ ว ทีช่ าวนาจดุ ไฟเผาตลอด 2 ขา้ งทาง ยงิ่ เพมิ่ บรรยากาศใน การผจญภัยตามลำพังของฉันขน้ึ ไปอีก...‘หอมกล่ินอินเดยี จัง’ ฉันนั่งชมววิ 2 ขา้ งทางไปพลาง...ถา่ ยรูปไปพลาง... สง่ ย้มิ ให้เพ่อื นรว่ มทาง ทน่ี ง่ั ขา้ งๆบา้ งเปน็ พกั ๆ จนตอ่ มาไดร้ วู้ า่ หนมุ่ คนนน้ั ชอ่ื “รเิ ตช” (Ritesh) เขาเงยี บๆ ขรึมๆ ดูสุภาพดี เขาเริ่มคุยกับฉันโดยถามว่า ฉันมาจากประเทศไหน พอรู้ว่าฉัน มาจากประเทศไทย เขากบ็ อกวา่ คนไทยเปน็ คนใจดี ประเทศไทยกด็ ี แตเ่ ขากส็ งสยั วา่ ทำไมฉนั เดนิ ทางคนเดยี ว... ฉนั เลยจำตอ้ งพดู ปดไปวา่ ฉนั เดนิ ทางคนเดยี วกจ็ รงิ แตฉ่ นั กำลงั จะไปพบกบั เพอ่ื นทเ่ี มอื งพาราณสี ซง่ึ จะวา่ ฉนั โกหกเสยี ทเี ดยี วกไ็ มเ่ ชงิ เพราะฉันมีนัดเจอกับเพื่อนชาวออสเตรเลียเชื้อสายจีนที่นั่นจริงๆ เพียงแต่ฉันยัง ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันหรือไม่ หรือจะได้เจอกันเมื่อไหร่ แต่ที่จำต้องพูดปดออกไป ก็เพื่อความปลอดภัยของตนเอง และเป็นการลดความ ‘แปลก’ กับการเดินทาง คนเดียวของฉัน เพราะฉันรู้แล้วว่า คนอินเดียจะมองผู้หญิงที่เดินทางคนเดียวว่า เปน็ ‘อัปมงคล’ เพียง 4 ชั่วโมงรถไฟก็เข้าเขตเมืองพาราณสี และสถานีที่ฉันควรจะลงคือ Varanasi Cantt. หรอื Varanasi Juntion ซง่ึ เปน็ สถานหี ลกั แตด่ ว้ ยความไมแ่ นใ่ จ และรถไฟกว็ ง่ิ เลยกำหนดทค่ี วรจะถงึ พาราณสมี านานพอสมควรแลว้ ฉนั จงึ หนั ไป ถามริเตชว่า นี่คือสถานีที่ฉันควรจะลงใช่หรือไม่ และเขาก็บอกฉันว่า... “ไม่ใช่ ยังไม่ถึง ต้องลงสถานีหน้า...” แต่ก็มีผู้ชายอีกคนบอก (ด้วยความมั่นใจ) ว่า “ลงสถานีนี้ล่ะ” ความที่อ่อนข้อมูลและกลัวว่าจะนั่งรถเลยไปเมืองอื่น จึงทำให้ ฉันตัดสินใจลงจากรถไฟที่สถานี Varanasi City เพราะการลงก่อน น่าจะดีกว่า การนง่ั เลยแลว้ ไปโผลเ่ อาอกี เมอื ง เนอ่ื งจากรถไฟขบวนนจ้ี ะจอดเฉพาะสถานใี หญๆ่ แต่ในใจของฉันก็ยังสงสัยว่า... ‘ทำไมสถานีหลักของเมืองใหญ่แบบนี้ มีคนลง 87
นอ้ ยจงั ...’ วา่ แลว้ ฉนั กแ็ บกเปใ้ บโตเดนิ ลงจากรถไฟ ไปพรอ้ มกบั นกเอย้ี งเตม็ หลงั ... สถานี Varanasi City ในเวลาที่ฉันมาถึง (เกือบ 3 ทุ่ม) ร้างผู้คนมาก แถม บรเิ วณรอบๆกแ็ ทบไมม่ แี สงไฟเลย เนอ่ื งจากเปน็ ชว่ งเวลาทไ่ี ฟของทางการดบั พอดี ฉันเดินไปเจรจาต้าอ่วยกับคนขับออโต้ริคชอว์ ให้ไปส่งที่เกสท์เฮาส์แห่งหนึ่ง ซึ่ง ชาวอนิ เดยี ทฉ่ี นั พบทไ่ี บราหว์ ะแนะนำมา โดยตกลงอตั ราวา่ จา้ งกนั ไดใ้ นราคา 80 รปู ี แต่ 2 หนุ่มตุ๊กๆภารตะกล็ ีลาเยอะตลอดทาง โดยทำเปน็ ถามทางคนโนน้ คนนว้ี า่ เกสต์เฮาส์ที่ฉันจะไปอยู่ตรงไหน แล้วก็ทำเป็นหาไม่เจอ ไม่รู้จัก และพาฉันไปส่ง ท่ีโรงแรมอีกแห่งหนึง่ ทเี่ ขาตอ้ งการให้ฉนั พกั เพราะไดค้ ่าคอมมิชช่ัน ฉนั อดทนให้ 2 หนุ่มพาตระเวนไปโรงแรมที่ไม่ใช่โรงแรมที่ฉันต้องการถึง 3 โรงแรม แล้วความ อดทนของฉันก็หมดลง เพราะฉนั ท้งั เหน่ือยและลา้ เต็มที ฉนั พยายามมองดปู า้ ยตามถนนวา่ ฉนั อยตู่ รงไหนของโลก พอเหน็ ปา้ ยวา่ ฉนั นา่ จะอยใู่ นบรเิ วณทไ่ี มไ่ กลจากทห่ี มายของฉนั ฉนั จงึ ลงจากรถแลว้ ใหเ้ งนิ ไป 70 รปู ี สองหนมุ่ ทำเปน็ โวยวายบอกวา่ เดย๋ี วจะไปสง่ ใหก้ ไ็ ด้ ขน้ึ รถกอ่ นเถอะ แตฉ่ นั ไมไ่ หว กับพวกเขาแล้วจริงๆ ต่อมาฉันได้ทราบจากเพื่อนนักท่องเที่ยวว่า ปกติค่ารถออโต้ริคชอว์จาก สถานรี ถไฟ Varanasi Cantt ไปทา่ ทศวเมธฆาต (Dasawamedh Ghat) ซง่ึ เปน็ ทา่ นำ้ หลกั และเปน็ จดุ รวมทพ่ี กั ของพาราณสี ควรมรี าคาประมาณ 30-50 รปู ี หรอื อยา่ งเกง่ กไ็ มค่ วรเกนิ 60 รปู ตี ามทฉ่ี นั ไดข้ อ้ มลู มา และระยะทางจาก Varanasi City มาบริเวณดงั กลา่ วกม็ ีระยะทางพอๆกัน ฉันเดินแบกเป้ผ่านตลาดและร้านรวงที่คึกคัก เพื่อหาที่พักต่อไปอีกราวๆ 3-4 ก.ม. จนถนนทฉ่ี ันเดนิ ไปเร่มิ มดื มากข้ึน แคบลง วกวน และมีผู้คนบางตาลง นา่ แปลกทว่ี นั นน้ั ไมม่ นี กั ทอ่ งเทย่ี วตา่ งชาตอิ อกมาเดนิ ใหฉ้ นั เหน็ เพอ่ื ถามคำแนะนำ 88
เรื่องที่พักได้เลย สงสัยว่าคงกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ตามร้านอาหารเป็นแน่แท้ แต่ ถึงฉันจะเดินวนไปมาหลายรอบก็หาทางเข้าเกสต์เฮาส์ที่ว่าไม่เจอ... เจอก็แต่ป้าย ชอ่ื เกสตเ์ ฮาส์ ฉนั จงึ ตดั สนิ ใจหาทพ่ี กั แถวอซั ซก่ี ตั (Assi Ghat) แทน แตเ่ กสทเ์ ฮาส์ แรกที่ฉันไป ราคาสูงกว่างบที่ฉันตั้งไว้ เจ้าของจึงแนะนำให้ฉันลองไปสอบถาม เกสตเ์ ฮาสอ์ กี แห่งซงึ่ อยู่ตรงขา้ มกนั วา่ ยงั มีท่ีพักเหลอื อยูไ่ หม ตอนแรกฉันมองไม่ออกเลยว่า ‘ทิวารีลอดจ์’ (Tiwari Lodge) ซึ่งเป็นบ้าน ทรงโบราณจะเปน็ เกสตเ์ ฮาส์ เพราะตอนทฉ่ี นั ไปถงึ บา้ นทง้ั หลงั ปดิ ไฟแลว้ มเี พยี ง แสงลอดหนา้ ตา่ งออกมาจากหอ้ งบางหอ้ ง ประตหู นา้ กป็ ดิ แลว้ แตฉ่ นั ยนื ละลา้ ละลงั อยไู่ ดค้ รเู่ ดยี ว ลงุ คนขบั ออโตร้ กิ ชอวท์ จ่ี อดรถอยแู่ ถวนน้ั กบ็ รกิ ารตะโกนเรยี กเจา้ ของ เกสตเ์ ฮาส์ ใหม้ าเปิดประตูรบั แขกยามวกิ าลอยา่ งฉันเสียงลนั่ ซอย ‘ราจู’ เจ้าของเกสต์เฮาส์ ออกมาต้อนรับฉันอย่างมีอัธยาศัยไมตรี และพา ฉนั ไปชมหอ้ งตา่ งๆของเขา ซง่ึ มที ง้ั แบบหอ้ งนำ้ ในตวั และหอ้ งนำ้ รวม หอ้ งแตล่ ะหอ้ ง มพี นื้ ทก่ี ว้างขวาง แตก่ ม็ แี คเ่ ครือ่ งใชจ้ ำเปน็ พ้นื ฐานคอื เตียง ฟูก และโตะ๊ วางของ แตท่ ฉ่ี นั ชอบมากๆกค็ อื บรรยากาศทส่ี ดุ แสนจะคลาสสกิ เหมอื นคณุ ยอ้ นเขา้ ไปอยู่ ในยคุ หลงั สงครามโลกครง้ั ที่สอง และเมื่อเดินดูจนแทบจะทุกห้องทุกชั้นแล้ว ฉันจึงตกลงใจพักที่ห้องๆหนึ่ง ของชน้ั 3 เพราะมรี ะเบยี งกวา้ งทห่ี ลงั หอ้ งดว้ ย แมจ้ ะเปน็ หอ้ งทต่ี อ้ งใชห้ อ้ งนำ้ รวม แต่ก็สะอาดสะอ้านและโปรง่ สบายดี แถมคา่ เขา้ พกั กม็ ีราคาเพียง 100 รูปตี อ่ คนื หลังจากอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ฉันก็หลับยาวถึงเช้า โดยมีเสียงสวดบูชา เทพเจ้าซึ่งดังมาจากท่าน้ำไหนสักแห่งหนึ่ง ช่วยปลุกให้ฉันตื่นขึ้นมาพบกับความ สวยงามและต่นื เตน้ ตนื่ ตาของเมอื งที่ชื่อว่า ‘พาราณส’ี (Varanasi) ครึ่งวันแรกของฉันในพาราณสีเมืองมรดกโลก เมืองแห่งประวัติศาสตร์ 89
วฒั นธรรม เมอื งแหง่ ศลิ ปะดนตรแี ละแพรพรรณ หมดไปกบั การจดั การซกั เสอ้ื ผา้ ที่หมักหมมมาตั้งแต่ตอนเดินเขาในเนปาล พอจัดการสะสางอะไรๆจนเสร็จสรรพ และหมดแรงไดท้ ่ี ฉนั กห็ วิ พอดี จงึ เดนิ ลงมาดา้ นลา่ งเพอ่ื ออกไปหาอะไรกนิ ซะหนอ่ ย พอดเี จอกบั ราจเู ขาจงึ แนะนำวา่ ถา้ อยากกนิ ของพน้ื เมอื งใหเ้ ดนิ เลย้ี วขวาออกจาก เกสตเ์ ฮาส์ แลว้ ไปเลย้ี วซา้ ยอกี ทที ส่ี แ่ี ยก กจ็ ะเจอรา้ นอาหารอนิ เดยี อรอ่ ยๆ 2 รา้ น แต่ถ้าอยากกินพิซซ่าหรืออาหารฝรั่ง ให้ไปที่ร้านวาติกาคาเฟ่แอนด์พิซเซอเรีย (Vaatika Café & Pizzerria) ทีอ่ ัซซ่กี ตั (Assi Ghat) ฉนั พยายามเดนิ หารา้ นอาหารพน้ื เมอื งแลว้ แตก่ ไ็ มเ่ จอ (คงเพราะเลย้ี วผดิ ซอย เนื่องจากที่พาราณสีมีตรอกซอกซอยเยอะมาก) ฉันจึงเดินไปอัซซี่กัตเพื่อกินมื้อ เที่ยงไปชมแม่นำ้ คงคาไป อาหารเทย่ี งของฉนั วนั นเ้ี ปน็ แกงชสี (ซอฟทช์ สี ) ทเ่ี รยี กวา่ “พาเนยี ร์ นานด”้ี (Paneer Nandi) กินกบั ขา้ วใส่งา หรอื “จรี า่ ไรซ์” (Jeera Rice) รสชาติอร่อย ล้ำทั้ง 2 อย่าง...เสียตรงมันไปหน่อย วันนี้ค่าน้ำค่าอาหารมื้อนี้ของฉัน แพงกว่า คา่ ทพ่ี กั นดิ นงึ แตก่ น็ ะ...คนเรา...มนั กต็ อ้ งปรนเปรอตวั เองบา้ ง (อะไรบา้ ง) ถอื เปน็ การใหร้ างวัลตวั เองหลังจากปเุ ลงๆดัน้ ด้นลำบากลำบนมานาน แมน่ ำ้ คงคาทอ่ี ยตู่ รงหนา้ ฉนั กวา้ งใหญม่ าก แตม่ นั กอ็ อกจะอศั จรรยน์ อ้ ยกวา่ ที่ฉันคาดไว้นิดนึง เพราะตอนนั้นเป็นตอนเที่ยงที่แดดร้อนเปรี้ยง และไม่มีวี่แวว ของสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่บริเวณนั้นเลย แถมช่วงเดือนเมษายนยังเป็นช่วงที่เริ่มเข้าสู่ โลวซ์ ซี น่ั (Low Season)1 ซง่ึ นกั ทอ่ งเทย่ี วจะนอ้ ยอยแู่ ลว้ บรรยากาศจงึ ดรู อ้ นรา้ ง หลงั กนิ ขา้ วอม่ิ หนำสำราญ ฉนั จงึ ออกเดนิ ไปตามทา่ ตา่ งๆทอ่ี ยตู่ ดิ ๆกนั เพอ่ื 1 โดยปกตพิ าราณสจี ะคกึ คกั ไปดว้ ยผคู้ นในชว่ งฤดหู นาวหรอื ชว่ งทม่ี เี ทศกาลสำคญั ๆทางศาสนาฮนิ ดู 90
ดวู ถิ ชี วี ติ ของผคู้ นและบา้ นเรอื นของเมอื งซง่ึ เปรยี บเหมอื นพพิ ธิ ภณั ฑท์ ม่ี ชี วี ติ แหง่ น้ี แตก่ ารเปน็ นกั ทอ่ งเทย่ี วคนเดยี วทอ่ี อกมาเดนิ กลางแดดยามเทย่ี ง จงึ ทำใหฉ้ นั กลาย เปน็ เปา้ หมายอนั หอมหวาน ของเดก็ ๆทจ่ี ดๆจอ้ งๆเรข่ ายโปสการด์ และกระทงบชู า แม่น้ำคงคาไปโดยปริยาย แรกๆฉันก็หันไปพูดคุยด้วยบ้าง แต่พอเจอหนักๆเข้า หลายๆคน ฉนั ก็เพลยี จิตบา้ งเหมือนกนั ในที่สุดฉันก็ต้องยอมถอยทัพกลับไปยังที่พัก แต่ตรอกซอกซอยเล็กๆของ พาราณสี ทำใหฉ้ นั เดนิ หลงวนไปวนมา หาทางออกไมเ่ จอ แถมยงั มวั เดนิ ไปถา่ ยรปู ไป จนตะวนั ลบั ขอบฟา้ เมอื งแหง่ ทวยเทพไปโดยไมร่ ตู้ วั ถงึ ตอนนฉ้ี นั คงตอ้ งหาตวั ชว่ ย อน่ื เพอ่ื หาทางกลบั ทวิ ารลี อดจซ์ ง่ึ เปน็ ทพ่ี กั ของฉนั เสยี แลว้ เพราะขนาดเดนิ ตอน มแี สงฉนั ยงั หาทางออกสถู่ นนหลกั ไมเ่ จอ แมจ้ ะรวู้ า่ อยหู่ า่ งออกไปไมไ่ กล แตก่ เ็ ดนิ วน ไปมาจนงงอยดู่ ี ยง่ิ ตะวนั ลบั ฟา้ ไปแลว้ แบบน้ี ฉนั กค็ งหาทางกลบั ไดล้ ำบากขน้ึ แนๆ่ ทนั ใดนน้ั ฉนั กห็ นั ไปเหน็ ปา้ ยของโรงแรมเลก็ ๆแหง่ หนง่ึ ซง่ึ ดสู ะอาดสะอา้ น นา่ รกั และมอี นิ เตอรเ์ นต็ ใหบ้ รกิ ารดว้ ย ฉนั จงึ ตดั สนิ ใจหยดุ พกั กนิ มอ้ื เยน็ ทน่ี ่ี และ เชค็ อเี มลไ์ ปพลางๆระหวา่ งรออาหาร แลว้ ฉนั กพ็ บวา่ เพอ่ื นชาวออสเตรเลยี เชอ้ื สายจนี ของฉันเขียนอีเมล์มาบอกว่า เขาเพิ่งกลับมาจากพุทธคยาและตอนนี้กำลังอยู่ที่ พาราณสี และบอกว่าถ้าพรุ่งนี้ฉันยังอยู่ที่พาราณสีและพอมีเวลาว่าง ก็อยากเจอ กันเพื่ออัพเดทข่าวคราวกันหน่อย ซึ่งก็ดีสำหรับฉัน เพราะพุทธคยาคือจุดหมาย ตอ่ ไปของฉนั หลงั กนิ อาหารเยน็ แสนอรอ่ ย คอื ชคิ เกน้ บรยิ านหี รอื ขา้ วอบไกย่ า่ งแบบอนิ เดยี (Chicken Biryani) ตบทา้ ยดว้ ยสลดั ผลไมร้ วมกบั โยเกริ ต์ และนำ้ ผง้ึ (Mixed fruit in curd with honey) รสชาตสิ ดุ เลศิ ล้ำ ฉันจงึ ขอข้นึ ไปชมหอ้ งพกั และสอบถาม ขอ้ มลู ของเกสตเ์ ฮาสแ์ หง่ น้ี เพอ่ื เกบ็ ไวเ้ ปน็ ขอ้ มลู สำหรบั การมาเยอื นครง้ั หนา้ ของ ตนเอง และเผือ่ แผข่ อ้ มูลใหก้ บั นกั เดนิ ทางทง้ั หลาย ทม่ี ีโอกาสมาเยอื นพาราณสี 91
เมื่อเดินดูห้องหับจนครบทุกชั้น รวมถึงชั้นดาดฟ้าที่เปิดโล่งเห็นแม่น้ำคงคา อยลู่ บิ ๆในบางมมุ ฉนั จงึ สรปุ ไดว้ า่ Sameer Guesthouse เปน็ ทพ่ี กั ทน่ี า่ สนใจอกี แหง่ หน่ึง เพราะห้องพกั กบั หอ้ งนำ้ สะอาดสะอ้านดี ราคากไ็ มแ่ พง โดยราคาห้อง จะขน้ึ อยกู่ บั ขนาดและจำนวนเตยี งในหอ้ ง หรอื สง่ิ อำนวยความสะดวกในหอ้ ง เชน่ หอ้ งนำ้ ในตวั หรอื หอ้ งนำ้ รวม ขอ้ เสยี อยา่ งเดยี วในความเหน็ ของฉนั กค็ อื ... ฉนั รสู้ กึ วา่ เพดานหอ้ งออกจะตำ่ ไปหนอ่ ย ซง่ึ ทำใหฉ้ นั รสู้ กึ อดึ อดั เมอ่ื เทยี บกบั ทวิ ารลี อดจ์ ที่ฉันพักอยู่ ถึงแม้สภาพห้องของที่นี่จะดีกว่า แต่ฉันก็ชอบบรรยากาศโบราณๆ เก่าๆ ขลังๆ ติดจะโทรมนิดๆ แบบทิวารีลอดจ์ แต่โดยภาพรวมแล้ว...ฉันก็คิดว่า Sameer Guesthouse เปน็ เกสตเ์ ฮาส์ท่นี า่ พักอยู่ดี ก่อนกลับ ฉันถามราเจซ (Rajesh) พนักงานของที่นี่ว่า เกสต์เฮาส์ของเขา มรี บั จดั หาเรอื ชมแมน่ ำ้ คงคาไหม เขากบ็ อกวา่ “ผมจดั ใหไ้ ด.้ ..ไมม่ ปี ญั หา” จากนน้ั กอ็ าสาขเ่ี วสปา้ คนั เกง่ ของเขา ไปสง่ ฉนั ทท่ี วิ ารลี อดจเ์ พราะเหน็ วา่ คำ่ แลว้ และกลวั ฉันจะเดินหลงอีก ฉันจึงได้นั่งชูคอกลับเกสต์เฮาส์สบายๆ โดยไม่ต้องปวดขาและ ปวดสมองกับการคลำหาทาง พอถึงหนา้ ท่พี ักของฉัน ราเจซก็บอกว่า พรงุ่ น้เี วลา ตี 5 จะมารบั ฉนั ไปลงเรือชมแม่น้ำคงคายามอรณุ รุ่ง 92
“นอนกับอวชิ ชา หนาวย่งิ กว่านอนกับผ”ี พุทธทาสภกิ ขุ
บทท่ี 8 นยิ ายรกั นรก สวรรค์ และวนั ปใี หม่ ตี 5.15 นาที ราเจซก็ขี่เวสป้ามาถึงหน้าที่พักของฉัน เนื่องจากตอนนั้นฟ้า ยงั ไม่สาง และฉันก็ไม่อาจวางใจคนท่ีเพงิ่ รู้จกั กนั อย่างราเจซได้เตม็ ร้อย ก่อนออก จากห้องพัก ฉันจึงเขียนโน้ตเล็กๆทิ้งไว้ในนามบัตรของเกสต์เฮาส์ที่ราเจซทำงาน อยู่ พรอ้ มกบั เขยี นขอ้ ความเอาไวด้ ว้ ยวา่ ฉนั ออกไปกบั เขาเพอ่ื ไปลงเรอื ชมแมน่ ำ้ คงคา เผอ่ื เคราะหห์ ามยามรา้ ยเกดิ อะไรขน้ึ กบั ฉนั จะไดม้ เี บาะแส หรอื หลกั ฐานอะไรบา้ ง เพราะฉนั กห็ ว่ งเรอ่ื งความปลอดภยั เหมอื นกนั อนั นไ้ี มร่ วู้ า่ ฉนั คดิ มากไปไหม แตฉ่ นั กร็ สู้ กึ อุน่ ใจที่ทำแบบนน้ั ราเจซพาฉันไปท่าเรือใกล้ๆกับที่พักของเขา ซึ่งเจ้าของเรือที่ฉันกำลังจะใช้ บรกิ ารกค็ อื เพอ่ื นของเขานน่ั เอง หนมุ่ คนนน้ั ชอ่ื โดรี (Dori) และฉนั คอื ลกู คา้ รายเดยี ว บนเรอื ลำนน้ั แตร่ าเจซบอกวา่ คา่ โดยสารคอื 100 รปู ตี ามทต่ี กลงกนั ไวเ้ หมอื นเดมิ อากาศยามเชา้ ของพาราณสใี นวนั ท่ี 13 เมษายนปนี น้ั เยน็ สบายดว้ ยสายลม เย็นโชยอ่อน เข้ากันกับท้องฟ้าและผืนน้ำกว้างใหญ่ตรงหน้าฉัน ที่ค่อยๆเปลี่ยน จากสมี ว่ งเขม้ เปน็ สแี ดงไลล่ ดหลน่ั กนั ไป จนเกดิ มติ ทิ ง่ี ดงามทง้ั บนทอ้ งฟา้ และผวิ หนา้ ของแมน่ ำ้ คงคา1 เหลา่ นกและแมลงเรม่ิ ออกหากนิ ผแู้ สวงบญุ และชาวบา้ น คอ่ ยๆ ตื่นขึ้นมาทำการบูชาทวยเทพและชำระบาปชำระร่างกายในแม่น้ำศักด์ิสิทธิ์ตรง ท่าทศวเมธ ตลอดเรื่อยไปจนถึงท่ามณีกรรณิการ์ (Manikarnika Ghat) ซึ่งเป็น 1 เชื่อกันวา่ แมน่ ำ้ คงคาคอื พระแม่คงคามารดาแหง่ สายนำ้ ทงั้ 3 โลก ทรงเป็นชายา(ลับๆ)องคห์ นึ่ง ของพระศิวะ 95
ท่าหลักที่ใช้ประกอบพิธีเผาศพ ที่ยังคงมีควันจากการเผาศพลอยอ้อยอิ่งขึ้นมาไม่ ขาดสาย โดรีค่อยๆพายเรือพาฉันข้ามจากฝ่ังสวรรค์ซ่ึงเป็นที่ตั้งของตัวเมืองหลักไป ยงั ฝง่ั นรกของแมน่ ำ้ คงคา ซง่ึ เปน็ ลานทรายขนาดใหญอ่ นั เกดิ จากการทน่ี ำ้ ลดระดบั จนเห็นพื้นทรายบางช่วงของแม่น้ำ ซึ่งมีกอหญ้าขึ้นอยู่ประปราย และมีไม้ยืนต้น ขน้ึ กระจายอยทู่ ว่ั บรเิ วณท่อี ย่ลู ึกเข้าไป ภาพของดวงอาทติ ยส์ แี ดงสดดวงกลมโต ทค่ี อ่ ยๆโผลพ่ น้ แนวตน้ ไมข้ องฝง่ั นรก ทป่ี รากฏขน้ึ ตรงหนา้ ฉนั ...กลบั งดงามราวกบั ภาพของสรวงสวรรค์ แสงแรกของวนั จากดวงอาทติ ยท์ เ่ี ดนิ ทางผา่ นประเทศไทย บา้ นเกดิ เมอื งนอนของฉนั มานบั ชว่ั โมง กำลงั ทาทาบรศั มลี งบนแผน่ ดนิ และผนื นำ้ ของประเทศอนิ เดยี แสงสที องทท่ี อแสงอนุ่ คอ่ ยๆถา่ ยเทพลงั และมอบชวี ติ มอบเรย่ี วแรงใหก้ บั ผนื ดนิ เมด็ ทราย สายนำ้ ยอดหญา้ และทุกชีวิตที่อยู่ที่นี่ ช่างเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ของปีใหม่ไทยได้อย่างสดชื่นและ อนุ่ สุขยิ่งนกั เมื่อไปถึงฝั่งนรก... ก้าวแรกที่เท้าของฉันได้สัมผัสกับผืนทรายของที่นี่ ฉันก็ รู้สึกได้ถึงการต้อนรับที่เป็นมิตรละมุนละไม จากเม็ดทรายที่เนียนละเอียดนุ่มเท้า ประหนง่ึ เมด็ ทรายบนเกาะสรุ นิ ทรห์ รอื เกาะเสมด็ ยงั ไงอยา่ งนน้ั ความแตกตา่ งทม่ี ี กแ็ คท่ รายทน่ี เ่ี ปน็ สนี ำ้ ตาลทอง ไมใ่ ชส่ ขี าวเหมอื นสองเกาะขา้ งตน้ ทฉ่ี นั เอย่ อา้ งถงึ แตเ่ พยี งแคเ่ ดนิ ตอ่ ไปไมก่ ก่ี า้ ว คณุ กจ็ ะไดเ้ หน็ และไดส้ มั ผสั กบั ผนื ดนิ ทป่ี ลู าด ไปด้วยโคลนละเอียด ที่แห้งและแข็งตัวจนล่อนเป็นแผ่นบางๆ จากการแผดเผา ของแสงแดดและการขาดน้ำคอยให้ความชุ่มชื้นจากใต้ดิน แต่ละก้าวของคุณจะ เรม่ิ จากการบดเทา้ ไปบนผวิ หนา้ ดนิ ดว้ ยความสนกุ สนาน เหมอื นไดเ้ ดนิ อยบู่ นแผน่ ชอ็ กโกแลตบางๆกรอบๆ แล้วเพยี งครเู่ ดยี วคณุ ก็ตอ้ งเรม่ิ ยกเทา้ ถี่ข้ึนจนกลายเป็น 96
การรบี เดนิ โหยง่ ๆ เพอ่ื ใหพ้ น้ จากคมดนิ ทแ่ี ขง็ แหง้ และขรขุ ระ ราวกบั กำลงั เดนิ อยู่ บนพน้ื ทม่ี เี ศษแกว้ โรยเปน็ ทางเทา้ แตพ่ อคณุ กำลงั จะเรม่ิ ชนิ กบั คมดนิ ทแ่ี หง้ ระแหง ผืนทรายเนื้อแน่นละมุนก็เข้ามารองรับและปลอบประโลมฝ่าเท้าท่ีเพิ่งถูกทำร้าย มาอีกคร้ัง ทม่ี าของการเรยี ก 2 ฝง่ั ของแมน่ ำ้ คงคาเปน็ ‘ฝง่ั นรก’และ‘ฝง่ั สวรรค’์ กเ็ ปน็ เพราะ ‘ฝั่งนรก’ จะเป็นจุดที่น้ำพัดพาเอาเศษเถ้ากระดูกจากการเผาศพ รวมทั้ง พดั ซากศพทถ่ี กู นำมาลอยนำ้ 1 ไปรวมกนั อยบู่ รเิ วณนน้ั จงึ ทำใหไ้ มม่ ผี คู้ นไปอาศยั อยทู่ ฝ่ี ง่ั ดงั กลา่ ว สว่ น ‘ฝง่ั สวรรค’์ เปน็ ทต่ี ง้ั ของเมอื งและศนู ยร์ วมความเจรญิ ตา่ งๆ เปน็ จดุ ทใ่ี ชอ้ าบนำ้ ลา้ งบาป เผาศพ เพอ่ื ใหต้ นสะอาดบรสิ ทุ ธ์ิ พน้ บาป และเดนิ ทาง สสู่ รวงสวรรคห์ ลงั จากหมดลมหายใจไปแลว้ ทม่ี าอกี ประการของการเรยี กฝง่ั ทต่ี ง้ั เมอื งวา่ ฝง่ั สวรรค์ กม็ าจากเรอ่ื งเลา่ ทเ่ี ชอ่ื กนั มาแตค่ รง้ั โบรำ่ โบราณวา่ พระศวิ ะเคย เสด็จลงมาเยือนที่นี่ และพระองค์ยังทำต่างหูหล่นไว้ข้างหนึ่งด้วย ท่าน้ำตรงที่ พระศิวะทำตา่ งหูหลน่ ไว้ จงึ ได้ชื่อวา่ ‘ทา่ มณกี รรณกิ าร์’ ตามช่อื ของตา่ งหู นอกจากฝั่งนรกของแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ จะมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ วถิ ชี วี ติ และความเชอ่ื ทางศาสนาของชาวฮนิ ดแู ลว้ โดรยี งั เลา่ ใหฉ้ นั ฟงั วา่ ... เนนิ ทราย ทก่ี วา้ งสดุ ลกู หลู กู ตาและมากดว้ ยเหลย่ี มเนนิ ลบั ตาคนแหง่ น้ี มเี รอ่ื งราวโรแมนตกิ ของหนุ่มสาวชาวพาราณสีซ่อนอย่แู ทบจะทุกหลืบเรน้ ของเนินทราย โดรีเล่าด้วยน้ำเสียงสนุกสนานว่า ที่ฝั่งนรกนี้...จะมีสุนัขจรจัดอยู่เยอะมาก 1 โดยปกติการจัดการกับศพตามศาสนาฮินดูจะใช้วิธีเผา และจะเผาภายใน 24 ชั่วโมงหลังจาก เสยี ชวี ติ แตม่ ีข้อยกเวน้ สำหรบั บุคคลเหล่าน้ี คอื นกั บวช สาวพรหมจรรย์ เด็กทารก หญิงมคี รรภ์ คนถูกฟ้าผ่าหรือถูกงูกัดตาย บุคคลเหล่านี้เมื่อตายแล้วไม่จำต้องเผาก่อน สามารถนำศพไปลอยใน แม่นำ้ คงคาไดท้ นั ที 97
และทุกครั้งที่พวกมันเห็นว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาในถิ่นของมัน มันก็จะออกมา ทักทายด้วยการไล่งบั อยเู่ สมอ เว้นกแ็ ต่ผู้มาเยือนที่มาเป็นค่หู ญงิ 1 ชาย 1 เพราะ มันจะ ‘รู้คิว’ และไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วย เพราะเนินทรายแถวนี้คือรังรักสำหรับ ครู่ กั หนมุ่ สาวทม่ี ฐี านะยากจน ไมม่ ที ท่ี างหรอื เงนิ ทองไปหาทแ่ี สดงความรกั กนั อยา่ ง มิดชิดหรือเหมาะสมกว่านี้ และบ่อยครั้งที่สถานที่แห่งนี้ถูกโสเภณีบางกลุ่มใช้ รบั รองลกู คา้ ของตน บา้ งกด็ ว้ ยเหตขุ ดั ขอ้ งทางการเงนิ ของลกู คา้ บา้ งกเ็ ปน็ ไปเพอ่ื ความพอใจของลูกค้า พอฟังถึงตรงนี้ฉันก็เริ่มอึ้งกับเรื่องโรแมนติกของโดรี ที่ฉัน มองวา่ ออกจะเปน็ เรอ่ื งอโี รตกิ มากกวา่ แตน่ ก่ี ค็ อื ความจรงิ อกี ดา้ นของสงั คมอนิ เดยี ในยคุ ปัจจบุ ัน หลงั จากเดนิ ถา่ ยรปู บนฝง่ั นรกไดค้ รนู่ งึ และเหน็ วา่ ฟา้ เรม่ิ สวา่ งมากขน้ึ ฉนั จงึ ชวนโดรกี ลบั ไปทเ่ี รอื เพอ่ื ใหเ้ ขาพายเรอื ไปยงั ทา่ ทศวเมธ (Dasaswamedh Ghat) ซึ่งเป็นท่าหลักที่กำลังมีการสวดบูชาไฟกันอยู่ แต่โดรีก็บ่นว่ายังเหนื่อยอยู่และขอ พกั กอ่ น หลงั จากนน้ั เขากน็ อนแผห่ รา เลา่ ถงึ มหากาพยค์ วามรกั สดุ รนั ทดของเขา ใหฉ้ นั ฟงั กวา่ ครง่ึ ชว่ั โมง (ตอนนไ้ี มร่ วู้ า่ ใครจา้ งใครแลว้ เพราะแมฉ้ นั จะอยากไปตอ่ แคไ่ หน แตถ่ า้ คนพายไมย่ อมพายฉนั กค็ งทำอะไรไมไ่ ด)้ เหน็ แกบ่ รรยากาศทส่ี วยงาม ของ 2 ฝงั่ แมน่ ้ำคงคา ฉนั จึงยอมใหโ้ ดรเี ล่านิยายรักของเขาตอ่ ไป โดรีเริ่มด้วยการชวนฉันคุยเรื่องทั่วๆไป ถามว่าฉันอายุเท่าไร ทำงานอะไร ทำไมมาอนิ เดยี คนเดยี ว มแี ฟนหรอื ยงั ทำไมยงั ไมแ่ ตง่ งาน ฯลฯ และเนอ่ื งจากฉนั รแู้ ลว้ วา่ ผหู้ ญงิ อายขุ นาดฉนั ซง่ึ ยงั ไมแ่ ตง่ งาน และเดนิ ทางมาเทย่ี วอนิ เดยี คนเดยี ว เปน็ เรอ่ื งทผ่ี ดิ วสิ ยั ของชาวอนิ เดยี มาก... ฉนั จงึ จำตอ้ งโกหกโดรไี ปวา่ ...ฉนั มแี ฟนแลว้ และกำลงั จะแตง่ งานเมอ่ื กลบั ไปเมอื งไทย แตแ่ ฟนฉนั ไมว่ า่ ง เลยมาเทย่ี วดว้ ยไมไ่ ด.้ .. (เพราะฉนั ไมอ่ ยากอธบิ ายอะไรใหย้ ดื ยาว และยงั เปน็ การพดู เพอ่ื ปอ้ งกนั ตวั ไปดว้ ย) โดรีจึงพูดถึงตัวเขาเองบ้างโดยบอกว่า...ตลอดชีวิตเขาจะไม่แต่งงาน เพราะ 98
ผหู้ ญงิ อนิ เดยี สนใจแตเ่ งนิ กนั ทกุ คน ไมม่ ใี ครมหี วั ใจใหค้ วามรกั การทผ่ี หู้ ญงิ อนิ เดยี จะแต่งงานกับใครสักคน พวกเธอจะเลือกคนที่รวยที่สุด แม้จะไม่ได้รักคนๆนั้น กต็ าม... ฉนั กไ็ ดแ้ ตป่ ลอบใจไปตามประสาวา่ ... ผหู้ ญงิ ทกุ คนตา่ งกต็ อ้ งการความมน่ั คง ในชวี ติ ตอ้ งการชวี ติ ทด่ี แี ละสะดวกสบาย ตอ้ งการคนทด่ี แู ลเธอ ดแู ลลกู ทจ่ี ะเกดิ มา และดแู ลครอบครวั เดมิ ของเธอได้ แตถ่ า้ ผหู้ ญงิ คนนน้ั รกั เขาแตเ่ ลอื กชายอน่ื เพราะ เงนิ ก็ปลอ่ ยเธอไปเถิด เพราะนน่ั แปลวา่ เขาควรได้เจอกับผหู้ ญิงทดี่ กี ว่าน้ัน... โดรีจึงระบายความในใจต่อว่า...เขาทนกับแฟนเก่าของเขามานานหลายปี ทนจนทนไมไ่ หว จงึ ตดั สนิ ใจเลกิ กบั เธอ เขาบอกวา่ ผหู้ ญงิ คนนน้ั ฐานะยากจนมาก ทบ่ี า้ นกม็ แี ตแ่ มแ่ ละอยกู่ นั แตพ่ วกผหู้ ญงิ ซง่ึ ผหู้ ญงิ จนๆในอนิ เดยี จะไมม่ ที ง้ั ความรู้ ไมม่ งี าน และไมม่ โี อกาสทางสงั คมใดๆ เขารกั เธอมากเขาจงึ คอยใหเ้ งนิ ทองเธอใช้ เสมอ แตว่ นั นงึ เขากไ็ ดร้ วู้ า่ ...เธอเอาเงนิ ทเ่ี ขาใหไ้ ปซอ้ื เสอ้ื ผา้ ใหมๆ่ เพอ่ื แตง่ ตวั ออกไป ดูหนังกับชายอื่น เธอขอเงินเขาทุกครั้งที่เธอต้องการ แต่พอเขามีความต้องการ ทางกาย อยากได.้ ..อยากครอบครองเธอ... เธอกบ็ า่ ยเบย่ี งทกุ ครง้ั ไป... เขาบอกวา่ คนเป็นแฟนกันควรช่วยเหลือกัน ควรให้กันได้ทุกอย่าง ผู้ชายควรให้ความสุขกับ ผู้หญิง และผู้หญิงก็ควรให้ความสุขกับผู้ชายบ้าง ไม่ใช่ในความสัมพันธ์มีแค่เงิน อย่างเดยี ว... ถงึ ตรงนฉ้ี นั กอ็ ง้ึ ไปชว่ั ขณะ แลว้ โดรกี ถ็ ามฉนั วา่ ... แลว้ ฉนั กบั แฟนของฉนั ละ่ มีอะไรกันบ่อยไหม หรือฉันไม่เคยให้ความสุขกับแฟนของฉันเลย... คราวนี้ฉันยิ่ง อึ้งหนักเข้าไปอีก เพราะไม่คิดว่าเรื่องโกหกที่ฉันแต่งให้โดรีฟัง จะกลายมาเป็น คำถามให้ฉันต้องกระวีกระวาดตีลังกาหาคำตอบ หลังจากคิดอยู่ชั่วอึดใจ...ฉันก็ ตอบไปวา่ “ฉนั เปน็ คนไทย และคนไทยเขาจะไมพ่ ดู เรอ่ื งแบบนก้ี นั ” โดรจี งึ บอกวา่ ... เขาเข้าใจและขอโทษทถี่ ามแบบนัน้ ฉนั จงึ รอดจากคำถามนน้ั มาได้ 99
แตใ่ จจรงิ แลว้ ฉันอยากบอกโดรีว่า... มนั เป็นสิทธข์ิ องผ้หู ญิงท่ีจะยอมมีอะไร ๆกบั เขาหรอื ไม่ สว่ นเขากม็ ีสทิ ธิ์ทจ่ี ะใหเ้ งนิ หรือไม่ให้เงนิ กบั แฟนของเขากไ็ ด้ และ ถา้ รักจะคบหากันก็ตอ้ งให้เกียรติและจรงิ ใจตอ่ กัน เมอ่ื ฝา่ ยหนงึ่ ฝา่ ยใดไม่ใหเ้ กยี ร ตหิ รอื ไม่จริงใจต่อกัน กส็ จู้ บความสัมพันธน์ น้ั ไปดกี ว่า เมื่อการสนทนาชักจะล้ำเส้นไปกันใหญ่และกินเวลาไปมาก ฉันจึงยกมือขึ้น ไหวโ้ ดรขี อใหไ้ ปกนั เสยี ทเี ถดิ เพราะฉนั อยากถา่ ยรปู ตรงทา่ นำ้ หลกั นน้ั จรงิ ๆ แตเ่ ขา กย็ งั บน่ กระปอดกระแปดวา่ มนั ไกล เขาเหนอ่ื ยมาก พอฉนั ยนื กรานวา่ อยากไปจรงิ ๆ เขากพ็ ายใหต้ อ่ อกี นดิ แลว้ ถามฉนั วา่ ... “ถา่ ยตรงนไ้ี ดไ้ หม...” ฉนั จงึ เรม่ิ รแู้ กวแลว้ วา่ ทเ่ี ขายกแมน่ ำ้ คงคาทง้ั สายมาสาธยายเรอ่ื งความรกั ของเขาใหฉ้ นั ฟงั เปน็ แคก่ ลวธิ ี ในการฆ่าเวลาเพื่อที่จะไม่ต้องพายเรือให้เหนื่อยนั่นเอง ทั้งๆที่เรือลำอื่นๆพายกัน ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ฉันจึงทำได้แค่คิดว่า เวลาที่เสียไปเป็นการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ในการนำชวี ติ รกั ของเขามาเลา่ ใหค้ นอน่ื ๆฟงั อกี ตอ่ หนง่ึ และเมอ่ื คณุ มาเทย่ี วอนิ เดยี คณุ กต็ อ้ งทำใจวา่ พฤตกิ รรมอยา่ งโดรี ถอื เปน็ เทคนคิ ธรรมดาๆของคนทำมาหากนิ ของประเทศนี้ พวกเขาจะพยายามหาเงินให้ได้มากที่สุดโดยทำงานง่ายที่สุด เขา ไมไ่ ดม้ องว่าการกระทำแบบน้ีเป็นเรอ่ื งทีผ่ ดิ เขาไม่ไดค้ ดิ ว่าเป็นการเอาเปรยี บคุณ เพราะถา้ คุณไม่พอใจก็โวยวายกับเขาไดเ้ ลย ถา้ คุณโวยจนชนะหรือตอ๊ื จนเขายอม เขาก็จะทำตามที่คุณต้องการ แต่ถ้าคุณรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้คงเที่ยวอินเดียแบบ เทีย่ วไปทุกขไ์ ป ในทส่ี ดุ ฉนั กย็ อมใหโ้ ดรพี ายเรอื กลบั ไปยงั ทา่ เดมิ ทเ่ี ราออกเรอื มา พอพายเรอื ตอ่ ไปอกี นดิ โดรกี ช็ ไ้ี ปยงั จดุ ทม่ี กี ารเผาศพรมิ ฝง่ั แมน่ ำ้ คงคา เพอ่ื ใหฉ้ นั ดวู า่ มศี พใหม่ มาอีกแลว้ ชาวฮินดูในอินเดยี จะเผาศพผ้เู สียชวี ติ ใน 24 ชว่ั โมง ซงึ่ ฉันว่านอกจากเร่อื ง ของธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว ก็น่าจะเป็นกุศโลบายในการป้องกันโรคระบาดต่างๆ 100
จากการเกบ็ ศพไวน้ านๆ เนอ่ื งจากอากาศในอนิ เดยี รอ้ นมากและประชากรอนิ เดยี ก็มีจำนวนมาก การรีบเผาศพโดยเร็วที่สุดจึงดีกว่าการเก็บศพไว้ จึงทำให้ผู้ที่รอ วนั ตายทัง้ หลาย นิยมมาพกั ใน ‘มรณะโฮเต็ล’ หรอื โรงแรมสำหรับผรู้ อความตาย ณ รมิ ฝง่ั แมน่ ำ้ คงคา เพราะเชอ่ื กนั วา่ ...วญิ ญาณจะไดไ้ ปสสู่ รวงสวรรค์ หากไดช้ ำระ ศพและลอยเถา้ กระดกู ในแมน่ ำ้ คงคา หากไมม่ ารอความตายถงึ ทน่ี ่ี เมอ่ื ตายลงจรงิ ๆ อาจเดนิ ทางนำศพมาเผาทร่ี มิ แมน่ ำ้ คงคาไดไ้ มท่ นั 24 ชว่ั โมง เนอ่ื งจากอนิ เดยี เปน็ ประเทศใหญ่ การเดินทางจากบางเมืองอาจต้องใช้เวลาถึง 2-3 วัน กว่าจะมาถึง เมืองพาราณสีแห่งนี้ และถ้าไม่จองคิวเผาเอาไว้ก่อน พอถึงเวลาลาโลกไปจริงๆก็ อาจเผาไม่ทนั และเทา่ ทฉ่ี นั ไดข้ อ้ มลู มา...พธิ เี ผาศพทร่ี มิ ฝง่ั แมน่ ำ้ คงคานก้ี ไ็ มใ่ ชถ่ กู ๆ เพราะ คา่ จดั พธิ แี บบดๆี สกั นดิ ...กส็ นนราคาหลายหมน่ื บาทไทย ซง่ึ เปน็ เงนิ มหาศาลสำหรบั ชาวอนิ เดยี (แตข่ อ้ มลู บางแหง่ กบ็ อกวา่ สนนราคาแค่ 5 พนั รปู ี ราคาทว่ี า่ เปน็ หมน่ื อาจแตกตา่ งกนั ทช่ี นดิ ของไมท้ ใ่ี ชเ้ ผาศพ รวมถงึ คา่ ความหรหู ราอลงั การของพธิ ศี พ ที่ต่างกนั กบั ค่าทพี่ ักทต่ี ้องมานอนรอก่อนตายดว้ ยกระมงั ) ฉนั สองจิตสองใจวา่ จะยกกลอ้ งข้นึ เกบ็ ภาพพิธเี ผาศพรมิ แม่นำ้ ศักดสิ์ ทิ ธนิ์ ้ไี ว้ ดไี หม จงึ ถามโดรีวา่ ...ท่นี ่ีเขาอนุญาตใหถ้ า่ ยรปู พธิ ีเผาศพได้หรือไม.่ .. โดรบี อกวา่ ...ถา่ ยได้ แตจ่ ะมคี นคอยดอู ยู่ ถา้ คนทค่ี อยจบั ตาดอู ยเู่ หน็ เขา้ พอ ข้นึ ฝ่งั ไปแลว้ ต้องจา่ ยเงนิ คา่ ถ่ายรูป... อกี ใจหนง่ึ (ทบ่ี วกกบั ความงก)จงึ ชนะ แลว้ บอกกบั ตวั เองวา่ ‘อยา่ เลย...เดย๋ี ว ได้รูปวิญญาณติดมาจะแย่ไปกันใหญ’่ แตร่ ะหวา่ งทโ่ี ดรกี ำลงั จะพายเรอื พาฉนั หลกี กลมุ่ คนทก่ี ำลงั อาบนำ้ ชำระบาป กันในแม่น้ำนั้น เรือของเราก็ชนเข้ากับห่อผ้าสีน้ำเงินสดปักดิ้นทองลักษณะเป็น ทรงมนๆกลมๆ... 101
ใชแ่ ลว้ คะ่ ...สง่ิ ทอ่ี ยภู่ ายในหอ่ ผา้ นน้ั คอื “ศพ” ของคนทถ่ี กู นำมาถว่ งลงแมน่ ำ้ โดยไมต่ อ้ งผา่ นพธิ เี ผา ซง่ึ ‘บคุ คลพเิ ศษ’ เหลา่ นน้ั กค็ อื เดก็ ทารก สาวพรหมจรรย์ หญงิ มคี รรภ์ คนถกู ฟา้ ผา่ คนถกู งกู ดั หรอื นกั บวช เพราะเขา้ ขา่ ย ‘ผบู้ รสิ ทุ ธ’์ิ หรอื ‘เปน็ พรหมจรรย’์ สว่ นคนทถ่ี กู ฟา้ ผา่ กบั ถกู งกู ดั กถ็ อื วา่ ไดร้ บั การลา้ งบาปจากพระศวิ ะ โดยตรงดว้ ยสายฟา้ (จากตรศี ลู อาวธุ คกู่ ายของพระศวิ ะ) และงู (ทอ่ี ยรู่ อบศอพระศวิ ะ) แลว้ ฉันไม่อาจทราบ (และมิยนิ ดีจะทราบ) วา่ ร่างที่อยใู่ นหอ่ ผ้านัน้ เปน็ ร่างของผู้ ใด แต่ฉันก็รีบแผ่เมตตาให้กับเจ้าของร่างที่เรือไปชนเข้า แล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ เพราะถดั ไปไมถ่ ึงเมตรก็มคี นอาบน้ำ บว้ นปาก ดำผุดดำวา่ ยอยมู่ ากมาย แรกทเี ดยี วฉนั เคยคดิ จะลองอาบนำ้ ในแมน่ ำ้ คงคาดสู กั หน เพราะโดรบี อกวา่ เขารจู้ กั จดุ ทแ่ี มน่ ำ้ สะอาด แตพ่ อเหน็ แบบนแ้ี ลว้ ...ฉนั ทำไดแ้ คเ่ อามอื จมุ่ นำ้ ...แลว้ นำมา แตะหนา้ ผากเทา่ นน้ั พอ ขนาดเมอ่ื วานตอนบา่ ย ฉนั ไดเ้ หน็ นกกายนื จกิ ซากหมาเนา่ ทล่ี อยอดื อยขู่ า้ งๆคนซกั ผา้ มาแลว้ นะน่ี แตภ่ าพทไ่ี ดเ้ หน็ วนั น.้ี ..ทำเอาฉนั ‘อง้ึ กมิ ก’่ี ไปเลย สรปุ ว่า...ฉนั ยงั ปลงไม่ลง...ยังละวางอะไรๆได้ไม่เกง่ เท่าคนอนิ เดียจรงิ ๆ ในทส่ี ดุ การนง่ั เรอื ชมแมน่ ำ้ คงคาของฉนั กจ็ บลงแบบไมเ่ หมอื นใครๆเขาเทา่ ไร... พอขน้ึ ถงึ ฝง่ั ฉนั กถ็ ามโดรวี า่ ...จะใหฉ้ นั จา่ ยคา่ จา้ งกบั เขาเลยหรอื จะใหจ้ า่ ยกบั ราเจซด.ี .. โดรจี งึ บอกใหฉ้ นั ไปจา่ ยเงนิ ทร่ี าเจซไดเ้ ลย เพราะเขาสองคนเปน็ เพอ่ื นทช่ี ว่ ยเหลอื กนั มาตลอด เงนิ ของราเจซกเ็ หมอื นเงนิ ของเขา เงนิ ของเขากเ็ หมอื นเงนิ ของราเจซ จากนั้นโดรีก็เดินพาฉันไปที่เกสต์เฮาส์ที่ราเจซทำงานอยู่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากท่าน้ำ แหง่ นั้น คำแนะนำของฉันสำหรับคนที่ต้องการล่องเรือชมแม่น้ำคงคาก็คือ คุณควร ตกลงเสน้ ทางทจ่ี ะลอ่ งเรอื ใหแ้ นน่ อนกอ่ น เพราะฉนั นกึ เอาเองวา่ โดรจี ะพาฉนั ลอ่ ง 102
ชมแม่นำ้ ตลอดแนวทา่ นำ้ สำคญั ๆ แตเ่ ขากลบั ไมไ่ ดท้ ำเช่นนนั้ ดังนัน้ การตกลงให้ เปน็ ม่ันเปน็ เหมาะก่อนจงึ เปน็ เร่ืองจำเปน็ ราคาคา่ เชา่ เรอื พายเลก็ ขนาดนง่ั ได้ 4-6 คน ราคาจะอยทู่ ป่ี ระมาณ 70-100 รปู ี ต่อชั่วโมงต่อคน แต่ในฐานะนักท่องเที่ยว ซึ่งชาวเรือคิดว่ามีทรัพย์มากอย่างเรา ราคาที่พวกเขาบอกคุณอาจเริ่มต้นที่ 600 รูปีต่อชั่วโมงต่อลำ (แต่อาจให้นั่งได้ ไมเ่ กนิ 4 คน) แลว้ แตว่ า่ ใครจะตอ่ รองราคาไดแ้ คไ่ หน ทางทด่ี คี อื สอบถามจากทพ่ี กั ของคณุ เพราะราเจซกค็ งไดค้ า่ นายหนา้ เลก็ นอ้ ยทห่ี างานใหเ้ พอ่ื น สว่ นเวลาในการ ลอ่ งแมน่ ำ้ จะเปน็ 1 หรอื 2 ชว่ั โมงกต็ อ้ งแลว้ แตล่ ลี าการพายหรอื การชวนคยุ ใหค้ ณุ เพลดิ เพลนิ ฉนั รสู้ กึ ไดว้ า่ โดรคี งรสู้ กึ ละอายอยเู่ หมอื นกนั ทถ่ี ว่ งเวลาฉนั ไปเยอะ แต่ ถ้านั่นคือสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอด และเป็นสิ่งที่ฉันสามารถให้ได้ ฉันกไ็ ม่เหน็ วา่ จะต้องตำหนิเขาไปเพื่ออะไร หลงั อ่มิ เอมกบั บรรยากาศยามเชา้ ทแ่ี สนจะงดงามของแม่นำ้ คงคาและเมอื ง พาราณสี ท้องของฉันก็เริ่มหิว...ข้าวไข่เจียวกับโยเกิร์ตผลไม้รวมราดน้ำผึ้ง เป็น อาหารที่ให้ทั้งพลังกายและพลังใจกับฉันเป็นอย่างดี แผนการของฉันในวันนี้ คือ แวะไปเจอเพอ่ื นชาวจนี ออสเตรเลยี ...เดนิ ชมเมอื งสบายๆ...และถา่ ยรปู ไปตามประสา เมื่ออิ่มอร่อยกับอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ฉันก็สอบถามราเจซถึงเส้นทางไป เวร่าเกสต์เฮาส์ (Vera Guesthouse) ที่เฮิร์บเพื่อนของฉัน บอกว่าอยู่แถวๆ วิษณุเกสต์เฮาส์ ทีแรกเขาก็บอกว่า... “มันหายากนะ เพราะมีชื่อวิษณุเกสต์เฮาส์ คล้ายๆกันหลายที่...” ฉันจึงบอกว่า...ขอแค่บอกทางคร่าวๆก็ได้ เดี๋ยวฉันจะลอง เดนิ ไปหาเอง... แตไ่ มร่ วู้ า่ หนา้ ตาของฉนั มนั ดนู า่ สงสาร หรอื ราเจซไมร่ จู้ ะบอกทาง ยังไงก็แล้วแต่... สดุ ทา้ ย เขากบ็ อกว่า... ขอไปดนู ำ้ มันในรถเวสป้าของเขากอ่ นนะ วา่ มพี อไหม... ถา้ มนี ้ำมันพอเขาจะพาฉนั ไปสง่ ... เพียงอึดใจต่อมา...ฉันมานั่งอยู่บนท้ายรถเวสป้าของราเจซ ที่วิ่งผ่านตรอก 103
ซอกซอยแคบๆของพาราณสไี ปอยา่ งเรว็ จ๋ี แมจ้ ะมผี คู้ นเดนิ สญั จรกนั ใหข้ วกั ไขวก่ ต็ าม ตรอกเลก็ ๆของพาราณสมี ชี วี ติ ชวี าและนา่ สนใจมาก มที ง้ั รา้ นรวงทข่ี ายสา่ หรสี สี ด รา้ นขายขนม รา้ นขายนม รา้ นขายลกั ซ(่ี โยเกริ ต์ ) และรา้ นทำชสี ...ชสี ชนดิ เดยี วทฉ่ี นั สงั เกตเหน็ ได้ จากตอนนง่ั บนเวสปา้ ของราเจซ กค็ อื พาเนยี รช์ สี (Paneer Chesse) หรอื ซอฟทช์ ีสแบบเดยี วกบั ท่ฉี ันกนิ เป็นแกงเมอ่ื วนั ก่อน ขณะทน่ี ง่ั ซอ้ นทา้ ยรถเวสปา้ ‘ทแ่ี วน๊ อยา่ งไว’ ฉนั กก็ ดยงิ ภาพไปเรอ่ื ยๆ แมจ้ ะรู้ วา่ ภาพทไ่ี ดค้ งออกมาไมด่ เี ทา่ ไร... แตค่ วามสนกุ จากการไดเ้ คลอ่ื นทไ่ี ปแบบซอกแซก ปรู๊ดปร๊าด...โดยมีสีสันที่จัดจ้านสดใส กระแทกใส่ตาฉันตลอดเวลา ก็ถือเป็น ประสบการณท์ ่พี ิเศษจริงๆ หลังจากนน้ั คร่เู ดยี ว ราเจซกจ็ อดรถสง่ ฉนั ตรงหนา้ วิษณุเกสตเ์ ฮาส์ซ่ึงอยตู่ ิด กบั แมน่ ำ้ คงคา เขาแนะใหฉ้ นั ไปถามหาเวรา่ เกสตเ์ ฮาสจ์ ากวษิ ณเุ กสตเ์ ฮาส์ เพราะ แถวน้มี ีซอกซอยเล็กๆเยอะ แลว้ เขาก็ขอตวั กลบั โดยไม่ลืมทีจ่ ะทง้ิ ท้ายว่า ‘ถา้ มา พาราณสอี กี อยา่ ลมื กลบั มาใชบ้ รกิ ารทเ่ี กสตเ์ ฮาสข์ องเขานะ...’ ฉนั ตอบตกลงและ ขอบคณุ สำหรบั ความชว่ ยเหลอื ของเขา จากนน้ั กย็ นื มองเขาซง่ิ เวสปา้ ออกไป เหมอื น มอง ‘บลิ ลเ่ี ดอะคดิ ’1 ควบมา้ จากไปทา่ มกลางอาทติ ยอ์ สั ดง... เหน็ นำ้ ใจของราเจซ แบบนแ้ี ลว้ ถา้ ใครมโี อกาสไดไ้ ปพาราณสี กอ็ ยา่ ลมื แวะไปใชบ้ รกิ ารจากเกสตเ์ ฮาส์ ที่ราเจซทำงานอยู่บา้ งนะคะ ตอนที่ฉันไปถึงเวร่าเกสต์เฮาส์...เพื่อนรุ่นเยาว์ของฉันก็น่ังอยู่ที่คาเฟ่ด้าน 1 มีชื่อจริงว่าเฮนรี่ แม็คคาร์ที (Henry McCarty) แต่มักเป็นที่รู้จักในนามวิลเลียม เอช.บอนนีย์ (William H. Bonney) เด็กหนุ่มผู้มีโชคชะตาอันเลวร้าย จนพลั้งมือฆ่าคนตายและกลายเป็นโจรที่ ชาวบ้านรักใคร่ แต่สดุ ท้ายก็จบชวี ิตดว้ ยมอื ของกฎหมาย มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษท่ี 19 เคยเขา้ รว่ ม ในสงครามลินคอลน์ 104
ล่างแล้ว... เฮิร์บกับฉันได้พูดคุยถึงประสบการณ์หลายหลากระหว่างการเดินทาง และ สง่ิ หนึง่ ท่เี ฮริ บ์ รู้สกึ เหมอื นทฉี่ นั รู้สึก ก็คอื ... สง่ิ ทส่ี ำคญั ทส่ี ดุ ในการเดนิ ทาง ไมใ่ ชจ่ ดุ หมายปลายทาง... ไมใ่ ชก่ ารไดเ้ ดนิ ทาง ไปทโ่ี นน่ ทน่ี .่ี .. แตส่ ง่ิ ทส่ี ำคญั ทส่ี ดุ ของการเดนิ ทางคอื เรอ่ื งราวทเ่ี กดิ ขน้ึ ระหวา่ งทาง และผคู้ นที่เราพานพบ... บางคร้ัง...แม้ในขณะทเี่ รากำลงั นงั่ อย่เู ฉยๆ เราก็ยงั รู้สึกได้ถงึ การเดินทาง... ไม่รู้ว่ามีเหตุผลกลใดหรือมีอะไรมาสะกิดใจฉันให้พูดออกไปว่า... “ฉันเคย ทำงานเก่ียวกบั การตัดต่อ การทำแอนเิ มชัน่ และการจะทำใหต้ ัวการต์ ูนหรือภาพ ตา่ งๆเคลอ่ื นไหวไดอ้ ยา่ งสวยงามนน้ั ไมไ่ ดข้ น้ึ อยกู่ บั การวาดภาพแรกกบั ภาพสดุ ทา้ ย ใหส้ วยงามทส่ี ดุ แตม่ นั คอื การทำใหเ้ ฟรมหรอื ภาพแตล่ ะภาพทอ่ี ยรู่ ะหวา่ งภาพแรก กบั ภาพสดุ ทา้ ย เคลอ่ื นไหวอยา่ งตอ่ เนอ่ื งสวยงามตา่ งหาก เราจงึ จะไดง้ านแอนเิ มชน่ั ที่ดีออกมา ซึ่งก็เหมือนกับการใช้ชีวิตของคนเรา ชีวิตที่สวยงามไม่ได้เกิดจากการ มจี ุดเริม่ ต้นหรอื จุดจบที่ดีเพยี งอย่างเดยี ว แตอ่ ย่ทู ที่ ุกๆเร่ืองราว...ทุกๆขณะ...ของ การใช้ชวี ิตของเราต่างหาก” พูดจบฉันก็รู้สึกขนลุกในวาทะเลี่ยนประโลมโลกของตัวเอง แต่ฉันคิดว่า... หากเราทกุ คนไดเ้ ห็น...ได้พบธรรมะ...หรอื คณุ ค่าในการงานท่เี ราทำอยู่ เรากค็ งใช้ ชวี ติ อยา่ งมคี วามสขุ ไดท้ กุ วนั เพราะเวลากวา่ ครง่ึ หนง่ึ ทเ่ี ราตน่ื อยกู่ ค็ อื เวลาทำงาน หากเราใช้ชีวิตกว่าครึ่งหนึ่งของขณะที่ยังตื่นอยู่ ไปอย่างซังกะตาย ทุกข์ระทม เคร่งเครียด มิเท่ากับเรากำลังเบียดเบียนตัวเอง และเบียดเบียนผู้ที่ให้โอกาสเรา ไดท้ ำงานหรอกหรือ ฉนั มองวา่ ทกุ ยา่ งกา้ ว...ทกุ การกระทำเลก็ ๆของเรา เปรยี บเสมอื นการเดนิ ทาง 105
ของชวี ติ เรา และเมื่อมนั ไปเชอื่ มต่อเขา้ กับการเดินทางของผอู้ ่ืนในสงั คม กเ็ ท่ากบั เราชว่ ยกนั วาดภาพสงั คมนข้ี น้ึ มา ความวนุ่ วายของบา้ นเมอื งและสงั คมโลกของเรา ลว้ นเกดิ จากการ “ทำ” หรือ “ไม่ทำ” ของเราท้งั สน้ิ เราจงึ ควร ‘มสี ต’ิ ในทกุ ๆกา้ วทเ่ี รากา้ วไป เราควรเดนิ ไปดว้ ยหวั ใจทเ่ี ปย่ี มสขุ และเปน็ กศุ ล เราจงึ จะสามารถมองยอ้ นกลบั ไปดเู สน้ ทางนน้ั ไดพ้ รอ้ มรอยยม้ิ และ มน่ั ใจไดว้ า่ เสน้ ทาง ‘วา่ งเปลา่ ’ ทอ่ี ยเู่ บอ้ื งหนา้ ... กค็ งจะงดงามไมแ่ ตกตา่ งกบั เสน้ ทาง ที่เราได้เดินผ่านมาแล้ว... แต่ถ้าเรามองย้อนกลับไปดูสิ่งที่เราเคยทำหรือเส้นทาง ที่เราเคยใช้ แล้วพบว่ามันช่างรกรุงรัง เต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความสุข เปน็ เสน้ ทางทไ่ี มน่ า่ มอง เรายอ่ มไมอ่ าจแนใ่ จไดเ้ ลยวา่ ... เสน้ ทางในอนาคตของเรา จะดกี วา่ เสน้ ทางทเ่ี ราเคยเดนิ ผา่ นมา... ไมใ่ ชเ่ พราะคนเราไมส่ ามารถเปลย่ี นแปลง ตวั เองได้ แตเ่ ปน็ เพราะเรามกั ชนิ กบั การทำอะไรเดมิ ๆ และไมช่ อบทจ่ี ะเปลย่ี นแปลง... คนเราชอบมองไปทเ่ี ปา้ หมายของชวี ติ หรอื สนใจอยกู่ บั จดุ หมายปลายทาง... มากกวา่ จะสนใจกับส่ิงทอ่ี ยู่ตรงหน้า... โดยไม่เคยหันมามองหรอื เปลยี่ นแปลงตวั เอง... จน ทำใหจ้ ดุ หมายปลายทางยง่ิ หา่ งออกไป... หรอื เมอ่ื เดนิ ไปถงึ จดุ หมายแลว้ ...กพ็ บวา่ มนั ไมใ่ ชส่ ง่ิ ทต่ี วั เองตอ้ งการ และกต็ ง้ั หนา้ ตง้ั ตาหาเปา้ หมายใหม.่ .. เปน็ เชน่ นเ้ี รอ่ื ยๆ ซ้ำๆ เหมอื นการวนฉายหนังเรอ่ื งเดมิ ครัง้ แล้วคร้งั เลา่ ... แมฉ้ นั กบั เฮริ บ์ จะตา่ งวยั กนั มาจากคนละประเทศ คนละพน้ื เพกนั แตเ่ ราก็ มคี วามเหน็ ตรงกนั วา่ สง่ิ ทเ่ี ราชอบและไดร้ บั ประโยชนม์ ากทส่ี ดุ ในการเดนิ ทางมา อินเดียก็คือ “ความรู้และการตื่น” ที่เกิดจากประสบการณ์ต่างๆที่เราได้รับจาก ผู้คนที่เราได้พบปะพูดคุย หรือกระทั่งจากบุคคลที่เราเพียงแค่พานพบโดยไม่ได้ สบตากนั ด้วยซำ้ อนิ เดยี คงเปน็ แคป่ ระเทศทส่ี วยงามและนา่ ตน่ื ตาตน่ื ใจเหมอื นๆกบั อกี หลายๆ ทบ่ี นโลกน้ี แตส่ ง่ิ ทท่ี ำใหอ้ นิ เดยี แตกตา่ งกค็ อื ... อนิ เดยี เปน็ ศนู ยร์ วมของผคู้ นทน่ี า่ 106
สนใจ เปน็ ศนู ยร์ วมของความคดิ ปรชั ญา ภมู ปิ ญั ญาและองคค์ วามรทู้ ห่ี ลากหลาย ฉนั น่ังคุยกบั เฮิรบ์ ตอ่ อีกครู่ใหญ่ เขาให้คำแนะนำเก่ียวกับการเดนิ ทางที่เป็น ประโยชนก์ บั ฉนั หลายอยา่ ง หลงั จากนน้ั เรากแ็ ยกยา้ ยกนั ไปทำธรุ ะปะปงั ของตนเอง แล้วนัดว่าจะกลับมาฉลองปีใหม่ไทยร่วมกันเย็นนั้น ที่ตลาดใหญ่อันคึกคักใกล้ๆ ท่าทศวเมธ เพื่อดูพิธีบูชาเทพ-บูชาไฟ และกินดินเนอร์สุดหรู เป็นข้าวผัดไข่ที่ ไรร้ สชาต.ิ ..แต่ออกรสเพราะบทสนทนา วนั ขนึ้ ปีใหม่ไทยปนี นั้ ฉนั ไดพ้ บท้ังความสงบ ความสนุกสนาน ความอม่ิ เอม กายใจ เป็นวันที่ฉันได้ฟังเรื่องราวที่ชวนให้ขบคิด ได้พบมิตรภาพใหม่ๆ ได้อยู่ใน เมืองเก่าแก่ทโ่ี ลกรู้จักมานานแสนนาน...แตฉ่ ันกลับไมค่ ้นุ เคย วันปีใหม่ไทยคร้ังน้ัน...จึงเป็นวันท่ีงดงามและล้ำค่าในความทรงจำของฉัน ฉนั ไมล่ ืมทจี่ ะบอกสวสั ดีปีใหมไ่ ทยกับทกุ คนทีฉ่ นั ได้พดู คยุ ด้วยในวนั นัน้ ไม่ใชเ่ พอ่ื ใหเ้ ขารวู้ า่ มนั เปน็ วนั สำคญั ของชาวไทย แตเ่ พอ่ื เปน็ การสง่ ตอ่ ความสขุ ใหผ้ คู้ นทฉ่ี นั ได้พบเจอ ฉนั เคยไดย้ นิ มาวา่ พาราณสี คอื เมอื งแหง่ แมน่ ำ้ คงคา เปน็ เมอื งทม่ี ที า่ นำ้ มาก ทส่ี ุดในประเทศน้ี เป็นเมอื งแหง่ แพรพรรณช้นั ดี เปน็ เมืองท่ผี ลิตเคร่ืองดนตรแี ละ นักดนตรีชั้นยอด เป็นเมืองศูนย์กลางการศึกษา เป็นเมืองแห่งการบูชาเทพ ฯลฯ ซง่ึ คำกล่าวเหล่านน้ั ล้วนไม่ผดิ เพ้ยี นไปจากความจรงิ ท่ีฉนั ไดส้ ัมผัส มีคำกล่าวประโยคหนึ่งที่ฉันเคยได้ยินมาเป็นภาษาอังกฤษว่า พาราณสีคือ “ซิต้ี ออฟ เบริ น์ นิง่ แอนด์ เลิร์นนงิ่ ” (City of Burning and Learning) ซงึ่ ฉัน อยากแปลเปน็ ไทยวา่ ... พาราณสี คอื “เมอื งทไ่ี ฟในกองฟอนไมเ่ คยมอดดบั และ แสงระยบั แหง่ ปัญญาไมเ่ คยดับสญู ...” และฉันก็ได้ตระหนกั แน่แก่ใจตัวเองแล้ว วา่ ...นัน่ คอื คำกลา่ วท่ีเหมาะสมอย่างทส่ี ุด 107
ภาวะเป็นท่รี กั ท่ียินดี เป็นหนามในอริยวินยั นี้ ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนบุรุษผู้หนึ่ง จะพึงเข้าไปสู่ป่าที่หนามมาก; คือ หนามขา้ งหนา้ ของบรุ ษุ นน้ั กม็ อี ย,ู่ หนามขา้ งหลงั กม็ อี ย,ู่ หนามขา้ งเหนอื กม็ อี ย,ู่ หนามขา้ งใต้ กม็ ีอย,ู่ หนามขา้ งล่าง ก็มีอย,ู่ หนามข้างบน ก็มีอยู่ บรุ ษุ นน้ั จะตอ้ งมสี ตคิ อ่ ยๆกา้ วไปขา้ งหนา้ มสี ตคิ อ่ ยๆถอยแลว้ กลบั หลงั ดว้ ยคดิ อยู่วา่ “หนามอยา่ ยอก อยา่ ตำเราเลย” ดังนี้ ภกิ ษุ ท.! ฉนั ใดก็ฉนั น้นั , ภาวะเปน็ ที่รัก ภาวะเป็นทยี่ นิ ดี (ปยิ รปู สาตรูป ซง่ึ เป็นทีเ่ กิดดบั แห่งตัณหา) ในโลกใดๆ; ภกิ ษุ ท.! ปยิ รปู สาตรูปนี้ เราเรยี กวา่ “หนามในวนิ ัยของพระอรยิ เจา้ ” ดังนี้ แล. พระพุทธพจน์ จาก “พทุ ธวจน 2 อรยิ สจั จากพระโอฐ ภาคต้น” วัดนาป่าพง
บทท่ี 9 กา้ วตามพระธรรมจกั ร สามวันกว่าๆในพาราณสีดูเหมือนจะเป็น 3 วันที่ฉันใช้พักผ่อน ซักผ้า และ ชาร์จแบตเตอรี่เท่านั้น ยังไม่ทันไรฉันก็ต้องเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปเสียแล้ว แตก่ ารยงั เหลอื สง่ิ ทต่ี อ้ งทำหรอื สถานทๆ่ี ตอ้ งไป ยอ่ มเปน็ เหตผุ ลใหเ้ ราใชบ้ อกตวั เอง ใหก้ ลบั มาเยือนทนี่ อ่ี กี ครัง้ วนั นีฉ้ นั ตั้งใจไปเกบ็ ตกตามร้านอาหารพื้นเมืองในตรอกใกลๆ้ ทพ่ี ัก และฉัน ก็ไม่ผดิ หวังกับอาหารม้ือสุดทา้ ยในพาราณสีของฉันเลย จาปาตีแผ่นกลมๆเหลืองๆฟูกรอบเข้ากันได้ดีกับแกงถั่วรสเลิศ และโยเกิร์ต รสเข้ม กนิ ค่กู บั จลั บี (Jalebi) ขนมหวานชน้ิ เล็กๆ ที่ดแู ล้วคล้ายขนมวงกรอบๆแช่ น้ำเช่ือม (ซึง่ ฉันมว่ั สตู รเอามากินกบั โยเกิรต์ แกเ้ ล่ยี นเอาเอง) หลงั จากเตมิ แคลอรส่ี งู ปรด๊ี ใหก้ บั ตวั เองเสรจ็ สรรพ ฉนั กก็ ลบั ไปทเ่ี กสตเ์ ฮาส์ เพอ่ื เกบ็ ของและรำ่ ลาราจเู จา้ ของทพ่ี กั ซง่ึ แสนจะใจดี ราจชู วนใหฉ้ นั กลบั มาอยทู่ น่ี ่ี อีกหลายๆเดือนในช่วงฤดูหนาว พร้อมกับบอกว่า ส่วนใหญ่แขกของเขาจะมาอยู่ กันเป็นเดือนๆ เพราะบางคนก็มาเรียนโยคะ บางคนก็มาเรียนดนตรี บางคนก็มา เรียนศิลปะ และส่วนใหญ่ในช่วงหน้าหนาว บรรดาแขกกับครอบครัวของเขาจะ ออกมาจดุ ไฟตรงกลางลานบา้ น เพอ่ื นง่ั ผงิ ไฟ ทำอาหาร และพดู คยุ กนั ไปตลอดคนื ใครจะร.ู้ ..วนั นงึ ฉนั อาจทำแบบนน้ั จรงิ ๆกไ็ ด้ ดไี มด่ .ี ..คณุ ๆทก่ี ำลงั อา่ นการเดนิ ทาง ของฉันครั้งนี้ อาจช่วยสานต่อความฝันของฉัน ด้วยการออกเดินทางตามคำเชิญ ของราจูกอ่ นฉนั เสยี กเ็ ป็นได้ 109
แตต่ อนน.้ี ..ฉนั ตอ้ งออกเดนิ ทางไปยงั สารนาถ เมอื งทฉ่ี นั ไมร่ จู้ กั อะไรมากไปกวา่ การทเ่ี มอื งน้ี เปน็ เมอื งทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดเหลา่ ปญั จวคั คยี ท์ ง้ั 5 จนทำใหพ้ ระอัญญาโกญฑญั ญะได้ดวงตาเห็นธรรมและขอบวชเปน็ พระภกิ ษุสงฆ์ รปู แรก อนั ทำใหพ้ ระรตั นตรยั ครบองค์ 3 และพระธรรมจกั รของศาสนาพทุ ธกเ็ รม่ิ หมุนเปน็ ครัง้ แรก ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมอื งสารนาถ ระยะทางจากพาราณสีสู่สารนาถคือ 12 กิโลเมตร ออโต้ริคชอว์ที่ฉันนั่งไป ขับซิ่งวิ่งฉิวอยู่ราวๆครึ่งชั่วโมง ก็พาฉันไปถึงจุดหมายที่วัดไทยสารนาถ และก็ เหมอื นกบั ทุกๆคร้ัง ทฉี่ ันรูส้ กึ ราวกบั ว่าตัวเองได้กลับไปเหยียบแผน่ ดนิ ไทย ทนั ที ทกี่ ้าวเขา้ สอู่ าณาเขตของวัดไทยบนแผน่ ดินอนิ เดีย ทบ่ี รเิ วณลานดา้ นหนา้ ของวดั ไทยสารนาถมเี ศยี รพระพทุ ธรปู หนิ ทรายตง้ั อยู่ อยา่ งนา่ เกรงขาม พรอ้ มดว้ ยหนิ ทรายสลกั เปน็ สว่ นตา่ งๆของพระพทุ ธรปู ขนาดใหญ่ ตง้ั เรยี งรายอยทู่ ว่ั บรเิ วณ โชคดที ฉ่ี นั มาถงึ ทน่ี ต่ี อนกลางวนั แสกๆแดดเปรย้ี ง ถา้ ฉนั มาถึงตอนโพลเ้ พลอ้ าจมกี ารจินตนาการหลอนตวั เองไปได้ใหญโ่ ต ฉันเดินเข้าไปกราบเศียรพระพุทธรูปขนาดมหึมานั้น และก็พบว่าเป็นเศียร พระพทุ ธรปู ทง่ี ดงามมาก ทง้ั ยงั มรี อยปดิ แผน่ ทองจากผศู้ รทั ธาอยมู่ ากมาย ปา้ ยท่ี อยใู่ กลๆ้ กนั นน้ั บอกใหฉ้ นั รวู้ า่ ทางวดั มโี ครงการสรา้ งพระพทุ ธรปู ยนื ปางประทานพร จากหินทรายสชี มพู ขนาดความสงู รวมประมาณ 24 เมตร (สว่ นฐาน 6.25 เมตร องค์พระ 17.62 เมตร) โดยหินทรายสลักท่ใี ชม้ ขี นาดยาวประมาณ 1 เมตร กวา้ ง 70 เซนติเมตร จำนวนทั้งสิ้น 600 ก้อน งานพุทธศิลป์ชิ้นนี้จึงเป็นงานที่ยากแต่ มากด้วยศรทั ธา1 1 ปัจจบุ นั พระพุทธรปู ยืนน้สี ร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว 110
เมอ่ื ถงึ ตรงทางเขา้ ของเรอื นพกั ฉนั กอ็ ดยม้ิ กวา้ งออกมาไมไ่ ดเ้ พราะปา้ ยทต่ี ดิ ไว้ ตรงหนา้ บนั ไดทางเข้าท่ีบอกว่า “กรณุ าใส่รองเท้าขนึ้ ไปดว้ ย” เพราะปกตฉิ นั จะ เหน็ แตป่ า้ ยทเ่ี ขยี นบอกวา่ “กรณุ าถอดรองเทา้ ” ปา้ ยนจ้ี งึ เปน็ ของแปลกสำหรบั ฉนั พอเข้าไปภายในฉันก็ได้พบกับหญิงชาวอินเดียท่ีกำลังทำความสะอาด พืน้ ระเบยี งอยู่ ฉันกล่าวทักเป็นภาษาฮินดี แต่ผู้หญงิ คนนัน้ ยิ้มละไมทวั่ หน้าพรอ้ ม ตอบกลับมาว่า “สวัสดี” อย่างชัดถ้อยชัดคำ ตามด้วยภาษาฮินดีอีกเป็นขบวน จากนั้นเธอก็เดินนำฉันไปหน้าห้องๆ หนึ่งพร้อมทำท่าทางบอกฉันประมาณว่า “รอตรงนก้ี อ่ นนะ” แลว้ เธอกเ็ คาะประตเู รยี กคนทอ่ี ยใู่ นหอ้ งซง่ึ นา่ จะชอ่ื ‘ชำนาญ’ เพราะมีปา้ ยชือ่ ภาษาไทยกำกับไวห้ น้าห้องอย่างชัดเจน ครเู่ ดยี วคณุ ชำนาญกอ็ อกมาจากหอ้ ง และยม้ิ แยม้ ตอ้ นรบั ฉนั เปน็ อยา่ งดี พรอ้ ม บอกฉนั วา่ ... “ตอนนพี้ ระกำลังฉันเพลอยู่ รอสักครนู่ ะ เด๋ียวคอ่ ยไปกินขา้ วกนิ ปลา จากนั้นค่อยมาเก็บของเข้าห้องพัก...” แล้วคุณชำนาญก็ขอตัวไปแจ้งพระผู้ดูแล ที่พกั สำหรบั ผู้แสวงบุญว่ามีโยมมาเยอื น แล้วกลับมาตามฉันไปที่หอ้ งอาหาร วนั นฉ้ี นั ไดก้ นิ ขา้ วเหนยี วเปน็ ครง้ั แรก หลงั จากพน้ ออ้ มอกเมอื งไทยมาเดอื น กวา่ ๆ อาหารมอ้ื นเ้ี ปน็ ฝมี อื ของพผ่ี หู้ ญงิ คนหนง่ึ ซง่ึ เดนิ ทางมาจากจงั หวดั เชยี งราย เพื่อมาชว่ ยงานที่วดั อาหารง่ายๆอย่างไขเ่ จียว น้ำพรกิ ปลายา่ ง ต้มยำ ผลไม้ และ ขนมหวานอกี มากมายทเ่ี ราหาไดเ้ สมอๆในเมอื งไทย จงึ เปรยี บเสมอื นอาหารเหลา ราคาแพงสำหรบั ฉนั เพราะตอ่ ใหม้ เี งนิ ถงุ เงนิ ถงั กไ็ มใ่ ชจ่ ะหาอาหารไทยอรอ่ ยๆกนิ กันไดง้ ่ายๆในตา่ งบา้ นต่างเมอื งเชน่ นี้ พวกเรา “ชาวไทยเมือง” คือ คุณชำนาญซ่ึงมาจากจงั หวดั พะเยา พส่ี าวใจดี (ที่ฉันจำชื่อไม่ได้) ที่มาจากจังหวัดเชียงราย และอดีตลูกช้างเชิงดอยจากจังหวัด เชยี งใหม่อย่างฉัน จึงกนิ ข้าวกนั ไป “อู้คำเมือง” กันไปอยา่ ง “ม่วนแตม๊ ่วนว่า” 111
หลงั จากพดู คยุ สอบถามทม่ี าทไ่ี ป และทๆ่ี ฉนั จะไปตอ่ จากสารนาถ คณุ ชำนาญ กแ็ นะนำใหฉ้ นั ไปขน้ึ รถทโ่ี มกลุ ซาราย (Mughal Sarai)1 แทนทจ่ี ะยอ้ นกลบั ไปขน้ึ รถ ที่พาราณสี เพราะจะมีรถไฟออกจากโมกุลซารายแต่เช้า และจะไปถึงเมืองคยา ตอนบ่าย ฉันจะไดไ้ ปถึงวัดไทยพุทธคยาก่อนคำ่ เพราะการเดินทางในรฐั พิหารใน ฐานะผูห้ ญงิ ตวั คนเดยี ว ในเวลาคำ่ คนื ถือเปน็ เรือ่ งอนั ตราย แม้ใจจริงฉันอยากจะอยู่ที่สารนาถนานกว่านั้น แต่ก็ต้องรีบออกเดินทาง เนอ่ื งจากวนั มะรนื จะเปน็ วนั เลอื กตง้ั ใหญท่ ว่ั ประเทศของอนิ เดยี และรถทกุ ชนดิ จะ ไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตใหอ้ อกวง่ิ บนถนน (ยกเวน้ รถทไ่ี มใ่ ชเ้ ครอ่ื งยนต์ เชน่ รถเทยี มมา้ หรอื ลา) การเดนิ ทางไปมาระหวา่ งเมอื งจงึ เปน็ เรอ่ื งท่ี ‘เปน็ ไปไมไ่ ด’้ คณุ ชำนาญกรณุ า เชค็ เรอ่ื งตว๋ั รถไฟใหฉ้ นั วา่ พรงุ่ นจ้ี ะมรี ถตอนกโ่ี มง เพอ่ื ทจ่ี ะไดร้ วู้ า่ ฉนั ตอ้ งนง่ั ออโตร้ คิ ชอว์ ออกจากสารนาถตอนกโ่ี มง จงึ จะไปถงึ โมกุลซารายทนั รถไฟเที่ยวดังกล่าว หลงั จากสอบถามขอ้ มลู จนแนใ่ จแลว้ คณุ ชำนาญกบ็ อกฉนั วา่ รถทฉ่ี นั ตอ้ งนง่ั จาก โมกุลซารายไปคยาจะเปน็ เท่ยี ว 10.45น. และรถจะถงึ เมืองคยาในเวลาประมาณ 15.00น. โดยฉันควรเดินทางออกจากสารนาถในเวลาประมาณ 8.30น. เพ่อื ให้มี เวลาซอ้ื ตว๋ั และมเี วลาเหลอื ไวร้ อรถไฟดว้ ย เนอ่ื งจากโมกลุ ซารายอยหู่ า่ งจากสารนาถ ประมาณ 20 ก.ม. ใชเ้ วลาเดนิ ทางประมาณ 45-60 นาที จากการที่ฉันต้องออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น ทำให้ฉันมีเวลาในสารนาถไม่ถึง 24 ชว่ั โมง และท่แี รกทฉ่ี ันแวะไปชม กค็ อื พพิ ิธภณั ฑท์ างโบราณคดขี องสารนาถ- พาราณสี และทเ่ี รดิ มากๆกค็ อื คา่ เขา้ ชมทม่ี รี าคาเพยี ง 2 รปู !ี ! ซง่ึ คมุ้ คา่ สดุ ๆ เพราะ 1 โมกลุ ซาราย (Mughal Sarai) หรือมูกัลซาราย เป็นเมอื งทีค่ นไทยบางคนชอบเรยี กตดิ ตลกเลน่ ๆ ว่า “มงกฏุ สาหรา่ ย” เป็นเมอื งทางเลือกนอกเหนือจากการเดนิ ทางกลับไปข้นึ รถทพี่ าราณสี สำหรับ การเดนิ ทางด้วยรถไฟจากสารนาถไปเมืองอื่นๆ 112
มศี ลิ ปะวตั ถุที่ยังคงความงดงามเหลืออยมู่ ากมาย ท่ีสำคญั ...ภายในตัวอาคารของ พิพิธภัณฑ์ทกี่ ่อด้วยหินทรายสีชมพยู ังเปดิ แอร์เยน็ ฉำ่ ดับความร้อนระดับกวา่ 40 องศาเซลเซียสได้อย่างชะงัด แต่ที่นี่ก็เหมือนพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่ซึ่งห้ามนำกล้อง เข้าไปบันทกึ ภาพ งานศลิ ปะวตั ถอุ ายนุ บั พนั ๆปี ถกู จดั แสดงไวอ้ ยา่ งเรยี บงา่ ยแตเ่ ปน็ หมวดหมู่ ห้องโถงใหญต่ รงกลางทางเขา้ จะเป็นสว่ นที่นำโบราณวัตถุช้ินทใ่ี หญ่ทีส่ ดุ มคี วาม สมบรู ณท์ ส่ี ดุ และเกา่ แกท่ ส่ี ดุ มาจดั วางไว้ ไมว่ า่ จะเปน็ ... ‘เสาอโศก’ ทม่ี ปี ลายยอด เปน็ รปู สงิ โต 4 หวั อนั เปน็ ตน้ แบบของตราแผน่ ดนิ ของประเทศอนิ เดยี ในปจั จบุ นั และยังมฉี ตั รและธรรมจักรหนิ สลกั ท่ีมีอายุเกา่ แกต่ งั้ แตย่ คุ ศตวรรษที่ 1 ซึง่ ยังอยู่ ในสภาพทส่ี มบรู ณม์ ากๆ นอกจากนย้ี งั มพี ระพทุ ธรปู ปางยนื ซง่ึ สงู ตระหงา่ น จนฉนั ตอ้ งท่ึงในศรัทธา และความสามารถในการสรา้ งสรรค์ผลงานศลิ ปะของคนยคุ นัน้ อย่างมาก แต่ก็อดสะท้อนใจไม่ได้ว่า...ความงามและอารยธรรมอันยิ่งใหญ่นั้น อนั ตรธานหายไปได้อย่างไร...หายไปอยทู่ ี่ไหน?? สว่ นทด่ี า้ นในสดุ ของหอ้ งจดั แสดงทางปกี ซา้ ย กม็ พี ระพทุ ธรปู ‘ปางปฐมเทศนา’ ซง่ึ ยงั คงสมบรู ณแ์ ละงดงามอยา่ งยง่ิ ประดษิ ฐานอยู่ แมจ้ ะมบี างสว่ นแตกหกั ไปบา้ ง แต่ฉันก็ยังรู้สึกได้ถึงความเมตตาและอ่อนโยนจากพระพุทธรูปที่อ่อนช้อยองค์น้ัน และที่นั่นเอง...ที่ฉันได้พบกับกลุ่มผู้แสวงบุญชาวไทยกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเข้ามาทักทาย ฉันเพราะเห็นว่าฉันมาคนเดียว และสงสัยว่าฉันเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่ลุยเดี่ยว มาอินเดยี ท่ีไดเ้ จอกบั พตี่ ิ๋งทวี่ ดั ไทยกสุ ินาราหรือไม่ พวกเธอเลา่ ใหฉ้ นั ฟงั วา่ ไดไ้ ปพบกบั กลมุ่ ของพต่ี ง๋ิ ทก่ี ลั กตั ตา้ และไดฟ้ งั เรอ่ื งราว การเดนิ ทางของฉนั บางสว่ นจากพต่ี ง๋ิ ฉนั ทง้ั งงทง้ั ขำกบั ความ ‘แคบ’ ของโลกกวา้ ง ใบนี้ พวกเธอบอกว่ารู้สึกทึ่งอย่างมากในความกล้าลุกขึ้นมาลุยอินเดียคนเดียว ของฉัน และจะรออ่านหนังสือเล่าประสบการณ์การเดินทางตามลำพังในอินเดีย 113
ของฉันครั้งนี้ ฉันเลยได้แต่อายม้วนต้วนที่จะมีคนรออ่านหนังสือของฉันตั้งแต่ยัง เขยี นไมเ่ สรจ็ เพราะพต่ี ง๋ิ ชว่ ยโฆษณาใหเ้ รยี บรอ้ ยแลว้ ทำไงไดล้ ะ่ ทนี ้ี เหน็ ทฉี นั อาจ ตอ้ งตง้ั ชอ่ื หรอื โปรยหวั หนงั สอื เลม่ นว้ี า่ “ตกกระไดพลอยโจนเขยี น” หรอื “เขาวาน ใหห้ นูเป็นนักเขยี น” เสยี แล้วกระมงั หลงั พดู คยุ และทกั ทายกนั พอทำเนาแลว้ ตา่ งฝา่ ยตา่ งกข็ อตวั แยกยา้ ยกนั ไป เดินชมพิพิธภัณฑ์ต่อ หลังจากเดินชมโบราณวัตถุภายในอาคารอยู่ครู่หนึ่ง ฉันก็ ออกไปชมภาพถา่ ยเกย่ี วกบั การขุดค้นโบราณสถานโบราณวตั ถใุ นบริเวณน้ีทีส่ ว่ น จัดแสดงด้านนอก จากนนั้ กเ็ ดินขา้ มถนนไปเย่ยี มสักการะ ‘ธัมเมกขสถปู ’ ซงึ่ เปน็ ไฮ-ไลทข์ องทีน่ ่ี ‘ธมั เมกขสถปู ’ คอื โบราณสถานทค่ี าดวา่ ถกู จดั สรา้ งขน้ึ เปน็ พทุ ธบชู าตรงจดุ ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาแก่เหล่าปัญจวัคคีย์ ความหมายตามคำแปล ของ ‘ธมั เมกขสถปู ’ คอื ‘สถปู ผเู้ หน็ ธรรม’ ซง่ึ ผทู้ ไ่ี ดด้ วงตาเหน็ ธรรมจากการแสดง ปฐมเทศนาครั้งแรกของพระพุทธเจ้า และขออุปสมบทเป็นพระภิกษุรูปแรกใน พระพุทธศาสนาก็คอื พระอัญญาโกณฑญั ญะ แต่คุณๆเคยสงสัยไหมว่า พระพุทธองค์เสด็จตามมาพบปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ที่ หนั หลงั เดนิ จากพระองคม์ า เพราะเขา้ ใจผดิ และเสอ่ื มศรทั ธาวา่ พระองคไ์ ดล้ ะความ เพยี รจากการบำเพญ็ ทกุ กรกริ ยิ าเสยี แลว้ ไดอ้ ยา่ งไร ทง้ั ๆทส่ี มยั นน้ั ไมม่ โี ทรศพั ทม์ อื ถอื หรอื พระองคจ์ ะรไู้ ด้ด้วยญาณวเิ ศษ... คำตอบก็คือ...ในสมัยก่อน สารนาถหรือป่าอิสิปตนมฤคทายวันเปรียบได้ เสมือนแหล่งนัดพบและชุมนุมของเหล่าฤาษี นักบวช นักพรต นักบุญทั้งหลาย (คนในยุคนั้นนิยมแสวงหาความสุขอันเที่ยงแท้ นิยมการแสวงหาปัญญาและการ หลุดพ้น มากกว่าการแสวงหาความสนุกสนานเพลิดเพลิน หรือการแสวงทรัพย์ 114
ทางโลก) และบรรดานกั บวช-ฤาษกี น็ ยิ มทจ่ี ะหลบความวนุ่ วายมาบำเพญ็ เพยี รกนั ทีน่ ี่ รวมท้งั เหลา่ ปญั จวัคคียท์ งั้ 5 ด้วย องค์พระสมั มาสัมพทุ ธเจา้ จึงตามมาโปรด เหล่าปญั จวัคคีย์ไดถ้ ูกที่ นอกจากนพ้ี ระองคย์ งั ทรงตระหนกั ดวี า่ การจะเผยแผพ่ ระธรรมทเ่ี พง่ิ ตรสั รู้ ได้นั้น ควรเริ่มจากการสร้างรากฐานให้มั่นคง นั่นคือการเผยแผ่พระธรรมนั้นให้ เหล่านักพรตนักบวชซึ่งมีการบำเพ็ญเพียร มีญาณ มีความรู้มากพอที่จะสามารถ ฟงั ธรรมแลว้ เกดิ ความเขา้ ใจเหน็ แจง้ ไดเ้ สยี กอ่ น และเมอ่ื เหลา่ นกั พรตนกั บวชเหลา่ นน้ั ยอมรบั และเหน็ จรงิ ในอรยิ สจั ทท่ี รงตรสั รชู้ อบไดด้ ว้ ยพระองคเ์ องแลว้ เหลา่ ลกู ศษิ ย์ ลูกหาของนักบวชเหล่านั้น ก็ย่อมจะคล้อยตามครูอาจารย์ของตน อันจะช่วยให้ การเผยแผพ่ ระธรรมมคี วามแพรห่ ลาย และมรี ากฐานทม่ี น่ั คงยง่ั ยนื กวา่ การเผยแผ่ คำสอนใหต้ าสตี าสาที่ไม่รคู้ วามใดๆ หากจะเปรยี บกบั การทำงานทว่ั ๆไปแลว้ นก่ี ค็ อื การทำงานทเ่ี ปย่ี มดว้ ยปญั ญา อยา่ งย่ิงของพระองค์ ถ้ามองในแง่ของการตลาด พระองค์ก็สามารถสร้างฐานลูกค้าได้กว้างใน คราวเดียว แถมเป็นลูกคา้ ทีม่ ีความภกั ดสี ูงอกี ดว้ ย หากจะมองในแงย่ ทุ ธวธิ ที างการทหาร พระองคก์ จ็ ดั การยดึ ชยั ภมู สิ ำคญั ของ ขา้ ศกึ ไดอ้ ยา่ งแยบคายโดยไมม่ กี ารเสยี เลอื ดเนอ้ื และยงั ไดร้ บั การยกยอ่ งจากขา้ ศกึ ดงั นน้ั ไมว่ า่ จะเปน็ พระธรรมคำสอน พทุ ธประวตั ิ และการทำงานของพระองค์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นส่งิ ท่พี วกเราควรศึกษาเรียนร้เู พ่อื นำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวัน ท้งั ส้ิน นอกจากเหลา่ ปญั จวคั คยี ์ นกั บวช ฤาษแี ละโยคแี ลว้ ทกุ ผคู้ นทใ่ี ฝห่ าความสงบ 115
ต่างก็นิยมเดินทางมาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน รวมถึงยสกุลบุตรซึ่งเป็นบุตรของ เศรษฐที ่านหนึง่ ในเมืองพาราณสีด้วย เหตุเกิดจากที่วันหนึ่ง ยสกุลบุตรรู้สึกเบื่อหน่ายต่อนางรับใช้จึงหนีออกจาก บา้ นมาทป่ี า่ แหง่ น้ี โดยพรำ่ บน่ ตลอดทางทเ่ี ดนิ ออกจากบา้ นมาวา่ “ทน่ี ว่ี นุ่ วายหนอ ทน่ี ข่ี ดั ขอ้ งหนอ” พอดกี บั ทอ่ี งคพ์ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ กำลงั เดนิ จงกรมอยใู่ นบรเิ วณ ดังกล่าว พระองค์จึงตรัสตอบไปว่า “ที่นี่ไม่วุ่นวายหนอ ที่นี่ไม่ขัดข้อง เธอจงมา ทน่ี เ่ี ถดิ เราจกั แสดงธรรมใหฟ้ งั ” จากนน้ั กท็ รงแสดงธรรมแกย่ สกลุ บตุ ร จนยสกลุ บตุ ร เกดิ ความเลื่อมใสศรทั ธาและสำเร็จเปน็ พระโสดาบนั ดงั นน้ั การมาเยอื นเมอื งสารนาถเพอ่ื สกั การะเจดยี ธ์ มั เมกขสถปู และศาสนสถาน อน่ื ๆ นอกจากจะเปน็ การแสดงความเคารพ และระลกึ ถงึ คณุ ในพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ กบั หลกั ธรรมของพระองคแ์ ลว้ ยงั ถอื ไดว้ า่ เปน็ การมาเยอื นเพอ่ื อธษิ ฐานจติ ใหเ้ รา หลดุ พน้ จากความขดั ขอ้ งวนุ่ วายตา่ งๆ และเรม่ิ ตน้ หรอื สานตอ่ การกระทำความดี เพือ่ ถวายเปน็ พทุ ธบชู าและประกาศเกียรติคุณของพระศาสนาตอ่ ไปดว้ ย ขณะที่ฉันเดินถ่ายรูปอยู่รอบสถูป กลุ่มของคนไทยที่ฉันพบที่พิพิธภัณฑ์ซึ่ง เดนิ ลว่ งหนา้ มากอ่ นฉนั กช็ วนฉนั ไปรว่ มสวดมนตท์ ำวตั รเยน็ ดว้ ย แมฉ้ นั จะทำวตั รเยน็ กับเขาไม่เป็น สวดมนต์ได้อยู่แค่ไม่กี่บท แต่เมื่อมีคนชวนทำความดีฉันก็ไม่มีรีรอ พร้อมกับเดินปร่ีเข้าไปรับหนังสือสวดมนต์ที่มิตรใหม่ของฉันย่ืนให้ด้วยไมตรีจิต แลว้ สวดมนตต์ ามพวกเขาไปแบบคลอ่ งบา้ ง...พรอ่ งบ้าง หลงั จากสวดมนตเ์ สรจ็ พระธรรมทตู ทม่ี ากบั กลมุ่ ผแู้ สวงบญุ กลมุ่ น้ี กน็ ำพวก เราเวียนเทียนรอบองค์สถปู เป็นพทุ ธบชู า กอ่ นแยกจากกนั พๆ่ี คนไทยใจดกี ลมุ่ นย้ี งั เอย่ ชวนฉนั ไปกนิ ขา้ วเยน็ ดว้ ยกนั อกี แต่ฉันเห็นว่าค่ำแล้วและกลัวว่าจะเดินกลับวัดลำบาก เพราะพวกเขาพักที่วัดจีน 116
(ซึง่ มีเจ้าอาวาสเป็นชาวไทย) แต่ฉันพกั ทวี่ ัดไทย (ซง่ึ มีเจา้ อาวาสเป็นชาวอนิ เดีย1) ฉันจงึ ไดแ้ ตข่ อบคณุ และสญั ญาวา่ จะไปกินมือ้ เช้าด้วยแทน ระหว่างทางที่ฉันเดินกลับวัดไทยสารนาถ ถนนเริ่มมืดและคนก็น้อยลงมาก แล้ว แต่ยังไงอินเดียก็ย่อมเป็นอินเดียอยู่วันยังค่ำ มีหรือที่ฉันจะรอดจากการขาย แบบฮารด์ เซลลข์ องท่ีนี่ เด็กชาย 2-3 คนเดินตามฉันมาเพื่อขายพระพุทธรูปดินเผาขนาดเท่าฝ่ามือ ให้ฉันอย่างไม่ลดละ โดยเริ่มตั้งแต่ทักทายฉันด้วยภาษาญี่ปุ่น จีน ตบท้ายด้วย ภาษาไทย และเริ่มบอกราคาขายให้ฉันตั้งแต่ 100 รูปี (เป็นภาษาอังกฤษ) แล้ว เปลย่ี นเปน็ “หา้ สบิ บาท”...“ยส่ี บิ บาท”...“หา้ บาท”...จนสดุ ทา้ ยราคาลดฮวบลงไป เหลอื “บาทเดยี ว” ดว้ ยสำเนยี งไทยทช่ี ดั เจนทเี ดยี วแตฉ่ นั กใ็ จแขง็ ไปไดต้ ลอดรอดฝง่ั และโบกมอื ลาเด็กๆพวกนัน้ เมือ่ เดินถงึ ประตวู ดั เมอ่ื กลบั มาถงึ วดั ฉนั กร็ สู้ กึ ละอายอยา่ งยง่ิ กบั การไมไ่ ดท้ ำประโยชนอ์ ะไรให้ วัดเลย เพราะตอนมาถงึ ก็เปน็ เวลาอาหารกลางวนั แถมพอออกไปตะลอนๆเท่ียว กก็ ลบั มาเสยี มืดคำ่ แลว้ ยังจะมากนิ ขา้ วฟรอี ีก...ดูไม่ไดจ้ ริงๆ แตฉ่ นั กอ็ ายอยไู่ ดไ้ มน่ านนกั เพราะในทส่ี ดุ ฉนั กไ็ ดม้ โี อกาสทำประโยชนเ์ ลก็ ๆ นอ้ ยแลกขา้ วแลกทพ่ี กั บา้ ง เนอ่ื งจากมพี ระภกิ ษรุ ปู หนง่ึ กำลงั จะเดนิ ทางไปเนปาล เพื่อต่อวีซ่า พอทราบว่าฉันเดินทางมาจากเนปาล จึงต้องการอัพเดทข้อมูลและ สถานการณต์ รงดา่ นชายแดนวา่ การเดนิ ทางสามารถทำไดห้ รอื ไม่ การเดนิ ทางจาก ชายแดนสกู่ าฐมณั ฑเุ ดนิ ทางดว้ ยวธิ ไี หนไดบ้ า้ ง ทพ่ี กั ราคายอ่ มเยาวใ์ นกาฐมณั ฑมุ ี ทีไ่ หนบ้าง เปน็ ต้น 1 ปจั จุบนั เจา้ อาวาสชาวอนิ เดยี มรณะภาพแล้ว เจา้ อาวาสองค์ปจั จบุ นั เปน็ ชาวไทยใหญ่ 117
หลงั จากสนทนากบั พระทา่ นไดค้ รใู่ หญ่ ฉนั กก็ ลบั มาพกั ทเ่ี รอื นพกั อยา่ งอนุ่ ใจ และปลอดภัย ก่อนจะตื่นมาอีกทีราวๆตีสี่เพราะไฟดับ...พัดลมหยุดทำงาน แต่ที่ ทำงานกันอย่างขยนั ขันแข็งก็คือฝงู ยุง ทีย่ กพวกมาตอมฉันกันท้ังฝูง ดงั นน้ั ถ้าใคร ได้มาอินเดยี โปรดอยา่ ชะลา่ ใจเข้านอนโดยไม่เอามงุ้ ลงแบบฉนั เด็ดขาด แม้จะยังรสู้ กึ งว่ งงนุ อยู่ แต่ครั้นจะกลบั ไปนอนตอ่ ก็นอนไม่หลับเสียแล้ว ฉนั จึงลุกขน้ึ มาทำธุระส่วนตวั และรอให้ฟา้ สาง จงึ คอ่ ยๆเดินออกมาถ่ายรูปในบรเิ วณ วดั และเดนิ เรอ่ื ยไปจนถงึ วดั ศรลี งั กา ซง่ึ ดา้ นหลงั ของวดั เปน็ สวนกวาง แตเ่ นอ่ื งจาก ตอนทฉ่ี นั ไปถงึ นน้ั ยงั เชา้ มาก ฉนั จงึ ชวดโอกาสชมสวนกวางอนั เลอ่ื งชอ่ื ไดแ้ ตเ่ ดนิ สวดอติ ปิ โิ สรอบศาลาทจ่ี ำลองรปู ปน้ั พระพทุ ธเจา้ ขณะแสดงธรรมครง้ั แรกแกเ่ หลา่ ปัญจวัคคีย์ แล้วจึงเดินต่อไปยังวัดจีนที่อยู่ถัดไปไม่ไกล เพื่อไปพบกลุ่มชาวไทยที่ ฉนั ได้เจอเม่อื วาน ตอนที่ฉันไปเยือนสารนาถครั้งนั้น วัดจีนแห่งนี้มีพระสงฆ์ไทยจำพรรษาอยู่ 2 รูปและมเี จ้าอาวาสอกี 1 รปู ที่เปน็ ชาวไทย เรอ่ื งขำๆท่พี ระท่านอำกนั เลน่ คอื ... วดั ไทยสารนาถเหมอื นวดั ของพระจากภาคเหนอื เพราะทง้ั พระสงฆแ์ ละเจา้ หนา้ ท่ี ของวัดล้วนมาจากจังหวัดทางภาคเหนือทั้งสิ้น ส่วนวัดจีนแห่งนี้ก็เปรียบเสมือน วดั ของภาคอสี าน เพราะพระสงฆม์ าจากภาคอีสานกนั เปน็ สว่ นใหญ่ ซ่ึงก็แปลว่า ‘ลกู ช้าง’ อย่างฉันเลือกพกั ถกู วัดแลว้ เมอ่ื ฉนั ไปถงึ วดั จนี กลมุ่ ชาวไทยทฉ่ี นั พบเมอ่ื วานยงั ไมก่ ลบั จากการไปเทย่ี วชม แม่น้ำคงคาในตัวเมืองพาราณสี พระและคณะทัวร์ไทยอีกกลุ่มจึงชวนให้ฉันกิน อาหารเชา้ ดว้ ยก่อน โดยอาหารเช้ามอ้ื นีม้ หี ลายอยา่ งถูกหิ้วตรงมาจากเมืองไทย ครู่ใหญ่ กลุ่มชาวไทยที่ฉันพบเมื่อวานก็กลับมาถึงวัด และดูจะรีบร้อนเก็บ ข้าวของเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป หนึ่งในกลุ่มนั้นเล่าให้ฉันฟังว่า พวกเขา 118
เดินทางมาสักการะสังเวชนียสถานที่อินเดียแล้วหลายครั้ง และแต่ละครั้งก็มีเหตุ ใหเ้ ดนิ ทางไปไดไ้ มค่ รบทง้ั สแ่ี หง่ เสยี ที เนอ่ื งจากเวลาในการเดนิ ทางมจี ำกดั พอเกดิ ปญั หาทท่ี ำใหก้ ารเดนิ ทางลา่ ชา้ จงึ ทำไดแ้ คห่ นั หลงั กลบั เมอื งไทยตามกำหนดเดมิ อยา่ งเดยี ว ซง่ึ ทำใหพ้ วกเขาตอ้ งเดนิ ทางกลบั มาอนิ เดยี ใหมห่ ลายหน และบอกวา่ ฉนั มีบุญมาก ที่มีเวลาพอที่จะสักการะสังเวชนียสถานให้ครบทั้งสี่แห่งในคราวเดียว (เห็นทีว่าจะเป็นความจริงกระมัง...แต่การเดินทางมาอินเดียโดยไม่เจอกับเหตุ สุดวิสัยอะไรเลย กด็ ูเหมือนจะเป็นการมาอนิ เดียโดยไม่ถึงอินเดีย) ฉนั คยุ กบั มติ รใหมข่ องฉนั ไดเ้ พยี งครเู่ ดยี วกต็ อ้ งรำ่ ลากนั เพราะตา่ งฝา่ ยตา่ งมี จดุ หมายทต่ี อ้ งไปตอ่ ...จดุ หมายทเ่ี หมอื นจะเปน็ การเดนิ แยกทางกนั ไปคนละสารทศิ แตป่ ลายทางกลบั อย่ทู ีเ่ ดยี วกนั ...นน่ั คอื การเดินทางไปจนถงึ ทส่ี ุดแห่งกองทกุ ข์ เวลาสน้ั ๆทฉ่ี นั ไดอ้ ยใู่ นสารนาถ เมอื งเลก็ ๆทฉ่ี นั แทบไมร่ จู้ กั เลย (และตอนนก้ี ็ ยงั ไมร่ จู้ กั มากนกั ) กลบั ทำใหฉ้ นั ไดเ้ รยี นรถู้ งึ สง่ิ สำคญั ๆในการดำเนนิ ชวี ติ หลายอยา่ ง น่นั คอื ... 1. อำนาจของการแบง่ ปนั ... ความรแู้ ละความสำเรจ็ คอื สง่ิ ทส่ี ำคญั แตม่ นั คง มคี า่ นอ้ ยนดิ หากเราไมร่ จู้ กั แบง่ ปนั ความรแู้ ละความสำเรจ็ ทเ่ี ราไดพ้ บตอ่ ผอู้ น่ื ไมว่ า่ ผนู้ น้ั จะเชอ่ื หรอื ศรทั ธาในตวั เราหรอื ไม่ ดงั เชน่ ทอ่ี งคพ์ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทรงตรสั รู้ อรยิ สจั ทย่ี ง่ิ ใหญด่ ว้ ยพระองคเ์ อง และไดป้ ระกาศสง่ั สอนธรรมนน้ั แกเ่ หลา่ ปญั จวคั คยี ์ ซง่ึ เคยหนั หลงั ใหพ้ ระองค์ และการใหน้ น้ั กเ็ ปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ ทท่ี ำใหพ้ ระองคไ์ ดท้ ำใน สิง่ ทยี่ ง่ิ ใหญม่ ากขึน้ ไปอีก...น่ันคอื การเผยแผธ่ รรมสโู่ ลกใบน้ี 2. กลา้ ทำในสง่ิ ทช่ี อบ... ความกลา้ ทจ่ี ะทำสง่ิ ใหมๆ่ กลา้ ทจ่ี ะดำเนนิ ชวี ติ ใน แนวทางทเ่ี ราไดว้ เิ คราะหแ์ ลว้ วา่ ชอบวา่ ด.ี ..ถกู ตอ้ งเหมาะสม เปน็ อกี สง่ิ หนง่ึ ทก่ี ำลงั หายไปจากสังคมในปัจจุบัน เพราะนอกจากปัจจัยสี่ ทุกคนล้วนมีความต้องการ 119
พื้นฐานในเรื่องการเป็นที่ยอมรับในสังคม เราจึงตกเป็นเหยื่อของโลกทุนนิยมได้ โดยงา่ ย เพราะบรรดานกั การตลาด จะคอยมาบอกเราวา่ อะไรดี อะไรโดน อะไรฮติ อะไรฮ็อต จนเดี๋ยวนี้...มีการขายกระทั่งความฝัน ความเชื่อ อนาคตที่ดี สุขภาพที่ ไม่มีวันโรยรา หรือความสุขสบายของลูกหลานหลังจากที่เราตายไปแล้วด้วยซ้ำ... แลว้ เราก็ ‘หลง’ เชอ่ื ตาม วง่ิ ถลาเขา้ หาวตั ถสุ ง่ิ ของตา่ งๆ ทเ่ี ขาบอกวา่ เปน็ ของใหม่ ของดี ต้องมี ตอ้ งใช้ การกล้าทำส่ิงดีๆโดยไม่เอาตัวเองไปผูกกับกระแสสังคมจึงเป็นความกล้าท่ี หาไดย้ ากและทำไดย้ ากเตม็ ที 3. เมตตาธรรมค้ำจุนโลก... ความเมตตากรุณาคือน้ำทิพย์แห่งชีวิตโดยแท้ ดังเช่นท่อี งค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีเมตตามหาศาลด้วยการแสดงธรรมท่ที รง ตรัสรู้แก่พวกเรา เปรียบดังมหาเศรษฐีผู้มีทรัพย์มากนำทรัพย์สมบัติของตนเอง ออกมาแจกจ่ายให้กับทุกผู้ทุกนามที่ต้องการทรัพย์สมบัตินี้ เพียงแต่ทรัพย์สมบัติ ของพระองค์เป็นอริยทรัพย์ ที่ยิ่งแจกจ่ายก็ยิ่งเพิ่มพูนงอกงาม เปรียบเหมือนการ จดุ เทยี นต่อกัน ท่ีย่ิงจุดก็ยงิ่ สว่างไสว การที่พระองค์ไม่ทรงตัดรอน ไม่ทอดทิ้ง และไม่สิ้นศรัทธาต่อผู้ที่สิ้นศรัทธา ในพระองค์ ดังเช่นที่ทรงเสด็จตามมาแสดงธรรมให้เหล่าปัญจวัคคีย์ทั้งห้าได้สดับ ตรบั ฟัง คอื อกี หนึ่งหลกั ฐาน ท่แี สดงให้เหน็ ถึงความเปน็ มหาบรุ ษุ ของพระองค์ ความรักความเมตตา การไม่หนีหาย และไม่หันหลังให้บุคคลที่ไม่เข้าใจเรา หรือสิ้นศรัทธาในตัวเรา เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะทำให้เขาได้เห็นเราในแบบที่ เราเปน็ เป็นหนทางเดียวท่ีจะสรา้ งความเข้าใจและสันติภาพขนึ้ มาได้ เพราะหาก วนั ใดเขาหนั กลบั มามองเรา แลว้ พบวา่ เราไมไ่ ดอ้ ยตู่ รงนน้ั หรอื ไมไ่ ดม้ องเขาอกี ตอ่ ไป แล้ว เขาก็ย่อมจะเดินจากเราไปหรือไม่หันมามองเราอีกเลย ซึ่งปัญหาหรือความ 120
ไมเ่ ขา้ ใจทเ่ี กดิ ขน้ึ กจ็ ะไมไ่ ดร้ บั การแกไ้ ข แตเ่ ปน็ แคก่ ารรอเวลาใหป้ ญั หาปะทขุ น้ึ ใหม่ เม่ือเหตปุ ัจจยั เหมาะสม เช่นเดียวกันกับปัญหาทางการเมือง หรือปัญหาต่างๆในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็น การคว่ำบาตรรัฐบาลทหารพม่า การโดดเดี่ยวเกาหลีเหนือ หรือแม้แต่การที่สามี ภรรยานอนหนั หลงั ใหก้ นั ลกึ ๆแลว้ ปญั หาตา่ งๆลว้ นยดื เยอ้ื และแกไ้ ขไมไ่ ด้ เพราะ ตา่ งฝา่ ยตา่ งขาดความเมตตาตอ่ กนั หากทกุ ฝา่ ยมองกนั ดว้ ยจติ ทม่ี เี มตตา มคี วาม หวงั ดีตอ่ กัน ทกุ ปัญหากย็ อ่ มคลคี่ ลายลงได้ 4. เรม่ิ ตน้ เปน็ ยอ่ มเหน็ ผลเลศิ ... บทเรยี นอกี ขอ้ ทฉ่ี นั ไดร้ บั กค็ อื การไดต้ ระหนกั วา่ ...การจะทำงานใหญ่ ทำสง่ิ ทย่ี ง่ิ ใหญ่ ทำสง่ิ ทย่ี ากใหส้ ำเรจ็ ลลุ ว่ งไปไดน้ น้ั เราตอ้ ง รู้จักที่จะเริ่มต้นให้ถูก เริ่มต้นให้ดี เริ่มต้นให้เป็น และควรเริ่มทำจากสิ่งที่สำคัญ ทีส่ ดุ หรือทำต่อบคุ คลทสี่ ำคัญท่สี ุดกอ่ น เชน่ เดยี วกบั ทพ่ี ระพทุ ธองคเ์ สดจ็ มายงั ปา่ อสิ ปิ ตนมฤคทายวนั เพอ่ื แสดงธรรม ในหมนู่ กั บวชนกั พรต เพราะเมอ่ื บรรดานกั บวชนกั พรตซง่ึ ฝกึ ฝนตนมานานไดเ้ ขา้ ใจ และยอมรับในธรรมที่ทรงแสดงให้ประจักษ์แล้ว ก็จักเป็นการง่ายต่อการเผยแผ่ พระธรรมตอ่ ๆไป ประหนง่ึ การตตี รามอก.หรอื ออกใบรบั ประกนั คณุ ภาพสนิ คา้ ให้ กับพระธรรมที่ทรงตรสั รโู้ ดยชอบแล้ว นอกจากน.้ี ..การแสดงธรรมตอ่ ผมู้ ปี ญั ญาและมกี ารศกึ ษาอยแู่ ลว้ ยอ่ มสะดวก กว่าการไปแสดงธรรมใหผ้ ้ทู ี่ไม่มีพืน้ ฐานใดๆเลย เพราะนอกจากจะต้องใช้เวลาใน การสั่งสอนและอธิบายนานแล้ว ยังอาจถูกหาว่าดูหมิ่นต่อความเชื่อและศรัทธา ด้ังเดิมในสังคมด้วย 121
พระธรรมจกั รเริ่มหมุนเป็นครัง้ แรกเมือ่ สองพันห้าร้อยกวา่ ปีก่อน และไมว่ ่า ในอนาคต พระศาสนาจะถงึ กาลเส่ือมสญู ไปเพราะขาดผสู้ บื สาน หรือจะเปน็ การ ลม่ สลายเพราะภยั ธรรมชาตโิ ถมทำลายมนษุ ยชาตจิ นสญู สน้ิ แตฉ่ นั กด็ ใี จและอม่ิ ใจ ทไ่ี ดอ้ ยใู่ ตร้ ม่ เงาของพระพทุ ธศาสนา และไดม้ โี อกาสกา้ วตามพระธรรมจกั รในฐานะ ฆราวาสคนหนงึ่ แมจ้ ะเปน็ การก้าวเตาะแตะทีละนดิ ๆก็ตาม 122
หลักฐาน ตุ...ต.ุ ..กลนิ่ อะไร...ต.ุ ..ตุ... ออ้ ...กล่ินหมาเนา่ ทลี่ อยมาตดิ รมิ ตะหล่ิงนน่ั เอง ฉกึ ...ฉกึ ...เสียงอะไร...ฉกึ ...ฉึก... อ้อ...เสยี งนกกาจกิ ซากหมาเน่านั่นเอง แชะ...แชะ... ถา่ ยรปู ไวเ้ ป็นหลักฐานว่า...ความเปน็ ...อยู่ค่กู ับความตายเสมอ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302