Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธันยาวาท_หิมาลประเทศ

ธันยาวาท_หิมาลประเทศ

Description: ธันยาวาท_หิมาลประเทศ

Search

Read the Text Version

พาราณสี เมืองโบราณร้อยทา่ พระแมค่ งคาศกั ดสิ์ ทิ ธิ์ งามวิจิตรแพรไหม ฟอนไฟมเิ คยมอด สุดยอดการดนตรี ราชธานแี หง่ ความรู้

สวรรค์ นรก ชวี ติ เลก็ ๆ...บน ‘นรก’ เพราะคนคอื ผู้ต้งั นิยามให้นรก-สวรรค์...สวรรคจ์ ึงกลายเปน็ นรก

ดาล จาปาตี ลกั ซ่ี จลั บี ดาล คือแกงถว่ั มีรสเค็ม กลนิ่ เครื่องเทศหอมแรง บางครั้งก็ทำจากถัว่ ชนิดเดยี วบางทกี ็ทำจากถว่ั หลากชนิด หรืออาจมีมันเทศ มแี ครอท ผสมลงไปบา้ งก็ไม่ผิดกตกิ า จาปาตี คือแปง้ ทนี่ วดกบั น้ำมัน แล้วนำมากลงึ เป็นแผน่ บาง กอ่ นจะทอดใหก้ รอบฟใู นน้ำมนั ร้อนๆ ดแู ลว้ คล้ายซาลาเปาทอดของบ้านเรา ลักซ่ี คือโยเกิรต์ รสธรรมชาติ จะนำไปกินเปน็ อาหารเชา้ ราดบนสลัด หรือผสมน้ำผลไมเ้ ปน็ เคร่ืองด่มื ก็เข้าที จลั บี คอื ขนมหวาน รปู รา่ งเหมือนปาท่องโก๋กรอบรปู ผเี ส้อื ทถ่ี ูกนำไปแชใ่ นนำ้ เชอ่ื ม เนื้อขนมด้านนอก จะกรอบ แตเ่ นื้อในนุ่มเหมอื นทองหยอด ฟังฉันอธิบายแลว้ อาจดพู สิ ดาร แต่ถ้าคุณเจอรา้ นอร่อยเหมอื นร้านน้ี คณุ จะ “เลฟิ ” จัลบไี ปอีกนาน

Hello...เฮลโหล... Hello... เดก็ หญงิ คนนี้ เดนิ ตามฉันต้อยๆ ตลอดทางเดนิ เรยี บฝั่งแม่น้ำคงคา เพอ่ื ต้อื ให้ฉนั ซือ้ กระทงบชู าแม่น้ำ แตใ่ ครจะไปลอยกระทงกลางแดดเปร้ยี งแบบน้ี พอฉันปฏิเสธเธอเลยขอเงนิ ซอื้ ขนมเสยี ด้อื ๆ แล้วแมข่ องเธอก็ตะโกนมาจากริมฝ่ังน้ำวา่ ... “มาเอาผา้ ไปตากสิลกู ” เดก็ นอ้ ยทำหนา้ มุ่ย แต่กร็ บี เดนิ ไปหาแม่ พรอ้ มหันมาบอกฉันว่า “พร่ี อหนกู ่อนนะคะ” สดุ ทา้ ยฉนั กซ็ อ้ื ขนมใหเ้ ธอกับเพอ่ื นๆ เพราะตดิ ใจในรอยยิม้ และท่ายกถังผ้าของเธอ



สสี ัน...แหง่ พาราณสี

ธมั เมกขสถปู , สารนาถ ยามเชา้ ... หนา้ วดั จีน, สารนาถ

บทท่ี 10 กตกิ า เวลา และสทิ ธิ หลงั กราบลาเหลา่ พระธรรมทตู และชำระหนส้ี งฆใ์ หว้ ดั ไทยสารนาถเรยี บรอ้ ย แลว้ ฉนั กม็ านง่ั ‘ชลิ ’ อยบู่ นออโตร้ คิ ชอว์ ทก่ี ำลงั พาฉนั มงุ่ หนา้ สเู่ มอื งโมกลุ ซาราย ดว้ ยความเรว็ เตม็ กำลงั เทา่ ทร่ี ถจะวง่ิ ไปได้ บนทอ้ งถนนทย่ี งั โลง่ ในยามเชา้ แตเ่ มอ่ื รถวิ่งเข้าสู่ถนนที่สองข้างทางเป็นตลาดชุมชน เช้าอันสงบและโปร่งสบาย ก็พลิก เขา้ สโู่ หมด ‘แตรพาวเวอร’์ และ ‘ววั จ๋าขอทางหน่อย’ เช่นเคย ไมถ่ งึ ครง่ึ ชว่ั โมงฉนั กถ็ งึ โมกลุ ซาราย พอตกุ๊ ๆแขกจอด ฉนั กส็ ง่ เงนิ ให้ ตามท่ี ตกลงราคากนั ไว้ แตอ่ ตี าคนขบั รถสง่ ตาหวานเวา้ วอนพรอ้ มพดู วา่ จะไมเ่ พม่ิ คา่ จา้ ง ใหเ้ ขาอกี หนอ่ ยเหรอ ฉนั เลยใหไ้ ปอกี 20 รปู เี นอ่ื งจากถกู ใจในบรกิ ารและอธั ยาศยั ของเขา และทโ่ี ผลม่ าถงึ ตกุ๊ ๆของฉนั ทนั ทเี หมอื นกนั กค็ อื ‘กลุ ’ี หรอื คนรบั จา้ งแบกของ ตามสถานรี ถไฟ ซง่ึ ‘กลุ ’ี ของแทต้ อ้ งสวม ‘เสอ้ื แดง’ เทา่ นน้ั อยา่ เพง่ิ คดิ วา่ ฉนั พดู พาดพงิ ถงึ เรอ่ื งการเมอื งฝง่ั ไหนทง้ั สน้ิ นะคะ แตค่ นทท่ี ำงานเปน็ ‘กลุ ’ี อยา่ งถกู ตอ้ ง ตามกฎหมายของอนิ เดยี ตอ้ งสวมเสอ้ื ผา้ ฝา้ ยสแี ดงเทา่ นน้ั เหมอื นกบั ทว่ี นิ มอเตอรไ์ ซค์ ในบ้านเราตอ้ งสวมเสอ้ื กกั๊ สีสม้ ถ้าคณุ มโี อกาสมาอินเดียแลว้ มีคนอาสามารบั จา้ ง ขนของแตไ่ มม่ ี ‘เสอ้ื แดง’ เปน็ เครอ่ื งแบบ กใ็ หร้ ะวงั ไวก้ อ่ นวา่ อาจเจอกบั ‘กลุ เี ถอ่ื น’ ซง่ึ อาจทำให้ข้าวของคณุ สูญหายได้ แตบ่ งั เอิญสเี ส้ือของ ‘กลุ ’ี ทพี่ งุ่ เข้ามาหาฉนั สี จดื ไปหน่อย แถมเอาเส้อื แดงพาดบ่ามาอีกต่างหาก ฉันเลยถือวา่ ยังไมใ่ ช่ ‘กุลีแท้’ จงึ ตดั สนิ ใจเดินแบกเป้เข้าไปในสถานรี ถไฟเอง 131

ฉันจำไม่ไดว้ า่ เคยร้เู คยไดย้ ินมาจากไหน แต่พวกกุลนี ลี่ ะ่ ค่ะทรี่ เู้ รื่องตวั๋ เรือ่ ง ขบวนรถไฟ และตำแหนง่ ทต่ี รู้ ถแตล่ ะตจู้ ะมาจอดเทยี บชานชาลาไดด้ แี ละแมน่ ยำ กว่าเจา้ หนา้ ท่สี ถานรี ถไฟเสยี อกี เมอ่ื ฉนั เดนิ ไปถงึ หนา้ ชอ่ งขายตว๋ั ฉนั กเ็ จอกบั สง่ิ ทฉ่ี นั ตอ้ งยม้ิ และยกนว้ิ ใหก้ บั ประเทศอนิ เดยี เพราะชอ่ งทา้ ยสดุ จะถกู สงวนไวใ้ หผ้ หู้ ญงิ คนพกิ าร รวมทง้ั คนชรา และทหารผา่ นศกึ เพอ่ื ใหบ้ คุ คลในกลมุ่ นไ้ี ดร้ บั สทิ ธใิ นการใชบ้ รกิ ารของรฐั ไดอ้ ยา่ ง สะดวกสบายมากขน้ึ แตว่ า่ ...ทกุ การจดั การทด่ี กี ย็ อ่ มจะมผี ฝู้ า่ ฝนื กฎเพยี งเพอ่ื ความ สะดวกของตนเองเสมอ เพราะฉนั เหน็ ‘ผหู้ ญงิ มหี นวด’ กบั ‘ผชู้ ายใจพกิ าร’ ยนื ออ กนั เปน็ กลมุ่ กอ้ นเพอ่ื ซอ้ื ตว๋ั ในชอ่ งดงั กลา่ ว และมหี นง่ึ รายทแ่ี ซงควิ ฉนั ไปหนา้ ตาเฉย แมฉ้ นั จะไมไ่ ดต้ ำหนอิ ะไรออกไปตรงๆ แตก่ อ็ ดไมไ่ ดท้ จ่ี ะเหนบ็ กลบั ไปดว้ ยการอา่ น ปา้ ยภาษาองั กฤษออกมาดงั ๆ วา่ นเ่ี ปน็ ชอ่ งซอ้ื ตว๋ั สำหรบั ผหู้ ญงิ และคนพกิ าร พรอ้ ม ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปป้ายที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นยืนกันอยู่อย่างแน่นขนัด บางคนก็แสดงอาการละอายออกมาบ้าง แต่ก็ไม่มีใครขยับลี้หนีหายไปไหน และ เจ้าหน้าท่ีหญงิ ท่ีอยดู่ ้านในกไ็ มไ่ ด้ตอ่ วา่ อะไร ‘ไมเ่ ป็นไร...ฉนั ไมร่ บี ’ พอถงึ ควิ ของฉนั ฉนั กบ็ อกเจา้ หนา้ ทว่ี า่ ตอ้ งการตว๋ั ไป “คยา” แตเ่ ธอทำหนา้ งง ซึง่ อาจเปน็ เพราะสำเนียงพูดช่ือเมอื งของฉนั คงฟังดแู ลว้ คลา้ ยกับคำวา่ “กายา” ซง่ึ แปลวา่ รา่ งกาย จากนน้ั กม็ ลี งุ คนนงึ ยน่ื หนา้ เขา้ มาแทรกฉนั พรอ้ มบอกคนขายตว๋ั วา่ ฉนั จะไปเมอื งคยา แลว้ กบ็ อกเจา้ หนา้ ทค่ี นนน้ั ตอ่ วา่ เขาตอ้ งการไปเมอื ง “xxx” ชว่ ยออกตว๋ั ใหเ้ ขาดว้ ย 2 ใบ จากนน้ั กจ็ า่ ยเงนิ ซอ้ื ขายตว๋ั ผา่ นหนา้ ฉนั โดยลงุ คนนน้ั หันมาพูดกับฉันว่ารถไฟของฉันจะมาตอน 5 โมงเย็น ฉันจึงตกใจและรีบบอกว่า ลุงคงเข้าใจผิดอะไรแน่ๆ เพราะรถไฟขบวนที่ฉันต้องการเดินทางจะมาถึงก่อน 11 โมง แต่ลุงก็ย้ำว่าลุงแน่ใจ แล้วเดินจากไปเมื่อได้ตั๋วของตนเอง ส่วนฉันก็จ่าย เงินค่าตั๋วรถไฟพร้อมกับเช็คเวลาในตั๋ว โดยเห็นว่าชื่อขบวนรถกับเวลาที่ระบุว่า รถไฟจะมาถงึ สถานี คอื เวลา 10.40น. คา่ ตว๋ั คอื 63 รปู ี เปน็ รถไฟชน้ั ธรรมดาไมใ่ ช่ 132

ชนั้ สลปี เปอร์ (Sleeper Class) ณ ตอนน้ันฉนั ยังไม่รหู้ รอกวา่ สภาพของรถไฟตธู้ รรมดาทไี่ มใ่ ชช่ นั้ สลีปเปอร์ (Sleeper Class) เป็นอย่างไร เพราะตอนนั่งรถไฟมาจากกอรักปูร์ฉันได้ตั๋วชั้น ธรรมดา แต่ได้อัพเกรดขึ้นไปนั่งในชั้นสลีปเปอร์โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มด้วยซ้ำ (แม้จะขอจา่ ยเงินเพมิ่ แล้วกต็ าม) เพียงแตว่ า่ ...วันนเี้ ปน็ วันก่อนการเลอื กตัง้ ทวั่ ไป ของอินเดีย 1 วัน ซึ่งก็เหมือนกับในเมืองไทยที่จะมีผู้คนเดินทางกลับภูมิลำเนา เปน็ จำนวนมาก และโมกลุ ซารายกไ็ มใ่ ชเ่ มอื งตน้ ทางทจ่ี ะมที น่ี ง่ั ใหฉ้ นั ไดเ้ ลอื กตาม ใจชอบ แตก่ อ่ นทฉ่ี นั จะไดร้ ชู้ ะตากรรมบทตอ่ ไปของตวั เองในวนั น้ี ฉนั กแ็ บกเปไ้ ป เพ่ิมประสบการณ์ในร้านฟาสต์ฟู้ดแบบอินเดียแท้ๆให้กับตัวเองอย่างสบายใจ (ขอเปน็ คณุ นายไฮโซติดหรบู ้าง...อะไรบา้ ง...) “Comesum (Tatkal)” เป็นร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแบบอินเดียที่มีสาขาอยู่ หลายแหง่ และความสะอาดสะอา้ นเยน็ ฉำ่ ลำ้ เลศิ ของรา้ นกท็ ำเอาฉนั ตะลงึ เพราะ ตง้ั แตเ่ ดนิ เทา้ เขา้ อนิ เดยี มา ฉนั กเ็ พง่ิ ไดเ้ หน็ รา้ นอาหารทห่ี รเู รดิ อลงั การขนาดนเ้ี ปน็ ครง้ั แรก ในร้านนอกจากจะมีข้าวหรือจาปาตี ท่ขี ายเป็นชดุ ๆคู่กับแกงหลากชนิด แลว้ ยังมีแซนดว์ ชิ แบบตา่ งๆ มนี ้ำผลไมส้ ด ซาโมซา โยเกริ ต์ และไอศกรมี ยห่ี อ้ ดัง บาสก้นิ รอ็ บบนิ้ ส์ (31st Baskin Robins) อยภู่ ายในรา้ นด้วย ฉนั เลอื กกนิ โยเกริ ต์ ระหวา่ งรอรถไฟ และซอ้ื ซาโมซาใสถ่ งุ ไวไ้ ปกนิ เปน็ อาหาร กลางวนั 2 ชน้ิ เพราะถงึ แมต้ อ้ งจา่ ยแพงกวา่ แตก่ ม็ น่ั ใจในความสะอาดไดม้ ากกวา่ เพราะฉนั ไม่อยากไปทอ้ งเสียบนรถไฟ วธิ กี ารซอ้ื อาหารในรา้ นนค้ี อื คณุ ตอ้ งเลอื กของทต่ี อ้ งการไวใ้ นใจกอ่ น จากนน้ั กจ็ ำชอ่ื อาหารกับราคาไปบอกทแี่ คชเชียร์ พอจา่ ยเงินกบั แคชเชยี รเ์ สร็จคณุ จึงนำ ใบเสร็จไปส่งใหพ้ นักงานหนา้ ตู้อาหารนนั้ ๆ เพอื่ ใหพ้ นกั งานจดั อาหารให้ จากน้นั 133

กเ็ ดนิ ไปนง่ั ตากพดั ลมเยน็ ๆใหส้ บายใจไดเ้ ลย (ชว่ งทฉ่ี นั ไปเปน็ เดอื นเมษายนอากาศ จึงร้อนมาก) ข้อดีของการน่ังในร้านคือจะไม่มีขอทานมากวนใจคุณระหว่างน่ังกินอาหาร ความไฮโซของร้านนี้ทำให้ฉันอดใจไม่ไหว ต้องควักกล้องถ่ายรูปออกมาเก็บภาพ เพื่อเอาไปยืนยันให้ลูกหลานชาวไทยเห็นเสียหน่อย และเพียงแวบเดียวที่ได้เห็น กล้อง พนักงานทุกคนต่างพยักเพยิดบอกให้ฉันถ่ายรูปพวกเขากันใหญ่ แถมมี บางคนเขา้ ไปเรยี กเพอ่ื นทอ่ี ยใู่ นครวั ใหอ้ อกมาถา่ ยรปู ดว้ ยกนั ดว้ ย (นล่ี ะ่ ความนา่ รกั แบบอนิ เดยี ) แต่ความไฮโซของฉนั ก็กำลังจะหมดไป เพราะไดเ้ วลาท่ีรถไฟของฉนั จะมาแลว้ 10.45น. ป้ายไฟให้ข้อมูลริมชานชาลาก็แจ้งว่า รถไฟขบวนด่วนพิเศษชื่อ Purushotam Express 2308 ซง่ึ เปน็ รถไฟขบวนทฉ่ี นั รออยกู่ ำลงั จะเขา้ มาเทยี บทา่ ในชานชาลาที่ 2 ฉันจึงรีบหอบข้าวของไปยืนรอ พร้อมส่งตั๋วให้เจ้าหน้าที่ดูแล้ว ถาม(เปน็ ภาษาองั กฤษ)วา่ ... “รถไฟทก่ี ำลงั จะเทยี บทา่ เปน็ รถไฟขบวนทต่ี รงกบั ตว๋ั ของฉนั ใชไ่ หม...” แตเ่ ขาสา่ ยหนา้ พรอ้ มพดู ภาษาฮนิ ดใี สฉ่ นั เปน็ ชดุ แนน่ อนวา่ ฉนั ไม่เขา้ ใจเลยสกั คำ แต่กพ็ อจะเดาไดจ้ ากทา่ ทางทเ่ี ขาช้ไี ปท่ีช่ือรถไฟที่เขยี นอยขู่ ้าง ขบวนวา่ เขากำลงั บอกฉันวา่ “คุณนายครับ ขบวนนี้ไมใ่ ชร่ ถไฟขบวนของคุณนาย นะครบั กรณุ าดชู อ่ื ทเ่ี ขยี นไวข้ า้ งขบวนนะครบั ไปรอทอ่ี น่ื กอ่ นไปๆ๊ ๆๆ” ฉนั เลยได้ แตเ่ ดนิ กลบั ไปนง่ั รอในรา้ นอาหารเหมอื นเดมิ แลว้ กค็ อยชะโงกดชู อ่ื ขบวนรถไฟท่ี ผ่านไปมาสลับกับวิ่งออกไปถามเจ้าหน้าที่เป็นพักๆว่า “นี่รถของฉานช่ายไหม... ทำมายรถของฉานยังไม่มาอีก...” ฉันรอแล้วรอเล่าจนเวลาผ่านเที่ยงวันไปนานโข จึงเดินไปถามเจ้าหน้าที่ใน ห้องแจ้งเวลาเดินรถว่าฉันจะมานั่งรอแถวนี้เลยได้ไหม เพราะฉันคงต้องคอยเช็ค เวลาเดนิ รถทุกระยะ เจ้าหนา้ ท่ีคนหน่ึงเลยบอกให้ฉันออกไปรอในห้องท่ีอยถู่ ดั ไป 134

ซง่ึ เปน็ หอ้ งพกั สำหรบั ผโู้ ดยสารหญงิ หรอื Lady Waiting Room และกเ็ ปน็ ธรรมดา ทค่ี ณุ จะไดเ้ หน็ ผชู้ ายอยเู่ ตม็ หอ้ งพกั สำหรบั ผหู้ ญงิ เพราะผชู้ ายเหลา่ นค้ี อื คนทเ่ี ดนิ ทาง มาพรอ้ มกบั ผโู้ ดยสารหญงิ ซง่ึ เปน็ ลกู เมยี ของตวั เอง ดงั นน้ั ...ภรรเมยี อยไู่ หนสามกี ็ ต้องอยทู่ ี่นั่น หลงั จากรอรถไฟตอ่ ไปอกี 1 ชว่ั โมงฉนั จงึ ตดั สนิ ใจเดนิ ออกไปถามเจา้ หนา้ ท่ี ทห่ี อ้ งเชค็ เวลารถไฟอกี ครง้ั วา่ รถของฉนั จะมาถงึ กโ่ี มงแน่ และในทส่ี ดุ ฉนั กไ็ ดค้ ำตอบ ว่า...รถไฟของฉันจะมาถงึ ตอน 5 โมงเย็น!! สรุปว่าลุงคนที่ฉันเจอหน้าช่องขายตั๋วพูดถูก!! นี่เท่ากับว่าฉันต้องเสียเวลา อยู่ที่นี่ 1 วันเต็มๆโดยเปล่าประโยชน์ แต่ที่ฉันกังวลกว่านั้นก็คือ ฉันจะเข้าวัดที่ พทุ ธคยาไดย้ งั ไงในเมอ่ื กวา่ ฉนั จะเดนิ ทางไปถงึ ตวั เมอื งคยากค็ งจะปาไป 3 ทมุ่ กวา่ แล้ว แถมฉันต้องต่อรถเพื่อเข้าไปยังพุทธคยาอีก แล้ววันพรุ่งนี้ก็เป็นวันเลือกตั้ง ของอินเดียที่รถราทั้งถนนจะหยุดวิ่งกันเสียด้วย สภาพจิตฉันตอนนี้จึงร้อนรน กระวนกระวายดิ้นพล่านเหมือนปลาโดนน้ำรอ้ นลวก ฉนั พยายามโทรตดิ ตอ่ วดั ไทยพทุ ธคยา แตก่ ด็ เู หมอื นโทรศพั ทจ์ ะเสยี พอฉนั โทรติดต่อวัดไทยสารนาถเพ่ือขอเบอร์โทรศัพท์อื่นของวัดไทยพุทธคยาก็ไม่มีคน รับสาย สักพักโทรศัพท์มือถือของฉันก็ดังขึ้น1 พระที่วัดไทยสารนาถโทรกลับมา หาฉนั พอทา่ นทราบความเดอื ดรอ้ นของฉนั ทา่ นกเ็ มตตาหาเบอรอ์ น่ื ๆของวดั ไทย พุทธคยาให้ฉันโดยส่งข้อความมาให้ ฉันทั้งดีใจทั้งปลาบปลื้ม แต่ทุกเบอร์ที่ท่าน ใหม้ าลว้ นตดิ ตอ่ ไมไ่ ด้ ปลาทด่ี น้ิ พลา่ นดว้ ยความรอ้ นรนอยา่ งฉนั จงึ หมดแรงดน้ิ และ 1 ค่าโรมมิง่ โทรศพั ทม์ อื ถอื ในอินเดียแพงมาก ฉนั ไม่แนะนำให้ใครเปิดโรมม่ิงใช้เดด็ ขาด เพราะบาง ค่าย เขาจะคิดเงินคุณกระทั่งสายที่คุณไม่ได้รับ หรือคิดค่าบริการแม้แต่ตอนเครื่องค้นหาเครือข่าย ใหม่ ถา้ จำเป็นควรใช้ต้สู าธารณะจะดที ีส่ ุด 135

ไดแ้ ต่น่ังรอสงิ่ ทจี่ ะเกดิ ขน้ึ ตอ่ ไป ระหว่างนั่งรอเวลาให้รถไฟมาถึง ฉันก็นั่งเขียนบันทึกไปด้วยจนไม่มีอะไร จะทำ หลบั กแ็ ลว้ ตน่ื กแ็ ลว้ กนิ ขนมทซ่ี อ้ื มาจนหมดกแ็ ลว้ แตเ่ วลาแหง่ การรอคอย ของฉนั ก็ยังดเู หลืออีกยาวไกล แล้วลุงคนนึงท่ีน่ังข้างๆฉันก็เร่ิมบทสนทนาด้วยการถามว่า...ฉันมาจาก ประเทศไหน เพราะมันเห็นไดช้ ดั เจนมากว่าฉนั เปน็ ชาวต่างชาติคนเดียวในหอ้ งน้ี แถมยงั เปน็ ผหู้ ญงิ ทเ่ี ดนิ ทางคนเดยี วเสยี อกี พอฉนั บอกไปวา่ ฉนั มาจากประเทศไทย คณุ ลงุ กบ็ อกวา่ ...“ออ๋ ๆๆ ลงุ รจู้ กั เมอื งไทยดเี ลยละ่ ลงุ เคยไปเทย่ี วพทั ยามาแลว้ ...” แลว้ คณุ ลงุ กค็ ยุ กบั ฉนั อกี หลายตอ่ หลายเรอ่ื ง ฉนั จงึ ไดร้ วู้ า่ ตวั เองยงั โชคดกี วา่ ลงุ เยอะ ท่ีตอ้ งรอรถไฟถงึ แค่ 5 โมงเยน็ เพราะคณุ ลงุ คนน้ีแกต้องรอรถไฟจนถงึ ...ตีหน่งึ !!! เมอ่ื นง่ั ๆไปฉนั จงึ รวู้ า่ หอ้ งนง่ั รอน้ี ผทู้ จ่ี ะเขา้ มาใชบ้ รกิ ารไดจ้ ะตอ้ งเปน็ ผทู้ ซ่ี อ้ื ตว๋ั โดยสารชน้ั พเิ ศษเทา่ นน้ั (ตปู้ รบั อากาศ) คนซอ้ื ตว๋ั รถนอนชน้ั ธรรมดาหรอื ซอ้ื ตว๋ั นั่งชั้นธรรมดา(อย่างฉัน) ไม่มีสิทธิ์เข้ามานั่งเจ๋อในนี้ เพราะหน้าห้องจะมีคนนั่ง ตรวจตว๋ั อยู่ แตฉ่ นั คงไดส้ ทิ ธพ์ิ เิ ศษในฐานะคนตา่ งชาติ สรปุ วา่ เรอ่ื งกตกิ าและสทิ ธิ ของอินเดียกับของคนไทยเราดูเหมือนจะไม่ต่างกันมากนัก เพราะทุกกฏล้วนมีไว้ ให้ยกเวน้ ในที่สุด เวลาทฉี่ นั รอคอยกม็ าถงึ ฉนั ร่ำลาคณุ ลงุ กบั ภรรยา แลว้ เดินออกไป เตรยี มตวั ขน้ึ รถไฟอยา่ งใจจดใจจอ่ และฉนั ขอรายงานรายละเอยี ดกนั แบบนาทตี อ่ นาท.ี .. 17.00น. ฉันได้ยินเสียงประกาศว่ารถไฟของฉันกำลังจะมาถึง แต่พอดูที่ ปา้ ยไฟ ฉันก็เห็นวา่ รถเปลย่ี นชานชาลาท่จี ะเทียบท่ากะทนั หนั 136

17.03น. ฉันวิ่งแบกเป้ใบโตสุดฝีเท้า เพื่อพาตัวเองข้ามสะพานลอย จาก ชานชาลาท่ี 2 ไปยงั ชานชาลาท่ี 3 จากนน้ั กย็ นื รอไปหอบไปดว้ ย ใจที่เป่ยี มความหวงั 17.15น. ในที่สุดรถไฟของฉันก็เข้าจอดเทียบชานชาลา ฉันพยายามถาม เจ้าหน้าที่รถไฟเพ่ือขออัพเกรดตั๋วไปน่ังในช้ันพิเศษที่เป็นตู้แอร์ และคำตอบทฉ่ี นั ไดร้ บั กค็ อื “Not possible!” หรอื “เปน็ ไปไมไ่ ด”้ 17.17น. ฉนั เดนิ ไปขน้ึ ตนู้ อนชน้ั ธรรมดาเพอ่ื หาทน่ี ง่ั แตแ่ มจ้ ะเดนิ ถามหา ที่น่ังว่างตลอด 3 ต้แู ล้ว ทุกคนกส็ า่ ยหนา้ ใหฉ้ นั แล้วบอกวา่ ไม่มี ที่นั่งว่าง และการเดินในตู้รถไฟพร้อมเป้ใบโตๆก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เลย ฉันจงึ ลงจากรถไฟไปเดินขา้ งล่าง แล้วถามเจา้ หน้าทอ่ี กี คน วา่ ตว๋ั ของฉนั สามารถนง่ั ไดใ้ นตไู้ หนไดบ้ า้ ง และเจา้ หนา้ ทค่ี นนน้ั กบ็ อกฉนั วา่ “นเ่ี ปน็ ตว๋ั นง่ั ชน้ั ธรรมดา ใชไ้ ดแ้ คต่ แู้ รกสดุ กบั ทา้ ยสดุ ” ฉันจงึ เลอื กเดนิ ไปยงั ต้ทู ้ายสุดซึง่ อยู่ใกล้กว่า... 17.23น. แต่เมื่อฉันเดินไปถึงประตูทางขึ้นของตู้สุดท้ายของรถไฟ ฉันจึง เห็นว่าที่ตู้สุดท้ายนั้น เป็นตู้รถไฟเปล่าๆที่ไม่มีเบาะหรือม้านั่ง แตอ่ ยา่ งใด สภาพของมนั เปน็ เหมอื นตขู้ นสมั ภาระทม่ี คี นนง่ั นอน ยนื เบยี ดเสยี ดกนั จนแนน่ ไปหมดแลว้ อยา่ วา่ แตท่ ย่ี นื เลย แคค่ ดิ จะแหย่เท้าเข้าไปสักข้างก็ยังไม่อาจทำได้ด้วยซ้ำ ส่วนที่นั่งตรง ทางเดินท่ีต่อกับตู้นอนอีกตู้ก็มีคนเอาผ้าเอากระดาษมาปูจอง แสดงความเป็นเจา้ ของไว้เตม็ พ้นื ทีแ่ ลว้ 17.27น. ฉันตัดสินใจเดินไปยังด้านหน้าของตู้นอนตู้สุดท้ายเพ่ือดูว่าพอ จะมที น่ี ง่ั เหลอื บา้ งไหม กพ็ บวา่ บางทก่ี ม็ คี นนอนเหยยี ดยาวเตม็ 137

เบาะ ซึ่งปกตแิ ล้วจะเปน็ ทีน่ ่ังสำหรับผูโ้ ดยสาร 4 คน บางท.่ี ..พอคนนงึ บอกวา่ ทน่ี ง่ั วา่ ง กจ็ ะมอี กี คนบอกสวน ขึ้นมาว่าที่นั้นมีเจ้าของแล้ว...จนเดินมาถึงอีกตู้นึง ซึ่งฉันคิดว่า ถา้ ไมม่ ที น่ี ง่ั จรงิ ๆ ฉนั กจ็ ะหาทน่ี ง่ั เอาบนพน้ื ใกลๆ้ ทางขน้ึ ลงเหมอื น อกี หลายๆคนละ่ เพราะฉนั กร็ ดู้ วี า่ ตวั เองไมม่ สี ทิ ธท์ิ จ่ี ะมานง่ั ในชน้ั ตูน้ อนนี้ แตใ่ นทสี่ ดุ กม็ คี นเมตตาฉนั เม่อื ฉนั ถามเดก็ ผชู้ ายคนนงึ ว่าฉันจะนั่งตรงนี้ได้ไหม เขาก็รีบพยักหน้า พร้อมกับปีนขึ้นไป นอนบนเตยี งชน้ั บน เพอ่ื ใหฉ้ นั ไดน้ ง่ั ทเ่ี บาะดา้ นลา่ ง ใกลๆ้ กบั ผชู้ าย อกี คนทส่ี ง่ ยม้ิ ใหฉ้ นั เลก็ ๆเปน็ เชงิ เหน็ พอ้ งวา่ ฉนั สามารถนง่ั ตรงนน้ั ได้ แลว้ กม็ เี ดก็ ผชู้ ายวยั รนุ่ อกี คนสง่ ภาษาองั กฤษมาคยุ กบั ฉนั วา่ ... “คณุ นง่ั สบายๆไดเ้ ลย ผมตอ้ งขอโทษแทนคนอนิ เดยี บางคนดว้ ย เพราะคนอนิ เดยี บางคนก็มนี สิ ัยชอบเลือกปฏิบตั 1ิ ...” ตอนนั้นความเหนื่อยล้าจากการรอรถไฟมาทั้งวัน กับ การเรง่ เดนิ หาทน่ี ง่ั ใหท้ นั เวลากอ่ นทร่ี ถจะเคลอ่ื นขบวน และความ ซาบซง้ึ ในนำ้ ใจทไ่ี ดร้ บั จากคนแปลกหนา้ ทำใหฉ้ นั ตอ้ื ๆมนึ ๆงงๆ และไม่ทันได้รู้สึกหรอกว่าตัวเองถูกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม จากการท่ีไม่มใี ครยอมให้ฉันนั่งด้วย เพราะใจฉันมัวคดิ อยูแ่ คว่ า่ “ดใี จจงั ...ในท่ีสุด กม็ ีคนเลือกท่ีจะปฏิบัตดิ ตี อ่ ฉัน” 1 เขาใชค้ ำวา่ Discriminate ซง่ึ อาจหมายรวมไดถ้ งึ การแบง่ แยกเชอ้ื ชาติ สผี วิ เพศ ศาสนาฯลฯ หรอื การแบง่ แยกเมือ่ ผอู้ ื่นมคี วามแตกตา่ งจากตนเอง 138

หรือนี่จะเป็นผลกรรมท่ีฉันได้ทำกับคุณยายขอทาน คนหนง่ึ ทเ่ี ดนิ เขา้ มาขอเศษเงนิ จากฉนั ระหวา่ งทฉ่ี นั นง่ั รอรถไฟ อยู่ริมชานชาลา ก่อนที่จะเข้าไปนั่งเฉิดฉายในร้านหรูก็มิทราบ เพราะตอนแรกฉันก็ไม่กล้าให้เงินคุณยายขอทานคนนั้น เนื่องจากกลัวว่าพอให้เงินไปแล้ว จะมีขอทานอีกนับสิบๆราย ตามมารมุ ลอ้ มอยา่ งทเ่ี คยมคี นเตอื นเอาไว้ แตค่ ณุ ยายกเ็ ฝา้ เวา้ วอน และเพียงคำๆเดียวท่ีฉันฟังออก...ก็ทำให้ฉันตัดสินใจหยิบเศษ เงินที่มีติดกระเป๋าให้คุณยายไปอย่างเต็มใจ คำที่ฉันฟังรู้เรื่อง กค็ อื ... “เมตตา...เมตตา...” 17.30น. รถไฟคอ่ ยเคลอ่ื นตวั ออกจากสถาน.ี ..ลมแรงและฝนุ่ ทรายเรม่ิ พดั กระแทกกระทั้นและเสียดสีใบหน้าของฉันอีกครั้ง ฉันจึงค่อยๆ ผอ่ นกายผอ่ นใจทเ่ี ขมง็ เกรง็ ดว้ ยความเครยี ดแทบจะตลอดทง้ั วนั ลง การทฉ่ี นั ตอ้ งนง่ั รอนง่ั ลนุ้ ระทกึ กบั การเดนิ ทางตลอดหนง่ึ วนั ทำใหฉ้ นั ออ่ นลา้ มาก สช่ี ว่ั โมงบนรถไฟจากโมกลุ ซารายสคู่ ยาของฉนั จงึ เปน็ การพยายามผอ่ นคลาย ตัวเอง ดว้ ยสง่ิ ทไ่ี ด้พบเหน็ บนรถไฟ ไมว่ า่ จะเป็นลลี าการรอ้ งขายชาหรือ“ไช”๋ 1 ท่ี ถงึ แมฉ้ นั จะฟงั เนอ้ื ความไมเ่ ขา้ ใจ แตก่ ย็ งั ใสจ่ นิ ตนาการลงไปจนไดเ้ นอ้ื รอ้ งแบบไทยๆ ตามความรสู้ ึกของฉนั ... 1 บางแหง่ บางทอ่ี าจเรยี กชาอนิ เดยี วา่ ‘จยั ’ 139

ไช๋...ไช.๋ ..ไช.๋ .. ไช๋ไหมครบั ...ไช๋ ไชห๋ อมหวานอร่อย... ไช๋รอ้ นๆดม่ื แลว้ ช่ืนใจ... ไชไ๋ หมครบั ...ไช๋... เหน็ ใจคนหิว้ ไชห๋ นอ่ ยเป็นไร... ไช๋ไหมครับ...ไช.๋ .. ดมื่ แลว้ จะได้ผอ่ นคลาย... ไชไ๋ หมจะ๊ ...ไช.๋ .. ไชข๋ องผมไมเ่ หมอื นใคร... ดื่มไช๋เถอะจ้ะ ไช๋... จะรอรอี ยู่ใย... แคส่ ามรปู .ี ..ก็ได้ดื่มไชแ๋ ล้วนะจะ๊ ไช.๋ .. ไช๋ครบั ...ไช๋...มาด่ืมไช๋เถอะครับ...ไช๋...ไช.๋ ..ไช.๋ .. 140

การคา้ การขายอกี ชนดิ ทพ่ี ชิ ติ ใจฉนั ไปได้ คือการขายยำถั่ว ซึ่งหน้าตาของ เครอ่ื งปรงุ นน้ั ดดู มี ากๆ ในกระบะทค่ี นขาย ถอื มามถี ว่ั หลากหลายชนดิ ทง้ั ทอดทง้ั ตม้ มที ง้ั ถว่ั เมลด็ เลก็ และเมลด็ ใหญม่ มี ะเขอื เทศ สกุ สแี ดงสดใส มมี ะนาวใบเขอ่ื ง มพี รกิ สด พรกิ แหง้ มเี กลอื และนำ้ ตาลพรอ้ มปรงุ รส แถมคนขายกล็ ลี าเดด็ สดุ ๆ แตฉ่ นั กไ็ มก่ ลา้ สง่ั มากนิ เพราะ หนง่ึ คอื กลวั ตดิ ใจ อกี หนง่ึ คอื กลวั เสาะทอ้ ง ซง่ึ ถา้ พดู ตามตรงฉนั กลวั ขอ้ หลงั เสยี มากกวา่ เดก็ ผชู้ ายทน่ี ง่ั ขา้ งๆฉนั บอกใหฟ้ งั วา่ ถว่ั แบบนเ้ี รยี กวา่ “อาลาดนิ ” เพราะการขายยำถั่วชนิดนี้ มีลักษณะ เหมอื น “อาลาดิน” มาเรข่ ายของ นอกจากการขายของท่ีคึกคักท้ัง คืนแล้ว สิ่งที่ฉันจะลืมพูดถึงไม่ได้ก็คือ กลมุ่ สาวงามเพศทส่ี าม ซง่ึ ทำใหร้ ถไฟทง้ั ตดู้ สู วา่ งไสวจากชดุ สา่ หรสี แี รงของพวกเธอ แมพ้ วกเธอมไิ ดเ้ ปน็ ทต่ี อ้ นรบั สกั เทา่ ไร แตก่ ด็ จู ะไมแ่ ครส์ อ่ื บอลวิ ดู้ เอาเลย กจิ กรรม บนรถไฟของพวกเธอคอื การเดนิ ขอเงนิ (กง่ึ ขม่ ข)ู่ จากบรรดาผโู้ ดยสาร พวกเธอจะ เดินแวะทุกล็อคที่นั่งแล้วกรีดมือตบ ตามด้วยกระดิกนิ้ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณ แทนการพูดวา่ “เอาเงินมา” โดยกลุ่มเป้าหมายหลกั คอื ชายหนมุ่ ทงั้ หลาย ซ่งึ ถา้ คนไหนไม่ใหเ้ งนิ พวกเธอก็จะคอ้ นขวบั พรอ้ มบ่นใส่นดิ หนอ่ ย กอ่ นมาอนิ เดยี ฉนั พอจะทราบขอ้ มลู มากอ่ นแลว้ วา่ กลมุ่ เพศท่ี 3 ถอื เปน็ บคุ คล นา่ รงั เกยี จในอนิ เดยี หรอื เปน็ บคุ คลทถ่ี อื กนั วา่ จะนำโชครา้ ยมาให้ เปน็ บคุ คลทค่ี วร 141

หลกี เลย่ี งอยา่ งหนกั ใครทเ่ี ชอ่ื ตามคตนิ ก้ี ม็ กั จะใหเ้ งนิ เพอ่ื ตดั ความรำคาญ และไล่ พวกเขาใหไ้ ปพน้ ๆตวั สว่ นฉนั ซง่ึ เปน็ ชาวตา่ งชาตทิ ม่ี าจากประเทศทส่ี าวๆเพศท่ี 3 ได้รบั อสิ ระเสรีภาพเต็มที่ กลับรู้สกึ เหน็ ใจสาวเพศที่ 3 ในอนิ เดยี ซ่งึ แทบไม่มที ใี่ ห้ เดินอยา่ งมคี วามสุขในสังคมที่มคี วามเช่อื เช่นน้ันเลย ราว 3 ทมุ่ ครง่ึ รถไฟของฉนั กเ็ ขา้ เทยี บทา่ จอดทเ่ี มอื งคยา แตด่ กึ ดน่ื ปา่ นนฉ้ี นั จะนั่งรถต่อไปพุทธคยาคนเดียวยังไงได้ คนยิ่งเตือนกันมาเยอะถึงเรื่องมิจฉาชีพ แถวรัฐพหิ าร ทสี่ ำคัญการจะเขา้ วดั ยามวกิ าลแบบนี้กไ็ มใ่ ชค่ วามคดิ ทีด่ เี ลย ฉันจงึ ตอ้ งจำใจค้างทตี่ ัวเมืองคยา 1 คนื และตอ้ งเตร่อยทู่ น่ี อี่ ีก 1 วนั เตม็ ๆในวันเลือกตง้ั ท่ีจะมีข้ึนพรุง่ นี้ เน่อื งจากทางการไมอ่ นุญาตใหร้ ถราออกมาว่ิงตามทอ้ งถนน “โคตะมะ โฮเต็ล” (Gautama Hotel) คอื ทีพ่ กั ของฉนั สภาพของหอ้ งพกั เก่าพอๆกับท่ี Satyam ในกอรักปูร์ แต่กย็ งั อุตส่าหม์ ที วี ีในหอ้ งด้วย (แม้สัญญาณ ทีวีจะหาไม่ได้เลยก็ตาม) นี่แสดงว่าชีวิตของชาวภารตะเขาขาดความบันเทิงไม่ได้ เลยจรงิ ๆ กจิ กรรมของฉนั ในคนื นม้ี เี พยี งการอาบนำ้ อยา่ งเรว็ แลว้ รบี เขา้ นอนดว้ ย ความเหนอื่ ยอ่อน เมอ่ื ยามเชา้ มาเยอื นพรอ้ มกบั ไฟฟา้ ทด่ี บั ลง คลน่ื ความรอ้ นกค็ บื คลานเขา้ มา ปลกุ ฉนั ใหต้ น่ื โดยฉบั พลนั บรรยากาศในหอ้ งแคบๆทม่ี เี ตยี งเดย่ี วหลงั เลก็ ๆ 2 เตยี ง วางชนกนั โดยเตยี งหนง่ึ ซง่ึ เปน็ เตยี งทฉ่ี นั นอนมผี า้ ปทู น่ี อนสหี มน่ คลมุ อยู่ สว่ นอกี เตียงมีแต่ฟูกวางเปลือยเปล่าให้ฝุ่นจับ ซึ่งตลอดทั้งคืน...ฉันต้องพยายามนอนให้ นง่ิ ทส่ี ดุ เพอ่ื ทจ่ี ะไมใ่ หม้ สี ว่ นหนง่ึ สว่ นใดของรา่ งกายพาดลำ้ เขา้ ไปยงั เตยี งหลงั นน้ั ... แลว้ กลน่ิ อบั ของหอ้ ง กเ็ รยี กความทรงจำอนั อบั โชค จากประสบการณท์ ฉ่ี นั ไดเ้ จอ เม่ือวานขึน้ มาอีกครง้ั และมนั กป็ ระดงั ประเดว่ิงเข้ามาในหวั ฉนั เป็นฉากๆ คำเตอื น...โปรดใชว้ จิ ารณญานในการอา่ นความคดิ ในหวั ของฉนั ตอ่ ไปน้ี เพราะ 142

ฉันกำลังจะปรับระบบเขา้ สูโ่ หมดเวน่ิ เวอ้ ... ห้า... สี.่ .. สาม... สอง... หน่งึ ... ประสบการณท์ ผ่ี า่ นมาเมอ่ื วาน ทำใหฉ้ นั นกึ ถงึ คำแนะนำของเฮริ บ์ ทบ่ี อกวา่ ฉันน่าจะจองตั๋วรถไฟจากพาราณสีเอาไว้ก่อน เพื่อที่จะได้สะดวกในการเดินทาง แต่ตอนนั้นฉันกลับเลือกที่จะลองทำตามคำท่ีหลวงพ่อพระราชรัตนรังษีพูดกับ ฉันว่า...การมาอินเดีย อย่าวางแผนอะไรให้มากนัก ให้ท่องเที่ยวอย่างผู้เรียนรู้ ก็ ไม่รู้ว่าฉันซื่อบื้อตีความของหลวงพ่อท่านผิดไป หรือเป็นเพราะฉันดื้อ ไม่เชื่อ คำแนะนำจากเพอ่ื นผหู้ วงั ดี หรอื เปน็ กรรมเกา่ ของฉนั กนั แน่ แตส่ ง่ิ ทฉ่ี นั “ไดร้ บั ” คอื บทเรยี นสำคญั อกี หนง่ึ บท ฉนั จงึ คดิ วา่ การตดั สนิ ใจของฉนั มแี ตท่ ำใหฉ้ นั “ได”้ และไมม่ อี ะไรท่เี สยี ไปเปลา่ ๆปลี้ๆเลย ในความคดิ ของฉนั การจองตว๋ั รถไฟลว่ งหนา้ กเ็ หมอื นการวางแผนชวี ติ เปน็ การใช้ระบบมาจัดการให้เกิดระเบียบ มีการวางแผนเพื่อให้เรามีความสุขสบาย มน่ั คง และปลอดภยั ในการดำรงชีวิต แตก่ ารวางแผนตามระบบกลไกของโลกในปจั จบุ นั น้ี กจ็ ำเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งมสี งั คม ที่ ‘มีระบบ’ มารองรับ ต้อง ‘มีเงินตรา’ มาเป็นเครื่องช่วยในการจัดสรร แยก ระดบั แบง่ หมวดหมู่ และความคมุ ใหร้ ะบบเดนิ ไปได้ เมอ่ื ไมม่ เี งนิ ตราหรอื ขาดการ วางแผนชวี ติ ทด่ี ี เรากอ็ าจถกู คดั ไปอยใู่ นกลมุ่ ทเ่ี ขาเรยี กวา่ “พวกไมม่ รี ะดบั ” หรอื “พวกดอ้ ยโอกาส” หรอื “พวกขาดการวางแผน” ตามมาตรฐานของสงั คม ทส่ี รา้ ง ระบบหรอื เงนิ ขน้ึ มาเปน็ ดชั นชี ว้ี ดั และคดั แยกคน เนอ่ื งจากเราถกู กลอ่ มเกลา (หรอื อาจเรยี กไดว้ า่ ถกู ลา้ งสมองมาแลว้ ) วา่ การทำอะไรเปน็ ระบบและมแี บบแผนทช่ี ดั เจน รวมถงึ การมเี งนิ มากนั้นเป็นเร่อื งดี ชวี ติ เราจะสบายกว่า...ดกี วา่ ...เหนอื กว่าผูอ้ น่ื เม่ือเราใช้ชีวิตภายใต้ความคิดความเชื่อแบบน้ีบ่อยๆเข้า...นานๆเข้า...เราก็ จะเชื่อเป็นจริงเป็นจังว่า การเป็นคนมีเงินมาก มีความมั่นคงมาก มีความรู้ หรือ 143

เจนจัดในการจัดการกับเรื่องทางโลกมากๆ เท่ากับว่าเราเป็นคน “มีระดับ” แต่ แท้จริงแล้ว...เราก็อาจเป็นแค่คนมีเงิน มีความรู้ มีทักษะในเรื่องทางโลกสูง แต่ “ไมไ่ ด้มรี ะดบั ” อย่างทีต่ ัวเองเขา้ ใจ เพราะเมอ่ื เราเอาคณุ คา่ หรอื ความมรี ะดบั ไปผกู ตดิ ไวก้ บั เงนิ ตราหรอื สง่ิ สมมตุ ิ ใดๆ ก็เท่ากับเรากำลังลดคุณค่าของตัวเอง และเมื่อใดที่เราไม่มีเงินหรือสิ่งสมมุติ นน้ั ๆอกี ตอ่ ไป เรากจ็ ะกลายเปน็ คนไมม่ คี า่ ไมม่ รี ะดบั ไปทนั ที และนน่ั ทำใหเ้ ราเกดิ ความกลวั จนหลงทางไปวง่ิ ไลไ่ ขวค่ วา้ หาเงนิ ตราหรอื สง่ิ สมมตุ นิ น้ั ๆอยา่ งเอาเปน็ เอาตาย ซง่ึ บางวิธีกย็ ่ิงเปน็ การลดคณุ ค่าในตวั เองของเราลงไปจนไรร้ ะดบั แตก่ ารวางแผนจดั การทกุ อยา่ งอย่างเป็นระบบจนไมต่ อ้ งพ่ึงพากนั กไ็ ม่ตา่ ง อะไรกบั การแยกตวั เองออกจากผคู้ นรอบขา้ ง ซง่ึ อาจทำใหเ้ ราลมื การรบั และการให้ ความรัก-ความเมตตาต่อเพื่อนร่วมสังคม จนนำไปสู่การขาดความสุขทางใจที่เรา พงึ ม.ี ..จากการไดร้ บั ความรกั ความเมตตาจากผอู้ น่ื และนน่ั คอื ปญั หาท่ี “สงั คมเมอื ง” ประสบอยู่ ประสบการณจ์ ากการไมไ่ ดว้ างแผนจองตว๋ั รถไฟไวก้ อ่ นของฉนั ทำใหฉ้ นั ตอ้ ง พยายามเดนิ หาทน่ี ง่ั เดนิ หาสทิ ธท์ิ ต่ี นเองไมม่ ี แตฉ่ นั กไ็ ดร้ บั เมตตาจากคนกลมุ่ หนง่ึ ที่ยินดีที่จะแบ่งปันสิทธิ์ของเขามาให้ฉันด้วยน้ำใจและความเอื้ออารี ความรู้สึก ขอบคุณและสำนึกในบญุ คณุ จงึ เอ่อทน้ ทว่ มใจฉัน ความอมิ่ เอมในนำ้ ใจท่ฉี ันไดร้ ับ จากเพ่ือนร่วมโลกน้ันหอมหวานและเอร็ดอร่อยกว่าอาหารที่แพงที่สุดจานไหนๆ ในโลก นี่ต่างหากคือสิ่งที่คนเราไขว่คว้าและอยากได้รับ แต่เรากลับเดินถอยห่าง ออกมาจากมัน ดว้ ยวทิ ยาการและระเบยี บแบบแผนท่ีเราสรา้ งขน้ึ นำ้ ใจเลก็ นอ้ ยที่เราได้รบั ในวันทเ่ี ราตอ้ งการมันท่ีสดุ และอ่อนล้าท่ีสุด จงึ มีพลังมากมายมหาศาล... มันทำให้ตัวของฉันเล็กลง แต่หัวใจของฉันกลับ 144

พองโตอยา่ งยง่ิ ... นำ้ ใจของพวกเขาไมเ่ พยี งแตท่ ำใหห้ วั ใจอนั ออ่ นระโหยของฉนั ชุ่มชื่นขึ้นมาเท่านั้น แต่มันยังช่วยชำระล้างจิตใจของฉันไปพร้อมๆกันด้วย เพราะนีค่ ือ... “การล้างใจดว้ ยใจ” การไม่จองต๋วั รถไฟของฉันคร้งั น้.ี ..การยอมละการใช้ชีวิตในแหอวนของการ วางแผน เพอ่ื เปดิ โอกาสและมมุ มองใหมๆ่ ใหต้ นเอง ดงั เชน่ ทห่ี ลวงพอ่ พระราชรตั นรงั ษี ได้กล่าวกับฉัน อาจทำให้ฉันลำบากกายและกังวลใจบ้างในช่วงแรกๆ อาจทำให้ ฉนั รสู้ กึ วา่ ตวั เองตอ้ งไปเบยี ดเบยี นผอู้ น่ื และรสู้ กึ วา่ ตวั เองพง่ึ พาตนเองไมไ่ ด้ แตม่ นั กลบั ทำใหฉ้ นั “ได้” บทเรียนท่มี ีค่า “ได”้ จติ ใจที่สะอาดขน้ึ ซง่ึ ฉันคิดวา่ นี่คอื ส่ิง ที่ท่านเล็งเห็นว่าฉันควรได้เรียนรู้ชีวิตในแง่มุมนี้ หรือต่อให้การไม่รู้จักเตรียมตัว ไมร่ จู้ กั วางแผนการเดนิ ทางของฉนั จะเปน็ เพยี งความซอ่ื อยา่ งบอ้ื ของตวั เอง แตม่ นั กท็ ำใหฉ้ นั ไดอ้ ะไรๆมากกวา่ การมที น่ี ง่ั สบายๆ แลว้ เดนิ ทางตอ่ ไปอยา่ งหนกั อง้ึ ดว้ ย ทฐิ ิและอวิชชาเดิมๆเต็มกระเปา๋ แตต่ อนนฉ้ี ันได้ตระหนักแลว้ วา่ ... โลกมอิ าจคงอยู่ไดด้ ว้ ย “ระบบ” หรอื “เงินตรา”... แตม่ ันคงอยู่ไดด้ ว้ ย “เมตตา” เพราะเม่ือมี “เมตตา” ต่อให้ไม่มี “เงนิ ตรา” โลกกย็ ังคงหมุนต่อไปได้ แต่โลกทุกวันนี้...มากไปด้วยกฏเกณฑ์และเงินตรา...ทว่าขาดเมตตา... โลกจึงเดินๆหยุดๆสะดดุ ๆเช่นนี้ 145



บทท่ี 10.1 ตกคา้ ง เนือ่ งจากวนั นี้เป็นวนั เลอื กตงั้ ทั่วไปของอนิ เดยี ฉันจงึ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก รอเวลาใหถ้ งึ 5 โมงเยน็ ฉนั จงึ จะสามารถเดนิ ทางตอ่ ไปยงั พทุ ธคยาได้ แรกเรม่ิ เดมิ ที ฉนั กไ็ ปสอบถามขอ้ มลู การเดนิ ทางจากพนกั งานของโรงแรมทฉ่ี นั พกั วา่ วนั นฉ้ี นั จะ สามารถเดินทางไปพุทธคยาได้หรือไม่ จะเดินทางได้ตอนกี่โมง แต่ก็ได้คำตอบว่า วันนี้ยังไงฉันก็เดินทางไปไหนไม่ได้ และต้องค้างที่นี่ต่ออีกหนึ่งคืน แต่ด้วยความ ที่อยากเดินทางต่อจริงๆ และนิสัยไม่เชื่อใครง่ายๆของฉัน ฉันจึงเดินไปสอบถาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมาคอยควบคุมสถานการณ์การเลือกตั้งอยู่ที่ริมถนนอีกครั้ง เพื่อความแน่ใจ และก็ได้คำตอบว่า ฉันสามารถเดินทางได้หลังเวลา 5 โมงเย็น ดังนั้น...การใช้ชีวิตในเมืองแขก ไม่ว่ายังไง...คุณก็ควรจะคงไว้ซึ่งความไม่ประมาท และอย่าเช่ืออะไรใครงา่ ยๆเด็ดขาด ฉันใช้เวลาท่ีเหลือหน่ึงวันเต็มๆไปกับการเขียนบันทึกและจองต๋ัวรถไฟจาก คยาไปนิวเดลี เพราะถ้าไม่จองตั๋วก่อนเห็นท่าจะไม่ดี เนื่องจากระยะทางนั้นยาว ไกลมาก คราวนี้ฉันลองจองตั๋วในชั้นที่ไฮโซขึ้นกว่าเดิมคือชั้น AC3 หรือตู้นอน ปรับอากาศ เนื่องจากฉันอยากลองสัมผัสความสะดวกสบายในอินเดียดูบ้าง ซึ่ง หลังจากนน้ั ฉันกพ็ บว่ามนั ค้มุ ค่าจรงิ ๆ เมอ่ื ไดต้ ว๋ั รถไฟเรยี บรอ้ ยแลว้ ฉนั กอ็ อกไปหาทน่ี ง่ั เยน็ ๆ เพอ่ื กนิ มอ้ื เทย่ี งและ เขียนบนั ทกึ ตอ่ ระหวา่ งกนิ มอ้ื เทย่ี ง ฉนั กไ็ ดน้ ง่ั รว่ มโตะ๊ กบั สามภี รรยาคหู่ นง่ึ ซง่ึ กำลงั รอเวลา 147

ทจ่ี ะเดนิ ทางไปรว่ มงานแตง่ งานของนอ้ งชาย หญงิ โสดทเ่ี ดนิ ทางมาตามลำพงั อยา่ ง ฉันจงึ ตกเป็นประเดน็ หลกั ของการสนทนา ตอนแรกสามภี รรยาคนู่ น้ั เขา้ ใจวา่ ฉนั ยงั เปน็ นกั ศกึ ษาหรอื มอี ายแุ ค่ 20 ตน้ ๆ จงึ ออกจะหว่ งใยฉนั เปน็ พเิ ศษ ทฉ่ี นั ตอ้ งเดนิ ทางคนเดยี วโดยไมม่ ใี ครมาดแู ล คณุ ลงุ คนนั้นยังบอกให้ฉันรีบๆแต่งงานได้แล้ว เพราะตามความเชื่อและความนิยมของ ชาวอนิ เดยี นน้ั ... วยั ทเ่ี หมาะสมทผ่ี หู้ ญงิ จะแตง่ งานคอื ชว่ งอายุ 16-17 ปี เนอ่ื งจาก เป็นวัยที่ร่างกายแข็งแรง สามารถเลี้ยงลูกได้ วิ่งตามลูกได้ แต่ถ้าอายุเกิน 30 ปี ไปแลว้ คงหมดโอกาสแต่งงานไปตลอด (คุณลุงอาจพดู ถูก...) ระหวา่ งที่นั่งอยทู่ ร่ี ้านอาหาร ฉันสงั เกตเหน็ ว่ามีนกั ทอ่ งเทยี่ วต่างชาติเขา้ มา ในรา้ นประมาณ 3-4 คน ฉนั จงึ สงสยั วา่ พวกเขาเพิง่ เดนิ ทางมาถึงเมอื งคยา หรอื กำลังจะออกเดนิ ทางไปพุทธคยาเหมือนฉัน ฉันต้งั เป้าไปท่ีนักทอ่ งเท่ยี วที่เดนิ ทาง คนเดียวรายนึง และเข้าไปถามไถ่ดู ซึ่งปรากฏว่าเขากำลังจะเดินทางไปพุทธคยา เหมอื นฉัน ฉนั จึงไดเ้ พอ่ื นรว่ มทางคนใหม่เปน็ ชาวเยอรมันช่อื พอล เนื่องจากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง จึงมีคนขับรถออโต้ริคชอว์น้อยกว่าปกติมาก คา่ โดยสารกส็ งู ขน้ึ เปน็ เทา่ ตวั และผโู้ ดยสารทต่ี กคา้ งกม็ มี าก คา่ เหมารถไปพทุ ธคยา ซึ่งควรมรี าคาเพียง 80-100 รูป1ี จึงขยบั ไปเปน็ 400 รูปี แตฉ่ นั ก็หาทางตอ่ รอง จนไดร้ าคา 200 รปู ี ซง่ึ ถอื วา่ พอรบั ไดส้ ำหรบั ฉนั เพราะถา้ ฉนั ตอ้ งคา้ งทเ่ี มอื งคยา ตอ่ อีก 1 คนื ฉนั กต็ ้องเสยี ค่าทีพ่ ักเพม่ิ อีก 250 รปู อี ยู่ดี แต่ถงึ แมเ้ ราจะตกลงกับ คนขบั รถไวก้ อ่ นแลว้ วา่ จะจา้ งแบบเหมาไป แตค่ นขบั รถกย็ งั จอดรบั คนเพม่ิ ระหวา่ ง ทางตลอดเวลา ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันคงหงุดหงิดมากที่คนขับรถไม่รักษาสัญญา 1 ค่าเหมารถจากพุทธคยาเข้าเมืองคยาในขากลับของฉันอยู่ที่ 100 รูปี โดยฉันเพิ่มทิปให้คนขับ (ตามคำขอ) อกี 10 รปู ี 148

และเอาเปรียบเรา แต่ประสบการณ์ที่ฉันได้พบบนรถไฟเมื่อวานนี้ ทำให้ฉันไม่ หงดุ หงดิ คดิ มากกบั เรอ่ื งดงั กลา่ ว อะไรทช่ี ว่ ยๆกนั ไดก้ ช็ ว่ ยๆกนั ไปแบง่ ๆกนั ไป เพราะ วนั น้ที กุ คนต่างก็ต้องประสบความลำบากในการเดนิ ทางดว้ ยกนั ทง้ั นั้น ราวๆครึ่งชั่วโมง ฉันกับพอลก็มาถึงพุทธคยา คนขับออโต้ริคชอว์พาเรามา จอดหน้าปากทางเข้าพระมหาโพธิเจดีย์ เราจึงต้องเดินย้อนกลับไปอีกประมาณ 1 ก.ม. เพอ่ื เขา้ พกั ทว่ี ดั ไทยพทุ ธคยา แตร่ ะหวา่ งทางทเ่ี ดนิ ไป ฉนั กร็ สู้ กึ ไดถ้ งึ สายตา หลายคทู่ จ่ี บั จอ้ งมาทางฉนั และพอล นค่ี งเปน็ เรอ่ื งธรรมดาสำหรบั คนเอเชยี กระมงั ทม่ี กั ตดั สนิ วา่ ผหู้ ญงิ ทเ่ี ดนิ มากบั ฝรง่ั มกั จะเปน็ ผหู้ ญงิ ไมด่ ี หรอื ไมก่ ค็ ดิ วา่ ผหู้ ญงิ คนนน้ั ตอ้ งเปน็ แฟนกบั ฝรง่ั คนนน้ั พอเดนิ เขา้ เขตวดั ฉนั จงึ ตอ้ งรกั ษาระยะในการเดนิ ให้ หา่ งขน้ึ และตอ้ งรบี อธบิ ายใหท้ กุ คนทฉ่ี นั ไดเ้ จอฟงั วา่ ฉนั กบั เขาไมไ่ ดเ้ ปน็ อะไรกนั สถานการณท์ เี่ หมอื นมกี ำแพงกั้นอยู่นิดๆจึงหายไป เยน็ วนั นน้ั ฉนั กบั พอลเดนิ กลบั ไปทพ่ี ระมหาโพธเิ จดยี อ์ กี ครง้ั พอแสงอาทติ ย์ ลาลับขอบฟ้า พระมหาโพธิเจดีย์ก็ถูกแต่งแต้มสีสันด้วยแสงไฟสีสด บรรยากาศ โดยรอบมเี สยี งสวดมนตด์ งั ไปทว่ั ทเ่ี ดน่ ชดั ทส่ี ดุ คอื เสยี งสวดมนตแ์ บบทเิ บต แตส่ กั พกั กถ็ กู เสยี งสวดมนตผ์ า่ นลำโพงของชาวมสุ ลมิ กลบทบั ไปจนหมด ตอนนน้ั เองทพ่ี อล หงดุ หงดิ มาก และบน่ กบั ฉนั วา่ ทำไมจงึ เกดิ เรอ่ื งแบบนท้ี บ่ี า้ นของชาวพทุ ธอยา่ งเรา ได้ (พอลนบั ถอื พทุ ธนกิ ายมหายาน) เขาไมเ่ ขา้ ใจวา่ ทำไมชาวมสุ ลมิ ไมเ่ คารพสถานท่ี ศกั ดส์ิ ทิ ธข์ิ องชาวพทุ ธเลย แถมยงั สวดขอ้ ความทไ่ี มด่ อี อกมาในสถานทข่ี องชาวพทุ ธ อกี ดว้ ย พอลบอกว่าเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นในบ้านเกิดเมืองนอนของเขา เหมือนกัน เขาบอกว่าเขาเคารพสิทธิ์ของชาวมุสลิมเสมอ แต่ทำไมชาวมุสลิมไม่ เคารพสทิ ธิข์ องชาวพุทธอย่างเขา หรอื ไม่เคารพสิทธิข์ องคนในศาสนาอ่ืนๆเลย 149

พอลบอกยงั ฉนั อกี วา่ เนอ้ื ความทช่ี าวมสุ ลมิ กำลงั สวดอยนู่ .้ี ..มเี นอ้ื หายกยอ่ ง พระอัลเลาะห์ในศาสนาอิสลาม แต่ดูหมิ่นศาสนาอื่นๆ ฉันไม่เคยรู้เรื่องทำนองนี้ มาก่อน แต่ก็ได้แต่พยายามบอกพอลว่า ชาวมุสลิมก็แค่สวดมนต์ตามความเชื่อ ของเขาเท่าน้ัน พวกเขาคงไม่ไดม้ ีเจตนาร้ายใดๆหรอก แตพ่ อลก็บอกวา่ เขาจะไป ร้องเรียนเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานท่ีดูแลมรดกโลกและมรดกของชาวพุทธแห่งน้ี ให้ส่ังห้ามหรือหยุดย้ังไม่ให้ชาวอิสลามกระทำการเหยียดหยามศาสนาอ่ืนๆแบบ นี้ เขาบอกว่าเขามาที่นี่เพื่อหาความสงบ มาเพื่อต้องการนั่งสมาธิ ไม่ได้อยากมา ฟงั เสยี งละหมาดผา่ นลำโพงยกั ษ์อยา่ งทไ่ี ด้ยนิ อย่นู ี้ พอลยังยอ้ นถามฉนั ดว้ ยวา่ ฉันรู้สกึ อย่างไรท่เี กิดเรื่องแบบน้ีในบา้ นของชาว พทุ ธอยา่ งเรา ฉนั จงึ ตอบไปวา่ ตอนอยเู่ มอื งไทยฉนั กไ็ ดย้ นิ เสยี งละหมาดหรอื เสยี ง สวดมนต์ของศาสนาอสิ ลามอยูบ่ อ่ ยๆ และยงั มเี พื่อนเปน็ มสุ ลิมดว้ ย ฉันจึงไมร่ ้สู ึก อะไร และฉันคิดว่าศาสนาทุกศาสนาอยู่ร่วมกันได้ แต่พอลก็ค้านว่า คนเหล่านั้น กำลังละเมิดสิทธิ์ที่จะได้อยู่อย่างสงบของเรา ละเมิดสิทธิ์ที่จะได้ทำตามความเชื่อ ของเรา แถมยังพร่ำสวดสิ่งไม่ดีใส่เราอีก ฉันจะอยู่เฉยกับสิ่งนี้โดยไม่ต่อสู้หรือไม่ ทำอะไรเลยหรอื โดยปกตแิ ลว้ ฉนั เปน็ คนไมย่ อมคนจะตายไป แตค่ วามรสู้ กึ ของฉนั ตอ่ สถานการณ์ในตอนน้นั ก็คอื ... ฉันเห็นว่าคนที่กำลังร้อนและไม่สงบคือตัวของพอลเอง ไม่ใช่สถานที่หรือ ศาสนาพุทธเลย... ฉันจึงตอบไปว่า... มันอาจเป็นเพราะความเชื่อที่แตกต่างกัน ระหว่างแนวคิดของพุทธแบบเถรวาทและมหายาน (ซึ่งต้องนับรวมแนวคิดแบบ ตะวนั ตกเขา้ ไปดว้ ยในกรณขี องพอล) เพราะคำสอนทฉ่ี นั ไดร้ บั มาตลอดคอื เราควร รู้จกั ปล่อยวางและใหอ้ ภยั แมฉ้ นั จะทำไดบ้ า้ งไมไ่ ดบ้ า้ ง แตฉ่ ันกค็ งไมไ่ ปตอ่ สู้หรือ เรยี กรอ้ งเอากบั สง่ิ ทไ่ี มเ่ ปน็ สาระ หรอื สง่ิ ทฉ่ี นั ไมอ่ าจเปลย่ี นแปลงไดด้ ว้ ยกำลงั ของ ฉนั เพยี งคนเดยี ว 150

พอลตอบกลับมาว่า...สำหรับเขาแล้ว การไม่ยอมลุกขึ้นสู้หรือปกป้องสิทธิ์ ของตนเอง กเ็ ทา่ กบั การยอมรบั ในสง่ิ นน้ั ๆ เขาบอกวา่ การเปลย่ี นแปลงอะไรสกั อยา่ ง กต็ ้องเร่ิมตน้ จากเสยี งเล็กๆหนงึ่ เสยี ง หรอื การกระทำเล็กๆน้อยๆของเรานลี่ ะ่ ฉนั รวู้ า่ มมุ หนง่ึ ในเหตผุ ลของพอลกถ็ กู ตอ้ ง ฉนั เองกเ็ คยใชช้ วี ติ แบบเดยี วกบั ทเ่ี ขาพดู มาแลว้ ในหลายๆฉากหลายๆเหตกุ ารณใ์ นชวี ติ แตช่ ว่ั ขณะนน้ั ฉนั รสู้ กึ จรงิ ๆ วา่ ...ความสงบทต่ี อ้ งแลกมา ดว้ ยการตอ่ สเู้ รยี กรอ้ งนน้ั มใิ ชค่ วามสงบทแ่ี ทจ้ รงิ และ เทยี บไมไ่ ดก้ บั ความสงบทเ่ี รม่ิ จากการปรบั ตวั ปรบั ใจของเรา ไมใ่ หไ้ ปกระทบกบั สง่ิ ทไี่ มถ่ ูกต้องหรือไมถ่ กู ใจเลย เพราะการต่อสู้เพอื่ ความสงบ เพอ่ื ความถูกตอ้ ง มนั ตอ้ งแลกมาดว้ ยความเหนด็ เหนอ่ื ยทง้ั กายและใจ และตอ้ งมแี รงปะทะดา้ นลบเกดิ ขน้ึ กว่าเราจะต่อสู้สำเร็จ แรงปะทะด้านลบนั้น อาจกลืนกินเรา หรือถาโถมเข้ามาใส่ เรา จนเราไมเ่ หลอื แรงบวกไวช้ น่ื ชมกบั ชยั ชนะในความถกู ตอ้ งหรอื ความสงบสขุ ท่ี เราคาดหวงั เลยกเ็ ป็นได้ จรงิ อย.ู่ ..ทก่ี ารเปลย่ี นแปลงทย่ี ง่ิ ใหญล่ ว้ นตอ้ งเรม่ิ จากจดุ เลก็ ๆ และกำลงั เลก็ ๆ ของตัวเรา แต่ถ้านั่นเป็นเหตุที่ทำให้เราต้องหงุดหงิดและร้อนรุ่ม ฉันก็เลือกที่จะ อย่กู บั สภาวะเดมิ ๆโดยที่ตัวฉนั ไม่หงุดหงดิ ไม่รอ้ นรมุ่ เสียดกี วา่ การที่ฉันได้เห็นสิ่งที่พอล “เป็น” ช่วยเตือนสติฉันได้มาก มันทำให้ฉันเห็น สิ่งที่ตัวเองเคยเป็น-เคยทำ บทสนทนาเล็กๆนี้ทำให้ฉันกลับมาย้อนดูตัวเอง...ว่า ฉนั เลอื กทจ่ี ะเปน็ ได้ ฉนั ไมค่ ดิ วา่ พอลผดิ ทต่ี อ้ งการไดใ้ นสง่ิ ทด่ี กี วา่ แตเ่ ขาอาจจะผดิ ที่ทำให้ตัวเองต้องร้อนรุ่ม ส่วนการเป็นคนแบบฉันอาจจะไม่ได้สร้างปัญหาอะไร ขน้ึ มา แตก่ อ็ าจทำใหโ้ ลกนไ้ี มก่ า้ วหนา้ ไมม่ กี ารเปลย่ี นแปลงกเ็ ปน็ ได้ คณุ ละ่ เลอื ก ทีจ่ ะเปน็ ...หรอื จะทำแบบไหน...อย่างไร 151

หลงั จากนน้ั ฉนั กบั พอลกเ็ ขา้ ไปดา้ นในของพระมหาโพธเิ จดยี ์ ซง่ึ มพี ระพทุ ธเมตตา1 พระพทุ ธรปู ทเ่ี ปน็ ศลิ ปะแบบอนิ เดยี -ทเิ บตประดษิ ฐานอยู่ หลงั จากกราบสกั การะ องคพ์ ระ พอลกน็ ง่ั สมาธแิ ลว้ ออกไปเดนิ รอบองคเ์ จดยี ์ 3 รอบ ในขณะทฉ่ี นั นง่ั พดู คยุ กบั พระสงฆแ์ ละผแู้ สวงบญุ ชาวไทยทม่ี าสกั การะสถานทต่ี รสั รขู้ องพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ และหนง่ึ ในหลายๆกลมุ่ ทฉ่ี นั พบคอื คณุ ลงุ คณุ ปา้ 2 สามภี รรยาทพ่ี ากนั มาเทย่ี วใน วยั เกษยี ณ พอทราบวา่ ทง้ั คจู่ ะเชา่ รถไปเขาคชิ ฌกฏู นาลนั ทา และสถานทส่ี ำคญั ๆ ทางศาสนาอกี หลายๆแหง่ ทอ่ี ยใู่ กลๆ้ กนั นน้ั ฉนั จงึ ขออาศยั ไปดว้ ย โดยจะชว่ ยออกคา่ น้ำมันให้บ้าง คุณลุงกับคุณป้าซึ่งพักอยู่ที่วัดไทยพุทธคยาเช่นกัน ก็ยินดีให้ฉันกับ พอลรว่ มทางไปดว้ ย วนั พร่งุ นท้ี กี่ ำลังจะมาถึง คงเปน็ วนั ท่ีนา่ จดจำอีกวนั นงึ แน่ๆ 1 “พระพทุ ธเมตตา” ในมหาโพธเิ จดีย์ สร้างในสมยั ปาละด้วยหนิ แกรนิตสดี ำ มีอายุกว่า 1,400 ปี 152

สิง่ ทต่ี ้องรู้ ตอ้ งละ เพอ่ื ความสิ้นทกุ ข์ “ท่านจะไม่พบความสงบเลย ถ้าท่านมัวเสียเวลาหาคนที่ดีพร้อม หรือ ครูที่ดีพร้อม พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราดูที่ธรรมะ ที่สัจจธรรม ไม่ใช่คอย จบั ตาดูผูอ้ ่ืน” หลวงป่ชู า สภุ ทโฺ ท



บทท่ี 11 รอยศรทั ธา ยังไม่ทันจะตีสี่ฉันก็ต้องลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา เตรียมตัวออกเดินทางไปยัง เมอื งราชกรี ์ (Rajgri) หรอื ทเ่ี ราคนุ้ ชอ่ื กนั วา่ “กรงุ ราชคฤห”์ ซง่ึ อยหู่ า่ งจากพทุ ธคยา ไปทางตะวนั ออกเฉยี งเหนอื เมอื งนเ้ี ปน็ เมอื งหลวงของแควน้ มคธในสมยั พทุ ธกาล เป็นเมืองทม่ี ีภเู ขาล้อมรอบอยู่ 5 ลกู จงึ มชี ่ือเรยี กอีกชือ่ ว่า “เบญจคีรีนคร” ราชคฤห์เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนาเป็น อยา่ งมาก เนอ่ื งจากเปน็ เมอื งชยั ภมู สิ ำคญั ในการหยง่ั รากตง้ั หลกั พทุ ธศาสนา เปน็ ทต่ี ง้ั ของวดั แหง่ แรกในพทุ ธศาสนา และยงั เปน็ ทต่ี ง้ั ของถำ้ สตั บรรณคหู า ซง่ึ มกี าร สังคายนาพระธรรมวนิ ยั เกดิ ข้นึ เป็นเปน็ ครงั้ แรกอีกดว้ ย การเดินทางของคนแปลกหน้าทั้งหก อันมี...ท่านชัยพระธรรมทูตที่มากับ คุณลุงคุณป้าผู้ใจดี พอล ฉัน และคนขับรถอีกหนึ่งคน เริ่มขึ้นตั้งแต่ดาวยังไม่ตก และไก่ยังไม่ตื่น พวกเรากำลังเดินทางย้อนเวลาเข้าไปในอดีตอันยิ่งใหญ่... อดีตที่ มที ง้ั ความศวิ ไิ ลซ์ การลม่ สลาย แรงศรทั ธา การพลา่ ผลาญ การทรมาน การเสยี สละ การรสู้ ำนกึ และรากทห่ี ยง่ั ลกึ ของความเชอ่ื ... หวั ใจฉนั จงึ เตม็ ไปดว้ ยความกระหาย ใคร่รู้ว่าอดีตอันยิ่งใหญ่นั้น ยังเหลือร่องรอยอะไรให้คนรุ่นหลังได้จินตนาการหรือ ศกึ ษาบ้างหรอื ไม.่ .. รถแวนหา้ ประตวู ง่ิ ผา่ นความมดื ของรตั ตกิ าลและถนนสายเลก็ ๆไปดว้ ยความ เร็วราวๆ 100 ก.ม.ต่อชั่วโมง แต่ถึงแม้สองข้างทางจะมืดสนิท ฉันก็ยังลืมตามอง ผา่ นความมดื ไปตลอดทาง...จนเมอ่ื แสงแรกของวนั เรม่ิ ทาทาบเสน้ ขอบฟา้ ภาพทงุ่ นา 155

ที่มีสายหมอกบางๆพาดผ่านก็ค่อยๆปรากฏชัดขึ้นแก่สายตาฉัน แม่น้ำเนรัญชรา ทก่ี วา้ งขวางและยาวสดุ ลกู หลู กู ตาในยามน้ี เหลอื เพยี งฝนุ่ ทรายกบั ความแหง้ แลง้ แตก่ ว็ า่ กนั วา่ ...หากคณุ ขดุ ลกึ ลงไปเพยี ง 2-3 ฟตุ คณุ กจ็ ะพบวา่ มนี ำ้ ซมึ ออกมาจาก ลำนำ้ แหง่ น.้ี ..นก่ี ระมงั ทเ่ี ขาเรยี กวา่ “ความแหง้ ทไ่ี มแ่ ลง้ ” และสายนำ้ แหง่ เนรญั ชรา แห่งนี้จะกลับมามีชีวิตอย่างฉ่ำชื่นอีกครั้งในฤดูฝน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยแห้งหายไป จากฝง่ั นำ้ เนรญั ชรา คอื ชวี ติ แสนสขุ ของชาวบา้ นทอ่ี ยรู่ มิ สองฝง่ั นำ้ ซง่ึ ยงั คงใชช้ วี ติ อย่กู ับเนรญั ชราต้งั แต่เชา้ จรดคำ่ ... ในฤดทู ม่ี นี ำ้ เตม็ สายธารเนรญั ชรา ชาวบา้ นกจ็ ะพากนั มาอาบนำ้ ชำระกายา ซักผ้า และใช้นานาประโยชน์จากสายน้ำแห่งนี้ แต่เมื่อถึงฤดูแล้งที่น้ำแห้งผาก เนรัญชราก็กลายเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่กิจกรรมพื้นฐานยามเช้า ของมนษุ ย์ เพราะเนรญั ชราคอื สขุ าโอเพน่ แอรท์ เ่ี ปดิ โลง่ รบั ชนทกุ ชน้ั ทกุ เพศ ทกุ วยั บ้างก็เนรมติ ใหเ้ นรัญชราเปน็ สขุ าเดีย่ ว บา้ งกเ็ นรมิตใหเ้ ปน็ สขุ าคู่ บ้างกเ็ นรมติ ให้ เป็นสุขาแบบพหุภาคีกันเลยทีเดียว ทุกคนสามารถทำธุระส่วนตัวของตัวเองไป... พูดคุยไป...หัวเราะไป และมีช่วงเวลาแห่งความสุขได้โดยไม่ต้องมีปราการใดๆมา ขวางกน้ั และเน่อื งจากชาวบ้านท่อี อกมาทำธุระส่วนตัวตอนเช้าน้นั มีเป็นจำนวนมาก ภาพท่ีปรากฏให้เห็นจึงดูเหมือนชาวบ้านเหล่าน้ันออกมาขุดดินหาปูหรือหาเผือก หามนั กนั แตเ่ ชา้ จนพอลเกบ็ ความสงสยั ไวไ้ มอ่ ยแู่ ละถามออกมาวา่ “ชาวบา้ นพวกนน้ั ออกมาทำอะไรกนั เต็มไปหมด พวกเขามาหาของกนิ หรอื ทำอะไรกนั ” ท่านชัยจึงเฉลยให้ฟังพร้อมเร่ืองเล่าเก่ียวกับการประชุมสุขาโลกครั้งสำคัญ ครง้ั หนง่ึ วา่ ...ในการประชมุ ครง้ั นน้ั ชาตมิ หาอำนาจมากมาย ตา่ งพากนั กลา่ วอวด อา้ งถึงความยอดเย่ียมดา้ นการจดั การเรอ่ื งสุขาในประเทศของตน... 156

ประเทศมหาอำนาจตะวนั ตกชาตแิ รกบอกวา่ ประเทศของเขาออกกฎหมาย ใหม้ สี ุขาสาธารณะ ในพืน้ ที่ทกุ ๆ 1 กโิ ลเมตร ประเทศมหาอำนาจตะวนั ตกชาตทิ ส่ี องจงึ บอกวา่ ประเทศของเขาสเิ ยย่ี มกวา่ เพราะจัดใหม้ ีสุขาทกุ ๆ 500 เมตร ประเทศมหาอำนาจชาตทิ ส่ี ามรบี แสดงศกั ดาออกไปบา้ งวา่ ประเทศของเขา คงจะดีกวา่ ประเทศไหนๆแน่ เพราะจัดใหม้ ีสขุ าสาธารณะทุก 200 เมตร แถมให้ บริการฟรอี กี ด้วย ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของผู้นำประเทศดังกล่าว ผู้นำอินเดียก็ส่ายหน้าไปมา อยา่ งอิดหนาระอาใจ แลว้ บอกกบั ชาติมหาอำนาจท้งั หลายวา่ ... “ทุกท่านอย่าได้เถียงกันเลย เพราะคงไม่มีชาติไหนๆสู้ประเทศของฉาน ได้ เพราะประเทศของฉาน...มีสุขาทุกๆที่ ทุกๆตารางนิ้ว...ให้บริการฟรี แถม ไม่ต้องมีการรอคิวกนั ใหเ้ สยี อารมณอ์ ีกด้วย” (ฮา) เรอ่ื งโจก๊ ทเ่ี ลา่ ขำๆแบบน้ี คงไมน่ า่ ขำนกั สำหรบั ชาวอนิ เดยี แตก่ .็ .. ‘อยา่ เคอื ง อิฉานเลยนะจ๊ะนายจ๋า...’ (แต่เอ...สงสัยวันนั้นผู้นำจีนไม่ได้ไปประชุมด้วยกระมัง มิเช่นนัน้ อินเดียคงมคี ู่แข่งชาติสำคญั ...ออิ ิ...) ชักจะนอกเรอ่ื งไปไกล...เรากลบั มาพูดถึงความสมั พนั ธข์ องสายน้ำเนรัญชรา กบั วิถีชีวิตของผ้คู นรมิ สองฝั่งน้ำแหง่ น้กี นั ตอ่ ดกี ว่า เนรญั ชรานน้ั ...นอกจากจะเปน็ แดนสขุ าวดใี นยามเชา้ แลว้ ระหวา่ งวนั ...ผนื นำ้ ทแ่ี หง้ ผากแหง่ น้ี ยงั กลายเปน็ แหลง่ วตั ถดุ บิ ชน้ั ดขี องอตุ สาหกรรมกอ่ สรา้ งอกี ดว้ ย เนื่องจากทางการอินเดียอนุญาตให้ผู้คนมาขนทรายที่นี่ไปสร้างบ้านได้ฟรีๆ แต่ หา้ มขนออกไปขายเปน็ การคา้ 157

สว่ นเดก็ ๆก็ใช้ลานกวา้ งกลางแม่น้ำเปน็ สนามครกิ เก็ต ซง่ึ เปน็ กฬี ายอดนิยม ประจำชาติ และเทา่ ๆทป่ี ระเมนิ ดจู ากสายตา สนามครกิ เกต็ ทแ่ี บง่ เปน็ สนามขนาด ใหญเ่ ทา่ ๆกนั กนิ เนอ้ื ทต่ี ลอดความยาวสดุ ลกู หลู กู ตาของลำนำ้ แหง่ น้ี นา่ จะมไี มต่ ำ่ กวา่ 12 สนาม ถา้ คณุ ไดน้ ง่ั รถผา่ นบรเิ วณนใ้ี นชว่ งบา่ ยๆเยน็ ๆ คณุ กจ็ ะเหน็ ทง้ั เดก็ ทง้ั ผใู้ หญ่ เดนิ แบกไมแ้ บนๆ ลกั ษณะคลา้ ยไมพ้ ายตามกนั ไปเลน่ ครกิ เกต็ เปน็ ทวิ แถว ฉันจึงได้มุมมองหลายๆอย่างจากการใช้ชีวิตกับเนรัญชราของชาวบ้านท่ีนี่ พวกเขาสามารถปรบั ตวั กบั การเปลย่ี นแปลงตา่ งๆในโลกไดโ้ ดยไมเ่ สยี เวลาโอดครวญ กบั มนั ไมเ่ พง่ โทษมนั หากแตร่ จู้ กั ทจ่ี ะใชป้ ระโยชนจ์ ากสง่ิ ทม่ี อี ยดู่ ว้ ยวธิ งี า่ ยๆธรรมดาๆ มีน้ำก็ใช้ประโยชน์จากน้ำ ไม่มีน้ำก็ไม่ได้คร่ำครวญหาน้ำ ไม่ได้โทษน้ำโทษ ฟ้าโทษเทพเจ้าโทษรัฐบาลว่าไม่มีน้ำ เพราะพวกเขาเห็นและยินดีอยู่กับดินทราย ซง่ึ ผดุ ขน้ึ มาใหพ้ วกเขาใชป้ ระโยชนโ์ ดยไมต่ อ้ งลำบากกน้ั นำ้ หรอื ขดุ ลากทรายหนกั ๆ ขึน้ มาจากลำน้ำที่อย่เู บ้ืองหนา้ พวกเขาแค่รแู้ ละเข้าใจในธรรมชาติ ฤดูกาล และการเปล่ียนแปลงทอี่ ยู่นอก เหนือการควบคุมของตนเอง และฉลาดพอที่จะอยู่กับการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ โดย ไมล่ งไปจดั การหรอื เปลย่ี นแปลงมนั ซง่ึ การลงไปจดั การเปลย่ี นแปลงแกไ้ ขธรรมชาติ นั้น เป็นความโง่เขลาอย่างมหาศาลของมนุษย์ เพราะนอกจากจะเปลี่ยนแปลง อะไรไม่ไดแ้ ล้ว ยังสรา้ งปญั หาใหญข่ น้ึ มาอีกด้วย จากทฉ่ี นั ลองๆพจิ ารณาดแู ลว้ การทเ่ี ราผลติ ไฟฟา้ ขน้ึ มาใชแ้ ทนดวงตะวนั ในยาม คำ่ คนื ... การผลติ เครอ่ื งปรบั อากาศขน้ึ มาไลค่ วามรอ้ นออกไปจากอาคารบา้ นเรอื น... การขดุ เอานำ้ มนั ใตด้ นิ ขน้ึ มาใชใ้ หพ้ ลงั งานทแ่ี รงกวา่ ทนั ใจกวา่ พลงั งานคน พลงั งาน สัตว์ พลังงานลม ฯลฯ... การผลิตปุ๋ยเคมีขึ้นมาสร้างอาหารให้ชาวโลก...และอีก แสนๆลา้ นๆสง่ิ ทค่ี นผลติ ขน้ึ มาเพอ่ื เพม่ิ ความสบายใหต้ นเอง เพอ่ื ปรบั เปลย่ี นแกไ้ ข 158

สง่ิ ทธ่ี รรมชาตใิ หม้ าเหลา่ นน้ั ลว้ นแลว้ แตส่ รา้ งปญั หาตามมาใหม้ นษุ ยท์ ง้ั สน้ิ เพราะ เรายนื่ มือเข้ามายุง่ ในสงิ่ ท่ไี มใ่ ชก่ จิ ของเรามากเกนิ ไป เวลาใครมายงุ่ กบั เรอ่ื งของเรามากๆ เรากค็ งหงดุ หงดิ ไมช่ อบใจ ตอนนธ้ี รรมชาติ ก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน แต่เวลาที่ธรรมชาติหงุดหงิด... ผลพวงที่เราจะได้รับมัน มหาศาลย่ิงนกั ถึงเวลาหรือยังหนอ...ที่เราจะหันกลับมาใช้ชีวิตที่ไม่ต้องแก้ไขอะไร ไม่ต้อง สรา้ งอะไร แตห่ นั มามชี วี ติ แบบชาวบา้ นทน่ี ่ี ชวี ติ ทม่ี คี วามสขุ เพราะเหน็ แต่ “ความม”ี หยดุ มอง “ความไมม่ ”ี หยดุ เสาะหาวา่ “อะไรขาดหายไป” แตเ่ ปลย่ี นมามองวา่ เรา “มีอะไรเหลอื อยบู่ า้ ง...” เหมอื นที่ความสขุ ของพวกเขาเกิดจากการ... “ม”ี สายนำ้ เนรญั ชรา “ม”ี ผืนทรายเนรัญชรา “มี” ความสขุ กบั สงิ่ ที่“ม”ี มใิ ชม่ ีสุขกับสง่ิ ท่ี “ม”ี แต่มีทกุ ขก์ ับส่งิ ที่ “ไม่มี” ชวี ติ ของเราทุกคน “มี” อยู่เสมอ..เม่อื เราไม่ไดม้ องวา่ เรา “ไมม่ ”ี รถแล่นต่อไปอีกครู่หนึ่ง ท่านชัยพระธรรมทูตที่มากับคณะของเราก็บอกให้ ทราบวา่ แนวเขาทเ่ี หน็ อยเู่ บอ้ื งหนา้ คอื เขตเมอื งราชคฤห์ ซง่ึ พน้ื ทบ่ี รเิ วณน้ี จะมภี เู ขา ใหญ่ล้อมรอบเป็นปราการตามธรรมชาติอยู่ 5 แนวเขา ชัยภูมิของเมืองจึงมั่นคง แขง็ แกรง่ การจะเขา้ มาตอ่ ตเี มอื งจงึ ทำไดย้ าก เหน็ ไดช้ ดั เจนจากตอนทร่ี ถของเรา วิ่งผ่านช่องเขา ซึ่งเป็นทางผ่านเข้าสู่ประตูเมือง การใช้แนวเขาเป็นกำแพงเมือง ทำใหผ้ ทู้ จ่ี ะเขา้ มาโจมตตี อ้ งเสยี เปรยี บและมโี อกาสเพลย่ี งพลำ้ สงู แตส่ ดุ ทา้ ย...เมอื ง ท่แี ข็งแกรง่ น้กี ็ต้องลม่ สลายไปอยูด่ ี...เพราะเหตใุ ดกันหนอ... 159

เลยจากชอ่ งเขาซง่ึ เปน็ ประตเู มอื งมาเพยี งชว่ั อดึ ใจ เรากม็ าถงึ ‘เขาคชิ ฌกฏู ’ ตอนทเ่ี ราไปถงึ เปน็ เวลาราวๆ 6 โมงเชา้ อากาศจงึ ไมร่ อ้ นนกั และผคู้ นกไ็ มพ่ ลกุ พลา่ น จึงทำให้การเดิน 2.5 ก.ม.สู่ยอดเขา เพื่อสักการะมูลคันธกุฎีเป็นไปอย่างสบายๆ แตถ่ า้ ใครคิดวา่ เดนิ ไมไ่ หว เขาก็มีบรกิ ารแคร่ไวใ้ ห้บรกิ าร ระหว่างที่เดินขึ้นไปท่านชัยก็เล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภูเขาลูกนี้ให้ เราฟังตลอดทาง เช่น ยอดเขาแห่งนี้ เป็นท่ีๆพระพทุ ธเจา้ ทรงจำพรรษารวมนาน ถึง 15 พรรษา และยังมีถ้ำเล็กๆอีก 2 แห่ง ซึ่งเป็นถ้ำที่พระโมคคัลลานะและ พระสารบี ตุ รไดบ้ รรลเุ ปน็ พระอรหนั ต์ รวมทง้ั ยงั เปน็ สถานทซ่ี ง่ึ มเี หตกุ ารณส์ ำคญั ๆ ทางประวตั ิศาสตรใ์ นยคุ ของพระเจ้าพมิ พิสารเกดิ ขึน้ มากมาย หนง่ึ ในนน้ั กค็ อื เรอ่ื งราวของพระสนมองคท์ ส่ี ใ่ี นพระเจา้ พมิ พสิ าร ซง่ึ เสดจ็ มา ทช่ี ะงอ่ นผาสงู บรเิ วณใกลก้ บั ยอดเขาคชิ ฌกฏู เพอ่ื ทจ่ี ะปลดิ ชพี ของตนเองพรอ้ มกบั ทารกในครรภ์ เนอ่ื งจากโหรหลวงทำนายเอาไวว้ า่ ลกู ทก่ี ำลงั จะเกดิ มา...จะกระทำ การปติ ฆุ าตหรอื สงั หารพอ่ ของตนเอง ซง่ึ กค็ อื พระเจา้ พมิ พสิ าร แตพ่ ระเจา้ พมิ พสิ าร กเ็ สดจ็ มาหา้ มพระนาง และขอใหพ้ ระนางมชี วี ติ อยเู่ พอ่ื เลย้ี งลกู ทก่ี ำลงั จะถอื กำเนดิ ขนึ้ ตอ่ ไป ตอ่ มาภายหลงั ...เดก็ ทอี่ ยู่ในครรภก์ ค็ ลอดออกมาเปน็ พระเจา้ อชาตศตั รู ซึ่งสุดทา้ ยแล้วก็ได้ทำปิตฆุ าตจริงๆ ถัดจากบรเิ วณนนั้ ไปอกี นิด คือหนา้ ผาที่มีเหวลกึ ซง่ึ เป็นทๆ่ี ใชป้ ระหารชีวติ บรรดาโจรทง้ั หลายทถ่ี กู จบั กมุ มาได้ โดยวธิ ปี ระหารกค็ อื การผลกั ใหต้ กหนา้ ผาลง ไปตาย หนา้ ผาแห่งนี้จงึ มีช่ือเรียกว่า “ผาฆา่ โจร” เลยจากผาฆ่าโจรขึ้นไปอีกหน่อยจะเป็นลานกว้าง ซึ่งมีการแขวนธงมนต์ แบบทิเบตอยู่ทั่วบริเวณ พื้นที่บริเวณนี้ถูกสันนิษฐานว่า เป็นที่ๆผู้ที่จะมาเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้าจะมานั่งรอกันในบริเวณนี้ หรืออาจเป็นบริเวณที่พระองค์ใช้แสดง 160

ธรรมใหบ้ คุ คลทง้ั หลายไดฟ้ งั และเมอ่ื พน้ จากจดุ นข้ี น้ึ ไป คณุ กต็ อ้ งออกแรงสกั นดิ เพอ่ื ไตบ่ นั ใดหนิ ทส่ี งู ชนั ขน้ึ สยู่ อดเขา และภาพทจ่ี ะปรากฏตอ่ สายตาคณุ เมอ่ื ขน้ึ มา ยนื อยบู่ นยอดเขาซง่ึ เปน็ ลานโลง่ กวา้ ง คอื ฐานของกฏุ เิ ลก็ ๆ 2 หลงั ทถ่ี กู ลอ้ มรอบ ด้วยวิวของทวิ เขาและท้องทุ่ง ตลอดท้ัง 360 องศา แสงแดดอนุ่ ๆยามเชา้ กบั สายลมเยน็ ทพ่ี ดั อยโู่ ดยรอบ ชว่ ยเตมิ ความสงบและ ผ่อนคลายให้กับฉัน คณะของเราเป็นกลุ่มแรกที่ขึ้นมาที่นี่วันนี้ ฉันยกมือไหว้กุฏิ เลก็ ๆซง่ึ อยดู่ า้ นขวามอื ตรงปากทางเขา้ ซง่ึ เปน็ กฏุ ขิ องพระอานนท์ ผเู้ ปน็ พทุ ธอนชุ า และพุทธอุปัฏฐากของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเดินตามท่านชัยไปสักการะ มูลคันธกฏุ ี ทน่ี า่ สนใจกค็ อื บนยอดเขาคชิ ฌกฎู แหง่ น้ี จะมชี ายชาวอนิ เดยี คนหนง่ึ คอยมา ดูแลความสะอาดของสถานที่ และให้ความสะดวกกับบรรดาผู้มาเยือน ฉันไม่ แน่ใจว่าเป็นการกระทำตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายหรือไม่ แต่ฉันก็เชื่อว่าเขา กระทำหน้าที่นี้ด้วยจิตที่เป็นกุศล และคงเป็นเพราะที่นี่มีคนไทยมาแสวงบุญกัน อย่างไม่ขาดสาย ชายชาวอินเดียผู้นั้นจึงพูดภาษาไทยได้อย่างแคล่วคล่องและ ชดั ถ้อยชัดคำ และเวลาทีเ่ ราสวดมนต์ เขาก็จะสวดไปพร้อมกบั เราดว้ ย ส่วนพอล ไมไ่ ด้นั่งสวดมนตก์ บั เรา แตป่ ลกี ตวั ไปนั่งสมาธิแทน พอพวกเราสวดมนตเ์ สรจ็ คณุ ลงุ คณุ ปา้ กพ็ ยายามเรยี กใหพ้ อลออกจากสมาธิ เพื่อมาร่วมถ่ายรูปด้วยกัน ถึงตรงนี้ฉันเริ่มเห็นอาการไม่ค่อยพอใจ ของคนที่ ‘ถกู เรยี กใหอ้ อกจากสมาธ’ิ เพยี งเพอ่ื ทจ่ี ะถา่ ยรปู หมู่ แตเ่ จา้ ตวั กพ็ ยายามเกบ็ อาการ เอาไว้ เมอ่ื ฝา่ ยหนง่ึ ...ตอ้ งการเกบ็ ความทรงจำครง้ั หนง่ึ ในชวี ติ ...ดว้ ยรปู ถา่ ย... สว่ น อีกฝ่าย...ต้องการเก็บความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิต...ด้วยการน่ังสมาธิในที่ซ่ึงตน เองศรทั ธา เพราะตา่ งกค็ ิดวา่ นี่คอื โอกาสท่หี าไดย้ ากยิง่ และอาจมโี อกาสทำแบบ นี้เพียงครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น จะผิดก็ตรงที่ว่า...ความต้องการและการให้ความ 161

สำคญั ต่อสงิ่ ทีต่ นต้องการของแต่ละฝา่ ย...ไมต่ รงกัน วนั นน้ั ฉนั จงึ กลายเปน็ ตากลอ้ งสว่ นตวั ของคณุ ลงุ คณุ ปา้ ทบ่ี อกวา่ ทง้ั คหู่ ารปู คกู่ นั ไดน้ อ้ ยมาก สว่ นพอลกท็ นกบั การถา่ ยรปู ในทกุ ๆทๆ่ี ไดไ้ ปเยอื นของสองลงุ ปา้ ตลอดทง้ั วนั เชน่ กนั จนในทส่ี ดุ ...พอลกข็ อระบายใหฉ้ นั ฟงั ในเยน็ วนั นน้ั วา่ “เราควร ไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางศาสนาของเรา เพื่อเคารพสักการะและระลึกถึงคุณ ของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ใช่ไปเพื่อถ่ายรูปและเก็บความทรงจำของ ตวั เอง” แมฉ้ นั จะเขา้ ใจความหมายของพอลดี แตก่ เ็ ขา้ ใจคณุ ลงุ คณุ ปา้ ดว้ ยเชน่ กนั วันนั้นทั้งวันฉันจึงมีโอกาสเห็นและทำความเข้าใจ กับการอยู่ร่วมกันอย่าง แตกตา่ งทางความคิดไดอ้ ย่างดี ซึ่งความเข้าใจและเหน็ ใจกนั (หรอื อาจเรียกได้วา่ การมเี มตตาต่อกัน) คือส่ิงทีส่ ำคัญอย่างย่ิงในการอย่รู ่วมกัน แต่หากยงั ไม่มคี วาม เข้าใจและเห็นใจกันอย่างแท้จริงแล้ว ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเว้นช่องว่าง หรือ เว้นพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกัน หาโอกาสทำลายภาวะตึงเครียดด้วยเรื่องที่ รื่นรมย์ หรือหาคนกลาง-ตัวกลางที่จะใช้เปน็ กันชน เพื่อผอ่ นแรงปะทะหรือความ แตกต่างน้นั ๆ สิ่งที่สำคัญในการอยู่กับ “ความต่าง” คือการรู้จักถอยบ้าง...อย่าเดินหน้า เข้าไปบีบใคร เพราะนั่นเท่ากับการปิดทางเดินของตัวเราเองด้วย เนื่องจากใน ชีวิตจริงนั้น... ไม่มีทางที่เราจะได้เจอคนที่คิด หรือทำอะไรเหมือนเราตลอดเวลา การถอยเพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นได้มีพื้นที่เดิน ก็คือการเปิดโอกาสและเพิ่มพื้นที่ ใหต้ วั เราเองไดเ้ ดนิ มากข้ึนดว้ ย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการได้เห็นธรรมที่ผู้อ่ืนแสดงให้ดูตรงหน้า...หรือการได้ มาเยือนสถานที่อันควรสักการะแห่งนี้กันแน่... ที่ทำให้ฉันได้แนวคิดเกี่ยวกับการ ดำเนินชีวิตมากมาย แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันได้เรียนรู้ และจะจดจำไว้เตือนตนเสมอ 162

กค็ ือเร่ืองของ ‘การใชช้ วี ติ อย่างสมถะ’ ขนาดของมลู คันธกุฎขี องพระสัมมาสัมพทุ ธเจ้า มีเนอ้ื ทเ่ี พียง 2.5 x 3 เมตร พระองคท์ รงอยอู่ ยา่ งสมถะยง่ิ แลว้ เราเปน็ ใคร ยง่ิ ใหญม่ าจากไหน ถงึ คดิ อยากจะ อยบู่ า้ นใหญๆ่ นอนเตยี งกวา้ งๆ ฟกู หนาๆ... คนเราทกุ วนั น้ี มกั ตอ้ งการความสบาย ต้องการฐานะ หน้าตาทางสังคม... จึงขยันสร้าง ขยันหา สิ่งที่จะมาอำนวยความ สุขสบายให้ตนเอง โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลัง ‘ตกเป็นทาส’ ของทรัพย์สินเงินทอง หรือหน้าตาทางสังคมที่ตน ‘รักใคร่หวงแหน’ จนต้อง ‘เดือดร้อน’ กับการดูแล รกั ษามนั เอาไว.้ .. เมอ่ื ยง่ิ ทำกย็ ง่ิ เหนอ่ื ย... ยง่ิ เหนอ่ื ยกย็ ง่ิ อยากสบายมากขน้ึ อยาก กอบโกยดว้ ยวธิ งี า่ ยๆมากขน้ึ ... ยอมเบยี ดเบยี นผอู้ น่ื เพอ่ื ใหไ้ ดใ้ นสง่ิ ทต่ี นเองปรารถนา แล้วบอกกบั ตวั เองวา่ “รอใหฉ้ นั สบายกอ่ นนะ แล้วฉันจะช่วยคนอนื่ ... ตอนน้ีฉนั ขอทำใหต้ ัวเองสบายก่อน...” แต่พระพทุ ธองค์ ทรงมงุ่ เนน้ ทจ่ี ะมอบประโยชน์ใหก้ ับสงั คมก่อน โดยไม่ เหน็ แกค่ วามสบายสว่ นพระองค์ และนค่ี อื สง่ิ ทเ่ี รยี กวา่ “อยอู่ ยา่ งตำ่ ...ทำอยา่ งสงู ” ดงั คำของท่านพุทธทาสภกิ ขุ หากเรารจู้ กั ประหยดั เวลากบั เรอ่ื งทไ่ี มเ่ ปน็ เรอ่ื ง ลดหรอื ละสง่ิ ทไ่ี มจ่ ำเปน็ กบั ชีวิตลงบ้าง เราจะได้เวลาและโอกาสที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และสำคัญกว่านั้นคืนมา อกี มากมาย 163

หลงั จากสวดมนตแ์ ละเดนิ ทกั ษณิ าวตั ร สกั การะมลู คนั ธกฎุ ขี องพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ แลว้ ทา่ นชยั กน็ ำเราไปยงั กฏุ พิ ระอานนท์ เพอ่ื สวดมนตร์ ะลกึ ถงึ คณุ ของทา่ น (กฏุ ขิ อง พระอานนท์มีขนาดเล็กกว่ากุฏิของพระพุทธเจ้าเสียอีก) ท่านชัยบอกให้เราน้อม ระลกึ ถงึ คณุ ความดขี องพระอานนทใ์ นความเปน็ เอตทคั คะ1ถงึ 5 ประการของทา่ น ไดแ้ ก.่ .. ๑. ความมีสติรอบคอบ ๒. ความมีคตหิ รือความทรงจำแม่นยำ ๓. การมีความเพียรเปน็ เลิศ ๔. การเปน็ พหูสูตหรือมีปญั ญาร้รู อบดา้ น ๕. การเปน็ ยอดของภกิ ษผุ ้อู ปุ ฏั ฐากองคพ์ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ประวตั แิ ละเรอ่ื งราวตา่ งๆของพระอานนทน์ น้ั “โดนใจ” ฉนั หลายอยา่ ง ไมว่ า่ จะเปน็ ตอนออกผนวช ทท่ี รงใหข้ า้ รบั ใชอ้ อกบวชกอ่ นพระองค์ เพอ่ื ละซง่ึ ความถอื ตวั วา่ เปน็ พวกศากยะ หรอื ตอนทท่ี ลู ขอพร(หรอื ขอ้ แม)้ ๘ ประการ จากพระพทุ ธองค์ ก่อนที่จะรับตำแหน่งพุทธอุปัฏฐาก รวมถึงตอนที่ท่านทูลขอให้พระพุทธองค์ทรง อนญุ าตใหส้ ตรบี วชเปน็ ภกิ ษณุ ี นอกจากน.้ี ..พระอานนทย์ งั เปน็ ดไี ซนเ์ นอรผ์ อู้ อกแบบ จวี รทเ่ี หลา่ สงฆ์ ยงั คงใชก้ นั มาจนถงึ ปจั จบุ นั อกี ดว้ ย สว่ นผทู้ ม่ี ปี ญั หาหวั ใจ เจบ็ ปวด เพราะฤทธิ์ของความรัก ก็ควรจะต้องไปหาประวัติของพระอานนท์ในช่วงที่เกี่ยว กับนางทาสีชื่อโกกิลามาอ่านเสียให้จงได้ เพราะมันจะช่วยถอนศรรักออกได้เป็น 1 เอตทัคคะ เป็นตำแหน่งทางพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าได้แต่งตั้งให้ผู้มีความรู้ความสามารถเด่น กวา่ ผหู้ นง่ึ ผใู้ ดในดา้ นหนง่ึ ๆ ไดโ้ ดย เหตุ 4 ประการคอื ...๑.โดยเหตเุ กดิ เรอ่ื ง คอื ไดแ้ สดงความสามารถ ออกมาใหป้ รากฏ ๒.โดยการมากอ่ น คอื ไดส้ ง่ั สมบญุ มาตง้ั แตอ่ ดตี ชาติ และตง้ั จติ ปรารถนาเพอ่ื บรรลุ เอตทัคคะนั้นๆด้วย ๓.โดยเป็นผู้ช่ำชองชำนาญ คือเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญเรื่องนั้นๆ เป็นพิเศษ ๔.โดยเปน็ ผยู้ ง่ิ ดว้ ยคณุ คอื มคี วามสามารถในเรอ่ื งหนง่ึ ๆเหนอื กวา่ ผอู้ น่ื ทม่ี คี วามสามารถอยา่ งเดยี วกนั 164

อยา่ งดี สรปุ วา่ ...พระอานนท์ “เท”่ และเปน็ “ไอดอล” (Idol) ของฉนั จรงิ ๆ (กราบ ขออภยั นะคะ หากภาษาทใ่ี ชม้ เิ หมาะสม แตเ่ จตนามเี พยี งเพอ่ื เนน้ ใหเ้ หน็ ถงึ ความ รว่ มสมัย ทันสมยั และเป็นอกาลโิ กในคุณงามความดีของทา่ นคะ่ ) หลังจากกราบสักการะพระอานนท์เรียบร้อยแล้ว ท่านชัยก็นำพวกเราเดิน กลบั ลงไปยงั ถำ้ สกุ รขาตา (แปลวา่ ...ถำ้ หมขู ดุ หรอื ถำ้ คางหมู ซง่ึ นา่ จะไดช้ อ่ื นเ้ี พราะ ปากถำ้ เปน็ รปู สเ่ี หลย่ี มคางหม)ู ถำ้ นเ้ี ปน็ ถำ้ ทพ่ี ระสารบี ตุ รไดบ้ รรลเุ ปน็ พระอรหนั ต์ ขณะถวายงานพัดและได้ฟังธรรมที่พระพุทธองค์ แสดงต่อปริพาชกชื่อ ทีฆนขะ (นายเล็บยาว) เหตุการณ์นี้จึงเป็นเครื่องบ่งบอกว่า การฟังธรรมนั้น...ถึงแม้จะฟัง พรอ้ มกนั โดยผแู้ สดงธรรมคนเดยี วกนั แตก่ ใ็ ชว่ า่ ผฟู้ งั แตล่ ะคนจะสามารถเหน็ ธรรม ได้ลึกซึ้งเท่าเทียมกัน แม้ตัวเราจะมิได้เป็นผู้ที่กำลังได้รับการสั่งสอนโดยตรง แต่ หากฟงั อยา่ งรคู้ ดิ และนอ้ มจติ พจิ ารณาตาม เรากอ็ าจบรรลธุ รรมทล่ี กึ ซง้ึ กวา่ ผทู้ ไ่ี ด้ รบั คำสอนโดยตรงได้เชน่ กัน ท่านชัยเล่าให้พวกเราฟังต่อว่า...พระสารีบุตรพระอัครสาวกเบ้ืองขวาใน พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทา่ นเปน็ เอตทคั คะดา้ นการมปี ญั ญาเลศิ และยงั เปน็ ผมู้ คี วาม กตญั ญอู ยา่ งยง่ิ การมากราบสกั การะทา่ นนน้ั ...นอกจากเราควรจะระลกึ ถงึ คณุ ของ ทา่ นแลว้ เรายงั ควรยดึ ถอื คณุ งามความดขี องทา่ นเปน็ แนวทางในการดำเนนิ ชวี ติ ดว้ ย ถัดจากการกราบสักการะพระอัครสาวกเบื้องขวา เราก็เดินย้อนลงไปยังถ้ำ โมคคัลลานะคูหา เพื่อสักการะพระโมคคัลลานะพระอัครสาวกเบื้องซ้าย (ถ้านับ จากตอนเดินขนึ้ เราจะถงึ ถ้ำน้ีก่อนนะคะ) ท่านชัยนำเราตั้งจิตระลึกถึงคุณของท่านและให้เราต้ังจิตอธิษฐานขอให้เรา สามารถสำเรจ็ มรรคผลไดโ้ ดยเรว็ เชน่ เดยี วกบั ทา่ น (ทา่ นสำเรจ็ มรรคผลหลงั บำเพญ็ เพยี รได้ 7 วนั ) และขอให้เรามีฤทธ์มิ ากเหมอื นทา่ น เน่ืองจากท่านเป็นเอตทคั คะ 165

ทางฤทธิ์ คำว่า ‘ฤทธิ์’ ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการอาละวาดแผลงฤทธิ์สำแดงเดช แตห่ มายถงึ การมคี วามสามารถทจ่ี ะทำสง่ิ ทย่ี ากใหเ้ ปน็ จรงิ และสามารถพสิ จู นถ์ งึ ความมีอยู่จริงของสง่ิ ตา่ งๆ ใหผ้ ้คู นไดป้ ระจกั ษ์ ถ้าจะเปรียบพระโมคคัลลานะกับพระสารีบุตรด้วยสำนวนแบบนิยายจีน กำลังภายใน ก็น่าจะกล่าวได้ว่า...พระสารีบุตรเป็นพระอัครสาวกฝ่ายบุ๋น ส่วน พระโมคคลั ลานะเป็นพระอัครสาวกฝ่ายบู๊ ในสมยั พทุ ธกาลนน้ั ครง้ั หนง่ึ พระพทุ ธเจา้ เคยทรงตรสั ถงึ พระอคั รสาวกทง้ั สอง ในหมภู่ กิ ษทุ ง้ั หลายวา่ “ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ทา่ นทง้ั หลายคบกบั สารบี ตุ รและโมคคลั ลานะ เถดิ ...สารบี ตุ รเปรยี บเหมอื นมารดาผใู้ หก้ ำเนดิ โมคคลั ลานะเปรยี บเหมอื นนางนม ผเู้ ลย้ี งทารกทเ่ี กดิ แลว้ นน้ั สารบี ตุ รยอ่ มแนะนำใหต้ ง้ั อยใู่ นโสดาปตั ตผิ ล โมคคลั ลานะ แนะนำใหต้ ง้ั อย่ใู นคณุ เบื้องบนสงู กวา่ นัน้ ...” หลงั จากเยย่ี มชมเขาคฌิ ชกฏู แลว้ คณะของเรากน็ ง่ั รถตอ่ ไปยงั ‘คกุ พระเจา้ พมิ พสิ าร’ โดยแวะชมโรงพยาบาลของหมอชวี โกมารภจั จห์ รอื หมอชวี ก (แพทยป์ ระจำพระองค์ ในพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ) ซง่ึ บดั นม้ี สี ภาพเปน็ เพยี งลานโลง่ ทก่ี ำลงั มกี ารขดุ บรู ณะ หมอชวี กเปน็ บตุ รบญุ ธรรม ทพ่ี ระอภยั ราชกมุ ารพระโอรสของพระเจา้ พมิ พสิ าร เกบ็ มาเลย้ี ง ทา่ นจงึ มศี กั ดเ์ิ ปน็ หลานของพระเจา้ พมิ พสิ าร และเมอ่ื ถกู เดก็ ในวงั ดหู มน่ิ จงึ หนไี ปศกึ ษาวชิ าแพทยท์ เ่ี มอื งตกั สลิ า และสำเรจ็ วชิ ากลบั มารกั ษาพระเจา้ พมิ พสิ ารให้ หายจากโรคภคนั ทลาพาธหรอื โรครดิ สดี วงทวาร จากนน้ั จงึ ไดร้ บั แตง่ ตง้ั เปน็ หมอหลวง ตอ่ มาทา่ นไดถ้ วายตวั เปน็ แพทยป์ ระจำพระองคใ์ นองคพ์ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ และ เนอ่ื งจากการทห่ี มอชวี กเปน็ คนทบ่ี ำเพญ็ แตส่ ง่ิ ทด่ี งี าม ชว่ ยเหลอื ผเู้ จบ็ ปว่ ยโดยไมเ่ หน็ แกฐ่ านะ พระพทุ ธองคจ์ งึ ยกยอ่ งทา่ นวา่ เปน็ เอตทคั คะในดา้ น ‘เปน็ ทร่ี กั ของปวงชน’ เราอยู่ที่นเ่ี พียงครู่เดยี วกเ็ ดนิ ทางตอ่ ไปยังคุกพระเจ้าพิมพิสาร โดยทฉี่ นั ไมร่ ู้ 166

มากอ่ นเลยวา่ ท่ีน่นั ...มเี รอ่ื งราวสะเทือนขวญั และสะเทือนใจรออยู่ ตอนแรกทไ่ี ดย้ นิ คำวา่ “คกุ พระเจา้ พมิ พสิ าร” ฉนั กน็ กึ วา่ เปน็ คกุ ทใ่ี ชข้ งั นกั โทษ ในสมยั ของพระเจา้ พมิ พสิ ารเทา่ นน้ั และสง่ิ ทค่ี ดิ วา่ จะไดเ้ หน็ กค็ อื สภาพคกุ ทย่ี ง่ิ ใหญ่ หรือไม่ก็คุกที่มีสภาพชวนให้ดูน่าอดสูหรือพรั่นพรึง แต่เมื่อไปถึงที่นั่น ฉันไม่เห็น อะไรมากไปกว่าแนวกำแพงหินที่เพิ่งมีการขุดค้นและบูรณะขึ้นมา กลางลานดิน โล่งร้าง...ร้อนแล้ง... “แล้วเรามาดูอะไรกัน”... ท่านชัยคือผู้ให้คำตอบกับฉันด้วย การเลา่ ถึงประวตั กิ ารเสียชีวติ ของพระเจ้าพมิ พิสาร พระเจา้ พมิ พสิ ารเปน็ กษตั รยิ แ์ หง่ กรงุ ราชคฤหซ์ ง่ึ เคยไดฟ้ งั ธรรมจากพระพทุ ธเจา้ จนไดด้ วงตาเหน็ ธรรม เปน็ พระโสดาบนั และไดถ้ วายทด่ี นิ บรเิ วณปา่ ไผใ่ หพ้ ระพทุ ธเจา้ จนมกี ารสรา้ งวดั เวฬวุ นั ซง่ึ เปน็ วดั แหง่ แรกในพระพทุ ธศาสนาขน้ึ มาภายหลงั แตเ่ หตใุ ด กษตั รยิ ผ์ ทู้ รงธรรมเชน่ นน้ั จงึ ตอ้ งมาถกู จองจำในคกุ เชน่ นเ้ี ลา่ ทส่ี ำคญั คนทจ่ี บั พระองค์ มาคุมขังและทรมาน ณ ที่แห่งนี้ คือพระเจ้าอชาตศัตรูพระโอรสของพระองค์ ที่ ทรงเคยหา้ มมใิ หพ้ ระชายาพรากชีวติ เสยี ตง้ั แตอ่ ยู่ในครรภ์น่นั เอง เมอ่ื พระเจา้ อชาตศตั รเู ตบิ ใหญข่ น้ึ กห็ ลงผดิ ไปคบกบั คนพาลคอื พระเทวทตั และไดค้ บคดิ กนั ยดึ ราชบลั ลงั ก์ จากนน้ั กส็ ง่ พระเจา้ พมิ พสิ ารมาขงั ไวท้ ค่ี กุ แหง่ น้ี โดย หา้ มไมใ่ หใ้ ครใหข้ า้ วใหน้ ำ้ และหา้ มไมใ่ หใ้ ครเอาอาหารมาเยย่ี มเดด็ ขาด เพอ่ื หวงั ให้ พระเจา้ พมิ พสิ ารอดอาหารตายไปเอง แตเ่ มอ่ื ผา่ นไปหลายเพลาพระเจา้ พมิ พสิ ารกย็ งั ไมต่ ายเสยี ที พระเจา้ อชาตศตั รโู กรธมาก จงึ สบื จนรวู้ า่ พระชายาของพระเจา้ พมิ พสิ าร เสดจ็ ไปเยย่ี มพระองค์ โดยนำอาหารมาทาจนทว่ั พระวรกาย กอ่ นจะนำผา้ มาคลมุ กายแล้วเสด็จเข้าเยี่ยม พระเจ้าพิมพิสารจึงมีชีวิตรอดด้วยการกินน้ำกินอาหารที่ ติดอยู่ตามร่างกายของพระชายา และตลอดเวลาที่พระเจ้าพิมพิสารถูกคุมขังอยู่ พระองคก์ ย็ งั หมน่ั ปฏบิ ตั ธิ รรมดว้ ยการเดนิ จงกรมอยภู่ ายในหอ้ งขงั พรอ้ มกบั ตง้ั จติ ไปยังยอดเขาคิฌชกูฏที่พระพุทธเจ้าจำพรรษาอยู่ โดยพระพุทธองค์ก็ทรงเมตตา 167

แสดงธรรมให้พระเจา้ พมิ พสิ ารฟังผ่านทางกระแสจติ เม่ือพระเจ้าอชาตศัตรูรู้ว่าพระบิดายังไม่สิ้นพระชนม์เพราะมีการช่วยเหลือ จากภายนอกจงึ กรว้ิ มาก และสง่ั ใหน้ ายชา่ งกลั บก กรดี ฝา่ พระบาททง้ั 2 ขา้ ง เพอ่ื ไมใ่ หพ้ ระเจา้ พมิ พสิ ารไดเ้ ดนิ จงกรมทำสมาธิ และปลอ่ ยใหพ้ ระองคเ์ ลอื ดไหลออก จากรา่ งจนส้ินพระชนม.์ .. จนกระทง่ั พระเจา้ อชาตศตั รมู พี ระโอรสเปน็ ของตนเอง จงึ ไดร้ ซู้ ง้ึ ถงึ ความรกั ที่พ่อมีต่อลูก และเกิดความรู้สึกผิดและเสียพระทัยอย่างมาก ต่อสิ่งที่พระองค์ กระทำลงไป พระเจา้ อชาตศตั รเู พยี รหาทางชำระลา้ งความผดิ บาปในใจทกุ วถิ ที าง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ไม่อาจลบล้างความรู้สึกที่แผดเผาใจตนลงได้ จนเมื่อ พระเจา้ อชาตศตั รไู ดฟ้ งั ธรรมเทศนาจากพระพทุ ธเจา้ จงึ คลายความทกุ ขร์ อ้ นทรมาน จากการก่อปิตุฆาตลง และเกิดความเลื่อมใสในพุทธศาสนา จากนั้นก็ทรงยึด พระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต หากพระเจ้าอชาตศัตรูไม่หลงไปคบคนพาล เชอื่ คนผิด พระองคก์ ค็ งสำเรจ็ มรรคผลเป็นพระโสดาบนั ไปแลว้ ... การเลอื กคบคนจงึ เปน็ สง่ิ ทส่ี ำคญั ยง่ิ ตอ่ ชวี ติ ของคนเรา อยา่ ปลอ่ ยใหค้ วามรกั ความเชื่อใจ หรือแม้แต่ความศรัทธามาบดบังตาของเรา เพราะมันมีแต่จะนำเรา ไปสหู่ นทางทมี่ ดื มิด สถานที่ต่อไปที่คณะของเราแวะไปเยือนคือศาลหลวงพ่อองค์ดำแห่งเมือง นาลันทา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักขึ้นจากหินแกรนิตสีดำสนิท มีเรื่องเล่าที่ ผคู้ นเชอ่ื สบื ตอ่ กนั มาจนถงึ ปจั จบุ นั นว้ี า่ พระพทุ ธรปู องคน์ ้ี สามารถชว่ ยรกั ษาอาการ เจบ็ ปว่ ยของชาวบา้ นได้ เพยี งแคน่ ำนำ้ มนั มาราดรดทอ่ี งคพ์ ระพทุ ธรปู แลว้ รองรบั นำ้ มนั นน้ั กลบั ไปใชท้ ำยา นวด หรอื ผสมนำ้ ผสมอาหารกนิ นำ้ มนั นน้ั กจ็ ะชว่ ยรกั ษา ร่างกายทเ่ี จ็บป่วยให้หายดีได้ 168

แต่เนื่องจากเรามีเวลาที่นั่นน้อยมาก อีกทั้งผู้ดูแลสถานที่ก็ดูคล้ายๆจะเป็น มาเฟียท้องถิ่น ที่เรียกร้องให้เราบริจาคเงินครั้งแล้วครั้งเล่า ให้ไปแล้วไม่พอก็ยัง จะขอเพม่ิ ดว้ ยการขม่ ขเู่ สยี งดงั (ขนาดพวกเราไปกบั พระนะน)่ี ผดู้ แู ลสถานทก่ี ลมุ่ หนึ่งที่พยายามขายพระพุทธรูปดำองค์จำลองแล้วดูท่าว่าจะขายไม่ได้ จึงรีบเดิน ไปทร่ี ว้ั ใกลป้ ระตทู างออกเพอ่ื ขวางเราไว้ ขณะเดยี วกนั ทา่ นชยั กร็ บี บอกใหค้ นขบั รถ ถอยรถมารบั พวกเรา แลว้ เดนิ ดว้ ยสตติ ง้ั มน่ั พรอ้ มกบั สบั ขาฉบั ๆๆออกจากบรเิ วณ นน้ั โดยเรว็ ไมต่ อ้ งสงสยั เลยวา่ ตอนนน้ั ฉนั จะทำตวั อยา่ งไร...พระอยไู่ หน...ฉนั กร็ บี ตามทา่ นไปติดๆนั่นละ่ ศาลพระพุทธรูปองค์ดำ เป็นสถานที่แรกของวัน...ที่ฉันได้เห็นร่องรอยการ ทำลายลา้ งพทุ ธศาสนาจากชาวมสุ ลมิ ในอดตี เพราะบรเิ วณใบหนา้ และนว้ิ มอื ของ พระพุทธรปู ถกู ทำลายไป แต่ชาวอินเดียกช็ ว่ ยช่อมแซมใหอ้ ย่างงา่ ยๆดว้ ยการเอา ปนู มาป้นั เป็นจมกู และนวิ้ มือที่หายไป ซ่งึ นีเ่ ป็นเพยี งร่องรอยการทำลายเลก็ ๆ แต่ สถานทตี่ ่อไปทีค่ ณะของเรากำลงั จะไปเยอื น...ชวนใหใ้ จหายย่ิงกวา่ นน้ี ัก “นาลนั ทา” คอื ชอ่ื ของเมอื งและมหาวทิ ยาลยั สงฆแ์ หง่ แรกในพระพทุ ธศาสนา มหาวทิ ยาลยั ทร่ี งุ่ เรอื งยง่ิ ใหญท่ ง้ั รปู ธรรมและนามธรรมน้ี ถกู ชาวมสุ ลมิ ในอดตี เผา ทำลายจนราบคาบ และการเผาทำลายครง้ั นน้ั กนิ เวลาตอ่ เนอ่ื งยาวนานถงึ 3 เดอื น แตถ่ งึ แมจ้ ะเหลอื เพยี งเศษซากของอฐิ และหนิ ทป่ี รกั หกั พงั “นาลนั ทา” กย็ งั คงความ ใหญโ่ ตโออ่ า่ และนา่ ทง่ึ เสมอสำหรับผูพ้ บเห็น มหาวทิ ยาลยั สงฆน์ าลนั ทาในอดตี มตี วั อาคารทส่ี งู ตระหงา่ น ซง่ึ หากนบั รวม กับพื้นที่ใช้สอยในส่วนที่เป็นชั้นใต้ดินก็จะมีความสูงรวมถึง 9 ชั้น มีระบบการ ถา่ ยเทอากาศอยา่ งดี มกี ารขดุ เจาะบอ่ นำ้ ขนาดใหญไ่ วใ้ ชส้ อยเองภายในหลายบอ่ มกี ารทำหอ้ งเกบ็ ความเยน็ ซง่ึ ทำหนา้ ทเ่ี หมอื นตเู้ ยน็ ธรรมชาติ เพอ่ื เอาไวเ้ กบ็ รกั ษา อาหารหลายหอ้ ง มหี อ้ งพกั สำหรบั ภกิ ษทุ ม่ี าจำพรรษาอยทู่ น่ี ม่ี ากมายนบั ไมถ่ ว้ น สว่ น 169

อาณาบรเิ วณโดยรอบนน้ั มเี นอ้ื ทเ่ี ทา่ ไรมอิ าจทราบไดแ้ นช่ ดั แตป่ จั จบุ นั มหาวทิ ยาลยั นาลันทามเี นอื้ ท่ีประมาณ 80 ไร่ มหาวิทยาลัยนาลันทาคือจุดศูนย์กลางการศึกษาและเป็นสถานที่ซ่ึงรวม พระภกิ ษนุ กั ศกึ ษาและนกั ปฏบิ ตั ธิ รรมจำนวนมาก วา่ กนั วา่ ในสมยั ทร่ี งุ่ เรอื งสงู สดุ ทน่ี ม่ี พี ระสงฆอ์ ยมู่ ากถงึ 30,000 รปู แตใ่ นสมยั ทห่ี ลวงจนี เฮยี งจงั หรอื พระถงั ซำจง๋ั เดนิ ทางมาถงึ ทา่ นบนั ทกึ เอาไวว้ า่ ทน่ี ม่ี พี ระสงฆอ์ ยรู่ าว 10,000 รปู แตไ่ มก่ ป่ี ตี อ่ มา เมื่อหลวงจีนอี้จิงมาเยือนนาลันทา บันทึกของท่านกลับระบุว่า ที่นี่มีพระภิกษุ อยเู่ พียง 3,000 รูป นอกจากนาลนั ทาจะมคี วามสำคญั ในฐานะเมอื งซง่ึ เปน็ ทต่ี ง้ั ของมหาวทิ ยาลยั สงฆแ์ หง่ แรกของโลกแลว้ ยงั มขี อ้ มลู ทางโบราณคดที เ่ี ชอ่ื ถอื ไดว้ า่ นาลนั ทา คอื เมอื ง ทเ่ี ปน็ บา้ นเกดิ ของสองพระอคั รสาวกเบอ้ื งซา้ ยและเบอ้ื งขวา พระโมคคลั ลานะและ พระสารบี ตุ ร และทม่ี หาวทิ ยาลยั สงฆน์ าลนั ทาแหง่ น้ี กม็ เี จดยี ท์ บ่ี รรจพุ ระอฐั ธิ าตุ ของพระสารีบุตร หลงั จากทที่ า่ นได้ดบั ขนั ธนิพพานท่ีบา้ นเกดิ ของทา่ น ในหอ้ งที่ ทา่ นเกิด ทา่ นชยั กลา่ วเสรมิ วา่ ...การทเ่ี ราไดร้ ถู้ งึ การมอี ยขู่ องมหาวทิ ยาลยั สงฆน์ าลนั ทา นี้... เราต้องขอบคุณบุคคลสำคัญ 3 ท่าน คือ หลวงจีนฟาเหียนพระภิกษุจีนที่ เดินทางเข้ามายังอินเดียเป็นรูปแรก และนำพระธรรมและเรื่องราวการเดินทาง จารกิ มาทอ่ี นิ เดยี ของทา่ นกลบั ไปยงั ประเทศจนี ซง่ึ เปน็ เหตใุ หห้ ลวงจนี เฮยี งจงั หรอื พระถงั ซำจง๋ั เดนิ ทางมายงั อนิ เดยี และบนั ทกึ เรอ่ื งราวเกย่ี วกบั มหาวทิ ยาลยั นาลนั ทา เอาไวเ้ ปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร สว่ นคนทส่ี ามทเ่ี ราตอ้ งขอบคณุ กค็ อื เซอรอ์ เลก็ ซานเดอร์ คนั น่งิ แฮม (Sir Alexander Cunningham) นกั โบราณคดชี าวอังกฤษ ซึง่ เป็นท่ี รจู้ กั ในฐานะบดิ าแหง่ การสำรวจโบราณคดอี นิ เดยี เพราะทา่ นไดเ้ ปน็ ผคู้ น้ พบและ รว่ มบรู ณะมหาวทิ ยาลยั นาลนั ทาหลงั การลม่ สลายและถกู ซอ่ นเรน้ จากโลกภายนอก 170

มานานแสนนาน หลงั จากเยย่ี มชมมหาวทิ ยาลยั นาลนั ทาแลว้ ทา่ นชยั กพ็ าเราไปแวะทว่ี ดั ไทย นาลนั ทาเพือ่ พกั รบั ประทานอาหาร กอ่ นทีจ่ ะเดนิ ทางตอ่ ในชว่ งบา่ ย หลงั จากอม่ิ หนำสำราญกบั อาหารไทยรสเยย่ี ม ในวดั ไทยทไ่ี ดร้ บั การถวายทด่ี นิ และการกอ่ สรา้ งอาคารจากชาวอนิ เดยี แลว้ สองคณุ ลงุ คณุ ปา้ ซง่ึ เตรยี มขา้ วของมา ทอดผา้ ปา่ มาจากเมอื งไทย กท็ ำใหฉ้ นั ไดม้ สี ว่ นรว่ มถวายปจั จยั ทอดผา้ ปา่ ไปกบั เขาดว้ ย พอออกจากโบสถม์ า ฉนั กเ็ หน็ พอลเงยหนา้ ถา่ ยรปู โบสถย์ กใหญ่ จงึ มองตาม ขน้ึ ไปดวู า่ “ฝรั่ง” ถ่ายอะไร แล้วก็ตอ้ งอา้ ปากคา้ ง...เมือ่ เหน็ วา่ รอบตัวโบสถ์ของ วัดไทยนาลันทา มีรังผ้ึงอยเู่ ป็นรอ้ ยๆรัง เมอ่ื สอบถามจากพระทป่ี ระจำอยทู่ ว่ี ดั ทา่ นกบ็ อกวา่ แถวนเ้ี ขามอี ตุ สาหกรรม เลยี้ งผึ้ง น้ำผึง้ ของที่นม่ี ชี อ่ื เสียงมาก คณุ ลงุ คุณปา้ ท้งั สองจึงอยากซ้อื กลบั บา้ นสกั ขวดสองขวด แตเ่ พราะความทเ่ี หลา่ นกั ทอ่ งเทย่ี วมกั โดนแขกหลอกกนั มาจนชอกชำ้ พระทา่ นจงึ เมตตาโทรไปสอบถามทฟ่ี ารม์ ผง้ึ ใหว้ า่ นำ้ ผง้ึ ทม่ี ขี ายเปน็ นำ้ ผง้ึ ธรรมชาติ หรอื ไม่ คำตอบทไ่ี ดก้ น็ า่ ชน่ื ใจนกั เพราะทน่ี เ่ี ขาเลย้ี งผง้ึ แบบธรรมชาต.ิ ..โดยปลอ่ ย ใหผ้ ง้ึ ‘หากนิ เอง’ จากนำ้ ตาลท่ี ‘เคย่ี วไวใ้ หก้ นิ ’...ตามธรรมชาต.ิ .. เลยสรปุ วา่ ไมม่ ี ใครซ้อื “นำ้ ผ้ึงธรรมชาติ”กลับไปสักขวด... คณะของเราเรม่ิ ออกเดนิ ทางไปบนถนนทร่ี อ้ นแลง้ อกี ครง้ั โดยมจี ดุ หมายตอ่ ไป ทว่ี ดั แหง่ แรกในพระพทุ ธศาสนา แตค่ วามคดิ ของฉนั ยงั คงอยกู่ บั ผง้ึ ตวั นอ้ ยๆทช่ี ายคา โบสถว์ ดั ไทยนาลนั ทา เพราะจะวา่ ไปแลว้ ...ผง้ึ เหลา่ นน้ั กไ็ มไ่ ดแ้ ตกตา่ งจากฉนั เทา่ ไร... มนั คงรสู้ กึ วา่ รสชาตขิ องนำ้ หวานทเ่ี ขาเคย่ี วมาใหพ้ วกมนั ดม่ื กนิ ไดง้ า่ ยๆสบายๆนน้ั คงมรี สชาตทิ ไ่ี มอ่ าจเทยี บไดก้ บั รสชาตขิ องเสรภี าพ และความยากลำบากทม่ี คี วาม สนกุ สนานแฝงอยใู่ นที ของการบกุ บน่ั คน้ หานำ้ หวานเพยี งไมก่ ห่ี ยดจากดอกไมแ้ ทๆ้ 171

ตามธรรมชาติ มนั จงึ เลอื กทจ่ี ะหนอี อกจากการทำงานในธรุ กจิ ระดบั อตุ สาหกรรม ที่สุขสบาย แล้วหันมาใช้ชีวิตแบบพอเพียงด้วยการหาน้ำหวานจากดอกไม้ตาม ธรรมชาติ พรอ้ มกบั ทำรงั เล็กๆอย่ตู ามชายคาโบสถ์ ออกจากวดั ไทยนาลนั ทามาครเู่ ดยี ว คณะของเรากม็ าถงึ ‘วดั เวฬวุ นั ’ ซง่ึ เปน็ วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา และยังเป็นสถานที่ที่พระสงฆ์ 1,250 มาประชุม กนั โดยมไิ ดน้ ดั หมาย โดยทพ่ี ระสงฆเ์ หลา่ นน้ั ตา่ งกเ็ ปน็ เอหภิ กิ ขุ และเปน็ พระอรหนั ต์ ทกุ รปู ซง่ึ เหตกุ ารณด์ งั กลา่ วเกดิ ขน้ึ ในวนั เพญ็ เดอื น 3 ทพ่ี ระจนั ทรเ์ สวยมาฆะฤกษ์ เราจึงเรียกเหตุการณ์ดังกล่าวว่าจาตุรงคสันนิบาตหรือการประชุมพร้อมกันแห่ง องคส์ ่ี และในโอกาสดงั กลา่ วองคพ์ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ กไ็ ดแ้ สดงโอวาทปาตโิ มกข1์ อนั เป็นหัวใจสำคญั ของพุทธศาสนา ‘เวฬุวัน’ อันเป็นชื่อของวัดนั้นแปลว่า ‘ป่าไผ่’ ซึ่งป่าไผ่แห่งนี้เดิมเคยเป็น สถานทเ่ี สดจ็ ประพาสของเหลา่ พระมหากษตั รยิ แ์ หง่ แควน้ มคธ จนกระทง่ั ถงึ รชั สมยั ของพระเจา้ พมิ พสิ าร พระองคไ์ ดถ้ วายปา่ ไผแ่ หง่ นใ้ี หแ้ กพ่ ระพทุ ธเจา้ หลงั จากไดฟ้ งั ธรรมเทศนาจากพระโอษฐแ์ ลว้ เกดิ ความเลอ่ื มใส ไดด้ วงตาเหน็ ธรรมจนบรรลเุ ปน็ พระโสดาบัน คณะของเราใชเ้ วลาอยทู่ ว่ี ดั เวฬวุ นั ไมน่ านกอ็ อกเดนิ ทางกนั อกี ครง้ั และสง่ิ ท่ี เรากำลงั จะไดเ้ หน็ ตอ่ จากความเสอ่ื มสลายและไมเ่ ทย่ี ง...กค็ อื ความเชอ่ื และศรทั ธา อันเหนียวแน่นของชาวฮนิ ดูตอ่ ระบบชนชน้ั 1 โอวาทปาติโมกข์ คอื หลักธรรมท่ปี ระกอบดว้ ย…หลกั การ ๓, อุดมการณ์ ๔, วธิ ีการ ๖ หลักการ ๓ คอื การไมท่ ำบาปทงั้ ปวง, ทำกศุ ลใหถ้ ึงพร้อม, ทำจิตให้ผอ่ งใส อุดมการณ์ ๔ คอื ความอดกลน้ั , ความไม่เบียดเบียน, ความสงบ, นิพพาน วธิ กี าร ๖ คอื ไมว่ า่ ร้าย, ไมท่ ำรา้ ย, สำรวมในปาติโมกข,์ รูจ้ กั ประมาณ, อยใู่ นสถานท่ที ่ีสงดั , ฝกึ หดั จิตใจใหส้ งบ(จากกิเลส) 172

อากาศทร่ี อ้ น...จนทำใหฉ้ นั แทบหายใจไมอ่ อกของบา่ ยวนั นน้ั ยงั ไมอ่ าจทำให้ ฉันใจหาย...จนแทบลืมหายใจ...ได้เท่ากับภาพที่ปรากฏตรงหน้า เมื่อได้ไปเยือน บอ่ นำ้ รอ้ นศักดิ์สทิ ธ์.ิ ..‘ตโปธาร’ ‘ตโปธาร’ คือเครื่องยืนยันถึงการมีอยู่ของระบบวรรณะในอินเดียได้อย่าง ชัดเจน ทีส่ ำคญั ...มนั เปน็ การมีอยขู่ องระบบวรรณะทีผ่ ูท้ ่อี ยใู่ นวรรณะนัน้ ๆ ต่างก็ ยอมรับในสถานะของตวั เองอกี ด้วย บอ่ นำ้ รอ้ นแหง่ นจ้ี ะมกี ารจดั สรรแบง่ สว่ นแบง่ พน้ื ทก่ี ารใชน้ ำ้ สำหรบั คนแตล่ ะ วรรณะอยา่ งชดั เจน คนทอ่ี ยใู่ นวรรณะสงู ทส่ี ดุ จะไดใ้ ชน้ ำ้ รอ้ นสะอาดใสจากชน้ั บนสดุ ในการชำระลา้ งรา่ งกายและซกั ลา้ งขา้ วของเครอ่ื งใชต้ า่ งๆกอ่ นผทู้ อ่ี ยใู่ นวรรณะอน่ื ๆ แล้วน้ำที่ผ่านการใช้งานแล้วก็จะไหลต่อลงไปให้ผู้ที่อยู่ในวรรณะต่ำกว่าลงไปได้ ใชส้ อย จงึ ไมน่ า่ แปลกใจทน่ี ำ้ ซง่ึ ไหลผา่ นมาใหค้ นในวรรณะศทู รกบั จณั ฑาลไดใ้ ชท้ ่ี ชน้ั ลา่ งสดุ (และเปน็ ชน้ั แรกสดุ ทฉ่ี นั ไดเ้ หน็ ) จะมสี ขี น้ ขลก่ั เหมอื นนำ้ กะทแิ ตงไทยใส่ งาดำ แตพ่ วกเขากย็ งั เตม็ ใจใชน้ ำ้ เปน็ กลมุ่ สดุ ทา้ ย เพราะพวกเขา “เชอ่ื ” วา่ พวกเขา “ควร” ใชน้ ำ้ ทผ่ี า่ นการใชง้ านของคนทอ่ี ยใู่ นวรรณะทส่ี งู กวา่ เพราะพวกเขา “เชอ่ื ” วา่ การไมย่ อมรบั ในวรรณะของตน และพยายามตะเกยี กตะกายขน้ึ ไปใชช้ วี ติ ในชน้ั ที่ไม่ใชว่ รรณะโดยกำเนิดของตนนัน้ “เป็นบาป” ภาพทป่ี รากฏอยเู่ บอ้ื งหนา้ ทำใหฉ้ นั ตระหนกั ถงึ ความสำคญั ของความเชอ่ื และ ศรทั ธา ความเชอ่ื คอื สง่ิ ทส่ี ำคญั มาก เพราะเราจะเปน็ เชน่ ทเ่ี ราเชอ่ื แตใ่ นสงั คมท่ี มคี วามแตกตา่ งกนั สงู เชน่ น้ี ระบบวรรณะอาจมคี วามสำคญั ตอ่ การควบคมุ และจดั ระเบียบสงั คมของพวกเขากเ็ ป็นได้ อาจเปน็ ไปไดว้ า่ ...รากฐานของระบบชนชน้ั วรรณะในอนิ เดยี อาจเรม่ิ มาจาก ความคดิ ทว่ี า่ คนเราเกดิ มาโดยไมเ่ ทา่ เทยี มกนั ไมว่ า่ จะเปน็ ในเรอ่ื งของกำลงั ทรพั ย์ 173


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook