Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธันยาวาท_หิมาลประเทศ

ธันยาวาท_หิมาลประเทศ

Description: ธันยาวาท_หิมาลประเทศ

Search

Read the Text Version

สติปัญญา หรือโอกาส และการจะมีสังคมที่สงบสุขได้ในความไม่เท่าเทียม ก็คือ การทแ่ี ตล่ ะคนพอใจในฐานะและชาตติ ระกลู ของตน ไมก่ า้ วลว่ งกจิ ของคนในแตล่ ะ วรรณะ เพยี งแตผ่ ทู้ ก่ี า้ วขน้ึ มามอี ำนาจในสงั คม อาจเอาแนวคดิ พน้ื ฐานทค่ี วรเปน็ ไปเพื่อความสงบสุขของสังคมไปบิดเบือนใช้ หรือกำหนดกฏเกณฑ์ต่างๆขึ้นมา ภายหลงั เพ่ือผลประโยชน์ของตนเอง ระบบวรรณะซง่ึ อาจมขี น้ึ มาเพอ่ื ให้ ‘ผใู้ หญ’่ หรอื คนทม่ี ฐี านะสงู กวา่ ... เมตตา เออ้ื เฟอ้ื ชว่ ยเหลอื และไมร่ งั แก ‘ผนู้ อ้ ย’ หรอื ผทู้ อ่ี ยใู่ นฐานะทต่ี ำ่ กวา่ ตน จงึ กลาย เป็นดาบหรือแส้ ที่ทำให้ผู้น้อยทั้งหลายต้องทุกข์ยากเพิ่มขึ้น ความไม่ดี จึงไม่ได้ อยทู่ ี่ ‘ระบบวรรณะ’ แต่อย่ทู กี่ ารใช้มันและเจตนาในการใชม้ ันตา่ งหาก แตห่ ากเราจะนำเรอ่ื งสทิ ธใิ นการใชน้ ำ้ กอ่ น-หลงั ตามระบบวรรณะของตโปธาร มาเปรียบเทียบกับการอุปโภคบริโภคทรัพยากรที่มีอยู่บนโลกของผู้คนในยุคน้ี ก็จะเห็นได้ว่า...เราเองก็ปฏิบัติตัวไม่ต่างจากการเป็นคนที่อยู่ในวรรณะสูงๆ ที่ใช้ น้ำอย่างขาดความรับผิดชอบต่อคนที่อยู่ในวรรณะต่ำกว่า เพราะลูกหลานที่เป็น ชนรนุ่ หลงั ของเรา กก็ ำลงั ถกู ยดั เยยี ดความเปน็ อยเู่ ยย่ี งวรรณะศทู รหรอื จณั ฑาลให้ โดยทพ่ี วกเขาไมม่ ที างเลอื ก หรอื ไมม่ แี มก้ ระทง่ั ความเชอ่ื ...วา่ พวกเขาควรไดร้ บั ใน สง่ิ ทก่ี ำลงั จะไดร้ ับ พวกเรากำลงั ทำลายสง่ิ แวดลอ้ ม กำลงั กอบโกยความสขุ ใสต่ วั โดยลมื เออ้ื อาทร ตอ่ ผทู้ อ่ี ยขู่ า้ งหลงั ลมื วา่ เรากำลงั ใชท้ รพั ยากรทผ่ี อู้ น่ื กม็ สี ว่ นรว่ มในการเปน็ เจา้ ของ เชน่ กนั แลว้ เราจะถอื ตวั วา่ ‘ตนนน้ั หนอเปน็ คนด.ี ..ไมเ่ คยแบง่ ชนชน้ั วรรณะกบั ใคร’ ได้อยา่ งไรเลา่ การเดนิ ทางทเ่ี รม่ิ ตง้ั แตก่ อ่ นตหี า้ ของเรายงั ไมจ่ บลงงา่ ยๆ ถดั จากบอ่ นำ้ รอ้ น ตโปธาร เราก็แวะไปชมถ้ำสมบัติพระเจ้าพิมพิสาร แวะดูรอยเกวียนโบราณ ที่บด 174

ถนนหนิ ซง่ึ เปรยี บเสมอื นถนนซเู ปอรไ์ ฮเวยใ์ นสมยั พทุ ธกาล จนเปน็ รอ่ งลกึ ยาว และ แวะไปเยือนถ้ำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยา บนภูเขาดงคสิริ กอ่ นท่จี ะกลับส่พู ุทธคยา ถา้ คณุ ไดม้ โี อกาสมาเยอื นภเู ขาดงคสริ ิ กม็ ี 2 สง่ิ ทค่ี ณุ จะตอ้ งระมดั ระวงั เปน็ พเิ ศษ นน่ั คอื ...‘ลงิ ’ ทพ่ี รอ้ มจะโจมตคี ณุ ทกุ เมอ่ื ...และ ‘ขอทาน’ ทพ่ี รอ้ มจะตามตดิ คณุ เปน็ เงาตง้ั แตป่ ากประตรู ถ ตลอดทางเดนิ ขน้ึ เขา และพวกเขากจ็ ะยนิ ดรี อใหค้ ณุ กลับมาจากการกราบสักการะพระพุทธเจ้า เพื่อที่จะเดินไปส่งคุณจนถึงประตูรถ พรอ้ มกบั เรียกคณุ วา่ “มหาราน.ี ..มหาราชา” ตลอดเวลา ดงั นนั้ ...ใครทอี่ ยากเปน็ เจา้ คนนายคนแลว้ ยงั ไมส่ มหวงั ขอใหม้ าทน่ี โี่ ดยดว่ น เพราะคณุ จะไดเ้ ลอ่ื นขน้ั เปน็ เจา้ คนนายคนทนั ทที ม่ี าถงึ อาจจะมขี อ้ เสยี อยสู่ กั นดิ ก็ ตรงท.่ี ..สำเนยี งเรยี กขานนน้ั ฟงั ดจู ะคลา้ ยๆคำวา่ “ห...มาราน”ี กบั “ห...มาราชา” เสยี มากกว่า (อิอ)ิ วันท่ีเหนื่อยอ่อนของพวกเราจบลงด้วยการรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน โดยมีพอลเป็นเจ้ามือ แต่พอทุกคนได้รับอาหารครบหมดแล้วขาดแต่ท่านชัยคน เดยี ว พอลจงึ ถามวา่ ทำไมทา่ นชยั ไมส่ ง่ั อาหารมาฉนั ฉนั จงึ ตอ้ งอธบิ ายใหพ้ อลทราบ ถงึ ขอ้ ปฏบิ ตั ทิ แ่ี ตกตา่ งกนั ของพระภกิ ษทุ างฝง่ั เถรวาทและมหายาน เนอ่ื งจากพระสงฆ์ ทางฝง่ั มหายานพระจะฉนั อาหาร 3 มอ้ื ได้ แตพ่ ระสงฆท์ างฝง่ั เถรวาท จะฉนั อาหาร ได้เพยี ง 2 มอ้ื และหลังเพลพระจะด่ืมไดเ้ พียงนำ้ ปานะ พอลจึงเพยี รถามทา่ นชัย ตลอดมือ้ นั้นวา่ จะดมื่ น้ำอะไรอกี ไหม เมอื่ เห็นวา่ ท่านด่ืมน้ำปานะในแก้วหมดแลว้ หลังจากกินข้าวกินปลากันเสร็จสรรพ ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ฉัน กล่าวอำลาคุณลุงคุณป้าตั้งแต่ค่ำวันนั้น เพราะพรุ่งนี้ทั้งสองต้องออกเดินทางกัน แต่เช้าตรู่ 175

วันที่ 3 และวันสุดท้ายในพุทธคยาของฉันเริ่มต้นอย่างสงบสบายด้วยการ สวดมนตท์ ำวตั รเชา้ ตอ่ ดว้ ยการนง่ั สมาธแิ ละเดนิ จงกรมรอบมหาโพธเิ จดยี ์ 32 รอบ เพอ่ื เปน็ การขอบคณุ พอ่ แมท่ ใ่ี หโ้ อกาสฉนั ไดเ้ กดิ มาบนโลกนอ้ี ยา่ งแขง็ แรง ปลอดภยั และมรี า่ งกายปกตคิ รบ 32 (แมส้ ตสิ ตงั อาจจะเพย้ี นๆลน้ ๆขาดๆเกนิ ๆไปบา้ งกต็ าม) ซ่ึงเมอื่ ก่อนฉนั กไ็ มเ่ คยรหู้ รอกวา่ ไออ้ าการครบ 32 นน้ั มนั คอื อะไรบา้ ง แตเ่ พงิ่ จะ มารเู้ อาภายหลงั หลงั จากทไ่ี ดส้ วดมนตบ์ ทปลงสงั ขารนล่ี ะ่ ใครอยากรวู้ า่ มอี ะไรบา้ ง กล็ องไปหามาอา่ นมาสวดดูนะคะ ก่อนออกเดิน...ฉันต้ังจิตอธิษฐานระลึกถึงคุณบิดามารดาตามท่ีพระคุณเจ้า พระราชรตั นรงั ษที า่ นแนะนำไว้ คอื ใหเ้ ดนิ ระลกึ ถงึ คณุ ของบดิ าเปน็ จำนวน 12 รอบ แล้วระลึกถึงคุณของมารดา 20 รอบ รวมเป็น 32 รอบพอดี ตอนนั้นฉันไม่ได้มี โอกาสถามทา่ นวา่ ทำไมถงึ ตอ้ งแบง่ เดนิ ใหพ้ อ่ 12 รอบ เดนิ ใหแ้ ม่ 20 รอบ หากได้ มโี อกาสกลบั ไปอกี ครง้ั ฉนั คงตอ้ งเรยี นถามทา่ นสกั หนอ่ ย เพราะบางคนกบ็ อกให้ ฉนั เดินวนเป็นจำนวนมากกว่าอายุ 1 รอบ แตห่ ากถอื คตเิ ดินมากกวา่ อายุ 1 รอบ เวลาคนถามว่าฉันเดินไปทั้งหมดกี่รอบ คนเขาก็รู้อายุของฉันกันพอดีสิ ไม่ได้ๆๆ คนเรามนั กต็ อ้ งมคี วามลับกนั บ้าง ตอนทฉ่ี นั เรม่ิ เดนิ เปน็ เวลา 11 โมงกวา่ ๆใกลเ้ ทย่ี งเตม็ ที พน้ื หนิ ออ่ นรอบองค์ เจดยี จ์ งึ รอ้ นจดั เพราะดดู ซบั ความรอ้ นของแดดยามเทย่ี งเอาไวเ้ ตม็ ท่ี แตส่ ำหรบั ฉนั มนั คอื เวลาทด่ี ที ส่ี ดุ ทจ่ี ะเดนิ เจรญิ สตเิ พอ่ื ระลกึ ถงึ คณุ ของพอ่ แม่ เพราะมนั เปน็ ชว่ ง เวลาเดยี วกบั เวลาทฉี่ นั ลืมตาขึน้ มาดูโลก สัมผัสทุกย่างก้าวท่เี ท้าเปลือยเปล่าของฉันวางแนบกับหินอ่อนท่รี ้อนระอุไอ แห่งดวงอาทิตย์ ช่วยเตือนให้ฉันคิดถึงความยากลำบากและความอุตสาหะของ พ่อแม่ที่ช่วยเลี้ยงดูฉันขึ้นมาจนเติบใหญ่ การกำหนดจิตอยู่กับพระคุณของพ่อแม่ และการสำนกึ วา่ ตนเองเปน็ ลกู ทโ่ี ชคดแี คไ่ หนทไ่ี ดม้ อี ะไรๆในชวี ติ มากมายถงึ เพยี ง 176

น้ี ทำใหย้ า่ งกา้ วทแ่ี สบรอ้ นเหมอื นถกู ยา่ งในตอนแรก เรม่ิ เปลย่ี นเปน็ การยา่ งเยอ้ื ง ไปกับความรู้สกึ ว่า “มคี วามรอ้ น” แต่ “ไม่แสบรอ้ น” บางครง้ั เหมอื นเท้าจะชาๆ ไม่รู้สึกถึงความร้อนราว 40 องศาเลยด้วยซ้ำ และน่าแปลกที่ขณะที่ฉันเดินอยู่ มี สายลมคอยพดั ใหค้ วามเยน็ กบั ฉนั ตลอดเวลา แมแ้ สงแดดจากเบอ้ื งบนจะสอ่ งตรง ลงมาหาฉัน และพื้นหินเบื้องล่างจะร้อนดังถ่านเพลิงยามได้สัมผัส แต่ฉันกลับไม่ รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเลย จากการต้อง ‘ทนเดิน’ ในตอนแรก ฉันกลับเดินได้โดย ‘ไม่ตอ้ งทน’... น่ีกระมังท่ีเขาเรยี กว่า ‘สมาธิ’ กอ่ นเรม่ิ ออกเดนิ มคี นพดู กบั ฉนั ดว้ ยความหวงั ดวี า่ “มาเดนิ ตอนเยน็ ใหมด่ กี วา่ มง้ั ...ตอนนม้ี นั รอ้ นมากนะ” แตต่ อนนน้ั ฉนั ไดแ้ ตค่ ดิ วา่ ... ‘ตอ้ งทำตอนนแ้ี ละเดย๋ี วน’้ี และมนั กเ็ ปน็ การเดนิ ระยะสน้ั ๆ ทฉ่ี นั “จะไมม่ วี นั ลมื เลยตลอดชวี ติ ” เพราะนค่ี อื การเดนิ ไกลบา้ น...แตม่ นั กเ็ ปน็ การเดนิ ทเ่ี ปรยี บเสมอื นกบั การจงู มอื ใหพ้ อ่ และแม่ ของฉนั ไดเ้ ดนิ รอบสถานทอ่ี นั ศกั ดส์ิ ทิ ธแ์ิ หง่ นไ้ี ปพรอ้ มๆกนั และฉนั กไ็ ดแ้ ตห่ วงั วา่ ทา่ นจะสมั ผสั ได้ แตเ่ มอ่ื เวลาลว่ งเลยผา่ นไปถงึ เกอื บ 2 ปี ในขณะทฉ่ี นั กำลงั ปรบั แกง้ านเขยี น ของฉนั อยนู่ ้ี ฉนั กไ็ ดต้ ระหนกั วา่ ...คำวา่ “จะไมม่ วี นั ลมื เลยตลอดชวี ติ ” เปน็ คำพดู ที่ “เพ้อเจ้อสิ้นดี” เพราะกาลเวลาและเรื่องราวใหม่ๆที่เพิ่มเข้ามาในชีวิตของเรา จะผลักเอาเรื่องราวเก่าๆ และความรู้สึกเดิมๆไปจากหัวจากใจของเราตลอดเวลา แมเ้ ราจะไมไ่ ดล้ มื มนั ไปอยา่ งสน้ิ เชงิ แตม่ นั กจ็ ะถกู บบี อดั ใหม้ ขี นาดเลก็ ลง และถกู เก็บเข้าไปลึกขึ้น จนเราลืมที่จะนึกถึง ฉันขอยอมรับตามตรงว่าฉันไม่ได้คิดถึง ประสบการณข์ ณะทเ่ี ดนิ รอบมหาโพธเิ จดยี ม์ านานมากแลว้ แมว้ า่ ในขณะทก่ี ลบั มา รำลึกถึงมันอีกครั้ง ความรู้สึกของฉันจะยังแจ่มชัดอยู่มาก แต่มันก็ไม่ได้คมกริบ เหมอื นขณะทเ่ี กดิ ความรสู้ กึ นน้ั จรงิ ๆ การทฉ่ี นั พดู วา่ “ฉนั จะไมม่ วี นั ลมื ประสบการณ์ ครงั้ นน้ั ...ตลอดชวี ิต” จงึ ไม่ต่างอะไรกับการพดู เพอ้ เจอ้ หาสาระอะไรไมไ่ ด้ 177

ในเม่ือคำพูดของเราเอง...ในเวลาและสถานที่ที่ศักด์ิสิทธ์ิที่สุด...หนักแน่น และม่ันคงทางความรู้สึกท่ีสุด...ยังมีวันเปลี่ยนผันได้...เราจะไปจริงจังกับคำพูด หรือคำสัญญาของคนอื่นได้อย่างไร ยิ่งคำพูดพล่อยๆหรือคำด่าทอว่าร้ายยิ่งแล้ว ใหญ.่ ..มนั หานำ้ หนกั หรอื สาระอะไรไมไ่ ดเ้ ลยจรงิ ๆ แมใ้ นขณะทเ่ี ราพดู หรอื กระทำ สง่ิ ๆหนง่ึ ๆอยู่ เราจะมคี วามจรงิ จงั ตง้ั ใจมากแคไ่ หนกต็ าม...สดุ ทา้ ยมนั กไ็ มม่ คี วาม สำคญั อะไรเลย เพราะมนั เปน็ สง่ิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ แลว้ ...และจบไปแลว้ สง่ิ ทส่ี ำคญั มเี พยี ง ปัจจุบันขณะ...คือการคิด การพูด และการกระทำ(หรือกรรม)ในปัจจุบันเท่านั้น เราจงึ ตอ้ งหมน่ั เตมิ ความคดิ ทด่ี ี ตอ้ งหมน่ั พดู ในสง่ิ ทด่ี ี ตอ้ งหมน่ั กระทำในสง่ิ ทด่ี ไี ว้ บ่อยๆ เสมอๆ เพื่อทเ่ี ราจะได้ไมพ่ ล้ังเผลอ หรอื ลืมความตัง้ ใจดีของเราไปเสยี ฉันจึงดีใจที่งานเขียนของฉันชิ้นนี้ ต้องใช้เวลาในการสร้างสรรค์มันขึ้นมาถึง สองปี เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันได้มีเวลากลับมาเห็น และทบทวนความ เปลี่ยนแปลงความเป็นไปของตนเองอีกครั้ง ตอนนี้ฉันเริ่มเห็นความบกพร่องของ ตนเองชดั ข้ึน และในยามทฉี่ นั มี ‘สติ’ ฉันกจ็ ะ ‘หยุด’ มันได้เร็วขน้ึ หรอื สร้างผล เสยี หายนอ้ ยลง ‘สต’ิ จงึ เปน็ เครอ่ื งปอ้ งกนั ชน้ั เลศิ ... ‘สต’ิ คอื เครอ่ื งมอื ทช่ี ว่ ยชดั เกลาใหฉ้ นั ... “เติบโตขน้ึ อยา่ งอ่อนโยน” แทนการ... “เตบิ โตขึน้ อย่างแขง็ แกรง่ ” และฉันกห็ วงั วา่ คณุ ผอู้ า่ นทกุ ทา่ นจะ “หมน่ั เตมิ ” สง่ิ ดๆี ใหก้ บั ชวี ติ ของตนเอง ดว้ ยการ “เจรญิ สต”ิ มากกว่าที่จะ “หมั่นจำ” สิ่งดีๆในชีวิตของตนเอง เพราะคุณไม่มีทางซาบซึ้งและ จดจำเรอ่ื งราวในอดตี ไดม้ ากเทา่ กบั การซาบซง้ึ สง่ิ ดๆี ในปจั จบุ นั ขณะของคณุ แนๆ่ ... วันสุดท้ายในพุทธคยาของฉัน ดูเหมือนจะเป็นวันสบายๆไร้ปัญหา แต่ฉันก็ ตอ้ งพบวา่ ความโกะ๊ กงั ของฉนั สรา้ งเรอ่ื งวนุ่ วายขน้ึ อกี แลว้ ... เนอ่ื งจากบา่ ยวนั นน้ั พอลแวะมาลาฉนั กอ่ นทเ่ี ขาจะยา้ ยไปพกั ทว่ี ดั ทเิ บต เพราะเขายงั จะอยทู่ พ่ี ทุ ธคยา ตอ่ อกี 2-3 วนั และพอลกฝ็ ากฉนั คนื กญุ แจหอ้ งพกั ของเขาใหก้ บั พระผดู้ แู ลหอ้ งพกั 178

และด้วยความที่ฉันจำเบอร์ห้องของตัวเองไม่ได้ ฉันจึงหยิบกุญแจห้องของพอล ตดิ ตวั ไปมหาโพธวิ หิ ารและทง้ิ กญุ แจของตวั เองไวใ้ นหอ้ ง ทำเอาเดอื ดรอ้ นถงึ หลวงพอ่ หลวงพแ่ี ถวนน้ั ทต่ี อ้ งมาชว่ ยกนั หากญุ แจสำรอง...ซง่ึ กห็ ากนั ไมเ่ จอ... ในทส่ี ดุ ทง้ั พระ ทง้ั โยมอยา่ งฉนั จงึ ตอ้ งใชว้ ชิ ามารงดั ประตหู อ้ งดา้ นหลงั ซง่ึ ฉนั สงั เกตเหน็ ตง้ั แตว่ นั แรก ทมี่ าพักแลว้ วา่ มนั ปดิ ไม่ค่อยสนิท และพอจะเออื้ มมอื เข้าไปล้วงเปิดกลอนได้ ฉนั กบั หลวงพอ่ รปู หนง่ึ จงึ ชว่ ยกนั งดั ประตเู ปน็ พลั วนั โดยมอี ปุ กรณเ์ สรมิ เปน็ เครอ่ื งมอื ชา่ งเอนกประสงค์ ซง่ึ มหี วั ดา้ นหนง่ึ เปน็ คมี อกี ดา้ นเปน็ ขวาน และมกี า้ นท่ี สามารถดงึ แยกออกมาเปน็ มดี และไขควงขนาดตา่ งๆกนั หลวงพอ่ พยายามใชเ้ ครอ่ื งมอื เขี่ยกลอนโดยมีฉันคอยง้างบานประตู แต่สุดท้ายหลวงพ่อก็ปลดกลอนด้านในได้ สำเรจ็ ดว้ ยมอื เปลา่ ฉนั จงึ ไดแ้ ตก่ ราบขอบพระคณุ และกราบขออภยั หลวงพอ่ ทา่ น อย่างแรง ต่อความวุ่นวายที่ก่อขึ้น แต่ท่านก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับยื่น อาวธุ ชน้ิ เอกของทา่ นใหฉ้ นั และบอกใหฉ้ นั เกบ็ มนั ไวเ้ ปน็ ทร่ี ะลกึ เผอ่ื จะตอ้ งใชม้ นั อีกในโอกาสหน้า ฉันจึงยื่นมือออกไปรับขวาน(ลงอาคม) ที่หลวงพ่อท่านค่อยๆ หยอ่ นใสม่ อื ของฉัน ดว้ ยความรูส้ ึกทท่ี ัง้ ขำทง้ั ขอบคณุ ฉนั ละ่ อยากเรยี กการเดนิ ทางในอนิ เดยี ครง้ั นว้ี า่ “ทรปิ คณุ พระชว่ ย” จรงิ ๆ เพราะตงั้ แตเ่ ดนิ ทางมา...ฉันกไ็ ด้รับความชว่ ยเหลือจากบรรดาคุณพระคณุ เจ้า ตลอดๆ ถา้ ไมม่ พี ระไมม่ ีเจ้าฉนั จะไปรอดไหมเนยี่ ! 179

ดกู รภิกษทุ งั้ หลาย ผู้ใด ไมเ่ พลดิ เพลิน รปู ...เวทนา...สญั ญา...สังขาร...วญิ ญาณ ผนู้ ้นั ชื่อวา่ ไม่เพลดิ เพลนิ ทุกข์ ผูใ้ ดไมเ่ พลดิ เพลนิ ทุกข์ เรากลา่ ววา่ ผ้นู ้นั พน้ ไปจากทกุ ข์ ขันธ.สํ. อภินนั ทนสตู ร ๑๗/๓o

บทท่ี 12 แฮป็ ปเ้ี จอรน์ ยี ์ สถานรี ถไฟ Gaya Junction ในคำ่ วนั นม้ี ผี คู้ นคกึ คกั หนาตา ตา่ งจากวนั แรก ที่ฉันมาถงึ ในวันกอ่ นเลือกต้ังหนา้ มอื เปน็ หลงั มอื ทวั่ อาณาบริเวณของสถานีรถไฟ มีคนนั่งนอนอยู่เต็มพื้นที่ไม่ว่าจะบนเก้าอี้หรือพื้นทางเดิน ส่าหรีดูจะมีประโยชน์ มากในยามเดินทางสำหรับสาวๆที่นี่ เพราะนอกจากจะใช้ส่าหรีกันแดด กันลม กันฝุ่นแล้ว... พวกเธอยังใช้มันเป็นผ้าเช็ดช้อนและจานชาม ที่พกติดตัวมาด้วยได้ เปน็ อยา่ งดี สว่ นในยามทต่ี อ้ งการพน้ื ทน่ี ง่ั นอนสว่ นตวั พวกเธอกส็ ามารถปลดสา่ หรี มาใชเ้ ปน็ ผา้ รองนง่ั รองนอนได้ สว่ นฉนั ทไ่ี มม่ สี า่ หรเี ปน็ ของตวั เอง กไ็ ดแ้ ตเ่ ดนิ ทอ่ มๆ มองหาทว่ี ่างทพ่ี อจะนง่ั รอรถไฟได้ตอ่ ไป ในที่สุดฉันก็เจอท่ีนั่งใกล้ๆครอบครัวชาวอินเดียครอบครัวใหญ่ครอบครัว หนงึ่ ซึง่ เดนิ ทางพร้อมกนั ทเี ดียวถงึ 8-9 คน และสง่ิ ที่ฉันชอบมากในครอบครวั นก้ี ็ คอื ...พวกเขาทำใหฉ้ นั รสู้ กึ วา่ ‘ทกุ ทค่ี อื บา้ นของพวกเขา’ พวกเขาลอ้ มวงกนั นง่ั นอน อยู่บนพื้นทางเดินริมชานชาลา น้องหนุนตักพี่ แม่เปิดกระเป๋าที่เหมือนตู้กับข้าว ขนาดย่อมๆแล้วหยิบจานชามออกมา พ่อเดินไปเรียกพ่อค้าขายแกงถั่ว ข้าวและ จาปาตใี หเ้ ดนิ มาหาครอบครวั ทน่ี ง่ั รออยู่ แลว้ พวกเขากน็ ง่ั กนิ ขา้ วและพดู คยุ กนั อยา่ ง มคี วามสขุ มันเป็นภาพท่แี ปลกตาแต่กน็ า่ รกั มาก และท่ีสะดดุ ตาฉนั อีกอยา่ งหนึ่ง กค็ อื ถว้ ยชามทพ่ี วกเขาใช้ มลี กั ษณะคลา้ ยบาตรพระ เพราะมนั เปน็ ถว้ ยสเตนเลส หรือโลหะทรงโค้งมน เหมือนขันน้ำหรือฝาบาตร ซึ่งทำให้ฉันจินตนาการเลยเถิด ไปถึงวิถีชีวิตของเหล่าภิกษุสงฆ์ในครั้งพุทธกาล จากที่เมื่อก่อน...ภาพของอาหาร ภายในบาตรในความคิดของฉัน จะเต็มไปด้วยข้าว แกงถุง และขนมแบบไทยๆ 181

(ที่บ้างครั้งก็มีมาม่า กับน้ำในแก้วพลาสติกปนอยู่ในนั้นด้วย) แต่ตอนนี้ฉันนึกได้ แต่ภาพของบาตรท่ีเต็มไปด้วยจาปาตี ข้าว และแกงถ่ัวผสมกนั อยใู่ นนน้ั หลังจากที่นั่งสังเกตคนโน้นคนนี้อยู่พักหนึ่ง หนุ่มหล่อล่ำที่นั่งข้างๆฉันก็ เอย่ ปากถามวา่ ฉนั มาจากประเทศอะไร แลว้ กช็ วนฉนั คยุ เรอ่ื ยเปอ่ื ย พรอ้ มกบั เอารปู ของน้องชาย น้องสะใภ้ และหลานสาวออกมาอวดอย่างภาคภูมิใจ (คนอินเดียนี่ เขารักญาติพี่น้องกันจริงๆ) พอคุยไปคุยมาก็ได้ความว่าเขาชื่อรพินทร์...เป็นคน ปญั จาบ...บา้ นอยเู่ มอื งอมั รติ สาร.์ ..ไปทำงานอยทู่ ค่ี เู วต...และมาเมอื งคยาเพอ่ื เยย่ี ม นอ้ งชาย พอฉนั ทกั วา่ เขาชอ่ื เหมอื นทา่ นรพนิ ทรนาถ ฐากรู (Rabindranath Tagore บา้ งกส็ ะกดเปน็ ‘ระพนิ ทร์ นาถฐากรู ’) นกั ปราชญ์ นกั ธรรมชาตนิ ยิ ม และนกั เขยี น ชาวอนิ เดยี ซง่ึ เปน็ ชาวเอเชยี คนแรก ทไ่ี ดร้ บั รางวลั โนเบลิ สาขาวรรณกรรม เขาจงึ ยม้ิ นอ้ ยยม้ิ ใหญ่ แลว้ หาเรอ่ื งโนน่ นม่ี าคยุ กบั ฉนั จนสดุ ทา้ ยถงึ ขน้ั เอาคลปิ ของหลาน สาวตวั นอ้ ย ท่ีเพิ่งถา่ ยไว้ในโทรศพั ท์มือถือออกมาโชว์ จะว่าไปแล้ว...การสนทนากับคนแปลกหน้าขณะเดินทางตามลำพังก็ไม่ได้ นา่ กลวั เสมอไป ถา้ เรารจู้ กั มองคน รจู้ กั จบั พน้ื เพหรอื ความสนใจของเขา และรจู้ กั วางตัวอย่างเหมาะสม ไม่นานรถไฟสายราชธานี ขบวนที่ 2313 ของฉันก็มาถึง (หลงั จากฉนั ขน้ึ รถไฟผดิ ขบวนไปหนง่ึ รอบแลว้ ตอ้ งหนา้ แตกลงมารอรถอกี ขบวน... กแ็ หม...การรถไฟอนิ เดยี ชอบแถมเวลารอใหฉ้ นั เรอ่ื ยเลยนน่ี า) ฉนั กลา่ วลาคณุ รพนิ ทร์ แล้วก้าวขึ้นรถไฟไปอย่างมั่นใจ (ว่าไม่ได้ขึ้นผิดอีก) พร้อมกับพบว่าสโลแกน ‘แฮป็ ปเี้ จอรน์ ยี ์’ (Happy Journey) ของการรถไฟอินเดียมีอยู่จริง!! หลงั จากขน้ึ ไปบนรถไฟปรบั อากาศชน้ั 2 สายราชธานี ฉนั กไ็ ดพ้ บกบั อกี โฉมหนา้ ของอินเดีย... เนื่องจากความสะอาด มีระเบียบ และสะดวกสบาย... คือสิ่งที่... หาไดแ้ ละมีอยจู่ ริง...ในแดนภารตะ 182

ขณะท่ีฉันยังตื่นเต้นและปลาบปล้ืมกับคุณภาพท่ีสมราคาของรถไฟขบวนนี้ พนักงานที่คอยให้บริการผู้โดยสารบนรถไฟ ซึ่งแต่งกายเหมือนบริกรในโรงแรม ตดิ ดาว กน็ ำขวดนำ้ ดม่ื ขนาด 2 ลติ รมาใหฉ้ นั พรอ้ มกบั ถามวา่ ...พรงุ่ น้ี ฉนั จะเลอื ก รับอะไรเป็นอาหารเช้า โดยร่ายรายการอาหารมายาวเหยียดหลายรายการ ซึ่ง สว่ นใหญเ่ ปน็ ชอ่ื อาหารอนิ เดยี และฉนั กไ็ มร่ เู้ ลยวา่ อาหารทถ่ี กู เอย่ ชอ่ื ขน้ึ มามหี นา้ ตา เป็นอย่างไร ดังนั้น...สิ่งที่ฉันเลือกคือสิ่งเดียวที่ฉันฟังแล้วเข้าใจ นั่นคือ...ออมเล็ต หรอื ไข่เจียวน่นั เอง เมอ่ื พนกั งานนายนน้ั จากไป ฉนั จงึ ไดโ้ อกาสสำรวจอาณาบรเิ วณทจ่ี ะเปน็ ทน่ี อน ของฉนั ในคนื น้ี รถไฟตนู้ อนในอนิ เดยี สว่ นใหญ่ จะแบง่ เปน็ ลอ็ คยอ่ ยๆลอ็ คละ 6 เตยี ง เปน็ เตยี ง 3 ชน้ั ฝัง่ ละ 3 เตียง เนอ่ื งจากฉนั เดนิ ทางคนเดียว ฉันจึงเลือกนอนเตียง บนสดุ เพราะจะปลอดภยั ทส่ี ดุ แตถ่ า้ ใครตวั โตๆคงจะแยส่ กั หนอ่ ยหากตอ้ งนอนเตยี ง ชน้ั กลางหรอื ชน้ั บนอยา่ งฉนั เพราะเนอ้ื ทจ่ี ะมนี อ้ ยและออกจะอดึ อดั บา้ ง แตเ่ นอ่ื งจาก ฉันเป็นพวกตวั ส้นั จึงไม่มปี ัญหากบั เรื่องน้ี สว่ นเบาะรองนอนของเขากวา้ งและสะอาดทเี ดยี ว พวกเครอ่ื งนอนตา่ งๆ กถ็ กู เตรยี มไวอ้ ยา่ งครบครนั ในซองกระดาษสนี ำ้ ตาลขนาดใหญ่ ทว่ี างซอ้ นอยบู่ นผา้ หม่ สักหลาดผนื หนาและหมอนใบโต โดยในซองจะมปี ลอกหมอนบรรจอุ ยู่ 1 ชน้ิ ผา้ ปรู องนอน 1 ชน้ิ ผา้ หมุ้ ผา้ หม่ (เพราะเน้ือผา้ ห่มค่อนขา้ งหยาบ) 1 ชน้ิ และผา้ ขนหนูเลก็ ๆสำหรบั เชด็ หน้า 1 ชิ้น ทกุ ชน้ิ ผา่ นการซกั รดี มาแลว้ อยา่ งดี ซง่ึ ถา้ เปน็ บา้ นเรามนั กค็ งถกู แพค็ ใสซ่ องพลาสตกิ พะตรา “ซินไฉ่ฮ้ัว” เปน็ แนแ่ ท้ อกี ภารกจิ ทน่ี กั สำรวจอยา่ งฉนั จะพลาดไมไ่ ดก้ ค็ อื การไปสำรวจหอ้ งนำ้ ซง่ึ ฉนั ตอ้ งขอยกนว้ิ ใหก้ บั ความสะอาดของหอ้ งสขุ าทน่ี ่ี และเมอ่ื กวาดตาไปทผ่ี นงั หอ้ งนำ้ 183

ฉนั กต็ อ้ งยม้ิ ออกมาทนั ทเี มอ่ื ไดเ้ หน็ ถว้ ยพลาสตกิ เลก็ ๆสดี ำ รปู ทรงคลา้ ยกะลาครง่ึ ซกี ทต่ี ดิ อยกู่ บั ผนงั ซง่ึ มกี อ็ กนำ้ อยดู่ า้ นบน (เปน็ กอ็ กนำ้ แบบทต่ี อ้ งยกสลกั ขน้ึ เพอ่ื เปดิ ใหน้ ำ้ ไหลออกมา) อปุ กรณช์ ดุ นน้ั คอื หนง่ึ ในสขุ ภณั ฑส์ ำหรบั ชำระลา้ งบน้ั ทา้ ยหรอื ราดทำความสะอาดโถ ฉนั ไมข่ อการนั ตคี วามสะอาดของถว้ ยและนำ้ ทไ่ี หลออกมา แต่ฉันก็ยืนยันได้ว่าอุปกรณ์ ชุดนี้ใช้งานได้จริง! หลังจากสำรวจห้องน้ำจนเป็นที่ พอใจ ฉนั กก็ ลบั ไปหลบั ยาวอย่างสุขกายสบายใจจนถงึ 7 โมงเชา้ บรรยากาศยามเช้าในตรู้ ถไฟคึกคกั ไม่แพต้ ลาดสดขนาดย่อม ผโู้ ดยสารชาว อนิ เดยี ลกุ ขน้ึ มาลา้ งหนา้ ประแปง้ แปรงฟนั แทบจะพรอ้ มๆกนั พนกั งานรถไฟกเ็ ดนิ เสิร์ฟอาหารที่ผู้โดยสารสั่งไว้ตั้งแต่เมื่อคืนกันขวักไขว่ พนักงานคนหนึ่งนำกระติก น้ำร้อนกับชาซองพร้อมคอฟฟี่เมตและน้ำตาลมาให้ฉัน ก่อนจะนำอาหารตามมา เสิรฟ์ ให้หลงั จากนน้ั อกี พกั ใหญ่ๆ ระหวา่ งรออาหารเชา้ มาเสริ ฟ์ ฉนั กแ็ อบดคู นอน่ื กนิ จาปาตกี บั แกงถว่ั ไปพลางๆ โดยมีเสียงมิวสิควิดีโอจากแล็ปท็อปของผู้โดยสารชาวอินเดียขับกล่อมอยู่ตลอด เวลา แต่หลังจากนั้นไม่นาน...เจ้าของเครื่องก็เปลี่ยนไปดูหนังบู๊จากฝั่งอเมริกาที่ พากยเ์ สยี งภาษาฮนิ ดี ซง่ึ ฟงั ดฮู ดั ชา่ เรา้ ใจไปอกี แบบ และเทา่ ๆทฉ่ี นั ลองสงั เกตด.ู .. รถไฟตนู้ ล้ี ว้ นมแี ตผ่ โู้ ดยสารทม่ี อี นั จะกนิ ทง้ั สน้ิ ขา้ วของเครอ่ื งใชไ้ ฮเทคทแ่ี ตล่ ะคน งดั ออกมาสร้างความบันเทงิ ใจให้ตัวเอง ก็ล้วนแตท่ นั สมัยไฮโซ แตไ่ มว่ า่ จะยากดมี จี นหรอื ไฮเทคแคไ่ หน ถา้ ขน้ึ ชอ่ื วา่ เปน็ ชาวภารตะแลว้ ละ่ ก.็ .. ทกุ คนตา่ งก็ ‘ตดิ กระจก’ ดว้ ยกนั ทง้ั สน้ิ โดยทกุ ๆลอ็ คของหอ้ งโดยสาร จะมกี ระจก บานใหญ่ติดไว้ให้ผู้โดยสารเวียนกันมาใช้บริการ ส่องสวยแต่งหล่อ กันโดยไม่มี อาการเขินอายคนที่อยู่ใกล้ๆ (อย่างฉันเป็นต้น) สุดท้าย...ฉันก็ต้องเป็นฝ่ายอาย แทนเสยี เอง 184

ประมาณ 10 โมงกวา่ ๆรถไฟกม็ าถงึ สถานนี วิ เดลี ตอนแรกฉนั ยงั ไมค่ อ่ ยแนใ่ จ นกั วา่ นค่ี อื สถานรี ถไฟประจำเมอื งหลวงของอนิ เดยี เนอ่ื งจากขนาดของสถานรี ถไฟ และความคบั คง่ั จอแจของมนั ดจู ะนอ้ ยกวา่ ความคาดหวงั ของฉนั และดว้ ยทา่ ทาง ทบ่ี อกชดั ในความเปน็ นกั ทอ่ งเทย่ี วของฉนั เดก็ หนมุ่ ซง่ึ นง่ั รถไฟรวมตโู้ ดยสารเดยี ว กบั ฉนั จงึ อาสาเดนิ นำทางฉนั ออกจากสถานรี ถไฟ ซง่ึ ซบั ซอ้ นพอควรเพราะตอ้ งขน้ึ ลงสะพานลอยหลายต่อกว่าจะถึงทางออก และเมื่อถึงด้านหน้าของสถานีรถไฟ เป้าหมายต่อไปของฉันก็อยู่ห่างออกไปแค่ฟากถนนกั้น ซึ่งก็คือย่านพาฮากันห์ (Pahaghan) ยา่ นซง่ึ เปน็ แหลง่ รวมทพ่ี กั และรา้ นคา้ ราคาประหยดั คลา้ ยๆกบั ถนน ขา้ วสารของบ้านเรา ตลอดทางทเ่ี ดนิ เขา้ ไปในถนนเลก็ ๆสายนน้ั มคี นเดนิ เขา้ มาเสนอตวั พาฉนั ไป ดูเกสต์เฮาส์หลายต่อหลายราย แต่ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปพักที่รอยัลเกสต์เฮาส์ (Royal Guesthouse) ตามทไ่ี ดข้ อ้ มลู มาจากหนงั สอื โลนลเ่ี พลนเนต็ และทน่ี ก่ี เ็ ปน็ ทพ่ี ักทส่ี ะอาดที่สดุ และราคาสงู ท่สี ุด ตลอดการเดินทางของฉนั คร้งั นี้ หลงั จากเอาของไปเกบ็ และลา้ งเนอ้ื ลา้ งตวั แลว้ ฉนั กเ็ รม่ิ ออกเดนิ สำรวจตรอก เลก็ ๆ ทแ่ี ออดั ไปดว้ ยรา้ นรวงและโรงแรมมากมาย แลว้ ฉนั กไ็ ดร้ วู้ า่ ทๆ่ี ฉนั พกั มรี าคา กบั คณุ ภาพคมุ้ คา่ ทส่ี ดุ แลว้ เพราะบางทอ่ี าจจะถกู กวา่ มากแตส่ ภาพหอ้ งกเ็ หลอื รบั ... สว่ นบางท่ีก็ทัง้ แพงกว่าและสภาพห้องแยก่ วา่ ดว้ ยซำ้ คำแนะนำของฉันสำหรับนักเดินทางทั้งหลาย (โดยเฉพาะคนที่เดินทางคน เดียว) ก็คือ... เมื่อคุณพบที่พักที่คุณพอใจแล้ว ไม่จำเป็นที่คุณจะเสียเวลาเดินหา ทพ่ี กั อน่ื ตอ่ ใหเ้ หนอ่ื ยหรอกคะ่ แคต่ อ่ รองใหไ้ ดร้ าคาทค่ี ณุ พอใจกพ็ อ เพราะเจา้ ของ ที่พักหรือพนักงานขายเขาอยากให้คุณพักกับเขาอยู่แล้ว ถ้าตกลงเรื่องราคาได้ พอเหมาะกับกำลงั ทรัพย์ของคุณกต็ กลงใจพกั ท่ีนน่ั ไดเ้ ลย จากนนั้ คอ่ ยเดินสำรวจ ที่พักอื่นๆที่อาจถูกใจหรือถูกเงินกว่าภายหลัง แต่คุณก็ควรหาข้อมูลระดับราคา 185

ห้องพกั ของสถานทน่ี ั้นๆในฤดกู าลนน้ั ๆอย่างครา่ วๆมากอ่ นดว้ ยนะคะ ตามแผนการเดมิ นน้ั ... ฉนั ตง้ั ใจจะเดนิ ทางจากนวิ เดลไี ปอคั รา เพอ่ื ชมทชั มาฮาล ก่อนที่จะขึ้นเหนือไปเลห์ (Leh) และลาดักห์ (Ladakh) ผ่านทางเมืองมะนาลี แต่การมัวเสียเวลาอยู่กับการแลกเงิน และการมัวเดินละเลียดชมเมือง ก็ทำให้ แผนการเดินทางของฉัน ผิดพลาดและรวนไปหมด(อีกแล้ว) ฉันจึงต้องปรับแผน ใหมท่ ้งั หมด หลังจากแลกเงินและกนิ ขา้ วกินปลาเสรจ็ ฉนั กก็ ลบั ไปโรงแรมเพอ่ื สอบถาม รายละเอียดเกี่ยวกับรถบัสที่จะไปเมืองมะนาลี (คุณสามารถซื้อตั๋วรถบัสและซื้อ ทวั รต์ า่ งๆไดจ้ ากโรงแรมทพ่ี กั ) แตเ่ นอ่ื งจากฉนั เคยแจง้ พนกั งานคนนน้ั ไวก้ อ่ นหนา้ นน้ั แลว้ วา่ ... วนั รงุ่ ขน้ึ ฉนั จะไปเมอื งอคั ราเพอ่ื ชมทชั มาฮาล พอเหน็ หนา้ ฉนั เขาจงึ รบี ถามวา่ ฉนั ซอ้ื ตว๋ั รถไฟไปอคั ราแลว้ หรอื ยงั พอฉนั บอกวา่ “ยงั ” แคน่ น้ั ละ่ เขาก็ ตาลีตาลานบอกให้ฉันรีบไปสถานีรถไฟเดี๋ยวนั้นเลย เพราะวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ และการรถไฟของอนิ เดยี จะหยดุ ทำการซอ้ื ขายตว๋ั ทว่ั ประเทศตง้ั แตเ่ วลา 14.00น. “ตายละหวา่ ...นม่ี นั อกี ไมถ่ งึ 10 นาทกี จ็ ะบา่ ย 2 แลว้ ” ฉนั รอ้ งกรด๊ี ในใจ... กอ่ นจะ กลา่ วขอบคณุ พนกั งานคนนน้ั แลว้ วง่ิ ไมค่ ดิ ชวี ติ ไปยงั สถานรี ถไฟทอ่ี ยไู่ มไ่ กล แตว่ ง่ิ เทา่ ไรกด็ ูเหมือนไมย่ อมถึงสักกะที วินาทีที่ฉันไปถึงหน้าศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ซึ่งอยู่บนชั้นสอง1 ของ สถานรี ถไฟนวิ เดลี ปา้ ยทอ่ี ยดู่ า้ นหนา้ สรา้ งความหวงั ใหฉ้ นั อยา่ งยง่ิ เพราะมนั เขยี น ไวต้ วั เบอ้ เรม่ิ วา่ “Open Mon-Sun” หรอื “เปดิ จนั ทร-์ อาทติ ย”์ ‘แตท่ ำไมไฟปา้ ย มนั เรืองรอง สว่ นไฟสำนกั งานมนั ปดิ มดื อยา่ งน้นั ล่ะ…’ 1 ชาวอนิ เดยี จะเรยี กชน้ั 2 วา่ ช้ัน 1 และเรียกชั้นทีอ่ ยตู่ ดิ พน้ื ดนิ ว่ากราวนดฟ์ ลอร์ (Ground Floor) ตามแบบอังกฤษ 186

พอเดินเข้าไปใกล้ๆฉันจึงเห็นตัวหนังสือเล็กๆท่ีปิดไว้ตรงหน้าประตูว่า “วนั อาทติ ยเ์ ปดิ ถงึ 14.00น.” จากขอ้ มลู ทฉ่ี นั หามานน้ั การรถไฟอนิ เดยี และศนู ย์ ชว่ ยเหลอื นกั ทอ่ งเทย่ี ว (Tourist Center) จะเปดิ ใหบ้ รกิ ารทกุ วนั และขอ้ มลู นน้ั กย็ ำ้ วา่ ... ‘ถา้ มใี ครบอกวา่ ศนู ยช์ ว่ ยเหลอื นกั ทอ่ งเทย่ี วปดิ วนั อาทติ ย์ “อยา่ ไปเชอ่ื ”... กจ็ รงิ ...วนั อาทติ ยเ์ ขากเ็ ปดิ ...แตเ่ ขาแคไ่ มไ่ ดเ้ ปดิ ทง้ั วนั ’ ฉนั ดนั คดิ ไปเองวา่ เขาทำงาน กันจนดึกจนดื่น เพราะไปเห็นจากเมืองอื่นๆว่า ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เปิด ใหบ้ รกิ ารกบั นกั ทอ่ งเทย่ี วแมใ้ นยามวกิ าล เลยทกึ ทกั สรปุ ขอ้ มลู เอาเอง นล่ี ะ่ หนอ... โทษของการหาข้อมูลไม่รอบด้าน แตฉ่ นั กย็ งั ไมย่ อมแพ้ ฉนั ลองผลกั ประตเู ขา้ ไปถามเจา้ หนา้ ทว่ี า่ เปน็ ไปไดไ้ หม ท่ีจะช่วยจัดการเรือ่ งต๋วั ใหฉ้ ันหนอ่ ย “นะๆๆๆ พลสี ๆๆๆ ได้โปรดๆๆๆ” พร้อมส่ง สายตาเวา้ วอนสดุ ชวี ติ แตก่ ไ็ มไ่ ดผ้ ล พนกั งานหนง่ึ ในสองคนสา่ ยหนา้ แลว้ บอกให้ ฉันลองลงไปซื้อต๋วั ดทู ชี่ ่องขายตว๋ั ด้านล่าง ฉันจึงลงไปต่อคิวขอแบบฟอร์มจองตั๋วรถไฟ ซึ่งคิวของช่องรับแบบฟอร์ม ก็ยาวมาก แต่ที่ยาวมากกว่านั้นคือคิวของช่องซื้อตั๋ว แถมมี ‘แขก’ ไม่ได้รับเชิญ คอยแซงคิวตลอดเวลา พอฉันไม่ว่ากล่าวคนที่มาแซงคิว...ฉันกลับโดนลุงที่ต่อคิว อยขู่ า้ งหลงั วา่ เอาอกี วา่ “ทำไมยอมใหค้ นอน่ื แซงควิ ” (แตไ่ มเ่ หน็ ลงุ วา่ อะไรอตี าคน ทแี่ ซงคิวเลย...งืม...) ตกลงว่า...วนั น้ฉี นั จะคิดจะทำอะไรคงผิดไปหมดใชไ่ หมน่ี พอถงึ ควิ ฉนั ...เจา้ หนา้ ทข่ี ายตว๋ั กพ็ ยายามชว่ ยฉนั อยา่ งเตม็ ท่ี แตท่ า้ ยทส่ี ดุ แลว้ กท็ ำอะไรไมไ่ ด้ เพราะระบบจองตว๋ั ปดิ ตวั อตั โนมตั ใิ นเวลา 14.15น. สรปุ วา่ ฉนั ตอ้ ง เหนื่อยฟรี อะดรีนาลินวิ่งพล่านไปเปล่าๆปลี้ๆ...และต้องเดินคอตกกลับที่พักเพื่อ วางแผนการเดินทางใหม่ ฉนั ตดั สนิ ใจซอ้ื ตว๋ั รถบสั ไปมะนาลใี นเยน็ วนั ถดั ไป แมจ้ ะยงั ไมแ่ นใ่ จวา่ เสน้ ทาง 187

จากมะนาลไี ปเลห์จะเปิดหรอื ยัง เพราะโดยปกติถนนท่จี ะเช่ือมต่อไปยังเมืองเลห์ ซง่ึ อยตู่ ดิ กบั พรมแดนทเิ บต จะเปดิ ราวๆตน้ เดอื นพฤษภาคม แตฉ่ นั ยงั อยหู่ า่ งจาก เดอื นพฤษภาคมอกี ตง้ั 10 วนั ... ฉนั จงึ ไดแ้ ตห่ วงั วา่ สภาวะโลกรอ้ น จะทำใหเ้ สน้ ทาง เปิดเร็วข้ึน เยน็ วันนนั้ ฉันใชเ้ วลาไปกับการเดนิ เทีย่ วแถวเรดฟอรต์ (Red Fort) แตไ่ ม่ได้ เขา้ ไปดา้ นในเพราะควิ ยาวมาก และหลงั จากถา่ ยรปู รอบๆปอ้ มแดงแลว้ ฉนั กเ็ ดนิ เลน่ เรอ่ื ยเปอ่ื ยไปจนถงึ ตรอกคานธี (Khandi Shawk) ซง่ึ เปน็ ยา่ นทม่ี ผี คู้ นมาคา้ ขาย และจบั จา่ ยกนั อยา่ งแออดั ตลอดแนวถนน ซง่ึ สว่ นมากกเ็ ปน็ สนิ คา้ พวกเสอ้ื ผา้ กระเปา๋ หมวก รองเท้า คล้ายๆย่านประตูน้ำบา้ นเรา การเสนอขายสนิ คา้ ของทน่ี ก่ี ฮ็ ารด์ เซลลก์ นั สดุ ๆ มที ง้ั คนทถ่ี อื สนิ คา้ มาจอ่ ให้ คณุ ดใู นระดบั สายตา มที ง้ั การขายสนิ คา้ โดยแสดงใหเ้ หน็ คณุ สมบตั เิ ดน่ ของสนิ คา้ นน้ั ๆ ชนดิ ทค่ี ณุ ไมต่ อ้ งสงสยั ในคณุ ภาพของมนั เลย เชน่ ทพ่ี อ่ คา้ คนหนง่ึ นำกะละมงั ใบเขื่องมาตั้งตรงริมถนน แล้วเอานาฬิกาเป็นสิบๆเรือนใส่ลงไปในนั้น พร้อมกับ เทน้ำลงไปแชน่ าฬิกาซะอยา่ งนนั้ ... (แตฉ่ นั ก็ยังสงสัยในคุณภาพของนาฬกิ าอยู่ดี) พอเดินเข้าไปถึงย่านของชาวมุสลิม คุณจะเห็นตำรวจตั้งจุดตรวจเพื่อรักษา ความสงบ อยทู่ ป่ี ากทางเขา้ ยา่ นมสุ ลมิ เพราะโดยปกตแิ ลว้ ชาวมสุ ลมิ และชาวฮนิ ดู ในอนิ เดยี มกั มเี รอ่ื งกระทบกระทง่ั กนั บอ่ ยๆ สำหรบั ขา้ วของทถ่ี กู นำมาวางขายกจ็ ะ เปน็ พวกถว่ั และเครอ่ื งเทศตา่ งๆ... แตต่ ลอดทางทฉ่ี นั เดนิ เขา้ มาในยา่ นน้ี ฉนั สงั เกต เหน็ ชายคนหนึ่งเดินตามฉันมาตลอดเวลา พอฉันแกลง้ ทำเป็นหยุดดูของ เขากจ็ ะ เดนิ เลยไป... จากนั้นกจ็ ะวกกลบั มาใหม.่ .. และเปน็ เชน่ นน้ั อยหู่ ลายรอบ... จนในทสี่ ุดฉนั กับเขากไ็ ด้เดินสวนกันในระยะประชดิ (ซึ่งแน่นอนวา่ ตอ้ งเป็น ความจงใจของเขามากกว่าตวั ฉนั เอง) ฉันจงึ งัดวิชา “ฮนิ ดี 101” หรอื ภาษาฮินดี 188

ระดับพ้นื ฐานออกมาใช้ โดยฉันได้รบั การประสิทธิ์ประสาทวิชานี้มาจาก ‘นอ้ งปู’ นกั ศกึ ษาเศรษฐศาสตรส์ าวชาวไทยทไ่ี ปรำ่ เรยี นอยทู่ พ่ี ทุ ธคยา นอ้ งปเู คยสอนฉนั วา่ ถ้ามชี าวอนิ เดียคนไหนมาทำใหเ้ รารำคาญใจหรอื มที ่าทแี ปลกๆกบั เรา ใหพ้ ดู สวน ไปเปน็ ภาษาฮนิ ดเี ลยวา่ “เกยี โว”่ หรอื แปลเปน็ ไทยไดว้ า่ “มอี ะไร” หรอื “มปี ญั หา’ ไรป่ะ” ฉันจึงมองหน้าและสบตาชายคนนั้นอย่างมาดมั่นประหนึ่งตัวเองเป็นคน อนิ เดยี หรอื เปน็ คนทพ่ี ดู ฮนิ ดไี ดค้ ลอ่ งปรอ๋ื พรอ้ มกบั ชกั สหี นา้ เลก็ ๆแลว้ พดู ออกไป เต็มเสียงว่า “เกียโว่” เขานิ่งและรีบเดินหายไปในฝูงชน ฉันจึงคิดว่าถึงเวลาที่จะ ตอ้ งกลับที่พักเสียที... หลงั จากผา่ นเหตกุ ารณน์ น้ั มา 2 ปี เรอ่ื งราวของชายทา่ ทางประหลาดทค่ี อย เดนิ ตามฉนั ทกุ ฝกี า้ วแถวตรอกคานธี กถ็ กู พบั เกบ็ ไวใ้ นความทรงจำเหมอื นเรอ่ื งราว ธรรมดาๆที่ไม่มีความสำคัญและหาสาระไม่ได้ แต่ขณะที่ฉันกำลังทำการปรับแก้ และทบทวนเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้อยู่นั้น ฉันได้คุยกับกัลยาณมิตรกลุ่มหนึ่ง คำพดู ธรรมดาๆจากบทสนทนาธรรมดาๆก็ทำให้ฉนั ต้องสะดงุ้ เฮอื ก! กลั ยาณมติ รทา่ นหนง่ึ บอกกบั ฉนั วา่ ...หลงั จากไดอ้ า่ นตน้ ฉบบั ของฉนั ถงึ ตอนท่ี เกย่ี วกบั ชายประหลาดทค่ี อยเดนิ ตามฉนั อยนู่ น้ั เธอรสู้ กึ เหมอื นมอี ะไรขาดหายไป เพราะอยู่ๆฉันก็รีบตัดบทจบแล้วข้ามไปพูดถึงเรื่องอื่นเสียเฉยๆ เธอยังอยากรู้ว่า เกดิ อะไรขน้ึ กบั ชายคนนน้ั แลว้ ทำไมชายคนนน้ั ถงึ หายไป ฉนั ตอบเธอไปวา่ ...“คง เปน็ เพราะฉนั ‘รตู้ วั ’อยตู่ ลอดวา่ เขาเดนิ ตามฉนั และพอเขารวู้ า่ ฉนั ‘รตู้ วั ’และระวงั ตวั อยตู่ ลอด เขากเ็ ลกิ ตามไปเอง”... กลั ยาณมติ รอกี ทา่ นจงึ พดู ขน้ึ วา่ “กน็ า่ จะเขยี น บอกสกั หน่อยว่าพอเรา‘รูต้ ัว’ เขาก็เลยหายไป” ชั่วขณะนั้นเองที่ฉันถูกปลุกให้ ‘ตื่น’ ด้วยคำว่า ‘รู้ตัว’ ฉันจึงยกมือไหว้ กลั ยาณมติ รทา่ นนน้ั ทว่ มหวั ดว้ ยความรสู้ กึ ‘ขอบคณุ ’ จากใจจรงิ “ใชแ่ ลว้ ...แคเ่ รา… ‘รู้ตัว’… กิเลสตัณหาที่คอยตามหลอกหลอนหรือคอยจ้องที่จะจู่โจมทำร้ายเรา 189

กจ็ ะ…‘หายไป’…” เรอื่ งมนั มอี ย่แู ค่นนั้ จรงิ ๆ แคเ่ รา “กลา้ เผชญิ หนา้ กบั มนั ” และกลา้ ทกั ทาย มนั วา่ …“ฉนั เหน็ แกแลว้ นะ”...มนั กจ็ ะ ‘หายไป’... เรอ่ื งราวธรรมดาๆ ซง่ึ หาสาระ ไม่ได้ในยามที่ขาดสติและปัญญามากำกับ จึงกลายเป็นเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึง “แก่นแท”้ และ “สาระของชีวติ ” ท่กี ลบั มาประทับตรงึ อย่ใู นความทรงจำของฉัน อยา่ งแนบแนน่ ...ฉนั จงึ ตอ้ งกลบั มาเลา่ ถงึ ชายประหลาดคนนน้ั (ซง่ี ฉนั ขอยกใหเ้ ขา เป็นครูทางธรรมอีกคนหนึ่ง) ให้ทุกๆท่านได้ฟังอย่างละเอียดมากขึ้น เพราะฉัน มิอาจละเลยและตัดทอน ‘สาระ’ ขอ้ นี้ออกไปไดจ้ ริงๆ ตอ้ งขอบคณุ อยา่ งยง่ิ ทเ่ี ขา(แอบ)ตดิ ตามฉนั มาตลอด 2 ป.ี ..ขอบคณุ ทป่ี รากฏกาย ขน้ึ เพอ่ื เปน็ เหตปุ จั จยั ใหฉ้ นั ไดต้ ระหนกั แนข่ น้ึ อกี ลำดบั วา่ ... “แคร่ .ู้ ..มนั กจ็ ะหายไป” วันรุ่งขึ้น...ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเช็คอีเมล์และหาข้อมูลเกี่ยวกับ ตารางรถไฟในเสน้ ทางทฉ่ี นั ตอ้ งการไปเยอื นเพม่ิ เตมิ เพอ่ื เกบ็ ไวป้ ระกอบการตดั สนิ ใจ ว่าถัดจากมะนาลีและเลห์แล้ว ฉนั จะไปอมั รติ สารห์ รอื เมืองอน่ื ๆอย่างไร พอใกลเ้ วลาเดนิ ทางขน้ึ รถไปมะนาลี ฉนั กเ็ ดนิ กลบั ไปทโ่ี รงแรมแลว้ แบกของ เดินลัดตรอกซอกซอยของพาฮากันจ์ไปยังจุดข้ึนรถบัสท่ีอยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟ ใต้ดินช่ือ R.K ASHRAM MARG หลงั จากรอรถอยู่เกอื บๆ 1 ชว่ั โมง ฉนั กไ็ ด้ขนึ้ รถ แต่ก็ยังมีเรื่องให้ฉันต้องหวั่นๆอยู่บ้าง เพราะในขณะที่ผู้โดยสารคนอื่นๆมีตั๋วแบบ ระบทุ น่ี ง่ั แต่ “ตว๋ั ” ของฉนั ...มแี คล่ ายมอื ทเ่ี ขยี นมากบั แผน่ พบั โฆษณาตารางเดนิ รถ ทร่ี ะบวุ า่ ฉนั จา่ ยเงนิ คา่ ตว๋ั แลว้ พรอ้ มกบั ชอ่ื ของเจา้ ของเกสตเ์ ฮาสท์ ฉ่ี นั พกั แตไ่ หนๆ ฉนั กเ็ ดนิ ทางมาในประเทศทม่ี ากมายดว้ ยศรทั ธาแหง่ นแ้ี ลว้ ...ฉนั คงตอ้ งหดั มี “ศรทั ธา” ในตั๋วของฉันดูบ้าง...และก็ปรากฏว่า “มันใช้การได้จริง” ศรัทธายังคงใช้ได้เสมอ ในประเทศน้ี “เฮ้อ...โล่งอกไปที...” 190

หลงั จากฝา่ การจราจรทจ่ี อแจมาระยะหนง่ึ รถบสั กม็ าแวะจอดทจ่ี ดุ จอดรถแถบ ชานเมอื ง เพอ่ื รบั ผโู้ ดยสารเพม่ิ เตมิ และถา่ ยโอนผโู้ ดยสารบางรายทต่ี อ้ งเปลย่ี นไปนง่ั รถทจ่ี ะวง่ิ ไปเมอื งธรรมศาลา (Dharamsala) และแมค็ คลาวดก์ นั จ์ (McLeod Ganj) ซง่ึ เปน็ เมืองอันเป็นที่ตั้งของท่พี ำนกั ขององค์ดาไลลามะ โดยระหวา่ งทร่ี อรถออก...ผโู้ ดยสารทง้ั ตาดำๆและตาฟา้ ๆ กพ็ ากนั ลงไปหาซอ้ื นำ้ ซอ้ื ของกนิ และยดื แขง้ ยดื ขาไปพลาง และของกนิ เลน่ ทด่ี จู ะไดร้ บั ความนยิ มมาก เป็นอันดับต้นๆ คือแตงอ่อนสดๆ เส้นยาวๆ ที่คนขายจะทำการปอกเปลือกก่อน แลว้ จึงเอามดี กรีดตรงกลางเปน็ แนวยาวตลอดเส้น แล้วเอาเกลอื ปน่ โรยตรงกลาง จากนน้ั กส็ ง่ ใหล้ กู คา้ ควา้ ไปเคย้ี วหยบั ๆ ซง่ึ ดแู ลว้ ฉนั กค็ ดิ ไมอ่ อกวา่ รสชาตมิ นั จะเปน็ ยังไง แต่ทแ่ี นๆ่ ...มันทำใหฉ้ ันอยากกนิ แตงกวาผัดไขก่ ับกระเทียมเปน็ ทสี่ ดุ ส่วนคนที่ไม่ได้ลงจากรถก็จะได้รับการเสนอขายสินค้าท้ังจากทางหน้าต่าง และบนตัวรถเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งเหล่าดูจะเป็นเรื่องที่แปลกตาและน่าอึดอัดรำคาญ บา้ งสำหรบั ชาวตะวนั ตกบางคนทอ่ี าจจะเพง่ิ เคยเดนิ ทางมาเอเชยี เปน็ ครง้ั แรก แต่ สำหรบั ชาวเอเชยี ด้วยกันอย่างฉนั มนั คอื วถิ ชี ีวิตทเ่ี ราคนุ้ ชินมานาน ระหว่างที่มองดูคนโน้นคนนี้จากบนรถ ฉันก็ต้องยิ้มให้กับความสร้างสรรค์ หมั่นประดิษฐ์ของเด็กๆที่นั่น เพราะของเล่นที่เรียกเสียงกรี๊ดและเสียงหัวเราะร่า จากพวกเขา เป็นของเล่นงา่ ยๆทใี่ ช้ขอบกระป๋องสี หรือขอบกระปอ๋ งน้ำมนั เครื่อง ขอบกระปอ๋ งนมผง มาดดั แปลงใหก้ ลายเปน็ ของเลน่ สดุ หฤหรรษ โดยพวกเขาจะ ตดั สว่ นทเ่ี ปน็ ขอบปากกระปอ๋ งตามแนวขวางใหเ้ ปน็ รปู วงลอ้ กวา้ งราวๆหนง่ึ เซน็ ตเิ มตร จากน้ันก็จะนำก้านเหล็กที่ดัดส่วนปลายข้างหนึ่งให้โค้งเป็นรูปตะขอมาเก่ียวไว้ กับขอบวงกระป๋อง ก่อนที่จะวิ่งลากขอบกระป๋องให้กลิ้งไปตามพื้น...แล้วแข่งกัน วา่ ...ใครจะกลง้ิ ขอบกระปอ๋ งนน้ั ไดไ้ กลกวา่ ...เรว็ กวา่ ...และนานกวา่ กนั ซง่ึ ดๆู ไปแลว้ กค็ ลา้ ยๆกบั การเลน่ วง่ิ ตขี อบกระดง้ ในสมยั โบราณของไทยเรา นล่ี ะหนาทเ่ี ขาวา่ ... 191

เดก็ ทกุ ชาติทุกภาษาล้วนตอ้ งการเลน่ สนุกเหมือนกันหมด และเมื่อใกล้ถึงเวลาที่รถจะออกเดินทางไปยังมะนาลีเมืองที่เป็นปลายทาง ของรถคนั น้ี ชายชาวตะวนั ตกคนหนง่ึ กเ็ ดนิ มานง่ั ตรงทว่ี า่ งขา้ งๆฉนั สหี นา้ ของเขา เคร่งเครียดและเหมือนมีอารมณ์หงุดหงิดคุกรุ่นอยู่ภายในชนิดที่ฉันรับรู้ความ ร้อนของมันได้เลย หลังจากที่เขาน่ังลงได้ครู่เดียว...คู่สามีภรรยาชาวอินเดียก็เดินมานั่งท่ีเบาะ ด้านหน้าของฉันกับเขา แล้วก็ปรับเบาะเอนมาด้านหลังจนแทบติดหน้าของเขา และยงั ไมท่ นั ทอ่ี กี เบาะจะถกู ปรบั ใหเ้ อนมาตดิ หนา้ ของฉนั ชายทน่ี ง่ั ขา้ งๆฉนั กช็ ะโงก หนา้ ไปบอกผหู้ ญงิ ทน่ี ง่ั อยดู่ า้ นหนา้ ของเขาวา่ “ตอนนฟ้ี า้ ยงั ไมม่ ดื ...นย่ี งั ไมใ่ ชเ่ วลา นอน คุณจึงไม่ควรปรับเบาะเพื่อเอนตัวนอน เพราะผมยังไม่นอน และยังจะไม่ ปรับเบาะให้เอน” หลังจากถกเถียงกันอยพู่ กั หน่งึ คู่สามีภรรยาก็ยอมแพอ้ ยา่ งหงุดหงดิ ...ยกนี้ ชายชาวตะวนั ตกคนนน้ั เปน็ ฝา่ ยชนะ แตเ่ ขากน็ ง่ั หนา้ งำ้ หายใจขดั อยขู่ า้ งๆฉนั ฉนั จงึ ยน่ื ลกู อมใหเ้ ขาเพอ่ื ใหเ้ ขาผอ่ นคลายลงบา้ ง หลงั จากรสหวานหอมของลกู อมรส บว๊ ยซมึ ซา่ นสจู่ ติ ใจของเขาไดค้ รหู่ นง่ึ เขากเ็ รม่ิ ระบายความในใจถงึ ขอ้ อดึ อดั ขดั เคอื ง ทเ่ี ขามตี อ่ ชาวอนิ เดียใหฉ้ นั ฟงั เขาบอกฉันว่า “คุณรู้ไหมกระถางต้นไม้ในอินเดียเนี่ยเขามีไว้ทำอะไร” ฉัน ไม่รู้จะตอบว่ายังไง จึงนิ่งไว้ก่อนเพื่อรอดูท่าทีของคนตั้งคำถาม...เขาจึงพูดต่อว่า “กระถางตน้ ไมข้ องทน่ี ม่ี ไี วใ้ สต่ น้ ไมท้ ต่ี ายแลว้ หรอื ไมก่ เ็ อาไวใ้ หห้ ญา้ ขน้ึ ...” วา่ แลว้ ก็บ่นถงึ ความไมไ่ ด้เรอื่ งไม่ได้ราวตา่ งๆของคนอนิ เดยี ให้ฉนั ฟงั อกี พะเรอเกวียน เขาบอกว่าเขาเคยมาอินเดียแล้วหลายครั้ง และครั้งนี้เขาอยู่มานานเกือบ 5 เดอื นแล้วและกำลงั จะกลับบ้านเกดิ เมืองนอนในอกี 1-2 อาทิตย์ ดทู า่ วา่ เขาจะ 192

เทย่ี วอนิ เดยี มานานจนเรม่ิ “ทน” ความเปน็ อนิ เดยี ไมไ่ หวอกี ตอ่ ไป จงึ ระเบดิ อะไรๆ ออกมามากมาย แตฉ่ นั วา่ ...ถา้ อนิ เดยี ไมม่ อี ะไรทเ่ี ขา “รกั ” เขากค็ งไมก่ ลบั มาเทย่ี ว อนิ เดยี บ่อยๆและนานๆแบบน้ีหรอก แตอ่ ยา่ งวา่ ละ่ คะ่ ทกุ ประเทศยอ่ มมจี ดุ ออ่ นของตวั เอง สว่ นเรอ่ื งฉนั รบั ไมค่ อ่ ยได้ กบั ชาวอนิ เดยี คอื เรอ่ื งบว้ นนำ้ ลายนำ้ หมากออกนอกรถทก่ี ำลงั วง่ิ อยู่ โดยไมส่ นใจ ว่า คนทน่ี ่งั อย่ดู ้านหลงั จะประสบทุกข์ภยั หายนะ เพราะไม่ได้ปดิ หนา้ ต่างหรือไม่ และเนือ่ งจากรถคันที่ฉนั นง่ั ไปมะนาลีเป็นรถแอร.์ .ท่ีแอรเ์ สยี ฉันจึงต้องเปดิ หน้าต่างแง้มๆไว้ เพื่อให้มีอากาศไหลเวียนบ้าง แต่พอนั่งๆไปสักพักก็รู้สึกเหมือน มีน้ำอะไรกระเด็นมาถูกปลายข้อศอกที่วางอยู่ตรงขอบหน้าต่างรถ ทีแรกฉันก็คิด วา่ เป็นหยาดฝนท่กี ำลงั ลงเมด็ แตพ่ อลองเอามอื ยื่นออกไปนอกหนา้ ตา่ งอยู่พักนึง กไ็ มเ่ หน็ วา่ จะมเี มด็ ฝนตกลงมา แตเ่ พอ่ื ความปลอดภยั จากการถกู ฝนสาดฉนั จงึ คดิ วา่ ควรปดิ กระจกหนา้ ตา่ งกอ่ นดกี วา่ และขณะทฉ่ี นั กำลงั เลอ่ื นปดิ กระจกอยนู่ น้ั ...กม็ ี วัตถุเหนียวๆข้นๆสีแดงอมส้ม พุ่งมาแปะกระจกของฉันพอดี...ค่ะ...อึ๋ยมากค่ะ... เพราะมนั คอื น้ำหมากจากผูโ้ ดยสารคนใดคนหน่ึงที่นงั่ อยกู่ ่อนหนา้ ฉัน เดชะบญุ ที่ ฉนั ปดิ หนา้ ตา่ งไดท้ นั ไมง่ น้ั ...มนั คงเจมิ เขา้ ทห่ี นา้ ของฉนั เปน็ แนแ่ ท้ ถงึ ตอนน.้ี ..ฉนั ก็ไม่ต้องจินตนาการต่อให้เสียเวลาแล้วล่ะค่ะว่าไอ้น้ำที่พุ่งมาโดนข้อศอกฉันใน ตอนแรกน้ันเป็นนำ้ อะไร แต่เรื่องตื่นเต้นเร้าใจบนรถบัสของฉันยังไม่จบแค่นี้หรอกค่ะ ราวๆ 4-5 ทุ่ม ระหวา่ งทฉ่ี นั กำลงั นง่ั เคลม้ิ ๆกง่ึ หลบั กง่ึ ตน่ื ฉนั กไ็ ดย้ นิ เสยี งบบี แตรดงั ลน่ั จากรถคนั ท่ี วิ่งตามมาด้านหลัง ซึ่งทีแรกก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะบ้านนี้เมืองนี้ เขาจะขบั รถกนั ไมไ่ ดเ้ ลยถา้ ไมบ่ บี แตร แตท่ แ่ี ปลกกค็ อื รถบสั คนั ทต่ี ามมา เรง่ เครอ่ื ง ขึ้นมาปาดหน้ารถคันของฉันแล้วจอดรถขวางถนนไว้ ทำให้รถของฉันต้องเบรค กระทนั หนั จากนน้ั คนเดนิ รถของฉนั กบั ชายคนนงึ ทเ่ี ดนิ ลงมาจากรถอกี คนั กว็ างมวย 193

กนั เหน็ ๆตรงข้างถนนน่นั เอง ตอนแรกฉันก็คิดว่าพวกเขาทะเลาะกันเรื่องขับรถปาดหน้ากัน แต่สายตา อยากรู้อยากเห็นของฉันก็ทำให้ผู้โดยสารชาวอินเดียที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากฉันเล่าให้ ฟังว่า ผู้ชายที่ลงมาจากรถอีกคันนั้นโกรธคนเดินรถคันที่ฉันนั่งไปมาก เพราะเขา เปน็ ผโู้ ดยสารของรถคนั เดยี วกบั ฉนั แตค่ นเดนิ รถทง้ิ เขาไวก้ ลางทาง โดยทข่ี า้ วของ ต่างๆของเขายังอยู่บนรถ ทำให้เขาต้องเสียเงินซื้อตั๋วขึ้นรถคันใหม่ตามมาเอา ข้าวของๆเขา ซึ่งเรื่องก็เกิดขึ้นเพราะระหว่างทางรถจะมีการจอดพักและรับส่ง ผู้โดยสารให้ขึ้นลงกันได้ตลอดเวลา แต่อีตาคนเดินรถดันลืมผู้โดยสารนายนี้ และ คดิ วา่ ผโู้ ดยสารลงไปแลว้ ...เหลอื แตท่ น่ี ง่ั วา่ งๆ จงึ ไมไ่ ดส้ นใจตามเรยี กตามหาผโู้ ดยสาร ทย่ี งั ไมก่ ลบั มาขน้ึ รถ ผชู้ ายคนนน้ั จงึ ตอ้ งสง่ั ใหร้ ถอกี คนั ซง่ิ มาขวางรถคนั ของฉนั เอาไว้ หลังจากออกแรงกันคนละหมัดสองหมัด โดยมีประชาชีที่อยู่ตามร้านรวงข้างทาง คอยฉดุ รัง้ หา้ มปราม ท้ัง 2 ฝา่ ยก็แยกยา้ ยกนั ไป... ชายคนทตี่ ้องการกระเป๋ากข็ ึน้ มาหยบิ สมั ภาระของตวั เองลงไปขน้ึ รถอกี คนั แลว้ กแ็ ยกยา้ ยกนั ไปทางใครทางมนั ... เอวงั ด้วยประการฉะน้ี ในที่สุดฉันก็มาถึงมะนาลี แต่ความรู้สึกแรกที่ฉันมีกับเมืองนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร เนอ่ื งจากฝนตกเมฆครม้ึ มาตง้ั แตเ่ ชา้ มดื กอ่ นเขา้ เขตมะนาลี จงึ ไมต่ อ้ งหวงั วา่ จะได้ เห็นวิวทิวเขาสวยๆ และโดยส่วนตัวแล้วฉันก็ไม่ชอบฝนที่ตกในเขตอากาศหนาว เอาซะเลย ผโู้ ดยสารชาวตา่ งชาตสิ ว่ นใหญท่ น่ี ง่ั รถคนั เดยี วกบั ฉนั มกั มจี ดุ หมายปลายทาง ที่วาซิสต์ (Vashist) แต่เพราะอาการง่วงๆงงๆมึนๆกับบรรดาพี่แท็กซี่ ที่เข้ามา มะรมุ มะตมุ้ ลอ้ มหนา้ ลอ้ มหลงั ฉนั ประหนง่ึ ฉนั เปน็ โรตหี วานๆกรอบๆ ทำใหฉ้ นั ยอม ใจออ่ นตามแทก็ ซแ่ี ละเจา้ ของเกสตเ์ ฮาสแ์ หง่ หนง่ึ ไปดทู พ่ี กั ของเขา ในเขตโอลดม์ ะนาลี (Old Manali) เพอ่ื ดวู า่ จะชอบใจทพ่ี กั ของเขาหรอื ไม่ เพราะเขาบอกวา่ ถา้ ไมถ่ กู ใจ 194

เขากไ็ ม่ว่าอะไร แตเ่ ม่ือเหน็ วา่ ท่ีพกั มีสภาพสะอาดสะอา้ นคุม้ ค่าคุ้มราคา 250 รูปี ตอ่ คนื ฉนั จงึ ตกลงพกั ทม่ี านาสลเู กสตเ์ ฮาส์ (Manaslu Guesthouse) แตน่ อกจาก เรอ่ื งความคมุ้ คา่ คมุ้ ราคาของทพ่ี กั แลว้ อากาศแยๆ่ ทท่ี ง้ั หนาวทง้ั ชน้ื แฉะบวกกบั การ หลับไม่เต็มตื่นจากการเดินทางตลอดคืน ก็ทำให้ฉันไม่อยากทรมานสังขารไปหา ทพี่ ักใหม่ เพราะภารกิจของฉันตอนน้ี...คืออาบนำ้ รอ้ นๆ ดื่มชาอนุ่ ๆ กนิ ม้อื เชา้ ให้ เต็มที่ แลว้ หลบั เอาแรงสกั งบี ตอนสายจดั ๆ หลงั จากมเี รย่ี วแรงดแี ลว้ ฉนั กอ็ อกไปเดนิ สำรวจเมอื งมะนาลี เมอื งทใ่ี ครๆบอกวา่ เปน็ เมอื งตากอากาศทส่ี วยงาม และเปน็ เมอื งทช่ี าวภารตะนยิ ม ใชเ้ ป็นสถานท่พี ักผอ่ นในช่วงฮนั นีมูน จะวา่ ไปแลว้ ...มะนาลที ฉ่ี นั ไดเ้ หน็ กค็ ลา้ ยเมอื งคแู่ ฝดของเกาะสมยุ หรอื ภเู กต็ เพราะฝ่งั หน่งึ ของเมืองจะเป็นฝ่งั ท่รี วมความศิวิไลซ์-ไฮโซเอาไว้ครบครันแน่นขนัด แต่อีกส่วนของเมืองที่เป็นเขตเมืองเก่าก็ยังมีบ้านไม้บ้านดินเก่าๆ ศาสนสถานบน เนนิ เขา ทงุ่ ขา้ วสาลี สวนแอป็ เปล้ิ และทวิ เขาใหไ้ ดพ้ กั ผอ่ นกายใจอยา่ งแทจ้ รงิ ซง่ึ สำหรับความเห็นส่วนตัวของฉัน...มะนาลีอาจจะสวย แต่ไม่มีอะไรเป็นเสน่ห์ที่จะ มัดใจใหฉ้ ันอยู่กบั ทน่ี ีไ่ ด้ โดยเฉพาะเมอ่ื อากาศไม่เปน็ ใจเช่นน้ี หลงั จากเดนิ สอบถามขอ้ มลู เกย่ี วกบั การเดนิ ทางไปเมอื งเลหอ์ ยนู่ านสองนาน และพอจะได้ข้อมูลที่แน่ชัดแล้วว่า ฉันต้องรอให้สภาพอากาศดีขึ้นไปอีก 2-3 วัน หรืออาจจะต้องรอถึง 1 สัปดาห์ เพื่อให้ถนนที่เชื่อมต่อไปยังเมืองเลห์เปิดใช้งาน เมอื งเลหท์ อ่ี ยหู่ า่ งออกไปไมไ่ กลจงึ เหมอื นอยไู่ กลเกนิ กวา่ ทฉ่ี นั จะไปเยอื นไดใ้ นทรปิ น้ี เพราะกะอแี คร่ อใหถ้ นนเปดิ นะ่ ฉนั รอได.้ ..แตใ่ หฉ้ นั รอภายใตอ้ ากาศทห่ี นาวจดั และ ฝนตกทง้ั วนั แบบน้ี เหน็ ทจี ะไมไ่ หว... ฉนั จงึ ตดั สนิ ใจเกบ็ กระเปา๋ ...บอกลามะนาล.ี .. และซอ้ื ตว๋ั รถตเู้ พอ่ื เดนิ ทางไปยงั เมอื งธรรมศาลา (Dharam Sala) ในชว่ งเยน็ ของ วนั ถัดไป 195



บทท่ี 13 นอ็ ทโซแฮป็ ปเ้ี จอรน์ ยี ์ (ไมไ่ ดอ้ ยากจะรา้ ย แตไ่ มพ่ อใจมากๆ) หลงั จากคา้ งทม่ี ะนาลเี พยี ง 1 คนื ฉนั กไ็ มอ่ าจทำตวั ใหม้ คี วามสขุ กบั การรอคอย ใหพ้ ระอาทติ ยใ์ สๆ มาไลอ่ ากาศแยๆ่ ไปจากมะนาลไี ด้ ทแ่ี ยก่ วา่ นน้ั กค็ อื ในวนั ทฉ่ี นั จะต้องเดินทางไกลตลอดคืนแบบนี้ ท้องไส้ของฉันกลับปั่นป่วนอย่างหนัก ยาแก้ ท้องเสียที่ฉันนำติดตัวมาจากเมืองไทย ก็เหลือไม่พอให้ฉันกินเอาตัวรอดระหว่าง เดนิ ทางคนื น้ี ทพ่ี อจะมเี หลอื กแ็ คผ่ งเกลอื แร่ 2-3 ซอง แตน่ อกจากจะตอ้ งมาปว่ ย กายภายใต้อากาศที่ย่ำแย่แบบนี้แล้ว ฉันยังต้องมาเจอคนจิตป่วยให้ป่วยจิตตาม อกี ด้วย โปรดอ่านเรื่องราวทีฉ่ นั กำลงั จะเลา่ ต่อไปนอี้ ย่างมีสติ ใจเย็น เวน้ อคติ และ เรยี นรูข้ ้อผิดพลาดของการอยู่รว่ มกนั ในสังคมนะคะ เยน็ วนั นน้ั อากาศหนาวจดั และฝนตกลงมาอยา่ งแรง ฉนั นง่ั ออโตร้ คิ ชอวไ์ ปยงั ทา่ จอดรถและไปถงึ กอ่ นเวลารถออกเกอื บหนง่ึ ชว่ั โมง เมอ่ื เดนิ ไปถงึ รถตฉู้ นั กย็ น่ื ตว๋ั ใหค้ นขบั รถดูแลว้ ถามวา่ ทนี่ ง่ั ของฉนั อยูต่ รงไหน เขาช้ีไปยงั ทีน่ ่งั ฝ่ังเบาะเด่ียวทาง ซา้ ยของตวั รถ ฉนั จงึ ถามตอ่ วา่ ...ฉนั วางกระเปา๋ ไวเ้ ลยไดไ้ หม... เขาบอกวา่ ...ไมต่ อ้ ง หรอก เดี๋ยวถ้ามีปัญหาเขาจัดการเอง... ฉันจึงเดินไปนั่งดื่มชาร้อนๆที่ร้านขายชา ซง่ึ อยใู่ กลๆ้ ไมน่ านกม็ ชี ายชาวออสเตรเลยี มานง่ั ดม่ื ชาขา้ งๆฉนั หลงั จากไดพ้ ดู คยุ กนั ฉนั จงึ รวู้ า่ เขาเปน็ เพอ่ื นรว่ มทางในรถคนั เดยี วกนั ฉนั จงึ บอกวา่ ...วนั นฉ้ี นั รสู้ กึ ไมค่ อ่ ยดี เทา่ ไร ถา้ ฉนั ตอ้ งขอใหค้ นขบั รถหยดุ รถบอ่ ยๆเพราะอาการปว่ ยของฉนั ฉนั กข็ ออภยั ไวก้ อ่ นลว่ งหน้า 197

เมื่อถึงเวลาใกล้รถออก ฉันเดินกลับไปที่รถเพื่อที่จะพบว่า...ที่นั่งของฉันถูก คนอื่นครอบครองไปแล้ว...พอฉันถามเลขที่นั่งรถกับคนที่มานั่งใน “ที่ของฉัน”... ชายร่างใหญ่คนนั้นก็บอกฉันว่า...“คุณจะนั่งตรงไหนก็ได้ตามหลัก First come, first serve.” (หรอื มากอ่ นไดเ้ ลอื กทน่ี ง่ั กอ่ น) ฉนั จงึ เรม่ิ อารมณเ์ สยี ... และถา้ จะใช้ เหตผุ ลนม้ี าอา้ ง...ฉนั คงมสี ทิ ธเ์ิ ลอื กทน่ี ง่ั ไหนกไ็ ดท้ พ่ี อใจ เพราะฉนั มากอ่ นเขานานมาก แต่ฉนั กข็ ่มใจเอาไวแ้ ละรอใหค้ นขับรถมาเคลยี ร์ปญั หา พอคนขบั รถมาถงึ ฉนั จงึ ทวงถามใหค้ นขบั รถจดั การเรอ่ื งเลขทน่ี ง่ั ใหม่ ปรากฏวา่ ชายคนทม่ี านง่ั ในทข่ี องฉนั ตอ้ งลกุ ออกไปนง่ั ในทน่ี ง่ั ซง่ึ อยถู่ ดั ไปอกี แถว แตเ่ ลขทน่ี ง่ั ของฉนั ซ่งึ ตอนแรกคนขบั รถบอกว่าอยู่ทแ่ี ถวหนา้ สุดทางซา้ ยของตวั รถ กเ็ ปลยี่ น เปน็ ทน่ี ง่ั ในฝง่ั ขวา แตฉ่ นั กไ็ มม่ ปี ญั หาอะไร ตราบเทา่ ทม่ี นั ยงั เปน็ แถวหนา้ และอยู่ รมิ หนา้ ตา่ ง เนอ่ื งจากฉนั รตู้ วั วา่ ฉนั ตอ้ งการความสะดวกในการขน้ึ ลงรถ และตอ้ ง เตรียมพร้อมที่จะชะโงกตัวออกนอกหน้าต่างหากเกิดคลื่นไส้เพราะอาการอาหาร เป็นพิษ รถต้โู ดยสารคนั นมี้ ีขนาดเลก็ และแตล่ ะแถวจะนั่งได้เพียง 3 ทนี่ ่งั โดยเปน็ ทน่ี ง่ั เดย่ี วหนง่ึ ทแ่ี ละทน่ี ง่ั คอู่ กี 2 ท่ี ทน่ี ง่ั ซง่ึ อยตู่ รงกลางอยตู่ ดิ รมิ ทางเดนิ จงึ มที ว่ี า่ ง พอใหย้ น่ื ขาออกไปวางแกเ้ มอ่ื ยไดบ้ า้ ง และมนั กเ็ ปน็ ตำแหนง่ ทค่ี กู่ รณรี า่ งใหญข่ อง ฉันน่ังอยู่ โดยมแี ฟนสาวของเขาน่งั อยขู่ ้างหลังฉัน สกั พกั ฉนั กไ็ ดย้ นิ เสยี งเขาพดู วา่ “โทษนะ ปรบั เบาะขน้ึ หนอ่ ยไดไ้ หม” ตอนนน้ั ฉนั ยงั ไมเ่ หน็ วา่ เขาเปลย่ี นทก่ี บั แฟนของเขา ฉนั จงึ นง่ั เฉยๆ และเขากไ็ มไ่ ดพ้ ดู โดยมี สรรพนามบง่ บอกวา่ พดู กบั ฉนั หรอื พดู กบั ใคร แตห่ ลงั จากนน้ั ไมน่ าน...เขากเ็ รม่ิ เอา เข่ากระแทกกับเบาะของฉัน แล้วพูดอะไรบางอย่างซึ่งน่าจะเป็นการบ่นเกี่ยวกับ เบาะทน่ี ง่ั ฉนั มองไปทเ่ี บาะของฉนั กบั ชายทน่ี ง่ั ขา้ งๆ กเ็ หน็ วา่ เบาะอยรู่ ะดบั เดยี วกนั แตฉ่ นั กล็ องปรบั เบาะขน้ึ อกี ระดบั แตพ่ อลองปรบั แลว้ เบาะมนั อยใู่ นระดบั ตง้ั ตรง 198

ซง่ึ ฉนั จงึ รวู้ า่ ไมส่ ามารถนง่ั หลงั ตรงไปตลอดคนื ทง้ั ๆทม่ี อี าการคลน่ื ไสไ้ ดแ้ นๆ่ ฉนั จงึ ปรับเบาะคืนให้อยู่ในระดับเดียวกับชายที่นั่งอยู่ข้างๆฉัน และนั่งหลับตาต่อโดย ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเห็นว่าเขาเป็นคนย้ายที่มานั่งตรงนี้เอง และตอนที่เขานั่ง ข้างหลังชายท่นี งั่ ตดิ อยกู่ ับฉัน เขาก็ไม่เห็นบน่ อะไรออกมา หลงั จากนน้ั ไมน่ านเขากพ็ ดู เสยี งดงั ขน้ึ วา่ “ฉนั กไ็ มไ่ ดอ้ ยากจะเรอ่ื งมากหรอกนะ แตเ่ บาะของเธอชนขาของฉนั ” แมเ้ ขาจะใชค้ ำวา่ “ไอ” (I) แตฉ่ นั กไ็ มอ่ าจแปลคำวา่ “ไอ” ใหเ้ ปน็ คำวา่ “ผม” ได้ เพราะนำ้ เสยี งทใ่ี ชม้ นั ไมม่ คี วามสภุ าพอยใู่ นนน้ั “เฮ.้ .. ได้ยินไหม ฉันตัวใหญ่กว่าเธอตั้งเยอะนะ เธอสูงแค่ 5 ฟุต ฉันสูงตั้ง 6 ฟุตกว่า ที่วางขาด้านหน้าก็มีตั้งเยอะแยะ (ฉันนั่งด้านหลังคนขับ) เธอควรปรับเบาะขึ้น เพราะฉันนั่งไมส่ บาย เบาะมันชนขาฉัน” ตรงนี้เองที่ ‘สติของฉันขาดผึง’ อารมณ์พุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันทีเพราะไอ้คำว่า “ตวั ใหญก่ วา่ ” และ “ฉนั นง่ั ไมส่ บาย” เพราะฉนั รสู้ กึ วา่ มนั เปน็ การวางแผนเปลย่ี นทน่ี ง่ั ของเขากบั แฟนสาว โดยใหแ้ ฟนสาวไดน้ ง่ั สบายขน้ึ จากการมที เ่ี หยยี ดขารมิ ทางเดนิ แลว้ ตวั เขากย็ า้ ยมานง่ั หลงั ฉนั เพอ่ื กดดนั ให้ “ผหู้ ญงิ เอเชยี ตวั สน้ั ๆเดนิ ทางคนเดยี ว” ตอ้ งทำตามความต้องการของเขา ฉนั รสู้ กึ วา่ มนั เปน็ การเหน็ แกต่ วั กดข่ี และเลอื กปฏบิ ตั อิ ยา่ งยง่ิ เพราะถา้ ฉนั เปน็ ชายหนมุ่ รปู รา่ งสงู ใหญ่ เขาคงไมก่ ลา้ ขน้ึ เสยี งใสฉ่ นั แบบน้ี ยง่ิ เมอ่ื เหน็ วา่ รปู รา่ ง หน้าตาและภาษาของเขาบ่งบอกถึงความเป็นชนชาติดาวสีฟ้าหกแฉก ที่มีปัญหา เรอ่ื งการแยง่ ดนิ แดน กบั ชนชาตทิ ม่ี จี ำนวนประชากรนอ้ ยกวา่ และพยายามขบั ไล่ ชนชาตนิ น้ั ใหอ้ อกจากดนิ แดนศกั ดส์ิ ทิ ธข์ิ องตนดว้ ยแลว้ ฉนั จงึ ยง่ิ ฉนุ หนกั เขา้ ไปอกี (หลายคนอา่ นแลว้ คงทราบวา่ ฉนั พดู ถงึ ชนชาตไิ หน แตถ่ า้ ไมร่ ฉู้ นั กจ็ ะไมข่ ออธบิ าย มากไปกวา่ น้ี เพราะฉนั ไมอ่ ยากถกู ตราหนา้ วา่ เปน็ พวกเหยยี ดเชอ้ื ชาติ ฉนั เขา้ ใจดี วา่ ทกุ สงั คมมที ง้ั คนดแี ละคนไมด่ ี แตค่ นแบบนไ้ี มก่ ค่ี นนล่ี ะ่ ทท่ี ำใหป้ ระเทศของเขา 199

ต้องชือ่ เหม็นในเร่ืองความเหน็ แก่ตัว) คำพดู ของเขาทำใหเ้ สยี งนางมารในหวั ของฉนั กรดี รอ้ งอยภู่ ายในวา่ ‘คณุ คดิ วา่ ตวั เองตวั ใหญก่ วา่ จงึ มสี ทิ ธไ์ิ ดอ้ ะไรๆมากกวา่ คนทต่ี วั เลก็ กวา่ หรอื ออ่ นแอกวา่ อยา่ ง นน้ั เหรอ!! เหมอื นกบั ทช่ี นชาตขิ องคณุ คดิ วา่ ตวั เองยง่ิ ใหญ่ มเี นอ้ื ทไ่ี มพ่ ออยอู่ าศยั จนตอ้ งเบยี ดเบยี นและขบั ไลช่ นตา่ งเชอ้ื ชาตอิ อกจากดนิ แดนขา้ งเคยี ง ซง่ึ เปน็ เหตุ ใหเ้ กดิ สงครามตอ่ เนอ่ื งยาวนานมากวา่ 20 ปอี ยา่ งนน้ั ใชไ่ หม!! มนั เรอ่ื งอะไรกนั ยะ!! ทเี วลาซอ้ื เสอ้ื ผา้ ฉนั แลว้ ฉนั ตอ้ งใสไ่ ซสเ์ อสหรอื เอม็ ฉนั ยงั ตอ้ งจา่ ยเงนิ เทา่ คนซอ้ื เสอ้ื ไซส์แอลหรือเอ็กซ์แอลเลย...อะไรทำให้เขาคิดว่าเขาต้องได้มากกว่าเพียงเพราะ เขาตัวใหญ่กว่า...คนตัวเล็กมันต้องทนต้องยอมได้อะไรน้อยกว่าใช่ไหม... นห่ี รอื ความชอบธรรมของโลก...ไดเ้ ลย...ถา้ ยงั ไมเ่ ขา้ ใจหวั อกคนตวั เลก็ (ใจใหญ)่ ... เด๋ยี วฉนั จะแถลงไขใหไ้ ด้คิดซะบา้ ง’ และแล้ว...ด้วยนิสัยส่วนตัวซึ่ง ‘ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ’ บวกกับความ มาดมั่นที่จะตอกกลับทุกผู้ทุกคน ทุกชาติ ทุกศาสนา และทุกไซส์ ‘เมื่อไม่ได้รับ ความเปน็ ธรรม’ จงึ ทำใหค้ วามแรงของฉนั ‘เยอะ’ เปน็ ธรรมดา โดยเฉพาะในขณะ ทีฉ่ ันกำลังไมส่ บายกายสดุ ๆแบบนี้ ฉนั หนั ไปหาเขาแลว้ พดู เสยี งดงั ฟงั ชดั ลน่ั รถวา่ “ขอโทษนะ...คณุ เปน็ คนเดยี ว บนรถคนั น้ี ทค่ี อยบน่ คอยตโิ นน่ ตนิ ต่ี ลอดเวลา...” (ตง้ั แตข่ น้ึ รถมา...เดย๋ี วเขากบ็ อก ใหค้ นขบั รถเปดิ กระจกหนา้ ตา่ งขา้ งคนขบั บา้ ง สกั พกั กบ็ อกใหป้ ดิ กระจกหนา้ ตา่ ง บา้ ง และอกี หลายๆพกั กค็ อยถามวา่ เมอ่ื ไรจะถงึ ทห่ี มาย เมอ่ื ไรจะหยดุ จะพกั ...ฯลฯ) และยงั ไมท่ นั ทฉ่ี นั จะพดู จบเขากร็ บี ยอ้ นฉนั กลบั มาวา่ “อะไร...เขาไปบน่ อะไรเมอ่ื ไร กัน...” ฉนั จงึ พูดตอ่ ไปวา่ ... “ตอนทีค่ ณุ ขึน้ มานงั่ บนรถครงั้ แรกแล้วนง่ั ในทีข่ องฉัน คุณไม่เห็นจะทุกข์ร้อนหรือแสดงความรู้สึกผิดอะไรออกมาเลย...แต่พอคุณ ต้องไปนั่งในท่ีๆไม่สบายคุณก็ทำมาเป็นทนไม่ได้...คนอ่ืนๆเขาก็ไม่ได้นั่ง 200

สบายนกั หรอก ถา้ คณุ อยากนง่ั สบายๆคณุ กไ็ มค่ วรออกมาเดนิ ทางทอ่ งเทย่ี ว แตค่ วร นง่ั สบายๆอยทู่ บ่ี า้ น เพราะนค่ี อื รสชาตขิ องการเดนิ ทางทอ่ งเทย่ี ว นค่ี อื รสชาตขิ อง อนิ เดยี ... และฉนั กไ็ มส่ ามารถนง่ั หลงั ตรง 90 องศาได้ เพราะฉนั คลน่ื ไสจ้ ากอาการ อาหารเปน็ พษิ อยู่ ซง่ึ ฉนั ตอ้ งอาเจยี นแนๆ่ ถา้ จะใหฉ้ นั นง่ั หลงั ตรงไปตลอดเวลา คณุ ช่วยคดิ ถงึ เหตผุ ลของคนอน่ื บ้างนะ” เขาจงึ เงยี บไป ที่จริงแล้ว...ทุกคนเงียบสงัดกันไปทั้งคันรถเลยทีเดียว แล้วผู้ชายที่นั่งข้างๆ ฉันก็ถามฉันว่า...เขาจะเปล่ียนที่น่ังกับฉันดีไหม...แม้ฉันจะยังมีอาการคลื่นไส้อยู่ แต่การนั่งโดยมีคนท่ีฉันรังเกียจหายใจรดต้นคออยู่ด้านหลังทำให้ฉันอึดอัดสุดๆ ฉนั จงึ ตอบตกลงเปลย่ี นทน่ี ง่ั กบั ผชู้ ายทน่ี ง่ั ขา้ งๆโดยถามยำ้ กบั เขาวา่ เขาโอเคแนน่ ะ เพราะที่นั่งของฉันจะมีพื้นที่เหลือให้วางขาน้อยกว่าที่นั่งของเขา เนื่องจากมีเบาะ ของคนขบั รถอยดู่ า้ นหนา้ แตผ่ ชู้ ายคนนน้ั กย็ นื ยนั วา่ เขาไมเ่ ปน็ ไร พอเขาเปลย่ี นท่ี กบั ฉนั แลว้ ...เขากป็ รบั เบาะของตวั เองจนตง้ั ตรง เพอ่ื ใหช้ ายขบ้ี น่ นง่ั “อยา่ งสบาย” สมใจเขา สว่ นฉนั กท็ ง้ั ทอ้ งเสยี ...ทง้ั อารมณเ์ สยี และรสู้ กึ แยก่ บั ตวั เองไปตลอดทาง เพราะ จรงิ ๆแลว้ ฉนั กไ็ มไ่ ดอ้ ยากแสดงโทสะหรอื ความไรน้ ำ้ ใจกบั ใครเลย แตฉ่ นั กร็ สู้ กึ วา่ ... ผู้ชายคนนั้นควรเรยี นร้ทู จ่ี ะปฏิบตั ติ ัวเสียใหม่ เทา่ ทฉ่ี นั มองๆดู คนเดยี วในรถทด่ี จู ะพอใจกบั เรอ่ื งนก้ี ค็ อื คนขบั รถ ทไ่ี มต่ อ้ ง คอยตอบคำถามหรอื ทำตามคำขอของชายรา่ งใหญค่ นนน้ั อกี ตอ่ ไป เพราะเขาทำได้ แคเ่ งยี บ... และทกุ ๆครง้ั ทร่ี ถจอดพกั ฉนั ตอ้ งเปน็ คนแรกทพ่ี งุ่ ลงไปหาหอ้ งนำ้ และ กระดกนำ้ เกลอื แรก่ นิ ตลอดเวลา ชาวออสเตรเลยี ทฉ่ี นั ไดค้ ยุ กอ่ นขน้ึ รถซง่ึ นง่ั อยใู่ น เบาะแถวหลงั สดุ กม็ นี ำ้ ใจเขา้ มาถามไถอ่ าการของฉนั แตฉ่ นั กไ็ มอ่ ยใู่ นอารมณท์ จ่ี ะ สนทนากับใคร หนึ่งเพราะเหนื่อย...หนึ่งเพราะละอายต่อโทสะที่ตัวเองได้แสดง ออกไป และจนถึงบัดนี้...ฉันก็ยังรู้สึกไม่ดีเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น การเดินทางครั้งนี้... 201

จงึ เปน็ การเดนิ ทางท่ี “น็อทโซแฮ็ปป”้ี (Not so happy) หากจะถามวา่ ...ถา้ ยอ้ นเวลากลบั ไปได้ ฉนั จะทำอยา่ งไรตอ่ สถานการณน์ น้ั ... คำตอบของเม่ือหนง่ึ ปีก่อนก็คงไมต่ า่ งจากเดมิ เทา่ ไร... แตห่ ลังจากทฉ่ี นั เรมิ่ ปฏิบตั ิ ธรรมอยา่ งตอ่ เนอ่ื งมารว่ มครง่ึ ปี ทำใหฉ้ นั รวู้ า่ ...ทา่ ทขี องฉนั ตอ่ เรอ่ื งนค้ี งเปลย่ี นไป ฉนั คงหาทางออกดว้ ยการใชต้ วั ชว่ ยอน่ื และฉนั กค็ งเหน็ ทนั วา่ ...โทสะของฉนั ทเ่ี กดิ ขน้ึ นั้น เป็นเพราะสัญญา1 หรือการจำได้หมายรู้เก่าๆ กับอคติที่มีต่อการเบียดเบียน กันของผคู้ น และฉนั ก็ ‘หลงชงิ ชัง’ การเบียดเบียนนน้ั จนทำให้ฉัน ‘หลงตอบโต้’ เพราะ ‘ขาดสตแิ ละเมตตา’ แต่เพราะคนเราย้อนเวลาไม่ได้...ฉันแก้ไขสิ่งท่ีตนเองทำลงไปแล้วไม่ได้... แตส่ ิ่งที่ฉันทำไดก้ ็คือ...การนำประสบการณ์ของฉันมาตแี ผ่ให้นักเดินทางทงั้ หลาย ไดเ้ รยี นรแู้ ละเตรยี มใจวา่ จะตอ้ งเจอกบั อะไรบา้ งระหวา่ งทาง เพราะเมอ่ื คณุ มโี อกาส เตรยี มสตเิ ตรยี มใจเอาไวแ้ ตเ่ นน่ิ ๆแลว้ ...ในคราวทค่ี ณุ ตอ้ งเจอกบั เรอ่ื งราวทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั คุณจะไดม้ ที างเลอื กท่จี ะทำในสง่ิ ท่ีต่างจากฉันบา้ ง 1 สัญญา หรือการจำไดห้ มายรู้ เป็นหน่ึงในขนั ธ์ 5 คอื รปู เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ 202

สิ่งท่ีต้องรู้ ต้องละ เพือ่ ความสิ้นทุกข์ ภิกษุ ท.! เมื่อไม่รู้ยิ่ง ไม่รู้รอบ ไม่คลายกำหนัด ไม่ละขาด ซึ่งสิ่งทั้งปวง ยอ่ มไมเ่ ปน็ ผสู้ มควร เพอ่ื ความดบั ไปแหง่ ทกุ ข.์ สง่ิ ทง้ั ปวงอะไรกนั เลา่ ? สง่ิ ทง้ั ปวงคอื อายตนะ ภายใน หก ประการ อายตนะ ภายนอก หก ประการ วิญญาณ หก ประการ เวทนา หก ประการ ภิกษุ ท.! เหลา่ นแ้ี ล คือสิ่งทง้ั ปวง เม่อื ไม่รยู้ งิ่ ไมร่ อบรู้ ไมค่ ลายกำหนัด ไมล่ ะขาดแลว้ ย่อมเป็นผไู้ ม่ควรเพ่อื ความส้นิ ไปแห่งทุกข”์ พระพทุ ธพจน์ จาก “พุทธวจน 2 อรยิ สัจจากพระโอฐ ภาคต้น” วัดนาปา่ พง



บทท่ี 14 “ในออ้ มกอดธรรมะและลามะ” ราวๆตีสี่ครึ่งรถตู้ก็ไปถึงแม็คคลาวด์กันจ์ (McLeod Ganj) ซึ่งอยู่ห่างจาก ตวั เมอื งธรรมศาลา (Dharamsala)1 ราวๆ 9-10 กโิ ลเมตร รา้ นรวงทกุ แหง่ ปดิ เงยี บ ธรุ กจิ เดยี วทย่ี งั คงตน่ื ใหบ้ รกิ ารอยกู่ ค็ อื รถขาย “ไช”๋ ซง่ึ มนี กั ทอ่ งเทย่ี วกลมุ่ ทม่ี าถงึ ก่อนหน้าน้นั ยนื ล้อมวงส่งั ชาร้อนๆมาดมื่ แกห้ นาว พอลงจากรถปุ๊บ สาวน้อยหน้าตาน่ารักซึ่งน่าจะเป็นชาวจีนก็เดินเข้ามาหา ฉันพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างสนิทสนม แล้วพูดว่า... “สวัสดีค่ะ คุณคิดไว้หรือยังว่า จะพักที่ไหน” แม้ฉันออกจะงงๆแต่ก็ตอบไปว่า “ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉัน อยากพกั ทว่ี ดั ทเิ บตทไ่ี หนสกั แหง่ ” เพราะฉนั อา่ นเจอขอ้ มลู วา่ วดั ทเิ บตบางแหง่ จะ มหี อ้ งพกั ไวบ้ รกิ ารนกั ทอ่ งเทย่ี ว เนอ่ื งจากพระทน่ี ไ่ี มไ่ ดบ้ ณิ ฑบาต การเปดิ หอ้ งพกั ให้นักท่องเที่ยวใช้บริการ จึงเป็นการหาปัจจัยที่จะถูกนำไปเปลี่ยนเป็นค่าอาหาร และคา่ ศกึ ษาเลา่ เรยี นของพระลามะทน่ี ่ี ซง่ึ ถา้ เลอื กได.้ ..ฉนั กอ็ ยากสนบั สนนุ โครงการ แบบนข้ี องวดั ตา่ งๆ มากกวา่ การสนบั สนนุ ธรุ กจิ โรงแรมทว่ั ๆไป (สงสยั ฉนั จะกลาย เปน็ คน “ตดิ วัด” ไปตั้งแตต่ อนทเ่ี จอบรกิ ารระดบั 5 ดาวจากวดั ไทยทุกๆวดั ท่ีฉัน ไดไ้ ปเยอื นเสียกระมงั ) แตเ่ มอ่ื สาวนอ้ ยชาวจนี ไตห้ วนั ทช่ี อ่ื ฟนิ กบั เพอ่ื นของเธอซง่ึ เปน็ ชายชาวยโุ รป ชวนฉันไปเดินหาที่พัก ฉันก็ตกลงไปกับเธอด้วย เพราะตอนนั้นยังมืดมากจะให้ 1 ธรรมศาลา (Dharamsala) เปน็ ทต่ี ง้ั ของรฐั บาลพลดั ถน่ิ ทเิ บตและทพ่ี ำนกั ของดาไลลามะองคท์ ่ี 14 205

ฉันเดินดุ่มๆไปเคาะประตูวัดก็คงใช่ที่ โดยที่มีสาวน้อยชาวญี่ปุ่นซึ่งนั่งรถคันเดียว กบั ฉันตามไปด้วยอีกหน่งึ คน พอไปถงึ หนา้ โอมโฮเทล (Om Hotel) ซง่ึ เปน็ โรงแรมเลก็ ๆ ทช่ี าวบา้ นแถวนน้ั รวมทั้งหนังสือ ‘โลกเหงา’ แนะนำเอาไว้ พวกเราก็ลองเคาะประตูเรียกดู สักครู่ คนดูแลโรงแรมก็มาเปิดประตูรับเราเข้าไปชมห้องของเขา ฟินกับเพื่อนชายของ เธอพอใจกับที่พักราคา 300 รูปีต่อห้องต่อคืน แต่ฟินไม่พักร่วมห้องกับเพื่อน ตา่ งเพศของเธอ เธอจงึ ถามฉนั กบั สาวนอ้ ยชาวญป่ี นุ่ ทต่ี ามไปดว้ ยวา่ ...จะมใี ครยนิ ดี แชรห์ อ้ งกบั เธอไหม ชว่ั วนิ าทที ฉ่ี นั กำลงั ครนุ่ คดิ เพราะหอ้ งทว่ี า่ งอยู่ มกี ลน่ิ อบั จนฉนุ ... สาวน้อยชาวญ่ีปุ่นท่ีตามมาด้วยก็รีบพยักหน้าแล้วเดินไปประชิดฟินเหมือนลูกไก่ วิ่งเข้าไปซุกแม่ไก่ ฉันดูท่าแล้วก็อดขำไม่ได้ และฉันก็เห็นว่าเธอน่าจะได้แชร์ห้อง นั้นกับฟินมากกว่าฉันจริงๆ เพราะดูเธอตื่นกลัวกับสิ่งรอบๆตัวมากตั้งแต่ตอนนั่ง มาบนรถคันเดียวกับฉัน ฉันจึงบอกฟินว่า ฉันขอเข้าห้องน้ำสักครู่และขอฝาก กระเป๋าไว้ที่ห้องของเธอก่อน เดี๋ยวฉันจะลองออกไปเดินดูที่พักอื่นๆ ถ้าได้เรื่อง แล้วฉันจะกลับมาเอากระเป๋า แล้วฉันก็ออกมาเดินในถนนมืดๆตามลำพัง เพื่อที่จะพบว่าทุกแห่งปิดเงียบ แม้ทุกที่จะมีป้ายติดเอาไว้ว่าให้กดกริ่งหรือเคาะประตูเรียกหากต้องการใช้บริการ แต่ฉันก็ไม่รู้สึกอยากที่จะเคาะประตูเรียกโรงแรมไหน หลังจากเดินยืดแข้งยืดขา เลน่ สกั พกั ฉนั กก็ ลบั ไปทโ่ี อมโฮเทล โดยมบี รรดาสนุ ขั เจา้ ถน่ิ สง่ เสยี งขดู่ งั ขรม ไมว่ า่ ฉันพยายามจะส่งเสียง ส่งสัญญาณ ให้พวกมันลดเสียงลงอย่างไรก็ไม่เป็นผล สุดท้าย...ฉันเลยสวด ‘อิติปิโส’1 ใส่เสียเลย...เชื่อหรือไม่คะ...น้องหมาทั้งหลาย เงียบเสียงลงในบัดดล 1 บทสวดอติ ปิ ิโส หรอื บทสวดสรรเสริญพระพทุ ธคุณ นยิ มสวดบทสวดสรรเสริญพระธรรมคุณและ บทสวดสรรเสริญพระสังฆคุณต่อเน่อื งกัน 206

และในขณะทฉ่ี นั กำลงั จะลองเดนิ เลยโอมโฮเทลไปอกี นดิ เพอ่ื ไปสำรวจอะไร (กไ็ มร่ ู้) ดสู ักหน่อย ก็มีชายวยั กลางคนๆหน่ึงเดินสวนมา ฉนั จึงกลา่ วทกั ทายและ ถามเขาว่า...เขารู้จักวัดไหนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักบ้างไหม... ชายคนนั้นก็ บอกว่า “รู้จักสิ...วัดเทโชคลิง (Tsechokling Monastery) นี่ไง เดินลงเขาไป ทางนส้ี กั สามสร่ี อ้ ยเมตรกถ็ งึ แลว้ ” ฉนั จงึ กลา่ วขอบคณุ แลว้ ถามชอ่ื เขา พอรวู้ า่ เขา ชื่อ ‘ทาชิ’ ฉันก็เติมคำว่า ‘อาชู’ ซึ่งแปลว่า ‘พี่ชาย’ ในภาษาทิเบตไปที่หน้าชื่อ ของเขา ก่อนจะยกมือไหวแ้ ลว้ บอกเขาวา่ “ขอบคุณค่ะ อาชูทาช”ิ เขาจึงหวั เราะ ออกมาคำโต พร้อมตบหลังตบไหลฉ่ ันอย่างแรง แล้วเดินจากไปในความมดื สว่ นฉนั กค็ อ่ ยๆเดนิ สอ่ งไฟฉายลงไปตามทางทเ่ี ขาบอก แตพ่ อไปถงึ ดา้ นลา่ ง และพบวา่ วดั ยงั อยใู่ นสภาพเงยี บเชยี บ ฉนั จงึ คอ่ ยๆเดนิ กลบั ขน้ึ ไปทถ่ี นนเลก็ ๆดา้ น บนแล้วไปนั่งรอให้ฟ้าสางที่โอมโฮเทล ฉันไม่อยากรีบเคาะประตูปลุกฟินเพื่อขอ กระเปา๋ เพราะอยากใหเ้ ธอนอนเตม็ ตน่ื กวา่ นอ้ี กี นดิ โดยระหวา่ งทร่ี อฉนั กฆ็ า่ เวลา ด้วยการถ่ายรูปบ้าง นั่งยิ้มกับสายลมเย็นๆบ้าง มองเส้นขอบฟ้าที่ค่อยๆเปลี่ยน จากสีเข้มมาเป็นสีจางๆเพราะแสงอาทิตย์ค่อยๆไล่ทาบทามาทีละน้อยๆ อากาศ และบรรยากาศของทน่ี ช่ี ว่ ยทำใหร้ า่ งกายและอารมณข์ องฉนั ดขี น้ึ อยา่ งรวดเรว็ ฉนั จงึ เรมิ่ รู้สกึ รกั แมค็ คลาวด์กันจต์ ั้งแต่ยงั ไมไ่ ด้เหน็ กนั เต็มตา เมอ่ื ฉนั เหน็ วา่ ถงึ เวลาทฉ่ี นั นา่ จะขนขา้ วขนของไปทว่ี ดั เทโชคลงิ เสยี ที ฉนั จงึ ไปเคาะประตเู รยี กฟนิ เธอรบี ถามใหญว่ า่ ฉนั หายไปอยทู่ ไ่ี หนตง้ั นานจงึ เพง่ิ มาเคาะ เรียกเธอ ฉันเลยบอกว่าฉันก็นั่งอยู่ที่นี่ล่ะ...แต่ไม่อยากรีบปลุกเธอ ฉันบอกให้ฟิน รีบกลับไปนอนตอ่ แล้วค่อยๆแบกกระเปา๋ เดนิ ลงเขาไปวดั เทโชคลงิ ขณะที่ฉันเดินลงไปถึงประตูทางเข้าวัด ฉันก็เห็นเณรน้อย 2 รูปกำลังล้าง หน้าแปรงฟันอยู่ที่อ่างน้ำมุมหนึ่งของวัด เณรคนที่เสร็จธุระแล้วเดินเข้ามาหาฉัน แล้วถามฉันว่า...จะมาพักที่นี่เหรอ เดี๋ยวเขาจะไปถามให้นะว่ายังมีห้องว่างไหม... 207

ครู่เดียวก็มีลามะหนุ่มน้อยเดินมาบอกฉันว่า...วันน้ีห้องพักของท่ีนี่เต็มหมดแล้ว ฉนั คงตอ้ งไปพกั ทอ่ี น่ื … ‘งานเขา้ ละ่ สคิ ราวน.้ี ..’ เพราะตอนเดนิ แบกกระเปา๋ ลงเขามา มนั กไ็ มเ่ หนอ่ื ย เทา่ ไรหรอก แตต่ อนจะเดนิ แบกกระเปา๋ ขน้ึ เขาไปนส่ี .ิ .. ‘หลงั อาน...แนๆ่ ’ เพราะถงึ แมจ้ ะเปน็ ระยะทางแค่ 300-400 เมตร แตเ่ นอ่ื งจากเปน็ ทางขน้ึ -ลงเขาทค่ี อ่ นขา้ ง ชัน การต้องแบกเป้ที่มีนำ้ หนกั กวา่ 12 กิโลกรัมกลับข้นึ ไป ทัง้ ๆท่เี พ่งิ ลงมาถงึ วดั ก็ทำให้ฉันล้าเสียแล้ว... ฉันจึงบอกลามะหนุ่มผู้นั้นว่า...ไหนๆฉันก็มาถึงที่นี่แล้ว... ฉันขอเข้าไปกราบพระในโบสถ์หน่อยนะ... ลามะหนุ่มจึงนำทางฉันไปหน้าโบสถ์ แลว้ ปล่อยใหฉ้ ันเข้าไปในโบสถ์ตามลำพงั บรรยากาศภายในโบสถไ์ มท้ เ่ี กา่ ครำ่ ครา่ อบอวลไปดว้ ยกลน่ิ ควนั ไฟและกลน่ิ เทียนที่ทำจากเนยจามรี พื้นไม้ที่เงางามเพราะผ่านการใช้งานมามากเดินนุ่มลื่น สบายเท้า สองฟากข้างกลางโถงโบสถ์มีโต๊ะเตี้ยๆพร้อมอาสนะวางเป็นแนวยาว โดยทห่ี วั แถวจะมธี รรมาสนย์ กระดบั สงู ตง้ั อยทู่ ง้ั สองขา้ ง ฝง่ั หนง่ึ มรี ปู ของพระลามะ ผใู้ หญต่ ง้ั ไวบ้ นธรรมาสน์ สว่ นอกี ฝง่ั มแี ตอ่ าสนะสแี ดงสดวางไวเ้ พราะเปน็ ธรรมาสน์ ที่เจ้าอาวาสหรือพระผู้ใหญ่ของวัดใช้งานจริง โดยพื้นที่ตรงกลางจะถูกเว้นว่างไว้ และเม่ือมองไปรอบๆห้องคุณจะเห็นข้าวของต่างๆท่ีถูกใช้ประกอบพิธีสงฆ์ของ ศาสนาพุทธมหายานฝา่ ยทเิ บต ซง่ึ มีทง้ั ฆอ้ งขนาดใหญ่ แตร ฉาบ ระฆงั หอยสงั ข์ และขา้ วของแปลกตาอกี หลายอยา่ ง แตก่ อ่ นทฉ่ี นั จะเดนิ สำรวจอะไรตอ่ มอิ ะไรตาม ทใ่ี จตอ้ งการ ฉนั เดนิ ไปนง่ั บนพน้ื ไมก้ ลางหอ้ งโถง แลว้ กม้ ลงกราบพระพทุ ธรปู ทถ่ี กู สรา้ งตามแบบศลิ ปะทเิ บต ดว้ ยการกราบแบบเบญจางคประดษิ ฐ์ ซง่ึ ตา่ งจากการ กราบแบบอฐั ฎางคประดษิ ฐ1์ ของชาวทเิ บตซง่ึ เปน็ ประชากรสว่ นใหญข่ องเมอื งน้ี 1 ดรู ายละเอยี ดเพ่มิ ในภาคผนวก 208

หลงั จากกราบพระเสรจ็ เรยี บรอ้ ย ฉนั จงึ เดนิ เขา้ ไปชมเครอ่ื งสกั การะทโ่ี ดดเดน่ สะดดุ ตาฉนั ทส่ี ดุ ในโบสถ์ นน่ั คอื งานปน้ั เนยเปน็ ภาพพระพทุ ธรปู หรอื พทุ ธสญั ลกั ษณ์ ตามความเชอื่ ของศาสนาพทุ ธแบบทเิ บตทมี่ สี สี นั สวยงามและมลี วดลายออ่ นชอ้ ย วิจิตรบรรจง ฉันทราบข้อมูลจากแผ่นพับที่วางไว้ในโบสถ์ว่า งานเนยปั้นที่ทำขึ้น เปน็ พทุ ธบชู าเหล่านี้ เรยี กวา่ ‘ตอร์มา’ (Torma หรอื Gtor Ma) ซึ่งถ้าจะว่าด้วย วัตถุดิบที่ใช้ในการทำตอร์มาแล้ว โดยหลักๆก็จะมีตอร์มา 2 แบบ คือแบบที่ทำ ขน้ึ จากเนย และอกี แบบเปน็ แบบทท่ี ำขน้ึ จากแปง้ สาลี ซง่ึ อาจจะผสมนม ไข่ นำ้ ตาล หรอื นำ้ ผง้ึ เขา้ ไปดว้ ยกไ็ ด้ ตอรม์ าแบบทท่ี ำขน้ึ จากแปง้ สาลี มกั ใชป้ น้ั เพอ่ื บชู าพระใน โอกาสทว่ั ๆไป สว่ นตอรม์ าทท่ี ำขน้ึ จากเนย มกั ถกู ทำขน้ึ เพอ่ื การบชู าในโอกาสพเิ ศษ นอกจากชาวทิเบตจะทำตอร์มาขึ้นเพ่ือบูชาพระแล้ว...ก็ยังมีการทำตอร์มา ขน้ึ มาเพอ่ื บชู าเทพ เพอ่ื ขอใหค้ นปว่ ยหายจากอาการเจบ็ ไข้ หรอื ทำขน้ึ เพอ่ื ใชบ้ ชู า ในฤดเู กบ็ เกย่ี วอกี ดว้ ย แตใ่ นทนี ฉ้ี นั จะพดู ถงึ ตอรม์ าแบบทใ่ี ชบ้ ชู าพระซง่ึ ปน้ั ขน้ึ จาก เนยสสี นั สดใสเป็นหลกั นะคะ จากคำบอกเลา่ ของพระลามะรปู หนง่ึ ของวดั เทโชคลงิ ทา่ นบอกวา่ ... แตล่ ะ ปจี ะมกี ารปน้ั ตอรม์ า 2 ครง้ั ครง้ั แรกจะปน้ั ในชว่ งงานเฉลมิ ฉลองฤดใู บไมผ้ ลแิ ละ จะเกบ็ ตอรม์ าไวบ้ ชู า 6 เดอื นกอ่ นทจ่ี ะนำไปทง้ิ ซง่ึ การ ‘ทง้ิ ’ ในทน่ี ไ้ี มใ่ ชก่ ารทง้ิ ลง ถังขยะนะคะ แต่เป็นการนำไปวางทิ้งให้นกและสัตว์อื่นได้กินเศษเนย (หรือเศษ แป้งสาลี) ที่ถูกนำมาปั้นเป็นตอร์มา หลังจากนั้นจะมีการปั้นตอร์มาเนยขึ้นใหม่ อีกครั้งในพิธีสำคัญทางศาสนาช่วงราวๆเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม ซึ่งฉันต้อง ขออภยั ทจ่ี ดไม่ได้ ฟงั ไมท่ นั จงึ ไมแ่ น่ใจวา่ เปน็ งานพิธที างศาสนางานไหน การปั้นตอร์มานอกจากจะต้องใช้ความละเอียดอ่อนอย่างที่สุดแล้ว ยังต้อง ใช้ความวิริยะอุตสาหะ สติ และความตั้งใจอย่างสูง เพราะระหว่างที่ปั้นจะมีข้อ ปฏบิ ตั แิ ละพธิ กี ารมากพอสมควร เชน่ ผปู้ น้ั จะตอ้ งระวงั ไมใ่ หห้ ายใจรดเนยทก่ี ำลงั 209

ปั้น หากมีเศษเนยตกพื้นก็จะต้องทิ้งเศษเนยนั้นไป จะนำขึ้นมาปั้นใหม่อีกไม่ได้ เปน็ ตน้ และจากทพ่ี ระลามะของวดั เทโชคลงิ เลา่ ใหฉ้ นั ฟงั ภายหลงั พวกเขาบอกวา่ ตอรม์ าทั้ง 10 แท่นท่ีฉนั ได้เห็นที่วดั ใชแ้ รงงานคนร่วมกันทำ 10 คนเป็นระยะเวลา 15 วนั โดยไม่มกี ารหยุดพกั “ตอร์มา” เป็นเครอื่ งบูชาทม่ี ีสญั ลักษณ์ หรือปรศิ นาธรรมอนั ลึกซึ้งแฝงอยู่ ซง่ึ ถา้ จะว่าโดยรากศัพท์แล้ว ‘ตอร์มา’ เป็นการรวมคำ 2 คำเข้าไว้ด้วยกนั นนั่ คือ คำว่า “ตอร”์ (Gtor) กบั คำวา่ “มา”(Ma) คำวา่ “ตอร”์ (Gtor) เปน็ ภาษาทเิ บต หมายถงึ ‘การโยนออกไป การละทง้ิ พลัดพราก แตกแยก เสียหายไป ไม่อาจทนอยู่ได้’ หรือถ้าจะเรียกตามภาษา ของชาวพทุ ธอยา่ งเราๆ กค็ อื ...อนจิ จงั ...ทกุ ขงั ...อนตั ตา... ซง่ึ เปน็ ‘กฏไตรลกั ษณ’์ 1 ส่วนคำว่า “มา” (Ma) หมายถึง ‘แม่’ “ตอรม์ า” จงึ หมายถงึ การใหท้ ย่ี ง่ิ ใหญ่ การใหโ้ ดยไมห่ วงั สง่ิ ตอบแทน เปน็ ความรกั ความเมตตาท่เี หนอื กวา่ เมตตาใดๆ... เฉกเชน่ เดยี วกับท่แี มใ่ หช้ วี ิตลกู ซ่ึง เป็นการให้แลว้ ใหเ้ ลย เป็นการละทงิ้ โดยการให้ เป็นการผลกั ไสและตัดขาด ดว้ ย ความรกั และเมตตา... เปน็ การเตอื นใหเ้ ราตระหนกั วา่ ... ‘ไมว่ า่ เราจะเพยี รสรา้ งสรรค์ หรอื เพยี รถนอมรกั ษาสง่ิ ๆหนง่ึ ไว้ ดว้ ยความวริ ยิ ะอตุ สาหะ และความรกั มากมาย แคไ่ หนกต็ าม... แตท่ กุ สรรพสง่ิ บนโลกน.้ี ..มใิ ชข่ องเรา...และตอ้ งมอี นั พลดั พราก ไปจากเราเสมอ...ไม่ทางใดกท็ างหนง่ึ ... เพราะธรรมชาตขิ องสรรพสง่ิ ทัง้ หลาย ลว้ นเป็นเชน่ น้นั ...’ 1 กฏไตรลักษณ์ คือ กฏตายตัวของสิ่งทั้งปวงในโลก ได้แก่ อนิจจัง-อาการไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้ว ยอ่ มเสอ่ื มสลายไป ทกุ ขงั -อาการทไ่ี มอ่ าจทนอยใู่ นสภาพเดมิ ได้ ไมส่ มบรู ณ์ มคี วามบกพรอ่ งอยใู่ นตวั อนัตตา-ความไมใ่ ชต่ วั ตน ไม่มีตวั ตน ไม่ตกอย่ใู ตบ้ ังคบั บัญชาของใคร ไม่มอี ำนาจแท้จริงในตวั 210

“ตอร์มา” จงึ มนี ยั ถงึ ... การตดั ความอาลยั ความหลง ความยึดม่นั ในตวั ตน และส่ิงทเ่ี ป็นของตน...หรอื ‘การตดั กิเลสตัณหา’ ผ่านความวิริยะอตุ สาหะ ผ่าน ความรักความเมตตา และการมองโลกตามความเป็นจรงิ การทำ “ตอร์มา” จึงมิได้เป็นเพียงการปั้นเครื่องสักการะที่สวยงามขึ้นมา บูชาพระรัตนตรัยเท่านั้น... แต่การทำตอร์มา คือการ ‘ฝึกกายฝึกใจ’ ตามหลัก ความเชื่อและวิถีชีวิตของชาวพุทธสายทิเบตหรือสายวัชรยาน เพราะตั้งแต่เริ่ม นวดและผสมสเี นยเพอ่ื ปน้ั ตอรม์ า... ไปจนถงึ ขณะทป่ี น้ั ตอรม์ าอยา่ งวจิ ติ รบรรจง... นำตอร์มาไปบชู า... และในวนั สุดทา้ ยที่นำตอรม์ าไปทิง้ ... ลว้ นมีปรศิ นาธรรมแฝง ให้ผเู้ ก่ยี วขอ้ ง...ไดม้ อง...ได้เห็น...และได้คิด หลงั จากเดนิ ชมโบสถเ์ ลก็ ๆ จนจติ ใจของฉนั อม่ิ เอมกบั ความงามของสถานท่ี และวฒั นธรรมจนลน้ ปรแ่ี ลว้ ฉนั กก็ ราบลาพระพทุ ธรปู อกี ครง้ั โดยไมล่ มื ทจ่ี ะบรจิ าค เงินบำรุงวัด จากนั้นจึงออกไปด้านนอกเพื่อเตรียมแบกเป้กลับขึ้นไปหาที่พักใน เมือง แล้วเรื่องอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นกับฉันอีกจนได้ เพราะขณะที่ฉันกำลังยกเป้ขึ้น หลงั ...กม็ เี สียงเรียกดงั มาจากด้านหลังว่า... “ขอโทษครับ...คุณคอื คนท่มี าถามหาทีพ่ กั ทีว่ ดั เราใช่ไหม” “ใชค่ ะ่ ” (ฉันหันกลับไปตอบ พรอ้ มกบั ร้สู ึกถงึ พลังแห่งความหวังท่ฉี ายวบู ขึ้นในใจ) “เรามหี ้องวา่ งหนึ่งห้องพอดี แตต่ ้องรอใหค้ นทพ่ี กั อยเู่ กบ็ ของเสร็จก่อน... นา่ จะไม่เกนิ 9 โมงเชา้ ” “เย่ียมเลยค่ะ...งนั้ ฉนั จะรอนะคะ...” (ฉนั สง่ ยมิ้ ทก่ี ว้างมาก...ถงึ มากทสี่ ุดกลบั ไป) “คณุ กินมอ้ื เช้ามาหรือยงั ที่นมี่ อี าหารเช้ากบั อาหารกลางวันดว้ ยนะ...” 211

แล้วชายคนนั้นกเ็ ดนิ พาฉนั ไปห้องอาหาร พร้อมกับบอกรายละเอียดเรื่องที่ พกั กบั อาหารใหฉ้ นั ทราบ และชีใ้ หด้ วู ่าเรอื นพักอยู่ตรงไหน เหตุการณ์ต่างๆที่ฉันประสบตั้งแต่ได้เจอ “อาชูทาชิ” ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง หลังจากสวดบทอิติปิโส มาจนถึงการได้ที่พักหลังจากกราบพระและทำบุญเสร็จ ทำให้ฉันเชื่อว่า...ทุกเรื่องในชีวิตของเราไม่มีคำว่าบังเอิญ มันมีแต่คำว่า “เหตุ” และ“ผล”... ใครจะวา่ ฉันเพอ้ เจ้อกช็ า่ ง แต่ฉันเช่ือวา่ ฉนั ได้รบั “ผลท่ีดี” จากการ ทำ “เหตทุ ดี่ ”ี วันแรกในแม็คคลาวด์กันจ์ของฉันเป็นไปแบบสบายๆ เพื่อเป็นการพักฟื้น จากอาการ ‘ทอ้ งรว่ั สตหิ ลดุ ’ เมอ่ื วาน เวลาสว่ นใหญจ่ งึ หมดไปกบั การนอนพกั ผอ่ น เขยี นบนั ทกึ สวดมนต์ คยุ กบั พระลามะรปู ตา่ งๆ นกั เดนิ ทาง และบรรดาอาสาสมคั ร สอนภาษาและช่วยงานพัฒนาชุมชนซ่ึงมาพกั ที่น่ี วันรุ่งขึ้น...พอได้เรี่ยวแรงคืนมา ฉันก็ออกเดินชมเมืองและเดินเลยขึ้นไปถึง น้ำตกที่(เขาว่า)มีชื่อของเมืองนี้ แต่ฉันก็พบว่าน้ำตกที่ว่า...เป็นเพียงน้ำตกที่เหลือ เพียงละอองน้ำสายเล็กๆ ที่ไหลตกลงมาจากที่สูง แต่ก็ต้องถือว่าเป็นการเดิน ออกกำลงั กายที่เรยี กเหงอ่ื และกระตุน้ ให้ปอดกบั หัวใจของฉันทำงานดขี ึ้น และระหวา่ งทางลงจากน้ำตก ฉนั กไ็ ด้พบกับผู้หญิงคนหน่ึงที่ทำให้ฉันสะดงุ้ ตน่ื ตอนกลางวนั แสกๆ ผหู้ ญงิ คนนเ้ี ปน็ ชาวอสิ ราเอลทไ่ี มย่ อมรบั (ดว้ ยวาจา)วา่ เธอ เป็นชาวอิสราเอล แต่บอกว่าเธอเป็นชาวอเมริกันที่เคยอยู่ในประเทศๆหนึ่งใน อเมริกาใต้ ฉนั ขอเล่าถงึ เธอโดยเรยี กเธอว่า “ฟลอร่า” แทนชือ่ จรงิ ของเธอ ฟลอรา่ อายมุ ากกวา่ ฉนั เกอื บ 20 ปี ภายนอกเธอดเู ปน็ คนสดใสรา่ เรงิ กลา้ แกรง่ ไม่กลวั ใคร พร้อมจะหาเรอื่ งและพะบู๊ใสท่ กุ คนทที่ ำในส่งิ ท่ีเธอ “ไมถ่ กู ใจ” เพราะ เธอมองว่ามันเป็นสิทธิ์ที่เธอควรได้รับ เธอไม่คิดจะก้าวล่วงใคร แต่ใครอย่ามา 212

ก้าวล่วงเธอ เธอลำบากและสู้ชีวิตมาอย่างหนัก เธอเคยเป็นโรคร้ายที่เกือบจะ ครา่ ชวี ติ ของเธอไป แตเ่ ธอกผ็ า่ นมนั มาไดเ้ พราะพลงั ศกั ดส์ิ ทิ ธเ์ิ บอ้ื งบน เธอเปน็ คน รกั ความถูกต้อง แตก่ ใ็ จร้อน ปากไว และพรอ้ มจะตอบโตใ้ ครๆเรว็ เทา่ ทใ่ี จเธอคิด ทส่ี ำคญั ...เธอทำใหฉ้ นั เหน็ ตวั เองในอดตี อยา่ งชดั เจน และฉนั กไ็ มช่ อบสง่ิ ทเ่ี ธอเปน็ ในตอนนั้นเลย เพราะมันคือสิ่งที่ฉันเคยเป็น (หรืออาจจะยังเป็นอยู่...มั้ง) ความ รู้สึกที่ฉันมีต่อเธอจึงเต็มไปด้วยความเมตตา สงสาร และอยากช่วยให้เธอคลาย ความร้อนในใจลงไปบา้ ง เพราะฉนั ร้ดู วี า่ ความร้อนที่เธอกักเก็บมนั ไว้ภายในนัน้ มี ฤทธร์ิ า้ ยเพยี งใด และทำรา้ ยเธอไดม้ ากแคไ่ หน สว่ นฟลอรา่ เองกด็ เู หมอื นจะ “ถกู ใจ” ฉนั เอามากๆ หลังจากที่ฟลอร่ากับฉันพูดคุยกันไปสักพัก เธอก็ขอติดสอยห้อยตามฉันไป เดนิ เทย่ี วชมวดั ชมเมอื งดว้ ย จนสดุ ทา้ ย...เธอกต็ ดั สนิ ใจยา้ ยเขา้ ไปพกั ทว่ี ดั เทโชคลงิ เหมือนฉนั วนั รงุ่ ขน้ึ ฟลอรา่ กบั ฉนั เดนิ ขน้ึ เขาไปเทย่ี วทรอิ นู ด์ (Triund)1 ซง่ึ เปน็ จดุ ชมววิ และแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วขน้ึ ชอ่ื อกี แหง่ หนง่ึ ของเมอื งน้ี พรอ้ มกบั นกั ทอ่ งเทย่ี วอกี คน ท่ี มาพกั อยทู่ ว่ี ดั เทโชคลงิ ซง่ึ กด็ เู หมอื นวา่ ...เธอจะไมค่ อ่ ยกนิ เสน้ กบั นกั ทอ่ งเทย่ี วคน นัน้ เท่าไร และฉันกส็ มั ผสั ได้ถงึ ‘ความรอ้ น’ ในใจของเธอ เมื่อสบโอกาส...ฉันจึงพูดกับฟลอร่า ขณะที่เราแวะพักเหนื่อยใต้ต้นไม้ใหญ่ ว่า... “ฉันชอบต้นไม้จังเลย ต้นไม้นั้นสงบเย็นเสมอ ฉันอยากเป็นเหมือนต้นไม้... 1 ทรอิ ูนด์ (Triund) เป็นภเู ขาซึง่ เปน็ แหล่งทอ่ งเทยี่ วสำคญั แห่งหนงึ่ ของแมค็ คลาวดก์ นั จ์ มคี วามสูง ประมาณ2900เมตรเหนือระดบั น้ำทะเลเมือ่ ข้นึ ไปถึงยอดเขา...คณุ จะเหน็ ทิวทัศน์โดยรอบของเมอื ง และเห็นความอลงั การของภเู ขาหิมะ ลอยเด่นเป็นฉากหลัง... หากมาเทย่ี วในฤดใู บไม้ผลิ คณุ จะได้ เหน็ ดอกกหุ ลาบพนั ปีสแี ดงสดบานเต็มตน้ ตลอดทางทีเ่ ดนิ ขึน้ ไป 213

ฉนั อยากเปน็ คนทส่ี งบเยน็ เพอ่ื ใหค้ นอยากเขา้ ใกลแ้ ละไดพ้ กั พงิ ... ฉนั ไมอ่ ยากเปน็ คนที่ร้อนเหมือนไฟ เพราะย่อมไม่มีใครอยากเข้าใกล้ไฟร้อนๆ คุณว่าจริงไหม...” ฟลอรา่ จงึ ‘ยิ้มร่า’ แลว้ บอกว่า... “เธอพดู เพราะจัง ฉันชอบคำพูดของเธอ...” ฉันเชื่อว่านอกจากฟลอร่าจะชอบสิ่งที่ฉันพูดแล้ว...เธอก็น่าจะ ‘เข้าใจ’ ความหมายแฝงของฉนั เปน็ อยา่ งดี เพราะหลงั จากนน้ั ฟลอรา่ กท็ ง้ิ อารมณห์ งดุ หงดิ ที่มีต่อนักท่องเที่ยวอีกคน ซึ่งเธอไม่ค่อยจะกินเส้นด้วยไว้กลางทาง แล้วหันไปคุย กนั ในเร่ืองอ่นื ๆ ทพ่ี อจะคยุ กันได้ ตลอดเวลาที่อยู่ที่วัดเทโชคลิง ฟลอร่ามักเข้ามาพูดคุยกับฉัน เกี่ยวกับหลัก คำสอนของศาสนาพทุ ธ ซง่ึ ฉนั กพ็ ยายามตอบและอธบิ ายไปเทา่ ทส่ี ตปิ ญั ญาจะพงึ มี จนฟลอรา่ เกดิ สนใจท่จี ะเรยี นรู้และปฏบิ ตั ธิ รรมตามหลักศาสนาพุทธ ฟลอร่าออกจากอินเดีย เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปของเธอก่อนฉัน โดยต้องไปขึ้นเครื่องบินที่เมืองไทย แต่เนื่องจากเธอหาตั๋วเครื่องบินไปยังที่หมาย ถดั ไปไมไ่ ด้ เธอจงึ เปลย่ี นแผนกระทนั หนั แลว้ เดนิ ทางไปเมยี นมารแ์ ทน เธอสมคั ร เขา้ คอรส์ วปิ สั สนาทน่ี น่ั และเมอ่ื ฉนั ไดม้ โี อกาสพบกบั เธออกี ครง้ั ในเมอื งไทย เธอก็ ดูเปลีย่ นไปมาก เธอบอกฉันว่า... ขอบคุณ...ที่ฉันเปิดประตูให้เธอได้พบกับ ‘วิถีพุทธ’1 ขอบคุณ...ที่ทำให้เธอ ไดพ้ บวธิ จี ดั การกบั อารมณค์ วามรสู้ กึ ของตวั เอง... เธอดใี จมากทพ่ี บวา่ ... ‘แคเ่ ราเหน็ อารมณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ...เรากจ็ ะเหน็ วา่ อารมณน์ น้ั หายไป’ เธอบอกวา่ “ตอ่ ไปน.้ี ..เวลา ฉันโกรธ ฉันก็จะดูแต่ความโกรธๆๆ ฉันจะไม่สนใจอย่างอื่น เพราะฉันเห็นแล้วว่า มันคือวิธดี ับโกรธ...” 1 ฟลอรา่ ไม่ไดเ้ ปล่ียนศาสนา แต่เธอก็นัง่ สมาธิและปฏบิ ตั ภิ าวนาตามหลกั ศาสนาพุทธเป็นประจำ 214

นกึ ๆไปกน็ า่ ขนั ... เพราะคนทฟ่ี ลอรา่ ยกใหเ้ ปน็ คนทช่ี ว่ ยเปดิ ประตใู หเ้ ธอพบ ‘วธิ ดี บั โกรธ’ กลบั ตอ้ งรอเวลาถงึ ปกี วา่ ...จงึ จะมโี อกาสฝกึ ปฏบิ ตั ภิ าวนา (ในรปู แบบ) ด้วยตนเอง... แตท่ ุกสิ่งทกุ อยา่ ง...ย่อมมเี หตุผลและจงั หวะเวลาของมันเองเสมอ 215

สัพเพ ธัมมานาลงั อะภนิ ิเวสายะ ธรรมทัง้ หลายทั้งปวงไมค่ วรยดึ มั่นถือมั่น พระพุทธพจน์

กุลีของแท้...ตอ้ งแต่งตัวเรียบรอ้ ยดว้ ยเครื่องแบบเปน็ เสื้อสีแดง สถานีรถไฟโมกุลซาราย...ทางเลือกสำหรับการเดนิ ทางจากสารนาถสู่พาราณสี คำขวญั ของการรถไฟอินเดยี ‘ปรารถนาให้คณุ เดินทางอยา่ งสุขสันต์’

ห้องสวีทลมโชย...ที่ววิ วิมานโฮเตล็ , คยา พอฟา้ เริ่มสาง ฉนั ก็ตื่นขึน้ มาเพราะอากาศท่ีรอ้ นอา้ ว ฉนั เดนิ ผา่ นหน้าตา่ งเพือ่ ไปลา้ งหน้าในห้องนำ้ ...แตภ่ าพทแี่ วบ่ เข้าส่หู างตาทำใหฉ้ นั ต้องหยุดกึก มนั เปน็ ภาพของโรงแรมอีกแหง่ ท่ีอย่ตู รงกนั ขา้ มกับหอ้ งพกั ของฉนั กลมุ่ ชายชาวอนิ เดยี กำลงั นอนหลบั เรียงกนั เป็นตบั บนดาดฟา้ ของโรงแรม โดยมีเพยี งผ้ารองนอนและผ้าหม่ ผืนบางๆ ช่ัวขณะน้นั เอง...สภาพห้องพักซ่ึงทำใหฉ้ นั สุดจะเพลีย...ก็กลายเป็นทีพ่ ัก “อย่างดี” ไปเลย

น้ำใส...คงใสไดด้ ว้ ยใจคน น้ำอุ่น...คงอุ่นทนด้วยคนให้ นำ้ ข่นุ ...กรนุ่ กลิ่นโคลนพอทนใช้ นำ้ ใจ...ยงั อนุ่ ใส..ไรข้ ุ่นคน ตโปธาร บอ่ น้ำร้อนศักด์สิ ิทธิ์ ทช่ี าวฮนิ ดทู กุ ชนช้ันวรรณ ได้มีโอกาสร่วมใชส้ อย เพยี งแคแ่ บง่ ลำดับ ในการใช้สอยเทา่ น้ัน และเมื่อนำ้ ร้อนอ่นุ ใส เดินทางมาถงึ ชั้นสดุ ทา้ ย ส่งิ ท่สี ะอาดใสทีส่ ุด กลบั กลายเป็น...ศรัทธา

มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาในอดีต มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาในปัจจุบัน รอยเกวียนโบราณ, กรุงราชคฤห์ แวววิจิตรหลีกเร้นในห่วงกาล วันวานวิบไหวใต้แสงสูรย์ หวีดหวิวหวั่นจิตคิดอาดูร อดีตสูญยังโศกซ้ำร่ำรำพัน

คิชฌกฏู คชิ ฌกูฏฉดุ ให.้ ..คดิ ละสักนิดกบั แข่ง...ใหญ่ อยากแน่ตอ้ งแขง่ ...ให้ อยากเหนอื ใครให้…แขง่ วาง 12 3 เขาคชิ ฌกูฏ, ราชคฤห์ 1. ธงมนตส์ ะบดั ล้อลมเยน็ เหนอื ยอดไม้ บนลานกว้าง ก่อนขน้ึ สยู่ อดเขา 2. ดวงตะวนั ยามเช้า ราวกับจะแบง่ ออกเปน็ 2 ดวง เพราะมายาแหง่ ม่านเมฆ 3. มลู คันธกุฎี บนยอดคิชฌกฏู ถา่ ยจากหน้ากฏุ พิ ระอานนท์

มหาโพธเิ จดยี ,์ พุทธคยา แทน่ วชั รอาสน์ ใตต้ น้ ศรมี หาโพธ์ิ บริเวณมหาโพธวิ ิหาร ร้ัวรอบแทน่ วัชรอาสน์และตน้ ศรมี หาโพธิ์ ภายในพระอโุ บสถ วดั ไทยพทุ ธคยา, พทุ ธคยา

มุมไหนกห็ น่ึงธรรม โลกหมนุ โลกเอยี ง โลกไหว โลกพลกิ โลกหงาย โลกควำ่ โลกเปลยี่ น คนเปล่ียน เวียนซ้ำ เพยี งธรรมเลศิ ลำ้ ธรรมเดยี ว


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook