การสรางเสรมิ ปญญาผา นกระบวนการสือ่ สารสุขภาพ 238 เพื่อปลูกฝง พฤติกรรมสง เสรมิ สุขภาพท่ีดใี หนักศึกษาไทย หมด เหตุการณ์นีมนั ทาํ ใหฉ้ นั เสียความรู้สึกทงั ภายนอกและภายในใจของฉนั และ ฉนั ก็เริมดูแลตวั เองเพือใหส้ ุขภาพของฉนั ดีขึนกวา่ เดิม เมือตอนมธั ยมตน้ หนูเป็นคนติดโทรศพั ท์มากๆ ตอ้ งเล่นตลอดเวลา มนั ทาํ ให้สายตาเสียและปวดตา หนูชอบเล่นเวลากลางคืนแบบวา่ แอบแม่เล่นโทรศพั ท์ จนมีวนั นึงปวดหัวมากๆปวดจนทาํ อะไรไม่ได้ ไปหาหมอหมอก็บอกให้เล่น โทรศพั ท์น้อยลง แต่ก็ทาํ ไม่ได้อยู่ดี แม่เผลอเมือไหร่ก็ไปแอบเอามาเล่น ผ่านไป สามสีวนั มนั ก็หายปวด ก็คิดว่าหายแลว้ แน่ๆเลย หนูก็กลบั มาเล่นหนักกว่าเดิม สุดทา้ ยก็กลบั มาปวดหวั เหมือนเดิม แตก่ ห็ ายอยดู่ ี จนถึงปัจจุบนั ตอนนีก็ไม่มีอาการ นนั อีกแลว้ แต่การเล่นโทรศพั ทเ์ ยอะมากไปและเล่นเวลากลางคืน ส่งผลเสียหลาย อยา่ งมากๆทีทาํ ใหก้ ารใชช้ ีวติ สุดแสนจะลาํ บาก อยา่ งเช่น สายตาสันลงเยอะมากๆ เมือตอนถอดแวน่ ยงั พอมองเห็นในระยะใกลๆ้ แต่ตอนนีใกลแ้ ค่ไหนก็ดูเหมือนจะ ไกลจากทุกอย่าง มองไม่ชดั บางทีตดั แว่นมาแลว้ ก็ยงั มองไม่ชดั ไม่รู้ว่าเป็ นทีหนู หรือทีร้านตดั แวน่ ยงั ไม่หมดเพียงแต่นนั เมือก่อนตอนเด็กและตอนมธั ยมปลาย หนูไมเ่ คยปวดหวั เวลานงั รถเลย เล่นโทรศพั ทต์ อนนงั ก็ไม่เคยปวดหวั แต่พอโตขึน ตอนนี เวลากลบั บา้ นแค่หยิบมาตอบไลน์เพือนนิดหน่อยก็ปวดหัวแลว้ เพราะงนั หนูคิดวา่ ในอนาคตจะตอ้ งลาํ บากกวา่ นีแน่นอน การดูแลสุขภาพนนั อยา่ งแรกเลย กค็ ือตอ้ งลดการเล่นโทรศพั ทใ์ ห้นอ้ ยลง พยายามเทา่ ทีจะทาํ ได้ และก็เลิกเล่นตอนที ปิ ดไฟอยูห่ รือเวลานงั รถ ก็ควรนงั ใหถ้ ึงจุดหมายก่อนแลว้ จึงค่อยเล่นโทรศพั ท์ แต่ ไม่เล่นก็จะดีทีสุด แต่ถา้ ไม่เล่นคนในนนั ก็จะคิดถึงเรา แต่มนั ไม่มีดีต่อสุขภาพของ เราเพราะงนั เราไม่ควรเล่นมากเกินไปจนทาํ ให้สุขภาพเรายาํ แย่ และถา้ เราทาํ สิง เหล่านีได้ สุขภาพของเรานนั ก็จะดีขึนจากเดิม เราก็จะไม่ค่อยปวดตาแต่ก็ยงั ปวด แต่ก็จะไม่ปวดไปมากกวา่ เดิม “ไม่มีโรคเป็ นลาภอนั ประเสริฐ” สุภาษิตนียงั คงใชไ้ ดด้ ีในสังคมปัจจุบนั เพราะคนทีไม่เจ็บป่ วยถือเป็ นคนทีโชคดีทีสุด สุขภาพดีร่างกายแขง็ แรง…ตีเป็ น มูลค่านบั ไมถ่ ้วน ดิฉันเป็ นคนหนึงทีสุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงป่ วยเป็ นโรค 238
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการสือ่ สารสขุ ภาพ 239 เพ่ือปลกู ฝง พฤติกรรมสงเสริมสุขภาพท่ีดใี หนักศึกษาไทย ไซนสั อกั เสบ หายใจไม่สะดวก ปวดหวั หน้าและบริเวณกระบอกตา หูอือปวดหู ทรมานมาก เวลาเรียนหรือจะทาํ อะไรก็ลําบากสาเหตุมาจากการพกั ผ่อนไม่ เพียงพอ ไม่ออกกาํ ลงั กายและถูกฝ่ ุนละออกเป็ นจาํ นวนมากเมือไปหาหมอก็มี คา่ ใชจ้ ่ายสูงมากแตต่ อ้ งยอมรักษา คุณหมอแนะนาํ แนวทางปฏิบตั ิคือออกกาํ ลงั กาย อยเู่ สมอพกั ผอ่ นให้เพียงพอเพราะยาทีใชม้ ีหนา้ ทีแค่บรรเทาอาการปวด สิงทีจะทาํ ให้เราหายคือการออกกาํ ลงั กาย ดิฉนั จึงเริมออกกาํ ลงั กายอยา่ งจริงจงั นอนเร็วตืน เชา้ ไปวงิ ทีทะเลทุกวนั ทานอาหารทีมีประโยชน์ ใชเ้ วลาเพียงไมน่ านรู้สึกไดเ้ ลยวา่ ร่างกายแขง็ แรงขึนกวา่ เดิมไมม่ ีอาการปวดไซนสั อีกเลย จึงทราบไดว้ า่ สุขภาพทีดีนนั เราไม่สามารถเสียเงินแพงๆซือไดเ้ พราะการ ทีเราจะมีสุขภาพทีดีเราแค่ออกกาํ ลงั กายและไม่ใชเ้ งินเลยแมแ้ ต่บาทเดียว ผลทีเรา ไดม้ านนั คุม้ เกินคุม้ จริงๆ เมือก่อนดิฉันมีปัญหาการดืมนําน้อยและดิฉันคิดว่าการดืมนาํ ไม่ค่อย สําคญั เท่าไหร่แต่กลบั เกิดปัญหาต่างๆขึนเช่น. การเจ็บคอผิวแห้งปากแห้งขาด ความชุ่มชืน. หน้าไม่สดชืนร่างกายไม่สดชืนทาํ ซึงบางครังการดืมนาํ น้อยทาํ ให้ ปั สสาวะเหลืองดิฉันเริ มคิดแล้วว่าเราควรดืมนําเพราะว่าเพราะนําเป็ น ส่วนประกอบหลกั ของร่างกายประมาณ 60% ของนาํ หนกั ตวั คือนาํ ทุกระบบของ ร่างกายตอ้ งการนาํ เพือใหก้ ารทาํ งานเป็ นปกติเช่นช่วยขบั ถ่ายของเสียหรือสารพิษ ต่างๆจากอวยั วะในร่างกายไม่ว่าจะเป็ นตบั หรือไตช่วยนาํ พาสารอาหารต่างๆไป เลียงร่างกายและช่วยสร้างความชุ่มชืนใหก้ บั ระบบทางเดินหายใจหูคอและจมูกถา้ หากร่างกายขาดนาํ จะทาํ ให้สูญเสียพลงั งานรู้สึกอ่อนเพลียและระบบต่างๆของ ร่างกายก็จะเสียสมดุลไปดว้ ยฉะนนั ตวั ดิฉนั ดืมนาํ อยา่ งนอ้ ยวนั ล่ะ8แกว้ เลยทาํ ให้มี สุขภาพทีดีขึนอย่างเห็นไดช้ ดั ประโยชน์ของนาํ ช่วยในการย่อยอาหารและอาการ ทอ้ งผกู ช่วยลา้ งสารพษิ ช่วยให้ผวิ สุขภาพดีขจดั กลินปาก 239
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการสือ่ สารสขุ ภาพ 240 เพื่อปลูกฝงพฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพท่ีดใี หน ักศึกษาไทย ส่วนตวั ดิฉันคิดว่าสุขภาพสําคญั ต่อร่างกายของเราอย่างมากค่ะ เพราะ ดิฉนั เองก็เคยมีสุขภาพไม่ค่อยดีมาก่อน ทาํ อะไรก็มกั จะเหนือยง่าย ยงิ เขา้ ช่วงหน้า หนาวมกั จะไม่สบายบ่อยๆ เลยทาํ ใหต้ อ้ งไปหาหมอ หลงั จากนนั ดิฉนั ก็เริมหนั มา ออกกาํ ลงั กาย กินอาหารแต่พออิมหรือเกือบอิมอย่าให้อิมเลยกินผกั และผลไมใ้ ห้ มากเป็ นพิเศษเลือกอาหารยอ่ ยงา่ ยและควรงดอาหารรสจดั ตลอดจนดืมนาํ 4-5 แกว้ ก่อนอาหารเชา้ ทกุ วนั เพือลา้ งของเสียออกจากร่างกายลดพวกของมนั ของทอดแลว้ มากินพวกของทีตม้ แทนในวนั หนึงเราควรกินผกั และผลไมใ้ ห้ได้ 70% ส่วนอีก 30% ใหก้ ินโปรตีนจากสตั วแ์ ละถวั ต่างๆถา้ กินไดจ้ ะทาํ ให้ร่างกายแขง็ แรงสมบูรณ์ ไมอ่ ว้ นไมม่ ีนาํ ตาลและไขมนั สูงถา้ เป็นโรคอยกู่ ็จะทุเลาลงไดอ้ ีกดว้ ยตอ้ งออกกาํ ลงั กายทุกวนั เป็ นประจาํ อย่าใหข้ าดและถา้ เป็ นไปได้ ส่วนการออกกาํ ลงั กายดิฉนั จะ เน้นไปทางเดินมากกว่า ถา้ สมมุติวนั ไหนทีเราไม่วา่ งจริงๆก็จะเดินให้ครบหมืน กา้ วเป็ นอยา่ งตาํ ค่ะ ดิฉนั ทาํ อยา่ งนีติดต่อกนั มาอยูห่ ลายเดือน เห็นไดช้ ดั วา่ นาํ หนกั ลดลง สุขภาพร่างกายก็ดีขึน ไม่ค่อยป่ วยมากเหมือนเมือก่อน และยงั ทาํ ให้สุขภาพ ของดิฉนั ดีขึนดว้ ยเพราะดิฉนั เลิกดืมนาํ อดั ลมมาดืมนาํ เปล่าแทน และพวกขนมขบ เคียวก็มีกินบา้ งบางครังแต่ไม่ไดก้ ินเยอะเหมือนเมือก่อน ไม่ใช่แค่การออกกาํ ลงั กาย ควบคุมอาหารแต่อย่างเดียว การนอนและพกั ผอ่ นให้เพียงพอก็มีส่วนสาํ คญั มากเหมือนกัน คนเราควรนอนอยา่ งตาํ 8 ชวั โมง พกั ผ่อนให้เพียงพอไม่นอนดึก มากจนเกินไปเพราะมนั จะให้เราเป็ นโรคอว้ นและสุขภาพเราจะแยล่ งตามไปด้วย ดงั นนั ดิฉนั คิดวา่ การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของตวั เองนนั เป็ นเรืองสาํ คญั มากๆ 240
การสรางเสรมิ ปญญาผา นกระบวนการส่อื สารสขุ ภาพ 241 เพ่ือปลกู ฝง พฤติกรรมสง เสริมสุขภาพที่ดีใหนกั ศึกษาไทย การใชช้ ีวิตเร่งรีบในปัจจุบนั ทีไม่วา่ ใครก็ไม่มีเวลาดูแลตวั เอง ไม่ไดด้ ูแล สุขภาพร่างกายตวั เอง เราอาจไม่รู้ตัวว่าผลกระทบมันจะใหญ่เกินคาด แต่เรา สามารถทีจะดูแลสุขภาพได้ เพือทาํ ให้ร่างกายดีขึน ให้หายและห่างไกลจากโรค ได้แก่ การพกั ผ่อน การกิน การออกกาํ ลงั กาย และการนอนหลบั ทงั 4 อยา่ งนี จะ ช่วยใหเ้ ราแกไ้ ขปัญหาสุขภาพได้ แต่ดิฉนั จะยกเรืองการพกั ผอ่ นมาค่ะ เพราะว่าทงั 4 อยา่ งนี ดิฉนั คิดวา่ ทกุ คนคงพบเจอมากทีสุด การพกั ผ่อน เป็ นเรืองทีทุกคนมองข้ามเหมือนกับทีดิฉันมองข้ามไป เหมือนกนั แต่ละคนตอ้ งการพกั แตกต่างกนั ในแต่ละวนั วิ๔ชีวติ ของคนสมยั ใหม่ เราใช้ชีวิตเร่งรีบในแต่ละวนั ตงั แต่ตืนนอนเช้าๆ เตรียมพร้อมไปเพ่อไปเรียน นอกจากเรียนแลว้ ก็ยงั มีพวก Social media ทาํ ให้ไม่มีเวลาพกั เกิดความเครียดได้ เลยทาํ ให้ระบบการย่อยอาหารไม่ทาํ งาน ส่งผลทาํ ให้มีนาํ หนกั มากขึน ทาํ ใหน้ อน ไม่หลบั นอกจากนนั ระบบภูมิคุม้ กนั ของร่างกายก็จะทาํ งานตอบสนองไม่เต็มที ร่างกายของเราไมไ่ ดถ้ ูกสร้างมาเพอื รองรับสถานการณ์เครียดๆแบบนีทุกวนั ทาํ ให้ เกิดภาวการณ์อกั เสบเรือรัง อาจทาํ ให้เกิดโรคหวั ใจหรือแมก้ ระทงั อลั ไซเมอร์ได้ ตวั อยา่ งการพกั ผอ่ นทีสามารถทาํ ไดง้ ่ายๆ เช่น เดินเล่น เดินเขา้ ร้านกาแฟ นงั พกั อา่ นหนงั สือ ร้องเพลง ฟังเพลง ทาํ สวน ทาํ อาหาร เป็นตน้ การพกั ผอ่ นในแต่ละ วนั อย่ามองขา้ มความสําคญั ของการพกั การพกั ทาํ ไดห้ ลายรูปแบบ อาจเดินไปที ร้านกาแฟหรืออา่ นหนงั สือ แลว้ แต่จะเลือก ขอเพียงสิงทีทาํ มนั ไม่ไดเ้ กียวขอ้ งกบั มือถือหรือคอมพิวเตอร์คะ่ ดิฉนั เชือวา่ ทุกคนลว้ นอยากมีสุขภาพดีดงั คาํ ว่า“การไม่มีโรคเป็ นลาภอนั ประเสริฐ”ซึงหนึงในนนั ก็คือดิฉันเองการมีโรคหรือป่ วยมนั ทาํ ให้เรามีจิตใจทีบนั ทอนรู้สึกไม่สดใสร่าเริงเเละนาํ พามาซึงความสูญเสีย ดิฉนั ก็เป็ นคนทีมีปัญหาเรือง สุขภาพชอบปวดหวั ปวดทอ้ งเเต่ก็ทราบสาเหตุวา่ มนั เกิดจากอะไรเกิดจากการทีเรา ไม่ดูเเลตวั เองละเลยการทานอาหารให้ตรงต่อเวลานอนดึกเเละเคร่งเครียดอยู่ ตลอดเวลาซึงสิงเหล่านีส่งผลใหด้ ิฉนั รู้สึกอ่อนเพลียง่วงนอนบ่อยขบั ถ่ายยากทาํ ให้ 241
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการสอ่ื สารสุขภาพ 242 เพ่ือปลกู ฝง พฤติกรรมสงเสริมสุขภาพที่ดีใหน กั ศึกษาไทย ดิฉนั ตระหนกั ถึงการดูเเลตวั เองมากขึนเช่นการไม่นอนดึกพกั ผอ่ นให้เพียงพอทาน อาหารให้ครบ5หมู่โดยเฉพาะผกั ผลไมห้ ากิจกรรมทาํ เพือความพ่อนคลายบา้ ง เล็กน้อย การทีเราดูเเลรักษาสุขภาพเป็ นสิงทีดีจะส่งผลให้เราใช้ชีวิตอย่างมี ความสุขโดยธรรมชาติดงั นนั เราควรทาํ กิจกรรมทีมีประโยชน์ต่อตนเองมากกว่า การทาํ ลายสุขภาพของตนเองถา้ เรามีสุขภาพทีดีชีวติ เรากจ็ ะดีขึนไป สุขภาพในความหมายของใครหลายๆคนอาจจะมีความหมายทีต่างกนั ไป อาจจะหมายถึงความปลอดภยั หรือความไม่มีโรคหรืออาจจะหมายถึงทงั สองอยา่ ง สุภาพดีนนั ยงั ไมพ่ อตอ้ งรวมถึงสุขภาพจิตดว้ ย ตวั ดิฉนั เองส่วนตวั คิดวา่ ตวั เองเป็ น คนทีมีปัญหาดา้ นสุขภาพจิตเพราะว่าปกติแลว้ เราเป็ นคนคิดมากชอบเก็บเอาเรือง เล็กๆน้อยมาคิดทาํ ให้เสียสุขภาพจิตอยู่บ่อยครังผลทีตามมาก็คือปวดหวั เป็ นไม เกรนจนทาํ ให้บางวนั ตอนเช้าถึงกบั ไปเรียนไม่ไดเ้ พราะปวดหัวอยา่ งหนกั นีเป็ น ปัญหาทีทาํ ให้ดิฉนั อยากทีจะปรับตวั เช่นการเลิกคิดเล็กคิดน้อยและปล่อยวางใน เรืองต่างๆมนั อาจจะแกไ้ ขไม่ได้ 100 % แต่มนั ก็ช่วยไม่ใหเ้ ราเก็บเอาเรืองต่างๆมา ใส่ใจจนทาํ ใหเ้ ราเสียสุขภาพจิต เป็ นคนทีเครียดง่ายและคิดมากแมแ้ ต่เรืองเล็กๆทียงั ไม่เกิดขึน ความเครียด มากเกินไปไม่เป็ นผลดีต่อสุขภาพความเครียดเป็ นสิงไม่ดีมนั ก่อใหเ้ กิดอาการปวด หวั ความเครียดทีไมไ่ ดร้ ับการผอ่ นคลายจะนาํ ไปสู่การอาการต่างๆมีปัญหากบั การ นอนไม่หลบั หรือหลบั ไมส่ นิท เพราะถา้ เวลาเครียดตวั หนูเองก็มกั จะนอนไม่หลบั และสะดุง้ ตืนในช่วงเวลาทีหลบั ทาํ ให้ร่างกายพกั ผอ่ นไดไ้ ม่เพยี งพอและมีปาการ ปวดหัวเนืองจากเวลานอนไม่เพียงพอ เป็ นเรืองสําคญั มากทีคนเราต้องควบคุม ความเครียดใหไ้ ดด้ งั นนั การออกกาํ ลงั กายกเ็ ป็ นเรืองสาํ คญั ทีควรทาํ การไดอ้ อกไป พบผูค้ นหรืออยูก่ บั เพือนจะทาํ ให้ตวั เองลดความเครียดไดม้ ากกวา่ อย่างน้อยก็ได้ พูดคุยและเล่าให้เพือนฟังดีกว่าการเก็บไวค้ นเดียว อีกอยา่ งคือตวั เราเองก็ตอ้ งหา พวกอาหารทีมีประโยชนก์ ินเพือสุขภาพร่างกายทีดี การดูแลสุขภาพนนั อยา่ งแรก เลยกค็ ือตอ้ งลดอาการคดิ มากและเครียดจนมากเกินไป และพยายามไม่ไปคิดในสิง ทียงั ไม่เกิดเพือไม่ให้เป็ นการเสียสุขภาพจิต ส่วนการนอนไม่หลบั เราก็อาจจะหา 242
การสรางเสรมิ ปญญาผา นกระบวนการสอ่ื สารสขุ ภาพ 243 เพ่ือปลูกฝงพฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพท่ีดใี หนักศึกษาไทย อะไรทาํ ก่อนนอน เช่น การฟังเพลง เล่นเกม อา่ นนิยาย ต่างๆเพือไม่ใหเ้ ป็ นการคิด มากก่อนนอนและทาํ ใหผ้ อ่ นคลายดว้ ยและอาจจะปรับเวลานอนให้ไวขึน นอน 7- 8 ชวั โมงตอ่ วนั ไดก้ ็จะดีมาก ถ้าเราเป็ นคนทีมีสุขภาพทีดีไม่มีโรคภยั ก็จะทําให้เราเป็ นทีแข็งแรง สามารถทําอะไรได้หลากหลายอย่างโดยไม่ต้องกลัวว่าจะเป็ นอะไรไปมี ประสิทธิภาพในการทาํ งานอย่างหรือว่าการเรียนการทาํ กิจกรรมต่างทาํ ให้เรามี ความสุขทาํ สิงทีรักหรืออยูค่ นทีเรารักไดน้ านไม่เป็ นภาระใคร มีความสุขกบั การ ใชช้ ีวติ ดิฉนั เป็ นบุคคลหนึงทีมีปัญหาเรืองสุขภาพร่างกายเป็ นคนริมฝี ปากแห้งริม ฝี ปากแตกซึงทาํ ใหเ้ กิดความลาํ บากในการใชช้ ีวิตมากๆเวลาทานอาหารทีมีรสจดั ก็ จะทาํ ใหร้ ู้สึกแสบทีบริเวณริมฝีปากและยงั ทาํ ใหข้ าดความมนั ใจในการดาํ เนินชีวิต เพราะทาํ รู้ว่าริมฝี ปากมีสุขภาพไม่ดีจะทาํ อะไรก็กลวั ว่าจะไม่สวยยิงบริเวณริม ฝี ปากจะทาลิปแต่ปากแตกทาํ ให้เกิดความไมม่ นั ใจไดต้ ลอดเวลา ดงั นนั เราควรทีจะ ทีจะดูแลสุขภาพเรามากขึนดว้ ยการดืมนาํ ปริมาณมากขึน จะทาํ ให้ปากไม่แหง้ แตก หรือกินผลไมท้ ีใหว้ ติ ามินกบั ปากก็จะทาํ ใหส้ ุขภาพบริเวณริมฝี ปากเราดีมากขึนจะ กินอาหารรสจดั ก็ไมม่ ีปัญหาและยงั มีความมนั ใจเพมิ มากขึนอีกดว้ ย ดา้ นร่างกาย สาํ คญั มากเพราะว่าถา้ ร่างกายเราแข็งแรงจะทาํ ให้เกิดโรคภยั ไดน้ อ้ ยกว่าคนทีมีร่างกายไม่แขง็ แรง อยา่ งเช่น คนอ้วนจะมีสิทธิเป็ น โรคหวั ใจ โรคความดนั โลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคมะเร็งต่างๆ และเช่นกนั คนทีผอมแหง้ ไม่ ออกกาํ ลังกายสุขภาพไม่แข็งแรงก็เสียงทีจะเป็ นโรคไทรอยด์ และอืนๆอีกมาก เช่นกนั ดงั นนั เราควรทีจะหาเวลาออกกาํ ลงั กายวนั ละนิดและพกั ผอ่ นให้เพียงพอ เพอื ใหส้ ุขภาพร่างกายแขง็ แรงเพอื ทีจะใหอ้ ายยุ นื ขึนและเสียงตอ่ โรคนอ้ ยลง ด้านจิตใจ ก็มีผลมากเช่นกัน อย่างเช่นการพักผ่อนไม่เพียงพอหรือ พกั ผอ่ นนอ้ ยเกินไปกจ็ ะทาํ ใหส้ มองรับความรู้ไดน้ อ้ ยลงและรับสารไดช้ า้ ลง ซึงจะ เป็นผลเสียอยา่ งมากทงั ในการทาํ งานและการเรียน หรือแมแ้ ต่ความกดดนั หรือคาํ สบประมาททีคนรอบขา้ งมีใหก้ อ็ าจจะทาํ ใหส้ ุขภาพจิตใจของคนๆนนั ยาํ แยแ่ ละทาํ ใหค้ นๆ นนั ไมอ่ ยากมีชีวติ อยตู่ ่อ 243
การสรางเสริมปญญาผานกระบวนการสื่อสารสขุ ภาพ 244 เพ่ือปลูกฝง พฤติกรรมสง เสริมสุขภาพท่ีดีใหนักศึกษาไทย ภายหลงั จากทีผูเ้ ขียนไดด้ าํ เนินการเก็บขอ้ มูลวจิ ยั ในเชิงคุณภาพเรียบร้อย แลว้ นาํ มาวิเคราะห์จดั หมวดหมู่ของคาํ ตอบทีไดร้ ับมาแลว้ จึงไดส้ ร้างเครืองมือ เก็บขอ้ มูลในเชิงปริมาณดว้ ย แบบสอบถามปลายปิ ด (Closed-ended Form) ใน รูปแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) แบบสอบถามชนิดนี มีลกั ษณะ คาํ ถามคลา้ ยกบั แบบสํารวจรายการ แต่เปลียนแปลงลกั ษณะการตอบให้มีมาก ระดบั ขึน โดยผตู้ อบแบบสอบถามตอ้ งประเมินวา่ ตนมีคุณลกั ษณะนนั ๆ มากนอ้ ย เพียงใด ในการศึกษาครังนีผวู้ จิ ยั กาํ หนดระดบั ของการประเมินไวท้ ี 5 ระดบั คือ นอ้ ยทีสุด = 1 นอ้ ย =2 ปานกลาง =3 มาก = 4 มากทีสุด = 5 เพือใหไ้ ดผ้ ลสรุป ของการวจิ ยั ทีครอบคลุมชดั เจนมากยงิ ขึน ทงั ในเชิงกวา้ งและเชิงลึก การสร้างแบบสอบถามให้มีคุณภาพทีดีนนั ผูเ้ ขียนตอ้ งใช้เวลาและตอ้ ง กาํ หนดหลกั เกณฑ์ โดยคาํ นึงถึงคุณลกั ษณะของขอ้ คาํ ถามในแบบสอบถามวา่ ตอ้ ง สามารถทาํ การวดั ไดต้ รงกบั สุขภาพความเป็ นจริงของผูต้ อบแบบสอบถามให้ได้ ใกลเ้ คียงความเป็ นจริงหรือให้ไดถ้ ูกตอ้ งมากทีสุด โดยไดน้ าํ ไปใหผ้ ูท้ รงคุณวุฒิ จากศูนย์วจิ ัยการจัดการความรู้การสือสารและการพฒั นา หรือ The Research Center of Communication and Development Knowledge Management (CCDKM) มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช ไดช้ ่วยพิจารณาและให้ขอ้ เสนอแนะ ก่อนนาํ ไปทดสอบนาํ ร่องก่อนนาํ ไปใชจ้ ริง โดยใชจ้ าํ นวนผูต้ อบแบบสอบถาม 400 คน แบ่งเป็ นเพศชาย จาํ นวน 179 คน เพศหญิง 221 คน จากนกั ศึกษาทีกาํ ลังเรียนในคณะนิเทศศาสตร์ คณะ บริหารธุรกิจ คณะศิลปศาสตร์ คณะสงั คมสงเคราะห์ศาสตร์และสวสั ดิการสังคม คณะภาษาและวฒั นธรรมจีน คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลยั หวั เฉียวเฉลิม พระเกียรติและ คณะเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือสาร มหาวิทยาลยั ศิลปากร ประจาํ ปี การศึกษา 2560 และ 2561 244
การสรางเสรมิ ปญญาผา นกระบวนการสอื่ สารสุขภาพ 245 เพื่อปลูกฝง พฤติกรรมสง เสรมิ สุขภาพที่ดีใหน กั ศึกษาไทย ผูเ้ ขียนทาํ การวิเคราะห์ขอ้ มูลดว้ ยโปรแกรม SPSS ใช้สถิติทดสอบ สมมติฐานดว้ ยค่าไค-สแควร์ (Chi – Square) = 2 ซึงเป็ นสถิติทดสอบทีเหมาะ กบั ขอ้ มูลทีอยูใ่ นระดบั นามบญั ญตั ิ เพือทดสอบวา่ ตวั แปรทงั สองมีความสมั พนั ธ์ กนั หรือไม่/เป็นอิสระจากกนั หรือไม่ โดยปรากฏผลการทดสอบสมมติฐาน จากการกาํ หนดค่านัยสําคญั ทาง สถิติทีระดบั = 0.05 และสามารถวิเคราะห์ผล ไดด้ งั นี ผลการทดสอบสมมตฐิ านปัจจัยด้านความแตกต่างทางเพศกบั บริบท แวดล้อมต่างๆ ของนกั ศึกษาทสี ่งผลต่อความเจ็บป่ วยทางสุขภาพร่างกายและ สุขภาพจิตใจ พบข้อมูล ดังนี 1. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญงิ กบั ผลกระทบจากตัวเองส่งผล หรือมีความสัมพนั ธ์กบั ความเจบ็ ป่ วยทางสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ อยา่ งมี นยั สาํ คญั ทางสถิติทีระดบั 0.05 (n=400) ผลกระทบจากตวั เอง รวม ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 31 68 80 179 (44.8%) หญิง 11 67 143 221(55.3%) รวม 42 (10.5%) 135 (33.8%) 223 (55.8%) 400 (100.0%) 2 = 23.175 Sig. = 0.000 ปัจจยั ดา้ นผลกระทบจากตวั เอง ( X = 4.45, S.D.= 0.67) พบวา่ เป็ นปัจจยั ทีส่งผลกระทบตอ่ สุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจของนกั ศกึ ษาไทย 245
การสรางเสริมปญญาผานกระบวนการสอื่ สารสขุ ภาพ 246 เพื่อปลูกฝงพฤติกรรมสง เสริมสุขภาพท่ีดีใหน กั ศึกษาไทย 2. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญงิ กบั ผลกระทบจากกล่มุ เพือน ส่งผลหรือมีความสมั พนั ธ์กบั ความเจบ็ ป่ วยทางสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติทีระดบั 0.05 (n=400) ผลกระทบจากกลมุ่ เพือน รวม ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 8 88 83 179 (44.8%) หญงิ 39 92 90 221 (55.3%) รวม 47 (11.8%) 180 (45.0%) 173 (43.3%) 400 (100.0%) 2 = 16.592 Sig. = 0.000 ปัจจยั ดา้ นผลกระทบจากกลุ่มเพอื น ( X = 4.31, S.D.= 0.67) พบวา่ เป็ น ปัจจยั ทีส่งผลกระทบตอ่ สุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจของนกั ศึกษาไทย 3. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญงิ กบั ผลกระทบจากครอบครัว ส่งผลหรือมีความสมั พนั ธก์ บั ความเจบ็ ป่ วยทางสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติทีระดบั 0.05 (n=400) ผลกระทบจากครอบครัว รวม ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 91 69 19 179 (44.8%) หญงิ 96 111 14 221 (55.3%) รวม 187 (46.8%) 180 (45.0%) 33 (8.3%) 400 (100.0%) 2 = 6.351 Sig. = 0.042 ปัจจยั ดา้ นผลกระทบจากครอบครัว ( X = 3.61, S.D.= 0.63) พบวา่ เป็ น ปัจจยั ทีส่งผลกระทบตอ่ สุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจของนกั ศึกษาไทย 246
การสรางเสรมิ ปญญาผานกระบวนการส่ือสารสขุ ภาพ 247 เพ่ือปลูกฝง พฤติกรรมสง เสรมิ สุขภาพท่ีดีใหน กั ศึกษาไทย 4. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญงิ กบั ผลกระทบจากอาจารย์ส่งผล หรือมีความสมั พนั ธ์กบั ความเจ็บป่ วยทางสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ อยา่ งมี นยั สาํ คญั ทางสถิติทีระดบั 0.05 (n=400) ผลกระทบจากอาจารย์ รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 53 50 61 15 179 (44.8%) หญิง 102 87 29 3 221 (55.3%) รวม 155 (38.8%) 137 (34.3%) 90 (22.5%) 18 (4.5%) 400 (100.0%) 2 = 40.902 Sig. = 0.000 ปัจจยั ดา้ นผลกระทบจากตวั เอง ( X = 2.92, S.D.= 0.88) พบวา่ เป็ นปัจจยั ทีส่งผลกระทบตอ่ สุขภาพร่างกายและสุขภาพจติ ใจของนกั ศกึ ษาไทย 247
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการสือ่ สารสขุ ภาพ 248 เพ่ือปลูกฝง พฤติกรรมสง เสริมสุขภาพท่ีดีใหนกั ศึกษาไทย 5. ความแตกต่างทางด้านภมู ิลาํ เนาเดมิ ของนกั ศึกษากบั ปัจจยั ดา้ นผลกระทบ จากตวั เอง ครอบครัว อาจารยแ์ ละกลุ่มเพอื นส่งผลหรือมีความสัมพนั ธก์ บั ความ เจ็บป่ วยทางสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติทีระดบั 0.05 (n=400) ผลกระทบจาก รวม ตวั เอง ครอบครัว อาจารย์ เพือน ภาคเหนือ 15 0 5 7 27 (6.8%) ภมู ิลาํ เนา ภาคใต้ 45 4 0 32 81 (20.3%) เดิมของ ภาคตะวนั ออก 45 นกั ศึกษา เฉียงเหนือ 12 4 22 83 (20.8%) ภาคตะวนั ตก 28 6 7 11 52 (13.0%) ภาคกลาง 44 25 33 55 157 (39.3%) รวม 177 47 49 127 400 (44.3%) (11.8%) (12.3%) (31.8%) (100.0%) 2 = 53.984 Sig. = 0.000 ปัจจยั ดา้ นภูมิลาํ เนาเดิมของนกั ศึกษากบั ปัจจยั ดา้ นผลกระทบจาก ตวั เองครอบครัว อาจารยแ์ ละกลุ่มเพือน ( X = 2.31, S.D.= 1.31) ส่งผล หรือมีความสมั พนั ธก์ บั ความเจ็บป่ วยทางสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ ของนกั ศึกษาไทย 248
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการส่ือสารสขุ ภาพ 249 เพ่ือปลกู ฝงพฤติกรรมสงเสริมสุขภาพท่ีดใี หน ักศึกษาไทย 6. ความแตกตา่ งทางด้านภมู ิลําเนาเดิมของนกั ศึกษากบั การเปลียนพฤติกรรม ส่งเสริมสุขภาพส่งผลหรือมีความสัมพนั ธ์กบั ความเจบ็ ป่ วยทางสุขภาพร่างกายและ สุขภาพจติ ใจ อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติทีระดบั 0.05 (n=400) การเปลียนพฤติกรรม รวม ส่งเสริมสุขภาพ นอ้ ย ปานกลาง มาก มาก ทีสุด ภาคเหนือ 9 11 7 0 27 (6.8%) ภูมิลาํ เนา ภาคใต้ 22 41 18 0 81 (20.3%) เดิมของ ภาคตะวนั ออก 35 นกั ศึกษา เฉียงเหนือ 28 13 7 83 (20.8%) ภาคตะวนั ตก 19 27 6 0 52 (13.0%) ภาคกลาง 61 49 29 18 157 (39.3%) รวม 146 156 73 25 400 (36.5%) (39.0%) (18.3%) (6.3%) (100.0%) 2 = 31.691 Sig. = 0.002 ปัจจยั ดา้ นภูมิลาํ เนาเดิมของนกั ศึกษากบั กบั การเปลียนพฤติกรรม ส่งเสริมสุขภาพ ( X = 2.94, S.D.= 0.89) ส่งผลหรือมีความสัมพนั ธ์กบั ความเจ็บป่ วยทางสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจของนกั ศกึ ษาไทย 249
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการสอ่ื สารสขุ ภาพ 250 เพ่ือปลกู ฝงพฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพที่ดใี หน กั ศึกษาไทย 7. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญิงกบั ความคิดเห็นวา่ ตนเองเจ็บป่ วย ทางร่างกายมากกวา่ ทางจิตใจส่งผลหรือมีความสัมพนั ธ์กบั ความเจ็บป่ วย ทางสุขภาพร่างกาย อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติทีระดบั 0.05 (n=400) เจ็บป่ วยทางร่างกายมากกวา่ ทางจิตใจ รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 0 6 28 145 179 (44.8%) หญงิ 28 105 64 24 221(55.3%) รวม 28 (7.0%) 111 (27.8%) 92 (23.0%) 169 (42.3%) 400 (100.0%) 2 = 214.978 Sig. = 0.000 ปัจจยั ความแตกตา่ งทางเพศกบั ความคิดเห็นวา่ ตนเองเจบ็ ป่ วยทางร่างกาย มากกวา่ ทางจิตใจ ( X = 4.00, S.D.= 0.91) ส่งผลหรือมีความสมั พนั ธ์กบั ความ เจบ็ ป่ วยทางสุขภาพร่างกายของนกั ศึกษาไทย 250
การสรางเสรมิ ปญญาผานกระบวนการสื่อสารสขุ ภาพ 251 เพ่ือปลูกฝง พฤติกรรมสง เสรมิ สุขภาพท่ีดใี หน กั ศึกษาไทย ผลการทดสอบสมมตฐิ านปัจจยั ด้านความแตกต่างทางเพศกบั พฤตกิ รรมต่างๆ ของนักศึกษาทสี ่งผลต่อความเจ็บป่ วยทางสุขภาพร่างกาย พบข้อมูล ดงั นี 8. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญงิ กบั พฤติกรรมการนอนหลบั พกั ผอ่ นไม่เพียงพอส่งผลต่อความเจบ็ ป่ วยทางสุขภาพร่างกาย อยา่ งมี นยั สาํ คญั ทางสถิติทีระดบั 0.05 (n=400) การนอนหลบั พกั ผอ่ นไมเ่ พยี งพอ รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 0 7 61 111 179 (44.8%) หญงิ 0 48 103 70 221(55.3%) รวม 0 (0.0%) 55 (13.8%) 164 (41.0%) 181 (45.3%) 400 (100.0%) 2 = 46.712 Sig. = 0.000 ( X = 4.31, S.D.= 0.70) 9. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญิงกบั พฤติกรรมการกินไม่เป็ นเวลา ส่งผลต่อความเจบ็ ป่ วยทางสุขภาพร่างกาย อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติที ระดบั 0.05 การกินไม่เป็ นเวลา รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 0 33 125 21 179 (44.8%) หญงิ 0 54 156 11 221(55.3%) รวม 0 (0.0%) 87 (21.8%) 281 (70.3%) 32 (8.0%) 400 (100.0%) 2 = 7.284 Sig. = 0.026 ( X = 3.86, S.D.= 0.52) 251
การสรางเสริมปญญาผานกระบวนการสื่อสารสขุ ภาพ 252 เพื่อปลกู ฝงพฤติกรรมสงเสริมสุขภาพที่ดีใหนักศึกษาไทย 10. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญิงกบั พฤติกรรมการไมไ่ ดอ้ อกกาํ ลงั กายส่งผลต่อความเจบ็ ป่ วยทางสุขภาพร่างกาย อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติที ระดบั 0.05 (n=400) การไมไ่ ดอ้ อกกาํ ลงั กาย รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 5 15 76 83 179 (44.8%) หญงิ 1 31 64 125 221(55.3%) รวม 6 (1.5%) 46 (11.5%) 140 (35.0%) 208 (52.0%) 400 (100.0%) 2 = 13.480 Sig. = 0.004 ( X = 4.37, S.D.= 0.74) 11. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญงิ กบั พฤติกรรมการใชส้ ายตาดูมือถือ มากส่งผลต่อความเจ็บป่ วยทางสุขภาพร่างกาย อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติ ทีระดบั 0.05 (n=400) การใชส้ ายตาดูมือถือ รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 0 6 58 115 179 (44.8%) หญงิ 0 0 89 132 221(55.3%) รวม 0 (0.0%) 6 (1.5%) 147 (36.8%) 247 (61.8%) 400 (100.0%) 2 = 9.401 Sig. = 0.004 ( X = 4.60, S.D.= 0.51) 252
การสรางเสรมิ ปญญาผานกระบวนการส่อื สารสุขภาพ 253 เพื่อปลูกฝงพฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพที่ดีใหน กั ศึกษาไทย 12. ความแตกตา่ งทางเพศชายและเพศหญงิ กบั การเป็ นภูมิแพส้ ่งผลตอ่ ความ เจบ็ ป่ วยทางสุขภาพร่างกาย อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติทีระดบั 0.05 (n=400) การเป็ นภมู ิแพ้ รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 4 61 64 50 179 (44.8%) หญิง 0 41 84 96 221(55.3%) รวม 4 (1.0%) 102 (25.5%) 148 (37.0 %) 146 (36.5%) 400 (100.0%) 2 = 20.938 Sig. = 0.000 ( X = 4.09, S.D.= 0.80) 13. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญิงกบั พฤติกรรมการหิวกระเป๋ าเรียน หนกั ส่งผลตอ่ ความเจ็บป่ วยทางสุขภาพร่างกาย อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติ ทีระดบั 0.05 (n=400) การหิวกระเป๋ าเรียนหนกั รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 43 117 19 0 179 (44.8%) หญงิ 78 111 32 0 221(55.3%) รวม 121 (30.3%) 228 (57.0%) 51 (12.8 %) 0 (00.0%) 400 (100.0%) 2 = 9.288 Sig. = 0.000 ( X = 2.82, S.D.= 0.63) 253
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการส่ือสารสุขภาพ 254 เพื่อปลกู ฝงพฤติกรรมสง เสริมสุขภาพท่ีดีใหนกั ศึกษาไทย 14. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญิงกบั พฤติกรรมการกินมากจนอว้ น เกินไปส่งผลตอ่ ความเจ็บป่ วยทางสุขภาพร่างกาย อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทาง สถิติทีระดบั 0.05 (n=400) กินมากจนอว้ นเกินไป รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 51 60 52 16 179 (44.8%) หญิง 60 80 79 2 221(55.3%) รวม 111 (27.8%) 140 (35.0%) 131 (32.8 %) 18 (4.5%) 400 (100.0%) 2 = 15.805 Sig. = 0.001 ( X = 3.14, S.D.= 0.87) 15. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญงิ กบั พฤติกรรมการเล่นเกมมาก เกินไปส่งผลตอ่ ความเจ็บป่ วยทางสุขภาพร่างกาย อยา่ งมีนยั สําคญั ทาง สถิติทีระดบั 0.05 (n=400) เลน่ เกมมากเกินไป รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 1 20 53 105 179 (44.8%) หญงิ 11 60 79 21 221(55.3%) รวม 12 (3.0%) 80 (20.0%) 132 (33.0 %) 176 (44.0%) 400 (100.0%) 2 = 36.010 Sig. = 0.000 ( X = 4.18, S.D.= 0.85) ผลการทดสอบสมมตฐิ านปัจจัยด้านความแตกต่างทางเพศกบั พฤติกรรม ต่างๆ ของนักศึกษาทไี ม่ส่งผลต่อความเจ็บป่ วยทางสุขภาพร่างกาย พบข้อมูล ดงั นี 1. พฤติกรรมการนงั เรียนและทาํ งานนาน 2. พฤตกิ รรมการใชน้ ิวปาดมือถือมาก 254
การสรางเสรมิ ปญญาผา นกระบวนการสอ่ื สารสุขภาพ 255 เพื่อปลกู ฝงพฤติกรรมสงเสริมสุขภาพที่ดีใหนกั ศึกษาไทย 16. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญิงกบั ความคิดเห็นวา่ ตนเองเจบ็ ป่ วย ทางจิตใจมากกวา่ ทางร่างกายส่งผลหรือมีความสัมพนั ธ์กบั ความเจ็บป่ วย ทางสุขภาพร่างกาย อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติทีระดบั 0.05 (n=400) เจ็บป่ วยทางจิตใจมากกวา่ ทางร่างกาย รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 0 53 55 71 179 (44.8%) หญงิ 0 18 77 126 221(55.3%) รวม 0 (0.0%) 71 (17.8%) 132 (33.0%) 197 (49.3%) 400 (100.0%) 2 = 32.221 Sig. = 0.000 ปัจจยั ความแตกต่างทางเพศกบั ความคิดเห็นวา่ ตนเองเจบ็ ป่ วยทางจิตใจ มากกวา่ ทางร่างกาย ( X = 4.31, S.D.= 0.75) ส่งผลหรือมีความสัมพนั ธ์กบั ความ เจบ็ ป่ วยทางสุขภาพร่างกายของนกั ศึกษาไทย 255
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการสอื่ สารสุขภาพ 256 เพ่ือปลกู ฝงพฤติกรรมสง เสริมสุขภาพท่ีดใี หนกั ศึกษาไทย ผลการทดสอบสมมติฐานปัจจยั ด้านความแตกต่างทางเพศกบั พฤติกรรม ต่างๆ ของนกั ศึกษาทสี ่งผลต่อความเจ็บป่ วยทางสุขภาพจิตใจ พบข้อมลู ดงั นี 1. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญงิ กบั ความเครียดจากผลการ เรียนส่งผลต่อความเจบ็ ป่ วยทางสุขภาพจิตใจ อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทาง สถิติทีระดบั 0.05 (n=400) ความเครียดจากผลการเรียน รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 0 0 70 109 179 (44.8%) หญิง 0 7 114 100 221(55.3%) รวม 0 (0.0%) 7 (1.8%) 184 (46.0 %) 209 (52.3%) 400 (100.0%) 2 = 13.650 Sig. = 0.001 ( X = 4.50, S.D.= 0.53) 2. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญิงกบั การเรียนไม่ค่อยรู้เรือง ส่งผลตอ่ ความเจบ็ ป่ วยทางสุขภาพจิตใจ อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติที ระดบั 0.05 (n=400) เรียนไมค่ อ่ ยรู้เรือง รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 24 102 38 15 179 (44.8%) หญงิ 57 114 38 12 221(55.3%) รวม 81 (20.3%) 216 (54.0%) 76 (19.0 %) 27 (6.8%) 400 (100.0%) 2 = 10.146 Sig. = 0.017 ( X = 3.12, S.D.= 0.80) 256
การสรางเสรมิ ปญญาผานกระบวนการส่ือสารสุขภาพ 257 เพ่ือปลูกฝงพฤติกรรมสง เสริมสุขภาพท่ีดีใหน ักศึกษาไทย 3. ความแตกตา่ งทางเพศชายและเพศหญิงกบั การทีอาจารยใ์ หก้ ารบา้ น เยอะส่งผลต่อความเจบ็ ป่ วยทางสุขภาพจิตใจ อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทาง สถิติทีระดบั 0.05 (n=400) อาจารยใ์ หก้ ารบา้ นเยอะ รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 24 58 29 68 179 (44.8%) หญิง 30 82 59 50 221(55.3%) รวม 54 (13.5%) 140 (35.0%) 88 (22.0 %) 118 (29.5%) 400 (100.0%) 2 = 13.493 Sig. = 0.004 ( X = 3.67, S.D.= 1.04) 4. ความแตกตา่ งทางเพศชายและเพศหญงิ กบั การไมช่ อบอาจารยท์ ีสอน ส่งผลต่อความเจบ็ ป่ วยทางสุขภาพจิตใจ อยา่ งมีนยั สําคญั ทางสถิติที ระดบั 0.05 (n=400) ไมช่ อบอาจารยท์ ีสอน รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 88 74 15 2 179 (44.8%) หญงิ 130 90 1 0 221(55.3%) รวม 218 (54.5%) 164 (41.0%) 16 (4.0 %) 2 (0.5%) 400 (100.0%) 2 = 19.710 Sig. = 0.000 ( X = 2.50, S.D.= 0.60) 257
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการสือ่ สารสขุ ภาพ 258 เพื่อปลูกฝงพฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพท่ีดใี หน กั ศึกษาไทย 5. ความแตกต่างทางเพศชายและเพศหญิงกบั การคิดวา่ ตวั เองไม่เก่งไร้ค่า ในสายตาผอู้ ืนส่งผลต่อความเจ็บป่ วยทางสุขภาพจิตใจ อยา่ งมี นยั สาํ คญั ทางสถิติทีระดบั 0.05 (n=400) คิดวา่ ตวั เองไม่เก่งไร้คา่ ในสายตาผอู้ ืน รวม นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีสุด เพศ ชาย 6 36 72 65 179 (44.8%) หญงิ 22 26 89 84 221(55.3%) รวม 28 (7.0%) 62 (15.5%) 161 (40.3 %) 149 (37.3%) 400 (100.0%) 2 = 10.681 Sig. = 0.014 ( X = 4.07, S.D.= 0.89) ผลการทดสอบสมมตฐิ านปัจจัยด้านความแตกต่างทางเพศกบั พฤตกิ รรม ต่างๆ ของนกั ศึกษาทไี ม่ส่งผลต่อความเจ็บป่ วยทางสุขภาพจิตใจ พบข้อมูล ดังนี 1. การทีพ่อแมค่ าดหวงั กบั ตนเองมาก 2. การโกรธตวั เองทีไมเ่ ก่งเหมือนเพอื น 3. การชอบอยคู่ นเดียวเบือคนเยอะ 4. การไม่ชอบใหใ้ ครมาลอ้ เลียน 5. การอยากไดร้ ับคาํ ยกยอ่ งจากผคู้ นรอบตวั 258
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการส่อื สารสขุ ภาพ 259 เพื่อปลกู ฝง พฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพที่ดใี หน กั ศึกษาไทย จากปัจจัยต่างๆ ทีนํามาทดสอบตามสมมติฐาน ผู้เขียนวิเคราะห์ได้ว่า ปัจจัยหลกั 4 ประการทตี ้องให้ความใส่ใจเพือการป้องกันผลกระทบต่างๆ จนส่งผล ต่อให้นักศึกษาทังชายและหญิงต้องประสบกับปัญหาความเจ็บป่ วยทางสุขภาพ ร่างกายและสุขภาพจิตใจ โดยจัดกล่มุ ความสําคัญได้ดงั นี ปัจจัยที 1 คือ ตัวของนักศึกษาเอง เพราะเป็ นสิงทีนับได้ว่าสําคัญทีสุด เนืองจากตัวนักศึกษาเองจะรู้ตัวเองดี ทีสุดว่า ตนเองกาํ ลังมีพฤติกรรมทีทําร้ายสุขภาพของตนเองหรือไม่ ตัวนักศึกษา เองจะรู้ว่ากําลังคิดอะไรทีทําให้เกิดความวิตกกังวล หดหู่ กระวนกระวายใจจน ส่งผลให้เกดิ ความเคร่งเครียด ปวดหวั กระสับกระส่าย จนจิตใจอ่อนล้า เบือโลก ปัจจยั ที 2 คือ กล่มุ เพือน เป็ นสิงทีนักศึกษาซึงอยู่ในช่วงวัยรุ่นทีเพือนคือสิงทีมีค่ามาก เพราะเป็ น คนทสี ามารถปลดปล่อยอารมณ์ทงั ความสุขความเศร้าความไม่สบายใจให้ฟังได้ทุก อย่าง เป็ นกลุ่มคนทีนักศึกษามีความสุขทีจะอยู่ด้วยนานๆ โดยมีประเด็นสําคญั ว่า เพือนทมี ที คี บหาสมาคมด้วยนัน ต้องเป็ นคนทมี คี วามคดิ และช่วยตกั เตือนกนั ได้ ปัจจยั ที 3 คือ อาจารย์ผู้สอนนักศึกษา เป็ นผู้ทีสามารถสร้างความกดดันเคร่งเครียดให้กับนักศึกษาได้มากมาย เช่นกัน เพราะเป็ นผู้ทีนักศึกษารู้ว่า หากอาจารย์สังให้ทําอะไร วางกฏระเบียบ อย่างไรทังทีอาจเป็ นสิงทีฝื นใจ บังคับจิตใจของนักศึกษาอย่างมาก แต่นักศึกษาก็ จาํ เป็ นต้องปฏบิ ัตติ าม ด้วยความอดึ อดั ในบางครัง เมือสะสมไปเรือยๆ อาจารย์ทีดี มีคุณธรรมจึงต้องปรับเปลยี นแก้ไขตนเองด้วย หากได้ใช้อํานาจบังคับให้นักศึกษา ทาํ อะไรต่างๆ ทอี าจมากเกนิ ไปหรือไม่เหมาะสมเป็ นการกดดนั นักศึกษาจนป่ วยได้ ปัจจัยที 4 คือ ครอบครัวของนักศึกษา เป็ นปัจจัยทตี ้องให้ความสําคัญมากเช่นกัน เพราะสมาชิกในครอบครัวคือ ศูนย์กลางของความรักความอบอุ่นทีนักศึกษาควรได้ใช้ เป็ นทีปรึกษาหารือเพือ แก้ไขปัญหาด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ เพือช่วยให้ปัญหาเบาบางลงได้ 259
การสรางเสริมปญญาผานกระบวนการสอ่ื สารสขุ ภาพ 260 เพ่ือปลูกฝงพฤติกรรมสงเสริมสุขภาพท่ีดใี หนกั ศึกษาไทย จากข้อมลู ทงั หมดทนี ักศึกษาได้แสดงความคิดเหน็ จากประสบการณ์ของ ตนเอง ผู้เขียนจึงสรุปวเิ คราะห์และสังเคราะห์ ได้ว่า นักศึกษาส่วนใหญ่มีความ เข้าใจในความสําคญั ของสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ เพียงแต่การใช้ชีวิตใน ฐานะของนักศึกษาทีกาํ ลงั เรียนอย่ใู นหมาวทิ ยาลยั นัน มีภารกจิ ต่างๆ มากมายใน แต่ละวนั และตดิ ต่อกนั เป็ นระยะเวลายาวนานอย่างน้อย 4 ปี ด้วยข้อจํากดั ด้านระยะเวลาเช่นนี จึงส่งผลให้การดูแลรักษาสุขภาพของ นักศึกษาส่วนใหญ่ยงั คงไม่สามารถทาํ ได้ อนั เรืองจากสาเหตุต่างๆ ทผี ู้เขยี นสรุป องค์ความรู้ทไี ด้ มดี งั นี ปัจจัยที 1 คือ ตัวของนักศึกษาเอง ปัจจัยที 2 คือ กล่มุ เพือน ปัจจัยที 3 คือ ครอบครัว ปัจจัยที 4 คือ อาจารย์ผู้สอนนักศึกษา ปัจจัยที 5 นอนหลบั พกั ผ่อน ไม่เพยี งพอ ปัจจัยที 7 กนิ ไม่เป็ นเวลา ปัจจัยที 8 ขาดการออกกาํ ลงั กายทเี หมาะสม ปัจจัยที 9 นังเรียนและทํางานนาน ปัจจัยที 10 ใช้สายตาดูมือถือมาก 260
การสรางเสรมิ ปญญาผานกระบวนการสื่อสารสุขภาพ 261 เพ่ือปลูกฝงพฤติกรรมสงเสริมสุขภาพที่ดใี หน กั ศึกษาไทย ปัจจัยที 11 ใช้นิวปาดมือถือมาก ปัจจัยที 12 เป็ นภมู ิแพ้ทาํ ให้ไม่สบายบ่อย ปัจจัยที 13 หวิ กระเป๋ าเรียนหนัก ปัจจัยที 14 กินมากจนอ้วนเกนิ ไป ปัจจัยที 15 เล่นเกมมากเกนิ ไป ปัจจัยที 16 ความเครียดจากการเรียน ปัจจัยที 17 เรียนไม่ค่อยรู้เรือง ปัจจัยที 18 อาจารย์ให้งานการบ้านเยอะ ปัจจัยที 19 ไม่ชอบอาจารย์ทสี อน ปัจจัยที 20 พ่อแม่คาดหวังกบั ตนเองมาก ปัจจัยที 21 โกรธตัวเองทไี ม่เก่งเหมือนเพอื น ปัจจัยที 22 คิดว่าตวั เองไม่เก่งไร้ค่าในสายตาผู้อืน ปัจจัยที 23 ชอบอย่คู นเดยี วเบือคนเยอะ ปัจจัยที 24 ไม่ชอบให้ใครมาล้อเลยี น ปัจจัยที 25 อยากได้รับคาํ ยกย่องจากผ้คู นรอบตัว ปัญหาต่างๆ ทีส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจของนักศึกษา ที พบเห็นไดโ้ ดยทวั ไป เช่น ปัญหาทีเกิดเพราะตนเองคิดมาก ไม่ดูแลสุขภาพ ปัญหา ทีเกิดกบั กลุ่มเพือน ไม่เขา้ ใจกนั เอาเปรียบกนั ปัญหากบั อาจารยด์ ว้ ยความไม่ถูก ชะตากนั ทศั นคติไม่ตรงกนั ปัญหากบั คนในครอบครัวเพราะคิดไปว่าผปู้ กครอง พ่อแม่ไม่รักตนเอง ชอบบ่นชอบดุว่ากล่าวตกั เตือน ปัญหาจากการรับประทาน อาหารไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายส่งผลถึงอาการเจ็บป่ วย ปัญหาความกงั วลใจ ปัญหาความวิตกในเรืองเกียวกบั ความสวยความงามของตนเองสําหรับนักศึกษา เพศหญิง ความไม่สบายใจจากรูปร่างหน้าตาตนเองของนกั ศึกษาเพศชาย ความ เปลียนแปลงอารมณ์ทางเพศตามวยั ของนกั ศึกษา รวมทงั มีภาวะโรคซึมเศร้าแอบ แฝงอยู่ เหล่านีเป็นตน้ 261
การสรางเสรมิ ปญญาผา นกระบวนการส่อื สารสขุ ภาพ 262 เพื่อปลกู ฝง พฤติกรรมสงเสริมสุขภาพที่ดใี หนกั ศึกษาไทย ปัญหาหรือปัจจัยสาเหตุต่างๆ เหล่านีดูเหมือนจะเล็กน้อยในสายตาของ ผู้ใหญ่ แต่สําหรับวยั นกั ศึกษาถือเป็ นปัญหาใหญ่ทีส่งผลทาํ ให้กระทบกระเทือน จิตใจจนเกิดอาการเจ็บป่ วยทงั ร่างกายและสภาวะอารมณ์ทาํ ให้จิตใจทุกข์กงั วล เพราะวยั นกั ศึกษา คือ วยั รุ่น ซึงเป็นวยั ทีมีการเปลียนแปลงเกิดขึนหลายดา้ น ทาํ ให้ ตอ้ งมีการปรับตวั ไปพร้อมๆกนั มากพอสมควร การปรับตวั ไดส้ ําเร็จจะช่วยให้นกั ศึกษาพฒั นาตนเองเกิดมีบุคลิกภาพที ดี ซึงจะเป็ นพนื ฐานสาํ คญั ของการดาํ เนินชีวติ ต่อไป (เลิศสิริ ราชเดิม 2556) โดย เป้าหมายของการพฒั นาวยั นักศึกษานัน ได้แก่ 1) ตอ้ งการใหน้ กั ศึกษามีสุขภาพร่างกายทีแข็งแรง มีภูมิตา้ นทานโรคและ ปราศจากภาวะเสียงตอ่ ปัญหาทางร่างกายตา่ งๆ 2) ตอ้ งการให้มีเอกลกั ษณ์แห่งตนเองทีดี คือ มีบุคลิกภาพดี มีทกั ษะการ สือสารและทกั ษะการเขา้ สังคมทีดี มีความสามารถในการเรียนไดต้ ามศกั ยภาพ ของตนเองอย่างเต็มประสิทธิภาพ ตามความชอบความเชียวชาญและความพึง พอใจของตนเองอยา่ งมีความสุข 3) ตอ้ งการใหม้ ีเป้าหมายในการดาํ เนินชีวิตทีสอดคลอ้ งกบั สถานะวิถีชีวติ ความเป็นอยู่ วฒั นธรรมในครอบครัว รู้รับผิดชอบชวั ดี มีคุณธรรมความสาํ นึกทีดี เป็นคนคิดดีทาํ ดีพูดดี มีความรับผดิ ชอบทงั ตอ่ ตนเองและผอู้ ืนอยา่ งสมาํ เสมอ 4) ตอ้ งการใหส้ ามารถบริหารจดั การเรืองราวต่างๆ ทีผา่ นเขา้ มาในชีวิตใน แต่ละวนั ไดเ้ ป็ นอยา่ งดี โดยไมต่ อ้ งพึงพาผใู้ หญ่ผปู้ กครองหรือผอู้ ืนมากจนเกินไป ผเู้ ขียนจึงมีขอ้ เสนอแนะทีทุกครอบครัวสามารถนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดอ้ ยา่ ง เป็นรูปธรรม ดงั นีคือ ดว้ ยวธิ ีการพจิ ารณาจาก “ลกั ษณะของพฤติกรรมสุขภาพ” เพอื นาํ ไปใช้ เป็นขอ้ มูลพนื ฐานสาํ คญั ในการแกไ้ ขปัญหาทีเกิดขึน ซึงสามารถแบง่ ลกั ษณะของ พฤตกิ รรมสุขภาพของวยั นกั ศึกษาออกได้ (วนั เพญ็ ปลงั ฤทธิ 2551) ดงั นี 262
การสรางเสริมปญญาผานกระบวนการส่อื สารสขุ ภาพ 263 เพ่ือปลกู ฝงพฤติกรรมสง เสรมิ สุขภาพท่ีดใี หน ักศึกษาไทย 1. มีความรู้ (Knowledge) คือ มีความสามารถในการจดจาํ จาก ประสบการณ์ตา่ งๆ ทีเคยไดร้ ับรู้ขอ้ มูลมา 2. มีความคิดเหน็ (Opinion) คือ มีการแสดงออกดว้ ยวาจาถึงความรู้สึกนึก คิดตอ่ สิงใดสิงหนึงในเชิงบวกและในเชิงลบดว้ ย 3. มีค่านิยม (Value) คือ มีความตอ้ งการทีไดร้ ับการประเมินค่าและ ปรากฏวา่ มีคุณคา่ แก่การเลือกไวเ้ ป็ นสมบตั ิของตน 4. มีความเชือ (Belief) คือ มีแนวคิดหรือความเขา้ ใจต่อสิงใดสิงหนึง อาจจะมีเหตุผลหรือไม่มีเหตุผลก็ได้ จนส่งผลใหม้ ีความโนม้ เอียงทีจะปฏิบตั ิตาม แนวคิดและความขา้ ใจนนั ๆ 5. มีทัศนคติ (Attitude) คือ มีสุขภาพทางความคิด จิตใจและการ ตอบสนองตอ่ สิงเร้าตา่ งๆ ของนกั ศึกษา ซึงเป็ นการแสดงถึงความรู้สึกทีมีต่อสิงใด สิงหนึง 6. มีการรับรู้ (Perception) คือ มีการมองเห็น ตีความ หรือการเขา้ ใจ สถานการณ์หรือสิงตา่ งๆ จากประสาทสัมผสั หรือประสบการณ์ของตนเอง ซึงอาจ เหมือนหรือแตกตา่ งจากของคนอืน 7. มีความตังใจ (Intention) คือ การมีจุดมุ่งหมาย มีเจตนาหรือมีเป้าหมาย ในการกระทาํ สิงใดสิงหนึงของตนเอง 8. มีทักษะ (Skill) คือ การมีความชํานาญ มีความเชียวชาญหรือมี ประสบการณ์ในการปฏิบตั ิหรือการกระทาํ สิงใดสิงหนึงของตนเอง 9. มีการปฏิบัติ (Practice) คือ การได้ทาํ สิงหนึงสิงใดเป็ นประจาํ หรือ ทาํ ซาํ ๆ จนเคยชินหรือเป็ นปกตนิ ิสัย ในส่ วนของปัญหาด้านสุ ขภาพจิตใจ สภาวะอารมณ์ของนักศึกษา โดยเฉพาะโรคซึมเศร้านัน มีขอ้ เสนอทีผูป้ กครองทุกครอบครัวของวยั นกั ศึกษาควรตอ้ งนาํ ไปศึกษา อยา่ งไตร่ตรอง ตามขอ้ มูลทีแพทยห์ ญิงสุนิดา โสภณนรินทร์ (2562) จิตแพทยเ์ ด็ก 263
การสรางเสรมิ ปญญาผานกระบวนการส่ือสารสขุ ภาพ 264 เพื่อปลูกฝงพฤติกรรมสง เสรมิ สุขภาพที่ดีใหน ักศึกษาไทย และวยั รุ่น โรงพยาบาลพญาไท 2 ให้ขอ้ มูลไวว้ ่า สาเหตุของการฆ่าตวั ตายของ วยั รุ่นในระยะนี ไม่ไดห้ มายความว่า ทุกกรณีมีสาเหตุมาจากโรคซึมเศร้า หากใน บางรายก็อาจเกิดขึนจากภาวะวิตกกงั วล การใชย้ าเสพติด หรือมีภาวะอาการทางจิต ทาํ ใหต้ ดั สินใจแบบหุนหนั พลนั แล่น ทาํ ไปโดยไม่ยงั คิดก็ได้ เพราะวยั รุ่นเป็ นช่วง วยั ของการเปลียนแปลงมากมาย เป็ นการเปลียนแปลงทังด้านร่างกาย สังคม อารมณ์ จิตใจ ยกตวั อย่างเรืองการเปลียนแปลงทางกายซึงมีสาเหตุมาจากการ เปลียนแปลงทางฮอร์โมน นาํ มาซึงปัญหา มีความรัก มีการเลือกเพศ หรือบางคนก็ สับสนทางเพศ ถูกกดดนั จากสงั คม ยงั มใี นช่วงของการเปลียนแปลงทีบางคนมีการ เปลียนแปลงรูปร่างหนา้ ตา มองตวั เองไม่ดี เพือนฝูงไม่ยอมรับเขา้ กลุ่ม กลายเป็ น ปมไดห้ มดสําหรับช่วงวยั รุ่น ในแง่ของอารมณ์ วยั รุ่นมีความใจร้อน พลุ่งพล่าน ตดั สินใจโดยยึดตวั เองเป็ นหลกั อารมณ์เหมือนเด็ก 3 ขวบ เป็ นวยั ทีโตแตก่ ายหาก ใจเป็ นเดก็ เมือทุกขเ์ ขา้ มา ก็คิดและตดั สินใจแบบเด็ก ความผดิ พลาดกต็ ามมา ในแง่ของอารมณ์ทมี คี วามเปลยี นแปลง อยากตดั สินใจเอง อยากเป็ นอิสระ อยากนอกกรอบ การรับมือกบั อารมณ์ทาํ ไดย้ าก เนืองจากวยั รุ่นใช้อารมณ์นาํ เหตุผล ยงิ อารมณ์ออ่ นไหว แตส่ มองโตไมท่ นั การปรับตวั ปรับความคิดไม่ทนั การ แกป้ ัญหากม็ กั ลงเอยดว้ ยความกา้ วร้าว อีกทางก็ถอยหนี คิดสัน ทาํ ร้ายตวั เอง ใชย้ า เสพติด นีคือคาํ ตอบวา่ ทาํ ไมช่วงวยั นีถึงเยอะ ในแง่ของสังคมทีเปลียนแปลง ไดแ้ ก่ ความคาดหวงั ทีจะสูงตามวยั เริมจากการเปลียนโรงเรียน ปรับตวั กนั ใหม่ แข่งขนั กนั เรียน มีความกดดนั มีความคาดหวงั จากครอบครัว บางคนเป็ นพีก็ยิงแบกความ คาดหวงั สังคมคาดหวงั ทงั เพือนฝงู บางคนเปลียนสังคมไปเลย เปลียนกลุ่มเพือน หลายคนกลายเป็ นแกะดาํ เพราะมีความสนใจแตกต่างจากเพือนคุยกบั ใครก็ไม่รู้ เรือง เพือนสนใจดาราเกาหลี แต่ตวั เองสนใจเรืองสงครามการรบ หาคนคุยดว้ ย ไม่ได้ เป็ นลูกคนเดียวอีก ก็ยงิ มีความซบั ซ้อนของปัญหาขึนไปอกี การเปลียนแปลง เรืองการเรียนเป็ นปัจจยั หลกั วยั รุ่นไทยตอ้ งเรียนให้ไดด้ ีเมือเขา้ เรียนไปแลว้ ไม่ ชอบ พ่อแม่จะคิดยงั ไง บางคนไม่กลา้ บอกวา่ ไม่อยากเรียนแลว้ เดินหนา้ ก็ไม่ไหว ถอยหลงั กไ็ ม่ได้ ทุกสิงทุกอยา่ งในสิงทีทุกคนคาดหวงั ทาํ ให้เด็กหาทางออกไม่เจอ 264
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการสอ่ื สารสุขภาพ 265 เพ่ือปลูกฝง พฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพท่ีดใี หน กั ศึกษาไทย หลายคนเครียดมาก ไม่มีทางระบายออก ไม่มีทีปรึกษา บางคนใชย้ า เก็บตวั เล่น เกม ติดเกม หรือบางคนก็ออกไปในทางก้าวร้าว เขา้ กลุ่มเป็ นสมาชิกแก๊งทีเปิ ด โอกาสใหแ้ สดงตวั ตน แสดงอาํ นาจความรุนแรง จะเห็นวา่ เด็กไม่มีทีปรึกษา ไม่มี การช่วยเหลือหาทางออกทางความคิด เพราะมนั คือการทีเด็กติดกบั ความคิด ไม่รู้ จะไปทางไหน เดก็ ติดกรอบทีบีบเขา้ มาเรือยๆ ไม่มีใครฟัง และเมือมองไม่เห็นใคร ก็กลบั มาเครียดกับตวั เอง ในทีสุดบางคนก็ทาํ ร้ายตวั เอง ความเครียดทงั หมดที เกิดขึน หากกระทบกบั สมองมากพอ ก็ทาํ ให้เกิดโรคซึมเศร้าตามมา โดยจะมีการ เปลียนแปลงอยา่ งชา้ ๆ ดว้ ยความเครียดทีเกิดขึนในวงจรของการควบคุมความรู้สึก วิตกกงั วล ความกลวั ความเศร้า เมือปันป่ วนหรือไม่สมดุล รวมทงั ประวตั ิคนใน ครอบครัว หากมีญาติพีน้องเป็ นโรคซึมเศร้า ก็ยิงมีแนวโน้มทีจะเกิดเป็ นโรค ซึมเศร้าขึน ผู้ใหญ่สามารถค่อยๆ ช่วยกันแก้ปัญหาจากหลายๆ จุดได้ เช่น ปัญหาการ เรียน ปัญหาจากพอ่ แม่ ปัญหาตวั เด็ก ฯลฯ การแก้ปัญหาแมไ้ ม่สามารถแกไ้ ดจ้ าก ทุกจุดพร้อมกนั กจ็ ริง แตย่ อ่ มมีบางจุดหรือหลายจุดทีสามารถทาํ ได้ อนั ดบั แรกของปัญหาวยั รุ่น คือ ด่านพ่อแม่และความใกลช้ ิด พ่อแม่ตอ้ ง ปรับตัวด้วย พ่อแม่ต้องรู้ว่าลูกไม่ใช่เด็กแล้ว ต้องเปลียนแปลงการดูแล เปลียนแปลงตวั เองใหไ้ ปตามลูกใหม้ ากขึน เช่น ถา้ ลูกร้อนแต่เรายงั คงเป็ นพอ่ แม่ที ร้อนเหมือนเคย ก็ยิงทาํ ให้ลูกวยั รุ่นแย่ลง พ่อแม่ตอ้ งยอมรับความแตกต่าง อยา่ ง น้อยก็รับฟังลูกให้มาก หาครูหาทีปรึกษาหาความรู้ ช่วยกนั กับลูกหาทางออก สําคญั มาก คือ การยอมรับลูกก่อนว่าเขาแตกต่างจากเราจริงๆ เขาคิดต่างจากเรา จริงๆ อยา่ ลืมฝึ กทีจะแกป้ ัญหาร่วมกนั ดว้ ย หาทางออกทีเป็นไปได้ หาทางออกที พอจะช่วยเหลือกัน ปลอบใจกัน เข้าใจความรู้สึกกัน ซึงในทางหนึงได้ช่วย แกป้ ัญหาในทางหนึงเหมือนกนั แค่พอ่ แม่เขา้ ใจหรือแสดงความรักความเขา้ ใจ ไม่ มีใครรักลูกหรือ แตพ่ อ่ และแม่รกั ลูกนะ แค่นีก็ช่วยไดม้ าก ปัญหาการเรียน ปัญหาการเงิน ปัญหาการจดั เวลา นีคือปัญหายอดนิยม ของวยั รุ่น ซึงพอ่ แม่ตอ้ งเขา้ ใจ แจกแจง ช่วยกนั คิดช่วยกนั ทาํ อยา่ งนอ้ ยลูกก็ไดเ้ ขา้ 265
การสรางเสรมิ ปญญาผานกระบวนการสอื่ สารสุขภาพ 266 เพ่ือปลูกฝง พฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพท่ีดีใหนักศึกษาไทย มาอยู่ในกระบวนการแก้ปัญหาได้เห็นตวั อยา่ งการแกป้ ัญหาทีถูกตอ้ ง แมท้ ีสุดจะ แก้ปัญหาไม่ได้จริ งๆ แต่ลูกก็เห็นความรักความพยายามของพ่อแม่ ต้องเป็ น ตวั อย่างของการอยู่ขา้ งกนั ไม่ทิงกนั บางทีเวลามนั ก็จะช่วย หรือใหแ้ พทยช์ ่วย ก็ เป็นอีกทางหนึง หากคุยไม่รู้เรือง เพราะเด็กมีโรคซ่อนอยู่ โรคซึมเศร้าเหมือนโรค ทีมีเงาดาํ มาพูดปัจจยั ลบตลอดเวลา เป็ นหนา้ ทีของหมอทีตอ้ งช่วย ตอ้ งหาใหเ้ จอ พบแพทยด์ ีกวา่ อย่าปล่อยนาน สมองทาํ งานผิดปกติไปแลว้ จะคิดอยากฆ่าตวั ตาย ตลอดเวลาโรคซึมเศร้ารักษาดว้ ยยา บางคนหากมีความซบั ซอ้ นอาจตอ้ งเปลียนยา ให้เหมาะสม อีกวิธีคือการออกกาํ ลงั กาย มีงานวิจยั รองรับวา่ ผูป้ ่ วยซึมเศร้าทีออก กาํ ลงั กาย 30 นาที/วนั ฟื นตวั ไดด้ ีกวา่ ผปู้ ่ วยทีไม่ออกกาํ ลงั กายเลย นอกจากนีสิงสําคญั มากอกี ประการ คือ “กจิ กรรมไลฟ์ สไตล์” หาสิงทีชอบ ทาํ อะไรกไ็ ดแ้ ค่สิงทีชอบเล็กๆ นอ้ ยๆ แค่รู้ตวั วา่ อะไรทีทาํ ให้ไดผ้ อ่ นคลายลง อยาก ให้นกั ศึกษาทาํ กิจกรรมคู่การเรียน ดนตรี ถ่ายรูป กิจกรรมค่าย อะไรก็ได้ เพราะ เป็นนกั ศึกษาเป็ นวยั รุ่นนนั สิงทีง่ายทีสุด คือ ตอ้ งหาสิงทีตวั เองชอบให้เจอ ตอ้ งหา กิจกรรมยามวา่ ง ลองคน้ หาดูดว้ ยตวั เอง เพราะเป็นสิงทีดีทีจะไดส้ ัมผสั ลองหาสิงที เหมาะกบั ตวั เอง แค่คน้ หาจากคาํ วา่ “กิจกรรมยามวา่ ง” ก็รับรองวา่ จะมีกิจกรรมให้ เลือกทาํ มากมาย อยา่ งกิจกรรมจติ อาสากด็ ี ทาํ ใหไ้ ดเ้ ห็น “คนอืน” เปิ ดกวา้ งมุมมอง ต่อโลก ไลฟ์ สไตลอ์ ะไรก็ไดท้ ีทาํ แลว้ มีความสุข ผอ่ นคลายจากปัญหารุมเร้า อยา่ ง นอ้ ยทาํ ให้จิตใจมีทางออก อย่างน้อยเมือเราซึมเศร้าขึนมาจริงๆ เราจาํ ไดว้ า่ เคยทาํ สิงนีแลว้ มีความสุข เสมือนเป็ นความทรงจาํ และภูมิคุม้ กนั ให้ไดห้ ลบเขา้ ไปพกั ใน วนั ทีเหนือยลา้ ทีสุด แต่ตอ้ งดูแลควบคู่กนั ดูแลสุขภาพทางใจแลว้ ตอ้ งดูแลสุขภาพ ทางร่างกายดว้ ย พกั ผอ่ นออกกาํ ลงั กาย กินอาหารครบห้าหมู่ เพียงแค่นีก็เชือวา่ จะ ห่างไกลจากโรคซึมเศร้า 266
การสรางเสริมปญญาผานกระบวนการสือ่ สารสุขภาพ 267 เพื่อปลกู ฝง พฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพที่ดีใหนกั ศึกษาไทย ผู้เขยี นขอนําเสนอแนวคดิ แบบจาํ ลองที 1 เพอื การสร้างเสริม ปัญญาผ่านกระบวนการสือสารสุขภาพเพือปลูกฝังพฤตกิ รรมส่งเสริม สุขภาพทดี ใี ห้นักศึกษาไทย โดยผูเ้ ขียนขอนาํ เสนอวธิ ีการทีจะช่วยป้องกนั ปัญหาทางสุขภาพร่างกาย และสุขภาพจิตใจ รวมทงั สภาวะอารมณ์ตา่ งๆ ของนกั ศึกษา โดยการใชแ้ นวคิดจาก รูปแบบ “การมีสัมพันธภาพทีดีกบั ผู้อืน” (Having a Good Relationship with People) กบั บริบทแวดลอ้ มต่างๆ ไดแ้ ก่ สมาชิกในครอบครัว เพือน ครูอาจารยแ์ ละ บุคคลอืนในสงั คม จะทาํ ใหเ้ กิดความอบอุ่นในครอบครัว สร้างความยอมรับ ความ รักใคร่สมคั รสมานสามคั คีและความร่วมมือในกลุ่มเพือนและบุคคลรอบข้าง ดงั นนั การสร้างเสริมสัมพนั ธภาพจึงเป็ นสิงทีนกั ศึกษาควรเรียนรู้และนาํ ไปปฏิบตั ิ เพอื จะไดเ้ กิดความสาํ เร็จและความสุขในการดาํ เนินชีวติ (ณัฐริกา โพธิกลาง 2556) เพราะสัมพนั ธภาพ (Relationship) คือความสัมพนั ธ์อนั ดีระหวา่ งบุคคล อนั จะให้ เกิดความรัก ความนบั ถือและความร่วมมือ หรือการอยูร่ ่วมกบั บุคคลอืนไดอ้ ยา่ งมี ความสุข เพราะมนุษยไ์ ม่สามารถทีจะอยอู่ ย่างโดดเดียวตามลาํ พงั ได้ จาํ เป็ นตอ้ งอยู่ ร่วมกบั บุคคลอืนในสังคม จึงตอ้ งมีการติดต่อสัมพนั ธ์กนั อยูเ่ สมอ ไม่ว่าจะเป็นใน ดา้ นส่วนตวั การเรียนหรือการงาน การมีสัมพนั ธภาพทีดีกบั บุคคลอืนจะทาํ ใหก้ าร ติดต่อ และการปฏิบตั ิงานร่วมกบั ผูอ้ ืนเป็ นไปไดด้ ้วยดีทาํ ให้เกิดความสุขในการ ดาํ เนินในทีสุด 267
การสรางเสรมิ ปญญาผานกระบวนการส่อื สารสขุ ภาพ 268 เพ่ือปลูกฝง พฤติกรรมสง เสริมสุขภาพท่ีดใี หนกั ศึกษาไทย ผู้เขียน ขอนําเสนอวิธีการสร้างสัมพันธภาพทีดีกับผู้อืน 5 วิธี ในการ นาํ ไปใช้สร้างความสัมพนั ธ์ทีดีกบั ทุกคน (George P.H. 2012) โดยนกั ศึกษา สามารถนาํ ไปประยกุ ต์ใชใ้ นการดาํ เนินชีวติ ประจาํ วนั ทงั กบั สมาชิกในครอบครัว ครูอาจารยแ์ ละเพอื นๆ ในมหาวทิ ยาลยั ดงั นี 1. เรียนรู้การฟังและทาํ ความเข้าใจ (Learn To Listen and Understand) วิธีการ คือ พยายามเชือมต่อกบั ผูค้ นต่างๆ โดยการฟังและทาํ ความเขา้ ใจ เช่น เวลานักศึกษาตอ้ งพูดคุยกบั ใครให้ตงั ใจฟังเนือหาสาระหรือประเด็นความ สนใจทีคู่สนทนาพูดออกมา โดยยงั ไม่ตอ้ งไปตดั สินว่าถูกหรือผิด ดีหรือเลว ใช่ หรือไม่ใช่หรือพูดแทรกพูดตดั ตอนให้อีกฝ่ ายต้องหยุดชะงัก จนอาจเกิดความ ขดั แยง้ ขึนมากเ็ ป็ นไปได้ ดงั นนั วิธีการ คือ นกั ศึกษาตอ้ งให้ความสนใจและให้ความเอาใจใส่กบั คู่ สนทนาขณะทีกําลังพูดสนทนาด้วยกันอย่างตังใจจริ ง ผลลัพธ์จะออกมาใน ทางบวก คือ นกั ศึกษาจะไดร้ ับการชืนชมจากผอู้ ืน 2. เชือใจผ้อู ืน (Trust Other People) การไม่มีความเชือใจหรือไวว้ างใจผอู้ ืน หมายถึง การกงั วลเกียวกบั สิงทีคน อืนกาํ ลงั ทาํ คิดและพูดซึงนนั หมายถึง นกั ศึกษากาํ ลงั มีทศั นคติและพฤติกรรมใน เชิงทาํ การตรวจสอบและควบคุมคนอืนๆ แทนทีจะทาํ ตวั สนุกสนานไปกบั คนที นกั ศึกษากาํ ลงั มีปฏิสัมพนั ธ์อยดู่ ว้ ยในทุกๆ กลุ่ม ดังนันวิธีการ คือ ต้องฝึ กใจให้เชือในผู้อืนมากขึน เพราะจะทําให้ สุขภาพจิตใจของนกั ศึกษาเกิดความสบายใจมากขึนตามไปดว้ ย เพราะไม่ตอ้ งคอย คิดตงั ขอ้ สงสัยหรือคอยกงั วลกับการต้องตรวจสอบว่าสิงทีคนอืนๆ พูดนันจริง หรือไม่ อยา่ งไร จะเชือไดห้ รือไมอ่ ยตู่ ลอดเวลา เพราะทาํ ใหเ้ กิดความทุกข์ 3. ซือสัตย์กบั ความต้องการของตนเอง (Be Honest about Your Wants) นกั ศึกษาตอ้ งพบเจอกบั สถานการณ์ทีรู้สึกผดิ หวงั เพราะมีคนไม่ทาํ ตามที ตนเองคาดหวงั ไว้ พ่อแม่เพือนครูอาจารยอ์ าจพูดอะไรทีทาํ ให้นักศึกษารู้สึกไม่ 268
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการสื่อสารสขุ ภาพ 269 เพื่อปลูกฝงพฤติกรรมสง เสรมิ สุขภาพที่ดีใหนักศึกษาไทย สบายใจหรือทาํ ใหว้ ิตกกงั วล ทงั นีอาจเป็ นเพราะนกั ศึกษาไม่ไดพ้ ูดถึงความรู้สึกที แทจ้ ริงของตนเองออกมาใหผ้ อู้ านรบั รู้อยา่ งทีควรทาํ จึงทาํ ให้ผูค้ นเหล่านนั พูดหรือ แสดงในสิงทีนกั ศึกษาไมพ่ งึ พอใจเกิดความทุกข์ รู้สึกโกรธและเบือหน่าย ดงั นันวิธีการ คือ เมือนักศึกษาต้องการบางสิงบางอย่าง หรือตอ้ งการ แบ่งปันบางสิง ตอ้ งซือสัตย์กบั ความต้องการนนั ๆ ของตนเอง แมว้ ่าการแสดง ความตอ้ งการของนกั ศึกษาออกมาอาจทาํ ให้รู้สึกอึดอดั แต่ก็จะเป็ นโอกาสสําหรับ การชีแจงหรือเผยใหเ้ ห็นถึงสิงทีนกั ศึกษาปรารถนาใหค้ นอืนไดร้ ับรู้ และส่งผลให้ สิงทีนกั ศึกษาตอ้ งการนนั มีคนอนื ๆ ช่วยสนบั สนุนใหเ้ ป็ นจริง 4. เป็ นผู้ให้ (Be a Giver) มนุษยท์ วั ไปเกือบทุกคน มกั มีความเห็นแก่ตนเองมาก่อนเป็ นอนั ดบั แรก ซึงเป็ นไปโดยธรรมชาติ เช่น เราเกือบทุกคน มกั ตงั คาํ ถามแรกถามขึนมาในใจ ตวั เองโดยไม่รู้ตวั วา่ “ มีอะไรใหฉ้ นั บา้ ง” จึงส่งผลใหเ้ กิดปัญหา เพราะนกั ศึกษา จะไม่สามารถมีสัมพนั ธภาพทีดีกบั ผูอ้ ืนได้ หากนกั ศึกษาคิดวา่ คนอืนนนั ไม่ไดใ้ ห้ สิงทีมีมูลค่าเท่ากนั หรือมากกวา่ กลบั คืนมา เมือเป็ นเช่นนีบ่อยๆ คนอืนก็จะไม่มี ใครตอ้ งการคบคา้ สมาคมกบั นกั ศึกษาทีมีทศั นคติหรือมีพฤติกรรมแสดงออกมาให้ เห็นเช่นนนั อยา่ งแน่นอน ดงั นนั วธิ ีการ คือ นกั ศึกษาจาํ เป็ นตอ้ งปรับเปลียนทศั นคติและพฤติกรรม ใหม่ ต้องคิดในมุมมองของการเป็ นผู้ให้ เป็ นผู้เสี ยสละ เป็ นผู้ลงทุนใน ความสัมพนั ธ์ทีดีกบั ผอู้ ืนก่อน จึงจะเกิดสัมพนั ธภาพทีดีตามมาเพราะการทาํ ให้คน อืนๆ รู้สึกดี รู้สึกวา่ เราเป็ นคนทีไม่เอาเปรียบใคร เราให้คุณค่ากบั ผูอ้ ืนมาก่อนจะ เป็ นวิธีทีดีอีกวิธีการหนึงทีผูค้ นรอบข้างจะชืนชมและอยากคบหานักศึกษา ตลอดไป 5. อย่ารีบตดั สินความต้องการของผ้อู ืน (Do not Hurry to Judge the Needs of Others) หากนกั ศึกษารู้สึกวา่ เรารู้ดีทีสุด เราจะโกรธ เราจะตดั สินคนอนื หากคน อืนทาํ สิงทีเราไมเ่ ห็นดว้ ย 269
การสรางเสรมิ ปญญาผานกระบวนการส่อื สารสุขภาพ 270 เพื่อปลูกฝง พฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพที่ดใี หนกั ศึกษาไทย ดงั นนั วิธีการ คือ นกั ศึกษาจะไม่รีบร้อนเอาแต่ใจตวั เองและไปคิดตดั สิน ผูอ้ ืนตงั แต่แรก เพราะเราไม่ควรบงั คบั ให้คนอืนต้องมีความเห็นเหมือนกับเรา แมว้ ่านักศึกษาอาจจะคิดว่าตนเองคิดและทาํ ในสิงทีถูกตอ้ งแลว้ แต่ตอ้ งคิดและ เขา้ ใจคนอนื ๆ ดว้ ยวา่ พวกเขาก็สามารถมีความคิดเห็น ความตอ้ งการทีแตกต่างจาก เราไดเ้ ช่นกนั จึงตอ้ งฝึ กยอมรับคนอืนในสิงทีพวกเขาตอ้ งการวา่ เป็ นสิงทีถูกตอ้ ง ในความคิดของพวกเขา หรือถา้ จะผิด พวกเขาก็จะไดร้ ับบทเรียนนนั ดว้ ยตนเอง แล้วพว กเข า เห ล่า นันจะ รั กจะ ชื น ชม นัก ศึ กษา ม าก กว่า กา รเข้าไ ป ตัด สิ น ควา ม ตอ้ งการของคนอืนตงั แต่เริมตน้ ข้อสรุป คือ ธรรมชาติของคนเรามกั คิดถึงตวั เองก่อนและมกั คิดว่า ตนเองทาํ ถูกตอ้ ง ทาํ ดีทีสุดแลว้ อยตู่ ลอดเวลา จึงเป็ นสาเหตุทีความสัมพนั ธ์ของเรา กบั ครอบครัว ครูอาจารยแ์ ละเพือนไม่ราบรืนและมกั เกิดความขดั แยง้ ยุ่งยากใจ ตามมา ส่งผลไปถึงสุขภาพทงั ร่างกายและจิตใจตามมาอีกดว้ ย วิธีทีผูเ้ ขียนนาํ เสนอ ทางเลือกจึงน่าจะช่วยแกไ้ ขปัญหาทีเกิดขึนได้ เพือการสร้างความสัมพนั ธ์ทีดีกบั ทุกคน นกั ศึกษาจึงตอ้ งฝึ กฝนเปลียนแปลงตนเอง ดว้ ยการฟังคนอืน ไปจนถึงเชือ ใจผูอ้ ืน ซือสัตยก์ บั ความตอ้ งการของตนเอง เป็ นผูใ้ ห้และอยา่ รีบตดั สินความ ตอ้ งการของผอู้ ืน เพราะพวกเขาคิดเห็นไม่เหมือนตนเอง ในบริบทอืนๆ ไดแ้ ก่ 1) ครอบครัว เป็ นจุดเริมตน้ ทีสาํ คญั คุณพอ่ คุณแม่ และ/หรือ ผปู้ กครอง ตอ้ ง เขา้ ใจและสือสารใหก้ าํ ลงั ใจนกั ศึกษาไม่กดดนั ดา้ นผลการเรียนใหม้ าก จนเกินไปหรือตงั ความหวงั กบั นกั ศกึ ษาวา่ จะใหเ้ ป็ นโน่นนีนนั แมเ้ ป็ นความรัก และความปรารถนาดีของสมาชิกในครอบครัว แต่ในทางกลบั กนั ก็กลายเป็นแรง กดดนั ทีส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ สภาวะอารมณ์ของนกั ศึกษา อยทู่ กุ วนั เช่นเดียวกนั 270
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการส่อื สารสขุ ภาพ 271 เพ่ือปลกู ฝงพฤติกรรมสงเสริมสุขภาพที่ดใี หนกั ศึกษาไทย 2) ครูคณาจารย์ ควรตอ้ งสือสารให้ความรู้และทกั ษะพฤติกรรมส่งเสริม สุขภาพกบั นักศึกษาอย่างสมาํ เสมอ คอยกระตุน้ ตกั เตือนและชีแนะในทางที ถูกตอ้ งเหมาะสม เพราะครูอาจารยเ์ ป็ นปัจจยั สําคญั ทีนกั ศึกษาใหค้ วามเคารพและ จะปฏิบตั ิตาม เพราะคาํ สังของครูอาจารยห์ ากให้นักศึกษาไปทาํ รายงาน จดั ทาํ โครงการหรือกิจกรรมใดทีเกียวขอ้ งกบั พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ นกั ศึกษาจะ ปฏิบตั ิตามอยา่ งเต็มกาํ ลงั เพอื ใหค้ รูอาจารยพ์ งึ พอใจ อนั ส่งผลถึงเกรดการเรียนทีจะ ประเมินออกมาในทางทีดี ดงั นนั โอกาสของสถานะความเป็ นผใู้ หค้ ุณให้โทษกบั นกั ศึกษาได้ จึงควรนาํ มาใชใ้ นทางทีเป็นประโยชนต์ ่อนกั ศึกษาในช่วงทีมีการเรียน การสอน เพราะอยา่ งนอ้ ยจะเป็ นการปลูกฝังจิตสาํ นึกในดา้ นนีให้ติดตวั พวกเขาไป ตลอด 3) กล่มุ เพือนๆ ตอ้ งพยายามสือสารชกั ชวนกนั ไปในทางทีถูกตอ้ งเพือดูแล สุขภาพใหด้ ีทงั ร่างกายและจิตใจ ตงั แต่เริมตน้ ทีเรียนดว้ ยกนั ตงั แต่ปี 1 จนกว่าจะ จบการศึกษาออกไป เพราะเพือน คือ ปัจจยั ทีใกลต้ วั และมีอิทธิพลต่อทศั นคติ คา่ นิยม รวมถึงพฤติกรรมตา่ งๆ ทีนกั ศึกษาจะปฏิบตั ิออกมาในแต่ละวนั ของการใช้ ชีวติ ในมหาวทิ ยาลยั ถา้ ไดเ้ พอื นทีดี มีความคิดมีจิตสํานึกทีดีในดา้ นการดูแลรักษา สุขภาพกายและสุขภาพใจ เพือคุณภาพชีวิตทีดีในอนาคตเมือเรียนจบออกไป ทาํ งาน จะเกิดการชกั ชวนกนั ไปทาํ สิงทีดีต่อสุขภาพตนเอง คือ เกิดมีพฤติกรรม ส่งเสริมสุขภาพทีดีกนั ในกลุ่มเพอื นอยา่ งสมาํ เสมอ 271
การสรางเสริมปญญาผานกระบวนการสื่อสารสขุ ภาพ 272 เพื่อปลกู ฝงพฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพท่ีดใี หน ักศึกษาไทย ข้อเสนอแบบจําลองที 1 การสร้างเสริมปัญญาผ่านกระบวนการสือสารสุขภาพ เพือปลูกฝังพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพทดี ใี ห้นักศึกษาไทย นักศึกษาไทยทงั ชาย-หญงิ มีพฤตกิ รรมส่งเสริมสุขภาพทีดีมากขึน เพื่อนๆ สือ่ สารชักชวน 1.เรียนรู้การฟังและทาํ ความเขา้ ใจ กนั ไปในทางท่ีถูกตอง 2.เชือใจผอู้ ืน เพื่อดแู ลสขุ ภาพใหด ที ัง้ 3.ซือสัตยก์ บั ความตอ้ งการของตนเอง รา งกายและจติ ใจ 4.เป็นผใู้ ห้ 5.อยา่ รีบตดั สินความตอ้ งการของผอู้ ืน ครคู ณาจารยสื่อสารให ความรูและทกั ษะ พฤตกิ รรมสงเสรมิ สขุ ภาพ ครอบครัวเขาใจและ ส่อื สารใหก าํ ลงั ใจนักศกึ ษา ไมก ดดนั ดา นผลการเรียน นกั ศึกษารอบรเู ทา ทัน กับทุกปญหาที่เขา มา ในชีวติ และสือ่ สารเชงิ บวกกบั คนรอบขา ง ไมเ กบ็ กดจนซึมเศรา ภาพที 5.1 ข้อเสนอแบบจาํ ลองที 1 การสร้างเสริมปัญญาผ่านกระบวนการสือสาร สุขภาพเพือปลกู ฝังพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพทีดใี ห้นกั ศึกษาไทย ประยุกต์โดย: ณฐั นันท์ ศิริเจริญ (2562) 272
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการส่ือสารสุขภาพ 273 เพื่อปลูกฝงพฤติกรรมสงเสริมสุขภาพที่ดใี หน กั ศึกษาไทย ผ้เู ขียนขอนําเสนอแนวคดิ แบบจําลองที 2 เพอื การสร้างเสริม ปัญญาผ่านกระบวนการสื อสารสุ ขภาพเพือปลูกฝังพฤติกรรมส่ งเสริม สุขภาพทดี ีให้นักศึกษาไทย โดยผูเ้ ขียนขอนาํ เสนอวิธีการจาก แนวคิดทฤษฎีการบําบัดทางความคิด และพฤตกิ รรม หรือ Cognitive Behavioral Therapy คาํ ยอ่ คือ CBT ซึงเป็น วิธีการในลกั ษณะจิตบาํ บดั (Psychotherapy) ชนิดหนึงทีมีเป้าหมายเพือจดั การกบั อารมณ์ในทางลบต่างๆ ของมนุษย์ เช่น อารมณ์เศร้า วิตกกงั วล โกรธ เกลียดอาย เบือหน่าย เป็ นตน้ ดว้ ยวิธีการปรับเปลียนความคิด (Cognitive) และพฤติกรรม (Behavioral) การบาํ บดั มีลักษณะเน้นทีปัจจุบนั เจาะจงปัญหาทีชัดเจน มีการ กาํ หนดเป้าหมายในการบาํ บดั อย่างเป็ นรูปธรรม เน้นความร่วมมือของผูร้ ับการ บาํ บดั (ChulaCBT Clinic 2558) ในจุดนีทีผเู้ ขียนมุ่งเนน้ ไปทีกลุ่มประชากร คือ กลุ่มนักศึกษาไทยทังเพศชายและหญิงทีกําลังเรียนระดับปริ ญญาตรี อยู่ใน มหาวทิ ยาลยั เพอื นาํ ไปสู่การฝึ กฝนทกั ษะในการจดั การกบั ปัญหาของตนเองใหไ้ ด้ ดียิงขึน วิธีการตามแนวคิดทฤษฎี CBT มีประสิทธิภาพในการบาํ บดั รักษา มากมาย โดยแสดงให้เห็นผ่านงานวิจยั ต่างๆ ทวั โลกรวมทงั ในประเทศไทย เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกงั วล โรคยาํ คิดยาํ ทาํ โรคตืนตระหนก โรคกลวั สังคม โรค วิตกกงั วลหลงั เผชิญเหตุการณ์สะเทือนขวญั (PTSD) นอกจากนียงั สามารถใช้ จดั การปัญหาสุขภาพจิตหลายอยา่ งทีอาจไม่ถึงระดบั เป็ นโรคก็ได้ เช่น ปัญหาการ ควบคุมอารมณ์โกรธ ปัญหาความสัมพนั ธ์ ปัญหาความรู้สึกผิดติดคา้ งในใจ ซึง อาการดังกล่าวจากการเก็บขอ้ มูลเชิงสํารวจของผูเ้ ขียนพบว่า นักศึกษาไทยเกิด อาการเหล่านีอย่างมีนยั ยะสาํ คญั ทางสถิติ เพราะมีจาํ นวนมากเกินกวา่ ร้อยละ 50 ของจํานวนกลุ่มตัวอย่างทังหมดทีผูเ้ ขียนใช้เก็บข้อมูล จึงนับเป็ นวิธีการที 273
การสรางเสรมิ ปญญาผา นกระบวนการสือ่ สารสุขภาพ 274 เพื่อปลูกฝงพฤติกรรมสงเสริมสุขภาพที่ดใี หนักศึกษาไทย คณาจารยใ์ นมหาวิทยาลัย ผบู้ ริหารในมหาวิทยาลยั ผูป้ กครองคุณพ่อคุณแม่ของ นกั ศึกษา รวมทงั กลุ่มเพือนๆ ของนักศึกษา ตอ้ งช่วยกนั กระตุน้ และเสริมสร้าง กาํ ลงั ใจใหก้ บั นกั ศึกษาทีอาจกาํ ลงั ละเลยการดูแลตนเองอยา่ งเหมาะสม เพือใหเ้ ขา เหล่านีกลบั มามีคุณภาพชีวิตทีดีและมีพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพทีดีต่อไปทงั ใน ปัจจุบนั และในอนาคตตลอดชีวติ โดยเริมตน้ การบาํ บดั ในลกั ษณะของความเป็ น เพือน ความเชือใจกนั ระหวา่ งผปู้ กครอง ครูอาจารยก์ บั นกั ศึกษา วิธีการนีจะยาก ตรงทีตอ้ งใชเ้ วลา (ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ 2556) เพราะกระบวนการรักษา บาํ บดั ตอ้ งทาํ ให้นกั ศึกษาหรือผูร้ ับการบาํ บดั ได้เห็นเองวา่ เป็ นอยา่ งนนั จริงๆ ดว้ ย ตวั เอง ตวั อยา่ งเช่น ลาํ ดบั ขนั ตอนของปัญหาทีเกิดขึนกบั นกั ศึกษา คือ 1. ความคิด…สร้างความรู้สึก (Thoughts create Feelings) คือ การที นกั ศึกษาเกิดความคิด(Thoughts) และพยายามสร้างความรู้สึก (Feelings) 2. ความรู้สึก…สร้างพฤติกรรม (Feelings create Behaviors) คือ เมือเกิด เป็นความรู้สึกแลว้ จะแสดงออกมาเป็ นพฤติกรรม (Behaviors) จะทาํ ตวั เองให้เป็น คนทีสมบูรณ์แบบในทุกๆดา้ น เพอื ทีจะไดร้ ับการยอมรับ 3. พฤติกรรม…เสริมสร้างความคิด (Behaviors reinforce Thoughts) คือ วงจรยอ้ นกลบั มาหาการเสริมสร้างความคิด ดงั นนั จึงอาจทาํ ให้นกั ศึกษาเกิดมีอาการสาํ คญั หรือเกิดมีปัญหาขึนมา คือ นักศึกษามีอารมณ์เศร้า มีอาการซึม แยกตวั และไม่ไปเรียน เพราะสุดท้ายเกิด ความคิดวา่ “ ตนเองยงั ไม่ใช่” วธิ ีการช่วยแกป้ ัญหานี ดว้ ยแนวคดิ ทฤษฎีแบบ Cognitive Behavioral Therapy (CBT) คือ การพจิ ารณาสาเหตุของความเชือ ทีผดิ ของนกั ศึกษาทีเชือวา่ คนทีเก่ง คนทีดีพร้อมไม่มีขอ้ บกพร่องและไม่มีจุดอ่อน เทา่ นนั จึงจะไดร้ ับการยอมรบั จากคนรอบขา้ งและไม่ถูกทอดทิง โดยนกั ศึกษาเชือ วา่ ตนเองยงั ไม่สมบูรณ์พร้อมจึงยงั ไม่ไดร้ ับการยอมรับ ซึงการแกไ้ ขความคิดนี ตอ้ งใชเ้ วลา ตอ้ งใชก้ ารพูดคุยยกตวั อยา่ งใหน้ กั ศึกษาไดใ้ ชจ้ ินตนาการเห็นภาพ เพือ คลายความวิตกกังวลต่างๆ จนสุขภาพจิตใจหรือสภาวะอารมณ์ดีขึนตามลาํ ดบั เป็ นตน้ 274
การสรางเสริมปญญาผานกระบวนการสอ่ื สารสุขภาพ 275 เพื่อปลกู ฝงพฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพที่ดีใหน กั ศึกษาไทย ข้อเสนอแบบจาํ ลองที 2 การสร้างเสริมปัญญาผ่านกระบวนการสือสารสุขภาพ เพือปลูกฝังพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพทดี ใี ห้นกั ศึกษาไทย นักศึกษาไทยทงั ชาย-หญิง มีพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพทีดีมากขึน เป้าหมายเพือจดั การกบั อารมณ์ในทางลบต่างๆ ของมนษุ ย์ เช่น อารมณ์เศร้า วติ กกงั วล โกรธ เกลยี ดอาย เบือหน่าย เป็ นต้น ด้วยวธิ ีการปรับเปลยี น ความคดิ (Cognitive) และพฤตกิ รรม (Behavioral) 1.ความคิด…สร้าง ความรู้สึก (Thoughts create Feelings) 3.พฤตกิ รรม.. 2.ความรู้สึก..สร้าง เสริมสร้างความคิด พฤติกรรม (Feelings (Behaviors reinforce create Behaviors) Thoughts) ภาพที 5.2 ข้อเสนอแบบจําลองที 2 การสร้างเสริมปัญญาผ่านกระบวนการสือสาร สุขภาพเพือปลกู ฝังพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพทดี ีให้นักศึกษาไทย ประยุกตโ์ ดย: ณฐั นนั ท์ ศริ ิเจริญ (2562) 275
การสรางเสริมปญญาผานกระบวนการสื่อสารสุขภาพ 276 เพื่อปลูกฝง พฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพท่ีดีใหน กั ศึกษาไทย เพือการแลกเปลียนเรียนรู้ร่วมกันในการสร้างความเข้าใจ จดจําได้และ สามารถนาํ ไปประยกุ ต์ใช้ได้อย่างเป็ นรูปธรรม ก่อเกดิ ประโยชน์อย่างแท้จริงในบท นีเกียวกับข้อมูลความคิดเห็นด้านสุขภาพร่ างกาย- สุขภาพจิตใจและการดูแล สุขภาพโดยรวมของนกั ศึกษา ดังนี 1. ผูอ้ ่านคิดว่าเนือหาสาระจากความคิดเห็นของนักศึกษาไทยทีมีต่อ สุขภาพร่างกายและจิตใจ ควรเป็ นอยา่ งไร 2. การสรุปองค์ความรู้ทีไดจ้ ากความคิดเห็นของนักศึกษาไทยสําหรับ การดูแลสุขภาพโดยรวม เป็ นเช่นไร 3. แนวคิดทฤษฎีการบาํ บดั ทางความคิดและพฤติกรรม หรือ Cognitive Behavioral Therapy เป็ นวธิ ีการในลกั ษณะใด 4. วิธีการช่วยแก้ปัญหาดว้ ยแนวคิดทฤษฎีแบบ Cognitive Behavioral Therapy คือ การพิจารณาสาเหตุของสิงใดและมีวธิ ีการช่วยแกป้ ัญหา อยา่ งไร 276
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการสือ่ สารสขุ ภาพ 277 เพื่อปลูกฝงพฤติกรรมสง เสรมิ สุขภาพที่ดีใหนักศึกษาไทย บรรณานุกรม ภาษาไทย กฤษณะ สุวรรณภูมิ (2555) พฤติกรรมสุขภาพ และพฤติกรรมเสียงต่อสุขภาพของ นักศึกษามหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ คน้ คืนวนั ที 28 กมุ ภาพนั ธ์ 2562 จาก https://www.google.co.th/search?q=ปัญหาดา้ นสุขภาพของนกั ศกึ ษา กระทรวงสาธารณสุข กรมอนามยั (2559) คู่มือการดาํ เนินงานโรงเรียนส่งเสริม สุขภาพ พ.ศ. 2558 (พิมพค์ รังที 2) กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สํานกั งาน พระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ กองสุขศึกษา กรมสนบั สนุนบริการสุขภาพ (มกราคม 2561) การเสริมสร้างและ ประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ กลุ่มเด็กและ เยาวชน (อายุ 7-14 ปี ) กลุ่มประชาชนทีมอี ายุ 15 ปี ขึนไป ฉบับปรับปรุง ปี 2561 กระทรวงสาธารณสุข กรมสุขภาพจิต (2561) นอนน้อย พักผ่อนไม่เพยี งพอ เสียงป่ วยหลายโรค คน้ คืน วนั ที 26 กุมภาพนั ธ์ 2562 จาก https://www.dmh.go.th/news- dmh/view.asp?id=28001 ขา่ วไทยพีบีเอส (9 มนี าคม 2562) แอปพลิเคชัน \"สบายใจ\" ตวั ช่วยเช็กสถานะทาง ใจ คน้ คืนวนั ที 12 มีนาคม 2562 จาก http://news.thaipbs.or.th/content/278260 ฉตั ร์ชยั นกดี (2557) NCDs : โรคร้ายทีเราสร้ างเอง คน้ คืนวนั ที 4 ตุลาคม 2561 จาก https://www.thaihealth.or.th/Content ณฐั ริกา โพธิกลาง (2556) การสร้ างเสริมสัมพนั ธภาพ คน้ คืนวนั ที 7 มีนาคม 2562 จาก https://sites.google.com/site/30447nattharika/home/page2 277
การสรางเสรมิ ปญญาผา นกระบวนการส่ือสารสขุ ภาพ 278 เพ่ือปลกู ฝง พฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพท่ีดีใหนกั ศึกษาไทย ณฐั วฒุ ิ อรินทร์ (2558) “สภาวะปัญหาสุขภาพจิต และทศั นคติ ต่อการขอรับความ ช่วยเหลือทางดา้ นจิตใจ จากนกั วิชาชีพสุขภาพจติ ของนกั ศึกษา มหาวทิ ยาลยั ” วารสารจิตวิทยาคลินิก 46(1) : มกราคม-มถิ ุนายน 2558 หนา้ 16-29 ณฐั นนั ท์ ศิริเจริญ (2562) วิจัยเชิงคุณภาพประเดน็ พฤติกรรมสุขภาพทังสุขภาพ ร่ างกายและสุขภาพจิตใจของกลุ่มนกั ศึกษา มหาวทิ ยาลยั หวั เฉียวเฉลิม พระเกียรติ สมทุ รปราการ ไทยพบี ีเอสออนไลน์ (2562) หยดุ ! วยั รุ่นไทย \"ฆ่าตัวตาย\" ทุกปัญหามคี ่าต่อการรับ ฟัง คน้ คืนวนั ที 10 มีนาคม 2562 จาก http://news.thaipbs.or.th/content/278171 ไทยบีพเี อสออนไลน์ (9 มีนาคม 2562) ก้าวผ่าน ความเครียด แบบไหน? คน้ คืน วนั ที 10 มนี าคม 2562 จาก https://news.thaipbs.or.th/content/278266 ไทยรัฐออนไลน์ (2562) นศ.สาว น้อยใจแฟนไม่มาหาวันวาเลนไทน์ ปิ ดห้อง รมควนั ฆ่าตัวตาย คน้ คืนวนั ที 20 กุมภาพนั ธ์ 2562 จาก https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1497195 ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ (2556) จิตวิตก..ซึมๆเศร้ าๆ \"CBT\" เราจะไปด้วยกัน คน้ คืนวนั ที 2 มีนาคม 2562 จาก https://www.thairath.co.th/content/368898 นิตยสารวงการแพทย์ (2558) NCDs วิกฤติโรค วิกฤติโลก ภัยลกุ ลามทีเราสร้างเอง คน้ คืนวนั ที 23 พฤศจิกายน 2561 จาก http://www.wongkarnpat.com/viewpat.php?id=1608#.XPi0J4gzZPZ 278
การสรางเสริมปญญาผานกระบวนการสอื่ สารสุขภาพ 279 เพ่ือปลูกฝงพฤติกรรมสง เสริมสุขภาพท่ีดีใหนกั ศึกษาไทย เบญจพร อรุณประภารัตน์, โชติกา วงศเ์ จริญ และรัชดาภรณ์ แมน้ ศริ ิ (2559) “พฤติกรรมสุขภาพของนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวรชันปี ที 3” การประชุม ทางวชิ าการระดบั ชาติ Naresuan Research Conference “นเรศวรวิจยั ” ครัง ที 12: วจิ ยั และนวตั กรรมกบั การพฒั นาประเทศ หนา้ 1638 – 1648 ปราณี อ่อนศรี (2559) ความรู้ ทศั นคติ และพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพของ นกั เรียนพยาบาลกองทพั บก วารสารพยาบาลทหารบก ปี ที 17 ฉบบั ที 3 (ก.ย. - ธ.ค.) 2559 หนา้ 158-167 ผอ่ งศรี ศรีมรกต และคณะ (2551) การพัฒนาพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพอย่าง ยงั ยืนด้านการออกกาํ ลังกาย การบริโภคและการจัดการความเครียดอย่างมี ส่วนร่วมของประชาคม กรุงเทพมหานคร: คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหิดล เพยี งใจ ขจรนิพทั ธ์, สุรีย์ จินเรืองและวภิ าศิริ นราพงษ์ (2551) ภาวะสุขภาพทาง กายและพฤติกรรมส่ งเสริ มสุขภาพของอาจารย์และเจ้าหน้าทีวิทยาลัย พยาบาลบรมราชชนนี สระบรุ ี: วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี พนม เกตุมาน (2556) พัฒนาการวยั รุ่น Adolescent Development คน้ คืนวนั ที 13 ตุลาคม 2561 จาก http://teenage1519.blogspot.com/ โรงพยาบาลราชวถิ ี (2562) 7 สาเหตนุ อนไม่หลับและเคลด็ ลบั แก้ไข คน้ คืนวนั ที 28 กมุ ภาพนั ธ์ 2562 จาก https://www.rajavithi.go.th/rj/?p=4122 เลิศสิริ ราชเดิม (2556) ปัญหาด้านสุขภาพจิตในวยั รุ่น สถาบนั ราชานุกูล กรมสุขภาพจิต วราภรณ์ ตระกูลสฤษดิ (2547) จิตวิทยาการปรับตัว คน้ คืนวนั ที 23 กุมภาพนั ธ์ 2562 จาก http://eu.lib.kmutt.ac.th/elearning/Courseware/SSC334/chapter8.htm 279
การสรางเสริมปญญาผานกระบวนการส่ือสารสุขภาพ 280 เพ่ือปลูกฝงพฤติกรรมสง เสริมสุขภาพท่ีดีใหนกั ศึกษาไทย วนั เพญ็ ปลงั ฤทธิ (2551) “การศึกษาพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนใน จังหวดั ยะลา” วทิ ยานิพนธ์ปริญญามหาบณั ฑิต มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ยะลา วาริณี เอียมสวสั ดิกลุ (2561) การสร้างเสริมสุขภาพในสถานศึกษา วารสารความ ปลอดภัยและสุขภาพ ปี ที 11 ฉบบั ที 2 ประจาํ เดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2561 หนา้ 1 - 11 สุนนั ทา ยงั วนิชเศรษฐ (2549) พฤตกิ รรมสุขภาพและพฤติกรรมเสียงตอ่ สุขภาพ ของนกั ศึกษา มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ สงขลานครินทร์ เวชสาร. 2549, 24(5): 395-405. สถานีโทรทศั น์ไทยพีบีเอส (25 ธนั วาคม 2560) สธ.เตือนภยั เงยี บ “โรคซึมเศร้ า” แนะครอบครัว สังเกต 9 อาการ คน้ คืนวนั ที 7 มกราคม 2562 จาก https://news.thaipbs.or.th/content/268828 สาํ นกั ข่าวอิศรา (2561) กรมอนามยั จับมือ ม.มหิดล ผนึกกาํ ลงั สร้ างคนไทยให้มี ความรอบรู้สุขภาพ คน้ คืนวนั ที 3 มกราคม 2562 จาก https://www.isranews.org/isranews-pr-news/66443-anamai.html สาํ นกั งานกองทุนสนบั สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (2557) สานต่อมหาวิทยาลัย สร้ างเสริมสุขภาพ คน้ คืนวนั ที 7 กมุ ภาพนั ธ์ 2562 จาก https://www.thaihealth.or.th/Content/25893 สราวฒุ ิ พงษพ์ พิ ฒั น์ (2548) รายงานการวิจยั เรืองพฤติกรรมสุขภาพของนักศึกษา และบุคลากร ในมหาวิทยาลัย นเรศวร พะเยา สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีการกีฬา สํานักวิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัย นเรศวร พะเยา สายสวาท เผา่ พงษ์ อุไรรักษ์ คมั ภิรานนทแ์ ละ สิริเพญ็ โสภา จนั ทรสถาพร (2554) พฤติกรรมสุขภาพของนกั ศึกษาพยาบาล วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา ปี ที 17 ฉบบั ที 1 มกราคม-มิถุนายน 2554 หนา้ 81-92 280
การสรางเสริมปญญาผานกระบวนการสอื่ สารสุขภาพ 281 เพื่อปลกู ฝง พฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพที่ดีใหนักศึกษาไทย สราวฒุ ิ พงษพ์ พิ ฒั น์, ภทั ร ยนั ตรกร และ ธชั กร พุกกะมาน (2560) “พฤติกรรม สุ ขภาพของนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่” ศึกษาศาสตร์ สาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี ที 1 ฉบบั ที 1 2560 หนา้ 34-45 สาํ นกั งานกองทุนสนบั สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (2561) กลุ่มโรค NCDs คน้ คืน วนั ที 3 พฤศจิกายน 2561 จาก https://www.thaihealth.or.th/microsite/categories/5/ncds/2/173/176.html สุทธิชยั อมรวฒั นานุกลู (2562) สุนทรียศาสตร์ เพือนิเทศศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั หวั เฉียวเฉลิมพระเกียรติ สมทุ รปราการ สาํ นกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา (2562) การเปลียนแปลงทางอารมณ์ สังคม และสติปัญญา คน้ คืนวนั ที 19 มนี าคม 2562 จาก http://guidance.obec.go.th/?p=972 สถานีขา่ ว TNN24 ช่อง16 (2562) สลด! นศ.สาวรมควันฆ่าตัวตายคืนวาเลนไทน์ คน้ คืนวนั ที 22 กุมภาพนั ธ์ 2562 จาก https://www.tnnthailand.com/content/2953 สถานีข่าว TNN24 ช่อง16 (2562) เครียด ! นิสิตชันปี 3 กระโดดตึกเสียชีวิตใน มหาวิทยาลัย คน้ คืนวนั ที 10 มีนาคม 2562 จาก https://news.thaipbs.or.th/content/278193 สุนิดา โสภณนรินทร์ (2562) ไลฟ์ สไตล์ ต้านซึมเศร้า โรงพยาบาลพญาไท 2 ค้นคืนวันที 25 มีนาคม 2562 จากhttps://www.dmh.go.th/news- dmh/view.asp?id=29603 องคก์ ารกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (9 มีนาคม 2562) ก้าวผ่าน ความเครียด แบบไหน? คน้ คืนวนั ที 10 มีนาคม 2562 จาก http://news.thaipbs.or.th/content/278266 ChulaCBT Clinic (2558) CBT คืออะไร? คน้ คืนวนั ที 2 มีนาคม 2562 จาก https://www.facebook.com/ChulaCBT/posts/1684092648479035/ 281
การสรางเสรมิ ปญญาผา นกระบวนการสอ่ื สารสุขภาพ 282 เพ่ือปลูกฝง พฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพท่ีดใี หนกั ศึกษาไทย HonestDocs (2562) รวมพฤติกรรมทาํ ลายสุขภาพดี หยุดทาํ ก่อนจะสาย คน้ คืน วนั ที 15 มีนาคม 2562 จาก https://www.honestdocs.co/stop-these- harmful-health-behaviors Sukhphaph (2562) การส่งเสริมสุขภาพ คน้ คืนวนั ที 12 กุมภาพนั ธ์ 2562 จาก https://sites.google.com/site/sukhphaph12/kar-sng-serimsukh-phaph teenage1519.blogspot.com (2556) พฒั นาการของวยั รุ่น คน้ คนื วนั ที 7 ตุลาคม 2561 จาก http://teenage1519.blogspot.com/ Thaiteenline (2562) การดาํ เนินชีวิตของนักศึกษา (ใหม่)ในมหาวิทยาลัย คน้ คืน วนั ที 27 มนี าคม 2562 จาก http://thaiteenline.com/contact.php 282
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการสอื่ สารสขุ ภาพ 283 เพ่ือปลูกฝง พฤติกรรมสง เสรมิ สุขภาพที่ดใี หน กั ศึกษาไทย ภาษาองั กฤษ Allender, J. A., Rector, C. and Warner, K. D. (2014). Community & public health nursing: Promoting the public’s health. (8thed.). Philadelphia: Wolters Kluwer / Lippincott Williams & Wilkins. George P.H. (2012) 5 Ways to Build Better Relationships With Everyone. Retrieved March 20, 2019 from https://www.pickthebrain.com/blog/5- ways-to-build-better-relationships-with-everyone/ Pender, N. J. (1987). HealthPromotionin Nursing Practice. 2nded. NewYork Connecticut: Peton&Lange. Rickwod, D., Deane, FP., Wilson, CJ., & Ciarrochi. J. (2005). Young people’s help-seeking for mental health problems. Australia e-Journal for the Advancement of Mental Health, 4 (3): 1-7. Rickwood, D., Deane, F. P., Wilson, C. J. & Ciarrochi, J. V. (2005). Young people’s help-seeking for mental health problems. Australian e-Journal for the Advancement of Mental Health, 4 (3), 1-34. Tishby, O., Turel, M., Gumpel, O., Pinus, U., Lavy, S. B., Winokour, M., et al. (2001). Help-seeking attitudes among Israeli adolescents. Adolescence, 36, 249–264. WHO. (2016 a). School health and youth health promotion. Retrieved December 23, 2018, from http://www.who.int/school_youth_ health/en/ 283
การสรางเสรมิ ปญญาผานกระบวนการสอ่ื สารสขุ ภาพ 284 เพื่อปลูกฝง พฤติกรรมสง เสรมิ สุขภาพที่ดใี หน ักศึกษาไทย ดชั นี ก การศึกษาแห่งชาติ หน้า กลุ่มโรคเรือรัง 2, 44 การดาํ เนินชีวติ 16 3, 74, 82, 91, 103, 123, ข ขนมกรุบกรอบ/ ขบเคียว 168, 233, 243, 262, 268 ไขมนั ในเลือดสูง 7 11 ค ความรอบรู้ 20, 21 ความริษยา 93 ความรู้สึกเหงา 92 168 ง งานวจิ ยั เชิงสาํ รวจ 225 จ จิตเวช 254 224 เจ็บป่ วยทางสุขภาพจิตใจ 40 ฉ เฉยๆในหอ้ ง 271 ช ชอบช่วยเหลือผอู้ ืน 16 26, 93, 115, 125, 231, 265 ชีวติ ทีดีในอนาคต 29, 30, 90 ซ ซาํ ซาก 12 ญ ญาติ 4 ฐ ฐานะ 40, 59, 66, 156 ด ดืมแอลกอฮอล์ ต ตระหนกั รู้ ถ ถนดั 284
การสรางเสริมปญญาผานกระบวนการส่อื สารสุขภาพ 285 เพ่ือปลกู ฝง พฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพที่ดใี หน ักศึกษาไทย ดชั นี (ต่อ) หน้า 5, 9, 269, 271 ท ทศั นคติ 173 ทาํ ใหร้ ่างกายไมอ่ อ่ นเพลีย 41 87, 102, 213, 245 ธ ธรรมชาติทีมีความอยากรู้อยากเห็น 70, 89, 180 น นอนหลบั พกั ผ่อนไม่เพียงพอ 13 บ เบิกบาน 2, 27, 32, 33, 34, 40, 42, ป ปัญญาชน 43,170, 180, 186 85 ปลูกฝัง 46 85 เปลียนเวลาการนอนอยสู่ มาํ เสมอ 5 ผ ผลกระทบจากการเรียน 10 ฝ ฝันร้าย 150 พ พฤติกรรมสุขภาพ 92, 94, 117, 119 118 พฤตกิ รรมการออกกาํ ลงั กาย 118 เพอื นออกกาํ ลงั กาย 21 ฟ ฟุ้งซ่าน 199 ภ ภาวะวติ กกงั วล 222 ม มองโลกในแง่ลบ 15 ย ยทุ ธศาสตร์ชาติ 224 ยารกั ษาโรคมีนอ้ ย 6, 120, 121, 133 ร เราจะตอ้ งเป็ นคนทีคิดบวก ล เลียนแบบคนมชี ือเสียงในสังคม ลดอาหารประเภทเนือสัตว์ ว วติ กกงั วล 285
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการสอ่ื สารสขุ ภาพ 286 เพื่อปลกู ฝงพฤติกรรมสง เสรมิ สุขภาพที่ดใี หนักศึกษาไทย ดัชนี (ต่อ) หน้า 6, 37, 152, 168, 188, 244, วเิ คราะห์ 259, 260, 38 ศ ศรัทธา 138 เศร้าเสียใจ 3 22 ส สาํ แดงฤทธิเดช 167 สร้างสุขภาพแวดลอ้ ม 40 ส่งเสริมสุขภาพ 139 สูญเสียทรัพยากร 41 สร้างสรรคพ์ ฒั นา 57 สารเสพติด 51 สมองกเ็ หมอื นไม่เปิ ดรับสิงทีเรียน 51, 59, 75, 84, 93 สุขภาพร่างกาย 37 42 ห หงุดหงิด 14 หุนหนั พลนั แล่น 123, 144 หลอกลวง 34 35 อ อาหาร, ออกกาํ ลงั กาย, อารมณ์ 43 อาการเจบ็ ป่ วยทางสุขภาพจติ 149 องคป์ ระกอบ 38 องคร์ วมของสุขภาพ 53 เอกลกั ษณ์ อนั ปัสสาวะ อบั อาย อาการเบลอ 286
การสรางเสริมปญญาผา นกระบวนการส่อื สารสขุ ภาพ 287 เพื่อปลูกฝงพฤติกรรมสงเสรมิ สุขภาพท่ีดใี หนักศึกษาไทย ดชั นี (ต่อ) หน้า A Animation 63 Adolescence 32 Alcohol 3 B Behavior Set 21 C Conduct disorder 41 Chi-Square 257, 258, 259 D Diabetes Mellitus 18 Disability-Adjusted Life Years 24 Data 147, 151, 160 Do not Hurry to Judge the Needs of 269 Others E Emphysema 18 EQ 176 F Focus Group Discussion 30 Fitness 185 G Growth hormone 36 Group interview 30 H Health Literacy 20 Having a Good Relationship with People 267 I Independent 39 In-depth Interview 29 Identity 38 Intellectual Development 37 287
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319