Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการสอน 3204_2007

เอกสารประกอบการสอน 3204_2007

Published by pornpithak, 2021-11-14 22:12:51

Description: เอกสารประกอบการสอน 3204_2007

Search

Read the Text Version

- 400 - แบบทดสอบหลงั เรยี น รายวิชา การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ รหสั วิชา 3204 - 2007 ระดับช้นั ปวส. หน่วยท่ี 5 เร่อื ง กระบวนการเขยี นโปรแกรม คำชี้แจง กกก1. ใหน้ กั เรียนเลอื กคำตอบทถี่ กู ต้องที่สุดเพยี งขอ้ เดียวทำเครอ่ื งหมาย (X) ลงในกระดาษคำตอบ กกก2. แบบทดสอบมีลักษณะแบบปรนยั จำนวน 10 ขอ้ คะแนนเตม็ 10 คะแนน 1. ป่มุ คำส่ังใชใ้ นการปอ้ นคำสัง่ เพ่ือให้โปรแกรมแสดงผลตามทีไ่ ดเ้ ขียนคำสั่งไว้โดยการคลิกคือ Control ใด ก. Button ข. Textbox ค. RadioButton ง. GroupBox 2. Control ทีใ่ ช้สำหรับให้ผู้ใช้งานเลอื กใช้ทางเลือกใดทางเลอื กหนึง่ คือ Control ใด ก. CheckBox ข. Textbox ค. RadioButton ง. ComboBox 3. Control ทเ่ี ปน็ แถบขอ้ ความใช้ในการอธบิ ายและการแสดงผลคอื Control ใด ก. ListBox ข. Textbox ค. Label ง. ComboBox 4. การกำหนดการจดั วางตำแหนง่ ตวั อกั ษรสามารถกำหนดได้จากคณุ สมบตั ิใด ก. Text ข. TextAlign ค. Font ง. BackColor

- 401 - 5. ในการปรับขนาดของ TextBox น้ันตอ้ งทำสง่ิ ใดเปน็ ข้ันตอนแรก ก. คลกิ เมาสซ์ ้ายค้างไว้แล้วลากเพอื่ ปรบั ขนาดของ TextBox ข. ดับเบิ้ลคลิกท่ี TextBox ค. ตั้งค่า Properties Multiline ให้เป็น True ง. คลิกขวาที่ TextBox 6. การกำหนดข้อความที่แสดงบน Button สามารถกำหนดได้จาก Properties ใด ก. Text ข. TextAlign ค. Font ง. Name 7. คำสั่งใชใ้ นการกำหนดรูปแบบของ MassageBox คือคำสัง่ ใด ก. Sender As ข. TextChanged ค. MsgBoxStyle ง. Load 8. คำสั่งท่ีใช้ในการซ่อน From ปัจจบุ นั คอื คำส่งั ใด ก. Me.Hide ( ) ข. Me.Show ( ) ค. From.Hide ( ) ง. From.Show ( ) 9. ขอ้ ใดคือสญั ลกั ษณ์ของ RadioButton ก. ข. ค. ง.

- 402 - 10. ขอ้ แตกตา่ งระหว่าง RadioButton และ CheckBox คอื ขอ้ ใด ก. RadioButton จะต้องเลอื กตัวเลอื กใดตวั เลอื กหน่งึ เท่านั้น สว่ น CheckBox จะสามารถ เลือกไดห้ ลายหวั ข้อพรอ้ มกนั ข. CheckBox จะต้องเลือกตวั เลือกใดตวั เลอื กหน่ึงเท่านน้ั สว่ น RadioButton จะสามารถ เลอื กได้หลายหัวข้อพร้อมกัน ค. RadioButton มีหน้าที่จัดกลมุ่ ของ Control อ่ืนให้อยู่ในหมวดหมเู่ ดียวกนั สว่ น CheckBox มีหน้าทแ่ี บ่งกลุม่ ของ Control ง. CheckBox มหี นา้ ทจ่ี ัดกลุ่มของ Control อื่นให้อยใู่ นหมวดหมู่เดียวกนั สว่ น RadioButton มีหนา้ ท่ีแบ่งกล่มุ ของ Control

- 403 - เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น ช่อื วิชา การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ รหสั วชิ า 3204 - 2007 ระดบั ชัน้ ปวส. หน่วยที่ 5 เร่ือง กระบวนการเขียนโปรแกรม ข้อท่ี คำตอบ 1. ก 2. ข 3. ง 4. ข 5. ก 6. ง 7. ค 8. ง 9. ค 10. ข

- 404 - แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม ช่ือวชิ า การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หน่วยที่ 5 รหัสวิชา 3204 - 2007 ระดับชั้น ปวส. ชอ่ื หนว่ ย กระบวนการเขียนโปรแกรม จำนวน 12 ชั่วโมง คำช้ีแจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ หากนักเรยี นมีพฤติกรรมนั้น ลงในช่องรายการ พฤตกิ รรม ท่ี ชอ่ื - สกลุ ความรว่ มมือ การแบง่ การรับฟงั การต้งั ใจ ทำงานตามหน้าที่ รวม หนา้ ท่ีในกลุม่ ความคิดเห็น ทำงาน มอบหมาย 4 3 2 1 4 3 2 1 43 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 เกณฑก์ ารวัดผล ใหค้ ะแนนระดับคุณภาพของแตล่ ะพฤตกิ รรมดงั น้ี 1..ดมี าก = 4 ประสิทธภิ าพอยู่ในเกณฑ์ 90 – 100 % หรอื ปฏิบตั ิบ่อยครั้ง 2..ดี = 3 ประสทิ ธิภาพอยใู่ นเกณฑ์ 70 – 89 % หรือปฏิบัติบางครัง้ 3..ปานกลาง = 2 ประสิทธิภาพอยใู่ นเกณฑ์ 50 – 69 % หรอื ปฏิบตั ิครงั้ เดยี ว 4..ปรับปรงุ = 1 ประสิทธภิ าพอย่ใู นเกณฑ์ น้อยกวา่ 50 % หรอื ไม่เคยปฏิบตั เิ ลย ลงชอื่ ..............................ครูผู้ประเมิน (นายพรพิทักษ์ ศรีแก้ว) .............../............./..............

- 405 - แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้รายบคุ คล ชอื่ วิชา การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หน่วยที่ 5 รหัสวิชา 3204 - 2007 ระดบั ช้ัน ปวส. ชือ่ หนว่ ย กระบวนการเขยี นโปรแกรม จำนวน 12 ช่วั โมง คำชีแ้ จง ใหท้ ำเครอื่ งหมาย ✓ หากนกั เรียนมพี ฤติกรรมน้นั ลงในช่องรายการ พฤตกิ รรม ท่ี ชอื่ - สกลุ ความสนใจ การแสดงความ การตอบ การยอมรับ ทำงาน รวม คดิ เหน็ คำถาม ความคิดเห็น ตามหน้าที่ มอบหมาย คนอืน่ 4 3 2 1 4 3 2 1 43 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 เกณฑ์การวัดผล ใหค้ ะแนนระดบั คณุ ภาพของแต่ละพฤติกรรมดังนี้ 1..ดมี าก = 4 สนใจฟัง ไม่หลับ ไม่พดู คุยในช้นั เรียน มคี ำถาม ตอบคำถามถูก ทำงานสง่ ตามเวลา 2..ดี = 3 พฤติกรรมการแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70 % 3..ปานกลาง = 2 พฤติกรรมการแสดงออกอยใู่ นเกณฑป์ ระมาณ 50 % 4..ปรับปรงุ = 1 เขา้ ช้นั เรยี น แต่การแสดงออกน้อยมาก สง่ งานไมค่ รบ ส่งงานไม่ตรงเวลา ลงชือ่ ..............................ครูผ้ปู ระเมิน (นายพรพทิ กั ษ์ ศรีแก้ว) .............../............./..............

- 406 - แบบสรปุ ผลประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ รายวชิ า การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ รหสั วชิ า 3204 - 2007 ระดบั ชนั้ ปวส. หน่วยที่ 5 เรื่อง กระบวนการเขยี นโปรแกรม การประเมนิ ผลด้านจิตพสิ ยั ตามคา่ นิยมหลักของคนไทย 12 ประการ (คะแนนเตม็ 30 คะแนน) ท่ี รายการประเมิน 1 มคี วามรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ 2 ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน 3 กตญั ญูตอ่ พ่อแม่ ผ้ปู กครอง ครบู าอาจารย์ 4 ใฝห่ าความรู้ หมนั่ ศกึ ษา เล่าเรยี น ทั้งทางตรงและทางออ้ ม 5 รักษาวัฒนธรรม ประเพณีไทยอนั งดงาม 6 มศี ีลธรรม รกั ษาความสัตย์ หวงั ดีตอ่ ผอู้ น่ื เผอ่ื แผ่และแบ่งปนั 7 เข้าใจการเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุขทถ่ี ูกต้อง 8 มีระเบียบ วินัย เคารพกฎหมาย ผนู้ อ้ ยรูจ้ ักเคารพผใู้ หญ่ 9 มสี ติ รตู้ วั รูค้ ิด รทู้ ำ รปู้ ฏิบัติ ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัว 10 รู้จกั ดำรงตนอยูโ่ ดยใชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รจู้ ักอดออมไวใ้ ชเ้ มอื่ ยาม จำเป็นมไี วพ้ อกินพอใช้ ถา้ เหลอื กแ็ จกจา่ ยจำหนา่ ยและพร้อมทจ่ี ะขยายกิจการเมื่อมี ความพรอ้ มเมอื่ มีภมู คิ ุม้ กัน 11 มีความเข้มแข็งท้ังรา่ งกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพต้ อ่ อำนาจฝา่ ยต่ำหรือกเิ ลส มคี วาม ละอายเกรงกลัวตอ่ บาปตามหลักของศาสนา 12 คำนึงผลประโยชน์ของส่วนรวมและของชาตมิ ากกว่าผลประโยชนข์ องตนเอง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนตามพฤตกิ รรมทแ่ี สดงออก พฤติกรรมท่มี กี ารปฏิบตั ิ คะแนน พฤตกิ รรมที่มีการปฏิบัติค่อนข้างมาก 4 คะแนน พฤติกรรมที่มกี ารปฏิบัตปิ านกลาง 3 คะแนน พฤตกิ รรมทมี่ กี ารปฏบิ ตั ิคอ่ นขา้ งน้อย 2 คะแนน พฤติกรรมทมี่ กี ารปฏิบัตินอ้ ยท่สี ุด 1 คะแนน

- 407 - บรรณานุกรม กิตนิ ันท์ พลสวัสด.ิ์ (2559). Professional Visual Basic 2015. พิมพ์ครง้ั ที่ 1. นนทบรุ ี : ไออซี ี พรเี มยี ร์. ณฐั ธยาน์ ธีรกุลจินดาภรณ์. (2558). พื้นฐานการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์. พมิ พค์ ร้ังที่ 1. นนทบุรี : ศนู ย์หนังสอื เมอื งไทย. พฒั พงษ์ อมรวงศ์. (2560). พนื้ ฐานการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์. พมิ พ์คร้ังที่ 1. ปทุมธานี : มเี ดยี อินเทลลิเจนซ์ เทคโนโลยี. บัญชา ปะสีละเตสัง. (2558). สร้าง Windows Application ดว้ ย Visual Basic 2015. กรงุ เทพฯ : ซเี อด็ ยเู คช่ัน. มนสั ชยั กรี ติผจญ. (2558). การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์. พมิ พ์ครั้งท่ี 1. กรงุ เทพฯ : สำนักพิมพ์เอมพันธ์. อภิชยั ตระหงา่ นศรี. (2557). การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์. พิมพ์ครงั้ ที่ 1. กรงุ เทพฯ : สำนักพิมพ์วงั อกั ษร. โอภาส เอ่ียมสิรวิ งศ์ และ สมโภชน์ ชืน่ เอย่ี ม. (2560). การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชน่ั .

โครงการสอน ท-ป-น 2-2-3 จำนวน 8 ชัว่ โมง รายวิชา การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ รหสั วชิ า 3204 - 2007 ชอื่ หนว่ ย คำส่งั ควบคุมการทำงานของโปรแกรม หน่วยที่ 6 คำสั่งควบคุมการทำงานของโปรแกรม เรอ่ื ง กกกกกก1. ชนิดของขอ้ มูลและตัวแปร กกกกกก2. ตัวดำเนินการ กกกกกก3. ประโยคคำส่ัง จดุ ประสงค์การสอน รายการสอน 1. อธบิ ายชนดิ ของขอ้ มูลและตวั แปรได้ 1. ชนดิ ของขอ้ มูลและตัวแปร 2. เขยี นตัวดำเนินการในโปรแกรมได้ 2. ตวั ดำเนินการ 3. ใชป้ ระโยคคำส่ังเขียนโปรแกรมได้ 3. ประโยคคำส่ัง 4. ปฏบิ ตั ิงานตามใบงาน วธิ กี ารสอน บรรยาย/ถาม – ตอบ สาธิต การปฏิบตั งิ านตามใบงาน สอ่ื การสอน สอื่ Power Point ประกอบการสอน หนงั สอื อา้ งองิ ใบความรู้ แบบฝกึ หัด ใบงาน แบบทดสอบ หนังสือแบบเรียนรายวชิ าการเขียน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สำนกั พิมพ์เอม พนั ธ์ การประเมินผล คะแนนจากการทำแบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรียน แบบประเมินผลใบมอบงาน แบบประเมินผลการปฏิบัติงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรม การเรยี นรู้รายบุคคลและแบบประเมินผลคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

- 409 - แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 รหสั วชิ า 3204 - 2007 ช่ือวชิ า การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สอนคร้งั ท่ี 4 - 6 หน่วยท่ี 6 คำสงั่ ควบคุมการทำงานของโปรแกรม จำนวน 8 ชว่ั โมง หัวเรอื่ ง 1. ชนดิ ของข้อมลู และตวั แปร 2. ตวั ดำเนนิ การ 3. ประโยคคำสง่ั สาระสำคญั การพัฒนาโปรแกรมเพ่ือใช้งานตามวัตถุประสงค์ ส่วนที่มีความสำคัญในการเขียนโปรแกรม คือคำส่ังควบคุมการทำงานของโปรแกรม ซึ่งการท่ีจะเขียนคำสง่ั ควบคมุ การทำงานของโปรแกรมให้มี ประสทิ ธิภาพนนั้ จำเป็นจะต้องมีความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกบั องค์ประกอบของคำสัง่ ควบคุมการทำงาน ของโปรแกรม องค์ประกอบสำคัญของคำสั่งควบคุมการทำงานของโปรแกรมประกอบด้วย ชนิดของ ข้อมลู และตวั แปร ตวั ดำเนนิ การ และประโยคคำสัง่ สมรรถนะอาชพี ประจำหน่วย กกกกกก1. แสดงความรู้เกยี่ วกับหลกั การพฒั นาโปรแกรม ข้นั ตอนการแก้ไขปญั หา(Algorithm) และ กระบวนการเขยี นโปรแกรม กกกกกก2. เขยี นโปรแกรมโดยใชเ้ คร่อื งมอื กราฟิกโหมด จุดประสงค์การสอน/การเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ทั่วไป นักเรียนแสดงความรู้เกยี่ วกบั คำสัง่ ควบคุมการทำงานของโปรแกรม จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม 1. ด้านความรู้ ( K ) 1.1 อธบิ ายชนดิ ของขอ้ มลู และตัวแปรได้ 1.2 เขยี นตวั ดำเนนิ การในโปรแกรมได้ 1.3 ใช้ประโยคคำสง่ั เขยี นโปรแกรมได้ 2. ด้านทกั ษะ ( S ) นกั เรยี นมีความรู้ ทกั ษะในเรื่องคำส่งั ควบคมุ การทำงานของโปรแกรมถกู ต้อง 3. ด้านคณุ ธรรมอนั พงึ ประสงค์ ( A ) (อา้ งองิ จากค่านยิ มหลักของคนไทย 12 ประการ) 3.1 เข้าเรยี นตรงเวลา 3.2 แต่งกายตามระเบียบการปฏิบัตงิ าน 3.3 ผลงานประณตี เรียบรอ้ ย 3.4 ปดิ เครื่องคอมพิวเตอร์เมื่อเลกิ ใชง้ าน 3.5 มีนำ้ ใจช่วยเหลอื ผู้อืน่ และการปฏบิ ัติงานรว่ มกับผอู้ น่ื

- 410 - กจิ กรรมการเรียนการสอน ครูแจง้ จุดประสงค์การเรียนรู้ การวดั ผลประเมนิ ผล ขอ้ ตกลงขณะเรียน และใหน้ กั เรียนทำ แบบทดสอบก่อนเรียน ขัน้ นำเข้าส่บู ทเรยี น ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยครูกล่าวนำเก่ยี วกับเน้อื หาระบบคอมพิวเตอร์ การทำงาน ของเครื่องคอมพิวเตอร์และเน้ือหาโดยรวมของวชิ าการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เกณฑก์ าร ประเมนิ ผลและใช้คำถามนำให้นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายถงึ การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอรแ์ ละระดบั ของภาษาคอมพิวเตอร์ เช่น นักเรยี นเคยใช้ซอฟต์แวร์ระบบ หรอื ไม่ ขนั้ สอน 1. ครูแจกใบเนื้อหาและใหน้ ักเรยี นอ่านทำความเข้าใจเนื้อหา เรอ่ื ง คำสัง่ ควบคุม การทำงานของโปรแกรม 2. ครูอธบิ ายเนอ้ื หา โดยใช้ส่อื Power Point สอนประกอบการบรรยายในหนงั สือ แบบเรียน รายวิชาการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ รหสั วิชา 3204 - 2007 สำนกั พมิ พ์เอมพนั ธ์ จำกดั หน้า 144 - 180 และต้งั คำถามสลับการบรรยายเพอ่ื ใหน้ ักเรียนมสี ่วนรว่ มระหว่างปฏิบัตกิ าร สอนเพื่อใหน้ กั เรยี นเข้าใจเน้ือหาสาระของการเรยี นรู้เร่ือง 2.1 ชนดิ ของขอ้ มลู และตัวแปร 2.2 ตวั ดำเนนิ การ 2.3 ประโยคคำสัง่ ข้นั ประกอบกิจกรรมการเรยี น 1. ให้นกั เรียนแบง่ กลุม่ อตั ราส่วน 1 : 3 : 1 โดยคละคนเกง่ ปานกลางและออ่ น ให้นกั เรียนเลอื กประธาน เลขานุการ ปฏบิ ตั ิงานตามใบงาน โดยปฏบิ ัตติ ามขั้นตอนการปฏบิ ัติงานตาม ใบมอบงาน 2. นกั เรียนปฏิบัตงิ านตามใบงานดงั นี้ ใบงานที่ 6.1 กำหนดช่อื ตวั แปร ใบงานท่ี 6.2 โปรแกรมเพม่ิ และลบสมาชิก ใบงานท่ี 6.3 โปรแกรมคำนวณ ใบงานท่ี 6.4 โปรแกรมเปรยี บเทียบตรรกะ ใบงานท่ี 6.5 โปรแกรมคำนวณค่านายหน้าจากการขายสินค้า 3. นกั เรียนทำแบบฝกึ หดั เร่อื งคำส่งั ควบคุมการทำงานของโปรแกรม จากน้ันครู และนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลย ตรวจคำตอบ เพ่อื ประเมนิ ผลการเรียนตามใบงาน กลยทุ ธ์ในการจัดการเรียนรู้ 1. ครใู ห้เพอ่ื นช่วยเพอื่ น ให้นกั เรยี นกลุม่ เกง่ และปานกลาง อยู่กบั กลุ่มนักเรียนที่ เรียนอ่อน ชว่ ยกันทำความเขา้ ใจในเนอื้ หา 2. สอนแบบ Active Learning โดยใช้เครอ่ื งมือบนอินเทอร์เนต็ กลยทุ ธก์ ารสอนท่ี ใชพ้ ฒั นาการเรียนรู้ดา้ นทักษะการวเิ คราะหเ์ ชิงตวั เลขการส่อื สารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 2.1 ส่งเสรมิ ให้มีการตัดสนิ ใจบนฐานขอ้ มลู และข้อมูลเชิงตวั เลข

- 411 - 2.2 มอบหมายงานค้นคว้าองคค์ วามรูจ้ ากแหล่งข้อมลู ตา่ ง ๆ และให้ นักศกึ ษานำเสนอหน้าห้องเรยี น 2.3 การใชศ้ กั ยภาพทางคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยสี ารสนเทศในการ นำเสนอผลงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย 2.4 สง่ เสรมิ การคน้ คว้า เรยี บเรยี บขอ้ มูลและนำเสนอใหผ้ ้อู ื่นเขา้ ใจได้ ถกู ตอ้ ง และใหค้ วามสำคัญในการอา้ งอิงแหลง่ ท่ีมาของขอ้ มลู การสอนบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ดา้ นความมภี ูมิคุ้มกนั ที่ดี ให้นกั เรยี นปฏิบตั ติ นตามกฎระเบียบและขอ้ บังคับของสถานศึกษา การเข้าใชง้ าน หอ้ งปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ การบำรุงรกั ษาเครือ่ งคอมพิวเตอรก์ ่อนและหลงั การปฏิบัตงิ าน ดา้ นความรอบรู้ กิจกรรมการเรียนการสอนใหส้ ืบค้นขอ้ มูลทางอนิ เทอรเ์ นต็ ให้มกี ารปฏบิ ัติงานได้ อย่างถกู ต้องตรงตามเนอื้ หาในหน่วยการเรยี นรู้ ข้นั สรปุ 1. ครูอธิบายสรปุ เน้ือหา เรื่องคำสัง่ ควบคุมการทำงานของโปรแกรม 2. ครแู ละนักเรยี นอภปิ รายสรุปปัญหาการปฏบิ ัติงานและขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เตมิ 3. ตรวจประเมนิ ตามใบงาน สรปุ ผลการตรวจให้นักเรยี นทราบและกำหนดวันแกไ้ ข ขน้ั ทดสอบหลงั เรียน นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น สอ่ื การเรียนการสอน 1. ส่อื ส่ิงพิมพ์ 1.1 หนังสือแบบเรียนรายวิชาการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ สำนกั พิมพ์เอมพันธ์ มนัสชยั กีรตผิ จญ หนา้ 144 - 180 1.2 ใบมอบงาน และใบงานท่ี 6.1 - 6.5 1.3 แบบประเมนิ ผล 2. ส่อื โสตทัศน์ 2.1 ส่อื Power Point เร่อื ง คำสง่ั ควบคมุ การทำงานของโปรแกรม 2.2 เคร่ืองฉายโปรเจคเตอร์ 2.3 เครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Notebook)

- 412 - การวัดผลประเมินผล วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ ผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ 60 1. ทดสอบกอ่ นเรียน แบบทดสอบก่อนเรยี น ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 50 ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 50 2. อภปิ รายกลมุ่ แบบประเมินผลใบมอบงาน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 50 3. การทำใบงาน แบบประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ าน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 50 4. การทำแบบฝึกหัด แบบฝกึ หดั ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 50 5. สังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ ม แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์ กจิ กรรมกลมุ่ 24 คะแนน 6. สังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรูร้ ายบุคคล ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 60 รายบุคคล 7. สังเกตพฤตกิ รรมคณุ ธรรม แบบสรปุ ผลประเมินคุณธรรม จริยธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มและ คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 8. ทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลงั เรียน งานทมี่ อบหมาย งานทีม่ อบหมายนอกเหนอื เวลาเรยี น ผลงาน/ช้นิ งาน/ความสำเร็จของผเู้ รียน 1. ผลการทำใบงานที่ 6.1 - 6.5 2. แบบฝกึ หัดท้ายหนว่ ยที่ 6 แหลง่ การเรียนรู้เพิ่มเติม 1. ห้องสมุด 2. สถานประกอบการ 3. ขอ้ มูลจากอนิ เทอรเ์ นต็ กิจกรรมเสนอแนะ นกั เรียนสบื ค้นข้อมลู เพ่มิ เตมิ หรือทบทวนเนื้อหาจากเว็บไซต์ท่ีห้องปฏิบัติการคอมพวิ เตอร์ใช้ เคร่อื งคอมพิวเตอร์ในเวลาวา่ ง เรอ่ื ง คำสั่งควบคมุ การทำงานของโปรแกรม

- 413 - บนั ทึกหลังการสอน ผลการใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ กกกกกกก.......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ผลการเรยี นของนกั เรยี น กกกกกกก.......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ผลการสอนของครู กกกกกกก.......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................................

- 414 - กระดาษคำตอบ ชื่อวชิ า การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ รหัสวชิ า 3204 - 2007 ระดับชน้ั ปวส. หน่วยท่ี 6 เรือ่ ง คำสง่ั ควบคุมการทำงานของโปรแกรม กระดาษคำตอบ แบบทดสอบก่อนเรียน กระดาษคำตอบ แบบทดสอบหลงั เรยี น ขอ้ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง 1 1 2 2 3 3 4 4 5 5 6 6 7 7 8 8 9 9 10 10 สรปุ คะแนนสอบก่อนการเรยี น สรปุ คะแนนสอบหลังการเรยี น 10 10

- 415 - แบบทดสอบก่อนเรียน รายวิชา การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ รหสั วชิ า 3204 - 2007 ระดบั ชนั้ ปวส. หนว่ ยที่ 6 เร่ือง คำสัง่ ควบคุมการทำงานของโปรแกรม คำชแ้ี จง กกก1. ใหน้ กั เรยี นเลอื กคำตอบท่ถี ูกตอ้ งทีส่ ุดเพียงข้อเดยี วทำเครื่องหมาย (X) ลงในกระดาษคำตอบ กกก2. แบบทดสอบมลี กั ษณะแบบปรนัย จำนวน 10 ข้อ คะแนนเตม็ 10 คะแนน 1. ขอ้ ใดคือสัญลกั ษณ์ของตวั แปรชนดิ integer ก. % ข. @ ค. # ง. $ 2. ข้อใดคือสัญลกั ษณ์ของตัวแปรชนดิ String ก. % ข. @ ค. # ง. $ 3. หากตอ้ งการเก็บคา่ ของขอ้ มลู ท่ีมีลักษณะเป็น จรงิ หรอื เทจ็ ควรกำหนดหนดชนิดของข้อมลู เป็น แบบใด ก. Double ข. Boolean ค. Variant ง. Single 4. การเปดิ หนา้ ตา่ ง immediate เพอ่ื ตรวจสอบการทำงานของโปรแกรใ สามารถทำไดโ้ ดย ก. กดปมุ่ Ctrl +G ข. กดปมุ่ Ctr + F ค. กดปมุ่ Ctr + C ง. กดปุ่ม Ctr + V

- 416 - 5. ตวั แปรที่มีการใช้ชือ่ sngBaht จัดเป็นตวั แปรชนดิ ใด ก. Currency ข. Double ค. Single ง. String 6. ตวั แปรที่มกี ารใช้ชื่อ dblMonth จัดเป็นตวั แปรชนดิ ใด ก. Boolean ข. Date ค. Double ง. Object 7. 15 Mod 6 มีคา่ เท่ากบั เท่าไหร่ ก. ข. ค. ง. 8. กำหนดให้ A = 8, B = 4 และ C = 6 ขอ้ ใดมีค่าความจรงิ เป็นจริง ก. A - B > C ข. A + B < C ค. A >= B + C ง. A <> C + B 9. กำหนดให้ A = 8, B = 4 และ C = 0 ข้อใดมีค่าความจรงิ เป็นจริง ก. A Mod B = C ข. A = 2 * B ค. A - B < C ง. A >= B + C 10. กำหนดให้ A มีคา่ ความจรงิ เป็น จริง และ B มีคา่ ความจรงิ เป็น เท็จ ข้อใดมีคา่ ความจรงิ เปน็ จริง ก. A and B ข. A or B ค. A eqv B ง. A imp B

- 417 - เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น รายวิชา การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ รหัสวิชา 3204 - 2007 ระดบั ช้นั ปวส. หน่วยที่ 6 เรื่อง คำส่งั ควบคมุ การทำงานของโปรแกรม ขอ้ ท่ี คำตอบ 1. ก 2. ง 3. ข 4. ก 5. ค 6. ค 7. ค 8. ง 9. ค 10. ข

- 418 - ใบเนอ้ื หา สัปดาห์ท่ี 13 - 14 จำนวน 8 ช่ัวโมง ชือ่ วิชา การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา 3204 - 2007 ระดับชน้ั ปวส. ชอ่ื หนว่ ย คำสั่งควบคมุ การทำงานของโปรแกรม สาระสำคญั การพัฒนาโปรแกรมเพื่อใชง้ านตามวัตถุประสงค์ ส่วนที่มีความสำคัญในการเขียนโปรแกรม คือคำสงั่ ควบคมุ การทำงานของโปรแกรม ซ่งึ การที่จะเขยี นคำสง่ั ควบคุมการทำงานของโปรแกรมให้มี ประสิทธิภาพน้ันจำเป็นจะต้องมีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั องค์ประกอบของคำสั่งควบคุมการทำงาน ของโปรแกรม องค์ประกอบสำคัญของคำสัง่ ควบคุมการทำงานของโปรแกรมประกอบด้วย ชนิดของ ขอ้ มลู และตวั แปร ตวั ดำเนินการ และประโยคคำส่ัง จุดประสงค์การเรียนการสอน จุดประสงคท์ ่ัวไป นักเรยี น มคี วามรู้ความเขา้ ใจคำส่ังควบคมุ การทำงานของโปรแกรม จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. อธบิ ายชนิดของขอ้ มลู และตัวแปรได้ 2. เขยี นตัวดำเนินการในโปรแกรมได้ 3. ใชป้ ระโยคคำส่งั เขยี นโปรแกรมได้ คุณธรรมจรยิ ธรรม 1. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 2. การบรู ณาการปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง สาระการเรยี นรู้ 1. ชนดิ ของขอ้ มูลและตัวแปร 2. ตวั ดำเนนิ การ 3. ประโยคคำส่ัง

- 419 - เนื้อหาสาระ ชนิดของข้อมูล

- 420 - ตัวแปรชนดิ ตา่ งๆ 1. ชนิดตวั เลข (Numeric) • Byte เป็นข้อมูลในรูปแบบ Binary • Integer และ Long ใช้เก็บค่าตัวเลขจำนวนเตม็ Long จะใช้เก็บค่าตัวเลขทมี่ ีค่า มากกว่า Integer • Currency ใช้สำหรบั เก็บค่าตัวเลขจำนวนเงิน • Single และ Double ใช้เก็บค่าตัวเลขทศนิยม Double จะใช้เกบ็ ค่าตวั เลขท่มี ีค่า มาก 2. ข้อมลู ชนดิ ตรรกะ (Boolean) ใช้เกบ็ ค่าทางตรรกะ ซึ่งมคี ่า True (จริง) หรอื False (เท็จ) เทา่ นั้น 3. ชนดิ ตัวหนงั สอื (Character) String ใชเ้ ก็บข้อมูลตวั อักษร การกำหนดคา่ จะอย่ใู น “ ” เชน่ “101/21 ถ.ติวานนท”์ 4. ชนิดวันที่ (Date) ใช้เก็บค่าวันที่ การกำหนดคา่ จะอยูใ่ นเครื่องหมาย # # เช่น #June19,1971# 5. ชนดิ (Variant) ใช้เก็บข้อมูลชนิดใดกไ็ ด้ จะเปลี่ยนไปตามชนิดขอ้ มูลท่ีจัดเก็บ 6. ข้อมูลวัตถุ (Object) ใชเ้ ก็บค่าของ Object เพ่ือใช้ในการอ้างองิ ตัวแปรคือการกำหนดชอื่ ขนึ้ มาเพ่ือใชแ้ ทนค่าในการเกบ็ ข้อมลู ชนดิ ตา่ งๆ เชน่ A = 10,B = 2, C = A + B ดงั นนั้ ค่าของ C = 10 + 2 หรือเท่ากับ 12 น่นั เอง และถา้ จะนำค่า A + Bไปใช้ ประมวลผลต่อ ก็สามารถอ้างค่าตัวแปร C แทนที่ไดเ้ ลย การกำหนดตวั แปรของการเขยี นโปรแกรมแต่ ละภาษา มีหลกั เกณฑท์ ี่แตกตา่ งกันออกไป ในท่นี ้ีจะกล่าวเฉพาะการใช้ตวั แปรของโปรแกรม VisualBasic เท่านนั้ การประกาศตัวแปรและกฎเกณฑก์ ารตงั้ ชอ่ื ตัวแปร ซง่ึ มสี าระสำคัญดังนี้ การประกาศตวั แปรโดยตัวแปรจะมกี ารกำหนดขอบเขตของการใช้ตวั แปรเปน็ 3 ระดับ 1. ตัวแปร Local หรอื ตวั แปรทีป่ ระกาศใชเ้ ฉพาะใน Procedure เดยี วกัน ดงั น้นั เม่อื ทำงาน ในProcedure เสร็จแล้วตัวแปรเหลา่ นี้จะหมดสภาพ หรอื ถกู ทำลายทง้ิ ไป ดังนน้ั ชอ่ื ตัวแปรชนิดน้ีจึง สามารถต้งั ได้ซำ้ กนั แต่ต้องอยู่ในคนละ Procedure (ดใู นตัวอย่างท่ี 2) รปู แบบและไวยากรณ์มีดังนี้ Dim ช่ือตัวแปร As ชนิดของตวั แปร 2. ตัวแปร Private หรือตวั แปรที่ประกาศใช้ใน Form เดยี วกนั หรอื เรียกวา่ ตวั แปรระดบั มอดูล (Module Level Variable) ตวั แปรนีป้ ระกาศใช้ได้ทุก Procedure ใน Form เดยี วกนั หรอื มอดูลเดยี วกันนั่นเอง กฎเกณฑ์การตั้งชอื่ ตัวแปร 1. ชื่อตัวแปรต้องขนึ้ ตน้ ด้วยตัวอกั ษร A-Z หรอื a-z เทา่ น้ัน 2. ชอ่ื ตวั แปรห้ามยาวเกิน 25 ตัวอักษร 3. ใชต้ ัวอักษร ตัวเลข หรอื เคร่อื งขีดลา่ ง ผสมกนั ได้ หา้ มเคร่อื งหมายจุด ขดี หรอื เคร่ืองหมายอ่ืนภายในชื่อ

- 421 - 4. หา้ มใช้คำสงวนทก่ี ำหนดไวใ้ นโปรแกรม โดยส่วนมากจะเป็นคำส่ังของโปรแกรม ถ้าตัง้ ช่ือตัวแปรเหมือนกัน จะทำให้สบั สนว่าเป็นตัวแปรหรือคำสง่ั เช่น Dim Private Public as เป็น ต้น 5. ไมม่ ีการวรรคระหวา่ งตวั อกั ษร เชน่ strName เปน็ ตน้ 6. หา้ มมอี กั ขระพิเศษในชื่อตัวแปร 7. ช่ือตัวแปรหา้ มซำ้ กนั ถา้ อยู่ในขอบเขตเดียวกนั เช่น ห้ามซ้ำกันใน Procedure เดียวกนั ข้อควรคำนงึ อื่นๆ คือ ตง้ั ชอ่ื ใหม้ ีความหมาย และใช้อกั ษรตัวใหญ่ผสมกบั ตวั เลก็ เช่น strFirstName ควรมีคำนำหนา้ Prefi x เพอ่ื บอกถงึ ชนิดของข้อมลู ทจี่ ะใชง้ าน ถา้ เขยี นโปรแกรม ขนาดเลก็ อาจไมค่ อ่ ย เหน็ ความสำคัญของหลกั เกณฑน์ ี้ แต่ถ้าตอ้ งเขยี นคำสั่งเปน็ จำนวนมาก การต้ัง ชือ่ ให้สอ่ื ความหมายและการกำหนดคำนำหน้าช่อื ตวั แปร จะทำใหไ้ มต่ อ้ งพะวงและเสียเวลาในการคิด วา่ ตวั แปรเหล่านี้จะหมายถึงค่าอะไรและเปน็ ตัวแปรชนดิ ไหน เช่น lngSalary หมายถงึ เงินเดอื น เป็นขอ้ มลู ชนดิ Long เปน็ ต้น ชนิดของตัวดำเนินการ Operator ซึ่งแบ่งเปน็ 3 ประเภท ดังนี้ 1. ตวั ดำเนินการทางคณิตศาสตร์ (Arithmetic Operator) เป็นตวั ดำเนินการทีใ่ ชใ้ นการ คำนวณทางคณิตศาสตร์ ได้แก่ + - * / ^ เปน็ ต้น

- 422 - ลำดบั การทำงานของ Operator อธบิ ายตัวอยา่ ง A - 3 ยกกำลัง 2 เท่ากับ – 9 (-3 มเี คร่อื งติดลบอยู่ข้างหน้า) B คำนวณ 2 ยกกำลัง 3 เท่ากับ 8 เก็บค่าไวก้ ่อน คำนวณ 3 คูณ 5 เทา่ กับ 15 แล้วบวกดว้ ย 4 ตามลำดบั ไดเ้ ท่ากบั 19 นำคา่ 19 ลบด้วย 8 เทา่ กบั 11 C คำนวณค่าในวงเล็บกอ่ น (5+2) เท่ากับ 7 คำนวณคา่ ยกกำลงั 3^3 เท่ากับ 27 คำนวณคา่ คูณ นำ 7*2 เท่ากับ 14 คำนวณค่าลบเปน็ อนั ดับสุดท้าย นำ 27–14 เทา่ กับ 13 D คำนวณค่า Mod 5 Mod 5 เทา่ กบั 0 (ไม่มีเศษ) นำคา่ เศษ 0 + 2 เทา่ กับ 2 E คำนวณค่าในวงเลบ็ (2+7) เท่ากบั 9 นำคา่ 9Mod 4 เทา่ กับ 1 (9/4 มีเศษเท่ากบั 1) 2. ตวั ดำเนินการเปรยี บเทียบ (Relational Operator) หรือ (Comparison Operator) จะใช้ประเมินค่าหรอื เปรยี บเทียบค่าของขอ้ มูล ผลลัพธ์จะมีค่าเป็นจรงิ (True) หรือเปน็ เท็จ (False)

- 423 - อธิบายตวั อยา่ ง A มีค่า เทา่ กับ 3 B มคี ่าเทา่ กับ 2 A = B A เท่ากบั B เปน็ เทจ็ ค่าของ A ไมเ่ ทา่ กบั ค่าของ B A <> B A ไม่เทา่ กบั B เปน็ จริง ค่าของ A ไม่เทา่ กบั ค่าของ B จริง A > B A มากกว่า B เป็นจรงิ ค่าของ A มากกว่าค่าของ B จรงิ A < B A น้อยกวา่ B เปน็ เท็จ ค่าของ A มากกวา่ ค่าของ B A <= B A น้อยกวา่ หรือเท่ากับ B เป็นเท็จ ค่าของ A มากกวา่ คา่ ของ B A >= B A มากกว่าหรอื เท่ากับ B เปน็ จริง คา่ ของ A มากกวา่ หรืออาจเท่ากบั คา่ ของ B 3. ตัวดำเนินการทางตรรกะ (Logical Operator) ใชใ้ นการเปรียบเทยี บค่าทก่ี ำหนดไว้ ว่าเป็นจริง (True) หรอื เปน็ เท็จ (False) การเปรียบเทยี บค่าจะมตี วั เชอ่ื มแยกเปน็ ดังน้ี 3.1 and มคี า่ เท่ากบั “และ” เป็นการเปรียบเทยี บค่า ถ้าเหมอื นกันทั้ง 2 ค่า แสดง วา่ เป็นจริงตัวอยา่ งเช่น สขุ ุมและสมพงษ์เขยี นโปรแกรม Visual Basic ได้ ซ่งึ จะเป็นจรงิ ก็ตอ่ เม่อื สุขุม เขยี นโปรแกรม Visual Basic ได้เป็นจรงิ และสมพงษเ์ ขยี นโปรแกรม Visual Basic ได้เป็นจรงิ (ค่า เปน็ จริง =1, คา่ เป็นเทจ็ =0) 3.2 or มีค่าเทา่ กบั “หรอื ” จากตวั อย่างท่ี 3.1 สขุ ุมหรือสมพงษ์คนใดคนหน่งึ สามารถเขยี นโปรแกรม Visual Basic ได้ ก็จะมีคา่ เป็นจรงิ 3.3 Xor จะมคี ่าเป็นจริงเม่อื ประโยคท้ังสองมคี า่ ตรรกะท่ตี ่างกนั 3.4 not เปน็ การสลับค่าความจรงิ ของตัวแปรหรอื นพิ จน์จากจรงิ เป็นเท็จ และจาก เทจ็ เปน็ จริง

- 424 - 3.5 eqv (Equivalence) มีคา่ เท่ากบั “ก็ตอ่ เมอ่ื ” จะมีคา่ ความเป็นจริงเมอื่ คา่ ตัวแปร หรอื นิพจนม์ คี า่ ตรรกะเหมือนกัน 3.6 imp (Implication) มคี า่ เทา่ กับ “ถา้ ...แลว้ ” จะมคี ่าเป็นเท็จเมอ่ื นพิ จน์ท่ี 1 เปน็ จรงิ และนิพจนท์ ี่ 2 เปน็ เทจ็ นอกจากนัน้ จะมีค่าเปน็ จรงิ ท้งั หมด

- 425 - ตวั อยา่ งฝกึ ปฏิบตั ิ มขี นั้ ตอนต่อไปน้ี 1. สร้าง Project ขึ้นมาใหม่ บนั ทกึ ชือ่ Compare สรา้ งปุม่ Button กำหนดชือ่ btnCompare ต้ังชื่อปุ่ม เปรียบเทยี บเงื่อนไข และ Label จำนวน 6 Label ดงั รปู 2. Double Click ท่ีปุ่มเปรยี บเทียบเงอ่ื นไข แล้วพมิ พค์ า่ ทต่ี ้องการเปรียบเทยี บตาม ตวั อยา่ ง

- 426 - เมื่อรนั โปรแกรมและคลิกทปี่ ุ่ม เปรยี บเทยี บเงอื่ นไข จะได้ผลดังรูป ตวั อยา่ งโปรแกรมคำนวณ 1. สรา้ ง Project ขนึ้ มาใหม่ บนั ทกึ ชอ่ื CompareLogic และสรา้ ง Form ดังรูป สร้าง Label กำหนดชอ่ื lblA กำหนดขอ้ ความ A สร้าง TextBox กำหนดช่อื txtA สรา้ ง Label กำหนดชอื่ lblB กำหนดข้อความ B สรา้ ง TextBox กำหนดชอ่ื txtB สร้าง Button กำหนดช่อื btnAnd ชอ่ื ป่มุ And สรา้ ง Label กำหนดช่อื lblAnd ข้อความ วา่ ง

- 427 - 2. Double Click ท่ีปุ่ม And และเขยี นคำสง่ั ในการเปรยี บเทียบดังนี้ 3. Run program ป้อนตวั เลขลงใน txtA และ txtB (ปอ้ นตัวเลข 0 หรอื 1 เทา่ น้นั ) และ คลกิ ท่ปี ุม่ And สังเกตและบันทกึ ผลที่ได้ ตวั อย่างโปรแกรมการกำหนดขอ้ ความ 1. สรา้ ง Project ข้ึนมาใหม่ บนั ทกึ ช่ือ OperatorTest โดยสร้าง Form ขน้ึ มา 1 Form ช่ือ Operator สรา้ งปุ่ม Button กำหนดชื่อ btnCompute และกำหนดข้อความ คำนวณ ดัง รปู 2. Double Click ทีป่ ุ่มคำนวณ แล้วพิมพ์ค่าทตี่ ้องการคำนวณตามตวั อย่าง รวมถึง การตรวจสอบผลลพั ธ์ด้วยคำสง่ั Debug.Print ดงั รปู

- 428 - เม่อื รันโปรแกรม แลว้ คลิกทีป่ ุ่มคำนวณจะแสดงผลลพั ธ์ที่หน้าต่าง Immediate ดงั รูป ความหมายของประโยคคำส่ัง (Statement) ซึ่งหมายถึง การเขียนประโยคในการส่งั งาน โปรแกรมทเ่ี ขียนขนึ้ เพอ่ื สัง่ งานและควบคุมการทำงานของโปรแกรม โดยทว่ั ไปจะแบง่ เป็น 3 ประเภท 1. ประโยคทีใ่ ช้ในการกำหนดคา่ (Assignment Statement) เป็นประโยคคำส่ังท่ีใช้ ปอ้ นคา่ หรือกำหนดคา่ ใหก้ บั ตวั แปร โดยมเี คร่ืองหมาย = เปน็ ตวั ดำเนินการท่ใี ช้ในการกำหนดค่า เช่น Salary = 10000 หมายถึง นำคา่ 10000 มาเก็บไว้ทีต่ ัวแปร Salary Revenue = Salary * 12 หมายถงึ นำค่าตวั แปร Salary มาคณู กบั 12 มาเก็บไวใ้ นตัวแปร Revenue A = 3000 + 500 หมายถึง การนำผลลัพธ์จาก 3000+500 มาเก็บไว้ท่ีตวั แปร A หมายเหตุ เปน็ การนำค่าทางด้านขวา ไปเก็บไว้ที่ตัวแปรด้านซา้ ย 2. ประโยคแบบเง่อื นไข (Condition Statement) เป็นประโยคคำส่ังท่ีใช้ในการ ตรวจสอบเปรียบเทียบคา่ ของขอ้ มูลหรอื ตัวแปรที่กำหนดข้ึนโดยใชเ้ คร่อื งหมายเปรียบเทยี บ > , < , >=,<=,<> เป็นตน้ ผลลัพธ์จะมคี า่ เป็นจริง (True) หรือเปน็ เท็จ (False) เท่าน้ัน ซึง่ โปรแกรมจะ กระทำตามเง่อื นไขทีก่ ำหนด ได้แก่ คำสงั่ If ..Then , If…Then…Else , If…Then..ElseIf และ Select Case 3. ประโยคแบบวนซ้ำ (Iteration Statement) เปน็ ประโยคคำสงั่ ทีใ่ หโ้ ปรแกรมทำงาน ตามคำสั่งซำ้ ๆ กันหรือเรียกว่า ลปู (Loop) จนกวา่ จะครบรอบตามเง่ือนไขที่กำหนดไว้ ไดแ้ ก่ คำส่งั For…Next , Do..While..Loop , Do..Until...Loop ประโยคคำสั่งแบบ If Statement แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ 1. คำส่ังแบบ If … Then เปน็ คำสงั่ ใหท้ ำการเปรียบเทยี บและตัดสินใจเลือกเงอื่ นไขที่ เป็นจรงิ และให้กระทำคำสงั่ นน้ั ซง่ึ มีทางเลอื กเดยี วเท่านั้น รูปแบบ If เง่ือนไข Then คำสง่ั หรือกลุม่ คำส่งั เช่น If Score = 60 Then Score = \"C\" หมายความวา่ ถา้ ตัวแปร Score = 60 แลว้ ให้แสดงผล Score เทา่ กับ C ตวั อย่าง การใชป้ ระโยคคำสัง่ แบบมีเงอ่ื นไข 1. ให้ผู้เรียนสรา้ ง Project ขึน้ มาใหม่ บนั ทกึ ชอ่ื If Then_1 โดยสร้าง Form ข้ึนมา 1 Form

- 429 - 2. สรา้ ง RadioButton ข้ึนมา 2 ปมุ่ ปมุ่ ที่ 1 กำหนดชื่อ radMan กำหนดขอ้ ความเป็น ผชู้ ายปมุ่ ที่ 2 กำหนดชือ่ radWoman กำหนดข้อความเปน็ ผู้หญิง 3. สรา้ ง Label กำหนดชอื่ lblSelect ไมก่ ำหนดขอ้ ความ ดงั รปู 4. กำหนดคำสัง่ เมอ่ื มกี ารเลอื ก ผูช้ าย หรอื ผู้หญงิ ทำได้โดยดับเบิลคลิกท่ี radMan และradWoman และใสคำสงั่ ดังน้ี 5. Run Program ทดสอบคลิกเลอื กที่ปมุ่ ผชู้ าย และผู้หญงิ รปู แบบการทำงานของคำสั่ง If…Then สามารถอธบิ ายไดด้ งั นี้

- 430 - 2. คำสั่งแบบ If … Then…Else เป็นคำสงั่ ที่ทำการตรวจสอบเงอื่ นไขแล้วมีการให้ เลือก 2 ทางเลือก โดยเปรยี บเทียบกับเงอื่ นไขทไี่ ด้ ถ้าเงอ่ื นไขเป็นจริง ให้ทำตามคำสงั่ หรือกลุม่ คำสง่ั หลัง Then ถา้ เงอ่ื นไขเป็นเท็จ ให้ทำตามคำส่งั หรอื กล่มุ คำสั่งหลัง Else If เงื่อนไข Then คำสัง่ หรือกล่มุ คำสัง่ Else คำส่ังหรือกล่มุ คำสงั่ End If เช่น If Sale >= 10000 Then Commission = Sale *.05 Else Commission = Sale * .02 End If คำสง่ั ตวั อย่างสามารถอธบิ ายไดด้ งั น้ี ถ้ายอดขายมากกวา่ หรอื เทา่ กับ 10000 จะไดค้ า่ นายหนา้ เท่ากับ ยอดขายคณู 5% ถ้ายอดขายไม่ถึง 10000 จะได้คา่ นายหน้าเทา่ กับ ยอดขายคูณ 2% ตัวอยา่ ง 1. ใหผ้ ูเ้ รยี นสร้าง Project ขึน้ มาใหม่ บนั ทกึ ชอื่ If Then Else1 โดยสร้าง Form ขนึ้ มา 1 Form 2. สรา้ ง Button 1 ปุ่ม กำหนดชือ่ btnIf1 กำหนดขอ้ ความ If Then Else 3. ดบั เบิลคลกิ ที่ปุ่ม btnIf1 แลว้ ใส่คำสง่ั เพือ่ ทดสอบเงอ่ื นไข If…Then…Else ดงั รูป

- 431 - สามารถอธิบายคำสงั่ ได้ดงั น้ี Dim resp As Integer คือการประกาศตัวแปร resp เป็นขอ้ มลู ชนดิ Integer resp = MsgBox(\"คณุ คอื ผูช้ ายใช่หรอื ไม่?\", MsgBoxStyle.YesNo + MsgBoxStyle.Question) คือการกำหนดคา่ ของตัวแปร resp ใหอ้ ยู่ในรปู กล่องขอ้ ความ หรือ MessageBox โดยกำหนดใหม้ ีตัวเลอื ก Yes/No If resp = vbYes Then MsgBox(\"คิดไว้แล้ววา่ ต้องใช่\") Else MsgBox(\"คดิ ไวแ้ ลว้ วา่ ต้องเปน็ ผู้หญงิ \") คอื การกำหนดเงอ่ื นไข If…Then…Else หากมีการคลกิ Yes กลอ่ งขอ้ ความจะแสดงขอ้ ความ “คดิ ไวแ้ ล้วว่าตอ้ งใช่” หากมกี ารคลกิ No จะมีการแสดงข้อความ “คิดไวแ้ ล้วว่าต้องเป็นผหู้ ญิง” 4. Run Program ทดสอบคลกิ เลือกท่ปี ุ่ม If Then Else สังเกตผลท่ไี ด้ เมื่อคลกิ ที่ Yes จะได้ผลดังรปู เมอื่ คลกิ ท่ี No จะไดผ้ ลดังรูป รปู แบบการทำงานของคำสัง่ If…Then…Else สามารถอธิบายได้ดงั นี้

- 432 - 3. คำสั่งแบบ If … Then … Elseif … Else หรือ Nested If มีการทำงานเหมือนกบั คำสง่ั If ..Then..Else เพียงแต่เม่อื มกี ารตรวจสอบเง่ือนไขแรก ถา้ เป็นจริงใหท้ ำตามคำส่งั หลัง Then ถ้าเป็นเท็จก็ให้ไปตรวจสอบเงื่อนไขต่อไปคือ Else If ตัวที่หนึ่ง ถ้าเงื่อนไขเป็นจริงให้ทำตามคำสั่ง Then หลัง Else If ตัวที่หนึ่ง ถ้าเป็นเท็จก็ให้ไปตรวจสอบเงื่อนไขต่อไปคือ Else If ตัวที่สอง ถ้า เง่อื นไขเปน็ จริงใหท้ ำตามคำส่ัง Then หลงั Else If ตัวทส่ี อง ตรวจสอบเร่อื ยไปจนกวา่ จะหมดเงอ่ื นไข รูปแบบของคำส่ัง If…Then…Else If If เงอ่ื นไข Then คำสัง่ หรือกลุ่มคำส่ัง Else If เงอ่ื นไข Then คำสัง่ หรอื กลมุ่ คำสั่ง Else If เงือ่ นไข Then คำสัง่ หรือกลุ่มคำสั่ง End If ตวั อย่าง คำสัง่ แบบ If…Then…ElseIf 1. ให้ผู้เรียนสรา้ ง Project ขนึ้ มาใหม่ บันทกึ ช่ือ NestedIf และสรา้ ง Form ขึ้นมา 1 Form 2. สร้าง Button 1 ป่มุ กำหนดชื่อ btnIf2 กำหนดข้อความ คุณอายุเท่าไร 3. ดับเบิลคลกิ ทีป่ ่มุ btnIf2 แล้วใส่คำสั่งเพ่ือทดสอบเง่อื นไข NestedIf ดังนี้ 4. Run Program ทดสอบคลิกเลือกทีป่ ุม่ If Then Else และทดลองใส่อายุตา่ งๆ พร้อมทงั้ สงั เกตผลทีไ่ ด้

- 433 - รปู แบบการทำงานของคำสั่ง If…Then…ElseIf สามารถอธิบายไดด้ ังน้ี คำส่ังแบบ Select Case เป็นคำส่งั สำหรบั ตรวจสอบเงื่อนไขที่มีทางเลอื กมากกว่า 2 ทางเลือก แต่มีข้อจำกัดทจ่ี ะสามารถใช้กับตวั แปรเพียงตัวเดยี ว โปรแกรมจะตรวจสอบค่าของตัวแปร หลงั Select Case ว่ามีคา่ ตรงกบั เงอื่ นไขใด ก็ให้ทำตามคำสั่งหรอื กลุ่มคำสงั่ ตามเงอื่ นไขน้ัน และถา้ ไม่ ตรงกับ เง่ือนไขใดเลย กจ็ ะทำตามคำสั่งหรือกล่มุ คำสง่ั หลงั Case Else รปู แบบ Select Case ช่ือตวั แปร Case Is เง่อื นไขที่ 1 คำส่ังหรือกล่มุ คำส่งั ที่ 1 Case Is เงื่อนไขท่ี 2 คำสั่งหรอื กลุ่มคำสง่ั ที่ 2 Case Else คำสง่ั หรอื กลมุ่ คำสงั่ End Select

- 434 - คำส่งั ใช้ในการเลอื กเสน้ ทางการทำงานของโปรแกรมจะทำให้เราสามารถเลือกเสน้ ทางการ ทำงานของโปรแกรมตามเงือ่ นไขทต่ี อ้ งการได้ คำสงั่ ประเภทนแ้ี บง่ ออกได้เปน็ 2 คำสั่ง คือ คำสงั่ If –Then – Else เปน็ คำสั่งท่ีใช้เลอื กทำเสน้ ทางใดเสน้ ทางหนึ่งมีรูปแบบดงั น้ี จากคำส่ังข้างตน้ จะเปน็ คำสง่ั ท่ีตรวจสอบเงอื่ นไขหลังคำวา่ If ถ้าเงอื่ นไขเปน็ จรงิ หรือ True โปรแกรมจะทำงานตามคำสัง่ ท่ีอยู่หลงั คำว่า Then แตถ่ ้าเง่ือนไขเปน็ เทจ็ หรอื False โปรแกรม ในสว่ นของ Else กไ็ ด้ โดยสามารถเขยี นคำสง่ั ยอ่ ได้ดงั นี้

- 435 - ตัวอยา่ ง ถา้ หากตัวแปร StudentGrade เก็บคา่ คะแนน และตอ้ งการเขยี นคำส่งั ตัดเกรด ของนักศึกษาสามารถเขยี นไดด้ ังนี้ จากตัวอย่างถ้าหากคะแนนมีคา่ มากกว่าหรือเทา่ กับ 60 โปรแกรมจะพิมพค์ ำว่า Passed ออกมา ตวั อยา่ ง โปรแกรมนจ้ี ะใช้คำนวณอัตราค่าจ้าง โดยใหผ้ ูใ้ ช้ป้อนจำนวนช่วั โมงทำงานเขา้ ไป เมอื่ คลกิ ปมุ่ Calculate โปรแกรมจะแสดงคา่ จา้ งออกมา ให้ออกแบบโปรแกรมแบบ Windows Forms โดยสร้างฟอรม์ แลว้ นำคอนโทรลมาวางดงั นี้

- 436 - สำหรับในโปรแกรมจะกำหนดค่าจ้างตอ่ ชว่ั โมงเป็น 230 ถ้าหากต้องการให้คลกิ ปุ่ม Calculate ใหโ้ ปรแกรมคำนวณอตั ราค่าจา้ งออกมา โปรแกรมที่เขียนขึน้ จะต้องอา่ นขอ้ ความท่ี ป้อนเขา้ ไปทางเทก็ ซบ์ ๊อกซ์ TxtHours แล้วเปลี่ยนเป็นตัวเลข จากน้ันคำนวณอตั ราค่าจ้างแล้วนำค่าท่ี คำนวณได้ไปแสดงผลทางเทก็ ซ์บ๊อกซ์ TxtGross ถา้ หากกำหนดใหโ้ ปรแกรมรับช่วั โมงการทำงานระหว่าง 0 ถึง 40 ช่ัวโมง ถา้ หากจำนวน ชั่วโมงไม่อยใู่ นช่วงนใี้ ห้โปรแกรมแจง้ ข้อผิดพลาด (Error) ออกมา การเขยี นโปรแกรมสามารถนำคำส่ัง เลือกทำมาใช้ได้ ใหด้ บั เบิลคลิกทปี่ ุ่ม Calculate แล้วเขียนโปรแกรมตอ่ ไปน้ีลงไป

- 437 - จากโปรแกรมทีเ่ ขยี นขน้ึ จะใช้เมธอด TryParse มาเปล่ยี นขอ้ ความในเท็กซ์บ๊อกซ์ txtHours ให้เป็นตวั เลขไปเกบ็ ไวใ้ นตัวแปร dblHoursWorked จากนน้ั ใช้ตัวดำเนนิ การ And มา ตรวจสอบเง่ือนไขวา่ ชว่ั โมงการทำงานอยใู่ นชว่ งท่ีกำหนดหรอื ไม่ ถา้ เป็นจรงิ จะคำนวณแลว้ แสดงผล แต่ถ้าเป็นเท็จจะแจ้ง Error ออกมา เม่อื รันโปรแกรมให้ลองปอ้ นข้อมลู จำนวนชัว่ โมงลงไป แล้วคลิก ปุ่ม Calculate สำหรับการตรวจสอบเง่ือนไขหลายเง่อื นไขยังสามารถนำคำสง่ั If มาซ้อนกนั ได้อีกด้วยดัง ตวั อยา่ งต่อไปนี้

- 438 - ตัวอยา่ ง การใชค้ ำสัง่ If-Then – Else สำหรับการเลือกทำสองทาง จากตวั อยา่ งข้างตน้ ถ้าคา่ ตัวแปร i มีค่ามากกว่า 0 โปรแกรมจะพิมพข์ ้อความ Greater Then 0 ออกมา นอกนั้นจะพมิ พ์ขอ้ ความ Less Then Or Equal 0 ออกมา

- 439 - คำส่งั Select – Case สำหรับการเขยี นโปรแกรมท่มี กี ารเลือกทำหลายทิศทาง การนำคำสั่ง If มาซอ้ นกนั นนั้ อาจจะไม่สะดวก ถ้าหากเปน็ การเลอื กทำหลายทางเลือกโดยเลือกจากเสน้ ทางการทำงานของ โปรแกรมจากค่านิพจนท์ ก่ี ำหนด จะใช้คำสั่ง Select – Case ซึ่งมีรูปแบบคำสัง่ ดังต่อไปน้ี คำสง่ั Select – Case นน้ั จะทำงานตามคา่ ทอี่ ยูห่ ลังคำว่า Select Case ถ้าคา่ ตรงกับ ค่าทีอ่ ยูห่ ลงั คำว่า Case ใด ก็จะทำงานตามคำสั่งที่อยูห่ ลัง Case นนั้ แต่ถา้ ไม่ตรงกับคา่ ใดเลย โปรแกรมจะทำตามคำส่งั ที่อย่หู ลงั คำว่า Case Else จนถงึ คำส่ังว่า End Select ในการเปรยี บเทยี บถ้าหากมีเงอื่ นไขหลายเงื่อนไขอยู่ใน Case เดยี วกันจะใช้เครอ่ื งหมาย ‘,’ คัน่ สำหรบั กรณขี ้อมูลทีน่ ำมาเปรยี บเทียบเป็นช่วงจะใชค้ ำวา่ To เป็นตวั เชอ่ื มในชว่ ง และสำหรบั ในกรณีที่เป็นตวั เลขแลว้ ตอ้ งการนำตวั ดำเนนิ การเปรยี บเทียบมาใช้จะต้องมี Is อยูห่ ลงั Case ดงั ตวั อยา่ งการใชง้ านต่อไปน้ี

- 440 - จากตัวอยา่ งขา้ งต้น เราจะไดผ้ ลลพั ธ์ซ่งึ ตรงกบั ในกรณขี อง Case Else โดยโปรแกรมจะ พิมพค์ ำวา่ Not positive number ออกมา เนื่องจากคา่ Number มคี า่ เท่ากับ -1 ตวั อยา่ ง โปรแกรมตอ่ ไปนเี้ ปน็ โปรแกรมตดั เกรดโดยจะให้ผู้ใชป้ อ้ นคะแนนเขา้ ไป จากนัน้ โปรแกรมจะแสดงเกรดออกมาทางกลอ่ งขอ้ ความใหส้ ร้างโปรแกรมแบบ Windows Form โดยวางคอนโทรลตา่ งๆ ลงไปแลว้ กำหนดชอ่ื ดังต่อไปนี้ ในการเขียนโปรแกรมจะต้องประกาศตัวแปรขึน้ มาสองตวั โดยตัวแรกจะให้ชอ่ื ว่า grade สำหรับเกบ็ ค่าเกรดทไ่ี ด้และขอ้ ความท่จี ะแสดงเมื่อปอ้ นคะแนนเข้าไปไม่ถกู ตอ้ ง ตวั แปรตวั ทส่ี อนจะให้ ชือ่ ว่า score สำหรับเกบ็ คะแนนเป็นตวั เลข การเขียนโปแกรมให้ดับเบิลคลกิ ที่ปุ่ม “ ตกลง” แลว้ เขียนโคด้ ตอ่ ไปน้ีลงไป โดยเขยี นเพ่ิมในสว่ นที่อยู่ในกรอบสเี่ หลีย่ ม

- 441 - เมอ่ื รนั โปรแกรมจะพบวา่ ข้อมลู ที่ป้อนเขา้ ไปเทก็ ซ์บ็อกซ์จะเป็นขอ้ ความ ดงั นั้นจะตอ้ ง เปลี่ยนข้อความให้เปน็ ตัวเลขเสยี กอ่ น ในโปรแกรมจะเขียนเปน็

- 442 - โดยเรียกใช้เมธอด Toln32 เพื่อเปลี่ยนข้อความที่ป้อนเข้าไปในชอ่ ง Scorelnput ให้เป็น ตัวเลขจำนวนเตม็ แลว้ เกบ็ ในตัวแปร score จากน้ันโปรแกรมจะใช้ Select Case เพ่ือเลือกวา่ คะแนน ทป่ี ้อนเขา้ ไปจะไดเ้ กรดในชว่ งใด ตวั อย่างของการรนั โปรแกรมเปน็ ดงั นี้ ในการเขยี นโปรแกรมบางครงั้ ต้องการใหโ้ ปรแกรมทำคำสัง่ เดิมๆ หลายๆ ครงั้ หรอื ให้ ทำงานซำ้ ๆ ตามจำนวนคร้ังที่ แน่นอน หรือให้ทำซำ้ จนกวา่ จะไดเ้ งอื่ นไขตามทต่ี ้องการ จะใช้คำส่ัง สำหรับการทำซำ้ สำหรบั ในหวั ขอ้ นก้ี ล่าวถงึ คำส่ังตอ่ ไปน้ี • คำสัง่ For-Next • คำส่ัง Do –Loop • คำสั่ง While คำสง่ั For – Next คำสั่งนี้จะใชก้ ารทำงานซ้ำทที่ ราบจำนวนครง้ั ในการทำซ้ำท่แี น่นอน โดยมีรปู แบบดงั น้นั

- 443 - คำสั่งนจี้ ะใชก้ ารทำงานซำ้ ทท่ี ราบจำนวนครัง้ ในการทำซำ้ ท่แี นน่ อน โดยมรี ูปแบบดงั น้นั จากตัวอย่าง ถ้าหากโปรแกรมทำงานจะพิมพค์ า่ 0, 2, 4, 6, 8, 10 ออกมา ตวั อยา่ ง การใช้คำสั่ง For…Next ยังใช้ในรปู แบบอ่นื ๆ ได้อกี ดังตอ่ ไปน้ี

- 444 - ตัวอยา่ ง โปรแกรมต่อไปเปน็ การแสดงตัวเลข 10 ถึง 13 บนฟอร์ม ให้ สร้างโปรแกรมแบบ Windows Form โดยออกแบบฟอร์มดังต่อไปนี้ เม่อื วางคอนโทรลเลเบลลงไปแล้ว กำหนดให้มีชอื่ ว่า lblPrice จากน้ันใหด้ บั เบิลคลิกท่ี ปุ่ม Go แล้วเขียนโค้ดต่อไปนล้ี งไป

- 445 - จากโปรแกรมเมือ่ คลิกปมุ่ Go จะให้แสดงตวั เลขต้ังแต่ 10 ถึง 13 ตำแหนง่ ทว่ี างเลเบล โดยการเขียนโปรแกรมจะเปลี่ยนตวั เลขเป็นตัวอกั ษร แลว้ เพิ่มตวั อักษรพเิ ศษ (ตวั ขน้ึ บรรทัดใหม)่ โดย ใช้เมธอด NewLine จากนน้ั นำทงั้ หมดไปวางในเลเบล เม่อื รันโปรแกรมแล้วคลิกปุ่ม Go ผลลัพธ์ทไี่ ด้ จะเป็นดังนี้ คำสั่ง Do – Loop คำสง่ั น้จี ะใหโ้ ปรแกรมทำงานซ้ำ โดยจำนวนครงั้ ในการทำซำ้ จะขนึ้ อยกู่ บั เงอื่ นไขหลังคำ วา่ While หรอื Until โดยรปู แบบของคำสง่ั เปน็ ดังน้ี การทำซำ้ ในรูปแบบแรกจะมีการตรวจสอบเงอื่ นไขกอ่ นเข้าสู่ลูป สว่ นการทำซำ้ รปู แบบท่ี สองจะตรวจสอบเง่ือนไขหลังจากทำลปู ไปแลว้ หนึ่งคร้ัง การตรวจสอบเงอ่ื นไขจะมี 2 ลักษณะ คอื แบบ While ทำซำ้ ขณะท่ีเง่ือนไขเปน็ จรงิ และแบบ Until ทำซ้ำจนกว่าเง่อื นไขจะเปน็ จรงิ ตัวอยา่ งเช่น ถ้าหากเขียนคำส่งั ทำซ้ำตามรปู แบบตอ่ ไปนี้

- 446 - คำสง่ั จะทำซ้ำในขณะทเี่ ง่อื นไขเป็นจริงอยู่ และทำซำ้ จนกวา่ เงื่อนไขจะเปน็ เทจ็ จึงจะออก จากลูป (Loop) คำส่ังนีจ้ ะตรวจสอบเงอ่ื นไขในการทำซ้ำกอ่ นเขา้ ลปู ดังนนั้ จำนวนคร้ังในการทำซำ้ ของคำสง่ั จะมีค่าต้งั แต่ 0 ครงั้ ขนึ้ ไป ถา้ หากทำไปจนพบคำสัง่ Exit Do โปรแกรมจะออกจากการทำซำ้ ทนั ที นอกจากนี้ ยังปรับให้เป็นคำส่ังท่ีทำซ้ำแบบตรวจสอบเง่อื นไขหลังเข้าลูปได้อกี ด้วย โดยมี รูปแบบดังน้ี การทำงานคำส่งั จะคล้ายกบั คำส่งั แรก โดยโปรแกรมจะทำซ้ำในขณะทเ่ี ง่อื นไขเปน็ จรงิ อยู่ และทำซ้ำจนกวา่ เงอื่ นไขจะเป็นเทจ็ โปรแกรมจงึ ออกจากลปู แตค่ ำส่งั น้ีจะตรวจสอบเงอื่ นไขในการ ทำซำ้ หลงั จากทำชุดคำส่ังในลูปไปแล้วอยา่ งน้อยหนง่ึ รอบกอ่ นเสมอ ทำให้จำนวนครงั้ การทำซ้ำของ คำส่ังนี้มคี ่าตั้งแต่ 1 ครงั้ ขน้ึ ไป ตวั อย่าง

- 447 - จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ โปรแกรมจะทำงานโดยการพิมพค์ า่ 0 ถึง 9 แล้วจงึ ออกจากลูป นอกจากนย้ี ังมคี ำสัง่ นม้ี ีคำสัง่ ในอีกรปู แบบหน่ึงคอื คำส่ังนี้จะทำงานเหมอื นกับคำสั่ง Do While…Loop แต่ตา่ งกันตรงที่จะทำซำ้ ในขณะท่ี เง่ือนไขยงั คงเป็นเท็จอยู่ และทำจนกวา่ เง่อื นไขเปน็ จรงิ จึงจะออกจากลูป คำส่งั นีจ้ ะทำในลูปก่อนหนึ่งรอบเสมอจงึ จะตรวจสอบเงอ่ื นไข และทำซำ้ จนกวา่ เงือ่ นไข จะเป็นจรงิ จึงจะออกจากลูป

- 448 - คำสง่ั While คำสั่งนีจ้ ะใช้สำหรบั ทำซำ้ โดยจะตรวจสอบเงื่อนไขก่อนการเขา้ สู่ลปู คลา้ ยกบั การทำซำ้ แบบ For น้ันจะตอ้ งทราบค่าเรมิ่ ต้นของการเขา้ สู่ลปู แต่ถา้ หากไม่ทราบคา่ เร่ิมตน้ และต้องการ ตรวจสอบเงื่อนไขเท่าน้ัน สามารถนำการทำซ้ำแบบ While มาใชไ้ ด้ โดยมรี ูปแบบคำสัง่ ดงั นี้

- 449 - สำหรับหวั ขอ้ น้ีจะยกตัวอย่างการเขยี นโปรแกรมประยุกตใ์ นลักษณะของ Windows Forms และจะกล่าวถงึ การใช้คอนโทรลต่างๆ และเมธอดที่น่าสนใจในโปรแกรมประยุกต์นั้นๆ ดว้ ย การเขยี นโปรแกรมดว้ ย VB ข้อมูลชนดิ ตา่ งๆ จะถูกมองเปน็ คลาส ถา้ หากมีประกาศตวั แปรขึ้นมาก็หมายความว่าตัวแปรน้ันเป็นออบเจ็กตข์ องของคลาสด้วย ดงั นั้นเราสามารถใชเ้ มธอดใน การเปล่ยี นตัวแปรให้เป็นข้อมูลประเภทอืน่ ๆ ได้งา่ ย เช่น ใช้เมธอด ToString() สำหรับเปล่ยี นตวั เลข ใหเ้ ปน็ ข้อความ ในการเขยี นโปรแกรมแบบ Windows Forms นนั้ คอนโทรลส่วนใหญท่ ใ่ี ชส้ ำหรับ ปอ้ นขอ้ มูลจะรบั ขอ้ มลู เปน็ ข้อความเช่นกนั ถา้ หากต้องการเปลยี่ นขอ้ มูลทป่ี อ้ นให้เป็นตวั เลขเพ่ือนำไป คำนวณกส็ ามารถใช้เมธอดตา่ งๆ ในการเปลี่ยนชนิดของข้อมูลได้ การใชเ้ มธอด Financial.Pmt ใน VB มีเมธอดหนงึ่ ทีน่ ่าสนใจในการเขยี นโปรแกรมคำนวณด้านการเงินคือเมธอด Financial.Pmt (Pmt มาจากคำว่า “Paymant”) เมธอดนสี้ ามารถใช้คำนวณการผอ่ นชำระด้าน การเงินได้ เชน่ การซอื้ สินค้าชนิ้ หน่ึงเป็นคำนวณเงนิ 30,000 บาท และต้องการผอ่ นชำระ 12 เดือน โดยคดิ ดอกเบี้ยรอ้ ยละ 5 เมือ่ สง่ คา่ ตา่ งๆ เขา้ ไปในเมธอด กส็ ามารถคำนวณออกมาได้ว่าจะตอ้ งชำระ เงินเดอื นละเท่าไหร่ โดยจะคำนวณแบบลดต้นลดดอก รปู แบบการใช้เมธอดเปน็ ดังน้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook