82 แนวปฏบิ ตั ิอย่างเหมาะสมกับการเปลย่ี นแปลงของวัยรนุ่ เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น จะพบกับการเปล่ียนแปลงทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ซ่ึงอาจทาให้ปฏิบัติตนไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงควรรู้วิธีปรับตัวให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลง ทางดา้ นตา่ ง ๆ ดังน้ี (กจิ จา บานช่นื ฐิณีวรรณ วฒุ วิ กิ ัยการ และวรฑา ไชยาวรรณ, 2562, น. 11) 1. ด้านรา่ งกาย เม่อื เขา้ สู่วัยรนุ่ ควรดูแลตนเอง ดังนี้ 1.1 ดแู ลรักษาความสะอาดของรา่ งกายอยูเ่ สมอ เช่น สระผม อาบนา้ 1.2 รกั ษาความสะอาดเครื่องใช้และเครอื่ งแต่งกาย เช่น หวี ผ้าเช็ดตวั 1.3 กนิ อาหารท่มี ปี ระโยชน์ต่อรา่ งกายและกนิ อาหารใหค้ รบทงั้ 3 มือ้ 1.4 ออกกาลังกายอยา่ งสม่าเสมอ แต่ไมห่ ักโหมจนเกนิ ไป 1.5 ไมด่ ม่ื สุรา ไมส่ ูบบุหร่ี ไมเ่ สพสารเสพติด 1.6 ช่ังน้าหนักและวัดส่วนสูงทุก 6 เดือน เพื่อนาผลไปปรับปรุงการเจริญเติบโต ของร่างกายใหอ้ ย่ใู นเกณฑด์ ีเสมอ 2. ดา้ นจติ ใจและอารมณ์ การปรบั ปรุงตัวเองให้ควบคมุ จติ ใจและอารมณข์ องตนเองได้น้ัน จะทาให้วัยรุ่นสามารถ อยรู่ ว่ มกบั ผอู้ นื่ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข ซึ่งควรปฏบิ ตั ิ ดังน้ี 2.1 ทาจิตใจให้ร่าเรงิ แจม่ ใส มองโลกในแงด่ ี 2.2 ยอมรับสภาพความเป็นจรงิ ของตนเอง เชน่ รูปรา่ งหนา้ ตา ฐานะ 2.3 สรา้ งความจริงใจใหก้ ับผูอ้ ื่น มีความรัก มีความซื่อสตั ย์ 2.4 ไมเ่ หน็ แก่ตวั รู้จักเมตตาสงสารผ้อู ื่น เมอ่ื เหน็ ผ้อู ืน่ ตกทุกข์ได้ยาก 2.5 พยายามอดกลนั้ อารมณ์ท่ีไม่พงึ พอใจ 3. ดา้ นสังคม เนื่องจากวัยรุ่นเป็นวัยท่ีต้องคบเพื่อนฝูงมากมาย ท้ังเพ่ือนเพศเดียวกันและเพื่อน ตา่ งเพศ ดังนัน้ วยั รุ่นจึงควรรวู้ ธิ ปี รับตวั ดังนี้ 3.1 มกี ิรยิ ามารยาทและการแสดงออกตา่ งๆ ทเี่ หมาะสมกับวัย 3.2 ปรับปรุงตนเองเพื่อให้มีบุคลิกภาพที่ดี เช่น ยืนตัวตรง หลังไม่งอ นอกจากนี้วัยรุ่น ควรแต่งกายให้เหมาะสมกับวัยและกาลเทศะด้วย เช่น ขณะไปโรงเรียน ควรแต่งกายชุดนักเรียนให้ เรียบรอ้ ย 3.3 แสดงความเคารพต่อสิทธิของตัวเองและไม่ละเมิดสทิ ธิของผู้อ่ืน เชน่ ในการทางาน กลุม่ สามารถเสนอความคดิ เห็นได้ และควรยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผอู้ นื่
83 4. ดา้ นสติปัญญา การปฏบิ ัตติ นตอ่ ไปนี้จะชว่ ยสง่ เสริมใหเ้ ปน็ ผูท้ ่ีมีสติปญั ญาดี คอื 4.1 ตัง้ ใจเรียน และเมือ่ ไมเ่ ขา้ ใจบทเรียนควรถามครูทนั ที 4.2 จัดเวลาการทากิจกรรมต่าง ๆ ให้เหมาะสม เชน่ จดั เวลาในการเรียน การเล่น และ การทบทวนบทเรยี นใหเ้ ปน็ เวลาอยเู่ สมอ 4.3 ตดิ ตามเหตกุ ารณ์ขา่ วสารบา้ นเมืองอยเู่ สมอ 4.4 ฝึกหัดทักษะต่าง ๆ อยู่เสมอ เช่น คิดเลขในใจ ฝึกอ่านทานองเสนาะ ฝึกเขียน บันทกึ ประจาวนั หรือฝกึ เก็บใจความสาคัญ การปฏิสนธกิ าเนดิ ชีวิต การปฏิสนธิ (Fertilization) คือ การผสมกันระหว่างเซลล์สืบพันธ์ุของชายอันได้แก่ อสุจิ และเซลล์สืบพันธุ์ของหญิงอันได้แก่ ไข่ แล้วเกิดเป็นเซลล์ใหม่ขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการเร่ิมต้นของชีวิต มนุษย์ ตามธรรมชาติแล้ว การปฏิสนธิจะเกิดข้ึนได้ก็ต่อเมื่อมีการร่วมเพศระหว่างชายและหญิง โดยชายจะหล่ังน้าอสุจิซง่ึ มีอสุจินับล้าน ๆ ตัวเข้าไปภายในช่องคลอดของหญิง อสุจิจะเดินทางแหวก ว่ายจากช่องคลอดเข้าสู่โพรงมดลูก และต่อไปยังท่อนาไข่เพื่อผสมกับไข่ ซึ่งหากตรงกับเวลาที่ไข่สุก และไข่น้ันเดินทางมาอยู่บริเวณช่วงกลางของท่อนาไข่พอดี ก็จะมีอสุจิที่แข็งแรงที่สุดเพียงตัวเดียว เท่าน้ันที่สามารถเจาะไชทะลุผนังหุ้มเซลล์ของไข่เข้าไป เอาส่วนหัวและลาตัวของอสุจิรวมตัวกับ นิวเคลียส (Nucleus) ของไข่ได้ (ภาพท่ี 2.8 และภาพที่ 2.9) ส่วนหางของอสุจิจะหลุดออกและ สลายไป เรียกไข่ในตอนนี้ว่าไข่ท่ีได้รับการผสมแล้ว (Fertilized Ovum) ส่วนอสุจิตัวอื่น ๆ จะไม่มี โอกาสและไม่สามารถผ่านผนังหุ้มเซลล์ของไข่เข้าไปได้อีก เน่ืองจากไข่มีกลไกพิเศษในการสร้าง ผนังหุ้มเซลล์ให้หนาและแขง็ แรงขึน้ ในทนั ทีท่ีอสุจติ วั แรกผา่ นผนังหุม้ เชลล์เขา้ ไปได้ ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วจะเดินทางจากท่อนาไข่เข้ามาสู่โพรงมดลูกโดยใช้เวลาประมาณ 3 - 4 วัน ขณะเดียวกันก็จะมีการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์อยู่ตลอดวลา โดยแบ่งเซลล์แบบทวีคูณ จาก 1 เซลล์เปน็ 2 เซลล์ จาก 2 เซลลเ์ ป็น 4 เซลล์ จาก 4 เซลล์เป็นเซลส์ จาก 8 เซลลเ์ ปน็ 16 เซลล์ และต่อไปเรื่อยๆ จนเจริญถึงข้ันท่ีฝังตัวในโพรงมดลูกได้ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 7 วันหลังการปฏิสนธิ และเจริญเติบโตเป็นเดก็ ทารกต่อไป (จนั ทรว์ ภิ า ดลิ กสมั พันธ,์ 2548, น. 40) ในขน้ั ตอนของการแบ่งเซลล์นั้น บางครง้ั อาจเกดิ การแยกของเซลลอ์ อกจากกนั โดยเดด็ ขาด ทาใหเ้ กิดทารก 2 คนได้ กรณนี ้ีเรยี กวา่ แฝดแท้ (Identical Twins) ซ่ึงเป็นทารกแฝดทเ่ี กิดจากไข่ฟอง เดียวกนั และอสุจิตวั เดียวกัน ทารกจงึ มีเพศเดียวกันและหนา้ ตาเหมอื นกนั
84 ภาพที่ 2.8 อสุจขิ องเพศชายและไข่ของเพศหญิง ที่มา: https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content ภาพท่ี 2.9 การปฏิสนธิซึ่งเกิดจากการร่วมเพศ และอสุจิตัวหนึง่ กาลงั เขา้ ผสมพนั ธุ์กบั ไข่ ท่ีมา: http://kullapat.com/index.php
85 ในบางโอกาสเกิดการปฏิสนธิอาจเกิดจากการผสมของไข่มากกว่า 1 ฟอง และอสจุ ิมากกว่า 1 ตวั ก็ได้ ทาใหเ้ กิดทารกมากกว่า 1 คน ซ่ึงจะเป็นทารกแฝดทมี่ เี พศและรูปรา่ งหน้าตาไมเ่ หมอื นกนั ใน กรณีเชน่ นี้เรยี กวา่ แฝดเทียม (Fratenal Twins) การเกิดทารกเพศชายหรือหญิงนั้นขึ้นอยู่กับอสุจิของฝ่ายชาย ซ่ึงมีอยู่ 2 ชนิด ชนิดหนึ่ง เป็นอสุจิเพศผู้ มีหัวรูปกลมขนาดเล็ก เคลอื่ นไหวไดร้ วดเร็ว ว่องไว เดินทางไปได้ดใี นสภาพน้ามกู ใส ๆ อีกชนิดหนึ่งเป็นอสุจิเพศเมีย มีหัวโตเป็นรูปไข่ เคลื่อนไหวได้ช้ากว่าแต่แข็งแรง และทนต่อสภาวะ แวดลอ้ มทีเ่ ป็นกรดไดด้ ีกวา่ อสจุ เิ พศผู้ เดินทางไปได้ดใี นสภาพน้ามกู เหนยี ว ๆ เซลล์ของมนุษย์มีโครโมโซม (Chromosomes) อยู่ 46 แท่ง หรือ 23 คู่ เป็นโครโมโซม ธรรมดา (Autosomes) ซ่ึงเก็บลักษณะต่าง ๆ ของร่างกายไว้ 22 คู่ อีก 1 คู่เป็นโครโมโซมเพศ (Sex Chromosome หรือ Allosome) ซ่ึงในเพศชายเป็น XY และในเพศหญิงเป็น XX เม่ืออสุจิเข้าผสม กับไข่แล้ว ส่วนหัวของอสุจิจะเปลี่ยนเป็นเมลโปรนิวเคลียส (Male pronucleus) มีการเจริญเติบโต แบบลดจานวนโครโมโซมลงครึ่งหนึ่ง จึงเหลือโครโมโซมเพียงครึ่งเดียว คือ 23 แท่ง โดยมีโครโมโซม ธรรมดา 22 แท่ง และโครโมโซมเพศ 1 แท่ง ซึ่งอาจเป็น X หรือ Y ก็ได้ ส่วนนิวเคลียสของไข่ก็จะ เจริญเติบโตแบบเดียวกันเปล่ียนเป็นฟีเมลโปรนิวเคลียส (Female Pronucleus) มีโครโมโซมเหลือ เพยี ง 23 แท่งเท่ากัน เป็นโครโมโซมธรรมดา 22 แท่ง และมีโครโมโซมเพศ 1 แท่ง ซง่ึ เปน็ X จงึ ทาให้ เกดิ ทารกทมี่ ีโครโมโซม 46 แทง่ เท่ากบั พอ่ และแม่ โดยครึง่ หนึง่ ได้มาจากพอ่ และอกี คร่งึ หนงึ่ ไดม้ าจาก แม่ และถ้าโครโมโซมเพศของพ่อที่เป็น X มาจับคู่กับโครโมโซมเพศของแม่ที่เป็น X ก็จะให้กาเนิดลูก เพศหญิง แตถ่ ้าโครโมโซมเพศของพ่อเป็น Y มาจับคู่กับโครโมโซมเพศของแม่ที่เป็น X ก็จะให้กาเนิด ลกู เพศชาย ซง่ึ การที่อสจุ ิเพศใดจะสามารถเดนิ ทางเข้าสปู่ ากมดลูกไปยังโพรงมดลกู และไปผสมกับไข่ ในท่อนาไข่ใดน้ัน ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดลอ้ มในช่องคลอดและที่ปากมดลูก ตามปกตใิ นช่องคลอดจะมี สภาวะเป็นกรดเพื่อป้องกันเช้ือโรคต่าง ๆ ส่วนบริเวณปากมดลูกและภายในโพรงมดลูกจะมีสภาวะ เปน็ ด่าง อสุจิเพศเมยี จึงมีโอกาสรอดและเข้าผสมกบั ไข่ได้มากกว่าอสุจิเพศผู้ ส่วนในระยะทใี่ กล้เวลาไข่ สุก หรอื ในขณะที่ฝ่ายหญงิ มคี วามร้สู ึกทางเพศถึงจุดสดุ ยอด น้ามูกจากมดลูกเพิ่มมากขึ้น ทาใหส้ ภาวะ บริเวณปากมดลกู เป็นดา่ งมากขึ้น และสภาวะความเป็นกรดในช่องคลอดจะน้อยลง ดงั น้ันในระยะนี้ อสุจเิ พศผจู้ ะมโี อกาสรอดและผสมกบั ไข่ไดม้ ากกวา่ อสจุ ิเพศเมีย การเจรญิ เตบิ โตของทารกในครรภ์ ต้ังแต่การปฏิสนธิเกิดขึ้น ไข่จะมีการแบ่งเซลล์และเปลี่ยนแปลงเป็นการเจริญเติบโตของ ทารกในครรภ์จนครบกาหนดคลอด โดยแบ่งเปน็ 4 ระยะ ดงั ต่อไปน้ี จนั ทรว์ ิภา ดิลกสมั พันธ์, 2548, น. 45-50)
86 1) ระยะไข่ ระยะไข่ (Ovum) เป็นระยะของไข่ในช่วง 2 สัปดาห์แรกภายหลังการปฏิสนธิ คือ เมือ่ ไข่อันเป็นเซลล์ของฝา่ ยหญิงสุกพร้อมทจี่ ะสบื พันธไุ์ ด้ กจ็ ะหลุดและตกออกจากรงั ไขเ่ ข้าสู่ท่อนาไข่ จนได้ผสมกับอสุจิของฝ่ายชายกลายเป็นไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว (Fertilized Ovum) ก็จะเร่ิมมี การแบ่งตัวของเซลล์แบบทวีคูณไปเร่ือย ๆ จนมีลักษณะคล้ายผลน้อยหน่า แต่ยังมีขนาดเล็กมาก มีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 1 มิลลิเมตรเท่าน้ัน ระยะน้ีจึงยังไม่มีลักษณะเป็นรูปคนให้เห็นเลย ขณะเดียวกนั คอื ภายหลังการปฏิสนธิประมาณ 7 วัน ไข่ที่ได้รบั การผสมแลว้ และกาลงั มีการแบ่งเซลล์ ก็จะเดินทางผ่านท่อนาไข่เข้ามาและฝังตัว (Implantation) ในโพรงมดลูก ซ่ึงการฝังตัวนี้จะเสร็จส้ิน ประมาณวนั ที่ 14 ภายหลังการปฏิสนธิ 2) ระยะตัวอ่อน ระยะตวั ออ่ น (Embryo) นับต้งั แตส่ ัปดาหท์ ี่ 2 ถึงสปั ดาหท์ ี่ 8 ภายหลังการปฏิสนธิ เป็น ระยะท่ีมกี ารเปลยี่ นแปลงอย่างรวดเร็ว กลุ่มเซลลจ์ ะเริ่มแบ่งตวั และแยกเซลลอ์ อกเป็นชัน้ ๆ ทาให้เกิด เป็นสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกายรวม 3 ชั้น (ประวิทย์ สุนทรสมี ะ, 2526, น. 480) คือ 2.1) ช้ันนอกสุด (Ectoderm) จะเจริญเป็นส่วนท่ีปกคลุมและสัมผัสกับสิ่งที่ภายนอก เช่น ผวิ หนัง ผม เลบ็ และระบบประสาท 2.2) ชั้นกลาง (Mesoderm) จะเจริญไปเป็นระบบกล้ามเนื้อ กระดูก ระบบไหลเวียน โลหติ ระบบขับถ่าย และระบบสืบพันธุ์ 2.3) ช้ันในสุด (Endoderm) จะเจรญิ เป็นส่วนภายในของอวัยวะระบบทางเดินอาหาร ท้ังหมด หลอดลม ปอด ตับ ต่อมนา้ ลาย และต่อมไรท้ ่อต่าง ๆ ในปลายระยะท่ี 2 น้ี ตัวออ่ นจะมีการเจริญเติบโตเปล่ียนรปู ร่างจนมองดเู หมอื นมนุษย์ ชัดเจนข้ึนมากกว่าระยะแรก ตัวยาวประมาณ 1 - 6 เซนติเมตร ส่วนท่ีเจริญเติบโตมากที่สุดคือ ศีรษะ ในระยะนอี้ วัยวะสาคัญ ๆ เช่น จมูก ลูกตา หู ปาก เร่ิมทยอยพฒั นาข้ึนเป็นลาดับ อวัยวะสบื พนั ธ์ุเริ่ม ปรากฏใหเ้ ห็น ระยะท่ีตัวออ่ นมีอายุ 8 สปั ดาหแ์ รกนี้เปน็ ระยะท่ีตอ้ งระมัดระวัง เพราะถ้าความพกิ าร จะเกิดข้ึนก็มักจะเกดิ กบั ทารกตงั้ แต่ในระยะน้ีเพราะเปน็ ช่วงท่อี วัยวะต่าง ๆ ของตวั อ่อน จะมคี วามไว ต่อความผิดปกติของสภาวะแวดล้อม เช่น การขาดออกชิเจน สารพิษจากยาบางประเภท การติดเชื้อ ไวรัส อาหารไม่เพียงพอ โดยตาแหน่งของร่างกายท่ีมีความพิการมากท่ีสดุ ได้แก่ บริเวณใบหน้า เช่น ปากแหว่ง เพดานโหว่ บริเวณหัวใจ บริเวณสมอง และบริเวณผิวหนัง เช่น เป็นปานดา ในช่วงสดุ ท้าย ของระยะตัวอ่อนนี้ จะมีการพัฒนาของส่วนที่มีความสาคัญต่อการเจริญเติบโต และการอยู่รอดของ ตวั อ่อนมาก นนั่ คอื การเกดิ ของถงุ นา้ ครา่ รก และสายสะดือ
87 3) ระยะทารก ระยะทารก (Fetus) นับตั้งแต่ปลายเดือนที่ 2 หรือต้นเดือนท่ี 3 ของการต้ังครรภ์ ความเจรญิ เตบิ โตในระยะนีม้ ดี ังนี้ เดือนท่ี 3 ทารกจะยาวประมาณ 7 - 9 เซนติเมตร จะมีรปู รา่ งคล้ายคนมากขึน้ กระดูก จะเริ่มแข็ง อวัยวะสืบพันธ์ุแสดงลักษณะเพศจนแยกได้ว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิง ลักษณะมือและ เทา้ แตกต่างกันอย่างเหน็ ได้ชัด มนี ิ้วมอื นวิ้ เท้า มีเลบ็ เกดิ ขึ้น และเร่มิ มีอวัยวะภายใน เช่น สมอง หวั ใจ ลาไส้ เปน็ ตน้ เดือนที่ 4 เมื่อทารกมีอายุครบ 4 เดือน จะมีความยาวประมาณ 17 เซนติเมตร หนักประมาณ 120 กรัม มีอวัยวะครบทุกส่วน อวัยวะเพศชัดเจนย่ิงขนึ้ กล้ามเนื้อต่าง ๆ กาลังเจริญ ผิวหนังแดงใส เริ่มมีขนออ่ นๆ ข้ึนตามผิวหนัง และเรม่ิ มีการเคลือ่ นไหวทาใหแ้ ม่รสู้ กึ ว่าเด็กดนิ้ เดือนที่ 5 มีความยาวประมาณ 18 - 27 เซนติเมตร ผิวหนังไม่ใสเหมือนเดิม เพราะมี ไขมนั เกาะใต้ผิวหนัง มีขนอ่อนมากขึ้น ศรี ษะยังมขี นาดใหญ่และมีผมท่ศี ีรษะ หัวใจของเด็กจะเริ่มเต้น จนฟงั ไดช้ ดั เจน เดือนที่ 6 มีความยาวประมาณ 28 - 34 เซนติเมตร รูปร่างได้สัดส่วน ผิวหนังย่น มไี ขมันเกาะใต้ผวิ หนังมากขึ้น มีขนอ่อนท่ัวท้ังตัว เริ่มมีขนตาและคิ้วเกิดข้ึน ถ้าคลอดก่อนกาหนดใน ระยะนจี้ ะมีชวี ติ อยูไ่ ดเ้ พียง 2 - 3 ช่วั โมง เดอื นที่ 7 มีความยาวประมาณ 35 - 38 เซนติเมตร น้าหนักราว 1,000 ถงึ 1,200 กรัม ผิวหนังเริ่มเป็นสีแดงปกคลุมด้วยไข ถ้าเป็นเพศชายอัณฑะจะเริ่มเคล่ือนลงมาอยู่ในถุงอัณฑะ การเคลื่อนไหวของแขน ขา และลาตัวแรงขึ้น ถ้าคลอดก่อนกาหนดในช่วงนี้จะร้องไห้เสียงค่อย ๆ พอท่ีจะสามารถเลี้ยงให้รอดได้ โดยต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและได้รับการปรึกษาจากแพทย์ จนแน่ใจว่าปลอดภัย เดือนท่ี 8 ตัวยาวประมาณ 40 เซนติเมตร น้าหนักประมาณ 1,600 - 2,000 กรัม ผิวหนังเหี่ยวย่น อัณฑะของทารกเพศชายจะลงมาอยู่ในถุงเก็บอัณฑะเรียบร้อยแล้ว ถ้าทารกเกิด ในระยะน้อี าจมชี ีวิตรอดได้ เดือนท่ี 9 มีลักษณะเป็นมนุษย์ครบถ้วน ทารกยาวประมาณ 46 - 48 เซนติเมตร น้าหนัก 2,500 กรัม ขนอ่อนหายไปเกือบหมด เหลือที่บริเวณไหล่สองข้างเท่านั้น มีไขมันใต้ผิวหนัง มากข้ึน ร่างกายเริ่มอ้วน ผิวหนังกลับเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่น ระบบประสาทเด็กจะเจริญมากขึ้น และ การหมุนเวียนของโลหติ กด็ ีขนึ้ เดือนที่ 10 ทารกเจริญเติบโตเต็มท่ี ครบกาหนดคลอด (Full-Term Baby) ตัวยาว ประมาณ 50 เซนติมตร น้าหนักประมาณ 3,000 กรัม กระโหลกศีรษะแข็ง รูปร่างเหมือนทารก แรกเกิด
88 4) ระยะคลอด (Birth) ระยะคลอด (Birth) เมื่อเด็กทารกในครรภ์อายุครบ 10 เดือน หรือ 40 สัปดาห์ หรือ 280 - 300 วัน ก็จะคลอดออกจากครรภ์ของแม่ เด็กจะออกมาพบกบั สภาพแวดลอ้ มท่ีแตกตา่ งไปจาก ภายในครรภข์ องแม่มาก ทาให้เด็กตกใจ และแสดงออกด้วยการดน้ิ และรอ้ งเสียงดัง พรอ้ มกับปสั สาวะ และอุจจาระสีเทาออกมา จนทาให้น้าหนักตัวลดลงไปราว 150 - 300 กรัม ในระยะ 1 - 3 วันแรก ภายหลังคลอด แล้วต่อไปนา้ หนกั ก็จะตอ้ งเพม่ิ ขึ้นเรอ่ื ย ๆ ภาพที่ 2.10 การเจริญเตบิ โตของทารกในครรภ์ ท่มี า: https://www.pinterest.ph/pin การต้ังครรภ์ ประมาณ 7 วันภายหลังการปฏิสนธิ ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วจะเดินทางผ่านท่อนาไข่ เพ่ือมาฝังตัว (Implantation) ในโพรงมดลูก ซ่ึงการฝังตัวนี้จะเสร็จสิ้นประมาณวันที่ 14 ภายหลัง การปฏิสนธิ การต้ังครรภ์ คือ การฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิแล้วจนกระท่ังคลอด ระยะเวลาของ การตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะกินเวลาประมาณ 280 วัน หรือ 40 สัปดาห์ นับตั้งแต่วันแรกของการเป็น ประจาเดอื นครั้งสดุ ทา้ ย หรอื 265 วนั หรอื 38 สัปดาห์ จากวันท่ีไขส่ กุ ครงั้ สดุ ทา้ ย อย่างไรก็ตามระยะเวลาของการต้ังครรภ์จะแตกต่างกันบ้างในหญิงแต่ละคน เช่น หญิงที่ ออกกาลังกายมากมักจะคลอดบุตรเร็วกวา่ หญิงท่ีไม่ได้ออกกาลังกาย และบางคร้ังการตั้งครรภก์ ็อาจ เกินกาหนด ซ่ึงหากปล่อยให้การตั้งครรภ์เกินกาหนดมากเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของทารก ในครรภไ์ ด้ เนือ่ งจากรกอาจหมดอายุและทางานได้ไม่ดี แพทยจ์ ึงมักจะไม่ปล่อยให้การต้ังครรภใ์ ชเ้ วลา เกนิ กวา่ 2 สัปดาห์ นบั จากวนั ครบกาหนดคลอด (จันทร์วิภา ดิลกสัมพันธ,์ 2548, น. 51-53)
89 อาการและอาการแสดงของผู้ต้ังครรภ์ 1. ประจาเดือนขาด ประจาเดือนขาดหายไป ไม่มาตามกาหนด ในสตรีท่ีประจาเดือนเคยมาสม่าเสมอและ ตรงเวลา จะใช้เป็นข้อสงั เกตการตง้ั ครรภท์ ี่ดีท่ีสดุ แต่อย่าเพิ่งแนใ่ จวา่ จะต้ังครรภ์จริง อาจใชเ้ ป็นเพยี ง อาการสงสัยว่าจะมีการตั้งครรภ์เท่านั้น เพราะการคลาดเคลื่อนของประจาเดือนอาจเกิดจาก การแปรปรวนทางรา่ งกายหรือจติ ใจก็ได้ 2. อาการแพท้ ้อง สตรีบางคนอาจมีอาการคล่ืนไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย เบ่ืออาหาร หรือ อยากรับประทานอาหารแปลกๆ หรือบางคนอาจมีอาการอ่ืน ๆ ทางประสาท เช่น โกรธง่าย ใจน้อย หงุดหงิด ซ่ึงปกติแล้วอาการเหล่าน้ีไม่เคยเป็นมาก่อน แต่อาการดังกล่าวจะแตกต่างกัน มีมากบ้าง น้อยบา้ ง สว่ นใหญจ่ ะพบไดเ้ มอื่ ประจาเดอื นขาดไป 4 - 14 สัปดาห์ หรอื บางคนอาจไม่มีเลยกไ็ ด้ 3. ปัสสาวะบ่อย มีอาการปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ เนื่องจากมดลูกมีการขยายตัวโตข้ึนไปเบียดกระเพาะ ปัสสาวะ ทาให้กระเพาะปัสสาวะไม่สามารถขยายตัว และไม่อาจจะเก็บน้าปัสสาวะไว้ได้เป็นจานวน มากเหมอื นเดิมได้ จงึ ตอ้ งปัสสาวะบ่อยขึ้น 4. มกี ารเปลี่ยนแปลงของเตา้ นม ในระยะ 1 - 2 เดอื นของการตงั้ ครรภ์ เตา้ นมจะโตขึน้ และเจ็บคัด อาจมองเหน็ เสน้ เลอื ด ที่เต้านมได้ชัดขึ้น หัวนมและลานนมจะมีสีคล้า และถ้าใช้มือกดหรือบีบจะมีน้านมไหลออกมาได้ใน ระยะ 3 - 4 เดอื นของการตงั้ ครรภ์ 5. การขยายของหน้าท้อง จะมองเห็นการขยายของหน้าท้องได้ชัดเมื่ออายุครรภ์ได้ 3 - 4 เดือน เน่ืองจากมดลูก ขยายตวั ขึน้ เรอื่ ย ๆ 6. มดลูกบีบตัว ในบางเวลาจะรู้สึกว่าหน้าท้องนูนแข็งเป็นก้อน อันเน่ืองมาจากการบีบตัวของมดลูก โดยจะเริ่มรู้สกึ ไดเ้ ม่อื อายคุ รรภเ์ ข้าเดือนท่ี 4 7. เดก็ ด้ิน ความรู้สึกของแม่ว่าเด็กด้ิน ถือว่าเป็นอาการที่บ่งว่ามีการตั้งครรภ์อย่างแน่นอน อย่างหนึ่ง ความรู้สึกน้ีอาจจะช้าเร็วแตกต่างกันไป แต่โดยท่ัวไปแล้วจะมีการเคล่ือนไหวของเด็ก ให้รู้สึกได้ เมื่อต้งั ครรภ์ได้ 4 เดือนครึ่ง - 5 เดือน การท่จี ะทราบใหแ้ นช่ ัดว่ามีการตง้ั ครรภจ์ ริงหรอื ไมน่ ้นั จาเปน็ ต้องให้แพทย์เป็นผ้ตู รวจและ วินิจฉัย คือ การตรวจทางห้องทดลองโดยการนาปัสสาวะไปตรวจหาฮอร์โมนฮิวแมน โดริโอนิค
90 โกนาโดโทรฟิน (Human Chorionic Gonadotrophilh หรอื H.C.G.) ท่ผี ลติ จากรก ซึ่งสามารถตรวจ พบได้ในปัสสาวะของหญิงมีครรภ์นับต้ังแต่สัปดาห์ท่ี 6 หลังประจาเดือนคร้ังสุดท้ย และระดับของ ฮอรโ์ มนนจ้ี ะสูงขนึ้ อยา่ งรวดเร็วในระหวา่ งวันท่ี 60 - 80 ของการตั้งครรภ์ การปฏิสนธินบั เปน็ จดุ เริ่มตน้ ของชีวิตมนุษย์ หลังจากน้ันเม่ือมกี ารต้ังครรภเ์ กิดขนึ้ ผู้เป็นแม่ ก็จะมีบทบาทสาคัญมากข้ึนเรื่อย ๆ จนไปถึงระยะส้ินสุดของการต้ังครรภ์ คือ การคลอด ซึ่งการท่ี ทารกในครรภ์จะถือกาเนิดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ท้ังทางร่างกายและจิตใจได้น้ัน จาเป็นจะต้องได้รับ การดูแลเอาใจใส่อย่างดียิ่งจากผู้ที่เป็นแม่ นับแต่แม่เริ่มรู้ต้ว่าตั้งครรภ์จนกระทั่งครบกาหนดคลอด แต่การทาหน้าที่ดังกล่าวของแม่จะเกิดข้ึนโดยลาพังไม่ได้ จาเป็นจะต้องได้รับความร่วมมือช่วยเหลือ จากผู้เป็นพ่อด้วย แม้ว่าพ่อจะไม่ได้มีบทบาทในการต้ังครรภ์และการคลอดโดยตรง แต่การเอาใจใส่ ดูแล ให้กาลังใจคอยช่วยเหลือในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนให้เข้าใจและยอมรับใน การเปล่ียนแปลงทางด้านร่างกาย รวมท้ังอารมณ์ของภรรยาในขณะที่ตั้งครรภ์ ย่อมเป็นบทบาทและ หน้าท่ีของสามีที่จะช่วยให้การตั้งครรภ์ดาเนินไปได้ด้วยดี อันมีผลโดยตรงต่อทารกในครรภ์ท้ังทาง ร่างกายและจิตใจ และหลังการคลอดทารกจาเป็นจะต้องได้รับการเลี้ยงดูด้วยความเอาใจใส่อย่างย่ิง จากพ่อแม่ต่อไป เพื่อการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์แบบ และเป็นประชากรท่ีมีคุณภาพต่อสังคมทั้ง ทางรา่ งกายและจิตใจ ภาพลกั ษณข์ องวยั รนุ่ สภาพเศรษฐกิจและสังคมท่ีเปล่ียนแปลงไป รวมท้ังการไหลบ่าทางวัฒ นธรรม ในโลกยุคไร้พรมแดนส่งผลกระทบต่อวัยรุ่น ท้ังรูปแบบการดาเนินชีวิตที่เปล่ียนแปลงไปตาม การเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ส่ิงยั่วยุหรือตัวแบบท่ีไม่เหมาะสมต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับ ส่ือนานาชนิด รวมไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองท่ีไม่มีเวลาในการอบรมเลี้ยงดู สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้เกิด ปัญหากับวัยรุ่นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างย่ิงปัญหาการมีภาพลักษณ์ที่ตกต่า การขาดภูมิคุ้มกัน ทางจิตใจ มีพฤติกรรมทางเพศแบบเสรี และขาดการรับผิด ชอบ ตลอดจนความบกพร่อง ทางคุณธรรมจริยธรรมจะสง่ ผลให้เกิดปัญหาทางเพศ (ปานเดชา ทองเลศิ , 2562, น. 8-9) 1. คานิยามทีค่ วรร้เู กีย่ วกบั ภาพลักษณท์ างเพศของวัยรุ่น วยั รุ่นจัดเป็นวัยที่เช่ือมต่อระหว่างวยั เด็กกับวัยผู้ใหญ่ เนื่องจากเป็นระยะท่ีสาคัญที่สุด เน่ืองจากเป็นช่วงหัวเล้ียวหัวต่อของชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดข้ึนมากและรวดเร็วในทุกด้าน ของพัฒนาการ รวมทั้งเป็นวัยท่ีพยายามค้นหาและสร้างตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ท่ีเรียกว่า “อตั ลกั ษณห์ รือภาพลักษณแ์ หง่ ตน (ldentity)”
91 ภาพลักษณ์ทางเพศ (Sexual Identity) เป็นส่วนหน่ึงของภาพลักษณ์แห่งตน ซ่ึงวัยรุ่นต้องพัฒนาให้ผ่านพ้นวิกฤต และเข้าสู่วัยผู้ใหญ่อย่างมีตัวตนอันม่ันคง โดยองค์ประกอบ ของภาพลักษณ์ทางเพศประกอบด้วยการมีเพศสรีระ (Biological Sex) ภาพลักษณ์เกี่ยวกับ เพศสภาพ (Gender Identity) บทบาททางเพศสภาพ (Gender Role) และวิถีทางเพศ (Sexual Orientation) เพศสรีระ (Sex) มีความหมายเฉพาะเพศที่จาแนกตามสรีระหรือระบบชีววิทยา (Biological Sex) คือเพศหญิง หรือเพศชาย และรวมไปถึงเพศท่ีมีการเปล่ียนแปลงระบบเพศ ตามชวี วทิ ยาแต่กาเนิดด้วย เชน่ พวกทมี่ กี ารแปลงเพศ (Transgender) เพศสภาพ (Gender) มีความหมายครอบคลุมถึงเร่ืองของความเป็นผู้หญิงและ ผู้ชายที่ไม่ได้ถูกกาหนดโดยระบบทางสรีระหรือชีววิทยา แต่ถูกกาหนดโดยปัจจัยทางวัฒนธรรม สังคม และอื่นๆ ทาให้สังคมเกิดความคาดหวังต่อความเป็นหญิงและชายในแง่มุมเฉพาะต่างๆ และ มีส่วนกาหนดความเชื่อ (Belief) ทัศนคติ (Attitude) มายาคติ (Myth) รวมท้ังประเพณีปฏิบัติ ต่าง ๆ ท่ีถูกทาให้กลายเป็นบรรทัดฐานของสังคม (Social Norms) ในเร่ืองของความเป็นหญิง และชาย เพศวิถี (Sexuality) ซึ่งหมายถึงระบบความคิดความเช่ือเร่ืองเพศ เป็นกระบวนการ ทางสังคมและวัฒนธรรมท่ีกาหนดจัดการ กากับควบคุม รวมทั้งการแสดงออกเก่ียวกับรสนิยม ทางเพศ ความปรารถนา ความพึงพอใจในเร่ืองเพศ การแสดงท่าทีที่เก่ียวกับเร่ืองเพศ การแต่งกาย เป้าหมายในความสนใจทางเพศ และการสร้างจินตนาการท่ีเกี่ยวกับเรื่องเพศ ไปจนถึง การออกกฎเกณฑ์ และระเบียบกฏหมายต่าง ๆ ที่มาควบคุมหรือกากับดูแลเร่ืองเพศของคน ในสงั คม เพศวิถีจึงเปน็ กระบวนการชวี ติ ที่ของคนๆ หน่ึง มีการเติบโตและเปลี่ยนแปลง เพื่อท่ีจะ ตอบโต้หรอื ยอมตามต่อกรอบกติกาเร่ืองเพศท่ีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น และสัมพันธ์กับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในช่วงเวลาหน่ึง ๆ ในแง่ระบบสังคมเพศวิถีจึงมีทิศทางอยู่บนกฎเกณฑ์ของการเมือง ศีลธรรม และแนวปฏิบัติเรื่องเพศ หรือวัฒนธรรมทางเพศในแต่ละสังคม ซ่ึงเปล่ียนแปลงไปตามกาลเวลา เพศวิถี ในสังคมไทยที่เปล่ยี นแปลงไปท่ีเห็นได้ชัด ได้แก่ วธิ ีการคุมกาเนิดที่เข้ามาสอดแทรกในชวี ิตคู่ การทารักโดยไม่ต้องทาลูก การอยู่ก่อนแต่ง เป็นเรื่องปกติในสังคมปัจจุบัน การปรากฎตัวชัดเจนข้ึน ของกลุ่มคนที่รักเพศเดียวกัน หรือผู้มีเพศวิถีทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นเกย์ กะเทยสาวประเภทสอง ทอม ดี้ ตุ๊ด แต๋ว แต็บ และสัดส่วนของคนที่ตัดสินใจอยู่เป็นโสดเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าอดีตโดยเฉพาะ ผ้หู ญงิ เปน็ ตน้
92 เพศวถิ ีทีก่ าลังเปล่ียนไป 4 เรอ่ื ง คอื (อทุ มุ พร แก้วสามศรี และคณะ, 2562, น. 30-33) 1) เพศสัมพนั ธ์ท่เี ปลี่ยนไปโดยเฉพาะเพศสมั พนั ธ์กอ่ นการแตง่ งาน จากสภาพสังคมปัจจุบัน พบว่าการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างหญิงชายได้เปลี่ยนไปจาก อดีตมากมาย ในอดีตนั้นหญิงชายไม่สามารถมีความสัมพันธ์ทางเพศก่อนการแต่งงานได้ถือเป็น ประเพณีที่ยึดถือกันมานาน แตใ่ นปัจุบันนั้นได้ปลยี่ นไป ดว้ ยสาเหตุหลาย ๆ อย่าง เช่น การเช่าหอพัก อยรู่ ่วมกันของนักศึกษาก็เป็นสาเหตุใหม้ ีเพศสัมพันธ์ การนาแบบแผนการดารงชวี ิตของต่างชาตมิ าใช้ เช่น การทดลองอยกู่ นั กอ่ นแต่งงานเพือ่ ลดปญั หาการหยา่ ร้าง เปน็ ตน้ 2) เพศวิถีทางเลือกทเ่ี ปลี่ยนไปในความหลากหลายทางเพศ กลุ่มบุคคลท่ีมีความหลากหลายทางเพศ (LGBT) มาจากคาว่า Lesbian Gay Bisexual และ Transgender/Transsexual (คนข้ามเพศ) มีการใช้คาว่า LGBT มาต้ังแต่ยุค 90 ซง่ึ ดดั แปลงมาจาก LGB ท่ีใช้ในการแทนวลี สงั คมเกย์ (Gay Community) ที่ในหลาย ๆ กลมุ่ บุคคลที่ มีความหลากหลายทางเพศ ไม่รู้สึกว่าอธิบายกลุ่มคนพวกนี้ได้อย่างถูกต้องตามที่กล่าว ในการใช้ สมัยใหม่ LGBT มคี วามหมายถึงความหลากหลายของเพศวถิ ี (Sexuality) และลักษณะการแสดงเพศ ทางสังคม และในบางครั้งอาจหมายถึงกลุ่มคนที่ไม่ใช่กลุ่มรักต่างเพศ แทนการระบุว่าเป็นเลสเบ้ียน เกย์ ไบเซก็ ชวล หรอื คนขา้ มเพศ ตานานไทยเก่าแก่เร่ืองกาเนิดมนุษย์ที่กล่าวว่าโลกประกอบด้วยสามเพศ ได้แก่ ผชู้ าย ผู้หญงิ และกะเทย กะเทยในตานานมใิ ช่ชายหรอื หญิงที่ผิดปกติ กะเทย เป็นมนุษย์จาพวกหนึ่ง ท่แี ตกต่างซ่ึงอาจมีร่างกายเปน็ ชายหรือหญงิ แต่ด้วยเหตุท่สี ังคมไทยในอตีตยังไมย่ อมรบั ในเพศที่สาม ยังคงจัดกลุ่มคนเหล่าน้ีว่า มีความผิดปกติทางเพศ หรือ เบี่ยงเบนทางเพศ ปัจจุบันการปรากฏตัว ของกลุ่มคนรกั เพศเดียวกนั หรอื ผู้มีเพศวถิ ที างเลือก ทง้ั ในระดับบคุ คลและกลมุ่ องคก์ ร การผลักดันท่ีสาคัญเรื่องหนึ่งคือ การต่อสู้ให้การไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลเพราะ เหตุแห่งความแตกต่างในมติ ิต่าง ๆ ในมาตรา 30 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เพ่ิมคาว่า “อัตลักษณ์ ทางเพศ” ที่หมายถึงเพศท่ีสามเข้าไปด้วย แม้การแก้ไขจะแพ้ไปอย่างก้าก่ึงแต่ในรายละเอียด ส่ว น ท่ี เป็ น เจ ตน าร ม ณ์ ขอ งบ ท บั ญ ญั ติแ ห่ ง รัฐธ ร มนู ญ ว่ าด้ ว ยเรื่อ งก าร ห้ ามเลื อก ป ฏิ บัติ ท าง เพ ศ ก็ระบุวา่ ให้ปกป้องคุ้มครองครอบคลุมถึงบุคคลท่ีมอี ตั ลักษณ์ทางเพศ ต่างไปจากเพศชายและเพศหญิง ไว้ด้วย (เจมิ ศกั ด์ิ ป่นิ ทอง, 2550)
93 ภาพท่ี 2.11 การเปลี่ยนผา่ นประเภทของเพศในสังคมไทย ท่มี า: hfp://www2.ipsr.mahidol.ac.th / Conference VIl/ Download /201 1-Aricle-03.pdf 3) การค้าบริการทางเพศทเี่ ปล่ยี นไป การมเี ซ็กซ์เพื่อแลกเงิน ส่ิงของ และทาเปน็ อาชีพ ประเทศสว่ นใหญ่ถือว่าเป็นเพศวิถี ต้องห้าม เป็นอาชญากรรมท่ีมีบทลงโทษถึงจาคุก สาหรับสังคมไทยมองว่า โสเภณี เป็นส่ิงชั่วร้าย ที่จาเป็นของสังคม การซ้ือขายบริการทางเพศจึงมีสถานะกึ่งผิดกฎหมายในบ้านเรา ดังตัวกฎหมาย ท่ีใช้กันมาฉบับเดิมเม่ือ พ.ศ. 2503 และกฎหมายปัจจุบัน (พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การค้าประเวณี พ.ศ. 2539) เนน้ การ “ปราม” การคา้ ประเวณีมากกวา่ การ “ปราบ” รปู แบบและสถานทข่ี ายบริการทางเพศมลี ักษณะหลากหลายมากข้ึน เช่น ร้านตัดผม สวนสาธารณะ ร้านคาราโอเกะ ซาวน่า โรงภาพยนตร์ ในรถ ตู้รถไฟ ในเรือกลางทะเล ในห้องน้า สาธารณะ ฯลฯ นอกจากน้ี บนพื้นท่ีอินเทอร์เน็ตและส่ือสมัยใหม่ก็ถูกนามาใช้เป็นช่องทางการค้า บริการทางเพศ เช่น การซ้ือขายบริการทางเพศผ่านห้องสนทนา ผ่ านเว็บแคม ผ่านบริการ ของโทรศัพท์เคล่ือนท่ีได้ด้วย เรียกว่า เซ็กซ์เอ็มเอ็มเอส (Sex Multi - Media Service) หรือ ผ่านสอ่ื เครือขา่ ยทางสงั คม (hi5, face book, multiply)
94 4) เพศศึกษารอบดา้ น (Sexuality Education) เพศศึกษาท่ีเปล่ียนจากเดิม จากปญั หาท่ีเกิดจากเพศสัมพนั ธุ์ ทาใหม้ กี ารเรียกรอ้ งให้ กระทรวงศึกษาธิกาจัดการเรียนการสอนเพศศึกษา มักดังขึ้นเป็นระยะ ๆ เมื่อเกิดปัญหาเก่ียวกับ เร่ืองเพศในสังคมไทย ดังตัวอย่างจากข่าวสะเทือนสังคมไทยที่สุดในรอบปี 2553 เร่ือง การทาแท้งเถอ่ื นทถี่ ูกเปิดโปง เมื่อมีการพบซากตัวอ่อนของมนุษย์จากการทาแท้งจานวน 2,002 ซาก ในวดั ใจกลางเมืองกรุง พร้อมๆ กบั “เพศศึกษา” (Sex Education) ก็เป็นทางออกทส่ี ื่อหนังสือพิมพ์ นามาพาดหวั เช่น ผู้ปกครองเหน็ ดว้ ยกวา่ 90% สอนเพศศึกษาสกดั ทาแทง้ 2. ลกั ษณะภาพลักษณ์ของวัยรนุ่ ไทยในปจั จบุ ัน ภาพลักษณ์ของวัยรุ่นมี 9 ลักษณะท่ีสะท้อนผ่านส่ือต่าง ๆ ได้แก่ (ชุมาภรณ์ ฝาชัยภูมิ, 2559, น. 203-205) 2.1 วยั รนุ่ สวยหรอื หล่อ วัยรุ่นสวยหรอื หลอ่ คือ วยั รุ่นท่ใี ห้ความลาคัญกับเรือ่ งอัตลกั ษณ์ทางกาย (Physical Identities) โดยผู้หญิงสวยต้องผิวขาว หน้าใส หุ่นผอมเพรียว แต่งตัวตามกระแสนิยม ผู้ชายหล่อ ต้องรูปร่างล่าสัน แต่งตัวตามกระแสนิยม ต้นแบบความสวยหรือหล่อคือ นักร้อง นักแสดงท่ีปรากฏ ในสือ่ 2.2 วยั รุ่นวุ่นรัก วัยรุ่นวุ่นรัก คือ วัยรุ่นท่ีต้องการความรัก ความสนใจ และให้ความสาคัญกับ เรื่องของความรักระหว่างหนุ่มและสาว การมีแฟน หรือมองความรักเป็นบทเรียนของชีวิต แม้ว่าจะ อกหกั หรือผดิ หวัง แต่ความผิดหวังน้ันจะทาใหเ้ ตบิ โต แขง็ แกร่ง และมีมุมมองชวี ิตใหม่ ๆ 2.3 วยั รุ่นกลมุ่ แกง๊ วัยรุ่นกลุ่มแก๊ง คือ วัยรุ่นที่ให้ความสาคัญ กับเพื่อน มักใช้เวลาส่วนใหญ่ กับกลุ่มเพื่อนเพื่อทากิจกรรมต่างๆ มีความไว้ใจ หรือเช่ือใจในการปรึกษาและระบายเรื่องราว ปญั หาตา่ ง ๆ ใหเ้ พอ่ื นรบั ฟัง และชว่ ยกันหาทางแกไ้ ข 2.4 วัยร่นุ นกั ชอ็ ป วัยรุ่นนักช็อป คือ เป็นภาพวัยรุ่นที่สะท้อนผ่านโฆษณาและคอลัมน์ในส่ือยอดนิยม แสดงให้เห็นถึงความพยายามของวัยรุ่นในการสร้างตัวตน โดยการปรุงแต่งภาพลักษณ์ภายนอก ผ่านการบรโิ ภคสินคแ้ ละบรกิ ารต่าง ๆ จนเกิดเปน็ พฤตกิ รรมบรโิ ภคนยิ ม 2.5 วยั รนุ่ ไทยหัวใจเกาหลี วัยรุ่นไทยหัวใจเกาหลี คือ วัยรุ่นท่ีนิยมเปิดรับวัฒนธรรมและค่านิยมเกาหลี จากละคร เพลง และภาพยนตร์ จนเกิดเป็นกระแส K-POP หรือ Korean Popular Culture
95 ทีว่ ัยรุ่นไทยพยายามลอกเลียนแบบดารา นักรอ้ งเกาหลี ท้ังเร่ืองหน้าตา ทรงผม การแต่งกาย การกิน การเทีย่ ว หรอื การศกึ ษา 2.6 วยั รุ่นทีช่ ัดเจนในตัวเอง วัยรุ่นท่ีชัดเจนในตัวเอง คือ วัยรุ่นท่ีกล้าแสดงออก กล้าคิด กล้าทา มีเป้าหมาย ของตนเอง รู้วา่ ตนเองชอบหรือต้องการในสิ่งใด ตามลักษณะคนวัย Generation Why (Y) ที่ตอ้ งการ การเรียนรู้ท่ีหลากหลายและพร้อมที่จะเรียนรู้เร่ืองราวใหม่ ๆ นอกจากน้ียังมีความคิดสร้างสรรค์ มคี วามเช่ือมนั่ ในตนเองสูง มีเปา้ หมายในอาชพี การงาน หรอื การเรียนทชี่ ดั เจน ตัวอยา่ งบุคคลตน้ แบบ ของวยั รุ่นกลมุ่ นค้ี อื นกั ร้อง หรอื นักแสดง 2.7 วยั รุ่นวยั เอ็กซ์ วัยรุ่นวัยเอ็กซ์ คือ วัยรุ่นที่สนใจเรื่องเพศ ตั้งแต่การปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศผ่าน ภาพถ่าย แฟช่ัน อัลบั้มภาพ ไปจนถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ ซึ่งตามพัฒนาการช่วงวัยของวัยรุ่นนั้นจะเร่ิม สนใจและเร่ิมมีความต้องการทางเพศ เร่ิมแสวงหาวิธีการแสดงออกทางเพศท่ีเหมาะสม แต่เน้ือหาที่ ส่อื ยอดนยิ มนาเสนอสว่ นใหญม่ กั เป็นเรอ่ื งเพศท่ีไม่เหมาะสม 2.8 วยั รุ่นกบั เรือ่ งล้ลี บั วัยรนุ่ กับเร่ืองล้ีลับ คือ วัยรุ่นที่สนใจเน้ือหาความเชื่อเก่ียวกับเรื่องเหนือธรรมชาติ เร่ืองลี้ลับท่ีไม่สามารถพิสูจน์ได้ การทานาย การพยากรณ์ดวงชะตา ที่มีจุดมุ่งหมายเพ่ือความบันเทิง อาจเพราะช่วงวัยรุ่นเป็นวัยแห่งความอยากรู้อยากเห็น อยากแสวงหาคาตอบ ขณะที่เรื่องล้ีลับเหนือ ธรรมชาติเปน็ เร่อื งท่ีไม่มคี าตอบตายตัว จงึ เปน็ ที่สนใจของวยั รนุ่ 2.9 วยั รุน่ กลมุ่ ทางเลือก วัยรุ่นกลุ่มทางเลอื ก คือ วัยรนุ่ ที่มคี วามสนใจในเร่ืองทแี่ ตกตา่ ง เป็นประโยชน์ และ ไม่ตามกระแสของวัยรุ่นส่วนใหญ่ แต่ภาพวัยรุ่นกลุ่มนี้มักได้รับพ้ืนท่ีในส่ือยอดนิยมน้อยมาก อาจจาแนกวยั รุน่ กลมุ่ ทางเลอื กออกเป็นดังนี้ 2.9.1 วัยรุ่นหัวสร้างสรรค์ คือมีความคิดสร้างสรค์ สามารถประดิษฐ์สิ่งของที่มี อยู่เดมิ ให้แตกต่าง สวยงามในลกั ษณะ D.I.Y. (Do It Yourself) 2.9.2 วัยรุ่นนอกกระแส (เด็กแนว) เป็นวัยรุ่นท่ีมีความคิดเป็นของตนเอง ไม่ตาม กระแส (แต่ไม่ต่อต้าน) รักการเรียนรู้ สนใจเรื่องราวท่ีหลากหลาย แตกต่างไปจากกระแสส่วนใหญ่ ของสังคม 2.9.3 วัยรุ่นใฝ่รู้ คือวัยรุ่นที่สนใจเหตุการณ์ต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนในสังคมและเรื่องราว รอบตัวที่ส่งเสริมสติปัญญา และความรู้รอบตวั เชน่ ข่าว หรือเกร็ดความร้ดู ้านวิทยาศาสตร์ 2.9.4 วยั รุ่นใฝ่ธรรมหรอื ใฝ่ดี คอื วัยร่นุ ท่สี นใจในเร่อื งหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา หรือการทาความดที ี่สามารถนาไปปรับใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้
96 3. ปัจจัยท่เี ก่ียวขอ้ งกับการพฒั นาลกั ษณะภาพลกั ษณ์ของวยั รุน่ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อเด็กวัยรุ่นในการพัฒนาภาพลักษณ์ทางเพศ และสามารถแสดง บทบาทตามเพศของตนเองอยา่ งเหมาะสมน้ัน สว่ นหน่ึงมาจากตวั เดก็ วัยรุ่นเอง และอิทธิพลขัดเกลา ทางสังคมจากส่ิงแวดล้อม เช่น สื่อมวลชน เพื่อน พ่อแม่ ผู้ปกครอง ดารา นักแสดงท่ีช่ืนชอบ ดังนั้น รปู แบบพฤติกรรมการแสดงออกซ่ึงแสดงความเป็นหญิงและความเป็นชาย จงึ ถูกกาหนดดว้ ยตัวแบบ ในสังคมทส่ี ะท้อนให้เห็นภาพของการแสดงบทบาททางเพศในหลายรูปแบบ เดก็ วยั รุ่นสามารถซมึ ซับ และได้รับการปลูกฝังความคิด ค่านิยมจากสิ่งท่ีเห็น ได้ยิน และรับรู้จากปัจจัยเหล่าน้ีด้วยภาพ ของความเป็นเพศชาย เพศหญิง และเพศอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง ซ้าแล้วซ้าเล่าจนกลายเป็นการนาไปสู่ กระบวนการพัฒนาการเป็นตัวตนในเร่ืองเพศของตนเอง ในกลุ่มวัยรุ่นที่ประสบความยากลาบาก ในการสร้างภาพลักษณ์ทางเพศของตนเองจากความสามารถท่ีจากัดของตน และความคาดหวงั ของ สังคม โดยเฉพาะวัฒนธรรมที่กาหนดลักษณะของเพศ และพฤติกรรมของชายหญิงท่ีเข้มงวด และเฉพาะเจาะจง (Stereotype) อาจก่อให้เกิดปญั หาเก่ียวกบั เพศได้ ปัจจัยทีเ่ กย่ี วข้องกับการพฒั นา ลกั ษณะภาพลกั ษณข์ องวัยรนุ่ มดี งั นี้ (ชุมาภรณ์ ฝาชยั ภมู ิ, 2559, น. 205-208) 3.1 ปัจจัยภายในของเดก็ วัยร่นุ ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อเด็กวัยรุ่นในการพัฒนาภาพลักษณ์ทางเพศ ส่วนหนึ่งมาจาก ปัจจยั ภายในของเด็กวยั รุ่น ไดแ้ ก่ 3.1.1 ปัจจัยทางชวี วิทยา พบว่าโครโมโซมและฮอรโ์ มนเพศ มีอิทธพิ ลตอ่ พัฒนาการ ทางเพศและการพัฒนาภาพลักษณ์ทางเพศ ทั้งน้ีผลจากความแตกต่างของฮอร์โมนในร่างกาย กล่าวคือ เพศชายมีฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) ส่วนผู้หญิงมีฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ผลของฮอร์โมนในร่างกายทาให้เกิดความแตกต่างของลกั ษณะ ภายนอกและพฤติกรรมของท้ังหญิงและชาย ซ่ึงส่งผลให้เกิดความแตกต่างระหว่างเพศชายและ เพศหญิงในเรื่องสรีระรูปร่าง และพละกาลงั ของกล้ามเน้ือ ซง่ึ ถือปัจจัยทางชีววิทยาเปน็ ปัจจยั เบือ้ งต้น ท่ีทาให้เพศชายและเพศหญงิ มีความแตกตา่ งกัน 3.1.2 ปัจจัยทางจิตวิทยา การศึกษาภาพลักษณ์ทางเพศในเด็กวัยรุ่นไทย พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการรับรู้ ภาพลักษณ์ทางเพศเด็กวัยรุ่นจะมีความคิดความเช่ือ ทัศนคติส่วนบุคคล รวมทั้งค่านิยมท่ีเปน็ ส่วนบุคคล และส่งผลต่อการกระทาหรือการปฏิบัติพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่น นอกจากนี้ยังพบว่า การเห็นคุณค่าในตนเองเป็นปัจจัยทางจิตวิทยาท่ีมีผลต่อวัยรุ่นตอนต้น โดยเดก็ ชายจะรู้สึกในเชงิ บวกตอ่ ตนเองมากกว่าเด็กหญิงในระยะเร่ิมต้นเข้าสู่วยั หนุ่มสาว 3.2 ปัจจัยภายนอกของเดก็ วัยรุ่น นอกจากปัจจัยภายในของเด็กวัยรุ่นดังกล่าวมาแล้ว ปัจจัยภายนอกของเด็กวัยรุ่น ก็มีอิทธพิ ลตอ่ การพฒั นาภาพลกั ษณ์ทางเพศดว้ ย ซึ่งสามารถอธิบายรายละเอยี ดได้ ดังนี้
97 3.2.1 ครอบ ครัว เป็น ที่ยอ มรับกั น ว่า ครอ บ ครัวมีบ ทบ าท สาคัญ ที่ สุด ในการหล่อหลอมความเป็นมนุษย์ของบุคคลตั้งแต่เกิด พ่อแม่คือบุคคลสาคัญที่เป็นแหล่งพัฒนา ทัศนคติ ค่านิยม ความเชื่อเกี่ยวกับชีวิต ครอบครัวจึงมีอิทธิพลต่อเด็กในการเริ่มต้นหล่อหลอม บรู ณาการส่ิงต่าง ๆ ไปส่คู วามคดิ ความเชื่อของเด็กว่าอะไรที่เด็กเป็นเหมือนครอบครัวหรือที่เด็กเป็น แตกต่าง ครอบครัวจึงเป็นสถาบันทางสงั คมท่ีมีอิทธพิ ลต่อพฤติกรรมมนุษย์ รวมถงึ พฤติกรรมทางเพศ ด้วย ดังน้ันครอบครัวจึงเป็นส่วนหนึ่งที่วัยรุ่นได้รับการปลูกฝังเร่ืองความรู้ ความเข้าใจ เจตคติ และ พฤติกรรมทางเพศท่ีเหมาะสม รวมท้ังปลูกฝังทัศนคติท่ีเกี่ยวกับเรื่องเพศไปในทางท่ีดี จะทาให้วัยรุ่น สามารถปฏิบัติตัวในเร่ืองความสัมพันธ์ระหวา่ งเพศในด้านตา่ งๆ ไดอ้ ย่างถูกต้องและเหมาะสมมากขน้ึ การปลูกฝังทัศนคติที่ดีควรเร่ิมท่ีบ้าน พ่อแม่ควรทาหน้าท่ีในการสร้าง สมั พันธภาพ การให้ความอบอนุ่ ความรัก และความเข้าใจอนั ดีภายในครอบครวั เพ่อื ให้วยั รุ่นสามารถ พฒั นาเข้าส่วู ัยผ้ใู หญ่ทมี่ ีคณุ ภาพในอนาคต ซง่ึ ถือวา่ พ่อแม่เป็นครูคนแรกทีม่ อี ิทธพิ ลตอ่ การพัฒนาการ ทางเพศ และอยู่ในฐานะเป็นตัวแบบที่สาคัญ พ่อแม่ผู้ใหญ่ในครอบครัวจะต้องทาความเข้าใจ พัฒนาการทางเพศ และการเล้ียงดูเด็กให้มีทัศนคติท่ีเหมาะสมในเรื่องเพศ มีบทบาททางเพศที่ เหมาะสม การปฏบิ ัติของพอ่ แมห่ รือผู้ใหญ่ในครอบครัวในฐานะชายหญิงที่มีต่อตนเอง ต่อกนั และกัน ตอ่ ลูก และต่อคนอื่น ถือเป็นค่านิยมหรอื ความคิดของครอบครัวท่ีหล่อหลอมให้เด็กได้เรียนรบู้ ทบาท ชายและหญิง ครอบครัวจึงมีบทบาทสาคัญต่อการพัฒนาภาพลักษณ์ทางเพศ ครอบครัว จงึ มอี ิทธพิ ลอย่างมากตอ่ เด็กที่จะพัฒนาทางเพศของตนไปเป็นหญิงหรือชาย การอบรมเลี้ยงดจู ะเป็น ปัจจัยที่กาหนดเพศ (Sex Designation) ของเด็ก ตามปกติแล้วพ่อแมแ่ ละผู้ใหญ่จะปฏิบัตติ อ่ เด็กหญิง และเดก็ ชายต่างกันตั้งแต่แรกเกิด เช่น คาพูดที่พูดด้วยความอ่อนโยน การจับต้องตัวเด็ก การชมเชย ของผใู้ หญ่ก็มสี ่วนกลอ่ มเกลาเด็กใหม้ ีพฤติกรรมตรงกบั เพศของตนได้ การเป็นแบบอยา่ งที่ดขี องพอ่ แม่ โดยเฉพาะการเรียนรู้ภาพลักษณ์ทางเพศ เด็กต้องมาเรียนรู้ภายหลังจากที่สังคมกาหนดว่าเพศใด มีบทบาทอย่างไร โดยการเอาอย่างผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิด โดยเฉพาะพ่อแม่ซึ่งเป็นบุคคลท่ีเด็กรักและ นับถือมาก พ่อแม่จึงเป็นแบบอย่างให้เด็กได้ทาตาม โดยเป็นแบบอย่างท่ีดีให้ลูกการเลี้ยงดูของ ครอบครวั มีความเกี่ยวขอ้ งกับการสรา้ งภาพลกั ษณท์ างเพศเป็นอย่างมาก 3.2.2 ส่ือมวลชน มีผลต่อการรับรู้ของบุคคลในเร่ืองภาพลักษณ์ทางเพศที่เก่ียวกับ เพศสภาพความเป็นตัวตนทางเพศและคุณลักษณะของความเป็นหญิงเป็นชาย เด็กวัยรุ่นต้องการ ทันสมัยนาแฟช่ันตามแบบอย่างท่ีเห็นจากโฆษณา ซึ่งเป็นอิทธิพลของส่ือในยุคบริโภคนิยม สื่อเป็น ปัจจัยที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาภาพลักษณ์ทางเพศและเป็นส่ิงสะท้อนคุณค่าและอุดมคติ เกย่ี วกบั เพศ สะทอ้ นใหเ้ หน็ ภาพของผู้หญิงและผู้ชาย ตลอดจนความสมั พันธ์ของท้งั สองเพศตามแบบ อดุ มคติ และทาใหผ้ รู้ ับขา่ วสารเข้าใจว่าแบบไหนคอื ผ้หู ญงิ ผ้ชู าย
98 3.2.3 สิ่งแวดล้อม สังคมและส่ิงแวดล้อมที่รายรอบวัยรุ่นเป็นปัจจัยสาคัญท่ีมีผล ตอ่ การพฒั นาภาพลักษณ์ทางเพศ เช่น สภาพแวดลอ้ มทัว่ ไป โรงเรยี น ครู และเพอื่ น ดังตอ่ ไปน้ี 1) สภาพแวดล้อมทั่วไป ระบบเศรษฐกิจและโครงสร้างทางสังคมเป็นปัจจัย หน่ึงท่ีทาให้เกิดการพัฒนาภาพลักษณ์ทางเพศ กล่าวคือ การให้คุณค่าระบบการทางานที่ทาให้เกิด ความต้องการคุณลักษณะของบุคคลท่ีแตกต่างกัน ทาให้มีการกาหนดบทบาทและลักษณะงานท่ี แตกต่างกันของผู้หญิงและผู้ชาย และส่งผลต่อการบ่มเพาะเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายให้เกิดเป็น บคุ ลิกภาพแบบผู้หญิงและแบบผ้ชู าย เพ่อื ให้สอดคลอ้ งกบั ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ของระบบเศรษฐกจิ 2) โรงเรียน เด็กใช้เวลาอยู่โรงเรียนรองจากการอยู่บ้านกับครอบครัว และ การทากิจกรรมอื่น ๆ บรรยากาศของโรงเรียนมีความสาคัญในฐานะเป็นบริบทสังคมหนึ่งของวัยรุ่น การใช้ชีวิตในโรงเรียนและกลุ่มเพื่อนท่ีโรงเรียนมีส่วนเก่ียวข้องกับการพัฒนาภาพลักษณ์ทางเพศ ของเด็กไมว่ า่ จะเป็นบรรยากาศการเรียนที่มีความแตกต่างกันของเด็กผ้หู ญิงและเด็กผ้ชู าย การตอกย้า ภาพลักษณ์ทางเพศจากครู บรรยากาศการเล่นของกลุ่มเพ่ือนและโรงเรียนที่มีความต่างชนช้ัน หรือมีอิทธิพลต่อภาพลักษณ์ทางเพศ โดยถือว่าโรงเรียนไม่ใช่เป็นเพียงสถาบันการศึกษาให้ความรู้ เท่านั้น แต่ยังเป็นสถาบันท่ีถ่ายทอดและช่วยตอกย้าบทบาททางเพศที่เด็กได้เคยเรียนรู้มาแล้ว จากครอบครัว และประสบการณภ์ ายนอกครอบครวั อกี ด้วย 3) ครู เน่ืองจากเด็กใช้เวลาอยู่โรงเรียนกับครู การใช้ชีวิตในโรงเรียน รวมท้ัง การมีปฏิสัมพันธ์กับครู จึงมีอิทธิพลต่อการพัฒนาภาพลักษณ์ทางเพศของเด็กวัยรุ่น ครูที่โรงเรียน สามารถเป็นแนวทางเป็นแบบอย่างที่ดี หรือช้ีนาให้เด็กได้เรียนรู้การเปล่ียนแปลงต่าง ๆ ท่ีเผชิญอยู่ ทั้งดา้ นรา่ งกาย จิตใจ สงั คม และสติปัญญา รวมถงึ ครูสามารถถ่ายทอดความรู้ การตอกย้าภาพลักษณ์ ทางเพศจากครูผา่ นทัศนคติ รวมทั้งการปฏิบัติของครูทไ่ี ม่เลือกปฏิบัติ ล้วนแต่มีอิทธพิ ลต่อการพัฒนา ภาพลักษณ์ทางเพศ ครูท่ีโรงเรียนสามารถส่งเสริมภาพลักษณ์ทางเพศด้วยการส่งเสริม สนับสนุน การแสดงออกของเดก็ วยั รุ่นตามความสนใจ และความถนัด 4) เพื่อน กลุ่มเพ่ือนมีอิทธิพลสาคัญต่อการเตรียมเข้าสู่บทบาทความเป็น ผู้ใหญ่ของวัยรุ่น วัยรุ่นตอนต้นมักสนทิ สนมใกล้ชดิ กับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันและเปน็ เพศเดียวกัน เพ่ือนจึงมีอิทธิพลต่อการกระทาของวัยน้ี เด็กวัยรุ่นตอนต้นคุยกับเพื่อนมากกว่าพ่อแม่ เด็กวัยนี้ แสวงหาการยอมรับในกลุ่มเพ่ือนเป็นสาคัญ ต้องการเป็นท่ียอมรับของเพ่ือน จึงให้ความสาคัญ กับเพื่อน ใส่ใจความรู้สึกของเพื่อน และต้องการทาตามกลุ่มพ่ือนส่วนใหญ่ เด็กวัยรุ่นจะเชื่อถือ และไว้วางใจ หรอื ตอ้ งการขอ้ มลู จากเพื่อนมากกว่าพ่อแมห่ รือผู้ให้บรกิ ารสขุ ภาพ
99 บทสรุป พัฒนาการทางเพศ เป็นการเปลี่ยนแปลงในส่วนท่ีเกี่ยวกับแรงผลักดันทางเพศ บทบาท ทางเพศ และ พฤติกรรมทางเพศ ต้ังแต่วัยทารกจนถึงวยั ชรา ซ่ึงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ลักษณะประจาตวั ของบุคคลน้ัน อิทธพิ ลของสิ่งแวดล้อม และประสบการณ์ โดยทฤษฎตี ่างที่เกี่ยวขอ้ ง กบั เพศ ได้แก่ ทฤษฎีลปิ ิโด ทฤษฎเี ก่ียวกับปมปิตุมาต และทฤษฎเี ก่ียวกบั ความสขุ สดุ ยอดทางเพศ พัฒนาการเรื่องเพศเก่ียวข้องกับชีวิตตั้งแต่เด็ก การท่ีบุคคลได้เรียนรู้ธรรมชาติความเป็น จริงทางเพศ จะช่วยให้มีความรู้ มีทัศนคติ สามารถปรับตัวตามพัฒนาการของชีวิตอย่างเหมาะสม และมีพฤติกรรมถูกต้องในเรื่องเพศ เร่ืองเพศสามารถสอนได้ต้ังแต่เด็กยังเล็ก สอดแทรกไปกับ การส่งเสริมพัฒนาการด้านอ่ืน ๆ พ่อแม่ควรเป็นผู้สอนเบื้องต้น เม่ือเข้าสู่โรงเรียน ครูช่วยสอน ให้สอดคล้องไปกับท่ีบ้าน เม่ือเด็กเร่ิมเข้าสู่วัยรุ่น ควรส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่มีแนวทาง ท่ถี ูกต้อง ป้องกนั ปญั หาทางเพศท่อี าจเกดิ ตามมาในวัยรนุ่ หรือผูใ้ หญ่ การเปล่ียนแปลงทางเพศที่สาคัญมี 2 ขั้น คือ การเปล่ียนแปลงทางเพศข้ันต้น และ การเปลี่ยนแปลงทางเพศข้ันสอง สาหรับการเปล่ียนแปลงทางเพศในวัยรุ่นชาย ได้แก่ ลูกอัณฑะ จะขยายตัวใหญ่ข้ึน รวมถึงส่วนประกอบอ่ืน ๆ ของระบบสืบพันธ์ุ เช่น ต่อมลูกหมาก ถุงผลิตน้า หล่อเล้ียงอสุจิ และท่อเก็บอสุจิ ส่วนการเปลี่ยนแปลงทางเพศในวัยรุ่นหญิง ได้แก่ การเปลี่ยนแปลง ของเตา้ นม การเกิดขนทีห่ วั หนา่ ว และการมรี ะดูครง้ั แรก รวมถงึ การปฏสิ นธิที่เป็นการผสมกันระหวา่ ง เซลล์สืบพนั ธ์ุของชายอันได้แก่ อสุจิและเซลล์สืบพันธ์ุของหญิงอันได้แก่ ไข่ แล้วเกิดเป็นเซลล์ใหม่ข้ึน ซึง่ ถอื ว่าเปน็ การเร่ิมต้นของชีวิตมนษุ ย์ เดก็ วยั วุน่ ทีม่ ีการพัฒนาภาพลักษณ์ทางเพศท่ีไม่เหมาะสม มักขาดความมน่ั ใจในตนเองรู้สึก ว่าตนเองด้อยคุณค่า วัยรุ่นจะพยายามแสวงหาภาพลักษณ์ของตนเองจากแหล่งต่าง ๆ โดยเฉพาะ จากส่ือ และจะซึมชับหรือมีพฤติกรรมเลียนแบบสื่อในทางที่ผิด โดยในกลุ่มวัยรุน่ ชายพบว่า มักจะมี การซึมซับบทบาททางเพศของตนเก่ียวกับความเป็นชายสมบูรณ์แบบ จะต้องมีอารมณ์หุนหัน พลันแล่น เที่ยวกลางคืน ด่มื เหลา้ หรอื สูบบุหร่ี เปน็ ต้น
100 กจิ กรรมการเรยี นรู้ “รา่ งกายของฉัน” (การเปล่ยี นแปลงในชว่ งวัยรุ่น) ขัน้ ตอนการดาเนนิ การ 1. ผู้จดั การเรียนร้แู บ่งกลุ่มผเู้ รียนออกเปน็ 4 กลุ่มแยกกลุ่มชายล้วน 2 กลุ่มและกลุ่มหญิง ล้วน 2 กลมุ่ เพ่ือทากจิ กรรม “ร่างกายของฉัน” 2. ให้แต่ละกลุ่มวาดภาพโครงร่างสรีระตามเพศของตนเอง ระบบอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกาย และลักษณะสาคัญท่ีเกิดขึ้นหรือเปล่ียนแปลงเมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น พร้อมทั้งให้กลุ่มชาย เขียนอธิบายการเกิด “ฝนั เปียก” กลุ่มผหู้ ญิงเขยี นอธิบาย การมี “ประจาเดือน” เพ่ือทบทวนความรู้ เดิมเกี่ยวกบั พฒั นาการทางเพศของวัยรุ่น ให้เวลา 15 นาที 3. ให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มนาเสนอ กลุ่มละ 5 นาที โดยนาเสนอทีละเพศ และช้ีให้เห็น ความเปลยี่ นแปลงสาคัญเกย่ี วกับรา่ งกายจุดต่าง ๆ ระหว่างเพศเดยี วกนั และตา่ งเพศ 4. ผู้จัดการเรียนรู้ชวนคุย เพื่อแลกเปล่ียนเก่ียวกับการเติบโตของร่างกายท่ีนาไปสู่ การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ จิตใจของวัยรุ่น เช่น การเป็นสิว มีหน้าอก เสียงเปลี่ยน มีขนข้ึน มีกล่ินตัว มีอารมณเ์ พศ ถามผเู้ รยี นว่า - ความรู้สึกท่ีเกิดขึ้นในช่วงดังกล่าว เม่ือมีความกังวล หรือข้อสงสัยในช่วงน้ัน ผู้เรียน ปรึกษาใคร - การเปลยี่ นแปลงทางร่างกายในช่วงวัยรุ่นของแต่ละคนเกิดข้นึ พร้อมกันหรือไม่ ในกรณี ทบ่ี างคนมกี ารเปลยี่ นแปลงเร็วหรือช้า ส่งผลกระทบตอ่ วัยรุ่นคนน้ันอยา่ งไรบ้าง 5. ผจู้ ัดการเรียนรู้ ใหผ้ ู้เรียนแต่ละคนย้อนทบทวนประสบการณ์ตนเองในชว่ งวัยรุ่น โดยให้ ตอบคาถามต่อไปน้ี ใหเ้ วลา 10 นาที - ประสบการณ์ของตนเองเก่ียวกับการเปล่ยี นแปลงในช่วงวยั ร่นุ ทจี่ าได้ คือ - ในช่วงวยั รนุ่ เราเรียนร้เู ร่อื งเพศจากแหลง่ ใดบา้ ง และเรียนรเู้ ร่ืองอะไร 6. ขออาสาสมคั รจากผเู้ รียน 3 - 4 คน ให้เลา่ ประสบการณ์ 7. ผู้จดั การเรียนรู้ควรบันทึกคาตอบจากการอภปิ ราย และเชอื่ มโยงใหเ้ หน็ เร่ืองเพศที่วยั รุ่น สนใจ และชี้ให้เห็นถึงประเด็นเน้ือหาท่ีสามารถนาไปจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับวัยรุ่นได้ อาทิ การดูแลสุขอนามัย ความเช่ือเกีย่ วกับขนาดของอวัยวะเพศ การสาเร็จความใคร่ หรือความรู้สึกไม่ดีต่อ ตัวเองหากมรี ูปรา่ งไมผ่ อม ขาว สวย ซ่งึ เรียนร้มู าจากเพื่อน สอ่ื คนรอบข้าง เปน็ ต้น ถามผูเ้ รยี นว่า - วยั ร่นุ จาเป็นต้องเรยี นรเู้ กยี่ วกับตวั เองในเรือ่ งใดบา้ ง
101 8. ผู้จัดการเรียนรู้เชื่อมโยงให้เห็นร่วมกันว่าส่วนหน่ึงของการเปล่ียนแปลงเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น คอื การเกิดอารมณ์เพศ และความสามารถในการสืบพนั ธุ์ซึง่ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ถามผู้เรียนเพ่ือ นาไปสปู่ ระเด็นการเรียนรเู้ รื่องความรบั ผิดชอบต่อพฤตกิ รรมทางเพศของตนเอง โดยใช้คาถามดังนี้ - การเปลีย่ นแปลงทางพฤติกรรมในชว่ งวยั รนุ่ ทแี่ สดงให้เห็นถึงพฒั นาการด้านความรสู้ ึก ทางเพศ หรืออารมณเ์ พศ มอี ะไรบา้ ง - การมปี ระจาเดือนและฝนั เปียก มีความสัมพันธก์ ับการตงั้ ครรภ์อย่างไร - การตง้ั ครรภ์เกิดขน้ึ ได้อย่างไร - ความพร้อมสาหรบั การมีเพศสมั พนั ธ์มอี ะไรบ้าง - หากมกี ารต้งั ครรภ์ในระหวา่ งเรียนหนังสือ อาจเกิดอะไรขน้ึ ไดบ้ า้ ง
102 กจิ กรรมการเรยี นรู้ กรณีศกึ ษา “แนนกับบอย” ขั้นตอนการดาเนินการ 1. แบ่งกลุ่มตามเติม แจกใบงาน กรณีตัวอย่าง “แนนและบอย” โดยให้กลุ่มชายเป็น “บอย” และกลุ่มหญงิ เป็น “แนน” เพ่อื วิเคราะหแ์ ละระดมความคติ ตามโจทย์ทร่ี ะบุในใบงาน ให้เวลา 15 นาที “แนน” เป็นนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 6 เป็นลกู สาวคนเดยี วของพ่อแม่ แนนมแี ฟน เป็นรนุ่ พ่ีซงึ่ เคยเรียนอยโู่ รงเรียนเดียวกนั ชื่อ “บอย” ซ่งึ ปจั จบุ ันเรียนทมี่ หาวิทยาลยั ราชภฏั แห่งหน่ึง กาลงั อย่ชู ัน้ ปที ี่ 2 ท้ังครู่ ู้จักกนั มานานเพราะอยู่บา้ นใกลก้ นั และมีเพศสัมพันธ์กนั เม่ือบอยเรียนอยชู่ ้นั ปีท่ี 1 วันหนึง่ แนนร้สู ึกตัวประจาเดือนไมม่ าตามปกติ จึงไปซ้อื เครอ่ื งมอื ตรวจการตั้งครรภ์จากคลนิ ิกในเมืองมาทดสอบด้วยตนเอง และผลตรวจท้งั สองคร้ัง พบว่า ตวั เองตั้งทอ้ ง แนนจึงรบี โทรศัพทไ์ ปหาบอย และนัดให้ออกมาคุยกัน โจทย์ 1. แนน หรือ บอย จะรู้สึกอย่างไรกบั เรือ่ งที่เกดิ ขึ้น 2. แนน หรอื บอย จะจดั การกับเร่ืองที่เกิดข้ึนอย่างไร 2. ให้เวลาแต่ละกลุ่มนาเสนอ 3 นาที โดยซักถามเพิ่มเติมถึงรายละเอียต ความเป็นไปได้ ในการจัดการปัญหา ผลกระทบอ่ืน ๆ ท่ีอาจเกิดขึ้น และตั้งข้อสังเกตความแตกต่างในเร่ืองความรู้สึก ต่อปัญหาท่ีเกิดข้ึนระหว่างเพศหญิงเพศชาย และวิธีการจัดการปัญหาแต่ละรูปแบบ ตัวอย่างคาถาม ทีใ่ ช้เพ่อื กระตนุ้ การแลกเปล่ยี น - ถ้าต้องเลอื กวิธกี ารแก้ปญั หาโดยการตดั สินใจเพยี งอยา่ งเดียว จะเลอื กวิธีการใด เพราะ อะไร (กรณที ีก่ ล่มุ ตอบหลายวิธกี าร) - ความแตกตา่ งของวิธีการจดั การและตัดสนิ ใจระหว่างบอยและแนนเป็นอย่างไร - รูปแบบและวธิ ีการจัดการปญั หาแตกต่างกนั หรือไม่ - หากเป็นการตั้งครรภ์ท่ีไม่พึงประสงค์ และไม่พร้อมที่จะตั้งครรภ์ต่อ จะมีทางเลือก อะไรบา้ ง - การทาแทง้ ถอื เปน็ ทางเลือกหรอื ไม่ เพราะเหตุใด - ในกรณีทีเ่ ลอื กยตุ กิ ารต้ังครรภ์ จะสามารถปรึกษาเรื่องการรบั บริการได้ที่ไหน อย่างไร 3. ผู้จัดการเรียนรู้ ชวนสรุปถึงการมีเพศสัมพันธ์แบบรับผิดชอบ และการคานึงผลกระทบ ต่อเพศหญิงและเพศชายในกรณีท่ีมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน โดยย้าประเด็นเรื่องวิธีการป้องกัน
103 ไม่ให้ท้องที่ดีท่ีสุดคือ “การไม่มีเพศสัมพันธ์” แต่หากคิดว่าไม่สามารถทาได้ จาเป็นต้องเลือกวิธีการ ปอ้ งกนั ที่มีประสทิ ธภิ าพทงั้ ในการป้องกนั ท้องและปอ้ งกนั โรค 4. ผู้จัดการเรยี นรู้ ใช้คาถาม เช่น - ถ้าเราย้อนกลับไปแก้ไขอดีตของแนนและบอย เราจะกลับไปแก้ไขเร่ืองไหน หรือเริ่ม จากทใี่ ด - มวี ิธีการคุมกาเนิดแบบใดบ้าง และวธิ กี ารใดท่ีวัยรุ่นนยิ มใชม้ ากท่ีสุด - ข้อดีและขอ้ เสียของวิธกี ารคมุ กาเนิดแตล่ ะแบบเปน็ อย่างไร - ความเสี่ยงจากการมเี พศสมั พนั ธโ์ ดยไมป่ อ้ งกนั มอี ะไรบา้ ง ในข้ันตอนนี้ สามารถใช้ชุดอุปกรณ์และเคร่ืองมือการคุมกาเนิดประกอบการอภิปราย หรือเพิ่มเติมความรู้เรื่องการคมุ กาเนิดแบบต่างๆ โดยเน้นวิธีการท่ีวัยรุ่นนิยมเลือกใช้ ได้แก่ การหล่ัง ข้างนอก การนับระยะปลอดภัย (หน้า 7 หลัง 7) การใช้ยาเม็ดคุมกาเนิด การใช้ยาคุมฉุกเฉิน การใช้ ถงุ ยางอนามยั 5. สรุปการเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อให้ผู้เรียนเช่ือมโยงการเรียนรู้จากกรณีของแนนและบอย เข้าสูป่ ระเดน็ การจดั การเรียนรู้สาหรบั วยั ร่นุ เร่ืองอนามยั เจรญิ พนั ธุ์ โดยใช้คาถาม คือ - ปญั หาการต้งั ทอ้ งในภาวะทีไ่ มพ่ ร้อมหญงิ และชายควรมคี วามรบั ผิดชอบอย่างไรบ้าง - การสอนวัยรุ่นในเร่อื งวิธกี ารคุมกาเนิดจาเป็นหรอื ไม่ เพราะอะไร - การเรียนรู้เรื่องวิธีการคมุ กาเนิดควรเริม่ ตง้ั แตเ่ มอ่ื ไร เพราะเหตุใด
104 กจิ กรรมการเรยี นรู้ “เส้นสมมติ” ขั้นตอนการดาเนนิ การ 1. ก่อนดาเนินกิจกรรมผู้จัดการเรียนรู้เตรียมนาเชือกฟางติดลงบนพื้นห้องให้มีความยาว ทส่ี ามารถขงึ เชอื กจากมุมหอ้ งต้นหนึ่งทแยงมาอกี ต้นหนง่ึ ได้ 2. อธิบายกิจกรรม “เส้นสมมติ” วา่ เชือกเสน้ น้ี ปลายสุดของด้านหน่ึงของเส้นคือ “ชาย” และปลายสุดอีกด้านหน่ึงคือ “หญิง” และมีจุดกึ่งกลางของเส้นดังกล่าว ให้แต่ละคนคิดถึงตัวเองใน เรื่องความเป็นชายความเป็นหญิงและหาจุดท่ีจะยืนบนเส้นดังกล่าว ซ่ึงสามารถอธิบายตัวเอง ว่ามีลักษณะของความเป็นหญิงและชายอย่างไร จึงไปเลอื กยนื ท่ีจดุ น้ัน 3. หลังจากทุกคนหาจุดที่จะยืนได้แล้ว ให้ทุกคนนั่งลงบนพ้ืน สุ่มถามผู้เรียนที่น่ังอยู่จาก ปลายสุดของเส้นไปจนถึงอีกปลายหน่ึง ใหไ้ ด้ไมน่ ้อยกว่า 10 คน และบันทึกคาตอบลักษณะของหญิง และชาย จากเหตุผลที่แตล่ ะคนไดอ้ ธบิ าย โดยใช้คาถามดงั น้ี - ทีเ่ ลือกนงั่ ในตาแหน่งนั้นๆ มเี หตุผลอยา่ งไร - มีความเป็นหญิง เป็นชายของตัวเราอยา่ งไร ในการเลอื กยืนในตาแหน่งน้ัน ผ้จู ัดการเรยี นรคู้ วรถามเพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนไดอ้ ธบิ ายลกั ษณะหญิงชายของตนเอง 4. ผู้จัดการเรยี นรู้จดประเด็นหลกั จากเหตผุ ลท่ีแต่ละคนอธิบาย ความเป็นชาย/ความเป็น หญิงของตวั เองเพือ่ นามาวิเคราะหร์ ่วมกัน 5. ผู้จดั การเรียนรชู้ วนพูดคยุ แลกเปลี่ยนจากกจิ กรรม - จากประสบการณ์ของเรา สิ่งท่ีมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้/รับรู้ ความคิดทัศนะ และ การดาเนินชีวิตในเร่ืองเพศของเราคืออะไรบ้าง อาจขอให้ผู้เรียนลองยกตัวอย่าง หากพร้อมท่ีจะเล่า ประสบการณข์ องตวั เองในเร่ืองน้ี - คิดว่ากรอบดังกล่าว ส่งผลอย่างไรต่อตัวเอง หรือต่อความคาดหวังของคนอื่น (ครอบครัว/สงั คม) ทม่ี ีตอ่ เราในฐานะทเี่ ปน็ หญงิ /ชายอยา่ งไรบ้าง และเรารูส้ ึกอยา่ งไร 6. ผู้จัดการเรยี นรู้ชวนวิเคราะห์ - รู้สึกอย่างไรกับจุดยืนของตัวเองและเคยมปี ฏิกิรยิ าจากคนรอบตัวหรือไม่อยา่ งไร - อะไรทีเ่ ปน็ ตวั กาหนด ความเปน็ หญงิ /ชายของเรา - ถ้ามีปัจจัยหลายอย่างท่ีกาหนดความเป็น “หญิง” “ชาย” ไม่ว่าจะเป็นชีวภาพ ประวัติศาสตร์ สังคม วัฒนธรรม ศาสนา ปัจจัยเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ อย่างไร ใครจะเป็น คนเปล่ียน
105 7. ผู้จัดการเรียนรู้ช้ีให้เห็นสาระสาคัญในเร่ือง กระบวนการหล่อหลอมทางสังคมในเร่ือง บทบาททางเพศ ซ่งึ สง่ ผลต่อความคาดหวงั และการให้คุณค่าที่ไมเ่ ท่ากนั ระหว่าง “ชาย” และ “หญงิ ” ซ่ึงส่งผลกระทบในทางลบต่อสขุ ภาวะทางเพศและความสมั พนั ธ์ 8. นอกจากนั้น การไม่ยอมรับความแตกต่าง อาจส่งผลกระทบต่อคนท่ีไม่สามารถทาได้ ตามแบบอย่างหรือกรอบท่ีสังคมกาหนด เช่น การปกปิดตัวเอง ไม่กล้าเปิดเผย ในขณะเดียวกัน การไม่เปิดรับของสังคมบางกลุ่ม ทาให้ไม่เปิดกว้างสาหรับการอยู่ร่วมกับคนท่ีมีความแตกต่าง หรือ นาไปสู่การปฏิบัติ ในทางลบต่อผู้ท่ีแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ในรูปแบบต่างๆ เช่น การละเมิด ด้วยคาพูด ล้อเลียน ทาให้โดดเดี่ยว ใช้สายตาดูถูก ดูหมิ่น หรือไปจนถึงข้ันลงมือทาร้าย และ ใช้ความรนุ แรงต่อกัน
106 กิจกรรมการเรยี นรู้ หนังสนั้ “แบบทดสอบ (A Test Kit)” ขั้นตอนการดาเนนิ การ 1. ฉายหนังส้ัน เรื่อง “แบบทดสอบ (A Test Kit)” (ยาว 13 นาที) ซ่ึงมีเน้ือหาเกี่ยวกับ เรอื่ งเพศและความหลากหลายทางเพศจากมมุ มองนักวิชาการและคนทั่วไป 2. เม่ือฉายหนงั จบแล้ว แบ่งผ้เู รียนเป็น 4 กลุม่ คละเพศหญิงชาย เพ่อื ฝกึ หัดการออกแบบ การเรียนรู้ โดยใช้เทคนิคการต้ังคาถามท่ีนาไปสู่การเรียนรู้เกี่ยวกับเร่ืองเพศและความหลากหลาย ทางเพศ โดยใหแ้ ต่ละกลุม่ - กาหนดประเด็นหรือหัวขอ้ ท่ีต้องการให้นกั เรียนชน้ั มัธยมปลายได้เรยี นรู้ - ตัง้ คาถามให้เกิดการแลกเปลย่ี นอยา่ งนอ้ ย 4 คาถาม 3. ให้เวลา 20 นาที แล้วให้แต่ละกลุ่มนาเสนอ ใช้เวลากลุ่มละ 3 นาที และเพื่อนร่วมช้ัน ซกั ถามเพ่ิมเติม หรอื ต้งั ข้อสงั เกตวตั ถปุ ระสงคข์ องคาถามกับความสมั พันธข์ องสอ่ื ท่ใี ช้ 4. สรุปการเรียนรู้โดยเนน้ ประเด็นท่ีผู้เรียนจะสามารถนาไปใช้ตอ่ ในฐานะครใู นอนาคตหรือ การดาเนินชีวิตของตนเอง คือ การสร้างความเข้าใจถึงที่มาของบรรทัดฐาน อคติ มายาคติเก่ียวกับ เร่ืองเพศท่ีเกิดขึ้นจากวัฒนธรรมประเพณี และการลดอคติ มายาคติ ต่อเพศหญิง เพศชาย เพศทางเลือก และการส่งเสริมค่านิยมความเชื่อที่สนับสนุน ความรับผิดชอบร่วมกันในเรื่องเพศ รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมท่ีเอ้ืออานวยให้หญิงชายสามารถผชิญสถานการณ์ วิถีชีวิตทางเพศ ของตวั เองได้อยา่ งเทา่ ทนั
107 คาถามทา้ ยบท จงตอบคาถามต่อไปนี้ โดยอธิบายพรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ 1. จงอธบิ ายความหมายของพัฒนาการทางเพศโดยสังเขป 2. เป้าหมายของพัฒนาการทางเพศคืออะไร จงอธบิ าย 3. จงอธิบายและยกตัวอยา่ งทฤษฎที ี่เกย่ี วขอ้ งกับเพศ 4. พฒั นาการทางเพศในวัยต่างๆ มีความเหมอื นหรอื แตกตา่ งกันอยา่ งไร จงอธบิ าย 5. จงอธิบายและยกตวั อยา่ งระบบสบื พนั ธุข์ องเพศชายและเพศหญิง 6. จงอธิบายการเปลยี่ นแปลงและการพัฒนาลักษณะทางเพศ 7. การเปลยี่ นแปลงทางเพศในวัยร่นุ ชายและวยั รนุ่ หญงิ มอี ะไรบา้ ง จงอธบิ าย 8. จงอธบิ ายแนวปฏบิ ตั อิ ย่างเหมาะสมกับการเปล่ียนแปลงของวยั รุ่น 9. กระบวนการปฏิสนธกิ าเนิดชีวติ เกดิ ข้ึนไดอ้ ยา่ งไร จงอธบิ าย 10. จงยกตวั อย่างภาพลกั ษณข์ องวัยรุน่ ไทยท้ังในอดตี และปัจจบุ ัน
108 เอกสารอา้ งองิ กิจจา บานชื่น ฐณิ ีวรรณ วุฒิวิกยั การ และวรฑา ไชยาวรรณ. (2562). เพศวถิ ีศึกษา. นนทบุรี: รัตนโรจนก์ ารพิมพ.์ จันทร์วภิ า ดิลกสมั พันธ.์ (2548). เพศศกึ ษา. พิมพ์ครัง้ ที่ 3. กรงุ เทพฯ: ศิลปาบรรณาคาร. เจมิ ศักด์ิ ปน่ิ ทอง. (2550). มองพัฒนาการสังคมไทย ผ่านประเด็น “อตั ตลักษณท์ างเพศ” ผ่านสภา ร่างรฐั ธรรมนญู . สืบคน้ 31 พฤษภาคม 2561 จาก http://www.manager.co.th/Daily/ ViewNews.aspx?NewsID=9500000076558. ชุมาภรณ์ ฝาชยั ภูมิ. (2562). เพศวิถีศึกษา. กรงุ เทพฯ: ซเี อด็ ยเู คช่ัน. ประวทิ ย์ สนุ ทรสมี ะ. (2526). กายวิภาคศาสตรแ์ ละสรรี วิทยา เล่ม 1,2. กรุงเทพฯ: ชนะการพิมพ์. ปานเดชา ทองเลศิ . (2562). เพศวิถีศกึ ษา. นนทบรุ :ี รัตนโรจน์การพิมพ.์ ศยิ พร กล่าทวี และประพล นลิ ใหญ่. (2562). เพศวิถีศึกษา. นนทบรุ ี: รตั นโรจน์การพิมพ์. สินรี ัตน์ โชตญิ าณนนท.์ (2550). บทบาทของเพศ บทบาททางเพศ และความเป็นปจั เจกนิยม- คติรวมหมตู่ อ่ การเสยี ใจภายหลัง และเป้าหมายการควบคุม. วทิ ยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาจติ วิทยาสงั คม จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. สุชาติ โสมประยูร และวรรณี โสมประยรู . (2531). เพศศกึ ษา. พมิ พ์คร้ังท่ี 3. กรงุ เทพฯ: ไทยวฒั นา พานิช. องคก์ ารแพธ (PATH). (2550). กา้ วยา่ งอย่างเขา้ ใจ: คู่มือการจัดกระบวนการเรียนรู้เพศศึกษาระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ รหัสวิชา 2000-1612. กรุงเทพฯ: Geometric. อุทมุ พร แก้วสามศรี และคณะ. (2562). เพศวถิ ศี ึกษา. นนทบรุ ี: รัตนโรจน์การพมิ พ์. เอนก อารพี รรค และสุวัทนา อารพี รรค. (2539). เรยี นรเู้ รื่องเพศ. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั .
แผนบรหิ ารการสอนประจาบทท่ี 3 สขุ ภาพทางเพศ วัตถุประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม เม่อื ศกึ ษาบทเรียนนีจ้ บแล้ว นกั ศึกษาควรมีพฤติกรรมดังน้ี 1. อธิบายความหมายของสขุ ภาพทางเพศได้ 2. อธบิ ายความสาคัญของสขุ ภาพทางเพศได้ 3. ระบกุ ารปฏิบัติตนเพือ่ สขุ ภาพทางเพศของวยั ร่นุ ได้ 4. อธิบายสุขปฏบิ ัตเิ กีย่ วกบั อวัยวะเพศได้ 5. บอกการดแู ลรักษาความสะอาดอวัยวะเพศได้ 6. อธิบายการคุมกาเนดิ ได้ 7. ระบุและยกตวั อยา่ งโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ได้ 8. อธบิ ายความรูเ้ กยี่ วกับเชอื้ เอชไอวีและโรคเอดส์ได้ เนื้อหาสาระ เน้อื หาสาระในบทนีป้ ระกอบดว้ ย 1. ความหมายของสุขภาพทางเพศ 2. ความสาคัญของสุขภาพทางเพศ 3. การปฏบิ ัติตนเพ่อื สุขภาพทางเพศของวัยรุ่น 4. สุขปฏิบตั ิเกย่ี วกับอวยั วะเพศ 5. การดแู ลรักษาความสะอาดอวัยวะเพศ 6. การคุมกาเนดิ 7. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 8. ความรเู้ กีย่ วกบั เชอ้ื เอชไอวีและโรคเอดส์
110 กจิ กรรมการเรยี นการสอน กิจกรรมการเรียนการสอนเร่อื งสุขภาพทางเพศ มดี งั นี้ สปั ดาหท์ ี่ 4 (3 ช่วั โมง) 1. ผู้สอนทบทวนเนื้อหาบทที่ 2 ที่เรยี นมาของสัปดาห์ก่อน พร้อมชี้แจงวัตถุประสงค์ และ เนอื้ หาประจาบทเรียนบทที่ 3 เพ่ือให้ผู้เรียนรบั รูภ้ าพรวมของเนื้อหาสาระในบทเรยี นน้ี 2. ผู้สอนบรรยายเนื้อหาเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ในหัวข้อ ความหมาย ความสาคัญของ สุขภาพทางเพศ การปฏิบัติตนเพ่ือสุขภาพทางเพศของวัยรุ่น สุขปฏิบัติเกี่ยวกบั อวัยวะเพศ การดูแล รกั ษาความสะอาดอวัยวะเพศ และการคมุ กาเนดิ 3. ผู้เรียนรับฟังบรรยายสรุปเนื้อหาสาระ ร่วมกับศึกษาเนื้อหาเรื่อง “สุขภาพทางเพศ” ในหัวขอ้ ดังกล่าวจากเอกสารคาสอน พร้อมทั้งซักถามและตอบคาถามระหว่างการฟังบรรยาย 4. ผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “สะอาด สดใส ปลอดภัย” และ “ท้องไหม แบบน้ี” แล้ว รว่ มกันสรปุ สาระสาคญั ท่ีได้รบั 5. ผู้สอนให้ผู้เรียนร่วมกันวิเคราะห์ อภิปราย สรุปเนื้อหาสุขภาพทางเพศและแนวทาง การนาไปประยุกต์ใช้ รวมทง้ั เปิดโอกาสใหผ้ ูเ้ รยี นซักถามในหวั ข้อ / ประเด็นท่ีสงสัย 6. ผสู้ อนช้แี จงหัวข้อทีจ่ ะเรียนในครัง้ ต่อไป เพ่อื ให้ผเู้ รยี นไปศกึ ษาก่อนล่วงหนา้ 7. ผสู้ อนเสรมิ สร้างคุณธรรมและจริยธรรมให้กบั นักศึกษากอ่ นเลกิ เรยี น สปั ดาหท์ ่ี 5 (3 ช่วั โมง) 1. ผู้สอนทบทวนเนอื้ หาท่เี รยี นมาของสัปดาหก์ อ่ น 2. ผ้สู อนบรรยายเนื้อหาเก่ียวกับสขุ ภาพทางเพศ ในหัวข้อ โรคตดิ ต่อทางเพศสมั พันธ์ และ ความรูเ้ กี่ยวกบั เช้ือเอชไอวแี ละโรคเอดส์ 3. ผู้เรียนรับฟังบรรยายสรุปเนื้อหาสาระ ร่วมกับศึกษาเนื้อหาเร่ือง “สุขภาพทางเพศ” ในหวั ขอ้ ดงั กลา่ วจากเอกสารคาสอน พรอ้ มทงั้ ซักถามและตอบคาถามระหว่างการฟงั บรรยาย 4. ผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “แลกนา้ ” และ “ระดับความเส่ียง QQR” แลว้ รว่ มกันสรุป สาระสาคัญทีไ่ ดร้ บั 5. ผู้สอนให้ผู้เรียนร่วมกันวิเคราะห์ อภิปราย สรุปเน้ือหาสุขภาพทางเพศและแนวทาง การนาไปประยุกตใ์ ช้ รวมท้ังเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนซักถามในหัวขอ้ / ประเด็นท่สี งสัย 6. ผู้สอนมอบหมายให้ผู้เรียนทาคาถามทา้ ยบท และกาหนดวนั สง่ 7. ผู้สอนชแ้ี จงหัวข้อท่ีจะเรยี นในคร้ังตอ่ ไป เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นไปศึกษาก่อนล่วงหนา้ 8. ผู้สอนเสริมสร้างคุณธรรมและจรยิ ธรรมให้กบั นักศึกษาก่อนเลกิ เรยี น
111 สื่อการเรยี นการสอน 1. เอกสารคาสอน เพศศึกษาแบบองคร์ วม 2. เอกสาร ตารา หนังสือ และงานวจิ ยั ทเี่ ก่ียวข้องกับเพศศึกษาแบบองคร์ วม 3. สไลด์นาเสนอความรู้ประเด็นสาคัญทุกหัวข้อเร่ือง ด้วยส่ือทางคอมพิวเตอร์ Microsoft Power Point 4. วัสดุและอุปกรณส์ าหรบั จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ประกอบดว้ ย 4.1 กระดาษฟลิปชาร์ท 4.2 กระดาษกาว 4.3 ปากกาเคมีสแี ดง และสดี า 4.4 ภาพวาดโครงร่างกายหญิงชายพร้อมอวัยวะภายนอกทุกส่วน แบ่งเป็น 3 ท่อน ๆ ละแผ่น (ท่อนบน ทอ่ นกลาง และทอ่ นล่าง) รวม 6 แผน่ ตดิ ไวร้ อบ ๆ หอ้ ง ก่อนเรมิ่ ช้นั เรียน 4.5 แบบสอบถาม “แบบนี้ จะทอ้ งไหม” 4.6 บัตรความเส่ียง 21 ใบ และบัตรระดับความเสี่ยง 4 ใบ (รวมชุดละ 25 ใบ) จัดเตรียมจานวน 5 ชุด 4.7 การเตรยี มอุปกรณส์ าหรบั กิจกรรม “แลกน้า” 4.7.1 จัดเตรียมอปุ กรณ์ดังนี้ - สารโซเดยี มไฮดรอกไซด์ หรอื โซดาไฟ - สารฟนี อฟทาลีน พรอ้ มหลอดฉดี ยาเพ่ือใช้ทดสอบ - ขวดแก้วใสใบเล็ก ๆ จานวน 2 เท่าของผู้เรยี น - หลอดฉดี ยาขนาด 5 ซซี ี. เทา่ กบั จานวนผเู้ รยี น (ไมต่ ้องมเี ขม็ ฉดี ยา) - น้าเปล่า 4.7.2 ใสส่ ารโซเดยี มไฮดรอกไซด์ทีผ่ สมแล้วในขวดแกว้ ใส 1 ใบ (ทมี่ ีปรมิ าณน้า ประมาณคร่ึงขวด) 4.7.3 ใสน่ า้ เปล่าลงในขวดทเ่ี หลอื ทุกใบ ใหไ้ ด้ประมาณครงึ่ ขวด 4.7.4 แยกขวดทใ่ี ส่น้าเปล่าไว้ 6 ใบ (เท่าจานวนอาสาสมคั ร) และนาขวดท่ี ใสส่ ารโซเดียมไฮดรอกไซด์วางปนกบั ขวดที่เหลือในถาดท่จี ัดเตรียมไว้ 4.7.5 นาหลอดฉีดยาใส่ไวใ้ นแตล่ ะขวต 4.7.6 เตรียมขวดแก้วเปลา่ อีกชุดหน่งึ เท่าจานวนผ้เู รียน วางเรยี งไว้เพอ่ื ให้แต่ละ คนหยดนา้ ของตวั เองเกบ็ ไว้ 5. คาถามท้ายบท
112 การวัดผลและการประเมนิ ผล วัตถุประสงค์ วธิ ีการ/เครอื่ งมือ การวัดผลและการประเมนิ ผล 1. อธิบายความหมายของสุขภาพทาง 1. ซกั ถาม-ตอบคาถาม 1. นักศกึ ษาตอบคาถาม และ เพศได้ อภิปราย แลกเปล่ียน อภิปรายไดถ้ กู ตอ้ ง ร้อยละ 80 2. อธิบายความสาคัญของสขุ ภาพทาง และการสนทนารว่ มกนั 2. นักศกึ ษามีความสนใจ/ เพศได้ 2. สังเกตพฤตกิ รรม ความรว่ มมอื และความ 3. ระบกุ ารปฏบิ ัติตนเพือ่ สุขภาพทาง การรว่ มกิจกรรม กระตือรืนรน้ ในการรว่ ม เพศของวัยรุ่นได้ 3. สังเกตการนาเสนอผล กิจกรรมอยูใ่ นระดบั ดี 4. อธิบายสุขปฏิบัตเิ ก่ยี วกับอวยั วะ การทางานหน้าช้ันเรียน 3. นกั ศึกษามีความพร้อม/ เพศได้ 4. ใบงานในกิจกรรมการ ความตง้ั ใจและความกล้า 5. บอกการดูแลรกั ษาความสะอาด เรยี นรู้ แสดงออกในการนาเสนอผล อวยั วะเพศได้ 5. คาถามท้ายบท การทางานหน้าชน้ั เรยี นอยใู่ น 6. อธบิ ายการคมุ กาเนิดได้ ระดบั ดี 7. ระบุและยกตวั อยา่ งโรคตดิ ต่อทาง 4. นกั ศกึ ษาทาใบงานได้ถูกตอ้ ง เพศสัมพันธ์ได้ ครบสมบูรณ์ และเสรจ็ ตาม 8. อธิบายความรู้เกี่ยวกับเชอ้ื เอชไอวี เวลาท่ีกาหนด ร้อยละ 80 และโรคเอดส์ได้ 5. นกั ศกึ ษาตอบคาถามท้าย บทเรียนได้ รอ้ ยละ 80
113 บทที่ 3 สขุ ภาพทางเพศ สุขภาพทางเพศท้ังชายและหญิง มีพัฒนาการ และการเปล่ียนแปลงไปตามวัย โดยฉพาะ ในวัยรุ่นชาย และหญงิ มกี ารเปลี่ยนแปลงมากจึงต้องเรยี นรู้และปฏิบตั ิตนให้ถูกต้อง สขุ ภาวะทางเพศ ก็เป็นอีกส่ิงหน่ึงที่วัยรุ่นต้องประสบพบเจอ รวมท้ังการดูแลและรักษาอวัยวะท่ีเก่ียวข้องกับ ระบบสืบพันธุ์ ให้สะอาดถูกสุขอนามัย ป้องกันการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น การที่จะมี สุขภาวะทางเพศท่ีดีได้ก็ควรต้องมีสังคมท่ีมีสุขภาวะทางเพศ และคนในสังคมจะสามารถแสดงออก ทางเพศได้อย่างอสิ ระ มคี วามสุขและปลอดภยั ความหมายของสุขภาพทางเพศ สุขภาพทางเพศ หมายถึง การมีชีวิตทางเพศที่เป็นสุขปลอดภัย หรือรักษาร่างกายให้ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ หรือผิดปกติทางเพศ ท้ังร่างกาย จิตใจ และสังคม รวมไปถึงจิตวิญญาณ (Spiritual) ด้วย ดังนั้นการดูแลสุขภาพทางเพศ หมายถึง ความรู้ความเข้าใจ และมีความสามารถ ในการดแู ลรกั ษาความสะอาดของอวยั วะเพศ การป้องกนั การเจ็บป่วยและการส่งเสริมสุขภาพทางเพศ และความผิดปกติเกี่ยวกับอวัยวะเพศ รวมท้ังการดูแลจิตใจและสังคมในเร่ืองท่ีเกี่ยวข้องกับเพศ (ศยิ พร กล่าทวี และประพล นิลใหญ่, 2562, น. 32) สุขอนามัยทางเพศ (Sexual Health) คือ การดูแลรักษาสุขอนามัยของอวัยวะเพศ ท้ังใน เพศชายและเพศหญิงมขี ้อแตกต่างกัน การทาความเข้าใจและเรียนรู้เร่อื งการดูแลตามสรีระทางเพศท่ี แตกต่างกัน จึงความสาคัญมากที่จะทาให้อวัยวะส่วนน้ีสะอาด และปราศจากโรคติดต่อใด ๆ ดังน้ัน การรักษาอวัยวะเพศ มีความสาคัญมากเพราะบริเวณอวัยวะเพศมีขน ช่อง ร่อง และหนังบางส่วน ปกคลมุ อยู่ รวมท้งั ยงั อยู่ใกล้ชอ่ งปัสสาวะและทวารหนกั ทาใหอ้ าจเปรอะเปอ้ื นและติดเช้อื ได้งา่ ย การเรียนรู้เร่ืองสรีระทางเพศ จะทาให้เข้าใจสรีระต่าง ๆ ของอวัยวะเพศเป็นอย่างดี ว่าการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในวัยต่าง ๆ ต้ังแต่วัยเด็ก วัยเจริญพันธ์ุ วยั สูงอายุ ฯลฯ จะมีผลต่อสุขภาพทางเพศอย่างมาก ดังนนั้ หากกล่าวถงึ สุขภาพทางเพศโดยเน้นไปที่ การดูแลรักษาสุขอนามัยของอวัยวะเพศแล้ว การเรียนรูส้ รีระทางเพศของหญิงและชาย ทาให้ทราบถึง บริเวณสรีระตา่ ง ๆ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
114 ความสาคัญของสุขภาพทางเพศ สุ ข ภ า พ ท า ง เพ ศ มี ค ว า ม สั ม พั น ธ์ กั บ สภ า พ ร่ า ง ก า ย แ ล ะ ส ภ า พ จิ ต ใจ อ ย่ า ง แ น บ แ น่ น มนุษยน์ อกจากจะเจ็บปว่ ยด้วยโรคทางกาย และโรคทางจติ แลว้ ยงั อาจเจ็บปว่ ย หรอื ทุกข์ทรมานจาก ความเป็นเพศของมนุษยเ์ อง ดังนั้นองค์การอนามัยโลก จงึ กาหนดลักษณะของความมีสุขภาพอนามัย ทางเพศที่สมบูรณ์ไวว้ า่ สขุ อนามัยทางเพศ (Sexual Health) นนั้ นบั เป็นสว่ นหน่งึ ในการดูแลสขุ ภาพ ซึง่ องค์การอนามยั โลกไดต้ งั้ ความหวังไวว้ ่า จะพยายามให้ทุกคนทอ่ี ยูใ่ นโลกใบนี้มสี ุขภาพดถี ้วนหนา้ องค์การอนามัยโลกได้ให้ความหมายของสุขภาพทางเพศเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ในด้าน ร่างกาย จิตใจ และสังคม รวมไปถึงจิตวิญญาณ (Spiritual) นั้นก็เริ่มมีการกล่าวถึงกันบ้าง ซ่ึงก็เกี่ยวกับจิตสานึกที่ถูกต้องท่ีดีงามในเร่ืองเพศ ดังน้ันการมีสุภาพทางเพศจึงจัดกลุ่มให้เข้าใจง่าย ดังนี้ (ศยิ พร กลา่ ทวี และประพล นิลใหญ่, 2562, น. 32-33) 1. มีความสามารถท่ีจะเป็นสุขและควบคุมพฤติกรรมทางเพศของตนเองให้สอดคล้องกับ จรรยาของสงั คม และไม่ละเมิดศลี ธรรมของผู้อนื่ 2. ปราศจากความรู้สึกกลัว อับอาย ละอายใจ ความหลงผิด และสภาวะทางจิตใจท่ียับย้ัง การตอบสนองทางเพศและทาให้สมั พันธภาพเสือ่ มลง 3. ปราศจากความผิดปกติทางร่างกาย โรคภัยไข้เจ็บ และความบกพร่องต่าง ๆ ที่จะ ขัดขวางการทาหน้าท่ีทางเพศ ดังน้ันจะเห็นว่าการมีสุขภาพอนามัยทางเพศจะต้องประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ แต่มี องค์ประกอบใดองค์ประกอบหนงึ่ ผิดปกติ ก็ถือวา่ ไมม่ สี ุขภาพทางเพศ การไม่มสี ุขภาพอนามยั ทางเพศ ก็ก่อให้เกดิ ปัญหาทางเพศตามมา ซ่ึงพบได้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย ดังนั้นการสอนเพศศึกษาจะต้อง ให้เห็นความสาคญั ทางสขุ ภาพทางเพศ การปฏิบตั ติ นเพ่อื สขุ ภาพทางเพศของวยั รนุ่ การดูแลรักษาสุขภาพในระหว่างการมีประจาเดือน ดังได้กล่าวแล้วว่า การมีประจาเดือน เป็นธรรมชาติของผู้หญิงทุกคน จึงไม่ใช่เรื่องท่ีน่าอับอายหรือเป็นเร่ืองท่ีต้องวิตกกังวลแต่อย่างใด สิ่งสาคัญอยู่ท่ีว่า จึงจะต้องมีความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้องเก่ียวกับเร่ืองน้ี เพื่อจะได้ไม่วิตกกังวล เกนิ กว่าเหตุ และมีการปฏิบัติตนในการดแู ลรกั ษาสุขภาพอยา่ งถกู ตอ้ ง ดังต่อไปนี้ (ปานเดชา ทองเลศิ , 2562, น. 18 - 20)
115 1. การรักษาความสะอาด อวัยวะเพศท่ีอับชื้น ทาให้เกิดกลิ่นได้ง่าย และอาจมีระดูขาวออกมาในบางคร้ัง โดยเฉพาะในระหว่างการมีประจาเดือน ความอับช้ืนและกลิ่นย่ิงเกิดได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้น การรักษา ความสะอาด จึงเป็นสิ่งสาคญั และจาเปน็ อย่างยง่ิ การรักษาความสะอาดบรเิ วณอวัยวะเพศ ในระหว่าง การมีประจาเดือน กท็ าเช่นเดียวกับเวลาปกิติ คือล้างจากอวัยวะเพศไปทางทวารหนกั เพราะอาจนา ส่ิงสกปรกจากทวารหนักเข้าสู่ช่องคลอดได้ ห้ามสวนล้างช่องคลอด และทุกครั้งที่เปล่ียนผ้าอนามัย ก็ต้องทาความสะอาดอวัยวะเพศและซับให้แห้งด้วย นอกจากน้ันควรทาความสะอาดบริเวณโคนขา ด้านในและขาหนีบ และซับให้แห้ง อาจใช้แปง้ ฝนุ่ ที่ใช้สาหรับเด็กทาบริเวณต้นขาด้านใน เพื่อป้องกัน ความอบั ช้ืนและการเสียดสกี นั ของผิวหนัง บริเวณดงั กล่าวซ่ึงจะทาใหเ้ กิดผนื่ คันหรอื รอยผนื แดงทเ่ี กิด จากการเสียดสีกัน การอาบน้าในระหว่างการมีประจาเดือน ควรอาบน้าจากฝักบัวหรือใช้ขันตักอาบ ไม่ควรลงอาบนา้ ในแม่น้าลาคลอง หรอื ไปวา่ ยน้าในสระ เพราะเชือ้ โรคจากแหลง่ นา้ สาธารณะเหล่าน้ัน อาจเข้าสู่ชอ่ งคลอด และเกิดการตดิ เชื้อได้ง่าย การใช้กางเกงใน ควรเลือกใส่กางเกงในท่ีเปน็ ผ้าดดู ซับ เหงื่อไดด้ ีและการระเหยได้ง่าย เพ่ือปอ้ งกันไม่ให้บริเวณอวยั วะเพศเปียกช้ืนอยูต่ ลอดเวลา ซ่ึงอาจจะ ทาให้เกดิ ผ่ืนคันไดง้ ่าย 2. การรบั ประทานอาหาร ควรเป็นไปตามปกติและควรดื่มน้าสะอาดมาก ๆ ไม่มีอาหารชนิดใดท่ีจัดว่าเป็นของ แสลงสาหรบั การมปี ระจาเดอื น 3. การออกกาลังกายและการพักผอ่ น บางคนอาจมีความเข้าใจผิดว่าในระหว่างการมีประจาเดือน ห้ามออกกาาลังกาย ควรนอนพักผ่อนอย่างเดียว ตามความเป็นจริงแล้วช่วงการมีประจาเดือน สามารถกระทากิจกรรม ทุกอย่างได้ตามปกติ ออกกาลังกาย หรือเล่นกีฬาได้ตามสมควร แต่ไม่ควรออกกาลังกายหนักหรือ หกั โหมเกนิ ไป และควรงดการเล่นกีฬาบางชนดิ เชน่ วา่ ยน้า สว่ นการพักผ่อน ควรพกั ผ่อนใหเ้ พียงพอ และควรหางานอดิเรกทา เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง เพ่ือไม่ให้มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการมี ประจาเดือน โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มมีประจาเดือน มักจะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเร่ืองนี้มาก การสร้างความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้องจะช่วยให้ความวิตกกังวลหมดไป การสังเกตอาการผิดปกติใน ระหว่างการมีประจาเดือนดังที่กล่าวแล้วว่าการมีประจาเดือนเป็นเรื่องปกติสาหรับผู้หญิงทุกคน แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างการมีประจาเดือนนั้น อาจมีความผิดปกติบางอย่างเกิดข้ึนได้ เช่น อาการ ปวดประจาเดือนอย่างรุนแรงมีประจาเดือนมากผิดปกติ ทั้งระยะเวลาและปริมาณของเลือด ประจาเดือนท่ีออกมาหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง มีประจาเดือนกะปริดกะปรอย หรือช่วงการมี ประจาเดือนห่างมาก เช่น 2 - 3 เดือน จะมีประจาเดือนสักคร้ังหนึ่ง เป็นต้น ถ้าพบอาการผิดปกติ เหล่าน้คี วรปรกึ ษาพอ่ เเม่ ผูป้ กครอง หรอื ครเู พอื่ จะนาไปพบแพทย์ และไดร้ ับการตรวจรกั ษาทีถ่ กู ตอ้ ง
116 4. การปรับตวั ทางเพศดา้ นร่างกายในเพศหญิง ส่งิ ท่ีจะชว่ ยให้การสังเกตอาการในระหว่างการมีประจาเดือนเปน็ ไปอยา่ งถูกต้องและได้ ข้อมูลชัดเจนก็คือ การจดบันทึกของตัวเราเองลงในสมุดปฏทิ ินเล็ก ๆ ประจาตัว โดยจดจาวันแรกถึง วันสุดท้ายท่มี ีประจาเดือน และอาจบนั ทึกอาการต่าง ๆ ทเ่ี กิดขน้ึ ในระหวา่ งการมีประจาเดอื นไว้ด้วย ข้อมูลเหล่าน้ีจะมีประโยชน์มากสาหรับตนเอง จะช่วยให้รู้ว่าสุขภาพของระบบสืบพันธ์ุดีหรือไม่ ผิดปกติหรือไม่ ในรายที่พบในความผิดปกติข้อมูลน้ี จะเป็นประโยชน์ต่อแพทย์ในการตรวจวินิจฉัย ความผดิ ปกตไิ ดอ้ ยา่ งถูกต้องด้วย 5. การปรับตัวทางเพศด้านร่างกายในเพศชาย ในชายก็เช่นเดยี วกบั หญิง เม่ือเข้าสู่วัยรุ่นจะมีสญั ญาณท่ีบอกถงึ ความสมบรู ณ์ของระบบ สืบพันธ์ุ ซ่ึงนอกจากจะเห็นความเจริญเติบโตจากลักษณะภายนอกแล้ว สัญญาณของเพศชายก็คือ มีการหล่ังน้าอสุจิ ซ่ึงเป็นส่ิงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และสิ่งน้ีมักจะเกิดขึ้นร่วมกับความรู้สึก ทางด้านจิตใจ ที่เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติของวัยรุ่นได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าทางตา ทางกาย สัมผัส หรือทางการไดย้ นิ เองโดยไม่ไดต้ ั้งใจ นอกจากนี้ สิวนับว่าเป็นปัญหาท่ีสาคัญของวัยรุ่นท้ังชายและหญิง เพราะวัยรุ่นเป็นที่ ดึงดูดใจตอ่ เพศตรงขา้ มหรือแม้แต่เพื่อนเพศเดียวกัน ความสวยงามของรา่ งกาย โดยเฉพาะใบหน้าจึง เป็นส่ิงท่ีสาคญั มากสาหรับวยั รุ่น เมอ่ื เกดิ สวิ จึงก่อให้เกดิ ความรสู้ ึกวิตกกังวลอย่างมาก เพราะวา่ จะทา ให้ความสวยงามของใบหน้าของตนนั้นลดลงไป สิวเป็นเรื่องธรรมชาติของวัยรุ่น ซึ่งเกิดจากการ เปล่ียนแปลงทางฮอร์โมน หรือการใช้เครื่องสาอางที่ไม่เหมาะสม หรือเกิดจากความสกปรกของ ผิวหนังบริเวณใบหน้า หรือเกิดจากความเครียดและความวิตกกังวลก็ได้ ในเด็กหญิงวัยรุ่นจะพบว่า ในช่วงการมีประจาเดือนจะมีสิวเกิดขึ้นมากกว่าปกติ ทั้งน้ีเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน และอาจมคี วามเครยี ดและความวติ กกงั วลรว่ มดว้ ย สขุ ปฏบิ ตั ิเกีย่ วกับอวัยวะเพศ อวัยวะเพศเป็นอวัยวะสาคัญของร่างกายที่จาเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพ่ือให้มี สุขอนามัยทางเพศ โดยการดูแลรักษาอวัยวะเพศและอวัยวะท่ีเกี่ยวข้องให้อยู่ในสภาพปกติ ปราศจากโรคและสามารถทาหน้าท่ีได้อย่างปกติ ซ่ึงได้แก่ การมีสุขปฏิบัติเก่ียวกับอวัยวะเพศ ทั้งเพศชายและเพศหญิง ดังรายละเอียดต่อไปน้ี (จันทร์วิภา ดิลกสัมพันธ์, 2548, น. 129 – 134; ชมุ าภรณ์ ฝาชยั ภมู ิ, 2562, น. 28-32 และอทุ ุมพร แกว้ สามศรี และคณะ, 2562, น. 22-24)
117 1. สขุ ปฏิบตั เิ กี่ยวกับอวัยวะเพศชาย 1.1 ควรอาบน้าและชาระล้างอวัยวะเพศให้สะอาดด้วยน้าสบู่ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น โดยรูดหนังหุ้มปลายองคชาตขึ้นมาให้หัวอวัยวะเพศโผล่เพื่อล้างขี้เปียกท่ีติดอยู่ ออกให้สะอาด ฟอกสบู่แล้วล้างฟองสบู่ออกให้หมดและเช็ดให้แห้ง สบู่ที่ใช้ไม่จาเป็นต้องเป็นสบู่ยา ควรเป็นสบู่ท่ีมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ ถ้าปราศจากตัวยาหรือสารเคมีใด ๆ ผสมด้วยก็จะยิ่งดี เพราะ ไมเ่ ช่นนน้ั อาจเกิดอาการแพเ้ กดิ การอกั เสบได้ 1.2 ไมค่ วรสวมกางเกงหรอื กางเกงในท่ีรัดแนน่ จนเกินไป ควรเป็นผ้าเบาบางและระบาย อากาศได้ดี ควรเปล่ียนกางเกงในทุกวัน และพยายามไม่ใช้กางเกงในที่เปียกน้าปัสสาวะ เพื่อป้องกัน การอับช้ืน เพราะอาจเกิดเชื้อราข้ึนที่ขาหนีบ แล้วลุกลามไปถึงอวัยวะสืบพันธ์ุได้ ส่วนกางเกงใน ท่ีรัดแน่นเกินไปอาจมีผลต่อการทาหน้าที่ของอัณฑะในการผลิตอสุจิ ซึ่งต้องมีอุณหภูมิใกล้เคียงกับ อณุ หภูมขิ องรา่ งกาย อัณฑะจงึ จะทาหน้าท่ีได้ดี 1.3 ต้องไม่ใช้เส้ือผ้าเครื่องนุ่มห่มปะปนกับคนอ่ืน เพราะอาจทาให้เกิดการติดต่อของ โรคได้ โดยเฉพาะกามโรคบางชนิด โรคผิวหนงั เช่น กลาก เกลื้อน เปน็ ต้น 1.4 ไมค่ ลกุ คลีกบั ผู้ปว่ ยหรือสงสัยว่าปว่ ยเปน็ กามโรคหรอื โรคผิวหนงั อนื่ ๆ 1.5 ถ้ามีการฝันเปียกเกดิ ขึ้น คือ มีน้าอสุจิเคล่ือนตัวและหลั่งออกมาขณะนอนหลับทา ใหเ้ ปรอะเปือ้ นเสอ้ื ผ้าหรอื เครอ่ื งนอน ควรรีบซักทาความสะอาด อยา่ ปลอ่ ยท้ิงไวใ้ หห้ มักหมม 1.6 สวมถุงยางอนามัยทกุ ครง้ั กับทกุ คนท่มี ีเพศสมั พันธ์ 1.7 หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับอวัยวะเพศอย่าปล่อยท้ิงไว้ ควรรีบปรึกษาผู้ใหญ่ หรอื แพทย์เพื่อหาทางรกั ษาแก้ไขทันที เชน่ มีหนองไหล มีแผล เนื้องอก บวม คัน อย่าซื้อมารกั ษาเอง เพราะอาจเปน็ อันตรายและทาให้ไม่หายขาด มอี าการเร้ือรังยุง่ ยากต่อการรักษา 2. สุขปฏบิ ตั เิ ก่ียวกบั อวัยวะเพศหญงิ 2.1 ควรทาความสะอาดอวัยวะเพศทุกคร้ังที่อาบน้าด้วยน้าและสบู่ ควรจะพิถีพิถันใน การทาความสะอาดตามร่องและช่องต่างๆ ซ่ึงมีความซับซ้อนมากกวา่ ของผู้ชาย แต่อย่าถูแรงเพราะ เป็นบริเวณท่ีบอบบาง อาจเกิดการชอกช้าหรือเป็นแผลได้ แล้วจึงซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาดและนุ่ม พอควร 2.2 ไม่ควรใช้น้ายาสวนหรือล้างช่องคลอด เพราะการรักษาความสะอาดอวัยวะเพศ ควรทาเฉพาะภายนอก ส่วนภายในช่องคลอดจะมีแบคทีเรียชนิดหนึ่งคอยป้องกันเชื้อโรคอ่ืน ๆ ที่แปลกปลอมเข้าสู่ช่องคลอด ผู้หญิงบางคนอยากให้ช่องคลอดสะอาดมาก ๆ จึงนิยมใช้ยาสวนล้าง ช่องคลอดภายใน ซ่ึงการสวนล้างดังกล่าวน้ายาท่ีใช้อาจจะทาลายแบคทีเรียภายในช่องคลอด และยงั อาจมอี ันตรายตอ่ ชอ่ งคลอดอกี ดว้ ย
118 2.3 หลงั การขบั ถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ ควรทาความสะอาดทกุ คร้ังอย่างถูกวิธี คือใช้ กระดาษชาระเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง ล้างด้วยน้าสะอาดอีกคร้ังโดยวิธีเดียวกัน แล้วซับให้แห้ง ดว้ ยกระดาษชาระหรอื ผา้ ท่ีสะอาดนมุ่ 2.4 ไม่สวมเสื้อผ้า กางเกงใน เสอื้ ชน้ั ใน ท่ีอบั ชน้ื และรัดแนน่ เกินไป 2.5 ไมค่ วรใช้เส้อื ผ้า ผ้าเช็ดตัว กางเกงใน ปะปนกับผู้อื่น 2.6 ไมค่ ลกุ คลกี บั ผู้ปว่ ยหรอื ผทู้ ่ีสงสัยว่าป่วยเปน็ กามโรคหรอื โรคผิวหนังอ่ืน ๆ 2.7 การใชห้ ้องนา้ ห้องส้วม ต้องระวังในเรอ่ื งสุขลักษณะ เพราะอาจเกิดการติดเช้ือโรค ตา่ ง ๆ ได้ ถ้าไมถ่ กู สขุ ลกั ษณะ 2.8 ถ้าสงสยั ว่าตนเองมีอาการผดิ ปกติเกิดข้ึนกับอวัยวะเพศ เช่น อาการคัน มีระดูขาว มากผดิ ปกติ ควรรีบปรกึ ษากับผใู้ หญ่หรอื แพทยท์ นั ที เพื่อหาทางรักษาแก้ไขต่อไป อย่าอายหรือเก็บงา ไวค้ นเดยี ว เพราะอาจเกิดอนั ตรายรุนแรงหรือยุ่งยากตอ่ การรกั ษา 2.9 ขณะมีประจาเดือนควรปฏิบตั ดิ งั ตอ่ ไปนี้ 2.9.1 อาบน้าชาระล้างร่างกายและอวัยวะเพศให้สะอาดเหมือนเช่นเวลาปกติ แต่น้าที่ใช้อาบไม่ควรร้อนหรือเย็นจัดจนหนาวส่ัน เพราะอาจเกิดอาการปวดประจาเดือนหรือ ประจาเดือนผดิ ปกตไิ ด้ 2.9.2 บริเวณอวัยวะเพศควรจะล้างด้วยน้าและสบู่ตามปกติ โดยล้างแต่บริเวณ ภายนอกเท่าน้นั 2.9.3 ไม่ควรอาบน้าในแม่น้าลาคลองหรือสระว่ายน้า อ่างอาบน้า เพราะอาจมี สิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคเข้าสู่ภายในช่องคลอดได้ เพราะขณะมีประจาเดือนช่องคลอดจะมีสภาพ เป็นด่าง ปากมดลูกจะเปดิ กวา้ ง อาจเกิดอันตรายจากการติดเชอ้ื ได้ง่ายกว่ายามปกติ ควรอาบน้าโดย ใชข้ ึน้ ตกั ราดหรือใชน้ า้ จากฝกั บัวธรรมดา 2.9.4 ผ้าอนามัยท่ีใช้เมื่อเปียกชุ่มด้วยเลือดประจาเดือนต้องเปลี่ยนใหม่ ทุกคร้ังท่ี เปลี่ยนควรล้างอวยั วะเพศภายนอกด้วยนา้ และสบู่ และซบั ให้แหง้ กอ่ นใช้ผ้าอนามัยผืนใหม่ หากปล่อย ให้เปียกชุ่ม ๆ โดยไม่เปลี่ยน พอเลือดท่ีซับไว้แห้งผ้าอนามัยก็จะแข็งไปกดและเสียดสีกับร่างกาย ทาให้เกดิ การอกั เสบที่บริเวณอวยั วะเพศและขาหนีบได้ 2.9.5 ผ้าอนามัยท่ีใช้ควรเป็นแบบธรรมดา ควรใช้ผ้าอนามัยชนิดธรรมดาท่ีซึมชับ ทางด้านนอก ไม่ควรใชช้ นิดสอดท่ีต้องเข้าไปภายในช่องคลอด เพราะอาจลืมไว้นานเกินไปทาให้เกิด การติดเช้อื ในช่องคลอดได้ และผ้าอนามยั ชนิดสอดบางชนิดมีประสทิ ธิภาพในการดูดซมึ สูง จึงอาจทา ให้ช่องคลอดแห้ง รูส้ ึกไม่สบายในชอ่ งคลอดขณะใชไ้ ด้ 2.9.6 ผ้าอนามัยท่ีใช้แล้วควรม้วนและห่อด้วยกระดาษให้เรียบร้อย และท้ิงใน ถังขยะทฝี่ าปดิ มิดชดิ อย่าทิ้งตามท่ตี ่าง ๆ หรอื ทิง้ ลงในโถสว้ มเพราะจะทาให้เกิดการอุดตัน
119 2.9.7 ถ้ามีอาการปวดประจาเดือนมากจนทางานไม่ได้ อาจกินยาแก้ปวดได้ ซึ่งอาการปวดประจาเดอื นมักจะทเุ ลาลงเมอ่ื อายุมากขึ้นหรือมบี ตุ รแล้ว 2.9.8 พยายามรักษาสุขภาพจิตให้ดีอยู่เสมอ อาการหงุดหงิดหรือปวดศีรษะ อาจหายไปได้ และให้ระลึกเสมอว่าการเป็นประจาเดือนไม่ใช่อาการเจ็บไข้ได้ป่วย แต่เป็นเร่ืองปกติ ธรรมดาทจี่ ะต้องเกดิ กบั ผูห้ ญิงทุกคน ซง่ึ จะช่วยให้จิตใจและอารมณ์ดีขนึ้ 2.9.9 พยายามพักผ่อนให้มาก รับประทานอาหารให้เพียงพอ ด่ืมน้ามาก ๆ เพื่อ ป้องกันการทอ้ งผูก 2.9.10 หลีกเล่ียงการออกแรงมาก ๆ ถ้าจะออกกาลังกายก็สามารถทาได้ตามปกติ แต่อย่าโลดโผนหรือหักโหมเหน็ดเหน่ือยเกินไป เพราะขณะมีประจาเดือนร่างกายจะอ่อนเพลียกว่า ในยามปกติอย่แู ลว้ 2.10 ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีข้ึนไปทุกคน ควรได้รับการตรวจภายในและตรวจหา เซลล์มะเร็ง บริเวณช่องคลอดและปากมดลูกเป็นประจาทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อแพทย์จะ สามารถวินจิ ฉัยและให้การรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก เพราะโรคมะเรง็ ของระบบสืบพันธ์เุ ป็นสาเหตุ การตายท่สี าคัญทส่ี ดุ ของผ้หู ญิง โดยเฉพาะมะเรง็ ปากมดลกู และมะเร็งเต้านม 2.11 ผู้หญิงควรทาการตรวจเต้านมด้วยตนเองเดือนละคร้ังภายหลังหมดประจาเดือน เพือ่ ตรวจหาความผิดปกตขิ องเตา้ นมต้ังแตเ่ รม่ิ แรก ซ่ึงถอื วา่ เป็นการเฝ้าระวังการเกิดโรคมะเรง็ เตา้ นม โดยมีวิธปี ฏบิ ตั ิง่าย ๆ ดงั นี้ วธิ ที ่ี 1 ตรวจขณะอาบน้า เป็นการตรวจภายในขณะทผ่ี ิวหนังเปียกและลื่น ทาให้ตรวจได้ง่ายโดยใช้ ฝ่าน้ิวมือวางราบบนเต้านม คลาและเคลื่อนน้ิวมือไปในลักษณะคลึงเบา ๆ ให้ทั่วทุกส่วนของเต้านม ทีละข้าง รวมทั้งล้วงไปใต้รักแร้หรือเหนือกระดูกไหปลาร้า เพ่ือค้นหาก้อนหรือเน้ือท่ีแข็งเป็นไต ผิดปกติ (ภาพท่ี 3.1) ภาพท่ี 3.1 การตรวจเตา้ นมดว้ ยตนเองขณะอาบน้า ท่มี า: Nass, Gilbert D. And Fisher Mary, Pat, 1988, p. 392
120 วิธที ี่ 2 ตรวจหน้ากระจก ท่าที่ 1 ยืนตรงแขนแนบลาตัว แล้วค่อยๆ ยกแขนขึ้นสูงเหนือศีรษะ ขณะเดียวกันให้สังเกตลักษณะของเต้านมท้ังสองข้างในกระจก เช่น ขนาดและรูปร่างของเต้านม แตกต่างกนั หรอื ไม่ มีปุ่มหรือรอยย่นบมุ๋ ท่ีใดหรือไม่ หัวนมมีลักษณะปกติหรอื ไม่มนี ้าเหลอื งหรอื เลือด ไหลออกจากหัวนมหรอื ไม่ เพราะการเคล่อื นแขนขน้ึ น้นั จะชว่ ยให้สามารถมองเหน็ ความผดิ ปกตไิ ด้ง่าย (ภาพท่ี 3.2) ภาพที่ 3.2 การตรวจเต้านมด้วยตนเองหน้ากระจก ทมี่ า: Nass, Gilbert D. And Fisher Mary, Pat, 1988, p. 392 วิธที ี่ 3 ตรวจในท่านอน นอนราบกับพ้ืน ใช้หมอนรองใต้ไหล่ซ้าย ยกแขนซ้ายข้ึนไปสอดไว้ใต้ ศรี ษะ ใช้ฝ่านิว้ มอื ขวาคลงึ เต้านมซ้ายไปรอบ ๆ ใหท้ ่ัวทกุ ส่วนของเต้านม โดยเร่มิ จากบริเวณส่วนนอก สุดของเต้านม (จาก A ในภาพที่ 3.3) แล้วเวียนไปโดยรอบเต้านม เคล่ือนมือเข้ามาเป็นวงแคบเข้า จนถึงบรเิ วณหวั นม ใชน้ ว้ิ หัวแม่มอื และน้ิวชคี้ อ่ ยๆ บีบหัวนม สงั เกตดวู ่ามสี ิง่ ผิดปกตไิ หลออกมาหรือไม่ แลว้ จงึ เล่อื นมอื ล้วงไปคลาบรเิ วณใตร้ กั แร้และบรเิ วณคอเหนอื ไหลปลาร้า จากน้ันก็ขยับหมอนมารองใต้ไหล่ขวา ยกแขนขวาขึ้นไปสอดไว้ใต้ศีรษะ และเร่มิ ตรวจเต้านมข้างขวาโดยปฏิบัตเิ ช่นเดียวกันกับข้างซ้าย ซึ่งจาเป็นจะต้องรีบมาปรึกษาแพทย์ ทนั ที เม่อื พบสงิ่ ผิดปกติดงั ตอ่ ไปน้ี 1) เตา้ นมทัง้ สองข้างมีขนาดและรูปร่างต่างกันอย่างผิดปกติ 2) เต้านมทั้งสองข้างไม่อยูใ่ นระดับเดยี วกนั 3) หัวนมถกู ดงึ รง้ั จนผิดปกติ 4) ผวิ หนังบรเิ วณเตา้ นมมีปุม่ หรอื รอยบุม๋ 5) พบกอ้ นเนอ้ื หรือเนอื้ ทเ่ี ป็นไตแขง็ 6) มเี ลือดหรอื นา้ เหลอื งไหลออกจากหวั นม
121 ภาพท่ี 3.3 การตรวจเต้านมด้วยตนเองในทา่ นอน ท่ีมา: Nass, Gilbert D. And Fisher Mary, Pat, 1988, p. 392 การดูแลรกั ษาความสะอาดอวยั วะเพศ หากกล่าวถึงสุขภาพทางเพศโดยเน้นไปทก่ี ารดแู ลรักษาสขุ ภาพอนามัยของอวัยวะเพศแล้ว การดูแลเร่ืองดังกล่าวในเพศหญิงและเพศชายจะมีข้อแตกต่างกันอย่างมาก สรีระทางเพศของ เพศหญิงจะมีส่วนประกอบท่ีซับซ้อนมากกว่าสรีระของเพศชาย ดังนั้นการให้การดูแลเอาใจใส่จึง แตกต่างกันออกไป มีรายละเอียดดังนี้ (กิจจา บานช่ืน ฐิณีวรรณ วุฒิวิกัยการ และวรฑา ไชยาวรรณ, 2562, น. 28-31; ชุมาภรณ์ ฝาชัยภูมิ, 2562, น. 28-32 และอุทุมพร แก้วสามศรี และคณะ, 2562, น. 22-24) 1. การดูแลรักษาความสะอาดอวัยวะเพศชาย การดูแลรักษาความสะอาดขององคชาตนั้น ควรหมั่นทาความสะอาดใต้หนังหุ้มปลาย อวัยวะเพศให้ดี เพราะบริเวณนี้จะมีเมือกขาวเหลืองขุ่น ๆ เรียกว่า Smegma หรือขี้เปียกเกิดขึ้น หากไม่ดูแลทาความสะอาดบริเวณน้ีแลว้ จะเกดิ กล่ินเหม็นโชยออกมาจากอวัยวะเพศ ซ่งึ จะหมกั หมม และเปน็ แหล่งท่ที าใหเ้ กิดโรคตา่ ง ๆ ได้ การระคายเคอื ง การอักเสบ และกล่ินไมพ่ งึ ประสงค์เป็นเพียงอาการบางอยา่ งทีส่ ามารถ เกิดข้ึนหากไม่รักษาสุขลักษณะท่ดี ีของอวัยวะเพศชายและสุขภาพทางเพศ การทาความสะอาดอวัยวะ เพศชายหลังจากการมีเพศสัมพันธ์สามารถช่วยลดโอกาสการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ การรักษา สุขลักษณะอาจแตกต่างกันระหว่างผู้ชายที่ขลิบและไม่ขลิบปลายอวัยวะเพศ แต่ท้ัง 2 ประเภทน้ัน คล้ายคลึงกัน การเรียนรู้วิธีการทาความสะอาดอวัยวะเพศชายสามารถช่วยให้มีสุขภาพและสุขศึกษา ทดี่ สี ูงสดุ
122 1.1 การลา้ งอวยั วะเพศชายที่ไม่ไดข้ ลบิ ปลาย 1.1.1 ใช้สบู่อ่อน ๆ สบู่หลายชนิดมีส่วนผสมของน้าหอม ซ่ึงอาจทาให้ผิวแพ้ง่าย ระคายเคือง และสบู่บางชนิดมีส่วนผสมท่ีรุนแรงเกินไปสาหรับใช้กับอวัยวะเพศ เพื่อผลลัพธ์ท่ีดีที่สุด ควรใช้สบู่ที่อ่อนและไม่มีกลิ่นท่ีเหมาะสาหรับใช้กับร่างกาย หากมีผิวแพ้ง่ายควรปรึกษาแพทย์หรือ แพทย์ผิวหนังเกย่ี วกบั การเลือกใชส้ บู่ทเ่ี หมาะสม 1.1.2 อาบน้า ใช้น้าอุ่นที่ไม่ใช่น้าร้อนเพ่ือหลีกเลี่ยงการทาให้อวัยวะเพศและ ส่วนอื่นของร่างกายแสบหรอื ระคายเคอื ง อาบนา้ ตามปกติ โดยชะล้างร่างกายด้วยน้าอุ่นและสบทู่ ่อี อ่ น และไมม่ กี ล่ิน 1.1.3 ล้างอวัยวะเพศชาย ใช้สบู่ที่อ่อนและไม่มีกล่ินฟอกระหว่างมือและชโลมบน ลูกอัณฑะและปลายอวัยวะเพศชาย สิ่งสาคัญที่ควรจาเกี่ยวกับอวัยวะเพศชายทไ่ี ม่ได้ขลิบคือต้องล้าง ใต้หนังหุ้มปลาย ค่อย ๆ รูดหนังหุ้มปลายข้ึนไปให้ได้มากที่สุด อย่ารูดข้ึนไปจนเลยจุดปกติเพราะ มันอาจจะทาให้อวัยวะเพศเจ็บและก่อให้เกิดเย่ือแผลเป็น ชโลมสบู่ใต้หนังหุ้มปลายและล้างสบู่ และคราบสกปรกออกให้หมด รูดหนงั หุ้มปลายกลับมาท่ีเดมิ 1.1.4 รักษาความสะอาด สุขลักษณะส่วนตัวเป็นเร่ืองสาคัญแต่แพทย์มีคาเตือน เก่ียวกับการล้างอวัยวะเพศชายบ่อยเกินไป การล้างอวัยวะเพศบ่อยเกินไปโดยฉพาะอย่างยิ่งกับสบู่ หรือเจลอาบน้าอาจก่อให้เกิดอาการแสบและระคายเคือง ควรทาให้อวัยวะเพศแห้งสนิทหลัง การอาบน้า หากใช้แป้งทาตัวบนลูกอัณฑะก็ควรงดใช้แป้งกับอวัยวะเพศ หากแป้งเข้าไปใต้หนังหุ้ม ปลายจะกอ่ ให้เกิดการระคายเคืองและไม่สบายตวั หากใช้แปง้ ทาตัว อาจจะต้องเปล่ยี นมาใช้แปง้ ท่ที า จากแป้งข้าวโพดแทน มันอาจมีความเก่ียวข้องระหว่างการใช้แป้งทาตัวกับมะเร็งรังไข่ในผู้หญิง เพราะฉะนั้นหากมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดกับผู้หญิงและมีแป้งทาตัวติดอยู่บนอวัยวะเพศชาย อาจจะทาให้ฝ่ายหญงิ ต้องเส่ยี ง 1.1.5 เข้าใจการดูแลรักษาหนังหุ้มปลาย การมีอวัยวะเพศชายที่ไม่ได้ขลิบ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพหากมีการเอาใจใส่และสุขลักษณะท่ีดี อย่างไรก็ตาม การไม่รักษา ความสะอาดใต้หนังหุ้มปลายอาจก่อให้เกิดการสะสมของน้ามัน และสิ่งสกปรกที่เรียกว่าขี้ เปียก ปัญหาของหนังหุ้มปลายท่ีพบมาก ได้แก่ การอักเสบ ส่วนใหญ่เกิดจากการรูดหนังหุ้มรุนแรงเกินไป และส่ิงที่ทาให้ระคายคือง เช่น สบู่ที่รุนแรงหรือมีน้าหอม การติดเชื้อ เช่น โพสริทิสและบาลานิทิส ส่วนใหญเ่ กิดจากสขุ ลักษณะทไ่ี มด่ ีและการสะสมของข้ีเปยี ก 1.2 การลา้ งอวยั วะเพศชายท่ีขลิบปลาย 1.2.1 ใช้สบู่อ่อน ๆ ถึงแม้ว่าจะขลิบหนังหุ้มปลายออก แต่จะต้องทาให้มั่นใจว่าได้ ใช้สบู่ที่อ่อนและไม่ทาให้อวัยวะเพศระคายเคือง ใช้สบู่หรือเจลอาบน้าท่ีอ่อนและไม่มีกลิ่น ปรึกษา แพทย์หรอื แพทยผ์ ิวหนงั เกี่ยวกับการเลอื กใชส้ บู่ทีจ่ ะไมท่ าให้ผวิ ระคายเคือง
123 1.2.2 อาบนา้ เลือกอณุ หภมู ขิ องน้าทจี่ ะไมท่ าให้ผิวระคายเคอื ง ใชน้ ้าอุ่น (ทไ่ี ม่รอ้ น) และถสู บู่ทว่ั ตวั ตามปกติ 1.2.3 ล้างอวัยวะเพศชาย โดยใช้สบู่ที่อ่อนและไม่มกี ล่ิน ฟอกระหวา่ งมือและชโลม บนลูกอัณฑะและปลายอวัยวะเพศชาย ถึงแม้ว่าขลิบหนังหุ้มปลายออกแต่จาเป็นต้องล้างปลาย อวัยวะเพศให้สะอาด เพราะคราบเหง่ือ แบคทีเรียและส่ิงสกปรกสามารถสะสมที่ตรงน้ัน เม่ือไม่มี หนังหุ้มปลาย สิ่งท่ีตอ้ งทาคือชโลมสบ่ใู หท้ ่ัวอวัยวะเพศและลงสบู่ออกในขณะทยี่ ืนอาบน้าหรือแชอ่ ่าง ทาให้มั่นใจว่าเช็คอวัยวะเพศให้แห้งหลังการอาบน้า เม่ือไม่มีหนังหุ้มปลาย สามารถใช้แป้งทาตัว แตค่ วรใช้ดว้ ยความระมดั ระวังเพ่ือไม่ให้แป้งเข้าไปยงั ทอ่ ปัสสาวะหรอื ทาใหผ้ ิวระคายเคือง นอกจากน้ี วิธีการดแู ลรกั ษาความสะอาดอวยั วะเพศชาย ประกอบด้วย ข้ันตอนท่ี 1 ดึงหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศข้ึน เพื่อให้สามารถทาความสะอาดส่วนหัว ของอวัยวะเพศได้สะดวกและท่ัวถึง ข้ันตอนท่ี 2 ใช้สบู่ช่วยในการทาความสะอด โดยลองพยายามค่อย ๆ ดึงข้ึนทีละน้อย ในขณะทาความะอาดโดยอาจใช้มือทาความสะอาดที่สว่ นหวั ของอวัยวะเพศ ขั้นตอนท่ี 3 ดึงหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศขึ้นลงหลาย ๆ ครั้ง เพ่ือล้างทาความสะอาด ไม่ควรดงึ จนตึงเกินไปอาจจะทาให้เกดิ อาการเจบ็ ในบางกรณีที่หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศค่อนข้างตึงมาก ๆ และไม่สามารถล้าง ทาความสะอาดได้สะดวก อาจขอคาแนะนาจากแพทย์ โดยอาจให้แพทย์ทาการผ่าตัดก็เป็นได้ การตัดสว่ นของหนังหุ้มปลายอวขั วะเพศออกทง้ั หมดเรยี กว่าการขลิบอวยั วะเพศ รวมถึงในเรื่องการฝนั เปียก เปน็ อาการที่แสดงออกของวยั รุ่นชายเมือ่ กา้ วสวู่ ัยเจริญพนั ธ์ุ เม่ือองคชาตเจริญเต็มที่แล้ว จะเริ่มมีการสรา้ งอสุจิซ่ึงเป็นสารพันธุกรรมเก็บไว้ทีอ่ ัณฑะ เม่อื อสุจิมาก และไมไ่ ดใ้ ช้ จะต้องมีการระบายออกโดยกลไกทางธรรมชาติ คือ หลอดอสุจิจะมีการบีบตัวทาให้อสุจิ เคล่อื นทแ่ี ละหลัง่ ออกมาขา้ งนอก ซ่งึ จะเกดิ ขนึ้ ขณะหลับและฝันเกี่ยวกบั สิ่งเร้าแลว้ เกิดอารมณ์เพศข้ึน ฝันเปียกน้ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ ไม่ใช่ส่ิงผิดปกติท่ีต้องกังวล ความผิดปกติบางอย่างต้องรีบไป ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจโดยด่วน เช่น มีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ มีผ่ืน แผล เนื้องอก มีอาการบวม คันบริเวณอวัยวะเพศ เจ็บปวดขณะร่วมเพศ และปัสสาวะบ่อย แสบ ขัด ขุ่น หากพบ อาการผิดปกติดังที่กล่าวมา ห้ามซ้ือยารับประทานเองเพราะอาจได้รับยาไม่ครอบคลุม และไม่เพียง พอที่จะทาให้โรคหายขาด และเป็นเหตุให้มีอาการเรื้อรัง หรอื ด้ือยา หากเป็นโรคบริเวณอวัยวะเพศ ตอ้ งงดการมีเพศสัมพันธอ์ ย่างเด็ดขาดจนกว่าจะรกั ษาหายขาด
124 ภาพที่ 3.4 ข้ันตอนการทาความสะอาดอวัยวะเพศชาย ที่มา: http://www.psyclin.co.th/new_page_38.htm 2. การดแู ลรักษาความสะอาดอวัยวะเพศหญิง อวัยวะเพศหญงิ เป็นซอกหลบื ชบั ซ้อนพอสมควรจงึ เป็นแหล่งท่ีหมกั หมมมากกว่าอวยั วะ เพศชาย การดูแลสุขอนามัยของอวัยวะเพศหญิงนั้นจึงเป็นสิ่งสาคัญและจาเป็นท่ีจะต้องเรียนรู้เพื่อ การมีคุณภาพชีวิตที่ดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บที่จะมาทาร้ายร่างกาย รวมทั้งอวัยวะส่วนสาคัญ ของสภุ าพสตรีด้วย เม่ือเร่ิมเข้าสู่วัยสาวฮอร์โมนเพศที่เพิ่มขึ้นจะทาให้มีตกขาว ถ้าดูแลความสะอาด อ วัย ว ะ เพ ศ ไ ม่ ดี ก็ อ าจ เกิ ด ก าร ส่ ง ก ล่ิ น ข้ึ น ม า ได้ แ ล้ วเมื่ อ เข้ า สู่ วัย มี เพ ศ สั ม พั น ธ์ แ ล้ วก าร ดู แ ล น้ั น ก็ย่ิงยากลาบากขึ้นเพราะหลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้วอาจมีกล่ินท่ีผิดปกติเกิดข้ึนได้ การใช้น้ายาล้าง เฉพาะท่ีที่มีราคาค่อนข้างแพงมากอาจมีผลทาให้เกิดการระคายเคือง เนื่องจากการแพ้สารเคมีหรือ เคร่ืองหอมที่ใส่ลงไปในน้ายาน้ัน ไม่มีความจาเป็น เพราะธรรมชาติมีส่ิงปกป้องอยู่แล้ว ซ้าร้ายสมัยน้ี ยังมีค่านิยมในการโกนขน เช่น ขนบริเวณอวัยวะเพศออกซึ่งผิดอย่างมาก เพราะขนจะช่วยป้องกัน ส่ิงแปลกปลอมต่าง ๆ ทั้งยังเปรียบเสมือนหมอนรองที่จะลดสิ่งระคายเคืองต่าง ๆ ท่ีจะเข้าไปใน ช่องคลอด ในช่องคลอคเองก็จะมีแบคทีเรียชนิดให้คุณซึ่งจะสร้างสภาวะกรดทาให้ตกขาวที่ออกมา มสี ภาวะเป็นกรดอ่อน สามารถต่อต้านเชอื้ โรคได้ ถ้าหากสวนน้าเข้าไปภายในช่องคลอด แบคทเี รียจะ ถูกชะล้างออกไป ทาให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ข้อแนะนาว่าให้หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด ให้ดูแล บรเิ วณน้นั อยา่ งสมา่ เสมอ เช่น หลังถา่ ยปสั สาวะลงน้าถา้ ไมล่ ้างควรใช้กระดาษนมุ่ ๆ ซับจากดา้ นหน้า ไปดา้ นหลัง การใชก้ างเกงชั้นในไม่ควรใช้กางเกงช้ันในที่คับบริเวณเป้ามากเกินไป หน้าร้อนไม่ควรใส่ กางเกงยีนส์ผ้าหนาหรือกระโปรงติ้วเกินไปจะทาให้บริเวณน้ันอับชนื้ และเกิดอาการคนั บรเิ วณน้ันได้
125 ถา้ มีการดูแลทาความสะอาดสมา่ เสมอ สวมเส้ือผ้าสะอาด ทาความสะอาดถูกวธิ ี ถกู ทาง รกั ษาบรเิ วณ ตรงน้นั ให้แห้งและสะอาดอยเู่ สมอก็จะไมม่ ีปญั หา 2.1 วธิ รี ักษาความสะอาดของอวยั วะเพศ 2.1.1 ล้างด้วยน้าอุ่นเท่านั้น การล้างอวัยวะเพศด้วยสบู่ไม่ว่าจะเป็นสบู่ก้อนหรือ สบู่เหลวนั้น ไม่ใช่วิธีการรักษาความสะอาดท่ีดีที่สุด เพราะอวัยวะเพศค่อนข้างสะอาดอยู่แล้วโดยไม่ ตอ้ งมีผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดจากภายนอกมาช่วย เช่นเดียวกับส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย อวัยวะเพศ มีค่า pH ที่ต้องรักษาให้อยู่ในระดับท่ีพอดี ซ่ึงก็คือ 3.5 - 4.5 เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของ แบคทีเรียท่ีไม่ดีและเสริมสร้างการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดี การใช้ผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดที่ แรงเกินไปอาจทาลายความสมดุล ทาให้เกิดการติดเช้ือ การระคายเคือง และแม้กระท่ังกลิ่นเหม็น คนมักจะพูดถึงบริวณ “ตรงน้ัน” ท้ังบริเวณว่าเป็นอวัยวะเพศ แต่จาไว้ว่าจริง ๆ แล้วอวยั วะเพศเป็น กล้ามเน้ือท่ีมีลักษณะเป็นท่ออยู่ในร่างกาย ปากช่องคลอดที่เป็นผิวที่อยู่ด้านนอกของอวัยวะเพศน้ัน สามารถทาความสะอาดได้ด้วยสบู่ก้อนที่ไม่มีส่วนผสมปรุงแต่ง ถ้าไม่ทาให้ผิวระคายเคือง ถ้าจะล้าง อวัยวะเพศด้วยสบู่จริงๆ ต้องใช้นา้ อุ่น ล้างใหส้ ะอาดหมดจดเพื่อไมใ่ ห้เหลือคราบสบตู่ กค้าง คราบสบู่ ท่ีตกค้างอยู่ในอวยั วะเพศอาจทาให้เกดิ การระคายเคือง 2.1.2 อย่าใช้ผลิตภัณฑส์ วนล้างชอ่ งคลอด หรอื สเปรย์สาหรับจุดซ่อนเร้น การสวน ล้างช่องคลอดด้วยสารเคมีท่ีควรจะทาให้อวัยวะเพศหอมหมือนสวนดอกไม้น้ันจริง ๆ แล้วจะทาให้ เกิดผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามมากกว่า เพราะสารเคมีเหล่าน้ันจะล้างแบคทีเรียท่ีดีที่ช่วยให้อวัยวะเพศ สะอาดและปราศจากการติดเช้ือออกไปจนหมด สารเคมีที่ตกค้างจากการสวนล้างชอ่ งคลอคจะทาให้ เกิดการระคายเคืองและถึงข้ันแสบร้อนเช่นดียวกับสเปรย์สาหรับจุดซ่อนเร้น ถ้าดูแลสุขภาวะของ อวัยวะเพศให้ดีด้วยวิธีการอ่ืน ๆ อยู่แล้ว ก็ไม่จาเป็นต้องพยายามเปลี่ยนกลิ่นอวัยวะเพศ ครีมท่ีมี กลิ่นหอมที่โฆษณาวา่ ช่วยเปล่ยี นกล่ินอวยั วะเพศน้ันก็อาจทาใหเ้ กิดปัญหาแบบเดยี วกัน เพราะฉะนั้น กค็ วรหลีกเลีย่ งด้วย รวมท้ังผา้ อนามัย ผ้าอนามัยแบบสอด และทิชชู่เช็ดทาความสะอาด อวัยวะเพศที่ มีกล่ินหอมด้วย ถ้ารู้สึกว่าจาเป็นต้องทาให้อวัยวะเพศมีกลิ่นหอมจริง ๆ ให้พยายามใชผ้ ลิตภัณฑ์ที่มา จากธรรมชาติลว้ น ๆ และไม่มีสารเคมี จะทาบอด้ีสเปรย์เองก็ได้ด้วยการผสมน้ามันหอมระเหยอย่าง น้ามันกุหลาบ ลาเวนเดอร์ และตะไคร้ 2 - 3 หยดกับน้าลงในขวดสเปรย์ ใช้บอด้ีสเปรย์หลังอาบน้า และตวั ตอ้ งใหแ้ หง้ สนิทก่อนใสเ่ สอ้ื ผ้า 2.1.3 รกั ษาสุขอนามัยทด่ี ีระหวา่ งมีประจาเดือน ผหู้ ญงิ หลายคนมีอัตราการตดิ เชื้อ ท่ีอวัยวะเพศเพิ่มข้ึนในช่วงมีประจาเดือน เน่ืองจากการมีเลือดในอวัยวะเพศนั้น ทาให้ค่า pH เกิดการเปลี่ยนเเปลงและทาลายความสมดุล ในการดูแลอวัยวะเพศให้มีสุขภาวะที่ดีในช่วงมี ประจาเดอื นนั้น ให้คณุ สร้างนิสัยดังตอ่ ไปน้ี
126 1) เปลี่ยนผ้าอนามัยแบบสอดบ่อย ๆ เพราะผ้าอนามัยแบบสอดน้ันดูดซึม เลอื ดประจาเดือน และถา้ คณุ ท้งิ ไวน้ านเกนิ ไปก็เทา่ กับว่าเป็นการท้ิงเลือดไว้ในอวัยวะเพศและอาจทา ใหค้ า่ pH เปล่ียนแปลง ควรตอ้ งเปลยี่ นอนามัยแบบสอดทกุ ๆ 2 - 3 ชั่วโมงเพ่อื ไม่ให้เกดิ ปญั หานี้ข้นึ 2) อย่าใส่ผ้าอนามัยหรือแผ่นอนามัยนานกวา่ ท่ีจาเปน็ การใส่ผ้าอนามัยและ แผ่นอนามัยตลอดทั้งเดือนหรือหลงั จากหมดประจาเดือนแล้วอาจทาใหผ้ วิ เกิดการระคายเคืองได้ 3) ลองซ้ือถว้ ยอนามัยมาใช้ ถ้วยยางนี้จะสอดอยู่ในช่องคลอดเพ่ือรองเลือด จากน้ันลงด้วยน้าร้อนทุก ๆ 2 - 3 ชั่วโมง ถ้วยอนามัยเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีใช้ในช่วงมีประจาเดือนท่ี ปราศจากสารเคมี และจะยิง่ มีประโยชน์หากผ้าอนามัย และผ้าอนามัยแบบสอดมกั ทาให้ระคายเคอื ง 4) เช็ดจากหน้าไปหลัง เช็ดจากหน้าไปหลัง ไม่ใช่จากหลังมาหน้า เพอ่ื ไม่ให้ เศษอุจจาระเข้าสู่อวัยวะเพศและทาให้เกิดการติดเช้ือ ใช้กระดาษทิชชู่ธรรมดาไม่มีกลิ่นเช็ด อย่าใช้ ทิชชเู่ ปยี กหรือผลติ ภณั ฑ์อ่นื ๆ ทมี่ นี า้ หอมและสารเคมี 2.2 สรา้ งนสิ ยั ท่ดี ีตอ่ สขุ ภาวะของอวยั วะเพศ 2.2.1 ใส่กางเกงในผ้าฝ้าย กางเกงในผ้าฝ้ายแห้งเรว็ และอากาศสามารถทะลุผ่านผ้า ได้ตลอด ป้องกันไม่ให้เกดิ การอบั ชื้นท่ีกระตุ้นการเจริญเติบโตของยีสต์และแบคทีเรียทไ่ี ม่ดตี อ่ สุขภาพ ที่อาจนาไปสู่การติดเชื้อได้ กางเกงในที่ทาจากผ้าสังเคราะห์ ผ้าไหม ผ้าลูกไม้ หรือผ้าอื่น ๆ นั้น ป้องกันไม่ให้อากาศเข้าออกได้เช่นกัน ถ้าชอบใส่กางเกงในท่ีทาจากผ้าชนิดอื่นท่ีไม่ใช่ผ้าฝ้าย บริเวณ ส่วนที่สัมผัสกับอวัยวะเพศต้องทาจากผ้าฝ้าย ถ้ามักจะติดเชื้อท่ีอวัยวะเพศอยู่บ่อย ๆ ลองเลือก กางเกงในที่ทาจากผา้ ฝ้ายของออรแ์ กนิกไม่แต่งสที ไี่ ม่ผา่ นกระบวนการใช้สารเคมีเลย 2.2.2 ใส่เส้ือผ้าหลวม ๆ กางเกงยืดรัดรูป กางเกงยีนส์รัดรูป และถุงน่องกักเก็บ ความชื้นไว้ที่ผวิ และทาให้อากาศไม่ไหลเวยี นซึ่งมักนาไปสู่การติดเชอื้ ยีสต์ ลองใส่ผ้หลวม ๆ บาง ๆ ท่ี ระบายอากาศได้ดี ใส่กระโปรงและเดรสให้บ่อยข้ึน และเลือกใส่ถุงน่องคร่ึงตัวแทนการใส่ถุงน่อง เต็มตวั ท่ีดึงขึน้ มาถึงเอว เลือกกางเกงขาสน้ั หลวม ๆ ด้วยเชน่ กัน 2.2.3 เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกทันที การใส่ชุดว่ายน้าเปียก ๆ หรือชุดออกกาลังกาย เปียก ๆ 2 - 3 ชวั่ โมงทาให้เส่ียงต่อการติดเชื้อยีสต์ ต้องเปลี่ยนไปใส่กางเกงในท่ีสะอาดและแห้งทันที หลังจากว่ายน้าหรอื ออกกาลังกาย อาจจะพกกางเกงในอีกตัวเผอ่ื ไว้สาหรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดที่ อาจจะต้องเปลย่ี นตัวใหม่ ถ้าตดั สินใจท่ีจะโกนขนบริเวณอวยั วะเพศ ระวังอย่าให้มีดโกนบาดเข้าเน้ือ ใช้ครมี โกนขน (และอย่าใหไ้ หลเข้าไปในอวยั วะเพศ) และค่อย ๆ ใช้เวลาโกนแถว ๆ แคมเพื่อทจ่ี ะได้ไม่ เผลอโกนเข้าเน้ือ การแว็กซ์ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งท่ีผู้หญิงหลายคนนิยม ถ้าจะกาจัดขนด้วยวิธีน้ี ตอ้ งหาขอ้ มูลและเลือกร้านแวก็ ซท์ ี่มีชอื่ เสียงทใี่ ชผ้ ลติ ภัณฑ์และแวก็ ซ์ทส่ี ะอาด ร้านแว็กซ์ท่แี วก็ ซข์ นไม่ ถกู สขุ ลักษณะอาจทาใหก้ ารติดเชื้อแบคทีเรยี แพรก่ ระจายได้
127 2.2.4 ถ้าอวัยวะเพศหลังมีเพศสัมพันธ์ เวลาท่ีมีเพศสัมพันธ์กับคนรัก เป็นการเปิด ช่องให้ตวั เองได้รับแบคทีเรียและเชอ้ื โรคท่ีมองไม่เห็นอน่ื ๆ ท่ีอาจทาให้อวัยวะเพศเกดิ การระคายเคือง และทาให้เกิดการติดเช้ือ ควรลา้ งอวัยวะเพศด้วยน้าอุ่นหลังมีเพศสัมพันธ์ วิธีน้ีชว่ ยลดโอกาสที่จะเกิด ผลขา้ งเคียงทีไ่ ม่น่าพงึ ประสงค์หลังมีเพศสัมพันธ์ไดม้ าก 2.2.5 ปสั สาวะหลังมเี พศสมั พนั ธ์ อย่างน้อยที่สุดให้ปสั สาวะหลังมเี พศสมั พนั ธแ์ มว้ ่า จะตั้งใจล้างด้วยก็ตาม เวลาที่มีเพศสัมพันธ์แบคทีเรียท่ีไม่พึงประสงค์อาจเดินทางเข้าสู่ท่อปัสสาวะ ซงึ่ เช่ือมกับกระเพาะปัสสาวะ การปสั สาวะหลังจากมเี พศสมั พนั ธช์ ่วยชะลา้ งแบคทเี รยี ออกจากบริเวณ อวยั วะเพศ เสรมิ สร้างสุขภาวะทั่วไปท่ีดี และป้องกันการเปน็ โรคทางเดินปัสสาวะอกั เสบ 2.2.6 ลองใช้ถุงยางอนามัย ค่า pH ในอสุจินั้นเป็นด่าง ในขณะที่ค่า pH ของ อวัยวะเพศหญิงน้ันเป็นกรด เมื่ออสุจิค้างอยู่ในอวัยวะเพศหญิงหลังมีเพศสัมพันธ์อสุจิก็จะไปทาลาย ความสมดุลของอวัยวะเพศทาให้แบคทีเรียเจริญติบโตได้ง่าย การใช้ถุงยางอนามัยหรือวิธีการขวาง ไม่ให้อสุจิไหลเข้าไปวิธีอื่น ๆ ลา้ งอสจุ ิทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ เพ่อื ไมใ่ ห้มันมีเวลาที่จะไปเปลี่ยนคา่ pH ของอวัยวะเพศ การคุมกาเนิด การคุมกาเนิดหรือการป้องกันการตั้งครรภ์ (Contraception) คือ การป้องกันไม่ให้มี การต้ังครรภ์เกิดขึ้น โดยมีกลไกในการป้องกันการต้ังครรภ์หลายกลไก เช่น การหลั่งภายนอกช่อง คลอด ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 60-80% การนับวันท่ีไข่ตกเพื่อนับระยะปลอดภัย ป้องกัน การตั้งครรภ์ไดป้ ระมาณ 70-75% การรบั ประทานยาคุม 95% การใชห้ ่วงกาเนิด ป้องกันได้ประมาณ 98% การฉีดยาคุมกาเนิด ป้องกันการต้ังครรภ์ได้ประมาณ 99% การใช้ยาฝังคุมกาเนิดใต้ผิวหนัง บริเวณต้นแขนป้องกันการต้ังครรภ์ได้ประมาณ 99% การใช้ถุงยางอนามัยในผู้ชาย ป้องกัน การต้ังครรภ์ประมาณ 86% การใช้ยาฆ่าสเปริม์ฉีดล้าง ป้องกันการต้ังครรภ์ได้ประมาณ 74% (อทุ ุมพร แกว้ สามศรี และคณะ, 2562, น. 108-109) 1. ประเภทของการคมุ กาเนดิ วิธกี ารคุมกาเนิดมมี ากมายหลายชนิดสามารถแบง่ ออกได้หลายประเภทแลว้ แต่เกณฑ์ที่ ใช้ในการแบ่งประเภท ทั้งน้ีในท่ีนีแ้ บ่งตามระยะเวลาในการคุมกานดิ โดยแบ่งออกเป็น 1.1 การคุมกาเนิดชั่วคราว เป็นวิธีคุมกาเนิดที่ประสิทธิภาพในการคุมกาเนิดจะมีอยู่ เพียงชั่วคราว เม่ือหยุดใช้จะสามารถกลับมาต้ังครรภ์ได้เอง เหมาะสาหรับผู้ที่ยังต้องการมีบุตร ในอนาคต
128 ชนิดของการคุมกาเนดิ ชว่ั คราว ไดแ้ ก่ 1.1.1 ถุงยางอนามัยบุรุษ (ถุงยางอนามัยชาย) ผลิตจากยางลาเทค (Latex) หรือ บางชนิดผลิตจากยางเทียม (Polyurethane) คุมกาเนิดโดยการสวมใส่ท่ีองคชาตเพศชายขณะแข็งตัว เป็นการป้องกันไม่ให้เชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกเพ่ือปฏิสนธิกับไข่ ทาให้ไม่มีการต้ังครรภ์ ซ่ึงพบอัตรา การต้ังครรภ์หลังใช้ประมาณ 2 - 15% ถงุ ยางอนามัยเป็นอุปกรณ์ทางการแพทยท์ ่ีใช้ครัง้ เดยี วแลว้ ท้ิง ก า ร ใช้ ถุ ง ย า ง อ น ามั ย ค ว ร ใช้ ก่ อ น ที่ อ วั ย ว ะ เ พ ศ ท้ั ง ส อ ง ฝ่ า ย จ ะ สั ม ผั ส กั น เพ่ื อ ป้ อ ง กั น โร ค ติ ด ต่ อ ทางเพศสมั พนั ธ์และการสวมจะต้องใหอ้ วยั วะเพศชายแข็งตวั เต็มท่แี ลว้ จงึ ใส่ ขน้ั ตอนการใชถ้ งุ ยางอนามยั มดี งั น้ี 1) ฉีกซองอย่างระมัดระวัง แล้วหยิบออกจากซอง ระวังอย่าให้ถุงยาง อนามัยสมั ผสั กบั เลบ็ หรือของประดบั ท่ีมีคมจะทาให้ฉกี ขาดได้ 2) ถุงยางอนามัยบรรจุในซองในลักษณะม้วนเป็นรูปวงแหวนให้รอยม้วน อยู่ด้านนอก ให้สงั เกตถงุ ยางอยูใ่ นสภาพดี และไมห่ มดอายุ คล่ีถุงยางออกมาสกั 1-2 เซนติเมตร 3) ใช้นิ้วหัวแม่มือและน้ิวชี้บีบกระเปาะ (ต่ิงตรงปลาย) ไล่ลมออกนามา ครอบปลายอวัยวะเพศ (ถ้าหนังหมุ้ ยาว ตอ้ งรดู ขนึ้ ไปให้พ้นปลายหัว) 4) ใช้อีกมือรูดถงุ ยางขน้ึ ไปจนถงึ โคน (อีกมือยงั คงบบี ปลายตงิ่ อยู่) 5) ถ้าใส่ถูกต้อง ตรงติ่งต้องแบนไม่มีลมอยู่ภายใน (ถ้าเป็นแบบปลายมน ต้องเหลือปลายถุงยางไว้สกั หนง่ึ เซนติมตร) ท้ังน้เี พ่ือปอ้ งกันถุงยางอนามัยแตก 6) ถ้าความหล่อลื่นไม่พอ ก็สามารถทาสารหล่อลื่นเพิ่มเติมได้แต่ต้อง หลังจากสวมใส่แล้ว และสารหล่อลื่นท่ีใช้ต้องเป็นสารที่มีส่วนผสมเป็นน้าหรือซิลิโคน เช่น ky - jelly ห้ามใชว้ าสลนิ โดยเด็ดขาด 7) ภายหลังหล่ังน้าอสุจิแล้ว ให้รีบถอนอวัยวะออก พร้อมจับขอบตรงโคน ด้วย ไมง่ ้นั ตัวออกแต่ปลอกค้างข้างใน 8) ใช้กระดาษทิชชู่พนั รอบโคน โดยไม่ให้สัมผัสกบั น้าจากช่องคลอดแล้วรูด ถุงยางออกโดยอาจใชน้ วิ้ เกยี่ วด้านในของขอบถงุ ยาง
129 ภาพท่ี 3.5 วธิ กี ารใส่ถงุ ยางอนามัย ท่มี า: http://www.tlcthai.com ข้อควรระวังในการใช้ถุงยางอนามัย มดี งั นี้ 1) การทิ้งควรทิ้งในถังขยะ หรือท่ีระบุให้ทิ้ง หรือจะเอาไปเผา หรือฝังก็ได้ หา้ มนามาลา้ งใชใ้ หม่ 2) อย่าท้ิงลงชกั โครก ชกโครกจะตนั ได้ 3) ในกรณีการแพ้ถงุ ยางอนามัย เกดิ ขน้ึ ได้แต่ไม่บอ่ ยนัก (ราว 7%) อาจเกิด จากการแพ้โปรตีนในตัวยางธรรมชาติ หรือสารท่ีผสมเพ่ือผลิตยางธรรมชาติหรือแพ้สารเคมีที่นามา เคลือบถุงยางก็ได้ อาการแพ้ก็เหมือนการแพ้แบบสัมผัสท่ัว ๆ ไป คือมีผ่ืนคัน ระคายเคือง เป็นได้ ทัง้ ชายและหญิง กรณีที่แพต้ ัวยางธรรมชาติ ก็มถี ุงยางอื่นให้เลือก เปน็ ถงุ ยางพลาสติกคอื ไม่ได้ทาจาก ยางธรรมชาติ แต่ทาจาก Polyurethane 4) สาหรับยาฆ่าอสุจิ ใช้ร่วมกับถุงยางอนามัยหรือถุงยางอนามัยสตรี ท้ังน้ี ไม่ใช่วิธที ี่เหมาะสมสาหรับการคมุ กาเนิดหากใช้เพยี งอย่างเดียว ผลิตภณั ฑน์ ้ีทาขนึ้ เปน็ ครมี โฟม เยลลี่ หรือยาสอดยาฆ่าเชื้ออสุจิ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาโดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ นอกจากนี้ ยงั มีผลขา้ งเคียงเพยี งเลก็ นอ้ ยเทา่ น้ัน
130 1.1.2 ยาเม็ดคมุ กาเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เป็นวิธีคุมกาเนิดที่แพร่หลาย มีผูน้ ิยมใช้ มากท่ีสุด มีความสะดวกในการใช้ ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสติน (Progestin) มีผลยับยั้งการตกไข่ ทาให้มูกท่ีปากมดลูกเหนียวข้นทาให้อสุจิไม่สามารถผ่านเข้าสู่ โพรงมดลูกได้ และทาให้เย่ือบุโพรงมดลูกบาง ไม่เหมาะสมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน ซ่ึงพบอัตรา การตั้งครรภ์หลงั ใช้ไดป้ ระมาณ 0.3 - 8% 1.1.3 ยาเม็ดคุมกาเนิดชนิดโปรเจสตนิ อย่างเดียว ประกอบด้วยฮอรโ์ มนโปรเจสติน เพียงชนิดเดียว มีกลไกทาให้มูกทีป่ ากมดลกู เหนียวข้น อสจุ ิไม่สามารถเคล่อื นผ่านเข้าสู่โพรงมดลกู ได้ และทาใหเ้ ยื่อบโุ พรงมดลูกบางตวั ไม่เหมาะสมต่อการฝงั ตวั ของตัวอ่อน ซ่ึงพบอัตราการต้งั ครรภ์หลังใช้ ยาได้ประมาณ 0.3 - 8% ภาพท่ี 3.6 ยาเม็ดคมุ กาเนิดแบบต่าง ๆ ทม่ี า: http://www.mamaexpert.com วธิ ใี ชย้ าคุมกาเนิด 1) ยาคุมกาเนิดชนิดเม็ด ปัจจุบันมีขายสามรูปแบบ คือ ชนิด 21 เม็ด, 22 เม็ด และ 28 เมด็ ทง้ั สามแบบมีประสิทธภิ าพไม่แตกต่างกนั 2) การกินยาคุมแผงแรก ให้เร่ิมกินเม็ดแรกภายในห้าวันของการมี ประจาเดอื น ตดิ ต่อกันทกุ วนั ๆ ละ 1 เมด็ จนหมดแผง 3) แผงต่อไป ถ้าเปน็ ยาคมุ 21 เม็ดให้เวน้ ไป 7 วัน ยาคมุ 22 เม็ด ให้เว้นไป 6 วัน แลว้ จึงเร่ิมกนิ เมด็ แรก สว่ นยาคมุ 28 เม็ดใหก้ ินแผงตอ่ ไปไดเ้ ลย 4) ลมื กินยาคมุ กาเนดิ 4.1) หากลมื กนิ หน่ึงวันให้กนิ 2 เมด็ ในวันถัดไป หรือลืมกินสองวันให้กิน 2 เม็ด ในวันที่สามและ 2 เม็ดในวันที่สี่ หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ลืมกินยาควรใช้ถุงยางอนามัย รว่ มดว้ ย 4.2) ถ้าลืมกิน ยาเกิน สามวัน ให้หยุดยาคุมแผงน้ันไปเลยและ ใชถ้ ุงยางอนามยั จนกว่าประจาเดอื นจะมาแล้วจึงเริ่มกินยาแผงใหม่
131 อาการไมพ่ งึ ประสงค์ 1) คลื่นไส้ มักเกิดเม่ือกินยาแผงแรก โดยเฉพาะ 2-3 เม็ดแรก อาการจะ ค่อย ๆ ลดลง และจะพบน้อยมากภายหลังรับประทานไปแล้ว 3 แผงการเลือกยาท่ีมีเอสโตรเจนต่า หรือเปลีย่ นแปลงชนิดของเอสโตรเจนอาจจะชว่ ยใหอ้ าการหายไปได้ 2) ฝาขึ้นท่ีหน้า ฝ้าที่หน้าอาจจะเกิดเพียงจาง ๆ ท่ีแก้มหรือริมฝีปากบน แต่บางรายฝ้ามาก อาจจะหลังการกินยาเพยี ง 2-3 เดอื นหรืออาจจะเกิดช้าเมือ่ หยดุ ยาฝ้าจะจางลง 3) น้าหนักตัวเพิ่มขึ้นอาจเกิดเนื่องจากฤทธิ์ในการเสริมสร้าง (Anabolic Effect) ทาให้อยากรับประทานอาหารมากขึ้น ซึ่งเป็นผลของโปรเจสเตอโรนหรือทาให้มีไขมัน ใตผ้ วิ หนงั นา้ และโซเดียมคง่ั ซึ่งเป็นผลของเอสโตรเจน 4) เต้านมคัดและเจ็บ 5) ปวดศีรษะ วิงเวียนและมีอาการซึมเศร้า อาจจะเป็นผลโดยตรงจากยา หรืออาจเน่ืองจากการค่ังของน้าและโซเดยี ม 6) สวิ ขน้ึ และผมร่วง การเลอื กใชย้ าคมุ ชนิดทม่ี ฤี ทธ์ิทางแอนโดรเจนน้อย 7) อาการข้างเคียงท่ีพบได้น้อย แต่มีอาการรุนแรง ไม่ใคร่พบในคนไทย ได้แก่ โรคหลอดเลือดอุดตัน เส้นเลือดในสมองแตกหรืออุดตัน (Cerebrovascular Accident) โรคหัวใจ ความดันโลหิตสงู และโรคของถุงน้าดี 1.1.4 ยาเม็ดคมุ กาเนดิ ฉุกเฉนิ ประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินในขนาดสงู มีกลไก ปอ้ งกันการตั้งครรภโ์ ดยปอ้ งกนั หรอื เล่ือนเวลาการตกไข่ ขดั ขวางการฝงั ตัวของตัวอ่อน โดยเป็นยาทใ่ี ช้ รับประทานหลังมีเพศสัมพันธ์ในกรณีท่ีลืมคุมกาเนิดหรือเกิดเหตุไม่คาดฝันขณะมีเพศสัมพันธ์ เช่น ถุงยางอนามัยรั่วหรือแตก ได้ผลดีท่ีสุดถ้ารับประทานหลังมีเพศสัมพันธ์ทันทีหรือในเวลาไม่เกิน 72 - 120 ชว่ั โมง พบมอี ตั ราการตง้ั ครรภ์หลงั ใชป้ ระมาณ 25% ภาพที่ 3.7 ยาเม็ดคมุ กาเนิดฉกุ เฉนิ ที่มา: https://medthai.com
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392