เปดิ ธรรมท่ถี กู ปิด : ปฐมธรรม ภิกษทุ ง้ั หลาย ! มารดา ย่อมบรหิ ารสัตวท์ ี่เกิด ในครรภน์ ั้น ดว้ ยความเป็นหว่ งอยา่ งใหญห่ ลวง เปน็ ภาระ หนกั ตลอดเวลาเกา้ เดอื นบา้ ง สบิ เดอื นบา้ ง. ภิกษทุ ง้ั หลาย ! เมอ่ื ลว่ งไปเกา้ เดอื นหรอื สบิ เดอื น มารดา ยอ่ มคลอดบตุ รนน้ั ด้วยความเป็นห่วงอย่างใหญ่หลวง เป็นภาระหนัก ได้เลีย้ งซ่งึ บุตรอนั เกิดแล้วน้นั ดว้ ยโลหิตของตนเอง. ภิกษทุ ง้ั หลาย ! ในวนิ ยั ของพระอรยิ เจา้ ค�ำ วา่ “โลหิต” นี้ หมายถึงน้�ำ นมของมารดา. ภกิ ษทุ ั้งหลาย ! ทารกนน้ั เจรญิ วยั ขน้ึ มอี นิ ทรยี ์ อนั เจรญิ เตม็ ทแ่ี ลว้ เลน่ ของเลน่ ส�ำ หรบั เดก็ เชน่ เลน่ ไถนอ้ ยๆ เลน่ หมอ้ ขา้ วหมอ้ แกง เลน่ ของเลน่ ชอ่ื โมกขจกิ ะ เลน่ กงั หนั ลม นอ้ ยๆ เล่นตวงของด้วยเครื่องตวงทท่ี �ำ ด้วยใบไม้ เล่นรถ นอ้ ยๆ เล่นธนูนอ้ ยๆ. ภกิ ษทุ ้งั หลาย ! ทารกนนั้ ครั้นเจริญวยั ข้ึนแลว้ มีอินทรีย์อันเจริญเต็มท่ีแล้ว เป็นผู้เอิบอ่ิมเพียบพร้อม ดว้ ยกามคณุ ๕ ให้เขาบำ�เรออย ทางตาดว้ ยรปู ทางหู ดว้ ยเสียง ทางจมูกดว้ ยกลนิ่ ทางลน้ิ ด้วยรส และทางกาย 275
พุทธวจน - หมวดธรรม ด้วยโผฏฐัพพะ ซง่ึ ลว้ นแต่เปน็ สง่ิ ท่ปี รารถนา นา่ รักใคร่ นา่ พอใจ เปน็ ทย่ี วนตา ยวนใจใหร้ กั เปน็ ทเ่ี ขา้ ไปตง้ั อาศยั อยู่ แห่งความใคร่ เป็นท่ีตั้งแห่งความกำ�หนัดย้อมใจ และ เปน็ ที่ต้ังแห่งความรกั . ทารกนั้น ครั้นเห็นรูปด้วยจักษุ เป็นต้นแล้ว ย่อมกำ�หนัดยินดใี นรปู เป็นตน้ ท่ียว่ั ยวนให้เกดิ ความรกั ย่อมขัดใจในรูป เป็นต้น ที่ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความรัก ไม่เป็นผู้ตั้งไว้ซึ่งสติ อันเป็นไปในกาย มีใจเป็นอกุศล ไม่รู้ตามท่ีเป็นจริง ซ่ึงเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อัน เปน็ ทีด่ บั ไมเ่ หลอื แหง่ ธรรมอนั เปน็ บาปอกุศลทง้ั หลาย. กุมารนอ้ ยน้นั เม่อื ประกอบดว้ ยความยนิ ดแี ละ ความยินร้ายอยู่เช่นนี้แล้ว เสวยเฉพาะซ่ึงเวทนาใดๆ เป็นสุขก็ตาม ทุกขก์ ็ตาม ไมใ่ ชท่ กุ ขไ์ ม่ใชส่ ุขกต็ าม เขา ยอ่ มเพลดิ เพลนิ พร�ำ่ สรรเสรญิ เมาหมกอยู่ ซง่ึ เวทนานน้ั ๆ. เมอ่ื เปน็ อยู่เชน่ น้นั 276
เปิดธรรมทถ่ี กู ปดิ : ปฐมธรรม ความเพลิน (นนั ทิ) ยอ่ มบงั เกดิ ขนึ้ . ความเพลนิ ใด ในเวทนาทัง้ หลายมอี ยู่ ความเพลนิ อันนัน้ เปน็ อปุ าทาน. เพราะอปุ าทานของเขาน้นั เปน็ ปัจจัย จงึ เกิดมีภพ เพราะภพเปน็ ปัจจัย จงึ เกิดมชี าติ เพราะชาติเปน็ ปัจจัย ชรา มรณะ โสกะ ปรเิ ทวะ ทกุ ข์ โทมนสั และอปุ ายาส จึงเกดิ มพี รอ้ ม. ความก่อขึน้ แห่งกองทุกขท์ ัง้ สิ้นนี้ ย่อมมีได้ ด้วยอาการอยา่ งนี้ แล. 277
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปดิ : ปฐมธรรม เหตแุ ห่งการเกดิ “ทกุ ข์” ๑๐๑ -บาลี นทิ าน. สํ. ๑๖/๔๐/๗๕. ถกู แลว้ ถูกแลว้ อานนท์ ! ตามท่ีสารีบตุ รเมือ่ ตอบปัญหาในลกั ษณะนั้นเช่นนนั้ ชื่อว่าได้ตอบโดยชอบ อานนท์ ! ความทุกขน์ นั้ เรากลา่ วว่า เปน็ สิ่งท่ีอาศยั ปจั จยั อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ แลว้ เกดิ ขน้ึ (เรยี กวา่ ปฏจิ จสมปุ ปนั นธรรม). ความทุกขน์ ัน้ อาศัยปจั จัยอะไรเล่า ? ความทุกขน์ ้ัน อาศยั ปจั จัยคือ ผัสสะ ผู้กล่าว อย่างน้ีแล ชื่อว่า กล่าวตรงตามที่เรากล่าว ไม่เป็นการ กล่าวตู่เราด้วยคำ�ไม่จริง แต่เป็นการกล่าวโดยถูกต้อง และสหธรรมิกบางคนท่ีกล่าวตาม ก็จะไม่พลอยกลาย เปน็ ผคู้ วรถูกตไิ ปดว้ ย. อานนท์ ! ในบรรดาสมณพราหมณ์ ทก่ี ลา่ วสอน เร่ืองกรรมทั้ง ๔ พวกน้นั (๑) สมณพราหมณท์ ก่ี ลา่ วสอนเรอ่ื งกรรมพวกใด ยอ่ มบญั ญตั คิ วามทกุ ขว์ า่ เปน็ สง่ิ ทต่ี นท�ำ เอาดว้ ยตนเอง แม้ความทุกข์ท่ีพวกเขาบัญญัตินั้น ก็ยังต้องอาศัยผัสสะ เป็นปัจจยั จงึ เกดิ ได้ 278
เปดิ ธรรมที่ถกู ปดิ : ปฐมธรรม (๒) สมณพราหมณท์ ก่ี ลา่ วสอนเรอ่ื งกรรมพวกใด ยอ่ มบญั ญตั คิ วามทกุ ขว์ า่ เปน็ สง่ิ ทผ่ี อู้ น่ื ท�ำ ให้ แมค้ วามทกุ ข์ ท่ีพวกเขาบัญญัตินั้น ก็ยังต้องอาศัยผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกดิ มีได้ (๓) สมณพราหมณท์ ก่ี ลา่ วสอนเรอ่ื งกรรมพวกใด ยอ่ มบญั ญตั คิ วามทกุ ขว์ า่ เปน็ สง่ิ ทต่ี นท�ำ เอาดว้ ยตนเองดว้ ย ผู้อื่นทำ�ให้ด้วย แม้ความทุกข์ที่พวกเขาบัญญัตินั้น ก็ยังต้องอาศยั ผสั สะเป็นปจั จัย จงึ เกิดมีได้ (๔) ถงึ แมส้ มณพราหมณท์ ก่ี ลา่ วสอนเรอ่ื งกรรม พวกใด ยอ่ มบัญญตั ิความทกุ ข์ วา่ เปน็ ส่งิ ท่ไี ม่ใช่ทำ�เอง หรอื ใครท�ำ ใหก้ เ็ กดิ ขน้ึ ได้ กต็ าม แมค้ วามทกุ ขท์ พ่ี วกเขา บญั ญตั นิ น้ั กย็ งั ตอ้ งอาศยั ผสั สะเปน็ ปจั จยั จงึ เกดิ มไี ดอ้ ยู่ นั่นเอง. อานนท์ ! ในบรรดาสมณพราหมณท์ ก่ี ลา่ วสอน เรอ่ื งกรรมท้งั ๔ พวกน้ัน... สมณพราหมณพ์ วกนั้นหนา หากเว้นผัสสะเสียแล้ว จะรู้สึกต่อสุขและทุกข์นั้นได้ ดังน้นั หรอื นน่ั ไม่ใช่ฐานะทจ่ี ักมีไดเ้ ลย... 279
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ถี กู ปดิ : ปฐมธรรม สิน้ ทุกข์เพราะสิ้นกรรม ๑๐๒ -บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๑๒๓-๑๒๔/๔๔๙-๔๕๔. ภกิ ษทุ ั้งหลาย ! มรรคใด ปฏิปทาใด เป็นไป เพอ่ื ความสิน้ แห่งตณั หา พวกเธอจงเจรญิ ซึง่ มรรคน้นั ปฏิปทานนั้ ภกิ ษทุ ัง้ หลาย ! มรรคนน้ั ปฏปิ ทาน้นั เป็นอยา่ งไรเล่า ? นั้นคือ โพชฌงคเ์ จ็ด กล่าวคอื สติสัมโพชฌงค์ ธมั มวจิ ยสัมโพชฌงค์ วริ ิยะสมั โพชฌงค์ ปตี สิ มั โพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ อุเบกขา- สมั โพชฌงค์ เมื่อตรัสดังน้ีแล้ว ท่านพระอุทายิทูลถามว่า เจรญิ โพชฌงค์เจด็ น้ัน ดว้ ยวิธอี ย่างไร ? ตรสั ว่า อุทายิ ! ภกิ ษุในกรณนี ้ี เจรญิ สติสัมโพชฌงค์ ... ธัมมวจิ ยสมั โพชฌงค์... วิริยะสมั โพชฌงค์... ปีตสิ มั - โพชฌงค์... ปสั สัทธสิ ัมโพชฌงค.์ .. สมาธสิ มั โพชฌงค์... อุเบกขาสัมโพชฌงค์ ชนิดท่ี อาศยั วเิ วก อาศัยวิราคะ 280
เปิดธรรมทีถ่ กู ปิด : ปฐมธรรม อาศยั นโิ รธ น้อมไปเพอ่ื โวสสัคคะ (การปล่อย การวาง) เป็น โพชฌงค์อนั ไพบูลย์ ถึงซง่ึ คุณอันใหญห่ าประมาณ มไิ ด้ ไม่มีความล�ำ บาก เม่อื เจรญิ สติสัมโพชฌงค์ (เปน็ ตน้ ) อย่างนอี้ ยู่ ตณั หาย่อมละไป. เพราะตัณหาละไป กรรมก็ละไป เพราะกรรมละไป ทุกขก์ ็ละไป. อุทายิ ! ด้วยอาการอย่างน้ีแล ความส้ินกรรมย่อมม ี เพราะความส้ินตณั หา ความสิ้นทุกข์ยอ่ มมี เพราะความสิ้นกรรม. 281
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี ูกปิด : ปฐมธรรม สน้ิ นนั ทิ สิน้ ราคะ ๑๐๓ -บาลี สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๙/๒๔๕-๖. สัมมา ปัสสัง นพิ พินทะติ เม่ือเห็นอย่โู ดยถกู ต้อง ย่อมเบอ่ื หน่าย นันทกิ ขะยา ราคกั ขะโย เพราะความสน้ิ ไปแห่งนนั ทิ จึงมคี วามส้ินไปแหง่ ราคะ ราคกั ขะยา นนั ทกิ ขะโย เพราะความสน้ิ ไปแหง่ ราคะ จึงมีความส้นิ ไปแห่งนันทิ นันทิราคักขะยา จิตตงั สุวมิ ตุ ตันติ วุจจะติ เพราะความส้นิ ไปแหง่ นนั ทิและราคะ กล่าวไดว้ ่า “จติ หลดุ พน้ แลว้ ดว้ ยดี” ดงั น.ี้ 282
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี ูกปดิ : ปฐมธรรม ความสน้ิ ตณั หา คือ นพิ พาน ๑๐๔ -บาลี ขนธฺ . ส.ํ ๑๗/๒๓๒/๓๖๗. “ขา้ แต่พระองค์ผเู้ จริญ ! ที่เรยี กวา่ ‘สัตว์ สตั ว์’ ดงั นี้ อนั ว่าสัตว์มไี ด้ ดว้ ยเหตุเพยี งเท่าไรเล่า พระเจา้ ขา้ !”. ราธะ ! ความพอใจอนั ใด ราคะอันใด นนั ทิ อนั ใด ตัณหาอันใด มอี ยใู่ นรูป ในเวทนา ในสญั ญา ในสังขารทัง้ หลาย และในวิญญาณ เพราะการตดิ แล้ว ข้องแลว้ ในสิ่งนนั้ ๆ เพราะฉะนน้ั จึงเรียกวา่ “สตั ว”์ ดงั น.้ี ราธะ ! เปรยี บเหมือนพวกกมุ ารนอ้ ยๆ หรือ กมุ ารนี อ้ ยๆ เลน่ เรอื นนอ้ ยๆ ทท่ี �ำ ดว้ ยดนิ อยู่ ตราบใด เขายังมีราคะ มีฉันทะ มีความรัก มีความกระหาย มคี วามเรา่ รอ้ น และมตี ณั หา ในเรอื นนอ้ ยทท่ี �ำ ดว้ ยดนิ เหลา่ นน้ั ตราบนน้ั พวกเดก็ นอ้ ยนน้ั ๆ ยอ่ มอาลยั เรอื นนอ้ ย ทท่ี �ำ ดว้ ยดนิ เหลา่ นน้ั ยอ่ มอยากเลน่ ยอ่ มอยากมเี รอื นนอ้ ย ทท่ี ำ�ด้วยดนิ เหลา่ นั้น ยอ่ มยดึ ถือเรือนนอ้ ยทที่ ำ�ด้วยดิน เหลา่ นัน้ วา่ เป็นของเรา ดงั น้.ี 283
พุทธวจน - หมวดธรรม ราธะ ! แตเ่ มือ่ ใดแล พวกกุมารน้อยๆ หรือ กมุ ารนี อ้ ยๆ เหลา่ นน้ั ปราศจากราคะแลว้ ปราศจากฉนั ทะ แลว้ ปราศจากความรกั แลว้ ปราศจากความเรา่ ร้อนแล้ว ปราศจากตัณหาแล้วในเรือนน้อยท่ีทำ�ด้วยดินเหล่านั้น ในกาลนน้ั พวกเขายอ่ มท�ำ เรอื นนอ้ ยๆ ทท่ี �ำ ดว้ ยดนิ เหลา่ นน้ั ให้กระจัดกระจายเร่ียรายเกล่ือนกล่นไป กระทำ�ให้จบ การเล่นเสยี ด้วยมือและเท้าทงั้ หลาย อุปมาน้ีฉนั ใด ราธะ ! อุปไมยก็ฉันนั้น คือ แม้พวกเธอ ทัง้ หลายจงเร่ียรายกระจายออก ซง่ึ รูป เวทนา สญั ญา สังขาร และวิญญาณ จงขจัดเสียให้ถูกวิธี จงทำ�ให้ แหลกลาญ โดยถูกวิธี จงทำ�ให้จบการเล่นให้ถูกวิธี จงปฏบิ ตั ิเพือ่ ความสิ้นไปแหง่ ตณั หาเถิด. ราธะ ! เพราะวา่ ความสน้ิ ไปแหง่ ตณั หานน้ั คอื นพิ พาน ดงั น้ี แล. 284
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี กู ปิด : ปฐมธรรม ความเพลิน เปน็ เหตุใหเ้ กดิ ทุกข์ ๑๐๕ -บาลี ขนธฺ . ส.ํ ๑๗/๑๘/๒๘. ความเพลินใดในรูป เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณ ความเพลินน้นั เปน็ อุปาทาน เพราะอปุ าทานของเขานน้ั เปน็ ปจั จยั จงึ เกดิ มภี พ เพราะภพเปน็ ปจั จยั จึงเกิดมีชาติ เพราะชาตเิ ปน็ ปจั จัย ชรา มรณะ โสกะ ปรเิ ทวะ ทุกขะ โทมนสั และอปุ ายาส จึงเกดิ มพี ร้อม ความก่อขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้น ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างน้ี. 285
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถกู ปดิ : ปฐมธรรม ความเป็นโสดาบนั ประเสริฐกว่า ๑๐๖ เปน็ พระเจา้ จักรพรรด ิ -บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๔๒๘-๔๒๙/๑๔๑๑-๑๔๑๓. ภิกษุท้ังหลาย ! แม้พระเจ้าจักรพรรดิ ไดค้ รอง ความเปน็ ใหญ่ยง่ิ แห่งทวปี ท้งั ๔ เบ้ืองหน้าจากการตาย เพราะการแตกท�ำ ลายแหง่ กาย อาจไดเ้ ขา้ ถงึ สคุ ตโิ ลกสวรรค์ เปน็ สหายอยรู่ ว่ มกบั เหลา่ เทวดาชน้ั ดาวดงึ ส์ ถกู แวดลอ้ มอยู่ ดว้ ยหมนู่ างอปั ษร ในสวนนนั ทวนั ทา้ วเธอเปน็ ผเู้ อบิ อม่ิ เพยี บพรอ้ มดว้ ยกามคณุ ทง้ั หา้ อนั เปน็ ของทพิ ยอ์ ยา่ งนก้ี ต็ าม แตก่ ระนน้ั ทา้ วเธอกย็ งั รอดพน้ ไปไมไ่ ด้ จากนรก จากก�ำ เนดิ เดรจั ฉาน จากวสิ ัยแหง่ เปรต และจากอบาย ทุคติ วนิ บิ าต. ภิกษุท้ังหลาย ! ส่วนอริยสาวกในธรรมวินัยนี้ แม้เป็นผู้ยังอัตตภาพให้พอเป็นไปด้วยคำ�ข้าวที่ได้มาจาก บณิ ฑบาตดว้ ยปลีแขง้ ของตนเอง พันกายด้วยการนุ่งห่ม ผ้าปอนๆ ไมม่ ีชาย หากแตว่ า่ เป็นผู้ประกอบพรอ้ มแลว้ ด้วยธรรม ๔ ประการ เธอกย็ งั สามารถ รอดพ้นเสยี ได้ จากนรก จากก�ำ เนิดเดรจั ฉาน จากวิสัยแหง่ เปรต และ จากอบาย ทุคติ วินิบาต. 286
เปิดธรรมทีถ่ ูกปิด : ปฐมธรรม ภกิ ษทุ ั้งหลาย ! ธรรม ๔ ประการนน้ั เปน็ ไฉน ? ๔ ประการคอื อรยิ สาวกในธรรมวินยั นี้ เป็นผู้ ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเล่ือมใสอันหย่ังลงมั่น ไมห่ วน่ั ไหว ในองคพ์ ระพทุ ธเจา้ ... ในองคพ์ ระธรรม... ในองค์พระสงฆ์... เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้วด้วยศีล ทง้ั หลาย ชนดิ เปน็ ทพ่ี อใจเหลา่ อรยิ เจา้ อนั เปน็ ศลี ทไ่ี มข่ าด ไมท่ ะลุ ไมด่ ่าง ไมพ่ ร้อย... ดังน.ี้ ภกิ ษทุ ้ังหลาย ! ระหว่างการไดท้ วปี ทงั้ ๔ กบั การได้ธรรม ๔ ประการนีน้ น้ั การไดท้ วปี ท้ัง ๔ มีค่าไมถ่ ึง เส้ียวที่สบิ หก ของการได้ธรรม ๔ ประการน้ี เลย. 287
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทีถ่ กู ปิด : ปฐมธรรม สัทธานสุ าร ี ๑๐๗ -บาลี ขนธฺ ส.ํ ๑๗/๒๗๘/๔๖๙. ภกิ ษทุ ั้งหลาย ! ตา.. ห.ู . จมกู .. ลน้ิ .. กาย.. ใจ เปน็ สง่ิ ไมเ่ ทย่ี ง มคี วามแปรปรวนเปน็ ปกติ มคี วามเปลย่ี น เป็นอย่างอน่ื เป็นปกต.ิ ภิกษุทง้ั หลาย ! บุคคลใด มคี วามเชอ่ื น้อมจติ ไปในธรรม ๖ อย่างนี้ ด้วยอาการอย่างน้ี บุคคลน้ี เราเรียกวา่ เป็น สัทธานุสารี หยง่ั ลงสู่ สมั มตั ตนยิ าม (ระบบแหง่ ความถกู ตอ้ ง) หยง่ั ลงสสู่ ปั ปรุ สิ ภมู ิ (ภมู แิ หง่ สตั บรุ ษุ ) ลว่ งพน้ บถุ ชุ นภมู ิ ไมอ่ าจทจ่ี ะกระท�ำ กรรม อนั กระท�ำ แลว้ จะเขา้ ถงึ นรก ก�ำ เนดิ เดรจั ฉาน หรอื เปรตวสิ ยั และไม่ควรที่จะทำ�กาละ (ตาย) ก่อน แตท่ ีจ่ ะท�ำ ให้แจ้งซึ่ง โสดาปัตตผิ ล. 288
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ถี กู ปดิ : ปฐมธรรม ธัมมานุสารี ๑๐๘ -บาลี ขนฺธ. ส.ํ ๑๗/๒๗๘/๔๖๙. ภกิ ษทุ ้ังหลาย ! ธรรม ๖ อยา่ งเหลา่ น้ี ทนต่อ การเพ่งโดยประมาณอันยิ่งแห่งปัญญาของบุคคลใด ด้วยอาการอยา่ งนี้ บุคคลน้ี เราเรียกว่า ธัมมานุสารี หยั่งลงสู่ สมั มตั ตนยิ าม (ระบบแหง่ ความถกู ตอ้ ง) หยง่ั ลงสสู่ ปั ปรุ สิ ภมู ิ (ภมู แิ หง่ สตั บรุ ษุ ) ลว่ งพน้ บถุ ชุ นภมู ิ ไมอ่ าจทจ่ี ะกระท�ำ กรรม อนั กระท�ำ แลว้ จะเขา้ ถงึ นรก ก�ำ เนดิ เดรจั ฉาน หรอื เปรตวสิ ยั และไม่ควรที่จะท�ำ กาละ (ตาย) กอ่ น แตท่ ีจ่ ะทำ�ให้แจง้ ซง่ึ โสดาปัตติผล. 289
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถกู ปดิ : ปฐมธรรม 290
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปิด : ปฐมธรรม ฐานะทีเ่ ปน็ ไปไม่ได้ ของ ๑๐๙ ผถู้ งึ พรอ้ มด้วยทฏิ ฐิ (พระโสดาบนั ) -บาลี ฉกกฺ . อ.ํ ๒๒/๔๘๘/๓๖๕. ภิกษุท้งั หลาย ! ฐานะที่ไม่อาจเป็นไปได้ ๖ ประการ เหลา่ น้ีมีอยู่. ๖ ประการเหล่าไหนเลา่ ? ๖ ประการ คอื (๑) เป็นไปไม่ได ้ ที่ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ จะพึงปลงชีวิตมารดา (๒) เป็นไปไม่ได ้ ที่ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ จะพงึ ปลงชวี ติ บดิ า (๓) เป็นไปไมไ่ ด ้ ท่ีผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ จะพึงปลงชีวิตพระอรหนั ต์ (๔) เป็นไปไมไ่ ด ้ ท่ีผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ จะพึงคดิ ประทุษรา้ ยตถาคต แมเ้ พยี งทำ�โลหิตให้หอ้ (๕) เป็นไปไมไ่ ด้ ท่ีผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ จะพงึ ทำ�สงฆใ์ ห้แตกกนั (๖) เปน็ ไปไมไ่ ด ้ ท่ีผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ จะพึงถือศาสดาอนื่ (นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า). 291
พุทธวจน - หมวดธรรม ภิกษทุ งั้ หลาย ! เหลา่ นแ้ี ล ฐานะทไ่ี มอ่ าจเปน็ ไปได้ ๖ ประการ. 292
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปิด : ปฐมธรรม ลำ�ดบั การปฏิบัติเพ่อื อรหัตตผล ๑๑๐ -บาลี ม. ม. ๑๓/๒๓๓/๒๓๘. ภิกษุทั้งหลาย ! เราย่อมไมก่ ลา่ วการประสบความพอใจในอรหตั ตผล ดว้ ยการกระทำ�อันดบั แรกเพยี งอันดบั เดยี ว. ภกิ ษุทั้งหลาย ! กแ็ ตว่ า่ การประสบความพอใจในอรหตั ตผล ยอ่ มมไี ด้ เพราะการศกึ ษาโดยล�ำ ดบั เพราะการกระท�ำ โดยล�ำ ดบั เพราะการปฏิบัตโิ ดยลำ�ดับ. ภกิ ษุท้งั หลาย ! กก็ ารประสบความพอใจในอรหัตตผล ย่อมมไี ด ้ เพราะการศกึ ษาโดยล�ำ ดับ เพราะการกระท�ำ โดยลำ�ดบั เพราะการปฏิบตั ิโดยล�ำ ดบั น้ัน เป็นอย่างไรเลา่ ? 293
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! บรุ ุษบคุ คลในกรณีน้ี เปน็ ผมู้ ีศรัทธาเกดิ ขึ้นแลว้ ยอ่ ม เขา้ ไปหา (สปั บุรษุ ) เมอื่ เขา้ ไปหา ยอ่ ม เขา้ ไปนง่ั ใกล้ เมื่อเข้าไปนัง่ ใกล้ ยอ่ ม เงยี่ โสตลงสดับ ผเู้ งย่ี โสตลงสดบั ยอ่ ม ได้ฟงั ธรรม ครัน้ ฟงั แล้ว ย่อม ทรงจ�ำ ธรรมไว้ ย่อม ใคร่ครวญพจิ ารณาซึง่ เนือ้ ความ แห่งธรรม ทั้งหลายทต่ี นทรงจ�ำ ไว้ เม่ือเขาใคร่ครวญพิจารณา ซึ่งเน้ือความแห่งธรรมนั้นอยู่ ธรรมทั้งหลายย่อมทนตอ่ การเพ่งพสิ จู น์ เมอื่ ธรรมทนต่อการเพ่งพสิ ูจน์มอี ยู่ ฉันทะ (ความพอใจ) ยอ่ มเกดิ ผ้เู กดิ ฉนั ทะแลว้ ยอ่ ม มีอตุ สาหะ ครนั้ มีอตุ สาหะแล้ว ย่อม ใช้ดุลยพินจิ (เพอ่ื หาความจรงิ ) ครน้ั ใชด้ ุลยพินิจ (พบ) แล้ว ยอ่ ม ต้งั ตนไว้ในธรรมนั้น ผู้มตี นส่งไปแลว้ ในธรรมนนั้ อยู่ ยอ่ ม กระท�ำ ใหแ้ จ้ง ซ่งึ บรมสจั จด์ ้วยนามกาย ดว้ ย ยอ่ ม เหน็ แจง้ แทงตลอด ซง่ึ บรมสจั จน์ น้ั ดว้ ยปญั ญา ดว้ ย. 294
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ถี ูกปิด : ปฐมธรรม อรยิ มรรค มอี งค์ ๘ ๑๑๑ -บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๓๔๓-๓๔๕/๒๙๙. ภิกษุท้ังหลาย ! ก็ อริยสัจ คือหนทางเป็น เครอ่ื งใหถ้ งึ ความดบั ไมเ่ หลอื แหง่ ทกุ ข์ เปน็ อยา่ งไรเลา่ ? คือ หนทางอันประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐนี้เอง องคแ์ ปดคอื ความเห็นชอบ (สัมมาทิฏฐ)ิ ความด�ำ ริชอบ (สมั มาสงั กัปปะ) วาจาชอบ (สัมมาวาจา) การงานชอบ (สมั มากมั มนั ตะ) อาชวี ะชอบ (สมั มาอาชวี ะ) ความเพยี รชอบ (สมั มาวายามะ) ความระลกึ ชอบ (สมั มาสต)ิ ความตง้ั ใจมน่ั ชอบ (สัมมาสมาธิ). ภิกษุท้งั หลาย ! ความเหน็ ชอบ เป็นอยา่ งไร ? ภกิ ษทุ ั้งหลาย ! ความรู้ในทุกข์ ความรูใ้ นเหตุ ให้เกดิ ทุกข์ ความรใู้ นความดับไม่เหลอื แห่งทกุ ข์ ความรู้ ในหนทางเปน็ เครอ่ื งใหถ้ งึ ความดบั ไมเ่ หลอื แหง่ ทกุ ข์ อนั ใด นี้เราเรียกว่า ความเห็นชอบ. ภิกษุท้งั หลาย ! ความดำ�รชิ อบ เปน็ อย่างไร ? ภิกษุท้ังหลาย ! ความดำ�ริในการออกจากกาม ความด�ำ รใิ นการไมพ่ ยาบาท ความด�ำ รใิ นการไมเ่ บยี ดเบยี น นเ้ี ราเรยี กว่า ความด�ำ รชิ อบ. 295
พุทธวจน - หมวดธรรม ภกิ ษุทง้ั หลาย ! วาจาชอบ เป็นอย่างไร ? ภิกษุทั้งหลาย ! การเว้นจากการพูดเท็จ การ เว้นจากการพูดยุให้แตกกัน การเว้นจากการพูดหยาบ การเว้นจากการพดู เพอ้ เจอ้ นเ้ี ราเรยี กวา่ วาจาชอบ. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! การงานชอบ เปน็ อย่างไร ? ภกิ ษุทั้งหลาย ! การเวน้ จากการฆา่ สตั ว์ การเวน้ จากการถือเอาสิ่งของท่ีเจ้าของไม่ได้ให้ การเว้นจากการ ประพฤตผิ ดิ ในกามทง้ั หลาย นเ้ี ราเรยี กวา่ การงานชอบ. ภิกษทุ ั้งหลาย ! อาชีวะชอบ เปน็ อยา่ งไร ? ภกิ ษุทั้งหลาย ! อรยิ สาวกในกรณนี ี้ ละการหา เลีย้ งชีพทผ่ี ิดเสีย สำ�เร็จความเปน็ อยู่ด้วยการหาเล้ียงชีพ ท่ชี อบ น้ีเราเรียกวา่ อาชีวะชอบ. ภกิ ษุทง้ั หลาย ! ความเพยี รชอบ เปน็ อยา่ งไร ? ภิกษุท้ังหลาย ! ภิกษุในกรณีน้ี ย่อมปลกู ความ พอใจ ยอ่ มพยายาม ยอ่ มปรารภความเพยี ร ยอ่ มประคองจติ ย่อมตั้งจิตไว้ เพื่อความไม่บังเกิดขึ้นแห่งอกุศลธรรม อนั เปน็ บาปทง้ั หลายทย่ี งั ไมไ่ ดบ้ งั เกดิ ยอ่ มปลกู ความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต 296
เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปิด : ปฐมธรรม ย่อมตั้งจิตไว้ เพ่ือการละเสียซึ่งอกุศลธรรมอันเป็นบาป ท่ีบังเกิดขึ้นแล้ว ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อมต้ังจิตไว้ เพอ่ื การบงั เกดิ ขน้ึ แหง่ กศุ ลธรรมทง้ั หลาย ทย่ี งั ไมไ่ ดบ้ งั เกดิ ยอ่ มปลกู ความพอใจ ยอ่ มพยายาม ยอ่ มปรารภความเพยี ร ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้ เพื่อความย่ังยืน ความ ไมเ่ ลอะเลอื นความงอกงามยง่ิ ขน้ึ ความไพบลู ย์ ความเจรญิ ความเตม็ รอบ แห่งกุศลธรรมทั้งหลายที่บังเกิดขึ้นแลว้ นเี้ ราเรียกวา่ ความเพยี รชอบ. ภิกษุทงั้ หลาย ! ความระลกึ ชอบ เปน็ อยา่ งไร ? ภิกษุท้ังหลาย ! ภิกษุในกรณีน้ี เป็นผู้มีปกติ พจิ ารณาเหน็ กายในกายอยเู่ ปน็ ประจ�ำ มคี วามเพยี รเผากเิ ลส มคี วามรสู้ กึ ตวั ทว่ั พรอ้ ม (สมั ปชญั ญะ) มสี ติ น�ำ ความพอใจ และความไมพ่ อใจในโลกออกเสยี ได้ เปน็ ผมู้ ปี กตพิ จิ ารณา เห็นเวทนาในเวทนาท้งั หลายอยู่เป็นประจำ� มคี วามเพยี ร เผากิเลส มีความรู้สกึ ตัวท่วั พร้อม มีสติ นำ�ความพอใจ และความไมพ่ อใจในโลกออกเสยี ได้ เปน็ ผมู้ ปี กตพิ จิ ารณา เหน็ จติ ในจติ อยเู่ ปน็ ประจ�ำ มคี วามเพยี รเผากเิ ลส มคี วาม 297
พุทธวจน - หมวดธรรม ร้สู ึกตัวท่วั พรอ้ ม มีสติ น�ำ ความพอใจและความไม่พอใจ ในโลกออกเสยี ได้ เปน็ ผมู้ ปี กตพิ จิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรม ทั้งหลายอยู่เปน็ ประจ�ำ มคี วามเพียรเผากเิ ลส มีความ รสู้ ึกตวั ท่ัวพรอ้ ม มสี ติ น�ำ ความพอใจและความไมพ่ อใจ ในโลกออกเสียได้ นีเ้ ราเรยี กวา่ ความระลกึ ชอบ. ภิกษุทั้งหลาย ! ความตั้งใจม่ันชอบ เป็น อยา่ งไร ? ภิกษุท้ังหลาย ! ภิกษุในกรณีน้ี สงัดแล้วจาก กามท้ังหลาย สงัดแล้วจากอกุศลธรรมท้ังหลาย เข้าถึง ฌานทหี่ น่งึ อนั มวี ิตกวจิ าร มีปตี แิ ละสุข อันเกิดแตว่ เิ วก แลว้ แลอยู่ เพราะวิตกวจิ ารรำ�งบั ลง เธอเขา้ ถึงฌานทสี่ อง อนั เป็นเครือ่ งผ่องใสแหง่ ใจในภายใน ให้สมาธเิ ปน็ ธรรม อนั เอกผดุ ขน้ึ ไมม่ วี ติ กไมม่ วี จิ าร มแี ตป่ ตี แิ ละสขุ อนั เกดิ แต่ สมาธิ แลว้ แลอยู่ เพราะปตี จิ างหายไป เธอเปน็ ผเู้ พง่ เฉยอยไู่ ด้ มสี ติ มคี วามรสู้ กึ ตวั ทว่ั พรอ้ ม และไดเ้ สวยสขุ ดว้ ยนามกาย ย่อมเขา้ ถึงฌานที่สาม อนั เปน็ ฌานทพ่ี ระอรยิ เจ้าท้ังหลาย กลา่ วสรรเสรญิ ผไู้ ดบ้ รรลวุ า่ “เปน็ ผเู้ ฉยอยไู่ ด้ มสี ติ มคี วาม รสู้ กึ ตวั ทว่ั พรอ้ ม” แลว้ แลอยู่ เพราะละสขุ และทกุ ขเ์ สยี ได้ 298
เปิดธรรมทถี่ กู ปดิ : ปฐมธรรม และเพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสใน กาลก่อน เธอย่อมเข้าถึงฌานท่ีส่ี อันไม่ทุกข์และไม่สุข มแี ตส่ ตอิ นั บรสิ ทุ ธเ์ิ พราะอเุ บกขาแลว้ แลอยู่ นเ้ี ราเรยี กวา่ สัมมาสมาธ.ิ ภิกษุทั้งหลาย ! น้ีเราเรียกว่า อริยสัจ คือ หนทางเป็นเครอ่ื งใหถ้ ึงความดบั ไมเ่ หลือแห่งทุกข.์ 299
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปดิ : ปฐมธรรม “ดิน น้�ำ ไฟ ลม” ๑๑๒ ไมอ่ าจหยง่ั ลงไดใ้ นท่ไี หน -บาลี ส.ี ที. ๙/๒๗๗/๓๔๓. เกวัฏฏะ ! เรื่องเคยมีมาแล้ว ภิกษุรูปหน่ึง ในหมู่ภิกษุน้ีเอง เกิดความสงสัยขึ้นในใจว่า “มหาภูตส่ี คือ ดิน น�้ำ ไฟ ลม เหล่าน้ี ยอ่ มดับสนทิ ไมม่ ีเศษเหลือ ในท่ไี หนหนอ” ดงั น้.ี (ความว่า ภิกษุรูปน้ันได้เข้าสมาธิอันอาจนำ�ไปสู่ เทวโลก ได้นำ�เอาปญั หาขอ้ ทตี่ นสงสยั นนั้ ไปเท่ียวถามเทวดาพวก จาตุมหาราชิกา เมื่อไม่มีใครตอบได้ ก็เลยไปถามเทวดาใน ชน้ั ดาวดึงส์ เทวดาชั้นนน้ั โยนใหไ้ ปถามท้าวสักกะ ท้าวสุยามะ ท้าวสันตุสิตะ ท้าวสุนิมมิตะ ท้าวปรนิมมิตวสวัตตี ถามเทพ พวกพรหมกายกิ า กระทัง่ ทา้ วมหาพรหมในทีส่ ุด ทา้ วมหาพรหม พยายามหลกี เลยี่ ง เบี่ยงบา่ ยท่จี ะไม่ตอบอยูพ่ กั หนง่ึ แลว้ ในที่สดุ ไดส้ ารภาพว่าพวกเทวดาทั้งหลาย พากนั คิดวา่ ทา้ วมหาพรหมเอง เปน็ ผรู้ เู้ หน็ ไปทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง แตท่ จ่ี รงิ ไมร่ ู้ ในปญั หาทว่ี า่ มหาภตู รปู จกั ดบั ไปในทไ่ี หนนน้ั เลย มนั เปน็ ความผดิ ของภกิ ษนุ น้ั เอง ทไ่ี มไ่ ป ทลู ถามพระผมู้ พี ระภาคเจา้ ในทส่ี ดุ กต็ อ้ งยอ้ นกลบั มาเฝา้ พระผมู้ ี พระภาคเจา้ ) 300
เปดิ ธรรมท่ีถกู ปิด : ปฐมธรรม เกวฏั ฏะ ! ภิกษุนั้นได้กลับมาอภิวาทเรา น่ัง ณ ที่ควร แล้วถามเราว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! มหาภูตส่ี คอื ดนิ นำ้� ไฟ ลม เหลา่ นี้ ยอ่ มดบั สนทิ ไม่มีเศษเหลือ ในทไี่ หน?” ดงั นี้. เกวฏั ฏะ ! เม่อื เธอถามขึ้นอยา่ งน้ี เราไดก้ ล่าว กะภิกษุนน้ั ว่า แนะ่ ภกิ ษ ุ ! เรอื่ งเกา่ แกม่ ีอยวู่ ่า พวกคา้ ทางทะเล ได้พานกสำ�หรับค้นหาฝั่งไปกับเรือค้าด้วย เมอ่ื เรอื หลงทศิ ในทะเล และแลไมเ่ หน็ ฝง่ั พวกเขาปลอ่ ยนก ส�ำ หรบั คน้ หาฝง่ั นน้ั ไป นกนน้ั บนิ ไปทางทศิ ตะวนั ออกบา้ ง ทศิ ใตบ้ า้ ง ทศิ ตะวนั ตกบา้ ง ทศิ เหนอื บา้ ง ทศิ เบอ้ื งบนบา้ ง ทศิ นอ้ ยๆ บา้ ง เมอ่ื มนั เหน็ ฝง่ั ทางทศิ ใดแลว้ มนั กจ็ ะบนิ ตรง ไปยงั ทศิ นัน้ แตถ่ า้ ไม่เห็น ก็จักบนิ กลบั มาสเู่ รือตามเดมิ . ภิกษุ ! เช่นเดยี วกบั เธอน้นั แหละ ได้เทย่ี วหาคำ�ตอบของ ปญั หานี้ มาจนจบทัว่ กระท่ังถงึ พรหมโลกแลว้ ในท่ีสดุ กย็ ังตอ้ งยอ้ นมาหาเราอกี . ภิกษุ ! ในปญั หาของเธอนน้ั เธอไมค่ วรตง้ั ค�ำ ถามขน้ึ วา่ “มหาภตู ส่ี คอื ดิน น�้ำ ไฟ ลมเหล่าน้ี ยอ่ มดบั สนทิ ไม่มีเศษเหลอื ในท่ไี หน ?” ดังนเ้ี ลย 301
พทุ ธวจน - หมวดธรรม อนั ท่จี ริง เธอควรจะต้งั คำ�ถามข้ึนอย่างนี้วา่ “ดนิ น้ำ� ไฟ ลม ไม่หยงั่ ลงได้ในท่ีไหน ? ความยาว ความสน้ั ความเลก็ ความใหญ่ ความงาม ความไม่งาม ไม่หยัง่ ลงได้ในทีไ่ หน ? นามรูป ยอ่ มดบั สนิท ไม่มีเศษเหลือในที่ไหน ?” ดงั น้ี ตา่ งหาก. ภิกษุ ! ในปัญหานนั้ ค�ำ ตอบมีดังน้ี “สง่ิ ” สง่ิ หนึ่ง ซึง่ บคุ คลพงึ รู้แจ้ง เปน็ ส่ิงทไ่ี มม่ ี ปรากฏการณ์ ไม่มีท่สี ดุ แต่มที างปฏิบัตเิ ข้ามาถึงได้ โดยรอบนั้น มีอยู.่ ใน “สง่ิ ” นน้ั แหละ ดนิ น�ำ้ ไฟ ลม ไมห่ ยง่ั ลงได.้ ใน “สง่ิ ” นน้ั แหละ ความยาว ความสน้ั ความเลก็ ความใหญ่ ความงาม ความไมง่ าม ไมห่ ย่ังลงได.้ ใน “ส่ิง” นน้ั แหละ นามรปู ยอ่ มดบั สนทิ ไมม่ ี เศษเหลอื นามรปู ดบั สนทิ ใน “สง่ิ ” น้ี เพราะการดบั สนทิ ของวิญญาณ ดงั น”้ี . 302
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ กู ปิด : ปฐมธรรม สิ่งๆ หนึ่งซึ่งบคุ คลพงึ ร้แู จง้ ๑๑๓ -บาลี ส.ี ท.ี ๙/๒๘๙/๓๔๘-๓๕๐. “สิ่ง” สง่ิ หนึ่งซง่ึ บุคคลพึงรูแ้ จง้ เป็นสงิ่ ท่ไี มม่ ปี รากฏการณ์ ไมม่ ีทีส่ ุด มที างปฏบิ ตั เิ ข้ามาถึงไดโ้ ดยรอบนัน้ มอี ยู่ ใน “สงิ่ ” นน้ั แหละ ดิน น้ำ� ไฟ ลม ไม่หยง่ั ลงได้ ใน “สิ่ง” นน้ั แหละ ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม ความไม่งาม ไมห่ ย่ังลงได้ ใน “สง่ิ ” นั้นแหละ นามรปู ยอ่ มดับสนทิ ไมม่ เี ศษเหลอื นามรปู ดับสนิท ใน “สิง่ ” น้ี เพราะการดับสนทิ ของวญิ ญาณ ดังนี้แล. 303
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี กู ปดิ : ปฐมธรรม สงั ขตลักษณะ ๑๑๔ -บาลี ตกิ . อํ. ๒๐/๑๙๒/๔๘๖. ภกิ ษุท้งั หลาย ! สงั ขตลักษณะแห่งสังขตธรรม ๓ อยา่ ง เหล่าน้ี มีอยู่. ๓ อยา่ งอย่างไรเลา่ ? ๓ อยา่ งคอื ๑. มกี ารเกิดปรากฏ (อุปปฺ าโท ปญฺ ายติ) ๒. มีการเสอื่ มปรากฏ (วโย ปญฺ ายติ) ๓. เม่อื ตั้งอยกู่ ม็ ภี าวะอย่างอื่นปรากฏ (ิตสสฺ อญฺ ถตตฺ ํ ปญฺายติ). ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! สามอย่างเหลา่ นี้แล คือ สังขตลักษณะแหง่ สงั ขตธรรม. 304
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปดิ : ปฐมธรรม อสังขตลักษณะ ๑๑๕ -บาลี ตกิ . อํ. ๒๐/๑๙๒/๔๘๗. ภิกษทุ ั้งหลาย ! อสงั ขตลกั ษณะของอสังขตธรรม ๓ อย่างเหลา่ นี้ มีอยู่. ๓ อย่างอยา่ งไรเลา่ ? ๓ อยา่ งคอื ๑. ไม่ปรากฏมีการเกิด (น อปุ ฺปาโท ปญฺ ายติ) ๒. ไม่ปรากฏมีการเสอ่ื ม (น วโย ปญฺ ายต)ิ ๓. เม่ือตัง้ อยู่ กไ็ ม่มภี าวะอยา่ งอ่ืนปรากฏ (น ิตสฺส อญฺ ถตฺตํ ปญฺ ายต)ิ . ภกิ ษทุ ั้งหลาย ! สามอยา่ งเหลา่ นแ้ี ล คือ อสงั ขตลกั ษณะของอสังขตธรรม. 305
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถี่ กู ปิด : ปฐมธรรม ล�ำ ดับการหลดุ พน้ โดยละเอียด ๑๑๖ เมอื่ เหน็ อนตั ตา -บาลี ขนธฺ . ส.ํ ๑๗/๕๗/๙๓. ภิกษุทั้งหลาย ! รูปเป็นสิ่งท่ีไม่เที่ยง ส่ิงใด ไมเ่ ทยี่ ง สงิ่ นน้ั เปน็ ทกุ ข์ สง่ิ ใดเปน็ ทกุ ข์ สง่ิ นนั้ เปน็ อนตั ตา ส่ิงใดเปน็ อนตั ตา ส่ิงน้ันน้ัน ไมใ่ ช่ของเรา ไมใ่ ชเ่ ป็นเรา ไม่ใช่เป็นตัวตนของเรา เธอท้ังหลายพึงเห็นข้อนั้น ด้วยปัญญาโดยชอบตรงตามที่เป็นจริง อย่างนี้ ด้วย ประการดงั นี้. (ในกรณแี หง่ เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็ตรสั อยา่ งเดยี วกันกับในกรณแี หง่ รูปทุกประการ) ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! เมื่อบุคคลเห็นข้อนั้น ด้วย ปญั ญาโดยชอบตรงตามทเ่ี ปน็ จรงิ อยอู่ ยา่ งน้ี ปพุ พนั ตา- นทุ ฏิ ฐิ (ความตามเหน็ ขนั ธส์ ว่ นอดตี ) ทง้ั หลาย ยอ่ มไมม่ ี เมื่อปุพพันตานุทิฏฐิทั้งหลายไม่มี อปรันตา- นุทิฏฐทิ ง้ั หลาย (ความตามเห็นขันธส์ ว่ นอนาคต) ย่อมไม่มี เม่ืออปรนั ตานุทิฏฐทิ ัง้ หลายไมม่ ี ความยดึ มัน่ ลบู คล�ำ อยา่ งแรงกล้า ย่อมไม่มี 306
เปดิ ธรรมท่ถี กู ปดิ : ปฐมธรรม เม่ือความยึดมั่นลูบคลำ�อย่างแรงกล้าไม่มี จิตย่อมจางคลายก�ำ หนัด ในรูป ในเวทนา ในสญั ญา ในสังขารท้ังหลาย ในวิญญาณ ย่อมหลุดพ้นจาก อาสวะท้งั หลาย เพราะไม่มคี วามยดึ มั่นถอื มน่ั เพราะจติ หลดุ พน้ แลว้ จติ จงึ ดำ�รงอยู่ (ตามสภาพของจิต) เพราะเปน็ จติ ที่ด�ำ รงอยู่ จติ จงึ ยนิ ดีรา่ เริงด้วยดี เพราะเป็นจติ ทีย่ ินดรี า่ เรงิ ด้วยดี จิตจึงไมห่ วาดสะดุ้ง เมือ่ ไม่หวาดสะดุ้ง ยอ่ มปรนิ พิ พาน (ดับรอบ) เฉพาะตนน่นั เทยี ว เธอนน้ั ยอ่ มรู้ชัดวา่ “ชาตสิ ้ินแลว้ พรหมจรรย์ไดอ้ ยูจ่ บแลว้ กจิ ท่คี วรทำ� ได้ท�ำ ส�ำ เร็จแลว้ กจิ อน่ื ทจ่ี ะตอ้ งท�ำ เพอ่ื ความเปน็ อยา่ งน้ี มไิ ดม้ อี กี ” ดังนี้. 307
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี ูกปิด : ปฐมธรรม ทำ�ความเขา้ ใจเกยี่ วกับอาหาร ๑๑๗ -บาลี นทิ าน. สํ. ๑๖/๑๒๔-๑๒๕/๒๔๘-๒๔๙. ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าไม่มีราคะ (ความกำ�หนัด) ไมม่ ีนนั ทิ (ความเพลนิ ) ไม่มตี ัณหา (ความอยาก) ในกพฬี- การาหาร (อาหารคือค�ำ ขา้ ว) แลว้ ไซร้ วิญญาณ ก็เปน็ ส่ิง ทต่ี ง้ั อยไู่ มไ่ ด้ เจรญิ งอกงามอยไู่ มไ่ ด้ ในกพฬกี าราหารนน้ั . วญิ ญาณ ตง้ั อยไู่ มไ่ ด้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ ในท่ีใด การ หยง่ั ลงแหง่ นามรปู ยอ่ มไมม่ ใี นทน่ี น้ั . การหยง่ั ลงแหง่ นามรปู ไมม่ ใี นทใ่ี ด ความเจรญิ แหง่ สงั ขารทง้ั หลาย ยอ่ มไมม่ ี ในทน่ี น้ั . ความเจริญแหง่ สังขารทัง้ หลาย ไมม่ ีในทีใ่ ด การบงั เกิด ในภพใหมต่ อ่ ไป ยอ่ มไมม่ ใี นทน่ี น้ั . การบงั เกดิ ในภพใหม่ ตอ่ ไป ไมม่ ใี นทใ่ี ด ชาตชิ รามรณะตอ่ ไป ยอ่ มไมม่ ใี นทน่ี น้ั . ชาตชิ รามรณะ ตอ่ ไป ไมม่ ใี นทใ่ี ด ภกิ ษทุ ้ังหลาย ! เราเรยี ก “ท”่ี นน้ั วา่ เปน็ “ทไ่ี มม่ โี ศก ไมม่ ธี ลุ ี ไมม่ คี วามคบั แคน้ ” ดงั น้.ี .. ภิกษุทงั้ หลาย ! เปรียบเหมือนเรอื นยอด หรอื ศาลาเรอื นยอดทต่ี ง้ั อยทู่ างทศิ เหนอื หรอื ใตก้ ต็ าม เปน็ เรอื น 308
เปดิ ธรรมทถี่ กู ปิด : ปฐมธรรม มีหน้าต่างทางทิศตะวันออก. คร้ันพระอาทิตย์ข้ึนมา แสงสว่างแห่งพระอาทิตย์ส่องเข้าไปทางหน้าต่างแล้ว จกั ตัง้ อยทู่ ่สี ่วนไหนแหง่ เรือนนัน้ เลา่ ? “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งพระอาทิตย์ จักปรากฏท่ีฝาเรือนข้างในทางทศิ ตะวนั ตก พระเจ้าขา้ !”. ภิกษุท้ังหลาย ! ถ้าฝาเรือนทางทิศตะวันตก ไมม่ ีเล่า แสงสว่างแห่งพระอาทติ ยน์ ้ัน จักปรากฏอยู่ ณ ท่ไี หน ? “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งพระอาทิตย์ จกั ปรากฏทพ่ี ื้นดิน พระเจ้าขา้ !”. ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าพื้นดินไม่มีเล่า แสงสว่าง แหง่ พระอาทิตยน์ นั้ จกั ปรากฏที่ไหน ? “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งพระอาทิตย์ จกั ปรากฏในน้ำ� พระเจ้าข้า !”. ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าน้ำ�ไม่มีเล่า แสงสว่างแห่ง พระอาทติ ยน์ นั้ จกั ปรากฏทไี่ หนอีก ? “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสวา่ งแหง่ พระอาทติ ยน์ น้ั ย่อมเปน็ สิ่งท่ีไม่ปรากฏแลว้ พระเจา้ ขา้ !”. 309
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภกิ ษทุ ้งั หลาย ! ฉันใดกฉ็ นั นัน้ แล ถา้ ไมม่ รี าคะ (ความก�ำ หนดั ) ไมม่ นี นั ทิ (ความเพลนิ ) ไมม่ ีตณั หา (ความอยาก) ในกพฬีการาหารแลว้ ไซร้ วิญญาณก็เป็นสิ่งท่ีต้ังอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงาม อยู่ไมไ่ ด้ในกพฬีการาหารนัน้ . วญิ ญาณตง้ั อยไู่ มไ่ ด้ เจรญิ งอกงามอยไู่ มไ่ ดใ้ นทใ่ี ด การหย่ังลงแห่งนามรูป ยอ่ มไมม่ ี ในทน่ี ั้น. การหย่งั ลงแห่งนามรูป ไม่มใี นท่ใี ด ความเจริญ แห่งสังขารท้ังหลาย ย่อมไมม่ ี ในที่นัน้ . ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ไม่มีในที่ใด การบงั เกิดในภพใหม่ตอ่ ไปยอ่ มไมม่ ี ในทีน่ ัน้ . การบังเกิดในภพใหม่ต่อไป ไม่มีในที่ใด ชาติ ชรามรณะตอ่ ไป ย่อมไมม่ ี ในที่นน้ั . ชาติชรามรณะตอ่ ไป ไม่มีในท่ีใด ภิกษุท้ังหลาย ! เราเรียก “ที่” น้ันว่าเป็น “ที่ไม่มโี ศก ไมม่ ีธลุ ี ไมม่ ีความคับแค้น” ดังนี้... 310
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ีถกู ปดิ : ปฐมธรรม หลักการพิจารณาอาหาร ๑๑๘ -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๑๑๘/๒๔๐. ภิกษุทั้งหลาย ! ก็ กพฬีการาหาร (อาหารคือ คำ�ข้าว) จะพงึ เหน็ ได้อย่างไร ? ภิกษุท้ังหลาย ! เปรยี บเหมอื นภรรยาสามสี องคน ถือเอาเสบียงสำ�หรับเดนิ ทางเลก็ น้อย เดนิ ไปสหู่ นทางอัน กนั ดาร สองสามีภรรยาน้ัน มีบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารัก น่าเอ็นดูอยู่คนหนึ่ง เม่ือขณะเขาท้ังสองกำ�ลังเดินไป ตามทางอนั กนั ดารอยนู่ น้ั เสบยี งส�ำ หรบั เดนิ ทางทเ่ี ขามอี ยู่ เพียงเล็กน้อยนั้น ได้หมดส้ินไป หนทางอันกันดารนั้น ยงั เหลอื อยู่ เขาทง้ั สองนน้ั ยงั ไมเ่ ดนิ ขา้ มหนทางอนั กนั ดาร น้นั ไปได้ คร้งั น้นั แล สองภรรยาสามีน้นั ได้มาคิดกันว่า “เสบยี งส�ำ หรบั เดนิ ทางของเราทง้ั สองทม่ี อี ยเู่ พยี งเลก็ นอ้ ยน้ี ไดห้ มดส้ินลงแล้ว หนทางอันกันดารน้ยี ังเหลอื อยู่ ทัง้ เรา กย็ งั ไมเ่ ดนิ ข้ามหนทางอันกันดารนีไ้ ปได้ อย่ากระนัน้ เลย เราทง้ั สองคน พงึ ฆา่ บตุ รนอ้ ยคนเดยี วผนู้ า่ รกั นา่ เอน็ ดนู เ้ี สยี แลว้ ท�ำ ใหเ้ ปน็ เนอ้ื เคม็ และเนอ้ื ยา่ ง บรโิ ภคเนอ้ื บตุ รนแ้ี หละ 311
พุทธวจน - หมวดธรรม เดินข้ามหนทางอันกันดารท่ียังเหลืออยู่น้ีกันเถิด เพราะ ถา้ ไมท่ �ำ เชน่ น้ี พวกเราทง้ั สามคนจะตอ้ งพากนั พนิ าศหมดแน”่ ดงั น.้ี ครงั้ น้ันแล ภรรยาสามที ง้ั สองนั้น จึงฆ่าบุตรน้อย คนเดียวผู้นา่ รกั นา่ เอ็นดนู ัน้ แล้วทำ�ให้เปน็ เนอ้ื เค็ม และ เนอ้ื ยา่ ง บรโิ ภคเนอ้ื บตุ รนน้ั เทยี ว เดนิ ขา้ มหนทางอนั กนั ดาร ทย่ี งั เหลอื อยนู่ น้ั สองภรรยาสามนี น้ั บรโิ ภคเนอ้ื บตุ รไปพลาง พร้อมกบั คอ่ นอกไปพลาง รำ�พนั ว่า “บตุ รน้อยคนเดยี ว ของเราไปไหนเสีย บตุ รนอ้ ยคนเดียวของเราไปไหนเสีย” ดังน้.ี ภิกษุทั้งหลาย ! เธอทง้ั หลายจะส�ำ คญั ความขอ้ น้ี วา่ อยา่ งไร ? สองภรรยาสามีน้ันจะพึงบริโภคเน้ือบุตรเป็น อาหาร เพอ่ื ความเพลิดเพลนิ สนกุ สนานบ้าง เพอื่ ความ มวั เมาบ้าง เพือ่ ความประดบั ประดาบ้าง หรือเพ่อื ตกแต่ง (รา่ งกาย) บ้าง หรอื หนอ ? ภิกษทุ ้ังหลายเหลา่ น้ันกราบทลู ว่า “ข้อนั้นหาเปน็ เช่นน้ันไม่ พระเจา้ ขา้ !”. 312
เปดิ ธรรมทถี่ ูกปดิ : ปฐมธรรม แลว้ ตรสั ตอ่ ไปวา่ “ถา้ อยา่ งนน้ั สองภรรยาสามนี น้ั จะพงึ บรโิ ภคเนอ้ื บตุ รเปน็ อาหารเพยี งเพอ่ื (อาศยั ) เดนิ ขา้ ม หนทางอนั กนั ดารเท่านน้ั ใชไ่ หม ?”. “ใช่ พระเจ้าข้า !”. ภิกษทุ ั้งหลาย ! ขอ้ นม้ี อี ปุ มาฉนั ใด เรายอ่ มกลา่ ววา่ กพฬกี าราหาร อนั อรยิ สาวกพึงเห็น (วา่ มอี ุปมาเหมือนเน้อื บุตร) ฉนั น้ัน. ภิกษทุ งั้ หลาย ! เมอ่ื กพฬกี าราหาร อนั อรยิ สาวกก�ำ หนดรู้ได้แลว้ ราคะ (ความก�ำ หนัด) ท่ีมีกามคุณทง้ั ๕ เป็นแดนเกดิ ย่อมเป็นสิง่ ท่ีอริยสาวกน้ันก�ำ หนดรู้ได้แลว้ ด้วย เม่ือราคะท่ีมีกามคุณท้งั ๕ เปน็ แดนเกิด เปน็ ส่งิ ทีอ่ รยิ สาวกนน้ั ก�ำ หนดรไู้ ด้แลว้ สังโยชน์ชนิดที่อรยิ สาวกประกอบเข้าแลว้ จะพงึ เป็นเหตใุ ห้มาสโู่ ลกนี้ได้อีก ยอ่ มไม่ม.ี 313
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ถี ูกปดิ : ปฐมธรรม หมดความพอใจ ก็สิ้นทกุ ข์ ๑๑๙ -บาลี อ.ุ ขุ. ๒๕/๒๐๘/๑๖๑. นะตยิ า อะสะติ อาคะตคิ ะติ นะ โหติ เมื่อความน้อมไป ไมม่ ี การมาและการไป ย่อมไมม่ ี อาคะตคิ ะติยา อะสะติ จตุ ูปะปาโต นะ โหติ เมื่อการมาและการไป ไมม่ ี การเคลอื่ นและการเกดิ ขนึ้ ยอ่ มไมม่ ี จตุ ปู ะปาเต อะสะติ เนวิธะ นะ หรุ งั นะ อภุ ะยะมนั ตะเร เมอ่ื การเคล่อื นและการเกิดขน้ึ ไมม่ ี อะไรๆ ก็ไม่มใี นโลกนี้ ไม่มใี นโลกอืน่ ไมม่ ใี นระหวา่ งแห่งโลกทงั้ สอง เอเสวันโต ทกุ ขัสสะ นนั่ แหละ คอื ทีส่ ดุ แห่งทกุ ข์ละ. 314
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทีถ่ ูกปิด : ปฐมธรรม ความรสู้ กึ ภายในใจ ๑๒๐ เม่อื ละตัณหา (ความอยาก) ได ้ -บาลี ธ. ข.ุ ๒๕/๓๕/๒๑. เราเม่อื ยังค้นไม่พบแสงสว่าง มวั เสาะหานายช่าง ปลกู เรือน (คือตณั หา ผกู้ ่อสร้างเรอื นคอื อัตตภาพ) อยู่ ได้ ท่องเท่ียวไปในสังสารวฏั กลา่ วคอื ความเกิดแล้ว เกดิ อีก เป็นอเนกชาติ ความเกดิ เป็นทกุ ขร์ ำ�่ ไปทกุ ชาต.ิ แนะ่ นายช่างผู้ปลกู สรา้ งเรือน ! เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว เจ้าจักสร้างเรือนให้เรา ต่อไปอกี ไมไ่ ด้ โครงเรอื น (คอื กเิ ลสทเ่ี หลอื เปน็ เชอ้ื เกดิ ใหม)่ ของเจา้ เราหักเสียยับเยินหมดแล้ว ยอดเรือน (คอื อวชิ ชา) เราขยี้เสียแลว้ จติ ของเรา ถึงความเปน็ ธรรมชาติ ทอี่ ารมณจ์ ะยุแหย่ ย่ัวเย้าไมไ่ ด้เสียแลว้ มันไดล้ ถุ งึ ความหมดอยากทุกอย่าง. 315
ลักษณะภิกษุผูมีศีล
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถกู ปดิ : ปฐมธรรม ผชู้ ้ชี วนวิงวอน ๑๒๑ -บาลี สฬา. สํ. ๑๘/๔๔๑/๖๗๔. ยํ ภิกขฺ เว สตฺถารา กรณียํ สาวกานํ หิเตสนิ า อนุกมฺปเกน อนุกมฺปํ อปุ าทาย กตํ โว ตํ มยา ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! กจิ อนั ใด ทศ่ี าสดาผเู้ อน็ ดแู สวงหาประโยชน์ เกอ้ื กลู อาศยั ความเอน็ ดแู ลว้ จะพงึ ท�ำ แกส่ าวกทง้ั หลาย กจิ อนั นน้ั เราไดท้ �ำ แลว้ แกพ่ วกเธอทง้ั หลาย. เอตานิ ภิกฺขเว รุกฺขมูลานิ เอตานิ สญุ ญฺ าคารานิ ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! นน่ั โคนไมท้ ง้ั หลาย นน่ั เรอื นวา่ งทง้ั หลาย. ฌายถ ภิกฺขเว มา ปมาทตฺถ ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอท้งั หลายจงเพยี รเผากิเลส อยา่ ได้ประมาท. มา ปจฺฉา วิปปฺ ฏิสาริโน อหุวตฺถ พวกเธอทง้ั หลาย อยา่ ไดเ้ ปน็ ผทู้ ต่ี อ้ งรอ้ นใจ ในภายหลงั เลย. อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนี นแ่ี ล เปน็ วาจาเครอ่ื งพร�ำ่ สอนพวกเธอทง้ั หลายของเรา. 318
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทีถ่ กู ปิด : ปฐมธรรม ลกั ษณะของภิกษผุ ู้มีศีล ๑๒๒ (นยั ที่ ๑) -บาลี ส.ี ที. ๙/๘๓/๑๐๓. มหาราชะ ! ภิกษเุ ปน็ ผู้มีศีลสมบรู ณแ์ ล้ว เปน็ อย่างไรเล่า ? มหาราชะ ! ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี ละปาณาตบิ าต เว้นขาดจากปาณาตบิ าต วางท่อนไมแ้ ละศัสตราเสยี แล้ว มคี วามละอาย ถงึ ความเอน็ ดกู รณุ าหวังประโยชนเ์ กื้อกลู ในบรรดาสัตว์ท้ังหลายอยู่ แม้นี้ ก็เป็นศีลของเธอ ประการหนึ่ง เป็นผลู้ ะอทินนาทาน เวน้ ขาดจากอทนิ นาทาน ถอื เอาแต่ของทีเ่ ขาให้แลว้ หวังอย่แู ตข่ องทเี่ ขาให้ เป็นคน สะอาด ไมเ่ ปน็ ขโมยอยู่ แมน้ ้ี กเ็ ปน็ ศลี ของเธอประการหนง่ึ เป็นผู้ละกรรมอันมิใช่พรหมจรรย์ ประพฤติ พรหมจรรย์โดยปกติ ประพฤติหา่ งไกล เวน้ ขาดจากการ เสพเมถนุ อนั เปน็ ของชาวบ้าน แมน้ ี้ กเ็ ป็นศลี ของเธอ ประการหนงึ่ 319
พุทธวจน - หมวดธรรม เป็นผลู้ ะมสุ าวาท เวน้ ขาดจากมุสาวาท พดู แต่ ความจรงิ รกั ษาความสตั ย์ มน่ั คงในค�ำ พดู ควรเชอ่ื ถอื ได้ ไม่แกล้งกล่าวให้ผิดต่อโลก แม้น้ี ก็เป็นศีลของเธอ ประการหนง่ึ เป็นผู้ละคำ�ส่อเสียด เว้นขาดจากคำ�ส่อเสียด ไดฟ้ งั จากฝา่ ยนแ้ี ลว้ ไมเ่ กบ็ ไปบอกฝา่ ยโนน้ เพอ่ื ใหฝ้ า่ ยน้ี แตกรา้ วกนั หรอื ไดฟ้ งั จากฝา่ ยโนน้ แลว้ ไมน่ �ำ มาบอกแกฝ่ า่ ยน้ี เพอ่ื ให้ฝา่ ยโนน้ แตกรา้ วกนั แตจ่ ะสมานคนท่แี ตกกันแลว้ ให้กลับพรอ้ มเพรยี งกนั อดุ หนุนคนทีพ่ ร้อมเพรยี งกนั อยู่ ใหพ้ ร้อมเพรียงกันยิ่งข้ึน เปน็ คนชอบในการพร้อมเพรียง เป็นคนยินดีในการพร้อมเพรียง เป็นคนพอใจในการ พรอ้ มเพรยี ง กลา่ วแตว่ าจาทท่ี �ำ ใหพ้ รอ้ มเพรยี งกนั แมน้ ้ี ก็เปน็ ศลี ของเธอประการหนงึ่ เป็นผู้ละการกล่าวคำ�หยาบเสีย เว้นขาดจาก การกล่าวค�ำ หยาบ กลา่ วแต่วาจาทไ่ี มม่ โี ทษ เสนาะโสต ให้เกิดความรัก เป็นคำ�ฟูใจ เป็นคำ�สุภาพท่ีชาวเมือง เขาพดู กัน เป็นท่ีใครท่ ่พี อใจของมหาชน แมน้ ี้ กเ็ ป็นศลี ของเธอประการหนึ่ง 320
เปดิ ธรรมที่ถูกปดิ : ปฐมธรรม เปน็ ผลู้ ะค�ำ พดู ทโ่ี ปรยประโยชนท์ ง้ิ เสยี เวน้ ขาด จากการพดู เพอ้ เจอ้ กลา่ วแตใ่ นเวลาอนั สมควร กลา่ วแต่ ค�ำ จริงเปน็ ประโยชน์ เปน็ ธรรม เปน็ วนิ ัย กล่าวแตว่ าจา มที ต่ี ง้ั มหี ลกั ฐานทอ่ี า้ งองิ มเี วลาจบ ประกอบดว้ ยประโยชน์ สมควรแก่เวลา แม้น้ี กเ็ ปน็ ศลี ของเธอประการหนึ่ง. 321
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี กู ปดิ : ปฐมธรรม ลกั ษณะของภกิ ษุผ้มู ศี ลี ๑๒๓ (นยั ท่ี ๒) -บาลี ส.ี ท.ี ๙/๘๔/๑๐๓. มหาราชะ ! ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ เป็นผู้ฉันอาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว เว้นจาก การฉันในราตรแี ละวิกาล เป็นผู้เว้นขาดจากการฟ้อนรำ� การขับร้อง การ ประโคมและการดูการเลน่ ชนดิ เปน็ ขา้ ศึกแกก่ ุศล เปน็ ผูเ้ วน้ ขาดจากการประดับประดา คอื ทัดทรง ตกแตง่ ด้วยมาลาและของหอมและเคร่อื งลูบทา เป็นผเู้ วน้ ขาดจากการนอนบนทีน่ อนสงู ใหญ่ เปน็ ผู้เว้นขาดจากการรับเงินและทอง เปน็ ผเู้ ว้นขาดจากการรับข้าวเปลอื ก เป็นผเู้ วน้ ขาดจากการรบั เน้อื ดิบ เปน็ ผเู้ ว้นขาดจากการรับหญงิ และเดก็ หญิง เปน็ ผูเ้ วน้ ขาดจากการรบั ทาสหญิงและทาสชาย เปน็ ผ้เู วน้ ขาดจากการรับแพะ แกะ ไก่ สุกร ช้าง โค ม้า ทง้ั ผูแ้ ละเมีย 322
เปิดธรรมทถี่ ูกปิด : ปฐมธรรม เปน็ ผเู้ วน้ ขาดจากการรับทน่ี าและท่ีสวน เปน็ ผเู้ วน้ ขาดจากการรบั ใชเ้ ปน็ ทตู ไปในทต่ี า่ งๆ เปน็ ผ้เู วน้ ขาดจากการซ้ือและการขาย เปน็ ผูเ้ ว้นขาดจากการโกงดว้ ยตาชั่ง การลวงด้วย ของปลอมและการฉ้อด้วยเครือ่ งนับ เป็นผู้เว้นขาดจากการโกงด้วยการนับสินบนและ ลอ่ ลวง เป็นผเู้ วน้ ขาดจากการตดั การฆา่ การจ�ำ จอง การ ซมุ่ ท�ำ ร้าย การปล้นและการกรรโชก แม้น้ี กเ็ ป็นศีลของเธอประการหนง่ึ 323
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปิด : ปฐมธรรม ลักษณะของภกิ ษผุ มู้ ีศลี ๑๒๔ (นัยที่ ๓) -บาลี ส.ี ที. ๙/๘๕/๑๐๔. อกี อยา่ งหนง่ึ เม่อื สมณะหรอื พราหมณ์บางพวก ฉนั โภชนะทีท่ ายกถวายด้วยศรทั ธาแล้ว ท่านเหล่านัน้ ยงั ทำ�พีชคามและภตู คามใหก้ ำ�เรบิ คืออะไรบา้ ง ? คอื พชื ท่ี เกดิ แตร่ าก พชื ทเ่ี กดิ แตต่ น้ พชื ทเ่ี กดิ แตผ่ ล พชื ทเ่ี กดิ แตย่ อด และพชื ทเ่ี กิดแต่เมล็ดเปน็ ท่ีห้า. ส่วนภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ เธอเว้นขาดจากการทำ�พชี คามและภูตคาม เหน็ ปานนน้ั ให้ก�ำ เรบิ แลว้ แม้น้ี กเ็ ปน็ ศีลของเธอประการหน่ึง. อกี อย่างหน่ึง เมอื่ สมณะหรอื พราหมณบ์ างพวก ฉนั โภชนะทท่ี ายกถวายดว้ ยศรทั ธาแลว้ ทา่ นเหลา่ นน้ั ยงั เปน็ ผทู้ �ำ การบรโิ ภคสะสมอยเู่ นอื งๆ คอื อะไรบา้ ง ? คอื สะสมขา้ ว บา้ ง สะสมน�ำ้ ด่ืมบา้ ง สะสมผา้ บ้าง สะสมยานพาหนะบา้ ง สะสมเครอ่ื งนอนบา้ ง สะสมของหอมบา้ ง สะสมอามสิ บา้ ง. สว่ นภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี เธอเวน้ ขาดจากการบรโิ ภคสะสม เหน็ ปานนน้ั เสียแลว้ แมน้ ้ี กเ็ ป็นศีลของเธอประการหน่งึ . 324
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388