138 บทท่ี 3 | สมการก�ำ ลังสองตวั แปรเดยี ว คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐาน | คณติ ศาสตร์ เลม่ 1 ดังนั้น 2z + 5 = 0 หรอื 7z – 2 = 0 z = - –25 หรือ z = –27 จะได้ ดงั นัน้ คำ�ตอบของสมการ คอื - –25 และ 2–7 —r92 = r+4 15) แนวคิด r2 – 9r – 36 = 0 (r + 3)(r – 12) = 0 ดงั น้นั r + 3 = 0 หรือ r – 12 = 0 จะได้ r = -3 หรือ r = 12 ดงั นน้ั ค�ำ ตอบของสมการ คือ -3 และ 12 16) แนวคิด 2–1y2 = 7y – 12 y2 – 14y + 24 = 0 (y – 2)(y – 12) = 0 ดงั นน้ั y – 2 = 0 หรอื y – 12 = 0 จะได้ y = 2 หรอื y = 12 ดงั นน้ั คำ�ตอบของสมการ คอื 2 และ 12 17) แนวคิด 2w2 – 3–5w = 7 6w2 – 5w = 21 6w2 – 5w – 21 = 0 (2w + 3)(3w – 7) = 0 ดงั น้นั 2w + 3 = 0 หรอื 3w – 7 = 0 จะได ้ w = - –23 หรอื w = 3–7 ดงั นั้น คำ�ตอบของสมการ คอื - –23 และ 3–7 18) แนวคดิ 1 (4n – 3)2 = 49 16n2 – 24n + 9 = 49 16n2 – 24n – 40 = 0 2n2 – 3n – 5 = 0 (2n – 5)(n + 1) = 0 ดังนน้ั 2n – 5 = 0 หรอื n + 1 = 0 จะได้ n = –25 หรอื n = -1 ดงั น้ัน ค�ำ ตอบของสมการ คอื –25 และ -1 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐาน | คณติ ศาสตร์ เลม่ 1 บทท่ี 3 | สมการกำ�ลงั สองตวั แปรเดยี ว 139 แนวคิด 2 (4n – 3)2 = 72 (4n – 3)2 – 72 = 0 [(4n – 3) + 7][(4n – 3) – 7] = 0 (4n + 4)(4n – 10) = 0 ดงั นน้ั 4n + 4 = 0 หรือ 4n – 10 = 0 จะได ้ n = -1 หรือ n = –25 ดังนั้น คำ�ตอบของสมการ คือ -1 และ –25 t2 – 3t = 4t2 – 36 19) แนวคดิ 3t2 + 3t – 36 = 0 t2 + t – 12 = 0 (t + 4)(t – 3) = 0 ดงั นนั้ t + 4 = 0 หรอื t – 3 = 0 จะได ้ t = -4 หรอื t = 3 ดงั นั้น ค�ำ ตอบของสมการ คือ -4 และ 3 20) แนวคิด 1 (2m – 3)2 – (m + 2)2 = 0 (4m2 – 12m + 9) – (m2 + 4m + 4) = 0 3m2 – 16m + 5 = 0 (3m – 1)(m – 5) = 0 ดงั นน้ั 3m – 1 = 0 หรอื m – 5 = 0 จะได ้ m = –31 หรอื m = 5 ดงั นั้น คำ�ตอบของสมการ –31 และ คือ 5 แนวคิด 2 (2m – 3)2 – (m + 2)2 = 0 [(2m – 3) + (m + 2)][(2m – 3) – (m + 2)] = 0 (3m – 1)(m – 5) = 0 ดังน้นั 3m – 1 = 0 หรือ m – 5 = 0 จะได้ m = –31 หรอื m = 5 ดังนั้น ค�ำ ตอบของสมการ คือ –31 และ 5 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
140 บทท่ี 3 | สมการกำ�ลงั สองตัวแปรเดยี ว คู่มือครูรายวิชาพน้ื ฐาน | คณิตศาสตร์ เลม่ 1 คำ�ชแ้ี จง เฉลยแบบฝกึ หดั ข้อ 3–10 ไมไ่ ดแ้ สดงการแก้สมการโดยละเอยี ดและไม่ไดแ้ สดงการตรวจสอบค�ำ ตอบ แต่ครูควรย้ำ� ใหน้ กั เรียนตรวจสอบค�ำ ตอบและความสมเหตสุ มผลของค�ำ ตอบจากเงื่อนไขในโจทย์ทุกครั้ง 3. แนวคดิ ให้ x แทนจำ�นวนเตม็ ทนี่ ้อยกว่า จะได้ จ�ำ นวนเต็มท่ีอยู่ตดิ กันเป็น x + 1 เน่อื งจาก ผลคณู ของจำ�นวนเตม็ สองจำ�นวนทอ่ี ย่ตู ดิ กนั เท่ากับ 210 จะได้สมการเปน็ x(x + 1) = 210 x2 + x – 210 = 0 (x + 15)(x – 14) = 0 ดังน้ัน x + 15 = 0 หรอื x – 14 = 0 จะได้ x = -15 หรือ x = 14 เนอื่ งจาก x แทนจ�ำ นวนเต็ม ดังนน้ั x จึงเปน็ ได้ทงั้ จำ�นวนเต็มลบและจ�ำ นวนเตม็ บวก ถา้ ให้จ�ำ นวนเตม็ ท่ีน้อยกวา่ คือ -15 จะได้ จำ�นวนเตม็ ที่อยู่ตดิ กันเปน็ -15 + 1 = -14 ถา้ ใหจ้ ำ�นวนเต็มท่นี อ้ ยกวา่ คอื 14 จะได้ จ�ำ นวนเตม็ ทอี่ ยู่ติดกนั เป็น 14 + 1 = 15 ดงั น้นั จำ�นวนเต็มสองจ�ำ นวนนน้ั มี 2 ชุด คอื -15 กับ -14 และ 14 กบั 15 4. แนวคิด 1 ให้ x แทนจ�ำ นวนค่จู ำ�นวนหนง่ึ จะได้ จ�ำ นวนคู่ท่ีอยู่ถดั ไปเป็น x + 2 เน่อื งจาก ผลคณู ของจ�ำ นวนคูจ่ �ำ นวนหนง่ึ กบั จำ�นวนคูอ่ ีกจ�ำ นวนหนงึ่ ที่อยู่ถดั ไปเท่ากบั 840 จะไดส้ มการเป็น x(x + 2) = 840 x2 + 2x – 840 = 0 (x + 30)(x – 28) = 0 ดังน้ัน x + 30 = 0 หรือ x – 28 = 0 จะได้ x = -30 หรือ x = 28 เน่อื งจาก x แทนจ�ำ นวนคู่ ดังนัน้ x จงึ เปน็ ได้ทงั้ จ�ำ นวนเตม็ บวกและจ�ำ นวนเต็มลบ ถ้าใหจ้ �ำ นวนคู่จ�ำ นวนหนึ่ง คอื -30 จะได้ จำ�นวนคูท่ ี่อยถู่ ัดไปเปน็ -30 + 2 = -2 ถ้าให้จ�ำ นวนคจู่ ำ�นวนหนึง่ คอื 28 จะได้ จำ�นวนคู่ทีอ่ ยู่ถดั ไปเป็น 28 + 2 = 30 ดงั นั้น จำ�นวนค่สู องจำ�นวนน้ัน มี 2 ชุด คอื -30 กบั -28 และ 28 กับ 30 แนวคิด 2 ให้ x แทนจ�ำ นวนเต็มจ�ำ นวนหนงึ่ จะได้ จ�ำ นวนค่เู ปน็ 2x และจำ�นวนคูท่ อ่ี ยถู่ ดั ไปเป็น 2x + 2 เนื่องจาก ผลคูณของจ�ำ นวนคู่จำ�นวนหนึง่ กับจำ�นวนคู่อกี จำ�นวนหน่ึงที่อยู่ถดั ไปเทา่ กับ 840 จะไดส้ มการเปน็ 2x(2x + 2) = 840 4x2 + 4x – 840 = 0 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ ือครูรายวชิ าพ้ืนฐาน | คณิตศาสตร์ เลม่ 1 บทท่ี 3 | สมการกำ�ลังสองตัวแปรเดยี ว 141 x2 + x – 210 = 0 (x + 15)(x – 14) = 0 ดังน้ัน x + 15 = 0 หรือ x – 14 = 0 จะได้ x = -15 หรือ x = 14 ดงั นั้น 2x = -30 หรอื 2x = 28 เนอื่ งจาก x แทนจ�ำ นวนคู่ ดังนั้น x จงึ เปน็ ไดท้ ้งั จ�ำ นวนเต็มลบและจ�ำ นวนเต็มบวก ถ้าใหจ้ ำ�นวนคจู่ ำ�นวนหนึง่ คอื -30 จะได้ จ�ำ นวนคู่ทอี่ ยถู่ ดั ไปเปน็ -30 + 2 = -28 ถา้ ให้จำ�นวนคู่จำ�นวนหนึง่ คอื 28 จะได้ จ�ำ นวนค่ทู ่ีอยถู่ ดั ไปเปน็ 28 + 2 = 30 ดงั นั้น จ�ำ นวนคู่สองจ�ำ นวนนั้น มี 2 ชดุ คือ -30 กับ -28 และ 28 กบั 30 5. แนวคดิ 1 ให้ x แทนจ�ำ นวนค่บี วกจำ�นวนหนงึ่ จะได้ จำ�นวนคีบ่ วกทอี่ ยู่ถัดไปเป็น x + 2 เน่ืองจาก ผลคูณของจำ�นวนค่ีบวกจ�ำ นวนหนงึ่ กับจำ�นวนค่ีบวกอีกจ�ำ นวนหนึง่ ทีอ่ ยู่ถดั ไปเปน็ 675 จะไดส้ มการเปน็ x(x + 2) = 675 x2 + 2x – 675 = 0 (x + 27)(x – 25) = 0 ดังนั้น x + 27 = 0 หรือ x – 25 = 0 จะได ้ x = -27 หรือ x = 25 เน่ืองจาก x แทนจ�ำ นวนคีบ่ วก ดังนั้น จึงพิจารณาเฉพาะ x = 25 จะได้ จ�ำ นวนคีบ่ วกที่อยู่ถดั ไปเปน็ 25 + 2 = 27 ดังนน้ั จ�ำ นวนค่ีบวกสองจำ�นวนน้นั คอื 25 และ 27 แนวคดิ 2 ให้ x แทนจ�ำ นวนเตม็ บวกจ�ำ นวนหน่งึ จะได้ จำ�นวนคี่บวกเป็น 2x – 1 และจ�ำ นวนคบี่ วกที่อยถู่ ัดไปเป็น 2x + 1 เนือ่ งจาก ผลคณู ของจ�ำ นวนคี่จำ�นวนหน่ึงกบั จ�ำ นวนคีอ่ กี จำ�นวนหน่ึงทอ่ี ย่ถู ดั ไปเปน็ 675 จะไดส้ มการเปน็ (2x – 1)(2x + 1) = 675 4x2 – 676 = 0 x2 – 169 = 0 (x + 13)(x – 13) = 0 ดงั น้นั x + 13 = 0 หรอื x – 13 = 0 จะได้ x = -13 หรอื x = 13 ดังนั้น 2x – 1 = -27 หรอื 2x – 1 = 25 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
142 บทท่ี 3 | สมการกำ�ลงั สองตัวแปรเดยี ว คู่มอื ครรู ายวชิ าพ้นื ฐาน | คณติ ศาสตร์ เล่ม 1 เนอ่ื งจาก จำ�นวนคท่ี ่ีต้องการเป็นจำ�นวนคบี่ วก ดงั นนั้ จงึ พิจารณาเฉพาะ 2x – 1 = 25 จะได ้ จำ�นวนค่ีบวกท่ีอยูถ่ ดั ไปเป็น 25 + 2 = 27 ดังนน้ั จ�ำ นวนค่ีบวกสองจำ�นวนนั้น คือ 25 และ 27 6. แนวคิด ให ้ x แทนจ�ำ นวนจ�ำ นวนหนึง่ จะได ้ จำ�นวนทนี่ อ้ ยกวา่ 2 เท่าของจ�ำ นวนน้นั อยู่ 1 เป็น 2x – 1 เนอื่ งจาก ผลคูณของจ�ำ นวนทงั้ สองเท่ากบั 3 จะไดส้ มการเป็น x(2x – 1) = 3 2x2 – x – 3 = 0 (2x – 3)(x + 1) = 0 ดังนั้น 2x – 3 = 0 หรอื x + 1 = 0 จะได ้ x = 3–2 หรือ x = -1 เนือ่ งจาก x แทนจำ�นวนจ�ำ นวนหนึ่ง ดังน้ัน x จงึ เป็นได้ทงั้ จ�ำ นวนลบและจ�ำ นวนบวก ถา้ ใหจ้ ำ�นวนจ�ำ นวนหนง่ึ คอื -1 จะได ้ จ�ำ นวนทนี่ อ้ ยกวา่ 2 เทา่ ของจำ�นวนนัน้ อยู่ 1 เปน็ 2(-1) – 1 = -3 ( )ถา้ ใหจ้ ำ�นวนจำ�นวนหนง่ึ คอื –23 จะได้ จ�ำ นวนทนี่ อ้ ยกวา่ 2 เทา่ ของจำ�นวนนนั้ อยู่ 1 เป็น 2 –23 – 1 = 2 ดังนน้ั จำ�นวนสองจำ�นวนนน้ั มี 2 ชุด คอื -1 กบั -3 และ –23 กับ 2 7. แนวคิด ให ้ x แทนจ�ำ นวนจำ�นวนแรก จะได ้ จำ�นวนท่ีน้อยกว่าจำ�นวนแรกอยู่ 13 เป็น x – 13 เนื่องจาก ผลคณู ของจำ�นวนทั้งสองเปน็ -40 จะได้สมการเปน็ x(x – 13) = -40 x2 – 13x + 40 = 0 (x –5)(x – 8) = 0 ดังน้นั x – 5 = 0 หรือ x – 8 = 0 จะได้ x = 5 หรือ x = 8 เนอ่ื งจาก x แทนจำ�นวน ดังนั้น x จึงเปน็ ได้ทั้งสองจำ�นวน ถา้ ใหจ้ ำ�นวนจำ�นวนแรก คือ 5 จะได ้ จ�ำ นวนทีน่ ้อยกว่าจ�ำ นวนแรกอย ู่ 13 เป็น 5 – 13 = -8 ถ้าให้จำ�นวนจ�ำ นวนแรก คือ 8 จะได ้ จำ�นวนท่นี ้อยกวา่ จำ�นวนแรกอยู่ 13 เปน็ 8 – 13 = -5 ดงั นน้ั จ�ำ นวนสองจำ�นวนนนั้ มี 2 ชุด คอื -8 กับ 5 และ -5 กับ 8 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทท่ี 3 | สมการก�ำ ลังสองตวั แปรเดยี ว 143 8. แนวคดิ ให้ x แทนจ�ำ นวนจ�ำ นวนหน่งึ เนอื่ งจาก จ�ำ นวนสองจ�ำ นวนรวมกันเท่ากับ 22 จะได้ จ�ำ นวนอีกจำ�นวนหนง่ึ เป็น 22 – x เน่ืองจาก กำ�ลงั สองของแต่ละจ�ำ นวนรวมกันเทา่ กับ 274 จะไดส้ มการเปน็ x2 + (22 – x)2 = 274 x2 + 484 – 44x + x2 = 274 x2 – 22x + 105 = 0 (x – 15)(x – 7) = 0 ดังนั้น x – 15 = 0 หรือ x – 7 = 0 จะได้ x = 15 หรอื x = 7 เน่ืองจาก x แทนจำ�นวนจำ�นวนหน่งึ ดงั นัน้ x จึงเปน็ ไดท้ ั้งสองจ�ำ นวน ถา้ ใหจ้ �ำ นวนจ�ำ นวนหนงึ่ คือ 7 จะได้ จำ�นวนอกี จ�ำ นวนหนึ่งเปน็ 22 – 7 = 15 ถ้าใหจ้ �ำ นวนจำ�นวนหน่งึ คอื 15 จะได้ จำ�นวนอกี จ�ำ นวนหนง่ึ เปน็ 22 – 15 = 7 เนอ่ื งจาก เม่อื ตรวจสอบแล้วพบว่าคำ�ตอบท่ีอาจเป็นไปไดท้ ัง้ สองแบบเป็นคำ�ตอบเดยี วกัน ดงั นน้ั จ�ำ นวนสองจ�ำ นวนน้นั คือ 7 และ 15 9. แนวคิด ให้ x แทนจำ�นวนทน่ี ้อยกว่า เนอ่ื งจาก จ�ำ นวนสองจ�ำ นวนตา่ งกนั อยู่ 3 จะได้ จ�ำ นวนอีกจ�ำ นวนหนง่ึ เป็น x + 3 เนอ่ื งจาก ผลบวกของกำ�ลังสองของทั้งสองจ�ำ นวนเปน็ 117 จะได้สมการเป็น x2 + (x + 3)2 = 117 x2 + x2 + 6x + 9 = 117 x2 + 3x – 54 = 0 (x – 6)(x + 9) = 0 ดังนนั้ x – 6 = 0 หรือ x + 9 = 0 จะได้ x = 6 หรือ x = -9 เนอ่ื งจาก x แทนจ�ำ นวน ดงั น้นั x จึงเปน็ ได้ท้งั สองจ�ำ นวน ถา้ ให้จ�ำ นวนทนี่ ้อยกวา่ คือ -9 จะได้ จ�ำ นวนอกี จำ�นวนหนง่ึ เปน็ -9 + 3 = -6 ถา้ ใหจ้ ำ�นวนที่น้อยกว่า คอื 6 จะได้ จำ�นวนอีกจ�ำ นวนหน่ึงเป็น 6 + 3 = 9 ดงั น้ัน จำ�นวนสองจ�ำ นวนนัน้ มี 2 ชดุ คอื -9 กบั -6 และ 6 กบั 9 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
144 บทที่ 3 | สมการก�ำ ลังสองตัวแปรเดียว คู่มือครูรายวิชาพนื้ ฐาน | คณติ ศาสตร์ เลม่ 1 10. แนวคดิ 1 ให้ x แทนจ�ำ นวนคูจ่ ำ�นวนหน่ึง จะได้ จ�ำ นวนคู่ทอี่ ยู่ถดั ไปเปน็ x + 2 ด้งนั้น 40 เท่าของผลบวกของจ�ำ นวนคู่จำ�นวนหนึ่งกบั จำ�นวนคูอ่ ีกจำ�นวนหนง่ึ ท่อี ยถู่ ัดไปเปน็ 40[x + (x + 2)] และ 9 เท่าของผลคูณของทงั้ สองจำ�นวนเป็น 9[x(x + 2)] เนอ่ื งจาก 40 เทา่ ของผลบวกของจ�ำ นวนค่จู �ำ นวนหนงึ่ กับจำ�นวนคอู่ กี จ�ำ นวนหนึ่งท่ีอยถู่ ัดไปเท่ากับ 9 เทา่ ของผลคูณของท้ังสองจำ�นวน จะได้สมการเป็น 40[x + (x + 2)] = 9[(x)(x + 2)] 80x + 80 = 9x2 + 18x 9x2 – 62x – 80 = 0 (9x + 10)(x – 8) = 0 ดังนั้น 9x + 10 = 0 หรือ x – 8 = 0 จะได ้ x = - 1—90 หรือ x = 8 เนื่องจาก x แทนจ�ำ นวนคู่ ดังนนั้ จึงพจิ ารณาเฉพาะ x = 8 ถา้ จ�ำ นวนคู่จ�ำ นวนหน่ึง คือ 8 จะได้ จำ�นวนคูท่ ่อี ยถู่ ัดไปเปน็ 8 + 2 = 10 ดังน้นั จ�ำ นวนค่สู องจำ�นวนนัน้ คือ 8 และ 10 แนวคิด 2 ให้ x แทนจำ�นวนเต็มจำ�นวนหนึ่ง จะได้ จ�ำ นวนคเู่ ป็น 2x และจำ�นวนคทู่ ีอ่ ยูถ่ ัดไปเป็น 2x + 2 ดังนั้น 40 เทา่ ของผลบวกของจ�ำ นวนคจู่ �ำ นวนหนงึ่ กบั จำ�นวนคู่อีกจำ�นวนหน่ึงท่อี ยู่ถดั ไปเป็น และ 40[(2x) + (2x + 2)] 9 เทา่ ของผลคูณของทั้งสองจ�ำ นวนเปน็ 9[(2x)(2x + 2)] เนื่องจาก 40 เท่าของผลบวกของจำ�นวนคูจ่ ำ�นวนหนง่ึ กับจำ�นวนค่อู ีกจ�ำ นวนหนึง่ ที่อยู่ถัดไปเท่ากบั 9 เทา่ ของผลคูณของท้ังสองจำ�นวน จะไดส้ มการเปน็ 40[(2x) + (2x + 2)] = 9[(2x)(2x + 2)] 160x + 80 = 36x2 + 36x 9x2 – 31x – 20 = 0 (9x + 5)(x – 4) = 0 ดังน้ัน 9x + 5 = 0 หรอื x – 4 = 0 จะได้ x = - –95 หรือ x = 4 ดังนั้น 2x = - 1—90 หรือ 2x = 8 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ ือครูรายวชิ าพ้ืนฐาน | คณิตศาสตร์ เลม่ 1 บทที่ 3 | สมการกำ�ลงั สองตัวแปรเดียว 145 เนื่องจาก จำ�นวนทตี่ ้องการเปน็ จำ�นวนคู่ ดังนัน้ จงึ พจิ ารณาเฉพาะ 2x = 8 ถา้ จ�ำ นวนคูจ่ �ำ นวนหน่ึง คือ 8 จะได้ จำ�นวนคทู่ ่อี ยู่ถดั ไปเป็น 8 + 2 = 10 ดงั นนั้ จ�ำ นวนค่สู องจำ�นวนนนั้ คือ 8 และ 10 แบบฝกึ หัด 3.2 ค 1. 1) แนวคิด x2 + 26x + 165 = 0 [x2 + 2(x)(13) + 132] – 132 + 165 = 0 (x + 13)2 – 4 = 0 (x + 13)2 – 22 = 0 [(x + 13) + 2][(x + 13) – 2] = 0 (x + 15)(x + 11) = 0 ดงั นั้น x + 15 = 0 หรอื x + 11 = 0 จะได ้ x = -15 หรือ x = -11 ดังนัน้ ค�ำ ตอบของสมการ คือ -15 และ -11 2) แนวคดิ y2 – 98y + 2,376 = 0 [y2 – 2(y)(49) + 492] – 492 + 2,376 = 0 (y – 49)2 – 25 = 0 (y – 49)2 – 52 = 0 [(y – 49) + 5][(y – 49) – 5] = 0 (y – 44)(y – 54) = 0 ดงั น้นั y – 44 = 0 หรือ y – 54 = 0 จะได้ y = 44 หรอื y = 54 ดังน้นั ค�ำ ตอบของสมการ คอื 44 และ 54 3) แนวคดิ z2 + 756 = 60z z2 – 60z + 756 = 0 [z2 – 2(z)(30) + 302] – 302 + 756 = 0 (z – 30)2 – 144 = 0 (z – 30)2 – 122 = 0 [(z – 30) + 12][(z – 30) – 12] = 0 (z – 18)(z – 42) = 0 ดังนั้น z – 18 = 0 หรอื z – 42 = 0 จะได้ z = 18 หรือ z = 42 ดังนน้ั คำ�ตอบของสมการ คอื 18 และ 42 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
146 บทท่ี 3 | สมการกำ�ลังสองตัวแปรเดียว ค่มู ือครรู ายวิชาพนื้ ฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 4) แนวคิด 400 + 50x = -x2 x2 + 50x + 400 = 0 [x2 + 2(x)(25) + 252] – 252 + 400 = 0 (x + 25)2 – 225 = 0 (x + 25)2 – 152 = 0 [(x + 25) + 15][(x + 25) – 15] = 0 (x + 40)(x + 10) = 0 ดงั น้นั x + 40 = 0 หรือ x + 10 = 0 จะได ้ x = -40 หรอื x = -10 ดังน้นั คำ�ตอบของสมการ คอื -40 และ -10 5) แนวคดิ 4y2 – 3 = 8y + 9 4y2 – 8y – 12 = 0 y2 – 2y – 3 = 0 [y2 – 2(y)(1) + 12] – 12 – 3 = 0 (y – 1)2 – 4 = 0 (y – 1)2 – 22 = 0 [(y – 1) + 2][(y – 1) – 2] = 0 (y + 1)(y – 3) = 0 ดงั นั้น y + 1 = 0 หรอื y – 3 = 0 จะได้ y = -1 หรอื y = 3 ดงั น้ัน ค�ำ ตอบของสมการ คอื -1 และ 3 6) แนวคดิ 9z2 + 6z – 8 = 0 [(3z)2 + 2(3z)(1) + 12] – 12 – 8 = 0 (3z + 1)2 – 9 = 0 (3z + 1)2 – 32 = 0 [(3z + 1) + 3][(3z + 1) – 3] = 0 (3z + 4)(3z – 2) = 0 ดงั นัน้ 3z + 4 = 0 หรอื 3z – 2 = 0 จะได ้ z = - –34 หรือ z = –23 ดงั นน้ั คำ�ตอบของสมการ คอื - –34 และ –23 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มอื ครรู ายวชิ าพืน้ ฐาน | คณิตศาสตร์ เลม่ 1 บทที่ 3 | สมการกำ�ลงั สองตัวแปรเดยี ว 147 2. 1) แนวคดิ จากสมการ x2 – 12x + 11 = 0 จะได้ a = 1, b = -12 และ c = 11 ดังนั้น b2 – 4ac = (-12)2 – 4(1)(11) = 144 – 44 = 100 จา กสูตร x = -b ± √b2 – 4ac 2a จะ ได้ x = -(-12) ± √100 2(1) = 12 ± 10 2 ดงั น น้ั x = 12 +2 10 หรอื x = 12 – 10 2 จะได้ x = 11 หรือ x = 1 ดงั นั้น ค�ำ ตอบของสมการ คอื 11 และ 1 2) แนวคดิ จากสมการ y2 – 3y – 10 = 0 จะได้ a = 1, b = -3 และ c = -10 ดังนน้ั b2 – 4ac = (-3)2 – 4(1)(-10) = 9 + 40 = 49 จา กสูตร y = -b ± √b2 – 4ac 2a จะ ได้ y = -(-3) ± √49 2(1) = 3±7 2 ดังน ั้น y = 3 2+ 7 หรอื y = 3–7 2 จะได้ y = 5 หรือ y = -2 ดังนั้น คำ�ตอบของสมการ คือ 5 และ -2 3) แนวคิด จากสมการ z2 + 4z + 1 = 0 จะได้ a = 1, b = 4 และ c = 1 ดังนนั้ b2 – 4ac = 42 – 4(1)(1) = 16 – 4 = 12 จา กสตู ร z = -b ± √b2 – 4ac 2a จะ ได ้ z = -4 ± √12 2(1) = -4 ± 2 √3 2 = -2 ± √3 นน่ั คอื z = -2 + √3 หรือ z = -2 – √3 ดังนน้ั ค�ำ ตอบของสมการ คอื -2 + √3 และ -2 – √3 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
148 บทที่ 3 | สมการก�ำ ลังสองตวั แปรเดียว คู่มอื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 4) แนวคดิ จากสมการ 3x2 – 2x = -2 จดั สมการใหมไ่ ดเ้ ป็น 3x2 – 2x + 2 = 0 จะได้ a = 3, b = -2 และ c = 2 ดังนน้ั b2 – 4ac = (-2)2 – 4(3)(2) = 4 – 24 = -20 เน่อื งจาก b2 – 4ac < 0 ดงั นน้ั ไมม่ จี �ำ นวนจริงใดเป็นคำ�ตอบของสมการ 5) แนวคดิ จากสมการ 2x2 = 3x + 14 จดั สมการใหมไ่ ด้เปน็ 2x2 – 3x – 14 = 0 จะได้ a = 2, b = -3 และ c = -14 ดงั นั้น b2 – 4ac = (-3)2 – 4(2)(-14) = 9 + 112 = 121 จา กสูตร x = -b ± √b2 – 4ac 2a จะ ได้ x = 3 ± √121 2(2) = 3 ± 11 4 ดงั น นั้ x = 3 +4 11 หรอื x = 3 – 11 x = –27 4 คำ�ตอบของสมการ คือ จะได ้ หรอื x = -2 ดงั นั้น –27 และ -2 6) แนวค ิด จะ ได ้ z = -(-17) ± √(-17)2 – 4(10)(3) 2(10) = 17 ± 13 20 ดังน นั้ z = 172+0 13 หรือ z = 17 – 13 20 จะไ ด ้ z = 2–3 ห รอื z = 15– ดงั นน้ั ค�ำ ตอบของสมการ คือ –23 และ –51 -(-14) ± √(-14)2 – 4(49)(1) 7) แนวค ดิ จะ ได ้ y = 2(49) = –71 ดงั นัน้ ค�ำ ตอบของสมการ คือ –71 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐาน | คณิตศาสตร์ เลม่ 1 บทท่ี 3 | สมการก�ำ ลังสองตัวแปรเดียว 149 8) แนวค ิด จะ ได ้ x = -(-1) ± √(-1)2 – 4(1)(-20) 2(1) นั่นคอื x = 5 หรือ x = -4 ดงั น้นั ค�ำ ตอบของสมการ คือ 5 และ -4 9) แนวค ดิ จะ ได้ z = -(-1) ± √(-1)2 – 4(4)(0) 2(4) นั่นคอื z = 4–1 หรอื z = 0 ดังนน้ั ค�ำ ตอบของสมการ คือ 4–1 และ 0 10) แนวคดิ เน่อื งจาก b2 – 4ac = 32 – 4(2)(6) = -39 นน่ั คอื b2 – 4ac < 0 ดังนั้น ไม่มจี �ำ นวนจริงใดเปน็ ค�ำ ตอบของสมการ 11) แนวค ิด จะ ได้ x = -(-8) ± √(-8)2 – 4(2)(3) 2(2) น่ันค ือ x = 4 +2√ 10 หรอื x = 4 – √10 2 ดังน้นั คำ�ต อบขอ งสมการ คือ 4 + √10 และ 4 – √10 2 2 12) แนวค ิด จะ ได้ z = -7 ± √72 – 4(3)(-1) 2(3) น่นั ค ือ z = -7 +6√ 61 หรอื z = -7 – √61 6 ดงั นนั้ คำ�ต อบขอ งสมการ คอื -7 + √61 และ -7 – √61 6 6 13) แนวค ิด จะ ได้ y = -(-4) ± √(-4)2 – 4(4)(-35) 2(4) นน่ั คือ y = 3–12 หรือ y = -2–12 ดังนน้ั คำ�ตอบของสมการ คอื 3–12 และ -2–12 -(-8) ± √(-8)2 – 4(16)(1) 14) แนวค ดิ จะ ได้ x = 2(16) นัน่ คือ x = –41 ดังนั้น คำ�ตอบของสมการ คอื –41 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414