Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นักธรรมเอก

Description: นักธรรมเอก

Search

Read the Text Version

www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org คู่มือเดรยมสอบ ธรรมศึกษๆชนเอก โรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย ๑

www.kalyanamitra.org สู่มือเตรียมสอบธรรมศึกษาชั้นเอก ที่ปรึกษา พระศรีพัชโรดม(พระมหาลักษณะ) ป.ธ.๙ พระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑฺโฒ ป.ธ.๓ , พระมหา ดร.บุญพรหม จารู!เฌโญ ป.ธ.๗ พระมหา ดร.สุวรรณรัตน์ สุวณวโส ป.ธ.๕ ป.ธ.๙ s พระมหาวีรวัฒน์ วีรวฑุฒโก พระมหา ดร.สุธรรม สุรฅโน ป.ธ.๙ พระมหาเสถียร สุวณุณเโต ป.ธ.๙ พระมหา ดร.ชัช่วาลย์ โอภาโส ป.ธ.๙ พระมหา ดร.สมบัติ อินฺฑ่ปฌุโญ ป.ธ.๙ บรรณาธิการบริหาร พระมิหาอารีย พลาธิโก(ปีญจพล) กองบรรณาธิการ พระมหาปรีชา / พระมหาจำลักษณ์ จิตฺตชณุโญ, ฐิตสาโร พระมหาสมิบุญ อนนฺตชโย พระมหาอภิชาติ วชิรชโย พระมหาวันชนะ ญาตชโย คุณจุฑาทิพย์ คันทะนาด เรียบเรียง พระมหาอารีย์ พลาธิโก(ป็ญจพล) รูปเล่ม คุณกมล■วรรณ กองศรี ภาพประกอบ ทุทขศิลปึ เขสิทธ โรงเรียนพระปริยัติธรรม วัคพระธรรมกาย โทรศัพท ©-๒๒๒®) พิมพ์ครั้งที่ ©-๒ ๖,000 เลม . พิมพ์ครั้งที่ ๖ ๔,000 เลม พิมพ์ครั้งที่ ๗ ©,ci)oo .เล่ม พิมพ์ที่ บฺริษัท สุข'yมวิทการพิมพ์ จำ กัด

www.kalyanamitra.org โครงการส่งเสริมการศกษๆพระปริยตธรรม พระภาวนาวิรฺยคุณ(หลวงพ่อทัดตรโว) คุณ่ยายอาจารย์มหารตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง บูชาธรรมโดย พระภิกษุและสามเณร อุบาสกและอุบาสิกา กลยาณมิต่รวดพระธรรมกาย ๓

www.kalyanamitra.org ครนำ - ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ เราไม่ควรนับถือพระพุทธศาสนา แค่เพียงในทะเบียนบ้า.น หรือเป็นชาวพุทธที่ถืบต่อกันมาตามประเพณี เพราะแท้ที่จรืงแล้ว ค่าสอนของพระสัมมาส้มพุทธเจ้า เป็นค่าสอนที่ ทรให้ผู้ปฏิบ้ติ.ตามหปดทุกข์พบกับ่ความสุชิที่แท้จริงของชีวิต ศาสตร์ ต่างๆ ในโลกนั้นมีมากมาย พุทธศาสตร์เป็นศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง่สำหรับ ชีวิตของมนุษยฺทุกคน ทุกชาติ ทุกศาสนาและทุกภาษา คณาจารยโรงเรืยนพระปริรติธรรม วัดพระธ่รรมกาย เล็งเห็น ถึงความสำคัญของการศึกษ่าพระธฺรรมค่าสอนของพีระสัมมาส้มพุทธเจ้า ตามหสักสูตรของ่คณะสงฟ้ไทย จึงได้เรืยบเรยงหนังสือ .\"ค่มือเตรืยม สอบธรรมศึกษาmแอก\" เล่มนื๊ขึ้นั เพึ๋อเป็นประโยชนั้ต่อ้ครู่ผูสอนหรือ นักเรืยนผู้เขาสอบธรรมศึกษา ตลอดจุนถึงผู้ที่สนใจศึกษาทุกฟาน โดยนำวิชาพุทธานุพุทธประวิติ วิชากรรมบถ วิชาธรรมวจารณี และ วิชาเรืยงความแก้กระทู้ธรรม มารวมไว้ในเล่มเดียวกัน พร้อมทั้ง่ บ้ญหาและเฉลยของแต่ละบท เพื่อเป็นแนวทางในการตอบป๋ญหาแก่ นักเรืยน คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชนั ต่อผู้เรืยนธรรมศึกษาตามสมควร จึงขออวยพรให้ทุกท่านสอบได้ทุก คณะผู้จัดทำ พฤษภาคม ๒๕๕๗

www.kalyanamitra.org หลักเกญ.ฑ์การให้คะนนน ร) ธรรมศึกษาทุก'ฒั้ ให้ถือ ๔๐๐ คะแนนเป็นเกณฑ์ วิชาทุก วิชา คะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน เมื่อรวมคะแนนของทั้ง ๔ วิชาแล้ว ต้องได้คะแนนไม่ตากว่า ๒๐๐ คะแนน ถือว่าสอบไต้ ตากว่า ๒๐๐ คะแนน ถือว่าสอบตก ๒. ธรรมศึกษาทุก^ เมื่อตรวจดูคะแนนของแต่ละวิชาที่ส่อบ ไต้ หากมีวิชาใดวิชาหนึ่งไต้คะแนนตากว่า ๒๔ คะแนน แมีจะรวมทุก วิชาแล้วไต้เกินกว่าเกณฑที่กำหนด ไหถือว่าการสอบครั้งนี้ เป็นการ สอ่บตกด้วย ๓. ธรรมศึกษาทุกm ต้องสอบทั้ง ๔ วิชา ล้าขาดสอบวิชาใด วิชาหนึ่ง สนามหลวงแผนกธรรมไม่รับฟิจารณ'ไ ให้อยู่ในเกณฑ์สอบ ตก แม้รวมํคะแนนทุกวิชาแล้วจะไต้คะแนนสูงตามเกณฑ์ที่กำห^ด * ^รางอิง ...เรื่องสอบธรรมสนามหลวงของสนามหลวงแผนกธรรผ พ.ศ..๒๙๕๘ หน้า ๑๑๔.

www.kalyanamitra.org สารบญ วิชาทุฑธานุทุทธประวัสิ ปริเฉทท ๑ -ว่าด้วยชมพูทวีป ๑๑ ปริเฉทที่.๒ ว่าด้วยการเสด็จออกบรรพชาและตรัสรู้ ๓๑ ปริเฉทที่ ๓ ว่าด้วยการเสวยวิมุตตสุขฺ ๔๔ ปริเฉทที่ ๔ ว่าด้วยการประทานเอหิภิกขุอปสัมปทา ๔๗ ปริเฉทที่ ๔ ว่าด้วยการประกาศพระศาสนา ๖๔ ปริเฉทที่ ๖ ว่าด้วยพระอัครสาวกออกบวช ๗๔ ปริเฉทที่ ๗ ว่าด้วยพระมหาอัสสปะ และพระมหากัจจายนะออกบวช ๘๔ ปริเฉทที่ ๘ ร่าด้วยการโปรดมาณ่พ ๑๖ คน ๙๓ ปริเฉทที่ ๙ ว่าด้วยการอนุญาตญัตติจตุตถกรรมวาจา ๑๑0 ปริเฉทที่ ๑๐ ว่าด้วยการเสด็จเมืองกบิลพัสดุ ๑๑๘ ■ปริเฉทที่ ๑๑ ว่าด้วยศากยวงศออกบวช์ ๑๒๗ ปริเฉทที ๑๒ ว่าด้วยพระโสณโกทีวีสะและพระรัฐบาลออกบวช ๑๔๑ ปริเฉทที่ ๑๓ ว่าด้วยการเสด็จโปรตพระพุทธบิดา พระ■พุทธมารดา และการเสด็จดับขันธปรินิพพาน. ๑๔๘ วิชา กรรมบถ ๑๙๗ ๒๐๖ บทที่ ๑ กรรมบถ บทที่ ๒ อกศลกรรมบถทางกาย ๓ ๖

www.kalyanamitra.org บทที่ ๓ ปาณาติบาต ๒๐๖ บทที่ ๔ ๒๐๙ อทินฺนาทาน ๒๑๒ บทที่ ๙ ๒๒0 กาเมุสุ มิจฉาจาร ๒๒๐ อกุศลกรรมบถทางวาจฺา ๔ ๒๒๕ มุสาวาท ๒๒๘ ๒๓๗ ปีสุณวาจา ๒๓๗ ๒๔๑ ผรุสวาจา. ๒๔๖ สัมผัปปลาปะ ๒๔๖ อกุศลกรรมบถทางใจ ๓ ๒๗๙ ๒๘๓ อภิชฌา ๒๙๖ พยาบาท ๓๐๐ ๓๐๓ มิจฉาทิฏฐ ๓๑๐ กุศลกรรมบถ ๑๐ ๓๑๒ วิชาธรรมวิจารณ์ บทที่ ๑ นิพพทา บทที่ ปฏิปทาแห่งนิพพิทา วราคุะ วิมุตติ วิสุทธิ สันติ ■นิพพาน ๙

www.kalyanamitra.org บทที่ ๓ สมถกัมมฏฐาน . ๓๒๗ บทที่ ๔ อ่ารมณ์ของสมถกัมฺมฏฐาน ๔๐ ปรรการ ๓๒๘ จริต ๖ อย่าง ๓๓๓ กายคตาสติ ๓๓๘ เมตตาพรหมวิหาร ๓๔๐ พุทธานุสสติ - ๓๔๔ กสเน ๓๔๘ จตุธาตุววัตถาน ๓๔๑ วิป็สสนากัมมฏฐาน ๓๖๐ วิชาเรียงความแก้กระทู้ธ่รรม .๓๗๓ ๓๘๐ เรียงความแก้กระก้ธรรม แบบฟอร์มการเขียนกระท ๓๘๒ ติ'วอย่างเรียงความแก้กระทู้ ๓๘๘ พุทธคาสนสุภาษิตธรรมศึกษาชั้นเอก ๓๙๖ บรรณานุกรม ^ cs

www.kalyanamitra.org วิชาพุทธานุพุทธประวัติ ๙

www.kalyanamitra.org บทนว วิชาพุทธานุพุทธประวสิ แปลว่า ประวิดหรือความฒนมาของ พระสัมมาส้มพุทธเจ้าและพระสาวก พระสัมมาส้มพุทธเจ้าทรงอุบ้ติขึ้นเพอสังสอนชาวโลกใ'หหลุด พ้นจากความทุกข์ไจ้พบกับความสุขที่แท้จริง.ของชีวิต ทรงประกอบ ด้วยพระกรุณาในหมู่สัตวไม่มีประมาณ พระองค์ทรงถึงพร้อมด้วย สัมปทาคุณ ๓ ประการ คือ ๑. เหตุสัมปทา คือการบำเพ็ญบารมีมาอยางครบถ้วน ๒. ผลสัมปทา คือการที่ทรงได้รับผลของบารมี ทำ ให้มีรูปกาย ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ อานุภาพ การ่ละกิเลสและพระญาณ หยั่งรู้เป็นด้น . ๓. สัตลูปการสัมปทา คือการที่ทรงบำเพ็ญประโยซนตอชาวโลก ด้วยพระทัยที่บริสทธิ้ . พระองค์ทรงแสดงธรรมสั่งสอนให้พุทธบริษัทได้รู้ถึงเป็าหมาย ของชีวิตหรือประโยชน์ ๓ ■ประการ คือ ๑. ทิฏรูธัมมิกัตถประโยชน์ คือประโยชน์ที่พ็งจะได้รบในชาตินี้ ๒. สัมปรายิกิตถประโยชน คือประโยชน์ที่พึงจะไ?^ในชาติหน์า ๓.ปรมตถ!๒{โยชน์&ประโยซ{อฒ่งยอด(ยี๋ยม ได้แก่พระนพพาน ๑๐

www.kalyanamitra.org ปริ!เฉทที่ ๑ วาด้วยชมพูทวีป ชมพูฑวีป พระสัมมาสัมพุทธเจ้าฑกพระองคเสด็จอุบติขึ้นในดินแดนชมพู ทวีป ร่งตั้งอยูทางทิศพายัพ(ตะวันตกเฉียงเหนือ)ของประเทศไทย ชมพูทวีป หมายถึง ดินแตนหรือแผ่นดินที่กำหนตด้วยไม้หว้า ป๋จจุบันได้แก่ ประเทิศอินเดีย เนปาล ภูฏาน บังคลาเทศ ปาถึสถาน และอฟการสถานบางก่วน , อาณาเขตชมพูทวีป ชมพูทวีปเป็นดินแด่นที่มีศวามอุตมสมบูรณ์ โตยมีกษ้ตริยเป็น พระเจ้าแผ่นดินปกครองเป็นส่วนๆ อาณาเขตชมพูทวีปแปงออกเป็น ๒ เขตไหณ่ๆ ได้แก่ ๑. ม้ชผมประเทศ หรือม้ธยมประเทศ หมายถึงประเทศที่ดง อยู่ทามกลาง เป็นที่อยู่ของพวกอริยกะ ได้แก่ อาณาเขตที่มีความ เจริญรุงเรือง มีเศรษฐกิจดี เป็นศูนยักลางการด่า และเป็นที่ชุมนุม ของนักปราชญ์บัณ่ฑิตผู้มีความ|lนสาขาต่างๆ มีอาณาเขตปรากฏใน ๑๑

www.kalyanamitra.org พระบาลีจัมมขนธกะ มหาวรรค พระวินัย แสดงไว้ดังนี้ ทิศบูรพา นับตั้งแต่มหาศาลนครเข้ามา ทิศอาคเนย นับตั้งแต่แม่นํ้าสัล่ลวดีเข้ามา ทิศทักษิณ. นับตั้งแต่เสดกัณณิกนิคมเข้ามา ทิศป๋จนิม นับตั้งแต่ดูนคามเข้ามา ทิศอุดร นับตั้งแต่ภู่เขาอุลีธชะเข้ามา ๒. ป็จจ้นตประเทศ หมายถึงส่วนภูมิภาค เ!5นที่อยู่ของพวก มิลักขะ ได้แก่อาณาเขตที่ยังไม่เจริญ อยู่ภายนอกเขดมัชฌิมประเทศ ออกไป ความเห็น ๒ อย่าง ประชาชนในชมพูทวิปส่วนมากนับถือศาสนาพราหมณเป็น หลัก ยึดถือวรรณะอย่างแรงกล้าและมีความเห็นแตกต่างทันออ้กไป ตามความเชื่อของแต่ละคน แต่พอส่รุปได้ ๒ .อย่าง คือ ๑. ลัสสตทิฏเ เห็นว่าตายแล้วเกิด. ๒. อุจเฉททิฏเ เห็นว่าตายแล้วสูญ กำ เนิดศากยวงศ์และโกลยวงศ์ ชมพูทวิปตั้งแต่อดีตกาลปกครองโดยระบบกษิตริย์ มีพระเจ้า แผนดินพระนามว่า สมมติเทวราชเป็นองคปฐมกษิต่ริยึปกครองเรื่อย มาจนถืงสนัยพรฺะเจ้าปฺฐมโอกกากราช พระเจ้าทุติยโอกกากราช พระองคสืบราชสมบติต่อมาตามลำดับ กระทั่งถืงพระเจ้าตติยโอกกากราช พระเจ้าตติยโอกกากราช มีพระราชิโอรสและพระราชเตารวม ๙ พระองศ์* คือ พระราชโอรส ๔ พระองศ์ และพระราชเตา ๕ 'พระองศ์ ต่อมาเมื่อพระมเหเทิวงคต พระเจ้าตติยโอกกากราชิ ๑๒

www.kalyanamitra.org อภิเษกสมรสอีกครั้3และได้พระราชโอรสใหม่อีกองคหนึ๋aพระนามว่า . ในวันที่พระมเหสีประสูติพระโอรสใหม่นั้น ทรงประทานพรว่า ถ้าปรารถนาสิ่งใดก็จะประทานให้ตามที่ด้องการ พระมเหสีได้ทูลขอ . ราชสมษติให้แก่พระโอรส ทรงให้ตามที่พระนางทูลขอ ด้ายทรง.ถือว่า เป็นกษ้ตริยตรัสแลวไม่คืนคำจะเป็นการเสียสัตย์จากน้นรับสังให้พระ ราชโอรสและพระราชธิตาทั้งหมต พร้อมด้วย'!)าราชบริพารไปฺสํร้าง เมืองแ'ก่งใหม่ พระราชโอรสและพระราชธิดาทั้ง ๙ จึงออกเดินทางพร้อฺมิด้วย ข้าราชบริพารไปสร้างเมืองที่ดงไม้สักกะ ใกล้ภเขาหิมพานส์ แต่เติม เคยเป็นที่อยู่ของกบิลดาบฺสแสะตั้งร่อเมืองใหม่นว่า กบิล'พัสดุ ตามรอ ชองกบิลดาบส เมื่อสร้างเมืองเสรจแล้วพระราชโอรสและพระราชธิดาทั้งหมด ยกเวนแต่พระเชษฐภคืนีได้จับคู่อภิเษกสมรส่กันเอง เพ่ราะกสัว่ว่าถ้า อภิเษกสมรสสับราชว่งศ์อื่นพระราชโอรสและพระราชธิดาที่ประสูติมา จะเป็นผู้ไม่สมบูรณ์ด้วยชาติ ฝ่ายพระเจ้าตติยโอกกากราชทรงทราบถึงความเป็นอยู่ของ พระราชโอรสและพระราชธดามาโตยตลอด ทรงเห็นถึงความเพัยร ฟยำยามในการปกครองบานเมือง จึงตรัสสรรเสริญว่า เป็นผู้มืความ สามารถองอาจ จึงตั้งร่อวงศก่ษตริย์ให้ว่า ศากยวงศ์ ส่วนพระเชษฐภคินีได้อภิเษกสมรสสับพระเจ้ากรุงเทวทหะ ได้ ตั้งวงศ์กษ้ตริย์ขึ้นอีกวงศ์หนึ่งร่อว่า โกลิยวุงศ์ กษตริย์ศากยวงศ์และโกลิยวงศ์ถือฺว่าเป็นพระญาติเกี่ยวเนึ่อง สันและปกครองบ้านเมืองด้วยดีเป็นลาดับมา จนถึงสมืยพระเจ้า'ชัยเสนะ พระองศ์มีพระราชโอรสพระองศ์หนึ๋3พระนามว่า สีหห'นุ มีพระราชธิดา 'พระองศ์หนึ่งพระนามว่า ยโสธรา ต่อมาเมื่อพระเจ้า'ชัยเสนะเสด็จสวรรคต สีหหนุราชกุมารได้ ๑๓

www.kalyanamitra.org เสด็จขนครองร่าชสมบติ และได้อภิเษกสมรสกับพระนางกญจนา ผู้เป็น พร่ะกนิษฐภคินีของพระเจ้ากัญชนะ กษตริย์ผู้ปกครองเมืองเทวทหะ มี พระราชโอรส ๕ พระองค์คือ ลูฑโธท!เะ สุก่โก!:เนะ อรโตฑนะ โธโดทนะ ฆนิโตทนะ และพระราชรดา ๒พระองค์คือ ปรดาและอรดา พระเจ้ากัญชนะกษ้ตริยเมืองเทฺวทหะ อภิเษกฺสมรสกับพระนาง ยโสธร่า ร่งเป็นพระกนิษฐภคินีของพระเจ้าสิหหนุ รพระราชโอรส ๒ พระองค์ คือ สุปปพุทธะ และทัณฑปาณิ รพระราชธดา ๒ พระอ่งค์ คือ สิริมหามายาและปชาบดีโคตร s - พระราชโอรสอ่งค์Iหญ่ของพระเจ้าสีหหนุ คือเจ้าชๅยสุทโธทนะ ทรงเจริญพระชนมายุพอสมควรแล้ว ได้ส่งพราหมณ์ ๘ คนไปทูลของ พระนางสิริมหามายา พระราชธิดาของพระเจ้ากัญชนะและพระนาง ยโสธรา ร่งเป็นผู้เพียบพร้อมด้วย เบญจกัลยาณี ได้แก่ ผู้รค่วามงามํ ๔ ประการ คือ.ผมงาม เ^งาม ฟ้นงาม ผวุงามและวยงาม เพี่อ มาอภิเษกสมรสกับเจ้าชาย เบญจมหาบริจาค นับย้อนหลังไป ๔ อสงไขยกับอก ๑ แสนกัป สมัยนั้น พระโพธิสตว์เภิดเป็นสุเมธดาบส ได้ปรารถนาพระสัพพีญฌตญาณ เฉพาะพระพี'กตร์ของพระพุทธเจ้าพระนามว่า ทป้งกร และทรงบำเพ็ญ มหาบริจาค ๔ ประการ คือ ๑. บริจาคทร้พย์เป็นทาน , ๒. บริจาคอวัยวะเป็นทาน ๓. บริจาคบดรเป็นทาน ๔. บริจาคภรรยาเป็นทาน ๔.บริจาคเริดเป็นทาน exET

www.kalyanamitra.org บาเพญบารมี ๑๐ * พระบรมโพฐสัตว์หลังจากได้รับพยากรณแล้วทรงบำเพ็ญบารมี ๑๐ประการ คือ ท่านบารมี ศีลบารมี เนกขมมบารมีป๋ญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และ อุเบกขาบารมี ทรงบำเพ็ญบารมีครบถ้วนบริบูรณในชาติทีเสวย พระชาติเป็นพระเวสสันดร คเนทิวงคตแล้วได้เกิดในสวรรคพั้เดุสิต เป็นเทพบุตรพระนาม ว่า ท้าวสันดุสิตเทวราช เมื่อพระบารมีแก่กล้าสามารถจะบรรลุ พระโพธิญาณแล้ว ทรงรับการอาราธนาของเหล่าเทวดาและพรหมเพือ เสด็จจุติในพูระครรภของพระมุารดา . - ป็ญจโกลาหล ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จอุบติขึ้นในโลกนั้น พวกพรหมในชั้น สุทธาวาสได้ป้าวประกาศ!นหมื่นิโลกธาตุว่า นบจากนี้ไป่ป้ระม่าณหนึ่ง แสนปี พระพุทธเจ้าจักเสด็จอุบติขึ้นในโลก ผู้ปรารถนาจะพบกับ พระพุทธเจ้าจงบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา และขวนขวายใน การบำเพ็ญกุศลต่างๆ เถิด อย่างนี้เรียกว่า พุทธโกลาหล โกลาหล คือ ความเอิกเกริกอลหม่านในหมื่นโลกธาตุอันเกิด จากความสงสัยสับสนมี ๔ ประการ เรียกว่า ฟ้ญจโกลาหล คือ ๑.ทุทฺธโกลาหล ก่อนพ^ทธเลํ่าอุบ้สิ ๑op,oooปี ๒. กัปปโกลาหล ก่อนกัปพ็นาศ ๑๐,000ปี ผ. จักกรัตติโกลาหล ก่อนพระเจ้าจักรพรรติอุบํติ ๑๐๐ ปี ๔. มงคลโกลาหล ก่อนพระพุท่ธเจ้าตรัสมงคล ๑๒ ปี ๔.โมไนยโกลาหล ก่อนมีผู้ถามโมไนยปฏบํติ ๗ ปี ๑๔

www.kalyanamitra.org ป๋ญจบุพนิมิต เทวดาและท้าวมหาพรหมทั้งหลายในหมื่นโลกิชาตุไดสด'บ พุทธใกลาหล 'จึงประชุมกันถามว่า กัใดจะได้ไปอุบดตรัสรู้เป็น พระสัมมาสมพทธเจ้า ลำ ดับนินบุพนิมิต ๔ ประการ ได้ปรากฏแก่ท้าวสันดุสิดเทว่ราช คอ ๑. ท้พฺยบุปผาฑประดับพระวรกายเหี่ยวแท้ง ๒. ทิพยภูษาที่ทรงเศร้าหมอง ๓. พระเสโทไหลออกจากพระกัจฉะ ๔. พระสรีรกายมิอาการปรากฏชรา ๔. พระทัยกระสับกระส์ายเป็นทุกฃฺเบึ่อหน่ายเทวโลก . การที่ป๋'ญจบุพนิมิตปรากฏแก่ท้าวสันดุสิดเทวราชในครั้งนี้ เหล่าเทวดาในหมื่นโลกธาตุทราบว่า ท้าวสันตุสิตเทวราชุพระองคนี้จัก ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในโลกอย่างแน่นอน จึงพร้อมใจกัน กราบทุลอาราธนาเพื่อใท้เสด็จจุติในมนุษยโลก ป้ญจมหาวโลกนะ พระบรมโพรสัดวก่อนจะรับคำอาราธนา ทรงพจฺารณา มหาวิโลกนะ ๔ ประการ มหาวิโลกนะ คือ การตรวจดูสันยิ่งใหญ่ ห่มายถึงสิงทิพระโพธิสัตว์ทรงพจารฺณาฅรวจลูก่อ่นที่จะ'ตดสินพระทัย รับคำอาราธนาของเทวดาทั้งหลายในสันจุติจากเทว่โลกไปบังเกิตใน มนุษยโลก มิ ๔ ประการ ได้แก่ ๑.กาล คือ อายุชองมนุษย์จะตองอยู่ในระหว่าง ๑๐๐ ถึง ๑๐๐,๐๐๐ ปี ๒.ทวีป คือ จะอุบตเฉพาะในชมพูทวีปเท่านั้น ๑(D

www.kalyanamitra.org ๓. ประเทศ คือ จะอุบ้ตเฉพาะในมัธยมประเทศเท่านั้น ๔. สกุล คือ จะอุบ้ดเฉพาะในสกุลกษตริย์หรือสกุลพราหมณ์ เท่านั้น ๔. มารดา คือ มารดาและกำหนดอายุของมารดา มารดา จะต้องมีคืล ๔ บริสุทธิ๋ไม่โลเลในบุรุษ ไม่เป็นนักดื่มสุรา ไต้ปาเฟ้ญบารมีมาดลอดแสนกัป St V. * '• ะ^^ เสด็จจสิลงสู่พระครรภ์ พระบรมโพธสัตว์ครั้นทรงพิจารณามหาวิโลกนะ ๔ ประการ บริบูรณ์แล้ว จึงทรงรับคำอาราธนาของเหล่าเทวดาและท้าวมหาพรหม เสด็จจุต้จากทิพยสถานลงสู่พระครรภ์ของพระนางสิริมหามายา พระอัครมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ ผู้ครองเมืองกบิลพัส^นรันเพ็ญ เดือน ๘ ปีระกา ท่อนพทธสักราช ๘๐ ปี

www.kalyanamitra.org พระมทรดาทรงพระสุบิน พระนางสิริมหามายา ทรงชำระพระวรกายด้วยนํ้าหอม พระราชทานทุรัพย ๔ แสนกหาปณะเปีนมหาทาน เสร็จแล้วเสวย โภชนาหารอันประณต จากนุนทรงสมาทานอโบสถศีลแล้ว เสด็จก้าว ขึ้นสู่พระแทนบรรทม ในเวลาใกล้อรณทรงพระสุบินวา \"ทาวมหาราช ทั้ง ๔ มายกพระนางไปพร้อมพระแท่นที่บรรทม วางไวบนพึ๊นแฝน มโนสิลาได้ด้นรัง มีเทพธิดามาอัญเชิญเสด็จไปสรงนาในสระอโนดาต ชำ ระพระวรกายใหหมดจดผดผ่อง ทรงฉลอังพระ;องค์ด้วยผ้าสิพย์ ทรงลูบไสของหอมทิพ4 และทรง.ประดับด้วยทิพยบปผานานาชนิด แลวเสด็จสู่ที่บรรทม ณ วิมานทอง ใกล้สุวรรณศีร็ลูค่หนึง บ่ายพระเศียร ไปทางทิศปราจีน ขณะณั้เมีพญาช้างเผือกเชือกหนึ๋(เชูงวงถือดอก!ทขาว อบอวลด้วยกลิ่นหอมไปทั้วบริเวณ ได้ทำประฑกรณพระนาง ๓ รอบ แล้วปรากฏเป็นเหมีอนเช้าไปสู่พระอุทรเบื้องขวาของพระราชเทวี\" ทำ นายพระสุบิน ครั้นรุ่งเช้าพระนางได้กราบทูลใหพระเจ้าสุทโธทนะทรงทฺราบ ทรงรับสั่งใหพราหมณทำนายพระสุบิน พราหมณ์พิจารณาดพระสุบิน นั้นแล้วได้กราบทูลว่า \"พระราชโอรสของพระองค์จักเป็นอัครบุรุษผ้ เลิศและมีอานุภาพมาก ล้าอยู่ในฆราวาสวิสัยจักได้เป็นจอมฺจักรพรรดิ และล้าออกบวชจักได้ดรัสร้เป็นพระสัมมาสัมพทธเจ้าแน่แท้\" . พระโพธิสัตว์ประสูติ พระโพธิสัตว์เสด็จอยู่ในพระครรภครบล้วน ๑๐ เดือนแล้ว พระนางสิริมหามายาทรงปรารถนาที่จะเส่ด็จไปอังเมืองเทวทหะเพื่อ ๑

www.kalyanamitra.org เยี่ยมสกุลวงศ์ของพระองค์ จึงเข้าไปกราบทูลพระเจ้าสุทโธทนะ ทรงอนุญาตตามความประสงค์ จากนั้นประ•ทับนั่ง.บนพระเสลี่ยง ทองคำ เสด็จพร้อมด้วยข้าราชบริพารมุ่งหน้าไปสู่เมืองเทวทหะ ฉรแ ถึงสวนลุมพินีวัน ร่งอยู่ระหว่างเมืองกบิลพัสดุและเมืองเทวทหะ เป็น สถานทึ่รํ่นรมย์ไปด้วยต้นไม้นานาชนิดออกตอกบานสะพรงส่งกลี่นหอม ตลบอบอวลไปนั่3บริเวณ ขณะที่เสด็จถึงด้นสาละก็บงเกิตลมกัมมัชวาต ประชวรในพระครรภ์ ข้าราชบริพารจึงผูกม่านจัดแจงสถานที่ปรฺะสติ พระนฺางสิริมหามายาประทับยืนผินพระปฤษฎางค์พิงต้นสาละ จับก็ง สาละด้วยพระทัตถขวา ผินพระพัก่ตร้ไปทางทิศบูรพาและประสูติ พระราชโอรสในกาลนั้นเอง ตรงกับวันวิสาขบูชา ขึ้น ๑๔ คํ่า เดือน ๖ เปล่งอาสภึวาจา หลงจากประสู่ติจากพระครรภ์ของพระมารดาแล้ว ท้าวมหาพรหม ทง ๔ ถึอข่ายทองมารองวับุพระวรกายไว้ ส่วนพระกุมารทอด พระเนตรไปในทิศทั้ง ๑๐ ไม่ปรากฏมืผู้ใตจะเสมอเหมือนพระองค์ จึงผินพระพักตร์มุ่งหน้าไปทางทิศอุดร เสด็จก้าวพระบาทไปได้ ๘ ก้าว ทรงเปล่งพระสุรเสียงไพเราะก้องกังวานดุจเสียงท้าวมหาพรหมว่า \"เราเป็นผู้เลศในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก เราเป็นผู้เจริญ ที่สุดในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายภพใหม่ไม่มือีกแล้ว\" เสียงท้าวมหาพรหม ๘ ป{ระการ ๑. แจ่มใส ๒. ชัดถ้อยชัดคำ ๓. หวานกลมกล่อม ๔. เสนาะโสด ๑๔

www.kalyanamitra.org ๙. หยดย้อย ๖. ไม่เครือไม่แหบไฝพร่า ๗. ซึ้ง ๘. มีกังวาล ตรัสได้ ๓ ชาติ s พระชาติที่พระโพธิสัตว์พอประสูติจากพระครรภ์ของพระมารดา ทรงเปล่งอาสภิวาจาอย่างองอาจได้มี ๓ ชาติเท่านั้น คือ ๑. พระชาติที่เป็นมโหสถ ๒. พระชาติที่เป็นพระเวสสันดร ๓. พระชาติที่เป็นพระสิทธิดถราซกุมาร

www.kalyanamitra.org สหชาต ๗ ประการ ใน่วันที่พระโพธิสัตวฺประสูตินั้น มีบุคคลและสิ่งซึ่งเกิดขึ้นร่วม วันเดือนปีเคียวกับพระองค์ เรียกวา สหชาติมี ๗ ประการ คือ ๑.พระนางพิมพา มารด่าพระราทุล ๒.พระอานนท์ พุทธอุป้ฏฐาก ๓. กาพุทายี อำ มาตย์ฑึ๋ไปกราบทูลให้เสด็จกลบ เมีองกบิลพสดุ ๔. ฉันทะ . องครักษ์ผู้ตามเสด็จขณะออกผนวฺช ๙. กัณฐกะ ม้าที่ทรงในวันเสด็จออกผนวช ๖.ต้นพระศรีมหาโพธิ้• ต้นไม้เป็นที่ตรัส! ๗.ขุมทร้พย์ ๔ทิศ คือ สังขะ เอละ อุปปละ ปุณฑริกะ ปาฏิหาริย์ ๗ ประการ เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติจากพระครรภของพระมารดานันมี ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ๗ ประการ คือ ^ ๑. พระมารดาประทับยืนประสูติ ๒. ประสูติไม่เปรอะเ!เอนด้วยมลทินครรภ ๓. ขณะประสูติมีเทวดามาคอยรับ ๔. ท่อนั้าเยืนท่อนํ้าร้อนตกลงมาจากอากาศสนานพระกาย ๔. ทรงดำเนินด้วยพระบาทได้ ๗ ก้าว 's ๖. ทรงเปล่งอาสภิวาจา ๗. แผ่นตินไหว ๒๑

www.kalyanamitra.org ประสูติได้ ๓ วัน กาฬเทวิลดาบสหรืออสิตดาบสผู้สำเร็จสมาบติ ๘ §3เ1เนฟ้าบวช ประจำราชิสกุลได้ทราบข่าว และได้เดินทาง่เข้าiplาพระเจ้า^โธทนะ ในพระราชวังเพื่อชื่นชิมพระบารมีของพระราชกุมาร พระเจ้าสุทโธทนะรบสํงฺให้นาพระราชโอรสมาเพื่อนมัสการ อสิตดาบส ในขณะนั้นพระบาททั้งสองของพระราชกุมารปราก■ฏอยูบน เศียรของอสิตดาบสเป็นทื่อัศจรรย์ยิ่งนัก อสิตดาบสเห็นเหตุเช่นนั้น จึงฺพิจารณาดู่ล้กษณะของพระราชกุมารก็ทราบด้วยญาณว่า พระราชกุมาร จักเป็นเอกบุรุบ'ผู้ประเสริฐในโลก มีจิตใจชื่นชมยินดียิ่งนักจึงลุกขึ๊แถวาย อภิวาทที่พระบาทของพระราชกุมาร ฝ่ายพระเจ้าสุทโรทนะทอดพระเนตร เซ่นmเจึงยกพระหัตถอภิวาทพระราชกุมารตามอสิตดาบส นวลกะออกบวช อสิตดาบสพจารณาต่อไปอีกว่า พระร่าชกุมารทรงสมบูรณ์ด้วย มหาปริสลักษณะ ๓๒ ประการ'ดาริว่าพระราชกุมารจักออกผนวชแล้ว ได้ตรัสรู้เป็นพระลัมมาลัมพุทธเจ้าอย่างแน่นอน แต่ว่าเราคงไมุ่มีบุญ วาสนาได้ออกบวชฺกบพระองค จึงไปบอกแก่นาลกะผู้เป็นหลานของ ตน ให้ออกบวชเพื่อรอพระมหาบุรุษออกผนวชในโอกาสหน้า นาลกะ จึงได้ออกบวชบำเพ็ญสมณธรรมในป้าหิมพานตตามคำของอสิดดาบส ประสูติได้ ๙ วัน พระโพธิสัตว์ประสูติได้ ๔ วัน พระเจ้าสุทโรทนะได้เชิญพราหมณ์ ๑๐๘ คน ผู้รู้ไตรเพทมาบริโภคอาหารในพระราชวัง แล้วเลือก พรามหณ์ ๘ คน จาก.พราหมณ์ทั้งหมตเพื่อทำนายพระลักษณะ

www.kalyanamitra.org พราหมณ์ ๗ คนแรก คือ รามพราหมณ์ ลักษณพราหมณ์ ยัญญพราหมณ์ ธุชพราหมณ์ โภชพราหมณ์ สุทัตตพราหมณ์ สยามพรามณ์\"พิจารณาลักษณะของพระราชกุมารแล้วชูนิ้วขึ้น ๒ นิวทำนายเป็น ๒ คติว่า พระราชกุมารนิ้เป็นผู้มีบุญมาก ถ้าดำรงเพศ ฆราวาสจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ถ้าเสด็จออกผนวชจักได้ตรัสรู้ เป็นพระสัมมาลัมพุทธเจ้า แต่โกณฑัญญพราหมณ์หลังจากพิจารณาแล้วชูนิ้วขึ้นนิ้วเดียว ทำ นายเป็นคติเดียวว่า พระราชกุมารจักเสด็จออกผนวช แล้วจักได้ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาลัมพุทธเจ้าแน่นอน พระราชกุมารมีพระรัศมีโอภาสออกจากพระสรีระ ด้วยเหตุนี้ พราหมณ์จึงขนานพระนามว่า อังคีรสราชกุมาร และเรียกอีกพระนาม หนึ่งว่า สิทธัตถราชกุมาร เพราะพระราชกุมารปรารถนาสิ่งใดจะสำเร็จ สมดังพระทัยทกประการ

www.kalyanamitra.org ประสูติได้ ๗ วัน พระนางIฒิหามายาเมื่อประสูติเจ้าชายสิทธัตถะได้ ๗ วันแลว่ได้ เสด็จทวิงคต พระเจ้าสุทโธทนะจึงอภิเษกสมรสกับพระนางปชาบดีโคตมี และพรงมอบพระราชกุมารให้พระนางเป็นผู้เลี้ยงดูแทนพระมารดาที่ จากไป พระนางทรงรักและดูแลสิทธัดลกุมารเป็นอย่างดีเหมือนเป็น บุดรของพระนางเอง. ในกาลต่อมาพระนางก็ได้ประสูติพระราชโอรส และพระราชธิดา ๒ พระองค คือ นันทกุมารและรูปนันทากุมารี ประสูติได้๗ ปี คราวหนึ๋งในวันทำพธีวัปปมงคลแรกนาขวัญ พระเจ้าสุทโธทนะ รับสั่งให้ประดับตกแต่งพระนคร แล้วเสด็จพระดำเนินไปยังมณฑลพธฺ พร้อมด้วยข้าราชบริพาร เมื่อไปถึงจัดให้พระราชกุมารพักอย่^ด้ด้น หว้าใหญ่ ส่วนพระองค์เสด็จออกไป ณ สถานที่ทำพิธี อาศัยความ เงียบสงบภายได้รีมไม้นั้น พระราชกุมารเสด็จลุกขึ้นนั้งสมาธิได้บรรลุ ปฐมฌาน ในเวลาปายพระอาทิตยมืเงาคล้อยไปแล้ว แต่เงาของด้น หว้ากลับตั้งตรงเหมือนเที่ยงวัน พี่เลี้ยงน่า.งนมเห็นเหตุการณเช่น่นั้น จึงฺกราบทูลพระเจ้าสุทโธทนะให้ทรงทราบ เสด็จมาทอดพระเนตรเห็น เหตุยัศจรรยเชน่นั้น่จึงยกพระหดถนมัสการพระราชกุมาร เป็นการไหว้ ครั้งที่สอง ทรงริบสั่งให้ขุดสระโบกขรณ ๓ สระ คือ ปลูกฟ้วขาบสระหนั้ง ปลูกบวหลวงสระหนึ่ง และปลูกบัวขาวสระหนึ่ง เพี่อให้พระราชกุมาร สำ ราญพระทัย ทรงนำเครื่องทรงมืผ้าโพกพระเศียร ฉลองพระองค์ และพระภูษาเป็นด้นจากแคว้นกาสีมาถวาย ทรงส่งไปศึกษาศีลปริทยา ที่สำ นักของครูริศวามืตร ๒(ฮฺ

แผนผังลำดับพระวงศฺของเจ้าชายสิทธดถร — 1 \"\"\"\"ๆ J , l'.. - โฑ|[ร|วงดัf www.kalyanamitra.org 1(«ระราฟ็อร๙ ๔^ wfen^ ๕ I เรดู|3า^๙า 4f sI :,;■ ' ^เ^ฯ j . ' ฯลฯ สน^ 1สฯ: ■สีไ^ชุ+(ife ,. ย!^ร่า รiiฟ้รเร่า)!! 1 , , ... , 1 , . 1 . . 1 .. ■J|f:e 1^'. I ^iJ%l!4£(E|iE!|j)' ^ท)โ^ ::' -I ^ปชๅIJสี; ฃ^ต้i 11 BSESSSSSSSSSSESSS)9BSCS3SSSmS! xsssssssssss ssbessdssssa ssssssssbcss .,. J, ,, . ฟั^ »nnui>i&f(ifn9) เท่า ;•■ เ จ ไร V.

www.kalyanamitra.org ประสูติได้ ๑๖ il พระราชกุมาร!,จริญไฒขึ้น พระราชบิดาสั๋งใหสร้างปราสาท ๓ หลัง คือ ๑.รมยปราสาท ๒.สูรมยปราสาท ๓.สูฃปราสาท ให้ พระราชกุมารประทัฃในสามฤดู พระราชบิดา'คูลฃอพระนางยโสธราหรือพิมพา ผู้เป็นพระราชธิดา ของพระเจ้าสปปทุทธะ เพ่งเมืองเทวทหะมาเ'พื่ออภิเษกสมรสกับ เจ้าชายสิตธ้ตถะ เสวฺยสุขโดยมีสตรืล้วนๆ ประโคมดนตรีขับกล่อมบรรเลง ภายในปราสาท ๓ หลัง'นน ตลอด'ทั้งวันและคืนดุจเสวยทิพยสมบิต I ป๋ญหาและเฉลยปริเฉท•ที่ ๑ ๑. ทุทธานุทุทธประวต ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องอะไร? ก.ประวติพระทุทธเจ้า - ข. ประว้ตพรฺะสาวก ค. ประว้ติพระทุทธเจ้าและพระสาวก ง. ลั่ทธิประเพณต่าง ๆ ๒. ประเทศไทยตั้งอยู่ทางทิศ่ใดของประเทศอินเดีย? ก.ทิศทักรณ ข..ทิศบูรพา . ค. ทิศพายัพ .ง. ทิศอาคเนย ๓.'ข้ภใดไมไซบุพนิมืต ๔ ประการ ที่ปรากฏแก่พระโพธิสัตว์ก่อนเสด็จ จุติยังโลกม์นุษย? ก. ทิพยภูษาที่ทรงมีสิเศร้าหม่อง ข. พระสรืรกายมือาการชราปรากฏ ค. พระเสโทไหลออ่กจากพระนลาฏ ง. ทิพิยบฺปผาที่ประดับกายเหี่ยวแห้ง ๒๖ -

www.kalyanamitra.org ๔.ปัญจมหาวิโลกนะที่พระโพธิสัตวทรงพจารณาถึงคือข้อใด ? ก. แคว้น เมือง ซนบท สกล มารดา ข^ กาล ทวีป ประเทศ สกล มารดา - : ด. กาล ทวีป ประเทศ เมือง ฆารดา ง. ทวีป ประเทศ ซนบท สกุล มารดา' ๙.* กษตวิยพระองฺคโด เปีนด้นวฺงศ์ศากยะ ? ก.พระเจ้าชัยเสนะ , . ข.พระเจ้าสีหหนุ ค. พระเจ้าอัญชนะ ง, ทระเจ้าโอกกากราช ๖. พระเจ้าสีหหนุและพระนางทญจนา มืศวามเกี่ยวข้องกับเจ้าชาย สิทธัดถะอย่างไร ? ก. ดา ยาย ข. ป่ ย่า ค. ลุง ป้า ง. ฟ่อดา แม่ยาย ๗.ใครไมไชสหชาติที่เกิดร่วมในวันที่เจ้าชายสิทธัดถะประสูติ? . ก. กาทุทายีอำมาดย ข. พระนางพิมพา ค.พระอานนท ;ง.พระอุบาลี ๘. พระมารดาของพระนางพิมพา มีพระนามว่าอย่างไร ? ก. โคดมื ข. อมืติา ค.-กีสาโคดมื _ ง. ปมืด'ไ ๙. ใครออกบวชเพรๅะเข้อ่มั่นในวิชาการทำนายทายกัก ? ก. พระมหากัสสปะ ข. พระกัญญาโกณฑัญญะ ค. พระวังคืสะ ง. พระอัสสชั ๑๐.ใครกัานายสักษณะมหาบุ่^เป็นคนนรก? ก. กบลดาบส ข. กาฬเทวิลดาบส ค. อาฬารดาบส ง. โกณฑญญพราหมณ์ ๑๑.สิทธัดถราชกุมารทรงนบถึอศาสน่าใดม่ากัอน? ก. ศาสนาพุทธ ข. ศาสนาอัสลาม.' ค.ศาสนาพร่าหผ่ณ์ ง.ศาสนาเนด ' .๒๙

www.kalyanamitra.org ๑๒.หนังสือปฐมสมโพธิเป็นตำรามุงทางใด ? ก.ตำนานุ. ข. อภินิหาร . ค. ธรรมปฏบ้ติ ง. วิจารณ์ ๑๓. การอนุเคราะห์สรรพสัตว1ห้พ้นุจากทุกข เป็นคุณสัมปทาข้อใด? ก. เหตุสัมปทา ข. ผลสัมปทา ค. เจตนาสัมปทา ง. สัดตู่ปการสัมปทา ๑๔.ข้อใด กล่าว\"ถูกต้องที่เกี่ยวกับกรุงกบลพัสดุ? ก. เดิมเป็นสถานที่อยู่ของกบิลดาบส^ ข. เมืองที่พระเจ้าสุทโธทนะใหัสร้างขึ้น ค. เมืองเดิมที่พระเจ้าโอกกากราชครอบครอง ง. เมืองที่พระเจ้าโอกกากราชสร้างให้พระโอรส ๑๔.•แคว้นกาสืมืชื่อเสืยงในเรื่องใด? ก. ธิญญาหาร ข. สมนไพร ค่. อัญมณี ง. เสื้อผ้า ๑๖.'การศึกษาพุทธานุพทธประวิดิ มืประโยชน์อย่างไร? ก. รู้ความเป็นไป / ข. รู้ปฏิปทาจริยาวัตร ค. ไต้ทิฏฐานุคดิ ง. ถูกทุกข้อ ๑๗.ไตรเพท เป็นคัมภีร์การศึกษาของวรรณะใด ? ก. กษดริย์ ข. พราหมณ์ ค..มืการแบ่ง วรรณะ ง. ถูกทุกข้อ ๑๙.ความเห็นว่าดายแล้วสูญ จัดเป็นทิฏเประเภทใดฺ ? ก. อเหดุกทิฏเ . ข. นัดถิกทิฏฐิ ค. อุจเฉททิฏฐิ ง. สัสสดทิฏเ ๒ร;

www.kalyanamitra.org ๒๐.พระเจ้าสุทฺโธทนะ ทรงครองราชย์สืบสันตติวงศตอจากใคร? ก. พระเจ้าโอกกากราช ข. พระเจ้าชัยเสนะ ค. พระเจ้าสีหหนุ ง. พระเจ้าอัญชนะ ๒๑. พระอนุชาต่างฺมารดาของเจ้าชายสิทธัตถะ มีพระนามว่าอะไร? - ก. อานนท์ ข. นันทะ ค. นันทกะ ง. มหานามะ . ๒๒.พระนางสิริมหามายาเสด็จไป.เทวทหนคร เพราะเหตุใด? ก. บวงสรวงเทวดา ข. ไหว้สิงศักดสิทธ ค. เยี่ยมสกุลวงศ์ .ง. เยี่ยมมารํดาป็ดา ๒๓. พระวาจาว่า \"เราเป็นเลิศ เป็นหนึ่ง ประเสริฐสุดในโลก\" เรียก ว่า...? ข. มธุรวาจา , . ก. สัจจวาจา ค.ปียวาจา ง. อาสภิวาจา ๒๔. พระโพธิสัตว์มีพระรัศมีออกจากพระวรกาย จึงมีพระนามว่า ...? ก. อรหั่นศ์ ข. โคตมะ ค. อังคีรส ง. สิทธัตถะ ๒๔.ข้อใด แสดงความเป็นผู้มีมานะฃฺองชาวชมพูทวีป? ก. ถือว่าโลกเที่ยง ข่. ถือว่าโลกมีที่สุด ค. ถือพั้3รรณะ ง. ถือว่าตายแล้วเกิด ๒๖. เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงเปล่งอาสภิวาจาในคราวใด ? ก. ประสูติ ' ข. ตรัสรู้ ค.-แสด'งปฐมเทศนา ง. ปรินิพพาน ๒๗.พรหมณ์ที่ทำนายเจ้ไชายสิทธ้ตถกุมารมีคติเป็นุอย่างเดียว คือใคร? ก. รามพราหมณ ข. อัญญพราหมณ์ ค.โกณฑ้ญญพราหมณ์ ง. สุทัตตพราหมณ์ ๒๙

www.kalyanamitra.org ๒๘. ประซาซนส่วนใหญ่ก่อนพุทธกาล นับ่ถือศาสนาใด? ก. ศาสนาพราหมณ ข. ศาสนาพุทฺธ ค. ศาสนาคริส่ต ง. ศาสนาอิสลาม ๒๙. ข้อใด ฟ้นผล่เถืยของการแปง'ฒั้,วรรณะ? ก. ความแตกแยก . ข. เกิดช่องว่างในสังคม ค. ขาดเอกภาพ ง. ถูกทุกข้อ ๓๐. การปกครองโดยสามัคคีธรรม ตรงกับขอใด ? ก. ประซาธิปไดย ข. จักรพรรคีราซ คฺ. เผด็จการ ง. สังคมนิยม ๓๑.ข้อ่ใด เป็นผลเสียของพวกมีความเห็นว่าตายแล้วสูญ? ก. ไม่กสัวบาปกรรม ข. เอาตัว่รอดในมัจจุบัน ค. ไม่กสัวเกิดในทุคติ ง. ถูกทุกข้อ ๓๒.พระเจ้าชัยเสนะ เป็นพระบิดาของ'^คร? ก. พระเจ้าสีหหนุ ข. พระเจ้าอัญชนะ ค. พระเจ้าสุทโธทนะ ง. พระเจ้าสุปปพุทธะ ๑. ค ๒. ง เฉลย ๔. ข ๔. ง ๖. ข ๗. ง ๙. ข ๑๐. ข ๑๑. คุ ๑๒. ข ๓. ค ๑๔. ก ๑๔. ง ๑๖. ง ๑๗. ข ๘. ข ๑๙. ค ๒๐, ค ๒๑. ข ๒๒. ค ๑๓. ง ๒๔. ค ๒๔. ค ๒๖. ก ๒๙. ง ๓๐. ก ๓๑. ง ๒๗. ค ๑๘. ง ๓๒. ก ๒๓. ง ๒๘. ก '' ๓๐

www.kalyanamitra.org ปริเฉทที่ ๒ ว่าด้วยการเสดจออกบรรพชาและตรัสรู้ «ต ๔ เจ้าชายสิทfตถะทฬ่พรรเกษมสำราญในฆราวาสวิสัยเ■เอยฝา ได้เสด็จประพาสอุทยานด้ร่ยราชรถ ๓ วาระ ขณะทื่ประพาสอุทยาน อยู่นั้น ทอดพระเนตรเห็นคนแก่ คนเจ็บ และคนตายที่เทวดาเนรมิต ขึ้นใน,รูะทว่างหนทางฺ ทรงสลดพระท'ยว่า แม้ตัวเราเองก็ไม่สามารถจะ พ^!^ลสืถาพนั้1ด้ 1^รปร!|ฒา1ดา(ามฒา ๓ ประก่า^liดสิฮ ฒาไน ว้ย เนฺาไนความไม่มิไรค และเมาในชีวิต ในวาระที่ ๔ ทอดพระเนตร สูง.^น; วิ'นนั้นทรงพกสำราญ่พระทัยในพระราชฺอทยฺานตลอดวัน ตัง แตนนมาพระองศมิพระทัยน้อมไปในการบรรพซ่าเป็นอย่างยิ่ง. พ^น่างยโส ไป่ระสูตพรฟ้อรส ในฃฺณะนั้นราชบุรุษได้นาขาวสารจากพระราชวังมากราบทูลวา บัตนี้พระนางพิมพาได้ประสตพระราชิโอรสแล้ว เจ็าซ่ายสิทรัตถะทรง ๓๑

www.kalyanamitra.org ทราบจึงตรัสอุทานว่า ราทุลัง ชาลัง พันธะนง ชาลัง บ่วงเกิดขึ้นแล้ว เครื่องพันธนาการเกิดขึ้นแล้ว จำ เดิมแต่นั้นพระกุมารจึงได้พระนามว่า .ราทุล พระนางกีสาโคตมีชมโฉม เจ้าชายสิทธัตถะประทับอยูไนพระราชอุทยานพอสมควรแก่เวลา แล้ว จึงเสด็จกลับพระนคร พระนางกีสาโคตมีซึ่งเป็นขัตดิยราชกัญญา องค์หนึ่ง ทอดพระเนตรเห็นเจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งมีพระรูปโฉมสง่างามจน เกิดรักใคร่เป็นอย่างยง ได้ตรัสชมเชยว่า \"พระราชกุมารนี้ เป็นบุตรของ พระบิดาและพระมารดาพระองค์Iด พระบิดาและพระมารดา พระองค์นั้น ย่อมดิบทุกข์เสิยได้ และพระราชกุมารmป็นพระภัสดาของนาร1ด นารีm กิลับทุกข์ได้\" ค%^ได้สดับถ้อยคำดับทุกข์ที่พระนางกล่าวถึงควรแก่การ สรรเสริญยิ่ง จึงได้เปลื้องสร้อยมุกดาออกจากพระศอ ส่งไปมอบให้แก่ พระนางกีสาโคตมีเพื่อเป็นเครื่องบูชาคุณ

www.kalyanamitra.org ทอดพระเนตรราหลราชกุมๆรครั้งสุดฑฺาย วันนั้นเจ้าชายสิตธัตถะมพระทัยยินดในการบรรพชๆ ไม่ยินดี ในการฟ้อนรำขบร้องของนางสนมกำนัลจึงํเสดีจขึ้นสูหี่บรรทม ในเวลา ดีกของฺคืนนั้นทรงตื่นบรรทมขึ้นแล้วพิจารณาดูเหล่านางสนมกำนัลขึ้ง กำ ลังหลับอยู แสดงกิริยาอาการต่างๆ เสมือนซากศพทึ๋ทิ้งอยู่ในป้าช้า จึงตัดสินฟระทัยแน่วแน่ในการเสดีจออกผนวช ดรัสกับนายฉนนะวา 'HTifกออกผนวชในวันนี้ เจ้าจง่เตรุยมมืากัณฐกะให้พร้อมเถิด\" . ไดีเส์ดีจเข้าไปในห้องบรรทมของพระนางพิมพา เพื่อทอด พระเนตรพระ#)ดร์ราหุลกุมารผู้เป็นพระโอรสที่ร้กยิ่ง ทรงเห็นพระนาง พิมพาทอดพระกายเหนือพระเศียรพระโอรส ดาริว่าถ้าเราจะยกพระห้ตถ พิมพา อมองคโอรสพระนางก็จะตื่น จะเป็นอันตรายต่อบรรพชา อยิาเลย ต่อ่เมื่อสำเร็จพระโพธิญาณแล้วจึงจะกลับมาทัศนา จึงยืนพื่ธรณีปรํะดู ทอดพระเนตรพระราชเทวีและราหุลกุมารเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเสด็จขึ้นสู หล้งม้ากัณฐกะ เสด็จไปโดยมีนายฉันทะดามเสด็จไปด้วย . พระมหาบุรุษเสด็จบฺรรพชา . วันอาสาฬหบูชา เพิญเดีอนํ ๘ พระยาวัสสวดีมาร ดำ ริว่า พระสิทธิตละจะออกฺบวชเพื่อหลีกหนืวิลัยของเรา .ตังนั้นเราจะทาการ ห้ามปรามเสีย แล้วกล่าวกับพระสิทธัดถะว่า \"ดูก่อน่กุมาร ท่านอย่า บรรพชาเลย ต่อจากนี้ไปไม่เกิน ๗ วัน จักรรัตนะจักปรากฏแก่ พระองค์ พระองค์จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ\" ตรัสห้ามด้วยพระดำรัส ว่า \"ดูก่อนพญามาร ท่านจงกลับไปเสียเถิด เรุาไม่ปรารถนาในการ ครองราชสมบด\" ตังนี้แล้วเสด็จต่อไปจนถึงริมฝังแม่นั้าอโนมา ครั้น แลวเสด็จลงจากม้ากัณฐกะ ประทับนงบนหาดทราย ทรงเปํลื๊อง อาภรณ์เครื่องทรงกษดริยให้แก่นายฉันนะ ทรงจับพระโมลีด้วย ๓๓

www.kalyanamitra.org พระหตถฟ้าย ทรงถือพระขรรคด้วยพระหศถขวาตัดพระโมลีแล้ฟ้ยน ไปในอากาศ ทรงอ&ษฐานว่า \"ถ้าหากว่าmจักไดตรัสรู้พระอนุตดร- สมมาสัมโพธิญาณแลฺวไชรั ขอพระโมลือย่าได้ต่กลงมๅส์พื้นสิน\" เสด็จออกผนวชเมื่อพระชนมายุ ๒๙ พรรษา บริขาร ๘ ขณะนั้นท้าวสักกะทรง่นำผอบแก้วมารองรับไว้แล้วนำไปบรรจุ ไว้ในพระจุฬามณีเจดียสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ฆฐการพรหมได้นำบริขาร ๘ อย่างมาถวาย คือ สั3ฆาฎิ จีวร สบง ร้ดประคด บาตริ มีด เข็มและที่ กรองนํ้า พระมหาบุรุษทรงครองผ้ากาสาวพัสตร์แล้วํทรง่อธิษฐานเพศ เป็นบรรพชิด ส่วนเครืองทรงนั้นทรฺงมอบให้แก่ฆฏิการพรห่มอัญเชิญไป บรรจุไว้Iนทุสสเจดีย์ที่พรหมโลก กัณฐกเทพบุตร- ฝ่ายนายฉัน!เะนำม้าก้ณฐกะพร้อมเครื่องทรงของพระราชก.มาร กลับไปกราบทูลแด่พระเจ้าสุทโธทนะให้ทรงทราบ^ และพอพ้นวิสัยแห่ง พระเนตรของพระมหาบุรุษเท่านั้น ม้ากัณฐกะได้สิ้แใจตาย่ในระหว่างทา\"ง และได้1ปบังเกิดในสวรรค์ชินดาวดึงส์ปริากฏนามว่า ก้ณฐกเทพบุตร เสด็จเมืองราชคฤพั พระมหาบุรุษครั้นบรรพชาแล้วประทบอย่ที่อนุปียอัมพวัน แคว้นมัลละเป็นเวลา ๗ วัน ทรงอิ่มเอิบด้วยความสุขอันเกิดจาก บรรพชา ต่อจากนั้นเสด็จไปกรุงราชคฤห้ แคว้นมคธ ลิ้แระยะทาง ๓^๐ โยชน โดยประทุบอย่ที่เงื้อมเขาบัณฑวะ ในเมืองราชฤคห้ วันรุงุขึ้นก็ ๓(T

www.kalyanamitra.org เสด็จป็ณฑบาตในฌือ?aราชคฤห์ ชาวเมืองที่ไค้พบเหนต่างพากันแแตก ตื่นและพูดวิพากยวิจารณกันไปต่าง ๆ นานา เมื่อราชบุรษพุบเหนจึงไค้ aHfttามืน!ปกราบทูลพระเ^าพิมที่สาร พระองค์เสด็จม่าเ^แลาต่ร้ส ดานถึงชาติสกุล ชวใฟ้ห้อยูครอุ#ไชสมมติค้วยก้นฺ พระมหาบุรุษตฺรัสว่า. \"มหาบพิตร อาตมาไฝมืความต้อ#าร ตวยกิเลสุกามและวตกุกามอาดมาปรกรดนฺาพระอภิสัมโพิรญาณอ^ ยอดยิ่ง จึงออกบวช\" จึงทูลขอ!}ฏญญาว่า \"กุเมื่อใดพ่รุะองค์เป็น พระพุฑธฺเจึาแล้วฃอไต้โปรดเสด็จมายงแควันของหม่อมฉันกอน\" ศึกษากป ๒ ดาบส พระมหาบุรุษบรรพช่าแลว ทรงเริ่มแสวงหาแนวฺทางในการ ตรัสรู้พระสัมมาสมโพธิญาณตามที่ทรงประสงค์ ครั้งแรกทรงศึกษาใน สำ นกอาจารย์อาฬารดาบส กาลามโคดร ทรงสำเร็จสมาบติ ๗ เห็น ว่ายังไม่สามารถจะหลุดพ้นจากความทุกข์ ทรงลาไปศึกษาต่อกับ อาจารย์อุทกดาบส รามบุตร ทรงสำเร็จสมาบด ๘ ศึอ รูปฌาน ๔ อรูปฌาน ๔ แต่ทรงพิจารณาเห็นว่าความรู้ที่ไค้มานั้นไม่ไชแนวทาง แห่งการตรัสรู้ จึงจาริกไปยังต่าบลอุรุเวลาเสนานิคมเพื่อบำเพิญเพียร ป๋ฌจวัคศึยออกบวช โกณฑัญญพราหมณ์ ร่งเป็นหนึ่งในพราหมณ ๘ คนที่ทำนาย พระสักษณะของพระมหาบุรุษทราบข่าวว่า บัดนี้เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จ ออุกบรรพชาแล้ว จึงชักชวนบุตรของพราหมณ์ ๔ คน.คือ รัปปะ กัฑห็ยะ มหานามะ และยัสสชิ ออกบวชเพื่อติดตามอุบัฏฐากค้วยหวัง ว่าหสังจากที่พระมหาบุรุษไค้ตรัสรู้แล้ว จักแสดงธรรมแก่พวกตํนบ้าง ๓&:

www.kalyanamitra.org บำเพ็ญทุกรกิรยา พระมหาบุรุษตกลงพระทัยแน่วแน่ในการบำเพ็ญเพียรด้วยวิธี การทรมานกายให้ลำบาก เป็นกิริยายากที่ใครๆจะทำได้ เรียกว่า ทุกรกิริยา มี ๓ วาระ คือ ๑. กดพระทนต์ด้วยพระทนต์ กดพระตาลุด้วยพระชิวหา (เอา ลิ้นด้นเพดาน) ๒. กณั้ลมอัสสาสะปัสสาสะ(ลมหายใจเข้าออก) อปาณกฌาน ๓. อดพระกระยาหารโดยเสวยแต่น้อย จนพระวรกายเหี่ยวแห้ง เหลือแต่หนังห้มกระดก อุปมา ๓ ข้อ พระมหาบุรุษทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาอยู่นานถึง ๖ ปี แต่ก็ไม่ได้ บรรลุธรรมวิเศษอะไร ขณะนั้นอุปมา ๓ ข้อ ได้ปรากฏขึ้นในพระทัย

www.kalyanamitra.org ของพระองค์วา ๑. สมณพร่าหมณเหล่าใด มีกายและใจยังมิได้หลีกออกจาก กาม ถึงจะทาความเพียรอย่างแรงกล้า ก็ไฝอาจบรรลุคณวิเศษได้ เหมีอนไมีสดที๋ซุ่มด้วยยางแช่อยู่ในนา ไม่อาจส1หเกิดไฟไค์ ๒. สมณพราหมณ์เหล่าใด มีกายหลีกออกจากกามแล้ว แดยัง มีความยินดีอยู่ในกาม ถึงจะประกอบความเพียรอย่างแรงกล้า ก็ไม่ อาจบรรลุคุณวิเศษได้ เหมีอนไม้สดที่ซุ่มด้วยยางวางอยู่บนบก ไม่อาจ ๓.'สมุณพรวหมณ์เหล่าใด มีกายและใจหลีกออกจากกามแล้ว แม้จะได้รับทุกขเวทนายันเกิดจากความเพียรหรือไม่ก็ตาม ก็สามารถ บรรลุคุณวิเศษได้ เหมีอนไม้แห้งวางอยู่บนบก ย่อม่สีให้เกิดไฟได้ . ไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณได้ จักมีแนวทางอนเป็นแน่ จึงดารืถึง การบำเพ็ญเพียรทางจึดจะเป็นท่างที่ทำให้ดรัสรู้ได้ พิณ ๓ สาย ในขณะนั้นห้าวสักกะทรงทราบความปริวิตกของพระม.หาบรษ จึงดีดพิณ ๓ สฺายุให้สดับ คือ สายแร่ก ตึงมากพอดีดไปนิดเดียวก็ขาด แล้ว สายที่สอง หย่อนมากเมื่อดีดไปแล้วปรากฏว่าเลียงไม่ไพเราะ และสาย.ที่สาม ไม่ตึงและไม่ห่ย่อนพอปานกลางเมื่อดีดแล้วเกิดมีเลียงฺ ไพเราะยิ่งํนิก พระมหาบุรุษพิจารณาใคร่ครวญแล้วทรงทราบว่า การบำเพ็ญ ทุกรกิริยาเห็นจะไม่ใช่เป็นหนทางแห่งการตรัสรู้เป็นแน่ จักด้องปฏิบ้ต พอปานกลาง คือมิ'ชฌม่าปฏิปทาเท่านั้นจึงจะสำเร็จได้ จากนั้นทร่ง เลีกการทรมานพระวรกายและเริ่มเสวยพระกระยาหารตามปกต ๓ร/

www.kalyanamitra.org ป๋ฌจวัคคีย์หนี . พวกปัญจวัคคีย์ซึ๋งิเฝืาอุปัฏฐากดูแลพระองคอยู่ในเวลานั้น เห็นไภปัดนี้พระมหาบุฑุsmรงเวีย'แมาเป็นคนมักมาก เสวยพ่ระกระยาหาร เสียแล้ว พระองสัคงจะไม่ได้ตรัสรู้เป็นแน่ จึงพากันหลีกหนีไปอยู่^ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ควจมปรารถนาของนางสุชาดา นางสุชาดา เป็นธิดาของเศรษฐีในตำบลอุรุเวลาเสนานีคม เมื่อเป็นสาวนางเคยอธิษฐานไว้กับด้นไทรว่า ๚อให้ได้สามืที่มืสกุล เสมอกัน และให้ได้บุตรชายในครรภ์แรก\" ความปรารถนาของนาง สำ เร็จ จึงทำ'ข้าวมธุปายาสอย่างดีไปบวงสรวงที่ด้นไทร นางให้สาวไข้ ไปปัดกวาดทำความล่ะอาดด้นไทร พบพระมหาบุรุษนั้งรัศมืสํว่างไสว อยู่ได้ด้นไทร นางดีใจมากรีบกลบมาบอกนางสุชาดา . พระสุบิ'นนีมืตก่อนตรัส! ในราตรีของคืนวันขึ้น ๑๔ คํ่า ขณะที่พระมหาบุรุษกำสิงบรรทม อยู่นั้นได้สุบินเห็นนีมืต ๔ ประการ และทรงทำนายพระสุบินนีมิตด้วย พระองค์เองแลฺว์ทราบว่าเป็นนิมิตที่ดี เราจึกได้บรรลุพระ^มาสัมโพธิญาณ แน่ 'ทรงทำสรีรกิจเรียบร้อยแล้วได้เสด็จไปประทับนั้ง ณ ภายได้ ด้นไทร พระสุบินนีมิต ๔ ประการ ๑. พระองสับรรท่มหงายบน'สันดิน มืภูเขาห็มพานสัเป็น พระเขนย พระพาหาข้ายหยั่งลงในมหาสมุทรทิศบุรพา พระพาหาขวา ๓0?

www.kalyanamitra.org หยั่งลงในมหาสมุทรทิศifจฉิม พระบาททั้งสองหยั่3ลงในมหาสมุทรทิศ ทิกรณ ๒. หญาแพรกงอกขึ้นจากพระนาภีสูงขึ้นไปถึงท้องฟ้า ๓. หม่หนอนล้วนมีตัวขาว หัวสีดำไต่ขึ้นมาจากพระบาทถึง พระชานุ ๔. นก ๔ ชนิด คือ นกสีเหลือง่ นกสีเขียว นกสีแดง และนก สีดำ ปีนมาจากทิศทั้ง ๔ และตกลงที่พระบาทแล้วกลายเป็นสีขาวไป ทั้งหมด ๔. พระองค์เสด็จขึ้นไปเดินจงกรมบนยอดภูเขาที่เปฺรอ^!!เอน ด็ว่ยมูตรและคูถ แต่พร่ะบาทของพระองค์มิไดเปรอะเ!เอน ทํๆน^ยพระสุบ^ณิมิต ๑. เป็นนิมิตTไพระองค์จะได็ตร้สเพร่ะอนุดฺตรสมมาสัมโพธิญาณ ๒. เป็นนิมิตวาพ'^องค์จฺะได้แสดงอร^มรรค ๘ แก่เทวดาและ มนุษ่ยทั้งหลาย ๓. เป็นนิมิตวาหมู่ค่ฤหัสถจะหันมานับถึอศาสนาของไ^ระองค์ และรับเอาไตรสรณะเป็นที่พึ๋ง ' ๔. เป็นนิมิตว่าวรรณะทั้ง ๔ มีกษตริยเป็นต้นจะเขามาบวช เป็นพุทธสาวก และไดบรรลมรรค.ผล นิพพาน- ๙. เป็นนิมิตว่าพระองค์จะไต้ifจจ้ย ๔ แตใมีติดอฟ้นiเจจ้ยเหล่าพั้เ นางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาส ฝ่ายนางสุชาดาจึงสั่งให้สาวไข้เตรียมข้าวมธุปายาสนละเครื่อง เซนสรวงไปบูชาเทวดา เมื่อไปถึงนางไต้น้อมถวายข้าวมธุปายาสพร้อม ดวยถาดทองดำประนมมอไหว้แล้วกล่าวว่า \"มโนรถของดิฉนสำเรีจ ๓๙

www.kalyanamitra.org แล้วฉันใด แม้มโนรถของท่านก็จงสำเร็จฉันนั้น\" พระมหาบุรุษทรงถือ ถาดข้าวมธุปายาสมุ่งไปส่แม่นํ้าเนรัญชรา ทรงชำระพระวรกายจน หมดจดแล้วประทับนั้3ทรงMาวมธุปายาสได้ ๔๙ ป๋น เสวยทีละคำจน หมด จากนั้นทรงถือถาดทองคำไปลอยที่แม่นํ้าพร้อมอธิษฐานว่า \"หาก จะได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ขอให้ถาดทองคำนี้จงลอยทวน กระแสนํ้า\" ขณะนั้นได้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นเป็นที่อัศจรรย์กล่าวคือ ถาดทอง ได้ลอยทวนกระแสนํ้าขึ้นไปถึง ๘๐ ศอก แล้วพลันจมลงไปไนนํ้า โสดถืยพราหมถโถวายหญ้าคา ๘ กำ พระองค์เสด็จพำนักอยู่ที่ร่มไม้สาละจนตะวันบ่ายได้เสด็จไปยัง โคนต้นพระศรีมหาโพธ ชื่อว่าอัสสัตถพฤกษ์ ในระหว่างทางเสด็จทรง ร้บหญ้าคา ๘ กำ จากโสตถิยพราหมณ เมื่อเสด็จไปถึงทรงปูลาดหญ้าคา ทำ เป็นรัดนบัลลังก์ ขณะนั้นรัตนบัลลังก์สูง ๑๔ ศอกผุดขึ้น ประทับนั้ง

www.kalyanamitra.org บนรัตนฃลลงทผินพระพักตร์ไปทางทิศบรพา และหันพระปฤษฎางค์ ไปทางต้นพระศรืมหาโพธิ้ ทรงทำสมาธิอธิษฐานจาตุรงคมหาปธๆนวา \"ถฺากมลลนตานยังไฝหลุดพ้นจากอาสวทิเลสตราบได แม้เลือดและ เนื้อจะเหือดเฒ้งเหลือแด่หนังเอนและกระดูกก็ตามที จะไม่ลฺะเลิก ความเพ้ยร ไม่ลุกจากที่นื้ตราบนั้น\" พระพิชิตมาร ฝ่ายฺพิฌๆวัสสวสืมารผู้ใจบาป ชิงได้ตามขัดขวางเพ้อม้ใหั พระมหาบุรุษหลุดพ้นไปจากวสย ทราบว่าพระมหาบุรุษกำลังบำเพ็ญ เพียรอยูเรียกประชุมเสนามารให้ทำการขัดขวางด้วยประการต่างๆ แต่ พระองค์ก็ทรงชนะได้ด้วยบารมี ๑๐ ประการ จนพญามารและเสนามาร พ่ายแพ้กลับไปในที่สุด แล้วทรงบำเพ็ญเพียรต่อไป ตรัสรู้ธรรม ในราตรีกาลของคืนวันขึ้น ๑๔ คํ่า เดือน ๖ นั้นเอง พระองค์ ก็ได้ตรัสรู้พระอนุตตรลัมมาลัมโพธิญาณตามลำดับดังนี้ ปฐมยาม ทรฺงบรรลุปพเพนิวาสานุสสสิญาณ คือ ระลึกชาติ หนหลังของพระองค์ได้ โดยทรงระลึกด้วยกำลังแหงอภิญญาถอยไป ตามลำดับ ตั้งแต่รัตนบัลลังก จากชาติหนึ่ง สองชาติ จนกระทั่ง ๔ อสงไขยกับแสนกัป มัชฌิมยาม ทรงบรรลุจดูปปาตญาณ หรือทิพพจักขุญาณ ทอดพระเนตรเห็นสรรพลัตวจุติและเกิดในที่ตาและประณีต มีผิว 'พรรณทรามและดีแตกต่างกันไปตามสมควรแก่กุศลและอกุศลที่ได้ทำ ไว้ เหมือนบุรุษที่ยืนอยูในทาง ๔ แพร่ง ย่อมมองเห็นผู้คนที่สัญจรไป มาเป็นอย่างดี (รโ๑

www.kalyanamitra.org ฟ้จฉิมยาม ทรงบรรลอาสวักฃ่ยญาณ คือญาณหยั่งllนธรรม เป็นที่สิ้นไป่แห่งอาสวะทั้งหลาย่ : ในเวลาที่พระอาทตยทอแสงจับขอบฟ้านั้น พระมหาบุรุษิได้ ตรัสรู้พระสัพพัญฌุตญาณสำเร็จเป็นพระสัมมาจัม่พฑธเจ้าในวัน วิสาขบูชาขึ้น๑๔คำ เดือน๖ณ ภายใด้ด้นสัสํสัตถพฤกษ ป๋ญหาและเฉลยฺปริเฉทที่ ๒ ๑. ญาณใดที่พระพุทธเจ้าทรงบรรลุ ในยามสุดท้ายวันตรัสรู้? ก. ทศพลญาณ . ข. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ค.จุฅูปปาตฺญาณ ง. ยาสวักขยญาณ ๒. ด้นไม้ที่พระพุทธเจ้าประทับนุงในวันตรัสรู้ ชื่อว่าอะไร? ก. อัสสัตถพฤกษ์ ข. ราชายตนพฤกษ์ ค. อชปฺาลนิโครธ ง. มุจสินท้ ๓. พระมหาบรุษ ทรงฺบำเพ็ญอปาณกฌานอย่างไร? s ก. กสันลมหายใจ ข. นอนบนหนาม ค. เอาสิ้นกดเพดาน ง. งดอาหาร ๔. พระมหาบุรุษได้อุปมา ๓ ฃ้อ่ ณ สถานที่ใด? ก. เมืองกบิลพัสดุ ข. ตาบลอุรุเวลาเสนานิคม ค. ฝังแม่นํ้าคงคา ง. ป่าอิสิปดนมฤคทา.ยวันุ ๔. พระญาณอะไร ทำ ใหฟระพุทธองค์เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ? ก. ปพเพนิวาสานุสสติญาณ ข. จุตูปปาตญาณ ค.อาสวักขยญาณ่ ■ง. ถูกทุกข้อ ๖. เจ้าชายสิทธตถะทรงเห็นการเกด แก เจ็บดายมืผ่ลอย่างไร? ก. หนิอิอกบวชทันห็ - ข. ติดคว่าม่ทุกข้ทั้3ปวง่ 0^

www.kalyanamitra.org ค. ปรึกษากับนายฉันทะ- ง. บรรเทาศวามฺเมา ๓ ประการเสิยได้ ๗. \"ราฬุลํ ซาด พนฺธ่นํ ชาตํ\" มีดวามหมายวาอย่างไร? ก. บ่วงเกิดแล้ว เครื่องผูกเกิดแล้ว ข. พระราหุลเป็นที่รัก ค. พระราหุลคือทรัพย์ ง, พระราหุลประสูติแล้ว ๘. ข้อใด ไมใช่บารมี ๑๐ ทีพระอฺงค์ไห้ตอสู้กับกิเลสมาร? ก. ทาน ข. ศีล ค. สมาธิ ง. ปัญญา ๙.' การบำเพ็ญทุกรกิริยาวาระที่ ๑ คือข้อใด ? .ก. ผ่อนลมหายใจเข้าออก ข.นอนบนหนาม iFi. เอาลิ้นด้นเพดาน ง. อดอาหาร ๑๐. พระมหาบุรุษทรงหาอุบายแก้ความเมา๓ประการด้วยวิธีใด ? ก. คืกษๆรงธนู ข. อยู่ในประสาท ๓ ฤดู ค. ออกบรรพชา ง. เสด็จออกประพาสป่า ๑๑. ข้อใด เป็นการบำเพ็ญทุกรกิริยาวาระสุดห้าย ? ก. กดพระดาสุด้วยพระข้วหา ข. กด;พระทนต์ด้วยพระทนด้ ค. กลิ้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ง. อดพระกระยาหาร . ๑๒.พระองต์ทรงเห็นสัตวฺทั้งหลายผู้จุติแล่ะเกิด ด้วยญาณอะไร? ก. กัมมสกดญาณ ข. จุดูปปาดญาณ ค. อาสวักขยญาณ ง. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ๑6ท.ใครถวายหญ้าคา ๘ กำ แก่พระมหาบุรุษ? ก. โสดถิยพ่ราหมณ ข. กบิลพราหมณ ค. ปีงคิยพรา.หมณ ง. อสิดดาบัส ๑๔.ใครอุปัฏฐากพระมหาบุรุษ ขณะทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ? ก. ฉันนะ - ข,สุชาดา ค. ปั'ญจวัคคืย์ ง. กัททวัคคืย์ ๕m

www.kalyanamitra.org ๑๙. ifeyจวัคคีย์ละทิ้งพระพฑธองค์ไป เพราะสาเหตุใด? ก. ต้อ่งการให้อยู่อย่างสงบ ข. เสื่อมศร้ทธาที่เลิกทุกรกิริยา ค. แสวงหาที่สงัดวิเวกกวา ง. ไม่ทนตอการเ11าปรนนิบติ ๑๖.โดยธรรมาธิษฐาน พญามารคีออะไร? ก. กามตัณหา ข. กามราคะ ค. วัตถุกาม ง. กิเลสกาม ๑๗.ใครออกบวช เพรฺาะเชื่อมั่นในวิชาโหราศาสตร์? ก. พระวังคีสะ ข. พระโกณฑัญญะ ค. พระมหากัสสปะ ง. พระอัสสชิ ๑๘. อะไรเป็นเหตุให้พระมหาบุ^เกิดตั3เวช แล้วเสด็จออกบรรพชา? ก. พระราหลประสูติ ข. ความแก่ เจฺบ ตาย ^ ค. เบื่อหน่ายในชีวิต ง. การเมือง ๑๙. ผู้ครองเรือนแล่ะมืความพอใจในกาม เปรืยบได้กับข้อใด ? ก. ไม้สตแชในนํ้า ข.ไม้สตบนบก. ค.ไม้แห้งบนบก ง. ไม้แห้งแซ่นํ้า - ๒๐.ในปฐมยามพระพุทธเจ้าทรงบรรลุธรรมอะไร? ก.. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ข. จุตูปปตญาณ ค. อาสวักขยฺญาณ ง. ทศพลญาณ ๑. ง ๒. ก เฉลย ๔.ข ๙. ค ๖. ง ๗. ก ๓. ก ๙. ค ๑๐. ค ๑๑. ง ๑๒. ข ๘. ค ๑๔. ค ๑๖. ง ๑๗. ข ๑๓. ก ๑๙. ก ๑๙. ข ๑๘. ข ๒๐. ก (sr<£

www.kalyanamitra.org ปริเฉทที่๓ ว่าด้วยการเสวยวิมุตติสุข เสวยวิมตดฺ^ร่ ~ ทลังจากิทื่พัระมฺท่าชุรษตรัสรู้พระอพตตรัสMมรสัมโพ!ญาณ สำ เรจเป็นพระพฑธเจ้าสมดังประสงค์แล้ว ประทับเสวยริมตตสุฃ คือ ความสุฃที่เกิดจ่ากการหลุดพ้นจากกิเลส เป็นเวลา ๗ สัปดาห์ สัปดาห์ ละแห่ง รวมเป็น ๔๙ วัน ตามลำดับดังนี้ สัปดาห์ที่ ๑ ประทับใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ้ ประทับนี้งุเสวยริมุตติสุขภายใดต้นพระศรีมหาโพธิ้ . ทรง พิจารณาปฏิจ่จ่สมุปบาท โดยอนุโลมและปฏิโลมตามลำดับ และทรง เปล่งพระอุทานตลอดทั้ง ๓ ยามแห่งราตรี ดังนี้ ปฐมยาม .ทรงเปล่งพระอุทานว่า \"เมื่อใดธรรมทังหลาย ปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียรเพ่งอยู่ เมื่อฟ้เนความสงสัยของ พราหมณ์นั้นย่อมสินไป เพราะมาเแจ้งธรรมว่าเกิดแด่เหต\" มชฌิมยาม ทรงเปฺล่งพระอุทานว่า \"เมื่อใดธรรมทั้งหลาย ปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้นความสงสัยของ (ร:๕

www.kalyanamitra.org พราหมณ์นั้นย่อมสินไป เพราะมารู้แจ้งความสินไปแห่งปั'จจัยทั้^ หลายว่าเป็นเหตุสินแห่งผลทั้งหลาย\" ป๋'จฉิมยาม ทรงเปล่งพระอุทานว่า \"เมื่อใดธรรมทั้งหลาย ปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้นพราหมณ์นั้นย่อม กำ จัดมารและเสนามารเสียได้ ตุจพระอาทิตย์อุท'ยกำจัดความมืดทำไห้ อากาศสว่างได้ฉะนั้น\" '- สัปดาห์ที่ ๒ ประทับอนิมิสเจดีย์ สัปดาห์นเสด็จลงจากรัตนบัลลังก์ - แล้วไปประทับยืนทางทิศ ตะรันออกเฉียงเหนือต้นพระศรีมหาโพธ ณ ที่นี้ทอด-พระเนตรเพ่งดู รัตนบัลลังก์ที่ประทับตรัสรู้ โดยไม่กระพริบพระเนตรเลยเป็นเวลา ๑ VI e' สัปดาห์

www.kalyanamitra.org สัปดาห์ที่ ๓ ประทับรัตนจงกรมเจดีย สัปดาห์นี้ทรงเนรมิตที่จงกรมระหว่างต้นพระศรีมิหาโพธิ้กับ อมิมิสเจดียแล้วเสด็จจงกรมกลับไปกลับมาณ ที่ฒั้เป็นเวลา๑ ^ดาห์ สัปดาห์ที่๔ ประทับรัตนฆรเจดีย์ สัปดาห์นี้ไต้เสด็จประทับเรีอนแก้วที่เทวดาเนรมิตลวาย ร่งตั้ง อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของต้นพระศรีมหาโพธ ณ ที่นี้ทรง พิจารณาพระอภิธรรมปิฎกเป็นเวลา ๑ สัปดาห์ พระฉัพพรรณรังสืคือ รัศมี ๖ ประการแผ่ซ่านออกจากพระวรกาย สัปดาห์ที่ ๔ ประทับใต้ต้นอชปาลนืโครธ สัปดาห์นี้ไต้เสด็จประทับอยู่ที่!ต้ต้นอ่ชปาลนิโครธหรือต้นไทร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของต้นพระศรีมหาโพธิ้ขณะนั้นพราหมณคน หนึ่งมีอุปนิสัยชอบตวาดศนิอื่นว่า \"หึ หึ\" เข้าไปกราบทูลถาม พระพุทธเจ้าถึงบุคคลผู้จะเป็นพราหมณด้วยเหตุใด และธรรมอะไรที่ ทำ ให้เป็นพราหมณ พระพุทธองคตรัสตอบจนพราหมณ์เขาใจแจ่ม แจ้ง ผจญธิดามารทั้ง en คือนางดณหา นางราคา และนางอรดีที่รับ อาสาบิดามาเพื่อทำให้พระพุทธองคตกอยู่ใต้อำนาจ สัปดาห์ที่ ๖ ประทับใต้ต้นมุจลินห์ สัปดาห์นี้ไต้เสด็จประทับนั่งขัดสมาธิภายใตั้ต้นมุจลินห์หรือ ต้นจิก\" ตั้งอยู่ทางทิศํดะวันออกเฉียณ์ต้ของต้นพระศรีมหาโพธิ้ ในขณะ ที่ประทับอยู่นั้นผ่นตกพรัาตลอดเวลา พญานาคมุจสินฑเภิดความ เลื่อมใส จึงทำขนดแผ่พังพาน ๗ รอบ ปกคลุมเหนือพระเศียรเพื่อมิ ๙6/

www.kalyanamitra.org ให้ลมและฝนตกใส่พระวรกายได้ , . เมื่อฝนหยุดแล้วพญานาค3งุจสินท์ได้แปลงกายเป็นมาณพยืน อภิวาทพระพุทธองคแล้วหลีกไป ส่วนพระพุทธองค์ทรงเปล่งพระ อทานว่า \"ความสงัดเป็นสุขสำหรบบุคคลผู้มีธรรมอันเห็นเ^ล้ว ยืนดใน ทีอันสงัด แห็นดามความเป็นจริง ความไม่เบียดเบียนคือความสำรวม ในสัดว่ทั้งหลาย และความปราศจากความกำหนัด คือความล่วงกาม ทั้งหลายเลียได้ด้วยประการทงปวง เป็นสุขในโลก ความทำอัสมิมานะ คือความถือตัวออกให้หมดไป เป็นัสุขอย่างยิ่ง\" สัปดาห์ที่ ๗ ประทับใต้ต้นราชายตนะ สัปดาห์สุดท้าย ได้เสด็จประทับนั่งภฺายใด้ร่มด้นราชาย่ดนะหรือ ด้นเกด ตั้งอย่ทางทิศได้ของด้นพระศรืมหาโพธี้ ขณะmฟ้พ่อค้า ๒ คน คือ ดปสสะ แลฺะภิลสิกะ เป็นพี่พ้องกันเดินท่างผ่านมาได้พบพระพุทธองค์ ลีงเภิดความเลื่อมใสน้อมฤวาอข้าวฺสัดตุผงและสัดตุก้อน พระองค์ทรง ร้ฃด้วยบาดรที่ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ถวายแล้วเสวยกัดดาหาร หลังจากเสวยกัดดาหารเสร็จแล้ว ทรงสนทนาธรร่มกับพ่อค้า' ๒ พี่น้อง ทั้งสองมีความเลื่อมใสขอถืงพระพุทธและพระธรรมเป็น สรณะที่พี่งดลอดซีวิด และอุบาสกทั้3สองได้ชื่อว่าเป็นอุบาสกคู่แรกในโลก ที่ขอถืงร้ตนะ ๒ คือ พระพุทธและพระธรรม ทรงประทานพระเกศา ๘ เส้นแก่ทั้งสอง เพี่อเป็นเครื่องสักการบูชาดลอดไป ทรงดำริถึงธรรมที่ตรัสรู้ ประทับเสวยวิมุดดิสุขใดด้นราชายดนะครบ ๗ วันแล้ว ได้ เสด็จกลับไปประทับที่ใต้ด้นอชปาลนัโครธถืกครั้ง ในที่นี้ทรงดำริว่า \"การดำรงอยู่โดยไม่มีใครเป็นที่ควรเคารพกราบไหว้เป็นความลำบาก <sxs

www.kalyanamitra.org บัดนี้เราควรจะเคารพกราบไหว้ใครดี และไฝทรงพิจารณาเห็นผู้ที่ควร สักการะกราบไหว้ นอกจากพระโลกุดดรธรรมเท่านั้น แด่ว่าพระธรรม ที่เราตถาคตตรัส!นี้ เป็นธรรมที่ลึกซึ้งสุฃมคัมภีรภาพยิ่งนก ยากที่ มนุษย์ผู้มีบัญญาน้อย มีความเพียรน้อย จะตรัส!ตามได้\" - ะ\",-. ' พระพรหมอาราธนาแสดงธรรม ท้าวสหัมบดีพรหมทราบความดำริของพระองค์ ได้เสด็จลงจาก พรหมโลกเพื่อกราบทูลอาราธนาให้ทรงแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ว่า ผู้ที่มีกิเลสน้อยพอจะ!พระธรรมได้มีอยู่ ทรงพิจารณาด้วยพระบัพญา ว่า ธรรมดาบุคคลทั้งหลายมี ๔ จำ พวก เปรียบเหมือนดอกบัว ๔ เหล่า มีอุปนิสัยแตกด่างกันไป เมื่อทรงพิจารณาเห็นอย่างนี้จึงทรง ร้บคำอาราธนาของท้าวมหาพรหมด้วยมีพระมหากรณาด่อสรรพสัตว์