'พ^-^' - ^¥1 ธรรมสารเทศนา พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองสี สุรเตโช ป.ร.๙, ราชบัณฑิต) www.kalyanamitra.org
รรรมสารผศนา ฃฬ พรรรรรมทิดฅิฬสั (ทอ-)ดี) §!ธ1 czzsopzsf? มหาวิทยา8ข»หาจุฟัาa-iกรผราฃวิฑยารัย พมฟ้กวายพระรรรมกิดฅฬสั (ทยงฅึ) เพื่อนจกเปีนรรรมทานในงานพระรายทานเพรงศพ นา-)สนิท ดีรีรมย์ (โยมมารดา) ผ วิดราฃโอรสาราม เฃฅจอมทอง ก^งเทพมหานคร วินจันหร์พื่ 19ด มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ www.kalyanamitra.org
คา!เรารภ XXX พร2ธรรมเทศนาทแสคง ณ ทฅ่างๆ เฉพาะทเก็่บรวบรวมค้นฉบับไว้ นั้นมอยู่ส่วนหนึ๋ง อกส่วนหนงไมมค้นฉบับเพราะ;เป็นการเทศนปากเปส่าหรือ เทศนั้ศคและ;ไมมการบันทึกเสิยงไว้ ทึงหมคสินไปโคยอัคโนบัฅิ เฉพาะ;ทม ค้นฉบับนั้นไค้รวมรวมพิมพมากรั้งหนงแล้วเมอกราวทำบุญอายุ ^oo ป็ ใน ป็ พ.ศ. ๒๕<1๙ จำ นวน ๕๗ กัณ•ค ส่าหรับในการพิมพกรั้งนั้1ค้ รวบรวมจากทมค้นฉบับ ถือว่าเป็นการพิมพเพํ่มเติมต่อจากกราวทแล้ว บทเทศนาทปรากฏอยู่ในหนังถือนั้แปงไค้เป็น ๒ ประ;เภท กอประ;เภท ทฺเทศนัคามบททแต่งไว้ล่วงหน้าแล้วนำไปอ่านคอนเทศนักับปรรเภทเทศนัศค ทั้งสองประ;เภทนั้จะ;มกวามแคกต่างกันทางส่านวนโวหาร กือประ;เภทแต่ง ล่วงหน้าจะ;เป็นส่านวนเขยน จะ;มฃ้อกวามโวหารทกระ;ซับและ;ไหลลน เพราร; ไค้รับการซัคเกลาปรับแต่งส่านวนโวหารแล้ว ส่วนใหญ่จะ;เป็นการเทศนัใน งานทมเงอนไขค้วยกำหนคเวลา เซ่นเทศน้!นวัง เทศนํทั้กรมประ;ชาล้มพันธ ส่วนประ;เภทเทศนํสคจะ;เป็นส่านวนพูค ข้อกวามโวหารจะ;ไม่ต่อยกร2ซับ เนั้อหาจะ;ยาวกว่าปกติเพราะ;ไม่มเงอนไขค้วยเวลา ประ;เภทเทศนํสคนั้มการ บันทึกเถืยงไว้แล้วถอคข้อกวามจากทั้บันทึกไว้ นำ มาซัคเกลาส่านวนเล็่ก น้อย ส่านวนส่วนใหญ่จึงเป็นแบบส่านวนพูค ข้อแคกต่างนั้หากอ่านค้วย กวามพินิจจะ;เห็่นไคซัคเจน อนง ส่านวนโวหารทปรากฏอยู่ในบทเทศนํแต่ละ;กัณฑนั้นมกวามแคก ต่างกันอยู่บ้าง เพราะ;เป็นการเทศนัในวาระ;ต่างกันและ;ต่างป็กัน ชงบุ่งแสคง ประ:เค็่นกวามหรือข้อธรรมให้เข้ากับเหตุการณทเกิคฃนหรือทมทเป็นอยู่ใน www.kalyanamitra.org
ป็นั้นๆ เท่ากับบันทึกแนวกวามกิคและ:ข้อเสนอแนะ!ฅามหลักธรรมทเหมาร!ท กวรในยุกนั้นๆ ฉะ!นั้น หากลับประ!เคี่นโคกจะ!พบว่าใน!!ทเทศนนันมเหตุการณ หรือปิญหาอะ!ไรเกิคขนในบ้านเมืองในลังกมบ้าง บทเทศนบางท่วนบางคอน จะ!สะ!ท้อนให้เห็่นกวามนั้อย่างขัคเจน ถึงกระ!นั้นก็่มิไค้ทงหลักทางธรรมเสิยทึ เคยว ยังกงรักษาหลักและ!รูปแบบของการเทศน!ว้อย่างเกร่งกรัค การลัคพิมพบทเทศนเหล่านั้!ว้ นอกจากเพอถึกษาธรรมจากเนั้อหา สาระ!แห่งบทเทศนแก่ผู้สนใจในธรรมทั่วไปแล้ว ยังเพอรักษาค้นฉบับไว้รวม กันและ!เพอเ!!นแนวทางล่าหรับพระ!นักเทศนั้ร่นหลังไค้ถึกษาแบบแล้วนำไป เพมเติมหรือปรับแก่งล่านวนให้กระขับและคยงขน ชงล้วนเ!!นประโยชนํทัง ร้น จึงขออนุโมทนาและขอบคุณผู้เกยวข้องในการรวบรวม ลัคพิมพเผยแพร่มา ณ ทั่นั้ค้วย ทั้งหวังว่าหนังรอ \"ธรรมสารเทศนา'' ล่วนนั้ลักเกิคประโยซนํ คามบุ่งหมายพอสมกวร. (พระธรรมกิฅติวงถึ) วัคราชโอรสาราม กรุงเทพฯ ๑0 มืนากม ๒๕๕๒ www.kalyanamitra.org
p (๓) {<i) fiJ {๕) (๑๐) ศารฃญ (๑๑) หมายรับร่ง ๑ ๑๑ ส์าปึกในพระ;มหากรุณาธิคุณ ๒๑ โยมแม่ ๓๑ กำ ปรารภ รจจวาจากถา เรอง กำ สิ'ฅย ๓๙»^ <ic^ มรณกถา เรอง กวามฅาย ๕๙ '๖๙ อปปมายุกถา เรํ่อง อายุนน้อยนัก £*}5๙ ๙๓ นัญญาซวกถา เรึ๋อง กำ เนินชวิฅค้วยปิญญา ๑๐๓ โอวาทปาติโมกขกถา เรอง โอวาทปาฅิโมกข ๑๑๓ ทักขิณาทานกถา เรอง การทำบุญอุทิศยู้ฅาย ๑๒๓ ธ้มมทังคณกถา เรํ่อง รวมธรรม ๑๓๑ ชวิตกถา เรอง ชวิฅศมบูรณ ๑๕๑ อาภรณกถา เรอง เกรองประ;คับกน ๑๕๑ ซวิฅวฒนกถา เรํ่อง หลักพัฒนาซวิฅ วาจากถา เรอง กำ พูค นชรติกถา เรอง สิงไม่เส์อมสิน ทังฆโสภนกถา เรํ่อง ผู้สง่างามในหมู่กณะ; บุญนิธิกถา เรอง ขุมบุญสมนัฅิ จกกธิมมกถา เรอง วงล้อธรรม ปูชารทกถา เรอง พระ;ผู้กวรบูชา www.kalyanamitra.org
จิตตกถา เรอง การพัฒนาจิต ๑'๖๓ อาตปปกถา เรอง กวามเพัยรทกวรทำ ๑๗๑ กตญฌูกถา เรํ่อง ยู้กฅัญฌู ๑๗๙ สาธุถมมกถา เรอง กวามค ๑๙๑ อตตารกฃกถา เรอง หลักการบริหารซวิฅ ๒0๑ กำ หนดการพรร;ราซทานเพรงศพ ๒๑๕ เจ้าภาพศวดพรร:อภิธรรม ๒๑'๖ รายนามยู้ทนำพวงหริคมามอบให้ ๒๑๘ www.kalyanamitra.org
สจุจํ เว อมตา วาจา เอส ธมฺ!ม สนนุตโน สจฺเจ อตฺเถ จ ธมฺเม จ อาทุ สนุโต ปติยู?ตาติ ฯ ส์.สั. ร)&/cri<io/\\sn€ri<ti ^^ บคน็้ จักรับพระราชทานถวายวิสิ'ชนาพระธรรมเทศนาในร'จจวาจา กถา ฉลองพระเคขพระคุณประคับพระปิญญาบารม อนุรปตามพระราชคุศถ ทักขิณานุปทานกิจทศมเค็่จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าทังสองพTะองกทรง บำ เพ็่ญพระราชอุทิศส่วนพระราชกุศลถวายแค่สมเต็่จพรรบุรพนหๅทร'ตริยๅเ ราชเจ้าและสมเค็่จพระบุรพอักรมเหสิผู้ทรงพระคุณอันปร::เสริฐ ผู้ทรงเป็น พระราชบุรพการและพระราชบุรพการินในพระบรมราชจักริๆงค่ทุทพระองก ชงทรงปฏิบัติเป็นนิพัทธกิจบุรพภากเบองต้นเนองในการพระราชพิธนัตรมง(ๆอ ประจำปี โคยทรงมพระราชประสงก!ห้ส่าเรี่จเป็นหิตสุขสมกวรแก่จุานะใน พระ;ธรรมกิศคิวงส์ (ทองค ป.ธ.๙. ราชบัณทิท) วัฅฑขโอรฟ้าราม เข?ทอมทอง กรุงเทพมทานกร แฟ้กงไนการพร£ราชกุฟ้ฅทักขิณานุปทาน เนํ่องในการพร£ราชพิธฉั'กรมงกล ณ พร£ทนั่งอมรินทร วินิจฉัย ไพร£บรมมหาราชวิง วินพุธท cn พฤษภากม พ.ศ. ๒๕(£๙ เาดา ๑■๖.cno น. www.kalyanamitra.org
ธทมสารเทศนา... พรรธรรมกิฅฅิวงเ^ สิ'มปรายภพทุกประ!การ คัวยนํ้าพระ:ราชหฤทัยเ!เยมล้นค้วยพระ!กฅัญฌู กฅเวทิฅาธรรมและ!อป'จายนธรรมมั่นกง อันการพระ!ราซกุศลทั้งปวงทฟ้มเค็่'จบรมบพิฅรพรร!ราช€^มภ'า^1''จ้'าทัง ลองพระ!องกทรงบำเพ็่ญพระ!ราซ'อุทิศกวายแค่พรร?ราชบุรพกา^แกะ!พ^ร'^า*^ บุรพการินเป็นนิพัทธกาลฅลอคมานัน จัคเป็นทักษิณาบุญอัน'จะ!เนืองหนุนให้ ส์าเรี่'จเป็นหิฅบุฃยํ่งขนไปในสิมปรายภพ แค่สมเคี่'จพระ!ราชบุรพการี่และ!พระ! ราชบุรพการินืทุกพระ!องกททรงพระ!ราชอนุรณถึง สมคามนัยพระ!บาลว่า ทัฆรตตํ หิตายสฺส ^านใส อุปกป.ปติ กวามว่า ทักษิณาน็้ม่อมส์าเรี่จเพอ เก็้อกูลแก่ผู้'ล่วงรบแล้วนั้นโดยควร คังนั้ แห้'จริง สมเคี่'จพระ:มหากษัคริยาธิราชเ'จ้าและ!สมเคี่'จพระ!อักรมเหถึใน พระ!บรมราชจักรี่วงกทุกพระ!องก่นั้นทรงเป็นปูชนารทบุกกอผู้ทรงก^รแก่ เกรี่องราชทักษิณาสิกการะ!ททรงบำเพี่ญพระ!ราชอุทิสเIล้านั้ทุกประ!บาร ค้าน ว่าเมั่อยังทรงพระ!ชนมอยู่นั้นไค้ทรงบำเพี่ญพระ!ราชกรณยกิ'จน้อยใทญ่อันเป็น ไปเพอประ!โยชนัเกอกูลแก่ประ!เทศชาติบ้านเนือง แก่พระ!ศาสนา แก่พสกนิกร ชาวไทย และ!พระ!บรมราชจักรี่วงก่อย่างหาทสุคมิไค้ เป็นเหทุให้ประ!เทศชาติ บ้านเนือง พระ!ศาสนา พสกนิกร และ!พระ!ราชวงก่คำรงสถาพรเ'จริญรุ่งเรือง ค่อเนองมาไค้คราบเท่าทุกวันนั้ และ!ททรงปฏิบัติพระ!ราชภารกิ'จเป็นประ!โยชนื ค่างๆ คลอคมาไคันั้นกี่คัวยทุกพระ!องก่ทรงธำรงมั่นอยู่ในพระ!คุณธรรมเป็น แนวปฏิบัติ อันพระ!คุณธรรมททรงถึอปฏิบัติมั่นอยู่นั้นนืหลายประ!การ แค่จัถ ชอรับพระ!ราชทานนำมาแสคงพอเป็นนิทัศนนัยประ!การทนง'■ท่านั้นกอพ^^ พระ!สิ'จจวา'จา โคยเฉพาะ!สมเคี่จพระ!มทากบัคริยาธิราชเจ้าทุกรัชกาลและ!แ'บ้ สมเคี่จบรมบพิครพระ!ราชสมภารเจ้านันเนือเสคี่'จเถอิงถจัอยราชสนบติ'^^ทร^ www.kalyanamitra.org
ffl สืจจวาจากถา เรอง คำ สัตย์ ตั้งร'ฅยาธิษฐานเ?)นพระร''จจวา'จาว่าจร;ทรงปกครองพระ:ทชอาณารักรอย่างไร และหร'ง'จากนั้นก็่ทรงปฏิบัติพระองก!ห้เป็นไปตามพระร'จ'จวา'จานั้น อันเป็น เหตุให้พระร'จ'จวา'จานั้นกลายเป็นพระอมฅวา'จาทมการจค'จำ 'จารึกไว้เป็นหลัก ฐานและเป็นเกรํ่องลอนใ'จส์าหรับน้อมนำไปปฏิบัติตามรอยพระยุคลบาทตลอด มา ลามารถประกาลไค้ว่า พระมหากษัตริย่ไทยทุกพระองกทรงเป็นลัตบุรุษ ผู้ทรงคำรงมั่นอยูในพระร'จ'จวา'จา ตามนัยแห่งเถรภาษิตในลุภารตลูตร วังกล รงยุต ทไค้อัญเชิญมาเป็นนิกเฃปบทเทศนาข้างค้นว่า สจุจํ เว อมตา วาจา เป็นอาทิ ชงแปลไค้!'จกวามว่า \"คำลัฅย่แลเป็นวาจาไม่ตาย ธรรมข้อนั้เป็นของเก่า ลัตบุรุษ ทั้งหลายเป็นผู้มั่นคงอยู่ในคำรตยทเป็นประโยซน้แลร;ถูกธรรม\" คังนั้ ชงรักขอรับพระราชทานขยายกวามรบไป กำ ว่า สิ'จจะ นั้น แปลกันว่ากวามรตย่บ้าง กำ รตย่บ้าง ในพระ บาลนั้บุ่งหมายถึงรจจวาจา คือกำรตย่กำจริง กำ ทกล่าวถึงร่งทมอยู่เป็นอยู่ จริง ลามารถมองเห็่นหรึอพิลูจน้!ค้ ไม่มกวามเที่จเข้ามาปนให้เข้าใจผิด ชง ตรงกันข้ามกับบุลาวาจาชงแปลว่ากำ เท็่จกำโกหก อันว่ารจจวาจาหรึอกำ รตย่กำจริงนั้นเป็นคุณลมบัติล่ากัญของบุกกลประการหนง หากผู้!ดรักษาไว้ ไค้ย่อมจะเป็นบุกกลทลมบุรณ เป็นบุกกล^บไค้ว่าเป็นผู้แล้ว เป็นผู้น่า นับถึอยกย่อง และน่าไว้เนอเชอใจ ล่วนผู้ปราศจากรจจวาจา ไม่อาจรักษา รตย่กำจริงไว้!ค้ ย่อมไม่อาจกล่าวไค้ว่าเป็นบุกกลทลมบูรณ และรัดว่าเป็นผู้ เจริญแล้วหาไค้!ม' เพราะฉะนั้นพระจอมไดรลัมมารมพุทธเจ้าจึงดรัลเตือนใจ ไว้ว่า สจจมนุรฤเฃยย ชงแปลว่า บุคคลพงตามรักษาสิจจะ กังนั้ บุกกลผู้!ค้ซอว่ารักษารจจะนั้นคือผูทพูดจริงทำจริง เป็นบุกกลประ๓ท ยถาวาทิ ตถาการึ คือพูดอย่างไรทำไค้อย่างนั้น เมอพูดใหลัญญาหรึอกล่าว กำ ปฏิญาณอย่างใดอย่างหนงไปแล้วกี่รักษารจจลัญญาหรึอลัจจปฏิญาณนั้น เซ่นให้รญญากับผู้!คไว้ว่าจะทำอย่างนั้ให้กี่ทำอย่างนั้นจริง หรึอรญญาว่าจะ www.kalyanamitra.org
ธรรมสาททศนา... พระ;ธรรมกิคคิวงสั ให้ร่งนก็่ให้จริง ไม่บิคพรวให้เสิยกำพูค แม้จะ:ยากลำบาก แม้จะ:มปีญหา อุปสรรกใดๆ มาซัดขวาง หรือแม้จะ:ต้องเส์ยทรัพยจนถี้งเรยซวิฅก็่จำยอม เพอมิให้เสิยสัจจร'ญญาทใหไว้ เข้าทำนองทว่า \"เสิยชพดกว่าเส์ยสัตย\" หรืออย่างเซ่นให้ปฏิญาณว่าจะ:ประ:พฤติฅนอย่างนั้นอย่างนก็่ตั้งใจประ:พฤติให้ ไต้จริงอย่างทํ่ให้สัจจปฏิญาณไว้ แม้จะ:ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจมากมาย เพยงใคเพํ่อมิให้เส์ยสัจจปฏิญาณนั้นก็่ยอม บุกกล^กษากำมั่นสัญญา ปฏิบัติดามวาจาทเปล่งออกไป ไมให้เส์ยวาจาสัฅย่เซ่นนแลทเรืยกว่ายูรักษา สัจจะ: กำ สัฅย่กำจริงนั้นเป็นทยอมรับบันทั่วไปว่าเป็นอมฅวาจาคือเป็นกำไม่ คาย เพราะ:เป็นกำทนมเสนาะ:จับโสดประ:สาท มรสหอมหวานทั่สามารถ ซึมซาบเข้าไปถึงจิดใจ นำ ให้เกิดกวามปลาบปลมคํ่มคาไมจดจาง ยั๋งกว่ารส หวานทั่เกิดจากนั้าอ้อยนั้าดาลเป็นต้น คังทสมเค็่จพระ:ทศพลทรงแสดงไว้ว่า สจจํ หเว สาธุตร รสานํ ชงแปลว่า คำ สัฅย่แลดกว่ารสทั้งหลาย คังนั้ แด่กำสัดย่กำจริงทกวรรักษาให้มั่นนั้นกวรประ:กอบต้วยลักษณะ: ๒ ประ:การคือเป็นประ:โยชนํและ:ถูกธรรม กล่าวคือเป็นกำพูดทอำนวยประ:โยซนํ ปราศจากโทษใดๆ ทั้งเป็นกำพูดทถูกต้องดามทำนองกลองธรรม ไม่เป็นกำ ทุจริดบิคเบือนจากความจริง เป็นกำทประ:กอบต้วยเหตุผล นำ ให้เกิดกวาม ยุติธรรม ผู้เป็นสัดบุรุษคือเหล่าบัณฑิดชนกนคืทั้งหลายจะ:ตั้งมั่นอยู่ในกำสัดย่ กำ จริงทเป็นประ:โยชนํและ:ถูกธรรมเซ่นนั้ คือเมอพูดก็่พูดเฉพาะ:กำทเป็นประ:โยชนํ และ:ถูกทำนองกลองธรรม มผลสัพธเป็นคุณ เป็นกำทสมานสาบักคื กำ ทั่ให้ เกิดสติและ:บัญญา เป็นต้น และ:เมอทำก็่ทำไต้จริงดามทพูดดามทสัญญาหรือ ทปฏิญาณไว้ เป็นผู้มั่นกงอยู่ในสัจจะ: ยึดสัจจะ:เป็นลำกัญ ปฏิบัติดามกำ แนะ:นำของบรรพชนทั้งหลายทว่าให้ลำรวมระ:วังวาจา คิดก่อนพูด ไตร่ตรอง ก่อนเจรจา พิจารณาให้รอบคอบก่อนรับปากผู้Iด จร:ไดโม่เดือดร้อนในภาย หลง ต้วยเหดกังนั้บัณฑิดชนกนคืทั้งหลายทั้งในอคืฅและ:ปิจจบันจงพาบัน www.kalyanamitra.org
สิ'พวารากถา 1รอง คำ สิตย รักษาร''ไเจวาจา อันพาให้เป็นบุกกลทน่ายกย่องนับถึอและ;น่าเชอถือ พูคกำ โคเจรจากำโคออกไป ผู้กนก็่จคจำกันไว[ค้ และ;นำไปอบรมแนะ:นำกันต่อๆ ไปไม่ฃาคศาย จนกลายเป็นอมฅวาจาไปไนทลุคกี่มอยู่ แห้จริง แห้ร'จจวาจาจะ;เป็นเพยงลมปากทเปล่งออกมาแต่ก็่ยากทจะ; รักษาไห้มั่นกงไปคามนั้นไค้ ผู้ทฟ้ามารถรักษาอัจจวาจาไค้เกร่งกรัคปฏิบัติ คามไค้[คยคลอคนับว่าเป็นผู้ประ;เฟ้ริฐแห้ทเคยว เพราะ;กนล่วนไหญ่จะ;ไม่อาจ รักษาอัจจร'ญญาหริออัจจปฏิญาณทไหไว้แก'กันไค้!คยคลอคค้วยเหตุผล นานาประ;การแล้วแค'จะ;นำมาอ้าง ทั้งนั้เพราะ;ไนการปฏิบัติคนเพอรักษาอัจจะ; รักษากำพูคนั้นย่อมจะ;ไครับกวามลำบากไจ ไค้รับกวามเหน็่คเหนอย ครากครำ และ;ประ;ฟ้บกับภาวะ;บบกั้นคลอคถืงเหตุการณทไม'กาค!!นต่างๆ มากมาย ยํ่งเป็นอัจจะ;ทไหไว้เพึ๋อบุ่งทำประ;โยซนั!ห้แก่พหุซนกนหมู่มากและ; แก่ประ;เทศชาติบ้านเมืองค้วยแล้วก็่ยํ่งจะ;ประ;ฟ้บกับกวามยากลำบากกวาม ครากครำมากขื้นและ;ปอยเช้าเป็นทวคริกูณ หากไม่มืร่งทเนองหบุนประ;คับ ประ;กองจิฅไจอยู่เฟ้มอแล้วก็่จะ;ไม'อาจรักษาอัจจะ;นั้นไว้[ค้ฅลอคเลย อันร่งทเป็นเหตุปิจจัยทเป็นเกรํ่องฟ้นับฟ้นุนประ;คับประ;กองจิคไจไห้ รักษาอัจจะ;ไว้!ค้นั้นมืหลายประ;การ เฉพาะ;ทลำคัญอันกวรนำมาแฟ้คงไห้ ปรากฏถือ ถืล ขนติ และ; เมตตา ทั้งฟ้ามประ;การนเป็นคุณธรรมเป็นพลังหนุน กระ;ค้นไห้กนเรานกถืงลัจจะ;และ;รักษาลัจจะ;ไว้!ค้ฅลอคไป กล่าวถือผู้ทรักษา ถืลมั่นกง ปฏิบัติตรงแน่วแน่อยู่ไนถืลช้องคเว้นจากบุฟ้าวาทอย่างเกร่งกรัค ย่อมคระ;หนักซัคถืงโทษแห้เพยงเล็่กน้อยแห่งการละ;เมิคถืลทรักษา จงเจรจา เฉพาะ;กำทเป็นกำลัฅย่กำจริง ละ;เว้นกำโกหกมคเท็่จค้วยประ;การทั้งปวง เมือถืลบริฟ้ทธ!ม'ต่างพร้อยเพราะ;ไม'มืการล่วงละ;เมิค กำ ลัฅย่กำจริงทั้กล่าวไว้ ก็่พลอยบริฟ้ทธ[ม'ต่างพร้อยไปค้วย ซอว่าฟ้ามารถรักษากำลัคย่กำจริงไว้[ค้ ถืลจงเป็นเหตุบัจจัยลำคัญประ;การหนงทจะ;ฟ้นับฟ้นุนไหรักษากำลัฅย่กำจริง ไว้!ค้อย่างมั่นกงไม'ผันแปรคังนั้ www.kalyanamitra.org
ธรรมสารเทศนา... พระธรรมกิฅฅิวงfi อนง ขันติคือกวามอคทนต่อกวามลำบากฅรากฅรำ กวามอคกลั้นต่อ อารมณใม่คทมาร'มผัส ต่อกรร;แสกิเลสและผลประ;โยซนทเข้ามายั่วเย้าให้ทง ร'จจวาจาหรือรจ'จปฏิญาณกี่เป็นคุณธรรมลำกัญทเป็นเหตุปิจจัยใหรักษากำ รฅย้กำจริงไว!ค้ ฅามปกติกนทั่วไปแมกงใจว่าจะ;รักษารจจรญญาหรือรจจ ปฏิญาณทให้!ว้ กั้งใจจะ;จริงใจและ;ซอรฅยต่อกำพูคของกน แต่พอมากระ:ทบ กับกวามลำบากกรากกรำ กวามเหน็่คเหนอยทฅ้องมารักษากำพูครักษา รญญาบ้าง ไครับกวามผิคหวัง ไค้ผลเป็นลบ ไม่สมปรารถนา ไม่มอะ;ไรคืซน ทั้งทกั้งใจรักษารจจวาจาบ้าง ถูกเย้ายวนค้วยลาภยศ ค้วยผลประ:โยซน หรือ ค้วยกิเลสอารมณต่างๆ ทปรากฏอย่กรงหน้าบ้าง ติคใจหลงใหลอยู่กับลาภ ยศ ผลประ:โยซน และ:กิเลสอารมณทไค้เสพเสวยบ้าง กวามกั้งใจทจะ:รักษา รจจรญญาหรือรจจปฏิญาณกี่ถูกเรยคทานบบกั้น กวามอคทนอคกลั้นกี่เรํ่ม อ่อนแรง จิกใจกี่เรํ่มร่นกลอนอ่อนไหวไม่อาจค้านกำรงซองลาภยศ ผลประ;โยซน และ:กิเลสอารมณทมากระ;ทบไค้นาน เมอรูแรงเลํยคทานบบกั้นเหล่านั้นไมไค้ กวามอคทนอคกลั้นกี่หมคกำรงลง ในทสุคกี่จะ:ยอมทั้งรจจะ:เลํย หันไปเสพ เสวยลาภยศ ผลประ;โยซน และ;กิเลสอารมณต่างๆ เหล่านั้นแทน ผู้ปราศ จากขันติจะ;ไม่อาจรักษากำรกยกำจริงไว่ใค้เช่นนั้ ล่วนผู้มขันติทั้มกำรงเหนึอ กว่ากำรงแห่งเหยํ่อล่อทั้งหลายเช่นลาภผลเป็นค้นเท่านั้นจึงจะ:สามารถพยุงใจ ให้อคทนอคกลั้นต่อกวามลำบากกรากกรำ ต่อลาภยศ ผลประ:โยซน และ; กิเลสอารมณต่างๆ เหล่านั้นไค้ และ;จะ;สามารถประ:กับประ;กองรจจะ;ให้คำรง กงยั่นอยู่ในกนไค้กลอกรอคนั้ง อกประ:การหนง เมกกาคือกวามหวังคืกวามปรารถนาคืม่งให้ผู้อน อยู่เยี่นเป็นสุข ปราศจากกวามเคือกร้อนนอนทุกฃค้วยจิกใจทั้บริสุทธิ เหมอน จิกใจซองบิคามารคาทั้มต่อบุกรธิคาซองคนนั้นกี่เป็นเหตุปิจจัยสนับสนุนให้ รักษารจจรญญาและ:รจจปฏิญาณทั่ให้กันไว่ไค้ กล่าวคือผู้มเมกกาธรรม ประ;จำยั่นอยู่ในจิกย่อมกิคผูกพันทจะ:ช่วยบำบัคทุกฃบำรุงสุขให้แก่ผู้อนแม้มิใช่ www.kalyanamitra.org
,๗'. สืจจวาจากถา เรื้อง คำ สัตย์ ญาติหรอพน้องของตนคัวยกวามบริสุทธิ้ใจ โคยไม่หวังผลตอบแทนโตๆ จากการกระทำของตน เมํ่อให้กำมั่นสิ'ญญาหรือพูคจาว่าจะช่วยเหลือเกอกูล เขาอย่างนั้นอย่างน ก็่จะไม่ละทงกำมั่นนั้น จะพยายามช่วยเหลือเก็้อกูลเขา ทุกวิถทาง ทุ่มเทกายใจและทรัพย่สินเท่าทมอยู่เพอให้สิาเร็่จประโยขนแก่ผู้อน บำ เพ็่ญฅนให้เป็นประโยขนอย่างมิรู้เหน็่คเหนอย ไม่กิคย่อท้อแม้จะมอุปสรรก เพราะมเมตตากอยกระคันเตือนใจอยู่ฅลอคเวลา ตราบใคทนั้าเมตตาในใจยัง ไม่เหือคแห้ง ก็่ยังจะมแรงบำเพี่ญประโยชนต่อไป สิจจะทใหืไว้ก็่จะยังไม่สลาย ลบเลือนไป เมตตาเป็นเหตุสนับสนุนใหืรักษาสิ'จจะเข้าไว[คัคัวยประการฉะนั้ จับกวามไคัว่าผู้ทรักษาสิจจะไว่ไคันั้นก็่เพราะมคุณธรรมตือตืล ขันติ และเมตตากอยประกับประกองกระตุ้นเตือนสติมิให้เลืยสิจจะอยู่เบองหลัง และแปลกวามไคัว่าผู้มลัจจะนั้นเป็นผู้ประกอบพร้อมมั่นกงอยู่คัวยตืล ขันติ และเมตตาอยู่ในจิตใจ หาไม่แล้วจะไม่อาจรักษาลัจจะไคัตลอคเลย กังนั้นผู้ มุ่งมั่นจะรักษาลัจจะจำคัองเพาะปมคุณตือตืล ขันติ และเมตตาให้เจริญงอกงาม ในตนเพอเป็นฐานแห่งลัจจะจึงจะสิาเร็่จประโยซนัตามทปรารถนา หาไม่แล้วจะ ไม่อาจรักษาลัจจะทั้งทเป็นลัจจลัญญาและลัจจปฏิญาณไคัตลอคไปเลย บุกกลผู้มลัจจะและรักษาลัจจะไว่ไคัย่อมไครับการยกย่องนับถือจาก บุกกลทั้วไป เพราะลัจจะนั้นเมั่อมมั่นกงแล้วจะก่งผลให้บุกกลเป็นกนซอลัตย่ มกวามจริงใจ เป็นกนทวางใจและไว้ใจไคทั้งต่อหน้าและลับหลัง โคยเฉพาะผู้ รักษาลัจจวาจาหรือผู้มวาจาลัตย่ย่อมจะเป็นผู้มวาจาสิทธิ ตือมกำพูคกักคิ้ สิทธิ พูคอย่างไรเป็นอย่างนั้น พูคอะไรออกไป บัณฑิตชนกนตืทั้งหลายย่อม ตระหนักกำนงและก่ากัญว่าคัองปฏิบัติตาม เพราะวาจาลัตย่ทลังสมอบรมจน ไคัทแล้วจะกลั่นกลายตัวเองมาเป็นวาจาสิทธิขนเรํ่อยๆ วาจาสิทธิของผู้ม วาจาลัตย่นั้นเป็นอาวุธอันก่ากัญทสามารถปราบและปรามเหล่าพาลซน กวามชั่วร้าย กวามทกฃยากเตือคร้อน ตลอคถืงกวามว่นวายทั้เกิคฃนไคัค www.kalyanamitra.org
M ธรรมฟ้าททศนา... พรรธรรมกิฅฅิวงส์ กว่าใซ้?โสฅราอาวุธต่างๆ แต่วาจาทจะมกนฟ้ง มกนเชอ มกนปฏิบัติกาม และจะ;เป็นอาว ติ'กติรทธิสามารถกำจัคปิคเป้ากวามทุกฃยากเกือกร้อนแล^ กวามเลวร้ายทังปวงไค้นั้นก้องเป็นวาจาร'ฅยทเปล่งออกมาจากปากชองยู้ม ร'จจะรักษาร'จจะมั่นกงเท่านั้น ล่วนวาจาชองผู้ปราศจากร'จจะ ไม่รักษา ร'จจะ แม้จะเสกสรรปีนแต่งให้สละสลวย ทังคูเพราะพรง ประกอบค้วยลลา หากแต่ปราศจากกวามจริง ปราศจากข้อเท็่จจริง และปราศจากกวามบริสุทธิ้ ใจ มุ่งแต่จะโหรายยูอนหรือมุ่งแต่ผลประโยชนล่วนกนเป็นล่ากัญ ชงแม้จะม กนทังเพราะถูกกับจริกของกน หรือแม้จะมกนเซํ่อเพราะมเหตุผลน่าเชอ วาจาเช่นนั้นก็่ใม่อาจกลายเป็นกำกักยกำจริงหรือเป็นกัจจวาจาไปไค้เลย ผูรู เท่าทันย่อมมองเห็่นไค้ว่าวาจาเช่นนั้นไม่มประโยชน่และไม่ประกอบค้วยธรรม ย่อมไม่ต่างอะไรกับวาจาชองเค็่กเล็้ยงแกะกามนิทานทเล่าชานกันมา อนง อันวาจาของผู้มกัจจะรักษากัจจะมั่นกงนอกจากจะกลายเป็น วาจารทธิทมอานุภาพในทางปราบปรามแล้ว ยังมกวามกักติสิทธิทสามารถ อำ นวยประโยชน!ห้เกิคฃนแก่ผู้ปฏิบัติกามไค้ ผู้!คให้กวามล่ากัญแก่วาจาเช่น นั้น ยินกืม้อมรับไปปฏิบัติกามค้วยศรัทธาและกวามเฅ็่มใจ ก็่จะเกิคเป็นกวาม เจริญรุ่งเรือง เป็นกวามล่าเร็่จสมปรารถนา สามารถแกํปีญหาอุปสรรกและ กวามทุกชยากเกือกร้อนทเกิคขนแก่ชวิกไคโกยไม่ยาก สามารถนำตัวให้รอก ปลอกกัยจากกวามเลวร้ายต่างๆ คำ เนินฃ็้นล่ทางแห่งสิริมงกลไค้อย่างไม่ กากกิก กรงกันข้าม ผู้!กไม่เห็่นกวามล่ากัญวาจาเช่นนั้น เมินเฉยเลยละเสิย ค้วยกิกว่าไม่มประโยชน่ทจะไล่ใจ ผู้นั้นย่อมไม่อาจนำกนให้พ้นจากภัยพิบัติ หรือปีญหาอุปสรรกต่างๆ ทเกิกขนไค้เลย มแต่จะวิบัติล่มจมหรือประสบกับ กวามเกือกร้อนนานาประการโกยถ่ายเคยว ทั้งนั้มิใช่เพราะวาจาสิทธินั้นให้ โทษ แต่เป็นเพราะผู้นั้นไมใครับอานิสงส์แห่งวาจาสิทธินั้นเท่านั้นเอง สมเค็่จพระมหากษักริยาธิราชเจ้าในพระบรมราชจักรืวงส์ทุกรัชกาลท ผ่านมาต่างทรงมพระราชปณิธานอย่างใกอย่างหนงและทรงทั้งไว้เป็นพระราช www.kalyanamitra.org
๙ สืจจวาจากถา เรอง คำ สัตย์ พรรเพุทธศาสนา จฟ้องกนขอบขณฑสิมา รกษาปรร;ชาชนแลมนตร\" คังน็้ ก็่ทรงปฏิบัติฅามพระราชปณิธานอันฟ้นเศมอนสิ'จจร'ญญานั้นด้วยพระ วิริยะธุฅสาหะสูงยํ่ง เพราะเป็นเวลาทบ้านเมืองกำสิงฅั้งอัวด้วยมการสร้าง เมืองหลวงใหม่และด้องบ้องบันภัยจากอริราชสิฅรูชงยังไม่หมดเสิยทเคยว จนบ้านเมืองเช้ารูกวามสงบ การพระศาสนา ติลปวิทยาการด่างๆ ดลอดกง การบริหารจัดการภายในพระนกรไครับการกอบกู้ฟ้นา5jให้อยู่ในสภาพเหมือน ครั้งกรุงเก่า จนสร้างเมืองหลวงใหม่และดั้งพระราชวงก่ใหม่สำเร็่จมั่นกงมา ตราบเท่า'ดุกวันนั้ และแม้สมเค็่จบรมบ'พิฅรพระราชสมภารเจ้าผู้ทรงพระคุณ อันประเสริฐเล่าก็่ทรงปฏิบัติเซ่นเคยวภัน กล่าวคือเมอกรั้งเสค็่จเถลิงถวัลย ราชสมบัติคืบพระราชสินฅติวงคืเมอเดือนมิถุนายน พุทธสิกราช ๒^๘๙ แล้วได้มืการพระราชพิธบรมราชาภิเษกดามโบราณฃัฅติยราชประเพณในวัน คุกรท ๕ พฤษภากม พุทธสิกราช ๒<1๙๓ ในวันนั้นได้พระราชทานพระ ปฐมบรมราชโองภารดามโบราณขัดติยราชประเพณด้วยการดั้งพระราชสิดยา ธิษฐานว่า \"เราจร!ครองแผ่นดินโดยธรรม เ'พอปรร;โยช'นสุขแฟงมหาชน ชาวสยาม\" คังนั้ พระราชสิดยาธิษฐานนั้นได้กลายเป็นพระสิจจวาจาอันสำกัญยงท'นำ กวามผาสุก กวามร่มเย็่น กวามเจริญรุ่งเรืองมาให้แก่พสกนิกรชาวสยาม และประเทศชาติบ้านเมืองมาดราบเท่าทุกวันนั้ ดลอดระยะเวลา \\ว0 ป็เศษ ทผ่านมานั้นทรงดำรงมั่นอยู่ในพระราชสิจจะทพระราชทานไว้อย่างเกร่งกรัด มิได้บกพร่องชาดหายไปแบ้แด่น้อย ทรง'ดุ่มเทพระวรกายและพระราชหฤทัย เ'พอด่อล้บับกวามยากจนชองพสกนิกร เ'พํ่อบำบัดทุกฃบำรุงสุขให้แก่มหาชน ทุกหมู่เหล่ามาโดยดลอด โดยทรงแกปิญหา ทรงหาแนวทาง ทรงด้นคว้า ทดลอง และทรงปฏิบัติการด่างๆ เ'พึ๋อให้[ด้ประโยชนํสุขแห่งมหาชนชาว www.kalyanamitra.org
IS รป®]^ ธรรมสารเทศนา... พระธรรมกิคฅิวงf[ สยามอย่างมิทรงรู้เหน็่คเหนอย กราใคประเทศชาติบ้านเมืองเกิคกวามกับขัน เกิคกวามขักแย้งรุนแรง ก็่จะพระราชทานพระราชกระแศพระราชดำรัสทเป็น เหมือนนํ้าทิพย่ชโลมใจให้ซุ่มเย็่น เป็นเหมือนแสงสว่างให้แก่ผู้มืคมิคมองไม่ เห็่นทาง เป็นเหมือนโอสถวิเศษทเยยวยาให้ผู้กนไค้กลายกวามเกรัยคห้วย กวามวิฅกกังวลและกวามส้นหวังเพราะหาทางออกไมให้ พระราชกระแส พระราชดำริ และพระราชดำรัสทพระราชทานในโอกาสค่างๆ นั้นกลายเป็น พระวาจาทส์ากัญกักติสิทธิ ทพสกนิกรและบัณฑิฅชนกนคทุกหมู่เหล่าค่างให้ กวามล่ากัญ มืใจจคจ่อใกร่ทจะไห้สกับเพื๋อเป็นสิริมงกลและเพอบ้อมรับไล่ เกล้าไปปฏิบัติคามโคยไม่มืเงึ๋อนไชทุกประการ ทเป็นกังนั้เพราะทรงดำรงมั่น อยูในพระราชกัจจวาจาทเป็นประโยชนและถูกธรรม เป็นไปคามกรรลองแห่ง ธรรมมาโคยคลอค พระราชจริยาทั้งปวงททรงปฏิบัติคามพระราชปณิธานอัน เป็นพระกัจจวาจาทํ่ครัสไว้กรั้งก่อนนั้นนอกจากจะเกิคผลเป็นประโยชนสุข แห่งมหาชนชาวสยามแล้วบังเป็นแบบอย่างแก่เหล่าบัณฑิคชนกนคให้ดำเนิน คามรอยพระยุกลบาทห้วยการคระหนักและรักษากำอัคย่กำจริงกันทุกถ้วน หน้าเพึ๋อรับประโยชนอานิสงล่ค่างๆ กังทรับพระราชทานถวายวิกัชนามา อิมินา กตปุญเฌน ห้วยอำนาจพระราชกุศลทักษิณานุปทานกิจทั้ สมเคี่จบรมบพิครพระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองกัทรงบำเพ็่ญพรร:ราชอุทิศ ในกรั้งนั้ ขอจงเป็นผลล่าเร็่จอำนวยให้เกิคเป็นทิพยสุฃทิพยสมบัติแค่สมเค็่จ พระบุรพมหากษัคริยาธิราชเจ้าและสมเค็่จพระบุรพอักรมเหล่ผู้ทรงพระกุณอัน ประเสริฐในพระบรมราชจักรัวงกํทุกๆ พระองกํ และแค่สมเค็่จพระบรมราช ชนก พระบรมราชชนน คามกวรแก่กตินิยมในกัมปรายภพจงทุกประการ รับ พระราชทานถวายวิกัชนาพระธรรมเทศนา ฉลองพระเคชพระคุณประกับพระ ปิญญาบารมื ยุติลงห้วยเวลาห้วยประการฉะนั้ ฯ ขอถวายพระพร www.kalyanamitra.org
มรณกถา เรื่อง ความตาย ฟ้พฺเพ ฟ้ตคา มริสุสนฺติ มรณนุคํ หิ ซวิตํ ยถากมฺมํ คมิสุสใป้ติ ปุฌฌปาปผลูปคาติฯ ff.ff. ร)&/<£os>/e)^ko. ^^ ^ ณ บัคน ฯกไค้แศคงพระธรรมเทศนาในมรณกถา เพอเพั๋มพูนกุศล ศรัทธาในการทกณะศงฆหนไค้รวม ๑<1 รังหว้ค กณะฟ้งฆประเทศมาเลเชย และคณะศงฆประเทศสิงกโปร ประกอบค้วยเค้าคณะภาค รองเค้าคณะภาค เค้าคณะรังหรัค รองเค้าคณะรังหวัค และพระสิงฆาธิการระคับต่างๆ ในหน ใค้และในฟ้องประเทศนั้น ซงมพระเคชพระคุณพระธรรมรัฅนากร เค้าคณะ ภาค ๑๘ และ&รักษาการแทนเค้าคณะใหญ่หนใค้เป็นประธาน ไค้ม ฟ้มานฉันทพร้อมกันมาบำ เพ็่ญกุศลเพํ่ออทิศถวายแค่พระมหาเถระแห่งวัค เบญฯมบพิตร ๒ รูปซงถงมรณภาพลงในเวลาใกล้เคยงกันและนั้งศพ พTJธทมกิฅฅิวง!^ (ทองค สุรเฅโซ ป.ธ.๙) วัศทชโอรสาทม เขฅจอมทอง กรุงเทพมหานกร แสกงในการบำเพื่ญพระกศถอทิกถวายพรtพรหมจริยาจารย (ฟ้มุท) แกะ พระธรรมวโรคม {บุญมา) ณ สาลาร้อยปี ฯ วักเบญจมบพิกร กรุงเทพมหานกร วันพธท 1๓๑ กุมภาพันธ พ.ส. l£D<§^<^0 เวลา 0๙.๓0 น. www.kalyanamitra.org
)๙น { ธรรมฟ้าททศนา... พระธรรมกิฅติวงส์ ป้าเพdญกุศลใกล้เกยงกัน คือพระเคชพระกุณพรหมาจริยาจารย อคืฅเจ้า อาวาสวัคเบญจมบพิฅร เจ้ากณะใหญ่หนไค้ และกรรมการมหาเถรสมาฅม และพระเคซพระกุณพระธรรมวโรคม อคืฅเจ้ากณะภาก ^๐ และกรรมการ มหาเถรสมาลม ทั้งนค้วยนํ้าใจอันประเสริฐกอปรค้วยการวธรรมและกฅัญฌู กตเวทิตาธรรมยังกวามปลาบปล็้มยินคืให้เกิคแก่กณะสงฆและกณะคืษยแห่ง วัคเบญจมบพิฅรเป็นทยั๋ง เป็นการมาให้กำลังใจและปลอบให้เกิคกวามเบิก บานแช่มซนหลังจากไค้สูญเคืยพระยูใหญ่อันเป็นเสาหลักของวัคไปถึงสองรูป พระเตชพระคุณพระพรหมจริยาจารย เป็นซาวจังหวัคอ่างทอง นาม เดิมว่า สมุท นามฉายาว่า รซฅวณฺโณ ไคริบการอุปสมบททวัคเบญจมบพิฅร นในวันเคืยวกันกับเจ้าประคุณสมเค็่จพระพุทธิวงศมน อคฅเจ้าอาวาสวัค เบญจมบพิตร และพระเคซพระคุณพระธรรมกิฅดิเวทิ ยูริกษาการแทนเจ้า อาวาสวัคเบญจมบพิตรในปิจจุบัน นับเป็นเรองน่าอัศจรรยัอ่วนหนง พระ เคซพระคุณถึงมรณภาพเมอวันท ๒}<L ธันวาคม พ.ศ. ๒}๕<1๙ ดิริรวม อายุไค้ ๘^ ป็ ๖ พรรษา อ่วนพระเคซพระคุณพระธรรมวโรคม เป็น ซาวจังหวัคนกรปฐม นามเดิมว่า บุญมา นามฉายาว่า คุณสมปนฺโน ก่อน ทจะมาอยู่ประจำทั้วัคเบญจมบพิครน!ค้เกยอยูทวัคหลักถึ อำ เภอบ้านแพ้ว และวัคปากนา ภาษเจริญ กรุงเทพฯ พระเคซพระคุณถึงมรณภาพเมอวันท ๒V) มกรากม พ.ศ. ๒๕๕0 หลังจากไค้ปฏิบัติหน้าทเป็นยูริกษาการแทน เจ้าอาวาสวัคเบญจมบพิตรโค้กรบ ๑ เคือนพอคื สิริรวมอายุไค้ ป็ ๕๗ พรรษา พระเคซพระคุณทั้งสองรูปเป็นพระมหาเถระทเป็นหลักของพระพุทธ ศาสนาในประเทศไทย ปฏิบัติหน้าทเพํ่อกวามเจริญของพระอาราม ของกณะ สงฆ และของพระศาสนาโคยลำคับค้วยกวามเริยบร้อย เจริญค้วยสมณคักคิ้ www.kalyanamitra.org
มรณกถา เรอง ความตาย แลร;หน้าทการงานมาโคยลำคับ กล่าวคือพระ:เคซพร::คุณพรร:พรหมจริยา จารย ก่อนทจร:คำรงตำแหน่งเ!)นเจ้าอาวาสวัคเบญจมบพิฅร เจ้ากณร:ใหญ่ หนไค้ แลร:กรรมการมหาเถรสมาคมนั้น ไค้เคยคำรงตำแหน่งลำกัญใน กิจการคณร:สงฆหลายตำแหน่ง เช่นเป็นเจ้าคณร:ภาค ๑๑ เป็นเจ้าคณร: ภาค ๕ เป็นเลขานุการแม่กองบาลสนามหลวงถึง ๓ แม่กอง พรร:เคซ พระ:คุณมความเชยวชาญไนเชิงกวอุย่างหาคัวจับยาก จงมผลงานค้านกว นิพนธออกมาเผยแพร่จำนวนมาก ซงมทั้งปรร:เภททเป็นโคลง ฉันท กาพย่ แลร:กลอน เช่นเพลงพ็้นบ้านปรร:เภทเพลงเรือ กาพย่เห่เรือ เป็นค้น แลร:ไค้ รับมอบหมายจากมหาเถรสมาคมไห้แตํงคำประ:พันธปรร:เภทคำฉันทแลร: กลอนสุภาพอาเคืยรวาทสคุคื ไนงานพรร:ราชพิธแลร:พิธลำคัญไนนามคณร: สงฆมาโคยคลอค นับไค้ว่าพรร:เคซพรร:คุณมความเป็นอัจฉริยะ:ทางค้านนั้อยู่ ไม่น้อย ล่วนพระ:เคชพรร:คุณพรร:ธรรมวโรคมก็่เป็นพรร:มหาเถรร:ทมคุณูปการ แก่คณะ:สงฆเป็นอย่างมาก คือคำรงตำแหน่งเป็นรองเจ้าคณะ:ภาค v? และ: เป็นเจ้าคณะ:ภาค V) เป็นกรรมการมหาเถรสมาคมคามลำคับ แค่งานลำกัญ ชองพระ:เคชพรร:คุณนั้นหนักไปทางการคืกษาชองพรร:สงฆ โคยเฉพาร:งาน สอนบาลอันเป็นหลักชองการคืกษาสงฆ ซึ๋งพรร:เคชพรร:คุณเป็นครูสอนบาล ประ:โยคสูงคือประ:โยค ป.ธ.๙ ไนโรงเรืยนพระ:ปริยัติธรรมล่วนกลางชองคณะ: สงฆทวัคสามพรร:ยามาทั้งแค่ค้น มความรู้'เชยวชาญไนภาษาบาลถึงชั้นเป็น หลัภไค้ เป็นเหตุไห้มติษย่มากมายกรร:จายอยู่ทั่วประแทศ พระ:เคชพระ:คุณ ทั้งสองเป็นพระ:มหาเถระ:ผูมคุณูปการแก่วัคแกสงฆและ:ติษย่คังทไค้พรรณนา มาโคยลังเฃปคังนั้ จึงเป็นทั้รักเค^พและ:นับถึอทั้งชองเพอนสหธรรมิก ชองคณะ:ติษย่ และ:พุทธสาสนิกซนทั่วไป เมอถึงมรณภาพไปโคยกร:ทันหัน ไม่ทันไค้ติค จึงเป็นเหตุไห้เกิคอาการลันไหวแก่คณะ:สงฆและ:คณะ:ติษยัใปซั่ว ชณร:เพราะ:ไม่คาคว่าห่านจะ:มาละ:ลังชารไปพร้อมๆ กันฉะ:นั้ แค่เมอคำนงถึงลัจธรรมชองซวิคแล้วก็่ย่อมคอบคำถามไห้ความกรร:จ่าง ไจไค้ว่าพรร:เคชพรร:คุณทั้งสองไค้ถึงทั่สุคแห่งซวิคแล้ว เป็นไปคามหลักแห่ง www.kalyanamitra.org
ol ธรรมสารเทศนา... พรรธรรมกิฅฅิวง4 สามัญลักษณร;แล้ว เพราร;ทสุคแห่งซวิฅเปีนเซ่นน ไม่ช้าณรื่ว แม้องคสมเค็่จ พรร;ซินสืห่ลัมมาลัมพุทธเช้ากฅรัสเสือนสฅิยู้กนในยุกนั้นเสมอๆ กังปรากฏ อยูในพรร;บาลอัยยิกาสูฅร ลังยุฅฅนิกาย สลาถวรรก ทไล้อัญเชิญมาเปีน นิกเขปบทเบองก้นว่า สพฺเพ สต.ตา มริสฺสน.ติ เปีนอาทิ ชงแปลเปีนกวาม ไทยโก้ว่า '๚รรพรตวทั้งหลายทั้งปวงจกต้องตายแน่ เพราร;ช้วิตมความตาย เปีนทั้สุด ลัตวทั้งหลายจกไปตามกรรม เข้ากงผลแห่งบุญแลร;บาป\" ดงนั้ กวามเคิมทเปีนเหตุให้พรร;พุทธองกฅรัสอย่างนั้มอยู่ว่า สมัยหนง พรร;เช้าปเสนทิโกศลกษัฅริย่แห่งพรร;นกรสาวัฅถเสค็่จเช้าเล้าพรร;พุทธเช้าทวัค พรร;เซฅวันแล้วกราบทูลว่า ''ข้าแต่พระองคผู้เจริญ พระอัยยิกาของหม่อมฉันชงทรงพระชราภาพ มาก ม่พระชนมายุ (ร)๒๐ พรรษา ไค้เdฅ็่จทิวงฅศเ^ยแล้ว พระองคทรง เป็นทรักเปีนทเการพของหม่อมฉันมาก หากหม่อมฉันจะพึงไล้สมหวังว่าพระ อัยยิกาของเราอย่าไล้ทิวงคฅเถย แม้ล้วยการใข้ข้างแก้วไปแถก ใข้ม้านต่วย ไปแลก ไข้ชนบทไปแถก หม่อมฉันก็่จะให้แถกไล้เพอให้สมหวัง พระพุทธเจ้า ข้า ศำ ทพระนู้มพระกากเจ้าไล้ตรัสไว้ว่า อัฅว่ทั้งหลายทั้งปวงมกวามตายเป็น ธรรมตา มกวามตายเป็นทสุต ไม่ถ่วงพ้นกวามตายไปไล้เลย อังนทั้น เป็น กำ ทถูกล้อง เป็นกำม่าอัสจรรย่ ไม่น่าแปลกใจเลย\" พรร;ล้มพรร;กากเช้าตรัสว่า \"ข้อนั้นเป็นอย่างนั้น มหาบพิตร ข้ตว้ ทัง้ หลายทงปวงมความตายเป็นรรรมดา มความตายเป็นทสุด ไม'ล่วงพ้น ความตายไปได้เลย ปีก'อนมหาบพิตร ภาชนะดินชนิดใดชนิดหนง ทัง้ทึ๋ดิบ ทัง้ทสุก ภาชนะดินเหล่านั้นทั้งหมดล้วนมความแตกเป็นรรรมดา มความ แตกเป็นทสุด เพราะชวิตมความตายเป็นทสุด ล้ตว้ทั้งหลายจ้กไปตาม กรรม เข้าลงผลแห่งบุญบาป คึ^ห่าบาปกรรมไว้จุกไป^นรก ผู้ห่าบุญ กรรมไว้จกไปล่สุคดิ เพราะฉะนน พึงห่ากรรมทงตงามอนจะนำไปล่ www.kalyanamitra.org
o« มรณกถา เรอง ความตาย ร'มปรายภพรงสมไว้เถิด เพราร!บุญทั้งหลายย่อมเปีนทึ๋พงชองเหล่าว้ตว้ ในปรโลก\" คังน จากพระพทธคำรสนชให้เห็่นว่า พวกเราทเกิคมาทุกคนนกำลังเดินทาง ไปส่'รุดสุคท้ายแห่งซวิฅกันทั้งร้น ไม่มไกรหยุดไม่มไกรพักอยู่กลางทางได้ ด้อง เดินไปเรือยๆ 'จนกว่า'จะกง'รุดทมาย เหมือนดวงอาทิฅยทั้ขนมาทางบูรพา ทิศแล้วโก'จรเรอยไปจนกว่าจะดกดินโดยไม่มืการหยุดไนระหว่างฉะนั้น อนจุด หมายปลายทางของชวิตนั้นก็่คือมรณะหรือความตาย ชงเราเรืยกขานกัน ว่ามจจุราชหรือพญามจจุราชนั่นเอง ทุกกนทเกิดมาไม่มืไกรไครับรทธิพิเศษ จากมัจจุราช ทั้งมัจจุราชเองกึ๋!ม่เกยไห้สิทธิพิเศษเซ่นนั้นแกไกร และไม่เห็่นแก่ หน้าไกรทั้งร้น ยุติธรรมและเทยงฅรงทสุดกว่าทุกสิงไนโลก กนเราทุกกนอาจ ไครับสิทธิพิเศษหรือไครับการผ่อนผันไนบางเรองบางอย่างและจากบางกน เซ่นชอผ่อนผันหนั้สินก็่ได้ ชอผ่อนผันเลอนเวลาก่งชองก็่ได้ ชอผ่อนผัน ยกเว้นไม่ด้องไปไม่ด้องเป็นเหมือนกนอึ๋นก็่ได้ แด่กับมัจจุราชย่อมจะผ่อนผัน ไมได้แน่นอน ไม่ว่าผู้นั้นกำลังเสวยสุชอยู่กับกรอบกรัวไนบ้าน กำ ลังท่อง เทั้ยวอยู่ในทสาธารณะ หรือกำลังเดินทางไปประกอบอาซ่พ หรือโดยทั้สุดแม้ กำ ลังจะทำบุญทำกวามดอยู่ เมอถึงเวลาชองไกร มัจจุราชก็่มากร่าชวิฅชอง ผู้นั้นไปทันทิ แด่ถึงกระนั้นก็่ฅาม มัจจุราชก็่ยังมืเมฅฅาด่อกนเราอยู่ใม่น้อย คือก่อนทื่จะมาเอาชวิฅไปนั้นได้ก่งลูกน้องมาเคือนไหรู้ฅัวก่อนเสมอ อันลูก น้องชองมัจจุราชนั้นก็่คือพยาธิกับชราหรือกวามเจ็่บกับกวามแก่นั่นเอง ทัง สองนั้เป็นมือชวาและมือซ้ายชองมัจจุราช มืกวามซอลัดย่ด่อมัจจุราชและ เทยงดรงเหมือนมัจจุราช ไม่ผ่อนผันไหไกรทั้งร้น ดังนั้นเมอพยาธิหรือชรา อย่างไดอย่างหนั่งหรือทั้งสองอย่างปรากฏทดัวผู้!ด ผู้นั้นพิงรู้เถิดว่ามัจจุราช ได้มาเคือนไหรู้ดัวแล้ว จะทำอะไรก็่ไหรบๆ ทำ เถึย อย่าได้มัวประมาทหรือมัว โอ้เอ้อยู่ ไม่ซ้าไม่นานมักมัจจุราชก็่จักเดินทางมาถึงและนำซวิดไป เท่ากับ เป็นการเคือนไจเคือนสดิมืไห้ประมาทนั่นเอง www.kalyanamitra.org
[เแ^] ธรรมสาททศนา... พรรธรรมกิฅฅิวง ธรรมคายู้ทไม่เกยนึกถงความฅายของฅน มัวประ:มาทเผลอไผลอยู่ว่า คัว'จะ:ยังไม่ตายง่ายๆ มัวหลงเพลิคเพลินกับกวามสนุกสนานกับการใพฅ หลงฅิคอยู่กับการแสวงหาลาภหาเกยรติยศราไป ณฺป็นเหตุไหไม่รูคักอํ่มไม่ร้ จักเฅ็่ม พร่องอยู่เรนนิ'จ เหมือนกับมหาสมุทรทไมอมนํ้าและ:เหมอนกับไฟท ไม่อํ่มเซอ เขาผูยังไม่กิคเบอนั้นจึงฅกเรนทาสของกวามทะ:ยานอยากยํ่งๆ ซนไป'จนหาทสุคมิไค้ ซวิฅจึงเฅ็่มไปค้วยการคิ้นรนฅ่อค้และ:การแข่งขันชิงคซิง เค่นกัน เพราะ:ไม่เกยนึกถึงเรองตาย ไม่เกยนึกว่าไม่ข้าตนก็่จะ;ต้อง'จากทุกลิง ทุกอย่างทคนรนหามาไว้นั้นไป ไม่มืสมบัติอะ;ไรทจะ:ติคตามตนไปไค้เลยเฌแต่ กักอย่างเคยว เพราะ:ไม่เกยกิคอย่างนั้ จึงทำไห!ม่รูจักอํ่มไม่รู้จักพอ เพราะ: ไมอมไม่พอ จึงคนรนแสวงหา เพราะ:ต้องคนรนแสวงหาอยู่เสมอจึงวิตกทกข่ ร้อนลำบากอยู่เรนนิจ เมอยังไม่ไค้ตามทกิคปรารถนาไว ก็่คิ้นรนมากขุน กระ:แสแห่งกวามอยากกวามต้องการก็่ยํ่งไหลท่วมท้นและ;ท่วมทับไจมากยง ซน หรือเมํ่อไค้มาแล้วก็่ยังต้องคแลรักษาและ:วิตกกังวลกกัวลิงนั้นจะ;หลุค จากมือตนไป เรนการเพั๋มกวามคนรนทุกข่ร้อนยั๋งขนไปอกขั้นหนึ่ง การทจะ; ไท้ผู้นั้นมานึกเห็่นอกเห็่นใจกนอน นึกเลิยสละ;ข่วยเหลือผูอนค้วยกวามเฅ็่มไจ โคยไม่หวังผลตอบแทนนั้นก็่ย่อมเรนการยากนักหนา ยากกว่าการเฃ็่นกรก ขั้นภูเขาอย่างกำพังเพยโบราณว่า เขาย่อมเห็่นแก่ประ:โยซนึลํวนตนมากกว่า ประ:โยชนึของลํวนรวม ท่านว่า การทต้องเลืยสลร;หรือการทต้องบริจาคนั้น ฟ้นความทุกขอย่างแสนสาหสของผู้ทยังไม่พอรงไมอม การทจร;ต้องเรย สลร;ต้วยความจำเรน เรนความทรมานใจอย่างยงส์าหรับผู้นั้น ตรงกันข้าม ขู้มสติระ:ลืกลืงกวามตายอยู่เสมอหรือผู้มมรณสติเรนอารมณ ย่อมเห็่นว่าสมบัติพัสถานทั้งหลายไนโลกนั้ล้วนเป็นของกลางประ;จำโลก เป็นลิง อำ นวยกวามสุขไท้แก่กนไนโลกไคกซั่วระ:ยะ:หนึ่งเท่านั้น ไม่ข้าพลันตนก็่ต้อง จากสมบัติเหล่านั้นไปเอง หรือไม่สมบัติเหล่านั้นก็่จะ:ต้องจากตนไป เมอมืสติ บัญญาหรือกวามสามารถหามาไต้จนเหลือกินเหลือไข้แล้วก็่กิคว่าเท่านั้ก็่ เพัยงพอแล้วลำหรับเลยงคัวเองและ:กรอบกรัวไท้เป็นสขไต้ ล่วนทเหลือนั้น www.kalyanamitra.org
©๗ มรณกถา เรอง ความตาย ไซ!ฑกวร'จะเจือจานแบ่งปินไปถงยูอนifาง เมึ๋อคิคไค้พงนกวามรู้จักอํ่มรู้จัก พอย่อมพอกพูนขนในใจ เมออํ่มไค้พอเป็นก็่ไม่ต้องคนรน เมอไม่ต้องคนรน ก็่ไม่ต้องทุกฃร้อนไม่ต้องวิตกกังวลอะไร เมํ่ออํ่มไต้พอเป็นประตูใจณป็คกว้าง สามารถปล่อยไต้วางไต้ สามารถนำทรัพย่สมบัฅิของตนออกมาเจือจานหว่าน เป็นประโยซนํแก่กนอื๋นไต้ แมไม่มสมบัติวัตถุอะไรจะเสิยสละ ก็่ซ่วยเหลือ เกอกูลยูอนต้วยพละลือกำลังกายกำลังกวามกิคหรือต้วยเลือคต้วยเนอซอง ตน บุกกลเซ่นนย่อมมกวามสุขอยู่ต้วยการช่วยเหลือยูอนไต้ช่วยเหลือยูอื่น แล้วก็่มกวามสุขใจมกวามอมใจ ลักษณะวิลัยเช่นนจัคเป็นคุณสมบัติของมหา บุรุษโคยแทั อันทจริง การบริจากการเลืยสละเพํ่อช่วยเหลือเกอกูลแก่ยูอึ่นนั้นมิใช่ เพยงก่อให้เกิคกวามสุขเกิคกวามสบายใจแก'ผู้บริจากผู้เลืยสละเฉพาะใน ชจ'รุบันเท่านั้น การบริจากการเลืยสละไปนั้นย่อมติคตามล่งผลให้มกวามสุข ในภพขาติฅ่อไปต้วย เพราะการบริจากการเลืยสละต้วยจิตทม่งประโยขนํ เกอกูล เพออนเกราะหสงเกราะหแก'ผูอึ๋น เพอให้เขาพ้นจากกวามทุกฃ ไต้ รับกวามสุขตามสมกวรแก'อัตภาพนั้นจัคเป็นบุญกิริยาลือเป็นการทำบุญอย่าง หนง เมอเป็นการทำบุญ ก็่ย'อมจะมผลติคตามตนผู้ทำไปในททุกหนแห่ง ข้อ นั้ย่อมแ'จ่มแจ้งตามทสมเค็่จพระลัมมาลัมพทธเจ้าตรัสรับรองไวั้ในลังกมยุตต นิกาย สกาถวรรกว่า อุโภ ปุณฌฌจ ปาปฌจ ยํ มจฺโจ กุรุเต อิธ ตํ หิ ตฟ้ส สกํ โหติ ฅฌจ อาทาย คจฺฉติ ตฌฺจสฺส อนุคํ โหติ ฉายาว อนุปายิน ฯ แปลกวามว่า \"บุญและบาปทั้งสองทบุคคลทำไว้!นโลกนั้ ปอมเป็น สมบัติของผู้นั้น ผู้นั้นย่อมน่าไปด้วยได้ และบุญและบาปนั้นย่อมติดตามผู้ นั้นไปเหมึอนเงาติดตามตวฉะนั้น'' www.kalyanamitra.org
in ii ธรรมสารเทศนา... พระธรรมกิคฅิวง!^ อนง ทรพยสมบัติทไค้บริจาคหรอเส์ยสล::ไปนั้นเท่ากับว่าไค้นำออกไป ฝากไว้เพํ่อเก็่บคอกเบยกินในปรโลก เปรยบเหมือนการนำทรัพยไปฝาก ธนาคารไว้ ชงนอกจากจะไค้คอกเบยแล้วบังไค้ความปลอคกัย ทำ ให้เจ้าของ หายห่วงหมคกังวล จะเบิกใซ้เมํ่อใคหรือถอนคืนเมอใคก็่โค้ แม้บ้านคนเองจะ ถูกโจรกัย ถูกอัคคืกัย หรือถูกอุทกกัยจนถึงพินาศร้นสูญไป แค่ทรัพยทฝาก ไว้ก็่ปลอคจากกัยเหล่านั้น ยังเป็นของเจ้าของอยู่นั้นเอง ฉันไค ทรัพยท บริจาคเถึยสละไปในทางบุญนั้นก็่เปรืยบไค้ฉันนั้น กล่าวคือย่อมติคคามเป็น สมบัติของยู้นั้นไปทุกหนแห่ง และเปรยบเหมือนเมอบ้านถูกไฟไหม้อยู่ เจ้าของบ้านย่อมหนออกจากบ้านเพอเอาคัวรอค และย่อมหยิบฉวยทรัพย่ สมบัติทพอจะหยิบฉวยไค้ออกไปค้วย หยิบฉวยออกไปไค้เท่าไค ขนออกไปไค้ เท่าไค ก็่ยังเป็นของเจ้าของเท่านั้น เจ้าของย่อมไค้กินไคใช้เท่านั้น ล่วนท เหลือกถูกไฟไหม้!มให้ประโยซนํอกค่อไป ฉันใคก็่ฉันนั้น คนเราเมอจำค้องจาก โลกนั้!ปค้วยนั้ามือมัจจุราช ก็่มืแค่บุญและบาปเท่านั้นทจะนำติคคัวไปค้วยไค้ และทรัพย่สมบัติทขนออกไปค้วยการทำบุญค้วยการเลืยสละเท่านั้นทจะ ติคคามคนเราไป ค้วยเหฅุนั้ สมเค็่จพระจอมไฅรกัมมาร'มพุทธเจ้าจึงฅรัส เคือนไว้!นทุติยเทวพราหมณสูฅร ติกนิบาฅ อังคุฅฅรนิกายว่า อาทิต.ตสฺมื อคารฟ้มื ยํ นหรติ ภาซนํ ตํ ฅสฺส โหติ อต.ถาย โน จยํ ตตุถ ฑย.หติ ฯ แปลความว่า \"เมึ๋อเรือนถูกไฟไหม้ สิงของใคน่าออกไปได้ สิงของ นั้นย่อมเป็นประโยชนแก่เขา ล่วนสิงของใดถูกไฟไหม้อยู่ในเรือนนั้น สิงของนั้นย่อมไม่เป็นประโยชน่เช่นนั้น เมอชาวโลกถูกชราและมรณะเผา ไหม้อยู่ก็่ฉันนั้น ผู้ฉลาดควรน่าทรัพย่ออกไปด้วยการให้ทานนั้นเทิยว สิงทึ๋ บริจาคไปแล้วนั้นย่อมเป็นอนขนออกไปดแล้ว\" คังนั้ เมอทราบซัคคังนั้แล้ว บัณฑิฅชนผู้มืปีญญาจึงใช้ซวิฅให้มืค่าและคุ้มค่า www.kalyanamitra.org
ๆ0๙ มรณกถา เรื้อง ความตาย ก่อนทจะถงมือมัจจุราช ด้วยการปรร;กอบร่งทเป็นปรฟ้ยซน สร้างสิงทเป็น สารร;แก่นสารให้แก่ฅัวเองแล^ยูอน สร้างสิงอำนวยสุขให้แก่ฅัวเองในขณร;ท ยังมืซวิฅอยู่ โคยไม่เบยคเบยนใคร ไม่ทำให้ใครเคือคร้อน แลร;สร้างสรรคสิง ทเป็นปรร:โยซนแก่สิ'งกมแลร;ปรร;เทศชาติบ้านเมืองคามกำลังแลร;ความ สามารถ อันจักเป็นอนุสรโน!ห้ยู้อยู่เบองหลังรร;ลึกถึงอยู่ใม่รู้ลมแลร;นำไปเป็น แบบอย่างในการคำรงคน สมเคื่จพระ;ทศพลฅรัสว่า บุคคลเช่นนเป็นคนไม่ ปรร;มาท คนไม่ปรร!มาทนั้นแม้จร;ตายไปแล้วก็่ชึ๋อว่ายงไม่ตาย เพราร; ปรฟ้ยชนทรังสรรค!ว้นั้นยงมืปรากฏอยู่ในโคก ตรงกนข้ามผู้!มใด้คำนงถึง ข้อนั้ ไมใด!ส่ใจทจร;ขนทรพยสมบติออกไปฝากไว้ยงปรโลก มุ่งกินมุ่งไช!ห้ ตนเองแลร;คนรอบข้างอยู่เป็นสุข หรือใช้ชวิตใข้ทรัพยใช้!(ญญาทฺมือยู่ แสวงหาแต่ลาภ ยศ สรรเสริญเพอตนให้ยงฃ็้นไป โดยไมใต่ใจทจร;เกั้อกูล แก่คนอึ๋นหรือแก่ลังคมทม้!ช่ญาติมี่ใช่พวกพ้องของตว ย่อมจร!ได้ชึ๋อว่าเป็น ผ้ปรร!มาทแห้ อนคนปรร!มาทนั้นแม้จร!ยงมี่ชวิตอยู่ ท่านว่าก็่เหมือนกบคน ทตายแล้ว คนปรร!มาทกบคนไม่ปรร!มาทมืลักษณร;แลร!มี่พฤติกรรมต่างกน คังนั้ เพราร:เหตุนั้น เหล่าเมธซนคนฉลาคทั้งหลายทราบขัคคังนั้แล้วพึง บริหารจัคการทรัพย่สมมัติทหาได้ทรวบรวมเก็่บสร;สมไว้!ด้ด้วยสุจริฅธรรม ด้วยความซยันหมั่น ด้วยสมองและ;สองมือให้เป็นไปคามหลักแห่งธรรม กล่าวคือพึงบริโภคด้วยตนเองด้วยล่วนหนง แลร;เลิ้ยงคูบิคามารคา บุฅร ภรรยา มิครสหาย แลร;ลัมพันธซนคนใกล้ชิคให้เป็นสุซ ไมให้ฃาคแคลน แร้นแค้นด้วยล่วนหนง อกล่วนหนงพึงบริจาคให้เป็นทาน เก็้อกูลอุคหนุนให้ ผูอนคามกำลังอันสมควร ไม่พึงปรร;มาทมัวเมาอยู่ด้วยลาภ ด้วยยศ ด้วย สรรเสริญ แลร;ด้วยสุขอันประ;สบอยู่ เพราร;ว่าวันคืนย่อมล่วงเลยไป วัยก็่ ผ่านไป ชราแลร;พยาธิก็่รุกเซ้ามา ความคายกี่ใกล้เข้ามาทุกซณร; อายุกี่สิน ไปเรอยๆ ตุจนํ้าแห่งแม่นั้าน้อยทเห้อคแห้งลงทุกวันเพราร;ถูกแสงแคคแผค www.kalyanamitra.org
เริ^ ธรรมสา!เทศนา... พระธรรมกิฅฅิวงส์ เผาราไปฉ2นั้น เพื๋อไม่ต้องไฬอว่าเป็นกนปร::มาท ท่านจงแนฝาไว้ว่าควร ทำ กิ'จทควรทำกือกวามคแลiบุญกุศลเส์ยแต่วันนั้แหละ ใครเล่า'จะรู้ว่าความ ฅาย'จะมมาในวันพรุ่งนั้ เราทั้งหลายจะขอผ่อนผันผัคเพิ้ยนมั'จ'รุราชยู้มเสนา ใหญ่หาไต้[ม' ผู้มปิญญารู้ชัคถึงเนั้อความแห่งถ้อยกำเหล่านั้คแล้ว พึงปฏิบัติ จัคการซวิฅโคยประการทซวิฅจะไม่เป็นโมฆะสูญเปล่าเถิค การทคณะศงฆ ๑<i จังหวัคภาคใต้ คณะสงฆประเทศมาเลเชย และ คณะสงฆประเทศรงคโปร นำ โคยพระเคชพระกุณพระธรรมรัฅนากร เจ้าคณะ ภาค ๑๘ และยูรักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่หนใต้เป็นประธาน ไคมสมานฉันทํ พร้อมกันมาบำเพ็่ญกุศลเพอ'อุทิศถวายพระเคชพระคุณพระพรหมจริยาจารย รชฅวัณณมหาเถระ และพระเคชพระคุณพระธรรมวโรคม คุณล้มปีนนมหาเถระ ในวันนั้ย่อมเป็นทิฏฐานุคติแก'คณะสงฆคณะติษยสืบไม่[นภายหน้า ต้วยว่าไต้ ทำ ไว้[ห้เป็นแบบอย่างคามเซิงชั้นแท่งบัณฑิตชนผู้มคุณธรรม ย่อมนำให้เกิค ผลทั้งแก'ผู้ปฏิบัติจัคทำเป็นความเจริญรุ่งเริองในพระธรรมวินัยยงๆ ขนไป แล้วยังเป็นผลให้เกิคสุขในล้มปรายภพแก'ผู้ทฅั้งใจอุทิศวิบากแห่งบุญนั้[ปให้ ต้วย จึงขออนุโมทนาไว้ ณ โอกาสนั้ อิมินา กตปุณ.เฌน ต้วยอำนาจบุญกิริยาปีคติทานนัยกุศลชงคณะ สงฆ ๑<1 จังหวัคภาคใต้ คณะสงฆประเทศมาเลเซิย และคณะสงฆประเทศ รงคโปร คลอคถึงติษยานุติษย่สาธุชนผู้มใจงคงามทั้งหลายไต้ร่วมกันนำเพ็่ญ ให้เป็นไม่[นโอกาสนั้ ขอจงเป็นพลวปีจจัยบังเกิคเป็นอิฏฐมนุญผลวิปากสมบัติ อันเป็นทิพย่แต่พระเคชพระคุณพระพรหมจริยาจารย่ รชควัณณมหาเถระ และ พระเคชพระคุณพระธรรมวโรคม คุณล้มปีนนมหาเถระ ในล้มปรายภพไหยง ขนไปสมเจฅนาปรารภของทุกท่านคลอคจิรัฐติกาล รับประทานแสคงพระ ธรรมเทศนาในมรณกถาสมสมัยไต้เวลา ขอยุติลงคงไว้แค'เพึยงเท่านั้. เอวํ ก็่มต้วยประการฉะนั้ ฯ www.kalyanamitra.org
^.- พ อัปปมายุกถา เรื่อง อายนื้น้อ่ยนัก อปฺปมายุ มนุสฺสานํ หเฬย.ย นํ สุโปริใส นต.ถิ มจฺจุสฺส นาคโมติฯ จเรย.ยาทิต.ตส์โสว (f. ร>๕/d^ko/e>๕<M. ^^ ณ บัคน็้จักแสดงพระ:ธรรมเทศนาในอัปปมายุกถา อนุโมทนาในส่วน กุศลทักขิณานุปทานกิจทกณะ:ยู้บริหารและ:เจ้าหน้าทส์านักงานแม่กองธรรม สนามหลวง นำ โดยพระ:เดชพระ:กุณพระ:พรหมนุน แม่กองธรรมสนามหลวง พร้อมด้วยเพํ่อนสหธรรมิก ญาติมิดรวิสสารกชน และ:ท่านทเการพนับถือได้ ร่วมกันบำเพ็่ญให้เป็นไปเพออุทิศถวายท่านเจ้ากุณพระ:เทพวิริยากรณ อคดยู้ ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม และ:อคฅรองแม่กองธรรมสนามหลวง ผู้ถึงมรณภาพมาบรรจบกรมรอบปิญญาสมวารห้ารบวันในวันน นับเป็นนํ้าใจ _ _.I _ ^ เ^ II V ร-' ๘1 1 ca a- eL อันเบนรง พรรธรรมกิตติวงเ^ (ทองติ อุรเตโข ป.ธ.๙) วัตราซโอรฟ้าราม กรุงเทพฯ นฟ้ตงในการบำเพ็่ญ พระกุฟ้ถฮฺญญาฟ้มวาร พระเทพวิริยากรณ (เฉย เขมโก) ณ วัตอุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ วันวันทรท ๒๑ ทมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๕0 www.kalyanamitra.org
iic?ij ธทมฟ้ารเทศนา... พระธรรมกิฅคิวงfi ทสิ'ปปุริสซนกนคทั้งหลายปร^พฤติปฏิบัติสืบเนํ่องกันมาแต่บรรพกาล คัวยว่า ท่านท้าคุณยู้มรณภาพนั้นขณะทบังมซวิฅอยู่ไคับำเพ็่ญกรณยกิจอันเป็น ประโยซนแก่พระอาราม แก่การคณะลงฆ และแก่พระศาลนามาฅลอคระยะ เวลายาวนาน ท่านเจ้าคุณพระเทพวิริยากรณ มนามเติมว่า เฉย นามลกุลว่า คันธาวัณน นามฉายาว่า เฃมโก เป็นซาวอำเภอหนองแซง จังหวัคลระบุร ไคัอุปลมบททวัคเซาติน อำ เภอหนองแซง จังหวัคลระบุร เมอ พ.ศ. ๒๕๙๓ ต่อมาไคัย้ายมาอยู่ทวัคลุทัศนเทพวราราม ไคัสืกษาเล่าเรยนทั้งทางธรรมและ ทางโลกจนลอบไคัเป็นเปรยญ ๕ ประโยก และวิซาซคกรูพิเศษประถม (พ.ป.) จากนั้นก็่ไคัช่วยเหสือกิจการกณะลงฆทั้งในวัคและล่วนรวม เป็นคันว่าเป็น เลขานุการวัคลุทัศนเทพวราราม เป็นเลขานุการล่านักเรยนวัคลุทัศนเทพวรา ราม เป็นเลขานุการเจ้ากณะกาก ๑ เป็นผู้ช่วยอาจารย้!หญ่ เป็นผู้ช่วยเจ้า ล่านักเรยน เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาล เป็นรองแม่กองธรรมลนามหลวงฝ่าย ธรรมสืกษา เป็นคัน ต่อมาเมอมพรรษายุกาลมากขนจึงไคัผ่อนเพลางานบาง ตำ แหน่งลง และเกิคอาพาธเบยคเบยนจนถึงมรณภาพเมอวันท ๓ มกรากม ศกนั้ รริอายุไคั ๗๗ ป็ พรรษา ๕๗ ท่านเจ้าคุณผู้มรณภาพแม้จะเป็นทรักทเการพของไกรต่อไกร ไคัช่วย เหสือเกอกูลไกรต่อไกรไว้มากประการไคกี่คาม แต่เมอยามมาถึงคัวเองท่านกี่ ไม่อาจช่วยเหสือฅนไห้อยู่รอคพ้นปลอคกัยจากวิอัยแห่งนัจจราซฅามทปรารถนา กันไคั จึงเมอวันท ๓ มกรากม ศกนั้ ท่านกี่จากทุกกนไปอย่างไม่มวันกลับ นับอายุไคั ๗๗ ป็เศษ เขฅอายุขนาคนั้ถึอว่าไม่มากแต่กี่ใม่น้อย เพราะว่า เกณฑอายุโคยเฉลยของกนไนลนัยปิจจุบันท่านว่าอยู่ไนประมาณ ๗๕ ป็ เท่านั้น ทั้งนั้กี่เป็นไปคามพระพุทธพจน่ทลมเคี่จพระบรมลุกฅลัมมาลัมพุทธ เจ้าครัลไว้ ปรากฏไนพระบาลปฐมอายุลูคร ลังยุคคนิกาย ลกาถวรรก ทั้ไคั www.kalyanamitra.org
อัปปมายุกถา เรึ๋อง อายุนนจยนัก อัญเชิญมาเป็นนิกเฃปบทเทศนานั้นว่า อปฺปมายุ มนุสฺสาป้ เป็นอาทิ แปล กวามว่า \"อายุของมนุษยทั้งหลายน้อย คนดควรดูหมนอายุนั้นเสิย พง ปรร;พฤติดุจคนทถูกMหน้สืรษร; ไมมวันทมจจุราชจร;ไม่มา\" คังนั้ กำ ว่า อายุ ในพระ:บาลนั้โคยใจกวามกื่กือร::ยะกาลทซวิฅกำรงอยู่นับแฅ่ เกิคจนกายนั่นเอง ช่วงระ:หว่างเกิกกับกายนั้นิยมกำหนคนับเป็นวัน เป็นเคึอน เป็นป็กัน เรยกว่ามอายุเท่านั้นเท่านั้ ซงก็่หมายกวามว่ามซวิกอยู่มาไค้ เท่านั้นวัน เท่านั้เคือน เท่านั้ป็ อันอายุหรือซวิกของมนุษยนั้องกํศมเค็่จพระ: จอมบุนอัมมาร'มพุทธเจ้ากรัศว่าน้อยกอนั้นนัก ไม่ซ้าก็่จักหมกไป กนทเป็น อยู่ไค้นานย่อมเป็นอยูใค้เพยงร้อยป็ หรืออาจจะ:อยู่ไค้เกินร้อยป็บ้างก็่มไม่ มากแทบจะ:นับตัวไค้ เท่ากับทรงชไห้เห็่นศภาพกวามเป็นจริงว่าอายุกาลของ ซวิกทุกชิวิกนั้นมไม่มาก หากกำรงอยูใค้กามปกติโกยไม่มอะ:ไรมาทำอันกราย หรือมานั่นทอนไหซวิกนั้นลงกลางตันกี่คำรงอยู่ไค้ประ:มาณร้อยป็ เป็นเช่นนั้ ทุกซวิก แก่โกยข้อเท็่จจริงซวิกทุกซวิกนั้นมอันกรายทจะ:เข้ามาตักรอนไหนั้น ลงมากมาย ทั้งอันกรายภายนอกและ:อันกรายภายไน อันตรายภายนอกนั้น หมายถึงร่งทอยู่รอบๆ ตัวทมานั่นทอนอายุทำไหชวิกหมกนั้นไป ไค้แก่อุบัติเหตุ กะ:ทันหันจาภรถบ้างเรือบ้าง จากเกรองมอหรืออุปกรโนทำงานบ้าง จาก ยู้กนทเป็นตักรูกันบ้าง จากอักว่ร้ายนานาชนิคบ้าง และ:จากภัยก่างๆ เป็นค้นว่าอุทกภัยอักกกัย หรือแม้แก่อาหารทบริโภกเข้าไปเกินพอคื อากาศ ทเป็นพิษทหายไจเข้าไปกลอกเวลาล้วนนำพาไห้เกิคอันกรายแก่ซวิก ทำ ไห้ อายุนั้นพอันกายไค้ทั้งนั้น รวนอันตรายภายไนกี่คืออันกรายทั้เกิคจากกวาม ไข้เจ็่บประ:จำตัวหรือจากโรกร้ายแรงทั้เกิคฃนไนร่างกายอย่างไคอย่างหนั่ง แม้ว่าจะ:ไค้พยายามเยยวยารักษากี่พอบรรเทาลงไค้ชั่วระ:ยะ:หนั่ง ท้ายทศุกกี่ พรากซวิกไป อันกรายภายไนแห'งซวิกทส์าตัญอกประ:การหนั่งคือวิบากแท่ง กรรมทร้ายแรงคือปาณาติบากทเกยทำไว้ไนอคืกซงประ:กบกามติคมาทุกภพ www.kalyanamitra.org
ธรรมสารเทศนา... พระเธรรมกิฅฅิวงเ^ ทุกซาฅิ เมอมาทันกันจึงสถัคกั้นอายุให้หมดลงปลงซวิฅใหสันไปเสิย โคยให้ เจ้าของกรรมนั้นถึงแก่กวามฅายในวัยอันไม่สมกวรทเรยกว่าอกาลมรณะ เหล่านั้กืออันฅรายททำให้อายุน้อยทำให^วิฅกั้น อันฅรายกั้งภายในภายนอก กอยประกบซวิฅอยู่ดลอดเวลาเหมือนเงาดามทัวเช่นนั้ เจ้าของซวิฅกือมนุษย กั้งหลายจึงต้องระมัดระวังอยู่ดลอดเวลาเหมือนเดินอยู่บนปากเหว และใน ขณะเคยวกันก็่ต้องกอยปรนนิบัติดูแลรักษาขวิดไว้ต้วยการบริโภกอาหารทมื ประโยขน ต้วยการหลกเว้นจากการบริโภกคมกินร่งทเป็นอันดรายต่อสุขภาพ เซ่นสุรายาเสพติดเป็นต้น ต้วยการผลัดเปลยนอิริยาบถกือยืน เดิน นั่ง นอนให้เสมอๆ กัน ต้วยการเอาใจใล่สุขภาพ ออกกำลังกายให้พอคแก่สภาพ ร่างกาย เมอเจ็่บไฃขึ้นมาก็่เยืยวยารักษาจนหายขาด และต้วยการดูแลรักษา จิดใจหรืออารมณมิให้เกิดกวามวุ่นวายกังวลจนฟ้งซ่านหรือเกิดกวามเกริยด จนหงุดหงิคงุ่นง่านไม่เป็นอันกินอันนอนดามปกติ ดูแลรักษาขวิดและสุขภาพ เซ่นนั้อันดรายแห่ง^วิฅก็่จะผ่อนเพลาลง ทำ ใหซวิดดำรงอยู่ใต้ ทำ ให้อายุกงมื ต่อไปเกินกว่าเกณฑปกติ เมอข้อเท็่จจริงมืว่าอายุของมนุษยืกั้งหลายนั้น้อยนัก ขวิดของมนุษยื กั้งหลายนั้กั้นนัก ไม่ข้าก็่จักถึงจุดจบไม่ยั่งยืน และมนุษยืก็่ไม่อาจรืเนข้อเท็่จ จริงหรือขอยืดอายุของตัวเองออกไปให้ดำรงอยู่เกินร้อยป็หรือถึงสองร้อยป็ไต้ เมอเป็นตังนั้ใขร้มนุษยืกั้งหลายกวรจะปฏิบัติตัวกันฉันใดจึงจะขอบและเหมาะ สม ข้อนั้สมเค็่จพระบรมศาสดาลัมมาลัมพุทธเจ้าทรงประทานข้อแนะนำไว้ว่า \"คนดควรดูหมนอายุนั้นเส์ย พงประพฤติดุจคนถกไฟ่ใหม้ส์รษะ'' ตังนั้ หมายกวามว่าอายุของมนุษยนั้นน้อยนัก กวรทจักดูหมนดูแกลนว่าซ่างน้อยนิด เหลอเกิน กว่าจะเกิดมาเป็นมนุษยใต้ก็่แสนยากนักหนา เกิดมาแล้วก็่อยู่ไต้ ไม่นาน ไม่ทนทานเหมือนต้นไม้และหินผา ธรรมขาติน่าจะกำหนดให้มนุษยื ดำ รงขวิดอยู่ใต้นานกว่าทเป็นไปอยู่ตังนั้เป็นต้น แดกมิใซ่เพยงแก่กิคดูหมน อายเท่านั้นแล้วกี่ปล่อยใหิซวิดเป็นไปดามยถากรรม หรือเกิดกวามห้อแห้ www.kalyanamitra.org
• to® . อัปปมายุกถา เรอง อายุนน้อยนัก หมดอาลัยในซวิฅ ไม่กิคทจะใช้เวลาของซวิฅทน้อยนิคนิ้สร้างสรรกร่งทดงาม เป็นประโยซนเพอให้ซวิฅมกวามหมายและมคุณด่า อาจมบ้างบางกนทกิดว่า เมอชวิฅฅนมไม่มาก อายุก็่ลันน้อยนิด จำ ต้องบำรุงบำเรอขวิดให้เฅี่มอั๋ม ก่อนทจะตายไป จึงร้บไซ้ขวิดอย่างสุรุ่ยสุร่ายฟ่มเทืเอยต้วยการกินการเทยว ส์ามะเลเทเมา ร้บเร่งดักดวงกวามสุขไก่ดนเฅ็่มทโดยไมใดร่ดรองให้ถ้วนถว่า ร่งททำลงไปนั้นเหมาะกวรอย่างไร การกระทำเช่นนั้ถ้ามองอย่างผิวเผินก็่ อาจจะเห็่นว่าเป็นกวามฉลาดของผู้นั้นทไซ้ขวิดอย่างต้มด่า แต่หากพิจารณา ไห้ลึกซ็้งถึงเหตุผลต้นปลายย่อมเห็่นไต้ประจักษชัดเจนว่าเป็นกวามเช้าไจผิด อย่างแน่แห้ เพราะการกระทำเช่นนั้นมิไช่เป็นการแกปิญหาเรองกวามมอายุ น้อย แต่กลายเป็นว่าบั่นทอนอายุไห้น้อยถอยลงไป ทำ ไห้ใกล้ต่อกวามร้นอายุ โดยไม่รู้ดัว เป็นการผลาญเวลาแห่งอายุไห้หมดไปโดยไม่เหลึอผลอะไรทเป็น ประโยขน่ ทั้งเป็นการเผาผลาญร่างกายไห้ทรุดโทรมไห้เป็นเหยํ่อแห่งมัจจุราช เร็่วขน ผู้ทไซ้ขวิดแบบนั้นเห่ากับฆ่าดัวเองทั้งโดยดรงและโดยอ้อม จะมลัก กกนทไช้ซ้วิดแบบนั้นแล้วมอายุยืนและมขวิดอย่างผาสุกโดยไม่มโรกกัย อันดรายแห่งซ้วิดเช้ามาเบยดเบยน แต่ก่าหรับกนคมปีญญาพินิจทั้งหลาย ย่อมจะไม่ประพฤติเช่นนั้น หากแต่เมอรู้เท่าทันและมองเห็่นกวามจริงดังนั้ แล้วกื่ฅั้งสติไม่ประมาทไนซ้วิด เกัาพินิจถึงดนว่ามเวลาอยู่ไนโลกนั้[ม'นานจึง ริบเร่งทำงานต่างๆ ไห้เสร็่จร้นไปโดยเร็่ว ทั้งงานเพอเร้ยงปากเร้ยงห้องดัว เองและกรอบกรัวไห้เป็นสุข ทั้งงานอันเป็นประโยขน่แก่ก่วนรวม และงานอัน จะมผลก่งดนไห้[ปก่สุกติหริอไห้บรรธุอริยมรรกอริยผลสูงขนดามลำดับ ประพฤติ ดนไห้เหมึอนกับกนทถูกไฟไหมลึรษะดามพระพุทธโอวาทนั้น อันกนทั้ไฟติดอยู่บนลึรษะนั้นย่อมต้องริบปิดไฟออกจากกิรษะทันทไม่ ปก่อยไห้ไหม้นาน ทั้งไว้แม้เพิยงชั่วลมหายไจหนงก็่มับว่านานแล้ว เพราะ ปก่อยไห้[ฟติดอยู่บนกิรษะนานเท่าไดก็่จะเร่าร้อนและทุกฃทรมานมากเท่านั้น ไฟดับไต้เร็่วหริอหลดออกจากกิรษะไต้เร็่วเท่าไร กวามปลอดกัยกื่มมาก www.kalyanamitra.org
ธรรมฟ้ารเทศนา... พรรธรรมกิคติวงfj เท่านั้น เซ่นifeวถัน คนคทั้งหลายเมอพิจารณาเห็่นว่าอายุของฅนนั้นน้อย นัก ซวิฅนั้ไม่ซ้ากี่จักต้องไปส่อำนาจแห่งมัจจุราชคือความคาย หรือไม่ มัจจุราชนั้นก็่จะมาพบต้วยคัวเองแล้วพาซวิฅไป ไม่มวันทมัจจุราชจะไม่มา หรือจะยกเว้นให้แกใครเป็นพิเศษ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นยู้ยํ่งใหญ่หรือคนคาต้อย ไม่ว่าจะเป็นคนมั่งมหรืออนาถายากจน มัจจุราชจะให้รทธิเท่าเทยมถันหมค ทุกคนไป โคยปล่อยให้ทำอะไรคามใจปรารถนาถันไปก่อน เมอถงเวลาแล้วก็่ มากวาคต้อนนำคัวไปไม่มเว้น เหมือนนายโคบาลไล่ต้อนฝูงโกกลับไปยังคอก ฉะนั้น เพราะกิคไต้คังนั้คนคืผู้มืปรืชาทั้งหลายจึงรืบเร่งขวนขวายใช้อายุท เหลืออยู่ให้คุ้มค่าต้มประโยชนํทั้งประโยชนํคนและประโยชนํผูอน เกยวถับการใช้อายุใช้ชวิคให้คุ้มค่าคุ้มประโยชนํนั้ศมเคื่จพระมหามน พุทธเจ้าทรงมืพระมหากรุณาครัศแนะนำไว้ว่า อชุเชว กิจ.จมๆตปฺป้ โก ชฌฺฌา มรณํ สุเว ฯ แปลความว่า \"พงเร่งทำกิจทั้พงทำเลืยแตในวันนั้ ใครเล่าจรพงรูใด้ ว่าความตายจร;มาถงในวันพรุ่งนั้\" ชงมือรรถาธิบายว่า อันกิจทพึงทำนั้นโคยปริยายอย่างฅํ่าก็่คือการคืกษา เล่าเรืยนเพอหาวิชาความรู้ลืาหรับเป็นเครองมือในทำมาหากินในอนาคค การ ประกอบอาชพและหน้าทการงานเพอหารายไต้มาจุนเจึอเลยงคัวเองเลยง ครอบครัวและปริชนมืบิคามารคาเป็นต้นให้มืความสุขคามทปรารถนา การ คูแลกิจการต่างๆ อันมือยู่ให้อยู่รอคปลอคถัยให้คำ เนินไปต้วยความราบรน การบำเพ็่ญประโยชนํแก่ยูอนในฐานะทคนเป็นล่วนหนงของลังคม โคยไม่นง คูคายหรือปล่อยให้เป็นภาระของยูอนฝ่ายเคืยว มืกิจทเกยวถับหมู่คณะอะไรก็่ ซ่วยเหลือเกอกูลไปต้วยนํ้าใจอาทรเป็นอย่างคื กิจอย่างนั้เป็นกิจทพิงรืบทำ เพอความอยู่คืกินคื เพออยู่อย่างลันฅิสุขในชวิคอันน้อยนิคนั้ กิจทพิงทำโคย ปริยายอย่างสูงกี่คือกิจเพํ่อเอาคัวรอคปลอคถัยจากทุกข!นวัฏศงสาร ต้วย www.kalyanamitra.org
๒ฬ อัปปมายุกถา เรอง อายุนน้อยนก การสมาทานบำเพี่ญบุญกวามคนานา เป็นต้นว่าให้ทานเพอกำจัคกวามโลภ กวามกระหนึ่ให้บรรเทาเบาบางลงไป โกยไม่ยึคมั่นถือมั่นในวักถุร่งของหรือ สมบัติพัสถานทั้งปวงอันเป็นเรองสมมติเป็นของส่วนกลางโลก ชงทุกกนเป็น เจ้าของโคกเฉพา::เวลาทั้มซวิกอยู่เท่านั้น หลังจากมรณกาลมาถืงแล้วก็่จำ ต้องล^ร่งทั้งปวงนั้นไป ไม่อาจนำติคฅัวไปใช้สอยไนลัมปรายภพไต้เลยแม้แค่ น้อยนิด หรือเร่งทำกิจกุสลต้วยการรักษาติล งกเว้นจากการเบยคเบยน กนเองและผู้อนต้วยกายแล^วาจา มเมกกากรุณาค่อสรรพลักว่ทั้งหลาย งก เว้นจากบาปทุจริกอันเป็นปอเกิดแห่งเวรทั้งปวง ประพฤติตัวปฏิบัติกนให้เป็น ผู้ปราศจากพิษภัยค่อใกรๆ มกวามสงบเยือกเย็่นทางกายวาจาน่านับถือกาม ระบอบ หรือพอกพูนกิจอันขอบต้วยการเจริญภาวนาถืออบรมจิกให้เป็นสมาธิ ต้วยสมถกรรมฐาน อบรมปีญญาใหรู้เท่าทันกวามเป็นจริงของสิงทั้งปวงต้วย วิปีสสนากรรมฐาน อันจะเป็นเหตุให้!มยคมั่นถือมั่นในสิงทั้งปวง ก้าวส่วง เถืยไคชงกิเลสตัณหานานาประการ ทำ ให้แจ้งชงพระนิพพานไคในทสุค เป็น อันหยุดการเวยนว่ายกายเกิคในสงสารวัฏ หรือปฏิบัติหลกเว้นจากบาป อกุศลต้วยการประพฤติพรหมจรรยือันเป็นอุบายพสิกผันตัวออกจากลังกม อันวุ่นวายสารพัก หลกเว้นจากกวามอึกอักอันเกิคจากการกรองเรือนแบบ ขาวบ้าน เหส่านั้แลจักว่าเป็นกิจทพึงทำกามพระบาลช้างต้นนั้น อันพระพุทธพจน่บทธรรมทไต้ขยายกวามมาโกยลังเขปนัยนั้เท่าภับทรง ซิใ้ห้เห็่นช้อเที่จจริงว่าอายุหรือชวิกของทุกกนนั้!ม'ยืนนานเลย เคยวหมกวัน เคี้ยวหมกเถือน เคี้ยวหมกป็ เผลอไปไม่นานอา^กี่ม่านไปอย่างรวกเร็่ว มิใซ่ เวลาเท่านั้นทม่านไป วัยกี่ม่านไปต้วย ซวิกกี่หกลันเช้าทุกวันอายุกี่ลันไปงวค ลงไปเรํ่อยๆ เหมือนนํ้าในแม่นํ้าน้อยทถูกแสงแคคแผกเผาทุกวันกี่เหือกแห้ง ลงไปเรอยๆ ฉะนั้น เมอสินอายุขัยแล้วซวิกนั้กี่จะแดกตับไปในทสุคเหมือน หม้อตินทช่างหม้อบันไว้!ซ!ว้ขาย เมอถืงเวลาหรือมือันกรายมากระทบเช้ากี่ แดกไปในทสุคฉะนั้น แค่อายุจะมมากหรือน้อยกี่กาม จะมืช้วิกอยู่!ต้นานหรือ www.kalyanamitra.org
ธรรมสารเทศนา... พระธรรมกิฅคิวงส์ ไม่นานก็่ฅาม หาใช่ข้อส์ากัญทํ่พึงฅรร;หนกหรือฅระ;หนักไม่ ข้อส์ากัญนั้นไซร้ อยู่ทเมึ๋ออายุยังไม่หมคและ;ช่วิฅยังไม่สินนั้ มนุษยัทั้งหลายรวมถึงกัวเราด้วย ได้ทำอะ;ไรกันไว้บ้าง นั่นเป็นข้อทส์ากัญทสุคถึาหรับเปีนเกรองกัครนว่าซวิฅของ ยู้นั้นหรือของเรามกุณก่ามประ;โยซนั่อย่างไร อายุทได้มานั้นได้ผ่านไปอย่างม คุณก่ามประ;โยชนัอย่างไร ในข้อนั้พระ:จอมไฅรได้ตรัสถึงข้อกำหนดเป็นกฎ เกณฑเป็นข้อไหคิดไว้!นทหลายแห่งว่า โย จ วสฺสสตํ ซเว ทุสุถึโล อสมาหิโต เอกาหํ ชวํ เสยฺโย ถึลวนฺตสุส ฌายิโน ฯ พระ;บาลเหล่านั้มใจกวามโดยพิสดารว่า \"การมชวิตอยูเพิยงวนเคิยวของบุคคลผู้มคิล เพ่งพินิจอยู่. รงปรร;เส?ฐ กว่าการดำรงชวิตอยู่ตั้ง ร)00 ป็ฃองบุคคลผู้ทุส์ล มจิตไม่นั่นคง การมชวิฅอยู่เพิยงวันเคิยวของบุคคลผู้มนัญญา เพ่งพินิจอยู่ ยัง ปรร;เส?ฐกว่าการดำรงชวิตอยู่ตั้ง ร)00 รืเของบุคคลผู้มซญญาทราม มจิต 1 *V _ การมชวิตอยู่เพิยงวนเคิยวของบุคคลผู้ปรารภความเพิยรนั่น ยัง ปรร;เส?ฐกว่าการดำรงชวิตอยู่ตั้ง ร)00 iJ ของบุคคลผู้เกยจคร้าน ม ความเพิยรตํ่า การมชวิตอยู่เพิยงวนเตยวของบุคคลผู้เห็่นความเกิดแลร;ความเสิอม แห่งเบญจขันธ ยังปรร;เส?ฐกว่าการดำรงชวิตอยู่ตั้ง ๑00 il ของ บุคคลผู้1ม่เห็่นความเกิดแลร;ความเร่อมแห่งเบญจขันธ การมชวิตอjjเพิยงวนเดยวของบุคคลผู้เห็่นอมดบท ยังปรร;เส?ฐกว่า การดำรงชวิตอย่ตง ๑00 ป็ ของบคคลผ้!ม่เห็่นอมตบท •น การมชวิตอปเพิยงวนเดยวของบุ^คคลผเผู้้เเหห็่็ใ ่นธรรมอน^สงสตคือโลกตตร www.kalyanamitra.org
๒ไ!( อปปมายุกถา เรอง อายุนน้อยนัก ธรรม ยังปรร;It(ริฐกว่าการดำรงชวิตอยู่ตั้ง ๑00 il ของบุคคลผูโม่เห็่น ธรรมอนสูงบุด\" คังนั้ ข้อกวามตามพระบาลเหล่านซชัคว่าพรร;พทธองคทรงพระสง^ห้คำรง ซวิฅอยู่ด้วยสืล ด้วยสมาธิ ด้วยปิญญา ด้วยกวามเพยร และด้วยร'มมาทิฐ ผู้คำ รงชวิฅอยู่แบบนิ้แม้จะมอายุตั้นเพยงวันเคยวกี่ยังประเสริฐกกว่าผู้คำรง ซวิฅอยู่ตั้ง ๑00 tl แฅใม่มสืล ไม่มสมาธิ ไมมปิญญา ไม่มกวามเพยร และไม่มยัมมาทิฐ ซวิฅหรืออายุของผู้เป็นเช่นนั้นจะประเสริฐอะไร ข้อนั้ เป็นการบอกให้พุทธบริษัทตั้งปวงรู้ถึงวิธคำรงชวิฅอย่างมกุณก่าอย่างม ประโยซนั้ รู้ถึงการไข้อายุทมอยู่น้อยนิคให้[ด้ประโยซนตนและประโยชนอน เกิค ซวิตทเป็นอยูกจะไม่ประเสริฐ กลายเป็นโมฆชวิตกือซฺวิตทสูญเปล่าไม่ เข้าท เมอร้นรพไปกึ๋ใม่มอะไรเหลือไว่ให้ปรากฏ เป็นอันหมคตั้งอายุ ช่วิต และ กวามค ผู้เทยนทถูกจุคล่องสว่างอยู่ก็่ไมได้ เพราะเทยนทล่องไสวอยู่นั้นแม้ จะเปลืองไขเปลืองได้ แมไขและได้จะหมคลงเรอยๆ แฅ่ก็่มร่งททงไว้แทนตัว อยู่กอแสงสว่าง แด้วกนเราเล่ามอะไรบ้างทตั้งไว้แทนตัวเมอชวิตและอายุ ผ่านไปทุกววัน เปลวเทยนลร;ลายแท่ง เพํ่อเปล่งแสงอนอำไพ ชวิฅมลายไป มอะไรทงไว้แทน ท่านเจ้าคุณพระเทพวิริยาภรณคำรงอยู่ในโลกนั้!ด้ ๗๗ ป็เศษ แบ้ ประทปซวิตจะตับไปแด้ว แต่ก!ด้ตั้งร่องรอยแห่งกวามคและผลงานไว้!ม'น้อย อันเป็นร่องรอยให้ลืบด้นและเป็นแบบอย่างแก'เหล่าอนุขนร่นหลังได้อย่างน่า กากภูมิใจล่าหรับวงต่ตระกูล ญาติมิตร และติษย่ทุกกน ท่านปฏิบัติตนให้ เหมือนกับกนทไฟติคทถึรษะ ใข้ธวิตอย่างมืคุณก่าและเป็นประโยขน่ อายุ ๗๗ ป็ฃองท่านย่อมมืกวามหมายไม'น้อย แบ้จะน้อยในกวามร้ลืก แต่เบอง www.kalyanamitra.org
ธรรมสารเทศนา... พระธรรมกิฅฅิวงส์ ลึกกี่เป็นไปฅามกฅิธรรมคาไม่ว่าผูใค เมอลึงเวลากี่ฅ้องจากไปทุกกนด้วยกัน ไม่มวัน จจุราซจร;ไม่มาเยือนหรือไม่มาพรากซวิฅไป คามนัยแห่งพรร;คำรัฟ้ ทสมเค็่จพรร;กัมมาร'มพุทธเจ้าฅรัสสอนไว้ คังทโค้ชแจงแสคงมาด้วยปรร;การฉร;นั้ อิมินา กตปุฌเฌน ด้วยอำนาจแห่งทักขิณานุปทานกุศลทกณะ;ผู้ บริหารแลร;เจ้าหน้าทส์านักงานแม่กองธรรมสนามหลวง กณร;ค้ษยื กณร; ญาติ แลร;ห่านทเการพนับลึอได้ร่วมกันบำเพ็่ญให้เป็นไปเพอทิศถวายแค่ท่าน เจ้าคุณเทพวิริยากรณ เฉย เฃมโก ในการทำบุญปิญญาสมวารวันน็้ ขอจง เผลี่ควิบากสมนัติมบุญญผลคลกัริสุฃบังเกิคมแก่ท่านเจ้าคุณพรร;เทพวิริยากรณ โหยงขนไ!ในกัมปรายกพสมมโนรถปรารถนาชองท่านทั้งหลายคลอคจิรัฐติกาล รับปรร;ทานแสคงพรร;ธรรมเทศนาสมสมัยได้เวลา ยุติเนอหาลงกงไว้เพยงเท่าน. เอวํ กี่มด้วยปรร;การฉร;น ฯ www.kalyanamitra.org
im 'ปืญญาซีวีกถา เรื่อ-ไ ดำ เนินชีวิตด้วยปีฌูญา ปฌุณาซว ชวิตมาทุ เฟ้ฎ^นุติ ฯ ส์.สั. ร}พ(ส่^o/cns)&. ^^ ^^ ณ บัคน็้ จักไค้แฟ้คงพระธรรมเทศนาในปิญญาชวกถา อนุโมทนาส่วน กุศลทักษิณานุประทานกิจท มหาวิทยาล้'ยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อนประกอบไปค้วยท่านอธิการบค ทปรึกษาอธิการบค เค้าหน้าทและ กณาจารยฃองมหาวิทยาลัยไค้มลมานฉันทัร่วมใจทันมาเป็นเค้าภาพบำเพี่ญ กุศลอุทิศถวายแค่พระเคซพระกุณหลวงพ่อพรร:พุทธิวงศมุน อคคเค้าอาวาล วัคจักรวรรคิราซาวาล อคฅทปรึกษาเค้ากณะกาก ๑๒ ยู้ถึงมรณภาพไป แล้ว ฅามลมกวรแก่เวลา ก็่ แลการบำเพื่ญกุศลลวคพระอภิธรรมเพออุทิศส่วนกุศลถวายแค่พระ เคซพระคุณหลวงพ่อพระพุทธิวงศบุนนั้น ทางวัคจักรวรรดิราชาวาล ใคย พรรธรรมกิคฅิวง!รื่ (ทองสื ศรmโซ ป.ธ.๙) วั'ศราชโอรศาราม เฃฅวอมทอง กรงเทพมหานกร แศคงในการบำเพ็่ญกศถศพพระพุทธิวงศบุน (บุญมา ทปธมุโม) วัควักรวรรคิราชาวาศ กรุงเทพมหานกร วันท ๒๑ สิงหากม พ.ศ. ๒๕<1๙ www.kalyanamitra.org
ธรรมฟ้าททศนา... พรรธรรมกิคฅิวงเ^ กณะสงฆซงมท่านเจ้าคุณพรร:ราชธรรมมุน ^กษาการแทนเจ้าอาวาส เป็น ประธาน แลร:บรรคาญาติมิฅรร'มพันธซนของทลวงพ่อไค้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ มาโคยคลอคทุกคืน นับตั้งแค่ท่านถึงมรณภาพ ราหรับในคืนวันนนั้น ทางวัคจักรวรรติราซาวาสไครับกวามอนุเกราร:ห จากมหาวิทยาลัยมหาคุพัาลงกรณราซวิทยาลัย ซงเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ!ทย ไค้มาร่วมเป็นเจ้าภาพค้วยนาใจอันปรร:เสริฐ โคยปรารภเหตุว่าพระ:เคซพรร:คุณ หลวงพ่อพรร:พุทธิวงสมุนเป็นยู้ทมคุณูปการแก'มหาวิทยาลัย แลร:มกวาม สนิทสนมคุ้นเกยกับผู้บริหารแลร:กณาจารยหลายท่านเป็นการรวนคัวค้วย ส่วนหนง ค้วยเหตุคังน็้ ทุกท่านจึงมนํ้าใจมาบำเพ็่ญกุศลในกรั้งนิ้ แลร:อก ปรร:การหนึ๋งเพราร:หลวงพ่อพรร:พทธิวงศมุนิท่านยอมรับปริญญาตุษฎนัณฑิค กิคติมคักคซองมหาวิทยาลัยแห่งนค้วยกวามเฅ็่มใจ ถึอไค้ว่าเป็นเกยรติแก' มหาวิทยาลัยเป็นอย่างยง ปรร:วัติการทำงานของพรร:เคซพรร:คุณหลวงพ่อพรร;พุทธิวงสมุนิ เรํ่มแค' เป็นเลขานุการวัค เป็นเลขานุการเจ้ากณร:ครวจการภาก เรํ่อยมาจนถึงเป็น เจ้าอาวาสพรร:อารามหลวง เป็นเจ้ากณร:ภาก เป็นทปรึกษาเจ้ากณร:ภาก เป็นเหตุไหวัคจักรวรรติราซาวาสเจริญก้าวหน้าตั้งในค้านการปกกรอง การ เผยแผ่ การคืกษา แลร:การสาธารณูปการ อันเป็นงานส่ากัญแลร:เป็นงาน หลักซองกิจการกณร:สงฆ นอกจากปฏิบัติหน้าทอันเป็นงานหลักค้วยกวาม เรึยบร้อยแล้ว งานส่วนคัวพรร:เคซพรร:คุณยังมอกหลายปรร:การ โคยเฉพาร: กวามชำนาญในวิซาโหราสาสคร่ ซงเป็นทยอมรับกันโคยตั้วไป ในการนพรร:เคซพรร:คุณให้เหตุผลว่า วิซาโหราสาสคร่ก็่เหมอนกับนาคาล เกลือบยา ยาถ้าเกลือบรสหวานก็่จร:ทำใหรับปรร:ทานไค้ง่าย กส่าวคือพรร: หมอคูจร:ค้องปลุกปลอบใจแลร:ให้แนวทางซวิคแก'ญาติโยมซงเป็นหน้าทซอง พรร:สงฆส่วนหนงค้วย แค'ค้องทำค้วยปิญญาทำค้วยกวามฉลาคแลร:ม www.kalyanamitra.org
' ฮญญาซวกถา เรื้อง คำ เนินซวิตด้วยปีญญา เมฅฅาธรรมฟ้นทตั้ง ในฃณ:;ททำนายไปกื่ให้แนวกิคในการคำ เนินซวิฅทาง ธรรมในทางทถูกต้องแก่เขาไปห้วย เรยกว่าให้ปิญญาแก'เขา เพอเขา'จ2ไต้ คำ เนินซวิตในทางทถูก เพรา2มแนวกิคคังน พร2เคซพร2คุณจึงไต้ทำหน้าท เป็นพร2หมอดูต้วย คือทำหน้าทเป็นผู้เกลือบนํ้าฅาลแก'ห้วยากือธรรม2 จึง ปรากฏว่าพร2เคซพร2คุณมลูกคืษยแล2ท่านทเการพนับถือมากมาย ในก่วนห้วของพร2เคซพร2คุณนั้นเป็นพร2ทเรยมง่าย เป็นกันเอง เข้า หาง่าย ใ'จคื แล2ยมแยัมแ'จ่มใส เป็นพร2ทมมนุษยร'มพันธคืเยยม เป็น ทรักของผู้!ต้ปกกรองแล2อุบาสกอมารกาของกัคต้วยคื ชวิฅของพร2เคซ พร2คุณจัคไต้ว่าเป็นซวิฅทปร2เสริฐหรอเป็นเสฏฐซวิฅ เพรา2คำเนินชวิฅห้วย ปิญญา ผู้คำ เนินซวิฅห้วยปิญญานั้นนักปราชญทั้งหลายกล่าวว่าเป็นชวิฅ ทปร2เสริฐ สมห้งพร2บาลืทพร2พุทธเข้าตรัสกอบเทวคาชงปรากฏอยู่ในวุฏฐ สูตร ร'งยุตตนิกาย สกาถวรรก ทไคํอญเชิญมาเป็นนิกเฃปบทเทศนาข้าง ต้นนั้นว่า ปฌฌาซว ชวิตมาหุ เส!]^ ใ'จกวามว่า \"คนมชวิตเป็นอยู่ด้วยซญญา นักปราชญทั้งหลายกล่าวว่ามชวิต ปร2เล่ริฐ\" ห้งนั้ กำ ว่า มชวิตเป็นอยู่ด้วยนัญญา ตามพร2บาลืนั้ท่านอธิบายไว้ว่า ถ้า เป็นกฤหัสถก็่เป็นผู้ตั้งอยู่ในเบญจคืล แล2บำเพ็่ญทานการกุศลห้วยการตั้ง สลากกัตเป็นต้นไว้ ถ้าเป็นบรรพชิตกี่พิจารณาปิจจัยทเกิคฃ็้นโคยธรรมก่อน ขบฉัน แล้วกำหนคพร2กรรมฐานบำเพ็่ญวิปิสสนาไปจนกว่าจ2บรรลุมรรกผล เมํ่อคำเนินซวิตไปเซ่นนั้กี่ซอว่ามซวิตเป็นอยู่ห้วยปิญญาแล้ว ชวิตของผู้เป็น อยู่ห้วยปิญญาเซ่นนั้แหล2ทจัคว่าเป็นซวิตปร2เสริฐตามพร2พุทธพจนัข้างต้นนั้น แต่เมอจ2กล่าวให้กว้างออกไปเกี่ยวกับเรองชญญานั้ย่อมไต้เนั้อกวามว่า อันว'าปิญญามทั้งทเป็นโลกิยปีญญา คือเป็นปิญญาร2ห้บโลกๆ แล2เป็น โลกุตรปีญญา ปิญญาทพ้นโลกแล้ว แล2ปิญญานั้นท่านพรรณนาคุณสมบัติ www.kalyanamitra.org
B ธทมฟ้ารเทศนา... พรรธรรมกิฅฅิวง^ ไว้มากมายหลายสถาน ฟ้นฅ้นว่า ปีญญาเ!เนแสงส์ว่างในโลก แสงสว่าง เสมอด้วยปีญญๆไม่ม คนย่อมเห็่นเน็้อความได้ด้วยปีญญา ปีญญาเส์น รตนรเของนรชน และ;พรรณนาผลของปิญญาไว้เ?!นฅ้นว่า การไค้ปีญญๆนำ สขมาไห้ คนย่อมบริสุทธื้!ด้ด้วยปีญญา ซงก็่หมายกวามว่าปิญญานั้นเป็น สิงทประ;เสริฐลํ้าเลิศ เป็นทรัพย่ยํ่งกว่าทรัพย่ใคๆ ชงสามารถนำยู้ทมพร้อม มูลบริบูรโน!ห้Iค้สมบัฅิทั้งปวง ไม่ว่ามนุษย่สมบัติ สวรรกสมบัติ โกยทสุคแม้ นิพพานสมบัติ บัญญากื่สามารถนำให้เกิดมไค้ กังนั้น หากผูใคมปิญญา คำ รงซวิฅอยู่ด้วยปิญญา ไม่ว่า'จะ;เป็นปิญญาระ;กับไค ท่านก็่ยกย่องว่าเป็น ซวิฅประ;เสริฐทั้งลิน หากประ;กอบด้วยโลกุฅรบัญญาด้วยแล้ว ยั๋งเป็นซวิฅ ประ;เสริฐสูงสุคท่เกยว อนง เมอกล่าวถงปิญญาในระ;กับโลกิยะ; ชงเป็นระ;กับทั้นำมนุษย่ สมบัติชงเป็นทั้ปรารถนาชองผู้กนทั่วไปมาให้!ด้ นำ ให้เกิกกวามสุฃบ้าง กวามเจริญก้าวหน้าบ้าง ทรัพย่สมบัติบ้าง เกิยรติยศบ้าง ซอเสิยงบ้าง กวามทั่นกงบ้าง อำ นาจบ้าง ย่อมมหลายอย่างฅ่างประ;การ หากจะ;กล่าว โกยย่อแล้ว ย่อมได้ ๓ ประ;เภทด้วยกัน กือ ตณหากรปีญญา ทิฏเกร ปีญญา และ; ด้นติกรปีญญา ซํ่งจะ;ได้ขยายกวามพอเป็นนิทัศนนัย ชญญาประ;เภททั้หนั้งคือ ตณหากรปีญญๆ นั้นหมายถึง ปีญญาทั่ สร้างความอยากความด้องการแก่มนุษย์ คือกวาม^นการสนองกัณหาของ มนุษย์ กวาม^นการสร้างกวามอยากกวามด้องการให้เกิกขนแก'กน ผู้ม บัญญาประ;เภทนั้!ด้แก่ปีญญาของพวกทั้กิกด้นสร้างสรรกสิงฅ่างๆ พลิก แพลงแก่งปรุงให้มรูป มเถึยง มกลั๋น มรส มสิ'มนัสทั้น่าพอใจ น่ารักใกร่ ใหลหลง ซงเมอสร้างขนมาแล้วทำให้กนเกิกกัณหาฃ็้น คือทำให้อยากได้ อยากม อยากเป็น เมออยากได้ก็่หาเงินทองไปจับจ่ายซอหามาเป็นของกน ปีญญาประ;เภทนั้!ด้แก่ปีญญาของพวกพ่อด้า กนประ;กอบการ และ;นักประ;กิษ^ วัฅถุสิงของก่างๆ และ;รวมไปถึงปีญญากวามรู้ กวามฉลาก กวามสามารถ www.kalyanamitra.org
,:r;ina;# ฮญญา^วกถา เรอง คำ เนํน^วิตค้วยปีญญๆ ในการทำมาหากินของเกษตรกร ของกิลปิน ของจิตรกร ของยู้ปร^กอบกิจ หัตถกรรม แลร:ของผู้ประกอบกิจทุกสาขาอาซพ เพราะปิญญาของบุกกลเหล่า นั้นเป็นปิญญาเพอก่อให้เกิคกวามปรารถนาต้องการแก่กนอน ทำ ให้เกิดการ ซอขายแลกเปลยน ทำ ให้มรายไต้ มผลประโยซนตอบแทน จิงเป็นเหตุให้ม การแข่งขันเพํ่มพูนรูปแบบ กิลปะ กวามละเอยคประณต และคุณภาพกัน อย่างเป็นลั๋าเป็นกัน เพํ่อให้ต้องตาต้องใจผู้บริใภก ปิญญาในกักษณะนั้จิงจัด เข้าในประเภทตัณหากรปิญญาเหมือนกัน คนทมืชญญาประเภทนั้ย่อมได้รบผลตอบแทน คึอจร;ประสบความ รารวย มืความมั่งคั่ง มเศรษฐกิจค มืฐานะด้ ชงเป็นมนุษย่สมบัติอันเป็น ทปรารถนาของคนคั่วไป นั้เป็นปีญญาประเภททหนงทนำมาซงมนุษย่สมบัติ บัญญาประเภททสองกือ ทิฏฐกรบัญญา หมายถง บัญญาทสร้าง ความคิดเห็่น บัญญาประเภทนั้[ต้แก่กวามรู้กวามฉลาคในการปลุกเร้ากวาม กิค ปลุกกระแสให้ยอมรับ โน้มน้าวจิตใจให้กล้อยตาม เข่นบัญญาของบัก ปลุกระคม บัญญาซองบักโฆษณา โคยทลุคบัญญาซองนักสอนนักเผยแผ่ ศาสนาก็่อยูในประเภทนั้ ปิญญาประเภทนั้มืทั้งฝ่ายคและฝ่ายไม่ค ฝ่ายทั้คก็่ คือชญญาฉลาครู้[นการพูคให้กนรู้เหี่นเรํ่องผิคซอบซั่วค ใหัรู้บาปบุญคุณโทษ ประโยซนัมิใข่ประโยชน แล้วโน้มน้าวขักจูงให้กล้อยตาม ขักซวนให้ทำคื กระตุ้นให้ปรารถนาจะละชั่วทำคืโคยอุบายวิธต่างๆ พูคหว่านล้อมให้ทำอย่าง นั้นให้ทำอย่างนั้จึงจะถูก ทำ อย่างนั้นอย่างนั้จิงจะคื เป็นต้น ปีญญาเข่นนั้ อยู่ในฝ่ายคื ล่วนในฝ่ายเคืยกี่คือปีญญาฉลาครู้[นการปลุกระคมกนให้[ปต่อ ต้าน ให้[ปต่อล้หํ้าหั่นตัตรูผู้[ม่ถูกกัน หรือให้[ปตายโคยโน้มน้าวให้เห็่นกล้อย ตามทั้ตนประสงก แสคงว่าปีญญาประเภทนั้เป็นปีญญาของกนทั้ฉลาคพูค ของกนทั้มืกำพูคซงสามารถคืงคูคใจให้ผู้v3งเหี่นกล้อยคามไต้ www.kalyanamitra.org
l?^Si ธรรมสารเทศนา... พโะธรรมกิฅฅิวงส์ ทิฏฐกรปัญญาทำให้คนมอำนาจ มบริวารพวกพ้อง มคนห้อมล้อม แลร{ยกให้ฟ้นผู้นำฟ้นห้วหน้า คนทมปัญญาปร:;เภทนจื้งเป็นกนทมอำนาจ เป็นคนทร่'งการไค้ ดังนั้น คนทหวังอำนาจ หวังให้คนอนสยบ หวังให้คนอน ยอมรับ หวังให้คนอนยกให้เป็นหัวหน้าเป็นยู้น่าคนทั้งหลายทั้งปวงนั้นจึง นิยมเรยนรู้แล:;tเกฝนให้เกิคปัญญาเช่นนั้ ยู้นำ ทั้อยู่ยงยั่งยืนแสคงว่าเป็นผู้ม ทิฏฺฐกรปัญญาสูง แม้นักการเมืองทั้งหลาย นักปกครองทั้งปวงก็่เหมือนกัน เพอใหหัวเองนั้นเป็นผู้นำเป็นยู้ทั้ไครับชัยชนะจึงจำค้องใช้ทิฏฐกรปัญญานั้เพํ่อ ให้คนอํ่นคล้อยคามแนวนโยบายของคน ทิฎฐกรปัญญาสร้างอำนาจให้คนไค้ ดังนั้ ปัญญาประเกททั้สามคือ ล้นติกรปัญญา ไค้แก่ ปัญญาในการสร้าง ล้นติ เป็นความฉลาค^นทางทำให้เกิคความสงบ เกิคความร่มเย็่น เกิค ความรักความสานัคคื เกิคความสมานฉันทํ สามารถระงับช้อพิพาทบาคหมาง การทะเลาะวิวาท หรือความไม่ลงรอยกันชองผู้คนให้สงบลงไค้ ทำ ให้เกิค ความสงบ เกิคความปรองคองสานัคคื คลอคถึงความฉลาคในการพคให้ หลัก มืวาจาน่าเชอถึอ เป็นคนมืหลักมืเกณฑ มืความยุติธรรมประจำใจ ประพฤติแฅ่ร่งทั้คืงาม ทำ ให้เกิคความเกรงอกเกรงใจ พูคจาอะไร ขอร้อง อะไร ผู้คนกี่ยินคืพิงและปฏิบัติคาม อนั้ง ปัญญาในการแนะนำลังสอนให้ผู้คนอํ่นรูจักบาปบุญคุณโทษ รู้ครู้ ชอบ เห็่นชั่วกลัวบาป รู้เท่าหันผู้คนและกระแสกิเลส ใหรู้จกเวนสิงชั่ว ทำ แค่สิงคื อันเป็นเหตุให้ผู้คนยินคืรับพิงและนำไปปฏิบัติ เกิคเป็นความสูชสงบ ฃ็้นในครอบครัว ในหมู่บ้าน ในลังคม กี่นับอยูในปัญญาประเกทนั้ ล้นติกรปัญญาเป็นเหตุให้เกิดความเคารพนับถือ สร้างเกยรติยศซอ เถืยงให้แก่ผูมื เป็นปัญญาทั้บริสุทธิ้ล้วนเดยว www.kalyanamitra.org
ฬฬ ป็ญญาซวกถา เรอง คำ เนินชวิตด้วยฮญญๆ แต่ว่าปิญญาทั้งสามประเภทนฟ้นเหมอนคาบสองคม คือนำคุณมาให้ ก็่ไค้ นำ โทษมาให้ก็่ไค้ หากนำไปไ^นทางทก่อให้เกิคความสุขความสงบแก่ คนเองและยูอื่นย่อมจะเป็นคุณ แม้'จะเป็นเพยงโลกิยปิญญา แต่ก็่มคุณค่าแก่ บุคคลและแก'รงคมโคยรวม ผู้คำ เนินซวิฅอยู่ค้วยปิญญาเซ่นนก็่จัคเป็น ปิญญาซ่วบุคคลคามพระบาลข้างค้นค่วนหนง หากนำไปไซ!นทางท'จะนำ ทุกฃภัยมาไห้แก่คนอน เป็นไปเพํ่อเบยคเบยนคนอน เพอฉ้อโกงหรือหลอก ลวงคนอน โคยม่งผลประโยซนํเฉพาะคัว ย่อมนำโทษมาไห้แน่แห้ แม้'จะยัง ไม่ก่งผลอันเป็นโทษไห้เห็่นไนปิ'จ'จุบัน แต่ภายหลังนั้นย่อมก่งผลไห้แน่นอน เพราะเป็นการก่อเวรภัยผูกฅิคคนไว้ เวรคามทันเมอไคก็่'จะประสบพิษภัยอัน เห็่นสมแก'การกระทำของคนเมอนั้น เพราะเหตุนั้น เหล่าคนคืมสฅิทั้งหลายจงไค้แสวงหาปิญญาทบริสุทธิ เมํ่อไค้แล้วก็่ไซ้ปิญญาไปไนทางทบริสุทธิ ไห้เป็นไปอย่างถูกค้องคลองธรรม ไม'ผิคคืล ไม'ผิคธรรม ไม่ผิคกฎหมายม้านเมอง เป็นค้น ไนขณะเคืยวภันกื่ไห้ เป็นไปโคยประการทจะทำไห้คนเอง ครอบครัว และลังคมมความร่มเย็่น เป็นสุข มหลักประภันซวิคทมั่นคง มพวกพ้องบริวาร และมคนไห้เกยรติ นิยมนับถือยกย่อง คำ รงชวิคอยู่ค้วยทรัพย่รนทหาไคโคยทางสุจริคค้วย บัญญาไนลัมมาซพ ไม่เคือคร้อนแร้นแค้น มผู้คนไห้ความเคารพนับถือ เป็น คนมหน้ามคา มมิครสหายลัมพันธขนชงล้วนเป็นคนคืเป็นภัลยาณมิฅรคบหา สนิทแนบแน่น ทั้งนั้โคยอาคัยปิญญาประเภทต่างๆ อันเป็นไปไนทางทขอบ เป็นค้นทุนก่าคัญนำไห้เกิคผลต่างๆ ข้างค้น ชวิคทคำเนินไปค้วยบัญญาเซ่น นั้แหละทนักปราชญทั้งหลายกล่าวว่าเป็นชวิฅประเสริฐ เป็นซ่วิคทมคุณค่า เป็นเสฏฐซวิค คังมความละเอยคทํ่ไค้แสคงมานั้น วัคธุประสงค่ก่ากัญทท่านแสคงข้อธรรมนั้!ว้กเพอไห้ผู้มบัญญามความรู้ นั้นคำ เนินซ่วิคค้วยปิญญาอันบริสุทธิ โคยไซ้บัญญาประเภทต่างๆ ไนทาง www.kalyanamitra.org
IMof jiswL๑.! ธรรมฟ้ารเทศนา... พระธรรมกิตฅิวง สร้างt1รรก ในทางทเป็นคุณ งดเว้นใซ้ปิญญาไ!/!นทางทผิค ในทางก่อทุกฃ ก่อโทษให้แก่ฅนเองและ;ยูอึ๋นทั้งใน!เจจุบันแลร;อนากด โดยอาบัยจิฅใจทั้มคุณ ธรรมเป็นพ็้นฐาน เพราะ;เมอจิฅใจมคุณธรรมเป็นทั้รองรับแล้วย่อมจะ;กวบคุม การใซปิญญาทั้มอยู่หรือ'&กฝนไค้มาให้เป็นไปในทางทถูกต้องเป็นคุณ อันจะ; เป็นเหคุใหซวิฅเป็นซวิฅทประ;เสริฐและไ^บการยกย่องจากปราญทั้งหลายว่า เป็นชวิฅประ;เสริฐอังไค้ขยายความมา ค้วยประ;การจะ;นิ้ อิมินา กตปุฌฺเฌน ค้วยอำนาจบุญกิริยาบัฅฅิทานบัยทุศลท มหาวิทยาลัยมหาจุฬ'าลงกรณราชวิทยาลัย โดยท่านอธิการบด ทั้ปรืกษา อธิการบด คณาจารย่ เจ้าหน้าทั้มหาวิทยาลัย และ;ยูมใจเป็นกุสลทั้งหลายไค้ ร่วมกันบำเพ็่ญให้เป็นไปในโอกาสน ขอจงเป็นพลวบัจจัยบังเกิดเป็นอิฏฐ มบุญผลวิบากสมบัติอันเป็นทิพย่แค่พระ;เดชพระ;คุณพระ;พทธิวงศบุน ทิปธัมม มหาเถระ; ในลัมปรายภพให้ยํ่งฃนไป สมเจฅนาปรารภของเจ้าภาพดลอด จิรัฐติกาล รับประ;ทานแสดงพระ;ธรรมเทศนาในปิญญาซวิกถา สมควรแก่ เวลา ขอยติลงคงไว้แด่เพยงเท่าน. เอวํ ก็่มค้วยประ;การฉะ;น ฯ www.kalyanamitra.org
โอวาท•ปาดโมกฃกถา 1รื่อ-? โอวาท•ปาตีโมกฃ์ ฟ้พฺพปาปสุฟ้ อฑรณ็ กุฟ้ลฟ้สูปสมุปทา ฟ้จิตุตปริโยทปนํ เอตํ พทธานฟ้าสนนฺติ ฯ ชุ.ธ. ko^/kod/cne^-^o. KKK ณ บักน็้ จักไค้แสคงพระ;ธรรมเทศนาในโอวาทปาติโมกฃกถา เพอเพํ่ม เติมเสริมศรัทธา เพมพูนปิญญาบารมแก่ท่านยู้สนใ'ๆในการฟิงธรรมเนองใน วันพระทุกท่าน ค้วยว่าวันนเป็นวันพระ:หรือทเรยกขานในปิ'จวุบันว่าวันธรรมสวนะ แค่ว่าเป็นวันพระพิเศษกือเป็นุวันส์ากัญทางพระพทธศาสนาทรูกันว่าวันมาร] บูชา จงเป็นสบัยเวลาส์ากัญทพุทธศาสนิกขนทั้งหลาย'จะพิงซวนขวายกักควง เพั๋มพูนบุญกิริยาให้แก่คนเป็นพิเศษกว่าวันพระอนๆ จะทำให้เอิบอํ่มแซ่มซํ่น ใจว่าไคไซโอกาสเวลาพิเศษกันมาถึงเข้าแค้วนร่'งสมบุญนิธเป็นหลายอย่าง อกทางหนงย่อมไค้ซอว่าปฏิบัติคนเป็นพุทธศาสนิกซนทค ค้วยว่าศาสนิกทั้ค ซองศาสนาค่างๆ นั้นย่อมจะไม่ละเลยกิจกันเป็นหน้าทั้ทํ่จะพิงปฏิบัติเมอวัน พระธรรมกิfาฅิวง!^ (ทซงสื ป.ธ.๙) วั?)ราชโซรฟึาราม เข?]ๆอมทอง กรุงเทพฯ นฟ้?]ง ณ ศถานวิทยุกระฯายเกิยงนห่งประเทศไทย กรมประซาสิ'มพันธ วิ'นธรรมฟ้วนะท ๓ มนากม พ.ศ. เวอา OGo.OO น. www.kalyanamitra.org
ธรรมสารเทศนา... พรรธรรมกิคคิวง^ ส์ากัญทางศาสนาทฅนนับถือมาถึง จึงเมอวันมาฆบูชาเวยนมาบรร'จบอก กรงหนงเซ่นนนับเป็นโอกาสคทท่านทั้งหลาย'จร;ไค้ชวนขวายปร::กอบกิ'จอัน เป็นคุณในทางศาสนากามแบบอย่างทปฏิบัติกันมาแก่โบราณกาล เป็นค้นว่าให้ ทาน รักษากิล ประ:พฤติกายวา'จาให้เรยบร้อยเป็นสุ'จริฅ รวมทั้งทำจิกให้ หมก'จกผ่องใส มิให้ขุ่นช้องหมองนัว ละ:เว้น'จากอกุศลกวามชั่วนานาประ:การ ทำ ใกกังนแม้'จะ:เพยงชั่ววันหนงถืนหนงในห้วงวันส์ากัญนกี่นับเป็นกวามคใม่ น้อยแล้ว อันว่าวันมาฆบูชานย่อมเป็นททราบกันกว่าเป็นวันทพระ:บรมศาสคา อัมมาอัมพทธเจ้าทรงแสกงพระ:โอวาทปาติโมกฃแก่พระ:อรหันฅสาวกยูไกรับ 'อุปสมบท'จากพระ:องกัจิานวน ๑.๒๕0 องกัซงมาประ:ชุมกันโกยมิใค้นัก หมาย ณ พระ:เวฬุวันอันเป็นพระ:อารามแท่งแรกในสมัยพุทธกาล ทั้พระ:นกร ราชกฤห เมืองหลวงแท่งแกว้นมกธ ในชมพูทวปหรือประ:เทศอินเคยปี'จ'จุบัน วันนั้นกรงกับวันชน ๑๕ กํ่าเคือน ๓ ก่อนพุทธศก ๕๕ ป็ เป็นวันมาฆ ปุรณมืพระ:จ้นทรเฅี่มกวงกลางเคือนมาฆะ: หอัง'จากนั้นพระ:พุทธองกัทรงก่ง พระ:สาวกเหก่านั้นใปประ:กาศพระ:พุทธศาสนาในทิศก่างๆ เป็นเหคุให้ประ:ทิป ธรรมสว่างใสวใปทั่วชมพูทวป และ:แผ่ชยายวงกว้างออกใปยังภูมิภากก่างๆ ชองโลก ประ:ติษฐานมั่นกงกลอกมากราบเท่าทุกวันนั้ กำ ว่า โอวาทปาติโมกข์ ทั่พระ:พุทธองกํทรงแสดงแก่พระ:อรหันฅสาวก ก่อนทั่'จะ:ก่งใปประ:กาศพระ:ศาสนานั้นหมายถึงโอวาทหรือคำสอนทั่เ!เนหอัก เป็นปรร;ธาน เป็นคำสอนทั่ถึอว่าเป็นหอักการใหญในพรร;พุทธศาสนา ถึงกับ บางท่านอธิบายว่าเป็นกำสอนทั่เป็นหัวใ'จเป็นตัวศาสนาเลยทิเคืยว โอวาท ปาติโมกข์นั้เป็นทั่รวมพระ:ธรรมกำสอนชองพระ:พุทธองก[ว้ทั้งหมก ธรรมทั่ พุทธเจ้ากรัสรู้นั้นแม้จะ:มืจิานวนมากตังทั่กก่าวกันว่ามืถึง ๘๕,000 พระ: ธรรมฃันธนั้น เมอย่อลงก่าหรับเป็นหอักปฏิบัติแล้วใค้เป็น ๓ ประ:การ และ: www.kalyanamitra.org
(aQ โอวาทปาติไมกขกถา เรจง โอวาทปาติไมกข ๓ ปร^การนั้นก็่กือโอวาทปาฅิโมกฃน็้เอง พระ:ธรรมกำสอนของพร^พุทธเจ้า แม้'จะ:มมากมายทลายรูปแบบ แม้'จะ:มซอเรยกฅ่างๆ กัน แต่ทั้งทมคนั้นก็่ รวมอยูในกรอบแห่งโอวาทปาฅิโมกฃทั้งร้น หาไค้นอกเหนือไป'จากนั้!ม่ หรือ อกนัยหนั้งททรงแสคงโอวาทปาฅิโมกขนั้นเห่ากับทรงวางกรอบศาสนาให้พระ: สงฆสาวกไค้นำไปประ:กาศเผยแผ่ โคย'จำกัควงไว้ว่าให้แนะ:นำร่'งสอนธรรมไป คามหัวข้อเซ่นนั้ จึงเท่ากับว่าพระ:พุทธองกํทรงชแสคงให้รู้ว่ากำสอนใน พระ:พุทธศาสนาทแห้'จริงนั้นค้องอยู่ในกรอบนั้เท่านั้น หากนอกเหนือไป'จากนั้ หาใซ่กำสอนในพระ:พุทธศาสนาไม่ โอวาทปาฅิโมกข ๓ ประ:การนั้น ปรากฏคามพระ:บาลปาฅิโมกชุทเทส มหาปทานสูคร ทฆนิกาย มหาวรรกทไคอญเชิญมาเป็นนิกเขปบทเบองค้น ว่า สพุพปาปtjส อกรณํ เป็นอาทิ ชงมกวามคามภาษาไทยว่า \"การไม่ทำบาปทั้งปวง ๑ การทำกุศลให้กงพร้อม ๑ การทำ จิตของตนให้ผ่องใส ๑ นั้ฟ้นคำศอนของพระ;พุทธเจ้าทั้งหลาย\" หลักการแห่งพระ:พุทธศาสนาในโอวาทปาฅิโมกขประการค้นทว่า ศพุพ ปาปศุศ อกรถ4 การไม่ทำบาปทั้งปวง นั้นมอธิบายว่า กำ ว่า บาป แปลว่า กรรมอนเป็นเหตุให้ผู้ทำไปยู่อบาย หรือเป็นเหตุให้ถึงทุคติ หมายถึงอกุศล กวามซั่ว กวามผิค กวามนัวหมอง หรือหมายถึงการประพฤติผิค ประพฤติ ทุ'จริคต่างๆ ไม่ว่าทางกาย ทางวา'จา หรือทางใ'จ พระพุทธเจ้าทั้งหลายครัส ว่าขนซอว่าบาปทุกอย่างไม่กวรทำ ไม่กวรประพฤติ เพราะ:เหตุไรจึงครัสไว้ เซ่นนั้น ก็่เพราะทรงทราบขัคว่าบาปกรรมนั้นมผลอันเผ็่คร้อนร้ายแรง และ แค้ม.แต่งผู้ทำให้นัวหมองบ้าง นำ ให้คกคาบ้าง ให้[ครับกวามเคือคร้อนบ้าง 'จนถึงนำไปส่อบายภูมิหรือทุกติ กส่าวคือผู้ทำบาปไว้'จะค้องคกนรกบ้าง เกิค เป็นเปรคบ้าง เป็นอสุรกายบ้าง เป็นลัคว่คิรั'จฉานบ้าง เมอทำบาปแล้วท'จะ พ้น'จากบาปไค้เป็นไมม ท่านพรรณนาไว้ว่า \"คนทั้ทำบาปกรรมไว้ถึงจร;หนื www.kalyanamitra.org
ฒร. ธรรมสารเทศนา... พระธรรมกิคฅิวงส์ ไปในอากาศ กโม่พ้นจากบาปไปได้ หนไปกลางทรแอก็่ไม่พ้น เข้าไปหลบ ตามซอกเขากใม่พ้น ส่วนของแผ่นดินทผู้ทำบาปไว้นั้นไปหลบอยู่แล้วจร{พ้ง พ้นจากบาปกรรมได้ ย่อมไม่ม\" คังนั้ อันทํจริงกนททำบาปทำชั่วนั้นมสองปรรเภทกือ ปรร{เภทแรกไม่รู้ว่าสิงท ตนทำลงไปนนเ!เนบาปเ!เนสิงไม่ค ได้แก่กนทไม่รู้จักบาปบุญกณโทษเพรา^ไม่ เกยมไกรแนร{นำชั่งสอนให้ เซ่นเค็่กๆ ทคมเหล้า ฅิคร่งเสพฅิค เล่นการ พนันกัน พูคหยาบกายค่าทอกันแลร;กัน ล่วนใหญ่เขาไม่ทราบว่าชั่งทฅนทำ ลงไปนั้นเรนชั่งชั่วเป็นชั่งไม่ค เมอเหี่นยูใหญ่ทำกันก็่ทำบ้างไปฅามปรร;สาเค็่ก พอพ่อแม่หรอกรูอาจารย่คุค่าว่ากล่าวกักเสือน แม้จร;รู้แค่กี่ฅิคเสืยแล้ว บาง กนก็่เลิกลร;ได้ บางกนก็่เลิกลร;ไมไคจึงเลยกามเลย อย่างนั้ก็่มอยู่ กับอก ปรร;เภทหนั้งฟ้นผร้ดว่าการกรร{ทำเช่นนันเขาเรยกว่าบาปกรรม แตไม่เชอว่า บาปกรรมเช่นนันจร{ให้ผลเป็นทุกฃเป็นความเสือดร้อนจริง ไม่เชั่อว่านรก สวรรกมจริง กลับเห็่นไปเลิยว่าทำสืไมได้คก็่ม ทำ ชั่วไมไคชั่'วก็่ม โคยคูกนท ขอบทำบาปกรรมเป็นด้นแบบ เซ่นบางกนทุจริฅฉ้อโกงเขา บางกนเบยคเบยน เขา บางกนโกหกหลอกลวงเก่ง แค่พวกเขากลับอยู่สุขสบาย มหน้ามฅา มยู้กนนับถือ เพราร;พวกเขาเป็นกนฉลาคในการเอากัวรอคจึงไม่มกนรู้เท่าทัน หรือมอำนาจบารมจนไม่มใกรจร;กล้าเอาผิค เมํ่อเห็่นไปเซ่นนั้จึงไม่เชั่อเรอง กรรมเรองผลของกรรม แล้วมองครงข้ามไปว่า \"ทำดได้คมทไหน ทำ ชั่วไดค มถมไป\" กังนั้เป็นด้น คนจึงปรร;พฤติเซ่นนั้นบ้าง เมอบาปกรรมททำยังไม่ เผล็่คผลจึงเข้าใจไปว่าททำไปนั้นไม่ผิค แค่เป็นชั่งทค สามารถทำให้คนเจริญ ก้าวหน้าหรือสุขสบายได้ ในกนททำบาปทำชั่วสองปรร;เกทนั้น ปรร;๓ทแรกสามารถจร;แก้!ฃเยยวยา ได้ กล่าวสือหากไคกัลยาณมิฅรผู้มเมฅคามาแนร;นำชั่งสอนหรือซทางถูกทาง ผิคให้ ก็่ย่อมจร;โอนอ่อนผ่อนปรนทันหลังลร;ทงชั่งทํ่เกยทำมาเสิยแล้วเรํ่มทำ www.kalyanamitra.org
๔เท่ โอวาทปาตใjjกขกถา เรอง โอวาทปาติโมกข์ แฅ่ร่งทคงามไค้ เข้าข่ายเป็นกนประ:เภท \"ต้นคดปลายตรง\" ดังเข่นพระ: องกุลมาลเป็นดัวอย่าง ซงเมอก่อนเกยเป็นโจรร้ายฆ่ากนกายจำนวนมาก เพราะ:กวามอยากไค้เกล็่ควิซาส์าดัญกามทอาจารย่บอก ก่อมาเมอไค้พระ:พุทธ องก่เป็นกัลยาณมิกรแนะ:นำทางถูกให้ จึงทิ้งกวามเลวร้ายทั้งปวงเข้ามาบวชใน พระ:พุทธศาลนา ปฏิบัติธรรมจนไค้เป็นพระ:อรหันฅในทลุค ส่วนกนทำชั่ว ประ:เกททลองกือทำบาปเพราะ:ไม่เซอเรองบาปบุญ ไม่เชั่อเรองนรกลวรรก่นั้น ย่อมยากทจะ:แก่ไข เพราะ:จิกใจ'ฮงแน่นอยู่กับกวามเซออันเป็นมิจฉาทิฐ แม้จะ:ไคกัลยาณมิกรซั้นยอกเข่นไรมาชแจงอธิบายก็่ไม่ยอมเซออยู่ค แม้บาง กรั้งจะ:ประ:ลบผลแห่งบาปกรรมไครับทุกฃเคือดร้อนหรือกวามหายนะ:ก็่บังไม่วาย ทจะ:โทษตัวเองหรือกนอนว่าโง่เซลาไม่รอบกอบจึงทำให้เซาจับไค้ ทำ ให้เกิคผล เข่นนั้น บาปกรรมมโทษและ:เป็นเหกุให้กนทำไก่รับทุกฃโทษ ทำ ให้กนเข้าใจผิค หลงผิด เห็่นกงจักรเป็นคอกบัวไค้ถงเพยงนั้ จึงทรงวางเรั้องการไม่ทำกวาม ชั่วทั้งปวงไว้เป็นหลักการอันส์าตัญยงใหญ่ข้อค้น หลักการแห่งพระ:พุทธศาลนาในโอวาทปาติโมกขประ:การทลองทว่า กุสลสฺสูปสมฺปทา การทำกุศลให้ถงพร้อม นั้นมอธิบายว่า กำ ว่า กุศล ใน ทิ้นั้หมายกงบุญ ความด ความถูกต้อง ในทางปฏิบัติกุศลหมายกงการ ประ:กอบลุจริฅกือประ:พฤติซอบค้วยกาย วาจา แล2ใจ พระ:พุทธเจ้าทุกพระ:องกํ ฅรัลแนะ:นำลังลอนไว้เหมือนกันหมคว่า กุศลหรือบุญนั้นควรทำควรประ;พฤติ ควรรํงสมให้เกิดมึในตน เพราะ:เหกุไรฅรัลไว้เข่นนั้น เพราะ:เหกุว่าอันว่ากุศล นั้นมืผลเป็นกวามลุฃ มืผลทำให้ผู้ทำมืแก่กวามเจริญก้าวหน้า ไก่รับกวาม ลบายใจ ไม่ค้องเคือคร้อนกายหลัง ดังทิ้ฅรัลไว้ว่า \"ถ้าบุคคลพงทำบุญ ก็่พงทำบุญนั้นปอยๆ พงทำความพอใจในบุญนั้น เพราะ;การชั่งสมบุญนำ สขมาให้\" ตังนั้ www.kalyanamitra.org
ธรรมฟ้ารเทศนา... พระธรรมกิ?)ฅิวงf[ แท้จริง กนเราทั่วไปนิยมกวามค นิยมกนทั่ทำกวามค แล^ปรารถนาท จ^ทำกวามคเป็นทุนเดิมอยูในฅัว แก่เพราะถูกกิเลสกือรากร^บ้าง โลภะบ้าง โทสะบ้าง โมหะบ้าง เข้ามากรอบงำใจ ทำ ใท้เหี่นผิคเป็นชอบ หันไปนิยม บาปกวามชั่วบ้าง หันไปนิยมกนทำชั่วโกยเห็่นว่าเป็นกนกเป็นยู้น่าเชั่อถือบ้าง กังนั้นหากสามารถชักเกลากิเลสออกไปไค้ ธาตุแท้ทุนเดิมในกัวก็่จะก่ง ประกายแวววาวออกมาแล้วจะสามารกเห็่นกเป็นก เห็่นชัวเป็นชั่วไค้ เหมอน ท้องทมืกย่อมมองอะไรไม่เห็่นชัก ก่อกำจักกวามมืกออกไปไค้ค้วยแสงสว่าง ทุกอย่างทอยูในท้องก็่จะมองเหื่นไคชักเจนว่าอะไรเป็นอะไร ฉันใกถืฉันนั้น เมึ๋อกนเรารู้เท่าหันกิเลสและบรรเทาให้เบาบางลงไค้ กี่ย่อมจะยินคในการทำ ทุศล ในการทำบุญทำกวามคซงมวิธแห่งการทำมากมายหลายประการ เรํ่ม กั้งแกให้ทาน รักษากิล ไปจนถืงประพฤดิสุจริฅค้วยกาย วาจา ใจ และ บำ เพ็่ญประโยซนแก่กนอนค้วยกวามเฅ็่มใจและจริงใจ ประกอบค้วยเมฅฅา กรุณาธรรมเป็นทั่กั้ง เมึ๋อทำกศลใท้ถืงพร้อมไค้เซ่นนั้แล้วย่อมไครับผล เป็น ค้นว่าย่อมอยู่เป็นสุข เกิกกวามสบายใจ ไม่มเวรไม่มภัย ไครับกวามนิยม ยกย่องจากผู้กนทั้งหลาย และท้ายทสุกย่อมเข้าถืงสุกดิโลกสวรรก[ค้แน่แท้ เพราะผลสุกยอกแห่งการทำกุสลใท้ถืงพร้อมกี่กือสุกดิภูมิ ใซ่แก่ผู้ทำเท่านั้นจะ พึงไครับผลเซ่นนั้ แบ้กนอน แมิชังกม โกยทสุกแมิโลกทั้งโลกกี่ย่อมจะไครับ ผลค้วย กล่าวกือเมอกนเราก่างทำกุสลทำกวามก กั้งอยู่ในหลักการนั้กัน ก่างกี่จะไครับกวามสุฃกวามสงบ เกิกกวามสามักกิ เกิกลันดิ เกิกกวาม อบอุ่น เกิกกวามไว้วางใจกันและกันเป็นค้น ทำ ให้อยู่เย็่นเป็นสุขกันถ้วนหน้า การทำกุสลให้ถืงพร้อมเป็นวิถืทกิงาม นำ ให้เกิกกวามกิงามและผลอัน สุกวิเสษเซ่นนั้ พระพุทธเจ้าทุกพระองกิจึงทรงวางเรองนั้1ว้เป็นหลักการอัน ล่ากัญยงใหญ่ประการทั่สอง ก่วนหลักการแห่งพระพุทธสาสนาในโอวาทปาดิโมกขประการทสามทั่ว่า สจิตุตปริโยทปนํ การทำจิตของตนให้ผ่องใส นั้นมอธิบายว่า กามปกดิจิฅ www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222