การปฏบิ ัติตน การที่จะเขา้ สู่ความเป็นมุสลิมท่ีสมบูรณ์ ตอ้ งมีการปฏิญาณตนตามขอ้ ความ ในคมั ภีร์อลั กรุ อานท่ีเป็นหวั ใจของชาวมุสลิมทุกคน คือ “ไม่มพี ระเจ้าอ่ืนใดนอกจากอลั ลอฮ์องค์เดยี ว และแท้จริง ท่านศาสดา มุฮัมมดั เป็ นเราะซูล (ศาสนทูต ผู้นาโองการ) ของอลั ลอฮ์”
การละหมาด การละหมาด หรือ “นมาซ” มาจากภาษา อาหรับ แปลวา่ “การขอพร” การละหมาด คือ การ นมสั การ การแสดงความเคารพต่อพระเจา้ ท้งั ร่างกาย และจิตใจ ความมุ่งหมายของการละหมาด
ศาสนาอสิ ลามส่งเสริมความสะอาด ศาสนาอิสลามส่งเสริมความสะอาด เพราะถือวา่ ความสะอาดเป็นส่วนหน่ึงของ ศรัทธา มุสลิมทุกคนจะตอ้ งสะอาดต้งั แต่ภายนอกคือร่างกาย จนถึงภายในคือจิตใจ จึงตอ้ ง ชาระร่างกายและส่ิงสกปรกตามศาสนบญั ญตั ิก่อน หรือลา้ งมือก่อน น้าที่ใชช้ าระตอ้ งสะอาด เส้ือผา้ ที่สวมใส่เขา้ เฝ้าพระเจา้ กต็ อ้ งสะอาดเรียบร้อย ผหู้ ญิงตอ้ งแต่งตวั มิดชิด เปิ ดไดเ้ ฉพาะใบหนา้ และฝ่ามือ ส่วนผชู้ ายตอ้ งไม่ใหผ้ มปรก หนา้ ผาก โดยมีการใส่หมวกลกั ษณะต่างๆ เช่น กะปิ เยาะ ซอเกาะก์ ตะกียะห์ เป็นตน้
การละหมาด การละหมาด เป็นการปฏิบตั ิท่ีมีรูปแบบกฎเกณฑต์ ามท่ีศาสดาไดก้ าหนดไว้ มุสลิมทุกคนจะตอ้ งปฏิบตั ิตามจนกระทง่ั วนั สุดทา้ ยของชีวติ โดยตอ้ งปฏิบตั ิวนั ละ ๕ เวลา
การถือศีลอด การถือศีลอด หมายถึง การงดเวน้ จากการบริโภคอาหาร เครื่องด่ืม การร่วมสงั วาส การละจากการทาชว่ั ท้งั ทางกาย วาจา และใจ ต้งั แต่เวลารงุ่ อรุณ จนถึงดวงอาทิตยต์ ก ผทู้ ่ีบรรลุศาสนภาวะ คือ การถือศีลอดทาใหร้ ู้จกั สภาพอนั แทจ้ ริงของผทู้ ี่ อายุ ๑๕ ปี ทุกคนมีหนา้ ที่ตอ้ งปฏิบตั ิ อตั คดั ขดั สน และเกิดความเห็นอกเห็นใจกนั แต่มีขอ้ ยกเวน้ สาหรับบุคคลบาง ประเภท ไดแ้ ก่ คนชรา คนป่ วย หญิงมี ครรภห์ รือหญิงท่ีใหน้ มแก่ทารก หญิง ขณะมีประจาเดือนหรือหลงั คลอด บุคคลที่ใชแ้ รงกายทางานหนกั และ บุคคลที่อยใู่ นระหวา่ งเดินทาง
เดือนเราะมะฎอน ในรอบปี หน่ึง มุสลิมทุกคนจะตอ้ งถือ ศีลอดคนละ ๑ เดือน คือ ในเดือนที่ ๙ นบั ตาม ฮิจเราะห์ศกั ราช ท่ีเรียกวา่ “เดือนเราะมะฎอน” ชาวมุสลิมจะตอ้ งต่ืนข้ึนรับประทาน อาหารเชา้ ต้งั แต่ก่อนดวงอาทิตยข์ ้ึน เมื่อดวง อาทิตยข์ ้ึนแลว้ ตอ้ งงดรับประทานอาหารและน้า กระทง่ั ดวงอาทิตยต์ ก การถือศีลอดเป็นการฝึกฝนร่างกายและจิตใจใหม้ ีความอดทน ใหร้ ู้จกั ความ หิวโหย ไดเ้ ขา้ ใจเห็นใจคนยากจน รู้จกั การช่วยเหลือเผอื่ แผ่ ท้งั น้ีการถือศีลอดยงั ถือเป็น การทดสอบความศรัทธาและความยาเกรงที่มุสลิมมีต่อพระเป็นเจา้ และยงั ทดสอบและ ฝึกฝนความซ่ือสตั ยข์ องบุคคลที่ถือศีลอดดว้ ย
การบริจาคซะกาต ซะกาต แปลวา่ การทาใหบ้ ริสุทธ์ิ การจ่ายซะกาตเป็นอีกหนา้ ท่ีหน่ึงท่ีสาคญั ของ การทาใหห้ มดมลทิน บรรดามุสลิมในการรับผดิ ชอบสงั คม ซะกาต หมายถึง ทานท่ีบงั คบั ให้ ผมู้ ี รายไดใ้ นรอบ ๑ ปี ซ่ึงมีรายไดถ้ ึงจานวนที่ กาหนดไว้ ตอ้ งจ่ายหรือบริจาคทรัพยส์ ิน ใหแ้ ก่คนท่ีมีสิทธิรับบริจาคตามอตั ราท่ี กาหนด โดยทว่ั ไป คือ ต้งั แต่ ร้อยละ ๒.๕ - ๒๐ ต่อปี การบริจาคซะกาตเป็นการขดั เกลาจิตใจของผบู้ ริจาคใหบ้ ริสุทธ์ิ ใหล้ ดความ ตระหนี่เห็นแก่ตวั ไม่ใหล้ ะโมบ ใหม้ ีความเอ้ือเฟ้ื อเผอ่ื แผ่ และถือไดว้ า่ การบริจาค ซะกาตเป็นการช่วยลดปัญหาสงั คม
บุคคลทม่ี สี ิทธิรับบริจาคซะกาตมี ๘ ประเภท
การเดนิ ทางไปประกอบพธิ ีฮัจญ์ ฮัจญ์ แปลวา่ “การมุ่งไปสู่หรือการไปเยอื น” ซ่ึงหมายถึง การเดินทางไป ประกอบศาสนกิจ ณ วหิ ารกะอบ์ ะฮห์ รือบยั ตุลลอฮ์ ที่นครมกั กะฮ์ ประเทศ ซาอุดีอาระเบีย พธิ ีฮจั ญก์ ระทาในเดือนท่ี 2 ของทุกปี นบั ตามปฏิทินอิสลาม มุสลิมทว่ั โลก จะเดินทาง ไปประกอบพธิ ีร่วมกนั ที่สถานท่ีแห่งน้ีแห่งเดียว ซ่ึงใชเ้ วลาประมาณ ๒ อาทิตย์ โดยบงั คบั เฉพาะบุคคลท่ีมีความ สามารถเท่าน้นั คือ ความสามารถทางกาย ทรัพยส์ ิน และความปลอดภยั ในการเดินทาง และตอ้ งไดร้ ับการยนิ ยอมจากบุคคลใน ครอบครัวก่อน
สถานทปี่ ระกอบพธิ ีฮัจญ์ วิหารกะอบ์ ะฮต์ ้งั อยใู่ จกลางเมอื ง มกั กะฮ์ ชาวอาหรับถือวา่ ท่ีแห่งน้ีเป็นใจกลาง ของโลก เป็นจุดศนู ยก์ ลางของทุกทวีป สะดวก แก่การเดินทางมาของมุสลิมทว่ั โลก อลั ลอฮท์ รงบญั ชาใหท้ ่านศาสดา และอิสมาอิลบุตรชายร่วมกนั สร้าง “บยั ตุลลอฮ”์ แปลวา่ บา้ นของอลั ลอฮข์ ้ึนมา เพอ่ื ใชเ้ ป็น วิหารกะอบ์ ะฮ์ ต้งั อยใู่ จกลางเมืองมกั กะฮ์ สถานที่แสดงความเคารพจงรักภกั ดีต่อพระองค์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย คุณสมบตั ิของมุสลิมที่สามารถประกอบพิธีฮจั ญไ์ ด้ คือ มีศรัทธาอยา่ งแทจ้ ริง มีสุขภาพและสติปัญญาสมบูรณ์ มีทรัพยส์ ินเพยี งพอสาหรับการเดินทาง ไดป้ ระกอบพธิ ี ละหมาด ถือศีลอด และบริจาคซะกาตครบถว้ นแลว้
ความมุ่งหมายของการประกอบพธิ ีฮัจญ์ เพื่อแสดงความศรัทธา เพ่ือสร้างสมั พนั ธภาพ ท่ีมีต่ออลั ลอฮ์ และภราดรภาพระหวา่ ง ชาวมุสลิมทว่ั โลก เพอ่ื ฝึกฝนและทดสอบ เพ่ือฝึ กการสารวมตน ความอดทน และทดสอบคุณธรรม ในการเสียสละ เพื่อแสดงวา่ มุสลิมทุกคน เท่าเทียมกนั ในสายตา ของอลั ลอฮ์
ข้อห้ามอื่นๆ ของมุสลมิ นอกจากหลกั ปฏิบตั ิ ๕ ประการแลว้ มุสลิมยงั มีขอ้ หา้ มอ่ืนๆ ในการดาเนิน ชีวติ ขอ้ หา้ มท่ีสาคญั เช่น
๔. วถิ กี ารดาเนินชีวติ ของผ้ทู น่ี ับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ขอ้ ปฏิบตั ิในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีท้งั ที่เป็นขอ้ ปฏิบตั ิเฉพาะสาหรับวรรณะ และขอ้ ปฏิบตั ิรวม ขอ้ ปฏิบตั ิท่ีตอ้ งประพฤติปฏิบตั ิท่ีสาคญั คือ ข้อปฏิบตั สิ าหรับ พธิ ีสังสการ หรือ การบูชาเทวะ วรรณะ พธิ ีประจาบ้าน
ข้อปฏิบัติสาหรับวรรณะ ขอ้ ปฏิบตั ิ การแต่งงาน จะแต่งงานกบั คนนอกวรรณะไม่ได้ แต่ชายที่อยใู่ นวรรณะพราหมณ์ แตง่ งานกบั หญิงวรรณะอื่นได้ ส่วนหญิงท่ีเป็นพราหมณ์จะแต่งงานกบั ชายวรรณะ อื่นไม่ได้ ใครฝ่ าฝืนกฎจะตอ้ งถูกประณามหรือตดั ขาดจากวรรณะ อาหารการกนิ มีขอ้ กาหนด เช่น คนในวรรณะต่าจะปรุงอาหารใหค้ นวรรณะสูง รับประทานไม่ได้ พราหมณ์ไมก่ ินเน้ือสตั ว์ คนตา่ งวรรณะจะรับประทานอาหาร ร่วมกนั ไม่ได้ เป็นตน้ อาชีพ การประกอบอาชีพถูกกาหนดไวส้ าหรับคนวรรณะตา่ งๆ ใครอยวู่ รรณะใด ตอ้ งทาอาชีพน้นั สถานทอี่ ยู่ ในกฎเดิมจะหา้ มมีถ่ินฐานอยนู่ อกเขตประเทศอินเดีย และหา้ มเดินเรือ ในทะเล แต่ปัจจุบนั ไมค่ อ่ ยถือกนั
พธิ ีสังสการหรือพธิ ีประจาบ้าน พธิ ีสงั สการหรือพิธีประจาบา้ นเป็นพธิ ีที่ผทู้ ่ีประสงคจ์ ะเป็นฮินดูตอ้ งทา และ คนในวรรณะพราหมณ์ กษตั ริย์ แพศย์ ยกเวน้ ศูทร ตอ้ งผา่ นพธิ ีสงั สการก่อน จึงจะนบั วา่ เป็นผบู้ ริสุทธ์ิ พธิ ีประจาบา้ นในปัจจุบนั นิยมทากนั เพียง ๔ พธิ ี คือ
พธิ ียชั โญปวตี พิธียชั โญปวตี คือ พิธีคลอ้ งดา้ ย ศกั ด์ิสิทธ์ิ เป็นพิธีสาหรับเดก็ ชายทุกคนที่เกิดใน ๓ วรรณะ ไดแ้ ก่ พราหมณ์เมื่ออายคุ รบ ๕ ปี กษตั ริยเ์ มื่ออายคุ รบ ๘ ปี และแพศยเ์ ม่ืออายคุ รบ ๑๖ ปี สาหรับผชู้ ายในวรรณะพราหมณ์ จะตอ้ งเขา้ พธิ ีน้ี เพอ่ื การเป็นพราหมณ์โดย สมบูรณ์ หนา้ ท่ีของพราหมณ์ คือ การสง่ั สอนศิลปวทิ ยาการ ผทู้ ่ีไม่ใชพ่ ราหมณ์ จะ สอนไม่ได้ พิธีน้ีเรียกวา่ “อุปนยนั ” แปลวา่ การเขา้ สู่ทศั นะใหม่ เป็นการมอบตนเป็น ศิษย์ โดยจะคลอ้ งดา้ ยศกั ด์ิสิทธ์ิเรียกวา่ “ยชั โญปวตี ” พธิ ีน้ีเป็นการประกาศตนเป็น พรหมจารี (ผศู้ ึกษาศาสนา) หรือเป็นพราหมณ์โดยสมบูรณ์
การบูชาเทวะ แต่เดิมศาสนาพราหมณ์มีเทพเจา้ ผสู้ ร้างโลกเป็นผยู้ งิ่ ใหญ่องคเ์ ดียว คือ พระพรหม ต่อมาหลงั พทุ ธกาล เมื่อศาสนาพราหมณ์ไดก้ ลายเป็นศาสนาฮินดู กไ็ ด้ มีลทั ธิท่ีเรียกวา่ “ตรีมูรติ” ซ่ึงเป็นการขยายจากเทพผสู้ ร้างองคเ์ ดียวเป็น ๓ องค์ คือ พระพรหม คือ ผู้สร้างโลก พระวษิ ณุ หรือพระนารายณ์ พระศิวะ คือ เทพผู้ทาลาย และจักรวาล คือ ผู้เป็ นเทพผู้รักษา ได้ทาลายโลกเมื่อเกดิ ปัญหา และคุ้มครองโลก จากน้ันกส็ ร้างโลกขนึ้ มา ใหม่
๕. ความแตกต่างของการดาเนินชีวติ ของศาสนิกชนศาสนาต่างๆ มูลเหตุของการเกดิ ศาสนา จากมูลเหตุท่ีทาใหเ้ กิดศาสนา เราอาจแบ่งประเภทของศาสนาไดเ้ ป็น ๒ ประเภท คือ ศาสนาทน่ี ับถือ ศาสนาทไ่ี ม่นับถือ พระเจ้า พระเจ้า
ศาสนาทน่ี ับถือพระเจ้า ศาสนาท่ีนบั ถือพระเจา้ เรียกรวมๆ วา่ เทวนิยม เป็นศาสนาท่ีเช่ือวา่ พระเจา้ เป็นผสู้ ร้างโลก สร้างสรรพส่ิงในจกั รวาล และสร้างกฎเกณฑใ์ หแ้ ก่ธรรมชาติ แบ่งเป็ น เอกเทวนิยม • เป็นศาสนาที่นบั ถือพระเจ้าองค์เดียว เช่น คริสต์ศาสนา ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาสขิ เป็นต้น พหุเทวนิยม • เป็นศาสนาท่ีนบั ถือพระเจ้าหรือเทพเจ้า หลายองค์ เช่น ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู เป็นต้น
ศาสนาทไี่ ม่นับถือพระเจ้า ศาสนาท่ีไม่นบั ถือพระเจา้ เรียกรวมๆ วา่ อเทวนิยม เช่น พระพทุ ธศาสนา เป็นศาสนาท่ีไม่เช่ือวา่ มีพระเจา้ สร้างโลกและบนั ดาลคุณและโทษใหแ้ ก่มนุษย์ แต่เช่ือวา่ สิ่งท้งั หลายเป็นผลจากการกระทาของตนเอง
จุดหมายปลายทางของชีวติ มนุษยท์ ุกคนไม่ตอ้ งการความทุกข์ และปรารถนาท่ีจะไดค้ วามสุข แต่มนุษยไ์ ม่รู้ วา่ อะไรคือความสุขท่ีแทจ้ ริง จึงทาใหเ้ กิดพระศาสดาของแต่ละศาสนาข้ึน เพื่อประกาศ ความสุขที่แทจ้ ริงแก่มวลมนุษย์ พร้อมท้งั เสนอแนวทางปฏิบตั ิเพอ่ื จะนาไปสู่เป้าหมายอนั เป็น ความสุขท่ีแทจ้ ริง
สัญลกั ษณ์ของความสุขทแี่ ท้จริงของแต่ละศาสนา ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู การไดอ้ ยเู่ ป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกลมกลืนกบั พรหม พระพทุ ธศาสนา ถือวา่ พระนิพพานเป็นท่ีสุดของการประพฤติปฏิบตั ิธรรม คริสต์ศาสนา การมีชีวิตนิรันดรอยใู่ นอาณาจกั รของพระเจา้ บนสวรรค์ ศาสนาอสิ ลาม การอยกู่ บั อลั ลอฮใ์ นสวรรค์
คาสอนเกย่ี วกบั ชีวติ ในโลกในแต่ละศาสนา ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เช่ือวา่ มีการเวยี นวา่ ยตายเกิด ชีวติ ในโลกมีหลายคร้ัง พระพทุ ธศาสนา เช่ือเรื่องการเวียนวา่ ยตายเกิด คริสต์ศาสนา ไม่เช่ือเร่ืองการเวยี นวา่ ยตายเกิด เชื่อวา่ ชีวิตในโลกน้ีมีคร้ังเดียว ศาสนาอสิ ลาม เช่ือวา่ ชีวติ ในโลกน้ีมีเพยี งคร้ังเดียว ไม่มีการเวยี นวา่ ยตายเกิด
๖. วธิ ีการยอมรับวถิ ีการดาเนินชีวติ ของคนในแต่ละศาสนาในประเทศ พระพทุ ธศาสนามีหลกั คาสอนที่ชื่อวา่ “ฆราวาสธรรม ๔” หลกั น้ีสามารถนามาใช้ เป็นแนวทางปฏิบตั ิสาหรับการอยรู่ ่วมกบั ผทู้ ี่นบั ถือศาสนาอ่ืน และช่วยใหย้ อมรับ วถิ ีการ ดาเนินชีวติ ของคนในศาสนาอื่นท่ีแตกต่างไปจากตนเองไดอ้ ยา่ งเหมาะสมทาใหอ้ ยรู่ ่วมกนั ได้ อยา่ งสนั ติสุข มีดงั น้ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274