Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้(สำหรับครูผู้สอน)_วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี_ป.4-06021335

คู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้(สำหรับครูผู้สอน)_วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี_ป.4-06021335

Published by Guset User, 2021-12-21 05:22:33

Description: คู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้(สำหรับครูผู้สอน)_วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี_ป.4-06021335

Search

Read the Text Version

๑๔๖ ใส ไมม่ สี ี สนี ำ้ ตำลออ่ น สีขำวขนุ่ สมี ว่ งดำ สีขำวขุ่น สีม่วงดำ

๑๔๗ สสี ม้ สีม่วง สเี หลอื ง สีม่วง สีมว่ ง สีขำว สมี ว่ ง สเี หลือง สีมว่ งดำ สขี ำว มลี ำยสีมว่ ง สมี ่วงดำ สีเหลือง สมี ่วงดำ สเี หลืองอ่อน

๑๔๘ ไม่มีกำรเปล่ยี นแปลง โดยน้ำในหลอดทดลองเป็นสีน้ำตำลซง่ึ เป็นสเี ดยี วกับ สขี องสำรละลำยไอโอดีน มกี ำรเปลี่ยนแปลง โดยสีของนำ้ แปง้ มันและน้ำแปง้ ขำ้ วโพดจำกทม่ี ี สขี ำวขนุ่ เปล่ียนเปน็ สีม่วงดำ แครอท ขงิ ข่ำ กระชำย เผือก มันเทศ และมันฝร่ัง โดยสีของสำรละลำย ไอโอดนี จะเปล่ียนเป็นสมี ่วงหรือม่วงดำ รำกและลำต้นของพืชบำงชนิดมีแป้งสะสมอยู่ เพรำะเม่ือทดสอบด้วย สำรละลำยไอโอดนี ไดผ้ ลกำรทดสอบเหมือนกับกำรทดสอบในน้ำแป้งมัน และนำ้ แปง้ ข้ำวโพด โดยสีของสำรละลำยไอโอดีนจะเปล่ียนจำกสีน้ำตำล เป็นสนี ำ้ เงนิ สมี ่วงหรือม่วงดำ

๑๔๙ รำกและลำต้นของพืชบำงชนดิ ทำหน้ำท่สี ะสมอำหำร อำหำรท่ีพืช สะสม คือ แป้ง

๑๕๐ ต้นพชื จะขำดนำ้ และธำตอุ ำหำร เพรำะไม่มีรำกซึ่งทำหน้ำทีด่ ูดน้ำและ ธำตุอำหำรจำกดนิ แล้วลำเลยี งผำ่ นลำต้นไปยงั ส่วนตำ่ ง ๆ ของพืช

๑๕๑ รำกและลำต้นของพืชทุกชนดิ ทำหนำ้ ทส่ี มั พันธก์ ัน คือ รำกทำหนำ้ ท่ีดูดนำ้ และธำตุอำหำร แลว้ ลำเลียงตอ่ ไปยังลำตน้ และลำต้นทำหน้ำทล่ี ำเลียงน้ำ และธำตอุ ำหำรสง่ ตอ่ ไปยังส่วนต่ำง ๆ ของพืช สำรที่ใช้ตรวจสอบแป้ง คือ สำรละลำยไอโอดีน สังเกตกำรเปล่ียนแปลง ได้ โดยหยดสำรละลำยไอโอดีนลงในนำ้ แปง้ มันและน้ำแป้งข้ำวโพด แล้ว สขี องสำรละลำยไอโอดนี จะเปลีย่ นจำกสนี ้ำตำลเป็นสมี ่วงหรือม่วงดำ รำกและลำตน้ ของพืชบำงชนดิ สะสมอำหำรประเภทแป้ง

๑๕๒ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ 16 กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี 4 ภำคเรียนท่ี 1 รำยวิชำวิทยำศำสตร์ รหัสวิชำ ว 14101 หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี 2 สว่ นตำ่ ง ๆ ของพืช หน่วยย่อยที่ 1 หน้ำที่ของรำก ลำต้น ใบและดอกของพืช แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 16 เรอ่ื ง หน้ำทขี่ องใบ (1) เวลำ 1 ชั่วโมง 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้ / ตัวช้วี ดั สำระท่ี 1 วทิ ยำศำสตรช์ วี ภำพ มำตรฐำน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและระบบหน้าที่ของส่วนต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางาน สมั พันธก์ ัน ควาสมั พนั ธข์ องโครงสรา้ งและหน้าที่ของอวัยวะตา่ ง ๆ ของพชื ท่ที างานสัมพันธ์ กนั รวมท้ังนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชวี้ ัด ป.4/1 บรรยายหน้าทขี่ องราก ลาตน้ ใบและดอกของพืชดอก โดยใชข้ อ้ มูลที่รวบรวมได้ 2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 ดำ้ นควำมรู้ ควำมเข้ำใจ (K) - อธบิ ายการเปล่ยี นสขี องสารละลายไอโอดีนบนใบพืช 2.2 ดำ้ นทกั ษะกระบวนกำร (P) - สงั เกตและอภปิ รายการเปลยี่ นสีของสารละลายไอโอดีนบนใบพชื 2.3 ด้ำนคุณลักษณะ เจตคติ คำ่ นยิ ม (A) - มีความมุง่ ม่นั ในการทางาน ชว่ ยเหลือในการทางานกลุม่ ร่วมกนั 3. สำระสำคัญ ใบพืชมีส่วนที่เป็นสีเขียว เมื่อทดสอบด้วยสารละลายไอโอดีน สารละลายไอโอดีนในส่วนที่เป็นสีเขียว จะเปลีย่ นสี 4. สำระกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ สว่ นท่ีเป็นสีเขียวของใบพืช เม่ือทดสอบดว้ ยสารละลายไอโอดีน สารละลายไอโอดนี จะเปล่ียนจาก สีนา้ ตาลเป็นสีมว่ งดา ทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ - การสังเกต - การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ

๑๕๓ 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร - บอกหน้าที่ของใบ 5.2 ความสามารถในการคดิ - อภิปรายและระบปุ ระเภทของอาหารท่ีพชื สรา้ งข้นึ จากใบ 5.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา - การแกป้ ญั หาและการช่วยเหลือในการทางานกลุ่มรว่ มกัน 5.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต - มคี วามสามัคคีในการทางานกลมุ่ ร่วมกนั 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 6.4 ม่งุ มั่นในการทางาน 6.5 ซือ่ สตั ย์ตอ่ ตนเอง 7. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ขั้นนำเขำ้ สบู่ ทเรยี น (10 นำที) 1. ครูทบทวนความรู้พนื้ ฐานและความรู้พน้ื ฐานของนักเรยี นเก่ียวกบั พืชโดยใชค้ าถาม ดังน้ี 1.1 พชื มีการเจรญิ เติบโตหรอื ไม่ อยา่ งไร (พชื มีการเจริญเติบโต จากต้นเล็กๆ กลายเปน็ ต้นใหญ)่ 2. ครตู รวจสอบความรเู้ ดิมของนักเรยี นเกย่ี วกบั พืชโดยใช้คาถาม ดงั น้ี 2.1 นักเรียนคิดวา่ พืชต้องการอาหารเพ่ือการเจริญเตบิ โตหรือไม่ เพราะเหตุใด (นกั เรียนตอบตาม ความเข้าใจของตนเอง เช่น พืชตอ้ งการอาหาร เพราะพืชเปน็ สงิ่ มีชวี ติ จึงต้องการอาหาร เพื่อใชใ้ นการเจริญเตบิ โต) 2.2 อาหารของพชื คอื อะไร ได้มาจากไหน (นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจ เช่น พชื สร้างอาหารได้ เอง) ครูนาใบชบา และใบชบาดา่ ง มาให้นกั เรียนสงั เกตแลว้ ถามคาถามดงั น้ี 2.3 ใบพืช 2 ใบ นีเ้ หมือนและแตกตา่ งกันอยา่ งไร (เหมือนกันคือเป็นใบของพชื ชนิดเดียวกนั มีรูปรา่ งใบเหมือนกัน สงิ่ ที่ต่างคือใบชบามใี บสเี ขียว แต่ใบชบาด่างมสี เี ขยี วปนสีขาว) 2.4 ความแตกตา่ งของใบชบาทงั้ 2 ใบนมี้ ผี ลตอ่ การสรา้ งอาหารของพชื หรือไม่ (นกั เรยี นตอบ ตามความเขา้ ใจของตนเอง) ขนั้ สอน (40 นำที) 3. ครใู ห้นกั เรียนทากจิ กรรมท่ี 1 ใบทาหนา้ ที่อะไร โดยครูใหน้ ักเรยี นอา่ นช่ือกจิ กรรมและจุดประสงค์ แลว้ ครถู ามคาถามก่อนการทากจิ กรรม ดงั น้ี 3.1 กจิ กรรมน้นี กั เรยี นจะได้เรียนเรอ่ื งอะไร (หนา้ ท่ีของใบ ประเภทอาหารทพี่ ชื สร้างขน้ึ จากใบ) 3.2 นกั เรยี นจะเรยี นเรื่องนด้ี ว้ ยวธิ ใี ด (วธิ ีการสงั กต)

๑๕๔ 3.3 เมอื่ เรียนแล้วนักเรยี นจะทาอะไรได้ (อธิบายหน้าที่ของใบ ระบุประเภทของอาหารท่ีพืชสร้าง ขึ้น) 4. ครใู ห้นักเรียนอา่ นวสั ดุอปุ กรณแ์ ละวธิ ที าในกิจกรรมที่ 1 ใบทาหน้าที่อะไร จากน้ันนาอภปิ ราย โดยใช้คาถามดงั นี้ 4.1 นกั เรยี นตอ้ งเลือกใบพชื ที่นามาใชใ้ นกิจกรรมอย่างไรบ้าง (เลอื กใบพชื 2 ชนิดท่ีได้รับแสง มาแล้วอยา่ งน้อย 3 ชว่ั โมง) 4.2 เมื่อไดใ้ บพืชมาแลว้ นกั เรียนตอ้ งทาอะไรต่อ (วาดรปู ลกั ษณะของใบและระบายสี) 4.3 เม่อื วาดรปู และระบายสีใบพืชแลว้ นกั เรยี นต้องทาอะไรต่อ (ตม้ น้าในบีกเกอร์ให้เดอื ด แลว้ ใส่ ใบพชื ลงไป ต้มเปน็ เวลา 3-5 นาท)ี ครูแนะนาเพ่ิมเตมิ ในการใช้ตะเกยี งแอลกอฮอลด์ ว้ ยความระมดั ระวงั และวธิ กี ารแก้ปัญหา หากเกิดการลกุ ไหม้ 4.4 เมื่อตม้ ใบพชื แลว้ นกั เรียนตอ้ งทาอยา่ งไรต่อไป (คบี ใบพืชใสห่ ลอดทดลอง แล้วรินเอทิล แอลกอฮออลล์ งไปจนท่วมใบ) 4.5 ใชเ้ วลาต้มใบพืชในเอทิลแอลกอฮอลน์ านเทา่ ไร (ต้มประมาณ 4-5 นาทหี รือจนใบพืชมี สีซีดจาง) 4.6 เมื่อนักเรียนหยดสารละลายไอโอดนี แลว้ ส่งิ ที่ต้องสงั เกตคืออะไร (สงั เกตการเปลีย่ นสีของ สารละลายไอโอดีน) หมำยเหตุ ครคู วรแนะนานกั เรียน โดยครูบอกข้อควรระวงั ในการทากจิ กรรม เชน่ ไมน่ า หลอดทดลองทีม่ เี อทิลแอลกอฮอล์มาสัมผัสกบั ไฟโดยตรงในขณะทต่ี ้มใบพชื เพราะเอทิลแอลกอฮอล์ เม่ือเดือดแล้วเกิดเป็นไอซง่ึ ตดิ ไฟได้อาจทาใหเ้ กิดการลุกไหม้ หรอื ครอู าจสาธติ ขน้ั ตอนในข้อที่ 2-4 ให้นกั เรียนดูก่อนทากิจกรรมเพอ่ื ป้องกันอันตรายจากไฟ 5. ครูใหน้ ักเรียนลงมือทากจิ กรรม โดยครูคอยตรวจดคู วามปลอดภยั และการทากจิ กรรมทีถ่ กู ต้องและ ให้นกั เรยี นบันทึกผลการทากิจกรรมลงในใบงาน 01 หนา้ ท่ีของใบ 6. ครูนานักเรยี นอภปิ รายโดยใชค้ าถามดังน้ี 6.1 ใบพืชท่นี กั เรียนนามาสังเกตมีใบอะไรบ้าง (ใบชบาและใบชบาดา่ ง) 6.2 เมอื่ หยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบชบาและใบชบาด่าง สขี องสารละลายไอโอดนี เป็น อย่างไร (เม่ือหยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบชบา สขี องสารละลายไอโอดีนเปลีย่ นจาก สนี ้าตาลเปน็ สมี ว่ งดาท้ังใบ สว่ นใบชบาด่างบรเิ วณทเี่ คยมีสีเขียว สขี องสารละลายไอโอดนี เปล่ียนจากสีน้าตาลเปน็ สมี ่วงดา ส่วนบริเวณทีม่ ีสีขาว สีของสารละลายไอโอดนี ไมเ่ กิด การเปลีย่ นแปลง) ข้ันสรุป (10 นำที) 7. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสรปุ แนวคดิ หรือสง่ิ ท่ีได้เรยี นรู้ในช่วั โมงนีด้ ้วยตนเองเกยี่ วกบั การเปลี่ยนสี ของสารละลายไอโอดนี บนใบพชื 8. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปเก่ยี วกบั การเปลย่ี นสีของสารละลายไอโอดีนบนใบพชื ว่า ส่วนทเ่ี ป็น

๑๕๕ สีเขยี วของใบพชื เมื่อทดสอบดว้ ยสารละลายไอโอดนี สารละลายไอโอดนี จะเปลย่ี นจากสีนา้ ตาลเปน็ สมี ว่ งดา สว่ นที่เป็นสขี าวเมอื่ ทดสอบด้วยสารละลายไอโอดนี สีของสารสารละลายไอโอดีนไมเ่ กิดการ เปล่ยี นแปลง 8. สือ่ /แหลง่ เรียนรู้ 8.1 ใบงาน 01 หน้าท่ีของใบ หน้า 55 8.2 ใบชบาและใบชบาด่าง 8.3 สารละลายไอโอดนี 8.4 เอทลิ แอลกอฮอลล์ 8.5 หลอดหยด 8.6 บีกเกอร์ 8.7 ตะเกยี งแอลกอฮอล์พร้อมทีก่ ้ันลม 8.8 จานแกว้ 9. ชนิ้ งำน/ภำระงำน - การทาใบงาน 01 หนา้ ที่ของใบ หนา้ 55 10. กำรวดั และประเมนิ ผล 10.1 ประเมนิ ความรู้เร่ืองหน้าท่ขี องใบด้วยการตอบคาถามในชั้นเรียนและในใบงาน (K) 10.2 ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ด้วยแบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (P) 10.3 ประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ดว้ ยแบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)

๑๕๖ แบบประเมนิ ด้ำนทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ แผนกำรเรียนรูท้ ี่ 16 เร่ือง หน้ำทข่ี องใบ (1) เกณฑ์การประเมินมีดังนี้ 3 หมายถงึ ดี 2 หมายถึง พอใช้ 1 หมายถึง ปรับปรงุ สงิ่ ทป่ี ระเมิน คะแนน การสงั เกต การตคี วามหมายข้อมูลและการลงขอ้ สรปุ รวมคะแนน เกณฑก์ ำรประเมิน ทักษะกระบวนกำร ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1) ทำงวิทยำศำสตร์ การสงั เกต ใช้ตาและมือในการ ใชต้ าและมือในการ ใช้ตาและมือในการ การตีความหมาย รวบรวมขอ้ มูลเกย่ี วกับการ รวบรวมข้อมลู เกยี่ วกับ รวบรวมข้อมลู เกยี่ วกับ ขอ้ มูลและลงข้อสรปุ เปลีย่ นสีของสารละลาย เปล่ียนสขี องสารละลาย เปลี่ยนสขี องสารละลาย ไอโอดนี บนใบพชื ได้ด้วย ไอโอดนี บนใบพชื ได้ จาก ไอโอดนี บนใบพืชได้บา้ ง ตนเอง โดยไม่เพ่มิ เตมิ การชแ้ี นะของครหู รอื ผู้อื่น ถงึ แมจ้ ะได้รบั คาแนะนา ความคิดเห็น จากผู้อืน่ ตีความหมายข้อมลู จาก ตคี วามหมายข้อมูลจาก ตคี วามหมายข้อมลู จาก การสงั เกตและลงข้อสรปุ การสังเกตและลงข้อสรุป การสังเกต แตไมส่ ามารถ ไดด้ ว้ ยตนเองวา่ ใบพืช ได้ว่า ใบพืชบรเิ วณท่ีเคย ลงข้อสรปุ ได้ด้วยตนเองวา่ บรเิ วณทเี่ คยเป็นสีเขียว เปน็ สีเขียว สารละลาย ใบพืชบรเิ วณท่ีเคยเป็น สารละลายไอโอดีน ไอโอดีนจะเปล่ยี นเปน็ สีเขยี ว สารละลายไอโอดนี จะเปลยี่ นเปน็ สมี ่วงดา สีมว่ งดา ส่วนใบพชื บรเิ วณ จะเปลยี่ นเป็นสมี ว่ งดา ส่วนใบพชื บริเวณทเ่ี คยเปน็ ที่เคยเป็นสีขาว สารละลาย ส่วนใบพชื บริเวณทเี่ คยเป็น สีขาว สารละลายไอโอดีน ไอโอดีนจะไมเ่ ปลี่ยนสีได้ สีขาว สารละลายไอโอดีน จะไมเ่ ปลี่ยนสีได้อย่าง โดยต้องอาศยั การช้แี นะ จะไมเ่ ปลย่ี นสีได้แม้ว่าครู ถูกต้อง ของครหู รือผู้อืน่ หรือ หรอื ผ้อู ่ืนชว่ ยแนะนาหรือ เพิม่ เติมความคิดเหน็ ชแี้ นะ

๑๕๗ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ แผนกำรเรียนรทู้ ่ี 16 เรื่อง หน้ำที่ของใบ (1) ชอ่ื ผปู้ ระเมนิ /กลุ่มประเมิน………………………………………………………………………………………….............................. ชือ่ กลุ่มรบั กำรประเมิน……………………………………………………………………………………………….............................. ประเมินผลครั้งท…่ี ………………....……....... วนั ……………..…. เดอื น …...........……..………. พ.ศ. ……...….……....... เร่อื ง…………………………………………………………………………………………………………………….................................... ท่ี ลกั ษณะ/พฤติกรรมบ่งชี้ ระดับพฤตกิ รรม คะแนนทไ่ี ด้ เกิด = 1 ไมเ่ กิด = 0 1. มงุ่ มน่ั ในการทางาน 2. ซ่ือสตั ย์ตอ่ ตนเอง รวมคะแนนทไี่ ด้ทง้ั หมด = …………… คะแนน เกณฑ์กำรประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - มากกว่า 80 % ได้ 3 คะแนน - 50 % - 79 % ได้ 2 คะแนน - ต่ากว่า 50 % ได้ 1 คะแนน

๑๕๘ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ 17 กลุ่มสำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี 4 ภำคเรียนท่ี 1 รำยวิชำวิทยำศำสตร์ รหสั วิชำ ว 14101 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 สว่ นตำ่ ง ๆ ของพืช หน่วยยอ่ ยท่ี 1 หนำ้ ที่ของรำก ลำตน้ ใบและดอกของพืช แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ 17 เรอ่ื ง หน้ำทข่ี องใบ (2) เวลำ 1 ชัว่ โมง 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ / ตัวชี้วดั สำระท่ี 1 วิทยำศำสตรช์ ีวภำพ มำตรฐำน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและระบบหน้าท่ีของส่วนต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางาน สมั พนั ธ์กนั ควาสมั พันธ์ของโครงสรา้ งและหนา้ ที่ของอวยั วะต่าง ๆ ของพชื ท่ีทางานสัมพนั ธ์ กนั รวมทงั้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตวั ชีว้ ัด ป.4/1 บรรยายหนา้ ทีข่ องราก ลาต้น ใบและดอกของพืชดอก โดยใชข้ อ้ มูลที่รวบรวมได้ 2. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 ด้ำนควำมรู้ ควำมเข้ำใจ (K) - อธบิ ายหน้าทขี่ องใบพชื 2.2 ดำ้ นทกั ษะกระบวนกำร (P) - อภิปรายขอ้ มลู การเปล่ยี นสขี องสารละลายไอโอดีนเพื่อลงขอ้ สรปุ เก่ยี วกับหนา้ ท่ีของใบ(P) 2.3 ดำ้ นคุณลกั ษณะ เจตคติ ค่ำนิยม (A) - มคี วามม่งุ มน่ั ในการทางาน ชว่ ยเหลือในการทางานกลุ่มรว่ มกนั 3. สำระสำคญั ใบเปน็ ส่วนสาคัญของพืช ทาหน้าท่ใี นการสร้างอาหาร 4. สำระกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ ใบทาหน้าท่สี รา้ งอาหาร ใบพชื บริเวณที่มสี ีเขยี วจะมแี ป้งสะสมอยู่ ซ่ึงสามารถทดสอบได้ด้วยสารละลาย ไอโอดนี โดยจะเปลี่ยนสีของสารละลายไอโอดนี จากสีนา้ ตาลเป็นสมี ่วงดา ทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ - การลงความเหน็ จากข้อมูล - การตีความหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ

๑๕๙ 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการส่ือสาร - อธบิ ายหน้าท่ีของใบ 5.2 ความสามารถในการคดิ - อภิปรายและระบปุ ระเภทของอาหารทพ่ี ืชสรา้ งขน้ึ จากใบ 5.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา - การแก้ปญั หาและการชว่ ยเหลือในการทางานกลุ่มรว่ มกัน 5.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต - มีความสามัคคใี นการทางานกลุ่มรว่ มกัน 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มงุ่ มัน่ ในการทางาน 6.2 ซื่อสตั ย์ต่อตนเอง 7. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ขน้ั นำเข้ำสบู่ ทเรยี น (10 นำที) 1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานโดยนาผลการทดลองจากในชวั่ โมงกอ่ นหนา้ น้ีมาใหน้ กั เรียนสงั เกตอีกครัง้ โดยใชค้ าถามดงั น้ี 1.1 เม่อื หยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบพชื เกดิ การเปลยี่ นแปลงอย่างไรบ้าง (สารละลาย ไอโอดีนเปลยี่ นสีเป็นสีนา้ เงนิ เขม้ หรอื มว่ งดาในบรเิ วณที่เคยเปน็ สีเขยี ว สว่ นบรเิ วณทีเ่ คย เป็นสขี าวสีของสารละลายไอโอดีนจะไม่เปลี่ยนแปลง) 2. ครตู รวจสอบความร้เู ดมิ เก่ียวกับส่ิงทท่ี าให้สารละลายไอโอดนี เปลีย่ นสโี ดยแจกกระดาษแผ่นเลก็ แลว้ ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามว่าเพราะเหตุใดใบพชื บริเวณที่มีสีเขยี ว สีของสารละลายไอโอดีน จึงเปลย่ี นแปลง แตบ่ ริเวณทีม่ สี ขี าวสขี องสารละลายไอโอดนี จึงไม่เกดิ การเปล่ียนแปลง จากนั้นให้ นกั เรยี นนากระดาษไปติดบนกระดาน (ครูยงั ไมเ่ ฉลยคาตอบ) ขั้นสอน (40 นำที) 3. ครูทบทวนวิธกี ารทากิจกรรมโดยร่วมกนั อภปิ รายวิธีการทากจิ กรรม โดยใชค้ าถามดังน้ี 3.1 เพราะเหตุใดเราจึงต้องเลือกใบทีไ่ ด้รับแสงมาแลว้ อยา่ งนอ้ ย 3 ชั่วโมง (เพราะตอ้ งการให้ ใบพืชไดส้ ังเคราะห์ดว้ ยแสงก่อน) 3.2 เพราะเหตุใดเราจึงนาใบพืชมาต้มในน้าเดือดเป็นเวลา 3-5 นาที กอ่ นนาไปต้มใน เอทิลแอลกอฮอล์ (เพื่อให้เซลลพ์ ืชหยุดทางาน) 3.3 ใบพชื ก่อนต้มและหลังต้มในเอทลิ แอลกอฮอล์มีลกั ษณะอย่างไร (ใบพชื กอ่ นต้มมีสีเขยี วอ่อน ใบพืชหลงั ต้มจะมสี ซี ดี ขาว เหลือสีเขยี วเล็กนอ้ ย) 3.4 การตม้ ใบพืชในเอทิลแอลกอฮอล์ มปี ระโยชน์อย่างไร (ช่วยสกดั สารสเี ขยี วในใบพืชออกมา)

๑๖๐ 4. ครูนาคาตอบของนกั เรยี นท่ตี ดิ ไวบ้ นกระดานมาตรวจสอบคาตอบ โดยแยกคาตอบเป็น 2 กลมุ่ คือ กลมุ่ ที่คาตอบถกู ต้องและกลมุ่ ทค่ี าตอบยงั คลาดเคล่อื น แลว้ ชวนนกั เรียนอภิปรายโดยนารปู ผลของ การหยดสารละลายไอโอดนี ลงบนใบพืชท้ัง 2 ใบ แสดงให้นักเรยี นดอู ีกครั้ง แลว้ ใชค้ าถามดงั นี้ 4.1 บรเิ วณท่มี ีสีเขียว มีสารประเภทใด ทราบได้อย่างไร (มีสารประเภทแป้ง เพราะเม่ือมีการ ทดสอบด้วยสารละลายไอโอดีนแลว้ เกิดการเปล่ยี นสีจากสีน้าตาลเป็น สนี ้าเงนิ เข้มหรือ สมี ว่ งดา) 4.2 เพราะเหตุใบพชื บรเิ วณท่ีเคยเป็นสขี าวมาก่อน เมื่อหยดสารละลายไอโอดนี แล้วสารละลาย ไอโอดนี จึงไม่เกิดการเปลีย่ นแปลง (เพราะบรเิ วณนนั้ ไม่มีสารสีเขียว จึงไม่พบแปง้ ในบริเวณ นนั้ สารละลายไอโอดีนจงึ ไมเ่ ปลี่ยนส)ี 4.3 แป้งทสี่ ะสมในใบพชื มาได้อย่างไร (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ โดยครชู ี้แนะหรอื ชวน อภิปรายใหไ้ ด้ว่า แป้งทส่ี ะสมในใบพืชมาจากการสรา้ งอาหารของพชื และอาจเช่ือมโยง ความร้จู ากกิจกรรมเร่ืองรากและลาตน้ มหี นา้ ที่อื่นอีกหรอื ไม่ ซ่ึงแปง้ ทส่ี ะสมบรเิ วณรากและ ลาตน้ มาจากการสรา้ งอาหารของพชื เชน่ เดียวกนั ) 4.4 ใบพืชทาหนา้ ท่ีอะไร (สรา้ งอาหาร) 5. ครใู ห้นกั เรยี นท่ยี ังตอบคาถามคลาดเคล่ือน นากระดาษคาตอบของตนเองกลับมาแก้ไขคาตอบให้ ถูกต้อง ซงึ่ คาตอบทีถ่ ูกตอ้ งคือบริเวณทมี่ ีสีเขียวมีแป้งสะสมอยู่ สีของสารละลายไอโอดีนจึง เปลย่ี นเปน็ สมี ่วงดา แต่บริเวณทีม่ สี ีขาวไม่มีแปง้ สะสมอยู่ สขี องสารละลายไอโอดนี จึงไม่ เปลี่ยนแปลง แลว้ นาไปติดบนกระดานฝ่ังที่เปน็ คาตอบที่ถูกตอ้ งอกี คร้ังหนง่ึ 6. ครใู หน้ ักเรียนตอบคาถามหลงั กจิ กรรม ขน้ั สรุป (10 นำที) 7. ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นสรปุ แนวคดิ หรอื สิง่ ท่ีไดเ้ รียนรใู้ นชัว่ โมงนดี้ ว้ ยตนเองเกี่ยวกับหน้าทข่ี องใบ 8. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรปุ เก่ียวกบั หน้าท่ีของใบวา่ ใบของพชื ทาหน้าที่ในการสรา้ งอาหาร ใบพืช บรเิ วณท่ีมีสีเขยี วจะมีแปง้ สะสมอยู่ ซงึ่ สามารถทดสอบได้ดว้ ยสารละลายไอโอดีน 8. สือ่ /แหล่งเรียนรู้ - ใบงาน 01 หน้าทีข่ องใบ หนา้ 56 9. ชน้ิ งำน/ภำระงำน - การทาใบงาน 01 หน้าทข่ี องใบ หน้า 56 10. กำรวดั และประเมนิ ผล 10.1 ประเมนิ ความรูเ้ ร่ืองหน้าท่ีของใบด้วยการตอบคาถามในชนั้ เรียนและในใบงาน (K) 10.2 ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ดว้ ยแบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (P) 10.3 ประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ดว้ ยแบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)

๑๖๑ แบบประเมนิ ด้ำนทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ แผนกำรเรยี นร้ทู ่ี 17 เรอ่ื ง หน้ำท่ขี องใบ (2) เกณฑ์การประเมินมดี ังนี้ 3 หมายถึง ดี 2 หมายถงึ พอใช้ 1 หมายถึง ปรับปรงุ สิ่งทป่ี ระเมนิ คะแนน การลงความเหน็ จากข้อมูล การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ รวมคะแนน เกณฑ์กำรประเมิน ทกั ษะกระบวนกำร ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) ทำงวิทยำศำสตร์ การลงความเหน็ จาก เพ่มิ เติมความเหน็ เกีย่ วกบั เพม่ิ เติมความเห็นเกีย่ วกับ เพมิ่ เติมความเหน็ เกย่ี วกับ ข้อมลู หน้าท่ีของใบจากการ หนา้ ทข่ี องใบจากการเปลี่ยน หนา้ ทข่ี องใบจากการ การตีความหมาย ข้อมลู และลงข้อสรุป เปลี่ยนสขี องสารละลาย สีของสารละลายไอโอดีนบน เปล่ียนสีของสารละลาย ไอโอดีนบนใบพชื ไดอ้ ย่างมี ใบพชื ได้อยา่ งมเี หตุผล โดย ไอโอดนี บนใบพชื อยา่ งมี เหตผุ ล จากความร้หู รอื อาศยั คาแนะนาของครหู รือ เหตุผลได้บา้ ง ถึงแมจ้ ะ ประสบการณ์เดิมไดด้ ้วย ผู้อนื่ ได้รบั คาแนะนาจากผอู้ นื่ ตนเอง ตีความหมายข้อมลู จาก ตีความหมายข้อมลู จาก ตีความหมายข้อมลู จาก การสังเกต และลงข้อสรปุ การสงั เกต และลงข้อสรุป การสงั เกต และไมส่ ามารถ ไดด้ ว้ ยตนเองว่า ใบพืช ได้วา่ ใบพืชบริเวณทเี่ คย ลงขอ้ สรปุ ได้ด้วยตัวเองวา่ บริเวณทีเ่ คยเปน็ สีเขียว เป็นสเี ขียว สารละลาย ใบพชื บรเิ วณทีเ่ คยเปน็ สี สารละลายไอโอดีนจะ ไอโอดนี จะเปลีย่ นเปน็ สี เขยี ว สารละลายไอโอดนี เปลย่ี นเปน็ สมี ว่ งดา สว่ น มว่ งดา ส่วนใบพชื บริเวณที่ จะเปลีย่ นเปน็ สมี ่วงดา ใบพชื บรเิ วณท่ีเคยเปน็ สี เคยเปน็ สขี าว สารละลาย สว่ นใบพืชบรเิ วณทเี่ คยเปน็ ขาว สารละลายไอโอดีนจะ ไอโอดีนจะไม่เปลยี่ นสีได้ สีขาว สารละลายไอโอดีน ไม่เปล่ียนสีได้อย่างถกู ต้อง โดยต้องอาศัยการช้ีแนะ จะไม่เปลย่ี นสีได้แมว้ า่ ครู

๑๖๒ ทกั ษะกระบวนกำร ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) ทำงวิทยำศำสตร์ ของครูหรือผอู้ ื่นหรือ หรอื ผ้อู นื่ ชว่ ยแนะนาหรือ เพม่ิ เติมความคิดเห็น ชีแ้ นะ แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ แผนกำรเรียนร้ทู ี่ 17 เรื่อง หน้ำทขี่ องใบ (2) ชอ่ื ผู้ประเมิน/กลุ่มประเมนิ ………………………………………………………………………………………….............................. ชอื่ กลุ่มรบั กำรประเมิน……………………………………………………………………………………………….............................. ประเมินผลคร้งั ท…ี่ ………………....……....... วนั ……………..…. เดอื น …...........……..………. พ.ศ. ……...….……....... เร่อื ง…………………………………………………………………………………………………………………….................................... ที่ ลักษณะ/พฤติกรรมบ่งช้ี ระดับพฤตกิ รรม คะแนนทไ่ี ด้ เกิด = 1 ไม่เกดิ = 0 1. มุ่งมั่นในการทางาน 2. ซือ่ สัตยต์ ่อตนเอง รวมคะแนนท่ีได้ทง้ั หมด = …………… คะแนน เกณฑก์ ำรประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ - มากกว่า 80 % ได้ 3 คะแนน - 50 % - 79 % ได้ 2 คะแนน - ตา่ กว่า 50 % ได้ 1 คะแนน

๑๖๓ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 18 กล่มุ สำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษำปีที่ 4 ภำคเรียนท่ี 1 รำยวิชำวิทยำศำสตร์ รหัสวชิ ำ ว 14101 หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ี่ 2 สว่ นตำ่ ง ๆ ของพืช หน่วยย่อยที่ 1 หนำ้ ที่ของรำก ลำต้น ใบและดอกของพืช แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 18 เร่อื ง หนำ้ ที่ของใบ (3) เวลำ 1 ชั่วโมง 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ / ตวั ชี้วดั สำระท่ี 1 วิทยำศำสตร์ชวี ภำพ มำตรฐำน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและระบบหน้าที่ของส่วนต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางาน สัมพันธก์ นั ควาสมั พันธ์ของโครงสร้างและหนา้ ท่ีของอวยั วะตา่ ง ๆ ของพืชทีท่ างานสมั พนั ธ์ กัน รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตวั ชี้วัด ป.4/1 บรรยายหน้าทข่ี องราก ลาตน้ ใบและดอกของพืชดอก โดยใช้ขอ้ มลู ท่รี วบรวมได้ 2. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 ดำ้ นควำมรู้ ควำมเข้ำใจ (K) - อธบิ ายกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช 2.2 ดำ้ นทักษะกระบวนกำร (P) - อภิปรายเก่ียวกบั กระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช 2.3 ดำ้ นคณุ ลกั ษณะ เจตคติ คำ่ นยิ ม (A) - มีความมุ่งมนั่ ในการทางาน ชว่ ยเหลอื ในการทางานกลมุ่ รว่ มกัน 3. สำระสำคญั กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเป็นการสร้างอาหารของพืชโดยอาศัยปัจจัยต่าง ๆ อาหารท่ีพืชสร้างข้ึน คือ นา้ ตาล 4. สำระกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงเปน็ การสร้างอาหารของพชื โดยอาศยั ปจั จัยตา่ ง ๆ คอื น้า แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แสง และคลอโรฟิลล์ซ่ึงเป็นสารสีเขียวในใบพืช อาหารที่พืชสร้างขึ้นคือน้าตาลแล้ว เปลี่ยนเป็นแป้งเพ่ือเก็บสะสมไว้ ซ่ึงผลที่ได้จาการสังเคราะห์ด้วยแสงนอกจากน้าตาลแล้ว ยังได้แก๊สออกซิเจน และน้าออกมาด้วย

๑๖๔ ทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ - การจัดกระทาและสอื่ ความหมายข้อมลู - การตีความหมายและลงข้อสรุป 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร - อธบิ ายกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช 5.2 ความสามารถในการคดิ - อภิปรายกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 5.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา - การแกป้ ัญหาและการชว่ ยเหลอื ในการทางานกลุ่มรว่ มกัน 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต - มีความสามัคคีในการทางานกลมุ่ รว่ มกนั 6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 6.1 มุง่ ม่นั ในการทางาน 6.2 ซอ่ื สตั ย์ต่อตนเอง 7. กิจกรรมกำรเรียนรู้ ขน้ั นำเขำ้ สู่บทเรยี น (10 นำที) 1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนกั เรียนโดยนารูปรากของกล้วยไมท้ ี่มสี เี ขียวมาใหส้ งั เกตแล้วใชค้ าถาม ดงั นี้ 1.1 จากรปู คือสว่ นใดของพืช (ราก) 1.2 ส่วนนขี้ องพืชสามารถสร้างอาหารไดห้ รือไม่ เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ ตนเอง) 1.3 การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงหมายถึงอะไร (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง) 1.4 สงิ่ ท่ีจาเปน็ ในการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืชคืออะไร (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจของ ตนเอง) 1.5 ส่ิงทไ่ี ดจ้ ากการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพชื คืออะไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ขนั้ สอน (40 นำที) 2. ครูใหน้ ักเรยี นอ่านชื่อกิจกรรมและจดุ ประสงค์ จากนน้ั ครถู ามคาถามดังน้ี 2.1 นกั เรียนจะได้เรียนเรือ่ งอะไร (กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพชื ) 2.2 นักเรยี นจะเรยี นดว้ ยวธิ กี ารใด (สบื ค้นข้อมูล) 2.3 นกั เรียนเรยี นแลว้ ทาอะไรได้ (อธิบายกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงได้)

๑๖๕ 3. นักเรียนอา่ นวิธที าในใบกจิ กรรมท่ี 1 พืชสรา้ งอาหารได้อย่างไร จากนนั้ ครตู รวจสอบความเข้าใจ ในข้ันตอนการทากิจกรรมโดยใช้คาถามดงั ตอ่ ไปน้ี 3.1 นกั เรียนตอ้ งทาอะไรเป็นลาดบั แรก (ศึกษาใบความรู้เร่ืองการสงั เคราะห์ด้วยแสง) 3.2 เม่ือศึกษาใบความรแู้ ล้ว นักเรียนตอ้ งทาอะไรต่อ (รว่ มกนั อภิปรายเกยี่ วกบั การสังเคราะห์ ด้วยแสงของพืช) 3.3 นกั เรียนตอ้ งบันทึกผลอย่างไร (ทาผงั แนวคดิ เก่ียวกบั ปัจจยั ในการสงั เคราะหด์ ้วยแสง) 4. ครใู ห้นักเรียนลงมือทากจิ กรรมโดยอ่านใบความรเู้ ร่อื งการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื แลว้ อภิปราย โดยใช้คาถามดังตอ่ ไปนี้ 4.1 การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงคืออะไร (การสร้างอาหารของพชื ) 4.2 จากแผนภาพ การสร้างอาหารของพชื ตอ้ งใช้อะไรบา้ ง (น้า แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ แสง และคลอโรฟลิ ล)์ 4.3 สง่ิ ที่ไดจ้ ากกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืชมีอะไรบ้าง (นา้ ตาล นา้ และแก๊ส ออกซเิ จน) 4.4 สารสเี ขียวเรยี กว่าอะไร สว่ นใหญจ่ ะพบไดท้ ่ีบรเิ วณใด (เรยี กว่าคลอโรฟลิ ล์ สว่ นใหญ่พบได้ที่ บรเิ วณใบของพชื ) 4.5 ส่วนอื่น ๆ ของพชื ทีม่ ีสีเขียวสามารถสงั เคราะห์ด้วยแสงไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตุใด (ได้ เพราะ บริเวณนน้ั มีคลอโรฟิลล)์ 4.6 สว่ นอนื่ ๆ ของพชื ที่ไม่มีสีเขยี ว สามารถสงั เคราะห์ดว้ ยแสงได้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด (ไม่ได้ เพราะบรเิ วณน้ันไม่มีคลอโรฟิลล)์ 4.7 คลอโรฟลิ ลช์ ว่ ยในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื ได้อย่างไร (คลอโรฟิลลจ์ ะจบั พลังงานแสง จากดวงอาทิตย์) 4.8 แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์และน้าที่ใชใ้ นกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงมาได้อย่างไร (แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์เข้ามาทางปากใบของพืช ส่วนนา้ มาจากการที่รากดดู ข้นึ มาจากดนิ แลว้ ลาเลยี งสง่ ไปตามท่อลาเลียงไปยังลาตน้ และใบ) หมำยเหตุ นักเรียนยังไมร่ ้จู กั ปากใบ ครูควรนารปู ปากใบมาให้นักเรยี นสงั เกตแล้วช้ใี หเ้ หน็ วา่ บริเวณใดคือปากใบ 4.9 อาหารท่ีไดจ้ ากการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชคอื อะไร และเกบ็ สะสมไว้อยา่ งไร (อาหารทีไ่ ด้ คือน้าตาล ซึ่งน้าตาลจะเปล่ียนเปน็ แปง้ และเก็บสะสมไว้ตามส่วนตา่ ง ๆ ของพืช เช่น ราก ลาต้น ใบ) 4.10 สว่ นของพชื ท่สี ร้างอาหารไม่ได้ สามารถดารงชีวติ อยไู่ ดอ้ ยา่ งไร (ได้รบั อาหารท่ีได้จากการ สังเคราะหด์ ้วยแสง โดยอาหารจะถูกลาเลียงไปยงั สว่ นน้ันๆ พชื จึงสามารถดารงชีวิตอยู่ได้) 5. นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายในกล่มุ เกี่ยวกับการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพชื แล้วเขียนผงั แนวคิดเกีย่ วกบั ปจั จัยในการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพชื และนาเสนอ

๑๖๖ ขนั้ สรปุ (10 นำที) 6. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนสรุปแนวคิดหรอื สง่ิ ท่ีไดเ้ รียนรใู้ นช่วั โมงน้ีด้วยตนเองเกีย่ วกบั กระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสงของพชื 7. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปเก่ยี วกับกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพชื วา่ กระบวนการ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื เป็นกระบวนการสร้างอาหารของพชื ซง่ึ ต้องใช้คลอโรฟิลล์ นา้ แสงและ แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ ส่วนใหญ่เกิดข้ึนท่ีบริเวณใบ ส่งิ ท่ีได้จากการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงคือนา้ ตาล ซ่งึ เป็นอาหารของพืช นอกจากน้ียังได้นา้ และแก๊สออกซิเจนอกี ด้วย โดยนา้ ตาลจะเปลี่ยนเป็นแปง้ เกบ็ สะสมไวต้ ามสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื 8. สือ่ /แหล่งเรียนรู้ - ใบงาน 02 การสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพชื หนา้ 60 9. ชน้ิ งำน/ภำระงำน - ผงั แนวคดิ เร่ืองปจั จยั ทใ่ี ช้ในการสงั เคราะห์ด้วยแสง 10. กำรวดั และประเมนิ ผล 10.1 ประเมนิ ความรู้เรอื่ งการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื ดว้ ยการตอบคาถามในช้นั เรยี นและในใบงาน (K) 10.2 ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ดว้ ยแบบประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (P) 10.3 ประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ดว้ ยแบบประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)

๑๖๗ แบบประเมินดำ้ นทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ แผนกำรเรียนรู้ที่ 18 เรื่อง หนำ้ ที่ของใบ (3) เกณฑ์การประเมินมีดังน้ี 3 หมายถึง ดี 2 หมายถึง พอใช้ 1 หมายถึง ปรับปรุง ส่งิ ทีป่ ระเมนิ คะแนน การจดั กระทาและสื่อความหมายข้อมลู การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ รวมคะแนน เกณฑก์ ำรประเมิน ทักษะกระบวนกำร ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) ทำงวิทยำศำสตร์ การจดั กระทาและสอื่ แสดงความคิดเห็น ตอบ แสดงความคิดเหน็ ตอบ แสดงความคิดเห็น ตอบ ความหมายข้อมลู คาถาม และนาเสนอข้อมูล คาถาม และนาเสนอข้อมูล คาถาม และนาเสนอข้อมูล โดยใชผ้ ังความคิดเกีย่ วกับ โดยใช้ผงั ความคิดเก่ียวกับ โดยใช้ผงั ความคิดเกีย่ วกับ การตคี วามหมาย การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง การสงั เคราะหด์ ้วยแสง การสังเคราะห์ด้วยแสง ขอ้ มูลและลงข้อสรุป ของพืชให้ผู้อืน่ เข้าใจได้ ของพืช ให้ผอู้ ื่นเข้าใจได้ โดย ของพืช ให้ผูอ้ นื่ เข้าใจได้งา่ ย งา่ ยและชัดเจน เลือกใช้ อาศัยคาแนะนาของครหู รือ และชดั เจนบางสว่ น แม้วา่ วิธกี ารทเ่ี หมาะสมไดด้ ้วย ผอู้ น่ื ครหู รอื ผู้อนื่ ชว่ ยแนะนาหรือ ตนเอง ช้ีแนะ ตีความหมายข้อมลู จาก ตีความหมายข้อมูลจากการ ตีความหมายข้อมลู จากการ การอา่ นใบความรู้ และ อา่ นใบความรู้ และลงข้อสรุป อ่านใบความรู้ได้และ ลงขอ้ สรปุ ได้ดว้ ยตนเองว่า ไดว้ า่ กระบวนการสงั เคราะห์ ลงข้อสรุปได้บา้ งว่า กระบวนการสังเคราะห์ ด้วยแสงของพืชตอ้ งใช้ กระบวนการสงั เคราะห์ ด้วยแสงของพชื ตอ้ งใช้ คลอโรฟิลล์ น้า แสงและแก๊ส ดว้ ยแสงของพชื ตอ้ งใช้ คลอโรฟิลล์ น้า แสงและ คาร์บอนไดออกไซด์ สว่ นสง่ิ ที่ คลอโรฟิลล์ นา้ แสงและ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ ไดจ้ ากการสงั เคราะหด์ ้วย แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ สว่ นสิง่ ที่ได้จากการ แสงคอื น้าตาล นา้ และ สว่ นสงิ่ ที่ไดจ้ ากการ สงั เคราะห์ด้วยแสงคือ แกส๊ ออกซเิ จนโดยต้องอาศยั สังเคราะหด์ ว้ ยแสงคอื

ทกั ษะกระบวนกำร ดี (3) พอใช้ (2) ๑๖๘ ทำงวิทยำศำสตร์ ปรบั ปรุง (1) นา้ ตาล น้า และ แกส๊ ออกซเิ จนได้อยา่ ง การชี้แนะของครูหรอื ผู้อื่น น้าตาล น้า และ ถกู ต้อง หรือเพิม่ เตมิ ความคิดเหน็ แก๊สออกซิเจน แม้วา่ ครหู รือ ผู้อื่นช่วยแนะนาหรอื ชแ้ี นะ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ แผนกำรเรยี นรทู้ ่ี 18 เรอื่ ง หนำ้ ที่ของใบ (3) ชอ่ื ผปู้ ระเมิน/กลุ่มประเมิน………………………………………………………………………………………….............................. ชือ่ กลุ่มรับกำรประเมนิ ……………………………………………………………………………………………….............................. ประเมนิ ผลคร้งั ท…ี่ ………………....……....... วนั ……………..…. เดอื น …...........……..………. พ.ศ. ……...….……....... เรอ่ื ง…………………………………………………………………………………………………………………….................................... ที่ ลกั ษณะ/พฤติกรรมบง่ ช้ี ระดับพฤตกิ รรม คะแนนทไ่ี ด้ เกิด = 1 ไม่เกดิ = 0 1. มุ่งม่ันในการทางาน 2. ซอ่ื สัตยต์ อ่ ตนเอง รวมคะแนนทไ่ี ด้ท้งั หมด = …………… คะแนน เกณฑ์กำรประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ - มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน - 50 % - 79 % ได้ 2 คะแนน - ตา่ กว่า 50 % ได้ 1 คะแนน

๑๖๙ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ 19 กล่มุ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษำปที ี่ 4 ภำคเรียนที่ 1 รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์ รหัสวิชำ ว14101 หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ่ี 2 สว่ นต่ำง ๆ ของพืช หน่วยยอ่ ยท่ี 1 หนำ้ ท่ีของรำก ลำตน้ ใบ และดอกของพืช แผนกำรเรยี นรูท้ ี่ 19 เร่ือง หน้ำทีข่ องใบ (4) เวลำ 1 ชั่วโมง 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ / ตัวชีว้ ดั สำระที่ 1 วทิ ยำศำสตรช์ ีวภำพ มำตรฐำน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและระบบหน้าท่ีของส่วนต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางาน สมั พนั ธก์ ัน ควาสัมพนั ธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ขี องอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทางานสัมพนั ธ์ กัน รวมทั้งนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชว้ี ดั ป.4/1 บรรยายหน้าท่ขี องราก ลาตน้ ใบและดอกของพืชดอก โดยใชข้ ้อมูลท่ีรวบรวมได้ 2. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 ดำ้ นควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ (K) - อธิบายหน้าทีข่ องราก ลาต้น ใบ 2.2 ด้ำนทกั ษะกระบวนกำร (P) - 2.3 ด้ำนคณุ ลกั ษณะ เจตคติ ค่ำนิยม (A) - มีความมุ่งมนั่ ในการทางาน - ชว่ ยเหลอื ในการทางานกลมุ่ รว่ มกนั 3. สำระสำคญั รากเปน็ สว่ นหนง่ึ ของพืชทาหนา้ ท่ดี ูดน้า แลว้ ลาเลียงไปยังลาตน้ ลาต้นทาหน้าท่ลี าเลียงนา้ และ ธาตอุ าหารไปยังสว่ นต่าง ๆ ของพชื ใบเป็นส่วนสาคัญของพืช มีหน้าท่ีสร้างอาหารให้พืชโดยอาศัยปัจจัยต่าง ๆ อาหารที่พืชสร้างข้ึน คือ นา้ ตาล 4. สำระกำรเรียนรู้ ควำมรู้ รากเปน็ สว่ นหนึง่ ของพืชทาหนา้ ทด่ี ดู นา้ และธาตุอาหาร แล้วลาเลียงไปยังลาต้น ลาต้นทาหน้าท่ีลาเลียง น้าและธาตอุ าหารไปยงั ส่วนตา่ ง ๆ ของพืช นอกจากน้รี ากและลาตน้ บางชนิดยงั ทาหน้าทใี่ นการสะสมอาหาร

๑๗๐ ใบทาหน้าท่สี รา้ งอาหาร อาหารท่พี ืชสรา้ งขนึ้ คอื นา้ ตาลแลว้ เปลี่ยนเป็นแป้งเพ่ือเก็บสะสมไว้ตาม ส่วนต่าง ๆ ของพืช ซ่งึ สามารถทดสอบได้ดว้ ยสารละลายไอโอดีน การสรา้ งอาหารของพชื ต้องใช้นา้ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ แสง และคลอโรฟลิ ล์ ซึ่งเป็นสารสีเขียวในใบพชื กระบวนการนเ้ี รยี กวา่ การสงั เคราะหด์ ้วยแสง ผลที่ไดจ้ ากการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงนอกจากน้าตาลแล้ว ยังไดแ้ ก๊สออกซิเจนและนา้ ด้วย ทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ - 5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน 5.1 ความสามารถในการส่อื สาร - อธบิ ายหน้าทีข่ องราก ลาต้น ใบ 5.2 ความสามารถในการคิด - อภปิ รายหนา้ ทขี่ องราก ลาต้น ใบ 5.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา - การแกป้ ัญหาและการช่วยเหลือในการทางานกลุ่มรว่ มกัน 5.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ - มคี วามสามัคคใี นการทางานกลมุ่ รว่ มกัน 6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 6.1 ม่งุ มนั่ ในการทางาน 6.2 ซื่อสตั ยต์ อ่ ตนเอง 7. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ขั้นนำเข้ำส่บู ทเรียน (เวลำ 5 นำท)ี 1. ครนู ารปู เก่ยี วกับกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืชมาให้นกั เรยี นสงั เกตแลว้ อภิปรายโดยใช้ คาถามดังนี้ 1.1 พืชใชส้ ิง่ ใดในการสังเคราะห์ด้วยแสงบา้ ง (แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ นา้ แสง และ คลอโรฟิลล)์ 1.2 ส่ิงทีไ่ ดจ้ ากการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืชมีอะไรบ้าง (น้าตาล น้า แก๊สออกซิเจน) 1.3 จากรูปถ้าพชื ไม่มกี ารสงั เคราะห์ดว้ ยแสงจะสง่ ผลอย่างไรต่อสิ่งมีชวี ิตอ่นื (ถา้ พชื ไม่มีการ สังเคราะห์ดว้ ยแสง จะไม่มีแก๊สออกซเิ จนใหส้ ิง่ มชี ีวติ อืน่ ใชใ้ นการหายใจ สง่ิ มีชีวิตอนื่ จะไม่ สามารถดารงชีวติ อยู่ได)้ ขัน้ สอน (เวลำ 45 นำท)ี 2. ครใู หน้ กั เรยี นทาใบงาน 03 แบบฝกึ หัด เรือ่ งการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืช หน้า 63 3. ครูทบทวนความรู้พน้ื ฐานเกีย่ วกับหนา้ ท่ีของราก ลาตน้ และใบ โดยใช้คาถามดังนี้

๑๗๑ 3.1 รากและลาต้นทาหนา้ ท่ีอะไร (รากทาหนา้ ทด่ี ดู นา้ แลว้ ลาเลยี งไปยังลาตน้ ลาต้นทาหน้าท่ี ลาเลียงน้าไปยังส่วนตา่ ง ๆ รวมท้ังเกบ็ สะสมอาหาร) 3.2 ใบพชื ทาหน้าที่อะไร (ใบพชื ทาหนา้ ทส่ี รา้ งอาหาร) 3.3 อาหารท่ีพชื สรา้ งขนึ้ จากการสังเคราะห์ด้วยแสงคืออะไร แลว้ เก็บสะสมไวอ้ ย่างไร (อาหาร ทีพ่ ืชสรา้ งขนึ้ คือ นา้ ตาล แล้วเปลย่ี นเปน็ แปง้ เพ่ือเก็บสะสม) 3.4 นกั เรยี นสามารถทดสอบอาหารที่พชื สะสมไว้ไดอ้ ย่างไร (ทดสอบโดยใชส้ ารละลายไอโอดีน โดยบรเิ วณทม่ี แี ปง้ สีของสารละลายไอโอดนี จะเปลี่ยนจากสีนา้ ตาลเป็นสมี ่วงดา) 4. ครใู ห้นกั เรียนทาแบบทดสอบท้ายบทแลว้ ร่วมกันเฉลยข้อท่ถี ูกต้อง ขนั้ สรปุ (เวลำ 10 นำท)ี 5. ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นสรปุ แนวคดิ หรอื ส่ิงที่ได้เรียนรู้ในชั่วโมงนด้ี ว้ ยตนเองเกีย่ วกบั หน้าที่ของ สว่ นต่าง ๆ ของพืช 6. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ยี วกับหน้าที่ของสว่ นตา่ ง ๆ ของพืชว่า รากเป็นส่วนหนึง่ ของพชื ทาหนา้ ที่ดดู นา้ แลว้ ลาเลียงไปยงั ลาต้น ลาตน้ ทาหน้าที่ลาเลียงนา้ ไปยงั ส่วนตา่ ง ๆ ของพืช นอกจากน้ีรากและลาตน้ บางชนดิ ยังทาหน้าทใ่ี นการสะสมอาหาร ใบทาหน้าทสี่ ร้างอาหาร อาหาร ที่พชื สรา้ งข้นึ คือนา้ ตาล 8. สื่อ /แหล่งเรยี นรู้ 8.1 รูปเก่ยี วกับกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพชื 8.2 ใบงาน 03 แบบฝึกหดั เรอื่ งหน้าทขี่ องใบ หน้า 63 9. ชิ้นงำน/ภำระงำน 9.1 การทาแบบทดสอบท้ายบท 9.2 การทาใบงาน 03 แบบฝึกหดั เร่ืองหน้าทข่ี องใบ หนา้ 63 10. กำรวดั และประเมนิ ผล 10.1 ประเมินความรเู้ รอื่ งหนา้ ท่ีของราก ลาต้น และใบ ด้วยการตอบคาถามในช้นั เรียนและในใบงาน (K) 10.2 ประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ดว้ ยแบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)

๑๗๒ แบบประเมนิ ด้ำนคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ แผนกำรเรยี นรทู้ ่ี 19 เรอื่ ง หน้ำทข่ี องใบ (4) ช่ือผ้ปู ระเมนิ /กลมุ่ ประเมนิ ............................................................................................................................. ..... ชอื่ กลุ่มรบั กำรประเมิน........................................................................................................................................ ประเมินผลครั้งที่......................................วัน........................เดอื น............................พ.ศ................................... เร่ือง..................................................................................................................................................................... ที่ ลกั ษณะ/พฤติกรรมบง่ ชี้ ระดับพฤติกรรม คะแนนที่ได้ เกิด = 1 ไมเ่ กดิ = 0 1. มงุ่ ม่นั ในการทางาน 2. ซื่อสตั ยต์ ่อตนเอง รวมคะแนนท่ีไดท้ งั้ หมด = …………… คะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ - มากกว่า 80 % ได้ 3 คะแนน - 50 % - 79 % ได้ 2 คะแนน - ต่ากวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน

๑๗๓ เฉลยใบงำน

๑๗๔

๑๗๕ เพื่อให้เซลล์พชื หยุดทำงำน เพือ่ ช่วยสกัดคลอโรฟลิ ลใ์ นใบพืชออกมำ บรเิ วณใบพืชทเี่ คยมสี ีเขียว สขี องสำรละลำยไอโอดีนจะเปลย่ี นจำกสนี ้ำตำล เป็นสนี ำ้ เงนิ เขม้ หรือสีม่วงดำ บริเวณใบพชื ส่วนทไ่ี มใ่ ช่สเี ขียว สีของ สำรละลำยไอโอดนี จะไม่เปลี่ยนแปลง บรเิ วณใบพืชท่ีมีสเี ขียว สีของสำรละลำยไอโอดนี จะเปลี่ยนเป็นสนี ำ้ เงินเขม้ หรือสีมว่ งดำ แสดงวำ่ บริเวณน้ันมีแปง้ สะสมอยู่

๑๗๖ แกส๊ คำร์บอนไดออกไซด์ แสง น้ำ คลอโรฟิลล์ ต้องใช้ กำรสงั เครำะหด์ ้วยแสงของพชื ผลทไี่ ดค้ ือ นำ้ ตำล แกส๊ ออกซิเจน นำ้

๑๗๗ สำรสเี ขียวทีอ่ ย่ใู นพชื เรียกวำ่ คลอโรฟลิ ล์ มีควำมสำคัญ คือ จะดูดพลังงำนจำกแสงอำทิตย์แล้วนำไปใช้ในกำร สร้ำงอำหำร ซงึ่ มีวตั ถดุ ิบ คอื น้ำและแก๊สคำร์บอนไดออกไซด์ พชื จะได้รับน้ำจำกดนิ โดยมีรำกทำหนำ้ ท่ีดดู นำ้ จำกดิน แลว้ ลำเลยี ง ผ่ำนทอ่ ลำเลยี งจำกรำกผ่ำนลำตน้ และสง่ ไปทีใ่ บ อำหำรทไ่ี ดจ้ ำกกำรสังเครำะหด์ ้วยแสง คอื น้ำตำล และพืชนำไปใช้ ดังนี้ 1) เปลย่ี นเป็นแปง้ เก็บสะสมไว้ตำมรำก ลำตน้ ใบ 2) ลำเลยี งไปยังส่วนตำ่ ง ๆ ของพืชท่สี รำ้ งอำหำรเองไมไ่ ด้

๑๗๘ พชื สำมำรถสรำ้ งอำหำรได้โดยใช้กระบวนกำรสงั เครำะหด์ ้วยแสง ซ่ึงส่วนใหญ่เกิดขน้ึ ทใ่ี บของพืช พืชจะใช้น้ำ แก๊สคำรบ์ อนไดออกไซด์ แสง และคลอโรฟลิ ล์ในใบพืชในกระบวนกำรสงั เครำะหด์ ้วยแสง ผลจำกกำรสงั เครำะห์ด้วยแสงจะไดน้ ้ำตำล นำ้ และแก๊สออกซิเจน โดยพชื จะเปล่ียนน้ำตำลเป็นแปง้ เก็บสะสมไว้ตำมรำก ลำต้น ใบ หรอื ลำเลียงไปยังสว่ นต่ำง ๆ ของพชื ท่ีสร้ำงอำหำรเองไม่ได้

๑๗๙ พลังงำนแสง แก๊สออกซิเจน แกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซด์ นำ้

๑๘๐ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 20 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรูว้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษำปีท่ี 4 ภำคเรยี นที่ 1 รำยวิชำวิทยำศำสตร์ รหัสวชิ ำ ว14101 หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี 2 สว่ นต่ำง ๆ ของพืช หน่วยยอ่ ยที่ 1 หนำ้ ท่ีของรำก ลำต้น ใบ และดอกของพืช แผนกำรเรยี นรู้ท่ี 20 เร่อื ง หน้ำที่ของดอก (1) เวลำ 1 ช่ัวโมง 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ / ตัวชี้วัด สำระท่ี 1 วทิ ยำศำสตร์ชชวี ภำพ มำตรฐำน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์ และมนุษย์ที่ทางาน สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทางาน สมั พันธก์ ัน รวมทั้งนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ตัวช้วี ัด ป.4/3 บรรยายหน้าทข่ี องราก ลาต้น ใบ และดอกของพืชดอกโดยใชข้ ้อมูลท่ีรวบรวมได้ 2. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 ด้ำนควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ (K) - อธิบายและระบสุ ่วนตา่ ง ๆ ของดอก 2.2 ด้ำนทกั ษะกระบวนกำร (P) - สงั เกตสว่ นประกอบแตล่ ะส่วนของดอก 2.3 ดำ้ นคุณลกั ษณะ เจตคติ ค่ำนิยม (A) - มีความมงุ่ มน่ั ในการทางาน ช่วยเหลอื ในการทางานกล่มุ ร่วมกนั 3. สำระสำคญั ดอกประกอบด้วยสว่ นตา่ ง ๆ ท่ีสาคญั 4 สว่ น ดอกของพชื บางชนิดอาจมีส่วนประกอบไม่ครบ 4. สำระกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ ดอกประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ท่ีสาคัญ 4 ส่วน ได้แก่ กลีบเล้ียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ดอกของพืชบางชนิดอาจมสี ว่ นประกอบไม่ครบ ทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ - การสังเกต - การลงความเหน็ จากข้อมูล

๑๘๑ 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร - ระบสุ ว่ นประกอบต่าง ๆ ของดอก 5.2 ความสามารถในการคิด - สังเกตส่วนต่าง ๆ ของดอก 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา - การแก้ปัญหาและการช่วยเหลอื ในการทางานกลุ่มรว่ มกัน 5.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ - มคี วามสามคั คใี นการทางานกลมุ่ รว่ มกนั 6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 6.1 มุ่งมัน่ ในการทางาน 6.2 ซอ่ื สตั ย์ตอ่ ตนเอง 7. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ขัน้ นำเขำ้ สูบ่ ทเรยี น (เวลำ 10 นำท)ี 1. ครตู รวจสอบความรเู้ ดิมโดยให้นกั เรียนแต่ละคนวาดรูปดอกไม้ท่ีชอบมากท่ีสุดลงในกระดาษ พร้อม บอกช่ือดอกและชี้บอกส่วนประกอบต่าง ๆ ของดอกให้ได้มากที่สุด แล้วอภิปรายเกี่ยวกับ สว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของดอกจากรูปวาดของนกั เรยี นโดยใช้คาถามวา่ ส่วนประกอบของดอก มีอะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง เช่น กลบี ดอก) ขั้นสอน (เวลำ 45 นำที) 2. ครูให้นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรมและจุดประสงค์ของกิจกรรมที่ 1 ดอกมีหน้าที่อะไร ข้อ 1 แล้วใช้ คาถามดังนี้ 2.1 กจิ กรรมนนี้ กั เรยี นจะไดเ้ รยี นเรอื่ งอะไร (สว่ นประกอบของดอก) 2.2 นกั เรียนจะเรียนเรื่องนด้ี ้วยวธิ ีใด (การสังเกต) 2.3 เมื่อเรียนแล้วนกั เรยี นจะทาอะไรได้ (ระบสุ ่วนประกอบตา่ ง ๆ ของดอกได)้ 3. นักเรียนอ่านวัสดุอุปกรณ์วิธีการทาในกิจกรรมท่ี 1 ข้อท่ี 1 จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจโดยใช้ คาถามตอ่ ไปนี้ 3.1 นกั เรียนตอ้ งทาอะไรบ้าง (สังเกตและแยกสว่ นต่าง ๆ ของดอก) 3.2 นักเรียนต้องบนั ทึกผลอย่างไร (บันทกึ โดยทาเครอ่ื งหมายลงในชอ่ งสว่ นประกอบของดอก ทพ่ี บ) 4. ครูนาดอกชบามาสาธิตวิธกี ารศึกษาจากวงดา้ นนอกสดุ เข้าไปด้านในสุด และอภิปรายเกย่ี วกบั ช่อื สว่ นประกอบของดอกและวิธีบันทกึ ผลการสงั เกตในใบงาน 01 ส่วนประกอบของดอก

๑๘๒ 5. ครบู อกข้อควรระวังในการใชม้ ีดโกนและแวน่ ขยายที่ปลอดภัย เชน่ ไม่นามดี โกนมาเลน่ กบั เพ่ือน ใช้แว่นขยายอยา่ งระมัดระวังอยา่ ใหก้ ระจกแตก แลว้ ให้นักเรยี นลงมอื ทากิจกรรม 6. เม่ือนักเรียนทากิจกรรมเสร็จแล้ว ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอผลการสังเกตและการระบุ ส่วนประกอบของดอก และรว่ มกนั อภิปรายโดยใชค้ าถาม ดงั นี้ 6.1 นกั เรยี นสังเกตดอกไมอ้ ะไรบา้ ง (คาตอบขนึ้ อยกู่ บั การสังเกตดอกไม้แต่ละชนดิ ) 6.2 ดอกไม้ชนดิ ใดบ้างที่มสี ว่ นประกอบครบทุกสว่ น แต่ละชนดิ มีสว่ นประกอบอะไรบ้างอะไรบ้าง (คาตอบข้ึนอยูก่ ับการทากจิ กรรมของนักเรียน) 6.3 ดอกไม้ชนิดใดบ้างที่มีส่วนประกอบไม่ครบทุกส่วน แต่ละชนิดมีส่วนประกอบอะไรบ้าง อะไรบา้ ง (คาตอบขึ้นอยูก่ ับการทากจิ กรรมของนักเรียน) 6.4 ดอกไม้ชนิดหนึ่งมีส่วนประกอบเหมือนดอกชบา จะมีส่วนประกอบใดบ้าง (กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมยี ) 6.5 นักเรียนคิดว่าแต่ละส่วนของดอกไม้มีหน้าที่อะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ ตนเอง) ขนั้ สรุป (เวลำ 5 นำท)ี 7. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสรุปแนวคิดหรือส่ิงท่ีได้เรียนรู้ในช่ัวโมงนี้ด้วยตนเองเกี่ยวกับส่วนประกอบ ของดอก 8. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรปุ เกยี่ วกับสว่ นประกอบของดอกไดว้ า่ ดอกไม้ประกอบดว้ ยสว่ นต่าง ๆ ท่สี าคัญ 4 ส่วน ไดแ้ ก่ กลีบเลย้ี ง กลีบดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย ดอกไม้บางชนิดมีส่วนประกอบ ครบท้งั 4 สว่ น แต่ดอกไม้บางชนดิ มสี ว่ นประกอบไมค่ รบทง้ั 4 ส่วน 8. ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 ใบงาน 01 สว่ นประกอบของดอก หน้า 67 8.2 ดอกไมช้ นิดต่าง ๆ 8.3 แวน่ ขยาย 8.4 มีดโกน 9. ชิ้นงำน/ภำระงำน - การทาใบงาน 01 สว่ นประกอบของดอก หนา้ 67 10. กำรวัดและประเมนิ ผล 10.1 ประเมินความรเู้ รอื่ งสว่ นประกอบของดอกด้วยการตอบคาถามในช้นั เรยี นและในใบงาน (K) 10.2 ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ดว้ ยแบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (P) 10.3 ประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ดว้ ยแบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)

๑๘๓ แบบประเมินดำ้ นทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ แผนกำรเรียนรู้ท่ี 20 เรื่อง หนำ้ ทข่ี องดอก (1) เกณฑ์การประเมนิ มีดังนี้ 3 หมายถึง ดี 2 หมายถึง พอใช้ 1 หมายถึง ปรบั ปรุง สง่ิ ท่ีประเมิน คะแนน การสังเกต การลงความเห็นจากข้อมลู รวมคะแนน เกณฑ์กำรประเมิน ทักษะกระบวนกำร ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1) ทำงวิทยำศำสตร์ การสังเกต ใช้ตาและมือในการ ใช้ตาและมือในการรวบรวม ใช้ตาและมือในการรวบรวม รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับ ข้อมลู เก่ียวกับส่วนประกอบ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั ส่วนประกอบ สว่ นประกอบของดอก ของดอกที่กาหนดให้ ของดอกท่กี าหนดให้ได้ ที่กาหนดให้ ดว้ ยตนเอง จากการช้ีแนะของครหู รือ บางส่วน ถึงแมจ้ ะได้รบั โดยไมเ่ พิ่มเติมความ ผอู้ ่นื คาแนะนาจากครหู รือผอู้ ่ืน คิดเห็น การลงความเหน็ เพม่ิ เติมความคิดเห็น เพิ่มเติมความคิดเหน็ เพิ่มเติมความคิดเหน็ เกย่ี วกบั เกี่ยวกบั ข้อมูลไดว้ ่าดอก ขอ้ มูลได้บา้ งวา่ ดอกชนดิ จากข้อมลู เกยี่ วกับข้อมูลได้วา่ ดอก ชนดิ ต่าง ๆ อาจมี ต่าง ๆ อาจมีสว่ นประกอบ ส่วนประกอบครบหรอื ไม่ ครบหรอื ไม่ครบสว่ น ถึงแม้จะ ชนิดต่าง ๆ อาจมี ครบสว่ น จากความร้หู รอื ไดร้ ับคาแนะนาจากผ้อู ื่น ประสบการณ์เดิมโดยอาศยั ส่วนประกอบครบหรือไม่ คาแนะนาของครูหรือผูอ้ นื่ ครบส่วน จากความรู้หรือ ประสบการณเ์ ดิมไดด้ ว้ ย ตนเอง

๑๘๔ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ แผนกำรเรยี นร้ทู ี่ 20 เรือ่ ง หน้ำท่ขี องดอก (1) ชอื่ ผู้ประเมิน/กลมุ่ ประเมนิ ............................................................................................................................. ..... ชอ่ื กลุ่มรับกำรประเมิน............................................................................................................................. ........... ประเมินผลครง้ั ท.่ี .....................................วัน........................เดือน............................พ.ศ................................... เร่อื ง............................................................................................................................. ........................................ ท่ี ลักษณะ/พฤติกรรมบง่ ช้ี ระดับพฤตกิ รรม คะแนนท่ีได้ เกดิ = 1 ไมเ่ กดิ = 0 1. มงุ่ มั่นในการทางาน 2. ซ่ือสตั ย์ต่อตนเอง รวมคะแนนท่ไี ดท้ ้ังหมด = …………… คะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - มากกว่า 80 % ได้ 3 คะแนน - 50 % - 79 % ได้ 2 คะแนน - ต่ากวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน

๑๘๕ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 21 กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษำปที ี่ 4 ภำคเรยี นที่ 1 ปกี ำรศกึ ษำ 2563 รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์ รหัสวิชำ ว14101 หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ 2 สว่ นต่ำง ๆ ของพืช หน่วยย่อยที่ 1 หน้ำท่ีของรำก ลำตน้ ใบ และดอกของพชื แผนกำรเรยี นรูท้ ่ี 21 เร่ือง หน้ำท่ขี องดอก (2) เวลำ 1 ช่ัวโมง 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ / ตวั ชีว้ ัด สำระท่ี 1 วิทยำศำสตร์ชวี ภำพ มำตรฐำน ว 1.2 เข้าใจสมบัตขิ องสิ่งมชี ีวิต หน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชวี ิต การลาเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ ความสัมพนั ธข์ องโครงสรา้ งและระบบหน้าท่ขี องสว่ นตา่ ง ๆ ของสตั วแ์ ละมนุษย์ทท่ี างาน สัมพันธก์ ัน ควาสัมพนั ธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทางานสัมพันธ์ กนั รวมทงั้ นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวช้ีวดั ป.4/3 บรรยายหนา้ ทีข่ องราก ลาตน้ ใบ และดอกของพืชดอกโดยใชข้ ้อมูลท่ีรวบรวมได้ 2. จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 2.1 ด้ำนควำมรู้ ควำมเข้ำใจ (K) - อธบิ ายหน้าท่ขี องส่วนประกอบของดอก 2.2 ด้ำนทกั ษะกระบวนกำร (P) - อภิปรายหนา้ ที่ของส่วนประกอบของดอก 2.3 ดำ้ นคณุ ลกั ษณะ เจตคติ ค่ำนิยม (A) - มีความมงุ่ ม่ันในการทางาน - ช่วยเหลือในการทางานกล่มุ รว่ มกัน 3. สำระสำคญั ดอกโดยทว่ั ไปจะมีส่วนประกอบทสี่ าคญั 4 ส่วน แต่ละส่วนทาหน้าทแ่ี ตกต่างกนั 4. สำระกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ ดอกประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่สาคัญ 4 ส่วน ซ่ึงแต่ละส่วนทาหน้าที่แตกต่างกัน โดยกลีบเล้ียงห่อหุ้ม กลีบดอกทีย่ งั อ่อน กลบี ดอกช่วยลอ่ แมลงและห่อหุ้มเกสรในขณะที่ดอกยังไม่บาน เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย ทาหน้าที่สบื พนั ธุ์ ทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ - การจดั กระทาและสอ่ื ความหมายข้อมลู - การลงความเห็นจากขอ้ มลู

๑๘๖ 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 5.1 ความสามารถในการส่ือสาร - ระบสุ ว่ นประกอบและอธิบายหน้าทขี่ องส่วนตา่ ง ๆ ของดอก 5.2 ความสามารถในการคิด - ออกแบบและระบหุ น้าที่ของส่วนตา่ งๆของดอกลงในผงั ความคดิ 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา - การแกป้ ัญหาและการชว่ ยเหลอื ในการทางานกลุ่มร่วมกัน 5.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ - มีความสามคั คใี นการทางานกลุม่ รว่ มกัน 6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 6.1 ม่งุ มน่ั ในการทางาน 6.2 ซ่อื สัตย์ต่อตนเอง 7. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ขนั้ นำเขำ้ สบู่ ทเรยี น (เวลำ 10 นำท)ี 1. ครูทบทวนความรพู้ ้ืนฐานและตรวจสอบความรู้เดิมโดยให้นักเรียนเล่นเกมจับคู่ส่วนประกอบกับดอก โดยครูแจกบัตรคาส่วนประกอบของดอกแต่ละชนิดให้แต่ละกลุ่ม (บัตรคาส่วนประกอบของดอก 1 ชนิด/1 กลมุ่ ) จากน้ันใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ ไปหาดอกท่ีมสี ว่ นประกอบตรงตามบัตรคาท่ีได้รับในกลุ่ม จากนนั้ ใชค้ าถามดงั นี้ 1.1 ดอกในกลุ่มของนักเรียนมสี ่วนประกอบอะไรบ้าง (นกั เรียนตอบตามผลการเล่นเกม) 1.2 ส่วนประกอบแต่ละอย่างมีหน้าที่อะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น กลีบดอกใช้ ล่อแมลง) ข้ันสอน (เวลำ 45 นำท)ี 2. ครูให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรมและจุดประสงค์ของกิจกรรมท่ี 1 ดอกมีหน้าท่ีอะไร ข้อท่ี 2 แล้วถาม คาถามก่อนการทากิจกรรม ดังนี้ 2.1 กิจกรรมน้ีนกั เรียนจะได้เรียนเรอ่ื งอะไร (หนา้ ทข่ี องส่วนประกอบตา่ งๆของดอก) 2.2 นักเรยี นจะเรยี นเรือ่ งนดี้ ้วยวธิ ีใด (สบื ค้นขอ้ มูล) 2.3 เมอ่ื เรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (อธิบายหน้าท่ขี องส่วนประกอบตา่ งๆของดอก) 3. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีการทาในใบกิจกรรมที่ 1 ดอกมีหน้าท่ีอะไร ข้อ 2-4 จากน้ันครูตรวจสอบความ เขา้ ใจขน้ั ตอนการทากจิ กรรมโดยใช้คาถามดังน้ี 3.1 ในกิจกรรมนี้นักเรียนจะต้องทาอะไรเป็นลาดับแรก (อ่านใบความรู้เร่ืองส่วนประกอบของ ดอก)

๑๘๗ 3.2 เมื่อนักเรียนอา่ นใบความรูแ้ ลว้ นักเรียนต้องทาอะไรต่อ (ร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับหน้าท่ีของ สว่ นประกอบต่าง ๆ ของดอก) 3.3 เม่ือรว่ มกันอภปิ รายเสร็จแล้วนกั เรียนตอ้ งบนั ทึกความร้อู ย่างไร (เขยี นผังแนวคดิ ) 4. เมอ่ื นักเรียนเข้าใจวิธีการทาแล้ว ครูให้นักเรียนลงมือทากิจกรรม โดยให้นักเรียนอ่านใบความรู้ เร่ือง ส่วนประกอบของดอก และเขียนผังแนวคิด จากนั้นให้นักครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย โดยใช้ คาถามดังนี้ 4.1 ส่วนประกอบที่สาคัญของดอกมีการจัดเรียงอย่างไรอยู่บนฐานรองดอก (ส่วนประกอบของ ดอกเรียงกันอยู่บนฐานรองดอก โดยเรียงจากวงนอกสุดเข้าสู่ด้านใน ได้แก่ กลีบเล้ียง กลีบ ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี ) หมำยเหตุ ครูอาจนาดอกจริงหรือรูปดอกไม้ท่ีมีส่วนประกอบครบ 4 ส่วน มาให้นักเรียนสังเกต หรือใชส้ ่ือ AR ประกอบการอภปิ รายคาตอบ 4.2 กลีบเล้ยี งทาหน้าทีอ่ ะไร (กลบี เล้ยี งทาหนา้ ที่หอ่ หุ้มกลีบดอกท่ียงั อ่อนอยู่เพ่ือป้องกันอันตราย จากส่งิ แวดลอ้ ม แมลง หรอื ศัตรูอน่ื ๆ) ครูอาจอธิบายเพ่ิมเติมว่า ดอกบางชนิดเช่น ดอกชบามีกลีบสีเขียวเล็กอยู่ใต้ชั้นของกลีบ เลย้ี ง เรยี กวา่ ร้วิ ประดบั 4.3 กลีบดอกทาหนา้ ท่อี ะไร (กลีบดอกทาหนา้ ทีช่ ่วยล่อแมลงใหช้ ว่ ยถา่ ยเรณู) 4.4 เกสรเพศผู้ทาหนา้ ที่อะไร (ทาหน้าท่ีสร้างเซลล์สบื พันธ์เุ พศผู้ เพอื่ ใช้ในการสบื พันธ์ุ ) 4.5 เซลล์สืบพนั ธ์ุเพศผู้เรยี กว่าอะไร (สเปริ ม์ ) 4.6 ส่วนประกอบของเกสรเพศผู้มีอะไรบ้าง (ส่วนประกอบของเพศผู้มีก้านชูอับเรณูและอับเรณู ภายในอับเรณมู เี รณู) 4.7 ภายในเรณมู ีอะไรอยู่ (เซลลส์ บื พนั ธเ์ุ พศผ้)ู 4.8 เกสรเพศเมยี ทาหนา้ ท่อี ะไร (สร้างเซลลส์ บื พันธ์ุเพศเมีย) 4.9 เซลลส์ บื พนั ธเุ์ พศเมียเรยี กวา่ อะไร (เซลล์ไข่) 4.10 เกสรเพศเมียมีส่วนประกอบอะไรบ้าง (ก้านเกสรเพศเมีย ยอดเกสรเพศเมีย และรังไข่ ภายในรังไขม่ ีออวุล) ครอู าจให้ความรู้เพ่ิมเตมิ ว่า บรเิ วณยอดเกสรเพศเมียจะมี น้าเหนียว ๆ เพ่อื ดกั จบั เรณซู งึ่ เป็นเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้ 4.11 เซลล์สบื พนั ธเ์ุ พศเมยี อยู่ที่ใด (อยู่ภายในออวลุ ) 4.12 ดอกทาหนา้ ทีอ่ ะไร (ทาหนา้ ทสี่ บื พนั ธุ์เพอื่ ให้ได้พืชต้นใหม)่ 5. ครูให้นักเรียนนาเสนอผังแนวคิดและร่วมกันอภิปรายแนวคิดเก่ียวกับหน้าที่ของส่วนประกอบต่าง ๆ ของดอกถา้ มคี วามเขา้ ใจคลาดเคลือ่ นใหแ้ ก้ไขให้ถูกต้อง 6. ครูใหน้ ักเรยี นตอบคาถามหลงั จากทากิจกรรม หน้า 71 ข้นั ที่ 3 ข้นั สรปุ (เวลำ 5 นำท)ี 7. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนสรุปแนวคิดหรือส่ิงท่ีได้เรียนรู้ในช่ัวโมงน้ีด้วยตนเองเก่ียวกับหน้าที่ของส่วน ต่าง ๆ ของดอก

๑๘๘ 8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับหน้าท่ีของส่วนต่าง ๆ ของดอกว่า ดอกทาหน้าที่สืบพันธุ์ ประกอบด้วยส่วนตา่ งทาหน้าท่ีแตกต่างกัน โดยกลีบเลี้ยงห่อหุ้มกลีบดอกที่ยังอ่อน กลีบดอกช่วยล่อ แมลงและหอ่ หุ้มเกสรในขณะทดี่ อกยงั ไมบ่ าน เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียทาหน้าทส่ี บื พนั ธุ์ 8. สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 ใบงาน 02 ผงั แนวคิด เรื่องหนา้ ทขี่ องส่วนประกอบตา่ ง ๆ ของดอก หนา้ 70 8.2 ใบความรูเ้ ร่อื งสว่ นประกอบของดอก 9. ชิ้นงำน/ภำระงำน - การทาใบงาน 02 ผังแนวคิด เร่อื งหน้าท่ขี องสว่ นประกอบต่าง ๆ ของดอก หนา้ 70 10. กำรวัดและประเมนิ ผล 10.1 ประเมินความร้เู รื่องสว่ นประกอบของดอกด้วยการตอบคาถามในช้นั เรียนและในใบงาน (K) 10.2 ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ดว้ ยแบบประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (P) 10.3 ประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ด้วยแบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)

๑๘๙ แบบประเมินด้ำนทกั ษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ แผนกำรเรียนรู้ท่ี 21 เรื่อง หนำ้ ทีข่ องดอก (2) เกณฑ์การประเมินมดี ังนี้ 3 หมายถงึ ดี 2 หมายถึง พอใช้ 1 หมายถงึ ปรับปรงุ สง่ิ ทป่ี ระเมิน คะแนน การจดั กระทาและสื่อความหมายขอ้ มลู การลงความเห็นจากข้อมูล รวมคะแนน เกณฑ์กำรประเมิน ทักษะกระบวนกำร ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) ทำงวิทยำศำสตร์ การจัดกระทาและ นาข้อมลู เก่ยี วกบั หนา้ ที่ นาขอ้ มลู เก่ียวกับหน้าท่ีของ นาข้อมลู เกย่ี วกับหนา้ ที่ของ ส่ือความหมายข้อมูล ของส่วนประกอบต่าง ๆ สว่ นประกอบต่าง ๆ ของ ส่วนประกอบต่าง ๆ ของดอก ของดอก มาจัดกระทาเป็น ดอก มาจัดกระทาเป็น มาจดั กระทาเปน็ ผงั แนวคดิ ได้ ผังแนวคิดได้ถูกต้อง และ ผงั แนวคดิ ได้ถูกต้อง และ ถกู ต้อง แต่ไม่ครบถ้วนและ ทาให้ผูอ้ ื่นเข้าใจไดง้ ่าย ทาให้ผอู้ ื่นเข้าใจไดง้ า่ ย โดย ทาใหผ้ ู้อ่ืนเขา้ ใจไดง้ า่ ย แมจ้ ะ ด้วยตนเอง การช้ีแนะของครหู รือผู้อนื่ ได้รบั คาแนะนาจากครูหรือ ผูอ้ ื่น การลงความเห็น เพิม่ เติมความคิดเหน็ เพ่มิ เตมิ ความคดิ เห็น เพม่ิ เติมความคิดเห็น เกีย่ วกบั จากข้อมลู เกี่ยวกับข้อมูลไดว้ ่าแต่ละ เก่ยี วกับข้อมูลไดว้ ่าแต่ละ ข้อมูลไดว้ า่ แตล่ ะ สว่ นประกอบของดอก ส่วนประกอบของดอก ส่วนประกอบของดอกมหี น้าท่ี มีหนา้ ทีต่ ่างกนั ได้อยา่ งมี มีหน้าทต่ี ่างกันได้อย่างมี ต่างกันไดอ้ ย่างมีเหตผุ ลแต่ไม่ เหตุผล จากความรู้ หรอื เหตุผล จากความรู้ หรือ ครบถว้ น ถึงแม้จะได้รบั ประสบการณ์เดิมไดด้ ้วย ประสบการณ์เดมิ โดยอาศยั คาแนะนาจากผู้อื่น ตนเอง คาแนะนาของครูหรือผู้อนื่ การตคี วามหมาย ตคี วามหมายข้อมูลจาก ตีความหมายข้อมลู จาก ตีความหมายข้อมูลจาก ใบความร้ไู ด้บา้ งและลง ข้อมลู และลงข้อสรุป ใบความรู้ได้และลงขอ้ สรปุ ใบความรู้ได้และลงข้อสรุป ขอ้ สรปุ ได้ไม่ครบถว้ นวา่ ดอกทาหน้าทีส่ ืบพนั ธุ์ ได้ด้วยตนเองว่า ดอก ดอกทาหน้าท่ีสืบพันธุ์ ทาหนา้ ทสี่ ืบพนั ธ์ุ ประกอบดว้ ยสว่ นต่าง ๆ

๑๙๐ ทกั ษะกระบวนกำร ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1) ทำงวิทยำศำสตร์ ประกอบดว้ ยส่วนต่าง ๆ ทาหน้าที่แตกตา่ งกนั โดย ประกอบด้วยสว่ นตา่ ง ๆ ทาหน้าท่แี ตกตา่ งกัน โดย กลบี เลีย้ งห่อหุ้มกลบี ดอกที่ ทาหน้าทแี่ ตกต่างกนั โดย กลีบเลี้ยงห่อหมุ้ กลบี ดอกที่ ยงั ออ่ น กลบี ดอกช่วยล่อ กลบี เลีย้ งหอ่ หุ้มกลีบดอกท่ียงั ยงั ออ่ น กลีบดอกช่วยลอ่ แมลงและห่อหมุ้ เกสร ออ่ น กลบี ดอกชว่ ยลอ่ แมลง แมลงและห่อหุ้มเกสร ในขณะท่ดี อกยงั ไมบ่ าน และหอ่ หมุ้ เกสรในขณะที่ดอก ในขณะทีด่ อกยงั ไมบ่ าน เกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมยี ยังไม่บาน เกสรเพศผู้และ เกสรเพศผแู้ ละเกสร ทาหน้าท่สี บื พนั ธุ์โดยอาศยั เกสรเพศเมยี ทาหน้าท่ีสืบพันธ์ุ เพศเมียทาหน้าทส่ี บื พนั ธุ์ คาแนะนาของครหู รือผ้อู นื่ ถึงแม้จะไดร้ บั คาแนะนาจาก ผูอ้ น่ื แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ แผนกำรเรยี นร้ทู ี่ 21 เร่ือง หนำ้ ทีข่ องดอก (2) ช่อื ผ้ปู ระเมนิ /กลุม่ ประเมิน............................................................................................................................. ..... ชอ่ื กลุ่มรบั กำรประเมิน........................................................................................................................................ ประเมินผลคร้งั ที่......................................วนั ........................เดอื น............................พ.ศ................................... เร่อื ง..................................................................................................................................................................... ท่ี ลกั ษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ชี้ ระดบั พฤตกิ รรม คะแนนที่ได้ เกิด = 1 ไมเ่ กดิ = 0 1. ม่งุ มนั่ ในการทางาน 2. ซ่อื สตั ยต์ อ่ ตนเอง รวมคะแนนที่ไดท้ ้งั หมด = …………… คะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ - มากกว่า 80 % ได้ 3 คะแนน - 50 % - 79 % ได้ 2 คะแนน - ต่ากว่า 50 % ได้ 1 คะแนน

๑๙๑ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ 22 กลุ่มสำระกำรเรยี นร้วู ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษำปีที่ 4 ภำคเรียนท่ี รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์ รหสั วิชำ ว14101 หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ี่ 2 สว่ นตำ่ ง ๆ ของพืช หน่วยย่อยที่ 1 หนำ้ ที่ของรำก ลำต้น ใบ และดอกของพืช แผนกำรเรียนรู้ที่ 22 เรอื่ ง หนำ้ ท่ีของดอก (3) เวลำ 1 ช่ัวโมง 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ / ตวั ช้ีวัด สำระท่ี 1 วิทยำศำสตร์ชวี ภำพ มำตรฐำน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและระบบหน้าที่ของส่วนต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางาน สมั พนั ธ์กนั ควาสมั พนั ธข์ องโครงสร้างและหน้าท่ขี องอวัยวะตา่ ง ๆ ของพืชทท่ี างานสัมพนั ธ์ กนั รวมท้งั นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวช้วี ดั ป.4/3 บรรยายหน้าทขี่ องราก ลาต้น ใบ และดอกของพชื ดอกโดยใช้ข้อมลู ท่ีรวบรวมได้ 2. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 ดำ้ นควำมรู้ ควำมเข้ำใจ (K) - อธบิ ายและระบุส่วนประกอบและหน้าทข่ี องสว่ นประกอบแตล่ ะสว่ นของดอก 2.2 ด้ำนทกั ษะกระบวนกำร (P) - 2.3 ด้ำนคณุ ลักษณะ เจตคติ คำ่ นยิ ม (A) - มคี วามม่งุ มัน่ ในการทางาน - ชว่ ยเหลอื ในการทางานกล่มุ ร่วมกนั 3. สำระสำคญั พืชดอกมีดอกทาหน้าที่สืบพันธ์ุ ดอกโดยท่ัวไปจะมีส่วนประกอบที่สาคัญ 4 ส่วน ซึ่งทาหน้าที่แตกต่าง กนั ดอกของพืชบางชนิดมีส่วนประกอบไมค่ รบ 4. สำระกำรเรียนรู้ ควำมรู้ ดอกทาหน้าที่สืบพันธ์ุ ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่สาคัญ 4 ส่วน ได้แก่ กลีบเล้ียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ซง่ึ แตล่ ะส่วนทาหนา้ ทแ่ี ตกตา่ งกนั โดยกลบี เลย้ี งหอ่ หมุ้ กลบี ดอกทย่ี งั ออ่ น กลบี ดอกชว่ ย ลอ่ แมลงและห่อหมุ้ เกสรในขณะท่ีดอกยังไมบ่ าน เกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมยี ทาหนา้ ทส่ี ืบพันธ์ุ

๑๙๒ ทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ - 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 5.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร - บอกส่วนประกอบและหนา้ ทข่ี องส่วนตา่ งๆของดอก 5.2 ความสามารถในการคิด - ระบสุ ว่ นประกอบและหนา้ ที่ของส่วนตา่ งๆของดอก 5.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา - การแก้ปญั หาและการชว่ ยเหลือในการทางานกลุ่มรว่ มกัน 5.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ - มีความสามคั คีในการทางานกล่มุ ร่วมกนั 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มุ่งม่นั ในการทางาน 6.2 ซ่อื สตั ย์ต่อตนเอง 7. กิจกรรมกำรเรียนรู้ ขัน้ นำเข้ำสู่บทเรียน (เวลำ 5 นำท)ี 1. ครทู บทวนเรอ่ื งสว่ นประกอบของดอกทีน่ ักเรยี นได้เรยี นไปในชว่ั โมงท่แี ลว้ โดยคณุ ครูนารปู ส่วนประกอบของดอกมาให้นักเรยี นสังเกต โดยปิดชื่อของส่วนประกอบต่าง ๆ ไว้ แล้วให้นกั เรยี น แตล่ ะกลุ่มแข่งกันตอบว่า สว่ นประกอบของดอกทป่ี ดิ ไว้แต่ละขอ้ คอื สว่ นใด ข้ันสอน (เวลำ 45 นำที) 2. ครทู บทวนเรอ่ื งหนา้ ท่ีของส่วนต่าง ๆ ของดอกโดยใชค้ าถามดังน้ี 2.1 สว่ นประกอบท่ีสาคญั ของดอกไมม้ ีการจดั เรียงอยา่ งไรอยู่บนฐานดอก (ส่วนประกอบของ ดอกเรยี งกันอยู่บนฐานดอก โดยเรียงจากวงนอกสดุ เข้าสู่ดา้ นใน ไดแ้ ก่ กลบี เล้ยี ง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย) 2.2 กลบี เลี้ยงมลี กั ษณะอย่างไร และมหี น้าที่อะไร (กลบี เลีย้ งส่วนมากมีสเี ขียว ทาหนา้ ท่ีห่อหมุ้ กลบี ดอกท่ยี ังอ่อนอยูเ่ พื่อป้องกนั อนั ตรายจากสงิ่ แวดลอ้ ม แมลง หรอื ศตั รูอืน่ ๆ) 2.3 ดอกไมบ้ างชนิดมีกลบี สีเขยี วเลก็ อยูใ่ ตช้ นั้ ของกลบี เลี้ยง เรียกว่าอะไร (ริ้วประดับ) 2.4 กลบี ดอกทาหน้าท่ีอะไร (กลบี ดอกทาหน้าทชี่ ว่ ยล่อแมลงและหอ่ หมุ้ เกสรในขณะท่ดี อกยงั ไม่ บาน) 2.5 เกสรเพศผ้ทู าหนา้ ท่ีอะไร (เกสรเพศผู้ทาหนา้ ทส่ี ร้างเซลล์สบื พนั ธเุ์ พศผเู้ พื่อใช้ในการสบื พนั ธ์)ุ 2.6 เซลลส์ บื พันธ์เุ พศผขู้ องดอกอยูท่ ่ใี ด (เซลลส์ บื พันธ์เุ พศผู้อยใู่ นเรณ)ู

๑๙๓ 2.7 เกสรเพศเมยี ทาหนา้ ที่อะไร (เกสรเพศเมียทาหนา้ ทสี่ ร้างเซลลส์ บื พนั ธุเ์ พศเมยี เพ่ือใช้ทใี่ น การสืบพนั ธ)์ุ 2.8 เซลลส์ ืบพันธเ์ุ พศเมียอย่ทู ่ีใด (อยใู่ นออวลุ ) 3. เม่ือทบทวนจนนักเรียนเขา้ ใจดแี ล้ว ครูให้นกั เรียนทาใบงาน 02 แบบฝกึ หดั เรอื่ งหนา้ ท่ขี องดอก หนา้ 72 4. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบทา้ ยบท จากนน้ั รว่ มกันเฉลยคาตอบ ขนั้ สรุป (เวลำ 10 นำท)ี 5. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรียนสรปุ แนวคิดหรือส่ิงที่ได้เรียนรใู้ นช่วั โมงนี้ด้วยตนเองเก่ียวกับส่วนประกอบ ของดอกและหนา้ ท่ขี องแต่ละส่วน 6. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ เกี่ยวกบั สว่ นประกอบของดอกและหนา้ ที่ของแตล่ ะสว่ นว่า ดอกทาหน้าที่ สืบพนั ธ์ุ ประกอบด้วยสว่ นตา่ ง ๆ ทสี่ าคญั 4 สว่ น ไดแ้ ก่ กลีบเลย้ี ง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ และเกสร เพศเมยี ซึ่งแต่ละส่วนทาหน้าที่แตกต่างกนั โดยกลีบเลยี้ งห่อหมุ้ กลีบดอกท่ยี งั ออ่ น กลีบดอกชว่ ยล่อ แมลงและห่อหมุ้ เกสรในขณะท่ดี อกยงั ไม่บาน เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียทาหน้าท่สี ืบพันธุ์ 8. ส่ือ /แหล่งเรียนรู้ 8.1 ใบงาน 02 แบบฝึกหดั เรือ่ งหน้าทขี่ องดอก หนา้ 72 8.2 แบบทดสอบเร่ืองส่วนประกอบของดอก 8.3 รปู สว่ นประกอบของดอก 9. ช้ินงำน/ภำระงำน 9.1 การทาใบงาน 02 แบบฝกึ หัดเรอ่ื งหน้าที่ของดอก หน้า 72 9.2 การทาแบบทดสอบเรอ่ื งส่วนประกอบของดอก 10. กำรวดั และประเมินผล 10.1 ประเมนิ ความรู้เร่ืองส่วนประกอบของดอกด้วยการตอบคาถามในชัน้ เรยี นและในใบงาน (K) 10.2 ประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ดว้ ยแบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)

๑๙๔ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ แผนกำรเรียนร้ทู ี่ 22 เรือ่ ง หน้ำท่ขี องดอก (3) ชอื่ ผู้ประเมิน/กลมุ่ ประเมนิ ............................................................................................................................. ..... ชอ่ื กลุ่มรับกำรประเมิน.................................................................................................................................... .... ประเมินผลครง้ั ท.่ี .....................................วัน........................เดือน............................พ.ศ................................... เร่อื ง............................................................................................................................. ........................................ ท่ี ลักษณะ/พฤติกรรมบ่งชี้ ระดับพฤตกิ รรม คะแนนที่ได้ เกิด = 1 ไม่เกดิ = 0 1. มงุ่ มั่นในการทางาน 2. ซ่ือสตั ย์ต่อตนเอง รวมคะแนนทไี่ ดท้ ้ังหมด = …………… คะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - มากกว่า 80 % ได้ 3 คะแนน - 50 % - 79 % ได้ 2 คะแนน - ต่ากวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน

๑๙๕ เฉลยใบงำน