Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้(สำหรับครูผู้สอน)_วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี_ป.4-06021335

คู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้(สำหรับครูผู้สอน)_วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี_ป.4-06021335

Published by Guset User, 2021-12-21 05:22:33

Description: คู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้(สำหรับครูผู้สอน)_วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี_ป.4-06021335

Search

Read the Text Version

๑๙๖ คำตอบข้ึนอยู่กบั กำรทำกจิ กรรมของนักเรยี น ตัวอยำ่ งคำตอบ เช่น กุหลำบ √√ √√

๑๙๗ คำตอบข้นึ อยู่กับกำรทำกจิ กรรมของนกั เรยี น

๑๙๘ คำตอบข้นึ อยู่กับกำรทำกจิ กรรมของนกั เรยี น

๑๙๙ ดอกของพืช มี ส่วนประกอบ ได้แก่ กลบี เล้ยี ง กลีบดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย มีหนำ้ ที่ มหี นำ้ ท่ี มหี น้ำที่ มหี นำ้ ที่ สบื พันธุ์ สบื พันธุ์ หอ่ หุ้มกลีบดอก ช่วยล่อแมลง ท่ียังอ่อนอยู่ และหอ่ หุ้มเกสร ในขณะทด่ี อกยัง ไม่บำน

๒๐๐ คำตอบข้ึนอยู่กับกำรสังเกตดอกไมแ้ ต่ละชนดิ ท่นี ักเรียนเตรยี มมำ เชน่ ดอกกหุ ลำบ ดอกมะเขือ ดอกต้อยติ่ง คำตอบขนึ้ อยู่กบั กำรสังเกตดอกแต่ละชนดิ ที่นกั เรยี นเตรียมมำ เชน่ ดอกมะละกอ ดอกฟักทอง ดอกตำลึง โดยดอกของพืชเหล่ำนี้มีโอกำส ที่เกสรเพศผหู้ รอื เกสรเพศเมยี อยูก่ ันคนละดอก เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย เพรำะเกสรเพศผู้และเพศเมยี ทำหน้ำทีส่ ร้ำง เซลลส์ ืบพนั ธ์ุ โดยเม่ือเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้ (สเปริ ์ม) ไปตกบนยอดเกสรเพศเมีย ก็จะเขำ้ ไปภำยในรังไขซ่ ึ่งมีเซลลส์ ืบพนั ธเุ์ พศเมีย (เซลล์ไข่) เมื่อเกดิ กำรผสม กจ็ ะได้พชื ตน้ ใหม่ ส่วนประกอบของดอก ไดแ้ ก่ กลบี เลยี้ ง กลีบดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย ดอกบำงชนดิ มีครบทั้ง ๔ สว่ น บำงชนิดไม่ครบท้ัง ๔ ส่วน ดอกมีหนำ้ ที่สบื พนั ธ์ุ

๒๐๑ กำ้ นเกสรเพศเมีย ยอดเกสรเพศเมีย ออวลุ อบั เรณู กลบี เล้ยี ง ก้ำนเกสรเพศผู้ ฐำนรองดอก กลบี ดอก รังไข่

๒๐๒

๒๐๓

๒๐๔ ดอกชบำ ดอกมะเขือ ดอกตำลงึ ดอกฟกั ทอง ดอกมะละกอ ดอกที่มีส่วนประกอบไม่ครบ ยังสำมำรถทำหน้ำท่ีสืบพันธ์ุได้ เพรำะ ดอกยงั มีเกสรเพศผู้ หรอื เกสรเพศเมียอยู่ แมว้ ่ำจะอยู่กันคนละดอก แต่ยังมีโอกำสเกดิ กำรถำ่ ยเรณแู ละผสมพันธุ์ขำ้ มดอกกันได้

๒๐๕ หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ ๓ แรง

๒๐๖ มำตรฐำนกำรเรียนรู้และตัวชวี้ ัดของหนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๓ แรง มำตรฐำนกำรเรียนรู้และตัวช้ีวัด มำตรำฐำน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวนั ผลของแรงทกี่ ระทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนท่ี แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทง้ั นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชว้ี ัด ป.๔/๑ ระบุผลของแรงโน้มถ่วงทม่ี ีตอ่ วตั ถจุ ากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ป.๔/๒ ใช้เครอ่ื งชั่งสปรงิ ในการวดั น้าหนักของวตั ถุ ป.๔/๓ บรรยายมวลของวตั ถุทีม่ ผี ลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลอ่ื นที่ของวตั ถจุ ากหลกั ฐาน เชงิ ประจักษ์

๒๐๗ ลำดับกำรนำเสนอแนวคิดหลักของหนว่ ยกำรเรียนรูท้ ี่ ๓ แรง มวลเป็นปริมาณเนื้อของสสารทงั้ หมดทีป่ ระกอบกันเปน็ วัตถุ แรงโน้มถ่วงของโลกเปน็ แรงดึงดดู ทโี่ ลกกระทาต่อมวลของวัตถุ มีทศิ ทางเขา้ สูศ่ นู ยก์ ลางโลก และเป็นแรงไมส่ มั ผัส แรงโนม้ ถ่วงของโลกท่ีกระทากบั มวลของวตั ถหุ นง่ึ ๆ ทาให้วัตถตุ กลงสู่พน้ื โลก และทาให้วัตถมุ นี ้าหนกั ชัง่ นา้ หนักของวตั ถุไดจ้ ากเคร่ืองชั่งสปริง นา้ หนักของวตั ถขุ ้นึ กับมวลของวตั ถุ โดยวตั ถุท่มี ีมวลมากจะมีนา้ หนักมาก วัตถุที่มมี วลน้อย จะมนี ้าหนักน้อย มวลมีผลตอ่ ความยากงา่ ยในการเปลีย่ นแปลงการเคล่ือนท่ีของวัตถุ วตั ถุท่ีมมี วลมากจะเปลีย่ นแปลง การเคลือ่ นที่ได้ยากกวา่ วัตถทุ ี่มมี วลนอ้ ย

๒๐๘ ตัวอย่ำงโครงสร้ำงแผนกำรจัดกำรเรียนรขู้ องหนว่ ยกำรเรียนรูท้ ี่ ๓ แรง แผนการจดั การเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ แรงโน้มถ่วงของโลก ความสัมพันธร์ ะหว่างมวลกับ ความสัมพันธ์ของมวล (๔ ชว่ั โมง) นา้ หนัก การเปลี่ยนแปลง (๓ ชว่ั โมง) การเคลอ่ื นทีข่ องวตั ถุและ หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ นา้ หนกั ของวตั ถุ แรง (๒ ชั่วโมง) หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๓ แรง (๙ ชวั่ โมง) หมำยเหตุ : โครงสรา้ งเวลานี้เป็นตวั อย่างสาหรับในการจดั การเรียนการสอน ซึ่งสามารถปรบั ได้ตาม ความเหมาะสมกับวันและเวลา

๒๐๙ หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๓ หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ แรง จำนวนเวลำเรยี น ๙ ช่ัวโมง ชือ่ หน่วย แรง จำนวนแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ ๓ แผน ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สำระสำคัญของหน่วย มวลเป็นปริมาณเนื้อของสสารทัง้ หมดท่ีประกอบกันเป็นวตั ถุ แรงโนม้ ถ่วงของโลกเป็นแรงดงึ ดดู ท่โี ลก กระทาต่อวตั ถุ มที ศิ ทางเข้าสศู่ นู ย์กลางโลก และเปน็ แรงไม่สัมผัส แรงดงึ ดดู ของโลกกระทากับมวลของวัตถุ หนึง่ ๆ ทาให้วัตถตุ กลงสู่พ้นื โลก และทาใหว้ ตั ถุมีนา้ หนัก ชั่งน้าหนกั ของวตั ถุไดจ้ ากเครอื่ งชงั่ สปรงิ นา้ หนกั ของ วัตถุขน้ึ กบั มวลของวตั ถุ โดยวัตถทุ ่มี ีมวลมากจะมนี า้ หนักมาก วัตถุทม่ี มี วลน้อยจะมีน้าหนักนอ้ ย มวลมีผลตอ่ ความยากงา่ ยในการเปลยี่ นแปลงการเคลือ่ นทขี่ องวัตถุ วตั ถทุ ีม่ มี วลมากจะเปลย่ี นแปลงการเคล่ือนทไ่ี ด้ ยากกวา่ วัตถุที่มีมวลน้อย มำตรฐำนและตวั ชี้วดั มำตรำฐำน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนท่ี แบบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมทัง้ นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ตัวช้วี ัด ว ๒.๒ ป.๔/๑ ระบผุ ลของแรงโนม้ ถ่วงทมี่ ตี ่อวตั ถุจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ว ๒.๒ ป.๔/๒ ใชเ้ คร่อื งชั่งสปริงในการวัดน้าหนกั ของวตั ถุ ว ๒.๒ ป.๔/๓ บรรยายมวลของวัตถทุ ่ีมผี ลต่อการเปลย่ี นแปลงการเคลอื่ นที่ของวตั ถจุ ากหลักฐาน เชิงประจักษ์

๒๑๐ ลำดบั กำรนำเสนอแนวคิดหลกั ของหน่วยย่อยท่ี ๑ แรง มวลเป็นปริมาณเน้ือของสสารท้งั หมดท่ปี ระกอบกนั เปน็ วตั ถุ แรงโน้มถว่ งของโลกเป็นแรงดึงดดู ที่โลกกระทาต่อมวลของวัตถุ มีทศิ ทางเขา้ ส่ศู ูนย์กลางโลก และเปน็ แรงไม่สัมผสั แรงโนม้ ถ่วงของโลกท่ีกระทากบั มวลของวัตถุหนึ่ง ๆ ทาให้วตั ถตุ กลงสู่พืน้ โลก และทาให้วตั ถุมีนา้ หนกั ชัง่ น้าหนักของวัตถุได้จากเคร่ืองช่งั สปรงิ นา้ หนักของวตั ถขุ น้ึ กบั มวลของวตั ถุ โดยวตั ถทุ ่มี ีมวลมากจะมนี า้ หนักมาก วัตถุที่มมี วลน้อย จะมีนา้ หนกั น้อย มวลมีผลตอ่ ความยากง่ายในการเปล่ยี นแปลงการเคล่ือนท่ีของวตั ถุ วัตถุที่มมี วลมากจะเปลีย่ นแปลง การเคล่อื นทีไ่ ด้ยากกว่าวตั ถุท่ีมมี วลนอ้ ย โครงสร้ำงของหน่วยย่อยที่ ๑ แรง หนว่ ยกำรเรียนรู้ ช่ือหน่วยย่อย จำนวนแผน ช่ือแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ จำนวนช่วั โมง หน่วยการเรยี นรู้ หน่วยย่อยท่ี ๑ ๓ มวลและนา้ หนัก ๔ ๓ ท่ี ๓ แรง แรง ความสัมพันธร์ ะหวา่ งมวล และน้าหนัก ๒ ความสมั พันธ์ระหว่างมวล กับการเปลยี่ นแปลงการ เคลือ่ นท่ีของวตั ถุ

๒๑๑ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี 23 กล่มุ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษำปีท่ี 4 ภำคเรยี นที่ 1 รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์ รหสั วิชำ ว14101 หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี 3 แรง หน่วยยอ่ ยท่ี 1 แรง แผนกำรเรยี นรูท้ ี่ 23 เรื่อง มวลและนำ้ หนกั (1) เวลำ 1 ชั่วโมง 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ / ตวั ชวี้ ัด สำระท่ี 2 วิทยำศำสตร์กำยภำพ มำตรฐำน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนท่ี แบบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมทง้ั นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชวี้ ัด ป.4/1 ระบผุ ลของแรงโนม้ ถว่ งท่ีมีต่อวัตถจุ ากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ 2. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 ด้ำนควำมรู้ ควำมเข้ำใจ (K) - บอกความหมายของคาว่า มวลและนา้ หนัก 2.2 ดำ้ นทักษะกระบวนกำร (P) - 2.3 ด้ำนคุณลกั ษณะ เจตคติ ค่ำนิยม (A) - มคี วามรับผิดชอบในการทางาน 3. สำระสำคญั มวล คือ ปริมาณเนือ้ ทงั้ หมดของสสารท่ีประกอบกนั เป็นวตั ถุ น้าหนัก คอื แรงโนม้ ถว่ งของโลกทีก่ ระทาตอ่ มวลของวัตถุ จงึ ทาให้วตั ถุมนี ้าหนกั 4. สำระกำรเรียนรู้ ควำมรู้ มวล คอื ปรมิ าณเน้อื ทัง้ หมดของสสารทปี่ ระกอบกันเปน็ วตั ถุ มหี นว่ ยเป็นกรัมหรอื กิโลกรมั โลกมี แรงโนม้ ถว่ งหรอื แรงดงึ ดูดกระทาต่อมวลของวัตถุ ในทศิ ทางท่พี ุ่งเขา้ สศู่ ูนย์กลางของโลกทาให้วัตถตุ กสพู่ ้นื และทาใหว้ ัตถมุ นี า้ หนัก น้าหนัก มีหนว่ ยเปน็ นิวตนั ทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ - การลงความเหน็ จากข้อมลู

๒๑๒ 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 5.1 ความสามารถในการส่ือสาร - อธิบายความหมายของมวลและน้าหนัก 5.2 ความสามารถในการคิด - สรปุ แนวคดิ สาคญั ของเรอื่ ง มวลและนา้ หนัก 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 6.1 มุ่งมนั่ ในการทางาน 6.2 ซ่อื สตั ยต์ ่อตนเอง 7. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ขน้ั นำเข้ำส่บู ทเรยี น (เวลำ 10 นำท)ี 1. ครูเปดิ วีดทิ ศั นแ์ สดงการทางานของนักบนิ อวกาศที่กาลังซอ่ มยานหรือดาวเทียมนอกโลกใหน้ กั เรียน ชม จากนน้ั อภิปรายโดยใชค้ าถาม ดังน้ี 1.1 นกั บนิ อวกาศเคล่ือนที่อย่างไรในอวกาศ (ลอยไปมาในอวกาศ) 1.2 เม่ืออยใู่ นอวกาศ นกั บนิ อวกาศมีมวลหรือไม่ เพราะเหตุใด (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ ของตนเอง) 1.3 เมื่ออยใู่ นอวกาศ นักบนิ อวกาศมนี า้ หนักหรอื ไม่ เพราะเหตุใด (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจ ของตนเอง) 1.4 มวลและน้าหนกั เหมือนหรอื แตกตา่ งกนั อย่างไร (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ขนั้ สอน (เวลำ 45 นำที) 2. นกั เรียนอ่านชอื่ กจิ กรรมและจุดประสงค์ข้อ 1 ของกจิ กรรมที่ 1 เม่ือปล่อยวัตถุจากมือ วตั ถเุ คลอ่ื นที่ อยา่ งไร จากนั้นครูถามคาถามดังตอ่ ไปนี้ 2.1 กิจกรรมนี้นักเรยี นจะได้เรียนเก่ียวกบั เร่อื งอะไร (ความหมายของมวลและนา้ หนัก) 2.2 นกั เรียนจะไดเ้ รยี นเรื่องน้ีด้วยวธิ ีใด การอา่ นข้อมูลและการสงั เกต) 2.3 เมือ่ เรยี นแลว้ นกั เรียนจะทาอะไรได้ (บอกความหมายของมวลและนา้ หนัก) 3. นักเรียนอา่ นวธิ ีทาข้อ 1 ในกิจกรรมที่ 1 จากนั้นครูชวนอภิปรายเพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจขนั้ ตอน การทากิจกรรมของนักเรยี นจนแน่ใจวา่ นกั เรยี นทาได้ 4. ใหน้ ักเรียนลงมอื ทากิจกรรมโดยอา่ นใบความรู้ที่ 1 เร่ืองมวลและนา้ หนัก จากนั้นครูนาอภปิ รายเพ่ือ สรปุ ความเข้าใจจากการอา่ นโดยอาจใช้คาถาม ดงั นี้ 4.1 แอปเปิลมปี ระโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร (ทาใหร้ า่ งกายแขง็ แรง ไม่เป็น โรคได้ง่าย) 4.2 มวลคอื อะไร (ปรมิ าณเนื้อของสสารที่รวมเปน็ วัตถทุ ั้งหมด) 4.3 สสารหมายถึงอะไร และสสารท่ีนักเรียนรู้จกั มีอะไรบ้าง (นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจของ ตนเอง)

๒๑๓ ครใู ห้ความร้เู พ่ิมเติมกับนักเรียนเก่ยี วกับความหมายของสสารว่าเป็นสงิ่ ตา่ ง ๆ ที่มีมวลและ ต้องการทอี่ ยู่ โดยครูอาจยกตัวอยา่ งสสารจากกิจกรรมที่นักเรียนเคยเรียนมา เชน่ นา้ เก้าอ้ี กระดาน กระเปา๋ ครู นักเรยี น ส่ิงเหลา่ นีเ้ ป็นตวั อยา่ งของสสารซ่ึงมีมวล และต้องการท่อี ยู่ เปน็ ต้น 4.4 สสารอื่น ๆ รอบตวั นักเรียนมอี ะไรอีกบ้าง (นักเรยี นตอบ ไดห้ ลากหลาย เช่น ปากกา หนังสือ โตะ๊ รองเท้า เปน็ สสาร เพราะ ส่งิ ของตา่ ง ๆ เหล่านีม้ ีมวลและต้องการที่อย่)ู 4.5 มวลของแอปเปิลคือสว่ นใดบา้ ง (เนื้อสสารทั้งหมดท่รี วมเปน็ ผลแอปเปิล ทงั้ เปลือก เนื้อผล เมล็ด ขวั้ ผลไม)้ 4.6 มวลมีหน่วยเป็นอะไร (มวลมีหนว่ ยกรมั หรอื กโิ ลกรัม) 4.7 เมอ่ื นาวัตถุชิ้นเดิมยา้ ยไปอยูต่ าแหน่งต่าง ๆ เชน่ จากบนโลกย้ายไปอยูน่ อกโลก มวลของวตั ถุ เปลยี่ นแปลงไปหรือไม่ เพราะเหตุใด (ไม่เปลย่ี นแปลง มวลของวัตถุมคี า่ เทา่ เดมิ ไมว่ ่าจะอยู่ บนโลกหรือนอกโลก เพราะไม่มีสว่ นของเนื้อวัตถเุ พม่ิ ขนึ้ หรือขาดหายไป) 4.8 นักบินอวกาศที่อยูบ่ นโลกแลว้ ออกไปทาภารกจิ ในอวกาศ มวลจะเปลยี่ นแปลงหรอื ไม่อย่างไร (มวลนักบนิ อวกาศไม่เปลยี่ นแปลง ถา้ ไม่มีส่วนใดของนักบนิ ทีห่ ายไปหรือเพม่ิ ขึ้นมา) 4.9 มวลของวตั ถุจะเปลี่ยนแปลงได้เม่ือใด (เมื่อมีสว่ นใดส่วนหนงึ่ ของวตั ถหุ ลุดหายไปหรือเพิ่ม ขน้ึ มา) หมำยเหตุ ครูอาจใช้ภาพหรอื วตั ถจุ ริงประกอบการอภิปราย ตามความเหมาะสม เช่น แอปเปิลที่ โดนกดั กบั แอปเปลิ ท่ไี มโ่ ดนกัด 4.10 นกั วทิ ยาศาสตร์ท่ีคน้ พบแรงดึงดดู ของโลกคอื ใคร (เซอรไ์ อแซก นิวตัน) 4.11 การค้นพบของนวิ ตันมจี ุดเรมิ่ ต้นจากอะไร (จากการสังเกตผลแอปเปิล และเกิดข้อสงสยั วา่ ทาไมผลแอปเปิลจงึ ตกลงจากตน้ ทาให้นวิ ตนั ศึกษาเร่อื งนีอ้ ย่างตอ่ เนื่อง) 4.12 วัตถมุ ีนา้ หนกั ได้อยา่ งไร (แรงโน้มถ่วงของโลกกระทาตอ่ มวลของวัตถุ) 4.13 นา้ หนักของวตั ถุมหี น่วยอะไร (นวิ ตนั ) 4.14 แรงโนม้ ถว่ งของโลกมีทิศทางอย่างไร (มที ิศทางเข้าสู่ศูนย์กลางของโลก) 5. ครใู ห้นกั เรยี นตอบคาถามหลงั การอา่ น ในใบงาน 01 เร่ืองมวลและแรงโนม้ ถว่ งของโลก หน้า 84 ขน้ั สรปุ (เวลำ 5 นำที) 6. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนสรปุ แนวคิดหรอื สิ่งท่ีไดเ้ รยี นร้ใู นชั่วโมงนี้ดว้ ยตนเองเกี่ยวกับมวลและนา้ หนัก 7. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ เก่ยี วกบั มวลและน้าหนักว่า มวลเปน็ ปริมาณเนื้อของสสารที่รวมเปน็ วัตถุ ทั้งหมด มหี น่วยเป็นกรัมหรือกโิ ลกรมั น้าหนกั เป็นแรงโน้มถว่ งของโลกกระทาต่อมวลของวตั ถุ มีหน่วยเป็นนิวตนั 8. ส่ือ /แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ใบความรู้ที่ 1 เร่ืองมวลและแรงโนม้ ถ่วงของโลก หนา้ 80 8.2 วีดทิ ัศนแ์ สดงการทางานของนักบนิ อวกาศท่ีกาลังซ่อมยานหรือดาวเทยี มนอกโลก

๒๑๔ 9. ชน้ิ งำน/ภำระงำน - ใบงาน 01 มวลและแรงโน้มถว่ งของโลก หน้า 84 10. กำรวดั และประเมนิ ผล 10.1 ประเมนิ ความรเู้ รื่องมวลและแรงโนม้ ถว่ งของโลกด้วยการตอบคาถามในช้ันเรียนและในใบงาน (K) 10.2 ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ด้วยแบบประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (P) 10.3 ประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ดว้ ยแบบประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)

๒๑๕ แบบประเมินด้ำนทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ แผนกำรเรยี นรู้ที่ 23 เรอื่ ง มวลและนำ้ หนกั (1) เกณฑ์การประเมนิ มดี ังน้ี 3 หมายถงึ ดี 2 หมายถึง พอใช้ 1 หมายถึง ปรบั ปรุง สงิ่ ท่ปี ระเมนิ คะแนน การลงความเห็นจากขอ้ มูล รวมคะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ ทักษะกระบวนกำร ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) ทำงวิทยำศำสตร์ เพ่ิมเติมความคิดเหน็ เพ่มิ เติมความคิดเห็นเกีย่ วกบั เกยี่ วกับความหมายของ ความหมายของมวลและ การลงความเห็นจาก เพิ่มเติมความคิดเห็น มวลและนา้ หนกั ได้อยา่ งมี นา้ หนกั ได้บา้ งถึงแมจ้ ะไดร้ ับ เหตผุ ล จากความรู้ หรอื คาแนะนาจากผู้อ่ืน ขอ้ มลู เกีย่ วกับความหมายของ ประสบการณเ์ ดิมโดยอาศัย คาแนะนาของครูหรือผู้อืน่ มวลและนา้ หนกั ได้อยา่ งมี เหตุผล จากความรู้ หรอื ประสบการณ์เดิมได้ดว้ ย ตนเอง

๒๑๖ แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ แผนกำรเรียนรู้ที่ 23 เร่ือง มวลและน้ำหนัก (1) ช่ือผ้ปู ระเมนิ /กลมุ่ ประเมนิ ............................................................................................................................. ..... ชอื่ กลุ่มรบั กำรประเมนิ ............................................................................................................................. ........... ประเมนิ ผลคร้ังท่.ี .....................................วนั ........................เดือน............................พ.ศ................................... เรอ่ื ง............................................................................................................................. ........................................ ที่ ลักษณะ/พฤติกรรมบ่งชี้ ระดบั พฤติกรรม คะแนนที่ได้ เกิด = 1 ไม่เกดิ = 0 1. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 2. ซอื่ สตั ยต์ อ่ ตนเอง รวมคะแนนทไี่ ดท้ ั้งหมด = …………… คะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน - 50 % - 79 % ได้ 2 คะแนน - ต่ากวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน

๒๑๗ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 24 กล่มุ สำระกำรเรยี นรูว้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ่ี 4 ภำคเรยี นที่ 1 รำยวิชำวิทยำศำสตร์ รหัสวิชำ ว14101 หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ 3 แรง หนว่ ยย่อยที่ 1 แรง แผนกำรเรียนรทู้ ่ี 24 เรอ่ื ง มวลและน้ำหนัก (2) เวลำ 1 ชั่วโมง 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้ / ตัวชี้วัด สำระที่ 2 วิทยำศำสตรก์ ำยภำพ มำตรฐำน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่ แบบต่าง ๆ ของวตั ถุ รวมทัง้ นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ช้วี ดั ป.4/1 ระบุผลของแรงโน้มถว่ งทม่ี ตี ่อวัตถจุ ากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 2.1 ด้ำนควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ (K) - อธิบายการเคล่ือนทข่ี องวตั ถุเมอื่ ถูกปล่อยจากมือ 2.2 ด้ำนทกั ษะกระบวนกำร (P) - สังเกตการเคลื่อนท่ีของวัตถุเม่อื ถูกปลอ่ ยจากมือ 2.3 ด้ำนคุณลักษณะ เจตคติ คำ่ นยิ ม (A) - มีความมุ่งมนั่ ในการทางาน - ช่วยเหลือในการทางานกลุ่มร่วมกัน 3. สำระสำคญั แรงโน้มถว่ งของโลกทก่ี ระทาต่อมวลของวัตถุ ทาให้วัตถุตกลงส่พู ้นื เสมอ 4. สำระกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ เมื่อปล่อยวัตถุจากมือ แม้วัตถุแต่ละชนิดจะมีเส้นทางการเคล่ือนที่จากเริ่มต้นจนหยุดท่ีพ้ืนแตกต่างกัน แต่วัตถทุ ุกชนดิ จะตกลงส่พู ื้นเสมอ เนอื่ งจากแรงโน้มถว่ งหรือแรงดงึ ดูดของโลกกระทาต่อมวลของวัตถุ ในทิศทางท่ีพงุ่ เข้าส่ศู ูนยก์ ลางของโลก ทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ - การสังเกต - การลงความเหน็ จากข้อมูล - การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ

๒๑๘ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสือ่ สาร - อธบิ ายเสน้ ทางการเคลือ่ นที่ของวตั ถุเมอื่ ถูกปล่อยจากมอื 5.2 ความสามารถในการคิด - อธบิ ายสาเหตทุ ่วี ตั ถุตกลงสู่พน้ื โลก 5.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ - แบ่งหนา้ ที่ในการทางานกลุ่ม 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มงุ่ มนั่ ในการทางาน 6.2 ซอื่ สัตยต์ อ่ ตนเอง 7. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ข้ันนำเข้ำสูบ่ ทเรยี น (เวลำ 10 นำท)ี 1. ครูทบทวนความรู้พน้ื ฐานและตรวจสอบความรู้เดิม โดยนากระดาษ A4 2 แผน่ มาให้นกั เรยี นสังเกต แล้วใช้คาถามดงั น้ี 1.1 นกั เรียนคิดว่ากระดาษ 2 แผ่นนี้ มลี กั ษณะเหมือนกันหรอื ไม่ อย่างไร (เหมือนกัน เป็น สเี่ หลี่ยมเหมือนกนั ขนาดเท่ากัน สีเหมือนกนั มวลเท่ากัน ) 1.2 นักเรียนมีวธิ กี ารใดบา้ งท่ีจะทาให้มวลของกระดาษแผ่นน้เี ปล่ยี นแปลงจากเดิม เพราะเหตใุ ด (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น ฉีกกระดาษ เพราะจะทาใหส้ ่วนของกระดาษหายไป ขยากระดาษ จะให้ขนาดของกระดาษเล็กลง) หมำยเหตุ กรณีนักเรยี นตอบวา่ ฉีกกระดาษ ครูอาจนากระดาษแผน่ เดมิ มาฉีกบางสว่ นออกแล้ว ท้ิงส่วนท่ีฉกี ไป แลว้ ครูชวนอภิปรายว่าการฉีกกระดาษทาให้สว่ นของกระดาษหายไป จงึ ทาใหม้ วลเกิด การเปลย่ี นแปลง กรณนี ักเรียนตอบวา่ ขยากระดาษ ครูแกไ้ ขแนวคิดใหถ้ ูกต้องโดยนากระดาษแผน่ เดิม มาขยาเปน็ กอ้ น แล้วครูชวนอภปิ รายวา่ การขยากระดาษไม่ทาใหส้ ่วนของกระดาษหายไป เป็นการ เปล่ียนรปู ร่างของกระดาษเท่าน้ัน จงึ ไม่ทาใหม้ วลเกดิ การเปลยี่ นแปลง 1.3 จะเกดิ อะไรขึ้น เมื่อนากระดาษ (อาจนากระดาษท่ีขยา และทีฉ่ ีกไปแลว้ มาเป็นตัวอย่าง) มาปล่อยจากมอื เพราะเหตใุ ดจงึ เป็นเช่นนนั้ (นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) ข้ันสอน (เวลำ 45 นำที) 2. นักเรยี นอา่ นจดุ ประสงค์ข้อท่ี 2 ของกิจกรรมที่ 1 เมือ่ ปล่อยวัตถุจากมือ วัตถุเคลือ่ นท่ีอยา่ งไร จากน้นั ครูถามคาถามดงั ต่อไปนี้ 2.1 กจิ กรรมนนี้ กั เรยี นจะได้เรียนเกย่ี วกบั เรื่องอะไร (การเคล่อื นที่ของวัตถุเมื่อถกู ปล่อยจากมือ) 2.2 นักเรยี นจะไดเ้ รยี นเรอ่ื งนี้ดว้ ยวธิ ใี ด (การสังเกต) 2.3 เมื่อเรยี นแลว้ นักเรียนจะทาอะไรได้ (อธิบายการเคลื่อนทขี่ องวตั ถเุ ม่ือถูกปล่อยจากมือ)

๒๑๙ 3. นักเรียนอา่ นวสั ดุอปุ กรณ์ และวธิ ีทาข้อ 2 จากน้นั รว่ มกันอภปิ รายวธิ ีการสงั เกตและวธิ ีการบนั ทกึ โดยใชค้ าถามดังน้ี 3.1 นกั เรียนต้องสังเกตอะไร (เสน้ ทางการเคลื่อนที่ของวัตถุเม่ือถูกปลอ่ ยจากมือ) 3.2 นกั เรยี นเรม่ิ สังเกตวัตถเุ มื่อไหร่ (เม่อื วตั ถุถกู ปล่อยจากมือจนวัตถหุ ยุดนงิ่ ) 3.3 สงั เกตแลว้ ต้องทาอะไรต่อไป (บักทึกผล โดยวาดเส้นทางการเคลื่อนทขี่ องวัตถเุ ม่ือถูกปล่อย จากมือ) 4. ครูชกั ชวนนกั เรียนทาความเข้าใจเกี่ยวกับการบนั ทกึ ผล ในใบงานท่ี 01 เร่ืองมวลและแรงโนม้ ถ่วง ของโลก หนา้ 85 โดยใช้คาถามดงั นี้ 4.1 นักเรียนใช้สัญลักษณ์อะไรแทนเสน้ ทางการเคล่ือนท่ีของวัตถุ (ใช้ลูกศรแทนเส้นทางการ เคล่อื นที่ของวัตถ)ุ 5. เมอื่ นักเรียนเขา้ ใจขนั้ ตอนการทากจิ กรรมแล้ว ให้นักเรียนลงมอื ทากิจกรรม 6. ครูและนักเรียนร่วมกนั อภิปรายผลการทากจิ กรรมโดยอาจใช้คาถามดังน้ี 6.1 เม่อื ถือวตั ถุในมอื วัตถุมกี ารเคล่ือนท่ีหรือไม่ อย่างไร (วัตถุไม่เคลอ่ื นท่ี แต่อยู่นิ่ง) 6.2 เส้นทางการเคลื่อนที่ของวตั ถุแตล่ ะชน้ิ ท่ถี ูกปลอ่ ยจากมือเหมือนหรอื ตา่ งกนั อย่างไร (วตั ถุ แตล่ ะชิ้นอาจมีเสน้ ทางการเคลอ่ื นท่ีแตกต่างกนั ได้ เชน่ ดนิ น้ามนั เคลอ่ื นทล่ี งสู่พืน้ ใน แนวตรงแต่ไม่กระดอน ขณะท่ี ฟองนา้ เมลด็ ถวั่ แท่งไม้ จะเคล่ือนทล่ี งสู่พนื้ ในแนวตรงและ กระดอนขึน้ ลง ส่วนใบไม้เคล่ือนท่รี ่อนไปมา แตส่ ง่ิ ท่ีเหมือนกันคือ วัตถุทกุ ช้ินจะตกลงสู่พื้น) 6.3 เมอ่ื ปลอ่ ยวตั ถจุ ากมือ วตั ถแุ ตล่ ะช้ินมีการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่อี ย่างไร (วัตถแุ ต่ละชนิด มีการเปล่ยี นแปลงการเคล่ือนที่ โดยเปล่ยี นจากหยดุ นง่ิ ในมือเปน็ เคล่ือนทลี่ งสู่พ้ืน) 6.4 วตั ถแุ ตล่ ะชิ้นหยุดนิ่งที่ใด เหมอื นกนั หรือไม่ (วตั ถุแต่ละช้นิ หยดุ นงิ่ ท่ีพ้ืนเหมือนกัน) 6.5 เพราะเหตุใดวัตถจุ งึ เปลีย่ นแปลงการเคล่ือนท่ี (เพราะมีแรงมากระทาต่อวัตถุ) 6.6 เมือ่ ปล่อยวัตถุออกจากมือ มีแรงจากมือกระทาต่อวัตถุหรือไม่ (ไม่มแี รงกระทาจากมือ) 6.7 เม่อื เราปล่อยวตั ถจุ ากมือ มแี รงมากระทาต่อวัตถุนั้นหรือไม่ แรงนน้ั คือแรงอะไร รไู้ ด้อย่างไร (มแี รงมากระทาต่อวัตถุ แรงน้ันคือโนม้ ถว่ งของโลก รู้ไดจ้ ากวัตถุเปลยี่ นแปลงการเคล่อื นที่) 6.8 แรงโน้มถ่วงของโลกกระทาตอ่ วตั ถุในทิศทางใด รูไ้ ด้อยา่ งไร (ทิศทางลงสู่พื้น รไู้ ด้จากเม่ือ ปลอ่ ยวตั ถุจากมือ วตั ถุทุกชนิ้ จะตกลงสู่พืน้ เสมอ) 7. นกั เรยี นตอบคาถามหลงั ทากิจกรรม ข้นั ท่ี 3 ขนั้ สรุป (เวลำ 5 นำที) 8. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนสรปุ แนวคดิ หรือสิ่งที่ไดเ้ รยี นรู้ในชัว่ โมงนี้ดว้ ยตนเองเกย่ี วกับแรงโนม้ ถว่ งของ โลกท่กี ระทาตอ่ วัตถุ 9. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ เกีย่ วกับแรงโนม้ ถ่วงของโลกท่กี ระทาต่อวตั ถุว่า วตั ถทุ กุ ช้ินเมอ่ื ปลอ่ ยจาก มือ มีเสน้ ทางการเคล่ือนท่ีแตกต่างกัน แต่จะตกลงสู่พน้ื เสมอ เน่ืองจากมีแรงโนม้ ถว่ งของโลกกระทา ตอ่ วตั ถุน้ัน ๆ

๒๒๐ 8. สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ใบงาน 01 มวลและแรงโน้มถว่ งของโลก หน้า 85 - 86 8.2 กระดาษ A4 จานวน 2 แผ่น 9. ช้นิ งำน/ภำระงำน - การทาใบงาน 01 มวลและแรงโน้มถว่ งของโลก หน้า 85 - 86 10. กำรวดั และประเมินผล 10.1 ประเมนิ ความรเู้ ร่อื งมวลและแรงโน้มถว่ งของโลกดว้ ยการตอบคาถามในชนั้ เรยี นและในใบงาน (K) 10.2 ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ดว้ ยแบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (P) 10.3 ประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ดว้ ยแบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)

๒๒๑ แบบประเมนิ ดำ้ นทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ในกำรทำกจิ กรรม แผนกำรเรียนรูท้ ี่ 24 เร่อื ง มวลและนำ้ หนกั (2) เกณฑ์การประเมนิ มดี ังนี้ 3 หมายถงึ ดี 2 หมายถงึ พอใช้ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ สงิ่ ทปี่ ระเมนิ คะแนน การสงั เกต การลงความเห็นจากข้อมลู การตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ รวมคะแนน เกณฑก์ ำรประเมนิ ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) ทกั ษะกระบวนกำร ทำงวิทยำศำสตร์ ใชม้ ือและตาในการ ใชม้ ือและตาในการ ใช้มอื และตาในการรวบรวม การสังเกต รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับ รวบรวมขอ้ มลู เกี่ยวกับ ขอ้ มูลเก่ยี วกับเส้นทางการ เสน้ ทางการเคลอ่ื นที่ของ เสน้ ทางการเคลอื่ นที่ของ เคล่อื นท่ีของวตั ถทุ ปี่ ล่อยจาก การลงความเห็น วตั ถุที่ปล่อยจากมือดว้ ย วัตถทุ ่ีปลอ่ ยจากมือไดจ้ าก มือได้แต่ไม่ครบถ้วน ถึงแม้จะ จากข้อมลู ตนเอง โดยไม่เพม่ิ ความ การชแ้ี นะของครูหรอื ผู้อืน่ ไดร้ บั คาแนะนาจากผอู้ นื่ คิดเห็น เพ่มิ เติมความคิดเหน็ เพมิ่ เติมความคิดเห็น เพ่ิมเติมความคิดเหน็ เก่ยี วกับ เก่ียวกบั สาเหตขุ อง เก่ยี วกบั สาเหตุของเส้นทาง สาเหตุของเสน้ ทางการ เส้นทางการเคลื่อนที่ของ การเคล่อื นที่ของวตั ถุแตล่ ะ เคล่อื นท่ีของวัตถแุ ต่ละชนดิ ท่ี วัตถุแตล่ ะชนดิ ท่ีปล่อยจาก ชนิดทปี่ ล่อยจากมือไดอ้ ย่าง ปล่อยจากมือไดอ้ ย่างมเี หตุ มอื ได้อยา่ งมเี หตผุ ล จาก มเี หตุผล จากความรู้ หรอื ผลได้บ้างถึงแมจ้ ะไดร้ บั ความรู้ หรือประสบการณ์ ประสบการณเ์ ดิมโดยอาศยั คาแนะนาจากผู้อน่ื เดิมไดด้ ว้ ยตนเอง คาแนะนาของครูหรือผูอ้ น่ื การตีความหมาย ตคี วามหมายข้อมูล ตคี วามหมายข้อมูลจากการ ตีความหมายข้อมูลจากการทา ข้อมูลและลงข้อสรปุ จากการทากจิ กรรมได้ว่า ทากจิ กรรมไดว้ า่ วัตถทุ ุก กจิ กรรมได้แต่ไม่ครบถว้ นวา่ ชนดิ ตกลงสพู่ น้ื เน่ืองจาก วตั ถทุ ุกชนดิ ตกลงสู่พ้ืน วตั ถุทุกชนดิ ตกลงสู่พ้ืน ถกู แรงโนม้ ถ่วงของโลก เนื่องจากถกู แรงโน้มถว่ งของ เน่ืองจากถกู แรงโนม้ ถว่ ง

ทกั ษะกระบวนกำร ดี (3) พอใช้ (2) ๒๒๒ ปรบั ปรงุ (1) ทำงวิทยำศำสตร์ ของโลกกระทา ไดด้ ว้ ย กระทา จากการชีแ้ นะจาก โลกกระทา ถงึ แมจ้ ะได้รับ ตนเอง ครู และผอู้ ื่น คาแนะนาจากผู้อื่น แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ แผนกำรเรียนรู้ท่ี 24 เร่ือง มวลและนำ้ หนัก (2) ช่อื ผูป้ ระเมิน/กลมุ่ ประเมิน............................................................................................................................. ..... ชื่อกลุ่มรบั กำรประเมนิ ............................................................................................................................. ........... ประเมนิ ผลครัง้ ท.ี่ .....................................วัน........................เดอื น............................พ.ศ................................... เรื่อง............................................................................................................................. ........................................ ท่ี ลกั ษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ช้ี ระดบั พฤตกิ รรม คะแนนที่ได้ เกิด = 1 ไม่เกดิ = 0 1. ม่งุ มัน่ ในการทางาน 2. ซ่ือสัตย์ต่อตนเอง รวมคะแนนทไ่ี ด้ทงั้ หมด = …………… คะแนน เกณฑก์ ำรประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ - มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน - 50 % - 79 % ได้ 2 คะแนน - ตา่ กวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน

๒๒๓ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ 25 กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษำปีท่ี 4 ภำคเรียนที่ 1 รำยวิชำวิทยำศำสตร์ รหัสวิชำ ว14101 หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ 3 แรง หนว่ ยย่อยท่ี 1 แรง แผนกำรเรียนรู้ท่ี 25 เรอ่ื ง มวลและนำ้ หนกั (3) เวลำ 1 ช่ัวโมง 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้ / ตวั ชว้ี ัด สำระท่ี 2 วิทยำศำสตร์กำยภำพ มำตรฐำน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนท่ี แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ตวั ชว้ี ดั ป.4/1 ระบผุ ลของแรงโนม้ ถว่ งท่ีมตี ่อวัตถุจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ 2. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 ด้ำนควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ (K) - อธิบายค่าของแรงโนม้ ถว่ งและน้าหนักของวัตถุทีช่ งั่ ในแต่ละบริเวณได้ 2.2 ด้ำนทักษะกระบวนกำร (P) - 2.3 ดำ้ นคณุ ลักษณะ เจตคติ ค่ำนิยม (A) - มคี วามมุง่ มั่นในการทางาน - ชว่ ยเหลอื ในการทางานกลุ่มร่วมกัน 3. สำระสำคญั แรงโน้มถว่ งของโลกที่กระทาต่อมวลของวัตถทุ าให้วตั ถมุ นี ้าหนักและทาให้วตั ถุตกลงสพู่ ้ืน แรงโนม้ ถว่ ง ของโลกแต่ละบริเวณมีค่าไม่เท่ากนั ขึ้นอยู่กบั ความสูงจากพนื้ โลก และเปน็ แรงไมส่ ัมผัส เพราะโลกมแี รงดึงดูด วตั ถไุ ด้โดยวตั ถไุ มจ่ าเป็นต้องสัมผสั กับผิวโลก 4. สำระกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ แรงโน้มถ่วงของโลกท่ีกระทาต่อมวลของวัตถุทาให้วัตถุมีน้าหนักและทาให้วัตถุตกลงสู่พ้ืน แรงโน้มถ่วง ของโลกแตล่ ะบรเิ วณมีคา่ ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความสงู จากพน้ื โลก โดยบรเิ วณท่อี ยใู่ กลศ้ ูนยก์ ลางโลกจะมีค่า แรงโน้มถว่ งมากกวา่ บริเวณท่อี ยไู่ กลจุดศนู ยก์ ลางโลก และเปน็ แรงไมส่ ัมผัส เพราะโลกมีแรงดงึ ดูดวตั ถไุ ด้ โดยวัตถไุ มจ่ าเป็นตอ้ งสมั ผัสกับผิวโลก ทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ - การลงความเห็นจากขอ้ มูล

๒๒๔ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 5.1 ความสามารถในการส่อื สาร - อธิบายเกี่ยวกับคา่ แรงโน้มถว่ งทีแ่ ตกตา่ งกันในแตล่ ะบรเิ วณ 5.2 ความสามารถในการคิด - อธิบายสาเหตุที่ทาให้คา่ น้าหนกั ของวัตถชุ ิน้ เดียวกนั แตกต่างกันในแต่ละบริเวณ 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา - การแกป้ ัญหาและการชว่ ยเหลอื ในการทางานกลุ่มร่วมกัน 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ - มีความสามัคคใี นการทางานกลมุ่ ร่วมกนั 6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 6.1 มุ่งมัน่ ในการทางาน 6.2 ซื่อสตั ย์ต่อตนเอง 7. กิจกรรมกำรเรียนรู้ ข้นั นำเขำ้ สูบ่ ทเรียน (เวลำ 5 นำที) 1. ครทู บทวนความรู้พื้นฐานทเี่ รยี นมาแลว้ เก่ียวกบั มวล นา้ หนกั และกิจกรรมที่นักเรยี นทาเมอ่ื ช่วั โมง ท่ผี า่ นมา โดยอาจใช้คาถาม ดงั นี้ 1.1 มวลของร่างกายของเราคอื ส่วนใดบ้าง มวลมหี นว่ ยอะไร (มวลของรา่ งกาย คือทุกสว่ น ทปี่ ระกอบกันเป็นรา่ งกายของเราทั้งหมด รวมถึงผม เล็บ ขน มวลมหี นว่ ยกิโลกรัม) 1.2 แรงดงึ ดูดของโลกหรือแรงโนม้ ถ่วงของโลกมีผลอยา่ งไรต่อวัตถุ (ทาใหว้ ัตถุมีนา้ หนกั และ ทาใหว้ ัตถุตกลงสูพ่ น้ื ) 1.3 แรงโน้มถว่ งของโลกมีทศิ ทางเป็นอยา่ งไร (มเี ข้าสู่ศนู ย์กลางโลก) ขนั้ สอน (เวลำ 40 นำที) 2. นักเรยี นอา่ นใบความรทู้ ี่ 2 เร่ืองแรงโนม้ ถ่วงของโลกทบ่ี ริเวณต่าง ๆ และครูนาอภิปรายโดยใช้คาถาม ดงั นี้ 2.1 แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นแรงสัมผัสหรือแรงไม่สัมผัส เพราะเหตุใด (แรงโน้มถ่วงของโลกเป็น แรงไม่สมั ผสั เพราะไมจ่ าเปน็ ตอ้ งสัมผัสกับวตั ถุกท็ าใหว้ ัตถุเปลีย่ นแปลงการเคล่ือนทีไ่ ด้) 2.2 แรงโน้มถ่วงของโลกกระทาต่อวัตถุที่สัมผัสกับผิวโลกเท่านั้นหรือไม่ อย่างไร (ไม่จาเป็นต้อง สัมผัส เช่น โลกดงึ ดูดดาวเทยี มทโ่ี คจรอย่ใู นอวกาศ โลกดึงดดู ดวงจันทร์ ) 2.3 ถา้ ระยะหา่ งระหว่างวัตถกุ ับศนู ยก์ ลางโลกมากข้นึ แรงโน้มถ่วงจะเปน็ อย่างไร (ลดลง) 2.4 ถา้ ระยะห่างระหวา่ งวตั ถุกบั ศูนย์กลางโลกมากขึ้น นา้ หนักจะเปน็ อยา่ งไร (ลดลง) 2.5 เพราะเหตใุ ดนกั บนิ อวกาศจึงลอ่ งลอยไม่ตกลงสู่พน้ื (อยหู่ ่างจากศนู ย์กลางโลกมาก จึงมี แรงโน้มถว่ งน้อย ทาใหน้ า้ หนกั นอ้ ยไปด้วยจงึ ล่องลอยไมต่ กสู่พน้ื )

๒๒๕ 2.6 ระยะทางจากศนู ยก์ ลางโลกถึงขั้วโลกประมาณกี่กิโลเมตร (6,357 กิโลเมตร) 2.7 ระยะทางจากศนู ยก์ ลางโลกถึงเสน้ ศนู ย์สตู ร ประมาณกี่กิโลเมตร (6,378 กโิ ลเมตร) 2.8 กาหนดให้ ระยะทางจากศูนยก์ ลางโลกถึงข้วั โลก เป็น A และ ระยะทางจากศนู ย์กลางโลก ถึงเส้นศูนย์สูตร เปน็ B นกั เรียนคดิ วา่ ระยะทางใดไกลกว่า และไกลกวา่ กันเท่าไหร่ (B ไกลกวา่ 21 กโิ ลเมตร) 2.9 ถ้านักเรียนชั่งน้าหนักท่ีประเทศไทย แล้วไปช่ังน้าหนักท่ีบริเวณใกล้ข้ัวโลกเหนือ มวลและ น้าหนกั ของนกั เรียนจะยังเทา่ เดมิ หรือไม่ เพราะเหตใุ ด (มวลเท่าเดิม ถ้าไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่ง ของรา่ งกายเพ่มิ ขน้ึ หรอื ขาดหายไป แต่น้าหนักไม่เท่าเดิม เพราะบริเวณขั้วโลกเหนืออยู่ใกล้ ศนู ย์กลางโลกมากกวา่ ประเทศไทย แรงโนม้ ถว่ งท่ีกระทาต่อตวั นักเรยี นจะมากกว่าทาให้ มคี า่ นา้ หนกั ที่ชงั่ ท่ีขว้ั โลกเหนอื มากกวา่ ) หมำยเหตุ หากนักเรยี นตอบไมไ่ ด้ให้ครูวาดภาพและอธิบายประกอบเพิ่มเติม ขัน้ สรุป (เวลำ 15 นำที) 3. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนสรุปแนวคดิ หรอื ส่ิงทีไ่ ดเ้ รยี นร้ใู นชั่วโมงน้ดี ว้ ยตนเองเก่ียวกับแรงโน้มถ่วงของ โลกทกี่ ระทาต่อมวลของวตั ถุ 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับแรงโน้มถ่วงของโลกท่ีกระทาต่อมวลของวัตถุว่า แรงดึงดูดของ โลกแตล่ ะบรเิ วณมคี ่าไมเ่ ท่ากนั ขึน้ อยกู่ ับความสูงจากพื้นโลก และเป็นแรงไม่สัมผัส เพราะโลกมีแรง ดงึ ดดู วตั ถไุ ดโ้ ดยวตั ถุไมจ่ าเป็นต้องสมั ผสั กบั ผวิ โลก 5. นักเรียนทาใบงาน 02 แบบฝกึ หัดเรือ่ งมวลและแรงโน้มถ่วงของโลก ขอ้ ท่ี 3 หน้า 89 8. สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ 8.1 ใบความรทู้ ่ี 2 เร่อื งแรงโน้มถว่ งของโลกทบี่ รเิ วณต่าง ๆ 8.2 ใบงาน 02 แบบฝกึ หัดเรอ่ื งมวลและแรงโน้มถ่วงของโลก หนา้ 89 9. ช้ินงำน/ภำระงำน - การทาใบงาน 02 แบบฝกึ หดั เรือ่ งมวลและแรงโนม้ ถว่ งของโลก หนา้ 89 10. กำรวัดและประเมนิ ผล 10.1 ประเมินความรู้เร่อื งแรงโน้มถว่ งของโลกด้วยการตอบคาถามในชน้ั เรยี นและในใบงาน (K) 10.2 ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ด้วยแบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (P) 10.3 ประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ด้วยแบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)

๒๒๖ แบบประเมนิ ดำ้ นทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ แผนกำรเรยี นรทู้ ี่ 25 เร่อื ง มวลและน้ำหนกั (3) เกณฑ์การประเมินมดี ังน้ี 3 หมายถึง ดี 2 หมายถึง พอใช้ 1 หมายถึง ปรับปรุง ส่งิ ที่ประเมิน คะแนน การลงความเหน็ จากขอ้ มูล รวมคะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) ทักษะกระบวนกำร ทำงวิทยำศำสตร์ เพิม่ เติมความคิดเห็น เพ่มิ เติมความคิดเห็น เพ่ิมเติมความคิดเหน็ เกีย่ วกบั การลงความเห็น เกีย่ วกับผลของ เก่ียวกบั ผลของแรงโนม้ ถว่ ง ผลของแรงโนม้ ถ่วงโลกแตล่ ะ จากข้อมูล แรงโน้มถว่ งโลกแต่ละ โลกแตล่ ะบรเิ วณต่อ บริเวณต่อค่าน้าหนักของวตั ถุ บรเิ วณต่อค่าน้าหนกั ของ ค่าน้าหนกั ของวัตถุได้อย่าง ได้บ้างอยา่ งมเี หตผุ ล ถึงแม้จะ วัตถไุ ดอ้ ย่างมีเหตผุ ล จาก มเี หตุผล จากความรู้หรอื ไดร้ บั คาแนะนาจากผูอ้ ื่น ความรู้ หรือประสบการณ์ ประสบการณ์เดิมโดยอาศัย เดมิ ไดด้ ว้ ยตนเอง คาแนะนาของครหู รือผ้อู ่ืน

๒๒๗ แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ แผนกำรเรียนรู้ท่ี 25 เรอ่ื ง มวลและน้ำหนัก (3) ช่ือผ้ปู ระเมนิ /กลมุ่ ประเมนิ ............................................................................................................................. ..... ชอื่ กลุ่มรบั กำรประเมนิ ............................................................................................................................. ........... ประเมนิ ผลคร้ังท่.ี .....................................วนั ........................เดือน............................พ.ศ................................... เรอ่ื ง............................................................................................................................. ........................................ ที่ ลักษณะ/พฤตกิ รรมบ่งช้ี ระดบั พฤติกรรม คะแนนที่ได้ เกิด = 1 ไม่เกดิ = 0 1. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 2. ซอื่ สตั ยต์ อ่ ตนเอง รวมคะแนนทไี่ ดท้ ั้งหมด = …………… คะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ - มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน - 50 % - 79 % ได้ 2 คะแนน - ต่ากวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน

๒๒๘ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 26 กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษำปที ่ี 4 ภำคเรยี นที่ 1 รำยวิชำวิทยำศำสตร์ รหสั วิชำ ว14101 หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี 3 แรง หน่วยย่อยท่ี 1 แรง แผนกำรเรยี นรู้ที่ 26 เรอ่ื ง มวลและน้ำหนัก (4) เวลำ 1 ชั่วโมง 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ / ตัวช้ีวัด สำระที่ 2 วิทยำศำสตรก์ ำยภำพ มำตรฐำน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนท่ี แบบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมทง้ั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ตัวชีว้ ัด ป.4/1 ระบผุ ลของแรงโนม้ ถ่วงทม่ี ตี อ่ วตั ถจุ ากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 ด้ำนควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ (K) - อธิบายผลของแรงโน้มถ่วงที่มตี ่อวัตถุ 2.2 ด้ำนทกั ษะกระบวนกำร (P) - 2.3 ดำ้ นคณุ ลกั ษณะ เจตคติ ค่ำนิยม (A) - ซื่อสัตย์สุจริต - มงุ่ ม่นั ในการทางาน 3. สำระสำคัญ แรงโนม้ ถ่วงของโลกทกี่ ระทาตอ่ วตั ถุ ทาให้วตั ถตุ กลงสู่พ้ืน และแรงโน้มถ่วงของโลกแต่ละบริเวณมคี ่า ไมเ่ ท่ากัน 4. สำระกำรเรียนรู้ ควำมรู้ วตั ถทุ กุ ชนิดจะตกลงสู่พ้ืนเสมอ เน่ืองจากมีแรงโนม้ ถว่ งกระทาต่อมวลของวัตถุ ในทิศทางเข้าสู่ศูนย์กลาง ของโลก และแรงโน้มถว่ งของโลกแต่ละบริเวณมีคา่ ไมเ่ ทา่ กนั ขน้ึ อยกู่ ับระยะห่างจากศูนย์กลางโลก ทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ - 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น -

๒๒๙ 6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 6.1 ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต 6.2 มุง่ มนั่ ในการทางาน 7. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ขัน้ นำเข้ำสูบ่ ทเรยี น (เวลำ 10 นำที) 1. ครูให้นักเรียนดูรูปหรือคลิปวิดีโอนักบินอวกาศที่ลอยอยู่ในอวกาศ แล้วตั้งคาถามเพ่ือให้นักเรียน รว่ มกนั อภปิ ราย ดงั น้ี 1.1 ในขณะทีน่ ักบินอวกาศลอยอยใู่ นอวกาศ เขามีมวลและน้าหนักหรือไม่ (นักบินอวกาศมีมวล แต่ไมม่ ีน้าหนกั ) 1.2 ถ้านักบินคนน้ีมาอยู่บนโลก มวลและน้าหนักของเขาจะแตกต่างจากตอนท่ีอยู่ในอวกาศ หรอื ไม่ อยา่ งไร (นกั บินคนนม้ี ีมวลเหมือนเดมิ แตต่ อนทอ่ี ยู่บนโลก เขาจะมนี ้าหนักดว้ ย) 1.3 แรงโนม้ ถ่วงของโลกกระทาตอ่ วัตถุตา่ ง ๆ บนโลกในทิศทางใด รูไ้ ดอ้ ยา่ งไร (แรงโน้มถ่วงของ โลกมีทิศทางเข้าสู่ศูนย์กลางโลก รู้ได้จากการท่วี ัตถุทุกชนิดบนโลกจะตกลงสู่พ้ืน) ขน้ั สอน (เวลำ 40 นำที) 2. นักเรียนทาใบงาน 02 แบบฝึกหัด เรอ่ื งมวลและแรงโน้มถ่วงของโลก ข้ันสรุป (เวลำ 10 นำท)ี 3. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสรุปแนวคิดหรือสิ่งที่ได้เรียนรู้ในชั่วโมงน้ีด้วยตนเองเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วง ของโลก 4. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ เก่ียวกับแรงโน้มถ่วงของโลกว่า วัตถุทุกชนิดจะตกสู่พ้ืนเสมอ เน่ืองจากมี แรงโน้มถ่วงของโลกกระทาต่อวัตถุในทิศทางเข้าหาศูนย์กลางโลก และแรงโน้มถ่วงของโลกแต่ละ บรเิ วณมคี ่าไมเ่ ท่ากนั ข้ึนอยู่กับระยะห่างจากศนู ย์กลางโลก 8. ส่ือ /แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ใบงาน 02 แบบฝึกหัด เร่อื งมวลและแรงโน้มถ่วงของโลก หน้า 87 8.2 รูปหรือคลิปวดิ โี อนกั บนิ อวกาศ 9. ชนิ้ งำน/ภำระงำน - การทาใบงาน 02 แบบฝึกหัด เรอ่ื งมวลและแรงโนม้ ถว่ งของโลก หนา้ 87 10. กำรวดั และประเมนิ ผล 10.1 ประเมนิ ความร้เู รอ่ื งมวลและแรงโน้มถ่วงของโลกดว้ ยการตอบคาถามในใบงาน (K) 10.2 ประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ด้วยแบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)

๒๓๐ แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ แผนกำรเรียนรู้ท่ี 26 เร่ือง มวลและนำ้ หนัก (4) ช่อื ผู้ประเมนิ /กลุ่มประเมิน............................................................................................................................. ..... ช่ือกลุ่มรับกำรประเมนิ ........................................................................................................................................ ประเมนิ ผลคร้งั ท่.ี .....................................วัน........................เดอื น............................พ.ศ................................... เร่ือง............................................................................................................................. ........................................ ท่ี ลักษณะ/พฤตกิ รรมบ่งช้ี ระดับพฤตกิ รรม คะแนนที่ได้ เกดิ = 1 ไม่เกิด = 0 1. ซื่อสตั ย์สจุ รติ 2. มุ่งมัน่ ในการทางาน รวมคะแนนที่ไดท้ ั้งหมด = …………… คะแนน แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ - มากกวา่ 80% ได้ 3 คะแนน - 50% - 79% ได้ 2 คะแนน - ตา่ กวา่ 50% ได้ 1 คะแนน

๒๓๑ เฉลยใบงำน

๒๓๒ มวลเปน็ ปริมำณของเนือ้ ของสสำรทงั้ หมดท่รี วมเป็นวตั ถุ วัตถมุ นี ำ้ หนกั เนือ่ งจำกมีแรงโน้มถว่ งของโลกหรอื แรงดงึ ดูดของโลกกระทำ ต่อวัตถุ แรงโนม้ ถว่ งของโลกมที ศิ ทำงเข้ำสู่ศนู ย์กลำงของโลก

๒๓๓

๒๓๔ เม่ือปล่อยวัตถจุ ำกมือ วัตถุมีกำรเปลี่ยนแปลงกำรเคลือ่ นท่ี จำกหยดุ นิง่ ในมือ เป็นเคลื่อนท่ี เมื่อปล่อยวัตถจุ ำกมือ มแี รงกระทำต่อวัตถุ แรงที่มำกระทำเป็นแรงโนม้ ถ่วง ของโลก วัตถุแต่ละช้ินมีเส้นทำงกำรเคล่ือนท่ีต่ำงกัน โดยดินน้ำมัน แท่งไม้ ตกลงสู่พ้ืน แล้วหยุดน่ิง แต่ลูกบอล ฟองน้ำ เมล็ดถ่ัว จะกระดอนข้ึนลงจนหยุดนิ่ง ใบไม้ จะร่อนไปมำซ้ำยขวำจนตกลงสู่พน้ื แตว่ ัตถุทกุ ชนิดตกลงสู่พ้นื เหมอื นกัน แรงโนม้ ถว่ งท่กี ระทำต่อวตั ถจุ ะแตกต่ำงกัน ซึ่งข้ึนอยู่กับระยะห่ำงของวัตถุ จำกศูนย์กลำงโลก โดยแรงโน้มถ่วงจะมีค่ำลดลงเมื่อระยะห่ำงมำกข้ึน เม่ือปล่อยวตั ถุจำกมอื เสน้ ทำงกำรเคลือ่ นทขี่ องวัตถุแต่ละชนดิ อำจแตกตำ่ งกนั แตว่ ตั ถุทุกชนดิ จะตกลงสู่พ้นื โลกเสมอ เนอ่ื งจำกมแี รงโนม้ ถ่วงของโลกกระทำ ต่อวตั ถใุ นทศิ ทำงเขำ้ สู่ศูนยก์ ลำงโลก

๒๓๕ มีแรงโน้มถว่ งกระทำต่อลกู ชมพู่ ทำใหล้ ูกชมพู่ตกลงส่พู ืน้ มแี รงโนม้ ถ่วงกระทำต่อกระจุกฟำง ทำให้กระจุกฟำงตกลงสู่พ้นื สถำนีอวกำศอยู่ในอวกำศ ซึ่งไม่มี แรงโน้มถ่วง ทำให้สถำนีอวกำศ ลอยอยู่ในอวกำศ ไม่ตกลงสูพ่ นื้ โลก

๒๓๖ มีแรงโนม้ ถ่วงของโลกกระทำต่อผลไม้ ในทศิ ทำงเขำ้ สพู่ ื้นโลกในแนวดิ่ง ทำให้ผลไม้ตกลงสู่พน้ื โลกในแนวดง่ิ

๒๓๗ แรงโน้มถ่วงท่ีกระทำต่อตัวเรำจะไม่เท่ำกัน โดยบริเวณยอดเขำจะมีค่ำ แรงโน้มถ่วงกระทำต่อตัวเรำน้อยกว่ำ เพรำะอยู่ห่ำงจำกจุดศูนย์กลำงของ โลกมำกกวำ่

๒๓๘ มมี วลและนำ้ หนัก มวลเป็นปรมิ ำณเนอ้ื ของสสำรท้ังหมดท่ีรวมเป็นตัวของ นกั บินอวกำศ และเม่ืออยู่บนโลกมีแรงโน้มถ่วงของโลก กระทำตอ่ นักบินอวกำศ ทำให้นกั บนิ อวกำศมนี ำ้ หนัก มีมวล แตไ่ ม่มีนำ้ หนกั ในอวกำศ นักบนิ อวกำศยังคงมีปริมำณเนื้อสสำรท่ีรวมตัว กันเป็นนกั บินอวกำศ แต่ในอวกำศไม่มแี รงโนม้ ถว่ ง ท่ีกระทำต่อตัวนักบินอวกำศ ทำให้นักบินอวกำศไม่มี นำ้ หนกั

๒๓๙ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี 27 กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษำปที ่ี 4 ภำคเรยี นท่ี 1 รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์ รหัสวชิ ำ ว14101 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี 3 แรง หนว่ ยย่อยท่ี 1 แรง แผนกำรเรียนรู้ที่ 27 เรอ่ื งควำมสัมพนั ธร์ ะหวำ่ งมวลและน้ำหนกั (1) เวลำ 1 ชว่ั โมง 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้ / ตัวชีว้ ดั สำระที่ 2 วิทยำศำสตรก์ ำยภำพ มำตรฐำน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนท่ี แบบต่าง ๆ ของวตั ถุ รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชวี้ ัด ป.4/2 ใชเ้ ครอ่ื งชัง่ สปรงิ ในการวดั น้าหนักของวตั ถุ 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 2.1 ดำ้ นควำมรู้ ควำมเข้ำใจ (K) - อธิบายวิธีการใช้เคร่อื งชัง่ สปรงิ 2.2 ด้ำนทกั ษะกระบวนกำร (P) - สงั เกตสว่ นประกอบของเครื่องชัง่ สปรงิ 2.3 ดำ้ นคุณลกั ษณะ เจตคติ คำ่ นิยม (A) - มีความมุ่งมน่ั ในการทางาน ชว่ ยเหลือในการทางานกลุ่มร่วมกัน 3. สำระสำคัญ เครอื่ งชง่ั สปรงิ เป็นอุปกรณใ์ ช้วดั แรง น้าหนกั ของวัตถชุ ง่ั ไดจ้ ากเครอื่ งชง่ั สปรงิ 4. สำระกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ เครอ่ื งช่ังสปรงิ มีสว่ นประกอบตา่ ง ๆ เช่น หจู ับ สเกล ขอเก่ียว หมุด คา่ ทีส่ ามารถอ่านได้จากเคร่ืองชงั่ สปริงจะมสี องค่า ไดแ้ ก่ ค่ามวล มหี น่วยเป็นกรัม และคา่ ของแรง มีหนว่ ยเปน็ นวิ ตนั โดยค่าของแรงที่อา่ นได้ เมอื่ วตั ถุอยู่นิ่งจะเปน็ คา่ นา้ หนักของวัตถุ วธิ ใี ช้เคร่อื งช่งั สปริงทาได้โดยใช้มือจบั ท่บี ริเวณหูจบั จากน้ันนาวัตถุ ทจี่ ะชั่งมาเกย่ี วทีข่ อเก่ียว หนั ด้านทมี่ สี เกลเข้าหาตนเอง อา่ นค่าจากสเกลของเครือ่ งช่งั สปรงิ โดยใหห้ มดุ อยู่ที่ ระดบั สายตา สงั เกตท่หี มดุ ซ่ึงมีเครอ่ื งหมาย + วา่ เส้นแนวนอนอยตู่ รงกบั ค่าเท่าใด

๒๔๐ ทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ - การสังเกต 5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น 5.1 ความสามารถในการสือ่ สาร - บอกสว่ นประกอบของเครื่องช่งั สปรงิ 5.2 ความสามารถในการคิด - อธบิ ายวธิ กี ารใช้เคร่อื งชั่งสปรงิ 5.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา - การแก้ปัญหาและการชว่ ยเหลือในการทางานกลุ่มรว่ มกัน 5.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต - มคี วามสามัคคใี นการทางานกลมุ่ รว่ มกนั 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 6.1 ซื่อสัตย์สุจริต 6.2 มงุ่ มน่ั ในการทางาน 7. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ขั้นนำเขำ้ สบู่ ทเรียน (เวลำ 10 นำที) 1. ครทู บทวนความรทู้ ่ีเรียนมาโดยอาจนาอุปกรณต์ า่ ง ๆ เช่น กลอ่ งใส่ดินสอมาประกอบการซกั ถามดังนี้ 1.1 มวลของกล่องใสด่ ินสอคือส่วนใดบา้ ง เพราะอะไร (ทุกส่วนทปี่ ระกอบเปน็ กล่องใสด่ ินสอ รวมทง้ั ดนิ สอท่ีอยู่ภายในกล่องดว้ ย เพราะมวลเป็นปริมาณเน้อื ของสสารทงั้ หมดที่รวมเป็น วัตถ)ุ 1.2 กลอ่ งใส่ดินสอมนี ้าหนักไดอ้ ยา่ งไร (มีแรงดงึ ดดู ของโลกกระทาต่อกล่องใส่ดินสอ) 1.3 มวลมีหน่วยอะไร และน้าหนกั มีหนว่ ยอะไร (มวลมหี นว่ ยเป็นกรัมหรือกโิ ลกรมั น้าหนักมี หน่วยเป็นนิวตนั ) 2. ครูนาวัตถุหลาย ๆ ชิ้น เช่น หนังสอื กระเป๋า มาใหน้ ักเรยี นสงั เกตหรอื ลองยก แลว้ ให้นักเรียน คาดคะเนวา่ วัตถเุ หล่านม้ี ีน้าหนักเท่าไร (นักเรียนอาจตอบตามความคิดของตนเอง) จากน้ันครอู าจ นาอภิปรายวา่ การบอกนา้ หนักโดยการยกวตั ถุเปน็ การอาศัยเพียงความรู้สึกของแต่ละคน ซึ่งจะทาให้ บอกค่าน้าหนักได้แตกต่างกนั และเปน็ คา่ ที่ไมม่ ีความแม่นยา 3. ครูถามนกั เรียนว่า เราจะมีวิธกี ารหาน้าหนกั ของวัตถุให้แมน่ ยากว่าการคาดคะเนได้อย่างไร (นักเรยี น ตอบตามความเข้าใจของตนเอง เชน่ ใช้เคร่ืองชั่งในการวัดน้าหนักของวตั ถุ)

๒๔๑ ข้นั สอน (เวลำ 45 นำท)ี 4. ครใู หน้ กั เรยี นอ่านช่ือกจิ กรรมและจุดประสงคข์ องกจิ กรรมที่ 1 มวลและนา้ หนักสมั พันธก์ ันอยา่ งไร จากน้ันตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนเกีย่ วกบั สิง่ ทจี่ ะเรียน โดยอาจใชค้ าถาม ดงั น้ี 4.1 กจิ กรรมนี้นักเรยี นจะได้เรยี นเก่ียวกับเร่อื งอะไร (การหานา้ หนักของวัตถุโดยใช้เคร่ืองช่งั สปริงและความสัมพนั ธร์ ะหว่างมวลและน้าหนักของวตั ถุ) 4.2 นกั เรยี นจะไดเ้ รียนเรื่องนี้ด้วยวิธีใด (การสงั เกต) 4.3 เม่ือเรยี นแล้วนกั เรียนจะทาอะไรได้ (อธิบายการหาน้าหนักของวตั ถโุ ดยใช้เครื่องชั่งสปริงและ บอกความสัมพันธ์ระหวา่ งมวลและน้าหนกั ของวตั ถุ) 5. ครใู หน้ กั เรยี นอา่ นวิธีทา โดยครเู ลือกวธิ กี ารอ่านทเ่ี หมาะสมกับนักเรยี น จากน้ันครตู รวจสอบความ เขา้ ใจขนั้ ตอนการทากจิ กรรมทีละขน้ั ตอนจนแนใ่ จวา่ นักเรียนสามารถทาได้ จึงใหน้ ักเรยี นทา กิจกรรม 6. ครใู หน้ กั เรียนทากจิ กรรมข้อ 1 สงั เกตลักษณะของเครอ่ื งชั่งสปริงอย่างละเอียดพร้อมวาดรูป เครอื่ งชั่งสปริงในใบงาน 01 ความสมั พันธร์ ะหว่างมวลและน้าหนกั จากนัน้ ครูนาอภปิ รายลักษณะ ของเคร่ืองชง่ั สปริง โดยอาจใชค้ าถาม ดังน้ี 6.1 เครอ่ื งช่ังสปริงมีส่วนประกอบอะไรบ้าง (เครือ่ งชัง่ สปริงประกอบดว้ ยตวั กระบอกเคร่ืองช่ัง มีขีดสเกล 2 ด้าน ดา้ นหนึง่ มีหนว่ ยเป็นกรัม และอีกด้านหนึง่ มีหน่วยเป็นนิวตนั มหี จู บั ด้านบน และมีนอตหมุนดา้ นบนของกระบอก ด้านลา่ งของกระบอกมีขอเกี่ยวยืน่ ออกมาจาก กระบอก ขอเก่ียวยดึ กบั สปริงทอี่ ย่ดู า้ นในของกระบอก และมีหมุดสีเงนิ อยรู่ ะหวา่ งกระบอก สามารถเลอื่ นไปมาได้) 6.2 ขอเกยี่ วท่ียืนออกมาจากกระบอกใช้ทาอะไร (ใช้สาหรับเกยี่ ววตั ถ)ุ 6.3 ถา้ ตอ้ งการอา่ นคา่ นา้ หนักของวัตถุ จะต้องดูหน่วยใดบนเคร่อื งชั่งสปริง (หนว่ ยนิวตนั ) 6.4 เคร่อื งช่ังสปริงอ่านคา่ นา้ หนักของวัตถไุ ดส้ ูงสดุ เทา่ ใด (เครอ่ื งชัง่ สปรงิ อา่ นคา่ นา้ หนักได้สูงสดุ 10 นวิ ตัน หมายเหตุ สงั เกตจากเคร่ืองชงั่ สปรงิ ที่กาลังใช้ โดยแต่ละเครื่องอาจมีค่าน้าหนักท่ี อ่านไดส้ ูงสดุ แตกต่างกัน) 7. ครใู ห้ความรู้เพิ่มเติมเก่ียวกับวิธกี ารใช้และอา่ นคา่ น้าหนกั บนเคร่อื งชงั่ สปริง โดยครูอธบิ ายวิธกี ารจบั เคร่ืองชั่งสปรงิ ให้จับที่หจู ับด้านบน สว่ นการอ่านค่าน้าหนักจากเคร่ืองชงั่ สปรงิ ให้สังเกตทหี่ มดุ วา่ รอยบากบริเวณกง่ึ กลางของหมุดท่ีระดับสายตาตรงกบั ขีดบอกค่าที่เทา่ ใด ครคู วรกาชับวา่ การอา่ น ค่าน้าหนักอาจจะคลาดเคล่ือนได้ ถ้าระดับสายตาของผสู้ งั เกตอยู่ต่าหรือสงู กว่าหมดุ ทีก่ าลังอ่านค่า นอกจากนค้ี รูให้ความรูว้ ่าเพ่ือให้คา่ ท่ีอา่ นได้จากเครื่องชง่ั สปริงมคี วามแมน่ ยา ก่อนเริม่ อ่านคา่ จาก เครอ่ื งชัง่ สปริง ควรตรวจสอบกอ่ นว่าหมดุ ของเครื่องชง่ั สปริงอยูต่ รงขีดศูนยห์ รือไม่ ถา้ เคร่ืองช่ังสปรงิ มคี ่าเร่ิมต้นไมต่ รงกับค่าศนู ย์ สามารถปรบั ระดบั ให้ตรงที่ขดี ศนู ยไ์ ดโ้ ดยการหมุนนอตที่อยู่ดา้ นบน ของเครือ่ งชั่ง

๒๔๒ ขน้ั สรปุ (เวลำ 5 นำที) 8. ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนสรปุ แนวคิดหรอื ส่งิ ที่ไดเ้ รยี นรู้ในชั่วโมงน้ดี ้วยตนเองเกี่ยวกับส่วนประกอบ และการใช้เครอ่ื งชัง่ สปรงิ 9. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกย่ี วกับสว่ นประกอบและการใชเ้ ครื่องช่ังสปริงว่า เคร่ืองช่งั สปรงิ เป็น เครือ่ งมอื ในการวดั แรงหรือนา้ หนักของวตั ถุ ในการใชเ้ ครอ่ื งชั่งสปริงต้องใช้อย่างถูกวิธเี พอ่ื ให้ สามารถอ่านค่าของแรงได้อย่างถกู ต้อง 8. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ 8.1 ใบงาน 01 ความสมั พันธ์ระหว่างมวลและน้าหนัก หนา้ 93 8.2 เครือ่ งชง่ั สปรงิ 9. ชิ้นงำน/ภำระงำน - การทาใบงาน 01 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งมวลและนา้ หนัก หน้า 93 10. กำรวดั และประเมนิ ผล 10.1 ประเมนิ ความร้เู รอื่ งส่วนประกอบและวธิ ีใชเ้ ครื่องชง่ั สปริงด้วยการตอบคาถามในช้ันเรยี น และในใบงาน (K) 10.2 ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ดว้ ยแบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (P) 10.3 ประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ดว้ ยแบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)

๒๔๓ แบบประเมินด้ำนคุณธรรม แผนกำรเรยี นรู้ที่ 27 เรื่อง ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงมวลและนำ้ หนกั (1) ชอ่ื ผปู้ ระเมิน/กลุม่ ประเมนิ ............................................................................................................................. ..... ชอื่ กลุ่มรบั กำรประเมิน........................................................................................................................................ ประเมินผลครัง้ ท.ี่ .....................................วัน........................เดอื น............................พ.ศ................................... เร่ือง............................................................................................................................. ........................................ ท่ี ลักษณะ/พฤตกิ รรมบ่งชี้ ระดบั พฤตกิ รรม คะแนนทไี่ ด้ เกดิ = 1 ไมเ่ กิด = 0 1. ซ่ือสตั ย์สจุ รติ 2. มุง่ ม่นั ในการทางาน รวมคะแนนทไ่ี ด้ทัง้ หมด = …………… คะแนน คณุ ลกั ษณะตามจุดประสงคด์ ้านคณุ ธรรม - มากกว่า 80% ได้ 3 คะแนน - 50% - 79% ได้ 2 คะแนน - ต่ากว่า 50% ได้ 1 คะแนน

๒๔๔ แบบประเมนิ ดำ้ นทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ แผนกำรเรียนรู้ท่ี 27 เรื่อง ควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำงมวลและน้ำหนัก (1) เกณฑ์การประเมนิ มีดังนี้ 3 หมายถงึ ดี 2 หมายถงึ พอใช้ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ สิง่ ทป่ี ระเมิน คะแนน การสังเกต รวมคะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1) ทักษะกระบวนกำร ทำงวิทยำศำสตร์ สามารถใช้ประสาทสัมผสั สามารถใช้ประสาทสัมผสั ใน สามารถใชป้ ระสาทสมั ผสั ใน การสงั เกต ในการรวบรวมขอ้ มูล เกี่ยวกบั ส่วนประกอบของ เครื่องชงั่ สปริงไดอ้ ย่าง การ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับ การรวบรวมขอ้ มูลเกีย่ วกบั ถกู ต้องด้วยตนเอง โดยไม่ เพ่มิ ความคิดเหน็ สว่ นตวั ใช้ประสาทสมั ผัสในการ สว่ นประกอบของเครื่องชั่ง รวบรวมข้อมลู เก่ยี วกับ สปรงิ ได้ถูกตอ้ งบางส่วน แม้ ส่วนประกอบของเครอ่ื งช่ัง จะไดร้ ับคาแนะนาจากครูหรือ สปริงได้อย่างถูกตอ้ งจาก ผู้อ่ืน การชี้แนะของครูหรอื ผู้อ่นื

๒๔๕ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ 28 กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษำปที ี่ 4 ภำคเรยี นท่ี 1 รำยวิชำวิทยำศำสตร์ รหัสวชิ ำ ว14101 หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ 3 แรง หนว่ ยย่อยที่ 1 แรง แผนกำรเรยี นรู้ที่ 28 เรื่องควำมสัมพนั ธ์ระหวำ่ งมวลและนำ้ หนกั (2) เวลำ 1 ชัว่ โมง 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ / ตวั ช้วี ัด สำระที่ 2 วิทยำศำสตร์กำยภำพ มำตรฐำน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนท่ี แบบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมท้ังนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวช้วี ัด ป.4/2 ใชเ้ ครือ่ งชงั่ สปริงในการวัดนา้ หนกั ของวตั ถุ 2. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 ด้ำนควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ (K) - อธิบายการหาน้าหนักของวัตถุ - บรรยายความสัมพันธร์ ะหว่างมวลและนา้ หนกั ของวตั ถุ 2.2 ด้ำนทกั ษะกระบวนกำร (P) - ช่งั นา้ หนกั ของวตั ถุโดยใชเ้ ครื่องชง่ั สปริง 2.3 ด้ำนคณุ ลกั ษณะ เจตคติ คำ่ นิยม (A) - มีความม่งุ มัน่ ในการทางาน ชว่ ยเหลอื ในการทางานกลุม่ ร่วมกัน 3. สำระสำคัญ นา้ หนักของวตั ถุวัดได้โดยการใช้เคร่ืองช่ังสปรงิ 4. สำระกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ เครื่องชั่งสปริงเป็นอุปกรณ์ท่ีใช้วัดแรง ถ้าต้องการชั่งน้าหนักของวัตถุ ให้นาวัตถุมาแขวนกับเคร่ืองช่ัง สปริง เมือ่ วตั ถุอยนู่ ง่ิ ค่าของแรงท่ีอ่านไดจ้ ะเท่ากับนา้ หนักของวตั ถุ ทกั ษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ - การสงั เกต - การวดั - การลงความเหน็ จากข้อมลู - การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ