Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรรบ้านน้ำก่ำ(ล้ำประชาอุปถัมภ์)ปี65

หลักสูตรรบ้านน้ำก่ำ(ล้ำประชาอุปถัมภ์)ปี65

Published by Nonthawat Namsai, 2022-08-26 07:00:53

Description: หลักสูตรรบ้านน้ำก่ำ(ล้ำประชาอุปถัมภ์)ปี65

Search

Read the Text Version

245 คำอธิบายรายวิชากิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น กจิ กรรมนกั เรยี น ( กิจกรรมลูกเสือสามัญ (ลูกเสอื เอก) ) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ เวลา ๓๐ ชวั่ โมง/ปี -------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เปน็ กิจกรรมทมี่ ุ่งพัฒนาความมรี ะเบยี บวนิ ัย ความเปน็ ผู้นำผู้ตามทด่ี ี ความรับผดิ ชอบ การทำงาน รว่ มกัน การรจู้ กั แกป้ ญั หา การตัดสินใจทเ่ี หมาะสม ความมีเหตุผล การชว่ ยเหลอื แบ่งปนั กัน การ ประนปี ระนอม เพือ่ ส่งเสรมิ ให้ผเู้ รียนเจรญิ เตบิ โตเปน็ ผู้ใหญ่ทม่ี คี วามสมบูรณ์พรอ้ มทั้งด้านร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคมและสตปิ ัญญา ดำเนินการตามกระบวนการลูกเสือ และจัดกจิ กรรมโดยใช้การศกึ ษา วิเคราะห์ วางแผนการจัด กิจกรรมตามมาตรฐาน เนน้ ระบบหมู่ สรปุ ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม ปดิ ประชมุ กอง ตามหลักสูตรลกู เสอื / เนตรนารีสามัญรนุ่ ใหญ่ ปฏิบตั ิกจิ กรรมทกี่ ่อให้เกิดคณุ ธรรม คุณลกั ษณะ ตามคติพจน์ คำปฏญิ าณและ กฎของลูกเสือสามัญรุน่ ใหญ่ หลกั การทางศาสนา ระเบยี บแถว สวนสนาม มที ักษะในการเดินทางไกล การอยู่ค่ายพักแรม การเดนิ ทางสำรวจและการบุกเบิก ทักษะการพฒั นาสมรรถภาพทางกาย ปฏิบตั ิ ศาสนากิจ พธิ กี รรมทางศาสนา กจิ กรรมในครอบครวั รู้จกั และเข้าใจ ช่วยเหลอื และชกั จูงให้ปฏบิ ตั ติ น เปน็ คนดี สรา้ งความสมั พนั ธอ์ ันดกี บั เพ่ือน และสง่ิ แวดล้อมของชมุ ชน เรยี นรู้มรดก ภูมิปญั ญาไทยของ ทอ้ งถ่ินในคุณค่าละคณุ ประโยชน์ ตวั ชีว้ ัด ๑. เพ่ือใหล้ กู เสอื มีความรู้ความสามารถ ในทางวิชาการลูกเสอื เพ่มิ ขน้ึ จากทเ่ี รียนมา ในระดบั ตน้ คือ ลกู เสอื ตรี โท เอก ๒. เพอ่ื ให้ลกู เสือได้มคี วามเข้าใจ และฝึกฝนทักษะตนเองในแต่ละวิชาทเี่ รียนมาได้ดียิ่งข้นึ ๓. เพื่อส่งเสริมให้ลกู เสือได้เรยี นในวิชาทีต่ นเองถนดั และสนใจเปน็ พิเศษ ๔. เพอ่ื ให้ความซาบซงึ้ ในกิจการลกู เสือมากย่ิงขึน้ ๕. เพอ่ื ใหล้ กู เสือได้นำความรทู้ ่ีไดร้ บั ไปปฏบิ ัติ และบำเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชนแ์ ก่สังคม รวมตัวชว้ี ดั ๕ ผลการเรยี นรู้

246 คำอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น กจิ กรรมนกั เรยี น ( กิจกรรมลกู เสือสามญั (ลูกเสอื เอก) ) ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ เวลา ๓๐ ช่ัวโมง/ปี -------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เป็นกิจกรรมทมี่ งุ่ พัฒนาความมรี ะเบยี บวินัย ความเป็นผู้นำผ้ตู ามที่ดี ความรบั ผดิ ชอบ การทำงาน รว่ มกัน การรจู้ ักแกป้ ัญหา การตดั สนิ ใจทเี่ หมาะสม ความมีเหตผุ ล การชว่ ยเหลือแบง่ ปันกัน การ ประนีประนอม เพื่อสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รียนเจรญิ เติบโตเป็นผู้ใหญท่ มี่ ีความสมบรู ณ์พรอ้ มทงั้ ด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คมและสตปิ ญั ญา ดำเนินการตามกระบวนการลูกเสอื และจัดกิจกรรมโดยใชก้ ารศกึ ษา วิเคราะห์ วางแผนการจัด กจิ กรรมตามมาตรฐาน เนน้ ระบบหมู่ สรุปผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ปิดประชุมกอง ตามหลกั สูตรลกู เสอื / เนตรนารีสามญั รนุ่ ใหญ่ ปฏบิ ัติกิจกรรมทก่ี ่อใหเ้ กิดคณุ ธรรม คุณลกั ษณะ ตามคตพิ จน์ คำปฏิญาณและ กฎของลูกเสอื สามัญรนุ่ ใหญ่ กิจกรรมเดนิ ทางสำรวจ การเดินสวนสนาม มีทกั ษะทางลูกเสอื ในการ ชว่ ยเหลอื ผูอ้ น่ื และการทำงานเป็นหม่คู ณะ มีทักษะในการพัฒนาสมรรถภาพทางกาย นำหลักธรรมทาง ศาสนาไปปฏบิ ตั แิ ละเผยแพร่ ตระหนักในพระคุณของบิดา มารดา และผ้มู ีพระคณุ รูจ้ ักและเขา้ ใจเพื่อ ช่วยเหลือและชกั จูงให้ปฏบิ ตั ิตนเป็นคนดี สร้างความสมั พันธ์อันดกี บั เพ่ือน และสิ่งแวดลอ้ มของชุมชน เรยี นรมู้ รดกภูมปิ ัญญาไทยของท้องถน่ิ ในคุณคา่ ละคุณประโยชน์ ตวั ชวี้ ดั ๑. เพ่อื ให้ลกู เสือมีความรู้ความสามารถ ในทางวิชาการลูกเสอื เพ่ิมข้ึนจากทเ่ี รียนมา ในระดับ ตน้ คือ ลูกเสอื ตรี โท เอก ๒. เพือ่ ใหล้ กู เสือได้มคี วามเขา้ ใจ และฝึกฝนทกั ษะตนเองในแต่ละวชิ าท่ีเรียนมาไดด้ ียง่ิ ข้นึ ๓. เพื่อสง่ เสรมิ ใหล้ กู เสอื ไดเ้ รียนในวชิ าที่ตนเองถนดั และสนใจเปน็ พิเศษ ๔. เพือ่ ให้ความซาบซงึ้ ในกิจการลกู เสือมากย่ิงขน้ึ ๕. เพอื่ ให้ลูกเสือได้นำความรู้ที่ไดร้ บั ไปปฏิบตั ิ และบำเพ็ญตนใหเ้ ป็นประโยชน์แก่สังคม รวมตวั ช้ีวดั ๕ ผลการเรียนรู้

247 คำอธิบายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ชั้นประถมศึกษาปที ี ๑ - ๖ เวลา ๑๐ ชัว่ โมง/ปี ฝึกปฏิบัติกิจกรรมด้วยความสมัครใจผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ฝึกการทำงานที่สอดคล้อง กับชีวิตจริง ตลอดจนสะท้อนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ สำรวจและใช้ข้อมูลประกอบการ วางแผนอย่างเป็นระบบ เน้นทักษะการคิดวิเคราะห์ และใช้ความคิดสร้างสรรค์ การบริการด้านต่าง ๆ ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ต่อตนเองและสว่ นรวม เสรมิ สร้างความมนี ้ำใจ เอ้อื อาทร ความเปน็ พลเมืองดีและความ รบั ผิดชอบต่อตนเอง ครอบครวั และสังคม คิดออกแบบกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในลักษณะอาสาสมัคร จติ อาสา เพ่อื แสดงความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คมตามแนวทางวิถชี วี ติ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เพื่อให้ผู้เรียนบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคมและ ประเทศชาติ สามารถออกแบบการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ตาม ความถนัดและความสนใจในลักษณะอาสาสมคั ร พัฒนาศกั ยภาพตนเองในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและ สาธารณประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรม ตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีจิตสาธารณะและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และสามารถ ประยุกตใ์ ชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้ ผลการเรยี นรู้ 1. บำเพญ็ ตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์ต่อครอบครวั โรงเรยี น ชมุ ชน สังคมและประเทศชาติ 2. ออกแบบการจดั กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชนอ์ ยา่ งสร้างสรรค์ ตามความถนัด และความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร 3. สามารถพฒั นาศกั ยภาพในการจดั กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งมี ประสิทธภิ าพ 4. ปฏิบตั กิ จิ การเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จรยิ ธรรมตามคุณลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ 5. สามารถประยุกต์ใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้ รวม ๕ ผลการเรียนรู้

248 คำอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน กิจกรรมนักเรียน (กจิ กรรมชมุ นุม) ชั้นประถมศึกษาปีที ๑ - ๖ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี ปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการ เพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ให้เกิดประสบการณ์ทั้งด้านวิชาการ และพื้นฐานอาชีพ ทักษะชีวิตและสงั คมตามศักยภาพอย่างรอบดา้ น เพื่อความเปน็ มนุษย์ท่ีสมบูรณ์ มีความสามารถในการ สื่อสาร มีทักษะการคิด แก้ปัญหา ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี พัฒนาทักษะในการทำงานและ การอยู่รว่ มกบั ผู้อนื่ ในสังคมได้อย่างมีความสุข รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่ือสตั ย์สจุ ริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยอู่ ย่างพอเพยี ง มงุ่ มัน่ ในการทำงานรกั ความเปน็ ไทย มจี ติ สาธารณะ เพื่อให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการของตน ได้ พฒั นาความรู้ ความสามารถดา้ นการคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์ ใหเ้ กดิ ประสบการณ์ทั้งทักษะทางวิชาการ ทักษะอาชีพ ทกั ษะชวี ิตและสังคมตามศกั ยภาพ ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อตนเองและสว่ นรวม คิด เปน็ ทำได้ ทำงานรว่ มกับผูอ้ นื่ ไดต้ ามวิถีประชาธปิ ไตย และประยุกต์หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. ปฏิบัตกิ ิจกรรมตามความสนใจ ความถนัดและความต้องการของตน 2. มคี วามรู้ ความสามารถดา้ นการคดิ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ให้เกิดประสบการณ์ ท้ังทาง วชิ าการและวชิ าชพี ตามศักยภาพ 3. ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม 4. มุ่งมนั่ ในการทำงานและทำงานร่วมกับผอู้ ่นื ได้ตามวิถีประชาธิปไตย 5. ประยกุ ต์ใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งไดอ้ ยา่ งเหมาะสม รวม ๕ ผลการเรยี นรู้

249 คำอธบิ ายรายวิชา กิจกรรมชุมนุม

250 คำอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมชุมนุม กิจกรรมชุมนุมภาษาไทย ระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ ถงึ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ หลกั การและเหตผุ ล ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติ อันเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาติ สมควรจะได้รบั การทำนุบำรงุ สง่ เสริม และอนุรักษไ์ ว้ให้ยั่งยนื ตลอดไป ทง้ั นใี้ นยคุ ปัจจุบันวชิ าการและเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ก้าวหนา้ ไปอย่างรวดเร็วเกิดเทคนิคใหม่ ๆ ใน การตดิ ตอ่ ส่ือสาร ที่มุ่งเน้นความสะดวกรวดเร็ว ส่งผลให้ภาษาไทยซ่งึ เป็นส่ือกลางสำคัญในการติดต่อและ ผูกพนั ตอ่ การดำรงชวี ิตประจำวนั ของคนไทยไดร้ ับผลกระทบ ทง้ั ภาษาพูดและภาษาเขียน ทำให้ภาษาไทย เกดิ การเปลย่ี นแปลงไปจากเดิมอย่างน่าวติ กเปน็ อย่างยง่ิ สภาพการณเ์ ช่นนหี้ ากไม่เร่งรีบหาทางแก้ไขและ ป้องกันเสียแต่เนิ่นๆ การใช้ภาษาไทยของเราก็จะยิ่งเสื่อมลง จะส่งผลเสียหายต่อเอกลักษณ์และคุณค่า ของภาษาไทยเป็นทวีคูณ อ่านและเข้าใจความหมายของคำ ประโยค ข้อความและจัดทำแบบฝึกเป็น รูปเลม่ จดั ทำพจนานุกรมฉบับจิ๋ว ศกึ ษา คน้ คว้าเกี่ยวกบั ขา่ ว บทความจากสิ่งตีพิมพป์ ระเภทตา่ งๆ และ ประดษิ ฐท์ ่คี น่ั หนงั สือประเภทต่างๆ เพ่อื ใหส้ มาชิกมีความคิดรเิ รม่ิ สร้างสรรค์ รจู้ กั คน้ คว้า และแก้ปญั หาในการทำงานอย่างมีระบบ เพื่อให้สมาชิกเป็นผู้มีระเบียบวินัยเพื่อให้สมาชิกมีความเข้าใจและเลื่อมใสการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเพื่อให้สมาชิกมีความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่และ สิทธิภายในขอบเขตของกฎหมายเพื่อให้สมาชิกมีความสงบซาบซึ้งในคุณค่า ดำรงไว้และส่ง เสริม เอกลักษณ์วัฒนธรรมอันดีงามของชาติไทยเพื่อให้สมาชิกเกดิ ความรักและสามคั คใี นหมูค่ ณะเพื่อให้สมาชิก ได้รับการส่งเสริมการพัฒนาทางร่างกาย จิตใจ และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อให้สมาชิกรู้จัก บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม และสร้างเสริมความมั่นคงของชาติเพื่อให้สมาชิกมีคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อให้สมาชิกพัฒนาตนเองตามวัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษา สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิด ประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้ อยา่ งถูกต้องเหมาะสม

251 ผลการเรยี นรู้ ๑. ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามความสนใจ ความถนดั และความต้องการของตน ๒. อา่ นออกเสยี งบทร้อยแก้ว รอ้ ยกรองได้อยา่ งถกู ต้องตามอักขระวธิ ี ๓. เขียน ได้ถูกตอ้ งตามหลกั ภาษาไทย ๔. ใช้เวลาว่างใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อตนเองและส่วนรวม ๕. นักเรียนมีความตระหนักและเห็นคุณค่าของภาษาไทย ในฐานะภาษาประจำชาติ ๖.นักเรียนสามารถเปน็ ตัวแทนเขา้ ร่วมแขง่ ขนั กิจกรรมทางคณิตศาสตร์ รวม ๕ ผลการเรยี นรู้

252 คำอธิบายรายวชิ ากจิ กรรมชุมนุม กิจกรรมชุมนมุ คณติ ศาสตร์ ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ หลักการและเหตผุ ล คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่อยู่รอบตัวและชีวิตของเรา คณิตศาสตร์สามารถ อธิบายสิ่งต่างๆ นานาที่อยู่รอบตัวเราได้ ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมองคณิตศาสตร์นั้น ยาก ซับซ้อน น่า เวยี นหัว ทำให้เกดิ ความเครยี ด และความวติ กกังวลในการเรยี น ชุมนุมนี้จึงจัดขึ้นมาเพื่อให้นักเรียนในชุมนุมได้มองเห็นมุมมองอีกด้านหนึ่งของคณิตศาสตร์ โดย การ รวบรวมด้านสนุกสนานของคณิตศาสตร์ ตลอดจนเกร็ดน่ารู้ต่างๆ มากมาย รวมถึงเกร็ดแปลกๆ เกี่ยวกับ ตัวเลขทอี่ าจจะทำให้นักเรียนเกดิ หลงรกั ตัวเลขขึน้ มาก็ได้ และนำความร้ไู ปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์โดยในหลัก ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไปประยุกตใ์ นกบั ชีวิตประจำวนั ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวัง ๑. เพ่ือให้นกั เรียนมองเห็นความสำคัญของคณิตศาสตร์ในชวี ิตประจำวนั ๒. เพื่อให้นกั เรียนมีความรคู้ วามเข้าใจ มคี วามสุขและความสนุกสนานในการเข้าร่วม กจิ กรรม ใน วชิ าคณิตศาสตร์ ๓. เพือ่ ใหน้ ักเรยี นได้ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามที่ตนเองถนดั และสนใจ ๔. เพื่อสง่ เสริมนักเรยี นใหม้ ีทศั นคติทด่ี ตี ่อวชิ าคณิตศาสตร์ ๕. เพ่ือใหน้ กั เรยี นสามารถนำความร้ไู ปปรบั ใช้ในชีวติ ประจำวันไดเ้ ปน็ และไดใ้ ชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ ๖. นกั เรียนสามารถเปน็ ตัวแทนเข้ารว่ มแข่งขันกจิ กรรมทางคณิตศาสตร์ รวมท้ังหมด ๖ ผลการเรยี นรู้

253 คำอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมชุมนุม กจิ กรรมชุมนุมสร้างสรรคด์ ้วยลลี ามือ ระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ถงึ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ หลักการและเหตผุ ล รู้จักชื่อ และบอกลักษณะของเส้นต่าง ๆ ซึ่งมาประกอบเป็นพยัญชนะ ตัวเลขและเป็นภาพต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการทางด้าน ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ สติปญั ญา สามารถนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้ เพื่อให้สมาชิกมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้จักค้นคว้า และแก้ปัญหาในการทำงานอย่างมีระบบ เพื่อให้สมาชิกเป็นผู้มีระเบียบวินัยเพื่อให้สมาชิกมีความเข้าใจและเลื่อมใสการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเพื่อให้สมาชิกมีความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่และ สิทธิภายในขอบเขตของกฎหมายเพื่อให้สมาชิกมีความสงบซาบซึ้งในคุณค่า ดำรงไว้และส่งเสริม เอกลกั ษณว์ ฒั นธรรมอันดีงามของชาติไทยเพ่ือให้สมาชิกเกดิ ความรักและสามัคคใี นหมู่คณะเพ่ือให้สมาชิก ได้รับการส่งเสริมการพัฒนาทางร่างกาย จิตใจ และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อให้สมาชิกรู้จัก บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม และสร้างเสริมความมั่นคงของชาติเพื่อให้สมาชิกมีคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อให้สมาชิกพัฒนาตนเองตามวัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษา สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิด ประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้ อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ผลการเรียนรู้ ๑. ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามความสนใจ ความถนดั และความต้องการของตน ๒. มคี วามรู้ ความสามารถดา้ นการคิดวิเคราะห์ สงั เคราะหใ์ หเ้ กดิ ประสบการณ์ ทั้งทาง วชิ าการและ วชิ าชีพตามศักยภาพ ๓. ใช้เวลาว่างให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและสว่ นรวม ๔. มงุ่ มั่นในการทำงานและทำงานรว่ มกบั ผู้อน่ื ได้ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย ๕. ประยกุ ตใ์ ช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้อยา่ งเหมาะสม รวม ๕ ผลการเรยี นรู้

254 คำอธิบายรายวิชากจิ กรรมชุมนุม กจิ กรรมชุมนุมคอมพวิ เตอร์ ระดบั ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ หลักการและเหตผุ ล ในปัจจุบัน เทคโนโลยีคอมพิวเตอรไ์ ด้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วในหลากหลายสาขาวิชาโดยเฉพาะ อย่างยิง่ การพัฒนาด้านการส่ือสารและด้านข้อมูล ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิง่ ที่สถานศึกษาให้ความสำคัญต่อ การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีเพ่ือให้ผูเ้ รียนมีความรู้ เกดิ ความตระหนักและเทา่ ทนั เทคโนโลยีในปัจจุบัน เพื่อสนับสนุนให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนในยุคศตวรรษที่ ๒๑ ได้แก่ เป็นนักคิด วิเคราะห์ เป็นนักแก้ปัญหา เป็นนักสร้างสรรค์ เป็นนักประสานความร่วมมือ รู้จักใช้ข้อมูลและข่าวสาร เปน็ ผูเ้ รยี นรดู้ ว้ ยตนเอง เป็นนักสือ่ สาร และตระหนักรับรสู้ ภาวการณ์ของโลกปัจจบุ นั และอนาคตกิจกรรม ชุมนุมคอมพิวเตอร์ จึงเป็นกิจกรรมกลุ่มเสริมทักษะด้านวิชาการ ในกลุ่มสาระการงานอาชีพและ เทคโนโลยีเพื่อพัฒนานักเรียนให้เต็มศักยภาพ เพื่อตอบสนองศักยภาพของนักเรียนได้หลากหลายวิชา สามารถตอบสนองความต้องการของสังคมสร้างองค์ความรู้และเพิ่มพูนทักษะคอมพิวเตอรใ์ ห้แก่นักเรยี น เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ตรงกับสภาพแวดล้อม และเทคโนโลยีใหม่ๆ และนำมาปรับ ใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้อย่างเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวัง ๑. นักเรยี นเกิดทักษะในการใชเ้ ทคโนโลยใี นชีวิตประจำวัน ๒. นกั เรยี นมคี วามรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ นำมาใชใ้ นงานตา่ งๆ ๓. นักเรียนพฒั นาความรูค้ วามสามารถดา้ นการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ ๔. นักเรียนมีคุณธรรม จรยิ ธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ ๕. นกั เรียนมีมนุษยสัมพนั ธ์ในการทำกิจกรรมร่วมกันกับผู้อ่นื รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรียนรู้

255 คำอธิบายรายวิชากิจกรรมชุมนมุ กจิ กรรมชมุ นมุ เศรษฐกจิ พอเพียง ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ถงึ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓ หลักการและเหตุผล ฝึกทกั ษะนักเรียนเรยี นรู้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงใน ๓ หลักการ คือ ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล และการสรา้ งภมู คิ ุ้มกนั ในตัวที่ดี และ ๒ เงื่อนไข คือ คณุ ธรรมและความรู้ โดยนักเรียนฝึก เรียนเกษตรพอเพยี ง ได้แก่ การเพาะเหด็ นางฟ้า การเล้ียงไก้พืน้ เมือง การเลย้ี งปลาดุกในบอ่ ซเี มนต์ และการปลูกพืชผักสวนครวั เพือ่ สามารถนำความรูไ้ ปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตประจำวนั และส่งเสริมอาชีพใน อนาคต ผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวงั ๑.เพ่อื ฝึกทกั ษะการเรยี นรู้เศรษฐกจิ พอเพียง ไดแ้ ก่ การเพาะเห็ดนางฟา้ การเลยี้ งไก้พ้นื เมือง การเล้ยี งปลาดกุ ในบ่อซีเมนต์ และการปลกู พชื ผักสวนครัว ๒.เพื่อฝึกนสิ ัยรักการทำงาน อยอู่ ย่างพอเพยี ง ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๓.เพอื่ สง่ เสริมและปลูกฝังวิธีการคดิ ในการปฏบิ ตั ิตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง รวมท้ังหมด ๓ ผลการเรียนรู้

256 คำอธิบายรายวิชากิจกรรมชุมนมุ กจิ กรรมชุมนมุ รักการอ่าน ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ถงึ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ หลักการและเหตุผล อ่านและเข้าใจความหมายของคำ ประโยค ข้อความและจัดทำแบบฝึกเป็นรูปเล่ม จัดทำ พจนานกุ รมฉบบั จวิ๋ ศึกษา คน้ คว้าเก่ียวกับ ข่าว บทความจากสง่ิ ตพี ิมพ์ประเภทต่างๆ และประดิษฐ์ที่ค่ัน หนงั สือประเภทตา่ งๆ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจและเห็นคุณค่าเกี่ยวกับการจัดทำแบบฝึกเป็นรูปเล่ม จัดทำ พจนานกุ รมฉบบั จิ๋ว และประดิษฐท์ ่คี ่นั หนงั สอื ประเภทตา่ งๆ สามารถนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวันได้ เพื่อให้สมาชิกมีความคิดริเร่ิมสรา้ งสรรค์ รู้จักค้นคว้า และแก้ปัญหาในการทำงานอย่างมีระบบ เพื่อให้สมาชิกเป็นผู้มีระเบียบวินัยเพื่อให้สมาชิกมีความเข้าใจและเลื่อมใสการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเพื่อให้สมาชิกมีความรับผิดชอบ ต่อการปฏิบัติหน้าที่และ สิทธิภายในขอบเขตของกฎหมายเพื่อให้สมาชิกมีความสงบซาบซึ้งในคุณค่า ดำรงไว้และส่งเสริม เอกลักษณ์วฒั นธรรมอันดงี ามของชาติไทยเพื่อให้สมาชิกเกิดความรักและสามคั คใี นหม่คู ณะเพอื่ ให้สมาชิก ได้รับการส่งเสริมการพัฒนาทางร่างกาย จิตใจ และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อให้สมาชิกรู้จัก บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม และสร้างเสริมความมั่นคงของชาติเพื่อให้สมาชิกมีคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อให้สมาชิกพัฒนาตนเองตามวัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษา สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิด ประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้ อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม ผลการเรียนรู้ ๑ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามความสนใจ ความถนดั และความต้องการของตน ๒ มคี วามรู้ ความสามารถด้านการคดิ วิเคราะห์ สงั เคราะหใ์ หเ้ กิดประสบการณ์ ทั้งทาง วชิ าการและวิชาชีพตามศักยภาพ ๒ ใชเ้ วลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม ๔ มงุ่ ม่ันในการทำงานและทำงานรว่ มกบั ผ้อู ื่นไดต้ ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ๕ ประยุกต์ใช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้อยา่ งเหมาะสม รวม ๕ ผลการเรยี นรู้

257 คำอธิบายรายวิชากจิ กรรมชุมนมุ กจิ กรรมชุมนุมกฬี าและนันทนาการ ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ - ๓ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น เปน็ กิจกรรมทีจ่ ดั อย่างเป็นกระบวนการดว้ ยรูปแบบ วธิ กี ารที่ หลากหลาย ในการพฒั นาผูเ้ รยี นท้ังด้านร่างกาย จิตใจ สตปิ ญั ญา อารมณ์ และสงั คม มุง่ เสริมเจต คติ คณุ คา่ ชวี ิต ปลกู ฝงั คณุ ธรรมและค่านิยมท่ีพงึ ประสงค์ สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเอง สรา้ ง จติ สำนกึ ในธรรมชาติ และสงิ่ แวดล้อม ปรบั ตัวและปฏบิ ตั ิตนให้เปน็ ประโยชน์ต่อสังคม ประเทศชาติ และ ดำรงชีวิตได้อยา่ งมีความสุข ตัวชวี้ ัด . ๑ อธิบายความรู้เบ้ืองต้นเก่ยี วกับนนั ทนาการได้ ๒. อธิบายความหมาย ความสําคญั และขอบข่ายของกจิ กรรมนันทนาการได้ ๓. อธบิ ายและจําแนกประเภทของกิจกรรมนนั ทนาการได้ ๔. จัดกิจกรรมนันทนาการได้ ๕. ปฏบิ ัตแิ ละร้องเพลงนนั ทนาการได้ รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรยี นรู้

258 เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา หลักสูตร โรงเรียนบ้านน้ำก่ำ(ล้ำประชาอุปถัมภ์) พุทธศักราช ๒๕๖๐ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ กำหนดเกณฑ์สำหรบั การจบการศกึ ษา ดงั นี้ เกณฑก์ ารจบระดับประถมศึกษา (๑) ผู้เรียน ต้องเรียนรายวิชาพื้นฐาน จำนวน ๕,๐๔๐ ชั่วโมงและรายวิชาเพิ่มเติม/กิจกรรม เพ่มิ เตมิ ไมน่ อ้ ยกวา่ จำนวน ๔๘๐ ช่ัวโมง (๒) ผ้เู รยี นตอ้ งมผี ลการประเมินในรายวิชาพน้ื ฐานระดับ ๑ ขน้ึ ไปทุกรายวิชา (๓) ผูเ้ รยี นตอ้ งมีผลการประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน ในระดบั “ผา่ น” ขึ้นไปทกุ ดา้ น (๔) ผูเ้ รียนต้องมผี ลการประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ในระดบั “ผ่าน” ขน้ึ ไปทุกด้าน (๕) ผเู้ รยี นตอ้ งเขา้ ร่วมกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน และมีผลการประเมนิ ในระดับ “ผา่ น” ทกุ กจิ กรรม เกณฑ์การจบระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น (๑) ผู้เรียนต้องเรียนรายวิชาพื้นฐาน จำนวน ๒,๖๔๐ ชั่วโมง (๖๖ หน่วยกิต) และรายวิชา (๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมนิ รายวชิ าพนื้ ฐานในระดบั ๑ ขึน้ ไปทุกรายวิชา (๓) ผูเ้ รยี นต้องมีผลการประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมิน ในระดบั “ผา่ น” ข้ึนไปทกุ ดา้ น (๔) ผูเ้ รยี นมีผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ในระดบั ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ในระดับ “ผ่าน” ข้นึ ไปทกุ ด้าน (๕) ผู้เรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และมีผลการประเมินในระดับ “ผ่าน” ทกุ กิจกรรม การจดั การเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ของผู้เรยี น เป็นเป้าหมายสำหรบั พฒั นาเด็กและเยาวชน ในการพฒั นาผเู้ รียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการ เรยี นรู้ จดั การเรียนรโู้ ดยชว่ ยใหผ้ ูเ้ รยี นเรียนรู้ผา่ นสาระทกี่ ำหนดไวใ้ นหลักสตู ร ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้

259 รวมทัง้ ปลูกฝังเสริมสรา้ งคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ พัฒนาทกั ษะต่างๆ อนั เป็นสมรรถนะสำคัญให้ผู้เรียน บรรลตุ ามเปา้ หมาย ๑. หลักการจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เพ่อื ใหผ้ ู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรยี นรู้ สมรรถนะสำคัญ และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ตามท่ีกำหนดไว้ในหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน โดยยดึ หลกั วา่ ผู้เรียนมีความสำคัญท่สี ุด เชื่อวา่ ทุกคนมคี วามสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตาม ธรรมชาตแิ ละเตม็ ตามศกั ยภาพ คำนึงถึงความแตกตา่ งระหว่างบคุ คลและพฒั นาการทางสมองเน้น ให้ความสำคัญทัง้ ความรู้ และคณุ ธรรม ๒. กระบวนการเรียนรู้ การจดั การเรียนรูท้ ่เี น้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผเู้ รียนจะตอ้ งอาศัยกระบวนการเรียนรู้ ที่หลากหลาย เป็นเครื่องมือที่จะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็น สำหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จาก ประสบการณ์จรงิ กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทำจริง กระบวนการจดั การ กระบวนการวิจัย กระบวนการ เรยี นรู้การเรยี นรขู้ องตนเอง กระบวนการพฒั นาลกั ษณะนิสัย กระบวนการเหล่าน้ีเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรยี นควรได้รับการฝกึ ฝน พัฒนา เพราะ จะสามารถชว่ ยให้ผเู้ รยี นเกดิ การเรียนรู้ไดด้ ี บรรลุเปา้ หมายของหลักสตู ร ดงั นนั้ ผสู้ อน จึงจำเป็นต้องศึกษาทำความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัด กระบวนการเรยี นรู้ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ๓. การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะ สำคัญของผเู้ รยี น คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผเู้ รียน แลว้ จงึ พจิ ารณา ออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและ ประเมนิ ผล เพอื่ ให้ผเู้ รียนไดพ้ ัฒนาเตม็ ตามศกั ยภาพและบรรลุตามเป้าหมายท่ีกำหนด ๔. บทบาทของผ้สู อนและผูเ้ รยี น การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียน ควรมบี ทบาท ดังน้ี ๔.๑ บทบาทของผูส้ อน ๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผน การจัดการเรยี นรู้ ที่ทา้ ทายความสามารถของผ้เู รยี น

260 ๒) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ ทีเ่ ป็นความคิดรวบยอด หลกั การ และความสัมพันธ์ รวมท้งั คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล และพฒั นาการทางสมอง เพ่อื นำผู้เรยี นไปสู่เป้าหมาย ๔) จัดบรรยากาศทเ่ี อ้ือต่อการเรียนรู้ และดูแลชว่ ยเหลอื ผู้เรียนให้เกดิ การเรียนรู้ ๕) จดั เตรยี มและเลือกใชส้ ื่อใหเ้ หมาะสมกบั กิจกรรม นำภมู ิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีที่ เหมาะสมมาประยกุ ต์ใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน ๖) ประเมนิ ความก้าวหนา้ ของผู้เรยี นดว้ ยวธิ ีการท่หี ลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติ ของวชิ าและระดับพัฒนาการของผเู้ รยี น ๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใชใ้ นการซ่อมเสริมและพฒั นาผู้เรียน รวมทง้ั ปรับปรงุ การ จัดการเรยี นการสอนของตนเอง ๔.๒ บทบาทของผเู้ รียน ๑) กำหนดเปา้ หมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรียนรูข้ องตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตั้งคำถาม คิดหาคำตอบหรือหาแนวทางแก้ปญั หาด้วยวิธีการตา่ งๆ ๓) ลงมือปฏบิ ัติจรงิ สรปุ ส่ิงทไ่ี ดเ้ รียนรดู้ ้วยตนเอง และนำความรู้ไปประยกุ ต์ใชใ้ น สถานการณต์ ่างๆ ๔) มีปฏิสมั พนั ธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมร่วมกับกล่มุ และครู ๕) ประเมนิ และพัฒนากระบวนการเรยี นรู้ของตนเองอยา่ งตอ่ เน่อื ง ส่ือการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึง ความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการ เรยี นรูม้ หี ลากหลายประเภท ท้งั สอื่ ธรรมชาติ สือ่ สงิ่ พิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ ที่ มีในท้องถิ่น การเลือกใช้สื่อควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ และลีลาการเรียนรู้ ที่หลากหลายของผเู้ รียน การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้ อย่างมีคุณภาพจากสื่อต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพื่อนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริม และสื่อสารให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียน เกิด การเรียนรอู้ ย่างแท้จริง สถานศกึ ษา เขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา หน่วยงานทีเ่ ก่ียวขอ้ งและผู้มหี น้าท่ีจัดการศึกษา ขัน้ พนื้ ฐาน ควรดำเนินการดงั นี้

261 ๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์การเรียนรู้ ระหว่างสถานศึกษา ทอ้ งถ่ิน ชุมชน สงั คมโลก ๒. จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทั้งจดั หาสงิ่ ที่มีอยูใ่ นทอ้ งถน่ิ มาประยกุ ต์ใช้เป็นสอื่ การเรียนรู้ ๓. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กับ วิธกี ารเรียนรู้ ธรรมชาติของสาระการเรยี นรู้ และความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลของผู้เรียน ๔. ประเมินคุณภาพของสื่อการเรียนรู้ทีเ่ ลอื กใชอ้ ย่างเป็นระบบ ๕. ศึกษาคน้ ควา้ วิจัย เพ่อื พัฒนาสอื่ การเรยี นรู้ให้สอดคลอ้ งกับกระบวนการเรียนรขู้ องผู้เรยี น ๖. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้สื่อ การเรยี นรู้เปน็ ระยะๆ และสมำ่ เสมอ ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา ควรคำนึงถึงหลักการสำคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง รูปแบบการนำเสนอ ที่เข้าใจงา่ ย และนา่ สนใจ

262 การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การ ประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบผลสำเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุ ตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็น เป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับ สถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นขอ้ มูลและสารสนเทศที่แสดงพฒั นาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ต่อการสง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี นเกดิ การพัฒนาและเรยี นรูอ้ ยา่ งเตม็ ตามศักยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับ สถานศกึ ษา ระดับเขตพื้นทก่ี ารศึกษา และระดับชาติ มรี ายละเอยี ด ดังน้ี ๑. การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่าง หลากหลาย เช่น การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผปู้ ระเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียน ประเมินตนเอง เพื่อนประเมินเพื่อน ผู้ปกครองร่วมประเมิน ในกรณีที่ไม่ผ่านตัวชี้วัดให้มีการสอนซ่อม เสรมิ การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการ เรียนรู้ อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้อง ได้รับการพัฒนาปรบั ปรุงและส่งเสริมในด้านใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใชป้ รับปรงุ การเรียนการ สอนของตนด้วย ทั้งนโี้ ดยสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชวี้ ดั ๒. การประเมนิ ระดับสถานศึกษา เปน็ การประเมนิ ท่ีสถานศึกษาดำเนินการเพื่อตัดสนิ ผล การ เรียนของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึง ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของ สถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมท้ัง สามารถนำผลการเรียนของผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับ สถานศกึ ษาจะเป็นข้อมลู และสารสนเทศเพ่ือการปรับปรุงนโยบาย หลกั สูตร โครงการ หรือวธิ ีการจัดการ เรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการ สถานศึกษา สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษา สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน ผปู้ กครองและ ชมุ ชน

263 ๓. การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นท่ี การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐาน ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการ โดยประเมินคุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการโดยเขตพื้นท่ี การศึกษา หรอื ดว้ ยความร่วมมอื กับหนว่ ยงานต้นสงั กดั ในการดำเนนิ การจัดสอบ นอกจากนี้ยงั ไดจ้ ากการ ตรวจสอบทบทวนข้อมลู จากการประเมินระดบั สถานศึกษาในเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา ๔. การประเมินระดบั ชาติ เป็นการประเมนิ คณุ ภาพผู้เรยี นในระดบั ชาตติ ามมาตรฐานการ เรียนร้ตู ามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผเู้ รียนทุกคนทีเ่ รียน ในชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖ เข้ารับการประเมิน ผลจากการประเมนิ ใชเ้ ป็นขอ้ มลู ในการ เทียบเคยี งคณุ ภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพอ่ื นำไปใชใ้ นการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัด การศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนุนการตดั สินใจในระดับนโยบายของประเทศ ข้อมูลการประเมินในระดับต่างๆ ขา้ งต้น เปน็ ประโยชนต์ ่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวน พัฒนาคุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่าง ระหว่างบุคคลที่จำแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มี ความสามารถพิเศษ กลุ่มผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและ พฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธโรงเรียน กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการทาง ร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดำเนินการ ช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที ปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาและประสบความสำเร็จ ในการเรียน สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและ ประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็น ข้อกำหนดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายถือปฏิบัติ ร่วมกัน

264 เกณฑ์การวดั และประเมินผลการเรยี น เอกสารหลกั ฐานการศึกษา เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำคัญที่บันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศท่ี เกี่ยวขอ้ งกบั พัฒนาการของผูเ้ รยี นในดา้ นตา่ ง ๆ แบง่ ออกเป็น ๒ ประเภท ดงั นี้ ๑. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาทก่ี ระทรวงศึกษาธกิ ารกำหนด ๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ ผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลและ ออกเอกสารนี้ให้ผูเ้ รียนเป็นรายบุคคล เม่ือผู้เรียนจบการศกึ ษาระดบั ประถมศึกษา ๑.๓ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายช่ือ และขอ้ มลู ของผจู้ บการศกึ ษาระดับประถมศึกษา

265 ๒. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาท่ีสถานศกึ ษากำหนด เปน็ เอกสารท่สี ถานศึกษาจัดทำขึ้นเพ่อื บันทกึ พฒั นาการ ผลการเรยี นรู้ และขอ้ มลู สำคัญ เกีย่ วกับ ผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจำตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรียน และ เอกสารอื่นๆ ตามวัตถปุ ระสงคข์ องการนำเอกสารไปใช้ การเทยี บโอนผลการเรยี น สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การเปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจากตา่ งประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรียนรู้อื่นๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรม อาชีพ การจดั การศึกษาโดยครอบครวั การเทยี บโอนผลการเรยี นควรดำเนินการในชว่ งก่อนเปดิ ภาคเรยี นแรก หรอื ต้นภาคเรยี นแรก ที่ สถานศึกษารบั ผขู้ อเทียบโอนเป็นผเู้ รียน ท้งั น้ี ผ้เู รียนทีไ่ ดร้ บั การเทยี บโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเนื่อง ในสถานศกึ ษาท่ีรับเทียบโอนอยา่ งน้อย ๑ ภาคเรยี น โดยสถานศกึ ษาท่รี บั ผู้เรียนจาก การเทียบโอนควรกำหนดรายวิชา/จำนวนหน่วยกติ ทจี่ ะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม การพจิ ารณาการเทียบโอน สามารถดำเนนิ การได้ ดงั น้ี ๑. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถ ของผู้เรียน ๒. พจิ ารณาจากความรู้ ความสามารถของผูเ้ รียนโดยการทดสอบด้วยวธิ กี ารต่างๆ ทั้งภาค ความรู้และภาคปฏิบตั ิ ๓. พิจารณาจากความสามารถและการปฏิบตั ใิ นสภาพจริง การเทยี บโอนผลการเรียนใหเ้ ป็นไปตาม ประกาศ หรอื แนวปฏิบัติ ของกระทรวงศึกษาธกิ าร การบริหารจัดการหลกั สตู ร ในระบบการศึกษาที่มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนา หลักสูตรนั้น หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับ สถานศึกษา มีบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริม การใช้และพัฒนา หลักสูตรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การดำเนินการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการ เรียนการสอนของสถานศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตาม มาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ในระดับชาติคุณภาพของของผู้เรียนที่สำคัญ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์

266 ระดับท้องถิ่น ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดอื่น ๆ เป็นหน่วยงานที่มี บทบาทในการขับเคลื่อนคุณภาพการจัดการศึกษา เป็นตัวกลางที่จะเชื่อมโยงหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐานที่กำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพื่อ นำไปสู่การจัดทำหลักสูตรของสถานศึกษา ส่งเสริมการใช้และพัฒนาหลักสูตรในระดับสถานศึกษา ให้ ประสบความสำเร็จ โดยมีภารกิจสำคัญ คือ กำหนดเป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ใน ระดับท้องถิ่นโดยพิจารณาให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระ การเรียนรู้ ท้องถิ่น ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถิ่น รวมทั้งเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจยั และพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ส่งเสริม ติดตามผล ประเมินผล วิเคราะห์ และรายงานผล คณุ ภาพของผเู้ รียน สถานศึกษามีหน้าที่สำคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนินการใช้ หลักสูตร การเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตร จัดทำระเบียบการวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน และรายละเอียดท่ีเขตพนื้ ท่กี ารศึกษา หรอื หน่วยงาน สังกัดอ่ืนๆ ในระดับท้องถิ่นได้จัดทำเพิ่มเติม รวมทั้ง สถานศึกษาสามารถเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาใน ชมุ ชนและสงั คม ภมู ปิ ญั ญาท้องถน่ิ และความตอ้ งการของผู้เรียน โดยทกุ ภาคสว่ นเขา้ มามสี ว่ นร่วมในการ พัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook