๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประสใฝ่ เรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ที่ ๔.๑ ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ที่ ๔.๒ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ตา่ ง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน ดว้ ยการเลือกใชส้ ื่ออยา่ งเหมาะสม บนั ทึกความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็ น องคค์ วามรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ ม่งุ ม่ันในกำรทำงำน ตวั ช้ีวดั ที่ ๖.๑ ต้งั ใจและรับผดิ ชอบในการปฏิบตั ิหนา้ ที่การงาน ตวั ช้ีวดั ท่ี ๖.๒ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพอื่ ใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย รักควำมเป็ นไทย ตวั ช้ีวดั ที่ ๗.๒ เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการสื่อสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ชิน้ งานหรือภาระ ๑. กงารนอ่านออกเสียงโคลงสุภาษิตอิศปปกรณา ๒. ใบงาน เร่ือง การสรุปเน้ือเรื่องของนิทานอีสป การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนา โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี นกั เรียนมีความรู้เกี่ยวกบั อีสปนกั เล่านิทานอยา่ งไรบา้ ง ๒. ใหน้ กั เรียนอาสาสมคั รออกมาเล่านิทานอีสปทตี่ นรูจ้ กั ๑ เร่ือง ครูสนทนาตอบขอ้ ซกั ถามเกี่ยวกบั นิทานอีสป ๓. ใหน้ กั เรียนอ่านบทนาเร่ืองและทมี่ าของโคลงสุภาษิตอิศปปกรณา แลว้ สรุปสาระสาคญั โดยครูอธิบาย เพมิ่ เตมิ ๔. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม ๔ กลุ่ม อ่านออกเสียงโคลงสุภาษิตอิศปปกรณา กลุ่มละ ๑ เร่ือง ท้งั แบบ ธรรมดาและทานองเสนาะ จากน้นั ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มอ่านใหเ้ พอื่ นกลุ่มอื่นฟัง โดยครูและเพอ่ื นร่วมประเมินการอ่าน พร้อมติชมใหก้ าลงั ใจ ๕. ใหน้ กั เรียนสรุปเน้ือหานิทานอีสปท้งั ๔ เร่ืองในโคลงสุภาษิตอิศปปกรณา ลงในใบงาน เร่ือง การสรุปเน้ือเรื่องของนิทานอีสป เสร็จแลว้ ร่วมกนั เฉลยคาตอบ ครูอธิบายเพม่ิ เติม ๖. ใหน้ กั เรียนกลุ่มเดิมซอ้ มบทบาทสมมุตเิ พอ่ื แสดงใหเ้ พอื่ นๆ ชมในคราวตอ่ ไป ๗. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี
การอ่านออกเสียงโคลงสุภาษิตอิศปปกรณาใหถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การอ่านจะทาใหเ้ ขา้ ใจเน้ือหา จนสามารถจบั ใจความ สรุปความเน้ือหาไดด้ ีข้นึ สอื่ การเรียนรู้ ๑. นิทานอีสป ๒. ใบงาน การวัดและประเมนิ ผลการ เรียนร๑ู้. วธิ ีกำรวัดและประเมินผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจใบงาน ๒. เครื่องมือ ๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์กำรประเมิน ๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่ำน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผ่ำน ๒) การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙-๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗-๘ ระดบั ดี คะแนน ๕-๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐-๔ ระดบั ควรปรบั ปรุง
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ภำคเรียนที่ ๒ ปี กำรศึกษำ ๒๕๖๔ รำยวชิ ำ ภำษำไทย รหัสวิชำ ท ๒๒๑๐๒ ช้ันมธั ยมศึกษำปี ที่ ๒ หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๗ เรื่อง โคลงสุภำษติ พระรำชนิพนธ์ เวลำ ๑๗ ชั่วโมง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๗. ๑๑ วเิ คราะหป์ ระโยคจากนิทาน จานวน ๑ ชวั่ โมง ผสู้ อน นางสาวธนภรณ์ สุธรรมจา วนั ทส่ี อน................................... มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ ตัวชี้วดั ท ๔.๑ ม. ๒/๒ วเิ คราะห์โครงสรา้ งประโยคสามญั ประโยครวม และประโยคซอ้ น จุดประสงคก์ ารเรียนรู้สู่ ตวั ชวี้ ัด ๑. อธิบายโครงสร้างประโยคสามญั ประโยครวม ประโยคซอ้ น (K) ๒. วเิ คราะห์โครงสรา้ งประโยคสามญั ประโยครวม ประโยคซอ้ น (P)
๓. เห็นความสาคญั ของการวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคสามญั ประโยครวม ประโยคซอ้ น (A) สาระสาคัญ ประโยคมีความสาคญั ต่อการส่ือสารเพราะจะทาใหก้ ารส่ือสารชดั เจนข้นึ ตอ้ งใชป้ ระโยคใหถ้ ูกตอ้ ง จะทาใหก้ ารสื่อสารประสบความสาเร็จ สาระการ เรลียกั นษรณู้ ะของประโยค สมรรถนะสาคัญของ ผู้เรียน๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขยี น - ทกั ษะการฟัง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคิด - การวเิ คราะห์ - การสรุปความรู้ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประสใฝ่ เรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ที่ ๔.๑ ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ที่ ๔.๒ แสวงหาความรูจ้ ากแหล่งเรียนรูต้ ่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน ดว้ ยการเลือกใชส้ ื่ออยา่ งเหมาะสม บนั ทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็น องคค์ วามรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ มุ่งมน่ั ในกำรทำงำน ตวั ช้ีวดั ท่ี ๖.๑ ต้งั ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบตั ิหนา้ ทกี่ ารงาน ตวั ช้ีวดั ท่ี ๖.๒ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพอื่ ใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย รักควำมเป็ นไทย ตวั ช้ีวดั ที่ ๗.๒ เห็นคุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการสื่อสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ชิน้ งานหรือภาระ ใบงงาานนเรื่อง วเิ คราะห์ประโยคจากนิทาน การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี
ถา้ คนเราส่ือสารกนั ดว้ ยคาไม่เป็ นประโยคจะเป็ นอยา่ งไร ๒. ใหน้ กั เรียนศึกษาลกั ษณะของประโยคจาก PowerPoint ทคี่ รูนาเสนอ เม่ือศกึ ษาจบครูเรียกนกั เรียน ออกมาแยกส่วนประกอบของประโยครวม และประโยคซอ้ น จากน้นั ครูอธิบายเพมิ่ เติม ๓. ใหน้ กั เรียนทาใบงาน เรื่อง วเิ คราะห์ประโยคจากนิทาน โดยใหน้ กั เรียนวเิ คราะห์ประโยคตอ่ ไปน้ีแลว้ นาตวั เลขไปใส่หนา้ ประโยคใหส้ มั พนั ธก์ นั เมื่อนกั เรียนทาเสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ ๔. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี ประโยคมีความสาคญั ตอ่ การส่ือสารเพราะจะทาใหก้ ารส่ือสารชดั เจนข้นึ ตอ้ งใชป้ ระโยคใหถ้ ูกตอ้ ง จะทาใหก้ ารสื่อสารประสบความสาเร็จ ๕. ใหน้ กั เรียนนาขา่ วจากหนงั สือพมิ พม์ า ๑ ข่าว จากน้นั วเิ คราะหป์ ระโยคจากขา่ ว โดยแยกเขียนเป็น ประโยคใหช้ ดั เจน ส่งครูในชวั่ โมงต่อไป สื่อการเรียนรู้ ๑. คอมพวิ เตอร์ ๒. ใบงาน ๓. หนงั สือพมิ พ์ การวัดและประเมนิ ผลการ เรียนร๑ู้. วิธีกำรวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) ตรวจใบงาน ๒. เคร่ืองมือ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๓. เกณฑ์กำรประเมนิ การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่ำน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผ่ำน การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrกicาsร)ประเมินใบงานน้ีใหผ้ สู้ อนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เรื่อง การวเิ คราะห์โครงสร้างของประโยค ระดบั คะแนน ๔๓๒๑ เกณฑ์กำรประเมนิ
การวเิ คราะห์ วเิ คราะหโ์ ครงสรา้ ง วเิ คราะห์โครงสรา้ ง วเิ คราะห์โครงสร้าง วเิ คราะหโ์ ครงสร้าง โครงสร้าง ของประโยคสามญั ของประโยคสามญั ของประโยคสามญั ของประโยคสามญั ของประโยค ประโยครวมและ ประโยครวมและ ประโยครวมและ ประโยครวมและ ประโยคซอ้ นได้ ประโยคซอ้ นได้ ประโยคซอ้ นไดห้ ลาย ประโยคซอ้ นได้ ถูกตอ้ งทกุ ประโยค ถูกตอ้ งทุกประโยค ประโยคและตอ้ งให้ แต่ตอ้ งมีผแู้ นะนา ดว้ ยตนเองและ มีการขอคาแนะนา ผอู้ ่ืนแนะนามาก ท้งั หมด สามารถแนะนาผอู้ ่ืน จากผอู้ ื่นเลก็ นอ้ ย พอสมควร ได้ ใบงำน เร่ือง วเิ ครำะห์ประโยคจำกนิทำน ให้นักเรียนวิเครำะห์ประโยคต่อไปนี้แล้วนำตวั เลขไปใส่หน้ำประโยคให้สัมพนั ธ์กนั ๑๑. . ประโยคสามญั ๒๒. . ประโยครวม ๓๓. . ประโยคซอ้ น ขา้ พเจา้ คงจะแทนคุณทา่ นทมี่ ีใจดีเป็ นแน่ ราชสีห์ตอ้ งพรานจบั ผกู ไวด้ ว้ ยเชือกแขง็ แรงหลายเสน้ ถึงเป็ นเพยี งหนูตวั หน่ึง ก็อาจท่ีจะใหค้ วามอุปถมั ภท์ ่านได้ บตุ รท้งั ปวงต่างคนตา่ งหกั จนหมดกาลงั ก็ไม่สามารถทจ่ี ะใหห้ กั ออกได้ ลูกเอ๋ย ถา้ เจา้ เป็นใจเดียวกนั เขา้ กนั อุดหนุนกนั แลกนั เจา้ จะเหมือนไมท้ ้งั กาน้ี
สุนขั ตวั หน่ึงมาพบลูกแกะพลดั ฝงู มาตวั หน่ึง เจา้ กินน้าในบอ่ ของขา้ กระตา่ ยตวั หน่ึงยม้ิ เยาะเตา่ วา่ เทา้ ส้นั เดินก็ชา้ ถา้ วงิ่ แขง่ กนั ขา้ พเจา้ จะเอาชนะทา่ นได้ เต่าน้นั เดินไม่ไดห้ ยดุ สกั อึดใจเดียว แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ภำคเรียนท่ี ๒ ปี กำรศึกษำ ๒๕๖๔ รำยวิชำ ภำษำไทย รหัสวิชำ ท ๒๒๑๐๒ ช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี ๒ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๗ เรื่อง โคลงสุภำษติ พระรำชนิพนธ์ เวลำ ๑๗ ชั่วโมง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๗. ๑๒ อวยพรดว้ ยสุภาษิต จานวน ๑ ชว่ั โมง ผสู้ อน นางสาวธนภรณ์ สุธรรมจา วนั ทส่ี อน................................... มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชี้วัด ท ๓.๑ ม. ๒/๔ พดู ในโอกาสตา่ ง ๆ ไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ ท ๓.๑ ม. ๒/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพดู จุดประสงคก์ ารเรียนรู้สู่ ตัวชวี้ ัด ๑. อธิบายการพดู อวยพร (K) ๒. พดู อวยพรดว้ ยสุภาษิตจากโคลงสุภาษิตอิศปปกรณา (P) ๓. เห็นความสาคญั ของการพดู อวยพร และมีมารยาทในการพดู (A) สาระสาคัญ
การพดู อวยพรเป็นธรรมเนียมสากลของมนุษยชาตทิ ีป่ ฏบิ ตั ติ ่อกนั เพอ่ื แสดงความรกั ความห่วงใย และความปรารถนาดีจากผพู้ ดู สู่ผฟู้ ังจึงจาเป็นตอ้ งใชภ้ าษาใหเ้ หมาะสม สาระการ เรียนรกู้ ารพดู อวยพร สมรรถนะสาคัญของ ผู้เรียน๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขยี น - ทกั ษะการฟัง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคดิ - การสงั เคราะห์ - การจดั ระบบความคิดเป็นแผนภาพ - การประยกุ ต/์ การปรับปรุง - การสรุปความรู้ - การประเมินค่า ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประส ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน ใฝ่ เรียนรู้ ดว้ ยการเลือกใชส้ ่ืออยา่ งเหมาะสม บนั ทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็ น ตวั ช้ีวดั ท่ี ๔.๑ ตวั ช้ีวดั ท่ี ๔.๒ องคค์ วามรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ ม่งุ มนั่ ในกำรทำงำน ตวั ช้ีวดั ที่ ๖.๑ ต้งั ใจและรับผดิ ชอบในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีการงาน ตวั ช้ีวดั ที่ ๖.๒ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพอื่ ใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย รักควำมเป็ นไทย ตวั ช้ีวดั ที่ ๗.๒ เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ชิน้ งานหรือภาระ งาน
๑. การพดู อวยพร ๒. ชิ้นงาน เร่ือง บนั ทึกการเรียนรู้ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนา โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี นกั เรียนเคยเห็นการพดู อวยพรจากทใี่ ดบา้ ง ๒. ใหน้ กั เรียนศึกษาเร่ือง การพดู อวยพร แลว้ สรุปเป็ นแผนภาพความคดิ ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ ๓. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม ๒ กลุ่ม จากน้นั ใหร้ ่างขอ้ ความท่จี ะกล่าวอวยพรบคุ คลตอ่ ไปน้ีเนื่องใน วนั คลา้ ยวนั เกิดโดยนาขอ้ คิดจากโคลงสุภาษิตอิศปปกรณามาใชใ้ นการอวยพร ทาในใบงานท่ี ๔๗ เรื่อง การพดู อวย พรโดยใหก้ ลุ่มท่ี ๑ อวยพรวนั คลา้ ยวนั เกิดเพอ่ื น กลุ่มท่ี ๒ อวยพรวนั คลา้ ยวนั เกิดบดิ ามารดาหรือญาตผิ ใู้ หญ่ ๔. ใหน้ กั เรียนพดู อวยพรตามสถานการณ์สมมุติ ครูชมเชยในความต้งั ใจของนกั เรียน และประเมิน การพดู ๕. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี การพดู อวยพรเป็นธรรมเนียมสากลของมนุษยชาตทิ ีป่ ฏบิ ตั ติ ่อกนั เพอื่ แสดงความรัก ความห่วงใย และความปรารถนาดีจากผพู้ ดู สู่ผฟู้ ังจงึ จาเป็นตอ้ งใชภ้ าษาใหเ้ หมาะสม ๖. ใหน้ กั เรียนเขียนความรู้ ความคิด และความรูส้ ึกอยา่ งอิสระ จากการเรียนรู้และฝึกฝนทกั ษะในหน่วยการ เรียนรู้น้ี เป็นชิ้นงาน เร่ือง บนั ทึกการเรียนรู้ สือ่ การเรียนรู้ ใบงาน การวัดและประเมนิ ผลการ เรียนร๑ู้. วธิ ีกำรวัดและประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจชิ้นงาน ๒. เคร่ืองมือ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์กำรประเมิน ๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่ำน
ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผ่ำน ๒) การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙-๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗-๘ ระดบั ดี คะแนน ๕-๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐-๔ ระดบั ควรปรับปรุง การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrกicาsร)ประเมินใบงานน้ีใหผ้ สู้ อนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เรื่อง การพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ ระดับคะแนน ๔ ๓๒๑ เกณฑ์กำรประเมนิ เตรียมการพดู มาเป็น เตรียมการพดู มาเป็น เตรียมการพดู ไม่ดี เตรียมการพดู ยงั ไม่ดี การพดู ในโอกาส อยา่ งดี ลาดบั การพดู อยา่ งดี ลาดบั การพดู เทา่ ที่ควร ลาดบั พดู ติด ๆ ขดั ๆ ตา่ ง ๆ ตอ่ เน่ือง ใชภ้ าษา ตอ่ เนื่อง ใชภ้ าษาและ การพดู ตดิ ขดั เล็กนอ้ ย แต่กม็ ีความพยายาม และน้าเสียง น้าเสียงเหมาะสมกบั บางโอกาสยงั ใช้ เหมาะสมกบั ทุกโอกาส การพดู ภาษาและน้าเสียง ทุกโอกาส ไม่คอ่ ยเป็ นธรรมชาติ ไม่เหมาะสม การพดู พดู เป็นธรรมชาติ และตอ้ งปรบั ปรุง ไม่เป็ นธรรมชาติ และมีบุคลิกภาพทีด่ ี บคุ ลิกภาพเล็กนอ้ ย การประเมินช้ินงานน้ีใหผ้ สู้ อนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เรื่อง การเขยี นบนั ทกึ การเรียนรู้ ระดบั คะแนน ๓ ๒ ๑ ๔ เขียนความรู้ เขยี นความรู้ เขียนความรู้ เกณฑ์กำรประเมนิ การเขียนบนั ทึก เขียนความรู้
การเรียนรู้ ความคิด ความคิด และความคดิ ทไ่ี ดร้ ับจาก และควารูส้ ึก และความรู้สึก ตามบทเรียน บทเรียน ท่ีไดจ้ าก ทไ่ี ดจ้ าก สอดแทรก เป็นความรูแ้ บบ การเรียนรู้ในแง่ การเรียรู้ในแง่ ความคิดท่ีเพม่ิ เติม ท่องจา มุมทีน่ ่าสนใจ มุมท่ีน่าสนใจ ข้ึนเล็กนอ้ ย ไม่สามารถ เป็ นประโยชน์ เป็ นประโยชน์ ใหเ้ ช่ือมโยงกบั เชื่อมโยงกบั ในการดาเนินชีวติ ในการดาเนินชีวติ ชีวติ จริง ชีวติ จริงได้ ท้งั ต่อตนเอง ของตนเอง และผอู้ ื่น ใบงำน เร่ือง กำรพูดอวยพร ใหน้ กั เรียนร่างขอ้ ความทจี่ ะกล่าวอวยพรบคุ คลตอ่ ไปน้ีเน่ืองในโอกาสวนั คลา้ ยวนั เกิด โดยนาขอ้ คิดจากโคลง สุภาษิตอิศปปกรณามาใชใ้ นการอวยพร จากน้นั ฝึกพดู อวยพร เพอื่ น ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ บิดามารดาหรือญาตผิ ูใ้ หญ่ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________
แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ภำคเรียนที่ ๒ ปี กำรศึกษำ ๒๕๖๔ รำยวชิ ำ ภำษำไทย รหัสวชิ ำ ท ๒๒๑๐๒ ช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี ๒ หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๗ เรื่อง โคลงสุภำษติ พระรำชนิพนธ์ เวลำ ๑๗ ช่ัวโมง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๗. ๑๓ ร้อยกรองคลอ้ งใจ จานวน ๑ ชวั่ โมง ผสู้ อน นางสาวธนภรณ์ สุธรรมจา วนั ทีส่ อน................................... มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคุณคา่ และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ตวั ช้ีวดั ท ๕.๑ ม. ๒/๕ ทอ่ งจาบทอาขยานตามทก่ี าหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณคา่ ตามความสนใจ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้สู่ ตวั ชวี้ ัด ๑. ท่องจาโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคบ์ ทท่ีประทบั ใจ (K) ๒. เสนอแนวทางการนาขอ้ คิดจากโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคบ์ ททท่ี อ่ งจาไปปฏบิ ตั ิ (P) ๓. เห็นคุณคา่ ของโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ (A) สาระสาคัญ บทอาขยานช่วยจรรโลงใจและใหข้ อ้ คดิ การทอ่ งจาบทอาขยานทาใหจ้ ติ ใจเบิกบาน เป็ นเคร่ืองเตือนใจ และสามารถนาไปใชอ้ า้ งอิงในการสื่อสารได้ สาระการ เรียนรโู้ คลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์
สมรรถนะสาคัญของ ผู้เรียน๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขยี น - ทกั ษะการฟัง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคิด - การสงั เคราะห์ - การจดั ระบบความคดิ เป็นแผนภาพ - การประยกุ ต/์ การปรับปรุง - การสรุปความรู้ - การประเมินค่า ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประส ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน ใฝ่ เรียนรู้ ดว้ ยการเลือกใชส้ ่ืออยา่ งเหมาะสม บนั ทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็ น ตวั ช้ีวดั ท่ี ๔.๑ ตวั ช้ีวดั ท่ี ๔.๒ องคค์ วามรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ มุ่งมัน่ ในกำรทำงำน ตวั ช้ีวดั ที่ ๖.๑ ต้งั ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบตั ิหนา้ ทีก่ ารงาน ตวั ช้ีวดั ที่ ๖.๒ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย รักควำมเป็ นไทย ตวั ช้ีวดั ท่ี ๗.๒ เห็นคุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ชิน้ งานหรือภาระ การงทาน่องจาโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
๑. ใหน้ กั เรียนท่องบทอาขยานทีน่ กั เรียนเคยท่องมาตอนมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ ใหค้ รูฟัง จากน้นั ใหน้ กั เรียน ช่วยกนั วเิ คราะห์วา่ บทอาขยานทเี่ ราท่องข้นึ ใจใหค้ ุณคา่ ทางดา้ นใด ครูอธิบายเพมิ่ เติม ๒. ใหน้ กั เรียนเลือกโคลงสุภาษติ โสฬสไตรยางค์ ๑ บท แลว้ เสนอแนวทางนาไปใชใ้ นการดาเนินชีวติ ครูเลือกนกั เรียนนาเสนอหนา้ ช้นั เรียน ๓. ใหน้ กั เรียนนาโคลงทป่ี ระทบั ใจฝึกทอ่ งจา แลว้ มาทอ่ งใหค้ รูฟังภายหลงั ๔. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี บทอาขยานช่วยจรรโลงใจและใหข้ อ้ คิด การทอ่ งจาบทอาขยานทาใหจ้ ิตใจเบิกบาน เป็นเคร่ืองเตอื นใจ และสามารถนาไปใชอ้ า้ งอิงในการส่ือสารได้ ๕. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนา โดยครูใหค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี นกั เรียนคดิ วา่ บทอาขยานมีประโยชน์อยา่ งไรในชีวติ ประจาวนั การวัดและประเมนิ ผลการ เรียนร๑ู้. วธิ ีกำรวัดและประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจชิ้นงาน ๒. เครื่องมือ ๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุม่ ๓. เกณฑ์กำรประเมิน ๑) การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่ำน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผ่ำน ๒) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙-๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗-๘ ระดบั ดี คะแนน ๕-๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐-๔ ระดบั ควรปรบั ปรุง
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ภำคเรียนที่ ๒ ปี กำรศึกษำ ๒๕๖๔ รำยวิชำ ภำษำไทย รหัสวชิ ำ ท ๒๒๑๐๒ ช้ันมัธยมศึกษำปี ท่ี ๒ หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๗ เร่ือง โคลงสุภำษิต พระรำชนิพนธ์ เวลำ ๑๗ ช่ัวโมง แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๗. ๑๔ ภาษาสานสมั พนั ธ์ จานวน ๑ ชวั่ โมง ผสู้ อน นางสาวธนภรณ์ สุธรรมจา วนั ทส่ี อน................................... มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลงั ของ ภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ ตัวชี้วัด ท ๔.๑ ม. ๒/๕ รวบรวมและอธิบายความหมายของคาภาษาต่างประเทศท่ีใชใ้ นภาษาไทย จุดประสงคก์ ารเรียนรู้สู่ ตวั ชวี้ ัด ๑. อธิบายความหมายของคาภาษาตา่ งประเทศท่ีใชใ้ นภาษาไทย (K) ๒. รวบรวมคาภาษาตา่ งประเทศท่ีใชใ้ นภาษาไทย (P) ๓. เห็นคุณคา่ ของคาภาษาต่างประเทศที่ใชใ้ นภาษาไทย (A) สาระสาคัญ ปัจจบุ นั การตดิ ต่อสื่อสารกบั ต่างชาติมากข้ึนมีการยมื คามาจากภาษาตา่ งประเทศเป็ นจานวนมาก จงึ จาเป็นตอ้ งมีความรูค้ วามเขา้ ใจความหมายของคาที่มาจากภาษาต่างประเทศเพอ่ื ใหก้ ารส่ือสารประสบความสาเร็จ สาระการ เรียนรคู้ าท่ีมาจากภาษาต่างประเทศ สมรรถนะสาคัญของ ผู้เรียน
๑. ความสามารถในการสื่อสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขยี น - ทกั ษะการฟัง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคดิ - การสงั เคราะห์ - การจดั ระบบความคิดเป็นแผนภาพ - การประยกุ ต/์ การปรบั ปรุง - การสรุปความรู้ - การประเมินค่า ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประส ใฝ่ เรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ที่ ๔.๑ ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ที่ ๔.๒ แสวงหาความรูจ้ ากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน ดว้ ยการเลือกใชส้ ื่ออยา่ งเหมาะสม บนั ทึกความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็ น องคค์ วามรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ มุ่งมนั่ ในกำรทำงำน ตวั ช้ีวดั ที่ ๖.๑ ต้งั ใจและรับผดิ ชอบในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทก่ี ารงาน ตวั ช้ีวดั ที่ ๖.๒ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพอื่ ใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย รักควำมเป็ นไทย ตวั ช้ีวดั ที่ ๗.๒ เห็นคุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการสื่อสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ชนิ้ งานหรือภาระ งาน ใบงาน เร่ือง คาที่มาจากภาษาต่างประเทศ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครูใหค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี นกั เรียนคดิ วา่ ถา้ ไม่มีคาภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทยจะเป็นอยา่ งไร ๒. ใหน้ กั เรียนทบทวนความรู้เร่ือง คาทีม่ าจากภาษาต่างประเทศ โดยใหต้ อบคาถามตอ่ ไปน้ี
ภาษาต่างประเทศที่ยมื ใชใ้ นภาษาไทยไดแ้ ก่ภาษาใดบา้ ง (บาลี-สนั สกฤต จนี เขมร องั กฤษ เกาหลี ญี่ป่ ุน) สาเหตกุ ารยมื ภาษาอื่นมาใชม้ ีอะไรบา้ ง (ความสมั พนั ธท์ างศาสนาและวฒั นธรรม ความสมั พนั ธท์ างถ่ินฐาน ความสมั พนั ธท์ างการคา้ ความสมั พนั ธท์ างการศกึ ษาและกีฬา ทางการเผยแพร่ศลิ ปะ วรรณคดี) ไทยรบั ภาษาบาลี-สนั สกฤต มาจากทางใด (ทางศาสนาพทุ ธและพราหมณ์) ไทยรบั ภาษาเขมร มาจากทางใด (ทางราชาศพั ทเ์ ป็ นส่วนใหญ่) ไทยรบั ภาษาจนี มาจากทางใด (ทางการคา้ ขาย) ไทยรบั ภาษาองั กฤษมาจากทางใด (ทางการศกึ ษาและกีฬา) ครูอธิบายเพม่ิ เตมิ ๓.ใหน้ กั เรียนจบั คู่กบั เพอื่ น จากน้นั ครูแจกหนงั สือพมิ พใ์ ห้ ๓-๔ คู่ตอ่ หนงั สือพมิ พ์ ๑ ฉบบั โดยใหเ้ ลือกบทความ ๑ บทความ แลว้ พจิ ารณาวา่ มีคาใดเป็นคาที่มาจากภาษาตา่ งประเทศ ใหล้ อกคาน้นั ลงในกระดาษ และอธิบายความหมายของคาน้นั เมื่อทาเสร็จแลว้ ส่งตวั แทนนาเสนอหนา้ ช้นั เรียน ๔. ใหน้ กั เรียนทาใบงานท่ี ๓๐ เร่ือง คาท่มี าจากภาษาตา่ งประเทศ โดยใหร้ วบรวมคาภาษาองั กฤษ และภาษาจนี ทใี่ ชใ้ นภาษาไทย ภาษาละ ๕ คา พร้อมท้งั อธิบายความหมายของคา ครูตรวจสอบความถูกตอ้ ง ๕. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี ปัจจุบนั การติดตอ่ สื่อสารกบั ต่างชาติมากข้นึ มีการยมื คามาจากภาษาตา่ งประเทศเป็นจานวนมากจงึ จาเป็นตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจความหมายของคาทม่ี าจากภาษาต่างประเทศเพอื่ ใหก้ ารสื่อสารประสบความสาเร็จ การวัดและ๑ป. รวะธิ เีกมำรนิ วผดั ลแลกะาปรระเมนิ ผล เรียนรู้ ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจช้ินงาน ๒. เครื่องมือ ๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ ๓. เกณฑ์กำรประเมนิ ๑) การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่ำน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผ่ำน ๒) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙-๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗-๘ ระดบั ดี
คะแนน ๕-๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐-๔ ระดบั ควรปรับปรุง แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ภำคเรียนที่ ๒ ปี กำรศึกษำ ๒๕๖๔ รำยวชิ ำ ภำษำไทย รหัสวิชำ ท ๒๒๑๐๒ ช้ันมัธยมศึกษำปี ท่ี ๒ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๗ เรื่อง โคลงสุภำษติ พระรำชนิพนธ์ เวลำ ๑๗ ช่ัวโมง แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๗. ๑๕ คาสอนประจาใจ จานวน ๑ ชว่ั โมง ผสู้ อน นางสาวธนภรณ์ สุธรรมจา วนั ที่สอน................................... มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพอื่ นาไปใชต้ ดั สินใจ แกป้ ัญหาในการ ดาเนินชีวติ และมีนิสยั รักการอ่าน ตวั ชี้วดั ท ๑.๑ ม. ๒/๓ เขียนผงั ความคิดเพอื่ แสดงความเขา้ ใจในบทเรียนต่าง ๆ ทีอ่ ่าน ท ๑.๑ ม. ๒/๔ อภิปรายแสดงความคิดเห็นและขอ้ โตแ้ ยง้ เก่ียวกบั เรื่องท่ีอ่าน มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคุณคา่ และ นามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ตัวชี้วดั ท ๕.๑ ม. ๒/๒ วเิ คราะห์และวจิ ารณ์วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมทอ้ งถิ่นทีอ่ ่าน พรอ้ มยกเหตุผลประกอบ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้สู่ ตัวชวี้ ัด ๑. สรุปความรูจ้ ากโคลงสุภาษติ นฤทุมนาการ (K) ๒. เขียนผงั ความคดิ แสดงความเขา้ ใจโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ (P) ๓. อภปิ รายเกี่ยวกบั โคลงสุภาษติ นฤทมุ นาการ (P) ๔. เห็นความสาคญั ของการเขียนผงั ความคิดเพอื่ แสดงความเขา้ ใจ อภิปรายแสดงความคิดเห็น วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ เรื่องทอี่ ่าน (A) สาระสาคัญ การเขียนผงั ความคดิ จากขอ้ ความยาว ๆ หรือขอ้ ความทเ่ี ขา้ ใจยากจะช่วยจดั ลาดบั ความคดิ ทาใหจ้ ดจา ไดง้ ่ายและเขา้ ใจดีข้ึน อภปิ รายแสดงความคิดเห็น วเิ คราะหว์ จิ ารณ์จะทาใหเ้ ขา้ ใจวรรณคดีไดด้ ียง่ิ ข้นึ สาระการ เรียนรู้
๑. การเขียนผงั ความคดิ จากเรื่องทอ่ี ่าน ๒. การอภิปรายเก่ียวกบั เร่อื งท่ีอา่ น สมรรถนะสาคัญของ ผู้เรียน๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขยี น - ทกั ษะการฟัง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคดิ - การสงั เคราะห์ - การจดั ระบบความคดิ เป็นแผนภาพ - การประยกุ ต/์ การปรับปรุง - การสรุปความรู้ - การประเมินค่า ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประส ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน ใฝ่ เรียนรู้ ดว้ ยการเลือกใชส้ ่ืออยา่ งเหมาะสม บนั ทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็น ตวั ช้ีวดั ที่ ๔.๑ ตวั ช้ีวดั ที่ ๔.๒ องคค์ วามรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ มุ่งมนั่ ในกำรทำงำน ตวั ช้ีวดั ท่ี ๖.๑ ต้งั ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทีก่ ารงาน ตวั ช้ีวดั ที่ ๖.๒ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพอื่ ใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย รักควำมเป็ นไทย ตวั ช้ีวดั ที่ ๗.๒ เห็นคุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ชนิ้ งานหรือภาระ งาน ๑. ใบงาน เร่ือง การเขียนผงั ความคิดจากโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ ๒. ใบงาน เร่ือง คาสอนประจาใจ
การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนา โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี นกั เรียนเคยทาส่ิงใดแลว้ รูส้ ึกเสียใจในภายหลงั บา้ ง ๒. ใหน้ กั เรียนทบทวนกิจ ๑๐ ประการจากโคลงสุภาษติ นฤทมุ นาการ โดยครูเขยี นเป็นผงั ความคดิ บนกระดานเพอื่ สรุปเน้ือหา จากน้นั ครูสนทนากบั นกั เรียนเก่ียวกบั เน้ือเร่ือง ๓. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ ๓ คน ร่วมกนั ทาใบงานที่ ๓๑ เร่ือง การเขียนผงั ความคดิ จากโคลง สุภาษิต-นฤทุมนาการ โดยใหน้ กั เรียนสรุปกิจ ๑๐ ประการ จากโคลงสุภาษติ นฤทมุ นาการเป็นผงั ความคดิ โดย แบง่ เป็นทางกาย ทางวาจา ทางใจ จากน้นั ส่งตวั แทนนาเสนอหนา้ ช้นั เรียน ครูอธิบายเพมิ่ เติม ๔. ใหน้ กั เรียนทาใบงานที่ ๓๒ เรื่อง คาสอนประจาใจ โดยใหน้ กั เรียนคดั เลือกโคลงสุภาษิตนฤทมุ นาการ ๑ บท ท่จี ะใชเ้ ป็ นคาสอนประจาใจพรอ้ มท้งั แสดงความคิดเห็นวา่ คาสอนจากโคลงสุภาษิตนฤทมุ นาการบทน้นั มี ความสาคญั หรือมีประโยชนอ์ ยา่ งไร จากน้นั มาร่วมกนั อภปิ รายในช้นั เรียน ครูเสนอแนะเพม่ิ เติม ๕. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี การเขยี นผงั ความคิดจากขอ้ ความยาว ๆ หรือขอ้ ความท่เี ขา้ ใจยากจะช่วยจดั ลาดบั ความคดิ ทาให้ จดจาไดง้ า่ ยและเขา้ ใจดีข้นึ อภิปรายแสดงความคิดเห็น วเิ คราะห์ วจิ ารณ์จะทาใหเ้ ขา้ ใจวรรณคดีไดด้ ียงิ่ ข้ึน ๖. ใหน้ กั เรียนเลือกอ่านวรรณกรรมทส่ี นใจและมีคุณคา่ ซ่ึงมีเรื่องราวใหแ้ ง่คิดและความเขา้ ใจชีวติ เช่น เจา้ หงิญ เจา้ ชายนอ้ ย ความสุขของกะทิ ความสุขแห่งชีวติ นิทานอีสป เจา้ หญงิ นอ้ ย เพอ่ื ร่วมกนั สนทนา แลกเปล่ียนความคิดเห็นในชว่ั โมงต่อไป การวัดและประเมนิ ผลการ เรียนรู้ ๑. วธิ ีกำรวัดและประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจช้ินงาน ๒. เครื่องมือ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์กำรประเมนิ ๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่ำน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผ่ำน ๒) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙-๑๐ ระดบั ดีมาก
คะแนน ๗-๘ ระดบั ดี คะแนน ๕-๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐-๔ ระดบั ควรปรับปรุง การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics) การประเมินใบงานน้ีใหผ้ สู้ อนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เร่ือง การเขียนผงั ความคิดจากโคลงสุภาษิตนฤทมุ นาการ ระดับคะแนน ๔๓๒ ๑ เกณฑ์กำรประเมนิ การเขียนผงั ความคิด แสดงใจความสาคญั แสดงใจความสาคญั ขาดใจความสาคญั ขาดใจความสาคญั จากโคลงสุภาษติ ครบทุกประเด็น ครบทกุ ประเด็น บางประเดน็ รูปแบบ บางประเดน็ รูปแบบ นฤทุมนากร รูปแบบเหมาะสม รูปแบบเหมาะสมกบั เหมาะสมกบั เน้ือหา เหมาะสมกบั เน้ือหา กบั เน้ือหา สะอาด เน้ือหา ปรบั ปรุง แตต่ อ้ งปรบั ปรุง แต่ตอ้ งปรับปรุง เรียบร้อย สวยงาม เรื่องความสวยงาม เร่ืองความสวยงาม เร่ืองความสวยงาม เลก็ นอ้ ย และความสะอาด เรื่อง การอภิปรายเก่ียวกบั เร่ืองท่อี ่าน ๓ ๒ ๑ ระดับคะแนน ๔ เกณฑ์กำรประเมนิ
การอภิปราย แสดงความคิด แสดงความคดิ แสดงความคิด แสดงความคิด เกี่ยวกบั เร่ืองที่อ่าน หลายประเด็น หลายประเดน็ หลายประเดน็ อยา่ งกวา้ ง ๆ ทกุ ประเด็นลว้ น ทุกประเดน็ ลว้ น ซ่ึงบางประเด็น ไม่ระบุประเดน็ น่าสนใจ น่าสนใจ น่าสนใจ ชดั เจน แต่กม็ ี มีเหตุผลประกอบ มีเหตผุ ลประกอบ และแสดงเหตผุ ล เหตุผลประกอบ น่าเช่ือถือ ทดี่ ี ท่ีดี ทีส่ มั พนั ธก์ นั เสนอแนวทางท่ี เสนอแนวทางที่ เสนอแนวทางที่ เสนอแนวทาง นาไปใชใ้ นชีวติ นาไปใชใ้ นชีวติ เป็ นประโยชน์ ส้นั ๆ แตก่ เ็ ป็ น ไดจ้ ริง ใชภ้ าษา ไดจ้ ริง ใชภ้ าษา แมจ้ ะใชภ้ าษา ประโยชน์ เขา้ ใจงา่ ย เขา้ ใจงา่ ย วกวนไปบา้ ง ตอ้ งปรับปรุง กระชบั ชดั เจน แตก่ ย็ งั เขา้ ใจไดด้ ี เร่ืองการใชภ้ าษา ใบงานเร่ือง กำรเขยี นผงั ควำมคดิ จำกโคลงสุภำษติ -นฤทมุ นาการ ใหน้ กั เรียนสรุปกิจ ๑๐ ประการ จากโคลงสุภาษิตนฤทมุ นาการเป็ นผงั ความคิด โดยแบง่ เป็น ทางกาย ทางวาจา และทางใจ
ใบงำนเร่ือง คำสอนประจำใจ ใหน้ กั เรียนคดั เลือกโคลงสุภาษิตนฤทมุ นาการ ๑ บททจี่ ะใชเ้ ป็นคาสอนประจาใจ เขียนโคลงบทน้นั ในรูปหวั ใจ พรอ้ มท้งั เขียนแสดงความคิดเห็นวา่ คาสอนจากโคลงบทน้นั มีความสาคญั หรือมีประโยชน์ อยา่ งไร จากน้นั มาร่วมกนั อภปิ รายในช้นั เรียน
______________________________________ ______________________________________ ______________________________________ ______________________________________ ความคิดเห็น _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ภำคเรียนที่ ๒ ปี กำรศึกษำ ๒๕๖๔ รำยวชิ ำ ภำษำไทย รหัสวชิ ำ ท ๒๒๑๐๒ ช้ันมธั ยมศึกษำปี ที่ ๒ หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๗ เรื่อง โคลงสุภำษติ พระรำชนิพนธ์ เวลำ ๑๗ ชั่วโมง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๗.๑๖ ความคดิ หลากหลาย ขยายโลกทศั น์ จานวน ๑ ชวั่ โมง ผสู้ อน นางสาวธนภรณ์ สุธรรมจา วนั ทส่ี อน...................................
มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรูแ้ ละความคดิ เพอ่ื นาไปใชต้ ดั สินใจ แกป้ ัญหาใน การดาเนินชีวติ และมีนิสยั รกั การอ่าน ตวั ชี้วดั ท ๑.๑ ม. ๒/๔ อภปิ รายแสดงความคิดเห็นและขอ้ โตแ้ ยง้ เกี่ยวกบั เร่ืองท่ีอ่าน มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย อยา่ งเห็นคุณค่า และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ตวั ชี้วัด ท ๕.๑ ม. ๒/๒ วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมทอ้ งถิ่นทอี่ ่าน พรอ้ มยกเหตผุ ลประกอบ จุดประสงคก์ าร เรียนร๑ู้. อธิบายหลกั การอภิปรายเกี่ยวกบั เร่ืองท่ีอ่าน (K) ๒. อภปิ รายแสดงความคิดเห็นและโตแ้ ยง้ เกี่ยวกบั โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ (P) ๓. เขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความรู้ ความคดิ เห็นโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ (P) ๔. เห็นความสาคญั ของการอภิปรายแสดงความคิดเห็น การเขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความรู้ ความคดิ เห็น หรือโตแ้ ยง้ วรรณคดี วรรณกรรมอยา่ งมีเหตุผล (A) สาระสาคัญ การอภิปรายและการเขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ เป็นการแสดงความคิดเห็นซ่ึงประกอบดว้ ยเหตผุ ลท่ีถูกตอ้ ง มี คุณธรรม ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ตอ่ ผรู้ ับสารและสงั คม ไม่ก่อใหเ้ กิดความขดั แยง้ สาระการ เรียนรู้ การอภิปรายเกี่ยวกบั เรื่องท่ีอ่าน สมรรถนะสาคัญของ ผู้เรียน๑. ความสามารถในการสื่อสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟัง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคดิ
- การใหเ้ หตุผล - การวเิ คราะห์ - การสงั เคราะห์ - การสรุปความรู้ ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประสใฝ่ เรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ที่ ๔.๑ ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ที่ ๔.๒ แสวงหาความรูจ้ ากแหล่งเรียนรู้ตา่ ง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน ดว้ ยการเลือกใชส้ ่ืออยา่ งเหมาะสม บนั ทึกความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็ น องคค์ วามรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ มุ่งม่ันในกำรทำงำน ตวั ช้ีวดั ที่ ๖.๑ ต้งั ใจและรับผดิ ชอบในการปฏบิ ตั ิหนา้ ที่การงาน ตวั ช้ีวดั ที่ ๖.๒ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย รักควำมเป็ นไทย ตวั ช้ีวดั ที่ ๗.๒ เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ชนิ้ งานหรือภาระ ใบงงาานนเรื่อง การอภปิ รายเก่ียวกบั เร่ืองท่อี ่าน การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนา โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี นกั เรียนเคยเห็นการอภปิ รายจากท่ีใดบา้ ง และส่วนใหญอ่ ภปิ รายเก่ียวกบั เร่ืองใด ๒. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม ๘ กลุ่ม ร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคิดเห็นและวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ขอ้ ความ จากแถบขอ้ ความทค่ี รูแจกให้ ดงั น้ี มารยาทเรียบเส่ียมสาน เสงย่ี มเง่อื น งามนอ
อีกหน่ึงห่อนรู้คุณ ใครปลูก ฝังแฮ ทจุ ริตมารยาปน ปกไว้ ประพฤติเพอื่ ประโยชน์ศรี สวสั ด์ิทวั่ กนั แฮ จิตสะอาดปราศส่ิงพะวง วนุ่ ข่นุ หมองแฮ สุจริตจติ โอบออ้ ม อารี พกั ตร์จิตผดิ กนั ประมาณ ยากรู้ คนรักร่วมอธั ยา- ศยั สุข ทุกขแ์ ฮ จากน้นั ใหส้ ่งตวั แทนออกมานาเสนอผลการอภปิ รายหนา้ ช้นั เรียนครูอธิบายเพมิ่ เติม และชมเชยผลการ ทางาน ๓. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภิปรายถึงสามสิ่งท่ีควรกระทาใหม้ ี คอื หนงั สือดี เพอื่ นดี ใจเยน็ ดี วา่ สามส่ิงน้ีจะ ทาใหม้ ีไดอ้ ยา่ งไร และเม่ือมีแลว้ จะเกิดผลดีไดอ้ ยา่ งไรโดยครูเป็ นผดู้ าเนินการอภปิ ราย ๔. เม่ืออภปิ รายเสร็จสิ้นใหน้ กั เรียนบนั ทกึ ความคดิ ลงในใบงานท่ี ๓๒ เรื่อง การอภปิ รายเก่ียวกบั เร่ืองที่ อ่าน ๕. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี การอภิปรายและการเขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ เป็ นการแสดงความคดิ เห็นซ่ึงประกอบดว้ ยเหตุผลที่ ถูกตอ้ ง มีคุณธรรม ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ต่อผรู้ ับสารและสงั คม ไม่ก่อใหเ้ กิดความขดั แยง้ สอื่ การ เรียนรู้ ๑. แถบขอ้ ความ ๒. ใบงาน การวัดและประเมนิ ผลการ เรียนรู้ ๑. วิธีกำรวดั และประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม
๓) ตรวจใบงานท่ี ๓๒ ๒. เครื่องมือ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์กำรประเมิน ๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่ำน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผ่ำน ๒) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙-๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗-๘ ระดบั ดี คะแนน ๕-๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐-๔ ระดบั ควรปรบั ปรุง แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ภำคเรียนที่ ๒ ปี กำรศึกษำ ๒๕๖๔ รำยวชิ ำ ภำษำไทย รหัสวิชำ ท ๒๒๑๐๒ ช้ันมัธยมศึกษำปี ท่ี ๒ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๗ เร่ือง โคลงสุภำษติ พระรำชนิพนธ์ เวลำ ๑๗ ชั่วโมง แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๗. ๑๗ ซาบซ้ึงคุณค่าวรรณคดี จานวน ๑ ชว่ั โมง ผสู้ อน นางสาวธนภรณ์ สุธรรมจา วนั ทสี่ อน................................... มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
ตวั ชี้วัด อยา่ งเห็นคุณค่า และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ท ๕.๑ ม. ๒/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมท่อี ่าน จุดประสงคก์ าร เรียนร๑ู้. อธิบายคุณคา่ ของโคลงสุภาษติ โสฬสไตรยางค์ (K) ๒. วิเคราะห์คุณคา่ ของโคลงสุภาษติ โสฬสไตรยางค์ (P) ๓. เห็นคุณค่าของโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ (A) สาระสาคัญ การอ่านหนงั สือหลายประเภทแลว้ ประเมินคา่ หรือแนวคิดทไี่ ดเ้ พอื่ นาไปใชใ้ นการแกป้ ัญหาชีวติ เป็ นการอ่านท่กี ่อใหเ้ กิดประโยชนท์ ้งั ต่อตนเองและสงั คม สาระการ เกราียรนอธริบู้ ายคุณคา่ ของโคลงสุภาษติ โสฬสไตรยางค์ สมรรถนะสาคัญของ ผู้เรียน๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขยี น - ทกั ษะการฟัง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคิด - การวเิ คราะห์ - การจดั ระบบความคิดเป็นแผนภาพ - การสรุปความรู้ ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ประสอยู่อย่ำงพอเพยี ง ตวั ช้ีวดั ที่ ๕.๑ ดาเนินชีวติ อยา่ งพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม ตวั ช้ีวดั ที่ ๕.๒ มีภูมิคุม้ กนั ในตวั ท่ีดี ปรบั ตวั เพอ่ื อยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสุข ชนิ้ งานหรือภาระงาน
ใบงาน เร่ือง ซาบซ้ึงคุณคา่ วรรณคดี การจัดกจิ กรรมการ เรียนร๑ู้. ใหน้ กั เรียนทบทวนการพจิ ารณาคุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรม โดยใหช้ ่วยกนั สรุปเป็น แผนภาพความคดิ พร้อมท้งั ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ ๒. ใหน้ กั เรียนอาสาสมคั รออกมาอ่านนิทานเรื่อง “ผีจดั คน” ใหเ้ พอื่ น ๆ ฟัง เมื่ออ่านจบใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ ๓ คนช่วยกนั อธิบายคุณค่าทไ่ี ดจ้ ากเรื่อง นิทำนเร่ือง ผจี ัดคน ณ ศาลาริมทางกลางป่ าเขา แสนเงียบเหงาเขารูท้ วั่ กลวั ผสี าง ถูกสร้างเป็นทพ่ี กั นกั เดินทาง อยรู่ ะหวา่ งสองเมืองมีเร่ืองลือ ผตี นหน่ึงเฝา้ ศาลาน่าเกรงขาม ตระเวนยามยดึ ระเบียบเฉียบนกั หรือ เคยตรวจแนวแถวทหารงานฝึ กปรือ จึงยดึ ถือระเบียบมนั่ จนวนั ตาย คนื หน่ึงมีกลุ่มพอ่ คา้ ผา่ นมาพกั ไม่รูจ้ กั เรื่องเล่าลือหรือสหาย เหนื่อยมานกั พกั นอนเพอื่ ผอ่ นคลาย มีหญิงชายหลายคนปะปนกนั ดึกสงดั ผมี าตรวจดูปวดหวั ดูท้งั ตวั นอนเกะกะจะผกผนั จดั ระเบียบใหห้ วั แถวแนวเท่าทนั แต่กพ็ ลนั เห็นปลายเทา้ ส้นั ยาวเกิน เปลี่ยนไปจดั ปลายเทา้ ใหย้ าวเท่า เสร็จแลว้ เฝ้ามองทวั่ ตวั ขดั เขนิ จดั แนวหวั เสียใหม่ชกั ไม่เพลิน ประเด๋ียวเดินจดั ใหม่ผลดั ไปมา สงั เวชผคี งไม่ไดพ้ กั ผอ่ น จดั คนนอนออ่ นใจไรเ้ น้ือหา คนแตกต่างกนั ลน้ บนศาลา ไม่รู้สาเหตุทาใหจ้ ดั ไม่ตรง เรื่องน้ีสอนใหพ้ นิ ิจคิดปล่อยวาง มีหลายอยา่ งต่างไปอยา่ ใหลหลง ชีวติ คนไม่เทยี มเท่าเราตอ้ งปลง อยา่ ไปงงเหมือนอยา่ งผที ีจ่ ดั คน ดวงใจ ดารงสุทธิพงศ์ ๓. ใหน้ กั เรียนนาเสนอหนา้ ช้นั เรียนจนครบทุกกลุ่ม ครูสรุปอีกคร้งั วา่ “คนทุกคนยอ่ มมีความ แตกต่างกนั จะใหเ้ ป็นอยา่ งท่ีเราตอ้ งการคงเป็นไปไดย้ าก ฉะน้นั เราจงึ ควรปล่อยวาง” ๔. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั ทาใบงานท่ี ๓๓ เร่ือง ซาบซ้ึงคุณคา่ วรรณคดี จากน้นั ใหส้ ่งตวั แทน ออกมาอธิบายคุณคา่ โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ ใหเ้ พอ่ื น ๆ ฟังหนา้ ช้นั เรียน ๕. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี การอ่านหนงั สือหลายประเภทแลว้ ประเมินคา่ หรือแนวคดิ ท่ีไดเ้ พอ่ื นาไปใชใ้ นการแกป้ ัญหาชีวิต เป็ นการอ่านท่ีกอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์ท้งั ต่อตนเองและสงั คม
๖. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนา โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี นกั เรียนอยากมีขอ้ ใดในโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคม์ ากท่สี ุด สอื่ การ เร๑ีย.นรนู้ ิทาน เร่ือง “ผจี ดั คน” ๒. ใบงาน การวัดและประเมนิ ผลการ เรียนร๑ู้. วธิ ีกำรวัดและประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจใบงานท่ี ๓๓ ๒. เครื่องมือ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์กำรประเมนิ ๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่ำน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผ่ำน ๒) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙-๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗-๘ ระดบั ดี คะแนน ๕-๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐-๔ ระดบั ควรปรับปรุง การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrกicารs)ประเมินใบงานน้ีใหผ้ สู้ อนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เรื่อง การอธิบายคุณค่าของวรรณคดี ระดบั คะแนน ๔๓๒ ๑ เกณฑ์กำรประเมนิ การอธิบายคุณคา่ อธิบายคุณคา่ อธิบายคุณค่า อธิบายคุณคา่ อธิบายคุณค่า ของวรรณคดี ของวรรณคดี ของวรรณคดี ของวรรณคดี ของวรรณคดี
ไดถ้ ูกตอ้ ง ไดถ้ ูกตอ้ ง ไดถ้ ูกตอ้ งทุกดา้ น ไดถ้ ูกตอ้ งทุกดา้ น แต่อธิบายได้ แต่อธิบายอยา่ งส้นั ๆ ครอบคลุมทกุ ดา้ น ครอบคลุม ครอบคลุมบางดา้ น อธิบายชดั เจน เกือบทุกดา้ น เขา้ ใจง่าย ยกตวั อยา่ ง มีการยกตวั อยา่ ง ประกอบ ประกอบ ใบงาน เรื่อง ซาบซึง้ คุณคา่ วรรณคดี ให้นักเรียนอธิบำยคุณค่ำของโคลงสุภำษติ โสฬสไตรยำงค์ ท้งั คุณค่ำด้ำนเนื้อหำและคุณค่ำด้ำนวรรณศิลป์ คุณคา่ ดา้ น ____เ_น_ือ้ __ห_า_____________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ คณุ ค่าดา้ น วรรณศลิ ป์
______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๘ กลอนดอกสร้อยรำพงึ ในป่ ำช้ำ รำยวชิ ำภำษำไทย ท ๒๒๑๐๒ ภำคเรียนที่ ๒ ปี กำรศึกษำ ๒๕๖๔ ช้ันมธั ยมศึกษำปี ที่ ๒ เวลำ ๑๔ ช่ัวโมง โรงเรียนชุมชนประชำธิปัตย์วทิ ยำคำร มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพอ่ื นาไปใชต้ ดั สินใจ แกป้ ัญหา มาตรฐาน ท ๑.๑ ในการดาเนินชีวติ และมีนิสยั รักการอ่าน ตัวชี้วัด อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ ูกตอ้ ง ท ๑.๑ ม. ๒/๑ จบั ใจความสาคญั สรุปความ และอธิบายรายละเอียดจากเร่ืองทอี่ ่าน ท ๑.๑ ม. ๒/๒ อภิปรายแสดงความคิดเห็นและขอ้ โตแ้ ยง้ เก่ียวกบั เร่ืองทอี่ ่าน ท ๑.๑ ม. ๒/๔ อ่านหนงั สือ บทความ หรือคาประพนั ธอ์ ยา่ งหลากหลาย และประเมินคุณค่า ท ๑.๑ ม. ๒/๗ หรือแนวคิดทไ่ี ดจ้ ากการอ่าน เพอื่ นาไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวติ มีมารยาทในการอ่าน ท ๑.๑ ม. ๒/๘ มำตรฐำนกำรเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และ เขยี นเรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและ รายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ท ๒.๑ ม. ๒/๗ เขียนวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเห็นหรือโตแ้ ยง้ ในเร่ืองที่ อ่านอยา่ งมีเหตผุ ล ท ๒.๑ ม. ๒/๘ มีมารยาทในการเขยี น มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และ ความรูส้ ึกในโอกาสตา่ ง ๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตัวชี้วัด ท ๓.๑ ม. ๒/๔ พดู ในโอกาสต่าง ๆ ไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ ท ๓.๑ ม.๒/๕ พดู รายงานเร่ืองหรือประเดน็ ทศี่ กึ ษาคน้ ควา้ จากการฟัง การดู และการสนทนา ท ๓.๑ ม. ๒/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพดู มำตรฐำนกำรเรียนรู้ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและ มาตรฐาน ท ๔.๑ พลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ ตวั ชี้วดั รวบรวมและอธิบายความหมายของคาภาษาต่างประเทศที่ใชใ้ นภาษาไทย ท ๔.๑ ม.๒/๕ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็น มำตรฐำนกำรเรียนรู้ คุณคา่ และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง มาตรฐาน ท ๕.๑ สรุปเน้ือหาวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่านในระดบั ทย่ี ากข้ึน ตัวชี้วัด วเิ คราะห์และวจิ ารณ์วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมทอ้ งถ่ินท่ีอ่าน ท ๕.๑ ม. ๒/๑ พร้อมยกเหตุผลประกอบ ท ๕.๑ ม. ๒/๒ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน สรุปความรู้และขอ้ คิดจากการอ่านไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ท ๕.๑ ม. ๒/๓ ท่องจาบทอาขยานตามทก่ี าหนดและบทรอ้ ยกรองท่ีมีคุณค่าตามความสนใจ ท ๕.๑ ม. ๒/๔ ท ๕.๑ ม. ๒/๕ สาระสาคัญ ๑. การอ่านออกเสียงเป็นการส่งสารรูปแบบหน่ึง การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรองตอ้ งออกเสียงคา
ใหถ้ ูกตอ้ ง ชดั เจน ใชจ้ งั หวะและน้าเสียงให้ไพเราะ เหมาะสม การรู้ความหมายของคาศพั ทจ์ ะทาใหผ้ อู้ ่านสามารถ ถ่ายทอดความคิดและอารมณ์จากบทรอ้ ยกรองไปสู่ผอู้ ่านไดด้ ี ๒. การถอดความบทรอ้ ยกรองเป็นการแปลความจากบทร้อยกรองมาเป็ นบทร้อยแกว้ ที่สละสลวย โดยยงั คงสื่อความหมายเช่นเดิม การถอดความจึงฝึกทกั ษะท้งั การอ่านและการเรียบเรียงขอ้ ความผ่านการเขียนหรือ การพดู ๓. การอภิปรายเป็นวธิ ีการแลกเปล่ียนความคดิ เห็นเพอ่ื พฒั นาความรู้ ความคิด การอภิปราย เก่ียวกบั เรื่องทอ่ี ่านช่วยขยายประสบการณ์จากการอ่านเพอื่ นาไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ต่อการดาเนินชีวติ และพฒั นา สงั คมใหเ้ จริญกา้ วหนา้ ๔. การทอ่ งจาบทร้อยกรองที่มีคุณค่าช่วยจรรโลงใจและทาใหม้ ีขอ้ คดิ เตือนใจ ๕. การเขยี นวเิ คราะห์เป็นการแสดงความรู้และความคิดเห็นซ่ึงประกอบดว้ ย หลกั การและเหตุผลที่ถูกตอ้ ง สรา้ งสรรค์ ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ตอ่ ผรู้ ับสารและสงั คม ไม่ก่อใหเ้ กิดความสบั สนหรือเขา้ ใจผดิ ไปจากความเป็นจริง ๖. การอ่านมีความสาคญั และจะเกิดประโยชนเ์ มื่อผอู้ ่านสามารถประเมินคุณค่าหรือแนวคิดจากเร่ืองท่ีอ่าน ไดแ้ ละรู้จกั นาไปใชใ้ นการดาเนินชีวติ ๗. การอ่านอย่างหลากหลายทาให้เกิดความคิดกวา้ งไกล ไดป้ ระสบการณ์ชีวิตจากการอ่านที่สามารถ นาไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวติ ได้ ๘. การสรุปความรูแ้ ละการนาขอ้ คดิ จากการอ่านไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริงจะทาให้การอ่านเกิดประโยชน์ และควรอ่านหนงั สือต่าง ๆ อยเู่ สมอ ๙. ภาษาไทยมีการรบั คาภาษาต่างประเทศมาใชเ้ พอื่ ใหภ้ าษาไทยมีคาใชเ้ พม่ิ มากข้นึ จึงควร เลือกใชค้ าภาษาต่างประเทศใหถ้ ูกตอ้ งเหมาะสม และไม่ลืมภาษาไทย ๑๐. การพูดโนม้ นา้ วมีจุดประสงคเ์ พ่อื ชักจูงหรือเปลี่ยนความคิดและความรู้สึกของผฟู้ ังใหค้ ลอ้ ยตามผพู้ ูด และกระทาการอย่างใดอย่างหน่ึงตามท่ีผูพ้ ูดตอ้ งการดว้ ยความสมคั รใจ การพูดที่มีประสิทธิภาพและประสบ ความสาเร็จ ผพู้ ดู ตอ้ งเตรียมตวั มาอยา่ งดี มีความจริงใจ และมีคุณธรรม ๑๑. การพดู รายงานเป็นการพดู เพอ่ื ใหค้ วามรู้ มุ่งเนน้ การนาเสนอขอ้ เทจ็ จริงทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ การพดู รายงานท่มี ีส่ือประกอบการพดู จะช่วยใหผ้ ฟู้ ังเขา้ ใจเน้ือหาสาระไดช้ ดั เจนยง่ิ ข้ึน ผพู้ ดู รายงานตอ้ งมี ความรบั ผดิ ชอบ นาเสนอขอ้ มูลตามความเป็นจริงและอา้ งอิงแหล่งที่มาของขอ้ มูลเสมอ ๑๒. วรรณกรรมทมี่ ีคุณค่าจะสะทอ้ นวถิ ีชีวติ ความคิดและความเชื่อของคนไทย รวมท้งั ให้ขอ้ คิดที่สามารถ นาไปใชใ้ นชีวติ จริงได้ จงึ ควรเลือกอ่านวรรณกรรมอยา่ งหลากหลาย ๑๓. ความรู้มีอยทู่ ว่ั ไปไม่เฉพาะแต่ในห้องเรียน การแสวงหาความรู้ท่ีมีประโยชน์ด้วยตนเองทาให้เรามี ความรูก้ วา้ งข้ึน ทนั สมยั และเป็นผใู้ ฝ่ เรียนรู้ ความเข้าใจทค่ี งทน (Enduring นกั เรียนสามารถสรุปไดว้ า่ การอ่านออกเสียงเป็ นการส่งสารรูปแบบหน่ึง การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ตอ้ งออกเสียงคาใหถ้ ูกตอ้ ง ชดั เจน ใชจ้ งั หวะและน้าเสียงใหไ้ พเราะ เหมาะสม การรู้ความหมายของคาศพั ทจ์ ะทาให้
ผูอ้ ่านสามารถถ่ายทอดความคิดและอารมณ์จากบทร้อยกรองไปสู่ผอู้ ่านไดด้ ี การถอดความบทร้อยกรองเป็ นการ แปลความจากบทร้อยกรองมาเป็ นบทร้อยแกว้ ที่สละสลวย โดยยงั คงส่ือความหมายเช่นเดิม การถอดความจึงฝึ ก ทกั ษะท้งั การอ่านและการเรียบเรียงขอ้ ความผ่านการเขียนหรือการพูด การอภิปรายเป็ นวิธีการแลกเปลี่ยนความ คดิ เห็นเพอ่ื พฒั นาความรู้ ความคดิ การอภิปรายเก่ียวกบั เรื่องทอ่ี ่านช่วยขยายประสบการณ์จากการอ่านเพ่ือนาไปใช้ ใหเ้ กิดประโยชน์ต่อการดาเนินชีวติ และพฒั นาสงั คมใหเ้ จริญกา้ วหนา้ การท่องจาบทรอ้ ยกรองท่มี ีคุณคา่ ช่วยจรรโลง ใจและทาใหม้ ีขอ้ คิดเตือนใจ การเขยี นวเิ คราะห์เป็นการแสดงความรู้และความคดิ เห็นซ่ึงประกอบดว้ ย หลกั การและ เหตผุ ลท่ถี ูกตอ้ ง สร้างสรรค์ ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ต่อผรู้ ับสารและสงั คม ไม่ก่อใหเ้ กิดความสับสนหรือเขา้ ใจผดิ ไป จากความเป็นจริง การอ่านมีความสาคญั และจะเกิดประโยชน์เมื่อผอู้ ่านสามารถประเมินคุณค่าหรือแนวคิดจากเรื่อง ท่ีอ่านไดแ้ ละรู้จกั นาไปใชใ้ นการดาเนินชีวติ การอ่านอยา่ งหลากหลายทาใหเ้ กิดความคดิ กวา้ งไกล ไดป้ ระสบการณ์ ชีวติ จากการอ่านทีส่ ามารถนาไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวติ ได้ การสรุปความรู้และการนาขอ้ คิดจากการอ่านไปประยกุ ตใ์ ช้ ในชีวิตจริ งจะทาให้การอ่านเกิดประโยชน์ และควรอ่านหนังสือต่าง ๆ อยู่เสมอ ภาษาไทยมีการรับคา ภาษาต่างประเทศมาใชเ้ พอื่ ใหภ้ าษาไทยมีคาใชเ้ พม่ิ มากข้ึน จึงควรเลือกใชค้ าภาษาต่างประเทศให้ถูกตอ้ งเหมาะสม และไม่ลืมภาษาไทย การพูดโนม้ น้าวมีจุดประสงคเ์ พือ่ ชกั จูงหรือเปลี่ยนความคิดและความรู้สึกของผฟู้ ังให้คลอ้ ย ตามผูพ้ ูดและกระทาการอย่างใดอยา่ งหน่ึงตามที่ผูพ้ ูดตอ้ งการดว้ ยความสมคั รใจ การพูดที่มีประสิทธิภาพและ ประสบความสาเร็จผพู้ ูดตอ้ งเตรียมตวั มาอยา่ งดี มีความจริงใจ และมีคุณธรรม การพูดรายงานเป็ นการพดู เพือ่ ให้ ความรู้ มุ่งเนน้ การนาเสนอขอ้ เทจ็ จริงทีไ่ ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ การพดู รายงานทีม่ ีสื่อประกอบการพดู จะช่วยใหผ้ ฟู้ ัง เขา้ ใจเน้ือหาสาระไดช้ ดั เจนยงิ่ ข้ึน ผพู้ ูดรายงานตอ้ งมีความรับผิดชอบนาเสนอขอ้ มูลตามความเป็ นจริงและอา้ งอิง แหล่งที่มาของขอ้ มูลเสมอ วรรณกรรมที่มีคุณค่าจะสะทอ้ นวิถีชีวติ ความคิดและความเช่ือของคนไทย รวมท้งั ให้ ขอ้ คดิ ทีส่ ามารถนาไปใชใ้ นชีวติ จริงได้ จึงควรเลือกอ่านวรรณกรรมอยา่ งหลากหลาย ความรู้มีอยทู่ วั่ ไปไม่เฉพาะแต่ ในหอ้ งเรียน การแสวงหาความรู้ทม่ี ีประโยชนด์ ว้ ยตนเองทาใหเ้ รามีความรูก้ วา้ งข้ึน ทนั สมยั และเป็ นผใู้ ฝ่เรียนรู้ สำระกำรเรียนรู้ ๑. ความหมายของคาศพั ทจ์ ากกลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในป่ าชา้ ๒. การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรอง ๓. การอ่านจบั ใจความ ๔. การถอดความจากบทร้อยกรอง ๕. การอภิปรายเก่ียวกบั เรื่องท่อี ่าน ๖. การเขียนวเิ คราะหว์ ิจารณ ๗. คุณค่าของกลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่ าชา้ ๘. แนวคดิ จากเรื่องที่อ่าน ๙. ความรูแ้ ละขอ้ คิดจากกลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในป่ าชา้ ๑๐. ลกั ษณะของภาษาไทย ๑๑. ลกั ษณะของคาท่มี าจากภาษาตา่ งประเทศ
๑๒. สาเหตุการยมื คาในภาษาอื่นมาใช้ ๑๓. การใชค้ าภาษาต่างประเทศในอินเทอร์เน็ต ๑๔. การพดู โนม้ นา้ ว ๑๕. การพดู รายงาน ๑๖. วรรณกรรม เรื่อง อมตะ หว้ งมหรรณพ ๑๗. คุณความดีของบุคคลท่ีสร้างเกียรตปิ ระวตั ิในโลก สมรรถนะสาคัญ ๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟัง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคิด - การจาแนก - การใหเ้ หตุผล - การวเิ คราะห์ - การสงั เคราะห์ - การจดั ระบบความคิดเป็นแผนภาพ - การประยกุ ต/์ การปรบั ปรุง - การสรุปความรู้ - การประเมินค่า ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประสใฝ่ เรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ที่ ๔.๑ ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ที่ ๔.๒ แสวงหาความรูจ้ ากแหล่งเรียนรูต้ ่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน ดว้ ยการเลือกใชส้ ่ืออยา่ งเหมาะสม บนั ทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็ น
องคค์ วามรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ ม่งุ มน่ั ในการทางาน ตวั ช้ีวดั ที่ ๖.๑ ต้งั ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีการงาน ตวั ช้ีวดั ที่ ๖.๒ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพอื่ ใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย รักความเป็ นไทย ตวั ช้ีวดั ท่ี ๗.๒ เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ชิน้ งานหรือภาระ งาน ๑. การอ่านออกเสียงกลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่ าชา้ ๒. ใบงาน เร่ือง การถอดความกลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในป่ าชา้ ๓. ใบงาน เรื่อง การวเิ คราะห์จนิ ตภาพและอารมณ์สะเทอื นใจจากกลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่ าชา้ ๔. การทอ่ งจากลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่ าชา้ ๕. ชิ้นงาน เร่ือง การเขยี นแสดงความรู้ ความคดิ เห็นจากกลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่ าชา้ ๖. ใบงาน เรื่อง การอธิบายคุณคา่ ของกลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในป่ าชา้ ๗. ใบงาน เรื่อง การประเมินแนวคดิ จากการอ่าน ๘. ชิ้นงาน เรื่อง ชีวติ ราพงึ ๙. ใบงาน เรื่อง การคน้ หาคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษ ๑๐. การพดู โนม้ นา้ ว ๑๑. การพดู รายงานเก่ียวกบั พธิ ีกรรมในงานศพ ๑๒. ชิ้นงาน เร่ือง บนั ทกึ การเรียนรู้ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนอ่านบทนาเรื่องและที่มาของกลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในป่ าชา้ แลว้ สรุปสาระสาคญั ๒. ใหน้ กั เรียนอ่านสารวจกลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่ าชา้ ๑ รอบ ภายในเวลาท่ีกาหนด เพ่ือคน้ หาคาศพั ทท์ ่ี ไม่เขา้ ใจความหมาย ๓. ให้นักเรียนบอกคาศพั ทท์ ่ีไม่เขา้ ใจความหมายคนละ ๑ คา ครูบนั ทึกคาศพั ทบ์ นกระดาน จากน้ันให้ นกั เรียนช่วยกนั คน้ หาความหมายจากศพั ทานุกรมทา้ ยเรื่อง หรือพจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ๔. ใหน้ กั เรียนสงั เกตกลอนดอกสรอ้ ยแลว้ ช่วยกนั บอกฉนั ทลกั ษณ์ ครูนาแผนผงั กลอนดอกสร้อย ติดบนกระดานใหน้ กั เรียนศกึ ษาและตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเอง ๕. ใหน้ กั เรียนทบทวนหลกั การอ่านทานองเสนาะและจงั หวะการอ่านกลอนสุภาพ
๖. ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั แต่ละคูจ่ บั ฉลากเพอ่ื เลือกบทกลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในป่ าชา้ คู่ละ ๑ บท ๗. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะคูแ่ บง่ จงั หวะการอ่านกลอนดอกสรอ้ ยบทท่ีไดร้ ับแลว้ ฝึกอ่านทานองเสนาะ ๘. ให้นักเรียนอ่านทานองเสนาะกลอนดอกสร้อยราพึงในป่ าช้าทีละคู่เรียงลาดบั ไปตามเรื่อง นักเรียนที่ ไม่ไดเ้ ป็นผอู้ ่านใหส้ งั เกตลีลาการอ่านของเพอื่ น ๙. เม่ือนกั เรียนอ่านครบทุกบทแล้ว ให้ร่วมกนั ประเมินขอ้ บกพร่องในการอ่าน จากน้ันฝึ กอ่านใหม่และ พยายามแกไ้ ขขอ้ บกพร่องรวมท้งั ฝึกสอดแทรกอารมณ์ในการอ่าน ๑๐. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี การอ่านออกเสียงเป็ นการส่งสารรูปแบบหน่ึง การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองตอ้ งออกเสียงคา ใหถ้ ูกตอ้ ง ชดั เจน ใชจ้ งั หวะและน้าเสียงใหไ้ พเราะ เหมาะสม การรู้ความหมายของคาศพั ทจ์ ะทาให้ผูอ้ ่านสามารถ ถ่ายทอดความคดิ และอารมณ์จากบทรอ้ ยกรองไปสู่ผอู้ ่านไดด้ ี ๑๑. ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เปรียบเทยี บความแตกตา่ งของบทร้อยแกว้ กบั บทร้อยกรอง ๑๒. ให้นักเรียนช่วยกนั บอกหลกั การถอดความบทร้อยกรองและข้นั ตอนการถอดความ ครูช่วยอธิบาย เพมิ่ เติม ๑๓. ใหน้ กั เรียนจบั คู่แลว้ ฝึกถอดความกลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่ าชา้ บทที่เคยอ่านเป็นทานองเสนาะ ภายในเวลาท่ีกาหนด ๑๔. ใหต้ วั แทนของนกั เรียนแต่ละคู่อ่านหรือพูดขอ้ ความที่เรียบเรียงไว้ ทุกคนร่วมกนั ตรวจสอบ ปรับปรุง แกไ้ ขหรือเพม่ิ เติม ๑๕. ใหน้ กั เรียนทาใบงานที่ ๔๘ เรื่อง การถอดความกลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่ าชา้ ครูตรวจสอบผลงานของ นกั เรียนเป็นรายบุคคล ๑๖. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี การถอดความบทร้อยกรองเป็ นการแปลความจากบทร้อยกรองมาเป็ นบทร้อยแกว้ ท่ีสละสลวย โดยยงั คงส่ือความหมายเช่นเดิม การถอดความจงึ ฝึกทกั ษะท้งั การอ่านและการเรียบเรียงขอ้ ความผ่านการเขียนหรือ การพดู ๑๗. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั ทบทวนหลกั การอภิปรายแสดงความคดิ เห็น ๑๘. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๔-๕ คน ร่วมกนั แสดงความคิดเห็นวา่ กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในป่ าชา้ บทใด ก่อใหเ้ กิดภาพในใจหรือสร้างอารมณ์สะเทอื นใจไดช้ ดั เจนที่สุด ใหส้ มาชิกในกลุ่มลงคะแนนเลือก ๑ บท พร้อมท้งั สรุปเหตผุ ลสนบั สนุน ๑๙. ใหน้ กั เรียนทุกกลุ่มร่วมกนั อภิปรายกลุ่มใหญ่ โดยแต่ละกลุ่มนาเสนอความคิดเห็นของกลุ่มตนให้กลุ่ม อื่นฟัง แลว้ ร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น ๒๐. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สรุปสิ่งทีก่ ่อใหเ้ กิดภาพในใจ หรือสร้างอารมณ์สะเทือนใจในบทรอ้ ยกรอง ๒๑. ให้นักเรียนทาใบงานที่ ๔๙ เร่ือง การวิเคราะห์จินตภาพและอารมณ์สะเทือนใจจากกลอนดอกสร้อย ราพงึ ในป่ าชา้ ครูตรวจสอบผลงานของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล ๒๒. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี
การอภิปรายเป็ นวิธีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพ่อื พฒั นาความรู้จากการอ่านเพือ่ นาไปใชใ้ ห้ เกิดประโยชน์ต่อการดาเนินชีวติ และพฒั นาสงั คมใหเ้ จริญกา้ วหนา้ ๒๓. ใหน้ กั เรียนเลือกกลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่ าชา้ ๑ บททีส่ ะทอ้ นใจนามาท่องจา โดยเลือกอยา่ งมีเหตุผล ครูอธิบายใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ นกั เรียนสามารถเลือกตามความสนใจของตนเองได้ ซ่ึงอาจเป็นบทเดียวกบั ที่เลือกใน การอธิบาย หรือคนละบทกไ็ ด้ ๒๔. ครูหยบิ ลูกปิ งปองในกล่องซ่ึงมีหมายเลขประจาตวั ของนกั เรียนติดอยขู่ ้ึนมา ไดห้ มายเลขใดใหน้ กั เรียน ออกมาทอ่ งกลอนดอกสร้อยบททต่ี นเองเลือกพร้อมบอกเหตผุ ล ครูใหน้ กั เรียนทากิจกรรมน้ีตามเวลาที่เหมาะสม ๒๕. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี การทอ่ งจาบทร้อยกรองที่มีคุณค่าช่วยจรรโลงใจและทาใหม้ ีขอ้ คิดเตอื นใจ ๒๖. ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกประโยชนข์ องการวเิ คราะหว์ จิ ารณ์ท้งั ต่อตนเองและผอู้ ื่น ครูบนั ทึกเป็ นแผนภาพ ความคดิ บนกระดาน ๒๗. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาบทความหรือตวั อยา่ งงานเขียนวเิ คราะห์วิจารณ์ทีค่ รูเตรียมไว้ ๒๘. ใหน้ กั เรียนช่วยกนั อธิบายหลกั การวเิ คราะห์วจิ ารณ์ท่ีจะทาใหเ้ กิดประโยชน์ ๒๙. ใหน้ กั เรียนทาช้ินงานท่ี ๑๔ เรื่อง การเขียนแสดงความรู้ ความคดิ เห็นจากกลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่ าชา้ ๓๐. ใหน้ กั เรียนจบั คู่แลกผลงานกนั อ่านและประเมิน โดยใหน้ กั เรียนท่มี ีเลขประจาตวั เป็นเลขค่ีออกมา หยบิ ลูกปิ งปองทม่ี ีเลขคู่ไดห้ มายเลขใดจะเป็นคู่กนั เมื่อประเมินผลงานแลว้ ใหผ้ ลดั กนั เสนอแนะเพอื่ ปรบั ปรุงผลงาน ของตนเอง จากน้นั ครูจึงประเมินผลงานของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล ๓๑. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี การเขียนวเิ คราะห์วจิ ารณ์เป็นการแสดงความรู้และความคดิ เห็นซ่ึงประกอบดว้ ยหลกั การและ เหตุผลทถ่ี ูกตอ้ ง สรา้ งสรรค์ ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ต่อผรู้ บั สารและสงั คม ไม่กอ่ ใหเ้ กิดความสบั สนหรือเขา้ ใจผดิ ไปจาก ความเป็ นจริง ๓๒. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนาเก่ียวกบั สจั ธรรมในชีวติ วา่ มีอะไรบา้ งท่ีทกุ คนในโลกน้ีตอ้ งประสบ พร้อมท้งั ยกตวั อยา่ ง ๓๓. ใหน้ กั เรียนทบทวนหลกั การวเิ คราะหค์ ุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม ๓๔. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั วเิ คราะหค์ ุณคา่ ของกลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในป่ าชา้ ดา้ นแนวคิดและดา้ นเน้ือหา ครูช่วยอธิบายเพม่ิ เติม ๓๕. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม ๕ กลุ่ม ส่งตวั แทนออกมาจบั ฉลากเพอ่ื วเิ คราะหค์ ุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์ ของ กลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่ าชา้ ๓๖. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลการวเิ คราะหห์ นา้ ช้นั เรียน ทุกคนร่วมกนั ตรวจสอบ และอธิบายเพม่ิ เติมได้ ๓๗. ใหน้ กั เรียนทาใบงานท่ี ๕๐ เร่ือง การอธิบายคุณคา่ ของกลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่ าชา้ ครูตรวจสอบ ผลงานของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล ๓๘. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี
การอ่านมีความสาคญั และจะเกิดประโยชนเ์ มื่อผอู้ ่านสามารถประเมินคุณคา่ หรือแนวคิดจากเรื่องท่ี อ่านไดแ้ ละรู้จกั นาไปใชใ้ นการดาเนินชีวติ ๓๙. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนไปหาคากล่าวหรือบทร้อยกรองที่มีเน้ือหากล่าวถึงปรชั ญาชีวติ และความตายจาก แหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ แลว้ คดั ลอกมาคนละ ๑ ขอ้ ความหรือ ๑ บท สาหรับทากิจกรรมในชวั่ โมงตอ่ ไป ๔๐. ใหน้ กั เรียนจบั คู่กบั เพอ่ื นแลว้ นาคากล่าวหรือบทร้อยกรองทมี่ ีเน้ือหากล่าวถึงปรชั ญาชีวติ และความตายซ่ึง ครูมอบหมายใหไ้ ปหาในชวั่ โมงที่แลว้ มาแลกเปลี่ยนกนั อ่าน ๔๑. ใหน้ กั เรียนแต่ละคู่เลือกคากล่าวหรือบทร้อยกรอง ๑ เรื่อง มาประเมินแนวคิด และเสนอแนวทาง การดาเนินชีวติ ตามแนวคดิ น้นั หรือนาแนวคดิ น้นั ไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวติ ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมภายในเวลาท่ีกาหนด ๔๒. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะคูอ่ อกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรียน โดยอ่านคากล่าวหรือบทรอ้ ยกรองใหเ้ พอื่ นฟัง จากน้นั บอกแนวคิดของเรื่องทอ่ี ่านและนาเสนอแนวทางการดาเนินชีวติ นกั เรียนที่เป็ นผฟู้ ังสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นได้ ๔๓. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สรุปแนวคิดท้งั หมดท่ีไดจ้ ากการทากิจกรรมน้ี ครูบนั ทึกเป็นแผนภาพความคดิ บน กระดาน ๔๔. ใหน้ กั เรียนทาใบงานท่ี ๕๑ เรื่อง การประเมินแนวคดิ จากการอ่าน ครูตรวจสอบผลงานของนกั เรียนเป็ น รายบุคคล ๔๕. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี การอ่านอยา่ งหลากหลายทาใหเ้ กิดความคิดกวา้ งไกล ไดป้ ระสบการณ์ชีวติ จากการอ่านทีส่ ามารถ นาไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวติ ได้ ๔๖. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนาเก่ียวกบั บคุ คลสาคญั ของโลกที่นกั เรียนชื่นชม ๔๗. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่มตามความสมคั รใจ ครูไม่กาหนดจานวนสมาชิกในกลมุ่ สามารถมีจานวนมากนอ้ ย แตกต่างกนั ได้ จากน้นั ใหส้ มาชิกในกลมุ่ แลกเปลี่ยนความคดิ เกี่ยวกบั เป้าหมายของชีวติ ทตี่ ้งั ใจจะทาใหส้ าเร็จ ๔๘. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มยนื ข้ึนนาเสนอ โดยเลือกสมาชิก ๑ คน ทาหนา้ ทพี่ ธิ ีกรสมั ภาษณ์เป้าหมายในชีวติ ของเพอื่ นในกลุ่มแตล่ ะคน รวมท้งั บอกเป้าหมายในชีวติ ของตนเองดว้ ย ทากิจกรรมน้ีจนครบทกุ กลุ่ม ๔๙. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนาเก่ียวกบั ความสาคญั ของการทาความดีและประโยชนข์ องความดี ๕๐. ใหน้ กั เรียนทากิจกรรม “สญั ญาใจ” โดยเขยี นความดีทีต่ ้งั ใจจะทาเพอ่ื โลกลงในกระดาษทีค่ รูแจกให้ เป็ น เหมือนการทาสญั ญากบั โลก เมื่อเขยี นเสร็จแลว้ ใหล้ งชื่อตนเอง นากระดาษแผน่ น้นั มาใส่กล่องที่ครูเตรียมไวจ้ นครบ ทกุ คน ๕๑. ครูหยบิ สญั ญาความดีในกล่องข้นึ มาทลี ะใบ ให้ผทู้ าสญั ญาออกมากล่าวใหเ้ พอื่ นฟังวา่ ความต้งั ใจของ นกั เรียนเป็นอยา่ งไร และนกั เรียนจะปฏบิ ตั ิตามคาสญั ญาน้นั อยา่ งไร ๕๒. ใหน้ กั เรียนทาช้ินงานท่ี ๑๕ เร่ือง ชีวติ ราพงึ ครูตรวจสอบผลงานของนกั เรียนเป็นรายบุคคล ๕๓. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี การสรุปความรูแ้ ละการนาขอ้ คดิ จากการอ่านไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริงจะทาใหก้ ารอ่านเกิด ประโยชน์ และควรอ่านหนงั สือตา่ ง ๆ อยเู่ สมอ
๕๔. ใหน้ กั เรียนบอกคาเรียกเครือญาติ เช่น พอ่ แม่ พ่ี นอ้ ง ป่ ู ยา่ ตา ยาย ลุง ป้า นา้ อา และคาแสดงอิริยาบถต่าง ๆ เช่น ยนื เดิน นง่ั นอน ครูเขียนคาทน่ี กั เรียนบอกบนกระดาน ๕๕. ใหน้ กั เรียนสังเกตและบอกลกั ษณะของคาเหล่าน้นั (ตัวอย่ำงคำตอบ เป็ นคำพยำงค์เดียว มตี วั สะกดตรง ตำมมำตรำ) ๕๖. ใหน้ กั เรียนนาคาบนกระดานมาเรียงเป็ นประโยคง่าย ๆ เช่น พอ่ นอน แม่เดิน แลว้ ใชค้ าภาษาองั กฤษแตง่ ประโยคทีม่ ีใจความเดียวกนั เพอื่ สงั เกตลกั ษณะของคา ๕๗. ใหน้ กั เรียนอ่านแถบประโยคทคี่ รูติดบนกระดาน แลว้ สนทนาเก่ียวกบั ใจความของประโยค จากน้นั เรียงลาดบั คาใหม่ใหถ้ ูกตอ้ ง ๕๘. ใหน้ กั เรียนศึกษาความรู้ เรื่อง ลกั ษณะของภาษาไทย แลว้ ร่วมกนั สรุปความเขา้ ใจ ๕๙. ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกคาทค่ี ดิ วา่ ไม่ใช่คาไทย ครูเขียนคาท่นี กั เรียนบอกบนกระดาน จากน้นั ครูใชค้ าถามถามนกั เรียนวา่ เพราะเหตุใดนกั เรียนจึงคิดวา่ คาเหล่าน้ีไม่ใช่คาไทย ๖๐. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาความรู้ เรื่อง ลกั ษณะของคาที่มาจากภาษาต่างประเทศแลว้ ร่วมกนั สรุปความเขา้ ใจ ๖๑. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม ๓ กลุ่ม ส่งตวั แทนออกมาจบั ฉลากแลว้ รวบรวมคายมื จากภาษาน้นั ใหไ้ ดม้ ากท่สี ุด ภายในเวลาท่ีกาหนด (ครูอาจใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่มตามภาษาอื่นท่สี นใจเพม่ิ เตมิ ก็ได)้ ๖๒. ใหน้ กั เรียนท้งั ๓ กลุ่ม ส่งตวั แทนออกมาเขยี นคาที่รวบรวมไดบ้ นกระดาน จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนอ่านออก เสียงคาพรอ้ มกนั และตรวจสอบความถูกตอ้ ง ๖๓. ใหน้ กั เรียนช่วยกนั จดั คาเหล่าน้นั เป็นหมวดหมู่ เช่น ชื่ออาหาร กีฬา เครื่องใช้ วชิ าการ คาทว่ั ไป ๖๔. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี ภาษาไทยมีการรับคาภาษาตา่ งประเทศมาใชเ้ พือ่ ใหภ้ าษาไทยมีคาใชเ้ พม่ิ มากข้นึ การรู้จกั คา ภาษาตา่ งประเทศทาใหเ้ ลือกใชแ้ ละเขา้ ใจความหมายในการสื่อสาร ๖๕. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนไปสารวจการใชค้ าภาษาตา่ งประเทศในอินเทอร์เน็ต บนั ทึกคาและขอ้ ความที่ น่าสนใจเพอื่ นามาทากิจกรรมในชว่ั โมงตอ่ ไป ๖๖. ใหน้ กั เรียนช่วยกนั สนั นิษฐานเก่ียวกบั สาเหตุทีไ่ ทยรบั คาภาษาตา่ งประเทศมาใช้ พร้อมยกตวั อยา่ ง ๖๗. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาความรู้ เร่ือง สาเหตุการยมื คาในภาษาอื่นมาใช้ แลว้ ร่วมกนั สรุปความเขา้ ใจเป็ น แผนภาพความคดิ ๖๘. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ ๔-๕ คน วเิ คราะหภ์ าษาที่ใชใ้ นอินเทอร์เน็ตท่ีทุกคนสารวจมาตามคา มอบหมายของครูในชว่ั โมงท่แี ลว้ โดยวเิ คราะห์ว่ามีคายมื จากภาษาใดบา้ งทน่ี กั เรียนรู้จกั คาเหล่าน้นั นามาใชอ้ ยา่ ง เหมาะสมหรือไม่ ถา้ ไม่เหมาะสมจะแกไ้ ขอยา่ งไร ครูแจกพจนานุกรมและ dictionary ใหน้ กั เรียนทกุ กลุ่มเพอ่ื ใชเ้ ป็ น เครื่องมือในการตรวจสอบ ๖๙. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลการประเมินหนา้ ช้นั เรียน กลุ่มอื่นช่วยกนั ตรวจสอบและ เสนอแนะ
๗๐. ใหน้ กั เรียนทาใบงานท่ี ๕๒ เรื่อง การคน้ หาคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษ นกั เรียนสามารถใช้ dictionary ในการ คน้ หาและตรวจสอบได้ เมื่อทกุ คนทาเสร็จร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ๗๑. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี ภาษาไทยมีการรบั คาภาษาตา่ งประเทศมาใชเ้ พอ่ื ใหภ้ าษาไทยมีคาใชเ้ พม่ิ มากข้ึน จงึ ควรเลือกใชค้ า ภาษาตา่ งประเทศใหถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมและไมล่ ืมภาษาไทย ๗๒. ใหน้ กั เรียนฟังการพดู โนม้ นา้ วจากแถบบนั ทึกเสียงทีค่ รูเตรียมไวแ้ ลว้ ร่วมกนั สนทนา โดยครูใชค้ าถาม ดงั น้ี เม่ือฟังเรื่องน้ีแลว้ นกั เรียนรูส้ ึกอยา่ งไร ผพู้ ดู มีจดุ ประสงคใ์ ด การพดู น้ีมีลกั ษณะเด่นอยา่ งไร ๗๓. ใหน้ กั เรียนศึกษาความรู้ เรื่อง การพดู โนม้ นา้ ว แลว้ ร่วมกนั สรุปความเขา้ ใจ ๗๔. ใหน้ กั เรียนเตรียมตวั พดู โนม้ นา้ ว โดยเลือกขอ้ คิดทีก่ าหนด ๑ ขอ้ นามาเขยี นบทพดู โนม้ นา้ วทม่ี ีเน้ือหา สอดคลอ้ งกบั ขอ้ คิดดงั กล่าว ใหเ้ ช่ือมโยงกบั ชีวติ จริงและสภาพสงั คมปัจจุบนั ๗๕. เม่ือนกั เรียนเขียนเสร็จใหอ้ ่านทวนอีกคร้งั เพอ่ื ตรวจสอบและปรับปรุงแกไ้ ข จากน้นั นาบทท่รี ่างไป ฝึกซอ้ มการพดู สาหรับออกมาพดู หนา้ ช้นั เรียนใหเ้ พอื่ นฟังในชว่ั โมงถดั ไป ซ่ึงนกั เรียนตอ้ งฝึกควบคุมเวลาในการพดู ประมาณ ๓ นาที ๗๖. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี การพดู โนม้ นา้ วมีจุดประสงคเ์ พอื่ ชกั จูงหรือเปลี่ยนความคดิ และความรูส้ ึกของผฟู้ ังใหค้ ลอ้ ยตามผู้ พดู และกระทาการอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงตามที่ผพู้ ดู ตอ้ งการดว้ ยความสมคั รใจ ๗๗. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนาเก่ียวกบั วธิ ีการฝึ กซอ้ มพดู โนม้ นา้ วที่ปฏิบตั ิจริงวา่ เป็ นอยา่ งไร มีอุปสรรค ใดบา้ ง และนกั เรียนแกป้ ัญหาอยา่ งไร ๗๘. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั กาหนดเกณฑก์ ารประเมินการพดู ครูช่วยตรวจสอบและแนะนาเพม่ิ เติม ๗๙. ใหน้ กั เรียนออกมาพดู โนม้ นา้ วหนา้ ช้นั เรียนทีละคน เพอ่ื นท่ีเป็นผฟู้ ังร่วมกนั ประเมินและบนั ทกึ ขอ้ เสนอแนะไว้ ๘๐. เม่ือนกั เรียนทกุ คนพดู จบ ใหร้ ่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั การพดู สรุปวธิ ีการพดู ที่ดีและขอ้ บกพร่อง รวมท้งั เสนอแนะแนวทางการปรบั ปรุง ๘๑. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี การพดู ที่มีประสิทธิภาพและประสบความสาเร็จ ผพู้ ดู ตอ้ งเตรียมตวั มาเป็ นอยา่ งดี มีความจริงใจ และมีคุณธรรม ๘๒. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่มโดยพจิ ารณาจากชุมชนทอ่ี าศยั อยู่ นกั เรียนทอ่ี ยลู่ ะแวกชุมชนเดียวกนั ใหอ้ ยกู่ ลุ่ม เดียวกนั เพอื่ ใหส้ ะดวกต่อการไปเกบ็ ขอ้ มลู ในชุมชน ดงั น้นั แตล่ ะกลุ่มอาจมีจานวนสมาชิกไม่เทา่ กนั ๘๓. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มไปสงั เกตพธิ ีกรรมเก่ียวกบั งานศพในชุมชนของตนหรือในสถานทตี่ า่ ง ๆ ตามท่คี รู เห็นวา่ เหมาะสม จะเป็นพธิ ีกรรมของกลุ่มชนเช้ือสายใดหรือศาสนาใดก็ได้ อาจสอบถามหรือสมั ภาษณ์บุคคลทีม่ ี
ความรูเ้ กี่ยวกบั พธิ ีกรรมน้นั ๆ รวบรวมขอ้ มูลทไี่ ดม้ าเรียบเรียงแลว้ ฝึกซอ้ มการพดู เพอ่ื ออกมาพดู รายงานหนา้ ช้นั เรียน (ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนไปทากิจกรรมน้ีมาล่วงหนา้ ) ๘๔. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมาพดู รายงานหนา้ ช้นั เรียน เม่ือพดู จบนกั เรียนกลุ่มอ่ืนสามารถ ซกั ถามหรือแสดงความรูข้ องตนเองเพม่ิ เติมได้ ๘๕. ใหน้ กั เรียนช่วยกนั สรุปหลกั การพดู รายงานจากการปฏบิ ตั ิจริง รวบรวมขอ้ บกพร่องและเสนอแนะ แนวทางการปรบั ปรุง ๘๖. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี การพดู รายงานเป็ นการพดู เพอื่ ใหค้ วามรู้ มุ่งเน้นการนาเสนอขอ้ เทจ็ จริงทไ่ี ดจ้ ากการศึกษาคน้ ควา้ การพดู รายงานทีม่ ีส่ือประกอบการพดู จะช่วยให้ผฟู้ ังเขา้ ใจเน้ือหาสาระไดช้ ดั เจนยง่ิ ข้นึ ผพู้ ดู รายงานตอ้ งมีความ รบั ผดิ ชอบนาเสนอขอ้ มูลตามความเป็นจริง และอา้ งอิงแหล่งทม่ี าของขอ้ มูลเสมอ ๘๗. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนเลือกอ่านวรรณกรรมซ่ึงมีเร่ืองราวทีแ่ สดงสจั ธรรมของชีวติ เช่น อมตะ หว้ งมหรรณพ โดยเลือกอ่านคนละ ๑ เรื่อง เพอ่ื นามาทากิจกรรมในชว่ั โมงต่อไป ๘๘. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่มตามวรรณกรรมทีเ่ ลือกอ่านซ่ึงครูมอบหมายไปในชวั่ โมงท่ีแลว้ ไดแ้ ก่ อมตะ หว้ งมหรรณพ หรือเรื่องอื่น ๆ ทน่ี กั เรียนสนใจ แตล่ ะกลมุ่ อาจมีจานวนสมาชิกไม่เทา่ กนั กไ็ ด้ และถา้ วรรณกรรมเร่ือง ใดมีนกั เรียนเลือกอ่านจานวนมากใหแ้ บ่งเป็ นหลายกลุ่มได้ ๘๙. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่ม วเิ คราะหว์ รรณกรรมท่ีเลือกอ่านในประเดน็ ต่อไปน้ี สรุปเน้ือเรื่องยอ่ วเิ คราะหค์ วามคดิ และความเชื่อของคนไทยทแ่ี ทรกในเน้ือเรื่อง ประเมินคุณค่าในดา้ นตา่ ง ๆ เสนอแนวทางการนาขอ้ คิดไปใชใ้ นการดาเนินชีวติ ๙๐. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนออกมานาเสนอความคิดของกลุ่ม จากน้นั ทุกคนร่วมกนั แสดง ความคดิ เห็นเพม่ิ เตมิ ๙๑. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี วรรณกรรมที่มีคุณคา่ จะสะทอ้ นวถิ ีชีวติ ความคิดและความเชื่อของคนไทยรวมท้งั ใหข้ อ้ คิดท่ี สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ จริงได้ จึงควรเลือกอ่านวรรณกรรมอยา่ งหลากหลาย ๙๒. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนไปสืบคน้ ขอ้ มูลเกีย่ วกบั คุณความดีของบคุ คลที่สร้างเกียรติยศประดบั ไว้ ในโลกจากแหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ แลว้ บนั ทึกช่ือเวบ็ ไซตแ์ ละรายละเอียดท่ีไดเ้ พอื่ นามาทากิจกรรมในชว่ั โมงตอ่ ไป ๙๓. ใหน้ กั เรียนเขยี นช่ือบคุ คลท่สี ืบคน้ ขอ้ มลู มาลงในแผน่ กระดาษที่ครูแจกให้ พรอ้ มท้งั เขียนช่ือตนเองทมี่ ุม ขวาดา้ นล่างของกระดาษแผน่ น้นั จากน้นั พบั กระดาษใส่ลงในกล่องท่เี ตรียมไว้ ๙๔. ครูหยบิ กระดาษในกล่องข้ึนมาทีละแผน่ เปิ ดอ่านชื่อบุคคล แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกขอ้ มูลที่ตนเองรู้ เก่ียวกบั บคุ คลน้นั จากน้นั จึงใหเ้ จา้ ของกระดาษแผน่ น้นั อธิบายขอ้ มูลที่สืบคน้ มาใหเ้ พอื่ นทกุ คนฟังพร้อมบอก แหล่งทม่ี าของขอ้ มูล ดาเนินกิจกรรมเช่นน้ีจนครบทกุ คน ๙๕. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนาวา่ ไดป้ ระโยชน์อะไรจากกิจกรรมน้ีบา้ ง
๙๖. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี ความรู้มีอยทู่ ว่ั ไปไม่เฉพาะแตใ่ นหอ้ งเรียน การแสวงหาความรูท้ ี่มีประโยชน์ดว้ ยตนเองอยเู่ สมอทา ใหเ้ รามีความรู้กวา้ งข้ึน ทนั สมยั และเป็นผใู้ ฝ่เรียนรู้ ๙๗. ใหน้ กั เรียนเขียนความรู้ ความคิด และความรูส้ ึกอยา่ งอิสระจากการเรียนรูแ้ ละฝึกฝนทกั ษะ ในหน่วยการเรียนรูน้ ้ีเป็ นชิ้นงานท่ี ๑๖ เร่ือง บนั ทึกการเรียนรู้ ครูประเมินผลงานของนกั เรียนเป็นรายบุคคล ส่ือการ เรีย๑น. พรจู้ นานุกรม และ dictionary ๒. แผนผงั กลอนดอกสรอ้ ย ๓. ลูกปิ งปองทต่ี ดิ หมายเลขประจาตวั ของนกั เรียน ๔. บทความหรืองานเขียนวเิ คราะห์วจิ ารณ์ ๕. ฉลาก ๖. คากล่าวหรือบทร้อยกรอง ๗. สญั ญาความดี ๘. แถบประโยค ๙. อินเทอร์เน็ต ๑๐. แถบบนั ทกึ เสียง ๑๑. สื่อท่ใี ชป้ ระกอบการพดู รายงาน ๑๒. วรรณกรรม เร่ือง อมตะ หว้ งมหรรณพ ๑๓. กระดาษเขียนช่ือบุคคล ๑๔. ใบงานที่ ๔๘-๕๒ แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre - Test) ช่ือ นามสกลุ เลขที่ ช้นั ได้ คะแนน คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน ให้นักเรียนใช้ดินสอระบายลงใน หน้าคาตอบท่ถี ูกต้องให้เต็มวง ๑. ซากเอ๋ยซากศพ อาจเป็นซากนกั รบผกู้ ลา้ หาญ เช่นชาวบา้ นบางระจนั ขนั ราบาญ กบั หมู่ม่านมาประทุษอยธุ ยา ไม่เช่นน้นั ท่านกวเี ช่นศรีปราชญ์ นอนอนาถเล่ห์ใบไ้ รภ้ าษา หรือผกู้ บู้ า้ นเมืองเรืองปัญญา อาจจะมานอนจมถมดินเอย ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีแสดงใหเ้ ห็นถึง “อจั ฉริยลกั ษณ์” ของกวผี แู้ ต่งบทประพนั ธข์ า้ งตน้ ไดช้ ดั เจนที่สุด ๑ การสอดแทรกคุณธรรมเร่ืองความสมคั รสมานสามคั คี
๒ การเพม่ิ ขอ้ มูลความรูเ้ ก่ียวกบั วรี กรรมของบรรพชนที่ปกป้องชาติ ๓ การรู้จกั ดดั แปลงวฒั นธรรมต่างชาติใหเ้ ขา้ กบั วฒั นธรรมไทย ๔ การใชส้ านวนภาษาท่ีปลุกเรา้ ใหร้ ู้จกั มีความกตญั ญูกบั บา้ นเมือง ๒. ดวงเอ๋ยดวงจติ ลืมสนิทกิจการงานท้งั หลาย ยอ่ มละชีพเคยสุขสนุกสบาย เคยเสียดายเคยวติ กเคยปกครอง ละถิ่นทีส่ าราญเบิกบานจติ ซ่ึงเคยคดิ ใฝ่เฝา้ เป็นเจา้ ของ หมดวติ กหมดเสียดายหมดหมายปอง ไม่ผนิ หลงั เหลียวมองดว้ ยซ้าเอย บทประพนั ธข์ า้ งตน้ สะทอ้ นความเช่ือใดมากทสี่ ุด ๑ กรรมและกิเลส ๒ อบายภูมิ ๓ การเมือง การปกครอง ๔ วฏั สงสาร ๓. ขอ้ ใดคือคุณลกั ษณะของชาวนาท่ีผเู้ ขียนยกยอ่ งมากที่สุด ๑ ห่างเอ๋ยห่างไกล ห่างจากพวกมกั ใหญฝ่ ักใฝ่ หา ๒ แตส่ ่ิงซ่ึงเหลวไหลใส่อาตมา ความมกั นอ้ ยชาวนาไม่นอ้ มไป ๓ เพอ่ื รักษาความสราญฐานวเิ วก ร่มช้ือเฉกหุบเขาลาเนาไศล ๔ สนั โดษดบั ฟุ้งซ่านทะยานใจ ตามวสิ ยั ชาวนาเยน็ กวา่ เอย ๔. ขอ้ ใดแสดงถึงระดบั ช้นั ทางสงั คม ๑ เชา้ ก็ขบั โคกระบอื ถือคนั ไถ สาราญใจตามเขตประเทศถ่ิน ๒ ท้งิ ท้งั หนูนอ้ ยนอ้ ยร่อยร่อยรบั เห็นพอ่ กลบั ปล้ืมเปรมเกษมสนั ต์ ๓ บปุ ผชาตชิ ูสีและมีกล่ิน อยใู่ นถ่ินทไี่ กลเช่นไพรสณฑ์ ๔ ไม่เหมือนอยา่ งบางศพญาติตบแต่ง เครื่องแสดงเกียรตเิ ลิศประเสริฐศรี ๕. ขอ้ ใดสามารถใหภ้ าพธรรมชาติยามเชา้ ไดช้ ดั เจนทสี่ ุด ๑ ฝงู ววั ควายผา้ ยลาทิวากาล ค่อยค่อยผา่ นทอ้ งทุ่งมุ่งถ่ินตน ๒ คอกควายววั รัวเกราะเปาะเปาะ! เพยี ง รู้วา่ เสียงเกราะแวว่ แผว่ แผว่ เอย ๓ เขา้ กอดคอฉอเลาะเสนาะกรรณ สารพนั ทอดท้งิ ทุกสิ่งเอย ๔ อยตู่ ามโรงมุงฟางขา้ งขา้ งน้นั ท้งั ไก่ขนั แขง่ ดุเหวา่ ระเร้าเสียง ๖. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีใชก้ ลวธิ ีทางวรรณศิลป์ เพอ่ื สร้างอารมณ์และความรูส้ ึกมากทสี่ ุด ๑ ไม่เช่นน้นั ท่านกวเี ช่นศรีปราชญ์ นอนอนาถเล่ห์ใบไ้ ร้ภาษา หรือผกู้ ูบ้ า้ นเมืองเรืองปัญญา อาจจะมานอนจมถมดินเอย
๒ ถึงบางทีมีบา้ งเป็ นอยา่ งเลิศ กไ็ ม่ฉูดฉาดเชิดประเสริฐสุนทร์ พอเตอื นใจไดบ้ า้ งในทางบุญ เป็นเครื่องหนุนนาเหตสุ งั เวชเอย เคยเป็ นทุกขห์ ่วงใยเสียไดง้ ่าย ๓ ใครจะยอมละทงิ้ ซ่ึงสิ่งสุข โดยไม่ชายตาใฝ่ อาลยั เอย ใครจะยอมละแดนแสนสบาย เหล่าน้ีต่างรอตายทาลายขนั ธ์ แตล่ ว้ นผนั มาประจบหลุมศพเอย ๔ ความร่ารวยอวยสุขใหท้ ุกอยา่ ง วถิ ีแห่งเกียรตยิ ศท้งั หมดน้นั ๗. วงั เอ๋ยวงั เวง หง่างเหงง่ ! ยา่ ค่าระฆงั ขาน ฝงู ววั ควายผา้ ยลาทวิ ากาล ค่อยคอ่ ยผา่ นทอ้ งทุ่งมุ่งถ่ินตน ขอ้ ใดใชโ้ วหารภาพพจน์เช่นเดียวกบั คาประพนั ธ์ขา้ งตน้ ๑ หมดเอ๋ยหมดห่วง หมดดวงวญิ ญาณลาญสลาย ถึงลมเชา้ ชวยช่ืนร่ืนสบาย เตอื นนกแอ่นลมผายแผดสาเนียง ๒ ตวั เอ๋ยตวั ทะยาน อยา่ บนั ดาลดลใจใหใ้ ฝ่ฝัน ดูถูกกิจชาวนาสารพนั และความครอบครองกนั อนั ชื่นบาน ๓ นกเอ๋ยนกแสก จบั จอ้ งรอ้ งแจก๊ เพยี งแถกขวญั อยบู่ นยอดหอระฆงั บงั แสงจนั ทร์ มีเถาวลั ยร์ ุงรังถึงหลงั คา ๔ ทอดเอ๋ยทอดทงิ้ ยามหนาวผงิ ไฟลอ้ มอยพู่ รอ้ มหนา้ ทง้ิ เพอ่ื นยากแม่เหยา้ หาขา้ วปลา ทกุ เวลาเชา้ เยน็ เป็นนิรนั ดร์ ๘. ห่วงเอ๋ยห่วงอะไร ไม่ยงิ่ ใหญเ่ ทา่ ห่วงดวงชีวติ แมค้ นลืมส่ิงใดไดส้ นิท ก็ยงั คดิ ข้นึ ไดเ้ ม่ือใกลต้ าย คาประพนั ธข์ า้ งตน้ น้ีมีสิ่งใดทไี่ ม่คอ่ ยนิยมใชใ้ นการประพนั ธ์ ๑ ใชค้ าวา่ “ตาย” ซ่ึงเป็นคาไม่เป็นทางการ ๒ มีคาที่เป็นเสียงหยดุ อยทู่ า้ ยวรรค ๓ มีสมั ผสั ในอยใู่ นทุก ๆ วรรค ๔ ใชค้ าเป็นและคาตายสลบั กนั ในทุกวรรค ๙. ตน้ เอ๋ยตน้ ไทร สูงใหญร่ ากยอ้ ยหอ้ ยระยา้ และตน้ โพธ์ิพมุ่ แจแ้ ผฉ่ ายา มีเนินหญา้ ใตต้ น้ เกลื่อนกล่นไป ลว้ นร่างคนในเขตประเทศน้ี ดุษณีนอนราย ณ ภายใต้ แห่งหลุมลึกลานสลดระทดใจ เรายงิ่ ใกลห้ ลุมน้นั ทุกวนั เอย
ความรู้สึกของผแู้ ต่งคาประพนั ธบ์ ทน้ีตรงกบั ขอ้ ใดมากทีส่ ุด ๑ สงสาร ๒ ปลงตก ๓ ทกุ ขร์ ้อน ๔ หมดความหวงั ๑๐. สกุลเอ๋ยสกลุ สูง ชกั จงู จิตฟูชูศกั ด์ิศรี อานาจนาความสง่าอ่าอินทรีย์ ความงามนาใหม้ ีไมตรีกนั ความร่ารวยอวยสุขใหท้ กุ อยา่ ง เหล่าน้ีต่างรอตายทาลายขนั ธ์ วถิ ีแห่งเกียรตยิ ศท้งั หมดน้นั แตล่ ว้ นผนั มาประจบหลุมศพเอย ขอ้ ใดเป็นขอ้ สรุปท่ดี ีทสี่ ุดของกลอนบทขา้ งตน้ ๑ สมบตั ิทกุ ช้ินตอ้ งถูกฝังลงไปในหลุมศพ ๒ ทุกชีวติ ลว้ นเดินทางไปสู่ความตาย ๓ คนท่มี ีเกียรติตอ้ งไปพบกนั ที่หลุมศพ ๔ อานาจทาใหบ้ คุ คลมีความสงา่ งาม แบบทดสอบหลังเรียน (Post - Test) ช่ือ นามสกุล เลขที่ ช้นั ได้ คะแนน คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน ให้นักเรียนใช้ดินสอระบายลงใน หน้าคาตอบที่ถูกต้องให้เตม็ วง ๑. วงั เอ๋ยวงั เวง หงา่ งเหงง่ ! ยา่ ค่าระฆงั ขาน ฝงู ววั ควายผา้ ยลาทิวากาล ค่อยค่อยผา่ นทอ้ งทุง่ มุ่งถ่ินตน ขอ้ ใดใชโ้ วหารภาพพจน์เช่นเดียวกบั คาประพนั ธข์ า้ งตน้ ๑ หมดเอ๋ยหมดห่วง หมดดวงวญิ ญาณลาญสลาย ถึงลมเชา้ ชวยชื่นรื่นสบาย เตอื นนกแอ่นลมผายแผดสาเนียง ๒ ตวั เอ๋ยตวั ทะยาน อยา่ บนั ดาลดลใจใหใ้ ฝ่ฝัน ดูถูกกิจชาวนาสารพนั และความครอบครองกนั อนั ช่ืนบาน ๓ นกเอ๋ยนกแสก จบั จอ้ งรอ้ งแจก๊ เพียงแถกขวญั อยบู่ นยอดหอระฆงั บงั แสงจนั ทร์ มีเถาวลั ยร์ ุงรังถึงหลงั คา
๔ ทอดเอ๋ยทอดทิง้ ยามหนาวผงิ ไฟลอ้ มอยพู่ รอ้ มหนา้ ท้ิงเพอ่ื นยากแม่เหยา้ หาขา้ วปลา ทุกเวลาเชา้ เยน็ เป็นนิรนั ดร์ ๒. ตน้ เอ๋ยตน้ ไทร สูงใหญร่ ากยอ้ ยหอ้ ยระยา้ และตน้ โพธ์ิพมุ่ แจแ้ ผฉ่ ายา มีเนินหญา้ ใตต้ น้ เกลื่อนกล่นไป ลว้ นร่างคนในเขตประเทศน้ี ดุษณีนอนราย ณ ภายใต้ แห่งหลุมลึกลานสลดระทดใจ เรายง่ิ ใกลห้ ลุมน้นั ทกุ วนั เอย ความรูส้ ึกของผแู้ ต่งคาประพนั ธบ์ ทน้ีตรงกบั ขอ้ ใดมากท่สี ุด ๑ สงสาร ๒ ปลงตก ๓ ทุกขร์ ้อน ๔ หมดความหวงั ๓. ขอ้ ใดสามารถใหภ้ าพธรรมชาติยามเชา้ ไดช้ ดั เจนท่ีสุด ๑ ฝงู ววั ควายผา้ ยลาทิวากาล ค่อยคอ่ ยผา่ นทอ้ งท่งุ มุ่งถ่ินตน ๒ คอกควายววั รวั เกราะเปาะเปาะ! เพยี ง รูว้ า่ เสียงเกราะแวว่ แผว่ แผว่ เอย ๓ เขา้ กอดคอฉอเลาะเสนาะกรรณ สารพนั ทอดทงิ้ ทุกส่ิงเอย ๔ อยตู่ ามโรงมุงฟางขา้ งขา้ งน้นั ท้งั ไก่ขนั แขง่ ดุเหวา่ ระเร้าเสียง ๔. สกุลเอ๋ยสกุลสูง ชกั จูงจติ ฟูชูศกั ด์ิศรี อานาจนาความสงา่ อ่าอินทรีย์ ความงามนาใหม้ ีไมตรีกนั ความร่ารวยอวยสุขใหท้ กุ อยา่ ง เหล่าน้ีตา่ งรอตายทาลายขนั ธ์ วถิ ีแห่งเกียรติยศท้งั หมดน้นั แต่ลว้ นผนั มาประจบหลุมศพเอย ขอ้ ใดเป็นขอ้ สรุปที่ดีทสี่ ุดของกลอนบทขา้ งตน้ ๑ สมบตั ทิ ุกชิ้นตอ้ งถูกฝังลงไปในหลุมศพ ๒ ทกุ ชีวติ ลว้ นเดินทางไปสู่ความตาย ๓ คนท่ีมีเกียรติตอ้ งไปพบกนั ที่หลุมศพ ๔ อานาจทาใหบ้ ุคคลมีความสงา่ งาม ๕. ขอ้ ใดแสดงถึงระดบั ช้นั ทางสงั คม ๑ เชา้ ก็ขบั โคกระบือถือคนั ไถ สาราญใจตามเขตประเทศถิ่น ๒ ทิ้งท้งั หนูนอ้ ยนอ้ ยร่อยร่อยรับ เห็นพอ่ กลบั ปล้ืมเปรมเกษมสนั ต์ ๓ บปุ ผชาติชูสีและมีกลิ่น อยใู่ นถิ่นทีไ่ กลเช่นไพรสณฑ์ ๔ ไม่เหมือนอยา่ งบางศพญาตติ บแต่ง เครื่องแสดงเกียรตเิ ลิศประเสริฐศรี
๖. ห่วงเอ๋ยห่วงอะไร ไม่ยงิ่ ใหญ่เท่าห่วงดวงชีวติ แมค้ นลืมส่ิงใดไดส้ นิท ก็ยงั คดิ ข้นึ ไดเ้ ม่ือใกลต้ าย คาประพนั ธข์ า้ งตน้ น้ีมีส่ิงใดทีไ่ ม่คอ่ ยนิยมใชใ้ นการประพนั ธ์ ๑ ใชค้ าวา่ “ตาย” ซ่ึงเป็นคาไม่เป็นทางการ ๒ มีคาท่เี ป็นเสียงหยดุ อยทู่ า้ ยวรรค ๓ มีสมั ผสั ในอยใู่ นทุก ๆ วรรค ๔ ใชค้ าเป็นและคาตายสลบั กนั ในทกุ วรรค ๗. ขอ้ ใดคอื คุณลกั ษณะของชาวนาทผี่ เู้ ขยี นยกยอ่ งมากท่ีสุด ๑ ห่างเอ๋ยห่างไกล ห่างจากพวกมกั ใหญ่ฝักใฝ่ หา ๒ แตส่ ิ่งซ่ึงเหลวไหลใส่อาตมา ความมกั นอ้ ยชาวนาไม่นอ้ มไป ๓ เพอ่ื รักษาความสราญฐานวเิ วก ร่มช้ือเฉกหุบเขาลาเนาไศล ๔ สนั โดษดบั ฟุ้งซ่านทะยานใจ ตามวสิ ยั ชาวนาเยน็ กวา่ เอย ๘. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีใชก้ ลวธิ ีทางวรรณศลิ ป์ เพอ่ื สรา้ งอารมณ์และความรูส้ ึกมากทสี่ ุด ๑ ไม่เช่นน้นั ท่านกวเี ช่นศรีปราชญ์ นอนอนาถเล่ห์ใบไ้ ร้ภาษา หรือผกู้ ูบ้ า้ นเมืองเรืองปัญญา อาจจะมานอนจมถมดินเอย ๒ ถึงบางทมี ีบา้ งเป็นอยา่ งเลิศ ก็ไม่ฉูดฉาดเชิดประเสริฐสุนทร์ พอเตอื นใจไดบ้ า้ งในทางบญุ เป็นเครื่องหนุนนาเหตุสงั เวชเอย ๓ ใครจะยอมละทง้ิ ซ่ึงส่ิงสุข เคยเป็ นทุกขห์ ่วงใยเสียไดง้ า่ ย ใครจะยอมละแดนแสนสบาย โดยไม่ชายตาใฝ่ อาลยั เอย ๔ ความร่ารวยอวยสุขใหท้ กุ อยา่ ง เหล่าน้ีต่างรอตายทาลายขนั ธ์ วถิ ีแห่งเกียรติยศท้งั หมดน้นั แตล่ ว้ นผนั มาประจบหลุมศพเอย ๙. ดวงเอ๋ยดวงจิต ลืมสนิทกิจการงานท้งั หลาย ยอ่ มละชีพเคยสุขสนุกสบาย เคยเสียดายเคยวติ กเคยปกครอง ละถิ่นทส่ี าราญเบกิ บานจิต ซ่ึงเคยคิดใฝ่เฝา้ เป็นเจา้ ของ หมดวติ กหมดเสียดายหมดหมายปอง ไม่ผนิ หลงั เหลียวมองดว้ ยซ้าเอย บทประพนั ธข์ า้ งตน้ สะทอ้ นความเชื่อใดมากที่สุด ๑ กรรมและกิเลส ๒ อบายภมู ิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311