ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 6. เกณฑก์ าร (ต้องปรบั ปรุง) ประเมินความมุ (ดีมาก) (ด)ี (กาลังพฒั นา) มานะในการทา ไม่มีความตั้งใจและ ความเขา้ ใจ ท่ีเหมาะสม โดย ของคาตอบยงั ไมด่ ี สมเหตุสมผล และ พยายามในการทา ปัญหาและ ความเขา้ ใจปญั หา แก้ปัญหาทาง คานงึ ถึงความ พอ และตรวจสอบ ไมม่ ีการตรวจสอบ และแกป้ ญั หาทาง คณติ ศาสตร์ คณิตศาสตร์ ไมม่ ี สมเหตุสมผลของ ความถูกต้องไม่ได้ ความถกู ตอ้ ง ความอดทนและ 7. เกณฑก์ าร ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค ประเมินความ คาตอบพรอ้ มทัง้ จนทาให้แกป้ ญั หา มงุ่ ม่นั ในการ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางาน ตรวจสอบความ ไม่สาเร็จ ถกู ต้องได้ มคี วามมุ่งมน่ั ในการ ทางานแตไ่ ม่มคี วาม มคี วามตัง้ ใจและ มีความตงั้ ใจและ มคี วามตง้ั ใจและ รอบคอบ สง่ ผลให้ งานไม่ประสบ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ผลสาเร็จอยา่ งท่ี ควร ความเข้าใจปัญหา ความเขา้ ใจปัญหา ความเขา้ ใจปัญหา และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง คณติ ศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มคี วามอดทนและ ท้อแท้ต่ออุปสรรค ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค ท้อแท้ต่ออปุ สรรค จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาให้แก้ปัญหา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไมส่ าเรจ็ เลก็ น้อย ไม่สาเรจ็ เปน็ สว่ น ใหญ่ มคี วามมุ่งม่ันใน มีความมงุ่ มัน่ ในการ มีความม่งุ มั่นในการ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ เรียบร้อย ครบถ้วน เรยี บรอ้ ยส่วนใหญ่ เรียบร้อยสว่ นน้อย สมบูรณ์ 10. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 10.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ..................
นกั เรียนนีไ่ ม่ผา่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นทไ่ี ม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกดิ ทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรยี นมคี ณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
ภาคผนวก 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล (ทักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร)์ 2. แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล (คูณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์) 3. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล (ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์) มคี วาม ท่ี ชื่อ – สกลุ มคี วาม สามารถใน มคี วาม มีความ มคี วาม รวม สามารถในกา การส่อื สาร สามารถใน สามารถใน สามารถใน สอ่ื ความ การเชอื่ มโยง การใหเ้ หตผุ ล การคดิ 20 แก้ปัญหา หมายทาง สรา้ งสรรค์ คะแนน คณิตศาสตร์ 43214321432143214321
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง = ปรับปรุง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 16 - 20 ดีมาก 11 - 15 ดี 6 - 10 พอใช้ 1-5 ปรบั ปรุง ลงชือ่ .......................................................ผูป้ ระเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล (คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์) มคี วามมมุ านะใน ท่ี ชื่อ – สกุล การทาความเข้าใจ มีความมุ่งมัน่ ใน รวม ปัญหาและ การทางาน 8 คะแนน แกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ 43214321
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ = ดมี าก ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้งั = ปรับปรงุ ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 7-8 ดีมาก 5-6 ดี 3-4 พอใช้ 1-2 ปรับปรงุ ลงช่อื .......................................................ผู้ประเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ กลุ่มที่.................................................. สมาชิกของกลุ่ม 1. ................................................................................................................... 2. .................................................................................................................. 3. .................................................................................................................. 4. .................................................................................................................. 5. .................................................................................................................. 6. .................................................................................................................. ลาดบั พฤตกิ รรม คุณภาพการปฏบิ ตั ิ ที่ 4 3 21 1 มีสว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเห็น 2 มคี วามกระตือรือรน้ ในการทางาน 3 รบั ผิดชอบในงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 มีข้ันตอนในการทางานอย่างเป็นระบบ 5 ใชเ้ วลาในการทางานอยา่ งเหมาะสม รวม ลงชื่อ.......................................................ผู้ประเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................
เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง้ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครงั้ = ปรับปรุง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 17-20 ดมี าก 13-16 ดี 9-12 พอใช้ 5-8 ปรับปรงุ
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 34 สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ รายวชิ า คณติ ศาสตรพ์ น้ื ฐาน รหัสวิชา ค 21102 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 กราฟและความสัมพนั ธเ์ ชิงเสน้ เร่ือง คอู่ นั ดับ เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ท่ี............. เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครผู ู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.3 ใช้นิพจนส์ มการ และอสมการ อธบิ ายความสัมพันธ์หรอื ช่วยปญั หาทีก่ าหนดให้ 2. ตวั ช้ีวัดชนั้ ปี 1. เข้าใจและใช้ความร้เู ก่ียวกับกราฟในการแก้ปญั หาคณิตศาสตร์และ ปัญหาในชีวติ จรงิ ( ค 1.3 ม.1/2) 2. เขา้ ใจและใชค้ วามรเู้ กี่ยวกบั ความสมั พันธ์เชิงเส้นในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และปญั หาในชวี ติ จริง ( ค 1.3 ม.1/3) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. เขยี นกราฟของคอู่ นั ดบั ท่ีกาหนดให้บนระนาบในระบบพกิ ดั ฉาก (K) 2. อ่านคอู่ ันดบั ของจดุ บนกราฟ (K) 3. มีความสามารถในการสือ่ สาร ส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 4. มีความมุมานะในการทาความเข้าใจปญั หาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 5. มคี วามมงุ่ มน่ั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. มคี วามสามารถในการส่ือสาร 2. มคี วามสามารถในการแก้ปัญหา 3. มีความสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์
5. สาระสาคญั 1) สัญลักษณ์ (a,b) เม่อื a และ b แทนจานวนใด ๆ ในที่น้ีจะเรียกวา่ คูอ่ ันดับ อ่านวา่ “คอู่ ันดบั เอ บี” โดยท่มี ี a เป็นสมาชิกตัวที่หนงึ่ ของคู่อนั ดับ และ b เป็นสมาชกิ ตวั ท่ีสองของคู่อนั ดับ 2) การสลับตาแหนง่ ระหว่างสมาชิกตวั ทห่ี นง่ึ และสมาชิกตวั ทีส่ องของคู่อนั ดบั ทาใหไ้ ด้คู่อนั ดับที่ แตกต่างจากเดมิ และมีความหมายเปล่ยี นไป 6. สาระการเรียนรู้ คู่อันดับ 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครสู นทนากับนกั เรียนเกี่ยวกับสง่ิ ของทีม่ ีเป็นคู่ แลว้ ใหน้ ักเรยี นจับคู่ส่งิ ที่เป็นคูก่ นั เช่น พอ่ -แม,่ โต๊ะ-เกา้ อี้ , ลงุ -ป้า ฯลฯ 2. ครอู ธิบายเกย่ี วกบั ความหมายของคูอ่ นั ดับว่า เปน็ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมาชกิ ของกล่มุ สองกลุ่ม เขยี นแทนดว้ ยสญั ลกั ษณ์ที่แสดงการจับค่รู ะหว่างสมาชกิ ของกลุ่มสองกลุ่มที่มีความสัมพนั ธก์ ันภายใตเ้ งื่อนไข หรอื ข้อตกลง 1) สัญลักษณ์ (a,b) เมอ่ื a และ b แทนจานวนใด ๆ ในท่ีนีจ้ ะเรียกวา่ คอู่ ันดับ อ่านว่า “คูอ่ ันดับเอบ”ี โดยท่ีมี a เปน็ สมาชกิ ตัวทห่ี นงึ่ ของคู่อนั ดับ และ b เปน็ สมาชิกตัวทสี่ องของคู่ อันดับ 2) การสลับตาแหน่งระหว่างสมาชกิ ตวั ที่หนึง่ และสมาชิกตวั ที่สองของคู่อนั ดบั ทาใหไ้ ดค้ ู่ อันดบั ท่แี ตกต่างจากเดิมและมคี วามหมายเปลี่ยนไป 3. ครยู กตัวอยา่ งตารางและแผนภาพ แสดงการจับคขู่ องสมาชิกกลุม่ หนง่ึ กับสมาชกิ ของอีกกลุม่ หน่ึง ใหน้ กั เรยี นดู นา้ หนักของ 1 2 3 45 มงั คดุ ราคา (บาท) 25 50 75 100 125
จากตารางขา้ งต้น นามาเขยี นเปน็ แผนภาพแสดงการจบั คูก่ ันระหว่างนา้ หนกั ของมงั คุดกบั ราคามงั คุด ได้ดงั นี้ 1 25 2 50 3 75 4 100 ครูอธิบายว่า ใน5ทางคณติ ศาสตร์นยิ มใช้สญั ลกั ษ1ณ2์แ5สดงการจับคู่ข้างต้น ดังนี้ (1,25) (2,50) (3,75) (4,100) (5,125) สญั ลกั ษณ์ (1,25) อ่านวา่ คอู่ ันดับหน่ึง ยสี่ บิ หา้ โดยเรยี ก 1 วา่ สมาชกิ ตวั ท่ีหนง่ึ และเรยี ก 25 วา่ สมาชิกตัวทส่ี องของ (1,25) 4. ครูแบง่ นักเรียนเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน และแจกแบบฝึกทักษะที่ 3.1 เร่ืองคอู่ ันดบั ให้นักเรยี น ทุกคนลงมือทาแบบฝึกทักษะ 5. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ประเดน็ สาคญั เกยี่ วกบั เร่อื ง คู่อันดบั 6. ครูถามเกย่ี วกบั เร่ือง คอู่ ันดับ เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยซักถามถึงกรณี (1, 20) และ (20, 1) วา่ มีความหมายเหมือนกันหรอื ตา่ งกนั หรอื ไม่ 8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียน 2. แบบฝึกหัด 3. แบบฝึกทกั ษะท่ี 3.1 เรอ่ื งคูอ่ ันดับ
9. การวดั และประเมนิ ผล เครอื่ งมือ เกณฑ์ แบบฝกึ ทักษะและแบบฝกึ หัด ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 9.1 การวัดผล แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ วธิ ีการ รายบคุ คล ตรวจแบบฝกึ ทกั ษะและแบบฝกึ หัด สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน รายบุคคล 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ 4 32 1 1. เกณฑก์ าร (ดมี าก) (ต้องปรับปรงุ ) ประเมินการฝกึ ทาแบบทดสอบได้ (ดี) (กาลงั พัฒนา) ทาแบบทดสอบได้ ทกั ษะและ อย่างถูกตอ้ งร้อย อยา่ งถกู ตอ้ งตา่ กวา่ แบบฝกึ หดั ละ 90 ข้นึ ไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑก์ าร ประเมนิ ความ ใช้รูป ภาษา และ อยา่ งถูกตอ้ งร้อยละ อย่างถกู ต้องร้อยละ ใช้รูป ภาษา และ สามารถในการ สัญลกั ษณท์ าง สญั ลักษณ์ทาง สอื่ สาร สอื่ คณิตศาสตร์ในการ 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง สอื่ สาร สื่อสาร คณติ ศาสตร์ สื่อความหมาย ใช้รูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ สอ่ื ความหมาย สรุปผล และ สญั ลักษณ์ทาง สัญลักษณท์ าง สรปุ ผล และ นาเสนอไดอ้ ยา่ ง คณิตศาสตร์ในการ คณิตศาสตรใ์ นการ นาเสนอไมไ่ ด้ ถูกต้อง ชัดเจน สอื่ สาร ส่ือสาร ส่ือความหมาย สื่อความหมาย ไม่มีความตง้ั ใจและ 3. เกณฑก์ าร มคี วามตัง้ ใจและ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ พยายามในการทา ประเมนิ ความมุ พยายามในการทา นาเสนอไดถ้ ูกต้อง นาเสนอได้ถูกต้อง ความเข้าใจปัญหา มานะในการทา ความเข้าใจปัญหา แตข่ าดรายละเอียด บางส่วน และแกป้ ัญหาทาง ความเข้าใจ และแก้ปัญหาทาง ทสี่ มบรู ณ์ คณติ ศาสตร์ ไม่มี ปญั หาและ คณติ ศาสตร์ มี มคี วามตงั้ ใจและ มคี วามตง้ั ใจและ ความอดทนและ แกป้ ญั หาทาง ความอดทนและไม่ พยายามในการทา พยายามในการทา ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค คณติ ศาสตร์ ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา จนทาให้แกป้ ญั หา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา และแก้ปัญหาทาง และแกป้ ญั หาทาง คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาให้แกป้ ัญหา
ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 4. เกณฑ์การ ประเมนิ ความ (ดีมาก) (ดี) (กาลังพฒั นา) (ต้องปรบั ปรุง) มุง่ ม่นั ในการ ทางาน ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเร็จ ไม่สาเร็จเลก็ น้อย ไมส่ าเรจ็ เปน็ ส่วน ไม่สาเร็จ ใหญ่ มีความม่งุ ม่นั ใน มีความม่งุ ม่นั ในการ มีความมุ่งม่นั ในการ มคี วามมงุ่ ม่นั ในการ การทางานอย่าง ทางานอย่าง ทางานอย่าง ทางานแต่ไม่มคี วาม รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ งานไม่ประสบ เรียบร้อย ครบถ้วน เรียบรอ้ ยส่วนใหญ่ เรียบร้อยส่วนน้อย ผลสาเร็จอยา่ งท่ี สมบรู ณ์ ควร 10. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจานวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู.้ .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นร้.ู .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นักเรยี นนี่ไม่ผ่าน มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรียนมีความรู้ความเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรยี นเกดิ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
4. นักเรยี นมีคณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ ผู้ท่ีได้รับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเน้ือหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................
4. ความเหมาะสมของส่อื ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 35 สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ รายวิชา คณติ ศาสตรพ์ น้ื ฐาน รหัสวชิ า ค 21102 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 กราฟและความสัมพันธ์เชงิ เสน้ เรอื่ ง กราฟ เวลา 1 ชั่วโมง วันท่.ี ............ เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครผู ู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.3 ใชน้ พิ จนส์ มการ และอสมการ อธบิ ายความสัมพันธ์หรอื ช่วยปัญหาทก่ี าหนดให้ 2. ตวั ช้วี ัดชน้ั ปี 1. เขา้ ใจและใชค้ วามรเู้ กยี่ วกับกราฟในการแก้ปญั หาคณิตศาสตร์และ ปัญหาในชีวิตจริง ( ค 1.3 ม.1/2) 2. เขา้ ใจและใช้ความร้เู กี่ยวกับความสมั พันธ์เชิงเส้นในการแก้ปัญหาคณติ ศาสตร์และปัญหาในชวี ติ จรงิ ( ค 1.3 ม.1/3) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. เขยี นกราฟของคูอ่ นั ดบั ที่กาหนดให้บนระนาบในระบบพกิ ดั ฉาก (K) 2. อ่านคู่อันดับของจดุ บนกราฟ (K) 3. มคี วามสามารถในการส่ือสาร สอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 4. มีความมุมานะในการทาความเข้าใจปญั หาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 5. มีความม่งุ มนั่ ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. มีความสามารถในการส่อื สาร 2. มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา 3. มคี วามสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์
5. สาระสาคญั 1) ความสัมพนั ธ์ระหว่างปรมิ าณสองปริมาณ เชน่ ระยะทางท่โี ดยสานรถประจาทางกบั ค่าโดยสาร ระยะทางที่ใช้ในการเดนิ ทางกบั เวลา ปริมาณของนา้ ประปาทใี่ ชก้ บั ราคาค่านา้ เราสามารถเขยี นแสดง ความสัมพันธ์เหลา่ น้ีในรปู ตาราง แผนภาพ คู่อนั ดบั รวมทงั้ การแสดงในรปู อ่นื ๆ 2) จุดท่ีเสน้ จานวนท้ังสองตัดกัน เรียก จุดกาเนิด แทนดว้ ย O เสน้ จานวนในแนวนอน เรียกว่า แกน นอน หรือแกน X และเส้นจานวนในแนวตัง้ เรยี กว่า แกนตง้ั หรอื แกน Y 3) แกน X และ แกน Y อยู่บนระนาบเดียวกัน และแบ่งระนาบออกเปน็ สสี่ ว่ น เรยี กแต่ละส่วนว่า จตุ ภาค โดยกาหนดให้เปน็ จตภุ าคที่ 1 จตภุ าคที่ 2 จตภุ าคท่ี 3 และจตภุ าค 4 4) ระบบทแี่ สดงตาแหนง่ ของจดุ ตา่ ง ๆ บนระนาบดงั กล่าวดงั กลา่ วน้ี เรยี กวา่ ระบบพิกัดฉาก 5) คู่อันดับแต่ละคอู่ นั ดบั แทนไดด้ ว้ ยจดุ บนระนาบ เรยี กจดุ น้ีว่า กราฟของคูอ่ นั ดบั 6) ถา้ P เป็นจดุ จุดหนงึ่ บนระนาบท่เี ปน็ กราฟ (x , y) จะกลา่ วว่า จุด P มีพิกดั เป็น ( x , y ) โดย x เป็นพกิ ัดทหี่ นง่ึ และ y เปน็ พิกดั ที่สอง และอาจเขียนแทนพกิ ดั ของจดุ P ( x , y ) 6. สาระการเรียนรู้ กราฟ 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครูทบทวนการเขียนคู่อนั ดับโดยยกตวั อย่างแผนภาพและตารางแสดงขอ้ มลู ใหน้ ักเรยี นร่วมกันทา และบอกหลักการเขียนคอู่ ันดับทถ่ี กู ต้อง 2. ครูนาเสนอการใช้กราฟแสดงความสัมพนั ธ์ ดงั นี้ 1) ความสัมพันธ์ระหวา่ งปรมิ าณสองปรมิ าณ เช่น ระยะทางทีโ่ ดยสานรถประจาทางกับคา่ โดยสาร ระยะทางท่ีใช้ในการเดนิ ทางกบั เวลา ปริมาณของนา้ ประปาทใ่ี ช้กบั ราคาค่าน้า เราสามารถ เขยี นแสดงความสัมพนั ธ์เหล่าน้ีในรูปตาราง แผนภาพ ค่อู ันดบั รวมทั้งการแสดงในรปู อ่นื ๆ 2) จดุ ท่ีเส้นจานวนท้งั สองตัดกัน เรยี ก จดุ กาเนิด แทนดว้ ย O เส้นจานวนในแนวนอน เรยี กว่า แกนนอน หรือแกน X และเส้นจานวนในแนวตงั้ เรียกว่า แกนต้ัง หรือ แกน Y ดงั รปู ท่ี 3.1 และ รปู ท่ี 3.2 ในหนังสือเรยี นหน้า 135 3. ครอู ธิบายเกย่ี วกับจตุภาค ดังนี้ จดุ ทีเ่ สน้ จานวนทัง้ สองตัดกนั เรียก จุดกาเนดิ แทนดว้ ย O เส้น จานวนในแนวนอน เรียกว่า แกนนอน หรือแกน X และเส้นจานวนในแนวต้งั เรยี กว่า แกนต้งั หรอื แกน Y ดัง รูป ในหนงั สอื เรยี นหน้า 135
4. ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ เก่ียวกบั กราฟ ดังนี้ - ระบบทแ่ี สดงตาแหนง่ ของจดุ ต่าง ๆ บนระนาบดงั กล่าวดงั กลา่ วน้ี เรียกวา่ ระบบพกิ ดั ฉาก - คู่อันดับแตล่ ะคู่อันดับแทนได้ดว้ ยจุดบนระนาบ เรียกจุดนว้ี า่ กราฟของคู่อันดบั ดงั รูปท่ี 1 และ 2 ในหนงั สือเรียนหนา้ 136 5. ถ้า P เปน็ จดุ จุดหน่ึงบนระนาบทเ่ี ป็นกราฟ (x , y) จะกล่าวว่า จุด P มพี กิ ดั เปน็ ( x , y ) โดย x เปน็ พิกดั ท่ีหนึ่ง และ y เปน็ พิกดั ท่ีสอง และอาจเขียนแทนพิกัดของจุด P ( x , y ) 6. ครูแบง่ นักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ศกึ ษาตัวอย่าง ที่ 1 – 3 ในหนงั สอื เรียนหนา้ 137 – 138 แล้วให้นักเรียนชว่ ยกันทาแบบฝกึ ทกั ษะท่ี 3.2 เร่อื งกราฟ 7. เม่อื ทาแบบฝึกทักษะเสร็จแล้ว ครสู ่มุ เรยี กนกั เรียนในแต่ละกลุ่มออกไปเฉลยคาตอบในแต่ละขอ้ หรืออาจจะรว่ มกันเฉลยทง้ั ช้นั เรียน 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรปุ ความรู้เกีย่ วกับ กราฟของคูอ่ ันดบั บนระบบพิกดั ฉาก อกี คร้งั 9. ครใู หน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั หน้า 3.1 ในหนงั สือเรยี น 8. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี น 2. แบบฝกึ หัด 3. แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 3.2 เรือ่ งกราฟ 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดผล วธิ ีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ ทักษะและแบบฝึกหัด แบบฝึกทกั ษะและแบบฝกึ หัด ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทางาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล รายบุคคล สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน รายกลมุ่
9.2 การประเมินผล ประเด็นการ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ประเมนิ (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรับปรงุ ) (ด)ี (กาลงั พฒั นา) 1. เกณฑ์การ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ประเมินการฝึก อย่างถกู ตอ้ งร้อย อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ยละ อย่างถกู ตอ้ งร้อยละ อยา่ งถูกต้องต่ากว่า ทกั ษะและ ละ 90 ขนึ้ ไป 80 - 89 60 - 79 ร้อยละ 60 แบบฝกึ หัด 2. เกณฑ์การ ใช้รูป ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ประเมนิ ความ สัญลักษณ์ทาง สญั ลักษณท์ าง สญั ลักษณท์ าง สัญลกั ษณท์ าง สามารถในการ คณติ ศาสตร์ในการ คณิตศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตร์ในการ สอ่ื สาร สื่อ สอ่ื สาร สอ่ื สาร สอ่ื สาร สอ่ื สาร ความหมายทาง ส่อื ความหมาย สื่อความหมาย ส่ือความหมาย ส่อื ความหมาย คณิตศาสตร์ สรุปผล และ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ นาเสนอได้อย่าง นาเสนอไดถ้ ูกต้อง นาเสนอไดถ้ กู ต้อง นาเสนอไม่ได้ ถกู ตอ้ ง ชดั เจน แต่ขาดรายละเอยี ด บางสว่ น ที่สมบูรณ์ 3. เกณฑ์การ มคี วามต้งั ใจและ มีความตง้ั ใจและ มคี วามตัง้ ใจและ ไม่มีความตง้ั ใจและ ประเมนิ ความมุ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา มานะในการทา ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจปัญหา ความเขา้ ใจ และแก้ปญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง และแก้ปัญหาทาง ปญั หาและ คณติ ศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ ไมม่ ี แก้ปัญหาทาง ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มคี วามอดทนและ ความอดทนและ คณติ ศาสตร์ ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรค ท้อแท้ต่ออปุ สรรค จนทาใหแ้ ก้ปัญหา จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาให้แก้ปญั หา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ สาเรจ็ ไม่สาเร็จเล็กน้อย ไมส่ าเรจ็ เป็นสว่ น ไมส่ าเรจ็ ใหญ่ 4. เกณฑ์การ มคี วามมุง่ ม่นั ใน มคี วามม่งุ ม่ันในการ มคี วามม่งุ มน่ั ในการ มีความมงุ่ มัน่ ในการ ประเมนิ ความ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานแตไ่ ม่มีความ มุ่งม่ันในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ทางาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ งานไมป่ ระสบ เรยี บร้อยสว่ นใหญ่ เรียบรอ้ ยส่วนนอ้ ย
ประเด็นการ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ประเมนิ (ดมี าก) 32 (ต้องปรบั ปรุง) เรยี บรอ้ ย ครบถว้ น (ด)ี (กาลังพฒั นา) ผลสาเรจ็ อย่างที่ สมบรู ณ์ ควร 10. บนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้......................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้.ู .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นน่ีไมผ่ า่ น มดี งั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไี่ ม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรยี นเกิดทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมคี ุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................
10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ ผูท้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................
5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 36 สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตร์พนื้ ฐาน รหัสวิชา ค 21102 ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 กราฟและความสมั พันธเ์ ชงิ เสน้ เร่ือง การเขียนกราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปรมิ าณสองปรมิ าณ เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ท่ี............. เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครูผู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.3 ใชน้ พิ จน์สมการ และอสมการ อธบิ ายความสมั พันธห์ รือช่วยปัญหาท่ีกาหนดให้ 2. ตัวช้วี ัดชั้นปี 1. เขา้ ใจและใช้ความรู้เกี่ยวกบั กราฟในการแก้ปญั หาคณิตศาสตรแ์ ละ ปญั หาในชีวติ จรงิ ( ค 1.3 ม.1/2) 2. เขา้ ใจและใช้ความรเู้ กย่ี วกับความสมั พันธเ์ ชิงเส้นในการแกป้ ญั หาคณติ ศาสตร์และปญั หาในชีวิต จรงิ ( ค 1.3 ม.1/3) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นสามารถอ่านและแปลความหมายของกราฟที่กาหนดให้ และนาไปใช้แก้ปญั หา (K) 2. มคี วามสามารถในเชื่อมโยงความรู้ทางคณติ ศาสตร์ (P) 3. มีความสามารถในการสื่อสาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 4. มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หา (P) 5. มคี วามสามารถในการใหเ้ หตผุ ล (P) 6. มีความมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มีความม่งุ มั่นในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. มีความสามารถในการสือ่ สาร 2. มีความสามารถในการแก้ปัญหา 3. มีความสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์
5. สาระสาคญั ความสมั พันธร์ ะหวา่ งปรมิ าณสองปรมิ าณ เราสามารถแสดงความสมั พันธไ์ ด้โดยใช้กราฟของคู่อันดบั และเมือ่ มีกราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหวา่ งปริมาณสองปรมิ าณ เราสามารถหาพกิ ัดของจดุ ที่อยู่บนกราฟนน้ั ได้ 6. สาระการเรยี นรู้ การเขยี นกราฟแสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปรมิ าณสองปริมาณ 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครทู บทวนการเขียนคู่อันดับโดยยกตวั อย่างแผนภาพและตารางแสดงข้อมูล ให้นักเรียนร่วมกันทา และบอกหลักการเขยี นคูอ่ นั ดับทีถ่ กู ตอ้ ง 2. ครูใหน้ ักเรียนศกึ ษาการเขียนกราฟแสดงความเก่ียวขอ้ งปรมิ าณสองชุดจากหนงั สือเรยี น ให้ นกั เรยี นดูตัวอย่างท่ี 1 – ตวั อยา่ งที่ 4 โดยครจู ะต้ังคาถามว่า การเขยี นกราฟในกรณีใดลงเพียงจดุ คู่อนั ดบั เท่านนั้ และในกรณใี ดต้องลากเสน้ เชอ่ื มจดุ ดว้ ย 3. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน ให้แต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ทาแบบฝกึ ทกั ษะท่ี 3.3 เรอ่ื งการ เขยี นกราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหวา่ งปริมาณสองปริมาณ 4. ครแู ละนักเรียนร่วมกันเฉลยคาตอบของแบบฝึกทักษะ โดยครูสมุ่ เรยี กแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอ กราฟท่ีกล่มุ ตนเขียนในแบบฝึกทักษะท่ี 3.3 ท่ีหนา้ ช้นั เรียน จนครบทุกกลมุ่ 5. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ สาระเก่ียวกับการเขียนกราฟ ดังน้ี ความสมั พันธ์ระหวา่ งปริมาณสองปริมาณ เราสามารถแสดงความสมั พันธไ์ ดโ้ ดยใช้กราฟของ คู่อันดบั และเมื่อมีกราฟแสดงความสมั พันธ์ระหว่างปริมาณสองปริมาณ เราสามารถหาพิกดั ของจดุ ที่อยู่บน กราฟนน้ั ได้ 8. สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน 2. แบบฝึกหัด 3. แบบฝึกทักษะที่ 3.3 เรื่องการเขยี นกราฟแสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปรมิ าณสองปริมาณ
9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธกี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกทกั ษะและแบบฝกึ หัด แบบฝกึ ทกั ษะและแบบฝกึ หัด ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล รายบคุ คล สงั เกตพฤติกรรมการทางานรายกลมุ่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน รายกลุม่ 9.2 การประเมนิ ผล ประเดน็ การ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ประเมนิ (ดมี าก) 32 (ต้องปรบั ปรุง) (ดี) (กาลงั พฒั นา) ทาแบบทดสอบได้ อย่างถกู ต้องต่ากว่า 1. เกณฑก์ าร ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ร้อยละ 60 ประเมนิ การฝึก อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ย อย่างถกู ต้องร้อยละ อย่างถูกต้องรอ้ ยละ ใช้รปู ภาษา และ สัญลักษณ์ทาง ทักษะและ ละ 90 ขึ้นไป 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตรใ์ นการ ส่อื สาร แบบฝึกหดั สื่อความหมาย สรุปผล และ 2. เกณฑ์การ ใชร้ ูป ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมินความ สญั ลกั ษณท์ าง สญั ลักษณ์ทาง สัญลักษณท์ าง ใช้ความรู้ทาง คณิตศาสตร์เป็น สามารถในการ คณติ ศาสตร์ในการ คณิตศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตรใ์ นการ เครือ่ งมอื ในการ เรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ ส่ือสาร สื่อ ส่อื สาร สอ่ื สาร สือ่ สาร เนื้อหาต่าง ๆ หรอื ความหมายทาง ส่อื ความหมาย สอ่ื ความหมาย สือ่ ความหมาย คณิตศาสตร์ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ นาเสนอได้อยา่ ง นาเสนอได้ถูกตอ้ ง นาเสนอได้ถกู ต้อง ถูกตอ้ ง ชดั เจน แตข่ าดรายละเอยี ด บางสว่ น ทส่ี มบรู ณ์ 3. เกณฑก์ าร ใช้ความรู้ทาง ใชค้ วามรทู้ าง ใช้ความรทู้ าง ประเมินความ คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เป็น คณิตศาสตร์เป็น สามารถในการ เครอ่ื งมอื ในการ เคร่ืองมอื ในการ เครื่องมอื ในการ เช่อื มโยง เรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ เรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เนอ้ื หาต่าง ๆ หรอื เนือ้ หาต่าง ๆ หรอื เนอ้ื หาต่าง ๆ หรอื ศาสตร์อื่น ๆ และ ศาสตรอ์ ื่น ๆ และ
ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมิน 43 2 1 4. เกณฑก์ าร (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ประเมนิ ความ (ดมี าก) (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ศาสตร์อนื่ ๆ และ สามารถในการ นาไปใชใ้ นชีวิตจริง ใหเ้ หตุผล นาไปใช้ในชีวติ จรงิ นาไปใช้ในชวี ติ จริง ศาสตร์อื่น ๆ และ 5. เกณฑก์ าร มคี วามพยายาม ประเมนิ ความ ได้อย่างสอดคล้อง ได้บางส่วน นาไปใชใ้ นชีวติ จริง เสนอแนวคิด สามารถในการ ประกอบการ แกป้ ญั หา เหมาะสม ตดั สนิ ใจ ทาความเขา้ ใจ 6. เกณฑ์การ มีการอา้ งองิ เสนอ มกี ารอา้ งองิ ถกู ตอ้ ง เสนอแนวคิดไม่ ปญั หา คิดวิเคราะห์ ประเมนิ ความมุ มรี อ่ งรอยของการ มานะในการทา แนวคดิ ประกอบ บางส่วนและ เสนอ สมเหตุสมผลใน วางแผนแกป้ ัญหา ความเข้าใจ แตไ่ ม่สาเรจ็ ปัญหาและ การตดั สนิ ใจอย่าง แนวคดิ ประกอบ การประกอบ แก้ปัญหาทาง ไมม่ คี วามตัง้ ใจและ คณติ ศาสตร์ สมเหตุสมผล การตัดสนิ ใจ การตดั สนิ ใจ พยายามในการทา ความเข้าใจปัญหา ทาความเขา้ ใจ ทาความเข้าใจ ทาความเขา้ ใจ และแกป้ ญั หาทาง คณติ ศาสตร์ ไม่มี ปัญหา คิด ปญั หา คิดวเิ คราะห์ ปญั หา คิดวิเคราะห์ ความอดทนและ ท้อแท้ต่ออปุ สรรค วเิ คราะห์ วางแผน วางแผนแกป้ ัญหา วางแผนแก้ปัญหา จนทาให้แกป้ ญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ แก้ปัญหา และเลอื กใชว้ ิธีการ และเลอื กใช้วธิ กี าร ไมส่ าเรจ็ และเลอื กใชว้ ธิ กี าร ที่เหมาะสม แต่ ได้บางสว่ น คาตอบ ทเ่ี หมาะสม โดย ความสมเหตสุ มผล ที่ได้ยังไมม่ คี วาม คานึงถงึ ความ ของคาตอบยังไม่ดี สมเหตุสมผล และ สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไม่มีการตรวจสอบ คาตอบพร้อมทั้ง ความถกู ตอ้ งไมไ่ ด้ ความถกู ตอ้ ง ตรวจสอบความ ถกู ต้องได้ มคี วามต้ังใจและ มีความตัง้ ใจและ มีความต้งั ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเข้าใจปัญหา ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา และแก้ปญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง คณิตศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรค ท้อแทต้ ่ออุปสรรค ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาใหแ้ ก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไม่สาเรจ็ เล็กน้อย ไม่สาเร็จเป็นสว่ น ใหญ่
ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 7. เกณฑ์การ ประเมินความ (ดีมาก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) (ต้องปรับปรงุ ) ม่งุ มั่นในการ ทางาน มีความมุ่งมนั่ ใน มคี วามมงุ่ ม่นั ในการ มคี วามมงุ่ มนั่ ในการ มีความม่งุ มัน่ ในการ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานแตไ่ ม่มีความ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ งานไม่ประสบ เรียบร้อย ครบถ้วน เรยี บรอ้ ยส่วนใหญ่ เรยี บรอ้ ยส่วนน้อย ผลสาเร็จอยา่ งท่ี สมบูรณ์ ควร 10. บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นักเรยี นนไ่ี ม่ผา่ น มดี ังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนที่ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรยี นเกิดทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมีคณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
10.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเหน็ ของหวั หน้าสถานศกึ ษา/ ผ้ทู ไี่ ด้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของส่อื ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................
5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 37 สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตรพ์ น้ื ฐาน รหสั วิชา ค 21102 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2562 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 กราฟและความสมั พันธเ์ ชงิ เส้น เร่ือง การเขียนกราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหว่างปรมิ าณสองปริมาณ (2) เวลา 1 ชว่ั โมง วันที.่ ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผสู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.3 ใชน้ พิ จนส์ มการ และอสมการ อธบิ ายความสัมพนั ธห์ รือชว่ ยปัญหาทีก่ าหนดให้ 2. ตวั ช้วี ัดช้นั ปี 1. เข้าใจและใชค้ วามร้เู กย่ี วกบั กราฟในการแกป้ ัญหาคณิตศาสตร์และ ปญั หาในชีวติ จรงิ ( ค 1.3 ม.1/2) 2. เข้าใจและใช้ความรู้เกย่ี วกบั ความสมั พันธ์เชิงเส้นในการแก้ปญั หาคณติ ศาสตร์และปัญหาในชวี ิต จริง ( ค 1.3 ม.1/3) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรียนสามารถอ่านและแปลความหมายของกราฟทกี่ าหนดให้ และนาไปใช้แก้ปญั หา (K) 2. มคี วามสามารถในเชอ่ื มโยงความรู้ทางคณติ ศาสตร์ (P) 3. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร สื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 4. มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา (P) 5. มคี วามสามารถในการให้เหตผุ ล (P) 6. มีความมุมานะในการทาความเข้าใจปัญหาและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มคี วามมุ่งมน่ั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. มคี วามสามารถในการสือ่ สาร 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มคี วามสามารถในการคิดสร้างสรรค์
5. สาระสาคัญ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งปริมาณสองปรมิ าณ เราสามารถแสดงความสัมพันธไ์ ด้โดยใชก้ ราฟของค่อู ันดบั และเม่ือมกี ราฟแสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งปริมาณสองปริมาณ เราสามารถหาพกิ ัดของจดุ ท่อี ยบู่ นกราฟน้ันได้ 6. สาระการเรยี นรู้ การเขยี นกราฟแสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งปริมาณสองปรมิ าณ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครทู บทวนการเขยี นคอู่ ันดับโดยยกตัวอย่างแผนภาพและตารางแสดงขอ้ มูล ใหน้ ักเรียนรว่ มกนั ทา และบอกหลกั การเขยี นคอู่ ันดบั ท่ีถกู ต้อง 2. ครใู ห้นักเรียนศึกษาการเขียนกราฟแสดงความเกย่ี วข้องปริมาณสองชุดจากหนังสอื เรียน ให้ นักเรียนดูตัวอย่างที่ 1 – ตัวอย่างที่ 4 โดยครูจะตั้งคาถามวา่ การเขียนกราฟในกรณีใดลงเพยี งจดุ คู่อนั ดับ เทา่ น้ัน และในกรณใี ดตอ้ งลากเส้นเช่อื มจุดด้วย 3. ครูแบ่งนกั เรยี นเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน ให้แต่ละกล่มุ ร่วมกนั ทาแบบฝึกหัดท่ี 3.2 ก ในหนงั สือ เรียนหนา้ 152 4. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยคาตอบของแบบฝึกหัดท่ี 3.2 ก โดยครสู ุ่มเรียกแตล่ ะกลุ่มออกมา นาเสนอกราฟท่กี ลมุ่ ตนเขียนในแบบฝึกหดั ที่ 3.2 ทห่ี น้าช้ันเรียน จนครบทุกกลุม่ 5. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปสาระเก่ยี วกบั การเขยี นกราฟ ดงั นี้ ความสัมพันธร์ ะหว่างปรมิ าณสองปริมาณ เราสามารถแสดงความสมั พนั ธ์ได้โดยใช้กราฟของ คู่อนั ดับ และเม่อื มกี ราฟแสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งปรมิ าณสองปรมิ าณ เราสามารถหาพิกัดของจุดท่ีอยู่บน กราฟน้ันได้ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี น 2. แบบฝึกหัด
9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธกี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกทกั ษะและแบบฝกึ หัด แบบฝกึ ทกั ษะและแบบฝกึ หัด ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล รายบคุ คล สงั เกตพฤติกรรมการทางานรายกลมุ่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน รายกลุม่ 9.2 การประเมนิ ผล ประเดน็ การ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ประเมนิ (ดมี าก) 32 (ตอ้ งปรบั ปรุง) (ดี) (กาลงั พฒั นา) ทาแบบทดสอบได้ อย่างถกู ต้องต่ากว่า 1. เกณฑก์ าร ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ร้อยละ 60 ประเมนิ การฝึก อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ย อย่างถกู ต้องร้อยละ อย่างถูกตอ้ งร้อยละ ใช้รปู ภาษา และ สัญลักษณ์ทาง ทักษะและ ละ 90 ขึ้นไป 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตรใ์ นการ ส่อื สาร แบบฝกึ หดั สื่อความหมาย สรุปผล และ 2. เกณฑ์การ ใชร้ ูป ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมินความ สญั ลกั ษณท์ าง สญั ลักษณ์ทาง สัญลักษณท์ าง ใช้ความรู้ทาง คณิตศาสตรเ์ ป็น สามารถในการ คณติ ศาสตร์ในการ คณิตศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตรใ์ นการ เครือ่ งมอื ในการ เรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ ส่ือสาร สื่อ ส่อื สาร สอ่ื สาร สือ่ สาร เนื้อหาตา่ ง ๆ หรอื ความหมายทาง ส่อื ความหมาย สอ่ื ความหมาย สือ่ ความหมาย คณิตศาสตร์ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ นาเสนอได้อยา่ ง นาเสนอได้ถูกตอ้ ง นาเสนอไดถ้ ูกต้อง ถูกตอ้ ง ชดั เจน แตข่ าดรายละเอยี ด บางสว่ น ทส่ี มบรู ณ์ 3. เกณฑก์ าร ใช้ความรู้ทาง ใชค้ วามรทู้ าง ใช้ความรู้ทาง ประเมินความ คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เป็น คณติ ศาสตร์เป็น สามารถในการ เครอ่ื งมอื ในการ เคร่ืองมอื ในการ เคร่ืองมือในการ เช่อื มโยง เรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ เรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ เรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ เนอ้ื หาต่าง ๆ หรอื เนือ้ หาต่าง ๆ หรอื เนอ้ื หาต่าง ๆ หรอื ศาสตร์อื่น ๆ และ ศาสตรอ์ ื่น ๆ และ
ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมิน 43 2 1 4. เกณฑก์ าร (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ประเมนิ ความ (ดีมาก) (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ศาสตร์อนื่ ๆ และ สามารถในการ นาไปใชใ้ นชีวิตจริง ใหเ้ หตุผล นาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ นาไปใชใ้ นชวี ติ จริง ศาสตร์อื่น ๆ และ 5. เกณฑก์ าร มคี วามพยายาม ประเมนิ ความ ได้อย่างสอดคล้อง ได้บางส่วน นาไปใชใ้ นชีวติ จริง เสนอแนวคิด สามารถในการ ประกอบการ แกป้ ญั หา เหมาะสม ตดั สนิ ใจ ทาความเขา้ ใจ 6. เกณฑ์การ มีการอา้ งองิ เสนอ มกี ารอา้ งองิ ถกู ตอ้ ง เสนอแนวคิดไม่ ปญั หา คิดวิเคราะห์ ประเมนิ ความมุ มรี อ่ งรอยของการ มานะในการทา แนวคดิ ประกอบ บางส่วนและ เสนอ สมเหตุสมผลใน วางแผนแก้ปัญหา ความเข้าใจ แตไ่ ม่สาเรจ็ ปัญหาและ การตดั สนิ ใจอย่าง แนวคดิ ประกอบ การประกอบ แก้ปัญหาทาง ไมม่ คี วามตัง้ ใจและ คณติ ศาสตร์ สมเหตุสมผล การตัดสินใจ การตดั สนิ ใจ พยายามในการทา ความเข้าใจปัญหา ทาความเขา้ ใจ ทาความเข้าใจ ทาความเขา้ ใจ และแกป้ ญั หาทาง คณติ ศาสตร์ ไม่มี ปัญหา คิด ปญั หา คิดวเิ คราะห์ ปญั หา คิดวิเคราะห์ ความอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค วเิ คราะห์ วางแผน วางแผนแก้ปัญหา วางแผนแก้ปัญหา จนทาให้แกป้ ญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ แก้ปัญหา และเลอื กใชว้ ิธกี าร และเลอื กใช้วธิ กี าร ไมส่ าเรจ็ และเลอื กใชว้ ธิ กี าร ที่เหมาะสม แต่ ได้บางสว่ น คาตอบ ทเ่ี หมาะสม โดย ความสมเหตสุ มผล ที่ได้ยังไมม่ คี วาม คานึงถงึ ความ ของคาตอบยังไม่ดี สมเหตุสมผล และ สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไม่มีการตรวจสอบ คาตอบพร้อมทั้ง ความถกู ต้องไมไ่ ด้ ความถกู ตอ้ ง ตรวจสอบความ ถกู ต้องได้ มคี วามต้ังใจและ มีความต้งั ใจและ มีความต้งั ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเข้าใจปัญหา ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา และแก้ปญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง คณิตศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาใหแ้ ก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไม่สาเรจ็ เล็กนอ้ ย ไม่สาเร็จเป็นสว่ น ใหญ่
ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 7. เกณฑ์การ ประเมนิ ความ (ดีมาก) (ดี) (กาลงั พัฒนา) (ตอ้ งปรับปรงุ ) ม่งุ ม่ันในการ ทางาน มคี วามมงุ่ มน่ั ใน มีความมุ่งม่ันในการ มคี วามมุง่ มั่นในการ มคี วามมงุ่ มั่นในการ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานแต่ไม่มีความ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ งานไม่ประสบ เรยี บรอ้ ย ครบถ้วน เรียบรอ้ ยส่วนใหญ่ เรยี บรอ้ ยส่วนนอ้ ย ผลสาเรจ็ อย่างที่ สมบรู ณ์ ควร 10. บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นักเรยี นน่ไี มผ่ ่าน มดี งั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนทไ่ี ม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรยี นเกดิ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรยี นมคี ุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
10.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเหน็ ของหวั หน้าสถานศกึ ษา/ ผ้ทู ไี่ ด้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของส่อื ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................
5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 38 สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ รายวิชา คณติ ศาสตรพ์ ้ืนฐาน รหสั วชิ า ค 21102 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 กราฟและความสมั พันธเ์ ชิงเส้น เรอ่ื ง การอ่านกราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปริมาณสองปรมิ าณ เวลา 1 ช่วั โมง วันท.ี่ ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครผู สู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.3 ใชน้ พิ จนส์ มการ และอสมการ อธบิ ายความสัมพันธ์หรือช่วยปญั หาทีก่ าหนดให้ 2. ตัวช้วี ัดช้ันปี 1. เข้าใจและใชค้ วามรเู้ ก่ียวกับกราฟในการแกป้ ญั หาคณิตศาสตรแ์ ละ ปัญหาในชีวิตจริง ( ค 1.3 ม.1/2) 2. เขา้ ใจและใชค้ วามรู้เก่ยี วกบั ความสมั พนั ธ์เชิงเส้นในการแก้ปัญหาคณติ ศาสตร์และปญั หาในชีวิต จริง ( ค 1.3 ม.1/3) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. นักเรยี นสามารถอ่านและแปลความหมายของกราฟทก่ี าหนดให้ และนาไปใช้แก้ปญั หา (K) 2. มคี วามสามารถในเช่อื มโยงความรทู้ างคณิตศาสตร์ (P) 3. มคี วามสามารถในการสื่อสาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 4. มีความสามารถในการแกป้ ัญหา (P) 5. มีความสามารถในการให้เหตผุ ล (P) 6. มคี วามมุมานะในการทาความเข้าใจปญั หาและแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มคี วามมุง่ ม่ันในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1. มีความสามารถในการสือ่ สาร 2. มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา 3. มคี วามสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์
5. สาระสาคญั ความสมั พนั ธ์ระหว่างปริมาณสองปริมาณ เราสามารถแสดงความสัมพันธไ์ ดโ้ ดยใช้กราฟของคอู่ ันดับ และเมอื่ มีกราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหว่างปรมิ าณสองปรมิ าณ เราสามารถหาพิกัดของจดุ ทีอ่ ยบู่ นกราฟนนั้ ได้ 6. สาระการเรียนรู้ การอ่านกราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหวา่ งปรมิ าณสองปรมิ าณ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูทบทวนการเขยี นคอู่ นั ดับโดยยกตัวอย่างแผนภาพและตารางแสดงข้อมูล ให้นกั เรยี นร่วมกันทา และบอกหลกั การเขียนคู่อันดับทีถ่ ูกต้อง 2. ครูใหน้ ักเรยี นศึกษาการอา่ นกราฟแสดงความเกยี่ วขอ้ งปรมิ าณสองชุดจากหนงั สอื เรียน ให้ นักเรยี นดตู วั อย่างท่ี 5 – ตัวอยา่ งท่ี 7 โดยครูจะต้ังคาถามว่า การอ่านกราฟในกรณใี ดลงเพียงจดุ ค่อู ันดับ เท่านัน้ และในกรณใี ดตอ้ งลากเส้นเชื่อมจุดดว้ ย 3. ครแู บง่ นกั เรียนเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 4 คน ใหแ้ ต่ละกลุ่มรว่ มกันทากจิ กรรม สวนมะนาว ในหนงั สือ เรียน หนา้ 147 4. ครูและนักเรียนรว่ มกันเฉลยคาตอบของกิจกรรมสวนมะนาว โดยครูสุ่มเรียกแตล่ ะกลุ่มออกมา นาเสนอกิจกรรม สวนมะนาว ในหนงั สอื เรียน หนา้ 147 ท่ีหนา้ ช้ันเรยี น จนครบทกุ กล่มุ 5. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรปุ สาระเกี่ยวกับการเขียนกราฟ ดังนี้ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปรมิ าณสองปรมิ าณ เราสามารถแสดงความสมั พนั ธไ์ ด้โดยใชก้ ราฟของ คูอ่ ันดบั และเมือ่ มีกราฟแสดงความสัมพนั ธ์ระหว่างปริมาณสองปริมาณ เราสามารถหาพิกัดของจุดท่ีอยู่บน กราฟนน้ั ได้ 6. ครใู หน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หัดที่ 3.2 ก ข้อ 2 – 3 ใหญ่ในหนังสอื เรยี น 8. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียน 2. แบบฝกึ หัด 3. กิจกรรมสวนมะนาว
9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัด ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล รายบคุ คล สังเกตพฤติกรรมการทางานรายกลมุ่ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางาน รายกลุม่ 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดมี าก) 32 (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) (ด)ี (กาลังพัฒนา) ทาแบบทดสอบได้ อยา่ งถกู ตอ้ งต่ากวา่ 1. เกณฑก์ าร ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ร้อยละ 60 ประเมนิ การฝกึ อย่างถูกตอ้ งรอ้ ย อยา่ งถกู ต้องรอ้ ยละ อย่างถูกต้องร้อยละ ใช้รูป ภาษา และ สญั ลกั ษณท์ าง ทกั ษะและ ละ 90 ขน้ึ ไป 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตรใ์ นการ สือ่ สาร แบบฝกึ หัด ส่ือความหมาย สรุปผล และ 2. เกณฑก์ าร ใชร้ ปู ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมนิ ความ สัญลกั ษณท์ าง สัญลักษณท์ าง สญั ลกั ษณ์ทาง ใช้ความรู้ทาง คณติ ศาสตรเ์ ป็น สามารถในการ คณติ ศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ คณิตศาสตร์ในการ เคร่ืองมือในการ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ส่อื สาร สื่อ สือ่ สาร สื่อสาร ส่อื สาร เน้อื หาต่าง ๆ หรือ ความหมายทาง สือ่ ความหมาย สอ่ื ความหมาย สื่อความหมาย คณิตศาสตร์ สรปุ ผล และ สรุปผล และ สรุปผล และ นาเสนอไดอ้ ยา่ ง นาเสนอไดถ้ กู ต้อง นาเสนอไดถ้ กู ตอ้ ง ถูกต้อง ชัดเจน แตข่ าดรายละเอียด บางสว่ น ที่สมบรู ณ์ 3. เกณฑก์ าร ใชค้ วามร้ทู าง ใชค้ วามรูท้ าง ใช้ความรู้ทาง ประเมนิ ความ คณติ ศาสตร์เป็น คณิตศาสตรเ์ ป็น คณิตศาสตร์เปน็ สามารถในการ เครอ่ื งมอื ในการ เคร่อื งมือในการ เครือ่ งมือในการ เชอ่ื มโยง เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ เรยี นร้คู ณิตศาสตร์ เน้อื หาตา่ ง ๆ หรือ เนอื้ หาตา่ ง ๆ หรอื เน้อื หาตา่ ง ๆ หรือ ศาสตรอ์ ื่น ๆ และ ศาสตร์อืน่ ๆ และ
ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมิน 43 2 1 4. เกณฑก์ าร (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ประเมนิ ความ (ดีมาก) (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ศาสตร์อนื่ ๆ และ สามารถในการ นาไปใชใ้ นชีวิตจริง ใหเ้ หตุผล นาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ นาไปใชใ้ นชวี ติ จริง ศาสตร์อื่น ๆ และ 5. เกณฑก์ าร มคี วามพยายาม ประเมนิ ความ ได้อย่างสอดคล้อง ได้บางส่วน นาไปใชใ้ นชีวติ จริง เสนอแนวคิด สามารถในการ ประกอบการ แก้ปญั หา เหมาะสม ตดั สนิ ใจ ทาความเขา้ ใจ 6. เกณฑ์การ มีการอา้ งองิ เสนอ มกี ารอา้ งองิ ถกู ตอ้ ง เสนอแนวคิดไม่ ปญั หา คิดวิเคราะห์ ประเมนิ ความมุ มรี อ่ งรอยของการ มานะในการทา แนวคดิ ประกอบ บางส่วนและ เสนอ สมเหตุสมผลใน วางแผนแกป้ ัญหา ความเข้าใจ แตไ่ ม่สาเรจ็ ปญั หาและ การตดั สนิ ใจอย่าง แนวคดิ ประกอบ การประกอบ แกป้ ญั หาทาง ไมม่ คี วามตัง้ ใจและ คณติ ศาสตร์ สมเหตุสมผล การตัดสินใจ การตดั สนิ ใจ พยายามในการทา ความเข้าใจปัญหา ทาความเขา้ ใจ ทาความเข้าใจ ทาความเขา้ ใจ และแกป้ ญั หาทาง คณติ ศาสตร์ ไม่มี ปัญหา คิด ปญั หา คิดวเิ คราะห์ ปญั หา คิดวิเคราะห์ ความอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค วเิ คราะห์ วางแผน วางแผนแก้ปัญหา วางแผนแก้ปัญหา จนทาให้แกป้ ญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ แก้ปัญหา และเลอื กใชว้ ิธกี าร และเลอื กใช้วธิ กี าร ไมส่ าเรจ็ และเลอื กใชว้ ธิ กี าร ที่เหมาะสม แต่ ได้บางสว่ น คาตอบ ทเ่ี หมาะสม โดย ความสมเหตสุ มผล ที่ได้ยังไมม่ คี วาม คานึงถงึ ความ ของคาตอบยังไม่ดี สมเหตุสมผล และ สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไม่มีการตรวจสอบ คาตอบพร้อมทั้ง ความถกู ต้องไมไ่ ด้ ความถกู ตอ้ ง ตรวจสอบความ ถกู ต้องได้ มคี วามต้ังใจและ มีความต้งั ใจและ มีความต้งั ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเข้าใจปัญหา ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา และแก้ปญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง คณิตศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาใหแ้ ก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไม่สาเรจ็ เล็กนอ้ ย ไม่สาเร็จเป็นสว่ น ใหญ่
ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 7. เกณฑ์การ ประเมินความ (ดมี าก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) (ตอ้ งปรบั ปรุง) ม่งุ มั่นในการ ทางาน มีความมงุ่ มั่นใน มคี วามมุ่งมั่นในการ มคี วามมงุ่ ม่ันในการ มีความมุง่ ม่นั ในการ การทางานอย่าง ทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานแต่ไม่มคี วาม รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ งานไม่ประสบ เรยี บร้อย ครบถว้ น เรยี บร้อยสว่ นใหญ่ เรยี บรอ้ ยส่วนนอ้ ย ผลสาเร็จอยา่ งที่ สมบูรณ์ ควร 10. บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนร้.ู .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนน่ีไม่ผ่าน มดี ังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนกั เรียนทไี่ ม่ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกิดทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมคี ุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเห็นของหวั หน้าสถานศกึ ษา/ ผูท้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของส่ือ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................
5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 39 สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ รายวิชา คณติ ศาสตรพ์ ้ืนฐาน รหัสวชิ า ค 21102 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 กราฟและความสัมพันธเ์ ชิงเสน้ เรือ่ ง การอ่านกราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปริมาณสองปรมิ าณ (2) เวลา 1 ชั่วโมง วนั ที่............. เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครูผู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.3 ใชน้ พิ จนส์ มการ และอสมการ อธิบายความสมั พันธ์หรือชว่ ยปัญหาทก่ี าหนดให้ 2. ตัวชวี้ ัดช้นั ปี 1. เขา้ ใจและใช้ความร้เู กี่ยวกบั กราฟในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และ ปัญหาในชวี ติ จรงิ ( ค 1.3 ม.1/2) 2. เขา้ ใจและใช้ความรู้เก่ียวกับความสัมพนั ธเ์ ชิงเส้นในการแก้ปัญหาคณติ ศาสตร์และปญั หาในชวี ิต จริง ( ค 1.3 ม.1/3) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรียนสามารถอา่ นและแปลความหมายของกราฟที่กาหนดให้ และนาไปใชแ้ กป้ ัญหา (K) 2. มคี วามสามารถในเชอื่ มโยงความรทู้ างคณติ ศาสตร์ (P) 3. มคี วามสามารถในการสอื่ สาร สอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 4. มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา (P) 5. มคี วามสามารถในการให้เหตุผล (P) 6. มคี วามมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปญั หาและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มีความม่งุ มั่นในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. มีความสามารถในการสื่อสาร 2. มคี วามสามารถในการแก้ปัญหา 3. มคี วามสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์
5. สาระสาคญั ความสัมพันธร์ ะหวา่ งปริมาณสองปรมิ าณ เราสามารถแสดงความสัมพนั ธไ์ ดโ้ ดยใชก้ ราฟของคอู่ ันดับ และเมอื่ มีกราฟแสดงความสมั พันธร์ ะหว่างปริมาณสองปรมิ าณ เราสามารถหาพกิ ดั ของจดุ ที่อย่บู นกราฟนน้ั ได้ 6. สาระการเรียนรู้ การอ่านกราฟแสดงความสัมพนั ธ์ระหว่างปรมิ าณสองปรมิ าณ 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครทู บทวนการเขียนคู่อนั ดับโดยยกตวั อยา่ งแผนภาพและตารางแสดงข้อมูล ให้นกั เรียนรว่ มกนั ทา และบอกหลกั การเขียนคูอ่ นั ดบั ท่ถี ูกตอ้ ง 2. ครใู ห้นกั เรียนศึกษาการอา่ นกราฟแสดงความเก่ยี วข้องปรมิ าณสองชดุ จากหนงั สอื เรยี น ให้ นักเรยี นดูตวั อยา่ งท่ี 7 ในหนังสอื เรยี นหน้า 148 โดยครจู ะตั้งคาถามว่า การอ่านกราฟในกรณใี ดลงเพียงจุดคู่ อันดับเท่าน้นั และในกรณใี ดต้องลากเสน้ เช่ือมจดุ ดว้ ย 3. ครูแบ่งนักเรยี นเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ 4 คน ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ร่วมกันทากิจกรรมรถไฟไกลแค่ไหน ใน หนังสือเรยี น หนา้ 151 4. ครแู ละนักเรียนร่วมกันเฉลยคาตอบของกิจกรรมรถไฟไกลแคไ่ หน โดยครูสุ่มเรียกแตล่ ะกลุ่ม ออกมานาเสนอกิจกรรมรถไฟไกลแค่ไหน ในหนงั สือเรยี น หน้า 151 ท่ีหนา้ ชั้นเรียน จนครบทุกกลุ่ม 5. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปสาระเกย่ี วกับการเขยี นกราฟ ดงั น้ี ความสัมพนั ธร์ ะหว่างปรมิ าณสองปริมาณ เราสามารถแสดงความสัมพนั ธไ์ ดโ้ ดยใช้กราฟของ ค่อู ันดบั และเมื่อมีกราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหว่างปริมาณสองปรมิ าณ เราสามารถหาพิกดั ของจุดทอ่ี ยบู่ น กราฟนัน้ ได้ 6. ครใู ห้นกั เรียนทาแบบฝึกหดั ท่ี 3.2 ก ขอ้ 5 – 6 ใหญใ่ นหนังสือเรยี น 8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียน 2. แบบฝึกหัด 3. กิจกรรมรถไฟไกลแคไ่ หน
9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัด ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล รายบคุ คล สังเกตพฤติกรรมการทางานรายกลมุ่ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางาน รายกลุม่ 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดมี าก) 32 (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) (ด)ี (กาลังพัฒนา) ทาแบบทดสอบได้ อยา่ งถกู ตอ้ งต่ากวา่ 1. เกณฑก์ าร ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ร้อยละ 60 ประเมนิ การฝกึ อย่างถูกตอ้ งรอ้ ย อยา่ งถกู ต้องรอ้ ยละ อยา่ งถูกต้องร้อยละ ใช้รูป ภาษา และ สญั ลกั ษณท์ าง ทกั ษะและ ละ 90 ขน้ึ ไป 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตรใ์ นการ สือ่ สาร แบบฝกึ หัด ส่ือความหมาย สรุปผล และ 2. เกณฑก์ าร ใชร้ ปู ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมนิ ความ สัญลกั ษณท์ าง สัญลักษณท์ าง สัญลกั ษณ์ทาง ใช้ความรู้ทาง คณติ ศาสตรเ์ ป็น สามารถในการ คณติ ศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตร์ในการ เคร่ืองมือในการ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ส่อื สาร สื่อ สือ่ สาร สื่อสาร สอ่ื สาร เน้อื หาต่าง ๆ หรือ ความหมายทาง สือ่ ความหมาย สอ่ื ความหมาย สื่อความหมาย คณิตศาสตร์ สรปุ ผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ นาเสนอไดอ้ ยา่ ง นาเสนอไดถ้ กู ต้อง นาเสนอได้ถกู ตอ้ ง ถูกต้อง ชัดเจน แตข่ าดรายละเอียด บางสว่ น ที่สมบรู ณ์ 3. เกณฑก์ าร ใชค้ วามร้ทู าง ใชค้ วามรูท้ าง ใช้ความรู้ทาง ประเมนิ ความ คณติ ศาสตรเ์ ป็น คณิตศาสตร์เป็น คณิตศาสตร์เปน็ สามารถในการ เครอ่ื งมอื ในการ เคร่อื งมือในการ เครอื่ งมือในการ เชอ่ื มโยง เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ เรยี นร้คู ณิตศาสตร์ เน้อื หาตา่ ง ๆ หรือ เนอื้ หาตา่ ง ๆ หรือ เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรือ ศาสตรอ์ ื่น ๆ และ ศาสตร์อืน่ ๆ และ
ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมิน 43 2 1 4. เกณฑก์ าร (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ประเมนิ ความ (ดีมาก) (ด)ี (กาลงั พฒั นา) ศาสตร์อนื่ ๆ และ สามารถในการ นาไปใชใ้ นชีวิตจริง ใหเ้ หตุผล นาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ นาไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ ศาสตรอ์ ่ืน ๆ และ 5. เกณฑก์ าร มคี วามพยายาม ประเมนิ ความ ได้อย่างสอดคล้อง ได้บางส่วน นาไปใชใ้ นชวี ติ จริง เสนอแนวคิด สามารถในการ ประกอบการ แกป้ ญั หา เหมาะสม ตดั สนิ ใจ ทาความเขา้ ใจ 6. เกณฑ์การ มีการอา้ งองิ เสนอ มกี ารอา้ งองิ ถกู ต้อง เสนอแนวคดิ ไม่ ปญั หา คิดวิเคราะห์ ประเมนิ ความมุ มรี อ่ งรอยของการ มานะในการทา แนวคดิ ประกอบ บางส่วนและ เสนอ สมเหตุสมผลใน วางแผนแกป้ ัญหา ความเข้าใจ แตไ่ ม่สาเรจ็ ปัญหาและ การตดั สนิ ใจอย่าง แนวคดิ ประกอบ การประกอบ แก้ปัญหาทาง ไมม่ คี วามตัง้ ใจและ คณติ ศาสตร์ สมเหตุสมผล การตัดสินใจ การตดั สินใจ พยายามในการทา ความเข้าใจปัญหา ทาความเขา้ ใจ ทาความเข้าใจ ทาความเข้าใจ และแกป้ ญั หาทาง คณติ ศาสตร์ ไม่มี ปัญหา คิด ปญั หา คิดวเิ คราะห์ ปญั หา คดิ วิเคราะห์ ความอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค วเิ คราะห์ วางแผน วางแผนแก้ปัญหา วางแผนแกป้ ัญหา จนทาให้แกป้ ญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ แก้ปัญหา และเลอื กใชว้ ิธกี าร และเลือกใช้วิธกี าร ไมส่ าเรจ็ และเลอื กใชว้ ธิ กี าร ที่เหมาะสม แต่ ไดบ้ างสว่ น คาตอบ ทเ่ี หมาะสม โดย ความสมเหตสุ มผล ที่ได้ยังไม่มคี วาม คานึงถงึ ความ ของคาตอบยังไม่ดี สมเหตุสมผล และ สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไม่มกี ารตรวจสอบ คาตอบพร้อมทั้ง ความถกู ต้องไมไ่ ด้ ความถูกต้อง ตรวจสอบความ ถกู ต้องได้ มคี วามต้ังใจและ มีความต้งั ใจและ มีความตัง้ ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเข้าใจปัญหา ความเขา้ ใจปญั หา ความเขา้ ใจปญั หา และแก้ปญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง และแก้ปัญหาทาง คณิตศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาใหแ้ กป้ ัญหา ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไม่สาเรจ็ เล็กน้อย ไม่สาเรจ็ เปน็ ส่วน ใหญ่
ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 7. เกณฑ์การ ประเมนิ ความ (ดีมาก) (ดี) (กาลังพฒั นา) (ต้องปรับปรงุ ) ม่งุ ม่ันในการ ทางาน มคี วามมุ่งมัน่ ใน มีความม่งุ มนั่ ในการ มคี วามมุ่งม่ันในการ มคี วามมงุ่ มนั่ ในการ การทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานแต่ไม่มีความ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ งานไมป่ ระสบ เรยี บร้อย ครบถว้ น เรยี บร้อยสว่ นใหญ่ เรยี บร้อยสว่ นนอ้ ย ผลสาเร็จอย่างที่ สมบูรณ์ ควร 10. บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นร้.ู .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรยี นนี่ไมผ่ า่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรยี นเกิดทักษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรยี นมคี ณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 458
Pages: