เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ = ดมี าก ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้งั = ปรับปรงุ ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 7-8 ดีมาก 5-6 ดี 3-4 พอใช้ 1-2 ปรับปรงุ ลงช่อื .......................................................ผู้ประเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ กลมุ่ ที่.................................................. สมาชกิ ของกลุ่ม 1. ................................................................................................................... 2. .................................................................................................................. 3. .................................................................................................................. 4. .................................................................................................................. 5. .................................................................................................................. 6. .................................................................................................................. ลาดบั พฤตกิ รรม คุณภาพการปฏบิ ตั ิ ท่ี 4 3 21 1 มีสว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเห็น 2 มคี วามกระตือรือรน้ ในการทางาน 3 รบั ผิดชอบในงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 มีข้ันตอนในการทางานอย่างเป็นระบบ 5 ใชเ้ วลาในการทางานอยา่ งเหมาะสม รวม ลงชื่อ.......................................................ผู้ประเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................
เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง้ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครงั้ = ปรับปรุง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 17-20 ดมี าก 13-16 ดี 9-12 พอใช้ 5-8 ปรับปรงุ
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 47 สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ รายวิชา คณติ ศาสตร์พื้นฐาน รหัสวชิ า ค 21102 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2562 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 สถติ ิ เร่อื ง ทบทวนเรื่องขอ้ มลู และประเภทของข้อมลู เวลา 1 ช่ัวโมง วันที.่ ............ เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครผู สู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรทู้ างสถติ ิในการแก้ปัญหา 2. ตัวชวี้ ัดชน้ั ปี เขา้ ใจและใช้ความรูท้ างสถิติในการนาเสนอขอ้ มูลและแปลความหมายขอ้ มูลรวมทั้งนาสถติ ไิ ปใชใ้ น ชีวติ จรงิ โดยใชเ้ ทคโนโลยี ท่ีเหมาะสม( ค 3.1 ม.1/1) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกได้ว่าคาถามใดเปน็ คาถามทางสถิติ (K) 2. สรา้ งคาถามทางสถิตทิ ี่สอดคล้องกบั ปัญหาหรือสถานการณต์ ่าง ๆ ทส่ี นใจ (K) 3. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร ส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 4. มคี วามมมุ านะในการทาความเข้าใจปัญหาและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 5. มีความมุ่งม่ันในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. มีความสามารถในการสอ่ื สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มคี วามสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคญั 1. การที่จะใหไ้ ดข้ อ้ มลู ท่ีมีความน่าเชื่อถือ มีคุณคา่ และประโยชน์ไดน้ ัน้ เราอาจจะใช้ศาสตร์ทเี่ รียกว่า สถติ ิ เป็นเครื่องมอื เพราะสถติ ปิ ระกอบด้วยกระบวนการสาคญั ได้แก่ - การเกบ็ รวบรวมข้อมลู - การจัดข้อมูล
- การวเิ คราะห์ข้อมูล - การแปลความหมายผลลัพธ์ - การนาเสนอข้อมูล 2. ข้อมลู ท่กี ลา่ วถงึ ในสถติ ิ จะหมายถงึ ข้อความจรงิ หรอื สิ่งที่ยอมรับวา่ เป็นข้อเท็จจรงิ ของเรอ่ื งท่ี สนใจศกึ ษา อาจอยู่ในรปู ตวั เลขหรือข้อความกไ็ ด้ 3. ขอ้ มลู จาแนกได้เปน็ 2 ประเภท คอื 1) ข้อมูลเชิงปรมิ าณ เป็น ขอ้ มูลที่เปน็ ตัวเลขท่ีใชแ้ สดงปรมิ าณซ่งึ วดั ออกมาเป็นจานวนท่ี สามารถนาไปคานวณหรือเปรียบเทียบได้ 2) ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ เปน็ ข้อมูลท่ีอธบิ ายลกั ษณะ ประเภท หรือคณุ สมบตั ิในเชงิ คุณภาพ 6. สาระการเรียนรู้ ข้อมลู และประเภทของขอ้ มลู 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สนทนาเกี่ยวกับชวี ติ ประจาวันของแต่ละคน ซ่ึงจะตอ้ งมเี รอื่ งราวต่างๆอยู่ ตลอดเวลาซ่งึ มักจะเกยี่ วกบั ตวั เลขเสมอ ซึง่ เรามักจะเหน็ จากป้ายโฆษณา จากหนงั สอื พิมพ์ จากข่าววทิ ยุ เร่ืองตา่ งๆเหลา่ น้นั อาจจะเป็นเรอ่ื งท่เี กยี่ วกับกจิ การของรัฐบาล บริษัทหา้ งร้าน หรือองค์การใดๆก็ตาม ซ่งึ แต่ละเร่ืองมตี วั เลขประกอบด้วย พอ่ บา้ นแม่เรอื น อาจจดบันทึกเกี่ยวกบั คา่ ใชจ้ ่ายในแตล่ ะเดือนหรอื แต่ละปี เพอ่ื จะไดท้ ราบวา่ ครอบครัวของตนมีรายรบั รายจา่ ยอย่างไร ซ่ึงเปน็ ประโยชนใ์ นการดารงชพี ใหเ้ หมาะสมตามฐานะ จะเห็นได้ว่า การบันทกึ การใชแ้ ละอา่ นระเบยี นได้ มีความสาคัญตอ่ การดาเนนิ ชวี ิตของเรามาก เช่น ถ้าเราไมร่ ูจ้ ักอา่ น ตารางเวลาเดินรถไฟ เราอาจจะไปข้ึนรถไฟไม่ทนั เวลา เป็นตน้ 2. แบง่ กล่มุ นักเรยี นกลุม่ ละ 3 คน เพือ่ ใหน้ กั เรียนศกึ ษา การอา่ นของคนไทยอายุ 6 ปขี น้ึ ไป ใน หนงั สอื เรียนหน้า 182 โดยมีครคู อยอธบิ ายเพิ่มเติมในสว่ นท่สี าคัญ 3. นักเรียนครูให้นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ศกึ ษาสถานการณ์ร้านกรบุ กรอบ ในหนังสอื เรยี นหนา้ 183 และ สถานการณ์โรคอ้วนลงพงุ ในหนังสือเรียนหนา้ 184 4. ครูนาเสนอความรู้เกีย่ วกับขอ้ มูลและประเภทของข้อมูล ดังน้ี 1. การท่จี ะให้ไดข้ ้อมลู ทม่ี ีความน่าเชือ่ ถอื มีคุณค่าและประโยชน์ได้น้ัน เราอาจจะใช้ ศาสตร์ทีเ่ รยี กว่า สถิติ เปน็ เคร่อื งมือ เพราะสถติ ปิ ระกอบด้วยกระบวนการสาคัญ ไดแ้ ก่
- การเก็บรวบรวมข้อมูล - การจัดข้อมูล - การวิเคราะห์ขอ้ มลู - การแปลความหมายผลลัพธ์ - การนาเสนอขอ้ มลู 2. ขอ้ มลู ทก่ี ล่าวถงึ ในสถติ ิ จะหมายถงึ ข้อความจริง หรือสิ่งท่ียอมรบั วา่ เปน็ ขอ้ เท็จจริงของ เรื่องท่สี นใจศึกษา อาจอยู่ในรปู ตวั เลขหรอื ข้อความกไ็ ด้ 3. ขอ้ มูลจาแนกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ 1) ขอ้ มลู เชิงปริมาณ เป็น ข้อมูลที่เปน็ ตัวเลขทีใ่ ชแ้ สดงปรมิ าณซ่งึ วัดออกมาเปน็ จานวนทส่ี ามารถนาไปคานวณหรอื เปรยี บเทียบได้ 2) ขอ้ มลู เชิงคณุ ภาพ เปน็ ข้อมูลทอ่ี ธิบายลกั ษณะ ประเภท หรือคุณสมบัติในเชิง คุณภาพ 5. ครูให้นกั เรียนทาแบบฝึกทักษะท่ี 4.1 เรือ่ งข้อมูลและประเภทของข้อมูล 6. ครูและนักเรียนสรปุ ความร้เู กีย่ วกับขอ้ มูลและประเภทของข้อมูล ดงั นี้ 1. การทจ่ี ะใหไ้ ด้ขอ้ มลู ที่มีความน่าเชือ่ ถอื มีคุณค่าและประโยชนไ์ ดน้ น้ั เราอาจจะใชศ้ าสตร์ท่ี เรยี กว่า สถิติ เปน็ เครื่องมอื เพราะสถติ ิประกอบด้วยกระบวนการสาคญั ได้แก่ - การเก็บรวบรวมข้อมูล - การจดั ขอ้ มูล - การวเิ คราะห์ขอ้ มลู - การแปลความหมายผลลัพธ์ - การนาเสนอข้อมลู 2. ขอ้ มูล ทก่ี ลา่ วถงึ ในสถติ ิ จะหมายถึง ข้อความจรงิ หรอื สง่ิ ที่ยอมรบั วา่ เป็นขอ้ เท็จจรงิ ของ เรือ่ งที่สนใจศกึ ษา อาจอยู่ในรูปตวั เลขหรอื ขอ้ ความก็ได้ 3. ข้อมูลจาแนกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คอื 1) ข้อมูลเชิงปริมาณ เปน็ ขอ้ มูลที่เป็นตัวเลขทใี่ ช้แสดงปรมิ าณซึง่ วดั ออกมาเปน็ จานวนท่สี ามารถนาไปคานวณหรือเปรยี บเทียบได้
2) ข้อมลู เชิงคณุ ภาพ เปน็ ขอ้ มูลที่อธิบายลักษณะ ประเภท หรือคุณสมบตั ใิ นเชงิ คณุ ภาพ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี น 2. แบบฝกึ หัด 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดผล เครือ่ งมอื เกณฑ์ วิธกี าร แบบฝึกทกั ษะและแบบฝกึ หัด รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ ทักษะและแบบฝึกหัด รายบุคคล สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน รายบคุ คล 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ 4 32 1 1. เกณฑก์ าร (ดีมาก) (ตอ้ งปรบั ปรุง) ประเมนิ การฝกึ ทาแบบทดสอบได้ (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ทาแบบทดสอบได้ ทกั ษะและ อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ย อยา่ งถูกต้องต่ากวา่ แบบฝึกหัด ละ 90 ข้ึนไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑ์การ ประเมนิ ความ ใชร้ ปู ภาษา และ อยา่ งถูกตอ้ งรอ้ ยละ อย่างถูกตอ้ งรอ้ ยละ ใชร้ ูป ภาษา และ สามารถในการ สัญลักษณท์ าง สญั ลักษณท์ าง ส่ือสาร ส่อื คณติ ศาสตร์ในการ 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง สื่อสาร สอ่ื สาร คณติ ศาสตร์ สอ่ื ความหมาย ใช้รูป ภาษา และ ใชร้ ูป ภาษา และ สือ่ ความหมาย สรปุ ผล และ สัญลักษณ์ทาง สัญลกั ษณท์ าง สรปุ ผล และ นาเสนอไดอ้ ยา่ ง คณติ ศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ในการ นาเสนอไมไ่ ด้ ถกู ตอ้ ง ชัดเจน สื่อสาร สอื่ สาร สื่อความหมาย ส่อื ความหมาย ไมม่ ีความต้งั ใจและ 3. เกณฑ์การ มคี วามตงั้ ใจและ สรุปผล และ สรปุ ผล และ พยายามในการทา ประเมนิ ความมุ พยายามในการทา นาเสนอไดถ้ ูกต้อง นาเสนอไดถ้ กู ต้อง แต่ขาดรายละเอียด บางสว่ น ที่สมบรู ณ์ มีความตง้ั ใจและ มคี วามต้ังใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา
ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 มานะในการทา (ต้องปรบั ปรงุ ) ความเข้าใจ (ดีมาก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) ความเขา้ ใจปัญหา ปัญหาและ และแกป้ ัญหาทาง แกป้ ัญหาทาง ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา คณิตศาสตร์ ไม่มี คณติ ศาสตร์ ความอดทนและ และแก้ปญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรค 4. เกณฑ์การ จนทาให้แกป้ ัญหา ประเมนิ ความ คณิตศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ มงุ่ ม่ันในการ ไม่สาเรจ็ ทางาน ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ มคี วามมงุ่ มัน่ ในการ ท้อแท้ต่ออุปสรรค ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค ท้อแทต้ ่ออุปสรรค ทางานแตไ่ มม่ ีความ รอบคอบ สง่ ผลให้ จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาใหแ้ ก้ปัญหา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา งานไม่ประสบ ผลสาเรจ็ อย่างที่ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ควร สาเรจ็ ไมส่ าเรจ็ เล็กนอ้ ย ไมส่ าเร็จเป็นสว่ น ใหญ่ มคี วามมุง่ มนั่ ใน มีความมุ่งม่นั ในการ มีความมงุ่ ม่ันในการ การทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานอย่าง รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ เรียบรอ้ ย ครบถ้วน เรยี บร้อยส่วนใหญ่ เรียบร้อยสว่ นนอ้ ย สมบรู ณ์ 10. บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู.้ .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้..................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนี่ไมผ่ า่ น มดี ังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรยี นท่ไี ม่ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรยี นเกิดทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรยี นมคี ุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนือ้ หา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................
3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสือ่ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 48 สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตรพ์ นื้ ฐาน รหัสวิชา ค 21102 ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2562 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 สถิติ เรือ่ ง คาถามทางสถติ ิ เวลา 1 ชั่วโมง วนั ท่ี............. เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผูส้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรูท้ างสถติ ิในการแกป้ ัญหา 2. ตัวชี้วัดชนั้ ปี เข้าใจและใช้ความรทู้ างสถิติในการนาเสนอข้อมูลและแปลความหมายขอ้ มูลรวมทงั้ นาสถติ ิไปใช้ใน ชวี ติ จริงโดยใช้เทคโนโลยี ทเี่ หมาะสม( ค 3.1 ม.1/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกได้ว่าคาถามใดเป็นคาถามทางสถิติ (K) 2. สร้างคาถามทางสถิตทิ ี่สอดคลอ้ งกับปัญหาหรือสถานการณต์ ่าง ๆ ท่ีสนใจ (K) 3. มีความสามารถในการสือ่ สาร สอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 4. มคี วามมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปญั หาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 5. มคี วามมงุ่ ม่ันในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1. มีความสามารถในการส่ือสาร 2. มีความสามารถในการแก้ปญั หา 3. มคี วามสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคญั คาถามทางสถติ ิ ซึ่งเปน็ คาถามท่ีกอ่ ใหเ้ กิดการค้นหาคาตอบด้วยวิธีการทางสถิติ 6. สาระการเรียนรู้ คาถามทางสถติ ิ
7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครอู าจแนะนาเก่ยี วกบั ขอ้ มูลทมี่ ีบริบทใกล้ตัวนกั เรียน โดยยกตวั อย่างข้อมูลที่มีความหลากหลาย ท้ังทเี่ ปน็ ข้อมลู เชิงปรมิ าณและขอ้ มลู เชิงคุณภาพ เชน่ ความสูงเปน็ เซนตเิ มตร นา้ หนกั เปน็ กโิ ลกรมั เพศหญิง เพศชาย และ หมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งเปน็ พ้นื ฐานในการเก็บรวบรวมข้อมลู เพอื่ ตอบคาถามทางสถิติ 2. ครยู กตัวอย่างคาถามทหีล่ ากหลายในชวี ติ จรงิ ที่นักเรยี นคนุ้ เคย ทง้ั คาถามทส่ี ามารถตอบไดโ้ ดยทั้น ทแี ละคาาถาม ทย่ี งั ไมส่ ามารถตอบได้ทนั ที 3. ครูชี้ให้นักเรยี นเหน็ วา่ บางคาถามทีน่ กั เรียนไม่สามารถตอบไดท้ นั ทีนัน้ เปน็ คาถาม ทางสถิติ ซึง่ จาเป็นต้องอาศยั การเก็บรวบรวมขอ้ มลู เพอ่ื นามาวิเคราะห์และแปลผล จงึ จะสามารถตอบคาถาม เหล่าน้นั ได้ 4. ครูยกตวั อยา่ งคาถามทางสถิติ แลว้ อภิปรายร่วมกนั ถงึ ลักษณะสาคญั ของคาถามทางสถิติ 5. ครูให้นกั เรียน ฝกึ วเิ คราะหค์ าถามต่าง ๆ วา่ เป็นคาถามทางสถิติหรือไม่ เพราะเหตใุ ด 6. ครแู บ่งกลมุ่ นักเรียน กลมุ่ ละ 3 คนเพ่ือใหน้ ักเรียนฝกึ ตั้งคาถามทางสถิติง่าย ๆ จากเรอื่ งทส่ี นใจและ ใกลต้ วั เช่น การบรโิ ภคน้าหวานของนักเรียน ในห้อง ศลิ ปินทน่ี ักเรียนในหอ้ งชืน่ ชอบ กิจกรรมหลกั ท่ที าใน แตล่ ะวนั ของนกั เรียนในโรงเรียน 7. ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอคาถามทางสถิติที่ไดต้ ัง้ ไว้ 8. ครูใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัดท่ี 4.1 ในหนงั ส่ือเรียน 8. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี น 2. แบบฝึกหัด 9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วิธกี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ ทักษะและแบบฝกึ หัด แบบฝึกทักษะและแบบฝึกหัด ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทางาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล รายบุคคล สังเกตพฤติกรรมการทางานรายกลุ่ม แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางาน รายกลุ่ม
9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ 4 ระดับคุณภาพ 1 ประเมนิ (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรับปรงุ ) (ด)ี (กาลงั พฒั นา) 1. เกณฑ์การ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ประเมนิ การฝกึ อย่างถูกตอ้ งรอ้ ย อย่างถูกต้องรอ้ ยละ อย่างถกู ต้องร้อยละ อยา่ งถกู ตอ้ งต่ากวา่ ทกั ษะและ ละ 90 ขนึ้ ไป 80 - 89 60 - 79 รอ้ ยละ 60 แบบฝึกหัด 2. เกณฑก์ าร ใชร้ ปู ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ ประเมนิ ความ สญั ลักษณท์ าง สัญลกั ษณ์ทาง สัญลักษณ์ทาง สัญลกั ษณท์ าง สามารถในการ คณิตศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ในการ คณิตศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ในการ ส่อื สาร สื่อ ส่อื สาร สื่อสาร สื่อสาร สอื่ สาร ความหมายทาง สื่อความหมาย สือ่ ความหมาย สื่อความหมาย สอื่ ความหมาย คณิตศาสตร์ สรุปผล และ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ สรุปผล และ นาเสนอได้อยา่ ง นาเสนอไดถ้ กู ต้อง นาเสนอได้ถูกตอ้ ง นาเสนอไมไ่ ด้ ถกู ตอ้ ง ชดั เจน แต่ขาดรายละเอียด บางสว่ น ทสี่ มบูรณ์ 3. เกณฑ์การ มคี วามตัง้ ใจและ มีความต้ังใจและ มคี วามต้ังใจและ ไมม่ คี วามตงั้ ใจและ ประเมนิ ความมุ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา มานะในการทา ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจ และแก้ปัญหาทาง และแกป้ ญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง ปัญหาและ คณติ ศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ ไมม่ ี แกป้ ญั หาทาง ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มีความอดทนและ ความอดทนและ คณิตศาสตร์ ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรค ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค ท้อแท้ต่ออุปสรรค ท้อแท้ต่ออปุ สรรค จนทาใหแ้ ก้ปญั หา จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาให้แกป้ ญั หา จนทาใหแ้ ก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไม่สาเรจ็ เล็กนอ้ ย ไมส่ าเร็จเป็นส่วน ไม่สาเรจ็ ใหญ่ 4. เกณฑ์การ มีความมงุ่ มนั่ ใน มีความม่งุ มั่นในการ มีความมุง่ มั่นในการ มคี วามมุง่ มั่นในการ ประเมนิ ความ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานแต่ไมม่ คี วาม มุ่งมนั่ ในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ทางาน ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ งานไมป่ ระสบ เรียบร้อยส่วนใหญ่ เรียบร้อยสว่ นน้อย
ประเด็นการ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 ประเมนิ (ดมี าก) 32 (ต้องปรบั ปรุง) เรยี บรอ้ ย ครบถว้ น (ด)ี (กาลงั พฒั นา) ผลสาเรจ็ อย่างที่ สมบรู ณ์ ควร 10. บนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้......................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้.ู .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นกั เรยี นน่ีไมผ่ า่ น มดี งั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไี่ ม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรยี นเกิดทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมคี ุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................
10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ ผูท้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................
5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 49 สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ รายวชิ า คณติ ศาสตร์พ้ืนฐาน รหัสวิชา ค 21102 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 สถิติ เร่อื ง การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เวลา 1 ชว่ั โมง วันท่ี............. เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผสู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรทู้ างสถิติในการแก้ปญั หา 2. ตวั ชวี้ ัดช้ันปี เข้าใจและใช้ความร้ทู างสถติ ใิ นการนาเสนอขอ้ มูลและแปลความหมายข้อมูลรวมทง้ั นาสถติ ิไปใชใ้ น ชวี ิตจรงิ โดยใชเ้ ทคโนโลยี ท่ีเหมาะสม( ค 3.1 ม.1/1) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. ระบวุ ธิ ีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทส่ี ามารถนาไปตอบคาถามทางสถิติ (K) 2. วางแผนและเก็บรวบรวมขอ้ มูลเพื่อตอบคาถามทางสถิติ (K) 3. มคี วามสามารถในการส่ือสาร ส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 4. มคี วามมุมานะในการทาความเข้าใจปัญหาและแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 5. มคี วามมุง่ มัน่ ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. มคี วามสามารถในการสือ่ สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ญั หา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคญั วิธกี ารเก็บรวบรวมข้อมมูลวา่ สามารถทาได้หลายวิธี เชน่ - การเก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยการสารวจ - การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยการทดลอง - การเกบ็ รวบรวมข้อมูลโดยการสารวจ
- การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสงั เกต 6. สาระการเรยี นรู้ การเก็บรวบรวมขอ้ มูล 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครยู กตัวอยา่ งคาถามทางสถิติแลว้ ใหน้ ักเรยี นนาเสนอวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลทเี่ ป็นไปได้ 2. ครแู บง่ นกั เรียนเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 3 คน เพ่อื ศึกษาวธิ ีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มมลู โดยวิธีต่าง ๆ ใน หนังสือเรยี นหนา้ 190 3. ครูใหน้ กั เรียน ร่วมกันอภปิ รายถึงวธิ ีการเก็บรวบรวมขอ้ มูลแต่ละวธิ ี เพอื่ นาไปส่ขู อ้ สรุปเกี่ยวกับ วิธกี ารเก็บรวบรวมขอ้ มูล ท่ีเหมาะสมกับคาถามทางสถิติแต่ละคาถาม ซง่ึ อาจจะมีได้หลายวิธี เชน่ - การเกบ็ รวบรวมข้อมูลโดยการสารวจ - การเก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยการทดลอง - การเก็บรวบรวมข้อมลู โดยการสารวจ - การเกบ็ รวบรวมข้อมูลโดยการสงั เกต 4. ครูให้นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ตงั้ คาถามทางสถิติงา่ ย ๆ ทเ่ี กย่ี วข้องกบั บรบิ ทในหอ้ งเรยี นหรอื ในโรงเรยี น แลว้ ระบุวธิ ีการเกบ็ รวบรวม ขอ้ มลู ทเี่ ปน็ ไปได้ 5. ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอคาถามในกลมุ่ ของตัวเอง พร้อมท้ังนาเสนอการเก็บ รวบรวมข้อมลู ท่จี ะใช้ตอบคาถามนั้น 6. ครแู ละนกั เรยี นช่วยกนั สรปุ เก่ยี วกับวิธกี ารเก็บรวบรวมขอ้ มมลู วา่ สามารถทาไดห้ ลายวธิ ี เช่น - การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสารวจ - การเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยการทดลอง - การเก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยการสารวจ - การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยการสงั เกต 8. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรียน
9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกทกั ษะและแบบฝกึ หัด แบบฝึกทักษะและแบบฝึกหัด ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทางาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล รายบคุ คล สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายกล่มุ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน รายกลมุ่ 9.2 การประเมินผล ประเด็นการ ระดบั คุณภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดีมาก) (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ประเมินการฝกึ ทาแบบทดสอบได้ (ดี) (กาลงั พัฒนา) ทาแบบทดสอบได้ ทกั ษะและ อย่างถกู ตอ้ งร้อย อย่างถูกตอ้ งต่ากวา่ แบบฝึกหดั ละ 90 ขน้ึ ไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ร้อยละ 60 2. เกณฑ์การ ประเมินความ ใช้รูป ภาษา และ อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ยละ อย่างถกู ตอ้ งร้อยละ ใช้รูป ภาษา และ สามารถในการ สัญลกั ษณท์ าง สญั ลักษณ์ทาง ส่ือสาร สือ่ คณิตศาสตรใ์ นการ 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตร์ในการ ความหมายทาง สอ่ื สาร สอ่ื สาร คณติ ศาสตร์ สื่อความหมาย ใชร้ ปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ สื่อความหมาย สรุปผล และ สัญลักษณ์ทาง สัญลกั ษณ์ทาง สรุปผล และ นาเสนอไดอ้ ยา่ ง คณิตศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตรใ์ นการ นาเสนอไม่ได้ ถูกต้อง ชัดเจน สอ่ื สาร สือ่ สาร สื่อความหมาย สอ่ื ความหมาย ไมม่ ีความตั้งใจและ 3. เกณฑ์การ มีความต้งั ใจและ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ พยายามในการทา ประเมินความมุ พยายามในการทา นาเสนอได้ถูกต้อง นาเสนอได้ถกู ต้อง ความเข้าใจปัญหา มานะในการทา ความเขา้ ใจปญั หา แต่ขาดรายละเอียด บางสว่ น และแก้ปญั หาทาง ความเขา้ ใจ และแกป้ ญั หาทาง ทส่ี มบรู ณ์ คณติ ศาสตร์ ไม่มี ปญั หาและ คณิตศาสตร์ มี มีความตั้งใจและ มีความตัง้ ใจและ ความอดทนและ ความอดทนและไม่ พยายามในการทา พยายามในการทา ความเขา้ ใจปญั หา ความเขา้ ใจปญั หา และแกป้ ญั หาทาง และแกป้ ัญหาทาง คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ มีความอดทนและ มคี วามอดทนและ
ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมิน 43 2 1 แก้ปัญหาทาง คณิตศาสตร์ (ดมี าก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) (ต้องปรบั ปรงุ ) 4. เกณฑก์ าร ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค ประเมินความ มงุ่ มัน่ ในการ จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาใหแ้ กป้ ัญหา ทางาน ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ สาเร็จ ไม่สาเร็จเล็กนอ้ ย ไมส่ าเรจ็ เปน็ สว่ น ไมส่ าเรจ็ ใหญ่ มคี วามมุ่งมนั่ ใน มีความม่งุ ม่นั ในการ มีความมงุ่ ม่นั ในการ มคี วามม่งุ ม่ันในการ การทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานแตไ่ ม่มคี วาม รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ งานไม่ประสบ เรียบร้อย ครบถว้ น เรยี บร้อยสว่ นใหญ่ เรียบร้อยส่วนนอ้ ย ผลสาเร็จอยา่ งท่ี สมบรู ณ์ ควร 10. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู้..................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ ม่ผา่ น มดี งั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไี่ ม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกิดทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
4. นักเรยี นมีคณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ ผู้ท่ีได้รับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเน้ือหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................
4. ความเหมาะสมของส่อื ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 50 สาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณติ ศาสตร์พ้ืนฐาน รหสั วิชา ค 21102 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2562 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 สถติ ิ เรอื่ ง การเก็บรวบรวมขอ้ มลู (2) เวลา 1 ชว่ั โมง วันที.่ ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครผู ู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรทู้ างสถิติในการแก้ปญั หา 2. ตัวช้วี ัดช้นั ปี เข้าใจและใช้ความรูท้ างสถิติในการนาเสนอขอ้ มูลและแปลความหมายข้อมูลรวมทั้งนาสถิติไปใชใ้ น ชวี ติ จรงิ โดยใชเ้ ทคโนโลยี ทีเ่ หมาะสม( ค 3.1 ม.1/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ระบุวธิ ีการเก็บรวบรวมข้อมลู ทส่ี ามารถนาไปตอบคาถามทางสถิติ (K) 2. วางแผนและเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเพื่อตอบคาถามทางสถิติ (K) 3. มีความสามารถในการส่อื สาร ส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 4. มคี วามมุมานะในการทาความเข้าใจปัญหาและแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 5. มคี วามมงุ่ มน่ั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. มคี วามสามารถในการสือ่ สาร 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคญั วธิ กี ารเกบ็ รวบรวมข้อมมลู วา่ สามารถทาได้หลายวิธี เชน่ - การเกบ็ รวบรวมข้อมูลโดยการสารวจ - การเก็บรวบรวมข้อมลู โดยการทดลอง - การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสารวจ
- การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยการสังเกต 6. สาระการเรยี นรู้ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูทบทวนวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลแต่ละวิธี เพื่อนาไปสู่ข้อสรปุ เก่ียวกับวธิ ีการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ท่ีเหมาะสมกบั คาถามทางสถิติแต่ละคาถาม ซึง่ อาจจะมีได้หลายวธิ ี เชน่ - การเกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยการสารวจ - การเก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยการทดลอง - การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลโดยการสารวจ - การเกบ็ รวบรวมข้อมูลโดยการสังเกต 2. ครแู บง่ กลมุ่ นกั เรียนออกเป็นกล่มุ กลมุ่ ละ 4 คน เพื่อใหน้ กั เรียนออกแบบเครอ่ื งมอื อย่างงา่ ยในการ เก็บรวบรวมขอ้ มลู แบบต่างๆ 3. ครใู หน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุม่ จบั ฉลากเพื่อเลือกวธิ ีการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ดังน้ี - การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลโดยการสารวจ - การเก็บรวบรวมข้อมลู โดยการทดลอง - การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยการสารวจ - การเกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยการสังเกต 4. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกล่มุ ตงั้ คาถามทส่ี อดคล้องกับวธิ เี ก็บรวบรวมข้อมมลู ทนี่ ักเรยี นจับฉลากได้ พร้อมท้ังออกแบบเครอื่ งมอื เพ่อื ใช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล ในการตอบคาถามท่ีกลุ่มตวั เองตงั้ 5. ครใู หน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอคาถามในกลมุ่ ของตวั เอง พรอ้ มทัง้ นาเสนอการเกบ็ รวบรวมข้อมลู และเครือ่ งมอื ทใ่ี ช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลที่จะใช้ตอบคาถามนนั้ 6. ครูและนกั เรยี นชว่ ยกนั สรปุ เกย่ี วกับวธิ ีการเก็บรวบรวมขอ้ มมูลวา่ สามารถทาไดห้ ลายวธิ ี เชน่ - การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลโดยการสารวจ - การเกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยการทดลอง - การเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยการสารวจ
- การเกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยการสงั เกต 7. ครใู ห้นกั เรยี นทาแบบฝกึ หดั ท่ี 4.2 8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี น 2. แบบฝึกหัด 3. ฉลากวิธีเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ต่าง ๆ 9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกทกั ษะและแบบฝึกหัด แบบฝึกทกั ษะและแบบฝึกหัด ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล รายบุคคล สงั เกตพฤติกรรมการทางานรายกลมุ่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน รายกลุม่ 9.2 การประเมินผล ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑก์ าร (ดีมาก) (ต้องปรับปรงุ ) ประเมนิ การฝกึ ทาแบบทดสอบได้ (ด)ี (กาลังพฒั นา) ทาแบบทดสอบได้ ทักษะและ อยา่ งถูกตอ้ งร้อย อย่างถูกตอ้ งต่ากวา่ แบบฝกึ หดั ละ 90 ขน้ึ ไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑ์การ ประเมินความ ใช้รูป ภาษา และ อย่างถกู ต้องรอ้ ยละ อย่างถูกตอ้ งรอ้ ยละ ใชร้ ูป ภาษา และ สามารถในการ สัญลกั ษณท์ าง สญั ลกั ษณ์ทาง สอื่ สาร ส่อื คณติ ศาสตรใ์ นการ 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตร์ในการ ความหมายทาง สอ่ื สาร สื่อสาร คณติ ศาสตร์ สอ่ื ความหมาย ใช้รปู ภาษา และ ใชร้ ูป ภาษา และ ส่อื ความหมาย สรปุ ผล และ สัญลกั ษณท์ าง สญั ลกั ษณท์ าง สรปุ ผล และ คณติ ศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ นาเสนอไมไ่ ด้ สอื่ สาร ส่อื สาร สื่อความหมาย สอ่ื ความหมาย สรปุ ผล และ สรุปผล และ นาเสนอได้ถกู ต้อง
ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 3. เกณฑก์ าร (ตอ้ งปรบั ปรุง) ประเมนิ ความมุ (ดีมาก) (ด)ี (กาลังพฒั นา) มานะในการทา ไมม่ ีความตัง้ ใจและ ความเข้าใจ นาเสนอได้อยา่ ง แต่ขาดรายละเอยี ด นาเสนอไดถ้ ูกต้อง พยายามในการทา ปัญหาและ ความเข้าใจปญั หา แก้ปญั หาทาง ถูกตอ้ ง ชดั เจน ทส่ี มบูรณ์ บางสว่ น และแกป้ ญั หาทาง คณิตศาสตร์ คณติ ศาสตร์ ไมม่ ี มีความตง้ั ใจและ มีความต้งั ใจและ มีความต้ังใจและ ความอดทนและ 4. เกณฑ์การ ท้อแท้ตอ่ อุปสรรค ประเมนิ ความ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา มุง่ ม่นั ในการ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางาน ความเข้าใจปัญหา ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา ไมส่ าเร็จ และแก้ปัญหาทาง และแก้ปัญหาทาง และแกป้ ญั หาทาง มคี วามมุ่งมัน่ ในการ ทางานแต่ไม่มีความ คณติ ศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ รอบคอบ ส่งผลให้ งานไมป่ ระสบ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มีความอดทนและ ผลสาเรจ็ อยา่ งท่ี ควร ท้อแท้ต่ออุปสรรค ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ท้อแท้ตอ่ อุปสรรค จนทาใหแ้ ก้ปัญหา จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ สาเร็จ ไมส่ าเรจ็ เล็กนอ้ ย ไม่สาเร็จเป็นสว่ น ใหญ่ มีความมุ่งมน่ั ใน มีความม่งุ มนั่ ในการ มคี วามมงุ่ มนั่ ในการ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ เรยี บร้อย ครบถ้วน เรียบร้อยส่วนใหญ่ เรยี บร้อยส่วนนอ้ ย สมบรู ณ์ 10. บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 10.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนี่ไมผ่ า่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................
แนวทางแกไ้ ขนกั เรียนท่ีไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนเกิดทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรยี นมีคณุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเห็นของหวั หน้าสถานศึกษา/ ผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................
2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 51 สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวชิ า ค 21102 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2562 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 สถติ ิ เร่ือง แผนภมู ิรูปภาพ เวลา 1 ชั่วโมง วนั ท.ี่ ............ เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครูผู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติ และใชค้ วามรู้ทางสถิติในการแก้ปัญหา 2. ตวั ชวี้ ัดชัน้ ปี เข้าใจและใช้ความรทู้ างสถิตใิ นการนาเสนอขอ้ มูลและแปลความหมายขอ้ มูลรวมทั้งนาสถติ ิไปใชใ้ น ชีวิตจริงโดยใช้เทคโนโลยี ท่ีเหมาะสม( ค 3.1 ม.1/1) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อ่าน วเิ คราะหแ์ ละแปลความหมายข้อมูลซึง่ มีอยู่ในชีวติ จรงิ ที่น่าเสนอด้วยแผนภูมิรปู ภาพ แผนภูมิ แท่ง กราฟเส้นและแผนภมู ริ ปู วงกลม รวมทง้ั เขียนแผนภูมริ ูปวงกลม (K) 2. เลอื กใชค้ วามรูท้ างสถิติในการนาเสนอขอ้ มูลท่ีอยู่ในชีวติ จริง โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม (K) 3. มีความสามารถในเช่ือมโยงความรทู้ างคณิตศาสตร์ (P) 4. มีความสามารถในการสอื่ สาร สื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 5. มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา (P) 6. มีความสามารถในการใหเ้ หตผุ ล (P) 7. มคี วามมุมานะในการทาความเข้าใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 8. มคี วามม่งุ มน่ั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. มคี วามสามารถในการสือ่ สาร 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มีความสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์
5. สาระสาคัญ 1. แผนภมู รูปภาพ เปน็ การนาเสนอข้อมูล จะใช้รูปภาพหรอื สญั ลักษณ์แบบเดียวกนั แทนจานวนหรือ ปรมิ าณของขอ้ มลู ท่ีตอ้ งการนาเสนอ ซึง่ จะตอ้ งมีการกาหนดในแผนภมู ิวา่ รปู ภาพ หรอื สญั ลกั ษณ์หนง่ึ รปู นั้น แทนจานวนหรอื ปริมาณของข้อมูลเท่าใด 2. จุดเด่นของการนาเสนอขอ้ มลู ด้วยแผนภมู ิภาพ คือ สามารถดึงดูดความสนใจของผู้อา่ นได้ดี แต่ใน กรณีท่ขี อ้ มลู มีค่ามาก การนาเสนอข้อมลู ในรูปแบบนอ้ี าจไม่สะดวกต่อการเขียนและการอา่ น อีกท้งั หากใชร้ ูป หนง่ึ แทนจานวนมาก ๆ ก็จะส่งผลใหข้ อ้ มูลทน่ี าเสนอคลาดเคล่อื นได้ 6. สาระการเรยี นรู้ แผนภูมิรูปภาพ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายถงึ ความจาเปน็ ในการนาเสนอขอ้ มูลทเี่ กบ็ รวบรวมมาได้ โดย ชใ้ี ห้เห็นถงึ ความไม่ เปน็ ระเบียบของขอ้ มูล ซึง่ ทาให้ยากต่อการทาความเขา้ ใจและไม่ดงึ ดดู ความสนใจผอู้ า่ น ทั้งนี้ ครอู าจเริม่ ต้นจาก การใชต้ วั อย่างของข้อมูลทีน่ กั เรยี นเก็บรวบรวมมาได้ในกจิ กรรมจากชว่ั โมงทีแ่ ลว้ ใน การอภิปราย 2. ครูยกตัวอยา่ งข้อมลู ที่นาเสนอดว้ ยแผนภูมิรปู ภาพซ่งึ พบเห็นได้ในชีวิตประจาวัน แลว้ อธิบายถงึ หลักการและ วธิ ีการในการนาเสนอขอ้ มลู ดว้ ยแผนภมู ริ ูปภาพ โดยใชแ้ ละไมใ่ ช้เทคโนโลยี โดยใหน้ ักเรียนศกึ ษา ตัวอยา่ งที่ 1 ในหนงั สอื เรยี นหน้า 192 3. ครอู ธบิ ายถงึ แผนภมู รูปภาพ เป็นการนาเสนอขอ้ มูล จะใชร้ ูปภาพหรอื สญั ลกั ษณ์แบบเดยี วกันแทน จานวนหรอื ปรมิ าณของข้อมูลทีต่ ้องการนาเสนอ ซงึ่ จะตอ้ งมกี ารกาหนดในแผนภมู วิ ่ารูปภาพ หรือสัญลกั ษณ์ หน่ึงรปู นน้ั แทนจานวนหรอื ปริมาณของข้อมูลเทา่ ใด 4. ครูยกตวั อยา่ งแผนภมู ริ ูปภาพที่นา่ สนใจจากสอ่ื ต่าง ๆ เพ่อื ให้นกั เรยี นฝึกอา่ น วิเคราะห์ และ แปล ความหมายของขอ้ มูลในแผนภมู ริ ูปภาพ รวมถึงอภปิ รายขอ้ ดีและข้อจากดั ของแผนภูมริ ปู ภาพในตัวอยา่ งน้ัน 5. ครใู หน้ กั เรียนจับค่เู พือ่ รว่ มกนั ทากจิ กรรมรอบรเู้ รือ่ งไข่ ในหนงั สือเรยี น หน้า 194 6. ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะคู่ ออกมานาเสนอผลการดาเนนิ กจิ กรรมรอบรู้เรื่องไข่ หนา้ ช้ันเรยี น โดยครู เลือกส่มุ ออกมา 1 – 5 คู่ เพื่อใช้เปน็ ตวั อยา่ งในการอภปิ ราย 7. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ เกีย่ วกับการนาเสนอด้วยแผนภมู ิรปู ภาพ ดงั นี้
แผนภมู รปู ภาพ เปน็ การนาเสนอขอ้ มลู จะใชร้ ูปภาพหรือสัญลกั ษณแ์ บบเดียวกันแทนจานวน หรอื ปรมิ าณของขอ้ มูลท่ีต้องการนาเสนอ ซึ่งจะต้องมกี ารกาหนดในแผนภมู ิว่ารปู ภาพ หรอื สญั ลักษณ์ หน่งึ รูปนนั้ แทนจานวนหรือปรมิ าณของข้อมูลเท่าใด 8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสอื เรียน 2. แบบฝกึ หัด 3. กิจกรรมรอบรูเ้ รื่องไข่ 9. การวดั และประเมินผล 9.1 การวัดผล วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกทกั ษะและแบบฝกึ หัด แบบฝกึ ทกั ษะและแบบฝกึ หัด ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล รายบุคคล สังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายกล่มุ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน รายกลุม่ 9.2 การประเมินผล ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดมี าก) (ตอ้ งปรบั ปรุง) ประเมนิ การฝกึ ทาแบบทดสอบได้ (ดี) (กาลังพฒั นา) ทาแบบทดสอบได้ ทักษะและ อย่างถูกต้องรอ้ ย อยา่ งถกู ต้องต่ากวา่ แบบฝึกหัด ละ 90 ขนึ้ ไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑก์ าร ประเมินความ ใชร้ ปู ภาษา และ อย่างถกู ตอ้ งร้อยละ อย่างถกู ตอ้ งร้อยละ ใชร้ ูป ภาษา และ สามารถในการ สญั ลักษณ์ทาง สัญลกั ษณ์ทาง ส่อื สาร สอ่ื คณติ ศาสตร์ในการ 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง ส่อื สาร สื่อสาร คณิตศาสตร์ ส่อื ความหมาย ใช้รปู ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ สรปุ ผล และ สญั ลักษณ์ทาง สัญลักษณท์ าง คณติ ศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ ส่อื สาร ส่ือสาร สอื่ ความหมาย สอื่ ความหมาย สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ
ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 3. เกณฑ์การ (ตอ้ งปรบั ปรุง) ประเมินความ (ดมี าก) (ดี) (กาลังพัฒนา) สอื่ ความหมาย สามารถในการ สรุปผล และ เช่ือมโยง นาเสนอไดอ้ ย่าง นาเสนอได้ถูกต้อง นาเสนอได้ถูกต้อง นาเสนอไม่ได้ ใชค้ วามรทู้ าง 4. เกณฑ์การ ถูกต้อง ชดั เจน แตข่ าดรายละเอียด บางส่วน คณติ ศาสตร์เป็น ประเมนิ ความ เครือ่ งมือในการ สามารถในการ ทสี่ มบูรณ์ เรียนรู้คณติ ศาสตร์ สอ่ื สาร สอื่ เนื้อหาต่าง ๆ หรือ ความหมายทาง ใช้ความรู้ทาง ใชค้ วามรทู้ าง ใชค้ วามรู้ทาง ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ คณิตศาสตร์ นาไปใช้ในชีวิตจรงิ คณติ ศาสตรเ์ ปน็ คณิตศาสตร์เป็น คณิตศาสตร์เป็น 5. เกณฑก์ าร ใช้รปู ภาษา และ ประเมนิ ความ เคร่อื งมือในการ เคร่อื งมอื ในการ เคร่อื งมือในการ สญั ลักษณท์ าง สามารถในการ คณติ ศาสตรใ์ นการ ให้เหตุผล เรยี นรู้คณติ ศาสตร์ เรียนรู้คณิตศาสตร์ เรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ สือ่ สาร 6. เกณฑก์ าร สื่อความหมาย ประเมินความ เนอื้ หาตา่ ง ๆ หรือ เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรอื เนื้อหาต่าง ๆ หรอื สรุปผล และ สามารถในการ นาเสนอไมไ่ ด้ แก้ปญั หา ศาสตร์อน่ื ๆ และ ศาสตร์อื่น ๆ และ ศาสตร์อนื่ ๆ และ มีความพยายาม นาไปใช้ในชีวติ จรงิ นาไปใช้ในชวี ติ จรงิ นาไปใช้ในชวี ิตจรงิ เสนอแนวคดิ ประกอบการ ไดอ้ ย่างสอดคลอ้ ง ไดบ้ างสว่ น ตดั สินใจ ทาความเข้าใจ เหมาะสม ปัญหา คดิ วเิ คราะห์ มีร่องรอยของการ ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ วางแผนแกป้ ัญหา แต่ไมส่ าเร็จ สญั ลกั ษณ์ทาง สญั ลกั ษณ์ทาง สัญลกั ษณ์ทาง คณิตศาสตร์ในการ คณิตศาสตร์ในการ คณติ ศาสตรใ์ นการ สอื่ สาร สื่อสาร ส่อื สาร ส่อื ความหมาย ส่อื ความหมาย สือ่ ความหมาย สรปุ ผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ นาเสนอได้อย่าง นาเสนอได้ถูกต้อง นาเสนอไดถ้ กู ต้อง ถกู ต้อง ชดั เจน แต่ขาดรายละเอยี ด บางสว่ น ทสี่ มบูรณ์ มีการอา้ งอิง เสนอ มกี ารอ้างอิงถูกต้อง เสนอแนวคดิ ไม่ แนวคดิ ประกอบ บางส่วนและ เสนอ สมเหตุสมผลใน การตดั สนิ ใจอย่าง แนวคดิ ประกอบ การประกอบ สมเหตุสมผล การตัดสินใจ การตัดสนิ ใจ ทาความเข้าใจ ทาความเขา้ ใจ ทาความเข้าใจ ปญั หา คิด ปญั หา คิดวเิ คราะห์ ปญั หา คิดวเิ คราะห์ วเิ คราะห์ วางแผน วางแผนแก้ปญั หา วางแผนแก้ปญั หา แกป้ ญั หา และเลือกใช้วธิ กี าร และเลอื กใชว้ ธิ ีการ และเลอื กใช้วิธีการ
ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 7. เกณฑ์การ (ต้องปรบั ปรงุ ) ประเมนิ ความมุ (ดมี าก) (ดี) (กาลังพฒั นา) มานะในการทา ไม่มคี วามตง้ั ใจและ ความเข้าใจ ทเี่ หมาะสม โดย ทเ่ี หมาะสม แต่ ไดบ้ างสว่ น คาตอบ พยายามในการทา ปัญหาและ ความเขา้ ใจปัญหา แก้ปญั หาทาง คานึงถึงความ ความสมเหตสุ มผล ทไี่ ดย้ งั ไมม่ ีความ และแกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์ ไม่มี สมเหตุสมผลของ ของคาตอบยังไม่ดี สมเหตุสมผล และ ความอดทนและ 8. เกณฑก์ าร ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค ประเมินความ คาตอบพรอ้ มทัง้ พอ และตรวจสอบ ไมม่ ีการตรวจสอบ จนทาใหแ้ กป้ ญั หา มุง่ ม่ันในการ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางาน ตรวจสอบความ ความถกู ต้องไมไ่ ด้ ความถกู ตอ้ ง ไม่สาเร็จ ถกู ต้องได้ มีความมงุ่ ม่ันในการ ทางานแต่ไม่มคี วาม มคี วามต้ังใจและ มคี วามตง้ั ใจและ มคี วามต้งั ใจและ รอบคอบ สง่ ผลให้ งานไม่ประสบ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ผลสาเรจ็ อยา่ งที่ ควร ความเขา้ ใจปญั หา ความเขา้ ใจปญั หา ความเขา้ ใจปญั หา และแก้ปัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง และแกป้ ญั หาทาง คณติ ศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มีความอดทนและ ท้อแท้ตอ่ อุปสรรค ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรค ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรค จนทาใหแ้ ก้ปัญหา จนทาให้แกป้ ญั หา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไมส่ าเร็จเล็กน้อย ไมส่ าเรจ็ เปน็ สว่ น ใหญ่ มคี วามมงุ่ มั่นใน มคี วามม่งุ มัน่ ในการ มคี วามมงุ่ มนั่ ในการ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ เรียบรอ้ ย ครบถว้ น เรียบรอ้ ยส่วนใหญ่ เรียบร้อยส่วนนอ้ ย สมบูรณ์ 10. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 10.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้......................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นร้.ู .................คน คิดเปน็ ร้อยละ..................
นกั เรียนนไ่ี มผ่ า่ น มดี ังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไ่ี มผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรยี นเกดิ ทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรยี นมคี ุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่อื ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผ้ทู ่ไี ดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของส่อื ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 52 สาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณติ ศาสตร์พื้นฐาน รหัสวชิ า ค 21102 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 สถิติ เรื่อง การอา่ นแผนภมู ิรปู ภาพ เวลา 1 ช่วั โมง วนั ท.่ี ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใชค้ วามรู้ทางสถติ ิในการแก้ปัญหา 2. ตัวชี้วัดช้นั ปี เขา้ ใจและใช้ความรู้ทางสถิติในการนาเสนอขอ้ มูลและแปลความหมายขอ้ มูลรวมทัง้ นาสถติ ิไปใชใ้ น ชวี ติ จรงิ โดยใชเ้ ทคโนโลยี ที่เหมาะสม( ค 3.1 ม.1/1) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อา่ น วิเคราะหแ์ ละแปลความหมายข้อมูลซึง่ มอี ยู่ในชีวติ จริงที่น่าเสนอดว้ ยแผนภูมิรปู ภาพ แผนภูมิ แท่ง กราฟเส้นและแผนภูมิรปู วงกลม รวมทง้ั เขียนแผนภูมริ ูปวงกลม (K) 2. เลือกใช้ความร้ทู างสถิติในการนาเสนอขอ้ มูลท่ีอยู่ในชีวติ จริง โดยใช้เทคโนโลยีทีเ่ หมาะสม (K) 3. มคี วามสามารถในเชื่อมโยงความรทู้ างคณิตศาสตร์ (P) 4. มีความสามารถในการสื่อสาร สื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 5. มีความสามารถในการแกป้ ญั หา (P) 6. มคี วามสามารถในการใหเ้ หตผุ ล (P) 7. มคี วามมุมานะในการทาความเข้าใจปัญหาและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 8. มคี วามมงุ่ มน่ั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หา 3. มีความสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์
5. สาระสาคญั จุดเด่นของการนาเสนอขอ้ มูลด้วยแผนภูมิภาพ คือ สามารถดงึ ดูดความสนใจของผู้อา่ นไดด้ ี แต่ในกรณี ทีข่ อ้ มลู มีคา่ มาก การนาเสนอข้อมูลในรูปแบบนี้อาจไมส่ ะดวกตอ่ การเขียนและการอา่ น อกี ท้ังหากใชร้ ูปหนง่ึ แทนจานวนมาก ๆ กจ็ ะส่งผลให้ข้อมูลที่นาเสนอคลาดเคลอ่ื นได้ 6. สาระการเรียนรู้ การอ่านแผนภูมิรปู ภาพ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภปิ รายถึงความจาเปน็ ในการนาเสนอข้อมลู ท่เี ก็บรวบรวมมาได้ โดย ชใี้ หเ้ ห็นถงึ ความไม่ เปน็ ระเบียบของขอ้ มูล ซ่ึงทาใหย้ ากตอ่ การทาความเขา้ ใจและไมด่ ึงดูดความสนใจผูอ้ ่าน ท้งั น้ี ครูอาจเริ่มต้นจาก การใช้ตวั อย่างของข้อมลู ทนี่ ักเรยี นเก็บรวบรวมมาได้ในกจิ กรรมจากชว่ั โมงทแี่ ล้ว ใน การอภิปราย 2. ครยู กตัวอยา่ งขอ้ มูลที่นาเสนอด้วยแผนภมู ิรูปภาพซึง่ พบเห็นไดใ้ นชวี ิตประจาวัน แล้วอธิบายถึง หลกั การและ วิธีการในการนาเสนอข้อมูลดว้ ยแผนภมู ริ ูปภาพ โดยใชแ้ ละไม่ใช้เทคโนโลยี โดยให้นกั เรียนศึกษา ตัวอย่างที่ 2 ในหนงั สือเรยี นหน้า 195 3. ครอู ธบิ ายถงึ ขอ้ ดีและขอ้ จากัดของ การนาเสนอในรูปแบบนี้ จดุ เดน่ ของการนาเสนอขอ้ มลู ด้วย แผนภมู ภิ าพ คือ สามารถดึงดดู ความสนใจของผู้อ่านไดด้ ี แตใ่ นกรณีที่ข้อมูลมคี ่ามาก การนาเสนอข้อมลู ใน รปู แบบนี้อาจไมส่ ะดวกต่อการเขียนและการอา่ น อีกทง้ั หากใช้รปู หนึ่งแทนจานวนมาก ๆ กจ็ ะสง่ ผลให้ข้อมูลท่ี นาเสนอคลาดเคลอ่ื นได้ 4. ครูยกตวั อย่างแผนภูมริ ูปภาพทน่ี า่ สนใจจากสือ่ ต่าง ๆ เพ่อื ให้นกั เรียนฝึกอา่ น วเิ คราะห์ และ แปล ความหมายของข้อมูลในแผนภมู ริ ูปภาพ รวมถึงอภิปรายข้อดแี ละข้อจากัดของแผนภูมิรปู ภาพในตัวอย่างนน้ั 5. ครูให้นักเรียนทาแบบฝกึ ทกั ษะท่ี 4.2 เรอ่ื งแผนภูมิรูปภาพ 6. ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะคู่ ออกมานาเสนอผลการทาแบบฝกึ ทกั ษะที่ 4.2 เรื่องแผนภมู ิรูปภาพ หนา้ ช้ัน เรยี น โดยครูเลือกส่มุ ออกมา 5 – 6 คน เพ่ือใช้เป็นตัวอยา่ งในการอภิปราย 7. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปเกี่ยวกบั ขอ้ ดีและข้อเสยี ในการนาเสนอดว้ ยแผนภมู ิรูปภาพ ดงั นี้ จุดเด่นของการนาเสนอข้อมลู ด้วยแผนภมู ภิ าพ คือ สามารถดงึ ดูดความสนใจของผ้อู า่ นได้ดี แต่ในกรณีทขี่ ้อมูลมคี ่ามาก การนาเสนอข้อมลู ในรูปแบบนอี้ าจไม่สะดวกตอ่ การเขยี นและการอ่าน อีก ท้งั หากใช้รูปหน่ึงแทนจานวนมาก ๆ กจ็ ะส่งผลให้ขอ้ มลู ท่ีนาเสนอคลาดเคล่ือนได้ 8. ครูให้นกั เรยี นทาแบบฝกึ หดั ที่ 4.3 ก
8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี น 2. แบบฝกึ หัด 3. แบบฝกึ ทักษะที่ 4.2 เร่ืองแผนภมู ริ ูปภาพ 9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล เครือ่ งมอื เกณฑ์ วิธีการ แบบฝกึ ทกั ษะและแบบฝกึ หัด รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ ทักษะและแบบฝกึ หัด รายบคุ คล สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน รายบคุ คล 9.2 การประเมนิ ผล ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดีมาก) (ต้องปรบั ปรุง) ประเมินการฝกึ ทาแบบทดสอบได้ (ด)ี (กาลังพฒั นา) ทาแบบทดสอบได้ ทกั ษะและ อยา่ งถกู ตอ้ งรอ้ ย อยา่ งถูกต้องต่ากวา่ แบบฝึกหดั ละ 90 ขน้ึ ไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ร้อยละ 60 2. เกณฑก์ าร ประเมินความ ใช้รูป ภาษา และ อยา่ งถกู ตอ้ งร้อยละ อย่างถกู ตอ้ งร้อยละ ใชร้ ูป ภาษา และ สามารถในการ สัญลักษณ์ทาง สญั ลกั ษณท์ าง สอ่ื สาร ส่ือ คณิตศาสตรใ์ นการ 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง สื่อสาร สอ่ื สาร คณติ ศาสตร์ ส่ือความหมาย ใชร้ ปู ภาษา และ ใชร้ ูป ภาษา และ สื่อความหมาย สรปุ ผล และ สญั ลักษณ์ทาง สัญลกั ษณ์ทาง สรปุ ผล และ นาเสนอได้อยา่ ง คณติ ศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตรใ์ นการ นาเสนอไม่ได้ ถกู ต้อง ชัดเจน สอ่ื สาร สอื่ สาร สื่อความหมาย สื่อความหมาย ใชค้ วามรทู้ าง 3. เกณฑ์การ ใชค้ วามรูท้ าง สรุปผล และ สรปุ ผล และ คณติ ศาสตรเ์ ปน็ ประเมนิ ความ คณติ ศาสตรเ์ ป็น นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ ง นาเสนอไดถ้ ูกต้อง เครื่องมอื ในการ เครื่องมือในการ แต่ขาดรายละเอียด บางส่วน ท่ีสมบรู ณ์ ใชค้ วามรู้ทาง ใชค้ วามรทู้ าง คณติ ศาสตรเ์ ปน็ คณิตศาสตรเ์ ปน็ เครอ่ื งมอื ในการ เคร่อื งมอื ในการ
ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 สามารถในการ (ต้องปรับปรงุ ) เช่ือมโยง (ดีมาก) (ด)ี (กาลงั พฒั นา) เรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ เนอื้ หาตา่ ง ๆ หรอื 4. เกณฑก์ าร เรยี นร้คู ณิตศาสตร์ เรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ เรียนรู้คณิตศาสตร์ ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ ประเมินความ นาไปใชใ้ นชวี ิตจริง สามารถในการ เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรอื เน้อื หาตา่ ง ๆ หรือ เนอ้ื หาต่าง ๆ หรอื ส่ือสาร ส่ือ ใชร้ ูป ภาษา และ ความหมายทาง ศาสตร์อื่น ๆ และ ศาสตร์อน่ื ๆ และ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ สัญลกั ษณ์ทาง คณติ ศาสตร์ คณติ ศาสตร์ในการ นาไปใชใ้ นชวี ิตจริง นาไปใช้ในชีวิตจรงิ นาไปใช้ในชวี ิตจรงิ สื่อสาร 5. เกณฑ์การ สอื่ ความหมาย ประเมนิ ความ ไดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ ง ไดบ้ างสว่ น สรุปผล และ สามารถในการ นาเสนอไมไ่ ด้ ให้เหตุผล เหมาะสม 6. เกณฑ์การ มคี วามพยายาม ประเมินความ ใช้รูป ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ เสนอแนวคิด สามารถในการ ประกอบการ แก้ปญั หา สัญลักษณ์ทาง สญั ลกั ษณ์ทาง สญั ลักษณ์ทาง ตดั สินใจ ทาความเข้าใจ คณติ ศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตรใ์ นการ ปญั หา คดิ วเิ คราะห์ มรี อ่ งรอยของการ ส่อื สาร สอื่ สาร ส่ือสาร วางแผนแกป้ ญั หา แต่ไมส่ าเร็จ สือ่ ความหมาย สอ่ื ความหมาย สอื่ ความหมาย สรุปผล และ สรปุ ผล และ สรุปผล และ นาเสนอได้อย่าง นาเสนอได้ถูกต้อง นาเสนอได้ถกู ต้อง ถูกต้อง ชัดเจน แต่ขาดรายละเอียด บางส่วน ทส่ี มบูรณ์ มีการอ้างอิง เสนอ มกี ารอ้างองิ ถกู ต้อง เสนอแนวคดิ ไม่ แนวคดิ ประกอบ บางสว่ นและ เสนอ สมเหตุสมผลใน การตดั สินใจอย่าง แนวคดิ ประกอบ การประกอบ สมเหตุสมผล การตดั สินใจ การตดั สินใจ ทาความเข้าใจ ทาความเข้าใจ ทาความเข้าใจ ปัญหา คดิ ปัญหา คดิ วเิ คราะห์ ปัญหา คดิ วเิ คราะห์ วเิ คราะห์ วางแผน วางแผนแกป้ ญั หา วางแผนแกป้ ญั หา แกป้ ญั หา และเลือกใช้วธิ กี าร และเลือกใชว้ ธิ กี าร และเลอื กใช้วิธกี าร ทีเ่ หมาะสม แต่ ได้บางสว่ น คาตอบ ที่เหมาะสม โดย ความสมเหตสุ มผล ท่ไี ดย้ งั ไมม่ ีความ คานงึ ถึงความ ของคาตอบยังไม่ดี สมเหตุสมผล และ สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไมม่ กี ารตรวจสอบ คาตอบพรอ้ มทัง้ ความถกู ตอ้ งไม่ได้ ความถกู ตอ้ ง ตรวจสอบความ ถูกต้องได้
ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 7. เกณฑ์การ (ต้องปรับปรุง) ประเมนิ ความมุ (ดีมาก) (ดี) (กาลังพฒั นา) ไมม่ คี วามตงั้ ใจและ มานะในการทา พยายามในการทา ความเข้าใจ มีความตงั้ ใจและ มคี วามตั้งใจและ มคี วามตัง้ ใจและ ความเข้าใจปัญหา ปญั หาและ และแก้ปัญหาทาง แก้ปญั หาทาง พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา คณติ ศาสตร์ ไม่มี คณติ ศาสตร์ ความอดทนและ ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค 8. เกณฑก์ าร จนทาใหแ้ ก้ปัญหา ประเมนิ ความ และแก้ปญั หาทาง และแกป้ ัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ มงุ่ ม่นั ในการ ไมส่ าเรจ็ ทางาน คณิตศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ มีความมงุ่ มัน่ ในการ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มีความอดทนและ ทางานแต่ไมม่ คี วาม รอบคอบ ส่งผลให้ ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค งานไมป่ ระสบ ผลสาเร็จอย่างท่ี จนทาให้แก้ปัญหา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา จนทาให้แก้ปัญหา ควร ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไม่สาเร็จเล็กนอ้ ย ไมส่ าเรจ็ เปน็ สว่ น ใหญ่ มคี วามมุ่งม่ันใน มคี วามมงุ่ มั่นในการ มคี วามมุง่ มั่นในการ การทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ เรยี บรอ้ ย ครบถว้ น เรียบร้อยส่วนใหญ่ เรยี บร้อยสว่ นน้อย สมบรู ณ์ 10. บันทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้......................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรียนน่ีไม่ผ่าน มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นที่ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
2. นกั เรียนมีความรคู้ วามเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรยี นเกดิ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรยี นมคี ุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่อื ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนอื้ หา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................
3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสือ่ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 53 สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวชิ า ค 21102 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2562 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 สถติ ิ เรอื่ ง แผนภูมิรูปแทง่ เวลา 1 ชั่วโมง วนั ที่............. เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใชค้ วามรู้ทางสถิติในการแก้ปัญหา 2. ตัวชวี้ ัดชน้ั ปี เข้าใจและใช้ความรู้ทางสถติ ใิ นการนาเสนอขอ้ มูลและแปลความหมายขอ้ มูลรวมทั้งนาสถติ ิไปใชใ้ น ชีวติ จรงิ โดยใชเ้ ทคโนโลยี ทีเ่ หมาะสม( ค 3.1 ม.1/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อ่าน วเิ คราะหแ์ ละแปลความหมายข้อมูลซึง่ มีอยู่ในชีวติ จรงิ ที่น่าเสนอด้วยแผนภูมิรปู ภาพ แผนภูมิ แทง่ กราฟเส้นและแผนภมู ริ ปู วงกลม รวมทง้ั เขียนแผนภูมริ ูปวงกลม (K) 2. เลอื กใชค้ วามรู้ทางสถติ ิในการนาเสนอขอ้ มูลท่ีอยู่ในชีวติ จริง โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม (K) 3. มคี วามสามารถในเชอ่ื มโยงความรทู้ างคณิตศาสตร์ (P) 4. มีความสามารถในการสอื่ สาร สื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 5. มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา (P) 6. มีความสามารถในการใหเ้ หตผุ ล (P) 7. มคี วามมมุ านะในการทาความเข้าใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 8. มคี วามมุ่งม่นั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน 1. มคี วามสามารถในการสื่อสาร 2. มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา 3. มีความสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์
5. สาระสาคญั 1. การนาเสนอขอ้ มลู ที่แสดงด้วยแท่งส่ีเหลยี่ มมมุ ฉากโดยความสงู หรือความยาวของแท่งแทนจานวน หรอื ปรมิ าณของขอ้ มูลเรยี กวา่ แผนภูมิแทง่ แท่งเหล่านอี้ าจอยูใ่ นแนวนอนหรอื แนวตั้งกไ็ ด้ โดยใหค้ วามกว้าง ของแท่งเท่า ๆ กัน 2. แผนภมู แิ ทง่ นิยมใชใ้ นการนาเสนอเพ่อื เปรยี บเทยี บขอ้ มูล และมีหลายแบบ โดยจาแนกกวา้ ง ๆ ได้ เป็นแผนภมู แิ ท่งท่แี สดงความสัมพันธร์ ะหว่างตวั แปรตน้ หน่งึ ตวั กับตัวแปรตามหน่ึงตวั และแผนภมู ิแท่งทแ่ี สดง ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งตัวแปรต้นหลายตัวกับตวั แปรตามตัวเดียว 6. สาระการเรยี นรู้ แผนภมู ิแท่ง 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายถงึ ความจาเป็นในการนาเสนอข้อมูลท่ีเก็บรวบรวมมาได้ โดย ช้ใี ห้เหน็ ถึงความไม่ เปน็ ระเบยี บของข้อมูล ซง่ึ ทาให้ยากตอ่ การทาความเขา้ ใจและไม่ดงึ ดดู ความสนใจผู้อ่าน ท้งั นี้ ครูอาจเรมิ่ ตน้ จาก การใช้ตวั อย่างของขอ้ มูลทนี่ ักเรยี นเก็บรวบรวมมาได้ในกิจกรรมจากชว่ั โมงที่แลว้ ใน การอภิปราย 2. ครูอธิบายถึงการนาเสนอข้อมลู โดยใชแ้ ผนภมู ิแท่งดงั นี้ 1. การนาเสนอขอ้ มลู ท่ีแสดงดว้ ยแทง่ ส่ีเหลีย่ มมุมฉากโดยความสูงหรอื ความยาวของแท่งแทน จานวนหรือปรมิ าณของข้อมูลเรียกวา่ แผนภูมิแท่ง แท่งเหล่านีอ้ าจอยู่ในแนวนอนหรือแนวตงั้ ก็ได้ โดยใหค้ วามกว้างของแท่งเทา่ ๆ กนั 2. แผนภูมิแท่งนิยมใช้ในการนาเสนอเพือ่ เปรยี บเทยี บขอ้ มูล และมีหลายแบบ โดยจาแนก กวา้ ง ๆ ได้เป็นแผนภมู ิแทง่ ท่ีแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตวั แปรต้นหนง่ึ ตัวกับตวั แปรตามหน่งึ ตัว และ แผนภมู แิ ท่งทแี่ สดงความสัมพันธร์ ะหวา่ งตัวแปรต้นหลายตัวกับตวั แปรตามตัวเดียว 3. ครูยกตัวอย่างขอ้ มูลที่นาเสนอด้วยแผนภูมิแท่งซึง่ พบเห็นได้ในชวี ิตประจาวัน แล้วอธิบายถึง หลกั การและ วิธกี ารในการนาเสนอขอ้ มลู ดว้ ยแผนภมู แิ ท่ง โดยใชแ้ ละไมใ่ ช้เทคโนโลยี โดยใหน้ กั เรยี นศกึ ษา ใน หนงั สอื เรียนหนา้ 203 4. ครูยกตัวอยา่ งแผนภูมแิ ทง่ ท่นี ่าสนใจจากส่อื ต่าง ๆ เพื่อให้นกั เรยี นฝึกอา่ น วิเคราะห์ และ แปล ความหมายของข้อมลู ในแผนภมู ิแทง่ 5. ครูใหน้ กั เรียนจบั คูเ่ พอ่ื รว่ มกันทากิจกรรมแขง่ กนั สงู ในหนังสอื เรียน หนา้ 202
6. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะคู่ ออกมานาเสนอผลการดาเนินกิจกรรมแข่งกนั สูง หน้าช้นั เรียน โดยครูเลอื ก สมุ่ ออกมา 1 – 5 คู่ เพื่อใชเ้ ป็นตัวอยา่ งในการอภิปราย 7. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปเก่ียวกบั การนาเสนอข้อมลู โดยแผนภูมแิ ทง่ ดงั นี้ 1. การนาเสนอข้อมลู ที่แสดงด้วยแท่งส่ีเหล่ียมมมุ ฉากโดยความสงู หรือความยาวของแท่งแทน จานวนหรอื ปริมาณของข้อมูลเรยี กวา่ แผนภูมแิ ท่ง แท่งเหล่านอ้ี าจอยู่ในแนวนอนหรอื แนวต้งั กไ็ ด้ โดยใหค้ วามกว้างของแท่งเทา่ ๆ กนั 2. แผนภูมิแทง่ นยิ มใชใ้ นการนาเสนอเพื่อเปรียบเทยี บขอ้ มูล และมหี ลายแบบ โดยจาแนก กวา้ ง ๆ ได้เป็นแผนภมู ิแทง่ ทีแ่ สดงความสมั พันธร์ ะหวา่ งตัวแปรต้นหน่ึงตวั กับตวั แปรตามหนึ่งตัว และ แผนภูมแิ ทง่ ทแี่ สดงความสัมพันธร์ ะหวา่ งตวั แปรตน้ หลายตวั กับตวั แปรตามตัวเดียว 8. ครใู หน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ ทักษะที่ 4.4 เร่อื งแผนภมู ิแท่ง 8. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี น 2. แบบฝึกหัด 3. กจิ กรรมแขง่ กันสงู 4. แบบฝึกทกั ษะท่ี 4.4 เรือ่ งแผนภูมแิ ทง่ 9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วธิ กี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกทักษะและแบบฝึกหัด แบบฝกึ ทักษะและแบบฝึกหัด ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทางาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล รายบุคคล สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายกลมุ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน รายกลมุ่
9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ 4 ระดับคุณภาพ 1 ประเมิน (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรับปรุง) (ด)ี (กาลงั พฒั นา) ทาแบบทดสอบได้ อยา่ งถูกต้องต่ากวา่ 1. เกณฑก์ าร ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 ประเมนิ การฝกึ อยา่ งถูกต้องร้อย อย่างถกู ตอ้ งร้อยละ อย่างถูกตอ้ งรอ้ ยละ ใชร้ ูป ภาษา และ สัญลกั ษณท์ าง ทักษะและ ละ 90 ข้ึนไป 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตรใ์ นการ สอ่ื สาร แบบฝึกหัด สื่อความหมาย สรุปผล และ 2. เกณฑก์ าร ใชร้ ปู ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมนิ ความ สัญลกั ษณ์ทาง สัญลกั ษณท์ าง สัญลกั ษณท์ าง ใช้ความรู้ทาง คณติ ศาสตร์เปน็ สามารถในการ คณิตศาสตร์ในการ คณติ ศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตรใ์ นการ เครอื่ งมอื ในการ เรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ ส่อื สาร ส่อื สื่อสาร สื่อสาร สอ่ื สาร เนื้อหาตา่ ง ๆ หรอื ศาสตร์อน่ื ๆ และ ความหมายทาง สอื่ ความหมาย สื่อความหมาย สือ่ ความหมาย นาไปใชใ้ นชีวิตจริง คณิตศาสตร์ สรุปผล และ สรุปผล และ สรุปผล และ ใชร้ ปู ภาษา และ สญั ลกั ษณท์ าง นาเสนอได้อยา่ ง นาเสนอไดถ้ ูกต้อง นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ ง คณติ ศาสตรใ์ นการ สื่อสาร ถูกต้อง ชดั เจน แตข่ าดรายละเอยี ด บางส่วน สื่อความหมาย สรปุ ผล และ ทส่ี มบูรณ์ นาเสนอไม่ได้ 3. เกณฑก์ าร ใชค้ วามรทู้ าง ใช้ความรูท้ าง ใช้ความรู้ทาง ประเมินความ คณิตศาสตร์เปน็ คณิตศาสตร์เปน็ คณิตศาสตร์เปน็ สามารถในการ เครือ่ งมือในการ เครอ่ื งมอื ในการ เคร่ืองมอื ในการ เช่อื มโยง เรยี นรู้คณิตศาสตร์ เรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ เรียนรู้คณิตศาสตร์ เน้ือหาต่าง ๆ หรอื เน้ือหาต่าง ๆ หรอื เนอ้ื หาต่าง ๆ หรอื ศาสตร์อ่นื ๆ และ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ ศาสตร์อน่ื ๆ และ นาไปใช้ในชวี ิตจรงิ นาไปใช้ในชวี ติ จรงิ นาไปใชใ้ นชีวติ จริง ได้อยา่ งสอดคลอ้ ง ได้บางส่วน เหมาะสม 4. เกณฑ์การ ใช้รูป ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ ประเมินความ สัญลกั ษณ์ทาง สัญลกั ษณ์ทาง สัญลกั ษณ์ทาง สามารถในการ คณติ ศาสตร์ในการ คณติ ศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตร์ในการ สื่อสาร ส่ือ ส่อื สาร สอื่ สาร สื่อสาร ความหมายทาง สือ่ ความหมาย สื่อความหมาย ส่ือความหมาย คณิตศาสตร์ สรุปผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ นาเสนอไดถ้ กู ต้อง
ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 5. เกณฑ์การ (ต้องปรับปรุง) ประเมินความ (ดมี าก) (ดี) (กาลังพฒั นา) สามารถในการ มีความพยายาม ให้เหตุผล นาเสนอได้อยา่ ง แต่ขาดรายละเอียด นาเสนอได้ถกู ต้อง เสนอแนวคิด 6. เกณฑ์การ ประกอบการ ประเมนิ ความ ถกู ต้อง ชดั เจน ทส่ี มบูรณ์ บางสว่ น ตดั สินใจ สามารถในการ ทาความเข้าใจ แกป้ ัญหา มกี ารอา้ งองิ เสนอ มกี ารอา้ งอิงถูกตอ้ ง เสนอแนวคดิ ไม่ ปัญหา คิดวเิ คราะห์ มีร่องรอยของการ 7. เกณฑ์การ แนวคิดประกอบ บางส่วนและ เสนอ สมเหตุสมผลใน วางแผนแก้ปัญหา ประเมินความมุ แต่ไมส่ าเร็จ มานะในการทา การตัดสินใจอย่าง แนวคดิ ประกอบ การประกอบ ความเขา้ ใจ ไมม่ คี วามตงั้ ใจและ ปัญหาและ สมเหตุสมผล การตัดสินใจ การตัดสินใจ พยายามในการทา แก้ปญั หาทาง ความเข้าใจปัญหา คณิตศาสตร์ ทาความเข้าใจ ทาความเข้าใจ ทาความเขา้ ใจ และแก้ปัญหาทาง คณิตศาสตร์ ไม่มี 8. เกณฑ์การ ปญั หา คดิ ปัญหา คดิ วเิ คราะห์ ปญั หา คิดวิเคราะห์ ความอดทนและ ประเมินความ ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรค วิเคราะห์ วางแผน วางแผนแกป้ ญั หา วางแผนแก้ปัญหา จนทาให้แกป้ ัญหา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ แกป้ ัญหา และเลอื กใช้วธิ กี าร และเลอื กใช้วิธกี าร ไม่สาเร็จ และเลือกใช้วิธกี าร ทเ่ี หมาะสม แต่ ได้บางสว่ น คาตอบ มคี วามมงุ่ มั่นในการ ทางานแต่ไมม่ ีความ ทเี่ หมาะสม โดย ความสมเหตุสมผล ท่ีได้ยังไม่มีความ คานึงถงึ ความ ของคาตอบยงั ไม่ดี สมเหตุสมผล และ สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไมม่ ีการตรวจสอบ คาตอบพร้อมทัง้ ความถูกตอ้ งไมไ่ ด้ ความถูกต้อง ตรวจสอบความ ถูกตอ้ งได้ มคี วามตัง้ ใจและ มีความตงั้ ใจและ มคี วามตงั้ ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปัญหา และแก้ปญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง คณติ ศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มคี วามอดทนและ ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค จนทาใหแ้ ก้ปัญหา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ สาเร็จ ไม่สาเร็จเลก็ นอ้ ย ไม่สาเร็จเปน็ สว่ น ใหญ่ มคี วามมงุ่ มัน่ ใน มีความมุ่งม่นั ในการ มีความมุ่งมนั่ ในการ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง
ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 มุง่ มนั่ ในการ (ต้องปรับปรุง) ทางาน (ดีมาก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) รอบคอบ ส่งผลให้ งานไมป่ ระสบ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน ผลสาเร็จอยา่ งที่ ควร ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ เรียบรอ้ ย ครบถว้ น เรยี บรอ้ ยสว่ นใหญ่ เรียบร้อยสว่ นน้อย สมบรู ณ์ 10. บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 10.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้.ู .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นกั เรียนนไ่ี ม่ผ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนเกิดทักษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรยี นมคี ณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................
10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ ผูท้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................
5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 458
Pages: