Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผน ม.1 เทอม 2

แผน ม.1 เทอม 2

Published by adsadawut somboonchai, 2021-02-28 00:38:41

Description: แผน ม.1 เทอม 2

Search

Read the Text Version

10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเหน็ ของหวั หนา้ สถานศึกษา/ ผู้ท่ีไดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของส่ือ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................

5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 40 สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ รายวชิ า คณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน รหสั วิชา ค 21102 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2562 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 กราฟและความสมั พนั ธ์เชิงเสน้ เรอ่ื ง แนวโน้มของกราฟ เวลา 1 ช่ัวโมง วนั ท่.ี ............ เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครผู ู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.3 ใชน้ ิพจน์สมการ และอสมการ อธิบายความสัมพันธห์ รือชว่ ยปญั หาทีก่ าหนดให้ 2. ตวั ช้ีวัดชั้นปี 1. เข้าใจและใช้ความรูเ้ กยี่ วกบั กราฟในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และ ปัญหาในชวี ิตจริง ( ค 1.3 ม.1/2) 2. เข้าใจและใชค้ วามรูเ้ ก่ยี วกับความสมั พนั ธ์เชิงเส้นในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และปญั หาในชวี ติ จรงิ ( ค 1.3 ม.1/3) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. นักเรียนสามารถอ่านและแปลความหมายของกราฟที่กาหนดให้ และนาไปใชแ้ ก้ปัญหา (K) 2. มคี วามสามารถในเช่อื มโยงความรู้ทางคณติ ศาสตร์ (P) 3. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร ส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 4. มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา (P) 5. มีความสามารถในการใหเ้ หตุผล (P) 6. มีความมุมานะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มีความม่งุ ม่ันในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. มีความสามารถในการสือ่ สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์

5. สาระสาคญั กรณีทก่ี ราฟของความสัมพันธม์ ลี กั ษณะเปน็ จุด ถ้าต้องการดแู นวโน้มของกราฟของความสัมพันธ์ เรา นิยมเขยี นต่อจุดเหล่านัน้ ใหเ้ ปน็ เส้น ซง่ึ จะเหน็ แนวโนม้ ของกราฟของความสมั พันธ์นเ้ี ปน็ สว่ นหนง่ึ ของเสน้ ตรง ในทางกลับกัน เมื่อมีกราฟท่แี สดงความสัมพนั ธ์ระหว่างปริมาณสองปรมิ าณ เราอาจบอกแนวโนม้ ของ ความสัมพนั ธ์จากกราฟได้ โดยทก่ี ราฟน้ันอาจไม่มกี ารแสดงค่าบนแกน X และแกน Y หรอื พิกัดบนกราฟ 6. สาระการเรียนรู้ แนวโนม้ ของกราฟ 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูทบทวนการอา่ นกราฟแสดงความเกีย่ วขอ้ งปรมิ าณสองชดุ 2. ครนู าเสนอเกย่ี วกับหลักการพิจารณาแนวโนม้ ของกราฟ ดังนี้ กรณที กี่ ราฟของความสัมพนั ธ์มลี กั ษณะเปน็ จดุ ถ้าตอ้ งการดแู นวโน้มของกราฟของ ความสมั พนั ธ์ เรานิยมเขยี นต่อจดุ เหลา่ นัน้ ใหเ้ ปน็ เส้น ซึง่ จะเห็นแนวโนม้ ของกราฟของความสมั พันธน์ ้ี เปน็ สว่ นหน่ึงของเสน้ ตรง ในทางกลับกนั เมือ่ มกี ราฟที่แสดงความสมั พันธร์ ะหวา่ งปริมาณสองปริมาณ เราอาจบอก แนวโนม้ ของความสมั พนั ธจ์ ากกราฟได้ โดยท่กี ราฟน้นั อาจไมม่ กี ารแสดงค่าบนแกน X และแกน Y หรอื พกิ ดั บนกราฟ 3. ครใู หน้ กั เรยี นศึกษาการพจิ ารณาแนวโน้มของกราฟจากหนงั สือเรยี นหน้า 156 – 157 โดยมีครู คอยให้คาแนะนา และอธบิ ายเพิ่มเตมิ ในส่วนทนี่ ักเรียนสงสัย และไมเ่ ข้าใจ 4. ครูแบง่ นกั เรียนเปน็ กลุม่ กลมุ่ ละ 4 คน และ ให้นักเรียนดูตัวอย่างท่ี 8 - 9 ในหนังสือเรยี นหน้า 158 - 159 โดยครูจะต้ังคาถามว่า การอ่านกราฟในกรณใี ดลงเพียงจดุ คู่อันดบั เทา่ น้นั และในกรณใี ดตอ้ ง ลากเสน้ เชื่อมจดุ ดว้ ย 5. ใหท้ าแบบฝึกทกั ษะที่ 3.4 เรอื่ งแนวโนม้ ของกราฟ 6. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยคาตอบของแบบฝึกทักษะท่ี 3.4 เรื่องแนวโนม้ ของกราฟ โดยครสู ุม่ เรียกแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอ แบบฝึกทักษะที่ 3.4 เรอ่ื งแนวโน้มของกราฟ ทหี่ นา้ ชั้นเรียน จนครบทกุ กลุ่ม 7. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปความรู้เกีย่ วกบั หลักการการพจิ ารณาแนวโนม้ ของกราฟ ดังน้ีกรณที ี่ กราฟของความสัมพนั ธ์มีลกั ษณะเป็นจุด ถา้ ต้องการดูแนวโน้มของกราฟของความสมั พันธ์ เรา

นิยมเขยี นต่อจุดเหล่าน้นั ให้เปน็ เส้น ซึ่งจะเหน็ แนวโน้มของกราฟของความสัมพันธน์ ี้เป็นสว่ นหนงึ่ ของเสน้ ตรง ในทางกลับกัน เม่อื มกี ราฟที่แสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างปรมิ าณสองปรมิ าณ เราอาจบอก แนวโน้มของความสัมพนั ธจ์ ากกราฟได้ โดยที่กราฟนัน้ อาจไม่มกี ารแสดงค่าบนแกน X และแกน 8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียน 2. แบบฝกึ หัด 3. แบบฝึกทักษะท่ี 3.4 เรื่องแนวโน้มของกราฟ 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดผล วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัดและแบบฝึกทักษะท่ี แบบฝึกหดั และแบบฝกึ ทักษะที่ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 2.13 เรื่องกแนวโน้มของกราฟ 2.13 เร่ืองกแนวโน้มของกราฟ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน รายบคุ คล รายบุคคล สังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายกลุม่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน รายกลมุ่ 9.2 การประเมินผล ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดมี าก) (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ประเมินการฝกึ ทาแบบทดสอบได้ (ดี) (กาลังพฒั นา) ทาแบบทดสอบได้ ทกั ษะและ อย่างถกู ตอ้ งร้อย อยา่ งถกู ตอ้ งต่ากวา่ แบบฝึกหัด ละ 90 ขนึ้ ไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑ์การ ประเมนิ ความ ใช้รูป ภาษา และ อยา่ งถกู ต้องร้อยละ อยา่ งถูกตอ้ งรอ้ ยละ ใชร้ ปู ภาษา และ สามารถในการ สญั ลักษณ์ทาง สญั ลกั ษณท์ าง สอ่ื สาร สอ่ื คณติ ศาสตรใ์ นการ 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตร์ในการ ส่อื สาร ส่ือสาร ใช้รูป ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ สญั ลกั ษณท์ าง สัญลักษณ์ทาง คณติ ศาสตร์ในการ คณิตศาสตรใ์ นการ สื่อสาร สื่อสาร

ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 ความหมายทาง (ต้องปรบั ปรุง) คณิตศาสตร์ (ดีมาก) (ด)ี (กาลงั พฒั นา) สอื่ ความหมาย สรปุ ผล และ 3. เกณฑ์การ สือ่ ความหมาย สอื่ ความหมาย ส่ือความหมาย นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมินความ สามารถในการ สรปุ ผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ ใช้ความรู้ทาง เช่ือมโยง คณติ ศาสตรเ์ ปน็ นาเสนอได้อยา่ ง นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ ง นาเสนอได้ถูกตอ้ ง เคร่อื งมอื ในการ 4. เกณฑ์การ เรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ ประเมินความ ถูกต้อง ชัดเจน แต่ขาดรายละเอยี ด บางส่วน เน้ือหาตา่ ง ๆ หรอื สามารถในการ ศาสตร์อน่ื ๆ และ ใหเ้ หตุผล ที่สมบรู ณ์ นาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ 5. เกณฑ์การ ประเมินความ ใชค้ วามร้ทู าง ใชค้ วามรู้ทาง ใชค้ วามรูท้ าง มคี วามพยายาม สามารถในการ เสนอแนวคดิ แก้ปญั หา คณติ ศาสตร์เป็น คณิตศาสตรเ์ ปน็ คณติ ศาสตรเ์ ปน็ ประกอบการ ตดั สนิ ใจ เคร่ืองมือในการ เคร่อื งมอื ในการ เครอื่ งมือในการ ทาความเข้าใจ ปัญหา คิดวิเคราะห์ เรียนรู้คณิตศาสตร์ เรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ มีรอ่ งรอยของการ วางแผนแก้ปัญหา เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรือ เนื้อหาตา่ ง ๆ หรือ เนอ้ื หาต่าง ๆ หรือ แตไ่ มส่ าเร็จ ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ ศาสตรอ์ ่นื ๆ และ ศาสตรอ์ ่ืน ๆ และ นาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ นาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ นาไปใช้ในชีวติ จรงิ ได้อยา่ งสอดคล้อง ไดบ้ างส่วน เหมาะสม มกี ารอา้ งองิ เสนอ มกี ารอา้ งอิงถกู ต้อง เสนอแนวคดิ ไม่ แนวคดิ ประกอบ บางส่วนและ เสนอ สมเหตุสมผลใน การตัดสินใจอย่าง แนวคดิ ประกอบ การประกอบ สมเหตุสมผล การตัดสินใจ การตดั สินใจ ทาความเข้าใจ ทาความเข้าใจ ทาความเข้าใจ ปญั หา คิด ปัญหา คดิ วเิ คราะห์ ปัญหา คิดวเิ คราะห์ วิเคราะห์ วางแผน วางแผนแกป้ ญั หา วางแผนแกป้ ัญหา แกป้ ญั หา และเลือกใชว้ ธิ กี าร และเลือกใช้วิธีการ และเลือกใชว้ ธิ ีการ ทเ่ี หมาะสม แต่ ได้บางส่วน คาตอบ ท่เี หมาะสม โดย ความสมเหตุสมผล ท่ีได้ยังไม่มีความ คานึงถงึ ความ ของคาตอบยงั ไม่ดี สมเหตุสมผล และ สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไม่มีการตรวจสอบ คาตอบพร้อมทงั้ ความถกู ต้องไมไ่ ด้ ความถกู ตอ้ ง ตรวจสอบความ ถูกต้องได้

ประเด็นการ ระดบั คุณภาพ ประเมิน 43 2 1 6. เกณฑ์การ (ต้องปรบั ปรุง) ประเมนิ ความมุ (ดีมาก) (ดี) (กาลังพฒั นา) ไมม่ ีความตง้ั ใจและ มานะในการทา พยายามในการทา ความเข้าใจ มีความตงั้ ใจและ มีความต้ังใจและ มคี วามตั้งใจและ ความเข้าใจปัญหา ปญั หาและ และแก้ปัญหาทาง แก้ปญั หาทาง พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา คณิตศาสตร์ ไมม่ ี คณติ ศาสตร์ ความอดทนและ ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา ท้อแท้ต่ออุปสรรค 7. เกณฑก์ าร จนทาใหแ้ ก้ปัญหา ประเมนิ ความ และแก้ปญั หาทาง และแกป้ ญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง ทางคณิตศาสตร์ได้ มงุ่ ม่นั ในการ ไม่สาเรจ็ ทางาน คณิตศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ มีความมงุ่ มน่ั ในการ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มคี วามอดทนและ ทางานแต่ไม่มีความ รอบคอบ ส่งผลให้ ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค ท้อแท้ต่ออุปสรรค งานไมป่ ระสบ ผลสาเร็จอยา่ งที่ จนทาให้แก้ปญั หา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา ควร ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไมส่ าเรจ็ เล็กน้อย ไม่สาเร็จเป็นสว่ น ใหญ่ มคี วามมุ่งม่ันใน มคี วามมงุ่ มัน่ ในการ มคี วามมงุ่ มน่ั ในการ การทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานอยา่ ง รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ เรยี บรอ้ ย ครบถว้ น เรียบร้อยส่วนใหญ่ เรยี บรอ้ ยสว่ นน้อย สมบรู ณ์ 10. บันทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรียนน่ีไม่ผ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นท่ีไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................

2. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกดิ ทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมคี ณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเหน็ ของหวั หนา้ สถานศึกษา/ ผทู้ ไี่ ด้รับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนอ้ื หา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................

3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสอื่ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 41 สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตร์พน้ื ฐาน รหสั วิชา ค 21102 ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 กราฟและความสมั พนั ธ์เชิงเสน้ เรอื่ ง แนวโนม้ ของกราฟ (2) เวลา 1 ชว่ั โมง วันท่.ี ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.3 ใช้นพิ จนส์ มการ และอสมการ อธิบายความสัมพันธห์ รือชว่ ยปญั หาทีก่ าหนดให้ 2. ตัวชีว้ ัดช้นั ปี 1. เขา้ ใจและใชค้ วามรูเ้ ก่ียวกับกราฟในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และ ปัญหาในชวี ิตจริง ( ค 1.3 ม.1/2) 2. เขา้ ใจและใชค้ วามรเู้ ก่ียวกบั ความสมั พนั ธ์เชิงเส้นในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และปญั หาในชวี ติ จรงิ ( ค 1.3 ม.1/3) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นสามารถอา่ นและแปลความหมายของกราฟที่กาหนดให้ และนาไปใชแ้ ก้ปัญหา (K) 2. มีความสามารถในเช่อื มโยงความรู้ทางคณติ ศาสตร์ (P) 3. มีความสามารถในการสือ่ สาร ส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 4. มคี วามสามารถในการแก้ปัญหา (P) 5. มีความสามารถในการให้เหตุผล (P) 6. มคี วามมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปญั หาและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มีความมุ่งมน่ั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน 1. มคี วามสามารถในการสือ่ สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มคี วามสามารถในการคิดสร้างสรรค์

5. สาระสาคญั กรณีท่กี ราฟของความสมั พนั ธ์มีลกั ษณะเป็นจุด ถ้าต้องการดูแนวโนม้ ของกราฟของความสัมพนั ธ์ เรา นิยมเขยี นต่อจดุ เหล่านั้นให้เป็นเส้น ซงึ่ จะเหน็ แนวโนม้ ของกราฟของความสมั พนั ธ์น้เี ปน็ ส่วนหนงึ่ ของเส้นตรง ในทางกลบั กนั เมื่อมีกราฟทแี่ สดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปริมาณสองปริมาณ เราอาจบอกแนวโนม้ ของ ความสมั พันธจ์ ากกราฟได้ โดยทก่ี ราฟนัน้ อาจไม่มกี ารแสดงค่าบนแกน X และแกน Y หรอื พกิ ดั บนกราฟ 6. สาระการเรยี นรู้ แนวโน้มของกราฟ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูทบทวนการอ่านกราฟแสดงความเกย่ี วขอ้ งปรมิ าณสองชุด 2. ครนู าเสนอเก่ียวกบั หลกั การพจิ ารณาแนวโน้มของกราฟ ดังน้ี กรณที ก่ี ราฟของความสัมพนั ธ์มีลักษณะเปน็ จุด ถ้าตอ้ งการดูแนวโนม้ ของกราฟของ ความสมั พันธ์ เรานิยมเขียนต่อจดุ เหล่านัน้ ใหเ้ ปน็ เสน้ ซ่งึ จะเห็นแนวโน้มของกราฟของความสัมพันธน์ ี้ เปน็ ส่วนหนึ่งของเส้นตรง ในทางกลบั กัน เม่อื มีกราฟท่ีแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปริมาณสองปรมิ าณ เราอาจบอก แนวโน้มของความสมั พนั ธ์จากกราฟได้ โดยที่กราฟน้นั อาจไม่มกี ารแสดงคา่ บนแกน X และแกน Y หรือ พิกัดบนกราฟ 3. ครูใหน้ ักเรยี นศึกษาการพิจารณาแนวโนม้ ของกราฟจากหนังสือเรียนหนา้ 156 – 157 โดยมีครู คอยให้คาแนะนา และอธบิ ายเพิ่มเตมิ ในส่วนท่ีนักเรียนสงสยั และไมเ่ ข้าใจ 4. ครแู บ่งนักเรยี นเปน็ กลุ่ม กลุม่ ละ 4 คน และ ให้นักเรียนดูตัวอย่างที่ 8 - 9 ในหนงั สือเรียนหน้า 158 - 159 โดยครจู ะต้งั คาถามวา่ การอ่านกราฟในกรณใี ดลงเพียงจุดคูอ่ ันดับเท่าน้นั และในกรณใี ดตอ้ ง ลากเส้นเชอ่ื มจดุ ด้วย 5. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ชว่ ยกันทาแบบฝกึ หัดที่ 3.2 ข 6. ครูและนักเรียนรว่ มกนั เฉลยคาตอบของแบบฝกึ หัดที่ 3.2 ข โดยครสู ุ่มเรียกแต่ละกลุ่มออกมา นาเสนอคาตอบของแบบฝึกหัดที่ 3.2 ข ท่ีหน้าชั้นเรยี น จนครบทุกกลุ่ม 7. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปความรเู้ กีย่ วกับ หลักการการพิจารณาแนวโนม้ ของกราฟ ดงั น้ีกรณที ี่ กราฟของความสัมพันธ์มีลกั ษณะเปน็ จดุ ถา้ ตอ้ งการดแู นวโน้มของกราฟของความสมั พนั ธ์ เรา

นิยมเขยี นตอ่ จดุ เหล่าน้นั ใหเ้ ปน็ เสน้ ซงึ่ จะเห็นแนวโนม้ ของกราฟของความสมั พนั ธ์นเ้ี ปน็ ส่วนหนง่ึ ของเส้นตรง ในทางกลบั กัน เมือ่ มกี ราฟทแ่ี สดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปรมิ าณสองปริมาณ เราอาจบอก แนวโน้มของความสมั พันธจ์ ากกราฟได้ โดยที่กราฟน้นั อาจไมม่ กี ารแสดงคา่ บนแกน X และแกน 8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี น 2. แบบฝึกหัด 9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วิธกี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหดั ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทางาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล รายบุคคล สังเกตพฤติกรรมการทางานรายกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน รายกล่มุ 9.2 การประเมินผล ประเด็นการ ระดบั คุณภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดมี าก) (ต้องปรบั ปรุง) ประเมนิ การฝึก ทาแบบทดสอบได้ (ด)ี (กาลงั พฒั นา) ทาแบบทดสอบได้ ทักษะและ อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ย อย่างถูกต้องตา่ กวา่ แบบฝกึ หัด ละ 90 ข้ึนไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑก์ าร ประเมนิ ความ ใชร้ ูป ภาษา และ อยา่ งถูกตอ้ งรอ้ ยละ อยา่ งถูกต้องร้อยละ ใชร้ ปู ภาษา และ สามารถในการ สัญลกั ษณท์ าง สัญลักษณท์ าง สอ่ื สาร สื่อ คณติ ศาสตรใ์ นการ 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตร์ในการ ความหมายทาง ส่ือสาร ส่อื สาร คณติ ศาสตร์ สื่อความหมาย ใชร้ ปู ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ สรปุ ผล และ สัญลักษณ์ทาง สญั ลกั ษณ์ทาง คณติ ศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ในการ สื่อสาร ส่ือสาร ส่อื ความหมาย สือ่ ความหมาย สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ

ประเด็นการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 3. เกณฑ์การ (ตอ้ งปรับปรงุ ) ประเมนิ ความ (ดีมาก) (ด)ี (กาลงั พัฒนา) สื่อความหมาย สามารถในการ สรุปผล และ เชอื่ มโยง นาเสนอไดอ้ ยา่ ง นาเสนอได้ถูกต้อง นาเสนอได้ถกู ตอ้ ง นาเสนอไม่ได้ ใช้ความรู้ทาง 4. เกณฑ์การ ถูกต้อง ชดั เจน แต่ขาดรายละเอียด บางสว่ น คณิตศาสตรเ์ ป็น ประเมินความ เครือ่ งมอื ในการ สามารถในการ ทีส่ มบูรณ์ เรียนรู้คณติ ศาสตร์ ให้เหตุผล เนือ้ หาต่าง ๆ หรอื 5. เกณฑ์การ ใช้ความรู้ทาง ใช้ความรทู้ าง ใชค้ วามร้ทู าง ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ ประเมินความ นาไปใชใ้ นชีวติ จริง สามารถในการ คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตรเ์ ป็น แก้ปญั หา มคี วามพยายาม เครอื่ งมือในการ เครื่องมือในการ เครอื่ งมือในการ เสนอแนวคดิ 6. เกณฑ์การ ประกอบการ ประเมนิ ความมุ เรียนรู้คณิตศาสตร์ เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ เรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ตัดสินใจ มานะในการทา ทาความเข้าใจ เนื้อหาตา่ ง ๆ หรือ เนื้อหาต่าง ๆ หรอื เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรอื ปญั หา คดิ วเิ คราะห์ มีร่องรอยของการ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ ศาสตรอ์ ่นื ๆ และ ศาสตรอ์ ื่น ๆ และ วางแผนแก้ปัญหา แตไ่ มส่ าเรจ็ นาไปใช้ในชีวติ จรงิ นาไปใช้ในชวี ติ จริง นาไปใชใ้ นชีวิตจริง ไมม่ คี วามตัง้ ใจและ ได้อย่างสอดคลอ้ ง ได้บางสว่ น พยายามในการทา ความเขา้ ใจปญั หา เหมาะสม มกี ารอ้างองิ เสนอ มกี ารอา้ งอิงถูกต้อง เสนอแนวคดิ ไม่ แนวคิดประกอบ บางสว่ นและ เสนอ สมเหตุสมผลใน การตดั สินใจอย่าง แนวคิดประกอบ การประกอบ สมเหตุสมผล การตัดสนิ ใจ การตดั สนิ ใจ ทาความเข้าใจ ทาความเข้าใจ ทาความเขา้ ใจ ปญั หา คิด ปัญหา คิดวเิ คราะห์ ปัญหา คดิ วิเคราะห์ วิเคราะห์ วางแผน วางแผนแกป้ ัญหา วางแผนแกป้ ญั หา แกป้ ญั หา และเลือกใชว้ ธิ ีการ และเลือกใชว้ ิธกี าร และเลอื กใช้วิธีการ ทเี่ หมาะสม แต่ ไดบ้ างสว่ น คาตอบ ทีเ่ หมาะสม โดย ความสมเหตสุ มผล ที่ไดย้ ังไมม่ คี วาม คานึงถงึ ความ ของคาตอบยังไมด่ ี สมเหตุสมผล และ สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไม่มีการตรวจสอบ คาตอบพร้อมท้งั ความถูกตอ้ งไมไ่ ด้ ความถกู ต้อง ตรวจสอบความ ถกู ต้องได้ มคี วามตั้งใจและ มคี วามตัง้ ใจและ มคี วามตั้งใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปัญหา

ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 ความเขา้ ใจ ปัญหาและ (ดีมาก) (ดี) (กาลังพฒั นา) (ต้องปรบั ปรุง) แก้ปัญหาทาง คณติ ศาสตร์ และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง 7. เกณฑก์ าร คณติ ศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ คณติ ศาสตร์ ไมม่ ี ประเมินความ มงุ่ ม่ันในการ ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มคี วามอดทนและ ความอดทนและ ทางาน ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค ท้อแท้ตอ่ อุปสรรค จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาให้แก้ปัญหา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตร์ได้ สาเร็จ ไมส่ าเร็จเลก็ นอ้ ย ไม่สาเรจ็ เป็นส่วน ไม่สาเรจ็ ใหญ่ มีความมุ่งมนั่ ใน มคี วามมุ่งมั่นในการ มีความมงุ่ มนั่ ในการ มคี วามม่งุ มน่ั ในการ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานแตไ่ ม่มีความ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ งานไม่ประสบ เรียบรอ้ ย ครบถว้ น เรียบรอ้ ยสว่ นใหญ่ เรียบรอ้ ยสว่ นน้อย ผลสาเรจ็ อย่างที่ สมบูรณ์ ควร 10. บันทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้ 10.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจานวน..................คน ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นร้.ู .....................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นักเรียนนไี่ ม่ผา่ น มดี งั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรยี นทีไ่ ม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................

3. นักเรียนเกดิ ทักษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมีคุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ ผทู้ ีไ่ ด้รับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................

3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 42 สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตรพ์ ้นื ฐาน รหสั วชิ า ค 21102 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2562 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 กราฟและความสมั พันธเ์ ชงิ เสน้ เร่ือง ความสมั พนั ธเ์ ชิงเส้น เวลา 1 ชวั่ โมง วันท่.ี ............ เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครูผู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.3 ใชน้ พิ จน์สมการ และอสมการ อธบิ ายความสมั พันธ์หรือช่วยปัญหาทกี่ าหนดให้ 2. ตัวช้วี ัดช้ันปี 1. เข้าใจและใช้ความรู้เกีย่ วกับกราฟในการแกป้ ัญหาคณิตศาสตรแ์ ละ ปญั หาในชีวิตจรงิ ( ค 1.3 ม.1/2) 2. เข้าใจและใชค้ วามรู้เกี่ยวกบั ความสัมพันธเ์ ชิงเส้นในการแกป้ ัญหาคณิตศาสตรแ์ ละปญั หาในชีวติ จรงิ ( ค 1.3 ม.1/3) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถเขยี นกราฟแสดงความสมั พันธ์ระหว่างปริมาณสองชุดทมี่ ีความสมั พันธเ์ ชงิ เส้น (K) 2. มีความสามารถในเชอ่ื มโยงความรูท้ างคณติ ศาสตร์ (P) 3. มคี วามมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 4. มคี วามมุ่งมั่นในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. มีความสามารถในการสื่อสาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ญั หา 3. มคี วามสามารถในการคิดสร้างสรรค์

5. สาระสาคัญ ความสมั พันธ์ของปริมาณสองปริมาณท่ีมีกราฟอยใู่ นแนวเสน้ ตรงเดยี วกนั เราเรียกความสัมพันธใ์ น ลกั ษณะเช่นน้ี ความสัมพันธเ์ ชงิ เส้น 6. สาระการเรยี นรู้ ความสมั พันธ์เชิงเส้น 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูยกตวั อยา่ งสถานการณ์ในชวี ิตจริงทีม่ คี วามสัมพนั ธ์ เชงิ เสน้ เช่น ความสมั พันธร์ ะหว่างหนว่ ย อุณหภมู อิ งศาเซลเซียสกับองศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งความสัมพันธน์ น้ั อาจอยู่ ในรูปข้อความ ตาราง หรือสมการ แล้ว จึงเชือ่ มโยงความรู้ในเรือ่ งของคู่อันดับมาใช้ในการเขยี นกราฟ เพือ่ ให้ นกั เรยี นสงั เกตเห็นวา่ กราฟแสดง ความสัมพันธร์ ะหว่างปรมิ าณสองปรมิ าณจะอยใู่ นแนวเส้นตรงเดียวกัน 2. ครนู าเสนอเกย่ี วกบั ความสมั พันธ์เชงิ เสน้ ดังนี้ ความสมั พนั ธข์ องปรมิ าณสองปรมิ าณที่มกี ราฟอยใู่ น แนวเส้นตรงเดียวกัน เราเรียกความสัมพันธ์ในลักษณะเชน่ น้ี ความสัมพนั ธ์เชงิ เสน้ 3. ครูให้นกั เรียนศกึ ษาการพจิ ารณากราฟเชงิ เสน้ จากหนังสอื เรยี นหน้า 163 – 164 โดยมคี รู คอยให้คาแนะนา และอธิบายเพ่มิ เตมิ ในสว่ นท่ีนกั เรยี นสงสัย และไมเ่ ข้าใจ 4. ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุม่ ช่วยกันทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบทข้อ 1 – 2 ใหญ่ 5. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยคาตอบของแบบฝึกหดั ท้ายบทขอ้ 1 – 2 ใหญ่ โดยครสู มุ่ เรยี กแต่ละ กลุม่ ออกมา นาเสนอคาตอบของแบบฝกึ หัดท้ายบทขอ้ 1 – 2 ใหญ่ ท่ีหน้าช้นั เรยี น จนครบทุกกลุ่ม 6. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปความรเู้ ก่ยี วกับ ความสัมพันธเ์ ชงิ เส้น ดังนี้ ความสัมพนั ธ์ของปรมิ าณ สองปรมิ าณทมี่ ีกราฟอย่ใู นแนวเสน้ ตรงเดียวกัน เราเรียกความสัมพนั ธ์ในลักษณะเช่นนี้ ความสมั พนั ธเ์ ชงิ เส้น 8. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสอื เรียน 2. แบบฝึกหัด

9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัด ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล รายบคุ คล สังเกตพฤติกรรมการทางานรายกลมุ่ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางาน รายกลุม่ 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดมี าก) 32 (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) (ด)ี (กาลังพัฒนา) ทาแบบทดสอบได้ อยา่ งถกู ตอ้ งต่ากวา่ 1. เกณฑ์การ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ร้อยละ 60 ประเมนิ การฝกึ อย่างถูกตอ้ งรอ้ ย อยา่ งถกู ต้องรอ้ ยละ อยา่ งถูกต้องร้อยละ ใช้รูป ภาษา และ สญั ลกั ษณท์ าง ทกั ษะและ ละ 90 ขน้ึ ไป 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตรใ์ นการ สือ่ สาร แบบฝกึ หัด ส่ือความหมาย สรุปผล และ 2. เกณฑก์ าร ใชร้ ปู ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมนิ ความ สัญลกั ษณท์ าง สัญลักษณท์ าง สัญลกั ษณ์ทาง ใช้ความรู้ทาง คณติ ศาสตรเ์ ป็น สามารถในการ คณติ ศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ เคร่ืองมือในการ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ส่อื สาร สื่อ สือ่ สาร สื่อสาร สอ่ื สาร เน้อื หาต่าง ๆ หรือ ความหมายทาง สือ่ ความหมาย สอ่ื ความหมาย สื่อความหมาย คณิตศาสตร์ สรปุ ผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ นาเสนอไดอ้ ยา่ ง นาเสนอไดถ้ กู ต้อง นาเสนอได้ถกู ตอ้ ง ถูกต้อง ชัดเจน แตข่ าดรายละเอียด บางสว่ น ที่สมบรู ณ์ 3. เกณฑ์การ ใชค้ วามร้ทู าง ใชค้ วามรูท้ าง ใช้ความรู้ทาง ประเมนิ ความ คณติ ศาสตรเ์ ป็น คณิตศาสตรเ์ ป็น คณิตศาสตร์เปน็ สามารถในการ เครอ่ื งมอื ในการ เคร่อื งมือในการ เครอื่ งมือในการ เชอ่ื มโยง เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ เรยี นร้คู ณิตศาสตร์ เน้อื หาตา่ ง ๆ หรือ เนอื้ หาตา่ ง ๆ หรือ เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรือ ศาสตรอ์ ื่น ๆ และ ศาสตร์อืน่ ๆ และ

ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมิน 43 2 1 4. เกณฑก์ าร (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ประเมนิ ความ (ดีมาก) (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ศาสตร์อืน่ ๆ และ สามารถในการ นาไปใชใ้ นชีวิตจริง ใหเ้ หตุผล นาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ นาไปใชใ้ นชวี ติ จริง ศาสตร์อื่น ๆ และ 5. เกณฑก์ าร มคี วามพยายาม ประเมนิ ความ ได้อย่างสอดคล้อง ได้บางส่วน นาไปใชใ้ นชีวติ จริง เสนอแนวคิด สามารถในการ ประกอบการ แกป้ ญั หา เหมาะสม ตดั สนิ ใจ ทาความเขา้ ใจ 6. เกณฑ์การ มีการอา้ งองิ เสนอ มกี ารอา้ งองิ ถกู ตอ้ ง เสนอแนวคิดไม่ ปญั หา คิดวิเคราะห์ ประเมนิ ความมุ มรี อ่ งรอยของการ มานะในการทา แนวคดิ ประกอบ บางส่วนและ เสนอ สมเหตุสมผลใน วางแผนแกป้ ัญหา ความเข้าใจ แตไ่ ม่สาเรจ็ ปัญหาและ การตดั สนิ ใจอย่าง แนวคดิ ประกอบ การประกอบ แก้ปัญหาทาง ไมม่ คี วามตัง้ ใจและ คณติ ศาสตร์ สมเหตุสมผล การตัดสินใจ การตดั สนิ ใจ พยายามในการทา ความเข้าใจปัญหา ทาความเขา้ ใจ ทาความเข้าใจ ทาความเขา้ ใจ และแกป้ ญั หาทาง คณติ ศาสตร์ ไม่มี ปัญหา คิด ปญั หา คิดวเิ คราะห์ ปญั หา คิดวิเคราะห์ ความอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค วเิ คราะห์ วางแผน วางแผนแก้ปัญหา วางแผนแก้ปัญหา จนทาให้แกป้ ญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ แก้ปัญหา และเลอื กใชว้ ิธีการ และเลอื กใช้วธิ กี าร ไมส่ าเรจ็ และเลอื กใชว้ ธิ กี าร ที่เหมาะสม แต่ ได้บางสว่ น คาตอบ ทเ่ี หมาะสม โดย ความสมเหตสุ มผล ที่ได้ยังไมม่ คี วาม คานึงถงึ ความ ของคาตอบยังไม่ดี สมเหตุสมผล และ สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไม่มีการตรวจสอบ คาตอบพร้อมท้ัง ความถกู ต้องไมไ่ ด้ ความถกู ตอ้ ง ตรวจสอบความ ถกู ต้องได้ มคี วามต้ังใจและ มีความต้งั ใจและ มีความต้งั ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเข้าใจปัญหา ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา และแก้ปญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง คณิตศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาใหแ้ ก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไม่สาเรจ็ เล็กนอ้ ย ไม่สาเร็จเป็นสว่ น ใหญ่

ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ ประเมิน 43 2 1 7. เกณฑ์การ ประเมินความ (ดีมาก) (ดี) (กาลงั พัฒนา) (ต้องปรบั ปรุง) ม่งุ มั่นในการ ทางาน มีความมงุ่ มัน่ ใน มคี วามม่งุ มนั่ ในการ มคี วามมงุ่ มนั่ ในการ มีความม่งุ ม่ันในการ การทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานแตไ่ มม่ ีความ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ งานไม่ประสบ เรียบร้อย ครบถว้ น เรียบรอ้ ยส่วนใหญ่ เรยี บร้อยสว่ นนอ้ ย ผลสาเรจ็ อย่างที่ สมบรู ณ์ ควร 10. บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู.้ .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรียนนไี่ ม่ผา่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนทไี่ มผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกิดทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมีคุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................

10.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผู้ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของส่อื ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................

5. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 43 สาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ รายวิชา คณติ ศาสตรพ์ ้ืนฐาน รหสั วิชา ค 21102 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2562 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 กราฟและความสมั พนั ธเ์ ชิงเส้น เรอ่ื ง สมการเชงิ เสน้ สองตวั แปร เวลา 1 ช่ัวโมง วันท่.ี ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครผู ู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.3 ใช้นพิ จน์สมการ และอสมการ อธิบายความสัมพันธห์ รือชว่ ยปญั หาที่กาหนดให้ 2. ตวั ชีว้ ัดชน้ั ปี 1. เข้าใจและใช้ความรเู้ ก่ยี วกับกราฟในการแกป้ ัญหาคณิตศาสตร์และ ปญั หาในชวี ติ จรงิ ( ค 1.3 ม.1/2) 2. เข้าใจและใช้ความรู้เก่ียวกบั ความสมั พันธ์เชิงเส้นในการแกป้ ัญหาคณติ ศาสตร์และปัญหาในชีวิต จรงิ ( ค 1.3 ม.1/3) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นสามารถเขียนกราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปริมาณสองชุดท่ีมคี วามสมั พันธ์เชิงเสน้ (K) 2. มคี วามสามารถในเชื่อมโยงความรูท้ างคณิตศาสตร์ (P) 3. มีความมมุ านะในการทาความเข้าใจปญั หาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 4. มีความมงุ่ มั่นในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. มีความสามารถในการสื่อสาร 2. มีความสามารถในการแก้ปญั หา 3. มคี วามสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคญั 1. ความสัมพนั ธ์ของจานวนเตม็ ทั้งสองจงึ เป็นความสัมพนั ธเ์ ชงิ เสน้ สมการความสมั พันธ์เชงิ เส้นทแ่ี สดง ความเก่ยี วข้องระหวา่ งปริมาณสองปรมิ าณ จะเรยี กว่า สมการเชงิ เส้นสองตัวแปร

2. สมการเชิงเส้นสองตัวแปร เป็นสมการท่ีสามารถเขียนได้ในรปู ทั่วไปเปน็ Ax + By + C = 0 เมอื่ x , y เป็นตัวแปร A , B และ C เป็นค่าคงตวั โดยท่ี A และ B ไม่เป็นศนู ย์พร้อมกัน 3. ลักษณะสาคัญของสมการเชิงเสน้ สองตัวแปร เป็น Ax + By + C = 0 คือ มตี วั แปรสองตวั และ ต้องไม่มีการคูณกันของตัวแปร เลขชี้กาลังของตัวแปรแตล่ ะตวั ต้องเป็นหน่ึง A และ B ตวั ใดตวั หนง่ึ เป็นศนู ย์ได้ แต่จะเป็นศูนยพ์ รอ้ มกนั ไมไ่ ด้ 6. สาระการเรยี นรู้ สมการเชงิ เส้นสองตวั แปร 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูทบทวนการเขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์เชิงเสน้ โดยครูเขียน สมการเชิงเสน้ บนกระดานแล้วให้ นักเรียนออกมาเขยี นกราฟเพ่ือแสดงความสัมพนั ธ์ 2. ครูนาเสนอเกีย่ วกับความสมั พันธ์เชิงเส้นสองตัวแปร ดังนี้ 1) ความสมั พันธข์ องจานวนเต็มทั้งสองจงึ เป็นความสมั พันธเ์ ชงิ เส้นสมการความสมั พันธ์เชิง เสน้ ทีแ่ สดงความเก่ียวขอ้ งระหวา่ งปริมาณสองปริมาณ จะเรียกว่า สมการเชิงเส้นสองตัวแปร 2) สมการเชงิ เส้นสองตวั แปร เป็นสมการทส่ี ามารถเขียนได้ในรปู ท่วั ไปเปน็ Ax + By + C = 0 เมือ่ x , y เป็นตัวแปร A , B และ C เป็นค่าคงตัว โดยที่ A และ B ไมเ่ ป็นศูนย์พรอ้ มกนั 3) ลกั ษณะสาคัญของสมการเชิงเส้นสองตวั แปร เป็น Ax + By + C = 0 คือ มีตัวแปรสอง ตัว และต้องไมม่ ีการคูณกันของตัวแปร เลขชี้กาลังของตวั แปรแต่ละตวั ตอ้ งเป็นหนง่ึ A และ B ตวั ใดตัวหนึ่ง เป็นศนู ย์ได้ แตจ่ ะเปน็ ศนู ย์พร้อมกันไมไ่ ด้ 3. ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษาการพจิ ารณาความสมั พนั ธ์ของสมการเชิงเส้นสองตวั แปรจากหนังสอื เรยี นหนา้ 165 – 166 โดยมคี รูคอยใหค้ าแนะนา และอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ในสว่ นทน่ี ักเรียนสงสยั และไมเ่ ข้าใจ 4. ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ ช่วยกนั ทาแบบฝกึ หัดท่ี 3.3 ขอ้ ใหญ่ ขอ้ 1 – 3 ยอ่ ย ในหนังสอื เรยี น 5. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั เฉลยคาตอบของแบบฝึกหัดท่ี 3.3 ขอ้ ใหญ่ ขอ้ 1 – 3 ย่อย โดยครูส่มุ เรยี ก แต่ละกลมุ่ ออกมา นาเสนอคาตอบของแบบฝึกหัดท่ี 3.3 ข้อ ใหญ่ ข้อ 1 – 3 ย่อย ทหี่ น้าชนั้ เรียน จนครบทกุ กลมุ่ 6. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรเู้ ก่ียวกบั สมการเชิงเส้นสองตวั แปร ดงั น้ี 1) ความสัมพนั ธ์ของจานวนเตม็ ทงั้ สองจึงเป็นความสมั พันธเ์ ชงิ เสน้ สมการความสมั พันธ์เชงิ เส้นทแ่ี สดงความเกี่ยวขอ้ งระหวา่ งปริมาณสองปริมาณ จะเรยี กวา่ สมการเชงิ เส้นสองตัวแปร

2) สมการเชิงเส้นสองตัวแปร เปน็ สมการทส่ี ามารถเขียนได้ในรูปทั่วไปเปน็ Ax + By + C = 0 เม่ือ x , y เป็นตัวแปร A , B และ C เปน็ ค่าคงตัว โดยที่ A และ B ไมเ่ ป็นศนู ยพ์ ร้อมกัน 3) ลักษณะสาคัญของสมการเชงิ เส้นสองตวั แปร เปน็ Ax + By + C = 0 คือ มีตวั แปรสอง ตวั และตอ้ งไมม่ กี ารคูณกันของตวั แปร เลขช้ีกาลังของตัวแปรแต่ละตัวตอ้ งเปน็ หนึ่ง A และ B ตวั ใด ตัวหนึง่ เป็นศูนยไ์ ด้ แตจ่ ะเป็นศนู ย์พร้อมกนั ไมไ่ ด้ 7. ครใู หน้ ักเรยี นทาแบบฝกึ ทักษะท่ี 3.5 เรอื่ งสมการเชงิ เส้นสองตวั แปร 8. ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสอื เรียน 2. แบบฝึกหัด 3. แบบฝกึ ทักษะท่ี 3.5 เร่อื งสมการเชิงเส้นสองตัวแปร 9. การวดั และประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล รายบุคคล สังเกตพฤติกรรมการทางานรายกลมุ่ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน รายกลมุ่ 9.2 การประเมินผล ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดีมาก) (ต้องปรับปรุง) ประเมินการฝึก ทาแบบทดสอบได้ (ดี) (กาลงั พัฒนา) ทาแบบทดสอบได้ ทกั ษะและ อย่างถูกต้องรอ้ ย อยา่ งถูกต้องตา่ กว่า แบบฝกึ หดั ละ 90 ข้นึ ไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑ์การ ประเมินความ ใชค้ วามรูท้ าง อย่างถกู ต้องร้อยละ อยา่ งถูกตอ้ งร้อยละ ใชค้ วามรทู้ าง คณิตศาสตรเ์ ปน็ คณิตศาสตร์เป็น เครอ่ื งมอื ในการ 80 - 89 60 - 79 เคร่อื งมือในการ ใช้ความรูท้ าง ใช้ความรู้ทาง คณิตศาสตร์เป็น คณติ ศาสตรเ์ ปน็ เคร่อื งมอื ในการ เคร่อื งมอื ในการ

ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 43 2 1 สามารถในการ (ต้องปรับปรุง) เช่ือมโยง (ดีมาก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) เรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรอื 3. เกณฑ์การ เรยี นรู้คณติ ศาสตร์ เรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ เรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ศาสตรอ์ ่ืน ๆ และ ประเมินความมุ นาไปใชใ้ นชวี ติ จริง มานะในการทา เนือ้ หาต่าง ๆ หรอื เนือ้ หาต่าง ๆ หรอื เน้ือหาตา่ ง ๆ หรอื ความเข้าใจ ไม่มีความตงั้ ใจและ ปญั หาและ ศาสตร์อืน่ ๆ และ ศาสตร์อืน่ ๆ และ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ พยายามในการทา แกป้ ญั หาทาง ความเข้าใจปญั หา คณิตศาสตร์ นาไปใช้ในชีวติ จริง นาไปใช้ในชีวติ จรงิ นาไปใช้ในชวี ิตจริง และแกป้ ัญหาทาง คณติ ศาสตร์ ไมม่ ี 4. เกณฑก์ าร ไดอ้ ย่างสอดคล้อง ไดบ้ างส่วน ความอดทนและ ประเมินความ ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค มุ่งมนั่ ในการ เหมาะสม จนทาให้แก้ปัญหา ทางาน ทางคณติ ศาสตร์ได้ มคี วามตงั้ ใจและ มคี วามตงั้ ใจและ มคี วามตั้งใจและ ไมส่ าเรจ็ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา มคี วามม่งุ มนั่ ในการ ทางานแต่ไม่มีความ ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา ความเขา้ ใจปญั หา รอบคอบ ส่งผลให้ งานไม่ประสบ และแกป้ ัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง ผลสาเรจ็ อย่างที่ ควร คณิตศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มคี วามอดทนและ ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค ท้อแท้ต่ออปุ สรรค ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค จนทาให้แก้ปญั หา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา จนทาใหแ้ ก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเร็จ ไมส่ าเร็จเลก็ นอ้ ย ไม่สาเรจ็ เปน็ ส่วน ใหญ่ มีความมงุ่ มัน่ ใน มคี วามม่งุ ม่นั ในการ มีความมุ่งมัน่ ในการ การทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานอย่าง รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ เรยี บรอ้ ย ครบถว้ น เรยี บร้อยสว่ นใหญ่ เรยี บรอ้ ยสว่ นนอ้ ย สมบูรณ์ 10. บนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนร้.ู .................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ..................

นักเรยี นน่ไี มผ่ ่าน มดี ังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนกั เรียนทไี่ มผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรยี นเกดิ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรียนมคี ุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................

11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 44 สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตรพ์ ื้นฐาน รหัสวิชา ค 21102 ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 กราฟและความสมั พันธเ์ ชงิ เส้น เรอ่ื ง กราฟเส้นตรง เวลา 1 ชวั่ โมง วนั ท่.ี ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผสู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.3 ใช้นิพจนส์ มการ และอสมการ อธบิ ายความสมั พันธ์หรอื ชว่ ยปัญหาทกี่ าหนดให้ 2. ตัวชว้ี ัดชน้ั ปี 1. เข้าใจและใชค้ วามรเู้ กี่ยวกบั กราฟในการแก้ปัญหาคณิตศาสตรแ์ ละ ปญั หาในชีวิตจริง ( ค 1.3 ม.1/2) 2. เขา้ ใจและใช้ความรู้เกย่ี วกับความสมั พันธเ์ ชิงเส้นในการแก้ปัญหาคณติ ศาสตรแ์ ละปญั หาในชวี ติ จรงิ ( ค 1.3 ม.1/3) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถเขียนกราฟแสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างปรมิ าณสองชดุ ทม่ี คี วามสัมพันธ์เชงิ เส้น (K) 2. มคี วามสามารถในเชอ่ื มโยงความรู้ทางคณิตศาสตร์ (P) 3. มคี วามมมุ านะในการทาความเข้าใจปัญหาและแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 4. มีความมงุ่ มน่ั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. มีความสามารถในการสื่อสาร 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มคี วามสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคัญ 1. สมการเสน้ ตรงในรูป Ax + By + C = 0 ถา้ ไมร่ ะบุเง่ือนไขของ x และ y ใหถ้ ือวา่ x และ y แทน จานวนใด ๆ และกราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวแปร จะเปน็ เสน้ ตรงทเ่ี รียกว่า กราฟเส้นตรง

2. เราสามารถเขียนกราฟของสมการ Ax + By + C = 0 เม่อื B ≠ 0 โดยจัดสมการให้อยใู่ นรปู ท่ี สะดวกตอ่ การแทนค่า x เพอื่ หาคา่ y = mx + b เม่อื m และ b เป็นค่าคงตวั และอาจเรียก x ว่าตัวแปรอสิ ระ หรอื ตัวแปรตน้ และเรยี ก y วา่ ตวั แปรตาม 6. สาระการเรียนรู้ กราฟเส้นตรง 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูทบทวนการเขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์เชงิ เส้นโดยครเู ขียน สมการเชงิ เสน้ บนกระดานแล้วให้ นักเรียนออกมาเขยี นกราฟเพอื่ แสดงความสัมพนั ธ์ 2. ครูนาเสนอเก่ยี วกับกราฟเส้นตรง ดังนี้ 1) สมการเส้นตรงในรปู Ax + By + C = 0 ถา้ ไม่ระบเุ งอ่ื นไขของ x และ y ใหถ้ อื วา่ x และ y แทนจานวนใด ๆ และกราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวแปร จะเป็นเสน้ ตรงที่เรยี กวา่ กราฟ เสน้ ตรง 2) เราสามารถเขียนกราฟของสมการ Ax + By + C = 0 เมือ่ B ≠ 0 โดยจัดสมการให้อยู่ใน รูปทีส่ ะดวกต่อการแทนค่า x เพื่อหาค่า y = mx + b เมื่อ m และ b เปน็ คา่ คงตวั และอาจ เรียก x ว่าตวั แปรอิสระ หรือ ตัวแปรตน้ และเรยี ก y วา่ ตัวแปรตาม 3. ครใู หน้ กั เรียนศึกษาการพจิ ารณากราฟเส้นตรงจากหนังสอื เรียนหน้า 166 โดยมีครคู อยให้ คาแนะนา และอธิบายเพิ่มเตมิ ในสว่ นทนี่ กั เรียนสงสัย และไม่เข้าใจ 4. ครใู หน้ กั เรียนศกึ ษาการเขยี นกราฟเส้นตรงโดยศึกษาจากตวั อยา่ งท่ี 1 -3 ในหนังสือเรยี นหน้า 167 - 170 5. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มช่วยกันทาแบบฝึกหัดท้ายบท ขอ้ 5 ใหญ่ ในหนงั สอื เรยี น 6. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันเฉลยคาตอบของแบบฝึกหดั ทา้ ยบท ข้อ 5 ใหญ่ โดยครูส่มุ เรยี กแต่ละกลุ่ม ออกมา นาเสนอคาตอบของแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท ขอ้ 5 ใหญ่ ที่หน้าชัน้ เรยี น จนครบทกุ กลุ่ม 7. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรปุ ความรูเ้ กย่ี วกบั สมการเชิงเสน้ สองตัวแปร ดังน้ี 1) สมการเสน้ ตรงในรปู Ax + By + C = 0 ถา้ ไม่ระบเุ งอ่ื นไขของ x และ y ใหถ้ อื วา่ x และ y แทนจานวนใด ๆ และกราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวแปร จะเป็นเสน้ ตรงที่เรียกว่า กราฟ เสน้ ตรง

2) เราสามารถเขยี นกราฟของสมการ Ax + By + C = 0 เมื่อ B ≠ 0 โดยจัดสมการให้อยู่ใน รปู ท่สี ะดวกตอ่ การแทนคา่ x เพอ่ื หาค่า y = mx + b เมือ่ m และ b เปน็ ค่าคงตวั และอาจ เรียก x ว่าตวั แปรอิสระ หรือ ตวั แปรต้น และเรียก y วา่ ตัวแปรตาม 8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี น 2. แบบฝกึ หัด 9. การวดั และประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล รายบุคคล สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน รายกลุม่ 9.2 การประเมินผล ประเดน็ การ 4 ระดบั คุณภาพ 1 ประเมนิ (ดมี าก) 32 (ตอ้ งปรบั ปรุง) (ด)ี (กาลังพฒั นา) ทาแบบทดสอบได้ อย่างถกู ต้องต่ากว่า 1. เกณฑ์การ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 ประเมนิ การฝกึ อยา่ งถูกตอ้ งร้อย อยา่ งถูกตอ้ งร้อยละ อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ยละ ใชค้ วามร้ทู าง คณติ ศาสตรเ์ ป็น ทักษะและ ละ 90 ขน้ึ ไป 80 - 89 60 - 79 เครอื่ งมอื ในการ เรียนรู้คณิตศาสตร์ แบบฝกึ หัด เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรือ ศาสตรอ์ ่ืน ๆ และ 2. เกณฑ์การ ใชค้ วามรทู้ าง ใชค้ วามรูท้ าง ใชค้ วามร้ทู าง นาไปใชใ้ นชวี ติ จริง ประเมนิ ความ คณิตศาสตร์เปน็ คณิตศาสตร์เปน็ คณิตศาสตรเ์ ปน็ สามารถในการ เคร่ืองมือในการ เครือ่ งมอื ในการ เครอ่ื งมือในการ เชอ่ื มโยง เรียนรู้คณติ ศาสตร์ เรียนรู้คณิตศาสตร์ เรยี นร้คู ณิตศาสตร์ เนอื้ หาต่าง ๆ หรอื เน้อื หาต่าง ๆ หรอื เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรอื ศาสตร์อ่นื ๆ และ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ ศาสตร์อืน่ ๆ และ นาไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ นาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ นาไปใชใ้ นชีวติ จริง ได้บางสว่ น

ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 3. เกณฑก์ าร (ต้องปรบั ปรุง) ประเมินความมุ (ดีมาก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) มานะในการทา ไมม่ ีความตั้งใจและ ความเขา้ ใจ ไดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ ง พยายามในการทา ปญั หาและ ความเขา้ ใจปัญหา แก้ปัญหาทาง เหมาะสม และแก้ปญั หาทาง คณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์ ไม่มี มีความต้ังใจและ มคี วามตงั้ ใจและ มคี วามตัง้ ใจและ ความอดทนและ 4. เกณฑ์การ ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค ประเมินความ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา มุ่งมั่นในการ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางาน ความเข้าใจปญั หา ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา ไมส่ าเร็จ และแกป้ ญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง และแกป้ ญั หาทาง มคี วามมุง่ ม่นั ในการ ทางานแตไ่ ม่มีความ คณติ ศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ รอบคอบ ส่งผลให้ งานไม่ประสบ ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มคี วามอดทนและ ผลสาเร็จอยา่ งที่ ควร ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรค จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาให้แก้ปญั หา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไม่สาเร็จเลก็ นอ้ ย ไมส่ าเร็จเปน็ สว่ น ใหญ่ มคี วามม่งุ ม่ันใน มีความมงุ่ มัน่ ในการ มีความมงุ่ มั่นในการ การทางานอย่าง ทางานอย่าง ทางานอยา่ ง รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ เรียบรอ้ ย ครบถว้ น เรียบรอ้ ยสว่ นใหญ่ เรียบร้อยสว่ นนอ้ ย สมบรู ณ์ 10. บันทึกผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้......................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นักเรยี นนี่ไม่ผ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................

แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไมผ่ า่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกดิ ทักษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรยี นมีคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ ผ้ทู ่ไี ดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................

2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 45 สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ รายวิชา คณติ ศาสตร์พนื้ ฐาน รหัสวิชา ค 21102 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2562 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3 กราฟและความสัมพนั ธ์เชงิ เสน้ เรื่อง ความชนั ของเส้นตรง เวลา 1 ชวั่ โมง วนั ท่.ี ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผสู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.3 ใช้นพิ จน์สมการ และอสมการ อธบิ ายความสมั พันธห์ รือชว่ ยปัญหาท่ีกาหนดให้ 2. ตัวชว้ี ัดชนั้ ปี 1. เขา้ ใจและใช้ความรูเ้ กย่ี วกับกราฟในการแกป้ ญั หาคณิตศาสตร์และ ปัญหาในชีวติ จรงิ ( ค 1.3 ม.1/2) 2. เข้าใจและใชค้ วามรเู้ กีย่ วกับความสมั พันธ์เชิงเส้นในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และปัญหาในชีวิต จริง ( ค 1.3 ม.1/3) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรียนสามารถเขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งปริมาณสองชุดทม่ี ีความสมั พันธ์เชิงเสน้ (K) 2. มีความสามารถในเชอ่ื มโยงความรู้ทางคณติ ศาสตร์ (P) 3. มคี วามมุมานะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 4. มคี วามมุ่งมั่นในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. มคี วามสามารถในการสือ่ สาร 2. มีความสามารถในการแก้ปัญหา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคญั สมการท่ีอยใู่ นรปู y = mx + b เมื่อ x และ y เป็นตวั แปรท่แี ทนจานวนใด ๆ โดยที่ m และ b เป็น คา่ คงตวั จะมกี ราฟเป็นเส้นตรง และเรียนก m ว่า ความชันของเสน้ ตรง

6. สาระการเรยี นรู้ ความชันของเส้นตรง 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครทู บทวนการเขยี นกราฟสัมพันธ์ของกราฟเส้นตรงโดยครเู ขยี น สมการเสน้ ตรงบนกระดานแลว้ ให้ นักเรียนออกมาเขยี นกราฟเพื่อแสดงความสมั พนั ธ์ 2. ครนู าเสนอเกย่ี วกบั ความชันของกราฟ ดงั นี้ สมการท่อี ยู่ในรูป y = mx + b เมื่อ x และ y เป็นตวั แปรที่แทนจานวนใด ๆ โดยท่ี m และ b เปน็ ค่าคงตวั จะมีกราฟเปน็ เสน้ ตรง และเรยี นก m ว่า ความชนั ของเสน้ ตรง 3. ครูให้นักเรียนศกึ ษาการพจิ ารณาความชนั ของกราฟจากหนงั สือเรียนหน้า 170 โดยมีครคู อยให้ คาแนะนา และอธบิ ายเพม่ิ เติมในสว่ นทีน่ กั เรียนสงสยั และไม่เขา้ ใจ 4. ครใู ห้นกั เรียนศกึ ษาการเก่ียวกับความชันของกราฟโดยศึกษาจากตัวอย่างที่ 4 ในหนงั สือเรียนหน้า 171 5. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มชว่ ยกนั ทาแบบฝึกทักษะท่ี 3.6 เร่อื งความชันของเส้นตรง 6. ครแู ละนักเรียนร่วมกันเฉลยคาตอบของแบบฝึกทกั ษะท่ี 3.6 เร่ืองความชนั ของเสน้ ตรง โดยครูสุ่ม เรยี กแตล่ ะกลุ่มออกมา นาเสนอคาตอบของแบบฝึกทักษะที่ 3.6 เรอ่ื งความชันของเส้นตรง ทหี่ น้าช้นั เรียน จนครบทกุ กลุ่ม 7. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความร้เู ก่ยี วกับ ความชนั ของเสน้ ตรง ดงั นี้ สมการทอ่ี ยใู่ นรูป y = mx + b เม่อื x และ y เป็นตัวแปรทแ่ี ทนจานวนใด ๆ โดยที่ m และ b เป็น ค่าคงตัว จะมกี ราฟเป็นเสน้ ตรง และเรียนก m วา่ ความชนั ของเส้นตรง 8. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี น 2. แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 3.6 เรื่องความชนั ของเส้นตรง

9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดผล วธิ ีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกทกั ษะ แบบฝึกทักษะ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล รายบคุ คล สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายกลุ่ม แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางาน รายกล่มุ 9.2 การประเมินผล ประเด็นการ 4 ระดับคุณภาพ 1 ประเมิน (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) (ดี) (กาลงั พัฒนา) ทาแบบทดสอบได้ อยา่ งถูกตอ้ งต่ากวา่ 1. เกณฑก์ าร ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ร้อยละ 60 ประเมนิ การฝึก อย่างถูกตอ้ งรอ้ ย อยา่ งถูกต้องร้อยละ อย่างถูกต้องรอ้ ยละ ใชค้ วามรทู้ าง คณติ ศาสตร์เป็น ทักษะและ ละ 90 ขึ้นไป 80 - 89 60 - 79 เครือ่ งมอื ในการ เรียนร้คู ณิตศาสตร์ แบบฝึกหดั เนื้อหาต่าง ๆ หรอื ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ 2. เกณฑก์ าร ใชค้ วามร้ทู าง ใชค้ วามรทู้ าง ใช้ความรทู้ าง นาไปใช้ในชีวิตจรงิ ประเมินความ คณิตศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เปน็ คณิตศาสตรเ์ ป็น ไม่มคี วามตั้งใจและ พยายามในการทา สามารถในการ เครือ่ งมือในการ เคร่ืองมอื ในการ เครือ่ งมอื ในการ ความเขา้ ใจปัญหา และแก้ปัญหาทาง เชอื่ มโยง เรียนร้คู ณิตศาสตร์ เรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ เรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์ ไม่มี ความอดทนและ เน้ือหาตา่ ง ๆ หรือ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรอื เนือ้ หาต่าง ๆ หรอื ศาสตรอ์ ่ืน ๆ และ ศาสตรอ์ ่นื ๆ และ ศาสตรอ์ ่นื ๆ และ นาไปใชใ้ นชีวิตจริง นาไปใชใ้ นชีวิตจริง นาไปใช้ในชีวิตจรงิ ได้อยา่ งสอดคลอ้ ง ไดบ้ างส่วน เหมาะสม 3. เกณฑ์การ มีความต้งั ใจและ มีความต้งั ใจและ มคี วามตง้ั ใจและ ประเมนิ ความมุ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา มานะในการทา ความเขา้ ใจปัญหา ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจ และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง และแกป้ ญั หาทาง ปญั หาและ คณิตศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แต่ไม่ คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มีความอดทนและ

ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมิน 43 2 1 แก้ปัญหาทาง คณิตศาสตร์ (ดมี าก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) (ต้องปรบั ปรุง) 4. เกณฑก์ าร ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ท้อแทต้ ่ออุปสรรค ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค ประเมินความ มงุ่ มัน่ ในการ จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาให้แก้ปญั หา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา ทางาน ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ สาเร็จ ไม่สาเรจ็ เลก็ น้อย ไมส่ าเรจ็ เปน็ ส่วน ไม่สาเรจ็ ใหญ่ มคี วามมุ่งมนั่ ใน มีความมุ่งม่นั ในการ มีความมุง่ มั่นในการ มคี วามมุ่งม่ันในการ การทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานแตไ่ มม่ ีความ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ งานไม่ประสบ เรียบร้อย ครบถว้ น เรยี บรอ้ ยสว่ นใหญ่ เรยี บร้อยส่วนนอ้ ย ผลสาเร็จอย่างที่ สมบรู ณ์ ควร 10. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 10.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นกั เรียนนไี่ ม่ผา่ น มดี ังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไี่ ม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนเกิดทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................

4. นกั เรยี นมีคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................

4. ความเหมาะสมของสอื่ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 46 สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์พืน้ ฐาน รหสั วิชา ค 21102 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2562 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 กราฟและความสัมพนั ธ์เชิงเสน้ เรื่อง ทดสอบท้ายบท เวลา 1 ชว่ั โมง วันท.่ี ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผ้สู อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.3 ใชน้ ิพจนส์ มการ และอสมการ อธบิ ายความสมั พันธห์ รือช่วยปญั หาทกี่ าหนดให้ 2. ตวั ชี้วัดช้ันปี 1. เขา้ ใจและใชค้ วามรู้เก่ยี วกับกราฟในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และ ปญั หาในชีวติ จริง ( ค 1.3 ม.1/2) 2. เข้าใจและใชค้ วามรู้เกีย่ วกับความสัมพนั ธเ์ ชิงเส้นในการแกป้ ัญหาคณติ ศาสตรแ์ ละปัญหาในชีวิต จรงิ ( ค 1.3 ม.1/3) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. เขียนและอ่านกราฟของคอู่ นั ดบั บนระนาบในระบบพกิ ัดฉาก (K) 2. อ่านและแปลความหมายของกราฟที่กาหนดให้ และนาไปใชแ้ ก้ปัญหา (K) 3. เขียนกราฟแสดงความสมั พันธ์ระหวา่ งปริมาณสองชุดท่มี ีความสมั พันธเ์ ชิงเสน้ (K) 4. มีความสามารถในเชือ่ มโยงความรทู้ างคณิตศาสตร์ (P) 5. มีความมมุ านะในการทาความเข้าใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 6. มีความมงุ่ ม่นั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. มีความสามารถในการส่อื สาร 2. มีความสามารถในการแก้ปัญหา 3. มคี วามสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์

5. สาระสาคัญ สมการท่อี ยู่ในรปู y = mx + b เมื่อ x และ y เป็นตัวแปรที่แทนจานวนใด ๆ โดยท่ี m และ b เป็น คา่ คงตัว จะมีกราฟเป็นเส้นตรง และเรียนก m ว่า ความชนั ของเส้นตรง 6. สาระการเรยี นรู้ กราฟและความสมั พันธ์ 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ครูให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบท้ายบทเรือ่ ง กราฟและความสัมพันธ์ เพื่อทดสอบความเขา้ ใจของ นักเรยี นในเรือ่ งของกราฟและความสัมพันธ์ 8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ แบบทดสอบเรื่องกราฟและความสัมพนั ธ์ 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทางาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล รายบุคคล สงั เกตพฤติกรรมการทางานรายกล่มุ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน รายกลุ่ม 9.2 การประเมินผล ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดีมาก) (ตอ้ งปรบั ปรุง) ประเมนิ การฝึก ทาแบบทดสอบได้ (ดี) (กาลงั พัฒนา) ทาแบบทดสอบได้ ทกั ษะและ อย่างถูกต้องร้อย อย่างถกู ตอ้ งต่ากวา่ แบบฝกึ หัด ละ 90 ข้ึนไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑ์การ ประเมนิ ความ ใช้ความรทู้ าง อยา่ งถกู ตอ้ งร้อยละ อยา่ งถกู ตอ้ งรอ้ ยละ ใชค้ วามรทู้ าง คณิตศาสตรเ์ ปน็ คณิตศาสตรเ์ ป็น 80 - 89 60 - 79 ใชค้ วามรูท้ าง ใชค้ วามรู้ทาง คณิตศาสตรเ์ ปน็ คณิตศาสตร์เป็น

ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ ประเมิน 43 2 1 สามารถในการ (ต้องปรับปรุง) เชื่อมโยง (ดมี าก) (ดี) (กาลังพัฒนา) เครื่องมอื ในการ เรยี นรู้คณติ ศาสตร์ 3. เกณฑก์ าร เคร่ืองมอื ในการ เครอื่ งมอื ในการ เครื่องมอื ในการ เนื้อหาต่าง ๆ หรือ ประเมินความมุ ศาสตร์อืน่ ๆ และ มานะในการทา เรียนร้คู ณติ ศาสตร์ เรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ เรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ นาไปใช้ในชวี ิตจริง ความเข้าใจ ปญั หาและ เนอื้ หาตา่ ง ๆ หรอื เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรอื เน้อื หาตา่ ง ๆ หรอื ไม่มีความตงั้ ใจและ แก้ปัญหาทาง พยายามในการทา คณติ ศาสตร์ ศาสตรอ์ ่นื ๆ และ ศาสตร์อน่ื ๆ และ ศาสตร์อืน่ ๆ และ ความเขา้ ใจปญั หา และแกป้ ญั หาทาง 4. เกณฑก์ าร นาไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ นาไปใช้ในชวี ติ จรงิ นาไปใช้ในชวี ิตจรงิ คณติ ศาสตร์ ไม่มี ประเมนิ ความ ความอดทนและ มงุ่ มน่ั ในการ ไดอ้ ยา่ งสอดคล้อง ได้บางสว่ น ท้อแทต้ ่ออุปสรรค ทางาน จนทาใหแ้ กป้ ญั หา เหมาะสม ทางคณิตศาสตร์ได้ ไม่สาเร็จ มีความตั้งใจและ มคี วามต้ังใจและ มีความตงั้ ใจและ มคี วามมุ่งมัน่ ในการ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ทางานแต่ไมม่ คี วาม รอบคอบ ส่งผลให้ ความเข้าใจปญั หา ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจปัญหา งานไมป่ ระสบ ผลสาเรจ็ อยา่ งที่ และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง ควร คณติ ศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรค จนทาให้แกป้ ญั หา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา จนทาให้แกป้ ญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ สาเรจ็ ไมส่ าเร็จเล็กนอ้ ย ไมส่ าเรจ็ เป็นสว่ น ใหญ่ มคี วามม่งุ มน่ั ใน มีความม่งุ ม่ันในการ มีความมุง่ มนั่ ในการ การทางานอย่าง ทางานอย่าง ทางานอย่าง รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ เรยี บรอ้ ย ครบถ้วน เรยี บร้อยสว่ นใหญ่ เรยี บรอ้ ยส่วนน้อย สมบูรณ์ 10. บนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 10.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ..................

นักเรียนนีไ่ ม่ผ่าน มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนกั เรียนท่ีไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมีความรูค้ วามเข้าใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรยี นเกดิ ทักษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมีคณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................

11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผูท้ ่ีได้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................

ภาคผนวก 1. แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล (ทักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร)์ 2. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล (คูณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล (ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์) มคี วาม ท่ี ชื่อ – สกลุ มคี วาม สามารถใน มคี วาม มีความ มคี วาม รวม สามารถในกา การส่อื สาร สามารถใน สามารถใน สามารถใน สอ่ื ความ การเชอื่ มโยง การใหเ้ หตผุ ล การคดิ 20 แก้ปัญหา หมายทาง สรา้ งสรรค์ คะแนน คณิตศาสตร์ 43214321432143214321

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง = ปรับปรุง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 16 - 20 ดีมาก 11 - 15 ดี 6 - 10 พอใช้ 1-5 ปรบั ปรุง ลงชือ่ .......................................................ผูป้ ระเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล (คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์) มคี วามมมุ านะใน ท่ี ชื่อ – สกุล การทาความเข้าใจ มีความมุ่งมัน่ ใน รวม ปัญหาและ การทางาน 8 คะแนน แกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ 43214321


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook