Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผน ม.3 เทอม 2

แผน ม.3 เทอม 2

Published by adsadawut somboonchai, 2021-02-28 01:03:01

Description: แผน ม.3 เทอม 2

Search

Read the Text Version

ประเด็นการ 4 ระดบั คุณภาพ 1 ประเมิน (ดมี าก) 32 (ตอ้ งปรับปรงุ ) (ด)ี (กำลังพัฒนา) คำตอบพรอ้ มท้ัง พอ และตรวจสอบ ไมม่ กี ารตรวจสอบ ตรวจสอบความ ความถูกต้องไมไ่ ด้ ความถูกต้อง ถูกต้องได้ 3. เกณฑ์การ ใชค้ วามร้ทู าง ใช้ความรทู้ าง ใชค้ วามรู้ทาง ใชค้ วามรทู้ าง ประเมนิ ความ คณิตศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตรเ์ ปน็ คณิตศาสตรเ์ ป็น คณติ ศาสตรเ์ ปน็ สามารถในการ เครือ่ งมอื ในการ เครื่องมือในการ เคร่ืองมือในการ เครอ่ื งมอื ในการ เชื่อมโยง เรียนรู้คณติ ศาสตร์ เรยี นรู้คณิตศาสตร์ เรยี นรู้คณติ ศาสตร์ เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ เนอื้ หาตา่ ง ๆ หรือ เน้อื หาต่าง ๆ หรือ เนอื้ หาต่าง ๆ หรือ เน้ือหาต่าง ๆ หรือ ศาสตรอ์ ื่น ๆ และ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ ศาสตรอ์ ่ืน ๆ และ ศาสตร์อ่นื ๆ และ นำไปใชใ้ นชีวติ จริง นำไปใช้ในชีวิตจริง นำไปใช้ในชีวิตจรงิ นำไปใช้ในชวี ิตจรงิ ไดอ้ ยา่ งสอดคล้อง ไดบ้ างส่วน เหมาะสม 4. เกณฑ์การ รบั ฟงั และให้เหตผุ ล รบั ฟังและใหเ้ หตผุ ล รบั ฟังและใหเ้ หตุผล รบั ฟงั และใหเ้ หตผุ ล ประเมินความ สนบั สนุนหรือ สนับสนนุ หรอื สนับสนนุ หรือ สนบั สนนุ หรอื สามารถในการ โตแ้ ยง้ เพื่อนำไปสู่ โตแ้ ย้ง เพ่อื นำไปสู่ โต้แยง้ แต่ไม่ โต้แยง้ ไมไ่ ด้ ให้เหตุผล การสรุปโดยมี การสรปุ โดยมี นำไปสกู่ ารสรปุ ที่มี ข้อเท็จจริงทาง ขอ้ เท็จจรงิ ทาง ข้อเทจ็ จริงทาง คณิตศาสตร์รองรบั คณติ ศาสตร์รองรับ คณิตศาสตร์รองรับ ได้อยา่ งสมบรู ณ์ ได้บางส่วน 5. เกณฑก์ าร มคี วามตง้ั ใจและ มีความตงั้ ใจและ มีความต้งั ใจและ ไม่มีความตั้งใจและ ประเมินความ พยายามในการทำ พยายามในการทำ พยายามในการทำ พยายามในการทำ มมุ านะในการ ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจปัญหา ความเขา้ ใจปญั หา ความเขา้ ใจปัญหา ทำความเข้าใจ และแกป้ ญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง ปญั หาและ คณิตศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ ไมม่ ี แก้ปญั หาทาง ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มคี วามอดทนและ ความอดทนและ คณติ ศาสตร์ ท้อแทต้ ่ออุปสรรค ท้อแท้ต่ออปุ สรรค ท้อแท้ต่ออปุ สรรค ท้อแท้ตอ่ อุปสรรค จนทำให้แก้ปัญหา จนทำใหแ้ กป้ ัญหา จนทำให้แกป้ ัญหา จนทำให้แกป้ ัญหา ทางคณติ ศาสตร์ได้

ประเดน็ การ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดมี าก) 32 (ตอ้ งปรับปรงุ ) ทางคณิตศาสตร์ได้ (ดี) (กำลังพฒั นา) ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ไม่สำเรจ็ เป็นสว่ น สำเร็จ ไม่สำเรจ็ ไมส่ ำเรจ็ เลก็ น้อย ใหญ่ 6. เกณฑ์การ มีความกระตอื รือรน้ มคี วามกระตอื รือร้น มีความกระตือรอื ร้น มคี วามกระตอื รอื ร้น ประเมินความ ใฝ่เรียนรู้ ในการเรียนมาก ในการเรียนมาก ในการเรียน ในการเรียนน้อย รจู้ ักใชเ้ วลาว่างให้ รู้จักใชเ้ วลาว่างให้ พอสมควร ร้จู กั ใช้ ยงั ใชเ้ วลาวา่ งไม่เป็น เปน็ ประโยชน์ เป็นประโยชน์ เวลาวา่ งให้เป็น ประโยชน์ แสวงหา แสวงหาความรูจ้ าก แสวงหาความรู้จาก ประโยชน์ แสวงหา ความรจู้ ากแหล่ง แหล่งเรยี นร้ทู ่ี แหล่งเรยี นรูท้ ี่ ความรจู้ ากแหลง่ เรียนรูย้ ังไม่ หลากหลาย และ หลากหลาย แตย่ งั เรียนรู้ยังไม่ หลากหลาย สามารถถ่ายทอด ไม่สามารถถา่ ยทอด หลากหลาย ไม่ เผยแพร่ องคค์ วามรู้ เผยแพร่ องค์ความรู้ สามารถถ่ายทอด ใหก้ บั ผู้อนื่ ใหก้ บั ผอู้ ่ืน เผยแพร่ องค์ความรู้ ให้กับผอู้ น่ื

10. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนี่ไมผ่ า่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนทีไ่ ม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรียนมีความรู้ความเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรยี นเกิดทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรยี นมคี ณุ ลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตำแหน่ง..............................................

11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตำแหน่ง..............................................

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 40 สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณติ ศาสตร์พนื้ ฐาน รหัสวชิ า ค 23102 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา............. หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 พรี ะมดิ กรวย และทรงกลม เรอ่ื ง พนื้ ทผี่ ิวของทรงกลม เวลา 1 ชั่วโมง วนั ท.่ี ............ เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครูผู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพ้นื ฐานเก่ยี วกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของส่ิงท่ตี ้องการวัด และนำไปใช้ 2. ตวั ช้วี ัดชั้นปี ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้เร่อื งพน้ื ท่ีผวิ ของพรี ะมิด กรวย และทรงกลมในการแกป้ ญั หาคณิตศาสตรแ์ ละ ปัญหาในชวี ติ จรงิ (ค 2.1 ม.3/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. หาพื้นทผี่ ิวของพรี ะมิดและนำความรูไ้ ปใชใ้ นการแกป้ ญั หา (K) 2. มีความสามารถในการแกป้ ัญหา (P) 3. มคี วามสามารถในเช่อื มโยงความร้ทู างคณิตศาสตร์ (P) 4. มีความสามารถในการใหเ้ หตผุ ล (P) 5. มีความมมุ านะในการทำความเข้าใจปญั หาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 6. มคี วามใฝ่เรยี นรู้ (A) 4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 1. มีความสามารถในการสอ่ื สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ญั หา

5. สาระสำคัญ พน้ื ทผี่ วิ ของทรงกลม = 4πr2 เมือ่ r แทนรัศมขี องทรงกลม 6. สาระการเรยี นรู้ พื้นที่ผวิ ของทรงกลม 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูให้นักเรยี นสังเกตว่าในการหาพืน้ ที่ผิวของทรงกลม เม่ือแบง่ พนื้ ทีผ่ ิวโค้งของทรงกลมออกเป็นรปู หลายเหลีย่ มหลาย ๆ รูปและมีจำนวนมากพอแลว้ จะสามารถใช้ความรู้ในเร่อื งการหาปริมาตรของทรงกลม และพีระมดิ มาใช้ในการใหเ้ หตุผลประกอบ เพอ่ื เช่ือมโยงไปส่สู ูตรการหาพื้นท่ผี ิวของทรงกลม 2. ครแู บง่ นกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 4–5 คน เพ่ือให้นกั เรยี นทำ“กจิ กรรมเสนอแนะ 3.3 : พน้ื ที่ ผิวของทรงกลม” ในคูม่ ือครู หน้า 216–217 3. ครูแจกอุปกรณใ์ ห้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นวัดความยาวของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของลูก เทนนิส โดยเลือกใชอ้ ุปกรณ์ท่ีเตรยี มให้ หรอื วิธกี ารทางเรขาคณิตอ่นื ๆ 4. ครูให้นกั เรยี นใช้เชือกพนั รอบลูกเทนนสิ ให้เตม็ ดงั รูป เพ่ือใหง้ า่ ยตอ่ การพนั เชอื กอาจใชเ้ ทปเย่ือกาว สองหนา้ แบบบางพนั รอบลูกเทนนสิ กอ่ น จากนนั้ ยดึ ปลายข้างหนง่ึ ของเชอื กดว้ ยเขม็ หมุดแลว้ พันรอบลกู เทนนิส (ขอ้ เสนอแนะ :ในการพนั เชือกไมค่ วรดงึ เชือกแนน่ เกนิ ไป หรอื หลวมเกนิ ไป เพราะจะทำให้เกดิ ความ คลาดเคลื่อนเพ่มิ มากขึน้ ) 5. ครูอภปิ รายเพิม่ เติมกบั นักเรยี น เพื่อใหน้ กั เรียนสังเกตและเข้าใจวา่ บรเิ วณท่ีเชอื กสมั ผัสและพนั รอบลูกเทนนิสเปน็ พื้นทผ่ี วิ ของลกู เทนนสิ 6. ให้นักเรยี นตดั กระดาษเป็นรูปวงกลมทมี่ ีรศั มเี ท่ากบั รศั มขี องลูกเทนนิส แลว้ ใช้เชือกทไ่ี ด้จากการพัน รอบลูกเทนนสิ มาขดบนกระดาษรูปวงกลม เมื่อขดเต็มวงให้ตดั เชือกออก ทั้งนี้ ครคู วรอภิปรายเพิ่มเติมเพื่อให้ นักเรยี นสงั เกตวา่ พื้นท่ีของวงกลมนี้จะเท่ากบั พน้ื ที่ผวิ บางสว่ นของลกู เทนนิส แล้วให้นักเรียนลองคาดการณ์วา่ จะสามารถขดเชอื กเปน็ วงกลมไดก้ ีว่ ง จงึ จะเท่ากับพื้นทผ่ี วิ ทง้ั หมดของลกู เทนนิส จากน้ัน ใหน้ ักเรยี นลงมือ ปฏิบตั เิ พอ่ื ตรวจสอบขอ้ ความคาดการณ์ โดยนำเชือกท่ีเหลอื ไปขดบนกระดาษรูปวงกลมชิ้นต่อ ๆ ไปจนเชอื ก หมด

7. ครูให้นักเรยี นอภิปรายเกีย่ วกบั ความสัมพนั ธร์ ะหว่างผลรวมพื้นทข่ี องวงกลมที่ขดได้ กับพื้นทีผ่ ิว ของลกู เทนนิสซง่ึ เป็นพ้ืนที่ผิวของทรงกลม จนไดข้ อ้ สรปุ ว่าพ้ืนท่ีผิวของลูกเทนนิสที่มีรัศมี r หน่วย เท่ากบั πr2 + πr2 + πr2 + πr2 ตารางหน่วยหรือเทา่ กับ 4πr2 ตารางหน่วย ดังน้ัน พ้นื ที่ผิวของทรงกลม = 4πr2 เมอ่ื r แทนรศั มขี องทรงกลม 8. ให้นกั เรยี นช่วยกนั สรปุ สตู รการหาพื้นทผี่ วิ ของทรงกลม ซ่งึ จะทำใหน้ ักเรียนได้มโี อกาสสำรวจ สรา้ ง ข้อความคาดการณ์ และยืนยันขอ้ สรปุ เกีย่ วกับสตู รการหาพ้นื ทผ่ี ิวของทรงกลม 9. ครูอาจใชช้ วนคิด 3.8 ในหนงั สือเรยี น หนา้ 154 ให้นักเรียนได้ฝึกใช้การนึกภาพและจนิ ตนาการ เพือ่ ให้ได้ขอ้ สรุปวา่ ทรงกลมท่ใี หญท่ ่ีสุดนี้ ควรเป็นทรงกลมท่ีมีเส้นผา่ นศนู ยก์ ลางยาวเทา่ กบั ความยาวของดา้ น ของลกู บาศก์ทีก่ ำหนดให้ 10. ให้นักเรียนรว่ มกันพิจารณาตัวอย่างท่ี 4 ในหนงั สือเรียนหน้า 156 และครคู อยให้คำแนะนำในการ หาคำตอบของโจทย์ในตัวอยา่ ง 6. ใหน้ ักเรียนจับคทู่ ำแบบฝึกทกั ษะชุดท่ี 3.1.13 7. ครูสุ่มนกั เรียนเรยี นออกมานำเสนอคำตอบของแบบฝึกทกั ษะ พร้อมครูตรวจสอบความถูกต้องของ คำตอบท่ไี ด้ 8. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั นี้ พ้ืนทีผ่ วิ ของทรงกลม = 4πr2 เมอ่ื r แทนรัศมีของทรงกลม 9. ให้นักเรียนทำแบบฝกึ หดั 3.3 ข ในหนังสอื เรียนหนา้ 157 เปน็ รายบุคคล 8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรียนคณิตศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 2. แบบฝึกหัด 3. แบบฝึกทักษะชดุ ท่ี 3.1.13 4. ลกู เทนนสิ 5. เชอื กป่าน 6. อุปกรณ์สำหรบั วดั เส้นผ่านศนู ยก์ ลางของลูกเทนนสิ เช่น เชอื ก ไมบ้ รรทัด เวอรเ์ นียร์คาลเิ ปอร์ บลอ็ กไม้ 2 อัน 7. วงเวยี น

8. เทปเยื่อกาวสองหนา้ แบบบาง 9. เขม็ หมดุ 10. กรรไกร 9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วิธีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ ทักษะชุดท่ี 3.1.13 แบบฝึกทักษะชุดที่ 3.1.13 ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทำงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงาน รายบคุ คล รายบคุ คล สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายกลุม่ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงาน รายกลมุ่ 9.2 การประเมินผล ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑก์ าร (ดีมาก) (ต้องปรบั ปรุง) ประเมินการ ทำแบบฝึกหัด/ (ดี) (กำลังพฒั นา) ทำแบบฝกึ หัด/ ทำแบบฝกึ หดั / แบบฝกึ ทักษะได้ แบบฝึกทักษะได้ แบบฝึกทักษะ อยา่ งถกู ตอ้ งร้อยละ ทำแบบฝึกหัด/ ทำแบบฝึกหดั / อยา่ งถกู ต้องต่ำกวา่ 2. เกณฑก์ าร 90 ขนึ้ ไป รอ้ ยละ 60 ประเมนิ ความ ทำความเข้าใจ แบบฝึกทักษะได้ แบบฝึกทักษะได้ ทำความเขา้ ใจ สามารถในการ ปญั หา คิดวเิ คราะห์ ปญั หา คดิ วิเคราะห์ แก้ปญั หา วางแผนแกป้ ญั หา อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ยละ อย่างถูกตอ้ งรอ้ ยละ มรี ่องรอยของการ และเลอื กใชว้ ิธีการ วางแผนแก้ปัญหา ทเ่ี หมาะสม โดย 80 - 89 60 - 79 แตไ่ มส่ ำเร็จ คำนึงถึงความ สมเหตุสมผลของ ทำความเขา้ ใจ ทำความเข้าใจ คำตอบพร้อมทั้ง ปญั หา คิดวเิ คราะห์ ปัญหา คิดวเิ คราะห์ วางแผนแก้ปญั หา วางแผนแก้ปัญหา และเลือกใชว้ ิธกี าร และเลอื กใชว้ ธิ กี าร ทเี่ หมาะสม แต่ ไดบ้ างสว่ น คำตอบ ความสมเหตุสมผล ทไ่ี ดย้ งั ไม่มคี วาม ของคำตอบยงั ไมด่ ี สมเหตุสมผล และ

ประเดน็ การ 4 ระดับคุณภาพ 1 ประเมิน (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรบั ปรุง) (ดี) (กำลังพฒั นา) ตรวจสอบความ พอ และตรวจสอบ ไม่มกี ารตรวจสอบ ถกู ตอ้ งได้ ความถกู ต้องไมไ่ ด้ ความถกู ตอ้ ง 3. เกณฑก์ าร ใชค้ วามร้ทู าง ใช้ความรทู้ าง ใชค้ วามรู้ทาง ใชค้ วามรทู้ าง ประเมินความ คณติ ศาสตร์เปน็ คณิตศาสตรเ์ ป็น คณิตศาสตรเ์ ปน็ คณิตศาสตร์เปน็ สามารถในการ เครือ่ งมือในการ เครอ่ื งมอื ในการ เครอื่ งมือในการ เครือ่ งมือในการ เชอ่ื มโยง เรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ เรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ เรยี นรู้คณิตศาสตร์ เรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรอื เน้อื หาต่าง ๆ หรอื เนอ้ื หาต่าง ๆ หรอื เนอื้ หาตา่ ง ๆ หรือ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ นำไปใชใ้ นชีวิตจรงิ นำไปใช้ในชีวติ จริง นำไปใชใ้ นชีวิตจรงิ นำไปใช้ในชีวติ จรงิ ได้อยา่ งสอดคล้อง ไดบ้ างสว่ น เหมาะสม 4. เกณฑก์ าร รบั ฟงั และให้เหตผุ ล รับฟังและให้เหตุผล รับฟงั และให้เหตผุ ล รับฟังและใหเ้ หตุผล ประเมินความ สนับสนนุ หรือ สนับสนุน หรอื สนับสนนุ หรือ สนบั สนนุ หรอื สามารถในการ โตแ้ ย้ง เพอื่ นำไปสู่ โต้แยง้ เพอ่ื นำไปสู่ โตแ้ ย้ง แตไ่ ม่ โตแ้ ย้งไมไ่ ด้ ใหเ้ หตุผล การสรปุ โดยมี การสรปุ โดยมี นำไปสูก่ ารสรุปท่มี ี ข้อเท็จจริงทาง ข้อเท็จจริงทาง ขอ้ เท็จจรงิ ทาง คณิตศาสตร์รองรับ คณติ ศาสตรร์ องรับ คณิตศาสตร์รองรบั ไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ ไดบ้ างส่วน 5. เกณฑ์การ มีความตง้ั ใจและ มคี วามต้งั ใจและ มีความตงั้ ใจและ ไม่มคี วามต้ังใจและ ประเมินความ พยายามในการทำ พยายามในการทำ พยายามในการทำ พยายามในการทำ มุมานะในการ ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปัญหา ทำความเขา้ ใจ และแกป้ ญั หาทาง และแกป้ ญั หาทาง และแกป้ ญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง ปัญหาและ คณิตศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ ไมม่ ี แกป้ ัญหาทาง ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มคี วามอดทนและ ความอดทนและ คณติ ศาสตร์ ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรค ท้อแท้ต่ออปุ สรรค ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค ท้อแท้ต่ออปุ สรรค จนทำให้แก้ปญั หา จนทำให้แกป้ ญั หา จนทำใหแ้ ก้ปญั หา จนทำให้แก้ปัญหา ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สำเรจ็ ไม่สำเร็จเลก็ น้อย ไม่สำเรจ็

ประเดน็ การ 4 ระดบั คุณภาพ 1 ประเมนิ (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรับปรุง) (ดี) (กำลงั พฒั นา) ไมส่ ำเร็จเป็นสว่ น ใหญ่ 6. เกณฑก์ าร มีความกระตอื รอื ร้น มีความกระตือรือรน้ มคี วามกระตือรอื รน้ มีความกระตือรอื รน้ ประเมนิ ความ ใฝเ่ รียนรู้ ในการเรยี นมาก ในการเรยี นมาก ในการเรยี น ในการเรียนน้อย รจู้ กั ใชเ้ วลาว่างให้ ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างให้ พอสมควร ร้จู กั ใช้ ยังใชเ้ วลาวา่ งไม่เปน็ เป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์ เวลาวา่ งใหเ้ ป็น ประโยชน์ แสวงหา แสวงหาความรจู้ าก แสวงหาความรู้จาก ประโยชน์ แสวงหา ความรจู้ ากแหล่ง แหล่งเรยี นรทู้ ี่ แหล่งเรยี นรู้ท่ี ความรจู้ ากแหลง่ เรียนร้ยู ังไม่ หลากหลาย และ หลากหลาย แต่ยัง เรยี นร้ยู ังไม่ หลากหลาย สามารถถ่ายทอด ไม่สามารถถ่ายทอด หลากหลาย ไม่ เผยแพร่ องคค์ วามรู้ เผยแพร่ องคค์ วามรู้ สามารถถ่ายทอด ใหก้ บั ผ้อู นื่ ให้กับผู้อน่ื เผยแพร่ องค์ความรู้ ให้กบั ผอู้ น่ื

10. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้......................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นักเรยี นน่ไี มผ่ า่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนทีไ่ ม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนเกดิ ทักษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรยี นมีคุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตำแหนง่ ..............................................

11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตำแหน่ง..............................................

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 41 สาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตร์พ้ืนฐาน รหัสวิชา ค 23102 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา............. หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 พรี ะมิด กรวย และทรงกลม เร่อื ง พีระมิด กรวย และทรงกลม เวลา 1 ชวั่ โมง วันท่.ี ............ เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครผู ูส้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพื้นฐานเก่ียวกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของสิ่งที่ตอ้ งการวดั และนำไปใช้ 2. ตวั ช้ีวัดชน้ั ปี ประยกุ ตใ์ ชค้ วามร้เู รื่องพนื้ ที่ผิวของพีระมดิ กรวย และทรงกลมในการแกป้ ัญหาคณิตศาสตร์และ ปญั หาในชีวิตจริง (ค 2.1 ม.3/1) ประยกุ ตใ์ ช้ความรู้เร่ืองปริมาตรของพีระมิด กรวย และทรงกลมในการแกป้ ญั หาคณิตศาสตร์และ ปญั หาในชีวิตจรงิ (ค 2.1 ม.3/2) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. หาปริมาตรและพื้นทผ่ี วิ ของพีระมดิ กรวย และทรงกลม (K) 2. ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้เกี่ยวกบั ปริมาตรและพ้ืนทีผ่ ิวของพรี ะมดิ กรวย และทรงกลมในการแก้ปัญหา(K) 3. มคี วามสามารถในการแก้ปัญหา (P) 4. มคี วามสามารถในเช่ือมโยงความร้ทู างคณิตศาสตร์ (P) 5. มคี วามสามารถในการให้เหตุผล (P) 6. มีความมมุ านะในการทำความเข้าใจปัญหาและแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มีความใฝเ่ รยี นรู้ (A)

4. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. มคี วามสามารถในการสอื่ สาร 2. มีความสามารถในการแก้ปัญหา 5. สาระสำคญั 1. ในทางคณิตศาสตร์ รปู เรขาคณิตสามมิติท่ีมีฐานเป็นรปู เหล่ยี มใด ๆ มียอดแหลมท่ีไมอ่ ยบู่ นระนาบ เดยี วกันกับฐานและหน้าเป็นรปู สามเหลี่ยมท่มี จี ุดยอดรว่ มกันทีย่ อดแหลมน้ัน เรยี กว่า พีระมิด (pyramid) 2. ปรมิ าตรของพีระมิด = 1 × พื้นทฐ่ี าน × ความสูง 3 3. พื้นทผี่ วิ ของพีระมิด = พ้นื ท่ผี ิวข้างของพรี ะมิด + พ้ืนทฐ่ี านของพีระมดิ พื้นทีผ่ วิ ขา้ งของพีระมดิ ฐานหลายเหล่ียมด้านเท่ามุมเทา่ = 1 × ความยาวรอบรปู ของฐาน × 2 ส่วนสูงเอยี ง 4. ปริมาตรของกรวย = 1 πr2h เม่ือ r แทนรศั มีของฐานของกรวย และ h แทนความสงู ของกรวย 3 5. พื้นที่ผวิ ของกรวย = πrl + πr2 เม่ือ r แทนรศั มขี องฐานของกรวย และ l แทนสูงเอียงของกรวย 6. ปรมิ าตรของทรงกลม = 4 πr3 เม่อื r แทนรัศมขี องทรงกลม 3 7. พื้นทผี่ วิ ของทรงกลม = 4πr2 เมื่อ r แทนรศั มีของทรงกลม 6. สาระการเรียนรู้ 1. ปรมิ าตรและพื้นทผี่ ิวของพรี ะมดิ 2. ปรมิ าตรและพืน้ ท่ผี วิ ของกรวย 3. ปริมาตรและพืน้ ท่ผี ิวของทรงกลม

7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูแบง่ นกั เรยี นเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4–5 คน ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุม่ ทำ “กิจกรรมทา้ ยบท : โรงงาน ช็อกโกแลตมหัศจรรย”์ ในหนังสอื เรยี น หนา้ 160 2. ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะกล่มุ นำเสนอวิธีคดิ และคำตอบทไี่ ดจ้ ากการทำกจิ กรรม ซ่ึงจะมีวิธคี ิดและ คำตอบทห่ี ลากหลาย 3. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลท่ีได้จากการทำกจิ กรรมของนักเรยี นในประเด็นตอ่ ไปนี้ 1) คำตอบของคำถามแตล่ ะขอ้ มหี ลากหลาย และแตกตา่ งกนั ตามเงอ่ื นไขทแ่ี ต่ละกลุ่มกำหนด เช่น ปรมิ าตรของช็อกโกแลตเหลวทใี่ ชใ้ นแต่ละแบบ ขนาดของชอ็ กโกแลตแต่ละแบบ หรอื จำนวนชน้ิ ที่กำหนด 2) ปริมาตรของช็อกโกแลตท่เี หลอื น้อยที่สดุ ของแตล่ ะกลมุ่ อาจไมใ่ ชป่ รมิ าตรของชอ็ กโกแลตที่ เหลอื น้อยทสี่ ุดในทางคณติ ศาสตร์ แต่เปน็ ปรมิ าตรทเี่ หลือน้อยที่สุดภายใตเ้ ง่ือนไขท่แี ต่ละกลุม่ กำหนด และ สอดคลอ้ งกบั เงอ่ื นไขทีโ่ จทย์กำหนดท่วี ่า ปริมาตรและจำนวนชน้ิ ของแต่ละแบบตอ้ งใกลเ้ คยี งกัน 4. ครูอาจต้ังประเดน็ คำถามเพ่ิมเตมิ เพื่อให้นักเรยี นรว่ มกันคิดวา่ จะมีวิธีอื่นใดนอกเหนอื จากวิธที ่ใี ช้ใน ชนั้ เรียนน้ที จี่ ะทำใหป้ ริมาตรของชอ็ กโกแลตทีเ่ หลือนอ้ ยกวา่ ปรมิ าตรของช็อกโกแลตของกลมุ่ ทเ่ี หลือนอ้ ยที่สุด และใหน้ กั เรยี นนำเสนอแนวคดิ นนั้ 5. ให้นกั เรียนรว่ มกนั พิจารณาตัวอย่างที่ 5 ในหนังสอื เรียนหนา้ 156 และครูคอยให้คำแนะนำในการ หาคำตอบของโจทยใ์ นตวั อยา่ ง 6. ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ ความรู้ ดงั น้ี - ในทางคณิตศาสตร์ รปู เรขาคณติ สามมติ ิที่มีฐานเปน็ รปู เหลีย่ มใด ๆ มยี อดแหลมทไ่ี มอ่ ย่บู นระนาบ เดยี วกนั กับฐานและหนา้ เปน็ รูปสามเหล่ียมที่มีจดุ ยอดรว่ มกันท่ยี อดแหลมนั้น เรียกว่า พีระมดิ (pyramid) - ปริมาตรของพีระมดิ = 1 × พ้ืนท่ฐี าน × ความสูง 3 - พน้ื ที่ผวิ ของพรี ะมดิ = พื้นท่ผี ิวข้างของพรี ะมดิ + พ้ืนทฐ่ี านของพรี ะมดิ - พื้นที่ผวิ ขา้ งของพรี ะมดิ ฐานหลายเหลยี่ มดา้ นเท่ามมุ เท่า = 1 × ความยาวรอบรปู ของฐาน × 2 ส่วนสงู เอียง - ปริมาตรของกรวย = 1 πr2h เมอ่ื r แทนรศั มีของฐานของกรวย และ h แทนความสงู ของกรวย 3

- พ้นื ท่ีผิวของกรวย = πrl + πr2 เม่ือ r แทนรัศมขี องฐานของกรวย และ l แทนสูงเอยี งของ กรวย - ปรมิ าตรของทรงกลม = 4 πr3 เมอ่ื r แทนรัศมีของทรงกลม 3 - พ้นื ที่ผิวของทรงกลม = 4πr2 เม่อื r แทนรัศมขี องทรงกลม 9. ให้นกั เรียนทำแบบฝึกทกั ษะชุดที่ 3.1.14 เปน็ รายบคุ คล 8. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียนคณิตศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 2. แบบฝกึ ทกั ษะชดุ ที่ 3.1.14 8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี นคณิตศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 2. แบบฝกึ ทักษะชุดที่ 3.1.14 9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วธิ กี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝึกหัด รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ ทกั ษะชดุ ที่ 3.1.14 แบบฝกึ ทักษะชุดที่ 3.1.14 ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทำงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงาน รายบคุ คล รายบุคคล สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายกลมุ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงาน รายกลุม่

9.2 การประเมนิ ผล ประเดน็ การ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดีมาก) 32 (ต้องปรบั ปรงุ ) (ด)ี (กำลงั พัฒนา) 1. เกณฑก์ าร ทำแบบฝึกทักษะได้ ทำแบบฝึกทกั ษะได้ ทำแบบฝึกทกั ษะได้ ทำแบบฝกึ ทกั ษะได้ ประเมินการ อยา่ งถูกต้องรอ้ ยละ อย่างถกู ต้องรอ้ ยละ อย่างถกู ตอ้ งร้อยละ อย่างถูกต้องตำ่ กว่า ทำแบบฝึก 90 ข้นึ ไป 80 - 89 60 - 79 รอ้ ยละ 60 ทกั ษะ 2. เกณฑก์ าร ทำความเขา้ ใจ ทำความเขา้ ใจ ทำความเขา้ ใจ ทำความเข้าใจ ประเมนิ ความ ปัญหา คดิ วิเคราะห์ ปัญหา คิดวเิ คราะห์ ปัญหา คดิ วิเคราะห์ ปัญหา คิดวิเคราะห์ สามารถในการ วางแผนแกป้ ญั หา วางแผนแกป้ ัญหา วางแผนแกป้ ญั หา มีร่องรอยของการ แก้ปัญหา และเลือกใชว้ ธิ ีการ และเลอื กใชว้ ธิ ีการ และเลือกใชว้ ิธีการ วางแผนแก้ปญั หา ทีเ่ หมาะสม โดย ทเี่ หมาะสม แต่ ได้บางส่วน คำตอบ แต่ไม่สำเร็จ คำนงึ ถึงความ ความสมเหตสุ มผล ท่ไี ดย้ งั ไมม่ ีความ สมเหตุสมผลของ ของคำตอบยังไมด่ ี สมเหตุสมผล และ คำตอบพร้อมท้งั พอ และตรวจสอบ ไม่มีการตรวจสอบ ตรวจสอบความ ความถกู ตอ้ งไม่ได้ ความถูกตอ้ ง ถูกตอ้ งได้ 3. เกณฑ์การ ใชค้ วามรู้ทาง ใชค้ วามรูท้ าง ใชค้ วามรู้ทาง ใช้ความรู้ทาง ประเมนิ ความ คณติ ศาสตร์เป็น คณติ ศาสตรเ์ ป็น คณติ ศาสตร์เป็น คณติ ศาสตรเ์ ป็น สามารถในการ เครือ่ งมือในการ เคร่ืองมอื ในการ เครื่องมือในการ เคร่อื งมอื ในการ เชอื่ มโยง เรยี นรู้คณติ ศาสตร์ เรียนรู้คณติ ศาสตร์ เรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ เนอื้ หาตา่ ง ๆ หรอื เน้อื หาตา่ ง ๆ หรอื เน้ือหาต่าง ๆ หรือ เนือ้ หาต่าง ๆ หรอื ศาสตร์อน่ื ๆ และ ศาสตร์อนื่ ๆ และ ศาสตร์อนื่ ๆ และ ศาสตร์อื่น ๆ และ นำไปใชใ้ นชีวติ จรงิ นำไปใชใ้ นชีวิตจริง นำไปใชใ้ นชีวิตจริง นำไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ไดอ้ ยา่ งสอดคล้อง ไดบ้ างส่วน เหมาะสม 4. เกณฑก์ าร รับฟังและให้เหตุผล รับฟงั และให้เหตุผล รบั ฟงั และให้เหตผุ ล รับฟังและใหเ้ หตุผล ประเมินความ สนบั สนนุ หรือ สนบั สนนุ หรือ สนับสนนุ หรอื สนบั สนนุ หรอื สามารถในการ โตแ้ ย้ง เพื่อนำไปสู่ โต้แย้ง เพือ่ นำไปสู่ โต้แยง้ แตไ่ ม่ โตแ้ ยง้ ไม่ได้ ให้เหตุผล การสรปุ โดยมี การสรปุ โดยมี นำไปสกู่ ารสรุปท่ีมี ขอ้ เทจ็ จรงิ ทาง ขอ้ เทจ็ จรงิ ทาง

ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 4 32 1 5. เกณฑ์การ (ดมี าก) (ต้องปรับปรุง) ประเมนิ ความ คณติ ศาสตร์รองรบั (ดี) (กำลงั พฒั นา) มุมานะในการ ไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ ไมม่ ีความตั้งใจและ ทำความเข้าใจ มีความต้งั ใจและ คณติ ศาสตรร์ องรบั ข้อเท็จจรงิ ทาง พยายามในการทำ ปัญหาและ พยายามในการทำ ความเขา้ ใจปญั หา แกป้ ญั หาทาง ความเขา้ ใจปัญหา ไดบ้ างสว่ น คณิตศาสตร์รองรบั และแก้ปัญหาทาง คณติ ศาสตร์ และแกป้ ัญหาทาง คณติ ศาสตร์ ไม่มี คณติ ศาสตร์ มี มคี วามต้งั ใจและ มคี วามตัง้ ใจและ ความอดทนและ ความอดทนและไม่ ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค พยายามในการทำ พยายามในการทำ จนทำใหแ้ ก้ปัญหา จนทำให้แกป้ ัญหา ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจปัญหา ไม่สำเรจ็ สำเร็จ และแก้ปัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค จนทำใหแ้ กป้ ญั หา จนทำใหแ้ กป้ ญั หา ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ไมส่ ำเร็จเลก็ นอ้ ย ไมส่ ำเรจ็ เป็นสว่ น ใหญ่ 6. เกณฑ์การ มีความกระตือรือรน้ มคี วามกระตอื รอื รน้ มคี วามกระตอื รือรน้ มีความกระตอื รือร้น ประเมินความ ใฝ่เรียนรู้ ในการเรียนมาก ในการเรียนมาก ในการเรยี น ในการเรียนนอ้ ย รจู้ กั ใช้เวลาวา่ งให้ ร้จู ักใชเ้ วลาวา่ งให้ พอสมควร รจู้ ักใช้ ยงั ใชเ้ วลาว่างไม่เป็น เป็นประโยชน์ เปน็ ประโยชน์ เวลาวา่ งให้เป็น ประโยชน์ แสวงหา แสวงหาความรู้จาก แสวงหาความรจู้ าก ประโยชน์ แสวงหา ความรูจ้ ากแหล่ง แหล่งเรียนรู้ท่ี แหล่งเรยี นรู้ท่ี ความรู้จากแหลง่ เรียนรูย้ ังไม่ หลากหลาย และ หลากหลาย แต่ยัง เรยี นรยู้ ังไม่ หลากหลาย สามารถถ่ายทอด ไม่สามารถถา่ ยทอด หลากหลาย ไม่ เผยแพร่ องคค์ วามรู้ เผยแพร่ องค์ความรู้ สามารถถ่ายทอด ให้กบั ผ้อู น่ื ให้กบั ผูอ้ ื่น เผยแพร่ องคค์ วามรู้ ให้กับผู้อื่น

10. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้......................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้..................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไ่ี ม่ผา่ น มดี งั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรยี นที่ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรยี นเกดิ ทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมีคุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตำแหนง่ ..............................................

11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตำแหน่ง..............................................

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 42 สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตร์พ้ืนฐาน รหสั วชิ า ค 23102 ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา............. หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 พรี ะมดิ กรวย และทรงกลม เรอ่ื ง ทดสอบหลงั เรียน เวลา 1 ชัว่ โมง วันท่ี............. เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครผู สู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพืน้ ฐานเก่ียวกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของสงิ่ ทตี่ ้องการวัด และนำไปใช้ 2. ตวั ช้ีวัดชนั้ ปี ประยุกต์ใช้ความรเู้ รื่องพ้นื ท่ีผวิ ของพีระมดิ กรวย และทรงกลมในการแกป้ ญั หาคณิตศาสตร์และ ปัญหาในชวี ติ จรงิ (ค 2.1 ม.3/1) ประยุกตใ์ ช้ความร้เู รอ่ื งปริมาตรของพีระมิด กรวย และทรงกลมในการแก้ปัญหาคณติ ศาสตรแ์ ละ ปัญหาในชวี ิตจรงิ (ค 2.1 ม.3/2) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. หาปรมิ าตรและพน้ื ทีผ่ ิวของพรี ะมิด กรวย และทรงกลม (K) 2. ประยกุ ต์ใชค้ วามรเู้ กีย่ วกับปริมาตรและพ้ืนทีผ่ ิวของพรี ะมดิ กรวย และทรงกลมในการแกป้ ญั หา(K) 3. มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หา (P) 4. มคี วามสามารถในเช่ือมโยงความร้ทู างคณิตศาสตร์ (P) 5. มคี วามสามารถในการใหเ้ หตุผล (P) 6. มคี วามมุมานะในการทำความเข้าใจปัญหาและแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มีความใฝเ่ รียนรู้ (A)

4. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. มคี วามสามารถในการสอื่ สาร 2. มีความสามารถในการแก้ปัญหา 5. สาระสำคญั 1. ในทางคณิตศาสตร์ รปู เรขาคณิตสามมิติท่ีมีฐานเป็นรปู เหล่ยี มใด ๆ มียอดแหลมท่ีไมอ่ ยบู่ นระนาบ เดยี วกันกับฐานและหน้าเป็นรปู สามเหลี่ยมท่มี จี ุดยอดรว่ มกันทีย่ อดแหลมน้ัน เรยี กว่า พีระมิด (pyramid) 2. ปรมิ าตรของพีระมิด = 1 × พื้นทฐ่ี าน × ความสูง 3 3. พื้นทผี่ วิ ของพีระมิด = พ้นื ท่ผี ิวข้างของพรี ะมิด + พ้ืนทฐ่ี านของพีระมดิ พื้นทีผ่ วิ ขา้ งของพีระมดิ ฐานหลายเหล่ียมด้านเท่ามุมเทา่ = 1 × ความยาวรอบรปู ของฐาน × 2 ส่วนสูงเอยี ง 4. ปริมาตรของกรวย = 1 πr2h เม่ือ r แทนรศั มีของฐานของกรวย และ h แทนความสงู ของกรวย 3 5. พื้นที่ผวิ ของกรวย = πrl + πr2 เม่ือ r แทนรศั มขี องฐานของกรวย และ l แทนสูงเอียงของกรวย 6. ปรมิ าตรของทรงกลม = 4 πr3 เม่อื r แทนรัศมขี องทรงกลม 3 7. พื้นทผี่ วิ ของทรงกลม = 4πr2 เมื่อ r แทนรศั มีของทรงกลม 6. สาระการเรียนรู้ 1. ปรมิ าตรและพื้นทผี่ ิวของพรี ะมดิ 2. ปรมิ าตรและพืน้ ท่ผี วิ ของกรวย 3. ปริมาตรและพืน้ ท่ผี ิวของทรงกลม

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ให้นกั เรียนทดสอบหลังเรยี นโดยใช้แบบทดสอบ เร่อื ง พรี ะมดิ กรวย และทรงกลม เพอ่ื ตรวจสอบ ความเขา้ ใจของนักเรยี น 8. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้ แบบทดสอบเร่อื ง วงกลม 9. การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์ แบบทดสอบเรื่อง พีระมิด กรวย รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 9.1 การวัดผล และทรงกลม วธิ กี าร ตรวจแบบทดสอบเร่อื ง พรี ะมิด กรวย และทรงกลม 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑก์ าร (ดีมาก) (ตอ้ งปรับปรุง) ประเมินการ ทำแบบทดสอบได้ (ด)ี (กำลังพัฒนา) ทำแบบทดสอบได้ ทำแบบ อยา่ งถูกตอ้ งร้อยละ อยา่ งถูกตอ้ งตำ่ กวา่ ทดสอบ 90 ข้ึนไป ทำแบบทดสอบได้ ทำแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑก์ าร ประเมินความ ทำความเขา้ ใจ อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ยละ อยา่ งถูกต้องร้อยละ ทำความเขา้ ใจ สามารถในการ ปญั หา คดิ วเิ คราะห์ ปัญหา คิดวิเคราะห์ แกป้ ัญหา วางแผนแก้ปญั หา 80 - 89 60 - 79 มรี ่องรอยของการ และเลือกใช้วิธกี าร วางแผนแกป้ ัญหา ท่เี หมาะสม โดย ทำความเข้าใจ ทำความเขา้ ใจ แตไ่ ม่สำเรจ็ คำนึงถึงความ ปญั หา คดิ วเิ คราะห์ ปญั หา คิดวิเคราะห์ สมเหตุสมผลของ วางแผนแกป้ ญั หา วางแผนแก้ปัญหา คำตอบพรอ้ มทงั้ และเลือกใช้วธิ กี าร และเลือกใชว้ ธิ กี าร ทเ่ี หมาะสม แต่ ไดบ้ างส่วน คำตอบ ความสมเหตุสมผล ทีไ่ ด้ยงั ไมม่ ีความ ของคำตอบยงั ไม่ดี สมเหตุสมผล และ พอ และตรวจสอบ ไมม่ ีการตรวจสอบ ความถูกตอ้ งไมไ่ ด้ ความถกู ต้อง

ประเดน็ การ 4 ระดบั คุณภาพ 1 ประเมิน (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรบั ปรุง) (ดี) (กำลงั พัฒนา) ตรวจสอบความ ถูกตอ้ งได้ 3. เกณฑ์การ ใช้ความรทู้ าง ใช้ความรู้ทาง ใช้ความรู้ทาง ใชค้ วามรทู้ าง ประเมินความ คณติ ศาสตรเ์ ป็น คณิตศาสตรเ์ ปน็ คณิตศาสตร์เป็น คณิตศาสตร์เปน็ สามารถในการ เคร่อื งมือในการ เครอ่ื งมอื ในการ เครอ่ื งมอื ในการ เครือ่ งมือในการ เช่อื มโยง เรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ เรยี นรู้คณติ ศาสตร์ เรยี นรู้คณติ ศาสตร์ เรียนร้คู ณติ ศาสตร์ เนอื้ หาต่าง ๆ หรอื เน้ือหาตา่ ง ๆ หรอื เนื้อหาตา่ ง ๆ หรอื เน้ือหาตา่ ง ๆ หรือ ศาสตร์อืน่ ๆ และ ศาสตรอ์ ื่น ๆ และ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ ศาสตร์อน่ื ๆ และ นำไปใช้ในชวี ติ จริง นำไปใชใ้ นชวี ิตจริง นำไปใชใ้ นชีวติ จริง นำไปใช้ในชีวติ จรงิ ไดอ้ ย่างสอดคล้อง ได้บางส่วน เหมาะสม 4. เกณฑก์ าร รับฟังและให้เหตุผล รบั ฟงั และใหเ้ หตผุ ล รับฟังและให้เหตุผล รับฟังและใหเ้ หตุผล ประเมนิ ความ สนบั สนุนหรอื สนบั สนนุ หรือ สนบั สนุน หรือ สนบั สนนุ หรอื สามารถในการ โตแ้ ย้ง เพอื่ นำไปสู่ โตแ้ ย้ง เพอ่ื นำไปสู่ โต้แย้ง แต่ไม่ โต้แย้งไมไ่ ด้ ให้เหตุผล การสรปุ โดยมี การสรุปโดยมี นำไปสกู่ ารสรุปท่มี ี ขอ้ เทจ็ จริงทาง ข้อเทจ็ จรงิ ทาง ข้อเท็จจรงิ ทาง คณติ ศาสตร์รองรับ คณิตศาสตรร์ องรบั คณติ ศาสตร์รองรับ ไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ ได้บางส่วน 5. เกณฑก์ าร มคี วามตัง้ ใจและ มีความตั้งใจและ มคี วามตั้งใจและ ไม่มีความต้ังใจและ ประเมินความ พยายามในการทำ พยายามในการทำ พยายามในการทำ พยายามในการทำ มุมานะในการ ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปัญหา ทำความเข้าใจ และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง ปญั หาและ คณิตศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แต่ไม่ คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ ไมม่ ี แกป้ ญั หาทาง ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มคี วามอดทนและ ความอดทนและ คณิตศาสตร์ ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรค ท้อแท้ตอ่ อุปสรรค ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค จนทำใหแ้ กป้ ัญหา จนทำใหแ้ ก้ปัญหา จนทำใหแ้ กป้ ญั หา จนทำให้แก้ปัญหา ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สำเรจ็ ไมส่ ำเรจ็ เล็กน้อย ไม่สำเร็จ

ประเดน็ การ 4 ระดบั คุณภาพ 1 ประเมนิ (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรับปรุง) (ดี) (กำลงั พฒั นา) ไมส่ ำเร็จเป็นสว่ น ใหญ่ 6. เกณฑก์ าร มีความกระตอื รอื ร้น มีความกระตือรือรน้ มคี วามกระตือรอื รน้ มีความกระตือรอื รน้ ประเมนิ ความ ใฝเ่ รียนรู้ ในการเรยี นมาก ในการเรยี นมาก ในการเรยี น ในการเรียนน้อย รจู้ กั ใชเ้ วลาว่างให้ ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างให้ พอสมควร ร้จู กั ใช้ ยังใชเ้ วลาวา่ งไม่เปน็ เป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์ เวลาวา่ งใหเ้ ป็น ประโยชน์ แสวงหา แสวงหาความรจู้ าก แสวงหาความร้จู าก ประโยชน์ แสวงหา ความรจู้ ากแหล่ง แหล่งเรยี นรทู้ ี่ แหล่งเรยี นรู้ท่ี ความรจู้ ากแหลง่ เรียนร้ยู ังไม่ หลากหลาย และ หลากหลาย แต่ยัง เรยี นร้ยู ังไม่ หลากหลาย สามารถถ่ายทอด ไม่สามารถถ่ายทอด หลากหลาย ไม่ เผยแพร่ องคค์ วามรู้ เผยแพร่ องคค์ วามรู้ สามารถถ่ายทอด ใหก้ บั ผ้อู นื่ ให้กับผู้อน่ื เผยแพร่ องค์ความรู้ ให้กบั ผอู้ น่ื

10. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรียนนไ่ี ม่ผา่ น มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรยี นท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรียนมีความรคู้ วามเข้าใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนเกดิ ทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมีคุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ........................................................... (..........................................................) ตำแหน่ง..............................................

11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ........................................................... (..........................................................) ตำแหน่ง..............................................

ภาคผนวก 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล (ทักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร)์ 2. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล (คูณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล (ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์) ท่ี ชื่อ – สกลุ มีความสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน รวม การแกป้ ัญหา การเชือ่ มโยง การให้เหตผุ ล 12 คะแนน 432143214321

เกณฑก์ ารให้คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง = ปรับปรงุ ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 10 - 12 ดีมาก 7-9 ดี 4-6 พอใช้ 1-3 ปรบั ปรุง ลงชื่อ.......................................................ผู้ประเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล (คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์) มคี วามมมุ านะใน การทำความเข้าใจ รวม ท่ี ชื่อ – สกุล ปญั หาและ มคี วามใฝเ่ รียนรู้ แก้ปัญหาทาง 8 คะแนน คณิตศาสตร์ 43214321

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ = ดมี าก ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้งั = ปรับปรงุ ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 7-8 ดีมาก 5-6 ดี 2-4 พอใช้ 1-2 ปรับปรงุ ลงช่อื .......................................................ผู้ประเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ กลุ่มที่.................................................. สมาชิกของกลุ่ม 1. ................................................................................................................... 2. .................................................................................................................. 3. .................................................................................................................. 4. .................................................................................................................. 5. .................................................................................................................. 6. .................................................................................................................. ลำดบั พฤตกิ รรม คณุ ภาพการปฏบิ ัติ ที่ 4 3 21 1 มีสว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเหน็ 2 มคี วามกระตือรือรน้ ในการทำงาน 3 รบั ผิดชอบในงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 มีข้ันตอนในการทำงานอย่างเป็นระบบ 5 ใชเ้ วลาในการทำงานอยา่ งเหมาะสม รวม ลงช่อื .......................................................ผู้ประเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................

เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง้ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครงั้ = ปรับปรุง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 17-20 ดมี าก 13-16 ดี 9-12 พอใช้ 5-8 ปรับปรงุ

แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 43 สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ รายวชิ า คณติ ศาสตร์พืน้ ฐาน รหัสวิชา ค 23102 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา............. หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 ความน่าจะเปน็ เร่ือง ทดสอบก่อนเรียน เวลา 1 ชั่วโมง วนั ที่............. เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครผู สู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 3.2 เข้าใจหลกั การนบั เบอื้ งตน้ ความนา่ จะเปน็ และนำไปใช้ 2. ตัวช้วี ัดช้ันปี เขา้ ใจเกี่ยวกบั การทดลองส่มุ และนำผลทไี่ ดไ้ ปหาความนา่ จะเป็นของเหตุการณ์ (ค 3.2 ม.3/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกได้ว่าเหตุการณ์ทก่ี ำหนดใหม้ ีโอกาสเกิดข้นึ มากหรอื นอ้ ย (K) 2. หาความนา่ จะเปน็ ของเหตุการณท์ ่กี ำหนดให้ (K) 3. นำความรูเ้ ก่ียวกับความนา่ จะเปน็ ไปใช้ในการแก้ปญั หา (K) 4. มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา (P) 5. การสือ่ สารและการสือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 6. มีความสามารถในเชอ่ื มโยงความรทู้ างคณติ ศาสตร์ (P) 7. มีความสามารถในการให้เหตุผล (P) 8. มีความมมุ านะในการทำความเข้าใจปัญหาและแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 9. มคี วามใฝเ่ รยี นรู้ (A)

4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1. มคี วามสามารถในการส่อื สาร 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา 5. สาระสำคญั 1. ความนา่ จะเปน็ เปน็ จำนวนท่ีใชเ้ พอื่ บอกโอกาสทเ่ี หตุการณห์ นง่ึ ๆ จะเกิดขน้ึ ซง่ึ มี 3 ลกั ษณะ คือ ไม่เกดิ ข้ึนอยา่ งแน่นอนจะมคี า่ ความน่าจะเป็นเทา่ กบั 0 อาจจะเกดิ ขึน้ หรอื ไม่ก็ได้ จะมีคา่ ความน่าจะเป็นอยู่ ระหว่าง 0 กบั 1 และเกิดขึ้นอย่างแนน่ อนจะมคี ่าความน่าจะเป็นเท่ากับ 1 ทง้ั นี้ ในการบอกคา่ ความน่าจะเป็น อาจเขียนให้อยู่ในรูปเศษส่วน ทศนยิ ม หรอื รอ้ ยละ เราสามารถใชค้ วามน่าจะเป็นชว่ ยในการคาดการณ์ สร้าง ขอ้ สรปุ และตดั สินใจแก้ปญั หา 2. โอกาสท่ีเหตุการณห์ นึ่ง ๆ จะเกดิ ข้นึ น้นั อาจเกิดขึ้นอย่างแนน่ อน อาจจะเกดิ ขึน้ หรือไมก่ ไ็ ด้ หรอื ไมเ่ กดิ ข้ึนอยา่ งแนน่ อน อย่างใดอยา่ งหน่ึง 3. การกระทำที่ไม่สามารถบอกลว่ งหน้าไดแ้ น่นอนวา่ ผลลพั ธท์ ี่เกิดข้นึ จากการกระทำจะเป็นอยา่ งไร แต่สามารถบอกได้วา่ มผี ลลัพธอ์ ะไรเกิดขึน้ ได้บ้าง เรยี กวา่ การทดลองสุ่ม 4. เหตุการณ์ คือ ส่งิ ที่น่าสนใจจะพจิ ารณาจากการทดลองสุม่ และผลลัพธ์ท้ังหมดของสง่ิ ที่สนใจท่ี เกดิ ขน้ึ จากการทดลองสมุ่ เรียกว่า ผลลพั ธข์ องเหตุการณ์ 5. ความน่าจะเปน็ ของเหตุการณ์ สามารถหาได้จากสูตร ความน่าจะเปน็ ของเหตุการณ์ = จำนวนผลลพั ธข์ องเหตกุ ารณ์ จำนวนผลลัพธท์ ง้ั หมดท่ีเกดิ ข้ึนจากการทดลองสุม่ เมอ่ื ผลลัพธแ์ ต่ละแบบท่ีเกิดข้นึ จากการทดลองส่มุ มโี อกาสเกิดขน้ึ ได้เท่า ๆ กัน 6. ความน่าจะเปน็ ของเหตุการณ์หน่งึ ๆ จะเปน็ จำนวนทีม่ ากกวา่ หรอื เท่ากบั 0 แตไ่ ม่เกนิ 1 6. สาระการเรียนรู้ 1. โอกาสของเหตกุ ารณ์ 2. ความน่าจะเป็น

7. กิจกรรมการเรียนรู้ ให้นกั เรยี นทดสอบกอ่ นเรยี นโดยใช้แบบทดสอบ เรือ่ ง ความน่าจะเปน็ เพื่อตรวจสอบความพรอ้ มและ พน้ื ฐานของนักเรยี น 8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ แบบทดสอบเรอื่ ง ความน่าจะเปน็ 9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วธิ ีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบเร่อื ง ความน่าจะ เปน็ แบบทดสอบเรื่อง ความน่าจะเป็น รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดมี าก) (ต้องปรบั ปรงุ ) ประเมินการ ทำแบบทดสอบได้ (ด)ี (กำลังพัฒนา) ทำแบบทดสอบได้ ทำแบบ อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ยละ อยา่ งถกู ต้องต่ำกวา่ ทดสอบ 90 ขึ้นไป ทำแบบทดสอบได้ ทำแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑก์ าร ประเมนิ ความ ทำความเข้าใจ อยา่ งถกู ตอ้ งรอ้ ยละ อย่างถูกต้องรอ้ ยละ ทำความเข้าใจ สามารถในการ ปญั หา คดิ วเิ คราะห์ ปญั หา คดิ วเิ คราะห์ แกป้ ญั หา วางแผนแกป้ ญั หา 80 - 89 60 - 79 มีรอ่ งรอยของการ และเลือกใช้วิธกี าร วางแผนแก้ปญั หา ท่ีเหมาะสม โดย ทำความเขา้ ใจ ทำความเข้าใจ แตไ่ ม่สำเร็จ คำนึงถงึ ความ ปัญหา คิดวิเคราะห์ ปัญหา คดิ วเิ คราะห์ สมเหตุสมผลของ วางแผนแกป้ ัญหา วางแผนแก้ปัญหา คำตอบพรอ้ มทง้ั และเลอื กใชว้ ธิ ีการ และเลอื กใช้วธิ กี าร ทเ่ี หมาะสม แต่ ได้บางส่วน คำตอบ ความสมเหตสุ มผล ที่ไดย้ งั ไม่มีความ ของคำตอบยงั ไมด่ ี สมเหตุสมผล และ พอ และตรวจสอบ ไมม่ ีการตรวจสอบ ความถกู ต้องไม่ได้ ความถูกตอ้ ง

ประเดน็ การ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ประเมนิ (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรับปรงุ ) (ด)ี (กำลังพฒั นา) ตรวจสอบความ ถูกตอ้ งได้ 2. เกณฑก์ าร ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ประเมนิ ความ สญั ลกั ษณ์ทาง สญั ลักษณท์ าง สญั ลกั ษณท์ าง สญั ลกั ษณ์ทาง สามารถในการ คณิตศาสตร์ในการ คณิตศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ สื่อสาร ส่อื สอ่ื สาร ส่อื สาร สือ่ สาร สือ่ สาร ความหมาย สือ่ ความหมาย สอ่ื ความหมาย สอื่ ความหมาย สอ่ื ความหมาย ทาง สรุปผล และ สรุปผล และ สรุปผล และ สรุปผล และ คณติ ศาสตร์ นำเสนอไดอ้ ยา่ ง นำเสนอได้ถูกต้อง นำเสนอได้ถกู ตอ้ ง นำเสนอไม่ได้ ถูกต้อง ชดั เจน แต่ขาดรายละเอียด บางส่วน ทสี่ มบรู ณ์ 3. เกณฑ์การ ใช้ความร้ทู าง ใชค้ วามรทู้ าง ใชค้ วามรทู้ าง ใช้ความรทู้ าง ประเมินความ คณิตศาสตรเ์ ปน็ คณติ ศาสตรเ์ ปน็ คณิตศาสตร์เป็น คณิตศาสตร์เปน็ สามารถในการ เครอื่ งมือในการ เครอ่ื งมอื ในการ เคร่อื งมือในการ เครือ่ งมอื ในการ เชื่อมโยง เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ เรียนร้คู ณติ ศาสตร์ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เรยี นรู้คณิตศาสตร์ เนื้อหาต่าง ๆ หรือ เน้ือหาต่าง ๆ หรือ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรอื เน้ือหาตา่ ง ๆ หรือ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ ศาสตร์อืน่ ๆ และ ศาสตร์อน่ื ๆ และ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ นำไปใชใ้ นชีวติ จรงิ นำไปใช้ในชีวิตจริง นำไปใช้ในชวี ติ จริง นำไปใช้ในชวี ติ จริง ได้อยา่ งสอดคล้อง ไดบ้ างสว่ น เหมาะสม 4. เกณฑก์ าร รบั ฟงั และให้เหตผุ ล รบั ฟงั และใหเ้ หตุผล รบั ฟังและใหเ้ หตผุ ล รับฟงั และใหเ้ หตผุ ล ประเมนิ ความ สนบั สนุนหรือ สนบั สนุน หรือ สนับสนนุ หรอื สนับสนุน หรอื สามารถในการ โต้แยง้ เพ่ือนำไปสู่ โต้แยง้ เพื่อนำไปสู่ โต้แย้ง แตไ่ ม่ โตแ้ ย้งไม่ได้ ใหเ้ หตุผล การสรุปโดยมี การสรุปโดยมี นำไปสกู่ ารสรุปที่มี ขอ้ เทจ็ จริงทาง ข้อเทจ็ จริงทาง ข้อเท็จจรงิ ทาง คณิตศาสตรร์ องรับ คณติ ศาสตรร์ องรบั คณิตศาสตร์รองรบั ได้อย่างสมบรู ณ์ ได้บางสว่ น 5. เกณฑก์ าร มีความตั้งใจและ มคี วามตั้งใจและ มีความต้งั ใจและ ไมม่ คี วามตั้งใจและ ประเมนิ ความ พยายามในการทำ พยายามในการทำ พยายามในการทำ พยายามในการทำ

ประเด็นการ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดีมาก) 32 (ต้องปรบั ปรงุ ) ความเข้าใจปัญหา (ดี) (กำลังพัฒนา) ความเขา้ ใจปัญหา มมุ านะในการ และแกป้ ัญหาทาง ความเขา้ ใจปญั หา ความเขา้ ใจปญั หา และแก้ปญั หาทาง ทำความเข้าใจ คณิตศาสตร์ มี และแกป้ ญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง คณิตศาสตร์ ไมม่ ี ปญั หาและ ความอดทนและไม่ คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและ แกป้ ัญหาทาง ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค มีความอดทนและ มคี วามอดทนและ ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค คณติ ศาสตร์ จนทำใหแ้ ก้ปญั หา ท้อแทต้ ่ออุปสรรค ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค จนทำให้แกป้ ญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ จนทำให้แก้ปญั หา จนทำใหแ้ กป้ ญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ สำเรจ็ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ไม่สำเรจ็ ไมส่ ำเรจ็ เล็กน้อย ไม่สำเรจ็ เปน็ สว่ น ใหญ่ 6. เกณฑ์การ มีความกระตอื รอื ร้น มคี วามกระตือรือร้น มคี วามกระตือรือร้น มคี วามกระตือรอื รน้ ประเมนิ ความ ใฝ่เรยี นรู้ ในการเรียนมาก ในการเรยี นมาก ในการเรยี น ในการเรยี นน้อย รู้จกั ใชเ้ วลาวา่ งให้ ร้จู กั ใช้เวลาว่างให้ พอสมควร รจู้ ักใช้ ยังใช้เวลาวา่ งไม่เปน็ เปน็ ประโยชน์ เปน็ ประโยชน์ เวลาว่างให้เป็น ประโยชน์ แสวงหา แสวงหาความรจู้ าก แสวงหาความรู้จาก ประโยชน์ แสวงหา ความรู้จากแหลง่ แหลง่ เรียนรู้ที่ แหล่งเรยี นรทู้ ่ี ความรูจ้ ากแหลง่ เรยี นรยู้ งั ไม่ หลากหลาย และ หลากหลาย แต่ยัง เรียนรยู้ งั ไม่ หลากหลาย สามารถถ่ายทอด ไม่สามารถถ่ายทอด หลากหลาย ไม่ เผยแพร่ องคค์ วามรู้ เผยแพร่ องคค์ วามรู้ สามารถถ่ายทอด ใหก้ ับผู้อื่น ใหก้ บั ผูอ้ ่ืน เผยแพร่ องคค์ วามรู้ ใหก้ ับผู้อืน่

10. บันทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้..................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นักเรียนน่ีไม่ผา่ น มดี ังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นทีไ่ ม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรยี นเกดิ ทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรียนมคี ุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตำแหนง่ ..............................................

11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ........................................................... (..........................................................) ตำแหนง่ ..............................................

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 44 สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ รายวิชา คณติ ศาสตร์พ้นื ฐาน รหัสวชิ า ค 23102 ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา............. หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 ความนา่ จะเป็น เร่ือง โอกาสของเหตกุ ารณ์ เวลา 1 ชั่วโมง วันที.่ ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผูส้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.2 เข้าใจหลักการนบั เบ้อื งตน้ ความน่าจะเปน็ และนำไปใช้ 2. ตัวชว้ี ัดชัน้ ปี เขา้ ใจเก่ยี วกับการทดลองส่มุ และนำผลทไ่ี ด้ไปหาความนา่ จะเป็นของเหตุการณ์ (ค 3.2 ม.3/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอก อธบิ าย หรอื เปรยี บเทยี บโอกาสการเกิดข้ึนของเหตกุ ารณท์ ก่ี ำหนดให้ (K) 2. มีความสามารถในการแกป้ ญั หา (P) 3. มคี วามสามารถในการใหเ้ หตุผล (P) 4. มีความมุมานะในการทำความเข้าใจปัญหาและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 5. มคี วามใฝเ่ รยี นรู้ (A) 4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน 1. มีความสามารถในการแกป้ ญั หา 5. สาระสำคัญ โอกาสทเ่ี หตุการณห์ น่ึง ๆ จะเกิดขึน้ น้ัน อาจเกิดขึ้นอยา่ งแน่นอน อาจจะเกิดข้ึนหรอื ไม่กไ็ ด้ หรือไม่ เกดิ ข้นึ อยา่ งแน่นอน อย่างใดอยา่ งหน่งึ

6. สาระการเรยี นรู้ โอกาสของเหตุการณ์ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครแู ละนกั เรียนสนทนาเกย่ี วกบั ขอ้ ความ หรือคำพดู ตา่ ง ๆ ในชีวิตจรงิ ท่ีมคี ำสำคญั ซึง่ บง่ บอกถงึ แนวโน้มหรอื โอกาสท่จี ะเกดิ เหตุการณ์นัน้ ๆ ขน้ึ ว่ามีมากหรอื น้อยเพียงใด เพื่อนำไปสู่การอภิปรายถึง ความหมายของโอกาสของเหตกุ ารณ์ รวมถึงความเข้าใจเก่ียวกบั โอกาสของเหตุการณ์ที่เกิดข้นึ อยา่ งแนน่ อน หรือ อาจจะเกิดขนึ้ หรือไมก่ ไ็ ด้ หรอื ไมเ่ กิดข้นึ อยา่ งแนน่ อน โดยใชส้ ถานการณก์ ารไขตู้ลกู อมและขอ้ คำถาม จากตารางในหนังสือเรยี นหนา้ 168 ประกอบ 2. ครอู ธบิ ายโอกาสการเกิดข้นึ ของเหตุการณใ์ นแต่ละขอ้ เปน็ ดังน้ี 3. ครคู วรชี้ใหน้ กั เรยี นเห็นว่าโอกาสที่เหตุการณ์หนึ่ง ๆ จะเกิดขน้ึ เป็นไปได้ 3 ลกั ษณะ คือเกิดขึน้ อยา่ งแน่นอน หรือ อาจจะเกดิ ขน้ึ หรือไมก่ ไ็ ด้ หรอื ไม่เกิดขึน้ อย่างแน่นอน อย่างใดอย่างหนงึ่ เพยี งอย่างเดียว เทา่ นัน้ 4. ให้นักเรยี นได้ฝึกนำความรเู้ รือ่ งโอกาสของเหตุการณ์มาใช้ในการคาดการณ์ สรา้ งข้อสรุป และ ตดั สนิ ใจจากข้อมูลหรอื สถานการณ์ท่มี ีความเหมาะสม เช่น ชวนคดิ 4.1 ในหนงั สือเรยี น หนา้ 168 ขอ้ มลู เก่ียวกบั ขยะทะเลในหนงั สอื เรยี น หนา้ 169–170 5. ให้นกั เรียนจบั ค่ทู ำแบบฝึกทกั ษะที่ 4.1.1 – 4.1.2

6. ครูสุ่มนักเรียนออกมานำเสนอคำตอบของแบบฝกึ ทกั ษะ พรอ้ มครูตรวจสอบความถูกต้องของ คำตอบทไ่ี ด้ 7. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปส่ิงทไี่ ด้เรยี นรู้ ดงั นี้ โอกาสทีเ่ หตกุ ารณ์หนึ่ง ๆ จะเกดิ ขึ้นนน้ั อาจเกดิ ขึน้ อยา่ งแน่นอน อาจจะเกิดขน้ึ หรอื ไม่ก็ได้ หรือไม่เกดิ ขึน้ อยา่ งแนน่ อน อย่างใดอย่างหนึ่ง 8. ใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหดั 4.1 ในหนงั สือเรยี น หนา้ 170–172 เปน็ รายบคุ คล 8. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี นคณติ ศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 2. แบบฝกึ หัด 3. แบบฝึกทกั ษะที่ 4.1.1 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดผล วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหดั ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ ทกั ษะที่ 4.1.1 – 4.1.2 แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 4.1.1 – 4.1.2 ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทำงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล รายบคุ คล สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายกล่มุ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงาน รายกล่มุ 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดีมาก) (ตอ้ งปรับปรุง) ประเมนิ การ ทำแบบฝกึ หัด/ (ดี) (กำลังพฒั นา) ทำแบบฝึกหัด/ ทำแบบฝกึ หัด/ แบบฝึกทักษะได้ แบบฝกึ ทักษะได้ แบบฝกึ ทักษะ อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ยละ ทำแบบฝกึ หดั / ทำแบบฝกึ หดั / อยา่ งถกู ต้องต่ำกว่า 90 ขึน้ ไป รอ้ ยละ 60 แบบฝกึ ทกั ษะได้ แบบฝกึ ทกั ษะได้ อยา่ งถูกต้องรอ้ ยละ อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ยละ 80 - 89 60 - 79

ประเด็นการ 4 ระดับคุณภาพ 1 ประเมนิ (ดมี าก) 32 (ตอ้ งปรับปรงุ ) (ดี) (กำลังพฒั นา) 2. เกณฑ์การ ทำความเข้าใจ ทำความเข้าใจ ทำความเข้าใจ ทำความเข้าใจ ประเมินความ ปญั หา คิดวิเคราะห์ ปัญหา คิดวิเคราะห์ ปัญหา คิดวเิ คราะห์ ปัญหา คิดวเิ คราะห์ สามารถในการ วางแผนแก้ปญั หา วางแผนแก้ปญั หา วางแผนแกป้ ญั หา มีรอ่ งรอยของการ แกป้ ัญหา และเลือกใช้วธิ กี าร และเลอื กใชว้ ิธกี าร และเลือกใชว้ ิธกี าร วางแผนแก้ปัญหา ท่เี หมาะสม โดย ที่เหมาะสม แต่ ไดบ้ างส่วน คำตอบ แตไ่ มส่ ำเร็จ คำนึงถงึ ความ ความสมเหตุสมผล ที่ไดย้ งั ไม่มคี วาม สมเหตุสมผลของ ของคำตอบยงั ไม่ดี สมเหตุสมผล และ คำตอบพร้อมทัง้ พอ และตรวจสอบ ไม่มีการตรวจสอบ ตรวจสอบความ ความถูกตอ้ งไมไ่ ด้ ความถกู ตอ้ ง ถกู ตอ้ งได้ 3. เกณฑก์ าร รับฟงั และให้เหตุผล รบั ฟงั และใหเ้ หตุผล รับฟังและใหเ้ หตุผล รับฟงั และให้เหตุผล ประเมนิ ความ สนับสนนุ หรือ สนับสนนุ หรอื สนบั สนนุ หรือ สนบั สนนุ หรอื สามารถในการ โต้แย้ง เพื่อนำไปสู่ โต้แยง้ เพ่อื นำไปสู่ โตแ้ ยง้ แต่ไม่ โตแ้ ยง้ ไมไ่ ด้ ใหเ้ หตุผล การสรุปโดยมี การสรปุ โดยมี นำไปสูก่ ารสรุปท่ีมี ข้อเท็จจริงทาง ขอ้ เทจ็ จรงิ ทาง ข้อเทจ็ จรงิ ทาง คณติ ศาสตรร์ องรบั คณิตศาสตรร์ องรบั คณติ ศาสตร์รองรบั ได้อยา่ งสมบูรณ์ ไดบ้ างส่วน 4. เกณฑก์ าร มีความต้งั ใจและ มีความต้งั ใจและ มีความตงั้ ใจและ ไมม่ คี วามตง้ั ใจและ ประเมินความ พยายามในการทำ พยายามในการทำ พยายามในการทำ พยายามในการทำ มมุ านะในการ ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา ความเขา้ ใจปัญหา ความเขา้ ใจปญั หา ทำความเข้าใจ และแก้ปัญหาทาง และแกป้ ญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง ปญั หาและ คณิตศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แต่ไม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ ไมม่ ี แก้ปญั หาทาง ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มีความอดทนและ ความอดทนและ คณติ ศาสตร์ ท้อแท้ตอ่ อุปสรรค ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค ท้อแท้ตอ่ อุปสรรค จนทำให้แก้ปัญหา จนทำให้แก้ปัญหา จนทำให้แกป้ ัญหา จนทำให้แก้ปญั หา ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สำเร็จ ไมส่ ำเร็จเลก็ นอ้ ย ไม่สำเรจ็ เปน็ ส่วน ไม่สำเร็จ ใหญ่

ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4321 5. เกณฑก์ าร ประเมินความ (ดีมาก) (ดี) (กำลงั พฒั นา) (ต้องปรบั ปรุง) ใฝเ่ รียนรู้ มคี วามกระตือรือร้น มีความกระตือรือร้น มคี วามกระตอื รือรน้ มีความกระตือรอื ร้น ในการเรยี นมาก ในการเรียนมาก ในการเรยี น ในการเรียนนอ้ ย รจู้ ักใช้เวลาว่างให้ ร้จู กั ใชเ้ วลาวา่ งให้ พอสมควร รู้จกั ใช้ ยังใช้เวลาวา่ งไม่เปน็ เป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์ เวลาว่างใหเ้ ป็น ประโยชน์ แสวงหา แสวงหาความรูจ้ าก แสวงหาความรู้จาก ประโยชน์ แสวงหา ความรจู้ ากแหลง่ แหล่งเรยี นร้ทู ่ี แหลง่ เรียนรทู้ ่ี ความรู้จากแหล่ง เรยี นร้ยู ังไม่ หลากหลาย และ หลากหลาย แต่ยงั เรียนร้ยู ังไม่ หลากหลาย สามารถถ่ายทอด ไม่สามารถถา่ ยทอด หลากหลาย ไม่ เผยแพร่ องคค์ วามรู้ เผยแพร่ องค์ความรู้ สามารถถ่ายทอด ใหก้ บั ผู้อื่น ให้กับผูอ้ ื่น เผยแพร่ องค์ความรู้ ให้กับผอู้ ่ืน

10. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้......................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นักเรยี นน่ไี มผ่ า่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนทีไ่ ม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนเกดิ ทักษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรยี นมีคุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตำแหนง่ ..............................................

11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตำแหน่ง..............................................

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 45 สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์พ้นื ฐาน รหัสวิชา ค 23102 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา............. หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 4 ความนา่ จะเป็น เร่อื ง ความน่าจะเปน็ เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ท.่ี ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผสู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.2 เข้าใจหลักการนับเบอ้ื งต้น ความนา่ จะเป็น และนำไปใช้ 2. ตวั ช้ีวัดช้นั ปี เข้าใจเกยี่ วกับการทดลองสุม่ และนำผลทไ่ี ด้ไปหาความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ (ค 3.2 ม.3/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ระบุผลลพั ธท์ ง้ั หมดท่เี กดิ ข้ึนจากการทดลองสุ่ม และผลลพั ธข์ องเหตกุ ารณ์ (K) 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา (P) 3. การสื่อสารและการสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 4. มคี วามสามารถในเช่ือมโยงความรูท้ างคณติ ศาสตร์ (P) 5. มีความสามารถในการใหเ้ หตุผล (P) 6. มคี วามมมุ านะในการทำความเขา้ ใจปญั หาและแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มีความใฝเ่ รียนรู้ (A) 4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 1. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร 2. มีความสามารถในการแก้ปญั หา

5. สาระสำคญั 1. ความน่าจะเป็น เปน็ จำนวนท่ีใชเ้ พอื่ บอกโอกาสทีเ่ หตุการณห์ นึง่ ๆ จะเกดิ ข้นึ ซึ่งมี 3 ลกั ษณะ คือ ไม่เกดิ ข้ึนอย่างแนน่ อนจะมีค่าความน่าจะเป็นเทา่ กับ 0 อาจจะเกิดขน้ึ หรือไมก่ ็ได้ จะมคี า่ ความน่าจะเป็นอยู่ ระหว่าง 0 กับ 1 และเกิดขนึ้ อยา่ งแน่นอนจะมีค่าความนา่ จะเป็นเท่ากบั 1 ทัง้ นี้ ในการบอกค่าความนา่ จะเปน็ อาจเขียนให้อยู่ในรูปเศษสว่ น ทศนยิ ม หรือรอ้ ยละ เราสามารถใชค้ วามน่าจะเป็นช่วยในการคาดการณ์ สรา้ ง ขอ้ สรุป และตดั สนิ ใจแก้ปญั หา 2. โอกาสที่เหตุการณ์หนึง่ ๆ จะเกดิ ข้นึ น้ัน อาจเกิดขนึ้ อยา่ งแนน่ อน อาจจะเกิดขึน้ หรอื ไมก่ ็ได้ หรอื ไมเ่ กิดข้นึ อยา่ งแน่นอน อยา่ งใดอย่างหนง่ึ 3. การกระทำทไ่ี ม่สามารถบอกล่วงหนา้ ได้แน่นอนวา่ ผลลพั ธ์ท่ีเกดิ ขนึ้ จากการกระทำจะเปน็ อย่างไร แตส่ ามารถบอกไดว้ ่ามผี ลลัพธ์อะไรเกดิ ข้นึ ไดบ้ ้าง เรียกว่า การทดลองสุ่ม 6. สาระการเรียนรู้ การทดลองสุ่ม เหตกุ ารณ์ 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูควรใหน้ ักเรยี นไดท้ ำความเข้าใจเกย่ี วกับการทดลองสุม่ จากตัวอยา่ งสถานการณท์ ่หี ลากหลาย ดงั เช่นสถานการณ์ในหนังสอื เรียน หนา้ 174 2. ครูอาจใชช้ วนคิด 4.2 ในหนังสือเรียน หน้า 175 เพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจเกี่ยวกับการทดลองสุ่ม 3. ครูแนะนำวธิ กี ารแจกแจงผลลพั ธ์ทีเ่ กิดจากการทดลองส่มุ ซ่งึ สามารถทำไดห้ ลายวิธี เชน่ แผนภาพ ตน้ ไม้ ตาราง แผนภาพเชงิ รปู ภาพ หรอื กราฟของจดุ ในการทดลองส่มุ 4. ครูควรชใี้ หน้ กั เรยี นเห็นว่าส่งิ ของทใ่ี ช้ในการทดลองส่มุ แตกต่างกัน ดงั น้ัน ผลลพั ธท์ ี่เกิดขึน้ จากการ ทดลองสุม่ จะตอ้ งพจิ ารณาอนั ดบั ของสง่ิ ของนน้ั ด้วย ดังบทสนทนาของข้าวกลอ้ งกบั ข้าวปัน้ ในหนงั สือเรยี น หน้า 177 นอกจากนี้ ในการสมุ่ หยบิ จะใหผ้ ลลพั ธ์เปลีย่ นแปลงไปตามลักษณะของการสุม่ หยิบ เชน่ การสุ่ม หยิบพรอ้ มกนั การส่มุ หยิบแล้วไม่ใส่คืน หรือการสุ่มหยบิ แลว้ ใสค่ นื ครูจึงควรเน้นยำ้ ใหน้ กั เรียนพิจารณาอนั ดบั ของการสุ่มหยบิ นนั้ ด้วย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook