Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผน ม.1 เทอม 1

แผน ม.1 เทอม 1

Published by adsadawut somboonchai, 2021-02-27 23:56:41

Description: แผน ม.1 เทอม 1

Search

Read the Text Version

4. ครใู หน้ ักเรยี นจับคเู่ พอื่ ศึกษาการมองรูปเรขาคณิตในด้านตา่ ง ๆ ในหนงั สือเรียนหนา้ 254 -260 แล้วให้นักเรยี นช่วยกนั ทาแบบฝึกทกั ษะท่ี 5.3 เร่ือง ภาพดา้ นหนา้ ภาพดา้ นขา้ ง และภาพด้านบนของรปู เรขาคณิตสามมิติ 5. ครูนาเสนอเกี่ยวกับ ภาพดา้ นหนา้ ภาพดา้ นขา้ ง และภาพดา้ นบนของรปู เรขาคณติ สามมติ ิ ดงั นี้ 1. ภาพทีไ่ ด้จากการมองรูปเรขาคณิตสามมติ ิด้านหน้า คือ รปู เรขาคณิตสองมติ สิ ่วนทแ่ี รเงา ด้านลา่ งนี้ เรยี กว่า ภาพดา้ นหนา้ 2. ภาพทไี่ ด้จากการมองรปู เรขาคณิตสามมิติด้านขา้ ง คอื รูปเรขาคณิตสองมิติส่วนท่แี รเงา ดา้ นลา่ งน้ี เรียกว่า ภาพดา้ นขา้ ง 3. ภาพทไ่ี ด้จากการมองรปู เรขาคณติ สามมติ ิด้านบน คือ รูปเรขาคณิตสองมิติสว่ นท่ีแรเงา ดา้ นลา่ งนี้ เรยี กวา่ ภาพด้านบน 6. ครใู ห้นกั เรยี นทาแบบฝึกหดั ที่ 5.2 ก 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน 2. แบบฝกึ ทักษะท่ี 5.3 เร่ือง ภาพด้านหน้า ภาพด้านขา้ ง และภาพด้านบนของรปู เรขาคณติ สามมติ ิ 3. แบบฝกึ หัด

9. การวัดและประเมนิ ผล เครอ่ื งมือ เกณฑ์ แบบฝกึ หดั และแบบฝกึ ทักษะ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 9.1 การวัดผล ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน วิธีการ รายบุคคล ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัดและแบบฝกึ ทักษะ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน กล่มุ สงั เกตพฤติกรรมการทางาน รายบุคคล สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 4 32 1 1. เกณฑก์ าร (ดมี าก) (ต้องปรับปรุง) ประเมนิ การฝกึ ทาแบบทดสอบได้ (ดี) (กาลงั พฒั นา) ทาแบบทดสอบได้ ทักษะและ อย่างถูกต้องร้อย อยา่ งถกู ตอ้ งตา่ กว่า แบบฝึกหดั ละ 90 ข้ึนไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑ์การ ประเมินความ อยา่ งถูกตอ้ งรอ้ ยละ อย่างถูกตอ้ งรอ้ ยละ ใช้รูป ภาษา และ สามารถในการ สัญลักษณ์ทาง สอื่ สาร ส่ือ 80 - 89 60 - 79 คณิตศาสตร์ในการ ความหมายทาง ส่ือสาร คณติ ศาสตร์ ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ใชร้ ูป ภาษา และ ส่อื ความหมาย สัญลกั ษณท์ าง สัญลักษณ์ทาง สัญลกั ษณท์ าง สรุปผล และ 3. เกณฑก์ าร คณติ ศาสตร์ในการ คณิตศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตร์ในการ นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมินความ สอ่ื สาร สอื่ สาร สอื่ สาร สามารถในการ สื่อความหมาย สอื่ ความหมาย สอ่ื ความหมาย ใช้ความรทู้ าง เชอ่ื มโยง สรุปผล และ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ คณติ ศาสตร์เป็น นาเสนอได้อย่าง นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ ง นาเสนอไดถ้ กู ตอ้ ง เคร่อื งมือในการ ถกู ตอ้ ง ชดั เจน แต่ขาดรายละเอยี ด บางส่วน เรียนร้คู ณิตศาสตร์ เนื้อหาตา่ ง ๆ หรือ ทีส่ มบูรณ์ ใช้ความรทู้ าง ใชค้ วามรทู้ าง ใช้ความรทู้ าง คณิตศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตรเ์ ป็น คณติ ศาสตรเ์ ป็น เคร่อื งมือในการ เครือ่ งมือในการ เครอื่ งมือในการ เรยี นรู้คณิตศาสตร์ เรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ เรียนรู้คณติ ศาสตร์ เนอ้ื หาต่าง ๆ หรอื เนอื้ หาตา่ ง ๆ หรือ เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรอื

ประเด็นการ 4 ระดับคุณภาพ 1 ประเมนิ (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรบั ปรุง) ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ (ดี) (กาลังพัฒนา) ศาสตร์อ่นื ๆ และ 4. เกณฑ์การ นาไปใชใ้ นชวี ิตจริง ศาสตร์อืน่ ๆ และ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ นาไปใช้ในชีวิตจริง ประเมินความมุ ได้อย่างสอดคล้อง นาไปใชใ้ นชีวิตจริง นาไปใช้ในชีวิตจรงิ มานะในการทา เหมาะสม ได้บางส่วน ไม่มีความต้ังใจและ ความเขา้ ใจ มีความตั้งใจและ พยายามในการทา ปญั หาและ พยายามในการทา มคี วามต้ังใจและ มีความตง้ั ใจและ ความเขา้ ใจปญั หา แก้ปัญหาทาง ความเข้าใจปัญหา พยายามในการทา พยายามในการทา และแก้ปญั หาทาง คณิตศาสตร์ และแก้ปญั หาทาง ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปัญหา คณติ ศาสตร์ ไม่มี คณติ ศาสตร์ มี และแกป้ ญั หาทาง และแกป้ ญั หาทาง ความอดทนและ ความอดทนและไม่ คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ท้อแทต้ ่ออุปสรรค มีความอดทนและ มคี วามอดทนและ จนทาใหแ้ กป้ ญั หา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรค ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตร์ได้ จนทาให้แก้ปัญหา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ไม่สาเร็จ สาเร็จ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ไม่สาเรจ็ เลก็ นอ้ ย ไม่สาเรจ็ เป็นส่วน ใหญ่ 5. เกณฑ์การ มีความมงุ่ ม่นั ใน มีความมงุ่ มนั่ ในการ มคี วามมงุ่ มนั่ ในการ มคี วามมงุ่ ม่นั ในการ ประเมินความ การทางานอย่าง ทางานอย่าง ทางานอย่าง ทางานแต่ไมม่ คี วาม ม่งุ มน่ั ในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ทางาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ งานไม่ประสบ เรียบรอ้ ย ครบถว้ น เรียบร้อยส่วนใหญ่ เรียบร้อยส่วนน้อย ผลสาเร็จอย่างท่ี สมบูรณ์ ควร

10. บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 10.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจานวน..................คน ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู้......................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู.้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นักเรียนนไ่ี ม่ผา่ น มดี ังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนท่ไี ม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกดิ ทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรยี นมีคณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง............................................

11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 59 สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตร์พ้นื ฐาน รหัสวิชา ค 21101 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2562 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 รปู เรขาคณติ สองมิติและสามมติ ิ เร่ือง ภาพดา้ นหนา้ ภาพด้านข้าง และภาพด้านบนของรปู เรขาคณติ สามมิติท่ีประกอบขนึ้ จากลกู บาศก์ เวลา 1 ชัว่ โมง วันที่............. เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครูผ้สู อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวเิ คราะหร์ ปู เรขาคณิต สมบัติของรปู เรขาคณิต ความสัมพันธ์ระหวา่ ง รปู เรขาคณิต และทฤษฎบี ททางเรขาคณิต และนาไปใช้ 2. ตวั ช้วี ัดช้นั ปี เขา้ ใจและใช้ความร้ทู างเรขาคณิตในการ วเิ คราะหห์ าความสมั พนั ธ์ระหว่าง รปู เรขาคณติ สองมิติ และรูปเรขาคณิตสามมติ ิ (ค 2.2 ม.1/2) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ระบุภาพท่ีได้จากการมองดา้ นหนา้ ดา้ นขา้ ง และดา้ นบนของรูปเรขาคณติ สามมติ ิ (K) 2. เขยี นภาพทไ่ี ด้จากการมองดา้ นหน้า ด้านข้าง และดา้ นบนของรูปเรขาคณิตสามมิติท่ีประกอบข้ึน จากลูกบาศก์ (K) 3. มคี วามสามารถในการสือ่ สาร ส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 4. มคี วามสามารถในเชื่อมโยงความรู้ทางคณิตศาสตร์ (P) 5. มีความมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปญั หาและแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 6. มคี วามมงุ่ มนั่ ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. มคี วามสามารถในการส่อื สาร 2. มคี วามสามารถในการแก้ปัญหา 3. มคี วามสามารถในการคิดสร้างสรรค์

5. สาระสาคญั 1. ภาพทไ่ี ดจ้ ากการมองรปู เรขาคณติ สามมติ ิด้านหน้า คอื รูปเรขาคณิตสองมติ ิส่วนท่แี รเงาด้านล่างน้ี เรียกวา่ ภาพดา้ นหน้า 2. ภาพท่ีไดจ้ ากการมองรูปเรขาคณติ สามมติ ดิ ้านขา้ ง คือ รูปเรขาคณิตสองมิติสว่ นทแ่ี รเงาด้านล่างนี้ เรยี กวา่ ภาพด้านข้าง 3. ภาพทไี่ ดจ้ ากการมองรปู เรขาคณติ สามมิติด้านบน คือ รปู เรขาคณติ สองมติ สิ ว่ นที่แรเงาด้านลา่ งน้ี เรยี กว่า ภาพดา้ นบน 6. สาระการเรียนรู้ ภาพดา้ นหนา้ ภาพด้านข้าง และภาพดา้ นบนของรปู เรขาคณิตสามมิติทีป่ ระกอบขนึ้ จากลกู บาศก์ 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูแนะนารูปเรขาคณติ สามมติ ิท่ปี ระกอบขนึ้ จากลกู บาศกโ์ ดยใช้ชุดลูกบาศก์ 64 และให้นักเรียนฝึก มองภาพภาพดา้ นหนา้ ภาพด้านขา้ ง และภาพด้านบนของรูปเรขาคณติ สามมิติท่ีประกอบขน้ึ จากลูกบาศก์ โดย เร่มิ จากลูกบาศก์หนึง่ ลกู แล้วเพ่ิมเปน็ 2 ลูก โดยวางตามแนวตง้ั หรือแนวนอน แลว้ เพ่ิมลกู ที่ 3 2. ครูใหน้ ักเรียนชว่ ยกันวิเคราะห์ว่าเราสามารถวางลูกบาศก์ลกู ที่สามแบบใดได้บ้าง พร้อมทง้ั ให้ นักเรยี นฝกึ เขียนภาพทีไ่ ดจ้ ากการมอง ต่าง ๆ

3. ครูควรเนน้ ใหน้ ักเรยี นนทราบวา่ การเขียนตวั เลขแสดงจานวนลกู บาศกม์ ีความสาคัญ เนอื่ งจากจะ ทาใหเ้ ห็นลกั ษณะ การจัดเรียงของลูกบาศก์อยา่ งชัดเจน เพราะในบางกรณี แมภ้ าพท่ไี ดจ้ ากการมองด้านหน้า ด้านขา้ ง และดา้ นบน ของรูปเรขาคณิตสามมิติสองรูปจะเหมอื นกัน แต่ลกั ษณะการจดั เรยี งของลูกบาศก์ในแต่ ละรปู อาจแตกต่างกนั จึงจาเปน็ ต้องเขยี นตัวเลขแสดงจานวนลกู บาศกก์ ากับเพ่อื ใหเ้ หน็ การจดั เรยี งทีแ่ ตกต่าง นั้น ดังแสดงในสองรูปนี้ ซ่งึ นักเรียนควรสงั เกตเห็นวา่ ภาพทไี่ ดจ้ ากการมองด้านหน้า ดา้ นขา้ ง และด้านบนของรปู เรขาคณิต สองรปู น้ีเหมอื นกนั แต่จานวนลูกบาศก์ท่ีแสดงจะไม่เท่ากนั 4. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบฝกึ หัดท่ี 5.2 ข 5. ครูใหน้ ักเรยี นแบบฝกึ ทกั ษะที่ 5.4 เรอื่ ง ภาพด้านหน้า ภาพดา้ นขา้ ง และภาพด้านบนของรปู เรขาคณิตสามมิติท่ีประกอบขึ้นจากลกู บาศก์ 8. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรียน 2. แบบฝกึ ทักษะท่ี 5.4 เรอ่ื ง ภาพดา้ นหน้า ภาพด้านขา้ ง และภาพด้านบนของรปู เรขาคณติ สามมติ ิท่ี ประกอบขนึ้ จากลูกบาศก์ 3. แบบฝึกหัด 9. การวดั และประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัดและแบบฝกึ ทักษะ แบบฝึกหัดและแบบฝกึ ทกั ษะ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทางาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล รายบุคคล ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน กลมุ่

9.2 การประเมนิ ผล ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 4 32 1 1. เกณฑก์ าร (ดมี าก) (ตอ้ งปรับปรุง) ประเมนิ การฝกึ ทาแบบทดสอบได้ (ดี) (กาลงั พฒั นา) ทาแบบทดสอบได้ ทักษะและ อย่างถูกตอ้ งรอ้ ย อย่างถูกต้องต่ากว่า แบบฝกึ หดั ละ 90 ข้ึนไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑ์การ ประเมนิ ความ อยา่ งถูกต้องรอ้ ยละ อย่างถกู ต้องร้อยละ ใช้รปู ภาษา และ สามารถในการ สญั ลักษณ์ทาง สอื่ สาร ส่ือ 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตร์ในการ ความหมายทาง สอ่ื สาร คณิตศาสตร์ ใชร้ ปู ภาษา และ ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ส่อื ความหมาย สญั ลักษณ์ทาง สญั ลักษณ์ทาง สัญลกั ษณท์ าง สรุปผล และ 3. เกณฑ์การ คณติ ศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ในการ คณิตศาสตร์ในการ นาเสนอไม่ได้ ประเมนิ ความ สือ่ สาร สื่อสาร สอื่ สาร สามารถในการ สื่อความหมาย ส่อื ความหมาย สื่อความหมาย ใชค้ วามรูท้ าง เชือ่ มโยง สรุปผล และ สรุปผล และ สรุปผล และ คณติ ศาสตรเ์ ป็น นาเสนอไดอ้ ย่าง นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ ง นาเสนอไดถ้ ูกต้อง เคร่ืองมือในการ 4. เกณฑ์การ ถกู ต้อง ชัดเจน แตข่ าดรายละเอยี ด บางส่วน เรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ประเมนิ ความมุ เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรือ มานะในการทา ที่สมบูรณ์ ใชค้ วามรทู้ าง ศาสตร์อน่ื ๆ และ ความเขา้ ใจ ใช้ความรทู้ าง ใชค้ วามรูท้ าง คณติ ศาสตร์เป็น นาไปใชใ้ นชีวติ จริง ปัญหาและ คณิตศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เปน็ เครื่องมือในการ เคร่ืองมือในการ เครอื่ งมอื ในการ เรียนรู้คณิตศาสตร์ ไมม่ ีความตง้ั ใจและ เรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ เรยี นรู้คณิตศาสตร์ เน้ือหาตา่ ง ๆ หรอื พยายามในการทา เนื้อหาตา่ ง ๆ หรือ เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรือ ศาสตรอ์ ื่น ๆ และ ความเขา้ ใจปญั หา ศาสตร์อื่น ๆ และ ศาสตรอ์ ื่น ๆ และ นาไปใชใ้ นชีวติ จริง และแก้ปัญหาทาง นาไปใช้ในชวี ติ จรงิ นาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ คณิตศาสตร์ ไมม่ ี ได้อยา่ งสอดคล้อง ได้บางสว่ น มคี วามตง้ั ใจและ ความอดทนและ เหมาะสม พยายามในการทา มีความตงั้ ใจและ มคี วามตง้ั ใจและ ความเข้าใจปัญหา พยายามในการทา พยายามในการทา และแก้ปัญหาทาง ความเขา้ ใจปญั หา ความเขา้ ใจปญั หา คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ และแก้ปัญหาทาง และแก้ปัญหาทาง มคี วามอดทนและ คณติ ศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ

ประเด็นการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 แกป้ ัญหาทาง (ต้องปรับปรุง) คณติ ศาสตร์ (ดมี าก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค จนทาให้แกป้ ญั หา 5. เกณฑก์ าร ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรค ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ประเมินความ ไม่สาเรจ็ มุ่งมน่ั ในการ จนทาให้แกป้ ญั หา จนทาให้แก้ปัญหา จนทาให้แกป้ ัญหา ทางาน ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ สาเร็จ ไมส่ าเรจ็ เล็กนอ้ ย ไมส่ าเร็จเป็นสว่ น ใหญ่ มีความมุ่งมัน่ ใน มีความมุ่งม่นั ในการ มีความม่งุ ม่ันในการ มคี วามม่งุ ม่ันในการ การทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานแต่ไมม่ ีความ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ งานไม่ประสบ เรียบร้อย ครบถว้ น เรียบรอ้ ยส่วนใหญ่ เรียบร้อยสว่ นน้อย ผลสาเรจ็ อยา่ งที่ สมบูรณ์ ควร 10. บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นกั เรียนนีไ่ ม่ผา่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนทีไ่ ม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................

3. นกั เรียนเกิดทักษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรยี นมีคณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง............................................ 11. ความคิดเหน็ ของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ ผูท้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................

4. ความเหมาะสมของส่อื ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 60 สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตรพ์ ้ืนฐาน รหสั วิชา ค 21101 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2562 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 รปู เรขาคณติ สองมติ แิ ละสามมิติ เรือ่ ง ทดสอบทา้ ยบท เวลา 1 ชว่ั โมง วันท่.ี ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวเิ คราะหร์ ปู เรขาคณิต สมบัตขิ องรปู เรขาคณติ ความสัมพนั ธ์ระหว่าง รปู เรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนาไปใช้ 2. ตัวชีว้ ัดชน้ั ปี เข้าใจและใช้ความรู้ทางเรขาคณิตในการ วเิ คราะหห์ าความสมั พนั ธ์ระหว่าง รปู เรขาคณติ สองมติ ิ และรปู เรขาคณิตสามมิติ (ค 2.2 ม.1/2) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายลักษณะของหน้าตัดทไ่ี ดจ้ ากการตดั รปู เรขาคณิตสามมิติด้วยระนาบในทิศทางที่กาหนดให้ 2. ระบภุ าพที่ได้จากการมองดา้ นหนา้ ดา้ นขา้ ง และดา้ นบนของรูปเรขาคณติ สามมติ ิ 3. เขียนภาพทีไ่ ดจ้ ากการมองด้านหนา้ ดา้ นข้าง และด้านบนของรปู เรขาคณติ สามมิติที่ประกอบข้ึน จากลูกบาศก์ 4. มีความสามารถในการส่ือสาร สื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 5. มีความสามารถในเช่ือมโยงความรทู้ างคณิตศาสตร์ (P) 6. มคี วามมุมานะในการทาความเข้าใจปัญหาและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มคี วามมุ่งมัน่ ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร 2. มคี วามสามารถในการแก้ปัญหา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์

5. สาระสาคัญ 1. เมือ่ ใชข้ องมคี มตดั ผ่านวัตถุใหข้ าดออกจากกัน บริเวณของเน้อื วัตถทุ ี่ของมีคมตัดผา่ น เรยี กว่า หนา้ ตัด 2. เมอื่ มรี ปู เรขาคณิตสามมติ ิ และใช้ ระนาบ ตดั รูปเรขาคณิตสามมิติจะไดห้ นา้ ตัด หรือในทาง คณิตศาสตร์เรียกว่า ภาคตัด 3. ภาพทีไ่ ดจ้ ากการมองรูปเรขาคณิตสามมติ ดิ ้านหน้า คอื รูปเรขาคณิตสองมติ ิส่วนทแ่ี รเงาด้านลา่ งนี้ เรียกว่า ภาพด้านหนา้ 4. ภาพท่ีได้จากการมองรูปเรขาคณติ สามมิตดิ ้านข้าง คอื รปู เรขาคณิตสองมติ ิสว่ นท่ีแรเงาด้านลา่ งนี้ เรียกวา่ ภาพดา้ นขา้ ง 5. ภาพทไ่ี ดจ้ ากการมองรปู เรขาคณิตสามมติ ิด้านบน คอื รปู เรขาคณติ สองมติ ิสว่ นท่แี รเงาด้านล่างนี้ เรยี กว่า ภาพด้านบน 6. สาระการเรียนรู้ รปู เรขาคณิตสองมติ แิ ละสามมิติ 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ ครใู ห้นกั เรียนทาแบบทดสอบท้ายบทเรือ่ ง รปู เรขาคณติ สองมติ ิและสามมติ ิ เพือ่ ทดสอบควมเข้าใจ ของนักเรียนเกีย่ วกับเรือ่ ง รูปเรขาคณิตสองมติ แิ ละสามมิติ 8. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้ แบบทดสอบเรือ่ ง รปู เรขาคณิตสองมติ ิและสามมิติ

9. การวดั และประเมินผล เครอื่ งมอื เกณฑ์ แบบทดสอบ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 9.1 การวัดผล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ วิธีการ รายบคุ คล ตรวจแบบทดสอบ สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน รายบคุ คล 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑก์ าร (ดีมาก) (ต้องปรับปรุง) ประเมินการฝึก ทาแบบทดสอบได้ (ด)ี (กาลังพัฒนา) ทาแบบทดสอบได้ ทกั ษะและ อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ย อยา่ งถูกต้องต่ากวา่ แบบฝกึ หัด ละ 90 ขน้ึ ไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ร้อยละ 60 2. เกณฑ์การ ประเมินความ อย่างถกู ต้องร้อยละ อยา่ งถกู ต้องรอ้ ยละ ใช้รูป ภาษา และ สามารถในการ สญั ลักษณท์ าง ส่ือสาร สื่อ 80 - 89 60 - 79 คณิตศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง ส่อื สาร คณิตศาสตร์ ใช้รูป ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ สอื่ ความหมาย สญั ลกั ษณท์ าง สัญลักษณท์ าง สญั ลกั ษณท์ าง สรุปผล และ 3. เกณฑ์การ คณิตศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตร์ในการ คณิตศาสตร์ในการ นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมินความ สอ่ื สาร สอ่ื สาร สือ่ สาร สามารถในการ สื่อความหมาย สือ่ ความหมาย สื่อความหมาย ใช้ความรู้ทาง เช่ือมโยง สรุปผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ คณิตศาสตรเ์ ปน็ นาเสนอได้อยา่ ง นาเสนอไดถ้ กู ตอ้ ง นาเสนอได้ถูกต้อง เคร่อื งมอื ในการ ถูกต้อง ชัดเจน แต่ขาดรายละเอยี ด บางส่วน เรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ เน้อื หาต่าง ๆ หรือ ท่ีสมบรู ณ์ ใช้ความรู้ทาง ศาสตร์อื่น ๆ และ ใชค้ วามร้ทู าง ใช้ความร้ทู าง คณติ ศาสตร์เปน็ นาไปใช้ในชวี ติ จริง คณติ ศาสตร์เป็น คณิตศาสตรเ์ ป็น เครื่องมือในการ เครอ่ื งมอื ในการ เคร่ืองมอื ในการ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เรยี นร้คู ณิตศาสตร์ เรยี นรู้คณิตศาสตร์ เนื้อหาตา่ ง ๆ หรือ เนื้อหาต่าง ๆ หรือ เนอื้ หาตา่ ง ๆ หรอื ศาสตรอ์ ่นื ๆ และ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ นาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ นาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ

ประเด็นการ 4 ระดับคุณภาพ 1 ประเมนิ (ดมี าก) 32 (ตอ้ งปรบั ปรุง) ไดอ้ ย่างสอดคลอ้ ง (ดี) (กาลังพัฒนา) 4. เกณฑก์ าร เหมาะสม นาไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ ไม่มีความตัง้ ใจและ ประเมินความมุ มีความต้งั ใจและ ได้บางสว่ น พยายามในการทา มานะในการทา พยายามในการทา มีความต้งั ใจและ มีความต้ังใจและ ความเข้าใจปญั หา ความเขา้ ใจ ความเข้าใจปญั หา พยายามในการทา พยายามในการทา และแก้ปญั หาทาง ปญั หาและ และแก้ปญั หาทาง ความเขา้ ใจปัญหา ความเขา้ ใจปัญหา คณิตศาสตร์ ไม่มี แก้ปญั หาทาง คณิตศาสตร์ มี และแกป้ ัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง ความอดทนและ คณิตศาสตร์ ความอดทนและไม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรค มีความอดทนและ มคี วามอดทนและ จนทาให้แกป้ ญั หา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ท้อแท้ต่ออุปสรรค ท้อแท้ตอ่ อุปสรรค ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตร์ได้ จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาให้แก้ปญั หา ไมส่ าเร็จ สาเร็จ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ไม่สาเร็จเลก็ น้อย ไมส่ าเรจ็ เป็นส่วน ใหญ่ 5. เกณฑ์การ มีความมุ่งมน่ั ใน มคี วามมุง่ ม่ันในการ มคี วามมุ่งม่ันในการ มีความมุ่งมน่ั ในการ ประเมินความ การทางานอย่าง ทางานอย่าง ทางานอย่าง ทางานแต่ไมม่ คี วาม มุ่งมัน่ ในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ทางาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ งานไม่ประสบ เรยี บร้อย ครบถ้วน เรียบรอ้ ยสว่ นใหญ่ เรยี บร้อยส่วนน้อย ผลสาเร็จอย่างท่ี สมบูรณ์ ควร 10. บันทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 10.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้.ู .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นกั เรยี นนไี่ มผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................

แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไ่ี ม่ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมคี วามรคู้ วามเข้าใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรยี นเกิดทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรยี นมีคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ............................................

11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................

ภาคผนวก 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล (ทักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร)์ 2. แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล (คูณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์) 3. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล (ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์) มคี วาม ท่ี ชื่อ – สกลุ มคี วาม สามารถใน มคี วาม มีความ มคี วาม รวม สามารถในกา การส่อื สาร สามารถใน สามารถใน สามารถใน สอ่ื ความ การเชอื่ มโยง การใหเ้ หตผุ ล การคดิ 20 แก้ปัญหา หมายทาง สรา้ งสรรค์ คะแนน คณิตศาสตร์ 43214321432143214321

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง = ปรบั ปรุง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 16 - 20 ดีมาก 11 - 15 ดี 6 - 10 พอใช้ 1-5 ปรบั ปรุง ลงชือ่ .......................................................ผูป้ ระเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล (คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์) มคี วามมมุ านะใน ท่ี ชื่อ – สกุล การทาความเข้าใจ มีความมุ่งมัน่ ใน รวม ปัญหาและ การทางาน 8 คะแนน แกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ 43214321

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ = ดมี าก ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครัง้ = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้งั = ปรับปรงุ ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 7-8 ดีมาก 5-6 ดี 3-4 พอใช้ 1-2 ปรับปรงุ ลงช่อื .......................................................ผู้ประเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม กลุ่มที่.................................................. สมาชิกของกลุ่ม 1. ................................................................................................................... 2. .................................................................................................................. 3. .................................................................................................................. 4. .................................................................................................................. 5. .................................................................................................................. 6. .................................................................................................................. ลาดับ พฤตกิ รรม คุณภาพการปฏิบัติ ที่ 4 3 21 1 มีสว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเห็น 2 มคี วามกระตือรือรน้ ในการทางาน 3 รบั ผิดชอบในงานท่ีไดร้ บั มอบหมาย 4 มีข้ันตอนในการทางานอยา่ งเปน็ ระบบ 5 ใชเ้ วลาในการทางานอยา่ งเหมาะสม รวม ลงช่ือ.......................................................ผู้ประเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................

เกณฑก์ ารให้คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมน้อยครัง้ = ปรับปรุง ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 17-20 ดมี าก 13-16 ดี 9-12 พอใช้ 5-8 ปรับปรงุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook