เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง = ปรับปรุง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 16 - 20 ดีมาก 11 - 15 ดี 6 - 10 พอใช้ 1-5 ปรบั ปรุง ลงชือ่ .......................................................ผูป้ ระเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล (คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์) มคี วามมมุ านะใน ท่ี ชื่อ – สกุล การทาความเข้าใจ มีความมุ่งมัน่ ใน รวม ปัญหาและ การทางาน 8 คะแนน แกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ 43214321
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ = ดมี าก ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้งั = ปรับปรงุ ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 7-8 ดีมาก 5-6 ดี 3-4 พอใช้ 1-2 ปรับปรงุ ลงช่อื .......................................................ผู้ประเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ กลุ่มที่.................................................. สมาชิกของกลุ่ม 1. ................................................................................................................... 2. .................................................................................................................. 3. .................................................................................................................. 4. .................................................................................................................. 5. .................................................................................................................. 6. .................................................................................................................. ลาดบั พฤตกิ รรม คุณภาพการปฏบิ ตั ิ ที่ 4 3 21 1 มีสว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเห็น 2 มคี วามกระตือรือรน้ ในการทางาน 3 รบั ผิดชอบในงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 มีข้ันตอนในการทางานอย่างเป็นระบบ 5 ใชเ้ วลาในการทางานอยา่ งเหมาะสม รวม ลงชื่อ.......................................................ผู้ประเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................
เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง้ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครงั้ = ปรับปรุง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 17-20 ดมี าก 13-16 ดี 9-12 พอใช้ 5-8 ปรับปรงุ
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 32 สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์พืน้ ฐาน รหสั วิชา ค 22101 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2562 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 การแปลงทางเรขาคณติ เรอ่ื ง การแปลงทางเรขาคณติ เวลา 1 ชัว่ โมง วันท.ี่ ............ เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครูผสู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวิเคราะหร์ ูปเรขาคณิต สมบัติ ของรปู เรขาคณติ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง รปู เรขาคณิต และทฤษฎบี ททางเรขาคณิต และนาไปใช้ 2. ตัวชีว้ ัดชัน้ ปี เข้าใจและใช้ความรเู้ กี่ยวกบั การแปลงทางเรขาคณติ ในการแก้ปญั หาคณติ ศาสตรแ์ ละปัญหาในชีวิต จรงิ ( ค 2.2 ม.2/3) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกความหมายและสมบัติของการเลอ่ื นขนานบนระนาบ (K) 2. หาภาพทไี่ ด้จากการเลื่อนขนานรปู ต้นแบบ (K) 3. หาเวกเตอร์ของการเลือ่ นขนานเมือ่ กาหนดรปู ต้นแบบและภาพทไ่ี ด้จากการเลือ่ นขนาน (K) 4. บอกพิกดั ของจุดบนภาพท่ไี ดจ้ ากการเลื่อนขนานรปู ตน้ แบบที่กาาหนดให้ (K) 5. บอกไดว้ ่ารปู คใู่ ดเปน็ รูปตน้ แบบและภาพทไี่ ด้จากการเล่ือนขนาน เม่ือกาหนดรูปเรขาคณิตทีม่ ี เท่ากันทุกประการให้ (K) 6. ใช้ความรู้เก่ียวกับการเลือ่ นขนานในการแก้ปัญหา (K) 7. มีความสามารถในเช่ือมโยงความรทู้ างคณติ ศาสตร์ (P) 8. มคี วามสามารถในการสื่อสาร สือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 9. มีความสามารถในการให้เหตุผล (P) 10. มคี วามมุมานะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 11. มคี วามมงุ่ ม่ันในการทางาน (A)
4. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน 1. มีความสามารถในการส่อื สาร 2. มคี วามสามารถในการแก้ปัญหา 3. มคี วามสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคัญ 1. ส่ิงสาคัญของการแปลงคอื จุดทกุ จดุ ของวตั ถทุ ่ีอย่ทู ่เี ดิม (หรอื ขนาดเดมิ ) จะตอ้ งมกี ารส่งไปยงั วตั ถทุ ี่ ตาแหน่งใหม่ (หรอื ขนาดใหม)่ ทุกจุด จดุ ตอ่ จดุ 2. เรยี กรปู เรขาคณิตกอ่ นการแปลงวา่ รูปต้นแบบ เรยี กรปู เรขาคณิตหลงั การแปลงรูปตน้ แบบวา่ ภาพ ทีไ่ ด้จากการแปลง และเรยี กชอื่ การแปลงว่า การแปลงทางเรขาคณติ แตใ่ นบางครัง้ จะเรียกสน้ั ๆ ว่า กราแปลง 6. สาระการเรียนรู้ ปริซึม 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครชู แ้ี จงจุดประสงค์ใหน้ กั เรียนทราบวา่ หลังจากสน้ิ สุดกจิ กรรมในชั่วโมงนแ้ี ล้ว นกั เรยี นสามารถ ตอบคาถามได้ โดยให้นกั เรียนโดยใหน้ กั เรียนสารวจการเลื่อนขนาน จากรูปที่กาหนดให้ 2. ครูสนทนากับนักเรยี นเก่ียวกบั การแปลงว่า ความเก่ียวขอ้ งระหว่างรปู เรขาคณิตกอ่ นการแปลงและ รูปเรขาคณิตหลังการแปลง เราเรียกรปู เรขาคณิตกอ่ นการแปลงว่า รูปต้นแบบ และเรยี กรปู เรขาคณิตหลังการ แปลงวา่ ภาพท่ไี ด้จากการแปลง เชน่ กาหนดรปู ก เปน็ รูปต้นแบบและรปู ข เปน็ ภาพที่ไดจ้ ากการแปลงของรูป ก . .P P' รูป ก รูป ข จากรปู ถา้ P เปน็ จุดจุดหนง่ึ บนรปู ก จดุ ( อา่ นวา่ พีไพรม์ ) เปน็ ภาพทไ่ี ด้จากการแปลงจดุ เรา กล่าวว่าจดุ และจุด เปน็ จดุ ทสี่ มนัยกัน แตล่ ะจดุ บนรูป ก จะมจี ดุ บนรูป ข เพียงจดุ เดียวทสี่ มนยั กบั จดุ และแต่ละจดุ บนรูป ข จะมี จดุ บนรปู ก เพียงจุดเดียวที่สมนยั กันกบั จดุ
ตวั อกั ษรทม่ี ีสัญลกั ษณ์ ' ( อ่านว่า ไพร์ม ) ปรากฏอยู่แทนจุดทไี่ ด้จากการแปลง เช่น จุด เปน็ จุด ทีไ่ ด้จากการแปลงจุด 3.ให้นักเรียนพิจารณารปู ต่อไปนี้ B' C' BC D' A' AD จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1) จงบอกจุดท่ีสมนัยกันท้ังหมด ตอบ จดุ A และจดุ A' เป็นจดุ ทีส่ มนัยกนั จดุ C และจุด C' เปน็ จดุ ท่ีสมนยั กนั จุด B และจุด B' เป็นจดุ ทส่ี มนัยกันจดุ D และจุด D' เป็นจุดท่ีสมนยั กนั 2) จงบอกด้านที่สมนยั กนั ทง้ั หมด ตอบ A̅B กบั A̅̅'B̅' เป็นดา้ นที่สมนัยกนั C̅D กับC̅̅'D̅' เป็นดา้ นที่สมนยั กนั B̅C กับB̅̅'C̅' เป็นด้านท่ีสมนยั กัน D̅A กับD̅̅'A̅' เปน็ ด้านทส่ี มนัยกนั 4. ครเู สนอแนะกบั นักเรียนว่า การแปลงทางเรขาคณิต 3 แบบ ได้แก่ การเลอ่ื นขนาน การสะท้อน และการหมุน การแปลงทางเรขาคณิตท้ังสามน้จี ะได้ภาพท่มี รี ปู ร่างเหมือนกนั และขนาดเดียวกนั กบั รูปตน้ แบบ เสมอ 5. ครยู กตวั การแปลงแบบตา่ งๆ ใหน้ ักเรียนดู ดงั น้ี ตัวอยา่ งท่ี 1 การแปลงที่เกดิ จากการเลือ่ นขนาน
ตวั อยา่ งที่ 2 การแปลงท่เี กิดจากการสะทอ้ น
ตวั อย่างที่ 3 การแปลงทเี่ กดิ จากการหมุน 6. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 3 คน เพอ่ื ศกึ ษาการแปลงเพ่ิมเตมิ ในหนังสอื เรยี นหนา้ 143 – 145 7. ครูให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ทาแบบฝกึ ทักษะที่ 4.1 เพ่มิ เตมิ 8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ ความรูเ้ ก่ยี วกบั การแปลง ดังนี้ 1. สิ่งสาคัญของการแปลงคือ จดุ ทุกจดุ ของวตั ถทุ ี่อยทู่ ีเ่ ดมิ (หรอื ขนาดเดิม) จะตอ้ งมีการ ส่งไปยงั วตั ถุที่ตาแหน่งใหม่ (หรือขนาดใหม่) ทกุ จุด จุดต่อจุด 2. เรยี กรปู เรขาคณิตกอ่ นการแปลงวา่ รปู ตน้ แบบ เรยี กรปู เรขาคณติ หลงั การแปลงรปู ตน้ แบบว่า ภาพท่ไี ดจ้ ากการแปลง และเรยี กชอ่ื การแปลงว่า การแปลงทางเรขาคณิต แตใ่ น บางครัง้ จะเรยี กสน้ั ๆ วา่ กราแปลง 8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรียน 2. แบบฝกึ ทักษะที่ 4.1
9. การวัดและประเมินผล เคร่ืองมอื เกณฑ์ แบบฝึกหดั ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 9.1 การวัดผล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน วธิ ีการ รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัด แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน กลุ่ม สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน รายบุคคล สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 9.2 การประเมินผล ประเด็นการ ระดบั คุณภาพ ประเมิน 43 2 1 1. เกณฑ์การ (ต้องปรับปรงุ ) ประเมนิ การฝกึ (ดมี าก) (ด)ี (กาลงั พฒั นา) ทาแบบฝึกได้อยา่ ง ทกั ษะและ ถูกตอ้ งตา่ กวา่ ร้อย แบบฝึกหดั ทาแบบฝึกได้อยา่ ง ทาแบบฝึกได้อย่าง ทาแบบฝกึ ได้อยา่ ง ละ 60 2. เกณฑก์ าร ประเมินความ ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 90 ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 80 - ถูกตอ้ งร้อยละ 60 - ใชร้ ูป ภาษา และ สามารถในการ สัญลักษณ์ทาง ส่อื สาร ส่อื ข้ึนไป 89 79 คณติ ศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง สื่อสาร คณติ ศาสตร์ ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ สอ่ื ความหมาย สรปุ ผล และ 3. เกณฑ์การ สัญลกั ษณท์ าง สัญลกั ษณ์ทาง สัญลักษณ์ทาง นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมนิ ความ สามารถในให้ คณิตศาสตร์ในการ คณติ ศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ในการ ไมม่ กี ารใหเ้ หตุผลท่ี เหตุผล สมเหตุสมผล ส่อื สาร สอ่ื สาร สอื่ สาร ประกอบการ ตดั สนิ ใจอ้างอิง ส่อื ความหมาย สื่อความหมาย สอ่ื ความหมาย สรปุ ผล และ สรุปผล และ สรุปผล และ นาเสนอได้อย่าง นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ ง นาเสนอได้ถูกต้อง ถกู ต้อง ชัดเจน แตข่ าดรายละเอยี ด บางส่วน ที่สมบูรณ์ มีการใหเ้ หตุผลที่ มีการใหเ้ หตุผลท่ี มีการใหเ้ หตุผลท่ี สมเหตุสมผล สมเหตุสมผลแต่ขาด สมเหตุสมผล อา้ งอิงหลกั วิชาการ หลักฐานอา้ งองิ บางส่วน
ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 4. เกณฑ์การ (ตอ้ งปรับปรงุ ) ประเมนิ ความ (ดีมาก) (ดี) (กาลังพฒั นา) ใช้ความรู้ทาง สามารถในการ คณิตศาสตร์เปน็ เชอ่ื มโยง ใชค้ วามรทู้ าง ใชค้ วามร้ทู าง ใชค้ วามรู้ทาง เคร่ืองมือในการ เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ 5. เกณฑก์ าร คณิตศาสตรเ์ ป็น คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เป็น เนอื้ หาต่าง ๆ หรอื ประเมนิ ความมุ ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ มานะในการทา เครือ่ งมือในการ เคร่ืองมือในการ เครื่องมือในการ นาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ ความเขา้ ใจ ปญั หาและ เรียนรู้คณิตศาสตร์ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เรียนรู้คณติ ศาสตร์ ไม่มีความตัง้ ใจและ แก้ปญั หาทาง พยายามในการทา คณิตศาสตร์ เน้อื หาต่าง ๆ หรอื เน้อื หาตา่ ง ๆ หรือ เน้อื หาตา่ ง ๆ หรอื ความเขา้ ใจปัญหา และแกป้ ัญหาทาง ศาสตร์อื่น ๆ และ ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ คณิตศาสตร์ ไม่มี ความอดทนและ นาไปใช้ในชีวติ จริง นาไปใช้ในชีวิตจริง นาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค จนทาใหแ้ ก้ปญั หา ไดอ้ ย่างสอดคลอ้ ง ได้บางส่วน ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ไมส่ าเรจ็ เหมาะสม มคี วามต้ังใจและ มคี วามตัง้ ใจและ มีความตงั้ ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเขา้ ใจปญั หา ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง คณติ ศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค จนทาให้แก้ปัญหา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา จนทาให้แก้ปญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเร็จ ไม่สาเร็จเล็กน้อย ไม่สาเร็จเปน็ ส่วน ใหญ่ 6. เกณฑ์การ มคี วามมุง่ ม่ันใน มีความมุ่งมัน่ ในการ มีความมงุ่ ม่ันในการ มคี วามมงุ่ ม่ันในการ ประเมนิ ความ การทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานแตไ่ ม่มีความ มุง่ มน่ั ในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ทางาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ งานไมป่ ระสบ เรยี บรอ้ ย ครบถ้วน เรยี บรอ้ ยส่วนใหญ่ เรยี บรอ้ ยส่วนน้อย ผลสาเรจ็ อยา่ งที่ สมบูรณ์ ควร
10. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นน่ีไมผ่ ่าน มดี งั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนทีไ่ มผ่ า่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนเกิดทักษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมคี ุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
11. ความคิดเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 33 สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์พน้ื ฐาน รหสั วิชา ค 22101 ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2562 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 การแปลงทางเรขาคณติ เร่ือง การเลอื่ นขนาน เวลา 1 ชัว่ โมง วนั ท.่ี ............ เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครูผสู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวิเคราะหร์ ูปเรขาคณิต สมบตั ิ ของรปู เรขาคณติ ความสัมพนั ธร์ ะหว่าง รปู เรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนาไปใช้ 2. ตวั ช้วี ัดชน้ั ปี เข้าใจและใช้ความรู้เกี่ยวกบั การแปลงทางเรขาคณติ ในการแกป้ ัญหาคณิตศาสตรแ์ ละปัญหาในชีวิต จรงิ ( ค 2.2 ม.2/3) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความหมายและสมบัติของการเลอ่ื นขนานบนระนาบ (K) 2. หาภาพที่ได้จากการเลอื่ นขนานรปู ต้นแบบ (K) 3. หาเวกเตอรข์ องการเล่อื นขนานเมือ่ กาหนดรปู ต้นแบบและภาพทไี่ ดจ้ ากการเลือ่ นขนาน (K) 4. บอกพกิ ัดของจดุ บนภาพทีไ่ ดจ้ ากการเล่อื นขนานรปู ต้นแบบท่ีกาาหนดให้ (K) 5. บอกไดว้ า่ รปู คู่ใดเป็นรปู ตน้ แบบและภาพทไี่ ด้จากการเลอื่ นขนาน เม่อื กาหนดรูปเรขาคณิตที่มี เท่ากันทุกประการให้ (K) 6. ใช้ความร้เู กย่ี วกบั การเลอื่ นขนานในการแกป้ ัญหา (K) 7. มีความสามารถในเช่อื มโยงความรทู้ างคณติ ศาสตร์ (P) 8. มคี วามสามารถในการส่อื สาร สือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 9. มคี วามสามารถในการให้เหตุผล (P) 10. มคี วามมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ญั หาทางคณติ ศาสตร์ (A) 11. มีความมงุ่ ม่ันในการทางาน (A)
4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. มีความสามารถในการสือ่ สาร 2. มคี วามสามารถในการแก้ปัญหา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคญั 1. การเลอื่ นขนานบนระนาบเป็นการแปลงทางเรขาคณิตทีม่ กี ารเลือ่ นจดุ ทุกจดุ ไปบนระนาบตามแนว เส้นตรงในทศิ ทางเดียวกนั และเป็นระยะทางทเี่ ท่ากันตามทีก่ าหนด 2. สมบัตขิ องการเล่ือนขนาน ดงั น้ี - รูปต้นแบบและภาพทไี่ ดจ้ ากการเล่ือนขนานสามารถทับกนั ได้สนทิ โดยไม่ตอ้ งพลกิ รูป หรือ กลา่ วว่า รปู ตน้ แบบและภาพทไ่ี ดจ้ ากการเลอ่ื นขนานเท่ากันทุกประการ - สว่ นของเสน้ ตรงทเ่ี ชื่อมระหวา่ งจุดท่ีสมนยั กนั แต่ละค่จู ะขนานกนั และยาวเท่ากันทุกเสน้ - สว่ นของเส้นตรงบนรปู ต้นแบบและภาพท่ีได้จากการเลอ่ื นขนานส่วนของเสน้ ตรงนนั้ จะขนานกนั และยาวเทา่ กนั 6. สาระการเรียนรู้ การเลือ่ นขนาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครนู าเข้าสู่บทเรียนโดยการให้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 4 คน เพอ่ื ทากิจกรรมสารวจการเลอ่ื น ขนาน ในหนังสอื เรียนหนา้ 146 – 149 2. ครูสอนเรือ่ งการเลื่อนขนาน โดยแนะนานักเรยี นวา่ ในชีวิตจริงสิ่งทแ่ี สดงการเลือ่ นขนาน เช่น การปดิ ประตูบานเลื่อน การเขน็ รถยนต์ที่จอดอยู่ การดึงลิ้นชกั เพื่อเชื่อมโยงการเล่ือนในชวี ิตจรงิ กับการเลือ่ น ขนานในทางคณติ ศาสตร์ ครูอธิบายความหมายของการเลอื่ นขนาน “การเลอื่ นขนานบนระนาบเปน็ การ แปลงทางเรขาคณติ ทม่ี กี ารเล่ือนจุดทุกจดุ ไปบนระนาบตามแนวเสน้ ตรงในทศิ ทางเดยี วกันและเปน็ ระยะทางท่เี ท่ากันตามทีก่ าหนด” 3. ครูยกตวั อยา่ ง ดงั นี้ ตวั อยา่ งท่ี 1 กาหนดให้ ABC เปน็ รูปต้นแบบ เม่ือเลอื่ นขนาน ABC ไปใน ทศิ ทางและ
ระยะทางตามทกี่ าหนดดงั รูป แลว้ A'B'C' เปน็ ภาพท่ไี ด้จากการเลอ่ื นขนาน AA P P B B C C จากรูป จะเห็นว่า มีการเล่อื นจุด A ไปท่จี ดุ A' เลอ่ื นจดุ B ไปทีจ่ ดุ B' และเลอื่ น จุด C ไปที่จุด C' ในทศิ ทางเดียวกนั และเปน็ ระยะทางเท่ากนั จะได้วา่ AA' , BB' และ CC' ขนานกันและยาวเท่ากนั ถ้า P เปน็ จดุ ใดๆ บน ABC แลว้ จะมี P' บน A' B'C' เปน็ จุดทสี่ มนยั กนั กบั จุด P และ PP' จะขนานและยาวเทา่ กนั กับความยาวของ AA' , BB' และ CC' ด้วย การใช้เวกเตอร์ MN เพือ่ บอกทศิ ทางและระยะทางของการเล่ือนขนาน ดังรปู AA P P B B NC C M เวกเตอร์ MN อาจเขยี นแทนดว้ ย MN ซ่งึ MN จะมีทศิ ทางจากจดุ เรมิ่ ต้น M ไปยงั จดุ สิน้ สุด N และมขี นาดเท่ากบั ความยาวของ MN จากตัวอยา่ งการเลื่อนขนานขา้ งตน้ จะไดว้ ่า 1. AA' , BB' , CC' และ PP' จะขนานกันกบั MN 2. AA' = BB' = CC' = PP' = MN การกาหนดเวกเตอร์ของการเลอื่ นขนานอาจให้จุดเรมิ่ ต้นอย่บู นรปู ตน้ แบบหรืออยนู่ อกรูปตน้ แบบก็ได้ ตัวอยา่ งที่ 2 กาหนดใหร้ ูป ABCD เป็นรูปตน้ แบบ เมื่อเลอ่ื นขนาน ABCD ไปในทศิ ทางและ ระยะทางตามท่กี าหนดดงั รปู แล้ว A'B'C'D' เปน็ ภาพทีไ่ ดจ้ ากการเลอื่ นขนาน
B' C' BC A' D′ AD จากรูปข้างตน้ จงตอบคาถามต่อไปนี้ 1) จดุ A' , B', C'และ D' เกดิ จากการเลื่อนขนานจุดใด ตอบ จุด A' เกิดจากจุด A จุด B' เกดิ จากจดุ B จุด C' เกิดจากจุด C และจดุ D' เกดิ จากจุด D 2) ด้านใดบา้ งท่ยี าวเท่ากันและขนานกนั ตอบ A̅A' = B̅B' = C̅C' = ̅D̅D̅' และ A̅A' // B̅B' // C̅C' // ̅D̅D̅' ตวั อยา่ งท่ี 3 กาหนดใหร้ ูป ABCDE เปน็ รูปต้นแบบ เม่อื เลื่อนขนาน ABCDE ไปในทิศทาง และระยะทางตามทก่ี าหนดดงั รูป แลว้ A'B'C'D'E' เปน็ ภาพท่ีไดจ้ ากการเล่ือนขนาน A E' A' EB B' D' C' DC จากรูปข้างตน้ จงตอบคาถามต่อไปน้ี 1) จุด A' , B', C'และ D' เกิดจากการเลือ่ นขนานจุดใด ตอบ จุด A' เกดิ จากจุด A จุด B' เกิดจากจดุ B จุด C' เกิดจากจุด C จดุ D' เกดิ จากจดุ D และ จดุ E' เกดิ จากจุด E 2) ด้านใดบ้างท่ียาวเท่ากันและขนานกนั ตอบ A̅A' = B̅B' = C̅C' = ̅D̅D̅' = E̅E' และ A̅A' // B̅B' // C̅C' // ̅D̅D̅' // E̅E'
ตวั อยา่ งท่ี 4 จงหาภาพที่ได้จากการเลือ่ นขนานของรูปหา้ เหลยี่ ม GHIJK ดว้ ย G⃑⃑⃑⃑G' IJ K G' H G แนวคิด การหาภาพท่ีได้จากการเล่อื นขนานของรปู ห้าเหลี่ยม GHIJK ให้หาจุด H', I', J'และ K' ซ่ึงเป็น ภาพท่ีไดจ้ ากการเลอื่ นขนานจดุ H , I , J และ K ตามลาดบั ก็เปน็ การเพียงพอท่ีจะได้ รปู ห้าเหล่ยี ม G'H'I'J'K' ซึง่ เป็นภาพท่ไี ด้จากการเล่อื นขนานของรูปหา้ เหล่ียม GHIJK จากแนวคดิ ทาใหไ้ ดด้ ังนี้ 1. ลาก ⃑H⃑⃑⃑H' , II' , J⃑⃑J' และ K⃑⃑⃑K' ใหข้ นานและยาวเทา่ กบั G⃑⃑⃑⃑G' 2. ลาก G̅̅'̅H̅' , H̅'I' , I̅'J' , J̅'K' และ K̅̅'G̅' จะไดร้ ูปห้าเหลีย่ ม G'H'I'J'K' เป็นภาพทีไ่ ด้จากการเลอ่ื นขนานของรปู หา้ เหลี่ยม GHIJK ด้วย G⃑⃑⃑⃑G' ดังน้ี IJ J' I' K H' K' H G' G ตวั อย่างที่ 5 จงหาภาพท่ไี ด้จากการเลอื่ นขนาน XYZ ดว้ ย ⃑X⃑⃑X' Z X X' Y แนวคิด การหาภาพทีไ่ ดจ้ ากการเลอื่ นขนาน XYZ ดว้ ยให้หาจุด Y' และ Z' ซึ่งเปน็ ภาพทไี่ ดจ้ าก การเลื่อนขนานจดุ Y และ Z ตามลาดับกเ็ ปน็ การเพยี งพอท่จี ะได้ X'Y'Z' ซ่ึงเปน็ ภาพทไ่ี ด้จากการ เลอ่ื นขนาน XYZ
จากแนวคิด ทาให้ได้ดงั นี้ X 1) ลาก ⃑Y⃑⃑Y' และ Z⃑⃑⃑⃑Z' ให้ขนานและยาวเท่ากบั X⃑⃑⃑X' 2) ลากX̅̅'Y̅' , ̅Y̅'Z̅' และ Z̅̅'X̅' จะได้ X'Y'Z' เป็นภาพที่ไดจ้ ากการเลือ่ นขนาน XYZ ด้วย X⃑⃑⃑X' ดงั น้ี Z' Z X' Y' Y 4. ใหแ้ ต่ละกล่มุ ให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มศกึ ษาตวั อยา่ งเพม่ิ เติมในหนงั สือเรยี นหน้า 150 – 153 5. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ โดยการถามตอบดังนี้ - เราเรยี กรปู เรขาคณติ กอ่ นการแปลงว่าอะไร และเรยี กรปู เรขาคณติ หลงั การแปลงวา่ อะไร (เราเรยี กรปู เรขาคณติ ก่อนการแปลงวา่ รูปตน้ แบบ และเรียกรูปเรขาคณติ หลังการแปลงวา่ ภาพทไ่ี ด้จากการแปลง) - การแปลงทางเรขาคณิตมีกี่แบบอะไรบา้ ง (การแปลงทางเรขาคณิต 3 แบบ ไดแ้ ก่ การเล่ือน ขนาน การสะทอ้ น และการหมนุ ) - การเลอื่ นขนานหมายถึง “ การเล่ือนขนานบนระนาบเปน็ การแปลงทางเรขาคณติ ท่ีมีการ เล่ือนจุดทุกจุดไปบนระนาบตามแนวเส้นตรงในทิศทางเดียวกันและเป็นระยะทางทีเ่ ท่ากัน ตามท่ีกาหนด” 6. ใหแ้ ต่ละคนทาแบบฝกึ หดั ท่ี 4.1 ขอ้ ที่ 1 - 3 ใหญ่ 8. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี น 2. แบบฝกึ หัด
9. การวัดและประเมินผล เคร่ืองมอื เกณฑ์ แบบฝึกหดั ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 9.1 การวัดผล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน วธิ ีการ รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัด แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน กลุ่ม สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน รายบุคคล สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 9.2 การประเมินผล ประเด็นการ ระดบั คุณภาพ ประเมิน 43 2 1 1. เกณฑ์การ (ต้องปรบั ปรงุ ) ประเมนิ การฝกึ (ดมี าก) (ด)ี (กาลงั พฒั นา) ทาแบบฝึกได้อยา่ ง ทกั ษะและ ถูกตอ้ งต่ากวา่ ร้อย แบบฝึกหดั ทาแบบฝึกได้อยา่ ง ทาแบบฝึกได้อย่าง ทาแบบฝกึ ได้อยา่ ง ละ 60 2. เกณฑก์ าร ประเมินความ ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 90 ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 80 - ถูกตอ้ งร้อยละ 60 - ใชร้ ูป ภาษา และ สามารถในการ สัญลักษณ์ทาง ส่อื สาร ส่อื ข้ึนไป 89 79 คณติ ศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง สื่อสาร คณติ ศาสตร์ ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ สอ่ื ความหมาย สรปุ ผล และ 3. เกณฑ์การ สัญลกั ษณท์ าง สัญลกั ษณ์ทาง สัญลักษณ์ทาง นาเสนอไม่ได้ ประเมนิ ความ สามารถในให้ คณิตศาสตร์ในการ คณติ ศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ในการ ไมม่ กี ารใหเ้ หตุผลท่ี เหตุผล สมเหตุสมผล ส่อื สาร สอ่ื สาร สอื่ สาร ประกอบการ ตดั สนิ ใจอ้างอิง ส่อื ความหมาย สื่อความหมาย สอ่ื ความหมาย สรปุ ผล และ สรุปผล และ สรุปผล และ นาเสนอได้อย่าง นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ ง นาเสนอได้ถูกตอ้ ง ถกู ต้อง ชัดเจน แตข่ าดรายละเอยี ด บางส่วน ที่สมบูรณ์ มีการใหเ้ หตุผลที่ มีการใหเ้ หตุผลท่ี มีการใหเ้ หตุผลท่ี สมเหตุสมผล สมเหตุสมผลแต่ขาด สมเหตุสมผล อา้ งอิงหลกั วิชาการ หลักฐานอา้ งองิ บางส่วน
ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 4. เกณฑ์การ (ตอ้ งปรับปรงุ ) ประเมนิ ความ (ดีมาก) (ดี) (กาลังพฒั นา) ใช้ความรู้ทาง สามารถในการ คณิตศาสตร์เปน็ เชอ่ื มโยง ใชค้ วามรทู้ าง ใชค้ วามร้ทู าง ใชค้ วามรู้ทาง เคร่ืองมือในการ เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ 5. เกณฑก์ าร คณิตศาสตรเ์ ป็น คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เป็น เนอื้ หาต่าง ๆ หรอื ประเมนิ ความมุ ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ มานะในการทา เครือ่ งมือในการ เคร่ืองมือในการ เคร่ืองมือในการ นาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ ความเขา้ ใจ ปญั หาและ เรียนร้คู ณิตศาสตร์ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เรียนรู้คณติ ศาสตร์ ไม่มีความตัง้ ใจและ แก้ปญั หาทาง พยายามในการทา คณิตศาสตร์ เน้อื หาต่าง ๆ หรอื เน้อื หาตา่ ง ๆ หรือ เนื้อหาตา่ ง ๆ หรอื ความเขา้ ใจปัญหา และแกป้ ัญหาทาง ศาสตร์อื่น ๆ และ ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ คณิตศาสตร์ ไม่มี ความอดทนและ นาไปใช้ในชีวติ จริง นาไปใช้ในชีวิตจริง นาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค จนทาใหแ้ ก้ปญั หา ไดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ ง ได้บางส่วน ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ไมส่ าเรจ็ เหมาะสม มคี วามต้ังใจและ มคี วามตัง้ ใจและ มีความตงั้ ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเขา้ ใจปญั หา ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง คณติ ศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค จนทาให้แก้ปัญหา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา จนทาให้แก้ปญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเร็จ ไม่สาเร็จเล็กน้อย ไม่สาเร็จเปน็ ส่วน ใหญ่ 6. เกณฑ์การ มคี วามมุง่ ม่ันใน มีความมุ่งมัน่ ในการ มีความมงุ่ ม่ันในการ มคี วามมงุ่ ม่ันในการ ประเมนิ ความ การทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานแตไ่ ม่มีความ มุง่ มน่ั ในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ทางาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ งานไมป่ ระสบ เรยี บร้อย ครบถ้วน เรยี บรอ้ ยส่วนใหญ่ เรยี บรอ้ ยส่วนน้อย ผลสาเรจ็ อยา่ งที่ สมบูรณ์ ควร
10. บันทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นักเรยี นนีไ่ ม่ผ่าน มดี ังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกดิ ทักษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรียนมีคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 34 สาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์พน้ื ฐาน รหสั วิชา ค 22101 ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2562 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 การแปลงทางเรขาคณติ เร่อื ง การเลือ่ นขนาน (2) เวลา 1 ชัว่ โมง วนั ที.่ ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผสู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวิเคราะหร์ ูปเรขาคณิต สมบตั ิ ของรปู เรขาคณติ ความสัมพนั ธร์ ะหว่าง รูปเรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนาไปใช้ 2. ตวั ช้ีวัดชั้นปี เข้าใจและใช้ความรเู้ กย่ี วกับการแปลงทางเรขาคณติ ในการแกป้ ัญหาคณิตศาสตรแ์ ละปัญหาในชีวิต จริง ( ค 2.2 ม.2/3) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความหมายและสมบัติของการเลอ่ื นขนานบนระนาบ (K) 2. หาภาพทไี่ ดจ้ ากการเล่ือนขนานรปู ต้นแบบ (K) 3. หาเวกเตอร์ของการเล่ือนขนานเมือ่ กาหนดรปู ต้นแบบและภาพทไี่ ดจ้ ากการเลือ่ นขนาน (K) 4. บอกพิกัดของจุดบนภาพท่ีไดจ้ ากการเล่อื นขนานรปู ต้นแบบท่ีกาาหนดให้ (K) 5. บอกไดว้ ่ารูปคู่ใดเปน็ รูปต้นแบบและภาพทไี่ ด้จากการเลอื่ นขนาน เม่อื กาหนดรูปเรขาคณิตที่มี เท่ากันทุกประการให้ (K) 6. ใชค้ วามรเู้ กีย่ วกับการเลือ่ นขนานในการแกป้ ัญหา (K) 7. มีความสามารถในเช่อื มโยงความรทู้ างคณติ ศาสตร์ (P) 8. มีความสามารถในการสือ่ สาร สือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 9. มีความสามารถในการให้เหตุผล (P) 10. มคี วามมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ญั หาทางคณติ ศาสตร์ (A) 11. มคี วามม่งุ มั่นในการทางาน (A)
4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. มคี วามสามารถในการส่ือสาร 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคัญ 1. การเลอื่ นขนานบนระนาบเป็นการแปลงทางเรขาคณิตท่มี กี ารเล่ือนจดุ ทุกจุดไปบนระนาบตามแนว เสน้ ตรงในทศิ ทางเดยี วกันและเป็นระยะทางทีเ่ ท่ากันตามทก่ี าหนด 2. สมบัติของการเลือ่ นขนาน ดังนี้ - รปู ตน้ แบบและภาพทไี่ ด้จากการเลอื่ นขนานสามารถทบั กันไดส้ นทิ โดยไมต่ อ้ งพลกิ รูป หรือ กล่าววา่ รปู ตน้ แบบและภาพท่ีได้จากการเลือ่ นขนานเทา่ กนั ทุกประการ - ส่วนของเส้นตรงที่เชื่อมระหวา่ งจดุ ท่ีสมนัยกนั แต่ละค่จู ะขนานกนั และยาวเทา่ กันทุกเสน้ - ส่วนของเส้นตรงบนรปู ต้นแบบและภาพทไี่ ดจ้ ากการเล่ือนขนานสว่ นของเสน้ ตรงนน้ั จะขนานกันและยาวเทา่ กนั 6. สาระการเรียนรู้ การเล่ือนขนาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ทบทวนสมบัตขิ องการเล่ือนขนาน โดยการถามตอบดงั นี้ - สมบัตขิ องการเลอ่ื นขนานมกี ี่ข้อ อะไรบ้าง ตอบ สมบัตขิ องการเลื่อนขนานดังนี้ - สามารถเลือ่ นรูปต้นแบบทับภาพทไี่ ดจ้ ากการเล่ือนขนานไดส้ นิทโดยไมต่ อ้ งพลิกรปู หรือ กล่าววา่ รูปตน้ แบบและภาพทไ่ี ด้จากการเล่ือนขนานจะเทา่ กันทุกประการ - สว่ นของเส้นตรงบนรปู ตน้ แบบและภาพท่ีได้จากการเล่ือนขนานของส่วนของเส้นตรงนน้ั จะขนานกนั 2. ครสู นทนาเก่ยี วกับเวกเตอร์การเลอื่ นขนานบนแกน ว่าถ้าเวกเตอรข์ องการเลื่อนขนานท่กี าหนดให้ ขนานกบั แกน X และ Y การเล่ือนขนานรูปตน้ แบบก็จะกระทาไดง้ า่ ย แตถ่ า้ เวกเตอรท์ ก่ี าหนดใหน้ ัน้ ไม่ขนาน กับแกน X และ Y ให้หาพกิ ัดจดุ ต่างๆ ดงั ตวั อย่างตอ่ ไปนี้
ตวั อย่างท่ี 1 ใหจ้ ุด A (-7,1) และจุด B (-2,5) เปน็ จุดปลายของ A̅B และ M⃑⃑⃑⃑N เป็น เวกเตอร์ของการเล่ือนขนาน จงหา 1) พกิ ดั ของจดุ A' และ B' ซงึ่ เป็นภาพทไ่ี ด้จากการเลื่อนขนานจุด A และจุด B ดว้ ย M⃑⃑⃑⃑N 2) ภาพท่ไี ดจ้ ากการเล่อื นขนาน A̅B และ ⃑M⃑⃑⃑N Y 8 N6 4 M2 B 2 4 6 8X -6 -4 -2 A 0 -2 -4 แนวคิด เมอ่ื พิจารณาทิศทางและระยะทางของการเลื่อน N ขนานดว้ ย ⃑M⃑⃑⃑N จะได้วา่ ต้องเล่ือนจุด A และจดุ B 4 ซ.ม. แต่ละจุดไปทางขวาตามแนวแกน X 5 หน่วยและ M 5 ซ.ม. เลอื่ นข้ึนไปตามแนวแกน Y 4 หนว่ ย จากแนวคิด ทาไดด้ งั น้ี 1) จากจดุ A (-7,1) เล่อื นจดุ A ไปทางขวาตามแนวแกน X 5 หน่วย และเล่ือนขึ้นไปตามแกน Y 4 หนว่ ย จะได้จดุ A' เป็นภาพท่ไี ด้จากการเลอื่ นจุด A และมพี กิ ัดเป็น (4,3) จากจดุ B (-2,5) เล่ือนจดุ B ไปทางขวาตามแนวแกน X 5 หนว่ ย และเลือ่ นข้นึ ไปตามแกน Y 4 หนว่ ย จะได้จุด B' เปน็ ภาพที่ไดจ้ ากการเลื่อนจุด B และมีพกิ ัดเป็น (8,5) 2) ลาก A̅̅'B̅' จะได้ A̅̅'B̅' เป็นภาพทไี่ ด้จากการเลือ่ นขนาน A̅B ดว้ ย ⃑M⃑⃑⃑N จะได้ภาพดงั นี้
Y 8 B' A' N6 B 4 2 4 6 8X 2 M -6 -4 -2 A 0 -2 -4 ตัวอย่างที่ 2 กาหนด ABCD มีจุด A (2,4) , จุด B (5,6) , จุด C (6,3) และจดุ D (3,1) จง เลื่อน ABCD ดว้ ย ⃑G⃑⃑H ท่กี าหนดให้ และหาพกิ ดั ของจุด A'B'C'D' ซึ่งเปน็ ภาพท่ีไดจ้ ากการ เลื่อนขนาน ABCD G 6 B (5,6) A (2,4) 4 C (6,3) 2 H D (3,1) 6 8 -8 -6 -4 -2 0 24 -2 -4 -6 แนวคิด เมื่อพจิ ารณาทศิ ทางและระยะทางของการเล่ือนขนานดว้ ย G⃑⃑⃑H จะไดว้ า่ ตอ้ งเลอ่ื นจุด A จดุ B จุด C และจุด D แต่ละจุดไปทางซา้ ยตามแนวแกน X5 หนว่ ยและเลื่อนลงไปตามแนวแกน Y7หนว่ ย
G H 1) จากจุด A (2,4) เลือ่ นจุด A ไปทางซา้ ยตามแนวแกน X 5 หนว่ ย และเลื่อนลงไปตามแกน Y 7 หน่วย จะได้จดุ A' เปน็ ภาพท่ีได้จากการเลือ่ นจุด A และมีพกิ ดั เปน็ (-3,-3) 2) จากจดุ B (5,6) เลือ่ นจุด B ไปทางซา้ ยตามแนวแกน X 5 หน่วย และเลอ่ื นลงไปตามแกน Y 7 หน่วย จะได้จุด B' เป็นภาพท่ีได้จากการเลือ่ นจดุ B และมพี กิ ัดเป็น (0,-1) 3) จากจดุ C (6,3) เล่ือนจุด C ไปทางซา้ ยตามแนวแกน X 5 หน่วย และเล่อื นลงไปตามแกน Y 7 หนว่ ย จะได้จุด C' เป็นภาพที่ไดจ้ ากการเล่ือนจดุ C และมีพิกัดเป็น (1,-4) 4) จากจุด D (3,1) เล่ือนจุด D ไปทางซ้ายตามแนวแกน X 5 หนว่ ย และเลื่อนลงไปตามแกน Y 7 หนว่ ย จะได้จุด D' เปน็ ภาพทไ่ี ดจ้ ากการเลอ่ื นจดุ D และมพี ิกดั เปน็ (-2,-6) G 6 B (5,6) A (2,4) 4 C (6,3) 2 H D (3,1) 8 -8 -6 -4 -2 B'(00,-1) 2 4 6 A'(-3,-3) -2 -4 C'(1,-4) D'(-2,-6) -6 3. ให้แต่ละกลมุ่ ทากจิ กรรม “ภาพจากการเลอ่ื นขนาน” 4. ครูและนักเรยี นสรุปสมบัติของการเล่อื นขนาน โดยใหน้ ักเรยี นอ่านพร้อมกนั ดงั น้ี สมบตั ิของการเล่อื นขนานดงั นี้
- สามารถเล่อื นรูปต้นแบบทับภาพทีไ่ ดจ้ ากการเลื่อนขนานไดส้ นทิ โดยไมต่ อ้ งพลกิ รูป หรอื กล่าววา่ รูปตน้ แบบและภาพท่ีไดจ้ ากการเลอ่ื นขนานจะเท่ากนั ทกุ ประการ - สว่ นของเสน้ ตรงบนรปู ตน้ แบบและภาพทไี่ ดจ้ ากการเลื่อนขนานของส่วนของเสน้ ตรงนน้ั จะขนานกัน 5. ใหน้ ักเรยี นแต่ละคนทาแบบฝกึ หัด 4.1 ขอ้ 4 – 6 8. ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี น 2. แบบฝึกหัด 9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วิธกี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหดั รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล รายบคุ คล 9.2 การประเมนิ ผล ประเดน็ การ 4 ระดับคุณภาพ 1 ประเมิน (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรบั ปรุง) ทาแบบฝึกได้อยา่ ง (ด)ี (กาลังพฒั นา) ทาแบบฝกึ ได้อย่าง 1. เกณฑ์การ ถูกต้องรอ้ ยละ 90 ทาแบบฝึกได้อย่าง ทาแบบฝึกได้อย่าง ถูกตอ้ งตา่ กว่าร้อย ประเมนิ การฝึก ขนึ้ ไป ถกู ตอ้ งรอ้ ยละ 80 - ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 60 - ละ 60 ทกั ษะและ 89 79 แบบฝกึ หดั ใช้รปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ 2. เกณฑก์ าร สัญลกั ษณท์ าง ใชร้ ปู ภาษา และ ใชร้ ูป ภาษา และ สัญลกั ษณท์ าง ประเมนิ ความ คณิตศาสตร์ในการ สญั ลักษณท์ าง สญั ลักษณท์ าง คณติ ศาสตรใ์ นการ สามารถในการ สอ่ื สาร คณิตศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตรใ์ นการ สื่อสาร สื่อสาร สอื่ สื่อความหมาย สอื่ สาร สอ่ื สาร ความหมายทาง สรปุ ผล และ สื่อความหมาย สือ่ ความหมาย คณิตศาสตร์ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ
ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 3. เกณฑก์ าร (ตอ้ งปรับปรงุ ) ประเมินความ (ดีมาก) (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ส่อื ความหมาย สามารถในให้ สรุปผล และ เหตุผล นาเสนอได้อยา่ ง นาเสนอไดถ้ กู ตอ้ ง นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ ง นาเสนอไมไ่ ด้ 4. เกณฑก์ าร ไม่มีการให้เหตผุ ลที่ ประเมินความ ถูกตอ้ ง ชัดเจน แตข่ าดรายละเอียด บางส่วน สมเหตุสมผล สามารถในการ ประกอบการ เชอื่ มโยง ท่ีสมบรู ณ์ ตดั สนิ ใจอ้างองิ ใช้ความรู้ทาง 5. เกณฑ์การ มกี ารใหเ้ หตุผลท่ี มีการใหเ้ หตุผลท่ี มีการให้เหตุผลท่ี คณิตศาสตร์เปน็ ประเมินความมุ เคร่ืองมอื ในการ มานะในการทา สมเหตุสมผล สมเหตุสมผลแต่ขาด สมเหตุสมผล เรยี นร้คู ณิตศาสตร์ ความเข้าใจ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรอื ปญั หาและ อ้างองิ หลกั วิชาการ หลักฐานอา้ งองิ บางส่วน ศาสตร์อน่ื ๆ และ แกป้ ัญหาทาง นาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ คณติ ศาสตร์ ใชค้ วามร้ทู าง ใชค้ วามรู้ทาง ใชค้ วามรู้ทาง คณิตศาสตรเ์ ป็น คณิตศาสตรเ์ ปน็ คณิตศาสตร์เป็น ไม่มีความตงั้ ใจและ เคร่ืองมือในการ เคร่ืองมือในการ เครือ่ งมอื ในการ พยายามในการทา เรยี นรู้คณติ ศาสตร์ เรียนรู้คณิตศาสตร์ เรียนรู้คณิตศาสตร์ ความเขา้ ใจปัญหา เน้ือหาต่าง ๆ หรอื เน้อื หาต่าง ๆ หรอื เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรือ และแก้ปญั หาทาง ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ ศาสตร์อืน่ ๆ และ ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ คณิตศาสตร์ ไมม่ ี นาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ นาไปใช้ในชีวติ จริง นาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ ความอดทนและ ได้อย่างสอดคล้อง ได้บางสว่ น ท้อแท้ต่ออปุ สรรค เหมาะสม มีความต้ังใจและ จนทาใหแ้ ก้ปญั หา มีความต้งั ใจและ มีความตง้ั ใจและ พยายามในการทา ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ พยายามในการทา พยายามในการทา ความเขา้ ใจปญั หา ไมส่ าเร็จ ความเข้าใจปัญหา ความเขา้ ใจปญั หา และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง และแก้ปญั หาทาง คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ มีความอดทนและ ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค ท้อแท้ต่ออปุ สรรค ท้อแท้ต่ออุปสรรค จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาใหแ้ ก้ปัญหา จนทาให้แกป้ ัญหา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ไม่สาเรจ็ เป็นส่วน สาเรจ็ ไม่สาเร็จเลก็ นอ้ ย ใหญ่ 6. เกณฑก์ าร มีความมุ่งม่นั ใน มีความมุง่ มั่นในการ มคี วามมงุ่ มนั่ ในการ มคี วามมงุ่ มนั่ ในการ ประเมนิ ความ การทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานแต่ไมม่ คี วาม
ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 มุง่ มนั่ ในการ (ตอ้ งปรับปรงุ ) ทางาน (ดมี าก) (ด)ี (กาลังพฒั นา) รอบคอบ สง่ ผลให้ งานไม่ประสบ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน ผลสาเร็จอย่างท่ี ควร ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ เรียบร้อย ครบถ้วน เรยี บร้อยส่วนใหญ่ เรยี บรอ้ ยส่วนน้อย สมบรู ณ์ 10. บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้ 10.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้......................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้..................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรยี นนีไ่ มผ่ า่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรยี นที่ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรยี นมคี วามร้คู วามเข้าใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนเกดิ ทักษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมคี ณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................
10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ ผทู้ ไี่ ดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................
5. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 35 สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์พ้นื ฐาน รหสั วิชา ค 22101 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2562 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 4 การแปลงทางเรขาคณติ เรื่อง การประยกุ ต์ของการเลื่อนขนาน เวลา 1 ชัว่ โมง วนั ท่.ี ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครผู ู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวิเคราะหร์ ูปเรขาคณิต สมบตั ิ ของรปู เรขาคณติ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง รูปเรขาคณิต และทฤษฎบี ททางเรขาคณิต และนาไปใช้ 2. ตวั ชี้วัดชัน้ ปี เข้าใจและใช้ความรูเ้ กย่ี วกบั การแปลงทางเรขาคณติ ในการแก้ปญั หาคณติ ศาสตรแ์ ละปัญหาในชีวิต จรงิ ( ค 2.2 ม.2/3) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความหมายและสมบัติของการเลอ่ื นขนานบนระนาบ (K) 2. หาภาพทีไ่ ด้จากการเลือ่ นขนานรปู ต้นแบบ (K) 3. หาเวกเตอร์ของการเลอ่ื นขนานเมือ่ กาหนดรปู ต้นแบบและภาพทไ่ี ด้จากการเลือ่ นขนาน (K) 4. บอกพกิ ัดของจดุ บนภาพท่ีไดจ้ ากการเล่อื นขนานรปู ตน้ แบบท่กี าาหนดให้ (K) 5. บอกได้วา่ รปู ค่ใู ดเปน็ รูปต้นแบบและภาพทไี่ ด้จากการเล่อื นขนาน เม่ือกาหนดรูปเรขาคณิตที่มี เทา่ กนั ทกุ ประการให้ (K) 6. ใชค้ วามร้เู กยี่ วกบั การเลอ่ื นขนานในการแกป้ ัญหา (K) 7. มคี วามสามารถในเชอื่ มโยงความรทู้ างคณติ ศาสตร์ (P) 8. มคี วามสามารถในการสื่อสาร สือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 9. มคี วามสามารถในการใหเ้ หตุผล (P) 10. มีความมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 11. มีความมงุ่ มน่ั ในการทางาน (A)
4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคญั 1. การเลอื่ นขนานบนระนาบเปน็ การแปลงทางเรขาคณิตท่มี ีการเลอ่ื นจดุ ทุกจดุ ไปบนระนาบตามแนว เส้นตรงในทศิ ทางเดยี วกันและเป็นระยะทางท่เี ทา่ กันตามที่กาหนด 2. สมบตั ขิ องการเล่ือนขนาน ดังนี้ - รูปต้นแบบและภาพที่ไดจ้ ากการเลื่อนขนานสามารถทับกนั ได้สนทิ โดยไม่ตอ้ งพลกิ รปู หรอื กล่าววา่ รูปต้นแบบและภาพท่ีได้จากการเลอ่ื นขนานเทา่ กนั ทุกประการ - ส่วนของเสน้ ตรงทีเ่ ช่ือมระหว่างจดุ ท่ีสมนัยกนั แตล่ ะคู่จะขนานกันและยาวเทา่ กนั ทกุ เสน้ - สว่ นของเส้นตรงบนรูปตน้ แบบและภาพทไี่ ด้จากการเลื่อนขนานสว่ นของเสน้ ตรงนน้ั จะขนานกนั และยาวเทา่ กัน 6. สาระการเรยี นรู้ การเลือ่ นขนาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ทบทวนสมบัตขิ องการเลือ่ นขนาน โดยการถามตอบดงั นี้ - สมบัติของการเลือ่ นขนานมกี ขี่ อ้ อะไรบ้าง ตอบ สมบัตขิ องการเลอ่ื นขนานดงั นี้ - สามารถเล่ือนรปู ต้นแบบทับภาพที่ไดจ้ ากการเล่ือนขนานได้สนิทโดยไมต่ ้องพลกิ รูป หรือ กลา่ วว่ารูปต้นแบบและภาพท่ีได้จากการเลอ่ื นขนานจะเทา่ กนั ทกุ ประการ - สว่ นของเส้นตรงบนรปู ตน้ แบบและภาพทีไ่ ดจ้ ากการเล่ือนขนานของส่วนของเส้นตรงนนั้ จะขนานกัน 2. ครูแบ่งนักเรียนเปน็ กลุ่ม กลุม่ ละ 4 คน แล้วใหน้ กั เรียนศกึ ษาตัวอยา่ งในหนงั สอื เรียนหนา้ 160 – 161 โดยมคี รูค่อยใหค้ าแนะนาและอธิบายเพ่มิ เติมจนนกั เรยี นเขา้ ใจ 3. ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละกล่มุ ทาแบบฝึกหดั ขอ้ 7 – 8 ใหญ่ ในหนังสือเรยี นหน้า 165
4. ครใู ห้นกั เรยี นแต่ละกลุม่ สง่ ตัวแทนออกมานาเสนอแนวคิดของตนเองโดยมีครูคอยตรวจสอบความ ถูกตอ้ งในแต่ละข้นั ตอน 5. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปสมบตั ขิ องการเลื่อนขนาน ดงั น้ี - รูปตน้ แบบและภาพท่ไี ด้จากการเลื่อนขนานสามารถทบั กันได้สนิทโดยไมต่ ้องพลิกรูป หรือ กลา่ ววา่ รูปตน้ แบบและภาพทไี่ ด้จากการเล่ือนขนานเท่ากนั ทกุ ประการ - ส่วนของเส้นตรงท่ีเชื่อมระหวา่ งจุดที่สมนัยกันแต่ละคจู่ ะขนานกนั และยาวเทา่ กนั ทุกเสน้ - สว่ นของเส้นตรงบนรปู ต้นแบบและภาพท่ไี ด้จากการเลอ่ื นขนานส่วนของเส้นตรงนน้ั จะขนานกนั และยาวเทา่ กนั 6. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบฝกึ หัดที 4.1 ข้อ 9 – 10 ในหนงั สอื เรียนหนา้ 165 8. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียน 2. แบบฝึกหัด 9. การวดั และประเมินผล 9.1 การวัดผล วธิ กี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน กล่มุ
9.2 การประเมินผล ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 1. เกณฑก์ าร (ต้องปรบั ปรงุ ) ประเมินการฝึก (ดมี าก) (ด)ี (กาลังพฒั นา) ทาแบบฝึกได้อยา่ ง ทักษะและ ถูกตอ้ งต่ากว่ารอ้ ย แบบฝึกหดั ทาแบบฝึกได้อย่าง ทาแบบฝึกได้อย่าง ทาแบบฝึกได้อยา่ ง ละ 60 2. เกณฑ์การ ประเมินความ ถูกต้องรอ้ ยละ 90 ถกู ต้องรอ้ ยละ 80 - ถูกตอ้ งร้อยละ 60 - ใช้รปู ภาษา และ สามารถในการ สัญลักษณท์ าง สอื่ สาร สื่อ ข้ึนไป 89 79 คณิตศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง สือ่ สาร คณติ ศาสตร์ ใชร้ ูป ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ส่อื ความหมาย สรุปผล และ 3. เกณฑ์การ สญั ลกั ษณท์ าง สัญลกั ษณท์ าง สัญลักษณท์ าง นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมินความ สามารถในให้ คณติ ศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตร์ในการ ไม่มกี ารให้เหตผุ ลที่ เหตผุ ล สมเหตุสมผล 4. เกณฑก์ าร สือ่ สาร สอ่ื สาร ส่ือสาร ประกอบการ ประเมินความ ตดั สนิ ใจอ้างองิ สามารถในการ สอ่ื ความหมาย สื่อความหมาย ส่ือความหมาย ใชค้ วามรทู้ าง เชือ่ มโยง คณิตศาสตร์เปน็ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ เครื่องมอื ในการ 5. เกณฑก์ าร เรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ ประเมนิ ความมุ นาเสนอได้อย่าง นาเสนอได้ถูกตอ้ ง นาเสนอได้ถกู ตอ้ ง เนือ้ หาต่าง ๆ หรือ ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ ถกู ต้อง ชัดเจน แตข่ าดรายละเอยี ด บางสว่ น นาไปใชใ้ นชวี ติ จริง ที่สมบูรณ์ ไมม่ ีความต้งั ใจและ พยายามในการทา มกี ารให้เหตุผลท่ี มกี ารใหเ้ หตุผลท่ี มีการใหเ้ หตุผลที่ สมเหตุสมผล สมเหตุสมผลแต่ขาด สมเหตุสมผล อ้างองิ หลกั วิชาการ หลักฐานอ้างอิง บางส่วน ใชค้ วามรู้ทาง ใช้ความรู้ทาง ใช้ความรูท้ าง คณติ ศาสตรเ์ ป็น คณติ ศาสตรเ์ ปน็ คณติ ศาสตรเ์ ปน็ เครือ่ งมือในการ เคร่อื งมอื ในการ เครื่องมือในการ เรียนร้คู ณิตศาสตร์ เรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ เรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ เนื้อหาตา่ ง ๆ หรอื เนอื้ หาต่าง ๆ หรอื เนอ้ื หาต่าง ๆ หรอื ศาสตร์อนื่ ๆ และ ศาสตร์อน่ื ๆ และ ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ นาไปใชใ้ นชีวิตจริง นาไปใช้ในชวี ิตจรงิ นาไปใช้ในชีวิตจรงิ ได้อย่างสอดคล้อง ได้บางส่วน เหมาะสม มคี วามต้งั ใจและ มคี วามตงั้ ใจและ มคี วามต้งั ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา
ประเด็นการ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 ประเมนิ (ดีมาก) 32 (ต้องปรบั ปรงุ ) ความเขา้ ใจปัญหา (ด)ี (กาลังพฒั นา) ความเขา้ ใจปญั หา มานะในการทา และแก้ปญั หาทาง ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา และแกป้ ัญหาทาง ความเข้าใจ คณิตศาสตร์ มี และแก้ปญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง คณิตศาสตร์ ไม่มี ปัญหาและ ความอดทนและไม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและ แกป้ ัญหาทาง ท้อแท้ต่ออุปสรรค มีความอดทนและ มคี วามอดทนและ ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค คณติ ศาสตร์ จนทาให้แกป้ ัญหา ท้อแท้ตอ่ อุปสรรค ท้อแทต้ ่ออุปสรรค จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ทางคณิตศาสตร์ได้ จนทาใหแ้ กป้ ญั หา จนทาให้แกป้ ัญหา ทางคณิตศาสตร์ได้ สาเรจ็ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ไม่สาเร็จ ไมส่ าเรจ็ เล็กนอ้ ย ไม่สาเร็จเป็นส่วน ใหญ่ 6. เกณฑ์การ มคี วามมุง่ มนั่ ใน มีความมงุ่ ม่ันในการ มคี วามมุง่ มน่ั ในการ มคี วามมงุ่ มนั่ ในการ ประเมนิ ความ การทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานแตไ่ มม่ คี วาม มงุ่ ม่ันในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ทางาน ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ งานไม่ประสบ เรียบรอ้ ย ครบถ้วน เรยี บร้อยส่วนใหญ่ เรียบร้อยสว่ นนอ้ ย ผลสาเรจ็ อย่างท่ี สมบรู ณ์ ควร 10. บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้..................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนี่ไมผ่ า่ น มดี ังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรยี นท่ไี ม่ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรยี นเกิดทักษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรยี นมคี ณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่อื ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ ผู้ท่ีได้รับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนอื้ หา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................
3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสือ่ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 36 สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์พ้ืนฐาน รหสั วิชา ค 22101 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2562 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การแปลงทางเรขาคณิต เรือ่ ง การสะทอ้ น เวลา 1 ชัว่ โมง วนั ที.่ ............ เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครผู ู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวิเคราะหร์ ปู เรขาคณิต สมบตั ิ ของรปู เรขาคณิต ความสัมพนั ธร์ ะหว่าง รูปเรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนาไปใช้ 2. ตัวชว้ี ัดชน้ั ปี เข้าใจและใช้ความรู้เกี่ยวกบั การแปลงทางเรขาคณิตในการแก้ปญั หาคณิตศาสตร์และปัญหาในชวี ติ จริง ( ค 2.2 ม.2/3) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกความหมายและสมบัติของการสะท้อนบนระนาบ (K) 2. หาภาพทไ่ี ดจ้ ากการสะท้อนรปู ตน้ แบบ (K) 3. หาเสน้ สะท้อนของการสะท้อนเม่อื กาาหนดรูปต้นแบบและภาพที่ไดจ้ ากการสะท้อน (K) 4. บอกพิกัดของจดุ บนภาพทีไ่ ด้จากการสะทอ้ นรปู ต้นแบบทก่ี าาหนดให้ (K) 5. บอกได้ว่ารูปคู่ใดแสดงการสะทอ้ น เมอื่ กาาหนดรูปเรขาคณิตท่ีเทา่ กนั ทุกประการให้ (K) 6. ใชค้ วามรูเ้ ก่ียวกับการสะทอ้ นในการแกป้ ญั หา (K) 7. มคี วามสามารถในเชือ่ มโยงความร้ทู างคณิตศาสตร์ (P) 8. มคี วามสามารถในการส่ือสาร สื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 9. มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา (P) 10. มคี วามมุมานะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ญั หาทางคณติ ศาสตร์ (A) 11. มคี วามมุ่งม่นั ในการทางาน (A)
4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. มีความสามารถในการส่ือสาร 2. มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา 3. มคี วามสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคญั การสะทอ้ นบนระนาบ เป็นการแปลงทางเรขาคณิตที่มกี ารพลิกรูป โดยมีเส้นในแนวตรงเส้นหนง่ึ เปน็ เสน้ สะท้อน 6. สาระการเรียนรู้ การสะท้อน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครนู าเขา้ สู่บทเรยี นโดยให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน แล้วร่วมกันทากิจกรรมสารวจการ สะท้อน ในหนังสือเรียนหนา้ 168 – 171 2. ครชู ี้แจงจุดประสงคใ์ ห้นักเรยี นทราบวา่ หลังจากสิน้ สุดกจิ กรรมในชวั่ โมงน้แี ล้ว นกั เรยี นจะเห็น ความสมั พันธ์ระหว่างรูปต้นแบบ เสน้ สะทอ้ น และภาพทไี่ ดจ้ ากการสะทอ้ นชวี ติ จริง โดยให้นกั เรียนโดยให้ นกั เรยี นปฏิบัติตามข้ันตอนทก่ี าหนดให้ 3. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปกิจกรรม “สารวจการสะทอ้ น” ซง่ึ ไดข้ ้อสรุปวา่ การสะท้อนเปน็ การแปลงทางเรขาคณิตทมี่ เี สน้ ตรง l ทต่ี รึงเสน้ หนง่ึ เปน็ เสน้ สะท้อน แตล่ ะจดุ P บนระนาบจะมีจดุ P' เป็นภาพท่ไี ด้จากการสะท้อนจดุ P โดยที่ 1) ถ้าจุด P ไมอ่ ยบู่ นเส้นตรง l แล้วเส้นตรง l จะแบง่ คร่ึงและตัง้ ฉากกับ PP' 2) ถา้ จุด P อยูบ่ นเส้นตรง l แลว้ จดุ P และจุด P' เปน็ จดุ เดียวกนั 4. ครูและนักเรยี นรว่ มกันทากจิ กรรมสารวจการสะทอ้ น ในหนงั สอื เรียน หนา้ 154 ไดข้ ้อสรปุ เปน็ สมบตั ขิ องการสะทอ้ น ดงั น้ี สมบตั ขิ องการสะท้อน 1. สามารถเลอ่ื นรปู ตน้ แบบทับภาพที่ไดจ้ ากการสะท้อนได้สนิทโดยตอ้ งพลกิ รปู หรือกลา่ ววา่ รูปต้นแบบ และรปู ทไ่ี ด้จากการสะท้อนเทา่ กนั ทกุ ประการ 2. ส่วนของเสน้ ตรงทอ่ี ย่บู นรูปต้นแบบและภาพทีไ่ ด้จากการสะท้อนของส่วนของ เส้นตรงนน้ั ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งขนานกนั ทกุ คู่ 3. ส่วนของเส้นตรงที่เช่อื มจุดแตล่ ะจดุ บนรูปต้นแบบกับจดุ ที่สมนยั บนภาพทไี่ ด้จากการ
สะท้อนจะขนานกัน และไม่จาเป็นต้องยาวเท่ากนั 5. ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ เกี่ยวกบั รูปสมมาตรและแกนสมมาตร ดงั รูปน้ี รูปเรขาคณติ ทสี่ ามารถหารอยพบั และพบั ทัง้ สองข้างของรอยพับให้ ทบั กนั สนิทเรียกวา่ รูป สมมาตรบนเส้น และเรียกรอยพบั นว้ี ่า แกนสมมาตร รูปสมมาตรบนเสน้ บางรูปอาจมีจานวนแกนสมมาตรไม่ เทา่ กัน 6. ครูแนะต่ออีกวา่ “รปู สมมาตรบนเส้นเปน็ รปู ท่ีเกดิ จากการสะทอ้ น โดยมีแกนสมมาตรเปน็ เสน้ สะท้อน” 7. ครใู หน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัดท่ี 4.2 ข้อ 1 ใหญ่ 8. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้ เครื่องมอื เกณฑ์ 1. หนังสือเรียน แบบฝกึ หัด ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 2. แบบฝึกหัด แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 9. การวัดและประเมนิ ผล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางาน กลุ่ม 9.1 การวัดผล วธิ กี าร ตรวจแบบฝึกหัด สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน รายบคุ คล สังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม 9.2 การประเมินผล ประเดน็ การ 4 ระดบั คุณภาพ 1 ประเมนิ (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ทาแบบฝกึ ได้อย่าง (ดี) (กาลังพัฒนา) ทาแบบฝึกได้อยา่ ง 1. เกณฑก์ าร ถกู ตอ้ งรอ้ ยละ 90 ทาแบบฝึกได้อยา่ ง ทาแบบฝกึ ได้อยา่ ง ถกู ต้องตา่ กวา่ รอ้ ย ประเมินการฝึก ข้ึนไป ถูกต้องรอ้ ยละ 80 - ถกู ตอ้ งร้อยละ 60 - ละ 60 ทกั ษะและ 89 79 แบบฝกึ หดั
ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 2. เกณฑ์การ (ตอ้ งปรบั ปรุง) ประเมนิ ความ (ดมี าก) (ด)ี (กาลงั พฒั นา) ใช้รปู ภาษา และ สามารถในการ สัญลักษณ์ทาง สอื่ สาร ส่ือ ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ใชร้ ูป ภาษา และ คณติ ศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง สือ่ สาร คณติ ศาสตร์ สญั ลกั ษณ์ทาง สญั ลักษณ์ทาง สัญลกั ษณ์ทาง สอื่ ความหมาย สรุปผล และ 3. เกณฑ์การ คณิตศาสตร์ในการ คณิตศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ในการ นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมนิ ความ สามารถในการ สื่อสาร ส่ือสาร สอ่ื สาร ทาความเข้าใจ แกป้ ญั หา ปญั หา คดิ วิเคราะห์ ส่อื ความหมาย สอ่ื ความหมาย สือ่ ความหมาย มีรอ่ งรอยของการ 4. เกณฑก์ าร วางแผนแกป้ ญั หา ประเมนิ ความ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ แต่ไมส่ าเร็จ สามารถในการ เชื่อมโยง นาเสนอได้อยา่ ง นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ ง นาเสนอไดถ้ กู ตอ้ ง ใชค้ วามรทู้ าง คณติ ศาสตร์เปน็ ถูกต้อง ชดั เจน แต่ขาดรายละเอียด บางสว่ น เครือ่ งมอื ในการ เรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ ทีส่ มบูรณ์ เนอ้ื หาต่าง ๆ หรอื ศาสตรอ์ ่ืน ๆ และ ทาความเขา้ ใจ ทาความเขา้ ใจ ทาความเขา้ ใจ นาไปใช้ในชีวิตจรงิ ปัญหา คิด ปัญหา คิดวิเคราะห์ ปญั หา คดิ วิเคราะห์ วิเคราะห์ วางแผน วางแผนแก้ปัญหา วางแผนแกป้ ญั หา แกป้ ัญหา และเลือกใช้วิธีการ และเลอื กใชว้ ิธีการ และเลอื กใชว้ ิธกี าร ที่เหมาะสม แต่ ได้บางสว่ น คาตอบ ที่เหมาะสม โดย ความสมเหตสุ มผล ท่ีไดย้ ังไมม่ ีความ คานึงถึงความ ของคาตอบยงั ไม่ดี สมเหตุสมผล และ สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไม่มกี ารตรวจสอบ คาตอบพรอ้ มทง้ั ความถกู ต้องไม่ได้ ความถกู ต้อง ตรวจสอบความ ถกู ตอ้ งได้ ใช้ความรู้ทาง ใช้ความรทู้ าง ใช้ความรู้ทาง คณติ ศาสตรเ์ ป็น คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เป็น เครื่องมือในการ เครือ่ งมอื ในการ เครือ่ งมอื ในการ เรียนรู้คณติ ศาสตร์ เรยี นร้คู ณิตศาสตร์ เรยี นรู้คณิตศาสตร์ เนอื้ หาต่าง ๆ หรือ เน้อื หาตา่ ง ๆ หรอื เน้อื หาต่าง ๆ หรอื ศาสตร์อน่ื ๆ และ ศาสตร์อ่นื ๆ และ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ นาไปใช้ในชีวติ จรงิ นาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ นาไปใช้ในชวี ิตจริง ไดอ้ ย่างสอดคล้อง ได้บางสว่ น เหมาะสม
ประเด็นการ 4 ระดับคุณภาพ 1 ประเมนิ (ดมี าก) 32 (ตอ้ งปรบั ปรุง) มีความตง้ั ใจและ (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ไมม่ คี วามตัง้ ใจและ 5. เกณฑก์ าร พยายามในการทา มคี วามต้งั ใจและ มีความต้งั ใจและ พยายามในการทา ประเมนิ ความมุ ความเขา้ ใจปญั หา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเขา้ ใจปญั หา มานะในการทา และแกป้ ญั หาทาง ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา และแก้ปัญหาทาง ความเขา้ ใจ คณิตศาสตร์ มี และแกป้ ัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ ไมม่ ี ปญั หาและ ความอดทนและไม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและ แกป้ ัญหาทาง ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรค มคี วามอดทนและ มคี วามอดทนและ ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค คณติ ศาสตร์ จนทาใหแ้ ก้ปัญหา ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค จนทาให้แกป้ ญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ จนทาให้แกป้ ญั หา จนทาใหแ้ ก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์ได้ สาเร็จ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ไมส่ าเร็จ ไม่สาเร็จเล็กนอ้ ย ไม่สาเรจ็ เป็นส่วน ใหญ่ 6. เกณฑก์ าร มีความมุ่งมน่ั ใน มีความมุ่งมนั่ ในการ มีความมงุ่ มนั่ ในการ มคี วามมงุ่ มน่ั ในการ ประเมนิ ความ การทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานแตไ่ มม่ คี วาม มุ่งมน่ั ในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ทางาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ งานไมป่ ระสบ เรยี บร้อย ครบถว้ น เรียบรอ้ ยส่วนใหญ่ เรยี บร้อยส่วนนอ้ ย ผลสาเรจ็ อย่างที่ สมบรู ณ์ ควร 10. บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้..................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรียนนี่ไม่ผ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................
แนวทางแก้ไขนักเรยี นทีไ่ ม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมีความร้คู วามเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกิดทักษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรียนมีคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของส่ือ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 37 สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์พ้ืนฐาน รหสั วิชา ค 22101 ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2562 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 การแปลงทางเรขาคณิต เรื่อง การสะทอ้ น (2) เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ที่............. เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครผู ู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวเิ คราะหร์ ปู เรขาคณิต สมบตั ิ ของรปู เรขาคณิต ความสัมพนั ธร์ ะหว่าง รปู เรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนาไปใช้ 2. ตัวชว้ี ัดช้ันปี เข้าใจและใช้ความรู้เก่ยี วกับการแปลงทางเรขาคณิตในการแก้ปญั หาคณิตศาสตร์และปัญหาในชวี ติ จริง ( ค 2.2 ม.2/3) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกความหมายและสมบตั ิของการสะท้อนบนระนาบ (K) 2. หาภาพท่ไี ดจ้ ากการสะท้อนรปู ตน้ แบบ (K) 3. หาเส้นสะทอ้ นของการสะทอ้ นเม่อื กาาหนดรูปต้นแบบและภาพที่ไดจ้ ากการสะท้อน (K) 4. บอกพิกัดของจดุ บนภาพทีไ่ ด้จากการสะทอ้ นรปู ต้นแบบทก่ี าาหนดให้ (K) 5. บอกได้วา่ รูปคู่ใดแสดงการสะทอ้ น เมอื่ กาาหนดรูปเรขาคณิตท่ีเทา่ กนั ทุกประการให้ (K) 6. ใชค้ วามรเู้ ก่ียวกับการสะทอ้ นในการแกป้ ญั หา (K) 7. มีความสามารถในเชือ่ มโยงความร้ทู างคณิตศาสตร์ (P) 8. มีความสามารถในการสอ่ื สาร สื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 9. มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา (P) 10. มคี วามมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ญั หาทางคณติ ศาสตร์ (A) 11. มคี วามมุ่งมัน่ ในการทางาน (A)
4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน 1. มีความสามารถในการส่ือสาร 2. มีความสามารถในการแก้ปญั หา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคัญ สมบตั ขิ องการสะท้อน 1. สามารถเลอ่ื นรูปต้นแบบทบั ภาพท่ีได้จากการสะท้อนไดส้ นทิ โดยตอ้ งพลกิ รปู หรอื กล่าวว่า รปู ตน้ แบบ และรูปที่ได้จากการสะท้อนเท่ากันทุกประการ 2. ส่วนของเสน้ ตรงท่ีอยู่บนรปู ต้นแบบและภาพทไ่ี ดจ้ ากการสะทอ้ นของสว่ นของ เส้นตรงนั้นไมจ่ าเปน็ ตอ้ งขนานกนั ทุกคู่ 3. สว่ นของเส้นตรงทีเ่ ชือ่ มจุดแต่ละจดุ บนรูปต้นแบบกบั จดุ ที่สมนยั บนภาพทไ่ี ดจ้ ากการ สะทอ้ นจะขนานกนั และไม่จาเปน็ ต้องยาวเท่ากนั 6. สาระการเรยี นรู้ การสะทอ้ น 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูทบทวนสมบตั กิ ารสะท้อน ดังนี้ สมบัติของการสะท้อน 1) สามารถเลอื่ นรูปต้นแบบทับภาพทีไ่ ดจ้ ากการสะท้อนได้สนิทโดยตอ้ งพลกิ รูป หรือกลา่ ว วา่ รปู ต้นแบบ และรูปทไี่ ดจ้ ากการสะท้อนเท่ากนั ทุกประการ 2) ส่วนของเสน้ ตรงทีอ่ ยบู่ นรูปต้นแบบและภาพทไี่ ดจ้ ากการสะท้อนของสว่ นของ เส้นตรงน้นั ไม่จาเป็นต้องขนานกนั ทกุ คู่ 3) ส่วนของเสน้ ตรงท่เี ช่ือมจุดแต่ละจุดบนรูปตน้ แบบกบั จดุ ที่สมนัยบนภาพท่ไี ด้จากการ สะทอ้ นจะขนานกนั และไม่จาเป็นต้องยาวเทา่ กัน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425