Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการอบรมหลักสูตรครอบครัวศึกษากับการพัฒนาเด็กปฐมวัย

เอกสารประกอบการอบรมหลักสูตรครอบครัวศึกษากับการพัฒนาเด็กปฐมวัย

Published by dlit_sm037, 2020-08-04 07:46:15

Description: เอกสารประกอบการอบรมหลักสูตรครอบครัวศึกษากับการพัฒนาเด็กปฐมวัย

Search

Read the Text Version

ก คำนำ สานักงานศกึ ษาธิการจังหวดั นครศรีธรรมราช ไดด้ าเนนิ การขบั เคล่อื นนโยบายและยุทธศาสตร์ใน การพัฒนาเด็กปฐมวัย ซึ่งจาเป็นท่ีจะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเน่ือง โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวง หน่วยงานของรัฐ รวมทั้งภาคเอกชนท่มี สี ว่ นรว่ มในการจัดการศึกษา และดาเนินงานในด้าน ของครอบครัวศกึ ษากบั การพัฒนาเด็กปฐมวยั โดยมกี ารพัฒนาเน้อื หาการจัดการเรียนรูอ้ อกเป็น 8 หน่วย การเรียนรู้ ประกอบด้วย ครอบครัวศกึ ษากบั การพฒั นาเด็กปฐมวัย บทบาทของครอบครัวในระยะมีบุตร ในช่วงปฐมวัย หลักการและรูปแบบการอบรมเล้ียงดูและพัฒนาเด็กปฐมวัยตามบริบทและวิถีไทย ปัจจัย ท่ีมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยของครอบครัว การจัดการกับสภาพปัญหาครอบครัวสู่นวัตกรรม สร้างวินัยเชิงบวกในเด็กปฐมวัย การเสริมสร้างสุขภาวะ คุณค่า คุณธรรมในครอบครัว การเผชิญภาวะ วิกฤตและการเสริมพลังครอบครัว และการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชนในการพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยมีเป้าหมายเพ่ือเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ ในแนวคิดเก่ียวกับครอบครัวศึกษาให้มีความรู้ความ เข้าใจ เก่ียวกับภารกิจและบทบาทครอบครัวในการพัฒนาเด็กปฐมวัย หลักการและรูปแบบการอบรม เล้ียงดูและพัฒนาเด็กปฐมวัยตามบริบทแบบวิถีไทย ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยของ ครอบครัว และให้สามารถจัดการกับสภาพปัญหาครอบครัวและนานวัตกรรมการใช้ชีวิตในความคิด พัฒนาเดก็ ปฐมวัยอยา่ งเหมาะสม สานักงานศึกษาธิการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดทาหลักสูตรครอบครัวศึกษากับการพัฒนา เด็กปฐมวัย ระดับพ้ืนท่ี (จังหวัดนครศรีธรรมราช) สาหรับผู้ปกครอง ผู้บริหาร ครู พี่เล้ียงเด็ก และ ผู้เก่ียวข้องในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในจังหวัดนครศรีธรรมราชข้ึน ในรู ปแบบของบทเรียน อีเล็กทรอนิกส์ (E-Training) ขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงดูและพัฒนาเด็กปฐมวัยให้ เปน็ พลเมอื งทีม่ คี ุณภาพของประเทศชาตติ อ่ ไป สานกั งานศกึ ษาธิการจังหวัดนครศรีธรรมราช

ข หน้ำ สำรบัญ 1 2 เรือ่ ง 43 44 บทนา 70 บทที่ 1 ครอบครวั ศึกษากับการพัฒนาเด็กปฐมวัย 72 102 บรรณานุกรม 103 บทที่ 2 บทบาทของครอบครัวในระยะมีบตุ รในช่วงปฐมวัย 140 142 บรรณานกุ รม 165 บทที่ 3 หลักการและรปู แบบการอบรมเลี้ยงดแู ละพัฒนาเด็กปฐมวยั ตามบริบทและวถิ ีไทย 170 222 บรรณานกุ รม 224 บทท่ี 4 ปจั จยั ทีม่ ีอิทธิพลต่อการพฒั นาเดก็ ปฐมวัยของครอบครัว 259 261 บรรณานกุ รม 284 บทท่ี 5 การจัดการกบั สภาพปญั หาครอบครัวสูน่ วตั กรรมสร้างวินยั เชิงบวกในเด็กปฐมวยั 286 บรรณานกุ รม บทท่ี 6 การเสริมสรา้ งสุขภาวะ คุณค่า คุณธรรมในครอบครวั บรรณานกุ รม บทที่ 7 การเผชญิ ภาวะวกิ ฤตและการเสรมิ พลงั ครอบครวั บรรณานุกรม บทที่ 8 การมสี ว่ นร่วมของครอบครวั และชุมชนในการพฒั นาเด็กปฐมวัย บรรณานุกรม คณะผูจ้ ดั ทา

ค สำรบัญตำรำง เรือ่ ง หน้ำ 1 พฤตกิ รรมและความสามารถของร่างกายท่คี วบคมุ ไดต้ ามช่วงอายเุ ด็ก 50 2 พฤติกรรมการแสดงออกทางด้านสติปญั ญาตามชว่ งอายเุ ด็ก 51 3 พฤติกรรมการแสดงออกทางด้านจติ ใจและอารมณ์ตามชว่ งอายุของเดก็ 51 4 พฤตกิ รรมและความสามารถของร่างกายท่ีควบคุมไดต้ ามช่วงอายุ 54 5 พฤตกิ รรมการแสดงออกดา้ นสติปัญญาตามชว่ งอายเุ ด็ก 55 6 พฤตกิ รรมการแสดงออกทางดา้ นจิตใจและอารมณ์ของเด็กอายุ 12 เดอื น 55 7 พฤตกิ รรมและความสามารถของร่างกายทค่ี วบคุมไดต้ ามช่วงอายุเด็ก 59 8 พฤติกรรมการแสดงออกดา้ นสติปญั ญาตามช่วงอายเุ ด็ก 59 9 พฤตกิ รรมการแสดงออกทางจิตใจและอารมณต์ ามช่วงอายุของเดก็ 60 10 พฤตกิ รรมและความสามารถของร่างกายท่ีควบคมุ ได้ตามช่วงอายุเด็ก 61 11 พฤตกิ รรมการแสดงออกด้านสติปญั ญาตามชว่ งอายเุ ดก็ 62 12 พฤตกิ รรมการแสดงออกทางจิตใจและอารมณ์ตามช่วงอายุของเด็ก 62 13 พฤตกิ รรมและความสามารถของร่างกายท่ีควบคมุ ไดต้ ามชว่ งอายเุ ด็ก 66 14 พฤติกรรมการแสดงออกดา้ นสตปิ ญั ญาตามช่วงอายเุ ดก็ 67 14 เปรียบเทียบลกั ษณะการอบรมเล้ียงดูระหว่างครอบครัววฒั นธรรมตะวนั ออกและวัฒนธรรมตะวันตก 110 15 ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาเด็กปฐมวยั ในระยะยาว พ.ศ. 2549-2559 ของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวง สาธารณสุข และกระทรวงพฒั นาสงั คมและความมั่นคงของมนษุ ย์ 118



1 บทนา ครอบครัวศกึ ษา กบั การพัฒนาเดก็ ปฐมวยั (Family study and early childhood development) คาอธิบายหลกั สตู ร ความหมายและความสําคัญของครอบครัว การเรียนรู฾ทักษะ ความคิด บทบาทของครอบครัวใน ระยะมีบุตรในช฽วงปฐมวัย หลักการและรูปแบบการอบรมเล้ียงดูและพัฒนาเด็กปฐมวัยตามแบบบริบท แบบวิถีไทย ปใจจัยที่มีอิทธิพลต฽อการพัฒนาเด็กปฐมวัยของครอบครัว การจัดการกับสภาพปใญหา ครอบครัวและนํานวัตกรรมการใช฾ชีวิตครอบครัวมาใช฾พัฒนาเด็กปฐมวัยในการสร฾างวินัยเชิงบวก การ เสรมิ สรา฾ งสขุ ภาวะ คุณคา฽ คณุ ธรรม ในความคดิ การเผชิญภาวะวกิ ฤตและการเสรมิ พลงั ครอบครัว วตั ถุประสงค์ 1. เพ่อื เสริมสรา฾ งความรู฾ ความเขา฾ ใจ ในแนวคิดเกย่ี วกบั ครอบครวั ศกึ ษา 2. เพื่อให฾มคี วามรู฾ความเข฾าใจ เกี่ยวกบั ภารกิจและบทบาทครอบครัวในการพัฒนาเด็กปฐมวัย 3. เพ่ือให฾มีความร฾ู ความเข฾าใจเกี่ยวกับหลักการและรูปแบบการอบรมเล้ียงดูและพัฒนาเด็ก ปฐมวยั ตามบริบทแบบวิถีไทย 4. เพ่ือใหม฾ คี วามร฾ู ความเข฾าใจกบั ปจใ จยั ทมี่ อี ทิ ธิพลตอ฽ การพัฒนาเด็กปฐมวยั ของครอบครัว 5. เพ่ือให฾สามารถจัดการกับสภาพปใญหาครอบครัวและนํานวัตกรรมการใช฾ชีวิตในความคิด พัฒนาเดก็ ปฐมวัยอยา฽ งเหมาะสม เนื้อหาสาคัญ / หนว่ ยการอบรม 1. ครอบครัวศึกษากบั การพัฒนาเด็กปฐมวยั 2. บทบาทของครอบครัวในระยะมบี ตุ รในช฽วงปฐมวัย 3. หลกั การและรปู แบบการอบรมเลยี้ งดูและพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ตามบรบิ ทและวิถไี ทย 4. ปจใ จยั ที่มอี ิทธพิ ลตอ฽ การพัฒนาเดก็ ปฐมวัยของครอบครวั 5. การจัดการกบั สภาพปใญหาครอบครัวสู฽นวัตกรรมสร฾างวนิ ัยเชิงบวกในเด็กปฐมวัย 6. การเสรมิ สรา฾ งสขุ ภาวะ คณุ ค฽า คณุ ธรรมในครอบครวั 7. การเผชญิ ภาวะวกิ ฤตและการเสรมิ พลังครอบครัว 8. การมสี ฽วนรว฽ มของครอบครัวและชุมชนในการพัฒนาเด็กปฐมวัย

2 หนว่ ยท่ี 1 ครอบครวั ศกึ ษากบั การพัฒนาเดก็ ปฐมวยั 1. ความหมายและความสาคญั ของครอบครวั ศึกษา ครอบครัว (Family) จัดเป็นหน฽วยย฽อยทางสังคมท่ีเล็กที่สุดแต฽มีความสําคัญอย฽างย่ิงยวด เนื่องจากเป็นสถาบันพื้นฐานเปรียบเช฽นรากฐานของสังคม โดยเป็นจุดเร่ิมต฾นของการกําเนิดสมาชิกใน สังคม เป็นส฽วนหน่ึงในสังคมที่อย฽ูร฽วมกัน ซึ่งต฾องมีการเรียนรู฾และปรับตัว เพื่อให฾อยู฽ร฽วมกันได฾เป็น ครอบครวั ใหญใ฽ นสังคมอยา฽ งสนั ติ ประเทศไทยไดใ฾ หค฾ วามสําคัญกบั สถาบนั ครอบครวั มาเปน็ เวลายาวนาน ตั้งแต฽ พ.ศ.2533 โดยเฉพาะรัฐบาลสมัยนั้น ได฾กําหนดให฾วันท่ี 14 เมษายน ของทุกปี เป็น “ วัน ครอบครัวแห฽งชาติ ” ด฾วย และเป็นที่สอดคลอ฾ งกับ ในโลกสากล โดยองคแการสหประชาชาติได฾กําหนดให฾ ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) เป็นปี “ครอบครัวสากล” (International Year of the Family) และ กําหนดให฾วันที่ 15 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น “วันครอบครัวสากล” (International Day of Family) ด฾วย เพือ่ สรา฾ งความตระหนักถงึ ความสําคญั ของสถาบันครอบครวั ซึง่ เปน็ สถาบันมูลฐานของ มนษุ ยชาติ เม่อื กล฽าวถงึ บ฾าน (home) ผ฾ูคนมักจะนึกถึงครอบครัวไปโดยอัตโนมัติ บ฾านเป็นสถานท่ีอยู฽อาศัย และ ศูนยแรวมของสมาชิกทกุ คนในครอบครัวที่จะใชช฾ ีวิตอยูร฽ ว฽ มกนั อย฽างมีความสุขและมีความสัมพันธแท่ีดี ต฽อกัน ในขณะ ท่ีครอบครัว (family) จัดเป็นหน฽วยย฽อยหน่ึงของสังคม ซึ่งประกอบด฾วยสมาชิกตั้งแต฽ 2 คน ขนึ้ ไปอยรู฽ ว฽ มบ฾านหรอื หลังคาเรอื นเดียวกัน และมีการกาํ หนดสถานภาพและบทบาทในการทําหน฾าท่ี ต฽อสมาชิกครอบครัวและสังคมโดยรวม ท้ังในด฾านการอบรมเลี้ยงดู การถ฽ายทอดค฽านิยมความเช่ือแบบ แผนการดําเนินชีวิตและขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมประเพณีต฽างๆ และการสร฾างเสริม ประสบการณแตา฽ ง ๆ ให฾กบั สมาชิกทีอ่ าศยั อยูร฽ ว฽ มกนั ตั้งแตเ฽ กิดจนเจรญิ เติบโตเป็นผ฾ูใหญ฽ โดยให฾ความรัก ความเมตตา การดูแลเอาใจใส฽ ความห฽วงใยและเอ้ืออาทร ตลอดจนสร฾างความเข฾าใจ และหล฽อหลอม สมาชกิ ในครอบครัวใหม฾ คี ณุ ลักษณะอนั พึงประสงคทแ ี่สงั คมต฾องการผา฽ นการอบรมขดั เกลาทางสังคม การศึกษาเร่ืองราวของครอบครัวนับว฽ามีความหมายความสําคัญอย฽างย่ิงต฽อการพัฒนาคุณภาพ คนให฾กลาย เปน็ ประชากรหรอื ทรพั ยากรมนุษยแท่มี คี ุณภาพตอ฽ สงั คมและประเทศชาติ การทําความเข฾าใจ กับครอบครัวศึกษาถือได฾ ว฽า เป็นพื้นฐานองคแความรู฾ด฾านครอบครัวโดยตรง ซึ่งมีการศึกษาค฾นคว฾าตาม หลกั วิชาการและสามารถนาํ ไปสูก฽ ารปฏบิ ัติ ใช฾ เพือ่ การพฒั นาคณุ ภาพครอบครวั ไดอ฾ ย฽างเป็นรปู ธรรม 1.1 แนวคิดเกย่ี วกับครอบครัว ครอบครัวเป็นสถาบันพ้ืนฐานของสังคมที่มีบทบาทสําคัญในการสร฾างเสริมคุณค฽าความเป็ น มนษุ ยแ ตลอดจน ถา฽ ยทอดค฽านิยม เจตคติ อุปนิสัยใจคอและบุคลิกภาพของบุคคล ปใญหาสังคมส฽วนหนึ่ง เกิดจากการขาดประสิทธิภาพ และคุณภาพของการดําเนินชีวิตของบุคคลในครอบครัว หากครอบครัวมี พลังในการสร฾างเสริมคุณภาพของคนอย฽าง เต็มที่แล฾ว อย฽างแน฽นอนที่ชุมชนและสังคมโดยรวมก็ย฽อม เขม฾ แขง็ และมีความผาสกุ มน่ั คง ปจใ จบุ ันการศึกษาหาความร฾ู และเรยี นร฾เู รื่องครอบครัวมีความจําเป็นมาก

3 ขึน้ เรื่อย ๆ เน่อื งจากการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนอย฽ูตลอดเวลา และ ผลกระทบต฽อวิถีชีวิตครอบครัวท่ีต฾อง ปรับตัวปรบั เปลีย่ นได฾เท฽าทันกับการคงรักษาสมดลุ ของการดาํ เนินชีวติ อยา฽ งปกติสุข 1.1.1 ความหมายของครอบครัว คําว฽า “ครอบครัว” (family) มีการให฾นิยามหรือ ความหมายหลากหลายแตกต฽างกันไป ตามค฽านิยม ความเชื่อ บรรทัดฐานทางสังคม แบบแผนชีวิตความ เป็นอยู฽และบริบททางวัฒนธรรมแตกต฽างกัน ในสภาพปใจจุบันก็มีข฾อโต฾แย฾งเร่ืองน้ีอย฽ูมากมาย เพราะ รูปแบบการดําเนินชีวิตของผู฾คนเปล่ียนแปลงอย฽างรวดเร็ว ทําให฾เกิดความหลากหลายของรูปแบบ ครอบครวั มากขึน้ ท้งั นีใ้ นสังคมไทยกม็ กี ารใหค฾ วามหมายของครอบ แตกต฽างกันไปดว฾ ยเช฽นกนั ดังน้ี พจนานกุ รม ฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พุทธศักราช 2525 (2525: 167) ได฾ให฾ความหมายของ ครอบครัวได฾ ครอบครัว หมายถึง ผ฾ูร฽วมครัวเรือน คือ สามี ภรรยาและบุตร เป็นต฾น ท้ังน้ีต฽อมาใน พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2542 (2542: 220) ได฾ให฾ความหมายของครอบครัวไว฾ ว฽า ครอบครัว หมายถึง สถาบันพ้ืนฐานของสังคมท่ี ประกอบด฾วยสามีภรรยา และหมายความรวมถึงลูก ดว฾ ย ท้งั นี้ นักวิชาการหลายสาขาวิชาการต฽างก็ให฾ความหมายของครอบครัวในลักษณะท่ีแตกต฽าง กันออกไป อาทิ สมาคมคหเศรษฐศาสตรแแห฽งประเทศไทย (2524: 86-87) ได฾นิยามคําว฽าครอบครัว จาก แง฽มุมทางวิชาการ ต฽าง ๆ โดยมีความหมายของครอบครัวก็ต฽างกันออกไปตามแนวคิดของศาสตรแนั้นๆ ไดแ฾ ก฽ 1. ในแงช฽ วี วทิ ยา ครอบครวั หมายถงึ กล฽มุ คนทเี่ ก่ยี วพนั กนั ทางสายโลหิต เช฽น สามีภรรยามี บุตร บุตร เกิดจากอสุจิของบิดาผสมกับไข฽สุกของมารดา ฉะน้ันบิดามารดากับบุตรจึงเกี่ยวพันกันทาง สายโลหติ แล฾วแตโ฽ ครโมโซม และยนี ทบี่ ตุ รได฾รบั มาจากท้งั บดิ าและมารดา 2. ในแงก฽ ฎหมายชายหญงิ จดทะเบียนสมรสกนั มีบตุ ร คนเหลา฽ นเี้ ป็นครอบครัวเดียวกันตาม กฎหมาย บิดามารดาและบุตรมีหน฾าที่ท่ีต฾องปฏิบัติต฽อกันตามกฎหมาย บุตรมีสิทธิ์รับมรดกจากบิดา มารดา ถ฾าไม฽มีบุตรผ฾ูสืบสายโลหิตข้ึนไปหรือลงมาโดยตรง หรือที่จดทะเบียนเป็นบุตรธรรม ก็นับว฽าเป็น ครอบครัวเดยี วกนั ตามกฎหมาย 3. ในแงเ฽ ศรษฐกจิ ครอบครวั คอื คนท่ใี ชจ฾ า฽ ยร฽วมกันจากเงินงบเดียวกัน ท่ีทําการสมรสแล฾ว แยกบ฾าน ไปอยู฽ต฽างหาก แต฽มีพันธะทางศีลธรรมที่จะเลี้ยงน฾อง คือ ต฾องส฽งเสียให฾เงินน฾องเล฽าเรียน เช฽นน้ี นบั วา฽ ใช฾จา฽ ยจาก งบเดยี วกัน และเปน็ ครอบครัวเดียวกนั 4. ในแงส฽ ังคม ครอบครัว คอื กลุ฽มคนทรี่ วมอยู฽ในบา฾ นเดยี วกนั อาจเกี่ยวหรือไม฽เกี่ยวพันทาง สายโลหิตหรือทางกฎหมาย แต฽มีปฏิกิริยาสัมพันธแกัน ให฾ความรักและความเอาใจใส฽ต฽อกัน มีความ ปรารถนาดตี ฽อกนั เช฽น ลูกของลกู จา฾ งอยู฽ในบ฾านเดียวกัน เจ฾าของบ฾านเลี้ยงดูให฾ความเอาใจใส฽ ความรัก ก็ นบั ว฽าเดก็ นั้นเปน็ ส฽วนหน่งึ ของครอบครัวน้ัน

4 คณะอนุกรรมการด฾านครอบครัวในคณะกรรมการส฽งเสริมและประสานงานสตรีแห฽งชาติ (2537: 15) ได฾กล฽าว ว฽า ครอบครัว หมายถึง กลุ฽มบุคคลท่ีมีความผูกพันกันทางอารมณแและจิตใจ มีการ ดําเนินชีวิตร฽วมกัน รวมทั้งพึ่งพิง กันทางสังคมและเศรษฐกิจ มีความสัมพันธแกันทางกฎหมายและทาง สายโลหิต และบางครอบครวั อาจมขี อ฾ ยกเว฾นบาง ประการจากที่กลา฽ วมา รจา ภูไพบูลยแ (2537: 1-4) ให฾ความหมายของครอบครัวไว฾ว฽า ครอบครัว หมายถึง การอย฽ู ร฽วมกันของกล฽ุม เบคคลที่เป็นสมาชิก ซ่ึงมีความสัมพันธแกันผูกพันกัน เช฽น ความสัมพันธแทางสายเลือด หรือการรับเป็นบุตรบุญธรรมสมาชิกที่มีความสัมพันธแกันและมีบทบาทและหน฾าที่แตกต฽างกัน เช฽น เป็น บิดา เปน็ มารดา เป็นสามีหรอื ภรรยาหรอื เป็นบตุ ร สนิท สมัครการ (2538: 1) ให฾ความหมายครอบครัวไว฾ว฽า “กลุ฽มของญาติสนิทกล฽ุมหน่ึงซึ่ง อย฽ูร฽วมหลังคาบ฾าน เดียวกัน หรืออยู฽ในบริเวณรั้วบ฾านเดียวกัน (ในกรณีที่มีบ฾านมากกว฽าหน่ึงหลัง) ตามปกติแล฾วครอบครัวย฽อมทําหน฾าท่ี เบ้ืองต฾นท่ีจําเป็นต฽าง ๆ เพ่ือสนองความต฾องการพื้นฐาน (Basic need) ของมนุษยแ อยา฽ งไรกด็ ีหน฾าที่บางประการของ ครอบครัวอาจเปล่ียนแปลงไปตามวิวัฒนาการของ สังคมและวัฒนธรรม ซึ่งอาจส฽งผลกระทบต฽อภาวะความเป็นญาติ ของสมาชิกแต฽ละครอบครัวท้ังแบบ ชวี ภาพและแบบสังคมกาํ หนดก็ได฾” เฉลยี ว บญุ ยงคแ (2538: 45) ได฾สรปุ ความหมายของครอบครัวไวด฾ งั ตอ฽ ไปน้ี 1. ครอบครัว คอื องคแการหรือหนว฽ ยทางสังคมขนาดย฽อม ซึ่งเกิดจากการท่ีชายหญิงคู฽หน่ึงมี ความ สมั พนั ธแกนั ในทางเพศแล฾วให฾กาํ เนดิ บตุ รและสามารถเลี้ยงดบู ุตรท่เี กิดมาให฾อยู฽ในสงั คมน้ันได฾ 2. ครอบครัว คือ กล฽ุมของบุคคลต฽าง ๆ ท่ีรวมกันขึ้นโดยการผูกพันทางด฾านการแต฽งงาน การสืบสายโลหติ หรอื การรบั บตุ รบญุ ธรรม ซึง่ ก฽อให฾เกิดการอย฽ูรว฽ มกันในบา฾ นเรือนเดียวกัน 3. ครอบครัว คือ ความต฽อเน่ืองกับความสัมพันธแในทางเพศที่มีเวลานานพอท่ีจะให฾กําเนิด บตุ รและ สามารถเลย้ี งดูอบรมบตุ รเหลา฽ นัน้ ได฾ 4. ครอบครัว หมายถงึ คนหลาย ๆ คนทม่ี าอยูร฽ วมกันเปน็ เวลานานพอท่ีจะให฾ผ฾ูอื่น (สมาชิก ใหม฽) เกิด มาได฾ตามความหมายน้ีแสดงว฽าไม฽ได฾มุ฽งความสําคัญไปท่ีครอบครัวเท฽าไรนัก แต฽ม฽ุงที่ตัวบุคคล ท่ีมาอยูร฽ ว฽ มกัน มากกว฽าเปน็ ทีร่ วมของบุคคลหลาย ๆ คน โดยไมจ฽ าํ กัดเพศ อายุ สุพัตรา สุภาพ (2540: 26) ได฾กล฽าวว฽า ครอบครัวเป็นสถาบันท่ีสําคัญท่ีสุดของสังคม เป็น หน฽วยย฽อยของสังคม ที่มีความสัมพันธแและร฽วมมือกันอย฽างใกล฾ชิด เป็นสถาบันที่คงทนที่สุดและยังไม฽เคย ปรากฏวา฽ สงั คมมนุษยแเป็นสงั คม ทไี่ ม฽มีสถาบันครอบครวั เพราะมนุษยทแ ุกคนตอ฾ งอยู฽ในสถาบันครอบครัว เนื่องจากเป็นกลุ฽มสังคมกล฽ุมแรกท่ีมนุษยแ ทุกคนพบเจอ ต้ังแต฽แรกเกิดจนกระท่ังเติบโตและมีครอบครัว แยกออกมา ครอบครวั จะให฾ตําแหน฽ง ชอ่ื และสกลุ ซ่งึ เป็นเครอื่ งบอกสถานภาพบทบาทตลอดจนกําหนด สทิ ธหิ นา฾ ทที่ ส่ี มาชิกมีตอ฽ กันและตอ฽ สงั คม ครอบครัวเป็นสถาบัน แหง฽ แรกและแห฽งสําคัญของสังคมในการ กําหนดพฤติกรรมของมนุษยแให฾เป็นไปตามระเบียบแบบแผน ซึ่งมีการกําหนด มาตรฐานความประพฤติ ของครอบครัว

5 จรรจา สุวรรณทัต และจิตตินันทแ เดชะคุปตแ (2555: 6) ให฾นิยามว฽า ครอบครัว หมายถึง กลุ฽มบุคคลท่ีอยู฽รวม กันและผูกพันกันทางสายเลือดหรือมีความเกี่ยวพันกันทางกฎหมาย ซึ่งได฾แก฽ บิดา (สามี) มารดา (ภรรยา) ลูก และญาติพ่ีน฾อง โดยแต฽ละคนมีบทบาทหน฾าท่ีท่ีพึงปฏิบัติต฽อกันด฾วยความ รบั ผดิ ชอบและความรกั ความเอาใจใส฽ซ่ึงกนั และ กนั สรุปได฾ว฽า ครอบครัว คือ กล฽ุมบุคคลท่ีมีความผูกพันกันทางอารมณแและจิตใจในการดําเนิน ชีวติ ร฽วมกันรวม ทงั้ มีการพงึ่ พาอาศยั กนั ทางเศรษฐกจิ และสงั คม โดยมีความสัมพันธแกันทางกฎหมายหรือ ทางสายโลหิต ทั้งนี้ครอบครัว บางครอบครัวอาจจะมีลักษณะที่เป็นข฾อยกเว฾นบางประการก็ได฾ อีกทั้ง ครอบครวั มีความหมายหลากหลายแงม฽ มุ หลาย ลกั ษณะ ไดแ฾ ก฽ ในแงก฽ ลมุ฽ คน (Social group) ครอบครวั หมายถึง กล฽ุมบุคคลต้ังแต฽ 2 คน หรือมากกว฽าที่มี ความสัมพันธแ กัน โดยการผูกพันด฾านการแต฽งงาน การสืบสายโลหิตหรือการรับบุตรบุญธรรม และอย฽ู ร฽วมกันในรูปของสามีภรรยา หรือพ฽อแม฽ลูกหรือเครือญาติ มีการกําหนดสถานภาพ บทบาทและหน฾าที่ ความรับผิดชอบของสมาชิกครอบครัว มีการ พึ่งพาซ่ึงกันและอาศัยกัน บนพ้ืนฐานของความรักความ เข฾าใจในสายสัมพันธแระหวา฽ งสมาชิกครอบครวั ส฽วนในแง฽สถาบัน (Institution) ครอบครัว หมายถึง สถาบันมูลฐานของมนุษยชาติ เป็น หน฽วยย฽อยขนาดเล็ก ท่ีสุดของสังคม เป็นสถาบันพ้ืนฐานท่ีสร฾างสมาชิกใหม฽ให฾กับสังคม และกําหนด สถานภาพ สิทธิและหน฾าที่ของบุคคล อันพึงปฏิบัติต฽อกันในสังคม เป็นสถาบันแห฽งแรกในการถ฽ายทอด ค฽านิยม ความเชื่อ แบบแผนทางวฒั นธรรมของ สงั คมที่นาํ ไปสูก฽ ารพัฒนาคุณภาพประชากร 1.1.2 หน฾าทข่ี องครอบครวั ครอบครัวเปน็ สถาบันท่ีสังคมสร฾างข้ึน เพื่อให฾ทําหน฾าท่ี อันเป็นประโยชนแแก฽สังคมหลายประการ สังคมย฽อมให฾การสนับสนุนครอบครัวอย฽างม่ันคง โดยม฽ุงหวังให฾ ครอบครัวทําหน฾าทีซ่ ่ึงสังคมมอบหมาย อยา฽ งสมบรู ณแ เนอื่ งจากครอบครัวเป็นสถาบันท่ีเก฽าแก฽และจําเป็น ที่สุดของมนุษยแ ครอบครัวจงึ มกี ารทําหนา฾ ทตี่ ฽าง ๆแบบเดียวกนั ในทุกสังคมของมนุษยแ จนเราอาจเรียกได฾ วา฽ เป็นหนา฾ ทส่ี ากล คือ เป็นหนา฾ ทีซ่ ง่ึ ครอบครัวขอ ต฾องกระทําหรอื พึงปฏิบัติ สุพัตรา สุภาพ (2536: 57-59) ได฾กล฽าวถึงหน฾าที่ของครอบครัวตามลักษณะของสังคมและ วฒั นธรรม ดงั นี้ 1. สร฾างสรรคแสมาชิกใหม฽ (Reproduction) เพื่อให฾สังคมสามารถดํารงอยู฽ได฾ เพราะสังคม จะต฾อง สมาชิกใหม฽ทดแทนสมาชิกเดิมท่ีตายจากไป หน฾าท่ีนี้มีความสําคัญมาก ถ฾าไม฽มีการสร฾างสมาชิก ใหม฽เพิม่ ขนึ้ สงั คม นัน้ ๆ ก็จะตอ฾ งสูญหายไป การมสี มาชกิ ใหม฽กต็ อ฾ งไดส฾ มดุลกบั ทรัพยากรภายในประเทศ คือ ไมม฽ ากเกนิ ไปหรือ น฾อยเกินไป ถ฾ามีมากเกินไปจนทรัพยากรภายในประเทศไม฽อาจจะอํานวย สังคมก็ ยากลําบาก และเกิดปใญหาต฽าง ๆ เช฽น ความยากจน อาชญากรรม เป็นต฾น แต฽ถ฾ามีสมาชิกน฾อยเกินไป สงั คมนน้ั ก็อาจจะประสบปใญหาขาดแคลน 2. บําบัดความต฾องการทางเพศ (Sexual gratification) ซึ่งจะออกมาในรูปของการสมรส เป็นการลดกําลังคน ปใญหาทางเพศบางอย฽าง การสมรสจึงเป็นส่ิงจําเป็นในสังคมท่ีมีการจัดระเบียบ

6 เพราะการสมรส คือ วิธีหนึ่งท่ีสังคม เข฾ามาควบคุมความสัมพันธแทางเพศแต฽อย฽างเดียว จะต฾องทําให฾ มนุษยแมคี รอบครวั เสมอไป เพราะมนุษยแมที างระบาย ออกทางอน่ื ๆ ไดโ฾ ดยไม฽ตอ฾ งมคี รอบครัว เพราะการ สมรสให฾มากกว฽าความพอใจในเรื่องความสมั พนั ธแทางเพศ 3. เล้ียงดูผ฾ูเยาวแให฾เติบโตในสังคม (Maintenance of immature children or Raising the young) เราจะ เห็นไดว฾ ฽าไมม฽ สี ถาบันใดทําหนา฾ ที่ดีกวา฽ สถาบันน้ี เพราะความรกั และอบอน฽ุ เด็กจะหา ทอ่ี ่นื ใดเสมอื นครอบครัวน้ัน ยากมาก พอ฽ แมส฽ ฽วนใหญ฽มีความรักลกู ยอ฽ มจะประคับประคองเล้ียงดูลูกของ ตน เป็นอย฽างดี แม฾จะยากดีมีจนก็ตาม ครอบครัวจึงเลี้ยงดูบุตรตั้งแต฽แรกเกิดจนกระท่ังเติบใหญ฽ การ เล้ียงดูจากที่อ่ืนแม฾จะทําได฾ เช฽น สถานสงเคราะหแ โรงพยาบาล ตามบ฾านรับเลี้ยงเด็ก ก็ทําไม฽ได฾ดีเท฽า เพราะอาจจะใหเ฾ ด็กได฾ในสว฽ นของการเลีย้ งดทู างดา฾ นร฽างกาย แตท฽ างด฾านจติ ใจนนั้ ทําได฾ยากมาก เพราะมี เดก็ เป็นจาํ นวนมาก การจะใหค฾ วามอบอุ฽นแก฽เด็กทุกคนเสมือนพ฽อแม฽ ให฾แก฽ลูกน้ันทําไม฽ค฽อยได฾ ด฾วยเหตุ นี้ เด็กในสถานสงเคราะหแส฽วนใหญ฽จึงพัฒนาได฾ช฾า เช฽นเดินช฾า พูดช฾า อารมณแไม฽ม่ันคง และบางคร้ังก็ทํา รา฾ ยตัวเอง เพอ่ื เรยี กรอ฾ งความสนใจ 4. ให฾การขัดเกลาทางสังคม (Socialization) ครอบครัวเป็นแหล฽งการอบรมเบ้ืองต฾นที่มี อิทธิพลต฽อเด็ก มากท่ีสุด เป็นสถาบันท่ีเตรียมตัวเด็กให฾ออกไปเผชิญกับสิ่งแวดล฾อมท่ีพ฾นไปจากบ฾าน ครอบครัวช฽วยอบรมเด็กให฾รู฾จัก กฎเกณฑแ ค฽านิยม แบบของความประพฤติ ฯลฯ สอนให฾เด็กปรับตัวเข฾า กับสิง่ แวดล฾อมในสงั คม วิธกี ารอบรมกอ็ าจ ทาํ ไดท฾ งั้ โดยตรงและโดยอ฾อม โดยตรงก็โดยการสั่งสอนหรือดุ ด฽า หรือว฽ากล฽าว โดยอ฾อมก็โดยการทําตัวเป็นแบบอย฽าง ท่ีดี การอบรมนี้ก็มีอย฽ูตลอดเวลา จึงนับได฾ว฽า เปน็ สถาบันที่ใหก฾ ารอบรมแกเ฽ ดก็ ตงั้ แต฽เกดิ จนตาย 5. กําหนดสถานภาพ (Social placement) เราได฾ช่ือสกุลจากครอบครัว ซึ่งส฽วนมากก็ เปล่ียนได฾ในเวลา ต฽อมา โดยเฉพาะถ฾าเป็นหญิง เม่ือแต฽งงานแล฾วก็เปล่ียนตามช่ือสกุลสามี สถานภาพ ตําแหน฽งที่ครอบครัวให฾นี้ทําให฾เรา ร฾ูว฽าเราเป็นใคร อย฽ูกับคนกลุ฽มไหน เช฽น ช่ือสกุลเป็นไทย ก็จัดว฽าเป็น คนไทย นอกจากนี้ สถานภาพก็เป็นสิ่งท่ีติดตัว มาแต฽เกิด เช฽น เป็นลูกคนจนลูกคนรวย เป็นเชื้อพระวงศแ เป็นลูกรัฐมนตรี เป็นลูกพ฽อค฾า ฯลฯ และสถานภาพดังกล฽าว อาจจะเปล่ียนสถานภาพเป็นพ฽อค฾า เป็น ขา฾ ราชการ ทหาร ตํารวจ เป็นตน฾ 6. ให฾ความรกั และความอบอ฽นุ (Affection) ครอบครัวเป็นแหล฽งท่สี มาชิกได฾รับความรักและ อบอ฽ุน อย฽างบริสุทธ์ิใจ เป็นแหล฽งที่ให฾ประกันว฽า จะมีคนท่ีเรารักและคนท่ีรักเราเสมอ เช฽น ความรักของ สามีภริยา หรือความ รักของพ฽อแม฽ที่มีต฽อลูก นอกจากน้ันถ฾าสมาชิกคนใดประสบความผิดหวังไม฽ว฽าใน ด฾านการงาน หรือด฾านอ่ืนๆ ครอบครัว จะเป็นแหล฽งให฾กําลังใจและปลุกปลอบใจ เพ่ือให฾สามารถผ฽าน อุปสรรคไปได฾ สรุปแล฾วครอบครัวจึงเป็นแหล฽งท่ีให฾ ต฽าง ๆ ให฾ลุล฽วงไปได฾ ความรัก ความคุ฾มครอง และ ความมั่นคงทางด฾านจิตใจแกส฽ มาชกิ ทาํ ให฾สมาชกิ มีพลังใจในการฝุาฟนใ อปุ สรรคตา฽ ง ๆ ใหล฾ ุล฽วงไปได฾ พรรณทิพยแ ศิริวรรณบุศยแ (2545: 34-35) ได฾กล฽าวถึงหน฾าท่ีของครอบครัวในหนังสือ จติ วิทยาครอบครัวได฾ดงั นี้

7 1. หน฾าที่ทางเศรษฐกิจในสมัยโบราณคนในครอบครัวเดียวกันต฾องช฽วยกันทํามาหากิน ลูก ต฾องรับภารกิจ ของพ฽อ แต฽ยังไม฽ได฾เป็นเจ฾าของจนกว฽าพ฽อจะตาย ครอบครัวเป็นผ฾ูผลิตและผ฾ูบริโภค ใน ปใจจุบนั การผลติ ต฽าง ๆ ถูกตัวแทนนอกครอบครัวรับไปทําแทนทั้งส้ิน อาหารท่ีเคยทําในบ฾านก็มีตัวแทน ทาํ นอกบ฾าน ในสังคมปใจจุบัน สิ่งต฽าง ๆ อาจหาซื้อได฾ไม฽ว฽าอาหาร หรือเส้ือผ฾า นอกจากน้ันยังมีเคร่ืองมือ เคร่ืองใชท฾ ุน฽ แรง 2 หน฾าท่ีทางการศึกษาในสมัยก฽อนแม฽สอนเร่ืองการบ฾านการเรือนให฾ลูก สอนให฾อ฽าน เขียน หรือทําเลข ง฽ายๆ แต฽ทุกวันที่เด็กใช฾เวลาในโรงเรียน หรือในการเรียนมากกว฽าอย฽ูบ฾าน กินข฾าวกลางวันที่ โรงเรยี นถงึ บ฾านในเวลา เย็น โรงเรียนเลิกก็มีกิจกรรมนอกหลักสูตร แต฽กระนั้นครอบครัวก็ยังเป็นตัวแทน วัฒนธรรมท่ีจะถ฽ายทอด ขนบธรรมเนียมและประเพณี ความเช่ือ ค฽านิยม งานอดิเรกและกิจกรรมที่จะ เรียนได฾ในบ฾านเด็ก ซ่ึงจะเรียนจากท่ีอื่น ไม฽ได฾ เด็กที่ได฾รับการเล้ียงดูจากครอบครัวท่ีทําอะไร ๆ ร฽วมกัน จะต฽างจากเด็กท่ีมาจากบ฾านที่ต฽างคนต฽างอยู฽ต฽าง คนต฽างทํา การปฏิบัติและดําเนินชีวิตในครอบครัวเป็น ตัวแทนในการเรียนที่เข฾มแข็งกว฽าจะเรียนจากหนังสือท่ีโรงเรียน ถ฾าครอบครัวไม฽ยอมทําอะไรเลยก็จะ สญู เสียหน฾าท่ที างการศึกษาและเดก็ ท่ดี จี ะขาดความสนบั สนุนทคี่ วรได฾จาก ครอบครวั 3. หน฾าท่ีทางการปกปูองสวัสดิภาพ หน฾าท่ีสําคัญอีกประการที่ไม฽ควรละเลยของครอบครัว คือ ครอบครัวต฾องปกปูองสวัสดิภาพของสมาชิกทุกช฽วงวัย อาจอาศัยตํารวจหรือหน฽วยงานอื่น ๆ ที่ เกยี่ วข฾อง เชน฽ สาธารณสขุ ประกนั ชีวติ เปน็ ตน฾ 4. หน฾าท่ีในการสันทนาการ มีสันทนาการซึ่งเป็นส฽วนสําคัญของชีวิตครอบครัวในปใจจุบัน เช฽น เล฽นกีฬา ชมภาพยนตรแ เป็นต฾น การใช฾เวลาสันทนาการร฽วมกันนั้นจะทําให฾ความสัมพันธแใน ครอบครวั ดขี ึ้น 5. หน฾าที่ทางศาสนา การศาสนาในบ฾านเรามีน฾อยลงไปเรื่อย ๆ เพราะความไม฽สะดวก คน หน฽ุมสาว ไม฽สนใจการเข฾าวัด ในชนบทเวลามีงานวัดก็เข฾าไปเพ่ือสนุกมากกว฽าท่ีจะสนใจกับหลักศาสนา ความเชื่อพ้ืนฐานต฽าง ๆ เด็กก็มักจะได฾จากครอบครัว ครอบครัวควรช฽วยให฾เขามีปรัชญาชีวิต ศีลธรรมท่ี เขามี เขาไดม฾ าจากครอบครัวของ เขาเอง จากผลการศึกษาพบวา฽ หนม฽ุ สาวเรยี กตนเองว฽าพุทธศาสนิกชน เพราะเกิดมาในครอบครัวที่นับถือศาสนาพุทธ แต฽แท฾จริงแล฾วครอบครัวสามารถให฾คุณค฽าทางศาสนาแก฽ เดก็ ได฾โดยผ฽านการปฏบิ ัตติ นเป็นแบบอยา฽ งที่ดี 6. หน฾าที่ให฾ความรัก ในวัยทารกเด็กจะได฾รับการอ฾ุมชูกอดรัดในระหว฽างให฾นมมารดาจะทํา ให฾เขาเกิด ความไว฾วางใจ เขาได฾รับการเปล่ียนผ฾าท่ีเปียกแฉะ และมีคนในครอบครัวมาเล฽นด฾วย เมื่ออายุ ได฾ 3 เดอื น เขากเ็ ริม่ จะ เห็นความแตกต฽างระหว฽างบุคคลแต฽ละคนร฾ูว฽าใครเป็นใครในครอบครัว การอ฾ุมชู แสดงความรักเด็กจะเกิดความรูส฾ ึก อบอุ฽นมั่นคงปลอดภัย ซ่ึงจะช฽วยให฾เขาปรับตัวให฾เข฾ากับโลกภายนอก ได฾

8 7. หน฾าทที่ างชวี วทิ ยา ครอบครัวต฽างมีหน฾าที่ให฾เกิดบุตรเมื่อมนุษยแสามารถสืบพันธุแอย฽ูต฽อไป ได฾ เดก็ ที่ เกดิ ไมถ฽ ูกกฎหมายในครอบครัวทีไ่ มต฽ ฾องการมักจะเปน็ ปญใ หาและภาระของสงั คม ซง่ึ มอี ยม฽ู ากใน สังคมไทย ดงั นน้ั ทุก ชีวติ ทเี่ กดิ ตอ฾ งมสี ทิ ธทิ ่จี ะไดร฾ ับความรกั และความเอาใจใส฽ 1.1.3 ความสาํ คญั ของครอบครวั ครอบครวั เป็นสถาบันแหง฽ แรกทสี่ าํ คญั ทส่ี ุดของสังคมใน การกําหนด พฤติกรรมของมนุษยแให฾เป็นไปตามระเบียบแบบแผนที่สังคมปรารถนาหรือพึงประสงคแ ครอบครัวจงึ มีความสาํ คัญต฽อ บคุ คล ชุมชน สังคมและประเทศชาติ ดงั นี้ 1) ความสําคญั ตอ฽ การวางรากฐานคุณภาพบุคคล ครอบครวั มคี วามสําคัญต฽อบุคคล ในฐานะทีใ่ ห฾ กําเนิดชีวิตและเป็นกล฽ุมทางสังคมกลุ฽มแรกที่บุคคลแต฽ละคนเป็นสมาชิก เป็นที่ท่ีสมาชิกแต฽ ละคนมีความสัมพันธแ ระหว฽างกันอย฽างใกล฾ชิดและยังยืน ครอบครัวยังทําหน฾าท่ีให฾การอ฾ุมชูฟูมฟใกหล฽อ เลี้ยงหล฽อหลอมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคล นับต้ังแต฽เกิดจนกระทั่งตาย อีกทั้งทําหน฾าท่ีถ฽ายทอด คุณค฽าชีวิตและแบบแผนวัฒนธรรมครอบครัว กับสมาชิกจากร฽ุนเก฽าสู฽รุ฽นใหม฽ ครอบครัวจึงเป็นสถาบันท่ี ตอบสนองความตอ฾ งการของมนุษยซแ ง่ึ สถาบันอื่น ๆ ทางสังคม มิอาจทําหน฾าท่ีเหล฽าน้ีได฾ โดยเฉพาะอย฽าง ยิ่งความต฾องการปใจจัยพื้นฐานในการดํารงชีวิต ความต฾องการทาง ความต฾องการทางด฾านอารมณแ และ ความต฾องการการยอมรบั และผูกพนั ซง่ึ กันและกัน 2) ความสําคัญต฽อการเก้ือหนุนครอบครัวด฾วยกันและชุมชน ครอบครัวแต฽ละ ครอบครัวถือเป็นส฽วน หนึ่งของชุมชน ซึ่งเป็นสภาพแวดล฾อมที่อย฽ูใกล฾ชิดกับครอบครัวมากท่ีสุด ครอบครัวท่ีอยู฽รวมกันในชุมชนหน่ึง ๆ น้ัน ย฽อมมีความสัมพันธแเกื้อหนุนจุนเจือซ่ึงกันและกัน มีการ ติดต฽อส่ือสารระหว฽างกัน ให฾ความช฽วยเหลือเก้ือกูลกัน ความ สัมพันธแระหว฽างครอบครัวด฾วยกันและ ครอบครัวกับผู฾คนแวดล฾อมในชุมชนในลักษณะน้ีนับเป็นเครือข฽ายครอบครัวใน ชุมชนที่มีความสําคัญ อย฽างยิ่งต฽อการดําเนินชีวติ และการดาํ รงอยู฽ของชมุ ชนนน้ั ๆ 3) ความสําคัญตอ฽ การอยร฽ู อดของสังคม ครอบครัวมีความสําคัญต฽อสังคม ในฐานะ ตัวกลางท่ีเช่ือม บุคคลเข฾ากับสังคม โดยครอบครัวทําหน฾าที่สังคมประกิต กล฽าวคือ ครอบครัวสนับสนุน ส฽งเสริมกระบวนการเรียนร฾ูให฾ บุคคลประพฤติปฏิบัติตามครรลองของสังคมผ฽านการอบรมขัดเกลาทาง สงั คม (ฆocialization) เพ่อื ตอบสนองความ ต฾องการของสังคมในการอย฽ูร฽วมกันอย฽างสงบสุข โดยสังคม กําหนดแบบแผนหรือคุณลักษณะท่ีพึงประสงคแของบุคคล เพื่อการแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมตาม มาตรฐานและเปน็ ท่ยี อมรบั ของสังคมสว฽ นรวม 4) ความสําคัญต฽อความม่ันคงของประเทศชาติ เนื่องจากประเทศประกอบไปด฾วย สถาบันทางสังคม ต฽าง ๆ ได฾แก฽ สถาบันการเมืองการปกครอง สถาบันศาสนา สถาบันทางเศรษฐกิจ สถาบันการศึกษา รวมท้ังสถาบัน ครอบครัว หากสถาบันใดสถาบันหน่ึงไม฽สามารถทําหน฾าที่ได฾ ก็ย฽อมมี ผลกระทบต฽อความอยู฽รอดของประเทศใน ท่ีสุดได฾ โดยเฉพาะอย฽างย่ิงสถาบันครอบครัว ความเป็น ปึกแผ฽นเข฾มแข็งมั่นคงของสถาบันครอบครัว จึงสะท฾อนถึง ความเป็นปึกแผ฽นเข฾มแข็งมั่นคงของ ประเทศชาติดว฾ ย

9 สรุปได฾ว฽า ครอบครัวมีความสําคัญ ทั้งต฽อบุคคล ชุมชน สังคมและประเทศชาติ โดยเฉพาะ ความสําคัญของ ครอบครัวท่ีมีต฽อบุคคล ได฾แก฽ ความสําคัญในด฾านชีวภาพ ด฾านสังคม-วัฒนธรรม ด฾าน เศรษฐกิจ และด฾านการเมือง การปกครอง ส฽วนความสําคัญของครอบครัวที่มีต฽อชุมชนสังคมและ ประเทศชาติ ไดแ฾ ก฽ การสบื สานการดาํ รงอย฽ูของ ชมุ ชน การสง฽ ผ฽านสมาชิกของสังคมตามท่ีสังคมคาดหวัง และการเสรมิ สร฾างความมั่นคงเป็นปึกแผ฽นของประเทศชาติ 1.2 ความหมายของครอบครวั ศึกษา ครอบครวั เป็นสถาบันพื้นฐานของสงั คมทม่ี บี ทบาทสําคัญในการสรา฾ งเสริมคุณค฽าความเป็นมนุษยแ ตลอดจน ถ฽ายทอดคา฽ นิยม เจตคติ อปุ นิสยั ใจคอและบคุ ลกิ ภาพของบุคคล ปใญหาสังคมส฽วนหน่ึงเกิดจาก การขาดประสิทธิภาพ และคุณภาพของการดําเนินชีวิตของบุคคลในครอบครัว หากครอบครัวมีพลังใน การสร฾างเสรมิ คณุ ภาพของคนอย฽าง เตม็ ทแี่ ลว฾ อยา฽ งแน฽นอนทช่ี มุ ชนและสงั คมโดยรวมกย็ ฽อมเข฾มแขง็ และ มีความผาสุกม่ันคง ปใจจุบันความรู฾เก่ียวกับ ครอบครัวศึกษาหรือการศึกษาหาความรู฾และเรียนรู฾เร่ือง ครอบครัวมีความจําเป็นมากข้ึนเรื่อย ๆ เน่ืองจาก การเปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นอยู฽ตลอดเวลา และ ผลกระทบต฽อวิถีชีวิตครอบครัวที่ต฾องปรับตัวปรับเปลี่ยนได฾เท฽าทันกับ การคงรักษาสมดุลของการดําเนิน ชีวิตครอบครวั อยา฽ งปกตสิ ขุ ครอบครัวศึกษา (Family studies) หรือการศึกษาค฾นคว฾าด฾านครอบครัว เป็นศาสตรแที่มุ฽งทํา ความเข฾าใจกับ เรื่องราวชีวิตครอบครัวมนุษยแและมิติต฽าง ๆ ท่ีเช่ือมโยงเกี่ยวข฾องกับครอบครัว ด฾วย กระบวนการศึกษาค฾นคว฾าทาง วิทยาศาสตรแที่เป็นระบบมีระเบียบแบบแผน เพื่ออธิบายปรากฏการณแที่ เกิดข้ึนกับครอบครัว ท้ังในฐานะท่ีเป็นกล฽ุม บุคคล (Social group) หรือหน฽วยย฽อยของสังคม “หน฽วย ครอบครัว” (Family unit) และในฐานะของสถาบนทาง สังคม (Social institution) หรือสถาบัน พ้ืนฐานทางสังคมทเ่ี ล็กท่สี ดุ “สถาบนั ครอบครวั ” (Family institution) จรรจา สุวรรณทัต และจิตตินันทแ เดชะคุปตแ (2554: 6) ระบุว฽า ครอบครัวศึกษา หมายถึง การ ค฾นคว฾าวิจัยด฾านครอบครัวของบุคคลในบริบททางสังคม-วัฒนธรรมไทยท่ีมีความสัมพันธแกับมิติต฽าง ๆ และปใจจัยแวดล฾อม อบตัวครอบครัวท่ีเกี่ยวข฾องกับชีวิตความเป็นอยู฽และการดําเนินชีวิตตามวัฏจักรชีวิต ครอบครวั (Family life Cycle) ฉลาดชาย รมิตานนทแ (2542: 7) เสนอข฾อคิดและแนวทางการศึกษาครอบครัวไทยว฽า การศึกษา เรื่องครอบครัว นอกเหนือจากความหลากหลายในรูปแบบของครอบครัว ยังเช่ือมโยงกับกระบวนการ สร฾างอัตลักษณใแ นการทําหน฾าท่ี ของครอบครัว รวมถึงพลังอํานาจเชิงอุดมการณแของครอบครัวในเชิงคุณ ค฽าท่คี รอบครวั หล฽อหลอมความดีงามของชวี ติ นักวิชาการต฽างเห็นพ฾องกันว฽า การศึกษาค฾นคว฾าด฾านครอบครัวมีความละเอียดลึกซึ่งซับซ฾อนใน แง฽มุมต฽าง ๆ ท่ีหลากหลาย ท้ังในแนวความคิดทางวิชาการและมุมมองที่เก่ียวพันกับบริบททางสังคม- วัฒนธรรมท่ีแตกต฽างกันอาจ กล฽าวได฾ว฽า ครอบครัวศึกษาเป็นวิทยาการแขนงหน่ึงท่ีมีความเป็นพหุ

10 วชิ าการ (Multi-disciplinary Subject) ในการ ศึกษาค฾นคว฾าเรื่องราวชีวิตครอบครัวของมนุษยแในระบบ นิเวศ โดยบรู ณาการการใชอ฾ งคคแ วามรู฾จากศาสตรแหลากหลาย สาขาวิชา การศึกษาด฾านครอบครัวนี้ใช฾กระบวนการทางวิทยาศาสตรแและสังคมศาสตรแ เพื่อศึกษา ค฾นควา฾ วิจัยข฾อมูล ความรู฾เรื่องครอบครัว ผ฽านการทําความเข฾าใจกับประเด็นครอบครัวท่ีศึกษา เครื่องมือ และวิธีการศึกษาครอบครัว ตลอดจน แหล฽งข฾อมูลและระบบสารสนเทศทางครอบครัวศึกษา โดยที่ การศึกษาเรือ่ งครอบครวั มคี วามละเอยี ดอ฽อนลกึ ซึง้ และ กวา฾ งขวาง ครอบคลุมท้ังพฤติกรรมของบุคคลใน ครอบครวั และปฏิสัมพนั ธรแ ะหว฽างระบบครอบครวั กบั ระบบสังคมภายนอก สรุปได฾ว฽าการศึกษาค฾นคว฾าเร่ืองครอบครัวมีความละเอียดอ฽อนลึกซ้ึงซับซ฾อนและกว฾างขวาง ครอบคลุม ประเด็นครอบครัวในทุกๆ ด฾าน ท้ังในแง฽ของระบบครอบครัวท่ีประกอบด฾วยโครงสร฾างและ หนา฾ ที่ของสมาชิกครอบครวั รูปแบบพฤติกรรมและความสัมพันธแระหว฽างสมาชิกครอบครัว กระบวนการ จัดการทรัพยากรและการดํารงชีวิต ครอบครัว รวมถึงในแง฽ของปฏิสัมพันธแระหว฽างระบบครอบครัวกับ ระบบสังคมภายนอกในระบบนิเวศของมนุษยแ ท้ังนี้ ประเด็นครอบครัวท่ีศึกษาจะเก่ียวข฾องกับทุกเร่ือง ของครอบครวั เป็นหน฽วยการวิเคราะหหแ ลัก 1.3. ความสาํ คญั ของครอบครัวศึกษา การศึกษาค฾นคว฾าทําความเข฾าใจกับครอบครัวศึกษามีความสําคัญอย฽างย่ิงต฽อการพัฒนาองคแ ความร฾ูทางวิชาการ เกี่ยวกับชีวิตครอบครัวและการนําความรู฾ด฾านครอบครัวไปใช฾ในการช฽วยเหลือ ปรับปรงุ แกไ฾ ข ฟื้นฟหู รอื พฒั นาคุณภาพ การดาํ เนินชวี ิตครอบครวั ใหด฾ ีขน้ึ ได฾ เนื่องจากความรู฾ความเข฾าใจ เรือ่ งครอบครวั เปน็ ประเด็นละเอียดอ฽อนและเชอ่ื มโยง กบั การใช฾ชวี ิตประจําวนั ของมนุษยแในทุกสังคม อีก ท้ังครอบครัวมีการเปล่ียนแปลงอย฽ูตลอดเวลา (dynamics) มิได฾ หยุดนิ่งอย฽ูกับท่ี ครอบครัวศึกษาจึงมี ความสาํ คัญหลายประการ ดงั นี้ 1.3.1 ความสําคัญต฽อการสร฾างองคแความรู฾ด฾านครอบครัวการศึกษาค฾นคว฾าเรื่องของ ครอบครวั อยา฽ งเป็นระบบ มีขัน้ ตอนอย฽างมรี ะเบยี บแบบแผน รวมถึงการใช฾หลัก วิธีการและกระบวนการ ทางวิทยาศาสตรแแ ละสังคมศาสตรแ ใน การพิสูจนแทดสอบทดลอง ค฾นหาข฾อเท็จจริง ทําให฾เกิดองคแความรู฾ ด฾านครอบครัว บนพ้ืนฐานของหลักวิชาการท่ีสามารถ อ฾างอิงได฾และมีความน฽าเชื่อถือ ในการอธิบาย เรอ่ื งราวชีวติ ครอบครวั ในแง฽มมุ ตา฽ ง ๆ ที่หลากหลาย เป็นการสะท฾อน ประเด็นต฽าง ๆ เกี่ยวกับครอบครัว ปใจจัยที่เก่ียวข฾อง การเปล่ียนแปลงของครอบครัวและปรากฏการณแท่ีเกิดขึ้นกับ ครอบครัว การศึกษา ดา฾ นครอบครัวนั้นกล฽าวได฾วา฽ เปน็ เรอ่ื งท่ีละเอียดอ฽อน ลึกซ้ึง ซับซ฾อน และมีความเป็นพลวัตสง เน่ืองจาก ครอบครัวมีการเปลย่ี นแปลงอย฽ูตลอดเวลาและมคี วามสัมพนั ธแกับบรบิ ทอน่ื ทอ่ี ยูแ฽ วดลอ฾ ม 1.3.2 ความสําคัญต฽อการเชื่อมโยงองคแความร฾ูด฾านครอบครัวกับหลักวิชาการอ่ืน ครอบครัว ศึกษามีการบูรณาการ การศึกษาค฾นคว฾าร฽วมกับศาสตรแอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข฾องกับเรื่องราวของครอบครัว เน่ืองจากการดําเนินชีวิตครอบครัวเก่ียวข฾องหลายมิติทางสังคม ไม฽ว฽าจะเป็นด฾านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา การสาธารณสุข การเมืองการปกครอง วัฒนธรรม เทคโนโลยีข฾อมูลข฽าวสาร และอื่น ๆ ทําให฾

11 เกดิ การเห็นคณุ ค฽าของความหลากหลายและความเป็นเอก ในการเชื่อมโยงองคแความร฾ูต฽าง ๆ ท่ีเก่ียวข฾อง กบั เรือ่ งของครอบครัวทั้งในแนวกว฾างและแนวลึก เพ่อื เสรมิ สร฾างคา ความความเข฾าใจเก่ียวกับการดําเนิน ชวี ิตครอบครวั ให฾ดําเนนิ ไปไดอ฾ ยา฽ งราบร่ืนเปน็ สุข 1.3.3 ความสําคัญต฽อการพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู฾และการทํางานด฾านครอบครัว ความ เป็นปกึ แผ฽นเข฾มแข็ง ของครอบครัวในสังคมถอื เป็นเปูาหมายสําคัญของการพัฒนาประเทศไปสู฽ความสงบ สขุ อยา฽ งย่งั ยนื การศกึ ษาค฾นคว฾า เพ่ือคิดค฾นและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู฾ด฾านครอบครัวนับเป็นเร่ืองท่ี จําเป็นอย฽างยงิ่ เน่ืองจากปใจจุบันครอบครวั ตกอย฽ูใตอ฾ ทิ ธิพลของปใจจยั ท่หี ลากหลาย ทง้ั จากปจใ จัยภายใน และภายนอกครอบครวั สง฽ ผลใหค฾ รอบครวั จาตอ฾ งเรียนรู฾ ทีจ่ ะปรบั ตวั ใหเ฾ ท฽าทันกับการเปลีย่ นแปลงหลาย อย฽างที่เข฾ามาในชีวิตอย฽างหลีกเลี่ยงไม฽ได฾ นวัตกรรมการเรียนร฾ูและ การทํางานด฾านครอบครัวเป็น การศึกษาเพอื่ คน฾ หารปู แบบการเรียนรู฾และการทํางานกับครอบครัวด฾วยวิธีการใหม฽ ๆ หรือเคร่ืองมือใหม฽ ๆ เพ่ือการเปล่ยี นแปลงทางความคิด ทัศนคติ ทักษะการเรยี นรู฾ หรอื พฤติกรรมที่นําไปส฽ูการพัฒนา ความ อบอน฽ุ เขม฾ แข็งของครอบครวั 1.3.4 ความสําคัญต฽อการนําองคแความร฾ูด฾านครอบครัวไปใช฾ประโยชนแในทางปฏิบัติ ครอบครัวเป็นสถาบันพื้นฐาน ของสังคมท่ีมีบทบาทสําคัญในการสร฾างเสริมความเป็นมนุษยแ ตลอดจน สร฾างระบบคุณค฽า ค฽านิยม เจตคติ อุปนิสัย และบุคลิกภาพของบุคคล ปใญหาสังคมส฽วนหน่ึงเกิดจากการ ขาดประสิทธิภาพและคุณภาพของการดําเนินชีวิตใน ครอบครัว ถ฾าครอบครัวมีพลังในการสร฾างเสริม คุณภาพของคนอย฽างเต็มท่ีแล฾ว ชุมชนและสังคมโดยส฽วนรวมก็จะ เข฾มแข็งและมีความผาสุก ข฾อมูล ความรู฾ด฾านครอบครัวหรือครอบครัวศึกษาที่ได฾ผ฽านกระบวนการศึกษาอย฽างถูกวิธีย฽อม สามารถนําไป ประยุกตแใช฾ให฾เกิดประโยชนแในทางปฏิบัติได฾ ท้ังในเรื่องของเคร่ืองมือทํางานกับครอบครัวหรือโปรแกรม การทํางานกับครอบครัวในรูปแบบต฽าง ๆ ทั้งการประเมินสถานการณแครอบครัว การปูองกันคุ฾มครอง สวสั ดิภาพ ครอบครัว ส฽งเสริมพัฒนาศกั ยภาพครอบครัว และชว฽ ยเหลือแก฾ไขปญใ หาครอบครัว จะเห็นได฾ว฽า ครอบครัวศึกษามีความสําคัญหลายประการในอันที่จะสร฾างองคแความรู฾ด฾าน ครอบครวั เชอ่ื มโยง ไปสห฽ู ลกั วชิ าการอนั ท่ีนําไปสู฽การพัฒนานวัตกรรมต฽าง ๆ และเก้ือหนุนประโยชนแต฽อ ครอบครัว 1.4 ขอบข฽ายของครอบครัวศึกษา องคแความร฾ูทางวิชาการเกี่ยวกับครอบครัวศึกษาครอบคลุมประเด็นความรู฾ด฾านครอบครัวท่ี สําคัญ ๆ และ สามารถจัดอยู฽ในขอบข฽ายของครอบครัวศึกษา ซ่ึงมีรายละเอียดท่ีควรทําความเข฾าใจใน เบอ้ื งตน฾ และจะมีการขยายความ มากข้ึนในหนว฽ ยอ่ืน ๆ ไดแ฾ ก฽ 1.4.1 คณุ ลกั ษณะของครอบครัว (Family characteristics) ความเป็นครอบครวั เกิดข้ึนเมื่อ มีความสมั พนั ธแ ระหว฽างสมาชิกในครอบครัวและการปฏิสัมพันธแตามสถานภาพและบทบาทในครอบครัว โดยจะประกอบด฾วยลักษณะ ต฽างๆ ได฾แก฽ การมีจุดมุ฽งหมายร฽วมกันหรือเปูาหมายชีวิตครอบครัวเดียวกัน

12 การกําหนดความเป็นผนู฾ าํ และสถานภาพ การปฏบิ ัตติ ามบทบาทหน฾าท่ีหรือความรับผิดชอบในครอบครัว การใหค฾ วามร฽วมมือระหวา฽ งสมาชกิ ในครอบครัว และ การส่อื สารภายในครอบครวั 1.4.2 วงจรชีวิตครอบครัว (Family life cycle) การหมุนเปล่ียนของการดําเนินชีวิตบุคคล หรือสมาชกิ ใน ครอบครัวอยา฽ งมีแบบแผนตามลาํ ดบั จนครบรอบ เรียกได฾ว฽า วงจรชีวิตครอบครัว โดยเริ่ม ต้ังแต฽การสร฾างครอบครัว ใหม฽ จนกระทั่งมีการขยายตัวเพ่ิมข้ึนของสมาชิกครอบครัว และเข฾าสู฽ช฽วงของ การแยกตัวของสมาชิกครอบครัวเม่ือเป็น ผู฾ใหญ฽ จนในท่ีสุดถึงบั้นปลายของการส้ินสุดวงจรชีวิต ครอบครัวเมือ่ ค฽ูสามีภรรยาแยกหรอื ตายจากกัน 1.4.3พัฒนาการครอบครัว (Family development) ลําดับข้ันของกระบวนการ เปลี่ยนแปลงต฽าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นกับบุคคลหรือสมาชิกครอบครัวที่มาใช฾ชีวิตร฽วมกัน ในการดําเนินชีวิต ครอบครัวตามระยะของวงจรชีวติ ครอบครวั ตงั้ แตเ฽ ร่ิมสร฾างครอบครัวจนถงึ ครอบครวั สนิ สุดลงตามอายุขัย หรือการหย฽าร฾าง โดยการเปล่ียนแปลงของครอบครัว จะเช่ือมโยงกับโครงสร฾างสมาชิกของครอบครัว พฒั นาการบุคคลตามวัย เหตกุ ารณแในชีวติ และการตอบสนองความ ต฾องการของสมาชิกครอบครวั 1.4.4 พฒั นกจิ ครอบครวั (Family developmental tasks) ภารกจิ หรือพัฒนกจิ ครอบครัว ตามวงจรชวี ติ ครอบครัว เป็นบทบาทท่ีสมาชกิ ครอบครวั มหี น฾าที่ในการประพฤตปิ ฏิบัติต฽อกัน เพื่อให฾เกิด การพัฒนาพฤติกรรม ที่พึงประสงคแของสมาชิกแต฽ละคนในครอบครัว ในแต฽ละระยะของวงจรชีวิต ครอบครัว โดยเฉพาะเป็นไปเพ่ือตอบสนอง ความต฾องการของสมาชิกครอบครัวตามพัฒนาการของวัย และพัฒนาการของครอบครวั 1.4.5 คุณภาพชีวิตครอบครัว (Family life quality) สภาวะที่บุคคลหรือสมาชิกครอบครัว สามารถดํารงชวี ิต และดําเนนิ ชีวิตได฾อย฽างราบรื่นมีความสุขและพ่ึงพาตนเองได฾ เป็นสภาพครอบครัวที่พึง ประสงคแ ในคุณลักษณะ ท่ีเก่ียวข฾องกับความอยู฽ดีมีสุข ความร฽มเย็นเป็นสุข ความอบอุ฽น ความผาสุก ความเขม฾ แขง็ หรือแม฾กระท่งั ความมัน่ คง ของครอบครวั โดยม฽งุ เน฾นการท่ีสมาชิกครอบครัวมาดําเนินชีวิต ร฽วมกัน0อย฽างมีจุดหมาย มีความสัมพันธแท่ีดีต฽อกัน เคารพและให฾เกียรติซ่ึงกันและกัน มีการร฽วม รับผิดชอบในภาระหน฾าท่ีของครอบครัว โดยสามารถทําบทบาทหน฾าท่ี ได฾อย฽างเหมาะสม และรักษา สถานภาพของการพ่ึงพาตนเองได฾อย฽างต฽อเน่ือง สามารถปรับตัวทันต฽อการเปล่ียนแปลง ของสังคมได฾ อยา฽ งสร฾างสรรคแ และเป็นส฽วนหน่งึ ที่เกอื้ กลู สังคมอยา฽ งมคี ุณธรรม สรุปได฾ว฽า ครอบครัวศึกษาเป็นการศึกษาค฾นคว฾าเร่ืองราวเก่ียวกับครอบครัวตามหลักวิชาการ เฉพาะด฾าน อีกสาขาวิชาหนึ่ง ซ่ึงจําเป็นต฾องได฾รับความสนใจและมีการเข฾าถึงความร฾ูความเข฾าใจเรื่องน้ี อย฽างลกึ ซ่ึงเป็นระบบ เพ่อื ยัง ประโยชนแตอ฽ สมาชกิ ครอบครัวและผูเ฾ กีย่ วข฾องหรือคนทํางานด฾านครอบครัว ให฾มีความรค฾ู วามเข฾าใจดา฾ นครอบครัว ในอันท่ีจะพฒั นาสถาบันครอบครัวให฾เจรญิ ก฾าวหนา฾ ตอ฽ ๆ ไป

13 2. หลกั คิดและเป้าหมายของครอบครวั ศึกษา ครอบครัวศึกษามุ฽งเน฾นการศึกษาครอบครัวท้ังระบบ ในทุก ๆ เร่ืองและทุกมิติท่ีเก่ียวข฾องกับ ครอบครัวแล การดําเนินชีวิตครอบครัว รวมทั้งปใจจัยภายในและภายนอกครอบครัว โดยมองประเด็น ด฾านครอบครัวเป็นศูนยแกลาง ของการศึกษาค฾นคว฾าเร่ืองราวของครอบครัว ซ่ึงมีความเกี่ยวพันกับความ เป็นครอบครัว รวมถึงความสนใจศึกษา ปฏิสัมพันธแระหว฽างครอบครัวกับมิติต฽าง ๆ ทางสังคมภายนอก ครอบครัว โดยเฉพาะภายใต฾สภาวะแวดล฾อมในระบบระบบ มนุษยนิเวศ ที่เป็นระบบใหญ฽และมีอิทธิพล ต฽อการดํารงชีวิตของสมาชิกครอบครัว ท้ังทางกายภาพและทางสังคม วัฒนธรรม ทั้งนี้หลักคิดของ ครอบครัวศึกษาเป็นกรอบความเชื่อเกี่ยวกับครอบครัวและการทํางานกับครอบครัวท่ีสามารนําไปสู฽การ ปฏิบัตใิ ห฾เกิดข้ึน ในขณะท่ีเปาู หมายของครอบครวั ศกึ ษามองเหน็ ผลลัพธแทคี่ าดหวังให฾เกดิ ขนึ้ ครอบครวั 2.1 หลักคิดของครอบครวั ศกึ ษา ครอบครัวมิได฾อย฽ูโดดเด่ียวในสังคม หากแต฽มีความสัมพันธแและปฏิสัมพันธแท้ังกับสมาชิกท่ีอย฽ู ร฽วมกันใน ครอบครัวและกับสังคมภายนอกอย฽ูตลอดเวลา อีกท้ังครอบครัวยังมีความเป็นพลวัต ไม฽หยุด น่ิงอยู฽กับท่ี แต฽กลับมี การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา ท้ังที่มาจากปใจจัยภายในครอบครัวเองหรือ ปใจจัยภายนอกที่เข฾ามามีอิทธิพลต฽อการ ดําเนินชีวิตของครอบครัว เหล฽าน้ีล฾วนส฽งผลให฾เกิดการ เปล่ียนแปลงชีวิตความเป็นอยู฽ของครอบครัวไปในทิศทางใด ทิศทางหนึ่ง ครอบครัวศึกษาม฽ุงเน฾น กระบวนการเรียนร฾ูเพื่อพัฒนาศักยภาพครอบครัว ให฾สามารถทําหน฾าที่ตามบทบาท ของครอบครัว โดยรวมและตามบทบาทของสมาชกิ แตล฽ ะคนในครอบครัวนั้น ๆ หลักคิดของครอบครัวศึกษาที่ สําคัญ ๆ มีดงั น้ี 2.1.1 การสร฾างความตระหนักถึงพลังที่ย่ิงใหญ฽ของครอบครัวครอบครัวเป็นสถาบันหลัก แกนกลางของสังคม ทีเ่ ป็นรากฐานสาํ คัญยง่ิ ต฽อการดํารงชีวิตของมนุษยแ แม฾ว฽าครอบครัวจะมีหลากหลาย รูปแบบหลากหลายลักษณะ นอกเหนือจากครอบครัวท่ีสมบูรณแท้ังบิดามารดาและบุตร สมาชิกใน ครอบครัวร฾ูจักรับผิดชอบและปฏิบัติหน฾าท่ีของตน รวมท้ังสามารถผนึกกําลังและมีความสัมพันธแที่ดี เป็น พลังสร฾างคนในครอบครัวให฾มีความสุขและมีคุณภาพพลังของ ความรักความเข฾าใจท่ีมีต฽อกันระหว฽าง สมาชิกในครอบครัวถือเป็นพลังอันยิ่งใหญ฽ ที่จะสามารถยึดโยงสายสัมพันธแ ความเป็นครอบครัวให฾ดํารง อย฽ู ไม฽ว฽าครอบครัวจะต฾องเผชิญกับเหตุการณแหรือสถานการณแในเรื่องใดหรือมีปใญหา อุปสรรคใดก็ตาม ด฾วยพละกําลงั ท่ีเหนียวแนน฽ อบอน฽ุ มนั คงในคุณคา฽ ความเป็นครอบครัวของสมาชิกครอบครัว การตระหนัก ถึงความสําคัญของครอบครัวในฐานะหน฽วยย฽อยของสังคม รวมถึงการสนับสนุนความเป็นปึกแผ฽นของ สถาบันครอบครวั ในสังคมและประเทศชาติ เหลา฽ น้ีลว฾ นสง฽ เสริมใหเ฾ กดิ ภมู ิคุ฾มกันครอบครัวที่พร฾อมยอมรับ ปรับเปลี่ยน และยืนหยัดด฾วยความเข฾มแข็งได฾ ในการสร฾างความตระหนักถึงพลังที่ยิ่งใหญ฽ของครอบครัว จําเปน็ ต฾องเข฾าถึง คุณลกั ษณะของความเปน็ ครอบครัว ดงั นี้ 1) การมีจุดม฽ุงหมายร฽วมกัน (Common purpose) ไม฽ว฽าจะเป็นสามี หรือภรรยา หรือลูก มีเปูาหมาย ชีวิตเหมือนกัน เป็นเปูาหมายเดียวกัน เช฽น ต฾องการสร฾างครอบครัวให฾มีความสุข

14 ปราศจากอบายมขุ ทัง้ สามภี รรยาและ บุตรจะต฾องละเวน฾ จากอบายมุขท้ังปวง ถ฾าเช฽นน้ันครอบครัวก็จะมี ความสขุ 2) การแบ฽งงานกันทําระหว฽างสมาชิกในครอบครัว (Specialization among members กันทําในบ฾านหรือระหว฽างสมาชิกเป็นหน฾าท่ีความรับผิดชอบของการอย฽ูร฽วมกัน อาจอาศัย ความถนัดเฉพาะ ด฾านความชอบความสนใจ เช฽น ภรรยาทํากับข฾าว สามีขับรถ ลูกช฽วยทําความสะอาด บ฾าน เป็นต฾น 3) การกําหนดความเป็นผู฾นําและสถานภาพ (Leadership and status) ครอบครัวต฾องมีการกําหนดว฽า ใครเป็นผู฾นําครอบครัว ใครมีบทบาทและสถานภาพอย฽างไรในครอบครัว เชน฽ ครอบครวั คนจีนจะเดน฽ ชดั ในเรอ่ื งบทบาท และตาํ แหน฽งของสถานภาพระหว฽างลกู ชายและลกู สาว 4) การให฾ความร฽วมมือกัน (Cooperation) ครอบครัวต฾องมีการร฽วมมือกันในการ ทํามาหาเลี้ยงชีพ มีการสร฾างรายได฾ให฾กับครอบครัว เช฽น สามี ภรรยา ช฽วยกันทํางานหารายได฾ให฾กับ ครอบครัว สว฽ นลูกชว฽ ยงานบ฾าน ขยนั เรียน เปน็ ตน฾ 5) การส่ือสารภายในครอบครัว (Communication) ครอบครัวต฾องมีการพบปะ พดู คุยสอื่ ความ หมายความเข฾าใจและแสดงออกถึงอารมณแความรู฾สึกต฽อกัน โดยเฉพาะการอบรมส่ังสอน ลกู และการใหก฾ าํ ลังใจ 2.1.2 การสนับสนุนครอบครัวให฾ทําหน฾าที่ตามบทบาทและศักยภาพท่ีมีอยู฽ หน฾าท่ีหลักของ ครอบครัวคือ งาน ท่ีครอบครัวพึ่งปฏิบัติให฾เกิดประโยชนแแก฽สมาชิกในครอบครัวและสังคมโดยรวม ใน ส฽วนของหน฾าท่ีต฽อสมาชิกครอบครัว ก็เพ่ือให฾สมาชิกแต฽ละคนได฾รับการตอบสนองความต฾องการข้ัน พนื้ ฐานในการดํารงชวี ิตอยา฽ งพอเพยี ง โดยครอบครัว ทําหน฾าที่ดูแลปกปูองและพัฒนาสมาชิกตามวัย ท้ัง ในด฾านร฽างกายและจิตใจ ส฽วนการทําหน฾าที่ต฽อสังคมเป็นการอบรม สั่งสอนระเบียบวินัยของสังคม สําหรับบทบาทจะหมายถึงการกระทําตามหน฾าท่ีที่กําหนดไว฾ เน่ืองจากครอบครัวเป็น สถาบันแรกท่ีมี หน฾าที่และบทบาทในการอบรมสั่งสอนสมาชิก ให฾รู฾จักค฽านิยมพื้นฐานทางวัฒนธรรม การพัฒนา บคุ ลิกภาพ ลกั ษณะนิสยั และการปรับตัวเข฾ากับสังคม เพื่อเป็นสมาชิกของสังคมท่ีพึงประสงคแ และสร฾าง จิตสาํ นึกท่ีดี ให฾เกิดข้ึนกับสมาชิกใหม฽ของสังคม ดังน้ัน ไม฽ว฽าจะเป็นครอบครัวลักษณะใดก็ตาม ความสุข ภายในครอบครัวย฽อมเกิด ขึ้นได฾อย฽างแน฽นอน หากสมาชิกทุกคนในครอบครัวทําหน฾าท่ีตามบทบาทและ ความรบั ผดิ ชอบของตน2 1) ความรับผิดชอบต฽อบทบาทและหน฾าที่ภายในครอบครัวสมาชิกทุกคนเม่ืออยู฽ใน ครอบครัว จะมี สถานภาพที่ถูกกาํ หนดขนึ้ จากความสัมพันธรแ ะหว฽างกนั ในฐานะท่ีเป็นสามีภรรยา พ฽อแม฽ ลูก พี่น฾อง ปุูย฽าตายาย ลุงปูา น฾าอา และหลาน ซ่ึงสมาชิกแต฽ละคนจําเป็นต฾องมีความรับผิดชอบต฽อ บทบาทหน฾าที่ท่ีพึงปฏิบัติต฽อกัน เพ่ือให฾เกิดความ ร฽มเย็นเป็นสุขในครอบครัว โดยทั่ว ๆ ไปก็มักจะเป็น บทบาทของสามีและภรรยา บทบาทของบิดามารดาต฽อบุตร บทบาท ของบุตรต฽อบิดามารดา และ บทบาทของครอบครัวตอ฽ เครอื ญาติ

15 ทั้งน้ีครอบครัวมีหน฾าที่หลักในการอบรมเลี้ยงดูบุตรต้ังแต฽แรกเกิดจนกระท่ังเติบใหญ฽ การเล้ียงดู จาก ท่ีอ่ืนแม฾ทําได฾ก็ไม฽ดีเท฽ากับครอบครัว ครอบครัวจึงเป็นสถาบันที่สําคัญมากต฽อระบบการพัฒนาทาง ร฽างกายและจิตใจ ของเด็ก ทําหน฾าท่ีหล฽อหลอมความเป็นมนุษยแด฾วยการอบรมเล้ียงดู ให฾การเรียนร฾ูแก฽ เดก็ ใหม฾ พี ัฒนาการรอบด฾าน ทง้ั ทางด฾านรา฽ งกาย จติ ใจ สติปใญญา สังคม อารมณแ บุคลิกภาพที่เหมาะสม ตามวัย ครอบครัวจึงเป็นสถานท่ีที่เลี้ยงดูเด็ก ให฾เป็นมนุษยแที่เจริญเติบโตสมบูรณแมีคุณภาพ ไม฽ก฽อให฾เกิด ปใญหาสังคม อีกท้ังยังให฾การอบรมสั่งสอนแก฽เด็กให฾ร฾ูจัก ระเบียบของสังคม ครอบครัวจึงเป็นแหล฽งการ อบรมเบ้อื งต฾นท่ีมอี ิทธพิ ลต฽อเดก็ มากทส่ี ุด เป็นสถาบันเตรียมตัวเด็กให฾ ออกไปเผชิญกับสิ่งแวดล฾อม ช฽วย อบรมเด็กให฾รู฾จักแบบแผนและกฎเกณฑแทางสังคม สอนให฾เด็กปรับตัวเข฾ากับ สิ่งแวดล฾อมในสังคม นอกเหนือจากการให฾ความรักความอบอน฽ุ โดยเฉพาะในช฽วงชวี ิตปฐมวัย ครอบครัวเป็นแหล฽งให฾ ความรัก ความคุ฾มครองและความมั่นคงทางอารมณแ จิตใจแก฽เด็กปฐมวยั ในการวางรากฐานคุณภาพชีวิตที่จะสะสม ไป จนเติบใหญ฽ 2) ความรับผิดชอบต฽อบทบาทและหน฾าที่ภายนอกครอบครัวหรือสังคมส฽วนรวม บทบาทหน฾าที่ของ ครอบครัวต฽อสังคมภายนอก สามารถพิจารณาได฾ท้ัง 3 มิติ (ศรีสว฽าง ทั่ววงศแแพทยแ 2537) กล฽าวคอื ด฾านสังคม ครอบครัวเป็นสถาบนั พ้นื ฐานเกา฽ แก฽ท่ีสดุ บทบาทสาํ คัญในฐานะเปน็ สถาบันทางสังคม อีกประการหนง่ึ คอื การสั่งสมบ฽มเพาะขดั เกลาเดก็ ใหม฾ ีการเรียนรู฾เชิงสังคม เพ่ือปลูกฝใงให฾เด็กเติบโตเป็น คนดี มีคุณธรรม ไม฽เบียดเบียนผู฾อ่ืน ไม฽ละเมิดสิทธิผ฾ูอื่น มีจิตใจเอ้ืออาทร มีจิตสํานึกต฽อสังคมส฽วนรวม สามารถอยู฽รว฽ มกบั ผ฾ูอื่นไดอ฾ ยา฽ งสันตสิ ุข ทั้งน้ีการทําตนเป็นแบบอย฽างท่ีดีของพ฽อแม฽และสมาชิกผ฾ูใหญ฽ใน ครอบครัว ย฽อมเป็นการเรียนรู฾ ที่ดีย่ิงสําหรับเด็ก โดยการซึมซับแบบแผนการดําเนินชีวิตไปทีละเล็กละ น฾อยอย฽างเปน็ ธรรมชาติ ดา฾ นเศรษฐกิจ ครอบครัวเป็นเป็นทงั้ ผ฾ูผลติ และผู฾บริโภค ในฐานะเป็นผู฾ผลิตไม฽ว฽าจะอย฽ูในฐานะ ผู฾ เขแรงงาน ผู฾ประกอบการ ผูล฾ งทนุ ถ฾าไม฽ผ฽านการขัดเกลาจากครอบครัว บ฽มเพาะนิสัยให฾รักการทํางาน มี ความซื่อสัตยแ ต฽อวิชาชีพ ต฽ออาชีพของตน มีความคิดริเริ่มสร฾างสรรคแ มีวินัยในตนเอง ก็จะเป็นผู฾ผลิตใน เชิงเศรษฐศาสตรแที่ไม฽มี คุณภาพ ในฐานะเป็นผ฾ูบริโภค ถ฾าได฾รับการอบรมขัดเกลาให฾เป็นผู฾บริโภคที่มี คุณภาพ คือ รู฾ทันกัน เลือกสรรบริโภค อย฽างมีประโยชนแอย฽างประหยัดและปลอดภัย ไม฽ว฽าจะเป็นสินค฾า บริการ หรือส่ือมวลชนก็ตาม ย฽อมร฾ูจักใช฾จ฽ายอย฽างมี เหตุผล รู฾จักประมาณตน รู฾จักพอ ใช฾อย฽างมี ภูมิคุ฾มกัน การท่ีประชากรของสังคมได฾รับการบ฽มเพาะให฾เป็นผู฾ผลิตและ ผ฾ูบริโภคที่มีคุณภาพดังกล฽าว ย฽อมเป็นพนื้ ฐานเป็นพลงั ในการสร฾างเศรษฐกิจส฽วนรวมต฽อไป ดา฾ นการเมืองการปกครอง ครอบครวั เปน็ หนว฽ ยสงั คมพ้ืนฐานทบี่ ฽มเพาะทกั ษะทางการเมืองให฾เกิด ข้ึนในครอบครัวได฾ ซ่ึงหมายถึงการอยู฽ร฽วมกันอย฽างมีกติกา การมีบทบาทหน฾าที่รับผิดชอบของสมาชิกใน ครอบครัว มี ความเออ้ื อาทรตอ฽ กัน ตัดสินใจรว฽ มกนั ร฾จู กั เจรจาประนปี ระนอมกันดว฾ ยความรักความเข฾าใจ และเหตุผล มีความเคารพ ซึ่งกันและกัน มีการรู฾จักอภัยกัน ซ่ึงเป็นทักษะของการเมืองการปกครองใน

16 ระดับครอบครัว อันจะเป็นพื้นฐานของ วิถีชีวิตในครรลองประชาธิปไตยต฽อไปอย฽างดี หากสถาบัน ครอบครัวสามารถปฏิบัติภารกิจทั้ง 3 มิติหลักดังกล฽าวได฾ อย฽างสมบูรณแ ครอบครัวนั้นก็จะมีภูมิค฾ุมกัน มี ความมน่ั คงเข฾มแขง็ เป็นพลังหลกั ในการสรา฾ งสนั ตสิ ขุ ในสังคม ในวงกว฾างออกไปได฾ 2.1.3 การเกื้อหนุนแบบแผนและวัฒนธรรมของครอบครัว แต฽ละครอบครัวจะมีวิถีการ ดําเนินชีวิตของสมาชิก หรือคนในครอบครัวที่แตกต฽างกัน ซึ่งขึ้นอยู฽กับวัฒนธรรมในครอบครัวน้ันๆ ซ่ึง เปน็ ข฾อตกลงรว฽ มกนั ภายในครอบครัว วัฒนธรรมครอบครัวโดยทั่วไปจะยึดตามแบบแผนขนบธรรมเนียม ประเพณีที่ส่ังสมสืบทอดกันมา เช฽น การให฾ความ เคารพนับถือญาติผู฾ใหญ฽หรือผู฾อาวุโสหรือผ฾ูที่มีอายุ มากกวา฽ การเช่ือฟใงคําส่ังสอนของพ฽อแม฽ การชว฽ ยเหลือเกอ้ื กลู ซ่งึ กนั และกัน การมีกิริยาวาจาสุภาพนอบ นอ฾ มแบบไทย ๆ วัฒนธรรมไทยทด่ี งี ามเหล฽าน้ี ถือเป็นส฽วนหน่ึงที่ช฽วยขัดเกลา ความประพฤติของสมาชิก ครอบครัว เมื่อข฾อตกลงในครอบครัวเป็นสิ่งที่สมาชิกในครอบครัวต฽างตกลงร฽วมกันและ พร฾อมใจกัน ปฏบิ ัตติ าม จึงเกิดเปน็ แบบแผนและวัฒนธรรมเฉพาะทคี่ รอบครัวยดึ ถอื ปฏิบัติร฽วมกัน เช฽น บางครอบครัว จะต฾องกินอาหารเย็นร฽วมกันพร฾อมหน฾าพร฾อมตาสมาชิกครอบครัวทุกวัน โดยอาจกําหนดให฾ทุกคนต฾อง ตรงต฽อเวลา หรือบางครอบครวั มกี ารแบง฽ งานกันทําระหว฽างสมาชิกครอบครัว โดยอาจกําหนดเป็นหน฾าท่ี ประจําตามความถนดั หรือ ความชอบของแต฽ละคน เปน็ ตน฾ ดังนั้นวัฒนธรรมของครอบครัวหรือข฾อตกลงร฽วมกันในแต฽ละครอบครัวจึงมีความหลากหลาย แตกต฽างกันไป ตามคณุ ลักษณะเฉพาะทคี่ รอบครัวนั้นให฾คุณค฽า ไม฽ว฽าจะมาจากค฽านิยม ความเช่ือ คําสอน ทางศาสนา มุมมองหรือ ประสบการณแชีวิต แบบแผนการดําเนินชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีและ วัฒนธรรม บางครอบครัวให฾ความสําคัญกับ การพึ่งพาตนเองก็อาจสอนลูกหลานให฾รู฾จักทํางานบ฾าน รับผิดชอบในหน฾าท่ีของตนเอง รู฾จักช฽วยเหลือตนเองในเรื่อง ต฽าง ๆ ในขณะที่บางครอบครัวตามใจ ลูกหลานมากเป็นพิเศษ เมื่ออยากได฾สิ่งใดก็จัดหามาให฾ บางครอบครัวสมาชิกใน บ฾านไม฽ต฾องทํางานใน บ฾านเลย เพราะมีคนรับใช฾คอยดูแลรับผิดชอบทําให฾ทุกอย฽างอยากได฾อะไรก็บอกให฾คนรับใช฾จัดหา มาให฾ ลักษณะการดําเนินชีวิตในแต฽ละครอบครัวเช฽นน้ี ได฾หล฽อหลอมให฾เด็กแต฽ละคนมีลักษณะนิสัยและความ รับผิด ชอบท่ีแตกต฽างกัน แต฽เม่ือเด็กเติบโตขึ้นจึงมีต฾นทุนชีวิตที่สะสมเป็นแบบแผนการดําเนินชีวิต ครอบครวั ทีแ่ ตกต฽างกนั ไปด฾วย เดก็ ท่มี โี อกาสได฾ลงมือกระทําสิ่งต฽าง ๆ ด฾วยตนเองจะมีประสบการณแและ ทักษะในการใช฾ชวี ิตและการตดั สนิ ใจ ในทางปฏบิ ัติท่ีชัดเจน 2.1.4 การเสริมพลังครอบครัวผ฽านกิจกรรมและส่ือ การเสริมสร฾างพลังในครอบครัวเพื่อให฾ สมาชิกครอบครัว อย฽ูร฽วมกันอย฽างมีความสุข และพร฾อมรับการเปล่ียนแปลงหรือการเผชิญหน฾ากับส่ิงท฾า ทายมากมายในอนาคตเปน็ สิง่ จาํ เปน็ เนอ่ื งจากครอบครัวเป็นแกนหลักสําคัญที่จะทําให฾ชุมชนหรือสังคม เข฾มแข็งม่ันคงอย฽างย่ังยืน การพัฒนาอํานาจ ในตนของสมาชิกครอบครัว เป็นสํานึกร฾ูภายในตัวบุคคล เก่ยี วกับระบบคณุ ค฽าและคุณธรรม ซ่ึงสามารถพฒั นาไปสพ฽ู ลัง (power) หรือความสามารถที่จะกระทําใน สิง่ ทีบ่ ุคคลน้ันต฾องการได฾ ถือได฾วา฽ เป็นเรือ่ งจาํ เป็นในสังคมปจใ จบุ นั หลักสําคัญทค่ี วรคํานึงถงึ มีดังนี้

17 1) การแสวงหาความร฾ดู ฾วยตนเอง (Knowledge inquiry) การร฾ูจักแสวงหาความร฾ู ด฾วยตนเอง คือ ทักษะท่ีจะต฾องอาศัยการเรียนร฾ูและวิธีการฝึกฝนจนเกิดความชํานาญ ช฽วยทําให฾เกิด แนวความคดิ ความเขา฾ ใจที่ถกู ต฾อง และกวา฾ งขวางยงิ่ ข้นึ เพราะผแู฾ สวงหาความร฾จู ะเกดิ ทักษะในการศึกษา ค฾นคว฾าส่ิงท่ีต฾องการและสนใจใคร฽รู฾จากแหล฽ง เรียนรู฾ต฽างๆ ซ่ึงจะทําให฾ทราบข฾อเท็จจริงและสามารถ เปรียบเทียบข฾อเท็จจริงท่ีได฾มาว฽าควรเชื่อถือหรือไม฽ การแสวงหา ความร฾ูด฾วยตนเองจะเกิดข้ึนได฾ต฾อง อาศัยการส฽งเสริมทักษะการสร฾างปใญญา แบ฽งเป็น 10 ขั้นตอน ได฾แก฽ (1) ทักษะการ สังเกต (2) ทักษะ การบันทกึ (3) ทักษะการนําเสนอ (4) ทกั ษะการฟงใ (5) ทักษะการถาม (6) ทักษะการตั้งสมมติฐาน และ ต้ังคําถาม (7) ทักษะการค฾นหาคําตอบจากแหล฽งเรียนร฾ูต฽าง ๆ (8) ทักษะการทําวิจัยสร฾างความร฾ู (9) ทักษะการ เชื่อมโยงบูรณาการ และ (10) ทักษะการเขียนเรียบเรียง ทั้งนี้ การพัฒนาทักษะการแสวงหา ความร฾ดู ฾วยตนเองมักจะ อย฽ูในรปู ของการปฏบิ ตั ติ ามลาํ ดับขัน้ ตอนอย฽างเป็นระบบ 2) การเรยี นร฾เู ชิงประสบการณแตรง (Active learning) การศึกษาค฾นคว฾าจากแหล฽ง ความรู฾ทหี่ ลาก หลายนําการเรยี นรไู฾ ปสูก฽ ารเสริมสร฾างพลัง โดยอาศัยหลักเหตุและผลเชิงวิทยาศาสตรแ ไม฽ ว฽าจะเปน็ การทาํ งานของสมอง การทํางานของสรีระอื่น ๆ เพ่ือนําไปส฽ูการพัฒนาตนได฾โดยแท฾จริง และที่ สําคัญอีกประการหน่ึง คือ ความร฾ูทาง จิตวิญญาณท่ีมาจากบทเรียนจากชีวิตจริง จากบทความ สารคดี หรือเกร็ดชีวิตของผู฾คนรอบตัว ล฾วนเป็น “บทเรียน แห฽งชีวิต” เข฾าทํานอง “ดูหนังดูละครแล฾วย฾อนดู ตัวเอง” การเรียนรู฾ข฾อมูลจากทุกแหล฽งทุกที่สามารถนําไปเป็นส฽วนหน่ึง ของการพัฒนาพลังในผ฾ูนําได฾ ทั้งสิ้น ปใจจุบันค฽านิยมของ “คนร฽ุนใหม฽” จะมีชีวิตแบบ “ชีวิตแห฽งการเรียนรู฾” คือ ไม฽อยู฽ น่ิง พร฾อมต฽อ การเรียนร฾ูสิ่งใหม฽ ๆ อย฽างใช฾เหตุใช฾ผล และต฾องเรียนรู฾เชิงประสบการณแตรงที่มิใช฽เน฾นท฽องจํา หรือน่ังรับ ความร฾ูจากการถ฽ายทอดของคนอื่นแหล฽งเดียว ต฾องศึกษาจากการปฏิบัติและจากหลาย ๆ แหล฽งความรู฾ หากไม฽มี แหล฽งใดให฾ข฾อมูลที่น฽าเชื่อถือได฾ก็อาจเสาะแสวงหาคําตอบด฾วยตัวเอง โดยใช฾วิธีการแบบ วิทยาศาสตรแ เพ่ือให฾ได฾คําตอบ ท่ีเป็นปใจจุบัน และบุคคลควรเรียนรู฾ในแนวทางตามแบบฉบับของตน ซ่ึง บางท่ีอาจก฾าวเร็วหรือช฾าไม฽เท฽าผ฾ูอ่ืน แต฽ก็มี โอกาสก฾าวไปได฾ทุกคนและควรก฾าวไปให฾ถึงท่ีสุดตาม สมรรถภาพของตน รวมทัง้ ควรตระหนกั อยต฽ู ลอดเวลาว฽า ทกุ คน มชี ยั ชนะไดต฾ ามหนทางของแต฽ละคน 3) การคดิ ในทางบวก (Positive thinking) เปูาหมายของการเสริมสร฾างพลังให฾กับ สมาชิกครอบครวั เริ่มต฾นทคี่ วามคิด โดยทั่วไปพฤตกิ รรมของมนษุ ยแมี 2 ประเภท คือ พฤติกรรมภายนอก และพฤติกรรมภายใน โดย พฤติกรรมภายใน อันได฾แก฽ ความคิดหรือจิตใจ ทําหน฾าท่ีเป็นตัวควบคุมการ กระทําหรือพฤติกรรมภายนอก ดังน้ัน ในการเสริมสร฾างพลังจะเก่ียวข฾องกับการพัฒนาพฤติกรรมของ บุคคลจึงต฾องมุ฽งพัฒนาการคิดในทางบวก เพ่ือให฾เกิด การกระทําท่ีพึงปรารถนา ดังมีคํากล฽าวท่ีว฽า “จิต เป็นนาย กายเป็นบ฽าว” หากจิตคิดดี คิดบวก ก็ย฽อมเกิดการกระทําท่ีดี ตามมา ในการปรับเปล่ียน พฤตกิ รรมใด ๆ รวมทง้ั พลงั ในตนเอง จงึ ตอ฾ งมุ฽งพัฒนาจิตและการคิดเป็นอันดับแรก เพราะ การคิดทําให฾ เกิดความคดิ ซง่ึ เปรยี บเช฽นเมล็ดพันธุแที่ใหผ฾ ลเปน็ คําพูดและการกระทาํ ตามคณุ ภาพของความคิดน้นั

18 4) การลงมือปฏิบัติด฾วยตนเอง (Self practice) การเรียนรู฾ที่แท฾จริงคือ ความสามารถในการปฏิบัติ ได฾จริงและเกิดการพัฒนาหรือการเปล่ียนแปลงที่ดีข้ึน การเรียนรู฾เร่ืองราว เกี่ยวกบั ตนเองของสมาชิกครอบครัวเพื่อการ พัฒนาตนน้ัน มิใช฽การเรียนร฾ูเพ่ือความรู฾ แต฽เป็นการเรียนรู฾ ท่ีต฾องนําไปส฽ูการลงมือปฏิบัติจึงจะเกิดประโยชนแ เม่ือร฾ูบาง ส่ิงในวันน้ีก็นํามาปฏิบัติต้ังแต฽วันนี้ ก็จะเป็น การสะสมประสบการณแนน้ั ทีละเล็กละน฾อยจนร฾ูได฾ว฽า เราคือใคร ควรเป็น อะไร ควรอยู฽ที่ไหน คําตอบนั้น มีอย฽ูในตัวเอง ถ฾ามองก็จะเห็น ถ฾าค฾นหาก็จะพบ จึงไม฽จําเป็นต฾องรีรอต฽อการลงมือปฏิบัติ ได฾ทันทีจาก ศึกษาความร฾ูในเร่ืองน้ัน คุณค฽าของความร฾ูจึงอย฽ูท่ีการนําความร฾ูไปใช฾ในทางปฏิบัติจริง โดยเฉพาะเม่ือมี การประยุกตแความร฾ูเพื่อเพ่ิมพูนความสามารถหรือพัฒนาทักษะต฽าง ๆ ให฾เชี่ยวชาญมากข้ึน การร฾ูจัก กล่ันกรองเลือกสรร และปรับปรุงส่ิงท่ีเรียนร฾ูให฾เหมาะสมกับการนํามาใช฾กับตนเอง ไม฽ว฽าความร฾ูและ ประสบการณแการเสริมสร฾างพลังนั้นมา จากแหล฽งใด ต฾องมีการเลือกรับปรับเปล่ียนให฾เหมาะสม โดยมี การใชเ฾ หตุใชผ฾ ลในการเลอื กเพือ่ นําไปสก฽ู ารเขา฾ ใจชีวติ และการปฏิบัตใิ ห฾เหมาะสมตอ฽ ไป 5) การปรับเปล่ียนพฤติกรรม (Behavioral adjustment) ผู฾นําหรือหัวหน฾า ครอบครัวจําเป็นต฾องศึกษา พฤติกรรมตนเองและสมาชิกในครอบครัวหรือผู฾เก่ียวข฾องกับครอบครัว เพ่ือ การพัฒนาตนเองให฾ก฾าวไปข฾างหน฾าและ เปล่ียนแปลงได฾ตลอดเวลาตามสถานการณแแวดล฾อม ซึ่งถือเป็น กระบวนการของการปรบั เปล่ียนพฤติกรรมของตวั เรา เองใหไ฾ ปสูภ฽ าวะท่ีดีกว฽าและเป็นท่ีต฾องการมากกว฽า ผู฾นําครอบครัวควรมีความไวต฽อการปรับพฤติกรรมตนเองจากการ เรียนร฾ูจุดแข็งหรือความโดดเด฽น (Strength) และจุดอ฽อนหรือข฾อบกพร฽อง (Weakness) เพื่อการเปล่ียนแปลง พฤติกรรมภายใน ได฾แก฽ ศรัทธา ค฽านิยม ความเช่ือ ทัศนคติและมุมมองต฽าง ๆ ซึ่งส฽งผลต฽อการเปล่ียนแปลงอุปนิสัย ใจคอ (Character) ท่ีนําไปสู฽การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมภายนอกท่ีแสดงออกทางบุคลิกภาพ (Personality) การปรับ เปล่ียนพฤติกรรมให฾เป็นไปในแนวทางท่ีต฾องการหรือพึงประสงคแ แบ฽งได฾เป็น 3 ลักษณะ ได฾แก฽ การเพ่มิ หรือคง พฤตกิ รรมเดมิ ทเี่ หมาะสมเอาไว฾ การเสริมสร฾างพฤติกรรมใหม฽ และการลดพฤติกรรมที่ไม฽พึง ปรารถนา ซงึ่ การปรบั เปล่ียนพฤตกิ รรมดังกล฽าวจะเกดิ ข้ึนได฾ในบรรยากาศของการทาํ งานที่ดี กล฽าวคือ มี การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นความรู฾ ความสามารถของสมาชิกครอบครัวแต฽ละคนได฾รับรู฾ร฽วมกัน มีความ เสียสละ การให฾อภัยซึ่งกันและกัน มีความจริงใจ ต฽อกัน เม่ือสมาชิกครอบครัวต฽างมีความเข฾าใจและใช฾ เหตผุ ลมากกว฽าอารมณแความร฾ูสึก ก็ย฽อมทําให฾ทุกคนอยู฽ร฽วมกัน อย฽างมีความสุข ส฽งผลให฾การปรับเปล่ียน พฤตกิ รรมเปน็ ไปอย฽างเปน็ ธรรมชาติ สรุปได฾ว฽า การเสริมสร฾างพลังในตัวผ฾ูนําครอบครัวและสมาชิกเพื่อครอบครัวอบอ฽ุนมีหลัก สําคัญที่ควรคํานึง ถึงหลายประการ เริ่มต฾นด฾วยการแสวงหาความรู฾ด฾วยตนเอง การเรียนร฾ูเชิง ประสบการณแ การคิดในทางบวก การลงมอื ปฏบิ ตั ิด฾วยตนเอง และการปรบั เปลี่ยนพฤติกรรม ซ่ึงหลักคิด ในการทํางานเหล฽านี้สามารถนํามาใชเ฾ ปน็ กญุ แจไปสพู฽ ลงั ความสาํ เร็จของชวี ติ ครอบครวั ได฾

19 2.1.5 การส฽งเสริมให฾เกิดพื้นท่ีเรียนรู฾สําหรับครอบครัว พื้นที่สร฾างสรรคแเพื่อการเรียนรู฾ สําหรับครอบครัวเด็ก ปฐมวัย (Family learning Center) เป็นพ้ืนท่ีที่มีองคแประกอบด฾านต฽างๆ เช฽น มี สถานท่ี ๆ ปลอดภัย มีกิจกรรมสนุก และเกิดประโยชนแกับเด็ก มีกิจกรรมให฾ความรู฾สําหรับผู฾ใหญ฽ รวมถึง การจัดกิจกรรมสําหรับการใช฾เวลาร฽วมกันระหว฽าง สมาชิกครอบครัว โดยเฉพาะการท่ีครอบครัวได฾มี โอกาสอยด฽ู ว฾ ยกนั ในวนั หยดุ เปน็ สิ่งทม่ี ีค฽าอยา฽ งยิง่ เปน็ เวลาพร฾อม หน฾าสมาชิกครอบครัว หลายครอบครัว พยายามหากิจกรรมท่จี ะทําร฽วมกนั ในวนั ว฽างหรือวันหยุด เช฽น การปลูกต฾นไม฾ ทําอาหาร ช฽วยกันทําความ สะอาดบ฾าน หรือจัดบ฾านให฾น฽าอย฽ู เป็นต฾น ซึ่งเป็นเร่ืองท่ีน฽ารักและยังสร฾างความอบอ฽ุนความ รักใคร฽กัน ภายในครอบครวั ความหลากหลายของการใช฾ชีวิตระหวา฽ งสมาชิกครอบครัวนี้เอง ทําให฾เด็กปฐมวัยได฾รับ ประสบการณแการเรียนรู฾จากหลายวิธีท่ีแตกต฽างกัน ซึ่งเด็กจะสามารถนําประสบการณแ ทัศนคติ ความ คาดหวัง ความรู฾ และทักษะต฽าง ๆ ที่มีความหลากหลายนี้มาใช฾ในการเรียนร฾ูอย฽างผสมผสาน การเรียนร฾ู ของเด็กปฐมวัยเป็นการเรียนร฾ู ท่ีมีลักษณะองคแรวม บนพื้นฐานของการเล฽น เป็นผลให฾เด็กเชื่อมโยง ระหว฽างประสบการณเแ ก฽าและการเรียนร฾ูใหม฽ และพัฒนาแนวความคิดต฽อสิ่งรอบตัวผ฽านความสัมพันธแกับ ส่ิงต฽างๆ เหล฽าน้ัน ทั้งนี้พื้นท่ีเรียนร฾ูสําหรับครอบครัวเด็กปฐมวัย ควรคํานึงถึงสภาพแวดล฾อมท่ีสนับสนุน การเรยี นรขู฾ องเด็กและครอบครัว โดยเป็นพื้นที่ยืดหยุ฽นท่ีจะตอบสนองกับความ สนใจและความต฾องการ ของเด็กและครอบครัวเพ่ือรองรับความสามารถในการเรียนร฾ูและรูปแบบการเรียนรู฾ท่ีแตกต฽าง กันไป โดยเฉพาะเปิดโอกาสให฾เด็กและครอบครัวมีส฽วนร฽วมแสดงความคิดเห็น ความสนใจและการซักถามต฽าง ๆ นอกจากน้ี ยงั จาํ เป็นตอ฾ งพิจารณาวถิ ีทางวฒั นธรรมของครอบครัวที่หลากหลาย เด็กเมื่อเกิดมาจะเป็น ส฽วนหนึ่งของ วัฒนธรรม ซึ่งไม฽เพียงแต฽จะได฾รับอิทธิพลจากการปฏิบัติแบบด้ังเดิม ตามประเพณี มรดก และความรู฾ของบรรพบุรุษ แล฾ว ยังได฾รับอิทธิพลจากประสบการณแ ค฽านิยม และความเช่ือของบุคคลใน ครอบครวั และชมุ ชนของแต฽ละที่อีกด฾วย การให฾ความเคารพต฽อความหลากหลายจึงหมายถึง การท่ีจะให฾ ความสําคัญและสะทอ฾ นใหเ฾ หน็ ถึงการปฏบิ ัติ คา฽ นยิ ม และความเช่ือของครอบครัว เพื่อให฾การยกย฽องเชิด ชูตอ฽ ประวัตศิ าสตรแ วฒั นธรรม ภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณี วิธกี ารอบรมเล้ียงดูเดก็ และทางเลอื กการ ดําเนินชีวิตของครอบครัว เป็นการให฾ความสําคัญต฽อความสามารถของเด็ก ท่ีแตกต฽างกัน และให฾ความ เคารพต฽อความแตกต฽างในชวี ิตครอบครวั ทีบ่ ฾านของเดก็ อีกดว฾ ย 1) พื้นท่ีเรียนร฾ูสําหรับครอบครัวในรูปของกิจกรรม เป็นการจัดกิจกรรมลักษณะ ต฽าง ๆ เพื่อพัฒนา ความเข฾มแข็งอบอ฽ุนของครอบครัวและเครือข฽ายครอบครัว เพื่อเสริมสร฾างการมีส฽วน ร฽วมของครอบครัวและชุมชนให฾ เกิดพื้นที่เรียนร฾ูและภาคีเรียนรู฾ครอบครัวร฽วมกัน ก็เป็นเรื่องสําคัญ เช฽น กิจกรรมเสริมสร฾างความร฽วมมือในการเลี้ยงดู เด็กร฽วมกัน เพื่อสร฾างความร฾ูความเข฾าใจในการส฽งเสริม พัฒนาการและเตรียมความพร฾อมแก฽เด็กเพ่ือให฾เป็นไปในทิศทาง เดียวกัน กิจกรรมแลกเปล่ียนเรียนร฾ู ร฽วมกัน เพ่ือสนับสนุนให฾ครอบครัวใช฾เวลาและโอกาสในการทํากิจกรรมร฽วมกัน อย฽างสร฾างสรรคแ อันจะ นําไปส฽ูความรัก ความอบอ฽นุ ใกล฾ชดิ กัน และเป็นการเสริมสร฾างพัฒนาการให฾แก฽เด็ก กิจกรรม สร฾างแหล฽ง เรียนร฾ูสาํ หรับครอบครวั โดยจัดหาและใหบ฾ ริการยืมหนังสือและสื่อต฽าง ๆ ท่ีเป็นความร฾ูสําหรับครอบครัว

20 ในการเล้ียงดูเด็ก เช฽น หนังสือนิทาน อุปกรณแของเล฽นเด็ก เพ่ือสนับสนุนให฾ศูนยแพัฒนาเด็กเล็กเป็นพื้นที่ การเรียนร฾ู สาํ หรับครอบครัวและชุมชน เปน็ ต฾น 2 )พื้นท่ีเรียนร฾ูสําหรับครอบครัวในรูปของแหล฽งเรียนรู฾ เป็นการเข฾าถึงและใช฾ ประโยชนแจากแหล฽ง เรยี นร฾ทู ่ีเปน็ แหล฽งข฾อมูลข฽าวสาร สารสนเทศ และประสบการณแท่ีครอบครัวสามารถ แสวงหาความรู฾ และเรียนรู฾ด฾วย ตนเอง เพ่ือเสริมสร฾างให฾สมาชิกครอบครัวเกิดกระบวนการเรียนร฾ูและ พัฒนาวิถีการเรียนรู฾ในเร่ืองของความรู฾เกี่ยวกับ ตนเองครอบครัวและชุมชน ความรู฾เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปใญญาไทยและภูมิปใญญาท฾องถ่ิน ความรู฾เก่ียวกับการใช฾ประโยชนแจาก ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล฾อมอย฽างสมดุลและยั่งยืน ความรู฾เก่ียวกับการใช฾ เทคโนโลยีข฾อมูล ข฽าวสารและการตดิ ตอ฽ ส่ือสารผา฽ นระบบเครอื ข฽ายอินเทอรเแ นต็ ครอบครัวควรใช฾แหล฽งการเรยี นร฾ใู กลต฾ ัว ท่ี มอี ยใู฽ นท฾องถ่นิ เปน็ สาํ คัญ และเชอ่ื มโยงกับสังคมโลกปใจจุบันท่ีเป็นสังคมแห฽งการเรียนร฾ูท่ีไร฾พรมแดนผ฽าน เทคโนโลยี สารสนเทศและช฽องทางการส่ือสารในรูปแบบต฽าง ๆ เพ่ือพร฾อมรับการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึ้น อยา฽ งรวดเร็วในสงั คม สมัยใหม฽ สรุปได฾ว฽า หลักคิดที่สําคัญ ๆ ของครอบครัวศึกษาครอบคลุม การสร฾างความตระหนักถึงพลังที่ ย่งิ ใหญข฽ อง ครอบครวั การสนบั สนุนครอบครวั ใหท฾ าํ หนา฾ ที่ตามบทบาทและศักยภาพท่มี ีอย฽ู การเกื้อหนุน แบบแผนและวัฒนธรรม ของครอบครวั การเสริมพลังครอบครัวผ฽านกิจกรรมและสื่อ รวมถึงการส฽งเสริม ใหเ฾ กดิ พนื้ ทเ่ี รยี นรทู฾ ส่ี รา฾ งสรรคแสาํ หรับ ครอบครัว 2.2 เปาู หมายของครอบครวั ศึกษา เปาู หมายหลกั ของครอบครัวศกึ ษามุง฽ เนน฾ การเสรมิ สรา฾ งคุณภาพครอบครัวให฾อบอ฽ุนเข฾มแข็ง และมั่นคง ผ฽าน องคแความรู฾และกระบวนการเรียนร฾ู ที่นําไปสู฽การเปลี่ยนแปลงครอบครัวในระดับ ครัวเรือนไปจนถึงการเปล่ียนแปลง ครอบครัวในระดับประเทศ โดยมีเปูาหมายสําคัญ ๆ หลายประการ ดงั นี้ 2.2.1 เพื่อพัฒนาองคแความร฾ูด฾านครอบครัวและเสริมสร฾างความรู฾ความเข฾าใจท่ีถูกต฾อง เกี่ยวกับครอบครัว ครอบครัวศึกษาถือเป็นความร฾ูเฉพาะเรื่องสําหรับครอบครัวและผ฾ูเก่ียวข฾องกับ ครอบครัว โดยเฉพาะสมาชิกใน ครอบครัวรวมถึงคนทํางานด฾านครอบครัว ซ่ึงทุกฝุายที่เก่ียวข฾อง จําเป็นต฾องมีความร฾ูความเข฾าใจในความหลากมิติและ หลายมุมมองของความเป็นครอบครัว ทั้งในเร่ือง พน้ื ฐานความคิดเก่ียวกับครอบครัว การติดตามสถานการณแครอบครัว และแนวโน฾มในอนาคต ตลอดจน การทําความเข฾าใจกับพัฒนาการของบุคคลวัยต฽างๆ (เข฾าใจคน) เชื่อมโยงกับมิติของหญิง-ชายและวงจร ชวี ิตครอบครัว โดยมจี ุดเรม่ิ ต฾นของการสร฾างครอบครัว (เขา฾ ใจคน) ทเ่ี ก่ียวพันกับสัมพันธภาพ *กรอบครัว ตามระยะต฽างๆ ของวงจรชีวิตครอบครัว (เข฾าใจครอบครัว) รวมทั้งจําเป็นต฾องมีความร฾ูความเข฾าใจของ การประเมนิ ครอบครัว การช฽วยเหลือครอบครัว และการเสริมพลังครอบครัว เพื่อท่ีจะสามารถนําความรู฾ มาใชป฾ ระโยชนแในการดาํ เนนิ ชีวติ ครอบครัวตามความต฾องการของครอบครัวท่ีแตกต฽างกนั

21 2.2.2 เพ่ือพัฒนาทักษะและเคร่ืองมือในการทํางานด฾านครอบครัวการนําองคแความรู฾ทาง ครอบครัวศึกษาไปใช฾ พอทาความเข฾าใจกับการดําเนินชีวิตครอบครัวหรือทํางานกับครอบครัวได฾อย฽างมี ประสิทธภิ าพ ยังจาํ เปน็ ต฾องอาศยั การพฒั นาทกั ษะและเครอ่ื งมือทจ่ี ําเปน็ ตอ฽ การทํางานกบั ครอบครัว ไม฽ ว฽าจะเป็นเรื่องของการประเมินครอบครัว การ ช฽วยเหลือครอบครัว การพัฒนาครอบครัว การเสริมพลัง ครอบครวั การสร฾างเครือขา฽ ยครอบครัว โดยคน฾ หากิจกรรม กระบวนการ วิธีการและเคร่ืองมือสําคัญต฽าง ๆ ผ฽านการจัดกระบวนการเรียนรู฾อย฽างมีส฽วนรว฽ มในรปู แบบตา฽ ง ๆ เพ่ือ ให฾เข฾าถึงการทํางานกับครอบครัว และชุมชนในพื้นที่ต฽าง ๆ ทั้งระดับชุมชนและระดับจังหวัด ตัวอย฽างเช฽น เคร่ืองมือที่ ทําให฾เกิด กระบวนการสร฾างครอบครัวเข฾มแข็ง ประกอบด฾วย (1) การนําคนมาแบ฽งปในประสบการณแซ่ึงกันและกัน ภาย ใต฾การเคารพประสบการณแกันและกัน นอกจากจะเกิดการเรียนร฾ูแล฾วยังส฽งผลให฾จุดประกาย ความคดิ มีความคิดและ มุมมองใหม฽ ๆ ด฾วย (2) การมีคนกลาง ท่ีเอ้ือให฾การสนทนาร฽วมกันที่ดี (3) องคแ ความรู฾ ทอี่ าจจะเจาะจงลงไปในแต฽ละ ประเด็น เช฽น ครอบครัวท่ีมีลูกพิการ เป็นต฾น (4) เครือข฽าย ซ่ึงทํา ให฾การทาํ งานเรอ่ื งครอบครัวทําได฾ง฽ายขึ้น และ (5) กจิ กรรม เพราะการให฾คนเรียนรจู฾ ากอารมณคแ วามรู฾สึก ยอ฽ มทาํ ใหเ฾ กิดแรงบันดาลใจและซมึ ลกึ เขา฾ สจ฽ู ิตใจไดม฾ ากกว฽า การเรยี นรจู฾ ากขอ฾ มลู เปน็ ต฾น 2.2.3 เพ่ือเสริมสร฾างพลังใจที่มุ฽งมั่นเข฾มแข็งและมีปิติสุขในการทํางานครอบครัว ครอบครัว ศึกษามุ฽งส฽งเสริม การเรียนร฾ูเพ่ือพัฒนาวิธีคิดและจิตใจของคนทํางานด฾านครอบครัว เริ่มต้ังแต฽ฐานคติ (ฐานคิดและจิตใจ) ที่คนทํางาน ครอบครัวจําเป็นต฾องมี เพ่ือสร฾างความแข็งแกร฽งของหลักคิดการทํางาน ดา฾ นครอบครวั อาทิ การสรา฾ งครอบครัวมี พน้ื ฐานมาจากความรกั ครอบครัวมีสายใยเช่ือมโยงกันและกัน หรอื ครอบครัวมศี กั ยภาพในการแก฾ปใญหาทด่ี ีท่สี ดุ ของ เกือบทุกเร่ือง ดงั น้ัน การทาํ งานครอบครัวต฾องเร่ิม จากการทําความรู฾จักกับส่ิงดี ๆ ในครอบครัวก฽อน ส฽วนอื่นเป็น องคแประกอบท่ีเข฾ามาร฽วม ซึ่งส่ิงเหล฽าน้ี ล฾วนมีอยู฽โดยธรรมชาติในครอบครัว อย฽ูท่ีว฽าแต฽ละครอบครัวจะนํามาใช฾อย฽างไร ให฾เกิดประโยชนแสูงสุด นอกจากน้ี มมุ มองในการทาํ งานกบั ครอบครัวตามสภาพจริง โดยทาํ ให฾แต฽ละครอบครัวยอมรับ ความจริง เพราะทุกครอบครัวล฾วนมีปใญหาท่ีต฾องเข฾าใจและยอมรับได฾ก฽อน โดยต฾องยอมรับแบบไม฽ต฽อต฾านและ ปกปิด เมื่อยอมรับความจริงได฾ จะทําให฾มนุษยแคิดได฾และมีความคิดและพลังเชิงบวก การทํางานในการ ช฽วยเหลือครอบครัว ก็จะเกิดขึ้นได฾ หากคนทํางานครอบครัวมองแต฽ในแง฽ลบ ครอบครัวจะไม฽สามารถ พัฒนาหรือแก฾ปใญหาได฾ ส฽วน หลักธรรมยึดเหนี่ยวจิตใจของคนทํางานจะเช่ือมโยงกับการตระหนักถึง คุณค฽าในตนเอง คุณธรรมการให฾คุณประโยชนแ จิตอาสา การหล฽อเล้ียงจิตใจด฾วยการคิดในเชิงบวก การ เรียนร฾ูพลงั ทางจิตวิญญาณ การทาํ งานครอบครวั ดว฾ ยหวั ใจท่ี ปีติสุข รวมทั้งการนํากระบวนการพัฒนาจิต และจิตวิญญาณมาใช฾ในการพัฒนาครอบครัว 2.2.4 เพื่อสร฾างแกนนําครอบครัวและเครือข฽ายการทํางานครอบครัว การทําความเข฾าใจ อย฽างลึกซ่ึงต฽อหลักคิด การพัฒนาครอบครัว การมีความรู฾และข฾อมูลข฽าวสารที่หลากหลายเป็นส่ิงจําเป็น สําหรับคนทํางานด฾านครอบครัว เพ่ือ นําไปสู฽การเป็นแกนผลักดันการสร฾างเวทีหรือกิจกรรมการเรียนรู฾ ของครอบครวั ในชุมชนตอ฽ ๆ ไป การสร฾างเวทพี ฒั นาความรูค฾ วามเข฾าใจของครอบครัวหรือพ฽อแม฽กล฽ุมต฽าง

22 ๆ ในพ้ืนที่ชุมชนหรือจังหวัด เช฽น ในพื้นท่ีเทศบาล อบต. โรงเรียน หรือกลุ฽มองคแกรสังคมต฽าง ๆ เป็นต฾น นับวันจะมีความจําเป็นและความสําคัญมากขึ้นทุกขณะ การสร฾างแกนนํา ครอบครัวหรือบุคคลท่ีมีจิต อาสาทาํ งานด฾านครอบครัวในพน้ื ทต่ี า฽ ง ๆ ดว฾ ยกระบวนการเรียนร฾แู บบมีส฽วนร฽วมจึงจําเป็น เช฽นกัน ซึ่งจะ ทําให฾เกิดเวทีร฽วมคิด ร฽วมมองปใญหา ร฽วมหาทางแก฾ไข อันนําไปสู฽การสร฾างและพัฒนาเครือข฽ายการ ทํางาน ครอบครัวในชุมชน ทําให฾เกิดการเรียนรู฾และนําไปส฽ูการวางแผนพัฒนาครอบครัวในชุมชนน้ัน เพื่อไปส฽ูการปฏิบัติตาม แผนและส฽งผลให฾ครอบครัวได฾รับการพัฒนาหรือการช฽วยเหลือ ครอบครัวได฾ แลกเปลี่ยนประสบการณแและสื่อสารข฾อมูล อันเป็นประโยชนแต฽อกันและกัน โดยผ฽านกลไกและสื่อใน ลกั ษณะตา฽ ง ๆ เชือ่ มโยงกับแนวทางการดาํ เนินงานครอบครัว ของหน฽วยงานภาครัฐ 2.2.5 เพื่อส฽งเสริมคุณลักษณะที่พึงประสงคแของครอบครัว เปูาหมายสําคัญของการมีชีวิต ครอบครัวที่ดีหรือ เป็นครอบครัวคุณภาพก็คือ การทําให฾สมาชิกครอบครัวสามารถ “อยู฽ร฽วมกันได฾อย฽าง สมดุลและมีความสุข” กล฽าวคือ ระบบย฽อยภายในครอบครัวมีการดําเนินชีวิตในลักษณะพร฾อมรับการ เปล่ียนแปลงและมคี วามสามารถปรบั ตวั ได฾เสมอ มมี มุ มองต฽อสถานการณตแ า฽ ง ๆ ในเชิงบวก มีความสุขใน ชีวิต ไม฽รู฾สึกหนักหน฽วงในการดําเนินชีวิตอย฽างเกินพอดี จน ต฾องเบียดเบียนผ฾ูอื่นหรือเบียดเบียน ส่ิงแวดลอ฾ ม การอย฽รู ฽วมกันของสมาชกิ ครอบครัวจึงควรยึดหลักพออยู฽พอกินพอใช฾ มีความประหยัด ขยัน อดออม ยึดถือการประกอบอาชพี ดว฾ ยความถูกต฾องและสุจริต ส฽วนใหญ฽ครอบครัวทั่ว ๆ ไปที่ ดําเนินชีวิต ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และร฾ูจักสํารวจตรวจสอบตนเองอย฽ูเสมอ จนสามารถนําความร฾ูความ เข฾าใจ ท่ีได฾รับอย฽างลึกซึ้งมาใช฾กับการดําเนินชีวิตประจําวันและการประกอบอาชีพ จะสามารถปรับวิถี ครอบครัวไปส฽ูการพัฒนา ตนเองท่ีย่ังยืนในอนาคตได฾ ครอบครัวท่ีดําเนินชีวิตบนพ้ืนฐานของการนําหลัก เศรษฐกจิ พอเพียงมาปฏิบัตใิ ชน฾ ั้น ข้ึน แรกตอ฾ งยึดหลัก “พึ่งตนเอง” คือ พยายามพ่ึงตนเองให฾ได฾ก฽อน ใน แต฽ละครอบครัวจึงต฾องมีการบริหารจัดการอย฽าง พอดี ใช฾จ฽ายเงินประหยัดไม฽ฟุมเฟือย เพื่อให฾สมาชิก ครอบครัวแต฽ละคนร฾ูจักประมาณตนเองและมีเหตุผล สิ่งเหล฽าน้ี สามารถปลูกฝใงได฾ตั้งแต฽ปฐมวัยให฾เด็ก เรียนร฾ูและซึมซับแบบอย฽างการดําเนินชีวิตท่ีใช฾คุณธรรมควบคู฽ไปกับความรู฾ เป็นชีวิตท่ีเรียบง฽ายและมี วินยั ในตนเอง กล฽าวได฾ว฽า ครอบครัวศึกษามีเปูาหมายหลักที่มุ฽งเน฾นการเสริมสร฾างคุณภาพครอบครัวให฾ อบอนุ฽ เขม฾ แข็งและ ม่นั คง โดยม฽ุงเน฾นการเข฾าใจสภาพของครอบครัวในบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปของสังคม การเข฾าใจถงึ การสร฾างครอบครัว อบอนุ฽ เข฾มแขง็ ใหพ฾ ่ึงตนเองและรเ฾ู ท฽าทันโลกทเ่ี ปล่ียนแปลงไป การเข฾าใจ ถึงความสัมพันธแระหว฽างสามีภรรยา อันเป็น แกนกลางของความสัมพันธแในครอบครัว การเข฾าใจถึงหลัก คิดและจิตวิทยาการพัฒนาเด็ก การสังเคราะหแความรู฾ ในการใช฾ภูมิปใญญา การสร฾างการเรียนรู฾ของ ครอบครวั แบบไทยในบริบทโลกาภิวตั นแ เพ่ือนาํ ไปใชข฾ ยายผลในชมุ ชน อ่ืน ๆ ตอ฽ ไปได฾

23 3. ความหมายและความสาคญั ของการพัฒนาเด็กปฐมวยั วยั แรกเริม่ ของชวี ติ หรอื ในช฽วงชีวติ ปฐมวัย (Early years) ถือเป็นวัยท่ีเด็กมีการเจริญเติบโตอย฽าง รวดเรว็ ท้ังทางรา฽ งกาย อารมณแ-จติ ใจ สังคม สตปิ ญใ ญาและอปุ นิสัย ถ฾าพ฽อแม฽ต฾องการให฾เด็กเป็นเด็กดี ก็ ต฾องปลูกฝงใ อุปนิสยั หรอื สง฽ เสริมการเรยี นรู฾กนั ตง้ั แต฽เดก็ ยงั เล็กจนอายุประมาณ 6 ปี พอ฽ แมแ฽ ละสมาชกิ ใน ครอบครัวจึงเป็นบุคคลสําคัญ ยิ่งในการกําหนดทิศทางการพัฒนาของเด็กปฐมวัย นอกจากการอบรมส่ัง สอนสิ่งที่ดีและการเป็นตัวอย฽างที่ดีแก฽เด็ก แล฾ว สิ่งที่พ฽อแม฽มักมองข฾ามคือ ท฽าทีของพ฽อแม฽ที่แสดงต฽อเด็ก ซ่ึงเป็นประสบการณแตรงที่เด็ก ๆ ได฾รับ ไม฽ว฽าจะเป็น ประสบการณแทางบวกหรือลบ วัยแรกเร่ิมของชีวิต เป็นวัยท่ีละเอียดอ฽อน จําเป็นท่ีพ฽อแม฽และผ฾ูเก่ียวข฾องทุกฝุายจําเป็น ต฾องเรียนร฾ูและให฾ความสนใจเด็กใน ระยะน้ีมากเปน็ พเิ ศษ 3.1 ความหมายและความสาํ คัญของเด็กปฐมวัย เดก็ ปฐมวยั เปน็ วัยเร่มิ ตน฾ ของชีวิตและพฒั นาการทกุ ด฾าน เดก็ ในวยั นจ้ี ึงมคี วามสาํ คัญอยา฽ งยิง่ กับผ฾ู มีส฽วน เก่ียวข฾อง ไม฽ว฽าจะเป็นพ฽อแม฽ ผ฾ูดูแลเด็ก หรือครู จะต฾องดูแลให฾การอบรมเล้ียงดูอย฽างใกล฾ชิด มี ความเข฾าใจพฒั นาการ และความตอ฾ งการของเด็ก เปน็ แบบอย฽างทด่ี ี เดก็ กจ็ ะเกิดการเรียนรู฾และซึมซับส่ิง ดีดีในชวี ติ เมอื่ เตบิ โตก็จะเป็นผ฾ูใหญ฽ ท่ีมีคุณภาพอยู฽ในสังคมอย฽างมีความสุข และมีบทบาทในการพัฒนา ประเทศชาตไิ ด฾ 3.1.1 ความหมายและการแบ฽งวัยของเด็กปฐมวัย นักวิชาการและนักการศึกษาใน ต฽างประเทศและประเทศไทย ไดร฾ ะบนุ ิยามและการจัดกล฽มุ ชว฽ งอายุเด็กปฐมวัยไว฾ ดงั นี้ “เดก็ ปฐมวัย” (Early Childhood) ตามความหมายในแนวปฏิบัติสําหรับปฐมวัยศึกษาของ สมาคมแหง฽ ชาติ ว฽าด฾วยการศึกษาสําหรับเด็กเล็ก (The National Association for the Education of Young Children's Early Childhood Education Guidelines) ระบุไว฾ว฽า เด็กปฐมวัย หมายถึง เด็กท่ี มีอายตุ ้งั แตแ฽ รกเกิดจนถงึ 8 ปี (Seefeldt & Barbour, 1986: Preface) ส฽วน มาสโซเกล่ีย (Massoglia, 1977: 3) กล฽าวว฽า เด็กปฐมวัย เป็นคําที่ใช฾เรียกเด็กท่ีมีอายุ ตั้งแตป฽ ฏิสนธิ จนถึง 6 ปี ซึง่ อย฽ใู นวยั ทคี่ ณุ ภาพของชวี ิทง้ั ด฾านร฽างกาย อารมณแ สังคม และสตปิ ญใ ญากาํ ลัง เร่ิมตน฾ พัฒนาอยา฽ งเต็มท่ี เด็กปฐมวัย คือ วัยต้ังแต฽อายุ 2 ปี ถึงอายุ 8 ปี และเรียนอยู฽ในระดับช้ันอนุบาล หรือเรียน กอ฽ นเกณฑแบังคับ ยังครอบคลุมถึงเด็กชั้นประถมศึกษาปีท่ีหน่ึงและชั้นประถมศึกษาปีท่ีสอง (หรรษา นิล วิเชยี ร 2534: 1, 51) เด็กปฐมวยั หมายถึง เดก็ ทีม่ อี ายอุ ย฽ูในชว฽ งกอ฽ นวัยเรยี น คอื 0 ถงึ 5 ปี เป็นวัยที่มีพัฒนาการ อย฽างรวดเร็ว จึงเป็นพื้นฐานสําคัญในการพัฒนาไปส฽ูวัยผ฾ูใหญ฽ เพราะการพัฒนาที่ดีและเหมาะสม ย฽อม นาํ ไปสูก฽ ารพฒั นาในข้ันสูง ตอ฽ ไป (ชไมมน ศรสี ุรักษแ 2545: 36) เด็กปฐมวัย หมายถึง เด็กที่มีอายุต้ังแต฽แรกเกิดถึง 8 ปี กล฽าวได฾ว฽า เป็นช฽วงระยะท่ีสําคัญ ท่ีสุดของพัฒนาการ ทุกด฾าน ท้ังทางร฽างกาย สติปใญญา อารมณแ จิตใจ สังคม และบุคลิกภาพ เม่ือ

24 พจิ ารณาตามธรรมชาติ ความต฾องการ การเจริญเติบโตและการเรียนร฾ู สามารถจัดแบ฽งเด็กปฐมวัยได฾เป็น 4 ชว฽ งวยั (สิรมิ า ภญิ โญอนันตพงษแ 2550: 2-3) ไดแ฾ ก฽ 1) วัยทารก (Baby) หมายถึง เด็กทมี่ ีอายตุ งั้ แต฽แรกเกิดถึง 2 ปี โดยเด็กทีม่ ีช฽วงอายุ หนง่ึ เดอื นแรก มกั เรยี กว฽า เด็กแรกเกิด (Neonate) 2) วยั เตาะแตะ หรือวัยเด็กเล็ก (Infant or Toddle) หมายถงึ เด็กท่มี ีช฽วงอายุคาบ เกี่ยว 1 ถึง 3 ปี ตาม พัฒนาการแล฾วเด็กจะเร่ิมหัดเดินเม่ืออายุประมาณ 1 ขวบ ลักษณะการเริ่มหัดเดิน เด็กจะเดินไม฽มั่นคง จึงเรียกเด็กที่ เพ่ิงหัดเดินว฽าเป็น เด็กวัยเตาะแตะ (Infant) คร้ันเติบโตข้ึนอายุ ประมาณ 1 ขวบครึ่ง 2 ขวบ จนถึง 3 ขวบ เด็กมี พัฒนาการทางด฾านร฽างกาย สามารถเดินได฾ด฾วยตนเอง ไม฽ตอ฾ งเอามอื ไปจบั โตะ฿ เกา฾ อี้ หรือผนงั กําแพงในการเดนิ ผ฾ใู หญ฽ ไมต฽ ฾องชว฽ ยเหลือ เป็นวัยท่ีมีความเป็นตัว ของตัวเอง ช฽วงวัยน้ียังเรียกว฽า เด็กวัยเตาะแตะ หรือเด็กเล็ก (Toddle) ซึ่งมีพัฒนาการทางด฾านร฽างกาย เจรญิ ขึ้น กล฾ามเน้ือใหญต฽ ฽าง ๆ แขง็ แรงขึน้ ชอบฝึกฝน ชว฽ ยเหลอื ตนเอง เปน็ ระยะที่ เด็กเริ่มมคี วามอสิ ระ ทั้งทางด฾านร฽างกายและสังคม ชอบเดินไปเดินมาอย฽างอิสระ จึงเป็นช฽วงสําคัญที่แม฽ต฾องคอยดูแล ความ เปน็ อสิ ระของเด็กอย฽างใกลช฾ ิด 3) วยั อนุบาล หมายถึง เดก็ ท่ีมีอายุ 3 ถึง 6 ปี เป็นวัยที่ชอบความเป็นอิสระในการ เคลื่อนไหวและเข฾า สังคมมากข้ึน โดยเรียกเด็กท่ีมีอายุ 3 ถึง 5 ปี ซ่ึงเป็นช฽วงอายุที่พ฽อแม฽นําเด็กเข฾า โรงเรียนอนุบาลว฽า เด็กก฽อนวัยเรียน (Preschooler) และเรียกเด็กท่ีมีอายุ 5 ถึง 6 ปี ซ่ึงเป็นช฽วงวัยเด็ก อนุบาลท่ีเตรียมตัวเรียนประถมศกึ ษาปีท่ี 1 วา฽ เด็กอนุบาล (Kindergartener) 4) วัยอนุบาลตอนปลาย หมายถึง เด็กท่ีมีอายุ 6 ถึง 8 ปี เป็นวัยที่คาบเก่ียว ระหว฽างเดก็ ที่เรียนอย฽ู ช้ันอนบุ าลกบั ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 1 และช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 2 กลา฽ วโดยสรุป เด็กปฐมวัย จะหมายถึง เด็กตั้งแต฽แรกเกิดจนถึงอายุต่ํากว฽า 6 ปี ทั้งในระบบและ นอกระบบ การศึกษา ซ่ึงพัฒนาการด฾านร฽างกาย อารมณแ จิตใจ สังคม และสติปใญญา กําลังพัฒนาอย฽าง เต็มที่ตามศักยภาพและ วัย โดยครอบคลุมเด็กที่เลี้ยงดูในบ฾านโดยครอบครัว หรือเด็กท่ีอยู฽ในศูนยแ โภชนาการเด็ก หรือสถานรับเลี้ยงเด็กกลาง วัน หรือศูนยแพัฒนาเด็กเล็ก หรือที่เรียกว฽าศูนยแเด็กก฽อนวัย เรียน รวมถึงเด็กที่เรียนในชั้นอนุบาล 1 และ 2 ในโรงเรียน อนุบาลของรัฐบาลและเอกชนหรือใน โรงเรียนอื่นใดที่เปิดชั้นอนุบาล 1 และ 2 หรือชั้นเด็กเล็กเป็นส฽วนหน่ึงของโรงเรียน ซ่ึงในที่น้ีจะแบ฽งเด็ก ปฐมวยั เปน็ 2 กล฽ุมอายุ ไดแ฾ ก฽ กลุ฽มอายุเดก็ ท่ีมีอายตุ าํ่ กวา฽ 3 ปี และกลม฽ุ อายุเด็กท่ีมีอายุ 3 ถงึ 6 ปี 3.1.2 ธรรมชาติของเด็กปฐมวัย เด็กปฐมวัยเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาด฾าน บคุ ลิกภาพมากที่สดุ ธรรมชาติของเด็กในวยั น้ี มดี งั น้ี : 1) เป็นวัยอยากรู฾อยากเห็น เด็กวัยนี้มีความสงสัยในส่ิงต฽าง ๆ ชอบซักถามจนกว฽า จะได฾คําตอบที่ ชัดเจน 2) มีความเป็นตัวของตัวเอง เด็กวัยนี้ยึดตนเองเป็นศูนยแกลาง ไม฽สามารถเข฾าใจ ความคิดเห็นของ ผ฾ูอน่ื มักคิดว฽าสงิ่ ท่ตี นรับรคู฾ นอ่ืนก็รับร฾ดู ฾วย

25 3) แสดงอารมณแออกมาอย฽างเปิดเผย เด็กวัยน้ีเปล่ียนแปลงอารมณแได฾ง฽าย ๆ รู฾สึก อย฽างไรก็แสดงออก มาอยา฽ งนัน้ มคี วามตอ฾ งการและความร฾สู ึกเหมือนผใู฾ หญ฽ 4) ไมช฽ อบอยูน฽ ่งิ อยกู฽ บั ท่ี เดก็ วยั นส้ี นใจใฝรุ ฾ูสง่ิ แวดล฾อมรอบตัว ชอบทดสอบทดลอง ส่งิ ตา฽ ง ๆ แต฽ มคี วามสนใจเพียงระยะส้นั ๆ เท฽านน้ั 5) จดจําในทุกสิ่งท่ีเห็นและกล฾าแสดงออก เด็กวัยนี้เร่ิมแสดงพฤติกรรมต฽าง ๆ ออกมาใหเ฾ หน็ ตาม แบบอย฽าง เชน฽ การเลยี นแบบพอ฽ แม฽ ครแู ละเพอื่ นในวัยเดียวกนั ดงั นัน้ พ฽อแมค฽ รูหรือผู฾เกีย่ วขอ฾ งในการดูแลเด็กจะต฾องเรียนร฾แู ละเขา฾ ใจธรรมชาตขิ องเดก็ เพื่อชว฽ ย ส฽งเสริม พัฒนาบุคลิกภาพท่ีดีให฾กับเด็กปฐมวัย เด็กปฐมวัยเป็นวัยที่มีความอยากรู฾อยากเห็นต฽อ ส่ิงแวดล฾อมอยู฽ตลอดเวลา เพราะเป็นวัยที่มีการพัฒนาทางสติปใญญาสูงที่สุดของชีวิต การส฽งเสริมให฾เด็ก ปฐมวัยสามารถคิดหาเหตุผล แสวงหา ความร฾ู สามารถแก฾ปใญหาได฾ตามวัยของเด็ก ด฾วยการจัดกิจกรรม ใหเ฾ ด็กได฾ลงมอื กระทาํ ด฾วยตนเองจากสิ่งแวดล฾อม รอบ ๆ ตวั 3.1.3 ความสําคัญของเด็กปฐมวัย นักจิตวิทยาและนักการศึกษาหลายท฽านมีแนวคิด เกยี่ วกับความสาํ คัญของ เดก็ ปฐมวยั วา฽ เด็กตงั้ แตแ฽ รกเกิดถึงอายุ 6 ปี เป็นระยะที่เด็กเกิดการเรียนร฾ูมาก ที่สุดในชีวิต และการเรียนรู฾เหล฽า จะมีอิทธิพลต฽อชีวิตในอนาคตของเด็กเป็นอย฽างย่ิง (ปรียา เกตุทัต 2552: 243-246, 265) ดงั นี้ : ฟรอยดแ (Sigmund Freud) จิตแพทยแและนักจิตวิทยาชาวออสเตรีย เป็นผ฾ูนําทฤษฎีจิต วิเคราะหแมาอธิบาย โครงสร฾างและพัฒนาการทางบุคลิกภาพของบุคคล ฟรอยดแพบว฽า ประสบการณแใน วัยเด็กเป็นส่ิงสําคัญและมีอิทธิพล ต฽อพัฒนาการด฾านต฽าง ๆ ของบุคคลเมื่อเติบโตเป็นผู฾ใหญ฽ โดยเช่ือว฽า การอบรมเล้ียงดูในวัย 6 ปีแรกของชีวิตจะมีผล ต฽อพัฒนาการทางบุคลิกภาพของเด็กในอนาคต และแม฽ จะมอี ิทธพิ ลอยา฽ งสงู ต฽อบุคลิกภาพและสุขภาพจิตของเดก็ ใน ชว฽ งอายุตา฽ ง ๆ ฉะน้ันในวัยนี้จึงเป็นโอกาสท่ี พ฽อแม฽จะถ฽ายทอดลักษณะท฽าทางการปฏิบัติตนเย่ียงสุภาพบุรุษและสุภาพ สตรี มีพฤติกรรมท่ีดีและ เหมาะสมให฾ลูกหญิงและชายได฾เลียนแบบ เพ่ือให฾เด็กได฾เห็นความแตกต฽างทางเพศ และวาง แนวทางท่ี ถูกต฾องในการปฏิบัตติ น อีริคสัน (Erik Erikson) จิตแพทยแและนักจิตวิทยาชาวเยอรมัน มีความเห็นสอดคล฾องกับฟ รอยดใแ นเรื่อง ของความรักความอบอุ฽นในวัยทารกและอิทธิพลของการอบรมเล้ียงดูของพ฽อแม฽ ท่ีมีผลต฽อ บุคลิกภาพของเด็กใน วัยต฽อมา แต฽อีริคสันเน฾นความสําคัญของสังคมและสิ่งแวดล฾อมต฽าง ๆ ตลอดจน ระยะเวลาการเจริญเตบิ โตต้งั แต฽วัย ทารกจนถึงวยั ผูใ฾ หญ฽ทส่ี มบรู ณแ เพียเจทแ (Jean Piaget) นักจิตวิทยาชาวสวิส เป็นผ฾ูพัฒนาทฤษฎีทางสติปใญญาจากการ ศึกษาวิจัย เพียเจทแ พบว฽า เด็กปฐมวัยช฽วงอายุ 2 ถึง 6 ปี มีพัฒนาการทางสติปใญญาอยู฽ในข้ันความคิด ก฽อนเกิดปฏิบัติการ (Preoperational thought period) เป็นข้ันท่ีเด็กเริ่มเรียนร฾ูภาษาพูด และเข฾าใจ เครื่องหมาย และท฽าทางในการส่ือความหมาย เรียนร฾ูส่ิงต฽าง ๆ ได฾ดีขึ้นผ฽านการรับรู฾ทางประสาทสัมผัส ความสามารถในการคดิ หาเหตผุ ลยงั ติดอยทู฽ ีก่ ารรับร฾ู ดงั นนั้ พ฽อแม฽จึงจําเป็นต฾องฝึกทักษะการใช฾ประสาท

26 สัมผัสต฽าง ๆ ให฾แก฽เด็ก โดยการจัดสภาพแวดล฾อมและประสบการณแที่มี คุณค฽าให฾แก฽เด็ก เพ่ือพัฒนา ประสาทการรบั รู฾การเคล่ือนไหวด฾วยตนเอง เพ่ือให฾มีประสบการณแที่จะช฽วยกระตุ฾นความ คิด ร฾ูจักวิธีการ เรยี นรเ฾ู พ่อื พฒั นาโครงสร฾างทางสตปิ ญใ ญาในขน้ั ต฽อไปให฾สมบูรณแยง่ิ ข้ึน ฮาวิกเฮิรแสทแ (Havighurst) ได฾เสนองานตามข้ันพัฒนาการ (Developmental tasks) ของ มนุษยแในแต฽ละวัย ต้ังแต฽วัยเด็กจนถึงวัยชรา งานตามขั้นพัฒนาการ หมายถึง งานท่ีบุคคลแต฽ละวัย สามารถเรียนรู฾ได฾เมื่อได฾รับการกระต฾ุน และการส฽งเสริมในสิ่งแวดล฾อมท่ีเหมาะสม ฮาวิกเฮิรแสทแ กล฽าวว฽า ถ฾าเด็กร฾ูจักปรับตัวและประสบความสําเร็จในงานตาม ขั้นพัฒนาการเมื่ออย฽ูในช฽วงปฐมวัย เด็กก็จะมี ความสุขและนําไปส฽คู วามสําเรจ็ ในงานตามข้ันพัฒนาการข้ันสูงในวัยต฽อ ไปได฾ถ฾าพ฽อแม฽ให฾การอบรมเล้ียง ดูเด็กโดยจัดส่ิงแวดล฾อมและประสบการณแท่ีเหมาะสมให฾ เด็กก็จะประสบความสําเร็จ ของงานตามข้ัน พฒั นาการตามวยั เด็กจะเติบโตเปน็ ผใู฾ หญท฽ ี่มีคุณภาพ และมีโอกาสใชค฾ วามสามารถไดเ฾ ตม็ ศักยภาพ บลูม (Bloonm) ศาสตราจารยแแห฽งมหาวิทยาลัยชิคาโก สหรัฐอเมริกา ได฾กล฽าวถึง ความสําคัญของเด็กปฐมวัย ไว฾ว฽า ต้ังแต฽แรกเกิดจนถึงอายุ 4 ขวบ เด็กสามารถเรียนรู฾ส่ิงต฽าง ๆ ได฾ถึง ครึ่งหน่ึงท่ีจะสามารถเรียนรู฾เมื่ออายุ 17 ปี เน่ืองจากเป็นวัยท่ีพัฒนาการด฾านสติปใญญาพัฒนาสูงสุด ดังนัน้ จึงอาจสรุปไดว฾ ฽า ช฽วงเวลาที่สําคัญท่ีสุดและเด็กจะ สามารถเรียนร฾ูได฾มากท่ีสุดเป็นช฽วงปฐมวัย บลู มกล฽าวว฽า การปลูกฝใงและสร฾างเสริมให฾บุคคลมีเจตคติและลักษณะนิสัย ที่ดี ต฾องเร่ิมต้ังแต฽ปฐมวัย บลูม ได฾อธบิ ายข้ันตอนของพฒั นาการทางคุณธรรม จริยธรรมของบุคลไว฾ทั้งหมด 5 ขั้น โดย เด็กวัยน้ีจะอย฽ูใน ข้ันตอนแรก คือ ข้ันการรับร฾ู ซ่ึงถือว฽าเป็นขั้นตอนสําคัญท่ีเป็นพ้ืนฐานของการพัฒนาในข้ันตอนต฽อ ๆไป ในข้ันน้ีเด็กต฾องมีโอกาสได฾รับรู฾และใส฽ใจในสิ่งนั้น ๆ ก฽อน หากต฾องการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม หรือ ค฽านิยมใด ๆ ให฾แก฽เด็ก พ฽อแม฽ผ฾ูปกครองต฾องจัดสิ่งเร฾าหรือสถานการณแที่จะช฽วยให฾เด็กเกิดการรับรู฾ และ สนใจในคุณธรรม จริยธรรม หรือค฽านิยมน้ัน ๆ เม่ือเด็กได฾รับรู฾และเกิดความสนใจในสิ่งน้ันแล฾ว ต฾องให฾ เด็กได฾มีโอกาสตอบสนองและเกิดความรู฾สึกพึงพอใจ จะช฽วยให฾เด็กพัฒนาความสนใจต฽อส่ิงนั้นมากขึ้น และพัฒนาไปจนถึงระดับเป็นลกั ษณะนิสัยได฾ในทส่ี ดุ สรุปไดว฾ ฽า วัยทเ่ี ร่ิมตน฾ ของชวี ิต คือช฽วงอายแุ รกเกดิ ถงึ 6 ปีแรก เป็นวัยที่มีความสําคัญอย฽างยิ่งต฽อ ชีวติ พอ฽ แม฽ และครอบครัวจะมีอิทธิพลต฽อบุคลิกภาพและสุขภาพจิตของเด็กมาก หากเด็กได฾รับการดูแล เอาใจใส฽อย฽างดีย฽อม ส฽งผลให฾เด็กเติบโตเป็นผู฾ใหญ฽ที่มีคุณภาพในอนาคต นอกจากน้ี ผ฾ูดูแลเด็กหรือ ครผู ูส฾ อนยงั มบี ทบาทในการจัด ประสบการณแการเรียนร฾ูให฾สอดคล฾องกับความต฾องการของเด็ก ซ่ึงผ฾ูดูแล เด็กหรือตัวครูจะต฾องเห็นความสําคัญและ เข฾าใจธรรมชาติและพัฒนาการของเด็กในช฽วงวัยน้ีเสียก฽อนจึง จะสามารถจดั ประสบการณใแ ห฾สอดคลอ฾ งและสง฽ เสริม พัฒนาการในแต฽ละดา฾ นได฾ 3.2 ความหมายของการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย เด็กปฐมวยั เป็นเดก็ ทีม่ คี วามสาํ คญั ต฽อการจัดการศึกษาหรือการเรียนร฾ูเพ่ือให฾เด็กได฾เติบโตอย฽างมี คุณภาพ ซึ่งเด็กทุกคนมีสิทธิท่ีจะได฾รับการอบรม เลี้ยงดู และส฽งเสริมกระบวนการเรียนร฾ูท่ีสนองต฽อ ธรรมชาติและพัฒนาการ ของเด็กแต฽ละคนตามศักยภาพ ภายใต฾บริบทของสังคมและวัฒนธรรมท่ีเด็ก

27 อาศยั อยู฽ ดว฾ ยความรัก ความเอื้ออาทร และความเข฾าใจของทุกคน เพื่อสร฾างรากฐานคุณภาพชีวิตให฾เด็ก พฒั นาไปสค฽ู วามเป็นมนุษยแที่สมบูรณแ เกิดคุณค฽า ต฽อตนเองและสังคม ด฾วยปฏิสัมพันธแที่ดีระหว฽างเด็กกับ พ฽อแม฽ เด็กกับผ฾ูเลี้ยงดูหรือบุคลากรท่ีมีความรู฾ความสามารถ ในการอบรมเลี้ยงดูและให฾การศึกษาเด็ก ปฐมวัย เพ่ือให฾เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเองตามลําดับขั้นของพัฒนาการทุกด฾าน อย฽างสมดุล และเต็มตาม ศักยภาพ เมือ่ กลา฽ วถงึ การพัฒนาเด็กปฐมวัย จึงหมายถึงการอบรมเลี้ยงดูเด็กโดยคํานึงถึงสิทธิเด็กผ฽านการ ตอบสนอง ความต฾องการตามวัยและศักยภาพ การจัดประสบการณแการเรียนรู฾เพ่ือให฾เด็กพัฒนาได฾ สอดคล฾องกับพัฒนาการของ สมองตามศักยภาพและความสามารถในแต฽ละวัย การจัดสภาพแวดล฾อมท่ี ปลอดภยั และเอือ้ ต฽อความสขุ ของเด็ก เน่ืองจากช฽วงเวลาท่ีสําคัญและจําเป็นที่สุดในการพัฒนาสมองของ เด็กคือ ในช฽วง 6 ปีแรกของชีวิต เด็กที่ไม฽ได฾รับ การเล้ียงดูและพัฒนาอย฽างถูกต฾องในช฽วงเวลานี้ เมื่อพ฾น วยั นี้แล฾วโอกาสทองเช฽นนจี้ ะไม฽หวนกลับมาอกี ดังน้นั ครอบครวั พ฽อแม฽ ผ฾ูปกครอง ครู ผู฾เลี้ยงดูเด็กต฾องมี ความร฾ูความเข฾าใจและตระหนักถึงความสําคัญของการพัฒนาเด็กในช฽วง ปฐมวัยนี้ อีกท้ังเด็กปฐมวัยอย฽ู ในช฽วงวัยที่กําลังสนใจ และกระตือรือร฾นเรียนรู฾จากสิ่งแวดล฾อม ต฾องการร฽วมกิจกรรม และมีปฏิสัมพันธแ กับบุคคลต฽าง ๆ ท่ีอยู฽นอกครอบครัว เด็กต฾องการประสบการณแที่แปลกใหม฽ที่จะช฽วยให฾คลายการยึด ตนเองเป็นศูนยแกลาง ต฾องการทํากิจกรรมร฽วมกับคนอ่ืนเพื่อเรียนร฾ูการปรับตัวท่ีจะอย฽ูในสังคมได฾อย฽างมี ความสขุ 3.3 ความสาํ คญั ของการพัฒนาเดก็ ปฐมวยั เด็กปฐมวัยหรือเด็กวัยต้ังแต฽แรกเกิดถึงอายุตํ่ากว฽า 6 ปี (5 ปี 11 เดือน 29 วัน) เป็นช฽วงอายุท่ีมี อัตราของการ เจริญเติบโตและพัฒนาการสูง ถ฾าเด็กได฾รับการเล้ียงดูที่ดีและถูกต฾องตามหลักจิตวิทยา และหลักวิชาการอื่น ๆ ที่ เก่ียวข฾อง เด็กก็จะเติบโตพัฒนาได฾เต็มตามศักยภาพ ซ่ึงงานวิจัยต฽าง ๆ และ ทฤษฎีต฽าง ๆ ท่ีเก่ียวกับเด็กปฐมวัย ได฾ ระบุว฽าช฽วงเวลาที่สําคัญและจําเป็นท่ีสุดในการพัฒนาสมองคือ ในช฽วง 5 ปีแรกของชีวิต เด็กที่ไม฽ได฾รับการเลี้ยงดูและ พัฒนาอย฽างถูกต฾องในช฽วงเวลานี้เมื่อพ฾นวัยน้ีแล฾ว โอกาสทองเช฽นนี้จะไม฽หวนกลับมาอีก ดังน้ัน ผ฾ูเกี่ยวข฾องทุกฝุาย ไม฽ ว฽าจะเป็นครอบครัว พ฽อแม฽ ผ฾ูปกครอง ครู ผ฾ูเล้ียงดูเด็ก จําเป็นต฾องมีความร฾ูความเข฾าใจและตระหนักถึงความสําคัญ ของการพัฒนา เดก็ ในชว฽ งวัย 0-5 ปี ซ่ึงถือได฾ว฽า เป็นวัยวางรากฐานชีวิต โดยสามารถให฾การเลี้ยงดูและจัดประสบการณแ ส฽งเสริมเด็กใหเ฾ กดิ การเรยี นรแู฾ ละพฒั นาไดเ฾ ตม็ ตามศักยภาพ กลา฽ วได฾ว฽า ช฽วงอายุปฐมวัยน้นั เป็นช฽วงเวลา ที่สําคัญอย฽างยิ่งสําหรับการพัฒนาชีวิตของเด็ก สมองของเด็กพัฒนาอย฽างรวดเร็วในช฽วง 5-6 ปีแรกของ ชีวติ เปน็ ช฽วงเวลาท่ี เด็กมีการพัฒนาทางการรบั รู฾ ภาษา สงั คม อารมณแและกลา฾ มเนือ้ อยา฽ งรวดเรว็ การพัฒนามนุษยแอย฽างมีประสิทธิภาพ จําเป็นต฾องเร่ิมต้ังแต฽อยู฽ในครรภแมารดา ช฽วงปฐมวัยและ ต฽อเนื่องตลอด ชีวิต หลักวิชาและการวิจัยได฾แสดงว฽าปใจจัยแวดล฾อมและการเลี้ยงดูที่เหมาะสม สามารถ เปล่ียนโครงสร฾างและ ประสิทธิภาพการทํางานของสมองมนุษยแได฾ เวลาท่ีสําคัญและจําเป็นท่ีสุดในการ พัฒนาสมองคือในช฽วง 5 ปีแรกของ ชีวิต ดังน้ัน การพัฒนาคุณภาพมนุษยแที่ยั่งยืนและปูองกันปใญหา

28 สงั คมในระยะยาว จําเป็นตอ฾ งเรม่ิ พัฒนาตั้งแต฽ ช฽วงปฐมวัย โดยเน฾นให฾ครอบครัวเป็นแกนหลักและชุมชน เปน็ ฐานทม่ี ีสว฽ นรว฽ มอย฽างแท฾จรงิ ในการพัฒนาเลย้ี งดูเดก็ ทกุ ข้นั ตอน การพฒั นาทางสมองของเดก็ ข้นึ อยกู฽ ับการกระตุน฾ ทางสงิ่ แวดลอ฾ ม โดยเฉพาะอยา฽ งยงิ่ คุณภาพของ การเลีย้ ง ดูและระดับการปฏิสมั พนั ธแท่เี ดก็ ไดร฾ ับ เดก็ ทไี่ ด฾รบั การกอด คุยเล฽นหยอกล฾อ อุ฾มชูด฾วยความเอ้ือ อาทร และกระตุ฾นการ มองเห็นผ฽านการเล฽นกับพ฽อแม฽ผู฾เล้ียงดูหรือผ฽านการได฾ยินเสียงจากการอ฽าน-เล฽า นิทาน ท฽องคําคล฾องจอง ฟงใ เสียงเพลง หรือดนตรี จะได฾เปรียบกว฽าเด็กท่ีไม฽ได฾รับสิ่งเหล฽านี้หลายเท฽า เด็ก ที่ได฾รับการเลี้ยงดูเอาใจใส฽อย฽างใกล฾ชิดย฽อมมีโอกาส ที่จะพัฒนาทักษะทางด฾านการรับรู฾ ภาษา อารมณแ และสังคมอย฽างเตม็ ที่ มโี อกาสท่ีจะเตบิ โตขึ้นอย฽างสมบูรณแแ ข็งแรง และมคี วามเชือ่ มน่ั และรจ฾ู ักคุณค฽าของ ตนมากกว฽าเด็กท่ไี มไ฽ ด฾รับการสนใจเอาใจใส฽ การพฒั นาในแต฽ละด฾านนี้ล฾วนแต฽ มีความสําคัญต฽อชีวิตความ เปน็ ผใู฾ หญ฽ เพราะประสบการณแในวยั เด็กเป็นสงิ่ ท่มี ีอิทธพิ ลตอ฽ ความเป็นตัวตนของผูใ฾ หญ฽ ในวนั น้ี สรุปได฾ว฽า การพัฒนาเด็กปฐมวัยเพ่ือให฾เด็กมีพัฒนาการทุกด฾านสมวัยอย฽างสมดุล นับต้ังแต฽ ปฏสิ นธิจวบจน เจริญวยั ก฽อนเข฾าส฽ูระบบโรงเรยี น จําเป็นต฾องมีการตนื่ ตวั และผนึกกาํ ลงั กันทกุ ฝุายทกุ ภาค ส฽วนของสังคม ท้ังภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคท฾องถิ่นและภาคประชาสังคม ในอันที่จะร฽วมกันส฽งเสริม ครอบครัวให฾พ฽อแม฽ผ฾ูปกครองมีความรักและ ความร฾ู สามารถทําหน฾าที่อบรมเลี้ยงดูบุตรหลานได฾ถูกวิธี โดยผ฾ูดูแลเด็ก ครู รวมทั้งเจ฾าหน฾าที่สาธารณสุข ก็ล฾วนมี บทบาทสําคัญย่ิงต฽อการพัฒนาเด็กปฐมวัยให฾ เจริญเติบโตพัฒนาไปในทิศทางที่พึงประสงคแ บุคคลเหล฽าน้ีต฾องมีหลัก วิชาความร฾ูทางครอบครัวศึกษา และทักษะที่ถูกต฾องในการเล้ียงดูเด็ก แม฾สภาพแวดล฾อมของบ฾านเป็นส่ิงที่สําคัญที่สุด ในช฽วงชีวิตวัยเด็ก แตถ฽ งึ กระนนั้ กต็ ามยังจําเปน็ อยา฽ งยง่ิ ท่เี ดก็ ปฐมวัย จะตอ฾ งไดม฾ ีโอกาสรับบริการพัฒนาเด็กปฐมวัย รูปแบบ ใดรปู แบบหนึ่ง เช฽น บริการในศูนยแพัฒนาเด็กเล็ก สถานรับเล้ียงเด็ก หรือโรงเรียนอนุบาล รวมถึงบริการ สาธารณสุข ในการเฝาู ระวังและตดิ ตามการเจริญเตบิ โตและพัฒนาการเดก็ ตามวัยหรือชว฽ งอายุ 4. หลักคดิ และเป้าหมายของการพัฒนาเด็กปฐมวยั การพัฒนาเด็กปฐมวัยถือเป็นโอกาสทองของการพัฒนาคุณภาพประชากรและพัฒนาการเรียนร฾ู เพราะเป็น ช฽วงเวลาสําคัญท่ีสุดที่สมองมีการพัฒนาการสูงสุด อันส฽งผลต฽อพัฒนาการทางสติปใญญา บุคลิกภาพ และความฉลาด ทางอารมณแ การลงทุนเพ่ือพัฒนาทรัพยากรมนุษยแจึงถือเป็นการลงทุนที่ คุ฾มค฽าท่ีสุด จากผลการศึกษาของนัก เศรษฐศาสตรแรางวัลโนเบล (James Heckman) ได฾ติดตามศึกษา เด็กและเยาวชนอย฽างต฽อเนื่องหลายทศวรรษใน ประเทศต฽าง ๆ พบว฽า การพัฒนาทรัพยากรมนุษยแต้ังแต฽ ช฽วงปฐมวัยจะเป็นการลงทุนท่ีคุ฾มค฽า โดยเด็กที่ได฾รับสารอาหาร และการดูแลสุขภาพที่ดีในช฽วงแรกของ ชีวิตจะมีทักษะทางกายภาพ IQ และ EO ท่ีดีกว฽า มีโอกาสท่ีจะเข฾าเรียนจนถึง ระดับอุดมศึกษาสูงกว฽า สามารถลดโอกาสการซ้ําชั้นหรือออกกลางคัน และมีโอกาสเป็นกําลังแรงงานท่ีมีคุณภาพ มีรายได฾สูงใน อนาคต สําหรับการดูแลเด็กปฐมวัยในประเทศไทยพบว฽า เด็กวัย 0 ถึง 2 ปีจะอยู฽ในการดูแลของ ผ฾ูปกครอง และเม่ือ เข฾าส฽ูช฽วงอายุ 3 ถึง 5 ปีจะส฽งเข฾าสถานรับเล้ียงเด็กปฐมวัยต฽าง ๆ เช฽น โรงเรียน

29 อนุบาล หรือศูนยแพัฒนาเด็กเล็ก ภาย ใต฾การดูแลขององคแกรปกครองส฽วนท฾องถิ่น ซึ่งในปี 2554 มีศูนยแ พัฒนาเด็กเล็กทั้งสิ้น 19,718 แห฽ง เด็กปฐมวัย 911,143 คน และครูผู฾ดูแลเด็ก/ผ฾ูดูแลเด็ก 51,193 คน กล฽าวคือ ครูผ฾ูดูแลเด็ก 1 คน ต฾องรับผิดชอบเด็กปฐมวัย 17 คน ซ่ึงจากผลการศึกษาของสถาบัน พัฒนาการสาธารณสุขอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล ปี 2550 พบว฽า การจัด การศึกษาให฾แก฽เด็กปฐมวัย ของท฾องถิ่นยงั มอี ปุ สรรคจากการนํานโยบายไปสูก฽ ารปฏิบัติ ด฾วยข฾อจาํ กดั ของคณุ ภาพ และมาตรฐานของ การจดั การเรียนร฾ูแก฽เด็กปฐมวัยของศูนยแพัฒนาเด็กเล็กขนาดใหญ฽และศูนยแพัฒนาเด็กเล็ก ขนาดเล็ก ครู ผู฾ดูแลเด็กและผ฾ูดูแลเด็กไม฽ได฾รับการพัฒนาศักยภาพด฾านการจัดทําหลักสูตรเท฽าท่ีควร และปใญหาการ จดั สรรงบประมาณทีไ่ ม฽สอดคล฾องกับสภาพจริง 4.1 หลกั คิดของการพฒั นาเด็กปฐมวัย การพฒั นาเด็กปฐมวยั มหี ลักคิดสําคัญทพ่ี อ฽ แม฽ผป฾ู กครอง ครูผ฾ูดูแลเด็กหรือผู฾เก่ียวข฾องมิควรละเลย ในการ พัฒนาเด็กปฐมวัย น่ันคือ การใส฽ใจดูแลเด็กโดยตระหนักถึงสิทธิเด็ก การส฽งเสริมพัฒนาการและ การเรียนรู฾ของ เด็กตามวัย การสนับสนุนการเล฽นของเด็กตามวัยและความสนใจของเด็ก และการจัด สภาพแวดลอ฾ มท่ีปลอดภยั และ มคี วามสขุ 4.1.1 การใสใจและดูแลเด็กปฐมวัยบนพ้ืนฐานของสิทธิเด็ก สิทธิข้ันพื้นฐานของเด็ก 4 ประการ ไดแ฾ ก฽ 1) สิทธิในการอยู฽รอด (Right of Survival) เด็กทุกคนมีสิทธิติดตัวที่จะมีชีวิตรอด ปลอดภยั เดก็ ควร ไดร฾ บั การดูแลสุขภาพอย฽างเหมาะสม รวมถึงมารดาทั้งก฽อนและหลังคลอด เด็กมีสิทธิ ที่จะได฾รับการจดทะเบียนทันที หลังการเกิด และจะมีสิทธิที่จะมีชื่อนับแต฽เกิดและสิทธิที่จะได฾สัญชาติ และเท฽าท่ีจะเป็นไปได฾ สิทธิท่ีจะร฾ูจักและได฾รับ การดูแลเลี้ยงดูจากบิดามารดาของตน เด็กมีสิทธิท่ีจะ ได฾รับบริการทางสาธารณสขุ ทีไ่ ด฾มาตรฐานสูงที่สุดเท฽าท่ีจะหาได฾ และสิ่งอํานวยความสะดวก สําหรับการ บําบัดรักษาความเจ็บปุวยและการฟื้นฟูสุขภาพ เด็กต฾องได฾รับโภชนาการท่ีดี โดยการจัดหาอาหารท่ีถูก หลักโภชนาการและนํ้าดื่มท่ีสะอาดอย฽างเพียงพอ ท้ังน้ี โดยพิจารณาถึงอันตรายและ ความเสี่ยงของ มลภาวะแวดลอ฾ ม เดก็ ต฾องไดร฾ ับความรักการเอาใจใส฽จากครอบครัวอย฽างใกล฾ชดิ 2) สิทธิในการปกปูองค฾ุมครอง (Right of Protection) เด็กต฾องได฾รับการค฾ุมครอง จากการเลือกปฏิบัติ หรือการลงโทษในทุกรูปแบบ บนพื้นฐานของสถานภาพ กิจกรรมความคิดเห็นท่ี แสดงออกหรือความเช่ือของบดิ ามารดาผ฾ูปกครองตามกฎหมายหรือสมาชิกในครอบครัวของเด็ก เด็กต฾อง ไดร฾ ับการคมุ฾ ครองจากรปู แบบทัง้ ปวงการทํารา฾ ยหรือการกระทาํ อันมชิ อบ การทอดทิ้งหรือการปฏิบัติโดย ประมาท รวมถึงการกระทําอันมิชอบทางเพศ ขณะอย฽ู ในความดูแลของบิดามารดา ผ฾ูผ฾ูปกครองตาม กฎหมาย หรือบุคคลอ่ืนใดซ่ึงเด็กน้ันอยู฽ในความดูแล เด็กท่ีพิการทางร฽างกายหรือจิต ควรได฾รับการดูแล เป็นพิเศษให฾มีชีวิตสมบูรณแและปกติสุขในสุขภาวะที่ประกันในศักด์ิศรี ส฽งเสริมการพ่ึงตนเองและ เอือ้ อํานวยให฾เด็กมีส฽วนร฽วมอยา฽ งแขง็ ขันในชมุ ชน

30 3) สิทธิในการพัฒนา (Right of Development) ท่ีเท฽าเทียมกัน การศึกษาของ เด็กจะตอ฾ งมุง฽ ไปสู฽การพัฒนาบุคล ด฾านร฽างกายและจิตใจของเด็กให฾เต็มศักยภาพของเด็กแต฽ละคน เด็กมี สิทธทิ ี่จะมีการพักและเวลาพักผอ฽ นการเข฾าร฽วมกจิ กรรมการละเล฽นทางสนั ทนาการท่เี หมาะสมตามวัยของ เด็ก และการมีสว฽ นร฽วมอยา฽ งเสรีในทางวัฒนธรรมและศิลปะ 4) สิทธิการมีส฽วนร฽วม (Right of participation) เด็กสามารถท่ีจะแสดงความ คิดเห็นโดยเสรีใน ทุก ๆ เร่ืองที่มีผลกระทบต฽อเด็ก ทั้งนี้ ความคิดเห็นดังกล฽าวของเด็กจะได฾รับการ พิจารณาตามสมควรแก฽อายุและ ของเด็กน้ัน เด็กจะมีสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก สิทธิน้ีจะ รวมถึงเสรีภาพท่ีจะแสวงหา ได฾รับหรือถ฽ายทอดข฾อมูลข฽าวสาร และหลักคิดทุกลักษณะ โดยไม฽ถูกจํากัด โดยเขตแดน ไมว฽ า฽ จะโดยวาจา ลายลักษณแอกั ษรหรือการตพี มิ พแ 4.1.2) การส฽งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยตามวัย พัฒนาการของเด็กเป็นผลมาจาก การปฏิสัมพันธแระหว฽าง ภาวะและการเรียนรู฾กล฽าวคือ วุฒิภาวะเป็นสภาพของการเปลี่ยนแปลงทาง ร฽างกายที่เกิดข้ึนถึงระดับของการแสดง ศักยภาพท่ีมีอยู฽ภายในตัวเด็กแต฽ละคนในระยะใดระยะหน่ึงท่ี กําหนด ตามวิถีทางของธรรมชาติและนํามาซ่ึงความ สามารถกระทําส่ิงใดสิ่งหนึ่งได฾เหมาะสมกับวัย ศกั ยภาพที่เด็กแสดงออกมาในเวลาอันสมควรน้ี หรือท่ีเรียกว฽าระดับ วุฒิภาวะ (Maturity) ซึ่งมีอย฽ูในตัว เด็กตั้งแต฽กําเนิดและถูกกําหนดโดยพันธุกรรม วุฒิภาวะจึงมีความเกี่ยวข฾องสัมพันธแ อย฽างแน฽นแฟูนกับ การเรียนร฾ูโดยที่การเรียนร฾ูเป็นการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม ซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณแที่ได฾รับ หรือ จากการฝึกหัดฝึกฝนหรือฝึกปฏิบัติผ฽านการอบรมสั่งสอนหรือการปฏิสัมพันธแกับสภาพแวดล฾อมที่เอื้อต฽อ ความ ต฾องการหรือความสนใจของเด็ก ทําให฾ความสามารถต฽าง ๆ ของเด็กถูกนําออกใช฾อย฽างมี ประสิทธิภาพเต็มท่ี เหตุนี้ถ฾า ขาดวุฒิภาวะหรือการเรียนรู฾อย฽างใดอย฽างหนึ่ง ความสามารถบางอย฽าง อาจจะไมเ฽ กิดขน้ึ หรอื เกิดชา฾ กว฽าทีค่ วรได฾ เช฽น ความสามารถในการใช฾ภาษา เด็กที่มีวุฒิภาวะในการพูดจะ สามารถเปลง฽ เสียงพดู ออกมาไดเ฾ อง แตถ฽ า฾ ไมไ฽ ดร฾ บั การสอน ภาษาพูดก็ใช฾ภาษาพดู ไม฽ไดเ฾ ลย ในทางตรงกัน ข฾าม เด็กท่ียังไม฽บรรลุวุฒิภาวะในการพูด ถึงแม฾ว฽าจะได฾รับการเค่ียวเข็ญ ฝึกภาษาพูดมากสักเพียงใดก็ไม฽ อาจพูดได฾ ถ฾าเด็กยังไม฽พัฒนาถึงวุฒิภาวะนั้น จึงเห็นได฾ว฽า เด็กแต฽ละคนมีศักยภาพใน การพัฒนาตนเอง ตามกําหนดเวลาเฉพาะของพัฒนาการน้ัน ๆ โดยธรรมชาติ อันก฽อให฾เกิดความสามารถในการปรับ เปลี่ยนพฤติกรรมให฾เป็นไปตามขั้นตอนของพัฒนาการ โดยมีสภาพแวดล฾อมช฽วยเสริมต฽อพัฒนาการให฾ สมบูรณแย่ิงข้ึน ช฽วงเวลาที่เด็กสามารถพัฒนาได฾อย฽างมีประสิทธิภาพเต็มที่นี้ เรียกว฽า ระยะพอเหมาะ (Optimal period) ลักษณะ พฤติกรรมท่ีเด็กสามารถแสดงออกเมื่ออยู฽ในข้ันพัฒนาการนั้น ๆ เรียกว฽า งานพัฒนาการตามวัย (Developmental task) เดก็ ที่แสดงพฤติกรรมตามขันพัฒนาการได฾พอเหมาะกับ วยั จะถอื ว฽ามีพัฒนาการสมวัย 4.1.3) การสนบั สนุนการเรียนรู฾ผ฽านการเล฽นของเด็กปฐมวัย การเรียนรู฾ของมนุษยแมีผลสืบ เน่ืองมาจาก ประสบการณแต฽าง ๆ ที่ได฾รับในชีวิตประจําวัน การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมเกิดข้ึนจาก กระบวนการท่ีผู฾เรียนมีปฏิสัมพันธแ กับบุคคลและสิ่งแวดล฾อมรอบตัว โดยผู฾เรียนจะต฾องเป็นผู฾กระทําให฾

31 เกดิ ขน้ึ ดว฾ ยตนเอง และการเรียนรูจ฾ ะเป็นไปได฾ท่ีประสาทสัมผัสท้ังห฾า ได฾เคลื่อนไหว มีโอกาสคิดริเริ่มตาม ความต฾องการและความสนใจของตนเองถ฾าผู฾เรียนได฾ใช฾ประสาทสัมผัสท้ังห฾า ได฾เคล่ือนไหว มีโอกาสคิด ริเร่ิมตามความต฾องการและความน฽าสนใจของตนเอง รวมท้ังอย฽ูในบรรยากาศท่ีเป็นอิสระ อบอุ฽น และ ปลอดภัย ดังนั้น การจัดสภาพแวดล฾อมท่ีเอื้อต฽อการเรียนร฾ู จึงเป็นสิ่ง สําคัญท่ีจะช฽วยส฽งเสริมโอกาสการ เรียนรข฾ู องเดก็ ให฾เปน็ ไปตามศกั ยภาพทม่ี อี ย฽ู นอกจากนีก้ ารเรียนร฾ูยังเป็นพ้ืนฐาน ของพัฒนาการในระดับ ที่สูงขึ้น การเล฽นถือเป็นกิจกรรมที่สําคัญในชีวิตของเด็กปฐมวัยทุกคน เด็กจะรู฾สึกมีความสุข สนุกสนาน เพลิดเพลิน ได฾สังเกต สํารวจสิ่งต฽าง ๆ รอบตัว มีโอกาสทําการทดลอง สร฾างสรรคแ คิดแก฾ปใญหาและค฾น พบความเป็นจริงของโลกภายนอกด฾วยตนเอง การเล฽นจะมีอิทธิพลและมีผลดีต฽อการเจริญเติบโต ช฽วย พัฒนาร฽างกาย อารมณแ จิตใจ สังคม และสติปใญญา ขณะเล฽นเด็กมีโอกาสเคล่ือนไหวส฽วนต฽าง ๆ ของ รา฽ งกาย ได฾ใช฾ประสาทสัมผสั และการรบั รู฾ ผอ฽ นคลายอารมณตแ ึงเครยี ด แสดงออกถึงความเปน็ ตนเองและ เรียนร฾คู วามรส฾ู ึกของผูอ฾ ืน่ การเล฽นจงึ เปน็ เสมือนส่อื กลางใหเ฾ ดก็ สร฾างประสบการณแการเรียนร฾ูส่ิงแวดล฾อม รอบตัว เรียนรู฾ความเป็นอยู฽ของผู฾อ่ืน สร฾างความสัมพันธแ อย฽ูร฽วมกับผ฾ูอื่นและกับธรรมชาติรอบตัว โดย เป็นไปอย฽างสอดคลอ฾ งกับธรรมชาติของเดก็ ปฐมวัยท่เี รียนร฾จู ากการเล฽น 4.1.4) การจัดสภาพแวดล฾อมของบ฾านและชุมชนท่ีปลอดภัยและมีความสุข บริบททาง สังคมและวัฒนธรรมท่ี เด็กอาศัยอย฽ูหรือสิ่งแวดล฾อมรอบตัวเด็ก ล฾วนทําให฾เด็กแต฽ละคนเติบโตข้ึนมามี คุณลักษณะที่แตกต฽างกันออกไป สิ่งแวดล฾อมทางวัฒนธรรมและสังคมรอบตัวเด็กก็มีอิทธิพลต฽อการ เรียนรู฾การพัฒนาศักยภาพและพัฒนาการของเด็ก แต฽ละคน พ฽อแม฽และผ฾ูเกี่ยวข฾องกับเด็กปฐมวัย จําเปน็ ต฾องใหค฾ วามสําคัญและเรียนรู฾วิธีการดําเนินชีวิตในครอบครัว และชุมชนตามบริบททางสังคมและ วัฒนธรรมของเด็ก รวมทั้งส฽งเสริมการจัดสภาพแวดล฾อมท่ีปลอดภัยและสร฾าง บรรยากาศของความสุข ให฾กับเดก็ ปฐมวัยในครอบครัวและชุมชนผ฽านกิจกรรมสําหรับครอบครัว แหล฽งเรียนร฾ูเพ่ือ พัฒนาเด็กและ ครอบครัว หรือจัดพื้นท่ีเรียนรู฾อย฽างสร฾างสรรคแ เพื่อช฽วยให฾เด็กได฾รับการพัฒนาอย฽างเหมาะสมปลอดภัย ตอ฽ ภาวะเสยี่ งต฽าง ๆ เกดิ การเรียนรูแ฾ ละมคี วามภาคภูมใิ จในสังคม-วฒั นธรรม ที่เด็กอาศัยอย฽ูและสามารถ ยอมรับ ผ฾อู ื่นทม่ี าจากพื้นฐานเหมอื นหรือต฽างจากตนได฾อย฽างราบรื่น มคี วามสขุ สรุปได฾ว฽า หลักคิดสําคัญครอบคลุมการดูแลใส฽ใจเด็กบนพื้นฐานสิทธิเด็ก การส฽งเสริม พัฒนาการและการ เรียนรู฾ของเด็กตามวัย การสนับสนุนการเล฽นของเด็กตามวัยและความสนใจของเด็ก และการจดั สภาพแวดล฾อม ท่ปี ลอดภัยและมคี วามสขุ 4.2 เปาู หมายของการพัฒนาเดก็ ปฐมวยั การศกึ ษาและพัฒนาเด็กปฐมวยั นบั ว฽าเป็นส่ิงจาํ เป็นและมคี วามสําคัญอย฽างยง่ิ ต฽อการพัฒนา คุณภาพคน เรมิ่ ตั้งแต฽วยั เยาวหแ รือในช฽วงวัยเด็กอายุแรกเกิด ถึง 5 ปี ซ่ึงถือได฾ว฽าเป็นช฽วงระยะวิกฤตของ ชวี ติ ในการวางรากฐานระบบ คณุ ค฽าแห฽งชวี ติ และระบบคิด ท่เี ปน็ พื้นฐานสําคัญของการพัฒนาการเรียนร฾ู และบุคลิกภาพของบุคคล ทจ่ี ะเติบโตเปน็ ประชากรที่มีคณุ ภาพของสังคมและประเทศชาติ การทําความ เขา฾ ใจกับเปูาหมายของการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ยอ฽ มกระตน฾ุ ให฾ทุกฝาุ ยท่ีเกี่ยวข฾องได฾ตระหนักถึงคุณค฽าของ

32 เด็กปฐมวัยได฾อยา฽ งลึกซึ้งมากขน้ึ เพราะเด็กที่ได฾รับการดูแลอย฽าง เหมาะสมในเวลาน้ีก็จะมีประสบการณแ ทดี่ ใี นการกลับไปดแู ลผู฾อืน่ ในอนาคตดว฾ ยเช฽นกนั 4.2.1 เด็กเติบโตและพัฒนาแบบองคแรวมอย฽างมีความสุข เม่ือผู฾ใหญ฽เข฾าใจธรรมชาติและ ความต฾องการของเด็ก ตามความสามารถของวัยและความสนใจ มีความรักให฾กับเด็ก เต็มใจที่จะดําเนิน ชวี ติ หรือทํางานร฽วมกบั เดก็ ตลอดจน เขา฾ ใจพฤตกิ รรมตา฽ ง ๆ ทเี่ ดก็ แสดงออก เดก็ ก็สามารถพฒั นาตนเอง ไดอ฾ ย฽างมคี วามสขุ และมีประสบการณแของการ ดําเนนิ ชีวติ ในหนทางของความสุข 4.2.2 เด็กตระหนักถึงคุณค฽าความดีงามในชีวิต การพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีเข฾าใจถึงความ แตกต฽างของเด็กแต฽ละ คน ไม฽ว฽าจะเป็นปใญหาท่ีเกิดข้ึนกับเด็กหรือด฾านอ่ืน ๆ ที่อาจจะไม฽เป็นไปตาม ความคาดหวังของพ฽อแม฽ผู฾ปกครอง หาก การปฏิสัมพันธแกับเด็กนั้น ผู฾ใหญ฽ใช฾กรอบความคิดวินัยเชิงบวก หรือมุมมองในแง฽บวก ไม฽คาดหวงั ให฾เด็กทุกคนมคี วามรู฾ ความสามารถเท฽ากันหมดหรือเหมือนกันเสมอไป แต฽พยายามช้ีแนะให฾เด็กแต฽ละคนได฾พัฒนาตัวเองให฾มากที่สุดเท฽าท่ีจะมากได฾ ตามความสามารถส฽วน บุคคลของแต฽ละคน เด็กจะซึมซับแบบอย฽างของการมองโลกในแง฽ดีเป็นอุปนิสัย หรือบุคลิกภาพในระยะ ตอ฽ ๆ มา 4.2.3 เด็กภาคภูมใิ จในความสามารถตนเอง เม่ือพ฽อแม฽ผู฾ปกครองหรือครูเคารพและยอมรับ ในความสามารถ ของเดก็ ตามทีเ่ ด็กมหี รือเป็น จะชว฽ ยให฾เกดิ ความเขา฾ ใจ เหน็ ใจ และหาทางส฽งเสริมความ เจริญงอกงามของเด็กตาม ศักยภาพหรือแววของเด็กในทุก ๆ วิถีทาง เด็กจะได฾รับโอกาสพัฒนา ความสามารถหรอื ความถนดั ตามความสนใจ จนกลายเป็นเอกลักษณทแ บี่ ง฽ บอกความเปน็ ตวั ตนของเด็กได฾ สรุปได฾ว฽า เปูาหมายหลักของการพัฒนาเด็กปฐมวัยก็เพื่อให฾เด็กได฾เติบโตและพัฒนาความเป็น มนุษยที่สามารถ ใช฾ชีวิตอย฽างมีความสุข บนพ้ืนฐานความดีงามภายในและการใช฾ความสามารถตนเอง ในทางสร฾างสรรคแ 5.ครอบครวั ศึกษากับการพฒั นาตน้ ทุนชวี ิตเด็กปฐมวัย ครอบครัวถอื เปน็ จุดกาํ เนิดของชีวติ มนุษยแแ ละมกี ระบวนการเปลีย่ นแปลงเกิดข้ึนตลอดเวลาอย฽าง เป็นระบบ มีขั้นตอน เร่ิมตั้งแต฽ให฾กําเนิดชีวิต มีการส฽งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการตามวัย จนกระท่ังเสื่อมถอยและ สูญสลายไป การดําเนินชีวิตครอบครัวโดยทั่ว ๆ ไปในภาวะปกติจะเป็นไป ตามลําดับข้ันตอนและมีการปรับเปลี่ยนไม฽ หยุดนิ่งอย฽ูกับท่ี แต฽เป็นไปตามพัฒนาการของครอบครัวและ ปฏิสัมพันธแระหว฽างสมาชิกครอบครัวในระบบครอบครัว รวมถึงปฏิสัมพันธแระหว฽างระบบครอบครัวกับ ระบบสังคมอ่ืนทเ่ี ก่ยี วขอ฾ งกบั การดาํ เนินชีวิตครอบครัว ท้ังนี้ในการศึกษา ครอบครัวกับการพัฒนาต฾นทุน ชีวิตเด็กปฐมวัยเป็นเรื่องสําคัญสําหรับการพัฒนาคุณภาพคนผ฽านการทําหน฾าท่ีของ ครอบครัว ต้ังแต฽ เร่ิมแรกของการมีสมาชิกใหมใ฽ นครอบครัวในระยะปฐมวยั

33 5.1 ความหมายและความสําคญั ของตน฾ ทนุ ชีวติ เดก็ ปฐมวัย ต฾นทุนชีวิตของเด็กปฐมวัยเป็นต฾นทุนขั้นพื้นฐาน เป็นปใจจัยเชิงบวกท่ีมีผลต฽อการพัฒนา ทางดา฾ น จิตใจ อารมณแ สงั คม และสติปใญญา ท่ีจะหล฽อหลอมให฾เด็กปฐมวัยสามารถดํารงชีพอย฽ูในสังคม ได฾อยา฽ งเข฾มแข็ง กระบวนการ เสรมิ สรา฾ งตน฾ ทนุ ชีวติ จึงเปน็ การทาํ งานขับเคลื่อนด฾วยแนวคิดเชิงบวก เป็น การจัดระบบกลไกท่ีจะช฽วยเสริมหนุนให฾ เด็กในครอบครัวรวมถึงชุมชน เพื่อให฾เด็กเติบโตและพัฒนา คุณลักษณะทเี่ ขม฾ แขง็ ตอ฽ เนอื่ งจนเข฾าส฽วู ัยเด็ก วยั รุ฽น และ วัยผใ฾ู หญ฽ 5.1.1 ความหมายของต฾นทุนชีวิตเด็กปฐมวัย ต฾นทุนชีวิต มาจากคําว฽า Development assets หมายถึง ต฾นทุน ข้ันพ้ืนฐานที่มีผลต฽อการพัฒนาทางด฾านจิตใจ สังคม สติปใญญาให฾คนคนหนึ่ง สามารถดํารงชีพอย฽ูในสังคมได฾อย฽าง เข฾มแข็ง ต฾นทุนชีวิตเป็นปใจจัยสร฾างหรือเป็นปใจจัยเชิงบวกทางด฾าน จิตใจ อารมณแ สงั คม ที่จะหลอ฽ หลอมให฾เด็กคนหน่งึ เจริญเติบโตและดาํ รงชีพอยใู฽ นสังคมได฾ เพราะต฾นทุน ชวี ติ ย่งิ มากเทา฽ ใดกจ็ ะยิ่งลดพฤตกิ รรมเส่ียงได฾มากขึ้น และมี ความเช่ือมโยงแบบบูรณาการกับพฤติกรรม ที่ดีอีกหลายประการ จรงิ ๆ เราทุกคนเกิดมามีต฾นทุนชีวิตในระดับหนึ่ง แล฾ว ท้ังต฾นทุนภายในและต฾นทุน ภายนอก ตน฾ ทุนน้จี ะเพม่ิ ขึ้นตามการเลย้ี งดูของพ฽อแม฽ สง่ิ แวดล฾อมที่ดี และความใกล฾ชดิ กับธรรมชาติ แต฽ โลกยุคเทคโนโลยีในปใจจุบัน ทําให฾ชีวิตผู฾คนมีความเป็นวัตถุนิยม ห฽างไกลธรรมชาติมากขึ้น ต฾อง แย฽งกัน อย฽ู แยง฽ กันกิน แย฽งกนั เรียน แย฽งกันทํามาหากิน พ฽อแม฽จํานวนไม฽น฾อยเลี้ยงลูกแบบเคร่ืองจักรเครื่องยนตแ ขาด ความเขา฾ ใจในพัฒนาการ มีความคาดหวังเกินความเป็นจริงจนเกิดความเครียด เด็ก ๆ คร่ําเคร฽งกับ การเรียน ผใู฾ หญ฽ ครํ่าเคร฽งกับการทํางานหาเงิน การวัดคุณค฽าจึงแตกต฽างจากอดีต คุณค฽าที่จําเป็นต฽อการ มีชีวิตที่ดีถูกบันทอนโดย ไม฽รู฾ตัว เด็กบางคนเกิดมาท฽ามกลางครอบครัวและสิ่งแวดล฾อมที่อบอุ฽น มีความ เข฾าอกเข฾าใจกัน ต฾นทุนชีวิตก็จะพัฒนา เพิ่มพนเป็นทุนที่เข฾มแข็ง ในขณะเด็กบางคนเกิดมาท฽ามกลาง ความขัดสน ด฾อยโอกาส เติบโตในสังคมส่ิงแวดล฾อมท่ี ไม฽เอื้อต฽อการเรียนรู฾สิ่งท่ีดี ต฾นทุนชีวิตก็จะค฽อย ๆ ถูกบนั่ ทอนลดลงไปเรื่อย ๆ เมอ่ื กล฽าวถึงต฾นทุนชีวิตเด็กปฐมวัย จะหมายถึง ต฾นทุนข้ันพ้ืนฐานที่เป็นปใจจัยสร฾างหรือเป็น ปใจจัยเชิงบวกทาง ด฾านจิตใจ อารมณแ สังคม ที่จะหล฽อหลอมให฾เด็กคนหนึ่งเจริญเติบโตและมีผลต฽อการ พัฒนาทางด฾านร฽างกาย อารมณแ จิตใจ สังคม และสติปใญญา ให฾เด็กปฐมวัยสามารถดํารงชีพอย฽ูในสังคม ได฾อยา฽ งเขม฾ แข็งและมีคุณภาพ 5.1.2 ความสําคญั ของตน฾ ทุนชีวิตเด็กปฐมวัยต฾นทุนชีวิตจึงไม฽ใช฽เรื่องใหม฽ แต฽เป็นเร่ืองท่ีมี มาแต฽เดิมแลว฾ สมัย ก฽อนสังคมไทยเป็นครอบครัวขยาย มีชุมชนที่เข฾มแข็ง มีความสมานฉันทแ อย฽ูกันด฾วย ความรกั มสี มั พนั ธภาพทด่ี ตี ฽อกันร฾ูจักการแบ฽งปนใ การให฾ การทาํ กจิ กรรมร฽วมกัน นี่คือต฾นทุนชีวิตแบบไทย ๆ ที่ดีท่ีมีอย฽ูแล฾ว ทว฽าช฽วง 10 ปีท่ีผ฽านมา สังคมไทยเปล่ียนไปด฾วยความเจริญทางด฾านเทคโนโลยีและ ความเป็นสังคมเมือง ท่ีรุกคืบเข฾ามาแทนที่ความงดงามตาม วิถีเดิม ครอบครัวเร่ิมอ฽อนแอ ชุมชนขาด ความเข฾มแข็ง กิจกรรมระหว฽างเพ่ือนฝูง เด็ก ค฽อย ๆ ลดน฾อยลง การเรียนร฾ู นอกโรงเรียนในรูปแบบต฽าง ๆ ของเด็ก ก็พลอยน฾อยลงไปด฾วย ต฾นทุนชีวิตของเด็กในปใจจุบันจึงอ฽อนแอลงไปใน หลาย ๆ ด฾าน ดังนั้น

34 ตัวชี้วัดต฾นทุนชีวิตของเด็กปฐมวัยจึงมีความสําคัญและจําเป็นอย฽างมากต฽อการพัฒนาเด็ก ไม฽ว฽า ในด฾าน ร฽างกาย จิตใจ สังคม ทั้งที่บ฾าน โรงเรียน และชุมชน โดยเร่ิมต้ังแต฽ปฐมวัย ไปจนถึงเยาวชน เพ่ือให฾เด็ก เหล฽าน้ี เติบโตเปน็ ผใู฾ หญ฽ที่มคี ุณภาพและไม฽เป็นปใญหาของสังคมต฽อไป 1) เป็นการวางรากฐานคุณภาพชวี ติ เด็กบนพ้ืนฐานของสิ่งท่ีเด็กต฾องการการพัฒนา เด็กปฐมวยั ตาม ความตอ฾ งการในแต฽ละช฽วงวัยของเด็กเป็นการสนับสนุนให฾เด็กได฾รับการตอบสนองความ ตอ฾ งการครบทกุ ด฾าน ทงั้ ทาง ร฽างกาย อารมณแ จิตใจ สงั คม และสติปใญญา 2) ช฽วยลดปใจจยั เสี่ยงและค฾มุ กันเด็กจากพฤติกรรมเส่ียงทน่ี ําไปสู฽ปใญหา การพัฒนา เด็กปฐมวัยโดย คํานึงถึงความสนใจเอาใส฽ของพ฽อแม฽ผู฾ปกครองผู฾เลี้ยงดูเด็กในบรรยากาศของความรัก ความอบอนุ฽ และทา฽ ทีท่ ี่เปน็ มิตร ปราศจากความกา฾ วรา฾ วรนุ แรง ย฽อมทาํ ให฾เด็กเตบิ โตอย฽างม่ันคง 5.2 องคแประกอบของต฾นทนุ ชีวติ เด็กปฐมวยั องคแประกอบของต฾นทุนชีวิตเด็กปฐมวัยนั้นแบ฽งง฽าย ๆ เป็น 2 หมวด ซึ่งประกอบด฾วยพลัง ต฽าง ๆ 5 พลัง ได฾แก฽ หมวดต฾นทุนชีวิตภายใน (Internal assets) ประกอบด฾วย พลังตัวตน ส฽วนหมวด ต฾นทุนชีวิตภายนอก (External assets) ประกอบด฾วย พลังครอบครัว พลังสร฾างปใญญา พลังเพื่อนและ กิจกรรม และพลังชุมชน แต฽ท้ังสองหมวด นั้นมีความเก่ียวข฾องเช่ือมโยงกัน ต฾นทุนชีวิตภายนอกจึงมี ความสําคัญมากกับการสร฾างต฾นทุนภายใน เช฽น พ฽อแม฽สอน มาอย฽างไร ทําแบบอย฽างให฾ดูอย฽างไร แบบอย฽างเหล฽าน้ันก็จะไปหล฽อหลอมให฾เกิดเป็นตัวตนของเด็กขึ้นมา ดังนั้นการท่ีเด็กจะมีคุณลักษณะท่ีดี ได฾น้ันเป็นผลมาจากการได฾รับการเสริมสร฾างให฾มีคุณภาพต้ังแต฽แรกเกิดจนเติบโตเป็นผ฾ูใหญ฽ ซึ่งสามารถ ประเมนิ ไดจ฾ าก 5 พลงั สาํ คัญ ไดแ฾ ก฽ 5.2.1 พลังครอบครัว เป็นพลังท่ีมีอิทธิพลต฽อเด็กมากที่สุด โดยเฉพาะช฽วงตั้งแต฽แรกเกิด จนถึง 3 ขวบ เพราะ เด็กยังต฾องมีชีวิตท่ีข้ึนอยู฽กับครอบครัว เป็นช฽วงของการหล฽อหลอม พลังครอบครัว จึงมีน้ําหนักมากในช฽วงนี้ เด็กย่ิง เล็กเท฽าไหร฽ พลังครอบครัวก็จะย่ิงมีความหมายมากเท฽านั้น และ ครอบครัวนี่เองทจี่ ะช฽วยสรา฾ งพลังตวั ตนใหเ฾ ด็กในภาย หลงั ดว฾ ย ตัวชี้วัดท่ีมีความหมายของพลังครอบครัว คือ สัมพันธภาพท่ีดีภายใต฾ความรัก ความอบอุ฽น ความเอาใจใส฽ และปลอดภัยในการใช฾ชีวิต การปลูกฝใง ระเบยี บวนิ ัย การมีชวี ิตทีเ่ ปน็ แบบอย฽าง มีการตดิ ตามและช฽วยเหลอื ท่ีเหมาะสม เชิงบวก 5.2.2 พลังตัวตน เป็นต฾นทุนที่ติดตัวมาด฾วยต้ังแต฽แรกเกิดทุกคน แต฽เป็นต฾นทุนพื้นฐานท่ี ทําให฾สามารถดาํ รง ชวี ติ อยไ฽ู ด฾ สว฽ นทเี่ หลอื จะมาจากการหลอ฽ หลอมของครอบครัว และสถาบันการศึกษา พลงั ตัวตนจึงไม฽ได฾เกิดข้ึนเอง ต้ังแต฽แรกเกิดท้ังหมด แต฽เป็นต฾นทุนที่ต฾องสร฾างเสริมขึ้นมาในภายหลังพลัง ตัวตนจึงเป็นพลังที่มีความสําคัญมากสําหรับ คนทุกวัย พลังตัวตนเป็นการรวมพลังคุณค฽าในตัวเอง พลัง สร฾างศรัทธาและความเช่ือม่ันในตนเอง ตัวชี้วัดที่มีความ หมาย คือ การอย฽ูในสังคมอย฽างสันติสุข การ ช฽วยเหลือผู฾อ่ืน การมีจุดยืนที่เด฽นชัด รักความยุติธรรม ไม฽แบ฽งแยกชนช้ัน ความซ่ือสัตยแ ความรับผิดชอบ การมีวินัยในตนเองท่ีจะไม฽เก่ียวข฾องกับพฤติกรรมเสี่ยง ตระหนักถึงคุณค฽าของตนเอง มีทักษะในการ

35 ตัดสนิ ใจ โดยคํานึงถงึ ผลดแี ละผลเสียจากการตัดสนิ ใจนั้น มีทักษะในการปฏเิ สธ และแก฾ปใญหาด฾วย สันติ วิธี มีเปาู หมายในชวี ติ และมองโลกในแงด฽ ี 5.2.3 พลงั สรา฾ งปญใ ญา เปน็ พลงั ของการเตรียมจะมีความหมายสําคัญมากในช฽วงวัยเรียน ซึ่งเป็นชว฽ งท่ี 2 ของชีวิตต฽อจากพ฽อและครอบครัว ซ่ึงครูจะมีบทบาทสําคัญมาก บางครั้งอาจมากกว฽าพ฽อ แม฽ด฾วยซํ้า เพราะฉะนั้น ในช฽วงวัยเรียนพ฽อแม฽กับครูจึงเป็นบุคคลท่ีมีอิทธิพลต฽อเด็กอย฽างมาก ซ่ึงพลัง ปใญญานี้ก็จะช฽วยหล฽อหลอมให฾เกิดพลังตัวตนได฾ด฾วยเป็นพลังความมุ฽งม่ันซึ่งจะได฾รับการสนับสนุนและ ส฽งเสริมให฾เกิดกระบวนการเรียนรู฾ทั้งในและนอกระบบการศึกษารวมถึงภูมิปใญญาท฾องถิ่น ตัวชี้วัดท่ีมี ความหมาย คือ การได฾รบั กาํ ลังใจและการกระต฾นุ ในการเรียนร฾ูหรือกิจกรรมท่ีดีจากผ฾ูปกครองและครู รัก การอ฽านหนังสือ มีความกระตอื รือรน฾ อยากร฾ูอยากเหน็ รูส฾ กึ ปลอดภัยในการใช฾ชีวิตที่โรงเรียน 5.2.4 พลังเพ่ือนและกิจกรรมเป็นพลังการทํากิจกรรมในหมู฽เพื่อน ๆ ที่เป็นประโยชนแต฽อ สังคม ชุมชน เกิดวินัย ในหมู฽เพื่อน ตัวชี้วัดที่มีความหมายคือได฾มีโอกาสทํากิจกรรมสันทนาการนอก หลักสูตรการออกกําลังกาย การเล฽นกีฬา กิจกรรมเคล่ือนไหวตามจังหวะดนตรี กล฽ุมเพื่อนที่เป็น แบบอย฽างท่ีดี 5.2.5 พลังชุมชนเป็นพลังของชุมชนที่อาศัยอย฽ูร฽วมกันด฾วยความเอ้ืออาทร มีความเข฾าใจ เป็นมิตรไมตรี มีวินัย และเป็นแบบอย฽างท่ีดี มีจิตอาสา ตัวชี้วัดที่มีความหมาย คือ ชุมชนมีความอบอุ฽น ช฽วยเหลือซ่ึงกันและกัน ผ฾ูใหญ฽ท่ีอยู฽ ในชุมชนเห็นคุณค฽า และให฾ความสําคัญ เป็นแบบอย฽างท่ีดี มีความ ปลอดภัยภายในชุมชน และมีการทํากิจกรรมร฽วม กัน บําเพ็ญประโยชนแให฾ชุมชน รวมทั้งมีแหล฽งเรียนรู฾ ให฾กบั คนในชมุ ชน ดังน้ัน ต฾นทุนชีวิตทั้ง 5 พลัง อันได฾แก฽ พลังครอบครัว พลังตัวตน พลังสร฾างปใญญา พลัง เพื่อนและกิจกรรม และพลังชุมชนน้ี ถือได฾ว฽าเป็นต฾นทุนชีวิตขั้นพ้ืนฐานท่ีมีอย฽ูในตัวบุคคลและเป็น คณุ ลักษณะทีด่ ี ท่ีได฾รับการเสริมสร฾าง มาต้ังแต฽แรกเกิดจนโต ซ่ึงหากได฾รับการอบรมเลี้ยงดูใส฽ใจ ท้ังจาก ครอบครวั โรงเรียน และชมุ ชน ที่นับเป็นส฽วนสําคัญ อย฽างย่ิงต฽อการหล฽อหลอมให฾เด็กเติบโตเป็นผ฾ูใหญ฽ที่ มคี ุณภาพ ทงั้ ดา฾ นรา฽ งกายและจติ ใจ ก็จะสง฽ ผลให฾ประเทศไทยมี ประชากรที่ไดร฾ ับการพัฒนา ไม฽เพียงวัตถุ นิยมเท฽านั้น แต฽มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีในด฾านตัวบุคคลด฾วยการสร฾าง ต฾นทุนชีวิตเด็กจึงมีความ จําเป็นอย฽างมาก และเคร่ืองมือสํารวจต฾นทุนชีวิตจะช฽วยให฾เด็กครอบครัวและสังคมเกิด ภูมิค฾ุมกันที่ แขง็ แรง เพอ่ื อนาคตของประเทศชาติต฽อไป การสาํ รวจนําไปส฽ูการสร฾างเทคนิคให฾กับผู฾ปกครอง ครู เพื่อน บ฾าน และชมุ ชนทอ่ี ยแู฽ วดล฾อมเด็กให฾มีทักษะในการเพิ่มประสิทธิผลให฾เด็กผ฽านเกณฑแดัชนีช้ีวัดต฾นทุนชีวิต ให฾มากท่ีสุด ดัชนีชี้วัดคุณภาพเด็ก เคร่ืองมือน้ีปใจจุบันได฾รับความนิยมอย฽างแพร฽หลายในสหรัฐอเมริกา โดยสถาบนั วจิ ัยในอเมรกิ าพฒั นาข้ึนมาเป็นดชั นชี ้ีวัดคุณภาพเด็ก

36 6. ครอบครวั ศึกษากบั แนวทางการพัฒนาเดก็ ปฐมวยั เด็กเป็นทรัพยากรที่มีค฽าของสังคมและประเทศชาติท่ีทุกฝุายต฽างตระหนักในความสําคัญน้ีและ รว฽ มมอื กัน พัฒนาใหเ฾ จรญิ เติบโตเป็นผใ฾ู หญท฽ ี่ดีในอนาคต เพราะเด็กในปใจจุบันจะเป็นผ฾ูที่มีบทบาทในการ พัฒนาเศรษฐกจิ สังคม การเมอื งการปกครองของประเทศ อาจกล฽าวได฾ว฽า การดํารงอย฽ูของสังคมไทยใน อนาคตอย฽างมีคุณภาพนั้น ขึ้นอย฽ูกับ คุณภาพของเด็กในปใจจุบันเป็นสําคัญ การพัฒนาคุณภาพของเด็ก ตอ฾ งเริม่ ต้งั แต฽วัยเดก็ เล็ก โดยเฉพาะในช฽วงปฐมวัย เพราะเปน็ ระยะตน฾ ทางของการวางรากฐานคุณค฽าชีวิต บุคลิกภาพ ความคิด อารมณแ ความรู฾สึก รวมถึงเจตคติต฽อสิ่ง ต฽างๆ รอบตัว เด็กปฐมวัยในช฽วงอายุ ระหวา฽ งแรกเกดิ ถงึ 6 ปี เปน็ ช฽วงเวลาเหมาะสมท่ีจะบม฽ เพาะปลกู ฝใงหลอ฽ หลอม คุณลักษณะที่พึงประสงคแ ต฽าง ๆ จากครอบครัว เพ่ือเตรียมความพร฾อมเด็กเข฾าส฽ูระบบโรงเรียน ซึ่งอาจเป็นศูนยแพัฒนา เด็กเล็ก สถานรับเลี้ยงเดก็ หรอื โรงเรียนอนบุ าล ช฽วงวยั นี้เด็กเรยี นรไู฾ ด฾ดีตามความสามารถของวัยและการส฽งเสริม สนบั สนนุ จากพอ฽ แมผ฽ ฾เู ล้ยี งดูและผู฾เกี่ยวข฾อง ในขณะท่ีมีการเปล่ียนแปลงของพัฒนาการทั้งในเชิงปริมาณ และเชิง คุณภาพอย฽างรวดเร็ว เร่ิมจากเด็กยังทําอะไรไม฽ได฾ด฾วยตนเองและต฾องได฾รับการช฽วยเหลือจากผู฾ เลี้ยงดู จนกระทั่งเดก็ สามารถช฽วยเหลอื ตนเองในกจิ วตั รประจําวันไดม฾ ากขึน้ มีความกระตือรือร฾นอยากร฾ู อยากเห็นส่ิงตา฽ ง ๆ ทอ่ี ย฽ูรอบตัว ตอ฾ งการมีอสิ ระ ชอบเลียนแบบ ช฽างจดจํา และรู฾จักค฾นหาความสามารถ ของตนเอง ดงั นั้น การพัฒนาเด็กปฐมวัยโดย ครอบครัวอย฽างถูกวิธีจึงควรนําข฾อมูลความรู฾ทางครอบครัว ศกึ ษามาใช฾เปน็ แนวทางปฏิบัตใิ หเ฾ กิดประโยชนตแ ฽อการพัฒนา เดก็ และครอบครวั ไปพร฾อม ๆ กัน 6.1 ความเข฾าใจตอ฽ การเปลย่ี นแปลงของครอบครัวรปู แบบใหม฽ การเปลี่ยนแปลงคือ ภาวะทแ่ี ตกต฽างไปจากรูปแบบหรือแนวทางที่คนส฽วนใหญ฽ปฏิบัติหรือที่ เคยเป็นอย฽ูหรือ มีอย฽ูเดิม ไม฽ว฽าจะในทางปริมาณหรือคุณภาพ การเปล่ียนแปลงเช฽นน้ันไม฽ใช฽สิ่งที่เกิดขึ้น ลอย ๆ โดยไม฽มีความหมาย หรือไร฾เจตจํานง ในกรณีของครอบครัวและครัวเรือน ความหมายและ เจตจํานงของการเปล่ียนแปลงคือ การสามารถ ดํารงอยู฽ได฾ภายใต฾บริบทและสถานการณแที่เป็นอย฽ู ครอบครัวไทยในปใจจุบันกาํ ลงั เผชิญปญใ หามากข้นึ เนือ่ งจากสงั คม มกี ารเปล่ียนแปลงอย฽างรวดเร็ว ความ เจริญทางวัตถุมีมากขึ้น โครงสร฾างของครอบครัวเปลี่ยนไป ครอบครัวมีขนาด เล็กลง การหย฽าร฾างมีมาก ข้ึน ผู฾คนสนใจและให฾ความสําคัญต฽อคุณค฽าทางจิตใจน฾อยลง พ฽อแม฽มีเวลาให฾ลูกน฾อยลง มีปใญหาในการ เลี้ยงดูเด็กมากขึ้น ครอบครัวขาดความอบอุ฽น ขาดความสุข ทําให฾เกิดปใญหาเด็กและวัยรุ฽นมากขึ้น การ ส฽งเสริมให฾ครอบครัวมีความเข฾มแข็ง จึงเป็นเร่ืองสําคัญอย฽างย่ิง การเปลี่ยนแปลงทางสังคมเป็นการ เปลี่ยนแปลงใน ด฾านบรรทัดฐานและสถานภาพรูปแบบของครัวเรือนแบบครอบครัวเปลี่ยนจาก ครอบครัวขยายมาเป็นครอบครัวเดียว มากข้ึน โดยครอบครัวขยายที่มีท่ีปุูย฽าตายาย และญาติอื่น ๆ ลดลง ในขณะที่ครอบครัวเดี่ยวที่มีแค฽พ฽อแม฽ลูกมากขึ้น รวมถึงครอบครัวท่ีมีลักษณะเฉพาะก็ปรากฏตัว หลากหลายมากข้นึ เช฽น ครอบครัวที่มีพ฽อหรือแม฽เล้ียงลูกตามลําพัง ครอบครัวแหว฽งกลางท่ีมีปูุย฽าตายาย อยก฽ู บั หลานตามลําพัง เป็นต฾น

37 6.1.1 รูปแบบของครอบครัวเปล่ียนไปจากเดิมจากโครงสร฾างครอบครัวท่ีมีสมาชิก ครอบครัวครบทุกสถานภาพ ทั้งท่ีเป็นพ฽อ-แม฽-ลูก และญาติ โดยมีลักษณะเป็นครอบครัวเดียวที่มีแค฽พ฽อ แม฽ลูกมากขึ้น และครอบครัวขยายท่ีมีปูุ ย฽า ตายาย และญาติอ่ืน ๆ ลดลง แต฽ครอบครัวที่มี ลักษณะเฉพาะหลากหลายกลับมีแนวโน฾มมากข้ึน เช฽น ครอบครัวท่ีมี พ฽อหรือแม฽เล้ียงลูกตามลําพัง ครอบครัวที่มีพ฽อแม฽เป็นวัยรุ฽น ครอบครัวแหว฽งกลางที่มีปุูย฽าตายายอย฽ูกับหลานตามลําพัง เป็นต฾น ผู฾ทํา หน฾าท่ีเลี้ยงดูเด็กมิใช฽เฉพาะพ฽อและแม฽เป็นผู฾เล้ียงดูหลักอีกต฽อไป อาจเป็นพ฽อหรือแม฽หรือปปา ยายหรือ ญาตทิ ่ีทําหน฾าท่นี เ้ี พียงลาํ พงั หรือทํารว฽ มกนั 6.1.2 รูปแบบการอบรมเล้ียงดูเด็ก การอบรมเลี้ยงดูเป็นปใจจัยสําคัญท่ีทําให฾เด็กมีการ เจริญเตบิ โต แล พฒั นาการสมวัยและสอดคล฾องกับความต฾องการของเด็ก การอบรมเล้ียงดูครอบคลุมถึง การแนะนําส่ังสอน ฝึก ฝึกหัด ที่มุ฽งหวังให฾เด็กประพฤติดีมีระเบียบวินัย รู฾จักควบคุมตนเอง มีความ รับผิดชอบ รวมทงั้ การใสใ฽ จดูแลเพอื่ ตอบสนองความต฾องการของเด็กท้ังร฽างกายและจิตใจ โดยมุ฽งเน฾นให฾ เด็กมีสุขภาพดีร฽างกายแข็งแรงปลอดภัย อารมณแ สดชื่นแจ฽มใส สติปใญญาดีมีความเฉลียวฉลาด และมี ความสัมพันธแที่ดีกับผ฾ูอ่ืน ปใจจุบันการอบรมเล้ียงดูเด็กม฽ุงเน฾น การพัฒนาเด็กให฾เจริญเติบโตและมี พัฒนาการอย฽างองคแรวม ซ่ึงต฾องอาศัยความรู฾ความเข฾าใจในหลักวิชาการมากข้ึน พ฽อแม฽หรือผู฾เล้ียงดูท่ีมี ความรคู฾ วามเขา฾ ใจต฽อพฒั นาการและความต฾องการของเด็กตามวัย มีเจตคติท่ีดีต฽อการเล้ียง และสามารถ ปรับตัวกับการเปล่ียนแปลงในการทําหน฾าที่นี้ มีทักษะท่ีจะส฽งเสริมและตอบสนองความต฾องการของเด็ก ตลอดจนรู฾จกั แก฾ไขปญใ หาตา฽ ง ๆ ให฾ลุล฽วงดว฾ ยดี ย฽อมทาํ หนา฾ ทีใ่ นการอบรมเล้ยี งดูเด็กไดอ฾ ย฽างมคี ุณภาพ 6.1.3 การทํางานนอกบ฾านของสตรี ปใจจุบันน้ีครอบครัวที่สามีทํางานคนเดียวลดน฾อยลง ไปมาก ภรรยาส฽วน ใหญ฽ต฾องออกไปทํางานนอกบ฾าน ผลดีก็คือว฽าทําให฾สถานะทางเศรษฐกิจของ ครอบครัวดีขน้ึ แตผ฽ ลเสยี กค็ อื ผเู฾ ปน็ แม฽ มีเวลาใหแ฾ ก฽ลกู ๆ นอ฾ ยลง โดยเฉพาะเมอื่ ลูกยงั เล็กอยู฽ จําเปน็ ต฾อง ฝากผ฾ูอื่นเล้ยี งดูเด็กแทน ด฾วยเหตุนใ้ี นสังคมปจใ จบุ ัน ความต฾องการในการจัดการศึกษาสําหรับเด็กปฐมวัย เพิ่มมากข้ึนเป็นเงาตามตัว ท้ังนี้เพราะภาวะทางเศรษฐกิจและ สภาพทางสังคม ซ่ึงท้ังพ฽อและแม฽จะต฾อง ออกไปทํางานนอกบ฾าน ทาํ ให฾ตอ฾ งสง฽ ลูกเข฾าสถานรบั เลย้ี งเด็กหรอื โรงเรยี น อนุบาลเร็วข้ึนกว฽าเดิม การจัด สถานรบั เลย้ี งเด็กหรอื โรงเรียนท่มี ปี ระสิทธภิ าพจะช฽วยแก฾ปใญหาของสังคม เป็นการแบ฽งเบา ภาระพ฽อแม฽ และยังมีส฽วนช฽วยในการพัฒนาเด็กอย฽างถูกต฾องเหมาะสมกับเด็ก พ฽อแม฽จําเป็นต฾องใส฽ใจอย฽างยิ่งใน การ เลือกสถานเล้ียงเด็กให฾กับลูกน฾อย โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัย ปรัชญาการพัฒนาเด็กปฐมวัย โปรแกรม หรือหลกั สูตรการศึกษา บรรยากาศและสภาพแวดลอ฾ ม 6.1.4 การทํากิจกรรมร฽วมกัน ปใจจุบันสมาชิกในครอบครัวเดียวกันมักไม฽ค฽อยมีการทํา กิจกรรมร฽วมกัน ทําให฾ ไม฽ค฽อยได฾รับข฾อมูลข฽าวสาร หรือแลกเปลี่ยนประสบการณแกัน สัมพันธภาพใน ครอบครัวไม฽อบอ฽ุน เด็กเองก็รู฾สึกห฽างเหิน กับพ฽อแม฽มากข้ึนด฾วยการทํางานของพ฽อแม฽ทําให฾ครอบครัวไม฽ คอ฽ ยได฾เจอกนั เด็กมักถูกปลอ฽ ยให฾มีเวลาตามลาํ พงั หรือ อยก฽ู ับสอื่ อิเลก็ ทรอนิกสแและโทรทัศนแมากขึ้น เมื่อ พ฽อแม฽มีเวลาท่ีจะไปอยู฽กับเร่ืองอื่นที่ไม฽ใช฽เรื่องครอบครัวมากข้ึน เด็ก ก็จะมีกิจกรรมของตนเอง ซึ่งส฽วน

38 ใหญ฽จะเป็นเรื่องเทคโนโลยีแทนท่ีการใช฾เวลากับครอบครัว เช฽น เล฽นเกม เล฽น อินเทอรแเน็ต ครอบครัวท่ี พ฽อแม฽มีฐานะมั่งค่ัง แต฽มีธุรกิจการงานมากเกินไป ไม฽มีเวลาอยู฽กับลูก ๆ โดยมักจะให฾แต฽เงิน ทองของใช฾ ต฽าง ๆ แม฾เด็กเหล฽านี้จะไม฽ขาดแคลนวัตถุ แต฽เมื่อขาดความอบอุ฽นทางด฾านจิตใจก็อาจกลายเป็นปใญหา สงั คม ไดอ฾ กี เช฽นกัน ช฽วงปฐมวยั นี้เดก็ ตอ฾ งการปฏสิ มั พนั ธกแ บั ผู฾คนมากกว฽าวัตถุสิ่งของ ดังน้ัน พ฽อแม฽ผู฾เลี้ยง ดูเด็กในครอบครวั จําเป็นต฾องจดั สรรเวลาคุณภาพ เพ่ือเสริมสร฾างสัมพันธภาพท่ีอบอ฽ุนใกล฾ชิดเต็มไปด฾วย ความสุขสนุกสนานในครอบครัว เพราะเด็กสามารถพฒั นาอยา฽ งสมวยั ในบรรยากาศของความสุข 6.1.5 ปฏิสัมพันธแระหว฽างครอบครัวกับชุมชน สังคมมีแนวโน฾มลดลง โดยเฉพาะในเขต เมืองใหญ฽มีลักษณะ ต฽างคนต฽างอยู฽มากข้ึน การเปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยในปใจจุบันมีมากมาย หลายมิติท้ังในเร่ืองเทคโนโลยี ท่ี ส฽งผลให฾การใช฾ชีวิตของคนในสังคมสะดวกสบายสามารถติดต฽อส่ือสาร ถึงกันไดอ฾ ยา฽ งงา฽ ยดายมากขึ้น โครงสร฾างของ สังคมที่กําลังเข฾ายุคของการเป็นสังคมผู฾สูงอายุรวมถึงระบบ เศรษฐกิจการเงินโลกท่ีมีความผันผวนอย฽างรุนแรง รวดเร็ว ตลอดเวลาและอื่น ๆ อีกมากมายล฾วนส฽งผล ให฾ครอบครัวไทยเปล่ียนแปลงและรับผลกระทบในหลายมิติซึ่งหาก ครอบครัวไม฽สามารถตั้งรับการ เปล่ียนแปลงไดท฾ ันอาจส฽งผลสะเทือนถึงความเขม฾ แขง็ ของครอบครวั ไทยตอ฽ ไป 6.2 ความเข฾าใจตอ฽ คุณลกั ษณะเฉพาะของเดก็ ปฐมวยั เด็กปฐมวัยเป็นวัยแรกเร่ิมการเดินทางของชีวิตและการเรียนร฾ูที่จะสะสมเป็นประสบการณแ ในการเตบิ โตและ พัฒนากา฾ วไปสู฽ความเป็นผู฾ใหญ฽ท่ีสมบูรณแ แต฽ละย฽างก฾าวของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในช฽วงวยั นี้วยั นี้จงึ เป็นช฽วงวกิ ฤต เปน็ พน้ื ฐานท่ีสําคัญและมีอิทธิพลต฽อพัฒนาการด฾านต฽าง ๆ ของบุคคลท่ี จะเตบิ โตเป็นผูใ฾ หญ฽ในอนาคต 6.2.1 เป็นวัยที่สมองเจริญเติบโตอย฽างรวดเร็ว ช฽วงปฐมวัยเป็นระยะท่ีสมองมีการ เจริญเติบโตมากท่ีสดุ มกี าร เคลื่อนไหวรา฽ งกาย ใช฾พลงั งานในการเลน฽ และการทาํ กิจกรรมต฽าง ๆ เป็นผล ให฾ร฽างกายต฾องการอาหารมาก ถ฾าเด็กได฾ รับสารอาหารไม฽เพียงพอในช฽วงน้ี จะเป็นผลเสียต฽อการ เจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กมาก พ฽อแม฽ ผู฾ปกครองจึง ต฾องดูแลเอาใจใส฽ให฾อาหารเด็กให฾เพียงพอ มสี ารอาหารครบถ฾วนเปน็ ประโยชนตแ อ฽ ร฽างกายอย฽างแทจ฾ รงิ 6.2.2 เปน็ วยั ทเี่ สีย่ งต฽อการติดเชือ้ และเจบ็ ปุวยไดง฾ ฽าย เดก็ วัยนีย้ งั เป็นวยั อ฽อนแอของช฽วงชวี ิต ร฽างกายยังบอบบาง ไม฽แข็งแรง ความต฾านทานโรคต่ํา สามารถติดเช้ือหรือติดต฽อโรคได฾ง฽าย พ฽อแม฽ ผ฾ูปกครองจึงต฾องระมัดระวังดูแลรักษา สุขภาพเด็กวัยนี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะต฾องนําเด็กไปตรวจสุขภาพ ร฽างกายเป็นประจําอย฽างน฾อยปีละ 2 ครั้ง รวมท้ังต฾อง พาเด็กไปรับวัคซีนสร฾างเสริมภูมิค฾ุมกันโรคเด็กที่ จาํ เปน็ ให฾ครบทกุ ชนิดด฾วย 6.2.3 เป็นวัยทไี่ ม฽ชอบการอยูน฽ ่ิงเฉย เดก็ วยั นชี้ อบเลน฽ บางคร้ังชอบเล฽นโลดโผน และรุนแรง ยังไม฽รจ฾ู กั ระมัดระวังอุบตั ิเหตตุ า฽ ง ๆ จึงเปน็ วัยท่ีเกิดอบุ ัตเิ หตุไดม฾ ากท่ีสุด ดังน้ัน พ฽อแม฽ ผ฾ูปกครองจึงควร ดแู ลระมดั ระวงั ไม฽ปล฽อยใหเ฾ ด็กเล฽นตามลําพังในสถานท่ีท่อี าจเกดิ อนั ตรายแก฽เด็กได฾

39 6.2.4 เป็นวัยที่กําลังค฾นหาเอกลักษณแของตนเอง เด็กปฐมวัยจะร฾ูสึกเป็นอิสระมากข้ึน ใน ระหว฽างท่ีมีการ เปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้ เด็กบางคนอาจแสดงการต฽อต฾านทุกส่ิงทุกอย฽างที่พ฽อแม฽ ผูป฾ กครองบอกให฾ทาํ โดยไมม฽ เี หตุผล เดก็ จะตอบสนองในลกั ษณะปฏิเสธเสมอ พ฽อแม฽ ผู฾ปกครองจึงต฾องใช฾ ความอดทนและทาํ ความเขา฾ ใจใหไ฾ ด฾ว฽า เด็กกําลัง ค฾นหาเอกลักษณแของตัวเอง ต฾องการลักษณะโดดเด฽นท่ี เป็นของตนเอง ไม฽ต฾องการให฾ใครมาบอกว฽าต฾องทําอะไร หรือ ไม฽ให฾ทําอะไร แต฽ต฾องการทําตามความ พอใจของตนเอง พอ฽ แม฽ผ฾ปู กครองต฾องเข฾าใจและตอบสนองความต฾องการของ เด็กโดยการให฾เด็กมีอิสระ พอสมควร จดั สภาพแวดล฾อมให฾ปลอดภัย จะทาํ ใหเ฾ ดก็ มคี วามมัน่ ใจ ถ฾าไม฽ได฾รับการ ตอบสนองอาจส฽งผล ให฾เกดิ ปใญหาด฾านอารมณแแ ละพฤตกิ รรมได฾ 6.2.5 เปน็ วัยทเี่ รม่ิ ชว฽ ยเหลือตนเองเด็กปฐมวัยเป็นช฽วงสําคัญของชีวิตท่ีเปล่ียนแปลงจากวัย ทารกซงึ่ พงึ่ ตนเอง ไม฽ไดเ฾ ลย มาเริ่มต฾นช฽วยเหลือและพ่ึงพาตนเองได฾มากข้ึน เด็กชอบทดลองทําส่ิงต฽าง ๆ จึงเป็นวัยที่เสี่ยงต฽อการเกิด อุบัติเหตุ ดังน้ัน พ฽อแม฽ ผ฾ูปกครองต฾องระมัดระวังปูองกันอย฽างดี อย฽าปล฽อย ใหเ฾ ด็กทําอะไรที่เกนิ ความสามารถของ เดก็ วัยน้ที ี่อาจกอ฽ ใหเ฾ กิดอนั ตรายแกเ฽ ดก็ ได฾ 6.2.6 เปน็ ช฽วงวัยแห฽งการวางรากฐานของบุคลิกภาพ ช฽วงปฐมวัยเป็นระยะท่ีเกิดการเรียนร฾ู มากทสี่ ุดในชีวิต การเรียนรู฾เหลา฽ น้ีจะมอี ทิ ธิพลตอ฽ บคุ ลกิ ภาพของชีวติ เด็กในอนาคต เด็กวัยนี้จึงมีลักษณะ อยากรอ฾ู ยากเหน็ ช฽างซกั ช฽างถาม สนใจสิ่งแวดลอ฾ มท่ีอย฽รู อบตัว ชอบเลยี นแบบพอ฽ แม฽ ผูใ฾ หญ฽ท่ีอยร฽ู อบตัว ดังนั้น พ฽อแม฽ ผ฾ูปกครอง จึงควรช฽วย ส฽งเสริมบุคลิกภาพที่ดีให฾แก฽เด็ก เป็นแบบอย฽างท่ีดีแก฽เด็ก จัด กจิ กรรมท่ีชว฽ ยสร฾างเสรมิ บุคลกิ ภาพทดี่ ใี ห฾เด็กดว฾ ย 6.2.7 เป็นวัยท่ีต฾องเตรียมตัวเพื่อเข฾าเรียนการศึกษาภาคบังคับ เด็กปฐมวัยต฾องพยายาม ช฽วยเหลือตนเอง และ ปรับตัวให฾เข฾ากับสภาพแวดล฾อมและกฎกติกาของสถานศึกษา จึงควรส฽งเสริมให฾ เด็กเรียนรู฾ที่จะควบคุมตนเอง ปรับตัวให฾เข฾ากับผู฾อ่ืนได฾ดี และร฾ูจักส่ิงต฽าง ๆ รอบตัว เพ่ือไม฽ให฾เกิดปใญหา ด฾านอารมณแความรสู฾ ึก สรุปไดว฾ ฽า เด็กในชว฽ งปฐมวัยเปน็ วยั ทีม่ ีความสําคัญมาก เนอื่ งจากสังคมที่แวดล฾อมตัวเด็กสามารถ กําหนดให฾ เด็กมีบุคลิกภาพท่ีแตกต฽างกันได฾ และการกําหนดบุคลิกภาพของเด็กนี้จะเกิดข้ึนได฾ง฽าย เม่ือ เด็กยังมีประสบการณแไม฽ มากนัก เด็กปฐมวัยเริ่มเรียนรู฾โลกภายนอกมากข้ึน และร฾ูจักปรับตัวให฾เข฾ากับ สภาพแวดลอ฾ มไดอ฾ ยา฽ งเหมาะสม หาก ได฾รับการอบรมเลีย้ งดูทีส่ อดคล฾องกับความต฾องการตามวัย 6.3 ความเขา฾ ใจต฽อบทบาทของครอบครวั ในการพัฒนาเด็กปฐมวัย การพฒั นาเด็กปฐมวัยผ฽านการอบรมเล้ียงดูของพ฽อแม฽ มีผลต฽อพฤติกรรมและบุคลิกภาพของเด็ก เป็น อย฽างย่ิง เป็นการดูแลเด็กท่ีต฾องใช฾ทั้งศาสตรแและศิลป฼ พ฽อแม฽จําเป็นต฾องเข฾าใจลักษณะพัฒนาการ และพฤติกรรมที่เกิด ขึ้นกับเด็กวัยต฽าง ๆ มีเจตคติที่ดีต฽อเด็ก ยอมรับความสําคัญของเด็ก รับฟใงความ คิดเห็น อบรมสั่งสอนด฾วยเหตุผล ให฾โอกาสเด็กได฾แสดงความคิดเห็น ตัดสินใจ มีส฽วนรับร฾ูรับผิดชอบต฽อ กิจกรรมต฽าง ๆ ของครอบครัว สามารถแสดง ความสามารถต฽าง ๆ ได฾อย฽างเต็มที่ พ฽อแม฽คอยช้ีแนะ แนวทางทถ่ี กู ตอ฾ งด฾วยเหตุผล และสามารถให฾ความรัก ความ อบอุ฽นใกล฾ชิดต฽อเดก็ ได฾อยา฽ งเตม็ ทส่ี มา่ํ เสมอ

40 การพัฒนาเด็กปฐมวัย นอกจากมีเปูาหมายสําคัญอย฽ูท่ีการอบรมบ฽มนิสัยเพื่อเป็นพ้ืนฐานที่ดีเม่ือ เด็กเติบโต ข้ึนแล฾ว พ฽อแม฽ผ฾ูปกครองยังต฾องจัดประสบการณแการเรียนรู฾ให฾กับเด็กด฾วย และต฾องเป็น ประสบการณทแ เ่ี ด็กอยาก เรียนและเรยี นรู฾ได฾อย฽างเหมาะสมกับวัย ท่ีจะช฽วยให฾เด็กมีความมั่นใจในตนเอง มีความสามารถ ความปรารถนาที่จะ เรียนรู฾สิ่งต฽าง ๆ เพื่อให฾สามารถดํารงชีวิตอย฽ูในโลกที่กําลัง เปล่ียนแปลงอย฽างรวดเร็วนี้ได฾ ความคิดริเริ่มสร฾างสรรคแก็ เป็นส่ิงจําเป็นที่จะช฽วยให฾เด็กสามารถใช฾ ความคิดประดิษฐแส่งิ ตา฽ งๆ ไดแ฾ ปลกแตกต฽างจากที่เคยทํา นอกจากนี้ เด็กควร มีโอกาสได฾เล฽น เพราะการ เล฽นเป็นสิ่งสําคัญในอันที่จะช฽วยให฾เด็กมีพัฒนาการด฾านร฽างกาย ช฽วยเสริมสร฾างร฽างกายให฾ แข็งแรง สมบูรณแ มีความมนั่ ใจในตนเอง เรยี นร฾ทู จี่ ะอย฽รู ว฽ มกบั ผู฾อนื่ รจู฾ กั อดทนและรอคอย มีสุขภาพจิตท่ีดี และท่ี สําคัญได฾ค฾นพบความสัมพันธแของสิ่งต฽าง ๆ รอบตัว ได฾ฝึกคิดได฾หลายแง฽หลายมุม ตลอดจนการประดิษฐแ คดิ คน฾ สิง่ แปลก ๆ ใหม฽ ๆ จึงอาจกล฽าวได฾ว฽า เพ่ือให฾ประสบความสําเร็จในการอบรมเลี้ยงดูเพ่ือปูพ้ืนฐาน ลักษณะนิสัยที่ดีให฾ กับเด็ก รวมถึงการส฽งเสริมพัฒนาการให฾เด็กได฾อย฽างถูกต฾องเหมาะสมกับวัย พ฽อแม฽ ผ฾ปู กครองควรมีบทบาทในการเลยี้ งดู และอบรมเดก็ ปฐมวยั โดยปลูกฝใงคุณลักษณะต฽าง ๆ ที่เป็นพ้ืนฐาน การพัฒนาเด็กในชว฽ งวยั ตอ฽ ๆ มา (ปรียา เกตุทตั 2552: 269-271) ดังนี้ 6.3.1 การเรียนร฾ูการพ่ึงตนเองเด็กจะเร่ิมคิดว฽าตนเองเป็นบุคคลคนหนึ่ง และอยากมีอิสระ พงึ่ พาตนเองได฾ พอ฽ แม฽ควรให฾คําแนะนําและส฽งเสริมให฾เด็กช฽วยตนเองอย฽างเหมาะสมกับวัย เช฽น การทํา กิจวัตรก฽อนเข฾านอน การเตรียม กระโถนปใสสาวะ ฯลฯ เด็กจะภาคภูมิใจมากที่ได฾ทําบางส่ิงบางอย฽างให฾ ตนเอง ดังนนั้ พอ฽ แม฽จงึ ต฾องคิดอย฽เู สมอวา฽ จะ ให฾เด็กช฽วยเหลือตนเองในเรือ่ งอะไรและอยา฽ งไร เพื่อช฽วยให฾ เด็กประสบความสําเรจ็ ดา฾ นน้ี เช฽น เมื่อเด็กเร่ิมช฽วยเหลือ ตนเองด฾านการแต฽งกาย พ฽อแม฽ควรช฽วยแค฽ไหน อย฽างไร พ฽อแม฽ต฾องคิดอย฽ูเสมอว฽าจะช฽วยให฾เด็กเรียนรู฾การทํากิจกรรม ต฽าง ๆ ด฾วยตนเอง ตัดสินใจเอง รวมถึงการเลือกสิ่งตา฽ ง ๆ ดว฾ ยตนเองไดอ฾ ย฽างไรจงึ จะเหมาะสม เช฽น การเลือกเสื้อผา฾ ที่จะสวมใส฽ เปน็ ต฾น 6.3.2 การเรียนรู฾การให฾การแบ฽งปในความรัก และการรับความรักความอบอ฽ุนจากเพ่ือนรุ฽น เดยี วกัน จากผ฾ูใหญ฽ ทง้ั ในครอบครวั และบคุ คลภายนอก เดก็ วยั นี้ต฾องการท่ีจะได฾รับความรักและเป็นท่ีรัก เดก็ จะรส฾ู ึกวา฽ ตนเองมคี ุณค฽า ตนเองมีคนที่รกั ไมว฽ ฽าจะเป็นพ฽อแม฽ ผ฾ูปกครอง ครู หรือเพื่อน เมื่อเด็กได฾รับ ความรัก เด็กก็จะแบ฽งปในความรักของตน ให฾กับคนอ่ืนเช฽นกัน ระยะแรกเด็กจะยึดตนเองเป็นศูนยแกลาง เมื่อโตขนึ้ เดก็ เริ่มเรียนรท฾ู จ่ี ะเป็นผ฾ูให฾และผู฾รับความรัก อุปกรณแของเล฽นและสิ่งของต฽าง ๆ จากบุคคลอื่น ถ฾าเด็กไม฽ได฾รับความรักจะกลายเป็นคนเห็นแก฽ตัว ก฾าวร฾าว อิจฉา ดังนั้น พ฽อแม฽ต฾องเข฾าใจธรรมชาติของ เด็ก เข฾าใจจิตวิทยาเด็ก เพ่ือให฾สามารถตอบสนองในด฾านการให฾ความรัก ความ อบอ฽ุนใกล฾ชิดแก฽เด็กได฾ อย฽างถูกตอ฾ งและเหมาะสม ไม฽ใช฽การหลงหรือการตามใจจนมากเกินไป 6.3.3 การเรียนรู฾การมีสัมพันธภาพท่ีดีกับบุคคลอ่ืน การท่ีเด็กจะมีสัมพันธภาพท่ีดีต฽อสังคม ภายนอกข้ึนอย฽ูกับ ความสัมพันธแในครอบครัว ถ฾าครอบครัวมีความสัมพันธแท่ีอบอุ฽น รักใคร฽ปรองดองกัน เด็กกเ็ กิดความมนั่ ใจท่ีจะสรา฾ ง ความสัมพันธแท่ีดกี ับบคุ คลอนื่ นอกจากน้ี พอ฽ แม฽ตอ฾ งส฽งเสริมและสนบั สนุน ให฾เดก็ ออกไปเล฽นกบั เดก็ อนื่ ๆ บา฾ ง ความ พึงพอใจที่เดก็ ไดร฾ บั จากการเล฽นกับเพ่ือน ๆ จะเป็นปใจจัยท่ีทํา

41 ใหเ฾ ด็กมีพัฒนาการทางสังคมในด฾านดี พอ฽ แมแ฽ ละผ฾ปู กครองต฾องช฽วยให฾เด็กได฾มีโอกาสสร฾างปฏิสัมพันธแกับ บคุ คลอ่ืนอยา฽ งมคี วามสุข เดก็ จะไดเ฾ รยี นรู฾วธิ ีการท่ีจะทําให฾ 6.3.4 การพฒั นาวินยั ในตนเองพอ฽ แมต฽ ฾องส฽งเสริมใหล฾ ูกมีความสามารถในการควบคุมตนเอง นําทางให฾ตนเอง ได฾ เด็กจะไม฽พัฒนาการมีวินัยในตนเอง ถ฾าพ฽อแม฽คอยควบคุมแนะนําเด็กอยู฽ตลอดเวลา เด็กจะต฾องเรียนรู฾พฤติกรรม ที่พึงประสงคแ และเหตุผลที่ต฾องแสดงพฤติกรรมน้ัน ๆ พ฽อแม฽ควรอธิบายให฾ เด็กฟใงว฽าพฤติกรรมที่เหมาะสมน้ันเป็น อย฽างไร ให฾ประโยชนแแก฽ตนเองและผ฾ูอ่ืนอย฽างไร เมื่อเด็กมี ความคิด ความเข฾าใจเพ่มิ ข้นึ เดก็ จะพฒั นาพฤติกรรมที่ พึงประสงคแ ความกลัวท่ีเกิดจากการบงั คับข฽มขู฽ให฾ ทําพฤติกรรมต฽าง ๆ ไม฽สามารถช฽วยให฾เด็กมีวินัยในตนเองได฾ พ฽อแม฽ ควรให฾โอกาสเด็กได฾ตัดสินใจด฾วย ตนเอง เพือ่ เดก็ จะไดเ฾ กิดความมัน่ ใจในตนเอง และสามารถตัดสินใจและเลือกทํา กิจกรรมด฾วยตนเองเม่ือ ไม฽มีผู฾ใหญ฽อยด฽ู ว฾ ย 6.3.5 การเรียนรู฾บทบาททางเพศที่เหมาะสม การเรียนร฾ูในครอบครัวมีผลต฽อการพัฒนา บทบาททางเพศที่ เหมาะสมให฾แก฽เด็ก การพัฒนาบทบาททางเพศเป็นกระบวนการต฽อเน่ืองท่ีจะช฽วยให฾ เดก็ ชาย หญงิ แสดงพฤตกิ รรมท่ี เหมาะสมกบั บทบาททางเพศของตน เช฽น เด็กชายจะได฾รับการเสริมแรง ใหเ฾ ลน฽ ท่ีคอ฽ นข฾างรุนแรง การเลน฽ กีฬากลางแจง฾ สนใจในเคร่ืองจักรกล ในขณะทเี่ ดก็ หญงิ จะถูกสอนให฾เชื่อ ฟใงผู฾ใหญ฽ มีความอ฽อนหวาน น฽ารัก มีความอ฽อนไหวทาง อารมณแ กระบวนการที่พ฽อแม฽ผู฾ปกครองให฾การ เรียนร฾ูและกล฽อมเกลาเด็กในเร่ืองบทบาททางเพศ รวมทั้งการเป็น ตัวแบบท่ีดีให฾แก฽เด็กน้ี มักจะเกิดข้ึน อย฽างไมร฽ ฾ูตวั แต฽มีอทิ ธพิ ลต฽อการแสดงออกทางเพศของเด็กอย฽างมาก เมื่อโตข้ึน การกําหนดบทบาททาง เพศจะได฾รับอิทธิพลจากเพ่ือนและมาตรฐานของสังคมเพ่ิมขึ้น อันมีผลให฾เด็กสามารถพัฒนา บุคลิกภาพ ทางเพศไดอ฾ ยา฽ งเหมาะสมสอดคลอ฾ งกบั ความคาดหวังของสังคม 6.3.6 การเรียนร฾ูร฽างกายของตนเองพ฽อแม฽ต฾องช฽วยแนะนําและส่ังสอนเด็กให฾เข฾าใจถึง ความสําคัญของร฽างกาย ตนเอง ให฾รู฾จักการรบั ประทานอาหารท่มี คี ณุ ค฽า บํารุงร฽างกาย เนื่องจากเด็กวัยนี้ สมองและร฽างกายกําลังเจริญเตบิ โต อยา฽ งรวดเรว็ เปน็ ระยะท่ีเด็กชอบเคลื่อนไหว ไม฽อย฽ูนิ่ง ชอบเล฽นและ ทํากิจกรรมตลอดเวลา เด็กจึงจําเป็นจะต฾องได฾ อาหารท่ีมีสารอาหารครบถ฾วน ถูกสัดส฽วนตามที่ร฽างกาย ตอ฾ งการ รวมท้งั การดแู ลรกั ษาร฽างกายให฾มสี ขุ ภาพทดี่ ี ไดร฾ ับ วคั ซนี เพ่อื สรา฾ งภมู ิคมุ฾ กนั โรคอยา฽ งครบถ฾วน 6.3.7 การเรียนรู฾และฝึกทักษะการเคลื่อนไหวของกล฾ามเน้ือเล็กและใหญ฽ เด็กวัยนี้จําเป็นท่ี จะต฾องได฾รับการฝึก ทักษะการเคลื่อนไหวต฽าง ๆ ท่ีมีประโยชนแและจะเป็นพ้ืนฐานของทักษะ ท่ีละเอียด ประณีตยิ่งข้ึนในวัยต฽อไป เด็กที่มี ทักษะการเคล่ือนไหวจะพ่ึงพาผู฾อื่นน฾อยลง ทักษะบางประเภทช฽วยให฾ เดก็ สามารถมีสมั พนั ธภาพที่ดีกับผ฾ูอื่นได฾ พ฽อแม฽ และผู฾ปกครองต฾องส฽งเสริมให฾เด็กได฾รับประสบการณแต฽าง ๆ ได฾ทํากจิ กรรมที่ส฽งเสรมิ กลา฾ มเน้ือเล็กและใหญ฽ เพ่ือให฾ เกิดทักษะการเคล่ือนไหวได฾คล฽องแคล฽วขึ้น พ฽อ แม฽อาจแบ฽งงานท่ีเด็กสามารถทําได฾อย฽างเหมาะสมกับวัยให฾เด็กทําบ฾าง เพ่ือให฾เด็กได฾เรียนรู฾ชีวิตท่ีแท฾จริง เรียนร฾ูการมีสัมพันธภาพกับผ฾ูอ่ืน เรียนร฾ูความอดทน ความเหน่ือยยากในการทํางาน ทักษะบางอย฽างพ฽อ แมต฽ อ฾ งชี้แจงใหเ฾ ดก็ ร฾ูว฽าจะทาํ อย฽างไรจึงจะเกดิ ผลดี ถ฾าใหเ฾ รยี นร฾ูจากการลองผิดลองถูก อาจเสีย เวลาและ

42 ฝึกได฾ไม฽ดเี ท฽าท่คี วร แต฽ถ฾าได฾มกี ารแนะนําชี้แจงควบคู฽กันไป เด็กจะเรียนร฾ูได฾อย฽างรวดเร็วและพอใจในผล ทไี่ ด฾รบั มากกวา฽ 6.3.8 การเรียนรู฾ส่ิงท่ีอย฽ูรอบตัว เด็กปฐมวัยกําลังเจริญเติบโตและพัฒนาความคิดความ เข฾าใจอย฽างเป็นเหตุ เป็นผลทีละเล็กละน฾อย เร่ิมเข฾าใจผ฾ูคนและสิ่งแวดล฾อมท่ีอย฽ูรอบตัว แต฽ความเข฾าใจ ของเดก็ ยังไม฽ลกึ ซึง่ ไม฽สามารถมองโลก ได฾หลายแง฽มมุ เด็กจะยงั ไม฽เข฾าใจเหตุการณแต฽าง ๆ ท่ีไม฽ได฾เห็นด฾วย ตาตนเอง ดงั นนั้ พ฽อแม฽ไม฽ควรตั้งความคาดหวัง เกินกว฽าท่ีเด็กจะทําได฾ ถ฾าเร฽งรัดเด็กมากเกินไป จะทําให฾ เด็กหงุดหงดิ และยับยงั้ ความอยากร฾ูอยากเห็นของเด็กได฾ พ฽อ แม฽และครูต฾องช฽วยให฾เด็กได฾มีประสบการณแ ตา฽ ง ๆ ผา฽ นประสาทสัมผสั หลายทางอย฽างเหมาะสมกับวัย ความถนดั และความสนใจของเดก็ เพอ่ื สง฽ เสริม ให฾เด็กมีความอยากร฾ูอยากเห็น มีเหตุมีผล ฯลฯ ซ่ึงเป็นคุณลักษณะพื้นฐานที่สําคัญของผ฾ูท่ีชอบแสวงหา ร฾างเสรมิ นิสยั รักการอ฽าน การชวนเดก็ 6.3.9การเรียนร฾ูภาษาการใช฾ภาษาเพ่ือติดต฽อกับผู฾อื่นในสังคม และการสร฾าง พูดคุยถึง เร่ืองราวต฽าง ๆ ที่เกี่ยวข฾องกับเด็ก เช฽น เรื่องที่โรงเรียนเป็นแนวทางหน่ึงท่ีพ฽อแม฽สามารถใช฾พัฒนา ความสามารถในการพูดสื่อสารของเด็กได฾ เด็กอายุ 3 ปี ยังจําเรื่องราวต฽าง ๆ ไม฽ได฾มากนัก และยังร฾ู คาํ ศพั ทแค฽อนขา฾ งจํากดั จึงไม฽สามารถหาคําพดู ท่เี หมาะสมมาอธิบายเรื่องราวต฽าง ๆ แต฽เมื่ออายุมากขึ้นเด็ก จะสามารถเล฽าเร่ืองราวต฽าง ๆ ให฾พ฽อแม฽ฟใงได฾และพยายามหาคําอธิบาย เหตุการณแต฽าง ๆ เหล฽านั้น การ ชวนเด็กพูดคุยขณะทํากิจกรรมร฽วมกัน เป็นอีก พ฽อแม฽ฟใงได฾ และพยายามหาคําอธิบายเหตุการณแต฽าง ๆ เหล฽านั้น การชวนเด็กพูดคุยขณะทํากิจกรรมร฽วมกัน เป็นอีกแนวทางหน่ึงที่พ฽อแม฽สามารถพัฒนาการ เรียนร฾ภู าษาให฾กบั เดก็ ได฾ พ฽อแม฽สามารถเปน็ แบบอย฽างในการใชค฾ ําพูดท่ีเหมาะสม รวมทัง้ ชว฽ ยแกไ฾ ขการใช฾ คาํ พดู ของเด็กถกู ต฾องและเหมาะสมยิง่ ขน้ึ ได฾ การเล฽านทิ านหรือการอ฽านหนังสอื ให฾เด็กฟงใ เป็นอีกกิจกรรม หน่ึงทม่ี ีความสาํ คญั เป็นอยา฽ งยง่ิ ท่ีพอ฽ แมผ฽ ูป฾ กครองต฾องให฾ความสําคัญและทาํ อยา฽ งต฽อเน่อื งอยา฽ งสมา่ํ เสมอ เพราะกิจกรรมดังกล฽าวจะสามารถช฽วยเสริมสร฾างนิสัยรักการอ฽านให฾เด็กได฾ ช฽วยให฾เด็กคุ฾นเคยกับหนังสือ และเรียนร฾ูว฽าหนังสือให฾ความสนุกสนาน ขณะอ฽านให฾เด็กฟใง ถ฾าพ฽อแม฽ใช฾น้ิวชี้คําต฽าง ๆ เพื่อให฾เด็กได฾ เรียนรู฾ว฽ามีตัวหนังส่ือเป็นตัวแทนหรือสัญลักษณแของคําพูดที่เด็กได฾ยินในเรื่องรานั้นๆ ให฾เด็กเข฾าใจว฽ามี สัญลักษณแบางอย฽างบนกระดาษแทนสิ่งของเร่ืองราว และสัญลักษณแน้ันมีลักษณะอย฽างไร เขียนอย฽างไร สงิ่ เหลา฽ นจี้ ะชว฽ ยเตรียมความพรอ฾ มใหเ฾ ด็กก฽อนเขา฾ เรยี นในระดับประถมศกึ ษาต฽อไป 6.3.10 การพัฒนาคุณค฽าแห฽งตนและความสัมพันธแกับโลกภายนอกในแง฽ดีพ฽อแม฽มีอิทธิพลอย฽าง มากในการปลูก ฝใงให฾เด็กรู฾คุณค฽าการนับถือตน การเรียนรู฾เก่ียวกับความเป็นตัวของตัวเองของเด็กวัยน้ี เริ่มจากการท่ีเด็กรู฾ว฽าตนเอง แตกต฽างจากผ฾ูอ่ืน เมื่อเด็กได฾รับการส฽งเสริมให฾ทํากิจกรรมต฽าง ๆ เช฽น การ หยบิ จบั สิง่ ของ กรอกนําใสข฽ วด รินนํ้าดื่ม เอง ปูอนข฾าวเอง ได฾เลน฽ สนุกตามทตี่ ฾องการ ฯลฯ เด็กจะร฾ูสึกว฽า ตัวเองมคี วามสามารถและยอมรับนับถือตนเอง รวมทง้ั ภาคภูมใิ จในสภาพร฽างกายของตนเอง นอกจากนี้ พ฽อแมต฽ อ฾ งเป็นที่ปรกึ ษาคอยแนะนํา ใหก฾ ําลงั ใจเมื่อเด็กทําส่งิ ใด สง่ิ หนงึ่ ผดิ พลาดส่งิ เหล฽านี้จะเป็นรากฐาน อันม่ันคงของบุคลิกภาพเมื่อเด็กโตขึ้นเป็นรากฐานท่ีสําคัญของการสร฾าง ความสัมพันธแกับผู฾อ่ืน เม่ือเด็ก

43 เกิดความม่ันใจไว฾วางใจบคุ คลทอ่ี ยู฽ใกลช฾ ิด เดก็ จะเผื่อแผส฽ มั พันธภาพความรู฾สึกไว฾วางใจ และการมองโลก ในแงด฽ อี อกไปสู฽สงั คมภายนอกได฾ สรุปไดว฾ า฽ ครอบครัวมีบทบาทสําคัญในการช฽วยให฾เด็กได฾รู฾จักตนเอง พึ่งพาตนเอง เรียนรู฾บทบาท ทางเพศท่ี เหมาะสม และเรียนร฾กู ารใหแ฾ ละการรับ การสร฾างความสัมพันธแท่ีดีกับคนอ่ืน สามารถใช฾ภาษา ในการตดิ ต฽อสือ่ สารกบั คนอ่นื ได฾ รวมถึงสามารถเขา฾ ใจและเรียนร฾สู ่ิงตา฽ ง ๆ ท่ีอยู฽รอบตัว

44 บรรณานุกรม คณะอนุกรรมการด฾านครอบครัวในคณะกรรมการส฽งเสริมและประสานงานสตรีแห฽งชาติ ( 2537) นโยบายและแผนงานสตรีระยะยาว (2535-2544). กรุงเทพมหานคร อมรินทรแ พริ้นตง้ิ จรรยา สุวรรณทัต และจิตตินันทแ เดชะคุปตแ (2555) รายงานการวิจัยเร่ืองการพัฒนาระบบ สารสนเทศครอบครัว สาํ นกั พมิ พแมหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช ฉลาดชาย รมิตานนทแ (2542) การศึกษาครอบครัวไทย ข้อคิดและแนวทางการศึกษา วารสาร สังคมศาสตรแ 11(2) มกราคม-มิถุนายน) หน฾า 1-20 เฉลียว บุญยงคแ (2538) การศึกษาชีวิตครอบครัว พิมพแคร้ังท่ี 5 กรุงเทพมหานคร มหาวิทยาลัย รามคาํ แหง ชไมมน ศรสี ุรกั ษ (2545) การประเมนิ ผลพฒั นาการเด็กปฐมวยั เชยี งใหม฽ สถาบันราชภฏั เชยี งใหม฽ ปรียา เกตุทัต (2542) การอบรมเล้ียงดูเด็กก่อนวัยเรียน ใน เอกสารการสอนชุดวิชาพัฒนาการเด็ก และการเลี้ยงดู เล่มท่ี 2 หน฽วยท่ี 8-15 นนทบุรี สาขาวิชาคหกรรมศาสตรแ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช ราชบัณฑิตยสถาน (2525) พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 กรุงเทพมหานคร อักษรเจริญ ทัศนแ __________(2542) พจนานกุ รมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 กรุงเทพมหานคร นานมบี คุ฿ รจุ า ภู฽ไพบลู ยแ (2537) การพยาบาลครอบครวั : แนวคิดทฤษฎแี ละการนาไปใช้ ขอนแกน่ ภาควิชาการ พยาบาลแม่และ 3 คณะพยาบาลศาสตรแ มหาวิทยาลยั ขอนแกน฽ ศรีสว฽าง พัววงศแแพทยแ (2537) ครอบครัวไทย: ปัญหาและแนวทางแก้ไข วารสารการ ประชาสงเคราะห์ 37(6) (พฤศจิกายน-ธันวาคม) หน฾า 20-24 สนิท สมัครการ (2538) การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมกับพัฒนาการของสังคม กรุงเทพมหานคร โครงการสง่ เสริมเอกสารวชิ าการ สถาบันบัณฑติ บรหิ ารศาสตรแ สมาคมคหเศรษฐศาสตรแแหง฽ ประเทศไทย (2524) ตาราครอบครัวสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร สมาคมคห เศรษฐศาสตรแแ ห฽งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภแ สิริมา ภิญโญอนันตพงษแ (2550) เอกสารการสอนวิชาการศึกษาปฐมวัย กรุงเทพมหานคร หลักสูตร ครศุ าสตรบณั ฑิตสาขาการศึกษาปฐมวยั มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดสุ ติ สพุ ัตรา สุภาพ (2540) สงั คมวทิ ยา กรงุ เทพมหานคร สํานกั พมิ พแไทยวัฒนาพานิช หรรษา นิลวิเชียร (2534) ปฐมวัยศึกษา: หลักสูตรและแนวปฏิบัติ ปัตตานี แผนกวิชาประถมศึกษา คณะศึกษาศาสตรแมหาวิทยาลยั สงขลานครินทรแ วทิ ยาเขตปใตตานี Seefeldt & Barbour, Nita. (1986). Early childhood education: An introduction primary grades. Boston: AllynBacan Publishing Co., Inc. Massoglia. (1977). Early childhood in the home. NY: Deimar

45 หน่วยท่ี 2 บทบาทของครอบครัวในระยะมีบตุ รในชว่ งปฐมวยั แนวคดิ เกี่ยวกบั พฒั นาการและพัฒนกิจของครอบครัวในระยะท่มี เี ดก็ แรกเกิด ถงึ อายุ 1 ปี ครอบครัวเป็นสถาบันแรกท่ีมีความสําคัญท่ีสุดในการทําหน฾าท่ีเล้ียงดูเด็กปฐมวัย ให฾ความรัก ความอบอุ฽น แก฽ทุกคนในครอบครัว รวมถึงทําหน฾าที่ให฾การอบรมส่ังสอนท้ังด฾านคุณธรรมและอริยธรรม แกท฽ ุกคนในครอบครัว สําหรับพัฒนกิจของครอบครวั นนั้ นอกเหนือจากการจดั เตรียมสถานที่ การเตรียม คา฽ ใชจ฾ า฽ ยสําหรับบุตรในปใจจุบัน แล฾วยังต฾องเตรียมค฽าใช฾จ฽ายอื่น ๆ และเตรียมเพ่ือสําหรับบุตรในอนาคต รวมถึงคนในครอบครัวยังต฾องเตรียมกาย และใจ ตลอดจนการสื่อสารท้ังกับบุคคลภายในครอบครัวและ บคุ คลภายนอกที่เกยี่ วขอ฾ งดว฾ ยเพื่อใหบ฾ รรลพุ ัฒนกิจ ของครอบครวั ในระยะท่ีมีเดก็ แรกเกิดถึงอายุ 1 ปี 1. พัฒนาการครอบครัวในระยะทีม่ ีเด็กแรกเกดิ ถงึ อายุ 1 ปี เน่ืองจากพฒั นาการครอบครวั เป็นการเปลยี่ นแปลงของครอบครัวที่เกิดจากการเพ่ิม ขยาย หรือ ลดลงของ ขนาดครอบครัวซ่ึงมีการเปลี่ยนแปลงอย฽ูตลอดเวลา การแบ฽งระยะพัฒนาการของครอบครัวมี หลายแนวคิด ในท่ีนี้ การแบ฽งระยะพัฒนาการครอบครัวออกเป็นระยะต฽างๆ ได฾อาศัยแนวคิดพ้ืนฐานมา จากดูวาลลแ (Duval) และมิลเลอรแ (Miller) (Duvall, 1977) สําหรับในเรื่องที่ 2.1.1 จะกล฽าวถึงเฉพาะ ครอบครัวท่ีมีเด็กปฐมวัยในช฽วงวัยแรกเกิดถึง 1 ปี ซึ่งพัฒนาการครอบครัวสามารถพิจารณาได฾ใน 2 ระยะ ดังน้ี ระยะท่ี 1 ครอบครัวระยะเร่ิมต้น (Stage I: Beginning families) เป็นระยะต้ังแต฽การสมรส จนกระท่ังภรรยา คลอดบุตรคนแรก ระยะน้ีเป็นระยะที่ค฽ูสมรสต฾องปรับตัวสําหรับบทบาทใหม฽ท่ีเกิดข้ึน คือ การเปน็ พ฽อแม฽ การเรียนรู฾ นิสยั ใจคอกัน และการร฽วมดูแลลูกที่ยังเล็กท่ียังช฽วยเหลือตนเองไม฽ได฾ จาก สถิติอัตราการเกิดของเด็กแรกเกิดใน ประเทศไทยของสํานักนโยบายและยุทธศาสตรแสํานักงาน ปลดั กระทรวงสาธารณสุข (2553) พบวา฽ จาํ นวนและอัตรา เกิดตอ฽ ประชากร 1,000 คนในประเทศไทยมี แนวโน฾มลดน฾อยลงในทุกปี ตั้งแต฽ปี 2553 เป็นร฾อยละ 12 เมื่อเปรียบเทียบ กับปี 2550 ปี 2551 และปี 2552 คิดเปน็ ร฾อยละ 12.7, 124 และ 12.1 ตามลําดับ ระยะท่ี 2 ครอบครัวระยะมีเด็กคนแรก (Stage II: Childbearing families) เป็นระยะท่ี ครอบครัวเริ่มมีบุตร คนแรกจนกระท่ังบุตรอายุถึง 1 ปี ดังน้ัน ครอบครัวต฾องช฽วยกันดูแลเด็กท่ียังไม฽ สามารถช฽วยเหลือตนเองได฾ ซึ่งพบว฽า การเจ็บปุวยของเด็กท่ีอายุตํ่ากว฽า 5 ปีที่พบบ฽อย คือ โรคติดเชื้อ เฉยี บพลนั ระบบทางเดินหายใจ ซึง่ ไดแ฾ ก฽โรคหวดั และ โรคปอดบวมส฽วนความเจ็บปุวยที่รองลงมาคือโรค ระบบทางเดินอาหารได฾แก฽โรคอุจจาระร฽วง (ลัดดา เหมาะสุวรรณ และคณะ 2543) นอกเหนือจากการ ดูแลดา฾ นสขุ ภาพแล฾ว ครอบครวั ยังมพี ัฒนกิจในการอบรมเลี้ยงดูและสง฽ เสรมิ