แบบประเมินรายงานสรปุ เรือ่ ง ระบบเศรษฐกจิ ในโลกปจั จบุ นั ชอื่ ชนั้ เลขท่ี ลาดบั คุณภาพผลงาน รายการประเมิน 4321 ที่ 1 การเปรียบเทยี บผลดแี ละผลเสยี ของระบบเศรษฐกจิ ต่างๆ 2 การเปรยี บเทยี บขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี ของตลาดประเภทต่างๆ 3 การกาหนดราคาตามอุปสงคแ์ ละอปุ ทาน บทบาทของรฐั ในการแทรกแซงราคาและการควบคมุ ราคา 4 เพอ่ื การแจกจ่าย 5 การนาเสนอผลงาน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน รวม ลงชอื่ ..............................................................................ผูป้ ระเมนิ ดีมาก = 4 3 / /....................... ........................... ........................ 2 ดี = 1 พอใช้ = ปรบั ปรุง = เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 17-20 ดมี าก 13-16 ดี 9-12 พอใช้ 5-8 ปรบั ปรุง
2.1 เร่ือง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. ตลาดมคี วามสาคญั ตอ่ ระบบเศรษฐกิจ อยา่ งไร 2. ปจั จยั สาคญั ท่มี ผี ล ทาใหต้ ลาดมอี าณาเขต หรือขอบขา่ ยกวา้ งขวาง เพยี งใดนนั้ ข้นึ อยูก่ บั ส่งิ ใด
3. การแบ่งตลาดตามชนิด สนิ คา้ แบง่ ออกเป็น ก่ีประเภท อะไรบา้ ง จงอธิบาย 4. การแบง่ ตลาดตามการ ดาเนนิ การของผูข้ าย แบ่งออกเป็นกป่ี ระเภท อะไรบา้ ง
5. การแบง่ ตลาดตามกลมุ่ ของผูซ้ ้อื แบ่งออกเป็น กป่ี ระเภท อะไรบา้ ง 6. การแบง่ ตลาดตามลกั ษณะ ของการแข่งขนั แบง่ ออก เป็นก่ีประเภท อะไรบา้ ง จงอธิบายสรปุ สน้ั ๆ
7. ตลาดท่มี กี ารแข่งขนั อยา่ งสมบรู ณม์ คี วาม แตกต่างกบั ตลาดทม่ี ี การแข่งขนั อย่างไม่สมบูรณ์ อยา่ งไร
2.1 เรื่อง ตลาดในระบบเศรษฐกจิ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. ผูผ้ ลติ ทาการผลติ สนิ คา้ และบรกิ ารไดต้ รงกบั ความตอ้ งการ ของผูบ้ ริโภค ชว่ ยลดความส้นิ เปลอื งทรพั ยากร ทใี่ ชใ้ นการ 1. ตลาดมคี วามสาคญั ผลติ สนิ คา้ ทีเ่ กนิ ความตอ้ งการลงได้ ตอ่ ระบบเศรษฐกิจ 2. ผูบ้ รโิ ภคมมี าตรฐานครองชพี สงู ข้นึ สามารถบริโภคสนิ คา้ อย่างไร ตา่ งๆ ทงั้ อปุ โภค บรโิ ภค และสงิ่ อานวยความสะดวกต่างๆ 3. ช่วยใหเ้ศรษฐกิจของประเทศขยายตวั สูงข้นึ กล่าวคอื ตลาด จะก่อใหเ้กดิ การจา้ งงานในกิจกรรมทางการตลาด ประชาชนมี งานทา มรี ายไดส้ ูงข้นึ สง่ ผลตอ่ เศรษฐกจิ ของประเทศขยายตวั สงู ข้นึ 2. ปจั จยั สาคญั ทม่ี ผี ล 1. การคมนาคมและการสอื่ สารสะดวก ทนั สมยั มกี ารพฒั นา ทาใหต้ ลาดมอี าณาเขต และขยายตวั อย่างกวา้ งขวาง หรือขอบขา่ ยกวา้ งขวาง 2. ลกั ษณะของสนิ คา้ ถา้ สนิ คา้ มนี า้ หนกั เบา ขนาดเลก็ เน่าเสยี เพยี งใดนน้ั ข้นึ อยูก่ บั ไดย้ าก เคลอื่ นยา้ ยไดง้ ่าย ตลาดจะมอี าณาเขตกวา้ งขวาง ส่งิ ใด 3. ถา้ รฐั มกี ารเปิดประเทศมาก มกี ารใชน้ โยบายการคา้ เสรีกบั ประเทศตา่ งๆ กจ็ ะชว่ ยทาใหต้ ลาดสนิ คา้ ของประเทศกวา้ งขวาง
3. การแบง่ ตลาดตามชนดิ แบง่ เป็น 3 ประเภท คอื สนิ คา้ แบง่ ออกเป็น 1. ตลาดสนิ คา้ อปุ โภค บรโิ ภค เป็นตลาดทมี่ กี ารซ้อื ขายสนิ คา้ ก่ีประเภท อะไรบา้ ง อุปโภคบรโิ ภคโดยผูซ้ ้อื นาไปบรโิ ภคโดยตรง จงอธิบาย 2. ตลาดปจั จยั การผลติ เป็นตลาดทีม่ กี ารซ้อื ขายปจั จยั การผลติ เพอื่ นาไปใชใ้ นการผลติ สนิ คา้ ชนดิ อนื่ ๆ 3. ตลาดเงินและตลาดทนุ เป็นตลาดทมี่ กี ารติดตอ่ ตกลงกนั เรอื่ ง เงินและทนุ แบง่ เป็น 2 ประเภท คือ 1. ตลาดขายส่ง เป็นตลาดทีม่ กี ารขายสนิ คา้ ครงั้ ละมากๆ โดย จาหน่ายใหก้ บั พ่อคา้ คนกลางเพอื่ นาสนิ คา้ ไปจาหน่ายโดยตรงให้ ผูบ้ รโิ ภคอีกครงั้ หน่งึ 2. ตลาดขายปลกี เป็นตลาดทีม่ กี ารขายสนิ คา้ ใหแ้ ก่ผบู้ รโิ ภค โดยตรง 4. การแบ่งตลาดตามการ ดาเนนิ การของผูข้ าย แบง่ ออกเป็นกป่ี ระเภท อะไรบา้ ง
5. การแบง่ ตลาดตามกล่มุ แบ่งเป็น 5 ประเภท คือ ของผซู้ ้อื แบ่งออกเป็น 1. ตลาดผูบ้ รโิ ภค เป็นกลุม่ ของผูบ้ รโิ ภคทเี่ ป็นบคุ คลหรือ กีป่ ระเภท อะไรบา้ ง ครวั เรอื นทีซ่ ้อื สนิ คา้ ไปเพอื่ อุปโภคบรโิ ภคในครวั เรอื น 2. ตลาดผูผ้ ลติ เป็นการซ้อื สนิ คา้ ของผูผ้ ลติ เพอื่ นาไป แปรรูปหรือ ใชใ้ นการผลติ สนิ คา้ เพอื่ จาหน่ายอกี ทอดหนึ่ง 3. ตลาดผูข้ ายตอ่ เป็นการซ้อื สนิ คา้ ของผูป้ ระสงคจ์ ะนาสนิ คา้ ไป ขายตอ่ โดยหวงั ผลกาไรอกี ทอดหน่ึง 4. ตลาดรฐั บาล เป็นการซ้อื สนิ คา้ ของหน่วยราชการเพอื่ นาไปใชใ้ น องคก์ ารตา่ งๆ 5. ตลาดระหวา่ งประเทศ เป็นการซ้อื สนิ คา้ ระหวา่ งประเทศ ผูซ้ ้อื หรอื ผขู้ ายอาจจะเป็นเอกชน หรอื รฐั บาลกไ็ ด้ 6. การแบ่งตลาดตามลกั ษณะ แบง่ เป็น 2 ประเภท คอื ของการแขง่ ขนั แบง่ ออก 1. ตลาดทีม่ กี ารแขง่ ขนั อยา่ งสมบูรณ์ เป็นตลาดทีม่ ผี ซู้ ้อื ผขู้ าย เป็นกี่ประเภท อะไรบา้ ง จานวนมาก สนิ คา้ ทีซ่ ้อื ขายจะตอ้ งมลี กั ษณะอย่างเดียวกนั ผูซ้ ้อื จงอธบิ ายสรปุ สน้ั ๆ และผูข้ ายรอบรูส้ ภาวะตลาด การติดต่อซ้อื ขายสะดวก หน่วย ธุรกิจสามารถเขา้ หรือออกจากธุรกจิ การคา้ โดยเสรี 2. ตลาดทีม่ กี ารแขง่ ขนั อยา่ งไม่สมบรู ณ์ ไดแ้ ก่ ตลาดผูกขาดมี ผูข้ ายเพยี งรายเดยี ว ตลาดกึ่งแข่งขนั กึ่งผกู ขาด ตลาดผูข้ ายนอ้ ย ราย
ตลาดทีม่ กี ารแขง่ ขนั อย่างสมบรู ณ์ ราคาสนิ คา้ มรี าคาเดียวกนั หมด ผูข้ ายคนใดขายเกินราคาตลาด ผูซ้ ้อื จะไป ซ้อื สนิ คา้ อนื่ ผูซ้ ้อื และผูข้ ายจะไมม่ อี ทิ ธพิ ลต่อราคาสนิ คา้ ตลาดแข่งขนั ไม่สมบรู ณน์ นั้ ผูข้ ายมกั มอี ทิ ธพิ ลในการกาหนด ราคาและปริมาณการขาย ผูซ้ ้อื มอี านาจในการต่อรองราคาไดน้ อ้ ย 7. ตลาดท่มี กี ารแขง่ ขนั อยา่ งสมบูรณ์มคี วาม แตกต่างกบั ตลาดท่มี ี การแข่งขนั อยา่ งไมส่ มบรู ณ์ อยา่ งไร
2.2 เร่อื ง การกาหนดราคา ตอนท่ี 1 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนอธบิ ายขอ้ ความ / คา ต่อไปน้ี 1. อปุ สงค์ ( Demand ) 2. อปุ สงค์ แตล่ ะบุคคล 3. อุปสงคต์ ลาด
4. กฎของอปุ สงค์ (Law of Demand) 5. อุปทาน (Supply) 6. กฎของอุปทาน (Law of Supply)
ตอนที่ 2 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นอา่ นบทสนทนา และกรณีศกึ ษา แลว้ ตอบคาถาม ชุดท่ี 1 การประชุมคณะกรรมการกลมุ่ บริษทั อตุ สาหกรรมผลติ สนิ คา้ ไทย จดั ข้นึ เมอื่ ส้นิ ปีเพอื่ หาแนวทางพฒั นาธุรกจิ ของบรษิ ทั สมาชกิ ในทป่ี ระชมุ ตา่ งก็เลา่ ปญั หาเป็นการแลกเปลย่ี นประสบการณ์ ธเนศ : ปีน้อี ากาศหนาวนานกว่าทกุ ปีและลมหนาวกม็ าเรว็ ทาใหบ้ รษิ ทั ขงผมผลติ ผา้ ห่มและเส้อื กนั หนาวมากกว่าทกุ ปี ชาญชยั : ระยะน้นี า้ มนั เบนซนิ และกา๊ ซมรี าคาแพงข้นึ กวา่ เดมิ มาก เลยทาใหย้ อดขายรถยนตใ์ นชว่ ง 2 - 3 เดอื นน้ลี ดลงมาก กอบศกั ด์ิ : ผมอา่ นข่าวจากหนงั สอื พมิ พร์ ูว้ ่าปจั จบุ นั น้ปี ระชาชนทใ่ี ชร้ ถนยิ มใชแ้ กส๊ เอนจีวมี ากข้นึ เพราะนา้ มนั ราคาแพงข้นึ อานนท์ : บริษทั จาหน่ายเครอื่ งสาอางทผ่ี มเป็นผูจ้ ดั การฝ่ายขายนน้ั เรามพี นกั งานขายตรงยงั ผูซ้ ้อื โดยตรงจะมยี อดจาหน่ายสูงในแถบโรงงานเยบ็ เส้อื ผา้ โรงงานสง่ิ ทอ เพราะสนิ คา้ ของเรา ราคาถูกกวา่ ยห่ี อ้ อน่ื และในโรงงานเหลา่ นนั้ มพี นกั งานหญงิ มาก ลลี าวดี : สนิ คา้ กางเกงยนี ทบ่ี รษิ ทั สตาร์ เป็นตวั แทนจาหน่ายนน้ั ขายดตี ลอดปี เพราะเรามกี าร โฆษณามาก ถงึ แมว้ ่าราคาแพงแต่คนก็นยิ มซ้อื โดยเฉพาะปีน้เี ศรษฐกจิ ของประเทศดกี ว่า ทกุ ปี ประชาชนรายไดม้ ากข้นึ ก็มเี งนิ ซ้อื สนิ คา้ คณุ ภาพดแี ตร่ าคาแพง คำถำม การสนทนาของคณะกรรมการกลุ่มบรษิ ทั อุตสาหกรรมผลติ สนิ คา้ ไทย แสดงถงึ ปจั จยั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การซ้อื สนิ คา้ อย่างไรบา้ ง คำตอบ
ชุดที่ 2 กรณีศกึ ษาเร่อื ง โรงงานน้าตาล โรงงานผลติ นา้ ตาลแสงชยั ผลติ นา้ ตาลมากข้นึ กวา่ ทกุ ปี เพราะราคานา้ ตาลในตลาดมรี าคาสูงข้นึ มาก และมี นโยบายผลติ นา้ ตาลทรายแดงมากข้นึ โดยลดปรมิ าณการผลติ นา้ ตาลทรายขาวใหน้ อ้ ยลง มกี ารนาเคร่อื งจกั รมาใชใ้ นการ ผลติ กลอ่ งและบรรจนุ า้ ตาลลงกลอ่ งส่งไปขายยงั ตลาด ทาใหป้ ริมาณการผลติ กล่องใสน่ า้ ตาลมากพอตอ่ ความตอ้ งการ นอกจากนนั้ ยงั มผี ลทาใหต้ น้ ทนุ การผลติ ตา่ เมอื่ ส้นิ ปีทางฝ่ายบญั ชีสรปุ ผลกาไรของบรษิ ทั มากกว่าปีก่อน ๆ ถงึ 30 % ในอดตี โรงงานนา้ ตาลแสงชยั เคยขาดทุนตดิ ต่อกนั ถงึ 3 ปี เนอ่ื งจากมวี กิ ฤตราคานา้ มนั ในตลาดโลกสูงข้นึ อยา่ งรวดเร็ว นอกจากนน้ั พวกคนงานขอข้นึ ราคาค่าจา้ งจงึ ทาใหโ้ รงงานตอ้ งลดปริมาณการผลติ นา้ ตาลลง แตย่ งั ไม่ปิด กจิ การ แตโ่ รงงานนา้ ตาลอ่นื ๆ พากนั ปิดกิจการลงหลายแหง่ ทาใหป้ รมิ าณนา้ ตาลในตลาดลดนอ้ ยลงซ่งึ เป็นผลดตี อ่ โรงงานผลติ นา้ ตาลแสงชยั ทไ่ี ม่มคี ู่แข่ง เป็นส่วนหนึ่งท่ที าใหโ้ รงงานสามารถฟ้ืนกจิ การไดเ้รว็ ข้นึ คำถำม จากการศกึ ษา แสดงถงึ ปจั จยั ทม่ี อี ทิ ธิพลตอ่ การผลติ นา้ ตาลของโรงงานนา้ ตาลแสงชยั อยา่ งไรบา้ ง คำตอบ
2.2 เรอื่ ง การกาหนดราคา ตอนที่ 1 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนอธิบายขอ้ ความ / คา ต่อไปน้ี 1. อุปสงค์ ความเตม็ ใจและความสามารถของผูซ้ ้อื ใน ( Demand ) การจ่ายเงินซ้อื สนิ คา้ ในปริมาณตา่ งๆ ณ ระดบั ราคาต่างๆ กนั ของสนิ คา้ ชนิดนนั้ ๆ ในช่วงเวลาใดเวลาหน่งึ 2. อปุ สงค์ เป็นการศึกษาพฤตกิ รรมในการซ้อื สนิ คา้ และ แตล่ ะบุคคล บรกิ ารของบคุ คลใดบคุ คลหน่ึงในช่วงเวลาใด เวลาหนง่ึ 3. อุปสงคต์ ลาด เป็นการศกึ ษาพฤตกิ รรมในการซ้อื สนิ คา้ และ บรกิ ารของทุกคนในตลาดร่วมกนั ในช่วงเวลา ใด เวลาหนงึ่
4. กฎของอุปสงค์ ถา้ ราคาสนิ คา้ หรือบรกิ ารใด ๆ เพมิ่ ข้นึ (Law of Demand) ความตอ้ งการซ้อื สนิ คา้ และบริการนนั้ จะลดนอ้ ยลง ถา้ ราคาสนิ คา้ หรอื บริการใดๆ ลดลง ความตอ้ งการซ้อื สนิ คา้ และบริการนนั้ จะเพมิ่ ข้นึ 5. อปุ ทาน ปริมาณสนิ คา้ และบรกิ ารทผี่ ผู้ ลติ หรอื ผขู้ ายพรอ้ ม (Supply) ทีจ่ ะผลติ ออกขาย ณ ระดบั ราคาต่างๆ ภายใน ระยะเวลาทีก่ าหนด 6. กฎของอปุ ทาน ถา้ ราคาสนิ คา้ หรอื บริการใด ๆ เพมิ่ ข้นึ ผูผ้ ลติ จะ (Law of Supply) ผลติ สนิ คา้ ออกมาจาหน่ายเพมิ่ ข้นึ ถา้ ราคาสนิ คา้ หรอื บริการใด ๆ ลดลง ผูผ้ ลติ จะผลติ สนิ คา้ ออกมาจาหน่ายลดลง
ตอนที่ 2 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนอา่ นบทสนทนา และกรณีศกึ ษา แลว้ ตอบคาถาม ชุดท่ี 1 การประชมุ คณะกรรมการกลุ่มบริษทั อตุ สาหกรรมผลติ สนิ คา้ ไทย จดั ข้นึ เมอ่ื ส้นิ ปีเพอ่ื หาแนวทางพฒั นาธุรกจิ ของบริษทั สมาชกิ ในทป่ี ระชุมต่างกเ็ ลา่ ปญั หาเป็นการแลกเปลย่ี นประสบการณ์ ธเนศ : ปีน้อี ากาศหนาวนานกวา่ ทกุ ปีและลมหนาวกม็ าเรว็ ทาใหบ้ รษิ ทั ของผมผลติ ผา้ หม่ และเส้อื กนั หนาวมากกว่าทกุ ปี ชาญชยั : ระยะน้นี า้ มนั เบนซนิ และกา๊ ซมรี าคาแพงข้นึ กวา่ เดมิ มาก เลยทาใหย้ อดขายรถยนตใ์ นช่วง 2 - 3 เดอื นน้ลี ดลงมาก กอบศกั ด์ิ : ผมอา่ นขา่ วจากหนงั สอื พมิ พร์ ูว้ ่าปจั จุบนั น้ปี ระชาชนท่ใี ชร้ ถนยิ มใชแ้ กส๊ เอนจวี มี ากข้นึ เพราะนา้ มนั ราคาแพงข้นึ อานนท์ : บรษิ ทั จาหน่ายเครือ่ งสาอางทผ่ี มเป็นผูจ้ ดั การฝ่ายขายนนั้ เรามพี นกั งานขายตรงยงั ผูซ้ ้อื โดยตรง จะมยี อดจาหน่ายสูงในแถบโรงงานเย็บเส้อื ผา้ โรงงานส่งิ ทอ เพราะสนิ คา้ ของ เราราคาถกู กวา่ ยห่ี อ้ อน่ื และในโรงงานเหลา่ นน้ั มพี นกั งานหญงิ มาก ลลี าวดี : สนิ คา้ กางเกงยนี ทบ่ี รษิ ทั สตาร์ เป็นตวั แทนจาหน่ายนนั้ ขายดตี ลอดปี เพราะเรามกี าร โฆษณามาก ถงึ แมว้ า่ ราคาแพงแต่คนก็นยิ มซ้อื โดยเฉพาะปีน้เี ศรษฐกจิ ของประเทศดกี วา่ ทุกปี ประชาชนรายไดม้ ากข้นึ ก็มเี งนิ ซ้อื สนิ คา้ คุณภาพดแี ตร่ าคาแพง คำถำม การสนทนาของคณะกรรมการกลุม่ บริษทั อุตสาหกรรมผลติ สนิ คา้ ไทย แสดงถงึ ปจั จยั ท่มี อี ทิ ธิพลตอ่ การซ้อื สนิ คา้ อย่างไรบา้ ง คำตอบ 1. การเปลยี่ นแปลงของภมู อิ ากาศมผี ลตอ่ การผลติ สนิ คา้ เส้อื กนั หนาว 2. ราคาสนิ คา้ สงู ข้นึ ปริมาณการซ้อื จะลดลง และมกี ารเปลยี่ นแปลงชนดิ ของสนิ คา้ 3. องคป์ ระกอบของประชากรเกยี่ วกบั เรอื่ งเพศมผี ลต่อความตอ้ งการสนิ คา้ และบรกิ ารแตกต่างกนั 4. รายไดเ้ ฉลยี่ ของประชากรสงู ข้นึ ทาใหส้ ามารถบรโิ ภคสนิ คา้ ราคาแพงและคณุ ภาพดไี ดม้ ากข้นึ
ชุดที่ 2 กรณีศึกษาเร่อื ง โรงงานน้าตาล โรงงานผลติ นา้ ตาลแสงชยั ผลติ นา้ ตาลมากข้นึ กว่าทกุ ปี เพราะราคานา้ ตาลในตลาดมรี าคาสูงข้นึ มาก และมี นโยบายผลติ นา้ ตาลทรายแดงมากข้นึ โดยลดปรมิ าณการผลติ นา้ ตาลทรายขาวใหน้ อ้ ยลง มกี ารนาเครื่องจกั รมาใชใ้ นการ ผลติ กล่องและบรรจุนา้ ตาลลงกล่องสง่ ไปขายยงั ตลาด ทาใหป้ ริมาณการผลติ กล่องใสน่ า้ ตาลมากพอต่อความตอ้ งการ นอกจากนนั้ ยงั มผี ลทาใหต้ น้ ทุนการผลติ ตา่ เมอ่ื ส้นิ ปีทางฝ่ายบญั ชสี รุปผลกาไรของบริษทั มากกวา่ ปีก่อน ๆ ถงึ 30 % ในอดตี โรงงานนา้ ตาลแสงชยั เคยขาดทนุ ติดตอ่ กนั ถงึ 3 ปี เนือ่ งจากมวี กิ ฤตราคานา้ มนั ในตลาดโลกสูงข้นึ อยา่ งรวดเร็ว นอกจากนน้ั พวกคนงานขอข้นึ ราคาค่าจา้ งจึงทาใหโ้ รงงานตอ้ งลดปริมาณการผลติ นา้ ตาลลง แต่ยงั ไม่ปิด กจิ การ แต่โรงงานนา้ ตาลอ่นื ๆ พากนั ปิดกจิ การลงหลายแห่ง ทาใหป้ ริมาณนา้ ตาลในตลาดลดนอ้ ยลงซ่งึ เป็นผลดตี อ่ โรงงานผลติ นา้ ตาลแสงชยั ท่ไี ม่มคี ู่แขง่ เป็นส่วนหนึง่ ท่ที าใหโ้ รงงานสามารถฟ้ืนกิจการไดเ้รว็ ข้นึ คำถำม จากการศกึ ษา แสดงถงึ ปจั จยั ทม่ี อี ทิ ธิพลตอ่ การผลติ นา้ ตาลของโรงงานนา้ ตาลแสงชยั อยา่ งไรบา้ ง คำตอบ 1. ราคาสนิ คา้ เพมิ่ คือ ราคานา้ ตาลสูงข้นึ ทาใหผ้ ลติ นา้ ตาลมากข้นึ 2. เป้าหมายของผูผ้ ลติ คือ นโยบายหรือเป้าหมายการผลติ นา้ ตาลของโรงงาน ทาใหผ้ ลติ นา้ ตาลทรายแดง มจี านวนมาก และลดการผลติ นา้ ตาลทรายขาว 3. การเปลยี่ นแปลงเทคนคิ การผลติ คือ มกี ารปรบั ปรุงเทคนิคหรอื เทคโนโลยีของการผลติ กลอ่ งสาหรบั บรรจนุ า้ ตาล ทาใหต้ น้ ทนุ การผลติ ตา่ 4. ราคาปจั จยั การผลติ คอื ราคานา้ มนั สูงข้นึ และค่าแรงงานสูงข้นึ มผี ลกระทบต่อการผลติ นา้ ตาลมกี ารลดการ ผลติ ลง 5. จานวนผูผ้ ลติ คอื เมอื่ โรงงานนา้ ตาลหยดุ กิจการหลายแห่ง ทาใหส้ นิ คา้ คอื นา้ ตาลลดลง
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ช่ือ – สกลุ การแสดงความ การรบั ฟัง การตง้ั ใจ การรว่ ม รวม ลาดบั ความรว่ มมือ คดิ เหน็ ความคิดเห็น ทางาน ปรบั ปรงุ 20 ของผรู้ บั การ ที่ ผลงานกลมุ่ ประเมนิ คะแนน 43214321432143214321 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ ดมี าก = 4 3 หมายเหตุ ครูอาจใชว้ ธิ กี ารมอบหมายใหห้ วั หนา้ กลุ่ม ดี = 2 เป็นผปู้ ระเมนิ หรอื ใหต้ วั แทนกลมุ่ ผลดั กนั ประเมนิ 1 หรือใหม้ กี ารประเมนิ โดยเพอ่ื น โดยตวั นกั เรียนเอง พอใช้ = ตามความเหมาะสมก็ได ้ ปรบั ปรุง = เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 17 – 20 ดีมาก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5 – 8 ปรบั ปรุง
3 เศรษฐศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 -6 เวลาเรียน 6 ชวั่ โมง มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ช้ีวดั ส 3.1 ม.4-6/2 ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งทม่ี ตี ่อเศรษฐกจิ สงั คม ของประเทศ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมคี วามสาคญั ตอ่ การนาไปเป็นกรอบแนวทาง ในการวางแผนพฒั นาเศรษฐกิจและ สงั คมของประเทศ ซง่ึ จะส่งผลตอ่ การพฒั นาประเทศอยา่ งยงั่ ยนื สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง 1) การประยุกตใ์ ชเ้ศรษฐกิจพอเพยี งในการดาเนินชีวติ ของตนเองและครอบครวั 2) การประยุกตใ์ ชเ้ศรษฐกิจพอเพยี งในภาคเกษตร อุตสาหกรรม การคา้ และบรกิ าร 3) ปญั หาการพฒั นาประเทศทผ่ี า่ นมาโดยการศกึ ษาวเิ คราะหแ์ ผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม ฉบบั ทผ่ี า่ นมา 4) การพฒั นาประเทศท่นี าปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาใชใ้ นการวางแผนพฒั นาเศรษฐกิจและ สงั คมฉบบั ปจั จุบนั 3.2 สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ - สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น 4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ - ทกั ษะการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ - ทกั ษะการคิดแกป้ ญั หา 4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ - กระบวนการทางานกลุม่ - กระบวนการปฏบิ ตั ิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. ม่งุ มนั่ ในการทางาน 3. มวี นิ ยั 4. มคี วามซ่อื สตั ยส์ ุจรติ 5. ขยนั อดทน 6. พอประมาณ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) ป้ายนเิ ทศ เร่ือง ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมคี วามสาคญั ต่อการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม ของประเทศ การวดั และการประเมนิ ผล 7.1 การประเมินกอ่ นเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 7.2 การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 1) ใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง โครงสรา้ งเศรษฐกจิ ไทย 2) ใบงานท่ี 1.2 เร่ือง การพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ 3) ใบงานท่ี 2.1 เรอื่ ง เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั ประชาชน 4) ใบงานท่ี 2.2 เรอ่ื ง เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั เกษตรกร 5) ใบงานท่ี 2.3 เรอ่ื ง เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั ภาคอุตสาหกรรม การคา้ และการบริการ 6) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่
7.3 การประเมนิ หลงั เรยี น - แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 7.4 การประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมนิ ป้ายนิเทศ เรือ่ ง ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมคี วามสาคญั ต่อการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ
การประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินป้ ายนิเทศ เร่อื ง ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมีความสาคญั ต่อการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศ รายการประเมนิ ดีมาก (4) คาอธิบายระดบั คณุ ภาพ/ระดบั คะแนน ปรบั ปรุง (1) 1. การวเิ คราะหผ์ ลดี มบี ทวเิ คราะหผ์ ลดีและ ดี (3) พอใช้ (2) มบี ทวเิ คราะหผ์ ลดี และปญั หาที่เกิดข้ึน ปญั หาท่เี กิดข้นึ เมอื่ ส้นิ สุด และปญั หาท่เี กิดข้ึน เมอื่ ส้นิ สุด แผนพฒั นา ฯ จานวน 6 - มบี ทวเิ คราะหผ์ ลดีและ มบี ทวเิ คราะหผ์ ลดีและ เมอื่ ส้นิ สุดแผนพฒั นา ฯ แผนพฒั นาฯ 8 ฉบบั พรอ้ มมตี วั อยา่ ง ปญั หาท่เี กิดข้นึ เมอ่ื ส้นิ สุด ปญั หาท่เี กิดข้นึ เมอ่ื ส้นิ สุด จานวน 2 - 5 ฉบบั แตล่ ะฉบบั ประกอบท่เี หมาะสม แผนพฒั นา ฯ จานวน 6 - แผนพฒั นา ฯ จานวน 6 - พรอ้ มมตี วั อยา่ งประกอบท่ี 8 ฉบบั พรอ้ มมี 8 ฉบบั พรอ้ มมี ถูกตอ้ ง เหมาะสมเป็น ตวั อยา่ งประกอบท่ี ตวั อยา่ งประกอบท่ี บางฉบบั เหมาะสมเป็นส่วนใหญ่ เหมาะสมเป็นบางฉบบั 2. การวิเคราะห์ มบี ทวเิ คราะหแ์ ผนพฒั นา มบี ทวเิ คราะหแ์ ผนพฒั นา มบี ทวเิ คราะหแ์ ผนพฒั นา มบี ทวเิ คราะหแ์ ผนพฒั นา แผนพฒั นาฯ ท่ี ฉบบั ท่ี 9 และ 10 ท่ี ฉบบั ท่ี 9 และ 10 ท่ี สอดคลอ้ งกบั หลกั สอดคลอ้ ง ฉบบั ท่ี 9 และ 10 ท่ี ฉบบั ท่ี 9 และ 10 ท่ี สอดคลอ้ ง ปรชั ญาของ กบั หลกั ปรชั ญาของ กบั หลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกิจ เศรษฐกจิ พอเพยี งได้ สอดคลอ้ ง สอดคลอ้ ง เศรษฐกิจพอเพยี งได้ พอเพียง ถูกตอ้ งสมบูรณ์ พรอ้ ม ถูกตอ้ งบางส่วน มตี วั อย่างประกอบ กบั หลกั ปรชั ญาของ กบั หลกั ปรชั ญาของ พรอ้ มมตี วั อย่างประกอบ ท่เี หมาะสม แตไ่ ม่เหมาะสม เศรษฐกิจพอเพยี งได้ เศรษฐกจิ พอเพยี งได้ ถกู ตอ้ งเกอื บสมบูรณ์ ถูกตอ้ งเกือบสมบูรณ์ พรอ้ มมตี วั อย่างประกอบท่ี พรอ้ มมตี วั อย่างประกอบ เหมาะสม เป็นบางตอน 3. การเสนอแนว มกี รณีตวั อย่างการ มกี รณีตวั อย่างการ มกี รณีตวั อย่างการ มกี รณีตวั อย่างการ ทางการประยุกตใ์ ช้ ประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจ ประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกจิ ประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจ ประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจ เศรษฐกจิ พอเพยี ง พอเพยี งในการดาเนิน พอเพยี งในการดาเนิน พอเพยี งในการดาเนิน พอเพยี งในการดาเนินชีวติ ในการดาเนินชีวติ ชวี ติ ของตนเองและ ชวี ติ ของตนเองและ ชีวติ ของตนเองและ ของตนเองและครอบครวั ของตนเองและ ครอบครวั ท่เี หมาะสม ครอบครวั ทเ่ี หมาะสม ครอบครวั ทเ่ี หมาะสม พรอ้ มทง้ั เสนอแนวทางการ ครอบครวั พรอ้ มการเสนอแนว พรอ้ มการเสนอแนว พรอ้ มการเสนอแนว ปฏบิ ตั ิ แต่ไม่ชดั เจน ทางการปฏบิ ตั ิ ทางการปฏบิ ตั ิ ทางการปฏบิ ตั ิ จานวน 3 เรือ่ งข้นึ ไป จานวน 2 เรือ่ ง จานวน 1 เรอื่ ง
รายการประเมิน ดมี าก (4) คาอธิบายระดบั คณุ ภาพ/ระดบั คะแนน ปรบั ปรุง (1) 4. การเสนอแนวทาง มกี รณีตวั อยา่ งการ ดี (3) พอใช้ (2) มกี รณีตวั อย่างการ การประยุกตใ์ ช้ ประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจ ประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจ เศรษฐกิจพอเพยี ง พอเพยี งในภาคเกษตร มกี รณีตวั อย่างการ มกี รณีตวั อยา่ งการ พอเพยี งในภาคเกษตร ในภาคเกษตร อุตสาหกรรม การคา้ และ ประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกจิ ประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกจิ อตุ สาหกรรม การคา้ และ อตุ สาหกรรม บรกิ าร พรอ้ มการเสนอ พอเพยี งในภาคเกษตร พอเพยี งในภาคเกษตร บริการ พรอ้ มการเสนอ การคา้ และบริการ แนวทางการปฏบิ ตั ิท่ี อุตสาหกรรม การคา้ และ อุตสาหกรรม การคา้ และ แนวทางการปฏบิ ตั ิ เหมาะสมจานวน 3 เร่อื ง บรกิ าร พรอ้ มการเสนอ บริการ พรอ้ มการเสนอ จานวน 1 เรอ่ื ง แตไ่ ม่ ข้นึ ไป แนวทางการปฏบิ ตั ิท่ี แนวทางการปฏบิ ตั ิท่ี ชดั เจน เหมาะสมจานวน 2 เรื่อง เหมาะสมจานวน 1 เรอ่ื ง 5. ความคดิ รเิ ร่มิ รูปแบบป้ายนเิ ทศสวยงาม รูปแบบป้ายนเิ ทศสวยงาม รูปแบบป้ายนเิ ทศสวยงาม รูปแบบป้ายนิเทศ ไม่ สรา้ งสรรคใ์ นการ แปลกใหม่ มกี าร มกี ารเรยี งลาดบั ขอ้ มูล เหมอื นป้ายทวั่ ไป มกี าร สวยงาม ขอ้ มูลเช่ือมโยง จดั ป้ ายนิเทศ เรยี งลาดบั ขอ้ มลู เชื่อมโยงสมั พนั ธก์ นั เป็น เรยี งลาดบั ขอ้ มูลเชื่อมโยง สมั พนั ธก์ นั เป็นบางสว่ น เชอ่ื มโยงสมั พนั ธก์ นั สว่ นใหญ่ สมั พนั ธก์ นั เป็นบางสว่ น เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 17-20 ดมี าก 13-16 ดี 9-12 พอใช ้ 5-8 ปรบั ปรุง กิจกรรมการเรียนรู้ นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3
กจิ กรรมท่ี 1 การพฒั นาเศรษฐกจิ ของไทย วิธีสอนโดยการจดั การเรยี นรูแ้ บบร่วมมอื : เทคนิคเล่าเรื่อง เวลา 3 ชวั่ โมง รอบวง, เทคนิคคู่คิดส่สี หาย วิธสี อนแบบบรรยาย 1. ใหน้ กั เรียนเล่าประสบการณค์ วามรูเ้ ดมิ ของนกั เรียนทเ่ี คยเรยี นประวตั ิศาสตรส์ มยั สุโขทยั และ สมยั อยุธยาเป็นราชธานวี ่า สภาพเศรษฐกิจในสมยั นน้ั มลี กั ษณะเป็นอย่างไร 2. ครูอธบิ ายเช่ือมโยงความรูใ้ หน้ กั เรียนมคี วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั โครงสรา้ งเศรษฐกิจของไทยก่อนการใชแ้ ผนพฒั นา เศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ พ.ศ. 2498 - 2504 เปรยี บเทยี บกบั โครงสรา้ งเศรษฐกิจไทย ตามแผนพฒั นา เศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติในภาพรวม 3. ครูแบง่ นกั เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คอื เก่ง ปานกลาง (ค่อนขา้ งเก่ง) ปาน กลาง (ค่อนขา้ งอ่อน) และอ่อน (แบง่ กลุ่มไวล้ ว่ งหนา้ ) 4. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มศกึ ษาความรูเ้ ร่ือง โครงสรา้ งเศรษฐกจิ ไทย จากหนงั สอื เรยี น และร่วมกนั อภปิ รายประเดน็ สาคญั ของเร่อื งท่ศี ึกษาจนมคี วามเขา้ ใจชดั เจน 5. นกั เรียนแต่ละกลุ่ม แบ่งออกเป็น 2 คู่ ใหแ้ ตล่ ะคู่ช่วยกนั ทาใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง โครงสรา้ งเศรษฐกจิ ไทย ดงั น้ี - คู่ท่ี 1 ทาใบงานท่ี 1.1 ตอนท่ี 1 - คู่ท่ี 2 ทาใบงานท่ี 1.1 ตอนท่ี 2 6. นกั เรียนแต่ละคู่ผลดั กนั เลา่ ผลงานจากการทาใบงานท่ี 1.1 ในตอนท่คี ู่ของตนรบั ผดิ ชอบ 7. ครูและนกั เรยี นช่วยกนั เฉลยคาตอบในใบงานท่ี 1.1 และช่วยกนั สรุปโครงสรา้ งเศรษฐกจิ ของไทย ก่อนการใชแ้ ผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ 8. ครูนาข่าวหรอื ขอ้ มลู เกยี่ วกบั สภาพเศรษฐกิจของไทยในปจั จุบนั มาใหน้ กั เรียนวเิ คราะหเ์ กี่ยวกบั ผลดี ปญั หา และวธิ กี ารพฒั นา จากนน้ั ครูอธิบายใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจถงึ สภาพเศรษฐกิจของไทยวา่ มกี าร ปรบั ปรุงเปลย่ี นแปลงเป็นไปตามแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ 9. ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มศึกษาความรูเ้ พมิ่ เตมิ เกีย่ วกบั แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ จาก หนงั สอื เรียน และจากแหล่งความรูต้ ่าง ๆ ร่วมกนั อภปิ รายประเด็นสาคญั ของเร่อื งทศ่ี ึกษา และช่วยกนั ทา ใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง การพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศ โดยแบง่ หนา้ ทก่ี นั ดงั น้ี - สมาชกิ คนทห่ี น่ึงของกลุ่มเขยี นคาตอบในหวั ขอ้ ของใบงานขอ้ ท่หี นึ่ง แลว้ ส่งตอ่ ใหส้ มาชิก คนทส่ี อง - สมาชกิ คนทส่ี องของกลุ่มอา่ นคาตอบของสมาชิกคนทห่ี นง่ึ ตรวจสอบความถูกตอ้ งหรอื เขยี นคาตอบเพมิ่ เติม แลว้ ทาใบงานในขอ้ ต่อไป
- สมาชกิ คนตอ่ ไปอา่ นคาตอบของสมาชิกคนท่เี ขยี นไว้ แลว้ ตรวจสอบความถกู ตอ้ งหรอื เขยี น คาตอบเพมิ่ เตมิ แลว้ ทาใบงานในขอ้ ต่อไป - สมาชกิ แตล่ ะคนในกลุ่มจะไดม้ โี อกาสอ่านและเขยี นคาตอบหมนุ เวยี นไปเรอ่ื ย ๆ จนเสรจ็ 10. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งของคาตอบใบงานท่ี 1.2 11. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มผลดั กนั เฉลยคาตอบในใบงาน ซง่ึ อาจเป็นหวั ขอ้ ละ 1-2 กลุ่ม หมนุ เวยี นกนั ไป แลว้ ใหก้ ลุ่ม อ่นื ช่วยเพมิ่ เติมในสว่ นท่แี ตกตา่ งกนั ไป โดยมคี รูเป็นผูต้ รวจสอบความถูกตอ้ ง 12. ครูและนกั เรียนชว่ ยกนั สรุปการพฒั นาประเทศตามแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ แตล่ ะฉบบั และผล ท่ไี ดร้ บั การนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาใช้ ในการวางแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คม กจิ กรรมที่ 2 วธิ สี อนตามแนววฏั จกั รการเรียนรู้ 4 MAT เวลา 3 ชวั่ โมง วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการกล่มุ ขน้ั ท่ี 1 ขน้ั สรา้ งคณุ ค่าและประสบการณ์ของสง่ิ ท่เี รยี น ( พฒั นาสมองซกี ขวา ) ● ครูใหน้ กั เรยี นรวมกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน นงั่ ลอ้ มวงผลดั กนั เล่าความประทบั ใจใน กจิ กรรมหรอื การกระทาของกลุม่ บคุ คลทแ่ี สดงวา่ ไดน้ าปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ไปประยุกตใ์ ช้ นกั เรยี นแต่ละกลุ่มสรปุ ประเด็นสาคญั ของการเลา่ เรอื่ งของสมาชิก แลว้ นามาเสนอตอ่ ชนั้ เรียน ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั วเิ คราะหป์ ระสบการณ์ (พฒั นาสมองซกี ซา้ ย) ● ครูและนกั เรียนชว่ ยกนั คดั เลอื กกิจกรรมหรอื การกระทาของกล่มุ บคุ คล หรือชมุ ชนท่ี น่าสนใจ แลว้ อภปิ รายร่วมกนั ถงึ เหตุผลทเ่ี ลอื กกิจกรรมหรือการกระทาดงั กลา่ ว และ กจิ กรรม หรอื การกระทานน้ั เชื่อมโยงกบั หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งอยา่ งไร ขน้ั ที่ 3 ขนั้ ปรบั ประสบการณเ์ ป็นความคิดรวบยอด (พฒั นาสมองซกี ขวา) ● นกั เรียนศกึ ษาความรูร้ ่วมกนั ในเรอ่ื งกรอบแนวคดิ ของหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และนาความรูท้ ไ่ี ดม้ าเชื่อมโยงกบั ความรูเ้ ดมิ แลว้ ร่วมกนั สรุปเป็นความคิดรวบยอดถงึ แนวทางการนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งไปประยุกตใ์ ชใ้ นการวางแผนพฒั นา
เศรษฐกจิ ของประเทศ ขน้ั ท่ี 4 ขน้ั พฒั นาความคิดรวบยอดดว้ ยขอ้ มูล (พฒั นาสมองซีกซา้ ย) ● นกั เรยี นรวมกลุ่มตามความสมคั รใจ กลุ่มละ 5-7 คน ศกึ ษาความรู้ เรือ่ งการพฒั นา เศรษฐกจิ และสงั คมตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยศกึ ษาจากหนงั สอื เรยี น และจากแหล่งการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 5 ขนั้ ลงมอื ปฏบิ ตั ิจากกรอบความคดิ ท่กี าหนด ( พฒั นาสมองซกี ซา้ ย ) ● นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ทากจิ กรรมตามหวั ขอ้ ในใบงานท่กี าหนด ใบงานละ 2 กลุ่ม และผลดั กนั นาเสนอตอ่ ชนั้ เรียน ดงั น้ี ใบงานท่ี 2.1 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั ประชาชน ใบงานท่ี 2.2 เรอื่ ง เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั เกษตรกร ใบงานท่ี 2.3 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั ภาคอุตสาหกรรม การคา้ และการบรกิ าร ขน้ั ที่ 6 ขน้ั สรา้ งช้ินงานเพอื่ สะทอ้ นความเป็นตนเอง (พฒั นาสมองซกี ขวา ) ● ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั วางแผนจดั ป้ายนิเทศ เรอื่ ง ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมคี วามสาคญั ต่อการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติของประเทศ โดยให้ ครอบคลุมประเดน็ ตอ่ ไปน้ี 1) การวเิ คราะหผ์ ลดแี ละปญั หาทเ่ี กดิ ข้นึ เมอ่ื ส้นิ สุดแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คม แห่งชาติแต่ละฉบบั 2) การวเิ คราะหแ์ ผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติท่สี อดคลอ้ งกบั หลกั ปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพยี ง 3) การเสนอแนวทางการประยุกตใ์ ชเ้ศรษฐกจิ พอเพยี งในการดาเนนิ ชีวติ ของตนเอง และครอบครวั 4) การเสนอแนวทางการประยุกตใ์ ชเ้ศรษฐกิจพอเพยี งในภาคเกษตรกรรม อตุ สาหกรรม การคา้ และบรกิ าร ขน้ั ท่ี 7 ขน้ั วเิ คราะหค์ ุณค่าและการประยุกตใ์ ช้ (พฒั นาสมองซกี ซา้ ย ) ● นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั วเิ คราะหผ์ ลงานของตน ช่วยกนั แกไ้ ขปญั หาท่เี กิดข้นึ ปรบั ปรุง และพฒั นางานจนมคี วามถกู ตอ้ ง สมบูรณ์ ขน้ั ท่ี 8 ขนั้ แลกเปลย่ี นประสบการณเ์ รยี นรูก้ บั ผูอ้ ่นื (พฒั นาสมองซกี ขวา) ● นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลงานป้ายนเิ ทศ โดยใหก้ ลุ่มอน่ื หมนุ เวยี นกนั มารบั และให้ ขอ้ คดิ หรือขอ้ เสนอแนะ จากนนั้ ครูและนกั เรยี นช่วยกนั สรุปขอ้ คิดทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษา ความรูเ้ รื่อง เศรษฐกิจพอเพยี งกบั การพฒั นาเศรษฐกจิ ของไทย นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3
สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 9.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรียน เศรษฐศาสตร์ ม.4-ม.6 2) หนงั สอื คน้ ควา้ เพิม่ เตมิ (1) กรมการพฒั นาชมุ ชน กระทรวงมหาดไทย. แนวทางส่งเสรมิ เศรษฐกิจพอเพียงใน ชุมชนสาหรบั เจา้ หนา้ ท่พี ฒั นาชมุ ชน. กรงุ เทพมหานคร : หจก. บางกอกบลอ๊ ก, 2548. (2) สานกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพอื่ ประสานโครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาร.ิ กษตั รยิ น์ กั พฒั นา. กรงุ เทพมหานคร : ดอกเบ้ยี , 2546. (3) พอพนั ธ์ อุยยานนท.์ พฒั นาการเศรษฐกิจไทย ในประมวลสาระชดุ วชิ าไทยศึกษา หน่วยที่ 3 สาขาวชิ าศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช. นนทบุรี : โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช, 2546. (4) รตั นา สายคณิต. การพฒั นาเศรษฐกิจ ในเอกสารการสอนชดุ วชิ าสงั คมศึกษา 3 : เศรษฐศาสตรส์ าหรบั ครูหน่วยที่ 14 สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมมาธริ าช. นนทบุรี : โรงพมิ พห์ าวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช, 2546. (5) ศกึ ษาธกิ าร, กระทรวง และสานกั พมิ พร์ ่วมดว้ ยช่วยกนั . ทฤษฎใี หม่ในหลวงชีวิต พอเพยี ง. กรุงเทพมหานคร : กระทรวงศกึ ษาธกิ ารและร่วมดว้ ยช่วยกนั , 2544. (6) สนุ ทร กุลวฒั นวรพงศ.์ ตามรอยพระราชดาริ เศรษฐกจิ พอเพียงทฤษฎีใหม.่ กรุงเทพมหานคร : ชมรมเด็ก, 2544. (7) วชิ ติ วงศ์ ณ ป้อมเพชร. พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั กบั ปญั หาเศรษฐกจิ ของ ประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร : บริษทั สานกั พมิ พแ์ สงดาว จากดั , 2550. (8) สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาต.ิ เศรษฐกจิ พอเพียงคือ อะไร. กรุงเทพมหานคร : มปพ, 2548. (9) สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ. สรุปผลการสมั มนาการ พฒั นากรอบแนวคิดและการประยุกตใ์ ชป้ รชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง. กรุงเทพมหานคร : มปพ, 2547. 3) เอกสารความรูเ้พม่ิ เตมิ 4) ใบงานท่ี 1.1 เร่ือง โครงสรา้ งเศรษฐกิจไทย 5) ใบงานท่ี 1.2 เร่ือง การพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ 6) ใบงานท่ี 2.1 เร่ือง เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั ประชาชน 7) ใบงานท่ี 2.2 เรอื่ ง เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั เกษตรกร 8) ใบงานท่ี 2.3 เร่อื ง เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั ภาคอตุ สาหกรรม การคา้ และการบริการ
9.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ http://www.sufficiencyeconomy.org/ http://www.doae.go.th/report/SE/html/01.htm http://www.inspect9.moe.go.th/economic_king80.htm http://www. sufficiencyeconomy.panyathai.or.th/
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น – หลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 คาช้ีแจง ใหก้ า ทบั ตวั อกั ษรหนา้ ขอ้ ความท่เี ป็นคาตอบท่ถี ูกทส่ี ดุ เพยี งขอ้ เดยี ว 1. สนธิสญั ญาเบาวร์ ิงมผี ลกระทบทส่ี าคญั ต่อเศรษฐกิจไทยอยา่ งไร ก. มสี นิ คา้ ออกทางดา้ นการเกษตรมากข้นึ ข.มกี ารปรบั ปรุงระบบการผลติ สนิ คา้ ของไทย ค.ทาใหม้ กี ารคา้ ระหว่างประเทศไทยกบั ต่างประเทศ ง. มกี ารเปลย่ี นแปลงโครงสรา้ งการผลติ และการคา้ ระหวา่ งประเทศ 2. องคก์ รระหวา่ งประเทศทม่ี บี ทบาทสาคญั ในการช้ีนาการวางแผนพฒั นาเศรษฐกิจไทยคอื องคก์ รใด ก. ธนาคารโลก ข.องคก์ ารคา้ โลก ค.องคก์ ารสหประชาชาติ ง. กองทุนการเงนิ ระหว่างประเทศ 3. การพฒั นาเศรษฐกิจมผี ลดใี นดา้ นใดมากท่สี ุด ก. รฐั บาลมรี ายรบั มากกวา่ รายจา่ ย ข.รายไดเ้ฉลย่ี ของประชากรสูงข้นึ กว่าเดมิ ค.ชาวต่างชาตมิ าลงทุนในประเทศไทยมากข้นึ ง. ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมคี วามเป็นอยู่ทด่ี ขี ้นึ กวา่ เดมิ 4. ขอ้ ใดจดั ว่าเป็นปจั จยั ทางเศรษฐกิจทม่ี คี วามสาคญั ตอ่ การพฒั นาเศรษฐกจิ ก. สงั หารมิ ทรพั ย์ ทุน แรงงาน ระบบการเมอื ง ข.ทด่ี นิ ทุน ระบบการเมอื ง การปกครอง กฎหมาย ค.ท่ดี นิ ทุน แรงงาน ตลาด ความกา้ วหนา้ ทางวทิ ยาการ ง. ทุน แรงงาน ตลาด ระบบการปกครอง ความสมั พนั ธก์ บั ตา่ งประเทศ 5. การวดั ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ควรพจิ ารณาขอ้ ใดเป็นสาคญั ก. อตั ราการส่งสนิ คา้ ออกมากกว่าสนิ คา้ เขา้ ข. การเก็บภาษเี งนิ ไดข้ องประชาชนมอี ตั รากา้ วหนา้ ค.ตวั เลขรายไดท้ ่แี ทจ้ รงิ เฉลย่ี ต่อบุคคลหรอื ผลติ ภณั ฑท์ แ่ี ทจ้ ริง ง. การตงั้ งบประมาณของรฐั บาลมาใชจ้ า่ ยในการบรหิ ารประเทศมจี านวนมากข้นึ 6. แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 1 และ 2 มวี ตั ถปุ ระสงคค์ ลา้ ยคลงึ กนั ในเรื่องใด
ก. เนน้ การกระจายรายไดส้ ู่ชนบทเป็นสาคญั ข.จดั ระบบการใชเ้ทคโนโลยแี ละวทิ ยาการสมยั ใหม่ ค.การจดั ระบบเศรษฐกิจพอยงั ชพี ใหม้ คี วามกา้ วหนา้ ง. ม่งุ การขยายตวั ทางเศรษฐกิจในระดบั สูงดว้ ยการเพม่ิ ผลผลติ ของประเทศ 7. ปญั หาสาคญั ท่เี กดิ ข้นึ เมอื่ ส้นิ สุดแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 1 และ 2 คืออะไร ก. เกดิ ภาวะเงนิ เฟ้อในระดบั สูง ข.การใชพ้ ลงั งานจากตา่ งประเทศในระดบั สูง ค.ความแตกต่างของรายไดร้ ะหวา่ งเมอื งกบั ชนบท ง. การลงทุนท่เี นน้ โครงการขนาดใหญใ่ นชนบทเป็นจานวนมาก 8. แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติฉบบั ใด เนน้ การใหค้ นเป็นศูนยก์ ลางในการพฒั นาแบบยงั่ ยนื ก. ฉบบั ท่ี 4 ข.ฉบบั ท่ี 5 ค.ฉบบั ท่ี 6 ง. ฉบบั ท่ี 8 9. แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 9 และฉบบั ท่ี 10 มจี ุดเนน้ ทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั คือ ก. เนน้ การสง่ ออกสนิ คา้ ทางการเกษตรใหม้ คี ุณภาพ ข.พฒั นาประเทศโดยเนน้ ใหค้ นเป็นศูนยก์ ลางของการพฒั นา ค.การพฒั นาอุตสาหกรรมขนาดใหญร่ องรบั ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ง. นาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาเป็นหลกั ปรชั ญานาทางในการพฒั นาและบรหิ ารประเทศ 10. ประเทศไทยประสบวกิ ฤติเศรษฐกิจท่รี ุนแรงทส่ี ุด ในชว่ งแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ใด ก. ฉบบั ท่ี 5 ข.ฉบบั ท่ี 6 ค.ฉบบั ท่ี 7 ง. ฉบบั ท่ี 8 11. การพฒั นาทย่ี งั่ ยนื จะตอ้ งมแี นวทางการพฒั นาตามขอ้ ใด ก. เนน้ การลงทุนระยะยาวมากกวา่ ระยะสนั้ ข.เนน้ สรา้ งความสมดุลของเศรษฐกิจควบคู่กบั ทางสงั คม ค.การมสี ว่ นร่วมกนั ระหว่างเอกชนและรฐั ในการวางแผน ง. การวางแผนการพฒั นาท่มี วี ตั ถปุ ระสงคช์ ดั เจนแน่นอน 12. ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาศกั ยภาพของคนและสรา้ งความเขม้ แขง็ ของชมุ ชน โดยนาหลกั ปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพยี ง มาใชใ้ นแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 10 ขอ้ ใดไม่ถูกตอ้ ง ก. การเสริมสรา้ งความรูใ้ นทุกดา้ นใหแ้ ก่ประชาชนทุกวยั
ข.การสรา้ งความมนั่ คงของฐานทรพั ยากรและส่งิ แวดลอ้ ม ค.พฒั นาคุณภาพคนและสงั คมไทยสู่สงั คมแหง่ ภมู ปิ ญั ญาและการเรียนรู้ ง. การสรา้ งความเขม้ แขง็ ของชุมชนและสงั คมใหเ้ป็นรากฐานทม่ี นั่ คงของประเทศ 13. การกระทาในขอ้ ใด จดั ว่าเป็นปจั จยั พ้นื ฐานในการสรา้ งความอยู่เยน็ เป็นสุขของสงั คมไทย ก. กานนั เตบิ เป็นผูน้ าทส่ี ามารถตดั สนิ ใจแทนลูกบา้ นไดใ้ นทุกกรณี ข.ชมุ ชนดอนตาลเป็นชมุ ชนท่มี คี วามสามคั คี ร่วมกนั พฒั นาอาชีพของชุมชน ค.ยอดยง่ิ และเพอื่ นๆ ชวนกนั ลงทุนตง้ั บรษิ ทั ส่งไมส้ กั ไปจาหน่ายยงั ต่างประเทศ ง. พวกเด็กๆ ในหมบู่ า้ นรกั ชาตติ า่ งก็มคี วามหวงั ว่าในอนาคตจะมคี รอบครวั ทอ่ี บอุ่น 14. ประชาชนทวั่ ไปควรนาคุณธรรมตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งในขอ้ ใดไปปฏบิ ตั ิ ก. ซ่อื สตั ยส์ ุจริต ขยนั อดทน กตญั ญูกตเวที ข.ประหยดั กตญั ญู เมตตากรณุ า อดกลน้ั อดออม ค.กตญั ญู เมตตากรุณา ยุตธิ รรม ประหยดั ซ่อื สตั ยส์ ุจริต ง. ประหยดั ซอ่ื สตั ยส์ ุจริต ขยนั อดทน ไมโ่ ลภและไมต่ ระหนี่ 15. การทป่ี ระชาชนมคี วามขยนั ใฝ่หาความรูเ้ พอ่ื เพม่ิ พูนประสบการณแ์ ละนามาพฒั นาอาชพี การกระทา ดงั กล่าวสอดคลอ้ งกบั หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งในขอ้ ใด ก. เงอ่ื นไขความรู้ ข. เงอ่ื นไขคุณธรรม ค.มภี ูมคิ ุม้ กนั ในตวั ท่ดี ี ง. เงอ่ื นไขความรู้ เงอ่ื นไขคุณธรรม 16. ทฤษฎใี หม่ ขนั้ ท่ี 1 สอดคลอ้ งกบั ขอ้ ใด ก. การใชป้ ระโยชนจ์ ากภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ ข.สง่ เสริมใหช้ มุ ชนรวมตวั กนั สรา้ งเครอื ข่าย ค.ม่งุ แกป้ ญั หาของเกษตรกรทอ่ี ยู่หา่ งไกลแหลง่ นา้ ง. สนบั สนุนใหเ้กษตรกรรวมพลงั กนั เป็นกลุ่มหรือสหกรณ์ 17. กจิ กรรมในขอ้ ใดสอดคลอ้ งกบั ทฤษฎใี หม่ ขน้ั ท่ี 2 ก. การจดั สรรทด่ี นิ ใหแ้ ก่เกษตรกรผูย้ ากไร้ ข.เกษตรกรรวมกลุ่มกนั จดั ตง้ั สหกรณก์ ารเกษตร ค.บริษทั นา้ มนั ประชมุ กนั เพอื่ กาหนดราคานา้ มนั
ง. ธนาคารทุกธนาคารมนี โยบายการใหส้ นิ เช่ือคลา้ ยกนั 18. ทฤษฎใี หม่ ขน้ั ท่ี 3 จดั เป็นความพอเพยี งในระดบั ใด ก. ระดบั พ้นื ฐาน ข.ระดบั ประเทศ ค.ระดบั ชมุ ชน ง. ระดบั ครอบครวั 19. การนาปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นภาคอุตสาหกรรม การคา้ และบรกิ าร จะสง่ ผลดี อย่างไร ก. กิจการงานมคี วามเป็นระเบยี บ ข.ธุรกจิ ค่อยๆ เตบิ โตอย่างมนั่ คงและยงั่ ยนื ค.การดาเนินธุรกจิ เจรญิ เตบิ โตอย่างรวดเรว็ ง. โครงสรา้ งการบรหิ ารงานมีความเป็นปึกแผน่ 20. การขบั เคลอ่ื นเศรษฐกิจพอเพยี ง มคี วามสาคญั อยา่ งไร ก. ทาใหเ้กดิ พลงั ทเ่ี ขม้ แขง็ ข.ประชาชนมสี ภาพความเป็นอยู่ท่อี บอุ่น ค.เสริมพลงั ใหป้ ระเทศสามารถพฒั นาไปไดอ้ ยา่ งมนั่ คง ง. เป็นการรวมกลุ่มภาคเกษตรกร อุตสาหกรรม การคา้ และบริการ เฉลย แบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ขอ้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 เฉลย ง ก ง ค ค ง ค ง ง ง ขอ้ 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เฉลย ข ก ข ง ง ค ข ข ข ค
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 1 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4-6 เวลา 3 ชวั่ โมง เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั การพฒั นาเศรษฐกจิ ของไทย เรื่อง การพฒั นาเศรษฐกจิ ของไทย สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มคี วามสาคญั ตอ่ การนาไปใชใ้ นการแกป้ ญั หาและการพฒั นาเศรษฐกิจและ สงั คมของประเทศ ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ส 3.1 ม.4-6/2 ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งทม่ี ตี อ่ เศรษฐกจิ สงั คมของประเทศ 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) วเิ คราะหส์ าระสาคญั ของแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติฉบบั ต่าง ๆ ได้ 2) วเิ คราะหป์ ญั หาการพฒั นาประเทศท่ผี า่ นมาได้ 3) วเิ คราะหแ์ ผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมฉบบั ปจั จบุ นั ทแ่ี สดงถงึ เศรษฐกิจพอเพยี งได้ สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง 1) ปญั หาการพฒั นาประเทศท่ผี า่ นมา โดยการศกึ ษาวเิ คราะหแ์ ผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม ฉบบั ทผ่ี า่ นมา 2) การพฒั นาประเทศท่นี าปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นการวางแผนพฒั นาเศรษฐกิจ และสงั คมฉบบั ปจั จุบนั 3.2 สาระการเรียนรูท้ อ้ งถิ่น - สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน 4.1 ความสามารถในการคดิ
- ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ - ทกั ษะการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ 4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ - กระบวนการทางานกลมุ่ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ 2. ม่งุ มนั่ ในการทางาน 3. ขยนั อดทน กิจกรรมการเรยี นรู้ (วธิ ีสอนโดยการจดั การเรยี นรูแ้ บบร่วมมือ : เทคนิคเลา่ เร่ืองรอบวง, เทคนิคคู่คดิ สสี่ หาย วธิ ีสอนแบบบรรยาย ) นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 ช่ัวโมงที่ 1 1. ใหน้ กั เรยี นเลา่ ประสบการณ์ความรูเ้ดมิ ของนกั เรยี นท่เี คยเรยี นประวตั ศิ าสตรส์ มยั สโุ ขทยั และสมยั อยุธยา เป็นราชธานี วา่ สภาพเศรษฐกิจในสมยั นนั้ มลี กั ษณะเป็นอย่างไร ซง่ึ นกั เรียนสามารถตอบไดห้ ลากหลาย เช่น - อาชพี ส่วนใหญ่ของประชากรคือการเพาะปลกู พชื เพอื่ การดารงชวี ติ - ผลติ สง่ิ ของต่าง ๆ ประเภทหตั ถกรรมท่จี าเป็นตอ่ การดารงชพี - สง่ สนิ คา้ ทผ่ี ลติ เหลอื ใชไ้ ปขายยงั ตา่ งประเทศ - การคา้ ขายกบั ต่างประเทศมคี วามเจรญิ ร่งุ เรืองในสมยั อยธุ ยามากกว่าสมยั สโุ ขทยั ฯลฯ 2. ครูอธบิ ายเช่ือมโยงความรูใ้ หน้ กั เรยี นมคี วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั โครงสรา้ งเศรษฐกจิ ไทยก่อนการใช้ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ พ.ศ. 2398-2504 เปรยี บเทยี บกบั โครงสรา้ งเศรษฐกจิ ไทย ตามแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาตใิ นภาพรวม 3. ครูแบง่ นกั เรยี นเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คอื เก่ง ปานกลาง (ค่อนขา้ งเก่ง)
ปานกลาง (ค่อนขา้ งอ่อน) และออ่ น 4. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั ศกึ ษาความรูเ้รอื่ ง โครงสรา้ งเศรษฐกิจไทย จากหนงั สอื เรยี น และร่วมกนั อภปิ รายถงึ ประเดน็ สาคญั ของเรือ่ งท่ศี กึ ษาจนมคี วามเขา้ ใจกระจา่ งชดั เจน 5. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มแบง่ ออกเป็น 2 คู่ ใหแ้ ต่ละคู่ชว่ ยกนั ทาใบงานท่ี 1.1 เร่ือง โครงสรา้ ง เศรษฐกจิ ไทย ดงั น้ี - คู่ท่ี 1 ทาใบงานท่ี 1.1 ตอนท่ี 1 - คู่ท่ี 2 ทาใบงานท่ี 1.1 ตอนท่ี 2 6. นกั เรยี นแตล่ ะคู่ชว่ ยกนั ทบทวนผลงานทร่ี ่วมกนั ทาและตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นแต่ละคู่ ผลดั กนั เลา่ ความรูจ้ ากการทาใบงานในสว่ นท่คี ู่ของตนรบั ผดิ ชอบ และใหผ้ ูท้ ย่ี งั ไม่เขา้ ใจไดซ้ กั ถามจนเขา้ ใจ กระจ่างชดั เจน ถา้ ยงั ไมเ่ ขา้ ใจใหถ้ ามครูผูส้ อน 7. ครูและนกั เรยี นช่วยกนั เฉลยคาตอบในใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง โครงสรา้ งเศรษฐกิจไทย และช่วยกนั สรุปโครงสรา้ งเศรษฐกจิ ไทยก่อนการใชแ้ ผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติและโครงสรา้ ง เศรษฐกจิ ไทยตามแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ชั่วโมงที่ 2-3 1. ครูนาขา่ วหรือขอ้ มลู เกย่ี วกบั สภาพเศรษฐกจิ ของไทยในปจั จุบนั เชน่ - สนิ คา้ ดา้ นพชื ผกั ผลไมข้ องไทยเป็นท่ตี อ้ งการของประเทศในยโุ รป และเอเชยี ทาใหเ้กษตรกร ไทยเพมิ่ การผลติ มากข้นึ - สนิ คา้ ส่งออกท่ที ารายไดใ้ หแ้ ก่ประเทศไทยจานวนมาก ไดแ้ ก่ เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ อุปกรณ์ และสว่ นประกอบรถยนต์ อญั มณีและเครอ่ื งประดบั แผงวงจรไฟฟ้า นา้ มนั สาเร็จรูป ขา้ ว เหลก็ เหลก็ กลา้ และผลติ ภณั ฑเ์ มด็ พลาสตกิ เคมภี ณั ฑ์ ผลติ ภณั ฑย์ าง 2. ครูตงั้ คาถามถามนกั เรียนในประเด็นต่อไปน้ี - ขา่ วทน่ี าเสนอนนั้ ส่งผลดตี อ่ เศรษฐกิจของไทยอย่างไรบา้ ง - ปญั หาท่คี าดวา่ จะเกดิ ข้นึ มอี ะไรบา้ ง และมแี นวทางป้องกนั แกไ้ ขอย่างไร - มวี ธิ ีการท่จี ะพฒั นากิจกรรมต่าง ๆ ในขา่ วขอ้ ท่ี 1 อย่างไรบา้ ง เพอื่ ใหส้ ่งผลดตี ่อสภาพความ เป็นอยูข่ องประชาชน และประเทศชาติ 3. ครูอธิบายใหน้ กั เรียนเขา้ ใจว่าผลดที เ่ี กดิ ข้นึ จากขอ้ มูลขา่ วสารในขอ้ 1 นน้ั เนอ่ื งจากการพฒั นา ประเทศตามแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ เรม่ิ จากแผนฉบบั ท่ี 1- ฉบบั ท่ี 10 ซง่ึ เป็นแผน พฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาตใิ นปจั จุบนั ครูอธบิ ายสาระสาคญั ในหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี - จุดเดน่ และปญั หาสาคญั ทเ่ี กดิ ข้นึ ในช่วงแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ตงั้ แต่ ฉบบั ท่ี 1-10
- ปจั จยั สาคญั ของการพฒั นาเศรษฐกิจ - เครอ่ื งช้วี ดั การเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกจิ 4. ครูใหน้ กั เรยี นกล่มุ เดมิ ในชวั่ โมงท่ี 1 ศึกษาความรูเ้พม่ิ เติมเกยี่ วกบั แผนพฒั นาเศรษฐกิจและ สงั คมแหง่ ชาติ จากหนงั สอื เรียน และจากแหลง่ การเรยี นรูต้ า่ ง ๆ 5. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั อภปิ รายประเด็นสาคญั ของหวั ขอ้ ท่ศี กึ ษาและชว่ ยกนั ทาใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง การพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ ดงั น้ี - สมาชกิ คนทห่ี นงึ่ ของกลมุ่ เขยี นคาตอบในหวั ขอ้ ของใบงานขอ้ ทห่ี นง่ึ แลว้ ส่งตอ่ ใหส้ มาชกิ คนท่สี องของกลุ่ม - สมาชิกคนท่สี องของกล่มุ อา่ นคาตอบของสมาชกิ คนทห่ี นึ่ง ตรวจสอบความถูกตอ้ งหรอื เขยี น คาตอบเพม่ิ เติม และทาใบงานในขอ้ ต่อไป - สมาชกิ คนตอ่ ไปอา่ นคาตอบของสมาชกิ ท่เี ขยี นไว้ แลว้ ตรวจสอบความถกู ตอ้ งหรือเขยี น คาตอบเพม่ิ เตมิ และทาใบงานในขอ้ ต่อไป - สมาชิกแต่ละคนในกลมุ่ จะไดม้ โี อกาสอ่านและเขยี นคาตอบหมนุ เวยี นไปเร่อื ย ๆ จนเสรจ็ 6. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ความสมบรู ณ์ของใบงานท่ี 1.2 7. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ ผลดั กนั เฉลยคาตอบในใบงานซ่งึ อาจจะเป็นหวั ขอ้ ละ 1-2 กลมุ่ หมนุ เวยี น กนั ไป แลว้ ใหก้ ลมุ่ อน่ื ช่วยเพม่ิ เติมในสว่ นท่แี ตกต่างกนั ไป โดยมคี รูเป็นผูต้ รวจสอบความถกู ตอ้ ง 8. ครูและนกั เรยี นชว่ ยกนั สรปุ การพฒั นาประเทศ ตามแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแต่ละฉบบั และผลทไ่ี ดร้ บั การวดั และประเมินผล วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรยี น รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.1 ใบงานท่ี 1.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.2 ใบงานท่ี 1.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรียน เศรษฐศาสตร์ ม. 4-ม.6
2) หนงั สอื คน้ ควา้ เพิ่มเติม (1) กรมการพฒั นาชมุ ชน กระทรวงมหาดไทย. แนวทางส่งเสริมเศรษฐกจิ พอเพยี งใน ชมุ ชนสาหรบั เจา้ หน้าที่พฒั นาชุมชน. กรุงเทพมหานคร : หจก. บางกอกบลอ๊ ก, 2548. (2) สานกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพอ่ื ประสานโครงการอนั เนอ่ื งมากจากพระราชดาริ. กษตั รยิ น์ ักพฒั นา. กรงุ เทพมหานคร : ดอกเบ้ยี , 2546. (3) พอพนั ธ์ อยุ ยานนท.์ พฒั นาการเศรษฐกิจไทย ในประมวลสาระชดุ วชิ าไทยศกึ ษา หน่วยที่ 3 สาขาวชิ าศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช. นนทบรุ ี : โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช, 2546. (4) รตั นา สายคณิต. การพฒั นาเศรษฐกจิ ในเอกสารการสอนชดุ วิชาสงั คมศกึ ษา 3 : เศรษฐศาสตรส์ าหรบั ครูหน่วยท่ี 14 สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. นนทบรุ ี : โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช, 2546. (5) ศกึ ษาธกิ าร, กระทรวง และสานกั พมิ พร์ ่วมดว้ ยช่วยกนั . ทฤษฎใี หมใ่ นหลวงชีวติ พอเพียง. กรุงเทพมหานคร : กระทรวงศึกษาธกิ ารและร่วมดว้ ยช่วยกนั , 2544. (6) สุนทร กุลวฒั นวรพงศ.์ ตามรอยพระราชดาริ เศรษฐกจิ พอเพียงทฤษฎใี หม.่ กรงุ เทพมหานคร : ชมรมเด็ก, 2544. 3) เอกสารความรูเ้พม่ิ เติม 4) ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง โครงสรา้ งเศรษฐกจิ ไทย 5) ใบงานท่ี 1.2 เรื่อง การพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ http://www.sufficiencyeconomy.org/ http://www.doae.go.th/report/SE/html/01.htm http://www.inspect9.moe.go.th/economic_king80.htm http://www. sufficiencyeconomy.panyathai.or.th/ เอกสารความรู้เพ่มิ เตมิ
แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ • แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 1 (พ.ศ. 2504-2509) • แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 2 (พ.ศ. 2510-2514) • แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 3 (พ.ศ. 2515-2519) • แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 4 (พ.ศ. 2520-2524) • แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 5 (พ.ศ. 2525-2529) • แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 6 (พ.ศ. 2530-2534) • แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 7 (พ.ศ. 2535-2539) • แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 8 (พ.ศ. 2540-2544) • แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 9 (พ.ศ. 2545-2549) • แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 10(พ.ศ. 2550-2554)
สรุปสาระสาคญั ของแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 8 (พ.ศ. 2540 - 2544) 1. สถานการณ์เศรษฐกจิ และสงั คมไทยในช่วง 3 ทศวรรษที่ผา่ นมา 1) สงั คมไทยไดป้ ระสบความสาเร็จเป็นอย่างดีในการพฒั นาเศรษฐกิจ ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากอตั ราการขยายตวั อยู่ใน ระดบั สูงโดยเฉลย่ี ถงึ รอ้ ยละ 7.8 ต่อปี รายไดต้ อ่ หวั ของคนไทยเพม่ิ ข้นึ จาก 2,100 บาท ในปี 2504 เป็น 68,000 บาท ในปี 2538 หรือเพ่ิมข้นึ 32 เท่าตวั สดั ส่วนคนยากจนของประเทศลดลงเหลอื เพียงรอ้ ยละ 13.7 ในปี 2535 เปรยี บเทยี บกบั เป้าหมายรอ้ ยละ 20 ท่กี าหนดไวใ้ นแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 7 ฐานะการเงนิ การคลงั ของประเทศมีความมนั่ คงและไดร้ บั การยอมรบั โดยทวั่ ไปจากนานาประเทศ ส่วนการลงทุนของ ภาครฐั ในดา้ นโครงสรา้ งพ้นื ฐานและบริการพ้นื ฐานทางสงั คมโดยตอ่ เนอ่ื งนนั้ ไดท้ าใหค้ นไทยมรี ายได้ ฐานะความเป็นอยู่ และคุณภาพชวี ติ ทด่ี ขี ้นึ มาโดยตลอด 2) ถงึ แมว้ า่ การพฒั นาประเทศจะบรรลุเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกจิ ก็ตาม แตก่ ิจกรรมและความมงั่ คงั่ ทางเศรษฐกิจก็ยงั กระจุกตวั อยู่ในภาคมหานครและปริมณฑล รายไดต้ ่อหวั ของคนไทยในกรุงเทพมหานครและ ปริมณฑลยงั สูงกว่าภูมภิ าคอ่นื ๆ ของประเทศมาก โดยเฉพาะภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือซง่ึ มรี ายไดต้ อ่ หวั ตา่ ท่สี ุดประมาณ 12 เทา่ กลุ่มครวั เรอื นทม่ี รี ายไดส้ ูงสุด 20 เปอรเ์ ซน็ ตแ์ รกมสี ดั ส่วนรายได้ เพม่ิ ข้นึ จากรอ้ ยละ 54 ในปี 2531 เป็นรอ้ ยละ 59 ในปี 2535 ในขณะทก่ี ลมุ่ ท่มี รี ายได้ 20 เปอรเ์ ซน็ ตต์ า่ สุด มสี ดั สว่ นรายไดล้ ดลงจากรอ้ ยละ 4.6 ในปี 2531 เหลอื เพยี งรอ้ ยละ 3.9 ในปี 2535 ช่องวา่ งระหวา่ งรายไดแ้ ละโอกาสท่ี ได้รับ จ าก ผ ล ข อ งก าร ข ย าย ตัว ท างเศ ร ษ ฐ กิ จ ท่ี ผ่ า น ม า ได้ส่ งผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ คุ ณ ภ าพ ชี วิต ข อ ง คนไทยส่วนใหญ่และการพฒั นาประเทศในระยะยาว 3) ผลของการพฒั นาทผ่ี ่านมา ทาใหค้ นไทยส่วนใหญ่ไดร้ บั บริการโครงสรา้ งพ้นื ฐานและบริการพ้นื ฐานทางสงั คม มากข้นึ ในระดบั ท่นี ่าพอใจ กลา่ วคอื ในปี 2537 ในหมู่บา้ นชนบทมีไฟฟ้าใชแ้ ลว้ รอ้ ยละ 97.7 มนี า้ สะอาดด่มื กินในระบบ ประปา สาหรบั เขตเมอื งในภูมภิ าคมากกวา่ รอ้ ยละ 75 และรอ้ ยละ 32 ในหมูบ่ า้ นชนบท ในดา้ นคมนาคมขนส่งไดม้ ถี นน เช่ือมต่อระหว่างจงั หวดั อาเภอและตาบล คิดเป็นระยะทางรวมทง้ั ส้ิน 210,025 กิโลเมตร ซ่ึงเป็นถนนในหมู่บา้ น ประมาณ 123,400 กิโลเมตร ในดา้ นการศึกษานน้ั คนไทยในชนบทมีการศึกษาสูงข้นึ โดยมอี ตั ราเขา้ เรียนในภาคบงั คบั ถงึ รอ้ ยละ 97.7 ความสาเรจ็ ของการพฒั นาดา้ นสาธารณสุขไดท้ าใหอ้ ายุขยั เฉลย่ี ของคนไทยในปี 2537 เพม่ิ ข้นึ เป็น 67.6 ปี เปรยี บเทยี บกบั ปี 2533 ซ่งึ คนไทยมอี ายขุ ยั เฉลย่ี เพยี ง 63 ปีเทา่ นนั้ 4) การม่งุ เนน้ การแขง่ ขนั เพอื่ สรา้ งความมงั่ คงั่ ในดา้ นรายได้ ทาใหค้ นไทยและสงั คมไทยมคี วามเป็นวตั ถนุ ยิ มมาก ข้นึ ก่อใหเ้กิดปญั หาดา้ นพฤติกรรมของคนในสงั คม คอื การย่อหย่อนในศลี ธรรม จริยธรรม ขาดระเบยี บวินยั การเอา รดั เอาเปรียบ ส่งผลใหว้ ิถีชีวติ และค่านิยมดงั้ เดิมท่ีดงี ามของไทยเร่ิมจางหายไปพรอ้ มๆ กบั การล่มสลายของสถาบนั ครอบครวั ชมุ ชน และวฒั นธรรมของทอ้ งถ่นิ นอกจากน้ีสภาพบบี คนั้ ทางจติ ใจของคนในสงั คมเกดิ จากความแออดั ของ
ชมุ ชนเมอื ง สภาวะแวดลอ้ มท่เี ส่อื มโทรมลงซง่ึ มากบั กระบวนการพฒั นาเศรษฐกจิ นน้ั ไดส้ ่งผลใหภ้ าวะการเจ็บป่วยของ คนไทยเปล่ยี นแปลงไปสู่โรคสมยั ใหม่ เช่น โรคมะเรง็ โรคหวั ใจ โรคความดนั โลหติ สูง รวมทงั้ การบาดเจ็บลม้ ตายจาก อุบตั ิเหตแุ ละอบุ ตั ิภยั ท่มี แี นวโนม้ เพมิ่ ข้นึ ตามการเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจและรายไดท้ ส่ี ูงข้นึ 5) การเร่งรดั พฒั นาเศรษฐกิจตลอดระยะเวลาท่ผี ่านมา ทาใหท้ รพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มเส่อื มโทรมลง เป็นลาดบั ในช่วง 2 ปีแรกของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 7 ป่าไมย้ งั คงถูกทาลายลงถงึ ปีละ 1 ลา้ นไร่ ท่ดี ินทากินถูกชะลา้ ง พงั ทลาย คุณภาพของแม่นา้ ลาคลองเปล่ยี นแปลงจนไม่สามารถจะนามาใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ กี ต่อไป ส่งิ แวดลอ้ มท่เี ส่อื ม โทรมลงทงั้ ในดา้ นคุณภาพของอากาศ ปริมาณฝุ่นละออง รวมทงั้ เสียงในเขตกรงุ เทพมหานครและเมืองหลกั ในภูมภิ าค นนั้ ไดเ้ กิดผลกระทบต่อคณุ ภาพชีวติ ของคนไทยโดยทวั่ ไปอย่างกวา้ งขวาง นอกจากน้ีการพฒั นาท่ไี มไ่ ดค้ านึงถงึ ตน้ ทุน และการจดั การดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติ รวมทงั้ มองขา้ มการพฒั นาคุณค่าของความเป็นคน ละเลยภูมปิ ญั ญา และวถิ ี ชีวติ ความเป็นอยูบ่ นพ้นื ฐานของความเป็นไทย จะส่งผลต่อการพฒั นาทย่ี งั่ ยนื ในอนาคต 2. วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้ าหมายของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 เพ่ือใหส้ อดคลอ้ งกบั กระแสการเปลย่ี นแปลงในสังคม ช่วยแกป้ ญั หาการพฒั นาท่ขี าดความสมดุลคือ เศรษฐกิจดี สงั คมมีปญั หา การพฒั นาไม่ยงั่ ยนื และเพอื่ กา้ วไปสู่วสิ ยั ทศั นก์ ารพฒั นาท่พี ึงปรารถนาในระยะยาว การพฒั นาในระยะ 5 ปีของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 จึงไดก้ าหนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมายหลกั ของการพฒั นาไวด้ งั น้ี 2.1 วตั ถปุ ระสงค์ (1) เพ่ือเสริมสรา้ งศกั ยภาพของคนทุกคนทง้ั ในดา้ นร่างกาย จิตใจ และสติปญั ญา ใหม้ ีสุขภาพ พลานามยั แขง็ แรง มีความรูค้ วามสามารถและทกั ษะในการประกอบอาชีพ และสามารถปรบั ตวั ใหท้ นั ต่อกระแสการ เปลย่ี นแปลงทงั้ ในดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม และการปกครอง (2) เพอ่ื พฒั นาสภาพแวดลอ้ มของสงั คมใหม้ ีความมนั่ คงและเสริมสรา้ งความเขม้ แขง็ ของครอบครวั และชุมชนใหส้ นบั สนุนการพฒั นาศกั ยภาพและคุณภาพชวี ติ ของคน รวมทง้ั ใหช้ ุมชนมสี ว่ นร่วมในการพฒั นาประเทศมาก ย่งิ ข้นึ (3) เพื่อพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศใหเ้ จริญเติบโตอย่างมเี สถยี รภาพมนั่ คงและสมดุลเสริมสรา้ ง โอกาสการพฒั นาศกั ยภาพของคนในการมสี ว่ นร่วมในกระบวนการพฒั นาและไดร้ บั ผลจากการพฒั นาท่เี ป็นธรรม (4) เพอ่ื ใหม้ กี ารใชป้ ระโยชนแ์ ละดูแลรกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดลอ้ มใหม้ ีความสมบูรณ์ สามารถสนบั สนุนการพฒั นาเศรษฐกิจสงั คมและคณุ ภาพชวี ติ ไดอ้ ย่างยงั่ ยนื (5) เพ่ือปรบั ระบบบริหารจดั การ เปิดโอกาสใหอ้ งค์กรพฒั นาเอกชน ภาคเอกชน ชุมชน และ ประชาชน เขา้ มามสี ่วนร่วมในกระบวนการพฒั นาประเทศมากข้นึ
2.2 เป้ าหมาย เพอื่ ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงคก์ ารพฒั นาขา้ งตน้ เหน็ สมควรกาหนดเป้าหมายซง่ึ จะเป็นเคร่ืองช้วี ดั ผล การพฒั นาและการเปลย่ี นแปลงท่จี ะเกดิ ข้นึ ตามวตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ในระยะของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 ไว้ ดงั น้ี (1) เพมิ่ ปริมาณการเตรียมความพรอ้ มทกุ ดา้ นของเดก็ ปฐมวยั (0 - 5 ปี) อยา่ งมคี ณุ ภาพ (2) เพม่ิ คุณภาพการจดั การศกึ ษาทุกระดบั โดยเฉพาะการขยายการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน 9 ปี แก่เด็ก ในวยั เรียนทุกคน และการเตรยี มการขยายการศึกษาขนั้ พ้นื ฐานเป็น 12 ปี รวมทง้ั ใหม้ ีการฝึกอบรมครูอาจารยท์ ุกคน อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง (3) ยกระดบั ทกั ษะฝีมือและความรูพ้ ้นื ฐานใหแ้ ก่แรงงานในสถานประกอบการ โดยใหค้ วามสาคญั เป็นลาดบั แรกตอ่ กล่มุ แรงงานอายุ 25-45 ปี (4) ใหผ้ ูด้ อ้ ยโอกาสทุกประเภทไดร้ บั โอกาสการพฒั นาเต็มตามศกั ยภาพ และไดร้ บั บรกิ ารพ้ืนฐาน ทางสงั คมอยา่ งมคี ณุ ภาพและทวั่ ถงึ (5) ลดอตั ราการประสบอนั ตรายจากการทางาน และลดจานวนการเกิดอุบตั ิเหตุต่างๆ โดยเฉพาะ การจราจร การขนส่งวตั ถเุ คมอี นั ตราย และอคั คีภยั ในอาคารสูง (6) รกั ษาเสถยี รภาพของระบบเศรษฐกิจไทย โดยลดการขาดดลุ บญั ชีเดินสะพดั ใหอ้ ยู่ในระดบั รอ้ ย ละ 3.4 ของผลผลติ รวมในปีสุดทา้ ยของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 และรกั ษาอตั ราเงนิ เฟ้อใหอ้ ยู่ในระดบั ท่เี หมาะสมเฉลย่ี รอ้ ยละ 4.5 ต่อปี (7) ระดมการออมของภาคครวั เรือนใหเ้ พิ่มข้ึนเป็นอย่างนอ้ ยรอ้ ยละ10 ของผลผลิตรวมใน ปี สดุ ทา้ ยของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 (8) ขยายปรมิ าณและเพมิ่ คุณภาพของบรกิ ารโครงสรา้ งพ้นื ฐานสู่ภมู ภิ าคและชนบท (9) ลดสดั ส่วนคนยากจนของประเทศใหน้ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 10 ในช่วงของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 (10) อนุรกั ษแ์ ละฟ้ืนฟูบูรณะพ้ืนท่ปี ่าเพื่อการอนุรกั ษ์ไวใ้ หไ้ ดไ้ ม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 25 ของพ้ืนท่ขี อง ประเทศ รวมทง้ั รกั ษาพ้นื ท่ปี ่าชายเลนใหค้ งไวไ้ มต่ า่ กวา่ 1 ลา้ นไร่ในปีสดุ ทา้ ยของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 (11) สรา้ งโอกาสและเพมิ่ ทางเลอื กในการประกอบอาชีพเกษตรกรในรูปแบบของเกษตรธรรมชาติ เกษตรอนิ ทรยี ์ เกษตรผสมผสาน และวนเกษตร (12) เพม่ิ การลงทุนในการควบคุมและฟ้ืนฟูคณุ ภาพส่งิ แวดลอ้ มเพ่ือยกระดบั คณุ ภาพชีวติ ของคนใน เมอื ง ภมู ภิ าค และชนบท
3. ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ เพอ่ื ใหส้ ามารถบรรลุวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมายการพฒั นาดงั กล่าว เหน็ ควรกาหนดยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาของ แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 ท่สี าคญั ดงั น้ี 3.1 การพฒั นาศกั ยภาพของคน ประกอบดว้ ยการส่งเสริมใหป้ ระเทศมโี ครงสรา้ งประชากรท่เี หมาะสม และมี การกระจายตวั ของประชากรท่ีสอดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพและโอกาสการพฒั นาในแต่ละพ้ืนท่ีของประเทศ การปรบั ปรุง กระบวนการเรยี นรูด้ า้ นการพฒั นาจิตใจใหเ้กิดผลในทางปฏิบตั ิ การพฒั นาสติปญั ญาและทกั ษะฝีมือแรงงานใหค้ นไทย ทุกคนมคี ุณภาพและประสิทธิภาพสูงข้นึ ในกระบวนการผลติ และสามารถปรบั ตวั ไดก้ บั การเปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกิจ และสงั คม รวมทง้ั การพฒั นาสุขภาพและพลานามยั ท่ีม่งุ เสริมสรา้ งโอกาสใหค้ นไทยทุกคนมีสุขภาพดถี ว้ นหนา้ และมี ความรูค้ วามเขา้ ใจในการป้องกนั โรค 3.2 การพฒั นาสภาพแวดลอ้ มของสงั คมใหเ้ อ้ือต่อการพฒั นาคน ประกอบดว้ ยแนวทางการเสริมสรา้ งความ เขม้ แขง็ ของครอบครวั ของชุมชน การสรา้ งโอกาสใหค้ น ครอบครวั ชมุ ชนมสี ว่ นร่วมในการพฒั นาทอ้ งถน่ิ ของตนเองและ สงั คม การพฒั นาระบบความมนั่ คงทางสงั คมเพ่อื สรา้ งหลกั ประกนั ดา้ นตา่ งๆ แก่ประชาชนอยา่ งทวั่ ถงึ การเสริมสรา้ งขีด ความสามารถในระบบอานวยความยุติธรรมและระบบความปลอดภยั ในชีวติ และทรพั ยส์ ินใหแ้ ก่ประชาชน และการ ส่งเสริมใหว้ ฒั นธรรมมบี ทบาทในการพฒั นาคนและประเทศใหส้ มดุลและยงั่ ยนื 3.3 การเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพการพฒั นาของภมู ิภาคและชนบทเพื่อยกระดบั คุณภาพชีวิตของประชาชนอย่าง ทวั่ ถงึ ประกอบดว้ ยแนวทางการกระจายโอกาสและความเจริญดว้ ยการพฒั นาพ้นื ท่ใี นภมู ภิ าค การพฒั นาการมสี ่วนร่วม ในการพฒั นาและการกระจายการพฒั นาดว้ ยการเพ่ิมศกั ยภาพขององคก์ รชุมชน การสนบั สนุนกระบวนการเรียนรูแ้ ละ ขยายเครือข่ายการเรียนรูข้ องชุมชน การเสริมสรา้ งโอกาสการพฒั นาเพ่ือสรา้ งอาชีพและการมงี านทาดว้ ยการส่งเสริม บทบาทของภาคธุรกิจเอกชนและองคก์ รพฒั นาเอกชน การกระจายกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ และบรกิ ารทางสงั คม การแกไ้ ข ปญั หาและรกั ษาสภาพแวดลอ้ มเมอื ง การบรหิ ารจดั การงานพฒั นาในลกั ษณะพหภุ าคี ทงั้ ในงานพฒั นาทวั่ ไปและในระดบั พ้นื ท่ี 3.4 การพฒั นาสมรรถนะทางเศรษฐกจิ เพ่อื สนับสนุนการพฒั นาคนและคุณภาพชีวิต ประกอบดว้ ยแนวทาง การเสรมิ สรา้ งระบบเศรษฐกิจใหเ้ขม้ แขง็ และเจรญิ เติบโตอย่างมเี สถยี รภาพ การปรบั โครงสรา้ งการผลติ ใหเ้ขม้ แขง็ เพอ่ื ให้ พรอ้ มรบั การเปลย่ี นแปลงของตลาดโลกและยกระดบั คุณภาพชีวติ ของคนไทย การพฒั นาวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยีเพ่ือ เป็นฐานของการพฒั นาท่ยี งั่ ยนื ตลอดจนการพฒั นาพ้นื ท่ี ชุมชน และบรกิ ารโครงสรา้ งพ้นื ฐาน เพอ่ื เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการ ผลติ และยกระดบั คณุ ภาพชีวติ 3.5 การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ประกอบดว้ ยแนวทางการบริหารจดั การเพื่ออนุรกั ษ์ ฟ้ืนฟูทรพั ยากรธรรมชาติใหม้ ีความสมบรู ณ์ เกดิ ความสมดุลตอ่ ระบบนิเวศวทิ ยา รวมทงั้ การดูแลรกั ษาสภาวะแวดลอ้ ม เพ่ือยกระดบั คุณภาพชีวิตของคนในชุมชนและเป็นฐานการพฒั นาประเทศในระยะยาว การจดั ระบบการจดั การ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มใหเ้กิดการใชป้ ระโยชนแ์ ละควบคมุ ดูแลอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ มกี ารจดั สรรอยา่ งเป็น
ธรรม เป็นประโยชนต์ ่อสงั คมและชุมชนอย่างแทจ้ ริง รวมทง้ั การบริหารจดั การเพื่อป้องกนั และบรรเทาภยั อนั เกิดจาก ธรรมชาติ 3.6 การพฒั นาประชารฐั เป็นการพฒั นาภาครฐั ใหม้ ีสมรรถนะและพนั ธกิจหลกั ในการเสริมสรา้ งศกั ยภาพ และสมรรถนะของคน ทาใหค้ นในสงั คมเป็นพนั ธมิตรกบั เจา้ หนา้ ท่ีของรฐั และมีส่วนร่วมในการพฒั นาประเทศซ่ึง ประกอบดว้ ยแนวทางการพฒั นาเพอื่ เสริมสรา้ งหลกั นิติธรรมในการบริหารรฐั กิจ การจดั การแกไ้ ขความขดั แยง้ ในสงั คม ดว้ ยสนั ติวิธี สนับสนุนใหป้ ระชาชนทุกภาคส่วนของสงั คมมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะของภาครฐั เพิ่มพูน ประสทิ ธิผลและประสทิ ธิภาพภาครฐั ดว้ ยการปรบั ปรงุ ประสทิ ธภิ าพของระบบราชการ ตลอดจนการสรา้ งความต่อเนือ่ งใน งานบริหารรฐั กิจ โดยการสรา้ งความรูค้ วามเขา้ ใจดา้ นนโยบายสาธารณะและการกาหนดระเบยี บวาระแหง่ ชาติ 3.7 การบริหารจดั การเพื่อใหม้ ีการนาแผนพฒั นาฯ ไปดาเนินการใหเ้ กิดผลในทางปฏิบตั ิ ประกอบดว้ ย แนวทางการแปลงแผนสู่การปฏบิ ตั ิดว้ ยระบบการจดั การในระดบั พ้นื ท่ตี ามภารกิจของหน่วยราชการและการมีสว่ นร่วม จากทกุ ฝ่ายในสงั คม การพฒั นากลไกของรฐั ในการปฏิบตั ิงาน การเร่งรดั พฒั นาระบบกฎหมายใหเ้ป็นไปในแนวทางของ ระบบกฎหมายมหาชน เพอื่ เอ้ืออานวยต่อการจดั ใหม้ ีกฎหมายรองรบั แผนพฒั นาฯ ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ การปรบั บทบาทการมีส่วนร่วมของภาคีเพอื่ การพฒั นา การเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพของหน่วยงานกลางในการแปลงแผนไปสู่การปฏบิ ตั ิ การพฒั นาสมรรถนะกลไกนอกภาครฐั และการติดตามและประเมินผลโดยมกี ารจดั ทาดชั นชี ้ีวดั ผลของการพฒั นาแบบ องคร์ วม 4. ลกั ษณะและการใชแ้ ผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 4.1 แผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 8 เป็นแผนช้ีทิศทางการพฒั นาประเทศทง้ั ในทศวรรษหน้า และในช่วง พ.ศ.2540- 2544 ซ่งึ เนน้ การพฒั นาในลกั ษณะท่เี ป็นกระบวนการเพื่อปรบั เปลย่ี นทศิ ทางการพฒั นาแบบแยกส่วนหรือตามรายสาขา เศรษฐกจิ และสงั คมมาเป็นแบบองคร์ วม คอื การพฒั นาแบบรวมส่วนหรือบรู ณาการท่มี คี วามสมั พนั ธเ์ ชอื่ มโยงซง่ึ กนั และ กนั อย่างเป็นระบบ อนั จะทาใหก้ ารพฒั นามปี ระสทิ ธภิ าพ ความยงั่ ยนื และคนไทยทงั้ หมดไดร้ บั ประโยชนจ์ ากการพฒั นา มากกวา่ ท่ผี ่านมา 4.2 ยุทธศาสตรแ์ ละแนวทางการพฒั นาซ่ึงกาหนดไวใ้ นแผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 8 เป็นการช้ีทศิ ทางการพฒั นา ตามวตั ถุประสงค์หลกั ของการพฒั นาประเทศในระยะยาว โดยไม่เนน้ รายละเอยี ดของแนวทางการพฒั นาตามสาขา เศรษฐกิจและสงั คม และมาตรการระยะสน้ั ซ่งึ หน่วยงานปฏบิ ตั ติ อ้ งดาเนนิ การตามปกติอยู่แลว้ ดงั นน้ั ผูเ้กยี่ วขอ้ งจะตอ้ ง นายุทธศาสตรแ์ ละแนวทางทง้ั หมดไปใชเ้ ป็นกรอบกาหนดแผนงาน โครงการ และมาตรการ เพื่อใหม้ กี ารดาเนินการให้ เกิดผลในทางปฏิบตั ิ รวมถึงการกาหนดใหม้ ีเป้าหมายและโครงการท่ีจะทาใหเ้ กิดผลต่อประชาชน มิใช่องคก์ รของรฐั หรือเป็นโครงการพฒั นาทป่ี ระชาชนตดั สนิ ใจหรือมสี ่วนร่วมในการตดั สนิ ใจและขอรบั การสนบั สนุนจากภาครฐั 4.3 การจดั ทาแผนงานและโครงการพฒั นาตามยุทธศาสตร์ ควรจะตอ้ งดาเนินการแบบองค์รวม คือ หน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งทุกองคก์ รจะตอ้ งร่วมกนั คิด ร่วมกนั ทา มีการประสานการวเิ คราะห์ โดยยดึ หลกั พ้นื ท่แี ละภารกิจ รวมทงั้ การมีส่วนร่วมของผูร้ บั ผิดชอบเป็นกรอบในการจดั ทาแผนงานและโครงการ แผนเงนิ และแผนคน โดยใช้
ยทุ ธศาสตรแ์ ละแนวทางของแผนควบคู่ไปกบั พ้นื ท่ี เป็นเครือ่ งมอื ในการขอรบั สนบั สนุนดา้ นงบประมาณ ตลอดจนการ ติดตามประเมนิ ผลประจาปี 4.4 การตดิ ตามประเมินผลความสาเร็จหรอื ความลม้ เหลวของการดาเนินการตามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้ าหมาย ของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 จะตอ้ งมกี ารสรา้ งดชั นีช้วี ดั ทงั้ ในระดบั ภาพรวมและแผนงานโครงการใน 5 ระดบั คอื (1) ดชั นีช้ีวดั ผลกระทบขน้ั สุดทา้ ยของการพฒั นา สรา้ งข้นึ เพ่ือเป็นเครื่องช้ีวดั ผลความกา้ วหนา้ ท่ี แทจ้ ริงของการพฒั นาประเทศโดยสว่ นรวมในทุกๆ ดา้ น ทงั้ ในดา้ นการพฒั นาคน สงั คม เศรษฐกจิ ทรพั ยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดลอ้ มวา่ สามารถดาเนินการบรรลุวตั ถุประสงคข์ องการพฒั นาประเทศทเ่ี นน้ คนเป็นศูนยก์ ลางของการพฒั นาได้ มากนอ้ ยแค่ไหนเพยี งใด (2) ดชั นีช้ีวดั ประสทิ ธิผลของการพฒั นาเฉพาะดา้ น สรา้ งข้นึ เพอ่ื ติดตามประเมนิ ผลการพฒั นาใน แต่ละดา้ นท่กี าหนดไวใ้ นยุทธศาสตร์ ซง่ึ จะช่วยใหท้ ราบถึงความสาเรจ็ และการเปลย่ี นแปลงท่เี กิดข้นึ จากการพฒั นาใน ลกั ษณะผสมผสานระหว่างภารกิจกบั พ้นื ท่แี ละกลุ่มเป้าหมาย เพ่ือจะนาไปใชใ้ นการกาหนดยุทธศาสตรแ์ ละแผนงาน โครงการในแต่ละสาขาใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ (3) ดชั นีช้ีวดั ประสิทธิผลของยุทธศาสตรก์ ารพฒั นา สรา้ งข้ึนเพื่อเป็นเคร่ืองมือในการติดตาม ประเมนิ ผลความสาเร็จหรอื ความลม้ เหลวของยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาท่กี าหนดไวใ้ นแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 (4) ดัชนีช้ีวัดประสิทธิผลขององค์กรที่ดาเนิ นงานพัฒนา สรา้ งข้ึนเพ่ือเป็ นเคร่ืองช้ีวดั ขีด ความสามารถขององคก์ รท่รี บั ผิดชอบในการดาเนินงานแปลงแผนไปสู่ภาคปฏบิ ตั ิในทุกระดบั ตามแนวทางการประสาน แผนงาน แผนเงนิ และแผนคน ท่เี นน้ การกระจายอานาจสู่ภูมภิ าคและทอ้ งถน่ิ และการประสานความร่วมมอื กบั ทกุ ฝ่าย ท่เี กี่ยวขอ้ งเพ่ือประโยชน์ในการปรบั ปรุงคุณภาพและผลงานขององคก์ ร ทง้ั ในดา้ นการเสริมสรา้ งกระบวนการเรียนรู้ ใหก้ บั คนในองคก์ ร การเพ่มิ พูนประสิทธิภาพ การดาเนนิ งาน การสรา้ งระบบการติดตามประเมนิ ผล เพอ่ื นามาปรบั ปรุง การทางานขององคก์ รตอ่ ไป (5) ดชั นีช้ีวดั สถานการณ์ที่เป็ นจริงในดา้ นต่างๆ เป็นการรวบรวมขอ้ มูลเชิงสถติ ิหรือขอ้ มูลพ้นื ฐาน ของการพฒั นาดา้ นต่างๆ เพ่ือนามาใชใ้ นการสรา้ งดชั นีช้ีวดั ความสาเร็จหรือประสิทธิผลของการพฒั นาในระดบั ต่างๆ ดงั ทไ่ี ดก้ ล่าวมาขา้ งตน้
สรปุ สาระสาคญั ของแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 9 (พ.ศ. 2545 - 2549) 1. ความนา แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 9 (พ.ศ. 2545–2549) เป็นแผนท่ไี ดอ้ ญั เชิญแนวปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ตามพระราชดารสั ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั มาเป็นปรชั ญานาทางในการพฒั นาและบริหาร ประเทศ โดยยดึ หลกั ทางสายกลาง เพือ่ ใหป้ ระเทศรอดพน้ จากวิกฤต สามารถดารงอยู่ไดอ้ ย่างมนั่ คง และนาไปสู่การ พฒั นาท่ีสมดุล มีคุณภาพและยงั่ ยืน ภายใตก้ ระแสโลกาภิวตั น์และสถานการณ์เปล่ยี นแปลงตา่ งๆ ดงั น้ี ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรชั ญาช้ีถงึ แนวการดารงอยู่และปฏิบตั ิตนของประชาชนในทุกระดบั ตงั้ แต่ระดบั ครอบครวั ระดบั ชุมชน จนถึงระดบั รฐั ทงั้ ในการพฒั นาและบริหารประเทศใหด้ าเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกิจเพื่อใหก้ า้ วทนั ต่อโลกยุคโลกาภิวตั น์ ความพอเพียง หมายถึง ความ พอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจาเป็นท่ีจะตอ้ งมีระบบภูมิคุม้ กนั ในตวั ท่ีดีพอสมควร ต่อการมี ผลกระทบใดๆ อนั เกิดจากการเปล่ยี นแปลงทง้ั ภายนอกและภายใน ทงั้ น้ี จะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ความ รอบคอบ และความระมดั ระวงั อย่างย่ิงในการนาวิชาการต่างๆ มาใชใ้ นการวางแผนและการดาเนินการทุก ขน้ั ตอน และขณะเดียวกนั จะตอ้ งเสริมสรา้ งพ้นื ฐานจติ ใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั นกั ทฤษฎี และนกั ธุรกิจในทุกระดบั ใหม้ ีสานึกในคุณธรรมความซื่อสตั ยส์ ุจริต และใหม้ คี วามรอบรูท้ ี่เหมาะสม ดาเนินชีวิตดว้ ยความอดทน ความเพียร มีสติปญั ญา และความรอบคอบ เพื่อใหส้ มดุลและพรอ้ มต่อ การรองรบั การเปลย่ี นแปลงอย่างรวดเร็วและกวา้ งขวางทง้ั ดา้ นวตั ถุ สงั คม ส่งิ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลก ภายนอกไดเ้ป็นอยา่ งดี การจดั ทาแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 9 ไดต้ ง้ั อยู่บนพ้ืนฐานของการกาหนดวิสยั ทศั น์ ร่วมกนั ของสงั คมไทยใน 20 ปีขา้ งหนา้ โดยนาความคิดของทุกภาคส่วนในสงั คมทุกระดบั ตง้ั แต่ระดบั จงั หวดั ระดบั อนุภาค และระดบั ชาติ มาสงั เคราะหเ์ ชอื่ มโยงเขา้ ดว้ ยกนั อย่างเป็นระบบใหเ้กิดเป็น “วสิ ยั ทศั น์ร่วม” ท่สี งั คมไทยยอมรบั ร่วมกนั โดยคานึงถึงภาพรวมการพฒั นาท่ีผ่านมา สถานการณ์และแนวโนม้ การเปล่ยี นแปลงต่างๆ ทงั้ ภายในและ ภายนอกประเทศ เพ่ือนาไปสู่สงั คมไทยท่ีพึงประสงค์ พรอ้ มรบั การเปล่ียนแปลงและสร้างคุณค่าท่ีดีใหเ้ กิดข้ึนใน สงั คมไทย แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 9 จึงเป็นแผนยุทธศาสตรท์ ่ีช้ีกรอบทิศทางการพฒั นาประเทศ ในระยะปานกลาง ท่ี สอดคลอ้ งกบั วสิ ยั ทศั นร์ ะยะยาว และมกี ารดาเนนิ การต่อเน่ืองจากแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 ในดา้ นแนวคดิ ทย่ี ดึ “คนเป็น ศูนยก์ ลางของการพฒั นา” ในทุกมิติอย่างเป็นองคร์ วม และใหค้ วามสาคญั กบั การพฒั นาท่สี มดุล ทง้ั ดา้ นตวั คน สงั คม
เศรษฐกจิ และส่งิ แวดลอ้ ม โดยเฉพาะอย่างย่งิ การสรา้ งระบบบริหารจดั การภายในท่ดี ใี หเ้กดิ ข้นึ ในทุกระดบั อนั จะทาให้ เกดิ การพฒั นาท่ยี งั่ ยนื ทม่ี ี “คน” เป็นศูนยก์ ลางไดอ้ ย่างแทจ้ ริง จากการประเมินผลการพฒั นาในชว่ ง 4 ทศวรรษท่ผี ่านมา ช้ใี หเ้หน็ อย่างชดั เจนถงึ การพฒั นาท่ขี าดสมดลุ โดย ประสบความสาเร็จเฉพาะในเชงิ ปริมาณ แต่ขาดความสมดุลดา้ นคณุ ภาพ “จุดออ่ น” ของการพฒั นาทส่ี าคญั คือ ระบบ บริหารทางเศรษฐกิจ การเมือง และราชการยงั เป็นการรวมศูนยอ์ านาจและขาดประสทิ ธิภาพ ระบบกฎหมายลา้ สมยั นาไปสู่ปัญหาเร้ือรงั ของประเทศ คือ การทุจริตประพฤติมิชอบท่ีเกิดข้ึนทงั้ ในภาคราชการและในภาคธุรกิจเอกชน ขณะเดียวกนั คุณภาพการศึกษาของคนไทยยงั ไม่กา้ วหนา้ เท่าท่คี วร ไม่สามารถปรบั ตวั รูเ้ ท่าทนั วทิ ยาการสมยั ใหม่ ทง้ั ฐาน วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีของไทยอ่อนแอ ไม่เอ้อื ต่อการพฒั นานวตั กรรม รวมทงั้ ความสามารถในการบริหารจดั การ ธุรกิจยงั ดอ้ ยประสิทธิภาพ จึงส่งผลใหข้ ีดความสามารถในการแข่งขนั ของไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะท่คี วามเหล่อื มลา้ ของการกระจายรายได้ ความยากจน และความเส่อื มโทรมของทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มท่รี ุนแรงข้นึ ไดส้ รา้ ง ความขดั แยง้ ในสงั คมมากข้นึ นอกจากน้คี วามอ่อนแอของสงั คมไทยท่ตี กอยู่ในกระแสวตั ถนุ ิยม ไดก้ ่อใหเ้กดิ ปญั หาทาง ศีลธรรมและปญั หาสงั คมมากข้นึ ดว้ ย อย่างไรก็ตาม การพฒั นาท่ผี ่านมาไดก้ ่อใหเ้กิดทุนทางสงั คมและทางเศรษฐกิจหลายประการ ซ่งึ เป็น “จดุ แขง็ ” ของประเทศท่สี ามารถนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นการพฒั นา กล่าวคือ รฐั ธรรมนูญฉบบั ปจั จบุ นั ไดว้ างพ้นื ฐานใหเ้กิดการปฏริ ูป ทส่ี าคญั ทงั้ ทางสงั คม การเมอื ง การบริหารภาครฐั และการกระจายอานาจ ขณะท่ีกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน และพลงั ทอ้ งถ่นิ ชมุ ชนมคี วามเขม้ แขง็ มากข้นึ ส่อื ต่างๆ มเี สรีภาพมากข้นึ เอ้อื ต่อการเตบิ โตของประชาธปิ ไตย การป้องกนั การทุจริตประพฤติมิชอบและการเสริมสรา้ งธรรมาภิบาลในสงั คมไทย ทงั้ จุดแขง็ ของฐานการผลิตภาคการเกษตรท่ี หลากหลาย มศี กั ยภาพเป็นแหล่งผลติ อาหารของโลก พรอ้ มทงั้ มีธุรกิจบริการท่มี ีความเชี่ยวชาญ มแี หล่งท่องเท่ยี วท่มี ี คุณภาพ และมเี อกลกั ษณ์ความเป็นไทยมวี ฒั นธรรมท่เี ป็นจุดเดน่ รวมทงั้ มีภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ ท่สี งั่ สมเป็นปึกแผ่นและมี สถาบนั หลกั ยดึ เหน่ยี วทางจิตใจ ซง่ึ จะช่วยเป็นภมู คิ มุ้ กนั ท่สี าคญั ในการลดความเส่ยี งจากกระแสโลกาภวิ ตั น์ ขณะเดียวกนั กระแสการเปล่ยี นแปลงหลกั ของโลกเป็นทงั้ “โอกาสและภยั คุกคาม” ต่อการพฒั นาประเทศ โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจโลกท่เี ปลย่ี นแปลงสลบั ซบั ซอ้ นและเชื่อมโยงกนั มากข้นึ มกี ารปรบั ระเบียบเศรษฐกิจใหม่ของ โลกท่นี าไปสู่กตกิ าการคา้ และการลงทุนระหว่างประเทศใหม่ และแนวโนม้ การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมภิ าคทง้ั ระดบั ทวภิ าคแี ละพหุภาคที ม่ี อี ทิ ธิพลเพ่มิ ข้นึ รวมทงั้ แนวโนม้ การพฒั นาสูเ่ ศรษฐกิจยุคใหมท่ ม่ี ีเทคโนโลยแี ละการใชค้ วามรูเ้ป็น ฐานการพฒั นา ทาใหต้ อ้ งเร่งเตรียมพรอ้ มทง้ั การสรา้ งระบบ กลไก และพฒั นาคนใหส้ ามารถปรบั ตวั อย่างรูเ้ ท่าทนั ได้ รวดเร็ว เพอ่ื คงสถานะการแขง่ ขนั ของประเทศและกา้ วสู่ระบบเศรษฐกิจยุคใหม่ไดอ้ ย่างเท่าทนั โลกไดต้ ่อไป อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจโลกท่ยี งั มคี วามเปราะบางและมแี นวโนม้ ท่จี ะชะลอตวั ต่อเนื่อง และคาดวา่ จะฟ้ืนตวั ไดช้ า้ กว่าท่ปี ระมาณ การไวเ้ดมิ จะส่งผลต่อเสถยี รภาพของเศรษฐกิจไทยซ่ึงตอ้ งปรบั ตวั ใหท้ นั ทงั้ การเรมิ่ ปรบั ฐานเศรษฐกิจตงั้ แต่ระดบั ฐาน
รากถงึ ระดบั มหภาค และการปรบั นโยบายเศรษฐกจิ ของประเทศทเ่ี หมาะสม ควบคู่ไปกบั การเสริมสรา้ งขดี ความสามารถ ในการแข่งขนั ของประเทศ ภายใตส้ ถานการณ์และแนวโนม้ ในอนาคตทจ่ี ะมีผลต่อการพฒั นาประเทศดงั กลา่ ว แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 9 จึง เป็นแผนท่ดี าเนินการในชว่ งเปลย่ี นผ่านท่สี าคญั ท่สี ุดช่วงหน่ึงของประเทศ ทจ่ี าเป็นตอ้ งเร่งรดั การปฏริ ูประบบเศรษฐกิจ และสงั คมใหเ้ กิดสมั ฤทธ์ิผลในทางปฏิบตั ิใหม้ ากย่งิ ข้นึ และมุ่งฟ้ืนฟูเศรษฐกิจใหห้ ลุดพน้ จากภาวะวิกฤต พรอ้ มทงั้ วางรากฐานการพฒั นาระบบเศรษฐกิจภายในประเทศใหม้ คี วามเขม้ แข็ง มเี สถยี รภาพ และมภี ูมิคมุ้ กนั ตอ่ กระแสการ เปล่ยี นแปลงจากภายนอกและสามารถพง่ึ ตนเองไดม้ ากข้นึ ขณะเดยี วกนั จะตอ้ งใหค้ วามสาคญั ลาดบั สูงกบั การบริหาร การเปลย่ี นแปลง เพอ่ื สรา้ งสภาวะผูน้ าร่วมกนั ในทุกระดบั ในอนั ท่จี ะสรา้ งพลงั ร่วมกนั ใหเ้กิดค่านิยมใหม่ในสงั คม ท่จี ะ ผลกั ดนั ใหเ้กดิ การเปลย่ี นแปลงการบรหิ ารจดั การประเทศใหมท่ ่พี รอ้ มรบั การเปลย่ี นแปลงของโลก 2. วสิ ยั ทศั นก์ ารพฒั นาประเทศ การพฒั นาประเทศไทยในอนาคต 20 ปี มจี ุดม่งุ หมายม่งุ เนน้ การแกป้ ญั หาความยากจนและยกระดบั คุณภาพ ชีวติ ของคนสว่ นใหญข่ องประเทศ ใหเ้กิด “การพฒั นาทย่ี งั่ ยนื และความอยูด่ มี สี ุขของคนไทย” และสรา้ งค่านยิ มร่วม ให้ คนไทยตระหนกั ถงึ ความจาเป็นและปรบั เปลย่ี นกระบวนการคิด ทศั นคติ และกระบวนการทางาน โดยยดึ “ปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญานาทางใหเ้ อ้ือต่อการเปล่ียนแปลงระบบบริหารจดั การประเทศแนวใหม่ ท่ีมุ่งสู่ ประสทิ ธภิ าพและคณุ ภาพ และกา้ วตามโลกไดอ้ ย่างรูเ้ทา่ ทนั เพอ่ื ใหเ้กิดการเปลย่ี นแปลงและสรา้ งคุณค่าทด่ี ใี นสงั คมไทย บนพ้นื ฐานของการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและเอกลกั ษณ์ของความเป็นไทย จึงไดก้ าหนดสภาพสงั คมไทยท่พี งึ ประสงค์ โดย มงุ่ พฒั นาสู่ “สงั คมท่เี ขม้ แข็งและมดี ุลยภาพ” ใน 3 ดา้ น คือ สงั คมคุณภาพ ท่ียึดหลกั ความสมดุล ความพอดี สามารถสรา้ งคนทุกคนใหเ้ ป็นคนดี คนเก่ง พรอ้ มดว้ ย คุณธรรม จริยธรรม มวี นิ ยั มคี วามรบั ผดิ ชอบ มีจิตสานึกสาธารณะ พ่ึงตนเองได้ คนมีคุณภาพชีวติ ทด่ี ี มีความสุข อยู่ในสภาพแวดลอ้ มท่ีดี มีเมอื งและชุมชนน่าอยู่ มีระบบดี มีประสทิ ธิภาพ ระบบเศรษฐกิจ มีเสถียรภาพ มี ความเขม้ แข็งและแข่งขนั ได้ ไดร้ บั การพฒั นาอย่างยงั่ ยืนและสมดุลกบั ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ระบบ การเมอื งการปกครองโปร่งใส เป็นประชาธปิ ไตย ตรวจสอบได้ และมคี วามเป็นธรรมในสงั คมไทย สงั คมแห่งภูมปิ ญั ญาและการเรยี นรู้ ท่เี ปิดโอกาสใหค้ นไทยทุกคนสามารถคิดเป็น ทาเป็น มเี หตุผล มคี วามคิด ริเริ่มสรา้ งสรรค์ สามารถเรียนรูไ้ ดต้ ลอดชีวิต รูเ้ ท่าทนั โลก เพื่อพรอ้ มรบั กบั การเปล่ยี นแปลง สามารถสงั่ สมทุนทาง ปญั ญา รกั ษาและตอ่ ยอดภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม สงั คมสมานฉันทแ์ ละเอ้ืออาทรต่อกนั ท่ดี ารงไวซ้ ่งึ คุณธรรมและคุณค่าของเอกลกั ษณ์สงั คมไทยท่พี ึ่งพาเก้ือกูล กนั รูร้ กั สามคั คี มจี ารีตประเพณีดีงาม มคี วามเอ้ืออาทร รกั ภูมใิ จในชาติและทอ้ งถ่นิ มีสถาบนั ครอบครวั ท่เี ขม้ แข็ง ตลอดจนเครอื ขา่ ยชุมชนทวั่ ประเทศ ในการพฒั นาประเทศจะยดึ หลกั “ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง” เป็นปรชั ญานาทางใหก้ ารพฒั นายึดทางสาย
กลาง อยู่บนพ้นื ฐานของความสมดลุ พอดแี ละความพอประมาณอย่างมเี หตผุ ล นาไปสู่สงั คมท่มี คี ุณภาพทง้ั ทางเศรษฐกิจ สงั คม และการเมือง สามารถพึ่งตนเอง มีภูมิคุม้ กนั และรูเ้ ท่าทนั โลก คนไทยส่วนใหญ่มีการศึกษาและรูจ้ กั เรียนรู้ ตอ่ เนื่องตลอดชวี ติ เป็นคนดี มคี ุณธรรมและซอ่ื สตั ยส์ ุจริต อยู่ในสงั คมแห่งภูมปิ ญั ญาและการเรยี นรู้ สามารถรกั ษาภูมิ ปญั ญาทอ้ งถ่นิ ควบคู่ไปกบั การสืบสานวฒั นธรรมประเพณีท่ดี ีงาม ดารงไวซ้ ึ่งคุณธรรมและคุณค่าทางสงั คมไทยที่มี ความสมานฉนั ทแ์ ละเอ้อื อาทรต่อกนั อนั จะเป็นรากฐานของการพฒั นาประเทศอย่างสมดลุ มคี ุณธรรมและยงั่ ยนื เพ่ือกา้ วสู่วิสยั ทศั น์ร่วมของสงั คมไทย จาเป็นตอ้ งใหค้ วามสาคญั กับการวาง “บทบาทการพฒั นาประเทศ” ใน อนาคตอย่างเหมาะสม สอดคลอ้ งกับศักยภาพและบทบาททางเศรษฐกิจของพ้ืนท่ี โดยคนในชุมชนมีส่วนร่วมท่ีจะ วางรากฐานการพฒั นาเป็นสงั คมและชุมชนท่เี ขม้ แขง็ มีระบบบรหิ ารจดั การทด่ี ใี นทุกระดบั ขณะเดยี วกนั มกี ารใชศ้ กั ยภาพ ดา้ นเอกลกั ษณ์วฒั นธรรมไทยท่ปี ระนีประนอม เปิดกวา้ ง ในการพฒั นาเป็นแกนประสานการเจรจา เสรมิ สรา้ งสนั ติภาพใน ภูมิภาคและใชศ้ ักยภาพดา้ นการผลิตและบริการเพื่อเตรียมพฒั นาประเทศสู่ความเป็นฐานเศรษฐกิจของภูมิภาค โดยเฉพาะดา้ นการเกษตร การแปรรูปการเกษตรและอาหาร การเป็นฐานการท่องเท่ียวท่หี ลากหลาย และเป็นศูนยก์ ลาง การศึกษาและวทิ ยาการทเ่ี ขม้ แข็ง ควบคู่ไปกบั การพฒั นาเป็นประตูเศรษฐกิจเช่ือมโยงกลุ่มประเทศเพื่อนบา้ นและภูมิภาค ดา้ นการขนส่งทางอากาศ ทางบก และทางนา้ รวมทงั้ การส่อื สารโทรคมนาคมของภูมิภาค โดยอาศยั ศกั ยภาพท่ไี ดเ้ ปรียบ ของพ้นื ท่เี ศรษฐกิจและโครงข่ายบริการพ้นื ฐานท่พี ฒั นาข้นึ แลว้ เพอ่ื เสริมสรา้ งสมรรถนะและขดี ความสามารถในการ แข่งขนั ของประเทศใหก้ า้ วตามโลกอยา่ งรูเ้ท่าทนั 3. วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้ าหมายของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 9 เพ่ือใหก้ ารพฒั นาประเทศเป็นไปตามจุดม่งุ หมายของวิสยั ทศั นร์ ่วม ภายใต้ “ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และสงั คมไทยท่พี งึ ประสงคใ์ นอนาคต แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 9 (พ.ศ. 2545-2549) จึงกาหนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมาย หลกั ของการพฒั นาประเทศ ไวด้ งั น้ี 3.1 วตั ถปุ ระสงค์ (1) เพื่อฟ้ื นฟูเศรษฐกิจใหม้ ีเสถียรภาพและมีภูมคิ ุม้ กนั สรา้ งความเขม้ แขง็ ของภาคการเงนิ ความมนั่ คง และเสถียรภาพของฐานะการคลงั ปรบั โครงสรา้ งเศรษฐกิจเพ่ือใหเ้ ศรษฐกิจระดบั ฐานรากมีความเขม้ แข็งและสามารถ พงึ่ ตนเองไดม้ ากข้นึ ตลอดจนเพม่ิ สมรรถนะของระบบเศรษฐกจิ โดยรวมใหส้ ามารถแข่งขนั ไดแ้ ละกา้ วทนั เศรษฐกิจยุคใหม่ (2) เพื่อวางรากฐานการพฒั นาประเทศใหเ้ ขม้ แข็ง ยง่ั ยืน สามารถพึ่งตนเองไดอ้ ย่างรูเ้ ท่าทนั โลก โดยการพฒั นาคุณภาพคน ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูประบบสุขภาพ สรา้ งระบบคุม้ ครองความมนั่ คงทางสงั คม รวมทงั้ การ เสริมสรา้ งความเขม้ แขง็ ของชุมชนและเครือข่ายชุมชน ใหเ้กิดการเช่ือมโยงการพฒั นาชนบทและเมืองอย่างยงั่ ยนื มกี าร ดูแลจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ควบคู่กบั การพฒั นาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีที่เหมาะสมกบั สงั คมไทย (3) เพ่ือใหเ้ กิดการบริหารจดั การที่ดีในสงั คมไทยทุกระดบั เป็นพ้นื ฐานใหก้ ารพฒั นาประเทศเป็นไป
อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ มคี วามโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ เนน้ การปฏริ ูประบบบริหารจดั การภาครฐั การบริหารจดั การท่ี ดขี องภาคธุรกิจเอกชน การมสี ่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการพฒั นา การสรา้ งระบบการเมอื งทร่ี บั ผดิ ชอบต่อสงั คม และลดการทุจรติ ประพฤตมิ ชิ อบ (4) เพื่อแกป้ ัญหาความยากจนและเพ่ิมศกั ยภาพและโอกาสของคนไทยในการพึ่งพาตนเอง ใหไ้ ดร้ บั โอกาสในการศึกษาและบริการทางสงั คมอย่างเป็นธรรมและทวั่ ถึง สรา้ งอาชีพ เพ่ิมรายได้ ยกระดบั คุณภาพชีวิตของ ประชาชน ใหช้ มุ ชนและประชาชนมสี ่วนร่วมในการพฒั นาและปรบั กลไกภาครฐั ใหเ้อ้อื ตอ่ การแกป้ ญั หา 3.2 เป้ าหมาย (1) เป้ าหมายดุลยภาพทางเศรษฐกิจ สรา้ งความเขม้ แข็งของเศรษฐกิจมหภาคใหเ้ ศรษฐกิจโดยรวม ขยายตวั อย่างมคี ุณภาพและเสถียรภาพ โดยมเี ป้าหมายใหเ้ศรษฐกิจขยายตวั โดยเฉลย่ี รอ้ ยละ 4-5 ต่อปี สามารถเพมิ่ การจา้ งงานใหม่ในประเทศไดไ้ มต่ า่ กวา่ 230,000 คนต่อปี มีอตั ราเงนิ เฟ้อเฉล่ยี ไม่เกินรอ้ ยละ 3 ต่อปี รกั ษาการเกินดุล บญั ชีเดินสะพดั ใหค้ งอยู่เฉล่ียประมาณรอ้ ยละ 1-2 ของผลิตภณั ฑม์ วลรวมในประเทศ และรกั ษาทุนสารองเงินตรา ตา่ งประเทศใหม้ เี สถยี รภาพเพอ่ื สรา้ งความเชอ่ื มนั่ ของนกั ลงทุน รวมทง้ั ปรบั โครงสรา้ งทางเศรษฐกิจท่เี พ่ิมสมรรถนะภาคการผลติ ใหแ้ ข่งขนั ได้ โดยใหก้ ารส่งออกขยายตวั ไม่ตา่ กวา่ รอ้ ยละ 6 ต่อปี ใหผ้ ลติ ภาพการผลิตรวมในภาคเกษตรเพิ่มข้ึนเฉล่ยี รอ้ ยละ 0.5 ต่อปี ผลติ ภาพการผลติ รวมในภาคอุตสาหกรรม เพม่ิ ข้นึ เฉลย่ี รอ้ ยละ 2.5 ต่อปี และผลติ ภาพของแรงงานเพิม่ ข้ึนเฉลย่ี รอ้ ยละ 3 ต่อปี เพิม่ รายไดจ้ ากการท่องเที่ยว โดยมรี ายไดจ้ ากนกั ท่องเที่ยวต่างประเทศเพิม่ ข้ึนเฉลย่ี รอ้ ยละ 7-8 ต่อปี และใหค้ นไทยท่องเท่ียวภายในประเทศ เพม่ิ ข้นึ ไมต่ า่ กว่ารอ้ ยละ 3 ต่อปี (2) เป้ าหมายการยกระดับคุณภาพชีวิต ใหป้ ระเทศไทยมีโครงสรา้ งประชากรท่ีสมดุล และขนาด ครอบครวั ท่เี หมาะสม โดยรกั ษาแนวโนม้ ภาวะเจริญพนั ธุข์ องประชากรใหอ้ ยู่ในระดบั ทดแทนอย่างต่อเนื่อง คนไทยมี สุขภาพดี มีคณุ ภาพ รูเ้ ทา่ ทนั การเปล่ยี นแปลงมีคุณธรรม มจี ิตสานึกรบั ผิดชอบต่อส่วนรวม ใหป้ ระชาชนอายุ 15 ปีข้นึ ไป มกี ารศึกษาโดยเฉลย่ี ไมต่ า่ กวา่ 9 ปี ในปี 2549 ยกระดบั การศึกษาของแรงงานไทยใหถ้ งึ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ข้นึ ไปไมต่ า่ กว่ารอ้ ยละ 50 ในปี 2549 ขยายการประกนั สขุ ภาพใหค้ รอบคลมุ ประชาชนอยา่ งทวั่ ถงึ และเป็นธรรม และใหม้ ี ระบบการคุม้ ครองทางสงั คมท่สี รา้ งหลกั ประกนั แก่คนไทยทุกช่วงวยั ตลอดจนเพ่มิ ความเขม้ แข็งใหช้ ุมชนและประชา สงั คมและใชก้ ระบวนการชุมชนเขม้ แขง็ ขบั เคล่อื นใหเ้กิดการมสี ่วนร่วมพฒั นาเมอื งน่าอยู่ ชุมชนน่าอยู่ รวมทง้ั ปรบั ระบบ บริหารจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและประชาชนมสี ่วนร่วม (3) เป้ าหมายการบริหารจดั การที่ดี สรา้ งระบบราชการท่ีมปี ระสิทธิภาพ มีขนาดและโครงสรา้ งท่ี เหมาะสม ทอ้ งถ่นิ มีขีดความสามารถจดั เก็บรายไดส้ ูงข้นึ และมรี ะบบสนบั สนุนการกระจายอานาจใหโ้ ปร่งใส มีระบบ ตรวจสอบดว้ ยการมสี ว่ นร่วมท่เี ขม้ แขง็ เพอื่ ใหก้ ารป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ ประพฤตมิ ชิ อบเกิดประสทิ ธิผลอย่าง แทจ้ รงิ
(4) เป้ าหมายการลดความยากจน ใหม้ กี ารดาเนนิ มาตรการทางเศรษฐกจิ ท่เี อ้อื อาทรต่อคนจน พรอ้ ม ทง้ั เพิ่มโอกาสการพฒั นาคุณภาพชีวิตและสรา้ งศกั ยภาพใหค้ นจนเขม้ แข็ง มีภูมิคุม้ กนั สามารถพึง่ ตนเองได้ เพ่ือลด สดั ส่วนคนยากจนของประเทศใหอ้ ยูใ่ นระดบั ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 12 ของประชากรในปี 2549 4. ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ ภายใตว้ ตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมายหลกั ดงั กล่าว เพ่ือใหก้ ารดาเนนิ งานในระยะแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 9 เป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นควรกาหนดยุทธศาสตร์การพฒั นาท่ีสนบั สนุนและเชื่อมโยงกัน 3 กลุ่มยุทธศาสตร์ ประกอบดว้ ย 7 ยทุ ธศาสตรท์ ่สี าคญั ดงั น้ี กลุ่มที่หนึ่ง การสรา้ งระบบบริหารจดั การที่ดีใหเ้ กิดข้ึนในทุกภาคส่วนของสงั คม มีความสาคญั เป็นลาดบั สูงสุด เนน้ การปฏริ ูปใหเ้ กิดกลไกการบริหารจดั การที่ดี ทงั้ ในภาคการเมอื ง ภาคราชการ ภาคเอกชน และภาค ประชาชน บนพ้ืนฐานการมสี ่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการพฒั นาประเทศท่มี ปี ระสิทธิภาพ มคี วามโปร่งใส ใหม้ ี ความรบั ผดิ ชอบ สามารถตรวจสอบได้ ซ่งึ จะเป็นรากฐานสาคญั และเป็นภูมิคุม้ กนั ท่ดี ีใหส้ งั คมไทยพรอ้ มรบั กระแส การเปลย่ี นแปลงต่างๆ ไดด้ ยี ่งิ ข้นึ อีกทงั้ จะช่วยป้องกนั และขจดั ปญั หาการทุจริตและประพฤติมิชอบ ประกอบดว้ ย (1) ยุทธศาสตรก์ ารบรหิ ารจดั การทดี่ ี เป็นยุทธศาสตรท์ ่สี าคญั ในการผลกั ดนั ใหท้ กุ ยทุ ธศาสตรข์ บั เคลอ่ื นไป ได้ โดยใหค้ วามสาคญั กบั (1.1) การปรบั ระบบบรหิ ารจดั การภาครฐั ใหม้ ีประสทิ ธิภาพและโปร่งใส โดยปรบั โครงสรา้ ง ลดขนาด และปรบั บทบาทใหส้ อดคลอ้ งระบบราชการแนวใหม่ มรี ะบบขอ้ มลู ท่นี ่าเช่ือถอื มเี อกภาพ และเป็นเครือข่ายเช่ือมโยงกนั มีระบบการทางานท่ลี ดความซา้ ซอ้ น ระบบงบประมาณเป็นแบบม่งุ ผลลพั ธท์ ่สี อดคลอ้ งกบั ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาตาม แผนชาติ รวมทงั้ ปรบั ปรุงระบบกฎหมายใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ มของสงั คมทงั้ ภายในและภายนอกประเทศ ส่งเสริมการใชก้ ฎหมายคุม้ ครองสิทธิประชาชน และสนบั สนุนใหส้ ่ือและประชาชนมีบทบาทตรวจสอบกระบวนการ ยุติธรรม (1.2) การกระจายภารกิจและความรบั ผิดชอบใหแ้ ก่องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นอย่างโปร่งใส โดย เตรียมความพรอ้ มและปรบั ปรุงประสทิ ธิภาพการดาเนินงานขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ควบคู่กบั การเปิดโอกาส การมสี ่วนร่วมของประชาชนและภาคประชาสงั คม (1.3) การป้ องกนั และปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ทง้ั ในภาคการเมอื ง ภาครฐั ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยสรา้ งจติ สานึกประชาชนมสี ่วนร่วมรวจสอบและต่อตา้ นการทุจริตประพฤติมชิ อบ รวมทง้ั รกั ษา ผลประโยชนข์ องส่วนรวม (1.4) การพฒั นาและเสริมสรา้ งกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลทกุ ภาคส่วนในสงั คม โดยสนบั สนุนองคก์ ร อสิ ระตามรฐั ธรรมนูญ และสนบั สนุนบทบาทสอ่ื ในการตรวจสอบนกั การเมอื งและขา้ ราชการ เพอื่ ระบบการเมอื งทโ่ี ปร่งใส สรา้ งจติ สานึกของขา้ ราชการนกั ธุรกิจ และประชาชนใหม้ คี วามรบั ผดิ ชอบต่อสาธารณะ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362