(1.5) การเสริมสรา้ งระบบการบริหารจดั การที่ดีของภาคเอกชน ใหม้ ีความโปร่งใส มี ระบบการทางานท่สี ามารถตรวจสอบได้ รกั ษาผลประโยชนข์ องผูถ้ อื หนุ้ ทุกกลุ่มอย่างเท่าเทยี มกนั มีความรบั ผดิ ชอบต่อ สาธารณะ รวมทง้ั สรา้ งความเป็นธรรมแก่ผูผ้ ลติ และผูบ้ รโิ ภค (1.6) การเสริมสรา้ งความเขม้ แข็งของครอบครวั และชุมชน โดยสรา้ งองคค์ วามรูท้ ี่ถูกตอ้ งและมี คุณภาพใหเ้ ป็นภูมิคุม้ กนั อาศยั กระบวนการมสี ่วนร่วม สรา้ งเครือข่ายชุมชน ใหส้ ามารถพึ่งพาตนเอง ดูแลซึ่งกนั แ ล ะ ก นั ต ล อ ด จ น ส ร า้ ง จ ิต ส า น ึก ใ ห ด้ า เ น ิน ชี วิ ต โด ย ยึ ด ท า ง ส า ย ก ล า ง ค ว า ม พ อ เพี ย ง มคี ณุ ธรรม มวี นิ ยั และมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ท่ี เคารพในสทิ ธขิ องตนเองและผูอ้ น่ื เพอ่ื เป็นรากฐานท่ดี ขี องสงั คม กล่มุ ที่สอง การเสริมสรา้ งฐานรากของสงั คมใหเ้ ขม้ แข็ง เป็นกลุ่มยุทธศาสตรท์ ่มี งุ่ เนน้ การพฒั นาคน ครอบครวั ชุมชน และสงั คมใหเ้ป็นแกนหลกั ของสงั คมไทย มกี ารเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของชมุ ชนใหเ้ชื่อมโยงกบั การพฒั นาชนบท และเมอื ง รวมตลอดทงั้ มกี ารจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ใหส้ ามารถสนบั สนุนการพฒั นาเศรษฐกิจและ การยกระดบั คุณภาพชีวติ ใหค้ นไทยอยู่ดมี สี ขุ ไดอ้ ย่างยงั่ ยนื ประกอบดว้ ย (2) ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาคุณภาพคนและการคุม้ ครองทางสงั คม ใหค้ วามสาคญั กบั (2.1) การพฒั นาคนใหม้ ีคณุ ภาพและรูเ้ ท่าทนั การเปลย่ี นแปลง โดยปฏริ ูประบบสุขภาพ ใหค้ วามสาคญั กบั การปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมท่เี นน้ การป้องกนั ปฏิรูปการศึกษาและกระบวนการเรียนรู้ ยกระดบั ทกั ษะฝีมอื ของคนไทย ใหไ้ ดม้ าตรฐานและสอดคลอ้ งกบั โครงสรา้ งการผลติ และเทคโนโลยีทเ่ี ปลย่ี นแปลงไป สามารถคิดเป็น ทาเป็น รูเ้ ท่าทนั การเปลย่ี นแปลง มคี ุณธรรม มรี ะเบยี บวนิ ยั และความรบั ผดิ ชอบ (2.2) การส่งเสริมใหค้ นมีงานทา โดยมุ่งสรา้ งผูป้ ระกอบอาชีพส่วนตวั และผูป้ ระกอบการขนาดเล็ก กระจายโอกาสการมงี านทาในทุกๆพ้ืนท่ที วั่ ประเทศ ขยายการจา้ งงานนอกภาคเกษตร และส่งเสรมิ ใหเ้ กิดการจา้ งงานใน ต่างประเทศ เพอื่ ขยายตลาดแรงงานใหมๆ่ ใหแ้ ก่แรงงานไทย (2.3) การปรบั ปรุงระบบการคุม้ ครองทางสงั คมใหม้ ีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทวั่ ถึงและเป็นธรรม เพ่ือ สรา้ งหลกั ประกนั แก่คนทุกช่วงวยั โดยเพ่มิ ประสทิ ธิภาพระบบหลกั ประกนั สงั คม เตรียมความพรอ้ มของทอ้ งถ่นิ ในการ ร่วมรบั ผิดชอบการบริการทางสงั คม ปรบั ปรุงกฎหมายคุม้ ครองแรงงาน ปรบั ปรุงรูปแบบการคุม้ ครองกลุ่มคนยากจน และผูด้ อ้ ยโอกาส (2.4) การป้ องกนั แกไ้ ขปญั หายาเสพติดและความปลอดภยั ในชีวิตและทรพั ยส์ ิน โดยปรบั ปรงุ ระบบ บริหารจดั การใหม้ ีเอกภาพและประสทิ ธิภาพมากข้นึ เสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของครอบครวั และชุมชน ใหม้ สี ่วนร่วมใน การป้องกนั และแกไ้ ขปญั หา เร่งบาบดั รกั ษาและฟ้ืนฟูสมรรถภาพผูต้ ดิ ยา ปราบปรามและดาเนินการทางกฎหมายอย่าง จรงิ จงั ตลอดจนประสานความร่วมมือกบั ต่างประเทศเพ่อื สกดั กน้ั ขบวนการผลติ และคา้ ยาเสพติด รวมทง้ั ปรบั ระบบ บรหิ ารจดั การดา้ นความปลอดภยั ในชีวติ และทรพั ยส์ นิ ท่ที กุ ฝ่ายมสี ว่ นร่วม
(2.5) การส่งเสริมบทบาทครอบครวั องค์กรทางศาสนา โรงเรียน ชุมชน องคก์ รพัฒนาเอกชน อาสาสมคั ร และส่อื มวลชนมีส่วนร่วมในการพฒั นา โดยส่งเสริมใหส้ ถาบนั ครอบครวั มีความเขม้ แข็งในการดูแลและ พฒั นาสมาชิกในทุกดา้ น สรา้ งและปลุกจติ สานึกในความรกั ชาติและความเป็นไทยอยา่ งจริงจงั สนบั สนุนบทบาทสถาบนั ทางสงั คมต่างๆ ในการทานุและพฒั นามรดกทางวฒั นธรรมและภูมิปญั ญาทอ้ งถ่ิน พฒั นาบุคลากรทางศาสนาอย่างเป็น ระบบและต่อเน่ือง รวมทงั้ สง่ เสรมิ การพฒั นาสอ่ื มวลชนทุกประเภทใหม้ คี ณุ ภาพและเป็นประโยชนต์ อ่ สงั คม (3) ยุทธศาสตรก์ ารปรบั โครงสรา้ งการพฒั นาชนบทและเมอื งอยา่ งยง่ั ยนื ใหค้ วามสาคญั กบั (3.1) การสรา้ งความเขม้ แข็งของชุมชนและการพฒั นาเมืองน่าอยู่ ชุมชนน่าอยู่ เนน้ การพฒั นา กระบวนการชุมชนเขม้ แข็งใหเ้ป็นฐานรากท่มี นั่ คงของสงั คม มกี ารระดมพลงั แกป้ ญั หาและพฒั นาชุมชนท่ที ุกฝ่ายมสี ่วน ร่วม มีการพฒั นาเมอื งน่าอยู่และชุมชนน่าอยู่ โดยสรา้ งสภาวะแวดลอ้ มท่ดี ีเพอื่ พฒั นาคุณภาพชีวติ วถิ ชี ีวติ ของคนใน เมอื งและชุมชน ใหเ้กิดความสงบ สะดวก สะอาด ปลอดภยั และมรี ะเบยี บวนิ ยั รวมทงั้ การสรา้ งองคค์ วามรูท้ ส่ี อดคลอ้ ง กบั ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ และพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากใหเ้ ขม้ แข็ง พ่งึ ตนเองได้ ตลอดจนสรา้ งกระบวนการขบั เคล่อื นการ พฒั นาเมอื งน่าอยู่ ชุมชนน่าอยูอ่ ย่างตอ่ เนอื่ ง (3.2) การแกป้ ญั หาความยากจนในชนบทและเมอื งภายใตก้ ระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคสว่ นใน สงั คม ทม่ี ่งุ เนน้ การปรบั กระบวนทศั นแ์ ละการจดั การการแกไ้ ขปญั หาความยากจนอย่างเป็นองคร์ วม เชื่อมโยงกนั อย่าง เป็นระบบ เนน้ ท่ตี วั คนจนดว้ ยการพฒั นาศกั ยภาพเพิ่มขดี ความสามารถใหค้ นจนก่อร่างสรา้ งตวั พง่ึ ตนเองมากข้นึ และ พฒั นาสภาพแวดลอ้ มท่เี ป็นปญั หาเชิงระบบและโครงสรา้ ง โดยมกี ารปรบั ระบบบริหารจดั การภาครฐั ปฏิรูปกฎหมาย และปรบั ปรุงกฎระเบยี บ เพือ่ สรา้ งโอกาสใหค้ นยากจนสามารถเขา้ ถงึ บริการของรฐั ไดอ้ ย่างทวั่ ถึง และใชป้ ระโยชน์จาก ทรพั ยากรธรรมชาติเป็นปจั จยั การดารงชีวิตไดอ้ ย่างเหมาะสมไม่ขดั ต่อกฎระเบียบ (3.3) การสรา้ งความเช่ือมโยงของการพฒั นาชนบทและเมืองอย่างเก้ือกูล เพ่ือกระจายโอกาสทาง เศรษฐกิจและสงั คมใหเ้ท่าเทยี มกนั โดยสรา้ งความเขม้ แขง็ ทางเศรษฐกิจในระดบั ฐานราก สรา้ งความมนั่ คงทางรายได้ ใหแ้ ก่คนในชนบท พฒั นาการรวมกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจเช่ือมโยงพ้นื ท่ชี นบทและเมือง และส่งเสริมการพฒั นาให้ สอดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพและบทบาททางเศรษฐกจิ ของพ้นื ทใ่ี นระดบั ต่างๆ (3.4) การจดั การพ้ืนที่เชิงบูรณาการท่ียึดพ้ืนที่ภารกิจและการมีส่วนร่วม และเตรียมความพรอ้ มของ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ใหม้ คี นดแี ละระบบดี เพอ่ื รองรบั การกระจายอานาจ โดยปรบั กลไกการจดั การพ้นื ท่แี ละสรา้ ง เครอื ข่าย เพอ่ื ใหท้ ุกภาคส่วนในสงั คมร่วมกนั ทางานไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ มคี วามโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ (4) ยุทธศาสตรก์ ารบริหารจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ใหค้ วามสาคญั กบั (4.1) การเพิม่ ประสิทธิภาพการบริหารจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม เพ่ือเอ้อื ต่อการใช้ ประโยชนแ์ ละการอนุรกั ษฟ์ ้ืนฟู และการพฒั นาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยปรบั กลไกและกระบวนการจดั การเชิง บูรณาการทเ่ี นน้ การมสี ่วนร่วมของทอ้ งถ่นิ ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมของคนไทยใหม้ ีจติ สานกึ ในการอนุรกั ษส์ ภาพแวดลอ้ ม
ของชาติ เพมิ่ ประสิทธิภาพการบงั คบั ใชก้ ฎหมายท่ปี ระชาชนมสี ่วนในการบริหารจดั การ และมกี ารจดั ทาฐานขอ้ มลู ระดบั พ้นื ท่ี เพอื่ การติดตาม ตรวจสอบอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ (4.2) การอนุรกั ษ์และฟ้ื นฟทู รพั ยากรธรรมชาติใหม้ ีความอุดมสมบูรณ์ โดยคุม้ ครองและกาหนดเขต พ้นื ท่ีอนุรกั ษเ์ พื่อรกั ษาสมดุลของระบบนิเวศ และมีการใชป้ ระโยชน์ท่ีสอดคลอ้ งกบั สมรรถนะ จดั ทาแผนหลกั ฟ้ืนฟู ชายฝงั่ และทะเลไทยใหค้ ืนความอุดมสมบูรณ์ อนุรกั ษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพเพื่อรกั ษาสมดุลของระบบนิเวศ ใช้ ทรพั ยากรนา้ อย่างมีประสิทธิภาพ และฟ้ืนฟูทรพั ยากรดินใหส้ ามารถใชป้ ระโยชน์เพื่อเพ่ิมผลผลติ การเกษตร รวมทง้ั ส่งเสรมิ การอนุรกั ษแ์ ละใชพ้ ลงั งานอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพและประหยดั (4.3) การอนุรกั ษ์ฟ้ื นฟูและรกั ษาสภาพแวดลอ้ มชุมชน ศิลปวฒั นธรรมและแหล่งท่องเท่ียว ให้ เก้ือหนุนการพฒั นาคุณภาพชีวติ และเศรษฐกิจชุมชน โดยรกั ษาสภาพแวดลอ้ มแหล่งท่องเท่ยี วทางธรรมชาติ ศิลปกรรม โบราณคดี เพอื่ สง่ เสรมิ การท่องเท่ยี วอย่างยงั่ ยนื และใชผ้ งั เมอื งเป็นกลไกประสานการจดั การส่งิ แวดลอ้ มเมอื ง ใหเ้กิดความ น่าอยู่และยงั่ ยนื (4.4) การบริหารจดั การปญั หามลพิษอย่างมีประสิทธิภาพ เพือ่ พฒั นาใหเ้มืองและชมุ ชนมคี วามน่าอยู่ โดยส่งเสริมการพฒั นาระบบกาจดั ของเสียอนั ตรายท่เี ป็นท่ียอมรบั ของชุมชน บงั คบั ใชก้ ฎหมายอย่างเขม้ งวดและจริงจงั พฒั นาเทคโนโลยีเพื่ออนุรกั ษส์ ่ิงแวดลอ้ มและควบคุมมลพิษ ควบคู่ไปกบั การปรบั ปรุงมาตรฐานจดั การมลพิษใหไ้ ด้ มาตรฐานสากล กลุ่มที่สาม การปรบั โครงสรา้ งทางเศรษฐกิจใหเ้ ขา้ สู่สมดุลและยงั่ ยืน เป็นกลุ่มยุทธศาสตรท์ ่เี นน้ การบริหาร นโยบายเศรษฐกิจมหภาค ทม่ี งุ่ สง่ เสริมใหฐ้ านเศรษฐกิจของประเทศแขง็ แกร่งและขยายตวั ไดอ้ ย่างมีคุณภาพ โดยปรบั ฐานเศรษฐกิจตงั้ แต่ระดบั ฐานรากถึงระดบั มหภาค และมคี วามเชื่อมโยงกบั เศรษฐกิจโลกอย่างรูเ้ ท่าทนั บนพ้นื ฐานการ พึ่งตนเอง และมีภูมิคุม้ กันต่อกระแสการเปล่ียนแปลงจากภายนอก ควบคู่ไปกับการรักษาสมรรถนะและขีด ความสามารถในการแข่งขนั ทงั้ ระดบั มหภาคและระดบั สาขา รวมทง้ั การสรา้ งความพรอ้ มและพฒั นาความเขม้ แข็งทาง วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยที ่เี นน้ การพฒั นานวตั กรรมและการปรบั ใชภ้ มู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ไดอ้ ย่างเหมาะสม ประกอบดว้ ย (5) ยุทธศาสตรก์ ารบรหิ ารเศรษฐกจิ สว่ นรวม ใหค้ วามสาคญั กบั (5.1) การดาเนินนโยบายการเงนิ เพ่ือสรา้ งภูมิคุม้ กนั ต่อวิกฤตเศรษฐกิจและช่วยกระจายความเจริญ และสรา้ งความเป็นธรรม โดยการดูแลสภาพคล่องและรกั ษาเสถยี รภาพดา้ นราคาและอตั ราแลกเปลย่ี นท่เี หมาะสม สรา้ ง ความเขม้ แข็งและระบบระวงั ภยั ของภาคการเงนิ ปรบั ปรุงการกากบั ดูแลสถาบนั การเงนิ ใหม้ ีประสทิ ธิภาพและโปร่งใส และปรบั ปรุงบทบาทของภาคการเงนิ ในการกระจายความเจริญและความเป็นธรรม ตลอดจนเพม่ิ บทบาทของตลาดทุน เพอื่ กระตนุ้ การฟ้ืนตวั ทางเศรษฐกจิ และใหเ้ป็นทางเลอื กของแหลง่ ระดมทุนของประเทศ (5.2) การดาเนินนโยบายการคลงั และสรา้ งความมนั่ คงของฐานะการคลงั และกระจายความเจริญสู่ ภมู ิภาค โดยเพมิ่ การใชจ้ ่ายและใชม้ าตรการภาษสี นบั สนุนการขยายตวั ของเศรษฐกิจ รกั ษาวนิ ยั ทางการคลงั และบริหาร หน้สี าธารณะอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ บริหารรายไดร้ ายจา่ ยและทรพั ยส์ นิ ของรฐั เพอ่ื ความยงั่ ยนื ฐานะการคลงั ในระยะยาว
รวมทงั้ ส่งเสริมระบบการออมของประเทศ ตลอดจนกระจายอานาจการคลงั และถ่ายโอนภารกิจสู่ทอ้ งถ่ินอย่าง เหมาะสม (5.3) การเตรียมความพรอ้ มของเศรษฐกิจและสงั คมภายในประเทศ ใหม้ ีภมู คิ มุ้ กนั จากผลกระทบของ การเปล่ยี นแปลงภายใตก้ ระแสโลกาภิวตั น์ โดยเนน้ การสรา้ งความพรอ้ มในการเจรจาต่อรองทางการคา้ และประสาน กลไกความร่วมมอื เพอื่ การพฒั นาความร่วมมอื ระหว่างประเทศใหเ้ป็นประโยชนต์ ่อคนสว่ นใหญข่ องประเทศ (6) ยุทธศาสตรก์ ารเพ่ิมสมรรถนะและขดี ความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศ ใหค้ วามสาคญั กบั (6.1) การปรบั โครงสรา้ งภาคการผลิตและการคา้ เพ่ือสรา้ งฐานการผลติ ในประเทศใหเ้ขม้ แข็ง พงึ่ พา ตนเอง และสรา้ งภูมิคุม้ กนั ของระบบเศรษฐกิจ โดยพฒั นาคุณภาพคน วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี และการบริหาร จดั การเพอื่ เพิม่ ประสิทธิภาพของกระบวนการผลติ และวธิ ีการผลติ ในการยกระดบั คุณภาพและมาตรฐานของสนิ คา้ ใหต้ รง กบั ความตอ้ งการของตลาดทงั้ ในและต่างประเทศ สรา้ งสมดุลระหว่างการผลติ กับการอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและ สง่ิ แวดลอ้ ม กระจายความเสย่ี งทเ่ี กิดจากการเปิดเสรกี ารคา้ และการลงทุน และเตรยี มความพรอ้ มในการปรบั ตวั ใหเ้ขา้ กบั เศรษฐกจิ ยคุ ใหม่ (6.2) เพิ่มประสทิ ธภิ าพและยกระดบั คณุ ภาพโครงสรา้ งพ้ืนฐาน เพอ่ื เพมิ่ สมรรถนะภาคการผลติ และ บรกิ าร โดยใชป้ ระโยชนจ์ ากโครงสรา้ งพ้นื ฐานทไ่ี ดพ้ ฒั นาข้นึ แลว้ ใหค้ มุ้ ค่า และพฒั นาใหม้ คี ณุ ภาพอยู่ในระดบั มาตรฐาน (6.3) การผลกั ดนั ขบวนการเพมิ่ ผลผลิตของประเทศ โดยการพฒั นากลไกในการเพ่มิ ผลผลติ ทงั้ การ พฒั นาเครอื ขา่ ยประสานความร่วมมอื ภาครฐั เอกชน และประชาชน ควบคู่ไปกบั การพฒั นาโครงสรา้ งพ้นื ฐานในดา้ นต่างๆ (6.4) การพฒั นาเศรษฐกิจชุมชน วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และระบบสหกรณ์ ใหเ้ป็นฐาน รากทเ่ี ขม้ แขง็ ในการสรา้ งรายไดข้ องประเทศ ตลอดจนเนน้ ความเช่ือมโยงเครือข่ายการผลติ และบริการอย่างเป็นระบบ ครบวงจร (6.5) ปรบั ปรงุ ระบบเจรจาและความร่วมมือในเวทรี ะหวา่ งประเทศ เพอ่ื สรา้ งเอกภาพในการเจรจาทาง การคา้ และเสริมสรา้ งอานาจต่อรองของไทยในเวทเี ศรษฐกิจการคา้ การลงทุนระหว่างประเทศ รวมทง้ั ส่งเสริมความ ร่วมมอื ทางเศรษฐกิจกบั ประเทศเพอ่ื นบา้ น เพอ่ื เป็นการวางรากฐานการพฒั นาประเทศในระยะยาว (6.6) สง่ เสริมการคา้ บริการทมี่ ีศกั ยภาพเพ่อื สรา้ งงานและกระจายรายได้ โดยพฒั นาการท่องเท่ยี วเพอื่ เพมิ่ การจา้ งงานและกระจายรายไดส้ ู่ชุมชน เนน้ การมสี ว่ นร่วมของทอ้ งถ่นิ ในการพฒั นาแหล่งท่องเท่ยี วเชงิ คุณภาพ และ พฒั นาธุรกิจบริการท่มี ีศกั ยภาพใหม่ๆ ใหส้ อดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพของทอ้ งถ่นิ ซ่งึ รวมถงึ วิถชี ีวิต สภาพแวดลอ้ มตาม ธรรมชาติ ศิลปวฒั นธรรมและประเพณีพ้นื บา้ น ตลอดจนการส่งเสริมไทยเท่ยี วไทย และการประสานความร่วมมอื กบั ประเทศเพอื่ นบา้ น
(7) ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาความเขม้ แข็งทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ใหค้ วามสาคญั กบั (7.1) การประยุกตใ์ ชแ้ ละการพฒั นาเทคโนโลยี โดยเนน้ การนาไปใชป้ ระโยชน์ในภาคการผลติ และ สนบั สนุนการวิจยั และพฒั นาตามศกั ยภาพของคนไทย โดยสรา้ งความเสมอภาคในการเขา้ ถึงเทคโนโลยี เนน้ การใช้ เทคโนโลยีในการเพ่มิ ประสทิ ธิภาพการผลติ และยกระดบั คณุ ภาพสนิ คา้ กระตุน้ การพฒั นานวตั กรรมทางเทคโนโลยขี อง ตนเอง เพอ่ื ต่อยอดภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ และลดการนาเขา้ เทคโนโลยจี ากต่างประเทศ (7.2) การพฒั นากาลงั คนดา้ นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โดยการปฏริ ูปการศึกษาท่ีเนน้ กระบวนการ เรียนรูต้ ามหลกั วิทยาศาสตร์ การรูเ้ ท่าทนั โลก และการพฒั นาบุคลากรดา้ นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีทงั้ ปริมาณและ คณุ ภาพ เพอ่ื ใหส้ ามารถเลอื ก รบั ประยกุ ตใ์ ช้ และพฒั นาเทคโนโลยไี ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ (7.3) การยกระดบั การพฒั นาและใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร เพอื่ เป็นโครงสรา้ งพ้นื ฐาน สาคญั ในการเผยแพร่องค์ความรูแ้ ละข่าวสาร ช่วยสนบั สนุนการฟ้ืนฟูเศรษฐกิจและการเพ่ิมขีดความสามารถในการ แข่งขนั ของประเทศ (7.4) การบริหารการพฒั นาดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีที่ม่งุ ประสทิ ธิผล ใหน้ าไปประยุกตใ์ ชใ้ น เชิงพาณิชยไ์ ด้ โดยกระตุน้ ใหภ้ าคเอกชนเป็นผูน้ า ในขณะท่ภี าครฐั เป็นผูส้ นบั สนุนและนกั วชิ าการมสี ่วนร่วม 5. ลาดบั ความสาคญั ของการพฒั นา ในการดาเนินการตามยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 9 ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ จาเป็นตอ้ งให้ ความสาคญั กบั การแกไ้ ขปญั หาเร่งด่วนของประเทศ ภายใตท้ รพั ยากรภาครฐั ท่ีมีอยู่จากดั ซ่ึงตอ้ งฟ้ืนฟูเศรษฐกิจให้ แขง็ แกร่ง มนั่ คง และปรบั ฐานเศรษฐกจิ ของประเทศใหส้ ามารถขยายตวั ต่อเน่ืองในอนาคตไดอ้ ยา่ งมคี ุณภาพ โดยมแี นว ทางการพฒั นาทส่ี าคญั ดงั ตอ่ ไปน้ี 5.1 การเร่งฟ้ื นฟูเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศเพื่อกระตุน้ เศรษฐกิจใหฟ้ ้ื นตวั อย่างรวดเร็วและมี เสถียรภาพ โดยดาเนินนโยบายเร่งรดั การคลงั ดา้ นการใชจ้ ่ายของภาครฐั นโยบายภาษี และนโยบายการเงนิ ระยะสน้ั ท่ี เนน้ การดูแลสภาพคล่องใหเ้พยี งพอ และรกั ษาเสถยี รภาพดา้ นราคาและอตั ราแลกเปล่ียนไมใ่ หผ้ นั ผวนเกนิ ไป ชะลอการ ไหลออกนอกประเทศของเงนิ ทนุ และรกั ษาการเกินดลุ บญั ชีเดนิ สะพดั ไมใ่ หล้ ดลงมาก ตลอดทง้ั การแกป้ ญั หาและกระตุน้ การขยายตวั ของภาคการผลติ โดยเฉพาะการส่งออก การท่องเท่ยี ว วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม การก่อสรา้ งและ อสงั หาริมทรพั ย์ และธุรกิจบริการอน่ื ๆ ท่มี ศี กั ยภาพ ควบคู่กบั การฝึกอบรมทกั ษะฝีมอื แรงงานใหส้ ามารถสนบั สนุนการ เปลย่ี นแปลงทางโครงสรา้ งการผลติ และตลาดแรงงาน เพอื่ เพม่ิ การจา้ งงานและขดี ความสามารถในการหารายไดเ้งนิ ตรา ต่างประเทศ
5.2 การสรา้ งความเขม้ แข็งของเศรษฐกิจฐานราก เนน้ พฒั นาธุรกิจชุมชนโดยส่งเสริมการระดมทุนใน ลกั ษณะกองทุนหมุนเวียน เพอ่ื การดาเนินธุรกิจควบคู่ไปกบั การขยายโครงการสนิ เชื่อรายย่อยเพื่อบรรเทาปญั หาสภาพ คล่อง ใหค้ วามสาคญั กบั การสรา้ งผลิตภณั ฑแ์ ละบริการท่มี ีการพฒั นารูปแบบและคุณภาพไดม้ าตรฐาน มีเอกลกั ษณ์ เฉพาะ รวมทงั้ พฒั นาขอ้ มูลข่าวสารใหเ้ ขา้ ถึงชุมชนเพ่ือการแปรรูปผลผลติ ตลอดจนเสริมสรา้ งประสิทธิภาพดา้ น การตลาดและการกระจายผลผลติ ทเ่ี ช่อื มโยงระหวา่ งตลาดทอ้ งถน่ิ สู่ตลาดระดบั ภูมภิ าค ระดบั ประเทศ และต่างประเทศ 5.3 การบรรเทาปญั หาสงั คม โดยตอ้ งเร่งป้องกนั และแกไ้ ขปญั หายาเสพติดในเชิงรุกใหค้ รบวงจร พฒั นา ระบบประกนั สุขภาพใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ ประชาชนสามารถเขา้ ถงึ บริการไดอ้ ย่างทวั่ ถึงและเป็นธรรม พฒั นาทกั ษะฝีมือ แรงงานควบคู่กบั การสรา้ งงานรองรบั ขณะเดียวกนั ตอ้ งมกี ารขยายขอบเขตการคมุ้ ครองแรงงานใหค้ รอบคลุมทง้ั ในและ นอกระบบ ใหค้ วามสาคญั กบั การป้องกนั และปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ทงั้ ในภาครฐั ภาคการเมอื ง และ ภาคเอกชนอยา่ งจรงิ จงั รวมทง้ั ปลุกจิตสานกึ ใหเ้กดิ ความนยิ มไทยและรกั ชาตอิ ยา่ งกวา้ งขวางและต่อเนื่อง 5.4 การแกป้ ญั หาความยากจน ท่มี ่งุ จดั การแกไ้ ขปญั หาอย่างเป็นองคร์ วม เชื่อมโยงกนั อย่างเป็นระบบ เนน้ ท่ี ตวั คนจนและสภาพแวดลอ้ มท่เี ป็นปญั หาเชงิ ระบบและโครงสรา้ ง โดย (1) เสรมิ สรา้ งโอกาสใหค้ นยากจนสามารถเขา้ ถึงบริการของรฐั ไดอ้ ย่างท่วั ถึง โดยการกระจายบริการ ศึกษา สาธารณสุขท่ีมีทางเลือกเหมาะกบั วถิ ีชีวิตของคนยากจน และเพมิ่ โอกาสการเขา้ ถึงแหล่งความรู้ แหล่งขอ้ มูล ข่าวสาร (2) สรา้ งโอกาสใหค้ นยากจนสามารถเขา้ ถึงและใชป้ ระโยชนจ์ ากทรพั ยากรธรรมชาติ ซ่งึ เป็นปจั จยั สาคญั ต่อการดารงชีวิตและประกอบอาชพี ของคนยากจน ใหค้ นยากจนมสี ่วนร่วมในการดูแลรกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติ ไดอ้ ยา่ งเป็นธรรมและยงั่ ยนื (3) พฒั นาโครงข่ายการคุม้ ครองทางสงั คมเพ่ือสรา้ งหลกั ประกนั ความมน่ั คงในชีวิตแก่คนยากจน โดยการปรบั ปรุงรูปแบบและแนวการดาเนินงานใหเ้ ขา้ ถึงกลุ่มคนยากจนและผูด้ อ้ ยโอกาสไดอ้ ย่างแทจ้ ริง รวมทง้ั จดั สวสั ดกิ ารสงั คมท่สี อดคลอ้ งกบั ปญั หาและตรงกบั ความตอ้ งการของคนยากจนและผูด้ อ้ ยโอกาสในแต่ละพ้นื ท่ี (4) พฒั นาเศรษฐกิจฐานรากใหเ้ ขม้ แข็งเพ่ือสรา้ งศกั ยภาพและเพ่ิมขีดความสามารถใหค้ นยากจน สามารถก่อร่างสรา้ งตวั และพ่ึงตนเองไดม้ ากข้ึน โดยส่งเสริมการรวมกลุ่มเป็นองค์กรชุมชนเครือข่ายองคก์ รชุมชนท่ี เขม้ แข็ง ผ่านกระบวนการเรียนรู้ ใหเ้ กิดการร่วมคิดร่วมทา ร่วมแกไ้ ขปญั หาของตน ควบคู่ไปกบั การสรา้ งความมนั่ คง ดา้ นอาชีพและเพิ่มรายได้ ดว้ ยการพฒั นาเศรษฐกิจชุมชนอย่างครบวงจร สนบั สนุนการรวมกลุ่มอาชีพ ใชภ้ ูมิปญั ญา ทอ้ งถน่ิ และเทคโนโลยที เ่ี หมาะสม สรา้ งผลติ ภณั ฑท์ ม่ี คี ณุ ภาพเชือ่ มโยงสู่ตลาดภายในและต่างประเทศได้ (5) ปรบั ระบบการบริหารจดั การภาครฐั ใหเ้ อ้อื ตอ่ การสรา้ งโอกาสใหค้ นยากจน โดยสนบั สนุนใหม้ กี าร จดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารแกไ้ ขความยากจนท่มี คี วามชดั เจนของกล่มุ เป้าหมายคนยากจนในแต่ละพ้นื ท่ี มมี าตรการเฉพาะตาม
ศกั ยภาพของกลมุ่ คนยากจนในชนบทและในเมอื ง รวมทงั้ ใหม้ กี ารประสานแผนงานและปรบั ระบบการจดั สรรงบประมาณ ลงสู่กลุ่มเป้าหมายคนยากจนอย่างสอดคลอ้ งกบั สภาพปญั หาในแต่ละพ้ืนท่ี ตลอดจนมีการพฒั นาเครื่องช้ีวดั ความ ยากจนใหถ้ ูกตอ้ งและปรบั ไดท้ นั กบั สถานการณท์ เ่ี ปลย่ี นแปลง (6) เร่งปฏริ ูปกฎหมายและปรบั กฎระเบยี บ ใหค้ นจนไดร้ บั โอกาส สทิ ธิ และความเสมอภาคในดา้ น ต่างๆ อาทิ สทิ ธิการเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ข่าวสาร สทิ ธิการดูแลจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ สทิ ธกิ ารประกอบการจากภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ และสทิ ธิการถอื ครองท่ดี นิ สาหรบั กล่มุ คนยากจนในภาคเกษตรท่ไี รท้ ท่ี ากนิ 6. การบรหิ ารการเปลีย่ นแปลงเพอ่ื การแปลงแผนไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ การแปลงแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 9 ไปสู่การปฏิบตั ิ จาเป็นตอ้ งผนึกพลงั ร่วมจากทุกฝ่ ายในสงั คมในการ ปรบั เปลย่ี นกระบวนทรรศนก์ ารพฒั นาใหม่ ทง้ั ดา้ นวธิ ีคิดและวธิ ีการทางาน สามารถสรา้ งเครือข่ายและประสานความ ร่วมมือในการแปลงยุทธศาสตร์ และแนวทางการพฒั นาตามแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 9 ไปสู่การปฏิบตั ิไดอ้ ย่างมี ประสทิ ธิภาพ โดย 6.1 เร่มิ จากกระบวนการสรา้ งความเขา้ ใจในแผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 9 ไปพรอ้ มกบั การสรา้ งองคค์ วามรู้ สรา้ ง สภาวะผูน้ าในการบริหารการเปลย่ี นแปลง และขยายเป็นเครือข่ายความร่วมมอื กบั ทุกภาคีการพฒั นาอยา่ งกวา้ งขวาง จดั ใหม้ เี วทเี รยี นรู้ มกี ารรณรงคเ์ ผยแพร่ประชาสมั พนั ธอ์ ย่างเป็นระบบในหลากหลายรูปแบบ 6.2 ตอ้ งมีการบริหารยุทธศาสตรต์ ามแผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 9 พรอ้ มกบั จดั ทาแผนการจดั สรรทรพั ยากร ภาครฐั เพือ่ ช้นี าทศิ ทางการลงทนุ ควบคู่ไปกบั การจดั ทาแผนปฏิบตั ิการในระดบั ตา่ งๆ ท่เี ชือ่ มโยงกนั และสอดคลอ้ งกบั แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 9 (1) จดั ทาแผนแม่บท หรือแผนหลกั ซึ่งมีลกั ษณะเป็นแผนเฉพาะเรื่องอย่างเป็นองคร์ วม ท่ีตอ้ ง อาศยั การประสานความร่วมมือระหว่างหลายหน่วยงานและกลุ่มผูม้ สี ่วนไดส้ ่วนเสยี มาร่วมดาเนินการอย่างมบี ูรณาการ โดยมรี ะยะเวลาประมาณ 5 ปี (2) จดั ทาแผนปฏิบตั ิการ ตง้ั แต่ระดบั ชุมชน ระดบั ทอ้ งถ่นิ ตลอดจนแผนปฏบิ ตั ิการระดบั กระทรวง ทบวง กรม ท่มี ีการประสานงานในแนวราบระหว่างหน่วยงานและกลุ่มผูม้ สี ่วนไดส้ ่วนเสีย ภายใตห้ ลกั การท่ียดึ พ้นื ท่ี ภารกจิ และการมีสว่ นร่วม โดยมรี ะยะเวลาไม่เกิน 3 ปี มรี ายละเอยี ดกรอบการลงทุน แผนงาน โครงการต่างๆ มีการ จดั ลาดบั ความสาคญั และมแี นวทางในการตดิ ตามประเมนิ ผล 6.3 เร่งปรบั ปรุงกลไกและบทบาทของหน่วยงานกลาง ใหส้ นบั สนุนการดาเนินงานของหน่วยปฏิบตั ิ และท่ี สาคญั ท่ีสุดตอ้ งมีการปรบั ระบบการจดั สรรงบประมาณท่ีเนน้ ผลสมั ฤทธ์ิ กระจายสู่ทอ้ งถ่นิ ชุมชนอย่างสอดคลอ้ งกบั แผนปฏบิ ตั กิ าร
6.4 ภาครฐั ตอ้ งสรา้ งการมีส่วนร่วมของผูท้ ่ีเก่ียวขอ้ งในโครงการพฒั นาตง้ั แต่เริม่ ตน้ โครงการ โดยเฉพาะ ประชาชนในพ้นื ท่ี เพือ่ ลดความขดั แยง้ ในสงั คม ขณะเดยี วกนั ตอ้ งพฒั นาระบบและกลไกติดตามประเมนิ ผล สรา้ งดชั นี ช้วี ดั ระดบั ต่างๆ ตลอดจนพฒั นาระบบฐานขอ้ มูล และโครงขา่ ยขอ้ มูลข่าวสารในทกุ ระดบั
สรุปสาระสาคญั ของแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 10 (พ.ศ. 2550 - 2554) 1. ความนา แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 (พ.ศ. 2540-2544) เป็นจุดเปลย่ี นสาคญั ของการวางแผนพฒั นาประเทศและเป็นแผน ปฏริ ูปความคิด และคุณค่าใหมข่ องสงั คมไทยทใ่ี หค้ วามสาคญั กบั การมสี ่วนร่วมของทุก ภาคสว่ นในสงั คม และม่งุ ให้ “คนเป็นศนู ยก์ ลางการพฒั นา” และใชเ้ ศรษฐกิจเป็นเครื่องมอื ช่วยพฒั นาให้ คนมคี วามสขุ และมคี ุณภาพชวี ติ ท่ดี ขี ้นึ พรอ้ มทง้ั ปรบั เปลย่ี นวธิ ีการพฒั นาแบบแยกส่วนมาเป็นบรู ณาการแบบองคร์ วม เพอ่ื ใหเ้กดิ ความสมดลุ ระหว่างการพฒั นาเศรษฐกจิ สงั คม และสง่ิ แวดลอ้ ม อย่างไรก็ตามใน ปีแรกของแผนฯ ประเทศไทยตอ้ งประสบวกิ ฤตเศรษฐกจิ อย่างรนุ แรง และส่งผลกระทบต่อคนและสงั คม เป็นอย่างมาก จงึ ตอ้ งเร่งฟ้ืนฟเู ศรษฐกจิ ใหม้ เี สถยี รภาพมนั่ คง และลดผลกระทบจากวกิ ฤตทก่ี ่อใหเ้กิดปญั หาการว่างงาน และความยากจนเพม่ิ ข้นึ อย่างรวดเรว็ แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 9 (พ.ศ. 2545-2549) ไดอ้ ญั เชญิ “ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง” มาเป็นปรชั ญานาทาง ในการพฒั นาและบริหารประเทศ ควบคู่ไปกบั กระบวนทรรศนก์ ารพฒั นาแบบบูรณาการ เป็นองคร์ วมทม่ี ี “คนเป็น ศูนยก์ ลางการพฒั นา” ต่อเน่ืองจากแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 โดยใหค้ วามสาคญั กบั การแก่ปญั หาจากวกิ ฤตเศรษฐกิจใหล้ ุลว่ ง และสรา้ งฐานเศรษฐกจิ ภายในประเทศใหเ้ขม็ แขง็ และมี ภูมคิ ุม้ กนั ต่อกระแสการเปลย่ี นแปลงจากภายนอก ขณะเดยี วกนั ม่งุ การพฒั นาทส่ี มดุลทงั้ ดา้ นตวั คน สงั คม เศรษฐกิจ และส่งิ แวดลอ้ มเพอื่ นาไปสู่การพฒั นาทย่ี งั่ ยนื และความอยู่ดมี สี ุขของคนไทย ผลการพฒั นาประเทศในระยะแผนพฒั นา ฯ ฉบบั ท่ี 9 สรุปไดว้ า่ ประสบความสาเรจ็ ทน่ี ่าพอใจ เศรษฐกิจของประเทศขยายตวั ไดอ้ ย่างต่อเนอื่ งในอตั ราเฉลย่ี รอ้ ยละ 5.7 ต่อปี เสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ ปรบั ตวั สูค่ วามมนั่ คง ความยากจนลดลง ขณะเดยี วกนั ระดบั คุณภาพชีวติ ของประชาชนดขี ้นึ มาก อนั เนอื่ งมาจากการดาเนนิ การเสรมิ สรา้ ง สุขภาพอนามยั การมหี ลกั ประกนั สขุ ภาพท่มี กี ารปรบั ปรงุ ทงั้ ดา้ นปรมิ าณและคณุ ภาพ โดยครอบคลมุ คนส่วนใหญ่ของ ประเทศ และการลดลงของปญั หายาเสพติด แต่เศรษฐกิจไทยยงั ไม่เขม็ แขง็ และออ่ นไหวต่อความผนั ผวนของปจั จยั ภายนอก ขณะท่ยี งั มปี ญั หาดา้ นคุณภาพการศกึ ษา ความยากจน และความ เหลอ่ื มลา้ ทางรายได้ ความปลอดภยั ในชีวติ และทรพั ยส์ นิ และความโปร่งใสในการบริหารจดั การของภาครฐั ทย่ี งั ตอ้ งให้ ความสาคญั ในการแกไ้ ขอย่างต่อเน่อื ง ในระยะของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10 (พ.ศ.2550-2554) ประเทศไทยยงั คงตอ้ งเผชิญกบั การเปลย่ี นแปลงท่ี สาคญั ในหลายบรบิ ท ทงั้ ท่เี ป็นโอกาสและขอ้ จากดั ตอ่ การพฒั นาประเทศ จงึ ตอ้ งมกี ารเตรยี มความพรอ้ มของคนและ ระบบใหส้ ามารถปรบั ตวั พรอ้ มรบั การเปลย่ี นแปลงในอนาคตและแสวงหาประโยชนอ์ ย่างรูเ้ ทา่ ทนั โลกาภวิ ตั นแ์ ละสรา้ ง ภูมคิ ุม้ กนั ใหก้ บั ทุกภาคส่วนตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
2. การเปล่ยี นแปลงของบรบิ ทการพฒั นา สถานะและทศิ ทางการปรบั ตวั ของประเทศไทย 2.1 การเปลยี่ นแปลงของบรบิ ทการพฒั นาในกระแสโลกาภวิ ตั น์ประเทศไทยยงั ตอ้ งเผชญิ กบั บริบท การเปลย่ี นแปลงของโลกในหลายดา้ นทส่ี าคญั ซง่ึ มผี ลกระทบทง้ั ท่เี ป็นโอกาสและขอ้ จากดั ต่อการพฒั นาประเทศเป็น อย่างมาก ซ่งึ แนวโนม้ ของบริบทการเปลย่ี นแปลงทส่ี าคญั มี 5 บรบิ ท ดงั น้ี (1) การรวมตวั ของกล่มุ เศรษฐกจิ และการเปลีย่ นแปลงในตลาดการเงนิ ของโลก ทาใหก้ ารเคลอ่ื นยา้ ย เงนิ ทุน สนิ คา้ และบรกิ าร รวมทง้ั คนในระหว่างประเทศมคี วามคลอ้ งตวั มากข้นึ ประกอบกบั การก่อตวั ของศตวรรษแห่ง เอเชยี ทม่ี จี นี และอนิ เดยี เป็นตวั จกั รสาคญั ในการขบั เคลอ่ื นเศรษฐกิจโลก ส่งผล ใหป้ ระเทศไทยตอ้ งดาเนินนโยบาย การคา้ ในเชิงรุก ทงั้ การหาตลาดเพม่ิ และการผลกั ดนั ใหผ้ ูผ้ ลติ ในประเทศปรบั ตวั ใหส้ ามารถแข่งขนั ไดบ้ นฐานความรู้ ฐานทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละความเป็นไทย นอกจากนนั้ ปญั หาความไม่สมดลุ ทางเศรษฐกจิ ของโลกท่สี ะสมมานาน และ การขยายตวั ของกองทุนประกนั ความเสย่ี งจะสรา้ งความผนั ผวนต่อระบบการเงนิ ของโลก จึงมคี วามจาเป็นตอ้ งยกระดบั การกากบั ดูแลการเคลอ่ื นยา้ ยเงนิ ทุนระหว่างประเทศ และการเตรยี มความพรอ้ มต่อการผนั ผวนของคา้ เงนิ และอตั รา ดอกเบ้ียในตลาดโลก (2) การเปลย่ี นแปลงทางเทคโนโลยีอย่างกา้ วกระโดด ความกา้ วหนา้ อย่างรวดเรว็ ของเทคโนโลยี สารสนเทศ เทคโนโลยชี ีวภาพ เทคโนโลยวี สั ดุ และนาโนเทคโนโลยี สรา้ งความเปลย่ี นแปลงทง้ั ดา้ นเศรษฐกจิ และสงั คม ทง้ั ในดา้ นโอกาสและภยั คุกคาม จงึ จาเป็นตอ้ งเตรียมพรอ้ มใหท้ นั ต่อการเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยดี งั กล่าวในอนาคต โดยจะตอ้ งมกี ารบริหารจดั การองคค์ วามรูอ้ ย่างเป็นระบบ ทง้ั การพฒั นาหรอื สรา้ งองคค์ วามรู้ รวมถงึ การประยกุ ตใ์ ช้ เทคโนโลยีที่เหมาะสมมาผสมผสานร่วมกบั จดุ แขง็ ในสงั คมไทย อาทิ สรา้ งความเชื่อมโยงเทคโนโลยกี บั วฒั นธรรมและ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ เพอื่ สรา้ งคุณค่าเพม่ิ ใหก้ บั สนิ ค่าและบรกิ าร มกี ารบริหารจดั การลขิ สทิ ธ์แิ ละสทิ ธบิ ตั ร และการ คมุ้ ครองทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ รวมทงั้ แบ่งปนั ผลประโยชนท์ ่เี ป็นธรรมกบั ชมุ ชน (3) การเปลย่ี นแปลงดา้ นสงั คม ปจั จบุ นั ประเทศท่พี ฒั นาแลว้ หลายประเทศกาลงั เขา้ สู่สงั คมผูส้ ูงอายุ ซง่ึ เป็นทง้ั โอกาสและภยั คุกคามต่อประเทศไทย โดยดา้ นหนงึ่ ประเทศไทยจะมโี อกาสมากข้นึ ในการขยายตลาดสนิ คา้ เพอื่ สุขภาพ และการใหบ้ รกิ ารดา้ นอาหารสขุ ภาพ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ และแพทยพ์ ้นื บา้ น สถานท่ที ่องเท่ยี วและการพกั ผ่อนระยะยาวของผูส้ ูงอายุ จงึ นบั เป็นโอกาสในการพฒั นาภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ของไทยและ นามาสรา้ งมลู ค่าเพ่มิ ซ่ึงจะเป็นสนิ ทรพั ยท์ างปญั ญาท่สี รา้ งมลู คา้ ทางเศรษฐกจิ ได้ แต่ในอกี ดา้ นก็จะเป็นภยั คุกคามใน เรื่องการเคลอ่ื นยา้ ยแรงงานท่มี ฝี ีมอื และทกั ษะไปสู่ประเทศทม่ี ผี ลตอบแทนสูงกว่า ขณะเดยี วกนั การแพร่ขยายของ ขอ้ มูลข่าวสารท่ไี รพ้ รมแดนทาใหก้ ารดูแลและป้องกนั เด็กและวยั รุ่นจากค่านยิ มทไ่ี ม่พงึ ประสงคป์ ็นไปอย่างลาบากมากข้นึ ตลอดจนปญั หาการก่อการรา้ ย การระบาดของโรคพนั ธุกรรมใหม่ๆ และการคา้ ยาเสพตดิ ในหลากหลายรูปแบบ (4) การเคลอ่ื นยา้ ยของคนอย่างเสรี ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยกี ารขนส่งและกระแส โลกาภวิ ตั น์
สง่ ผลใหม้ กี ารเดนิ ทางทงั้ เพอื่ การท่องเท่ยี วและการทาธุรกิจในทต่ี ่างๆ ทวั่ โลกมากข้นึ รวมทงั้ สงั คมและเศรษฐกิจ ฐานความรู้ ทาใหป้ ระเทศต่างๆ ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของบคุ ลากรท่มี ี องคค์ วามรู้ สูงต่อขดี ความสามารถในการ แขง็ ขนั ของประเทศ ในขณะท่กี ฎระเบยี บทเ่ี กยี่ วกบั การรวมตวั ของกลุ่มเศรษฐกิจม่งุ สูก้ ารส่งเสริมใหม้ กี ารเคลอ่ื นยา้ ย แรงงานและผูป้ ระกอบการเพอ่ื ไปทางานในต่างประเทศไดส้ ะดวกข้นึ ดงั นนั้ ประเทศไทยจึงตอ้ งคานงึ ถงึ มาตรการทงั้ ดา้ นการส่งเสรมิ คนไปทางานต่างประเทศ การดงึ ดูดคนต่างชาตเิ ขา้ มาทางานในประเทศ และมาตรการรองรบั ผลกระทบท่อี าจเกดิ ข้นึ โดยเฉพาะปญั หาทจ่ี ะมผี ลกระทบต่อความมนั่ คงของคนในเชิงสขุ ภาพ และความปลอดภยั ใน ชีวติ ทรพั ยส์ นิ (5) การเปลย่ี นแปลงดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม จานวนประชากรในโลกท่มี ากข้นึ ได้ สรา้ งแรงกดดนั ต่อทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มของโลกใหเ้สอ่ื มโทรมลง ส่งผลกระทบ ต่อความแปรปรวนของ สภาพภมู อิ ากาศ และการเกิดภยั ธรรมชาตบิ ่อยครงั้ ข้นึ รวมทง้ั การเกิดการระบาด และแพร่เช้อื โรคทม่ี รี หสั พนั ธุกรรม ใหมๆ่ เป็นเหตุใหเ้กดิ เป็นขอ้ ตกลงระหว่างประเทศและสนธิสญั ญา เพอื่ ใหม้ กี ารดูแลทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ สง่ิ แวดลอ้ มโลกในประเดน็ ต่างๆ ร่วมกนั อาทิ อนุสญั ญาว่าดว้ ยความหลากหลายทางชวี ภาพ อนุสญั ญาว่าดว้ ยการคา้ ระหว่างประเทศซ่งึ ชนิดพนั ธุส์ ตั วป์ ่าและพชื ป่าทใ่ี กล ้ จะสูญพนั ธุ์ เป็นตน้ นอกจากนน้ั การกดี กนั ทางการค่าท่เี ชอ่ื มโยง กบั ประเดน็ ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและ สง่ิ แวดลอ้ มกม็ มี ากข้นึ ประเทศไทยจงึ ตอ้ งยกระดบั มาตรฐานการจดั การ สง่ิ แวดลอ้ มใหด้ ีข้นึ กวา่ เดมิ โดยปกป้ องฐานทรพั ยากรเพื่อรกั ษาความสมดุลยงั่ ยนื ของระบบนิเวศ ดว้ ยการ พฒั นาระบบบรหิ ารจดั การทรพั ยากรธรรมชาตใิ หม้ ปี ระสทิ ธภิ าพสูงสุด ภายใตก้ ระบวนการมสี ่วนร่วม และปรบั รูปแบบการผลติ สนิ คา้ และบริการทเ่ี ป็นมติ รกบั ส่งิ แวดลอ้ มมากข้นึ ขณะเดยี วกนั ตอ้ งเพิ่มประสทิ ธภิ าพการใช้ พลงั งาน และพฒั นาพลงั งานทางเลอื ก เพอ่ื รองรบั ความตอ้ งการใชพ้ ลงั งานในประเทศ 2.2 สถานะของประเทศ ภายใตบ้ ริบทการเปลย่ี นแปลงท่ปี ระเทศไทยตอ้ งเผชิญในอนาคต การทบทวน สถานะของประเทศในดา้ นสงั คม เศรษฐกิจ ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม และการบรหิ ารจดั การประเทศ แสดงวา่ ประเทศไทยมโี อกาสการปรบั ตวั และไดร้ บั ประโยชนจ์ ากกระแสโลกาภวิ ตั น์ แต่ยงั ตอ้ งพฒั นาโครงสรา้ ง ทางสงั คม เศรษฐกิจ และการเมอื งในหลายประการ เพอื่ ใหค้ นไทยอยู่ดมี สี ขุ สรปุ สถานะของประเทศทส่ี าคญั ได้ ดงั น้ี (1) สถานะดา้ นสงั คมของประเทศ ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศทม่ี กี ารพฒั นาคนระดบั กลางและมแี นวโนม้ การพฒั นาคนเพม่ิ ข้นึ อย่างต่อเนอ่ื ง โดยค่าดชั นกี ารพฒั นาคนของประเทศไทยในปี 2548 เทา่ กบั 0.778 อยใู่ นลาดบั 73 จาก 177 ประเทศ ซ่งึ สูงกว่าจีนและเวยี ดนามแต่ตา่ กวา่ ญ่ีปุ่น เกาหลแี ละสงิ คโปร์ สาหรบั การพฒั นาคุณภาพคนดา้ น การศกึ ษาขยายตวั เชงิ ปรมิ าณอย่างรวดเร็ว โดยจานวนปีการศึกษาเฉลย่ี ของคนไทยเพมิ่ ข้นึ อย่างต่อเน่ืองเป็น 8.5 ปี ในปี 2548 และมคี นไทยทค่ี ิดเป็นทาเป็นรอ้ ยละ 60 ของประชากร ส่วนการขยายโอกาสการเรยี นรูต้ ลอดชวี ติ มมี ากข้นึ แต่ความสามารถในการเรยี นรูโ้ ดยเชอ่ื มโยงนาความรูไ้ ปปรบั ใชข้ องคนไทยยงั อยู่ในระดบั ตา่ คุณภาพการศึกษายงั ไม่ เพยี งพอในการปรบั ตวั เท่าทนั การเปลย่ี นแปลงและเขา้ สู่สงั คมเศรษฐกจิ ฐานความรู้ จงึ เป็นประเด็นทต่ี อ้ งเร่งให้
ความสาคญั ระยะต่อไป แมก้ ารศึกษาของแรงงานไทยทจ่ี บการศึกษาสูงกว่าระดบั ประถมศึกษาเพม่ิ ข้นึ เป็นรอ้ ยละ 39.8 ในปี 2548 แต่ประสทิ ธิภาพการผลติ ของแรงงานไทยยงั ตา่ เมอ่ื เทยี บกบั ประเทศมาเลเซยี เกาหลี สงิ คโปร์ ไตห้ วนั และ ญป่ี ุ่น ตลอดทงั้ กาลงั คนระดบั กลางและระดบั สูงยงั ขาดแคลนทง้ั ปริมาณและคณุ ภาพ และยงั มกี ารลงทนุ ดา้ นวจิ ยั และ พฒั นาเพยี งรอ้ ยละ 0.26 ต่อผลติ ภณั ฑม์ วลรวมในประเทศ ตา่ กว่าค่าเฉลย่ี ถงึ 7 เท่า ตลอดจนการนาองคค์ วามรูไ้ ปใช้ ประโยชนใ์ นเชงิ พาณิชยย์ งั อยู่ในระดบั ตา่ จงึ เป็นจุดออ่ นของไทยในการสรา้ งองคค์ วามรู้ นวตั กรรม รวมทง้ั การวจิ ยั เพอ่ื พฒั นาประเทศ และเป็นจุดฉุดรง้ั การเพมิ่ ขดี ความสามารถในการแข่งขนั ต่างประเทศ ขณะเดยี วกนั คนไทยกาลงั ประสบปญั หาวกิ ฤตค่านิยมทเ่ี ป็นผลกระทบจากการเลอ่ื นไหลทางวฒั นธรรมต่างชาติ เขา้ สู่ประเทศทงั้ ทางส่อื สารมวลชนและเทคโนโลยสี ารสนเทศ โดยขาดการคดั กรองและเลอื กรบั วฒั นธรรมทด่ี งี าม ทาให้ คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมของคนไทยลดลง โดยเฉพาะเดก็ และเยาวชน เน่ืองจากวถิ ชี ีวติ ทเ่ี ปลย่ี นไป ทาใหส้ ถาบนั ครอบครวั สถาบนั การศกึ ษาและสถาบนั ศาสนามบี ทบาทในการอบรมเล้ยี งดู ใหค้ วามรู้ ปลูกฝงั ศีลธรรมใหม้ คี ณุ ภาพ และจริยธรรมลดนอ้ ยลง นาไปสู่ค่านยิ มและพฤติกรรมท่เี นน้ วตั ถนุ ิยมและบริโภคนิยมเพมิ่ มากข้นึ ในดา้ นสุขภาวะคน ไทยไดร้ บั หลกั ประกนั สขุ ภาพอย่างทวั่ ถงึ รอ้ ยละ 96.3 ในปี 2548 การเจบ็ ป่วยโดยรวมลดลงเหลอื 1,798.1 ต่อ ประชากรพนั คนในปี 2547 อย่างไรก็ตาม คนไทยยงั เผชญิ กบั การเจ็บป่วยดว้ ยโรคทป่ี ้องกนั ไดท้ ่มี แี นวโนม้ เพม่ิ ข้นึ ตอ่ เนอื่ ง รวมทงั้ โรคอุบตั ใิ หม่หรือโรคระบาดซา้ ทเ่ี ป็นผลกระทบจากกระแสโลกาภวิ ตั น์ ส่วนหลกั ประกนั ทางสงั คมยงั ไม่ ครอบคลุมแรงงานนอกระบบและกลุ่มผูด้ อ้ ยโอกาสอยา่ งทวั่ ถงึ และคนไทยตอ้ งเผชิญกบั ความเส่ยี งในดา้ นความ ปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ สูงข้นึ สาหรบั สถานะดา้ นชมุ ชน พบว่า สงั คมไทยไดป้ รบั ตวั เขา้ สู่ยุคของการเปลย่ี นแปลงจากชนบทสู่เมอื งอย่าง ตอ่ เน่อื ง ขณะท่กี ารพฒั นาชนบทกบั เมอื งมลี กั ษณะแยกส่วนส่งผลใหเ้กิดความไม่สมดลุ ของการพฒั นาของชมุ ชนชนบท อย่างไรกด็ ี กระบวนการมสี ่วนร่วมของชุมชนในการพฒั นาและการจดั การความรู มมี ากข้นึ ส่งผลใหช้ มุ ชนมกี ารรวมตวั รวมกลุ่มและมกี ารเรยี นรูร้ ่วมกนั ทาใหส้ ามารถจดั การกบั ปญั หาท่มี ากระทบกบั ชมุ ชนไดใ้ นระดบั หน่ึง พรอ้ มกบั มกี าร เตรยี มความพรอ้ มของทอ้ งถน่ิ ใหส้ ามารถปฏบิ ตั ิงานอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพมากข้นึ และมกี ลไกการบรหิ ารงานใหพ้ รอ้ มรบั ภารกิจกระจายอานาจ โดยภาครฐั ไดส้ ง่ เสรมิ กระบวนการเรยี นรูเ้ พอ่ื การจดั ทาแผนชุมชนแลว้ 3,657 ตาบล การส่งเสริม กระบวนการประชาคมในการจดั ทาแผนของส่วนทอ้ งถน่ิ และอาเภอ รวมทงั้ การพฒั นาศกั ยภาพของผูน้ าชมุ ชน การสรา้ ง เครือข่ายวสิ าหกิจชมุ ชน และกระบวนการมีสว่ นร่วมสรา้ งงานสรา้ งอาชีพใหแ้ ก่ชมุ ชน ขณะท่ใี นดา้ นวฒั นธรรม ค่านยิ มท่ี ดงี ามและภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ ยงั ถกู ละเลยและมกี ารถ่ายทอดสูค้ นรุ่นใหมน่ อ้ ย ทงั้ ระบบคณุ ค่าของสงั คมไทยในเร่ืองจิต สาธารณะ ความเอ้อื อาทร และการช่วยเหลอื ซ่งึ กนั และกนั เรม่ิ เสอ่ื มถอย อย่างไรก็ตาม สงั คมไทยยงั มผี ูน้ าการพฒั นา โดยเฉพาะผูน้ าชมุ ชนและปราชญก์ ระจายอยู่ทกุ พ้นื ท่ปี ระมาณ 1.7 ลา้ นคน และมบี ทบาทสาคญั เป็นแกนหลกั ในการ ขบั เคลอ่ื นการพฒั นาชมุ ชน ทาใหม้ ชี มุ ชนตน้ แบบทม่ี คี วามเขม็ แขง็ สามารถเป็นแบบ อย่างเพอ่ื เรยี นรูแ้ ละประยกุ ตใ์ ช้ อยู่ทวั่ ทุกภมู ภิ าค ขณะเดยี วกนั พฤตกิ รรมการดารงชวี ติ และการปฏสิ มั พนั ธ์ของคนในชุมชนปรบั เปลย่ี นไปจากอดตี โดยกระแสวตั ถนุ ิยมทเ่ี ขา้ สูช่ มุ ชนไดส้ ง่ ผลกระทบต่อวถิ ชี วี ติ ของคนในชมุ ชน ทาใหม้ คี วามสะดวกมากข้นึ แตม่ คี วามสุข ลดลง มรี ายไดไ้ ม่พอรายจ่าย มหี น้สี นิ เพมิ่ ข้นึ และความสมั พนั ธข์ องคนในชุมชนลดนอ้ ยลงในลกั ษณะต่างคนต่างอยู่ มากข้นึ
(2) สถานะด านเศรษฐกิจของประเทศ เศรษฐกจิ ของประเทศไทยมกี ารเตบิ โตอยา่ งต่อเนือ่ งในอตั ราเฉล่ยี รอ้ ยละ 5.7 ต่อปี ในช่วงปี 2545-2548 และจดั อยู่ในกลุ่มประเทศทม่ี รี ายไดป้ านกลาง โดยมขี นาดทางเศรษฐกิจใหญ่ เป็นลาดบั ท่ี 20 จากจานวน 192 ประเทศในโลก โดยยงั คงมบี ทบาททางการคา้ ระหว่างประเทศ และรกั ษาส่วนแบ่ง การตลาดไวไ้ ดใ้ นขณะทก่ี ารแข่งขนั เพม่ิ สูงข้นึ ตลอดทง้ั การพฒั นาเศรษฐกิจฐานความรูข้ องประเทศไทยปรบั ตวั ดขี ้นึ ขณะท่โี ครงสรา้ งการผลติ มจี ุดแขง็ ท่มี ฐี านการผลติ ทห่ี ลากหลาย ช่วยลดความเสย่ี งจากภาวะผนั ผวนของวฏั จกั ร เศรษฐกิจและสามารถสรา้ งความเชื่อมโยงระหว่างภาคการผลติ เพอื่ สรา้ งมูลค่าเพมิ่ ไดม้ ากข้นึ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทย มจี ุดออ่ นในเชิงโครงสรา้ งทต่ี อ้ งพง่ึ พงิ การนาเขา้ วตั ถดุ บิ ช้นิ ส่วน พลงั งาน เงนิ ทนุ และเทคโนโลยี ในสดั ส่วนทส่ี ูง โดยท่ี ผลติ ภาพการผลติ ยงั ตา่ การผลติ อาศยั ฐานทรพั ยากรมากกว่าองคค์ วามรู้ มกี ารใชท้ รพั ยากรเพอ่ื การผลติ และบรโิ ภค อย่างส้นิ เปลอื ง ทาใหเ้กิดปญั หาสภาพแวดลอ้ มและผลกระทบในดา้ นสงั คมตามมา โดยไม่ไดม้ กี ารสรา้ งภูมคิ ุม้ กนั อย่าง เหมาะสม ส่วนโครงสรา้ งพ้นื ฐานดา้ นขนส่งและโลจิสตกิ สย์ งั ขาดประสทิ ธภิ าพและการเช่อื มโยงทเ่ี ป็นระบบ ทาใหม้ ี ตน้ ทุนสูงถงึ รอ้ ยละ 16 ของผลติ ภณั ฑม์ วลรวมในประเทศ อกี ทงั้ ภาคขนส่งยงั มสี ดั ส่วนการใชพ้ ลงั งานเชิงพาณิชยส์ ูงถงึ รอ้ ยละ 38 นอกจากน้ี โครงสรา้ งพ้นื ฐานดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร และนา้ เพอ่ื การอปุ โภคบริโภค ยงั ไม่ กระจายไปสู่พ้นื ทช่ี นบทอย่างเพยี งพอและทวั่ ถงึ ส่วนโครงสรา้ งพ้นื ฐานดา้ นวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมของ ไทยต่างอยูใ่ นระดบั ตา่ และตกเป็นรองประเทศเพอื่ นบา้ นทเ่ี ป็นคู่แข่งทางการค่า อย่างไรก็ดปี ระเทศไทยมจี ดุ แขง็ อยู่ทก่ี ารมเี สถยี รภาพเศรษฐกจิ ในระดบั ทด่ี จี ากการดาเนินนโยบายเพอ่ื ฟ้ืนฟู เสถยี รภาพเศรษฐกิจของประเทศภายหลงั วกิ ฤตเศรษฐกิจ ทาใหเ้ สถยี รภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในปจั จบุ นั อยู่ใน เกณฑด์ ี โดย ณ ส้นิ ปี 2548 อตั ราการว่างงานอยูท่ เ่ี ฉลย่ี รอ้ ยละ 2 และทนุ สารองเงนิ ตราระหว่างประเทศอยูใ่ นระดบั 52.1 พนั ลา้ นเหรียญสหรฐั ซ่งึ นบั ว่าเป็นระดบั ท่มี คี วามเพยี งพอในการ เป็นภมู คิ ุม้ กนั ความเส่ยี งจากภายนอก อย่างไร กต็ ามราคานา้ มนั ท่เี พม่ิ สูงข้นึ มากตง้ั แต่ปลายปี 2547 และ ตอ่ เน่ืองจนถงึ ปจั จบุ นั ส่งผลใหด้ ลุ การค่า ดลุ บญั ชี เดนิ สะพดั ขาดดุลเพมิ่ ข้นึ สะทอ้ นถงึ ปญั หาความออ่ นแอในเชงิ โครงสรา้ งท่พี ง่ึ พงิ ภายนอกมากเกนิ ไป รวมทงั้ ประเทศ ไทยยงั มฐี านะการออมทต่ี า่ กว่าการลงทนุ จึงตอ้ งพงึ่ พงิ เงนิ ทุนจากต่างประเทศ ทาใหป้ ระเทศมคี วามเส่ยี งจากการขาด ดุลบญั ชเี ดนิ สะพดั และจากการเคลอ่ื นยา้ ยเงนิ ทนุ ระหว่างประเทศ จึงมคี วามจาเป็นตอ้ งพฒั นาระบบภูมคิ ุม้ กนั ทาง เศรษฐกจิ ภายใตเ้ งอ่ื นไขบรบิ ทโลกทม่ี กี ารเคลอ่ื นยา้ ยอย่างเสรขี องคน องคค์ วามรู้ เทคโนโลยี เงนิ ทนุ สนิ คา้ และบรกิ าร สาหรบั การพฒั นาเพอื่ เสริมสรา้ งความเป็นธรรมทางเศรษฐกจิ และการแกไ้ ขปญั หาความยากจน มสี ่วนช่วยให้ ความยากจนลดลงตามลาดบั และการกระจายรายไดป้ รบั ตวั ดขี ้นึ อย่างชา้ ๆ ในปี 2547 มจี านวนประชาชนทย่ี งั อยู่ภายใต้ เสน้ ความยากจน ซ่งึ เป็นระดบั รายได้ 1,242 บาทต่อเดอื นอยู่จานวน 7.34 ลา้ นคน คดิ เป็นรอ้ ยละ 11.3 ของประชากร ทงั้ ประเทศ สาหรบั การกระจายรายไดป้ รบั ตวั ดขี ้นึ อย่างชา้ ๆ โดยค่าดชั นี จนี ่ี (Gini coefficient) ของประเทศไทย เทา่ กบั 0.499 ลดลงต่อเนอ่ื งจาก 0.525 ในปี 2543 และ 0.501 ในปี 2545 แต่อย่างไรกต็ ามการแกป้ ญั หาการกระจาย รายไดต้ อ้ งไดร้ บั ลาดบั ความสาคญั เนอ่ื งจากเมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ประเทศอน่ื ๆ แลว้ การกระจายรายไดใ้ นประเทศไทยยงั มคี วามเท่าเทยี มนอ้ ยกว่าหลายประเทศ
(3) สถานะดา้ นทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม ในอดตี ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มไดถ้ ูกนามาใช้ เพอ่ื ตอบสนองการเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกจิ เป็นหลกั โดยพ้นื ทป่ี ่าไมถ้ กู ทาลายไปถงึ 67,000,000 ไร่ในช่วง 40 ปี ปจั จุบนั เหลอื พ้นื ทป่ี ่ารอ้ ยละ 33 ของพ้นื ทป่ี ระเทศ ก่อใหเ้กิดปญั หานา้ ท่วม นา้ แลง้ และภยั ธรรมชาติ ท่บี ่อยครง้ั และ รนุ แรง ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝงั่ ลดความอุดมสมบูรณ์ลงโดยป่าชายเลนลดลงจาก 2,000,000 ไร่ เหลอื 1,500,000 ไร่ อตั ราการจบั สตั วน์ า้ ลดลง 3 เท่า แหล่งปะการงั และหญา้ ทะเลสภาพเสอ่ื มโทรม สาหรบั ทรพั ยากรความ หลากหลายทางชวี ภาพ กก็ าลงั ถกู ทาลายอย่างรวดเร็ว สาเหตมุ าจากการดาเนินกจิ กรรมของมนุษยท์ ท่ี าลายถ่นิ ท่อี ยู่อาศยั ของส่งิ มชี วี ติ ชนิดต่างๆ และส่งผลต่อการเปลย่ี นแปลงของระบบนเิ วศ ทาใหอ้ ตั ราการสูญพนั ธุข์ องสง่ิ มชี วี ติ เพม่ิ ข้นึ คุณภาพส่งิ แวดลอ้ มมีความเส่อื มโทรม มสี าเหตุสาคญั จากการขยายตวั ของจานวนประชากร และแบบแผนการ ดารงวถิ ชี วี ติ ท่ไี ม่เหมาะสม ส่งผลใหเ้กิดปญั หามลพษิ เพมิ่ ข้นึ โดยคณุ ภาพอากาศและนา้ อยู่ในเกณฑต์ า่ กว่ามาตรฐาน ปรมิ าณขยะมูลฝอยและของเสยี อนั ตรายมมี ากข้นึ เกนิ ศกั ยภาพในการกาจดั ไดท้ นั ขณะทก่ี ารนาเขา้ สารอนั ตรายทใ่ี ชใ้ น การผลติ มมี ากข้นึ โดยขาดกลไกการจดั การทงั้ การควบคมุ กระบวนการผลติ การจดั เก็บ การขนส่ง ทาใหเ้กดิ การ แพร่กระจายในสง่ิ แวดลอ้ มและปนเป่ือนห่วงโซ่อาหาร นอกจากน้ี การใชเ้ครื่องมอื ทางเศรษฐศาสตรแ์ ละกฎหมายท่ี เกี่ยวขอ้ งยงั มอี ยู่จากดั รวมทง้ั มคี วามซา้ ซอ้ น มชี ่องว่าง และขาดการบงั คบั ใช้ (4) สถานะดา้ นการบรหิ ารจดั การประเทศ กระบวนการบรหิ ารจดั การประเทศไดเ้ รม่ิ เปิดโอกาส ใหภ้ าคสว่ น อน่ื ๆ เขา้ มาร่วมกบั ภาครฐั มากข้นึ แต่ภาคประชาชนและภาคสาธารณะอ่นื ๆ ยงั มบี ทบาทจากดั กล่าวคอื ภาค การเมอื งปรบั ตวั เขม็ แขง็ ข้นึ และมเี สถยี รภาพอย่างมาก ขณะท่ยี งั มกี ารรวมศูนยอ์ านาจการบริหารจดั การทางเศรษฐกิจ และสงั คมของประเทศ และระบบการตรวจสอบถ่วงดุลขาดประสทิ ธภิ าพ ขณะทก่ี ารปฏริ ูประบบราชการนาไปสู่ความ ทนั สมยั และมปี ระสทิ ธภิ าพมากข้นึ แต่กระบวนการบรหิ ารจดั การยงั มลี กั ษณะปดั ค่อนขา้ งมาก และยงั ขาดกระบวนการมี ส่วนร่วมของประชาชน ผลการประเมนิ การพฒั นาระบบราชการในดา้ นตา่ งๆ โดยเฉลย่ี อยู่ในระดบั ดขี ้นึ ไป และมคี ะแนน เฉลย่ี ในภาพรวมเท่ากบั 3.82 ใน ปี 2547 ส่วนภาคประชาชนเริ่มเขา้ มามสี ่วนร่วมในการพฒั นาและขยายบทบาทเพมิ่ ข้นึ ทงั้ ดา้ นการเมอื งและการพฒั นาทอ้ งถ่นิ สดั ส่วนผูใ้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั เพม่ิ ข้นึ อย่างต่อเน่อื งจนเป็นรอ้ ยละ 72.6 ในปี 2548 สาหรบั ภาคเอกชนมบี ทบาทในการพฒั นาประเทศเพม่ิ ข้นึ ต่อเน่ือง และมกี ารบรหิ ารจดั การทเ่ี ป็นธรรมาภบิ าลมากข้นึ ผล การจดั อนั ดบั ธรรมาภบิ าล ภาคเอกชนของสถาบนั นานาชาติเพอ่ื พฒั นาการจดั การ (Institute for Management Development : IMD) ปรากฏว่า ประเทศไทยมอี นั ดบั ดขี ้นึ จากอนั ดบั ท่ี 36 ในปี 2544 เป็นอนั ดบั ท่ี 30 ใน ปี 2549 แต่ยงั ไม่มพี ลงั เพยี งพอทจ่ี ะขบั เคลอ่ื นธรรมาภบิ าลในภาคธุรกจิ เอกชน โดยรวม โดยเฉพาะธุรกิจนอกตลาด หลกั ทรพั ย์ อย่างไรกต็ าม การบรหิ ารจดั การภาครฐั ดงั กล่าวยงั ไม่ตอบสนองต่อการเสริมสรา้ งธรรมาภบิ าล โดยยงั มี ลกั ษณะรวมศูนยอ์ านาจ ยงั ไม่เปิดโอกาสใหม้ กี ระบวนการมสี ่วนร่วมตดั สนิ ใจของประชาชน แมก้ ารดาเนนิ งานการ กระจายอานาจมคี วามกา้ วหนา้ มากข้นึ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ก็ยงั ไม่เขม็ แขง็ และขาดอสิ ระในการจดั เก็บรายได้ ใหเ้พยี งพอต่อการพงึ่ ตนเอง นอกจากน้ี กระบวนการยตุ ิธรรมและกฎหมายปรบั ตวั ไม่ทนั การเปลย่ี นแปลงจงึ ยงั ไม่ สามารถสรา้ งความเป็นธรรมกบั ทกุ ภาคี ขณะท่กี ลไกการตรวจสอบการใชอ้ านาจของรฐั ยงั ขาดประสทิ ธภิ าพและกลไก
การตรวจสอบถ่วงดุลนอกภาครฐั ยงั มบี ทบาทจากดั ขาดการทางานเป็นเครือข่ายทจ่ี ะก่อใหเ้กดิ พลงั ร่วมในการ ตรวจสอบอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ แมค้ วามโปร่งใสในการบรหิ ารจดั การภาครฐั มแี นวโนม้ ดขี ้นึ ต่อเนือ่ ง โดยดชั นชี ้วี ดั ภาพลกั ษณ์คอรร์ ปั ชนั่ จดั ทาโดยองคก์ รเพอื่ ความโปร่งใสนานาชาตเิ พมิ่ สูงข้นึ เป็น 3.8 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ในปี 2548 ซ่งึ ยงั อยู่ในระดบั คอ้ นขา้ งตา่ ทงั้ วฒั นธรรมอปุ ถมั ภท์ ฝ่ี งั รากลกึ ยงั คงเป็นอปุ สรรคขดั ขวางการเสรมิ สรา้ งธรรมาภิ บาล ในสงั คมไทย ประกอบกบั การขาดคุณภาพและจติ สานกึ สาธารณะ จงึ ทาใหไ้ ม่สามารถแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตวั ออกจากผลประโยชนส์ าธารณะ ก่อใหเ้กิดปญั หาความไม่เป็นธรรมและการทจุ ริตประพฤตมิ ชิ อบท่ซี บั ซอ้ นมากข้นึ 2.3 แนวคดิ และทิศทางการปรบั ตวั ของประเทศไทย (1) แนวคิดหลกั ภายใตบ้ ริบทการเปลย่ี นแปลงของโลกทจ่ี ะมผี ลกระทบต่อการพฒั นาของประเทศ ไทยในอนาคต ตลอดทง้ั การทบทวนผลการพฒั นาและสถานะของประเทศ ไดส้ ะทอ้ นถงึ ปญั หาเชิงโครงสรา้ งการ พฒั นาของประเทศทไ่ี ม่สมดุล ไม่ยงั่ ยนื และอ่อนไหวต่อผลกระทบจากความผนั ผวนของ ปจั จยั ภายนอกทเ่ี ปลย่ี นแปลง รวดเรว็ ประเทศไทยจงึ จาเป็นตอ้ งปรบั ตวั หนั มาทบทวนกระบวนทรรศน์ การพฒั นาในทศิ ทางท่พี ง่ึ ตนเองและมี ภมู คิ ุม้ กนั มากข้นึ โดยยดึ หลกั “ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง” เป็น แนวทางปฏบิ ตั ิควบคู่ไปกบั การพฒั นาแบบบรู ณา การเป็นองคร์ วมทย่ี ดึ “คนเป็นศูนยก์ ลางการพฒั นา” เพอ่ื ใหก้ ารพฒั นาและบริหารประเทศเป็นไปในทางสายกลาง บน พ้นื ฐานดุลยภาพเชิงพลวตั ของการพฒั นาทเ่ี ชื่อมโยงทกุ มติ ิของการพฒั นาอย่างบรู ณาการ ทง้ั มติ ติ วั คน สงั คม เศรษฐกจิ ส่งิ แวดลอ้ มและการเมอื ง โดยมกี ารวเิ คราะหอ์ ย่าง “มเี หตผุ ล” และใชห้ ลกั “ความพอประมาณ” ใหเ้กิดความสมดุล ระหว่างมติ ิทางวตั ถกุ บั จิตใจของคนในชาติ ความสมดุลระหว่างความสามารถในการพง่ึ ตนเองกบั ความสามารถในการ แข่งขนั ในเวทโี ลก ความสมดุลระหว่างสงั คมชนบทกบั สงั คมเมอื ง โดยมกี ารเตรียม “ระบบภูมิคุม้ กนั ” ดว้ ยการบรหิ าร จดั การความเส่ยี งใหเ้พยี งพอพรอ้ มรบั ผลกระทบจากการเปลย่ี นแปลงทงั้ จากภายนอกและภายในประเทศ ทงั้ น้ี การขบั เคลอ่ื นกระบวนการพฒั นาทกุ ขน้ั ตอนตอ้ งใช้ “ความรอบรู”้ ในการพฒั นาดา้ นตา่ งๆ ดว้ ย ความรอบคอบ เป็นไปตามลาดบั ขน้ั ตอน และสอดคลอ้ งกบั วถิ ชี ีวติ ของสงั คมไทย รวมทงั้ การเสรมิ สรา้ งศลี ธรรมและ สานกึ ใน “คุณธรรม” จรยิ ธรรมในการปฏบิ ตั ิหนา้ ทแ่ี ละดาเนินชวี ติ ดว้ ยความเพยี ร อนั จะเป็น ภูมคิ ุม้ กนั ในตวั ทด่ี ใี ห้ พรอ้ มเผชิญการเปลย่ี นแปลงท่เี กิดข้นึ ทงั้ ในระดบั ครอบครวั ชมุ ชน สงั คมและประเทศชาติ นอกจากน้ี ยงั ไดย้ ดึ ความสอดคลอ้ งตามเจตนารมณ์ของรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2540 ดว้ ยแลว้ (2) ทศิ ทางการปรบั ตวั ของประเทศไทย การพฒั นาประเทศใหส้ ามารถดารงอยู่อย่างมนั่ คงในกระแสโลกาภิ วตั นท์ ่มี กี ารเปลย่ี นแปลงรวดเรว็ และมแี นวโนม้ ทวคี วามรนุ แรงย่งิ ข้นึ จาเป็นต่องสรา้ งความแขง็ แกร่งของระบบและ โครงสรา้ งต่างๆ ภายในประเทศ ใหส้ ามารถพงึ่ ตนเองไดม้ ากข้นึ และสรา้ งภมู คิ ุม้ กนั ทด่ี ขี องประเทศตามหลกั ปรชั ญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง โดยใหค้ วามสาคญั ต่อการนาทนุ ของประเทศท่มี ศี กั ยภาพและความไดเ้ ปรยี บดา้ นอตั ลกั ษณ์และ คุณค่าของชาติ ทง้ั ทนุ สงั คม ทุนเศรษฐกจิ และทุนทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มมาใชป้ ระโยชนอ์ ย่างบูรณาการ และเก้อื กลู กนั พรอ้ มทงั้ เสริมสรา้ งใหแ้ ขง็ แกร่งเป็นเสมอื นเสาเขม็ หลกั ในการพฒั นาประเทศ โดยการเสริมสรา้ งทุนสงั คม ท่มี ่งุ พฒั นาศกั ยภาพคนในทุกมติ ิทง้ั ดา้ นร่างกาย จิตใจ และสตปิ ญั ญา ครอบครวั มคี วามอบอุ่น มนั่ คง ชุมชนมคี วามเขม็ แขง็ และรวมพลงั เป็นเครือข่าย ในการพฒั นาสาหรบั การเสริมสรา้ งทุนเศรษฐกจิ ม่งุ พฒั นาเศรษฐกิจไทยสูร่ ะบบ
เศรษฐกจิ ท่มี กี ารขยายตวั อย่างมเี สถยี รภาพ มคี ุณภาพ มกี ารพฒั นาปจั จยั สนบั สนุนการปรบั โครงสรา้ งเศรษฐกิจและการ ลงทนุ ควบคู่ไปกบั การเสริมสรา้ งศกั ยภาพและภมู คิ ุม้ กนั ของเศรษฐกจิ ฐานราก เพอื่ กระจายผลประโยชน์จากการพฒั นา อย่างเป็นธรรม ในส่วนของการเสรมิ สรา้ งทุนทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ม่งุ พฒั นาบนฐานความหลากหลายทาง ชวี ภาพ และส่งเสรมิ สทิ ธชิ ุมชนในการเขา้ ถงึ และจดั การทรพั ยากรเพอ่ื สงวนรกั ษา ใหท้ ุนทรพั ยากรธรรมชาติและ ส่งิ แวดลอ้ มคงความอดุ มสมบรู ณ์เป็นรากฐานทม่ี นั่ คงของประเทศ และเป็นรากฐานการดารงชีวิตของคนไทยใหม้ ี ความสุขอย่างยงั่ ยนื ขณะเดยี วกนั จาเป็นตอ้ งเสริมสรา้ งระบบ โครงสรา้ ง กลไก และกระบวนการบริหารพฒั นาประเทศใหอ้ ยูบ่ นหลกั ธรรมาภบิ าลและประชาธปิ ไตย โดยบรู ณาการการมสี ่วนร่วมของทกุ ภาคสว่ นและทุกระดบั ในการขบั เคลอ่ื นการพฒั นา ประเทศใหเ้กดิ ความสมดลุ เป็นธรรมและยงั่ ยนื พรอ้ มทงั้ ปรบั ระบบบรหิ ารจดั การภาครฐั ใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ โปร่งใส ลด บทบาทอานาจของราชการในส่วนกลาง และเพม่ิ บทบาท มอบอานาจและกระจายอานาจการตดั สนิ ใจ การดาเนินการ และกระจายการจดั สรรทรพั ยากรใหแ้ กร่ าชการ ส่วนภมู ภิ าค ส่วนทอ้ งถน่ิ และชุมชน ส่งเสรมิ บทบาทภาคเอกชนและการ ปฏริ ูปธุรกจิ เอกชนใหเ้ขม็ แขง็ สจุ ริต โปร่งใส และเร่งปฏริ ูปกฎหมาย กฎระเบยี บ เพอื่ สรา้ งสมดุลในการจดั สรรและ กระจายผลประโยชนจ์ ากการพฒั นาใหท้ วั่ ถงึ เป็นธรรม โดยตอ้ งดาเนินการรกั ษาและเสรมิ สรา้ งความมนั่ คงควบคู่ไปดว้ ย อนั จะสนบั สนุนใหก้ ารบริหารจดั การประเทศสู่ดลุ ยภาพ ทงั้ ในมติ ิเศรษฐกิจ สงั คม ทรพั ยากรธรรมชาติส่งิ แวดลอ้ ม และ ความมนั่ คง นาไปสู่สนั ติสุขและความยงั่ ยนื 3. วสิ ยั ทศั น์และพนั ธกจิ 3.1 วิสยั ทศั น์ประเทศไทย ม่งุ พฒั นาสู่“สงั คมอยู่เยน็ เป็นสุขร่วมกนั (GreenandHappinessSociety) คนไทยมคี ุณธรรมนา ความรอบรูร้ ูเ้ ทา่ ทนั โลกครอบครวั อบอนุ่ ชุมชนเขม้ แขง็ สงั คมสนั ติสุขเศรษฐกิจมีคุณภาพเสถยี รภาพและเป็นธรรม สง่ิ แวดลอ้ มมคี ุณภาพและทรพั ยากรธรรมชาตยิ งั่ ยนื อยภู่ ายใตร้ ะบบบรหิ ารจดั การประเทศท่มี ี ธรรมาภบิ าลดารงไวซ้ งึ่ ระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ และอยูใ่ นประชาคมโลกไดอ้ ย่างมีศกั ด์ศิ รี” 3.2 พนั ธกจิ เพอื่ ใหก้ ารพฒั นาประเทศในระยะแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10 มุ่งสู่ “สงั คมอยเู่ ยน็ เป็นสุขรว่ มกนั ” ภายใต้ แนวปฏบิ ตั ขิ อง “ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง” เหน็ ควรกาหนดพนั ธกิจของการพฒั นาประเทศ ดงั น้ี (1) พฒั นาคนใหม้ ีคุณภาพ คุณธรรม นาความรอบรูอ้ ย่างเท่าทนั มสี ุขภาวะทด่ี ี อยู่ในครอบครวั ท่อี บอุ่น ชุมชนท่เี ข็มแข็ง พึ่งตนเองได้ มคี วามมนั่ คงในการดารงชีวติ อย่างมีศกั ด์ศิ รีภายใตด้ ุลยภาพของความหลากหลายทาง วฒั นธรรม ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม (2) เสรมิ สรา้ งเศรษฐกิจใหม้ ีคุณภาพ เสถียรภาพ และเป็ นธรรม ม่งุ ปรบั โครงสรา้ งเศรษฐกิจของประเทศ ใหส้ ามารถแข่งขนั ได้ มภี ูมคิ ุม้ กนั ความเส่ยี งจากความผนั ผวนของสภาพแวดลอ้ มในยุคโลกาภวิ ตั นบ์ นพ้นื ฐานการบรหิ าร
เศรษฐกิจส่วนรวมอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ มรี ะดบั การออมท่พี อเพยี ง มกี ารปรบั โครงสรา้ งการผลติ และบริการบนฐานความรู้ และนวตั กรรม ใชจ้ ุดแข็งของความหลากหลายทางชีวภาพและเอกลกั ษณ์ความเป็นไทย ควบคู่กบั การเช่ือมโยงกบั ต่างประเทศ และการพฒั นาปัจจยั สนบั สนุนดา้ นโครงสรา้ งพ้ืนฐาน และโลจิสติกส์ พลงั งาน กฎกติกา และกลไก สนบั สนุนการแข่งขนั และกระจายผลประโยชน์ อย่างเป็นธรรม (3) ดารงความหลากหลายทางชีวภาพ และสรา้ งความมนั่ คงของฐานทรพั ยากรธรรมชาติและคณุ ภาพ ส่งิ แวดลอ้ ม สรา้ งความสมดุลระหว่างการอนุรกั ษแ์ ละการใชป้ ระโยชน์อย่างยงั่ ยนื เป็นธรรม และ มีการสรา้ งสรรค์ คุณค่า สนบั สนุนใหช้ มุ ชนมอี งคค์ วามรูแ้ ละสรา้ งภูมิคุม้ กนั เพอ่ื คุม้ ครองฐานทรพั ยากร คุม้ ครองสทิ ธแิ ละส่งเสริม บทบาทของชุมชนในการบริหารจดั การทรพั ยากร ปรับแบบแผนการผลิตและการบริโภคท่ีเป็นมิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ตลอดจนรกั ษาผลประโยชนข์ องชาติจากขอ้ ตกลงตามพนั ธกรณีระหว่างประเทศ (4) พัฒนาระบบบริหารจัดการประเทศให้เกิดธรรมาภิบาลภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อนั มี พระมหากษัตริยท์ รงเป็ นประมุข มุ่งสรา้ งกลไกและกฎระเบยี บท่เี อ้อื ต่อการกระจายผลประโยชน์จากการพฒั นาสู่ทุก ภาคี ควบคู่กบั การเสริมสรา้ งความโปร่งใส สุจริต ยุติธรรม รบั ผิดชอบต่อสาธารณะ มีการกระจายอานาจและ กระบวนการทท่ี ุกภาคส่วนมสี ่วนร่วมในการตดั สนิ ใจ สู่ความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ สงั คม และการใชท้ รพั ยากร 4. วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้ าหมายหลกั เพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั บริบทการเปลย่ี นแปลงทป่ี ระเทศไทยจะตอ้ งปรบั ตวั ในอนาคต และเพอื่ กา้ วไปสูว่ สิ ยั ทศั น์ การพฒั นาประเทศท่พี งึ ปรารถนาในระยะยาว การพฒั นาประเทศในระยะ 5 ปีของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10 จงึ ไดก้ าหนด วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมายหลกั ของการพฒั นาไว้ ดงั น้ี 4.1 วตั ถปุ ระสงค์ (1) เพอ่ื สรา้ งโอกาสการเรียนรูค้ ู่คุณธรรม จรยิ ธรรมอย่างต่อเนอื่ งท่ขี บั เคลอ่ื นดว้ ยการเช่ือมโยงบทบาท ครอบครวั สถาบนั ศาสนาและสถาบนั การศกึ ษา เสรมิ สรา้ งบรกิ ารสุขภาพอย่างสมดุล ระหว่างการส่งเสรมิ การป้องกนั การรกั ษา และการฟ้ืนฟูสมรรถภาพ และสรา้ งความปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ (2) เพอ่ื เพมิ่ ศกั ยภาพของชุมชน เชื่อมโยงเป็นเครอื ข่าย เป็นรากฐานการพฒั นาเศรษฐกจิ คุณภาพชีวติ และอนุรกั ษ์ ฟ้ืนฟู ใชป้ ระโยชนท์ รพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มอย่างยงั่ ยนื นาไปสู่การพงึ่ ตนเองและลดปญั หาความ ยากจนอย่างบูรณาการ (3) เพอื่ ปรบั โครงสรา้ งการผลติ สู่การเพม่ิ คณุ ค่า (Value Creation) ของสนิ ค่าและบรกิ ารบนฐานความรู้ และนวตั กรรม รวมทงั้ สนบั สนุนใหเ้กดิ ความเชอื่ มโยงระหว่างสาขาการผลติ เพอื่ ทาใหม้ ลู ค่าการผลติ สูงข้นึ (4) เพอ่ื สรา้ งภมู คิ ุม้ กนั (Safety Net) และระบบบรหิ ารความเส่ยี งใหก้ บั ภาคการเงนิ การคลงั พลงั งาน ตลาดปจั จยั การผลติ ตลาดแรงงาน และการลงทนุ (5) เพอ่ื สรา้ งระบบการแข่งขนั ดา้ นการคา้ และการลงทุนใหเ้ป็นธรรม และคานงึ ถงึ ผลประโยชนข์ องประเทศ
รวมทง้ั สรา้ งกลไกในการกระจายผลประโยชน์จากการพฒั นาสู่ประชาชนในทุกภาคส่วน อย่างเป็นธรรม (6) เพอื่ เสริมสรา้ งความอุดมสมบูรณ์ของทรพั ยากรธรรมชาติและคุณค่าความหลากหลายทางชวี ภาพ ควบคู่กบั การรกั ษาคุณภาพสง่ิ แวดลอ้ มใหเ้ป็นฐานทม่ี นั่ คงของการพฒั นาประเทศ และการดารงชีวติ ของคนไทยทงั้ ในรุ่น ปจั จบุ นั และอนาคต รวมทงั้ สรา้ งกลไกในการรกั ษาผลประโยชนข์ องชาตอิ ย่างเป็น ธรรมและอย่างยงั่ ยนื (7) เพอื่ เสริมสรา้ งธรรมาภบิ าลในการบรหิ ารจดั การประเทศสู่ภาครฐั ภาคธุรกจิ เอกชน และภาค ประชาชนและขยายบทบาทขดี ความสามารถขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ควบคู่กบั การเสริมสรา้ ง กลไกและ กระบวนการมสี ่วนร่วมในการพฒั นาวฒั นธรรมประชาธิปไตย ใหเ้ กิดผลในทางปฏบิ ตั ติ ่อการอยู่ ร่วมกนั อย่างสนั ตสิ ขุ 4.2 เป้ าหมาย เพอ่ื ใหเ้ป็นไปตามวตั ถปุ ระสงคด์ งั กล่าว ไดก้ าหนดเป้าหมายการพฒั นาของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10 ดงั น้ี (1) เป็าหมายการพฒั นาคณุ ภาพคน ใหค้ นไทยทกุ คนไดร้ บั การพฒั นาทง้ั ทางร่างกาย จติ ใจ ความรู้ ความสามารถ ทกั ษะการประกอบอาชพี และมคี วามมนั่ คงในการดารงชวี ติ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายเพอื่ เสริมสรา้ ง ศกั ยภาพใหก้ บั ตนเองท่จี ะนาไปสู่ความเขม็ แขง็ ของครอบครวั ชุมชน และสงั คมไทย โดยเพม่ิ จานวนปีการศกึ ษาเฉลย่ี ของคนไทยเป็น 10 ปี พฒั นากาลงั แรงงานระดบั กลางท่มี คี ุณภาพเพม่ิ เป็น รอ้ ยละ 60 ของกาลงั แรงงานทงั้ หมด และ เพมิ่ สดั ส่วนบุคลากรดา้ นการวจิ ยั และพฒั นาเป็น 10 คนต่อประชากร 10,000 คน พรอ้ มทง้ั ลดปญั หาอาชญากรรมลง รอ้ ยละ 10 และกาหนดใหอ้ ายุคาดหมายเฉลย่ี ของคนไทยสูงข้นึ เป็น 80 ปี ควบคู่กบั ลดอตั ราเพม่ิ ของการเจบ็ ป่วยดว้ ย โรคท่ปี ้องกนั ไดใ้ น 5 อนั ดบั แรก คือ หวั ใจ ความดนั โลหติ สูง เบาหวาน หลอดเลอื ดสมอง และมะเร็ง นาไปสู่การเพม่ิ ผลติ ภาพแรงงาน และลดรายจ่ายดา้ นสขุ ภาพของบุคคลลงในระยะยาว (2) เป้ าหมายการพฒั นาชมุ ชนและแกป้ ญั หาความยากจน พฒั นาใหท้ ุกชมุ ชนมแี ผนชมุ ชนแบบมสี ่วน ร่วม และองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ นาแผนชุมชนไปใชป้ ระกอบการจดั สรรงบประมาณ ปญั หาอาชญากรรม ยาเสพติด และขยายโอกาสการเขา้ ถงึ แหล่งทุน การมสี ว่ นร่วมในการตดั สนิ ใจ และลดสดั ส่วน ผูอ้ ยูใ่ ตเ้สน้ ความยากจนลงเหลอื รอ้ ย ละ 4 ภายในปี 2545 (3) เป้ าหมายดา้ นเศรษฐกจิ ปรบั โครงสรา้ งเศรษฐกจิ ใหม้ คี วามสมดุล และยงั่ ยนื โดยใหส้ ดั ส่วนภาค เศรษฐกิจในประเทศต่อภาคการคา้ ระหวา่ งประเทศเพม่ิ ข้นึ เป็นรอ้ ยละ 75 ภายในปี 2544 สดั ส่วนภาคการผลติ เกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเพมิ่ ข้นึ เป็นรอ้ ยละ 15 ภายในปี 2545 อตั ราเงนิ เฟ่อ ทวั่ ไปเฉลย่ี รอ้ ยละ 3.0-3.5 ต่อปี สดั ส่วนหน้สี าธารณะต่อผลติ ภณั ฑม์ วลรวมในประเทศ ไม่เกนิ รอ้ ยละ 50 ความยดื หยุดนการใชพ้ ลงั งานเฉลย่ี ไม่เกิน 1:1 ในระยะของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10 เพมิ่ สดั ส่วนการใชพ้ ลงั งานหมนุ เวยี นเป็นรอ้ ยละ 8 รวมทงั้ ลดสดั ส่วนการใช้ พลงั งานต่อผลติ ภณั ฑม์ วลรวมในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ลดการใชน้ า้ มนั ในภาคการขนส่งใหเ้หลอื รอ้ ยละ 30 ของ การใชพ้ ลงั งานทง้ั หมด รายไดข้ อง กลุ่มท่มี รี ายไดส้ ูงสุดรอ้ ยละ 20 แรกมสี ดั ส่วนไมเ่ กิน 10 เท่าของรายไดข้ องกลุ่มท่มี ี รายไดต้ า่ สุดรอ้ ยละ 20 ภายในปี 2554 และสดั ส่วนผลผลติ ของวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต่อผลติ ภณั ฑม์ วล รวมในประเทศ ไม่ตา่ กว่ารอ้ ยละ 40 ในระยะของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10
(4) เป้ าหมายการสรา้ งความมนั่ คงของฐานทรพั ยากรและส่งิ แวดลอ้ ม รกั ษาความอดุ มสมบรู ณ์ ของฐาน ทรพั ยากรและความหลากหลายทางชีวภาพโดยใหม้ พี ้นื ท่ปี ่าไมไ้ วไ้ ม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 33 และตอ้ ง เป็นพ้นื ท่ปี ่าอนุรกั ษ์ ไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 18 ของพ้นื ท่ปี ระเทศ รกั ษาพ้นื ท่ที าการเกษตรในเขตชลประทานไวไ้ มน่ อ้ ยกว่า 31,000,000 ไร่ และ รกั ษาคุณภาพสง่ิ แวดลอ้ มใหอ้ ยู่ในระดบั ท่เี หมาะสมต่อการดารงคณุ ภาพชีวติ ทด่ี แี ละไม่เป็นภยั คกุ คามต่อระบบนเิ วศ โดยรกั ษาคณุ ภาพนา้ ในลุ่มนา้ ต่างๆ และแหล่งนา้ ธรรมชาติใหอ้ ยูใ่ นเกณฑพ์ อใชแ้ ละดี รวมกนั ไม่ตา่ กว่ารอ้ ยละ 85 คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑม์ าตรฐาน โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเลก็ (PM ) ตอ้ งมคี ่าเฉลย่ี 24 ชวั่ โมงไม่เกนิ 120 มก./ 10 ลบ.ม. อตั ราการปล่อยกา๊ ซคารบ์ อนไดออก-ไซดต์ อ่ ประชากรลดลงรอ้ ยละ 5 จากปี 2546 คอื ไม่เกิน 3.5 ตนั /คน/ปี ควบคุมอตั ราการผลติ ขยะในเขตเมอื งไม่ใหเ้กนิ 1 กก./คน/วนั และของเสยี อนั ตรายจากชมุ ชนและอตุ สาหกรรมไดร้ บั การจดั การอย่างถกู ตอ้ ง รอ้ ยละ 80 ของปริมาณของเสยี อนั ตรายทง้ั หมด รวมทง้ั ใหม้ รี ะบบฐานขอ้ มูลความ หลากหลายทางชวี ภาพ ท่สี มบูรณ์ระดบั ประเทศ 1 ระบบ (5) เป้ าหมายดา้ นธรรมาภบิ าล ม่งุ ใหธ้ รรมาภบิ าลของประเทศดขี ้นึ มคี ะแนนภาพลกั ษณ์ของความ โปร่งใสอยู่ท่ี 5.0 ภายในปี 2544 ระบบราชการมขี นาดทเ่ี หมาะสม และมกี ารดาเนนิ งานทค่ี ุม้ ค่าเพม่ิ ข้นึ ลดกาลงั คนภาค ราชการใหไ้ ดร้ อ้ ยละ 10 ภายในปี 2554 ธรรมาภบิ าลในภาคธุรกิจเอกชนเพมิ่ ข้นึ ทอ้ งถน่ิ มขี ดี ความสามารถในการ จดั เก็บรายไดแ้ ละมอี สิ ระในการพงึ่ ตนเองมากข้นึ และภาคประชาชนมคี วามเขม้ แขง็ รูส้ ทิ ธิ หนา้ ท่ี และมสี ่วนร่วมมากข้นึ ในการตดั สนิ ใจและรบั ผดิ ชอบในการบริหารจดั การประเทศ รวมทง้ั ใหม้ กี ารสรา้ งองคค์ วามรเ์ กยี่ วกบั ประชาธปิ ไตยและ ธรรมาภบิ าลในบริบทไทยเพมิ่ ข้นึ ในระยะแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10 5. ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาประเทศ ภายใตบ้ ริบทการเปลย่ี นแปลงในกระแสโลกาภวิ ตั นท์ ป่ี รบั เปลย่ี นเร็วและสลบั ซบั ซอ้ นมากย่งิ ข้นึ จาเป็นตอ้ ง กาหนดยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาประเทศทเ่ี หมาะสม โดยเสริมสรา้ งความแขง็ แกร่งของโครงสรา้ งของระบบตา่ งๆ ภายในประเทศใหม้ ศี กั ยภาพ แข่งขนั ไดใ้ นกระแสโลกาภวิ ตั น์ และสรา้ งฐานความรูใ้ หเ้ป็น ภูมคิ ุม้ กนั ต่อการ เปลย่ี นแปลงต่างๆ ไดอ้ ย่างรูเ้ ทา่ ทนั ควบคู่ไปกบั การกระจายการพฒั นาท่เี ป็นธรรม และเสริมสรา้ งความเท่าเทยี มกนั ของ กลุ่มคนในสงั คม และความเขม้ แขง็ ของชมุ ชนทองถน่ิ พรอ้ มทง้ั ฟ้ืนฟแู ละอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและคณุ ภาพ ส่งิ แวดลอ้ มใหค้ งความสมบูรณ์เป็นรากฐานการพฒั นาทม่ี นั่ คง และเป็นฐานการดารงวถิ ชี วี ติ ของชุมชนและสงั คมไทย ตลอดจนการเสริมสรา้ งธรรมาภบิ าลในการบรหิ ารจดั การประเทศทกุ ระดบั อนั จะนาไปสู่การพฒั นาประเทศทม่ี นั่ คงและ ยงั่ ยนื สามารถดารงอยู่ในประชาคมโลก ไดอ้ ย่างมเี กียรติภมู แิ ละมศี กั ด์ศิ รโี ดยมยี ุทธศาสตรก์ ารพฒั นาท่สี าคญั ในระยะ แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10ดงั น้ี 5.1 ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาคณุ ภาพคนและสงั คมไทยสู่สงั คมแหง่ ภมู ปิ ญั ญาและการเรียนรู้ ใหค้ วามสาคญั กบั (1) การพฒั นาคนใหม้ คี ณุ ธรรมนาความรู้ เกดิ ภูมคิ ุม้ กนั โดยพฒั นาจิตใจควบคู่กบั การพฒั นาการ เรยี นรูข้ องคนทกุ กลุ่มทุกวยั ตลอดชีวติ เร่ิมตง้ั แต่วยั เด็กใหม้ คี วามรูพ้ ้นื ฐานเขม้ แขง็ มที กั ษะชีวติ พฒั นาสมรรถนะ
ทกั ษะของกาลงั แรงงานใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ พรอ้ มกา้ วสู่โลกของการทางาน และการแข่งขนั อย่างมคี ุณภาพ สรา้ งและพฒั นากาลงั คนทเ่ี ป็นเลศิ โดยเฉพาะในการสรา้ งสรรคน์ วตั กรรมและองคค์ วามรู้ สง่ เสริมใหค้ นไทยเกดิ การ เรียนรูอ้ ย่างต่อเน่ืองตลอดชีวติ จดั การองคค์ วามรูท้ งั้ ภูมปิ ญั ญา ทอ้ งถ่นิ และองคค์ วามรูส้ มยั ใหม่ตงั้ แต่ระดบั ชมุ ชน ถงึ ประเทศ สามารถนาไปใชใ้ นการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม (2) การเสรมิ สรา้ งสุขภาวะคนไทยใหม้ สี ขุ ภาพแข็งแรงทง้ั กายและใจ และอยู่ในสภาพแวดลอ้ มท่ีน่าอยู่ เนน้ การพฒั นาระบบสุขภาพอย่างครบวงจร ม่งุ การดูแลสุขภาพเชิงป้องกนั การฟ้ืนฟูสภาพร่างกายและจิตใจ เสรมิ สรา้ ง คนไทยใหม้ คี วามมนั่ คงทางอาหารและการบรโิ ภคอาหารทป่ี ลอดภยั ลด ละ เลกิ พฤตกิ รรมเสย่ี งต่อสุขภาพ (3) การเสริมสรา้ งคนไทยใหอ้ ยรู่ ่วมกนั ในสงั คมไดอ้ ย่างสนั ติสุข ม่งุ เสรมิ สรา้ งความสมั พนั ธท์ ด่ี ขี องคน ในสงั คมบนฐานของความมเี หตมุ ผี ล ดารงชีวติ อย่างมนั่ คงทงั้ ในระดบั ครอบครวั และชุมชน พฒั นาระบบการคุม้ ครอง ทางเศรษฐกิจและสงั คมท่หี ลากหลายและครอบคลมุ ทวั่ ถงึ สรา้ งโอกาสในการ เขา้ ถงึ แหล่งทนุ ส่งเสริมการ ดารงชีวติ ทม่ี คี วามปลอดภยั น่าอยู่ บนพ้นื ฐานของความยุตธิ รรมในสงั คม เสรมิ สรา้ งกระบวนการยุตธิ รรมแบบบรู ณา การและการบงั คบั ใชก้ ฎหมายอย่างจริงจงั ควบคู่กบั การเสริม สรา้ งจติ สานึกดา้ นสทิ ธิและหนา้ ทข่ี องพลเมอื ง และ ความตระหนกั ถงึ คุณค่าและเคารพศกั ด์ศิ รคี วามเป็น มนุษยเ์ พอ่ื ลดความขดั แยง้ 5.2 ยทุ ธศาสตรก์ ารสรา้ งความเขม้ แขง็ ของชมุ ชนและสงั คมใหเ้ ป็นรากฐานท่มี นั่ คงของประเทศ ให้ ความสาคญั กบั (1) การบรหิ ารจดั การกระบวนการชุมชนเขม้ แขง็ ดว้ ยการส่งเสริมการรวมตวั ร่วมคดิ ร่วมทาในรูปแบบท่หี ลากหลาย และจดั กิจกรรม อย่างตอ่ เน่อื งตามความพรอ้ มของชุมชน มกี ระบวนการจดั การองคค์ วามรูแ้ ละระบบการเรยี นรูข้ องชมุ ชนอย่างเป็นขนั้ ตอน มเี ครอื ข่ายการ เรียนรู้ ทงั้ ภายในและภายนอกชุมชน มกี ระบวนการเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพชมุ ชนและองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ใหส้ ามารถพฒั นาต่อยอด ใหเ้กดิ ประโยชนแ์ ก่ชุมชนในการนาไปสู่การพ่งึ ตนเอง รวมทง้ั การสรา้ งภมู ิคุม้ กนั ใหช้ ุมชนพรอ้ มเผชญิ การเปลยี่ นแปลง (2) การสรา้ งความมนั่ คงของเศรษฐกจิ ชุมชน ดว้ ยการบรู ณาการกระบวนการผลติ บนฐานศกั ยภาพ และความเขม้ แขง็ ของชมุ ชนอย่างสมดุล เนน้ การผลติ เพอ่ื การบริโภคอย่างพอเพยี งภายในชุมชน สนบั สนุนใหช้ ุมชนมกี ารรวมกลุ่มในรูปสหกรณ์ กลมุ่ อาชพี สนบั สนุนการนาภูมปิ ญั ญาและวฒั นธรรม ทอ้ งถ่นิ มาใชใ้ นการสรา้ งสรรคค์ ณุ ค่าของสินค่าและบรกิ ารและสรา้ งความร่วมมอื กบั ภาคเอกชนในการลงทุนสรา้ งอาชพี และรายไดท้ ม่ี กี ารจดั สรรประโยชนอ์ ย่างเป็นธรรมแก่ชุมชน ส่งเสรมิ การร่วมลงทนุ ระหว่าง เครอื ข่ายองคก์ รชุมชนกบั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ รวมทง้ั สรา้ งระบบบ่มเพาะวสิ าหกิจชมุ ชนควบคู่กบั การพฒั นาความรูด้ า้ นการ จดั การ การตลาด และทกั ษะในการประกอบอาชพี (3) การเสริมสรา้ งศกั ยภาพของชมุ ชนในการอยู่ร่วมกนั กบั ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม อยา่ ง สนั ตแิ ละเก้ือกลู ดว้ ยการส่งเสริมสทิ ธชิ ุมชน และกระบวนการมสี ่วนร่วมของชมุ ชนในการสงวน อนุรกั ษ์ ฟ้ืนฟู พฒั นา ใชป้ ระโยชนแ์ ละเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการบรหิ ารจดั การ รวมทงั้ การสรา้ งกลไกในการปกป้องคุม้ ครอง ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มในทอ้ งถ่นิ 5.3 ยุทธศาสตรา์ รปรบั โครงสรา้ งเศรษฐกิจใหส้ มดุลและยงั่ ยืน ใหค้ วามสาคญั กบั (1) การปรบั โครงสรา้ งการผลติ เพอ่ื เพิ่มผลติ ภาพและคุณค่าของสนิ ค่าและบรกิ ารบนฐานความรูแ้ ละ
ความเป็นไทย โดยปรบั โครงสรา้ งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการท่ใี ชก้ ระบวนการพฒั นาคลสั เตอรแ์ ละ หว่ งโซ่อปุ ทาน รวมทง้ั เครอื ข่ายชุมชนบนรากฐานของความรูส้ มยั ใหม่ ภมู ปิ ญั ญา ทอ้ งถน่ิ และวฒั นธรรมไทย และ ความหลากหลายทางชวี ภาพ เพอ่ื สรา้ งสนิ คา้ ท่มี คี ุณภาพและมูลคา้ สูง มตี ราสนิ คา้ เป็นท่ยี อมรบั ของตลาด รวมทงั้ สรา้ งบรรยากาศการลงทุนท่ดี ี เพอ่ื ดงึ ดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และส่งเสริมการลงทนุ ไทยในต่างประเทศ ตลอดจนการบรหิ ารองคค์ วามรูอ้ ย่างเป็นระบบ การพฒั นาโครงสรา้ งพ้นื ฐานและระบบโลจสิ ตกิ ส์ การปฏริ ูปองคก์ ร การปรบั ปรุงกฎระเบยี บ และพฒั นาระบบมาตรฐานในดา้ นตา่ งๆ รวมทง้ั การดาเนินนโยบายการคา้ ระหว่างประเทศให้ สนบั สนุนการปรบั โครงสรา้ งการผลติ และการเพม่ิ ขดี ความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศ (2) การสรา้ งภมู คิ ุม้ กนั ของระบบเศรษฐกจิ โดยการบรหิ ารเศรษฐกจิ ส่วนรวมอย่างมปี ระสทิ ธิภาพเพอ่ื รกั ษาเสถยี รภาพทางเศรษฐกิจใหม้ นั่ คงและสนบั สนุนการปรบั โครงสรา้ งการผลติ โดยการระดมทุนไปสู่ภาคการผลติ ท่มี ี ประสทิ ธิภาพ พฒั นารฐั วสิ าหกิจใหม้ กี ารดาเนินงานอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพบนหลกั การบรหิ ารจดั การท่ดี ี เพอื่ ใหก้ ารใช้ ทรพั ยากรเกิดประสทิ ธภิ าพและสวสั ดกิ ารสูงสุดแก่ประเทศการ ส่งเสรมิ การออมอย่างเป็นระบบเพอื่ เป็นแหล่งระดม ทุนและเป็นหลกั ประกนั ในชีวติ ของประชาชน และการเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการใชพ้ ลงั งานและการพฒั นาแหล่งพลงั งาน ทางเลอื กเพอื่ ลดการพง่ึ พงิ การนาเขา้ พลงั งานและประหยดั เงนิ ตราต่างประเทศ (3) การสนบั สนุนใหเ้ กดิ การแข่งขนั ทเ่ี ป็นธรรมและการกระจายผลประโยชน์จากการพฒั นา อยา่ งเป็นธรรม โดยส่งเสริมการแข่งขนั การประกอบธุรกจิ ในระบบอย่างเสรี เป็นธรรม และป้องกนั การผกู ขาด กระจาย การพฒั นาโครงสรา้ งพ้นื ฐานไปสู่ภูมภิ าคอย่างสมดลุ และเป็นธรรม ใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ บรกิ ารไดอ้ ย่างทวั่ ถงึ เพยี งพอ และ สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของพ้นื ท่ี เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพและความครอบคลุมของการใหบ้ ริการของระบบการเงนิ ฐานราก ใหส้ ามารถสนบั สนุนการพฒั นาศกั ยภาพชมุ ชนและเศรษฐกจิ ฐานรากดว้ ยการพฒั นาองคก์ รการเงนิ ชมุ ชนใหเ้ขม้ แขง็ รวมทงั้ ดาเนินนโยบายการคลงั เพอ่ื ส่งเสริมการกระจายรายได้ โดยกระจายอานาจการจดั เก็บภาษี การจดั ทางบประมาณ และการเบกิ จ่าย และการก่อหน้ภี ายใตก้ รอบการรกั ษาวนิ ยั ทางการคลงั สู่ทอ้ งถ่นิ 5.4 ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาบนฐานความหลากหลายทางชีวภาพและการสรา้ งความมนั่ คงของฐานทรพั ยากร และสง่ิ แวดลอ้ ม ใหค้ วามสาคญั กบั (1) การรกั ษาฐานทรพั ยากรและความสมดุลของระบบนิเวศ เพอื่ รกั ษาสมดลุ ระหว่างการ อนุรกั ษ์ และการใชป้ ระโยชน์ โดยพฒั นาระบบฐานขอ้ มลู และสรา้ งองคค์ วามรู้ สง่ เสรมิ สทิ ธชิ ุมชนและ การมสี ่วนรว่ มในการ จดั การทรพั ยากร ตลอดจนพฒั นาระบบการจดั การร่วมเพอ่ื อนุรกั ษแ์ ละฟ้ืนฟูทรพั ยากรธรรมชาติ โดยใหค้ วามสาคญั กบั การกาหนดเขต และการจดั การเชงิ พ้นื ทภ่ี ายใตก้ ารจดั ทาขอ้ ตกลงกบั ชุมชนทอ้ งถ่นิ ในการดูแลทรพั ยากรธรรมชาติหลกั ไดแ้ ก่ ดนิ นา้ ป่าไม้ ทรพั ยากรทะเลและชายฝงั่ ทรพั ยากรแร่ รวมถงึ การมมี าตรการหยดุ ใชท้ รพั ยากรทส่ี าคญั ท่ถี ูก ทาลายสูงเป็นการชวั่ คราว และการ สรา้ งกลไกแกป้ ญั หาความขดั แยง้ อย่างสนั ตวิ ธิ ี รวมทงั้ การพฒั นาระบบการ จดั การและการป้องกนั ภยั พบิ ตั ิ (2) การสรา้ งสภาพแวดลอ้ มทด่ี ีเพอื่ ยกระดบั คณุ ภาพชีวิตและการพฒั นาทยี่ งั่ ยืน โดยการปรบั แบบ แผนการผลติ และพฤตกิ รรมการบริโภคไปสู่การผลติ และการบริโภคทย่ี งั่ ยนื เพอ่ื ลดผลกระทบต่อ ฐาน ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม โดยกาหนดนโยบายสาธารณะ และใชก้ ลไกทางเศรษฐศาสตร์ ทงั้ ดา้ นการเงนิ และ
การคลงั รวมทง้ั การสรา้ งตลาดสนิ คา้ และบรกิ ารทเ่ี ป็นมติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ ม ตลอดจนพฒั นาประสทิ ธภิ าพการบรหิ าร จดั การเพอ่ื ลดมลพษิ และควบคุมกิจกรรมท่จี ะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวติ โดยผลกั ดนั ใหเ้กิดระบบประเมนิ สง่ิ แวดลอ้ มระดบั ยทุ ธศาสตร์ ระบบประเมนิ ผลกระทบทางสงั คมและสุขภาพในโครงการพฒั นาของรฐั หรอื ท่รี ฐั อนุมตั ิ ใหเ้อกชนดาเนินการ ควบคู่กบั การยกระดบั ขดี ความสามารถขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ และชมุ ชนในการบรหิ าร จดั การส่งิ แวดลอ้ มตลอดจนมกี ลไกกาหนดจุดยนื ต่อพนั ธกรณีและขอ้ ตกลงระหว่างประเทศดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม (3) การพฒั นาคุณค่าความหลากหลายทางชีวภาพและภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ โดยใชป้ รชั ญา ของ เศรษฐกิจพอเพยี งเป็นแนวทางสาคญั เรม่ิ จากการจดั การองคค์ วามรูแ้ ละสรา้ งภูมคิ ุม้ กนั การคุม้ ครองทรพั ยากรความ หลากหลายทางชีวภาพจากการคกุ คามภายนอก โดยเฉพาะจากพนั ธกรณีระหว่างประเทศ สรา้ งระบบการคุม้ ครองสทิ ธชิ มุ ชน และการแบ่งปนั ผลประโยชนท์ ่เี ป็นธรรม ส่งเสรมิ การใชค้ วามหลากหลายทาง ชีวภาพในการสรา้ งความมนั่ คงของภาคเศรษฐกิจทอ้ งถ่นิ และชุมชน รวมทง้ั พฒั นาขดี ความสามารถและสรา้ งนวตั กรรม จากทรพั ยากรชีวภาพท่เี ป็นเอกลกั ษณ์ของประเทศ 5.5 ยทุ ธศาสตรก์ ารเสริมสรา้ งธรรมาภบิ าลในการบรหิ ารจดั การประเทศ ม่งุ เสริมสรา้ งความเป็น ธรรมในสงั คมอย่างยงั่ ยนื โดยใหค้ วามสาคญั กบั (1) การเสริมสรา้ ง และพฒั นาวฒั นธรรมประชาธปิ ไตยและธรรมาภบิ าลใหเ้ ป็นส่วนหน่ึงของวถิ ีการดาเนินชีวติ ใน สงั คมไทย โดยสรา้ งกระบวนการเรยี นรู้ ปลูกฝงั จติ สานกึ ค่านยิ ม วฒั นธรรมประชาธิปไตย และธรรมาภบิ าลแก่เยาวชน และ ประชาชนทุกระดบั อย่างตอ่ เนอ่ื งจริงจงั พรอ้ มทง้ั พฒั นาภาวะความเป็นผูน้ าประชาธปิ ไตยท่มี คี ุณธรรม จรยิ ธรรม และธรรมาภบิ าล ใน สงั คมทุกระดบั เพ่อื ใหเ้ป็น แบบอย่างท่ดี ีในสงั คม ตลอดจนวางรากฐานกระบวนการประชาธิปไตยโดยใหป้ ระชาชนมสี ่วนร่วมอย่าง แทจ้ ริง และเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพกลไกและกระบวนการตรวจสอบการใชอ้ านาจรฐั และการเมอื งใหเ้ขม้ แขง็ และเป็นอสิ ระมากข้นึ (2) เสริมสร างความเข มแขง็ ของภาคประชาชนใหส้ ามารถเขา้ ร่วมในการบริหารจดั การประเทศ โดยสง่ เสริมให้ ประชาชนรวมตวั และรวมกลุ่มสรา้ งเครือข่ายการทางานร่วมกนั ใหเ้ขม้ แขง็ ส่งเสรมิ ใหเ้ขา้ ถงึ กระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทยี ม และร่วม ในกระบวนการบริหารจดั การประเทศใหเ้กิดความ เป็นธรรมและความโปร่งใสในการพฒั นาประเทศ เสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ และสรา้ ง เครอื ข่ายการทางานของกลไกตรวจสอบภาคประชาชน เพ่อื ติดตามตรวจสอบการใชอ้ านาจของภาครฐั ไดอ้ ย่างเขม้ แขง็ มปี ระสทิ ธภิ าพ (3) สรา้ งภาคราชการท่ีมีประสทิ ธภิ าพและมีธรรมาภบิ าล เน้นการบรกิ ารแทนการกากบั ควบคมุ และ ทางานร่วมกบั ห่นุ สว่ นการพฒั นา เนน้ การพฒั นาประสทิ ธิภาพและความคุม้ ค่าในการปฏบิ ตั ภิ ารกิจดว้ ยการปรบั บทบาท โครงสรา้ งและกลไกการบริหารจดั การภาครฐั และรฐั วสิ าหกจิ ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ ทนั สมยั ลดการบงั คบั ควบคมุ คานงึ ถงึ ความตอ้ งการของประชาชนและทางานร่วมกบั หุ่นส่วนการพฒั นา เพม่ิ บทบาทภาคเอกชนในกิจการของรฐั และรฐั วสิ าหกจิ เพอ่ื เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพและคุณภาพการใหบ้ รกิ ารสาธารณะ และลดภาระการลงทุนของภาครฐั ตลอดจนพฒั นากลไกการ กากบั ดูแลทเ่ี ขม้ แขง็ เพอ่ื ใหเ้กิดการ แข่งขนั ท่เี ป็นธรรม โปร่งใส โดยคานงึ ถงึ ผลประโยชนข์ องประเทศและคมุ้ ครอง ผูใ้ ชบ้ รกิ าร โดยดาเนินการควบคู่ไปกบั การปลกู ฝูงจิตสานึกขา้ ราชการใหเ้หน็ ความสาคญั และยดึ มนั่ ในหลกั ธรรมาภบิ าล และยดึ /ปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายท่เี กย่ี วขอ้ งกบั การเปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสารอย่างเคร่งครดั (4) การกระจายอานาจการบริหารจดั การประเทศสู่ภมู ภิ าค ทอ้ งถิ่น และชมุ ชนเพ่มิ ข้นึ
ต่อเน่ือง โดยพฒั นาศกั ยภาพ และกระจายอานาจการตดั สนิ ใจใหท้ อ้ งถน่ิ มบี ทบาทสามารถรบั ผดิ ชอบในการบริหาร จดั บรกิ ารสาธารณะ ตลอดจนแกไ้ ขปญั หาทต่ี อบสนองความตอ้ งการของประชาชนในพ้นื ท่ี และสามารถสรา้ งความเจรญิ ทางเศรษฐกจิ และสงั คมใหแ้ ก่ทอ้ งถ่นิ อย่างแทจ้ รงิ พรอ้ มทง้ั เปิดโอกาสใหป้ ระชาชนเขา้ มามสี ่วนร่วมในการพฒั นาทอ้ งถ่นิ ของตนเอง (5) ส่งเสริมภาคธรุ กจิ เอกชนใหเ้ กดิ ความเขม้ แขง็ สุจริต และมธี รรมาภบิ าล โดยมมี าตรการ ส่งเสรมิ และสรา้ งแรงจงู ใจใหธ้ ุรกิจเอกชนทง้ั ท่จี ดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรพั ย์ และธุรกจิ เอกชนทวั่ ไปเป็น “บรรษทั ภบิ าล” เพมิ่ มากข้นึ สรา้ งจติ สานกึ ในการประกอบธุรกจิ อย่างซ่อื สตั ย์ ยตุ ธิ รรมต่อผูบ้ ริโภค และ เป็นธรรมกบั ธุรกิจคู่แข่ง พรอ้ ม ทง้ั ยดึ มนั่ ในความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม แบ่งบนั ผลประโยชนค์ ืนสูส่ าธารณะ ตลอดจนสนบั สนุนสถาบนั วชิ าชพี ธุรกจิ ประเภทตา่ งๆ ใหม้ บี ทบาทในการสรา้ งธรรมาภบิ าลแก่ภาคธุรกจิ มากข้นึ (6) การปฏริ ูปกฎหมาย กฎระเบียบ และขน้ั ตอน กระบวนการเกย่ี วกบั การพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม เพือ่ สรา้ งความสมดุลในการจดั สรรประโยชน์จากการพฒั นา ดว้ ยการเปิดโอกาสใหภ้ าคีและกลุ่ม ต่างๆ มสี ่วนร่วมใน การเสนอแนะและตรากฎหมายเพอื่ ประสานประโยชนข์ องภาคสว่ นต่างๆ ใหเ้สมอภาคและมคี วามสมดุล โดยการปฏริ ูป กฎหมายเพอ่ื สรา้ งความเป็นธรรมทางเศรษฐกจิ ลดการใชด้ ุลพนิ ิจของขา้ ราชการและเจา้ หนา้ ท่ี รวมทงั้ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของกลไกการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายทเ่ี กี่ยว ขอ้ งกบั การประกอบธุรกจิ เพอ่ื สรา้ งความเป็นธรรมต่อ ผูป้ ระกอบการขนาดเลก็ และผูป้ ระกอบการใหม่ (7) การรกั ษาและเสริมสรา้ งความมนั่ คงเพื่อสนับสนุนการบรหิ ารจดั การประเทศสู่ดุลยภาพและความ ยงั่ ยืน โดยการพฒั นาศกั ยภาพ บทบาท และภารกิจของหน่วยงานดา้ นการป้องกนั ประเทศ ความมนั่ คง และการรกั ษา ความสงบเรยี บรอ้ ย ใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ มคี วามพรอ้ มในการป้องกนั ประเทศและตอบสนองต่อภยั คกุ คามในทุกรูปแบบ สถานการณ์ไดฉ้ บั ไว พรอ้ มทงั้ ผนึกพลงั ร่วมกบั ภาคส่วนต่างๆ ดาเนนิ การป้องกนั และพฒั นาประเทศใหส้ ามารถพทิ กั ษ์ รกั ษาเอกราช สถาบนั พระมหากษตั ริยผ์ ลประโยชนข์ องชาติ และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มี พระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ รวมทง้ั สามารถสรา้ งความมนั่ คงของประชาชนและสงั คมใหม้ คี วามอยู่รอดปลอดภยั โดย ยดึ หลกั ธรรมาภบิ าลในทุกระดบั 6. การขบั เคลื่อนยุทธศาสตรส์ กู่ ารปฏบิ ตั ิและการติดตามประเมนิ ผล การขบั เคลอ่ื นยทุ ธศาสตรแ์ ผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10 สูก่ ารปฏบิ ตั ติ อ้ งใหค้ วามสาคญั กบั การมสี ่วนร่วมของทุก ภาคีพฒั นาจากทุกภาคส่วน เพอ่ื สามารถผนกึ พลงั ความร่วมมอื ตามบทบาทความรบั ผดิ ชอบ ร่วมกนั ขบั เคลอ่ื นโดยนาเอา แนวทางการพฒั นาตามยุทธศาสตรข์ องแผนมาแปลงไปสู่แผนปฏบิ ตั กิ ารในระดบั ต่างๆ ทส่ี ามารถนาไปขบั เคลอ่ื นให้ เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ควบคู่ไปกบั การปรบั ระบบการจดั สรรทรพั ยากรและปรบั ปรงุ กฎหมาย กฎระเบยี บ รวมทงั้ สรา้ งองคค์ วามรูเ้ พอ่ื หนุนเสริมการขบั เคลอ่ื นใหส้ มั ฤทธ์ผิ ล และมกี ารตดิ ตามประเมนิ ผลอย่างเป็นระบบ โดยมแี นวทาง สาคญั ดงั น้ี 6.1 เสริมสรา้ งบทบาทการมีส่วนร่วมของภาคพี ฒั นา จดั ทาแผนปฏิบตั กิ ารในระดบั ตา่ งๆ ท่ีบูรณา การเชื่อมโยงกบั ยทุ ธศาสตรข์ องแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10 ภายใตห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง โดยให้
ความสาคญั กบั การจดั แบ่งบทบาทหลกั ทช่ี ดั เจนของภาคพี ฒั นาทงั้ ภาครฐั ภาคเอกชน ภาคสถาบนั ต่างๆ รวมถงึ ภาค ชมุ ชนเพอื่ สามารถดาเนนิ ภารกจิ ร่วมมอื สนบั สนุนซ่งึ กนั และกนั ได้ ควบคู่ไปกบั การสรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจในหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และการประยกุ ตใ์ ชใ้ หก้ บั ภาคีพฒั นาทุกภาคส่วนอย่าง ต่อเนอ่ื ง เพอื่ มสี ่วนร่วม ขบั เคลอ่ื นและจดั ทาแผนปฏบิ ตั ิการระดบั ต่างๆ ท่เี ช่อื มโยงกบั ยุทธศาสตรแ์ ผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10 โดยภาครฐั จดั ทาและ ขบั เคลอ่ื นแผนบรหิ ารราชการแผ่นดนิ และแผนปฏบิ ตั กิ ารในรูปแบบต่างๆ ทย่ี ดึ โยงกบั มติ ขิ องงานตามภารกจิ มติ ิของ พ้นื ท่ี และมติ ติ ามวาระงานพเิ ศษ และใชก้ ลไกกระบวนการชมุ ชนสรา้ งการบรู ณาการกบั แผนทอ้ งถ่นิ แผนจงั หวดั /กลุ่ม จงั หวดั และภาคไปจนถงึ แผนระดบั ชาติ ตลอดจนใหม้ กี ลไกทป่ี รกึ ษาภาคประชาชนเพอ่ื ร่วมขบั เคลอ่ื นในระดบั พ้นื ท่ี 6.2 กาหนดแนวทางการลงทุนทีส่ าคญั ตามยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาในแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10 เพอื่ ภาคพี ฒั นา สามารถนาไปขบั เคลอ่ื นภายใตบ้ ทบาทภารกจิ ของตน และสรา้ งการมสี ่วนร่วมจากภาคส่วนต่างๆ โดยมแี นวทางการ ลงทนุ ภายใตก้ ารพฒั นาคนและสงั คม รวมทงั้ ความเขม้ แขง็ ของชุมชน เนน้ การพฒั นาระบบสุขภาพครบวงจร การเรียนรู้ ตลอดชีวติ การพฒั นาคณุ ภาพการวจิ ยั และพฒั นา การพฒั นาศกั ยภาพชุมชนอย่างต่อเนือ่ ง การสรา้ งหลกั ประกนั สงั คม ใหผ้ ูอ้ ยู่ในเศรษฐกิจนอกระบบ การแกป้ ญั หาความยากจน อย่างบูรณาการ ภายใตก้ ารปรบั โครงสรา้ งเศรษฐกจิ จะให้ ความสาคญั กบั การปฏริ ูประบบการออม การรวมกลุ่ม การปฏริ ูประบบนวตั กรรม การลดตน้ ทนุ การขนส่ง และโลจิ สติกส์ การลงทนุ เพอื่ สรา้ งโอกาส การเขา้ ถงึ บรกิ ารพ้นื ฐานท่สี มดุลเป็นธรรม และสรา้ งความมนั่ คงดา้ นพลงั งาน ภายใตก้ ารพฒั นาบนฐานความหลากหลายทางชวี ภาพและสรา้ งความมนั่ คงของฐานทรพั ยากร สง่ิ แวดลอ้ มจะใหค้ วามสาคญั กบั การพฒั นาระบบฐานขอ้ มูลสารสนเทศภูมศิ าสตร์ การพฒั นาแหล่งนา้ การควบคุมและ บรรเทาอทุ กภยั การลงทุนในการสรา้ ง ขยาย และปรบั ปรงุ ระบบบาบดั นา้ เสยี และกาจดั ขยะมูลฝอย การใชเ้ ทคโนโลยี สะอาด การปรบั เปลย่ี นมาใชเ้ครอื่ งยนตแ์ ละพลงั งานทส่ี ะอาด การสรา้ งระบบจดั การฐานขอ้ มลู และสรา้ งศูนยข์ อ้ มลู ระดบั ชาตดิ า้ นทรพั ยากรความหลากหลายทางชีวภาพ ภายใตก้ ารเสริมสรา้ ง ธรรมาภบิ าลจะใหค้ วามสาคญั กบั การ รณรงคป์ ลูกจิตสานกึ ธรรมาภบิ าล ค่านิยมวฒั นธรรม ประชาธิปไตย วฒั นธรรมสนั ตวิ ธิ ีแก่ประชาชนทกุ ระดบั ทกุ ภาค ส่วน และทกุ สถาบนั การเปิดโอกาสใหภ้ าคประชาชนไดเ้ ขา้ ร่วมคิด ตดั สนิ ใจ ดาเนินการ รบั ผดิ ชอบ และร่วมตรวจสอบ ในกระบวนการบรหิ ารจดั การประเทศ และสรา้ งองคค์ วามรูเ้กีย่ วกบั การพฒั นาวฒั นธรรมประชาธิปไตย และวฒั นธรรม ธรรมาภบิ าล 6.3 เรง่ ปรบั ปรงุ และพฒั นากฎหมายเพื่อสนบั สนุนการขบั เคลอ่ื นยุทธศาสตรใ์ หบ้ งั เกิดผลในทางปฏบิ ตั ิอย่างมี ประสทิ ธิภาพ ประสทิ ธผิ ล ภายใตก้ รอบการปรบั ปรงุ กฎหมายท่เี อ้อื ต่อการบริหารกจิ การ บา้ นเมอื งท่ดี ี การปรบั โครงสรา้ งทางเศรษฐกจิ การเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพการแข่งขนั ของประเทศ การแกไ้ ข ปญั หาความยากจน การป้องกนั การทุจริต การกระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างทวั่ ถงึ ตลอดจนการ มภี ูมคิ ุม้ กนั ตอ่ กระแสการเปลย่ี นแปลง ทางเศรษฐกจิ ในยุคโลกาภวิ ตั น์ และเร่งรดั การพฒั นาบุคลากรทางกฎหมายใหม้ คี วามรูค้ วามสามารถทนั ต่อความจาเป็น ของทางราชการและการเปลย่ี นแปลงของโลก โดยมกี ฎหมาย ทง้ั ดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม ส่งิ แวดลอ้ ม ทรพั ยากรฯ และการ บริหารจดั การทต่ี อ้ งเร่งผลกั ดนั การออกกฎหมาย การปรบั ปรงุ แกไ้ ข และการประกาศใช้ รวมทงั้ การยกร่างข้นึ ใหม่
6.4 ศึกษาวิจยั สรา้ งองคค์ วามรูแ้ ละกระบวนการเรียนรูเ้ พ่ือหนุนเสริมการขบั เคลอ่ื นยุทธศาสตรแ์ ผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 10 สู่การปฏิบตั ิ โดยใหค้ วามสาคญั กบั การศกึ ษาวจิ ยั สรา้ งองคค์ วามรูท้ จ่ี ะช่วยสรา้ งกระบวนการเรียนรูแ้ ละการ เผยแพร่ขยายผลใหเ้กดิ ประโยชนท์ ง้ั ในระดบั การปฏบิ ตั ิและระดบั นโยบายไดต้ ่อไป โดยมปี ระเดน็ สาระงานวจิ ยั หลกั ๆ ตามประเดน็ ยุทธศาสตรท์ งั้ 5 ยทุ ธศาสตรข์ องแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10 6.5 พฒั นาระบบการติดตามประเมนิ ผลและสรา้ งดชั นีช้ีวดั ความสาเร็จของการพฒั นาในทุกระดบั โดยพฒั นา ยกระดบั ระบบติดตามตรวจสอบและประเมินผลการบรหิ ารจดั การภาครฐั แนวใหม่ทม่ี ่งุ ผลสมั ฤทธ์ขิ องการปฏบิ ตั งิ าน ให้ มมี าตรฐานและมวี ธิ วี ดั ผลงานทช่ี ดั เจน สามารถตรวจสอบและเปรียบเทยี บผลระหว่างหน่วยงานได้ รวมทงั้ สนบั สนุนให้ ทกุ ส่วนราชการพฒั นาสู่ระบบตรวจสอบและประเมนิ ผลการบริหารจดั การทด่ี ขี องภาครฐั ท่มี ุ่งความคุม้ ค่า ความโปร่งใส และตอบสนองความตอ้ งการท่หี ลากหลายของประชาชน ตลอดจนสนบั สนุนการพฒั นาดชั นีช้วี ดั ผลสาเร็จของการพฒั นา ตามแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10 ทง้ั ในระดบั ภาพรวม และระดบั ยทุ ธศาสตร์ รวมทง้ั พฒั นาดชั นีช้วี ดั ผลกระทบขน้ั สดุ ทา้ ย ของการพฒั นาท่มี ่งุ สู่สงั คมอยูเ่ ย็นเป็นสขุ ร่วมกนั โดยอาศยั กระบวนการมสี ่วนร่วม ควบคู่ไปกบั การสรา้ งองคค์ วามรูด้ า้ น การตดิ ตามประเมนิ ผล และการเผยแพร่รายงานดา้ นการติดตามประเมนิ ผลสู่สาธารณชนอย่างต่อเนื่อง 6.6 สนับสนุนการพฒั นาระบบฐานขอ้ มลู ในทกุ ระดบั และการเชื่อมโยงโครงข่ายขอ้ มลู ข่าวสารระหว่างหน่วยงาน กลางระดบั นโยบาย ตลอดจนระดบั พ้ืนทแ่ี ละทอ้ งถ่ิน โดยสนบั สนุนใหห้ น่วยงานระดบั นโยบาย ดา้ นขอ้ มลู พฒั นา ระบบขอ้ มูล ฐานขอ้ มูล และระบบบริหารจดั การสถติ เิ พอ่ื การวางแผนใหต้ อบสนองต่อการพฒั นาตามแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10 ส่งเสรมิ การพฒั นาขอ้ มลู เพอื่ การเฝ้าระวงั และบ่งช้ีทศิ ทางการเปลย่ี นแปลงของสถานการณ์เศรษฐกิจ สงั คมของ ประเทศและระดบั โลก ติดตามตรวจสอบการดาเนินนโยบาย และสนบั สนุนการสรา้ งเครือขา่ ยขอ้ มูลร่วมกนั เพอ่ื การ วางแผนและติดตามประเมนิ ผลในระดบั จงั หวดั ทอ้ งถน่ิ และชุมชน ส่งเสริมการเช่อื มโยงโครงข่ายขอ้ มูลระดบั จงั หวดั ทอ้ งถน่ิ และชมุ ชนเขา้ กบั ส่วนกลาง ใหเ้ป็นระบบท่เี ขา้ ถงึ ไดง้ ่าย และใชป้ ระโยชนร์ ่วมกนั ไดอ้ ย่างสะดวกรวดเรว็
1.1 เรอ่ื ง โครงสรา้ งเศรษฐกิจไทย ตอนท่ี 1 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. เศรษฐกิจไทยก่อนการใชแ้ ผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ มลี กั ษณะอยา่ งไร จงอธิบาย 2. สนธิสญั ญาเบาวร์ งิ มผี ลกระทบตอ่ เศรษฐกิจไทยทส่ี าคญั อยา่ งไรบา้ ง 3. มกี ารเปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกิจท่สี าคญั ของประเทศไทยระหว่าง พ.ศ. 2475- 2504 ในเรอื่ งใดบา้ ง 4. โครงสรา้ งเศรษฐกิจไทยมกี ารเปลย่ี นแปลงตามแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ อยา่ งไรบา้ ง
ตอนที่ 2 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนอธิบายความสาคญั ของการพฒั นาเศรษฐกิจ พรอ้ มแสดงเหตผุ ล ประชากรมคี วามเป็นอยู่และ สวสั ดกิ ารทางเศรษฐกิจดีข้นึ เหตุผลสนบั สนุน ควบคุมสภาวะแวดลอ้ ม เหตุผลสนบั สนุน ไดม้ าก ความสาคัญของ ประเทศชว่ ยเหลือบุคคล เหตุผลสนบั สนุน การพฒั นาเศรษฐกิจ ท่ีไมส่ ามารถช่วยเหลือ ตนเองได้ ประชากรมีอสิ ระในการ เหตุผลสนบั สนุน เลอื กวิถีการดารงชีวิต ไดม้ ากข้นึ ประเทศมีอานาจทาง เหตุผลสนบั สนุน เศรษฐกิจ การเมืองเหนือ ประเทศอ่ืน
1.1 เร่ือง โครงสรา้ งเศรษฐกิจไทย ตอนที่ 1 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี 1. เศรษฐกจิ ไทยก่อนการใชแ้ ผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ มลี กั ษณะอยา่ งไร จงอธิบาย เป็นเศรษฐกิจพอยงั ชีพ มกี ารคา้ ระหว่างประเทศและอยใู่ นขอบเขตจากดั สนิ คา้ ส่งออกเป็นผลผลติ จาก ธรรมชาตแิ ละป่า สนิ คา้ นา้ ตาลและพรกิ ไทยเป็นสนิ คา้ สง่ ออกทสี่ าคญั 2. สนธสิ ญั ญาเบาวร์ งิ มผี ลกระทบต่อเศรษฐกจิ ไทยทส่ี าคญั อย่างไรบา้ ง ทาใหม้ กี ารเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งการผลติ และการคา้ ระหว่างประเทศ มกี ารพฒั นาระบบขนสง่ ภายในประเทศและระหวา่ งประเทศ 3. มกี ารเปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกจิ ท่สี าคญั ของประเทศไทยระหว่าง พ.ศ. 2475- 2504 ในเรอ่ื งใดบา้ ง - กาเนดิ ทุนนิยม - มกี ารก่อตงั้ รฐั วสิ าหกิจ - เกดิ ภาวะเงนิ เฟ้อระดบั สงู - เกดิ ภาวะเศรษฐกจิ ตกตา่ ทวั่ โลก มผี ลกระทบต่อธุรกจิ ของไทย เกิดการวา่ งงาน ความเป็นอยู่ ของเกษตรกรไม่ค่อยดี - มกี ารพฒั นาดา้ น อตุ สาหกรรม - การเจรญิ เติบโตทางธุรกจิ ของไทยเป็นไปอยา่ งรวดเรว็ 4. โครงสรา้ งเศรษฐกจิ ไทยมกี ารเปลย่ี นแปลงตามแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ อยา่ งไรบา้ ง - ผลผลติ มวลรวมดา้ นการเกษตรของประเทศ มพี ืชหลกั คือ ขา้ ว ไมส้ กั ยางพารา เปลยี่ นมาเป็น ขา้ ว ขา้ วโพด มนั สาปะหลงั ปอแกว้ - อุตสาหกรรมทแี่ ปรรูปจากเกษตรและอุตสาหกรรมครวั เรอื น เปลยี่ นมาเป็นอุตสาหกรรม สมยั ใหม่ - อุตสาหกรรมดา้ นการบริการและธนาคารพาณิชยข์ ยายตวั มากข้นึ - การคา้ ระหวา่ งประเทศสูงข้นึ กว่าเดิมมาก มกี ารส่งสนิ คา้ ออกมากชนิดข้นึ และการนาเขา้ สนิ คา้ จากสนิ คา้ สาเร็จรูปมาเป็นสนิ คา้ ประเภททุนหรอื วตั ถดุ ิบกง่ึ สาเร็จรูปมากข้นึ - มกี ารเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งอาชีพและการจา้ งงาน การกระจายรายได้ สงิ่ แวดลอ้ ม และคณุ ภาพชีวติ
ตอนท่ี 2 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนอธิบายความสาคญั ของการพฒั นาเศรษฐกิจ พรอ้ มแสดงเหตุผล ประชากรมคี วามเป็นอยู่และ - มีสินค้าทันความต้องการ สวสั ดกิ ารทางเศรษฐกิจดขี ้นึ เหตุผลสนบั สนุน ของประชาชน - มีบริการที่ดีหลากหลาย ชนิด ควบคมุ สภาวะแวดลอ้ ม เหตุผลสนบั สนุน คมุ สภาวะแวดล้อม เช่น ไดม้ าก ปรับปรุงดิน สร้างระบบ ชลประทาน ทาฝนเทยี ม ความสาคัญของ ประเทศช่วยเหลือบุคคล เหตุผลสนบั สนุน กาจดั โรคระบาด การพฒั นาเศรษฐกิจ ทไ่ี มส่ ามารถช่วยเหลือ ตนเองได้ สามารถช่วยเหลอื เดก็ กาพร้า คนพิการ คนชรา ผู้ประสบภยั พิบัติ ผู้ว่างงาน ประชากรมอี สิ ระในการ เหตุผลสนบั สนุน ประเทศมกี ารพฒั นาเศรษฐกิจ เลือกวิถีการดารงชีวติ สามารถผลิตสิ นค้ าและบริ การ ไดม้ ากข้นึ ได้มากชนิด ทาให้คนสามารถ เลือกอาชีพที่ตนถนัด ประเทศมีอานาจทาง 1.2 ประเทศทีม่ กี ารพัฒนาเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ การเมอื งเหนือ ระดบั สูง จะมีความม่นั คง เหตุผลสนบั สนุน ทางการเมือง เศรษฐกิจทาให้ ประเรเทื่อศงอื่นการพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศ มอี ิทธิพลต่อประเทศที่มกี าร ตอนที่ 1 พฒั นาเศรษฐกิจ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นนาหมายเลขบนภาพทม่ี คี วามหมาย สาระสาคญั หรอื วตั ถปุ ระสงคข์ องกจิ กรรม ทส่ี อดคลอ้ งกบั ขอ้ ความในกรอบไปใส่ไวใ้ นวงกลมใตก้ รอบนน้ั
ปัจจยั ทมี่ ีความสาคญั ต่อการพฒั นาเศรษฐกจิ ปัจจยั ทางเศรษฐกจิ ปัจจยั ทไี่ ม่เกย่ี วกับเศรษฐกิจ 12 34 56
78 9 10
ตอนท่ี 2 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี จุดเนน้ สาคญั ของแผนพฒั นา เศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 1 และ 2 มีความ คลา้ ยคลึงกนั อยา่ งไร จดุ เนน้ ของแผนพฒั นาเศรษฐกิจ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 3 และ 4 มคี วามคลา้ ยคลึงกนั อย่างไร จุดเนน้ ของแผนพฒั นาเศรษฐกิจ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 5 และ 6 มีความคลา้ ยคลงึ กนั อยา่ งไร
วตั ถุประสงคห์ ลกั ของ แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม แห่งชาติ ฉบบั ที่ 7 ท่ีมีจุดเนน้ แตกตา่ ง จากแผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 6 คอื อะไร และมปี ัญหาสาคญั ที่สะสมกนั มาอยา่ งตอ่ เน่ือง คอื อะไร แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบบั ที่ 8 มีแนวคิดหลกั ของการพฒั นาประเทศอยา่ งไร และเกิดปัญหาสาคญั ในช่วงน้ี อยา่ งไร แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบบั ที่ 9 และ 10 มจี ุดเนน้ ที่สอดคลอ้ งกบั ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพยี งอยา่ งไร
1.2 เรอ่ื ง การพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศ ตอนที่ 1 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนนาหมายเลขบนภาพทม่ี คี วามหมาย สาระสาคญั หรือวตั ถปุ ระสงคข์ องกิจกรรม ทส่ี อดคลอ้ งกบั ขอ้ ความในกรอบไปใส่ไวใ้ นวงกลมใตก้ รอบนนั้ ปัจจยั ทม่ี คี วามสาคญั ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ปัจจยั ทางเศรษฐกจิ ปัจจัยทไ่ี ม่เกยี่ วกับเศรษฐกจิ 3,5,6, 1 , 2 , 4, 9 , 10 7, 8 1 2 34 56
78 9 10
ตอนท่ี 2 ● เน้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการเพ่ิมผลผลติ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี ของประเทศ จุดเนน้ สาคญั ของแผนพฒั นา ● เน้นการลงทุนในการก่อสร้างทางหลวง เขื่อน สาธารณูปโภค เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ● พัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้ทุนและวตั ถดุ ิบจากต่างประเทศ ฉบบั ท่ี 1 และ 2 มีความ คลา้ ยคลงึ กนั อยา่ งไร จุดเนน้ ของแผนพฒั นาเศรษฐกิจ ● ขยายขอบเขตการพัฒนาเศรษฐกิจหลายด้าน เพื่อแก้ไข และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 3 ปัญหาความแตกต่างของรายได้ระหว่างเมืองกับชนบท และ 4 มคี วามคลา้ ยคลึงกนั อย่างไร ● ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและรักษาเสถียรภาพทาง เศรษฐกิจ ● กระจายรายได้และบริการทางสังคมให้มากขึน้ จุดเนน้ ของแผนพฒั นาเศรษฐกิจ ● เน้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจควบคู่กบั นโยบายการคลงั และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 5 และการเงินทีร่ ัดกุม และ 6 มีความคลา้ ยคลงึ กนั อยา่ งไร ● เน้นบทบาทของเอกชนในการพฒั นาเศรษฐกิจ ● ปรับโครงสร้างการผลิต มีการกระจายตลาดสินค้าภายใน และต่างประเทศให้มากย่งิ ขึน้ ● กระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคมากย่งิ ขึน้
วตั ถุประสงคห์ ลกั ของ ● วตั ถปุ ระสงค์ คือ แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม 1. การพฒั นาแบบย่ังยืน แห่งชาติ 2. แนวทางการพัฒนา เน้นการสร้างความสมดุลของเศรษฐกิจ ฉบบั ท่ี 7 ท่ีมจี ุดเนน้ แตกตา่ ง จากแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 6 ควบคู่ไปกบั ทางสังคม คืออะไร และมปี ัญหาสาคญั ● ปัญหาสาคญั คือ ท่ีสะสมกนั มาอยา่ งต่อเนื่อง 1. ความเส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม คอื อะไร และเกิดมลพิษต่าง ๆ แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม 2. สังคมไทยมีความเป็นวตั ถนุ ิยมมากขึน้ แห่งชาติ ฉบบั ท่ี 8 มแี นวคิดหลกั ของการพฒั นาประเทศอยา่ งไร ●แนวคิดหลักของการพฒั นา คือ และเกิดปัญหาสาคญั ในช่วงน้ี 1. พัฒนาประเทศ โดยเน้นคนเป็นศนู ย์กลางของการพฒั นา อยา่ งไร เปิ ดโอกาสให้คนร่วมแสดงความคิดเห็นและกาหนด แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม ทิศทางการพฒั นา แห่งชาติ ฉบบั ท่ี 9 และ 10 2. เน้นการพัฒนาที่ทาให้เกิดความสมดลุ ระหว่างการพัฒนา มจี ุดเนน้ ท่สี อดคลอ้ งกบั ปรัชญา ด้านเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ของเศรษฐกิจพอเพยี งอย่างไร ● ปัญหาสาคญั ในช่วงการพัฒนาตามแผน คือ เกิดวิกฤติ เศรษฐกิจรุนแรงทีส่ ุด เกิดการว่างงานธุรกิจล้มละลาย มปี ัญหาหนสี้ ินจากต่างประเทศจนต้องขอรับความช่วยเหลอื จาก IMF ● แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 9 ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งตามแนวพระราชดาริของ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวเป็นปรัชญานาทางในการพัฒนา และบริหารประเทศ ยึดหลกั ทางสายกลางเพ่ือให้ประเทศรอด พ้นจากวิกฤติ ● แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 10 นาหลักการของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งจากแผนพฒั นา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 9 มาพัฒนาต่อเนื่อง มเี ป้าหมายสาคญั ในการพัฒนาคน ชุมชนเศรษฐกิจ ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ ชื่อ – สกลุ การแสดงความ การรบั ฟงั การตง้ั ใจ การรว่ ม รวม ลาดบั ความร่วมมือ คดิ เหน็ ความคิดเห็น ทางาน ปรบั ปรุง 20 ของผรู้ บั การ ที่ ผลงานกลมุ่ ประเมนิ คะแนน 43214321432143214321 เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ ดีมาก = 4 3 หมายเหตุ ครูอาจใชว้ ธิ ีการมอบหมายใหห้ วั หนา้ กลุ่ม ดี = 2 เป็นผปู้ ระเมิน หรือใหต้ วั แทนกลุม่ ผลดั กนั ประเมิน 1 หรือให้มีการประเมนิ โดยเพ่ือน โดยตวั นกั เรียนเอง พอใช้ = ตามความเหมาะสมก็ได้ ปรบั ปรุง = เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 17 – 20 ดมี าก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5 – 8 ปรบั ปรุง
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 2 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4-6 เวลา 3 ชวั่ โมง เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั การพฒั นาเศรษฐกจิ ของไทย เรอ่ื ง การนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มาใชใ้ นการวางแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คม สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาใชใ้ นการวางแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ของประเทศ ทาใหท้ กุ ภาคสว่ นนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นการดาเนนิ ชวี ติ ของตนเอง ครอบครวั ภาคเกษตร อุตสาหกรรม การคา้ และบริการ ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ส 3.1 ม.4-6/2 ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งท่มี ตี ่อเศรษฐกิจ สงั คมของประเทศ 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) วเิ คราะหแ์ นวทางการประยุกตใ์ ชเ้ศรษฐกิจพอเพยี ง ในการดาเนนิ ชวี ติ ของตนเองและ ครอบครวั ได้ 2) วเิ คราะหแ์ นวทางการประยุกตใ์ ชเ้ศรษฐกิจพอเพยี ง ในภาคเกษตร อตุ สาหกรรม การคา้ และการบรกิ ารได้ สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง 1) การประยกุ ตใ์ ชเ้ศรษฐกิจพอเพยี งในการดาเนนิ ชวี ติ ของตนเองและครอบครวั 2) การประยกุ ตใ์ ชเ้ศรษฐกิจพอเพยี งในภาคเกษตร อตุ สาหกรรม การคา้ และบริการ 3.2 สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถน่ิ -
สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน 4.1 ความสามารถในการส่อื สาร 4.2 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทกั ษะการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ - ทกั ษะการคดิ แกป้ ญั หา 4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ - กระบวนการทางานกลุ่ม - กระบวนการปฏบิ ตั ิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. ม่งุ มนั่ ในการทางาน 3. มวี นิ ยั 4. มคี วามซ่อื สตั ยส์ จุ ริต 5. ขยนั อดทน 6. พอประมาณ กิจกรรมการเรยี นรู้ (วธิ ีสอนตามแนววฏั จกั รการเรยี นรู้ 4 MAT วิธสี อนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการกล่มุ )
ช่ัวโมงท่ี 1 ขน้ั ที่ 1 ขน้ั สรา้ งคุณค่าและประสบการณข์ องสง่ิ ทเ่ี รยี น ( พฒั นาสมองซกี ขวา ) 1.1 ใหน้ กั เรยี นรวมกลุม่ กลมุ่ ละ 5-6 คน นงั่ ลอ้ มวงผลดั กนั เลา่ ความประทบั ใจในกิจกรรม หรอื การกระทาของกลุ่มบคุ คลทแ่ี สดงว่าไดน้ าปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งไปประยกุ ตใ์ ช้ เชน่ ชาวบา้ นชุมชนถ้าน้าลอด อาเภอปางมะผา้ จงั หวดั แม่ฮ่องสอน ไดร้ วมตวั กนั จดั ชุมชนใหส้ ะอาด ร่มรื่น น่าอยู่ อนุรกั ษส์ ภาพแวดลอ้ ม ป่ าไม้ ถ้า ใหค้ งสภาพเป็นธรรมชาติ แบ่งปันการประกอบอาชีพ มีรายไดจ้ ากการ บริการนกั ทอ่ งเท่ียว พานง่ั แพชมถ้า ผลดั กนั เป็นมคั คุเทศกน์ าเที่ยว มกี ารให้เช่า ตะเกียงหรือโคมไฟ หรือไฟฉายสาหรบั ส่องดูความงามภายในถ้า มีการแบง่ เวร กนั ทาหนา้ ที่ดูแลความปลอดภยั ของนกั ทอ่ งเทีย่ ว การทาความสะอาดบริเวณ สถานท่ี โดยมีคณะกรรมการชุมชนเป็นผวู้ างแผนการทากิจกรรม และหนา้ ที่ ต่าง ๆ อกี ท้งั ใหค้ วามยตุ ิธรรมในการแบ่งรายไดใ้ หแ้ ก่ชาวบา้ น ชาวบา้ นทบั สะแก อาเภอทบั สะแก จงั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ รวมกลมุ่ กนั ประกอบอาชีพแปรรูปสินคา้ จากมะพร้าว เช่น มะพร้าวอบ กะทิสดจากมะพร้าว มะพร้าวแกว้ วุน้ มะพร้าว เครื่องใชเ้ คร่ืองประดบั จากกาบมะพร้าว กะลามะพร้าว เคร่ืองเรือนจากตน้ มะพร้าว ให้ทุกครวั เรือนมีรายไดอ้ ยา่ ง สม่าเสมอและมอี าชีพทม่ี นั่ คง ฯลฯ 1.2 นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั สรปุ ประเด็นสาคญั จากการเลา่ ประสบการณข์ องสมาชิก ในกล่มุ ขน้ั ที่ 2 ขนั้ วเิ คราะหป์ ระสบการณ์ (พฒั นาสมองซกี ซา้ ย) 2.1 ครูและนกั เรยี นช่วยกนั คดั เลอื กกิจกรรมหรือการกระทาของกลมุ่ บคุ คล หรอื ชมุ ชน
ทน่ี ่าสนใจ และแสดงถงึ การนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยกุ ตใ์ ชอ้ ย่าง ชดั เจน 2.2 นกั เรียนและครูร่วมกนั อภปิ รายถงึ เหตผุ ลของการคดั เลอื กกิจกรรมหรือการกระทาของ กลุ่มบคุ คลหรือชุมชน ในขอ้ 2.1 ซ่งึ นกั เรยี นอาจเชอื่ มโยงใหเ้ขา้ กบั ทางสายกลาง เกีย่ วกบั ความพอประมาณ มเี หตผุ ล มภี มู คิ มุ้ กนั ในตวั ทด่ี ี ภายใตเ้งอ่ื นไขความรู้ เงอ่ื นไข คณุ ธรรม ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั ปรบั ประสบการณเ์ ป็นความคดิ รวบยอด (พฒั นาสมองซกี ขวา) 3.1 ครูใหน้ กั เรียนศกึ ษาความรูร้ ่วมกนั ในเรื่องกรอบแนวคิดของหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง 3.2 นกั เรยี นนาขอ้ มลู ความรูท้ ไ่ี ดม้ าเชอื่ มโยงกบั ความรูเ้ดมิ แลว้ ร่วมกนั สรุปเป็นความคิด รวบยอดถงึ แนวทางการนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปประยุกตใ์ ชใ้ นการ วางแผนพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศ ช่ัวโมงที่ 2-3 (กิจกรรมต่อเนอื่ งจากชวั่ โมงท่ี 1) ขน้ั ที่ 4 ขน้ั พฒั นาความคดิ รวบยอด ( พฒั นาสมองซกี ซา้ ย) 4.1 นกั เรยี นรวมกลุม่ ตามความสมคั รใจ กลุ่มละ 5-7 คน ศกึ ษาความรูเ้ร่ือง การพฒั นา เศรษฐกจิ และสงั คมตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง จากหนงั สอื เรียน และแหลง่ การเรยี นรู้ 4.2 นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ นาความรูท้ ่ไี ดศ้ ึกษามาในขอ้ 4.1 มาอภปิ รายร่วมกนั ถงึ ประเดน็ สาคญั ขน้ั ท่ี 5 ขนั้ ลงมอื ปฏบิ ตั ิจากกรอบแนวคดิ ทก่ี าหนด (พฒั นาสมองซกี ซา้ ย) 5.1 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มนาความรูแ้ ละผลการคิดวเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะหม์ าเป็นพ้นื ฐานใน การหาขอ้ มูลข่าวสารจากแหลง่ การเรยี นรูต้ ่าง ๆ ตามหวั ขอ้ ทก่ี าหนดในใบงาน โดยแบ่ง กนั รบั ผดิ ชอบ ดงั น้ี - กลุ่มท่ี 1-2 ทาใบงานท่ี 2.1 เรื่อง เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั ประชาชน - กลุ่มท่ี 3-4 ทาใบงานท่ี 2.2 เรอ่ื ง เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั เกษตรกร - กลุ่มท่ี 5-6 ทาใบงานท่ี 2.3 เรอื่ ง เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั ภาคอุตสาหกรรม การคา้ และการบรกิ าร 5.2 นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั วเิ คราะหข์ อ้ มลู แลว้ ตอบคาถามตามหวั ขอ้ ท่กี าหนดใหใ้ น
ใบงานและตรวจสอบความถูกตอ้ ง 1.3 นกั เรียนแต่ละกล่มุ นาเสนอผลงานตอ่ ชนั้ เรียนและใหก้ ลุ่มอ่นื แสดงความคิดเหน็ เพม่ิ เตมิ โดยมคี รูเป็นผูช้ ่วยช้แี นะ และตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ขน้ั ท่ี 6 ขน้ั สรา้ งช้นิ งานเพอ่ื สะทอ้ นความเป็นตนเอง (พฒั นาสมองซกี ขวา) 6.1 ครูมอบหมายช้นิ งานใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั จดั ป้ายนเิ ทศ เรื่อง ปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งมคี วามสาคญั ต่อการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติของประเทศ โดยใหค้ รอบคลุมประเดน็ ต่อไปน้ี 1) การวเิ คราะหผ์ ลดแี ละปญั หาท่เี กิดข้นึ เมอื่ ส้นิ สุดแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม แห่งชาติ แต่ละฉบบั 2) การวเิ คราะหแ์ ผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมทส่ี อดคลอ้ งกบั หลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง 3) การเสนอแนวทางการประยกุ ตใ์ ชเ้ศรษฐกิจพอเพยี งในการดาเนนิ ชวี ติ ของตนเอง และครอบครวั 4) การเสนอแนวทางการประยกุ ตใ์ ชเ้ศรษฐกจิ พอเพยี งในภาคเกษตร อุตสาหกรรม การคา้ และบรกิ าร 6.2 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมมอื กนั วางแผนและหาขอ้ มลู / ข่าวสาร จากแหลง่ การเรยี นรูต้ า่ ง ๆ มาจดั ป้ายนเิ ทศตามประเดน็ ทก่ี าหนดในขอ้ 6.1 และร่วมมอื กนั ทางานตามหนา้ ท่ที ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ขน้ั ท่ี 7 ขน้ั วเิ คราะหค์ ุณค่าและการประยกุ ตใ์ ช้ ( พฒั นาสมองซกี ซา้ ย ) 7.1 นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั วเิ คราะหผ์ ลงานของตน ชว่ ยกนั แกไ้ ขปญั หาท่เี กดิ ข้นึ ปรบั ปรงุ และพฒั นางานจนมคี วามถูกตอ้ งสมบูรณ์ ขน้ั ที่ 8 ขน้ั แลกเปลย่ี นประสบการณเ์ รยี นรกู้ บั ผอู้ น่ื (พฒั นาสมองซกี ขวา) 8.1 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลงานป้ายนิเทศ โดยใหก้ ลุ่มอน่ื หมนุ เวยี นกนั มาชม และให้ ขอ้ คิดเหน็ หรอื ขอ้ เสนอแนะในแตล่ ะงาน 8.2 ครูและนกั เรยี นชว่ ยกนั สรปุ ขอ้ คิดท่ไี ดจ้ ากการศกึ ษาความรู้ เร่อื ง เศรษฐกิจพอเพยี งกบั การพฒั นาเศรษฐกิจของไทย
การวดั และประเมนิ ผล เครอ่ื งมือ เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ วิธกี าร ใบงานท่ี 2.1 ชั่วชโม่ัวโงมทงี่ 1ท่ี 1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.1 ใบงานท่ี 2.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.2 ใบงานท่ี 2.3 ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.3 ประเมนิ ป้ายนิเทศ เรือ่ ง ปรชั ญาของ แบบประเมนิ ป้ายนเิ ทศ เรื่อง ปรชั ญา ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ เศรษฐกิจพอเพยี งมคี วามสาคญั ตอ่ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ การพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมของ เศรษฐกิจพอเพยี งมคี วามสาคญั ประเทศ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ต่อการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คม ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น ของประเทศ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบทดสอบหลงั เรยี น ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรียน เศรษฐศาสตร์ ม.4-ม.6 2) หนงั สอื คน้ ควา้ เพ่ิมเติม (1) กรมการพฒั นาชุมชน กระทรวงมหาดไทย. แนวทางสง่ เสรมิ เศรษฐกิจพอเพยี งใน ชมุ ชนสาหรบั เจา้ หน้าท่พี ฒั นาชุมชน. กรุงเทพมหานคร : หจก. บางกอกบลอ๊ ก, 2548. (2) สานกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพอ่ื ประสานโครงการอนั เนอื่ งมากจากพระราชดาริ. กษตั ริยน์ ักพฒั นา. กรุงเทพมหานคร : ดอกเบ้ยี , 2546. (3) ศึกษาธิการ, กระทรวง และสานกั พมิ พร์ ่วมดว้ ยช่วยกนั . ทฤษฎใี หม่ในหลวงชีวติ พอเพียง. กรุงเทพมหานคร : กระทรวงศกึ ษาธกิ ารและร่วมดว้ ยชว่ ยกนั , 2544. (4) สุนทร กุลวฒั นวรพงศ.์ ตามรอยพระราชดาริ เศรษฐกิจพอเพียงทฤษฎใี หม่. กรุงเทพมหานคร : ชมรมเดก็ , 2544. (5) วชิ ติ วงศ์ ณ ป้อมเพชร. พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั กบั ปญั หาเศรษฐกิจของ ประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร : บริษทั สานกั พมิ พแ์ สงดาว จากดั , 2550. (6) สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ. เศรษฐกจิ พอเพียงคือ อะไร. กรุงเทพมหานคร : มปพ, 2548.
(7) สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาต.ิ สรปุ ผลการสมั มนาการ พฒั นากรอบแนวคิดและการประยกุ ตใ์ ชป้ รชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง. กรงุ เทพมหานคร : มปพ, 2547. 3) เอกสารความรูเ้พม่ิ เตมิ 4) ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั ประชาชน 5) ใบงานท่ี 2.2 เรือ่ ง เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั เกษตรกร 6) ใบงานท่ี 2.3 เรื่อง เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั ภาคอตุ สาหกรรม การคา้ และการบรกิ าร 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ http://www.sufficiencyeconomy.org/ http://www.doae.go.th/report/SE/html/01.htm http://www.inspect9.moe.go.th/economic_king80.htm http://www. sufficiencyeconomy.panyathai.or.th/
แผนผงั การจดั การเรยี นรตู้ ามแนววฏั จกั รการเรียนรู้ (4 MAT) 8 ๘ขvซีกขวา ซีกขวา 1 นกั เรียนเล่าความ นาเสนอผลงาน ประทบั ใจในกจิ กรรม ตอ่ ช้นั เรียน หรือการกระทาของ 7 นกั เรียนร่วมมอื กนั วเิ คราะห์ ผลงานการจดั ป้ายนิเทศและ กลุ่มบคุ คลท่แี สดงว่าได้ ปรบั ปรุงแกไ้ ขหรือพฒั นา นาปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งไป 2 ประยุกตใ์ ช้ ครูและนกั เรียนอภิปราย ร่วมกนั ถงึ เหตผุ ลท่ี นกั เรียนมคี วามประทบั ใจ ซีกซ้าย ซีกซ้าย ซีกขวา นกั เรียนร่วมมอื กนั จดั ป้ายนิเทศใน นกั เรียนศึกษา นกั เรียนนาประสบการณ์มา ซีกขวา หวั ขอ้ เร่ือง ปรัชญาของเศรษฐกิจ ความรู้เกีย่ วกบั เร่ืองการ สรุ ปเป็ นความคิดรวบยอดถึง 6 พอเพียง มีความสาคญั ต่อการพฒั นา พฒั นาเศรษฐกจิ และสังคม แนวทางการนาหลกั ปรัชญา 3 ตามปรัชญาของเศรษฐกิจ ของเศรษฐกิจพอเพียงไป เศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ พอเพยี ง ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการวางแผน พฒั นาเศรษฐกิจของประเทศ นกั เรียนชว่ ยกนั ทา ใบงานเก่ยี วกบั 4 เศรษฐกิจพอเพียงกบั การพฒั นาเศรษฐกิจ ซีกซ้าย ของประเทศ 5 ซีกซ้าย
ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) ป้ ายนิเทศ เรือ่ ง ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมคี วามสาคญั ตอ่ การพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ คาชี้แจง 1. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั จดั ป้ายนิเทศ เรื่อง ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมคี วามสาคญั ต่อการพฒั นา เศรษฐกิจและสงั คมของประเทศ โดยใหค้ รอบคลมุ ประเด็นตอ่ ไปน้ี 1) การวเิ คราะหผ์ ลดแี ละปญั หาทเ่ี กดิ ข้นึ เมอื่ ส้นิ สุดแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติแตล่ ะ ฉบบั 2) การวเิ คราะหแ์ ผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติท่สี อดคลอ้ งกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3) การเสนอแนวทางการประยุกตใ์ ชเ้ศรษฐกจิ พอเพยี งในการดาเนนิ ชวี ติ ของตนเองและครอบครวั 4) การเสนอแนวทางการประยกุ ตใ์ ชเ้ศรษฐกิจพอเพยี งในภาคเกษตร อุตสาหกรรม การคา้ และ บริการ 2. นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ร่วมมอื กนั วางแผนและหาขอ้ มูล / ข่าวสาร จากแหลง่ การเรยี นรูต้ ่าง ๆ มาจดั ป้าย นเิ ทศตามประเด็นทก่ี าหนดในขอ้ 6.1 และร่วมมอื กนั ทางานตามหนา้ ทท่ี ่ไี ดร้ บั มอบหมาย
แบบประเมินป้ายนิเทศ เรื่อง ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มคี วามสาคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ กล่มุ ท่.ี ................................................. สมาชกิ ของกลุ่ม 1. .............................................................................. 2. .............................................................................. 3. .............................................................................. 4. .............................................................................. 5. .............................................................................. 6. .............................................................................. ลาดบั คุณภาพผลงาน 1 รายการประเมิน 432 ที่ การวเิ คราะหผ์ ลดแี ละปญั หาท่เี กิดข้นึ เมอื่ ส้นิ สดุ แผนพฒั นาฯ 1 แต่ละฉบบั 2 การวเิ คราะหแ์ ผนพฒั นาฯ ทส่ี อดคลอ้ งกบั หลกั ปรชั ญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง การเสนอแนวทางการประยกุ ตใ์ ชเ้ศรษฐกจิ พอเพยี ง 3 ในการดาเนินชีวติ ของตนเองและครอบครวั การเสนอแนวทางการประยกุ ตใ์ ชเ้ศรษฐกจิ พอเพยี ง 4 ในภาคอุตสาหกรรม การคา้ และบริการ 5 ความคดิ ริเร่ิมสรา้ งสรรคใ์ นการจดั ป้ายนเิ ทศ รวม เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่อื ..............................................................................ผูป้ ระเมนิ / /....................... ........................... ........................ ดมี าก = 4 ดี = 3 2 พอใช้ = 1 ปรบั ปรุง = เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 17-20 ดีมาก 13-16 ดี 9-12 พอใช้ 5-8 ปรับปรุง
เอกสารความรู้เพม่ิ เติม เศรษฐกจิ พอเพยี ง “เศรษฐกจิ พอเพยี ง” เป็นปรชั ญาท่พี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ทรงมพี ระราชดารสั ช้แี นะแนวทางการ ดาเนินชีวติ แก่พสกนกิ รชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 30 ปี ตงั้ แต่ก่อนเกิดวกิ ฤตการณท์ างเศรษฐกิจ และเมอ่ื ภายหลงั ไดท้ รงเนน้ ยา้ แนวทางการแกไ้ ขเพอ่ื ใหร้ อดพน้ และสามารถดารงอยูไ่ ดอ้ ย่างมนั่ คงและยงั่ ยนื ภายใต้ กระแสโลกาภวิ ตั นแ์ ละความเปลย่ี นแปลงตา่ ง ๆ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นปรชั ญาช้ถี งึ แนวการดารงอยูแ่ ละปฏบิ ตั ิตนของประชาชนในทุกระดบั ตงั้ แต่ ระดบั ครอบครวั ระดบั ชุมชนจนถงึ ระดบั รฐั ทง้ั ในการพฒั นาและบริหารประเทศใหด้ าเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกจิ เพอ่ื ใหก้ า้ วทนั ต่อโลกยคุ โลกาภวิ ตั น์ ความพอเพยี ง หมายถึง ความพอประมาณ ความมเี หตุผล รวมถงึ ความจาเป็นท่จี ะตอ้ งมรี ะบบภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ท่ดี ีพอสมควร ต่อการมผี ลกระทบใด ๆ อนั เกิดจากการเปลย่ี นแปลงทงั้ ภายนอกและภายใน ทง้ั น้จี ะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความ ระมดั ระวงั อยา่ งยง่ิ ในการนาวชิ าการต่าง ๆ มาใชใ้ นการวางแผนและการดาเนินการทกุ ขน้ั ตอน และ ขณะเดยี วกนั จะตอ้ งเสรมิ สรา้ งพ้นื ฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั นกั ทฤษฎี และนกั ธุรกจิ ในทุกระดบั ใหม้ สี านกึ ในคณุ ธรรม ความซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ และใหม้ คี วามรอบรูท้ ่เี หมาะสม ดาเนนิ ชีวติ ดว้ ยความ อดทน ความเพยี ร มสี ติ ปญั ญา และความรอบคอบ เพอ่ื ใหส้ มดุลและพรอ้ มตอ่ การรองรบั การเปลย่ี นแปลง อยา่ งรวดเรว็ และกวา้ งขวางทงั้ ดา้ นวตั ถุ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ป็นอยา่ งดี
หลักแนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพยี ง การพฒั นาประเทศตามหลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง คือ การพฒั นาท่ตี งั้ อยู่บนพ้นื ฐานของทางสายกลาง และความไมป่ ระมาท โดยคานงึ ถงึ ความพอประมาณ ความมเี หตุผล การสรา้ งภูมคิ มุ้ กนั ทด่ี ี ในตวั ตลอดจน ใชค้ วามรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตดั สนิ ใจและการกระทา ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มีหลกั พจิ ารณาอย่ดู ว้ ยกนั 5 สว่ น ดงั น้ี 1. กรอบแนวคดิ เป็นปรชั ญาท่ชี ้แี นะแนวทางการดารงอยูแ่ ละปฏบิ ตั ิตนในทางท่ี ควรจะเป็น โดยมพี ้นื ฐาน มาจาก วถิ ชี ีวติ ดงั้ เดมิ ของสงั คมไทย สามารถนามาประยุกตใ์ ชไ้ ดต้ ลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชงิ ระบบท่มี ี การเปลย่ี นแปลงอยูต่ ลอดเวลา มงุ่ เนน้ การรอดพน้ จากภยั และวกิ ฤติ เพอ่ื ความมนั่ คง และความยงั่ ยนื ของการ พฒั นา 2. คุณลกั ษณะ เศรษฐกจิ พอเพยี งสามารถนามาประยกุ ตใ์ ชก้ บั การปฏบิ ตั ิตนไดใ้ นทกุ ระดบั โดยเนน้ การปฏบิ ตั ิ ตนบนทางสายกลาง และการพฒั นาอย่างเป็นขน้ั ตอน 3. คานิยาม ความพอเพยี งจะตอ้ งประกอบดว้ ย 3 คณุ ลกั ษณะ พรอ้ ม ๆ กนั ดงั น้ี ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดี ทไ่ี ม่นอ้ ยเกินไป และไมม่ ากเกินไปโดยไมเ่ บยี ดเบยี นตนเอง และผูอ้ น่ื เช่น การผลติ และการบรโิ ภคท่อี ยูใ่ นระดบั พอประมาณ ความมีเหตุผล หมายถงึ การตดั สนิ ใจเกี่ยวกบั ระดบั ของความพอเพยี งนน้ั จะตอ้ งเป็นไปอย่างมเี หตุผล โดยพจิ ารณาจากเหตปุ จั จยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งตลอดจนคานงึ ถงึ ผลทค่ี าดวา่ จะเกิดข้นึ จากการกระทานนั้ ๆ อย่าง รอบคอบ การมีภูมคิ ุม้ กนั ท่ดี ีในตวั หมายถงึ การเตรียมตวั ใหพ้ รอ้ มรบั ผลกระทบและการเปลย่ี นแปลงดา้ นตา่ ง ๆ ท่จี ะเกิดข้นึ โดยคานงึ ถงึ ความเป็นไปไดข้ องสถานการณ์ตา่ ง ๆ ทค่ี าดวา่ จะเกดิ ข้นึ ในอนาคต 4. เงอ่ื นไข การตดั สนิ ใจและการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ใหอ้ ยู่ในระดบั พอเพยี งนนั้ ตอ้ งอาศยั ทง้ั ความรู้ และคุณธรรมเป็นพ้นื ฐาน กลา่ วคือ เง่ือนไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรู้ เกย่ี วกบั วชิ าการต่าง ๆ ท่เี กยี่ วขอ้ งอย่างรอบดา้ น ความรอบคอบท่จี ะนาความรูเ้หล่านน้ั มาพจิ ารณาใหเ้ชอ่ื มโยงกนั เพอ่ื ประกอบการวางแผน และความระมดั ระวงั ในขน้ั ปฏบิ ตั ิ เงอ่ื นไขคณุ ธรรม ท่จี ะตอ้ งเสริมสรา้ ง ประกอบดว้ ย การมคี วามตระหนกั ในคุณธรรม มี ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ มคี วามเพยี ร ใชส้ ตปิ ญั ญาในการดาเนนิ ชวี ติ ไมโ่ ลภ และไม่ตระหน่ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362