Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ ส32102 สังคมศึกษา 2-สาระเศรษฐศาสตร์-ครูจิตปิ่น ทองวิจิตร

แผนการจัดการเรียนรู้ ส32102 สังคมศึกษา 2-สาระเศรษฐศาสตร์-ครูจิตปิ่น ทองวิจิตร

Published by dlit_sm037, 2021-04-07 03:32:19

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ ส32102 สังคมศึกษา 2-สาระเศรษฐศาสตร์-ครูจิตปิ่น ทองวิจิตร

Search

Read the Text Version

6 เศรษฐศาสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4-6 เวลาเรยี น 10 ชวั่ โมง  มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ช้ีวดั ส 3.2 ม.4-6/2 วเิ คราะหผ์ ลกระทบของการเปิดเสรีทางเศรษฐกจิ ในยคุ โลกาภวิ ตั น์ ท่มี ผี ลต่อสงั คมไทย ม.4-6/3 วเิ คราะหผ์ ลดี ผลเสยี ของความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในรูปแบบตา่ งๆ  สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การร่วมมอื ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในรปู แบบต่างๆ มที ง้ั ผลดแี ละผลเสยี ส่วนการเปิดเสรที างเศรษฐกิจ ในยุคโลกาภวิ ตั นม์ ผี ลกระทบต่อสงั คมไทย ทง้ั ดา้ นการเกษตร อตุ สาหกรรม การคา้ และบริการ  สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง 1) ววิ ฒั นาการของการเปิดเสรที างเศรษฐกิจในยุคโลกาภวิ ตั นข์ องไทย 2) ปจั จยั ทางเศรษฐกิจทม่ี ผี ลตอ่ การเปิดเสรีทางเศรษฐกิจของประเทศ 3) ผลกระทบของการเปิดเสรที างเศรษฐกจิ ท่มี ตี ่อภาคการเกษตร ภาคอตุ สาหกรรม ภาคการคา้ และบรกิ าร 4) การคา้ และการลงทนุ ระหว่างประเทศ 5) บทบาทขององคก์ รระหว่างประเทศในเวทกี ารคา้ โลกทม่ี ผี ลกบั ประเทศไทย 6) แนวคิดพ้นื ฐานท่เี กีย่ วขอ้ งกบั การคา้ ระหว่างประเทศ 7) บทบาทขององคก์ ารความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจท่สี าคญั ในภูมภิ าคต่างๆ ของโลก เช่น WTO, NAFTA, EU , IMF, ADB, OPEC, FTA, APEC ในระดบั ตา่ งๆ เขตส่เี หลย่ี ม

เศรษฐกิจ 8) ปจั จยั ตา่ งๆ ทน่ี าไปสู่การพง่ึ พา การแข่งขนั การขดั แยง้ และการประสานประโยชน์ ทางเศรษฐกิจไทยกบั ต่างประเทศ 9) ตวั อยา่ งเหตุการณ์ทน่ี าไปสู่การพงึ่ พาทางเศรษฐกิจ 10) ผลกระทบจากการดาเนินกจิ กรรมทางเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ 11) ปจั จยั ต่างๆ ท่นี าไปสู่การพง่ึ พา การแขง่ ขนั การขดั แยง้ และการประสานประโยชน์ ทางเศรษฐกจิ วธิ กี ารกีดกนั ทางการคา้ ในการคา้ ระหว่างประเทศ 3.2 สาระการเรียนรูท้ อ้ งถิน่ -  สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น 4.1 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทกั ษะการคดิ สงั เคราะห์ 4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต - กระบวนการทางานกลมุ่  คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มคี วามรบั ผดิ ชอบ  ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) 1. แผนภมู ภิ าพ แสดงผลกระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ต่อเศรษฐกิจไทย (ช้นิ งานที่ 6.1) 2. แผน่ พบั วเิ คราะหผ์ ลดี ผลเสยี ของความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ ระหว่างประเทศ (ช้นิ งานที่ 6.2)  การวดั และการประเมินผล 7.1 การประเมนิ กอ่ นเรียน - แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 6

7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1) ใบงานท่ี 2.1 เรือ่ ง ผลกระทบของการเปิดเสรีการคา้ ตอ่ เศรษฐกจิ ไทย 2) ใบงานท่ี 3.1 เรื่อง องคก์ ารทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 3) ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 4) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล 5) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม 7.3 การประเมินหลงั เรยี น - แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 6 7.4 การประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) 1) ประเมนิ แผนภูมภิ าพ แสดงผลกระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เศรษฐกจิ ไทย 2) ประเมนิ แผ่นพบั วเิ คราะหผ์ ลดี ผลเสยี ของความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

การประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) ชิ้นงานที่ 6.1 แบบประเมนิ แผนภมู ิภาพ แสดงผลกระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เศรษฐกิจไทย รายการประเมิน คาอธิบายระดบั คุณภาพ/ระดบั คะแนน 1. การวิเคราะหผ์ ลดี ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1) ของการเปิ ดเสรี วเิ คราะหผ์ ลดี วเิ คราะหผ์ ลดี การคา้ ต่อเศรษฐกิจ ของการเปิดเสรีการคา้ วเิ คราะหผ์ ลดี วเิ คราะหผ์ ลดี ของการเปิดเสรีการคา้ ไทย ต่อเศรษฐกจิ ตอ่ เศรษฐกจิ ไทย ไดถ้ ูกตอ้ ง ของการเปิดเสรีการคา้ ของการเปิดเสรกี ารคา้ ไทย ไดถ้ ูกตอ้ ง ครบทุกประเดน็ บางประเด็น และเขา้ ใจงา่ ย ตอ่ เศรษฐกิจ ต่อเศรษฐกิจ แตไ่ มช่ ดั เจน ไทย ไดถ้ กู ตอ้ ง ไทย ไดถ้ ูกตอ้ ง เกอื บครบทุกประเด็น เป็นบางส่วน 2. การวิเคราะห์ วเิ คราะหผ์ ลกระทบจาก วเิ คราะหผ์ ลกระทบจาก วเิ คราะหผ์ ลกระทบจาก วเิ คราะหผ์ ลกระทบจาก ผลกระทบจาก การเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ การเปิดเสรกี ารคา้ ต่อ การเปิดเสรีการคา้ ต่อ การเปิดเสรกี ารคา้ ต่อ การเปิ ดเสรีการคา้ เศรษฐกจิ ไทย ได้ เศรษฐกจิ ไทย ได้ เศรษฐกิจไทย ได้ เศรษฐกิจไทย ได้ ต่อเศรษฐกิจไทย ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ ง ครบทุกดา้ น เกอื บครบทุกดา้ น เกือบครบทุกดา้ น เพยี งบางดา้ น แตเ่ ขา้ ใจยาก และเขา้ ใจยาก 3. การสรุปผล สรปุ ผลการวเิ คราะห์ สรุปผลการวเิ คราะห์ สรปุ ผลการวเิ คราะห์ สรุปผลการวเิ คราะห์ การวเิ คราะห์ ผลดีของการเปิดเสรี ผลดีของการเปิดเสรี ผลดีของการเปิดเสรี ผลดีของการเปิดเสรี การคา้ ตอ่ เศรษฐกจิ ไทย การคา้ ต่อเศรษฐกจิ ไทย การคา้ ตอ่ เศรษฐกิจไทย การคา้ ต่อเศรษฐกิจไทย และผลกระทบจากการ และผลกระทบจากการ และผลกระทบจากการ และผลกระทบจากการ เปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เปิดเสรีการคา้ ต่อ เปิดเสรีการคา้ ตอ่ เปิดเสรกี ารคา้ ต่อ เศรษฐกิจไทย ได้ เศรษฐกจิ ไทย ได้ เศรษฐกจิ ไทย ได้ เศรษฐกจิ ไทย ได้ ถกู ตอ้ ง ถกู ตอ้ ง ถูกตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ ถกู ตอ้ งเพยี งบางสว่ น เป็นลาดบั ขนั้ ตอน เป็นลาดบั เกอื บครบทุก แตไ่ มเ่ ป็นลาดบั ขน้ั ตอน ไมเ่ ป็นลาดบั ขน้ั ตอน ขนั้ ตอน และอ่านเขา้ ใจยาก และอ่านเขา้ ใจยาก

รายการประเมนิ คาอธบิ ายระดบั คณุ ภาพ/ระดบั คะแนน 4. การออกแบบ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) แผนภูมิภาพ ออกแบบแผนภมู ภิ าพ ออกแบบแผนภมู ภิ าพ ไดส้ วยงาม ออกแบบแผนภมู ภิ าพ ออกแบบแผนภมู ภิ าพ ไดส้ วยงาม แปลกใหม่ แตไ่ มม่ ีความคดิ มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ไดส้ วยงาม ไดส้ วยงาม สรา้ งสรรค์ ส่อื ความหมาย และสอ่ื ความหมาย ไดช้ ดั เจน มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ แต่ไม่มีความคดิ ไมช่ ดั เจน และเขา้ ใจงา่ ย ส่อื ความหมาย สรา้ งสรรค์ ไดช้ ดั เจน ส่อื ความหมาย และเขา้ ใจงา่ ย ไดช้ ดั เจน และเขา้ ใจงา่ ย เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14-16 ดมี าก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 5-7 ปรบั ปรุง

การประเมินชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) ชิ้นงานท่ี 6.2 แบบประเมนิ แผ่นพบั วเิ คราะหผ์ ลดี ผลเสยี ของความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ รายการประเมนิ คาอธบิ ายระดบั คุณภาพ/ระดบั คะแนน 1. การวเิ คราะหผ์ ลดี ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) ผลเสยี ของความ รว่ มมอื ทาง วเิ คราะหผ์ ลดี วเิ คราะหผ์ ลดี วเิ คราะหผ์ ลดี วเิ คราะหผ์ ลดี เศรษฐกิจระหว่าง ประเทศ ผลเสยี ของความ ผลเสยี ของความ ผลเสยี ของความ ผลเสยี ของความ 2. การสรปุ ผลการ รว่ มมอื ทางเศรษฐกิจ รว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ รว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ รว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ วิเคราะหผ์ ลดี ผลเสียของความ ระหว่างประเทศ ระหว่างประเทศ ระหว่างประเทศ ระหว่างประเทศ ร่วมมอื ทาง เศรษฐกจิ ระหว่าง ไดถ้ ูกตอ้ ง ครบถว้ น ทงั้ ไดถ้ ูกตอ้ ง ไดถ้ ูกตอ้ ง 1 รูปแบบ ไดถ้ กู ตอ้ ง 1 รูปแบบ ประเทศ 2 รูปแบบ และเห็น ทงั้ 2 รูปแบบ และเหน็ ความแตกตา่ ง แตไ่ มเ่ ห็นความแตกต่าง 3. การทาแผ่นพบั ความแตกต่างชดั เจน และเหน็ ความแตกตา่ ง ค่อนขา้ งชดั เจน ค่อนขา้ งชดั เจน สรปุ ผลการวเิ คราะห์ สรุปผลการวเิ คราะห์ สรุปผลการวเิ คราะห์ สรุปผลการวเิ คราะห์ ผลดี ผลเสยี ของความ ผลดี ผลเสยี ของความ ผลดี ผลเสยี ของความ ผลดี ผลเสยี ของความ รว่ มมอื ทางเศรษฐกิจ รว่ มมอื ทางเศรษฐกิจ รว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ รว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ ระหว่างประเทศ ระหว่างประเทศ ระหว่างประเทศ ระหว่างประเทศ ทงั้ 2 รูปแบบไดถ้ ูกตอ้ ง ทง้ั 2 รูปแบบไดถ้ กู ตอ้ ง ไดถ้ ูกตอ้ ง 1 รูปแบบ ไดถ้ ูกตอ้ ง 1 รูปแบบ เป็นลาดบั ขนั้ ตอน เป็นส่วนใหญ่และเป็น แตไ่ มเ่ ป็นลาดบั ขน้ั ตอน แตไ่ มเ่ ป็นลาดบั ขน้ั ตอน ทาแผ่นพบั ลาดบั ขนั้ ตอน ทาแผน่ พบั ทาแผ่นพบั ไดส้ วยงาม ทาแผน่ พบั ไดส้ วยงาม ไดส้ วยงาม แปลกใหม่ ไดส้ วยงาม แต่ไม่มคี วามคิด แตไ่ มม่ คี วามคิด มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ สรา้ งสรรค์ สรา้ งสรรค์ สอ่ื ความหมาย สอ่ื ความหมาย สอ่ื ความหมาย และส่อื ความหมาย ไดช้ ดั เจน ไดค้ ่อนขา้ งชดั เจน ไดช้ ดั เจน ไม่ชดั เจน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 11 – 12 ดมี าก 9-10 ดี พอใช้ 7-8 ปรบั ปรุง 5-6

 กิจกรรมการเรยี นรู้  นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 การคา้ การลงทนุ และการเงนิ ระหวา่ งประเทศ กจิ กรรมที่ 1 วิธสี อนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการคดิ วเิ คราะห์ เวลา 2 ชวั่ โมง 1. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สนทนาถงึ สินคา้ ทใ่ี ชอ้ ุปโภคและบรโิ ภคทจ่ี าเป็นตอ้ งใชใ้ นชีวติ ประจาวนั 2. ครูนาภาพโฆษณาสนิ คา้ ท่พี บเหน็ ตามหนา้ หนงั สือ หรอื นิตยสารมาใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ใหพ้ ิจารณาวา่ สนิ คา้ แตล่ ะ ประเภทมคี วามแตกต่างกนั อยา่ งไร มีฐานการผลติ ท่ปี ระเทศใด 3.ใหน้ กั เรียนศกึ ษาความรูเ้รื่อง การคา้ และการลงทนุ ระหว่างประเทศ จากหนงั สอื เรยี น 4.ใหน้ กั เรยี นอธิบายถงึ ความจาเป็นทต่ี อ้ งมกี ารคา้ ระหวา่ งประเทศเกิดข้นึ แลว้ แลกเปลย่ี นความรู้ ในชน้ั เรียน 5.นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั ประโยชนข์ องการคา้ ระหว่างประเทศ สรปุ ผลการอภปิ ราย ร่วมกนั พรอ้ มใหน้ กั เรียนยกตวั อยา่ งประกอบ แลว้ ครูสรุปประโยชนข์ องการคา้ ระหวา่ งประเทศ 6.ใหน้ กั เรียนศกึ ษาความรูเ้พม่ิ เติมเก่ียวกบั นโยบายการคา้ ระหวา่ งประเทศ จากแหลง่ การเรียนรูอ้ น่ื ๆ แลว้ เปรียบเทยี บนโยบายการคา้ ระหว่างประเทศ ระหวา่ งนโยบายการคา้ เสรีกบั นโยบายคมุ้ ครอง 7.ใหน้ กั เรยี นศึกษาความรูเ้รื่อง การลงทนุ ระหวา่ งประเทศ จากหนงั สอื เรยี น 8.ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายถงึ ความแตกตา่ งของการใหก้ ยู้ มื และการลงทุนในตลาดหลกั ทรพั ย์ และการลงทุนโดยตรง 9. ใหน้ กั เรยี นบอก หรือยกตวั อย่าง เงนิ สกลุ หลกั ทน่ี ิยมใชช้ าระหน้รี ะหวา่ งประเทศ พรอ้ มบอกเหตุผลประกอบ วา่ เหตุใดจึงเลอื กสกลุ เงนิ นนั้ ในการชาระหน้ี 10. ใหน้ กั เรียนศึกษาความรูเ้ร่ือง การเงนิ ระหวา่ งประเทศ จากหนงั สือเรยี น 11. ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาเอกสารอตั ราแลกเปลย่ี นเงนิ ตราตา่ งประเทศ ของธนาคารกรงุ เทพ โดยครูตง้ั ประเด็น คาถามเพอื่ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั ตอบ 12. ใหน้ กั เรยี นศึกษา ตารางแสดงดุลการชาระเงนิ ของไทย พ.ศ. 2547-2551 จากหนงั สอื เรยี น แลว้ ใหน้ กั เรยี น พจิ ารณาขอ้ มลู ตา่ งๆ 13. ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั อธิบายความหมายของดลุ การชาระเงนิ ระหว่างประเทศ 14. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาความรูเ้พมิ่ เติมเกยี่ วกบั ดลุ บญั ชีเดนิ สะพดั และดลุ บญั ชกี ารเงนิ จากแหลง่ การเรยี นรูอ้ ่นื ๆ

การเปิดเสรที างเศรษฐกิจของไทยในยุคโลกาภวิ ตั น์ กจิ กรรมท่ี 2 วธิ ีสอนโดยการจดั การเรยี นรูแ้ บบร่วมมือ : เทคนิคกล่มุ สบื คน้ เวลา 4 ชวั่ โมง วธิ สี อนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการกล่มุ 1. ครูสอบถามนกั เรยี นถงึ หา้ งสรรพสินคา้ และรา้ นคา้ ท่อี ยู่ใกลบ้ า้ นของนกั เรยี นว่ามหี า้ งรา้ นอะไรบา้ ง เป็นหา้ งรา้ นของ คนไทยหรือไม่ อย่างไร 2. ครูแบ่งนกั เรยี นเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 5 คน คละกนั ตามความสามารถ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั สบื คน้ ความรูเ้รอ่ื ง ววิ ฒั นาการของการเปิดเสรที างเศรษฐกิจในยคุ โลกาภวิ ตั น์ จากแหลง่ การเรียนรูต้ ่างๆ 3. ครูกาหนดรายละเอยี ดของประเดน็ ความรูเ้ รอ่ื ง ววิ ฒั นาการของการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจในยคุ โลกาภวิ ตั น์ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสามารถสบื คน้ ไดต้ รงประเดน็ และสะดวกในการทางานกลุ่มมากข้นึ 4. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ วางแผนการทางานร่วมกนั และกาหนดระยะเวลาในการรวบรวมประเด็น ทไ่ี ดร้ บั มอบหมายและสรปุ ความรู้ 5. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มสรุปประเด็นความรู้ และวางแผนการนาเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรยี นอย่างสรา้ งสรรคแ์ ละ เขา้ ใจง่าย 6. ใหต้ วั แทนนกั เรียนนาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียน แลว้ ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั สรุปความรูเ้กยี่ วกบั ววิ ฒั นาการของ การเปิดเสรีทางเศรษฐกจิ ในยุคโลกาภวิ ตั น์ 7. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สนทนาเพอ่ื ทบทวนความรูเ้กี่ยวกบั ววิ ฒั นาการของการเปิดเสรที างเศรษฐกจิ ในยุคโลกา ภวิ ตั น์ 8. นกั เรยี นรวมกลุ่มเดิมเพ่อื ศึกษาความรูเ้รื่อง ปจั จยั ทางเศรษฐกิจทม่ี ีผลต่อการเปิดเสรีทางเศรษฐกจิ ไทย จาก หนงั สอื เรยี น และแหลง่ การเรยี นรูอ้ น่ื ๆ 9. ใหต้ วั แทนของแตล่ ะกลุ่มออกมารบั เอกสารแผนพฒั นาเศรษฐกิจ ฉบบั ท่ี 1-9 จากครู เพอ่ื ประกอบการ วเิ คราะหป์ จั จยั ทางเศรษฐกจิ ทม่ี ผี ลต่อการเปิดเสรีทางเศรษฐกจิ ไทย 10. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ สรปุ ผลการศกึ ษาความรู้ และผลการวิเคราะหป์ จั จยั ทางเศรษฐกจิ ทม่ี ผี ลต่อการเปิดเสรี ทางเศรษฐกิจไทย 11. ครูตง้ั ประเดน็ คาถาม ใหน้ กั เรียนร่วมกนั ฝึกการคิดวเิ คราะห์ 12. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สนทนาเก่ยี วกบั เขตการคา้ เสรี (Free Trade Area : FTA) ในประเดน็ ตา่ งๆ 13. ใหน้ กั เรียนศึกษาความรูเ้ร่ือง ผลกระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เศรษฐกิจไทย จากหนงั สอื เรยี น 14. ใหน้ กั เรียนรวมกลุม่ เดมิ เพอื่ ร่วมกนั ศกึ ษาและวเิ คราะหข์ ่าว เรอ่ื ง การเปิดการคา้ เสรีอาเซยี น (AFTA) ผลกระทบตอ่ นมและผลติ ภณั ฑน์ มของไทย 15. ใหน้ กั เรียนศึกษาใบความรูเ้ร่ือง เขตการคา้ เสรี แลว้ ทาใบงานท่ี 2.1 เรือ่ ง ผลกระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ต่อเศรษฐกิจไทย 16. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั วเิ คราะหผ์ ลกระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ต่อเศรษฐกิจไทย

17. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สรุปผลการวเิ คราะห์ ผลกระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เศรษฐกิจไทย แลว้ ออกแบบ เป็นแผนภมู ภิ าพโดยใชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ ่เี หมาะสม เพอ่ื แสดงความแตกต่างและผลกระทบของการ เปิดเสรีการคา้ ต่อเศรษฐกจิ ไทยท่เี กดิ ข้นึ 18. ครูและนกั เรียนร่วมกนั กาหนดระยะเวลาในการทางาน และนาเสนอผลงานของแต่ละกลุม่ ตามระยะเวลาท่ี เหมาะสม องคก์ ารความรว่ มมือทางเศรษฐกิจท่สี าคญั ในภมู ภิ าคตา่ งๆ ของโลก กจิ กรรมที่ 3 วธิ ีสอนโดยการจดั การเรยี นรูแ้ บบรว่ มมอื : เทคนิคกล่มุ สบื คน้ เวลา 4 ชวั่ โมง 1. ครูสนทนากบั นกั เรียนเกยี่ วกบั องคก์ ารความร่วมมือทางเศรษฐกิจท่ไี ทยมสี ่วนร่วมและมีบทบาทสาคญั แลว้ ให้ นกั เรยี นช่วยกนั ยกตวั อยา่ ง และบอกประโยชนท์ ่ไี ทยไดร้ บั จากการเขา้ ร่วม หรอื เป็นสมาชิก 2. ครูอธิบายใหน้ กั เรียนทราบวา่ การรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกิจมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ประโยชนท์ างการคา้ และการ รวมกลมุ่ การคา้ ในปจั จบุ นั มหี ลายรูปแบบ 3. ครูนาสญั ลกั ษณ์ หรือเครือ่ งหมายขององคก์ ารความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจทส่ี าคญั ในภูมิภาคตา่ งๆ ของโลก มา แสดงหนา้ ชน้ั เรียนใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ร่วมกนั บอกชื่อ และความสาคญั ขององคก์ ารนนั้ ๆ 4. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม ออกเป็น 11 กลุ่ม เพอื่ ศกึ ษาและคน้ ควา้ ขอ้ มูลเพ่ิมเติมเกย่ี วกบั องคก์ ารความร่วมมือทาง เศรษฐกิจท่สี าคญั ในภูมิภาคต่างๆ ของโลก 5. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มวางแผนการศกึ ษาและคน้ ควา้ จากแหลง่ การเรียนรูต้ ่างๆ อย่างหลากหลาย 6. นกั เรียนแต่ละกลุ่มรวบรวมขอ้ มูลจากการศึกษาและคน้ ควา้ จากแหล่งการเรยี นรูต้ า่ งๆ เพอ่ื ร่วมกนั อภปิ รายและ สรปุ ความรู้ ตามประเด็นท่คี รูกาหนด 7. ใหต้ วั แทนนกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรียนตามลาดบั กลุ่ม 8. ใหแ้ ต่ละกลุ่มตง้ั ประเดน็ คาถามท่ีเป็นมติของกลุ่มสอบถามขอ้ สงสยั ได้ กลุ่มละ 1 คาถาม 9. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ความรูเ้กี่ยวกบั องคก์ ารความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจทส่ี าคญั ในภูมภิ าคต่างๆ 10. ใหน้ กั เรียนทาใบงานท่ี 3.1 เร่ือง องคก์ ารทางเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ 11. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั วเิ คราะหผ์ ลดี ผลเสยี ของความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศใน รูปแบบต่างๆ 12. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มบนั ทกึ ผลการวิเคราะห์ แลว้ จดั ทาแผ่นพบั วเิ คราะหผ์ ลดี ผลเสยี ของความร่วมมอื ทาง เศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ 13. ครูและนกั เรียนร่วมกนั กาหนดระยะเวลาในการสง่ ผลงานกลุ่ม  นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 6

 ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 9.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรียน เศรษฐศาสตร์ ม.4-ม.6 2) ภาพโฆษณาสนิ คา้ 3) เอกสารประกอบการสอน 4) เอกสารความรูเ้พม่ิ เติม 5) ตวั อยา่ งขา่ ว การเปิดการคา้ เสรอี าเซยี น (AFTA) ผลกระทบต่อนมและผลติ ภณั ฑน์ ม ของไทย 6) ตวั อยา่ งสญั ลกั ษณ์ หรือเครอื่ งหมายขององคก์ ารความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ ทส่ี าคญั ในภูมภิ าคต่างๆ ของ โลก 7) ใบความรู้ เรือ่ ง เขตการคา้ เสรี 8) ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง ผลกระทบของการเปิดเสรีการคา้ ต่อเศรษฐกจิ ไทย 9) ใบงานท่ี 3.1 เรือ่ ง องคก์ ารทางเศรษฐกจิ ระหว่างประเทศ 9.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) ส่อื การเรยี นรูต้ ่างๆ เช่น หนงั สอื พมิ พ์ นติ ยสาร โทรทศั น์ 3) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ http://www.bot.or.th http://www.mof.go.th http://www.idis.ru.ac.th http://www.bangkokbank.com/.../Rates/pages/FX_Rates.aspx http://www.mfa.go.th/business/1092.php http://www.itd.or.th/th/comment/reply/354

แบบทดสอบกอ่ นเรียน – หลงั เรียน หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 6 คาช้ีแจง ใหก้ า  ทบั ตวั อกั ษรหนา้ ขอ้ ความทเ่ี ป็นคาตอบทถ่ี กู ทส่ี ุดเพยี งขอ้ เดยี ว 1. ปจั จยั ทางการคา้ ระหวา่ งประเทศในขอ้ ใดส่งผลต่อราคาของสนิ คา้ โดยตรง ก. การส่งมอบสนิ คา้ ข. การตดิ ตอ่ ส่อื สาร ค. อตั ราการแลกเปลย่ี นเงนิ ตรา ง. การรวมกลมุ่ ทางการคา้ ระหว่างประเทศ 2. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่สาเหตทุ ่ตี อ้ งมกี ารคา้ ระหว่างประเทศ ก. ทรพั ยากรธรรมชาติทแ่ี ตกต่างกนั ข. ตน้ ทนุ การผลติ ของแตล่ ะประเทศไม่เท่ากนั ค. รสนยิ มในการบริโภคแตกต่างกนั ในแต่ละประเทศ ง. ระบอบการปกครองทแ่ี ตกตา่ งกนั ของประเทศตา่ งๆ 3. การแกไ้ ขปญั หาการกดี กนั ทางการคา้ ระหวา่ งประเทศทป่ี ระเทศต่างๆ นามาใช้ คอื อะไร ก. การเจรจาตอ่ รองทางการคา้ ข. การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ ค. การหาตลาดต่างประเทศใหม่ๆ เพมิ่ ข้นึ ง. การปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลงโดยไม่มขี อ้ โตแ้ ยง้ 4. ขอ้ ใดเป็นนโยบายการคา้ ระหว่างประเทศของไทย ก. นโยบายการคา้ แบบเสรี ข. นโยบายการคา้ แบบคมุ้ กนั ค. ใชร้ ะบบภาษศี ลุ กากร ง. ใหเ้อกชนดาเนนิ การมากทส่ี ดุ 5. รถยนตท์ ่ีนาเขา้ มาจากประเทศญี่ปุ่นมีราคาสูงมากกว่ารถยนตท์ ่ีผลติ ในประเทศไทย เป็นผล สืบ เน่ืองมาจากมาตรการในขอ้ ใด ก. การใหส้ ทิ ธพิ เิ ศษ ข. การเก็บภาษศี ลุ กากร ค. การตงั้ กาแพงภาษี ง. การกาหนดโควตาสนิ คา้ 6. ถา้ มลู ค่าของสนิ คา้ สง่ ออกนอ้ ยกว่ามลู ค่าของสนิ คา้ นาเขา้ แสดงถงึ สภาวะในขอ้ ใด

ก. ดลุ การคา้ เกินดุล ข. ดลุ การคา้ สมดุล ค. ดลุ การคา้ ขาดดุล ง. ดุลการคา้ เสยี ดลุ 7. ขอ้ ใดเป็นสาเหตุของปญั หาการขาดดุลการคา้ ก. ค่าของเงนิ ไทยตกตา่ ข. ผลผลติ เกษตรกรมมี ูลค่านอ้ ย ค. การขนส่งไม่มปี ระสทิ ธิภาพ ง. การซ้อื สนิ คา้ นาเขา้ มากกวา่ การส่งออกสนิ คา้ 8. ดุลการชาระเงนิ ประกอบดว้ ยบญั ชตี า่ งๆ ท่สี าคญั ยกเวน้ บญั ชีใด ก. บญั ชีเงนิ ทุน ข. บญั ชเี ดนิ สะพดั ค. บญั ชีทนุ เคลอ่ื นยา้ ย ง. บญั ชีทุนสารองระหวา่ งประเทศ 9. เหตผุ ลสาคญั ทท่ี าใหเ้กิดอตั ราการแลกเปลย่ี นเงนิ ตราตา่ งประเทศคอื ขอ้ ใด ก. การกาหนดนโยบายของกองทนุ การเงนิ ระหวา่ งประเทศ ข. มกี ารคา้ ระหวา่ งประเทศ และแตล่ ะประเทศต่างกม็ หี น่วยเงนิ ตราไมเ่ หมอื นกนั ค. มกี ารลงทนุ ระหวา่ งประเทศ และแตล่ ะประเทศตา่ งก็มหี น่วยเงนิ ตราไมเ่ หมอื นกนั ง. มกี ารชาระเงนิ ระหว่างประเทศ และแตล่ ะประเทศต่างก็มหี น่วยเงนิ ตราไมเ่ หมอื นกนั 10. ในระยะยาวการเคลอ่ื นยา้ ยเงนิ ทนุ ประเภทใดก่อใหเ้กดิ ประโยชนม์ ากท่สี ดุ ก. การลงทุนทางตรง ข. การลงทุนทางออ้ ม ค. เงนิ กตู้ า่ งประเทศ ง. การลงทุนทางการเงนิ 11. ขอ้ ใด ไม่ใช่รูปแบบความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ ก. การใหก้ ยู้ มื ข. การใชน้ โยบายการคา้ แบบคมุ้ กนั ค. การใหค้ วามชว่ ยเหลอื แบบใหเ้ปล่า ง. ยกเลกิ กาแพงภาษี ส่งเสรมิ การคา้ เสรี 12. องคก์ รระหว่างประเทศทางเศรษฐกจิ ในขอ้ ใด แตกตา่ งจากขอ้ อน่ื เมอื่ พจิ ารณาถงึ ประเทศสมาชกิ

ก. โอเปก (OPEC) ข. เอเปก (APEC) ค. อาเซม็ (ASEM) ง. อาฟตา (AFTA) 13. ธนาคารโลกถอื กาเนดิ ข้นึ จากวตั ถปุ ระสงคใ์ ด ก. เปิดเสรที างการคา้ ระหวา่ งประเทศสมาชิกขององคก์ ร ข. ตดั สนิ กรณีพพิ าททางเศรษฐกจิ และการเงนิ ระหว่างประเทศต่างๆ ค. ช่วยประเทศเลก็ ๆ ในการเจรจาต่อรองทางการคา้ กบั ประเทศใหญ่ ง. ใหค้ วามช่วยเหลอื ประเทศสมาชิกในการฟ้ืนฟปู ระเทศหลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 14. องคก์ รทม่ี วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ รกั ษาเสถยี รภาพทางการเงนิ ระหวา่ งประเทศท่รี องรบั การขยายตวั ของ เศรษฐกิจโลก คือขอ้ ใด ก. ธนาคารโลก ข. องคก์ ารการคา้ โลก ค. กองทุนการเงนิ ระหว่างประเทศ ง. ธนาคารเพอื่ การพฒั นาแหง่ เอเชยี 15. ขอ้ ใดกล่าว ถูกตอ้ งเกย่ี วกบั สหภาพยโุ รป ก. ใชเ้งนิ ตราสกลุ เดยี วกนั คอื ปอนด์ ข. มสี านกั งานใหญ่ตง้ั อยูท่ ่กี รงุ ปารีส ประเทศฝรงั่ เศส ค. พฒั นาข้นึ จากองคก์ ารสนธิสญั ญาแอตแลนตกิ เหนอื ง. เป็นความร่วมมอื ทง้ั ทางดา้ นเศรษฐกิจ สงั คมและวฒั นธรรม 16. ผลประโยชนท์ ป่ี ระเทศไทยไดร้ บั จากการเขา้ เป็นสมาชกิ กลุม่ เอเปกคืออะไร ก. มตี ลาดการคา้ มากข้นึ เป็นผลดตี ่อการสง่ ออก ข. ไดร้ บั ความช่วยเหลอื ทางวชิ าการเก่ยี วกบั การคา้ ระหวา่ งประเทศ ค. ประเทศในสหภาพยโุ รปเขา้ มาลงทนุ อุตสาหกรรมในประเทศมากข้นึ ง. มรี ะบบการเงนิ และการคลงั เป็นแบบเดยี วกนั กบั ประเทศสมาชกิ อ่นื ๆ 17. ประเทศสมาชกิ ผกู้ ่อตงั้ อาเซยี นไดแ้ ก่ประเทศใดบา้ ง ก. มาเลเซยี ไทย สงิ คโปร์ ฟิลปิ ปินส์ บรูไน ข. สหภาพพมา่ เวยี ดนาม ไทย มาเลเซยี อนิ โดนเี ซยี ค. อนิ โดนีเซยี สหภาพพม่า ไทย ฟิลปิ ปินส์ สงิ คโปร์ ง. อนิ โดนีเซยี มาเลเซยี ฟิลปิ ปินส์ สงิ คโปร์ ไทย 18. เพราะเหตุใด ประเทศสมาชกิ อาเซยี นจงึ ตอ้ งมกี ารตกลงกนั ในการผลติ สนิ คา้ เฉพาะท่ตี นถนดั ก. เพม่ิ การคา้ ระหวา่ งประเทศสมาชิกใหม้ ากข้นึ

ข. ลดการผลติ สนิ คา้ ทซ่ี า้ ซอ้ นกนั ท่ตี น้ ทนุ การผลติ ตา่ ลง ค. ชกั จูงประเทศอ่นื ๆ ใหเ้ขา้ มาลงทุนในกลุม่ ประเทศอาเซยี น ง. มอี านาจในการต่อรองกบั ประเทศหรอื กลมุ่ ประเทศคู่คา้ 19. สนิ คา้ ประเภทใดทป่ี ระเทศไทยมกี ารนาเขา้ จากสหภาพยุโรปมาก ก. เครือ่ งจกั รกล เครอ่ื งบนิ ข. เส้อื ผา้ สาเรจ็ รูป ยารกั ษาโรค ค. เครื่องคอมพวิ เตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า ง. เคร่อื งมอื ทางการแพทย์ ผลติ ภณั ฑย์ าง 20. เป้าหมายทางเศรษฐกิจของกล่มุ อาเซยี น คือขอ้ ใด ก. ร่วมมอื กนั กีดกนั สนิ คา้ เขา้ จากประเทศนอกกลุ่ม ข. ร่วมมอื กนั พฒั นาการอุตสาหกรรมเพอื่ การส่งออก ค. ร่วมมอื กนั พฒั นาความเจริญกา้ วหนา้ ทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก ง. สง่ เสรมิ การลงทนุ ระหวา่ งประเทศสมาชกิ ใหม้ ลี กั ษณะเป็นเขตปลอดภาษี เฉลย แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ขอ้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 เฉลย ค ง ข ข ค ค ง ค ง ก ขอ้ 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เฉลย ข ง ง ค ง ก ง ข ก ค

แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4-6 เวลา 2 ชวั่ โมง เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 6 เศรษฐกิจระหว่างประเทศ เรอ่ื ง การคา้ การลงทุน และการเงนิ ระหวา่ งประเทศ  สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด ระบบเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ สว่ นใหญ่จะเป็นระบบเศรษฐกจิ แบบผสมผสาน มกี ลไกลสาคญั ทางเศรษฐกิจ ทใ่ี ชใ้ นการตดิ ต่อดา้ นการคา้ การลงทุน และการเงนิ ระหวา่ งประเทศ  ตวั ช้ีวดั /จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ส 3.2 ม.4-6/2 วเิ คราะหผ์ ลกระทบของการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจในยคุ โลกาภวิ ตั น์ ทม่ี ผี ลต่อสงั คมไทย 2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) บอกความจาเป็น และความสาคญั ของการคา้ ระหวา่ งประเทศได้ 2) อธิบายลกั ษณะการลงทนุ ระหว่างประเทศได้ 3) อธบิ ายเกี่ยวกบั เงนิ ตราระหวา่ งประเทศและการแลกเปลย่ี นได้ 4) อธบิ ายดุลการชาระเงนิ ระหว่างประเทศได้  สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง  การคา้ และการลงทุนระหวา่ งประเทศ 3.2 สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ -  สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น

4.1 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทกั ษะการคดิ สงั เคราะห์ 4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ - กระบวนการทางานกลมุ่  คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มคี วามรบั ผดิ ชอบ  กจิ กรรมการเรยี นรู้ (วธิ ีสอนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการคดิ วิเคราะห์ )  นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 6 ชั่วโมงท่ี 1 1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สนทนาถงึ สินคา้ ทใ่ี ชอ้ ุปโภคและบรโิ ภคท่จี าเป็นตอ้ งใชใ้ นชีวติ ประจาวนั 2. ครูนาภาพโฆษณาสินคา้ ท่พี บเหน็ ตามหนา้ หนงั สอื หรือนิตยสารมาใหน้ กั เรียนดู แลว้ ใหพ้ ิจารณาว่า สนิ คา้ แต่ละ ประเภทมีความแตกต่างกนั อยา่ งไร มีฐานการผลติ ท่ปี ระเทศใด 3. หลงั จากนนั้ ครูตงั้ คาถามใหน้ กั เรียนแสดงความคิดเห็นในประเด็นดงั ต่อไปน้ี - ผูผ้ ลติ สนิ คา้ คือใคร หรือแหล่งผลติ อยู่ในประเทศใด หรือสนิ คา้ นาเขา้ จากประเทศใด - วตั ถดุ บิ ท่ใี ชใ้ นการผลติ สนิ คา้ ดงั กล่าว คอื อะไร - ทาไมตอ้ งมกี ารนาเขา้ สนิ คา้ ดงั กล่าว - ถา้ ไมน่ าเขา้ เราจะสามารถผลติ ไดเ้องหรือไม่ - สนิ คา้ จากตา่ งประเทศมคี วามจาเป็น หรือมคี วามสาคญั ตอ่ นกั เรยี นหรอื ไม่ อย่างไร 4.ครูอธิบายใหน้ กั เรยี นทราบว่า ในปจั จุบนั ประเทศตา่ งๆ สว่ นใหญจ่ ะเป็นระบบเศรษฐกจิ แบบ ผสมผสาน มกี ลไกสาคญั ทางเศรษฐกจิ ท่ใี ชใ้ นการติดต่อดา้ นการคา้ และการลงทนุ การซ้อื ขาย แลกเปลย่ี นสนิ คา้ และบรกิ ารตา่ งๆ จงึ เกดิ ข้นึ อยา่ งหลากหลาย 5.ใหน้ กั เรียนศึกษาความรูเ้รอ่ื ง การคา้ และการลงทุนระหว่างประเทศ จากหนงั สอื เรียน 6.ใหน้ กั เรยี นอธบิ ายถงึ ความจาเป็นท่ตี อ้ งมกี ารคา้ ระหว่างประเทศเกดิ ข้นึ แลว้ แลกเปลย่ี นความรู้ ในชน้ั เรียน โดยมคี รูคอยอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน้ กั เรยี นเหน็ ความจาเป็นและความสาคญั ของการคา้

ระหว่างประเทศ 7.นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายประโยชนข์ องการคา้ ระหว่างประเทศ แลว้ สรปุ ผลการอภปิ รายร่วมกนั พรอ้ มกบั ใหน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งประกอบ 8.ครูสรปุ ประโยชนข์ องการคา้ ระหวา่ งประเทศ ดงั น้ี - การคา้ ระหว่างประเทศจะชว่ ยใหเ้ศรษฐกจิ ของประเทศเจรญิ เตบิ โตไดร้ วดเรว็ เพราะแต่ละ ประเทศจะผลติ สนิ คา้ และบรกิ ารทต่ี นเองมคี วามสามารถและถนดั ทาใหผ้ ลติ สนิ คา้ ไดม้ าก สนิ คา้ มคี ุณภาพ ตน้ ทนุ ในการผลติ ลดลง ประชาชนสามารถเลอื กซ้อื ไดห้ ลากหลาย สง่ ผล ใหป้ ระเทศมรี ายไดแ้ ละการจา้ งงานเพม่ิ สูงข้นึ ประชาชนมชี วี ติ ความเป็นอยูท่ ่ดี ขี ้นึ 9.ใหน้ กั เรียนศึกษาความรูเ้พมิ่ เติมเกย่ี วกบั นโยบายการคา้ ระหวา่ งประเทศ จากแหล่งการเรยี นรูอ้ น่ื ๆ แลว้ เปรียบเทยี บนโยบายการคา้ ระหว่างประเทศ ระหวา่ งนโยบายการคา้ เสรกี บั นโยบายคมุ้ ครอง 10. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาความรูเ้ร่ือง การลงทุนระหว่างประเทศ จากหนงั สอื เรยี น 11. ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายถงึ ความแตกตา่ งของการใหก้ ยู้ มื และการลงทนุ ในตลาดหลกั ทรพั ย์ และการลงทุนโดยตรง 12. ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ ใหน้ กั เรยี นทราบว่า การลงทุนมคี วามสาคญั ต่อการเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจ สาหรบั ประเทศกาลงั พฒั นา เนอ่ื งจากมรี ายไดต้ า่ ทาใหก้ ารออมมตี า่ การสะสมทนุ จงึ มนี อ้ ย และเป็นอุปสรรคสาคญั ในการพฒั นา การลงทุนระหว่างประเทศจึงมคี วามจาเป็นและมี ความสาคญั มาก ช่ัวโมงท่ี 2 1. ใหน้ กั เรยี นบอก หรอื ยกตวั อยา่ ง เงนิ สกลุ หลกั ทน่ี ิยมใชช้ าระหน้รี ะหว่างประเทศ พรอ้ มบอกเหตผุ ลประกอบ ว่า เหตุใดจึงเลอื กสกุลเงนิ นน้ั ในการชาระหน้ี 2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สนทนาเก่ียวกบั ความสาคญั และความจาเป็นในการใชเ้งนิ สกุลหลกั ในระบบเศรษฐกจิ และสภาพการเงนิ ระหว่างประเทศของไทยกบั ประเทศอ่นื ๆ ในระบบเศรษฐกิจ 3. ใหน้ กั เรยี นศึกษาความรูเ้ร่อื ง การเงนิ ระหวา่ งประเทศ จากหนงั สือเรยี น 4. ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาเอกสารประกอบการสอนอตั ราแลกเปลย่ี นเงนิ ตราต่างประเทศ ของธนาคารกรุงเทพ ท่ี ครูนามาแจกใหใ้ นชน้ั เรียน 5. ครูตงั้ ประเดน็ คาถามเพอ่ื ใหน้ กั เรียนร่วมกนั ตอบ เพอ่ื ประเมินความรูค้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั อตั ราแลกเปลย่ี น เงนิ ตราต่างประเทศ

6. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษา ตารางแสดงดลุ การชาระเงนิ ของไทย พ.ศ. 2547-2551 จากหนงั สอื เรยี น แลว้ ใหน้ กั เรียน พจิ ารณาขอ้ มูลต่างๆ 7. ใหน้ กั เรียนช่วยกนั อธิบายความหมายของดุลการชาระเงนิ ระหว่างประเทศ 8. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาความรูเ้พมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั ดลุ บญั ชเี ดนิ สะพดั และดลุ บญั ชกี ารเงนิ จากแหล่งการเรยี นรูอ้ ่นื ๆ เพอื่ ใหน้ กั เรยี นมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจมากยง่ิ ข้นึ  การวดั และประเมนิ ผล วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรยี น รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล  สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรียน เศรษฐศาสตร์ ม.4 -ม.6 2) ภาพโฆษณาสนิ คา้ 3) เอกสารประกอบการสอน 4) เอกสารความรูเ้พม่ิ เติม 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) ส่อื การเรยี นรูต้ า่ งๆ เช่น หนงั สอื พมิ พ์ นิตยสาร โทรทศั น์ 3) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ http://www.bot.or.th http://www.mof.go.th http://www.bangkokbank.com/.../Rates/pages/FX_Rates.aspx

เอกสารประกอบการสอน อตั ราแลกเปลย่ี นเงนิ ตราตา่ งประเทศ ของธนาคารกรุงเทพ อตั ราแลกเปลี่ยนเงินตราตา่ งประเทศ วนั ที่ : 23 เมษายน 2553 [หนว่ ย : เงนิ บาทตอ่ 1 หน่วยเงนิ ตราตา่ งประเทศ] ธนบตั ร ราคารบั ซ้อื ราคาขาย ตวั๋ แลกเงนิ &โอนเงนิ & สกุลเงนิ สกุลเงิน ราคารบั ซ้อื ดราฟ 31.06 ราคาขาย ตวั๋ แลกเงนิ &ดราฟ โอนเงนิ 31.37 USD1 USD : 1 31.84 32.44 31.99 32.09 32.34 USD5 USD : 5-20 48.68 32.44 49.08250 49.21000 49.81500 USD50 USD : 50-100 42.39 32.49 42.54500 42.64750 43.22250 GBP United Kingdom 33.82 50.29 34.09375 34.17375 34.77500 EUR Euro Zone 4.05 43.51 4.11250 4.12625 4.17375 JPY Japan (:100) 9.24 35.18 Unquote Unquote Unquote HKD Hong Kong 23.08 4.25 23.19375 23.25625 23.67875 MYR Malaysia: 10, 50, 100 22.53 10.41 SGD Singapore 4.21 23.76 - - - BND Brunei 2.07 23.70 4.60375 4.64500 4.79250 CNY China 0.61625 4.94 3.11320 3.15380 4.08080 IDR Indonesia (:1000) 0.0245 4.49 0.77750 INR India : 50-1000 0.52 0.77500 - - KRW Korea 0.82 0.0337 - - - PHP Philippines 29.09 0.80 - - 0.74250 TWD Taiwan 22.52 1.13 - - AUD Australia 29.40 30.52 29.33750 29.42500 - NZD New Zealand 5.51 23.65 22.67750 22.75000 29.91500 CHF Switzerland 5.24 30.25 29.64000 29.73250 23.14750 DKK Denmark 4.27 5.81 5.70750 5.72500 30.17000 NOK Norway 31.59 5.50 5.38125 5.39750 5.80000 SEK Sweden 0.88 4.52 4.43000 4.44125 5.48000 CAD Canada 1.23 32.64 31.97000 32.04000 4.50750 RUB Russia 2.79 1.27 - - 32.53750 VND Vietnam (:1000) 7.04 1.90 - - ZAR South Africa 57.56 5.70 - - - AED United Arab Emirate 56.74 9.16 - - - BHD Bahrain 6.93 86.24 - - - OMR Oman 6.82 84.71 - - - QAR Qatar 9.15 - - - SAR Saudi Arabia 9.10 - - - - - หมายเหตุ : อตั ราแลกเปลีย่ นเงนิ ตราขา้ งตน้ อาจมกี ารเปล่ยี นแปลงไดต้ ลอดเวลาโดยไม่ตอ้ งแจง้ ใหท้ ราบลว่ งหนา้ หากทา่ นตอ้ งการทราบอตั ราแลกเปลีย่ นเงนิ ตราทแ่ี นน่ อน โปรดตดิ ตอ่ หน่วยบริการดา้ นเงนิ ตราต่างประเทศของธนาคารก่อนทกุ ครง้ั ทา่ นสามารถ ตรวจสอบอตั ราแลกเปลีย่ นไดจ้ าก www.bangkokbank.com/fxrates

เอกสารความรู้เพ่ิมเตมิ ขอ้ ตกลงระหวา่ งประเทศ ขอ้ ตกลงระหว่างประเทศ หรอื สนธิสญั ญา มคี วามหมายตามทย่ี อมรบั กนั ทวั่ ไป ดงั น้ี 1. เป็นความตกลงระหว่างรฐั หรือรฐั บาล หมายความว่า สนธสิ ญั ญานน้ั เกิดจากความเหน็ พอ้ งตอ้ งกนั ซ่งึ หากเป็น ขอ้ ตกลงของสองฝ่าย เรยี กว่า “ขอ้ ตกลงทวภิ าคี” ถา้ มผี ูเ้ขา้ ตกลงมากกวา่ สองฝ่ายข้นึ ไป เรียกวา่ “ขอ้ ตกลงพหุ ภาค”ี ตามหลกั กฎหมายระหว่างประเทศทวั่ ไป ขอ้ ตกลงระหว่างประเทศจะทาเป็นลายลกั ษณ์อกั ษรหรือไมก่ ไ็ ด้ 2. ทาข้นึ ตามกฎหมายระหวา่ งประเทศ ไม่ใช่ตามกฎหมายภายในประเทศของรฐั ใดรฐั หนึง่ 3. ม่งุ ใหเ้กิดผลผกู พนั หรอื พนั ธกรณีตามกฎหมายระหวา่ งประเทศ เชน่ ก่อใหเ้กิดพนั ธกรณีท่ตี อ้ ง ส่งผูร้ า้ ยขา้ มแดนใหแ้ ก่กนั หรือตอ้ งนาขอ้ พพิ าทเสนอตอ่ องคก์ รระหว่างประเทศเพอ่ื วนิ จิ ฉยั เป็นตน้ โดยปกตกิ ารทาขอ้ ตกลงระหวา่ งรฐั จะเริ่มจากการเจรจาระหวา่ งผแู้ ทนของรฐั ทป่ี ระสงคจ์ ะทาการตกลงกนั เมอ่ื ตอ่ รองกนั จนบรรลเุ ป็นตวั ขอ้ ตกลงแลว้ อาจจะใชเ้พยี งการลงนามโดยผูแ้ ทนรฐั เพอื่ เป็นการแสดงความยนิ ยอมให้ ขอ้ ตกลงมผี ลผกู พนั กนั ไดโ้ ดยเร็ว หรือจะใหใ้ ชว้ ธิ อี ่นื เพอื่ ประโยชนใ์ นการตรวจสอบเน้อื หาในขอ้ ตกลงทผ่ี ูแ้ ทนไปทาไวก้ ็ ได้ เช่น การใหส้ ตั ยาบนั การยอมรบั หรือเหน็ ชอบขอ้ ตกลง เป็นตน้ ซง่ึ การปฏเิ สธความผูกพนั ในขอ้ ตกลงระหวา่ ง ประเทศท่ที าลงไป หรือทาใหผ้ ลผกู พนั ส้นิ สดุ ลงจะทาได้ โดยการยกกฎหมายระหว่างประเทศเกย่ี วกบั ความไม่สมบูรณ์ ของขอ้ ตกลงข้นึ อา้ ง เช่น ขอ้ ตกลงท่ที าไปนน้ั ขดั กบั กฎหมายเดด็ ขาดซ่งึ เป็นกฎหมายทไ่ี ม่สามารถเปลย่ี นแปลงได้ เชน่ ขอ้ ตกลงเพอ่ื ร่วมกนั รกุ รานรฐั อน่ื ขอ้ ตกลงร่วมกนั คา้ ทาส เป็นตน้ เชน่ เดยี วกบั ขอ้ ตกลงซง่ึ เกิดจากการใชก้ าลงั อาวธุ บบี บงั คบั ใหร้ ฐั ตอ้ งเขา้ ทา หรือบบี บงั คบั ผแู้ ทนของรฐั ในการเจรจา ย่อมจะไมส่ มบูรณ์เชน่ กนั แต่ในกรณที ข่ี อ้ ตกลงนนั้ บกพร่องดว้ ยเหตุอนั ไม่ใช่สาระสาคญั เชน่ คู่กรณอี กี ฝ่ายหนึง่ ไมป่ ฏบิ ตั ติ าม หรอื มคี วามเหน็ แตกตา่ งกนั ในเรือ่ งการ ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กต็ อ้ งเรยี กรอ้ งใหป้ ฏบิ ตั ติ าม หรอื เสนอเขา้ สูก่ ระบวนการระงบั เช่น การเสนอต่อศาลยุตธิ รรม ระหวา่ งประเทศ เป็นตน้

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล ชือ่ ........................................................................................................... ชนั้ .................. เลขท.่ี ............. ลาดบั คุณภาพการปฏิบตั ิ พฤตกิ รรม 4 32 1 ที่ ลงชอ่ื ..............................................................................ผูป้ ระเมนิ 1 ความตง้ั ใจในการทางาน 2 ความรบั ผดิ ชอบ 3 ตรงต่อเวลา 4 ความสะอาด เรยี บรอ้ ย 5 ผลสาเร็จของผลงาน รวม / /....................... ........................... ........................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมเป็นสว่ นใหญ่ = ดี พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปรบั ปรุง ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ = ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ หรือนอ้ ยครงั้ = เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 17-20 ดีมาก 13-16 ดี 9-12 พอใช้ 5-8 ปรบั ปรุง

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 2 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4-6 เวลา 4 ชวั่ โมง เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 6 เศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศ เรื่อง การเปิดเสรที างเศรษฐกจิ ของไทยในยคุ โลกาภวิ ตั น์  สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเปิดเสรีทางการคา้ ส่งผลใหก้ ารคา้ การลงทุนของโลกขยายตวั อย่างรวดเร็ว ก่อใหเ้ กิดการเปล่ยี นแปลง เศรษฐกิจและการเงนิ ของโลก และส่งผลต่อเศรษฐกจิ ของประเทศต่างๆ  ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ส 3.2 ม.4-6/2 วเิ คราะหผ์ ลกระทบของการเปิดเสรีทางเศรษฐกจิ ในยคุ โลกาภวิ ตั น์ ท่มี ผี ลตอ่ สงั คมไทย 2.2 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) อธบิ ายววิ ฒั นาการการเปิดเสรีทางเศรษฐกจิ ยุคโลกาภวิ ตั นข์ องไทยได้ 2) บอกปจั จยั ทางเศรษฐกจิ ทม่ี ผี ลต่อการเปิดเสรที างเศรษฐกจิ ของประเทศได้ 3) วเิ คราะหผ์ ลกระทบของการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจท่มี ตี อ่ ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคการคา้ และบรกิ ารได้ 4) บอกบทบาทขององคก์ รระหว่างประเทศในเวทกี ารคา้ โลกทม่ี ผี ลกบั ประเทศไทยได้  สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง 1) ววิ ฒั นาการของการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจในยุคโลกาภวิ ตั นข์ องไทย 2) ปจั จยั ทางเศรษฐกจิ ท่มี ผี ลตอ่ การเปิดเสรีทางเศรษฐกิจของประเทศ 3) ผลกระทบของการเปิดเสรที างเศรษฐกิจทม่ี ตี ่อภาคการเกษตร ภาคอตุ สาหกรรม ภาคการคา้ และบรกิ าร 4) บทบาทขององคก์ รระหวา่ งประเทศในเวทกี ารคา้ โลกทม่ี ผี ลกบั ประเทศไทย 3.2 สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน

-  สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น 4.1 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทกั ษะการคดิ สงั เคราะห์ 4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ - กระบวนการทางานกลมุ่  คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มคี วามรบั ผดิ ชอบ  กิจกรรมการเรียนรู้ (วธิ สี อนโดยการจดั การเรยี นรูแ้ บบร่วมมอื : เทคนิคกลมุ่ สบื คน้ วธิ ีสอนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการกลุ่ม ) ช่ัวโมงท่ี 1 1. ครูสอบถามนกั เรยี นถงึ หา้ งสรรพสินคา้ และรา้ นคา้ ท่อี ยู่ใกลบ้ า้ นของนกั เรยี นวา่ มหี า้ งรา้ นอะไรบา้ ง เป็นหา้ งรา้ นของ คนไทยหรือไม่ อย่างไร 2. ครูอธิบายใหน้ กั เรยี นทราบว่า การทช่ี าวต่างชาติเขา้ มาทาธุรกจิ ในประเทศไทย เป็นปจั จยั เนือ่ งมาจาก นโยบายการสง่ เสริมการลงทุนทม่ี ผี ลสบื เนื่องมาจากการเปิดเสรที างเศรษฐกิจไทย และในระบบตลาดเสรี ประเทศตา่ งๆมกี ารตดิ ตอ่ คา้ ขายระหวา่ งกนั รวมถงึ มกี ารเคลอ่ื นยา้ ยเงนิ ทุน มที งั้ การนาเงนิ ไปลงทุนใน ตา่ งประเทศและมชี าวตา่ งประเทศนาเงนิ มาลงทนุ ในประเทศไทยดว้ ย และเนอ่ื งจากในปจั จุบนั มกี ารแขง่ ขนั กนั มากข้นึ เพราะผลประโยชนจ์ ากการคา้ ระหว่างประเทศและการลงทุนจะนามาซ่งึ ความมงั่ คงั่ ของประเทศ จึงมกี ารนามาตรการในแบบต่างๆ มาใชเ้พอื่ ปกป้องผลประโยชนท์ างดา้ นการคา้ และการลงทนุ ของตนเองให้ ไดเ้ปรยี บเหนอื ประเทศคู่คา้ รวมทง้ั การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจเพอื่ รกั ษาผลประโยชนข์ องประเทศสมาชกิ ทา ใหม้ อี านาจตอ่ รองและบทบาททางเศรษฐกจิ โลกมากยง่ิ ข้นึ

3. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกล่มุ กลุ่มละ 5 คน คละกนั ตามความสามารถ เพอื่ ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุม่ ร่วมกนั สบื คน้ ความรูเ้รือ่ ง ววิ ฒั นาการของการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจในยุคโลกาภวิ ตั น์ จากแหล่งการเรียนรูต้ า่ งๆ อยา่ ง หลากหลาย 4. ครูกาหนดรายละเอยี ดประเด็นความรูว้ วิ ฒั นาการของการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจในยคุ โลกาภวิ ตั น์ เพอ่ื ให้ นกั เรียนสามารถสบื คน้ ไดต้ รงประเดน็ และสะดวกในการทางานกลุ่มมากข้นึ ดงั น้ี - การทาสนธสิ ญั ญาเบาวร์ ิง - การจดั ทาแผนพฒั นาเศรษฐกจิ ฉบบั แรก - การเขา้ เป็นสมาชิกขอ้ ตกลงทวั่ ไปว่าดว้ ยภาษศี ุลกากรและการคา้ หรอื แกตต์ - การกาหนดนโยบายฉนั ทามตวิ อชงิ ตนั - การเกิดวกิ ฤตทิ างการเงนิ พ.ศ. 2540 5. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มวางแผนการทางานร่วมกนั และกาหนดระยะเวลาในการรวบรวมประเดน็ ท่ไี ดร้ บั มอบหมายและสรุปความรู ้ 6. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สรุปประเด็นความรู้ และวางแผนการนาเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรยี นอยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละ เขา้ ใจงา่ ย 7. ใหต้ วั แทนนกั เรยี นนาเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรยี น แลว้ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สรุปความรูเ้กย่ี วกบั ววิ ฒั นาการของ การเปิดเสรีทางเศรษฐกจิ ในยคุ โลกาภวิ ตั น์ (อาจนาเสนอผลงานนอกเวลาเรียน หรอื ตามความเหมาะสม) ช่ัวโมงท่ี 2 1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สนทนาเพอื่ ทบทวนความรูเ้กย่ี วกบั ววิ ฒั นาการของการเปิดเสรีทางเศรษฐกจิ ในยุคโลกา ภวิ ตั น์ 2. นกั เรยี นรวมกลุ่มเดิมเพื่อศึกษาความรูเ้รื่อง ปจั จยั ทางเศรษฐกจิ ท่มี ผี ลต่อการเปิดเสรีทางเศรษฐกจิ ไทย จาก หนงั สอื เรียน และแหลง่ การเรยี นรูอ้ ่นื ๆ 3. ใหต้ วั แทนของแตล่ ะกล่มุ ออกมารบั เอกสารแผนพฒั นาเศรษฐกิจ ฉบบั ท่ี 1-9 จากครู เพอ่ื ประกอบการ วเิ คราะหป์ จั จยั ทางเศรษฐกิจท่มี ผี ลตอ่ การเปิดเสรที างเศรษฐกจิ ไทย 4. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกล่มุ สรปุ ผลการศึกษาความรู้ และผลการวิเคราะหป์ จั จยั ทางเศรษฐกิจทม่ี ผี ลต่อการเปิดเสรี ทางเศรษฐกจิ ไทย ตามประเด็นทก่ี าหนด แลว้ ยกตวั อย่างเหตกุ ารณท์ างเศรษฐกจิ ทเ่ี กดิ ข้นึ ประกอบให้ สอดคลอ้ งและชดั เจน ดงั น้ี - นโยบายสง่ เสรมิ การลงทนุ - ผลกระทบจากเศรษฐกจิ ภายนอก - การมสี ว่ นร่วมในระบบเศรษฐกิจและการเมอื งของโลก 5. ใหต้ วั แทนแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรียน ครูเสนอแนะเพมิ่ เตมิ ในสว่ นทบ่ี กพร่อง

6. ครูตงั้ ประเด็นคาถาม ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั ฝึกการคดิ วเิ คราะห์ ดงั น้ี - แผนพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ มผี ลต่อการลงทุนในระบบเศรษฐกจิ หรอื ไม่ อย่างไร - การขยายตวั อยา่ งรวดเร็วของหา้ งสรรพสนิ คา้ ขนาดใหญ่ มผี ลตอ่ ผูค้ า้ หรือรา้ นคา้ รายยอ่ ย อยา่ งไร - การท่คี ่าเงนิ บาทออ่ นตวั หรือแขง็ ตวั ส่งผลตอ่ ระบบเศรษฐกิจไทยอย่างไร - สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ส่งผลตอ่ ระบบเศรษฐกิจของไทย หรือไม่ อยา่ งไร - ไทยมบี ทบาทสาคญั ในการมสี ่วนร่วมในระบบเศรษฐกจิ ของโลกอยา่ งไร ช่ัวโมงท่ี 3-4 1. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สนทนาเก่ยี วกบั เขตการคา้ เสรี (Free Trade Area : FTA) ในประเดน็ ตา่ งๆ เชน่ - เป้าหมายของเขตการคา้ เสรี - ประเทศสมาชกิ ของเขตการคา้ เสรี - ประโยชนท์ ่ไี ทยไดร้ บั จากการเป็นสมาชิก 2. ใหน้ กั เรยี นศึกษาความรูเ้รื่อง ผลกระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เศรษฐกจิ ไทย จากหนงั สอื เรยี น 3. ใหน้ กั เรยี นรวมกลุ่มเดมิ เพอ่ื ร่วมกนั ศึกษาและวเิ คราะหข์ า่ ว เร่อื ง การเปิดการคา้ เสรีอาเซยี น (AFTA) ผลกระทบต่อนมและผลติ ภณั ฑน์ มของไทย 4. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั วเิ คราะหข์ า่ ว เรอ่ื ง การเปิดการคา้ เสรีอาเซยี น (AFTA) ผลกระทบตอ่ นมและ ผลติ ภณั ฑน์ มของไทย ตามประเดน็ ท่กี าหนด ดงั น้ี - การปรบั ลดอตั ราภาษี ประเทศไทยจะตอ้ งมคี วามระมดั ระวงั ในเรื่องใด เพราะเหตใุ ด - การเล้ยี งโคนมในประเทศไทย เมอ่ื เทยี บกบั ประเทศนวิ ซแี ลนด์ มคี วามไดเ้ปรียบ หรอื เสยี เปรยี บอย่างไร - การปรบั ลดอตั ราภาษนี าเขา้ มผี ลต่อการสง่ ออกนมพรอ้ มด่มื ของไทยอย่างไร - การสวมสทิ ธ์ิจากประเทศท่อี ยูน่ อกอาเซยี นมผี ลกระทบต่อไทยอย่างไร - การสรา้ งระบบตลาดท่เี ขม้ แขง็ ภายในประเทศมแี นวในการปฏบิ ตั ิอยา่ งไร 5. ครูสงั เกตการวเิ คราะหข์ า่ วของนกั เรยี นแต่ละกลุ่ม แลว้ ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ผลการวเิ คราะหข์ ่าว 6. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาใบความรูเ้ร่ือง เขตการคา้ เสรี เมอื่ ศกึ ษาจบแลว้ ใหน้ กั เรยี นสรุปความรู้ 7. ใหน้ กั เรยี นทาใบงานท่ี 2.1 เรือ่ ง ผลกระทบของการเปิดเสรีการคา้ ต่อเศรษฐกจิ ไทย 8. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกล่มุ ร่วมกนั วเิ คราะหผ์ ลกระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เศรษฐกจิ ไทย ในประเด็นท่คี รู กาหนด ดงั น้ี - ผลดขี องการเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เศรษฐกจิ ไทย

- ผลกระทบจากการเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เศรษฐกิจไทย 9. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ สรุปผลการวเิ คราะห์ ผลกระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เศรษฐกิจไทย แลว้ ออกแบบ เป็นแผนภมู ภิ าพโดยใชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ ่เี หมาะสม เพอื่ แสดงความแตกต่างและผลกระทบของการ เปิดเสรีการคา้ ตอ่ เศรษฐกจิ ไทยท่เี กิดข้นึ 10. ครูและนกั เรียนร่วมกนั กาหนดระยะเวลาในการทางาน และนาเสนอผลงานของแต่ละกลุ่มตามระยะเวลาท่ี เหมาะสม  การวดั และประเมินผล วิธกี าร เครื่องมอื เกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.1 ใบงานท่ี 2.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมนิ แผนภูมภิ าพ แสดงผลกระทบ แบบประเมนิ แผนภมู ภิ าพ แสดงผล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ของการเปิดเสรกี ารคา้ ต่อเศรษฐกจิ ไทย กระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เศรษฐกจิ ไทย ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์  สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรียน เศรษฐศาสตร์ ม.4-ม.6 2) เอกสารความรูเ้พม่ิ เติม 3) ตวั อย่างข่าว การเปิดการคา้ เสรีอาเซยี น (AFTA) ผลกระทบต่อนมและผลติ ภณั ฑน์ ม ของไทย 4) ใบความรูเ้ร่ือง เขตการคา้ เสรี 5) ใบงานท่ี 2.1 เรอื่ ง ผลกระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เศรษฐกิจไทย 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) สอ่ื การเรยี นรูต้ ่างๆ เชน่ หนงั สอื พมิ พ์ นิตยสาร โทรทศั น์ 3) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ http://www.bot.or.th http://www.mof.go.th

ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) ชิ้นงานท่ี 6.1 แผนภูมภิ าพ แสดงผลกระทบของการเปิดเสรีการคา้ ตอ่ เศรษฐกิจไทย คาชีแ้ จง 1. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ร่วมกนั วเิ คราะหผ์ ลกระทบของการเปิดเสรีการคา้ ตอ่ เศรษฐกิจไทย ในประเด็นดงั น้ี - ผลดขี องการเปิดเสรกี ารคา้ ต่อเศรษฐกิจไทย - ผลกระทบจากการเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เศรษฐกิจไทย 2. สรปุ ผลการวเิ คราะห์ ผลกระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เศรษฐกจิ ไทย แลว้ ออกแบบเป็นแผนภมู ิ ภาพโดยใชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ เ่ี หมาะสม เพอื่ แสดงผลกระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เศรษฐกิจไทยท่เี กดิ ข้นึ

แบบประเมินแผนภูมิภาพ แสดงผลกระทบของการเปิ ดเสรีการค้าต่อเศรษฐกิจไทย กล่มุ ท่.ี ................................................. สมาชกิ ของกลมุ่ 1. .............................................................................. 2. .............................................................................. 4. .............................................................................. 3. .............................................................................. 6. .............................................................................. 5. .............................................................................. ลาดบั คุณภาพผลงาน รายการประเมนิ 4321 ที่ 1 การวเิ คราะหผ์ ลดขี องการเปิดเสรกี ารคา้ ต่อเศรษฐกิจไทย 2 การวเิ คราะหผ์ ลกระทบจากการเปิดเสรีการคา้ ต่อเศรษฐกจิ ไทย 3 การสรุปผลการวเิ คราะห์ 4 การออกแบบแผนภูมภิ าพ รวม ลงชือ่ ..............................................................................ผูป้ ระเมนิ / /....................... ........................... ........................ เกณฑ์การให้คะแนน ดีมาก = 4 3 ดี = 2 1 พอใช้ = ปรบั ปรุง = เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14-16 ดีมาก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 5-7 ปรบั ปรุง

ใบความรู้ เร่ือง เขตการค้าเสรี ความเป็นมาของเขตการคา้ เสรี นโยบายการคา้ เสรี (องั กฤษ: Free Trade Policy) มรี ากฐานมาจากทฤษฎกี ารไดเ้ปรยี บโดยเปรยี บเทยี บ (องั กฤษ: The Theory of Comparative Advantage) ทเ่ี สนอว่า “แต่ละประเทศควรจะเลอื กผลติ แตเ่ ฉพาะสนิ คา้ ท่ี ตนมตี น้ ทุนการผลติ ไดเ้ปรียบโดยเปรียบเทยี บมากท่สี ดุ แลว้ นาสนิ คา้ ท่ผี ลติ ไดน้ น้ั ไปแลกเปลย่ี นกบั สนิ คา้ ท่ปี ระเทศอน่ื มี ตน้ ทุนการผลติ ไดเ้ปรียบ ถงึ แมว้ ่าประเทศหนึง่ จะอยูใ่ นฐานะเสยี เปรียบอกี ประเทศหน่ึงในการผลติ สนิ คา้ ทกุ ชนิดก็ตาม ประเทศทงั้ สองกย็ อ่ มจะทาการคา้ ตอ่ กนั ได้ โดยแตล่ ะประเทศจะเลอื กผลติ เฉพาะสนิ คา้ ท่เี มอื่ เปรียบกบั สนิ คา้ อน่ื แลว้ ประเทศตนสามารถผลติ ไดด้ ว้ ยตน้ ทุนทต่ี า่ ท่สี ดุ แลว้ นามาแลกเปลย่ี นสนิ คา้ ทผ่ี ลติ ข้นึ กบั อกี ประเทศหนึ่ง” นโยบายการคา้ เสรไี ม่สนบั สนุนการเก็บภาษศี ุลกากรในอตั ราทส่ี ูงและขจดั ขอ้ บงั คบั ตา่ ง ๆ ทก่ี ดี กนั การคา้ ระหวา่ งประเทศ ดงั นน้ั ประเทศท่ใี ชน้ โยบายการคา้ เสรจี ะมลี กั ษณะโดยทวั่ ไป ดงั น้ี 1. ดาเนนิ การผลติ ตามหลกั การแบง่ งานกนั ทา กลา่ วคอื เลอื กผลติ แต่สนิ คา้ ทป่ี ระเทศนนั้ มปี ระสทิ ธภิ าพในการ ผลติ สูงและมตี น้ ทนุ การผลติ ตา่ 2. ไม่มกี ารเกบ็ ภาษคี มุ้ กนั (Protective Duty) เพอื่ คมุ้ ครองช่วยเหลอื อุตสาหกรรมในประเทศแต่อยา่ งใด คงเกบ็ แต่ภาษศี ลุ กากรเพอื่ เป็นรายไดข้ องรฐั 3. ไมใ่ หส้ ทิ ธพิ เิ ศษหรอื กดี กนั สนิ คา้ ของประเทศใดประเทศหน่ึง มกี ารเกบ็ ภาษอี ตั ราเดยี วและใหค้ วามเป็นธรรม แก่สนิ คา้ ของทกุ ประเทศเทา่ ๆ กนั 4. ไมม่ ขี อ้ จากดั ทางการคา้ (Trade Restriction) ทเ่ี ป็นอปุ สรรคตอ่ การคา้ ระหว่างประเทศ ไม่มกี ารควบคมุ การ นาเขา้ หรือการส่งออกท่เี ป็นอุปสรรคต่อการคา้ ระหว่างประเทศ ยกเวน้ การควบคุมสนิ คา้ บางอย่างท่จี ะเป็น อนั ตรายตอ่ สุขภาพอนามยั ศีลธรรมจรรยาหรือความมนั่ คงของรฐั เท่านนั้ ความหมายของเขตการคา้ เสรี เขตการคา้ เสรี หมายถงึ การรวมกล่มุ เศรษฐกิจโดยมเี ป้าหมายเพอ่ื ลดภาษศี ุลกากรระหว่างกนั ภายในกลมุ่ ทท่ี า ขอ้ ตกลงลงใหเ้หลอื นอ้ ยทส่ี ดุ หรือเป็น 0% และใชอ้ ตั ราภาษีปกติท่สี ูงกว่ากบั ประเทศนอกกล่มุ การทาเขตการคา้ เสรีใน อดตี ม่งุ ในดา้ นการเปิดเสรีดา้ นสนิ คา้ (Goods) โดยการลดภาษแี ละอุปสรรคท่ไี มใ่ ชภ่ าษเี ป็นหลกั แตเ่ ขตการคา้ เสรใี น ระยะหลงั ๆ นนั้ รวมไปถงึ การเปิดเสรีดา้ นบริการ (Service) และการลงทุนดว้ ย

เขตการคา้ เสรที ส่ี าคญั ในปจั จุบนั คือ NAFTA และ AFTA และขณะน้ี ประเทศสหรฐั อเมรกิ า อยูใ่ นระหวา่ ง การเจรจาทาเขตการคา้ เสรีในภูมภิ าคอเมริกา (องั กฤษ: Free Trade Area of the Americas: FTAA) โดย ตงั้ เป้าหมายท่จี ะใหก้ ารเจรจาเสร็จส้นิ ในปี พ.ศ. 2548 รูปแบบเขตการคา้ เสรแี บง่ ได้ 2 ชนดิ คอื 1. สหภาพศลุ กากร (องั กฤษ: Custom Union) หมายถงึ การรวมตวั กนั ทางเศรษฐกจิ ในระดบั ทล่ี กึ และกวา้ งกว่า เขตการคา้ เสรี (Free Trade Area : FTA ) เพราะมลี กั ษณะท่เี ป็นตลาดร่วม (Single Market) ซ่งึ ไม่มี กาแพงภาษรี ะหวา่ งประเทศสมาชิกในสหภาพศุลกากรเก็บภาษศี ุลกากรอตั ราเดยี วกนั (Common Level) กบั ทุกประเทศนอกกลุม่ สหภาพศลุ กากรจึงทาใหป้ ระเทศในกลุม่ มสี ภาพเป็นเสมอื นประเทศเดยี วกนั หรือตลาด เดยี วกนั สหภาพศุลกากรท่สี าคญั คือ สหภาพยโุ รป (องั กฤษ: European Union) (กาลงั จะขยายสมาชกิ ภาพ โดยรบั ประเทศในยุโรปตะวนั ออกบางประเทศเขา้ ร่วมดว้ ย) และ MERCOSUR 2. พนั ธมติ รทางเศรษฐกจิ (องั กฤษ: Closer Economic Partnership: CEP) หมายถงึ ความร่วมมอื ทาง เศรษฐกจิ ทม่ี กี ารพฒั นารูปแบบไปจากทเ่ี คยมมี า โดยมกี รอบความร่วมมอื ทก่ี วา้ งขวางกว่าเขตการคา้ เสรี อยา่ งไรกด็ ี ความเขา้ ใจเก่ียวกบั CEP หรอื ขอบเขตของ CEP อาจจะแตกตา่ งไป โดยทวั่ ไป CEP (หรอื ศพั ท์ อ่นื ทม่ี คี วามหมายคลา้ ยคลงึ กนั ) ครอบคลุมความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจทง้ั ในดา้ นการคา้ สนิ คา้ บรกิ ารและการ ลงทนุ และแบง่ อย่างกวา้ ง ๆ ได้ 2 ประเภท คอื o CEP ทม่ี เี ขตการคา้ เสรี เป็นหวั ใจสาคญั และรวมไปถงึ ความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจดา้ นอ่นื ๆ ดว้ ย เชน่ ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา การประสานนโยบายการแขง่ ขนั และการจดั ซ้อื โดยรฐั เป็นตน้ ดงั กรณี CEP ระหวา่ งออสเตรเลยี และนวิ ซแี ลนด์ และความร่วมมอื ท่อี าเซยี นกาลงั จะเจรจากบั จนี ในกรณี ดงั กลา่ วน้ี CEP จึงเป็นกรอบความร่วมมอื ทงั้ ในเชิงลกึ และกวา้ งกว่าเขตการคา้ เสรี โดยปกติ o CEP ท่ไี ม่มกี ารทาเขตการคา้ เสรี แต่อาจมกี ารลดภาษศี ลุ กากร (ไมใ่ ช่การลดถงึ ขน้ั ตา่ สดุ หรือเป็น 0 ดงั เชน่ กรณี FTA) และมาตรการท่ไี ม่ใชภ่ าษศี ลุ กากรท่เี ป็นอปุ สรรคตอ่ การคา้ ดว้ ย รวมทงั้ มกี าร ร่วมมอื กนั ในดา้ นอ่นื ๆ อยา่ งกวา้ งขวาง เชน่ CEP ระหวา่ งอาเซยี นกบั ออสเตรเลยี และนิวซแี ลนด์ เป็นตน้ อย่างไรก็ตามทง้ั FTA และ Custom Union ตา่ งก็เป็นกระบวนการในการผนกึ ความร่วมมอื และหรอื การ รวมตวั กนั ทางเศรษฐกิจ (Economic Integration) และเป็นปจั จยั เร่งการเปิดเสรที ก่ี า้ วไปเรว็ กวา่ การเปิดเสรีตามขอ้ ผกู พนั ของ WTO รวมทงั้ เป็นการเตรยี มการเปิดเสรีตามเป้าหมายภายใตป้ ฏญิ ญาโบกอรข์ อง APEC ซ่งึ กาหนดให้ ประเทศสมาชิกทพ่ี ฒั นาแลว้ เปิดเสรอี ย่างเตม็ ทภ่ี ายในปี ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) และ ประเทศสมาชกิ ทก่ี าลงั พฒั นาเปิด เสรภี ายในปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) ในท่นี ้ี การใชค้ าวา่ \"เขตการคา้ เสร\"ี นน้ั หมายถงึ ความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจท่ใี กลช้ ิดกนั เป็นพเิ ศษในลกั ษณะ ทเ่ี ป็นการกล่าวอย่างกวา้ ง ๆ คลมุ ไปทงั้ FTA, Customs Union และ CEP ส่วนการใชค้ าว่า FTA หรือCustom Union หรอื CEPนน้ั หมายถงึ ความร่วมมอื ในรูปแบบนน้ั ๆ เป็นกรณีๆ ไป

อยา่ งไรก็ดี เขตการคา้ เสรีนน้ั ในทางปฏบิ ตั เิ ป็นเร่อื งทม่ี คี วามยงุ่ ยากในระดบั หนึ่ง และหากตอ้ งการใหไ้ ดผ้ ล จริงจงั ก็จะตอ้ งพฒั นาไปสูก่ ารเป็นสหภาพศุลกากรโดยเร็ว เพอ่ื หลกี เลย่ี งการหลบหนีภาษใี นรูปแบบตา่ ง ๆ เนื่องจาก ประเทศนอกกลุ่มจะพยายามส่งสนิ คา้ เขา้ ทางประเทศทท่ี าขอ้ ตกลงเขตการคา้ เสรี ทม่ี ภี าษตี า่ ไปสูป่ ระเทศในเขตการคา้ ท่มี ี ภาษสี ูง ยกตวั อย่างโดยสมมตวิ า่ ประเทศไทยมเี ขตการคา้ เสรกี บั ประเทศมาเลเซยี แต่ประเทศไทยเกบ็ ภาษศี ลุ กากรการ นาเขา้ สง่ิ ทอเพยี ง 10 % ในขณะทม่ี าเลเซยี เกบ็ ภาษสี นิ คา้ เดยี วกนั ในอตั รา 30 % พ่อคา้ จนี กจ็ ะพยายามนาเขา้ สง่ิ ทอทาง ประเทศไทยเพอ่ื เสยี ภาษเี พยี ง 10 % แลว้ นาไปแปรรปู เลก็ นอ้ ย เชน่ บรรจุห่อใหมเ่ พอ่ื แปลงสภาพใหเ้ป็นสนิ คา้ ประเทศ ไทยแลว้ นาไปขายในประเทศมาเลเซยี อนั จะทาใหเ้ขาเลย่ี งภาษไี ด้ 20% กล่าวคอื เขตการคา้ เสรีจะตอ้ งใชท้ รพั ยากรของ ภาครฐั เป็นจานวนมาก เพอื่ กาหนดกฎเกณฑเ์ กีย่ วกบั แหล่งกาเนดิ สนิ คา้ ทร่ี ดั กุม ซง่ึ ทางออกท่ดี ที ส่ี ดุ คือ การแปลงภาษี ศุลกากรของประเทศในเขตการคา้ เสรใี หเ้ท่ากนั ทง้ั หมด หรือแปลงใหเ้ป็นสหภาพศุลกากรโดยเรว็ นนั่ เอง เป้ าหมายของเขตการคา้ เสรี เขตการคา้ เสรีสะทอ้ นแนวคิดสาคญั ทางเศรษฐศาสตรท์ ่วี า่ \"ประโยชนจ์ ากการคา้ ระหว่างประเทศ จะเกดิ ข้นึ สูงสุดเมอื่ ประเทศตา่ งๆ ผลติ สนิ คา้ ทต่ี นมตี น้ ทุนในการผลติ ตา่ ทส่ี ดุ เมอ่ื เปรียบเทยี บกบั ประเทศอน่ื ๆ แลว้ นาสนิ คา้ เหลา่ นน้ั มาคา้ ขายแลกเปลย่ี นกนั \" ซ่งึ ในโลกแห่งความเป็นจรงิ นน้ั ประโยชนส์ ูงสดุ ดงั กล่าวจะไม่เกดิ ข้นึ หากยงั มกี ารเก็บ ภาษขี าเขา้ และมกี ารใชม้ าตรการกดี กนั ทางการคา้ ต่างๆ ซ่งึ สง่ ผลบดิ เบอื นราคาท่แี ทจ้ ริงของสนิ คา้ และทาใหก้ ารคา้ ขายไม่ เป็นไปอย่างเสรีและมปี ระสทิ ธภิ าพ พรอ้ มกนั น้ี FTA ถอื เป็นเครอื่ งมอื ทางการคา้ สาคญั ท่ปี ระเทศตา่ งๆ สามารถใชเ้พอ่ื ขยายโอกาสในการคา้ สรา้ ง พนั ธมติ รทางเศรษฐกิจ พรอ้ มๆ กบั เพมิ่ ความสามารถในการแขง่ ขนั ดา้ นราคาใหแ้ ก่สนิ คา้ ของตน เน่ืองจากสนิ คา้ ทผ่ี ลติ ใน FTA จะถูกเก็บภาษขี าเขา้ ในอตั ราทต่ี า่ กว่าสนิ คา้ ทผ่ี ลติ ในประเทศอน่ื ๆ ท่ไี ม่ใชส่ มาชกิ FTA จึงทาใหส้ นิ คา้ ท่ผี ลติ ภายในกลมุ่ ไดเ้ ปรียบในดา้ นราคากวา่ สนิ คา้ จากประเทศนอกกลุ่ม แนวทางในการจดั ทาเขตการคา้ เสรี การจดั ทาเขต การคา้ เสรที ด่ี คี วรมรี ูปแบบ ดงั น้ี 1. ทาใหก้ รอบกวา้ ง (Comprehensive) เพอ่ื ใหไ้ ดร้ บั ประโยชนท์ งั้ สองฝ่าย (Win-Win) การเจรจาทาความตกลง จดั ตง้ั เขตการคา้ เสรมี ขี อบเขตกวา้ งขวางครอบคลุมสมั พนั ธท์ างเศรษฐกิจทกุ สาขา ทง้ั การเปิดเสรีทางการคา้ (สนิ คา้ และบริการ) การลงทุน และการขยายความร่วมมอื ทงั้ ในสาขาท่รี ่วมมอื กนั ตลอดจนประสานแนวนโยบาย และพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์ นบั วา่ เป็นการทาขอ้ ผูกพนั เพมิ่ เติมจากขอ้ ผกู พนั ท่ีแต่ละประเทศมอี ยูแ่ ลว้ ในฐานะ สมาชกิ WTO จงึ เป็นขอ้ ผกู พนั ใน WTO (WTO plus) 2. ทาใหส้ อดคลอ้ งกบั กฎ WTO โดยท่ี WTO กาหนดเงอ่ื นไขใหม้ กี ารเปิดเสรีโดยคลุมการคา้ สนิ คา้ /บรกิ าร ระหว่างประเทศทเ่ี ขา้ ร่วมทาเขตการคา้ เสรอี ยา่ งมากพอ (Substantial) และสรา้ งความโปร่งใสโดยแจง้ ตอ่ WTO ก่อนและหลงั การทาความตกลงตง้ั เขตการคา้ เสรี รวมทงั้ เปิดใหป้ ระเทศสมาชิกตรวจสอบความตกลง 3. แลกเปลย่ี นผลประโยชนต์ อบแทนกนั (Reciprocity) ในกรณีท่คี ู่เจรจาเป็นประเทศพฒั นาแลว้ ควรเรยี กรอ้ ง ความยดื หยนุ่ เพอื่ ใหม้ เี วลานานกว่าในการปรบั ตวั หรอื ทาขอ้ ผกู พนั ในระดบั ทต่ี า่ กว่า

4. กาหนดกลไกและมาตรการป้องกนั ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายใน การเจรจาจดั ตง้ั เขตการคา้ เสรีจะรวมถงึ เรือ่ งกฎเกณฑแ์ ละขน้ั ตอนในการใชม้ าตรการป้องกนั ผลกระทบต่ออตุ สาหกรรมภายใน เชน่ การเกบ็ ภาษี การ ต่อตา้ นการทุ่มตลาด (AD) ภาษตี อบโตก้ ารอุดหนุน (CVD) และมาตรการคมุ้ กนั (Safeguards) ซง่ึ ใช้ กฎเกณฑข์ อง WTO เป็นพ้นื ฐาน แต่ปรบั ปรุงใหต้ รงตามความประสงคข์ องประเทศทร่ี ่วมเจรจา หรอื บางกรณี อาจมกี ารตกลงทจ่ี ะระงบั การใชม้ าตรการ AD,CVD ระหว่างกนั

ตวั อย่างข่าว : การเปิดการคา้ เสรอี าเซยี น (AFTA) ผลกระทบต่อนมและผลิตภณั ฑน์ มของไทย จากขอ้ ตกลงเขตการคา้ เสรีอาเซยี น (AFTA) ทก่ี าหนดใหป้ ระเทศสมาชิกในกลมุ่ ตอ้ งปรบั ลดอตั ราภาษนี าเขา้ นม และผลติ ภณั ฑน์ มลงเหลอื รอ้ ยละ 0 ในวนั ท่ี 1 มกราคม 2553 ยกเวน้ ในประเทศสมาชกิ ใหม่ 4 ประเทศ ไดแ้ ก่ กมั พูชา ลาว เวยี ดนาม และพม่า ทจ่ี ะค่อยๆ ทยอยปรบั ลดอตั ราภาษนี าเขา้ นม และผลติ ภณั ฑน์ ม สาหรบั ประเทศไทยจะปรบั ลดอตั ราภาษนี าเขา้ เหลอื รอ้ ยละ 0 ในวนั ท่ี 1 มกราคม 2553 จากการปรบั ลดอตั ราภาษตี ามขอ้ ตกลงดงั กล่าวนน้ั ไทยอาจจะตอ้ งระวงั ในเรือ่ งของการลกั ลอบนาเขา้ นมผง ท่ไี มไ่ ดค้ ุณภาพ และมาตรฐานจากประเทศเพอื่ นบา้ นซง่ึ มตี น้ ทุนการผลติ ทต่ี า่ กว่า ซ่งึ จะสง่ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมนม และผลติ ภณั ฑน์ มของไทยมาก ดงั นนั้ ไทยจะตอ้ งมมี าตรการควบคมุ และตรวจสอบในเรือ่ งของคณุ ภาพ และมาตรฐาน ของนมผงท่นี าเขา้ มาจากประเทศเพอื่ นบา้ น อกี ทง้ั ยงั ตอ้ งมกี ารตรวจสอบเรือ่ งกฎของแหลง่ กาเนิดสนิ คา้ ทม่ี าจากประเทศ เพอื่ นบา้ นอกี ดว้ ย โครงสรา้ งอตุ สาหกรรมนม และผลติ ภณั ฑน์ มของไทย ปี 2551 ประเทศไทยมจี านวนเกษตรกรผเู้ล้ยี งโคนมประมาณ 19,243 คน จานวนโคนมประมาณ 530,000 ตวั มกี าลงั การผลติ นา้ นมดบิ เฉลย่ี ประมาณ 2,568 ตนั /วนั ทง้ั น้ี ใชส้ าหรบั โครงการอาหารเสรมิ (นม) หรอื นมโรงเรียนประมาณ 1,100 ตนั /วนั หรอื คดิ เป็นสดั ส่วนประมาณรอ้ ยละ 42.8 ใช้ สาหรบั เป็นวตั ถดุ บิ ใหโ้ รงงานนม UHT พาสเจอรไ์ รซ์ และการแปรรูปเป็นผลติ ภณั ฑน์ มอ่นื ๆ หรือทเ่ี รียกว่า ตลาดนม พาณิชยป์ ระมาณ 1,353 ตนั /วนั หรอื คดิ เป็นสดั ส่วนประมาณ

รอ้ ยละ 52.7 ปญั หาสาคญั คอื ปรมิ าณนา้ นมดบิ อกี ประมาณ 115 ตนั /วนั หรอื ประมาณรอ้ ยละ 4.5 ซ่งึ ยงั ไมม่ ี ผูร้ บั ซ้อื ส่งผลใหเ้กดิ ปญั หาปริมาณนา้ นมดบิ ลน้ ตลาด ในสว่ นของตลาดนมในประเทศไทยนนั้ นมพรอ้ มดม่ื ถอื เป็นตลาดหลกั ของอตุ สาหกรรมน้ี ซง่ึ ผลติ ภณั ฑน์ ม พรอ้ มดม่ื ของไทยจะผลติ มาจากนา้ นมดบิ ภายในประเทศ และจากนมผงนาเขา้ จากต่างประเทศ โดยผลผลติ ทไ่ี ดจ้ ะ ออกมาในรูปนมสด มที ง้ั รสจดื และรสหวาน และในรูปนมปรุงแต่ง ซง่ึ มกี ารเตมิ กลน่ิ และรสตา่ งๆ ตามความนยิ มของ ผูบ้ ริโภค เชน่ รสชอ็ กโกแลต็ รสกาแฟ และรสสตรอวเ์ บอร่ี เป็นตน้ สาหรบั นมท่ผี ลติ เพอื่ จาหน่ายในโครงการอาหารเสรมิ โรงเรยี น หรือนมโรงเรยี นนน้ั จะตอ้ งผลติ จากนา้ นมดบิ ท่ี ผลติ ข้นึ ภายในประเทศเท่านนั้ นอกจากน้ี การผลติ นมผง หางนม เนยและเนยแขง็ รวมถงึ ผลติ ภณั ฑน์ มอ่นื ๆ เช่น ไอศกรมี นมเปร้ยี ว เป็น ตน้ ซ่งึ ผลติ ภณั ฑน์ มเหล่าน้ใี นประเทศไทยยงั มปี ริมาณการผลติ ไม่มากนกั เพราะตน้ ทนุ ในการดาเนินการสูง จึงมกี าร นาเขา้ สนิ คา้ ดงั กล่าวจากประเทศอ่นื ๆ เชน่ ออสเตรเลยี นิวซแี ลนด์ เพอื่ มาใชเ้ป็นวตั ถดุ บิ ในการผลติ ผลติ ภณั ฑน์ ม ประเภทอ่นื ๆ เป็นสว่ นใหญ่ ปญั หาสาคญั ของการเล้ยี งโคนมของไทยคอื ปญั หาดา้ นตน้ ทุนการผลติ ซง่ึ เมอื่ เทยี บกบั ประเทศอ่นื ๆ เช่น นิวซแี ลนด์ และออสเตรเลยี แลว้ ตน้ ทุนในการผลติ ของไทยสูงกว่าประเทศเหลา่ น้มี าก จึงทาใหม้ ผี ูป้ ระกอบการธุรกจิ นม ของไทย หนั ไปพงึ่ การนาเขา้ นมผงจากประเทศต่าง ๆ เหลา่ น้เี ป็นจานวนมาก นอกจากน้ี ไทยยงั ขาดการวจิ ยั และพฒั นา พนั ธุโ์ คนม และผลติ ภณั ฑน์ มอยา่ งตอ่ เนือ่ ง ขาดการสนบั สนุน และใหก้ ารส่งเสรมิ จากทางภาครฐั ส่งผลกระทบต่อ อตุ สาหกรรมการเล้ยี งโคนมของไทยยงั ไมพ่ ฒั นามากนกั สถานการณก์ ารคา้ นม และผลติ ภณั ฑน์ มของไทย เมอ่ื พจิ ารณาถงึ ภาวะการคา้ นม และผลติ ภณั ฑน์ มของไทยในชว่ ง 11 เดอื นแรกของปี 2552 พบว่าไทยยงั คงเสยี เปรยี บดลุ การคา้ เป็นมูลค่า 4,006.6 ลา้ นบาท ลดลงรอ้ ยละ 66.5 เมอ่ื เทยี บกบั ชว่ งเดยี วกนั ของปีก่อน เพราะการนาเขา้ สนิ คา้ กลุ่มน้ี โดยเฉพาะการนาเขา้ นมผงขาดมนั เนยมมี ลู ค่ามากกว่าการ สง่ ออกนม และผลติ ภณั ฑน์ มของไทยอยู่เป็นจานวนมาก สง่ ผลใหไ้ ทยยงั คงเสยี เปรียบดลุ การคา้ ในกลุม่ สนิ คา้ นม และ ผลติ ภณั ฑน์ มพอสมควร สาหรบั ภาวะการส่งออกนม และผลติ ภณั ฑน์ ม พบวา่ ในช่วง 11 เดอื นแรกของปี 2552 ไทยส่งออกนม และ ผลติ ภณั ฑน์ มมลู ค่า 4,010.3 ลา้ นบาท ลดลงรอ้ ยละ 3.9 เมอ่ื เทยี บกบั ชว่ งเดยี วกนั ของปีก่อน เน่อื งจาก ภาวะทาง เศรษฐกจิ ทห่ี ดตวั ในชว่ งครึ่งปีแรก สง่ ผลกระทบต่อกาลงั การจบั จา่ ยใชส้ อยของผูบ้ รโิ ภค ประเภทของผลติ ภณั ฑน์ มท่ี ส่งออกมากกวา่ รอ้ ยละ 37.9 เป็นนม และครมี ท่ที าใหเ้ขม้ ขน้ หรือเตมิ นา้ ตาล รองลงมา ไดแ้ ก่ นม และครมี ท่ไี มท่ าให้ เขม้ ขน้ หรอื ไมเ่ ติมนา้ ตาล รอ้ ยละ 25.9 และบตั เตอรม์ ลิ ค์ โยเกิรต์ รอ้ ยละ 18.8 ตามลาดบั สาหรบั ตลาดสง่ ออกนม และผลติ ภณั ฑน์ มท่สี าคญั ของไทยส่วนใหญก่ ว่ารอ้ ยละ 85.0 ส่งออกไปยงั ประเทศเพอ่ื นบา้ น ไดแ้ ก่ กมั พชู า (สดั สว่ น รอ้ ยละ 22.2) สงิ คโปร์ (สดั ส่วนรอ้ ยละ 14.2) และลาว (สดั สว่ นรอ้ ยละ 13.3) ตามลาดบั นอกจากน้ี ไทยยงั มกี าร

สง่ ออกนม และผลติ ภณั ฑน์ มไปยงั ประเทศจีน ฮอ่ งกง และไตห้ วนั ซ่งึ มสี ดั สว่ นรวมกนั รอ้ ยละ 9.1 ดว้ ย ในขณะทก่ี ารนาเขา้ นม และผลติ ภณั ฑน์ มของไทยส่วนใหญจ่ ะนาเขา้ จากประเทศนิวซแี ลนด์ และออสเตรเลยี มากถงึ รอ้ ยละ 64.3 ของมลู ค่าการนาเขา้ ทงั้ หมด โดยในชว่ ง 11 เดอื นแรกของปี 2552 ไทยนาเขา้ นม และผลติ ภณั ฑน์ ม มูลค่า 8,016.9 ลา้ นบาท ลดลงรอ้ ยละ 50.3 เมอ่ื เทยี บกบั ช่วงเดยี วกนั ของปีก่อน โดยส่วนใหญจ่ ะนาเขา้ ในรูปของนมผง ขาดมนั เนยถงึ รอ้ ยละ 34.4 เพอ่ื นามาใชแ้ ปรรูปเป็นผลติ ภณั ฑน์ มต่างๆจาหน่ายในประเทศ ทง้ั น้ี เนือ่ งจากนมผงขาดมนั เนยท่นี าเขา้ มามรี าคาถกู กว่านา้ นมดบิ ท่เี กษตรกรไทยผลติ ได้ ส่งผลใหผ้ ูป้ ระกอบการสว่ นใหญข่ องไทยต่างหนั ไปพงึ่ การ นาเขา้ นมผงจากตา่ งประเทศมาใชเ้ป็นวตั ถดุ บิ หลกั ในการแปรรูปเป็นผลติ ภณั ฑต์ ่าง ๆ นอกจากน้ี ยงั มกี ารนาเขา้ ผลติ ภณั ฑน์ มอน่ื ๆ เชน่ ไอศกรมี รอ้ ยละ 26.7 และ นมผงมไี ขมนั รอ้ ยละ 21.0 ตามลาดบั ตลาดส่งออกนมและผลติ ภณั ฑน์ มของไทยสว่ นใหญเ่ ป็นประเทศในอาเซยี นดว้ ยกนั หากมกี ารปรบั ลดอตั รา ภาษนี าเขา้ นม และผลติ ภณั ฑน์ มลงเหลอื รอ้ ยละ 0 ตามกรอบอาฟตาในปี 2553 คาดวา่ ไทยจะมโี อกาสขยายการสง่ ออก ไปยงั ประเทศอาเซยี นเพม่ิ ข้นึ ทงั้ ประเทศท่เี ป็นสมาชกิ เก่า รวมถงึ ประเทศทเ่ี ป็นสมาชิกใหม่ ตามปริมาณการบริโภคนม ของผูบ้ ริโภคท่คี าดวา่ จะมแี นวโนม้ เพมิ่ ข้นึ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ นมพรอ้ มดม่ื ทใ่ี ชน้ า้ นมดบิ ในประเทศเป็นวตั ถดุ บิ ซง่ึ ใน สว่ นน้จี ะเป็นแนวทางในการช่วยลดปญั หาภาวะนา้ นมดบิ ในประเทศลน้ ตลาดดว้ ย ถงึ แมว้ ่าประเทศเพอ่ื นบา้ นของไทยจะ มโี อกาสในการหนั ไปนาเขา้ นมผงจากตา่ งประเทศทม่ี ตี น้ ทุนถกู กว่า แตท่ ง้ั น้ี ประเทศเพอ่ื นบา้ นยงั คงมขี อ้ จากดั ในเรือ่ ง ของโรงงานท่ใี ชเ้ทคโนโลยใี นการแปรรูปนมผงเป็นนมพรอ้ มดม่ื ประกอบกบั คุณภาพของนมพรอ้ มดม่ื ท่ที าจากนมผงนนั้ จะมคี ณุ ภาพ และรสชาติท่แี ตกตา่ งจากนมพรอ้ มด่มื ท่ที าจากนา้ นมดบิ อกี ทงั้ คาดวา่ ปี 2553 ราคานมผงในตลาดโลกจะ มแี นวโนม้ เพมิ่ สูงข้นึ จงึ สง่ ผลใหไ้ ทยน่าจะมโี อกาสทจ่ี ะขยายการส่งออกนมพรอ้ มดม่ื ไปยงั ประเทศเพอื่ นบา้ นไดเ้พม่ิ ข้นึ หลงั จากทม่ี กี ารปรบั ลดอตั ราภาษนี าเขา้ แต่ในขณะเดยี วกนั ในระยะยาว ไทยจะตอ้ งรกั ษาคณุ ภาพ มาตรฐาน และรสชาติของนมพรอ้ มดม่ื ใหม้ คี วาม สมา่ เสมอ รวมถงึ ควรมกี ารทาการตลาดนมพรอ้ มด่มื ของไทยใหม้ ากข้นึ โดยเนน้ ในเรื่องของการใชน้ า้ นมโคดิบแทม้ าทา การผลติ ซ่งึ ถงึ แมว้ ่านมพรอ้ มด่มื ท่ผี ลติ จากนมโค 100 % จะมตี น้ ทุนทส่ี ูงกว่า แตก่ ็สามารถสรา้ งความเช่อื มนั่ ใหก้ บั ผูบ้ รโิ ภคในเร่ืองของคณุ ภาพ มาตรฐาน และรสชาตขิ องนมพรอ้ มด่มื ได้ อยา่ งไรกต็ าม แมว้ า่ ประเทศไทยจะมศี กั ยภาพในการแข่งขนั ผลติ ภณั ฑน์ มพรอ้ มด่มื จากการปรบั ลดภาษภี ายใต้ ขอ้ ตกลงเขตการคา้ เสรีอาเซยี น แตย่ งั คงมปี จั จยั พงึ ระวงั บางประการท่อี าจสง่ ผลกระทบเชงิ ลบ ตอ่ อตุ สาหกรรมนม และ ผลติ ภณั ฑน์ มของไทย ซ่งึ สรปุ ได้ ดงั น้ี การลกั ลอบนาเขา้ นมผงเถื่อนจากประเทศเพอ่ื นบา้ น จากการปรบั ลดอตั ราภาษลี งเหลอื รอ้ ยละ 0 ตามกรอบขอ้ ตกลง

อาฟตาในปี 2553 นนั้ อาจทาใหม้ กี ารลกั ลอบนาเขา้ นมผงเถอ่ื นจากประเทศเพอื่ นบา้ นท่มี รี าคาถูกเขา้ มา อาจสง่ ผล กระทบตอ่ เกษตรกรผูเ้ล้ยี งโคนมของไทย จนทาใหเ้กดิ ปญั หานา้ นมดบิ ในประเทศลน้ ตลาดเน่ืองจากมรี าคาท่สี ูงกว่าได้ ดงั นนั้ ทกุ หน่วยงานท่เี กย่ี วขอ้ งควรมกี ารออกมาตรการเพอื่ รองรบั กบั ปญั หาท่อี าจจะเกดิ ข้นึ การสวมสทิ ธ์จิ ากประเทศอน่ื ๆ นอกอาเซยี น นมผงจากประเทศเพอื่ นบา้ นอาจจะสามารถสง่ เขา้ มาทาการแขง่ ขนั กบั ไทยไดโ้ ดยการสวมสทิ ธ์จิ ากประเทศอ่นื ๆ นอกอาเซยี น เชน่ กรณีออสเตรเลยี อาจจะไปใชฐ้ านการผลติ ในประเทศ สมาชกิ ในอาเซยี นบางประเทศ โดยนาเขา้ นมผงตน้ ทุนตา่ จากออสเตรเลยี ไปละลายนา้ แลว้ บรรจุกลอ่ งเป็นนมพรอ้ มด่มื และทาการสง่ มาขายในไทย เป็นตน้ ดงั นน้ั เพอื่ เป็นการเตรยี มรบั มอื กบั ปญั หาดงั กลา่ วทอ่ี าจเกิดข้นึ กระทรวงเกษตรฯ จงึ วางแนวทาง การ รองรบั โดยในส่วนของนา้ นมดบิ และนมพรอ้ มด่มื มมี าตรการรองรบั ไว้ 3 มาตรการคือ 1. การบรหิ ารการนาเขา้ โดยกาหนดใหเ้ป็นสนิ คา้ ท่ตี อ้ งขออนุญาตนาเขา้ รวมถงึ ตอ้ งรายงานการนาเขา้ การใช้ การ จาหน่าย และสต็อกคงเหลอื ภายใน 1 เดอื น อกี ทง้ั มบี ทลงโทษหากไม่ดาเนนิ การ 2. การวางระบบตดิ ตามการนาเขา้ โดยมมี าตรการรองรบั โดยวางระบบตดิ ตามสถติ กิ ารนาเขา้ โดยประสานความร่วมมอื จากกรมศุลกากร รวมถงึ ตดิ ตามขอ้ มูลการออกใบอนุญาตนาเขา้ สนิ คา้ ทอ่ี อกโดยกรมการคา้ ต่างประเทศ ตลอดจนนา ขอ้ มลู ตา่ งๆ มาวเิ คราะห์ เพอื่ เฝ้าระวงั การนาเขา้ และวางมาตรการรองรบั เชน่ มาตรการปกป้องและมาตรการปกป้อง พเิ ศษ 3. การตดิ ตามตรวจสอบ ประเมนิ ผล เพอ่ื ประเมินสถานการณ์และหาทางแกไ้ ข เป็นตน้ นอกจากน้ี เพอ่ื ใหอ้ ตุ สาหกรรมนม และผลติ ภณั ฑน์ มของไทยสามารถแข่งขนั ไดใ้ นตลาดอาเซยี น ทกุ ฝ่ายท่เี กยี่ วขอ้ งทงั้ ภาครฐั ผูผ้ ลติ และเกษตรกรท่เี ลย้ี งโคนมควรมกี ารวางแผนเพอื่ เตรยี มความพรอ้ มไวร้ องรบั กบั การแข่งขนั ทจ่ี ะเกิด ดงั น้ี กาหนด และบงั คบั ใชม้ าตรการการนาเขา้ นม และผลติ ภณั ฑน์ ม โดยรฐั บาลจะตอ้ งมมี าตรการปกป้องสนิ คา้ นม และ ผลติ ภณั ฑน์ มในประเทศ เพอื่ ชว่ ยเหลอื เกษตรกร และผูป้ ระกอบการ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบคุณภาพสนิ คา้ ท่นี าเขา้ จากต่างประเทศ การเฝ้าระวงั การลกั ลอบนาเขา้ รวมถงึ การดูแลทางดา้ นแหล่งกาเนดิ สนิ คา้ เป็นตน้ การพฒั นาภาคการผลติ ดว้ ยการเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการผลติ และลดตน้ ทนุ ใน 3 ประเดน็ หลกั ดงั น้ี - การวจิ ยั และพฒั นาพนั ธโุ์ คนมท่เี หมาะกบั สภาพแวดลอ้ มของประเทศไทย เนอื่ งจากมผี ลต่อประสทิ ธภิ าพในการเล้ยี ง ไมว่ า่ จะเป็นการเจรญิ เติบโต การผสมติด ความสมบรูณ์และปรมิ าณการใหน้ า้ นม

ทงั้ น้ี เพอื่ เป็นการเพมิ่ ประสทิ ธิภาพในการผลติ นา้ นมของโคนมใหม้ ากข้นึ - การวิจยั และพฒั นาดา้ นอาหารสตั ว์ ปจั จุบนั อาหารท่ใี ชเ้ล้ยี งโคนมของไทยส่วนใหญจ่ ะเป็นอาหารขน้ ซ่งึ ตอ้ งมกี าร นาเขา้ จากต่างประเทศ ส่งผลใหต้ น้ ทุนในการเล้ยี งสูงมาก ประกอบกบั อาหารประเภทหญา้ มไี ม่เพยี งพอกบั ความ ตอ้ งการของโคนม ดงั นน้ั จึงควรมกี ารจดั สรรปรมิ าณสารอาหารท่ใี ชเ้ลย้ี งโคนม ประกอบกบั การพฒั นาหญา้ ท่ใี ชเ้ล้ยี งโค นมใหม้ ปี รมิ าณสารอาหารเพยี งพอ และเหมาะสม จะเป็นการชว่ ย ลดตน้ ทนุ ในการเล้ยี งโคนมของไทยได้ - เพ่ิมพูนความรูใ้ หแ้ กเ่ กษตรกรมากข้นึ ทง้ั น้ี เพอื่ ใหเ้กษตรกรไทยนาความรูไ้ ปใชใ้ นการพฒั นา และดาเนินการผลติ ตามหลกั ทถ่ี ูกตอ้ งเหมาะสม เพอื่ ใหน้ มของไทยมคี ุณภาพสูง และสามารถส่งออกไปแขง่ ขนั ในต่างประเทศได้ - สรา้ งระบบตลาดทเ่ี ขม้ แขง็ ภายในประเทศ โดยการประชาสมั พนั ธใ์ หเ้หน็ ถงึ คุณค่าทางโภชนาการ และดาเนนิ การดา้ น การสรา้ งคุณภาพและมาตรฐานในดา้ นต่างๆ นอกจากน้ี ควรเนน้ ส่งเสริมใหผ้ ูบ้ รโิ ภคในประเทศมกี ารบรโิ ภคนมสด ภายในประเทศ และเนน้ การใชว้ ตั ถดุ บิ ท่มี าจากโคนมในประเทศเป็นสาคญั กลา่ วโดยสรปุ จากการปรบั ลดอตั ราภาษนี าเขา้ นม และผลติ ภณั ฑน์ มลงเหลอื รอ้ ยละ 0 ในวนั ท่ี 1 มกราคม 2553 ภายใตก้ รอบอาฟตานน้ั คาดว่า ไทยจะมโี อกาสขยายการสง่ ออกไปยงั ประเทศอาเซยี นเพมิ่ ข้นึ โดยเฉพาะอย่างย่งิ นมพรอ้ มด่มื ท่ใี ชน้ า้ นมดบิ ในประเทศเป็นวตั ถดุ บิ ขณะท่ใี นระยะยาว ผูป้ ระกอบการไทยจะตอ้ งพยายามรกั ษาคุณภาพ มาตรฐาน และรสชาตขิ องนมพรอ้ มดม่ื ใหม้ คี วามสมา่ เสมอ รวมถงึ ควรมกี ารทาการตลาดนมพรอ้ มด่มื ของไทยใหม้ าก ข้นึ โดยเนน้ ในเร่อื งของการใชน้ า้ นมโคดบิ แทม้ าทาการผลติ ซง่ึ ถงึ แมว้ ่านมพรอ้ มด่มื ท่ผี ลติ จากนา้ นมโคดบิ 100 % จะมรี าคาทส่ี ูงกว่า แตก่ ส็ ามารถสรา้ งความเชือ่ มนั่ ใหก้ บั ผบู้ รโิ ภคในเร่อื งของคุณภาพ มาตรฐาน และรสชาติของนม พรอ้ มด่มื ได้ นอกจากน้ี อตุ สาหกรรมนม และผลติ ภณั ฑน์ มของไทยกค็ วรมกี ารวจิ ยั และพฒั นาทม่ี คี วามเขม้ ขน้ มากย่งิ ข้นึ กวา่ ทเ่ี ป็นอยู่ในปจั จุบนั ทงั้ น้กี เ็ พอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการผลติ อยา่ งตอ่ เนื่องไม่ว่าจะเป็นการวจิ ยั และพฒั นาพนั ธุโ์ คนมท่ี เหมาะกบั สภาพแวดลอ้ มของประเทศไทย การวจิ ยั และพฒั นาดา้ นอาหารสตั ว์ เป็นการเพมิ่ ประสทิ ธิภาพในการผลติ รวมถงึ ลดตน้ ทุนซ่งึ ถอื เป็นปญั หาสาคญั ของธุรกจิ น้ี อกี ทงั้ ควรเพม่ิ พูนความรูท้ งั้ เชงิ วชิ าการ และเชงิ ปฏบิ ตั ิใหแ้ ก่ เกษตรกรมากข้นึ รวมถงึ สรา้ งระบบตลาดภายในประเทศใหม้ กี ารขยายตวั มากข้นึ หากไทยมกี ารพฒั นาศกั ยภาพในการ ผลติ อยา่ งตอ่ เน่อื ง และจริงจงั ก็จะมผี ลต่อการสรา้ งศกั ยภาพการผลติ ทเ่ี ขม้ แขง็ ซง่ึ กจ็ ะช่วยใหอ้ ตุ สาหกรรมนม และ ผลติ ภณั ฑน์ มของไทยสามารถแขง่ ขนั กบั ประเทศอน่ื ๆไดอ้ ยา่ งเต็มท่ี (http://www.positioningmag.com/prnews/prnews.aspx?id=84389 7 มกราคม 2553)

2.1 เรอ่ื ง ผลกระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ตอ่ เศรษฐกิจไทย คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นวเิ คราะหผ์ ลกระทบของการเปิดเสรีการคา้ ตอ่ เศรษฐกจิ ไทยจากบทความทก่ี าหนด เขตการคา้ เสรแี ละผลกระทบต่อเกษตรกรไทย การจดั ตง้ั เขตการคา้ เสรีสนิ คา้ เกษตรระหวา่ งไทยกบั ประเทศคู่คา้ และผลกระทบตอ่ เกษตรกรไทยเป็นประเดน็ ท่ี มกี ารกล่าวถงึ และถกเถยี งกนั มานาน และยงั จะตอ้ งมกี ารกลา่ วถงึ และถกเถยี งต่อไปในอนาคต ตราบเทา่ ทป่ี ระเทศไทย ยงั จะตอ้ งมกี ารเปิดเขตการคา้ เสรกี บั ตา่ งประเทศ ไมว่ า่ จะเป็นในรูปแบบทวภิ าคี ภูมภิ าคี หรอื พหุภาคี ซ่งึ มกี ารลด อตั ราภาษนี าเขา้ และขจดั อุปสรรคทางการคา้ ทม่ี ใิ ชภ่ าษตี ่างๆ ระหวา่ งกนั และกนั สาเหตทุ ่จี ะเป็นเช่นน้ี เพราะไมม่ ี ขอ้ ตกลงการคา้ เสรีใดทจ่ี ะมแี ตผ่ ไู้ ดร้ บั ผลประโยชนโ์ ดยไม่มผี ูส้ ูญเสยี ประโยชนใ์ ดเลยภายในประเทศ หรือมแี ต่ ผลกระทบทางบวกโดยไม่มผี ลกระทบทางลบตอ่ ผใู้ ด โดยหลกั การ เกอื บทกุ ขอ้ ตกลงการคา้ เสรจี ะตอ้ งมสี าขาอุตสาหกรรมการผลติ และหรอื กลุ่มประชาชนผูบ้ ริโภคบางกลุ่ม ไดร้ บั ผลกระทบทางลบ ซ่งึ จะตอ้ งไดร้ บั การพจิ ารณาคานงึ ถงึ และดูแลใหก้ ารชว่ ยเหลอื เสมอ ประเดน็ ท่คี วรพจิ ารณาในการสนบั สนุนการเปิดเขตการคา้ เสรีจึงอยูท่ ่วี ่าผลประโยชนท์ างบวกตอ่ เศรษฐกจิ สว่ นรวมมากกวา่ หรือนอ้ ยกวา่ ผลกระทบทางลบท่เี กิดข้นึ หรอื คาดว่าจะเกิดข้นึ ถา้ หากผลประโยชนส์ ุทธมิ ากกว่า (เป็น บวก) ก็หมายความว่า ขอ้ ตกลงจดั ตงั้ เขตการคา้ เสรนี น้ั ควรไดร้ บั การสนบั สนุนใหด้ าเนินการเพราะก่อประโยชนส์ ทุ ธแิ ก่ ประเทศและประชาชนโดยสว่ นรวม และโดยหลกั การรฐั สามารถ นาเงนิ รายไดจ้ ากประโยชนส์ ุทธนิ น้ั ไปสนบั สนุน ชว่ ยเหลอื หรือชดเชยใหแ้ ก่กลมุ่ ผูท้ ่ไี ดร้ บั ผลกระทบนน้ั ต่อไปได้ ในชว่ งระหวา่ งดาเนินการตามขอ้ ตกลงการเกษตรภายใตก้ รอบ WTO รอบอรุ กุ วยั ทเ่ี ริม่ ในปี 1995 ทผ่ี า่ นมา นน้ั ไดพ้ บเหน็ แลว้ ว่ากระทรวงตา่ งๆท่เี กยี่ วขอ้ งทง้ั พาณิชย์ เกษตร อุตสาหกรรมและตา่ งประเทศ ตา่ งไดพ้ ยายามทา ความช้แี จงกบั ประชาชนใหเ้ขา้ ใจในความจาเป็นและประโยชนท์ จ่ี ะไดร้ บั ทางการคา้ และการพฒั นาประเทศจากการเขา้ ร่วม ในขอ้ ตกลงการคา้ และขอ้ ผูกพนั ต่างๆท่ไี ทยตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามทงั้ ดา้ นการลดภาษีและกฎระเบยี บทางการคา้ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง รวมทงั้ ความจาเป็นท่เี กษตรกรไทยจะตอ้ งปรบั ตวั เพอ่ื รองรบั กบั การเปลย่ี นแปลงดงั กล่าวดว้ ย ในขณะเดยี วกนั ไดพ้ บ เหน็ เช่นกนั ว่าฝ่ายภาคประชาชน องคก์ รเกษตรกรเอกชนพฒั นา สถาบนั การศึกษาบางแห่งและหรอื กลุม่ /สถาบนั เกษตรกรทเ่ี ก่ยี วขอ้ งบางกลมุ่ (เช่น กลุม่ สหกรณเ์ กษตรกรผูเ้ล้ยี งโคนม) ฯลฯ ต่างไดม้ กี ารรอ้ งเรยี นในเร่อื งผลกระทบ ทางลบของการเปิดเขตเสรีการคา้ สนิ คา้ เกษตรดงั กล่าวตอ่ รายไดแ้ ละความมงั่ คงในการประกอบอาชพี ของตน หรอื ใน กรณีภายหลงั การดาเนินงานตามแผนการเร่งรดั (Early Harvest Program) การเปิดเสรสี นิ คา้ เกษตร 8 หมวดตาม ขอ้ ตกลงเขตการคา้ เสรที วภิ าคีไทย-จีน ไดพ้ บเหน็ เช่นกนั วา่ มกี ารกลา่ วถงึ เกษตรกรผูเ้พาะปลกู กระเทยี ม หอมหวั ใหญ่

และผกั ผลไมเ้มอื งหนาวทางภาคเหนอื ของไทยไดร้ บั ผลกระทบจากสนิ คา้ นาเขา้ ประเภทเดยี วกนั ดงั กลา่ วจานวนมากจาก จนี จนส่งผลกระทบต่อรายไดแ้ ละความมนั่ คงในอาชพี ของเกษตรกรไทย ทง้ั สองกรณีตวั อยา่ งขา้ งตน้ ช้ใี หเ้หน็ ถงึ ปญั หา ผลกระทบตอ่ เกษตรกรไทยจากการนาเขา้ สนิ คา้ อนั เนอ่ื งมาจากเปิดตลาดเสรสี นิ คา้ เกษตรกบั ต่างประเทศทผ่ี า่ นมา อย่างไรก็ดี ปญั หาของเกษตรกรดงั กล่าวไดร้ บั การแกไ้ ขเยยี วยา จนลลุ ่วงไปไดด้ ว้ ยดใี นท่สี ุด นอกจากนน้ั ผลกระทบของขอ้ ตกลงจดั ตงั้ เขตการคา้ เสรมี ไิ ดเ้กดิ เฉพาะกบั เกษตรกรและหรืออุตสาหกรรมการ ผลติ ภายในประเทศหน่ึงๆ เท่านน้ั แตย่ งั อาจสง่ ผลกระทบไปถงึ การส่งออกของประเทศ คู่คา้ เดมิ ทอ่ี ยู่นอกขอ้ ตกลงฯ ซ่งึ อาจตอ้ งสูญเสยี สว่ นแบ่งการตลาดไปเพราะไมส่ ามารถแขง่ ขนั ไดเ้นอื่ งจากตอ้ งเสยี ภาษนี าเขา้ ในอตั ราท่สี ูงกวา่ ประเทศ ท่มี กี ารจดั ทาขอ้ ตกลงทางการคา้ ระหวา่ งกนั ดว้ ยเหตผุ ลดงั กลา่ ว จงึ เป็นทม่ี าของปรากฏการณท์ พ่ี บเหน็ แพร่ระบาดไปทวั่ ในปจั จุบนั นนั่ คือ การจดั ทาขอ้ ตกลง FTA ทวภิ าครี ะหว่างประเทศต่างๆ ท่มี มี ากมายไขวก้ นั เป็นเสมอื นเสน้ บะหมพี่ นั กนั ไปทวั่ โลกดว้ ยเหตุผลทท่ี ุกประเทศต่างตอ้ งการรกั ษาความสามารถในการแขง่ ขนั ดา้ นภาษไี มใ่ หเ้สยี เปรียบคู่แข่งขนั อน่ื จากปรากฏการณท์ เ่ี กดิ ข้นึ จงึ อาจคาดการณ์ไดว้ า่ ในอนาคตอนั ไม่ไกลจากน้อี ตั ราภาษนี าเขา้ สนิ คา้ ของประเทศตา่ งๆไม่ น่าจะมคี วามแตกตา่ งกนั มากนกั และอาจจะไม่เป็นอปุ สรรคกีดกนั ทางการคา้ ทส่ี าคญั มากเมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ท่เี คยเป็นมา ในอดตี การจดั ทาขอ้ ตกลง FTA ทวภิ าคี นอกจากจะมผี ลกระทบต่อภาคการนาเขา้ ต่อผผู้ ลติ สนิ คา้ นาเขา้ และต่อ ผูบ้ ริโภคภายในประเทศดงั ท่กี ลา่ วขา้ งตน้ แลว้ ยงั มผี ลกระทบตอ่ การสง่ ออก ผผู้ ลติ สนิ คา้ สง่ ออก และผูบ้ รโิ ภค ภายในประเทศดว้ ยเช่นกนั ในกรณีการส่งออกนนั้ ขอ้ ตกลง FTA ทวภิ าคจี ะสามารถช่วยขยายการสง่ ออกของประเทศ ไดด้ ยี ง่ิ ข้นึ ถา้ หากอปุ สรรคกีดกนั ทางการคา้ สาคญั อน่ื ๆท่ปี ฏบิ ตั ิในประเทศคู่คา้ โดยเฉพาะประเทศทพ่ี ฒั นาแลว้ ไดร้ บั การ แกไ้ ข ไดแ้ ก่ การยกเลกิ การใชม้ าตรการอุดหนุนเกษตรกรและมาตรการอดุ หนุนการสง่ ออกท่บี ดิ เบอื นการผลติ และ การคา้ อย่างไรก็ดี เป็นท่ที ราบกนั ดวี ่าขอ้ ตกลง FTA ทวภิ าคีจะไม่รวมการเจรจายกเลกิ มาตรการปกป้องการเกษตรท่ี กล่าว แต่จะมรี วมอยูใ่ นการเจรจาการคา้ พหุภาคภี ายใตก้ รอบ WTO เทา่ นน้ั เมอื่ เป็นเชน่ น้ปี จั จยั ท่จี ะกระทบตอ่ รายไดข้ องเกษตรกรทส่ี าคญั ในอนาคตจงึ ไดแ้ ก่การใชม้ าตรการปกป้อง เกษตรกรในประเทศพฒั นาแลว้ ซ่งึ ยงั คงอยูแ่ ละยงั มไิ ดร้ บั การแกไ้ ข กอปรกบั ขณะน้กี ารเจรจาขอ้ ตกลงการคา้ เสรพี หุภาคี สนิ คา้ เกษตรภายใตก้ รอบ WTO รอบโดฮาตอ้ งหยุดชะงกั ลง ซง่ึ จะย่งิ เป็นผลใหโ้ อกาสการเจรจาแกไ้ ขปญั หาการอุดหนุน ท่บี ดิ เบอื นราคาสนิ คา้ เกษตรโลกซง่ึ สง่ ผลกระทบต่อรายไดข้ องเกษตรกรในประเทศผูส้ ่งออกสนิ คา้ เกษตรยง่ิ นอ้ ยลง จาก ท่กี ล่าวน้จี งึ อาจสรุปไดว้ ่าความสาเรจ็ ของการเจรจาการคา้ พหภุ าคสี นิ คา้ เกษตรรอบโดฮาภายใตก้ รอบ WTO เป็น ความหวงั ของความสาเรจ็ ในการแกไ้ ขปญั หาความยากจนของเกษตรกรในประเทศกาลงั พฒั นาผสู้ ่งออกสนิ คา้ เกษตร (http://www.itd.or.th/th/node/621 ดร. เอกอรณุ อวนสกุล หวั หนา้ สว่ นงานวจิ ยั )



2.1 เร่อื ง ผลกระทบของการเปิดเสรีการคา้ ตอ่ เศรษฐกจิ ไทย คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นวเิ คราะหผ์ ลกระทบของการเปิดเสรกี ารคา้ ต่อเศรษฐกิจไทยจากบทความท่กี าหนด เขตการคา้ เสรีและผลกระทบตอ่ เกษตรกรไทย การจดั ตง้ั เขตการคา้ เสรีสนิ คา้ เกษตรระหวา่ งไทยกบั ประเทศคู่คา้ และผลกระทบตอ่ เกษตรกรไทยเป็นประเดน็ ท่ี มกี ารกลา่ วถงึ และถกเถยี งกนั มานาน และยงั จะตอ้ งมกี ารกลา่ วถงึ และถกเถยี งตอ่ ไปในอนาคต ตราบเท่าทป่ี ระเทศไทย ยงั จะตอ้ งมกี ารเปิดเขตการคา้ เสรกี บั ตา่ งประเทศ ไมว่ ่าจะเป็นในรูปแบบทวภิ าคี ภมู ภิ าคี หรือพหุภาคี ซง่ึ มกี ารลด อตั ราภาษนี าเขา้ และขจดั อุปสรรคทางการคา้ ทม่ี ใิ ช่ภาษตี า่ งๆ ระหวา่ งกนั และกนั สาเหตุทจ่ี ะเป็นเชน่ น้ี เพราะไม่มี ขอ้ ตกลงการคา้ เสรีใดทจ่ี ะมแี ต่ผไู้ ดร้ บั ผลประโยชนโ์ ดยไมม่ ผี ูส้ ูญเสยี ประโยชนใ์ ดเลยภายในประเทศ หรอื มแี ต่ ผลกระทบทางบวกโดยไมม่ ผี ลกระทบทางลบตอ่ ผใู้ ด โดยหลกั การ เกอื บทกุ ขอ้ ตกลงการคา้ เสรีจะตอ้ งมสี าขาอตุ สาหกรรมการผลติ และหรอื กลมุ่ ประชาชนผูบ้ ริโภคบางกลมุ่ ไดร้ บั ผลกระทบทางลบ ซ่งึ จะตอ้ งไดร้ บั การพจิ ารณาคานงึ ถงึ และดูแลใหก้ ารชว่ ยเหลอื เสมอ ประเดน็ ทค่ี วรพจิ ารณาในการสนบั สนุนการเปิดเขตการคา้ เสรีจงึ อยู่ทว่ี ่าผลประโยชนท์ างบวกต่อเศรษฐกจิ สว่ นรวมมากกวา่ หรือนอ้ ยกวา่ ผลกระทบทางลบทเ่ี กดิ ข้นึ หรอื คาดว่าจะเกดิ ข้นึ ถา้ หากผลประโยชนส์ ุทธิมากกว่า (เป็น บวก) กห็ มายความวา่ ขอ้ ตกลงจดั ตงั้ เขตการคา้ เสรนี นั้ ควรไดร้ บั การสนบั สนุนใหด้ าเนินการเพราะก่อประโยชนส์ ุทธิแก่ ประเทศและประชาชนโดยส่วนรวม และโดยหลกั การรฐั สามารถ นาเงนิ รายไดจ้ ากประโยชนส์ ทุ ธนิ นั้ ไปสนบั สนุน ชว่ ยเหลอื หรือชดเชยใหแ้ ก่กลุ่มผูท้ ่ไี ดร้ บั ผลกระทบนน้ั ตอ่ ไปได้ ในชว่ งระหว่างดาเนนิ การตามขอ้ ตกลงการเกษตรภายใตก้ รอบ WTO รอบอรุ กุ วยั ท่เี ร่มิ ในปี 1995 ทผ่ี ่านมา นน้ั ไดพ้ บเหน็ แลว้ ว่ากระทรวงตา่ งๆทเ่ี กย่ี วขอ้ งทงั้ พาณิชย์ เกษตร อตุ สาหกรรมและตา่ งประเทศ ตา่ งไดพ้ ยายามทา ความช้แี จงกบั ประชาชนใหเ้ขา้ ใจในความจาเป็นและประโยชนท์ จ่ี ะไดร้ บั ทางการคา้ และการพฒั นาประเทศจากการเขา้ ร่วม ในขอ้ ตกลงการคา้ และขอ้ ผูกพนั ต่างๆทไ่ี ทยตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามทง้ั ดา้ นการลดภาษีและกฎระเบยี บทางการคา้ ท่เี กย่ี วขอ้ ง รวมทง้ั ความจาเป็นท่เี กษตรกรไทยจะตอ้ งปรบั ตวั เพอ่ื รองรบั กบั การเปลย่ี นแปลงดงั กล่าวดว้ ย ในขณะเดยี วกนั ไดพ้ บ เหน็ เชน่ กนั ว่าฝ่ายภาคประชาชน องคก์ รเกษตรกรเอกชนพฒั นา สถาบนั การศกึ ษาบางแหง่ และหรือกลุ่ม/สถาบนั เกษตรกรท่เี ก่ียวขอ้ งบางกลุม่ (เช่น กลมุ่ สหกรณ์เกษตรกรผูเ้ลย้ี งโคนม) ฯลฯ ตา่ งไดม้ กี ารรอ้ งเรยี นในเรื่องผลกระทบ ทางลบของการเปิดเขตเสรกี ารคา้ สนิ คา้ เกษตรดงั กล่าวต่อรายไดแ้ ละความมงั่ คงในการประกอบอาชีพของตน หรือใน กรณีภายหลงั การดาเนินงานตามแผนการเร่งรดั (Early Harvest Program) การเปิดเสรสี นิ คา้ เกษตร 8 หมวดตาม ขอ้ ตกลงเขตการคา้ เสรีทวภิ าคไี ทย-จีน ไดพ้ บเหน็ เช่นกนั วา่ มกี ารกล่าวถงึ เกษตรกรผูเ้พาะปลกู กระเทยี ม หอมหวั ใหญ่

และผกั ผลไมเ้มอื งหนาวทางภาคเหนือของไทยไดร้ บั ผลกระทบจากสนิ คา้ นาเขา้ ประเภทเดยี วกนั ดงั กลา่ วจานวนมากจาก จนี จนส่งผลกระทบต่อรายไดแ้ ละความมนั่ คงในอาชพี ของเกษตรกรไทย ทงั้ สองกรณีตวั อยา่ งขา้ งตน้ ช้ใี หเ้หน็ ถงึ ปญั หา ผลกระทบตอ่ เกษตรกรไทยจากการนาเขา้ สนิ คา้ อนั เนอ่ื งมาจากเปิดตลาดเสรีสนิ คา้ เกษตรกบั ตา่ งประเทศทผ่ี ่านมา อย่างไรก็ดี ปญั หาของเกษตรกรดงั กลา่ วไดร้ บั การแกไ้ ขเยยี วยา จนลลุ ่วงไปไดด้ ว้ ยดใี นท่สี ดุ นอกจากนน้ั ผลกระทบของขอ้ ตกลงจดั ตงั้ เขตการคา้ เสรมี ไิ ดเ้กิดเฉพาะกบั เกษตรกรและหรืออุตสาหกรรมการ ผลติ ภายในประเทศหนงึ่ ๆ เท่านนั้ แตย่ งั อาจสง่ ผลกระทบไปถงึ การส่งออกของประเทศ คู่คา้ เดมิ ทอ่ี ยูน่ อกขอ้ ตกลงฯ ซ่งึ อาจตอ้ งสูญเสยี สว่ นแบง่ การตลาดไปเพราะไมส่ ามารถแขง่ ขนั ไดเ้นอื่ งจากตอ้ งเสยี ภาษนี าเขา้ ในอตั ราทส่ี ูงกวา่ ประเทศ ท่มี กี ารจดั ทาขอ้ ตกลงทางการคา้ ระหวา่ งกนั ดว้ ยเหตผุ ลดงั กลา่ ว จงึ เป็นทม่ี าของปรากฏการณ์ทพ่ี บเหน็ แพร่ระบาดไปทวั่ ในปจั จุบนั นนั่ คือ การจดั ทาขอ้ ตกลง FTA ทวภิ าครี ะหว่างประเทศต่างๆ ทม่ี มี ากมายไขวก้ นั เป็นเสมอื นเสน้ บะหมพ่ี นั กนั ไปทวั่ โลกดว้ ยเหตผุ ลทท่ี ุกประเทศต่างตอ้ งการรกั ษาความสามารถในการแขง่ ขนั ดา้ นภาษไี ม่ใหเ้สยี เปรียบคู่แข่งขนั อ่นื จากปรากฏการณท์ เ่ี กดิ ข้นึ จึงอาจคาดการณ์ไดว้ า่ ในอนาคตอนั ไม่ไกลจากน้อี ตั ราภาษนี าเขา้ สนิ คา้ ของประเทศตา่ งๆไม่ น่าจะมคี วามแตกตา่ งกนั มากนกั และอาจจะไม่เป็นอปุ สรรคกีดกนั ทางการคา้ ทส่ี าคญั มากเมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ท่เี คยเป็นมา ในอดตี การจดั ทาขอ้ ตกลง FTA ทวภิ าคี นอกจากจะมผี ลกระทบต่อภาคการนาเขา้ ตอ่ ผผู้ ลติ สนิ คา้ นาเขา้ และต่อ ผูบ้ ริโภคภายในประเทศดงั ท่กี ล่าวขา้ งตน้ แลว้ ยงั มผี ลกระทบตอ่ การสง่ ออก ผผู้ ลติ สนิ คา้ สง่ ออก และผูบ้ รโิ ภค ภายในประเทศดว้ ยเช่นกนั ในกรณีการสง่ ออกนนั้ ขอ้ ตกลง FTA ทวภิ าคจี ะสามารถชว่ ยขยายการสง่ ออกของประเทศ ไดด้ ยี ่งิ ข้นึ ถา้ หากอปุ สรรคกดี กนั ทางการคา้ สาคญั อน่ื ๆท่ปี ฏบิ ตั ิในประเทศคู่คา้ โดยเฉพาะประเทศท่พี ฒั นาแลว้ ไดร้ บั การ แกไ้ ข ไดแ้ ก่ การยกเลกิ การใชม้ าตรการอดุ หนุนเกษตรกรและมาตรการอุดหนุนการสง่ ออกทบ่ี ดิ เบอื นการผลติ และ การคา้ อย่างไรก็ดี เป็นท่ที ราบกนั ดวี า่ ขอ้ ตกลง FTA ทวภิ าคจี ะไม่รวมการเจรจายกเลกิ มาตรการปกป้องการเกษตรท่ี กล่าว แต่จะมรี วมอยูใ่ นการเจรจาการคา้ พหุภาคภี ายใตก้ รอบ WTO เทา่ นน้ั เมอื่ เป็นเชน่ น้ปี จั จยั ทจ่ี ะกระทบตอ่ รายไดข้ องเกษตรกรทส่ี าคญั ในอนาคตจงึ ไดแ้ ก่การใชม้ าตรการปกป้อง เกษตรกรในประเทศพฒั นาแลว้ ซ่งึ ยงั คงอยูแ่ ละยงั มไิ ดร้ บั การแกไ้ ข กอปรกบั ขณะน้กี ารเจรจาขอ้ ตกลงการคา้ เสรพี หุภาคี สนิ คา้ เกษตรภายใตก้ รอบ WTO รอบโดฮาตอ้ งหยุดชะงกั ลง ซง่ึ จะย่งิ เป็นผลใหโ้ อกาสการเจรจาแกไ้ ขปญั หาการอดุ หนุน ท่บี ดิ เบอื นราคาสนิ คา้ เกษตรโลกซง่ึ ส่งผลกระทบต่อรายไดข้ องเกษตรกรในประเทศผูส้ ง่ ออกสนิ คา้ เกษตรยง่ิ นอ้ ยลง จาก ท่กี ล่าวน้จี งึ อาจสรุปไดว้ ่าความสาเรจ็ ของการเจรจาการคา้ พหภุ าคสี นิ คา้ เกษตรรอบโดฮาภายใตก้ รอบ WTO เป็น ความหวงั ของความสาเรจ็ ในการแกไ้ ขปญั หาความยากจนของเกษตรกรในประเทศกาลงั พฒั นาผสู้ ่งออกสนิ คา้ เกษตร (http://www.itd.or.th/th/node/621 ดร. เอกอรณุ อวนสกุล หวั หนา้ ส่วนงานวจิ ยั )

(เฉลยตามคาตอบของนกั เรยี น และอย่ใู นดุลยพินิจของครูผสู้ อน)

แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ลาดบั คณุ ภาพการปฏิบตั ิ รายการประเมนิ 4321 ที่ 1 นาเสนอเน้อื หาในผลงานไดถ้ กู ตอ้ ง 2 การนาเสนอมคี วามน่าสนใจ 3 ความเหมาะสมกบั เวลา 4 ความกลา้ แสดงออก 5 บุคลกิ ภาพ นา้ เสยี งเหมาะสม รวม ลงชือ่ ..............................................................................ผูป้ ระเมนิ / /....................... ........................... ........................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน การปฏบิ ตั งิ านสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน การปฏบิ ตั ิงานยงั มขี อ้ บกพร่องเลก็ นอ้ ย ให้ 3 คะแนน การปฏบิ ตั งิ านยงั มขี อ้ บกพร่องเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน การปฏบิ ตั ิงานมขี อ้ บกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 17-20 ดมี าก 13-16 ดี 9-12 พอใช ้ 5-8 ปรบั ปรงุ

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ ชื่อ – สกลุ การแสดงความ การรบั ฟงั การตง้ั ใจ การรว่ ม รวม ลาดบั ความร่วมมือ คดิ เหน็ ความคิดเห็น ทางาน ปรบั ปรุง 20 ของผรู้ บั การ ที่ ผลงานกลมุ่ ประเมนิ คะแนน 43214321432143214321 เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ ดีมาก = 4 3 หมายเหตุ ครูอาจใชว้ ธิ ีการมอบหมายใหห้ วั หนา้ กลุ่ม ดี = 2 เป็นผปู้ ระเมิน หรือใหต้ วั แทนกลุม่ ผลดั กนั ประเมิน 1 หรือให้มีการประเมนิ โดยเพ่ือน โดยตวั นกั เรียนเอง พอใช้ = ตามความเหมาะสมก็ได้ ปรบั ปรุง = เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 17 – 20 ดมี าก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5 – 8 ปรบั ปรุง

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 3 เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 6 เศรษฐกจิ ระหว่างประเทศ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4-6 เรือ่ ง องคก์ ารความร่วมมือทางเศรษฐกจิ ทีส่ าคญั เวลา 4 ชวั่ โมง ในภูมิภาคตา่ งๆ ของโลก  สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การรวมกลุ่มเศรษฐกิจมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อประโยชน์ทางการคา้ เพื่อร่วมกนั แกไ้ ขปญั หา เสริมสรา้ ง และรกั ษา ผลประโยชนท์ างเศรษฐกิจ  ตวั ช้ีวดั /จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ส 3.2 ม.4-6/3 วเิ คราะหผ์ ลดี ผลเสยี ของความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ ระหว่างประเทศ ในรูปแบบต่างๆ 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) อธบิ ายบทบาทและหนา้ ทข่ี ององคก์ ารความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ ทส่ี าคญั ในภูมภิ าคต่างๆ ของโลกได ้ 2) วเิ คราะหผ์ ลดี ผลเสยี ของความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศในรูปแบบต่างๆ ได้  สาระการเรยี นรู้ 1.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง 1) แนวคิดพ้นื ฐานท่เี กย่ี วขอ้ งกบั การคา้ ระหว่างประเทศ 2) บทบาทขององคก์ ารความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ ท่สี าคญั ในภูมภิ าคตา่ งๆ ของโลก เชน่ WTO, NAFTA, EU , IMF, ADB, OPEC, FTA, APEC ในระดบั ตา่ งๆ เขตส่เี หลย่ี ม เศรษฐกิจ 3) ปจั จยั ต่างๆ ทน่ี าไปสูก่ ารพง่ึ พา การแข่งขนั การขดั แยง้ และการประสานประโยชน์ ทางเศรษฐกิจไทยกบั ต่างประเทศ 4) ตวั อย่างเหตุการณท์ น่ี าไปสูก่ ารพงึ่ พาทางเศรษฐกิจ 5) ผลกระทบจากการดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศ 6) ปจั จยั ต่างๆ ทน่ี าไปสู่การพงึ่ พา การแข่งขนั การขดั แยง้ และการประสานประโยชน์ ทางเศรษฐกิจ วธิ ีการกดี กนั ทางการคา้ ในการคา้ ระหว่างประเทศ

1.2 สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถิน่ -  สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น 4.1 ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทกั ษะการคิดสงั เคราะห์ 4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ - กระบวนการทางานกลุ่ม  คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มคี วามรบั ผดิ ชอบ  กจิ กรรมการเรียนรู้ (วิธสี อนโดยการจดั การเรียนรูแ้ บบร่วมมอื : เทคนิคกลุม่ สบื คน้ ) ชั่วโมงที่ 1-2 1. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเกยี่ วกบั องคก์ ารความร่วมมือทางเศรษฐกิจท่ไี ทยมสี ว่ นร่วมและมีบทบาทสาคญั แลว้ ให้ นกั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ ง และบอกประโยชนท์ ่ไี ทยไดร้ บั จากการเขา้ ร่วม หรือเป็นสมาชิก 2. ครูอธิบายใหน้ กั เรยี นทราบว่า การรวมกลุ่มทางเศรษฐกจิ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ประโยชนท์ างการคา้ และการ รวมกล่มุ การคา้ ในปจั จุบนั มหี ลายรูปแบบ 3. ครูนาสญั ลกั ษณ์ หรือเคร่อื งหมายขององคก์ ารความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจท่สี าคญั ในภูมภิ าคต่างๆ ของโลก มา แสดงหนา้ ชน้ั เรยี นใหน้ กั เรียนดู แลว้ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั บอกช่อื และความสาคญั ขององคก์ ารนนั้ ๆ โดยสงั เขป 4. ครูตรวจสอบคาตอบของนกั เรียน แลว้ อธิบายเพ่มิ เติมในสว่ นท่บี กพร่อง 5. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็น 11 กลุ่ม เพ่ือศกึ ษาและคน้ ควา้ ขอ้ มูลเพ่มิ เติมเกย่ี วกบั องคก์ ารความร่วมมือทาง เศรษฐกจิ ท่สี าคญั ในภูมภิ าคต่างๆ ของโลก ดงั น้ี - กล่มุ ท่ี 1 ศึกษาและคน้ ควา้ ขอ้ มูลเรอ่ื ง องคก์ ารการคา้ โลก (World Trade Organization : WTO) - กลมุ่ ท่ี 2 ศกึ ษาและคน้ ควา้ ขอ้ มลู เรือ่ ง สหภาพยุโรป (European Union : EU) - กลุ่มท่ี 3 ศกึ ษาและคน้ ควา้ ขอ้ มลู เรอื่ ง ขอ้ ตกลงการคา้ เสรอี เมริกาเหนือ (North America Free

Trade Agreement : NAFTA) - กลุ่มท่ี 4 ศกึ ษาและคน้ ควา้ ขอ้ มลู เร่อื ง กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกจิ ในภูมภิ าคเอเชยี -แปซฟิ ิก ( Asia-Pacific Economic Cooperaton : APEC) - กลมุ่ ท่ี 5 ศกึ ษาและคน้ ควา้ ขอ้ มลู เรอ่ื ง สมาคมประชาชาติเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ (Association of Southeast Asian Nations : ASEAN) - กลมุ่ ท่ี 6 ศกึ ษาและคน้ ควา้ ขอ้ มูลเรอื่ ง กลุ่มโอเปก (Oganization of the Petroleum Exporting Countries : OPEC) - กลมุ่ ท่ี 7 ศึกษาและคน้ ควา้ ขอ้ มลู เรื่อง ธนาคารระหว่างประเทศเพอ่ื การบูรณะและพฒั นา หรอื ธนาคารโลก (International Bank for Reconstruction and Development : IBRD) - กลมุ่ ท่ี 8 ศกึ ษาและคน้ ควา้ ขอ้ มูลเรอ่ื ง กองทุนการเงนิ ระหวา่ งประเทศ (International Monetary Fund : IMF) - กล่มุ ท่ี 9 ศึกษาและคน้ ควา้ ขอ้ มลู เรื่อง ธนาคารเพื่อการพฒั นาเอเชยี (Asian Development Bank : ADB) - กลมุ่ ท่ี 10 ศกึ ษาและคน้ ควา้ ขอ้ มลู เรื่อง การประชุมสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการคา้ และการพฒั นา (United Nations Conference on Trade and Development : UNCTAD) - กลมุ่ ท่ี 11 ศึกษาและคน้ ควา้ ขอ้ มูลเรอื่ ง การรวมกลุ่มอนุภาคท่ปี ระเทศไทยมีบทบาทสาคญั (เขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอนิ โดนีเซยี -มาเลเซยี -ไทย โครงการสเ่ี หล่ยี มเศรษฐกิจ ความร่วมมือ ทางเศรษฐกิจในอนุภมู ภิ าคลุ่มนา้ โขง) 6. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มวางแผนการศึกษาและคน้ ควา้ จากแหลง่ การเรียนรูต้ า่ งๆ อยา่ งหลากหลาย 7. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรวบรวมขอ้ มูลจากการศึกษาและคน้ ควา้ จากแหลง่ การเรยี นรูต้ ่างๆ เพอื่ ร่วมกนั อภปิ รายและ สรุปความรู้ ตามประเด็นท่คี รูกาหนด ดงั น้ี - ความเป็นมา และความสาคญั - นโยบายทางเศรษฐกจิ ท่สี าคญั 8. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มวางแผนการนาเสนอผลงานของกลุ่มอยา่ งสรา้ งสรรค์ แลว้ คดั เลอื กตวั แทนทม่ี ี ความสามารถในการพูด หรือนาเสนอผลงานไดเ้ขา้ ใจง่าย ออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรยี นในชวั่ โมงตอ่ ไป

(ครูแจง้ ใหน้ กั เรยี นทุกกลุ่มจดั ทาเอกสารประกอบการนาเสนอผลงานเพ่อื แจกใหเ้พ่ือนกลุ่มอ่นื ดว้ ย หรือแจกเป็น รายบคุ คล) ช่ัวโมงท่ี 3-4 1. ครูสอบถามเกย่ี วกบั การเตรยี มความพรอ้ มในการนาเสนอผลงานของแตล่ ะกลุ่ม และปญั หาท่เี กิดข้นึ ในการ ทางานร่วมกนั เพอ่ื เป็นการแลกเปลย่ี นประสบการณ์ในการทางานและหาแนวทางท่เี หมาะสมในการแกไ้ ขปญั หา การทางานท่เี กิดข้นึ 2. ใหต้ วั แทนนกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรยี นตามลาดบั กลุ่ม หรือพจิ ารณาจากความพรอ้ ม ของแต่ละกลุ่มตามความเหมาะสม 3. ครูแจง้ ใหน้ กั เรียนทราบวา่ เมอ่ื ตวั แทนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานจบแลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มตงั้ ประเด็นคาถามท่เี ป็น มตขิ องกลุ่มสอบถามขอ้ สงสยั ได้ กลุ่มละ 1 คาถาม โดยครูเนน้ ยา้ ใหน้ กั เรยี นทราบว่า การตง้ั คาถามจะตอ้ งเป็น ประเด็นคาถามท่สี รา้ งสรรค์ และเป็นประโยชนต์ ่อการศึกษาคน้ ควา้ เพมิ่ เติม 4. ครูชมเชยตวั แทนกลุ่มท่นี าเสนอผลงานไดด้ ี และมีความคดิ สรา้ งสรรคเ์ พอื่ ใหน้ กั เรียนมกี าลงั ใจ และสามารถเป็น แบบอย่างท่ดี ีใหก้ บั กลุ่มอน่ื ๆ ได้ 5. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรูเ้กี่ยวกบั องคก์ ารความร่วมมือทางเศรษฐกจิ ทส่ี าคญั ในภูมภิ าคต่างๆ 6. ใหน้ กั เรียนทาใบงานท่ี 3.1 เรื่อง องคก์ ารทางเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ 7. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั วเิ คราะหผ์ ลดี ผลเสยี ของความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศใน รูปแบบตา่ งๆ ดงั น้ี - การรวมกลุ่มภูมภิ าค (การรวมกลุ่มของประเทศท่อี ยูใ่ นภูมภิ าคเดยี วกนั ) - การรวมกลุ่มอนุภูมภิ าค (การรวมกลุ่มของประเทศท่มี อี าณาเขตติดตอ่ กนั ) 8. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มบนั ทกึ ผลการวิเคราะห์ แลว้ จดั ทาแผ่นพบั วเิ คราะหผ์ ลดี ผลเสยี ของความร่วมมอื ทาง เศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ 9. ครูและนกั เรียนร่วมกนั กาหนดระยะเวลาในการสง่ ผลงานกลุ่ม เพอื่ ใหน้ กั เรียนสามารถวางแผนการทางานได้ อยา่ งเหมาะสม  นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 6

 การวดั และประเมินผล วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 3.1 ใบงานท่ี 3.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ประเมนิ แผน่ พบั วเิ คราะหผ์ ลดี ผลเสยี แบบประเมนิ แผ่นพบั วเิ คราะหผ์ ลดี ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ของความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจระหวา่ ง ผลเสยี ของความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจ ประเทศ ระหวา่ งประเทศ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมนิ การนาเสนอผลงานกลุ่ม แบบประเมนิ การนาเสนอผลงานกลุม่ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน แบบทดสอบหลงั เรยี น  สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี น เศรษฐศาสตร์ ม.4-ม.6 2) ตวั อยา่ ง สญั ลกั ษณ์ หรอื เครือ่ งหมายขององคก์ ารความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ ท่สี าคญั ในภูมิภาค ตา่ งๆ ของโลก 3) ใบงานท่ี 3.1 เร่อื ง องคก์ ารทางเศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศ 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) ส่อื การเรยี นรูต้ ่างๆ เช่น หนงั สอื พมิ พ์ นิตยสาร โทรทศั น์ 3) แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ http://www.mof.go.th http://www.idis.ru.ac.th http://www.mfa.go.th/business/1092.php http://www.itd.or.th/th/comment/reply/354