1.5 เรือ่ ง สบื คน้ ขอ้ มูลกิจการสหกรณ์ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู การดาเนินกิจการของสหกรณ์ ท่นี กั เรียนสนใจมา 1 แห่ง แลว้ นามา รายงานสรุปในหวั ขอ้ ทก่ี าหนด 1. ชื่อสหกรณ์ 2. มีทตี่ ้งั /ทที่ ำกำรอยทู่ ี่ ใด 3. จดั อยู่ในสหกรณ์ ประเภทใด 4. มวี ตั ถุประสงคอ์ ยำ่ งไร 5. คณะกรรมกำรประกอบ ดว้ ยตำแหน่งใดบำ้ ง
6. ลกั ษณะกำรดำเนินงำน เป็นอยำ่ งไร 7. มีผลประโยชน์ต่อ สมำชิก อยำ่ งไรบำ้ ง 8. กำรดำเนินงำนของสหกรณ์ เป็นประโยชน์ตอ่ สังคม และประเทศอยำ่ งไร 9. บทสรุป/หรือขอ้ คดิ จำก กำรสืบคน้ ขอ้ มลู
1.5 เร่อื ง สบื คน้ ขอ้ มลู กจิ การสหกรณ์ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มูลการดาเนนิ กจิ การของสหกรณ์ ท่นี กั เรยี นสนใจมา 1 แห่ง แลว้ นามา รายงานสรปุ ในหวั ขอ้ ทก่ี าหนด 1. ช่ือสหกรณ์ 2.มีท่ีต้งั /ท่ีทำกำรอยทู่ ่ีใด 3. จดั อยู่ในสหกรณป์ ระเภท ใด 4. มีวตั ถุประสงคอ์ ยำ่ งไร 5. คณะกรรมกำรประกอบ ดว้ ยตำแหน่งใดบำ้ ง
6. ลกั ษณะกำรดำเนินงำน เป็นอยำ่ งไร 7. มผี ลประโยชน์ต่อ สมำชิก อยำ่ งไรบำ้ ง 8. กำรดำเนินงำนของสหกรณ์ เป็นประโยชน์ต่อสงั คม และประเทศอยำ่ งไร 9. บทสรุป/หรือขอ้ คดิ จำก กำรสืบคน้ ขอ้ มูล (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยอยูใ่ นดลุ ยพนิ ิจของครูผสู้ อน)
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 2 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4-6 เวลา 2 ชวั่ โมง เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 สหกรณ์และการรวมกลมุ่ เพอ่ื การพฒั นา ชมุ ชนของไทย เรอ่ื ง เศรษฐกิจในชุมชนของไทย สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การแกป้ ญั หาเศรษฐกจิ ในชุมชนนนั้ จะตอ้ งอาศยั ความร่วมมอื ของบุคคลและกลุม่ บุคคลหลายฝ่าย ทง้ั ในองคก์ รรฐั และเอกชน ในการหาสาเหตุและแนวทางแกไ้ ข ตวั ช้ีวดั /จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ส 3.1 ม.4-6/4 วเิ คราะหป์ ญั หาทางเศรษฐกจิ ในชุมชนและแนวทางแกไ้ ข 2.2 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) วเิ คราะหป์ ญั หาทางเศรษฐกิจในชุมชนได้ 2) อธิบายแนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ ของชุมชนไทย 3) ยกตวั อยา่ งของการรวมกลมุ่ ทป่ี ระสบความสาเร็จในการแกป้ ญั หาทางเศรษฐกิจของ ชุมชนได ้ สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง 1) ปญั หาทางเศรษฐกิจในชุมชน 2) แนวทางการพฒั นาเศรษฐกิจของชุมชน 3) ตวั อย่างของการรวมกลมุ่ ท่ปี ระสบความสาเร็จในการแกป้ ญั หาทางเศรษฐกิจของชุมชน 3.2 สาระการเรียนรูท้ อ้ งถ่นิ - สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น
4.1 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ - ทกั ษะการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ 4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต - กระบวนการปฏบิ ตั ิ - กระบวนการทางานกลุม่ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธสี อนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการกลมุ่ , กระบวนการแกป้ ัญหา) ชั่วโมงท่ี 1-2 1. ครูแบ่งนกั เรยี นเป็น 2 ทมี ใหญ่ ใหแ้ ข่งขนั กนั เขยี นปญั หาทางเศรษฐกจิ ในชุมชนบนกระดาน/บอรด์ หนา้ ชน้ั เรยี น กล่มุ ใดเขยี นไดจ้ านวนมากท่สี ุดในเวลาท่กี าหนด 5 นาที หรอื ตามความเหมาะสมจะเป็น ฝ่ ายชนะ 2. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั ระดมความคิดรวมกลมุ่ ปญั หาเศรษฐกิจทน่ี กั เรยี นช่วยกนั เขยี นบนกระดาน/ บอรด์ เป็นจาพวกเดยี วกนั เชน่ - ปญั หาความยากจน - ปญั หาความแตกต่างกนั ระหว่างรายไดข้ องประชาชนในชมุ ชน - ปญั หาขาดแคลนบคุ ลากรทม่ี คี วามรู้ - ปญั หาการขาดแคลนเทคโนโลยี และวทิ ยาการ - ปญั หาขาดผูน้ า หรอื กลมุ่ ผูน้ าชุมชนทม่ี คี วามสามารถ หรอื มกี ารบริหารจดั การทเ่ี ขม้ แขง็ 3. ครูใหน้ กั เรียนรวมกลุม่ กนั ตามความสมคั รใจ กลมุ่ ละ 5-7 คน ร่วมมอื กนั ศกึ ษาความรู้ และขอ้ มลู เก่ยี วกบั เศรษฐกจิ ของไทย จากหนงั สอื เรยี น หนงั สอื อา่ นเพม่ิ เติม และแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ ในหวั ขอ้ ต่อไปน้ี 1) ลกั ษณะทวั่ ไปของชุมชนไทย 2) ปญั หาเศรษฐกิจในชมุ ชน
3) แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ ของชุมชน 4. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั หาข่าวเกย่ี วกบั การพฒั นาเศรษฐกจิ ของชุมชนตา่ งๆ มาร่วมกนั วเิ คราะห์ ตามหวั ขอ้ ท่กี าหนดใหใ้ นใบงานท่ี 2.1 เรื่อง สบื คน้ ขอ้ มลู การพฒั นาเศรษฐกจิ ของชมุ ชน 5. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ผลดั กนั นาเสนอผลงาน การสบื คน้ ขอ้ มูลการพฒั นาเศรษฐกิจของชมุ ชนทป่ี ระสบ ความสาเร็จ และใหก้ ล่มุ ผูฟ้ งั เป็นผูแ้ สดงความคดิ เหน็ เพม่ิ เตมิ 6. นกั เรียนช่วยกนั เสนอขอ้ คิดทไ่ี ดจ้ ากการร่วมมอื กนั พฒั นาเศรษฐกจิ ในชมุ ชน และแนวทางการพฒั นา เศรษฐกิจของชุมชน เช่น - นาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นการดาเนนิ ชวี ติ - การร่วมมอื กนั ของทุกภาคส่วนในชมุ ชน - การทางานร่วมกนั ระหว่างทอ้ งถน่ิ กบั ชมุ ชน - การรวมกล่มุ สรา้ งงาน สรา้ งอาชีพ 7. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนแต่ละกล่มุ ร่วมมอื กนั เขยี นบทความวเิ คราะห์ เรอ่ื ง สหกรณก์ บั การพฒั นา เศรษฐกจิ ในชุมชน โดยมปี ระเด็นครอบคลุมหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี 1) การวเิ คราะหค์ วามสาคญั ของสหกรณ์ในการพฒั นาเศรษฐกิจในระดบั ชมุ ชน พรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ 2) การวเิ คราะหค์ วามสาคญั ของสหกรณใ์ นการพฒั นาเศรษฐกจิ ระหว่างประเทศ พรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ 3) การวเิ คราะหป์ ญั หาเศรษฐกจิ ในชุมชนและแนวทางการแกไ้ ข นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 การวดั และประเมินผล วิธีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.1 ใบงานท่ี 2.1 ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมนิ บทความวเิ คราะห์ แบบประเมนิ บทความวเิ คราะห์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ เรือ่ ง สหกรณก์ บั การพฒั นาเศรษฐกิจใน เรอื่ ง สหกรณ์กบั การพฒั นาเศรษฐกจิ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ชมุ ชน ในชมุ ชน ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน แบบทดสอบหลงั เรียน สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรียน เศรษฐศาสตร์ ม.4-ม.6 2) หนงั สอื คน้ ควา้ เพมิ่ เตมิ
บุญมี จนั ทรวงศ.์ ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาสหกรณใ์ นภาคเกษตร. กรงุ เทพ ฯ : กรมสง่ เสรมิ สหกรณ์, 2543. 3) ใบงานท่ี 2.1 เร่ือง สบื คน้ ขอ้ มูลการพฒั นาเศรษฐกิจของชมุ ชน 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php http://vclass.mgt.psu.ac.th/~465-521/2005-2/Assignment-02/MPA_14_05/co_op.htm
ชิน้ งำน/ภำระงำน (รวบยอด) บทความวเิ คราะห์ เรอ่ื ง สหกรณก์ บั การพฒั นาเศรษฐกิจในชมุ ชน คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมมอื กนั เขยี นบทความวเิ คราะห์ เรื่อง สหกรณก์ บั การ พฒั นาเศรษฐกจิ ในชุมชน โดยมปี ระเดน็ ครอบคลมุ หวั ขอ้ ต่อไปน้ี 1) การวเิ คราะหค์ วามสาคญั ของสหกรณ์ในการพฒั นาเศรษฐกจิ ในระดบั ชมุ ชน พรอ้ ม ยกตวั อยา่ งประกอบ 2) การวเิ คราะหค์ วามสาคญั ของสหกรณใ์ นการพฒั นาเศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศ พรอ้ ม ยกตวั อยา่ งประกอบ 3) การวเิ คราะหป์ ญั หาเศรษฐกิจในชมุ ชนและแนวทางการแกไ้ ข
แบบประเมนิ บทควำมวเิ ครำะห์ เร่ือง สหกรณ์กับกำรพัฒนำเศรษฐกิจในชุมชน กลุ่มท่.ี ................................................. สมาชิกของกลุ่ม 1. .............................................................................. 2. .............................................................................. 4. .............................................................................. 3. .............................................................................. 6. .............................................................................. 5. .............................................................................. ลาดบั คุณภาพผลงาน รายการประเมิน 4321 ที่ การวเิ คราะหค์ วามสาคญั ของสหกรณใ์ นการพฒั นาเศรษฐกิจ 1 ในระดบั ชุมชน 2 การวเิ คราะหค์ วามสาคญั ของสหกรณใ์ นการพฒั นาเศรษฐกิจ ระดบั ประเทศ 3 การวเิ คราะหป์ ญั หาเศรษฐกจิ ในชุมชนและแนวทางแกไ้ ข รวม ลงช่ือ..............................................................................ผูป้ ระเมนิ / /....................... ........................... ........................ เกณฑ์กำรให้คะแนน ดมี าก = 4 3 ดี = 2 1 พอใช้ = ปรบั ปรุง = เกณฑ์กำรตัดสินคุณภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภำพ 11-12 ดีมาก 9-10 ดี 7-8 พอใช้ 5-6 ปรับปรุง
2.1 เรอื่ ง สบื คน้ ขอ้ มูลการพฒั นาเศรษฐกิจของชมุ ชน คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู การพฒั นาเศรษฐกจิ ของชมุ ชนทป่ี ระสบความสาเรจ็ แลว้ นามาวเิ คราะห์ แลว้ ตอบคาถามตามหวั ขอ้ ทก่ี าหนด เร่ือง สาระสาคญั โดยยอ่ ท่มี า
1. ชมุ ชนท่ปี ระสบความสาเร็จในการพฒั นาทางเศรษฐกิจ คือชมุ ชนอะไร 2. ชมุ ชนเคยมปี ญั หาอะไรบา้ ง และมสี าเหตมุ าจากอะไร 3. ชมุ ชนแกไ้ ขปญั หาอยา่ งไร และมกี ารพฒั นาอย่างตอ่ เนื่อง อย่างไรบา้ ง 4. ปจั จุบนั น้ชี ุมชนประสบความสาเร็จในเรอื่ งใด มผี ลดตี อ่ ชุมชน สงั คม และประเทศอยา่ งไร 5. บทสรุปสาคญั หรือขอ้ คดิ ท่นี กั เรียนไดร้ บั คืออะไร
2.1 เรื่อง สบื คน้ ขอ้ มลู การพฒั นาเศรษฐกจิ ของชมุ ชน คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนสบื คน้ ขอ้ มูลการพฒั นาเศรษฐกจิ ของชมุ ชนท่ปี ระสบความสาเร็จ แลว้ นามาวเิ คราะห์ แลว้ ตอบคาถามตามหวั ขอ้ ทก่ี าหนด เร่ือง สาระสาคญั โดยยอ่ ทม่ี า
1. ชุมชนทป่ี ระสบความสาเร็จในการพฒั นาทางเศรษฐกิจ คือชมุ ชนอะไร 2. ชุมชนเคยมปี ญั หาอะไรบา้ ง และมสี าเหตุมาจากอะไร 3. ชุมชนแกไ้ ขปญั หาอย่างไร และมกี ารพฒั นาอย่างตอ่ เนอ่ื ง อยา่ งไรบา้ ง 4. ปจั จุบนั น้ชี ุมชนประสบความสาเรจ็ ในเรอื่ งใด มผี ลดตี ่อชุมชน สงั คม และประเทศอย่างไร 5. บทสรุปสาคญั หรือขอ้ คดิ ทน่ี กั เรียนไดร้ บั คอื อะไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยอย่ใู นดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน)
แบบประเมินกำรนำเสนอผลงำน ลาดบั คณุ ภาพการปฏิบตั ิ รายการประเมนิ 4321 ที่ 1 นาเสนอเน้อื หาในผลงานไดถ้ กู ตอ้ ง 2 การนาเสนอมคี วามน่าสนใจ 3 ความเหมาะสมกบั เวลา 4 ความกลา้ แสดงออก 5 บุคลกิ ภาพ นา้ เสยี งเหมาะสม รวม ลงชือ่ ..............................................................................ผูป้ ระเมนิ / /....................... ........................... ........................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน การปฏบิ ตั งิ านสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน การปฏบิ ตั ิงานยงั มขี อ้ บกพร่องเลก็ นอ้ ย ให้ 3 คะแนน การปฏบิ ตั งิ านยงั มขี อ้ บกพร่องเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน การปฏบิ ตั ิงานมขี อ้ บกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 17-20 ดมี าก 13-16 ดี 9-12 พอใช ้ 5-8 ปรบั ปรงุ
แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกล่มุ ชื่อ – สกลุ การแสดงความ การรบั ฟัง การตง้ั ใจ การรว่ ม รวม ลาดบั ความร่วมมือ คดิ เหน็ ความคิดเห็น ทางาน ปรบั ปรุง 20 ของผรู้ บั การ ที่ ผลงานกลมุ่ ประเมนิ คะแนน 43214321432143214321 เกณฑ์กำรให้คะแนน ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ ดีมาก = 4 3 หมำยเหตุ ครูอาจใชว้ ธิ ีการมอบหมายใหห้ วั หนา้ กลุ่ม ดี = 2 เป็นผปู้ ระเมิน หรือใหต้ วั แทนกลุม่ ผลดั กนั ประเมิน 1 หรือใหม้ กี ารประเมนิ โดยเพ่ือน โดยตวั นกั เรียนเอง พอใช้ = ตามความเหมาะสมก็ได้ ปรบั ปรุง = เกณฑ์กำรตัดสินคณุ ภำพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภำพ 17 – 20 ดมี าก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5 – 8 ปรบั ปรุง
5 เศรษฐศาสตร์ กล่มุ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 เวลาเรียน 8 ชวั่ โมง มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้ีวดั ส 3.2 ม.4-6/1 อธบิ ายบทบาทของรฐั บาลเก่ยี วกบั นโยบายการเงนิ การคลงั ในการพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด รฐั บาลมบี ทบาทสาคญั ในการพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ โดยการใชน้ โยบายการเงนิ การคลงั ในการรกั ษา เสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ การสรา้ งความเจริญเติบโตทางเศรษฐกจิ รกั ษาดุลการคา้ ระหว่างประเทศ แทรกแซงราคา ควบคุมราคา และสรา้ งความเป็นธรรมทางเศรษฐกจิ สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง 1) นโยบายการเงนิ การคลงั ในการพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศ 2) บทบาทนโยบายการเงนิ และการคลงั ของรฐั บาลในดา้ น - การรกั ษาเสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ - การสรา้ งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ - การรกั ษาดุลการคา้ ระหว่างประเทศ - การแทรกแซงราคาและการควบคุมราคา 3) รายรบั และรายจา่ ยของรฐั ทม่ี ผี ลตอ่ งบประมาณ หน้สี าธารณะ การพฒั นาทางเศรษฐกจิ และคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน - นโยบายการเก็บภาษปี ระเภทตา่ งๆ และการใชจ้ ่ายของรฐั - แนวทางการแกป้ ญั หาการวา่ งงาน 4) ความหมาย สาเหตุ และผลกระทบท่เี กิดจากภาวะทางเศรษฐกิจ เช่น เงนิ เฟ้อ อตั ราการ
ว่างงาน 5) ตวั ช้วี ดั ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น GDP , GNP รายไดเ้ฉลย่ี ต่อบคุ คล 6) แนวทางการแกไ้ ขปญั หาของนโยบายการเงนิ การคลงั 3.2 สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน - สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น 4.1 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทกั ษะการคิดสงั เคราะห์ 4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต - กระบวนการทางานกลุ่ม คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มคี วามรบั ผดิ ชอบ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) บนั ทกึ การวเิ คราะหข์ ่าวทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั นโยบายการเงนิ การคลงั ของรฐั บาลปจั จบุ นั การวดั และการประเมนิ ผล 7.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 5 7.2 การประเมินระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1) ใบงานท่ี 1.1 เร่ือง หนา้ ทข่ี องเงนิ 2) ใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง ภาวะการเงนิ 3) ใบงานท่ี 1.3 เรือ่ ง ประเภทของสถาบนั การเงนิ 4) ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง รูท้ นั สถานการณเ์ ศรษฐกิจ 5) ประเมนิ การนาเสนอผลงาน
6) สงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล 7) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม 7.3 การประเมนิ หลงั เรยี น - แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 5 7.4 การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมนิ บนั ทกึ การวเิ คราะหข์ า่ วท่เี กยี่ วขอ้ งกบั นโยบายการเงนิ การคลงั ของรฐั บาลปจั จบุ นั
การประเมินชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมนิ บนั ทกึ การวิเคราะหข์ ่าวท่เี ก่ียวขอ้ งกบั นโยบายการเงนิ การคลงั ของรฐั บาลปจั จบุ นั รายการประเมนิ คาอธิบายระดบั คุณภาพ/ระดบั คะแนน 1.การอธิบาย ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) ลกั ษณะสาคญั ของ นโยบายการเงนิ และ อธิบายลกั ษณะสาคญั อธิบายลกั ษณะสาคญั อธิบายลกั ษณะสาคญั อธิบายลกั ษณะสาคญั การคลงั ของรฐั บาล ของนโยบายการเงนิ และ ของนโยบายการเงนิ และ ของนโยบายการเงนิ และ ของนโยบายการเงนิ และ การคลงั ของรฐั บาลจาก การคลงั ของรฐั บาลจาก การคลงั ของรฐั บาลจาก การคลงั ของรฐั บาลจาก ข่าว ข่าว ข่าว ข่าว ไดถ้ ูกตอ้ ง ครบถว้ น ไดถ้ ูกตอ้ ง ครบถว้ น ไดถ้ กู ตอ้ ง ไดถ้ ูกตอ้ ง และชดั เจน เป็นส่วนใหญ่ เพยี งบางสว่ น 2. การวเิ คราะห์ วเิ คราะหบ์ ทบาทของ วเิ คราะหบ์ ทบาทของ วเิ คราะหบ์ ทบาทของ วเิ คราะหบ์ ทบาทของ บทบาทของรฐั บาล ในการกาหนด รฐั บาลในการกาหนด รฐั บาลในการกาหนด รฐั บาลในการกาหนด รฐั บาลในการกาหนด นโยบายการเงนิ และการคลงั ในการ นโยบายการเงนิ และการ นโยบายการเงนิ และการ นโยบายการเงนิ และการ นโยบายการเงนิ และการ พฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ คลงั ในการพฒั นา คลงั ในการพฒั นา คลงั ในการพฒั นา คลงั ในการพฒั นา เศรษฐกจิ ของประเทศ เศรษฐกิจของประเทศ เศรษฐกิจของประเทศ เศรษฐกจิ ของประเทศ จากขา่ ว จากข่าว จากขา่ ว จากข่าว ไดถ้ กู ตอ้ ง ไดถ้ กู ตอ้ ง ไดถ้ กู ตอ้ ง ไดถ้ กู ตอ้ ง ครบทกุ ประเดน็ ครบทกุ ประเด็น เป็นส่วนใหญ่ เพยี งบางประเด็น และเขา้ ใจง่าย 3.การวิเคราะห์ วเิ คราะหผ์ ลประโยชนท์ ่ี วเิ คราะหผ์ ลประโยชนท์ ่ี วเิ คราะหผ์ ลประโยชนท์ ่ี วเิ คราะหผ์ ลประโยชนท์ ่ี ผลประโยชน์ที่ คาดว่าจะไดร้ บั จากการ คาดวา่ จะไดร้ บั จากการ คาดวา่ จะไดร้ บั คาดวา่ จะไดร้ บั จากการ คาดว่าจะไดร้ บั จากการ กาหนดนโยบายการเงนิ กาหนดนโยบายการเงนิ จากการกาหนด และการคลงั ในการ และการคลงั ในการ นโยบายการเงนิ กาหนดนโยบายการเงนิ กาหนดนโยบายการเงนิ พฒั นาเศรษฐกจิ ของ พฒั นาเศรษฐกจิ ของ และการคลงั ใน ประเทศจากข่าว ประเทศจากข่าว การพฒั นาเศรษฐกิจ และการคลงั ในการ และการคลงั ในการ ไดถ้ กู ตอ้ งเป็นสว่ นใหญ่ ไดถ้ กู ตอ้ งเพยี งบางสว่ น ของประเทศ และบอกเหตผุ ล แตบ่ อกเหตผุ ลประกอบ พฒั นาเศรษฐกิจของ พฒั นาเศรษฐกจิ ของ ประกอบไดเ้ หมาะสม ไมไ่ ด้ ประเทศจากขา่ ว ประเทศจากข่าว ไดถ้ กู ตอ้ งและบอก ไดถ้ ูกตอ้ ง เหตุผลประกอบ เป็นสว่ นใหญแ่ ละบอก ไดเ้หมาะสม และ เหตุผลประกอบได้ น่าเชือ่ ถอื เหมาะสมและน่าเชอื่ ถอื
รายการประเมิน คาอธิบายระดบั คุณภาพ/ระดบั คะแนน 4. การบนั ทึกการ ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1) วิเคราะหข์ ่าว บนั ทกึ ผลการวเิ คราะห์ บนั ทกึ ผลการวเิ คราะห์ บนั ทกึ ผลการวเิ คราะห์ บนั ทกึ ผลการวเิ คราะห์ ข่าวไดถ้ กู ตอ้ งเพยี ง บางสว่ น แต่ไมเ่ ป็นไป ขา่ วไดถ้ กู ตอ้ งครบถว้ น ข่าวไดถ้ กู ตอ้ งเกอื บ ขา่ วไดถ้ กู ตอ้ งเป็นสว่ น ตามลาดบั ขน้ั ตอน และอา่ นเขา้ ใจยาก เป็นลาดบั ขน้ั ตอน และ ครบถว้ นและเป็นไป ใหญ่ อ่านเขา้ ใจง่าย ตามลาดบั ขนั้ ตอน แตอ่ ่านเขา้ ใจยาก ช่วงคะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ 14-16 11-13 ระดบั คุณภาพ 8-10 ดีมาก 5-7 ดี พอใช้ ปรบั ปรุง
กจิ กรรมการเรียนรู้ นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 5 กจิ กรรมท่ี 1 นโยบายการเงนิ ในการพฒั นาเศรษฐกจิ วธิ ีสอนโดยการระดมสมอง เวลา 3 ชวั่ โมง 1. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั บอกสกุลเงนิ ของประเทศต่างๆ ตามท่คี รูกาหนดใหถ้ กู ตอ้ ง 2. ครูคอยกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนมสี ว่ นร่วมในการตอบคาถาม แลว้ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบความ ถกู ตอ้ งของคาตอบ แลว้ ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมเกย่ี วกบั สกลุ เงนิ 3. ใหน้ กั เรียนระดมสมอง โดยครูกาหนดแนวคาถาม ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความหมายและความสาคญั ของ เงนิ แลว้ บนั ทกึ ไวเ้ป็นความคดิ รวบยอด 4. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาและทาความเขา้ ใจเร่อื ง นโยบายการเงนิ ในการพฒั นาเศรษฐกจิ จากหนงั สอื เรียน 5. ใหน้ กั เรยี นทาใบงานท่ี 1.1 เรื่อง หนา้ ท่ขี องเงนิ และชว่ ยกนั เฉลยคาตอบในใบงานท่ี 1.1 6. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนศกึ ษาความรูเ้พมิ่ เตมิ เกี่ยวกบั ภาวะเงนิ เฟ้อ ภาวะเงนิ ฝืด จากแหลง่ การเรียนรู้ ทห่ี ลากหลาย 7. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ความรูเ้กีย่ วกบั ภาวะเงนิ เฟ้อ ภาวะเงนิ ฝืด แลว้ ใหน้ กั เรยี นทาใบงานท่ี 1.2 เร่ือง ภาวะ การเงนิ และช่วยกนั เฉลยคาตอบในใบงานท่ี 1.2 8. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั ความสาคญั ของปริมาณเงนิ ในระบบเศรษฐกิจ 9. ครูสอบถามนกั เรยี นเกยี่ วกบั รายชอ่ื ของสถาบนั การเงนิ ทส่ี าคญั ของไทยวา่ มอี ะไรบา้ ง แลว้ ให้ นกั เรยี นชว่ ยกนั ยกตวั อย่าง และบอกความแตกตา่ งของสถาบนั การเงนิ นน้ั คร่าวๆ 10. ครูตง้ั ประเด็นคาถามเพอ่ื ใหน้ กั เรยี นฝึกการระดมสมอง และเป็นการทบทวนความรู้ 11. ใหน้ กั เรยี นทาใบงานท่ี 1.3 เรือ่ ง ประเภทของสถาบนั การเงนิ แลว้ ใหต้ วั แทนนกั เรยี นรวบรวม ใบงานส่งครู ตรวจ 12. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาความรูเ้รอ่ื ง นโยบายการเงนิ จากหนงั สอื เรยี น 13. ใหน้ กั เรียนเปรยี บเทยี บนโนบายการเงนิ แบบเขม้ งวดกบั นโยบายการเงนิ แบบผ่อนคลาย 14. ครูเล่าเหตกุ ารณใ์ นเดอื นกรกฎาคม พ.ศ. 2540 ท่เี ป็นชว่ งเกดิ วกิ ฤตเิ ศรษฐกิจของประเทศไทยใหน้ กั เรยี น ฟงั 15. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สรุปความรูเ้กยี่ วกบั การดาเนินนโยบายการเงนิ ของไทย และผลทเ่ี กิดข้นึ หลงั จากท่ไี ด้ ดาเนนิ นโยบายการเงนิ ดงั กลา่ ว 16. ครูนาข่าวเก่ียวกบั สถาบนั การเงนิ มาใหน้ กั เรยี นอ่าน แลว้ วเิ คราะหต์ ามหวั ขอ้ ทก่ี าหนด
17. ครูอธบิ ายใหน้ กั เรียนทราบว่า การออกพนั ธบตั รของธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นการดาเนินการผา่ นตลาด การเงนิ ซง่ึ นบั ว่าเป็นเคร่อื งมอื ของนโยบายการเงนิ ของธนาคารแหง่ ประเทศไทยทส่ี ามารถดาเนินการได้ 18. ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาแผนผงั ช่องทางอตั ราดอกเบ้ยี ทค่ี รูนามาแสดงหนา้ ชนั้ เรยี น แลว้ ใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั วเิ คราะหแ์ ละอธบิ ายช่องทางอตั ราดอกเบ้ยี กิจกรรมที่ 2 นโยบายการคลงั ในการพฒั นาเศรษฐกิจ วิธีสอนโดยการจดั การเรยี นรูแ้ บบร่วมมือ (Co-operative Learning) เวลา 3 ชวั่ โมง 1. ครูนานโยบายการคลงั ของรฐั บาลในแตล่ ะรฐั บาล มาใหน้ กั เรียนอา่ น และเปรียบเทยี บกนั 2. ครูแบง่ นกั เรียนเป็นกลุ่ม กลุม่ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ จากนนั้ ใหต้ วั แทนของแตล่ ะกลุ่มออกมา จบั สลากประเด็นความรูท้ ค่ี รูกาหนด (แต่ละประเด็นอาจศึกษาซา้ กนั หลายกลุ่ม) 3. ใหส้ มาชกิ ในแตล่ ะกลุม่ ร่วมกนั วางแผนการสบื คน้ ความรูร้ ่วมกนั และแบ่งหนา้ ทก่ี นั รบั ผดิ ชอบอยา่ ง เหมาะสม 4. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุม่ ทศ่ี กึ ษาประเดน็ เดยี วกนั มารวมกลมุ่ กนั เพอื่ ร่วมกนั อภปิ รายและแสดงความคิดเหน็ 5. ใหน้ กั เรียนสรปุ ประเด็นความรูจ้ ากการอภปิ รายและแสดงความคดิ เห็น 6. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มทศ่ี กึ ษาประเดน็ ความรูเ้ดยี วกนั คดั เลอื กตวั แทนออกมาสรุปประเดน็ ความรู้ ตามลาดบั 7. ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ตงั้ ประเด็นคาถามท่เี ป็นขอ้ สงสยั ของกลมุ่ กลุ่มละ 2 คาถาม เพอื่ ถามตวั แทนกลมุ่ ท่อี อกมา สรุปประเด็นความรูน้ นั้ ๆ 8. ใหน้ กั เรียนทาใบงานท่ี 2.1 เรอื่ ง รูท้ นั สถานการณ์เศรษฐกจิ แลว้ ส่งครูตรวจสอบความถกู ตอ้ ง บทบาทของรฐั บาลเกย่ี วกบั นโยบายการเงนิ และการคลงั ในการพฒั นาเศรษฐกจิ กิจกรรมที่ 3 วิธสี อนโดยการจดั การเรียนรูแ้ บบร่วมมอื : เทคนิคกล่มุ เรียนลอ้ มวง (CL) เวลา 2 ชวั่ โมง 1. ใหน้ กั เรียนรวมกลมุ่ เดมิ แต่ละกลุ่มทากจิ กรรมกลุ่มเรยี นลอ้ มวง โดยสมาชิกของแตล่ ะกลุ่มนงั่ ลอ้ มวงกนั แลว้ หมนุ เวยี นผลดั เปลย่ี นกนั อา่ นเรื่อง บทบาทของรฐั บาลเก่ียวกบั นโยบายการเงนิ และการคลงั ในการ พฒั นาเศรษฐกิจ จากหนงั สอื เรยี น แลว้ สรุปสาระสาคญั เพอื่ นาเสนอความรู้ ตอ่ สมาชกิ กลุม่ 2. ครูสงั เกตการสรุปสาระสาคญั ในการนาเสนอความรูต้ ่อสมาชิกกลุ่ม เมือ่ สมาชิกกลุ่มสรุปสาระสาคญั เสร็จ แลว้ ใหค้ รูกาหนดประเด็นในการวเิ คราะห์ และอภปิ รายใหค้ รอบคลุม ทกุ ประเด็น 3. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกนั วเิ คราะห์ และอภปิ รายประเดน็ ท่คี รูกาหนด แลว้ สรปุ ผลร่วมกนั 4. ใหแ้ ต่ละกลุม่ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอผลการวเิ คราะห์ และอภปิ ราย
5. ครูสรุปความรูใ้ หน้ กั เรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจมากย่ิงข้ึน และอธิบายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรียนทราบว่า ใน ปจั จุบนั ระบบเศรษฐกิจของประเทศของเรามคี วามเชอ่ื มโยงกบั ระบบเศรษฐกิจของโลกมากข้นึ ซ่งึ เป็นผลมา จากกระบวนการโลกาภวิ ตั นแ์ ละนโยบายการเปิดเสรีทางการคา้ และการเงนิ 6. ใหน้ กั เรียนหาข่าวคนละ 1 ข่าว ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั นโยบายการเงนิ การคลงั ของรฐั บาลปจั จุบนั แลว้ นามา วเิ คราะหใ์ นประเดน็ ทก่ี าหนด จากนนั้ เขยี นบนั ทกึ ลงในแบบบนั ทกึ การวเิ คราะหข์ า่ ว นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 5 ส่อื /แหลง่ เรียนรู้ 9.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี น เศรษฐศาสตร์ ม.4-ม.6 2) ตวั อย่างขา่ วเกย่ี วกบั สถาบนั การเงนิ 3) แผนผงั ชอ่ งทางอตั ราดอกเบ้ยี 4) ตวั อยา่ งนโยบายการคลงั ของรฐั บาลในแตล่ ะสมยั 5) เอกสารความรูเ้พมิ่ เตมิ 6) สลาก 7) ใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง หนา้ ทข่ี องเงนิ 8) ใบงานท่ี 1.2 เร่ือง ภาวะการเงนิ 9) ใบงานท่ี 1.3 เร่ือง ประเภทของสถาบนั การเงนิ 10) ใบงานท่ี 2.1 เรื่อง รูท้ นั สถานการณเ์ ศรษฐกจิ 9.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) สอ่ื การเรยี นรูต้ ่างๆ เชน่ หนงั สอื พมิ พ์ นติ ยสาร โทรทศั น์ วทิ ยุ 3) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ http://www.geocities.com/econpages http://www.bot.or.th http://www.mof.go.th
แบบทดสอบก่อนเรียน – หลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 5 คาช้ีแจง ใหก้ า ทบั ตวั อกั ษรหนา้ ขอ้ ความทเ่ี ป็นคาตอบท่ถี กู ท่สี ดุ เพยี งขอ้ เดยี ว 1. ขอ้ ใดแสดงปริมาณเงนิ ในระบบเศรษฐกจิ ก. ธนบตั ร เหรียญกษาปณ์ และเงนิ ออมทง้ั หมด ข. ธนบตั ร เหรียญกษาปณ์ และเงนิ คงคลงั ของรฐั บาล ค. ธนบตั ร เหรยี ญกษาปณ์ และเงนิ ฝากกระแสรายวนั ง. ธนบตั ร เหรียญกษาปณ์ และเงนิ ท่มี อี ยูใ่ นมอื รฐั บาล 2. นโยบายทางดา้ นการเงนิ ในขอ้ ใดท่รี ฐั บาลสามารถนามาใชใ้ นการเพม่ิ ลดปริมาณเงนิ ในระบบ เศรษฐกจิ ได้ ก. การเพม่ิ ลดอตั ราภาษใี นระบบเศรษฐกจิ ข. การเพมิ่ ลดปริมาณการซ้อื ขายพนั ธบตั รของรฐั บาล ค. การเพมิ่ ลดปริมาณการใชจ้ า่ ยเงนิ ในส่วนของรฐั บาล ง. การเพมิ่ ลดปริมาณการกยู้ มื เงนิ จากตา่ งประเทศของรฐั บาล 3. มาตรการใดมสี ่วนชว่ ยแกป้ ญั หาภาวะเงนิ ฝืดของประเทศได้ ก. ลดอตั ราภาษเี งนิ ไดน้ ติ ิบุคคล ข. ใหธ้ นาคารกลางขายพนั ธบตั รมากข้นึ ค. ลดการขาดดลุ ทางการคลงั ใหน้ อ้ ยลง ง. ออกระเบยี บใหเ้อกชนลดการกเู้งนิ จากต่างประเทศ 4. ผลกระทบของการเกิดภาวะเงนิ เฟ้อท่ถี กู ตอ้ งคือขอ้ ใด ก. ทาใหผ้ ูซ้ ้อื ไดเ้ปรยี บ แตผ่ ขู้ ายเสยี เปรยี บ ข. ทาใหเ้จา้ หน้ไี ดเ้ปรยี บ แตล่ ูกหน้เี สยี เปรียบ ค. ทาใหล้ ูกหน้ไี ดเ้ปรียบ แตเ่ จา้ หน้เี สยี เปรยี บ ง. ทาใหธ้ นาคารผูใ้ หบ้ รษิ ทั หา้ งรา้ นกไู้ ดป้ ระโยชนม์ าก 5. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่หนา้ ทข่ี องธนาคารแห่งประเทศไทย ข. รบั ฝากเงนิ จากประชาชน ก. ออกธนบตั ร ง. ควบคุมตรวจสอบสถาบนั การเงนิ ค. รกั ษาทุนสารองระหว่างประเทศ
6. ธนาคารแหง่ ประเทศไทยคือนายธนาคารของธนาคารพาณิชยห์ มายความว่าอย่างไร ก. ธนาคารแห่งประเทศไทยถอื หนุ้ ใหญใ่ นธนาคารพาณิชย์ ข. ธนาคารแหง่ ประเทศไทยควบคุมกากบั ดูแลธนาคารพาณิชย์ ค. เงนิ ของธนาคารพาณิชยต์ อ้ งฝากกบั ธนาคารแหง่ ประเทศไทยเทา่ นน้ั ง. ประธานของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นประธานกติ มิ ศกั ด์ขิ องธนาคารพาณิชย์ 7. ธนาคารใดต่อไปน้ี ไมไ่ ดท้ าหนา้ ท่ธี นาคารพาณิชย์ ก. ธนาคารกสกิ รไทย ข. ธนาคารกรงุ ไทย ค. ธนาคารกรงุ เทพ ง. ธนาคารเพอ่ื การเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร 8. กจิ กรรมทางการคลงั รฐั บาลเกีย่ วขอ้ งกบั ขอ้ ใด ก. การใชจ้ า่ ย การเกบ็ ภาษอี ากร และการกยู้ มื ข. การกาหนดอตั ราดอกเบ้ยี การกยู้ มื เงนิ และการใชจ้ า่ ย ค. การใชจ้ า่ ย การเก็บภาษอี ากร และการกาหนดอตั ราดอกเบ้ยี ง. การเก็บภาษอี ากร การกาหนดอตั ราดอกเบ้ยี และการกยู้ มื เงนิ 9. รายจ่ายของรฐั บาลในดา้ นใดมคี วามสาคญั ตอ่ การพฒั นาประเทศในระยะยาว ก. การศกึ ษา ข. การชาระหน้เี งนิ กู้ ค. การประกนั ราคา ง. การป้องกนั ประเทศ 10. การใชจ้ ่ายเงนิ ของรฐั บาลก่อใหเ้กิดผลอยา่ งไร ก. จานวนผูป้ ระกอบการเพมิ่ ข้นึ ข. ระดบั ราคาสนิ คา้ สูงข้นึ การจา้ งงานเพมิ่ ข้นึ ค. ค่าแรงขน้ั ตา่ เพม่ิ สูงข้นึ ง. 11. รฐั บาลใชม้ าตรการทางการคลงั ในการแกป้ ญั หาเงนิ เฟ้ออย่างไร ก. ข้นึ ค่าเงนิ บาท ข. ข้นึ เงนิ เดอื นขา้ ราชการ ค. ข้นึ อตั ราภาษเี งนิ ได้ ง. ข้นึ อตั ราดอกเบ้ยี เงนิ ฝาก 12. ในช่วงท่เี ศรษฐกจิ ตกตา่ รฐั บาลควรมมี าตรการทางการคลงั อยา่ งไร ก. ใชจ้ ่ายมากข้นึ เพอ่ื กระตุน้ เศรษฐกจิ ข. เก็บภาษเี พมิ่ ข้นึ เพอื่ เพม่ิ เงนิ คงคลงั ค. ใชจ้ า่ ยใหน้ อ้ ยท่สี ดุ เพอื่ ประหยดั งบประมาณรายจา่ ย ง. ลดการกยู้ มื เงนิ จากตา่ งประเทศเพอื่ ลดภาระจากการกอ่ หน้ี
13. ขอ้ ใดกลา่ ว ไมถ่ กู ตอ้ งเกยี่ วกบั การบริหารเงนิ คงคลงั ก. เงนิ ฝากในบญั ชีคงคลงั ไมม่ ดี อกเบ้ยี ข. เงนิ คงคลงั มีนอ้ ยจะเกดิ ปญั หาสภาพคลอ่ ง ค. เงนิ คงคลงั มีมากเกนิ ไปจะไมก่ ่อใหเ้กดิ ประโยชน์ ง. เงนิ คงคลงั ส่วนเกินเมอื่ นามาใชจ้ ะเพมิ่ ภาระดอกเบ้ยี ใหร้ ฐั บาล 14. เพราะเหตุใด การคลงั ทอ้ งถ่นิ จงึ ไมส่ ามารถสรา้ งความเขม้ แขง็ ทางการคลงั ได้ ก. เพราะมรี ายไดใ้ นการจดั เก็บเท่ากบั รายจ่าย ข. เพราะมรี ายจา่ ยประจามากกวา่ รายไดท้ ่จี ดั เก็บในทอ้ งถ่นิ ค. เพราะเงนิ สว่ นใหญ่มาจากเงนิ อุดหนุนทไ่ี ดร้ บั จากรฐั บาล ง. เพราะการคลงั ส่วนทอ้ งถน่ิ ขาดความรูค้ วามเช่ยี วชาญในการบริหารงบประมาณทอ้ งถ่นิ 15. รฐั บาลสามารถใชเ้ครอ่ื งมอื ใดในการสรา้ งความเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกจิ ก. นโยบายการเงนิ ข. นโยบายการคลงั ค. นโยบายการเงนิ และการคลงั ง. ความแตกต่างทางดา้ นอุปสงค์ - อุปทาน เฉลย แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ขอ้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 เฉลย ค ข ก ค ข ข ง ก ก ง ขอ้ 11 12 13 14 15 เฉลย ค ก ง ข ค
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 เวลา 3 ชวั่ โมง เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 นโยบายการเงนิ การคลงั กบั การพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ เร่อื ง นโยบายการเงนิ ในการพฒั นาเศรษฐกจิ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด ระบบเศรษฐกิจจะใชเ้งนิ เป็นส่อื กลางในการแลกเปลย่ี นสินคา้ ปรมิ าณเงนิ ทห่ี มนุ เวยี นในระบบเศรษฐกจิ จะมผี ล ต่อระดบั รายได้ ผลผลติ และการจา้ งงาน ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ส 3.2 ม.4-6/1 อธบิ ายบทบาทของรฐั บาลเก่ียวกบั นโยบายการเงนิ การคลงั ในการพฒั นา เศรษฐกิจของประเทศ 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) บอกหนา้ ท่ี ประเภท และความสาคญั ของเงนิ ในระบบเศรษฐกจิ ได้ 2) อธิบายปริมาณเงนิ ในระบบเศรษฐกจิ ได้ 3) บอกหนา้ ท่ี และความแตกต่างของสถาบนั การเงนิ ได้ 4) วเิ คราะหก์ ารนานโยบายการเงนิ มาใชใ้ นการแกไ้ ขปญั หา และพฒั นาเศรษฐกจิ ได้ สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง 1) นโยบายการเงนิ การคลงั ในการพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ 2) บทบาทนโยบายการเงนิ และการคลงั ของรฐั บาลในดา้ น - การรกั ษาเสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ - การสรา้ งการเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจ - การรกั ษาดลุ การคา้ ระหว่างประเทศ - การแทรกแซงราคาและการควบคุมราคา
3) ความหมาย สาเหตุ และผลกระทบท่เี กิดจากภาวะทางเศรษฐกิจ เชน่ เงนิ เฟ้อ อตั ราการ ว่างงาน 3.2 สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน - สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน 4.1 ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทกั ษะการคิดสงั เคราะห์ 4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต - กระบวนการทางานกล่มุ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มคี วามรบั ผดิ ชอบ กิจกรรมการเรียนรู้ (วธิ ีสอนโดยการระดมสมอง ) นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 5 ชั่วโมงที่ 1 1. ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั บอกสกลุ เงนิ ของประเทศตา่ งๆ ตามทค่ี รูกาหนดใหถ้ กู ตอ้ ง เชน่ - ประเทศสหรฐั อเมรกิ า - ประเทศองั กฤษ - ประเทศเวยี ดนาม - ประเทศสงิ คโปร์ - ประเทศจีน
- ประเทศญ่ีปุ่น - ประเทศเกาหลใี ต้ 2. ครูคอยกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนมสี ่วนร่วมในการตอบคาถาม แลว้ ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความ ถูกตอ้ งของคาตอบ 3. ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ ใหน้ กั เรยี นทราบว่า สกุลเงนิ คือ หน่วยท่ใี ชใ้ นการแลกเปลย่ี นในรูปแบบของเงนิ สกลุ เงนิ จะ เปลย่ี นแปลงข้นึ อยูก่ บั แต่ละประเทศหรอื กลมุ่ ประเทศ โดยการแลกเปลย่ี นเงนิ หรอื การ ซ้อื ของหรือบรกิ าร ระหวา่ งประเทศทใ่ี ชส้ กลุ เงนิ ตา่ งกนั จะใชอ้ ตั ราแลกเปลย่ี นเงนิ เป็นเกณฑใ์ น การอา้ งองิ ในหลายๆ ประเทศสกุลเงนิ สามารถมชี ่อื เดยี วกนั ได้ เชน่ ดอลลา่ รส์ หรฐั ดอลลา่ รฮ์ ่องกง และดอล ล่ารแ์ คนาดา และในหลายประเทศใชส้ กุลเงนิ เดยี วกนั เช่น ในประเทศแถบยุโรปหลายประเทศใชส้ กลุ เงนิ ยูโร และในบางประเทศใชห้ น่วยเงนิ ของประเทศอ่นื เป็นเกณฑ์ เชน่ ประเทศปานามา และ ประเทศเอลซาวาดอร์ ใช้ สกลุ เงนิ ดอลลา่ รส์ หรฐั สกลุ เงนิ ทวั่ ไปจะมหี น่วยสกลุ เงนิ ย่อย โดยสว่ นมากจะเป็นอตั ราส่วน 1/100 ของ สกลุ เงนิ หลกั เชน่ 100 สตางค์ = 1 บาท หรอื 100 เซนต์ = 1 ดอลลา่ ร์ แต่บางสกุลเงนิ จะไมม่ หี น่วยย่อย เชน่ สกลุ เงนิ เยน เนื่องจากเงนิ เฟ้อ ทาให้ สกุลเงนิ ยอ่ ยมกี ารเลกิ ใชไ้ ปในหลายประเทศ 4. ใหน้ กั เรยี นระดมสมอง โดยใชแ้ นวคาถาม ดงั น้ี - เงนิ คอื อะไร และมคี วามสาคญั อย่างไร 5. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความหมายและความสาคญั ของเงนิ บนั ทกึ ไวเ้ป็นความคดิ รวบยอด (บนั ทกึ สนั้ เชงิ วเิ คราะห)์ 6. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาและทาความเขา้ ใจ เรอ่ื ง นโยบายการเงนิ ในการพฒั นาเศรษฐกจิ จากหนงั สอื เรียน 7. ใหน้ กั เรยี นทาใบงานท่ี 1.1 เร่ือง หนา้ ท่ขี องเงนิ เม่ือนกั เรียนทาใบงานเสร็จแลว้ ครูสุ่มเรยี กนกั เรยี น 4 คน ตอบคาถามในใบงานคนละ 1 ขอ้ หนา้ ชนั้ เรยี น 8. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายประเด็นสาคญั ซกั ถามเพม่ิ เติมจนไดส้ าระสาคญั ครบถว้ น 9. ครูมอบหมายใหน้ กั เรยี นศึกษาความรูเ้พิ่มเตมิ เก่ยี วกบั ภาวะเงนิ เฟ้อ ภาวะเงนิ ฝืด จากแหลง่ การเรียนรู้ ทห่ี ลากหลาย ชั่วโมงที่ 2
1. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนาเกีย่ วกบั ภาวะเงนิ เฟ้อ ภาวะเงนิ ฝืด และผลกระทบท่เี กิดข้นึ พรอ้ มทงั้ ยกตวั อยา่ ง ประกอบ 2. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรูเ้กย่ี วกบั ภาวะเงนิ เฟ้อ ภาวะเงนิ ฝืด แลว้ ใหน้ กั เรียนทาใบงานท่ี 1.2 เรือ่ ง ภาวะการเงนิ ครูและนกั เรียนร่วมกนั เฉลยคาตอบในใบงานท่ี 1.2 3. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภปิ รายเกยี่ วกบั ความสาคญั ของปริมาณเงนิ ในระบบเศรษฐกิจ แลว้ ครูอธบิ ายให้ นกั เรียนทราบวา่ ธนาคารพาณิชยม์ บี ทบาทสาคญั ทท่ี าใหป้ รมิ าณเงนิ ในระบบเศรษฐกิจเพม่ิ ข้นึ หรือลดลง โดยรฐั บาลมหี นา้ ทใ่ี นการควบคมุ ปริมาณเงนิ ใหอ้ ยูใ่ นระดบั ท่เี หมาะสม ซ่งึ หน่วยงานท่สี าคญั ทม่ี หี นา้ ทด่ี ูแล รบั ผดิ ชอบเรอื่ งน้ี 4. ครูสอบถามนกั เรยี นเกยี่ วกบั รายชอ่ื ของสถาบนั การเงนิ ทส่ี าคญั ของไทยว่า มอี ะไรบา้ ง แลว้ ให้ นกั เรียนช่วยกนั ยกตวั อย่าง และบอกความแตกต่างของสถาบนั การเงนิ นน้ั คร่าวๆ 5. ครูตง้ั ประเด็นคาถามเพอื่ ใหน้ กั เรยี นฝึกการระดมสมอง และเป็นการทบทวนความรูท้ ่ไี ดศ้ ึกษามา เชน่ - สถาบนั การเงนิ ท่เี ป็นธนาคาร มบี ทบาทสาคญั ต่อเศรษฐกจิ อย่างไร - สถาบนั การเงนิ ทไ่ี ม่ใชธ่ นาคาร มคี วามสาคญั ต่อเศรษฐกิจหรือไม่ อย่างไร - ธนาคารกลางและธนาคารพาณิชย์ มคี วามแตกต่างกนั อยา่ งไร และมคี วามสาคญั ต่อเศรษฐกจิ ในประเทศอย่างไร 6. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สรุปประเดน็ ความรูเ้กี่ยวกบั สถาบนั การเงนิ โดยครูชว่ ยอธิบาย หรือช้แี จงเพมิ่ เติมในส่วน ท่บี กพร่อง 7. ใหน้ กั เรียนทาใบงานท่ี 1.3 เร่อื ง ประเภทของสถาบนั การเงนิ เมอื่ ทาใบงานเสรจ็ แลว้ ใหต้ วั แทนนกั เรยี นเกบ็ รวบรวมสง่ ครูตรวจ ช่ัวโมงที่ 3 1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สนทนาเกย่ี วกบั บทบาทหนา้ ทข่ี องธนาคารแหง่ ประเทศไทย หรือธนาคารกลาง เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจท่ถี กู ตอ้ งเก่ยี วกบั การดาเนินงานของธนาคารกลาง ในการควบคุมดูแล เร่ืองการเงนิ ของประเทศเพอื่ ใหด้ ารงไวซ้ ง่ึ เสถยี รภาพของระบบสถาบนั การเงนิ และระบบการชาระเงนิ 2. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาความรูเ้ร่อื ง นโยบายการเงนิ จากหนงั สอื เรยี น 3. ใหน้ กั เรียนเปรยี บเทยี บนโยบายการเงนิ แบบเขม้ งวด กบั นโยบายการเงนิ แบบผ่อนคลาย 4. ครูสมุ่ เรียกนกั เรยี น 3-4 คน เพอ่ื รายงานผลการเปรยี บเทยี บนโยบายการเงนิ แบบเขม้ งวดกบั นโยบาย การเงนิ แบบผ่อนคลาย 5. ครูประเมนิ ความรูค้ วามเขา้ ใจเบ้อื งตน้ จากคาตอบของนกั เรียน แลว้ ช่วยอธิบายเพมิ่ เติมในสว่ นทบ่ี กพร่อง
6. ครูเลา่ เหตุการณใ์ นเดอื นกรกฎาคม พ.ศ. 2540 ทเ่ี ป็นช่วงเกิดวกิ ฤติเศรษฐกจิ ของประเทศไทยใหน้ กั เรียน ฟงั เพอื่ เช่อื มโยงความรูเ้กยี่ วกบั ความจาเป็นในการประกาศลดค่าเงนิ บาท และมกี ารปรบั เปลย่ี นระบบ อตั ราแลกเปลย่ี นจากแบบคงท่มี าเป็นแบบลอยตวั และไทยขอรบั ความช่วยเหลอื จากกองทนุ เงนิ ระหวา่ ง ประเทศ (International Monetary Fund : IMF) 7. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สรุปความรูเ้กย่ี วกบั การดาเนินนโยบายการเงนิ ของไทย และผลท่เี กิดข้นึ หลงั จากท่ไี ด้ ดาเนินนโยบายการเงนิ ดงั กล่าว 8. ครูนาขา่ วเกีย่ วกบั สถาบนั การเงนิ มาใหน้ กั เรยี นอา่ น แลว้ วเิ คราะหต์ ามหวั ขอ้ ทก่ี าหนด รายงานข่าวระบุว่า การเปิดจาหน่ายพนั ธบตั รออมทรพั ยข์ องธนาคารแห่งประเทศไทย ปี 2552 รุ่นที่ 1 วงเงิน 4 หมนื่ ลา้ นบาท ผา่ นตวั แทนธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง ใหแ้ ก่ประชาชนและผูอ้ อมรายยอ่ ยเป็นครงั้ แรกวนั น้ี (3 ก.ย.) ปรากฏว่า ไดร้ บั ความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก และจาหน่ายหมดอยา่ งรวดเร็วหลงั จากเปิดใหเ้ขา้ คิว เพียง 30 นาที ทงั้ น้ี ผูท้ สี่ นใจซ้อื พนั ธบตั รสว่ นใหญเ่ ป็นผูส้ ูงอายวุ ยั เกษยี ณอายกุ ารทางาน โดยมยี อดซ้อื เฉลยี่ คนละ 1 ลา้ นบาท ระยะเวลา 7 ปี สว่ นสาเหตทุ ีป่ ระชาชนสนใจซ้อื พนั ธบตั รเป็นจานวนมาก คือ อตั ราดอกเบ้ยี ทีส่ งู ไดแ้ ก่ ดอกเบ้ยี รอ้ ยละ 4.25 สาหรบั พนั ธบตั รระยะเวลา 4 ปี และดอกเบ้ยี รอ้ ยละ 5 สาหรบั พนั ธบตั รระยะเวลา 7 ปี ซ่งึ สูงกว่าอตั ราดอกเบ้ยี เงินฝากในระบบ นอกจากน้ี ปจั จุบนั มีการออกพนั ธบตั รออมทรพั ยห์ ลายรุ่น เช่น พนั ธบตั ร ออมทรพั ยช์ ว่ ยชาติ ไดค้ รบกาหนดการไถ่ถอนแลว้ อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า อาจมีการพิจารณาเพิม่ วงเงนิ การขาย พนั ธบตั ร เพราะประชาชนสนใจเป็นอยา่ งมากในภาวะเศรษฐกจิ ตกตา่ 9. 9. ครูตง้ั ประเด็นคาถามใหน้ กั เรยี นวเิ คราะห์ ดงั น้ี - ขา่ วเกยี่ วกบั เรอื่ งอะไร (การเปิดจาหน่ายพนั ธบตั รออมทรพั ยแ์ ก่ประชาชน) - สอดคลอ้ งกบั สถาบนั การเงนิ ใด (ธนาคารแห่งประเทศไทย) - จากข่าวส่งผลดตี ่อประเทศชาตอิ ยา่ งไร (การทีป่ ระชาชนพากนั ซ้อื พนั ธบตั รออมทรพั ยก์ นั มากกจ็ ะชว่ ยใหธ้ นาคารแห่งประเทศไทย ซง่ึ เป็น ธนาคารของชาตริ ะดมเงินออมมาก ซ่งึ นอกจากจะทาใหป้ ระชาชนอุ่นใจในการฝากเงินและไดด้ อกเบ้ยี ตอบแทน แลว้ ยงั ทาใหเ้ศรษฐกจิ ของประเทศเกิดการขยายตวั ดว้ ย) 10. ครูอธิบายใหน้ กั เรยี นทราบว่า การออกพนั ธบตั รของธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นการดาเนินการผา่ นตลาด การเงนิ ซ่งึ นบั วา่ เป็นเครอ่ื งมอื ของนโยบายการเงนิ ของธนาคารแหง่ ประเทศไทยท่สี ามารถดาเนนิ การได้
11. ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาแผนผงั ชอ่ งทางอตั ราดอกเบ้ยี ทค่ี รูนามาแสดงหนา้ ชน้ั เรียน แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั วเิ คราะหแ์ ละอธบิ ายชอ่ งทางอตั ราดอกเบ้ยี โดยนาความรูเ้กยี่ วกบั กลไกการสง่ ผา่ นของนโยบายการเงนิ มา ชว่ ยในการวเิ คราะห์ 12. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนสอบถามขอ้ สงสยั เพอื่ ใหน้ กั เรยี นมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจท่ถี ูกตอ้ งและสามารถสบื คน้ ขอ้ มูลท่สี นใจไดอ้ ย่างกวา้ งขวาง การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.1 ใบงานท่ี 1.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.2 ใบงานท่ี 1.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.3 ใบงานท่ี 1.3 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี น เศรษฐศาสตร์ ม.4-ม.6 2) ตวั อยา่ งข่าวเกยี่ วกบั สถาบนั การเงนิ 3) แผนผงั ชอ่ งทางอตั ราดอกเบ้ยี 4) เอกสารความรูเ้พมิ่ เติม 5) ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง หนา้ ท่ขี องเงนิ 6) ใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง ภาวะการเงนิ 7) ใบงานท่ี 1.3 เรื่อง ประเภทของสถาบนั การเงนิ 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) สอ่ื การเรยี นรูต้ ่างๆ เช่น หนงั สอื พมิ พ์ นติ ยสาร โทรทศั น์ วทิ ยุ 3) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ http://www.geocities.com/econpages http://www.bot.or.th http://www.mof.go.th
เอกสารความรู้เพม่ิ เตมิ ธนาคารเพอ่ื การพฒั นาแหง่ เอเชีย ธนาคารเพอ่ื การพฒั นาแห่งเอเชยี (Asian Development Bank) หรือเรียกยอ่ ๆ วา่ “เอดบี ี (ADB)” เป็น สถาบนั การเงนิ ทม่ี จี ุดม่งุ หมายเพอ่ื สนบั สนุนระบบเศรษฐกจิ และการพฒั นาของประเทศแถบเอเชยี โดยผ่านการใหเ้งนิ กู้ และความสนบั สนุนดา้ นเทคนิค ธนาคารเพอ่ื การพฒั นาเอเชียก่อตงั้ ข้นึ ในปี พ.ศ. 2509โดยความชว่ ยเหลอื ของสหประชาชาติ มี ประเทศเขา้ ร่วมก่อตงั้ 32 ประเทศ จนถงึ ปจั จุบนั (2 กุมภาพนั ธ์ 2550) มปี ระเทศสมาชกิ ทง้ั ส้นิ 67 ประเทศ เป็น 48 ประเทศในภูมภิ าค และ 19 ประเทศจากพ้นื ทอ่ี ่นื มสี านกั งานใหญ่ตง้ั อยูท่ ่กี รุง มะนลิ า ประเทศฟิลปิ ปินส์ ในแต่ละปีไดใ้ หค้ วามชว่ ยเหลอื ดา้ นเงนิ กเู้ป็นเงนิ ประมาณ 7 พนั ลา้ นเหรยี ญสหรฐั โดยแต่ละ โครงการมมี ูลค่าประมาณโครงการละ 100 ลา้ นเหรยี ญสหรฐั ใชเ้งนิ ทุนจากการลงทุนพนั ธบตั รในตลาดการเงนิ ต่างๆ ซ่งึ โครงการเงนิ กูส้ ว่ นใหญ่ของ ADB เป็นเงนิ กเู้พอ่ื ใชใ้ นการปรบั โครงสรา้ งดา้ นการเงนิ และมไี วส้ าหรบั โครงการดา้ น สาธารณูปโภค การศกึ ษาและการฝึกอบรมโครงการดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มแก่ประเทศในทวปี เอเชยี
1.1 เรอ่ื ง หนา้ ท่ีของเงนิ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนวเิ คราะหห์ นา้ ทข่ี องเงนิ ลงในแบบบนั ทกึ สน้ั เชงิ วเิ คราะหใ์ หถ้ กู ตอ้ ง แบบบนั ทึกสน้ั เชิงวเิ คราะห์ เรอื่ ง หน้าท่ีของเงนิ
1.1 เร่อื ง หนา้ ที่ของเงนิ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนวเิ คราะหห์ นา้ ทข่ี องเงนิ ลงในแบบบนั ทกึ สน้ั เชิงวเิ คราะหใ์ หถ้ ูกตอ้ ง แบบบนั ทกึ สน้ั เชิงวิเคราะห์ เร่ือง หน้าทขี่ องเงนิ 1. เงนิ ทาหนา้ ทีเ่ ป็นสอื่ กลางในการแลกเปลยี่ น ทาใหก้ ารซ้อื ขายสนิ คา้ เกิดความสะดวกและ รวดเรว็ มากยงิ่ ข้นึ 2. เงนิ ทาหนา้ ทีเ่ ป็นเครือ่ งเกบ็ รกั ษามูลค่า โดยคนมกั นาสนิ คา้ ไปขายแลว้ เก็บเงนิ ไวแ้ ทน จากนนั้ จงึ ค่อยนาเงินมาซ้อื สนิ คา้ ทีต่ นตอ้ งการ 3. เงินทาหนา้ ทีเ่ ป็นมาตรฐานการวดั ค่า โดยเงนิ จะเป็นตวั กาหนดมลู ค่าของสนิ คา้ และบริการ วา่ หน่วยหน่งึ จะมมี ูลค่าคิดเป็นเงนิ เท่าไร 4. เงนิ ทาหนา้ ทีเ่ ป็นมาตรฐานในการชาระหน้ใี นอนาคต โดยบอกจานวนหน้ที ีผ่ ดั ผอ่ นหรอื เลอื่ น การชาระหน้ใี นอนาคตว่าเป็นจานวนเทา่ ไรทชี่ ดั เจน
1.2 เรื่อง ภาวะการเงนิ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนระบคุ วามแตกตา่ งของภาวะเงนิ เฟ้อและภาวะเงนิ ฝืด ลงในตารางทก่ี าหนด รายการ ภาวะเงนิ เฟ้ อ ภาวะเงนิ ฝืด 1. ความหมาย 2. สาเหตุ 3. ผลกระทบ
1.2 เร่อื ง ภาวะการเงนิ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นระบคุ วามแตกตา่ งของภาวะเงนิ เฟ้อและภาวะเงนิ ฝืด ลงในตารางท่กี าหนด รายการ ภาวะเงนิ เฟ้ อ ภาวะเงนิ ฝืด 1. ความหมาย ภาวะเงนิ เฟ้อ คือ ภาวะทีร่ ะดบั ราคาสินคา้ ภาวะเงินฝืด คือ ภาวะทีร่ ะดบั ราคาสนิ คา้ และบริการโดยทัว่ ไปมีแนวโนม้ สูงข้ึน แ ล ะ บ ริ ก า ร โ ด ย ทั่ ว ไ ป มี เรื่อยๆ ทาใหอ้ านาจซ้อื ของเงินทีอ่ ยู่ในมือ แนวโนม้ ลดลง ทาใหอ้ านาจซ้ือของเงิน ของประชาชนลดลง กล่าวคือ เงินจานวน เพิม่ ข้นึ กล่าวคือ เงนิ จานวนเท่าเดิมนาไป เท่าเดิมนาไปซ้อื สนิ คา้ ไดน้ อ้ ยลง ซ้อื สนิ คา้ และบริการไดม้ ากข้นึ 2. สาเหตุ มีหลายประการ แต่ที่สาคัญ เกิดจาก มหี ลายประการ แตท่ ีส่ าคญั เกิดจากการใช้ 3. ผลกระทบ ประชาชนและรฐั ใชจ้ ่ายเงินซ้อื สินคา้ และ จ่ายเงินของประชาชนในระบบเศรษฐกิจ บริการเป็ นจานวนมากกว่าสินคา้ และ ลดนอ้ ยลง และเกิดจากสาเหตุอืน่ ๆ เช่น บริการที่มีอยู่ในขณะนัน้ หรือเกิดจาก ธนาคารกลางพิมพธ์ นบตั รออกมาใชใ้ น สาเหตุอื่น เช่น ตน้ ทุนการผลิตสูงข้ึน ระบบเศรษฐกิจนอ้ ยไป รฐั เก็บภาษีอากร ส่งผลใหร้ าคาสินคา้ และบริการเพิม่ สูงข้ึน ในอตั ราสูง การขาดดุลการคา้ ของประเทศ ตามไปดว้ ย เป็นตน้ ประชาชนไดร้ บั ความเดือดรอ้ นจากการที่ ผูผ้ ลิตตอ้ งชะลอการลงทุน หรือการผลิต ตอ้ งซ้อื สนิ คา้ ในราคาสงู ข้นึ ขณะทมี่ รี ายได้ ลง ทาใหเ้ กิดปญั หาการว่างงาน เมือ่ การ เท่าเดิม ส่วนผูผ้ ลติ กต็ อ้ งลดการผลิตและ จา้ งงานลดลง ทาใหป้ ระชาชนมีรายได้ การลงทุนลง ทาใหก้ ารออมของประเทศ ลดลงตามไปด้วย ซ่ึงส่งผลต่อระบบ ลดลงไปดว้ ย เศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
1.3 เร่อื ง ประเภทของสถาบนั การเงนิ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นจาแนกประเภทของสถาบนั การเงนิ พรอ้ มยกตวั อย่างสถาบนั การเงนิ ในแตล่ ะประเภท ลงในแผนผงั ประเภทของสถาบนั การเงนิ
1.3 เรอื่ ง ประเภทของสถาบนั การเงนิ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นจาแนกประเภทของสถาบนั การเงนิ พรอ้ มยกตวั อย่างสถาบนั การเงนิ ในแต่ละประเภท ลงในแผนผงั ประเภทของสถาบนั การเงนิ สถาบนั การเงินทีป่ ระกอบ สถาบันการเงินที่ไม่ได้ กิจการธนาคาร ประกอบกิจการธนาคาร บริษัทเงินทุน, บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ธนาคารกลาง สหกรณ์ออมทรัพย์, สหกรณ์การเกษตร ธนาคารพาณิชย์ บริ ษัทประกันภยั ธนาคารเฉพาะกิจ โรงรับจานา บริษทั รับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ กองทนุ สารองเลยี้ งชีพ กองทุนประกนั สังคม บริษัทหลกั ทรัพย์จดั การกองทุนรวม
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล ชือ่ ........................................................................................................... ชนั้ .................. เลขท.่ี ............. ลาดบั คุณภาพการปฏิบตั ิ พฤตกิ รรม 4 32 1 ที่ ลงชอ่ื ..............................................................................ผูป้ ระเมนิ 1 ความตง้ั ใจในการทางาน 2 ความรบั ผดิ ชอบ 3 ตรงต่อเวลา 4 ความสะอาด เรยี บรอ้ ย 5 ผลสาเร็จของผลงาน รวม / /....................... ........................... ........................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมเป็นสว่ นใหญ่ = ดี พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปรบั ปรุง ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ = ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ หรือนอ้ ยครงั้ = เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 17-20 ดีมาก 13-16 ดี 9-12 พอใช้ 5-8 ปรบั ปรุง
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 2 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4-6 เวลา 3 ชวั่ โมง เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5 นโยบายการเงนิ การคลงั กบั การพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศ เรอื่ ง นโยบายการคลงั ในการพฒั นาเศรษฐกจิ สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด นโยบายการคลงั เป็นนโยบายสาคญั ท่รี ฐั บาลใชค้ วบคู่กบั นโยบายการเงนิ เพอื่ ชว่ ยใหป้ ระชาชน อยูใ่ นระบบเศรษฐกิจทด่ี ี มเี สถยี รภาพ ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ส 3.2 ม.4-6/1 อธิบายบทบาทของรฐั บาลเกี่ยวกบั นโยบายการเงนิ การคลงั ในการพฒั นา เศรษฐกจิ ของประเทศ 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) บอกความสาคญั ของนโยบายการคลงั ในการพฒั นาเศรษฐกิจได้ 2) จาแนกประเภทของนโยบายการคลงั ได้ 3) บอกเคร่ืองมอื สาคญั ของนโยบายการคลงั ได้ 4) อธบิ ายโครงสรา้ งการคลงั ทอ้ งถน่ิ ได้ 5) วเิ คราะหก์ ารนานโยบายการคลงั มาใชใ้ นการแกไ้ ขปญั หา และพฒั นาเศรษฐกิจได้ สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง 1) นโยบายการเงนิ การคลงั ในการพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ 2) บทบาทนโยบายการเงนิ และการคลงั ของรฐั บาลในดา้ น - การรกั ษาเสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ - การสรา้ งการเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจ - การรกั ษาดลุ การคา้ ระหวา่ งประเทศ - การแทรกแซงราคาและการควบคุมราคา 3) รายรบั และรายจ่ายของรฐั ทม่ี ผี ลต่องบประมาณ หน้สี าธารณะ การพฒั นาทางเศรษฐกจิ
และคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน - นโยบายการเกบ็ ภาษปี ระเภทต่างๆ และการใชจ้ ่ายของรฐั - แนวทางในการแกป้ ญั หาการวา่ งงาน 3.2 สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่นิ - สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน 4.1 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทกั ษะการคดิ สงั เคราะห์ 4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต - กระบวนการทางานกลุม่ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มคี วามรบั ผดิ ชอบ กจิ กรรมการเรียนรู้ (วธิ ีสอนโดยการจดั การเรียนรูแ้ บบร่วมมือ (Co-operative Learning)) ชั่วโมงท่ี 1 1. ครูนานโยบายการคลงั ของรฐั บาลในแตล่ ะรฐั บาลมาใหน้ กั เรียนอ่าน และเปรยี บเทยี บกนั 2. ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ และเปรยี บเทยี บ ครูอธบิ ายเพมิ่ เติมใหน้ กั เรยี นทราบว่า รฐั บาลมี บทบาทสาคญั ในระบบเศรษฐกิจ ซ่งึ รฐั บาลจะตอ้ งเขา้ มาดาเนินการเพอื่ ใหเ้กดิ ประโยชนแ์ ก่ประชาชน โดยรวม 3. ครูแบ่งนกั เรยี นเป็นกลุม่ กลมุ่ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คนเก่งจะช่วยเหลอื คนอ่อน สว่ น คนอ่อน จะตอ้ งเรียนรูจ้ ากคนเก่งหรอื จากกลุ่ม นกั เรยี นทุกคนเรียนรูแ้ ละทากจิ กรรมร่วมกนั มกี ารปรกึ ษาหารือกนั ภายในกลุ่ม ผลสาเรจ็ ของนกั เรยี นแตล่ ะคน คอื ผลสาเรจ็ ของกลุ่ม 4. ใหต้ วั แทนของแตล่ ะกลมุ่ ออกมาจบั สลากประเด็นความรูท้ ่คี รูกาหนด (แต่ละประเดน็ อาจศกึ ษาซา้ กนั หลาย กลมุ่ ) ดงั น้ี
- ประเภทของนโยบายการคลงั - เคร่อื งมอื ของนโยบายการคลงั - การคลงั ทอ้ งถน่ิ 5. ใหส้ มาชิกในแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั วางแผนการสบื คน้ ความรูร้ ่วมกนั และแบ่งหนา้ ทก่ี นั รบั ผดิ ชอบอย่าง เหมาะสม 6. ครูใหค้ าแนะนาในการสบื คน้ ความรูจ้ ากแหล่งการเรยี นรูต้ ่างๆ เพอื่ ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มสามารถสบื คน้ ขอ้ มูลไดอ้ ย่างหลากหลายเพอ่ื นามาวเิ คราะหแ์ ละสรุปผลภายในกลุ่ม ชั่วโมงที่ 2-3 1. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ ท่ศี ึกษาประเดน็ เดยี วกนั มารวมกลมุ่ กนั เพอื่ ร่วมอภปิ รายและแสดงความคดิ เหน็ 2. ใหน้ กั เรียนสรปุ ประเดน็ ความรูจ้ ากการอภปิ รายและแสดงความคดิ เหน็ 3. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มท่ศี ึกษาประเดน็ ความรูเ้ดยี วกนั คดั เลอื กตวั แทนออกมาสรปุ ประเดน็ ความรู้ ตามลาดบั ดงั น้ี - ประเภทของนโยบายการคลงั - เคร่อื งมอื ของนโยบายการคลงั - การคลงั ทอ้ งถน่ิ 4. ใหแ้ ต่ละกล่มุ ตง้ั ประเดน็ คาถามท่เี ป็นขอ้ สงสยั ของกลมุ่ กล่มุ ละ 2 คาถาม เพอื่ ถามตวั แทนกลุ่มท่อี อกมา สรปุ ประเดน็ ความรูน้ น้ั ๆ หากไมส่ ามารถตอบคาถามไดค้ รอบคลุมใหส้ มาชกิ ในกล่มุ นนั้ ๆ ช่วยกนั หาคาตอบ ท่ถี กู ตอ้ ง 5. ครูสงั เกตการใชป้ ระเด็นคาถาม และการตอบคาถามของแต่ละกล่มุ หากมขี อ้ บกพร่องใหค้ รูอธบิ ายเพม่ิ เตมิ หรอื ตงั้ ประเดน็ คาถามเพอ่ื เป็นการประเมนิ ความรูค้ วามเขา้ ใจของนกั เรยี น เช่น - นโยบายการคลงั แบบขยายตวั และแบบหดตวั มคี วามเหมาะสมกบั ภาวะเศรษฐกจิ แบบใด และมขี อ้ ดแี ละขอ้ เสยี แตกตา่ งกนั อย่างไร - สานกั งบประมาณแผน่ ดนิ มหี นา้ ท่สี าคญั อย่างไร - รายไดจ้ ากรฐั พาณชิ ยท์ ส่ี าคญั มอี ะไรบา้ ง และส่งผลดอี ยา่ งไร - รฐั บาลจะตง้ั งบประมาณแบบขาดดุล ในสภาวะทเ่ี ศรษฐกิจมลี กั ษณะอย่างไร - การคลงั ทอ้ งถ่นิ มบี ทบาทสาคญั อยา่ งไร 6. ใหน้ กั เรียนทาใบงานท่ี 2.1 เร่ือง รูท้ นั สถานการณ์เศรษฐกิจ เมอ่ื ทาใบงานเสร็จแลว้ ใหน้ กั เรยี นทบทวนและ ตรวจสอบคาตอบก่อนนาส่งครู
การวดั และประเมนิ ผล วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.1 ใบงานท่ี 2.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 1.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี น เศรษฐศาสตร์ ม.4-ม.6 2) ตวั อย่างนโยบายการคลงั ของรฐั บาลในแตล่ ะสมยั 3) สลาก 4) เอกสารความรูเ้พมิ่ เติม 5) ใบงานท่ี 2.1 เรือ่ ง รูท้ นั สถานการณเ์ ศรษฐกจิ 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) ส่อื การเรยี นรูต้ ่างๆ เช่น หนงั สอื พมิ พ์ นิตยสาร โทรทศั น์ วทิ ยุ 3) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ http://www.bot.or.th http://www.mof.go.th http://www.geocities.com/econpages
เอกสารความรู้เพิม่ เตมิ หน้ีสาธารณะ หน้ีสาธารณะ หมายถงึ ขอ้ ผูกพนั ของรฐั บาลซ่งึ เกิดจากการกูย้ มื โดยตรง และการคา้ ประกนั เงนิ กูโ้ ดยรฐั บาล รวมทงั้ เงนิ ปริวรรตทร่ี ฐั บาลรบั รอง หน้สี าธารณะแบ่งออกไดเ้ป็น 2 ลกั ษณะ คือ หน้ภี ายในประเทศและหน้ตี ่างประเทศ หน้ีภายในประเทศ (Internal debt) หมายถึง ขอ้ ผูกพนั ของรฐั บาลท่มี ีอยู่ในประเทศทงั้ ท่เี ป็นตวั๋ เงนิ พนั ธบตั ร ตวั๋ สญั ญา ใชเ้ งนิ และการคา้ ประกนั เงนิ กูข้ องรฐั วสิ าหกิจ หน้ีต่างประเทศ (External debt) หมายถึง หน้สี นิ และขอ้ ผกู พนั ในต่างประเทศของรฐั บาล แบง่ เป็นการกูโ้ ดยตรงของรฐั บาล จากแหลง่ ต่างๆ เชน่ ธนาคารโลก ธนาคารพฒั นาเอเชยี เป็นตน้ และการคา้ ประกนั เงนิ กูข้ องรฐั วสิ าหกจิ การก่อหน้ีของรฐั บาลโดยเฉพาะการกูเ้ งนิ จากต่างประเทศนน้ั รฐั บาลจะจดั ทาแผนการก่อหน้ีจากต่างประเทศประจาปีซ่งึ แผน ดงั กล่าวจะตอ้ งตอบสนองแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติในช่วงนนั้ ๆ รวมทงั้ ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั นโยบายของรฐั บาล ช่วยสรา้ ง ความสมดุลในการพฒั นาประเทศทงั้ ดา้ นการรกั ษาระดบั ความเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ ช่วยลดช่องว่างความเจริญ ระหว่างเมืองกบั ชนบทและนาไปสู่การพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์ คุณภาพชีวิต และส่งิ แวดลอ้ ม ซ่ึงความรบั ผดิ ชอบของรฐั บาลท่มี ีต่อ ประชาชนของประเทศ อาจวิเคราะห์ไดจ้ ากความสมั พนั ธ์ทางเศรษฐกิจ ระหว่างภาคเอกชนกบั ภาครฐั บาล ซ่งึ มคี วามซบั ซอ้ นมากโดยเฉพาะการกูย้ ืม และการชาระหน้ที งั้ ในและต่างประเทศ หน้ีสาธารณะ มีทงั้ ผลดีและผลเสีย เพราะการกูย้ ืมของรฐั บาล แสดงถึงฐานะท่ีไม่มงั่ คง รฐั บาลไรค้ วามสามารถในการหารายไดม้ าให้ เพยี งพอกบั รายจ่าย เป็นการสรา้ งภาระหน้สี นิ ไวใ้ หเ้ป็นภาระแก่คนรุ่นหลงั แต่ ถา้ หากเป็นการกูภ้ ายในประเทศท่ีไม่เป็นภาระมากจะเป็นประโยชน์ เพราะ ทรพั ยากรยงั อยูภ่ ายในประเทศไม่รวั่ ไหล ไปไหน แตก่ ค็ วรระมดั ระวงั เช่นกนั ตวั อย่าง แผนภูมแิ สดงรายการหน้ีสาธารณะคงคา้ งของประเทศไทย ต้งั แตป่ ี 39 - ปัจจุบนั อย่างไรก็ตาม หน้ีสาธารณะจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเสมอ แต่อาจจะมผี ลกระทบมากหรือนอ้ ยแตกต่างกนั ข้นึ อยู่กบั แหล่งท่มี าของเงนิ กู้ และลกั ษณะการใชจ้ ่าย ถา้ เป็นการกูจ้ ากประชาชนจะมีผลต่อการบริโภคและการลงทุน การกูส้ ถาบนั การเงนิ ถา้ มากเกินไปอาจมีผลต่อภาวะเงนิ ตึง คือ เงนิ ในระบบสถาบนั การเงนิ มไี มเ่ พยี งพอแก่การลงทุนของภาคเอกชนส่วนการกูจ้ าก ตา่ งประเทศแมว้ า่ จะทาใหม้ กี ารจา้ งแรงงานและรายไดส้ ูงข้นึ ในระยะแรก แต่เมอ่ื ถงึ กาหนดชาระทาใหร้ ายไดข้ องประเทศลดนอ้ ยลงจนเกิด ปญั หาได้
2.1 เรอื่ ง รูท้ นั สถานการณ์เศรษฐกิจ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนหาขา่ วเศรษฐกจิ เกยี่ วกบั สถานการณท์ างการเงนิ การคลงั ของประเทศในปจั จบุ นั 1 ขา่ ว แลว้ นามาวเิ คราะหส์ ถานการณเ์ ศรษฐกจิ
2.1 เร่ือง รูท้ นั สถานการณเ์ ศรษฐกิจ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นหาข่าวเศรษฐกจิ เกย่ี วกบั สถานการณท์ างการเงนิ การคลงั ของประเทศในปจั จบุ นั 1 ข่าว แลว้ นามาวเิ คราะหส์ ถานการณ์เศรษฐกิจ (เฉลยตามคาตอบของนกั เรียน และอย่ใู นดุลยพินิจของครูผ้สู อน)
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ลาดบั คณุ ภาพการปฏิบตั ิ รายการประเมนิ 4321 ที่ 1 นาเสนอเน้อื หาในผลงานไดถ้ กู ตอ้ ง 2 การนาเสนอมคี วามน่าสนใจ 3 ความเหมาะสมกบั เวลา 4 ความกลา้ แสดงออก 5 บุคลกิ ภาพ นา้ เสยี งเหมาะสม รวม ลงชือ่ ..............................................................................ผูป้ ระเมนิ / /....................... ........................... ........................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน การปฏบิ ตั งิ านสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน การปฏบิ ตั ิงานยงั มขี อ้ บกพร่องเลก็ นอ้ ย ให้ 3 คะแนน การปฏบิ ตั งิ านยงั มขี อ้ บกพร่องเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน การปฏบิ ตั ิงานมขี อ้ บกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 17-20 ดมี าก 13-16 ดี 9-12 พอใช ้ 5-8 ปรบั ปรงุ
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ ชื่อ – สกลุ การแสดงความ การรบั ฟงั การตง้ั ใจ การรว่ ม รวม ลาดบั ความร่วมมือ คดิ เหน็ ความคิดเห็น ทางาน ปรบั ปรุง 20 ของผรู้ บั การ ที่ ผลงานกลมุ่ ประเมนิ คะแนน 43214321432143214321 เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ ดีมาก = 4 3 หมายเหตุ ครูอาจใชว้ ธิ ีการมอบหมายใหห้ วั หนา้ กลุ่ม ดี = 2 เป็นผปู้ ระเมิน หรือใหต้ วั แทนกลุม่ ผลดั กนั ประเมิน 1 หรือให้มีการประเมนิ โดยเพ่ือน โดยตวั นกั เรียนเอง พอใช้ = ตามความเหมาะสมก็ได้ ปรบั ปรุง = เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 17 – 20 ดมี าก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5 – 8 ปรบั ปรุง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362