Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore a_210619_163311

a_210619_163311

Published by MINI Mamoru, 2023-07-19 07:04:18

Description: a_210619_163311

Search

Read the Text Version

กฎหมายโรงแรม 173 ที่ นว ๐๐๑๘.๑/๓๐๐๑๑ ศาลากลางจงั หวดั นครสวรรค์ ถนนสวรรคว์ ถิ ี นว ๖๐๐๐๐ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เร่อื ง ขอหารอื กรณรี า้ นอาหารตง้ั อยใู่ นบรเิ วณหรอื ใกลพ้ น้ื ทตี่ ง้ั ของโรงแรมตอ้ งเปน็ สว่ นหนงึ่ ของโรงแรม หรือไม่ เรียน อธบิ ดกี รมการปกครอง ส่งิ ทสี่ ง่ มาดว้ ย ๑. สำ� เนาหนงั สอื อำ� เภอเมอื งนครสวรรค์ ท่ี นว ๐๑๑๘.๒/๒๐๗๑ ลงวนั ที่ ๕ มนี าคม ๒๕๕๘ พรอ้ มเอกสารท่เี ก่ียวขอ้ ง จำ� นวน ๑ ชดุ ๒. สญั ญาเชา่ ทด่ี ิน จำ� นวน ๑ ชดุ ด้วยอ�ำเภอเมืองนครสวรรค์ได้ส่งค�ำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมช่ือ “ตะวันนา รีสอร์ท” ตั้งอยู่เลขท่ี ๑๖๑/๒ หมู่ท่ี ๑๑ ต�ำบลหนองกรด อ�ำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวดั นครสวรรค์ ให้จังหวัดพิจารณาออกใบอนญุ าตใหป้ ระกอบธรุ กจิ โรงแรมประเภท ๑ แตจ่ ากการ ตรวจสอบปรากฏว่า ภายในบรเิ วณโรงแรมมีอาคารเป็นรา้ นอาหารชอ่ื “ครัวตะวนั นา รีสอรท์ ” และ ขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมประเภท ๑ (รายละเอยี ดตามสง่ิ ทสี่ ง่ มาดว้ ย ๑) จงั หวดั นครสวรรค์ จึงมีความเห็นว่า แม้ว่าร้านอาหาร “ครัวตะวันนา รีสอร์ท” จะมีช่ือนายอานนท์ เหมวิจิตร อ้างว่า เป็นเจ้าของแยกต่างหากจากการประกอบธุรกิจโรงแรมช่ือ ตะวันนา รีสอร์ท (รายละเอียดตาม สงิ่ ทส่ี ง่ มาด้วย ๒) และมไิ ด้เปน็ สว่ นหนึ่งของโรงแรมตะวนั นา รีสอรท์ ทีน่ ายธงชยั มงคลชยั อรญั ญา ย่ืนค�ำขออนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรม (เปดิ ใหม)่ แต่เม่อื พิจารณาถงึ ลกั ษณะของอาคาร สภาพที่ต้งั และสภาพแวดล้อมแล้ว เห็นว่า ท้ังโรงแรมและร้านอาหารตั้งอยู่ภายในบริเวณที่ดินแปลงเดียวกัน และใกล้กนั อยูห่ า่ งจากแหล่งชมุ ชน แม้จะตงั้ อยูข่ ้างทางถนนพหลโยธนิ แต่สภาพโดยรอบเปน็ ทงุ่ นา ประกอบกบั ลกั ษณะของตวั อาคารท่ีใชข้ องโรงแรมเปน็ อาคารเดยี่ ว อาคารละ ๑ หอ้ งพกั หรอื อาคารเดย่ี ว ๒ หอ้ งพกั ซง่ึ โดยสภาพไมส่ ามารถมหี อ้ งอาหารในอาคารโรงแรมได้ ซง่ึ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ของการจัดต้ังร้านอาหาร ก็เพ่ือไว้บริการส�ำหรับแขกผู้มาพักที่โรงแรม แม้จะเปิดบริการขายอาหาร ให้แก่บุคคลทั่วไปด้วยก็ตาม จึงสมควรอนุญาตให้ประกอบธุรกิจโรงแรมประเภท ๒ แต่เนื่องจาก ส�ำ นกั การสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง

174 กฎหมายโรงแรม ผปู้ ระกอบธรุ กจิ โรงแรมไดย้ ืน่ ค�ำขออนุญาตประกอบธรุ กจิ โรงแรมประเภท ๑ โดยอา้ งว่า รา้ นอาหาร ไม่ได้เป็นส่วนหน่ึงของโรงแรมตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น จึงมีประเด็นท่ีต้องพิจารณาว่า รา้ นอาหารเปน็ สว่ นหนง่ึ ของการประกอบธรุ กจิ โรงแรมตะวนั นา รสี อรท์ หรอื ไม่ แตเ่ นอื่ งจากไมม่ แี นวทาง ปฏิบตั ทิ ชี่ ดั เจน จึงขอหารอื เก่ยี วกับประเด็นดังกล่าว เพ่ือเป็นแนวทางปฏบิ ัตติ ่อไป จึงเรียนมาเพือ่ โปรดพิจารณา ผลเป็นประการใด แจง้ ใหจ้ ังหวัดนครสวรรคท์ ราบด้วย ขอแสดงความนบั ถอื (นายประทปี ศิลปเทศ) รองผวู้ า่ ราชการจงั หวัดนครสวรรค์ ปฏิบัตริ าชการแทน ผ้วู า่ ราชการจงั หวัดนครสวรรค์ ท่ีท�ำการปกครองจังหวัด กลุ่มงานปกครอง โทร. / โทรสาร ๐ – ๕๖๘๐ – ๓๖๑๔ - ๕ ส�ำ นักการสอบสวนและนติ กิ าร กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 175 ที่ มท ๐๓๐๗.๖/๘๒๖๐ กรมการปกครอง ถนนอษั ฎางค์ กทม. ๑๐๒๐๐ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ เรอ่ื ง หารือการปฏิบัตติ ามพระราชบัญญตั ิโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ เรยี น ผวู้ า่ ราชการจงั หวัดนนทบรุ ี อ้างถึง หนังสอื จงั หวดั นนทบรุ ี ท่ี นบ ๐๐๑๘.๑/๑๕๙๗๑ ลงวนั ท่ี ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘ ตามทจ่ี งั หวดั นนทบรุ ไี ดร้ บั เรอ่ื งการขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรม “แกรนด์ ราชพฤกษ”์ ของบรษิ ทั พี แอสเสท ดีเวลลอปเมน้ ท์ จ�ำกัด โดยนางสาวพชิ นิดา ศศธิ นานท์ เปน็ ผู้ยนื่ ขอรบั ใบอนญุ าต ซ่งึ เป็นอาคาร ค.ส.ล. ๕ ช้นั จ�ำนวน ๑ หลงั มีพ้นื ที่ใชส้ อยรวมทัง้ หมด จำ� นวน ๗,๕๐๐ ตารางเมตร โดยใช้เพ่ือเป็นโรงแรม จ�ำนวน ๓,๘๔๐ ตารางเมตร และใช้เป็นพื้นท่ีให้เช่าประกอบการค้า จ�ำนวน ๓,๖๖๐ ตารางเมตร ความละเอียดแจง้ แล้ว นั้น กรมการปกครองไดข้ อหารอื และรบั แจง้ จากสำ� นกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม ซึ่งไดข้ อข้อมูลเพิ่มเตมิ จากบริษทั พี แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด เพื่อประกอบ การพิจารณาและมคี วามเห็นดงั น้ี ๑. กรณีโรงแรมแกรนด์ ราชพฤกษ์ ของบริษัท พี แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด มีพ้ืนท่ีการใช้ประโยชน์ในอาคาร ๒ ส่วนคือ ส่วนที่ ๑) เป็นกิจการโรงแรม คือช้ันที่ ๑ บางส่วน เป็นลอ๊ บบ้โี รงแรม ชนั้ ที่ ๓ ช้ันท่ี ๔ และชน้ั ท่ี ๕ เปน็ ส่วนของห้องพกั โรงแรม จ�ำนวน ๕๔ หอ้ ง มีพ้ืนท่ีใช้สอย ๓,๘๔๐ ตารางเมตร และส่วนที่ ๒) เป็นพื้นท่ีให้เช่าประกอบการค้า มีพื้นที่ใช้สอย ๓,๖๖๐ ตารางเมตร รวมมพี น้ื ท่ีใชส้ อย ๗,๕๐๐ ตารางเมตร หากปรากฏขอ้ เทจ็ จรงิ วา่ ขนาดของอาคาร ในส่วนของการประกอบธุรกิจโรงแรม มีจ�ำนวน ๕๔ ห้อง มีพ้ืนท่ีใช้สอย ๓,๘๔๐ ตารางเมตร จงึ ไมเ่ กนิ จำ� นวน ๘๐ หอ้ ง ทงั้ มพี น้ื ที่ใชส้ อยไมเ่ กนิ ๔,๐๐๐ ตารางเมตร จงึ ไมเ่ ขา้ ขา่ ยตอ้ งจดั ทำ� รายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เรอ่ื ง กำ� หนดประเภทและขนาดของโครงการหรอื กจิ การซง่ึ ตอ้ งจดั ทำ� รายงานการวเิ คราะหผ์ ลกระทบ ส่ิงแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดท�ำรายงานการวิเคราะห์ ผลกระทบสง่ิ แวดล้อม ลงวนั ที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ ล�ำดับที่ ๓๐ โรงแรมหรอื สถานท่ีพักตากอากาศ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยโรงแรม ส�ำ นักการสอบสวนและนติ ิการ กรมการปกครอง

176 กฎหมายโรงแรม ๒. จังหวัดนนทบุรีหารือกรณีต้องพิจารณาพื้นท่ีใช้สอยรวมของอาคารทั้งหมด จ�ำนวน ๗,๕๐๐ ตารางเมตร หรอื ตอ้ งพิจารณาเฉพาะพ้ืนที่ที่ใชเ้ พ่ือประกอบธุรกิจโรงแรม คือ ๓,๘๔๐ ตารางเมตร ประเด็นพื้นทร่ี วมของอาคารดงั กลา่ ว มจี �ำนวนพ้ืนท่ที ง้ั หมด ๗,๕๐๐ ตารางเมตร ซงึ่ ตาม ประกาศกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม เรือ่ ง กำ� หนดประเภทและขนาดของโครงการ หรอื กิจการ ซึง่ ตอ้ งจดั ทำ� รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบส่งิ แวดล้อมและหลกั เกณฑ์ วิธีการ ระเบยี บ ปฏบิ ตั ิ และแนวทางการจดั ทำ� รายงานการวเิ คราะหผ์ ลกระทบสงิ่ แวดลอ้ ม ลงวนั ที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ แต่ขอ้ เทจ็ จรงิ เพม่ิ เติมพบว่า อาคารหลงั เดมิ ดังกล่าวได้ทำ� การดัดแปลงอาคาร ค.ส.ล. ๕ ช้ัน ตาม เอกสารใบอนญุ าตก่อสรา้ งอาคาร ดัดแปลงอาคาร หรอื รอ้ื ถอนอาคาร (แบบ อ.๑) เลขที่ ๐๒๖/๒๕๕๖ ลงวนั ที่ ๑๓ มิถนุ ายน ๒๕๕๖ ออกโดยองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลบางพลบั ได้ระบุเปน็ พนื้ ทท่ี ี่ใชส้ ำ� หรับ โรงแรม คอื ชั้นที่ ๑ บางสว่ นเปน็ ล๊อบบ้โี รงแรม ช้นั ที่ ๓ ชน้ั ท่ี ๔ และช้ันท่ี ๕ เปน็ สว่ นของหอ้ งพกั โรงแรม จำ� นวน ๕๔ ห้อง มพี ื้นท่จี �ำนวน ๓,๘๔๐ ตารางเมตร และเป็นพน้ื ที่ให้เชา่ เพ่อื ประกอบการค้า จำ� นวน ๓,๖๖๐ ตารางเมตร โดยมิได้มกี ารแบง่ แยกประเภทและขนาดของโครงการหรือกจิ การท่ตี ้อง จัดท�ำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อมแต่ละประเภทออกจากกันไว้อย่างเด็ดขาดชัดเจน แต่ประการใด กรมการปกครองพจิ ารณาเหน็ วา่ เมอื่ ไมม่ กี ารแบง่ แยกประเภทและขนาดของโครงการ หรือกิจการท่ีต้องจัดท�ำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อมแต่ละประเภทไว้อย่างเด็ดขาด ชัดเจนแลว้ จึงต้องนำ� พ้ืนท่ีใช้สอยท้ัง ๒ ส่วน มาคดิ ควบรวมพ้ืนท่ีใช้สอยของอาคารแหง่ น้ี ตามใบ อนุญาตก่อสรา้ งอาคาร ดดั แปลงอาคาร หรือรอ้ื ถอนอาคาร (แบบ อ.๑) จ�ำนวน ๗,๕๐๐ ตารางเมตร ประกอบกับพ้ืนทีท่ ่ีใหเ้ ช่าเพอ่ื ประกอบการค้า คอื ชั้นท่ี ๑ บางสว่ น ชั้นลอยเป็นพ้นื ทส่ี ำ� นกั งานให้เชา่ ช้ันท่ี ๒ และชัน้ ดาดฟา้ เปน็ พ้ืนที่เพื่อประกอบการค้า สำ� หรับทางขึ้นลงและลิฟท์ใช้รว่ มกนั ซ่ึงไม่เป็นไป ตามกฎกระทรวงกำ� หนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธรุ กิจโรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๓ (๓) การใชพ้ นื้ ทป่ี ระกอบธรุ กจิ โรงแรมในอาคารเดยี วกนั กบั การประกอบกจิ การอนื่ ตอ้ งแบง่ สถานที่ใหช้ ดั เจน และการประกอบกิจการอน่ื ต้องไม่สง่ ผลกระทบตอ่ การประกอบธรุ กจิ โรงแรม ๓. กรณผี ขู้ ออนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมได้ให้ นางสาวนชุ นภา จำ� เรญิ พฤกษ์ ทำ� สญั ญา เช่าพื้นท่ีช้ัน ๑ ส่วนท่ีเหลือท้ังหมด ห้องครัว ห้องอาหาร และห้องประชุม ตามสัญญาเช่าพ้ืนท่ี เลขท่ี ๑/๒๕๕๘ ลงวันท่ี ๓๐ มถิ ุนายน ๒๕๕๘ รวมทั้งใหบ้ ริษัท เอม็ .บ.ี ดีไซน์ แอนด์ เดคคอเรชน่ั จำ� กดั เช่าพ้ืนท่ชี นั้ ลอยท้ังหมด ตามสัญญาเช่าพืน้ ท่ี เลขท่ี ๓/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๓๐ มถิ ุนายน ๒๕๕๘ เป็นเหตุ ให้บรษิ ัท พี แอสเสท ดเี วลลอปเมน้ ท์ จ�ำกดั ต้องขออนุญาตประกอบกิจการโรงแรมไดเ้ ฉพาะกรณี โรงแรมประเภท ๑ ตามกฎกระทรวงก�ำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ เทา่ นน้ั ปรากฏข้อเทจ็ จริงว่า การขออนุญาตก่อสรา้ งอาคารเพื่อใชป้ ระกอบธรุ กจิ โรงแรม สำ�นกั การสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 177 ตามใบอนุญาต เลขที่ ๐๒๖/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๖ ได้มีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า จะขออนญุ าตกอ่ สรา้ งอาคารเพอ่ื ใชป้ ระกอบธรุ กจิ โรงแรมจำ� นวน ๕๔ หอ้ ง มพี นื้ ทใี่ ชส้ อย ๓,๘๔๐ ตารางเมตร จึงขัดต่อกฎกระทรวงฯ ข้อ ๑๘ (๑) ก�ำหนดให้โรงแรมประเภท ๑ มีห้องพักได้ไม่เกิน ๕๐ ห้อง ทั้งน้ี กรมการปกครองมีความเห็นเพ่ิมเติมว่า หากผู้ขออนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมได้น�ำพื้นท่ี ให้นางสาวนุชนภา จ�ำเริญพฤกษ์ เช่าพ้ืนท่ีดังกล่าว จักต้องน�ำพ้ืนท่ีที่ให้เช่ามาคิดควบรวมกับพ้ืนที่ ใชเ้ ปน็ โรงแรมทงั้ หมด ซงึ่ จะทำ� ใหม้ พี นื้ ที่ใชส้ อยเกนิ ๔,๐๐๐ ตารางเมตร จงึ เขา้ ขา่ ยการจดั ทำ� รายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรอ่ื ง กำ� หนดประเภทและขนาดของโครงการหรอื กจิ การซง่ึ ตอ้ งจดั ทำ� รายงานการวเิ คราะหผ์ ลกระทบ สง่ิ แวดลอ้ ม ลงวนั ท่ี ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ ลำ� ดบั ที่ ๓๐ โรงแรมหรอื สถานทพี่ กั ตากอากาศตามกฎหมาย วา่ ด้วยโรงแรม ดงั นน้ั เพอ่ื ใหก้ ารพจิ ารณาออกใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมตามทจี่ งั หวดั นนทบรุ หี ารอื มายงั กรมการปกครองเป็นไปตามพระราชบัญญตั โิ รงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ และกฎหมายอืน่ ทเ่ี ก่ยี วข้อง หรอื ไมน่ นั้ ยงั มขี อ้ เทจ็ จรงิ ไมเ่ พยี งพอทจี่ ะวนิ จิ ฉยั ได้ จงึ ขอใหจ้ งั หวดั นนทบรุ ไี ดพ้ จิ ารณาถงึ เจตนาของ ผู้ย่ืนค�ำขอประกอบธุรกิจโรงแรม ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ โดยน�ำเอาประเด็นการตอบข้อหารือระหว่าง กรมการปกครองกบั สำ� นกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มตอ่ กรณดี งั กลา่ ว ประกอบการพิจารณา โดยน�ำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกล่ันกรองการด�ำเนินการตาม พระราชบญั ญัตโิ รงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ทง้ั น้ี เพ่อื ให้การพจิ ารณาออกใบอนญุ าตประกอบธุรกิจโรงแรม ของนายทะเบียนโรงแรมตรงตามวัตถุประสงค์ท่ีได้ยื่นค�ำขอประกอบธุรกิจโรงแรม และป้องกันการ หลกี เล่ยี งการไม่ปฏบิ ัติตามกฎหมายต่อไป จึงเรยี นมาเพอ่ื โปรดพจิ ารณาด�ำเนินการตอ่ ไป ขอแสดงความนบั ถือ (นายชำ� นาญวทิ ย์ เตรัตน)์ รองอธบิ ดี ปฏบิ ตั ิราชการแทน อธบิ ดกี รมการปกครอง สำ� นกั การสอบสวนและนิตกิ าร ส่วนรักษาความสงบเรยี บร้อย ๓ โทร. / โทรสาร ๐ – ๒๓๕๖ - ๙๕๕๙ ส�ำ นกั การสอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง

178 กฎหมายโรงแรม ที่ ทส ๑๐๐๙.๘/๑๙๖๑ สำ� นกั งานนโยบายและแผน ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ถนนพระรามที่ ๖ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรงุ เทพฯ ๑๐๔๐๐ ๑๘ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๙ เร่ือง ตอบข้อหารือแนวทางปฏิบัติการจัดท�ำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมประเภท กจิ การโรงแรม กรณโี รงแรมแกรนด์ ราชพฤกษ์ ของบริษัท พี แอสเสท ดเี วลลอปเม้นท์ จำ� กดั เรยี น อธบิ ดีกรมการปกครอง อ้างถึง หนังสอื กรมการปกครอง ที่ มท. ๐๓๐๗.๖/๑๙๘๗๐ ลงวันท่ี ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ ตามหนงั สอื ทอ่ี า้ งถงึ กรมการปกครอง ไดข้ อหารอื สำ� นกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม เก่ียวกับแนวทางการจัดท�ำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อมประเภท กจิ การโรงแรม โดยกรมการปกครอง ได้แจง้ ข้อมลู วา่ ไดร้ ับเร่อื งจากจงั หวดั นนทบรุ เี กยี่ วกับคำ� ขอรับ ใบอนญุ าตประกอบธุรกิจโรงแรม ตามพระราชบญั ญตั ิโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ของบริษัท พี แอสเสท ดเี วลลอปเมน้ ท์ จำ� กดั โดยใชช้ อื่ วา่ โรงแรมแกรนด์ ราชพฤกษ์ ซงึ่ จากการตรวจสอบเอกสารหลกั ฐาน ประกอบการยน่ื คำ� ขอรบั ใบอนญุ าต ปรากฏวา่ ใบอนญุ าตกอ่ สรา้ งอาคาร ดดั แปลงอาคาร หรอื รอ้ื ถอน อาคาร (แบบ อ. ๑) เลขที่ ๐๒๖/๒๕๕๖ ลงวันท่ี ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๖ ออกโดยองค์การ บริหารส่วนต�ำบลบางพลับ เป็นอาคาร ค.ส.ล. ๕ ช้ัน จ�ำนวน ๑ หลัง มีพ้ืนที่ใช้สอยรวมท้ังหมด จ�ำนวน ๗,๕๐๐ ตารางเมตร โดยใช้เพื่อเป็นโรงแรม จ�ำนวน ๓,๘๔๐ ตารางเมตร พ้ืนที่ท่ีใช้ สำ� หรบั โรงแรม คอื ชนั้ ๑ บางสว่ นเป็นลอ็ บบีโ้ รงแรม ชัน้ ๓ ชน้ั ๔ และชั้น ๕ เป็นหอ้ งพกั โรงแรม จ�ำนวน ๕๔ ห้อง และใช้เป็นพน้ื ท่ีใหเ้ ช่าประกอบการค้า จ�ำนวน ๓,๖๖๐ ตารางเมตร พืน้ ที่ให้เชา่ ประกอบการค้า คือ ชนั้ ๑ บางส่วน ชัน้ ลอยเป็นพน้ื ทีส่ �ำนักงานให้เช่า ช้นั ท่ี ๒ และชั้นดาดฟา้ เป็น พื้นท่ีเพื่อประกอบการค้า ทางข้ึนลงและลิฟท์ใช้ร่วมกัน กรมการปกครองจึงขอหารือข้อกฎหมาย ตอ่ สำ� นกั งานนโยบายฯ วา่ การพจิ ารณาพน้ื ที่ใชส้ อยทเี่ ขา้ ขา่ ยตอ้ งจดั ทำ� รายงานการวเิ คราะหผ์ ลกระทบ สิ่งแวดล้อม ต้องพิจารณาพื้นท่ีใช้สอยรวมของอาคารทั้งหมด ๗,๕๐๐ ตารางเมตร หรือพิจารณา เฉพาะพื้นท่ีใช้สอยเพื่อประกอบธุรกิจโรงแรม คือ ๓,๘๔๐ ตารางเมตร ในการนี้ ส�ำนักนโยบายฯ ไดป้ ระสานขอขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ จาก บรษิ ทั พี แอสเสท ดเี วลลอปเมน้ ท์ จำ� กดั เพอื่ ประกอบการพจิ ารณา ให้ความเหน็ ส�ำ นกั การสอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 179 สำ� นกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม พจิ ารณาเรอ่ื งดังกล่าวแล้ว ขอเรียนใหท้ ราบ ดงั น้ี ๑. ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่ือง ก�ำหนดประเภทและ ขนาดของโครงการหรือกิจการซ่ึงต้องจดั ทำ� รายงานการวเิ คราะหผ์ ลกระทบสิง่ แวดลอ้ ม และหลกั เกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดท�ำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อม ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ ไดก้ ำ� หนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการ ตามเอกสารทา้ ยประกาศ ๓ ลำ� ดบั ที่ ๓๐ โรงแรมหรือสถานทพ่ี กั ตากอากาศตามกฎหมายว่าดว้ ยโรงแรมท่มี จี ำ� นวนห้องพกั ต้ังแต่ ๘๐ ห้องขึน้ ไป หรือมีพน้ื ที่ใชส้ อยตง้ั แต่ ๔,๐๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป ต้องจัดทำ� รายงานการวเิ คราะห์ ผลกระทบสงิ่ แวดล้อม เสนอในข้นั ขออนุญาตก่อสร้าง หรือหากใชว้ ิธีการแจ้ง ต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารโดยไม่ย่ืนขอรับใบอนุญาตให้เสนอรายงาน ในขั้นการแจ้งต่อ เจา้ พนกั งานทอ้ งถนิ่ และขอ้ ๕ ตามประกาศกระทรวงฯ ดงั กลา่ ว ไดก้ ำ� หนดให้ใชบ้ งั คบั สำ� หรบั การขยาย ขนาดของโครงการหรอื กิจการซง่ึ ต้องจดั ท�ำรายงานการวิเคราะหผ์ ลกระทบส่ิงแวดล้อมโดยอนโุ ลม ๒. โรงแรมแกรนด์ ราชพฤกษ์ ของบรษิ ัท พี แอสเสท ดเี วลลอปเมน้ ท์ จ�ำกัด จะมกี ารใช้ ประโยชน์อาคาร ๒ ส่วน คอื ๑) กจิ การโรงแรม และ ๒) พ้ืนท่ีให้เชา่ ประกอบการคา้ โดยการประกอบ กจิ การโรงแรมในอาคารดังกล่าวในชนั้ ท่ี ๑ บางส่วน (ใช้ส�ำหรับเป็นล๊อบบ้ี) และอาคารหอ้ งพักแขก ในชัน้ ท่ี ๓ ชนั้ ที่ ๔ และชนั้ ที่ ๕ ตามทีบ่ รษิ ทั พี แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกดั ช้ีแจงจะมพี ืน้ ที่ใช้สอย ๓,๘๔๐ ตารางเมตร เม่อื พิจารณาขนาดของอาคารในสว่ นทเี่ ป็นกจิ การโรงแรม มจี ำ� นวน ๕๔ หอ้ ง และพื้นท่ีใช้สอย ๓,๘๔๐ ตารางเมตร ซึง่ ไมเ่ กนิ ๘๐ หอ้ ง และพน้ื ที่ใชส้ อยไมเ่ กิน ๔,๐๐๐ ตารางเมตร จงึ ไมเ่ ขา้ ขา่ ยตอ้ งจดั ทำ� รายงานการวเิ คราะหผ์ ลกระทบสง่ิ แวดลอ้ ม ตามประกาศกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ ม เรือ่ ง ก�ำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซง่ึ ตอ้ งจดั ทำ� รายงานการ วเิ คราะหผ์ ลกระทบสงิ่ แวดลอ้ ม และหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร ระเบยี บปฏบิ ตั ิ และแนวทางการจดั ทำ� รายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสงิ่ แวดล้อม ลงวนั ที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ ล�ำดับที่ ๓๐ โรงแรมหรือสถานท่พี กั ตากอากาศตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม ๓. อย่างไรก็ตาม ส�ำนักนโยบายและแผนฯ มีข้อสังเกตว่า การประกอบกิจการโรงแรม ตามข้อ ๑ ของกระทรวงก�ำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ก�ำหนดประเภทของโรงแรมไว้ ๔ ประเภท ได้แก่ (๑) โรงแรมประเภท ๑ ท่ีใหบ้ ริการเฉพาะห้องพัก (๒) โรงแรมประเภท ๒ ที่ใหบ้ รกิ ารหอ้ งพกั และห้องอาหาร หรอื สถานท่ีสำ� หรับบรกิ ารอาหารหรือสถานที่ ส�ำหรับประกอบอาหาร (๓) โรงแรมประเภท ๓ ที่ให้บริการหอ้ งพัก หอ้ งอาหาร หรือสถานทส่ี ำ� หรบั บริการอาหารหรือสถานที่ส�ำหรับประกอบอาหาร และสถานบรกิ ารตามกฎหมายวา่ ดว้ ยสถานบริการหรอื หอ้ งประชมุ และ (๔) โรงแรมประเภท ๔ ที่ให้บรกิ ารห้องพกั หอ้ งอาหารหรือสถานทีส่ ำ� หรบั บริการอาหาร สำ�นักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง

180 กฎหมายโรงแรม หรือสถานที่ส�ำหรับประกอบอาหาร สถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการและห้องประชุม ทงั้ นี้ ผปู้ ระกอบกจิ การโรงแรมดงั กลา่ วไดม้ กี ารวางแผนทางธรุ กจิ โดยใหบ้ คุ คลภายนอก (นางสาวนชุ นภา จ�ำเริญพฤกษ์) ท�ำสัญญาเช่าพ้ืนที่ช้ัน ๑ ส่วนที่เหลือทั้งหมด ห้องครัว ห้องอาหาร ห้องประชุม ตามสัญญาเช่าพ้ืนท่ี เลขท่ี ๑/๒๕๕๘ ลงวันท่ี ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้ หจก. ธนานนท์ กรุ๊ป เช่าพ้ืนที่ชน้ั ๒ เพอ่ื ใชก้ ารพาณชิ ย์ ตามสญั ญาเชา่ พน้ื ท่ี เลขที่ ๒/๒๕๕๘ ลงวนั ท่ี ๓๐ มถิ นุ ายน ๒๕๕๘ รวมทงั้ ให้ บรษิ ัท เอ็ม.บี.ดไี ซน์ แอนด์ เดคคอเรชั่น จ�ำกัด เชา่ พนื้ ทีช่ ั้นลอยท้งั หมด ตามสัญญาเชา่ พ้ืนที่ เลขท่ี ๓/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ การวางแผนธุรกิจดังกล่าวเป็นเหตุท�ำให้ บริษัท พี แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด จะขออนุญาตประกอบกิจการโรงแรมได้เฉพาะโรงแรม ประเภทที่ ๑ เทา่ น้ัน แต่เม่ือพจิ ารณาจากใบอนุญาตเลขท่ี ๐๒๖/๒๕๕๖ ลงวนั ท่ี ๑๓ มถิ ุนายน ๒๕๕๖ ที่ระบุไว้อยา่ งชดั เจนวา่ จะขออนญุ าตก่อสร้างอาคารเพอื่ ใช้ประกอบกจิ การโรงแรมจำ� นวน ๕๔ ห้อง มีพ้ืนที่ใช้สอย ๓,๘๔๐ ตารางเมตร จึงขัดต่อ ข้อ ๑๘ (๑) ของกฎกระทรวงก�ำหนดประเภทและ หลกั เกณฑก์ ารประกอบธรุ กจิ โรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่ให้โรงแรมประเภทท่ี ๑ มหี อ้ งพกั ได้ไมเ่ กนิ ๕๐ หอ้ ง นอกจากน้ี มขี อ้ สงั เกตวา่ หากนำ� พนื้ ทซี่ งึ่ เจา้ ของโครงการใหน้ างสาวนชุ นภา จำ� เรญิ พฤกษ์ เชา่ พนื้ ทชี่ นั้ ๑ ส่วนท่ีเหลือทั้งหมด เพ่ือท�ำเป็นห้องครัว ห้องอาหาร และห้องประชุมมาคดิ รวมกบั พน้ื ทเี่ พอ่ื ใชเ้ ปน็ โรงแรมทงั้ หมดแลว้ อาจทำ� ให้โครงการนม้ี พี นื้ ที่ใชส้ อยเกนิ ๔,๐๐๐ ตารางเมตร ซงึ่ กรณดี งั กลา่ วจะเขา้ ขา่ ย ตามประกาศกระทรวงฯ ดงั กล่าว ขา้ งตน้ จึงเรยี นมาเพอ่ื โทรดทราบ ขอแสดงความนบั ถอื (นางปยิ นนั ท์ โศภนคณาภรณ์) รองเลขาธิการฯ ปฏบิ ัตริ าชการแทน เลขาธิการสำ� นกั งานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำ� นักวเิ คราะหผ์ ลกระทบส่ิงแวดล้อม โทรศัพท์ ๐ ๒๒๖๕ ๖๕๐๐ ต่อ ๖๘๓๒ โทรสาร ๐ ๒๒๖๕ ๖๖๑๖ สำ�นักการสอบสวนและนติ ิการ กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 181 ที่ นบ ๐๐๑๘.๑/๑๕๙๗๑ ศาลากลางจงั หวดั นนทบรุ ี ถนนรตั นาธเิ บศร์ นบ ๑๑๐๐๐ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘ เรอ่ื ง หารอื การปฏบิ ตั ติ ามพระราชบัญญตั ิโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ เรียน อธิบดีกรมการปกครอง สิ่งที่สง่ มาดว้ ย เอกสารประกอบค�ำขอรบั อนญุ าตใหเ้ ปิดดำ� เนินกจิ การโรงแรม จ�ำนวน ๑ ชดุ ด้วยจังหวดั นนทบุรี ไดร้ ับค�ำขอรบั ใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ตามพระราชบญั ญัติ โรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ของบรษิ ัท พี แอสเสท ดเี วลลอปเม้นท์ จำ� กดั โดยนางสาวพิชนดิ า ศศธิ นานนท์ ใชช้ อื่ ว่าโรงแรม แกรนด์ ราชพฤกษ์ ต้ังอยูเ่ ลขที่ ๕๕/๘ หมู่ที่ ๒ ถนนราชพฤกษ์ ต�ำบลบางพลบั อำ� เภอปากเกรด็ จงั หวดั นนทบรุ ี ซง่ึ จงั หวดั นนทบรุ ี ไดต้ รวจสอบเอกสารหลกั ฐานประกอบการยนื่ คำ� ขอรบั ใบอนญุ าตแลว้ ปรากฏวา่ ใบอนญุ าตกอ่ สร้างอาคาร ดัดแปลงอาคาร หรอื รื้อถอนอาคาร (แบบ อ. ๑) เลขที่ ๐๒๖/๒๕๕๖ ลงวันท่ี ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๖ ออกโดยองค์การบริหารส่วนต�ำบลบางพลับ เปน็ อาคาร ค.ส.ล. ๕ ชั้น จำ� นวน ๑ หลงั มีพน้ื ที่ใช้สอยรวมทงั้ หมด จำ� นวน ๗,๕๐๐ ตารางเมตร โดยใช้เพ่ือเป็นโรงแรม จ�ำนวน ๓,๘๔๐ ตารางเมตร และใช้เพื่อเป็นพื้นที่ให้เช่าประกอบการค้า จำ� นวน ๓,๖๖๐ ตารางเมตร ดังนี้ ๑. พื้นทท่ี ่ีใช้ส�ำหรบั โรงแรม คือ ชัน้ ที่ ๑ บางส่วนเป็นล็อบบี้โรงแรม, ชนั้ ๓, ๔ และชัน้ ๕ เป็นสว่ นของห้องพกั โรงแรม จำ� นวน ๕๔ ห้อง ๒. พนื้ ที่ให้เชา่ เพอ่ื ประกอบการค้า คือ ชน้ั ๑ บางส่วน, ช้นั ลอยเปน็ พ้นื ท่สี ำ� นักงานให้เชา่ , ชั้นท่ี ๒ และชั้นดาดฟ้าเป็นพื้นทีเ่ พ่ือประกอบการคา้ ส�ำหรบั ทางขึ้นลงและลิฟท์ ใชร้ ่วมกัน ประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่ือง หลักเกณฑ์และวิธีการในการพิจารณาการขออนุญาต และการออกใบอนุญาตใหป้ ระกอบธุรกิจโรงแรม ลงวันท่ี ๑๔ ตลุ าคม ๒๕๕๒ ข้อ ๑ (๖) ทีร่ ะบวุ ่า ผปู้ ระสงคจ์ ะประกอบธรุ กจิ โรงแรมตอ้ งยนื่ หลกั ฐาน หนงั สอื รบั รองการจดั ทำ� รายงานการวเิ คราะหผ์ ล กระทบสง่ิ แวดลอ้ มของกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม (กรณตี อ้ งจดั ทำ� รายงานการวเิ คราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ) ซงึ่ ตามประกาศกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม เรอ่ื ง กำ� หนดประเภทและขนาดของโครงการ หรอื กจิ การซง่ึ ตอ้ งจดั ทำ� รายงานการวเิ คราะหผ์ ลกระทบสง่ิ แวดลอ้ ม และหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร ระเบยี บปฏบิ ตั ิ สำ�นักการสอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง

182 กฎหมายโรงแรม และแนวทางการจัดท�ำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อม ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ เอกสารท้ายประกาศล�ำดับที่ ๓๐ ได้ก�ำหนดไว้ว่า โรงแรมหรือสถานท่ีพักตากอากาศตามกฎหมาย วา่ ดว้ ยโรงแรมทีม่ ีจำ� นวนห้องพักตั้งแต่ ๘๐ ห้องขึ้นไป หรอื มีพ้นื ท่ีใชส้ อยตง้ั แต่ ๔,๐๐๐ ตารางเมตร ข้ึนไป ให้เสนอรายงานในข้ันขออนุญาตก่อสร้างหรือหากใช้วิธีการแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถ่ิน ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร โดยยื่นขอรับใบอนุญาตให้เสนอรายงานในข้ันการแจ้งต่อ เจา้ พนักงานทอ้ งถนิ่ จังหวัดนนทบุรีพิจารณาแล้วเห็นว่า เอกสารใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ดัดแปลงอาคาร หรือร้ือถอนอาคาร (แบบ อ.๑) เลขท่ี ๐๒๖/๒๕๕๖ ลงวันท่ี ๑๓ มถิ ุนายน ๒๕๕๖ ออกโดยองคก์ าร บริหารส่วนต�ำบลบางพลับ ของโรงแรม แกรนด์ ราชพฤกษ์ ได้ระบุพื้นที่ที่ใช้เพ่ือเป็นโรงแรม จ�ำนวน ๓,๘๔๐ ตารางเมตร และใช้เปน็ พ้นื ที่ให้เชา่ เพื่อประกอบการคา้ จำ� นวน ๓,๖๖๐ ตารางเมตร แตพ่ น้ื ที่ใชส้ อยรวมทั้งส้ินของอาคารตามใบอนุญาตฯ (แบบ อ.๑) จ�ำนวน ๗,๕๐๐ ตารางเมตร ดังนั้น เพ่ือให้มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ และกฎหมายเก่ียวข้อง จังหวัดนนทบุรีจึงหารือว่า ในกรณีนี้จังหวัดต้องพิจารณาพ้ืนที่ใช้สอยรวม ของอาคารทง้ั หมด จำ� นวน ๗,๕๐๐ ตารางเมตร และผปู้ ระกอบการรายดงั กลา่ วตอ้ งยน่ื หนงั สอื รบั รอง รายงานการวเิ คราะหผ์ ลกระทบสง่ิ แวดลอ้ ม ตามประกาศกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม เรอ่ื ง กำ� หนดประเภทและขนาดของโครงการหรอื กจิ การซง่ึ ตอ้ งจดั ทำ� รายงานการวเิ คราะหผ์ ลกระทบ ส่ิงแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดท�ำรายงานการวิเคราะห์ ผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ ม ลงวนั ที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ หรอื จงั หวดั ตอ้ งพจิ ารณาเฉพาะพน้ื ทที่ ่ีใชเ้ พอื่ ประกอบ ธรุ กจิ โรงแรม คือ ๓,๘๔๐ ตารางเมตร เท่านั้น ผลเปน็ ประการใดแจ้งใหจ้ ังหวดั นนทบุรที ราบด้วย จงึ เรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา (นายณรงคศ์ ักด์ิ เฉลิมเกียรติ) รองผู้วา่ ราชการจงั หวดั ปฏิบัตริ าชการแทน ผวู้ า่ ราชการจังหวัดนนทบุรี ท่ีทำ� การปกครองจงั หวัด กล่มุ งานปกครอง โทร. ๐-๒๕๘๐-๑๖๕๙ ส�ำ นกั การสอบสวนและนติ ิการ กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 183 ท่ี มท ๐๓๐๗.๖/๑๓๕๒๕ กรมการปกครอง ถนนอษั ฎางค์ กทม. ๑๐๒๐๐ ๗ มิถนุ ายน ๒๕๕๙ เร่อื ง หารือการขอรบั ใบอนุญาตประกอบธุรกจิ โรงแรมกรณีโรงแรม “อีสตนิ ตัน โฮเทล เชยี งใหม”่ เรยี น ผู้ว่าราชการจงั หวัดเชยี งใหม่ อา้ งถงึ หนงั สอื จงั หวดั เชียงใหม่ ที่ ชม ๐๐๑๘.๑/๓๐๐๕๘ ลงวนั ท่ี ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ สิ่งทสี่ ่งมาด้วย ส�ำเนาหนังสอื กรมโยธาธกิ ารและผังเมอื ง ท่ี มท ๐๗๑๐/๓๘๓๐ ลงวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๙ จำ� นวน ๑ ชดุ ตามที่จังหวัดเชียงใหม่ขอหารือการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมกรณีโรงแรม “อสี ติน ตัน โฮเทล เชยี งใหม่” ในประเด็นเก่ียวกับการคำ� นวณพนื้ ที่ใชส้ อยรวมของอาคารซึง่ ใช้ใน การขอรบั ใบอนุญาตประกอบธรุ กิจโรงแรม ความละเอียดตามหนงั สือท่ีอา้ งถึง น้นั กรมการปกครอง ไดส้ ง่ ประเดน็ ขอ้ หารอื ของจงั หวดั เชยี งใหม่ ใหก้ รมโยธาธกิ ารและผงั เมอื ง เพอื่ พจิ ารณาใหค้ วามเหน็ โดยกรมโยธาธกิ ารและผงั เมอื งไดแ้ จง้ ผลการพจิ ารณาวา่ อาคารตามขอ้ หารอื เขา้ ขา่ ยเป็นอาคารสูง ซึง่ กฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๓๓ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ซึง่ แก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๕๐ (พ.ศ. ๒๕๔๐)ฯ ไดก้ �ำหนดนยิ ามของคำ� วา่ “พื้นทอี่ าคาร” หมายความว่า พน้ื ทขี่ องพื้นอาคาร แต่ละช้ันท่ีบุคคลเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้ภายในขอบเขตด้านนอกของคานหรือภายในพื้นที่นั้น หรอื ภายในขอบเขตดา้ นนอกของผนงั อาคารและหมายความรวมถงึ เฉลยี งหรอื ระเบยี งดว้ ย แตไ่ มร่ วม พน้ื ทด่ี าดฟา้ และบนั ไดนอกหลงั คา กรณกี ารขออนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมในชน้ั ท่ี ๔ ของอาคาร ค.ส.ล. ๙ ช้นั เพื่อใช้เป็นอาคารพาณชิ ย์ – พักอาศยั ซงึ่ ในชั้นดงั กล่าวประกอบด้วยจำ� นวนห้อง ๒๓ หอ้ ง พื้นท่ีใช้สอยรวม ๙๕๖.๑๗ ตารางเมตร พื้นที่บันไดหลัก ๓๒.๕๕ ตารางเมตร พื้นท่ีบันไดหนีไฟ ๑๒.๘ ตารางเมตร และพนื้ ทต่ี อ้ นรบั ๖ ตารางเมตร โดยพน้ื ทขี่ องบนั ไดหลกั บนั ไดหนไี ฟ และพน้ื ทต่ี อ้ นรบั เป็นพ้ืนท่ีของอาคารท่ีบุคคลเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้นั้น ดังนั้น ในการค�ำนวณพ้ืนท่ีในชั้นดังกล่าว ตอ้ งน�ำพน้ื ทหี่ อ้ งจำ� นวน ๒๓ หอ้ ง พน้ื ทข่ี องบนั ไดหลกั พนื้ ท่บี นั ไดหนีไฟ และพื้นทีต่ ้อนรบั มาค�ำนวณ รวมกนั เป็น ๑,๐๐๗.๕๒ ตารางเมตร และโดยทอี่ าคารดงั กลา่ วตัง้ อยู่ในบรเิ วณเลข ๔.๑๙ กำ� หนดไว้ เปน็ สแี ดงใหเ้ ปน็ ทดี่ นิ ประเภทพาณชิ ยกรรมและทอี่ ยอู่ าศยั หนาแนน่ มากตามกฎกระทรวงให้ใชบ้ งั คบั ผงั เมอื งรวมเมอื งเชยี งใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕ ซงึ่ กฎกระทรวงฉบบั ดงั กลา่ ว ขอ้ ๑๐ วรรคหา้ กำ� หนดวา่ ทด่ี นิ ประเภทนี้ในบริเวณหมายเลข ๔.๑๙ ห้ามใชป้ ระโยชน์ท่ดี นิ เพอื่ กิจการตามทก่ี ำ� หนด ดังตอ่ ไปนี้ (๗) ส�ำ นักการสอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง

184 กฎหมายโรงแรม โรงแรมที่มพี ื้นท่เี กนิ ๑,๐๐๐ ตารางเมตร และวรรคหกก�ำหนดวา่ การใช้ประโยชน์ทีด่ นิ ประเภทน้ีใน บรเิ วณหมายเลข ๔.๑๙ ให้เปน็ ไป ดังตอ่ ไปนี้ (๑) การใชป้ ระโยชน์ทด่ี นิ เพือ่ กจิ การใด ๆ ใหด้ �ำเนนิ การ หรือประกอบกิจการได้ในอาคารที่มีพ้ืนท่ีรวมกันท้ังหมดไม่เกิน ๑,๐๐๐ ตารางเมตร และมีความสูง ไมเ่ กิน ๑๒ เมตร ... และ (๒) การใช้ประโยชนท์ ดี่ นิ เพ่ือกจิ การใด ๆ ให้มที วี่ า่ งไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละสส่ี บิ ของแปลงทด่ี นิ ทยี่ นื่ ขออนญุ าต ดงั นนั้ กรณขี อ้ หารอื จะประกอบธรุ กจิ โรงแรมไดห้ รอื ไมน่ น้ั จะตอ้ งพจิ ารณา ตามกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผงั เมืองรวมเมืองเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๑๐ วรรคหา้ และวรรคหก ประกอบกัน เม่ือข้อเท็จจริงปรากฏว่า อาคารดังกล่าวมีความสูงเกิน ๑๒ เมตร และมีพื้นท่ีเกิน ๑,๐๐๐ ตารางเมตร ก็ไม่สามารถประกอบธุรกจิ โรงแรมได้ (รายละเอยี ดปรากฏตามสงิ่ ที่ส่งมาดว้ ย) ท้ังน้ี เมื่อปรากฏว่าอาคารดังกล่าวมิอาจใช้ในการประกอบธุรกิจโรงแรมได้แล้ว จึงไม่มีความจ�ำเป็น ต้องพิจารณาขอ้ หารือของจงั หวัดเชยี งใหม่ในประเดน็ อ่ืน ๆ อกี จงึ เรียนมาเพื่อโปรดทราบและด�ำเนนิ การต่อไป ขอแสดงความนับถอื (นายชำ� นาญวิทย์ เตรตั น)์ รองอธิบดี ปฏิบตั ริ าชการแทน อธบิ ดกี รมการปกครอง ส�ำนกั การสอบสวนและนิตกิ าร สว่ นรกั ษาความสงบเรยี บร้อย ๓ โทร. / โทรสาร ๐ – ๒๓๕๖ - ๙๖๖๓ ส�ำ นกั การสอบสวนและนติ กิ าร กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 185 ท่ี มท ๐๗๑๐/๓๘๓๐ กรมโยธาธิการและผังเมือง ถนนพระรามที่ ๖ เขตพญาไท กรุงเทพ ฯ ๑๐๔๐๐ ๑๔ มนี าคม ๒๕๕๙ เร่ือง หารอื การขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธุรกจิ โรงแรม อสี ตนิ ตนั โฮเทล เชียงใหม่ เรยี น อธิบดกี รมการปกครอง อา้ งถงึ หนังสือกรมการปกครอง ที่ มท ๐๓๐๗.๖/๑๗๔๓๘ ลงวันที่ ๑๕ กนั ยายน ๒๕๕๘ ตามหนังสือท่ีอ้างถึง กรมการปกครองแจ้งว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้รับค�ำขอรับใบอนุญาต ประกอบธรุ กจิ โรงแรม (แบบ ร.ร. ๑) ของบริษัท ตันบุญ เจริญ จ�ำกดั โดยใช้ช่อื วา่ “อีสตนิ ตัน โฮเทล เชียงใหม่” ต้ังอยู่เลขท่ี ๑๖๕ ถนนห้วยแก้ว ต�ำบลสุเทพ อ�ำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึง่ มปี ระเด็นที่เกยี่ วข้องกบั กฎหมายควบคมุ อาคารทีก่ รมการปกครองได้พจิ ารณาแลว้ มคี วามเห็น ดงั นี้ ๑. อาคารชุดพาณิชย์ - พกั อาศยั ค.ส.ล. ๙ ชัน้ ขออนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมช้ันท่ี ๔ จำ� นวน ๒๓ หอ้ ง มพี นื้ ท่ีใชส้ อยรวม ๙๕๖.๑๗ ตารางเมตร ยงั ไมร่ วมบนั ไดหลกั พน้ื ที่ ๓๒.๕๕ ตารางเมตร บนั ไดหนไี ฟ พนื้ ที่ ๑๒.๘ ตารางเมตร และพนื้ ทตี่ อ้ นรบั (LOBBY) พน้ื ท่ี ๖ ตารางเมตร กรมการปกครองเหน็ วา่ ตามกฎกระทรวงก�ำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ก�ำหนด องค์ประกอบของโรงแรมจะต้องจัดให้มีการบริการและส่ิงอ�ำนวยความสะดวกส�ำหรับผู้พัก อาทิเช่น สถานทล่ี งทะเบยี นผพู้ กั หอ้ งนำ้� และหอ้ งสว้ มในสว่ นที่ใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยจดั แยกสว่ นสำ� หรบั ชายและหญงิ สถานทจ่ี อดรถของโรงแรม และถา้ พน้ื ทป่ี ระกอบธรุ กจิ โรงแรมในอาคารเดยี วกนั กบั ประกอบกจิ การอน่ื ตอ้ งแบง่ สถานท่ีใหช้ ดั เจน และการประกอบกจิ การอน่ื ตอ้ งไมส่ ง่ ผลกระทบตอ่ การประกอบธรุ กจิ โรงแรมตามขอ้ ๓ (๓) ขอ้ ๔ (๑) ขอ้ ๕ ตามกฎกระทรวงดงั กลา่ ว และผขู้ ออนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมจะตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย วา่ ดว้ ยการควบคมุ อาคาร ดงั นน้ั ในกรณขี ออนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมในชน้ั ที่ ๔ จำ� นวน ๒๓ หอ้ ง มพี ้นื ท่ี ใชส้ อยรวม ๙๕๖.๑๗ ตารางเมตร จะต้องรวมพนื้ ท่บี ันไดหลัก พ้นื ทบ่ี นั ไดหนไี ฟ และพ้ืนทต่ี ้อนรบั ดว้ ย ๒. อาคารชุดพาณชิ ย์ - พกั อาศยั ค.ส.ล. ๙ ชนั้ ขออนญุ าตประกอบธรุ กิจโรงแรมในชั้นท่ี ๔ จ�ำนวน ๒๓ หอ้ ง รวมพ้ืนที่ใช้สอยรวม ๙๕๖.๑๗ ตารางเมตร บันไดหลกั พื้นที่ ๓๒.๕๕ ตารางเมตร บนั ได หนไี ฟพน้ื ที่ ๑๒.๘ ตารางเมตร และพน้ื ทตี่ อ้ นรบั (LOBBY) พน้ื ที่ ๖ ตารางเมตร รวมพน้ื ทท่ี งั้ หมด ๑,๐๐๗.๕๒ ตารางเมตร ตามกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕ แผนผังก�ำหนด การใชป้ ระโยชนท์ ดี่ นิ ในบรเิ วณหมายเลข ๔.๑๙ หา้ มใชป้ ระโยชนท์ ดี่ นิ เพอ่ื กจิ การตามทก่ี ำ� หนด ดงั ตอ่ ไปน.้ี .. ข้อ ๗ อาคารทีม่ ีพน้ื ทเ่ี กนิ ๑,๐๐๐ ตารางเมตร... ในกรณีดงั กล่าวจะขออนญุ าตประกอบธุรกจิ โรงแรมไมไ่ ด้ ๓. การขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมในชนั้ ที่ ๔ การเขา้ สหู่ อ้ งพกั ตอ้ งผา่ นบนั ได ลฟิ ทแ์ ละ บนั ไดหนไี ฟ ซงึ่ี ใชร้ ว่ มกบั อาคารทพี่ กั อาศยั เกนิ ๑,๐๐๐ ตารางเมตร ไมเ่ ปน็ ไปตามเงอ่ื นไขของกฎกระทรวงให้ใช้ บงั คบั ผงั เมอื งรวมเมอื งเชยี งใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕ แผงผงั กำ� หนดการใชป้ ระโยชน์ในทดี่ นิ บรเิ วณหมายเลข ๔.๑๙ หา้ มใชป้ ระโยชนท์ ด่ี นิ เพอื่ กจิ การตามทกี่ ำ� หนด ดงั ตอ่ ไปน้ี ... ขอ้ ๗ อาคารทมี่ พี น้ื ทเี่ กนิ ๑,๐๐๐ ตารางเมตร ... ในกรณดี งั กลา่ วจะขออนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมไมไ่ ด้ เพราะไมเ่ ปน็ ไปตามเงอ่ื นไขของกฎกระทรวง ดังกล่าว กรมการปกครองจงึ ขอหารือวา่ ความเห็นดังกล่าวถูกตอ้ งหรอื ไม่ ความละเอียดแจง้ แล้ว นน้ั ส�ำ นักการสอบสวนและนติ กิ าร กรมการปกครอง

186 กฎหมายโรงแรม กรมโยธาธกิ ารและผงั เมืองไดพ้ จิ ารณาแล้วเห็นวา่ อาคารตามขอ้ หารอื เขา้ ขา่ ยเป็นอาคารสงู ซงึ่ กฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๓๓ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ซง่ึ แก้ไขเพม่ิ เตมิ โดยกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๕๐ (พ.ศ. ๒๕๔๐)ฯ ไดก้ ำ� หนดนยิ ามของคำ� วา่ “พน้ื ทอี่ าคาร” หมายความวา่ พนื้ ทข่ี องพน้ื ของอาคารแตล่ ะชนั้ ทบ่ี คุ คลเขา้ อยู่ หรือเข้าใช้สอยได้ภายในขอบเขตด้านนอกของคานหรือภายในพื้นที่น้ัน หรือภายในขอบเขตด้านนอก ของผนงั อาคาร และหมายความรวมถึงเฉลียงหรือระเบียงด้วย แต่ไม่รวมพ้ืนท่ีดาดฟ้าและบันได นอกหลังคา กรณีการขออนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมในชั้นท่ี ๔ ของอาคาร ค.ส.ล. ๙ ชัน้ เพ่อื ใช้เปน็ อาคารพาณิชย์ – พักอาศัย ซ่ึงในชั้นดังกล่าวประกอบด้วยจ�ำนวนห้อง ๒๓ ห้อง พื้นท่ีใช้สอย รวม ๙๕๖.๑๗ ตารางเมตร พื้นทบ่ี นั ไดหลกั ๓๒.๕๕ ตารางเมตร พนื้ ท่บี ันไดหนีไฟ ๑๒.๘ ตารางเมตร และพน้ื ทีต่ ้อนรับ ๖ ตารางเมตร โดยพนื้ ทีข่ องบันไดหลัก บนั ไดหนไี ฟ และพืน้ ทต่ี อ้ นรับ เป็นพน้ื ท่ี ของอาคารท่ีบุคคลเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้ ดังนั้น ในการค�ำนวณพ้ืนท่ีในช้ันดังกล่าว ต้องน�ำพื้นที่ ห้องจ�ำนวน ๒๓ ห้อง พื้นทข่ี องบันไดหลกั พ้ืนทบ่ี ันไดหนีไฟ และพื้นท่ีต้อนรับ มาคำ� นวณรวมกนั เป็น ๑,๐๐๗.๕๒ ตารางเมตร และโดยทอี่ าคารดงั กล่าวต้งั อยู่ในบรเิ วณหมายเลข ๔.๑๙ กำ� หนดไว้ เปน็ สแี ดง ใหเ้ ปน็ ทด่ี นิ ประเภทพาณชิ ยกรรมและทอ่ี ยอู่ าศยั หนาแนน่ มากตามกฎกระทรวงให้ใชบ้ งั คบั ผังเมืองรวมเมอื งเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งกฎกระทรวงฉบบั ดังกล่าว ขอ้ ๑๐ วรรคหา้ กำ� หนดว่าที่ดิน ประเภทน้ีในบรเิ วณหมายเลข ๔.๑๙ ห้ามใชป้ ระโยชนท์ ่ดี ินเพื่อกจิ การตามทีก่ ำ� หนด ดงั ต่อไปน้ี (๗) โรงแรมท่ีมีพ้ืนที่เกิน ๑,๐๐๐ ตารางเมตร และวรรคหกก�ำหนดว่า การใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทนี้ ในบรเิ วณหมายเลข ๔.๑๙ ใหเ้ ป็นไป ดังตอ่ ไปน้ี (๑) การใชป้ ระโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการใด ๆ ให้ด�ำเนนิ การ หรอื ประกอบกจิ การได้ในอาคารทมี่ พี นื้ ทร่ี วมกนั ทงั้ หมดไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐ ตารางเมตร และมคี วามสงู ไมเ่ กนิ ๑๒ เมตร ... และ (๒) การใช้ประโยชน์ทีด่ นิ เพือ่ กจิ การใด ๆ ใหม้ ีท่ีว่างไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละส่ีสิบของ แปลงทด่ี นิ ทย่ี น่ื ขออนญุ าต ดงั นนั้ กรณขี อ้ หารอื จะประกอบธรุ กจิ โรงแรมไดห้ รอื ไมน่ นั้ จะตอ้ งพจิ ารณา ตามกฎกระทรวงให้ใช้บังคบั ผังเมอื งรวมเมอื งเชยี งใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕ ขอ้ ๑๐ วรรคหา้ และวรรคหก ประกอบกัน เม่ือข้อเท็จจริงปรากฏว่า อาคารดังกล่าวมีความสูงเกิน ๑๒ เมตร และมีพื้นที่เกิน ๑,๐๐๐ ตารางเมตร ก็ไมส่ ามารถประกอบธรุ กจิ โรงแรมได้ จงึ เรยี นมาเพ่อื โปรดทราบ ขอแสดงความนบั ถือ (นายเกียรตศิ กั ดิ์ จันทรา) วศิ วกรใหญ่ ปฏบิ ตั ิราชการแทน อธบิ ดีกรมโยธาธิการและผังเมือง สำ� นักควบคมุ และตรวจสอบอาคาร โโททรรส. า๐ร๒๐๒๒๙๒๙๙๔๙๓๖๔๐๓๔๗ สำ�นกั การสอบสวนและนติ ิการ กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 187 ท่ี ชม ๐๐๑๘.๑/๓๐๐๕๘ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ถนนโชตนา ชม ๕๐๓๐๐ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เร่อื ง หารอื การขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กิจโรงแรมกรณโี รงแรม “อีสติน ตัน โฮเทล เชียงใหม่” เรยี น อธิบดีกรมการปกครอง สิ่งทส่ี ่งมาดว้ ย เอกสารประกอบการหารอื จำ� นวน ๑ ชุด จงั หวดั ไดร้ บั เรอ่ื งการขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมชอื่ “อสี ตนิ ตนั โฮเทล เชยี งใหม”่ และได้มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองการด�ำเนินการตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ของจงั หวัด รายละเอียดปรากฏตามสงิ่ ท่สี ่งมาด้วย จังหวัด จึงขอหารือกรมการปกครองกรณีของโรงแรม “อีสติน ตัน โฮเทล เชียงใหม่” ในประเด็น ดงั น้ี ๑. อาคารชุดพาณิชย์ / พักอาศัย ค.ส.ล. ๙ ช้ัน ขออนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ในชั้นที่ ๔ จ�ำนวน ๒๓ ห้อง มีพ้ืนที่ใช้สอยรวม ๙๕๖.๑๗ ตารางเมตร ยังไม่รวมบันไดหลัก พ้ืนที่ ๓๒.๕๕ ตารางเมตร บันไดหนีไฟ พื้นที่ ๑๒.๘ ตารางเมตร และพ้ืนท่ีต้อนรับ (LOBBY) พ้ืนที่ ๖ ตารางเมตร จังหวัดเห็นว่าจ�ำนวนพ้ืนที่ที่ขอประกอบธุรกิจโรงแรมจะต้องรวมพื้นที่ท้ังหมด ความเหน็ ประเด็นนีถ้ ูกต้อง หรือไม่ อย่างไร ๒. อาคารชดุ พาณชิ ย์ / พกั อาศยั ค.ส.ล. ๙ ชน้ั ขออนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมในชน้ั ที่ ๔ จ�ำนวน ๒๓ หอ้ ง รวมพื้นท่ีใช้สอยรวม ๙๕๖.๑๗ ตารางเมตร, บนั ไดหลัก พนื้ ที่ ๓๒.๕๕ ตารางเมตร บนั ไดหนีไฟ พ้นื ท่ี ๑๒.๘ ตารางเมตร และพนื้ ทีต่ ้อนรบั (LOBBY) พน้ื ที่ ๖ ตารางเมตร รวมพื้นท่ี ทงั้ หมด ๑,๐๐๗.๕๒ ตารางเมตร จงั หวดั เหน็ วา่ ตามกฎกระทรวงให้ใชบ้ งั คบั ผงั เมอื งรวมเมอื งเชยี งใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕ แผนผังกำ� หนดการใชป้ ระโยชน์ทด่ี นิ ในบริเวณ หมายเลข ๔.๑๙ หา้ มใช้ประโยชนท์ ่ดี นิ เพือ่ กิจการตามท่ีก�ำหนดดังต่อไปน.้ี .. ขอ้ ๗ อาคารท่ีมีพื้นที่เกิน ๑,๐๐๐ ตารางเมตร... นายทะเบียน โรงแรมไมอ่ าจพจิ ารณาอนญุ าตใหป้ ระกอบธรุ กจิ โรงแรมได้ ความเหน็ ประเดน็ นถ้ี กู ตอ้ ง หรอื ไม่ อยา่ งไร ๓. การขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมในช้ันท่ี ๔ ซึ่งใช้ห้องอาหาร สระว่ายน้�ำ ห้องออกกำ� ลงั กาย (ฟติ เน็ต) ที่มไิ ดอ้ ยู่ในช้ันเดยี วกับโรงแรม (ช้นั ๒) แต่อยู่ร่วมกบั หอ้ งพกั อาศยั ทอ่ี ยู่ในอาคารดงั กลา่ ว โดยผขู้ อรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ จะมอบบตั รใหผ้ เู้ ขา้ พกั โรงแรมนำ� ไปแสดง หากมคี วามประสงคจ์ ะใช้บริการ จงั หวดั เหน็ ว่า เม่อื มกี ารใช้บริการดังกล่าวจะต้องถอื ว่าเป็นส่วนหน่งึ ของโรงแรม ความเหน็ ประเดน็ นีถ้ กู ต้อง หรอื ไม่ อยา่ งไร สำ�นักการสอบสวนและนติ กิ าร กรมการปกครอง

188 กฎหมายโรงแรม ๔. การขอรับใบอนุญาตประกอบธรุ กจิ โรงแรมในชั้นท่ี ๔ การเข้าสหู่ อ้ งพัก ต้องผ่านบันได ลิฟต์ และบนั ไดหนไี ฟ ซ่งึ ใชร้ ว่ มกับอาคารทีพ่ ักอาศัย เกนิ ๑,๐๐๐ ตารางเมตร ไมเ่ ป็นไปตามเง่ือนไข ของกฎกระทรวงให้ใชบ้ งั คบั ผงั เมอื งรวมเมอื งเชยี งใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕ แผนผงั กำ� หนดการใชป้ ระโยชน์ ในที่ดินบริเวณหมายเลข ๔.๑๙ ห้ามใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการตามที่กำ� หนดดังต่อไปนี้... ข้อ ๗ อาคารทมี่ พี น้ื ท่ีเกิน ๑,๐๐๐ ตารางเมตร... จังหวัดเห็นวา่ นายทะเบยี นโรงแรมไม่อาจพจิ ารณาอนญุ าต ใหป้ ระกอบธรุ กจิ โรงแรมได้ ความเห็นประเดน็ น้ถี ูกตอ้ ง หรอื ไม่ อยา่ งไร ๕. อาคารชดุ ทพ่ี กั อาศยั รวมแหง่ นี้ เป็นอาคารชนิด ค.ส.ล. ๙ ชัน้ ดาดฟ้า, ใตด้ ิน ๑ ช้นั อาคารชดุ พกั อาศยั ๒๓ ห้อง อาคารชุดพาณชิ ย์ ๕ ห้อง พืน้ ที่ ๑๔,๓๖๓ ตารางเมตร ไดผ้ า่ นการศึกษา ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) กรณีท่ีเปล่ียนการใช้เป็นโรงแรมเฉพาะชั้น ๔ จำ� นวน ๒๓ ห้อง จังหวัดเห็นว่า เมื่อมีการเปลี่ยนการใช้อาคารเพียงช้ันท่ี ๔ จะต้องศึกษาผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม (EIA) ใหม่ ความเห็นประเด็นน้ถี กู ตอ้ ง หรอื ไม่ อย่างไร จึงเรียนมาเพือ่ โปรดพิจารณา ผลเป็นประการใดโปรดแจง้ ให้จังหวดั ทราบดว้ ย เพอื่ ท่จี ะได้ ถือเปน็ แนวทางในการปฏบิ ัตติ อ่ ไป ขอแสดงความนับถอื (นายสรุ ยิ ะ ประสารทบัณฑิตย์) ผู้ว่าราชการจังหวดั เชียงใหม่ ทท่ี ำ� การปกครองจงั หวดั กล่มุ งานปกครอง/ฝ่าย โทร. / โทรสาร ๐-๕๓๑๑-๒๖๑๐ ส�ำ นกั การสอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 189 ดว่ นทีส่ ุด สำ� นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ท่ี นร ๐๙๐๑/๐๐๔๙ ๑ ถนนพระอาทิตย์ เขตพระนคร กรงุ เทพฯ ๑๐๒๐๐ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๓ เร่ือง บริษัท เอก็ เซล พร็อพเพอร์ต้ี ดเิ วลลอ็ ปเมน้ ท์ จ�ำกดั ขออนญุ าตประกอบธรุ กิจโรงแรม เรยี น ปลัดกระทรวงมหาดไทย อา้ งถงึ หนังสอื ส�ำนกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ดว่ นทส่ี ุด ท่ี นร ๐๙๐๑.๕/ป ๕๘๓ ลงวนั ท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๕๒ สิ่งทีส่ ่งมาด้วย บันทึกส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง การใช้ใบรับรองการตรวจสอบอาคาร เป็นหลกั ฐานในการขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธุรกจิ โรงแรม ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ขอหารือเก่ียวกับการใช้ ใบรับรองการตรวจสอบอาคาร เป็นหลักฐานในการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม และส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไดข้ อใหก้ ระทรวงมหาดไทย (สำ� นกั งานปลดั กระทรวง กรมการปกครอง และกรมโยธาธกิ ารและผงั เมอื ง) แตง่ ตัง้ ผู้แทนไปช้แี จงขอ้ เท็จจริง นัน้ บดั น้ี คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๕) ไดพ้ จิ ารณาขอ้ หารอื ดังกลา่ วและมคี วามเห็นปรากฏ ตามบันทึกส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ได้ส่งมาด้วยน้ี อน่ึง ส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้แจ้งผลการพจิ ารณาไปยังสำ� นักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพือ่ ทราบตามระเบียบดว้ ยแล้ว จึงเรยี นมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถอื (คุณพรทิพย์ จาละ) เลขาธกิ ารคณะกรรมการกฤษฎกี า สำ� นกั อ�ำนวยการ โทร. ๐ ๒๒๒๒ ๐๒๐๖-๙ ฝา่ ยกฎหมายการค้าและอตุ สาหกรรม โทร. ๐ ๒๒๒๒ ๐๒๐๖-๙ ตอ่ ๑๔๐๐ (นางอัญชลีฯ) โทรสาร ๐ ๒๒๒๖ ๖๒๐๑ www.kr isdika.go.t h www.lawreform.go.th ส�ำ นักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง

190 กฎหมายโรงแรม เรือ่ งเสรจ็ ที่ ๒๕/๒๕๕๓ บันทึกส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า เร่ือง การใช้ใบรบั รองการตรวจสอบอาคารเป็นหลักฐาน ในการขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรม กระทรวงมหาดไทย ไดม้ หี นงั สอื ดว่ นทสี่ ดุ ที่ มท ๐๓๐๗.๖/๑๓๓๖๔ ลงวนั ที่ ๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๒ ถงึ สำ� นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สรปุ ความไดว้ า่ บรษิ ทั เอก็ เซล พรอ็ พเพอรต์ ้ี ดเิ วลลอ็ ปเมน้ ท์ จำ� กดั โดยนายอัครพงศ์ จุฬางกูร ผู้มีอ�ำนาจลงนามผูกพันบริษัทฯ ยื่นค�ำขอรับใบอนุญาตประกอบ ธรุ กจิ โรงแรม “ซัมมทิ พาวินเลย่ี ม สวุ รรณภูม”ิ ตั้งอยู่เลขท่ี ๕๕ ซอยพัฒนาการ ถนนพฒั นาการ ๖๕ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร จำ� นวนห้องพัก ๗๙ ห้อง โดยอาคารดงั กล่าวเปน็ อาคาร ท่ีไดร้ ับอนุญาตก่อสร้างใชเ้ ปน็ “อาคารทพี่ กั อาศัย-พาณชิ ยกรรม-จอดรถยนต”์ จำ� นวนทัง้ หมด ๑๔ ชน้ั และผู้ย่ืนค�ำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมได้ย่ืนใบรับรองการตรวจสอบอาคาร (แบบ ร.๑) เป็นหลักฐานในการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ซึ่งกรมการปกครองและกรมโยธาธิการ และผงั เมอื งมคี วามเหน็ ตา่ งกนั ในเรอื่ งการยน่ื หลกั ฐานประกอบการพจิ ารณาขอรบั ใบอนญุ าตประกอบ ธุรกิจโรงแรมโดยใช้ใบรบั รองการตรวจสอบอาคาร (แบบ ร. ๑) ดังน ้ี กรมการปกครองเห็นว่า ตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ก�ำหนดวา่ เพ่ือประโยชน์ในการก�ำหนดและควบคุมมาตรฐานของโรงแรม ส่งเสริมการประกอบธุรกิจโรงแรม และส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงแข็งแรง สุขลักษณะหรือความปลอดภัย ของโรงแรม รัฐมนตรีโดยค�ำแนะน�ำของคณะกรรมการมีอ�ำนาจออกกฎกระทรวงก�ำหนดประเภท ของโรงแรม และกำ� หนดหลกั เกณฑแ์ ละเงอ่ื นไขเกย่ี วกบั สถานทต่ี งั้ ขนาด ลกั ษณะ สง่ิ อำ� นวความสะดวก หรือมาตรฐานการประกอบธุรกิจโรงแรมซ่ึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกกฎกระทรวง ก�ำหนดประเภทและหลกั เกณฑก์ ารประกอบธรุ กิจโรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยขอ้ ๙ ก�ำหนดวา่ อาคาร ส�ำหรับใช้เป็นโรงแรมท่ีต้ังอยู่ในท้องท่ีที่มีกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารใช้บังคับต้องมีหลักฐาน แสดงวา่ ไดร้ บั อนญุ าตให้ใชอ้ าคารเปน็ โรงแรมหรอื มีใบรบั รองการตรวจสภาพอาคาร ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการควบคมุ อาคาร ดงั นน้ั จงึ เหน็ วา่ หากผยู้ น่ื คำ� ขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมมหี ลกั ฐาน การอนญุ าตให้ใชอ้ าคารหรอื หากไมม่ หี ลกั ฐานการอนญุ าตให้ใชอ้ าคาร แบบ อ. ๖ หรอื อ. ๕ แตม่ ีใบรบั รอง การตรวจสอบอาคาร (แบบ ร. ๑) อย่างใดอย่างหน่ึงก็สามารถใช้ประกอบการพิจารณาอนุญาต ให้ใช้อาคารประกอบธุรกิจโรงแรมได้ ส่วนการพิจารณาว่าอาคารจะขอเปลี่ยนการใช้อาคารจาก ท่พี กั อาศัยมาเป็นอาคารประเภทควบคมุ การใช้ เปน็ หน้าทีข่ องเจา้ พนกั งานท้องถนิ่ ส่งพร้อมหนังสือ ด่วนท่ีสุด ท่ี นร ๐๙๐๑/๐๐๔๘ ลงวันท่ี ๑๕ มกราคม ๒๕๕๓ ซ่ึงส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มถี ึงส�ำนักเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี สำ�นักการสอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 191 กรมโยธาธิการและผังเมืองเห็นว่า ตามมาตรา ๓๓ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติ ควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซง่ึ แก้ไขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบญั ญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ กำ� หนดหา้ มมใิ หเ้ จา้ ของหรอื ผคู้ รอบครองอาคารซง่ึ ไมเ่ ปน็ อาคารประเภทควบคมุ การใช้ ใชห้ รอื ยนิ ยอม ใหบ้ คุ คลใดใชอ้ าคารดงั กลา่ วเพอ่ื กจิ การตามมาตรา ๓๒ เวน้ แตจ่ ะไดร้ บั ใบอนญุ าตจากเจา้ พนกั งานทอ้ งถน่ิ หรือไดแ้ จง้ เจ้าพนักงานทอ้ งถิ่นตามมาตรา ๓๙ ทวิ แล้ว และตามข้อ ๔ แห่งกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๒๘) ออกตามความในพระราชบญั ญัตคิ วบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ก�ำหนดให้เจ้าของหรอื ผู้ครอบครองอาคาร ซ่ึงไม่เป็นอาคารประเภทควบคมุ การใชต้ ามมาตรา ๓๒ ถา้ ประสงค์จะใช้อาคาร ดงั กลา่ วเพอื่ กจิ การประเภทควบคมุ การใช้ ใหเ้ จา้ ของหรอื ผคู้ รอบครองอาคารยน่ื คำ� ขออนญุ าตเปลยี่ น การใชอ้ าคารตามแบบ ข.๓ เมอื่ เจ้าพนกั งานทอ้ งถ่นิ ไดร้ บั คำ� ขอและดำ� เนินการตรวจสอบแล้วเหน็ ว่า ถกู ตอ้ งกจ็ ะออกใบอนญุ าตเปลย่ี นการใชอ้ าคารตามแบบ อ.๕ ให้ ดังนนั้ การจะเปลีย่ นการใช้อาคาร จากอาคารอยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ท่ีมิได้เป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ตามมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบญั ญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบญั ญัติควบคุมอาคาร (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระราชบัญญตั คิ วบคุมอาคาร (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นโรงแรม ซ่ึงเป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ตามมาตรา ๓๒ จะต้องขออนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารก่อน เม่ือได้รับใบอนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารแล้ว จึงจะด�ำเนินการ ขออนุญาตประกอบกิจการโรงแรม ตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมได้ สำ� หรับใบรับรองการตรวจสอบอาคาร (แบบ ร.๑) น้นั มเี จตนารมณ์ เพอื่ ตรวจสอบวา่ สภาพอาคารและอปุ กรณป์ ระกอบตา่ ง ๆ ของอาคารสามารถใชง้ านได้ เพอื่ ความปลอดภยั ในการใช้อาคาร ซึง่ เปน็ เจตนารมณท์ แ่ี ตกต่างจาก การออกใบอนุญาตเปลย่ี นการใช้อาคาร (แบบ อ.๕) ทตี่ อ้ งการตรวจการใชอ้ าคารใหเ้ ปน็ ไปตามขอ้ กำ� หนดของกฎหมายทกี่ ำ� หนดกฎเกณฑ์ไว้ เพอื่ ความเหมาะสม ส�ำหรบั การใชอ้ าคารแต่ละประเภท ด้วยเหตนุ ี้ ใบรับรองการตรวจสอบอาคาร (แบบ ร. ๑) จงึ ไมส่ ามารถ ใชแ้ ทนใบอนุญาตเปลีย่ นการใชอ้ าคาร (แบบ อ. ๕) ได้ กรมการปกครองจงึ ขอหารอื ดังนี้ ๑. อาคารดังกล่าวซึ่งเป็นอาคารท่ีได้รับอนุญาตก่อสร้างใช้เป็น “อาคารท่ีพักอาศัย- พาณิชยกรรม-จอดรถยนต”์ ไม่เปน็ อาคารประเภทควบคมุ การใช้อยูเ่ ดมิ และยงั ไม่ได้เปลี่ยนการใช้ อาคารดงั กลา่ วเพอ่ื เปน็ โรงแรม หากผูย้ ื่นคำ� ขอน�ำเอกสารใบรับรองการตรวจสอบอาคาร (แบบ ร.๑) มาย่ืนค�ำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม นายทะเบียนโรงแรมจะอาศัยใบรับรองดังกล่าว ออกใบอนุญาตให้ประกอบธรุ กิจโรงแรมได้หรอื ไม่ ๒. ถ้าหากอาคารดังกล่าวเป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้อยู่เดิมที่ไม่เป็นอาคารโรงแรม แต่ไม่ได้เปลี่ยนการใช้อาคารเพ่ือเป็นโรงแรม หากน�ำใบรับรองการตรวจสอบอาคาร (แบบ ร.๑) มายืน่ คำ� ขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรม นายทะเบยี นโรงแรมจะอาศยั ใบรบั รองดงั กลา่ วออก ใบอนญุ าตใหป้ ระกอบธุรกจิ โรงแรมไดห้ รือไม่ ส�ำ นกั การสอบสวนและนติ กิ าร กรมการปกครอง

192 กฎหมายโรงแรม คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะท่ี ๕) ได้พิจารณาข้อหารือของกระทรวงมหาดไทย โดยมีผู้แทนกระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครองและกรมโยธาธิการและผังเมือง) เป็นผู้ชี้แจง ข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า กรมการปกครองได้มีหนังสือหารือไปยังกรมโยธาธิการ และผงั เมอื ง โดยกรมโยธาธกิ ารและผงั เมอื งไดน้ ำ� ประเดน็ ตามขอ้ หารอื ดงั กลา่ วหารอื ตอ่ คณะกรรมการ ควบคุมอาคารแล้วมีความเห็นว่า เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารซ่ึงไม่เป็นอาคารประเภทควบคุม การใช้ หากประสงค์จะใช้อาคารดังกล่าวเพื่อกิจการประเภทควบคุมการใช้จะต้องยื่นค�ำขออนุญาต เปลยี่ นการใชอ้ าคารกอ่ น เมอื่ ไดร้ บั ใบอนญุ าตเปลย่ี นการใชอ้ าคารแลว้ จงึ จะขอรบั ใบอนญุ าตประกอบ กจิ การโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมได้ ส่วนใบรับรองการตรวจสอบอาคารน้ัน มีเจตนารมณ์ เพอื่ ตรวจสอบวา่ สภาพอาคารและอปุ กรณป์ ระกอบตา่ ง ๆ ของอาคารสามารถใชง้ านไดเ้ พอ่ื ความปลอดภยั ในการใชอ้ าคาร ซงึ่ เปน็ เจตนารมณท์ แ่ี ตกตา่ งจากการออกใบอนญุ าตเปลยี่ นการใชอ้ าคารทตี่ อ้ งตรวจ การใชอ้ าคารใหเ้ ปน็ ตามทกี่ ฎหมายกำ� หนด ดงั นนั้ ใบรบั รองการตรวจสอบอาคารจงึ ไมส่ ามารถใชแ้ ทน ใบอนญุ าตเปลย่ี นการใชอ้ าคารได้ โดยกรมการปกครองไดแ้ จง้ เวยี นใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวดั ทกุ จงั หวดั ทราบ และถือเปน็ แนวทางปฏบิ ตั ิแล้ว คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๕) ได้พิจารณาปัญหาดังกล่าวประกอบกับข้อเท็จจริง เพ่ิมเตมิ ข้างตน้ แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี ประเด็นท่ีหน่ึง เห็นว่า มาตรา ๓๒๑ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึง่ แก้ไขเพ่มิ เติมโดยพระราชบัญญตั คิ วบคมุ อาคาร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๓ ก�ำหนดให้โรงแรม ๑มาตรา ๓๒ อาคารประเภทควบคุมการใช้ คือ อาคารดังต่อไปนี้ (๑) อาคารส�ำหรับใชเ้ ป็นคลงั สินค้า โรงแรม อาคารชดุ หรือสถานพยาบาล (๒) อาคารสำ� หรบั ใชเ้ พอ่ื กจิ การพาณชิ ยกรรม อตุ สาหกรรม การศกึ ษา การสาธารณสขุ หรอื กจิ การอนื่ ทง้ั น้ี ตามทกี่ ำ� หนด ในกฎกระทรวง เมื่อผู้ได้รบั ใบอนญุ าตใหก้ อ่ สร้าง ดัดแปลง หรือเคล่ือนยา้ ยอาคารประเภทควบคมุ การใช้ หรือผแู้ จ้งตามมาตรา ๓๙ ทวิ ไดก้ ระทำ� การดงั กลา่ วเสรจ็ แลว้ ใหแ้ จง้ เปน็ หนงั สอื ใหเ้ จา้ พนกั งานทอ้ งถน่ิ ทราบตามแบบทเ่ี จา้ พนกั งานทอ้ งถนิ่ กำ� หนด เพอื่ ทำ� การตรวจสอบ การกอ่ สร้าง ดัดแปลง หรอื เคล่อื นย้ายอาคารนน้ั ใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายในสามสบิ วนั นับแต่วนั ท่ีไดร้ บั แจ้ง ห้ามมิให้บุคคลใดใช้อาคารนั้นเพ่ือกิจการดังท่ีระบุไว้ในใบอนุญาต หรือท่ีได้แจ้งไว้ตามมาตรา ๓๙ ทวิ ภายในก�ำหนด เวลาตามวรรคสอง ถา้ เจา้ พนกั งานทอ้ งถนิ่ ไดท้ ำ� การตรวจสอบแลว้ เหน็ วา่ การกอ่ สรา้ งดดั แปลง หรอื เคลอื่ นยา้ ยอาคารนนั้ เปน็ ไปโดยถกู ตอ้ ง ตามที่ไดร้ บั ใบอนุญาตหรอื ที่ไดแ้ จง้ ไว้ตามมาตรา ๓๙ ทวิ แล้ว ก็ใหอ้ อกใบรับรองให้แกผ่ ู้ได้รบั ใบอนุญาตหรอื ผ้แู จ้งตามมาตรา ๓๙ ทวิ เพอ่ื ใหม้ ีการใชอ้ าคารนน้ั ตามที่ไดร้ ับใบอนญุ าตหรอื ที่ไดแ้ จง้ ไวต้ ามมาตรา ๓๙ ทวิ ได้ แต่ถา้ เจา้ พนกั งานทอ้ งถิน่ มิได้ทำ� การตรวจสอบ ภายในกำ� หนดเวลาตามวรรคสอง ใหเ้ จา้ ของหรอื ผคู้ รอบครองอาคารนน้ั ใช้หรอื ยนิ ยอมใหบ้ คุ คลใดใช้อาคารนัน้ เพ่อื กจิ การดังทร่ี ะบไุ ว้ ในใบอนญุ าตหรือที่ได้แจง้ ไว้ตามมาตรา ๓๙ ทวิ ตอ่ ไปได้ หา้ มมใิ หเ้ จา้ ของหรอื ผคู้ รอบครองอาคารประเภทควบคมุ การใชห้ รอื ยนิ ยอมใหบ้ คุ คลใดใชอ้ าคารนน้ั เพอ่ื กจิ การอน่ื นอกจาก ทร่ี ะบุไว้ในใบอนุญาตหรอื ที่ไดแ้ จ้งตามมาตรา ๓๙ ทวิ ส�ำ นกั การสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 193 เป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ ประกอบกับมาตรา ๓๓๒ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซงึ่ แก้ไขเพ่มิ เตมิ โดยพระราชบัญญัตคิ วบคมุ อาคาร (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้ก�ำหนด หา้ มมใิ หเ้ จา้ ของหรอื ผคู้ รอบครองอาคารซง่ึ ไมเ่ ปน็ อาคารประเภทควบคมุ การใช้ ใชห้ รอื ยนิ ยอมใหบ้ คุ คลใด ใช้อาคารเพื่อกิจการตามมาตรา ๓๒ และห้ามเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารเปลี่ยนการใช้อาคาร ประเภทควบคมุ การใชส้ ำ� หรบั กจิ การหนงึ่ ไปใชเ้ ปน็ อาคารประเภทควบคมุ การใชส้ ำ� หรบั อกี กจิ การหนงึ่ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือได้แจ้งให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินทราบแล้ว และข้อ ๔๓ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๒๘) ออกตามความในพระราชบัญญัตคิ วบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ก�ำหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารซ่ึงไม่เป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ ตามมาตรา ๓๒ หากประสงค์จะใช้อาคารดังกล่าวเพ่ือกิจการประเภทควบคุมการใช้ หรือเจ้าของ หรือผู้ครอบครองอาคารซ่ึงเป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ประสงค์จะเปล่ียนการใช้อาคารไปใช้ เปน็ อาคารส�ำหรับอีกกิจการหน่งึ ต้องยนื่ คำ� ขออนุญาตเปลี่ยนการใชอ้ าคารตอ่ เจา้ พนกั งานทอ้ งถนิ่ เมอื่ ขอ้ เทจ็ จรงิ ในเรอ่ื งน้ีปรากฏว่า อาคารดงั กลา่ วเป็นอาคารทพี่ ักอาศัย – พาณชิ ยกรรม – จอดรถยนต์ ซงึ่ มไิ ดเ้ ปน็ อาคารประเภทควบคมุ การใช้ หากประสงคจ์ ะเปลย่ี นการใชอ้ าคารเปน็ โรงแรม ซงึ่ เปน็ อาคารประเภทควบคมุ การใชต้ ามมาตรา ๓๒ กจ็ ะตอ้ งไดร้ บั ใบอนญุ าตจากเจา้ พนกั งานทอ้ งถน่ิ ตามมาตรา ๓๓ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบญั ญตั คิ วบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซงึ่ แก้ไขเพมิ่ เตมิ โดย พระราชบัญญัตคิ วบคมุ อาคาร (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ และ ขอ้ ๔ แห่งกฎกระทรวง (ฉบบั ท่ี ๑๐) ฯ และเมื่อได้รับใบอนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารแล้ว จึงจะด�ำเนินการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ โรงแรมได้ ๒มาตรา ๓๓ ห้ามมิให้เจา้ ของหรือผ้คู รอบครองอาคารซงึ่ ไมเ่ ป็นอาคารประเภทควบคมุ การใช้ ใชห้ รือยนิ ยอมให้บคุ คลใด ใชอ้ าคารดงั กลา่ วเพอื่ กจิ การตามมาตรา ๓๒ เวน้ แตจ่ ะไดร้ บั ใบอนญุ าตจากเจา้ พนกั งานทอ้ งถน่ิ หรอื ไดแ้ จง้ ใหเ้ จา้ พนกั งานทอ้ งถนิ่ ทราบแลว้ และใหน้ �ำมาตรา ๒๕ และมาตรา ๒๗ หรือมาตรา ๓๙ ทวิ แล้วแตก่ รณี มาใช้บังคับโดยอนุโลม ให้น�ำความในวรรคหน่ึงมาใช้บังคับแก่การเปลี่ยนการใช้อาคารประเภทควบคุมการใช้ส�ำหรับกิจการหน่ึงไปใช้เป็นอาคาร ประเภทควบคมุ การใช้ส�ำหรับอีกกิจการหนง่ึ โดยอนโุ ลม ๓ข้อ ๔ ในกรณีที่เจ้าของอาคารหรือผู้ครอบครองอาคารซึ่งไม่เป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ตามมาตรา ๓๒ ประสงค์จะใช้อาคารดังกล่าวเพื่อกิจการประเภทควบคุมใช้ หรือเจ้าของอาคารหรือผู้ครอบครองอาคารซ่ึงเป็นอาคารประเภทควบคุม การใช้ตามมาตรา ๓๒ ประสงค์จะเปลี่ยนการใช้อาคารไปใช้เป็นอาคารส�ำหรับอีกกิจการหน่ึง ให้เจ้าของอาคารหรือผู้ครอบครองอาคาร ยน่ื คำ� ขออนญุ าตเปล่ยี นการใช้อาคารตามแบบ ข. ๓ ตอ่ เจา้ พนักงานท้องถน่ิ พร้อมดว้ ยเอกสารตามที่ระบไุ ว้ในแบบ ข. ๓ ให้น�ำความในข้อ ๑ วรรคสองและวรรคสาม มาใช้บังคับกับการขออนุญาตตามวรรคหน่ึงในส่วนที่เก่ียวกับเอกสาร ท่ตี อ้ งแนบพร้อมกบั ค�ำขอเกย่ี วกับแผนผงั บรเิ วณแบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน หรอื รายการค�ำนวณ โดยอนโุ ลม เมื่อเจ้าพนักงานท้องถ่ินได้รับค�ำขอตามวรรคหนึ่งแล้วให้ด�ำเนินการตามข้อ ๒ วรรคหน่ึง และเมื่อเห็นว่าถูกต้อง ใหเ้ จา้ พนกั งานท้องถ่ินออกใบอนุญาตตามแบบ อ. ๕ สำ�นกั การสอบสวนและนติ ิการ กรมการปกครอง

194 กฎหมายโรงแรม ส�ำหรับใบรับรองการตรวจสภาพอาคารตามข้อ ๙๔ แห่งกฎกระทรวงก�ำหนดประเภท และหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ น้ัน เห็นว่า เป็นการรับรองสภาพอาคาร ในเรื่องโครงสร้างและอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ ท้ังน้ี เพ่ือความม่ันคงแข็งแรงและความปลอดภัย ในการใช้อาคารเป็นหลัก อันเป็นวัตถุประสงค์ที่แตกต่างจากการเปล่ียนประเภทการใช้อาคาร นายทะเบียนจึงไม่สามารถใช้ ใบรับรองดังกล่าวเป็นหลักฐานในการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ โรงแรมแทนใบอนญุ าตเปลี่ยนการใชอ้ าคารได้ ประเด็นท่ีสอง เห็นว่า อาคารควบคุมการใช้ที่เป็นอาคารประเภทอื่นท่ีไม่ใช่โรงแรม หากต่อมาประสงค์จะขออนญุ าตใช้อาคารนัน้ ประกอบธรุ กิจโรงแรม เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร กต็ อ้ งขออนญุ าตเปลย่ี นการใชอ้ าคารตอ่ เจา้ พนกั งานทอ้ งถนิ่ ตามมาตรา ๓๓ วรรคสอง๕ แหง่ พระราชบญั ญตั ิ ควบคมุ อาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซงึ่ แก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ ประกอบข้อ ๔๖ แห่งกฎกระทรวง (ฉบับที่ ๑๐) ฯ เชน่ กัน (คณุ พรทพิ ย์ จาละ) เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎกี า สำ� นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา มกราคม ๒๕๕๓ ๔ข้อ ๙ อาคารส�ำหรับใช้เป็นโรงแรมท่ีตั้งอยู่ในท้องท่ีที่มีกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารใช้บังคับ ต้องมีหลักฐาน แสดงว่าได้รับอนุญาตให้ใช้อาคารเปน็ โรงแรมหรือมีใบรบั รองการตรวจสภาพอาคารตามกฎหมายวา่ ด้วยการควบคมุ อาคาร ๕โปรดดูเชิงอรรถท่ี ๒, ขา้ งต้น ๖โปรดดเู ชงิ อรรถท่ี ๓, ข้างตน้ สำ�นกั การสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 195 ที่ นร ๐๙๐๑/๐๑๒๔ สำ� นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ถนนพระอาทิตย์ เขตพระนคร กรงุ เทพฯ ๑๐๒๐๐ ๓ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๓ เรอื่ ง หารือการปฏิบัตติ ามพระราชบญั ญตั โิ รงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ เรยี น ปลดั กระทรวงมหาดไทย อา้ งถึง หนังสอื ส�ำนกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ดว่ นทส่ี ุด ที่ นร ๐๙๐๑.๕/ป ๖๐๖ ลงวนั ท่ี ๒๓ ธนั วาคม ๒๕๕๒ ส่ิงท่สี ่งมาดว้ ย บนั ทึกส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า เรือ่ ง การใชอ้ ำ� นาจของนายทะเบียนในการ พิจารณาออกใบอนุญาตประกอบธรุ กจิ โรงแรม ตามท่ีกรมการปกครองได้ขอหารือปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาออกใบอนุญาต ประกอบธุรกิจโรงแรมของนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ และส�ำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ขอให้กระทรวงมหาดไทย (ส�ำนักงานปลัดกระทรวง กรมการปกครอง และจังหวัดราชบรุ )ี แต่งต้งั ผูแ้ ทนไปชแี้ จงขอ้ เทจ็ จรงิ น้นั บดั น้ี คณะกรรมการกฤษฎกี า (คณะท่ี ๕) ไดพ้ จิ ารณาขอ้ หารอื ดงั กลา่ วและมคี วามเหน็ ปรากฏ ตามบันทึกส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ได้ส่งมาด้วยน้ี อน่ึง ส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไดแ้ จง้ ผลการพจิ ารณาไปยังส�ำนักเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรีเพ่อื ทราบตามระเบียบดว้ ยแล้ว จึงเรยี นมาเพ่ือโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ (คุณพรทิพย์ จาละ) เลขาธกิ ารคณะกรรมการกฤษฎกี า ส�ำนักอำ� นวยการ โทร. ๐ ๒๒๒๒ ๐๒๐๖-๙ ฝ่ายกฎหมายการคา้ และอุตสาหกรรม โทร. ๐ ๒๒๒๒ ๐๒๐๖ - ๙ ตอ่ ๑๖๘๙ (นางสาวศวธี ิกา ฯ) โทรสาร ๐ ๒๒๒๒ ๕๑๖๑ www.krisdika.go.th www.lawreform.go.th ส�ำ นกั การสอบสวนและนติ กิ าร กรมการปกครอง

196 กฎหมายโรงแรม เรอ่ื งเสร็จท่ี ๕๖/๒๕๕๓ บันทกึ ส�ำนกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า เร่อื ง การใช้อำ� นาจของนายทะเบยี นในการพิจารณาออกใบอนญุ าตประกอบธุรกิจโรงแรม กรมการปกครอง ได้มีหนังสอื ท่ี มท ๐๓๐๗.๖/๕๙๗๗ ลงวนั ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ถึงส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สรุปความได้ว่า จังหวัดราชบุรีได้รับค�ำร้องของนางสาวจิรภา พมุ่ ไสว ขออนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรม “เพม่ิ สขุ อนิ น”์ ตง้ั อยเู่ ลขท่ี ๑๗๔ หมทู่ ี่ ๑ ตำ� บลดอนกระเบอ้ื ง อ�ำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งจังหวัดราชบุรีพิจารณาและตรวจสอบแล้วผู้ขออนุญาตมีคุณสมบัติ ครบถว้ นตามพระราชบญั ญตั โิ รงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ตรวจสอบแบบแปลนแผนผงั สำ� หรบั กอ่ สรา้ งอาคาร พบวา่ อาคารสำ� หรบั ใชเ้ ปน็ โรงแรมไมไ่ ดต้ งั้ อยู่ในทอ้ งทท่ี ม่ี กี ฎหมายวา่ ดว้ ย การควบคมุ อาคารใชบ้ งั คบั โดยมีการรับรองแบบถูกต้อง แต่เนื่องจากสถานที่จอดรถยนต์ซึ่งอยู่ติดกับห้องพักมีลักษณะมิดชิด เพราะมผี นงั คอนกรตี กนั้ ระหวา่ งทจี่ อดรถแตล่ ะหอ้ ง สามารถมองเหน็ รถยนตท์ จ่ี อดไดเ้ ฉพาะเมอื่ ยนื อยู่ ดา้ นหนา้ ของหอ้ งพกั เทา่ นนั้ หากมองจากจดุ อน่ื จะไมส่ ามารถมองเหน็ รถยนตห์ รอื สามารถมองเหน็ ไดบ้ างสว่ น จังหวัดราชบุรีจึงขอหารือมายังส�ำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยว่า สถานที่จอดรถตามข้อ ๘ แหง่ กฎกระทรวงกำ� หนดประเภทและหลกั เกณฑก์ ารประกอบธุรกจิ โรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซ่งึ ก�ำหนดวา่ สถานที่จอดรถของโรงแรมที่อยู่ติดห้องพักต้องไม่มีลักษณะมิดชิดและต้องสามารถมองเห็นรถ ท่ีจอดอยู่ไดต้ ลอดเวลา คำ� ว่า ตอ้ งสามารถมองเห็นรถท่ีจอดอยไู่ ด้ตลอดเวลา มคี วามหมายเพียงใด และกรณีข้อเท็จจริงของโรงแรมดังกล่าวเป็นไปตามกฎกระทรวงก�ำหนดประเภทและหลักเกณฑ์ การประกอบธรุ กิจโรงแรม ฯ หรือไม่ อย่างไร โดยจงั หวดั ราชบรุ ีเห็นว่าเจตนารมณข์ องกฎกระทรวง ท่ีก�ำหนดให้สามารถมองเห็นรถที่จอดอยู่ได้ตลอดเวลาท่ีจอดรถต้องไม่มีอะไรมาบังทั้งด้านข้างและ ดา้ นหนา้ หอ้ งพกั เพอื่ รกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย กรณมี กี ารกอ่ กำ� แพงดา้ นขา้ งเปน็ ลอ็ กจงึ ขดั กบั เจตนารมณ์ ของกฎกระทรวง สำ� นกั งานปลัดกระทรวงมหาดไทย (ส�ำนักกฎหมาย) พิจารณาแลว้ เหน็ ว่าสถานท่จี อดรถของ โรงแรมที่อยู่ติดห้องพักต้องมีลักษณะตามท่ีก�ำหนดไว้ในข้อ ๘ แห่งกฎกระทรวงก�ำหนดประเภท และหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม ฯ ประกอบกับกระทรวงมหาดไทยยังคงนโยบายในเรื่อง ไม่อนุญาตให้ตั้งโรงแรมซึ่งมีลักษณะและพฤติการณ์ส่อให้เห็นถึงวัตถุประสงค์อันขัดต่อความสงบ เรียบรอ้ ยหรอื ศีลธรรมอนั ดี จึงมีความเหน็ ตามจงั หวดั ราชบุรวี ่าเจตนารมณข์ องกฎกระทรวงท่ีกำ� หนด ให้สามารถมองเห็นรถท่ีจอดอยู่ได้ตลอดเวลา ที่จอดรถต้องไม่มีอะไรมาบังทั้งด้านข้างและด้านหน้า หอ้ งพกั ทงั้ น้ี เพอื่ รกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย กรณมี กี ารกอ่ กำ� แพงดา้ นขา้ งเปน็ ลอ็ กจงึ ขดั กบั เจตนารมณ์ ของกฎกระทรวง ส่งพรอ้ มหนังสอื ดว่ นทีส่ ดุ ท่ี นร ๐๙๐๑/๐๑๒๓ ลงวนั ท่ี ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ซึ่งส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า มถี งึ สำ� นกั เลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี สำ�นักการสอบสวนและนติ ิการ กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 197 กรมการปกครอง เห็นวา่ ข้อ ๘ แห่งกฎกระทรวงกำ� หนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบ ธุรกิจโรงแรมฯ ได้ก�ำหนดว่า “สถานท่ีจอดรถของโรงแรมที่อยู่ติดห้องพักต้องไม่มีลักษณะมิดชิด และต้องสามารถมองเห็นรถที่จอดอยู่ได้ตลอดเวลา” กำ� หนดความชัดเจนให้นายทะเบียนใช้ดุลพินิจ ในการอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมเกยี่ วกบั สถานทจ่ี อดรถของโรงแรมทอี่ ยตู่ ดิ หอ้ งพกั โดยใหพ้ จิ ารณา องค์ประกอบ ๒ ประการ ประการท่ีหนึ่ง ต้องไม่มีลักษณะมิดชิดและประการท่ีสองต้องสามารถ มองเหน็ รถทจี่ อดอยไู่ ดต้ ลอดเวลา การพจิ ารณาอนญุ าตจงึ เปน็ การใชด้ ลุ พนิ จิ ในทางปกครองใหส้ อดคลอ้ ง กบั เจตนารมณข์ องกฎหมายซ่งึ ควบคุมกจิ การน้ัน และเป็นอำ� นาจของนายทะเบยี นลทจี่ ะใชต้ ามทเี่ ห็น สมควรและเทา่ ที่ไมเ่ ปน็ การขดั ตอ่ บทบญั ญตั หิ รอื หลกั ของกฎหมาย กรณนี จี้ งึ เปน็ ดลุ พนิ จิ ของนายทะเบยี น โรงแรมจงั หวดั ราชบรุ ที จ่ี ะตอ้ งพจิ ารณาตามหลกั เกณฑข์ องกฎกระทรวงกำ� หนดประเภทและหลกั เกณฑ์ การประกอบธุรกิจโรงแรมฯ วา่ สถานท่ีจอดรถของโรงแรมนัน้ ไม่มลี กั ษณะมิดชดิ และสามารถมองเหน็ ท่ี จอดอยไู่ ดต้ ลอดเวลาหรอื ไม่ โดยตอ้ งพจิ ารณาจากขอ้ เทจ็ จรงิ ของแตล่ ะรายประกอบดว้ ย หากนายทะเบยี น โรงแรมจังหวัดราชบุรีพิจารณาแล้วเห็นว่าสถานท่ีจอดรถของโรงแรมดังกล่าวไม่มีลักษณะมิดชิดและ สามารถมองเหน็ รถทจ่ี อดอยไู่ ดต้ ลอดเวลาเขา้ ตามหลกั เกณฑ์ในขอ้ ๘ แหง่ กฎกระทรวงกำ� หนดประเภท และหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรมฯ นายทะเบียนโรงแรมจังหวัดราชบุรีก็สามารถอนุญาตได้ อย่างไรก็ตามกรมการปกครองได้น�ำข้อหารือดังกล่าวเข้าหารือในคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมาย ของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ ๑ คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะท่ี ๑ มีความเห็นว่า เม่ือข้อเท็จจริงปรากฏว่าสถานท่ีจอดรถของโรงแรมที่อยู่ติดกับห้องพักมีลักษณะมิดชิดเพราะมีผนัง คอนกรีตสูง ๒.๕๐ เมตร ก้ันระหว่างท่จี อดรถแตล่ ะหอ้ ง สามารถมองเห็นรถยนต์ท่จี อดหน้าห้องพกั ได้เฉพาะเมื่อยืนอยู่ด้านหน้าของห้องพักเท่านั้น หากมองในจุดอ่ืนก็จะไม่สามารถมองเห็นรถได้ หรอื หากมองเหน็ ไดก้ เ็ พยี งบางสว่ นของตวั รถ จงึ ไมเ่ ปน็ ไปตามความในขอ้ ๘ แหง่ กฎกระทรวงกำ� หนด ประเภทและหลกั เกณฑก์ ารประกอบธรุ กจิ โรงแรมฯ นายทะเบยี นตอ้ งไมอ่ อกใบอนญุ าตใหต้ ามบทบญั ญตั ิ มาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ทก่ี �ำหนดว่า “นายทะเบยี นจะออก ใบอนุญาตให้แก่ผู้รับใบอนุญาตได้ เมื่อเห็นว่า สถานท่ีต้ัง ขนาด ลักษณะสิ่งอ�ำนวยความสะดวก หรอื มาตรฐานการประกอบธรุ กจิ โรงแรมแตล่ ะประเภทเปน็ ไปตามหลกั เกณฑท์ ก่ี ำ� หนดไว้ในกฎกระทรวง ทอี่ อกตามความในมาตรา ๑๓” อย่างไรก็ตาม เพอ่ื ใหเ้ ป็นบรรทดั ฐานสำ� หรบั การดำ� เนินการในกรณี ดังกล่าวควรจะมีหนังสือแจ้งเวียนแนวทางปฏิบัติส�ำหรับนายทะเบียนทุกจังหวัดในการพิจารณา สถานทจี่ อดรถมลี กั ษณะมดิ ชดิ หรอื ไมว่ า่ อาจพจิ ารณาจากระดบั สายตาของคนทวั่ ไปทส่ี ามารถมองเหน็ ได้ ถ้ามีสิ่งกีดขวางท่ีสูงเกินระดับสายตาก็อาจจะมิดชิดและไม่สามารถมองเห็นรถที่จอดอยู่ได้ตลอดเวลา และไมเ่ ป็นไปตามความในขอ้ ๘ แหง่ กฎกระทรวงดังกล่าว ส�ำ นกั การสอบสวนและนติ กิ าร กรมการปกครอง

198 กฎหมายโรงแรม กรมการปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อ ๘ แห่งกฎกระทรวงกำ� หนดประเภทและหลกั เกณฑ์ การประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ไม่ได้ก�ำหนดหลักเกณฑ์ท่ีเจ้าพนักงานต้องอนุญาต ในรายละเอยี ดวา่ อยา่ งไร เพยี งแตก่ ำ� หนดวา่ ทจี่ อดรถทอ่ี ยตู่ ดิ หอ้ งพกั ไมม่ ลี กั ษณะมดิ ชดิ และตอ้ งสามารถ มองเห็นรถที่จอดอยู่ได้ตลอดเวลา ซ่ึงกฎกระทรวงไม่ได้ก�ำหนดว่าสามารถมองเห็นรถได้ทั้งคัน ตลอดเวลาหรอื ในกสี่ ว่ นของตวั รถ อาจมองเหน็ ดา้ นใดดา้ นหนงึ่ ของตวั รถก็ไดข้ นึ้ อยกู่ บั สภาพขอ้ เทจ็ จรงิ เปน็ ราย ๆ ไป ดงั นั้น จงึ เปน็ อ�ำนาจของนายทะเบยี นผอู้ นญุ าตท่ีจะใช้ดุลพนิ จิ พจิ ารณาจากข้อเทจ็ จริงว่า จะอนญุ าตหรอื ไมอ่ นญุ าต โดยไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งมหี นงั สอื แจง้ เวยี นแนวทางปฏบิ ตั ใิ หน้ ายทะเบยี นทกุ จงั หวดั ทราบ กรณดี ังกล่าวเป็นปัญหาขอ้ กฎหมายยังไมม่ ีแนวทางปฏบิ ตั ิที่ชดั เจน และเพือ่ ใหม้ แี นวทางปฏิบัติ ไปในแนวทางเดยี วกนั จงึ ขอหารอื แนวทางปฏบิ ตั ทิ ถ่ี กู ตอ้ งเพอื่ ทกี่ รมการปกครองจะไดแ้ จง้ ใหจ้ งั หวดั ราชบรุ ี และจงั หวดั อ่นื ๆ ทราบ เพ่ือถอื ปฏบิ ัติตอ่ ไป คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๕) ได้พิจารณาขอ้ หารือของกรมการปกครองโดยมีผู้แทน กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) และผู้แทนจังหวัดราชบุรีเป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า ข้อหารือนี้มีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า หลักเกณฑ์ตามข้อ ๘ แห่งกฎกระทรวงก�ำหนดประเภทและ หลักเกณฑก์ ารประกอบธรุ กิจโรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นอ�ำนาจของนายทะเบยี นทจี่ ะใช้ดลุ พินจิ พิจารณา ข้อเท็จจรงิ ในการออกใบอนุญาตหรอื ไมอ่ อกใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมได้เพียงใด คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๕) มคี วามเหน็ ว่า มาตรา ๑๘๑ แห่งพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ กำ� หนดใหน้ ายทะเบยี นเปน็ ผพู้ จิ ารณาการออกใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมโดยจะพจิ ารณา ออกใบอนุญาตให้ เมื่อเห็นว่าสถานที่ต้ัง ขนาด ลักษณะ สิ่งอ�ำนวยความสะดวกหรือมาตรฐาน การประกอบธุรกิจโรงแรมแต่ละประเภทเป็นไปตามหลักเกณฑ์ท่ีก�ำหนดไว้ ในกฎกระทรวงท่ีออก ตามมาตรา ๑๓๒ ซึ่งเปน็ มาตราที่ก�ำหนดให้รัฐมนตรีโดยคำ� แนะนำ� ของคณะกรรมการส่งเสรมิ และก�ำกบั ธรุ กจิ โรงแรมมอี ำ� นาจออกกฎกระทรวงกำ� หนดประเภทของโรงแรมและหลกั เกณฑแ์ ละเงอ่ื นไขเกย่ี วกบั สถานทต่ี ้งั ขนาด ลกั ษณะ สิ่งอำ� นวยความสะดวก หรือมาตรฐานการประกอบธุรกจิ โรงแรม ๑มาตรา ๑๘ นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอรับใบอนุญาตได้ เมื่อเห็นว่าสถานที่ต้ัง ขนาด ลักษณะ สง่ิ อ�ำนวยความสะดวก หรอื มาตรฐานการประกอบธุรกจิ ของโรงแรมแตล่ ะประเภทเป็นไปตามหลกั เกณฑท์ กี่ ำ� หนดไว้ในกฎกระทรวงท่ี ออกตามมาตรา ๑๓ ใหน้ ายทะเบยี นมหี นงั สอื แจง้ การออกใบอนญุ าต หรอื ไมอ่ อกใบอนญุ าตพรอ้ มดว้ ยเหตผุ ลใหผ้ ขู้ อรบั ใบอนญุ าตทราบภายใน สามสิบวนั นบั แต่วนั ท่ีไดร้ ับผลการพิจารณาจากหน่วยงานตามมาตรา ๑๗ ๒มาตรา ๑๓ เพื่อประโยชน์ในการก�ำหนดและควบคุมมาตรฐานของโรงแรม ส่งเสริมการประกอบธุรกิจโรงแรม และส่งเสริมและรักษาคุณภาพสงิ่ แวดลอ้ ม ความมน่ั คงแขง็ แรง สขุ ลกั ษณะหรอื ความปลอดภัยของโรงแรม รฐั มนตรโี ดยคำ� แนะน�ำ ของคณะกรรมการมอี �ำนาจออกกฎกระทรวงก�ำหนดประเภทของโรงแรม และกำ� หนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกบั สถานทต่ี ้ัง ขนาด ลกั ษณะ สิง่ อำ� นวยความสะดวก หรือมาตรฐานการประกอบธุรกิจของโรงแรม ทง้ั น้ี เงื่อนไขดังกลา่ วใหร้ วมถงึ การห้ามประกอบกิจการ อ่นื ใดในโรงแรมด้วย ฯลฯ ฯลฯ ส�ำ นกั การสอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 199 เพ่ือประโยชน์ในการก�ำหนดและควบคุมมาตรฐานของโรงแรม ส่งเสริมการประกอบธุรกิจโรงแรม และส่งเสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสงิ่ แวดล้อม ความมนั่ คงแขง็ แรง สขุ ลกั ษณะหรอื ความปลอดภยั ของ โรงแรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกกฎกระทรวงก�ำหนดประเภทและหลักเกณฑ์ การประกอบธรุ กจิ โรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามความในมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบญั ญัติโรงแรม ฯ แล้ว โดยข้อ ๘๓ แห่งกฎกระทรวงดังกล่าวก�ำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสถานท่ีจอดรถท่ีอยู่ติดห้องพักไว้ว่า ตอ้ งไมม่ ลี กั ษณะมดิ ชดิ และสามารถมองเหน็ รถทจี่ อดอยไู่ ดต้ ลอดเวลา ดงั นนั้ การพจิ ารณาออกใบอนญุ าต ประกอบธุรกิจโรงแรมจึงเป็นอ�ำนาจของนายทะเบียนที่จะใช้ดุลพินิจพิจารณาว่าสถานที่จอดรถ ซงึ่ อยตู่ ดิ หอ้ งพกั ของโรงแรมทมี่ าขออนญุ าตเปน็ ไปตามหลกั เกณฑท์ กี่ ำ� หนดไว้ในขอ้ ๘ แหง่ กฎกระทรวง ทอี่ อกตามมาตรา ๑๓ หรอื ไม่ โดยพจิ ารณาจากขอ้ เทจ็ จรงิ ของแตล่ ะสถานทที่ น่ี ำ� มาขออนญุ าตประกอบ ธุรกิจโรงแรมซ่ึงมีลักษณะแตกต่างกันไปในแต่ละกรณีการใช้ดุลพินิจพิจารณาข้อเท็จจริงปรับเข้ากับ หลักเกณฑ์ตามกฎกระทรวงดังกล่าวในแต่ละกรณีนั้นจะต้องชอบด้วยกฎหมาย และเป็นไปตาม หลักความเหมาะสม หลักความจำ� เป็นและหลกั ความได้สัดส่วน หากนายทะเบียนใชด้ ลุ พนิ ิจโดยไม่ชอบ ดว้ ยกฎหมาย พระราชบญั ญตั โิ รงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ก็ไดก้ ำ� หนดขน้ั ตอนดำ� เนนิ การไวแ้ ลว้ โดยผขู้ อรบั ใบอนุญาตซ่ึงนายทะเบียนไม่ออกใบอนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์ค�ำส่ังของนายทะเบียนต่อคณะกรรมการ ส่งเสริมและก�ำกับธุรกิจโรงแรมได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบค�ำส่ังของ นายทะเบียนตามมาตรา ๔๓๔ แห่งพระราชบัญญัติโรงแรม ฯ ซึ่งคณะกรรมการส่งเสริมและก�ำกับ ธุรกิจโรงแรมจะเป็นผู้พิจารณาตรวจสอบแนวทางการใช้ดุลพินิจของนายทะเบียนว่าเป็นไปโดยชอบ ด้วยกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งมอี �ำนาจสั่งการแก้ไขเพ่ือให้เกดิ ความถูกต้องและเหมาะสมได้ ๓ข้อ ๘ สถานที่จอดรถของโรงแรมท่ีอยู่ติดห้องพักต้องไม่มีลักษณะมิดชิดและต้องสามารถมองเห็นรถที่จอดอยู่ได้ ตลอดเวลา ๔มาตรา ๔๓ ผขู้ อรบั ใบอนญุ าตซ่ึงนายทะเบียนไมอ่ อกใบอนญุ าตหรือไมอ่ นญุ าตใหต้ ่ออายุใบอนญุ าต หรอื ผู้ไดร้ ับแตง่ ตง้ั เป็นผู้จัดการซ่ึงนายทะเบียนไม่ออกใบรับแจ้งเป็นผู้จัดการ หรือผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้ขอรับโอนใบอนุญาต ซึ่งนายทะเบียน ไมอ่ นญุ าตตามมาตรา ๒๒ มาตรา ๒๔ หรอื มาตรา ๒๕ หรอื ผปู้ ระกอบธรุ กจิ โรงแรมซง่ึ นายทะเบยี นไมอ่ นญุ าตใหเ้ ลกิ กจิ การหรอื ใหเ้ ลกิ กจิ การ ภายใตเ้ งอื่ นไขและวธิ กี ารอยา่ งใดตามมาตรา ๒๗ หรอื ผปู้ ระกอบธรุ กจิ โรงแรมซง่ึ ถกู สงั่ พกั ใช้ใบอนญุ าตตามมาตรา ๔๐ หรอื ผปู้ ระกอบ ธุรกิจโรงแรมหรอื ผจู้ ัดการซงึ่ ถกู สงั่ เพิกถอนใบอนญุ าตหรอื ใบรบั แจง้ เปน็ ผู้จดั การตามมาตรา ๔๑ มีสทิ ธอิ ุทธรณ์ค�ำสง่ั ของนายทะเบยี น ตอ่ คณะกรรมการภายในสิบหา้ วันนับแตว่ ันที่ได้รบั แจ้งหรือรับทราบคำ� สั่งของนายทะเบียน ให้คณะกรรมการพิจารณาและมีค�ำวินิจฉัยอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันท่ีได้รับอุทธรณ์แล้วแจ้ง คำ� วนิ ิจฉัยพรอ้ มดว้ ยเหตุผลเป็นหนังสอื ไปยังผูอ้ ทุ ธรณแ์ ละนายทะเบยี น ค�ำวินจิ ฉยั ของคณะกรรมการให้เปน็ ท่ีสุด ในกรณีทม่ี ีการอทุ ธรณ์ค�ำสั่งของนายทะเบียน ในระหว่างท่มี กี ารอุทธรณด์ ังกลา่ วใหผ้ ้ปู ระกอบธุรกจิ โรงแรม ผจู้ ดั การหรือ ผ้ขู อรับโอนใบอนญุ าตตามมาตรา ๒๕ แลว้ แตก่ รณีดำ� เนินการต่อไปได้ เวน้ แต่การอทุ ธรณ์ตามค�ำส่งั เพิกถอนใบอนุญาตหรือใบรบั แจง้ เป็นผจู้ ดั การเพราะมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๖ (๕) หรอื (๖) หรอื มาตรา ๓๓ (๕) หรอื (๖) หรือมพี ฤตกิ ารณ์ตามมาตรา ๔๑(๓) ไม่เป็นการทุเลาการบังคับตามค�ำส่ังของนายทะเบียน และให้น�ำความในมาตรา ๔๐ วรรคสี่ หรือมาตรา ๓๒ แล้วแต่กรณีรวมท้ัง บทกำ� หนดโทษ มาใชบ้ ังคบั โดยอนุโลม สำ�นกั การสอบสวนและนติ กิ าร กรมการปกครอง

200 กฎหมายโรงแรม ดว้ ยเหตผุ ลที่กลา่ วมาขา้ งตน้ นายทะเบียนจึงมีอำ� นาจตามกฎหมายทจ่ี ะใช้ดลุ พนิ จิ พิจารณา จากข้อเท็จจริงแต่ละกรณีว่าสถานที่จอดรถของโรงแรมท่ีอยู่ติดกับห้องพักนั้นไม่มีลักษณะมิดชิด และมองเหน็ รถทจี่ อดอยไู่ ดต้ ลอดเวลาหรอื ไม่ เพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตามขอ้ ๘ แหง่ กฎกระทรวงกำ� หนดประเภท และหลกั เกณฑก์ ารประกอบการประกอบธรุ กจิ โรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ (คุณพรทิพย์ จาละ) เลขาธกิ ารคณะกรรมการกฤษฎกี า สำ� นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ส�ำ นักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 201 บันทึกข้อความ สว่ นราชการ สำ� นกั งานปลดั กระทรวงมหาดไทย ส�ำนกั กฎหมาย โทร. ๐ ๒๒๒๒-๒๘๔๙ ท่ี มท ๐๒๐๘.๕/๖๙ วนั ท่ี ๒๒ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๓ เร่อื ง แจง้ ผลการพจิ ารณาใหค้ วามเหน็ ขอ้ หารอื เรียน อธบิ ดกี รมการปกครอง ตามหนังสือกรมการปกครอง ท่ี มท ๐๓๐๗.๖/๒๒๗๒๘ ลงวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ เสนอขอ้ หารอื แนวทางปฏบิ ตั กิ ารออกใบรบั แจง้ สถานทพ่ี กั ที่ไมเ่ ปน็ โรงแรม เพอื่ คณะกรรมการพจิ ารณา ร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยพิจารณาให้ความเห็น ความละเอียดแจง้ แลว้ นั้น คณะกรรมการพจิ ารณาร่างกฎหมายฯ คณะท่ี ๑ ไดป้ ระชมุ เพือ่ พิจารณาขอ้ หารอื ดงั กล่าวแลว้ โดยมีมติให้กรมการปกครองรับความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมาย ฯ ไปพิจารณา ดำ� เนนิ การในสว่ นทเ่ี กยี่ วขอ้ งตอ่ ไป รายละเอยี ดปรากฏตามรายงานการประชมุ คณะกรรมการพจิ ารณา รา่ งกฎหมายฯ คณะท่ี ๑ ครง้ั ท่ี ๖/๒๕๕๓ เม่อื วันจนั ทร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ทสี่ ง่ มาดว้ ยพรอ้ มน้ี หรือสามารถสบื ค้นได้ทเ่ี ว็บไซตข์ องสำ� นักกฎหมาย สป. www.law.moi.go.th จึงเรยี นมาเพื่อโปรดพิจารณาดำ� เนนิ การตอ่ ไป (นายสมาวิษฎ์ สุพรรณไพ) กรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของ มท. ส�ำ นักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง

202 กฎหมายโรงแรม รายงานการประชมุ คณะกรรมการพจิ ารณารา่ งกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ ๑ ครัง้ ที่ ๖/๒๕๕๓ วนั จันทร์ ท่ี ๑ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๓ ณ หอ้ งประชุมสำ� นกั กฎหมาย สป. ชั้น ๖ อาคารสถาบนั ด�ำรงราชานภุ าพ กระทรวงมหาดไทย ผ้มู าประชมุ ๑. นายสมพร ใชบ้ างยาง ประธานกรรมการ รองปลดั กระทรวงมหาดไทย ฝา่ ยบริหาร ๒. นายอมร เลาหมนตรี กรรมการ ท่ปี รึกษาดา้ นกฎหมาย ส�ำนกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงมหาดไทย ๓. นายชำ� นาญ พจนา กรรมการ ๔. นายสวัสด์ิ สง่ สมั พันธ์ กรรมการ ๕. นายจนิ ต์ วภิ าตะกลัศ กรรมการ ๖. ศ. พเิ ศษ ยวุ ฒั น์ วุฒิเมธี กรรมการ ๗. นายสุพล ยุตธิ าดา กรรมการ ๘. นายนิกร เวชภตู ิ กรรมการ ๙. นางสาววัณณนา บุนนาค กรรมการ ๑๐. นายชูเกยี รติ รัตนชัยชาญ กรรมการ ๑๑. นายอัครเดช เจมิ ศริ ิ กรรมการ ผู้อำ� นวยการส�ำนกั กฎหมาย สป. ๑ ๒. นายพิพัฒน์ เนีย้ วคงศักดิ์ กรรมการและเลขานกุ าร นิติกรช�ำนาญการพิเศษ สำ� นักกฎหมาย สป. ๑๓. นายสมาวิษฎ์ สุพรรณไพ กรรมการและผ้ชู ่วยเลขานุการ นติ ิกรชำ� นาญการ สำ� นักกฎหมาย สป. ผู้ไม่มาประชุม ๑. รศ. กมลชยั รัตนสกาววงศ์ ลาการประชุม ๒. นายเอกศกั ดิ์ ตรีกรณุ าสวัสด์ ิ ลาการประชุม ผ้เู ข้ารว่ มประชมุ ๑. นายกฤดธิ าดา จารุสกลุ นิติกรชำ� นาญการพิเศษ ส�ำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย สป. ๒. นายยงยุทธ ชืน้ ประเสริฐ นิตกิ รช�ำนาญการ ส�ำนักกฎหมาย สป. ส�ำ นกั การสอบสวนและนติ กิ าร กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 203 ผู้แทนกรมการปกครอง (ส�ำนักการสอบสวนและนิตกิ าร) ๑. นายวชั รวิชย์ สุขวัฒนาภิรมย์ หัวหนา้ กลุ่มมาตรฐานและระเบยี บกฎหมาย ๒. นางสาวอภริ าภา เหลืองวลิ ัย นติ ิกรปฏบิ ัติการ ผแู้ ทนจังหวัดตราด ๑. นายชชั ชัย ล้ิมภักดี เจา้ พนักงานปกครองชำ� นาญการ กลมุ่ งานปกครอง ทท่ี ำ� การปกครองจงั หวัดตราด เร่ิมประชุมเวลา ๐๙.๐๐ น. ระเบยี บวาระท่ี ๑ เรื่องทีป่ ระธานแจ้งท่ปี ระชุมทราบ - ไม่มี ระเบยี บวาระท่ี ๒ เร่ืองรับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของ กระทรวงมหาดไทย คณะท่ี ๑ คร้ังที่ ๔/๒๕๕๓ เม่ือวนั จันทรท์ ี่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๓ คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมาย ฯ คณะท่ี ๑ ได้ตรวจพิจารณารายงานการ ประชุมคร้ังดงั กล่าวแลว้ ไม่มีการแก้ไข มติที่ประชุม รับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายฯ คณะที่ ๑ ครงั้ ที่ ๔/๒๕๕๓ เมอื่ วนั จนั ทร์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๓ ระเบียบวาระที่ ๓ เรือ่ งเสนอทป่ี ระชมุ เพ่อื พจิ ารณา ข้อหารอื แนวทางการปฏบิ ตั ิการออกใบรบั แจง้ สถานท่ีพกั ท่ีไม่เป็นโรงแรม ผู้แทนกรมการปกครอง ช้ีแจงว่า กฎกระทรวงก�ำหนดประเภทและหลักเกณฑ์ การประกอบธรุ กจิ โรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ กำ� หนดใหส้ ถานทพ่ี กั ทม่ี หี อ้ งพกั ในอาคารเดยี วกนั หรอื หลายอาคาร ไม่เกินส่ีห้อง มีผู้พักรวมกันไม่เกินยี่สิบคน โดยมีค่าตอบแทนและมีลักษณะเป็นการประกอบกิจการ เพอ่ื หารายไดเ้ สรมิ ไมเ่ ปน็ โรงแรมตามกฎหมายโรงแรม แตต่ อ้ งแจง้ ใหน้ ายทะเบยี นทราบตามแบบทรี่ ฐั มนตรี ประกาศก�ำหนด และกระทรวงมหาดไทยได้ก�ำหนดแบบหนังสอื แจ้ง และแบบหนงั สอื รับแจง้ ไปแล้ว จงั หวดั ตราดพจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ การรบั แจง้ สถานทพ่ี กั ที่ไมเ่ ปน็ โรงแรมแมจ้ ะไมถ่ อื วา่ เป็นการออกใบอนุญาตแต่ก็ต้องน�ำเร่ืองสถานที่ตั้งมาประกอบการพิจารณาด้วย มิใช่พิจารณาแต่เฉพาะ จ�ำนวนห้องพัก จ�ำนวนผู้พัก และการเป็นรายได้เสริมตามหลักเกณฑ์กฎกระทรวงก�ำหนดประเภทและ หลกั เกณฑก์ ารประกอบธรุ กจิ โรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ สถานทพี่ กั ใดแมเ้ ขา้ ลกั ษณะเปน็ สถานทพ่ี กั ท่ีไมเ่ ปน็ โรงแรม แตห่ ากปลกู สรา้ งในทด่ี นิ ซง่ึ ไมม่ เี อกสารสทิ ธหิ รอื ในทดี่ นิ ที่ไมม่ สี ทิ ธเิ ขา้ ไปดำ� เนนิ การได้โดยชอบนายทะเบยี น ย่อมไม่สามารถออกใบรับแจ้งให้ได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวนายทะเบียนย่อมไม่สามารถออกใบรับแจ้งให้กับ สถานท่ีพักที่ไม่เป็นโรงแรมซ่ึงปลูกสร้างในที่ดินมือเปล่า (ภ.บ.ท. ๕) ท่ีดินซ่ึงอยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิ กบั กรมธนารกั ษ์ ในคลองสาธารณประโยชน์ ทะเล เขตปา่ ไม้ เขตอุทยานแหง่ ชาติหรือแดนกรรมสทิ ธ์ิ ของเอกชนรายอ่ืนโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ ท้ังนี้ หากออกใบรับแจ้งให้อาจน�ำไปสู่การยอมรับการกระท�ำ ท่ีไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย ความเหน็ ของจงั หวดั ตราดถกู ตอ้ งหรอื ไมผ่ ลเปน็ ประการใด ขอได้โปรดแจง้ ใหท้ ราบ เพ่อื เปน็ แนวทางปฏิบัติต่อไป ส�ำ นักการสอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง

204 กฎหมายโรงแรม กรมการปกครองพจิ ารณาแล้วมีความเห็นเปน็ สองฝา่ ย ดังน้ี ฝา่ ยทหี่ นงึ่ เหน็ วา่ การรบั แจง้ สถานทพ่ี กั ที่ไมเ่ ปน็ โรงแรมแมจ้ ะไมถ่ อื วา่ เปน็ การออก ใบอนญุ าตแตก่ ต็ อ้ งนำ� เรอ่ื งสถานทต่ี งั้ มาประกอบการพจิ ารณาดว้ ย มใิ ชพ่ จิ ารณาแตเ่ ฉพาะจำ� นวนหอ้ งพกั จ�ำนวนผู้พัก และการเป็นรายได้เสริมตามหลักเกณฑ์กฎกระทรวงก�ำหนดประเภทและหลักเกณฑ์ การประกอบธุรกจิ โรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ สถานท่พี ักใดแม้เขา้ ลักษณะเปน็ สถานที่พักท่ีไม่เป็นโรงแรม แต่หากปลูกสร้างในที่ดินซ่ึงไม่มีเอกสารสิทธิ หรือในที่ดินท่ีไม่มีสิทธิเข้าไปด�ำเนินการได้โดยชอบนาย ทะเบียนย่อมไม่สามารถออกใบรับแจ้งให้ได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวนายทะเบียนย่อมไม่สามารถออก ใบรบั แจง้ ใหก้ บั สถานทพี่ กั ที่ไมเ่ ปน็ โรงแรมใหก้ บั สถานทพี่ กั ท่ีไมเ่ ปน็ โรงแรมซง่ึ ปลกู สรา้ งในทด่ี นิ มอื เปลา่ (ภ.บ.ท. ๕) ที่ดินซ่ึงอยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิกับกรมธนารักษ์ในคลองสาธารณประโยชน์ ทะเล เขตป่าไม้ เขตอุทยานแห่งชาติหรือแดนกรรมสิทธ์ิของเอกชนรายอ่ืน โดยไม่ได้รับอนุญาตได้ ทั้งนี้ หากออกใบรบั แจง้ ให้อาจนำ� ไปสู่การยอมรับการกระทำ� ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฝ่ายท่ีสอง เห็นว่าการรับแจ้งสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม ถือว่าเป็นการรับแจ้ง เพื่อควบคุมสถานที่พักท่ีไม่เป็นโรงแรมให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ได้ออกใบอนุญาตประกอบ ธรุ กจิ โรงแรม ไมม่ หี ลกั เกณฑเ์ รอื่ งอาคารทอ่ี นญุ าต เปน็ เรอ่ื งทมี่ กี ารรบั แจง้ ไวเ้ ทา่ นน้ั ไมเ่ ปน็ การรบั รองสทิ ธิ ตามกฎหมายอน่ื หากปรากฏขอ้ เทจ็ จรงิ วา่ สถานทพี่ กั ดงั กลา่ วปลกู สรา้ งในทด่ี นิ มอื เปลา่ (ภ.บ.ท. ๕) หรอื ทดี่ นิ ซงึ่ อยรู่ ะหวา่ งการพสิ จู นส์ ทิ ธกิ บั กรมธนารกั ษ์ หรอื แดนกรรมสทิ ธข์ิ องเอกชนรายอนื่ โดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตได้ แต่สำ� หรับการปลูกสร้างในคลองสาธารณประโยชน์ ทะเล เขตปา่ ไม้ เขตอุทยานแหง่ ชาติ นายทะเบยี น สามารถออกใบรับแจ้งให้ได้ โดยให้หมายเหตุว่าสถานที่พักแห่งนี้อยู่ในเขตท่ีสาธารณประโยชน์ เขตปา่ ไม้ เขตอุทยานแหง่ ชาติ แล้วแจง้ หน่วยงานที่มีหนา้ ที่ตามกฎหมายนนั้ ๆ ด�ำเนนิ คดแี ละผลกั ดัน เป็นตน้ ดงั นนั้ เนอื่ งจากกรณดี งั กลา่ วเปน็ ปญั หาขอ้ กฎหมายซง่ึ ยงั ไมม่ แี นวทางปฏบิ ตั ทิ ช่ี ดั เจน และอาจจะมผี ลกระทบตอ่ กระบวนการพิจารณาทางปกครอง กรมการปกครองจึงขอน�ำเรื่องดงั กลา่ ว เขา้ สกู่ ารพจิ ารณาของคณะกรรมการพจิ ารณารา่ งกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ทงั้ น้ี เพอื่ กรมการปกครอง จะได้ยดึ ถอื เป็นแนวทางปฏิบตั ิและตอบขอ้ หารือของจังหวดั ตราดตอ่ ไป โดยปลดั กระทรวงมหาดไทย ได้เหน็ ชอบดว้ ยแล้ว ฝา่ ยเลขานกุ ารฯ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในการตรวจพจิ ารณาร่างกฎกระทรวงกำ� หนด สถานทพี่ กั ท่ีไมเ่ ปน็ โรงแรม พ.ศ.......ของคณะกรรมการพจิ ารณารา่ งกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะท่ี ๒ ในการประชุมคร้ังที่ ๘/๒๕๕๐ เม่ือวันพฤหัสบดี ที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๐ ได้สอบถาม ข้อมูลเพ่ิมเติมจากผู้แทนกรมการปกครองเกี่ยวกับเหตุผลในการออกกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว ซ่ึงผู้แทนกรมการปกครองชี้แจงว่าเป็นข้อเสนอของคณะกรรมการส่งเสริมและก�ำกับธุรกิจโรงแรม สำ�นกั การสอบสวนและนติ ิการ กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 205 ท่ีมคี วามประสงค์จะให้การประกอบกจิ การสถานทีพ่ ักประเภท โฮมสเตย์ (Home Stay) ซงึ่ มีลักษณะ คลา้ ยกบั การประกอบกจิ การโรงแรมแตผ่ ปู้ ระกอบการมไิ ดม้ กี ารเสยี ภาษหี รอื คา่ ธรรมเนยี มเชน่ เดยี วกนั กับผู้รับอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม ซ่ึงปัจจุบันมีผู้ประกอบกิจการสถานท่ีพักประเภทโฮมสเตย์ อยู่เป็นจ�ำนวนหลายแห่ง โดยท่ีบางแห่งมีห้องพักจ�ำนวนมาก จึงสมควรจัดให้กิจการดังกล่าว ให้เข้ามาอยู่ในระบบการประกอบธรุ กจิ โรงแรม แต่ควรยกเวน้ ให้สำ� หรบั การประกอบกิจการโฮมสเตย์ ขนาดเล็กของชาวบ้านในท้องถิ่นที่มีห้องพักจ�ำนวนน้อยสามารถหารายได้เพ่ือเป็นอาชีพเสริม สำ� หรบั จนุ เจอื ครอบครวั โดยการใหเ้ ชา่ หอ้ งพกั จำ� นวนไมเ่ กนิ หา้ หอ้ ง ซงึ่ หากไมม่ กี ารออกกฎกระทรวง ฯ เพ่ือยกเว้นไว้ กิจการดังกล่าวก็จะเข้าองค์ประกอบค�ำนิยาม “โรงแรม” ซึ่งผู้ประกอบการจะต้อง ขออนุญาตตามเง่ือนไขกฎหมายโรงแรม ดังนั้น เพ่ือมิให้กระทบต่อผู้ประกอบกิจการเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงได้จดั ทำ� ร่างกฎกระทรวงกำ� หนดสถานทพ่ี กั ท่ีไมเ่ ปน็ โรงแรม พ.ศ. ... เพอ่ื คณะกรรมการพิจารณา ร่างกฎหมาย ฯ ตรวจพิจารณา โดยคณะกรรมการพิจารณารา่ งกฎหมาย ฯ คณะท่ี ๒ มขี ้อสังเกตว่า สถานท่พี ัก ประเภทโฮมสเตยถ์ อื เปน็ โรงแรมตามกฎหมายวา่ ดว้ ยโรงแรม ในหลกั การแลว้ ไมค่ วรไดร้ บั การยกเวน้ ใหแ้ กโ่ รงแรมประเภทนเ้ี ปน็ พเิ ศษ แตเ่ นอ่ื งจากคณะกรรมการสง่ เสรมิ และกำ� กบั ธรุ กจิ โรงแรมมเี หตผุ ล ในการออกร่างกฎกระทรวง ฯ เพื่อยกเว้นให้แก่การประกอบกิจการโฮมสเตย์ขนาดเล็กของชาวบ้าน ในท้องถิ่นท่ีมีห้องพักจ�ำนวนน้อยสามารถหารายได้เพ่ือเป็นอาชีพเสริมส�ำหรับจุนเจือครอบครัว โดยการให้เช่าห้องพักจ�ำนวนไม่เกินห้าห้อง คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมาย ฯ ก็เห็นชอบด้วย และเมอื่ พจิ ารณาการประกอบกจิ การสถานทพ่ี กั ประเภทโฮมสเตย์ โดยเปรยี บเทยี บกบั ของตา่ งประเทศ นนั้ ปรากฏวา่ ในประเทศองั กฤษ รฐั จะอนญุ าตใหป้ ระชาชนใชบ้ า้ นพกั อาศยั ของตนเอง ซง่ึ มหี อ้ งพกั อาศยั ทว่ี า่ งจำ� นวนหนงึ่ หรอื สองหอ้ ง เปน็ ทพ่ี กั สำ� หรบั ใหบ้ รกิ ารแกเ่ ดก็ นกั เรยี นนกั ศกึ ษาตามโครงการแลกเปลย่ี น ด้านภาษาหรือวัฒนธรรมระหว่างประเทศ หรือให้นักท่องเท่ียวเข้าพักอาศัยพร้อมการบริการอาหารเช้า สว่ นในประเทศสงิ คโปรก์ ำ� หนดใหก้ จิ การสถานทพี่ กั ประเภทโฮมสเตยม์ หี อ้ งพกั จำ� นวนได้ไมเ่ กนิ สหี่ อ้ ง สำ� หรบั ในประเทศไทย ซง่ึ สภาพบา้ นเรอื นมลี กั ษณะเปน็ ครอบครวั ขยาย มหี อ้ งวา่ งในบา้ นจำ� นวนมาก พอสมควร อีกท้ังการเดินทางไปท่องเที่ยวและพักค้าง ณ โฮมสเตย์ จะไปกันท้ังครอบครัว เช่น พ่อ แม่ ลูกอีกสองถึงสามคน จึงควรก�ำหนดจ�ำนวนห้องพักเพื่อการยกเว้นไว้ไม่เกินจ�ำนวนส่ีห้อง แตค่ ณะกรรมการพจิ ารณารา่ งกฎหมายฯ เหน็ วา่ ในปจั จบุ นั มผี ปู้ ระกอบกจิ การสถานทพ่ี กั ประเภทโฮมสเตย์ บางแห่งได้ด�ำเนินการโดยมีห้องพักขนาดใหญ่ เช่น ที่อ�ำเภอวังน�้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา มีห้องพักขนาดใหญ่โดยในหนึ่งห้องแบ่งเป็นสองแถวๆ ละ สิบห้าเตียง รวมห้องละสามสิบเตียง คดิ คา่ พักเป็นราย ๆ คนละเจด็ ร้อยถึงแปดร้อยบาท เปน็ ตน้ ซ่งึ หากกำ� หนดกฎกระทรวงไว้ไมร่ อบคอบ จะกอ่ ใหเ้ กดิ ความไม่เปน็ ธรรมแก่ผู้ประกอบกจิ การโรงแรมที่ปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย สำ�นักการสอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง

206 กฎหมายโรงแรม ดงั นน้ั การกำ� หนดกจิ การสถานทพ่ี กั ประเภทโฮมสเตย์ จงึ ควรกำ� หนด ครอบคลมุ ทงั้ จำ� นวนหอ้ งพกั และจำ� นวนผเู้ ขา้ พกั ไวด้ ว้ ย ซง่ึ หากกฎกระทรวงกำ� หนดเฉพาะจำ� นวนหอ้ งพกั อยา่ ง เดยี วเทา่ นนั้ อาจเกดิ การหลีกเล่ยี งโดยอาศัยช่องวา่ งของกฎกระทรวง โดยใหส้ ถานประกอบกจิ การ ของตนมหี ้องพกั ไม่เกนิ จำ� นวนที่กฎกระทรวงกำ� หนดคือ จ�ำนวนสีห่ อ้ ง แต่สร้างหรอื ก�ำหนดขนาดหอ้ ง พักให้มีขนาดใหญ่สามารถเพ่ิมจ�ำนวนเตียงส�ำหรับผู้เข้าพักให้สามารถเข้าพักแรมได้เป็นจ�ำนวนมาก ในแต่ละห้อง คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายฯ ได้พิจารณาข้อหารือดังกล่าวโดย ได้ฟังข้อเท็จจริงจากค�ำช้ีแจงของผู้แทนกรมการปกครองและผู้แทนจังหวัดตราดแล้ว มีความเห็นว่า ความในขอ้ ๑ ของกฎกระทรวงกำ� หนดประเภทและหลกั เกณฑก์ ารประกอบธรุ กจิ โรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ บญั ญตั ใิ หส้ ถานทพี่ กั ทมี่ หี อ้ งพกั ในอาคารเดยี วกนั หรอื หลายอาคารไมเ่ กนิ สห่ี อ้ งมผี พู้ กั รวมกนั ไมเ่ กนิ ยส่ี บิ คน ซ่ึงจัดต้ังข้ึนเพ่ือให้บริการท่ีพักช่ัวคราวส�ำหรับคนเดินทางหรือบุคคลอ่ืนใดโดยมีค่าตอบแทน อันมีลักษณะเป็นการประกอบกิจการเพ่ือหารายได้เสริมและได้แจ้งให้นายทะเบียนทราบตามแบบที่ รัฐมนตรีประกาศก�ำหนด ไม่เป็นโรงแรมตาม (๓) ของบทนิยามค�ำว่า “โรงแรม” ในมาตรา ๔ น้ัน กด็ ว้ ยเจตนารมณท์ เี่ หน็ วา่ ปจั จบุ นั การทอ่ งเทยี่ วในเชงิ อนรุ กั ษ์ไดร้ บั ความนยิ มมากขนึ้ ในแตล่ ะทอ้ งถน่ิ มกี ารประกอบธรุ กจิ ใหบ้ รกิ ารสถานทพ่ี กั ขนาดเลก็ เปน็ รายไดเ้ สรมิ อนั เปน็ กจิ การทส่ี ง่ เสรมิ การทอ่ งเทยี่ ว สรา้ งรายได้ใหแ้ กท่ อ้ งถน่ิ รวมทงั้ เผยแพรแ่ ละอนรุ กั ษข์ นบธรรมเนยี มประเพณแี ละวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ ดงั นนั้ เพอื่ ประโยชน์ในการสง่ เสรมิ การประกอบกจิ การดงั กลา่ ว สมควรกำ� หนดใหส้ ถานทพี่ กั ขนาดเลก็ ซง่ึ มหี อ้ งพกั ไมเ่ กนิ สห่ี อ้ งและมจี ำ� นวนผพู้ กั ไมเ่ กนิ ยส่ี บิ คนซง่ึ ใหบ้ รกิ ารเพอื่ หารายไดเ้ สรมิ ไมเ่ ปน็ โรงแรม ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบญั ญตั ิโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ตามเหตผุ ลในการประกาศใชก้ ฎกระทรวง ฉบบั น้ี หมายความวา่ ผปู้ ระกอบการสถานทพ่ี กั ทเี่ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑท์ กี่ ฎกระทรวงดงั กลา่ วกำ� หนด และไดย้ น่ื แบบหนงั สอื แจง้ สถานทพ่ี กั ทเ่ี ปน็ โรงแรมพรอ้ มดว้ ยเอกสารหลกั ฐานทเ่ี กยี่ วขอ้ งตอ่ นายทะเบยี น เมอ่ื นายทะเบยี นไดต้ รวจสอบเอกสารหลกั ฐานตา่ ง ๆ เหน็ วา่ ถกู ตอ้ งครบถว้ นตามหลกั เกณฑท์ ก่ี ฎกระทรวง ดงั กลา่ วกำ� หนดแลว้ กจ็ ะออกหนงั สอื รบั แจง้ ให้ เพอ่ื แสดงใหเ้ หน็ วา่ สถานทพ่ี กั ดงั กลา่ วไมเ่ ปน็ โรงแรม เน่ืองจากกฎกระทรวงดังกล่าวมีเจตนารมณ์ท่ีจะส่งเสริมการประกอบธุรกิจให้บริการสถานที่พักขนาดเล็ก เป็นรายได้เสริมอนั เป็นกจิ การที่ส่งเสรมิ การท่องเทย่ี ว สรา้ งรายได้ให้แกท่ อ้ งถิน่ ดังน้ัน จึงไม่จ�ำเปน็ ต้องควบคุมการจัดต้ังสถานที่พักดังกล่าวอย่างเคร่งครัดเป็นเพียงแต่การก�ำกับดูแลกิจการเท่านั้น นายทะเบยี นจงึ ไมต่ อ้ งใชด้ ลุ พนิ จิ ในการพจิ ารณาวา่ สมควรอนญุ าตใหจ้ ดั ตงั้ โรงแรมหรอื ไมอ่ กี เมอื่ สถานทพ่ี กั ดังกล่าวไม่เป็นโรงแรมตาม (๓) ของบทนิยามค�ำว่าโรงแรมแล้ว ก็ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งนำ� เงอื่ นไขใน ขอ้ ๒ ถงึ ขอ้ ๒๒ ของกฎกระทรวงดงั กลา่ วมาใชบ้ งั คบั การรบั แจง้ แตอ่ ยา่ งใด กรณตี ามทจี่ ังหวัดตราดหารอื หาก ปรากฏข้อเท็จจรงิ เปน็ ที่ยตุ วิ ่าเป็นไปตามหลกั เกณฑท์ ่กี ำ� หนดในกฎกระทรวงดงั กลา่ ว นายทะเบยี นกจ็ ะ ตอ้ งพจิ ารณาออกใบรบั แจง้ ให้ และหากพบวา่ สถานทพ่ี กั ดงั กลา่ วไม่ถกู ตอ้ งตามทก่ี �ำหนดไว้ในกฎหมายอืน่ ก็ต้องพจิ ารณาด�ำเนนิ การตามกฎหมายที่เก่ียวข้องดังกล่าวต่อไป ส�ำ นกั การสอบสวนและนติ กิ าร กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 207 อน่ึง ประธานในทปี่ ระชุมไดพ้ ิจารณาเจตนารมณข์ องร่างกฎกระทรวงดงั กลา่ วแลว้ มคี วามเหน็ เพมิ่ เตมิ วา่ สถานทพี่ กั ดงั กลา่ วทจ่ี ะมาแจง้ นน้ั จะตอ้ งพจิ ารณาวา่ เปน็ ของประชาชนในทอ้ ง ถน่ิ น้ัน ๆ ด้วย ไม่ใช่ใหบ้ ุคคลในทอ้ งถิ่นอน่ื มากอ่ สร้างเพิม่ เติมและแจง้ การไมเ่ ปน็ โรงแรมดังกล่าว คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมาย ฯ มีความเห็นเพ่ิมเติมว่า ตามเหตุผล ในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ท่ีได้กล่าวมาแล้ว เห็นได้ว่าเจตนารมณ์ของความในข้อ ๑ ของกฎกระทรวงดังกล่าว ก็เพื่อเป็นการส่งเสริมการประกอบธุรกิจให้บริการสถานท่ีพักขนาดเล็ก เปน็ รายไดเ้ สรมิ อนั เปน็ กจิ การทสี่ ง่ เสรมิ การทอ่ งเทย่ี ว สรา้ งรายได้ใหแ้ กท่ อ้ งถนิ่ ดงั นนั้ ในการดำ� เนนิ การ ออกใบรบั แจง้ ของนายทะเบยี น นอกจากจะตอ้ งพจิ ารณาตามหลกั เกณฑท์ ก่ี ฎกระทรวงดงั กลา่ วกำ� หนด ไว้แล้ว ยังจะต้องพิจารณาถึงเจตนารมณ์ของกระทรวงดังกล่าวด้วย ท้ังน้ี เพื่อเป็นการอ�ำนวย ความเปน็ ธรรมแกป่ ระชาชนในทอ้ งถนิ่ ใหส้ ามารถประกอบธรุ กจิ ใหบ้ รกิ ารสถานทพี่ กั ขนาดเลก็ เพอ่ื เปน็ รายไดเ้ สริมสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงดงั กลา่ ว มตทิ ป่ี ระชมุ ใหก้ รมการปกครองรบั ความเหน็ ของคณะกรรมการพจิ ารณารา่ งกฎหมายฯ ไปพิจารณาด�ำเนนิ การในส่วนทเ่ี ก่ียวข้องต่อไป ระเบียบวาระท่ี ๔ เรื่องอ่ืน ๆ - ไมม่ ี เลกิ ประชุมเวลา ๑๐.๓๐ น. (นายสมาวษิ ฎ์ สุพรรณไพ) กรรมการและผู้ชว่ ยเลขานกุ ารฯ ผู้จดรายงานการประชุม (นายพพิ ัฒน์ เนยี้ วคงศกั ดิ์) กรรมการและเลขานุการ ผตู้ รวจรายงานการประชุม สำ�นกั การสอบสวนและนติ กิ าร กรมการปกครอง

208 กฎหมายโรงแรม บันทกึ ข้อความ ส่วนราชการ ส�ำนกั กฎหมาย สป. สว่ นร่างกฎหมาย โทร. ๐ ๒๒๒๒-๒๘๔๙, ๕๐๕๖๗ วนั ท่ี ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ที่ มท ๐๒๐๘.๕/๒๒๒ เร่ือง แจง้ มติทป่ี ระชมุ เรยี น อธบิ ดกี รมการปกครอง ตามหนังสือกรมการปกครองที่ มท ๐๓๐๗.๖/๓๖๕๓ ลงวันท่ี ๖ มีนาคม ๒๕๕๘ ได้เสนอข้อหารือคุณสมบัติผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ให้คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของ กระทรวงมหาดไทย ชว่ ยพิจารณาให้ นน้ั คณะกรรมการพจิ ารณารา่ งกฎหมายฯ คณะท่ี ๑ ไดป้ ระชมุ เพอื่ ตรวจพจิ ารณาขอ้ หารอื ดงั กลา่ ว โดยท่ปี ระชมุ เห็นดังน้ี ประเดน็ ทหี่ นงี่ กรณผี แู้ ทนนติ บิ คุ คลของบรษิ ทั ฯ มสี ญั ชาตสิ งิ คโปร์ โดยใชเ้ อกสารหลกั ฐาน หนงั สือเดินทาง (PASSPORT) มาย่ืนคำ� ขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธุรกจิ โรงแรม ซ่งึ มาตรา ๑๖ (๒) จะตอ้ งมภี มู ลิ ำ� เนาหรอื ถน่ิ ทอ่ี ยู่ในราชอาณาจกั รไทย ผขู้ อรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมดงั กลา่ ว จะใชเ้ อกสารหลกั ฐานหนงั สอื เดนิ ทาง (PASSPORT) มายน่ื คำ� ขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรม ไดห้ รอื ไม่ เหน็ ว่า มาตรา ๑๖ วรรคหนงึ่ (๒) และมาตรา ๑๖ วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญตั ิโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ก�ำหนดว่าถ้าผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคล ผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้น จะตอ้ งมีภมู ิล�ำเนาหรือถิ่นทอี่ ยู่ในราชอาณาจักรไทยดว้ ย เม่อื พิจารณาจากบทบัญญัตดิ งั กล่าวจะเหน็ ไดว้ า่ พระราชบญั ญตั โิ รงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ไดบ้ ญั ญตั เิ กยี่ วกบั ภมู ลิ ำ� เนาของผแู้ ทนนติ บิ คุ คลไวเ้ ปน็ การ เฉพาะ เม่ือปรากฏขอ้ เทจ็ จรงิ ตามค�ำชี้แจงของผู้แทนกรมการปกครองวา่ บริษทั อัมรา ฮอสพทิ าลิต้ี (ประเทศไทย) จำ� กัด จดั ตัง้ ตามกฎหมายประเทศสิงคโปร์ โดยมนี ายเทียว ฮอก ชวน สัญชาตสิ งิ คโปร์ และนายเทียว ควี ชวน สัญชาติสิงคโปร์ เป็นกรรมการ ผู้มีอ�ำนาจลงนามผูกพันบริษัทฯ ดังนั้น ผู้แทนของบริษัทฯ ท่ีขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมจึงต้องมีภูมิล�ำเนาในราชอาณาจักรไทย ตาม มาตรา ๑๖ วรรคหนงึ่ (๒) และมาตรา ๑๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญตั โิ รงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ดว้ ย สว่ นกรณที ผี่ แู้ ทนนติ บิ คุ คลของบรษิ ทั ฯ มสี ญั ชาตสิ งิ คโปร์ ได้ใชเ้ อกสารหลกั ฐานหนงั สอื เดนิ ทาง (PASSPORT) มายืน่ คำ� ขอรับใบอนญุ าตประกอบธรุ กิจโรงแรม เอกสารดงั กลา่ วจงึ ไม่ใชเ่ อกสารหรอื หลกั ฐานการแสดงภมู ลิ ำ� เนาตามมาตรา ๑๖ วรรคหนง่ึ (๒) และมาตรา ๑๖ วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญตั ิ โรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ สำ�นักการสอบสวนและนติ กิ าร กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 209 ประเด็นท่ีสอง ถ้าผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมไม่สามารถใช้เอกสารหลักฐาน หนังสือเดนิ ทาง (PASSPORT) มาย่ืนคำ� ขอรับใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมได้ ในการย่ืนเอกสาร ประกอบการพจิ ารณาในกรณดี งั กลา่ วจะตอ้ งมแี นวทางปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร จงึ จะถอื วา่ บคุ คลทมี่ สี ญั ชาตอิ น่ื มีภูมิล�ำเนาหรือมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไทย เห็นว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้อาศัย อำ� นาจตามความในมาตรา ๑๕ วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญัตโิ รงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ออกประกาศ กระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการพิจารณาการขอใบอนุญาตและการออกใบ อนญุ าตใหป้ ระกอบธุรกจิ โรงแรม ดงั นนั้ เอกสารหลักฐานในการพิจารณาการขอใบอนญุ าตประกอบ ธรุ กจิ โรงแรม ซึ่งรวมถึงเอกสารเกยี่ วกบั การมภี มู ลิ �ำเนาหรอื ถ่นิ ทอ่ี ยู่ในราชอาณาจักรไทย กต็ ้องเปน็ ไปตามประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวด้วย ตุลาการเป็นผู้มีอ�ำนาจตรวจสอบเช่นเดียวกันด้วย กรมการปกครองควรรบั ประเดน็ นี้ไปพจิ ารณาตอ่ ไป ทปี่ ระชมุ จงึ มมี ติ ใหก้ รมการปกครอง รบั ความเหน็ ของคณะกรรมการพจิ ารณารา่ งกฎหมาย ของกระทรวงมหาดไทย ไปพิจารณาด�ำเนินการต่อไป รายละเอียดปรากฏตามรายงานการประชุม คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ ๑ ครัง้ ท่ี ๒๓/๒๕๕๘ วันจันทร์ท่ี ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ที่แนบมาพร้อมนี้ จงึ เรยี นมาเพือ่ โปรดทราบ (นายยงยุทธ ชนื้ ประเสรฐิ ) กรรมการและผูช้ ่วยเลขานุการ คณะกรรมการพจิ ารณารา่ งกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ส�ำ นกั การสอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง

210 กฎหมายโรงแรม รายงานการประชมุ คณะกรรมการพจิ ารณารา่ งกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะท่ี ๑ ครง้ั ท่ี ๒๓/๒๕๕๘ วนั จนั ทรท์ ่ี ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ หอ้ งประชมุ สำ� นกั กฎหมาย สป. ชน้ั ๖ อาคารสถาบนั ดำ� รงราชานภุ าพ กระทรวงมหาดไทย ผ้มู าประชมุ กรรมการ ท�ำหนา้ ที่ประธาน ๑. นายอคั รเดช เจมิ สริ ิ ท่ปี รึกษาดา้ นกฎหมาย ส�ำนักงานปลดั กระทรวงมหาดไทย ๒. นายสวัสดิ ์ ส่งสัมพนั ธ์ กรรมการ ๓. ศ. พเิ ศษ กมลขยั รตั นสกาววงศ์ กรรมการ ๔. นายสพุ ล ยตุ ิธาดา กรรมการ ๕. ศ. พิเศษ ยุวัฒน์ วฒุ เิ มธี กรรมการ ๖. นายปริญญา อดุ มทรัพย ์ กรรมการ ๗. นายพนิ ัย อนันตพงศ ์ กรรมการ ๘. นายธวชั ขยั ฟกั อังกูร กรรมการ ๙. นางสาววัณณนา บุนนาค กรรมการ ๑๐. นายเอกศกั ด์ ิ ตรกี รุณาสวัสดิ์ กรรมการ ๑๑. นายกฤดิธาดา จารุสกลุ กรรมการ รักษาราชการแทนผู้อ�ำนวยการส�ำนกั กฎหมาย สป. ๑๒. นายคณิต คงช่วย กรรมการและเลขานกุ าร นติ ิกรชำ� นาญการพิเศษ ส�ำนักกฎหมาย สป. ๑๓. นายยงยทุ ธ ช้ืนประเสริฐ กรรมการและผู้ช่วยเลขานกุ าร นิตกิ รช�ำนาญการ สำ� นักกฎหมาย สป. ผู้ไมม่ าประชมุ ๑. รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านบรหิ าร ไมม่ ีผปู้ ฏิบัติหนา้ ท่ี ๒. นายชเู กยี รต ิ รัตนชยั ชาญ ตดิ ราชการ ผู้เขา้ ร่วมประชุม นติ ิกรช�ำนาญการ ส�ำนกั กฎหมาย สป. ๑. นางสาวจิตรลดา เหลอื งภริ มย์ นิติกรปฏิบัติการ ส�ำนกั กฎหมาย สป. ๒. นางสาวชชั ฎาภรณ์ กอผจญ นติ กิ รปฏิบัตกิ าร ส�ำนกั กฎหมาย สป. ๓. นายมงคลขัย คลงั ทอง สำ�นกั การสอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 211 ผ้แู ทนกรมการปกครอง ส�ำนกั การสอบสวนและนติ กิ าร ๑. นายศักด์ชิ ัย แตงฮ่อ ผู้อำ� นวยการการส�ำนกั การสอบสวนและนติ กิ าร ผู้อ�ำนวยการส่วนรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย ๓ ๒. นายบณั ฑูร นรศิ รางกูร นติ กิ รชำ� นาญการ ๓. วา่ ท่ี ร.ต. สุชาติ พระเพชร ส�ำนกั บรหิ ารการปกครองทอ้ งท ่ี ๑. นายกิติพงษ์ แย้มมี ผอู้ �ำนวยการส่วนบริหารงานก�ำนนั ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าพนักงานปกครองชำ� นาญการ ๒. นางมะลิ มานะศริ ิมัน เจา้ พนกั งานปกครองช�ำนาญการ เจ้าพนกั งานปกครองชำ� นาญการ ๓. นายพชรพล ศรีสมบุญ เจ้าพนักงานปกครองช�ำนาญการ เจ้าพนักงานปกครองชำ� นาญการ ๔. นางสาวกนกวรรณ อรรถการุณพันธ์ ๕. นางวราภรณ ์ ย้ิมประเสริฐ ๖. นายพสิ ุทธ ิ ชมด ี เร่ิมประชุมเวลา ๐๙.๐๐ น. ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมเนื่องจากรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านบริหาร ระงับการ ปฏบิ ตั ริ าชการในตำ� แหนง่ เดมิ เปน็ การชว่ั คราว ตามขอ้ ๒ ของคำ� สงั่ หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ วนั ที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เรอ่ื ง มาตรการแกป้ ญั หาเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ทอี่ ยรู่ ะหวา่ ง การถูกตรวจสอบและการก�ำหนดกรอบอัตราก�ำลังชั่วคราว ท่ีประชุมจึงมีมติให้นายอัครเดข เจิมศิริ ท่ีปรึกษาด้านกฎหมาย สำ� นกั งานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการ ท�ำหนา้ ทปี่ ระธานในท่ีประชมุ ระเบยี บวาระที ่ ๑ เรื่องทีป่ ระธานแจ้งทีป่ ระชมุ ทราบ ฝ่ายเลขานุการ ช้ีแจงว่า ตามข้อ ๒ ของค�ำส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่ี ๑๖/๒๕๕๘ วนั ที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เรอื่ ง มาตรการแกป้ ญั หาเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ทอ่ี ยรู่ ะหวา่ ง การถูกตรวจสอบและการก�ำหนดกรอบอัตราก�ำลังช่ัวคราว ก�ำหนดให้นายแก่นเพชร ช่วงรังสี รองปลดั กระทรวงมหาดไทย ดา้ นบรหิ าร (ตามทป่ี ลดั กระทรวงมหาดไทยมอบหมายใหท้ ำ� หนา้ ทปี่ ระธาน กรรมการ) ระงบั การปฏบิ ตั ิราชการในต�ำแหน่งเดมิ เปน็ การชวั่ คราวและไปปฏิบตั ริ าชการในต�ำแหนง่ ประจ�ำส�ำนกั งานปลดั กระทรวง ในกระทรวงที่สังกดั โดยไมข่ าดจากอตั ราเงินเดือนทางสังกดั เดิมและ ให้ปฏบิ ัติหนา้ ที่ตามท่ีรฐั มนตรีเจา้ สังกดั มอบหมาย มติที่ประชมุ รบั ทราบ สำ�นักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง

212 กฎหมายโรงแรม ระเบยี บวาระที่ ๒ เรอ่ื งรับรองรายงานการประชมุ รายงานการประชมุ คณะกรรมการพจิ ารณารา่ งกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ ๑ ครง้ั ท่ี ๒๒/๒๕๕๘ วนั จันทร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายฯ ได้ตรวจพิจารณารายงานการประชุมดังกล่าวแล้ว ไม่มกี ารแก้ไข มตทิ ปี่ ระชมุ รบั รองรายงานการประชมุ คณะกรรมการพจิ ารณารา่ งกฎหมายของกระทรวง มหาดไทย คณะท่ี ๑ ครั้งท่ี ๒๒/๒๕๕๘ วันจนั ทรท์ ่ี ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ระเบยี บวาระที่ ๓ เรอื่ งเสนอทป่ี ระชุมเพอ่ื พิจารณา ๓.๑ กรมการปกครองได้เสนอข้อหารือการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วย ผู้ใหญบ่ า้ นที่กลับเขา้ รับต�ำแหน่ง ผูแ้ ทนกรมการปกครองช้ีแจงวา่ ๑. กรมการปกครอง ได้มีหนังสือขอหารือการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้ใหญ่บ้านและ ผชู้ ว่ ยผู้ใหญบ่ า้ นทกี่ ลบั เขา้ รบั ตำ� แหนง่ ตอ่ คณะกรรมการพจิ ารณารา่ งกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย สรปุ ข้อเทจ็ จรงิ ได้ดังน้ี ๑.๑ จงั หวดั ขอนแกน่ ไดห้ ารอื กรมการปกครองวา่ จงั หวดั ขอนแกน่ มคี ำ� สง่ั ท่ี ๔๕๒๔/๒๕๕๗ ลงวนั ท่ี ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๗ เพิกถอนคำ� สัง่ ใหผ้ ู้ใหญ่บ้าน (นายโกวิท เวยี งแก้ว) พน้ จากต�ำแหน่ง ตามค�ำสั่งจังหวัดขอนแก่นท่ี ๒๓๐๓/๒๕๕๖ ลงวันท่ี ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เนื่องจากข้อเท็จจริง ไมป่ รากฏวา่ มกี ารกระทำ� ทที่ ำ� ใหก้ ารเลอื กผู้ใหญบ่ า้ นไมบ่ รสิ ทุ ธแิ์ ละยตุ ธิ รรม ตามมาตรา ๑๓ วรรคหนงี่ แหง่ พระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะปกครองหอ้ งที่ พระพทุ ธศกั ราช ๒๔๕๗ ประกอบขอ้ ๘๔ (๑) ของระเบยี บ กระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยการเลอื กผู้ใหญบ่ า้ น พ.ศ. ๒๕๕๑ และการทอี่ ำ� เภอชนบท จะเบกิ จา่ ยคา่ ตอบแทน สำ� หรบั ผู้ใหญบ่ า้ นและผชู้ ว่ ยผู้ใหญบ่ า้ น หมทู่ ่ี ๔ ตำ� บลชนบท อำ� เภอชนบท จงั หวดั ขอนแกน่ ยอ้ นหลงั ตั้งแต่วนั ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ - ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๗ เป็นการชอบหรือไม่ ซ่ึงจงั หวดั ขอนแกน่ พิจารณาเห็นว่านายโกวิท.ฯ ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ท่ี ๔ ต�ำบลชนบท อ�ำเภอชนบท จงั หวดั ขอนแกน่ มสี ทิ ธไิ ดร้ บั คา่ ตอบแทนเตม็ จำ� นวนตง้ั แตว่ นั ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ - ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๗ โดยพจิ ารณาเทยี บเคยี งตามมาตรา ๗ แหง่ พระราชบญั ญตั เิ งนิ เดอื นของขา้ ราชการผถู้ กู สง่ั พกั ราชการ พ.ศ. ๒๕๐๒ ประกอบหนงั สอื สำ� นกั เลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรที ี่ สร ๐๒๐๓/ว ๒๗๐ ลงวนั ที่ ๑๔ ธนั วาคม ๒๕๒๔ จงั หวัดขอนแก่นขอหารือว่าความเห็นของจงั หวดั ถูกต้องหรือไม่ ส�ำ นกั การสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 213 ๑.๒ กรมการปกครองเหน็ ว่าเม่ือจังหวัดขอนแก่นมคี ำ� สัง่ เพกิ ถอนค�ำสง่ั ใหผ้ ู้ใหญบ่ า้ น พน้ จากตำ� แหนง่ ดงั กลา่ ว เมอื่ วนั ที่ ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๗ เนอื่ งจากไมป่ รากฏวา่ มกี ารกระทำ� ผดิ ตามตาม มาตรา ๑๓ วรรคหนง่ึ แหง่ พระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะปกครองทอ้ งทฯี่ โดยใหม้ ผี ลตง้ั แตว่ นั ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ย่อมถือได้ว่า นายโกวทิ ฯ มไิ ด้เคยพ้นจากตำ� แหน่งผู้ใหญบ่ ้าน และมรี ะยะเวลาการปฏิบัติงาน สบื เนอื่ งตอ่ กนั มา จงึ มสี ทิ ธไิ ดร้ บั คา่ ตอบแทนเตม็ จำ� นวนตง้ั แตว่ นั ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ - ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๗ ส่วนกรณีผชู้ ่วยผู้ใหญบ่ าั นเมื่อข้อเท็จจริงถอื ได้ว่าผู้ใหญ่บา้ นมิไดเ้ คยพ้นจากตำ� แหน่ง จึงไมม่ ี เหตใุ หผ้ ชู้ ว่ ยผู้ใหญบ่ า้ นตอ้ งออกจากตำ� แหนง่ ตามมาตรา ๑๘ แหง่ พระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะปกครองทอ้ งท่ีฯ และยอ่ มถอื ไดว้ ่าผชู้ ่วยผู้ใหญ่บ้านมิเคยออกจากตำ� แหนง่ และมรี ะยะเวลาการปฏิบตั ิงานสบื เนอ่ื งตอ่ กนั มา จงึ มสี ทิ ธไิ ดร้ บั คา่ ตอบแทนเตม็ จำ� นวนตง้ั แตว่ นั ท่ี ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ - ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๗ เช่น เดยี วกบั ผู้ใหญ่บ้าน ความเหน็ ของจงั หวัดจงึ ชอบแลว้ เน่อื งจากกรณีดงั กลา่ วเปน็ ปัญหาเกี่ยวกับการ วนิ จิ ฉัยตีความข้อกฎหมายซงึ่ มผี ลกระทบต่อสทิ ธขิ องบคุ คลและตดั สิทธบิ ุคคล ประกอบกับยงั ไมเ่ คย มีแนวปฏิบัติมาก่อน ดังนั้น เพ่ือให้เกิดความรอบคอบ รัดกุม ถูกต้อง และถือเป็นแนวทางปฏิบัติ เห็นควรหารือต่อคณะกรรมการพจิ ารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ต่อไป ๒. สำ� นกั กฎหมาย สป. พจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ เมอื่ จงั หวดั ขอนแกน่ มคี ำ� สง่ั ท่ี ๔๕๒๔/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๗ เพกิ ถอนค�ำส่งั ให้ผู้ใหญ่บา้ น (นายโกวทิ เวยี งแก้ว) พ้นจากตำ� แหน่ง ตามคำ� ส่งั จงั หวัดขอนแกน่ ที่ ๒๓๐๓/๒๕๕๖ ลงวนั ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ กรณยี ่อมถอื ไดว้ า่ นายโกวทิ ฯ มิได้เคยพ้นจากต�ำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน และเมื่อปรากฏว่านายโกวิทฯ ไม่มีความผิดหรือไม่มีมลทิน จงึ ควรได้รับคา่ ตอบแทบในระหว่างทีถ่ ูกส่ังให้พ้นจากต�ำแหน่ง คอื ระหวา่ งวันท่ี ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ - ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๗ โดยนำ� หลกั เกณฑก์ ารเบกิ เงนิ คา่ ตอบแทนตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการจา่ ยเงนิ เดอื น ข้าราชการผู้ถูกสั่งพักราชการมาใช้โดยอนุโลม และเมื่อถือได้ว่าผู้ใหญ่บ้านมิได้พ้นจากต�ำแหน่ง จงึ ไมม่ เี หตทุ ำ� ใหผ้ ชู้ ว่ ยผู้ใหญบ่ า้ นตอ้ งออกจากตำ� แหนง่ ตามมาตรา ๑๘ วรรคทา้ ย แหง่ พระราชบญั ญตั ิ ลกั ษณะปกครองทอ้ งทฯ่ี จงึ ถอื วา่ ผชู้ ว่ ยผู้ใหญบ่ า้ นไมเ่ คยออกจากตำ� แหนง่ และมสี ทิ ธไิ ดร้ บั คา่ ตอบแทน เช่นเดียวกับผู้ใหญ่บ้าน เนื่องจากกรมการปกครองเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายฯ พิจารณาให้ความเห็น จึงเห็นควรส่งเร่ืองดังกล่าวหารือคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายฯ ตามท่ีกรมการปกครองเสนอ ท้ังนี้ นายอภินันท์ ซ่ือธานุวงศ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยส่ังและ ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เห็นชอบให้คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมาย ของกระทรวงมหาดไทยชว่ ยพจิ ารณาให้ความเหน็ ส�ำ นกั การสอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง

214 กฎหมายโรงแรม คณะกรรมการพิจารณารา่ งกฎหมายฯ คณะที่ ๑ ไดพ้ ิจารณาขอ้ หารอื ดงั กลา่ วโดยรบั ฟัง ข้อเท็จจริงจากค�ำช้ีแจงของผู้แทนกรมการปกครองแล้ว เห็นด้วยกับความเห็นของกรมการปกครอง และสำ� นักกฎหมาย สป. ทว่ี า่ เม่ือจงั หวัดขอนแกน่ มคี ำ� ส่ัง ที่ ๔๕๒๔/๒๕๕๗ ลงวนั ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ได้เพิกถอนค�ำส่ังจังหวัดขอนแก่น ท่ี ๒๓๐๓/๒๕๕๖ ลงวันท่ี ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ โดยมีผลให้ นายโกวีท เวียงแก้ว กลับมาด�ำรงต�ำแหน่งผู้ใหญ่บ้านตามเดิม ซ่ึงกรณีดังกล่าวย่อมถือได้ว่า นายโกวทิ ฯ มไิ ดเ้ คยพน้ จากตำ� แหนง่ ผู้ใหญบ่ า้ น ดงั นนั้ เมอ่ื นายโกวทิ ฯ ไมม่ คี วามผดิ จงึ ควรไดร้ บั คา่ ตอบแทน ในระหวา่ งท่ีถูกส่ังใหพ้ ้นจากตำ� แหนง่ ระหว่างวนั ท่ี ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ถงึ วนั ที่ ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๗ ทั้งนี้ เทียบเคียงได้กับหลักเกณฑ์การเบิกเงินค่าตอบแทนตามกฎหมายว่าด้วยการจ่ายเงินเดือน ข้าราชการผู้ถูกส่ังพักราชการ ส่วนประเด็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนั้น เมื่อถือได้ว่านายโกวิท เวียงแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน มิได้พ้นจากต�ำแหน่ง จึงไม่มีเหตุท�ำให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านต้องออกจากต�ำแหน่งตาม มาตรา ๑๘ วรรคหา้ แห่งพระราชบัญญัติลกั ษณะปกครองท้องที่ฯ จึงถอื วา่ ผ้ชู ่วยผู้ใหญบ่ ้านดังกล่าว ไมเ่ คยออกจากตำ� แหน่ง จงึ มีสิทธไิ ดร้ ับคา่ ตอบแทน เช่นเดยี วกบั ผู้ใหญ่บา้ น คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายฯ คณะท่ี ๑ มีข้อสังเกตว่าตามพระราชบัญญัติ ลกั ษณะปกครองทอ้ งทฯี่ ผทู้ จี่ ะดำ� รงตำ� แหนง่ ผู้ใหญบ่ า้ นจะตอ้ งมาจากการเลอื กของประชาชนในหมบู่ า้ น ซึ่งโดยหลักการตรวจสอบเกี่ยวกับการเลือกตั้งท่ีไม่เป็นไปโดยสุจริตและเท่ียงธรรมจะเป็นองค์กร ตุลาการทั้งนี้ เทียบเคียงได้กับมาตรา ๒๑๙ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำ� หนดใหศ้ าลฎกี ามอี ำ� นาจพจิ ารณาและวนิ จิ ฉยั คดที เ่ี กย่ี วกบั การเลอื กตงั้ และการเพกิ ถอนสทิ ธเิ ลอื กตงั้ ในการเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรและการไดม้ าซึง่ สมาชกิ วฒุ สิ ภา และใหศ้ าลอทุ ธรณม์ ีอำ� นาจ พิจารณาและวินิจฉัยคดีท่ีเกี่ยวกับการเลือกต้ังและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิก สภาท้องถ่ินและผู้บริหารท้องถิ่น ดังนั้น การเลือกผู้ใหญ่บ้านที่ไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม กค็ วรใหอ้ งค์กรตุลาการเปน็ ผ้มู อี ำ� นาจตรวจสอบเชน่ เดียวกนั ด้วย กรมการปกครองควรรบั ประเดน็ นี้ ไปพิจารณาตอ่ ไป มติที่ประชุม ให้กรมการปกครอง รับความเห็น พร้อมกับข้อสังเกตของคณะกรรมการ พจิ ารณารา่ งกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ไปพจิ ารณาดำ� เนนิ การในส่วนท่เี กีย่ วข้องไปได้ ๓.๒ กรมการปกครองไดเ้ สนอขอ้ หารือคุณสมบตั ผิ ปู้ ระกอบธรุ กิจโรงแรม กรมการปกครองชี้แจงว่า กรมการปกครองได้มหี นงั สอื เรยี นว่าบริษัท อัมรา ฮอสพิทาลิต้ี (ประเทศไทย) จ�ำกดั โดยนายเทยี ว ฮอก ชวน สัญชาติสงิ คโปร์ และนายเทยี ว ควี ชวน สญั ชาติสิงคโปร์ กรรมการผู้มีอ�ำนาจผูกพันบริษัทฯ ยื่นค�ำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมตามพระราชบัญญัติ โรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ เน่อื งจากผู้แทนนิตบิ ุคคลเป็นคนตา่ งด้าว จะต้องมีคุณสมบตั แิ ละไม่มีลักษณะ ต้องห้ามตามมาตรา ๑๖ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง (๒) แห่งพระราชบญั ญตั โิ รงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ในการขออนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรม โดยใชเ้ อกสารหลกั ฐานหนงั สอื เดนิ ทาง (PASSPORT) มาย่ืนค�ำขอรับใบอนุญาต จึงขอหารือคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย จำ� นวน ๒ ประเด็น สำ�นกั การสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 215 ประเด็นทีห่ น่ึง กรณผี แู้ ทนนติ ิบุคคลของบรษิ ัทฯ มีสัญชาตสิ ิงคโปร์ โดยใช้เอกสารหลักฐาน หนังสือเดนิ ทาง (PASSPORT) มายนื่ ค�ำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมซง่ึ มาตรา ๑๖ (๒) จะตอ้ งมภี มู ลิ ำ� เนาหรอื ถน่ิ ทอี่ ยู่ในราชอาณาจกั รไทย ผขู้ อรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมดงั กลา่ ว จะใชเ้ อกสารหลกั ฐานหนงั สอื เดนิ ทาง (PASSPORT) มายนื่ คำ� ขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรม ได้หรอื ไม่ ประเด็นท่สี อง ถา้ ผขู้ อรบั ใบอนญุ าตประกอบธุรกิจโรงแรมไม่สามารถใชเ้ อกสารหลกั ฐาน หนังสือเดินทาง (PASSPORT) มาย่ืนค�ำขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กิจโรงแรมได้ ในการยน่ื เอกสาร ประกอบการพจิ ารณาในกรณดี งั กลา่ วจะตอ้ งมแี นวทางปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร จงึ จะถอื วา่ บคุ คลทม่ี สี ญั ชาตอิ น่ื มภี มู ิลำ� เนาหรอื มถี นิ่ ท่ีอยู่ในราชอาณาจักรไทย สำ� นกั กฎหมาย สป. พจิ ารณาแลว้ เห็นวา่ ประเด็นที่หนึ่ง กรณีผู้แทนนิติบุคคลของบริษัทฯ มีสัญชาติสิงคโปร์ โดยใช้เอกสาร หลกั ฐานหนงั สอื เดนิ ทาง (PASSPORT) มายนื่ คำ� ขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรม ซงึ่ มาตรา ๑๖ (๒) จะตอ้ งมภี มู ลิ ำ� เนาหรอื ถน่ิ ทอี่ ยู่ในราชอาณาจกั รไทย ผขู้ อรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมดงั กลา่ ว จะใชเ้ อกสารหลกั ฐานหนงั สอื เดนิ ทาง (PASSPORT) มายน่ื คำ� ขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรม ได้หรือไม่ เห็นวา่ มาตรา ๑๖ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๑๖ วรรคหน่งี (๒) แหง่ พระราชบญั ญัติ โรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ก�ำหนดให้ผู้แทนของนิติบุคคลท่ีขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ตอ้ งมภี ูมิล�ำเนาหรอื ถ่ินท่ีอยู่ในราชอาณาจกั รไทย ซ่ึงตามมาตรา ๓๗ แหง่ ประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ ก�ำหนดว่าภูมิล�ำเนาของบุคคลธรรมดา ได้แก่ถ่ินอันบุคคลนั้นมีสถานท่ีอยู่เป็นแหล่งส�ำคัญ และมาตรา ๓๙ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ ก�ำหนดวา่ ถ้าภูมิล�ำเนาไมป่ รากฏ ใหถ้ ือว่า ถนิ่ ทอี่ ยเู่ ปน็ ภมู ลิ ำ� เนา เมอ่ื พจิ ารณาบทบญั ญตั ดิ งั กลา่ วจะเหน็ ไดว้ า่ ภมู ลิ ำ� เนาของบคุ คลธรรมดามคี วามหมาย อยา่ งกวา้ ง แม้ไมป่ รากฏภมู ลิ ำ� เนาก็ใหถ้ อื วา่ ทพี่ ำ� นกั เปน็ ภมู ลิ ำ� เนา การทคี่ นตา่ งดา้ วจะเขา้ มามภี มู ลิ ำ� เนา หรอื ถนิ่ ทอี่ ยใู่ นราชอาณาจกั รไทยไดน้ น้ั ตอ้ งเปน็ บคุ คลท่ีไดร้ บั อนญุ าตใหเ้ ขา้ มาในราชอาณาจกั รโดยชอบ ตามท่ีก�ำหนดอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซง่ึ หนงั สอื เดนิ ทาง (PASSPORT) เปน็ เอกสารสำ� คญั ทน่ี านาอรยิ ะประเทศใชเ้ ปน็ หลกั ฐานในการเดนิ ทาง และการขอรับการตรวจลงตรา (Visa) ส�ำหรับเข้ามาหรือออกไปนอกราชอาณาจักร โดยการตรวจ ลงตราจะมีการระบุประเภทว่าเข้ามาในฐานะอะไร เช่น ตามมาตรา ๓๙(๕) แห่งพระราชบัญญัติ คนเข้าเมืองฯ ก�ำหนดให้คนต่างด้าวซ่ึงจะเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวได้จะต้องเข้ามา เพอื่ เขา้ มาเพอ่ื การธรุ กจิ เปน็ ตน้ หากตรวจสอบแลว้ พบวา่ ไดร้ บั การตรวจลงตราโดยชอบและคนตา่ งดา้ ว ไดอ้ ยู่ในราชอาณาจกั รย่อมถือวา่ มภี ูมลิ �ำเนาในราชอาณาจักรแล้ว สำ�นักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง

216 กฎหมายโรงแรม ประเด็นทสี่ อง ถา้ ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกจิ โรงแรมไม่สามารถใช้เอกสารหลกั ฐาน หนังสือเดนิ ทาง (PASSPORT) มายืน่ ค�ำขอรบั ใบอนุญาตประกอบธุรกจิ โรงแรมได้ ในการยน่ื เอกสาร ประกอบการพจิ ารณาในกรณดี งั กลา่ วจะตอ้ งมแี นวทางปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร จงึ จะถอื วา่ บคุ คลทมี่ สี ญั ชาตอิ น่ื มภี มู ลิ ำ� เนาหรือมถี ิ่นทอี่ ยู่ในราชอาณาจกั รไทย หากกรมการปกครอง เห็นว่า เอกสารหลักฐานท่ีใช้ย่ืนค�ำขอไม่เพียงพอต่อการพิจารณา ในเรอ่ื งดงั กลา่ วกส็ ามารถขอเอกสารหลกั ฐานเพม่ิ เตมิ ไดต้ ามมาตรา ๒๘ แหง่ พระราชบญั ญตั วิ ธิ ปี ฏบิ ตั ิ ราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งกำ� หนดวา่ ‘‘ในการพิจารณาทางปกครอง เจา้ หนา้ ท่ีอาจตรวจสอบ ข้อเท็จจริงได้ตามความเหมาะสมในเร่ืองนั้น ๆ โดยไม่ต้องผูกพันอยู่กับค�ำขอหรือพยานหลักฐาน ของคู่กรณี” อย่างไรก็ตาม กรมการปกครองเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายซ่ึงยังไม่มี แนวทางปฏบิ ตั ทิ ชี่ ดั เจน จงึ เหน็ ควรหารอื คณะกรรมการพจิ ารณารา่ งกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ตามท่ีกรมการปกครองเสนอ ทั้งนี้ นายอภินันท์ ซ่ือธานุวงศ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยส่ังและ ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เห็นชอบให้คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมาย ของกระทรวงมหาดไทยชว่ ยพจิ ารณาให้ความเหน็ คณะกรรมการพจิ ารณาร่างกฎหมายฯ คณะท่ี ๑ ไดพ้ ิจารณาข้อหารอื ดงั กล่าว โดยรับฟงั ขอ้ เทจ็ จรงิ จากค�ำชีแ้ จงของผ้แู ทนกรมการปกครองแล้วมีความเหน็ ดังนี้ ประเด็นท่หี นึ่ง กรณผี ูแ้ ทนนติ บิ ุคคลของบรษิ ัทฯ มีสญั ชาติสิงคโปร์ โดยใชเ้ อกสารหลักฐาน หนงั สอื เดินทาง (PASSPORT) มาย่นื ค�ำขอรบั ใบอนุญาตประกอบธุรกจิ โรงแรม ซ่งึ มาตรา ๑๖(๒) จะตอ้ งมภี มู ลิ ำ� เนาหรอื ถนิ่ ทอี่ ยู่ในราชอาณาจกั รไทย ผขู้ อรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมดงั กลา่ ว จะใชเ้ อกสารหลกั ฐานหนงั สอื เดนิ ทาง (PASSPORT) มายนื่ คำ� ขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรม ได้หรอื ไม่ เห็นวา่ มาตรา ๑๖ วรรคหนีง่ (๒) และมาตรา ๑๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัตโิ รงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ก�ำหนดว่าถ้าผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคล ผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้น จะต้องมีภูมิล�ำเนาหรือถ่ินท่ีอยู่ในราชอาณาจักรไทยด้วย เมื่อพิจารณาจากบทบัญญัติดังกล่าว จะเหน็ ไดว้ า่ พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้บัญญัติเก่ียวกับภูมิล�ำเนาของผู้แทนนิติบุคคล ไวเ้ ปน็ การเฉพาะ เมอ่ื ปรากฏขอ้ เทจ็ จรงิ ตามคำ� ชแ้ี จงของผแู้ ทนกรมการปกครองวา่ บรษิ ทั อมั รา ฮอสพทิ าลติ ี้ (ประเทศไทย) จ�ำกดั จดั ต้งั ตามกฎหมายประเทศสิงคโปร์ โดยมนี ายเทียว ฮอก ชวน สญั ชาตสิ ิงคโปร์ และนายเทียว ควี ชวน สัญชาติสิงคโปร์ เป็นกรรมการ ผู้มีอ�ำนาจลงนามผูกพันบริษัทฯ ดังนั้น ผูแ้ ทนของบริษทั ฯ ทข่ี อรบั ใบอนุญาตประกอบธุรกจิ โรงแรมจึงตอ้ งมีภมู ลิ �ำเนาในราชอาณาจักรไทย ตามมาตรา ๑๖ วรรคหนง่ึ (๒) และมาตรา ๑๖ วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญตั โิ รงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ดว้ ย สว่ นกรณที ่ี ผู้แทนนิติบุคคลของบริษัทฯ มีสัญชาติสิงคโปร์ ได้ใช้เอกสารหลักฐานหนังสือเดินทาง (PASSPORT) มาย่ืนคำ� ขอรบั ใบอนุญาตประกอบธรุ กิจโรงแรม เอกสารดงั กลา่ วจึงไม่ใชเ่ อกสารหรอื หลกั ฐานการแสดงภมู ลิ ำ� เนาตามมาตรา ๑๖ วรรคหนง่ึ (๒) และมาตรา ๑๖ วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญตั ิ โรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ สำ�นกั การสอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง

กฎหมายโรงแรม 217 ประเดน็ ท่ีสอง ถา้ ผขู้ อรบั ใบอนุญาตประกอบธรุ กิจโรงแรมไมส่ ามารถใชเ้ อกสารหลกั ฐาน หนังสือเดนิ ทาง (PASSPORT) มายนื่ คำ� ขอรับใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ โรงแรมได้ ในการย่นื เอกสาร ประกอบการพจิ ารณาในกรณดี งั กลา่ วจะตอ้ งมแี นวทางปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร จงึ จะถอื วา่ บคุ คลทม่ี สี ญั ชาตอิ น่ื มีภูมลิ ำ� เนาหรอื มถี นิ่ ทอ่ี ยู่ในราชอาณาจกั รไทย เห็นว่า รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทยได้อาศัยอำ� นาจตามความในมาตรา ๑๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และวธิ กี ารในการพิจารณาการขอใบอนญุ าตและการออกใบอนญุ าตให้ประกอบธรุ กจิ โรงแรม ดงั นนั้ เอกสารหลักฐานในการพิจารณาการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ซึ่งรวมถึงเอกสารเกี่ยวกับ การมภี มู ลิ ำ� เนาหรอื ถน่ิ ทอ่ี ยใู่ นราชอาณาจกั รไทย กต็ อ้ งเปน็ ไปตามประกาศกระทรวงมหาดไทยดงั กลา่ วดว้ ย มติท่ีประชุม ให้กรมการปกครอง รับความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมาย ของกระทรวงมหาดไทย ไปพจิ ารณาดำ� เนนิ การในสว่ นทเี่ กย่ี วขอ้ งไปได้ ระเบยี บวาระที่ ๔ เรื่องอืน่ ๆ - ไม่มี เลิกประชุมเวลา ๑๑.๓๐ น. (นายยงยุทธ ช้นื ประเสริฐ) (นายคณติ คงช่วย) กรรมการและผชู้ ่วยเลขานกุ ารฯ กรรมการและเลขานุการฯ ผูต้ รวจรายงานการประชุม ผู้จดรายงานการประชุม ส�ำ นักการสอบสวนและนติ กิ าร กรมการปกครอง

218 กฎหมายโรงแรม ส่วนที่ ๗ การขอประกอบธรุ กจิ โรงแรม สำ�นักการสอบสวนและนติ ิการ กรมการปกครอง

Ú กฎหมา°ยÆโรÀง¡แ“ร¬ม‚√ß·√¡21Û9 ¢—πÈ µÕπ°“√ªØ‘∫—µß‘ “π‚√ß·√¡ ≈”¥—∫ ¢È—πµÕπ/«∏‘ ª’ Ø‘∫—µ‘ °ÆÀ¡“¬/√–‡∫¬’ ∫/ À¡“¬‡Àµÿ ∑Ë’ Àπ—ß ◊Õ ß—Ë °“√/ Ò. °“√¢ÕÕπ≠ÿ “µª√–°Õ∫∏√ÿ °‘®‚√ß·√¡ - æ.√.∫. ‚√ß·√¡ - „πæÈπ◊ ∑Ë’®—ßÀ«¥— Ò.Ò º¢âŸ Õ√∫— „∫Õπ≠ÿ “µµÕâ ß¡§’ ≥ÿ  ¡∫µ— ·‘ ≈–‰¡¡à ’ æ.».ÚıÙ˜ ¡“µ√“ Ù „Àâ∑’Ë«à“°“√Õ”‡¿ÕæÈ◊π∑Ë’ ≈°— …≥–µÕâ ßÀâ“¡ ¥—ßµÕà ‰ªπÈ’ ¡“µ√“ Òı ·≈– ∑‚Ë’ √ß·√¡µßÈ— Õ¬‡àŸ ªπì Àπ«à ¬ (Ò) ¡’Õ“¬‰ÿ ¡µà Ë”°«à“¬Ë’ ∫‘ ª∫ï √‘∫Ÿ√≥å ¡“µ√“ Òˆ √—∫‡√◊ËÕß ·≈–∑’Ë∑”°“√ (Ú) ¡¿’ ¡Ÿ ≈‘ ”‡π“À√Õ◊ ∂πË‘ ∑ÕË’ ¬„àŸ π√“™Õ“≥“®°— √‰∑¬ - °Æ°√–∑√«ß°”Àπ¥ ª°§√Õß®—ßÀ«—¥ ‡ªìπ (Û) ‰¡à‡ªìπ∫§ÿ §≈≈¡â ≈–≈“¬ ª√–‡¿∑·≈–À≈°— ‡°≥±å ºŸâ√—∫º‘¥™Õ∫·≈–‡®â“¢Õß (Ù) ‰¡à‡ªìπ§π‰√â§«“¡ “¡“√∂À√◊Õ‡ ¡◊Õπ °“√ª√–°Õ∫∏ÿ√°‘® ‡√ÕË◊ ß „π°“√‡ πÕπ“¬∑–‡∫¬’ π ‰√â§«“¡ “¡“√∂ ‚√ß·√¡ æ.».ÚııÒ ‚√ß·√¡(ºŸâ«à“√“™°“√ (ı) ‰¡à‡§¬‰¥â√—∫‚∑…®”§ÿ°‚¥¬ §”æ‘æ“°…“ - ª√–°“»°√–∑√«ß ®ß— À«¥— ) æ‘®“√≥“ ∂÷ß∑’Ë ÿ¥„Àâ®”§ÿ° ‡«âπ·µà‡ªìπ‚∑… ”À√—∫§«“¡º‘¥ ¡À“¥‰∑¬ ‡√ÕË◊ ß·µßà µßÈ— - „πæÈ◊π∑°’Ë √ÿ߇∑æœ ∑ˉ’ ¥°â √–∑”‚¥¬ª√–¡“∑À√◊Õ§«“¡º‘¥≈Àÿ‚∑… π“¬∑–‡∫’¬πµ“¡ „À⻟π¬å∫√‘°“√ª√–™“™π (ˆ) ‰¡‡à §¬µâÕß§”æ‘æ“°…“∂÷ß∑Ë ’ ÿ¥«à“‡ªπì ºâŸ°√–∑” æ √ – √ “ ™ ∫— ≠ ≠— µ‘ °√¡°“√ª°§√Õß («ß— ‰™¬“) §«“¡º‘¥‡°’ˬ«°—∫‡æ»µ“¡ª√–¡«≈°ÆÀ¡“¬Õ“≠“ ‚√ß·√¡ æ.».ÚıÙ˜ ‡ªìπÀπ૬√—∫‡√◊ËÕß ·≈– §«“¡º‘¥µ“¡°ÆÀ¡“¬‡°’ˬ«°—∫¬“‡ æµ‘¥ §«“¡º‘¥ ≈ß«π— ∑Ë’ Òı  ß‘ À“§¡  ”π—°°“√ Õ∫ «π·≈– µ“¡°ÆÀ¡“¬«à“¥â«¬¡“µ√°“√„π°“√ªÑÕß°—π·≈– ÚıÙ¯ 𑵑°“√‡ªìπºâŸ√—∫º‘¥™Õ∫ ª√“∫ª√“¡°“√§“â À≠ß‘ ·≈–‡¥°Á À√Õ◊ º¥‘ µ“¡°ÆÀ¡“¬ - ª√–°“»°√–∑√«ß ·≈–‡®â“¢Õ߇√Ë◊Õß„π°“√ «à“¥«â ¬°“√ª√“∫ª√“¡°“√§â“ª√–‡«≥’ ¡À“¥‰∑¬ ‡√Ë◊ Õ ß ‡ πÕπ“¬∑–‡∫’¬π‚√ß·√¡ (˜) ‰¡‡à ªπì ºÕ⟠¬√àŸ –À«“à ß°“√∂°Ÿ  ßË— æ°— „™„â ∫Õπ≠ÿ “µ °”Àπ¥·∫∫§”¢Õ (Õ∏∫‘ ¥°’ √¡°“√ª°§√Õß) (¯) ‰¡à‡§¬∂Ÿ°‡æ‘°∂Õπ„∫Õπÿ≠“µ À√◊Õ‡§¬∂Ÿ° √—∫„∫Õπ≠ÿ “µ §”¢Õ æ‘®“√≥“ ‡æ‘°∂Õπ„∫Õπÿ≠“µ‚¥¬‡ÀµÿÕ◊Ëπ∑’Ë¡‘„™à‡Àµÿµ“¡ (ˆ) µàÕÕ“¬ÿ„∫Õπÿ≠“µ ·µ‡à «≈“‰¥â≈à«ßæπâ ¡“·≈⫉¡àπâÕ¬°«“à Û ªï §”¢Õ‚Õπ/√—∫‚Õπ Ò.Ú ºÕ⟠π≠ÿ “µ¬π◊Ë §”√Õâ ߢÕ√∫— „∫Õπ≠ÿ “µª√–°Õ∫ „∫Õπ≠ÿ “µ §”¢ÕÀ√Õ◊ ∏√ÿ °®‘ ‚√ß·√¡ (·∫∫ √.√.Ò) æ√Õâ ¡‡Õ° “√ª√–°Õ∫ °“√·®âß§«“¡ª√– ß§å °“√¢ÕÕπ≠ÿ “µ ¥—ßπ’È ∑—Ë«‰ª ·≈–„∫Õπÿ≠“µ °√≥’‡ªìπ∫ÿ§§≈∏√√¡¥“ ª√–°Õ∫∏ÿ√°‘®‚√ß·√¡ (Ò)  ”‡π“∫µ— √ª√–®”µ—«ª√–™“™π µ“¡æ√–√“™∫—≠≠—µ‘ (Ú)  ”‡π“∑–‡∫’¬π∫“â π ‚√ß·√¡ æ.».ÒıÙ˜ (Û) Àπ—ß ◊Õ¡Õ∫Õ”π“®µ‘¥Õ“°√· µ¡ªá·≈– ≈ß«π— ∑Ë’ ÚÚ °π— ¬“¬π  ”‡π“∫—µ√ª√–®”µ—«ª√–™“™πºŸâ√—∫¡Õ∫Õ”π“® Úıı (°√≥„’ Àâ∫ÿ§§≈ÕËπ◊ ¥”‡π‘π°“√·∑π) ส �ำ ”นπัก—°ก°า“ร√ส อÕบ∫ส ว«นπแ·ล≈ะ–นπติ‘µกิ°‘ า“ร√ °ก√ร¡ม°ก“า√รªป°ก§ค√รÕอßง

Ù220°ÆÀ¡“¬ก‚ฎ√หß·ม√า¡ยโรงแรม Û À¡“¬‡Àµÿ ≈”¥—∫ ¢Èπ— µÕπ/«∏‘ ’ªØ∫‘ µ— ‘ °ÆÀ¡“¬/√–‡∫’¬∫/ ∑’Ë Àπß—  ◊Õ —ßË °“√/ (Ù) ·∫∫·ª≈π ·ºπºß— æ√Õâ ¡√“¬°“√ª√–°Õ∫ ·∫∫·ª≈π·ºπº—ßÕ“§“√‚√ß·√¡∑Ë’«‘»«°√ ·≈–  ∂“ªπ°‘ º‰âŸ ¥√â ∫— Õπ≠ÿ “µµ“¡°ÆÀ¡“¬≈ß™ÕË◊ √∫— √Õß (ı)  ”‡π“‡Õ° “√ ‘∑∏‘Ï„π∑Ë’¥‘πÀ√◊ÕÀπ—ß ◊Õ · ¥ß ‘∑∏‘Ï„π°“√„™â∑¥Ë’ ‘π (ˆ) °√≥’‚√ß·√¡µ—ÈßÕ¬àŸ„π‡¢µ°“√∫—ß§—∫„™â æ.√.∫. §«∫§ÿ¡Õ“§“√ æ.». ÚıÚÚ „À¬â π◊Ë  ”‡π“ „∫Õπÿ≠“µµ“¡°ÆÀ¡“¬§«∫§ÿ¡Õ“§“√ À√◊Õ ¡’„∫√—∫√Õß°“√µ√«® ¿“æÕ“§“√µ“¡°ÆÀ¡“¬ «“à ¥«â ¬°“√§«∫§¡ÿ Õ“§“√ ·µÕà “§“√∑æË’ °— Õ“»¬— ‡™πà Õอæพา“ร√ต์ å‡เ¡มâπ้นµตå∑์ Ë’‡ª≈Ë’¬π°“√„™âÕ“§“√‡ªìπÕ“§“√ ‚√ß·√¡´Ëß÷ ‡ªìπÕ“§“√§«∫§¡ÿ µ“¡¡“µ√“ 32 ·Ààß æ.√.∫ §«∫§ÿ¡Õ“§“√ æ.». 2522 ¥—ß°≈“à «µâÕß¡’ À≈°— ∞“π°“√‡ª≈¬Ë’ π°“√„™Õâ “§“√§Õ◊ Õ.5 À√Õ◊ Õ.6 ¡“· ¥ßª√–°Õ∫°“√¬Ë◊π¢ÕÕπÿ≠“µ¥â«¬ (˜) °√≥‚’ √ß·√¡µßÈ— Õ¬„àŸ π∑Õâ ß∑∑Ë’ ‰Ë’ ¡¡à °’ ÆÀ¡“¬ «“à ¥«â ¬°“√§«∫§¡ÿ Õ“§“√„™∫â ß— §∫— µÕâ ß¡„’ ∫√∫— √Õß °“√µ√«® ¿“æÕ“§“√«à“¡’§«“¡¡Ë—π§ß·¢Áß·√ß ª≈Õ¥¿—¬ ‚¥¬ºŸâ´÷Ë߉¥â√—∫Õπÿ≠“µª√–°Õ∫«‘™“™’æ «‘»«°√√¡§«∫§ÿ¡À√◊Õ‰¥â√—∫Õπÿ≠“µª√–°Õ∫«‘™“™’æ  ∂“ªµí ¬°√√¡§«∫§¡ÿ µ“¡°ÆÀ¡“¬«“à ¥«â ¬°“√πÈπ— (¯) ·ºπ∑˵’ Èß— ‚√ß·√¡‚¥¬ ß— ‡¢ª (˘) ¿“æ∂à“¬Õ“§“√ (°√≥’¢Õ¥—¥·ª≈ßÀ√◊Õ ‡ª≈¬’Ë π°“√„™Õâ “§“√) (Ò) √“¬ß“π°“√«‡‘ §√“–Àºå ≈°√–∑∫ ßË‘ ·«¥≈Õâ ¡ (EIA)∑ºË’ “à π°“√‡ÀπÁ ™Õ∫®“°§≥–°√√¡°“√º™Ÿâ ”π“≠°“√ ·≈«â °√≥’‚√ß·√¡∑’Ë¡À’ Õâ ßæ—° ¯ ÀÕâ ߢ÷πÈ ‰ª À√Õ◊ √“¬ß“πº≈°√–∑∫ ßË‘ ·«¥≈Õâ ¡‡∫ÕÈ◊ ßµπâ (IEE)∑ºË’ “à π §«“¡‡ÀπÁ ™Õ∫µ“¡°ÆÀ¡“¬¥ß— °≈“à «·≈«â °√≥‚’ √ß·√¡ ∑’Ë¡’ÀâÕßæ°— µÈß— ·µà Ò ÀÕâ ß ∂÷ß ˜˘ ÀâÕß ∑µ’Ë ßÈ— Õ¬à„Ÿ π ‡¢µæπÈ◊ ∑§Ë’ ¡âÿ §√Õß ßË‘ ·«¥≈Õâ ¡µ“¡ æ.√.∫.  ßà ‡ √¡‘ ·≈–√°— …“§≥ÿ ¿“æ ßË‘ ·«¥≈Õâ ¡·Àßà ™“µ‘ æ.». ÚıÛı °√≥‡’ ªìππ‘µ∫‘ ÿ§§≈ (Ò)  ”‡π“Àπ—ß ◊Õ√—∫√Õß°“√®¥∑–‡∫’¬π 𑵑∫ÿ§§≈(π“¬∑–‡∫’¬π√—∫√Õß ‰¡à‡°‘π Û ‡¥◊Õπ π—∫∂÷ß«—π¬Ëπ◊ ¢ÕÕπ≠ÿ “µ) (Ú)  ”‡π“∫—µ√ª√–®”µ—«ª√–™“™π (°√√¡°“√ ºâŸ¡’Õ”π“®≈ßπ“¡·∑π𑵑∫§ÿ §≈) (Û) ‡Õ° “√‡™àπ‡¥’¬«°—∫∫ÿ§§≈∏√√¡¥“µ“¡ (Û)-(˜)  ส”ำ�πน°— ัก°ก“า√ร สÕอ∫บ ส«วπน·แ≈ล–ะπน‘µิต‘°กิ “า√ร°√ก¡ร°ม“ก√าªร°ป§ก√คÕรßอง

Ù กฎหมาย°โÆรÀง¡แ“ร¬ม‚√ß·√¡221ı ≈”¥—∫ ¢—ÈπµÕπ/«‘∏ª’ Ø‘∫—µ‘ °ÆÀ¡“¬/√–‡∫’¬∫/ À¡“¬‡Àµÿ ∑’Ë Àπß—  Õ◊  Ëß— °“√/ Ò.Û  ∂“π∑Ë’¬Ë◊π§”¢Õ „Àâ¬◊Ëπ§”¢ÕµàÕπ“¬∑–‡∫’¬π ∑âÕß∑’ËÕ—π‡ªìπ∑µË’ ȗߢÕß‚√ß·√¡ „π°√ßÿ ‡∑æœ „À¬â ◊Ëπ ¢ÕÕπÿ≠“µ‰¥â ≥ »Ÿπ¬å∫√‘°“√ª√–™“™π °√¡°“√ ª°§√Õß («ß— ‰™¬“) „π®ß— À«¥— ÕπË◊ „À¬â πË◊ ≥ ∑«Ë’ “à °“√ Õ”‡¿Õ∑âÕß∑’ËÕ—π‡ªìπ∑Ë’µ—ÈߢÕß‚√ß·√¡ „π«—π·≈– ‡«≈“√“™°“√ Ò.Ù ‡¡◊ËÕπ“¬∑–‡∫’¬π‰¥â√—∫§”¢Õ„Àâπ“¬∑–‡∫’¬π - æ√–√“™∫—≠≠—µ‘ µ√«® Õ∫§«“¡∂°Ÿ µÕâ ß·≈–§«“¡ ¡∫√Ÿ ≥¢å Õß§”¢Õ ‚√ß·√¡ æ.». ÚıÙ˜ À“°§”¢Õ¥—ß°≈à“«‰¡à∂Ÿ°µâÕß ¡∫Ÿ√≥å„Àâπ“¬∑–‡∫’¬π ¡“µ√“ Ò¯ ·®âß„Àºâ ⢟ Õ√—∫„∫Õπÿ≠“µ∑√“∫¿“¬„π ı «π— ∑”°“√ π—∫·µà«—π¬Ë◊π§”¢Õ æ√âÕ¡∑È—ß°”Àπ¥√–¬–‡«≈“ „Àºâ ¢âŸ Õ√∫— „∫Õπ≠ÿ “µ·°‰â ¢ À“°æπâ °”Àπ¥√–¬–‡«≈“ ¥—ß°≈à“«·≈⫺Ÿâ¢Õ√—∫„∫Õπÿ≠“µ‰¡à·°â‰¢„Àâ∂Ÿ°µâÕß „Àπâ “¬∑–‡∫’¬π§◊π§”¢Õ·°ºà ¢âŸ Õ√—∫Õπÿ≠“µ Ú. °“√µ√«® Õ∫ ∂“π∑’Ë À“°§”¢Õ∂°Ÿ µÕâ ß ¡∫√Ÿ ≥„å Àπâ “¬∑–‡∫¬’ 𥔇ππ‘ °“√ µ√«® Õ∫§ÿ≥ ¡∫—µ‘∫ÿ§§≈ ·≈–·®âßÀπ૬ߓπ ∑’ˇ°Ë’¬«¢âÕß ‡æË◊Õ¥”‡π‘π°“√µ√«® Õ∫µ√«® Õ∫ Õ“§“√·≈– ∂“π∑¥Ë’ ß— π’È Ú.Ò µ“¡À≈—°‡°≥±å·≈–‡ß◊ËÕπ‰¢‡°’ˬ«°—∫ ∂“π∑’Ëµß—È - ° Æ ° √ – ∑ √ « ß ¢π“¥ ≈—°…≥–  ‘ËßÕ”π«¬§«“¡ –¥«° À√◊Õ¡“µ√∞“π °” À π ¥ ª √ – ‡ ¿ ∑ °“√ª√–°Õ∫∏ÿ√°‘®¢Õß‚√ß·√¡·µà≈–ª√–‡¿∑∑’˰”Àπ¥ · ≈ – À ≈— ° ‡ ° ≥ ±å „π°Æ°√–∑√«ß°”Àπ¥ª√–‡¿∑·≈–À≈—°‡°≥±å °“√ª√–°Õ∫∏ÿ√°‘® °“√ª√–°Õ∫∏ÿ√°®‘ ‚√ß·√¡ æ.». ÚııÒ ¥ß— π’È ‚√ß·√¡ æ.».ÚııÒ Ú.Ò.Ò  ∂“π∑Ë’µ—ßÈ Ò) Õ¬Ÿà„π∑”‡≈∑’ˇÀ¡“– ¡ ‰¡à‡ªìπÕ—πµ√“¬ µàÕ ÿ¢¿“æÕπ“¡—¬¢ÕߺŸâæ—° ¡’°“√§¡π“§¡ –¥«° ·≈–ª≈Õ¥¿—¬ Ú) ‡ âπ∑“߇¢â“ÕÕ°‚√ß·√¡‰¡à°àÕ„À⇰‘¥ ª≠í À“¥â“π°“√®√“®√ Û) „π°√≥’„™âæ◊Èπ∑’Ë„π°“√ª√–°Õ∫∏ÿ√°‘® ‚√ß·√¡„πÕ“§“√‡¥¬’ «°π— °∫— °“√ª√–°Õ∫°®‘ °“√ÕË◊π µâÕß·∫àß ∂“π∑Ë’„Àâ™—¥‡®π ·≈–°“√ª√–°Õ∫ °‘®°“√ÕË◊πµâÕß¡“ àߺ≈°√–∑∫µàÕ°“√ª√–°Õ∫ ∏√ÿ °®‘ ‚√ß·√¡ ส ำ�น”πกั ก°— า°ร“ส√อ บÕ∫ส วน«πแ·ล≈ะ–นπติ ‘µกิ ‘°า“ร√ °ก√ร¡ม°ก“า√รªป°ก§ค√รÕอßง

ˆ222°ÆÀ¡“¬ก‚ฎ√ßห·ม√า¡ยโรงแรม ı À¡“¬‡Àµÿ ≈”¥—∫ ¢π—È µÕπ/«‘∏ª’ Ø‘∫µ— ‘ °ÆÀ¡“¬/√–‡∫¬’ ∫/ ∑’Ë Àπ—ß ◊Õ ßË— °“√/ Ù) ‰¡àµÈ—ßÕ¬Ÿà„π∫√‘‡«≥À√◊Õ„°≈⇧’¬ß°—∫ ‚∫√“≥ ∂“π »“ π ∂“πÀ√Õ◊  ∂“πÕ—π‡ªìπ∑‡Ë’ §“√æ „π∑“ß»“ π“ À√◊Õ ∂“π∑’ËÕ◊Ëπ„¥Õ—π®–∑”„À⇰‘¥ ∑—»π’¬¿“æ∑’ˉ¡à‡À¡“– ¡ °√–∑∫µàÕ§«“¡¡—Ëπ§ß ·≈–°“√¥”√ßÕ¬¢Ÿà Õß ∂“π∑Ë¥’ —ß°≈à“« À√Õ◊ ®–∑”„Àâ ¢—¥µàÕ¢π∫∏√√¡‡π’¬¡ª√–‡æ≥’·≈–«—≤π∏√√¡ ∑âÕß∂π‘Ë Ú.Ò.Ú °“√∫√°‘ “√·≈– ßË‘ Õ”π«¬§«“¡ –¥«° Ò)  ∂“π∑Ë≈’ ß∑–‡∫¬’ πºâæŸ —° Ú) ‚∑√»—æ∑åÀ√◊Õ√–∫∫°“√µ‘¥µàÕ ◊ËÕ “√ ∑—Èß¿“¬„π·≈–¿“¬πÕ°‚√ß·√¡ ‚¥¬®—¥„Àâ¡’‡©æ“– ¿“¬πÕ°ÀâÕßæ—°°Á‰¥â ·µàµâÕß¡’®”π«π‡æ’¬ßæÕ µÕà °“√∫√°‘ “√„À·â °ºà âŸæ—° Û) °“√ª∞¡æ¬“∫“≈‡∫ÕÈ◊ ßµπâ ·≈–°“√ ßà µàÕ ºªŸâ É«¬‰ª¬—ß ∂“πæ¬“∫“≈„°≈⇧’¬ß Ù) √–∫∫°“√√—°…“§«“¡ª≈Õ¥¿—¬Õ¬à“ß ∑—Ë«∂ß÷ µ≈Õ¥¬ ’Ë ∫‘  ’˙˫— ‚¡ß Ú.Ò.Û ÕË◊πÊ Ò) ®—¥„Àâ¡’ÀâÕßπ”È ·≈–ÀâÕß â«¡„π à«π∑’Ë „Àâ∫√‘°“√ “∏“√≥–‚¥¬®—¥·¬° à«π ”À√—∫™“¬ ·≈–À≠ß‘ ·≈–µÕâ ß√°— …“§«“¡ –Õ“¥Õ¬“à ß ¡”Ë ‡ ¡Õ Ú) ÀÕâ ßæ°— µÕâ ߉¡¡à √’ ªŸ ·∫∫∑“ß ∂“ªµí ¬°√√¡ ∑¡Ë’ ≈’ °— …≥–‡À¡Õ◊ πÀ√Õ◊ §≈“â ¬ À√Õ◊ ¡ßàÿ À¡“¬„À‡â À¡Õ◊ π À√◊Õ§≈⓬°—∫»“ π ∂“πÀ√◊Õ ∂“πÕ—π‡ªìπ∑’ˇ§“√æ „π∑“ß»“ π“ Û) ÀâÕßæ—°µâÕß¡’‡≈¢∑Ë’ª√–®”ÀâÕßæ—° °”°—∫‰«â∑ÿ°ÀâÕ߇ªìπµ—«‡≈¢Õ“√∫‘°„Àâ· ¥ß‰«â ∫√‘‡«≥¥â“πÀπâ“ÀâÕßæ—°∑’Ë “¡“√∂¡Õ߇ÀÁπ‰¥â Õ¬“à ß™¥— ‡®π ·≈–„π°√≥’∑Ë‚’ √ß·√¡„¥¡À’ ≈“¬Õ“§“√ ∑˪’ √–®”ÀâÕßæ°— ·µà≈–Õ“§“√µÕâ ߉¡´à ”È °—π Ù) ª√–µŸÀâÕßæ—°„Àâ¡’™àÕß À√◊Õ«‘∏’°“√Õπ◊Ë ∑’Ë “¡“√∂¡Õß®“°¿“¬„π ¿Ÿà “¬πÕ°ÀâÕßæ°— ‰¥â  ส”π�ำ น—°ัก°ก“า√ร สÕอ∫บ ส«วπน·แ≈ล–πะµ‘น‘°ิต“กิ √าร°√ก¡ร°ม“ก√าªร°ป§ก√คÕรßอง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook