Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเรียน-การสอนบาลี (เล่ม ๒) วัดปากน้ำ

การเรียน-การสอนบาลี (เล่ม ๒) วัดปากน้ำ

Published by จรัญ ชูแก้ว, 2021-01-05 05:46:42

Description: การเรียน-การสอนบาลี (เล่ม ๒) วัดปากน้ำ

Search

Read the Text Version

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 285 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò ๑๑. รจิ ฺจ ปจจยั น้ีกเ็ ปน ปจ จัยที่เน่ืองดว ย ร เชน เดยี วกนั แตมีจำกัดใหล งไดเ ฉพาะ กรฺ ธาตุ เทา น้ัน เชน อ.ุ วา กิจฺจ เปน กรฺ ธาตุ ลง ริจฺจ ปจจัย ลบทสี่ ุดธาตุ และลบ ร แหง ริจฺจ เสีย วิ. วา กาตพฺพน-ติ กิจฺจ. (กรรมใด) (เตน อันเขา) พึงทำ เหตุนั้น (กรรมน้ัน) ชื่อวา อันเขาพงึ ทำ. เปนกมั มรูป กมั มสาธนะ. ๑๒. ริตุ ปจจัย นี้เปนปจจัยท่เี นอื่ งดวย ร เชน เดียวกัน มอี ำนาจและหนา ท่ีดังกลาวแลว เชน อ.ุ วา ธตี ุ เปน ธรฺ ธาตุ ในความทรงไว ลง รติ ุ ปจจยั ลบ รฺ ทสี่ ดุ ธาตุ และ ร แหง รติ ุ ทีฆะ อิ แหง ริ เปน อี ว.ิ วา ธรยิ เต-ติ ธตี า. (หญงิ สาวใด) (มาตาปตูหิ อันมารดาและ บิดาทั้งหลาย) ยอมทรงไว เหตุน้ัน (หญิงสาวน้ัน) ช่ือวา ผูอันมารดาและบิดาทรงไว. หมายความวา ธิดา หรือ ลูกหญิง. เปนกัมมรูป กัมมสาธนะ. เขากับปฐมาวิภัตติ เอกวจนะ แหงนาม เปน ธตี า แจกตามแบบ มาตุ โดยวธิ นี าม (๖๘). ปตุ เปน ปา ธาตุ ในความรักษา ลง รติ ุ ปจจยั ลบ อา ที่ ปา เสยี และลบ ร แหง ริตุ ดวย วิ. วา (ปุตฺต) ปาตี-ติ ปตา. (บุรุษใด) ยอมรักษา (ซึ่งบุตร) เหตุนั้น (บุรุษนั้น) ช่ือวา ผูรักษา (ซ่ึงบุตร). หมายความวา บิดา หรือ พอ. เปนกัตตุรูป กตั ตสุ าธนะ. เขา กบั ปฐมาวภิ ตั ติ เอกวจนะ แหง นาม เปน ปต า โดยวธิ นี าม (๖๗). ๑๓. รริ ิย ปจจยั นก้ี ็เปน ปจ จัยทีเ่ นื่องดวย ร ดงั ทีก่ ลาวแลว เชน อ.ุ วา กริ ิยา เปน กรฺ ธาตุ ในความทำ ลง ริริยา ปจจัย ลบ รฺ ที่สุดธาตุและ ร ตัวหนาแหงริริยาดวย ต้ัง วิ. วา กาตพพฺ น-ฺ ติ กริ ยิ า. (ธรรมชาตใิ ด) (เตน อนั เขา) พงึ ทำ เหตนุ นั้ (ธรรมชาตนิ น้ั ) ชื่อวา อันเขาพึงทำ. เปนกัมมรูป กัมมสาธนะ. หรือต้ังเปนภาวรูป ภาวสาธนะก็ได วิ. วา กรณ กิริยา. ความทำ ช่อื วา กริ ยิ า. ศพั ทน ้ีสำเร็จรปู แลว ใชเ ปน อิตถีลิงคเสมอ. 285

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 286 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ๑๔. ราตุ ปจ จยั นีก้ ็เปนปจ จยั ทเี่ นื่องดว ย ร ดงั กลา วแลว เชน อุ. วา ภาตุ เปน ภาสฺ ธาตุ ใน ความกลาว ลง ราตุ ปจ จยั ลบ สฺ ทีส่ ดุ ธาตุ และ ร แหง ราตุ ปจ จยั ดวย ต้งั ว.ิ วา (ปุพฺเพ) ภาสตี-ติ ภาตา (ชนใด) ยอมกลาว ในกอน เหตุนั้น (ชนน้ัน) ชื่อวา ผกู ลา วกอ น. หมายความวา ผพู ูดไดกอน ไดแก พี่ชาย เขากบั ปฐมาวิภตั ติ เอกวจนะ แหง นาม เปน ภาตา แจกตามแบบ ปต ุ โดยวธิ นี าม (๖๗). ศพั ทว า ภาตุ น้ี เปน คำกลางๆ อาจหมายถึงพ่ีชายก็ได นองชายก็ได เม่ือจะใหมีความหมายตางกัน โดยมาก พี่ชาย ใช เชฏ เปน เชฏภาตุ พ่ชี าย. นองชายใช กนฏิ  นำหนาเปน กนิฏภาตุ นอ งชาย. ถาใชศัพทโดยเด่ียวและเปนเอก. หมายถึงพี่ชายโดยเฉพาะ และเปนรูป ภาติก ก็มี. ถา เปน พห.ุ แปลวา พ่ชี าย นอ งชาย รวมกนั . มาตุ เปน มนฺ ธาตุ ในความนับถือ ลง ราตุ ปจจัย ลบ นฺ ที่สุดธาตุและ ร แหง ราตุ ปจจัยดว ย ตั้ง วิ. วา (ธมฺเมน ปุตตฺ ) มาเนตี-ติ มาตา. (หญิงใด) ยอ มนบั ถอื (ซึ่งบุตร โดยธรรม) เหตุน้ัน (หญิงน้ัน) ช่ือวา ผูนับถือ (ซึ่งบุตร). หมายความวา มารดาหรอื แม. นเ้ี ปน กัตตรุ ปู กัตตุสาธนะ. เขากับปฐมาวิภตั ติ เอกวจนะแหง นามเปน มาตา โดยวธิ ีนาม (๖๘). ปจจัยทั้งหลายท่ีนำมาแสดงเหลานี้ พอเปนตัวอยางเฉพาะท่ีลงในบางศัพท เทาน้ัน นอกจากศัพทที่นำมาแสดงเปนอุทาหรณเหลาน้ีแลว ก็ยังอาจลงในศัพทอื่นได อีกมาก และศัพทที่ลงในปจจัยตัวหนึ่งแลว ยังอาจนำไปใชประกอบกับศัพทอื่นๆ ได อีก ขอน้ียอมแลวแตวาจะไดความในรูปและสาธนะอะไร เมื่อไมการขัดของทางปจจัย ซงึ่ บางตวั ทานจำกดั ใหล งเฉพาะธาตุและสาธนะแลว กน็ บั วา ใชได. จบปจจัยนอกแบบ จบนามกิตกแ ตเทา น้ี. 286

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 287 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò แบบประเมินผลตนเองกอ นเรยี น หนวยที่ ๙ วัตถปุ ระสงค เพื่อประเมินความรูเดิมของนกั เรียนเก่ยี วกับเรอื่ ง “ปจ จยั นามกิตก” คำส่งั ใหนกั เรยี นอานคำถาม แลว เขยี นวงกลมลอมรอบขอ คำตอบท่ีถูกตอ ง ท่ีสุดเพยี งขอ เดียว ๑. ปจจยั ในกติ ปจจยั นยิ มตั้งวเิ คราะหเ ปน รปู และสาธนะอะไร ? ก. กัตตุรปู กัตตสุ าธนะ ข. กัมมรปู กมั มสาธนะ ค. ภาวรูป ภาวสาธนะ ง. กัตตุรูป กรณสาธนะ ๒. ปจจยั ใดตอไปนมี้ ิไดจดั อยูในหมวดกติ ปจ จัย ? ก. ณี ข. ณวฺ ุ ค. ณยฺ ง. ตุ ๓. ปจจัยใดตอไปน้ีไมนิยมลงในอรรถแหงตัสสลี ะ ? ก. กวฺ ิ ข. ณี ค. ตุ ง. รู ๔. กฺวิ ปจจัย ลงแลวมีอำนาจหลายประการยกเวนขอใด ? ก. ลบตวั เองทงิ้ ข. ตอ งมบี ทหนา ค. ธาตตุ ัวเดยี วคงธาตไุ วตามเดิม ง. ธาตุ ๒ ตัวตน ธาตุเปนรัสสะใหพ ฤทธ์ิ ๕. บทตอไปน้ีคอื “ปุ ฺ+กร+ณี” สำเร็จรูปเปน อะไร ? ก. ปุฺกรี ข. ปุ ฺ การี ค. ปุ ฺกรณี ง. ปุ ฺการณี ๖. คำวา “ทายกิ า” มาจากธาตแุ ละปจจยั อะไร ? ก. ทา+กวฺ ิ ข. ทา+ณี ค. ทา+ณฺวุ ง. ทา+ตุ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 287

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 288 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò ๗. ณฺวุ ปจจยั เม่ือนำมาประกอบกบั ธาตุแลวมีอำนาจหลายประการยกเวนขอใด ? ก. แปลงเปน อก ข. ตนธาตุเปนรสั สะใหพ ฤทธ์ิ ค. ธาตุมี อา เปน ทสี่ ดุ แปลง อา เปน อาย ง. ธาตุ ๒ ตัว ใหลบทส่ี ุดธาตุ ๘. ศัพทใ ดตอ ไปน้ีมิไดสำเรจ็ มาจาก ตุ ปจจัย ? ก. อาจริยา รุกฺขา โลกา ข. วตฺตาโร กตตฺ าโร ขนฺตาโร ค. ชนฺตุ นตตฺ ุ เนตุ ง. โสตา ทาตา สรติ า ๙. ปจ จัยใดตอ ไปนีเ้ มื่อลงในธาตุ ๒ ตวั แลว มักลบทส่ี ุดธาตุ ? ก. ณี ข. ณฺวุ ค. ตุ ง. รู ๑๐. ปจจัยใดตอ ไปนนี้ ยิ มแปลหกั ฉฏั ฐีวภิ ตั ตลิ งในกรรม ? ก. กฺวิ ข. ณี ค. ณฺวุ ง. รู ๑๑. ปจจยั นามกิตกในกจิ จปจจยั นิยมประกอบวิเคราะหเปน รปู และสาธนะอะไร ? ก. กตั ตรุ ูป กัตตสุ าธนะ ข. กัตตุรปู กมั มสาธนะ ค. กัมมรูป กมั มสาธนะ ง. กมั มรูป กรณสาธนะ ๑๒. ปจ จัยใดตอไปนจ้ี ัดอยใู นหมวดกิจจปจ จยั ? ก. ข ณฺย ข. อ อิ ค. ณ เตฺว ง. ตุ ยุ ๑๓. ปจจยั คอื ข นยิ มบทหนา หลายตวั ยกเวน ขอใดตอไปน้ี ? ก. ทุ ข. สํ ค. อสี ง. สุ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 288

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 289 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò ๑๔. ณฺย ปจ จยั เมอ่ื ลงกบั ธาตแุ ลวมีอำนาจหลายประการยกเวนขอใด ? ก. ลบ ณฺ แลว แปลง ย กบั พยัญชนะทธี่ าตุ ข. ข. ธาตมุ ี อา เปน ที่สดุ แปลง ณยฺ เปน เอยยฺ ค. แปลง ณยฺ กับ อู แหง ภู ธาตุ เปน อพฺพ ง. ลบ ย แลวคง ณฺ ไวบ าง ๑๕. คำวา “ว+ิ า+ณยฺ ” สำเร็จรูปเปน อะไร ? ก. วิายํ ข. วิาณฺยํ ค. วิเฺ ยยฺ ํ ง. วิ ฺาณํ ๑๖. อิ ปจ จยั นยิ มลงกับธาตตุ วั ใด ? ก. ทา ธา ข. กรฺ มรฺ ค. ปจฺ ภุชฺ ง. จนิ ฺตฺ มนฺตฺ ๑๗. ปจจยั นามกิตกห มวดกิตปจ จัยมีเทาไร ? ก. ๒ ตวั ข. ๓ ตวั ค. ๕ ตวั ง. ๗ ตวั ๑๘. ศัพทใ ดตอ ไปนม้ี ไิ ดลง ณ ปจ จัย ? ก. ทาโย โสโก ข. สงฺขาโร จาโค ค. สมโณ คหณํ ง. ปรวิ าโร อาพาโธ ๑๙. ปจจัยในกิตกิจจปจ จัยเปนรูปและสาธนะใดไมได ? ก. กตั ตุรปู กตั ตุสาธนะ ข. กตั ตุรูป กัมมสาธนะ ค. กมั มรปู กรณสาธนะ ง. กมั มรูป ภาวสาธนะ ๒๐. ปจ จยั ในนามกติ กต ัวใดถา มกี รรมเปนบทหนา ใหลง นุ อาคม ? ก. กฺวิ ข. อ ค. ณฺย ง. ตุ ๒๑. ปจ จยั นามกติ กใดไมเ ปนรปู และสาธนะอะไรเลย ? ก. ข ณฺย ข. อ อิ ค. เตฺว ตุ ง. ติ ยุ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 289

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 290 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò ๒๒. ปจจัยตวั ใดนิยมแปลหกั ฉฏั ฐวี ิภัตติลงในอรรถแหงทุตยิ าวิภตั ติ ? ก. กฺวิ ณยฺ ติ ข. ณี รู ข ค. ณวฺ ุ ตุ ยุ ง. อ อิ ณ ๒๓. ปจจยั ตอ ไปนีเ้ ม่ือลงแลว ตองแปลงเปน อน หรอื อณ เสมอ ? ก. เตฺว ข. ติ ค. ตุ ง. ยุ ๒๔. ตุ ปจ จยั ใชแทนวภิ ตั ตินาม ๒ วิภัตติคืออะไร ? ก. ทตุ ิยาวภิ ัตตแิ ละสตั ตมีวิภัตติ ข. ตติยาวิภตั ติและปญ จมีวภิ ัตติ ค. จตตุ ถีวภิ ัตตแิ ละฉัฏฐีวภิ ัตติ ง. ปฐมาวิภตั ติและจตุตถีวภิ ัตติ ๒๕. รปู วิเคราะหวา “พุชฌฺ ติ เอตายาติ พุทฺธิ” เปนรปู และสาธนะอะไร ? ก. กัตตรุ ปู กัตตสุ าธนะ ข. กตั ตุรูป กัมมสาธนะ ค. กตั ตรุ ปู กรณสาธนะ ง. กตั ตุรปู อธกิ รณสาธนะ ๒๖. ปจ จยั ตอไปน้ตี วั ใดมิใชปจจัยนอกแบบในนามกติ ก ? ก. ยิร ปฺป อี ข. ณกุ ตยฺย ตุก ค. รตถฺ ุ รมฺม ริจฺจ ง. อาวี อิน อกิ ๒๗. รปู วิเคราะหว า “ภยํ ปสสฺ ติ สีเลนาติ ภยทสสฺ าวี” เปน รูปและสาธนะอะไร ? ก. กตั ตรุ ูป กตั ตุสาธนะ ข. กตั ตุรปู ตัสสีลสาธนะ ค. สมาสรูป ตสั ลลี สาธนะ ง. กัตตรุ ูป อปาทานสาธนะ ๒๘. คำวา “โอปนยโิ ก – ควรเพ่อื อนั นำเขาไป(ในตน)” มีวิเคราะหว าอยา งไร ? ก. อปุ เนติ สเี ลนาติ โอปนยโิ ก ข. อปุ เนตุ สลี มสสฺ าติ โอปนยโิ ก ค. อุปเนตุ อิจฺฉตตี ิ โอปนยิโก ง. อปุ เนตุ ภพโฺ พติ โอปนยโิ ก ๒๙. ปจ จัยใดตอ ไปนเี้ มอื่ ลงแลว ไมมอี ำนาจลบท่สี ดุ ธาตุ ? ก. ณฺวุ ข ยุ ข. ริจฺจ รติ ุ ริรยิ ค. ราตุ กวฺ ิ รู ง. ร รตถฺ ุ รมฺม ๓๐. คำวา “มาตุ – ผนู ับถอื (ซึ่งบตุ รโดยธรรม)” มาจากธาตแุ ละปจ จยั อะไร ? ก. นมฺ+ตุ ข. มน+ฺ ราตุ ค. มนฺตฺ+รู ง. มร+ตุ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 290

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 291 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò ๓๑. อิ ปจจัย นิยมลงกับธาตุตวั ใด ? ก. ทา ธา ข. ปจฺ ภุชฺ ค. กรฺ มรฺ ง. จนิ ตฺ ฺ มนฺตฺ ๓๒. ปจจยั นามกติ กห มวดกติ กจิ จปจจัยมีเทาไร ? ก. ๓ ตวั ข. ๕ ตวั ค. ๑๔ ตัว ง. ๗ ตวั ๓๓. ศพั ทใดตอไปนี้มิไดลง ณ ปจ จยั ? ก. ทาโย โสโก ข. ปรวิ าโร อาพาโธ ค. สมโณ คหณํ ง. สงฺขาโร จาโค ๓๔. ปจ จยั ในกิตกิจจปจ จยั เปนรปู และสาธนะใดไมได ? ก. กมั มรปู กรณสาธนะ ข. กัตตรุ ูป กัมมสาธนะ ค. กัตตุรปู กัตตุสาธนะ ง. กมั มรปู ภาวสาธนะ ๓๕. ปจจัยในนามกิตกตวั ใดถา มีกรรมเปน บทหนา ใหล ง นุ อาคม ? ก. ณยฺ ข. อ ค. กวฺ ิ ง. ตุ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 291

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 292 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò แบบประเมนิ ผลตนเองหลังเรียน หนว ยท่ี ๙ วตั ถุประสงค เพือ่ ประเมินผลความกาวหนาของนักเรียนเกย่ี วกบั เรื่อง “ปจจยั นามกติ ก” คำสงั่ ใหนักเรยี นอานคำถาม แลวเขียนวงกลมลอมรอบขอ คำตอบที่ถูกตอง ทีส่ ุดเพียงขอ เดียว ๑. ปจ จัยในกิตปจ จัย นยิ มตงั้ วเิ คราะหเปน รูปและสาธนะอะไร ? ก. กมั มรปู กมั มสาธนะ ข. กัตตรุ ปู กรณสาธนะ ค. กตั ตรุ ปู กัตตุสาธนะ ง. ภาวรปู ภาวสาธนะ ๒. ปจจยั ใดตอ ไปนี้มไิ ดจ ดั อยูใ นหมวดกติ ปจ จัย ? ก. ตุ ข. ณยฺ ค. ณี ง. ณฺวุ ๓. ปจจัยใดตอไปนไ้ี มน ิยมลงในอรรถแหงตสั สลี ะ ? ก. ตุ ข. รู ค. ณี ง. กฺวิ ๔. กฺวิ ปจ จัย ลงแลว มอี ำนาจหลายประการยกเวนขอใด ? ก. ธาตุ ๒ ตวั ตนธาตเุ ปนรสั สะใหพฤทธิ์ ข. ธาตตุ ัวเดียวคงธาตไุ วต ามเดิม ค. ลบตวั เองทิ้ง ง. ตองมบี ทหนา ๕. บทตอไปนีค้ ือ “ปุ ฺ+กร+ณี” สำเร็จรูปเปนอะไร ? ก. ปุฺกรณี ข. ปุฺ การณี ค. ปุฺ การี ง. ปุ ฺ กรี ๖. คำวา “ทายิกา” มาจากธาตแุ ละปจจัยอะไร ? ก. ทา+ณี ข. ทา+ตุ ค. ทา+กวฺ ิ ง. ทา+ณวฺ ุ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 292

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 293 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò ๗. ณฺวุ ปจจยั เมอื่ นำมาประกอบกบั ธาตุแลวมีอำนาจหลายประการยกเวน ขอใด ? ก. ธาตมุ ี อา เปนทส่ี ดุ แปลง อา เปน อาย ข. ธาตุ ๒ ตัว ใหลบทีส่ ดุ ธาตุ ค. ตนธาตุเปน รัสสะใหพ ฤทธิ์ ง. แปลงเปน อก ๘. ศัพทใ ดตอไปน้มี ไิ ดส ำเร็จมาจาก ตุ ปจจยั ? ก. วตตฺ าโร กตฺตาโร ขนตฺ าโร ข. อาจรยิ า รกุ ฺขา โลกา ค. โสตา ทาตา สริตา ง. ชนตฺ ุ นตตฺ ุ เนตุ ๙. ปจจยั ใดตอไปนเี้ มือ่ ลงในธาตุ ๒ ตัวแลว มักลบที่สดุ ธาตุ ? ก. รู ข. ตุ ค. ณี ง. ณวฺ ุ ๑๐. ปจจัยใดตอไปนี้นยิ มแปลหกั ฉฏั ฐวี ภิ ตั ตลิ งในกรรม ? ก. ณี ข. รู ค. กฺวิ ง. ณวฺ ุ ๑๑. ปจจยั นามกิตกใ นกิจจปจจัยนยิ มประกอบวิเคราะหเปน รูปและสาธนะอะไร ? ก. กัตตุรูป กัมมสาธนะ ข. กตั ตรุ ูป กัตตสุ าธนะ ค. กมั มรปู กรณสาธนะ ง. กมั มรูป กัมมสาธนะ ๑๒. ปจจัยใดตอ ไปนจ้ี ดั อยใู นหมวดกจิ จปจ จัย ? ก. อ อิ ข. ณ เตวฺ ค. ข ณฺย ง. ตุ ยุ ๑๓. ปจจยั คือ ข นยิ มบทหนาหลายตัวยกเวนขอใดตอ ไปนี้ ? ก. อสี ข. สุ ค. ทุ ง. สํ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 293

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 294 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò ๑๔. ณฺย ปจ จัยเม่อื ลงกับธาตุแลวมอี ำนาจหลายประการยกเวนขอใด ? ก. ลบ ย แลวคง ณฺ ไวบ าง ข. แปลง ณยฺ กบั อู แหง ภู ธาตุ เปน อพฺพ ค. ลบ ณฺ แลวแปลง ย กับพยัญชนะทีธ่ าตุ ง. ธาตุมี อา เปนท่ีสดุ แปลง ณฺย เปน เอยยฺ ๑๕. คำวา “วิ+า+ณยฺ ” สำเร็จรปู เปน อะไร ? ก. วิ าณฺยํ ข. วิฺเยยฺ ํ ค. วิฺ าณํ ง. วิายํ ๑๖. ททุ ฺทสํ มวี ิเคราะหวาอยางไร ก. ทุกฺเขน ทฏ พโฺ พ-ติ ททุ ฺทสํ. ข. ทกุ ฺเขน ทสฺเสต-ี ติ ททุ ทฺ สํ. ค. ทกุ ฺเขน ปสฺสยิ เต-ติ ทุทฺทส.ํ ง. ทุกฺเขน เทเสต-ี ติ ทุททฺ สํ. ๑๗. นามกิตกบทใดตอ ไปน้ี ไมไดลง ข ปจจัย ก. สุวโจ ข. ทกุ ฺขํ ค. สชุ ีวํ ง. อสี กฺกรํ ๑๘. ปพพฺ ชชฺ า มีวเิ คราะหว าอยางไร ก. ปพฺพชนฺตี-ติ ปพพฺ ชชฺ า. ข. ปพฺพชิตํุ สลี มสสฺ า-ติ ปพพฺ ชชฺ า. ค. ปพฺพาเชติ สเี ลนา-ติ ปพฺพชฺชา. ง. ปพฺพชิตพฺพนฺ-ติ ปพฺพชฺชา. ๑๙. นามกติ กบทใดตอ ไปนี้ ไมไดล ง ณยฺ ปจ จยั ก. ทายํ ข. เทยฺยํ ค. อิจฺฉา ง. คมฺมํ ๒๐. รปู วิเคราะหตอไปน้ี เปน รปู และสาธนะอะไร วิ. “จรณํ จริยา.” ก. กัตตุรปู กัตตุสาธนะ ข. สมาสรูป ตัสสลี ะสาธนะ ค. กัมมรปู กมั มสาธนะ ง. ภาวรูป ภาวสาธนะ ๒๑. ปจ จยั นามกติ กใดไมเ ปน รูปและสาธนะอะไรเลย ? ก. ข ณฺย ข. เตวฺ ตุ ค. อ อิ ง. ติ ยุ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 294

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 295 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò ๒๒. ปจจยั ตวั ใดนิยมแปลหกั ฉัฏฐีวิภัตตลิ งในอรรถแหง ทุตยิ าวภิ ตั ติ ? ก. ณวฺ ุ ตุ ยุ ข. ณี รู ข ค. กวฺ ิ ณฺย ติ ง. อ อิ ณ ๒๓. ปจจยั ตอไปน้เี มอื่ ลงแลวตอ งแปลงเปน อน หรอื อณ เสมอ ? ก. ติ ข. ยุ ค. ตุ ง. เตวฺ ๒๔. ตุ ปจ จัยใชแทนวภิ ตั ตินาม ๒ วิภตั ตคิ ืออะไร ? ก. ปฐมาวภิ ัตติและจตตุ ถีวิภัตติ ข. ตติยาวิภตั ติและปญจมีวภิ ัตติ ค. จตตุ ถวี ภิ ัตติและฉฏั ฐีวภิ ัตติ ง. ทตุ ิยาวภิ ัตตแิ ละสตั ตมีวภิ ตั ติ ๒๕. รูปวเิ คราะหวา “พชุ ฺฌติ เอตายาติ พุทธฺ ิ” เปน รปู และสาธนะอะไร ? ก. กัตตรุ ปู อธกิ รณสาธนะ ข. กัตตรุ ปู กรณสาธนะ ค. กตั ตุรปู กมั มสาธนะ ง. กตั ตุรูป กตั ตุสาธนะ ๒๖. ปจ จัยตอไปน้ีตวั ใดมิใชปจจัยนอกแบบในนามกติ ก ? ก. ณุก ตยฺย ตกุ ข. รตถฺ ุ รมมฺ รจิ ฺจ ค. ยริ ปฺป อี ง. อาวี อนิ อิก ๒๗. รูปวเิ คราะหว า “ภยํ ปสสฺ ติ สีเลนาติ ภยทสฺสาว”ี เปน รปู และสาธนะอะไร ? ก. กตั ตรุ ปู อปาทานสาธนะ ข. กตั ตุรปู กัตตุสาธนะ ค. สมาสรปู ตสั ลลี สาธนะ ง. กัตตรุ ูป ตัสสลี สาธนะ ๒๘. คำวา “โอปนยิโก – ควรเพ่ืออันนำเขาไป(ในตน)” มวี เิ คราะหวาอยางไร ? ก. อปุ เนตุ สลี มสฺสาติ โอปนยิโก ข. อปุ เนตุ อิจฉฺ ตตี ิ โอปนยิโก ค. อุปเนตุ ภพโฺ พติ โอปนยโิ ก ง. อปุ เนติ สเี ลนาติ โอปนยิโก ๒๙. ปจจยั ใดตอ ไปน้เี มื่อลงแลว ไมม ีอำนาจลบท่สี ุดธาตุ ? ก. ริจฺจ รติ ุ ริริย ข. ราตุ กวฺ ิ รู ค. ร รตฺถุ รมฺม ง. ณฺวุ ข ยุ ๓๐. คำวา “มาตุ – ผูน บั ถอื (ซงึ่ บุตรโดยธรรม)” มาจากธาตุและปจ จัยอะไร ? ก. มนฺตฺ+รู ข. มน+ฺ ราตุ ค. มร+ตุ ง. นม+ฺ ตุ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 295

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 296 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò ๓๑. อิ ปจ จัย นยิ มลงกับธาตุตัวใด ? ก. กรฺ มรฺ ข. ปจฺ ภุชฺ ค. ทา ธา ง. จนิ ฺตฺ มนตฺ ฺ ๓๒. ปจจยั นามกติ กห มวดกิตกิจจปจ จัยมีเทา ไร ? ก. ๓ ตัว ข. ๕ ตัว ค. ๗ ตวั ง. ๑๔ ตัว ๓๓. ศพั ทใดตอ ไปนม้ี ไิ ดลง ณ ปจจยั ? ก. สมโณ คหณํ ข. ปรวิ าโร อาพาโธ ค. ทาโย โสโก ง. สงฺขาโร จาโค ๓๔. ปจ จยั ในกติ กจิ จปจ จัยเปนรปู และสาธนะใดไมไ ด ? ก. กมั มรูป กรณสาธนะ ข. กัมมรปู ภาวสาธนะ ค. กัตตุรปู กตั ตสุ าธนะ ง. กัตตุรูป กัมมสาธนะ ๓๕. ปจ จยั ในนามกติ กต วั ใดถา มกี รรมเปน บทหนา ใหล ง นุ อาคม ? ก. อ ข. ณยฺ ค. กวฺ ิ ง. ตุ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 296

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 297 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò เฉลยแบบประเมนิ ผลตนเอง หนว ยที่ ๙ ขอ กอนเรยี น หลังเรียน ๑. ก ค ๒. ค ข ๓. ก ง ๔. ง ก ๕. ข ค ๖. ค ง ๗. ง ข ๘. ก ข ๙. ง ก ๑๐. ค ง ๑๑. ค ง ๑๒. ก ค ๑๓. ข ง ๑๔. ง ก ๑๕. ค ข ๑๖. ก ค ๑๗. ค ข ๑๘. ค ง ๑๙. ง ก ๒๐. ข ง เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 297

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 298 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò ขอ กอ นเรียน หลงั เรยี น ๒๑. ค ข ๒๒. ค ก ๒๓. ง ข ๒๔. ง ก ๒๕. ค ข ๒๖. ก ค ๒๗. ข ง ๒๘. ง ค ๒๙. ก ง ๓๐. ข ข ๓๑. ก ค ๓๒. ง ค ๓๓. ค ก ๓๔. ง ข ๓๕. ข ก เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 298

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 299 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò แบบฝก หดั ประเมินผลนักเรยี น เร่ือง “กิตก” รวมหนว ยที่ ๗–๙ จุดประสงค เพ่ือประเมินความรูความเขาใจของนักเรียนเกี่ยวกับเร่ือง “กิตก” หนว ยการเรียนการสอนที่ ๗–๙ คำสั่ง แบบฝกหัดท้ังหมดมี ๓ ตอน ใหเวลาในการทำแบบฝกหัด รวม ๓ ชว่ั โมง ตอนที่ ๑ ใหน ักเรยี นตอบคำถามตอไปน้ีใหถกู ตอง (ขอละ ๑๐ คะแนน) ตอนที่ ๒ ใหนักเรียนอานคำถามแลวเขียนวงกลมลอมรอบขอคำตอบ ท่ถี กู ตอ งท่ีสุดเพยี งขอเดียว (ขอละ ๒ คะแนน) ตอนท่ี ๓ ใหนักเรียนทำเคร่ืองหมายถูก ( ) หนาขอที่ถูกตองและ ทำเคร่อื งหมายผิด ( ) หนาขอทีผ่ ิด (ขอละ ๑ คะแนน) ตอนท่ี ๑ ใหน กั เรยี นตอบคำถามตอ ไปนใี้ หถ กู ตอ ง (ปญ หามี ๕ ขอ ๆ ละ ๑๐ คะแนน) ๑. อะไรเรียกวา กติ ก ? มเี ทา ไร ? อะไรบา ง ? ๒. ปจจัยในกิริยากิตกมีเทาไร ? อะไรบาง ? ปจจัยไหนบอกกาลอะไร และมี คำแปลวาอะไร ? ๓. ปจ จยั กริ ิยากิตกในหมวดกิตปจจัยเปน ไดก ่วี าจก ? อะไรบาง ? และปจจัยกิริยา กิตกตัวใดบางที่ใชเปนนามกิตกได จงตอบพรอมตัวอยาง ? ทิฏโ,อุปปชช แปลวา อะไร สำเรจ็ มาจากธาตุ และปจจยั อะไร ? ๔. อะไรเรียกวาสาธนะ ? มีเทาไร ? อะไรบาง ? เฉพาะอปาทานสาธนะ หมายความวาอะไร และมีคำแปลประจำสาธนะวาอะไร ? ๕. ปจจัยนามกิตกหมวดกิจจปจจัยมีเทาไร ? อะไรบาง ? และเปนไดกี่รูป ? ก่ีสาธนะ ? อะไรบาง ? ปจจัยนามกิตกตัวใดท่ีใชเปนกิริยากิตกได จงตอบ พรอมตัวอยาง ? นิสสโย ลงปจจัยอะไร ? เปนรูปและสาธนะอะไร ? และ มีวเิ คราะหวา อยา งไร ? เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 299

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 300 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò ตอนที่ ๒ ใหน ักเรียนอา นคำถามแลว เขยี นวงกลมลอ มรอบขอ คำตอบทถี่ ูกตองทสี่ ุด เพยี งขอ เดยี ว (ปญหามี ๒๕ ขอๆ ละ ๒ คะแนน) ๑. กติ กม วี เิ คราะหว าอยา งไร ? ก. กิตปจจฺ เยน กรี ยิ เตติ กติ โก ข. กติ ปจจฺ เยน กรี ตตี ิ กิตโก ค. กติ ปจจฺ เยน กรี ติ เอเตนาติ กิตโก ง. กิตปจฺจเยน กรี ติ เอตถฺ าติ กิตโก ๒. ในกิริยากติ กแบงวาจกออกเปน เทาไร ? ก. ๓ ข. ๔ ค. ๕ ง. ๖ ๓. ปจ จัยใดตอ ไปนีเ้ ปน กตั ตุวาจกและเหตกุ ัตตุวาจก ไดเ ทา น้ัน ? ก. อนยี , ตพฺพ ข. อนฺต, ตวนตฺ ,ุ ตาวี ค. มาน, ต ง. ตนู , ตฺวา, ตฺวาน ๔. า ธาตุ ประกอบกบั ตวนฺตุ ปจจัย ในปุลิงค ปฐมาวิภัตติ เอกวจนะ ไดร ปู เปน อะไร ? ก. ชานิตวา ข. ชานติ วนตฺ ุ ค. ชานิตวตี ง. ชานิตวนตฺ ํ ๕. ปจ จัยใดตอไปน้ไี มน ยิ มใชเปนภาววาจก ? ก. อนยี ข. ตพพฺ ค. มาน ง. ต ๖. ปจจัยใดตอ ไปนเ้ี ปน อพั พยศพั ท (แจกดว ยวิภตั ตินามไมได) ? ก. อนตฺ มาน ข. อนีย ตพฺพ ค. ต ตวนตฺ ุ ตาวี ง. ตูน ตวฺ า ตวฺ าน ๗. ตพพฺ ปจ จยั ทเ่ี ปนอิตถลี งิ ค แจกตามแบบอะไร ? ก. อา การันต (กฺ า) ข. อี การนั ต (นาร)ี ค. อุ การันต (รชชฺ )ุ ง. อู การันต (วธู) เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 300

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 301 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò ๘. ลภฺ ธาตุ ลง มาน ปจ จัย ทีเ่ ปนกัมมวาจกมีรูปเปน อยางไร ? ก. ลภมาโน ข. ลพภฺ มาโน ค. ลาภาเปมาโน ง. ลาภาปย มาโน ๙. กตั ตสุ าธนะหมายถงึ อะไร ? ก. ศัพททเี่ ปน ชือ่ ของผทู ำ ข. ศพั ทท ี่เปน ช่อื ของส่งิ ทีถ่ ูกทำ ค. ศัพททเ่ี ปนช่อื ของเคร่ืองมอื ท่ใี ชทำ ง. ศพั ททเ่ี ปนชื่อของสถานที่ๆทำ ๑๐. ขอ ใดตอ ไปนเี้ ปน คำแปลของกตั ตรุ ปู กรณสาธนะ ? ก. เปน ที.่ . ข. เปนเครื่อง.. ค. เปนแดน.. ง. ผ.ู .โดยปกติ ๑๑. รูปวิเคราะหใ ดตอไปนี้ จัดเปนกัตตรุ ปู อธกิ รณสาธนะ ? ก. กมฺมํ กโรตตี ิ กมมฺ กาโร ข. คมนํ คมนํ ค. ปหรติ เตนาติ ปหรณํ ง. สยติ เอตถฺ าติ สยนํ ๑๒. รูปวเิ คราะหแหงสาธนะทานแบง ไวเ ทา ไร ? ก. ๒ รปู ข. ๓ รูป ค. ๔ รปู ง. ๕ รปู ๑๓. ปจจยั นามกิตกในกิตปจจัย นยิ มตง้ั วเิ คราะหเ ปน รปู และสาธนะอะไร ? ก. กตั ตุรปู กัตตสุ าธนะ ข. กมั มรูป กัมมสาธนะ ค. ภาวรปู ภาวสาธนะ ง. กตั ตุรูป กรณสาธนะ ๑๔. ปจจัยใดตอไปน้ีไมน ิยมลงในอรรถแหงตสั สีละ ? ก. กฺวิ ข. ณี ค. ตุ ง. รู ๑๕. บทตอ ไปนี้คือ “ปุฺ+กร+ณ”ี สำเรจ็ รูปเปนอะไร ? ก. ปุ ฺกรี ข. ปุ ฺ การี ค. ปุ ฺกรณี ง. ปุ ฺการณี เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 301

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 302 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò ๑๖. ณฺวุ ปจจัย เมือ่ นำมาประกอบกับธาตแุ ลว มีอำนาจหลายประการยกเวนขอใด ? ก. แปลงเปน อก ข. ตน ธาตเุ ปนรัสสะใหพ ฤทธิ์ ค. ธาตมุ ี อา เปน ทส่ี ุด แปลง อา เปน อาย ง. ธาตุ ๒ ตวั ใหล บท่สี ดุ ธาตุ ๑๗. ปจจัยคอื ข นยิ มบทหนาหลายตัวยกเวน ขอ ใดตอ ไปน้ี ? ก. ทุ ข. สํ ค. อีส ง. สุ ๑๘. คำวา “วิ+า+ณยฺ ” สำเร็จรปู เปน อะไร ? ก. วิายํ ข. วิ าณฺยํ ค. วิเฺ ยยฺ ํ ง. วิ ฺ าณํ ๑๙. ปจ จัยนามกติ กหมวดกติ กิจจปจ จัยมีเทาไร ? ก. ๒ ตัว ข. ๓ ตัว ค. ๕ ตัว ง. ๗ ตวั ๒๐. ปจ จัยในกิตกิจจปจจยั เปน รูปและสาธนะใดไมไ ด ? ก. กัตตรุ ปู กัตตุสาธนะ ข. กัตตุรปู กัมมสาธนะ ค. กัมมรปู กรณสาธนะ ง. กมั มรปู ภาวสาธนะ ๒๑. ปจ จยั นามกิตกใ ดไมเ ปนรูปและสาธนะอะไรเลย ? ก. ข ณยฺ ข. อ อิ ค. เตวฺ ตุ ง. ติ ยุ ๒๒. ปจ จัยตอไปน้เี ม่อื ลงแลวตอ งแปลงเปน อน หรือ อณ เสมอ ? ก. เตฺว ข. ติ ค. ตุ ง. ยุ ๒๓. รูปวเิ คราะหว า “พุชฌฺ ติ เอตายาติ พทุ ฺธ”ิ เปนรูปและสาธนะอะไร ? ก. กัตตุรูป กตั ตุสาธนะ ข. กตั ตรุ ูป กมั มสาธนะ ค. กตั ตรุ ูป กรณสาธนะ ง. กัตตุรปู อธิกรณสาธนะ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 302

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 303 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò ๒๔. รูปวเิ คราะหว า “ภยํ ปสฺสติ สเี ลนาติ ภยทสสฺ าว”ี เปนรปู และสาธนะอะไร ? ก. กตั ตุรปู กตั ตุสาธนะ ข. กตั ตุรูป ตสั สีลสาธนะ ค. สมาสรูป ตัสลลี สาธนะ ง. กตั ตุรปู อปาทานสาธนะ ๒๕. ปจ จัยใดตอไปนี้เมอ่ื ลงแลวไมมอี ำนาจลบทส่ี ดุ ธาตุ ? ก. ณฺวุ ข ยุ ข. ริจฺจ ริตุ รริ ยิ ค. ราตุ กวฺ ิ รู ง. ร รตฺถุ รมมฺ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 303

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 304 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ตอนที่ ๓ ใหนกั เรียนทำเครือ่ งหมายถูก ( ) หนาขอท่ถี ูกตอ ง และทำเคร่อื งหมายผดิ ( ) หนา ขอท่ผี ิด (ปญหามี ๒๕ ขอ ๆ ละ ๑ คะแนน) ( ) ๑. กาลแหง กิริยากิตกว า โดยยอ มี ๒ คอื ปจจบุ นั ๑ อนาคต ๑ ( ) ๒. ปจ จัยคือ อนยี , ตพพฺ ไมใชเปนกัตตวุ าจกและเหตกุ ัตตุวาจก ( ) ๓. ปจ จัยกริ ยิ ากติ กคือ อนต ตวนตุ ตาวี ใชเ ปน กิริยาคมุ พากยไ ด ( ) ๔. คำวา คจฺฉนฺโต ในประโยควา “เสฏ คามํ คจฺฉนฺโต กมฺมนฺตํ อกาสิ ฯ” ประกอบถูกตามหลักไวยากรณ ( ) ๕. ตวนต ุ ปจ จยั ในปุงลงิ คแจกตามแบบ ภควนตุ ศพั ท ( ) ๖. ต ปจ จัย ไมน ยิ มใชเปนกตั ตวุ าจกและกัมมวาจก ( ) ๗. ตูน ตวฺ า ตวฺ าน ปจจยั ในที่ ๆ มอี ปุ สคั นำหนา นยิ มแปลงเปน ย ( ) ๘. ต ปจจยั ทป่ี ระกอบกบั อกมั มธาตุ ใชเ ปนไดท ุกวาจก ( ) ๙. คำวา “นามกติ ก” หมายถึงกิตกท่ีใชเปนสัพพนาม ( ) ๑๐. รปู วิเคราะหว า “ภุชฺ ิตพพฺ นตฺ ิ โภชนํ” เปน ภาวรูป ภาวสาธนะ ( ) ๑๑. รูปวิเคราะหวา “ธมฺมํ วตฺตุ สีลมสฺสาติ ธมฺมวาที” เปนสมาสรูป ตสั สีลสาธนะ ( ) ๑๒. รูปวเิ คราะหแหงสาธนะทีเ่ ปน เหตกุ ตั ตวุ าจก จัดเปน เหตุกตั ตุรปู ( ) ๑๓. ปจ จยั นามกติ กค ือ อ อิ ณ มิไดจัดอยใู นหมวดกิตปจจยั ( ) ๑๔. กฺวิ ปจจัย ลงแลว ตอ งลบ กวฺ ิ ทิง้ และตอ งมีบทหนาเสมอ ( ) ๑๕. คำวา “ทายิกา” มาจาก ทา ธาตุในความให ณวฺ ุ ปจจยั ( ) ๑๖. ปจจัยคอื ณี และ ณฺวุ เมอื่ ลงในธาตุ ๒ ตัวแลว มักลบที่สดุ ธาตุ ( ) ๑๗. ณฺย ปจจัยเม่ือลงกับธาตุแลวใหลบ ณ แลวแปลง ย กับพยัญชนะท่ีสุด ธาตเุ ปน อยางอื่น ( ) ๑๘. อิ ปจ จัย นิยมลงกับ ทา หรือ ธา ธาตุ เชน อุทธิ เปน ตน ( ) ๑๙. ศพั ทต อ ไปนค้ี อื ทาโย โสโก สงขฺ าโร จาโค มไิ ดล ง ณ ปจ จยั ในนามกติ ก ( ) ๒๐. ปจ จัยในนามกิตกคือ ตุ ถามีกรรมเปน บทหนาใหลง นุ อาคม 304

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 305 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò ( ) ๒๑. ปจจัยนามกิตกคือ ณฺวุ ตุ ยุ นิยมแปลหักฉัฏฐีวิภัตติลงในอรรถแหง ทุตยิ าวิภตั ติ ( ) ๒๒. ตุ ปจจยั ใชแ ทนวภิ ัตตนิ าม ๒ วิภัตตคิ ือ จตุตถีวิภตั ติและฉัฏฐีวภิ ตั ติ ( ) ๒๓. ปจจยั ตอ ไปนคี้ ือ รมมฺ รตฺถุ ริจฺจ เปนปจ จยั นอกแบบในนามกิตก ( ) ๒๔. คำวา “โอปนยิโก – ควรเพื่ออันนำเขาไป (ในตน)” มีวิเคราะหว า “อุปเนตุ สีลมสสฺ าติ โอปนยิโก” ( ) ๒๕. คำวา “มาตุ – ผูนับถือ (ซ่ึงบุตรโดยธรรม) ” มาจาก มนฺ ธาตุในความ นบั ถือ ตุ ปจ จยั 305

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 306 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) เฉลยแบบฝก หัดประเมินผลนกั เรียน เร่ือง “กติ ก” รวมหนว ยท่ี ๗–๙ ตอนท่ี ๑ ใหนกั เรียนตอบคำถามตอไปน้ใี หถ กู ตอ ง (ปญหามี ๕ ขอ ๆ ละ ๑๐ คะแนน) ๑. ศัพทท่ีประกอบปจจัยหมูหน่ึงเปนเครื่องหมายของนามศัพทและกิริยาศัพท ทตี่ า งกนั เรยี กวา กติ ก ฯ แบง เปน ๒ คอื นามศพั ทอ ยา ง ๑ กริ ยิ าศพั ทอ ยา ง ๑ ฯ ๒. ปจจยั ในกริ ิยากติ กแ บงออกเปน ๓ หมวด คือ ๑. กติ ปจ จยั มีปจ จยั ๓ ตัว คอื อนตฺ ตวนตฺ ุ ตาวี ๒. กิจจปจจัย มปี จจยั ๒ ตวั คอื อนีย ตพพฺ ๓. กติ กิจจปจจยั มปี จจยั ๕ ตวั คอื มาน ต ตนู ตฺวา ตฺวาน อนตฺ มาน ๒ ตัวนบ้ี อกปจ จุบนั กาล แปลวา “อย”ู “เมอ่ื ” ตวนตฺ ุ ตาวี ต ตนู ตวฺ า ตวฺ าน ๕ ตวั นบ้ี อกอดตี กาล แปลวา “แลว ” “ครนั้ ….แลว ” อนยี ตพพฺ ๒ ตัวนี้บอกความจำเปน แปลวา “ควร” “พงึ ” ฯ ๓. ปจจัยกิริยากิตกในหมวดกิตปจจัยเปนได ๒ วาจก คือ กัตตุวาจกและ เหตกุ ตั ตวุ าจก ฯ ปจ จยั กิรยิ ากติ กท ่ใี ชเปน นามกติ กไดมี ๒ ตวั คอื อนยี และ ต ฯ อนีย ปจจัย อุ. ขาทนีเยน โภชนีเยน ปณีเตน ปริวิสิ ฯ เขา อังคาสแลว ดวย ของควรเคี้ยว ดว ยของควรบรโิ ภค อันประณตี ฯ ต ปจจยั อุ. พุทโฺ ธ พระพุทธเจา ฯ ทิฏโ แปลวา อันเขาเห็นแลว มาจาก ทิสฺ ธาตุในความเห็น ต ปจจัย สิ ป. เอก. ธาตุมี ส เปนท่ีสุดอยูหนาแปลง ส กับ ต เปน ฏ เอา อ กับ สิ เปน โอ สำเรจ็ รูปเปน ทฏิ โ . อุปฺปชฺช แปลวา เกิดขึ้นแลว มาจาก อุ บทหนา ปท ธาตุ ในความถึง ตูนาทิ ปจจัย ซอน ปฺ หนา ป มีอุปสัคอยูหนา แปลง ตูนาทิปจจัย เปน ย แลว แปลง ย กบั ท ท่ีสดุ ธาตุ เปน ชฺช สำเรจ็ รปู เปน อุปปฺ ชชฺ . 306

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 307 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò ๔. ศัพทที่ทานใหสำเร็จมาแตรูปวิเคราะหชื่อสาธนะ มี ๗ คือ กัตตุสาธนะ ๑ กัมมสาธนะ ๑ ภาวสาธนะ ๑ กรณสาธนะ ๑ สัมปทานสาธนะ ๑ อปาทาน สาธนะ ๑ อธกิ รณสาธนะ ๑ ฯ ผูทำไปปราศจากของสิ่งใดหรือจากผูใด ศัพทท่ีเปนช่ือของส่ิงน้ันหรือของ ผูน้ัน ช่ือ “อปาทานสาธนะ” เปนตนวา ปภสฺสโร (เทวกาโย) แดนซานออก แหงรัศมี เปนกตั ตรุ ปู อยา งเดียว แปลวา “เปนแดน…” ฯ ๕. ปจจัยนามกิตกหมวดกิจจปจจัยมี ๒ คือ ข ณฺย ฯ ปจจัยนี้เปนได ๒ รูป ๒ สาธนะ คอื กัมมรูป กมั มสาธนะ และ ภาวรปู ภาวสาธนะ ฯ ปจจัยนามกิตกท่ีใชกิริยากิตกไดคือ ณฺย ปจจัย อุ. เต จ ภิกฺขู คารยฺหา ฯ อนงึ่ ภิกษุ ท. อนั ทา น พงึ ตเิ ตียน ฯ นิสฺสโย ลง อ ปจ จัย เปน กัตตุรูป กัมมสาธนะ ว.ิ นิสฺสาย นํ วสตตี ิ นิสฺสโย ฯ ตอนที่ ๒ ใหน กั เรยี นอา นคำถามแลว เขยี นวงกลมลอ มรอบขอ คำตอบทถ่ี กู ตอ งทส่ี ดุ เพยี งขอ เดยี ว (ปญ หามี ๒๕ ขอ ๆ ละ ๒ คะแนน) ๑. ข ๒. ค ๓. ข ๔. ก ๕. ค ๖. ง ๗. ก ๘. ข ๙. ก ๑๐. ข ๑๑. ง ๑๒. ข ๑๓. ก ๑๔. ก ๑๕. ข ๑๖. ง ๑๗. ข ๑๘. ค ๑๙. ง ๒๐. ง ๒๑. ค ๒๒. ง ๒๓. ค ๒๔. ข ๒๕. ก เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 307

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 308 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò ตอนท่ี ๓ ใหน กั เรยี นทำเครอื่ งหมายถกู ( ) หนา ขอ ทถี่ กู ตอ ง และทำเครอื่ งหมายผดิ ( ) หนาขอทผ่ี ิด (ปญหามี ๒๕ ขอ ๆ ละ ๑ คะแนน) ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐. ๑๑. ๑๒. ๑๓. ๑๔. ๑๕. ๑๖. ๑๗. ๑๘. ๑๙. ๒๐. ๒๑. ๒๒. ๒๓. ๒๔. ๒๕. เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 308

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 309 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò แผนการสอนบาลีไวยากรณ หนว ยที่ ๑๐ เรื่อง “การใชกิริยากิตก” (การใชก ริ ิยากติ กในการแปลมคธเปนไทยและการแปลไทยเปน มคธ) สาระสำคญั ในการวัดผลประเมินผลของนักเรียนผูไดศึกษาความรูพื้นฐานดานบาลี ไวยากรณมาถึงขั้นนี้แลว วิธีการสำคัญอยางหนึ่งที่ผูสอนนิยมใชในการวัดผลความรู ความเขาใจถึงเนอ้ื หาที่ไดเรียนผา นมาแลว คือ วธิ กี ารแปลมคธเปน ไทยและการแปลไทย เปนมคธ ดังตัวอยางที่จะนำมาทดสอบในที่น้ี จะวาดวยการใชกิริยากิตกในการแปล มคธเปน ไทยและการแปลไทยเปนมคธ จดุ ประสงค นักเรียนรูและเขาใจถึงการใชกิริยากิตกในการแปลมคธเปนไทยและ การแปลไทยเปนมคธ โดยใชเปนกิริยาคุมพากยบาง ใชเปนกิริยาในระหวางบาง ใช เปนวกิ ตกิ ตั ตาบาง เนอ้ื หา การใชกิริยากิตกในการแปลมคธเปนไทยและการแปลไทยเปนมคธ โดย ลักษณะ ๕ ประการ คอื ๑. ใชเปน กริ ยิ าคมุ พากยตามวาจก ๒. ใชเ ปน วิกตกิ ัตตา ๓. ใชเ ปนกริ ิยาคมุ พากยอ นาทร และลกั ขณะ ๔. ใชเ ปนกิริยาในระหวาง ๕. การใช ตวฺ า, ตุ ปจ จยั และนามกิตก 309

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 310 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) กิจกรรม ๑. ประเมินผลกอ นเรยี น ๒. ครนู ำเขาสบู ทเรยี น และอธบิ ายเนื้อหา ๓. บตั รคำ ๔. ครูสรุปเน้ือหาท้งั หมด ๕. ประเมินผลหลังเรียน ๖. ใบงาน ใหน ักเรยี นแตงประโยคท่ีมกี ิรยิ ากิตก ใชเ ปนกิริยาคุมพากยต ามวาจก ๑ ใชเปนวิกติกัตตา ๑ ใชเปนกิริยาคุมพากยอนาทร และลักขณะ ๑ ใชเปนกิริยาใน ระหวาง การใช ตวฺ า, ตุ ปจจยั และนามกติ ก ๑ และบอกชนิดของประโยคที่กำหนดใหได ๗. กิจกรรมเสนอแนะ ครสู อนควรใหน ักเรียน แตงประโยคท่ีมีกิริยากิตกเปนกิริยาคุมพากยตามวาจกท้ัง ๕ ประโยค ท่ีมีกิริยากิตกเปนวิกติกัตตา ประโยคอนาทรและลักขณะ ประโยคที่มีกิริยากิตก เปน กิริยาในระหวา ง การใช ตฺวา ปจจยั ตุ ปจ จัย และนามกิตก และสามารถบอกชนดิ ของประโยคได สอ่ื การสอน ๑. ตำราทใ่ี ชประกอบการเรยี น-การสอน ๑.๑ หนงั สอื พระไตรปฎ ก ๑.๒ หนงั สอื พจนานกุ รม มคธ-ไทย โดย พันตรี ป. หลงสมบญุ สำนกั เรยี นวัดปากน้ำ ๑.๓ หนังสือพจนานกุ รม ฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ๑.๔ หนงั สอื พจนานุกรมพทุ ธศาสน ฉบบั ประมวลศพั ท โดย พระธรรมปฎก (ป.อ.ปยตุ โฺ ต) ๑.๕ หนังสอื คมู อื บาลไี วยากรณ นพิ นธ โดย สมเด็จพระมหาสมณเจาฯ ๑.๖ หนังสือปาลิทเทศ ของ สำนกั เรยี นวัดปากนำ้ ๑.๗ คมั ภรี อภิธานปั ปทปี ก า 310

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 311 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò ๑.๘ หนังสือพจนานุกรมธาตุ ภาษาบาลี ๑.๙ หนงั สืออภุ ยั พากยป รวิ ัตน ๒. อปุ กรณทีค่ วรมปี ระจำหองเรียน ๒.๑ กระดานดำ-แปรงลบกระดาน-ชอลก หรือ กระดานไวทบอรด ๒.๒ เคร่ืองฉายขา มศรี ษะ (Over-head) ๓. บตั รคำ ๔. ใบงาน วธิ วี ัดผล-ประเมนิ ผล ๑. สอบถามความเขาใจ ๒. สังเกตพฤตกิ รรมการมสี ว นรว มในกิจกรรม ๓. สงั เกตความกา วหนาดา นพฤตกิ รรมการเรยี นรูของผเู รียน ๔. ตรวจใบงาน ๕. ตรวจแบบประเมนิ ผลกอนเรยี น-หลงั เรยี น 311

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 312 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) การใชกริ ยิ ากติ ก กิริยากิตก แบง ออกเปน ๒ พวกกอน คือ ๑. ไมใ ชอัพยยะ (แจกวิภัตติได) ไดแก อนตฺ , ตวนตฺ ,ุ ตาว,ี อนยี , ตพพฺ , มาน, ต ๒. เปนอัพยยะ (แจกวภิ ัตติไมไ ด) ไดแ ก ตนู , ตฺวา, ตฺวาน มีการนำมาใชในการแปลไทยเปน มคธ และการแปลมคธเปนไทย ไดหลายวิธี ตามความเหมาะสมแกประโยคน้ันๆ คือ ใชเปนกิริยาคุมพากยบาง ใชเปนกิริยาใน ระหวางบา ง ใชเปนวกิ ตกิ ัตตาบาง ซ่งึ พอสรปุ ไดด ังน้ี ๑. ใชเปน กริ ยิ าคุมพากยต ามวาจก ๒. ใชเ ปน วิกติกัตตา ๓. ใชเ ปน กิริยาคุมพากยอนาทร และลกั ขณะ ๔. ใชเปน กริ ยิ าในระหวาง ๕. การใช ตฺวา, ตุ ปจ จยั และนามกติ ก การใชก ริ ิยากิตกในการแปลมคธเปน ไทย และการแปลไทยเปนมคธ ๑. ใชเ ปนกิริยาคุมพากยต ามวาจก ปจจยั ในกิริยากติ กท่ใี ชค ุมพากยไ ดม ี ๓ ตวั คือ อนยี , ตพพฺ , ต ปจ จยั เหลา น้ี ตองประกอบใหมีลิงค วจนะ วิภัตติ เหมือนกันกับนามนามท่ีเปนประธาน และ เรียงไวต วั สุดทา ยของประโยค แปลมคธเปนไทย ก. ประโยคกตั ตวุ าจก เชน บาลี : พทุ โฺ ธ โลเก อุปปฺ นโฺ น ฯ คำแปล : อ.พระพุทธเจา เสดจ็ อบุ ตั ิแลว ในโลก ฯ บาลี : ราชินี นารนี ํ มชเฺ ฌ ิตา ฯ คำแปล : อ.พระราชินี ประทับยืนอยูแลว ในทา มกลาง แหง นารี ท. ฯ บาลี : สปฺปสสฺ ภาชนํ ภนิ นฺ ํ ฯ คำแปล : อ.ภาชนะ ของเนยใส แตกแลว ฯ 312

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 313 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò ข. ประโยคกมั มวาจก เชน บาลี : ปตุ ตฺ านํ มาตรา ธนํ ทาตพพฺ ํ ฯ คำแปล : อ.ทรพั ย อนั มารดา พงึ ให แกบตุ ร ท. ฯ บาลี : อิทํ ปณณฺ ํ มม สหายเกน ตยุ ฺหํ เปสติ ํ ฯ คำแปล : อ.หนังสอื นี้ อันสหาย ของเรา สง ไปแลว แกทา น ฯ ค. ประโยคภาวภาวาจก เชน บาลี : อวสฺสํ มยา มรติ พพฺ ํ ฯ คำแปล : อนั เรา พึงตาย แนแ ท ฯ บาลี : การเณเนตฺถ ภวติ พฺพํ ฯ คำแปล : อันเหตุ ในเรอ่ื งนี้ พึงมี ฯ ฆ. ประโยคเหตกุ ตั ตุวาจก เชน บาลี : ภควา สเทวกํ ตารยนโฺ ต ... วหิ รติ ฯ คำแปล : อ.พระผมู พี ระภาคเจา ทรงยงั โลกนก้ี ับทัง้ เทวโลก ใหข ามอย.ู ..ยอมประทับอยู ฯ บาลี : เอโก หตถฺ มิ ารโก หตถฺ ึ มาเรตวฺ า ... ชีวิตํ กปเฺ ปสิ ฯ คำแปล : อ.บคุ คลผยู งั ชา งใหต าย คนหนงึ่ ยังชา ง ใหตายแลว... สำเร็จแลว ซึ่งชีวิต ฯ ง. ประโยคเหตุกัมมวาจก เชน บาลี : อยํ ถูโป ปตฏิ าปโ ต ฯ คำแปล : อ.พระสถปู น้ี (อันเขา) ใหต งั้ จำเพาะแลว ฯ บาลี : ขมาปโ ต ปน โว ภนฺเต สตฺถา ฯ คำแปล : ขาแตทานผูเจรญิ ก็ อ.พระศาสดา อนั ทาน ท. ใหอ ดโทษแลว หรอื ฯ แปลไทยเปน มคธ ก. ประโยคกัตตวุ าจก เชน ไทย : อ.ตนไม ท. งอกขนึ้ แลว ในสวน ของพระราชา ฯ บาลี : รกุ ขฺ า รฺโ อุยยฺ าเน รุฬหฺ า ฯ ไทย : อ.กิง่ ไมแหง ตกแลว จากตนไม ฯ บาลี : สุกฺขา สาขา รุกขฺ า ปติตา ฯ 313

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 314 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ไทย : อ.ดอกบัว เขียว เกิดแลว ในน้ำ ฯ บาลี : นีลํ อุปปฺ ลํ อทุ เก ชาตํ ฯ ข. ประโยคกัมมวาจก เชน ไทย : อ.ธรรม นี้ อันพระศาสดา ของเรา ท. แสดงแลว ฯ บาลี : อมหฺ ากํ สตฺถารา อยํ ธมโฺ ม เทสิโต ฯ ไทย : ดกู อ นภิกษุ ท. อ.ที่สดุ ท. ๒ อยา ง เหลา น้ี อันบรรพชิต ไมพ ึงเสพ ฯ บาลี : เทฺวเม ภกิ ฺขเว อนฺตา ปพฺพชเิ ตน น เสวติ พพฺ า ฯ ค. ประโยคภาววาจก เชน ไทย : อันเรา ชนะแลว อนั เรา ชนะแลว ฯ บาลี : ชติ ํ เม ชติ ํ เมฯ ไทย : อันอันตราย พึงมี ฯ บาลี : อนฺตราเยน ภวิตพพฺ ํ ฯ ฆ. ประโยคเหตกุ ัตตุวาจก เชน ไทย : อ.มนุษย ท. เหลาน้ัน ยังภิกษุ รูปอ่ืน ใหกลาวแลว กลาวดวยบท..ฟงแลว ซ่ึงธรรม ฯ บาลี : เต (มนสุ ฺสา) อเฺ น (ภิกขุนา) ปทภาณํ ภณาเปตฺวา..ธมฺมํ สุณสึ ุ ฯ ไทย : อ.ผีเสื้อน้ำ ยังจันทกุมาร แมน้ัน ใหเขาไปแลว สูน้ำ วางไวแลว ในภพ ของตน ฯ บาลี : ทกรกฺขโส ตมฺป (จนทฺ กมุ ารํ) อุทกํ ปเวเสตฺวา อตฺตโน ภวเน เปสิ ฯ ง. ประโยคเหตุกัมมวาจก เชน ไทย : อ.ธิดา ของกุฎม พี อนั สามี ของตน ใหต ายแลว ฯ บาลี : อตตฺ โน สามเิ กน กฏุ ม พฺ ิกสสฺ ธีตา มาริตา ฯ ไทย : ก็ อ.ชา งนาฬาคีรี อนั เทวทัต ยงั บุคคล ใหปลอยแลว ฯ บาลี : เทวทตเฺ ตน ปน ปคุ คฺ ลํ นาฬาคริ ิ วิสสฺ ชชฺ าปโต ฯ 314

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 315 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò ๒. ใชเปนวิกตกิ ตั ตา กริ ยิ ากติ กท ี่ไมใ ชอ ัพยยะ ถา มีกริ ยิ าวามี วา เปน อยูข างหลัง ใหแ ปลวา เปน แปลมคธเปน ไทย บาลี : สงฺฆสสฺ จวี รํ อสุ สฺ นฺนํ โหติ ฯ คำแปล : อ.จวี ร เปน ของหนาขึน้ แลว แกสงฆ ยอมเปน ฯ บาลี : อยํ (รกุ ฺโข) มเหสกฺขาย เทวตาย ปรคิ คฺ หิโต ภวสิ สฺ ติ ฯ คำแปล : (อ.ตน ไม) น้ี เปนตนไมอ นั เทวดา ผูม ีศกั ด์ิใหญ กำหนดถอื เอารอบแลว จักเปน ฯ แปลไทยเปนมคธ ไทย : อ.คำ นี้ เปน คำอนั อปุ ช ฌาย ของทา น กลา วแลว ไดเปน แลว ฯ บาลี : อิทํ วจนํ เต อุปชฌฺ าเยน วุตฺตํ อโหสิ ฯ ไทย : อ.ลกู ชาย ของทา น เปนผอู นั ชนพาล ตแี ลว จกั เปน ฯ บาลี : ปตุ โฺ ต เต พาเลน ปหโต ภวสิ สฺ ติ ฯ ๓. ใชเปนกริ ิยาคุมพากยอนาทร และลกั ขณะ ถามีขอความเรื่องอ่ืน แทรกเขามาในระหวางแหงประโยคนามนามท่ีเปน ประธาน ในขอความน้นั ใชฉ ัฏฐีวิภัตติ (อนาทร) หรือสัตตมวี ิภตั ติ (ลักขณะ) กิริยาของ นามนามบทน้นั ใชก ิรยิ ากติ ก (นยิ มใช อนตฺ , มาน, ต) มี ลงิ ค วจนะ วิภตั ติ เหมอื นนาม นามนัน้ แทรกเขามาทไี่ หนกเ็ รยี งไวใ นทน่ี ้ัน แปลมคธเปน ไทย ประโยคอนาทร เชน บาลี : ทารกสสฺ รทุ นตฺ สสฺ , ปต า ปพพฺ ชิ ฯ คำแปล : เมือ่ เด็ก รองไหอยู, อ.บดิ า บวชแลว ฯ บาลี : เถรสสฺ นทิ ฺทํ อโนกกฺ มนฺตสฺส, ปมมาเส อตกิ ฺกนฺเต, อกฺขิโรโค อปุ ปฺ ชชฺ ิ ฯ คำแปล : เมือ่ พระเถระ ไมกา วลงอยู สูความหลบั , คร้ันเมอ่ื เดือนที่หน่ึง กา วลวงแลว , อ.โรคในนยั นต า เกดิ ขึ้นแลว ฯ 315

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 316 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ประโยคลักขณะ เชน บาลี : ปทมุ านิ, สรุ ิเย อุคคฺ เต, ปุปผฺ นตฺ ิ, ตสฺมึ อตฺถงคฺ เต, ปตตฺ านิ ปทหนฺติ ฯ คำแปล : อ.ดอกปทมุ ท., คร้ันเมอื่ พระอาทติ ย ขึ้นไปแลว , ยอมบาน, ครน้ั เมือ่ พระอาทติ ยน น้ั ตกแลว, อ.กลบี ท. ยอ มหุบ ฯ แปลไทยเปน มคธ ประโยคอนาทร เชน ไทย : เมอ่ื เรา กา วลงอยู ขา มขนึ้ แลว , อ.ชางพัง ท. ยอมเขาไปเสียดสอี ยู ซ่งึ กาย ไป ฯ บาลี : โอคาหนฺตสสฺ เม อุตตฺ ณิ ฺณสสฺ , หตฺถนิ โิ ย กายํ อปุ นิฆํสนฺตโิ ย คจฉฺ นฺติ ฯ ประโยคลกั ขณะ เชน ไทย : อ.คนจน ท. เขาไปแลว สูเมือง, ทำแลว ซึ่งการงาน, ครนั้ เมอื่ คา จาง อนั ตน ไดแ ลว , ซ้อื แลว ซึ่งอาหาร (ดว ยคา จา ง) นน้ั บริโภคแลว ฯ บาลี : มนุสสฺ ทลิททฺ า นครํ ปวสิ ิตฺวา, กมฺมนตฺ ํ กตฺวา, ภตยิ า อตตฺ นา ลทฺธาย, ตาย (ภติยา) อาหารํ กีณิตฺวา, ปริภุฺชสึ ุ ฯ ๔. ใชเปน กริ ิยาในระหวา ง ในความทอนเดียว ถามีกิริยาซึ่งเนื่องกันตอๆมาโดยลำดับหลายตัว ใชกิริยา อาขยาตแตต วั หลังตวั เดียว บรรดากริ ยิ าขางหนา ใชกิริยากิตกเปนอัพยยะบาง ไมเปน อพั ยยะบา ง ทงั้ ส้นิ แตท่ีใชก ริ ยิ ากิตกที่เปน อพั ยยะ คือกิริยาทล่ี ง ตวฺ า ปจ จยั มากกวา อยา งอืน่ แปลมคธเปน ไทย บาลี : สพฺเพ สกณุ า ปุพฺพณฺเห อตตฺ โน กุลาวกา นกิ ฺขมิตวฺ า สกลํ ทิวสํ จรติ ฺวา สายณเฺ ห ปฏนิ วิ ตตฺ นตฺ ิ ฯ คำแปล : อ.นก ท. ทั้งปวง ออกแลว จากรัง ของตน ในเวลาเชา เที่ยวไปแลว ตลอดวนั ท้งั สนิ้ ยอมกลบั คนื มา ในเวลาเย็น ฯ บาลี : เอโก เวชโฺ ช คามนคิ เม จริตฺวา เวชฺชกมมฺ ํ กโรนโฺ ต เอกํ จกขฺ ุทพุ พฺ ลํ อติ ฺถึ ทสิ ฺวา ปุจฺฉิ ฯ 316

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 317 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò คำแปล : อ.หมอ คนหนึ่ง เท่ียวไปแลว ในบานและนิคม กระทำอยู ซึ่งการงาน ของหมอเหน็ แลว ซ่งึ หญิง ผมู ีจกั ษุมกี ำลังอนั โทษประทุษรายแลว คนหนึ่ง ถามแลว ฯ แปลไทยเปน มคธ ไทย : อ.พระราชา ยังราชบุรุษ ท. ใหจับแลว ซ่ึงสมณะเปลือย ท. มีรอยหาเปน ประมาณยงั ราชบุรษุ ท. ใหฝ ง ไวแ ลว ในหลมุ ท. มสี ะดอื เปนประมาณ ท่ีเนิน ของพระราชากับ ดวยโจร ท. มีรอยหาเปนประมาณ ยังราชบุรุษ ท. ให ปกปด แลว ดวยฟอ น ท. ยังราชบุรษุ ท. ใหใ หแลว ซง่ึ ไฟ ฯ บาลี : ราชา ปฺจสเต นคฺคสมณเก คาหาเปตวฺ า ปฺจสเตหิ โจเรหิ สทธฺ ึ ราชงคฺ เณ นาภิปฺปมาเณสุ อาวาเฏสุ นิกฺขนาเปตฺวา ปลาเลหิ ปฏิจฺฉาทาเปตฺวา อคฺคึ ทาเปสิ ฯ ไทย : ก็ ในกาลนั้น อ.บุรุษ ท. มีรอยหาเปนประมาณ กระทำแลว ซึ่งกรรม ท. มีการฆาซึ่งชาวบานเปนตน เปนอยูอยู ดวยกิริยาอันเปนของมีอยูแหงโจร ผอู นั มนษุ ยผูอยูในชนบท ท. ตดิ ตามแลว หนีไปอยู เขา ไปแลว สปู า ไมเ ห็นอยู ซึง่ ทพ่ี ง่ึ อะไรๆ ในปา นน้ั เหน็ แลว ซ่ึงภิกษุ ผอู ยใู นปา รูปใดรูปหน่งึ ไหวแ ลว กลาวแลววา “ขาแตทานผูเจริญ อ.ทาน ท. เปนท่ีพึ่งเฉพาะ ของเรา ท. จงเปน ดังนี้ ฯ บาลี : ตสฺมึ ปน กาเล ปฺจสตา ปุริสา คามฆาตกาทีนิ กตฺวา โจริกาย ชีวนฺตา ชนปทมนุสฺเสหิ อนพุ ทฺธา ปลายมานา อรฺ ปวิสิตวฺ า ตตถฺ กิ ฺจิ ปฏิสรณํ อปสฺสนฺตา อฺตรํ อารฺกํ ภิกฺขํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา “ปฏิสรณํ โน ภนฺเต โหถาติ วทึสุ ฯ ๕. การใช ตฺวา, ตุ ปจจัย และนามกติ ก ก. ตวฺ า ปจจยั ใชใ นอรรถ ๘ อยาง คือ แปลมคธเปน ไทย (๑) เปน กริ ยิ าทำกอ น แปลวา “แลว” (ปุพพฺ กาลกริ ยิ า) เชน บาลี : อปุ าสกา อารามํ คนตฺ ฺวา ทานํ ทตวฺ า สลี ํ สมาทยิตฺวา ธมฺมํ สณุ นฺติ ฯ 317

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 318 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) คำแปล : อ.อบุ าสกและอบุ าสกิ า ท. ไปแลว สูอาราม ถวายแลว ซึ่งทาน สมาทานแลว ซง่ึ ศลี ยอมฟง ซึง่ ธรรม ฯ (๒) ทำพรอมกับกริ ยิ าอ่นื แปลไมอ อกสำเนยี งปจจัย (สมานกาลกิรยิ า) เชน บาลี : สตฺถา ... อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนโฺ ต อมิ า คาถา อภาสิ ฯ คำแปล : อ.พระศาสดา ... เมื่อทรงสืบตอ ซึง่ อนสุ นธิ แสดง ซ่งึ ธรรม ไดท รงภาษติ แลว ซึง่ พระคาถา ท. เหลานี้ ฯ (๓) ทำหลงั กริ ยิ าคุมพากย แปลวา “แลว ” (อปรกาลกริ ยิ า) เชน บาลี : เสฏี “คจฺฉ อิมสฺมึ นคเร อุปธาเรตฺวา, สหสฺสํ ทตฺวา อชฺช ชาตทารกํ คณฺหิตฺวา เอหตี ิ อาห ฯ คำแปล : อ.เศรษฐี กลา วแลววา “อ.เจา จงไป ใครครวญแลว ในเมือง, อ.เจา ใหแ ลว ซง่ึ พนั แหง ทรพั ย รับเอาแลว ซงึ่ ทารกผเู กิดแลว ในวนั นี้ จงมา ดังนี้ ฯ (๔) เปน เหตุ แปลวา “เพราะ” (เหต)ุ เชน บาลี : ตสฺส (กนฏิ สสฺ ) ปริยตตฺ ึ นสิ ฺสาย มหาปรวิ าโร (อทุ ปาทิ), ปริวารํ นสิ ฺสาย ลาโภ อทุ ปาทิ ฯ คำแปล : อ.บริวารมาก (ไดเ กดิ ข้นึ แลว ) (แกน องชาย) นัน้ เพราะอาศยั ซึ่งปริยัติ, อ.ลาภ ไดเ กดิ ขนึ้ แลว เพราะอาศัย ซึ่งบริวาร ฯ (๕) ทำหลงั กริ ิยา แปลไมออกสำเนียงปจ จยั (กริ ยิ าวเิ สสน) เชน บาลี : อถ สตถฺ า ตํ พยฺ าธนิ า อภภิ ตู ํ กตฺวา เทเสสิ ฯ คำแปล : ลำดับนั้น อ.พระศาสดา ทรงแสดงแลว ซึ่งรูปน้ัน กระทำใหเปนรูปอัน พยาธิครอบงำแลว ฯ (๖) ทำซ้ำกับกิริยาขา งตน แปลวา “ครัน้ .....แลว ” (ปรโิ ยสานกาลกริ ยิ า) เชน บาลี : ราชา .... สตถฺ ารํ อปุ สงกฺ มิ, อปุ สงฺกมิตฺวา จ ปน วนฺทิตวฺ า เอกมนฺตํ นิสีทิ ฯ คำแปล : อ.พระราชา .... เขาไปเฝาแลว ซ่ึงพระศาสดา, ก็แล (อ.พระราชา) คร้นั เขาไปเฝาแลว ถวายบังคมแลว ประทบั นง่ั แลว ณ ทส่ี ุดขางหนึ่ง ฯ (๗) เปน คำขยายนามนาม แปลไมออกสำเนียงปจ จยั (วเิ สสน) เชน บาลี : อิทานสิ สฺ มํ เปตวฺ า อฺ  ปฏิสรณํ นตฺถิ ฯ คำแปล : อ.ท่ีพง่ึ อ่ืน เวน ซง่ึ เรา ยอมไมมี แกภกิ ษุ นัน้ ในกาลน้ี ฯ 318

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 319 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò (๘) ใชค ุมพากย แปลวา “แลว ” (กริ ิยาปธานนัย) เชน บาลี : ปจฺ ป ชนา อาหารํ คเหตฺวา, เอโก กณณฺ ิกมณฑฺ ลํ วนิ วิ ิชฺฌิตวฺ า (นกิ ฺขมิ), เอโก ฉทนสสฺ ปรุ ิมภาคํ (วินวิ ิชฌฺ ติ ฺวา นกิ ฺขม)ิ ฯ คำแปล : อ. ชน ท. แมท้งั หา รบั เอาแลว ซึ่งอาหาร, อ.สามเณร รูปหน่ึง เจาะทะลแุ ลว ซ่ึงมณฑลแหงชอฟา (ออกไปแลว), อ.สามเณร รูปหนึ่ง (เจาะทะลุแลว) ซงึ่ สว นอันมใี นเบ้ืองบน แหง หลงั คา (ออกไปแลว) ฯ แปลไทยเปนมคธ (๑) เปน กริ ิยาทำกอน แปลวา “แลว ” (ปุพฺพกาลกริ ยิ า) เชน ไทย : อ.พระเถระ ท. ในกาลกอ น อยแู ลว ส้นิ ฤดูฝน ตลอดเดอื น ท. ๓, ปวารณาแลว ยอมเที่ยวไป สทู ีจ่ ารกิ ฯ บาลี : ปพุ เฺ พ เถรา ตโย มาเส วสสฺ ํ วสติ ฺวา, ปวาเรตวฺ า, จาริกํ วจิ รนตฺ ฯิ (๒) ทำพรอ มกับกิริยาอ่ืน แปลไมอ อกสำเนียงปจ จยั (สมานกาลกริ ยิ า) เชน ไทย : อ.พระปจเจกพุทธเจา องคหนง่ึ นัง่ เขา ซ่ึงฌานแลว ฯ บาลี : เอโก ปจเฺ จกพทุ ฺโธ ฌานํ สมาปชชฺ ติ ฺวา นสิ ที ิ ฯ (๓) ทำหลงั กิริยาคมุ พากย แปลวา “แลว” (อปรกาลกริ ยิ า) เชน ไทย : อ.พระธรรมกถึก นั่งแลว บนธรรมาสน จับแลว ซึง่ พดั อนั วิจติ ร ฯ บาลี : ธมฺมกถโิ ก ธมฺมาสเน นิสีทิ วจิ ิตตฺ วีชนึ คเหตฺวา ฯ (๔) เปน เหตุ แปลวา “เพราะ” (เหตุ) เชน ไทย : อ.ความรักเพียงดังบุตร เกิดข้ึนแลว แกบุคคลผูอยูในรานตลาด เพราะเห็น ซึง่ สามเณร เทียว ฯ บาลี : อาปณกิ สฺส สามเณรํ ทสิ ฺวา ว ปุตตฺ สเิ นโห อปุ ปฺ ชฺชิ ฯ (๕) ทำหลังกริ ยิ า แปลไมอ อกสำเนียงปจ จัย (กริ ยิ าวเิ สสน) เชน ไทย : อ.พราหมณ ผูกแลว ซง่ึ ผา กมั พล ผนื หนงึ่ กระทำ ใหเปนเพดาน ในเบอ้ื งบน แหง ทีเ่ ปน ที่บรรทม แหง พระศาสดา ในภายในแหง พระคนั ธกุฎี ฯ บาลี : พฺราหฺมโณ เอกํ กมพฺ ลํ อนโฺ ตคนฺธกฏุ ยิ ํ สตถฺ ุ สยนสฺส อปุ ริ วิตานํ กตฺวา พนฺธิ ฯ (๖) ทำซ้ำกับกริ ยิ าขางตน แปลวา “ครนั้ .....แลว” (ปรโิ ยสานกาลกริ ยิ า) เชน ไทย : อ.นางกุลธิดา ผแู กลวกลา จักกระทำ ซง่ึ การสงเคราะห แกเ รา, กแ็ ล อ.นางกลุ ธดิ านน้ั ครั้นกระทำแลว จกั ได ซ่ึงสมบตั ิมาก ฯ 319

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 320 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) บาลี : วิสารทา กุลธีตา มม สงคฺ หํ กรสิ สฺ ติ, กตวฺ า จ ปน มหาสมฺปตฺตึ ลภิสสฺ ติ ฯ (๗) เปนคำขยายนามนาม แปลไมออกสำเนยี งปจจัย (วเิ สสน) เชน ไทย : (อ.ชน ท.) ผูเหลือ เวน ซ่ึงพระราชาและมหาอำมาตย ท. ยอ มประชุมกัน ฯ บาลี : ราชมหามตเฺ ต เปตวฺ า เสสา (ชนา) สนนฺ ิปตนฺติ ฯ (๘) ใชคมุ พากย แปลวา “แลว” (กริ ยิ าปธานนัย) เชน ไทย : แตวา ในวันรุงขึ้น (อ.พระเถระ ท. ๒ เหลาน้ัน) เขาไปแลว เพ่ือกอนขาว แยกกัน, อ.พระอนุเถระ มาแลว กอนกวา ไดยืนแลว ในศาลาเปนท่ีบำรุง, อ.พระมหาเถระ ไดไปแลว ในภายหลัง ฯ บาลี : ปนุ ทวิ เส ปน (เต เทฺว เถรา) วิสํ ปณ ฺฑาย ปวิสติ วฺ า, อนเุ ถโร ปเุ รตรํ อาคนตฺ ฺวา อปุ ฏฐานสาลายํ อฏ าสิ, มหาเถโร ปจฉฺ า อคมาสิ ฯ ข. ตุ ปจ จัย ใชในอรรถ ๒ อยาง แปลมคธเปน ไทย (๑) ใชในอรรถปฐมาวิภัตติ แปลวา “อ.อัน...” (ตมุ ตถฺ กตฺตา) เชน บาลี : เอวํ ปริตฺตเกน กมฺเมน เอวรูป สมฺปตฺตึ ลภิตฺวา อิทานิ มยา ปมชฺชิตุ น วฏฏ ติ ฯ คำแปล : อ.อันอันเรา ได ซึ่งสมบัติ อันมีอยางนี้เปนรูป ดวยกรรม อันนิดหนอย อยา งน้ี แลว จงึ ประมาท ในกาลนี้ ยอ มไมควร ฯ บาลี : เต (สตเฺ ต) ชานิตุ ตว อวสิ โย (โหต)ิ ฯ คำแปล : อ.อันรู (ซึง่ สตั ว ท.) เหลา นัน้ เปนธรรมชาตมิใชวสิ ัย ของเธอ (ยอมเปน ) ฯ (๒) ใชใ นอรรถจตุตถวี ิภัตติ แปลวา “เพอ่ื อัน...” (ตุมตฺถสมฺปทาน) เชน บาลี : คนฺถิกตฺเถโร เอกํป (ปหฺ ํ) กเกตุ นาสกขฺ ิ ฯ คำแปล : อ.พระคนั ถกิ ตั เถระ ไมไ ดอ าจแลว เพ่ืออนั กลา ว (ซงึ่ ปญ หา) แมข อ หน่งึ ฯ บาลี : อหํ ภนฺเต มหลฺลกกาเล ปพฺพชิโต น สกขฺ สิ สฺ ามิ คนถฺ ธรุ ํ ปเู รตุ ฯ คำแปล : ขา แตพระองคผูเจรญิ อ.ขาพระองค บวชแลว ในกาลแหง ตนเปนคนแก จักไมอ าจ เพื่ออันยงั คนั ถธรุ ะใหเต็ม ฯ 320

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 321 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò แปลไทยเปนมคธ (๑) ใชในอรรถปฐมาวิภัตติ แปลวา “อ.อนั ...” (ตมุ ตถฺ กตตฺ า) เชน ไทย : อ.อันอันเธอ ท. กระทำซึ่งความอุตสาหะ เพื่ออันยังไฟ ท. มีราคะเปนตน ใหดับไป ยอ มควร ฯ บาลี : ตุมเฺ หหิ ราคาทีนํ อคคฺ นี ํ นิพพฺ าปนตถฺ าย อสุ สฺ าหํ กาตุ วฏฏ ติ ฯ ไทย : อ.อันอันเรา ไป สูสำนัก ของพระศาสดา แลวจึงกระทำ ซ่ึงการอุปฎฐาก ซึ่งคนไข ยอ มควร ฯ บาลี : มยา สตฺถุ สนตฺ กิ ํ คนฺตฺวา คิลานปุ ฏ านํ กาตุ วฏฏติ ฯ (๒) ใชใ นอรรถจตุตถีวิภตั ติ แปลวา “เพื่ออัน...” (ตุมตฺถสมปฺ ทาน) เชน ไทย : อ.จิตอันสัมปยุตแลวดวยความตระหน่ี อันมีประมาณเทาน้ี ของเรา ดวงน้ี เมอื่ เจริญ จกั ไมใ ห เพ่ืออนั ยกขึ้น ซง่ึ ศีรษะ จากอบาย ท. ๔ ฯ บาลี : อิทํ มม เอตฺตกํ มจฺเฉรจติ ตฺ ํ วฑฒฺ มานํ จตหู ิ อปาเยหิ สสี ํ อุกขฺ ิปตุ น ทสฺสติ ฯ ไทย : อ.พระเถระนน้ั เปน ผูไ ปตามซง่ึ เวทนาโดยปกติ เปน ไมไดอ าจแลว เพอ่ื อนั ยัง สตใิ หเขา ไปต้งั ไวเฉพาะ ฯ บาลี : โส (เถโร) เวทนานุวตตฺ ี หตุ ฺวา สตึ ปจจฺ ุปฏาเปตุ นาสกขฺ ิ ฯ ค. นามกติ ก ใชใน ๒ แผนก คอื เปนนามนาม ๑ เปนคณุ นาม ๑ แปลมคธเปน ไทย (๑) เปนนามนาม คอื นามกติ กท ่ีสำเรจ็ มาจากภาวสาธนะ หากมีกิรยิ าขา งหนา ตอง ประกอบดวย ตฺวา ปจจัย และตัวกรรมท่ีเขากับนามกิตกนั้นใชฉัฏฐีวิภัตติแทน ทุตยิ าวภิ ตั ติ บาลี : อตฺถิ ภนฺเต ทานํ อทตวฺ า สีลํ อสมาทยิตวฺ า สจจฺ มตตฺ ํ รกฺขิตฺวา สคฺคสสฺ คมนํ ฯ คำแปล : ขาแตพระองคผเู จรญิ อ.การไมถ วายแลว ซงึ่ ทาน ไมสมาทานแลว ซ่งึ ศลี รกั ษาแลว ซงึ่ คุณสักวาสัจจะ ไป สูส วรรค มีอยหู รอื ฯ บาลี : สพพฺ ปาปสสฺ อกรณํ กสุ ลสฺสูปสมปฺ ทา สจิตตฺ ปริโยทปนํ เอตํ พทุ ฺธาน สาสนํ (โหติ) ฯ คำแปล : อ.การไมก ระทำ ซ่งึ บาปทงั้ ปวง อ.การยงั กุศลใหถ งึ พรอม อ.การทำจิตของตนใหผองแผว อ.กรรมอนั มีอยาง ๓ นนั่ เปนคำสอน ของพระพทุ ธเจา ท. (ยอมเปน ) ฯ 321

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 322 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) (๒) เปนคุณนาม คือ นามกิตกท่ีสำเร็จมาจากกัตตุสาธนะ กัมมสาธนะ กรณสาธนะ สมั ปทานสาธนะ อปาทานสาธานะ และอธิกรณสาธนะ ใชข ยายนามนาม ประกอบมี ลงิ ค วจนะ วิภัตติ เหมอื นนามนาม บาลี : ภควา อนตุ ตฺ รํ สมฺมา สมโฺ พธึ ปตฺโต, ตสสฺ สาสนํ โลเก ปตฺถตํ ฯ คำแปล : อ.พระผมู พี ระภาคเจา บรรลแุ ลว ซ่งึ ปญญาเปนเครือ่ งตรัสรูพรอม โดยชอบ อันหาธรรมอืน่ ย่งิ กวามไิ ด, อ.คำสอน ของพระผูม ีพระภาคเจา พระองคน ้นั แผไปแลว ในโลก ฯ บาลี : โส สตถฺ ารํ วนทฺ ติ ฺวา อตฺตนา สหคามโิ น ภิกฺขู ปรเิ ยสนโฺ ต สฏ ี ภิกฺขู ลภติ วฺ า .... ตตฺถ สปริวาโร ปณ ฑฺ าย ปาวิสิ ฯ คำแปล : อ.พระเถระ น้ัน ถวายบงั คมแลว ซึ่งพระศาสดา แสวงหาอยู ซ่ึงภกิ ษุ ท. ผูมอี ันไปกับดว ยตนเปน ปกติ ไดแ ลว ซ่งึ ภกิ ษุ ท. ๖๐ รูป ..... ผูเปนไปกับดวยบรวิ าร ไดเ ขา ไปแลว ในบา นนน้ั เพือ่ กอนขาว ฯ แปลไทยเปนมคธ (๑) เปนนามนาม ไทย : ดูกอนนางเทพธิดา อ.การกระทำซ่ึงความสำรวม น่ันเทยี ว เปนภาระ ของกัสสปะ ผูเปน บุตร ของเรา (ยอ มเปน ) ฯ บาลี : เทวธเี ต มม ปตุ ฺตสฺส กสสฺ ปสฺส สํวรกรณเมว ภาโร (โหต)ิ ฯ ไทย : อ.โสดาปตติผล เปนของประเสริฐ กวาความเปนเอกราชในแผนดินหรือ หรือวา กวาการไปสสู วรรค หรอื วา กวาความเปน ใหญใ นโลกทงั้ ปวง (ยอ มเปน) ฯ บาลี : ปพยฺ า เอกรชเฺ ชน สคคฺ สสฺ คมเนน วา สพพฺ โลกาธิปจฺเจน โสตาปตฺติผลํ วรํ (โหติ) ฯ (๒) เปนคุณนาม ไทย : ดังจะกลา วโดยพสิ ดาร ในวนั หน่ึง อ.ชน ท. ผอู ยใู นเมอื งช่ือวาอาฬวโี ดยปกต,ิ ครัน้ เมื่อพระศาสดา เสด็จถงึ พรอ มแลว ซึ่งเมืองช่อื วาอาฬว,ี ทลู นมิ นตแ ลว ไดถ วายแลว ซ่งึ ทาน ฯ 322

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 323 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò บาลี : เอกทิวสํ หิ อาฬวีวาสิโน, สตถฺ ริ อาฬวึ สมฺปตฺเต, นมิ นเฺ ตตฺวา ทานํ อทํสุ ฯ ไทย : ครั้งนน้ั (อ.ราชบรุ ุษ ท.) นำไปแลว (ซึง่ บรุ ุษ) นั้น สทู ี่เปน ทน่ี ำมาฆา คดิ แลว วา อ.เรา ท. จกั ฆา ดังน้ี (ยงั บรุ ษุ นน้ั ) ใหน อนหงายแลว บนหลาว ฯ บาลี : อถ นํ (ราชปรุ ิสา) อาฆาตนํ เนตฺวา “ฆาเตสสฺ ามาติ สเู ล อุตตฺ าเสสุ ฯ หลกั การแปลมคธเปน ไทย และแปลไทยเปนมคธ การแปลมคธเปน ไทย มลี ำดับการแปล ๘ ประการ ดังน้ี ๑. อาลปนะ ๒. นบิ าตตนขอความ หรอื กาลสัตตมี ๓. ประธาน ๔. บททเ่ี นอื่ งดว ยประธาน ๕. กิริยาในระหวาง และประโยคแทรก ๖. บททีเ่ นอ่ื งดว ยกริ ยิ าในระหวาง และบทที่เน่อื งดวยประโยคแทรก ๗. กริ ยิ าคุมพากย ๘. บททเี่ นือ่ งดวยกริ ิยาคุมพากย การแปลมคธเปนไทยนั้นตองดำเนินการตามหลักการแปลทั้ง ๘ ประการ แตบางประโยคอาจจะไมครบทั้ง ๘ ประการ หลักการแปลขอใดมี ก็พึงแปลใหเปนไป ตามหลักการนั้นเทอญ. 323

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 324 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò ตวั อยาง แปลมคธเปน ไทย บาลี : เอโก๑ กริ ๒ กฏุ ม พฺ ิกปตุ โฺ ต,๓ ปต ร๔ิ กาลกเต๕ (สมาเน),๖ เขตฺเต๗ จ๘ ฆเร๙ จ๑๐ สพพฺ กมฺมาน๑ิ ๑ อตฺตนา๑๒ ว๑๓ กโรนฺโต๑๔ มาตร๑ํ ๕ ปฏชิ คคฺ ิ๑๖ ฯ ไทย : ไดยินวา๒ อ.บุตรของกุฎมพี๓ คนหน่ึง,๑ ครั้นเมื่อบิดา๔ เปนผูมีกาละอัน กระทำแลว ๕ (มอี ย)ู ,๖ กระทำอย๑ู ๔ ซ่งึ การงานท้ังปวง ท.๑๑ ในนา๗ ดวย๘ ในเรือน๙ ดวย๑๐ ดว ยตน๑๒ เทียว๑๓ ปรนนบิ ัติแลว ๑๖ ซงึ่ มารดา๑๕ ฯ เอโก : บททีเ่ นือ่ งดว ยประธาน กิร : นิบาตตน ขอความ กุฏมพฺ กิ ปุตโฺ ต : ประธาน ปต ริ : ประธานของประโยคแทรก กาลกเต : บททเ่ี นือ่ งดวยกริ ยิ าพากยางคข องประโยคแทรก (สมาเน) : กิริยาพากยางคของประโยคแทรก เขตเฺ ต จ ฆเร จ สพฺพกมฺมานิ อตฺตนา ว : บททเ่ี นอ่ื งดว ยกิรยิ าในระหวา ง กโรนฺโต : กิรยิ าในระหวาง มาตรํ : บททเี่ นื่องดว ยกิริยาคมุ พากย ปฏชิ คคฺ ิ : กริ ิยาคุมพากย บาลี : ภนเฺ ต๑ อรหตฺตสฺส๒ อปุ นสิ ฺสเย๓ สต,ิ ๔ กสฺมา๕ (เถโร)๖ อนฺโธ๗ ชาโต๘ ฯ ไทย : ขา แตพระองคผ เู จริญ๑ คร้ันเม่อื ธรรมอันเปน อุปนสิ ยั ๓ แหงความเปนแหง พระอรหันต๒ มีอยู๔, (อ.พระเถระ)๖ เปน ผูบอด๗ เกิดแลว ๘ เพราะเหตไุ ร๕ ฯ ภนเฺ ต : อาลปนะ อรหตฺตสสฺ : บททีเ่ นือ่ งดว ยประธานของประโยคแทรก อุปนิสสฺ เย : ประธานของประโยคแทรก สติ : กริ ยิ าพากยางคของประโยคแทรก เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 324

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 325 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò กสมฺ า : บทท่เี น่ืองดวยกิริยาคมุ พากย (เถโร) : บทประธาน อนฺโธ : บททีเ่ นอื่ งดว ยกริ ิยาคมุ พากย ชาโต : กิรยิ าคุมพากย บาลี : อเถกทวิ ส๑ํ วนิ จิ ฉฺ เย๒ กฏุ ฏฏปราชติ า๓ มนุสสฺ า๔ พนฺธลุ ํ๕ อาคจฉฺ นตฺ ๖ํ ทิสฺวา๗ มหาวริ วํ๘ วริ วนตฺ า๙ วนิ จิ ฺฉยมจฺจานํ๑๐ กฏุ ฏฏ กรณ๑ํ ๑ ตสฺส๑๒ (พนฺธุลสฺส)๑๓ อาโรเจส๑ุ ๔ ฯ ไทย : คร้ันภายหลงั ณ วนั หนงึ่ ๑ อ.มนุษย ท.๔ ผพู ายแพแลว เพราะคดโี กง๓ ในโรงเปนที่วินิจฉัย๒ เห็นแลว๗ ซึ่งเสนาบดีชื่อวาพันธุละ๕ ผูมาอยู๖ รองอยู๙ รองดงั ๘ บอกแจงแลว ๑๔ ซงึ่ การกระทำซ่ึงคดโี กง๑๑ แหง อำมาตยผ ูวินจิ ฉัย ท.๑๐ (แกเ สนาบดีช่ือวา พันธุละ)๑๓ น้นั ๑๒ ฯ อเถกทวิ สํ : กาลสัตตมี วนิ จิ ฉฺ เย กุฏฏฏ ปราชิตา : บททเ่ี นื่องดวยประธาน มนุสสฺ า : ประธาน พนฺธุลํ อาคจฉฺ นฺตํ : บททีเ่ น่อื งดว ยกิริยาในระหวาง ทสิ ฺวา : กิริยาในระหวา ง มหาวิรวํ : บททเ่ี น่ืองดว ยกิรยิ าในระหวา ง วริ วนตฺ า : กริ ิยาในระหวา ง วนิ ิจฉฺ ยมจจฺ านํ กุฏฏฏ กรณํ ตสฺส (พนธฺ ลุ สฺส) : บทท่เี น่อื งดว ยกริ ิยาคมุ พากย อาโรเจสุ : กริ ยิ าคุมพากย อเถกทวิ สํ : กาลสตั ตมี วินิจฺฉเย กุฏฏฏ ปราชติ า : บทท่ีเนื่องดว ยประธาน มนสุ สฺ า : ประธาน พนฺธลุ ํ อาคจฺฉนฺตํ : บททีเ่ นอ่ื งดว ยกิรยิ าในระหวาง ทิสฺวา : กริ ยิ าในระหวาง มหาวิรวํ : บททเ่ี นื่องดว ยกริ ยิ าในระหวาง เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 325

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 326 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò วริ วนตฺ า : กิริยาในระหวาง วนิ ิจฺฉยมจจฺ านํ กุฏฏฏกรณํ ตสฺส (พนธฺ ุลสฺส) : บทท่เี นอ่ื งดวยกริ ยิ าคมุ พากย อาโรเจสุ : กิรยิ าคุมพากย การแปลไทยเปน มคธ มีหลักการดงั ตอ ไปนี้ กอนท่ีจะเรียนรูวิธีการเรียงศัพทเขาประโยค เพื่อใหไดเนื้อความและถูกตอง ตามหลกั จำเปน ที่จะตองศึกษาโครงสรางของประโยคกอน เพือ่ จะไดท ราบวาในแตล ะ ประโยคน้ันประกอบดวยโครงสรางอยางไรและควรวางสวนประกอบน้ันๆ ไวท่ีไหน เปน ตน เมือ่ ศกึ ษาขอ น้ไี ดด แี ลว กจ็ ะเปนการสะดวกทจี่ ะศกึ ษาขน้ั ตอไป การวางศัพทต างๆ อันเปนสว นประกอบของประโยค มีกฎเกณฑม ากมาย แตม ี หลกั เปน พ้นื ฐานกอ นวา ศัพทใ ดขยายศัพทใด ใหวางเรียงไวหนา ศัพทน ้นั ในเบ้ืองตนตองกำหนดเน้ือความไทยใหทราบกอนวา ใคร–ทำอะไร–ที่ไหน– เมื่อไร –อยางไร การประกอบกิริยาสวนมากในประโยค กัตตุวาจก เหตุกัตตุวาจก ประกอบดวยกิริยาอาขยาต และใชวิภัตติหมวดวัตตมานา–อัชชัตตนี โดยมาก สวน กมั มวาจก ภาววาจก มกั ประกอบ ดว ยกิรยิ ากติ ก โครงสรา งของประโยคมีสว นประกอบ ๘ สวน มีหลักการดงั น้ี ๑. อาลปนะ เรยี งไวเ ปนตวั ที่ ๑ หรอื ๒ หรอื ตัวสดุ ทาย ก็ได ๒. นิบาตตนขอความ บางตัวเรียงไวเปนตัวท่ี ๑ เชน สเจ, เตนหิ, ยถา, เอวํ เปนตน บางตวั เรยี งไวเ ปน ตัวท่ี ๒ เชน หิ, จ, ปน, ต,ุ เจ เปนตน หรอื กาลสัตตมี เรยี งไวเปนตวั ที่ ๑ หรือตอ จากนบิ าตตน ขอความท่ตี องเรยี งไวเปน ตวั ท่ี ๑ ๓. ประธาน เรยี งไวตอ จากบทกาลสัตตมีและนิบาตตน ขอ ความ ๔. บทท่เี น่อื งดวยประธาน เรียงไวห นาประธาน ๕. กิรยิ าในระหวา ง เรียงไวหลังประธาน หนากิริยาคุมพากย และประโยคแทรก ขอ ความแทรกมาทีไ่ หน ใหเรยี งไวท ีน่ ั้นโดยไมปะปนกบั ประโยคหลกั ๖. บทท่ีเน่ืองดวยกิริยาในระหวาง เรียงไวหลังประธาน หนากิริยาในระหวาง และบทที่เนอื่ งดวยประโยคแทรก ใหเรยี งไวก ับประโยคแทรกโดยไมป ะปนกบั ประโยคหลัก เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 326

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 327 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò ๗. กิริยาคุมพากย เรียงไวสดุ ทา ยของประโยค ๘. บททเี่ นื่องดว ยกิรยิ าคมุ พากย เรยี งไวหลงั กิรยิ าในระหวาง หนา กิรยิ าคมุ พากย โครงสรางของประโยคท้ัง ๘ สวนน้ี บางประโยคอาจมีครบ บางประโยคอาจมี ไมค รบ แตก็นับเปน ประโยคทีส่ มบรู ณไดใ นเมื่อใจความครบแลว และสว นตา งๆ น้บี างคราว ก็อาจวางไวนอกจากกฎเกณฑน้บี า ง ซง่ึ เปนกฎพเิ ศษ เม่ือศกึ ษาดแี ลว ยอ มเขา ใจได. ตัวอยา ง แปลไทยเปนมคธ ไทย : ก็๑ คร้ันเมื่อพระกุมาร๒ ผนวชแลว ๓, อ.ความทุกข๔ อนั มปี ระมาณยิง่ ๕ เกดิ ขนึ้ แลว๖ แกพ ระราชา๗ เพราะทรงสดับ๘ (ซึง่ ความเปนไปทั่ว)๙ น้ัน๑๐ ฯ บาลี : ปพฺพชิเต๓ ปน๑ กุมาเร๒, รฺโ๗ ตํ๑๐ (ปวตฺตึ)๙ สุตฺวา๘ อธิมตฺตํ๕ ทุกฺขํ๔ อปุ ปฺ ชชฺ ๖ิ ฯ ก็ : นบิ าตตน ขอความ คร้นั เม่อื พระกมุ าร : ประธานของประโยคแทรก ผนวชแลว : กริ ยิ าพากยางคป ระโยคแทรก อ.ความทกุ ข : ประธาน อันมีประมาณยิ่ง : บททีเ่ นือ่ งดวยประธาน เกิดขน้ึ แลว : กิริยาคมุ พากย แกพระราชา เพราะทรงสดบั (ซงึ่ ความเปนไปทว่ั ) น้นั : บททีเ่ น่อื งดว ยกิริยาคมุ พากย ไทย : ดกู อนภกิ ษุ ท.๑ อ.กมุ ารชือ่ วา ทีฆาว,ุ ๒ คร้ันเมอ่ื บดิ าและมารดา ท.๓ (อนั บุคคล)๔ แมป ลงลงอย๕ู จากชีวิต๖, ไมกาวลว งแลว ๗ ซึ่งโอวาท๘ (ของบดิ าและมารดา ท.)๙ เหลา น้ัน๑๐ ไดแลว ๑๑ ซง่ึ ธิดา๑๒ ของพระเจาพรหมทัต๑๓ (ยังบคุ คล)๑๔ ใหก ระทำแลว ๑๕ ซ่งึ ความเปนแหง พระราชา๑๖ ในแควน ช่ือวา กาสีและแควนช่อื วาโกศล ท.๑๗ สอง๑๘ ในภายหลัง๑๙ ฯ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 327

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 328 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò บาลี : ภิกฺขเว๑ ทฆี าวุกุมาโร๒, มาตาปต สู ๓ุ ชวี ติ า๖ (ปคุ คฺ เลน)๔ โวโรปยมาเนสปุ ๕ , เตส๑ํ ๐ (มาตาปต นู )ํ ๙ โอวาทํ๘ อนติกฺกมติ วฺ า๗ ปจฉฺ า๑๙ พรฺ หฺมทตตฺ สสฺ ๑๓ ธตี รํ๑๒ ลภติ ฺวา๑๑ ทวฺ สี ๑ุ ๘ กาสโิ กสลรฏเ สุ๑๗ (ปคุ ฺคล)ํ ๑๔ รชฺชํ๑๖ กาเรส๑ิ ๕ ฯ ดูกอ นภิกษุ ท. : อาลปนะ อ.กุมารชือ่ วาทีฆาวุ : ประธาน ครัน้ เม่อื บดิ าและมารดา ท. : ประธานประโยคแทรก (อนั บุคคล) : ตวั อนภหิ ิตกัตตากิรยิ าพากยางคป ระโยคแทรก แมป ลงลงอยู : กริ ิยาพากยางคป ระโยคแทรก จากชวี ติ : บทที่เน่ืองดวยกิรยิ าพากยางคประโยคแทรก ไมกาวลว งแลว : กริ ิยาในระหวา ง ซ่ึงโอวาท (ของบดิ าและมารดา ท.) เหลาน้ัน : บททเี่ นอ่ื งดวยกริ ยิ าในระหวาง ไดแลว : กริ ิยาในระหวา ง ซง่ึ ธิดา ของพระเจา พรหมทัต : บททเ่ี นื่องดว ยกริ ยิ าในระหวา ง (ยงั บคุ คล) : การติ กรรม ใหกระทำแลว : กิรยิ าคุมพากย ซ่งึ ความเปน แหงพระราชา ในแควน ชอ่ื วา กาสีและแควน ชือ่ วาโกศล ท. : บททีเ่ น่อื งดวยกิริยาคุมพากย สอง ในภายหลงั ไทย : ดังจะกลา วโดยพิสดาร๑ ในสมยั ๒ หน่ึง๓ อ.พระอคั รสาวก ท.๔ สอง๕ บาลี : พาเอาแลว๖ ซงึ่ บริวาร ท.๗ ของตน๘ มีรอ ยหา เปนประมาณ๙ มรี อ ยหาเปนประมาณ๑๐ ทลู ลาแลว๑๑ ซ่ึงพระศาสดา๑๒ ไดไปแลว๑๓ สูกรงุ ราชคฤห๑ ๔ จากพระวิหารชือ่ เชตวัน๑๕ ฯ เอกสมฺ ึ๓ หิ๑ สมเย๒ เทฺว๕ อคฺคสาวกา๔ ปฺจสเต๙ ปฺจสเต๑๐ อตตฺ โน๘ ปรวิ าเร๗ อาทาย๖ สตถฺ ารํ๑๒ อาปจุ ฺฉติ วฺ า๑๑ เชตวนโต๑๕ ราชคหํ๑๔ อคมํส๑ุ ๓ ฯ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 328

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 329 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò ดังจะกลาวโดยพิสดาร : นิบาตตน ขอ ความ ในสมยั หนงึ่ : กาลสัตตมี อ.พระอัครสาวก ท. : ประธาน สอง : บทท่ีเนื่องดว ยประธาน พาเอาแลว : กิรยิ าในระหวา ง ซงึ่ บริวาร ท. ของตน มีรอ ยหาเปนประมาณๆ : บทที่เนือ่ งดวยกิริยาในระหวา ง ทูลลาแลว : กิริยาในระหวา ง ซึง่ พระศาสดา : บทที่เนอื่ งดว ยกริ ิยาในระหวาง ไดไ ปแลว : กิรยิ าคุมพากย สกู รงุ ราชคฤห จากพระวิหารช่อื เชตวัน : บททเ่ี น่ืองดว ยกริ ิยาคมุ พากย เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 329

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 330 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ประโยคมคธตอไปนี้ใหนกั เรียนแปลเปนไทย ๑. เสฏโน ภริยา รเถน วถี ยิ ํ คตา ฯ ๒. วาณิชสสฺ มาตา สาสเน ปสนฺนา, ตาย สงฺฆสสฺ ทานํ ทนิ นฺ ํ ฯ ๓. ปคุ ฺคเลน สพพฺ ํ (วตถฺ ุ) ปหาย คนฺตพพฺ ํ ฯ ๔. ตฺวํ อิมํ (ยกฺขิน)ึ เนตวฺ า อตตฺ โน เคเห (ยกขฺ นิ ึ) นวิ าเสตฺวา อคฺคยาคุภตเฺ ตหิ ปฏชิ คฺคาหิ ฯ ๕. กึ ตยา เถโร ขมาปโต ฯ ๖. นวกสสฺ ภิกขฺ ุโน อนภิรติ อุปฺปนนฺ า โหติ ฯ ๗. นโิ คฺรธสฺส ปตตฺ าน,ิ เทเว วุฏเ, ผลนฺติ ฯ ๘. สูโท ตณฑฺ ลุ ํ โธวติ วฺ า อุกขฺ ลิยํ ปกขฺ ิปตฺวา อทุ กํ ทตวฺ า อทุ ฺธนํ อาโรเปตวฺ า, ภตฺเต ปกเฺ ก, โอตาเรสิ ฯ ๙. มยหฺ ํ อปุ ชฺฌาเย มํ อาทาย คจฉฺ นเฺ ต, คมิสสฺ ามิ ... ภนฺเต ฯ ๑๐. อเถกทิวสํ ตาปโส นกฺขตตฺ โยคํ โอโลเกนฺโต ปรนฺตปสสฺ นกขฺ ตตฺ ปฬนํ ทิสวฺ า “ภทฺเท โกสมพฺ ยิ ํ ปรนตฺ ปราชา มโตติ อาห ฯ 330

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 331 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò เฉลยแปลเปน ไทย ๑. อ.ภรรยา ของเศรษฐี ไปแลว บนถนน ดว ยรถ ฯ ๒. อ.มารดา ของพอคา เลือ่ มใสแลว ในพระศาสนา, อ.ทาน อันมารดานนั้ ถวายแลว แกส งฆ ฯ ๓. อันบุคคล พึงละ (ซึง่ วัตถ)ุ ท้ังปวง ไป ฯ ๔. อ.เธอ นำไปแลว (ซง่ึ นางยกั ษณิ )ี นี้ (ยงั นางยกั ษณิ )ี ใหอยแู ลว ในเรอื นของตน จงปรนนิบตั ิ ดวยขาวตม และขาวสวยอนั เลิศ ท. ฯ ๕. อ.พระเถระ อันทา น ใหอดโทษแลว หรือ ฯ ๖. อ.ความไมยินดยี งิ่ เปน คุณชาติเกิดขน้ึ แลว แกภกิ ษุ ผใู หม ยอมเปน ฯ ๗. อ.ใบ ท. ของตนไทร, ครั้นเม่ือฝน ตกแลว , ยอ มผลอิ อก ฯ ๘. อ.พอครัว ซาวแลว ซงึ่ ขาวสาร ใสเ ขาแลว ในหมอขา ว เติมแลว ซึง่ นำ้ ยกข้ึนแลว สูเตา, ครั้นเมอื่ ขาวสวย สุกแลว , ยังหมอ ขาว ใหข ามลงแลว ฯ ๙. ขา แตพระองคผเู จรญิ ครั้นเมอื่ อุปช ฌาย ของขา พระองค พาเอา ซง่ึ ขาพระองค ไปอย,ู อ.ขาพระองค จักไป ฯ ๑๐. ครั้นภายหลัง ณ วันหนึ่ง อ.ดาบส ตรวจดูอยู ซ่ึงอันประกอบซึ่งนักษัตร เหน็ แลว ซง่ึ อันบีบคน้ั ซ่ึงนกั ษตั ร ของพระราชาพระนามวาปรนั ตปะ กลา ว แลววา “แนะนางผูเจริญ อ.พระราชาพระนามวาปรันตปะ ในพระนครช่ือ วา โกสัมพี สวรรคตแลว ดงั นี้ ฯ 331

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 332 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ประโยคมคธตอไปนีใ้ หน กั เรยี นแปลเปนมคธ ๑. อ.ผลไม หน่ึงผล ตกลงแลว จากตนไม ฯ ๒. อ.ส่ิงของ ท. มาก อันพอคา ท. นำมาแลว จากทา ฯ ๓. อันภิกษุ ผอู ยอู ยู ในปาชา ไมพ ึงประพฤติหลับ ในกลางวนั ฯ ๔. อ.พระศาสดา เสด็จถงึ แลว ซงึ่ อุปจารแหงบาน ยังชาง ใหน ำมาแลว ซ่งึ บาตรและจวี ร ไดเ สด็จเขาไปแลว สูบาน เพือ่ กอนขา ว ฯ ๕. อ.นาคผพู ระราชา อนั สามเณร ผนู ำไปอยู ซึง่ นำ้ ใหละอายแลว ฯ ๖. อ.ทรพั ย ของคนจน เปน ของอนั โจร ลกั แลว ยอมเปน ฯ ๗. ครนั้ เมอ่ื พระศาสดา ประทบั อยู ในวหิ ารชือ่ วา เชตวนั , อ.พระเถระชอื่ วา นนั ทะ กระสันขึน้ แลว ไดบอกแจงแลว ซึง่ เนอ้ื ความน้นั แกภิกษุ ท. ฯ ๘. อ.พอ คา ท. ไปแลว สูสมทุ ร ดวยเรือ, คร้ันเมือ่ เรอื น้นั ถึงพรอ มแลว ซงึ่ ทา แหง เมอื ง, ไดไ ปแลว สูฝ ง แหงเมอื ง นั้น ฯ ๙. แนะ แม อ.เจา น่ังแลว ในภายในแหง มาน ไหวแลว ซ่ึงบรุ ษุ น้นั จงเรียนเอา ซึ่งมนต ฯ ๑๐. ครั้งนั้น ในวันหน่ึง อ.พระเจาอุเทน ตรัสแลววา “แนะหญิงคอม โวย อ.ปากของเจา เปน อวยั วะมีรมิ ฝปากและกระพุงแกมอนั หนายิ่ง (ยอมเปน), (อ.เจา) จงกลาว ชื่ออยางนี้ ดังนี้ (กะนางวาสุลทัตตา) น้ัน แมผูอันตน กลาวอยู บอยๆ ผไู มอาจอยู เพือ่ อนั กลา ว ซ่งึ บทแหง มนต ฯ 332

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 333 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò เฉลยแปลเปน มคธ ๑. เอกํ ผลํ รุกขฺ สฺมา ปติตํ ฯ ๒. วาณเิ ชหิ ติตฺถมหฺ า พหนู ิ ภณฺฑานิ อานตี านิ ฯ ๓. สสุ าเน วสนเฺ ตน ภิกขฺ นุ า ทิวา น นิทฺทายิตพฺพํ ฯ ๔. สตฺถา คามูปจารํ ปตฺวา (หตถฺ )ึ ปตฺตจีวรํ อาหราเปตวฺ า คามํ ปณ ฑฺ าย ปาวสิ ิ ฯ ๕. อทุ กํ หรนฺเตน สามเณเรน นาคราชา ลชฺชาปโต ฯ ๖. โจเรน ทลิทฺทสฺส ธนํ หรติ ํ โหติ ฯ ๗. สตถฺ ริ เชตวเน วหิ รนเฺ ต, นนทฺ ตฺเถโร อุกกฺ ณฺตวฺ า ภิกฺขูนํ ตมตถฺ ํ อาโรเจสิ ฯ ๘. วาณิชา นาวาย สมุทฺทํ คนตฺ ฺวา, ตสสฺ ํ (นาวาย) นครสสฺ ติตถฺ ํ สมปฺ ตฺตาย, ตสฺส ตรี ํ อคมํสุ ฯ ๙. อมมฺ ตวฺ ํ อนโฺ ตสาณิยํ นสิ ีทิตวฺ า ตํ ปรุ สิ ํ วนทฺ ิตฺวา มนฺตํ คณหฺ ฯ ๑๐. อถ นํ เอกทวิ สํ (วาสลุ ทตฺตํ) ปุนปฺปนุ ํ วุจจฺ มานํป มนฺตปทํ วตฺตุ อสกโฺ กนตฺ ึ “อเร ขุชฺเช ตว มขุ ํ อตพิ หโลฏกโปลํ (โหต)ิ , (ตวฺ ํ) เอวํ นาม วเทหตี ิ อาห ฯ 333

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 334 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò นามศัพท – กริ ิยาศพั ท – คำแปล นามศัพท คำแปล มชฺฌ (นปุง.) ทามกลาง ภาชน (นปงุ .) ภาชนะ อวสฺสํ (อัพ.นบิ าต) แนแ ท สเทวก (ว.ิ ) อนั เปนไปกับดวยเทวโลก หตถฺ มิ ารก (ปุง.) คนยังชา งใหตาย,พรานชา ง ถปู (ปงุ .) สถปู อุยฺยาน (นปงุ .) อุทยาน,สวน นลี (วิ.) สเี ขียว อุปฺปล (นปงุ .) ดอกอุบล,ดอกบัว อนฺต (ปงุ .) ที่สุด,ริม,ลำไส,สวน อนฺตราย (ปุง.) อนั ตราย,ความขัดขอ ง ปทภาณ (นปุง.) การกลา วดวยบท,การสวดดว ยบท ทกรกฺขส (ปุง.) ผเี สื้อน้ำ ภวน (นปุง.) ภพ,ทเี่ ปน ทอ่ี ยู นาคราช (ปงุ .) นาคผพู ระราชา,นาคราช มเหสกขฺ (วิ.) ผมู ีศกั ด์ิใหญ,ผูมเหศกั ด์ิ นทิ ทฺ า (อิต.) ความหลบั ,นทิ รา อกขฺ โิ รค (ปุง.) โรคในนยั นตา ปทุม (นปุง.) ดอกบัว,บวั หลวง,ดอกปทมุ สุริย (ปงุ .) พระอาทิตย, สุริยะ ปตตฺ (นุปง.) ใบ,กลบี ,แผน กาย (ปงุ .) กาย มนุสฺสทลทิ ฺท (ปุง.) คนจน,มนุษยผ ูข ัดสน เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 334


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook