ตารางส่งเสริมสขุ ภาพกายและสุขภาพใจ แบบที่ ๑ น้ี เป็นการจัดทำ�ขึ้นเพ่ือใช้ในโครงการเรียนรู้ดูกายใจด้วยธรรมะ ธรรมชาติ โดยในวันแรกของโครงการคอื วนั ท่ี ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑ น้นั ในชว่ งเวลาตง้ั แต่ ๐๘.๐๐ น. จนถงึ ๑๕.๓๐ น. เป็นการลง ทะเบียนเพื่อรายงานตวั เขา้ รบั การอบรมในโครงการ และในชว่ งเวลา ตง้ั แต่ ๑๘.๓๐-๒๐.๐๐ น. เปน็ พธิ ีการใหศ้ ีล ๘ ใหก้ รรมฐานแกผ่ เู้ ข้า โครงการพร้อมทั้งรับฟังโอวาท จากท่านพระครูปลัดสิทธิวรวัฒน์ ผอู้ �ำ นวยการส�ำ นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมสวนเวฬวุ นั หลงั จากนน้ั ในเวลา ๒๐.๓๐ น. ก็เป็นช่วงที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องเตรียมตัวเข้านอนให้ได้ก่อน ๒๑.๐๐ น. เพอ่ื สขุ ภาพทดี่ ี เพราะรา่ งกายจะเริม่ สร้างพลังงานในช่วง น้ี ผู้เขา้ โครงการจะตอ้ งตืน่ นอนตอน ๐๓.๐๐ น. เพ่อื เตรยี มตัวสวด มนตท์ �ำ วตั รเชา้ ตอน ๐๔.๐๐ น. กอ่ นท�ำ วตั รเชา้ กต็ อ้ งดม่ื น�ำ้ ขา้ วเนเจอร์ ก่อน ในนำ้�ข้าวเนเจอร์จะมีสารอาหารจากข้าวกล้อง ข้าวโพด ข้าวสาลี ถว่ั เหลือง เป็นตน้ เพื่อบ�ำ รุงร่างกาย ในวนั ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๑ ได้มีการเก็บตัวอย่างเลือด ตรวจร่างกายของผู้เข้าโครงการ โดยแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลศรนี ครินทร์ พร้อมทง้ั ให้ผู้เขา้ โครงการตอบแบบสอบถามวัดสุขภาพจิตคนไทยและแบบวัดคุณภาพ ชีวติ ผู้ปว่ ยมะเร็งดว้ ย เวลา ๐๕.๐๐ น. หลังจากทำ�วตั รเชา้ เสร็จ ผเู้ ขา้ โครงการจะได้รับความรู้ในเร่ืองมารยาทชาวพุทธจากวิทยากรประจ�ำ สำ�นักปฏิบตั ิธรรมสวนเวฬุวนั ยกตวั อย่าง เชน่ การไหว้ การกราบ การสนทนากบั พระภกิ ษุ กิรยิ ามารยาทในการเคลือ่ นไหวกาย การยืน การเดิน เป็นต้น เม่ือถงึ เวลา ๐๖.๐๐ น. ก็ถงึ เวลาท่จี ะต้องเตรยี มตัว ขบั ถ่ายให้ได้กอ่ น ๐๗.๐๐ น. เพราะเปน็ ชว่ งเวลาของลำ�ไสใ้ หญ่ทจ่ี ะ ขบั ถ่ายอจุ จาระ เพ่ือไมใ่ หร้ ่างกายพาของเสียกลับไปหลอ่ เล้ยี งรา่ งกาย ๑๗๗กาลครง้ั หนง่ึ ...เมอ่ื ฉนั หดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๑๗๘ กาลครงั้ หนง่ึ ...เมื่อฉันหดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk. อกี และจะเรม่ิ รบั ประทานอาหารเชา้ ในเวลา ๐๗.๐๐ น. ซง่ึ เปน็ ชว่ ง เวลาทก่ี ระเพาะอาหารจะยอ่ ยไดส้ งู สดุ (หลงั จาก ๐๙.๐๐ น. ไปแลว้ การยอ่ ยของกระเพาะอาหารจะท�ำ ไดน้ อ้ ยลง) เวลา ๐๘.๓๐ น. เปน็ การ แนะนำ�วธิ กี ารปฏบิ ตั ธิ รรม การทำ�สมาธแิ ละวปิ สั สนากรรมฐาน จาก พระวทิ ยากร พอถงึ เวลา ๑๑.๐๐ น. เปน็ ชว่ งของการพกั รบั ประทาน อาหารกลางวนั เวลา ๑๒.๓๐ น. เขา้ สชู่ ว่ งของการปกณิ กะธรรมคอื การพดู ถงึ เกรด็ ธรรมเลก็ ๆ นอ้ ย ๆ หลงั จากนน้ั กเ็ ปน็ การปฏบิ ตั ธิ รรม โดยการดแู ลอยา่ งเอาใจใสจ่ ากพระวทิ ยากร เวลา ๑๕.๓๐ น. เปน็ เวลา ใหผ้ เู้ ขา้ โครงการไดพ้ กั เพอ่ื ปฏบิ ตั สิ รรี กจิ และเตรยี มตวั สวดมนตท์ �ำ วตั ร เย็นในเวลา ๑๗.๐๐ น. พอถึงเวลา ๑๘.๐๐ น. ก็รับประทาน นำ้�นมธัญพืช ซ่ึงมีสารอาหารท่ีจำ�เป็นต่อร่างกาย หลังจากน้ันเวลา ๑๘.๓๐ น. เขา้ สกู่ ารปฏบิ ตั ธิ รรม จนกระทง่ั เวลา ๒๐.๐๐ น. กร็ บั ฟงั การปรบั อารมณจ์ ากพระวทิ ยากร เพอ่ื ผอ่ นคลายความวติ กกงั วลตา่ ง ๆ ทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ ไดก้ บั ผเู้ ขา้ โครงการ และใหแ้ งค่ ดิ ขอ้ คดิ แกผ่ เู้ ขา้ โครงการ เพ่ือเป็นขวัญและกำ�ลังใจท่ีจะดูแลสุขภาพตัวเองตามแนวทางของ โครงการตอ่ ไป พอถงึ เวลา ๒๐.๓๐ น. จบการปรบั อารมณป์ ลอ่ ยให้ ผู้เข้าโครงการเตรียมตัวเข้านอนก่อนเวลา ๒๑.๐๐ น. ต้ังแต่วันท่ี ๑๗ – ๓๑ มกราคม ๒๕๕๑ ขน้ั ตอนการอบรมในโครงการจะเหมอื น กนั คอื มกี ารปกณิ กะธรรม หลงั จากปกณิ กะธรรมเสรจ็ แลว้ กจ็ ะเขา้ สู่ การปฏบิ ตั ธิ รรม ในระหวา่ งนจ้ี ะมวี ทิ ยากรเขา้ มารว่ มใหค้ วามรแู้ กผ่ เู้ ขา้ โครงการเกย่ี วกบั เรอ่ื งของมะเรง็ และแพทยท์ างเลอื ก พรอ้ มทง้ั มกี าร ออกไปปฏิบัติธรรมนอกสถานท่ีในเวลาเช้าท่ีมีอากาศสดช่ืนใต้ต้นไม้ สง่ ผลดตี อ่ สขุ ภาพ ดว้ ยระยะเวลา ๑๗ วนั คอื ตง้ั แต่ วนั ท่ี ๑๕ – ๓๑ มกราคม ๒๕๕๑ ชว่ ยใหผ้ เู้ ขา้ โครงการสามารถปรบั ตวั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดตี อ่
การปฏิบตั ธิ รรม พร้อมทง้ั มีอารมณค์ วามรู้สึกที่ดีผ่อนคลาย สบาย ดู ไร้ความวิตกกังวล หลังจากวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๑ จึงได้มกี าร เพิ่มช่วงเวลาของการปฏิบัติธรรมให้มากข้ึนและต่อเนื่องกันไปเพื่อให้ เกิดความสงบ เป็นปีติ เกิดสุขทางใจ เป็นบ่อเกิดของอารมณ์ที่ดี ตามมา เช่น อารมณค์ วามร้สู ึกท่ีเปน็ เมตตา ซึง่ มีผลในการทีจ่ ะชว่ ย ให้เซลลภ์ มู ิต้านทานดขี ึ้น ๑๗๙กาลครงั้ หนงึ่ ...เมื่อฉนั หดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk.
ตั้งแต่วันท่ี ๑ – ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ เปน็ ช่วงท่เี นน้ การปฏิบัติธรรมมากขึ้น และมีการปฏิบัติธรรมที่ต่อเนื่องกันของช่วง เวลา โดยไมม่ กี ารบรรยายหรอื ปกณิ กะธรรมใด ๆ ซง่ึ การปฏบิ ตั ธิ รรม ทต่ี อ่ เนอ่ื งกนั นนั้ เรมิ่ ตง้ั แต่ ๑๒.๓๐ น. ไปจนถงึ ๒๐.๓๐ น. ในระหวา่ ง นีจ้ ะให้พักเพยี ง ๑ ชว่ั โมง ซงึ่ ผเู้ ข้าโครงการตอ้ งเลือกเองว่าจะพักช่วง เวลาใด สว่ นการพกั รบั น�ำ้ นมธญั พชื กย็ งั คงมเี หมอื นเดมิ ในชว่ งของ การปฏบิ ัติธรรมที่เพ่มิ ขน้ึ น้ี ผเู้ ขา้ โครงการสามารถพกั ผ่อนได้ หาก รสู้ กึ วา่ รา่ งกายตอ้ งการพกั ผอ่ น กเ็ ลอื กทจ่ี ะเปลยี่ นอริ ยิ าบถใหอ้ ยใู่ นทา่ ทสี่ บายได้ เพอ่ื ท�ำ การผอ่ นคลายใหร้ สู้ กึ ดหี รอื สบายขน้ึ แลว้ จงึ คอ่ ยเรม่ิ ท�ำ การปฏบิ ตั ธิ รรมใหมต่ อ่ ไป ตารางการอบรมในวนั ท่ี ๑-๑๑ กมุ ภาพนั ธ์ จึงเหมือนกัน คือ เป็นช่วงเวลาของการปฏิบัติธรรมท้ังหมด ไม่มี กิจกรรมอ่ืนท่ีนอกเหนือไปจากน้ีเลย เม่ือเข้าสู่วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ใกล้จะส้ินสุดโครงการ กป็ รบั ลดช่วงเวลาของการปฏบิ ัติธรรม ลง เพื่อเขา้ สกู่ ารเรยี นรวู้ ธิ ีการประกอบอาหารสขุ ภาพ เช่น การทำ� น้ำ�ผักปัน่ การท�ำ น�้ำ นมธญั พืช เปน็ ต้น เมือ่ ถงึ เวลา ๑๘.๓๐ น. เปน็ การใหค้ �ำ แนะน�ำ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั เรอื่ งของน�ำ้ เอนไซม์แก่ผู้เข้าโครงการ โดยวิทยากรที่ได้รับการอบรมมาจากบ้าน สุขภาพ วนั ท่ี ๑๔ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๑ ก่อนปิดโครงการหนึ่งวนั ได้ ท�ำ การเกบ็ ตวั อยา่ งเลอื ด ตรวจรา่ งกาย โดยแพทยแ์ ละพยาบาลจาก โรงพยาบาลศรนี ครินทร์ พรอ้ มทงั้ ตอบแบบสอบถามสขุ ภาพจิตคน ไทยอกี ครัง้ หนึ่ง เพอื่ เป็นข้อมูลในการวเิ คราะหถ์ ึงผลท่ีไดร้ ับวา่ เปน็ ไป ในทางใด วธิ กี ารนสี้ ามารถชว่ ยสง่ เสรมิ สขุ ภาพกายและสขุ ภาพใจให้ กับผู้เข้าร่วมโครงการได้หรือไม่ อย่างไร การเปิดใจในช่วงเวลา ๑๘.๓๐ ไปจนถงึ ๒๐.๓๐ น. น้นั เปน็ การแสดงความรู้สกึ ของผู้เข้า ๑๘๑กาลคร้งั หนึ่ง...เม่อื ฉันหดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๑๘๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk. โครงการท้ังหมดทกุ คน ที่มีต่อโครงการตลอดระยะเวลา ๓๒ วัน ท่ี อยใู่ นโครงการ วันสุดท้ายของโครงการคือ วนั ท่ี ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ก็ได้ทำ�การลาศีลให้กับผู้เข้าโครงการ โดยพระวิทยากรผู้รับผิดชอบ โครงการ พรอ้ มทง้ั มอบใบวฒุ บิ ัตรเพื่อรบั รองการอบรมปฏบิ ตั ิธรรม ตลอดระยะเวลา ๓๒ วนั และสิ่งของตา่ ง ๆ เพือ่ เปน็ ทรี่ ะลกึ ใหแ้ ก่ ผู้เข้าโครงการทุกคน เช่น หนังสือความรู้เก่ียวกับสุขภาพ เป็นต้น จนกระทัง่ เสรจ็ ส้นิ พิธีการในวันสุดท้ายของโครงการ ตารางการสง่ เสรมิ สขุ ภาพกายและสขุ ภาพใจ แบบที่ ๒
ตารางการสง่ เสรมิ สุขภาพกายและสุขภาพใจ แบบที่ ๒ น้ี จัดทำ�ข้ึนมาเพื่อให้ผู้ท่ีสนใจต่อการดูแลรักษาสุขภาพ ท้ังทางด้าน รา่ งกายและจิตใจของตนเอง รวมถึงผูท้ ีก่ �ำ ลังเจ็บปว่ ยอยู่ ไม่เพียงแต่ เฉพาะโรคมะเรง็ เทา่ นน้ั โรคอนื่ ๆ กส็ ามารถที่จะน�ำ ไปปรบั ประยุกต์ ใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั โรคทตี่ นเองก�ำ ลงั เปน็ อยไู่ ด้ เพอ่ื เปน็ ตวั ชว่ ยสนบั สนนุ ให้สขุ ภาพกายและใจดขี ึ้น ดังน้ัน อาตมาจงึ ไดจ้ ัดท�ำ ตารางสง่ เสริมสขุ ภาพกายและสขุ ภาพใจ เพอ่ื วางไวใ้ หเ้ ปน็ แนวทางแกผ่ ทู้ ส่ี นใจทจี่ ะน�ำ ไป ประยกุ ต์ใช้ในการดแู ลสขุ ภาพใหก้ บั ตนเอง ตารางการสง่ เสรมิ สขุ ภาพกายและสขุ ภาพใจนเี้ ปน็ การผสม ผสานกันระหว่างธรรมปฏิบัติท่ีเป็นวิธีการปฏิบัติธรรมของพระเดช พระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม (พระธรรมสิงหบุราจารย์) แห่งวัด อมั พวนั จ.สงิ หบ์ รุ ี และชว่ งเวลาการหมนุ เวยี นของพลงั งานในรา่ งกาย ตามตำ�ราการดูแลสุขภาพเก่าแก่ของจีนท่ีได้กล่าวไว้ในหนังสือแพทย์ ทางเลอื กของดร.รสสุคนธ์ พ่มุ พนั ธ์วุ งศ์ เพอ่ื ให้เกดิ ความเข้าใจทเ่ี พม่ิ ขน้ึ ตอ่ ผทู้ สี่ นใจจะน�ำ ตารางแบบท่ี ๒ นี้ ไปปรบั ใชก้ บั ตนเองในการดแู ล สุขภาพ จงึ ขอขยายความหลกั การประพฤติปฏบิ ัติตนทีไ่ ด้วางไว้ ดงั นี้ ช่วงเวลา ๐๓.๐๐ – ๐๔.๐๐ น. ช่วงนี้ เป็นช่วงเวลาที่พลังงานจะเคล่ือนเข้าสู่ปอดและใน ช่วงน้ีก็เหมาะที่จะตื่นขึ้นมาเพ่ือเตรียมตัวสวดมนต์และปฏิบัติธรรม มบี างคนถามวา่ ท�ำ ไมตอ้ งตน่ื เรว็ หรอื ตน่ื แตเ่ ชา้ ขนาดนจ้ี ะไดป้ ระโยชน์ อะไร ถ้าจะตอบก็ตอบไดอ้ ย่างไม่ตอ้ งคดิ มากหรอื ลึกซงึ้ อันใด นน่ั กค็ ือ เราจะมีเวลาท่ีเพ่ิมมากข้ึน ซึ่งก็หมายถึงก�ำ ไรชีวิตที่ได้รับ ทำ�ให้เรา สามารถทำ�อะไรไดอ้ ีกหลาย ๆ อย่างเพ่ิมมากขน้ึ เพราะเวลาเป็นส่งิ มี ๑๘๓กาลครงั้ หนึง่ ...เม่อื ฉันหัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๑๘๔ กาลครงั้ หนงึ่ ...เมื่อฉนั หัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk. คา่ ทที่ กุ คนมเี ทา่ กนั แตอ่ ยทู่ ว่ี า่ ใครจะใชเ้ วลาเหลา่ นน้ั ไปใหเ้ กดิ ประโยชน์ มากนอ้ ยกว่ากัน นี่จึงเป็นเหตผุ ลสำ�คัญที่ตอ้ งคดิ ชว่ งเวลา ๐๔.๐๐ – ๐๖.๐๐ น. เปน็ ชว่ งเวลาของการปฏบิ ตั ธิ รรม ซง่ึ มเี วลาในการปฏบิ ตั คิ อื ๒ ชว่ั โมง ดว้ ยการเดนิ จงกรมและนง่ั สมาธสิ ลบั กนั ไปเรอ่ื ย ๆ โดยแบง่ เวลาใหเ้ ทา่ ๆ กนั ไปจนครบเวลา โดยใหเ้ ดนิ จงกรมกอ่ นนง่ั ทกุ ครง้ั ช่วงเวลา ๐๖.๐๐ – ๐๗.๐๐ น. เปน็ ชว่ งเวลาของล�ำ ไสใ้ หญ่ คอื ชว่ งทเี่ ราจะตอ้ งถา่ ยอจุ จาระ เพอ่ื เอาของเสยี ออกใหห้ มด ปอ้ งกนั ไมใ่ หร้ า่ งกายนำ�พาของเสยี ไปหลอ่ เลี้ยงร่างกายซ�้ำ เดิม เปรียบเสมอื นการกนิ อจุ จาระตัวเอง และตอ้ งขับ ถ่ายใหไ้ ดก้ อ่ น ๐๗.๐๐ น. ที่ผ่านมาจากการเฝา้ สังเกต เมื่อดม่ื นำ้�และ มกี ารเคล่ือนไหวกาย เช่น การเดิน มีสว่ นชว่ ยให้การขบั เคลอื่ นของ เสียง่ายขนึ้ เพราะทำ�ให้ลำ�ไส้เกดิ การขยบั ตัว ดังนัน้ การเดินจงกรม ในชว่ งเชา้ จงึ ช่วยทำ�ใหร้ ะบบขบั ถ่ายดีขน้ึ ชว่ งเวลา ๐๗.๐๐ – ๐๙.๐๐ น. เนื่องจากกระเพาะอาหารจะย่อยได้สูงสุดในช่วงเวลานี้ เทา่ นน้ั และหลง่ั น�ำ้ ยอ่ ยออกมามาก กระเพาะอาหารจงึ ตอ้ งการอาหาร อกี ทง้ั อาหารมื้อเชา้ ยงั เปน็ มื้อท่ีสำ�คญั ที่สุดอกี ดว้ ย จงึ ต้องรบั ประทาน อาหารในชว่ งเวลานี้ หากเราตอ้ งท�ำ อาหารทานเอง ชว่ งเวลานกี้ ม็ เี วลา ถึง ๒ ช่ัวโมง น่าทีจ่ ะสามารถทำ�อาหารเสรจ็ ไดท้ ันและรบั ประทาน อาหารไดก้ อ่ น ๐๙.๐๐ น.
ชว่ งเวลา ๐๙.๐๐ – ๑๑.๐๐ น. เขา้ สชู่ ว่ งเวลาของการท�ำ กรรมฐาน เจรญิ ภาวนา ดว้ ยการ เดินจงกรมและน่งั สมาธิ ก�ำ หนดสติให้ตอ่ เนื่องกนั ไปจนครบเวลา ชว่ งเวลา ๑๑.๐๐ – ๑๔.๐๐ น. ในชว่ งนมี้ เี วลาถงึ ๓ ชว่ั โมง หากจะตอ้ งเตรยี มการประกอบ อาหาร ก็มีเวลาพอสมควรท่ีหลังจากรับประทานเสร็จแล้วก็จะได้พัก ผอ่ นหรอื หากตอ้ งการทำ�กิจกรรมอน่ื ๆ กจ็ ะสามารถกระทำ�ไดโ้ ดยมี เวลาเหลอื พอ ชว่ งเวลา ๑๔.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. เป็นช่วงของการปฏิบัติธรรม หลังจากรับประทานอาหาร เท่ียงมาแล้ว การเดินจงกรมในช่วงน้ียังช่วยให้อาหารที่ด่ืมและรับ ประทานเขา้ ไปยอ่ ยง่ายขนึ้ ด้วย ช่วงเวลา ๑๗.๐๐ – ๑๙.๐๐ น. เข้าสชู่ ว่ งเวลาของการรบั ประทานอาหารเย็น ทกุ ช่วงเวลา ของอาหารจะมกี ารเผอื่ เวลาในการท�ำ อาหารเพอื่ รบั ประทานใหอ้ ยแู่ ลว้ สำ�หรับผู้ที่ต้องประกอบอาหารทานเอง จึงไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะท�ำ อาหารทานไม่ทัน จนทำ�ให้ต้องเลยเวลาตามท่ีกำ�หนดของแต่ละช่วง เวลาไป ๑๘๕กาลครัง้ หน่งึ ...เม่อื ฉันหัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๑๘๖ กาลคร้งั หนึง่ ...เม่อื ฉนั หัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk. ชว่ งเวลา ๑๙.๐๐ – ๒๐.๓๐ น. ชว่ งนมี้ เี วลานอ้ ยกวา่ ชว่ งอนื่ คอื มเี วลาหนงึ่ ชว่ั โมงครง่ึ กอ่ น เข้านอนก็ปฏบิ ัติธรรมอกี สักหนอ่ ย เพ่ือให้เกิดความสงบทางจิตใจ จะ ได้ไม่คิดฟุ้งซ่านก่อนนอน เป็นเหตุให้หลับเป็นสุขและต่ืนก็เป็นสุขด้วย หรอื ถ้าหลบั ไปแลว้ ฝนั กจ็ ะเป็นฝันทดี่ ี ไมฝ่ นั รา้ ย ช่วงเวลา ๒๐.๓๐ – ๒๑.๐๐ น. ช่วงนี้ก็จะต้องเตรียมตัวเพ่ือที่จะเข้านอนได้แล้วและจะต้อง หลบั ใหไ้ ดก้ ่อน ๒๑.๐๐ น. เพราะเหตทุ ่ีวา่ พลงั งานของรา่ งกายจะ สรา้ งข้ึนในช่วง ๒๑.๐๐ – ๒๓.๐๐ น. เท่านัน้ ถ้าหากไมห่ ลบั นอนใน ชว่ งเวลาดงั กลา่ ว พลงั งานทชี่ ว่ ยใหร้ า่ งกายสะสมพลงั งานไดอ้ ยา่ งเตม็ ทน่ี นั้ จะมไี มพ่ อ ท�ำ ใหร้ า่ งกายเกดิ การสะสมพลงั งานไดน้ อ้ ย ไมส่ ามารถ ฟ้ืนฟอู วัยวะต่าง ๆ ให้สะอาดและแขง็ แรงสำ�หรบั วันตอ่ ไปได้ ส�ำ หรบั ผทู้ ไ่ี มม่ คี วามจำ�เปน็ จรงิ ๆ ทจ่ี ะตอ้ งนอนดกึ กค็ วรหลบั นอนใหไ้ ดก้ อ่ น เวลา ๓ ท่มุ เพ่อื สุขภาพท่ดี ีและอายทุ ีย่ ืนนานอยา่ งเปน็ สุข จากหลักการประพฤติปฏิบัติตนตามตารางท่ีได้ก�ำ หนดเอา ไว้แล้ว เม่ือปฏบิ ตั ติ ามก็จะเห็นไดว้ า่ สามารถท่ีจะมเี วลาในการปฏบิ ัติ ธรรมท้งั สมาธแิ ละวปิ สั สนากรรมฐานถึง ๘ ชวั่ โมงคร่ึงตอ่ วัน ซึ่งไม่ ถอื วา่ นอ้ ยหรือมากจนเกินไป หากผทู้ ีส่ นใจในหลกั การประพฤติปฏิบัติ ตามตารางส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพใจ แบบที่ ๒ ท่ีทางผู้จัด ท�ำ ไดก้ �ำ หนดไวน้ ี้ มเี วลาวา่ งมากพอทจี่ ะสามารถบรหิ ารเวลาทม่ี อี ยขู่ อง ตนเองใหป้ ระพฤติปฏิบตั ิตามตารางได้ กค็ วรทำ�กรรมฐานให้ไดอ้ ยา่ ง น้อย ๘ ชว่ั โมงต่อวนั จะถือว่าดีต่อสุขภาพใจเป็นอย่างมาก สว่ นทาง ดา้ นของรา่ งกายนนั้ ถา้ ผปู้ ฏบิ ตั สิ ามารถใชช้ วี ติ ในเรอ่ื งของการกนิ อยู่
หลับนอน ได้ตามช่วงเวลาทีก่ ำ�หนดไวใ้ นตาราง ก็จะสง่ ผลให้สุขภาพ รา่ งกายของผปู้ ฏบิ ตั นิ นั้ ดแี ละแขง็ แรงขน้ึ แตถ่ า้ ผอู้ า่ นพจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ ตวั เราเองนนั้ กป็ รารถนาทจี่ ะท�ำ ใหไ้ ดต้ ามตารางทวี่ างเอาไวน้ เ้ี ชน่ กนั เพอ่ื สขุ ภาพของกายและใจทดี่ ี แตส่ ภาพแวดลอ้ มไมเ่ ออื้ อ�ำ นวยใหป้ ฏบิ ตั ิ ตามได้ หรือไม่สามารถทำ�ตามวิธีการในตารางได้ทั้งหมด ก็ไม่ต้อง กงั วลในเรอ่ื งเหลา่ น้ี เพราะทางผจู้ ดั ทำ�ไดจ้ ดั ท�ำ ตารางสง่ เสรมิ สขุ ภาพ กายและสขุ ภาพใจแบบที่ ๒ นข้ี นึ้ มาเพอื่ ใหเ้ ปน็ แนวทางสำ�หรบั ผทู้ ส่ี นใจ ในเรอื่ งของการดแู ลสขุ ภาพอยแู่ ลว้ ฉะนนั้ ผทู้ ส่ี นใจจงึ สามารถทจ่ี ะนำ� ตารางสง่ เสรมิ สขุ ภาพในแบบที่ ๒ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ตนเอง และสภาพแวดลอ้ มไดต้ ามทใ่ี จปรารถนาและเหน็ วา่ เหมาะควร กอ่ นจาก กนั ในบทนข้ี อฝากไวใ้ หค้ ดิ สกั นดิ วา่ “ยากแทเ้ พราะไมเ่ คย ถา้ เคยแลว้ ก็ ไมย่ าก” ความยากเกดิ ขน้ึ เพราะไมเ่ คยท�ำ ถา้ ท�ำ จนเปน็ ความเคยชนิ กไ็ ม่ ยาก เร่อื งเล่าของคนป่วยทีไ่ มป่ ว่ ย บทน้ีจะเป็นบทสุดท้ายของเร่ืองเรียนรู้ดูกายใจด้วย ธรรมะ ธรรมชาติ ซึง่ จะเป็นการกลา่ วถงึ ผูเ้ ข้าโครงการ อาตมาข้ึนช่ือ เรื่องเอาไวว้ ่า คนปว่ ยท่ีไม่ปว่ ย ผู้อ่านหลาย ๆ ท่านคงจะงง เหตทุ ี่ขน้ึ หวั เรื่องไว้เช่นนกี้ ็เพราะวา่ ในโครงการน้นั อาตมาได้บอกกบั ผูท้ ่ปี ่วย เป็นโรคมะเร็งในโครงการทกุ คนว่า อยา่ มองว่าตวั เองเปน็ คนปว่ ย แต่ ขอใหม้ องวา่ ตวั เองกเ็ ปน็ คนปกตคิ นหนง่ึ ทม่ี อี าการเจบ็ ปวดมากกวา่ คน ทั่วไปเท่านั้นเอง และให้เข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้ปฏิบัติธรรมไม่ใช่ผู้ป่วย ๑๘๗กาลคร้งั หนงึ่ ...เมื่อฉนั หัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๑๘๘ กาลครง้ั หน่ึง...เมอื่ ฉนั หัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk. ตลอดเวลาท่ีอยู่ในโครงการอาตมาจึงเรียกเขาเหล่านั้นว่าเป็น “ผู้ปฏิบัติธรรม” เพราะแท้จริงแล้วน้ันเท่าท่ีอาตมาสังเกตดูคนที่ป่วย เป็นโรคมะเร็งทำ�ให้เกิดความเข้าใจว่า โรคมะเร็งน้ันเด่นที่ความเจ็บ ปวดท่เี กดิ จากโรค ทำ�ใหผ้ ู้เป็นมะเร็งนัน้ รสู้ กึ ทุกข์ทรมาน แตเ่ มื่อไหร่ท่ี อาการเจ็บปวดจากโรคมะเรง็ ดับไป เขาเหลา่ น้นั ก็มสี ภาพเหมอื นคนที่ ไมป่ ่วย ยิ่งในกรณีของโรคมะเรง็ ระยะที่ ๑ และระยะท่ี ๒ แล้วน้ัน ดู ยังไงก็เหมือนคนปกติ หากเขาไม่แสดงอาการเจ็บปวดออกมาให้เห็น และในคนปกติที่ไม่ปว่ ยเป็นโรคมะเรง็ หรือโรคใด ๆ เลย อาการเจบ็ ปวดก็มเี กิดขนึ้ เป็นปกตอิ ยแู่ ลว้ ยกตัวอย่างเช่น การอยใู่ นอิรยิ าบถใด อริ ยิ าบถหนง่ึ นาน ๆ โดยไมเ่ ปลย่ี นอริ ยิ าบถเลย กจ็ ะทำ�ใหเ้ กดิ อาการ ปวด อาการชา ตามแขน ขา หรืออวัยวะส่วนใดส่วนหนง่ึ ข้นึ ไดเ้ ปน็ ปกตอิ ยแู่ ลว้ เพยี งแตค่ นทเ่ี ปน็ มะเรง็ เมอ่ื มอี าการปวดเกดิ ขน้ึ เนอ่ื งจาก โรคมะเร็งนัน้ จะมากกวา่ อาการปวดของคนปกติทั่วไปน่ันเอง และการทม่ี องวา่ ตวั เองเปน็ ผปู้ ว่ ยหรอื เปน็ มะเรง็ นนั้ กไ็ มไ่ ด้ ช่วยให้สภาพจิตใจของเขาเหล่านั้นดีข้ึนได้เลย กลับทำ�ให้สภาพจิตใจ ของเขาเหล่าน้ันเกิดเป็นความวิตกกังวลจนเครียด ถึงโรคที่ตนกำ�ลัง เป็นอยู่ ซึ่งภาวะความเครียดเป็นตัวทำ�ให้เซลล์มะเร็งกระจายไปยัง อวัยวะต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุผลนี้อาตมาจึงเรียกผู้เข้า โครงการ วา่ “ผู้ปฏิบัติธรรม” ไม่ใช่ผู้ปว่ ย และไมใ่ ห้มองว่าตวั เองมี อะไรแตกตา่ งหรอื ผดิ ปกตไิ ปจากคนทวั่ ไป เพยี งแคม่ เี วทนาปวดมากกวา่ เทา่ นั้นเอง เมอื่ ผปู้ ฏบิ ัตสิ ามารถมองตนเองได้อยา่ งทก่ี ลา่ วมาแล้ว ก็ ช่วยทำ�ให้สภาพจิตใจของผู้เข้าร่วมโครงการน้ันดีขึ้น มีกำ�ลังใจท่ีจะ ประพฤติปฏิบัติ เพ่ือต่อสู้กับโรคที่ตัวเองกำ�ลังเป็นอยู่ ไม่ใช่มองว่า ตนเองเป็นผ้ปู ่วย จนเกดิ การบน่ั ทอนจติ ใจของตัวเอง และปลอ่ ยปละ
ละเลยต่อการดูแลสุขภาพพร้อมท้ังสิ้นหวัง หมดกำ�ลังใจท่ีจะอยู่ต่อไป เพื่อสู้กับโรคท่ีตัวเองกำ�ลังเป็นอยู่ และน่ีจึงเป็นท่ีมาของหัวเรื่องว่า “คนปว่ ยท่ไี มป่ ่วย” หรอื กล่าวใหเ้ ขา้ ใจไดง้ ่าย ๆ ว่า “ปว่ ยจริงแต่ไม่ มองว่าปว่ ย” เพอื่ สร้างขวัญและก�ำ ลงั ใจนั่นเอง ในวนั แรก ๆ ของโครงการ ผเู้ ขา้ โครงการแตล่ ะคนนนั้ ไม่ สดช่ืนแจ่มใส มีสภาพของคนเป็นโรคอย่างท่ีไม่ต้องพิจารณาโดย ละเอยี ด สภาพของรา่ งกายกเ็ ปน็ ตวั ฟอ้ งเองอยใู่ นตวั แลว้ วา่ ฉนั เปน็ คน ป่วยนะ แตห่ ลังจากทไี่ ด้รบั การส่งเสริมสขุ ภาพกายและใจ ด้วยสมาธิ ภาวนาและอาหาร ทมี่ คี ณุ คา่ สง่ เสรมิ สขุ ภาพกาย ไมส่ ง่ เสรมิ เซลลม์ ะเรง็ ไปได้สักระยะหน่ึง บวกกับการได้อยู่ในสถานท่ีท่ีมีอากาศดี ก็ท�ำ ให้ สุขภาพร่างกายของผเู้ ข้าโครงการดดู ีข้ึนมามากจนใครหลาย ๆ คนท่ี พบเห็น รวมท้งั แพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลศรีนครนิ ทร์ ทมี่ า ตรวจเย่ียมผู้ป่วยพร้อมท้ังรว่ มสงั เกตการณใ์ นโครงการ ต่างกพ็ ดู เปน็ เสียงเดียวกันว่า ดูไปแล้วไม่เห็นจะเหมือนคนป่วยเลย เพราะผู้เข้า โครงการทกุ คนต่างมบี คุ ลกิ ลกั ษณะที่ดขี น้ึ ยม้ิ แยม้ แจม่ ใส หน้าตาผิว พรรณผ่องใส ดูดีขึ้น บางคนปากแดงมากเป็นธรรมชาติเหมือน ทาลปิ สตกิ จนคณุ หมอพนารตั น์ ทม่ี าตรวจเยยี่ มในโครงการไดส้ งั เกต เหน็ และพดู วา่ นา่ จะเปน็ อาการทเี่ ลอื ดดขี นึ้ เมอื่ โครงการด�ำ เนนิ มาถงึ ชว่ งทา้ ยของโครงการ ผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมทเ่ี ปน็ โรคความดนั สงู รว่ มดว้ ย คอื คณุ ญาณกิ า ผานาค อายุ ๕๔ ปี ได้รบั การตรวจวดั ความดันจากคุณ หมอปนิ่ นภัส ท่มี าช่วยงานในโครงการ ท�ำ ให้ทราบวา่ โรคความดันสูง ทค่ี ณุ ญาณกิ า ผานาค เปน็ อยนู่ นั้ ความดนั ปกตดิ แี ลว้ กอ่ นวนั สดุ ทา้ ย ของโครงการ ผเู้ ข้าร่วมโครงการท้ังหมด ๒๒ คน เมือ่ สงั เกตดจู าก บคุ ลิกลกั ษณะภายนอกแล้ว ทกุ คนดไู มเ่ หมือนผู้ทีก่ �ำ ลงั ปว่ ยอยเู่ ลย ทกุ ๑๘๙กาลครั้งหน่งึ ...เมือ่ ฉันหัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๑๙๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk. คนดดู ีมีความสขุ ยิ้มแย้มแจม่ ใส สุขภาพรา่ งกายและก�ำ ลังใจดขี ้นึ มาก จนทำ�ให้ผ้ทู พ่ี บเหน็ เจ้าหนา้ ทพ่ี ่ีเล้ียงทมี่ าชว่ ยงาน รวมถงึ แพทยแ์ ละ พยาบาลที่มาตรวจเยีย่ ม กลา่ วชมถึงกำ�ลังใจของผ้เู ข้าโครงการทีป่ ว่ ย เปน็ โรคมะเร็งวา่ ก�ำ ลงั ใจเกินรอ้ ยจริง ๆ เร่ืองของยาในโครงการ เนื่องจากเป็นโครงการที่เน้นใน เร่ืองของวิธีการทางธรรมชาติ และเพื่อต้องการรู้ถึงคุณสมบัติของวิธี การทางธรรมชาติ คอื การปฏบิ ัตธิ รรม และอาหารตามแนวทางของ แพทย์ทางเลอื ก ว่าจะสามารถชว่ ยส่งเสริมสขุ ภาพกายและจิตใจของผู้ ปว่ ยโรคมะเรง็ ใหด้ ขี น้ึ ไดห้ รอื ไม่ นจี่ งึ เปน็ เหตผุ ลใหไ้ มใ่ ชย้ าหรอื สารเคมี ใด ๆ ในระหวา่ งการด�ำ เนินโครงการกับผ้เู ข้าร่วมโครงการเลย หลังจากเสร็จสิ้นโครงการแล้ว จากผลของการเก็บข้อมูล ดว้ ยการเก็บตวั อย่างเลือด ตรวจรา่ งกาย และการตอบแบบสอบถาม คอื แบบวดั สขุ ภาพจติ ของคนไทย แบบวดั คณุ ภาพชวี ติ ผปู้ ว่ ยมะเรง็ เมอื่ แรกเร่ิมโครงการคือในวันท่ี ๑๖ มกราคม ๒๕๕๑ และก่อนสิ้นสุด โครงการหนง่ึ วนั คือวนั ท่ี ๑๔ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๑ โดยทีมแพทย์และ พยาบาลโรงพยาบาลศรนี ครนิ ทร์ จากการสรปุ ผลของแพทยเ์ กย่ี วกบั ผู้ เข้าร่วมโครงการท่ีอยู่จนครบ ๓๒ วัน พบว่าผู้ป่วยทุกรายได้รับ ประโยชนจ์ ากการเขา้ รว่ มโครงการ โดยประโยชนท์ เ่ี หน็ ชดั เจนทส่ี ดุ ได้ ท้ังดา้ นร่างกายและจิตใจ ทางด้านจติ ใจ แพทย์มีความเห็นวา่ ผปู้ ่วย มีความสุขสงบมากขึ้น ความกังวลและความหวาดกลัวลดลง ด้าน รา่ งกายทเ่ี หน็ ชดั เจนคอื ผปู้ ว่ ยมสี ขุ ภาพแขง็ แรง หรอื ทเ่ี รยี กวา่ Fitness ดีขึน้ และนเ่ี ป็นเพียงสว่ นหนงึ่ ของบทสรปุ ทแ่ี พทยผ์ ู้เข้าตรวจเย่ียมและ ร่วมสังเกตการณใ์ นระหว่างด�ำ เนินโครงการไดท้ ำ�การสรุปไว้ให้ อาตมาในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการ รู้สึกยินดีเป็นอย่าง
ยิ่งทีโ่ ครงการสามารถบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ คือสามารถสง่ เสรมิ สุขภาพ กายและสุขภาพใจให้กับผู้เข้าร่วมโครงการได้เป็นอย่างดี และทำ�ให้ผู้ ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งรู้จักท่ีจะปรับเปล่ียนวิถีการดำ�เนินชีวิตแบบใหม่ การดแู ลตวั เองทถี่ กู ตอ้ งในเรอื่ งของการกนิ การอยู่ การหลบั นอน หลงั จากท่ีทราบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งหรือในกรณีท่ีเป็นโรคมะเร็งแล้ว รักษาหายแล้ว อาจจะด้วยวิธีการทางแพทย์สมัยใหม่หรือวิธีการใดก็ แล้วแต่ เพ่ือท่ีมะเร็งท่ีรักษาหายแลว้ จะไมก่ ลบั มาเป็นอีก พรอ้ มท้ังให้ เกิดการเกื้อหนุนกันของแนวทางการรักษาโรคแบบสมัยใหม่โดยมีวิธี การทางธรรมชาติเป็นตวั ช่วยเสรมิ ๑๙๑กาลครง้ั หนึง่ ...เมื่อฉนั หัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
EเอNนZ YไซMมE์
๑๙๔ กาลครัง้ หนง่ึ ...เมอ่ื ฉนั หัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk.
เอนไซม์ ความหมายของเอนไซม์ เอนไซมเ์ ปน็ สารกลมุ่ โปรตนี ทร่ี า่ งกายเราไดร้ บั จากการ รบั ประทานอาหารและสรา้ งขน้ึ เอง ซง่ึ ใชใ้ นการสรา้ งพลงั งานทจี่ ำ�เปน็ ตอ่ ทกุ ปฏกิ ริ ยิ าเคมใี ด ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในรา่ งกายของเรา แมก้ ระทงั่ วติ ามนิ แรธ่ าตุ หรอื ฮอรโ์ มน กไ็ มส่ ามารถทำ�งานไดห้ ากไมม่ เี อนไซม์ เอนไซม์ เปน็ ตัวเร่งปฏกิ ริ ยิ าทีท่ �ำ ใหอ้ วยั วะต่าง ๆ สามารถท�ำ งานไดอ้ ยา่ งเป็น ระบบ กระบวนการกอ่ เกดิ น�้ำ หมกั ชวี ภาพ (น�้ำ เอนไซม)์ การผลิตน้ำ�หมักชีวภาพ เป็นเทคโนโลยีท่ีผสมผสาน ระหว่างภูมิปัญญาพ้ืนบ้าน และความรู้ความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ โ ด ย นำ้ � ห มั ก ชี ว ภ า พ เ กิ ด จ า ก ก ร ะ บ ว น ก า ร ห มั ก ที่ ทำ � ใ ห้ เ กิ ด ก า ร เปล่ียนแปลงทั้งทางกายภาพและเคมีของอาหาร โดยการนำ�พืชผัก ผลไม้ สมุนไพร มาหมักกบั น้ำ�ตาลธรรมชาติ น้�ำ ในภาชนะทีส่ ะอาด ในช่วงระยะเวลาหนึ่งโดยอาศัยการทำ�งานของแบคทีเรียที่ผลิตกรด แลคติกเป็นส่วนใหญ่ เป็นผลทำ�ให้เกิดการเปลย่ี นแป้งและนำ้�ตาลจาก ผลไม้เปน็ กรดน้�ำ สม้ ทำ�ให้เกิดของเหลวสนี ้ำ�ตาล มรี สเปรยี้ ว มีกลิ่น ฉุนของน้ำ�ส้มสายชู หรอื มีรสฝาดขม ๑๙๕กาลครัง้ หนง่ึ ...เมอื่ ฉันหดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๑๙๖ กาลครง้ั หน่งึ ...เมอ่ื ฉันหดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk. ในนำ้�หมักชีวภาพมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มากมายหลายชนิด เชน่ จุลนิ ทรีย์ กรดอะมโิ น กลูโคส วิตามินและ แรธ่ าตจุ ากผกั ผลไม้ ฮอร์โมน เอนไซม์ โดยจุลนิ ทรีย์ที่เกดิ จากการ หมักทม่ี ปี ระโยชน์ เชน่ แบคทีเรยี แลก็ โตบาซลิ ัส (Lactobacillus) ที่ ท�ำ ใหน้ �้ำ หมกั ทไี่ ดม้ กี ลน่ิ หอม มรี สชาตนิ า่ รบั ประทาน และมสี ารอาหาร ทชี่ ว่ ยสง่ เสรมิ การท�ำ งานของล�ำ ไส้ ระบบทางเดนิ อาหาร และระบบขบั ถ่าย กระตนุ้ ระบบภูมคิ ุ้มกันให้เพิม่ ขน้ึ การทำ�งานของเอนไซม์ เม่อื เรารบั ประทานอาหารสด (พชื ผัก ผลไมส้ ด) เอนไซม์ ในอาหารจะถกู กระตนุ้ ใหท้ �ำ งานได้ โดยความรอ้ น และความชนื้ ภายใน ชอ่ งปาก เมอื่ ไดร้ บั การกระตนุ้ เอนไซมเ์ หลา่ นจ้ี ะทำ�การยอ่ ยสลายสาร อาหารให้มีขนาดเล็กลงพอท่ีจะถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์และกระแสเลือด ต่อจากนั้นก็เป็นหน้าท่ีของเอนไซม์ท่ีทำ�หน้าที่เกี่ยวกับเมตาบอลิซึม น�ำ สารอาหารเหล่านนั้ ไปสร้างกลา้ มเนอื้ เส้นประสาท กระดูก ต่อม ตา่ ง ๆ เมด็ เลอื ด ปอด และอวัยวะอื่น ๆ ดงั นน้ั ถา้ ไม่มเี อนไซม์ รา่ งกายก็ไม่สามารถทำ�งานได้ โดยเอนไซมต์ า่ ง ๆ เหลา่ นี้ รา่ งกายจะสรา้ งขนึ้ เอง แตเ่ มอื่ เรามีอายุมากขึ้น อยู่ในสภาพแวดล้อมอากาศที่ไม่บริสุทธ์ิ การรับ ประทานอาหารที่เต็มไปด้วยไขมัน ร่างกายต้องเผชิญกับการติดเชื้อ ไวรัส ประกอบกับมีความเครียด ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการสร้าง เอนไซม์เหลา่ นีล้ ดลง ในขณะเดยี วกนั เอนไซมท์ ีไ่ ด้รบั จากอาหาร สว่ น ใหญ่จะถูกทำ�ลายลงไปเสียมากเน่ืองมาจากการปรุงอาหารด้วยความ
ร้อน เชน่ การตม้ การน่งึ การปรุงหรืออุ่นดว้ ยไมโครเวฟ การคน้ั น�้ำ ผลไม้ดว้ ยเครื่อง ความร้อนที่เกดิ ขึ้นกย็ บั ยงั้ การท�ำ งานของเอนไซม์ได้ เปน็ ต้น ดังนนั้ เราจงึ ควรทจ่ี ะต้องรบั เอนไซม์เสรมิ จากภายนอกเพม่ิ เพอื่ ชว่ ยใหร้ า่ งกายไดร้ บั เอนไซมเ์ พยี งพอในการยอ่ ยอาหาร สรา้ งเสรมิ เนอ้ื เยื่อและช่วยในการทำ�งานของระบบเผาผลาญอาหารในร่างกาย การจ�ำ แนกเอนไซม์ เอนไซม์สามารถแบง่ ออกเปน็ ๓ กลมุ่ คือ ๑. เอนไซม์ที่ทำ�หน้าท่ีย่อยสลายสารอาหาร (Digestive Enzyme) เปน็ เอนไซมท์ ี่ผลิตโดยรา่ งกาย จะถูกหลั่งออกมาจากต่อม น�ำ้ ลาย กระเพาะอาหาร ตบั ออ่ นและล�ำ ไส้เลก็ โดยชว่ ยย่อยอาหารท่ี เราทานเขา้ ไปใหม้ ขี นาดเลก็ ลง เพอ่ื ใหส้ ารอาหารถกู ดดู ซมึ เขา้ สรู่ า่ งกาย ทำ�ให้ร่างกายได้รับสารอาหาร (Nutrient) ท่มี คี ณุ ค่า เอนไซมห์ ลักท่ีทำ�หนา้ ทช่ี ่วยย่อยอาหาร แบง่ ออกเป็น ๔ ชนิดหลกั คอื ๑.๑ เอนไซมอ์ ะไมเลส ทำ�หนา้ ที่ ยอ่ ยอาหารประเภทแปง้ และคารโ์ บ ไฮเดรท เช่น ข้าว ขนมปัง หากการย่อยไม่ดีจะทำ�ให้เกิดแก๊สและ อาการไม่สบายท้องเหมือนมีการหมักแป้งอยใู่ นท้อง ๑.๒ เอนไซม์โปรตีเอส ท�ำ หน้าท่ี ย่อยอาหารโปรตีน เช่น เนอื้ สตั ว์ ตา่ ง ๆ ถ่วั หากการย่อยไม่ดี โปรตีนกจ็ ะเนา่ ท้องอดื ท้องเฟอ้ เป็น พิษต่อร่างกาย ๑.๓ เอนไซม์ไลเปส ทำ�หน้าที่ ยอ่ ยสลายไขมนั และช่วยรักษาสมดุล กรดไขมนั ในรา่ งกาย หากการยอ่ ยไมด่ ี ไขมนั ทไ่ี มถ่ กู ยอ่ ยจะท�ำ ใหเ้ หมน็ ๑๙๗กาลครง้ั หนงึ่ ...เมอื่ ฉันหดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๑๙๘ กาลครง้ั หน่ึง...เมอื่ ฉันหัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk. หนื และปรมิ าณโคเลสเตอรอลเสียสมดลุ ๑.๔ เอนไซมเ์ ซลลูเลส ท�ำ หน้าที่ ยอ่ ยสลายเซลลโู ลส (ไฟเบอร์ทพี่ บ ในผักต่าง ๆ ) โดยปกติแลว้ ร่างกายไมส่ ามารถผลติ เอนไซม์เซลลเู ลส ไดเ้ อง ๒. เอนไซม์ที่ทำ�หน้าท่ีเก่ียวกับการเผาผลาญอาหาร (Metabolic Enzyme) เปน็ เอนไซม์ทผ่ี ลติ ในเซลล์และเนอ้ื เยื่อตา่ ง ๆ ในร่างกาย ทำ�หนา้ ทีเ่ รง่ ปฏกิ ิริยาเคมีภายในเซลล์ เพ่ือการเผาผลาญ สารอาหารและสร้างพลังงาน สร้างภูมิต้านทาน สร้างความเจริญ เตบิ โตตลอดจนซ่อมแซมส่วนท่สี กึ หรอของอวยั วะต่าง ๆ ๓. เอนไซมท์ ่ีมีอย่ใู นอาหาร (Food Enzyme) มอี ยใู่ น ผกั ผลไมส้ ด แต่เม่ือนำ�อาหารไปปรงุ สุกแล้ว จะท�ำ ใหส้ ญู เสยี สภาพ ธรรมชาติของเอนไซม์
ประโยชนข์ องเอนไซม์ ๑. ช่วยปรับความเป็นกรด - ดา่ งในร่างกาย ๒. ทำ�ใหร้ ะบบการย่อย การดูดซึมสารอาหารดีข้นึ ๓. ชว่ ยใหร้ ะบบการขบั ถา่ ยดขี น้ึ ของเสยี จากกระบวนการยอ่ ย ถูกก�ำ จดั ออกจากรา่ งกาย ๔. ช่วยเพมิ่ ประสิทธภิ าพในการท�ำ งานของเซลล์ ๕. สลายสารพษิ และสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ใหก้ บั รา่ งกาย ชว่ ยบรรเทา อาการของโรคภมู แิ พ้ โดยชว่ ยการท�ำ งานของเซลลเ์ มด็ เลอื ดขาวจ�ำ พวก T-cells ๖. ชว่ ยตอ่ ตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ ยบั ยงั้ การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าออกซเิ ดชนั่ ๗. ชว่ ยปรบั สมดุลสขุ ภาพให้กลบั คืนส่สู ภาพปกติ ๘. ช่วยรักษาระบบการเผาผลาญพลังงานในร่างกายให้มี ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ เช่น สลายไขมนั แจกจา่ ยพลงั งานไปยังเซลล์ท่ี ตอ้ งการ ๙. ชว่ ยลดระดับ Cholesterol ในเลือด ๑๐. ช่วยขัดขวางการทำ�งานของเซลล์มะเร็ง โดยเอนไซม์ สามารถช่วยกำ�จัดความสามารถของเซลล์มะเร็ง ในการเข้าไปจับตัว อวัยวะหรือเนอ้ื เยือ่ ปกติ ๑๙๙กาลครงั้ หนึ่ง...เมอ่ื ฉนั หดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk.
อาหารเพอ่ื สขุ ภาพ อาหารเปน็ ยา ร่างกายของคนเราต้องการพลังงานในการดำ�รงชีวิต ประจ�ำ วนั ซ่ึงเราควรท่จี ะรับประทานอาหารใหค้ รบ ๕ หมู่ บริโภค อาหารทีห่ ลากหลาย ถกู สขุ ลกั ษณะ เพื่อใหไ้ ดร้ บั สารอาหารที่เพียงพอ และมสี มดลุ ชว่ ยใหร้ า่ งกายไดร้ บั สารอาหารทท่ี ำ�ใหร้ ะบบภมู คิ มุ้ กนั แขง็ แรง จนมคี �ำ กลา่ วทว่ี า่ “อาหารเป็นยา” โดยเราสามารถใช้อาหารเพื่อ ชว่ ยบ�ำ บดั โรคตา่ ง ๆ ได้ ซง่ึ จากการวจิ ยั พบวา่ มยี อดอาหารธรรมชาติ ท่ชี ว่ ยรักษาสุขภาพและมีประโยชนต์ อ่ ร่างกาย ดังนี้ ๑. กระเทยี ม - ชว่ ยลดระดับ Cholesterol - ชว่ ยปอ้ งกันการแข็งตัวและการอดุ ตนั ของหลอดเลอื ด - มีสารอาหารช่วยต้านอนมุ ูลอสิ ระ ชว่ ยป้องกนั มะเร็ง ล�ำ ไสใ้ หญแ่ ละมะเรง็ เตา้ นม ขนาดรับประทาน : รบั ประทานวนั ละ ๑ กลบี ตอ่ วัน สามารถชว่ ยป้องกนั โรคหวั ใจ ๒๐๑กาลคร้งั หนง่ึ ...เม่อื ฉันหัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๒๐๒ กาลครั้งหน่ึง...เมื่อฉนั หดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk. ๒. ถัว่ แดง - มสี ว่ นประกอบของเสน้ ใยอาหารสูง - ชว่ ยลดระดับ Cholesterol - ปอ้ งกนั การเกดิ ภาวะเสน้ เลอื ดในสมองแตก และมะเรง็ ล�ำ ไส้ใหญ่ - ช่วยบำ�รุงโลหิต ป้องกันความผิดปกติของทารกใน ครรภ์ - ปอ้ งกนั การเกิดโรคหัวใจ ขนาดรบั ประทาน : ๑ ถว้ ยต่อวัน ๓. นมพร่องมนั เนย - เปน็ แหลง่ ของแคลเซียม ปอ้ งกนั ภาวะกระดูกพรุน - ชว่ ยลดความดันโลหติ ขนาดรับประทาน : คนวยั หนมุ่ สาวตอ้ งการแคลเซยี ม วนั ละ ๑,๐๐๐ mg. คนวยั สงู อายตุ อ้ งการแคลเซยี มวนั ละ ๑,๕๐๐ mg. ๔. ส้ม - มปี รมิ าณวติ ามนิ ซสี ูง ปอ้ งกันโรคหวัด - ชว่ ยลดระดับ Cholesterol - ชว่ ยในการสร้างกระดกู ปอ้ งกันโรคน่วิ ในไต - มีเสน้ ใยอาหารสงู ปอ้ งกันโรคมะเรง็ ล�ำ ไส้ใหญ่ ขนาดรบั ประทาน : ๑-๒ ผลตอ่ วนั
๕. ปลาแซลมอน - มปี ริมาณนำ�้ มันปลา (Omega - ๓) สงู ชว่ ยปอ้ งกนั โรคหวั ใจ - ช่วยควบคมุ อาการไขขอ้ อักเสบ - ช่วยลดอาการปวดก่อนมีประจ�ำ เดือน ขนาดรบั ประทาน : ๓ ออนซ์ตอ่ สัปดาห์ ๖. เต้าหู้ - ช่วยลดระดบั Cholesterol - ปอ้ งกันกระดูกพรนุ ช่วยท�ำ ใหไ้ ตท�ำ งานได้ดี - ป้องกันมะเร็งเต้านม ขนาดรับประทาน : ๑/๒ ถ้วยตอ่ วนั ๗. ซอสมะเขอื เทศ - ช่วยป้องกันมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหาร มะเรง็ กระเพาะอาหาร - มีสาร Lycopene ช่วยกำ�จดั อนุมลู อิสระในรา่ งกาย ขนาดรับประทาน : ตามใจชอบเปน็ ประจำ�ทุกวัน ๘. น�้ำ ร่างกายของคนเรามีนำ�้ เปน็ ส่วนประกอบถึง ๗๕% ของ นำ้�หนกั ตวั เราจงึ ต้องดมื่ นำ�้ ให้เพยี งพอ อย่างนอ้ ยวนั ละ ๘ แก้ว การ ดื่มนำ้�อย่างเพียงพอจะช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดี หัวใจท�ำ งาน ปกติ ช่วยปอ้ งกันอาการอ่อนเพลยี รักษาระดับอุณหภมู ิของรา่ งกาย ๒๐๓กาลครง้ั หนงึ่ ...เมอ่ื ฉนั หัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๒๐๔ กาลคร้งั หน่งึ ...เม่อื ฉนั หัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk. ป้องกันการเกิดน่ิว ช่วยให้การขับถ่ายของเสียท�ำ งานได้ดี ช่วยให้ผิว พรรณเปลง่ ปลง่ั สดใส เป็นตน้ ความเป็นกรดและดา่ งของอาหาร ในรา่ งกายเราจะมกี ารสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั จากความสมดลุ ใน ร่างกายจากฮอร์โมน ฮอรโ์ มนอะดรนี าลนิ (ฮอรโ์ มนแห่งความทกุ ข์) คอื ฮอรโ์ มนทรี่ า่ งกายผลติ ออกมาเวลาเกดิ อารมณต์ งึ เครยี ด โกรธ เกลยี ด หรอื สภาวะอารมณ์ท่ีทำ�ให้รา่ งกายเราเปน็ “กรด” ฮอร์โมนเมลาโทนนิ คอื ฮอรโ์ มนที่ช่วยใหร้ า่ งกายจดั ระบบการพกั การฟ้นื ฟู การขับของเสียทิ้งหรอื สภาวะอารมณ์ท่ีท�ำ ให้ ร่างกายเราเปน็ “ด่าง” เมื่อใดที่ร่างกายมีระดับฮอร์โมนอะดรีนาลิน และ ฮอร์โมนเมลาโทนินในปริมาณสัดส่วนท่ีเท่ากันจะทำ�ให้ร่างกายหล่ัง ฮอรโ์ มนเอนโดรฟนิ (ฮอรโ์ มนแห่งความสุข) ออกมา ท�ำ ใหร้ ่างกาย เบาสบาย ปลอดโปรง่ สดชน่ื ร้สู กึ ดีขึน้ กรดมาก หมายความว่า มกี ลมุ่ กรดอะมิโนตกคา้ งอยู่ ซ่ึงเกิดจากการบรโิ ภคอาหารจากเนื้อสัตว์มาก และไม่ทานผัก ผลไม้ ดา่ งมาก หมายความวา่ มแี อมโมเนยี ตกคา้ งอยู่ ซง่ึ เกดิ จากการบริโภคอาหารประเภทผัก โดยเฉพาะอย่างย่ิงผักใบเขียว เปน็ ต้น ดังนั้น เราจึงควรปรับสภาพร่างกายให้สมดุล เป็น กลาง หรือ สภาวะทมี่ ีกรดออ่ น โดยอาหารทม่ี ฤี ทธเิ์ ป็นกลางและมี
กรดอ่อนแฝงอยู่ คอื ผักใบสเี ขียวทม่ี รี สมิน้ ท์ เช่น ใบโหระพา ใบ สะระแหน่ อาหารธรรมชาติท่ีมคี วามเป็นกรด สม้ ทกุ ประเภท กระถนิ ชะเอม ลกู เนยี ง คะนา้ แตงกวา ทเุ รยี น มะม่วง ล�ำ ไย ใบมะยม ใบชะมวง ใบลูกหว้า ใบยอ ผกั พื้น บา้ นทมี่ รี สเปรีย้ ว พรกิ มะแว้ง อาหารธรรมชาตทิ ่มี ีความเป็นดา่ ง ใบกะเพรา โหระพา ตะไคร้ ใบแมงลัก ผักกวางตุ้ง ผกั กาดเขยี วปลี ผักพ้นื บ้านท่ีมีรสฝาด ผักกดู ยอดฟักแมว้ ยอดฟกั ทอง ตำ�ลงึ มะเขือเปราะ มะเขอื ยาว สะระแหน่ ใบหม่อน อาหารธรรมชาติทม่ี คี วามเป็นกลาง ถ่วงสมดุลอารมณ์ น�ำ้ ผกั ปน่ั น�ำ้ โหระพาตม้ น�ำ้ นมธญั พชื น�ำ้ สม้ คน้ั น�ำ้ เสาวรส น�ำ้ มะนาว น�ำ้ ผลไมส้ ดทกุ ชนดิ ยกเวน้ น�ำ้ ผลไมส้ ดทม่ี สี ารกนั บดู ตกแตง่ สี กลน่ิ รสจากสารเคมี น�ำ้ สะอาดวนั ละ ๓,๐๐๐ – ๕,๐๐๐ cc. สลดั ผกั ผดั ผัก มะระผดั ซปุ หอมใหญ่ใส ซปุ ผกั ซปุ เหด็ มะเขือยาว ยำ�ฟองเต้าหู้ สลดั ใบแมงลกั เหด็ หยอง มะเขอื ยาว ๒๐๕กาลคร้ังหน่งึ ...เม่ือฉันหดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๒๐๖ กาลคร้ังหน่ึง...เมอื่ ฉนั หดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk. อาหารฟ้นื ฟแู ละอาหารตอ้ งห้าม สำ�หรบั ผปู้ ่วยทกุ ประเภท เอกสารอา้ งองิ : ชมรมบ้านสุขภาพ และสถาบันภูมปิ ญั ญาสากล จากการเกบ็ ขอ้ มลู ของผเู้ ขา้ รบั การบ�ำ บดั ณ ชมรมบา้ น สุขภาพน้นั ท�ำ ใหเ้ ราพบวา่ โรคทีค่ ุกคามคนไทยเป็นจ�ำ นวนมาก ก็คอื โรคทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั “ไต ตบั ล�ำ ไส้ และมะเรง็ ” ค�ำ ถามตา่ ง ๆ มากมาย ทมี่ กั จะถามเสมอวา่ ในเมอ่ื ขบวนการบ�ำ บดั ในแนวทางธรรมชาตบิ �ำ บดั นั้น งดใชย้ า และนำ�อาหารมาใชท้ ดแทน อาหารชนิดใดทจ่ี ะทานได้ และอาหารชนดิ ใดทเี่ ปน็ ของตอ้ งหา้ ม ดงั นน้ั ทางชมรมบา้ นสขุ ภาพจงึ ไดร้ วบรวมอาหารตอ้ งหา้ ม และอาหารฟนื้ ฟสู ขุ ภาพส�ำ หรบั ผปู้ ว่ ยทเ่ี ปน็ โรคไต ตับ ล�ำ ไส้ และมะเร็ง ดงั นี้ อาหารต้องหา้ มสำ�หรับผูป้ ่วยที่เป็นโรคไต ตบั ลำ�ไส้ มะเร็ง ของดอง ชะเอม ชะพลู ใบยอ ชงุ ฉ่าย ผักโขม สะเดา ไชเทา้ ขีเ้ หล็ก ใบขีเ้ หลก็ ใบขีเ้ หลก็ หวาน ใบมะมว่ งหิมพานต์ สะตอ ลูกเนียง กระถิน ชะอม หน่อไม้ คะน้า แตงกวา กะหล่ำ�ปลี กะหล�่ำ ดอก หัวปลี ใบกุยช่าย บล็อคโคล่ี มะละกอดบิ ฟักทอง งาด�ำ (รอ้ นท�ำ ใหท้ อ้ งอดื ) ขา้ วโพด (มไี ขมนั มาก มไี ขมนั ทย่ี อ่ ยไมห่ มด ท�ำ ให้ เลอื ดขน้ ) ถั่วลสิ ง เมล็ดมะม่วงหมิ พานต์ แครอท อัลมอนด์ ถว่ั เน่า เต้าเจี้ยว ซีอิว๊ เกลือ กะปิ สาหร่ายทะเล กะทิ เผือก (มแี กส๊ มาก) ลูก กะ อาหารทะเลทุกชนิด น้ำ�ตาลกรวด มะม่วง ฝร่ัง (ทำ�ให้ปวด) มะพรา้ วอ่อน ทเุ รียน ละมุด ล�ำ ไย ขนุน แตงโม นมขน้ สัปปะรด ครีมเทียม แปง้ สาคู แป้งเปยี ก ข้าวเหนียว นำ้�ตาลทราย ขนมจนี
อาหารขดั ผวิ กว๋ ยเตี๋ยว แกงป่า แกงสม้ แกงออ่ ม หัวและใบของมนั สำ�ปะหลัง (มีไซยานิคแอซิด) ผักกระโดน กุ้งแห้ง ส้มต�ำ ทอฟฟี่ ไอศกรมี เนย ชสี ขนมเค้ก คุกกี้ เน้ือหมู เนื้อวัว เป็ด ไก่ กงุ้ หอย ปู ปลาหมกึ เครอื่ งในสตั ว์ทกุ ชนิด อาหารกระปอ๋ ง น้ำ�อัดลม ชา กาแฟ เครื่องดื่มชกู �ำ ลัง ซุปไกส่ กดั รังนกบรรจขุ วด อาหารฟื้นฟู ไต ตับ ลำ�ไส้ มะเรง็ ลูกเกด (โรคมะเร็งควรงด) ขนมปงั โฮลวที (ไม่ใชผ้ งฟู) ผกั บงุ้ มะระ (กนิ สดใชน้ �ำ้ สม้ สายชหู รอื เอนไซมล์ า้ ง) บวบ ( สามอยา่ ง นึ่งโรยด้วยพรกิ ไทย) ลกู เดอื ยข้าวเจ้า (ดดู ซมึ เร็ว) ผกั หวาน ผักกาด ขาว ผกั กาดเขยี ว ต�ำ ลงึ กวางตงุ้ ฟกั เขียว หน่อไม้ฝรง่ั ใบมะขาม ออ่ น ดอกมะขามออ่ น กระเทยี ม หอมใหญ่ เต้าหู้ขาว ต้นกระเทียม ยอดฟักทอง ดอกไมจ้ นี โปรตนี เกษตร วุ้นเสน้ ฟองเตา้ หู้ ดอกแค ยอดแค เห็ดทุกชนิด เห็ดหูหนูขาว-ดำ� อ่อมแซบ ยอดมะยม ใบ ทองหลาง มะตูมสุก มะขวิด มันเทศ เก๋าก้ี เก็กฮวย ยอดผักบุ้ง กระเจี๊ยบเขียว (ใช้ย่าง แก้โรคพยาธิ) ลูกพลับสด (ให้พลังงาน) พุทราจีน เม็ดบวั ถ่ัวดำ� เมล็ดทานตะวนั ใบกระทกรก (ท�ำ ซุปผักได้ ดีสำ�หรับคนเป็นหวัด) ถั่วพร้า (สร้างภูมิคุ้มกัน) มะเขือพวง ระกำ� อี่หรำ�่ อีชกึ (ลวก) ผกั พาย (กนิ สด) เกาลัด (สารดดู ซึมน้�ำ ตาลมไี ขมนั น้อย) รากบวั มันแกว กลว้ ยต้ม มงั คุด แอปเป้ิล (ให้พลงั งานสงู มาก) เมด็ ฝักบัวสด ( ๑ เม็ด = ข้าว ๑ ก�ำ มือ) ผักโสม ใบหมยุ่ องุ่น (ขบั ปสั สาวะปอ้ งกนั นว่ิ ในไต) น�ำ้ องนุ่ สดปน่ั (จะท�ำ ความสะอาดตบั -ไต กินประมาณ ๒ อาทิตย์) ใบบัวบกอินเดีย มะแว้งต้น ผักคาวตอง (มแี คลเซียมมาก) ใบมนั ปู ๒๐๗กาลคร้ังหนง่ึ ...เมอื่ ฉนั หดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๒๐๘ กาลครัง้ หน่ึง...เม่อื ฉันหดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk. มาท�ำ ความร้จู กั กับนำ�้ ผักป่นั กันเถอะ ในน�ำ้ ผกั เปน็ กรดออ่ น ๆ ทม่ี ี คลอโรฟลิ ล์ ( Chlorophyll สารสีเขียวในพืช) มีวิตามินเอ วิตามินซี ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ซ่ึงเม่ือทานเข้าไปจะเกิดการแลกเปลี่ยน การใช้สารอาหารไดส้ ูงสดุ ณ จุดที่ร่างกายสามารถนำ�ของเสยี ท้งิ ได้ ท้ังหมด และทำ�ให้ร่างกายสร้างพลังงานในแต่ละเซลล์ได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ การดื่มน้�ำ ผักปั่นเปน็ การเตมิ สารอาหารประเภทวิตามิน เกลอื แรท่ จี่ �ำ เปน็ ใหแ้ กร่ า่ งกาย สง่ ผลใหเ้ กดิ การสรา้ งเซลลใ์ หมท่ ดแทน เซลล์เก่าท่ีตายในแต่ละวันได้เต็มท่ี ดังนั้น ร่างกายจะได้พลังงานมา สนบั สนุนให้อวัยวะตา่ ง ๆ ท�ำ งานไดม้ ากกวา่ เดมิ น้ำ�ผักปัน่ สูตรบ้านสขุ ภาพเปน็ นำ้�ผลไม้ ผักสด ซ่ึงชว่ ย ลา้ งของเสยี ตลอดจนสารพษิ ตา่ ง ๆ ทสี่ ะสมอยใู่ นรา่ งกายอยา่ งรวดเรว็ ท�ำ ใหล้ ดอาการปวดต่าง ๆ ท่ีเกิดจากอาการท้องเสยี หรือมขี องเสีย ตกคา้ งอยใู่ นระบบเลอื ดมากจนท�ำ ใหป้ วดตามกลา้ มเนอ้ื อาการปวดดงั กลา่ วจะลดลง นอกจากนน้ั ยงั ชว่ ยลดอาการปวดศรี ษะ ลดไข้ ลดความ ออ่ นเพลีย ลดอาการนอนหลับยาก ลดอาการนอนกรน ซึ่งอาการท่ดี ี ขึน้ นั้นคอื ขบวนการทีร่ า่ งกายชะล้างของเสียออกไดด้ ีขึน้ พร้อมท้งั ฟ้ืนฟูเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าที่ตาย ซึ่งการด่ืมน้ำ�ผักก่อนรับ ประทานอาหารจะเปน็ การเตรยี มรา่ งกายใหย้ อ่ ยสารอาหารทเ่ี รากนิ ลง ไปไดด้ กี วา่ เดมิ กลา่ วคอื เกดิ สภาวะดกี บั รา่ งกายทง้ั ระบบ ซง่ึ น�ำ้ ผกั ป่ัน จะท�ำ หนา้ ทีส่ �ำ คัญ ๒ อยา่ งในเวลาเดยี วกนั ดังนี้ ๑. ให้สารอาหารท่ีจำ�เป็นต่อร่างกาย เพื่อนำ�ไปฟื้นฟูตับ และตบั ออ่ น ๒. กระตนุ้ ใหร้ า่ งกายพรอ้ มในการยอ่ ยไขมนั ทเ่ี หลอื คา้ งอยู่
เปล่ียนรูปไปเป็นพลังงาน ท�ำ ให้ร่างกายเตรียมพร้อมที่จะย่อยสาร อาหารทร่ี บั ประทานเขา้ ไปในมอ้ื ต่อไป ส่วนประกอบและประโยชน์ของน�้ำ ผัก นำ�้ ผกั ปน่ั มีสารอาหาร แรธ่ าตุและวิตามนิ ทชี่ ว่ ยฟ้นื ฟู การท�ำ งานของอวยั วะทกุ สว่ นในรา่ งกาย โดยชว่ ยการท�ำ งาน ๕ ระบบ ในร่างกาย คือ ระบบดูดซมึ ระบบทางเดินหายใจ ระบบหมุนเวียน โลหติ ระบบภมู ิคุม้ กนั และระบบต่อมไร้ทอ่ โดยมีส่วนประกอบ ดังนี้ ผกั กาดหอม ชว่ ยฟนื้ ฟเู ซลลโ์ ดยเฉพาะระบบประสาทและเซลลใ์ นปอด ช่วยบำ�รุงกลา้ มเน้ือ กระดูก เส้นเอน็ ช่วยบำ�บดั โรคโลหติ จาง คนื่ ฉา่ ย ชว่ ยฟนื้ ฟรู ะบบประสาทและฟนื้ ฟกู ารสรา้ งเซลลเ์ มด็ เลอื ด ชว่ ยชะลา้ งของเสยี ในระบบเลอื ด ชว่ ยใหร้ า่ งกายมคี วามสามารถในการ ใช้แคลเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดอาการเจ็บปวดของระบบ ข้อเส่ือมต่าง ๆ มะเขอื เทศ ช่วยทำ�ให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรง ผิวพรรณดี เพิ่มภูมิ ตา้ นทานของร่างกาย มสี ารชว่ ยย่อยอาหาร ท�ำ ให้เย่อื บุกระเพาะและ ล�ำ ไสท้ ำ�งานเปน็ ปกติ หอมหัวใหญ่ ชว่ ยทำ�ใหห้ ัวใจแข็งแรง มะนาว ชว่ ยฟืน้ ฟรู ะบบภมู คิ มุ้ กัน ๒๐๙กาลครัง้ หนง่ึ ...เมอ่ื ฉันหัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๒๑๐ กาลคร้ังหนงึ่ ...เมื่อฉนั หัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk. เสาวรส ชว่ ยฟน้ื ฟรู ะบบภมู คิ มุ้ กนั ในเมลด็ มสี ารอาหารชว่ ยบ�ำ รงุ สมอง น้�ำ ผ้งึ ใหพ้ ลงั งานสำ�รองกับม้ามและฮอร์โมน พชื ผกั ท่ีสามารถทดแทนหรือเพิ่มเตมิ กล้วยน�้ำ ว้าสุก เปน็ ผลไมท้ ใ่ี หว้ ติ ามนิ ซสี งู เมอื่ ตอ้ งการเพม่ิ ความหวาน สามารถใช้กล้วยน�ำ้ ว้าสุกแทนน�้ำ ผงึ้ ได้ แอปเป้ลิ แดง ให้วิตามนิ เอ ซี แคลเซยี มและฟอสฟอรัส ผกั กาดขาว หากผกั กาดหอมหมด ผักกาดขาวเป็นอกี ทางเลือกหน่ึง ที่ให้แคลเซียมและไฟเบอร์ ช่วยทำ�ใหร้ ะบบขับถา่ ยดีขึ้น ใบสะระแหน่ ชว่ ยขับลมในล�ำ ไสแ้ ละบำ�รงุ ปลายประสาท ใบโหระพา ช่วยขับลมในล�ำ ไส้ บ�ำ รุงปลายประสาท ลดความเป็น กรดในกระแสโลหติ ลดอาการไข้ แก้ปวดหัว ผลไม้ทใ่ี ห้รสเปรย้ี ว ตะลงิ ปลงิ มะดัน มะนาว ส้ม สม้ โอ เสาวรส
อาหารสะอาดปลอดภัยดว้ ยน�ำ้ เอนไซม์ นำ้�เอนไซม์สำ�หรับคน คือสารที่เกิดจากขบวนการแตกตัว ของสารอาหารดว้ ยขบวนการ Ionic Discharge ซง่ึ เปน็ การไดร้ บั สาร อาหารในรูปของออิ อนบวกและลบ ทำ�ใหเ้ กิดการสลายอนมุ ลู อสิ ระใน ร่างกายให้เกิดเป็นอนุมูลธาตุ ช่วยให้ระบบเซลล์และระบบเคมีใน รา่ งกาย เกดิ สภาวะสมดลุ และเกดิ การซอ่ มแซมสว่ นทสี่ กึ หรอและเสอ่ื ม ไปไดอ้ ย่างรวดเรว็ เน่ืองจากอุดมไปดว้ ยโปรตนี วติ ามินและเกลือแร่ คือ วติ ามินบีรวม บ๑ี บ๒ี บี๑๒ นอกจากน้ี เม่ือร่างกายได้รับเอนไซม์ ซึ่งมีองค์ประกอบ รวม คอื กรดอะมโิ น วติ ามนิ แรธ่ าตุ ทจี่ ำ�เปน็ ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของ รา่ งกายจะท�ำ ใหร้ ่างกายสามารถทำ�งานไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ ดงั น้นั ระยะเวลาของการเกบ็ หรือหมักผลไม้ + น้�ำ ผง้ึ + น�้ำ ตามสัดส่วน ๑:๑:๑๐ จะทำ�ให้เกดิ การแตกตัวของสารอาหาร อย่างรวดเร็ว จนเกิดประจุไฟฟ้าระดับ ๑,๐๐๐ ไมโครซีเมน และ ๒,๐๐๐ ไมโครซีเมน ซง่ึ โดยปกติของสารอาหารทั่วไปจะมปี ระจุไฟฟ้า ไมม่ ากกว่า ๘๐-๑๐๐ ไมโครซีเมน การขับเคลอ่ื นของเสียในร่างกาย จำ�เป็นต้องไดร้ บั สารอาหารทมี่ กี ารเหนยี่ วนำ�ของประจุไฟฟา้ สงู จงึ จะ เกดิ การสร้างสภาวะสมดุลของเคมใี นร่างกายได้ ๒๑๑กาลครัง้ หนงึ่ ...เมอ่ื ฉนั หัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๒๑๒ กาลครัง้ หน่งึ ...เมอ่ื ฉนั หดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk. นำ�้ เอนไซมส์ �ำ หรบั ใช้ลา้ งผัก ผลไมแ้ ละเนือ้ สัตว ์ คุณสมบตั ิ ใช้ล้างผักและผลไม้จากสารพิษตกค้าง ท�ำ ให้สดกรอบ ไรส้ ารพษิ สามารถเกบ็ ไดน้ าน ใชล้ า้ งเนือ้ หมู ววั เป็ด ไก่ หอย ปู ปลา ท�ำ ใหส้ ด เนอ้ื หวานนมุ่ วธิ ีล้างผกั เพ่ือก�ำ จดั สารพิษตกคา้ ง ส�ำ หรบั ผกั และผลไม้ ใชน้ �ำ้ เอนไซม์ ๑ ชอ้ นโตะ๊ /น�ำ้ ๑ ลติ ร แชผ่ กั ๑/๒ กโิ ลกรมั นาน ๑๕ นาที ส�ำ หรบั เนอ้ื สตั ว์ ใชน้ �ำ้ เอนไซม์ ๒ - ๔ ชอ้ นโตะ๊ /น�ำ้ ๑ ลติ ร แชเ่ นอ้ื สตั ว์ ๑/๒ กโิ ลกรมั นาน ๑/๒ ชว่ั โมง กรณพี ชื ผักและผลไม้มาก ควรใช้อ่างใบใหญแ่ ละแชผ่ กั ลงในอา่ งทผ่ี สมน�้ำ เอนไซมแ์ ล้ว น�้ำ เอนไซมพ์ อแตกตัวจะมีโอโซน เมือ่ น�ำ มาแช่ผักหรือเนื้อสตั ว์แลว้ โอโซนน้ันจะดดู ซึมเขา้ ส่เู ซลล์ เปลย่ี นรูป สารเคมีในผกั และเนื้อสัตว์ ท�ำ ให้ผกั และเนอ้ื สัตว์น้นั สดขึ้น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332