อยา่ งเตม็ ท่ี และขา้ พเจา้ ขอแถมของฝากดว้ ยการใหก้ �ำ ลงั ใจกบั ผเู้ ขา้ รว่ ม โครงการฯ ทกุ คน ตามระเบยี บของโครงการฯ ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ จะตอ้ งใช้ เวลาในการรกั ษาแบบธรรมะ ธรรมชาตติ ลอด ๑ เดอื นเตม็ ถงึ แมว้ า่ จะมบี างคนไมส่ ามารถอยรู่ ว่ มโครงการไดต้ ลอด ๑ เดอื น แตด่ ว้ ยความ เมตตาของพระอาจารย์ ทา่ นกไ็ ดอ้ นญุ าตใหเ้ ขา้ รว่ มในโครงการได้ และ หนง่ึ ในนน้ั ขา้ พเจา้ จ�ำ ไดว้ า่ เขาเพง่ิ จะทราบวา่ ตนเองมกี อ้ นทต่ี บั มา ๒-๓ เดอื นกอ่ น เขาบอกกับข้าพเจ้าว่า ตนเองได้พยายามศึกษาข้อมลู การ รกั ษาจาก รพ.หลายแหง่ จากแพทยห์ ลายทา่ น จนในทส่ี ดุ กต็ ดั สนิ ใจท่ี จะไมผ่ า่ ตดั ตามการรกั ษาดว้ ยวธิ ขี องแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั และขอมาทำ�การ รกั ษาโดยการใชว้ ธิ แี บบแพทยท์ างเลอื กแทน ดว้ ยความเชอ่ื มน่ั วา่ จะทำ�ให้ หายจากโรครา้ ยได้ และมผี รู้ ว่ มโครงการอกี หนง่ึ ราย เปน็ ผทู้ เ่ี สยี สละและมนี �ำ้ ใจ งามอยา่ งมาก คอื อยรู่ ว่ มในโครงการฯ ไดเ้ พยี ง ๒ วนั กจ็ �ำ เปน็ ตอ้ ง ออกจากโครงการฯ เนอ่ื งจากขณะนน้ั เขาอยรู่ ะหวา่ งการรกั ษาวณั โรค รว่ มดว้ ย และหากวา่ ตอ้ งมาใชช้ วี ติ ในโครงการฯ กนิ อยู่ พกั อาศยั รว่ ม กบั ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ คนอน่ื ๆ ยอ่ มมโี อกาสเสย่ี งตอ่ การทท่ี า่ นอน่ื จะ ไดร้ บั เชอ้ื วณั โรคเขา้ ไปดว้ ย เนอ่ื งจากโดยปกตแิ ลว้ ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ จะเปน็ กลมุ่ คนทม่ี ภี มู ติ า้ นทานของรา่ งกายต�่ำ มโี อกาสทจ่ี ะไดร้ บั เชอ้ื โรค แทรกซอ้ นไดง้ า่ ย ขา้ พเจา้ รสู้ กึ ชน่ื ชมในความซอ่ื สตั ยข์ องผเู้ ขา้ รว่ มโครง การฯ ทา่ นน้ี เพราะการตรวจรา่ งกายเพยี งภายนอกและตรวจเลอื ด ไมส่ ามารถบอกถงึ ผลการปว่ ยเปน็ วณั โรคได้ ประวตั กิ ารรกั ษาของผเู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ ทา่ นนก้ี อ็ ยทู่ โ่ี รงพยาบาลอน่ื มองในมมุ กลบั หากผเู้ ขา้ ร่วมโครงการฯ ท่านน้ีไม่บอกให้เราทราบหรือปิดบังเราไว้ในตอน ๒๗กาลครัง้ หน่ึง...เมื่อฉนั หัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๒๘ กาลครง้ั หน่งึ ...เม่ือฉันหดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk. ทท่ี �ำ การซกั ประวตั แิ ละตรวจรา่ งกาย ขา้ พเจา้ และทมี แพทยเ์ องกค็ งปลอ่ ย ใหเ้ ขาอยรู่ ว่ มกบั ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ รายอน่ื ๆ ซง่ึ ผลเสยี หายทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ยอ่ มมตี ามมาแนน่ อน ขา้ พเจา้ ไดร้ ว่ มประชมุ ความเหน็ ในทมี แพทย์ แลว้ มคี วามเหน็ ตรงกนั วา่ คงตอ้ งแยกผเู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ รายนอ้ี อก มากอ่ น และอธบิ ายใหเ้ ขาเขา้ ใจในเหตผุ ลทว่ี า่ เขาจะไมส่ ามารถอยู่ รว่ มกบั ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ รายอน่ื ๆ ได้ ซง่ึ เขากเ็ ขา้ ใจ และยอมรบั และขอลาพระอาจารยก์ ลบั บา้ น ขา้ พเจา้ ทราบขา่ วจากพระอาจารยว์ า่ ถึงแม้เขาจะไม่มีโอกาสได้อย่รู ่วมในโครงการฯ แต่ก็ยังมีโอกาสมาฝึก ปฏบิ ตั ทิ ส่ี �ำ นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมสวนเวฬวุ นั บอ่ ยครง้ั อยแู่ ลว้ นก่ี เ็ ปน็ ตวั อยา่ ง ทด่ี แี ละนา่ ชน่ื ชม รวมถงึ เปน็ ความประทบั ใจอกี ตวั อยา่ งหนง่ึ ทข่ี า้ พเจา้ ไดเ้ หน็ ในโครงการน้ี ส�ำ หรบั ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการรายอน่ื ๆ ทข่ี า้ พเจา้ ไดซ้ กั ประวตั ิ และตรวจรา่ งกายนน้ั ขา้ พเจา้ ไดร้ บั รถู้ งึ ความเชอ่ื มน่ั ความศรทั ธาท่ี มตี อ่ โครงการฯ และก�ำ ลงั ใจของทกุ ๆคน ซง่ึ ถอื เปน็ สง่ิ ส�ำ คญั มากของ การรกั ษาในรายทม่ี อี าการเรอ้ื รงั เชน่ นด้ี งั ทก่ี ลา่ วมาแลว้ ในตอนตน้ ผู้ เขา้ รว่ มโครงการฯ อกี รายซง่ึ เปน็ มะเรง็ ระยะสดุ ทา้ ยและมอี าการปวด จากตวั โรคเองมาก ๆ แตไ่ มเ่ คยใชย้ ารกั ษาอาการปวดเลย เขาเคยมา ปฏบิ ตั ธิ รรมทส่ี �ำ นกั ฯ จงึ พอมพี น้ื ฐานดา้ นวปิ สั สนากรรมฐาน และบอก กับข้าพเจ้าว่าใช้เพียงการกำ�หนดรู้ โดยหากปวดบริเวณไหน ก็จะ ก�ำ หนดรทู้ บ่ี รเิ วณนน้ั แลว้ แยกอาการปวดออกเฉพาะกาย ไมเ่ อาใจ เขา้ ไปจดจอ่ กบั อาการปวดทเ่ี ปน็ อยู่ ท�ำ ใหอ้ ยกู่ บั อาการปวดนน้ั ได้ โดยไมท่ กุ ขท์ รมาน ซง่ึ ถอื วา่ เปน็ ตวั อยา่ งของผปู้ ว่ ยทม่ี คี วามกลา้ หาญ และความอดทนสงู มาก ขา้ พเจา้ เองกจ็ ะน�ำ ประสบการณแ์ ละความรทู้ ไ่ี ด้ รับจากผ้เู ข้าร่วมโครงการฯรายน้ี ไปประยุกต์ใช้ในการดูแลผ้ปู ่วยราย
อน่ื ๆ ของโรงพยาบาลตอ่ ไป เพอ่ื ใหผ้ ปู้ ว่ ยมจี ติ ใจทเ่ี ขม้ แขง็ และไมพ่ ง่ึ ยาแกป้ วดเพยี งอยา่ งเดยี ว เพราะคณุ สมบตั ขิ องยาแกป้ วดคอื จะท�ำ หนา้ ทใ่ี นการกดสมองสว่ นทส่ี มั พนั ธก์ บั ความรสู้ กึ ปวด หากหมดฤทธ์ิ ของยาแลว้ อาการปวดกจ็ ะกลบั คนื มาดง่ั เดมิ ซง่ึ เปน็ การรกั ษาทไ่ี ม่ ยง่ั ยนื แตห่ ากวา่ ผปู้ ว่ ยก�ำ หนดรคู้ วามปวดและแยกความปวดออกมา ได้ ไมจ่ ดจอ่ ไปทค่ี วามปวด กค็ งเปน็ การบรรเทาทย่ี ง่ั ยนื มากกวา่ และ พง่ึ ยาแบบแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั หรอื ทเ่ี ราชอบเรยี กกนั วา่ “ยาฝรง่ั \" ให้ นอ้ ยลง นก่ี เ็ ปน็ อกี หนง่ึ ความมหศั จรรยท์ ข่ี า้ พเจา้ คน้ พบในโครงการฯ ในระหว่างโครงการฯ ข้าพเจ้ามีโอกาสได้เข้าไปปฏิบัติ กรรมฐานรว่ มกบั ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ แตอ่ าจไมเ่ ครง่ ครดั เรอ่ื งชว่ั โมง ในการปฏบิ ตั เิ ทา่ กบั ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ เนอ่ื งจากขา้ พเจา้ เปน็ มอื ใหม่ หัดปฏิบัติ แต่จากการปฏิบัติธรรมในคร้ังน้ัน ข้าพเจ้าถือว่าเป็น ประสบการณท์ ด่ี ที ส่ี ดุ และเปน็ ความดงี ามทข่ี า้ พเจา้ ไดก้ ระท�ำ เพอ่ื ตวั เอง ขา้ พเจา้ รสู้ กึ สงบ รสู้ กึ เบาสบายทง้ั กายและใจ รสู้ กึ ดมี าก ๆ ทไ่ี ดม้ ี โอกาสมาสรา้ งบญุ กศุ ลอนั ยง่ิ ใหญ่ (ทเ่ี รยี กวา่ “มหากศุ ล”) ใหก้ บั ตวั เอง ในครง้ั น้ี และยงั ตอ้ งตอ่ สกู้ บั ตนเองเมอ่ื ทกุ ขเวทนามาถงึ ขา้ พเจา้ คดิ วา่ เมอ่ื เรามคี วามตง้ั ใจจรงิ มสี จั จะกบั ตนเอง เรากจ็ ะสามารถผา่ นพน้ สภาวธรรมทเ่ี ปน็ ทกุ ขเวทนาไปได้ นอกจากการเปน็ ทมี แพทยใ์ นโครงการฯ แลว้ ขา้ พเจา้ ยงั มี โอกาสไดร้ บั ประทานอาหารแนวธรรมชาตบิ �ำ บดั เชน่ เดยี วกบั ของผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ ในฐานะแพทย์ข้าพเจ้ารับประกันได้เลยว่าอาหารทุก รายการมสี ารอาหารครบถว้ น สะอาด ปลอดภยั และรสชาตอิ รอ่ ย ไม่ แพอ้ าหารทม่ี เี นอ้ื สตั วเ์ ปน็ สว่ นประกอบ เวลาทพ่ี พ่ี ยาบาลไปดแู ล และ เยย่ี มผปู้ ว่ ยในโครงการฯ พระอาจารยว์ โิ รจนท์ า่ นกเ็ มตตา ใหพ้ เ่ี ลย้ี งใน ๒๙กาลครั้งหนง่ึ ...เม่ือฉนั หดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๓๐ กาลครง้ั หนึง่ ...เมือ่ ฉนั หัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk. โครงการฯ หอ่ อาหารแนวธรรมชาตบิ �ำ บดั มาใหท้ มี แพทยแ์ ละพยาบาล ไดร้ บั ประทานกนั ทโ่ี รงพยาบาลอยเู่ ปน็ ประจ�ำ แล้ววันเวลาก็ผ่านไป (อย่างรวดเร็ว) จนมาถึงวันปิด โครงการ ซง่ึ จะตอ้ งมกี ารเจาะเลอื ดและตรวจรา่ งกายอกี เปน็ ครง้ั ท่ี ๒ สง่ิ ทข่ี า้ พเจา้ สมั ผสั ไดค้ อื ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ ทกุ คนมสี หี นา้ และแววตา ทส่ี ดใส สดชน่ื มคี วามหวงั และมคี วามสขุ ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ หลาย คนทข่ี า้ พเจา้ ไดต้ รวจรา่ งกายในครง้ั แรก ซง่ึ มสี หี นา้ ดซู บู ซดี กเ็ ปลย่ี นมา เปน็ แกม้ สชี มพรู ะเรอ่ื รมิ ฝปี ากมสี แี ดง ผปู้ ว่ ยคนทม่ี นี �้ำ หนกั ในครง้ั แรกมากกวา่ ปกติ กจ็ ะมนี ำ�้ หนกั ลดลง คลา้ ยกบั เปน็ การปรบั สมดลุ ใหเ้ ขา้ ใกลเ้ กณฑป์ กติ สว่ นผปู้ ว่ ยทม่ี นี ำ�้ หนกั ปกตอิ ยเู่ ดมิ กจ็ ะไมม่ กี าร เปลย่ี นแปลงดา้ นน้�ำ หนกั และเมอ่ื เปรยี บเทยี บผลการเจาะเลอื ดกอ่ น และหลงั เขา้ รว่ มโครงการฯ สว่ นใหญจ่ ะอยใู่ นเกณฑท์ ด่ี ขี น้ึ ยกเวน้ ใน รายทโ่ี รคของผเู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ มรี ะดบั ทร่ี นุ แรงอยเู่ ดมิ การปฏบิ ตั ิ และปรับเปล่ียนพฤติกรรมขณะอยู่ในโครงการฯ เพียงช่วงระยะเวลา ๑ เดือน อาจจะเห็นผลสัมฤทธ์ิท่ีไม่ชัดเจนนัก จากผลการตรวจ ร่างกายและผลการตรวจเลือดท้งั หมดน้ี สามารถสรุปได้ว่า การ ปฏิบัติตัวของผ้เู ข้าร่วมโครงการด้วยวิธีการรักษาแบบธรรมะ และ ธรรมชาตบิ �ำ บดั นน้ั มปี ระโยชนแ์ ละสามารถเพม่ิ จ�ำ นวนเซลลเ์ มด็ เลอื ด ขาว ซง่ึ เปน็ ภมู คิ มุ้ กนั ใหแ้ กผ่ เู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ ได้ และขา้ พเจา้ เชอ่ื วา่ จะเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ อยา่ งแนน่ อน หากผเู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ ได้ นำ�หลักและวิธีการท่ีได้รับจากโครงการฯ น้ี ไปใช้ในชีวิตประจำ�วัน ควบคไู่ ปกบั การรกั ษาดว้ ยวธิ ที างการแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั ซง่ึ กน็ า่ จะตรง กบั ทฤษฏที ข่ี า้ พเจา้ ไดก้ ลา่ วไวใ้ นตอนตน้
สดุ ทา้ ยนข้ี า้ พเจา้ ขอกราบนมสั การขอบพระคณุ พระอาจารย์ วโิ รจน์ พระอาจารยต์ น้ พระอาจารยเ์ ตแ้ ละพระอาจารยโ์ นต๊ ทม่ี เี มตตา ใหข้ า้ พเจา้ ไดม้ โี อกาสเขา้ มาเปน็ สว่ นรว่ มในการสรา้ งบญุ กศุ ลใหเ้ กดิ แกผ่ ู้ ปว่ ยในโครงการฯ รวมถงึ การมธี รรมะจดั สรร ใหข้ า้ พเจา้ ไดเ้ ขา้ มารว่ ม ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน เป็นการสร้างบุญกุศลให้เกิดแก่ตัวข้าพเจ้าเอง และขอขอบคณุ กลั ยาณมติ รทกุ ๆ ทา่ นทไ่ี ดใ้ หก้ ารชว่ ยเหลอื แนะนำ� ชกั ชวนตอ่ การสรา้ งมหากศุ ลในครง้ั น้ี ความในใจในโครงการ ผศ.ดร.สพุ ตั รา ปรศพุ ฒั นา คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ความในใจ...ครง้ั หนง่ึ ในชวี ติ เมอ่ื ไดร้ บั แจง้ จากพระอาจารยว์ โิ รจน์ ใหเ้ ขยี นความรสู้ กึ การ มสี ว่ นรว่ มในโครงการเรยี นรดู้ กู ายใจดว้ ยธรรมะ ธรรมชาติ เพอ่ื การ รวมเลม่ ตพี มิ พแ์ ลว้ กร็ สู้ กึ ปลาบปลม้ื ในความกรณุ าของทา่ น ทใ่ี หโ้ อกาส ในการบอกเลา่ ความในใจครง้ั น.้ี ..หนง่ึ ในชวี ติ ครง้ั แรกทไ่ี ดร้ บั ทราบถงึ การมโี ครงการน้ี เมอ่ื คราวเขา้ รว่ ม ปฏบิ ตั ธิ รรมทส่ี �ำ นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมสวนเวฬวุ นั กร็ ทู้ นั ทวี า่ เปน็ โครงการทด่ี ี มาก ความคดิ แรกจรงิ ๆ คอื พระอาจารยว์ โิ รจน์ “กลา้ หาญมาก” เพราะในฐานะทเ่ี ปน็ นกั วจิ ยั ทางการแพทยค์ นหนง่ึ บอกไดเ้ ลยวา่ การท�ำ โครงการเชน่ น้ี “ยากมาก” ตอ้ งมกี ารเตรยี มความพรอ้ มอยา่ งมากมาย ๓๑กาลครัง้ หน่ึง...เมอ่ื ฉนั หัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๓๒ กาลครงั้ หน่งึ ...เมอ่ื ฉนั หดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk. รวมไปถึงการดูแลผ้เู ข้าร่วมโครงการตลอดระยะเวลาถึงหน่งึ เดือนเต็ม แตค่ วามสนใจ ณ ขณะนน้ั อยทู่ ่ี ความตอ้ งการใหเ้ พอ่ื นคนหนง่ึ ซง่ึ ก�ำ ลงั ปว่ ยในระยะสดุ ทา้ ย ไดม้ โี อกาสเขา้ รว่ มโครงการดว้ ย จงึ ไดเ้ รยี นถาม เพม่ิ เตมิ ถงึ รายละเอยี ดและยง่ิ ท�ำ ใหร้ วู้ า่ ผปู้ ว่ ยทา่ นใดกต็ ามทไ่ี ดม้ โี อกาส เข้าร่วมโครงการน้ีจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล แต่เป็นท่ีน่า เสยี ดายทเ่ี พอ่ื นไมไ่ ดม้ โี อกาสนน้ั “กบ” เสยี ชวี ติ เพยี งชว่ั โมงเดยี ว หลงั จากทโ่ี ทรศพั ทเ์ ลา่ ใหฟ้ งั และชวนมาเขา้ รว่ มโครงการ ความเสยี ใจตรง น้ันเป็นอีกเหตุผลหน่ึง ท่ีได้เข้าไปกราบเรียนท่านในภายหลังว่า ขอ โอกาสในการเขา้ มาชว่ ยในโครงการน้ี หากวา่ กศุ ลใด ๆ จะเกดิ ขน้ึ ใน การทมุ่ เทแรงกายและแรงใจเพอ่ื ชว่ ยผปู้ ว่ ยคนอน่ื บา้ งกข็ ออทุ ศิ ให้ “กบ” ตอ่ ไป ทา่ นกใ็ หค้ วามกรณุ า จงึ เรยี นทา่ นวา่ ยงั ตอ้ งท�ำ งานประจ�ำ และ จะมาชว่ ยได้ คอื เวลาหลงั เลกิ งานและวนั เสาร-์ อาทติ ย์ กอ่ นเรม่ิ โครงการจรงิ ไมก่ ว่ี นั ไดก้ ราบเรยี นถามพระอาจารย์ วโิ รจน์ ถงึ เรอ่ื งอาหารส�ำ หรบั ผทู้ จ่ี ะเขา้ รว่ มและเกดิ แนวคดิ ของการจดั หา ผักปลอดสารพิษเพ่ือการประกอบอาหาร และในท่ีสุดก็ได้รับการ สนบั สนนุ จากแผนงานผกั ปลอดภยั จากสารพษิ จงั หวดั ขอนแกน่ ณ เวลา นน้ั รสู้ กึ ดใี จมาก ทไ่ี ดท้ �ำ อะไรทเ่ี ปน็ การตอบแทนส�ำ นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมสวน เวฬวุ นั และตอบแทนคณุ ครบู าอาจารย์ ในชว่ งเรม่ิ ตน้ ของโครงการ กไ็ ดเ้ หน็ ความเสยี สละของผคู้ น มากมายทม่ี าจากตา่ งทต่ี า่ งถน่ิ กนั ทม่ี าชว่ ยงานดว้ ยความรสู้ กึ เดยี วกนั คอื การชว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื รสู้ กึ อม่ิ เอมใจทใ่ี นขณะทส่ี งั คมไทยปจั จบุ นั เตม็ ไปดว้ ยสภาพวตั ถนุ ยิ ม สภาพการแขง่ ขนั เอารดั เอาเปรยี บกนั ยงั มอี กี กลมุ่ คนหนง่ึ ทย่ี นื หยดั อยไู่ ดด้ ว้ ยแนวคดิ ของความเสยี สละและทำ�เพอ่ื คน อน่ื โดยไมห่ วงั สง่ิ ตอบแทน พ่ี ๆ หลายคนตอ้ งจากบา้ นมารว่ มเดอื นเพอ่ื
มาชว่ ยงานโครงการทส่ี ำ�นกั ฯ นอ้ งบางคนลางานมาและตอ้ งกลบั เพอ่ื ไปท�ำ งานประจ�ำ หรอื เรยี นตอ่ แตท่ กุ คนกเ็ ตม็ ใจและเตม็ ทก่ี บั งาน และ คิดว่าตัวเราเองเสียอีกท่ีเข้ามาถึงท่ีสำ�นักฯทีไร ก็เป็นเวลาเสร็จงาน ประจ�ำ ทค่ี รวั แลว้ เขา้ มากนิ มอ้ื เยน็ แสนอรอ่ ยแลว้ กก็ ลบั ออกไป ในชว่ ง สองสปั ดาหท์ า้ ยของโครงการ จงึ ไดเ้ ขา้ มาพกั ทส่ี �ำ นกั ฯบอ่ ยขน้ึ เพอ่ื จะ ชว่ ยงานในครวั ตอนเชา้ ไดบ้ า้ ง และกลบั เขา้ ทท่ี �ำ งานตอ่ ในตอนสาย นบั วา่ เปน็ ชว่ งเวลาทม่ี คี วามสขุ ทางใจอยา่ งเปย่ี มลน้ จากความเชอ่ื เดมิ ทว่ี า่ ถา้ คดิ ดี ท�ำ ดี จะเจอแตค่ นดี ความเชอ่ื นก้ี ไ็ ดร้ บั การพสิ จู นอ์ กี ครง้ั หนง่ึ บรรยากาศทไ่ี ดเ้ จอเตม็ ไปดว้ ยความหว่ งใยทง้ั แกผ่ ปู้ ฎบิ ตั ใิ นโครงการและ ความห่วงใยท่มี ีให้กันเองในคณะทำ�งาน เม่อื เทียบกับสภาพท่เี จอในท่ี ท�ำ งาน ณ ชว่ งเวลานน้ั แลว้ ท�ำ ใหก้ ารเขา้ มาทส่ี �ำ นกั ฯ เพอ่ื ชว่ ยงานใน แตล่ ะวนั เปน็ สง่ิ ทเ่ี ฝา้ รอ ช่วงระยะเวลาท่ีเข้ามาอยู่ช่วยงานในโครงการก็พบว่าเป็น เวลาท่ีมีคุณค่า ท่ีนอกเหนือจากการได้ร่วมทำ�งานกับพ่ีๆ น้องๆ ท่ี ส�ำ นกั ฯ แลว้ ยงั ไดเ้ รยี นรถู้ งึ แนวคดิ การดแู ลสขุ ภาพ ทจ่ี ะเปน็ ประโยชน์ ตอ่ ไป อยา่ งนอ้ ยทส่ี ดุ ไดใ้ ชก้ บั ตวั เอง รวมถงึ ไดม้ โี อกาสขยายคน้ ควา้ ตอ่ ยอด และเผยแพรค่ วามรใู้ นฐานะผสู้ อนในสถาบนั การศกึ ษาดว้ ย นน่ี บั เปน็ โอกาสอนั ดที ไ่ี มใ่ ชเ่ พยี งแคร่ บั ฟงั หรอื รบั ทราบ แตไ่ ดม้ โี อกาสเรยี นรู้ ในกระบวนการ และไดเ้ หน็ สภาพจรงิ ๆ ไดร้ บั การถา่ ยทอดแนวคดิ การ รบั ประทานอาหารเพอ่ื สขุ ภาพ โดยผรู้ จู้ รงิ อยา่ งพอ่ี อ้ ยและพโ่ี มทย์ ทำ�ให้ ทกุ วนั นเ้ี ลอื ก และระมดั ระวงั ในการกนิ อาหารมากขน้ึ จนเปน็ นสิ ยั ตดิ ตวั ทไ่ี มใ่ ชก่ นิ อะไรกไ็ ดเ้ หมอื นแตก่ อ่ น แทบไม่ต้องถามทบทวนกับตัวเองเลยว่า การเข้ามาร่วม ท�ำ งานในโครงการนไ้ี ดอ้ ะไรบา้ ง ทไ่ี มใ่ ชเ่ พยี งแคเ่ ดด็ ผกั ลา้ งจานหรอื ๓๓กาลคร้งั หน่ึง...เมอ่ื ฉันหัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๓๔ กาลครง้ั หนึ่ง...เม่อื ฉนั หัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk. เสริ ฟ์ อาหารเกง่ ขน้ึ สง่ิ ทไ่ี ดค้ อื คณุ คา่ ทางจติ ใจในการเปน็ ผใู้ หม้ ากกวา่ จะเปน็ ผรู้ บั ตา่ งหาก และความรสู้ กึ อม่ิ เอมใจนก้ี ย็ ง่ิ ทวมี ากขน้ึ เมอ่ื ได้ ทราบเปน็ ระยะ ๆ ถงึ สภาพรา่ งกายและจติ ใจทด่ี ขี น้ึ อยา่ งมาก ๆ ของ ผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมทเ่ี ขา้ รว่ มโครงการ ในขณะทว่ี งการวทิ ยาศาสตรม์ คี วามกา้ วหนา้ เรอ่ื ย ๆ เรา กลบั พบวา่ เทคโนโลยตี า่ งหากทอ่ี าจเปน็ ตวั สง่ ใหโ้ รคตา่ งๆ มคี วาม รนุ แรงมากขน้ึ เมอ่ื มองยอ้ นถงึ ตน้ ทนุ เดมิ ทส่ี งั คมไทยมมี าชา้ นาน คอื การนบั ถอื พระพทุ ธศาสนา แทจ้ รงิ แลว้ ความเขา้ ใจตวั ตนทเ่ี ปน็ ธรรมชาติ ตามแนวคดิ พทุ ธศาสนา ก�ำ ลงั จะยอ้ นกลบั มาเปน็ เครอ่ื งมอื ในการบ�ำ บดั โรคทเ่ี กดิ จากเทคโนโลยี สภาพจติ ใจทถ่ี กู กลอ่ มเกลาดว้ ยการปฏบิ ตั สิ มาธิ ไดม้ สี ว่ นส�ำ คญั ในการตอ่ สกู้ บั โรคไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ในฐานะนกั วทิ ยาศาสตร์ ทเ่ี พง่ิ เรม่ิ ปฏบิ ตั ธิ รรมไดไ้ มน่ าน โดยสว่ นตวั กไ็ ดต้ ระหนกั และเรยี นรจู้ าก โครงการนส้ี ว่ นหนง่ึ ถงึ อานภุ าพของสภาพจติ ใจทเ่ี ขม้ แขง็ แตท่ วา่ สงบ และมสี ว่ นส�ำ คญั ในการเสรมิ สรา้ งความแขง็ แรงของระบบภมู คิ มุ้ กนั ร่างกายในการต่อสู้กับโรค ซ่ึงหนทางหน่ึงท่ีจะทำ�ให้อาวุธน้ีทรง อานภุ าพขน้ึ มาไดก้ ค็ อื การไดร้ บั การอบรมธรรมะขดั เกลาจติ ใจตาม หลกั พทุ ธศาสนานน่ั เอง ไมม่ ใี ครรวู้ า่ สกั วนั หนง่ึ ใครจะปว่ ย ใครจะอยู่ ใครจะไป แต่ การทค่ี นเราไดม้ ชี วี ติ อยเู่ พอ่ื การทำ�ความดี โดยไมห่ วงั สง่ิ ตอบแทน แลว้ เชอ่ื วา่ ทกุ คนรดู้ วี า่ ผลจากการกระท�ำ นน้ั ๆ ไมไ่ ดเ้ พยี งแคส่ ง่ ผลตอ่ ชาตหิ นา้ หรอื ชาตไิ หนๆ ความสขุ ทางใจทเ่ี กดิ ขน้ึ กไ็ ดแ้ สดงผลในชาติ นแ้ี ละบดั นแ้ี ลว้ ขอรว่ มอนโุ มทนากบั พระอาจารยว์ โิ รจนใ์ นกศุ ลกรรม คร้งั น้เี ป็นอย่างย่งิ กราบขอบพระคุณท่านท่ใี ห้โอกาสได้พบและทำ�ส่งิ ดี ๆ ครง้ั หนง่ึ ในชวี ติ ขอบคณุ พ่ี ๆ นอ้ ง ๆ ทร่ี ว่ มงานกนั ทกุ ทา่ น ท่ี
ไดแ้ บง่ ปนั น�ำ้ ใจอนั มอี ยา่ งลน้ เหลอื มคี วามหว่ งใยกนั อยา่ งยง่ิ และขอ อโหสกิ รรมในความพลง้ั เผลอใด ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ดว้ ย ขออทุ ศิ ผลบญุ ใด ๆ ทบ่ี งั เกดิ ขน้ึ แก่ “กบ” เพอ่ื นรกั และแกผ่ ปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมทเ่ี ขา้ รว่ มโครงการ ทกุ ทา่ น ใหม้ สี ขุ ภาพกายและใจทแ่ี ขง็ แรง ทเุ ลาจากโรค กลบั มามชี วี ติ ทด่ี ี เพอ่ื สบื สานการท�ำ ความดี ตอ่ ๆ ไป ความในใจในโครงการ คณุ ไกรวาส แจง้ เสม วสิ ญั ญพี ยาบาล ช�ำ นาญการ ๘ ภาควชิ าวสิ ญั ญวี ทิ ยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศรนี ครนิ ทร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ เรยี นรดู้ กู ายใจดว้ ยธรรมะ ธรรมชาติ กบั ประสบการณอ์ นั สงู คา่ ถา้ ทา่ นเคยมโี อกาสผา่ นเขา้ ไปในตกึ ผปู้ ว่ ยมะเรง็ สง่ิ ทท่ี า่ น จะสมั ผสั ไดด้ ว้ ยความรสู้ กึ ของทา่ นเองนน่ั คอื ทา่ ทางวติ กกงั วล เศรา้ สรอ้ ย หมดหวงั หดหู่ หรอื ภาวะเจบ็ ปวดจากโรคทเ่ี ปน็ อยขู่ องผปู้ ว่ ย มะเรง็ แนน่ อนวา่ ทา่ นตอ้ งอาศยั พลงั ใจทเ่ี ขม้ แขง็ มากในการทจ่ี ะเขา้ ไป พบปะหรอื พดู คยุ กบั เขาเหลา่ นน้ั เมอ่ื โครงการเรยี นรดู้ กู ายใจดว้ ยธรรมะ ธรรมชาติ ทพ่ี ระ อาจารย์วิโรจน์จัดทำ�ข้ึน และเม่ือดิฉันเข้าไปปวารณาตัวท่ีจะช่วย โครงการน้ี ทง้ั ทไ่ี มม่ คี วามรู้ เชย่ี วชาญงานดา้ นผปู้ ว่ ยมะเรง็ เลย กใ็ ห้ ร้สู ึกว่าทำ�ไมพระอาจารย์และทีมงานจึงได้คิดทำ�โครงการท่ยี ่งิ ใหญ่ ดู หนกั ทง้ั กายและใจเยย่ี งน้ี ทง้ั ทภ่ี ารกจิ ทพ่ี ระคณุ เจา้ ตอ้ งสอนกรรมฐาน แกป่ ระชาชนทว่ั ไปกห็ นกั มากพอแลว้ ส�ำ หรบั ความรสู้ กึ ของดฉิ นั ทไ่ี ดม้ ี ๓๕กาลครั้งหนึ่ง...เมือ่ ฉันหดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๓๖ กาลครง้ั หนง่ึ ...เม่อื ฉันหัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk. โอกาสเขา้ ไปปฏบิ ตั ธิ รรมทส่ี ำ�นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมสวนเวฬวุ นั แหง่ น้ี จากทไ่ี ด้ รบั รมู้ าแมเ้ พยี งบางสว่ น พระอาจารยท์ �ำ เสมอื นเปดิ ตกึ บ�ำ บดั ผปู้ ว่ ยมะเรง็ ขน้ึ แตใ่ หผ้ ปู้ ว่ ยมากกวา่ ทโ่ี รงพยาบาลทว่ั ไปจะใหไ้ ดค้ อื ท�ำ ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ ม โครงการ (ซง่ึ กค็ อื ผปู้ ว่ ยมะเรง็ ) ไดเ้ รยี นรตู้ วั เอง อยกู่ บั ตวั เอง ไดร้ จู้ กั ตวั เอง และทส่ี �ำ คญั คอื ท�ำ ใหท้ กุ คนเขม้ แขง็ ขน้ึ เรยี นรทู้ จ่ี ะด�ำ เนนิ ชวี ติ ตอ่ ไปอย่างมีคุณค่า และพร้อมท่จี ะสรา้ งคณุ งามความดที ง้ั เพ่อื ตนเอง และผอู้ น่ื ตอ่ ไป ความรสู้ กึ ในฐานะทไ่ี ดม้ โี อกาสเขา้ มาชว่ ยโครงการจงึ เหมอื น ไดม้ าเรยี นรคู้ วามรเู้ กย่ี วกบั อาหารบ�ำ บดั ซง่ึ เปน็ สง่ิ ใหมส่ �ำ หรบั ดฉิ นั เรยี น รกู้ ารปฏบิ ตั ธิ รรมเพอ่ื สรา้ งพลงั ใจทป่ี กตทิ �ำ ไดย้ ากในผปู้ ว่ ยทเ่ี ปน็ โรครา้ ย โดยมผี รู้ ว่ มโครงการท่เี ป็นเหมือนครูใหไ้ ดศ้ กึ ษา มพี ระอาจารย์ และ สำ�นักปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน ท่ีทำ�ให้ดิฉันได้รับโอกาสน้ี และรู้สึก เสยี ดายแทนผปู้ ว่ ยมะเรง็ อน่ื ๆ ทไ่ี มไ่ ดเ้ ขา้ รว่ มโครงการน้ี ภาพวนั สดุ ทา้ ยของโครงการทผ่ี เู้ ขา้ รว่ มโครงการทกุ คนดสู ดชน่ื แขง็ แรง ผวิ พรรณเปลง่ ปลง่ั เลอื ดฝาด สมบรู ณข์ น้ึ สหี นา้ ยม้ิ แยม้ แจม่ ใส มคี วาม สขุ ไมม่ ที ที า่ วา่ เปน็ ผปู้ ว่ ยมะเรง็ โรคทใ่ี คร ๆ กก็ ลวั ทกุ คนดเู หมอื น ญาตธิ รรมทง้ั หลายทม่ี าปฏบิ ตั ธิ รรมตามปกติ เทา่ นก้ี เ็ ปน็ สง่ิ ทน่ี า่ ปลม้ื ใจ สมกบั ความเมตตาของพระอาจารยท์ กุ ทา่ น ทไ่ี ดท้ มุ่ เทใหก้ บั โครงการน้ี จากประสบการณค์ รง้ั นแ้ี มด้ ฉิ นั จะไมไ่ ดน้ �ำ มาใชก้ บั งานโดยตรง แตน่ บั วา่ เปน็ ประสบการณท์ ส่ี งู คา่ ทส่ี ามารถนำ�มาประยกุ ตใ์ ชท้ ง้ั กบั การปฏบิ ตั ิ งาน และการด�ำ เนนิ ชวี ติ ขอกราบขอบพระคณุ พระอาจารยว์ โิ รจนท์ ไ่ี ด้ ใหโ้ อกาสน้ี ขอบคณุ ผรู้ ว่ มโครงการทเ่ี ปน็ ครใู หไ้ ดเ้ รยี นรแู้ ละผชู้ ว่ ยเหลอื โครงการทกุ ทา่ นทเ่ี สยี สละเวลามารว่ มสรา้ งคณุ ประโยชนท์ เ่ี ปน็ บญุ กศุ ล ในครง้ั น้ี
ไออ่นุ จากโรงครวั
๓๘ กาลคร้ังหนงึ่ ...เมอ่ื ฉันหดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk. ไออุ่นจากโรงครวั คณุ ฐิตวิ ชั ร์ ปวีรเ์ ดชาวชั ร์ จากความโชคดีของผมท่ีมีแฟนป่วยเป็นมะเร็ง จึงได้พลิก ผันชีวิตให้ผมได้มีโอกาสไปเรียนรู้เก่ียวกับวิชาการแพทย์ทางเลือกของ ดร. รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์ ท่ีชมรมบ้านสุขภาพ อำ�เภอบ้านฉาง จังหวดั ระยอง ใชเ้ วลาในการเรียนรู้ ๑ เดอื น ในการนก้ี ม็ พี ระอาจารย์ วโิ รจนเ์ ปน็ ผคู้ ดั เลอื กบคุ คลตา่ งๆ จำ�นวน ๔ คน คอื คณุ ออ้ ย คณุ กลว้ ย คณุ หน่อย และกผ็ ม นายฐิติวัชร์ วิชาการแพทย์ทางเลือกที่พระอาจารย์วิโรจน์เลือกเอามา สำ�หรับดูแลผู้เข้าร่วม “โครงการเรียนรู้ดูกายใจด้วยธรรมะ ธรรมชาติ” คือ การใช้ธรรมชาติบ�ำ บัด ใหอ้ าหารที่สะอาด ถกู ตอ้ ง น้ำ�ผักป่ันและน้ำ�เอนไซม์ ในโครงการเรียนรู้ดูกายใจด้วยธรรมะ ธรรมชาติ ของส�ำ นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมสวนเวฬวุ นั จ.ขอนแกน่ เรมิ่ โครงการ วันท่ี ๑๕ มกราคม - ๑๕ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๑ ระยะเวลาโครงการท่ี นานทสี่ ุดถงึ ๑ เดือน โดยการแบง่ หน้าทคี่ วามรบั ผดิ ชอบ คือ คุณ ออ้ ยเปน็ ผหู้ ญงิ รบั ผดิ ชอบงานหนกั คอื การทำ�อาหาร คณุ กลว้ ยผหู้ ญงิ เหมือนกนั รับผดิ ชอบเร่ืองสลัด คุณหน่อยเป็นผูช้ ายรับผดิ ชอบเรอื่ งนำ�้ เอนไซม์ สว่ นผมรับผดิ ชอบเรือ่ ง นำ�้ ผักปัน่ น้ำ�โหระพา น�้ำ นมธญั พืช ผมตน่ื เตน้ มาก เนอื่ งจากไมเ่ คยตอ้ งรบั ผดิ ชอบการดแู ลผู้ ปว่ ยจำ�นวนมากขนาดน้ี แต่กม็ ่นั ใจในวิชาท่ไี ดเ้ รียนรู้มา และก็เกิด ความภมู ใิ จมาก และดใี จมากทส่ี ดุ ในชีวิตท่ีผมมีโอกาสได้ใหค้ วามชว่ ย เหลอื ไดใ้ ชค้ วามรู้ และไดใ้ หก้ �ำ ลงั ใจแกค่ นทเ่ี จบ็ ปว่ ย หมดหวงั มคี วาม ทกุ ข์ ความเครียด ได้มีความร้สู ึกดขี ึน้ คลายกงั วล มีความหวงั ขนึ้ มา มันช่างเป็นความสุขที่ไม่มีโอกาสได้พบอีกแล้ว ใบหน้าของผู้เข้าร่วม
โครงการในวันแรก ๆ กับใบหน้าของแต่ละท่านในวันตอ่ ๆ มาโดย เฉพาะวันที่ใกล้จบโครงการเปน็ ไปในทางทด่ี ีขึ้นอย่างนา่ ช่ืนใจ ในชว่ งการเขา้ โครงการ ผมตอ้ งดแู ลในสว่ นทรี่ บั ผดิ ชอบนน้ั การทำ�น้ำ�ผกั ปัน่ ๓ เวลา การท�ำ น�ำ้ นมธญั พืชให้พอดี การประมาณ การวตั ถดุ ิบทใี่ ช้ เนอ่ื งจากมจี ำ�นวนผูด้ ืม่ มาก ท�ำ ให้มคี วามกังวลบา้ ง แต่ผมก็ใช้วิธีสวดมนต์บทอิติปิโสฯ ตลอดเวลา ทำ�ให้มีสติในการ ท�ำ งาน ตง้ั แตต่ น่ื นอน จนกระทง่ั เวลาทท่ี �ำ การปรงุ สว่ นผสมตา่ ง ๆ จนผมอดประหลาดใจไมไ่ ดว้ า่ ทกุ อยา่ งชา่ งเหมาะเจาะ พอดี ไมม่ กี าร ผิดพลาดเกิดข้นึ เลย และก็ดีใจตอนท่ที ่านพระครูปลัดสิทธิวรวัฒน์ ทา่ นเรยี กว่า “นำ้�ผกั ปนั่ อิตปิ ิโส” เพราะเป็นวิชาการแพทย์ทางเลือกท่ียังใหม่สำ�หรับคนไทย ซ่งึ วิชาการนีม้ ันเหมาะกับชีวิตของคนในปัจจุบันนีม้ าก คือ ความพอ เพียง จึงมีผู้คนสนใจถามไถ่จ�ำ นวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมโครงการ พระคณุ เจา้ ญาตธิ รรม และแมแ้ ตแ่ พทยร์ ว่ มกบั พยาบาลทกุ ทา่ น ทเี่ ขา้ มาใหก้ ารดแู ลและชว่ ยเหลอื ตา่ ง ๆ ในโครงการน้ี ผมไดม้ โี อกาสอธบิ าย และแลกเปลย่ี นความรกู้ บั หลายทา่ น ผมมโี อกาสแนะน�ำ การท�ำ น�ำ้ หมกั ชวี ภาพหรอื น�้ำ เอนไซมไ์ วด้ ม่ื การหมกั น�้ำ หมกั สำ�หรบั พชื สตั ว์ การทำ� นำ�้ ผกั ป่นั น้ำ�นมธญั พชื และการดแู ลสขุ ภาพตัวเอง เพอื่ ให้ทกุ ทา่ นได้มี โอกาสน�ำ กลบั ไปดแู ลตวั เอง ครอบครวั และญาตธิ รรม โดยเฉพาะการ ทำ�น้ำ�ยาล้างตาตามคำ�แนะนำ�ของ ดร.รสสุคนธ์ เพ่ือล้างหู ล้างตา และจมกู ใหก้ บั ทกุ คนภายในส�ำ นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมสวนเวฬวุ นั จงึ มคี �ำ หยอก ลอ้ วา่ “หมอเถอื่ น” ผลกรรมอนั ใดที่ผมไดท้ �ำ ลงไปดว้ ยเจตนา ไม่เจตนา พล้งั เผลอจะด้วยกาย วาจา ใจ ตอ่ ทุก ๆ ท่าน และส่ิงศกั ดส์ิ ิทธ์ทิ ้งั หลาย ๓๙กาลครง้ั หนึง่ ...เมอ่ื ฉนั หดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๔๐ กาลคร้งั หนง่ึ ...เม่อื ฉนั หัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk. ก็ขออโหสกิ รรมด้วยเทอญ และความภาคภมู ใิ จ ดใี จทส่ี ดุ ในชวี ติ ท่ไี ดม้ ี โอกาสร่วมสร้างบญุ สรา้ งกศุ ลในครง้ั นี้กับเพือ่ นรว่ มบุญทกุ ทา่ น ผล บุญใดท่ีได้เกดิ ขึน้ ในการน้ี ผมขอยกถวายใหแ้ ก่พระอาจารยว์ โิ รจน์ ที่ ดูแลโครงการน้ีอย่างดีเย่ียม พร้อมทั้งทีมงานและผู้เข้าร่วมโครงการ ทกุ ทา่ น ผมยนิ ดใี หค้ วามรแู้ ละแลกเปลย่ี นความรกู้ บั ทา่ นทสี่ นใจทกุ ทา่ น ในวิธกี ารธรรมชาตบิ ำ�บดั และยินดีทีจ่ ะเข้าร่วมโครงการในลักษณะนี้ อกี ในโอกาสตอ่ ไป ไออุ่นจากโรงครวั คุณรดากร พิพฒั นไ์ ชยศริ ิ ขา้ พเจา้ นางรดากร พพิ ฒั นไ์ ชยศริ ิ อายุ ๕๓ ปี จบการ ศกึ ษาครศุ าสตรบ์ ณั ฑติ เอกภาษาองั กฤษ จากวทิ ยาลยั ครยู ะลา เคยรบั ราชการครูท่โี รงเรียนแก่นนครวิทยาลัย ปัจจุบันประกอบอาชีพธุรกิจ สว่ นตวั นับว่าข้าพเจ้ามีความโชคดีมากท่ีได้มีโอกาสทำ�อาหารใน “โครงการเรยี นรดู้ กู ายใจดว้ ยธรรมะ ธรรมชาต”ิ เปน็ เวลา ๑ เดอื น ซง่ึ กอ่ นทจ่ี ะมาท�ำ อาหาร พระอาจารยว์ โิ รจนไ์ ดส้ ง่ ขา้ พเจา้ และทมี งาน ไปเรยี นท�ำ อาหารทจ่ี งั หวดั ระยอง กบั ดร.รสสคุ นธ์ พมุ่ พนั ธว์ุ งศ์ เปน็ เวลา ๑ เดอื น ชว่ งเวลา ๑ เดอื นทเ่ี รยี นท�ำ อาหารทจ่ี งั หวดั ระยอง เปน็ ชว่ ง เวลาทม่ี คี ณุ คา่ ทส่ี ดุ และมคี วามสขุ มาก ขา้ พเจา้ ไดเ้ รยี นรเู้ รอ่ื งอาหารท่ี มปี ระโยชนม์ าเกนิ ค�ำ บรรยาย และไดน้ �ำ มาใชใ้ นโครงการอยา่ งพถิ พี ถิ นั
พระอาจารยว์ โิ รจน์ ทา่ นจะดแู ลวตั ถดุ บิ เปน็ กรณพี เิ ศษ เพอ่ื ความปลอดภยั แกผ่ ปู้ ว่ ย ขา้ พเจา้ อดซาบซง้ึ ใจแทนผปู้ ว่ ยไมไ่ ด้ คดิ วา่ ผู้ ป่วยเองคงไม่ทราบว่าพระอาจารย์วิโรจน์ท่านระมัดระวัง พิถีพิถันแค่ ไหน แตข่ า้ พเจา้ ทราบดี เพราะพระอาจารยว์ โิ รจนจ์ ะดแู ลก�ำ กบั ขา้ พเจา้ ตลอดเวลา ขา้ พเจา้ โชคดมี ากทม่ี ที มี งานทแ่ี ขง็ แรง ซง่ึ แตล่ ะคนมคี วาม เออ้ื เฟอ้ื เผอ่ื แผ่ ชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั อยา่ งดี แมจ้ ะเหนด็ เหนอ่ื ยแค่ ไหนทกุ คนกอ็ ดทนอดกลน้ั ขา้ พเจา้ รสู้ กึ ซาบซง้ึ ในน�้ำ ใจของเพอ่ื นรว่ ม งานมาก ข้าพเจ้าขอกราบขอบพระคุณพระอาจารย์วิโรจน์มา ณ โอกาสน้ี ทท่ี �ำ ใหข้ า้ พเจา้ ไดม้ โี อกาสเรยี นรเู้ รอ่ื งอาหารส�ำ หรบั ผปู้ ว่ ย และ ไดม้ โี อกาสมาท�ำ อาหารใหผ้ ปู้ ว่ ยในโครงการ ขา้ พเจา้ ขอขอบคณุ สามที อ่ี นญุ าตใหข้ า้ พเจา้ ไปเรยี นทจ่ี งั หวดั ระยอง ๑ เดอื น และมาท�ำ อาหารทส่ี �ำ นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมสวนเวฬวุ นั อกี ๑ เดอื น โดยใหก้ ารสนบั สนนุ และยนิ ดใี นการท�ำ งานของขา้ พเจา้ ตลอด จนจบโครงการ และขอขอบคณุ เพอ่ื นรว่ มงานทน่ี า่ รกั ทกุ คนทใ่ี หค้ วาม รว่ มมอื ดมี าก ขา้ พเจา้ จะจดจ�ำ ชว่ งเวลาดี ๆ เชน่ นต้ี ลอดไป ไออุ่นจากโรงครวั คุณพมิ ไพร ยม้ิ ศิริ ขา้ พเจา้ นางพมิ ไพร ยม้ิ ศริ ิ ชว่ ยงานสามดี แู ลกจิ การเคาะ พน่ สรี ถยนตช์ อื่ บรษิ ทั วรตุ ม์ บอดพ้ี มิ ไพร ยมิ้ ศริ ิ แอนด์ เพนท์ จำ�กดั ทจ่ี ังหวดั ขอนแก่น ข้าพเจ้าเริ่มเรยี นรูก้ ารปฏบิ ัตธิ รรมที่ส�ำ นกั ปฏิบตั ิ ๔๑กาลคร้งั หน่งึ ...เม่ือฉันหดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๔๒ กาลคร้งั หนง่ึ ...เมื่อฉันหดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk. ธรรมสวนเวฬวุ ันตง้ั แตป่ ี ๒๕๔๕ พระอาจารย์สอนให้รู้จกั การมสี ตแิ ละ สมั ปชัญญะ ร้จู ักการยอม การใหอ้ ภยั ลดความโลภ โกรธ หลง และ ตวั ทฐิ มิ านะ ฯลฯ แมจ้ ะยงั ปฏบิ ตั ติ ามไดไ้ มเ่ ตม็ รอ้ ย แตข่ า้ พเจา้ กร็ สู้ กึ ว่าตัวเองดีข้นึ ใจเยน็ ลง ขา้ พเจา้ ได้ต้งั ปณธิ านไวว้ ่า หากมีสิง่ ใดท่ี ข้าพเจ้าทำ�เพ่ือตอบแทนสำ�นักฯสวนเวฬุวันได้ ข้าพเจ้าจะไม่ลังเลเลย เมอ่ื ไดท้ ราบวา่ พระอาจารยว์ โิ รจนจ์ ะจดั “โครงการเรยี นรดู้ กู ายใจดว้ ย ธรรมะ ธรรมชาต”ิ ตามแนวสตปิ ฎั ฐาน ๔ ของพระธรรมสงิ หบรุ าจารย์ ส�ำ หรบั ผปู้ ว่ ยมะเรง็ โดยเฉพาะขน้ึ ขา้ พเจา้ จงึ ขนั อาสาพระอาจารย์ แมจ้ ะ ตอ้ งไปเรยี นรวู้ ธิ กี ารท�ำ อาหารส�ำ หรบั ผปู้ ว่ ยกบั ดร.รสสคุ นธ์ พมุ่ พนั ธว์ุ งศ์ ทบี่ า้ นสขุ ภาพ ต.บา้ นฉาง อ.บา้ นฉาง จ.ระยอง เปน็ ระยะเวลา ๑ เดอื น แลว้ กลบั มาท�ำ อาหารใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ อกี ๑ เดอื น โดยขา้ พเจา้ จะตอ้ งสละเวลาทำ�งานไปถงึ ๒ เดอื นกต็ าม แตเ่ มอื่ ขา้ พเจา้ ไดไ้ ปเรยี น รทู้ บ่ี า้ นสขุ ภาพแลว้ ขา้ พเจา้ รสู้ กึ ขอบพระคณุ พระอาจารย์ ทสี่ ง่ ขา้ พเจา้ และเพอื่ นอีก ๓ คนไป เพราะท�ำ ใหข้ า้ พเจ้าไดร้ ้จู กั วธิ กี ารทำ�อาหารท่ี มีประโยชน์ส�ำ หรับผู้ปว่ ย หรือแมแ้ ตผ่ ู้ที่ไมป่ ่วย เพือ่ มีชวี ิตที่ดขี ้นึ นอกจากน้ี ดร.รสสุคนธ์ ยงั สอนให้รู้จกั การใชช้ วี ติ แบบพอ เพยี ง ตามแนวพระราชดำ�รขิ องพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รคู้ ณุ คา่ ของสิ่งต่าง ๆ แม้จะเป็นเพียงเศษอาหาร ขยะ ก็สามารถนำ�มาทำ� ประโยชนไ์ ด้ ลดปญั หาขยะลน้ เมืองและลดภาวะโลกรอ้ น ดร.รสสคุ นธ์ ผูม้ ีแต่ความเมตตา ช่วยเหลือผูค้ นทไ่ี ด้เขา้ มา ในบา้ นสุขภาพ ไม่วา่ จะอย่ใู นสภาพหรือฐานะอยา่ งไรก็ตาม ทุกคนที่ เข้ามาทบ่ี ้านสุขภาพจะต้องไดร้ ับประทานอาหาร และไดส้ ่งิ ดๆี ติดมือ กลบั ไปด้วยเสมอ
ข้าพเจา้ ไดพ้ บกบั กัลยาณมติ รในขณะท่อี ย่ใู นโครงการฯ ท่ี ส�ำ นกั ฯสวนเวฬวุ นั โดยทกุ คนรว่ มแรงกายแรงใจ ชว่ ยกนั ท�ำ งาน เปา้ หมายคอื เพอ่ื ผู้ปว่ ยจะไดร้ บั แต่ส่ิงทีด่ ี ๆ และหายจากโรคภัยทีเ่ ปน็ อยู่ ข้าพเจ้าดีใจที่ทราบว่า ผู้ป่วยที่มาเข้าโครงการฯ ทุกคน เมื่อจบ โครงการฯ แล้ว อาการป่วยดีขน้ึ ซงึ่ เกิดจากการสอนปฏบิ ตั ิธรรมจาก พระอาจารย์และจากอาหารที่พวกเราชว่ ยกันทำ� และสดุ ท้ายขา้ พเจ้าตอ้ งขอบคณุ คุณสมติ ร ย้ิมศริ ิ สามี ของขา้ พเจา้ นายวรี ิศร์ นายวรตุ ม์ และนางสาวอาริวรรณ ย้มิ ศริ ิ บตุ รชายและบตุ รสาวของขา้ พเจา้ ทอ่ี นญุ าตใหข้ า้ พเจา้ ทง้ิ งาน ทง้ิ บา้ น เพ่อื ทำ�ใหโ้ ครงการนี้สำ�เร็จลลุ ว่ งไปได้ดว้ ยดี ไออุ่นจากโรงครวั คุณเลิศเกียรติ ชาตะเมธีกุล มผี รู้ ทู้ า่ นบอกไวว้ า่ การทค่ี นเราเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ยกนั หนกั บา้ ง เบาบ้างน้นั มีสาเหตุที่แยกออกได้เป็น ๒ กลุ่มใหญ่ ๆ คือ ๑.ป่วยจาก จิต ๒.ป่วยจากเหตุปัจจยั อืน่ ๆทเ่ี กีย่ วขอ้ ง เช่น อาหาร ลักษณะการใช้ ชวี ติ ประจ�ำ วัน เชอื้ โรค มลภาวะ พลงั งานที่มองไมเ่ หน็ พนั ธกุ รรม กรรมเกา่ เป็นต้น ๑. ปว่ ยจากจิต สภาวะจติ หรือสภาพจติ ทีไ่ ม่สงบ ปลอ่ ยให้อารมณ์ตา่ งๆพุ่ง พล่านในจิตอยู่เสมอ รวมไปถึงการคิดไม่ดีต่อคนอ่ืนและความคิดที่ ๔๓กาลครงั้ หนง่ึ ...เมอ่ื ฉันหดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๔๔ กาลครั้งหน่ึง...เม่ือฉนั หดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk. ติดลบทงั้ หลาย มสี ว่ นกอ่ ให้เกิดเหตปุ ัจจยั ของโรคภัยไขเ้ จ็บตา่ งๆ ข้ึน กับรา่ งกายของเราได้ประมาณรอ้ ยละ ๘๐ ของสาเหตุท้ังหมด เร่ืองน้ี ไม่ได้เปน็ แคเ่ พยี งความเชอ่ื ของชาวเอเชยี เราเทา่ นั้น แต่ไดม้ กี ารพิสจู น์ ทางวทิ ยาศาสตรก์ ันมาแลว้ วา่ เวลาทีเ่ ราโกรธ หัวใจจะเต้นแรงข้ึน เวลาเครยี ด ความดนั โลหติ จะเพมิ่ ข้นึ ความวิตกกงั วล เปน็ สาเหตหุ นง่ึ ของโรคกระเพาะอาหาร จติ อิจฉาริษยา ก่อให้เกดิ ปัจจัยของมะเร็งขนึ้ มาได้ การที่คอยจบั ผิดคนอื่น ท�ำ ให้ไขมนั เพิม่ ขน้ึ ได้ การตื่นเตน้ ง่าย ทำ�ให้โคเลสเตอรอลเพ่มิ ขึ้นได้ คนข้ีใจนอ้ ย ชอบดูถูกตัวเอง มกั จะเปน็ โรคภูมิแพ้ได้งา่ ย นี่เป็นตวั อย่างของความเกี่ยวพนั ระหวา่ ง สภาพจิต และ อารมณ์ ทีม่ ผี ลตอ่ รา่ งกาย แคเ่ พยี งสว่ นหนง่ึ เทา่ น้ัน แล้วถ้าหากคน บางคนมอี ารมณต์ า่ ง ๆ หลายอย่าง ตกค้างสะสมอยใู่ นจิตใจ ก็คงจะ มีอาการของโรคนน้ั โรคน้ีกันอยา่ งเปน็ ปกตเิ ลยทีเดียว ภาวะจติ ใจและอารมณ์ มีผลตอ่ สภาวะความเปน็ ไปของ ร่างกายได้โดยตรง ดร.สนอง วรอุไร นกั วิทยาศาสตรแ์ ละอาจารย์ กรรมฐานท่านเคยเล่าไว้ว่า ตอนท่ีท่านเป็นอาจารย์สอนอยู่ท่ี มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ทา่ นเคยเปน็ โรคกระเพาะอาหาร รกั ษาอยา่ งไร กไ็ มห่ ายขาด เพราะมคี วามกงั วลเรอ่ื งงานอยเู่ ปน็ ประจ�ำ เวลาเกดิ ความ กังวล จิตท่ีเป็นกังวลจะไปกระตุ้นระบบประสาทที่โยงมาท่ีกระเพาะ อาหาร ให้กระเพาะอาหารหล่ังกรดเกลือออกมามาก ถ้ากระเพาะ
อาหารไมม่ อี าหารอยู่ กรดเกลอื น้ันกจ็ ะยอ่ ยนำ้�เมือกท่ีเคลอื บกระเพาะ อาหาร และผนงั กระเพาะอาหารจนเปน็ แผล แตเ่ มอื่ ไดป้ ฏบิ ตั กิ รรมฐาน แลว้ กไ็ มเ่ ปน็ โรคกระเพาะอาหารอกี เพราะเขา้ ใจในเรอื่ งของจิตแล้ว เวลาเกิดความกังวลขึ้น ก็ใช้วิธีของกรรมฐานมาแก้ จนจิตเป็นอิสระ จากความกังวล เมอ่ื ตดั ความกังวลไดแ้ ลว้ เหตปุ จั จยั ของโรคกระเพาะ อาหารเหลา่ นีก้ ไ็ มม่ อี กี ตอ่ ไป อกี ตวั อยา่ งหนง่ึ เปน็ เรอ่ื งทส่ี ภุ าพสตรคี งจะทราบกนั ดอี ยแู่ ลว้ คือ เร่ืองของรอบเดือน ซ่ึงอาจจะมาช้าหรือไม่มาได้ในช่วงเวลาท่ีมี ความกงั วลใจหรอื เครียด นั่นแสดงใหเ้ หน็ ว่า ความกังวลไมไ่ ด้มีผลกบั ระบบยอ่ ยอาหารเพยี งเทา่ นน้ั และความเครยี ดกไ็ มไ่ ดม้ ผี ลกบั ระบบความ ดันโลหิตเพียงเท่าน้ัน แต่ยังกระทบไปถึงระบบต่อมไร้ท่อ และระดับ ฮอรโ์ มนในรา่ งกาย ซ่งึ มีผลตอ่ การมีรอบเดือนในแต่ละเดือนด้วย ตัวอย่างเหล่าน้ีคงจะพอแสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวพัน ระหวา่ งสภาพจติ ใจและอารมณ์ ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ การท�ำ งานของรา่ งกาย ไดอ้ ย่างชัดเจน ๒. ปว่ ยจากเหตุปัจจยั อ่ืน ๆ ปัจจัยอ่นื ๆ ที่มาเกีย่ วขอ้ งกับชวี ติ ของเรา สามารถมสี ว่ น ทำ�ให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บข้ึนกับตัวของเราได้ประมาณร้อยละ ๒๐ ของ สาเหตทุ ท่ี �ำ ใหเ้ กดิ โรคทงั้ หมด เชน่ อาหาร ลกั ษณะการใชช้ วี ติ ประจ�ำ วนั มลภาวะ เชอื้ โรค พลังงานท่มี องไม่เห็น พนั ธกุ รรม กรรมเกา่ เปน็ ต้น อาหารท่ใี สผ่ งชรู ส วัตถกุ นั เสีย สารเคมีปรุงแตง่ สี กลิ่น รส แม้แตน่ �ำ้ ตาลเทยี มกต็ าม ผักผลไมท้ ม่ี ียาฆ่าแมลงหรือยากันเชอื้ รา ๔๕กาลคร้งั หน่งึ ...เม่ือฉนั หดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๔๖ กาลคร้ังหนึง่ ...เมอื่ ฉันหัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk. ยาเรง่ ท้ังหลายตกค้างอยู่ เน้อื สัตวห์ รอื ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทีม่ ฮี อร์โมน เร่งการเจรญิ เตบิ โต ยาปฏชิ วี นะหรือยาอ่นื ๆ ตกค้างอยู่ ล้วนแตไ่ ม่ใช่ อาหารทดี่ ตี อ่ สขุ ภาพและมสี ว่ นทำ�ใหเ้ กดิ โรคภยั ไขเ้ จบ็ ไดท้ งั้ สน้ิ รวมทง้ั น้ำ�อดั ลมซง่ึ มคี วามเปน็ กรดสูง และมีน้ำ�ตาลผสมอยมู่ าก ก็ไมเ่ หมาะ จะด่มื เป็นประจ�ำ เชน่ กัน ลักษณะการใช้ชีวิตประจำ�วันที่บ่ันทอนสุขภาพจนนำ�ไปสู่ การเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย ซงึ่ เปน็ พฤตกิ รรมทห่ี ลายคนปฏบิ ตั อิ ยเู่ ปน็ ประจำ� เชน่ การนอนดึก ไม่ขบั ถ่ายทุกเชา้ ไม่รับประทานอาหารเชา้ ใหเ้ พยี งพอตอ่ ความต้องการของรา่ งกาย การดมื่ น้�ำ เปล่าน้อยเกนิ ไปในแตล่ ะวัน แม้ กระทัง่ การ ยนื เดนิ น่ัง นอน การยกของหนกั โดยใชท้ า่ ทางที่ไม่ เหมาะสม เป็นสาเหตขุ องอาการเจบ็ ปว่ ยได้ทัง้ สิ้น อนง่ึ การอยใู่ นมลภาวะทบ่ี น่ั ทอนสขุ ภาพกายและสขุ ภาพ จติ เช่น อยู่ในบริเวณท่อี ากาศไมด่ ี มฝี ่นุ หรอื ควันมาก มีเสยี งดงั เกิน ไป มแี สงทแี่ รงจา้ เกนิ ไปมารบกวนสายตาอยเู่ ปน็ ประจ�ำ หรอื การสมั ผสั กับพลังงานท่มี องไม่เหน็ มากเกินไป เช่น คลืน่ สญั ญาณจากโทรศพั ท์ เคลอื่ นที่ คลื่นไมโครเวฟ คลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ รังสเี อ็กซเรย์ รังสจี าก จอคอมพวิ เตอร์ รงั สยี วู ี เปน็ ตน้ ลว้ นเปน็ สาเหตขุ องความเจบ็ ปว่ ยเชน่ เดียวกัน มเี รอ่ื งทนี่ ่าสงั เกตประการหนงึ่ คือ ผูห้ ญงิ ซ่งึ สว่ นใหญ่จะ ดแู ลสขุ ภาพของตวั เองดกี วา่ ผชู้ าย แตก่ ลบั มสี ถติ กิ ารเปน็ มะเรง็ มากกวา่ ผชู้ าย จึงนา่ สงสยั วา่ สิง่ ทเ่ี พ่มิ ปจั จัยเส่ียงใหก้ บั ผหู้ ญงิ น่าจะเป็นเคร่ือง เสรมิ ความงามทง้ั หลายทผี่ หู้ ญงิ ใชก้ นั หรอื ไม่ เพราะเปน็ สงิ่ ทผี่ ชู้ ายสว่ น ใหญไ่ ม่ไดใ้ ช้ หรือถ้าใช้กน็ ้อยกวา่ ผู้หญงิ มาก แสดงวา่ สารตะกั่ว สาร ปรอท หรอื สารเคมอี ่ืน ๆ ท่อี ยู่ในเครอื่ งส�ำ อางอาจจะคอ่ ย ๆ ซึมผ่าน
ผวิ หนงั เขา้ สกู่ ระแสเลอื ด แลว้ มาสะสมอยใู่ นรา่ งกาย จนเปน็ เหตปุ จั จยั ให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บขนึ้ ในวนั หนึง่ ได้ เราจะเหน็ ไดว้ ่าอาหาร เครือ่ งดืม่ และเหตุปัจจัยตา่ ง ๆ ที่กล่าวมาน้ี หลายคนบริโภค และประพฤติปฏิบัติตัวเช่นนี้อย่างเป็น ปกตใิ นชวี ติ ประจ�ำ วนั จงึ ไมใ่ ชเ่ รอื่ งนา่ แปลกอะไรทผี่ คู้ นจะเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย กนั มาก เรยี กวา่ เปน็ โรคเบาหวาน โรคความดนั โลหติ โรคภมู แิ พ้ ฯลฯ กันอยา่ งเป็นปกตเิ ลยทเี ดียว แลว้ ก็มาบ่นกันวา่ อยดู่ ี ๆ ก็เปน็ โรคน้ัน โรคนี้ขึ้นมา แต่ความจริงแล้วเพราะอยู่กันไม่ดีมานานแล้วต่างหาก นานจนพฤติกรรมที่ไมด่ ีเหล่านก้ี ลายมาเป็นเร่อื งปกตขิ องชวี ิตไปแล้ว ในเมอ่ื กวา่ รอ้ ยละ ๙๐ ของสาเหตทุ ท่ี �ำ ใหเ้ กดิ การเจบ็ ปว่ ย นน้ั มาจากตวั ของเราเอง ทง้ั จากความคดิ จติ ใจและพฤตกิ รรมการ ด�ำ เนนิ ชวี ติ ของเรา ถา้ หากเรา คดิ ดี พดู ดี ท�ำ ดี รบั ประทานอาหารให้ เหมาะสมและพอเหมาะกบั สภาพรา่ งกายของเรา ไมใ่ หอ้ ะไรมากเกนิ ไป หรอื นอ้ ยเกนิ ไปจนไปท�ำ ลายสมดลุ ของธาตดุ นิ น�ำ้ ลม ไฟ ในรา่ งกาย ของเรา ไมอ่ ยใู่ นสถานทท่ี เ่ี ปน็ มลภาวะ ขบั ถา่ ยกอ่ น ๐๗.๐๐ น.ทกุ ๆ เชา้ ดม่ื น้ำ�เปลา่ ใหเ้ พยี งพอ พกั ผอ่ นใหเ้ พยี งพอไมค่ วรนอนดกึ และขอ้ ส�ำ คญั ตอ้ งหมน่ั รกั ษาศลี เจรญิ ภาวนาเปน็ ประจ�ำ กจ็ ะชว่ ยใหเ้ กดิ สมดลุ ของชวี ติ ทด่ี ไี ดใ้ นระดบั หนง่ึ การรกั ษาศลี เจรญิ ภาวนาน้ี เปน็ การสรา้ ง ความสขุ ทไ่ี มต่ อ้ งพง่ึ สมั ผสั ทาง รปู รส กลน่ิ เสยี ง และสมั ผสั ทางกาย มาปรงุ แตง่ ใหม้ คี วามสขุ การรกั ษาศลี เจรญิ ภาวนา และเปลยี่ นพฤตกิ รรมทงั้ ความ คิด การพูด การกระทำ�ให้เป็นไปในทางท่ีดีนั้น ก็มีโอกาสจะทำ�ให้ สภาวะการท�ำ งานของรา่ งกายเปลย่ี นในทางทดี่ ไี ดด้ ว้ ย ทงั้ นก้ี ข็ น้ึ อยกู่ บั เหตุปัจจัยท้ังของเก่าและของใหม่ (เช่น พฤติกรรมและองค์ประกอบ ๔๗กาลครั้งหน่งึ ...เมอื่ ฉนั หดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๔๘ กาลครงั้ หนึ่ง...เมือ่ ฉนั หัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk. อน่ื ๆ ของชวี ติ ทง้ั ในอดตี และปจั จบุ นั ) ในตวั ของแตล่ ะบคุ คลดว้ ย บาง คนโรคภัยไข้เจบ็ หายไปเลย บางคนอาการป่วยทุเลาลงไป มีบันทกึ ไว้ เปน็ ตวั อยา่ งอยหู่ ลายคนในหนงั สอื กฎแหง่ กรรมธรรมปฏบิ ตั ขิ อง พระ เดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมสิงหบรุ าจารย์ ส�ำ หรบั คนท่มี ีเหตปุ จั จยั ทดี่ ี อาจจะไมม่ ากพอใหอ้ าการปว่ ยหายหรอื ทเุ ลาลง แตก่ ารตงั้ ใจปฏบิ ตั ิ กรรมฐานอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยให้เขาไม่ทุกข์เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะการรักษาศีล เจรญิ ภาวนาเปน็ การสร้างความสุขโดยไม่ต้องพ่งึ สมั ผสั ทางกาย ดงั นน้ั ถงึ แมร้ า่ งกายจะมอี าการเจบ็ ปว่ ย แตใ่ จของเขา ไมไ่ ดป้ ่วยตามไปด้วย ถึงร่างกายจะทกุ ข์ แตใ่ จของเขาไมไ่ ดท้ ุกข์ตาม ไปดว้ ย เขาจงึ ใชช้ วี ติ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ มากขนึ้ ในรา่ งกายทแ่ี มจ้ ะยงั เจบ็ ป่วยเหมือนเดมิ กต็ าม โครงการเรียนรู้ดูกายใจฯนี้ ผู้ปฏิบัติธรรมที่ตั้งใจปฏิบัติ จะสามารถแก้ไขเหตุปัจจัยที่ไม่ถูกไม่ควร ที่เป็นเหตุก่อให้เกิดการเจ็บ ปว่ ยไดไ้ มน่ อ้ ย เพราะผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมจะไดป้ ฏบิ ตั กิ รรมฐานกนั ทง้ั วนั อยา่ ง ต่อเนอ่ื งหลายวัน อยา่ งนอ้ ยท่ีสุดผูป้ ฏบิ ัตจิ ะเข้าใจเรื่องของจติ มากข้นึ รจู้ กั การวางจติ ของตวั เองใหเ้ หมาะสมกบั เหตปุ จั จยั ในชวี ติ ของตน ตรง นกี้ เ็ ปน็ การจดั การกบั สาเหตขุ องการปว่ ยทม่ี าจากจติ แลว้ สว่ นการเจบ็ ป่วยที่มสี าเหตมุ าจากปจั จัยอ่ืน ๆ นั้น ผปู้ ฏบิ ตั กิ ไ็ ดเ้ รียนรู้แนวทางท่ี เหมาะสมท่ีจะหลีกเล่ียงการเจ็บป่วยจากเหตุปัจจัยเหล่านั้นด้วย เช่น ขบั ถา่ ยใหไ้ ด้ทุกเชา้ รับประทานอาหารเช้าใหเ้ พียงพอ ดืม่ นำ�้ เปลา่ ให้ เพยี งพอ ไม่นอนดกึ เป็นต้น รวมไปถึงการท�ำ อาหารทีด่ ีต่อสุขภาพ ถ้าผู้ปฏิบัตินำ�แนวทางเหล่าน้ีกลับไปปฏิบัติต่อที่บ้าน ก็จะสามารถ จดั การกบั สาเหตขุ องการปว่ ยไดม้ ากทเี ดยี ว ไมว่ า่ จะเปน็ สาเหตทุ ม่ี าจาก จติ หรอื สาเหตุอ่ืน ๆ ก็ตาม
ขอรว่ มอนโุ มทนาบญุ กบั ผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมทกุ ทา่ น ทมี่ าสรา้ ง ความดีมาปฏบิ ัติกรรมฐานกัน และขอเปน็ กำ�ลังใจให้ผู้ปฏบิ ตั ธิ รรมทกุ ท่านเรยี นรดู้ กู ายใจของท่านต่อไป ตั้งใจปฏบิ ตั ิอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง กำ�หนด จติ อยา่ งทหี่ ลวงพอ่ และพระอาจารยไ์ ดส้ อนไว้ อยา่ ยอ่ ทอ้ ตอ่ ความทกุ ข์ ทรมานทไี่ ดร้ บั หากรสู้ กึ ทกุ ขม์ ากกล็ องลกุ ขนึ้ มาท�ำ อะไรเพอื่ คนอน่ื เพอื่ สงั คมดบู า้ งเทา่ ทจ่ี ะทำ�ได้ อาจจะเรม่ิ จากคนรอบตวั กอ่ นกไ็ ด้ เชน่ ชว่ ย ใหเ้ ขาดแู ลเราไดอ้ ยา่ งสะดวกและสบายใจมากขนึ้ แลว้ คอ่ ยขยายวงออก ไปสคู่ นอืน่ อยา่ ปล่อยตวั เองให้จมลกึ ลงไปในกองทุกข์ และตอ้ งไมเ่ อา ความทกุ ขท์ ไี่ ดร้ ับมาเปน็ อารมณข์ องชวี ติ แต่ขอให้เอาความทุกขเ์ หลา่ นนั้ มาเปน็ ครสู อนกรรมฐาน ความทกุ ขท์ ไี่ ดร้ บั นนั้ กจ็ ะไมเ่ ปน็ ปญั หาของ ชีวติ อีกต่อไป ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกท่านท่ีได้ช่วยกันท�ำ โครงการ นอี้ ยา่ งดี ผมไดส้ มั ผสั กบั บรรยากาศในโครงการนี้ต้ังแตต่ ้นจนจบ ได้ ทราบวา่ พระอาจารยท์ า่ นตอ้ งหาขอ้ มลู เตรยี มการและประสานงานกบั แพทย์ พยาบาล และผรู้ ว่ มท�ำ โครงการทา่ นอน่ื ๆอยนู่ าน รวมทง้ั สง่ เรา ส่ีคนไปเรียนเรื่องนำ้�เอนไซม์ และการทำ�อาหารสำ�หรับผู้ป่วย กับ ดร.รสสคุ นธ์ และไดก้ ลบั มาชว่ ยท�ำ โครงการน้ี ไดเ้ หน็ ความตงั้ ใจ และ ความจรงิ ใจของผทู้ มี่ าชว่ ยงานทกุ คน ทงั้ ผทู้ ร่ี บั หนา้ ทด่ี แู ล และบรกิ าร ให้ความสะดวกกบั ผู้ปฏบิ ตั ธิ รรมทอ่ี าคารสุรสิ า ก็ทำ�งานกนั อย่างไม่ เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยเม่ือยล้า ท�ำ กันท้ังวันตั้งแต่ผู้ปฏิบัติยังไม่ต่ืน จนผปู้ ฏบิ ตั เิ ขา้ นอน ผทู้ มี่ าชว่ ยกนั ทำ�ครวั กม็ าชว่ ยกนั ทำ�ตง้ั แตต่ สี ี่ ตง้ั ใจ ท�ำ อาหารกันอย่างดี ตง้ั แตล่ า้ งผัก ผมก็สังเกตเห็นไดว้ า่ เค้าไม่ได้ใชแ้ ค่ น�้ำ กบั เอนไซมล์ า้ ง แตเ่ คา้ ใชน้ �้ำ ใจลา้ งกนั ดว้ ย เรยี กไดว้ า่ ลา้ งถกู นั อยา่ ง ดีแทบจะทกุ ใบเลยทเี ดยี ว น่งั ล้างกันเกอื บทั้งวัน อาหารกท็ ำ�กันอยา่ ง ๔๙กาลคร้งั หน่ึง...เม่ือฉนั หดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๕๐ กาลครั้งหน่ึง...เม่ือฉนั หัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk. ประณีต คอื ใส่ใจท�ำ กันอย่างดี และสะอาดในทุกขัน้ ตอน ใสใ่ จกันถงึ ขนาดทบี่ างคนท�ำ น�้ำ ผกั ปนั่ และน�้ำ นมธญั พชื กจ็ ะสวดบทอติ ปิ โิ สไปดว้ ย จนทำ�เสร็จ (ไมไ่ ด้ดว้ ยกล กเ็ อาดว้ ยมนต์คาถา) นี่คือเคล็ดลับของอาหารที่ดีคือผู้ทำ�อาหารทำ�ด้วยความ เมตตาปรารถนาดีต่อผู้รับประทานอาหาร ไม่ใช่ว่าต้องการให้ผู้รับ ประทานติดใจก็ใส่ผงชูรสลงไป แต่มันกลับไม่ใช่อาหารที่ดีต่อสุขภาพ เลย บางคนลางานไมไ่ ดก้ ย็ งั เอาเวลากอ่ นเขา้ งานหรอื หลงั จากเลกิ งาน แล้ว มาชว่ ยทำ�อะไรก็ได้เท่าที่จะมีใหช้ ว่ ยทำ�ในเวลานัน้ เหลอื แค่งาน ลา้ งถว้ ย จาน หมอ้ กระทะ กท็ ำ�ดว้ ยความเตม็ ใจ บางครงั้ เหน็ วา่ พวก เรามีความขัดแย้งไมเ่ ขา้ ใจกันบา้ ง กเ็ ปน็ เรอื่ งปกตขิ องการทำ�งานร่วม กันหลาย ๆ คน แต่ผมก็สัมผัสถึงความต้ังใจ และความจริงใจของ ทุก ๆ คนที่มาช่วยกันท�ำ โครงการในครั้งน้ีได้อย่างชัดเจน ช่างเป็น บรรยากาศทอี่ บอวลไปดว้ ยเมตตา และเปย่ี มลน้ ไปดว้ ยน�ำ้ ใจจรงิ ๆ ผม ขอร่วมอนโุ มทนาบญุ กบั ทุก ๆ ท่านอกี คร้ังครับ
มะเรง็
๕๒ กาลครงั้ หน่งึ ...เมื่อฉนั หัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk.
มะเร็ง ความหมายของโรคมะเร็ง มะเร็งเกิดจากความผิดปกติของสารพันธุกรรมหรือท่ีทาง การแพทยเ์ รยี กวา่ DNA หรอื ยนี ของเซลลน์ น้ั จนมผี ลใหร้ า่ งกายสรา้ ง เซลล์ทผี่ ิดปกตเิ พิ่มจ�ำ นวนข้ึนเรอ่ื ย ๆ โดยทไ่ี ม่สามารถควบคมุ จ�ำ นวน ได้ เซลล์ท่ีผิดปกตินี้เรียกว่า เซลล์มะเร็งน่ันเอง โดยเชื่อกันว่า ใน ร่างกายของคนเราทุกคนมียีนตัวนี้อยู่แล้ว แต่ยังคงอยู่ในสภาวะสงบ ยงั ไมก่ ่อใหเ้ กดิ โรค จนกระทัง่ ร่างกายไดร้ ับการกระต้นุ โดยการสะสม ของอนมุ ลู อิสระ (Free Radicals) และสารก่อมะเรง็ (Carcinogen) เชน่ การไดร้ ับสารพษิ จากเช้ือรา เชื้อจลุ ินทรยี ์ สารเคมีตา่ ง ๆ การ ปนเปือ้ นของอาหารทไ่ี ดร้ บั ประทานเขา้ ไปเป็นเวลายาวนาน ตลอด จนการได้รบั ควนั พิษจากท่อไอเสีย รบั สารไฮโดรคารบ์ อนจากอาหาร จำ�พวกปิ้ง ย่าง รมควัน จะทำ�ให้ยีนปกติมีความผิดปกติในระดับ โมเลกลุ กลายเปน็ ยนี ก่อมะเรง็ และก่อใหเ้ กิดความผดิ ปกติของเซลล์ จนเกิดโรคมะเร็งขน้ึ ในอวยั วะต่างๆ ของคนเรา มะเร็งสามารถเกดิ ได้ เกือบทุกส่วนของรา่ งกาย แตท่ พี่ บมาก ไดแ้ ก่ ๕๓กาลครง้ั หนง่ึ ...เมือ่ ฉนั หดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๕๔ กาลครง้ั หนึ่ง...เม่อื ฉนั หัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk. มะเร็งเต้านม พบมากที่สุดเปน็ อันดบั หน่งึ ของผูห้ ญิง มกั พบในอายรุ ะหวา่ ง ๔๕-๕๕ ปี อาจถา่ ยทอดไดท้ างพนั ธกุ รรม สมั พนั ธ์ กับความอ้วน อาหารไขมันสูง อุบัติการณ์เพิ่มขึ้นในเพศหญิงที่มี ฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงในระดับสูงเป็นเวลานาน ไดแ้ ก่ ผู้ไม่มีบุตร หรอื มบี ตุ รชา้ มีประจ�ำ เดอื นต้ังแตอ่ ายยุ งั นอ้ ย หรือ หมดประจ�ำ เดือนช้า ผู้หญิงทอ่ี ายตุ ้งั แต่ ๒๐ ปขี ึ้นไปควรตรวจเตา้ นม ตัวเองเดอื นละคร้งั และหากสงสยั วา่ มกี อ้ นในเตา้ นม อาจใช้การถ่าย ภาพเอ็กซเรย์เตา้ นม (Mammography) ในผหู้ ญงิ ที่มีอายุ ๕๐ ปีข้นึ ไป ควรตรวจ Mammogram เปน็ ประจำ�ปีละครัง้ มะเร็งปากมดลูก พบมากในเพศหญิงที่มีอายุระหว่าง ๔๙-๕๙ ปี สาเหตุสำ�คัญเกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papiloma Viruses) ทเี่ กดิ จากการระคายเคอื งจากการคลอด บุตรมาก หรือมเี พศสัมพนั ธม์ าก มกั พบในสตรีท่ีมีประวตั กิ ารอกั เสบ เรื้อรังของปากมดลูก การตรวจหามะเร็งชนิดนี้ควรตรวจหลังหมด ประจ�ำ เดอื น ๑ สัปดาห์ มะเรง็ ปากมดลกู นี้สามารถป้องกนั และรักษา ให้หายขาดได้หากตรวจพบในระยะเร่ิมต้น โดยวิธีตรวจวินิจฉัยท่ีเป็น มาตรฐาน คือการตรวจภายในและท�ำ Pap Smear ซึ่งแนะน�ำ ใหเ้ รม่ิ ท�ำ ต้ังแต่อายุ ๑๘ ปหี ลงั จากท่เี คยมปี ระวัตเิ พศสมั พันธ์ มะเร็งปอด เกิดจากความสกปรกของอากาศ รงั สี สาร เคมที ปี่ นเปอื้ นในบรรยากาศ การสูบบหุ ร่ีจัดเป็นเวลานาน แผลเร้อื รัง ในปอด สังเกตได้จากการไอเปน็ ระยะเวลานาน ไอเปน็ เลือด หรอื มี เสยี งแหบเรือ้ รงั น้ำ�หนกั ลด เบ่อื อาหาร เจ็บหน้าอก หายใจลำ�บาก
กลืนอาหารล�ำ บาก บางคร้ังอาจจะมีนำ�้ หนกั ลดโดยไมท่ ราบสาเหตุ มะเร็งตบั ประกอบด้วยมะเรง็ ๒ ชนดิ ใหญ่ ๆ คือมะเรง็ เซลลต์ บั หรอื ทเ่ี รยี กวา่ Hepatocellular Carcinoma ซง่ึ สาเหตทุ ส่ี �ำ คญั ทส่ี ดุ คอื การตดิ เชอื้ ไวรสั ตบั อกั เสบชนดิ B และ C และการรบั ประทาน อาหารที่ปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซิน ซึ่งเกิดจากเชื้อรา ส่วน มะเร็งอีกชนิดที่ทำ�ให้เกิดก้อนในตับได้คือ มะเร็งท่อน้ำ�ดี เรียกว่า Cholangio Carcinoma มะเร็งชนดิ น้พี บมากในคนไทยโดยเฉพาะใน ภาคอสี าน ซ่งึ สัมพันธก์ บั การรับประทานอาหารสกุ ๆ ดิบ ๆ ที่มกี าร ปนเป้ือนของพยาธใิ บไมต้ บั ในระยะเร่มิ ต้นของมะเร็งชนิดนี้ ผู้ป่วยจะ ไม่มอี าการ จนกระทงั่ กอ้ นมะเร็งเรมิ่ โตจนผู้ปว่ ยเริ่มอดึ อดั ท้องบวม เบ่ืออาหาร น้ำ�หนักลดอย่างรวดเร็วและสุดท้ายมีอาการตัวเหลือง สามารถตรวจพบด้วยการอลุ ตรา้ ซาวด์ มะเร็งล�ำ ไสใ้ หญ่ มักพบกบั ผู้ทรี่ ับประทานอาหารประเภท เนอื้ สตั ว์ และไขมนั ในปรมิ าณสงู และเกดิ จากการรับประทานอาหาร ท่ีมีกากน้อย ทำ�ให้เกิดการท้องผูก และมีการคั่งค้างของอุจจาระใน ลำ�ไส้ใหญ่ เยอื่ บลุ �ำ ไส้ จึงมโี อกาสสัมผสั กับสารก่อมะเรง็ รวมท้ังอาจ เกดิ จากการอักเสบ หรือแผลเรอื้ รังในลำ�ไสใ้ หญ่ นอกจากนัน้ โรคทาง กรรมพันธ์บุ างอย่างทำ�ใหเ้ พิ่มอตั ราเสยี่ งกับมะเร็งลำ�ไส้ใหญด่ ว้ ย มะเรง็ ผวิ หนงั มกั พบในผสู้ งู อายวุ ยั ๔๐-๕๐ ปขี นึ้ ไป ปจั จยั ทที่ ำ�ใหเ้ กดิ มะเรง็ ผิวหนงั ได้แก่ แสงแดด บรเิ วณของผวิ หนงั จะเกิด ความผิดปกติ เชน่ กอ้ นตุม่ เล็ก ทีเ่ ร่มิ ขยายวงกวา้ งออกไปหรือโตขน้ึ ๕๕กาลครัง้ หนึ่ง...เมื่อฉันหดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๕๖ กาลครัง้ หนงึ่ ...เมอ่ื ฉนั หัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk. เรอ่ื ย ๆ ดงั น้ัน หากเป็นแผลทผี่ ิวหนังและไม่หายภายใน ๒ สัปดาห์ ควรปรกึ ษาแพทยเ์ พอ่ื รกั ษาใหห้ ายขาด โดยแพทยอ์ าจตอ้ งมกี ารตดั ชน้ิ เน้ือเพ่ือประโยชน์ในการวินิจฉัย สาเหตุอาจเกิดจากการระคายเคือง เรื้อรังจากสารเคมี เช่น การได้รับสารหนูจากการกินเป็นเวลานาน การระคายเคอื งต่อไฝ หูด และปาน มะเร็งช่องปาก อาจเกิดได้ในทุกตำ�แหน่ง ได้แก่ ล้ิน กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก เหงือก เพดานปาก พื้นปากใต้ลิ้น ลิ้นไก่ ทอนซลิ เป็นต้น มักพบในช่วงอายุ ๕๙-๖๙ ปี เกิดจากการระคาย เคอื งเรือ้ รงั เช่น ในผทู้ ก่ี ินหมาก สูบบุหรี่ และด่ืมเหลา้ รวมทงั้ ผทู้ ีม่ ี ฟันเก กดเบยี ดล้ินในต�ำ แหน่งเดิมเสมอ ๆ และผู้ทใี่ ชฟ้ นั ปลอมหลวมที่ ท�ำ ให้มีการกดกระแทกเหงอื กจากการขยับเขยอ้ื นตลอดเวลา มะเร็งรงั ไข่ เป็นมะเร็งทพ่ี บบ่อยในผหู้ ญิงทไ่ี ม่มีบุตร เป็น หมันหรือมีบุตรน้อยกว่า ๒ คน อาจพบก้อนในช่องท้อง หรือช่อง เชงิ กราน ซง่ึ ท�ำ ให้เกดิ อาการแนน่ ทอ้ งหรือปวดทอ้ ง เม่ือก้อนโตขน้ึ จะ กดเบยี ดกระเพาะปสั สาวะ ท�ำ ใหป้ สั สาวะบอ่ ยและขดั นอกจากนยี้ งั อาจ เกิดจากการสร้างฮอร์โมนเพศที่ผิดปกติ ทำ�ให้มีประจำ�เดือนผิดปกติ เชน่ ขาดประจ�ำ เดอื นกอ่ นวยั อนั ควร การมเี ลอื ดออกผดิ ปกติ ปวดทอ้ ง นอ้ ย เปน็ ตน้ มะเร็งเมด็ เลอื ดขาว หรือ ลิวคีเมีย เป็นมะเร็งทพ่ี บบอ่ ย ทีส่ ุดในเด็ก โรคน้ีมีโอกาสเป็นไดเ้ ท่า ๆ กันทง้ั ในเดก็ หญิงและเด็กชาย ในระยะแรกอาการมักไม่คอ่ ยชดั เจน อาจเป็นไข้เรอื้ รัง เปน็ ๆ หาย ๆ
มีประวตั ิเลือดกำ�เดาออกบอ่ ย ๆ เลือดออกตามไรฟัน มจี ้�ำ เลือดตาม ตัวหรอื ฟกชำ้�งา่ ย ถา้ เปน็ มากขึ้นเดก็ จะซึมลง เบือ่ อาหาร ซดี มีจุด เลือดออกตามตัว ในระยะที่เป็นมาก จะมีก้อนโตข้ึนตามตำ�แหน่ง ตา่ ง ๆ เชน่ คอ ขาหนบี รกั แร้ เปน็ ต้น ปัจจัยสง่ เสรมิ ให้เกิดมะเรง็ ๑. เกดิ จากการบรโิ ภคอาหาร การรับประทานอาหารท่ีไมถ่ กู สขุ ลักษณะ เชน่ อาหารท่มี ี ไขมนั สงู อาหารทมี่ รี สเคม็ จดั และอาหารทมี่ สี ว่ นผสมของสารกอ่ มะเรง็ อาทิ สารกนั บดู สผี สมอาหาร สารหนู ดินประสวิ อาหารปิ้ง-ย่างที่ ไหมเ้ กรยี ม อาหารที่มีสว่ นผสมของฟอรม์ าลีน สารเร่งเนอื้ แดง สาร เรง่ การเตบิ โต ผงฟอกขาว พืชผักผลไม้ทีม่ สี ารพิษ หรือยาฆา่ แมลง ตกค้าง การบริโภคอาหารทะเลทม่ี สี ารคารบ์ อนไดออกไซดใ์ นเนอ้ื เปน็ ปรมิ าณมาก การรบั ประทานอาหารสกุ ๆ ดิบ ๆ อาหารดองเค็ม อาหารทอดด้วยน้ำ�มันทอดซ้ำ� การรับประทานอาหารท่ีมีเชื้อราท่ีมี สารพษิ อะฟลาทอกซนิ มักพบในถวั่ ลสิ ง อาหารทะเลแหง้ เปน็ ตน้ ๒. เกิดจากภมู ิต้านทานบกพรอ่ งหรือลม้ เหลว อาจเกิดจากความผิดปกติของร่างกายเอง เช่น เกิดจาก ความพกิ ารมาแต่กำ�เนิด กรรมพนั ธ์ุ โรคภมู คิ ุ้มกันบกพร่อง เซลล์เม็ด เลอื ดขาวบกพรอ่ ง ท�ำ ใหเ้ ซลลเ์ มด็ เลอื ดขาวไมส่ ามารถก�ำ จดั เซลลแ์ ปลก ปลอมทิ้งได้ทันก่อนท่ีมันจะเติบโตกลายเป็นก้อนเนื้อร้าย การขาด ๕๗กาลครัง้ หนง่ึ ...เม่ือฉันหัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๕๘ กาลคร้งั หนงึ่ ...เมือ่ ฉนั หดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk. วติ ามินบางชนดิ เชน่ วิตามนิ เอ ซี และอี เป็นต้น ๓. เกิดจากการสัมผัสสารกอ่ มะเรง็ การสูดควันพิษท้ังจากท่อไอเสียรถยนต์ ควันพิษจากแก๊ส การเชอ่ื ม การออ๊ กโลหะ ควนั จากการเผาไหมท้ ม่ี สี ว่ นประกอบของสาร ไฮโดรคาร์บอน ผงฝุ่นละอองในอากาศ การเสพยาเสพตดิ สาร ระเหย การสบู บหุ รี่ โดยในบหุ รจ่ี ะมสี ารทารแ์ ละนโิ คตนิ ซงึ่ ผทู้ สี่ บู บหุ ร่ี มากกวา่ ๒๐ มวน/วัน ติดตอ่ กนั เปน็ เวลา ๑๐ ปี จะมอี ตั ราเส่ียงตอ่ การเกิดโรคมะเร็งได้ ๘-๑๐ เท่าของผู้ท่ีไม่สูบ การด่ืมเครื่องดื่มท่ีมี แอลกอฮอลใ์ นปรมิ าณมากและบอ่ ยจนเกนิ ไป เพราะการรบั แอลกอฮอล์ มากกว่า ๖๐ กรมั ของเอทานอลต่อวัน เสยี่ งตอ่ การเปน็ มะเรง็ เพ่ิมขนึ้ ๙ เทา่ ๔. เกดิ จากมสี ารอนมุ ลู อสิ ระเขา้ ไปในรา่ งกายมากเกนิ ไป เม่ือใดก็ตามที่อนุมูลอิสระเข้าไปในร่างกายของเรา ไม่ว่า จะจากการรบั ประทานอาหาร หรอื จากอากาศทเ่ี ราหายใจเขา้ ไป หรอื ถูกสร้างภายในร่างกายเรา อนุมูลอิสระนี้จะเข้าไปดึงเอาอิเล็คตรอน จากเซลล์ในร่างกายมาเข้าคู่กับตัวมันเพ่ือให้เกิดความเสถียร อนุมูล อิสระสามารถรวมตัวกบั สารพันธุกรรม DNA ท�ำ ให้ DNA มีความ ผดิ ปกตเิ กดิ การกลายพนั ธ์ุ สง่ ผลใหเ้ กดิ เซลลใ์ หมท่ ผ่ี ดิ ปกตไิ ปจากเซลล์ เดิม เซลล์ใหม่ท่ีเกิดขึ้นนี้จึงเป็นเซลล์แปลกปลอมในร่างกาย หรือที่ เรยี กว่าเซลลม์ ะเร็งนน่ั เอง
๕. เกดิ จากความเครียด โดยอาจเกดิ จากการอยใู่ นสถานทที่ ม่ี เี สยี งดงั เกนิ ขนาดเปน็ เวลานาน เกดิ จากความคาดหวังในเรอื่ งราวเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ เวลา สถานทใี่ นสงั คมปจั จบุ นั อนั ไมอ่ าจตอบสนองความตอ้ งการทางอารมณ์ ได้ ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดในจิตใจ ทำ�ให้เกิดปฏิกิริยาเคมีใน ร่างกาย เวลาทเี่ ราโกรธหรือมีอารมณซ์ มึ เศรา้ ผิดหวัง เสยี ใจ ตอ่ ม ไร้ท่อจะผลิตฮอร์โมนท่ีตอบสนองต่ออารมณ์ดังกล่าว ส่งผลให้อนุมูล อสิ ระในรา่ งกายเพม่ิ มากขนึ้ หวั ใจเตน้ เรว็ ระบบหายใจผดิ ปกติ ระบบ ยอ่ ยอาหารท�ำ งานไดน้ อ้ ยลง ระบบเลอื ดขนึ้ สงู ลงต�่ำ ตลอดเวลา ระบบ สมอง และประสาทเกดิ การเปลยี่ นแปลง ซงึ่ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลรา้ ยตอ่ อวยั วะ ของร่างกาย และท�ำ ให้ภมู ติ ้านทานภายในตัวลดลง ส่วนใหญ่แล้วการเกิดมะเร็งน้ัน ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใด สาเหตหุ นึ่ง แตม่ ักเกิดจากหลาย ๆ สาเหตปุ ระกอบกัน และมกั จะเกดิ ขนึ้ พร้อม ๆ กนั ทงั้ อาจจะมาจากพฤตกิ รรมการบริโภคอาหารสมยั ใหม่ท่ีผิด ๆ โดยมะเร็งนั้นสัมพันธ์กับองค์ประกอบ ๔ ประการใน อาหารสมยั ใหม่ ได้แก่ ไขมนั โปรตนี และแคลอรท่ี ี่มากเกินไป รวมถงึ อาหารท่ีมีกากน้อยเกินไป ประกอบกับการอยู่ในสภาพแวดล้อมท่ีมี มลภาวะสูง ไดร้ ับสารก่อมะเรง็ อย่างต่อเน่ืองและเป็นเวลานาน รวม ทง้ั มีอาการเครียดด้วย เป็นตน้ ๕๙กาลคร้ังหนงึ่ ...เมื่อฉนั หดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๖๐ กาลคร้ังหนง่ึ ...เมอ่ื ฉันหัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk. อาการเริม่ ต้นของโรคมะเร็ง ไมว่ า่ ใครกต็ ามทม่ี พี ฤตกิ รรมเสยี่ งหรอื อยใู่ นสภาพแวดลอ้ ม ท่ีไม่ดี ล้วนมีโอกาสที่จะเป็นโรคมะเร็งด้วยกันท้ังสิ้น โดยมะเร็งน้ัน สามารถป้องกันและรักษาได้ แต่ก็ข้ึนอยู่กับตนเองว่าจะมีความสนใจ ใส่ใจและให้ความสำ�คัญกับสุขภาพมากแค่ไหน ซ่ึงเราสามารถสังเกต อาการเบื้องตน้ ของโรคมะเรง็ ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑. เกิดอาการผิดปกติของระบบขับถา่ ย เช่น อจุ จาระเปน็ สีด�ำ ปสั สาวะเป็นเลือด เกดิ อาการท้องรว่ งและท้องผกู สลบั กนั ไปแทบ ทุกวัน ๒. เกิดบาดแผลเรอ้ื รงั เมอื่ เกิดบาดแผลขึน้ ในร่างกาย ไม่ ว่าจะเปน็ สว่ นใดก็รักษาไม่ค่อยหายหรือหากหายกใ็ ช้เวลานาน ๓. เกดิ จากอาหารทร่ี บั ประทานเขา้ ไปแลว้ ไมย่ อ่ ยอยบู่ อ่ ย ๆ ทำ�ให้เกดิ อาการท้องอืด ทอ้ งบวม หรอื ทอ้ งผกู เปน็ ประจำ� ๔. เกดิ มโี ลหติ ไหลออกทางทวารหนัก และชอ่ งคลอดเป็น ประจำ�คราวละมาก ๆ หรืออาจจะหยดกระปริดกระปรอย มีอาการ ตกขาวผดิ ปกตแิ ละมีกล่นิ เหมน็ ๕. เกิดเป็นก้อนที่แข็งข้ึนตามบริเวณกล้ามเน้ือ หรืออาจ เกดิ ข้ึนท่ีบรเิ วณผวิ หนงั หรอื เต้านมในผ้หู ญงิ และอวัยวะสว่ นใดส่วน หนง่ึ แลว้ ค่อยขยายใหญโ่ ตขน้ึ ๖. เบอื่ อาหาร รับประทานอาหารได้นอ้ ย นำ�้ หนักลดลง โดยไม่ทราบสาเหตุ ๗. ไฝ ปานหรือหูดในร่างกาย มกี ารเปลีย่ นแปลงหรือผิด ปกตไิ ปจากลกั ษณะเดิม
๘. มีอาการอาเจียน จุกเสียด แน่นหน้าอกเป็นเวลา นาน ๆ และบอ่ ยครง้ั กลนื อาหารล�ำ บาก ๙. มอี าการไอเรื้อรงั แสบลำ�คอ เสียงแหบแห้ง เสยี งไม่ ค่อยออก ๑๐. มีน้ำ�มูกออกมาผิดปกติ มเี ลอื ดกำ�เดาไหล และหูออ้ื อยู่ตลอดเวลา ๑๑. มอี าการเคร่งเครียดทางอารมณ์บ่อย ๆ ๑๒. ปสั สาวะมเี ลอื ดปน กระเพาะปสั สาวะบวมโต ปสั สาวะ ขดั มีอาการหดเกร็ง ปวดหนบึ ๆ ๑๓. ประจ�ำ เดอื นมาผดิ ปกติ ขาดหายไปเปน็ เวลานาน หรอื มเี ลอื ดประจำ�เดอื นมากผิดปกติ หากว่าท่านใดพบอาการผิดปกติทางร่างกายดังกล่าวข้าง ตน้ แล้ว ควรรบี ไปตรวจสุขภาพรา่ งกาย ปรกึ ษาแพทย์โดยดว่ น อยา่ มวั รรี อ เพราะว่าอาการดังกลา่ วอาจจะเป็นมะเรง็ ในระยะเร่มิ แรกของ อวยั วะนนั้ หรอื อาจจะไมใ่ ชม่ ะเรง็ กไ็ ด้ แตห่ ากเปน็ มะเรง็ จรงิ กจ็ ะยงั อยู่ ในระยะเร่มิ แรกและมีโอกาสทจี่ ะรกั ษาใหห้ ายขาดได้ กระบวนการเกดิ เซลลม์ ะเร็ง รา่ งกายเราประกอบไปดว้ ยอวยั วะตา่ งๆ อวยั วะจะประกอบ ด้วยเซลล์ กลุ่มของเซลล์ท่ีมีรูปร่างและทำ�หน้าที่เหมือนกันรวมตัว กนั เปน็ อวยั วะ หลายอวยั วะมาท�ำ งานรว่ มกนั เปน็ ระบบหลาย ๆ ระบบ ทำ�งานร่วมกันเป็นร่างกายของคนเรา เซลลต์ ่าง ๆ จะมีอายุ เมือ่ ตาย ๖๑กาลครงั้ หนงึ่ ...เม่ือฉนั หดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๖๒ กาลครั้งหนง่ึ ...เมือ่ ฉันหดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk. ก็จะมีเซลล์ใหม่เกิดขึ้นทดแทนเซลล์เก่า เซลล์ท่ีสร้างใหม่ไม่หยุด เราเรยี ก เนอ้ื งอก ซงึ่ แบง่ เปน็ เนอ้ื งอกชนดิ ไมร่ า้ ยแรง หรอื สว่ นเซลล์ ทีแ่ พร่กระจายไปอวยั วะอืน่ ๆ เรยี ก มะเรง็ ภาพที๑่ เซลลป์ กติ ภาพท๒ี่ กกอ้ ลนมุ่ เเนซ้อื ลงลอ์มกะปเรรง็ ะกอบด้วย ทม่ี า http://naiyana-edit31.blogspot.com/2008/06/blog-post.html
ตารางแสดงความแตกต่างระหว่างเนื้องอกชนิดธรรมดากับมะเร็ง รายละเอียด เน้อื งอกชนิดธรรมดา มะเร็ง การเจริญเตบิ โต ชา เรว็ ลักษณะของการโต ดนั ออกไปรอบขาง แทรกซมึ การทำลายเน้ือเย่อื ปกติ นอ ยมากหรือไมม ี การทำลายหลอดเลือด มาก เปลือกหมุ (Capsule) ไมมี พบบอ ย การแพรก ระจาย (Metastasis) มี ผลทีเ่ กดิ ตอ รา งกาย ไมมี ไมม ี หลอดเลือดมาหลอ เลีย้ ง นอ ยมาก มี นอ ย มากถึงตาย เนา หรือแตกเปน แผล ไมค อยมี ปานกลางถึงมาก มีเสมอ มกี ารกลับเปนอีกภายหลงั ไมคอ ยมี ผา ตัดเอากอนออก มีเสมอ ที่มา http://www.kanchanapisek.or.th/kp6/BOOK9/chapter6/t9-6-l1.htm#sect1 ภายในก้อนมะเร็งแบง่ ได้เป็น ๓ ส่วน คือ ๑. สว่ นเจรญิ เปน็ สว่ นรอบนอกของกอ้ นเซลลม์ ะเรง็ ทกี่ �ำ ลงั โต ได้รับอาหาร และออกซิเจนจากหลอดเลือดสะดวกกว่าส่วนอ่ืน ท�ำ ใหแ้ บง่ ตวั ได้เร็ว ๒. ส่วนไม่เจริญอยู่ลึกถัดเข้ามา เป็นส่วนกลางของก้อน เนื้อ เป็นเซลลท์ ี่ยงั มีชีวติ แต่ไมแ่ บง่ ตัว แต่ก็พรอ้ มท่จี ะแบ่งตวั ได้ ๓. ส่วนแกนหรือส่วนตาย อยู่ตรงกลางของก้อนมะเร็ง ๖๓กาลคร้งั หนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๖๔ กาลครงั้ หน่งึ ...เมือ่ ฉนั หัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk. ประกอบด้วยเซลล์ท่ตี ายแลว้ เพราะขาดออกซิเจน หรอื ถกู เบียดตาย แต่เซลล์ช้ันนอก ๆ ของส่วนน้ีอาจจะไม่ตายแต่ไม่แบ่งตัว เนื่องจาก ออกซิเจนจากหลอดเลอื ดฝอยจะมีการซมึ ซาบไดใ้ นระยะจำ�กดั และถ้า เซลลอ์ ย่หู ่างจากหลอดเลอื ดฝอยเกินกวา่ ๐.๑๕ มม. จะถือวา่ เซลล์นน้ั อยใู่ นภาวะขาดออกซเิ จน ฉะนนั้ เมอ่ื กอ้ นมะเรง็ มขี นาดโตขน้ึ สว่ นแกน หรอื สว่ นตายจะมขี นาดโตขน้ึ ดว้ ย ในขณะทส่ี ว่ นเจรญิ และสว่ นไมเ่ จรญิ มักจะมีขนาดคอ่ นข้างคงที่ เน่ืองจากเซลล์มะเร็งเกิดจากความผิดปกติท่ียีนหรือ โครโมโซม ฉะน้นั เซลลม์ ะเรง็ จะแบง่ ตัวอย่างรวดเร็ว สรา้ งดีเอน็ เอ ช้ากว่าหรอื ใกลเ้ คยี งกบั เซลลป์ กติ แตเ่ ซลลม์ ะเร็งตายยากกว่า และ การทเ่ี ซลลม์ ะเร็งมักจะมีอัตราการแบง่ ตวั เรว็ กวา่ เซลลป์ กติ จึงเปน็ ผล ท�ำ ให้เซลล์มะเร็งรวมกันโตเปน็ ก้อน การศกึ ษาอัตราการเจริญเตบิ โต ของเซลลม์ ะเรง็ โดยเฉพาะชนดิ เปน็ กอ้ น อาจท�ำ งา่ ย ๆ โดยการวดั ระยะ เวลาทเ่ี ซลลม์ ะเรง็ แบง่ ตวั จนปรมิ าตรของกอ้ นมะเรง็ เพมิ่ ขนึ้ เปน็ ๒ เทา่ สำ�หรับมะเร็งส่วนมากท่ีเกิดในคนจะโตขึ้นเป็น ๒ เท่า โดยเฉล่ีย ประมาณ ๑-๕ เดอื น ความแตกตา่ งในการเจรญิ เตบิ โตของแตล่ ะเซลล์ แต่ละก้อนมะเร็งในผู้ป่วยรายเดียวกัน หรือต่างคนกัน หรือแม้แต่ใน ก้อนมะเร็งก้อนเดียวกัน ยังมีการเจริญเติบโตเร็วช้าต่างกัน มีมะเร็ง บางชนิดในคนทก่ี อ้ นโตชา้ มาก ทง้ั ๆ ทีเ่ ซลล์มอี ัตราการแบ่งตัวเร็ว
ความรนุ แรงของเซลล์มะเร็ง ในด้านการรักษามกี ารแบง่ ความรนุ แรงของมะเรง็ ตาม ระยะของโรค โดยเซลล์มะเรง็ แบ่งออกเปน็ ๔ ระยะตามการลกุ ลาม ของโรค ดังน้ี ระยะท่ี ๑ เ ซลล์มะเร็งยังจำ�กัดอยู่ในเฉพาะบริเวณที่เป็น ยังไมร่ บกวนเนื้อเย่อื ขา้ งเคียง ระยะที่ ๒ เซลล์มะเรง็ เรม่ิ ลุกลามถงึ เนอื้ เย่ือขา้ งเคยี ง แต่ ยงั ไม่ลามออกไปไกลเกนิ กว่าอวัยวะน้นั ๆ ระยะที่ ๓ เ ซลลม์ ะเรง็ ลกุ ลามไปยงั ตอ่ มน�้ำ เหลอื งใกลเ้ คยี ง และกระแสโลหิต ระยะที่ ๔ เซลล์มะเรง็ แพรก่ ระจายไปยงั อวัยวะอนื่ ๆ ของ ร่างกาย และเข้าไปทำ�ลายเซลล์เน้ือเยื่อในร่างกายให้เสื่อมสภาพลง อยา่ งรวดเรว็ การแพรก่ ระจายของเซลลม์ ะเรง็ เซลลม์ ะเรง็ เกดิ จากการสะสมของสารกอ่ มะเรง็ ทไี่ มส่ ามารถ เผาผลาญเป็นพลังงานได้ โดยเซลล์มะเร็งจะเติบโตและขยายตัวไปได้ เรื่อยๆ ดว้ ยการไดร้ ับอาหารและออกซิเจน ซง่ึ อาหารของมะเร็งน้ัน มาจาก ไขมนั โปรตนี และน�้ำ ตาล ยงิ่ ถา้ ไดร้ บั อาหารและออกซเิ จน เข้าไปมากเท่าไหร่ กระบวนการแบ่งตัวภายในเซลล์มะเร็งจะย่ิง ขยายตวั ออกไปเร่ือย ๆ แบบทวีคูณ และจะแบ่งเซลลผ์ ิดปกติกลาย เป็นเซลล์เน้ือร้ายหรือเซลล์มะเร็งต่อไป ซึ่งเซลล์มะเร็งสามารถแพร่ กระจายได้ ๔ วิธี ดังน้ี ๖๕กาลครั้งหน่ึง...เม่ือฉนั หดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๖๖ กาลครัง้ หนงึ่ ...เม่ือฉนั หัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk. ๑. โดยทางกระแสเลือด เซลล์มะเร็งจะหลุดเข้ากระแส เลอื ด แลว้ ไปเจริญเติบโตในอวยั วะตา่ ง ๆ เช่น ปอด ตับ กระดกู สมอง เปน็ ตน้ ๒. โดยทางกระแสน้ำ�เหลือง เซลล์มะเร็งหลุดเข้าหลอด นำ้�เหลืองแล้วไปเจริญเติบโตในต่อมน้ำ�เหลืองบริเวณใกล้เคียง ทำ�ให้ ตอ่ มน�ำ้ เหลืองมขี นาดโตไดม้ าก จากตอ่ มน้�ำ เหลืองนเี้ อง เซลล์มะเรง็ อาจจะแพรก่ ระจาย เขา้ สู่หลอดเลอื ดอกี ทอดหน่งึ ได้ ๓. การฝงั ตวั ของเซลลม์ ะเรง็ (Implantation) เซลลม์ ะเรง็ จะหลุดจากตำ�แหน่งเดิม ไปเจริญที่ส่วนอื่น อาจเป็นการหลุดโดย ธรรมชาติ หรอื โดยมกี ารกระต้นุ เชน่ จากการผา่ ตดั เป็นตน้ ๔. การไปจับหรือรวมตัวตามพ้ืนผิวของผนังเยื่อบุ (Transcoelomic) เซลล์มะเรง็ จะหลดุ จากก้อนมะเร็ง ไปงอกตามพื้น ผวิ ของเยอ่ื บตุ า่ ง ๆ เหมอื นกบั ตน้ กาฝาก ทแ่ี พรจ่ ากกง่ิ ไมก้ ง่ิ หนง่ึ ไปยงั ก่งิ ตดิ ๆ กนั เช่น ตามพน้ื ผวิ ของเยือ่ บุชอ่ งท้อง ช่องปอด เป็นตน้ การตายของเซลล์มะเรง็ เซลลม์ ะเรง็ สามารถตายได้จากสาเหตุตา่ ง ๆ ดงั น้ี ๑. แกต่ ายตามอายขุ ยั ของมนั แตโ่ ดยทว่ั ไปเซลลม์ ะเรง็ จะ ตายช้ากวา่ เซลล์ปกติ ๒. ถกู เซลลม์ ะเรง็ ดว้ ยกนั เบยี ดกนั ตาย เชน่ เซลลใ์ หมอ่ าจ เบียดเซลลเ์ กา่ ให้ตายได้โดยแย่งอาหารและออกซิเจนกนั เอง ๓. ถูกท�ำ ลายโดยเซลล์เม็ดเลอื ดขาว ซง่ึ จะไดก้ ลา่ วถงึ ต่อ ไปในเรื่อง “ภมู คิ ุ้มกนั ” (หน้า ๗๑)
๔. ถูกทำ�ลายด้วยการรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน เชน่ การผ่าตดั การใชเ้ คมีบำ�บัด การฉายแสง มะเรง็ ไมใ่ ชโ่ รคตดิ ตอ่ แตเ่ กดิ ขนึ้ จากความผดิ ปกตใิ นระดบั เซลลข์ องร่างกายในแตล่ ะบคุ คล ในคนท่มี สี ุขภาพดีโดยท่วั ไปอาจจะมี เซลลผ์ ิดปกติเหลา่ นี้ได้ถึง ๑๐๐-๑๐,๐๐๐ เซลล์เลยก็ได้ แตน่ ัน่ กไ็ มไ่ ด้ หมายความว่าคน ๆ น้ันจะป่วยเป็นมะเร็ง เพราะว่าร่างกายยังมี ภูมคิ ุ้มกนั ท่สี ามารถทำ�ลายเซลล์ผดิ ปกตเิ หล่านี้ได้ อย่างไรกต็ ามเซลล์ เหลา่ น้ยี ังถกู สร้างออกมาอยู่เรอื่ ย ๆ ตามธรรมชาติ ตราบเท่าทีเ่ รายัง มสี ขุ ภาพทแี่ ขง็ แรง รา่ งกายของเรากจ็ ะสามารถก�ำ จดั เซลลเ์ หลา่ นอี้ อก ไปได้ แตห่ ากใครยังคงมีนิสัยในการบรโิ ภคอาหารอย่างผิด ๆ และได้ รับสารกอ่ มะเร็ง ไดร้ บั อนุมูลอิสระตอ่ เนอ่ื งเป็นเวลานาน ชอบสูบบุหร่ี เกดิ ความเครยี ดบอ่ ย ๆ จนท�ำ ใหร้ ะบบภมู คิ มุ้ กนั ของรา่ งกายถกู ท�ำ ลาย ร่างกายก็จะอ่อนแอลงเร่ือยๆ จนเกิดเป็นโรคมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายในทส่ี ดุ วธิ ีการรักษามะเร็งทางแพทยแ์ ผนปจั จุบัน ๑. ก ารผ่าตัด เป็นวิธีการรักษาท่ีได้ท้ังการมุ่งหวังให้โรค หายขาดในกรณีท่ีโรคยังเป็นน้อย และเพ่ือเป็นการบรรเทาอาการ ช่ัวคราวในกรณีที่โรคเป็นมากแล้ว วิธีการผ่าตัดอาจจะตัดเอาเฉพาะ ก้อนมะเร็งออกเท่าน้ัน หรือเลาะเอาต่อมน้ำ�เหลือง และเนื้อเย่ือท่ีดี บรเิ วณใกลเ้ คียงออกไปดว้ ย ๖๗กาลครัง้ หนึ่ง...เม่ือฉันหดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๖๘ กาลครั้งหนึ่ง...เม่ือฉันหัดเดนิ Once upon a time, when I learn to walk. ๒. รงั สรี กั ษา เปน็ วธิ กี ารรกั ษาทใี่ ชไ้ ดท้ ง้ั การมงุ่ หวงั ใหโ้ รค หายขาด และเพอ่ื การบ รรเทาอาการชวั่ คราว การใชร้ งั สรี กั ษาบรเิ วณ ที่มีเซลล์มะเร็งอยู่ เป็นการรักษาแบบเฉพาะที่เช่นเดียวกับวิธีของการ ผ่าตัด ๓. เคมีบำ�บัด คือ การให้สารเคมีหรือยาท่ีทำ�ลายเซลล์ มะเรง็ ทง้ั ทตี่ น้ ตอ และทก่ี ระจายไปตามทางเดนิ น�ำ้ เหลอื ง กระแสเลอื ด หรืออวัยวะอ่ืนของร่างกาย เป็นการรักษามะเร็งแบบท้ังตัวของผู้ป่วย มะเรง็ โดยการรับประทานยาทีม่ ีความสามารถในการฆ่าหรอื ทำ�ลาย เซลลม์ ะเรง็ หรอื โดยการฉดี ยาทางหลอดเลอื ดด�ำ เปน็ ตน้ ยาเคมบี �ำ บดั เม่ือใหเ้ ข้าสู่รา่ งกาย จะไปทำ�ลายเซลลม์ ะเรง็ เละทำ�ลายเซลล์ปกติบาง สว่ น ทำ�ใหเ้ กดิ อาการขา้ งเคยี งขนึ้ โดยยาเคมบี ำ�บดั จะเขา้ ไปขดั ขวาง ขบวนการเจริญเติบโตของวงจรชีวิตเซลล์ทำ�ให้เซลล์ตาย ยาแต่ละตัว ออกฤทธแ์ิ ตกต่างกนั ในการรกั ษา บางแผนการรกั ษาประกอบด้วยยา หลายชนดิ ทใี่ หร้ ่วมกนั ท่มี า www.nci.go.th/knowledge/chem.html
๔. การใช้การรักษาทั้ง ๓ วิธีท่กี ลา่ วมาแล้วร่วมกัน ใน ปัจจุบนั นีก้ ารรักษาโรคมะเรง็ ได้ก้าวผ่านการรักษาตามอาการ และ การรกั ษาเพอ่ื บรรเทา เขา้ มาสกู่ ารรกั ษาเพอ่ื มงุ่ หวงั ใหโ้ รคหายขาดมาก ข้ึน แต่เดมิ การรกั ษามกั จะกระทำ�โดยแพทยเ์ ฉพาะทางฝา่ ยเดียว เมอื่ การรักษาล้มเหลวจากวิธีใดวิธีหน่ึงแล้ว จึงเปลี่ยนมาเป็นอีกวิธีหน่ึง ทำ�ให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าท่ีควร ในปัจจุบันน้ีจึงนิยมใช้วิธีการรักษา หลาย ๆ วิธรี ่วมกนั โดยมีวัตถุประสงคเ์ พือ่ ใหผ้ ลการรกั ษาดขี ้ึน หรือ สะดวกขึ้น อาทิเชน่ การผ่าตัดร่วมกบั สารเคมีบำ�บดั การผา่ ตดั รว่ ม กบั รังสรี ักษาและสารเคมบี ำ�บัด รงั สรี ักษารว่ มกบั สารเคมบี �ำ บัด เชน่ มะเรง็ ของอวัยวะตา่ ง ๆ ท่อี ยใู่ นระยะท่ีเปน็ มากแลว้ เปน็ ตน้ ๕. การรกั ษาโดยการใชฮ้ อรโ์ มน เนอื่ งจากมะเรง็ บางชนดิ มีความไวต่อการรักษาด้วยฮอร์โมน จึงให้ยาเพื่อเปลี่ยนแปลงระดับ ฮอร์โมน ทำ�ให้เซลลห์ ยุดการเจริญเตบิ โต ๖. การรกั ษาโดยการเพมิ่ ภมู คิ มุ้ กนั ใหก้ บั รา่ งกาย เปน็ วธิ ี การรกั ษาทเี่ พงิ่ จะสนใจ และเร่มิ ใช้กันในวงการแพทยเ์ ม่อื ไม่นานมาน้ี และนบั วนั จะยงิ่ มบี ทบาท มคี วามส�ำ คญั ในการรกั ษาโรคมะเรง็ มากขน้ึ เร่ือย ๆ ฉะน้ัน การกระตุน้ ใหร้ า่ งกายมีการสร้างภูมคิ มุ้ กนั เพิม่ ขน้ึ จะ โดยทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม น่าท่ีจะทำ�ให้มะเร็งท่ีกำ�ลังเป็นอยู่ใน บคุ คลผ้นู น้ั มกี ารฝ่อตวั ลง หรือหยุดการเจริญเติบโต หรือโตช้าลง ในการรักษาผูป้ ่วยโรคมะเร็ง แพทย์มจี ุดมุ่งหมายของการ รักษา ๒ ประการ คอื ๑. การรกั ษาเพอ่ื มุง่ หวงั ให้โรคหายขาด การรกั ษาจะอยู่ ในวงจ�ำ กดั ทโ่ี รคมะเรง็ ยงั อยใู่ นระยะเพง่ิ เรม่ิ เปน็ เทา่ นน้ั วธิ กี ารรกั ษามี ๖๙กาลครงั้ หน่งึ ...เมอ่ื ฉนั หัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๗๐ กาลคร้ังหนึ่ง...เม่อื ฉันหดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk. ทั้งการรกั ษาโดยการผา่ ตัด หรอื การใช้รังสีรักษา ๒. การรักษาเพื่อบรรเทาอาการช่ัวคราว สำ�หรับผู้ป่วย อย่ใู นระยะท่เี ป็นมาก การรักษามไิ ดม้ งุ่ หวังทีจ่ ะทำ�ใหโ้ รคหายขาด แต่ เพือ่ ทำ�ให้ผู้ป่วยสบายขนึ้ ชวั่ คราว หรอื ทุเลาจากอาการต่าง ๆ เทา่ นนั้ ซง่ึ อาจจะยดื อายผุ ปู้ ว่ ยออกไปอกี เลก็ นอ้ ย หรอื เพอ่ื ลดอตั ราการโตของ กอ้ นมะเร็งใหช้ า้ ลงช่ัวคราว การรับการรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน โดยการใช้ยา เคมีบำ�บัด การฉายรังสี เป็นการให้ตัวยาที่มีคุณสมบัติยับย้ัง (Inhibit) และควบคมุ (Control) ในการรกั ษาโรค โดยมองเหตขุ อง ความเจ็บป่วยของรา่ งกายเฉพาะจุดท่มี ีอาการเปน็ หลกั โดยการให้ ตัวยาในปริมาณท่ีเข้มข้นเพื่อทำ�ให้เซลล์มะเร็งถูกทำ�ลายอย่าง รวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำ�ลายเซลล์ที่ดีของร่างกายอย่าง รวดเรว็ เชน่ กนั และอาจท�ำ ลายระบบของอวยั วะส�ำ คญั ไปดว้ ย เชน่ ตบั ไต หวั ใจ หรือปอด รวมทง้ั ทำ�ใหจ้ ำ�นวนเมด็ เลอื ดขาวนอ้ ยหรือต�ำ่ กวา่ ปกติได้ ภาวะเมด็ เลือดขาวนอ้ ย ท�ำ ให้การตา้ นทานตอ่ โรคลดลง เกดิ การติดเช้ือได้ง่าย วิธีท่ีมีประสิทธิภาพที่จะต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง คือ หยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งโดยการหยุดให้อาหารที่เซลล์ มะเรง็ จ�ำ เป็นตอ้ งน�ำ ไปใช้ กล่าวคอื งดโปรตีนและไขมัน และเพมิ่ สารอาหารทเี่ ปน็ พชื ผกั ธรรมชาตทิ ม่ี สี ารอาหารครบ เพอื่ ใหร้ า่ งกาย คอ่ ย ๆ ฟ้นื ตวั โดยการสร้างภูมิคุ้มกันใหต้ วั เองอย่างค่อยเปน็ คอ่ ย ไป
๗๒ กาลครงั้ หน่งึ ...เมื่อฉนั หัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk.
ภมู ิคุ้มกัน (Immune) ระบบภูมิค้มุ กนั (Immune System) ในรอบ ๆ ตัวเราเตม็ ไปดว้ ยเชื้อแบคทีเรยี เชอ้ื ไวรสั และ เช้อื โรคเล็ก ๆ มากมายทตี่ าของเรามองไมเ่ ห็น เราต้องสมั ผัสกบั เชอ้ื โรคตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และในแตล่ ะวันเรากส็ มั ผัสกบั เชื้อโรคอย่างนับ ไมถ่ ว้ น ท�ำ ไมเราไมเ่ จบ็ ปว่ ยเพราะเชอื้ โรคเหลา่ นนั้ หรอื หากจะเจบ็ ปว่ ย บ้างแต่ก็ไม่บ่อยนัก การท่ีเราไม่เจ็บป่วยง่าย ๆ เพราะร่างกายมี ภูมิคุ้มกัน(หรือภูมิต้านทาน)คอยปกป้องอยู่ ภูมิคุ้มกันเป็นกลไกการ ป้องกันตนเองอย่างหน่ึงของร่างกาย เม่ือมีส่ิงแปลกปลอมที่เป็น อันตรายเขา้ สรู่ ่างกายและอาจเปน็ โทษ ระบบภมู คิ ุ้มกันก็จะออกมาตอ่ ตา้ นหรือทำ�ลายส่งิ แปลกปลอมนั้นให้หมดไปจากรา่ งกายโดยเรว็ และ มปี ระสิทธิภาพ ร่างกายจงึ อย่ไู ดอ้ ยา่ งปกติสขุ ไมเ่ จ็บป่วย กลไกการท�ำ งานของภูมิคุ้มกัน ในรา่ งกายของคนเรานน้ั มกี ระบวนการทางธรรมชาตทิ จี่ ะ รักษาตัวเอง (Spontaneous Healing) โดยเซลล์เม็ดเลือดขาว (Lymphocyte Cell) ซง่ึ ท�ำ หนา้ ทสี่ รา้ งภมู ติ า้ นทานรกั ษาความปลอดภยั ใหแ้ กร่ า่ งกาย โดยสร้างมาจากเซลลต์ ้นกำ�เนิดเม็ดเลอื ดจากไขกระดูก พบมากในต่อมไทมัส ม้ามและต่อมนำ้�เหลือง เม็ดเลือดขาวมีอยู่ ๓ ชนิด คอื ๑. ทีเซลล์ ( T-Lymphocyte) ท�ำ หนา้ ทีเ่ ก่ยี วกบั ภูมิคุม้ กัน ท้ังหมด ๗๓กาลครัง้ หนงึ่ ...เมือ่ ฉันหดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk.
๗๔ กาลครงั้ หนึ่ง...เมื่อฉนั หดั เดนิ Once upon a time, when I learn to walk. ๒. บเี ซลล์ ( B-Lymphocyte) ท�ำ หนา้ ท่ีสรา้ งแอนตบิ อดี ส�ำ หรบั ทำ�ลายเช้อื โรค ๓. เซลลน์ กั ฆา่ (Natural Killer Cell) ท�ำ หน้าท่ีท�ำ ลาย เซลลแ์ ปลกปลอม คอื เซลล์มะเร็งและไวรสั ท้ิง การทำ�งานของภูมิคุ้มกันเรียกรวมกันว่า ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) แบ่งเปน็ ๒ ระบบ คือ ๑. ภูมคิ ุ้มกันทอ่ี าศยั เซลล์โดยตรง คอื เมอื่ มเี ช้ือโรคเข้าสู่ ร่างกาย และเม็ดเลอื ดขาวไปพบเขา้ ก็จะจบั กินท�ำ ลายเสีย เปรียบกับ การประจนั หน้าศัตรู และใช้ก�ำ ลงั เข้าห้�ำ หัน่ กนั ๒. ภมู คิ มุ้ กนั ทอี่ าศยั เซลลโ์ ดยออ้ ม คอื เมอื่ เชอ้ื โรคเขา้ มา เซลล์จะสร้างสารต่อต้านสิ่งแปลกปลอมขึ้นมา เรียกว่าแอนติบอดี (Antibody) แอนตบิ อดีจะไปจบั กับสง่ิ แปลกปลอม เหมอื นแมก่ ุญแจกบั ลูกกญุ แจ ทำ�ใหส้ ่งิ แปลกปลอมไมส่ ามารถแผลงฤทธ์กิ ับรา่ งกายได้ ซงึ่ ทง้ั ๒ ระบบนท้ี �ำ งานสมั พนั ธเ์ ชอ่ื มโยงกนั เรยี กวา่ รวม กนั เปน็ กองก�ำ ลงั ตดิ อาวธุ และประจญั บาน ตอ่ ตา้ นผบู้ กุ รกุ ไมใ่ หร้ กุ ราน ร่างกาย การสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั นนั้ ในขน้ั แรกเมอื่ มเี ชอ้ื โรคหรอื สง่ิ แปลก ปลอมเขา้ มา จะมเี ซลลไ์ ปทำ�ความรจู้ กั กบั เชอ้ื โรค แลว้ บรรจขุ อ้ มลู สง่ ไปให้เซลลท์ ีม่ หี น้าท่สี รา้ งสารต่อตา้ น หากเคยรู้จกั แล้ว กจ็ ะสรา้ งสาร ต่อต้านออกมาเลย แต่ถ้ายังไม่เคยรู้จักเลยจะต้องส่งต่อไปให้เซลล์อีก ตวั ถอดรหสั ก่อน เพ่ือที่จะสร้างสารตอ่ ต้านใหถ้ กู ชนดิ กับเชื้อโรคทเ่ี ขา้ มา สารภูมิคมุ้ กนั (แอนติบอดี)แตล่ ะชนดิ จะมอี ายุไมเ่ ทา่ กัน บางชนิดก็ อยู่ได้ไม่นาน บางชนิดก็อยู่ได้หลายปี บางชนิดก็อยู่ได้ตลอดชีวิต
เชน่ วัคซนี หดั เยอรมนั ทค่ี มุ้ กันไดต้ ลอดชวี ิต เสรมิ สรา้ งภูมคิ ้มุ กัน ถงึ แมแ้ ตล่ ะคนจะมภี มู คิ มุ้ กนั ทไี่ ดร้ บั ถา่ ยทอดทางกรรมพนั ธุ์ ต่างกัน แต่ก็สามารถมีภูมิคุ้มกันที่ดีได้เหมือนกัน การเสริมสร้าง ภูมิคุ้มกันมีหลักงา่ ย ๆ ดังน้ี อาหาร กนิ อาหารใหค้ รบทุกหมูแ่ ละเพยี งพอ และอาหาร ทกี่ นิ ควรมคี ณุ ภาพดี เชน่ สด สะอาด ปนเปอื้ นนอ้ ยทสี่ ดุ ไมก่ นิ อาหาร หมกั ดอง อาหารที่ทอด หรือยา่ งจนไหม้เกรียม ออกก�ำ ลงั กาย การออกก�ำ ลงั กายจะท�ำ ใหร้ ะบบไหลเวยี น เลือดดีขึ้น มีการแตกแขนงของหลอดเลือดในเนื้อเยื่อต่างๆ มากข้ึน ทำ�ให้เม็ดเลือดขาวหรือภูมิคุ้มกันเข้าสู่เนื้อเยื่อต่างๆ ได้ง่าย เม่ือมี เชื้อโรคเขา้ มาก็เข้าไปจดั การได้เร็ว สภาพจิตใจ จิตใจมสี ว่ นเก่ียวขอ้ งกบั การหลง่ั สารเอนโด ฟินหรือสารสุขในร่างกาย สารน้ีพอหลั่งออกมาทำ�ให้ระบบการ ท�ำ งานของเซลล์ดขี ้นึ ในทางตรงกันขา้ ม หากจติ ใจห่อเห่ยี ว เศรา้ เปน็ ทกุ ข์ รา่ งกายจะหลง่ั สารทกุ ข์ ( อะดรนี าลนิ ) ท�ำ ใหร้ ะบบภมู คิ มุ้ กนั ท�ำ งานได้ไม่ดี รา่ งกายอาจเจ็บปว่ ยได้ สารเอนโดฟินจะหลั่งเม่อื จิตใจ มีความสขุ สงบ เบกิ บาน ฉะนนั้ การคิดแตส่ ่งิ ดี ๆ คิดช่วยเหลือผู้อ่นื คิดในดา้ นบวกก็เป็นการเสรมิ สรา้ งภูมิคุม้ กันเชน่ กนั แต่ระบบภูมิต้านทานจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับวิธีการดูแล ตนเองด้วยโดยเฉพาะ ๑. ล้างมือบอ่ ย ๆ ๗๕กาลคร้งั หนง่ึ ...เม่ือฉนั หดั เดิน Once upon a time, when I learn to walk.
๗๖ กาลครงั้ หนึง่ ...เมือ่ ฉันหัดเดิน Once upon a time, when I learn to walk. ๒. พักผอ่ นให้เพียงพอ ๓. หาวธิ ีคลายเครยี ด ๔. ออกก�ำ ลังกายอย่างสม่ำ�เสมอ ๕. รบั ประทานอาหารท่ีมีประโยชน์ วิตามนิ และเกลือแร่ มผี ลตอ่ ระบบภูมิตา้ นทานอย่างมาก ผเู้ ชยี่ วชาญท�ำ การศกึ ษาวจิ ยั เรอ่ื งภมู ติ า้ นทาน พบวา่ การที่ ร่างกายขาดสารอาหารแม้เพียงเล็กน้อยจะทำ�ให้ภูมิต้านทานต่ำ�ลง และทำ�ให้เกิดการตดิ เช้อื ไดง้ ่ายขึน้ แต่ถ้าได้รบั วติ ามิน และเกลอื แร่ บางชนิดมากเกินไป โดยเฉพาะถ้ารับประทานในรูปของอาหารเสริม อาจเปน็ อนั ตรายได้ เชน่ ธาตุสังกะสีทชี่ ่วยปอ้ งกนั หวัด ถ้าได้รับมาก เกนิ ไปก็อาจลดการดดู ซมึ ของธาตทุ องแดง และลดภูมติ า้ นทานได้ ถา้ ร่างกายรับธาตุทองแดงมากเกินไปอาจท�ำ ให้เกิดปัญหาอนุมูลอิสระใน ร่างกาย ดังน้นั การรบั ประทานอาหารธรรมชาตทิ ห่ี ลากหลายจะได้ สารอาหารที่สมดุล และช่วยสง่ เสริมการท�ำ งานของระบบภูมิคุม้ กันได้ ดที สี่ ุด สารอาหารท่ีมีความจ�ำ เป็นต่อระบบภมู คิ มุ้ กนั วิตามนิ บี ๖ เปน็ ตวั ช่วยให้เมด็ เลือดขาวสร้างแอนติบอดี มมี ากในเนือ้ หมู เน้อื ไก่ ปลา เมลด็ ธญั พืช ถ่วั เปลอื กแขง็ ตา่ ง ๆ และ ผลไมโ้ ดยเฉพาะ กล้วย มะมว่ ง ลูกพรนุ อง่นุ วติ ามินซี ช่วยปอ้ งกนั เซลลเ์ มด็ เลือดขาวที่ทำ�หน้าท่ดี กั จบั เช้ือแบคทเี รยี พบมากในผกั และผลไมห้ ลายชนิด เช่น ผลไม้ประเภท
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332