luangpordu.com
ตามรอยธรรมย้ำรอยครู หลวงปดู่ ู่ พ รหมปัญโญ ประวัติและคติธรรมคำสอนของหลวงปดู่ ู่พรหมปัญโญ สงวนลขิ สิทธิ์ พมิ พแ์ จกเป็นธรรมทาน ห้ามคดั ลอก ตดั ตอน หรือนำไปพมิ พ์จำหน่าย ฉบบั ปรบั ปรงุ พมิ พค์ ร้งั ท่ี ๑ : ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ จำนวน ๕,๐๐๐ เลม่ เออื้ เฟ้ือภาพ : มานพ เลศิ อิทธิพร กนก สุริยสตั ย์ จดั ทำโดย : กลมุ่ เพ่อื นธรรมเพอื่ นทำ พรสทิ ธ ์ิ อุดมศลิ ป์จินดา วิชชุ เสรมิ สวสั ดิ์ศรี เมธา พรพิพัฒน์ไพศาล นศิ า สวุ รรณสุขโรจน์ ปฏิภัทร ปัจฉมิ สวสั ด์ ิ ศลิ ปกรรม : ARTISTIC GROUP โทร. ๐๘๑-๙๒๒-๑๓๕๑ โทรสาร ๐๒-๘๘๔-๓๕๓๖ ดำเนนิ การพิมพ์ บรษิ ัท คิว พรน้ิ ท์ แมเนจเมน้ ท์ จำกัด โทร. ๐๒-๘๐๐-๒๒๙๒, ๐๘๔-๙๑๓-๘๖๐๐ โทรสาร ๐๒-๘๐๐-๓๖๔๙ luangpordu.com Dhammaintrend รว่ มเผยแพรแ่ ละแบง่ ปันเป็ นธรรมทาน
สารบัญ ๑ ๒๙ ประวัติหลวงปดู่ ู่พ รหมป ัญโญ ๓๐ คตธิ รรมคำสอนของหลวงปู่ดู่ พ รหมป ญั โญ ๓๑ ๑. สมมุตแิ ละวิมตุ ิ ๓๒ ๒. อปุ มาศีล สมาธิ ปัญญา ๓๓ ๓. หนง่ึ ในส่ี ๓๔ ๔. อานิสงสก์ ารภาวนา ๓๕ ๕. แสงสว่างเปน็ กิเลส ๓๖ ๖. ปลกู ต้นธรรม ๓๗ ๗. วดั ผลการปฏบิ ตั ิด้วยสิ่งใด ? ๓๘ ๘. เทวทูต ๔ ๓๙ ๙. อารมณอ์ ัพยากฤต ๔๐ ๑๐. ตรี โท เอก ๔๑ ๑๑. ต้องสำเร็จ ๔๒ ๑๒. จะเอาโลกหรอื เอาธรรม ๔๔ ๑๓. แนะวธิ ีปฏบิ ัติ ๔๕ ๑๔. การบวชจติ -บวชใน ๔๖ ๑๕. ควรทำหรือไม่ ? ๔๗ ๑๖. การอุทิศส่วนกศุ ลภายนอกภายใน ๔๘ ๑๗. สติธรรม ๔๙ ๑๘. ธรรมะจากซองยา ๑๙. ธรรมะจากโรงพยาบาล luangpordu.com ๒๐. ของจริง ของปลอม
๒๑. คำสารภาพของศิษย์ ๕๐ ๒๒. ทรรศนะตา่ งกัน ๕๒ ๒๓. อุเบกขาธรรม ๕๓ ๒๔. ให้รจู้ ักบุญ ๕๕ ๒๕. อบุ ายวิธีทำความเพียร ๕๖ ๒๖. พระเกา่ ของหลวงปู่ ๕๗ ๒๗. ข้อควรคดิ ๕๘ ๒๘. ไมพ่ ยากรณ์ ๕๙ ๒๙. จะตามมาเอง ๖๐ ๓๐. แนะวิธวี างอารมณ์ ๖๑ ๓๑. อย่าพดู มาก ๖๒ ๓๒. เช่ือจริงหรอื ไม่ ? ๖๓ ๓๓. คดิ วา่ ไม่มีดี ๖๔ ๓๔. พระทคี่ ล้องใจ ๖๕ ๓๕. จะเอาดีหรอื เอารวย ๖๖ ๓๖. หลักพระพุทธศาสนา ๖๘ ๓๗. “พ” พาน ของหลวงปู่ ๖๙ ๓๘. การสอนของท่าน ๗๐ ๓๙. หัดมองช้นั ลึก ๗๑ ๔๐. เวลาเป็นของมีค่า ๗๒ ๔๑. ตอ้ งทำจรงิ ๗๓ ๔๒. ของจรงิ น้ันมอี ยู่ ๗๔ ๔๓. ลม้ ให้รีบลกุ ๗๕ ๔๔. สนทนาธรรม ๗๗ luangpordu.com
๔๕. ผู้บอกทาง ๗๘ ๔๖. อยา่ ทำเลน่ ๗๙ ๔๗. อะไรมีคา่ ทีส่ ดุ ๘๐ ๔๘. นายระนาดเอก ๘๒ ๔๙. เสกข้าว ๘๓ ๕๐. สำเรจ็ ทไ่ี หน ๘๔ ๕๑. เรารกั ษาศลี ศีลรกั ษาเรา ๘๕ ๕๒. คนดขี องหลวงปู่ ๘๖ ๕๓. ส้ันๆ กม็ ี ๘๗ ๕๔. แบบปฎบิ ตั ิธรรมหลวงปู่ดูเ่ ป็นเชน่ ใด ? ๘๘ ๕๕. บทเรียนบทแรก ๙๐ ๕๖. หนึง่ ในสี่ (อีกคร้งั ) ๙๓ ๕๗. วิธีคลายกลมุ้ ๙๕ ๕๘. อะไรได้ อะไรเสีย ๙๘ ๕๙. ความสำเร็จ ๑๐๐ ๖๐. อารมณข์ ันของหลวงปู่ ๑๐๒ ๖๑. ของหายาก ๑๐๓ ๖๒. คนหายาก ๑๐๕ ๖๓. ดว้ ยรักจากศิษย์ ๑๐๗ ๖๔. ดว้ ยรกั จากหลวงปู่ ๑๐๙ ๖๕. จิง้ จกทกั ๑๑๑ ๖๖. หลวงปกู่ บั ศษิ ย์ใหม่ ๑๑๓ ๖๗. คาถาของหลวงปู่ ๑๑๖ ๖๘. อยา่ ใหใ้ จเหมอื น... ๑๑๙ luangpordu.com
๖๙. วัตถุสมบตั ิ ธรรมสมบตั ๑๒๑ ๗๐. ทำไมหลวงปู่ ๑๒๓ ๗๑. “งาน” ของหลวงปู่ ๑๒๖ ๗๒. ขอเพยี งความร้สู ึก ๑๒๘ ๗๓. ปาฏิหาริย์ ๑๓๐ ๗๔. เรอื่ งบังเอิญทีไ่ มบ่ ังเอิญ ๑๓๓ ๗๕. คลืน่ กระทบฝั่ง ๑๓๕ ๗๖. หลวงปูบ่ อกข้อสอบ ๑๓๙ ๗๗. ตวั ประมาท ๑๔๒ ๗๘. ของโกหก ๑๔๔ ๗๙. ถงึ วดั หรอื ยงั ๑๔๕ ๘๐. รางวลั ทนุ ภูมพิ ล ๑๔๗ ๘๑. หลวงปทู่ วดชว่ ยชวี ติ ๑๔๙ ๘๒. ทามาก็อตจิ ๑๕๒ ๘๓. ไตรสรณาคมน์ ๑๕๕ ๘๔. ไม่พอดกี ัน ๑๕๘ ๘๕. ธรรมะจากสัตว์ ๑๖๐ ๘๖. สงั คมวปิ รติ ๑๖๒ ๘๗. เช้อื ด้อื ยา ๑๖๔ ๘๘. คณุ ธรรม ๖ ประการ ๑๖๖ ๘๙. ลงิ ติดตงั ๑๖๘ ๙๐. ปรารภเรือ่ ง “การเกดิ ” ๑๖๙ ๙๑. เมด อนิ วัดสะแก ๑๗๑ ๙๒. หลวงปูด่ ู่ หลวงป่ทู วด ๑๗๓ luangpordu.com
๙๓. กรรมฐานพาลจติ เพีย้ น ๑๗๕ ๙๔. จะไปทางไหน ๑๗๙ ๙๕. ตเี หล็กรอ้ นๆ ๑๘๑ ๙๖. ครูพักลกั จำ ๑๘๓ ๙๗. ที่สุดแห่งทกุ ขเวทนา ๑๘๕ ๙๘. พุทธนมิ ิต ๑๘๙ ๙๙. หลวงปบู่ อกหวย ๑๙๒ ๑๐๐. อยากไดว้ ตั ถมุ งคลของหลวงปู่ ๑๙๖ ๑๐๑. เห็นแล้วไมห่ ัน ๒๐๐ ๑๐๒. เปรียบศลี ๒๐๓ ๑๐๓. บทเรียนทางธรรม ๒๐๔ ๑๐๔. พลิกชีวติ ๒๐๙ ๑๐๕. บาป ๒๑๒ ๑๐๖. ความเมตตาและขนั ติธรรมของหลวงปู่ ๒๑๕ ๑๐๗. หลวงปตู่ ายแล้วต้องลงนรก ? ๒๑๗ ๑๐๘. ท่มี าของวตั ถุมงคลรุ่น“เปิดโลก” ๒๒๑ ๑๐๙. ปฏิบัติแบบโง่ๆ ๒๓๑ ๑๑๐. พทุ ธคณุ กบั การเชค็ พระ ! ๒๓๓ ๑๑๑. ธรรม ทำใหค้ รบ ๒๓๗ ๑๑๒. ช้างม าไหว้ห ลวงปู่ ๒๔๐ ภาคผนวก ๒๔๔ • คาถาบูชาพระ ๒๔๕ • คำสมาทานพระกรรมฐาน luangpordu.com
luangpordu.com
1 ๑ ประวัตหิ ลวงป่ดู ู่ พ รหมป ญั โญ ช าติภมู ิ พระคณุ เจา้ หลวงปู่ดู่ พ รหมปญั โญมีชาติกำเนิดในสกุล“ หนศู รี” เดมิ ช อ่ื ดู่ เกดิ เมอ่ื วนั ท ่ี ๒ ๙ เมษายนพ.ศ .๒๔๔๗ตรงกบั วนั ศ กุ รข์ น้ึ ๑ ๕คำ่ เดือน๖ปีมะโรงซงึ่ ตรงก บั วนั วสิ าขบูชาณ บ า้ นข ้าวเม่าต ำบลข ้าวเม่า อำเภออุทยั จังหวดั พระนครศรีอยุธยา โยมบ ดิ าช อ่ื พ ดุ โยมม ารดาช อ่ื พ มุ่ ท า่ นม พี น่ี อ้ งรว่ มม ารดาเดยี วกนั ๓ค นทา่ นเป็นบตุ รคนสดุ ท้ายมีโยมพสี่ าว๒คนม ชี ือ่ ตามลำดบั ดังน้ี ๑.พ ี่สาวช ื่อท องคำสุนิมติ ร ๒.พี่สาวชอ่ื ส มุ่ พ ่ึงกุศล ๓.ตวั ท่าน ป ฐมวยั แ ละก ารศกึ ษาเบอ้ื งตน้ ชวี ติ ในว ยั เดก็ ข องท า่ นด จู ะข าดค วามอ บอนุ่ อ ยมู่ ากด ว้ ยก ำพรา้ บ ดิ า มารดาต ง้ั แ ตเ่ ยาวว์ ยั น ายย วงพ งึ่ ก ศุ ลซ ง่ึ ม ศี กั ดเิ์ ปน็ ห ลานข องท า่ นไดเ้ ลา่ ให้ฟังว า่ บิดาม ารดาของทา่ นม อี าชีพทำน า โดยน อกฤ ดูทำนาจ ะมีอาชีพ ทำข นมไขม่ งคลข ายเมอื่ ต อนท ที่ า่ นย งั เปน็ เดก็ ท ารกม เี หตกุ ารณส์ ำคญั ท ่ี ควรบันทกึ ไว้ ค อื ในค นื ว ันห นงึ่ ซ ึ่งเป็นห นา้ น ้ำข ณะท ่บี ดิ าม ารดาของท า่ น กำลงั ท อด“ ข นมม งคล” อ ยนู่ น้ั ท า่ นซ งึ่ ถ กู ว างอ ยบู่ นเบาะน อกชานค นเดยี ว ไม่ทราบด้วยเหตุใดตัวท่านได้กลิ้งตกลงไปในน้ำทั้งคนท้ังเบาะ แต่เป็นท่ี luangpordu.com
๒2 อศั จรรย์ยงิ่ ทีต่ ัวท่านไมจ่ มน ้ำก ลบั ลอยนำ้ จ นไปต ิดอ ยขู่ ้างร้ัว กระทัง่ สนุ ขั เลยี้ งท บ่ี า้ นท า่ นม าเหน็ เขา้ จ งึ ไดเ้ หา่ พ รอ้ มก บั ว ง่ิ ก ลบั ไปก ลบั ม าระห วา่ งต วั ทา่ นก บั ม ารดาท า่ นเมอื่ ม ารดาท า่ นเดนิ ต ามส นุ ขั เลยี้ งอ อกม าจ งึ ไดพ้ บท า่ น ลอยน ำ้ ต ดิ อ ยทู่ ข่ี า้ งรว้ั ซ ง่ึ เหตกุ ารณค์ รง้ั น น้ั ท ำใหม้ ารดาท า่ นเชอื่ ม นั่ ว า่ ท า่ น จะต อ้ งเปน็ ผ้มู บี ญุ ว าสนาม ากมาเกิด มารดาของทา่ นไดถ้ งึ แกก่ รรมตง้ั แตท่ า่ นยงั เปน็ ทารกอยู่ ตอ่ มาบดิ า ของท า่ นก จ็ ากไปอ กี ข ณะท า่ นม อี ายไุ ดเ้ พยี ง๔ ข วบเทา่ นน้ั ท า่ นจ งึ ต อ้ งก ำพรา้ บดิ าม ารดาต ง้ั แ ตย่ งั เปน็ เดก็ เลก็ จ ำค วามไมไ่ ด้ ท า่ นไดอ้ าศยั อ ยกู่ บั ย ายโดยม ี โยมพ สี่ าวท ชี่ อื่ ส มุ่ เปน็ ผ ดู้ แู ลเอาใจใส่ และท า่ นก ไ็ ดม้ โี อกาสศ กึ ษาเลา่ เรยี น ท่ีวดั กลางค ลองสระบ วั วัดป ระด่ทู รงธรรมแ ละวัดนิเวศน์ธรรมประวตั ิ ส่เู พศพ รหมจรรย์ เมอ่ื ท ่านอายุได้ ๒ ๑ป ี กไ็ ดเ้ ข้าพธิ ีบรรพชาอ ปุ สมบทเม่ือวันท ี่ ๑๐ พฤษภาคมพ .ศ .๒ ๔๖๘ต รงก บั ว นั อ าทติ ยแ์ รม๔ค ำ่ เดอื น๖ ณ ว ดั สะแก ตำบลธนู อ ำเภออ ทุ ยั จ งั หวดั พ ระน ครศ รอี ยธุ ยาโดยม หี ลวงพ อ่ ก ลน่ั เจา้ อ าวาส วดั พระญาตกิ ารามเป็นพระอ ุปัชฌาย์ม หี ลวงพ อ่ แ ด่ เจ้าอ าวาสว ดั สะแก ขณะน น้ั เปน็ พ ระกรรมว าจ าจ ารย ์ แ ละม หี ลวงพ อ่ ฉ ายวดั กลางค ลองส ระบ วั เป็นพระอนุสาวน าจ ารย์ได้รับฉ ายาว่า“ พรหมปัญโญ” ในพรรษาแรกๆ น้ัน ท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรมท่ีวัดประดู่ ทรงธรรมซ งึ่ ในส มยั น นั้ เรยี กว า่ ว ดั ป ระดโู่ รงธ รรมโดยม พี ระอ าจารยผ์ สู้ อน คอื ท่านเจา้ ค ณุ เนือ่ งพระครชู มแ ละห ลวงพ ่อร อด(เสอื )เป็นตน้ luangpordu.com
3๓ ในด้านการปฏิบัติพระกรรมฐานน้ัน ท่านได้ศึกษากับหลวงพ่อ กลัน่ ผู้เป็นอปุ ชั ฌาย์ และหลวงพ อ่ เภาศิษย์อ งค์ส ำคัญของห ลวงพ่อก ล่นั ซ่ึงมีศักด์ิเป็นอาของท่าน เมื่อท่านบวชได้พรรษาที่สองประมาณปลายปี พ.ศ. ๒๔๖๙ หลวงพ่อกล่ันมรณภาพ ท่านจึงได้ศึกษาหาความรู้จาก หลวงพ่อเภาเปน็ สำคญั นอกจากน้ที า่ นยงั ได้ศกึ ษาจากตำรบั ตำราท่มี ีอยู่ จากชาดกบา้ ง จากธรรมบทบ้าง และด้วยความที่ท่านเป็นผู้ใฝ่รู้รักการ ศึกษา ท่านจึงได้เดินทางไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากพระอาจารย์อีก หลายท า่ นท ่จี ังหวดั สุพรรณบรุ ีและส ระบุรี ประสบการณธ์ ุดงค์ ประมาณเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๖ ออกพรรษาแล้วท่านก็ เร่ิมออกเดนิ ธ ุดงคจ์ ากจงั หวัดพระนครศรีอยุธยาโดยมเีปา้ หมายท่ีป า่ เขา ทางแ ถบจ งั หวดั ก าญจนบรุ ี แ ละแ วะน มสั การส ถานท ส่ี ำคญั ท างพ ระพทุ ธ- ศาสนาเชน่ พระพุทธฉ ายและร อยพระพ ทุ ธบ าทจ ังหวดั สระบุรีจากน ้นั ทา่ นก็เดนิ ธ ดุ งค์ไปยังจงั หวัดส งิ ห์บรุ ีส พุ รรณบรุ ีจ นถึงจ ังหวดั ก าญจนบรุ ี จงึ เขา้ พ กั ป ฏบิ ตั ติ ามป า่ เขาและถำ้ ต่างๆ หลวงปู่ดู่ ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าเร่ิมแรกที่ท่านขวนขวายศึกษาและ ปฏบิ ตั นิ น้ั แทจ้ รงิ มไิ ดม้ งุ่ เนน้ มรรคผลนพิ พานหากแตต่ อ้ งการเรยี นรใู้ หไ้ ด้ วิชาต่างๆ เป็นต้นว่า วิชาคงกระพันชาตรี ก็เพ่ือที่จะสึกออกไปแก้แค้น พวกโจรที่ปล้นบ้านโยมพ่อโยมแม่ท่านถึง ๒ คร้ัง แต่เดชะบุญ แม้ท่าน จะสำเร็จว ชิ าต า่ งๆ ต ามที่ตัง้ ใจไว้ท ่านก ลับไดค้ ิดน ึกส ลดสงั เวชใจต ัวเอง luangpordu.com
๔4 ท่ีปลอ่ ยให้อารมณอ์ าฆาตแ คน้ ท ำรา้ ยจิตใจต นเองอ ย่เู ป็นเวลานับส บิ ๆปี ในที่สุดท่านก็ได้ตั้งจิตอโหสิกรรมให้แก่โจรเหล่าน้ัน แล้วมุ่งปฏิบัติฝึกฝน อบรมตน ตามทางแหง่ ศีลสมาธิ แ ละปัญญาอ ยา่ งแท้จริง ในระหว่างท่ีท่านเดินธุดงค์อยู่น้ัน ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าได้พบ ฝูงควายป่ากำลังเดินเข้ามาทางท่าน ท่านต้งั สติอยู่ครู่หน่งึ จึงตัดสินใจ อย่างเด็ดเดี่ยว หยุดยืนภาวนาน่ิงอยู่ ฝูงควายป่าที่มุ่งตรงมาทางท่าน พอเข้ามาใกล้จะถึงตัวท่าน ก็กลับเดินทักษิณารอบท่านแล้วก็จากไป บางแห่งท่ีท่านเดินธุดงค์ไปถึง ท่านมักพบกับพวกนักเลงท่ีชอบลองของ คร้ังหน่ึง มีพวกนักเลงเอาปืนมายิงใส่ท่านขณะนั่งภาวนาอยู่ในกลด ท่านเล่าให้ฟังว่า พวกน้ีไม่เคารพพระ สนใจแต่“ของดี” เมื่อยิงปืน ไม่ออก จึงพากันมาแสดงตัวด้วยความนอบน้อม พร้อมกับอ้อนวอน ขอ“ของด”ี ทำให้ท่านตอ้ งอ อกเดนิ ธุดงคห์ นีไปท างอ ื่น การปฏิบัติของท่านในชว่ งธุดงค์อยู่นน้ั เปน็ ไปอยา่ งเอาจรงิ เอาจงั ยอมมอบกายถวายชีวิตไว้กับป่าเขา แต่สุขภาพธาตุขันธ์ของท่านก็ไม่ เป็นใจเสียเลย บ่อยคร้ังที่ท่านต้องเอาผ้ามาคาดที่หน้าผากเพื่อบรรเทา อาการปวดศีรษะ อีกท้ังก็มีอาการเท้าชารุนแรงขึ้นเร่ือยๆ แม้กระน้ัน ท่านก็ยังไม่ละความเพียร สมดังที่ท่านเคยสอนลูกศิษย์ว่า “นิพพานอยู่ ฟากต าย” ในก ารป ระพฤตปิ ฏบิ ตั นิ น้ั จ ำต อ้ งย อมม อบก ายถ วายช วี ติ ล งไป ดังท ี่ท า่ นเคยกล่าวไว้ว่า“ ถ ้าม ันไมด่ หี รอื ไม่ได้พบความจริงก ็ให้มนั ตาย ถ้ามันไม่ต ายก ใ็ห้มันดี ห รอื ได้พบก ับค วามจ ริง” luangpordu.com
5๕ ดังนั้น อ ปุ สรรคต า่ งๆ จ ึงก ลบั เป็นป จั จยั ช่วยใหจ้ ิตใจข องผ ู้ปฏิบัติ แข็งแกรง่ ขน้ึ เป็นล ำดบั น ิมิตธรรม อยู่มาวันหน่งึ ประมาณก่อนปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เล็กน้อย หลังจาก หลวงปู่ดู่สวดมนต์ทำวัตรเย็น และปฏิบัติกิจส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทา่ นกจ็ ำวดั เกดิ นมิ ติ ไปว า่ ไดฉ้ นั ดาวท ม่ี แี สงสวา่ งมาก๓ ดวงในขณะท่ี กำลงั ฉ นั อ ยนู่ น้ั ก ร็ สู้ กึ วา่ กรอ บๆดี กเ็ ลยฉ นั เขา้ ไปทง้ั หมดแลว้ จงึ ต กใจตน่ื เมอื่ ท า่ นพ จิ ารณาใครค่ รวญถ งึ น มิ ติ ธ รรมท เ่ี กดิ ข น้ึ ก เ็ กดิ ค วามเขา้ ใจ ขนึ้ วา่ แกว้ ๓ดวงนน้ั ก ็คอื พระไตรสร ณาคมนน์ นั่ เองพ อทา่ นว ่า “พทุ ธงั สรณงั คัจฉาม ิ, ธมั มัง ส รณัง ค ัจฉาม,ิ ส งั ฆัง ส รณัง คัจฉามิ” ก็เกิดอัศจรรย์ข้ึนในจิตท่าน พร้อมกับอาการปีติอย่างท่วมท้น ท้ังเกิดความรู้สึกลึกซ้ึงและม่ันใจว่า พระไตรสรณาคมน์น้ีแหล่ะเป็นราก แกว้ ของพระพุทธศาสนาท่านจึงก ำหนดเอามาเป็นค ำบ รกิ รรมภ าวนาตง้ั แตน่ ้ันเปน็ ตน้ ม าเน้นห นักท ีก่ ารปฏิบตั ิ หลวงปดู่ ทู่ า่ นใหค้ วามส ำคญั อ ยา่ งม ากในเรอื่ งข องก ารป ฏบิ ตั สิ มาธิ ภาวนาทา่ นว่า“ ถา้ ไมเ่ อา(ปฏบิ ตั )ิ เป็นเถ้าเสยี ดีก ว่า” ในส มัยก่อนเม่อื ตอนท่ีศาลาปฏิบัติธรรมหน้ากุฏิท่านยังสร้างไม่เสร็จน้ัน ท่านก็เมตตาให้ ใช้ห้องส่วนตัวที่ท่านใช้จำวัด เป็นที่รับรองสานุศิษย์และผู้สนใจได้ใช้เป็น ที่ปฏิบัตธิ รรมซ ึ่งนบั เป็นเมตตาอยา่ งส งู สำหรับผู้ท่ีไปกราบนมัสการท่านบ่อยๆ หรือมีโอกาสได้ฟังท่าน luangpordu.com
๖6 สนทนาธรรม ก็คงจะได้เห็นกุศโลบายในการสอนของท่านที่จะโน้มน้าว ผู้ฟังให้วกเข้าสู่การปรับปรุงแก้ไขตนเอง เช่น คร้ังหนึ่งมีลูกศิษย์วิพากษ์ วจิ ารณค์ นน น้ั ค นน ใ้ี หท้ า่ นฟ งั ในเชงิ ว า่ ก ลา่ วว า่ เปน็ ต น้ เหตขุ องป ญั หาแ ละ ความยุ่งยาก แทนที่ท่านจะเออออไปตามอันจะทำให้เร่ืองยิ่งบานปลาย ออกไปท่านก ลับปรามว า่ “ เรื่องข องค นอน่ื เราไปแก้เขาไมไ่ ด้ ท แี่ ก้ได้ คือต ัวเราแก้ขา้ งน อกเป็นเรอ่ื งโลกแ ต่แก้ท ตี่ วั เราน ่ีเป็นเรื่องธ รรม” คำสอนของหลวงปู่ดู่จึงสรุปลงที่การใช้ชีวิตอย่างคนไม่ประมาท น่นั หมายถ งึ วา่ ส่งิ ทีจ่ ะตอ้ งเปน็ ไปพ ร้อมๆ ก ัน กค็ อื ความพากเพียรท่ลี ง สูภ่ าคปฏบิ ตั ิ ในมรรควิถีทเ่ี ป็นสาระแ ห่งช วี ิตของผูไ้ ม่ประมาทด ังท ี่ทา่ น พดู ย้ำเสมอว่า“หมัน่ ทำเข้าไวๆ้ ” อ่อนนอ้ มถ อ่ มตน นอกจากค วามอ ดทนอ ดก ลนั้ ย ง่ิ แ ลว้ ห ลวงปดู่ ยู่ งั เปน็ แ บบอ ยา่ งข อง ผู้ไม่ถือตัวว างตวั เสมอตน้ เสมอป ลายไมย่ กตนข่มผอู้ นื่ เมอ่ื ครง้ั ท ีส่ มเดจ็ พระพ ฒุ าจ ารย ์ (เสงยี่ ม)ว ดั ส ทุ ศั นเ์ ทพวรารามห รอื ท เี่ ราเรยี กก นั ว า่ “ ท า่ น เจ้าคณุ เสงย่ี ม”ซ ่ึงมอี ายุพ รรษามากก ว่าหลวงปู่ดู่ ๑พรรษาม านมสั การ หลวงพ่อโดยยกย่องเป็นครูเป็นอาจารย์ แต่เม่ือท่านเจ้าคุณเสงี่ยมกราบ หลวงพ่อเสร็จแล้วหลวงพ่อท่านก็กราบตอบ เรียกว่าต่างองค์ต่างกราบ ซ่ึงกันและกันเป็นภาพท่ีพบเห็นได้ยากเหลือเกินในโลกที่ผู้คนท้ังหลายมี แต่จะเติบโตทางด้านทิฏฐิมานะ ความถือตัว อวดดี อวดเด่น ยกตนข่ม ท่านปลอ่ ยใหก้ เิ ลสตัวหลงออกเร่ียราดเทย่ี วป ระกาศใหผ้ ู้คนทงั้ หลายได้ luangpordu.com
7๗ รู้วา่ ต นเก่งโดยเจา้ ตัวก ไ็ มร่ ู้วา่ ถ ูกกเิ ลสขึ้นขี่ค อพ าบงการให้เปน็ ไป หลวงปู่ดู่ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติธรรมของสำนักไหนๆ ในเชิงลบหลหู่ รือเปรยี บเทียบดูถกู ดหู มน่ิ ท า่ นวา่ “ คนดนี ่ะเขาไมต่ ีใคร” ซ่งึ ล ูกศ ิษย์ทงั้ หลายได้ถือเป็นแ บบอยา่ ง หลวงปู่ดู่เป็นพระพูดน้อย ไม่มากโวหาร ท่านจะพูดย้ำอยู่แต่ใน เรื่องของการปฏิบัติธรรมและความไม่ประมาท เช่น “ของดีอยู่ท่ีตัวเรา หม่นั ทำ(ปฏบิ ตั )ิ เข้าไว้” “ให้หม่นั ดูจ ิตรกั ษาจติ ”“ อ ยา่ ลมื ตัวต าย” และ“ ให้หมนั่ พจิ ารณาอนจิ จงั ท ุกขงั อนตั ตา”เปน็ ต้น อ ุบายธ รรม หลวงปดู่ เู่ ปน็ ผ ทู้ มี่ อี บุ ายธ รรมล กึ ซ ง้ึ ส ามารถข ดั เกลาจ ติ ใจค นอ ยา่ ง คอ่ ยเปน็ ค อ่ ยไปม ไิ ดเ้ รง่ รดั เอาผ ลเชน่ ค รงั้ ห นงึ่ ม นี กั เลงเหลา้ ต ดิ ตามเพอ่ื น ซ่ึงเป็นลูกศิษย์มากราบนมัสการท่าน สนทนากันได้สักพักหน่ึง เพื่อน ทเ่ี ปน็ ล กู ศ ษิ ยก์ ช็ กั ชวนเพอ่ื นน กั เลงเหลา้ ใหส้ มาทานศ ลี ๕ พ รอ้ มก บั ฝ กึ หดั ปฏิบัติสมาธิภาวนา นักเลงเหล้าผู้น้ันก็แย้งว่า “จะมาให้ผมสมาทานศีล และปฏิบัติได้ยังไง ก็ผมยังกินเหล้าเมายาอยู่นี่ครับ” หลวงปู่ดู่ท่านก็ ตอบว า่ “ เอง็ จ ะก นิ ก ก็ นิ ไปซ ิ ข า้ ไมว่ า่ แ ตใ่ หเ้ อง็ ป ฏบิ ตั ใิ หข้ า้ ว นั ล ะ๕ น าที ก็พ อ” นกั เลงเหล้าผนู้ น้ั เหน็ วา่ น งั่ ส มาธิแคว่ ันละ๕ น าที ไม่ใชเ่ ร่อื งย าก เย็นอะไรจงึ ไดต้ อบปากร ับคำจากห ลวงพ ่อ ด้วยความท่ีเป็นคนนิสัยทำอะไรทำจริง ซื่อสัตย์ต่อตัวเองทำให้ เขาสามารถปฏิบัติได้สม่ำเสมอเร่ือยมามิได้ขาดแม้แต่วันเดียว บางครั้ง luangpordu.com
๘8 ถึงขนาดงดไปกินเหล้ากับเพื่อน ๆ เพราะได้เวลาปฏิบัติ จิตของเขา เร่ิมเสพคุ้นกับความสุขสงบจากการท่ีจิตเป็นสมาธิ ไม่ช้าไม่นานเขา ก็สามารถเลิกเหล้าได้โดยไม่รู้ตัวด้วยอุบายธรรมที่น้อมนำมาจาก หลวงปู่ ต่อมาเขาได้มีโอกาสมานมัสการท่านอีกคร้ัง ท่ีน้ีหลวงปู่ดู่ท่าน ให้โอวาทว่า “ท่ีแกปฏิบัติอยู่ ให้รู้ว่าไม่ใช่เพ่ือข้า แต่เพื่อตัวแกเอง” คำพูดของหลวงปู่ทำให้เขาเข้าใจอะไรมากขึ้น ศรัทธาและความเพียร ต่อการปฏิบัติก็มีมากขึ้นตามลำดับ ถัดจากนั้นไม่กี่ปี เขาผู้ที่อดีต เคยเป็นนักเลงเหล้าก็ละเพศฆราวาสเข้าสู่เพศบรรพชิต ตั้งใจปฏิบัติ ธรรมเรื่อยมา อีกค รง้ั ห นง่ึ ม ชี าวบา้ นห าป ลามานมัสการท่านแ ละก่อนกลับทา่ น ก็ใหเ้ขาสมาทานศีล๕เขาเกดิ ต ะขิดตะขวงใจกราบเรียนท า่ นว า่ “ ผมไม่ กล้าสมาทานศีล ๕ เพราะรู้วา่ ป ระเดย๋ี วก็ต้องไปจับปลา จับกงุ้ มนั เป็น อาชีพของผมครับ” หลวงปู่ตอบเขาด้วยความเมตตาว่า “แกจะรู้เหรอ ว่า แกจะตายเมื่อไหร่ ไม่แน่ว่าแกเดินออกไปจากกุฏิข้าแล้ว อาจถูกงู กดั ตายเสยี ก ลางทางก ่อนไปจับปลาจ บั กุง้ ก ไ็ ด้ เพราะฉ ะนั้นเมื่อตอนน ้ี แกย งั ไม่ได้ทำบาปกรรมอะไรยงั ไงๆกใ็ห้มศี ลี ไว้ก ่อนถึงจะมศี ลี ขาดก็ยัง ดกี วา่ ไมม่ ศี ีล” หลวงปู่ดู่ท่านไม่เพียงพร่ำสอนให้บรรดาศิษย์ทั้งหลายเจริญ บำเพ็ญคุณงามความดีเท่านั้น หากแต่ยังเน้นย้ำให้เห็นความสำคัญและ ระมัดระวังในการรักษาไว้ซ่ึงคุณงามความดีน้ันๆ ให้คงอยู่ รวมท้ังเจริญ งอกงามข้ึนเรื่อยๆ ท่านมักจะพูดเตือนเสมอๆว่าเม่ือปลูกต้นธรรมด้วย luangpordu.com
9๙ ดีแล้วก็ต้องคอยหมั่นระวังอย่าให้หนอนและแมลง ได้แก่ ความโลภ ความโกรธ และความหลง มากัดกินทำลายต้นธรรมที่อุตส่าห์ปลูกขึ้น และอีกคร้ังหนึ่งที่ท่านแสดงถึงแบบอย่างของความเป็นครูอาจารย์ท่ี ปราศจากทิฏฐิมานะและเปี่ยมด้วยอุบายธรรม ก็คือคร้ังที่มีนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๒ คน ซ่ึงเป็นลูกศิษย์ของท่าน มากราบลา พร้อมกับเรียนให้ท่านทราบว่า จะเดินทางไปพักค้างเพื่อปฏิบัติธรรม กบั ท า่ นพ ระอ าจารยม์ หาบ วั ญ าณส มั ป นั โนว ดั ป า่ บ า้ นต าดจ งั หวดั อ ดุ รธานี หลวงปู่ดู่ท่านฟังแล้วก็ยกมือพนมขึ้นไหว้ไปทางข้างๆ พร้อมกับ พดู วา่ “ข า้ โมทนาก ับพ วกแกด ว้ ยตัวข า้ ไม่มีโอกาส...” ไม่มีเลยท่ที า่ น จะห า้ มปรามหรอื แ สดงอ าการท เ่ี รยี กว่าห วงล ูกศ ษิ ย์ ตรงก นั ข ้ามมีแตจ่ ะ ส่งเสริม สนับสนุน ให้กำลังใจเพ่ือให้ลูกศิษย์ของท่านขวนขวายในการ ปฏิบัติธรรมย่งิ ๆข ึ้นไป แต่ถ้าเป็นกรณีท่ีมีลูกศิษย์มาเรียนให้ท่านทราบถึงครูอาจารย์นั้น องค์นี้ ในลักษณะต่ืนครูต่ืนอาจารย์ ท่านก็จะปรามเพื่อวกเข้าสู่เจ้าตัว โดยพูดเตือนสติว่า “ครูอาจารย์ดีๆ แม้จะมีอยู่มาก แต่สำคัญท่ีตัวแก ตอ้ งปฏิบตั ใิ ห้จ รงิ สอนต ัวเองใหม้ ากนั่นแ หละจึงจ ะด ”ี หลวงปดู่ ู่ท่านม ีแนวทางก ารส อนธ รรมะท เี่ รยี บง่าย ฟังง่าย ช วน ให้ติดตามฟ ังทา่ นนำเอาส งิ่ ท เ่ีข้าใจยากมาแสดงให้เข้าใจง่ายเพราะท า่ น จะย กอ ปุ มาอ ปุ ไมยป ระกอบในก ารส อนธ รรมะจ งึ ท ำใหผ้ ฟู้ งั เหน็ ภ าพแ ละ เกดิ ค วามเขา้ ใจในธ รรมท ท่ี า่ นน ำม าแ สดงแ มว้ า่ ท า่ นม กั จ ะอ อกตวั ว า่ ท า่ น เปน็ พ ระบ า้ นน อกท ไี่ มม่ คี วามรอู้ ะไรแ ตส่ ำหรบั บ รรดาศ ษิ ยท์ ง้ั ห ลายค งไม่ luangpordu.com
๑๐ 10 อาจปฏิเสธว่า หลายครั้งท่ีท่านสามารถพูดแทงเข้าไปถึงก้นบ้ึงหัวใจ ของผ ู้ฟ งั ท ีเดยี ว อ กี ป ระการห นง่ึ ด ว้ ยค วามท ท่ี า่ นม รี ปู รา่ งล กั ษณะท เี่ ปน็ ท น่ี า่ เคารพ เลอื่ มใสเมอื่ ใครไดม้ าพ บเหน็ ท า่ นด ว้ ยต นเองแ ละถ า้ ย งิ่ ไดส้ นทนาธ รรมก บั ทา่ นโดยตรงก จ็ ะย ง่ิ เพมิ่ ค วามเคารพเลอื่ มใสแ ละศ รทั ธาในต วั ท า่ นม ากข น้ึ เป็นทวคี ณู หลวงปู่ดู่ท่านพูดถึงการประพฤติปฏิบัติของคนสมัยน้ีว่า “คนเรา ทุกวันน้ี โลกเท่าแผ่นดิน ธรรมเท่าปลายเข็ม เรามัวพากันยุ่งอยู่กับโลก จนเหมอื นลิงต ิดตังเรือ่ งของโลกเรื่องเละๆ เรอ่ื งไมม่ ีทสี่ ้นิ ส ุดเราไปแก้ไข เขาไมไ่ ดจ้ ะต อ้ งแ กไ้ ขท ต่ี วั เราเองต นข องต นเตอื นต นด ว้ ยต นเอง” ทา่ นได้ อบรมส งั่ ส อนศ ษิ ย์ โดยใหพ้ ยายามถ อื เอาเหตกุ ารณต์ า่ งๆท เ่ี กดิ ข นึ้ ม าเปน็ ครูสอนตนเองเสมอเชน่ ในหมคู่ ณะห ากม ีผใู้ดป ระพฤตปิ ฏบิ ตั ิดีเจรญิ ใน ธรรมปฏิบัติ ท่านก็กล่าวชมและให้ถือเป็นแบบอย่าง แต่ถ้ามีผู้ประพฤติ ผดิ ถกู ท า่ นต ำหนติ ิเตยี นก ใ็หน้ อ้ มเอาเหตุก าร ณ์น น้ั ๆมาส อนตนทกุ ค รั้ง ไปท า่ นไมไ่ ดช้ มผ ทู้ ำด จี นห ลงลมื ต นแ ละท า่ นไมไ่ ดต้ เิ ตยี นผ ทู้ ำผ ดิ จ นห มด กำลงั ใจแต่ถือเอาเหตุการ ณ์ เปน็ เสมอื นครทู ่เี ป็นค วามจริง แสดงเหตุผล ใหเ้ หน็ ธรรมท ่แี ทจ้ รงิ การส อนข องทา่ นก ็พิจารณาดูบุคคลด้วยเช่นคนบางคนพ ดู ใหฟ้ ัง เพยี งอย่างเดียวไม่เข้าใจบ างทีท่านก็ต อ้ งท ำใหเ้ กดิ ความก ลวั เกิดค วาม ละอายบ้างถ งึ จะห ยุดเลิกละก ารกระทำท่ีไม่ดีน นั้ ๆได้ หรอื บ างค นเปน็ ผู้มีอุปนสิ ัยเบาบางอยู่แล้ว ท ่านก ็ส อนธ รรมดา การส อนธรรมะของท่าน luangpordu.com
11 ๑๑ บางทีก็ส อนให้กล้าบางทกี ส็ อนใหก้ ลัวท ว่ี า่ ส อนใหก้ ล้านน้ั ค ือให้กล้าใน การทำความดี กล้าในการประพฤติปฏิบัติเพื่อถอดถอนกิเลสออกจากใจ ไม่ให้ตกเป็นท าสของกิเลสอ ยูร่ ำ่ ไปส ว่ นท ส่ี อนใหก้ ลัวน้ันท า่ นใหก้ ลวั ใน การทำค วามช ั่วผ ิดศ ีลธรรมเป็นโทษทำแ ลว้ ผู้อื่นเดอื ดรอ้ นบ างทที ่าน กส็ อนใหเ้ ชอ่ื ค อื ใหเ้ ชอ่ื ม น่ั ในค ณุ พ ระพทุ ธพ ระธ รรมพ ระส งฆ์ เชอื่ ในเรอ่ื ง กรรมอ ย่างที่ท า่ นเคยก ลา่ วว ่า“เชอื่ ไหมล ะ่ ถ า้ เราเชื่อจ รงิ ทำจรงิ มันก ็ เป็นของจรงิ ข องจ ริงมอี ยู่แ ตเ่ รามนั ไมเ่ชอ่ื จริงจงึ ไมเ่ ห็นข องจ ริง” หลวงปู่ดู่ท่านสอนให้มีปฏิปทาสม่ำเสมอ ท่านว่า“ขยันก็ให้ทำ ขเ้ี กยี จก ใ็ หท้ ำถ า้ ว นั ไหนย งั ก นิ ข า้ วอ ยกู่ ต็ อ้ งท ำว นั ไหนเลกิ ก นิ ข า้ วแ ลว้ น น่ั แหละจ ึงค่อยเลิกทำ” ก ารส อนข องท า่ นน น้ั ม ไิ ดเ้ นน้ แ ตเ่ พยี งก ารน ง่ั ห ลบั ต าภ าวนาห ากแ ต่ หมายรวมไปถงึ การกำหนดด ู ก ำหนดรู้และพ จิ ารณาส ิ่งตา่ งๆ ในค วาม เปน็ ข องไมเ่ ทย่ี งเปน็ ท กุ ข์ เปน็ อ นตั ตาโดยเฉพาะอ ยา่ งย ง่ิ ท า่ นช ใี้ หเ้ หน็ ถ งึ สังขารร า่ งกายทม่ี นั เกิดม ันต ายอ ยู่ตลอดเวลาท า่ นว า่ เราวันน้ีก บั เราเมือ่ ตอนเปน็ เดก็ ม นั ก ไ็ มเ่ หมอื นเกา่ เราข ณะน ก้ี บั เราเมอ่ื ว านก ไ็ มเ่ หมอื นเกา่ จ งึ วา่ เราเม่ือตอนเป็นเด็กหรือเราเมือ่ วานม ันได้ตายไปแ ล้วเรยี กวา่ ร่างกาย เราม ันเกดิ -ตายอยทู่ กุ ลมห ายใจเขา้ ออกมันเกดิ -ต ายอ ยู่ทุกข ณะจ ิต ท่านสอนให้บรรดาศิษย์เห็นจริงถึงความสำคัญของความทุกข์ยาก ว่า เป็นสง่ิ มีคุณค่าในโลก ทา่ นจงึ พ ดู บอ่ ยคร้งั วา่ ก ารท่ีเราป ระสบท กุ ข์ นน่ั แ สดงวา่ เราม าถูก ทางแ ลว้ เพราะอ าศยั ทกุ ขน์ ั่นแหละจ ึงท ำใหเ้ ราเกดิ ปญั ญาขน้ึ ได้ luangpordu.com
๑๒ 12 ใชช้ วี ติ อ ย่างผ้รู กั สนั โดษแ ละเรยี บงา่ ย หลวงปดู่ ทู่ า่ นย งั เปน็ แ บบอ ยา่ งข องผ มู้ กั น อ้ ยส นั โดษใชช้ วี ติ เรยี บงา่ ย ไม่นยิ มความห รหู ราฟมุ่ เฟอื ยแ มแ้ ตก่ ารส รงน ้ำทา่ นก็ยังไม่เคยใช้สบเู่ ลย แต่ก ็น่าอ ศั จรรย์เมอื่ ได้ทราบจ ากพระอปุ ฏั ฐากว่า ไมพ่ บวา่ ท ่านม กี ลน่ิ ตวั แม้ในห้องทีท่ ่านจ ำวัด มีผู้ปวารณาตัวจะถวายเคร่ืองใช้และส่ิงอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้กับท่าน ซึ่งส่วนใหญ่ท่านจะปฏิเสธ คงรับไว้บ้างเท่าที่เห็นว่าไม่เกิน เลยอันจะเสียสมณะสารูป และใช้สอยพอให้ผู้ถวายได้เกิดความปล้ืมปีติ ที่ได้ถวายแก่ท่าน ซึ่งในภายหลังท่านก็มักยกให้เป็นของสงฆ์ส่วนรวม เชน่ เดยี วกบั ขา้ วข องต่างๆ ทมี่ ีผ มู้ าถวายเปน็ สังฆทานโดยผา่ นทา่ น และ เม่ือถึงเวลาเหมาะควรท่านก็จะจัดสรรไปให้วัดต่างๆ ท่ีอยู่ในชนบท และยงั ข าดแคลนอยู่ ส่ิงท่ีท่านถือปฏิบัติสม่ำเสมอในเรื่องลาภสักการะ ก็คือการยกให้ เป็นของสงฆ์ส่วนรวม แม้ปัจจัยท่ีมีผู้ถวายให้กับท่านเป็นส่วนตัวสำหรับ ค่ารักษาพยาบาล ท่านก็สมทบเข้าในกองทุนสำหรับจัดสรรไปในกิจ สาธารณประโยชน์ต่างๆท ้ังโรงเรยี นและโรงพยาบาล หลวงปดู่ ู่ท ่านไมม่ อี าการแหง่ ความเป็นผอู้ ยากเดน่ อยากด ังแม้แต่ น้อย ด ังนนั้ แม้ทา่ นจ ะเป็นเพยี งพ ระบ า้ นน อกรูปหนง่ึ ซ ึ่งไม่เคยออกจ าก วัดไปไหน ทั้งไม่มีการศึกษาระดับสูงๆ ในทางโลก แต่ในความรู้สึกของ ลูกศิษย์ท้ังหลาย ท่านเป็นด่ังพระเถระผู้ถึงพร้อมด้วยจริยวัตรอันงดงาม สงบเรียบง่ายเบิกบ านแ ละถงึ พร้อมด ้วยธรรมว ฒุ ิที่ร ้ถู ้วนทั่วในวชิ ชาอัน luangpordu.com
13 ๑๓ จะนำพาให้พ น้ เกดิ พ ้นแ ก่พ น้ เจ็บพ้นตายถ ึงฝ ่ังอ นั เกษมเป็นท ี่ฝากเปน็ ฝากต ายแ ละฝากห ัวใจของลกู ศิษย์ทกุ คน ในเร่ืองทรัพยส์ มบตั ดิ ั้งเดิมของท ่านโดยเฉพาะอย่างย ่ิงที่นาซึ่งมี อยูป่ ระมาณ๓ ๐ไร่ท่านก ไ็ ดแ้ บ่งให้กบั หลานๆของท่านซึ่งในจำนวนนี้ นายยวง พึ่งกุศล ผู้เป็นบุตรของนางสุ่ม โยมพี่สาวคนกลางท่ีเคยเล้ียงดู ทา่ นม าตลอดก ็ไดร้ บั ส ว่ นแ บ่งท นี่ าจากท ่านด ว้ ยจำนวน๑๘ไร่เศษแ ต่ ด้วยความท นี่ ายย วงผู้เปน็ หลานของทา่ นนีไ้ ม่มที ายาท ได้คดิ ป รกึ ษาน าง ถมยาผู้ภรรยาเห็นควรยกให้เป็นสาธารณประโยชน์ จึงยกท่ีดินแปลง น้ีให้กับโรงเรียนวัดสะแก ซง่ึ หลวงปดู่ ู่ท่านก็อนโุ มทนาในกุศลเจตนาของ คนทง้ั สอง กศุ โลบายในการสรา้ งพระ หลวงปู่ดู่ท่านมิได้ตั้งตัวเป็นเกจิอาจารย์ การท่ีท่านสร้างหรือ อนุญาตให้สร้างพระเครื่องหรือพระบูชา ก็เพราะเห็นประโยชน์ เพราะ บุคคลจำนวนมากยังขาดท่ียึดเหน่ียวทางจิตใจ ท่านมิได้จำกัดศิษย์อยู่ เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ดังน้ันคณะศิษย์ของท่านจึงมีกว้างขวางออก ไป ทง้ั ทใ่ี ฝ่ใจธรรมลว้ น ๆ ห รือท ย่ี ังต้องอ งิ ก บั วตั ถุมงคล ท ่านเคยพูดวา่ “ต ดิ ว ัตถุมงคลก ย็ ังด ีก วา่ ทจ่ี ะให้ไปต ิดวตั ถุอปั มงคล” ท้งั นที้ า่ นยอ่ มใช้ ดุลยพินิจพ จิ ารณาตามความเหมาะควรแ ก่ผ ูท้ ่ไี ปหาท ่าน แม้ว่าหลวงปู่ดู่จะรับรองในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเคร่ืองที่ท่าน อธษิ ฐานจ ติ ให้ แ ตส่ งิ่ ท ท่ี า่ นย กไวเ้ หนอื ก วา่ น น้ั ก ค็ อื ก ารป ฏบิ ตั ิ ด งั จ ะเหน็ ได้ luangpordu.com
๑๔ 14 จากคำพ ดู ข องท า่ นวา่ “ เอาข องจ รงิ ด กี วา่ พทุ ธงัฯธมั มงั ฯสงั ฆงัฯส รณงั คจั ฉาม ิ น แ่ี หละข องแท้” จากค ำพ ูดน้ี จงึ เสมอื นเป็นการย ืนยนั ว ่าการป ฏิบตั ภิ าวนาน ้ีแ หละ เป็นท่ีสุดแห่งเคร่ืองรางของขลัง เพราะคนบางคนแม้แขวนพระท่ีผู้ทรง คณุ ว เิ ศษอ ธษิ ฐานจ ติ ใหก้ ต็ ามก ใ็ ชว่ า่ จ ะรอดป ลอดภยั อ ยดู่ มี สี ขุ ไปท กุ ก รณี อย่างไรเสียทุกคนไม่อาจหลีกหนีวิบากกรรมที่ตนได้สร้างไว้ ดังที่ท่าน ได้กล่าวไว้วา่ สิ่งศ ักดสิ์ ิทธท์ิ อี่ ยเู่ หนือส่งิ ศักด์สิ ิทธิ์ ก ค็ อื กรรม ดังน นั้ จงึ มีแต่พ ระ“สต”ิ พ ระ“ ป ญั ญา” ท่ีฝึกฝนอบรมมาดีแลว้ เท่าน้ัน ที่จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติรู้เท่าทันและพร้อมท่ีจะเผชิญกับปัญหาและ ส่ิงกระทบต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต อย่างไม่ทุกข์ใจ ดุจว่าส่ิงเหล่านั้นเป็น เสมือนฤดูกาลท่ีผ่านเข้ามาในชีวิต บางคร้ังร้อนบางครั้งหนาว ทุกสิ่ง ทุกอยา่ งล ้วนเปน็ ไปต ามธรรมดาข องโลก พระเคร่ืองหรือพระบูชาต่างๆ ที่ท่านอธิษฐานปลุกเสกให้แล้วน้ัน ปรากฏผลแก่ผู้บูชาในด้านต่างๆ เช่น แคล้วคลาดฯลฯ น่ันก็เป็นเพียง ผลพลอยได้ ซ ึ่งเปน็ ป ระโยชนท์ างโลกๆ แต่ป ระโยชน์ท่ีทา่ นส ร้างม ่งุ หวงั อย่างแท้จริงนั้นก็คือ ใช้เป็นเคร่ืองมือในการปฏิบัติภาวนา มีพุทธานุสติ กรรมฐานเปน็ ต้นน อกจากน แ้ี ล้วผู้ปฏิบตั ิย งั ไดอ้ าศยั พ ลงั จติ ท ี่ท่านตั้งใจ บรรจุไว้ในพระเคร่ืองช่วยน้อมนำและประคับประคองให้จิตรวมสงบได้ เร็วข ้นึ ตลอดถ ึงการใช้เปน็ เครื่องเสรมิ ก ำลงั ใจแ ละร ะงบั ความหวาดวิตก ในขณะปฏบิ ตั ิ ถ อื เป็นป ระโยชน์ทางธรรมซ่ึงก่อใหเ้ กิดพัฒนาการทางจ ติ ของผ ้ใู ช้ไปสู่ก ารพ งึ่ พาตนเองไดใ้ นท่ีสุด luangpordu.com
15 ๑๕ จากท เ่ี บอ้ื งต น้ เราไดอ้ าศยั พ ทุ ธงั ส รณงั ค จั ฉาม ิ ธมั มงั ส รณงั ค จั ฉาม ิ และสังฆงัสรณังค จั ฉามิคือยดึ เอาพระพทุ ธพ ระธรรมพระสงฆ์เปน็ สรณะจ นจ ติ ข องเราเกดิ ศ รทั ธาโดยเฉพาะอ ยา่ งย ง่ิ ท เ่ี ราเรยี กก นั ว า่ ต ถาคต โพธิสัทธา คือเชื่อปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าขึ้นแล้ว เราก็ย่อมเกิด กำลงั ใจข น้ึ ว า่ พ ระพทุ ธอ งคเ์ ดมิ ก เ็ ปน็ ค นธ รรมดาเชน่ เดยี วก บั เราค วามผ ดิ พลาดพระองค์ก็เคยทรงทำมาก่อน แต่ด้วยความเพียรประกอบกับพระ สติปัญญาท่ีทรงอบรมมาดีแล้ว จึงสามารถก้าวข้ามวัฏฏะสงสารสู่ความ หลุดพ น้ เปน็ การบกุ เบิกทางท ่ีเคยร กชฏั ให้พวกเราได้เดนิ ก นั ดังน น้ั เรา ซง่ึ เปน็ ม นษุ ยเ์ ชน่ เดยี วก บั พ ระองค์ ก ย็ อ่ มท จ่ี ะม ศี กั ยภาพท จ่ี ะฝ กึ ฝนอ บรม กายวาจาใจด ้วยต วั เราเองได้เชน่ เดยี วกบั ทพ่ี ระองค์ทรงกระทำมาพ ูด อีกอยา่ งห นง่ึ ก ค็ อื กายว าจา ใจเปน็ ส่ิงทีฝ่ กึ ฝนอ บรมกันได้ใช่วา่ จ ะต อ้ ง ปลอ่ ยใหไ้ หลไปตามยถากรรม เมื่อจิตเราเกิดศรัทธาดังที่กล่าวมานี้แล้ว ก็มีการน้อมนำเอาข้อ ธรรมคำส อนต า่ งๆม าป ระพฤติปฏิบตั ิขดั เกลาก ิเลสอ อกจากใจต นจ ติ ใจ ของเราก็จะเล่ือนชั้นจากปุถุชนท่ีหนาแน่นด้วยกิเลส ข้ึนสู่กัลยาณชน และอริยชน เป็นลำดับ เม่ือเป็นดังนี้แล้วในที่สุดเราก็ย่อมเข้าถึงที่พึ่งคือ ตัวเราเอง อันเป็นท่ีพึ่งท่ีแท้จริงเพราะกาย วาจา ใจ ท่ีได้ผ่านข้ันตอน การฝึกฝนอบรมโดยก ารเจริญศลี สมาธิแ ละป ญั ญาแ ล้วย่อมก ลายเป็น กายส จุ รติ ว าจาสจุ รติ แ ละม โนส จุ รติ ก ระทำส ง่ิ ใดพ ดู ส งิ่ ใดค ดิ ส ง่ิ ใดก ย็ อ่ ม หาโทษม ไิ ด้ ถ งึ เวลาน นั้ แ มพ้ ระเครอื่ งไมม่ ี ก ไ็ มอ่ าจท ำใหเ้ ราเกดิ ค วามห วนั่ ไหวหวาดก ลัวข้นึ ไดเ้ ลย luangpordu.com
๑๖ 16 เปย่ี มด ้วยเมตตา นกึ ถงึ ส มยั พ ทุ ธก าลเมอื่ พ ระพทุ ธอ งคท์ รงป ระชวรห นกั ค รงั้ ส ดุ ทา้ ย แหง่ ก ารป รนิ พิ พานท า่ นพ ระอ านนทผ์ อู้ ปุ ฏั ฐากพ ระองคอ์ ยตู่ ลอดเวลาได้ หา้ มมานพผ้หู น่ึงซ ่ึงข อร้องจะข อเข้าเฝ้าพ ระพทุ ธเจา้ ข ณะน นั้ พระอานนทค์ ัดค ้าน อย่างเดด็ ข าดไม่ให้เขา้ เฝ้าแ มม้ านพข อรอ้ งถ ึง ๓ คร้ัง ท่านก็ไม่ยอม จนกระทั่งเสียงขอกับเสียงขัดดังถึงพระพุทธองค์ พระพทุ ธอ งคจ์ งึ ต รสั ว า่ “ อ านนท์ อ ยา่ ห า้ มม านพน น้ั เลยจ งใหเ้ ขา้ ม าเดย๋ี ว น”ี้ เมอื่ ไดร้ บั อ นญุ าตแ ลว้ ม านพก เ็ ขา้ เฝา้ พ ระพทุ ธเจา้ ไดฟ้ งั ธ รรมจ นบรรลุ มรรคผลแล้วขอบวชเปน็ พระส าวกองคส์ ดุ ทา้ ยมนี ามว า่ “พระสุภทั ท ะ” พระอานนท์ท่านทำหน้าท่ีของท่านถูกต้องแล้ว ไม่มีความผิด อันใดเลยแม้แต่น้อย ส่วนท่ีพระพุทธเจ้าให้เข้าเฝ้านั้นเป็นส่วนพระ มหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่ีทรงมีต่อสรรพสัตว์ท้ังหลายโดยไม่มี ประมาณย อ่ มแ ผไ่ พศาลไปท ว่ั ท งั้ ส ามโลกพ ระส าวกรนุ่ ห ลงั ก ระทง่ั ถ งึ พ ระ เถระหรือครูบาอาจารย์ผู้สูงอายุโดยท่ัวไปท่ีมีเมตตาสูง รวมท้ังหลวงพ่อ ยอ่ มเปน็ ท เี่ คารพน บั ถอื ข องช นห มมู่ ากทา่ นก อ็ ทุ ศิ ช วี ติ เพอื่ ก จิ พ ระศ าสนา ก็ไม่ค่อยคำนึงถึงความชราอาพาธของท่าน เห็นว่าผู้ใดได้ประโยชน์จาก การบ ชู าส กั ก าระท า่ นท่านก อ็ ำนวยป ระโยชนน์ นั้ แ กเ่ ขา เมอื่ ค ร้งั ท ่หี ลวงป ู่อาพาธอ ยู่ไดม้ ลี ูกศิษยก์ ราบเรยี นท ่านวา่ “ ร้สู ึก เป็นหว่ งหลวงปู”่ ท ่านได้ตอบศษิ ย์ผ นู้ ้ันด ว้ ยความเมตตาว่า“ ห ว่ งตวั แ ก เองเถอะ” อีกครั้งท่ีผู้เขียนเคยเรียนหลวงปู่ว่า “ขอให้หลวงปู่พักผ่อน มากๆ ” luangpordu.com
17 ๑๗ หลวงป ตู่ อบท นั ทวี า่ “ พ กั ไมไ่ ด้ ม คี นเขาม าก นั ม ากบ างทกี ลางคนื เขาก ม็ าก นั เราเหมอื นน กต วั นำเราเปน็ ค รเู ขาน ี่ ค ร.ู ..เขาต รี ะฆงั ไดเ้ วลา สอนแลว้ ก็ตอ้ งส อนไม่สอนได้ยังไง” ชีวิตของท่านเกิดมาเพ่ือเก้ือกูลธรรมแก่ผู้อ่ืน แม้จะอ่อนเพลีย เม่ือยล้าสักเพียงใด ท่านก็ไม่แสดงออกให้ใครต้องรู้สึกวิตกกังวลหรือ ลำบากใจแ ตอ่ ย่างใดเลยเพราะอ าศยั ความเมตตาเป็นท ี่ต งั้ จ งึ อ าจก ลา่ ว ได้ว่า ปฏิปทาของท่านเป็นด่ังพระโพธิสัตว์หรือหน่อพุทธภูมิ ซ่ึงเห็น ประโยชน์ของผู้อื่นมากกว่าประโยชน์ส่วนตนดังเช่น พระโพธิสัตว์หรือ ห นอ่ พ ทุ ธภ มู อิ กี ท า่ นห นง่ึ ค อื ห ลวงป ทู่ วดเหยยี บน ำ้ ท ะเลจ ดื พ ระส ปุ ฏปิ นั โน สมยั กรุงศรีอยธุ ยา ซึ่งหลวงปู่ดไู่ ด้สอนใหล้ กู ศ ิษยใ์ ห้ความเคารพเสมอื น ครูอาจารย์ผู้ช ี้แนะแ นวท างการปฏบิ ตั ิอีกท่านห นึง่ หลวงปู่ดู่ ท่านไดต้ ดั สนิ ใจไม่รับกิจนิมนต์ออกนอกว ัดตง้ั แ ตก่ อ่ นป ี พ.ศ .๒ ๔๙๐ด งั น น้ั ท กุ ค นท ตี่ ง้ั ใจไปก ราบน มสั การแ ละฟ งั ธ รรมจ ากท า่ นจ ะ ไมผ่ ดิ ห วงั เลยว า่ จ ะไมไ่ ดพ้ บท า่ นท า่ นจ ะน ง่ั รบั แขกบ นพ น้ื ไมก้ ระด านแ ขง็ ๆ หน้ากฏุ ิของท ่านท ุกวันต ั้งแ ต่เชา้ จ รดค ำ่ บางวนั ท ่ีทา่ นอ อ่ นเพลียท า่ นจ ะ เอนกายพ กั ผ อ่ นห นา้ ก ฏุ ิ แ ลว้ ห าอ บุ ายส อนเดก็ ว ดั โดยใหเ้ อาห นงั สอื ธ รรมะ มาอ่านให้ท่านฟ งั ไปด ้วย ข้อวัตรของท่านอีกอย่างหน่ึงก็คือ การฉันอาหารม้ือเดียวซึ่งท่าน กระทำมาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๐ แต่ภายหลังคือประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๕ เหล่าสานุศิษย์ได้กราบนิมนต์ให้ท่านฉัน ๒ มื้อ เน่ืองจาก ความชราภาพของท่าน ประกอบกับต้องรับแขกมากขึ้น ท่านจึงได้ผ่อน luangpordu.com
๑๘ 18 ปรนต ามค วามเหมาะค วรแ หง่ อ ตั ภาพท ง้ั จ ะไดเ้ ปน็ การโปรดญ าตโิ ยมจ าก ที่ไกลๆทต่ี ้งั ใจมาทำบุญถวายภ ัตตาหารแ ด่ทา่ น หลวงปู่แม้จะชราภาพมากแล้ว ท่านก็ยังอุตส่าห์น่ังรับแขก ทมี่ าจากท ศิ ต า่ งๆ ว นั แ ลว้ ว นั เลา่ ศ ษิ ยท์ กุ ค นก ต็ ง้ั ใจม าเพอ่ื ก ราบน มสั การ ทา่ นบ างคนก็มาเพราะม ปี ญั หาห นักอกห นักใจแก้ไขด ว้ ยต นเองไมไ่ด้ จงึ มุง่ หน้าม าเพือ่ ก ราบเรยี นถามป ัญหาเพอ่ื ใหค้ ลายความท กุ ขใ์ จบ างคนมา หาท า่ นเพอ่ื ต อ้ งการข องดี เชน่ เครอื่ งรางข องข ลงั ซ ง่ึ ก ม็ กั ไดร้ บั คำต อบจ าก ท่านวา่ “ของดีนัน้ อยทู่ ตี่ ัวเราพุทธังธ ัมมงั ส งั ฆงั น ี่แหละข องดี” บางคนมาหาท่านเพราะได้ยินข่าวเล่าลือถึงคุณความดีศีลาจาริย- วัตรของท่านในด้านต่างๆ บางคนมาหาท่านเพ่ือขอหวยหวังรวยทางลัด โดยไม่อยากทำงานแ ต่อยากไดเ้งินมากๆ บางคนเจบ็ ไข้ไม่สบายก ม็ าเพือ่ ให้ท ่านรดนำ้ ม นต์เป่าห วั ให้ ม าข อ ดอกบัวบูชาพระของท่านเพ่ือนำไปต้มด่ืมให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ นานาส ารพนั ปญั หาแ ลว้ แ ตใ่ ครจ ะน ำม าเพ่ือห วงั ใหท้ ่านช่วยตนบางคน ไม่เคยเหน็ ทา่ นก อ็ ยากมาด ูว ่าท ่านม ีร ปู รา่ งหนา้ ตาอ ย่างไรบา้ งแคม่ าเหน็ ก็เกิดป ีติ สบายอกสบายใจจนล มื ค ำถามห รือห มดค ำถามไปเลย หลายคนเสียสละเวลา เสียค่าใช้จ่ายเดินทางไกลมาเพ่ือพบท่าน ด้วยเหตุน้ี ท่านจึงอุตส่าห์นั่งรับแขกอยู่ตลอดวันโดยไม่ได้พักผ่อนเลย และไม่เว้นแม้ยามป่วยไข้ แม้นายแพทย์ผู้ให้การดูแลท่านอยู่ประจำจะ ขอรอ้ งทา่ นอย่างไรท า่ นก็ไมย่ อมตามด ว้ ยเมตตาสงสารแ ละต้องการให้ กำลงั ใจแก่ญาติโยมท กุ ค นท ีม่ าพบท่าน luangpordu.com
19 ๑๙ ท่านเป็นดุจพ ่อ หลวงปู่ดู่ท่านเป็นดุจพ่อของลูกศิษย์ทุกๆ คน เหมือนอย่างท่ี พระกรรมฐ านส ายพ ระอ าจารยม์ น่ั เรยี กห ลวงป มู่ น่ั ว า่ “ พ อ่ แ มค่ รอู าจารย”์ ซง่ึ ถ อื เป็นคำย กย่องอ ยา่ งสูง เพ ่อื ให้สมฐานะอันเป็นท รี่ วมแ ห่งค วามเป็น กลั ยาณมติ ร หลวงปู่ดูท่ ่านให้การต อ้ นรบั แขกอย่างเสมอหน้ากันห มดไม่มีก าร แบ่งช้ันวรรณะ ท่านจะพูดห้ามปราม หากมีผู้มาเสนอตัวเป็นนายหน้า คอยจัดแจงเก่ียวกับแขกที่เข้ามานมัสการท่าน ถึงแม้จะด้วยเจตนาดี อันเกิดจากความห่วงใยในสุขภาพของท่านก็ตาม เพราะท่านทราบดีว่า มีผูใ้ ฝ่ธ รรมจำนวนมากท่อี ุตส่าห์เดนิ ท างม าไกลเพอ่ื น มสั การแ ละซักถ าม ข้อธรรมจากท่าน หากมาถึงแล้วยังไม่สามารถเข้าพบท่านได้โดยสะดวก ก็จะทำใหเ้ สียก ำลังใจ นเี้ ปน็ เมตตาธ รรมอ ยา่ งส งู ซ ง่ึ น บั เปน็ โชคด ขี องบ รรดาศ ษิ ยท์ งั้ ห ลาย ไมว่ า่ ใกลห้ รอื ไกลท สี่ ามารถม โี อกาสเขา้ ก ราบน มสั การท า่ นไดโ้ ดยส ะดวก หากม ีผ สู้ นใจก ารปฏบิ ัติก รรมฐานมาห าท ่านท่านจะเมตตาสนทนาธ รรม เป็นพิเศษ อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย บางครั้งหลวงพ่อก็มิได้กล่าว อะไรมากเพยี งการท กั ทายศิษย์ดว้ ยถอ้ ยคำสน้ั ๆเช่น“เอ้า...กินน้ำชาส ิ” ห รอื “ว า่ ไง...” ฯ ลฯ เทา่ น ก้ี เ็ พยี งพ อทย่ี งั ป ตี ใิ หเ้ กดิ ข น้ึ ก บั ศ ษิ ยผ์ นู้ นั้ เหมอื น ดังหยาดน้ำทิพย์ชโลมให้เย็นฉ่ำ เกิดความสดชื่นตลอดร่างกาย จน... ถึงจติ ...ถงึ ใจ หลวงปดู่ ทู่ า่ นใหค้ วามเคารพในอ งคห์ ลวงป ทู่ วดอ ยา่ งม ากท ง้ั ก ลา่ ว luangpordu.com
๒๐ 20 ยกย่องในความท่ีเป็นผู้ท่ีมีบารมีธรรมเต็มเปี่ยมตลอดถึงการท่ีจะได้มา ตรัสรู้ธรรมในอนาคต ให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายยึดม่ันและหมั่นระลึก ถึง โดยเฉพาะอย่างย่ิงเมื่อติดขัดในระหว่างการปฏิบัติธรรม หรือแม้แต่ ประสบปัญหาในทางโลกๆ ท่านว่าหลวงปู่ทวดท่านคอยจะช่วยเหลือทุก คนอยู่แลว้ แตข่ อให้ทกุ ค นอ ย่าได้ท้อถอยหรือล ะทงิ้ การปฏิบตั ิ หลวงปู่ดู่กบั ค รอู าจารย์ท่านอ ื่น ในระหวา่ งปี พ .ศ .๒๕๓๐-๒ ๕๓๒ไดม้ พี ระเถระแ ละค รบู าอาจารย์ หลายท่านเดินทางมาเยี่ยมเยียนหลวงปู่ดู่ เช่นหลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางช ูศรีเจริญสขุ จังหวัดส งิ หบ์ ุรี ทา่ นเป็นพระเถระซ ึ่งมีอายุย า่ งเข้า ๙๖ป ีก ย็ งั เมตตามาเยี่ยมหลวงปดู่ ู่ ท ่ีวดั สะแกถึง๒ ครั้งและบรรยากาศ ของการพบกันของท่านท้ังสองนี้ เป็นท่ีประทับใจผู้ท่ีอยู่ในเหตุการณ์ อยา่ งย ิง่ เพราะต า่ งอ งคต์ ่างอ ่อนน้อมถ่อมต นป ราศจากการแ สดงออกซ่ึง ทฏิ ฐิมานะใดๆเลยแ ปง้ เสกท ่ีหลวงปู่บดุ ดาเมตตามอบให้ หลวงปดู่ ู่ท่าน ก็เอาม าทาท ่ศี ีรษะเพื่อแสดงถ ึงความเคารพอ ย่างสูง พระเถระอ กี ท า่ นห นงึ่ ซ งึ่ ไดเ้ ดนิ ท างม าเยยี่ มห ลวงปดู่ คู่ อ่ นข า้ งบ อ่ ย คร้งั คอื หลวงป ู่โงน่ โสรโยวดั พ ระพทุ ธบาทเขาร วก จ ังหวัดพ จิ ติ รทา่ น มคี วามห ว่ งใยในส ขุ ภาพข องห ลวงปดู่ อู่ ยา่ งม ากโดยไดส้ ง่ั ใหล้ กู ศ ษิ ยจ์ ดั ท ำ ป้ายกำหนดเวลาร บั แขกในแ ตล่ ะว นั ข องห ลวงปูด่ ู่ เพอื่ เป็นการถนอมธ าตุ ขนั ธข์ องห ลวงพ อ่ ใหอ้ ยไู่ ดน้ านๆ แตอ่ ยา่ งไรก ด็ ี ไมช่ า้ ไมน่ านห ลวงปดู่ ทู่ า่ น ก็ให้น ำป ้ายอ อกไปเพราะเหตแุ ห่งค วามเมตตาท ี่ทา่ นมตี ่อผ ้คู นทัง้ หลาย luangpordu.com
21 ๒๑ ในระยะเวลาเดียวกันน้ัน ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร วัดพระธาตุ ดอนเรือง ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่โง่น โสรโย ก็ได้เดินทางมากราบ นมสั การหลวงปดู่ ู่ ๒คร้งั โดยท ่านไดเ้ลา่ ให้ฟ งั ภายหลังวา่ เมือ่ ได้ม าพ บ หลวงปู่ดู่ จ ึงได้รวู้ ่าห ลวงป่ดู ู่กค็ ือพระภ ิกษุชราภาพท ่ีไปส อนท ่านในสมาธิ ในช่วงที่ท่านอธิษฐานเข้ากรรมปฏิบัติไม่พูด ๗ วัน ซ่ึงท่านก็ได้แต่กราบ ระลกึ ถ งึ อยู่ตลอดท กุ วันโดยไมร่ ้วู ่าพระภ ิกษชุ ราภาพร ูปนค้ี อื ใครก ระทงั่ ได้มีโอกาสมาพบหลวงปู่ดู่ท่ีวัดสะแก เกิดรู้สึกเหมือนดังพ่อลูกท่ีจากกัน ไปนานๆ แม้คร้งั ที่๒ท ่พี บกับห ลวงปู่ดู่ หลวงปดู่ กู่ ไ็ ดพ้ ูดส อนให้ท่านเร่ง ความเพยี รเพราะห ลวงพ่อจะอ ยอู่ ีกไมน่ าน ครูบาบุญชุ่มยังได้เล่าว่า ท่านตั้งใจจะกลับไปวัดสะแกอีกเพื่อหา โอกาสไปอุปัฏฐากหลวงปู่ดู่ แต่แล้วเพียงระยะเวลาไม่นานนัก ก็ได้ข่าว วา่ หลวงปูด่ ู่ม รณภาพย ังค วามสลดสงั เวชใจแ กท่ า่ น ท่านได้เขยี นบ ันทกึ ความรู้สึกในใจของท่านไว้ในหนังสืองานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ดู่ ตอนหน่งึ วา่ “...หลวงปู่ท่านมรณภาพส้ินไป เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ ความสว่างส่องแจ้งในโลกดับไป อุปมาเหมือนดังดวงประทีปท่ีให้ความ สว่างไสวแก่ลูกศิษย์ได้ดับไป ถึงแม้พระเดชพระคุณหลวงปู่ได้มรณะไป แล้ว แต่บุญญาบารมีท่ีท่านแผ่เมตตาและรอยย้ิมอันอ่ิมเอิบยังปรากฏ ฝังอยู่ในดวงใจอาตมา มิอาจลืมได้... ถ้าหลวงปู่มีญาณรับทราบ และ แผ่เมตตาลูกศิษย์ลูกหาทุกคน ขอให้พระเดชพระคุณหลวงปู่เข้าสู่ luangpordu.com
๒๒ 22 พระนิพพานเป็นอมตะแด่ท่านเทอญ กระผมขอกราบคารวะพระเดช- พระคุณห ลวงปู่ดพู่ รหมปัญโญดว้ ยความเคารพส ูงสุด” นอกจากน ้ี ยงั ม พี ระเถระอ กี รปู ห นง่ึ ท คี่ วรก ลา่ วถ งึ เพราะห ลวงปดู่ ู่ ใหค้ วามย กยอ่ งม ากในค วามเปน็ ผ มู้ คี ณุ ธ รรมส งู แ ละเปน็ แ บบอ ยา่ งข องผ ทู้ ี่ มคี วามเคารพในพ ระรตั นตรยั เปน็ อ ยา่ งย ง่ิ ซ งึ่ ห ลวงปดู่ ไู่ ดแ้ นะนำส านศุ ษิ ย์ ใหถ้ ือท่านเปน็ ค รอู าจารย์อ กี ท่านหนงึ่ ด้วยน น่ั ก ค็ ือห ลวงพ อ่ เกษมเขมโก แห่งสุสานไตรลกั ษณ์ จงั หวดั ล ำปาง ปจั ฉิมวาร นับแต่ พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นต้นมา สุขภาพของหลวงปู่เริ่มแสดง ไตรลักษณะให้ปรากฏอย่างชัดเจน สังขารร่างกายของหลวงปู่ซึ่งก่อเกิด มาจ ากธาตดุ นิ น ้ำลมไฟและมีใจค รองเหมือนเราๆท า่ นๆ เมอื่ ส ังขาร ผา่ นมานานวนั โดยเฉพาะอ ยา่ งยิง่ ถา้ ม ีก ารใชง้านมาก แ ละพกั ผอ่ นนอ้ ย ความทรดุ โทรมก ย็ อ่ มเกดิ เร็วข ึ้นก ว่าปรกติกลา่ วค ือส งั ขารรา่ งกายข อง ท่านได้เจ็บป่วยอ่อนเพลียลงไปเป็นลำดับ ในขณะท่ีบรรดาลูกศิษย์ลูก หาท้ังญาติโยมและบรรพชิตก็หล่ังไหลกันมานมัสการท่านเพิ่มขึ้นทุกวัน ในท า้ ยท สี่ ดุ แ หง่ ช วี ติ ข องห ลวงปดู่ ู่ ด ว้ ยป ณธิ านท ตี่ ง้ั ไวว้ า่ “ ส แู้ คต่ าย” ท า่ น ใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างสูง แม้บางคร้ังจะมีโรคมาเบียดเบียนอย่าง หนักท่านก็อุตส่าห์ออกโปรดญาติโยมเป็นปกติ พระที่อุปัฏฐากท่านได้ เล่าให้ฟงั ว า่ บ างครง้ั ถ ึงข นาดทท่ี ่านต้องพ ยงุ ต วั เองขึน้ ด ว้ ยอ าการส่ันและ มีน้ำตาคลอเบา้ ท่านก็ไม่เคยปริปากใหใ้ ครต อ้ งเปน็ ก งั วลเลย ในปีท ้ายๆ luangpordu.com
23 ๒๓ ท่านถูกตรวจพบว่าเป็นโรคล้ินหัวใจรั่ว แม้นายแพทย์จะขอร้องท่านเข้า พักรักษาตัวท่ีโรงพยาบาล ท่านก็ไม่ยอมไป ท่านเล่าให้ฟังว่า “แต่ก่อน เราเคยอยากดี เมื่อดแี ลว้ กเ็ อาใหห้ ายอยาก อยา่ งมากกส็ แู้ คต่ าย ใครจะ เหมอื นขา้ ข า้ บนต วั ต าย” มีบางครั้งได้รับข่าวว่าท่านล้มขณะกำลังลุกเดินออกจากห้องเพ่ือ ออกโปรดญาติโยมคอื ป ระมาณ๖ นาฬกิ าอ ย่างท่ีเคยปฏิบัตอิ ย่ทู กุ วัน โดยปกติในยามท่ีสุขภาพของท่านแข็งแรงดี ท่านจะเข้าจำวัดประมาณ ส่ีห้าทุ่ม แต่กว่าจะจำวัดจริงๆ ประมาณ เท่ียงคืนหรือตีหนึ่ง แล้วมา ต่ืนนอนตอนประมาณตีสาม มาช่วงหลังท่ีสุขภาพของท่านไม่แข็งแรง จงึ ตืน่ ตอนประมาณต สี ี่ถึงต ีห ้าเสร็จกิจทำวตั รเชา้ แ ละกิจธ ุระส่วนตวั แลว้ จงึ ออกโปรดญาติโยมทหี่ นา้ ก ฏุ ิ ประมาณป ลายป ี พ .ศ .๒ ๕๓๒ห ลวงปดู่ พู่ ดู บ อ่ ยค รง้ั ในค วามห มาย ว่าใกลถ้ งึ เวลาท่ที า่ นจ ะล ะส งั ขารนี้แล้วในชว่ งท า้ ยข องชีวิตท า่ นธ รรมท ่ี ถา่ ยทอดย งิ่ เดน่ ช ดั ข นึ้ ม ใิ ชด่ ว้ ยเทศนาธ รรมข องท า่ นห ากแ ตเ่ ปน็ การส อน ด้วยการปฏิบัติให้ดู โดยเฉพาะอย่างย่ิงปฏิปทาในเรื่องของความอดทน สมดงั ท พ่ี ระสัมมาสมั พุทธเจ้าไดป้ ระทานไวใ้ นโอวาทปาฏิโมกข์ว่า“ ขันตี ปรมงั ต โปตตี ิกขาความอ ดทนเปน็ ต บะอย่างย ่งิ ” แ ทบจ ะไม่มีใครเลย นอกจากโยมอ ปุ ฏั ฐากใกลช้ ดิ ท ที่ ราบว า่ ทท่ี า่ นน ง่ั รบั แขกบ นพ น้ื ไมก้ ระด าน แขง็ ๆทุกว ันๆต้ังแ ต่เชา้ จ รดคำ่ เป็นระยะเวลาน ับส ิบๆ ป ี ด้วยอาการย้ิม แย้มแ จม่ ใสใครท กุ ขใ์ จมาท า่ นกแ็ ก้ไขให้ไดร้ ับค วามสบายใจกลบั ไปแต่ เบื้องห ลงั ก็คอื ความล ำบากท างธาตุข นั ธข์ องทา่ นท่ที า่ นไม่เคยป รปิ าก luangpordu.com
๒๔ 24 บอกใคร กระทั่งวันหน่ึง โยมอุปัฏฐากได้รับการไหว้วานจากท่านให้เดิน ไปซื้อยาท าแ ผลให้ทา่ นจ งึ ไดม้ โี อกาสข อด แู ละได้เหน็ แ ผลท ีก่ น้ ท ่านซ ่งึ ม ี ลักษณะแ ตกซ ำ้ ๆซ ากๆ ในบริเวณเดิมเป็นท ่ีสลดใจจ นไมอ่ าจกลน้ั นำ้ ตา เอาไว้ได้ ท่านจึงเป็นครูที่เลิศ สมดังพระพุทธโอวาทท่ีว่า สอนเขาอย่างไร พงึ ป ฏบิ ตั ใิ หไ้ ดอ้ ยา่ งน นั้ ด งั น นั้ ธ รรมในข อ้ “ อ นตั ตา” ซ ง่ึ ห ลวงป ทู่ า่ นย กไว้ เปน็ ธ รรมช น้ั เอกท า่ นก ไ็ ดป้ ฏบิ ตั ใิ หเ้ หน็ เปน็ ท ปี่ ระจกั ษแ์ กส่ ายตาข องศ ษิ ย์ ทั้งหลายแล้วถึงข้อปฏิบัติต่อหลักอนัตตาไว้อย่างบริบูรณ์ จนแม้ความ อาลัยอาวรณ์ในสังขารร่างกายที่จะมาหน่วงเหน่ียว หรือสร้างความทุกข์ ร้อนแ ก่จติ ใจท ่านก็มิไดป้ รากฏใหเ้ หน็ เลย ในต อนบ ่ายข องว นั กอ่ นห นา้ ท่ีทา่ นจะมรณภาพข ณะท ที่ า่ นกำลัง เอนกายพักผอ่ นอยู่น ั้นกม็ ีน ายทหารอากาศผ ้หู น่ึงม ากราบน มัสการท า่ น ซง่ึ เปน็ การม าค รงั้ แ รกห ลวงปดู่ ไู่ ดล้ กุ ข นึ้ น งั่ ต อ้ นรบั ด ว้ ยใบหนา้ ท ส่ี ดใสราศี เปล่งปลง่ั เปน็ พิเศษกระท่งั บรรดาศ ิษย์ณ ท น่ี น่ั เห็นผิดสงั เกตห ลวงปู่ แสดงอาการยินดีเหมือนรอคอยบุคคลผู้น้ีมานาน ท่านว่า “ต่อไปนี้ ขา้ จะไดห้ ายเจบ็ ห ายไขเ้ สยี ท”ี ไมม่ ใี ครค าดค ดิ ม าก อ่ นว า่ ท า่ นก ำลงั โปรด ลูกศิษย์คนสุดท้ายของท่าน หลวงปู่ดู่ท่านได้แนะนำการปฏิบัติพร้อมท้ัง ให้น ่งั ปฏบิ ัตติ อ่ หน้าท่านซ่ึงเขาก ส็ ามารถป ฏิบัติได้ผลเปน็ ท ีน่ ่าพ อใจท ่าน ยำ้ ในตอนทา้ ยว า่ “ ข ้าขอฝากให้แกไปปฏิบตั ติ อ่ ” ในคืนนั้นก็ได้มีคณะศิษย์มากราบนมัสการท่านซึ่งการมาในคร้ังนี้ ไมม่ ใี ครค าดค ดิ ม าก อ่ นเชน่ ก นั ว า่ จ ะเปน็ การม าพ บก บั ส งั ขารธ รรมข องท า่ น luangpordu.com
25 ๒๕ เป็นคร้ังสดุ ทา้ ยแ ลว้ ห ลวงปู่ดูไ่ดเ้ ลา่ ให้ศิษย์คณะนฟี้ งั ดว้ ยส ีหนา้ ปรกตวิ า่ “ไมม่ สี ว่ นห นง่ึ ส ว่ นใดในรา่ งกายข า้ ท ไ่ี มเ่ จบ็ ป วดเลยถ า้ เปน็ ค นอ นื่ ค งเขา้ หอ้ งไอซ ยี ไู ปน านแ ลว้ ” พ รอ้ มท ง้ั พ ดู ห นกั แ นน่ ว า่ “ ข า้ จ ะไปแ ลว้ น ะ” ท า้ ย ทสี่ ดุ ทา่ น กเ็ มตตาก ลา่ วย ำ้ ใหท้ กุ ค นต งั้ อ ยใู่ นค วามไมป่ ระมาท“ ถ งึ อ ยา่ งไร กข็ ออ ยา่ ไดท้ ง้ิ ก ารป ฏบิ ตั ิ ก เ็ หมอื นน กั ม วยข น้ึ เวทแี ลว้ ต อ้ งช กอยา่ ม วั แ ต่ ต ง้ั ท า่ เงอะๆ งะๆ” น ด้ี จุ เปน็ ป จั ฉมิ โอวาทแ หง่ ผ เู้ ปน็ พ ระบรมค รขู องผ เู้ ปน็ ศษิ ย์ทุกคนอ ันจะไมส่ ามารถลืมเลอื นไดเ้ ลย หลวงปดู่ ไู่ ดล้ ะส งั ขารไปด ว้ ยอ าการอ นั ส งบด ว้ ยโรคห วั ใจในก ฏุ ทิ า่ น เม่อื เวลาประมาณ๕ นาฬิกาข องวนั พุธที่ ๑๗มกราคมพ .ศ.๒๕๓๓อายุ ๘๕ป ี ๘ เดอื นอ ายพุ รรษา๖ ๕พ รรษาส งั ขารธ รรมข องท า่ นไดต้ งั้ บ ำเพญ็ กุศลโดยมีเจ้าภาพสวดอภิธรรมเรื่อยมาทุกวันมิได้ขาด ตลอดระยะเวลา ๔๕๙วันจนก ระทงั่ ไดร้ บั พระราชทานเพลิงศ พเป็นกรณีพเิ ศษ ในว นั เสาร์ ที่ ๒๐เมษายน๒ ๕๓๔ พระคุณเจ้าหลวงปดู่ ู่พ รหมปญั โญได้อปุ สมบทและจำพ รรษาอยู่ ณว ดั ส ะแกม าโดยต ลอดจ นก ระทงั่ ม รณภาพยงั ค วามเศรา้ โศกแ ละอ าลยั แกศ่ ษิ ยานศุ ษิ ยแ์ ละผ เู้ คารพรกั ท า่ นเปน็ อ ยา่ งย ง่ิ อ ปุ มาด งั่ ด วงป ระทปี ท เ่ี คย ใหค้ วามสวา่ งไสวแก่ศษิ ยานุศิษย์ได้ดับไปแตเ่ มตตาธรรมและคำสั่งสอน ของท่านจะยังปรากฏอยู่ในดวงใจของศิษยานุศิษย์และผู้ที่เคารพรักท่าน ตลอดไปบดั น้ีสิง่ ท ่ีค งอ ยู่มิใชส่ งั ขารธ รรมข องท ่านห ากแ ตเ่ ป็นห ลวงปูด่ ู่ องค์แท้ที่ศิษย์ทุกคนจะเข้าถึงท่านได้ด้วยการสร้างคุณงามความดีให้เกิด ใหม้ ีขึ้นท ี่ตนเองสมดังท ่ที า่ นไดก้ ล่าวไวเ้ ป็นค ติวา่ luangpordu.com
๒๖ 26 “ ต ราบใดก ต็ ามท แ่ี กย งั ไมเ่ หน็ ค วามด ใี นต วั ก ย็ งั ไมน่ บั ว า่ แ กรจู้ กั ข า้ แ ตถ่ า้ เมอื่ ใดแ กเรมิ่ เหน็ ค วามด ใี นต วั เองแ ลว้ เมอื่ น น้ั ... ขา้ จ งึ ว า่ แ กเรม่ิ รจู้ ักขา้ ดขี นึ้ แลว้ ” ธรรมท ัง้ หลายทีท่ ่านได้พ รำ่ ส อนท ุกวรรคต อนแหง่ ธ รรมท่ีบรรดา ศิษย์ได้น้อมนำมาปฏิบัติ นั้นก็คือการที่ท่านได้เพาะเมล็ดพันธ์ุแห่งความ ดีงามบนดวงใจของศิษย์ทุกคน ซ่ึงนับวันจะเติบใหญ่ผลิดอกออกผลเป็น สติและปัญญาบนลำต้นท่ีแข็งแรงคือสมาธิ และบนพ้ืนดินท่ีมั่นคงแน่น หนาค ือศ ลี ส มดังเจตนารมณท์ ี่ทา่ นไดท้ มุ่ เทท งั้ ชวี ิตด ว้ ยเมตตาธ รรมอัน ยิง่ อันจกั ห าได้ยากท้ังในอดีตปจั จบุ ันและอนาคต... luangpordu.com
luangpordu.com
คติธรรมคำสอน หลวงป ู่ดู่ พ รหมปัญโญ luangpordu.com
29 ๒๙ ๑ ส มมุตแิ ละว ิมตุ ติ ในว นั ส นิ้ ป เี มอ่ื ห ลายป กี อ่ นผ เู้ ขยี นไดม้ าค า้ งค นื อ ยปู่ ฏบิ ตั ทิ ว่ี ดั ส ะแก และได้มีโอกาสเรียนถามปัญหาการปฏิบัติกับหลวงปู่เรื่องนิมิตจริงนิมิต ปลอมท ่ีเกิดข ้นึ ภ ายในจากก ารภ าวนาท่านต อบให้สรุปใจความได้วา่ ต อ้ งอ าศยั ส มมตุ ขิ น้ึ ก อ่ นจ งึ จ ะเปน็ ว มิ ตุ ตไิ ด้ เชน่ ก ารท ำอ สภุ ะ ห รอื กสณิ น ัน้ ต ้องอาศยั ส ญั ญาและส งั ขารนอ้ มนึกเป็นน มิ ติ ข นึ้ ในข้นั น้ไี ม่ควร สงสยั ว่านิมิตนัน้ เป็นข องจ รงิ ห รือข องป ลอมม าจากภายนอกหรอื ม าจ าก จติ เพราะเราจ ะอ าศยั ส มมตุ ติ วั น ไ้ี ปท ำป ระโยชนต์ อ่ ค อื ย งั จ ติ ใหเ้ ปน็ ส มาธิ แนว่ แน่ขน้ึ แ ต่กอ็ ย่าส ำคญั มั่นหมายว ่าต นร เู้ห็นแล้วห รือดวี เิ ศษแลว้ การน้อมจิตต้ังนิมิตเป็นองค์พระ เป็นส่ิงที่ดี ไม่ผิด เป็นศุภนิมิต คอื นิมติ ท ด่ี ี เมอื่ เหน็ อ งคพ์ ระให้ต้ังสติคมุ เขา้ ไปต รงๆ (ไม่ป รงุ แตง่ หรอื อยากโนน้ น้)ี ไมอ่ อกซ้ายไม่อ อกขวาทำความเลอ่ื มใสเขา้ เดินจ ติ ให้แนว่ แน่ สติล ะเอยี ดเขา้ ต อ่ ไปก ็จะส ามารถแยกแยะหรอื พจิ ารณานิมิตใหเ้ปน็ ไตรล กั ษณ์จนเกิดปญั ญาสามารถจ ะก ้าวเขา้ สูว่ มิ ุตติได้ luangpordu.com
๓๐ 30 ๒ อุปมาศ ลี สมาธิ ปญั ญา คร้ังหนึ่งได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับหลวงน้าสายหยุด ท่านได้ เมตตาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า หลวงปู่เคยเปรียบธรรมะของพระพุทธเจ้า เหมือนแกงส้มแกงสม้ น ้ันม ี๓รสค ือเปรย้ี วเคม็ และเผด็ ซึง่ มีความ หมายดังนี้ รสเปรยี้ วหมายถงึ ศ ีลค วามเปรยี้ วจ ะก ดั กร่อนค วามส กปรกอ อก ได้ฉันใดศลี ก็จะข ัดเกลาความห ยาบออกจ ากก ายวาจาใจไดฉ้ นั น น้ั รสเคม็ หมายถึงส มาธิค วามเค็มส ามารถร ักษาอาหารต ่างๆไม่ให้ เนา่ เสยี ไดฉ้ นั ใดส มาธกิ ส็ ามารถรกั ษาจ ติ ข องเราใหต้ ง้ั ม น่ั อ ยใู่ นค ณุ ค วามด ี ได้ฉ นั นั้น รสเผ็ด หมายถึง ปัญญา ความเผ็ดร้อนโลดแล่นไป เปรียบได้ดั่ง ปัญญาท่ีสามารถก่อให้เกิดความแจ้งชัด ขจัดความไม่รู้เปล่ียนจากของ ควำ่ เปน็ ข องห งายจ ากมืดเป็นส วา่ งไดฉ้ ันนน้ั luangpordu.com
31 ๓๑ ๓ หนง่ึ ในส ่ี คร้งั หน่ึงห ลวงปู่ไดป้ รารภธ รรมกับผ้เู ขียนวา่ ... “ข้านั่งดูดยา มองดูซองยาแล้วก็ตั้งปัญหาถามตัวเองว่า เราน่ี ปฏบิ ตั ไิ ด้ ๑ ใน๔ ข องศ าสนาแ ลว้ ห รอื ย งั ?ถ า้ ซ องย าน แ้ี บง่ เปน็ ๔ ส ว่ น เรานยี่ ังไมไ่ ด้ ๑ใน๔มนั จ วนเจียนจ ะได้แลว้ มันก ค็ ลายเหมอื นเรามัด เชือกจนเกือบจะแน่นไดท้ แ่ี ล้วเราปล่อยมันก็คลายอ อกเราน ี่ยงั ไม่เช่อื จริงถา้ เชอื่ จ รงิ ก็ตอ้ งได้ ๑ใน๔แลว้ ” ตอ่ มาภายหลงั ท า่ นไดข้ ยายความใหผ้ เู้ ขยี นฟ งั วา่ ทว่ี า่ ๑ ใน๔น น้ั อุปมาดั่งการปฏิบัติธรรมเพ่ือให้บรรลุมรรคผลในพุทธศาสนาซ่ึงแบ่งเป็น ขั้นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และอรหัตตผลอย่างน้อยเราเกิดมา ชาติหน่ึงชาติน้ี ได้พบพระพุทธศาสนาซ่ึงเปรียบเสมือนสมบัติอันล้ำค่า แล้วหากไมป่ ฏบิ ตั ธิ รรมใหไ้ ด้ ๑ ใน๔ ของพทุ ธศาสนาเปน็ อยา่ งน อ้ ยคอื เขา้ ถงึ ความเปน็ พระโสดาบ ันปิดป ระตอู บายภมู ิใหไ้ ด้ ก็เท่ากับว ่าเราเปน็ ผู้ประมาทอยเู่ หมอื นเราม ีข้าวแ ล้วไมก่ นิ ม ีนาแล้วไมท่ ำฉ ันใดก ฉ็ นั น้ัน luangpordu.com
๓๒ 32 ๔ อานสิ งส์ก ารภาวนา หลวงปทู่ า่ นเคยพ ดู เสมอวา่ “ อปุ ชั ฌาย์ข้า (หลวงปกู่ ล่นั ) สอนวา่ ภาวนาไดเ้ ห็นแสงส ว่าง เท่าป ลายห วั ไม้ขดี ช่ัวป ระเดีย๋ วเดียวเทา่ ช ้างก ระดิกหู งูแลบลน้ิ ยังมี อานสิ งสม์ ากกวา่ ตักบาตรจนข นั ล งหนิ ท ะลุ” พวกเรามักจะไดย้ ินท า่ นคอยใหก้ ำลังใจอยบู่ ่อยๆว่า “ หมน่ั ท ำเขา้ ไว้ ห มน่ั ทำเข้าไว้ ต่อไปจ ะได้เปน็ ท่ีพ ง่ึ ภ ายหน้า” เสมือนหนง่ึ เปน็ การเตอื นให้เราเร่งความเพียรให้มาก การให้ทาน รกั ษาศลี รอ้ ยครง้ั พนั ครง้ั ก็ไม่เทา่ กบั นง่ั ภาวนาหนเดยี ว นง่ั ภาวนารอ้ ยครง้ั พันครั้ง กุศลท่ีได้ก็ไม่เท่ากุศลจิตที่สงบเป็นสมาธิท่ีเกิดปัญญาเพียง คร้ังเดยี ว ขนั ลงหินคือภ าชนะใชใ้ สอ่ าหารสำหรบั เตรยี มใสบ่ าตรพระซ ่งึ คนสมยั ก่อนน ยิ มใช้ luangpordu.com
33 ๓๓ ๕ แ สงส วา่ งเปน็ ก เิ ลส? มีคนเล่าใหห้ ลวงปฟู่ ังวา่ ม ีผู้ก ลา่ วว ่าการท ำสมาธิแลว้ บงั เกดิ ค วาม สว่างหรือเห็นแ สงส วา่ งน ัน้ ไมด่ เีพราะเป็นก เิ ลสม ืดๆ จ งึ จะดี หลวงปูท่ ่านก ล่าวว า่ “ที่ว่าเป็นกิเลสก็ถูก แต่เบื้องแรกต้องอาศัยกิเลสไปละกิเลส (อาศัยกิเลสส่วนละเอียดไปละกิเลสส่วนหยาบ) แต่ไม่ได้ให้ติดในแสง สว่างหรือหลงแสงสว่าง แต่ให้ใช้แสงสว่างให้ถูก ให้เป็นประโยชน์ เหมอื นอ ยา่ งก บั เราเดนิ ผ า่ นไปในท มี่ ดื ต อ้ งใชแ้ สงไฟห รอื จ ะข า้ มแ มน่ ำ้ มหาสมุทรก็ต้องอาศัยเรือ อาศัยแพ แต่เมื่อถึงฝั่งแล้วก็ไม่ได้แบกเรือ แบกแพข ้ึนฝง่ั ไป” แสงสว่างอันเป็นผลจากการเจริญสมาธิก็เช่นกัน ผู้มีสติปัญญา สามารถใช้เพื่อให้เกิดปัญญา อันเป็นแสงสว่างภายในที่ไม่มีแสงใดเสมอ เหมือนดงั ธ รรมทวี่ า่ “นตั ถิ ป ญั ญาสมาอาภาแ สงสวา่ งเสมอด้วยป ญั ญาไม่ม”ี luangpordu.com
๓๔ 34 ๖ ป ลูกต น้ ธ รรม ครั้งหนงึ่ ห ลวงปู่เคยเปรยี บการป ฏบิ ตั ิธ รรมเหมือนก ารป ลูกต ้นไม้ ท่านว่า...ปฏิบัตินี้มันยาก ต้องคอยบำรุงดูแลรักษาเหมือนกับเรา ปลกู ต้นไม้ ศ ีล...................คือด นิ ส มาธ.ิ ..............ค ือลำตน้ ป ญั ญา.............ค อื ดอกผ ล ออกดอกเมอื่ ใดก ม็ ีกลน่ิ หอมไปท ่ัวการป ฏิบตั ธิ รรมก็เชน่ กันผ รู้ กั การปฏิบัติต้องคอยหมั่นรดน้ำพรวนดิน ระวังรักษาต้นธรรมให้ผลิดอก ออกใบมีผลน ่าร บั ป ระทาน ต้องค อยร ะวังตัวหนอนค ือโลภโกรธหลง มใิ หม้ าก ดั ก นิ ต น้ ธ รรมไดอ้ ยา่ งน ี้ จงึ จ ะไดช้ อื่ ว า่ ผ รู้ กั ธ รรมรกั ก ารป ฏบิ ตั จิ รงิ luangpordu.com
35 ๓๕ ๗ ว ัดผลการปฏิบตั ิดว้ ยสงิ่ ใด? ม ผี ปู้ ฏบิ ตั หิ ลายค นป ฏบิ ตั ไิ ปน านเขา้ ช กั เขวไมช่ ดั เจนว า่ ตนป ฏบิ ตั ิ ไปท ำไมห รอื ป ฏบิ ตั ไิ ปเพอ่ื อ ะไรด งั ค รง้ั ห นงึ่ เคยม ลี กู ศ ษิ ยก์ ราบเรยี นถ าม หลวงปู่ว่า “ภ าวนามาก็นานพอส มควรแ ล้วร ู้สึกว า่ ยังไมไ่ ดร้ ู้ได้เหน็ สง่ิ ต า่ งๆ มีนิมติ ภายนอกแสดงส ตี า่ งๆเปน็ ตน้ ด ังท ผ่ี อู้ น่ื เขารู้เหน็ ก นั เลย” หลวงปูท่ ่านยอ้ นถามส น้ั ๆวา่ “ป ฏิบัติแล้วโกรธโลภห ลงของแ กลดน้อยล งห รือเปล่าห ละ่ ถ้าล ดลงขา้ ก็ว่าแ กใช้ได้ ” luangpordu.com
๓๖ 36 ๘ เทวทูต๔ ธรรมะท่ีหลวงปู่ยกมาส่ังสอนศิษย์เป็นประจำ มีอยู่เร่ืองหน่ึง คือ เทวทตู ๔ท่เี จา้ ช ายสิทธตั ถ ะพบกอ่ นบ รรพชาค อื ค นแ ก่ คนเจบ็ ค นต าย และสมณะ ความหมายของค ำว ่า เทวทตู ๔หลวงปู่ท ่านห มายถงึ ผ ูม้ าเตือน เพอ่ื ใหร้ ะลกึ ถ งึ ค วามไมป่ ระมาทซ ง่ึ เปน็ เรอื่ งท คี่ วรค ดิ แ ตค่ นส ว่ นใหญม่ กั มองข ้าม หลวงปู่ปรารภอยู่เสมอว่า แก่ เจ็บ ตาย เน้อ...หม่ันทำเข้าไว้ มี ความหมายโดยนัยว่า เมื่อเราเกิดมาแล้ว เราก็ย่อมก้าวเข้าสู่ความชรา ความแ ก่เฒ่าอยตู่ ลอดเวลา ม คี วามเจ็บป ว่ ยเปน็ ธรรมดา และเราจกั ต อ้ ง ตายเหมือนกนั ทุกค น การเห็นส มณะห รอื น ักบวชจึงเปน็ น มิ ติ ห มายทดี่ ี ทจ่ี ะช ักจูงใหเ้ รา กา้ วลว่ งความทุกข์ไดใ้นที่สุดโดย“ ผ ู้มาเตอื น” ทั้ง๔ น ี่เอง luangpordu.com
37 ๓๗ ๙ อารมณ์อัพยากฤต เคยม ผี ใู้ หญท่ า่ นห นง่ึ ไดก้ ราบเรยี นถามห ลวงปวู่ า่ อ ารมณอ์ พั ยากฤต ไม่จำเปน็ ตอ้ งม ีไดเ้ ฉพาะพ ระอ รหันต ์ใช่หรือไม่? ท่านตอบว่า “ใช่ แต่อารมณ์อัพยากฤตของพระอรหันต์ท่านทรง ตลอดเวลาไม่เหมอื นป ุถชุ นท่ีม เี ป็นค รั้งค ราวเท่านัน้ ” ท่านอุปมาอารมณ์ให้ฟังว่า เปรียบเสมือนคนไปยืนท่ีตรงทางสอง แพรง่ ทางห นึง่ ไปท างดี(ก ศุ ล)อกี ทางหน่ึงไปในทางท ี่ไม่ดี(อกุศล)ทา่ น วา่ อพั ยากฤ ตมี๓ ร ะดบั ค อื -ระดบั ห ยาบคืออ ารมณป์ ุถชุ นท่ีเฉยๆไมค่ ดิ ดีไม่คิดช ั่วซ ึ่งมเี ปน็ คร้งั คราวเทา่ นนั้ - ระดับกลาง มีในผู้ปฏิบัติสมาธิ มีสติ มีความสงบของจิต วาง อารมณ์จากสง่ิ ท ่ดี ีทชี่ ว่ั ด ังทเี่ รียกว า่ อเุ บกขารมณ์ - ระดับละเอียด คือ อารมณ์ของพระอรหันต์ ซ่ึงไม่มีท้ังอารมณ์ ท่ีคิดปรุงไปในทางดี หรือในทางไม่ดี วางอารมณ์อยู่ได้ตลอดเวลา เป็น วหิ ารธ รรมข องท ่าน luangpordu.com
๓๘ 38 ๑๐ ต รี โทเอก คร้ังหน่ึงผ เู้ ขียนจะจ ัดท ำบุญเพอื่ เป็นก ตัญญูกตเวทิตาธ รรมน้อม ถวายแด่หลวงปู่เกษมเขมโกเนือ่ งในโอกาสท่หี ลวงปทู่ ่านม อี ายุค รบ๗๔ พรรษาเม่อื ว ันท่ี ๒๘พฤศจกิ ายนพ.ศ.๒ ๕๒๘ ผู้เขียนไดเ้ รียนถามห ลวงปวู่ า่ “การทำบุญอ ยา่ งไรจึงจ ะด ีทสี่ ุด” หลวงปทู่ ่านไดเ้ มตตาตอบว ่า “ของดนี ัน้ อ ย่ทู เี่รา ของดนี ัน้ อ ยู่ท ี่จติ จติ ม ี ๓ ชน้ั ต รี โท เอก ถา้ ตรีกต็ ำ่ หนอ่ ยโทก ็ปานกลางเอกน ่อี ย่างอุกฤษฏ์ มันไม่มีอะไร... ก็ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตัวอนัตตาน่ีแหละ เปน็ ตัวเอกไลไ่ ปไลม่ าใหม้ นั เหน็ ส ังขารร่างกายเราต ายแ นๆ่ คนเรา หนีต ายไปไม่พน้ ต ายน ้อย ตายใหญ่ ตายใหญก่ ็ต ายห มด ต ายน ้อยก ็ หลับไปต รองดใูหด้ ีเถอะ...” luangpordu.com
39 ๓๙ ๑๑ ตอ้ งส ำเร็จ หลวงปู่เคยสอนว า่ ... “ความสำเร็จนั้น มิใช่อยู่ที่การสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้ามา ประทานให้ห ากแตต่ ้องล งมือทำด ว้ ยตนเองถ ้าต้ังใจทำตามแ บบแ ลว้ ทกุ อ ยา่ งต อ้ งส ำเรจ็ ไมใ่ ชจ่ ะส ำเรจ็ พ ระพทุ ธเจา้ ท า่ นว างแ บบเอาไวแ้ ลว้ ครูบาอาจารย์ทุกองค์มีพระพุทธเจ้าเป็นท่ีสุด ก็ได้ทำตามแบบ เป็น ตวั อยา่ งใหเ้ราด ู อ ัฐทิ า่ นก ็กลายเป็นพ ระธาตกุ นั หมด เม่อื ไดไ้ตร่ตรอง พิจารณาให้รอบคอบแล้ว ขอให้ลงมือทำทันที ข้าขอรับรองว่าต้อง สำเรจ็ ส ว่ นจ ะชา้ หรอื เรว็ น้นั อ ยูท่ คี่ วามเพียรของผ ู้ปฏิบตั ”ิ ขอใหต้ ง้ั ปญั หาถ ามตวั เองว า่ “สงิ่ น นั้ บัดนเ้ี ราไดล้ งมือท ำแล้วหรือย ัง?” luangpordu.com
๔๐ 40 ๑๒ จะเอาโลกหรอื เอาธรรม บ่อยคร้ังท่ีมีผู้มาถามปัญหากับหลวงปู่ โดยมักจะนำเอาเรื่องราว ตา่ งๆท เ่ี ก่ียวก ับห น้าท่กี ารงานสามีภรรยาล ูกเต้าญาติมิตรหรอื คนอนื่ มาป รารภใหห้ ลวงปู่ฟงั อ ยูเ่ สมอ คร้งั หนึ่งท ่านได้ให้คตเิ ตือนใจผ เู้ ขียนว า่ “ โลกเทา่ แ ผ่นด ินธ รรมเทา่ ป ลายเขม็ ” ซ่ึงต่อม าทา่ นได้เมตตาขยายค วามให้ฟังว ่า “เร่อื งโลกมแี ตเ่ รอ่ื งย ุ่งของค นอ่นื ทง้ั น ้นั ไม่มีท่ีส ิ้นส ุดเราไปแ ก้ไข เขาไมไ่ ด้ ส ว่ นเรอ่ื งธ รรมน นั้ ม ที สี่ ดุ ม าจ บท ต่ี วั เราใหม้ าไลด่ ตู วั เองแ กไ้ ข ทต่ี ัวเราเองต นของต นเตอื นตนด ้วยตนเอง ถ้าคิดส่ิงท่ีเป็นธรรมแล้ว ต้องกลับเข้ามาหาตัวเอง ถ้าเป็นโลก แลว้ จ ะมแี ต่สง่ อ อกไปข้างน อกตลอดเวลาเพราะธ รรมแทๆ้ ย อ่ มเกดิ จากในตัวของเรานี้ท้งั น ั้น” luangpordu.com
41 ๔๑ ๑๓ แ นะว ธิ ปี ฏบิ ัติ เคยม ีส ุภาพส ตรที า่ นหน่ึงมีปญั หาถ ามว า่ น ัง่ ป ฏิบตั ภิ าวนาแลว้ จ ติ ไม่รวมไม่สงบควรจ ะท ำอ ยา่ งไรทา่ นแ ก้ใหว้ า่ “การปฏบิ ัติถ า้ อยากใหเ้ ป็นเร็วๆม นั ก็ไม่เปน็ หรือไม่อยากให้ เปน็ ม นั ก็ประมาทเสียไมเ่ป็นอ กี เหมือนกนั อ ยากเป็นก็ไมว่ ่าไมอ่ ยาก เปน็ ก ไ็ มว่ า่ ทำใจใหเ้ ปน็ กลางๆตง้ั ใจใหแ้ นว่ แ นใ่ นก มั มฏั ฐ านทเ่ี ราย ดึ ม น่ั อย่นู ้ันแล้วภ าวนาเรอื่ ยไป เหมือนกับเรากินข้าวไม่ต้องอยากให้มันอิ่ม ค่อยๆ กินไปมันก็ อม่ิ เองภาวนาก เ็ชน่ ก นั ไม่ต้องไปคาดหวังให้มนั สงบห นา้ ที่ของเราค อื ภาวนาไป ก็จะถึงของดี ของวิเศษในตัวเราแล้วจะรู้ชัดข้ึนมาว่าอะไร เป็นอะไรให้หมนั่ ทำเรอ่ื ยไป” luangpordu.com
๔๒ 42 การบวช๑จ ติ ๔-บ วชใน หลวงปเู่คยป รารภไว้ว่า... จะเป็นชายหรือหญงิ ก ด็ ี ถ ้าต้งั ใจป ระพฤตปิ ฏบิ ตั ิ มีศีล รกั ในการ ปฏิบัติ จิตมุ่งหวังเอาการพ้นทุกข์เป็นท่ีสุด ย่อมมีโอกาสเป็นพระกัน ได้ทกุ ๆคนม โี อกาสท จี่ ะบ รรลุมรรคผลน ิพพานได้เท่าเทยี มกันทุกค น ไม่เลือกเพศเลือกว ัยหรอื ฐ านะแ ต่อ ยา่ งใดไมม่ ีอะไรจะม าเป็นอปุ สรรค ในความสำเร็จได้ น อกจากใจของผ้ฏู บิ ัติเอง ทา่ นได้แ นะเคล็ดในก ารบ วชจ ิตว่า..... ในข ณะท เ่ี รานง่ั สมาธเิจรญิ ภาวนาน้นั ค ำก ล่าววา่ พุทธังสรณงัค ัจฉาม ิ ให้นกึ ถงึ ว า่ เราม พี ระพุทธเจา้ เปน็ พ ระอ ปุ ชั ฌาย์ของเรา ธัมมงั ส รณังค จั ฉาม ิ ใหน้ ึกว ่าเรามพี ระธรรม เป็นพ ระกรร มว าจ าจ ารย์ สังฆังสรณังคจั ฉาม ิ ใหน้ กึ วา่ เรามีพ ระอ รยิ ส งฆ์ เป็นพ ระอ นสุ าวนาจารย ์ แลว้ อย่าสนใจข นั ธ์ ๕ หรอื ร ่างกายเราน ี้ luangpordu.com
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256