10. สื่อการเรียนรู้ 1.หนังสอื เรยี นคณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 สสวท. 2.แบบฝึกคณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 สสวท. 3.บตั รภาพ 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. วิธีการวดั และประเมินผล 1.1 ตรวจแบบฝึกหดั 1.2 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม 1.3 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ 2. เคร่ืองมือ 2.1 แบบฝกึ หัด 2.2 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม 2.3 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3.2 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผ่านต้ังแต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน 3.3 การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม ผ่านตั้งแต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น
แบบบนั ทึกหลงั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ……………… เร่ือง ……………………………………………………………….. แผนการเรยี นรูท้ ่ี ………………… เรื่อง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้ัน…………………………. รหัสวิชา ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหน่ง …………………………………… เวลาท่ีใช้ ……… ชั่วโมง (ใน 1 วนั ท่ีสอนจริง) ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปัญหาท่พี บ แนวทางแก้ไข ที่มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เน้อื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤตกิ รรม/การมีส่วนร่วมของผ้เู รียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ้จู ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (นางสาวเตชินี หอมนาน) ตำแหน่ง พนกั งานราชการ
แผนการจดั การเรยี นรู้ 7 กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณติ ศาสตร์ รหัสวิชา ค 12101 ปีการศกึ ษา 2564 ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลา 22 ชัว่ โมง หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 เรอ่ื ง การคณู เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 7 เร่อื ง การคณู จำนวนหน่งึ หลักกบั จำนวนหนึง่ หลัก 1. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 จำนวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการของจำนวน ผลที่เกดิ ขึ้นจากการดำเนินการสมบตั ิของการดำเนินการและนำไปใช้ 2. ตัวชว้ี ัด ค 1.1 ป.2/5 หาค่าของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสัญลักษณ์แสดงการคณู ของจำนวน 1 หลักกับจำนวน ไมเ่ กนิ 2 หลกั 3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การคูณจำนวน 1 หลักกับจำนวน 1 หลักหาผลคูณโดยใช้สูตรคูณแม่ 2 แม่ 3 แม่ 4 แม่ 5 แม่ 6 แม่ 7 แม่ 8 หรอื แม่ 9 4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1) อธบิ ายการหาผลคูณของจำนวนหนงึ่ หลักกับ 4 และหาผลคูณของจำนวนหนงึ่ หลกั กับ 5 ได้ (K) 2) หาผลคณู ของจำนวนหนง่ึ หลักกบั 4 และหาผลคูณของจำนวนหน่งึ หลักกบั 5 ได้ (P) 3) รบั ผิดชอบต่อหนา้ ที่ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย (A) 5. สาระการเรยี นรู้ การหาผลคูณ 6. กระบวนการทางคณิตศาสตร์ การแก้ปัญหา ✓ การสอื่ สารและการส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ ✓ การเชื่อมโยง ✓ การให้เหตุผล การคิดสร้างสรรค์ 7. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
8. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำ 1. ครตู ิดบตั รภาพคกุ กี้ 4 ถงุ ถุงละ 1 ชน้ิ แลว้ ถามนกั เรียนวา่ มีคกุ กกี้ ่ถี งุ ถุงละกช่ี น้ิ มีคกุ กี้ทั้งหมดกช่ี ิ้น นักเรียนตอบวา่ มคี กุ ก้ี 4 ถุง ถงุ ละ 1 ชิ้น มีคกุ กที้ ้ังหมด 4 ช้นิ ครูถามว่า เขียนเป็นประโยคสญั ลักษณ์การคณู ได้ อย่างไร นกั เรยี นตอบ 4 × 1 = 4 ครถู ามนักเรยี นว่าจากประโยคสญั ลักษณ์การคูณ 4 × 1 = 4 น้ัน 4 ตัวหนา้ ในท่นี หี้ มายถงึ อะไร 1 ในท่ีนห้ี มายถึงอะไร และ 4 ตัวหลงั ในทีน่ ้หี มายถึงอะไร นกั เรียนตอบ 4 ตวั หน้าเป็นจำนวน กลมุ่ และ 1 เปน็ จำนวนสมาชกิ ในแต่ละกลมุ่ และ 4 ตวั หลงั เปน็ จำนวนสมาชกิ ทั้งหมด ข้นั สอน 2. ครตู ิดบตั รภาพคกุ ก้ี 4 ถุง ถงุ ละ 2 ชิ้น แล้วถามนักเรียนว่า มคี กุ กกี้ ี่ถุง ถงุ ละก่ีช้ิน มีคกุ กท้ี ้งั หมดกีช่ น้ิ นักเรยี นตอบว่า มีคกุ ก้ี 4 ถงุ ถุงละ 2 ชน้ิ มีคกุ กที้ ้ังหมด 8 ชิ้น ครถู ามว่า เขยี นเปน็ ประโยคสัญลกั ษณก์ ารคูณได้ อย่างไร นักเรียนตอบ 4 × 2 = 8 ครูถามนักเรียนว่า จากประโยคสญั ลกั ษณ์การคูณ 4 × 2 = 8 น้นั 4 ในทน่ี ี้ หมายถึงอะไร 2 ในท่ีน้ีหมายถึงอะไร และ 8 ในท่ีนี้หมายถงึ อะไร นักเรียนตอบ 4 เปน็ จำนวนกลุ่ม และ 2 เป็น จำนวนสมาชิกในแต่ละกลมุ่ และ 8 เปน็ จำนวนสมาชิกทัง้ หมด 3. ครูติดบตั รภาพคกุ ก้ี 4 ถงุ ถงุ ละ 3 ช้ิน แล้วถามนักเรยี นวา่ มคี กุ กก้ี ีถ่ ุง ถุงละกช่ี ิ้น มีคุกก้ที ั้งหมดกช่ี ิ้น นกั เรยี นตอบวา่ มีคกุ ก้ี 4 ถงุ ถุงละ 3 ช้ิน มีคุกกี้ท้ังหมด 12 ชนิ้ ครถู ามว่า เขียนเปน็ ประโยคสัญลักษณก์ ารคูณได้ อยา่ งไร นักเรียนตอบ 4 × 3 = 12 ครูถามนกั เรยี นว่า จากประโยคสญั ลักษณ์การคณู 4 × 3 = 12 น้ัน 4 ในทีน่ ้ี หมายถงึ อะไร 3 ในท่นี ีห้ มายถงึ อะไร และ 12 ในทนี่ ้หี มายถงึ อะไร นักเรยี นตอบ 4 เปน็ จำนวนกลุม่ และ 3 เปน็ จำนวนสมาชิกในแต่ละกล่มุ และ 12 เป็นจำนวนสมาชกิ ทง้ั หมด 4. ครูติดบตั รภาพคุกกี้ 4 ถุง ถงุ ละ 4 ช้ิน แลว้ ถามนักเรยี นวา่ มคี ุกกี้กี่ถงุ ถงุ ละกี่ช้ิน มคี ุกก้ีท้งั หมดกช่ี น้ิ นักเรยี นตอบว่า มคี ุกก้ี 4 ถุง ถุงละ 4 ชิ้น มีคุกกท้ี ั้งหมด 16 ชิน้ ครูถามว่า เขยี นเป็นประโยคสัญลักษณ์การคณู ไดอ้ ยา่ งไร นกั เรียนตอบ 4 × 4 = 16 ครตู ิดบัตรภาพคกุ กี้ 4 ถงุ ถงุ ละ 5 ช้ิน แลว้ ถามนักเรยี นว่ามคี ุกกก้ี ี่ถงุ ถงุ ละกี่ ชน้ิ มีคกุ ก้ีทัง้ หมดกี่ชนิ้ นกั เรียนตอบวา่ มีคุกก้ี 4 ถุง ถงุ ละ 5 ชนิ้ มีคกุ กที้ งั้ หมด 20 ชน้ิ ครถู ามว่า เขียนเป็นประโยค สญั ลักษณก์ ารคูณได้อยา่ งไร นักเรยี นตอบ 4 × 5 = 20 5. ครแู นะนำว่า การจดั สิ่งต่าง ๆ เป็น 4 กลมุ่ กลุ่มละเท่า ๆ กัน เปน็ การนำ 4 ไปคูณกับจำนวนของสิง่ ตา่ ง ๆ อาจเขยี นเป็น 4 × 1 = 4 4 × 2 = 8 4 × 3 = 12 4 × 4 = 16 4 × 5 = 20 ซ่งึ เรียกว่า สตู รคณู แม่ 4 ครูให้ นกั เรียนสังเกตผลคูณจะเหน็ ว่า สูตรคูณแม่ 4 มผี ลคูณเพม่ิ ข้นึ ทลี ะ 4 จากนัน้ ครถู ามนักเรียนวา่ 4 × 6 เทา่ กบั เท่าไร 4 × 7 เทา่ กับเทา่ ไร 4 × 8 เทา่ กบั เท่าไร 4 × 9 เท่ากับ เทา่ ไร โดยสงั เกตจากผลคณู จากนน้ั ครเู ขียนสตู รคูณ แม่ 4 ให้ครบ แลว้ ใหน้ กั เรียนอา่ นพรอ้ มกัน 6. ครูตดิ บตั รภาพขนมตาล 5 จาน จานละ 1 ช้ิน แล้วถามนักเรียนว่า มขี นมตาลก่ีจาน จานละกี่ชิน้ มขี นมตาลท้ังหมดก่ีชิ้น นกั เรียนตอบวา่ มขี นมตาล 5 จาน จานละ 1 ช้ิน มขี นมตาลทั้งหมด 5 ชิน้ ครูถามวา่ เขยี น เปน็ ประโยคสัญลกั ษณก์ ารคูณได้อยา่ งไร นักเรยี นตอบ 5 × 1 = 5 ครูถามนกั เรยี นว่า จากประโยคสัญลกั ษณ์ การคณู 5 × 1 = 5 น้นั 5 ตวั หน้าในทน่ี ี้หมายถงึ อะไร 1 ในทน่ี ีห้ มายถงึ อะไร และ 5 ตวั หลังในทนี่ ี้หมายถงึ อะไร นักเรยี นตอบ 5 ตวั หน้าเป็นจำนวนกลุ่ม และ 1 เปน็ จำนวน สมาชิกในแต่ละกลุ่ม และ 5 ตวั หลงั เป็นจำนวนสมาชกิ ท้ังหมด
7. ครูติดบตั รภาพขนมตาล 5 จาน จานละ 2 ชิ้น แลว้ ถามนกั เรยี นวา่ มีขนมตาลกี่จาน จานละกช่ี น้ิ มขี นมทัง้ หมดกี่ช้นิ นักเรียนตอบว่า มีขนมตาล 5 จาน จานละ 2 ชิ้น มีขนมตาลทัง้ หมด 10 ช้ิน ครูถามวา่ เขียนเป็น ประโยคสญั ลักษณก์ ารคูณไดอ้ ยา่ งไร นกั เรยี นตอบ 5 × 2 = 10 ครูถามนักเรยี นวา่ จากประโยคสัญลักษณก์ ารคณู 5 × 2 = 10 นนั้ 5 ในทน่ี ้ีหมายถึงอะไร 2 ในทน่ี ีห้ มายถงึ อะไร และ 10 ในทีน่ ี้หมายถึงอะไร นกั เรียนตอบ 5 เปน็ จำนวนกลมุ่ และ 2 เป็นจำนวนสมาชิกในแต่ละกลมุ่ และ 10 เป็นจำนวนสมาชิกทัง้ หมด 8. ครูตดิ บัตรภาพขนมตาล 5 จาน จานละ 3 ชิ้น แลว้ ถามนกั เรียนว่า มีขนมตาลก่ีจาน จานละกีช่ ้ิน มขี นม ตาลทง้ั หมดกี่ช้ิน นกั เรียนตอบว่ามขี นมตาล 5 จาน จานละ 3 ชนิ้ มีขนมตาลทง้ั หมด 15 ช้ิน ครถู ามว่า เขยี นเป็น ประโยคสญั ลกั ษณก์ ารคูณได้อย่างไร นกั เรยี นตอบ 5 × 3 = 15 ครูถามนักเรยี นวา่ จากประโยคสัญลักษณ์การคณู 5 × 3 = 15 น้ัน 5 ในที่นห้ี มายถงึ อะไร 3 ในที่น้ีหมายถงึ อะไร และ 15 ในที่น้หี มายถึงอะไร นกั เรียนตอบ 5 เป็น จำนวนกล่มุ และ 3 เป็นจำนวนสมาชิกในแต่ละกลุม่ และ 15 เปน็ จำนวนสมาชกิ ทัง้ หมด 9. ครูติดบัตรภาพขนมตาล 5 จาน จานละ 4 ชิ้น แล้วถามว่า มีขนมตาลกีจ่ าน จานละกช่ี น้ิ มขี นมตาล ทัง้ หมดก่ีช้ิน นกั เรียนตอบว่า มขี นมตาล 5 จาน จานละ 4 ชนิ้ มขี นมตาลทง้ั หมด 20 ช้ิน ครถู ามว่า เขียนเปน็ ประโยคสญั ลกั ษณ์การคูณได้อย่างไร นกั เรียนตอบ 5 × 4 = 20 ครูตดิ บัตรภาพขนมตาล 5 จาน จานละ 5 ช้ิน แลว้ ถามนกั เรียนว่า มีขนมตาล ก่จี าน จานละก่ชี ้ิน มีขนมตาลทั้งหมดก่ชี ิน้ นักเรยี นตอบวา่ มขี นมตาล 5 จาน จานละ 5 ช้นิ มีขนมตาลท้งั หมด 25 ช้นิ ครูถามว่า เขยี นเป็นประโยคสัญลักษณ์การคณู ได้อยา่ งไร นกั เรียนตอบ 5 × 5 = 25 10. ครูแนะนำวา่ การจัดสิง่ ตา่ ง ๆ เปน็ 5 กลุ่ม กลุ่มละเทา่ ๆ กัน เปน็ การนำ 5 ไปคูณกับจำนวนของสงิ่ ต่าง ๆ อาจเขียนเปน็ 5 × 1 = 5 5 × 2 = 10 5 × 3 = 15 5 × 4 = 20 5 × 5 = 25 ซึ่งเรียกวา่ สูตรคูณแม่ 5 ครใู หน้ กั เรียนสงั เกตผลคณู จะเห็นว่า สตู รคูณแม่ 5 มผี ลคูณเพิ่มขนึ้ ทีละ 5 จากนนั้ ครูถามวา่ 5 × 6 เทา่ กบั เท่าไร 5 × 7 เท่ากับเท่าไร 5 × 8 เท่ากบั เท่าไร 5 × 9 เท่ากบั เท่าไร โดยสังเกตจากผลคณู จากน้นั ครูเขยี นสูตรคณู แม่ 5 ใหค้ รบ แล้วให้นักเรยี นอา่ นพรอ้ มกัน 11. ครใู ห้นักเรียนหาผลคณู ของจำนวนหนึง่ หลกั กบั 4 โดยใชก้ ารถาม-ตอบ เช่น 6 × 4 เท่ากับเทา่ ไร ซึ่ง นักเรียน อาจหาผลคูณโดยนำ 4 มาบวกกนั 6 จำนวน (4 + 4 + 4+ 4 + 4 + 4) ครูแนะนำวา่ เนือ่ งจากการคูณ จำนวนสองจำนวนเมอื่ สลบั ท่ีกนั ผลคณู ยงั คงเท่าเดิม จะได้6 × 4 = 4 × 6 ดังนน้ั สามารถหาผลคณู ของ 6 × 4 ได้จาก 4 × 6 ซง่ึ เท่ากับ 24 ข้ันสรปุ 12. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยใหน้ กั เรียนหาผลคูณของจำนวนหนึง่ หลกั กบั 4 และหาผลคูณ ของจำนวนหน่ึงหลกั กับ 5 ตามหนังสือเรียนหนา้ 260 แต่จะพบวา่ ขอ้ 3 และขอ้ 4 เปน็ การใชก้ ารสลับท่ีการคูณ เพื่อหาคำตอบ ซง่ึ นกั เรียนเรียนรมู้ าแล้วในหนา้ 259 เพอื่ ใหน้ ักเรียนได้ฝึกทักษะการคิดใหค้ ล่อง ซง่ึ เปน็ การ ส่งเสรมิ ของความคิดสร้างสรรค์ 13. จากนน้ั ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและสรปุ ส่งิ ทีไ่ ด้เรียนรู้ ส่งิ ทีไ่ ดเ้ รยี นรู้ • 4 คูณกบั จำนวนหนึง่ หลัก หาผลคูณไดโ้ ดยใช้สูตรคูณแม่ 4 • 5 คณู กับจำนวนหนึง่ หลกั หา ผลคูณไดโ้ ดยใชส้ ูตรคณู แม่ 5 14. จากนัน้ ให้นักเรียนทำแบบฝกึ หัด 5.5 หนา้ 164 – 166 10. สื่อการเรียนรู้ 1.หนงั สอื เรยี นคณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 สสวท. 2.แบบฝึกคณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 สสวท. 3.บัตรภาพ
11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 1. วธิ ีการวัดและประเมินผล 1.1 ตรวจแบบฝกึ หดั 1.2 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรม 1.3 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ 2. เครือ่ งมือ 2.1 แบบฝกึ หัด 2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม 2.3 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผ่านตั้งแต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน 3.3 การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ ผ่านต้งั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น
แบบบนั ทึกหลงั การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ……………… เร่ือง ……………………………………………………………….. แผนการเรยี นรูท้ ่ี ………………… เรื่อง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้ัน…………………………. รหัสวิชา ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหน่ง …………………………………… เวลาท่ีใช้ ……… ชั่วโมง (ใน 1 วนั ท่ีสอนจริง) ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปัญหาท่พี บ แนวทางแก้ไข ที่มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เน้อื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤตกิ รรม/การมีส่วนร่วมของผ้เู รียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ้จู ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (นางสาวเตชินี หอมนาน) ตำแหน่ง พนกั งานราชการ
แผนการจดั การเรยี นรู้ 8 กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณติ ศาสตร์ รหัสวิชา ค 12101 ปีการศกึ ษา 2564 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 เวลา 22 ชัว่ โมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง การคณู เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 8 เร่อื ง การคณู จำนวนหน่งึ หลักกบั จำนวนหนึง่ หลัก 1. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 จำนวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการของจำนวน ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการสมบตั ิของการดำเนินการและนำไปใช้ 2. ตัวชว้ี ัด ค 1.1 ป.2/5 หาค่าของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสัญลักษณ์แสดงการคณู ของจำนวน 1 หลักกับจำนวน ไมเ่ กนิ 2 หลกั 3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การคูณจำนวน 1 หลักกับจำนวน 1 หลักหาผลคูณโดยใช้สูตรคูณแม่ 2 แม่ 3 แม่ 4 แม่ 5 แม่ 6 แม่ 7 แม่ 8 หรอื แม่ 9 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) อธบิ ายการหาผลคูณของจำนวนหนงึ่ หลักกับ 6 และหาผลคูณของจำนวนหนงึ่ หลกั กับ 7 ได้ (K) 2) หาผลคณู ของจำนวนหนง่ึ หลักกบั 6 และหาผลคูณของจำนวนหน่งึ หลักกบั 7 ได้ (P) 3) รบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าที่ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย (A) 5. สาระการเรยี นรู้ การหาผลคูณ 6. กระบวนการทางคณิตศาสตร์ การแกป้ ัญหา ✓ การสื่อสารและการส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ ✓ การเชือ่ มโยง ✓ การให้เหตุผล การคิดสร้างสรรค์ 7. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
8. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน 9. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำ 1. ครูตดิ บัตรภาพแอปเปิล 6 แพก็ แพ็กละ 1 ผล แลว้ ถามนกั เรียนวา่ มีแอปเปิลกแ่ี พก็ แพ็กละก่ีผล มีแอปเปลิ ท้งั หมดก่ผี ล นักเรยี นตอบวา่ มแี อปเปิล 6 แพ็ก แพก็ ละ 1 ผล มีแอปเปิลทัง้ หมด 6 ผล ครูถามว่า เขยี น เป็นประโยคสญั ลกั ษณก์ ารคูณได้อย่างไร นกั เรียนตอบ 6 × 1 = 6 ครถู ามนักเรยี นว่า จากประโยคสัญลักษณ์การ คูณ 6 × 1 = 6 น้นั 6 ตวั หน้าในทีน่ ห้ี มายถึงอะไร 1 ในทนี่ ้ี หมายถึงอะไร และ 6 ตวั หลังในที่นี้หมายถึงอะไร นกั เรยี นตอบ 6 ตัวหนา้ เป็นจำนวนกลุ่ม และ 1 เปน็ จำนวนสมาชิกในแต่ละกลมุ่ และ 6 ตัวหลงั เป็นจำนวนสมาชกิ ทง้ั หมด ขน้ั สอน 2. ครตู ดิ บตั รภาพแอปเปิล 6 แพ็ก แพ็กละ 2 ผล แล้วถามนกั เรยี นวา่ มแี อปเปิลกแ่ี พ็ก แพ็กละก่ีผล มี แอปเปิลทง้ั หมดกี่ผล นักเรยี นตอบวา่ มแี อปเปลิ 6 แพ็ก แพก็ ละ 2 ผล มีแอปเปิลท้งั หมด 12 ผล ครูถามว่า เขียน เป็นประโยคสญั ลกั ษณ์การคูณได้อยา่ งไร นักเรียนตอบ 6 × 2 = 12 ครถู ามนักเรยี นวา่ จากประโยคสญั ลกั ษณ์ การคณู 6 × 2 = 12 น้ัน 6 ในทีน่ ้ีหมายถึงอะไร 2 ในทนี่ ีห้ มายถึงอะไร และ 12 ในท่ีน้ีหมายถงึ อะไร นกั เรียนตอบ 6 เป็นจำนวนกลุม่ และ 2 เปน็ จำนวนสมาชกิ ในแต่ละกลุ่ม และ 12 เปน็ จำนวนสมาชิกท้งั หมด 3. ครตู ดิ บัตรภาพแอปเปิล 6 แพ็ก แพ็กละ 3 ผล แล้วถามนกั เรียนวา่ มแี อปเปิลกแี่ พก็ แพก็ ละกผ่ี ล มี แอปเปลิ ทง้ั หมดกีผ่ ล นกั เรยี นตอบว่า มีแอปเปลิ 6 แพก็ แพก็ ละ 3 ผล มแี อปเปลิ ทั้งหมด 18 ผล ครถู ามว่า เขยี น เป็นประโยคสัญลกั ษณ์การคูณได้อย่างไร นักเรยี นตอบ 6 × 3 = 18 ครูถามนักเรียนวา่ จากประโยคสญั ลักษณ์การ คณู 6 × 3 = 18 นัน้ 6 ในท่นี ้ีหมายถึงอะไร 3 ในท่นี ีห้ มายถึงอะไร และ 18 ในท่ีนหี้ มายถึงอะไร นกั เรียนตอบ 6 เป็นจำนวนกลมุ่ และ 3 เปน็ จำนวนสมาชิกในแต่ละกล่มุ และ 18 เปน็ จำนวนสมาชกิ ทั้งหมด 4. ครตู ดิ บตั รภาพแอปเปิล 6 แพก็ แพ็กละ 4 ผล แลว้ ถามนกั เรียนว่า มีแอปเปิลก่ีแพก็ แพก็ ละกผ่ี ล มี แอปเปิลทงั้ หมดก่ผี ล นกั เรียนตอบวา่ มีแอปเปลิ 6 แพ็ก แพก็ ละ 4 ผล มีแอปเปิลท้งั หมด 24 ผล ครถู ามว่า เขียน เป็น ประโยคสญั ลกั ษณก์ ารคูณไดอ้ ยา่ งไร นกั เรียนตอบ 6 × 4 = 24 5. ครูแนะนำวา่ การจัดส่ิงต่างๆ เป็น 6 กลมุ่ กลมุ่ ละเท่า ๆ กนั เป็นการนำ 6 ไปคูณกับจำนวนของสิ่งต่าง ๆ อาจเขียนเป็น 6 × 1 = 6 6 × 2 = 12 6 × 3 = 18 6 × 4 = 24 6 × 5 = 30 ซ่ึงเรียกวา่ สตู รคูณแม่ 6 จากน้นั ครู เขยี นสูตรคณู แม่ 6 ใหค้ รบแลว้ ให้นกั เรียนอ่านพรอ้ มกัน 6. ครตู ดิ บตั รภาพขนมกลว้ ย 7 จาน จานละ 1 ช้ิน แลว้ ถามนกั เรยี นว่า มีขนมกล้วยกี่จาน จานละกชี่ ิ้น มีขนมกล้วยท้งั หมดกชี่ ิ้น นกั เรยี นตอบว่า มีขนมกล้วย 7 จาน จานละ 1 ชิน้ มีขนมกลว้ ยทงั้ หมด 7 ชน้ิ ครูถามวา่ เขียนเป็น ประโยคสัญลักษณ์การคูณไดอ้ ย่างไร นักเรียนตอบ 7 × 1 = 7 ครถู ามนกั เรียนวา่ จากประโยคสญั ลกั ษณ์ การคณู 7 × 1 = 7 นัน้ 7 ตัวหนา้ ในทน่ี ี้หมายถงึ อะไร 1 ในทน่ี ้หี มายถึงอะไร และ 7 ตวั หลังในท่นี ี้หมายถงึ อะไร นกั เรยี นตอบ 7 ตวั หน้าเปน็ จำนวนกลมุ่ และ 1 เป็นจำนวนสมาชิกในแตล่ ะกล่มุ และ 7 ตวั หลงั เป็นจำนวนสมาชกิ ทั้งหมด 7. ครตู ดิ บตั รภาพขนมกล้วย 7 จาน จานละ 2 ช้นิ แลว้ ถามนักเรยี นว่า มขี นมกลว้ ยกจี่ าน จานละกี่ชิ้น มี ขนมกล้วยทง้ั หมดก่ชี ้ิน นกั เรียนตอบว่า มขี นมกล้วย 7 จาน จานละ 2 ชน้ิ มีขนมกลว้ ยทง้ั หมด 14 ช้ิน ครถู ามว่า เขียนเปน็ ประโยคสัญลกั ษณก์ ารคูณไดอ้ ยา่ งไร นักเรยี นตอบ 7 × 2 = 14 ครถู ามนกั เรียนวา่ จากประโยคสญั ลกั ษณ์
การคูณ 7 × 2 = 14 นัน้ 7 ในท่นี ้ี หมายถึงอะไร 2 ในทน่ี ้หี มายถึงอะไร และ 14 ในทน่ี ี้หมายถึงอะไร นักเรยี นตอบ 7 เปน็ จำนวนกลมุ่ และ 2 เป็นจำนวนสมาชกิ ในแตล่ ะกลมุ่ และ 14 เป็นจำนวนสมาชิกท้งั หมด 8. ครูตดิ บัตรภาพขนมกล้วย 7 จาน จานละ 3 ช้ิน แล้วถามนักเรียนวา่ มขี นมกลว้ ยกีจ่ าน จานละกีช่ ิ้น มี ขนมกลว้ ยทัง้ หมดกี่ช้นิ นักเรียนตอบวา่ มีขนมกล้วย 7 จาน จานละ 3 ชิน้ มขี นมกล้วยทง้ั หมด 21 ชิน้ ครถู ามว่า เขยี นเปน็ ประโยคสญั ลักษณก์ ารคณู ไดอ้ ย่างไร นักเรียนตอบ 7 × 3 = 21 ครูถามนักเรียนวา่ จากประโยค สัญลกั ษณ์การคูณ 7 × 3 = 21 น้นั 7 ในท่นี ี้หมายถงึ อะไร 3 ในทีน่ ้หี มายถึงอะไร และ 21 ในทนี่ ี้หมายถึงอะไร นกั เรยี นตอบ 7 เปน็ จำนวนกลุม่ และ 3 เปน็ จำนวนสมาชิกในแตล่ ะกลมุ่ และ 21 เป็นจำนวนสมาชกิ ทง้ั หมด 9. ครูติดบตั รภาพขนมกลว้ ย 7 จาน จานละ 4 ชน้ิ แลว้ ถามนักเรยี นว่า มีขนมกล้วยกจ่ี าน จานละกี่ช้ิน มขี นมกล้วยทั้งหมดกช่ี ้นิ นกั เรียนตอบวา่ มีขนมกล้วย 7 จาน จานละ 4 ช้นิ มขี นมกลว้ ยท้ังหมด 28 ชนิ้ ครูถามวา่ เขยี นเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์การคูณได้อยา่ งไร นกั เรียนตอบ 7 × 4 = 28 ครูตดิ บัตรภาพ ขนมกลว้ ย 7 จาน จานละ 5 ชิน้ แลว้ ถามนกั เรียนว่ามีขนมกลว้ ยกี่จาน จานละก่ีชิ้น มีขนมกล้วยทั้งหมดกีช่ ิน้ นักเรยี นตอบว่า มีขนมกลว้ ย 7 จาน จานละ 5 ชิ้น มีขนมกลว้ ยทง้ั หมด 35 ช้นิ ครถู ามว่า เขยี นเป็น ประโยคสัญลักษณก์ ารคูณไดอ้ ย่างไร นกั เรยี น ตอบ 7 × 5 = 35 10. ครแู นะนำว่า การจดั สิ่งต่าง ๆ เปน็ 7 กลุ่ม กล่มุ ละเท่า ๆ กัน เป็นการนำ 7 ไปคูณกบั จำนวนของสิง่ ต่าง ๆ อาจเขียนเป็น 7 × 1 = 7 7 × 2 = 14 7 × 3 = 21 7 × 4 = 28 7 × 5 = 35 ซ่งึ เรยี กวา่ สูตรคณู แม่ 7 ครูให้นกั เรียนสังเกตผลคณู จะเหน็ ว่า สูตรคณู แม่ 7 มีผลคูณเพิ่มข้นึ ทีละ 7 จากนัน้ ครูถามนกั เรยี นวา่ 7 × 6 เท่ากบั เทา่ ไร 7 × 7 เท่ากบั เทา่ ไร 7 × 8 เทา่ กับเท่าไร 7 × 9 เท่ากับเท่าไร โดยสงั เกตจากผลคูณ จากนน้ั ครูเขยี นสูตรคูณ แม่ 7 ให้ครบ แล้วใหน้ ักเรียนอ่านพร้อมกนั 11. ครใู ห้นกั เรียนหาผลคณู ของจำนวนหนึ่งหลักกบั 6 โดยใชก้ ารถาม-ตอบ เชน่ 6 × 3 เทา่ กับเท่าไร แล้ว ถามนกั เรียนว่า 3 × 6 เท่ากบั เท่าไร นกั เรียนควรจะตอบได้ว่า 3 × 6 = 6 × 3 เพราะนักเรยี นทราบมาแล้ววา่ การ คูณจำนวนสองจำนวน เม่อื สลับท่ีกนั ผลคูณยังคงเทา่ เดิม ครูใหน้ กั เรยี นสังเกตวา่ สามารถหาคำตอบโดยใชส้ ูตรคูณ แม่ 3 หรือสตู รคูณแม่ 6 กไ็ ด้ จากน้ันครูให้นักเรยี นช่วยกันหาผลคูณของจำนวนหน่งึ หลักกับ 6 และ ผลคณู ของ จำนวนหน่งึ หลักกบั 7 ตามหนงั สือเรยี นหน้า 263 โดยครแู ละนักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ข้นั สรุป 12. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยให้นักเรียนหาผลคูณของจำนวนหนึง่ หลกั กบั 6 และหาผลคูณ ของจำนวนหน่งึ หลกั กบั 7 ตามหนังสือเรียนหน้า 264 แตจ่ ะพบวา่ ขอ้ 2 ข้อ 3 และขอ้ 5 เปน็ การใช้การสลับท่กี าร คณู เพอ่ื หาคำตอบ ซึ่งนกั เรียนทำมาแลว้ ในหน้า 263 เพอื่ ใหน้ ักเรียนได้ฝกึ ทักษะการคดิ ใหค้ ล่อง ซงึ่ เปน็ จุดเร่มิ ตน้ ของความคิดสร้างสรรค์ 13. จากนนั้ ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งและสรปุ สิ่งที่ไดเ้ รยี นรู้ สิง่ ท่ีไดเ้ รียนรู้ • 6 คูณกับจำนวนหนึ่งหลกั หาผลคูณได้โดยใช้สูตรคูณแม่ 6 • 7 คณู กับจำนวนหนึง่ หลัก หาผลคูณไดโ้ ดยใช้สูตรคูณแม่ 7 14. จากนน้ั ให้นกั เรยี นทำแบบฝึกหัด 5.6 หนา้ 167 – 169 10. สอ่ื การเรียนรู้ 1.หนงั สอื เรียนคณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 สสวท. 2.แบบฝกึ คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 สสวท. 3.บตั รภาพ
11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 1. วธิ ีการวัดและประเมินผล 1.1 ตรวจแบบฝกึ หดั 1.2 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรม 1.3 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ 2. เครือ่ งมือ 2.1 แบบฝกึ หัด 2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม 2.3 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผ่านตั้งแต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน 3.3 การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ ผ่านต้งั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น
แบบบนั ทึกหลงั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ……………… เร่ือง ……………………………………………………………….. แผนการเรยี นรูท้ ่ี ………………… เรื่อง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้ัน…………………………. รหัสวิชา ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหน่ง …………………………………… เวลาท่ีใช้ ……… ชั่วโมง (ใน 1 วนั ท่ีสอนจริง) ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปัญหาท่พี บ แนวทางแก้ไข ที่มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เน้อื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤตกิ รรม/การมีส่วนร่วมของผ้เู รียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ้จู ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (นางสาวเตชินี หอมนาน) ตำแหน่ง พนกั งานราชการ
แผนการจดั การเรยี นรู้ 9 กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณติ ศาสตร์ รหัสวิชา ค 12101 ปีการศกึ ษา 2564 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 เวลา 22 ชัว่ โมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง การคณู เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 9 เร่อื ง การคณู จำนวนหน่งึ หลักกบั จำนวนหนึง่ หลัก 1. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 จำนวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการของจำนวน ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการสมบตั ิของการดำเนินการและนำไปใช้ 2. ตัวชว้ี ัด ค 1.1 ป.2/5 หาค่าของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสัญลักษณ์แสดงการคณู ของจำนวน 1 หลักกับจำนวน ไมเ่ กนิ 2 หลกั 3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การคูณจำนวน 1 หลักกับจำนวน 1 หลักหาผลคูณโดยใช้สูตรคูณแม่ 2 แม่ 3 แม่ 4 แม่ 5 แม่ 6 แม่ 7 แม่ 8 หรอื แม่ 9 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) อธบิ ายการหาผลคูณของจำนวนหนงึ่ หลักกับ 8 และหาผลคูณของจำนวนหนงึ่ หลกั กับ 9 ได้ (K) 2) หาผลคณู ของจำนวนหนง่ึ หลักกบั 8 และหาผลคูณของจำนวนหน่งึ หลักกบั 9 ได้ (P) 3) รบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าที่ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย (A) 5. สาระการเรยี นรู้ การหาผลคูณ 6. กระบวนการทางคณิตศาสตร์ การแกป้ ัญหา ✓ การสื่อสารและการส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ ✓ การเชือ่ มโยง ✓ การให้เหตุผล การคิดสร้างสรรค์ 7. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
8. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน 9. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นำ 1. ครูตดิ บตั รภาพสาลี่ 8 แพก็ แพ็กละ 1 ผล แล้วถามนกั เรยี นวา่ มีสาล่กี ี่แพก็ แพ็กละกผี่ ล มีสาล่ีทั้งหมดกี่ ผล นกั เรยี นตอบว่า มีสาลี่ 8 แพก็ แพก็ ละ 1 ผล มสี าลี่ท้งั หมด 8 ผล ครถู ามว่า เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์การ คณู ไดอ้ ยา่ งไร นกั เรยี นตอบ 8 × 1 = 8 ครูถามนกั เรยี นว่า จากประโยคสัญลักษณก์ ารคูณ 8 × 1 = 8 นั้น 8 ตัวหน้า ในทนี่ ห้ี มายถงึ อะไร 1 ในท่ีนี้หมายถงึ อะไร และ 8 ตัวหลงั ในท่นี หี้ มายถงึ อะไร นักเรยี นตอบ 8 ตัวหนา้ เป็นจำนวน กลมุ่ และ 1 เป็นจำนวนสมาชิกในแต่ละกล่มุ และ 8 ตัวหลงั เป็นจำนวนสมาชกิ ทัง้ หมด ข้ันสอน 2. ครตู ดิ บัตรภาพสาล่ี 8 แพ็ก แพก็ ละ 2 ผล แลว้ ถามนกั เรยี นวา่ มีสาล่กี ีแ่ พก็ แพ็กละกผ่ี ล มีสาล่ีทั้งหมดก่ี ผล นกั เรยี นตอบว่า มีสาลี 8 แพ็ก แพก็ ละ 2 ผล มีสาล่ีทงั้ หมด 16 ผล ครูถามว่า เขยี นเป็นประโยคสัญลกั ษณก์ าร คณู ไดอ้ ยา่ งไร นักเรียนตอบ 8 × 2 = 16 ครูถามนกั เรียนวา่ จากประโยคสัญลักษณก์ ารคณู 8 × 2 = 16 นั้น 8 ใน ท่นี ี้หมายถึงอะไร 2 ในทีน่ ี้หมายถึง อะไร และ 16 ในท่นี ้หี มายถงึ อะไร นกั เรียนตอบ 8 ตวั หนา้ เปน็ จำนวนกลมุ่ และ 1 เปน็ จำนวนสมาชิกในแต่ละกลุ่มและ 16 เป็นจำนวนทัง้ หมด 3. ครตู ดิ บัตรภาพสาลี่ 8 แพก็ แพ็กละ 3 ผล แล้วถามนักเรียนวา่ มีสาล่กี ีแ่ พ็ก แพก็ ละกีผ่ ล มสี าลี่ทง้ั หมด ก่ีผล นกั เรยี นตอบว่า มีสาล่ี 8 แพก็ แพ็กละ 3 ผล มีสาล่ีท้งั หมด 24 ผล ครูถามวา่ เขียนเป็นประโยคสญั ลักษณ์การ คูณไดอ้ ย่างไร นักเรยี นตอบ 8 × 3 = 24 ครถู ามนักเรียนว่า จากประโยคสญั ลักษณก์ ารคูณ 8 × 3 = 24 นัน้ 8 ใน ที่น้ีหมายถึงอะไร 3 ในท่ีนี้ หมายถึงอะไร และ 24 ในท่ีนีห้ มายถงึ อะไร นกั เรียนตอบ 8 เป็นจำนวนกลุ่ม และ 3 เป็น จำนวนสมาชิกในแต่ละกลุ่ม และ 24 เป็นจำนวนสมาชกิ ทัง้ หมด 4. ครูติดบตั รภาพสาล่ี 8 แพก็ แพ็กละ 4 ผล แลว้ ถามนกั เรยี นว่า มสี าลก่ี ี่แพก็ แพ็กละกผ่ี ล มีสาลี่ทั้งหมดกี่ ผล นักเรยี นตอบว่า มีสาลี่ 8 แพ็ก แพก็ ละ 4 ผล มสี าลี่ทั้งหมด 32 ผล ครูถามวา่ เขยี นเป็นประโยคสัญลกั ษณก์ าร คูณไดอ้ ยา่ งไร นกั เรยี นตอบ 8 × 4 = 32 5. ครูตดิ บตั รภาพสาลี่ 8 แพ็ก แพ็กละ 5 ผล แล้วถามนกั เรียนว่า มีสาล่ีก่แี พก็ แพ็กละก่ีผล มีสาลี่ทั้งหมดกี่ ผลนักเรยี นตอบวา่ มสี าล่ี 8 แพก็ แพก็ ละ 5 ผล มีสาล่ีทง้ั หมด 40 ผล ครูถามวา่ เขียนเป็นประโยคสัญลกั ษณ์การ คณู ได้อยา่ งไร นักเรียนตอบ 8 × 5 = 40 6. ครูแนะนำว่า การจดั สงิ่ ต่าง ๆ เป็น 8 กลมุ่ กลุม่ ละเท่า ๆ กนั เปน็ การนำ 8 ไปคูณกบั จำนวนของสงิ่ ต่าง ๆ อาจเขียนเป็น 8 × 1 = 8 8 × 2 = 16 8 × 3 = 24 8 × 4 = 32 8 × 5 = 40 ซ่งึ เรียกว่า สูตรคูณแม่ 8 ครูให้ นักเรียนสังเกตผลคูณ จะเหน็ ว่า สูตรคณู แม่ 8 มผี ลคณู เพิ่มขน้ึ ทลี ะ 8 จากนน้ั ครถู ามนักเรียนว่า 8 × 6 เทา่ กับ เท่าไร 8 × 7 เท่ากับเท่าไร 8 × 8 เทา่ กับเทา่ ไร 8 × 9 เท่ากบั เท่าไร โดยสงั เกตจากผลคูณ จากนนั้ ครเู ขยี นสูตรคูณ แม่ 8 ให้ครบแลว้ ให้นักเรยี นอ่านพร้อมกนั 7. ครูติดบัตรภาพขนมถ้วยฟู 9 จาน จานละ 1 ช้ิน แล้วถามนักเรยี นวา่ มีขนมถว้ ยฟกู ่จี าน จานละกีช่ ้ิน มี ขนมถว้ ยฟทู งั้ หมดก่ชี ิ้น นักเรยี นตอบว่า มีขนมถ้วยฟู 9 จาน จานละ 1 ชนิ้ มขี นมถ้วยฟู ทงั้ หมด 9 ชน้ิ ครูถามว่า เขยี นเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์การคูณได้อย่างไร นกั เรยี นตอบ 9 × 1 = 9 ครูถามนักเรยี นว่า จากประโยคสญั ลักษณ์ การคูณ 9 × 1 = 9 นัน้ 9 ตวั หนา้ ในทนี่ ้ีหมายถึงอะไร 1 ในท่ีน้หี มายถงึ อะไร และ 9 ตวั หลังในทีน่ ี้หมายถึงอะไร นกั เรียนตอบ 9 ตวั หน้าเป็น จำนวนกลุ่ม และ 1 เปน็ จำนวนสมาชกิ ในแต่ละกลุ่ม และ9 ตัวหลังเปน็ จำนวนสมาชิก ทงั้ หมด
8. ครตู ิดบตั รภาพขนมถ้วยฟู 9 จาน จานละ 2 ชิ้น แลว้ ถามนกั เรยี นวา่ มีขนมถว้ ยฟูกีจ่ าน จานละก่ีชิน้ มี ขนมถว้ ยฟูทงั้ หมดก่ีชิ้น นกั เรียนตอบว่า มีขนมถว้ ยฟู 9 จาน จานละ 2 ชน้ิ มี ขนมถ้วยฟูทัง้ หมด 18 ช้นิ ครูถามว่า เขียนเปน็ ประโยคสัญลกั ษณ์การคูณได้อย่างไร นักเรยี นตอบ 9 × 2 = 18 ครูถามนกั เรียนว่า จากประโยคสญั ลักษณ์ การคูณ 9 × 2 = 18 นั้น 9 ในท่ีน้หี มายถงึ อะไร 2 ในทนี่ ห้ี มายถงึ อะไร และ 18 ในท่นี ี้หมายถงึ อะไร นกั เรียนตอบ 9 เป็นจำนวนกลมุ่ และ 2 เปน็ จำนวนสมาชกิ ในแต่ละกลมุ่ และ 18 เปน็ จำนวนสมาชกิ ทง้ั หมด 9. ครูติดบตั รภาพขนมถว้ ยฟู 9 จาน จานละ 3 ช้ิน แลว้ ถามนกั เรียนว่า มขี นมถว้ ยฟูกี่จาน จานละกี่ชิน้ มี ขนมถ้วยฟูทง้ั หมดกี่ช้ิน นกั เรยี นตอบวา่ มีขนมถ้วยฟู 9 จาน จานละ 3 ชนิ้ มีขนมถ้วยฟูทง้ั หมด 27 ชน้ิ ครูถามว่า เขยี นเป็น ประโยคสัญลักษณ์การคูณได้อยา่ งไร นกั เรียนตอบ 9 × 3 = 27 ครถู ามนกั เรยี นวา่ จากประโยค สัญลกั ษณ์การคูณ 9 × 3 = 27 นน้ั 9 ในทีน่ ี้หมายถึงอะไร 3 ในทนี่ ้ี หมายถงึ อะไร และ 27 ในทน่ี ีห้ มายถึงอะไร นกั เรียนตอบ 9 เป็นจำนวนกลมุ่ และ 3 เปน็ จำนวนสมาชกิ ในแต่ละกลมุ่ และ 27 เปน็ จำนวนสมาชกิ ทง้ั หมด 10. ครตู ิดบตั รภาพขนมถ้วยฟู 9 จาน จานละ 4 ชิ้น แลว้ ถามนกั เรยี นว่า มีขนมถว้ ยฟกู ี่จาน จานละกีช่ ้ิน มี ขนมถว้ ยฟทู งั้ หมดก่ชี ้นิ นกั เรยี นตอบวา่ มขี นมถ้วยฟู 9 จาน จานละ 4 ชิน้ มขี นมถ้วยฟทู ั้งหมด 36 ชนิ้ ครูถามวา่ เขียนเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์การคูณไดอ้ ยา่ งไร นักเรียนตอบ 9 × 4 = 36 11. ครตู ิดบัตรภาพขนมถว้ ยฟู 9 จาน จานละ 5 ชิ้น แลว้ ถามวา่ มขี นมถ้วยฟูกจี่ าน จานละกีช่ น้ิ มขี นมถว้ ย ฟทู ัง้ หมดกี่ชนิ้ นกั เรยี นตอบว่า มีขนมถ้วยฟู 9 จาน จานละ 5 ชน้ิ มขี นมถ้วยฟู ทั้งหมด 45 ชิน้ ครูถามว่า เขยี นเป็น ประโยคสัญลักษณก์ ารคูณไดอ้ ย่างไร นกั เรยี นตอบ 9 × 5 = 45 12. ครแู นะนำวา่ การจัดสง่ิ ตา่ ง ๆ เป็น 9 กลุ่มกลุ่มละเทา่ ๆ กัน เป็นการนำ 9 ไปคูณกบั จำนวนส่งิ ตา่ ง ๆ อาจเขยี นเป็น 9 × 1 = 9 9 × 2 = 18 9 × 3 = 27 9 × 4 = 36 9 × 5 = 45 ซงึ่ เรียกว่า สูตรคูณแม่ 9 ครูให้ นกั เรยี นสังเกตผลคณู จะเหน็ วา่ สูตรคณู แม่ 9 มีผลคณู เพ่มิ ข้นึ ทลี ะ 9 จากนัน้ ครถู ามนกั เรยี นวา่ 9 × 6 เทา่ กบั เทา่ ไร 9 × 7 เท่ากับเท่าไร 9 × 8 เท่ากบั เทา่ ไร 9 × 9 เท่ากับเท่าไร โดยสงั เกตจากผลคณู จากนัน้ ครเู ขยี นสูตรคูณ แม่ 9 ให้ครบแลว้ ให้นกั เรียนอา่ นพรอ้ มกนั 13. ครูให้นกั เรยี นหาผลคูณของจำนวนหนึ่งหลัก กบั 9 โดยใช้การถาม-ตอบ เชน่ 9 × 5 เทา่ กบั เทา่ ไร นกั เรียนตอบวา่ 45 แล้วครถู ามนกั เรยี นว่า 5 × 9 เทา่ กบั เทา่ ไร นกั เรยี นตอบวา่ 45 ครูใหน้ กั เรียนสังเกตว่า สามารถ หาคำตอบโดยใช้สูตรคูณแม่ 5 หรือแม่ 9 ก็ได้ เพราะการคูณจำนวนสองจำนวนเม่ือสลับที่กันผลคูณยังคงเทา่ เดิม จากน้นั ครใู หน้ กั เรยี นช่วยกนั หาผลคณู ของจำนวนหนึง่ หลกั กับ 8 และผลคูณของจำนวนหน่ึงหลัก กับ 9 ตามหนังสอื เรียนหน้า 267 โดยครแู ละนักเรยี นร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง ขน้ั สรปุ 14. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยให้นกั เรยี นหาผลคูณของจำนวนหน่งึ หลกั กบั 8 และหาผลคณู ของจำนวนหนง่ึ หลกั กบั 9 ตามหนงั สือเรยี นหนา้ 268 นกั เรยี นอาจหาผลคณู โดยใช้การสลับทก่ี ารคูณเพ่อื หาคำตอบ กไ็ ด้ ซึ่งนักเรยี นเรยี นรู้มาแลว้ ในหนา้ 267เพ่ือให้นักเรียนไดฝ้ กึ การคิดใหค้ ลอ่ ง ซงึ่ เป็นการส่งเสรมิ ความคิสร้างสรรค์ 15. จากน้นั ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งและสรุปสิง่ ท่ีไดเ้ รียนรู้ ส่ิงทไ่ี ดเ้ รียนรู้ • 8 คูณกบั จำนวนหนึง่ หลกั หาผลคูณได้โดยใช้สูตรคูณแม่ 8 • 9 คูณกับจำนวนหนง่ึ หลกั หาผลคณู ไดโ้ ดยใชส้ ูตรคูณแม่ 9 16. จากนน้ั ให้นักเรียนทำแบบฝกึ หัด 5.7หนา้ 170 −172 10. สอ่ื การเรยี นรู้ 1.หนังสอื เรยี นคณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 สสวท. 2.แบบฝึกคณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 สสวท. 3.บัตรภาพ
11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 1. วธิ ีการวัดและประเมินผล 1.1 ตรวจแบบฝกึ หดั 1.2 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรม 1.3 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ 2. เครือ่ งมือ 2.1 แบบฝกึ หัด 2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม 2.3 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผ่านตั้งแต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน 3.3 การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ ผ่านต้งั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น
แบบบนั ทึกหลงั การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ……………… เร่ือง ……………………………………………………………….. แผนการเรยี นรูท้ ่ี ………………… เรื่อง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้ัน…………………………. รหัสวิชา ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหน่ง …………………………………… เวลาท่ีใช้ ……… ชั่วโมง (ใน 1 วนั ท่ีสอนจริง) ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปัญหาท่พี บ แนวทางแก้ไข ที่มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เน้อื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤตกิ รรม/การมีส่วนร่วมของผ้เู รียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ้จู ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (นางสาวเตชินี หอมนาน) ตำแหน่ง พนกั งานราชการ
แผนการจดั การเรยี นรู้ 10 กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ วชิ าคณิตศาสตร์ รหสั วชิ า ค 12101 ปีการศกึ ษา 2564 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 2 เวลา 22 ชว่ั โมง หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 เรอื่ ง การคูณ เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 10 เรอ่ื ง การคูณจำนวนหนึง่ หลกั กับ 10 20 30 ... 90 1. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 จำนวนและพีชคณติ มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนนิ การของจำนวน ผลที่เกิดขน้ึ จากการดำเนนิ การสมบัตขิ องการดำเนินการและนำไปใช้ 2. ตวั ชี้วดั ค 1.1 ป.2/5 หาค่าของตัวไมท่ ราบค่าในประโยคสญั ลักษณ์แสดงการคณู ของจำนวน 1 หลกั กบั จำนวน ไมเ่ กิน 2 หลกั 3. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด จำนวน 1 หลัก คูณกับ 10 20 30 40 50 60 70 80 90 หาผลคูณโดยนำจำนวน 1 หลักนั้นคูณกับ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ตามลำดับ แลว้ เตมิ 0 ต่อท้าย 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายการหาผลคูณของจำนวนหนึ่งหลักกบั 10 20 30 ... 90 ได้ (K) 2) หาผลคณู ของจำนวนหนึง่ หลกั กบั 10 20 30 ... 90 ได้ (P) 3) รับผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ีที่ได้รับมอบหมาย (A) 5. สาระการเรยี นรู้ การหาผลคูณ 6. กระบวนการทางคณิตศาสตร์ การแกป้ ัญหา ✓ การสอื่ สารและการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ ✓ การเชอื่ มโยง ✓ การใหเ้ หตุผล การคดิ สร้างสรรค์ 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
8. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันนำ 1. ครูตดิ บตั รภาพดาวความดี 2 แถว แถวละ 10 ดวง ครูถามนกั เรียนวา่ มดี าวความดีก่แี ถว แถวละก่ดี วง มี ดาว ความดีทัง้ หมดกด่ี วง นกั เรยี นตอบวา่ มีดาวความดี 2 แถว แถวละ 10 ดวง มีดาวความดีทง้ั หมด 20 ดวง ครใู ห้ นกั เรยี นเขยี นเปน็ ประโยคสญั ลกั ษณก์ ารคูณ นกั เรยี นเขยี นไดเ้ ป็น 2 × 10 = 20 ขน้ั สอน 2. ครูนำดาวความดีไปติดเพิม่ อกี 1 แถว แถวละ 10 ดวง ครูถามนักเรียนว่า เมอื่ ติดดาวความดเี พมิ่ มาอกี 1 แถว ตอนนค้ี รมู ดี าวความดีกแ่ี ถว แถวละกด่ี วง ครูมีดาวความดีทัง้ หมดกี่ดวง นักเรยี นตอบว่า ครูมีดาวความดี 3 แถว แถวละ 10 ดวง ครมู ีดาวความดีทงั้ หมด 30 ดวง ครูให้นกั เรียน เขยี นเปน็ ประโยคสัญลักษณก์ ารคูณ นักเรียน เขยี นได้เป็น 3 × 10 = 30 3. ครนู ำดาวความดไี ปติดเพม่ิ อีก 1 แถว แถวละ 10 ดวง ครูถามนักเรยี นวา่ เมื่อตดิ ดาวความดเี พิม่ อกี 1 แถว ตอนนค้ี รมู ดี าวความดกี ีแ่ ถว แถวละกด่ี วง ครูมีดาวความดีทั้งหมดกด่ี วง นกั เรียนตอบวา่ ครมู ีดาวความดี 4 แถว แถวละ 10 ดวง ครมู ีดาวความดีทงั้ หมด 40 ดวง ครใู ห้นักเรียนเขยี นเป็นประโยคสัญลักษณ์การคณู นกั เรยี น เขียนไดเ้ ป็น 4 × 10 = 40 4. ครูนำดาวความดีไปติดเพิ่มอกี 1 แถว แถวละ 10 ดวง ครูถามนกั เรียนว่า เมื่อตดิ ดาวความดีเพม่ิ มาอีก 1 แถว ตอนนีค้ รูมีดาวความดกี ีแ่ ถว แถวละกีด่ วง ครูมีดาวความดีท้ังหมดกีด่ วงนกั เรียนตอบวา่ ครูมีดาวความดี 5 แถว แถวละ 10 ดวง ครูมดี าวความดีทั้งหมด 50 ดวง ครูให้นักเรียนเขยี นเปน็ ประโยคสญั ลกั ษณก์ ารคูณ นักเรียนเขียนได้ เปน็ 5 × 10 = 50 5. ครูถามนักเรยี นว่า ถา้ ครูติดดาวความดเี พม่ิ อกี 1 แถว เปน็ 6 แถว นักเรียนเขียนเป็นประโยคสญั ลักษณ์ การคณู ไดอ้ ยา่ งไร นักเรียนตอบ 6 × 10 = 60 ครูถามนกั เรยี นว่า ถ้าครตู ิดดาวความดีเพม่ิ ทีละ 1 แถว เปน็ 7 แถว 8 แถว และ 9 แถว เขียนเป็นประโยคสญั ลกั ษณก์ ารคณู ไดอย่างไร นกั เรยี นตอบ 7 × 10 = 70 8 × 10 = 80 และ 9 × 10 = 90 ตามลำดบั ครเู ขยี น 1 × 10 = 10 2 × 10 = 20 3 × 10 = 30 4 × 10 = 40 5 × 10 = 50 6 × 10 = 60 7 × 10 = 70 8 × 10 = 80 และ 9 × 10 = 90 บนกระดานในแนวต้ัง แลว้ ให้นักเรยี นสังเกตผล คณู โดยครใู ชก้ ารถาม-ตอบเพื่อให้นักเรยี นรว่ มกนั สรุปวา่ จำนวนใดคูณกบั 10 จะได้ผลคณู เปน็ 1 คูณกบั จำนวนน้ัน แล้วเติม 0 ตอ่ ท้าย 1 ตวั เช่น 9 × 10 หาผลคูณได้จาก 9 × 1 = 9 แลว้ เตมิ 0 ตอ่ ท้ายทผ่ี ลคูณจะได้ 9 × 10 = 90 6. ครูถามนกั เรียนว่า ถ้ามดี นิ สอ 2 กล่อง กล่องละ 30 แทง่ จะมดี นิ สอทั้งหมด 30 + 30 = 60 แท่ง เขียน เป็นประโยคสญั ลกั ษณก์ ารคูณไดอ้ ย่างไร นกั เรียนตอบวา่ 2 × 30 = 60 ครูถามนกั เรยี นว่า ถ้านำข้อสรุปขา้ งตน้ มาใช้ในการหาผลคณู จะทำได้อย่างไร นกั เรียนตอบวา่ หา 2 × 3 ก่อน ไดเ้ ทา่ กับ 6 แลว้ จงึ เติม 0 ต่อทา้ ย 6 7. ครยู กตวั อย่างอ่นื จากหนังสอื เรียนทา้ ยหน้า 269 เช่น 3 × 30 และ 2 × 40 ซง่ึ นกั เรยี นควรจะตอบไดว้ ่า 3 × 30 หาจาก 3 × 3 กอ่ นแล้วเติม 0 และ 2 × 40 หาจาก 2 × 4 ก่อนแล้วเตมิ 0 ซ่ึงจะได้คำตอบเป็น 3 × 30 = 90 และ 2 × 40 = 80 ตามลำดบั ถา้ มีนกั เรยี นท่ยี ังไมเ่ ขา้ ใจครูอาจใชส้ อ่ื แผน่ ตารางสบิ มาใช้ประกอบการ สอนตามตัวอย่างในหนังสือเรียนหนา้ 270 และครคู วรเน้นย้ำเร่อื งการหาผลคณู ทีใ่ ชก้ ารสลบั ท่กี ารคณู เพอื่ ให้ นกั เรยี นเกิดความชำนาญในการหาผลคูณมากขึ้น
8. ครูแบง่ นกั เรียนเปน็ กลุ่มและใหแ้ ต่ละกลมุ่ ชว่ ยกันหาผลคูณของจำนวนหนง่ึ หลักกบั 10 20 30 40 50 60 70 80 90 ตามหนงั สอื เรยี นหน้า 271 เช่น ตามตัวอยา่ ง 60 × 4 เท่ากับเท่าไร ครใู หน้ กั เรียนหา 6 × 4 กอ่ น วา่ ไดเ้ ทา่ ไร แล้วก็จะได้คำตอบโดยเติม 0 ตอ่ ท้าย อาจสุ่มนักเรียนในกลุ่มแต่ละกล่มุ ออกมานำเสนอวิธหี าคำตอบ หน้าชั้นเรยี น ครแู ละเพอื่ นในห้องช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ถ้ามกี ลุม่ ใดหาคำตอบผดิ ครูให้เพ่ือนในกล่มุ นน้ั ช่วยกนั หาคำตอบใหมจ่ นกวา่ จะได้คำตอบท่ีถูกตอ้ ง ขั้นสรุป 9. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนหาผลคูณของจำนวนหนึง่ หลกั กับ 10 20 30 40 50 60 70 80 90 เปน็ รายบุคคลตามหนังสอื เรยี นหน้า 272 โดยใช้ข้อสรุปทค่ี รูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ก่อนหนา้ นีว้ า่ จำนวนหน่ึงหลักคณู กับ 10 20 30 40 50 60 70 80 90 หาผลคูณได้โดยนำจำนวนหน่งึ หลกั น้ันคูณกบั 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ตามลำดับแล้วเติม 0 ต่อทา้ ย 10. จากนน้ั ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและสรปุ สงิ่ ท่ไี ดเ้ รียนรู้ ส่งิ ที่ไดเ้ รียนรู้ • จำนวนหนึง่ หลกั คณู กับ 10 20 30 40 50 60 70 80 90 หาผลคูณโดยนำจำนวน หนึง่ หลกั นน้ั คณู กบั 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ตามลำดับ แลว้ เตมิ 0 ต่อท้าย 11. จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นทำแบบฝกึ หัด 5.8 หน้า 173 − 175 10. ส่ือการเรียนรู้ 1.หนังสือเรียนคณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 สสวท. 2.แบบฝกึ คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 สสวท. 3.บัตรภาพ 4.แผ่นตารางสิบ 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ 1. วธิ กี ารวัดและประเมินผล 1.1 ตรวจแบบฝึกหดั 1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม 1.3 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุม่ 2. เคร่อื งมอื 2.1 แบบฝึกหัด 2.2 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม 2.3 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3.2 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผ่านต้งั แต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผา่ น 3.3 การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม ผ่านตัง้ แต่ 2 รายการ ถือว่า ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผ่าน
แบบบนั ทึกหลงั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ……………… เร่ือง ……………………………………………………………….. แผนการเรยี นรูท้ ่ี ………………… เรื่อง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้ัน…………………………. รหัสวิชา ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหน่ง …………………………………… เวลาท่ีใช้ ……… ชั่วโมง (ใน 1 วนั ท่ีสอนจริง) ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปัญหาท่พี บ แนวทางแก้ไข ที่มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เน้อื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤตกิ รรม/การมีส่วนร่วมของผ้เู รียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ้จู ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (นางสาวเตชินี หอมนาน) ตำแหน่ง พนกั งานราชการ
แผนการจดั การเรียนรู้ 11 กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ รหัสวิชา ค 12101 ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 เรื่อง การคณู เวลา 22 ช่วั โมง แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11 เรอ่ื ง การคูณจำนวนหนง่ึ หลกั กับจำนวนสองหลักโดยการต้งั คูณ เวลา 1 ชัว่ โมง 1. สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี 1 จำนวนและพชี คณิต มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนนิ การของจำนวน ผลที่เกิดขึน้ จากการดำเนนิ การสมบัตขิ องการดำเนนิ การและนำไปใช้ 2. ตวั ช้ีวัด ค 1.1 ป.2/5 หาคา่ ของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการคูณของจำนวน 1 หลักกับจำนวน ไม่เกิน 2 หลกั 3. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การหาผลคูณของจำนวน 1 หลักกบั จำนวน 2 หลักโดยการตงั้ คูณ ตอ้ งคณู ในหลกั หนว่ ยกอ่ น แลว้ คณู ในหลัก สบิ ถา้ ผลคูณในหลักใดครบสิบ หรอื มากกว่าสิบ ใหท้ ดจำนวนท่ีครบสบิ ไปหลกั ถดั ไปทางซ้าย 4. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) อธบิ ายการหาผลคูณจำนวนหน่งึ หลักกับจำนวนสองหลัก โดยการตั้งคูณได้ (K) 2) หาผลคูณจำนวนหน่งึ หลกั กับจำนวนสองหลัก โดยการตงั้ คูณได้ (P) 3) รับผิดชอบต่อหน้าที่ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย (A) 5. สาระการเรยี นรู้ การหาผลคูณ 6. กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ การแกป้ ัญหา ✓ การสือ่ สารและการส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ ✓ การเชือ่ มโยง ✓ การใหเ้ หตุผล การคดิ สร้างสรรค์ 7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
8. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั นำ 1. ครูใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาสถานการณใ์ นหนงั สือเรียน หนา้ 273 แมบ่ รจิ าคหนงั สอื 2 กอง กองละ 24 เลม่ แม่ บริจาคหนังสือทงั้ หมดก่ีเลม่ เขียนประโยคสญั ลกั ษณไ์ ด้ 2 × 24 = ครใู ชแ้ ผน่ ตารางสบิ แผ่นตารางหน่วย ช่วยอธิบายขั้นตอนการคูณโดยใช้ความหมายการคูณมาชว่ ยอธิบายวา่ 2 × 24 หมายถึง จัดแผน่ ตารางสบิ และ ตารางหน่วยเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 24 จะได้ แผน่ ตารางสบิ กลุ่มละ 2 แผ่น และแผน่ ตารางหนว่ ย กลุม่ ละ 4 แผ่น จะ ได้ แผน่ ตารางสิบท้ังหมด 4 แผ่น เทา่ กับ 4 สบิ และแผน่ ตารางหนว่ ยทั้งหมด 8 แผ่น เทา่ กับ 8 หน่วย รวมเป็น 48 ดังนั้น 2 × 24 = 48 ซึ่งในการหาผลคูณโดยใชแ้ ผ่นตารางสิบ และแผน่ ตารางหนว่ ย ครูอาจช้ีให้นักเรียนเหน็ วา่ การ จดั แผน่ ตารางสิบ เป็น 2 กลุ่ม กลมุ่ ละ 2 แผน่ นนั้ คอื 2 × 20 และการจัดแผน่ ตารางหนว่ ยเป็น 2 กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 แผน่ น้นั คือ 2 × 4 ดงั นั้น 2 × 24 = 48 มาจาก 2 × 20 = 40 กบั 2 × 4 = 8 ขั้นสอน 2. ให้นักเรยี นเช่อื มโยงไปสูก่ ารคณู โดยการตง้ั คูณทตี่ ้องคณู ในหลกั หนว่ ยและหลักสิบ จากน้นั ครแู นะนำ ขนั้ ตอนการตัง้ คูณ ดังน้ี ขั้นท่ี 1 คณู ในหลักหน่วย 2 คูณ 4 หนว่ ย ได้ 8 หน่วย เขยี น 8 ในหลกั หนว่ ย ขั้นที่ 2 คณู ในหลักสิบ 2 คูณ 2 สิบ ได้ 4 สบิ เขียน 4 ในหลกั สบิ เขยี นการตั้งคูณได้ตามหนงั สือเรยี นหนา้ 273 หลกั สบิ หลกั หนว่ ย 2 4 × 2 48 ดงั นั้น แม่บริจาคหนงั สือทง้ั หมด 48 เลม่ 3. ครยู กตัวอย่างการหาผลคณู ของจำนวนหน่ึงหลกั กบั จำนวนสองหลักโดยการตง้ั คณู เชน่ 13 × 3 = ครูใช้การถาม-ตอบ เพอ่ื ให้นกั เรียนหาผลคณู ตามขัน้ ตอนการตง้ั คณู ตามหนังสอื เรียน หน้า 274 โดยใหค้ ณู ในหลกั หน่วยก่อน แลว้ จงึ คูณในหลกั สิบ ดังนี้ ขน้ั ท่ี 1 คูณในหลกั หนว่ ย 3 คูณ 3 หน่วยได้ 9 หน่วย เขียน 9 ในหลักหนว่ ย ขน้ั ท่ี 2 คูณในหลักสิบ 3 คูณ 1 สบิ ได้ 3 สบิ เขยี น 3 ในหลกั สบิ เขยี นการต้งั คูณไดต้ ามหนงั สอื เรยี นหน้า 274 หลกั สบิ หลกั หน่วย 1 3 × 3 39 ดังนน้ั 13 × 3 = 39 4. ครยู กตัวอยา่ ง การหาผลคูณโดยการตงั้ คูณของ 4 × 80 = ครูเนน้ ย้ำว่า ในการต้ังคณู จะเขียนจำนวน ใดขนึ้ ก่อนก็ได้ เช่น 4 × 80 = เพ่อื ความสะดวกจะเขียน 80 ขึน้ ก่อน ตามหนงั สือเรียนหนา้ 274
ขนั้ ที่ 1 คณู ในหลกั หนว่ ย ข้นั ที่ 2 คณู ในหลักสิบ หลกั สบิ หลกั หนว่ ย 8 0 × 4 32 0 ดงั น้นั 4 × 80 = 320 ขน้ั สรุป 5. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยใหน้ ักเรยี นแสดงวิธหี าผลคูณโดยการต้ังคูณตามหนงั สอื เรียนหน้า 276 และใชข้ ้อสรปุ ว่า ให้คูณในหลกั หนว่ ยก่อนแล้วจงึ คณู ในหลักสบิ 6. จากนั้นครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้องและสรุปส่งิ ทไ่ี ด้เรยี นรู้ ถา้ มีนกั เรียนเขยี นแสดงวธิ ี หาผลคูณโดยการต้ังคณู ไม่ถกู ต้องครูควรใหน้ กั เรยี นมาฝกึ เพิม่ เติมกบั ครูเป็นรายบุคคล ส่งิ ทไ่ี ด้เรยี นรู้ • การหาผลคูณของจำนวนหน่งึ หลักกับจำนวนสองหลกั โดยการต้งั คูณ ต้องคูณในหลกั หนว่ ยกอ่ น แล้วคูณในหลักสิบ 7. จากน้ันใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัด 5.9 หน้า 176 – 177 10. สอ่ื การเรียนรู้ 1.หนังสอื เรียนคณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 สสวท. 2.แบบฝกึ คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 สสวท. 3.แผ่นตารางสิบ แผน่ ตารางหน่วย 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 1. วิธีการวัดและประเมนิ ผล 1.1 ตรวจแบบฝึกหัด 1.2 สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรม 1.3 สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2. เคร่ืองมอื 2.1 แบบฝึกหัด 2.2 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม 2.3 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 3. เกณฑก์ ารประเมิน 3.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 3.2 การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผ่านตั้งแต่ 2 รายการ ถือว่า ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น 3.3 การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ผ่านต้ังแต่ 2 รายการ ถือว่า ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน
แบบบนั ทึกหลงั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ……………… เร่ือง ……………………………………………………………….. แผนการเรยี นรูท้ ่ี ………………… เรื่อง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้ัน…………………………. รหัสวิชา ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหน่ง …………………………………… เวลาท่ีใช้ ……… ชั่วโมง (ใน 1 วนั ท่ีสอนจริง) ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปัญหาท่พี บ แนวทางแก้ไข ที่มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เน้อื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤตกิ รรม/การมีส่วนร่วมของผ้เู รียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ้จู ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (นางสาวเตชินี หอมนาน) ตำแหน่ง พนกั งานราชการ
แผนการจดั การเรียนรู้ 12 กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ รหสั วิชา ค 12101 ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 เรื่อง การคณู เวลา 22 ช่วั โมง แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 12 เรอ่ื ง การคูณจำนวนหนง่ึ หลกั กับจำนวนสองหลักโดยการต้งั คณู เวลา 1 ชัว่ โมง 1. สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี 1 จำนวนและพชี คณิต มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนนิ การของจำนวน ผลที่เกิดขึน้ จากการดำเนนิ การสมบัตขิ องการดำเนนิ การและนำไปใช้ 2. ตวั ช้ีวัด ค 1.1 ป.2/5 หาคา่ ของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการคูณของจำนวน 1 หลกั กับจำนวน ไม่เกิน 2 หลกั 3. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การหาผลคูณของจำนวน 1 หลักกบั จำนวน 2 หลักโดยการตงั้ คูณ ตอ้ งคณู ในหลกั หนว่ ยกอ่ น แล้วคูณในหลัก สบิ ถา้ ผลคูณในหลักใดครบสิบ หรอื มากกว่าสิบ ใหท้ ดจำนวนท่ีครบสบิ ไปหลกั ถดั ไปทางซ้าย 4. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) อธบิ ายการหาผลคูณจำนวนหน่งึ หลักกับจำนวนสองหลัก โดยการตั้งคูณได้ (K) 2) หาผลคูณจำนวนหน่งึ หลกั กับจำนวนสองหลัก โดยการตงั้ คูณได้ (P) 3) รับผิดชอบต่อหน้าที่ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย (A) 5. สาระการเรยี นรู้ การหาผลคูณ 6. กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ การแกป้ ัญหา ✓ การสือ่ สารและการส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ ✓ การเชือ่ มโยง ✓ การใหเ้ หตุผล การคดิ สร้างสรรค์ 7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
8. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันนำ 1. ครทู บทวนการหาผลคูณโดยการตั้งคูณทีไ่ มม่ ที ดโดยใช้แบบฝึกหัดจากชว่ั โมงทแ่ี ลว้ มาเฉลยในห้องเรยี น 2. จากนั้นครสู นทนากบั นกั เรยี นเกย่ี วกับสถานการณใ์ นหนงั สือเรยี นหนา้ 277 ตน้ กลา้ ซอ้ื ไก่สะเตะ๊ 3 ถุง ถุงละ 15 ไม้ ต้นกล้าซอื้ ไก่สะเตะ๊ ทงั้ หมดกี่ไม้ ครถู ามนักเรยี นว่า จากสถานการณเ์ ขียนประโยคสัญลักษณไ์ ด้อยา่ งไร นักเรียนตอบว่า เขียนประโยคสัญลกั ษณไ์ ด้ 3 × 15 = ข้นั สอน 3. ครูถามนักเรียนวา่ จะหาผลคณู โดยการตงั้ คณู ได้อย่างไร ครูอธบิ ายการหาผลคูณโดยการตง้ั คูณท่มี ีทด ดงั นี้ ขั้นท่ี 1 คณู ในหลักหน่วย 3 คูณ 5 หน่วยได้ 15 หนว่ ยหรอื 1 สิบกับ 5 หน่วย เขยี น 5 ในหลักหน่วยและทด 1 สบิ ไปหลกั สิบ ขน้ั ท่ี 2 คณู ในหลกั สิบ 3 คูณ 1 สบิ ได้ 3 สิบ รวมกับที่ทดมาอกี 1 สิบ เปน็ 4 สิบเขียน 4 ในหลักสบิ เขียน แสดงการคูณได้ดังนี้ หลักสบิ หลักหนว่ ย 11 5 × 3 45 ดังนนั้ ต้นกลา้ ซื้อไกส่ ะเตะ๊ ท้งั หมด 45 ไม้ 4. ครยู กตวั อย่างการหาผลคณู โดยการต้งั คณู ตามหนังสือเรยี นหนา้ 278 8 × 47 = ซง่ึ ในตัวอยา่ งน้ี ผลคูณจะเปน็ จำนวนสามหลกั ครูอธิบายขั้นตอนการตง้ั คณู ดังนี้ ข้นั ท่ี 1 คณู ในหลักหน่วย 8 คูณ 7 หนว่ ยได้ 56 หน่วย หรือ 5 สิบกบั 6หนว่ ย เขยี น 6 ในหลกั หนว่ ย และทด 5 สิบ ไปหลักสิบ ข้ันที่ 2 คูณในหลักสบิ 8 คูณ 4 สบิ ได้ 32 สิบ รวมกบั ทท่ี ดมาอกี 5 สิบ เปน็ 37 สบิ หรือ 3 รอ้ ย กับ 7 สิบ เขียน 7 ในหลกั สิบ และ 3 ในหลกั ร้อย เขยี นแสดงการคณู ไดด้ ังนี้ หลักร้อย หลัก4ส5ิบ หลักหนว่ ย 7 × 8 37 6 ดังน้นั 8 × 47 = 376 5. จากนน้ั ครชู ว่ ยกันแสดงวิธีหาผลคูณของ 39 × 6 = และ 9 × 27 = ในกรอบทา้ ยหน้า 278 ครู และนักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้อง 6. ครูให้นกั เรียนชว่ ยกันแสดงวธิ ีหาผลคณู ของจำนวนหนง่ึ หลักกบั จำนวนสองหลักโดยการตง้ั คณู ที่มีทด ตามหนังสอื เรียน หนา้ 279 โดยครยู กตัวอย่าง 3 × 27 = ดงั น้ี
วธิ ีทำ 2 7 × ตอบ ๘๑ 3 81 7. จากน้นั ครูส่มุ นักเรียนออกมาเขยี นแสดงวธิ หี าผลคณู ของ 34 × 7 = ครูและนักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั หาผลคูณ ข้อที่ 1 − 8 โดยการตั้งคูณลงในสมุด ข้ันสรปุ 8. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยใหน้ กั เรยี นแสดงวธิ ีหาผลคูณโดยการตง้ั คูณตามหนงั สือเรียน หนา้ 280 และใช้ขอ้ สรุปว่า ใหค้ ณู ในหลักหน่วยก่อนแลว้ จงึ คณู ในหลักสบิ หากผลคูณในหลกั หนว่ ยครบสิบหรือมากกวา่ สบิ ให้ทดจำนวนท่ีครบสิบไปหลกั สบิ หากผลคูณในหลกั สิบครบสบิ หรือมากกว่าสิบให้ทดจำนวนทค่ี รบสิบไปหลัก ร้อย 9. จากน้นั ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและสรุปสงิ่ ที่ไดเ้ รียนรู้ ถ้ามนี ักเรียนเขยี นแสดงวธิ ี หาผลคณู โดยการต้งั คูณไม่ถกู ตอ้ ง ครูควรใหน้ ักเรียนมาฝึกเพ่มิ เติมกบั ครเู ป็นรายบุคคล• การหาผลคณู ของจำนวน หนึง่ หลักกบั จำนวนสองหลกั โดยการต้ังคูณ ต้องคูณในหลักหนว่ ยกอ่ นแล้วคณู ในหลกั สิบ ถ้าผลคูณในหลักใดครบสิบ หรือมากกวา่ สบิ ให้ทดจำนวนท่ีครบสิบไปหลกั ถัดไปทางซา้ ย 10. จากนัน้ ให้นกั เรียนทำแบบฝกึ หัด 5.10 หนา้ 178 – 180 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียนคณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 สสวท. 2. แบบฝึกคณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 สสวท. 3. แผ่นตารางสบิ แผน่ ตารางหนว่ ย 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 1. วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล 1.1 ตรวจแบบฝึกหัด 1.2 สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรม 1.3 สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 2. เครอ่ื งมอื 2.1 แบบฝกึ หดั 2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม 2.3 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 3. เกณฑก์ ารประเมิน 3.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 3.2 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผ่านต้งั แต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผ่าน 3.3 การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ ผ่านต้งั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น
แบบบนั ทึกหลงั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ……………… เร่ือง ……………………………………………………………….. แผนการเรยี นรูท้ ่ี ………………… เรื่อง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้ัน…………………………. รหัสวิชา ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหน่ง …………………………………… เวลาท่ีใช้ ……… ชั่วโมง (ใน 1 วนั ท่ีสอนจริง) ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปัญหาท่พี บ แนวทางแก้ไข ที่มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เน้อื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤตกิ รรม/การมีส่วนร่วมของผ้เู รียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ้จู ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (นางสาวเตชินี หอมนาน) ตำแหน่ง พนกั งานราชการ
แผนการจดั การเรยี นรู้ 13 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ รหัสวิชา ค 12101 ปีการศึกษา 2564 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 2 เวลา 22 ชัว่ โมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 เรอื่ ง การคูณ เวลา 1 ช่วั โมง แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 13 เรือ่ ง การพฒั นาความรู้สกึ เชงิ จำนวนเกีย่ วกับการคูณ 1. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 จำนวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนนิ การของจำนวน ผลท่ีเกิดขน้ึ จากการดำเนินการสมบัติของการดำเนินการและนำไปใช้ 2. ตวั ช้วี ัด ค 1.1 ป.2/5 หาค่าของตัวไมท่ ราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการคณู ของจำนวน 1 หลักกับจำนวน ไม่เกิน 2 หลกั 3. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด ความรู้สึกเชิงจำนวนเก่ียวกบั การคูณเปน็ การบอกว่าผลคูณของจำนวนสองจำนวนใดมีค่า มากกว่ากัน น้อย กวา่ กัน หรอื เท่ากนั โดยไมต่ อ้ งหาผลคูณของสองจำนวนน้ัน 4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) บอกว่าผลคณู ของจำนวนสองจำนวนใดมีค่า มากกวา่ กนั นอ้ ยกวา่ กนั หรือเท่ากนั โดยไม่ต้องคำนวณ ได้ (K) 2) พัฒนาความรู้สึกเชงิ จำนวนเกย่ี วกับการคณู ได้ (P) 3) รับผดิ ชอบต่อหน้าท่ีที่ไดร้ บั มอบหมาย (A) 5. สาระการเรยี นรู้ การหาผลคูณ 6. กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ การแกป้ ัญหา ✓ การสื่อสารและการส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ ✓ การเชื่อมโยง ✓ การใหเ้ หตุผล การคดิ สรา้ งสรรค์ 7. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
8. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำ 1. ครทู บทวนการหาผลคณู ของจำนวนหนึง่ หลักกบั จำนวนหนึง่ หลกั โดยสมุ่ นกั เรยี นหาผลคูณของ 5 × 8 5 × 9 และ 5 × 10 ครเู ขียน 5 × 8 = 40 5 × 9 = 45 และ 5 × 10 = 50 บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรยี นสังเกตผล คูณทไ่ี ด้ว่าเพ่มิ ขึ้นหรือลดลง (40 45 และ 50 เป็นจำนวนท่เี พ่ิมข้ึน) ขนั้ สอน 2. ครูใหน้ กั เรียน สงั เกตจำนวนทม่ี าคูณกับ 5 ว่า เพ่มิ ขึน้ หรอื ลดลง (8 9 และ 10 เปน็ จำนวนท่ีเพม่ิ ขนึ้ ) ครูใช้คำถามวา่ ถา้ หา 5 × 12 จะไดผ้ ลคณู มากกว่าหรอื นอ้ ยกวา่ 5 × 10 นักเรยี นตอบวา่ มากกว่าเพราะ 12 มากกว่า 10 3. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ วา่ จำนวนสองจำนวนเมอ่ื นำแต่ละจำนวนมาคณู กับ 5 จำนวนใดมากกว่าผล คณู ของจำนวนนั้นกับ 5 จะมากกว่า จากนน้ั ครใู ห้นกั เรียนหาผลคูณของจำนวนในลกั ษณะเดียวกันนี้ เชน่ 4 × 6 และ 4 × 13 ครถู ามวา่ 4 × 6 กบั 4 × 13 ผลคูณของจำนวนใดมากกว่า นกั เรียนตอบว่า 4 × 13 ครูถามว่า ร้ไู ด้ อย่างไร นกั เรียนตอบว่า เพราะ 13 มากกว่า 6 ดังนัน้ 4 × 13 มากกว่า 4 × 6 4. ครตู ิดบัตรโจทย์การคูณ 7 × 6 และ 7 × 9 และถามวา่ 7 × 6 กับ 7 × 9 ผลคูณใดมากกวา่ ครูและ นักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายและสรปุ วา่ ผลคูณของ 7 × 9 มากกวา่ 7 × 6 เพราะ 9 มากกว่า 6 5. ครูตดิ บัตรโจทยก์ ารคูณ 12 × 5 และ 8 × 12 และถามวา่ 12 × 5 กบั 8 × 12 ผลคูณใดนอ้ ยกว่า ครู และนกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายและสรปุ คำตอบว่า ผลคณู ของ 12 × 5 น้อยกว่า 8 × 12 เพราะ 5 นอ้ ยกว่า 8 ครแู ละ นักเรียนชว่ ยกนั เรยี งลำดบั ผลคณู จากมากไปน้อยในกรอบทา้ ยหน้า 281 โดยให้สังเกตวา่ จำนวนสองจำนวนท่นี ำมา คณู กันนนั้ มีจำนวนใดทเ่ี หมือนกัน แลว้ ให้พจิ ารณาจำนวน อีกจำนวนหนึ่งวา่ นอ้ ยกว่ากนั หรอื มากกว่ากนั โดยไม่ จำเป็นตอ้ งหาผลคูณของสองจำนวนน้ัน 6. ครูใหน้ ักเรยี นหาผลคูณของ 1 × 3 และ 2 × 4 แลว้ ถามนกั เรียนวา่ ผลคูณใด มากกว่า นักเรียนตอบว่า 2 × 4 = 8 มีผลคูณมากกว่า 1 × 3 = 3 ครูใหน้ กั เรยี นหาผลคูณของ 2 × 3 และ 4 × 5 แลว้ ถามนักเรียนวา่ ผลคูณ ใดมากกว่า นักเรยี นตอบวา่ 4 × 5 = 20 มีผลคูณมากกว่า 2 × 3 = 6 จากนั้นครถู าม นักเรยี นว่า 2 × 5 และ 4 × 6 ผลคูณใด มากกวา่ โดยไม่ต้องหาผลคูณ นักเรยี นอาจจะยังตอบไม่ได้ ครูใหน้ กั เรียนสงั เกตว่า 4 มากกว่า 2 และ 6 มากกวา่ 5 ดงั น้ัน 4 × 6 มากกวา่ 2 × 5 7. ครูติดบัตรโจทย์การคูณ 11 × 3 และ 12 × 5 ผลคูณใดมากกวา่ โดยไมต่ ้องหาผลคูณ นักเรยี นอาจยัง ตอบไม่ได้ ครอู าจใหน้ กั เรยี นหาผลคูณก่อน ตามหนังสือเรยี นหน้า 282 จากน้ันใหน้ กั เรียนสงั เกต ดังน้ี 11 × 3 กบั 12 × 5 ผลคูณใดมากกว่า สงั เกต 11 กบั 12 จำนวนใดมากกว่า (12 มากกวา่ 11) 3 กับ 5 จำนวนใดมากกว่า (5 มากกวา่ 3) ดังนนั้ 12 × 5 มีผลคูณมากกว่า 11 × 3 8. จากน้นั ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปข้อสังเกตทไ่ี ด้ คอื 12 มากกวา่ 11 และ 5 มากกวา่ 3 จึงไดว้ ่า 12 × 5 มผี ลคณู มากกว่า 11 × 3 9. ครูตดิ บตั รโจทยก์ ารคูณ 78 × 9 กบั 56 × 7 และถามว่า ผลคูณใดน้อยกวา่ เพราะเหตุใด โดยไม่ตอ้ งหา ผลคูณ ครูให้นักเรยี นสังเกตจำนวนสองจำนวนที่นำมาคูณกนั แล้วใชข้ อ้ สรปุ ท่ไี ด้ จากขา้ งตน้ เพอื่ หาคำตอบว่าผลคูณ ของสองจำนวนใดน้อยกว่า ดงั นี้ 56 น้อยกว่า 78 และ 7 นอ้ ยกวา่ 9 ดังนัน้ 56 × 7 มผี ลคณู น้อยกวา่ 78 × 9 ครูให้ นกั เรียนชว่ ยกันตอบคำถาม ในกรอบทา้ ยหน้า 282 ครแู ละนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง
10. ครูใหน้ ักเรียนช่วยกันเตมิ เครือ่ งหมาย > < หรอื = ใน โดยครูอาจใช้คำถามนำเพื่อใหน้ ักเรียนนำข้อสรปุ ขา้ งตน้ มาใชใ้ นการเปรียบเทยี บผลคูณ เช่น 6 × 53 กับ 7 × 53 จำนวนทเี่ หมอื นกันคอื 53 จำนวนทนี่ ำมาคูณกับ 53 คอื 6 กับ 7 ครถู ามว่า จำนวนใดน้อยกวา่ นกั เรยี นตอบวา่ 6 นอ้ ยกวา่ 7 ครูถามต่อไปว่า 6 × 53 กับ 7 × 53 ผลคูณใดน้อยกว่า นักเรยี นควรตอบไดว้ า่ 6 × 53 มีผลคูณน้อยกวา่ 7 × 53 ข้ออ่ืน ๆ ครใู ห้นกั เรียนช่วยกนั ทำ สำหรับขอ้ ท่ใี หเ้ ติมตัวเลขแสดงจำนวนนัน้ อาจมีคำตอบหลายคำตอบ ครูควรให้นักเรียนเลอื กคำตอบมาเตมิ เพยี ง จำนวนเดียว ซ่งึ คำตอบของนกั เรียนแตล่ ะคนอาจไมเ่ หมือนกัน หากมนี กั เรียนคนใดตอบไม่ถูกตอ้ ง ครอู าจอธบิ าย เพ่ิมเตมิ เช่น 19 × 3 < 19 × ครูถามวา่ เตมิ ตวั เลขแสดงจำนวนใดในช่องวา่ ง ครใู หน้ ักเรยี นหาตวั เลขแสดงจำนวน ท่เี ติมในชอ่ งวา่ ง โดยใช้คำถาม เชน่ • จำนวนทเี่ ตมิ ในชอ่ งว่างมากกว่าหรอื น้อยกวา่ 3 (มากกวา่ 3) • จำนวนที่เติมในช่องวา่ งเป็นจำนวนใดไดบา้ ง (คำตอบมีมากกว่า 1 คำตอบ เช่น 4 5 6 หรือ 7) สำหรบั คำถามขอ้ 1 − 4 ในกรอบทา้ ยหนา้ 283 บางขอ้ จะมีคำตอบหลายคำตอบ ครูควรใหน้ ักเรยี นตอบมาใหค้ รบ ทุกคำตอบจากนั้นครูและนักเรียนรว่ มกันเฉลยและตรวจสอบความถูกตอ้ ง ถ้ามนี ักเรยี นตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง 11. ครอู าจถามเพ่ิมเตมิ ว่า จำนวนนบั สองจำนวนท่ีคณู กันได้ 8มีจำนวนใดบ้าง (1 × 8 และ 4 × 2) ครูให้ ยกตัวอยา่ ง จำนวนนับสองจำนวนใดบ้างท่ีคูณกนั ได้มากกวา่ 8 เชน่ 2 × 9 5 × 3 ข้นั สรปุ 12. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยให้นกั เรียนเตมิ เครือ่ งหมาย > < และ = ลงในชอ่ งวา่ งเป็น รายบคุ คล จากน้ันครแู ละนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและสรปุ สิง่ ทไ่ี ดเ้ รียนรู้ สงิ่ ทไ่ี ด้เรยี นรู้ • เราสามารถบอกไดว้ ่าผลคูณของจำนวนสองจำนวนใดมีคา่ มากกวา่ กนั นอ้ ยกวา่ กนั หรือ เทา่ กัน โดยไม่ตอ้ งหาผลคณู ของสองจำนวนนัน้ 13. จากน้ันใหน้ กั เรยี นทำแบบฝึกหัด 5.11 หน้า 181 – 182 10. ส่ือการเรียนรู้ 1.หนังสือเรยี นคณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 สสวท. 2.แบบฝึกคณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 สสวท. 3.บตั รโจทย์การคูณ 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. วิธกี ารวัดและประเมินผล 1.1 ตรวจแบบฝกึ หดั 1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม 1.3 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2. เครอ่ื งมือ 2.1 แบบฝึกหดั 2.2 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม 2.3 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
3. เกณฑก์ ารประเมิน 3.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผ่านต้ังแต่ 2 รายการ ถือวา่ ผ่าน ผ่าน 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน 3.3 การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ ผ่านตั้งแต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผ่าน
แบบบนั ทึกหลงั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ……………… เร่ือง ……………………………………………………………….. แผนการเรยี นรูท้ ่ี ………………… เรื่อง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้ัน…………………………. รหัสวิชา ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหน่ง …………………………………… เวลาท่ีใช้ ……… ชั่วโมง (ใน 1 วนั ท่ีสอนจริง) ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปัญหาท่พี บ แนวทางแก้ไข ที่มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เน้อื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤตกิ รรม/การมีส่วนร่วมของผ้เู รียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ้จู ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (นางสาวเตชินี หอมนาน) ตำแหน่ง พนกั งานราชการ
แผนการจดั การเรียนรู้ 14 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วชิ าคณติ ศาสตร์ รหัสวชิ า ค 12101 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 เรอื่ ง การคณู เวลา 22 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 14 เร่อื ง การหาคา่ ของตัวไมท่ ราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณก์ ารคณู เวลา 1 ชวั่ โมง 1. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ 1 จำนวนและพชี คณติ มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนนิ การของจำนวน ผลที่เกิดขึน้ จากการดำเนินการสมบัติของการดำเนินการและนำไปใช้ 2. ตวั ช้ีวัด ค 1.1 ป.2/5 หาคา่ ของตวั ไม่ทราบคา่ ในประโยคสัญลักษณ์แสดงการคณู ของจำนวน 1 หลักกบั จำนวน ไมเ่ กนิ 2 หลัก 3. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การหาคา่ ของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลกั ษณ์การคูณ อาจใชส้ ูตรคณู 4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) อธิบายวิธกี ารหาค่าของตวั ไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลักษณ์การคณู ได้ (K) 2) หาค่าของตวั ไม่ทราบค่าในประโยคสัญลกั ษณ์การคูณได้ (P) 3) รบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ีท่ีไดร้ บั มอบหมาย (A) 5. สาระการเรยี นรู้ - การหาผลคูณ - ความสมั พนั ธข์ องการคณู และการหาร 6. กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ การแก้ปญั หา ✓ การส่อื สารและการสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ ✓ การเช่ือมโยง ✓ การใหเ้ หตุผล การคิดสรา้ งสรรค์ 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
8. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 9. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นำ 1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการหาค่าของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลักษณก์ ารคูณ เชน่ 2 × = 6 ครูถามนกั เรียนวา่ 2 คูณจำนวนใดได้ 6 ครใู หน้ ักเรียนท่องสตู รคณู แม่ 2 พร้อมกัน นักเรยี นควรตอบได้วา่ 2 × 3 = 6 ดงั นน้ั จำนวนท่คี ูณกบั 2 ได้ 6 คือ 3 2. จากน้ัน ครูติดบัตรโจทย์การคูณ 6 × = 24 แล้วถามนักเรียนว่า 6 คูณกบั จำนวนใดได้ 24 ครูให้ นักเรยี นท่องสตู รคณู แม่ 6 พร้อมกัน นักเรยี นควรตอบไดว้ ่า 6 × 4 = 24 ดงั นน้ั จำนวนทีค่ ณู กับ 6 ได้ 24 คอื 4 ตามหนังสอื เรยี นหนา้ 285 ขนั้ สอน 3. ครตู ิดบตั รโจทยก์ ารคูณ × 8 = 56ครูถามนักเรียนวา่ จำนวนใดคูณกับ 8 ได้ 56 ครูให้นกั เรียนทอ่ ง สตู รคณู แม่ 8 พรอ้ มกนั นกั เรียนควรตอบไดว้ ่า 8 × 7 = 56 ดังนน้ั จำนวนทค่ี ณู กับ 8 ได้ 56 คอื 7 ครูใหน้ ักเรียน สงั เกตวา่ การหาคา่ ของตัวไมท่ ราบหาได้จากการทอ่ งสตู รคูณใหไ้ ด้ผลคูณเทา่ กบั ท่ีโจทย์กำหนด จากนัน้ ครูให้ นกั เรียนช่วยกนั เติมตวั เลขแสดงจำนวนในกรอบท้ายหน้า 285 โดยการทอ่ งสูตรคูณ ครูและนักเรียนร่วมกัน ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 4. ครูตดิ บัตรโจทย์การคูณ 3 × = 36 ครูถามนกั เรียนวา่ 3 คณู จำนวนใดได้ 36 นักเรยี นทอ่ งสูตรคณู แม่ 3 ถงึ 3 คูณ 9 ได้ 27 พบวา่ ผลคูณเพ่ิมข้นึ ทีละ 3 ดงั นน้ั 3 คูณ 10 ไดจ้ าก 27 บวก 3 เทา่ กับ 30 3 คูณ 11 ได้จาก 30 บวก 3 เท่ากับ 33 3 คูณ 12 ไดจ้ าก 33 บวก 3 เท่ากบั 36 นักเรยี นควรตอบไดว้ ่า จำนวนทีค่ ูณกบั 3 ได้ 36 คือ 12 5. ครตู ิดบตั รโจทย์การคูณ × 5 = 70 แล้วถามนกั เรียนว่า จำนวนใดคณู 5 ได้ 70 ครใู ห้นักเรียน ทอ่ งสูตรคณู แม่ 5 จนถงึ 5 คณู 9 ได้ 45 พบว่าผลคูณเพ่ิมขึน้ ทีละ 5 ดงั นน้ั 5 คูณ 10 ไดจ้ าก 45 บวก 5 เท่ากับ 50 5 คณู 11 ไดจ้ าก 50 บวก 5 เท่ากับ 55 5 คูณ 12 ไดจ้ าก 55 บวก 5 เท่ากบั 60 5 คณู 13 ไดจ้ าก 60 บวก 5 เท่ากับ 65 5 คูณ 14 ได้จาก 65 บวก 5 เท่ากับ 70 นกั เรยี นควรตอบไดว้ ่า จำนวนทีค่ ณู กบั 5 ได้ 70 คือ 14 6. ครแู บง่ กลมุ่ นกั เรยี นออกเป็น 3 กลุม่ และให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมาจับสลากทคี่ รูเตรยี มไวม้ โี จทย์ข้อ 1 2 และ 3 ที่อยู่ในกรอบทา้ ยหน้า 286 กลุ่มละ 1 ข้อ จากนัน้ ให้นักเรียนออกไปนำเสนอวธิ กี ารหาคำตอบของแต่ละ กลุ่ม โดยครแู ละนักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง
ข้นั สรปุ 7. ครูและนักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งและสรปุ ส่ิงท่ีไดเ้ รยี นรู้ ถ้ามีนกั เรยี นคนใดเตมิ ตวั เลข แสดงจำนวนไมถ่ กู ตอ้ ง ครูอาจทบทวนสตู รคูณแม่ 2 ถงึ แม่ 9 แล้วให้ตรวจสอบความเข้าใจอกี ครง้ั แตถ่ า้ ยังทำไมไ่ ด้ ให้มาฝึกเปน็ รายบุคคลกบั ครู สิ่งท่ีได้เรยี นรู้ • การหาค่าของตวั ไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลกั ษณก์ ารคูณอาจใชส้ ูตรคณู 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1.หนังสือเรยี นคณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 สสวท. 2.แบบฝึกคณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 สสวท. 3.บตั รโจทยก์ ารคูณ 4.ตารางสูตรคณู แม่ 2 ถงึ แม่ 9 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. วธิ ีการวดั และประเมินผล 1.1 ตรวจแบบฝกึ หัด 1.2 สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกจิ กรรม 1.3 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ 2. เครื่องมอื 2.1 แบบฝกึ หัด 2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม 2.3 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ 3. เกณฑ์การประเมิน 3.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3.2 การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผ่านตงั้ แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น 3.3 การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ ผ่านตง้ั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผ่าน ผ่าน 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผา่ น
แบบบนั ทึกหลงั การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ……………… เร่ือง ……………………………………………………………….. แผนการเรยี นรูท้ ่ี ………………… เรื่อง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้ัน…………………………. รหัสวิชา ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหน่ง …………………………………… เวลาท่ีใช้ ……… ชั่วโมง (ใน 1 วนั ท่ีสอนจริง) ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปัญหาท่พี บ แนวทางแก้ไข ที่มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เน้อื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤตกิ รรม/การมีส่วนร่วมของผ้เู รียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ้จู ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (นางสาวเตชินี หอมนาน) ตำแหน่ง พนกั งานราชการ
แผนการจดั การเรียนรู้ 15 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วชิ าคณติ ศาสตร์ รหัสวชิ า ค 12101 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 เรอื่ ง การคณู เวลา 22 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 15 เร่อื ง การหาคา่ ของตัวไมท่ ราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณก์ ารคณู เวลา 1 ชวั่ โมง 1. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ 1 จำนวนและพชี คณติ มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนนิ การของจำนวน ผลที่เกิดขึน้ จากการดำเนินการสมบัติของการดำเนินการและนำไปใช้ 2. ตวั ช้ีวัด ค 1.1 ป.2/5 หาคา่ ของตวั ไม่ทราบคา่ ในประโยคสัญลักษณ์แสดงการคณู ของจำนวน 1 หลักกบั จำนวน ไมเ่ กนิ 2 หลัก 3. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การหาคา่ ของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลกั ษณ์การคูณ อาจใชส้ ูตรคณู 4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) อธิบายวิธกี ารหาค่าของตวั ไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลักษณ์การคณู ได้ (K) 2) หาค่าของตวั ไม่ทราบค่าในประโยคสัญลกั ษณ์การคูณได้ (P) 3) รบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ีท่ีไดร้ บั มอบหมาย (A) 5. สาระการเรยี นรู้ - การหาผลคูณ - ความสมั พนั ธข์ องการคณู และการหาร 6. กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ การแก้ปญั หา ✓ การส่อื สารและการสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ ✓ การเช่ือมโยง ✓ การใหเ้ หตุผล การคิดสรา้ งสรรค์ 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
8. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุง่ มนั่ ในการทำงาน 9. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำ 1. ครูทบทวนเกย่ี วกับการคูณจำนวนหน่งึ หลกั กับ 10 20 … 90 โดยการยกตวั อยา่ ง เช่น ครเู ขยี น 2 × 3 = (6) และ 2 × 30 = (60) 5 × 9 = (45) และ 5 × 90 = (450) ข้ันสอน 2. ครูให้นักเรยี นช่วยกันหาผลคูณ และสงั เกตคำตอบทไ่ี ด้ครูยกตัวอย่างเพ่มิ เติม 1 - 2 ตวั อย่าง จากนน้ั ครู และนักเรียนร่วมกนั สรุปวา่ จำนวนหนึ่งหลกั คณู กับ10 20 … 90 หาผลคูณได้โดยนำจำนวนหนงึ่ หลักนั้นคูณกบั 1 2 … 9 ตามลำดับ แลว้ เตมิ 0 ตอ่ ท้าย 3. ครตู ดิ บตั รโจทย์การคูณ 7 × = 140 ครถู ามนกั เรียนว่า 7 คูณจำนวนใดได้ 140 นักเรียนอาจจะยัง หาคำตอบไมไ่ ด้ ครอู าจใช้คำถามนำ เช่น 7 คูณจำนวนใดได้ 14 (2) 7 คูณจำนวนใดได้ 140 (20) ดงั นนั้ จำนวนที่ คูณกบั 7 ได้ 140 คือ 20 4. ครูตดิ บตั รโจทย์การคูณ × 4 = 320 และถามนักเรียนว่า จำนวนใดคณู 4 ได้ 320 หาจำนวนนนั้ ไดอ้ ยา่ งไร นกั เรยี นควรตอบได้วา่ หาจำนวนท่คี ูณกับ 4 แลว้ ได้ 32 แลว้ เตมิ 0 ต่อท้าย จำนวนนนั้ ถา้ มีนักเรียนไมเ่ ขา้ ใจ ครูอาจอธิบายดังนี้จาก 8 คณู 4 ได้ 32 จะไดว้ ่า 80 คูณ 4 ได้ 320 ดังน้ัน จำนวนทค่ี ูณกบั 4 แลว้ ได้ 320 คอื 80 5. ครูใหน้ ักเรียนชว่ ยกันเติมตัวเลขแสดงจำนวนในกรอบท้ายหน้า 287ครูและนักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบ ความถกู ต้อง ขัน้ สรุป 6. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนเติมตวั เลขแสดงจำนวนในชอ่ งว่าตามหนงั สอื เรยี นหน้า 288 7. ครูและนักเรียนรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้องและสรปุ สิง่ ที่ได้เรยี นรู้ ถา้ มนี กั เรียนคนใดเตมิ ตวั เลข แสดงจำนวนไม่ถกู ตอ้ ง ครอู าจทบทวนสตู รคูณแม่ 2 ถงึ แม่ 9 และใหน้ กั เรียนฝกึ การหาผลคณู ของจำนวนหน่งึ หลกั กับ 10 20 30 40 50 60 70 80 90 ใหค้ ล่อง แล้วให้ตรวจสอบความเขา้ ใจอีกคร้งั สิ่งท่ีไดเ้ รียนรู้ • การหาค่าของตัวไมท่ ราบคา่ ในประโยคสัญลกั ษณ์การคูณอาจใช้สูตรคณู 8. จากน้นั ใหน้ กั เรยี นทำแบบฝกึ หัด 5.12 หน้า 183 – 184 10. ส่อื การเรยี นรู้ 1.หนังสือเรยี นคณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 สสวท. 2.แบบฝึกคณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 สสวท. 3.บัตรโจทยก์ ารคูณ 4.ตารางสตู รคูณแม่ 2 ถึง แม่ 9
11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 1. วธิ ีการวัดและประเมินผล 1.1 ตรวจแบบฝกึ หดั 1.2 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรม 1.3 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ 2. เครือ่ งมือ 2.1 แบบฝกึ หัด 2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม 2.3 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผ่านตั้งแต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน 3.3 การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ ผ่านต้งั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น
แบบบนั ทึกหลงั การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ……………… เร่ือง ……………………………………………………………….. แผนการเรยี นรูท้ ่ี ………………… เรื่อง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้ัน…………………………. รหัสวิชา ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหน่ง …………………………………… เวลาท่ีใช้ ……… ชั่วโมง (ใน 1 วนั ท่ีสอนจริง) ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปัญหาท่พี บ แนวทางแก้ไข ที่มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เน้อื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤตกิ รรม/การมีส่วนร่วมของผ้เู รียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ้จู ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (นางสาวเตชินี หอมนาน) ตำแหน่ง พนกั งานราชการ
แผนการจัดการเรียนรู้ 16 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณติ ศาสตร์ รหสั วชิ า ค 12101 ปกี ารศกึ ษา 2564 ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 2 เวลา 22 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 5 เร่ือง การคูณ เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 16 เรื่อง โจทย์ปญั หาการคูณ 1. สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 จำนวนและพีชคณติ มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการของจำนวน ผลท่ีเกิดขนึ้ จากการดำเนนิ การสมบตั ิของการดำเนินการและนำไปใช้ 2. ตัวช้วี ัด ค 1.1 ป.2/5 หาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณแ์ สดงการคณู ของจำนวน 1 หลักกบั จำนวน ไมเ่ กนิ 2 หลัก 3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การแกโ้ จทย์ปญั หาทำได้โดยอา่ นทำความเข้าใจปัญหา วางแผนแกป้ ญั หา หาคำตอบ และตรวจสอบความ สมเหตุสมผลของคำตอบ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายวิธีการหาคำตอบของโจทยป์ ญั หาการคณู ได้ (K) 2) แสดงวิธหี าคำตอบของโจทย์ปญั หาการคูณได้ (P) 3) รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รบั มอบหมาย (A) 5. สาระการเรยี นรู้ การแก้โจทยป์ ัญหาและการสรา้ งโจทย์ปัญหา พร้อมทง้ั หาคำตอบ 6. กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ การแก้ปญั หา ✓ การสือ่ สารและการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ ✓ การเช่ือมโยง ✓ การใหเ้ หตุผล การคิดสรา้ งสรรค์ 7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
8. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำ 1. ครสู นทนากับนักเรยี นเก่ยี วกบั โจทย์ปญั หาการคูณท่ีกำหนดตามหนงั สือเรยี นหน้า 289 ครูใชค้ ำถาม กระตุ้นใหน้ กั เรียน วิเคราะหโ์ จทย์ปัญหา เช่น โจทยถ์ ามอะไร โจทยบ์ อกอะไร นกั เรยี นควรตอบไดว้ า่ ❖ โจทย์ถาม คอื ยายลีซื้อกลว้ ยป้งิ ทงั้ หมดกี่ผล ❖ โจทยบ์ อก คอื ยายลซี อื้ กลว้ ยปิง้ 4 ไม้ แต่ละไม้มกี ล้วย 5 ผล ขน้ั สอน 2. ครถู ามนกั เรียนต่อไปว่า หาคำตอบไดอ้ ยา่ งไร นกั เรยี นอาจหาคำตอบไดด้ ้วยการบวกทีละ 5 เช่น 5 + 5 + 5 + 5 = 20 ผล ดงั น้ัน ยายลีซ้ือกล้วยปง้ิ ทัง้ หมด 20 ผล หรอื นักเรียนอาจหาคำตอบด้วยการคณู ซึง่ พจิ ารณาจากกล้วยป้ิง 4 ไม้ แต่ละไม้มกี ลว้ ย 5 ผล จะได้ 4 × 5 = 20 ผล ดังนั้น ยายลีซ้ือกลว้ ยปิ้งท้ังหมด 20 ผล 3. ครูใชบ้ ัตรภาพประกอบการอธบิ ายว่า กลว้ ยปง้ิ 4 ไม้ ไมล้ ะ 5 ผล แล้วใหน้ ักเรยี นนบั จำนวนกล้วยปง้ิ ทงั้ หมด หรือบวกทลี ะ 5 หรือให้เขยี นเป็นประโยคสญั ลกั ษณ์การคูณได้ 4 × 5= และใช้สูตรคูณแม่ 4 หรือแม่ 5 หาผลคณู เมอ่ื นักเรยี นได้คำตอบแล้วครูควรเนน้ ย้ำเร่ืองการตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคำตอบ เช่น 4 × 5 = 20 อาจตรวจสอบด้วยการนบั ทีละ 5 ไป 4 ครง้ั จะได้ 20 ดังนนั้ 20 เป็นคำตอบทถ่ี กู ต้อง 4. ครูยกตวั อย่างโจทย์ปญั หาถัดไป ใหน้ กั เรยี นวเิ คราะหโ์ จทย์วา่ โจทย์ถามอะไร โจทยบ์ อกอะไร และหา คำตอบได้อย่างไร ครอู าจใชข้ วดมาเรยี งเปน็ แถว 3 แถว แถวละ 6 ขวด ครถู ามนักเรยี นวา่ การจดั ขวดเปน็ แถว 3 แถว แถวละ 6 ขวด ได้ทง้ั หมดกขี่ วด เขยี นเป็นประโยคสญั ลกั ษณ์การคูณได้อย่างไร นกั เรียนควรตอบได้ว่า 3×6= 5. ครูถามว่าหาคำตอบอยา่ งไรนกั เรียนอาจตอบวา่ ใช้การบวกเพ่มิ ทีละเท่า ๆ กนั (6 + 6 + 6) หรือใช้สูตร คณู แม่ 3 หรอื แม่ 6 เม่ือนกั เรียนไดค้ ำตอบ 18 ขวด ครูควรให้นักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของ คำตอบตามหนงั สือเรยี นหนา้ 289 ขั้นสรุป 6. ครูและนักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งและสรปุ ส่งิ ทไ่ี ดเ้ รยี นรู้ ถ้ามีนักเรียนคนใดเขียนประโยค สญั ลักษณแ์ ละหาคำตอบไมถ่ ูกตอ้ ง ครอู าจใหน้ กั เรียนฝกึ การหาผลคูณของจำนวนหนึง่ หลกั กับจำนวนสองหลักให้ คล่อง หรอื ถ้านักเรยี นเขียนประโยคสัญลกั ษณก์ ารคณู ผิด ครูอาจทบทวนเร่อื งความหมายของการคูณที่จดั สิง่ ของ เป็นกลุ่มกลุ่มละเท่า ๆ กนั หรือจัดสิ่งของเป็นแถว แถวละเท่า ๆ กันแล้วให้ตรวจสอบความเข้าใจอีกครง้ั แตถ่ า้ ยังทำ ไม่ไดใ้ หม้ าฝกึ เป็นรายบคุ คลกบั ครู สิง่ ทไ่ี ด้เรียนรู้ • การแก้โจทย์ปัญหาทำได้โดยอ่านทำความเขา้ ใจปัญหา วางแผนแก้ปัญหา หาคำตอบ และตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคำตอบ
10. สือ่ การเรยี นรู้ 1.หนังสอื เรยี นคณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 สสวท. 2.แบบฝึกคณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 สสวท. 3.บัตรภาพ 4.บตั รโจทยป์ ัญหา 5.สอ่ื ของจริง เชน่ ขวด 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล 1.1 ตรวจแบบฝกึ หดั 1.2 สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม 1.3 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2. เครอ่ื งมือ 2.1 แบบฝึกหัด 2.2 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2.3 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผ่านต้งั แต่ 2 รายการ ถือว่า ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผ่าน 3.3 การประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ผ่านต้ังแต่ 2 รายการ ถือว่า ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น
แบบบนั ทึกหลงั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ……………… เร่ือง ……………………………………………………………….. แผนการเรยี นรูท้ ่ี ………………… เรื่อง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้ัน…………………………. รหัสวิชา ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหน่ง …………………………………… เวลาท่ีใช้ ……… ชั่วโมง (ใน 1 วนั ท่ีสอนจริง) ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปัญหาท่พี บ แนวทางแก้ไข ที่มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เน้อื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤตกิ รรม/การมีส่วนร่วมของผ้เู รียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ้จู ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (นางสาวเตชินี หอมนาน) ตำแหน่ง พนกั งานราชการ
แผนการจัดการเรียนรู้ 17 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณติ ศาสตร์ รหสั วชิ า ค 12101 ปกี ารศกึ ษา 2564 ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 2 เวลา 22 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 5 เร่ือง การคูณ เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 17 เรื่อง โจทย์ปญั หาการคูณ 1. สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 จำนวนและพีชคณติ มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการของจำนวน ผลท่ีเกิดขนึ้ จากการดำเนนิ การสมบตั ิของการดำเนินการและนำไปใช้ 2. ตัวช้วี ัด ค 1.1 ป.2/5 หาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณแ์ สดงการคณู ของจำนวน 1 หลักกบั จำนวน ไมเ่ กนิ 2 หลัก 3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การแกโ้ จทย์ปญั หาทำได้โดยอา่ นทำความเข้าใจปัญหา วางแผนแกป้ ญั หา หาคำตอบ และตรวจสอบความ สมเหตุสมผลของคำตอบ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายวิธีการหาคำตอบของโจทยป์ ญั หาการคณู ได้ (K) 2) แสดงวิธหี าคำตอบของโจทย์ปญั หาการคูณได้ (P) 3) รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รบั มอบหมาย (A) 5. สาระการเรยี นรู้ การแก้โจทยป์ ัญหาและการสรา้ งโจทย์ปัญหา พร้อมทง้ั หาคำตอบ 6. กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ การแก้ปญั หา ✓ การสือ่ สารและการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ ✓ การเช่ือมโยง ✓ การใหเ้ หตุผล การคิดสรา้ งสรรค์ 7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
8. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. ม่งุ มัน่ ในการทำงาน 9. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำ 1. ครตู ิดบัตรโจทยป์ ัญหาตามหนงั สอื เรียนหนา้ 290 ใหน้ ักเรียนรว่ มกันวิเคราะห์โจทยป์ ัญหาว่า โจทย์ถาม อะไร โจทย์บอกอะไร และจะหาคำตอบไดอ้ ย่างไร โดยใชก้ ารถาม−ตอบเช่น การนำตมู้ าวางเรียงตอ่ กันความยาว ทัง้ หมดจะเพม่ิ ขึ้นหรือลดลง (เพม่ิ ขน้ึ ) หาคำตอบด้วยวิธใี ด(นำความยาวมาบวกกัน) ขน้ั สอน 2. ครถู ามเพ่ิมเติมว่า ถ้าความยาวตู้แต่ละตเู้ ท่ากันทงั้ 3 ตู้อาจหาคำตอบดว้ ยวิธใี ดไดอ้ ีก (หาคำตอบดว้ ย การคณู ) ครใู หน้ กั เรียนเขยี นประโยคสญั ลักษณ์การคูณแลว้ หาคำตอบ ตามหนังสือเรียนหนา้ 290 3. ครูอาจแนะนำการตรวจสอบความสมเหตสุ มผลวา่ ถ้าตู้แต่ละตูย้ าว 50 เซนตเิ มตร เรยี งต่อกนั 3 ตู้ ความยาวทง้ั หมด 3 × 50 = 150 เซนติเมตร แต่ความยาวตใู้ นโจทย์ 45 เซนตเิ มตรซง่ึ มีค่าน้อยกว่า 50 คำตอบทีไ่ ด้ ควรน้อยกวา่ 150 เซนติเมตร ซง่ึ คำตอบทไี่ ด้คอื 135 เซนติเมตรเปน็ คำตอบที่สมเหตุสมผล 4. ครยู กตวั อยา่ งโจทยป์ ัญหาในหนงั สอื เรียนหน้า 291 แลว้ ให้นักเรยี นชว่ ยกันวิเคราะหโ์ จทย์ปญั หาและหา คำตอบ จากน้นั ครูแบง่ กลุ่มนกั เรยี นเปน็ 5 กลุ่ม แลว้ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ช่วยกนั เขยี นประโยคสัญลกั ษณแ์ ละหาคำตอบ กล่มุ ละ 1 ขอ้ เม่ือเสร็จแลว้ ให้แต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอวิธหี าคำตอบหนา้ ช้นั เรียน 5. จากนัน้ ครูและนักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง และตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคำตอบ ครคู วรเน้นย้ำนกั เรยี นทกุ ครงั้ ว่า เมอื่ แกโ้ จทยป์ ัญหาจนไดค้ ำ ตอบแล้วตอ้ งอย่าลมื ตรวจสอบความสมเหตุสมผลของ คำตอบทุกครง้ั ขัน้ สรุป 6. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยให้นกั เรยี นแต่ละคนเขียนประโยคสัญลกั ษณ์และหาคำตอบ ตามหนังสือเรยี นหน้า 292 7. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันตรวจสอบความถูกตอ้ งและสรปุ ส่งิ ท่ไี ด้เรียนรู้ ถา้ มนี ักเรียนคนใดเขียนประโยค สัญลักษณแ์ ละหาคำตอบไม่ถกู ตอ้ ง ครูอาจใหน้ กั เรียนฝกึ การหาผลคูณของจำนวนหนึ่งหลกั กับจำนวนสองหลักให้ คล่อง หรอื ถา้ นกั เรียนเขียนประโยคสัญลักษณ์การคูณผิด ครอู าจทบทวนเรื่องความหมายของการคูณทีจ่ ดั สิ่งของ เป็นกลุ่มกลมุ่ ละเท่า ๆ กัน หรอื จัดส่ิงของเป็นแถว แถวละเท่า ๆ กันแลว้ ให้ตรวจสอบความเข้าใจอกี คร้ัง แต่ถ้ายังทำ ไม่ได้ให้มาฝึกเปน็ รายบคุ คลกบั ครู สง่ิ ทีไ่ ด้เรียนรู้ • การแก้โจทย์ปัญหาทำได้โดยอ่านทำความเขา้ ใจปญั หา วางแผนแก้ปัญหา หาคำตอบ และตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคำตอบ 8. จากนน้ั ให้นกั เรียนทำแบบฝกึ หัด 5.13 หนา้ 185 – 186
10. สือ่ การเรยี นรู้ 1.หนังสอื เรยี นคณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 สสวท. 2.แบบฝึกคณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 สสวท. 3.บัตรภาพ 4.บตั รโจทยป์ ัญหา 5.สอ่ื ของจริง เชน่ ขวด 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล 1.1 ตรวจแบบฝกึ หดั 1.2 สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม 1.3 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2. เครอ่ื งมือ 2.1 แบบฝึกหัด 2.2 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2.3 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผ่านต้งั แต่ 2 รายการ ถือว่า ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผ่าน 3.3 การประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ผ่านต้ังแต่ 2 รายการ ถือว่า ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น
แบบบนั ทึกหลงั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ……………… เร่ือง ……………………………………………………………….. แผนการเรยี นรูท้ ่ี ………………… เรื่อง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้ัน…………………………. รหัสวิชา ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหน่ง …………………………………… เวลาท่ีใช้ ……… ชั่วโมง (ใน 1 วนั ท่ีสอนจริง) ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปัญหาท่พี บ แนวทางแก้ไข ที่มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เน้อื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤตกิ รรม/การมีส่วนร่วมของผ้เู รียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ้จู ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (นางสาวเตชินี หอมนาน) ตำแหน่ง พนกั งานราชการ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420