Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บวรธรรมบพิตร ฉบับพระประวัติ

บวรธรรมบพิตร ฉบับพระประวัติ

Published by Naresuan University Archive, 2015-12-18 02:07:45

Description: บวรธรรมบพิตร ฉบับพระประวัติ

Keywords: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

Search

Read the Text Version

พธิ บี รรจพุ ระบรมสารีรกิ ธาตแุ ละพธิ เี ปิดอาคารไทยกรี ติภวนั ๑๙ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๘ • พระอนรุ ุทธมหาเถระ อปุ สังฆนายก กราบทูลถวายการต้อนรบั ในนามคณะสงฆเ์ นปาล • พระสทุ รรศันมหาเถระ กราบทลู ถวายการตอ้ นรับในนามของวดั ศรกี รี ติวิหาร • เจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ ประทานพระสมั โมทนียกถาเป็นภาษาไทย • พระอนิลมาน ธมฺมสากิโย (ปัจจบุ ันคอื พระศากยวงศ์วสิ ุทธิ์) แปลเปน็ ภาษาเนปาล มีใจความส�ำ คัญดังน้ี อาตมภาพยินดเี ปน็ อยา่ งย่งิ ที่ได้มายังประเทศเนปาลนี้อีกครั้งหนึ่ง อันนับเป็นครัง้ ท่ี ๔ ในวันประกอบพิธมี งคล คือพธิ วี างศิลาฤกษ์วัดไทยลุมพนิ ี และพธิ ีบรรจุพระบรมสารรี ิกธาตุ ณ วดั ศรกี รี ตวิ ิหารน้ี โดยสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจา้ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว ผู้ทรงพระคณุ อันประเสรฐิ แหง่ สยามประเทศ ประเทศไทย พระผู้ทรงเป็นเอกอคั รศาสนูปถมั ภก ทรงมพี ระมหากรณุ าแผ่มาไกลถึงราชอาณาจกั รเนปาลน้ี จงึ พระราชทานพระบรมราชานญุ าตให้อาตมภาพเดินทางออกจากประเทศไทยมาประกอบศาสนกิจส�ำ คัญ ในประเทศเนปาล คือ พธิ ีวางศิลาฤกษส์ ร้างวดั ไทยทีล่ มุ พินี และพิธีบรรจพุ ระบรมสารีริกธาตุท่ีวัดศรีกีรตวิ หิ ารนี้ และกลา่ วไดว้ ่า ไดร้ บั พระราชทานพระมหากรุณาของสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจา้ สมเด็จพระราชาธิบดี แห่งประเทศเนปาล พรอ้ มท้งั รัฐบาลเนปาล ที่ได้โปรดพระราชทานพระบรมราชานญุ าต และอนญุ าต ให้มีการวางศลิ าฤกษ์สร้างวัดไทยลุมพนิ ี เพราะฉะนนั้ พธิ อี ันส�ำ คญั ทางพระพทุ ธศาสนาจึงเกิดขนึ้ ได้ และในการเดนิ ทางมาคร้งั น้ี สมเดจ็ พระราชสมภารเจา้ สมเด็จพระราชาธิบดีแหง่ เนปาลประเทศ ได้มพี ระราชกรณียกจิ ทที่ รงก�ำ หนดนัดไวก้ ่อน เสด็จพระราชด�ำ เนนิ ไปปฏิบตั ิพระราชกรณยี กจิ ในตา่ งจังหวดั หลายวนั เพราะฉะนนั้ จึงไมป่ ระทบั อยู่ในวาระท่ีอาตมาพกั อยนู่ ี้ แต่ถงึ เชน่ นัน้ ก็ได้ทรงพระราชทานราชเลขาธิการใหม้ าแจง้ ใหท้ ราบ และก็ได้โปรดพระราชทานราชองครกั ษ์ใหม้ าดูแลด้วยทา่ นหนึง่ ตลอดเวลาทีอ่ าตมาพักอยู่ท่นี ้ี จงึ เปน็ พระมหากรณุ าธคิ ณุ อยา่ งสูง ในการท่ีได้เดนิ ทางมาในคร้ังกอ่ นน้นั สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า สมเดจ็ พระราชาธิบดแี ห่งเนปาลประเทศ ก็ได้มีพระมหากรณุ าให้เข้าไปเฝ้าถวายพระพรได้คร้งั หน่งึ และได้ทรงรับรองเปน็ อย่างดยี ่งิ ซึง่ เหตุการณน์ นั้ ยังอยู่ในความทรงจำ�ของอาตมภาพ ตลอดจนถงึ ในประเทศไทยที่อาตมภาพได้น�ำ ไปแจ้งให้ทราบ ให้ซาบซงึ้ ในพระมหากรณุ าธคิ ุณเป็นอย่างยิง่ จงึ ขอถวายพระพรเจริญชัยมงคล แดส่ มเดจ็ บรมบพิตรพระราชสมภารเจา้ พระราชาธิบดีแห่งเนปาลประเทศ พรอ้ มทง้ั รฐั บาลแห่งประเทศเนปาลและอบุ าสกอบุ าสิกาโดยท่วั กนั200

ขออนโุ มทนาสาธกุ ารชาวเนปาลทง้ั หลายทกุ ทา่ น ท่ีไดเ้ หน็ ความส�ำ คญั ของพระพุทธศาสนา โดยทเ่ี จ้าชายสทิ ธตั ถะประสูติที่เนปาลน้ี และตอ่ มาไดต้ รัสรูเ้ ป็นพระสัมมาสมั พุทธเจา้ เป็นพระบรมศาสดาของพระพทุ ธศาสนา ก็กลา่ วไดว้ ่าพระองค์เปน็ ชาวเนปาลน่ันเอง ซึ่งท่านทงั้ หลายไดเ้ ห็นความส�ำ คัญในพระพุทธศาสนา จงึ ขออนโุ มทนาสาธกุ าร ความมีศรทั ธาตัง้ มัน่ ในพระพุทธศาสนาของท่านทั้งหลาย พงึ ม่ันใจได้วา่ แรงศรทั ธาท่ีเป็นสมั มาศรทั ธา คือศรทั ธาในสิ่งสมควรอยา่ งย่ิง ความศรัทธาย่อมนำ�ใหท้ า่ นสามารถสรา้ งความสงบสุข และความเจริญร่งุ เรอื ง ให้เกดิ แก่ชวี ติ ของท่านและครอบครวั ไดอ้ ยา่ งแน่นอน เชน่ เดียวกบั ให้เกิดแก่ประเทศชาติทรี่ ักของท่านด้วย ศรทั ธาในพระรตั นตรยั จักน�ำ ให้เกิดปญั ญาคือความฉลาดร้ทู �ำ ความเจรญิ ใหเ้ กดิ ได้นานาประการ หวั ใจพระพุทธศาสนา ทสี่ มเด็จพระบรมศาสดาสมั มาสมั พุทธเจา้ ทรงแสดงไว้ชัดแจ้ง ทผี่ ู้ปฏบิ ตั ิตาม จักไดร้ ับผลเป็นความสขุ สงบ อันเปน็ ยอดปรารถนาของผ้มู ปี ัญญาทง้ั หลาย นัน่ ก็คือ๑. การไม่ทำ�บาปอกศุ ลทง้ั ปวง ๒.การท�ำ กศุ ลความดีให้พรอ้ มบรบิ รู ณ์ และ ๓. การท�ำ ใจใหผ้ ่องใสไกลจากกิเลสทั้งหลาย มคี วามโลภ ความโกรธ ความหลง ห่างไกลจากจติ ใจ ไมอ่ าจท�ำ ความเศรา้ หมองให้เกดิ แก่จิตใจได้ ผู้ใดมีจิตใจผอ่ งใส ผู้น้นั ยอ่ มเป็นสขุ ผ้นู นั้ ย่อมมแี สงสว่างสอ่ งทางชวี ิต ใหเ้ ห็นดเี หน็ ชว่ั เห็นถกู เหน็ ผดิ เห็นความเสื่อม เหน็ ความเจรญิ มีโอกาสดกี ว่าคนอ่นื ทจี่ ะเลอื กเดินไปบนหนทางสูค่ วามสขุ ความดี ความเจริญ เราทัง้ หลายมบี ญุ ย่งิ นัก ที่ได้พบพระพุทธศาสนา ไดร้ ู้จกั หวั ใจพระพุทธศาสนา พงึ ตัง้ ใจให้ดปี ระคับประคองบญุ ของเราใหเ้ จริญย่งิ ๆ ข้นึ เพ่อื จะได้เป็นสุขสวสั ดีตลอดไป ท้ังชวี ิตน้ีและชวี ิตหน้า ขอพุทธานุภาพ ธรรมานภุ าพ สงั ฆานภุ าพ กุศลานุภาพ ได้เปน็ พรแกท่ ุกทา่ น ไดม้ คี วามดี ความสขุ ความเจริญ ตลอดไปชว่ั กาลนานเทอญ 201

วนั ท่ี ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๘ เจา้ พระคณุ ฝา่ ยฆราวาสของเนปาล พระศากยานนั ทมหาเถระ สงั ฆนายก สมเดจ็ ฯ เสด็จจากกรงุ กาฐมาณฑุ โดยเครือ่ งบนิ ไปยังเมอื ง ของเนปาลเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ของเนปาล พรอ้ มดว้ ย ไภรหะวา หรอื สิทธารนคร เพื่อไปยงั ลุมพินี ประกอบพิธวี าง ทตู านทุ ตู ของประเทศทน่ี บั ถอื พระพทุ ธศาสนาหลายประเทศ ศิลาฤกษ์วัดไทยลมุ พนิ ี และพทุ ธศาสนกิ ชนจ�ำ นวนมากรว่ มในพธิ ี ในพิธี เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงเป็นประธานฝา่ ยสงฆ์ เมอ่ื ได้เวลาอนั เป็นมงคลฤกษ์ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ร้อยตำ�รวจโทเชาวริน ลทั ธศักดิ์ศิริ รฐั มนตรีชว่ ยว่าการ พรอ้ มดว้ ยรฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ ารของไทย กระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานฝ่ายฆราวาสของไทย และรฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงพาณชิ ยข์ องเนปาล ไดร้ ว่ ม รฐั มนตรชี ่วยว่าการกระทรวงพาณิชยเ์ นปาล เปน็ ประธาน กันวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างวัดไทยลุมพินี เป็นเสร็จพิธีคณะสงฆ์เนปาลวัดไทยลุมพนิ ที เ่ี จา้ พระคณุ สมเด็จฯ ถวายรายงานการพระพทุ ธศาสนา ในประเทศเนปาล โดยสรุปดงั นี้ทรงวางศิลาฤกษ์ เปน็ วดั ไทยแหง่ แรก ๑. การศึกษาพระพุทธศาสนา ได้จัดตั้งโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันเสาร์และแหง่ เดยี วในประเทศเนปาล ตง้ั อยหู่ า่ ง เรยี กวา่ เนปาลมหาปรยิ ตั ศิ กึ ษา ด�ำ เนนิ การมาได้ ๓๒ ปแี ลว้ ผจู้ บการศกึ ษาจากวหิ ารมายาเทวี (ทป่ี ระสตู ขิ องพระพทุ ธเจา้ ) ชั้นสูงสุดเรียกว่า ปริยัติสัทธรรมโกวิท ใช้เวลาเรียน ๑๐ ปี ชั้นรองลงมาราว ๙๕๐ เมตร เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงเปน็ เรียกวา่ ปริยัตสิ ทั ธรรมปาลกะ ใช้เวลาเรียน ๖ ปี สว่ นช้นั ต้นไมม่ ชี ือ่ เฉพาะผู้วางรากฐานแก่วัดไทยในประเทศเนปาลเป็น ขณะนม้ี นี กั เรยี นรวมกนั ประมาณ ๖,๐๐๐ คนเศษ สว่ นเนอ้ื หาของวชิ าทเ่ี รยี นแห่งแรกและคร้งั แรก ประกอบดว้ ยความรเู้ รอ่ื งพระไตรปฎิ ก วรรณคดบี าลี แตย่ งั ไมไ่ ดร้ บั การรบั รอง จากรัฐบาล ขณะนี้มีศูนย์การศกึ ษาพระพุทธศาสนาทงั้ หมด ๓๒ ศูนย์202

โอกาสนี้ เจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ ไดท้ อดพระเนตรบริเวณวิหารมายาเทวีอย่างละเอยี ด โดยการน�ำ ชมของพระสทุ รรศันมหาเถระ อาจารย์ด้านประวตั ศิ าสตรแ์ ละวัฒนธรรมเนปาลแหง่ มหาวทิ ยาลยั ตรภี วู นั และนกั โบราณคดปี ระจ�ำ ลมุ พนิ ี แลว้ จงึเสด็จจากลุมพนิ กี ลบั ไปยงั วัดศรกี รี ติวิหาร เมืองกีรตปิ รู ์ วันท่ี ๒๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๘ พระสุทรรศนัมหาเถระ รองประธานคณะกรรมการบรหิ ารคณะสงฆเ์ นปาลได้นำ�พระเถระชั้นบริหารของคณะสงฆ์เนปาลเข้าเฝ้าถวายสักการะและถวายรายงานความเป็นไปของคณะสงฆ์เนปาลจากนั้นเจ้าพระคณุ สมเด็จฯ ไดป้ ระทานพระโอวาทเป็นการให้คำ�แนะนำ�และให้กำ�ลังใจแก่พระเถรานุเถระของคณะสงฆ์เนปาล เจา้ พระคุณสมเด็จฯ ได้ถวายสังฆทาน ซึ่งทรงปฏิบตั ิ พทุ ธศาสนกิ ชนเขา้ เฝา้ ถวายสักการะ จากนัน้ เสดจ็ ยังสนามบินเป็นกจิ วัตรทกุ วนั จนั ทร์ ทรงอาราธนาพระสทุ รรศันมหาเถระ กรุงกาฐมาณฑุ เสด็จกลับประเทศไทยโดยเครื่องบินบริษัทเจ้าอาวาสวัดศรีกีรติวิหารเป็นผู้รับสังฆทาน แล้วเสด็จไปยัง การบินไทย จ�ำ กัด เท่ียวบินที่ ทจี ี ๓๑๒ ถึงสนามบินดอนเมอื งสถานทูตไทยเพ่ือเปิดโอกาสให้ข้าราชการสถานทูตและ เวลา ๑๘.๒๐ น. ของวนั ท่ี ๒๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๘๒. ขณะนมี้ ีพระภิกษสุ ามเณรอยู่ ๓. สภาพการณโ์ ดยทัว่ ไป คณะ ๔. การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาเถรวาททว่ั ประเทศ ๑๒๕ รปู ซงึ่ ไดร้ ับ สงฆ์เถรวาทเนปาล มีความเปน็ ในเนปาลมีความยากอยบู่ ้าง เพราะชาวการบรรพชาอปุ สมบทจากประเทศ อยู่ทผี่ าสกุ ตามควรแก่อตั ภาพ มี พทุ ธในเนปาลน้นั หา่ งไกลจากพระพุทธต่างๆ คอื พมา่ ไทย ศรลี ังกา แต่ อุปสรรคปัญหาอยู่บา้ งคอื รัฐบาล ศาสนามาเป็นเวลายาวนานกวา่ ๕๐๐ ปีมารวมกนั เปน็ สงั ฆเถรวาทเนปาล ยังไม่ให้ความสนับสนุนเทา่ ทคี่ วร จงึ ขาดความร้คู วามเขา้ ใจในหลกั ธรรม และมีคนบางกลมุ่ คอยวิพากษ์ ของพระพุทธศาสนา แต่คนุ้ เคยอยู่กับ วิจารณค์ ณะสงฆ์ในทางลบ พธิ ีกรรมเป็นส่วนใหญ่ 203

พระโอวาท แกพ่ ระเถรานุเถระของคณะสงฆ์เนปาล ๒๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๘ “ขอใหท้ า่ นพระเถรานเุ ถระท้งั หลายอบรมพระภิกษุสามเณรทเ่ี ข้ามาใหม่ใหม้ คี วามรู้ในพระพทุ ธศาสนา จนสามารถจะเรยี นรู้ได้ โดยตนเองถึงขั้นปฏเิ วธ ตามชั้นที่จะพงึ เป็นไปได้ เมือ่ ได้ฝึกฝนตนเองใหด้ ีแลว้ ก็ให้ตง้ั ใจอบรมอุบาสก อุบาสกิ า สาธชุ นทงั้ หลาย เร่ิมจากผทู้ ี่อยู่ใกลว้ ดั และไกลวดั ตามที่จะพึงเป็นไปได้ แล้วคอ่ ยหาวิธีทจี่ ะขออุปถัมภจ์ ากประเทศชาตบิ า้ นเมือง จากท่านที่เป็นประมขุ แต่ในชนั้ ตน้ ก็ใหอ้ าศัยอุบาสกอุบาสกิ าสาธุชนไปกอ่ น ไมท่ อดทิง้ เฉยเมยในการส่ังสอนประชาชนชาวเนปาล ซึ่งจะท�ำ ใหช้ าติบา้ นเมืองสงบเรยี บร้อยดี และยอ่ มจะมโี อกาสหนึ่งท่ผี ปู้ กครองทางบา้ นเมอื งเหน็ คุณประโยชนแ์ ละ หนั มาใหก้ ารสนับสนนุ ซึง่ ยอ่ มจะทำ�ให้พระพุทธศาสนาถาวร เจรญิ มั่นคงขน้ึ โดยล�ำ ดับ จึงขอฝากความคิดไว้เพียงเท่านี้โดยย่อ ประเทศเนปาลนบั ว่าโชคดีกว่าในอนิ เดีย ครัง้ สมยั พทุ ธกาลและหลังพุทธกาลเป็นอนั มาก จะเห็นได้ว่า ฝา่ ยที่ไม่นบั ถือพระพทุ ธศาสนา ไดท้ ำ�ลายพระพทุ ธศาสนาด้วยการเผาวดั วาอาราม ฆ่าฟันพระภกิ ษสุ ามเณรเปน็ ตน้ แมเ้ ป็นเชน่ น้ัน คณะสงฆอ์ นิ เดียคร้งั โบราณกย็ ังไมย่ อ่ ท้อ เมือ่ ถูกเบียดเบยี นจากทห่ี นงึ่ กอ็ พยพย้ายกันไปอยอู่ ีกถ่นิ หน่ึง ท่ีไม่ถูกเบียดเบยี น เมื่อผปู้ กครองประเทศทเี่ ป็นฝา่ ยเบยี ดเบียนน้นั ผา่ นพน้ ไปแล้วก็กลบั ไปถ่นิ เดมิ การฟ้ืนฟูพระพุทธศาสนา ในอินเดยี เอง ก็ได้ประสบเหตุการณท์ รี่ นุ แรงอยา่ งย่ิงแตก่ ร็ กั ษามาได้โดยลำ�ดบั จนถึงสมยั พระเจา้ อโศก ที่พระพุทธศาสนาแพร่ออกไปในภายนอก จนถงึ ด�ำ รงอยู่ในบดั น้ี ฝา่ ยที่ไม่ได้รบั นบั ถอื พระพทุ ธศาสนา และประมุขของประเทศเนปาล กม็ ไิ ดท้ ำ�การเบียดเบียนอะไรนัก กน็ ับว่ายงั โชคดีอยูม่ าก อยา่ ไปกระทบกระท่ังผปู้ กครองประเทศ ขา้ ราชการผู้ปกครองประเทศและฝ่ายท่ีไมน่ บั ถือพระพุทธศาสนา เราไม่วา่ กลา่ วกระทบบุคคล กระทบการปกครอง กระทบวตั ถุเปน็ ต้น แตม่ ่งุ ปฏิบตั ติ ามหลกั พระพุทธศาสนา ตามท่ีพระพทุ ธเจา้ ได้ทรงสั่งสอนไว้ อนั จะทำ�ใหเ้ กดิ ความรัก เคารพนับถือทุกคนในประเทศชาติ เปน็ หลักของสังคหวัตถุธรรม ทาน ปิยวาจา อัตถจรยิ า สมานตั ตตา ดงั นี้ เปน็ ตน้ แลว้ จะได้มคี วามสุขสวสั ดีโดยตลอด204

เมอ่ื ได้ไปประเทศจีน ก็ได้มโี อกาสพบกับทา่ นเจยี ง เจ๋อ หมนิ ประธานาธิบดีจีน ซ่ึงก็ไดพ้ ดู กับท่านด้วยหลักการปกครองทศพิธราชธรรม แล้วก็ไดย้ กย่องทา่ นวา่ ทา่ นได้ปกครองประเทศตามหลกั ทศพิธราชธรรมของพระพทุ ธเจา้ ได้ปกครองประเทศจีน ใหม้ คี วามสงบเรียบรอ้ ย สมกับชื่อของท่านท่วี า่ เจียง เจ๋อ หมิน เจียงแปลว่า สตั ว์ใหญ่ เจอ๋ แปลวา่ เมตตากรณุ า หมนิ แปลว่า ประชาชน เพราะฉะนน้ั ประเทศจีนนั้นมีความสวสั ดี มีความเจรญิ เพราะฉะน้ันจงึ ได้สนทนาถกู คอกนั สนทนากนั อยู่จนถึง ๓๕ นาที และได้ฝากพระพุทธศาสนากบั ท่านไว้ด้วย ตอนที่ไปประเทศจนี ก็ได้ไปหลายหวั เมือง ซึง่ ก็ไดร้ ับการต้อนรับจากผปู้ กครองท้องถนิ่ นนั้ ด้วยดีตลอดทกุ แห่ง เพราะเราได้ไปกลา่ วยกยอ่ งทา่ นประธานาธบิ ดีไวอ้ ยา่ งสงู สดุ แลว้ ด้วยหลกั ธรรมของพระพทุ ธเจ้า ดังนัน้ เราควรปฏิบตั ิเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนาด้วยหลักธรรมของพระพทุ ธเจา้ แล้วในเนปาลน้ีกเ็ ชอ่ื ว่า ทา่ นพระราชาธิบดีในที่น้ที รงไม่ขัดข้องแนน่ อน เพราะได้ร้จู กั กบั ท่าน และทา่ นก็เคยรบั รองเมือ่ มาคร้งั กอ่ น มาคราวนที้ ่านมีพระราชกรณยี กิจทีน่ ดั เอาไวแ้ ล้ว ก่อนทเี่ ราจะนัดมาท่นี ้ี แต่กย็ ังโปรดให้องครักษม์ าช่วยดูแลได้พบกับทา่ นนายกรัฐมนตรี ก็รู้สกึ วา่ ทา่ นก็มีอัธยาศัยที่ละมนุ ละไม น่านบั ถือดมี าก เพราะฉะนั้นจงึ เช่อื วา่ พระพุทธศาสนาในเนปาล จะสวัสดี ไมเ่ ป็นอะไร แต่ขอใหเ้ ราท่ีเปน็ พระสงฆน์ ั้น เวลาสั่งสอนอย่าไปกระทบกระทั่งบุคคล กระทบกระท่ังอะไรตา่ งๆ แต่เราสอนไปตามหลักธรรมเพื่อให้ประชาชนผู้นับถือศาสนาทง้ั ปวงทัง้ หมดมคี วามสามคั คกี นั ไมว่ วิ าทกันเพราะศาสนาใหม้ ีความเคารพนับถอื ในองค์พระมหากษัตริย์ ในรฐั บาล และขนบธรรมเนยี มประเพณขี องบ้านเมอื งโดยทวั่ กนั กจ็ ะมคี วามสวัสดี จึงเชอื่ วา่ พระพทุ ธเจา้ พระธรรม พระสงฆ์ คุม้ ครอง เพราะเป็นถ่นิ กำ�เนิดของพระพทุ ธเจา้ อยู่ที่นีแ้ ลว้ ลมุ พนิ ีนี้เปน็ หลกั มงคลอนั สงู สุด เพราะฉะนัน้ จักได้มีความสวัสดี จกั ไม่เป็นอะไร ที่สำ�คญั ขอใหพ้ วกเราปฏิบัตติ ามหลักของพระพุทธเจ้าโดยสม�ำ่ เสมอกัน” 205

เสดจ็ เยือนญ่ปี ่นุ เปดิ การประชุมการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาโลก พ.ศ. ๒๕๔๑ ประเทศญีป่ ุน่ ในวนั ที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นวนั เปดิ การประชมุ การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาโลก เจา้ พระคณุ สมเด็จฯ ทรงเป็นประธานเปดิ การประชมุ และทรงประทานพระสัมโมทนยี กถาแกท่ ่ีประชุม โดยทรงเนน้ หลักการส�ำ คัญของพระพทุ ธศาสนา ตามพระโอวาทปาตโิ มกข์ และหลักปฏบิ ตั ิ ทสี่ ำ�คัญของพระพทุ ธศาสนาคือหลกั มชั ฌิมาปฏิปทา หรอื อรยิ มรรคมีองค์ ๘ ทรงสรปุ ว่า พระธรรมคำ�สอนในพระพุทธศาสนานั้น พุทธศาสนิกชนทกุ นิกาย ทกุ วัฒนธรรม ทุกเชอ้ื ชาติ สามารถปฏบิ ตั ิได้ผลเสมอ เหมือนกัน ขอเพยี งใหศ้ กึ ษา ให้เขา้ ใจ และปฏิบัติให้ถูกตอ้ งเท่านน้ั ญ่ปี ่นุ // เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ อาทิตย์ ๕ จนั ทร์ ๖ อังคาร ๗ • เสดจ็ ไปทอดพระเนตรวดั ไฮดาชิ • เปน็ วนั เปิดการประชมุ การเผยแผ่ • เสด็จไปนมสั การพระพทุ ธรปู ใหญ่ ฮอนเคนจิ เยย่ี มวัดของนิกาย พระพทุ ธศาสนาโลก เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ เมอื งนารา และเสด็จทอดพระเนตร เนนบตุ ซึสุ ณ เมืองอรยะชยิ ามา ทรงเปน็ ประธานเปดิ การประชุม และ พทุ ธสถานสำ�คญั ๆ ณ เมืองนารา และทรงพบคนไทยในเมืองเกียวโต ทรงประทานพระสมั โมทนียกถาแก่ท่ี ประชุม โดยทรงเน้นหลกั พระโอวาท พุธ ๘ ปาติโมกข์ และหลักมชั ฌิมาปฏิปทา • เสดจ็ ไปทอดพระเนตรศนู ย์แสดง • ประทบั พกั พระอิรยิ าบถ มรดกวัฒนธรรมโลก ในเมืองเกียวโต ตามพระอธั ยาศัย206

พระพทุ ธศาสนานกิ ายเนนบุตซสึ ุ ประเทศญ่ีปุ่น วดั บวรนิเวศวหิ าร และผ้ตู ดิ ตามฝ่ายคฤหัสถ์ ๔ คนได้จัดการประชุมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาโลก เดนิ ทางจากกรงุ เทพฯ โดยเครื่องบินบริษัทการบินไทย(The World Buddhist Propagation Conference) จ�ำ กดั เทยี่ วบนิ ที่ ทีจี ๗๒๘ วนั ท่ี ๔ เมษายน พ.ศ.ข้นึ ทีเ่ มอื งเกยี วโต ประธานกรรมการจัดการประชมุ ๒๕๔๑ เวลา ๙.๑๐ น. ถงึ สนามบนิ โอซากา้ ประเทศไดก้ ราบทลู อาราธนาเจา้ พระคณุ สมเดจ็ พระญาณสงั วร ญปี่ ุ่น เวลา ๑๖.๑๐ น. ในวันเดียวกนัสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก เสด็จ เอกอัครราชทตู ไทยประจ�ำ กรุงโตเกยี ว กงสลุ ใหญ่เปน็ ประธานเปิดการประชุมครง้ั นี้ ณ เมืองเกียวโต ประจำ�เมืองโอซาก้า ดร.เกียวเซ เอนชินโจ ประธานระหวา่ งวันที่ ๔ - ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ กรรมการจดั การประชมุ พรอ้ มดว้ ยผมู้ เี กยี รตจิ �ำ นวนมาก คณะผู้ตามเสด็จประกอบด้วย พระมหารัช มาถวายการต้อนรบัมงคลดลิ ก (บญุ เรอื น ปณุ ณฺ โก) พระสะทา้ น จติ ตฺ วโรพฤหัสบดี ๙ ศกุ ร์ ๑๐ เสาร์ ๑๑• เสดจ็ โดยรถไฟ จากเมอื งเกียวโต • เสด็จจากเมืองเกียวโตไปยังเมอื ง • เสด็จเยยี่ มบา้ นพกั ของ ดร.เกียวเซไปยงั เมืองนาโกยา่ โกเบ เอนชนิ โจ แลว้ เสดจ็ กลบั ประเทศไทย• ณ เมืองนาโกยา่ ทอดพระเนตร โดยเครอื่ งบนิ บริษัทการบินไทยวัดนิไตจิ ทรงนมัสการพระบรม จ�ำ กัด เที่ยวบินท่ี ทจี ี ๗๒๗ จากท่าสารรี ิกธาตุ ทพ่ี ระบาทสมเด็จพระ อากาศยานเคนไซ เมอื งโกเบ ถงึ ทา่จุลจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว พระราชทานแก่ อากาศยานกรุงเทพฯ เวลา ๒๒.๕๕ น.พทุ ธศาสนกิ ชนญป่ี นุ่ เม่อื พ.ศ. ๒๔๔๓ วนั เดียวกนัแล้วเสดจ็ โดยรถไฟกลับเมอื งเกียวโต 207

เอยือนิน เดยี เนปาล สมโภชวัดไทยกสุ นิ าราเฉลมิ ราชย์ พทุ ธศาสนกิ ชนชาวไทยไดร้ ว่ มกนั จดั สรา้ งวดั ไทยในประเทศอนิ เดยี วนั ท่ี ๑๗ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๔๒เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาและถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั เนอื่ งในโอกาสมหามงคลสมัยเฉลมิ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ พร้อมด้วยคณะ คือพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๗๒ พรรษา ใน พ.ศ. ๒๕๔๒ วัดน้มี ชี ื่อว่า พระมหารัชมงคลดิลก (บญุ เรือน ปณุ ฺณโก)วดั ไทยกสุ นิ าราเฉลมิ ราชย์ ตง้ั อยู่ ณ เมอื งกสุ นิ ารา สถานทป่ี รนิ พิ พาน พระสะท้าน จิตฺตวโร วดั บวรนิเวศวหิ าร และและถวายพระเพลงิ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ในรฐั อตุ ตรประเทศ เรม่ิ กอ่ สรา้ ง ผู้ติดตามฝ่ายคฤหสั ถ์ ๓ คน ได้ออกเดนิ ทางตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๗ และเสร็จสมบูรณ์ใน พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงมกี ำ�หนด โดยเครื่องบินบริษัทการบินไทย จำ�กัดจัดงานพิธีสมโภชขึ้นในวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ และได้ เทย่ี วบนิ ทจี ี ๓๑๓ จากทา่ อากาศยานกรงุ เทพฯกราบทลู อาราธนาเจ้าพระคณุ สมเด็จฯ เสด็จทรงเป็นประธานสงฆ์ ซึง่ ไปยงั เมอื งกัลกัตตา ประเทศอนิ เดียคร้ังนี้เป็นการเสด็จปฏิบัติพระศาสนกิจในต่างประเทศเป็นครั้งสุดท้ายของเจ้าพระคณุ สมเด็จฯ อินเดีย เนปาล // กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ พฤหัสบดี ๑๘ ศกุ ร์ ๑๙ เสาร์ ๒๐ • เสดจ็ ถงึ เมอื งกลั กตั ตา แลว้ เสดจ็ โดย • เสด็จไปนมสั การพระเจดยี พ์ ุทธคยา • เสดจ็ ไปชมพทุ ธสถาน ณ สารนาถ รถไฟต่อไปยงั เมืองปัตนะ รฐั พหิ าร และพระศรมี หาโพธิ แล้วเสด็จเยยี่ มวัด เสด็จไปยงั เมอื งกสุ ินารา ประทบั ณ • เสด็จเมืองนาลันทา ประทับที่วัดไทย ป่าพทุ ธคยา วดั ไทยกสุ ินาราเฉลมิ ราชย์ นาลนั ทา เยย่ี มชมมหาวทิ ยาลยั นาลนั ทาเกา่ • เสด็จโดยรถยนตต์ อ่ ไปยงั เมอื ง • เสดจ็ ไปประทับ ณ วัดไทยพทุ ธคยา พาราณสี208

การเสด็จครั้งนี้ ได้เสด็จเยี่ยมศาสนสถาน และประทับทวี่ ดั หลายแหง่ ไดแ้ ก่ วดั ไทยนาลันทา วดั ไทยพทุ ธคยา พระเจดยี พ์ ทุ ธคยา พระศรมี หาโพธิ วดั ไทยลมุ พนิ ี วดั ศรกี รี ตวิ หิ าร และวดั ไทยกสุ นิ ารา เฉลมิ ราชย์ ไดท้ รงน�ำ คณะสงฆอ์ อกบณิ ฑบาตดว้ ย วันที่ ๒๓ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ เสด็จจากวัดศรีกีรติวิหาร เมืองกีรติปูร์ ไปยังสนามบินกรุงกาฐมาณฑุ เสด็จกลับ ประเทศไทย โดยเครอ่ื งบนิ บรษิ ทั การบนิ ไทย จ�ำ กดั เทย่ี วบนิ ท่ี ทจี ี ๓๒๐ ถงึ ทา่ อากาศยาน กรงุ เทพฯ เวลา ๑๘.๑๕ น. ในวันเดียวกันอาทติ ย์ ๒๑ จันทร์ ๒๒ องั คาร ๒๓• ทรงเป็นประธานสงฆ์ในพิธีสมโภช • ทรงน�ำ คณะสงฆอ์ อกบณิ ฑบาต ณ บรเิ วณ • เสดจ็ ไปยงั สถานบนิ กรุงกาฐมาณฑุวดั ไทยกสุ นิ าราเฉลมิ ราชย์ แลว้ เสดจ็ ไป วดั ไทยกสุ นิ าราเฉลิมราชย์ เพื่อเสดจ็ กลบั ประเทศไทยนมสั การสถปู ที่ปรนิ ิพพานและท่ีถวาย • ตอนบา่ ยเสดจ็ ไปยงั ลมุ พนิ ี เมอื งไภรหะวาพระเพลงิ พระพุทธสรีระ ประเทศเนปาล โดยรถยนต์ เสดจ็ เยีย่ มวดั 209 ไทยลุมพินี แล้วเสด็จโดยเครื่องบินไปยัง กรงุ กาฐมาณฑุ ประทับ ณ วัดศรกี ีรติวิหาร เมืองกีรติปูร์

งานพระธรรมทูตจะเปน็ ครูเขาได้ก็ในทางปฏิบัตเิ ทา่ นน้ังานพระธรรมทูต ในยคุ หลังพทุ ธกาล งานพระธรรมทตู ทมี่ ชี ่อื เสยี งปรากฏมา• เปน็ งานหลกั ของพระสงฆ์ในพระพทุ ธศาสนา ที่จะต้องน�ำ พระธรรม ในประวตั ิพระพุทธศาสนากค็ อื พระธรรมทตู สมยัคำ�สอนของพระพทุ ธเจา้ ไปแนะนำ�สง่ั สอนชาวโลกให้ไดร้ บั ประโยชน์สุข พระเจา้ อโศกมหาราช ทโ่ี ปรดใหจ้ ดั ส่งพระธรรมทตู• พระพุทธสาวกหรือพระภิกษใุ นพระพทุ ธศาสนา ได้ปฏิบัติตามที่ ๙ สายออกไปเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาพระพทุ ธองค์ได้ทรงวางแนวและวางกรอบไว้ตัง้ แตเ่ ร่มิ ต้นการประกาศ ในดนิ แดนตา่ งๆ ทงั้ ภายในชมพทู วปีพระพุทธศาสนาในครงั้ พทุ ธกาล และนอกชมพูทวีป เปน็ การทำ�ใหพ้ ระพทุ ธศาสนา• พระธรรมทูตรุน่ แรกในพระพุทธศาสนากค็ อื พระอรหันตสาวกรนุ่ แรก เจริญแพร่หลายออกไปอย่างกวา้ งขวาง๖๐ รูปในปีแรกแหง่ การตรสั รู้ของพระพทุ ธเจา้ กลายเป็นมรดกอันลำ้�คา่ ของชาวโลกสืบมา จนทุกวันนี้ • ส�ำ หรับคณะสงฆ์ไทย งานพระธรรมทตู ไม่ใช่งานใหม่ • งานพระธรรมทูตคณะสงฆ์ไทยคร้ังสำ�คญั ในอดตี คณะสงฆ์ไทยเคยทำ�งานพระธรรมทตู มาหลายครง้ั พระอบุ าลี พร้อมทั้งพระอรยิ มุนีและพระสงฆร์ วม ๑๗ รูป แตง่ านพระธรรมทตู นนั้ เปน็ งานทีเ่ กิดขึน้ เป็นครง้ั คราวตาม ออกไปประดษิ ฐานพระสงฆส์ ยามวงศ์ในลังกา ในสมัยสมเดจ็ ภาวการณข์ องพระพุทธศาสนา มิใชง่ านทีต่ อ้ งทำ�เป็นการ พระเจา้ อยูห่ วั บรมโกศ แหง่ กรุงศรอี ยุธยาตอนปลาย เม่ือ ประจ�ำ หรือตอ่ เน่ือง จงึ ปรากฏเปน็ ระยะๆ ตามสถานการณ์ พ.ศ. ๒๒๙๕ ทำ�ใหเ้ กดิ มพี ระสงฆ์ข้นึ ในลังกาอกี วาระหนงึ่ งานพระธรรมทูตจงึ เป็นเหมือนงานที่เร่ิมต้นใหม่อยู่เสมอ สบื มาจนทกุ วันนี้ เรยี กวา่ พระสงฆ์สยามวงศ์ หรืออุบาลวี งศ์ • พระธรรมทตู ชดุ ท่ี ๒ • ในยุคกรุงรัตนโกสนิ ทร์ คอื ชดุ พระวิสุทธาจารย์กับพระวรญาณมนุ ี พรอ้ มพระสงฆ์อีก มีการสง่ พระสงฆ์ไทยไปสืบข่าวพระพุทธศาสนาในลงั กา ๒๐ รปู และสามเณร ๒๐ รปู ซ่งึ ออกไปผลัดเปลีย่ น หลายครัง้ ในสมยั รชั กาลท่ี ๒ เรียกวา่ สมณทตู เพราะมิใช่ พระธรรมทตู ชดุ พระอบุ าลที ี่ลงั กา เมอื่ พ.ศ. ๒๒๙๘ ไปสงั่ สอนหรือเผยแผ่พระพุทธศาสนา210

“กรอบงานของพระธรรมทูตในพระพุทธศาสนา” หน้าที่ของพระธรรมทูตที่พระพุทธองค์ ทรงมอบหมายแก่พระธรรมทูตรุ่นแรก ๑. สร้างประโยชน์สุขแก่พหูชน ซึ่งเรียกรวมว่า “การอนุเคราะห์โลก” ๒. แสดงธรรมหรือคำ�สอนที่ “งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง และงามในที่สุด” ๓. แสดงพรหมจรรย์คือระบบความประพฤติ ที่บริสุทธิ์บริบูรณ์พร้อมทั้งอรรถและพยัญชนะ• ในสมัยรชั กาลท่ี ๔ • พ.ศ. ๒๓๙๗มีการสง่ พระสงฆ์ไทยไปลังกาหลายครัง้ ในลกั ษณะของ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดสมณทูตเชน่ กนั แต่มีครั้งหน่ึงทที่ รงส่งคณะพระธรรมยุต ใหพ้ ระอมราภิรักขิต (เกดิ อมโร) กบั พระมหาปาน ปญฺญาสโี ลไปลังกาตามค�ำ ขอของพระสงฆ์ลังกาเพื่อให้ไปประดิษฐาน (ชาวกมั พูชา) วัดบรมนิวาส พร้อมดว้ ยพระอนจุ รอีก ๕ รปูพระสงฆธ์ รรมยตุ ในลังกา โดยมพี ระอโนมศริ ิมนุ ี (สุดท้าย เชญิ คัมภีรพ์ ระไตรปฎิ ก ๔๐ คมั ภรี ์ไปพระราชทานแกส่ มเดจ็ได้รับสถาปนาเปน็ ทส่ี มเดจ็ พระพุฒาจารย์ ศรี อโนมสริ ิ พระหริรกั ษแ์ หง่ กัมพชู า และพระสงฆ์ไทยคณะนไี้ ดก้ อ่ ตั้งคณะวัดปทมุ คงคา) เป็นหัวหนา้ คณะ พร้อมด้วยสงฆ์รวม ๑๐ รูป ธรรมยตุ ขน้ึ ในประเทศกมั พชู าดว้ ย จงึ เรยี กไดว้ า่ เปน็ พระธรรมทตูเมอ่ื พ.ศ. ๒๓๙๕ พระสงฆท์ ีท่ รงสง่ ไปครัง้ นีเ้ รียกได้วา่ เปน็ อกี ชดุ หนง่ึ ทปี่ ระสบความส�ำ เรจ็ ในการปฏิบตั ศิ าสนกิจพระธรรมทูต แต่ผลของการปฏิบัตศิ าสนกิจครัง้ นีไ้ ม่ประสบ ต่อมา พระมหาปาน ปญฺญาสโี ล ได้รับสถาปนาเปน็ สมเด็จผลสำ�เร็จ เพราะพระสงฆ์ลงั กาเกิดการแก่งแยง่ กนั เอง พระสคุ นธาธบิ ดี พระสังฆราชฝ่ายธรรมยุตพระอโนมศิริมุนี จงึ เดนิ ทางกลบัแล้วนับแตน่ นั้ มา งานพระธรรมทูตของคณะสงฆ์ไทยกเ็ งยี บหายไปตามกาลเวลา... 211

พ.ศ. ๒๕๐๗ งานพระธรรมทูตของคณะสงฆ์ไทย พ.ศ. ๒๕๐๙ สำ�นกั ฝกึ อบรม ไดเ้ รม่ิ ขน้ึ อกี ครง้ั หนง่ึ โดยกรมการศาสนา กระทรวง พระธรรมทูตไปต่างประเทศได้ก่อต้ังขนึ้ ศกึ ษาธกิ ารในขณะนน้ั ไดจ้ ดั สง่ พระธรรมทตู ออกไป อยา่ งเปน็ ทางการตามมติของทปี่ ระชุม ปฏบิ ัติศาสนกิจ ณ กรงุ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พื่ออนุเคราะหน์ ักเรียนไทยและ มหาเถรสมาคม คร้งั ท่ี ๒/๒๕๐๙ คนไทยทม่ี าศึกษาและทำ�งานอยใู่ นประเทศองั กฤษ วันที่ ๑๐ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๐๙ เปน็ ประการสำ�คัญ งานพระธรรมทตู ครัง้ นีจ้ งึ ยังมี เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ขณะด�ำ รงสมณศกั ด์ิ ขอบเขตของงานจำ�กดั อยู่ในวงแคบๆ คือมุ่งเฉพาะ ทพี่ ระสาสนโสภณ ไดร้ บั การแตง่ ตง้ั เปน็ คนไทยในประเทศอังกฤษเทา่ นั้น ยังไม่กวา้ งไกล ประธานกรรมการอ�ำ นวยการฝกึ อบรม ไปถงึ “สรา้ งประโยชน์แก่พหชู น คอื ชาวโลก” แต่ พระธรรมทตู ไปตา่ งประเทศ ตามมติ จากการริเรมิ่ งานพระธรรมทูตคร้ังนี้เองทเี่ ป็นเหตุ ทป่ี ระชมุ มหาเถรสมาคมครงั้ เดียวกนั ให้เกิดความด�ำ รกิ ารสรา้ งวัดไทยในกรงุ ลอนดอน ส่วนสถานท่ตี ัง้ สำ�นกั ฝึกอบรมพระธรรมทูต คอื วัดพุทธปทีป และเกิดการจัดต้งั สำ�นักฝึกอบรม ไปตา่ งประเทศน้ัน อยทู่ ต่ี ำ�หนกั ล่าง พระธรรมทตู ไปตา่ งประเทศขน้ึ ณ วดั บวรนเิ วศวหิ าร วัดบวรนเิ วศวิหาร และไดท้ �ำ พิธีเปดิ ในเวลาต่อมา เม่อื วันท่ี ๒๘ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ กรมการศาสนาโดยความเหน็ ชอบของมหาเถรสมาคม ได้จดั ต้ังสำ�นกั ฝกึ อบรมพระธรรมทตู ไปตา่ งประเทศ โดยมวี ตั ถุประสงค์คอื ๑. เพือ่ เลอื กเฟน้ และฝึกอบรมพระสงฆ์ไทย ใหส้ ามารถ ประกาศพระพทุ ธศาสนาในต่างประเทศ ๒. เพื่อเผยแผ่เกียรติคณุ ของชาติไทย ๓. เพื่อสงเคราะห์ทางดา้ นจติ ใจแก่คนไทยในตา่ งประเทศ ๔. เพอ่ื ใหเ้ กิดความสมั พันธ์อันดี ระหวา่ งพุทธศาสนกิ ชน กับองค์การศาสนาอืน่212

เจา้ พระคุณสมเด็จฯ ทรงเรมิ่ งานพระธรรมทตู ต่างประเทศ โดยเสด็จไปเป็นประธานสงฆ์ในพิธีเปิดวัดพุทธปทปีณ กรุงลอนดอน ประเทศองั กฤษ เมื่อวันที่ ๑-๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๙ ในพธิ เี ปดิ วดั พทุ ธปทปี ครง้ั น้ี เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯได้แสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์หนึ่ง เกี่ยวกับการปฏบิ ตั ติ นตามหลกั พระพุทธศาสนาเพอื่ ใหม้ ชี ีวติ อยา่ งเปน็ สุข หลังจากเสรจ็ พิธเี ปิดวัดพทุ ธปทปี เจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ ไดเ้ ดินทางไปสงั เกตการณ์พระศาสนา ทป่ี ระเทศฝรง่ั เศส สวิตเซอรแ์ ลนด์อิตาลีและกรซี ดว้ ย พ.ศ. ๒๕๑๑ คณะกรรมการอำ�นวยการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ไดค้ ดั เลือกพระธรรมทูตทสี่ �ำ เรจ็ การฝึกอบรมจากส�ำ นกั ฝึกอบรม พระธรรมทูตฯ ให้ไปปฏบิ ัตหิ นา้ ทีพ่ ระธรรมทูตประจำ�วัดพุทธปทีป ๑ รปู คือ พระมหาสมบญุ สิทฺธิ าโณ วดั ทศั นารณุ สนุ ทริการาม ตามหลักการผลดั เปลยี่ นหมนุ เวยี นพระธรรมทตู ตามทกี่ ำ�หนดไว้ แต่แรกต้ังวัด จากน้นั เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ขณะด�ำ รงสมณศักดิ์ท่ี พระสาสนโสภณ ในฐานะกรรมการมหาเถรสมาคม ประธานกรรมการสภาการศกึ ษามหามกฏุ ราชวิทยาลัย และประธานกรรมการอ�ำ นวยการฝกึ อบรมพระธรรมทตู ไปตา่ งประเทศ ได้เดนิ ทางไปดูการพระศาสนาและการศกึ ษา ณ ประเทศอนิ โดนีเซีย ออสเตรเลีย และฟลิ ปิ ปินส์ ระหวา่ งวนั ท่ี ๑๖ เมษายน - ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ รวมเวลา ๑๗ วนั การเดินทางครง้ั นี้ แมจ้ ะไมไ่ ด้ไปในฐานะพระธรรมทตู โดยตรง แต่เจา้ พระคุณสมเด็จฯ ก็ได้ช่ือวา่ ทรง ปฏิบตั ิหน้าท่ีของพระธรรมทูตอย่างเต็มที่ และอย่างได้ผลเกินความคาดหมาย 213

ในพอระนิธรโรดมทนูตเี ซยี พ.ศ. ๒๕๑๒ พระชนิ รักขิตไดเ้ ดนิ ทางมาประเทศไทย และได้มา พ�ำ นกั ทวี่ ดั บวรนเิ วศวหิ าร เพอ่ื มากราบทูลเจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ ทบทวนเรื่อง การเสด็จเยือนประเทศอินโดนีเซียคร้งั แรก ขอพระธรรมทูตไทยออกไปชว่ ยฟนื้ ฟพู ระพทุ ธศาสนาเถรวาทในอินโดนเี ซยีเจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ ได้ทรงพบปะกับผนู้ �ำ และบคุ คล อกี ครั้งหนง่ึ เจา้ พระคณุ สมเด็จฯ รว่ มกับกรมการศาสนา จึงได้ด�ำ เนินการให้ส�ำ คัญทางพระพทุ ธศาสนาของอินโดนเี ซยี ตลอดถึง คณะสงฆ์ไทยโดยความอปุ ถัมภข์ องรฐั บาลไทย จดั สง่ พระธรรมทูตไทยออกไปได้พบปะกับชาวพุทธกลุ่มต่างๆ ในอินโดนีเซีย ชว่ ยการฟนื้ ฟูพระพุทธศาสนาเถรวาทในอนิ โดนเี ซยี เปน็ ครงั้ แรก เดินทางจาก ผลจากการเสด็จครงั้ นี้ ได้ก่อใหเ้ กิดความ ประเทศไทยเมอื่ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๒ โดยมีระยะเวลาในการตน่ื ตวั ตอ่ การฟน้ื ฟพู ระพทุ ธศาสนาในอนิ โดนเี ซยี อยา่ ง ปฏิบตั ศิ าสนกิจทป่ี ระเทศอินโดนีเซียวาระ ๒ ปี เมอ่ื พระธรรมทตู ไทยเดินทางกวา้ งขวาง เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ไดพ้ บกบั พระชนิ รกั ขติ ถงึ ประเทศอินโดนเี ซยี แลว้ ได้แยกย้ายกนั ไปปฏิบัตศิ าสนกจิ อยใู่ นเมอื งต่างๆผนู้ �ำ ชาวพทุ ธและพระภกิ ษเุ ถรวาทรปู แรกในอนิ โดนเี ซยีขณะนน้ั พระชนิ รกั ขติ ได้ขอใหค้ ณะสงฆ์ไทยชว่ ยฟน้ื ฟู พระธรรมทูตไทยรุ่นแรกที่จัดส่งไปอินโดนีเซียพระพทุ ธศาสนาเถรวาทในอนิ โดนีเซยี โดยการสง่ พระธรรมทูตไทยไปช่วยสอนพระพุทธศาสนา เพราะท่ี ๑. พระครูปลัดอรรถจริยานุกิจ (วิญญ์ วิชาโน)อินโดนีเซียขณะนั้นยังขาดแคลนพระสงฆ์ที่มีความรู้ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นหัวหน้าความสามารถในการสั่งสอนประชาชน เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ในฐานะประธานกรรมการอำ�นวยการฝึก ๒. พระครูปลัดสัมพิพัฒนวิริยาจารย์อบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศจึงรับข้อเสนอมา (บุญเรือง ปุญฺ โชโต) วัดพระศรีมหาธาตุพิจารณาเพอื่ ให้ความชว่ ยเหลอื ต่อไป ๓. พระมหาประแทน เขมทสฺสี วัดยานนาวา ๔. พระมหาสุชีพ เขมาจาโร วัดระฆังโฆษิตาราม พระชนิ รกั ขติ เป็นชาวอินโดนเี ซียเชื้อสายจีน มีนามเดิมว่า เท บวน อัน (The Boen An) เปน็ ชาวโบกอร์ ชวาตะวันตก เกดิ ศรัทธาเลื่อมใสในพระพทุ ธศาสนาอย่างแรงกล้า จงึ ไดเ้ ดินทางไปบรรพชาอปุ สมบท ณ ประเทศพม่า เม่อื พ.ศ. ๒๔๙๗ ไดฉ้ ายาว่า ชนิ รักขิโต เมอ่ื บวชแล้วไดศ้ กึ ษาพระพทุ ธศาสนาอยใู่ นพม่าช่วั ระยะเวลาหนึ่ง แลว้ จึงเดินทางกลับมาอนิ โดนเี ซยี เพือ่ เผยแผพ่ ระพุทธศาสนา เป็นการฟน้ื กลบั มาของพระพทุ ธศาสนาในอนิ โดนเี ซยี หลงั จากเสอื่ มสญู ไปเปน็ เวลากวา่ ๕๐๐ ปี ชาวอินโดนเี ซียมีความเชอ่ื สบื กนั มาว่าพระพทุ ธศาสนาจะสญู ไปจากอินโดนีเซีย ๕๐๐ ปี แล้วก็จะกลบั มาเจรญิ รงุ่ เรอื งขนึ้ อีก ครง้ั หน่ึง แต่การกลบั มาของพระพุทธศาสนาในครัง้ นี้ มใิ ช่พระพทุ ธศาสนามหายานอย่างทเี่ คยรุ่งเรอื งมาในอดตี แตเ่ ปน็ พระพทุ ธศาสนาเถรวาท หลังจากกลบั มาสู่อินโดนีเซยี แล้ว พระชินรกั ขติ กไ็ ด้พยายามฟื้นฟูพระพุทธศาสนาเถรวาทอยา่ งเตม็ ก�ำ ลงั พ.ศ. ๒๕๐๒ ไดบ้ รรพชาอปุ สมบทกุลบุตรชาวอินโดนเี ซยี เปน็ พระภกิ ษุ ๑ รปู ที่เมืองตงั กรัง โดยได้อาราธนาพระพมา่ พระไทย และพระกมั พชู า มาเป็นผู้ประกอบพธิ ี พ.ศ. ๒๕๐๖ ไดบ้ วชกุลบุตรอินโดนเี ซยี ชาวบาหลีเปน็ สามเณร ๑ รปู ได้ช่ือวา่ สามเณรชนิ คริ ี ซ่งึ ตอ่ มาได้มารับการ อปุ สมบทเป็นพระภกิ ษุ ณ วดั เบญจมบพติ รดุสิตวนาราม กรงุ เทพฯ และได้ช่ือใหม่ว่า คิรริ ักขโิ ต พระชนิ รักขิตไดพ้ ยายามฟน้ื ฟพู ระพทุ ธศาสนาเถรวาทด้วยก�ำ ลงั ความสามารถของตนและศิษยานุศิษยเ์ ปน็ เวลา ๑๐ ปี ท�ำ ใหเ้ กดิ มพี ระภกิ ษสุ ามเณรขน้ึ ในอนิ โดนเี ซยี ไดเ้ พยี ง ๓ รปู ฉะนน้ั เมอ่ื พระชนิ รกั ขติ ไดม้ โี อกาสพบกบั เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ใน พ.ศ. ๒๕๑๑ จึงไดป้ รึกษาขอความอนุเคราะหจ์ ากคณะสงฆ์ไทยเพื่อช่วยเหลือการฟ้นื ฟพู ระพุทธศาสนาเถรวาทในอินโดนเี ซยี214

คณะเดนิ ทาง • เจ้าพระคณุ สมเด็จฯ ขณะดำ�รงสมณศักดิ์ เป้าหมาย > เพื่อประกอบพิธีอุปสมบทพระภิกษุเถรวาททพี่ ระสาสนโสภณ • พระธรรมโสภณ (สนธ์ิ กจิ ฺจกาโร) ครั้งแรกในแผ่นดินอินโดนีเซีย ให้แก่สามเณรชาวอินโดนีเซีย• พระขันติปาโล (ชาวองั กฤษ) วัดบวรนิเวศวหิ าร• ไวยาวจั กร ๑ คน คอื ม.ล. สุเจต นพวงศ์ ๑. สามเณรชินสูรยะภูมิ อายุ ๖๗ ปี ไดน้ ามฉายาว่า อคคฺ ชนิ มิตฺโตวันท่ีเดนิ ทาง ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ ๒. สามเณรปณั ฑติ ะ ธัมมสีหะ อายุ ๕๒ ปี ไดน้ ามฉายาวา่ อคคฺ ธมฺโม ๓. สามเณรธมั มวชิ ยะ อายุ ๓๖ ปี ได้นามฉายาว่า สิรวิ ิชโย ๔. สามเณรธมั มสุชสิ โย อายุ ๒๙ ปี ได้นามฉายาว่า ชนิ ธมฺโม ๕. สามเณรชุมาดี อายุ ๔๘ ปี ไดน้ ามฉายาว่า สจฺจมโน (สามเณร ๕ รูปได้รับการบรรพชาจากคณะพระธรรมทูตไทยไว้ก่อนแลว้ ) สถานท่ี > มหาเจดยี บ์ โุ รบรู ์ดูร์ หรอื บุโรพุทโธ วนั ท่ี ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ ผูป้ ระกอบพิธี >พระอุปัชฌาย์ = เจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ >พระกรรมวาจาจารย์ = พระธรรมโสภณ (สนธ์ิ กิจจฺ กาโร) >พระอนสุ าวนาจารย์ = พระครปู ลดั อรรถจรยิ านกุ จิ (วญิ ญ์ วชิ าโน : พระธรรมทตู ) >พระอนั ดบั = พระครปู ลดั สมั พพิ ฒั นวริ ยิ าจารย์ (บญุ เรอื ง ปญุ ฺ โชโต : พระธรรมทตู ) พระขนั ตปิ าโล และพระสุภาโต (ชาวอินโดนเี ซีย)พิธอี ุปสมบทกลุ บตุ รชาวอินโดนเี ซยี ๕ รูปครั้งน้ี ก่อใหเ้ กดิ ความปีติยนิ ดแี กช่ าวพทุ ธในอินโดนีเซยี อย่างยงิ่ เพราะเป็นการท�ำ ให้ความเช่อื ท่ฝี งั ลกึ วา่ พระพทุ ธศาสนาที่ไดห้ ายไปจากอินโดนีเซยี ๕๐๐ ปี แลว้ จะตอ้ งกลบั มารงุ่ เรอื งข้ึนอีกครัง้ นน้ั ปรากฏเปน็ ความจริงชดั เจนยิง่ ข้ึน และยงั มีความหมายที่ส�ำ คญั ดังน้ี๑. เป็นการประกาศความสำ�เร็จในการปฏิบัติศาสนกิจของคณะพระธรรมทูตไทยในอินโดนีเซีย๒. เป็นการประกาศการกลับมาของพระพุทธศาสนาสู่อินโดนีเซีย หลังจากที่เส่ือมสูญไปจากแผ่นดินนี้เป็นเวลากว่า ๕๐๐ ปี๓. เป็นการประดิษฐานพระพุทธศาสนาเถรวาทขึ้นในแผ่นดินอินโดนีเซียเป็นครั้งแรก ( ในอดีต พระพุทธศาสนาที่เจริญรุ่งเรืองในอินโดนีเซียคือพระพุทธศาสนามหายาน)๔. เป็นการประดิษฐานคณะสงฆ์เถรวาทขึ้นในอินโดนีเซียเป็นครั้งแรก (เพราะมีจำ�นวนภิกษุที่เป็นชาวอินโดนีเซียครบองค์สงฆ์คือ ๔ รูปขึ้นไป เป็นครั้งแรก)๕. เป็นการประดิษฐานคณะธรรมยุตขึ้นในอินโดนีเซียเป็นครั้งแรก (เพราะคณะสงฆ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นพระสงฆ์ธรรมยุต) พระธรรมทูตไทยได้ปฏิบตั ศิ าสนกิจในประเทศอินโดนีเซียต่อเนอื่ งมาตัง้ แต่ พ.ศ. ๒๕๑๒ จนถึงปัจจบุ นั โดยคณะสงฆ์ไทยได้ 215จดั สง่ พระธรรมทตู ออกไปผลดั เปลย่ี นกนั ตามวาระโดยพระธรรมทตู บางรปู กอ็ ยปู่ ฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ตอ่ เนอื่ งกนั หลายวาระบางรปู กอ็ ยู่ปฏบิ ตั ิศาสนกจิ วาระเดียว พระธรรมทตู ไทยทป่ี ฏบิ ตั ศิ าสนกจิ อย่ใู นอนิ โดนเี ซยี ยาวนานท่ีสุดคือ ตง้ั แตเ่ ริ่มตน้ พ.ศ. ๒๕๑๒ จนถงึวาระสุดท้ายของชีวิตคือ พ.ศ. ๒๕๔๙ คอื พระครปู ลัดอรรถจริยานุกจิ (วิญญ์ วชิ าโน) หวั หน้าพระธรรมทตู ไทยในอินโดนเี ซยี ซ่ึงสดุ ทา้ ยได้เป็นที่ พระราชวราจารย์ ถงึ มรณภาพเมือ่ วันท่ี ๖ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ณ ประเทศสิงคโปร์

> เนื่องจากมีชาวอนิ โดนเี ซียที่ประสงคจ์ ะบรรพชาอุปสมบท ผลของการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีเพมิ่ จำ�นวนมากข้ึนทุกปี ใน พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะพระธรรมทตูไทยในอนิ โดนีเซียจงึ ไดอ้ าราธนาเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ขณะ ของพระธรรมทตู ไทยในอนิ โดนีเซยี ภายใต้ดำ�รงสมณศกั ด์ทิ ีส่ มเด็จพระญาณสงั วร ไปใหก้ ารบรรพชา การก�ำ กบั ดูแลของเจ้าพระคณุ สมเด็จฯแกก่ ุลบตุ รชาวอินโดนีเซยี ครัง้ ใหญ่อกี ครง้ั> เจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ พร้อมด้วยคณะสงฆจ์ ากประเทศไทย อย่างใกลช้ ดิ ไดก้ ่อใหเ้ กิดความเจรญิ กา้ วหน้ารวม ๖ รูป จงึ ออกเดินทางไปยังอินโดนีเซยี เพือ่ ประทาน แก่พระพทุ ธศาสนาเถรวาทในอนิ โดนเี ซียบรรพชาแก่กลุ บตุ รชาวอนิ โดนีเซียจ�ำ นวน ๔๓ คน ระหวา่ ง มาโดยล�ำ ดบั กาล สรุปได้ดังน้ีวนั ที่ ๗-๑๙ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ รวม ๑๓ วัน> พิธีบรรพชาจดั ขึ้น ณ วหิ ารมหาธรรมโลก เมอื งสมารังในวันท่ี ๑๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ เจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯเปน็ พระอปุ ชั ฌาย์ เปน็ การบรรพชาหมคู่ รง้ั แรกในอนิ โดนเี ซยีซึ่งแสดงให้เหน็ ถึงความศรทั ธาเลอ่ื มใสในพระพทุ ธศาสนาได้แพร่หลายไปในหม่ชู าวอนิ โดนีเซยี อยา่ งรวดเร็ว เป็นผลจากการปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ของพระธรรมทตู ไทย วดั และพระภกิ ษุสามเณรฝ่ายเถรวาทในอนิ โดนเี ซยี ได้เพิ่มจ�ำ นวนข้นึกิจกรรมฟนื้ ฟูพระพทุ ธศาสนาเถรวาทในรปู แบบต่างๆ ก็ได้เกิดข้นึ อย่างเป็นรปู ธรรม และแพร่หลายออกไปอย่างกว้างขวาง จนเป็นเหตุให้มชี าวอนิ โดนเี ซียบางกลมุ่เฝา้ มองด้วยความกงั ขาก�ำ หนดพธิ บี รรพชาหมคู่ รง้ั ใหญ่จ�ำ นวน ๖๐ คนอีกครงั้ หน่งึ แตต่ อ้ งยกเลิกกระทันหนั ! ใน พ.ศ. ๒๕๒๑ ชาวอนิ โดนเี ซยี บางกลมุ่ ไดร้ อ้ งเรยี นตอ่ รฐั บาลอนิ โดนเี ซยี เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯทรงอาราธนาพระเถรานเุ ถระ ว่าพระพุทธศาสนานนั้ ขัดตอ่ หลักปรชั ญาการปกครองของอนิ โดนีเซยี ทเี่ รียก และผู้เกี่ยวข้องบางท่านมาร่วมพิจารณาและทำ�การ ว่า หลักปัญจสีละ คือ ศึกษาวิจยั เพ่ือจดั ท�ำ คำ�ชีแ้ จงแก่รัฐบาลอินโดนีเซยี ๑. ความเชอ่ื ในพระเจา้ สงู สดุ เพยี งองคเ์ ดยี ว ๒. ความเปน็ มนษุ ยชาตผิ มู้ คี วาม ผลจากการศึกษาวิจัยเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง จึง ยตุ ิธรรมและอารยธรรม ๓. ชาตินยิ มแห่งความเป็นอนิ โดนีเซีย ๔. หลกั แห่ง โปรดให้คณะทำ�งานทำ�เอกสารข้ึนชุดหนึ่งเพื่อชี้แจง ประชาธิปไตยที่อำ�นาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ๕. ความยุติธรรมในสังคม เรื่องพระพุทธศาสนาเถรวาทและปรัชญาปัญจสีละ ส�ำ หรบั ชาวอินโดนเี ซียทัง้ ปวง ของอินโดนีเซีย ชื่อว่า Concerning Theravada พระพุทธศาสนามีหลักคำ�สอนที่ไม่เช่ือในเรื่องมีพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดเพียง Buddhism and The Indonesian State Philosophy องคเ์ ดียวซึง่ เรยี กว่าตฮู นั (Tuhan) ตามหลกั ปรัชญาปญั จสีละขอ้ แรก ท�ำ ให้ of Panca-Sila ซงึ่ มเี น้ือหาประกอบดว้ ย รัฐบาลอินโดนีเซียมีหนังสือถึงองค์กรพระพุทธศาสนาในอินโดนีเซียเพื่อให้ • การตคี วาม ความหมายของสิ่งทเี่ รียกว่า ทำ�การชแ้ี จงเร่อื งดงั กลา่ ว การร้องเรยี นครงั้ น้ี มผี ลกระทบตอ่ การปฏิบัติ Tuhan ในปรัชญาการปกครองของอินโดนีเซีย หน้าที่ของพระธรรมทตู โดยตรง และตอ่ การฟืน้ ฟูพระพุทธศาสนาเถรวาทใน • บทวิเคราะหเ์ รอื่ งพระพทุ ธศาสนาเถรวาท อนิ โดนเี ซียอยา่ งรนุ แรงดว้ ยเพราะถ้าคณะสงฆ์ไทยไมส่ ามารถแก้ไขปญั หานี้ และปรชั ญาปัญจสีละของอินโดนเี ซยี ใหผ้ า่ นพน้ ไปได้ การฟน้ื ฟพู ระพทุ ธศาสนาเถรวาทในอนิ โดนเี ซยี กค็ งตอ้ งหยดุ • บทวิเคราะห์เรอ่ื ง Atheism, Theism and ชะงกั เลกิ ลม้ ไป พระธรรมทูตจึงเรียนเร่ืองนี้ต่อเจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ ในฐานะ Non-Theism กับพระพทุ ธศาสนา ประธานกรรมการอำ�นวยการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศและ • ผลของการศึกษาวจิ ยั สรปุ ไดว้ ่าพระธรรม ผู้กำ�กับดูแลพระธรรมทูตไทยในอินโดนีเซีย เพื่อพิจารณาแก้ไขต่อไป คอื Tuhan ในพระพุทธศาสนาเถรวาท216

พ.ศ. ๒๕๑๘ พ.ศ. ๒๕๑๙ หวั หน้าพระธรรมทตู ไทย • พระภิกษสุ ามเณรอนิ โดนีเซยี มีจ�ำ นวนมากขนึ้ จึงมีพ.ศ. ๒๕๑๒ ประจ�ำ อนิ โดนเี ซยี คอื พระ การจดั ตง้ั “คณะสงั ฆเถรวาทแหง่ อนิ โดนเี ซยี ” ขน้ึ เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๒๘พระธรรมทตู วธิ รู ธรรมาภรณ์ (วญิ ญ์ วชิ าโน) วนั ท่ี ๒๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๙ โดยมีพระปญฺญาวโร ประกอบพิธีผกู พัทธสมี าไทยชุดแรกมา ได้รับแต่งตง้ั เป็นพระอุปชั ฌาย์ถงึ อนิ โดนีเซยี ท�ำ ใหก้ ารฟ้นื ฟูพระพุทธศาสนา เป็นสงั ฆนายกเปน็ รปู แรก อุโบสถวัดจาการ์ตา ธรรมจักรชยั เปน็ ครัง้ แรก ในอินโดนีเซีย ณ กรุง เถรวาทมีความสะดวกคล่องตัว • จดั ตง้ั ศนู ยก์ ลางการปฏบิ ตั งิ านของพระธรรมทตู ไทย จาการต์ า โดยเจา้ พระคณุ ย่ิงข้ึน ขน้ึ ทเ่ี จตยิ ะพทุ ธเมตตา (วดั พทุ ธเมตตา) สมเดจ็ ฯ เปน็ ประธานในพธิ ี พ.ศ. ๒๕๑๓ พ.ศ. ๒๕๒๐ กรงุ จาการต์ า โดยการบรจิ าคทด่ี นิ พรอ้ มเกิดคณะสงฆ์ ๕ รปู มี ๓ เหตุการณ์สำ�คัญท่ีเกิดข้นึ เปน็ ครั้ง อาคารของอบุ าสกิ า ฮะตาตี มรู ดายะ แรกในอนิ โดนีเซีย คือ ๑) การบรรพชา ข้ึนในอนิ โดนีเซีย สามเณรหมู่จำ�นวน ๔๓ รูป ณ วิหาร เป็นคร้งั แรก มหาธรรมโลก เมอื งสมารงั ชวาภาคกลาง พ.ศ. ๒๕๔๐ เจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสุเขโม ชาวอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๑๔ ๒) ในโอกาสนี้ ได้ประทานการบวช พ.ศ. ๒๕๒๗ ไดร้ บั แตง่ ตง้ั จากคณะสงฆ์ไทยเกิดวัดพระพุทธศาสนา รัฐบาลอินโดนเี ซยี ประกาศ เป็นพระอุปัชฌายร์ ปู แรกของ อบุ าสกิ า (แมช่ )ี แกส่ ตรี ๓ คน ใหว้ ันวสิ าขบชู าเปน็ วนั หยดุ คณะสงั ฆเถรวาทอนิ โดนเี ซยี เถรวาทข้นึ วัดแรก ๓) มกี ารประชุมสงฆ์สวดพระปาตโิ มกข์ ราชการ ซึ่งเทา่ กับเปน็ การ พ.ศ. ๒๕๔๑ คอื วดั ธรรมทปี าราม รบั รองพระพทุ ธศาสนาว่า ณ มหาเจดียบ์ ุโรบดู รู ์ (บุโรพทุ โธ) เปน็ ศาสนาของอินโดนีเซีย ทบ่ี าตู มาลัง พ.ศ. ๒๕๒๑ พระปญญฺ าวโร สงั ฆนายกแห่งคณะสังฆเถรวาท คณะสังฆเถรวาทอนิ โดนเี ซียร่วมกับ แห่งอินโดนเี ซีย ได้รบั พระราชทานสมณศักด์ิเป็น พระธรรมทูตไทย ได้เปิดโรงเรียน พระราชาคณะชน้ั สามัญที่ พระปญั ญาวราภรณ์ พระปรยิ ตั ธิ รรมแหง่ แรกในอนิ โดนเี ซยี ณ วัดมัชฌมิ พทุ ธศาสนวงศ์ เมนดดุ เปน็ พระราชาคณะรปู แรกของคณะสงฆ์อินโดนีเซยี เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ได้โปรดใหพ้ ระธรรมทตู ไทย เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ทรงวางรากฐานให้แก่พระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์นำ�เสนอเอกสารคำ�ชี้แจงเรื่องนี้ต่อรัฐบาลอินโดนีเซีย เถรวาทในอนิ โดนเี ซยี มาตง้ั แตแ่ รกเรม่ิ โดยการจดั สง่ พระธรรมทตู ไทยมาชว่ ยเม่ือรัฐบาลพิจารณาแล้วจึงได้ยอมรับว่าพระพุทธศาสนา ฟืน้ ฟูพระพทุ ธศาสนาเถรวาทในอนิ โดนีเซียท้ังทรงก�ำ กบั ดแู ลการปฏบิ ัตงิ านเถรวาทไมข่ ดั ตอ่ ปรชั ญาการปกครองขอ้ วา่ ดว้ ย Tuhan ของพระธรรมทูตอยา่ งใกล้ชิด ทรงชว่ ยแก้ไขอุปสรรคปัญหาการปฏบิ ตั งิ านของอนิ โดนเี ซยี สามารถเผยแผใ่ นประเทศอนิ โดนเี ซยี ของพระธรรมทตู อยา่ งละเมียดละไมเรยี บร้อย จนพระพทุ ธศาสนาได้รบั การได้ อุปสรรคครั้งสำ�คัญนี้จึงผ่านพ้นไปด้วยดี ทำ�ให้ ยอมรับจากรัฐบาลอนิ โดนีเซียว่าเปน็ ศาสนาหนง่ึ ของอินโดนีเซียการปฏิบัติงานของพระธรรมทูตดำ�เนินต่อไปด้วยความราบรื่นตลอดมาจนถึงปัจจุบัน เท่ากับรัฐบาล จ�ำ นวนสงฆ์และพทุ ธสถานที่เกิดข้ึนในอินโดนเี ซียอินโดนีเซียยอมรับว่าพระพุทธศาสนาเถรวาทเป็นศาสนาของชาวอนิ โดนีเซียศาสนาหน่งึ ๒๘๗พระภกิ ษุทุกนกิ าย ว๓ดั ,ท๔ว่ั ป๑ระ๘เทศวดั พ.ศ. ๒๕๒๗ รฐั บาลอนิ โดนเี ซยี ได้ประกาศใหว้ นั รูปวิสาขบูชาเป็นวันหยุดราชการซึ่งเท่ากับเป็นการรับรอง โรงเรยี น ครูผูส้ อน พทุ ธสมาคมพระพทุ ธศาสนาอยา่ งเปน็ ทางการ ขณะเดยี วกนั ชาวพทุ ธ พุทธศาสนา พทุ ธศาสนาในอินโดนีเซียก็ถือว่า พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นปีที่ครบ ๑๒๘ ๒,๕๗๑วันอาทติ ย์ วันอาทิตย์ ๒๐ทกรจี่ มดกทาะรเบศียาสนนในา๕๐๐ ปี ท่พี ระพุทธศาสนาเส่อื มสูญไปจากอินโดนเี ซยี แห่ง คน แหง่และได้กลับคนื สู่อินโดนเี ซยี อีกคร้ังหนง่ึ อย่างสมบรู ณ์ ข้าราชการครู ในโรงเรยี น ๗๗๐ ๒๖๙(ที่บรรจุแลว้ ) (ท่ีรอบรรจุ) คน คน 217

ในพทระวธรีปรมอทูตอสเตรเลีย พ.ศ. ๒๕๑๕พ.ศ. ๒๕๑๑ เจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ ในฐานะนายกกรรมการ มลู นธิ ิมหามกฏุ ราชวิทยาลยั ฯ จึงไดด้ �ำ เนินการจัด เมอ่ื ครง้ั เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ เสดจ็ เยอื นประเทศออสเตรเลยี ครง้ั แรก ส่งพระภกิ ษุ ๒ รูป และไวยาวจั กร ๑ คน ออกมาเริ่มมชี าวพุทธบ้างแลว้ คอื ชาวพุทธเชื้อสายจีน และเปน็ พระพุทธศาสนา ประจ�ำ อยู่ ณ นครซิดนยี ์ โดยเช่าที่พักอยูไ่ ปพลางแบบมหายาน แต่ก็ยังมีจำ�นวนน้อย ทรงมีโอกาสเสด็จเยือนสหพนั ธ์ กอ่ น เพอ่ื ประสานกบั คณะกรรมการทม่ี ลู นธิ มิ หามกฏุพทุ ธสมาคมซง่ึ ตง้ั อยใู่ นนครซดิ นยี ์ ไดท้ รงทราบวา่ มผี สู้ นใจพระพทุ ธศาสนา ราชวิทยาลัยฯ จัดตั้งขึ้นเพื่อมาดำ�เนินการจัดซื้ออยไู่ มน่ อ้ ยกวา่ ๓๐๐ คนทม่ี คี วามตอ้ งการขอความอปุ ถมั ภจ์ ากประเทศไทย ท่ีดินเพื่อตั้งวัดตอ่ ไป พระภกิ ษุ ๒ รปู แรกท่จี ดั ส่งใหจ้ ดั ตง้ั ส�ำ นกั สงฆข์ น้ึ ในนครซดิ นยี ์ และใหม้ พี ระสงฆ์ไทยอยปู่ ระจ�ำ เพอ่ื ออกมาอยู่ประจำ� ณ นครซิดนยี ์ คือ พระปริยตั ิกวีสง่ั สอนพระพทุ ธศาสนา เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ จึงทรงแนะนำ�ใหท้ �ำ หนงั สอื (อัมพร อมฺพโร) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามขอไปยงั มลู นิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถมั ภ์ เพ่อื การ ซ่ึงเป็นพระธรรมทูตท่ีสำ�เร็จการฝึกอบรมจากสำ�นักจัดตัง้ ส�ำ นักสงฆ์ในนครซิดนยี ์ และจดั ส่งพระสงฆจ์ ากประเทศไทยมาเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาฝ่ายเถรวาท ฝกึ อบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ รนุ่ แรก และพระขนั ตปิ าโล (ชาวองั กฤษ) วดั บวรนเิ วศวิหาร ในระยะแรก พระธรรมทตู ทง้ั ๒ รปู ได้พกั อยทู่ ่ี วันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ ตรงกบั วนั วิสาขบชู า สมเดจ็ บ้านเช่าชว่ั คราว บ้านเลขท่ี ๙ ริบบอนเวย์ โรสเบอรี่ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกมุ าร ซง่ึ กำ�ลังทรงศกึ ษาอยทู่ ่ี และได้เร่ิมปฏิบัติศาสนกิจสอนพระพุทธศาสนาแก่ ประเทศออสเตรเลียขณะนัน้ เสด็จพระราชด�ำ เนินทรงเปิดวัดพุทธรังษี ประชาชน ปรากฏวา่ มผี สู้ นใจการศกึ ษาพระพทุ ธศาสนา เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ พรอ้ มคณะสงฆ์ไทยรวม ๙ รปู และผตู้ ดิ ตามฝา่ ย มากขนึ้ มผี มู้ าฟังธรรมและสนทนาธรรมตลอดเวลา คฤหสั ถ์ ๑๖ คน เดนิ ทางไปทรงเปน็ ประธานสงฆ์ในพธิ ี พรอ้ มกบั ถวาย นักเรียนไทยก็มารับการสอนและให้ความอุปถัมภ์ พระธรรมเทศนา คณะเดนิ ทางไดเ้ ขา้ พำ�นกั อยใู่ นออสเตรเลียระหวา่ ง พร้อมทั้งช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามฐานะ วนั ท่ี ๒๒ พฤษภาคม ถงึ ๒ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๑๘ รวม ๑๒ วนั ใน เพ่ิมมากข้ึน คณะกรรมการจัดซอ้ื ทดี่ นิ และบ้านเพอ่ื ระหวา่ งทท่ี รงพ�ำ นกั อยใู่ นออสเตรเลยี เจา้ พระคุณสมเด็จฯ ไดเ้ สด็จไป ต้ังวัดพิจารณาเห็นความเป็นไปในการท่ีจะเผยแผ่ เย่ียมพุทธสมาคมแห่งนิวเซาท์เวลส์ พทุ ธสมาคมจนี แหง่ ออสเตรเลยี พระพุทธศาสนาในประเทศนี้ จึงไดต้ กลงจดั ซื้อที่ดิน และได้เดินทางต่อไปยงั ประเทศนวิ ซแี ลนด์ เพอื่ ดกู ารพระศาสนา ณ และบา้ นท่ีเหมาะสมทีถ่ นนสแตนมอร์ เลขท่ี ๘๘-๙๐ ประเทศนน้ั เปน็ เวลา ๓ วนั ในนามของมูลนิธิมหามกฏุ ราชวิทยาลยั ฯ จดั ตง้ั เปน็ วัดในพระพทุ ธศาสนาขนึ้ เมอื่ พ.ศ. ๒๕๑๘ ตอ่ มาเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ดำ�เนินการขอ พระราชทานนามวัด พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวา่ วดั พทุ ธรังษี218

พ.ศ. ๒๕๒๐ ในระหว่างที่ทรงพำ�นัก ณ เมืองเพิร์ธ ในระหว่างทรงพำ�นกั อยู่ ณ นครซิดนีย์ เป็นเวลา ๕ วัน เปน็ เวลา ๑๓ วัน เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ไดเ้ สดจ็ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงพบปะกับ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ได้ทรงพบปะชาวพทุ ธเยือนออสเตรเลยี อกี เปน็ ครงั้ ที่ ๓ ชาวพุทธทั้งชาวออสเตรเลียและชาวเอเชีย ทัง้ ชาวออสเตรเลียและชาวเอเซียท่ีอยู่หลงั จากเสรจ็ การปฏบิ ตั พิ ระศาสนกจิ รวมทั้งชาวไทยที่อาศัยอยู่ในเมืองเพิร์ธ อาศัยในออสเตรเลยี เป็นจ�ำ นวนมากและการประทานบรรพชาแก่กุลบุตรชาว ทรงแสดงธรรมแก่ชาวพุทธในเมืองเพิร์ธ ได้ทรงนำ�พระสงฆท์ ำ�วตั รสวดมนตแ์ ละอินโดนเี ซีย ๔๓ คน ณ เมอื งสมารงั ทุกวัน เท่ากับได้ทรงปฏิบัติหน้าที่ แสดงธรรมแก่ชาวพทุ ธและผูส้ นใจที่มาร่วมแลว้ จึงเสดจ็ จากกรุงจาการต์ าไป พระธรรมทูตไทยโดยตรง ประชุมทำ�วตั รสวดมนต์และฟงั ธรรมทุกวันยังประเทศออสเตรเลีย โดยเรมิ่ ตน้ เปน็ การปฏบิ ัตหิ นา้ ทีพ่ ระธรรมทูตใหเ้ ห็นทีเ่ มอื งเพริ ธ์ นครซดิ นีย์ แล้วเสดจ็ เปน็ ตัวอย่างอันดยี ิ่งยงั กรงุ เวลลงิ ตัน ประเทศนวิ ซแี ลนด์แล้วเสด็จกลบั มายังนครซดิ นยี ์ จาก ในการเยอื นประเทศนวิ ซแี ลนด์น้นั เสด็จประเทศสงิ คโปร์ กอ่ นเสดจ็ ระหว่างวนั ที่ ๓-๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๑ เป็นเวลา ๔ วนักลับประเทศไทย เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ทรงปฏิบัติหน้าที่พระธรรมทูตอย่างครบถ้วนคือทรงนำ�พระสงฆ์ และชาวพุทธทำ�วัตรสวดมนต์แล้วทรงแสดงธรรมแนะนำ�ให้รู้จักพระพุทธศาสนาและทรง นำ�ฝึกปฏิบัติสมาธิกรรมฐานเป็นประจำ�ทุกวัน ประเทศนวิ ซแี ลนด์ ในขณะนน้ั ยงั ไมม่ สี มาคม จากรากฐานทเ่ี จ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ทรงริเรม่ิ วางไว้ต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๑๑หรอื องคก์ รทางพระพทุ ธศาสนาทม่ี น่ั คงถาวร เปน็ ตน้ มา งานพระธรรมทตู ไทยในประเทศออสเตรเลยี และนิวซีแลนด์ก็ได้เพราะยงั มชี าวพทุ ธนอ้ ย แตก่ ม็ ผี สู้ นใจศกึ ษา เจริญกา้ วหนา้ ไปอย่างรวดเร็ว พระพุทธศาสนาไดแ้ พรห่ ลายไปสู่เมืองตา่ งๆพระพทุ ธศาสนาอยพู่ อสมควร แตจ่ ากการท่ี ของทง้ั สองประเทศเกือบจะทุกเมอื งเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ไดเ้ สดจ็ เยอื นนวิ ซแี ลนด์๒ ครง้ั พรอ้ มทง้ั ไดท้ รงประทานพระด�ำ รแิ นะน�ำ จ�ำ นวนพทุ ธสถานท่ีเกดิ ขนึ้ ในออสเตรเลยี และนวิ ซีแลนด์เกย่ี วกบั การสง่ั สอนพระพทุ ธศาสนา จงึ ท�ำ ให้ • ประเทศออสเตรเลียกลมุ่ ชาวพทุ ธในนวิ ซแี ลนดม์ องเหน็ ลทู่ างและมีกำ�ลังใจที่จะจัดตั้งวัด และจัดการเผยแผ่ วดั พระพทุ ธศาสนา ๑ส�ำ นักสงฆ์พระพุทธศาสนาในนิวซีแลนด์กันเพิ่มขึ้น แหง่คนไทยท่ตี ้งั ถ่นิ ฐานอย่ทู ่นี ่นั ก็พร้อมจะให้การ ๑๑เถรวาทสนบั สนนุ อยา่ งเตม็ ท่ี ฉะนน้ั ใน พ.ศ. ๒๕๓๖ จงึ วดัได้มีการสร้างวัดไทยแห่งแรกข้นึ ในนิวซีแลนด์คือ วัดญาณประทีป ณ เมืองโอคแลนด์ • ประเทศนวิ ซแี ลนด์พระสงฆ์ท่ีมาประจำ�อยู่วัดนี้เป็นชุดแรกและต่อเน่ืองมาจนถึงปัจจุบันก็คือพระสงฆ์จาก วดั พระพุทธศาสนา *ในปัจจุบนั ทงั้ สองประเทศมีวดั บวรนเิ วศวหิ าร พทุ ธสมาคมและองค์กรทาง ๓เถรวาท พระพุทธศาสนาเกิดขน้ึ มากมาย วัด ในทกุ ภมู ิภาคของประเทศ 219

ในพฟระธลิ รริปมปทตู ินส์ ในพเรนะธปรรามทลูต เจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ ไดเ้ สดจ็ เยอื นประเทศฟิลปิ ปนิ ส์คร้ังแรกใน พ.ศ. ๒๕๑๓ ขณะทรงด�ำ รงสมณศกั ดท์ิ ่ี พระสาสนโสภณ คราวเดียวกบั ทเ่ี สดจ็ เยือนอนิ โดนีเซียและออสเตรเลีย เม่ือ พ.ศ. เจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ เสด็จเยอื นเนปาลครงั้ แรก และไดพ้ บปะ ๒๕๑๑ ในคร้ังนั้นเจา้ พระคุณสมเด็จฯ ได้พำ�นักอยใู่ นฟิลปิ ปนิ ส์ กบั พระอมฤตานันทะ ประธานธรรโมทยสภาของคณะสงฆ์ เป็นเวลาสน้ั ๆ แตจ่ ากการเสดจ็ ครง้ั นน้ั ท�ำ ใหเ้ กดิ ความตน่ื ตวั ทาง พระพทุ ธศาสนาพอสมควร แมว้ า่ ในฟิลิปปินสจ์ ะยงั มชี าวพุทธ เนปาล ทำ�ให้ทรงทราบถึงสภาพการณ์พระพุทธศาสนา จ�ำ นวนนอ้ ย ก่อนทีเ่ จ้าพระคณุ สมเด็จฯ จะเสดจ็ เยอื น ก็ไดม้ ี และคณะสงฆ์เถรวาทในเนปาล ซึ่งได้เร่มิ ฟ้ืนฟูขน้ึ เมื่อ กลุ บตุ รชาวฟลิ ปิ ปนิ สเ์ กดิ ศรทั ธาเลอ่ื มใสในพระพทุ ธศาสนาถงึ กบั พ.ศ. ๒๔๗๒ หลังจากพระพุทธศาสนาได้เสอ่ื มสญู ไปจาก เดนิ ทางเขา้ มาบรรพชาอปุ สมบทเปน็ พระภกิ ษทุ ว่ี ดั บวรนเิ วศวหิ าร เนปาลเป็นเวลานบั ร้อยปี พระอมฤตานันทะไดป้ รกึ ษาหารือ ๒ รปู เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๐๙ แตพ่ ระภกิ ษชุ าวฟลิ ปิ ปนิ สท์ ง้ั ๒ รปู อยู่ และแสดงความประสงค์ให้คณะสงฆ์ไทยชว่ ยสนับสนนุ เร่ือง ศึกษาพระพทุ ธศาสนาในประเทศไทยไม่นานนักก็ลาสกิ ขา การ การฟืน้ ฟพู ระพทุ ธศาสนาเถรวาทในเนปาล ช่วยสนบั สนุน เผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาในประเทศฟลิ ปิ ปนิ สท์ เ่ี จา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทนุ การศกึ ษาสำ�หรบั พระภิกษสุ ามเณรเนปาลใหม้ าศกึ ษา ไดท้ รงริเรมิ่ ไว้จงึ ขาดตอนไป เพราะขาดผ้ปู ระสานงานตอ่ เนื่อง พระพทุ ธศาสนาในประเทศไทย และชว่ ยจดั สง่ พระธรรมทตู ในปจั จบุ นั แมช้ าวพทุ ธในฟลิ ปิ ปนิ สจ์ ะมจี �ำ นวนนอ้ ย กย็ งั พยายาม ทจ่ี ะสง่ เสรมิ การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาในประเทศนน้ั โดยสถาน ไทยออกไปสง่ั สอนพระพุทธศาสนาในเนปาล เอกอคั รราชทตู ไทยเปน็ ผู้ใหก้ ารสนบั สนนุ ดงั เชน่ ใน พ.ศ. ๒๕๕๑ สถานเอกอคั รราชทตู ไทยประจำ�กรุงมนลิ า ไดร้ ่วมกบั ชาวพุทธใน จำ�นวนสงฆ์ พทุ ธสถาน และชาวพทุ ธในเนปาล ฟิลปิ ปินส์ จัดงานวันวสิ าขบชู าขน้ึ ณ สถานเอกอคั รราชทตู ไทย โดยอาราธนาพระสงฆจ์ ากวดั บวรนเิ วศวหิ ารมาเปน็ ผปู้ ระกอบพธิ ี วัดพระพทุ ธศาสนา ๑๘๙พระภกิ ษสุ ามเณร แสดงธรรม เมอ่ื ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ปรากฏวา่ มีผูม้ า รปู รว่ มงานกนั พอสมควรทง้ั ทเี่ ปน็ ชาวพุทธและมิใชช่ าวพุทธ ๑๒๒เถรวาท วัด ๓๐๐ศกึ ษาอยู่ในต่างประเทศ 220 รูป* *สว่ นใหญ่อยู่ในประเทศไทย มหาวิทยาลัย ๑๔๗แม่ชี คน ๑พระพุทธศาสนา แหง่ * ๗ศึกษาอยู่ในต่างประเทศ คน *มหาวิทยาลยั พุทธศาสนาลุมพินี พ.ศ. ๒๕๑๔ จากการหารอื กนั ครง้ั นน้ั เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ จงึ ทรงเรม่ิ ตน้ การชว่ ยฟน้ื ฟพู ระพทุ ธศาสนาเถรวาทในเนปาล โดยด�ำ เนนิ การจดั หาทนุ ใหส้ ามเณรเนปาล ๒ รปู ไดเ้ ขา้ มาศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาในประเทศไทย และ พ�ำ นกั อยู่ ณ วดั บวรนเิ วศวหิ าร แตน่ น้ั มาพระภกิ ษสุ ามเณร ชาวเนปาลกไ็ ดเ้ ดนิ ทางเขา้ มาอยศู่ กึ ษาพระพทุ ธศาสนา ในประเทศไทยโดยกระจายอยตู่ ามวดั ตา่ ง ๆ ทง้ั ในกรงุ เทพฯ และตา่ งจงั หวดั อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง

พ.ศ. ๒๕๒๓ เสดจ็ ไปร่วมประชมุ คตี าสากล คร้ังที่ ๕ ณ เมืองโจธปรู ์ ประเทศอนิ เดยี ในฐานะแขกพเิ ศษ เม่อื เสรจ็ พระภารกจิณ เมอื งโจธปูรแ์ ลว้ ได้เสด็จเยอื นเนปาลเปน็ คร้ังท่ี ๒ เปน็ ระยะเวลาสนั้ ๆ เพือ่ ทรงนมัสการสังเวชนียสถานลมุ พินี พ.ศ. ๒๕๒๘ เจา้ พระคณุ สมเด็จฯ ขณะดำ�รง การปฏบิ ัติหน้าทพ่ี ระธรรมทูตครง้ั สำ�คญั ในประเทศเนปาล ๑. ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ประทานบรรพชาแก่กุลบตุ รศากยะ ๗๓ คน สมณศกั ด์ทิ ่ี สมเดจ็ พระญาณสงั วร เสด็จเยอื น นับเป็นการบรรพชาหมู่คร้ังแรกในเนปาล เพราะการบวชกลุ บุตรจำ�นวนเนปาลเป็นครั้งที่ ๓ เพ่อื ประทานบรรพชาแกก่ ลุ บุตร มากเช่นนี้ ไม่เคยมี ในเนปาลมาเป็นเวลานานนับร้อยปีแล้ว ๒. ได้ประทานพระโอวาทอบรมสั่งสอนสามเณรใหม่ทุกวัน เป็นการ ศากยะจำ�นวน ๗๓ คน ณ วัดศรกี ีรตวิ หิ าร แสดงแบบอยา่ งการอบรมส่งั สอนแกผ่ ู้เขา้ มาใหมว่ า่ ควรจะอบรมสั่งสอน เมอื งกรี ติปรู ์ กรงุ กาฐมาณฑุ พระศาสนกิจคร้ังนไ้ี ด้ เรื่องอะไร อย่างไร เพื่อที่ผู้เข้ามาใหม่จะได้รู้จักพระพุทธศาสนาอย่างทรงปฏบิ ัติหน้าทพ่ี ระธรรมทตู คร้ังสำ�คัญและเปน็ แบบ ถกู ตอ้ ง และปฏบิ ัตพิ ระธรรมวนิ ยั อยา่ งเหมาะสม อยา่ งสำ�หรบั คณะสงฆเ์ นปาลท่จี ะสบื สานตอ่ ไป ดงั น้ี ๓. ทรงนำ�สามเณรใหมอ่ อกบณิ ฑบาต เป็นการปฏบิ ัตกิ ิจของพระภกิ ษุ สามเณรตามพระพุทธบญั ญัตใิ ห้ครบถ้วน เปน็ การรอื้ ฟื้นพุทธประเพณี ทีเ่ คยมีมาแตห่ า่ งหายไปจากสายตาของชาวเนปาลเปน็ เวลานับร้อยปี ให้กลับเฟื่องฟูขึ้นอีกครั้งหนึ่งพ.ศ. ๒๕๓๘ เสดจ็ เยือนเนปาลเป็นคร้งั ที่ ๔ แนวทางเพือ่ การฟนื้ ฟพู ระพทุ ธศาสนาเถรวาทในเนปาลเพื่อเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์วัดไทยลุมพินี ๑) ต้องใหก้ ารศกึ ษาอบรมพระภิกษสุ ามเณร ๒) การพ่งึ พาอาศยั ผู้อน่ื เพ่อื การฟ้ืนฟูพระพทุ ธณ ลมุ พนิ ี สถานทป่ี ระสตู ขิ องพระพทุ ธเจา้ ในครง้ั น้ี ตลอดถงึ อบุ าสกอบุ าสกิ าใหม้ คี วามรคู้ วามเขา้ ใจ ศาสนา ควรพง่ึ พาคนใกลต้ วั คอื อบุ าสกอบุ าสกิ าทรงพบปะกบั พระเถรานเุ ถระของเนปาล และบคุ คล ในพระธรรมค�ำ สอนของพระพทุ ธศาสนา จน ก่อนเทา่ ทจ่ี ะเปน็ ไปได้ แล้วจงึ คอ่ ยหาวธิ ีท่จี ะสำ�คญั ในคณะรัฐบาลเนปาล มนี ายกรัฐมนตรแี หง่ สามารถพง่ึ ตนเองได้ ทง้ั ระดบั ปริยตั ิ ปฏบิ ตั ิ ขอความอุปถมั ภจ์ ากประเทศชาตบิ า้ นเมอื งเนปาล เป็นต้น เจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ ไดป้ ระทาน ปฏิเวธ ตามท่จี ะพึงเปน็ ไปได้แนวทางในการดำ�เนินกจิ การต่าง ๆ เพอ่ื การฟื้นฟูพระพทุ ธศาสนาเถรวาทในเนปาลแกพ่ ระเถรานเุ ถระ ๓) ตอ้ งไมล่ ะเลยทอดทง้ิ การสง่ั สอนประชาชน ๔) การสง่ั สอนเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา อยา่ ไปแห่งเนปาลหลายประการ คอื ให้เป็นคนดีมคี วามเรยี บรอ้ ย เม่อื ประชาชน กระทบกระทง่ั บคุ คลหรอื กระทบกระทง่ั ใครๆ เรยี บร้อยบ้านเมอื งก็สงบสุข ผูป้ กครองทาง สอนไปตามหลกั ธรรม เพอ่ื ใหป้ ระชาชนผนู้ บั ถอื บ้านเมืองย่อมเห็นคุณประโยชน์ของศาสนา ศาสนาทง้ั ปวงมคี วามสามคั คไี มท่ ะเลาะววิ าทกนั และหนั มาใหค้ วามอปุ ถัมภส์ นับสนุนเอง ซง่ึ มคี วามเคารพในพระมหากษตั รยิ ์ รฐั บาล และ จะทำ�ให้พระพุทธศาสนามีความถาวรม่ันคง ขนบธรรมเนยี มประเพณขี องบา้ นเมอื งโดยทว่ั ไปพ.ศ. ๒๕๔๒ เสดจ็ เยอื นเนปาลครั้งที่ ๕ แม้ว่าคณะสงฆ์ไทยจะไม่ไดจ้ ดั ส่งพระธรรมทูตไทยไปปฏิบตั ศิ าสนกิจ แต่การเสดจ็ เยือนเนปาลของเจา้ พระคุณสมเด็จฯ ในแต่ละครง้ั น้นั เท่ากับแตเ่ ปน็ การเสดจ็ จากวดั ไทยกสุ นิ าราเฉลมิ ราชย์ พระองค์ไดท้ รงปฏบิ ตั ิหน้าที่ในฐานะผ้กู ำ�กบั ดแู ลพระธรรมทตู ทรงสนบั สนุน ใหพ้ ระภิกษสุ ามเณรเนปาลไดเ้ ข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนาในประเทศไทยเพื่อเมืองกุสนิ ารา ประเทศอนิ เดยี ไปทรงนมัสการ กลบั ไปชว่ ยฟน้ื ฟพู ระพทุ ธศาสนายงั ประเทศตน กเ็ หมอื นเปน็ การสง่ พระธรรมทตู ออกไปสง่ั สอนเผยแผ่พระพุทธศาสนาน่นั เอง เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงเปน็สังเวชนียสถานลุมพินี แล้วเสด็จไปยังกรุง ก�ำ ลงั สำ�คัญในการส่งเสรมิ ฟนื้ ฟพู ระพทุ ธศาสนาเถรวาทในเนปาล ทรงให้ ทั้งก�ำ ลงั สตปิ ัญญา กำ�ลงั ทรัพย์ และกำ�ลงั คน ต้งั แต่เบอ้ื งตน้ จนถึงปัจจุบนักาฐมาณฑุ ประทบั แรม ๑ คนื เพ่ือเดินทาง พระพุทธศาสนาและคณะสงฆเ์ ถรวาทในเนปาล จงึ มคี วามเจริญมน่ั คงกลับประเทศไทย 221

ในพทระวธรปี รมอทูตเมรกิ าและยุโรป งานพระธรรมทตู สายธรรมยตุ ในอเมริกานั้น ไมไ่ ด้เกี่ยวข้อง ตง้ั ขึน้ น้ัน ยงั ไมล่ ม้ เลกิ ไป ทางรฐั บาลยงั คงจดั สรรงบประมาณ กับเจ้าพระคณุ สมเด็จฯ ในฐานะผกู้ ำ�กบั ดแู ลโดยตรง แต่เก่ยี วข้อง สำ�หรับโครงการน้ีใหแ้ กค่ ณะสงฆ์สบื มา โดยสบื เนื่องจากงานพระธรรมทตู ที่พระองค์ทรงริเรม่ิ วางรากฐาน ไวต้ ง้ั แตท่ รงเปน็ ประธานกรรมการอ�ำ นวยการฝกึ อบรมพระธรรมทตู หลังจากการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศได้หยุด ไปตา่ งประเทศ หรือส�ำ นกั ฝกึ อบรมพระธรรมทตู ไปตา่ งประเทศ ซึง่ ชะงกั ไประยะหนง่ึ คณะสงฆ์ไดฟ้ น้ื ฟโู ครงการนข้ี น้ึ มาใหมโ่ ดยมอบ ตง้ั ขน้ึ เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๐๙ โดยความอปุ ถมั ภข์ องรฐั บาล เพอ่ื ฝกึ อบรม ให้มหาวิทยาลัยสงฆ์ทัง้ ๒ แหง่ เป็นผ้รู ับผิดชอบ และแบง่ การ พระธรรมทูตท่ีจะไปปฏิบัติศาสนกิจในต่างประเทศ พระนกั ศกึ ษาท่ี ดำ�เนนิ การเปน็ ๒ สว่ น คอื จะเขา้ รบั การฝึกอบรมในส�ำ นกั ฝกึ อบรมพระธรรมทตู ไปตา่ งประเทศ ๑) การฝกึ อบรมพระธรรมทูตไปตา่ งประเทศฝา่ ยคณะธรรมยตุ กค็ อื พระทส่ี �ำ เรจ็ การศึกษาช้นั ปรญิ ญาตรจี ากมหาวิทยาลยั สงฆท์ ง้ั ใหม้ หาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั เป็นผู้รบั ผดิ ชอบดำ�เนินการ ๒ แห่ง คอื สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย (ในขณะนนั้ ) และ ๒) การฝกึ อบรมพระธรรมทตู ไปตา่ งประเทศฝา่ ยคณะมหานกิ าย มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั แหง่ ละ ๑๐ รูป รวมเปน็ ๒๐ รูป เมอื่ ใหม้ หาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั เป็นผูร้ บั ผดิ ชอบ สำ�เร็จการฝึกอบรมแล้ว คณะกรรมการอำ�นวยการฝึกอบรมฯ จะ ดำ�เนินการ คัดเลอื กจดั ส่งไปเปน็ พระธรรมทตู ในประเทศตา่ งๆ เพ่อื ท�ำ หนา้ ที่ เผยแผ่พระพทุ ธศาสนาต่อไป ส�ำ หรบั การฝกึ อบรมพระธรรมทตู ไปตา่ งประเทศ (ธรรมยตุ ) ซ่ึงมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยรับผิดชอบดำ�เนินการน้ัน การฝึกอบรมพระธรรมทตู ในคร้งั นนั้ ไดด้ ำ�เนนิ การสำ�เรจ็ ครบ ไดเ้ ร่ิมดำ�เนนิ การเม่อื พ.ศ. ๒๕๓๗ นับเป็นการสืบสานงานฝกึ ตามหลกั สตู ร (๑ ปี ๖ เดอื น) เพยี ง ๑ รนุ่ แลว้ การฝกึ อบรมกห็ ยดุ อบรมพระธรรมทตู ฯ ทีเ่ จา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ ไดท้ รงวางรากฐาน ชะงกั ไป เน่ืองจากปัญหาขาดพระนกั ศึกษาจาก ๒ มหาวิทยาลยั ไว้เม่ือคร้ังทรงเป็นประธานกรรมการอำ�นวยการฝึกอบรมพระ สงฆท์ มี่ จี ำ�นวนไมพ่ อเพยี งแกก่ ารฝกึ อบรม แตโ่ ครงการฝึกอบรม ธรรมทูตไปตา่ งประเทศ ใหด้ ำ�เนนิ ต่อไปตามวัตถุประสงคท์ ี่ได้ พระธรรมทตู ไปตา่ งประเทศตามที่ทางรัฐบาลและมหาเถรสมาคมได้ ตั้งไว้ โดยมีการปรบั ปรุงแก้ไของคป์ ระกอบบางประการ เพ่ือ ความเหมาะสมแก่สถานการณ์รอบดา้ นทเ่ี ปลีย่ นแปลงไป222

ในปจั จบุ นั ไดป้ รบั หลักสูตรเป็นการอบรมระยะสนั้ ๓ เดอื น พระภิกษุผู้เข้ารับการฝึกอบรม คดั เลอื กมาจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ฝกึ อบรมปลี ะ ๑ รนุ่ รุ่นละประมาณ ๓๐ - ๖๐ รปู สำ�นกั ฝกึ อบรมตงั้ อยู่ทีว่ ัดพระศรมี หาธาตุ บางเขน กรงุ เทพมหานคร พระภกิ ษุทสี่ ำ�เร็จการฝกึ อบรมแลว้คณะกรรมการด�ำ เนินการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปตา่ งประเทศ จะพิจารณาจดั สง่ ไปปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ประจำ�วัด ในต่างประเทศตามความเหมาะสม เพราะปจั จุบัน วัดไทยได้เกดิ ขึน้ ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกเป็นจำ�นวนมาก เฉพาะวดั พระพุทธศาสนาสงั กัดคณะธรรมยตุ ในทวีปอเมรกิ าและทวปี ยโุ รปกม็ ีเป็นจ�ำ นวนมาก จำ�นวนวัดพระพทุ ธศาสนาสังกดั คณะธรรมยตุ ทเ่ี กิดข้นึ ในทวปี อเมริกาและทวีปยุโรป ทวปี อเมรกิ าวดั แคโรไลนาพทุ ธจักรวนาราม ทวปี ยโุ รปรฐั นอรธ์ แคโรไลนา คอื วดั ไทยใน 223อเมรกิ าท่ีเจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงอปุ ถมั ภ์ในการก่อสร้างเม่ือ พ.ศ.๒๕๓๑ โดยมพี ระวธิ รู ธรรมาภรณ์(สมบัติ ปวติ ฺโต) วดั บวรนิเวศวิหารอดตี พระธรรมทตู ไทยประจ�ำ อนิ โดนเี ซยีเป็นผูด้ �ำ เนนิ การกอ่ สร้างและเป็นเจ้าอาวาส

ในพสระาธรธรมาทรตู ณรฐั ประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาชนจีนภายใต้การปกครองระบอบคอมมวิ นิสต์ ไม่เอ้ือตอ่ การ เผยแผศ่ าสนาไมว่ ่าศาสนาใด ในระยะแรกเขม้ งวดมากเพราะถอื วา่ ศาสนาเปน็ สง่ิ ต้องหา้ ม ส�ำ หรบั ประชาชน จงึ เป็นเหตุใหพ้ ระพทุ ธศาสนาซ่งึ เคยเปน็ ศาสนาประจ�ำ ชาตขิ องจนี จางหาย ไปจากความรสู้ กึ นึกคิดของชาวจนี ยุคใหม่ แตม่ าในระยะหลังทางรฐั บาลจนี คอ่ ยผอ่ นปรน ในเรื่องศาสนา พระพุทธศาสนาในจีนซงึ่ เปน็ แบบมหายานจึงคอ่ ยเปล่งแสงข้นึ ทลี ะนอ้ ย อย่างคอ่ ยเป็นคอ่ ยไปและระมดั ระวงั พ.ศ. ๒๕๓๖ เกดิ ปรากฏการณ์ใหมข่ ึ้น ในประวตั ิศาสตร์จนี รฐั บาลจนี ไดก้ ราบทูล อาราธนาเจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ เสด็จเยือนจนี อยา่ งเป็นทางการ ระหว่างวนั ท่ี ๒๐ มถิ ุนายน ถงึ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ รวมเวลา ๑๓ วัน ทรงเปน็ พระประมุขทางศาสนาพระองค์แรก ที่ได้รับเชิญใหเ้ ยือนจนี อยา่ งเปน็ ทางการ ซึ่งไมเ่ คยมมี าก่อนในประวตั ิศาสตร์จนี เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงปฏบิ ตั ิหน้าที่พระธรรมทตู โดยทรงแสดงธรรมคำ�สั่งสอนให้แกป่ ระชาชน ในทกุ สถานท่ีที่ไดเ้ สด็จเย่ียม แม้การพบปะกับ ผนู้ ำ�ของประเทศอย่างท่านประธานาธบิ ดจี นี เจ้าพระคุณสมเด็จฯ กไ็ ดท้ รงแสดงพระธรรม คำ�สอนพรอ้ มทงั้ ทรงฝากฝังพระพทุ ธศาสนา ต่อท่านประธานาธิบดีให้ชว่ ยอุปถมั ภด์ แู ล224

ในการเสดจ็ เยย่ี มวัดและสมาคมพระพทุ ธศาสนาแต่ละแหง่ เจา้ พระคุณสมเด็จฯ ก็ทรงแสดงหลกั การและค�ำ สอนของ พระพุทธศาสนา ทัง้ ทรงแนะนำ�แนวทางการเผยแผห่ รือ สงั่ สอนพระพทุ ธศาสนา ในทางทจี่ ะเกดิ ผลดี ท้ังแกพ่ ระพุทธศาสนาและประชาชนหลายประการในการเสดจ็ เยือนจนี ของเจา้ พระคุณ ๑. ทรงฝากฝงั พระพุทธ ๒. ทรงปรารภกบั เจ้าหน้าทีช่ ้ันสงู ของรฐั บาลจนีสมเด็จฯ ครัง้ น้ี พระองคท์ รงปฏบิ ัติ ศาสนาต่อประธานาธิบดีจนี คือรฐั มนตรวี ่าการทบวงกจิ การศาสนา ขอให้หนา้ ท่พี ระธรรมทตู หลายประการคอื เพอ่ื ชว่ ยอปุ ถมั ภ์ดูแล ให้โอกาสแก่พระสงฆ์ในจีนไดม้ โี อกาสสัง่ สอน พระพทุ ธศาสนาแก่ประชาชน พระองคท์ รงแสดง ความม่ันพระทยั วา่ พระพุทธศาสนาจะไม่ส่งั สอน ในสิ่งที่เปน็ ปฏปิ ักษ์ตอ่ รฐั บาลและบา้ นเมือง๓. ทรงขอให้ผู้ที่มหี นา้ ที่รับผดิ ชอบ ๔. ทรงฝากฝังนายกพุทธสมาคม ๕. ทรงแสดงหลกั การสง่ั สอนพระพุทธศาสนาวา่ต่อพระพุทธศาสนาในจนี ตอ้ งกำ�ชบั จนี ว่า คณะสงฆแ์ ละชาวพทุ ธควร ต้องยึดหลักการของพระพทุ ธเจ้า ๓ ประการคอืคณะสงฆใ์ หร้ ้จู กั แสดงธรรมส่งั สอน ปฏิบัติให้พอเหมาะพอสม อันจะ ๑) เปน็ ค�ำ จรงิ ๒) เปน็ ประโยชน์ ๓)ถกู ตอ้ งกาลประชาชนไมใ่ หก้ ระทบต่อรฐั บาล ทำ�ให้ศาสนากบั รฐั บาลกลมกลนื เวลา พระพทุ ธองค์เองกไ็ ม่ทรงแสดงธรรมที่เปน็ตอ่ ผู้ปกครอง และต่อระบอบการ กนั ไม่เป็นปฏปิ ักษ์ต่อกนั แต่ ปฏิปักษ์ หรือขัดขวางตอ่ ระบอบการปกครองปกครองของจีน ตอ้ งแสดงธรรม สนับสนุนซึง่ กันและกนั กา้ วหนา้ ของประเทศใดๆ และไม่ทรงเกี่ยวขอ้ งด้วยระบบสงั่ สอนให้พอเหมาะแก่ประเทศชาติ ไปด้วยกัน โดยทรงย�ำ้ วา่ นเี้ ปน็ การเมืองทกุ อยา่ งและประชาชน หลกั ของพระพทุ ธเจา้ ประการสุดท้าย ทรงกล่าวกับ เจ้าหนา้ ทชี่ ั้นสงู ของจนี ทั้งฝา่ ยรัฐบาลจนี และพทุ ธสมาคมจีนรฐั มนตรวี า่ การทบวงกจิ การศาสนาของจนี วา่ ไดก้ ลา่ วตรงกนั วา่ ภาพลกั ษณแ์ ละพระโอวาทในทต่ี า่ งๆ ของเจา้ พระคณุ สมเด็จฯ นน้ั ได้ก่อให้เกดิ ผลดตี ่อพระพุทธศาสนาและประชาชนชาวจีน “วันน้ี ขอประกาศ อย่างมหาศาล ทงั้ ท�ำ ใหร้ ฐั บาลจนี รจู้ กั และเข้าใจพระพทุ ธศาสนาได้ดียิ่ง พระพทุ ธศาสนาหนอ่ ยนะ” ข้ึน เพราะท้งั ข่าวและพระโอวาทของเจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ ไดร้ ับการเผย แพร่ไปสปู่ ระชาชนทว่ั ประเทศ 225

พระวิสยั ทรรศน์ ๒ ประการส�ำ คญั เกีย่ วกบั งานพระธรรมทตู ทเ่ี ฉียบคมตง้ั แตท่ รงเริม่ งานพระธรรมทตู ประการแรก ทรงเห็นว่าการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศนั้น ควรพัฒนาให้เป็นการศึกษาระดับปริญญาโท พร้อมทั้งได้ทรงดำ�เนินการให้ร่างหลักสูตรปริญญาโทสาขาพระธรรมทูต เสนอให้มหาวิทยาลัยสงฆ์ ทั้ง ๒ แห่งดำ�เนินการต่อไป แต่เน่ืองจากความไม่พร้อมของมหาวิทยาลัยสงฆ์ในขณะนั้น หลักสูตรปริญญาโทสาขาพระธรรมทูต จึงยังไม่เกิดขณะนั้น > พระวสิ ัยทรรศน์ในประเด็นน้ี แสดงใหเ้ ห็นถงึ แนวพระด�ำ ริของเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ในงานพระธรรมทตู วา่ พระธรรมทตู นน้ั ควรจะต้องมพี ้นื ฐานทางวิชาการระดบั ปรญิ ญาโทเปน็ อย่างนอ้ ย จงึ จะท�ำ งานพระธรรมทูตไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ ประการที่สอง เนื่องจากทรงมีประสบการณ์ในเรื่องการพระศาสนาและการศึกษาจากการเสด็จไปสังเกตการณ์ ในประเทศต่าง ๆ ทุกทวีป จึงทรงมีพระวิสัยทรรศน์ในงานพระธรรมทูตซึ่งส่วนมากเน้น งานพระธรรมทูตในประเทศตะวันตกว่า “เราจะเป็นครูเขาได้ ก็ ในทางปฏิบัติเท่านั้น” เพราะทรงพบว่าในทางทฤษฎีนั้น ชาวตะวันตกได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับพระพุทธศาสนามามาก และอาจจะมากกว่าพวกเราชาวเอเชียด้วยซ้ำ� ดังจะเห็นได้ว่าตำ�รับตำ�ราทางพระพุทธศาสนาที่ ใช้กันอยู่ ในวงวิชาการทั่วโลกนั้น ล้วนเป็นผลงานของชาวตะวันตกเกือบจะทั้งนั้น แต่สิ่งที่ชาวตะวันตกยังขาดและยังไม่เคยทำ�ก็คือ พระพุทธศาสนาภาคปฏิบัติ ซึ่งในทางตะวันออก มีครูอาจารย์ ในทางปฏิบัติอยู่เป็นอันมากทั้งในฝ่ายเถรวาทและฝ่ายมหายาน > พระวสิ ยั ทรรศนข์ องเจา้ พระคณุ สมเด็จฯ ในด้านนี้ ไดป้ รากฏให้เราเห็นเป็นรูปธรรมขน้ึ เรอ่ื ยๆ ในสภาพการณ์ของพระพุทธศาสนาในโลกตะวันตกปจั จุบนั226

227

ญาณสังวรทแลระไมง่ท“ง้ิ ป“รปิยฏตั ิบ”ิตั ”ิ จดืพรศะาพสทุนธามิใช่เพียงทางใด ก็เพราะไม่ไดล้ องปฏิบัติเพียงลำ�พัง ธรรมปฏบิ ัตเิ ทา่ นัน้ ท่ีจะทำ�ให้ ประสบรสของพระพทุ ธศาสนาบรหิ ารกาย บรหิ ารตน “ไม”่ ไขวค่ ว้าแสวงหาเดินบิณฑบาต เดนิ จงกรม แต่“ไม”่ ปฏเิ สธเมือ่ หน้าทม่ี าถึงและเดนิ ตรวจวดั พระต้องจนปฏบิ ัติตนเสมอื นนักเรยี น “พระไมค่ วรอยู่อย่างหรูหราฟ่มุ เฟือยผู้มงุ่ แสวงหาความรู้ใส่ตน แตค่ วรอยู่แบบสมถะ เรียบงา่ ย และประหยดั ”จากครูทกุ คนท่ีรอบรเู้ ช่ียวชาญ ส�ำ รวม เรยี บ ง่าย “ญาณสังวร”สมกบั ราชทินนาม228

ดังที่ได้กลา่ วมาแลว้ ข้างต้นว่า การศกึ ษาท่แี ทท้ างพระพทุ ธศาสนาน้นั ประกอบดว้ ยสาระส�ำ คญั สองส่วน คอื “ปรยิ ตั ิ” และ “ปฏบิ ตั ิ” ความรแู้ ต่เพียงฝ่ายหนึง่ ฝา่ ยใดเพยี งลำ�พังมิใชห่ นทางทีท่ า่ นผู้ใหญแ่ ตก่ ่อนเคยปฏบิ ตั กิ ันมา เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯแมจ้ ะทรงส�ำ เรจ็ ภมู เิ ปรยี ญธรรม กรรมฐานพระองคแ์ รกของพระองคต์ ง้ั แตน่ น้ั มา เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ๙ ประโยค อันเป็นชั้นสูงสุดของหลักสูตรการศึกษาด้าน ก็ทรงฝกึ ฝนทางสมาธิกรรมฐานอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยการฝึกฝนด้วยปรยิ ตั ขิ องคณะสงฆแ์ ลว้ กต็ าม แตก่ ระนน้ั กย็ งั ทรงใฝแ่ สวงหา พระองค์เองบ้างและทรงศึกษาเรียนรู้จากพระอาจารย์กรรมฐานความรู้ทางพระพุทธศาสนาและความรู้ด้านอืน่ ๆ อยูเ่ สมอ ทมี่ ีชือ่ เสียงบ้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้ทางพระพุทธศาสนาหรือความรู้ โดยเหตทุ ที่ รงมที ่ีประทบั ประจำ�อยู่ทว่ี ดั บวรนเิ วศวหิ าร ซึ่งทางธรรมนน้ั ไมท่ รงถอื พระองคว์ า่ เปน็ ผรู้ แู้ ลว้ หากแตท่ รง เปน็ ที่ประทบั ในพระนคร ถา้ เรยี กอยา่ งโบราณกต็ อ้ งกลา่ วว่าเปน็ถือว่าทรงเปน็ ผกู้ �ำ ลังศกึ ษา มักทรงกล่าวในเวลาทรงสอน พระอารามฝา่ ยคามวาสี คอื เปน็ วดั ทอ่ี ยใู่ นละแวกบา้ น แตว่ ตั รปฏบิ ตั ิธรรมแกค่ นทงั้ หลายดว้ ยความถอ่ มพระองคว์ า่ “แนะน�ำ ใน ของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ กลับทรงถือแบบอย่างของพระภิกษสุ งฆ์ที่ฐานะผรู้ ว่ มศึกษาปฏบิ ัติธรรมด้วยกนั ” ประจำ�อยใู่ นพระอารามฝ่ายอรัญวาสี คอื วัดท่ีอยู่ในทา่ มกลางป่าเขา พร้อมกันนั้นก็ทรงเอาพระหทัยใส่ในการปฏิบัติ กล่าวคอื ตอนกลางวันก็ทรงศึกษาธรรม ทรงปฏบิ ตั ิกจิ วตั รต่าง ๆ ที่ควบคู่กันไปด้วย กล่าวคือ ทรงปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน มมี ากมายมหาศาล คร้นั ตกเวลากลางคนื กท็ รงไหว้พระสวดมนต์เป็นประจำ�อย่างต่อเนื่อง โดยทรงเริ่มต้นจากรับสั่ง ประจำ�วัน แล้วทำ�สมาธิกรรมฐานอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง แล้วจึงของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ บรรทม ทรงบรรทมตนื่ เวลา ๓ นาฬิกา ตามธรรมเนียมอย่างพระพระอุปัชฌาย์ของพระองค์เองที่รับสั่งช้ีแนะพระองค์ว่า วัดปา่ ทัว่ ไป หลังจากท�ำ กจิ ส่วนพระองคเ์ รยี บร้อยแล้ว ทรงท�ำ วตั ร“อยา่ บา้ เรยี นมากนกั ท�ำ กรรมฐานเสยี บา้ ง” ดงั ทเ่ี คย สวดมนตป์ ระจำ�วนั และทรงสวดพระสตู รตา่ ง ๆ บา้ ง ทรงทบทวนเล่ามาแล้วข้างต้น ด้วยเหตุนี้เจ้าพระคุณสมเด็จฯ จึง พระปาตโิ มกขเ์ ปน็ ตอนๆ บา้ ง จากนน้ั กท็ รงท�ำ สมาธกิ รรมฐานจนรงุ่ อรณุทรงถือว่าสมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์นั้นคืออาจารย์ จงึ เสดจ็ ออกบณิ ฑบาต 229

เรื่องบิณฑบาตนี้ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงถือว่าเป็นกิจวัตรสำ�คัญของความเป็นพระ แม้เมื่อทรงเป็นสมเด็จพระราชาคณะแล้วเจ้าพระคุณสมเด็จฯก็ยังเสด็จออกบิณฑบาต ยกเว้นวันที่ทรงมีศาสนกิจอื่น ทรงปฏิบัติพระองค์ตามทพ่ี ระบรมศาสดาไดท้ รงบญั ญตั วิ า่ กรณยี กจิ ๔ หรอื นสิ สยั ๔ ทพ่ี ระภกิ ษุในพระพุทธศาสนาพึงปฏิบัติในชีวิตของการเป็นพระหรือในการบวช ได้แก่บณิ ฑบาต ถอื ผา้ บงั สกุ ลุ อยโู่ คนไม้ และฉนั ยาดองดว้ ยน�ำ้ มตู รเนา่ เจา้ พระคณุสมเดจ็ ฯ จงึ ทรงถอื วา่ การบณิ ฑบาตเปน็ การปฏบิ ตั กิ จิ ของสงฆต์ ามพทุ ธบญั ญตั ิและทรงถอื วา่ เป็นการออกกำ�ลงั กายไปพรอ้ มกนั ด้วย ดงั นน้ั แมจ้ ะทรงอยู่ในฐานะเปน็ พระเถระผู้ใหญซ่ ง่ึ มญี าตโิ ยมจ�ำ นวนมากตา่ งจดั หาภตั ตาหารมาถวายส�ำ หรบั ฉนั ทง้ั มอ้ื เชา้ และมอ้ื เพลอยแู่ ลว้ และดจู ะมมี ากจนเกนิ พอเสยี ดว้ ยซ�ำ้ ไปแต่เจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ ก็ยงั เสด็จออกบณิ ฑบาตเปน็ กิจวัตร วนั ใดที่เสด็จกลบัจากบิณฑบาตเข้าสูบ่ รเิ วณวัดแล้ว ทรงพบสามเณรที่ก�ำ ลงั ออกบิณฑบาต จะทรงเอาของที่ทรงรับบิณฑบาตมาได้นั้นใส่บาตรแก่สามเณร ทรงอธิบายว่า“เปน็ ห่วงเณร เพราะเณรโดยมากบิณฑบาตไมค่ ่อยได”้ เมื่อกลบั จากบณิ ฑบาตถึงที่ประทับแล้ว กจิ วัตรของเจ้าพระคณุ สมเด็จฯอีกเรื่องหนึ่งที่ทรงปฏิบัติเป็นประจำ� คือการใส่บาตรพระพุทธชินสีห์ ซึ่งเป็นพระพทุ ธรปู ส�ำ คญั ประจ�ำ พระอาราม ทกุ เชา้ กอ่ นเสดจ็ ออกบณิ ฑบาตจะโปรดให้ศษิ ย์ไปเชญิ บาตรพระพทุ ธชนิ สหี ซ์ ง่ึ เปน็ บาตรศลิ าขนาดยอ่ มมาจากพระอโุ บสถมารอไวท้ ท่ี ป่ี ระทบั กอ่ นทจ่ี ะเสวยจะทรงตกั อาหารทท่ี รงบณิ ฑบาตมาได้ หรอื มีผจู้ ดั ถวายใสบ่ าตรพระพทุ ธชนิ สหี เ์ สยี กอ่ น เรยี บรอ้ ยแลว้ กจ็ ะโปรดใหศ้ ษิ ยเ์ ชญิบาตรพระพทุ ธชนิ สีห์ไปตงั้ ถวายพระพทุ ธชนิ สีห์ในพระอุโบสถ จากนัน้ จงึ เสวยพระกระยาหารของพระองคเ์ อง โดยเสวยในบาตรตามแบบธรรมเนยี มของพระปา่ อกี เร่อื งหนึ่งทเี่ นื่องอยูใ่ นเร่ืองการปฏิบัตสิ มาธิกรรมฐาน ไดแ้ ก่ การเดินจงกรม เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงเดินจงกรมเป็นประจำ�ทกุ วนั โดยมากมักเปน็ เวลากลางคนื กอ่ นท่ีจะสรงน�ำ้ จะทรงเดินจงกรมไปมาบรเิ วณลานหนา้ ต�ำ หนกั ทีป่ ระทับซงึ่ มีความยาวประมาณ ๒๐ เมตร เป็นเวลาราวคร่ึงชว่ั โมง แลว้ จึงสรงน�้ำ ขนึ้ ตำ�หนกั ทรงงานราว ๒๓ นาฬกิ า จะทรงไหวพ้ ระสวดมนต์เจรญิ สมาธภิ าวนาแลว้ เขา้ ทบ่ี รรทมดงั กลา่ วมาแลว้ ขา้ งตน้ ดเู หมอื นวา่ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ จะทรงถอื วา่ การเดนิ จงกรมนเ้ี ปน็ การออกพระกำ�ลงั กายประจ�ำ วันอกี ช่วงหนึ่ง เพม่ิ เตมิ จากการเดนิ บิณฑบาตในตอนเช้า มบี างคราวท่รี ะหวา่ งเดนิ จงกรมน่ีเอง ทรงมีเรอื่ งท่จี ะปรกึ ษาพดู คยุ กนั กับผู้เก่ยี วขอ้ ง กจ็ ะโปรดให้ทา่ นผูน้ ้ันมาพบ โดยทรงหยดุ การเดนิ จงกรมชัว่ ขณะ เมือ่ จบการสนทนาแลว้ กจ็ ะทรงเดนิ จงกรมต่อ จนไดเ้ วลาตามที่ทรงกำ�หนดไว้ในพระทัย จงึ เสดจ็ เข้าหอ้ งสรง การเดนิ จงกรม แม้ในเวลาที่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ เสด็จไปประทับเจริญสมาธิ คือการเดนิ ไปมาเพ่อื ใหจ้ ิตเป็นสมาธิ สมเดจ็ พระบรมศาสดา ภาวนาในวัดป่าตามตา่ งจงั หวัดกจ็ ะทรงปฏิบตั ิกิจวัตรประจำ�วัน คอื ทรงแสดงอานสิ งส์ของการเดินจงกรมไว้ ๕ ประการ คอื การบณิ ฑบาตและการเดนิ ออกพระก�ำ ลงั โดยไมง่ ดเวน้ เชน่ เมอ่ื เสดจ็ • ท�ำ ใหอ้ ดทนตอ่ การเดินทางไกล ๑ ไปประทับ ณ สำ�นักสงฆ์ดอยปุย จังหวัดเชียงใหม่ ก็โปรดที่จะเดิน • อดทนต่อความเพียร ๑ ออกพระก�ำ ลงั ไปตามปา่ เขาในละแวกส�ำ นกั สงฆน์ น่ั เอง หรอื มเิ ชน่ นน้ั • มีอาพาธน้อย ๑ กเ็ สด็จไปตามหมู่บ้านชาวเขาชาวดอย เพ่อื ทรงเยย่ี มเยียนชาวบ้าน • อาหารท่ีกินดืม่ เคี้ยวล้มิ รสแล้วย่อมยอ่ ยไปดว้ ยดี ๑ และ และเป็นการออกพระกำ�ลังไปในตัว บางคราวเมื่อเสด็จไปประทับ • สมาธทิ เี่ กดิ จากการจงกรมตั้งอยู่ได้นาน ๑230

ณ วดั เขาเตา่ อ�ำ เภอหวั หนิ จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ ในตอนเยน็ ๆ กโ็ ปรดท่ีจะเดนิ ไปตามชายหาดทไ่ี มม่ ผี คู้ นละเลา้ ละลมุ เปน็ ระยะทางไกล ๆ คราวใดทีเ่ สดจ็ ไปประทบั ณ วัดญาณสงั วราราม จังหวดั ชลบรุ ี กโ็ ปรดท่จี ะทรงออกพระก�ำ ลงั บรเิ วณวดั แมเ้ มอ่ื คราวเสดจ็ เยอื นประเทศเนปาล เมอ่ื พ.ศ.๒๕๒๘ ก็เสด็จโดยพระบาทไปตามคนั นาในท้องทุ่งเปน็ ระยะทางไกล ๆเพื่อไปทอดพระเนตรเสาศิลาของพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งเป็นร่องรอยหลักฐานส�ำ คญั ของความเจรญิ แหง่ พระพุทธศาสนาในอดีต การเดินของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ นั้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินจงกรมภายในวดั หรอื การเดนิ ออกพระก�ำ ลังในพน้ื ท่ตี า่ ง ๆ มกั ทรงเดินอย่างเร็วจนผตู้ ดิ ตามตา่ งรสู้ กึ วา่ เดนิ ตามพระองค์ไมค่ อ่ ยทนั แตก่ ไ็ มเ่ หน็ วา่ พระองค์จะแสดงพระอาการเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด ทั้งนี้อาจเป็นเพราะอานิสงส์แหง่ การเดินจงกรมตามทเี่ ลา่ มาขา้ งต้นก็เปน็ ได้ 231

นอกจากการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานด้วยพระองค์เองแล้ว ทรงปฏิบัติพระองค์เสมือนเป็นนักเรียนเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ยังทรงแสวงหาโอกาสที่จะเสด็จไปเจริญ ผู้มุง่ แสวงหาความรู้ใสต่ น จากครทู ุกคนสมาธิภาวนาตามป่าเขาใกล้ ๆ เริ่มต้นจากจังหวัดท่ีอยู่ไม่ไกล ที่รอบรเู้ ช่ียวชาญในเรือ่ งนนั้ ๆนัก เช่น ลพบุรี หรือสระบุรี ต่อมาเมื่อมีโอกาสอำ�นวยก็เสด็จไปพำ�นักเจริญสมาธิภาวนาตามสำ�นักวัดป่าในภาคอีสาน หลวงปผู่ าง จิตตฺ คตุ โฺ ตซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีชื่อเสียงมาช้านานแล้วว่ามี“พระป่า”ทีท่ รง ณ วดั อุดมคงคาครี เี ขต จ. ขอนแก่นภูมธิ รรมชนั้ สูงสืบเน่ืองกันมาไมเ่ คยขาดสาย วดั ทเี่ คยเสดจ็ ไปประทับก็เช่น วัดป่าบ้านตาดของพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบวั ญาณสมฺปนฺโน วัดถ�้ำ กลองเพลของหลวงปู่ขาวอนาลโย วดั หนิ หมากเปง้ ของพระราชนโิ รธรงั ษี หรอื หลวงปเู่ ทสก์เทสรํสี วดั ดอยธรรมเจดยี ข์ องพระอาจารย์แบน ธนกาโร และวดั ภูทอกของพระอาจารยจ์ วน กลุ เชฏโฐ เป็นตน้ เมอื่ เสดจ็ ไปพ�ำ นกั ณ ส�ำ นกั วัดใด กจ็ ะทรงศกึ ษาเรยี นรู้เรอ่ื งสมาธิภาวนา หรอื การปฏิบัติกรรมฐานกบั พระอาจารย์ในสำ�นกั นน้ั ๆ อยา่ งเอาจรงิ เอาจงั ทรงปฏบิ ตั พิ ระองคเ์ สมอื นเปน็นกั เรยี นผมู้ งุ่ แสวงหาความรู้ใสต่ นจากครทู กุ คนทร่ี อบรเู้ ชย่ี วชาญในเรื่องนน้ั ๆ และการสำ�เหนียกศึกษาเรื่องธรรมปฏิบัติของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ นี้ มิได้ทรงจำ�กัดเฉพาะครูบาอาจารย์ท่ีเป็นพระสงฆ์เท่านนั้ แม้ผู้ร้ทู างธรรมปฏิบตั ทิ เ่ี ป็นคฤหัสถ์กท็ รงสนพระทยั และเสวนาธรรมดว้ ย เชน่ แมช่ แี กว้ เสยี งล�ำ้ ณ ส�ำ นกัวัดป่าบ้านตาด เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ก็เคยสนทนาธรรมด้วยหลายคร้งั เมอ่ื เสดจ็ ไปพ�ำ นัก ณ วัดน้ัน โอกาสใดกต็ ามทพ่ี ระสงฆผ์ เู้ ปน็ ครบู าอาจารยฝ์ า่ ยกรรมฐาน หลวงปู่ฝ้นั อาจาโร ณ วดั ถ�ำ้ ขามเดินทางเข้ามาในพระนคร และมาพำ�นัก ณ วัดบวรเวศวิหาร จ. สกลนครเจ้าพระคุณสมเด็จฯ จะโปรดให้จัดถวายความสะดวกแก่ท่านเหลา่ นน้ั ดว้ ยความปตี ิ พรอ้ มทง้ั ถอื โอกาสอาราธนาทา่ นเหลา่ นน้ัใหแ้ สดงธรรมในแนวของการปฏบิ ตั กิ รรมฐานแกอ่ บุ าสกอบุ าสกิ าดว้ ยเมอื่ โอกาสอ�ำ นวย นอกจากนน้ั กจ็ ะโปรดใหศ้ ษิ ยจ์ ัดบริขารต่าง ๆ ถวายท่านเหลา่ นนั้ ดว้ ยความกระตอื รือร้น โดยรบั สัง่ วา่“โอกาสด!ี ได้ท�ำ บญุ กบั พระปฏบิ ัต”ิ พระอาจารยฝ์ า่ ยกรรมฐานทไ่ี ดม้ าพ�ำ นกั ทว่ี ดั บวรนเิ วศวหิ าร พระอุดมสงั วรวสิ ุทธเิ ถร (พระอาจารยว์ ัน อุตฺตโม) ณ ลานพระเจดียพ์ ระธาตุจอมกิตติ จ. เชยี งรายบ่อยกว่าท่านอนื่ ๆ คือ พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบวั ญาณสมปฺ นโฺ น ทกุ ครง้ั ทท่ี า่ นเขา้ มา เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯโปรดให้จัดตำ�หนักคอยท่า ปราโมช ถวายเป็นที่พักด้วยเป็นโอกาสให้ได้ทรงเสวนาธรรมด้านการปฏบิ ัตกิ รรมฐานกับหลวงตามหาบัวอยา่ งใกลช้ ิดและต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน ในขณะเดยี วกนั เจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ เองก็ไดเ้ สดจ็ ไปประทับเจริญภาวนาทว่ี ัดป่าบ้านตาดหลายครงั้ ดว้ ย มีอยคู่ ราวหนง่ึ ได้ทรงปรารภถึงหลวงตามหาบัวกับผ้ทู ี่เป็นศษิ ย์ใกล้ชิดพระองคว์ ่า “ท่านอาจารยม์ หาบัวน่ที า่ นมอี ะไรอยนู่ ะ เวลาสนทนาธรรมกันอยู่ พอนึกวา่ วนั น้ี232ท่านจะดกึ แล้ว ทา่ นจะลกุ ข้ึนกราบลาไปพกั ทนั ที สังเกตมาหลายครั้งแลว้ ”

ด้วยเหตุที่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงใฝ่พระทัยเป็นอย่างยิ่งใน เรื่องการปฏิบัติตามพระธรรม คำ�สอนของพระบรมศาสดา เราจึงสังเกตเห็นได้ว่า พระองค์ทรงมีพระจริยวัตร และพระอิริยาบถสงบสำ�รวม เรียบ ง่าย สมกับราชทินนาม “ญาณสังวร” ที่ได้รับพระราชทานเป็นอย่างยิ่งพระราชนิโรธรงั สีคมั ภีรปัญญาวิศิษฏ์ (หลวงปูเ่ ทสก์ เทสรสํ )ี ทรงปฏิบตั ิพระกรรมฐานกับ หลวงปู่ขาว อนาลโยณ วัดหินหมากเป้ง จ. หนองคาย ณ วดั ถ�้ำ กลองเพล จ. หนองบวั ล�ำ ภูหลวงปสู่ าม อกิญจฺ โน แห่งวดั ป่าไตรวิเวก เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงอธิบายวา่ในงานพระราชทานเพลงิ ศพหลวงปูฝ่ ั้น อาจาโรณ วดั ป่าอุดมสมพร จ. สกลนคร “ธรรมปฏิบตั ิเท่านัน้ ทจ่ี ะทำ�ใหป้ ระสบรสของ พระพทุ ธศาสนา ผทู้ รี่ สู้ ึกจดื ชดื ในพระพุทธศาสนา เกดิ ความเบือ่ หนา่ ยในพระพทุ ธศาสนา สงสยั ในพระพทุ ธศาสนา กเ็ พราะไม่ได้ลองปฏบิ ัติ เชน่ ในสติปัฏฐาน แต่ถา้ ได้พิจารณาใหเ้ ขา้ ใจ และลองปฏบิ ัติดู จนได้รบั รสในการปฏิบตั บิ า้ ง แลว้ ก็จะเห็นค่าของพระพุทธศาสนายง่ิ นกั ” ด้วยเหตุท่ีทรงเห็นคุณเห็นประโยชน์ของธรรมปฏิบัตเิ ช่นน้ี จงึ ทรงพระเมตตาเออ้ื เฟอ้ื เผอ่ื แผก่ ารฝกึ ฝนอบรมจติ ทท่ี รงปฏบิ ตั ิได้ผลส�ำ เร็จแลว้ ใหแ้ กผ่ ้อู ่นื ดว้ ย โดยทรงแนะนำ�สง่ั สอนการฝึกปฏิบัติอบรมจิตตามวธิ ีทท่ี รงศึกษาปฏิบตั ิ แก่พระภกิ ษสุ ามเณรและประชาชนท่วั ไปทุกโอกาสท่ีทรงกระท�ำ ได้ ทรงพระอตุ สาหะเรยี บเรยี งหนงั สือเกยี่ วกบั การฝกึ ปฏบิ ัตสิ มาธิกรรมฐานหลายเรื่องส�ำ หรับคนหลายระดบั ท้ังน้ีกเ็ พอ่ื ใหช้ าวพทุ ธทงั้ หลายไดร้ บั รสหรือไดร้ ับประโยชน์จากพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงนนั่ เอง 233

พระนิพนธ์ เคยมีผู้ให้ข้อสงั เกตวา่ ถา้ เราสอดสอ่ งดูอัธยาศัยของ เด็กเล็กดสู ักคนหนึ่ง ว่าในวยั เด็กเธอหรอื เขาผ้นู น้ั ชอบเล่นชอบทำ�อะไรเป็นพเิ ศษ เรามักจะพบวา่ เมื่อเดก็ คนนน้ั เตบิ โตเป็นผู้ใหญข่ นึ้ สิ่งท่เี ลน่ หรือ เคยทำ�น้นั เองมกั จะพฒั นาเป็นอัธยาศยั ประจำ�ตัว ของคนผูน้ ้นั และอาจจะสอ่ งใหเ้ ห็น “แวว” ความเป็นไปในชีวติ ข้างหน้าได้พอสมควร234

เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ก็เป็นผู้หนึ่งที่เราอาจกล่าวได้ว่า ในเวลาเสดจ็ ไปในท่ตี า่ งๆ ไมว่ ่าภายในหรอื ตา่ งประเทศทรงเป็นตัวอย่างที่สอดคล้องตามข้อสังเกตข้างต้นเป็น เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ จะทรงบันทึกเรอื่ งราวไว้โดยยอ่ บ้าง โดยอยา่ งยิง่ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ตง้ั แตค่ ร้ังทรงเป็นนกั เรยี นชน้ั พศิ ดารบา้ ง ทรงเร่ิมทำ�เชน่ น้ี ต้งั แตท่ รงเดินทางไปร่วมสมโภชประถม เจ้าพระคณุ สมเด็จฯ ก็ทรงชอบทีจ่ ะบนั ทึกเร่ืองราว พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ณ กรุงพนมเปญตา่ งๆ ไว้ในสมุด โดยทรงเอาสมุดแบบฝกึ หดั มาพับเปน็ สมุด ประเทศกัมพูชา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ เป็นต้นมา บางคราวในเล่มเล็กๆ แล้วทรงบนั ทึกเรอื่ งราวตา่ งๆ เพอ่ื ชว่ ยความจ�ำ หรือ โอกาสทเ่ี สดจ็ เยอื นตา่ งประเทศ จะทรงมสี มดุ บนั ทกึ ประจ�ำ วนัทรงเกบ็ ไวเ้ ปน็ ทร่ี ะลกึ สมดุ บนั ทกึ ดงั กลา่ วบางเลม่ ยงั หลงเหลอื สว่ นพระองค์ ทรงจดเหตุการณ์เป็นภาษาอังกฤษด้วย มาให้เราเห็นได้ทุกวันนี้ ตัวอย่างเช่น สมุดบันทึกที่ทรงจด นอกจากทรงบันทึกเรื่องการเดินทางแล้ว แม้ในเรื่องเรอื่ งพิธถี อื นำ้�พิพัฒน์ท่ีได้เลา่ มาแล้วข้างตน้ ทั่วไป ก็ทรงมีสมุดบันทึกส่วนพระองค์เพื่อจดเรื่องราวและ ยิง่ ทรงเจริญวัยขึ้น พระอุปนิสยั ท่ที รงชอบจดบันทกึ กย็ ่ิง เหตุการณ์ที่น่ารู้น่าสนใจต่าง ๆ เช่น คำ�บอกเล่าของบุคคลชัดเจนมากขึ้น และด�ำ เนนิ มาตลอดพระชนมชพี ของพระองค์ บ้าง จากหนังสือพิมพ์รายวันบ้าง จากแหล่งอืน่ ๆ บ้าง และเรอ่ื งราวตา่ งๆ ทท่ี รงจดบนั ทกึ ไวจ้ งึ มจี �ำ นวนมาก เชน่ ทรงบนั ทกึ ที่สำ�คัญที่สุดคือ จากประสบการณ์ของพระองค์เองบ้างเทศนาของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นจ�ำ นวนมากทท่ี รงแสดงในพระอุโบสถวดั บวรนิเวศวหิ ารโดยทรงใช้วธิ ที รง พระอปุ นสิ ยั ทที่ รงชอบจดบนั ทึกนเี้ อง แสดงใหเ้ หน็ วา่จ�ำ เนอ้ื ความจากทท่ี รงสดบั พระธรรมเทศนากณั ฑน์ ั้นๆ แล้วมา ทรงมีพระอุปนิสัยด้านการประพันธ์มาต้ังแต่สมัยยังทรงจดบนั ทกึ ในภายหลงั ไมช่ า้ นานนกั ดว้ ยวธิ นี ้ี จงึ ทรงบนั ทกึ เนอ้ื หา พระเยาว์ เจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ ได้ทรงเริ่มนพิ นธ์เรอื่ งต่างๆ มาสาระของพระธรรมเทศนาแต่ละกัณฑ์ได้พอสังเขปต่อเนื่อง ตง้ั แตย่ งั ทรงเปน็ พระเปรยี ญ งานพระนพิ นธม์ หี ลากหลายรปู แบบกันนานถึงสามปี ถา้ แบง่ ตามลกั ษณะเรอ่ื งราวหรอื เนอ้ื หากอ็ าจแบง่ ไดด้ งั น้ี 235

การแบ่งงานพตารมะลนักิพษขณนอะธงเ์ ร่อื งราว พระธรรมเทศนา ทง้ั ในงานพระราชพธิ ี รัฐพิธี งานทั่วไป และพระธรรมเทศนา ประจำ�วนั ธรรมสวนะในพระอุโบสถ มีจำ�นวนไม่น้อยกวา่ ๒๐๐ กณั ฑ์ ธรรมบรรยาย สว่ นใหญ่เปน็ คำ�สอนพระนวกภิกษหุ รอื พระใหม่ ในชว่ งพรรษกาลของแตล่ ะปี นับแต่ทรงเปน็ เจา้ อาวาสวดั บวรนิเวศวิหาร เม่อื พ.ศ. ๒๕๐๔ เปน็ ต้นมา เร่ืองท่ที รงนำ�มาบรรยายสอนพระใหมม่ หี ลายลกั ษณะ บางปที รงนำ�หมวด ธรรมะตา่ งๆ มาบรรยาย บางปีทรงนำ�พระสตู รต่างๆ มาบรรยาย บางปี ทรงเลือกหมวดธรรมะเรื่องใดเรือ่ งหนึ่งมาบรรยายโดยละเอียด เช่น โสฬสปัญหา, โพธิปักขยิ ธรรม, สมั มาทิฏฐิ เปน็ ตน้ เพราะฉะนนั้ พระนพิ นธป์ ระเภทน้ีจึงมจี ำ�นวนมาก ค�ำ สอนกรรมฐาน คอื ธรรมบรรยายอบรมกรรมฐาน ท่ที รงบรรยายแก่พระภกิ ษุสามเณรและ ประชาชนทว่ั ไป ประจ�ำ วันพระและวันหลงั วนั พระตลอดทั้งปี ซง่ึ เจา้ พระคุณสมเด็จฯ ไดท้ รงเริ่มอบรมหรือเรมิ่ สอนมาตั้งแตท่ รงเป็นเจ้าอาวาสวดั บวรนิเวศวิหาร เมือ่ พ.ศ. ๒๕๐๔ การอบรมกรรมฐานดงั กลา่ วน้ี ทรงด�ำ เนนิ ตามแนวของ มหาสติปัฏฐานสูตรเป็นหลกั และทรงน�ำ หลักธรรมอืน่ ๆ มาอธิบายประกอบบ้าง ฉะนั้น การบรรยายจงึ มกั ต่อเนือ่ งกันเป็นเวลานาน เมือ่ จบเรือ่ งแลว้ บางทกี ท็ รง เรม่ิ ตน้ ใหม่อีก เพราะผฟู้ ังมกั หมนุ เวียนกันมาไม่ใช่คนกลุ่มเดมิ พระนพิ นธ์ประเภท นี้ไดม้ ีการพิมพเ์ ผยแพร่คอ่ นข้างแพรห่ ลายแล้ว เชน่ แนวปฏบิ ัติในสตปิ ฏั ฐาน, บนั ทกึ กรรมฐาน, อนุสสตแิ ละสติปฏั ฐาน, แนวปฏิบตั ทิ างจิต, ธรรมบรรยายในการ ปฏิบตั อิ บรมจติ , ธรรมกถาในการอบรมกรรมฐาน และ ค่มู อื กรรมฐาน เปน็ ต้น หลกั พระพุทธศาสนา เป็นพระนิพนธป์ ระเภทแสดงหลักค�ำ สอนของพระพุทธศาสนาตั้งแตเ่ บื้องตน้ จนถึง ขัน้ สงู บางเร่ืองทรงนิพนธเ์ ป็นพระธรรมเทศนา หรอื เป็นธรรมบรรยายในการสอน พระใหม่ แล้วทรงดัดแปลงเป็นความเรียงทีส่ ละสลวยในภายหลังเพื่อให้มีความ ชัดเจนยิ่งขนึ้ พระนิพนธป์ ระเภทนี้ เชน่ หลกั พระพทุ ธศาสนา, คำ�สอนสำ�คญั ของ พระพุทธศาสนา, ลกั ษณะพระพุทธศาสนา, ความเขา้ ใจเร่ืองพระพทุ ธศาสนา,236 ความเข้าใจเรื่องปฏิจจสมุปบาท และ ความเขา้ ใจเร่อื งนพิ พาน เปน็ ต้น

ประวตั ิหรือตำ�นานไดแ้ ก่ พระนพิ นธ์เก่ียวกับพุทธประวัตแิ ละประวตั ิเก่ียวกบั พระพุทธศาสนา ซึ่งทรงนิพนธ์ไว้หลายเร่อื ง คอื ๔๕ พรรษาของพระพทุ ธเจา้ เป็นการเลา่ เรอ่ื งพุทธประวัติแนวใหม่ โดยนำ�เรือ่ งราวตา่ งๆ ท่เี ก่ยี วเน่ืองมาเลา่ ประกอบไวด้ ว้ ย ทำ�ให้ผอู้ า่ นได้ร้เู รื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนากว้างขวางออกไป ทงั้ เร่อื งในอดีตและในปจั จุบัน แต่เร่ืองนท้ี รงนพิ นธ์ได้ถึงเพยี งพรรษาท่ี ๑๒ ของสมเด็จพระบรมศาสดาเท่าน้นั กท็ รงยตุ เิ นื่องจากพระภารกจิ อีกหลายดา้ นเพม่ิ พูนขึน้ สว่ นที่เป็นตำ�นานหรือประวัติของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยก็เชน่ พทุ ธศาสนวงศ์ ซง่ึ เปน็ เรอ่ื งทว่ี า่ ดว้ ยความเปน็ มาของพระพทุ ธศาสนาและคณะธรรมยตุ ,น�ำ เท่ียววดั บวรนเิ วศวิหาร, การปกครองคณะสงฆ์ และ ประวตั กิ ารปกครองคณะสงฆ์โดยสังเขป เปน็ ตน้ธรรมคดีไดแ้ กพ่ ระนพิ นธท์ แ่ี สดงค�ำ สอนของพระพทุ ธศาสนาในแงม่ มุ ตา่ ง ๆ เชน่ เรอ่ื งโลก เรอ่ื งชวี ติเรอ่ื งจติ เรอ่ื งกรรม ตลอดไปถงึ เรอ่ื งสงั คม การเมอื ง และการพฒั นา เปน็ ตน้ พระนพิ นธเ์ หลา่ น้ีบางเร่ืองทรงนิพนธเ์ ปน็ บทความเป็นตอนๆ ลงพิมพเ์ ผยแพร่ในนิตยสารแลว้ รวมพมิ พ์เปน็เล่มในภายหลงั บางเร่ืองทรงนพิ นธ์เป็นตอนสำ�หรบั ออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงบางเรอ่ื งประมวลจากทท่ี รงนิพนธ์ไว้ในทีต่ ่างๆ มารวมเปน็ เรอ่ื งเดยี วกนั พระนพิ นธป์ ระเภทน้ีจงึ มจี �ำ นวนมาก เชน่ เรื่อง พระพทุ ธเจ้าของเรานัน้ ท่านเลิศลำ้� ทรงนพิ นธ์ลงพิมพ์เผยแพรใ่ นนติ ยสารศรีสัปดาห์ (เปน็ นิตยสารมชี ่อื เสียงในยคุ เมื่อหลายสบิ ปกี ่อน และทรงรู้จกั คุ้นเคยกบั บรรณาธกิ าร) ตอ่ เนอ่ื งกนั เปน็ เวลาถงึ ๑๑ ปี พระนพิ นธเ์ รอ่ื งนเ้ี ปน็ การแสดงพระพทุ ธคณุ โดยน�ำ เอาเรอ่ื งราวตา่ งๆ ทง้ั ในอดตี และปจั จบุ นั ทง้ั เรอ่ื งของบคุ คล เหตกุ ารณ์ และสถานทม่ี าเปน็ตัวอยา่ งสะทอ้ นใหเ้ ห็นถงึ พระพุทธคุณในดา้ นตา่ งๆ นบั วา่ เป็นการอธบิ ายพระพทุ ธคณุ หรืออธิบายเรื่องพระพุทธศาสนาแนวใหม่ หรือแนวประยุกต์ เรื่อง การบรหิ ารทางจิตส�ำ หรับผู้ใหญ่ ทรงนิพนธเ์ ปน็ บทความออกรายการวทิ ยุทางสถานวี ทิ ยุ อ.ส. พระราชวงั ดสุ ติ ประจำ�ทกุ เชา้ วันอาทติ ย์ ต่อเน่ืองมาเปน็ เวลา ๗ ปี ตามคำ�อาราธนาของสมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี แลว้ จงึ รวมพมิ พเ์ ปน็ เลม่ เผยแพรใ่ นภายหลงัพระนิพนธเ์ รอื่ งนี้ทรงมงุ่ แนะนำ�ประชาชนทัว่ ไปให้รจู้ กั ฝึกอบรมจิตใจของตนเองอยา่ งง่ายๆเพื่อใหส้ ามารถควบคุมจิตใจของตนเองไดอ้ ย่างน้อยในระดับที่ท�ำ ให้การด�ำ เนนิ ชีวิตประจ�ำ วันมคี วามสงบราบรน่ื จงึ เรยี กพระนพิ นธช์ ดุ นว้ี า่ การบรหิ ารทางจติ ซง่ึ ควรจะท�ำ ควบคไู่ ปกบั การบรหิ ารทางกายท่ที ุกคนรู้จกั คุน้ เคยอยู่แลว้ เพื่อความสมบรู ณ์ของชีวิตนนั่ เอง นอกจากนีก้ ม็ พี ระนพิ นธ์เรื่อง พระพทุ ธศาสนากับสงั คมไทย, ราชธรรมกบั การพัฒนาสงั คม, ทศพธิ ราชธรรมของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั , ทศบารมี ทศพธิ ราชธรรม เปน็ ตน้พระนพิ นธ์เหลา่ นท้ี รงแสดงให้เห็นถงึ ความเกยี่ วโยงระหวา่ งพระพุทธศาสนากบั ความเป็นไปของบ้านเมอื ง ตลอดถงึ ประโยชน์ของพระพุทธศาสนาทม่ี ีตอ่ สังคมและประเทศชาติ โลกและชีวิตในพุทธธรรม, ความเข้าใจเรื่องชวี ิต, ความเข้าใจเรอื่ งจิต, ความเขา้ ใจเรอ่ื งกรรม, ความสขุ หาได้ไม่ยาก และ ชวี ติ นี้น้อยนกั เปน็ ต้น พระนิพนธเ์ หล่าน้ที รงแสดงใหเ้ หน็วา่ พระพุทธศาสนาสอนให้คนเข้าใจเรอ่ื งโลกและความเปน็ ไปของชีวิตอย่างไร ทำ�ตนอย่างไรจงึ จะทำ�ใหช้ วี ิตมีความสุข นอกจากนี้ ก็ยังมพี ระนพิ นธเ์ รอื่ งอ่ืนๆ อีกจ�ำ นวนมากทีท่ รงอธิบายถงึ แนวทางในการด�ำ เนนิ ชวี ติ ตามแนวของพระพทุ ธศาสนา พระนพิ นธเ์ หลา่ นล้ี ว้ นเปน็ การอธบิ ายพระพทุ ธศาสนาแบบประยกุ ต์ คือประยุกต์หลกั ธรรมให้พอเหมาะพอสมกบั ชีวติ และสังคมยคุ ปจั จบุ นั และประยุกตศ์ าสตร์สมยั ใหม่ให้ผสมกลมกลืนกบั พระพทุ ธศาสนา เพือ่ ให้รจู้ กั น�ำ พระธรรมคำ�สอนของพระพุทธศาสนามาใช้ในการดำ�เนินชีวิตอยา่ งพอเหมาะพอดี 237

ธรรมนิยาย ไดแ้ ก่พระนพิ นธ์ท่ที รงแสดงหรอื อธบิ ายคำ�สอนของพระพทุ ธศาสนา ในรูปแบบ นวนยิ าย หรอื ที่สำ�นวนทางพระพทุ ธศาสนาเรยี กว่า อธบิ าย แบบบุคคลาธิษฐาน พระนิพนธ์ลักษณะนเี้ จ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ กท็ รง นพิ นธ์ไวห้ ลายเรอื่ ง บางเรื่องทรงนิพนธ์ไว้แต่คร้ังยังเปน็ พระเปรียญ และบางเร่อื งทรงนิพนธเ์ มื่อด�ำ รงสมณศกั ดท์ิ ี่ สมเดจ็ พระญาณสงั วร บางเรื่องทรงน�ำ เคา้ เรือ่ งมาจากชาดก บางเรอื่ งกท็ รงดำ�ริขึ้นเอง ธรรมนิยายเรือ่ งสำ�คัญทท่ี รงนพิ นธ์ข้ึนจากแนวพระด�ำ ริของพระองค์เอง และเป็นทไ่ี ด้รบั ยกย่องแพรห่ ลายมากก็คือเรอื่ ง จติ ตนคร ซ่งึ เป็น ธรรมนยิ ายขนาดยาวทเ่ี จ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงน�ำ เรื่องของธรรมะและ กิเลสท่พี ระพทุ ธองคท์ รงแสดงไวม้ าแปลงใหเ้ หน็ เปน็ รูปธรรม คอื ให้เห็น เปน็ ตวั บคุ คล และแสดงกิรยิ าอาการหรือพฤตกิ รรมต่าง ๆ ตอ่ กัน เช่นกบั บคุ คลกระท�ำ ต่อกัน ทัง้ น้เี พ่ือแสดงใหเ้ ห็นว่า ในจิตใจของแต่ละคน ต่างมีธรรมะและกเิ ลสต่อส้กู นั ไปตามความคดิ และการคดิ ของแตล่ ะคน เสมอื นกบั มคี นดคี นช่วั ต่อสู้กนั อยู่ในเมืองๆ หนงึ่ เพ่ือให้ได้เมืองนน้ั ไว้ในอ�ำ นาจของตน เม่ือคนดีครองเมือง บ้านเมอื งและประชาชนก็อย่เู ปน็ สขุ เม่ือคนชวั่ ครองเมอื ง บ้านเมืองและประชาชนกอ็ ยเู่ ปน็ ทุกข์ เช่นเดยี วกับจติ ใจของคนเรา เมือ่ ธรรมะ มอี ำ�นาจครองจิตใจ ชวี ิตกส็ งบสขุ เมอ่ื กเิ ลสหรืออธรรมมอี ำ�นาจครองจิตใจ ชีวติ ก็เดือดรอ้ นเปน็ ทุกข์ ฉะนน้ั เจ้าพระคณุ สมเด็จฯ จงึ ทรงอธิบายใหเ้ หน็ ลักษณะ ความหมาย และกริ ยิ าอาการของธรรมะและอธรรมหรือกเิ ลสใหเ้ ข้าใจงา่ ย ด้วยการแสดงให้เห็นเสมือนเปน็ ตัวบุคคล เพอ่ื ทีผ่ อู้ า่ นจะได้เขา้ ใจค�ำ สอนของ พระพุทธศาสนางา่ ยขน้ึ ทง้ั อาจจะชว่ ยใหช้ วนคิดชวนอา่ นสำ�หรับผู้ท่ียังไม่คอ่ ย คุน้ เคยกบั พระธรรมคำ�สอนของพระพทุ ธศาสนา พระโอวาทและคตธิ รรม ได้แก่พระโอวาทและคติธรรม ที่ทรงประทานในโอกาสต่าง ๆ เช่น พระโอวาทใน การเสด็จเยย่ี มวัดและพทุ ธศาสนิกชนภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื พระโอวาทในการ เสด็จเยีย่ มวัดและพุทธศาสนกิ ชนภาคพายพั เปน็ ต้น พระโอวาทเหล่านี้ เจ้าพระคณุ สมเด็จฯ ไดท้ รงแสดงไปตามสภาพของประชาชนและบา้ นเมืองในแต่ละ แหง่ ที่เสด็จไปเยือน ไมเ่ พยี งแตท่ รงประทานคำ�สอนทางพระพทุ ธศาสนาแก่ ประชาชนเทา่ น้ัน แตย่ งั ทรงแสดงพระวิสัยทรรศน์เกย่ี วกบั พระศาสนา การคณะสงฆ์ และบา้ นเมืองอยา่ งนา่ สนใจยิง่ บางคราวทรงนพิ นธ์เปน็ ขอ้ ความสัน้ ๆ มเี นือ้ ความ ไม่กบี่ รรทัด เรียกว่า “พระวรธรรมคต”ิ เพอ่ื ประทานเปน็ ขอ้ คดิ แกส่ าธารณชน ในโอกาสต่าง ๆ ค�ำ ประพันธ์ ไดแ้ ก่พระนิพนธ์ที่ทรงนิพนธเ์ ป็นโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน เจา้ พระคณุ สมเด็จฯ ได้ทรงเรม่ิ นพิ นธบ์ ทนพิ นธล์ กั ษณะนี้มาต้งั แต่ทรงเป็นสามเณร และทรงนพิ นธ์ใน โอกาสตา่ งๆ เรอ่ื ยมา พระนิพนธล์ ักษณะนี้จึงมอี ยู่เปน็ จำ�นวนมากเช่นกัน พระนิพนธ์ค�ำ ประพันธเ์ ร่ืองยาวของเจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ ในหมวดน้คี ือเรือ่ ง ค�ำ กลอนนิราศสงั ขาร ซ่ึงทรงนพิ นธแ์ ตค่ รั้งทรงด�ำ รงสมณศักดท์ิ ี่ พระโศภนคณาภรณ์238

พระนพิ นธภ์ าษาอังกฤษเนอ่ื งจากเจา้ พระคุณสมเด็จฯ ทรงรเิ ร่มิ การสอนพระพุทธศาสนาแกช่ าวตา่ งประเทศข้นึณ วัดบวรนเิ วศวหิ าร เรยี กวา่ Dhamma Class โดยทรงสอนดว้ ยพระองคเ์ องเป็นส่วนมากและมีพระภิกษชุ าวต่างประเทศทบี่ วชอยูว่ ดั บวรนเิ วศวหิ ารชว่ ยสอนบ้าง เปน็ เหตุให้พระองค์ต้องทรงเตรียมค�ำ สอนเป็นภาษาองั กฤษสำ�หรบั สอนชาวตา่ งประเทศ การสอนส่วนใหญ่เน้นเรื่องการฝกึ สมาธิกรรมฐาน ฉะน้นั พระนิพนธภ์ าษาองั กฤษของเจา้ พระคุณสมเด็จฯ จึงเปน็ เรือ่ งการฝึกสมาธิกรรมฐานเป็นส่วนมาก เช่นเรื่องกายานปุ สั สนาเวทนานปุ ัสสนา ธรรมะภาคปฏบิ ัติ เป็นต้น ต่อมาในภายหลงั จึงไดม้ ีการแปลพระนพิ นธ์เร่ืองอน่ื ๆ ที่เปน็ ภาษาไทยของเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ เปน็ ภาษาองั กฤษเพมิ่ เตมิ ขน้ึ เช่นเรอื่ งแนวปฏิบัติในสติปัฏฐาน หลักการทำ�สมาธเิ บ้ืองต้น พระพทุ ธเจา้ ทรงสงั่ สอนอะไรศลี เปน็ ต้น หากเราไดอ้ ่านหรอื ศึกษาพระนิพนธข์ องเจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ ทม่ี ีจำ�นวนมากดงั กลา่ วมาแลว้ ข้างตน้ เราย่อมประจักษว์ า่ เจา้ พระคณุ สมเด็จฯ นอกจากจะทรงพระปรชี าฉลาดหลกั แหลม ทรงสอดสอ่ งรอบรู้ในพระธรรมค�ำ สอนอยา่ งแจม่ แจง้ แลว้ยังทรงสามารถยิ่งท่ีจะนำ�ความรู้เหล่านั้นมาเผยแผ่หรืออธิบายให้ผู้คนท้ังหลายได้ซมึ ทราบรับรู้ดว้ ย ทกั ษะอย่างหนึ่งทที่ รงใช้อยู่เสมอในงานพระนิพนธ์หลายช้ินคอื การอปุ มาอปุ ไมยเปรยี บเทยี บ ทท่ี รงอธบิ ายไดอ้ ยา่ งลกึ ซง้ึ ท�ำ ใหผ้ อู้ า่ นสามารถเข้าใจตามเรื่องที่ทรงอธิบายได้อย่างตรงไปตรงมา เช่น เมื่อทรงอธิบายเรื่อง“ผลแหง่ กรรม” ทรงใช้คดโี ลกมาอธิบายขยายคดีธรรมได้อยา่ งชดั เจนเหน็ จรงิ วา่ “ลองนกึ ถงึ ภาพของรถบรรทกุ ขนาดใหญก่ �ำ ลงั แลน่ ไลท่ บั เราอยู่ ขณะเดยี วกนั ก็มรี ถบรรทกุ แกว้ แหวนเงนิ ทองคนั ใหญ่ ก�ำ ลงั แลน่ ไลต่ ามเพอ่ื จะยกแกว้ แหวนเงนิ ทองเหล่านั้นให้เราด้วย รถทั้งสองคันนั้นกำ�ลังขับแซงกันอย่างรวดเร็ว ผลัดกันนำ� ผลัดกันตาม นกึ ภาพนีแ้ ลว้ ก็นกึ ถงึ ใจตนเองว่า ยงั มีใจจะต้องการแกว้ แหวนเงินทองหรอื ยังมีใจอยากไดอ้ ะไรอกี หรอื ในเมอื่ รถลา่ ชวี ิตเราก�ำ ลังขับตะบงึ ติดตามมาอยา่ งมุ่งมาดปรารถนาตัวเราเปน็ เปา้ หมาย” เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงนพิ นธห์ นงั สอื ทางพระพทุ ธศาสนาไวม้ าก นบั จ�ำ นวนเปน็ รอ้ ยเรอ่ื งดงั กลา่ วมาแลว้ แตพ่ ระองคม์ ไิ ดแ้ สดงพระองคว์ า่ ทรงเปน็ ปราชญห์ รอืผรู้ อบรูท้ างพระพทุ ธศาสนา ฉะนัน้ ในการสง่ั สอนธรรมะของเจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯพระองค์มกั จะทรงกลา่ วว่า ไม่ได้แสดงในฐานะเป็นครบู าอาจารย์หรือผ้รู อบรู้ แต่ทรงแสดงในฐานะเป็นผรู้ ่วมศึกษาปฏบิ ตั ิธรรมดว้ ยกนั และทรงสรปุ วา่ ส่วนที่เปน็ค�ำ อธิบายนัน้ เมือ่ ฟงั แล้วกท็ ้ิงไปเสยี คงก�ำ หนดไวแ้ ต่ธรรมะเท่าน้นั นนั่ คือทรงสอนมิให้ตดิ ในตัวบุคคล หรอื ในตัวครบู าอาจารย์ แตท่ รงให้ยดึ ธรรมะเปน็ หลกัสำ�คญั ในการพจิ ารณาและปฏบิ ตั นิ ่ันเอง เจ้าพระคณุ สมเด็จฯ ทรงย�ำ้ เตอื นอยู่เสมอว่า พระมหากรณุ าของพระบรมศาสดานัน้ ไม่เคยขาดสาย ไม่เคยวา่ งเวน้ พระธรรมค�ำ สง่ั สอนของพระพทุ ธเจ้าเปน็ ความประเสริฐสถานเดียว เป็นไปเพ่อื ความหมดจากกเิ ลสและกองทุกข์จรงิ แท้ ตราบใดทย่ี ังมที ุกข์ พระคุณของพระพทุ ธเจ้าก็ยังเป็นที่พ่งึ ได้ตลอดไป 239

พระประวัติด้านการก่อสร้าง240

เจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ จะทรงแนะน�ำ ประชาชนอย่เู สมอวา่“ขอให้ชว่ ยกนั สรา้ งวัดภายใน คอื การมีธรรมะประจำ�ใจอย่เู สมอย่อมอำ�นวยสขุ ประโยชน์แกช่ วี ิตไดแ้ น่นอนตลอดไป และไม่วา่ จะไปท่ีไหนก็จะมวี ัดใหเ้ ปน็ ทีพ่ ำ�นกั ของจติ ใจ เปน็ ทช่ี ่มุ เย็นของจติ ใจอยเู่ สมอทง้ั เปน็ สถานท่ีที่ไมต่ อ้ งไปแสวงหาจากท่ีไหน เมือ่ ทุกคนมวี ดั อยู่ในใจ”พระประวัติด้านการก่อสร้าง> การกอ่ สร้างสง่ิ อนั เปน็ สาธารณประโยชน์ ฉะนนั้ เมือ่ มกี ารกลา่ วถึงงานหรือหน้าท่ีทางคือ สิ่งท่ีอ�ำ นวยประโยชนแ์ กค่ นทวั่ ไป การกอ่ สรา้ งของคณะสงฆ์ จงึ นิยมเรียกว่าไม่ว่าในทางศาสนาหรอื ในทางสงั คม งานสาธารณูปการนับวา่ เป็นภารกจิ ส�ำ คัญประการหน่งึ ส�ำ หรบั > เจ้าพระคณุ สมเด็จฯ ไดท้ รงปฏบิ ตั หิ น้าที่พระสงฆ์ในพระพทุ ธศาสนา ภาษาทาง ในดา้ นนีอ้ ย่างครบถ้วน นบั แต่ทรงเป็นพระพทุ ธศาสนาเรียกวา่ นวกรรม ซึ่งมีมา เจา้ อาวาสวดั บวรนิเวศวหิ ารเปน็ ต้นมาแต่ครั้งพทุ ธกาล แม้ในครัง้ พทุ ธกาล งานสาธารณูปการอันดับแรกที่ทรงท�ำ คอืพระอรหนั ตสาวกบางรปู ได้รบั การยกย่อง ทรงบรู ณปฏิสังขรณ์เสนาสนะภายในวา่ เปน็ ผู้เชยี่ วชาญในงานนวกรรม เช่น พระอาราม เร่มิ ต้งั แต่ พ.ศ. ๒๕๐๕ และพระมหาโมคคัลลานเถระ เป็นต้น เรื่อยมาจนถึงวาระสดุ ทา้ ยแห่งพระชนมช์ พีในบางครั้งเม่ือมีการก่อสร้างอารามหรอื วดั บวรนิเวศวิหารในยุคของพระองค์นนั้วิหารอนั เปน็ เสนาสนะ (ที่อยูอ่ าศยั ของ ไดร้ บั การบรู ณปฏิสังขรณ์เสมอื นสรา้ งใหม่พระสงฆ์) พระพุทธองคก์ โ็ ปรดให้พระมหา หมดทั้งพระอาราม การบรู ณะทสี่ �ำ คญั คือโมคคลั ลานะไปช่วยดแู ลการกอ่ สรา้ งกม็ ี การปิดโมเสกสที องพระเจดีย์ใหญ่ทงั้ องค์แม้ในยุคปัจจบุ นั คณะสงฆ์ได้ให้ความ การประดับหินอ่อนพระอโุ บสถท้งั หลังสำ�คัญแกง่ านนวกรรม หรือการกอ่ สรา้ ง ซงึ่ เป็นงานท่ยี ากล�ำ บากมาก เพราะโดยจดั เปน็ องค์การหนึ่งทางการปกครอง พระอุโบสถเปน็ อาคารโบราณ แต่คณะสงฆ์ เรยี กว่า องคก์ ารสาธารณูปการ ก็ทรงบูรณะไดส้ �ำ เร็จเรียบรอ้ ย โดยใช้มีหน้าทดี่ ูแลสง่ิ กอ่ สรา้ งทางพระพุทธศาสนา เวลาในการบูรณะตอ่ เนือ่ งกวา่ ๒๐ ปี 241

ทรงดแู ลงานกอ่ สร้างและบูรณะเสนาสนะและถาวรวัตถภุ ายในวัดบวรนเิ วศวิหารด้วยพระองค์เอง242

> นอกจากการก่อสร้างเสนาสนะและ ถาวรวัตถุภายในวัดบวรนิเวศวิหารแล้ว เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ยังได้ทรงสร้างและ ทรงอปุ ถมั ภก์ ารสรา้ งสง่ิ สาธารณประโยชน์ ในที่อื่นๆ รวมจำ�นวนถึง ๔๕ รายการ ได้แก่ ปูชนียสถาน พุทธสถาน โรงเรียน โรงพยาบาล และสิ่งสาธารณประโยชน์ แต่ถ้าเป็นชิ้นวัตถุก็มีจำ�นวนนับร้อย ซึ่งมากเกินความคาดคิดของคนทั่วไป• งานก่อสรา้ งวัดญาณสงั วรารามวรมหาวิหารในพระบรมราชูปถมั ภ์ จังหวัดชลบุรี• งานกอ่ สร้างพระบรมราชานสุ าวรยี ์สมเด็จพระปยิ มหาราชอำ�เภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี• ตึกสกลมหาสงั ฆปรณิ ายก 243

บรรยากาศวัดบวรนิเวศวหิ ารในปจั จบุ ัน หลังจากทีเ่ จา้ พระคุณสมเด็จฯ ไดท้ ำ�การบูรณะอาคารเก่า รวมทง้ั ก่อสร้างอาคารขนึ้ ใหม่244

ส่งิ กอ่ สร้างเหลา่ น้ี นอกจากจะเปน็ สงิ่ อ�ำ นวยประโยชน์แก่มหาชนแลว้ ยงั เปน็ สิ่งสะทอ้ นถึงพระคณุ ธรรมในพระองคห์ ลายประการ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ คอืความกตัญญูท่ีทรงมตี อ่ ครบู าอาจารยแ์ ละผูม้ พี ระคณุทัง้ หลาย ทัง้ โดยตรงและโดยออ้ ม ความเมตตากรณุ าทที่ รงมีต่อมหาชน ท้ังในฝา่ ยพระศาสนาและในฝา่ ยบ้านเมอื ง และทั้งหมดนย้ี ่อมรวมลงในพระคุณธรรมขอ้ ส�ำ คญั คือความเสยี สละ ไมย่ ดึ ตดิ ในวตั ถุธรรมทง้ั หลายแตท่ รงม่งุ สขุ ประโยชนข์ องมหาชนเปน็ หลกั ส�ำ คญั 245

246

247

248

249


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook