250
251
สนบั สนนุ การศกึ ษา โปรดให้สร้าง “อาคาร ๘๐ ญสส.” ภายในโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม วดั นาควชั รโสภณ จังหวัด ก�ำ แพงเพชร ถวายเปน็ พระราชกศุ ลเฉลมิ พระเกยี รติ เนอ่ื งใน วโรกาสเฉลมิ พระชนม์ ๖๐ พรรษา สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ อาคารน้ี ใช้เปน็ ท้ังทศี่ กึ ษาเล่าเรยี นของพระภกิ ษุสามเณรและสถาน ศกึ ษาพระพุทธศาสนาสำ�หรับเยาวชน ทรงด�ำ เนนิ การใหจ้ ดั สร้าง ทรงพระด�ำ รใิ หจ้ ดั สรา้ ง ตึกกวีบรรณาลยั โรงเรยี นสมเดจ็ พระปยิ มหาราชรมณยี เขต โดยทุนบรจิ าคของนายกวี เหวียนระวี อ�ำ เภอไทรโยค จงั หวดั กาญจนบรุ ี ส�ำ หรับเป็นหอสมดุ มหาวิทยาลัย เปน็ โรงเรยี นประจ�ำ ส�ำ หรบั สงเคราะหเ์ ดก็ ท่ี เรยี นดแี ตย่ ากจนใหม้ โี อกาสเรยี นไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี มหามกุฏราชวทิ ยาลยั วดั บวรนิเวศวิหาร มตี ง้ั แตช่ น้ั ประถมศกึ ษาจนจบชน้ั มธั ยมศกึ ษา ตดิ กับตกึ สภาการศกึ ษาฯ เพือ่ เกือ้ กลู แก่ โดยรบั เดก็ จากทว่ั ประเทศมาอยศู่ กึ ษาและ การศกึ ษาคน้ ควา้ ของพระนกั ศึกษาและ ศกึ ษาฟรตี ลอดหลกั สตู ร ทรงพระเมตตาจดั ตง้ั กองทนุ เพอ่ื สงเคราะหเ์ ดก็ นกั เรยี นเหลา่ น้ี คณาจารยข์ องมหาวทิ ยาลยั ไวด้ ว้ ย และเพอ่ื อ�ำ นวยความสะดวกในดา้ น มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั สขุ ภาพอนามยั ของนกั เรยี นและครอู าจารย์ รวมถงึ ประชาชนในบรเิ วณใกลเ้ คยี งซง่ึ เปน็ ถน่ิ ทรงดำ�เนนิ การให้ร้ืออาคารโรงเรยี นวดั บวรนิเวศ ๒ หลงั คอื ตกึ ทรุ กนั ดาร เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ไดด้ �ำ เนนิ การ อรพินทุ์และตกึ ด�ำ รงธรรมี ซึ่งเก่าแกท่ รุดโทรมเพราะสรา้ งมาแต่ ใหจ้ ดั สรา้ งโรงพยาบาลสมเดจ็ พระปยิ มหาราช ครัง้ สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงจดั รมณยี เขตขน้ึ ในบรเิ วณใกลเ้ คยี งดว้ ย เปน็ ตง้ั โรงเรยี นหนงั สอื ไทยของมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๓๖ โรงพยาบาลขนาด ๓๐ เตยี ง ทง้ั โรงเรยี นและ แล้วสร้างอาคารเรยี น ๔ ช้นั ขึน้ แทน โปรดประทานชอ่ื อาคารนว้ี า่ ตกึ วชริ ญาณวงศ์ เพอ่ื ถวายเปน็ พระอนสุ รณแ์ ดส่ มเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ โรงพยาบาลไดท้ �ำ พธิ เี ปดิ พรอ้ มกนั กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ พระอุปัชฌาย์ของพระองค์และครูใหญ่ เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๓๕ พระองค์แรกของโรงเรียนวัดบวรนิเวศ ทำ�ให้นักเรียนมีสถานที่ เรยี นกว้างขวางสะดวกสบายขึ้น ในบรเิ วณใกลก้ นั เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ได้โปรดใหส้ รา้ งพระบรมราชานสุ าวรยี ์ เน่อื งในโอกาสฉลองพระชนมายุ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ๘๔ พรรษา โปรดประทานทนุ ให้ พระปยิ มหาราช เพอ่ื เปน็ พระบรมราชานสุ รณ์ จัดสร้างอาคารเรยี นแก่โรงเรียน ถงึ การเสดจ็ ประพาส ณ บรเิ วณนห้ี ลายครง้ั วดั บวรนิเวศในพ้นื ท่ีวดั บวรนเิ วศวิหาร และเปน็ เครอ่ื งระลกึ เตอื นใจพสกนกิ รทง้ั ใกล้ อีกหลงั หนึ่งเรียกวา่ “อาคาร ๘๔ และไกลไดร้ ะลกึ ถงึ พระมหากรณุ าธคิ ณุ ของ พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร” ทำ�ให้ สมเดจ็ พระปยิ มหาราช ทเ่ี สดจ็ พระราชด�ำ เนนิ โรงเรียนวัดบวรนิเวศมีพ้ืนทก่ี ารเรียน ไปพระราชทานความเจรญิ ผาสกุ แกพ่ สกนกิ ร การสอนและการจดั กิจกรรมทางการ ไมว่ า่ จะอยใู่ นถน่ิ หา่ งไกลทรุ กนั ดารเพยี งไร ศึกษาสะดวกกว้างขวางย่ิงขึน้252
การต้งั ทุนการศกึ ษาไว้ในมหาวิทยาลยั ทุนการศกึ ษาส�ำ หรบั เยาวชนเพือ่ ใชด้ อกผลมอบเปน็ ทนุ การศกึ ษา ทรงห่วงใยและเอาพระทัยใส่ในการศึกษา พระเมตตาออกไปถึงการสงเคราะห์เยาวชน แก่นิสิตนักศึกษา ของเยาวชนเปน็ อยา่ งมาก ถงึ กบั เคยรบั สง่ั ในด้านการศึกษา จากดอกผลในกองทนุพ.ศ. ๒๕๒๐ ทรงเปน็ พระอาจารย์สอน กบั ผู้ใกลช้ ดิ วา่ “เราไมม่ โี อกาสเรยี น จงึ อยาก นิธิน้อย คชวัตร ทรงโปรดให้จัดเป็นทุนวิชาสมถะและวปิ ัสสนา (ปัจจุบนั เรียกว่า ส่งเสริมคนอื่นให้ได้เรียนมากๆ” จึงทรง การศกึ ษาแกน่ กั เรยี นโรงเรยี นวดั บวรนเิ วศ วชิ าการฝึกสมาธิตามแนวพทุ ธศาสนา) ส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนท่ัวไปรวมถึง เป็นประจำ�ทกุ ปี พระภิกษุสามเณร โดยทรงจัดต้ังกองทนุ นอกจากนยี้ งั โปรดประทานทนุ การศึกษา แกน่ สิ ิตภาควิชาปรชั ญาและศาสนา “นิธินอ้ ย คชวตั ร” เม่อื พ.ศ. ๒๕๐๕ ใน แกพ่ ระภกิ ษทุ จ่ี บการศกึ ษาจากมหาวทิ ยาลยั คณะสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ขั้นต้น ทรงมีพระประสงค์จะมีกองทุนไว้ มหามกุฏราชวิทยาลัย เพื่อไปศกึ ษาต่อในเกษตรศาสตร์ และผู้สนใจทว่ั ไป เมอื่ จบ สำ�หรับอปุ การะโยมมารดาของพระองค์เอง ระดบั ปรญิ ญาโทและปรญิ ญาเอก ณ ประเทศภาคการศึกษา ทรงมอบเงนิ ค่าสอนเป็น ต่อมาเมอื่ กองทนุ เติบใหญ่ข้นึ กท็ รงขยาย อนิ เดยี ดว้ ยทนุ เร่ิมต้น จัดตง้ั เป็น “ทนุ ศิษย์สมเด็จ” เพอื่ สง่ เสรมิ การศกึ ษาของนสิ ิต ทรงดำ�เนินการจัดสร้างอาคารโรงเรียนพระปริยัติหลังใหม่ ณ วัดเทวสังฆารามเรียกว่า อาคารรวิเทวานันท์ เพื่อเป็นพ.ศ. ๒๕๓๗ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ การสนองคณุ วดั เทวสงั ฆารามอนั เปน็ ส�ำ นกั เดมิ ของพระองค์ไดจ้ ดั งานบ�ำ เพญ็ กศุ ลถวายมทุ ติ าสกั การะ อาคารนี้ใช้เป็นที่ศึกษาเล่าเรียนของพระภิกษุสามเณรและ โรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์สำ�หรับเยาวชนด้วย เทิดพระเกียรตเิ จา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯเนือ่ งในมงคลวาระทรงเจริญพระชนมายุ ทรงประทานทนุ จัดสร้างอาคารเรยี นแก่ โรงเรียนประถมวดั ๘๐ พรรษา ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ พทุ ธวิมตุ ิวนาราม หรอื วดั พมุ ุด จงั หวดั กาญจนบุรี ซึ่งเปน็ในโอกาสนี้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรงเรยี นทอ่ี ยู่ในถิน่ ทรุ กันดาร ได้ถวายจตปุ ัจจัยบชู าพระคุณ๒๒๑,๐๘๑.๐๐ บาท เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯกไ็ ดม้ อบจตปุ จั จยั จ�ำ นวนดงั กลา่ วตงั้ เปน็“ทนุ สมเด็จพระญาณสังวร” ไว้ในมูลนธิ ิพทุ ธเกษตร เพอ่ื ใชด้ อกผลบ�ำ รงุ กจิ กรรมทางการศกึ ษาและกิจกรรมทางพระพุทธ ศาสนาในมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์เมอ่ื เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงรบั อาราธนา ไปในกจิ กรรมใดๆ ของสถานศึกษาไมว่ ่าจะเป็นทีใ่ ด ก็จะทรงมอบจตปุ ัจจัย ท่สี ถานศึกษานั้นถวาย ตงั้ เป็นทนุ หรอืกองทนุ เพอ่ื สง่ เสรมิ การศกึ ษาของเยาวชน ในสถานศกึ ษานัน้ เสมอเหมือนกนัทรงประทานพระอปุ ถมั ภ์การจดั สรา้ งโรงเรยี นสมเดจ็ พระญาณสงั วร จังหวดั ยโสธร ซ่ึงคณะศษิ ยานุศิษย์ได้ด�ำ ริจัดสรา้ งขนึ้ เพ่อื เปน็ อนุสรณ์ในการฉลองพระชนมายุ ๖๐ พรรษา ๓ ตุลาคมพ.ศ. ๒๕๑๖ นบั เป็นโรงเรยี นทจี่ ัดสรา้ งข้นึ ในพระนาม “สมเดจ็ พระญาณสังวร” เปน็ แหง่ แรก 253
พ ร ะ เ ค ร่ื อ ง ในเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ส ม เ ด็ จ พ ร ะ สั ง ฆ ร า ช ส ก ล ม ห า สั ง ฆ ป ริ ณ า ย ก เจา้ พระคณุ สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราชฯ นา่ จะทรงมคี วามรู้ในการสรา้ งพระเครอ่ื งมาตง้ั แตค่ รง้ั ประทบั อยวู่ ดั เทวสงั ฆาราม (วดั เหนอื ) แลว้ เพราะพระเทพมงคลรงั ษี (หลวงพอ่ ดี พทุ ฺธโชต)ิ พระอปุ ัชฌาย์ เม่ือคร้ังทรงบรรพชา และอุปสมบท ณ วัดเทวสังฆาราม ของพระองค์นั้นเป็น ศิษย์ของหลวงปู่ยิ้ม จนฺทรํสี ซึ่งมีความรู้เรื่องการลบผง พุทธคุณตามสูตรมลู กจั จายน์ ซ่ึงเป็นพ้ืนฐานของการศึกษา พระปริยัติธรรมของพระสงฆ์ในสมยั กอ่ น แตท่ รงสนพระทยั ด้านการศึกษาพระปริยัติธรรมตามความประสงค์ของ หลวงพอ่ ดพี ระอุปชั ฌาย์มากกว่า และเป็นจดุ มงุ่ หมายหลกั ของพระองค์ ดงั ปรากฏถงึ ผลการศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรมของ พระองค์ทั้งท่ีวัดเสนหาและวัดบวรนิเวศวิหารโดยลำ�ดับว่า ในที่สุดพระองค์ก็ทรงสอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค อนั เป็นทที่ ราบกนั ดีอยู่แล้ว การสร้างพระเครื่องครั้งแรกของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทีป่ รากฏหลกั ฐานเป็นครั้งแรก ณ วัดบวรนิเวศวหิ ารก็คอื เม่ือครง้ั ทรงด�ำ รงสมณศักดทิ์ ่ี “พระสาสนโสภณ” คือ เหรียญพระไพรพี นิ าศ พิมพ์รูปไข่ เท่าทพ่ี บเหน็ สว่ นใหญเ่ ปน็ เนอ้ื เงินลงยา สว่ น เนื้ออื่น ๆ อย่างเช่น เนื้อทองคำ� มีผู้หลักผู้ใหญ่ยืนยันว่ามี หรือเนื้อทองแดงนั้นก็ไม่อาจยืนยันได้ พระเครื่องและวัตถุมงคล สว่ นใหญท่ ท่ี รงสรา้ งขน้ึ มาดว้ ยพระประสงคต์ ามแบบคตนิ ยิ มโบราณ คอื การสบื ทอดอายพุ ระพทุ ธศาสนา และเปน็ พทุ ธานุสสติ มิไดท้ รงมพี ระประสงคม์ ากไปกว่าเหตผุ ล ๒ ข้อน้ี ผู้เขียนเคยไดเ้ ขา้ เฝา้ พระองค์ครั้งแรกเมือ่ ยังเปน็ นกั ศกึ ษามหาวิทยาลัย ศิลปากร ใน พ.ศ. ๒๕๓๑ พระองค์ทรงพระเมตตาโปรดประทานวตั ถมุ งคลและหนงั สือพระนิพนธ์แสงส่องใจ ทรงกำ�ชับวา่ ให้ อา่ นหนงั สือเลม่ นีใ้ หจ้ บ พระเครื่องคือพทุ ธานุสสติ หนงั สือคือธรรมานุสสติ เทา่ นก้ี ็จะเป็นมงคลยง่ิ นกั วตั ถุมงคลที่เจ้าพระคณุ สมเด็จฯ ประทานให้จัดสรา้ ง ส่วนใหญ่มีท้งั ในสว่ นของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ในสว่ นของ พระองค์เอง ในสว่ นของวัดบวรนิเวศวหิ าร ในสว่ นของพระนวกะ ในสว่ นของหนว่ ยราชการ องค์กร มลู นธิ ิ และเอกชนตา่ ง ๆ ซง่ึ มีอยู่มากมาย อันไมอ่ าจจะนำ�มากล่าวได้หมด ณ ท่ีนี้ หากแต่พอจะประมวลโดยสังเขปได้ดงั น้ี254
๑. วัตถมุ งคลชุด ภปร. ทอี่ อก ณ วัดเทวสงั ฆาราม (วัดเหนอื ) ประกอบดว้ ย • พระพทุ ธรปู ภปร. ขนาด ๙ นิ้ว (ฐานถอดได)้ และขนาด ๕ นว้ิ • เหรียญพระพุทธชนิ ราช ท้ังเน้ือทองแดงกะไหลท่ องและอลั ปาก้า๒. วตั ถุมงคลชุด ภปร. ท่ีออก ณ วัดบวรนเิ วศวิหารประกอบด้วย • พระพุทธรปู ภปร. ขนาด ๙ นิ้ว และขนาด ๕ นิว้ หลอ่ ดว้ ยดนิ ไทย (ทง้ั ๒ ขนาดฐานถอดไมไ่ ด้) • พระกรง่ิ ภปร. เนื้อโลหะผสม ผิวรมด�ำ 255
๓. วัตถมุ งคลชดุ ๕ รอบชดุ วตั ถมุ งคลครบ ๕ รอบพระชนมายุ ๖๐ พรรษา ๓ ตุลาคม ๒๕๑๖๓.๑ สมเดจ็ พระศาสดารัศมี ๓.๒ สมเดจ็ พมิ พท์ รงสเ่ี หลย่ี มชิ้นฟกั แบบพระสมเดจ็ วัดระฆงัมี ๒ พิมพ์ คือ ซุ้มกวา้ งและซุ้มแคบ มวลสารที่จดั สรา้ ง (พมิ พท์ รงเจดยี ์) ท่านเจา้ คณุ พระสงั วรวิมลเถร (สมณศักด์ิประกอบด้วยผงพิเศษ คือ ผงจติ รลดาทีพ่ ระบาทสมเดจ็ ในขณะน้ัน) หรอื หลวงป่โู ตะ๊ วดั ประดฉู่ มิ พลี ได้สร้างถวายพระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานมาส่วนหนึง่ ประกอบดว้ ยผงพระวดั พลับทีไ่ ดม้ าครั้งหลวงป่โู ต๊ะไปฝกึผงพระสมเด็จวัดระฆงั บางขุนพรหมรุ่นแรก ผงพระวดั รังษี วิปสั สนากัมมฏั ฐาน ณ วดั พลับ ผงพระพุทธคณุ ท่หี ลวงปโู่ ต๊ะสทุ ธาวาสรุ่นแรก ผงพระวดั พลับ ผงพระเกา่ หลวงปู่โตะ๊ ลบท�ำ ข้นึ มาตามสูตรโบราณ และผงพระผงรนุ่ แรกของและผงพุทธเกา่ อกี หลายชนดิ หลวงปู่โตะ๊ และผงพระสมเด็จปรกโพธิฐ์ านเกย ร่นุ พ.ศ. ๒๕๑๐ ๓.๓ สมเด็จพระศาสดารัศมี พมิ พ์ใหญ่ พมิ พ์เลก็ เนื้อแร่ฟลูออไรด์ สร้างจากเนื้อแร่ชนิดหนึ่งที่ขุดพบใน เหมอื งแรท่ ่ี จ.กาญจนบรุ ี มคี วามสวยงาม แตห่ ากโดนน�ำ้ ๓.๔ สมเดจ็ พิมพ์ทรงส่เี หลี่ยมชิ้นฟัก หรอื โดนเหงื่อในมอื อาจแปรสภาพได้ ภายในเนื้อพระมี เนื้อแร่ฟลูออไรด์ หลงั ตราช่ัง (ราศตี ลุ ย์) มี ๓ พิมพ์ พระเกศาของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ผสมอยู่ดว้ ย พิมพ์ใหญ่ พมิ พก์ ลาง และพิมพเ์ ลก็256
๓.๕ พระนางพญา ๓.๖ เหรยี ญพระพทุ ธชนิ สหี ส์ มโภชสมณศกั ดส์ิ มเดจ็ พระญาณสงั วร ๒๒ เมษายนเนื้อแร่ฟลูออไรด์หลังตราชั่ง พ.ศ. ๒๕๑๖ สรา้ งด้วยเน้ือทองแดงรมด�ำ ด้านหลังเหรยี ญเปน็ พระคาถาที่เจา้ พระคณุดา้ นลา่ งเปน็ ลายพระหตั ถย์ อ่ ญส. สมเดจ็ ฯ ทรงผกู ขน้ึ ความวา่ “อสิ วฺ าสรุ ตนตตฺ ยํ รกขฺ ตุ ตวํ นริ นตฺ รํ โหตุ สวุ ฑฒฺ โน สาธุ สพพฺ ตถฺ ญาณสวํ โร” อนั มคี วามหมายทท่ี รงแปลไวว้ า่ “ขอรตั นะทง้ั สาม คอื พทุ ธรตั นะ ธรรมรตั นะ สงั ฆรตั นะ จงรกั ษาทา่ นชว่ั นริ นั ดร์ จงเปน็ ผเู้ จรญิ ดี เปน็ คนดี และจงเปน็ ผสู้ �ำ รวมในญาณทกุ เมอ่ื แล” (เหรยี ญนส้ี รา้ งขน้ึ มากอ่ นวตั ถมุ งคลชดุ ๕ รอบพระชนมายุ ทั้งหมด)๓.๗ เหรียญพระศาสดารปู ไข่ ๓.๘ เหรยี ญพระพทุ ธรปู ภปร. จากพมิ พด์ มู ลี กั ษณะคลา้ ยเหรยี ญพระพทุ ธชนิ สหี ์พิมพ์ทรงเดียวกับสมเด็จพระศาสดารัศมี แต่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ทรงรับสั่งอธิบายว่า เหรียญพระพุทธรูป ภปร. นี้แตด่ า้ นในเหรยี ญจะไมม่ รี ศั มรี อบพระเศยี ร ด้านหนา้ ตรงฐานผ้าทพิ ย์จะมีตรา ภปร. และพระหัตถข์ วาทรงแบเป็นปางประทานพรออกแบบจัดสร้างโดยกองกษาปณ์ (ใน (ในขณะท่ีพระหัตถ์ขวาของพระพุทธชินสีห์และพระศาสดาจะเป็นทรงคว่ำ�ในปางมารขณะนั้น) กรมธนารักษ์ มีเนื้อทองคำ� วิชัย) ฐานพระเป็นรูปทรงตามลักษณะของพระพุทธรูป ภปร. และหากจะพิจารณานวโลหะและทองแดง เป็นพระไพรพี นิ าศ ฐานพระก็แตกตา่ งกันมาก ตวั เหรียญเป็นรปู ใบโพธ์ิ มี ๒ ขนาด คอื ขนาดใหญก่ บั ขนาดเลก็ ดา้ นหลงั เหรยี ญเปน็ พระคาถาทเ่ี จา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรง ผกู ขน้ึ เช่นเดยี วกบั เหรียญพระพทุ ธชนิ สีห์สมโภชพระสมณศกั ด์ิในข้อ ๓.๖๓.๙ พระควมั บดีปดิ ตา ที่ระลกึ ทรงเจริญพระชนมายคุ รบ ๕ รอบ ๖๐ พรรษา ๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๖พิมพ์ทรงแบบพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัตถมุ งคลชดุ นี้ได้ประกอบพธิ ีพุทธาภิเษกเมอื่ วันท่ี ๒๘ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๑๖วดั เครอื วลั ย์ จ.ชลบรุ ี หลงั ลายพระหตั ถ์ ญส. ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร โดยเจ้าพระคุณสมเด็จฯ เมื่อครั้งทรงดำ�รง สมณศักดิ์ที่สมเด็จพระญาณสังวร ทรงจุดเทียนชัยและองค์ประธานอธิษฐานจติ เจริญภาวนาพุทธาภิเษก พร้อมกับพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ ๑๕ รูป สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสงั ฆราช (วาสนมหาเถร) เม่อื ครัง้ ยงั ทรง ด�ำ รงสมณศกั ดท์ิ ส่ี มเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ ทรงเปน็ องคป์ ระธานสงฆ์ในการเจริญ พระพทุ ธมนต์ พระสงฆ์ ๔ รูปสวดภาณวารพทุ ธาภิเษก 257
๔. วัตถมุ งคลชุดสมเดจ็ สุคโต พ.ศ. ๒๕๑๗ พิมพซ์ ุ้มลกึ ใหญ่ พมิ พซ์ ้มุ ตนื้ เลก็ พิมพส์ มเด็จทรงนิยมใหญ่ พมิ พ์ซุ้มลึกเล็ก พมิ พส์ มเด็จทรงนยิ มเลก็ มที งั้ หมด ๖ พิมพ์ คือ พมิ พ์ซมุ้ ลกึ ใหญ่ พิมพ์ซุ้มต้นื ใหญ่ พิมพส์ มเด็จใหญ่ พมิ พ์ซุ้มลกึ เลก็ พิมพ์ซุ้มตื้นเลก็ และพิมพ์สมเด็จเล็ก ที่นยิ มเรียกกันว่าพระ ๖ สมเด็จ เนอ่ื งจากมีส่วนผสมของมวลสารพระสมเดจ็ ปิลันทน์ ซึ่งเรียกวา่ เป็นพระ ๒ สมเดจ็ เพราะสร้างโดยสมเด็จพระพฒุ าจารย์ (ม.จ. ทัด เสนยี ว์ งศ์) และมีสว่ นผสมของพระสมเดจ็ ของสมเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (โต) และสมเดจ็ ฯ โต กไ็ ดอ้ ธษิ ฐานจติ ใหด้ ว้ ย ในการจดั สรา้ งพระสมเดจ็ สคุ โตน้ี ร.ต.อ. เผา่ ศริ ฯิ สทั ธวิ หิ ารกิ ในเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ เป็นมผี ้มู ีจิตศรทั ธาบรจิ าคพระสมเด็จปิลนั ทน์หลากหลายพมิ พ์จ�ำ นวน ๔๐๐ กว่าองคม์ าเป็นมวลสารหลกั ผสมผสานกบั พระนภปฎลมหาเศวตฉัตรที่กางกั้นพระพุทธชินสีห์ในพระอุโบสถ ไรพระศกเก่าของพระพุทธสุวรรณเขต (หลวงพ่อโต) พระประธานองค์หลัง พระโคนสมอกรุวัดบวรนิเวศวิหาร258
๕. วตั ถมุ งคลชดุ สมเดจ็ อรหัง พ.ศ. ๒๕๑๙ เพ่ือจัดสร้างวัดญาณสังวรารามราชวรมหาวิหาร ในพระบรมราชูปถมั ภ์ มที ั้งหมด ๕ พิมพ์ คอื พิมพ์ เกศอหุ รอื เกศเปลวเพลิง พมิ พส์ ังฆาฏิ พมิ พ์โต๊ะกงั พิมพ์ฐานคู่ และพมิ พ์เลก็ มีประภามณฑล๖. พระกรง่ิ บวรนิเวศ ญส. สุวัฑฒนะ พ.ศ. ๒๕๑๙ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงประทานพระอนุญาตให้ ม.ล. จำ�เรียง ปราโมช โยมอุปัฏฐากจัดสร้าง โดยถอดพิมพ์ จากพระกรง่ิ ปวเรศองคด์ ง้ั เดมิ ของวดั บวรนเิ วศวหิ าร โดยลบบวั ดา้ นหลงั ออก เปลย่ี นเปน็ ตวั อกั ษรทท่ี รงเขยี นดว้ ยลายพระหตั ถ์ วา่ “บวรนเิ วศ ญส. สวุ ฑั ฒนะ” เปน็ พระกรง่ิ ทร่ี วมนามของวดั บวรนเิ วศวหิ าร สมณศกั ดแ์ิ ละพระนามฉายาสวุ ฑั ฒโน นยิ มเรยี ก ชื่อสั้นๆ วา่ “พระกร่ิงสวุ ัฑฒนะ” เป็นพระกรงิ่ ท่ีแสดงถงึ ความ กตญั ญกู ตเวทขี องพระองค์ เพราะ ม.ล.จ�ำ เรยี ง ปราโมช เปน็ โยมอปุ ฏั ฐากพระองคม์ านบั แตเ่ สดจ็ มาประทบั ทว่ี ดั บวรนเิ วศวหิ าร 259
เน้ือเงนิ ๗. พระกร่ิงสวุ ฑั ฒโน พ.ศ. ๒๕๒๑ เนอื้ นวโลหะ คณะกรรมการบูรณะวดั คิรีวหิ าร ต.ชำ�ราก อ.เมือง จ.ตราด ไดข้ อประทานพระอนุญาต เจ้าพระคุณสมเด็จฯ จดั สร้างพระกริ่ง โดยอัญเชญิ พระนามฉายาทางพระพทุ ธศาสนา คือ “สุวัฑฒโน” มาเป็นพระนามพระกริ่ง เพือ่ หาทนุ ในการสร้างพระอุโบสถหลงั ใหม่ ของวัดคิรีวิหาร เป็นรูปแบบพระกริ่งที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเจ้าพระคุณ สมเด็จฯ คอื เป็นพระกรง่ิ ปางสมาธิสอดคลอ้ งกับพระนาม “สมเด็จพระญาณสงั วร” มี ความงดงามโดดเด่น จดั สรา้ งดว้ ยเนอ้ื ทองค�ำ เนอ้ื เงิน และเนอ้ื นวโลหะ ๘. วตั ถุมงคลชุด ๖ รอบ พระกร่งิ บวรรงั ษี พระชัยวัฒนบ์ วรรงั ษี ท่รี ะลกึ ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖ รอบ พระปิดตาเน้ือผงพุทธคุณสขี าว พระปดิ ตาเนอื้ ผงพุทธคณุ สีด�ำ ๗๒ พรรษา วันท่ี ๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๒๘ ทง้ั ชดุ ประกอบด้วย พระสังกัจจายน์ไทย พระสงั กจั จายนจ์ ีน พระคันธารราฐเนอื้ ผงพุทธคุณสีขาว • พระกรง่ิ บวรรงั ษี เปน็ พระกรง่ิ ใหญป่ างสมาธิ สร้างจากชนวนพระเก่าของสมเดจ็ พระมหา • พระสังกัจจายน์ไทย พิมพห์ ยดน้ำ� สมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวิริยาลงกรณ์ • พระสงั กัจจายน์จนี (พระศรีอรยิ เมตไตรยแบบจีน) สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณ • พระคันธารราฐเน้อื ผงพทุ ธคุณสขี าว วโรรส ฯลฯ • และอนื่ ๆ • พระชยั วฒั น์บวรรงั ษี จ�ำ นวนสรา้ งทง้ั หมด ๕๐๐ ชดุ เปดิ โอกาสใหป้ ระชาชนบรจิ าคบชู า สมทบทุนก่อสร้างตึก “วชิรญาณ สามัคคี พยาบาร” โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ • พระควัมบดีปดิ ตา เนอ้ื ผงพทุ ธคณุ มี ๒ เนอ้ื และ ๒ พิมพ์ คอื เนอื้ ผงพุทธคณุ สขี าว พมิ พ์ใหญแ่ ละพมิ พเ์ ลก็ เนอ้ื ผงพทุ ธคณุ สดี �ำ (ผงพุทธคุณ-ใบลานเก่าผสมแร่) พมิ พ์ ใหญแ่ ละพิมพ์เล็ก260
เนือ้ ทองคำ� ๙. เหรยี ญพระรปู เหมือนพระพักตร์ตรงเน้ือทองแดง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดใหจ้ ดั สรา้ งขน้ึ เนอ่ื งใน มหามงคลวโรกาสท่เี จ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงเจรญิ พระชนมายุครบ ๖ รอบ ในวนั ท่ี ๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๒๘ โดยจดั สรา้ งเปน็ แบบเนอ้ื ทองค�ำ ขนาดเล็กจำ�นวน ๑๐๐ เหรียญ และเนื้อทองแดงขนาดใหญ่จำ�นวน ๓๐,๐๐๐ เหรยี ญ ทีด่ ้านหลงั เหรยี ญทงั้ สองแบบมีพระปรมาภไิ ธยยอ่ ภปร. ประดษิ ฐาน๑๐. เหรียญพระพทุ ธชนิ สีห์ท่ีระลึกเม่ือครั้งเสด็จปฏิบัติศาสนกิจบรรพชากุลบุตรศากยะณ วดั นครมณฑปศรกี รี ตวิ หิ าร เมอื งกรี ตปิ รู ์ กรงุ กาฐมาณฑุประเทศเนปาล ระหวา่ งวนั ท่ี ๒๓-๓๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๒๘ ๑๑. พระกริ่ง-พระชัยวฒั น์ปวเรศ ท่รี ะลกึ เนือ่ งในมหามงคลวโรกาส พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ ในวนั ท่ี ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ จ�ำ นวนสรา้ ง ๒๕,๐๐๐ ชุด๑๒. พระกร่ิง-พระชัยวัฒน์เมตตา และ สำ�หรับมูลนธิ ิ ญสว. (สมเดจ็ พระญาณสงั วร)พระกรงิ่ -พระชัยวัฒน์ไพรพี นิ าศ รุน่ เมตตา เพ่อื การศึกษาของพระภกิ ษุสามเณรพ.ศ. ๒๕๒๙ วัดกษัตราธริ าช จ.พระนครศรอี ยธุ ยา 261
๑๓. พระรูปเหมือนลอยองค์ เพ่อื มลู นิธโิ รงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกยี รติรุ่นแรก พ.ศ. ๒๕๓๑ เปน็ ทนุ เรม่ิ แรกในการกอ่ สรา้ งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนยร์ ังสติ มที ้ังพระบชู าและพระเคร่ืองขนาดเล็ก ๑๔. พระกริ่งดำ�รงราชานุภาพ ทร่ี ะลกึ ครบ ๑๐๐ ปี กระทรวงมหาดไทย ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๕ ทา่ นเจา้ พระคุณสมเด็จฯ ทรงมพี ระเมตตาประทานพระอนุญาต ให้กระทรวงมหาดไทย ดำ�เนินการจัดสร้าง และพุทธาภิเษก ณ พระอโุ บสถวดั บวรนเิ วศวหิ าร วนั ท่ี ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๓๑๕. เหรยี ญพระพทุ ธชนิ สีห์ ทร่ี ะลกึ เสดจ็ จารกิ เมอื งจนี เมอ่ื ครง้ั เสดจ็ เยอื นประเทศสาธารณรฐัและพระกริ่งจนี ตา้ เยน่ิ ถะ ประชาชนจีนอยา่ งเป็นทางการ ตามคำ�กราบบังคมทูลเชิญของ ประธานาธบิ ดสี าธารณรฐั ประชาชนจนี ระหวา่ งวนั ท่ี๒๐มถิ นุ ายน ถงึ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ๑๖. พระบชู าไพรพี นิ าศ พระกร่งิ ๘๐ พรรษา และ ครอบนำ�้ พระพุทธมนต์ ที่ระลึกทรงเจริญพระชนมายุครบ ๘๐ พรรษา ๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๓๖262
๑๗. พระกริง่ ๗ รอบ ทรี่ ะลกึ ทรงเจริญพระชนมายคุ รบ ๗ รอบ ๘๔ พรรษา ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ๑๘. พระกรง่ิ ทศบารมี และลอ๊ กเกตพระรูป ท่รี ะลกึ นวกภิกษพุ รรษกาล พ.ศ. ๒๕๔๒๑๙. พระกรง่ิ -พระชยั วฒั นค์ ชวตั รและครอบน�ำ้ พระพทุ ธมนตค์ ชวตั รที่ระลึกทรงเจริญพระชนมายุครบ ๙๐ พรรษา๓ ตลุ าคม พ.ศ.๒๕๔๖ ๒๐. พระกริ่งญาณสังวร รุ่นเชียงแสนสิงหห์ นึ่งล้านทอง ที่ระลกึ ทรงด�ำ รงตำ�แหนง่ สกลมหาสงั ปรณิ ายก ครบ ๑๙ ปี วนั ที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑๒พสม.๑ศเ.ด. พ็จ๒รพ๕ะรท๑ะ่า๘นกเรรศะดวราน พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั และสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ทรงเททอง เมอื่ วันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ในคราวน้ี ไดจ้ ัดสรา้ งพระบูชา ขนาด ๙ นิว้ ๕ นวิ้ และพระเครอื่ งพระทา่ กระดานเกศบิด สำ�หรับจังหวัดกาญจนบุรี อนั เป็นพระชาติภูมิ ของเจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ โดยแท้ 263
พระคุณธรรม ชวี ติ ของเจา้ พระคุณสมเด็จฯ นน้ั ก็ไม่ตา่ งไปจากชีวติ ของบคุ คลทว่ั ไป คอื พระองค์ก็ตอ้ งทรงประสบกับความผิดหวงั บ้าง ความสมหวงั บา้ ง ประสบกับความสำ�เรจ็ บ้าง ความลม้ เหลวบ้าง แต่โดยทพ่ี ระองคท์ รง เพยี บพรอ้ มไปดว้ ยพระคณุ ธรรมอนั เปน็ เสมอื นแกนหรอื แกน่ ของชวี ติ ฉะนั้น ชีวิตของพระองค์ จึงมีความสมหวังมากกว่าความผิดหวัง มคี วามสำ�เรจ็ มากกว่าความลม้ เหลว มีความดีใจมากกว่าความเสียใจ กล่าวโดยรวมก็คือ ด้วยพระคณุ ธรรมอนั เปน็ แกนหรือแก่นของชวี ติ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ จึงประสบความสำ�เร็จ หรือทรงมีความเจริญ ก้าวหน้าไปตามครรลองของชีวิตพรหมจรรย์อย่างสม่ำ�เสมอจนถึง ทสี่ ดุ ดังเปน็ ทีป่ รากฏ ฉะน้นั หากจะวิเคราะห์จากพระจรยิ าวตั รของ พระองคว์ ่าทรงมีพระคุณธรรมท่โี ดดเด่นอย่างไรบา้ ง ก็อาจจะกล่าวได้ ว่า พระคุณธรรมที่โดดเด่นเปน็ ทีป่ รากฏในเจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ น้ันคอื ___________________________________________________ ความเรยี บงา่ ย ทรงใฝร่ ู้ ทรงยึดมน่ั ในกตญั ญู ทรงเป่ียมดว้ ยพระเมตตา ทรงถอ่ มพระองค์ ทรงอดทน และทรงคารวธรรม ___________________________________________________264
พระคุณธรรม ที่ปรากฏ 265
พระคุณธรรมประการแรกคอืความเรยี บงา่ ยซงึ่ ชาวบา้ นมกั จะเรยี กว่า สมถะเจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ ทรงมคี วามเป็นอยูท่ ี่เรียบงา่ ยในทุกดา้ น นบั ตัง้ แต่เครือ่ งนุ่งหม่ เช่น สบง จวี รที่ทรงใช้ กท็ รงใช้จนเกา่ บางครง้ั ก็มีการฉีกขาดก็จะทรงเยบ็ และชนุ ด้วยพระองค์เองบา้ งทรงแนะใหศ้ ษิ ย์เยบ็ หรอื ชนุ บา้ ง จนเห็นวา่ เก่าจรงิ ๆไมเ่ หมาะทีจ่ ะใชต้ อ่ ไปจึงทรงเปลีย่ น ฉะนน้ัสบง จวี รท่ีทรงใช้ จงึ มนี ้อยช้นิ เท่าทีจ่ ำ�เปน็ เสนาสนะท่อี าศัยอยู่ ตลอดถงึ ส่ิงของเครอื่ งใช้ กไ็ มโ่ ปรดทีจ่ ะใช้ของหรูหราสวยงาม เชน่ เมอ่ื ครง้ั ยงั เปน็ ท่ี พระสาสนโสภณ ชน้ั ลา่ งของต�ำ หนกั คอยทา่ ปราโมช ซง่ึ เปน็ ทป่ี ระทบั ยงั แบง่ เปน็ หอ้ งขนาดเลก็ หลายหอ้ ง มหี อ้ งโถงอยตู่ รงกลาง สว่ นหอ้ งอน่ื ๆ กโ็ ปรดใหเ้ ปน็ ที่อยู่ของบรรดาศิษย์ซึ่งมีมากกว่าสิบคน ฉะนั้น เมื่อทรงรับแขกที่ห้องโถงชั้นล่าง ซึ่งมี พน้ื ทร่ี าว ๔ x ๔ เมตร และขนาบดว้ ยหอ้ งทอ่ี ยอู่ าศยั ของศษิ ยท์ ง้ั สองดา้ น จงึ เปน็ การไมส่ ะดวก ทั้งไมค่ อ่ ยเจริญหูเจริญตาส�ำ หรบั แขกผู้ใหญใ่ นบางโอกาส ฉะนั้น ในโอกาสท่ีเจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ เดนิ ทางไป หอ้ งท่ปี ระทับกไ็ มโ่ ปรดให้ปพู รม เยี่ยมและพำ�นักเจริญสมาธิภาวนา ณ สำ�นักวัดป่าใน จะมีก็เฉพาะอาสนะท่ปี ระทับเท่าน้ัน แมห้ ้องพระ ภาคอีสานคราวหนึง่ เป็นเวลาเกอื บเดอื น คณะศิษยจ์ ึงได้ ในทป่ี ระทับ ซึง่ เปน็ ทไ่ี หว้พระสวดมนตแ์ ละนงั่ สมาธิ ท�ำ การบูรณะช้นั ล่างของต�ำ หนักเสียใหม่ โดยรอ้ื หอ้ งเลก็ ประจ�ำ วนั กไ็ มม่ พี รมปพู น้ื มแี ตอ่ าสนะส�ำ หรบั ประทบั นง่ั ท�ำ วตั รสวดมนต์ หอ้ งนอ้ ยออกหมด ท�ำ เปน็ หอ้ งโถงตลอดทง้ั ชน้ั พรอ้ มทง้ั และนง่ั สมาธิผนื เลก็ วางอยู่หนา้ โต๊ะหมู่บูชา ตดิ โคมไฟผนงั และเพดานใหส้ วยงามและสวา่ งไสว มพี น้ื ท่ี เตียงบรรทมที่ทรงใช้มาโดยตลอด ก็เป็นเพียงเตียงเล็กๆ เต้ียๆ ที่กว้างขวางสะดวกแก่การรับแขก การทั้งนี้คณะศิษย์ ไม่ได้ปูดว้ ยฟกู หรือเบาะ แตท่ รงปูดว้ ยผา้ ทีพ่ ับซ้อนกนั เพยี ง ๒ - ๓ ชั้น ดำ�เนินการโดยไม่ได้ทลู ใหท้ รงทราบกอ่ น แมจ้ ะมีผนู้ ำ�เตยี งอย่างดีมีราคาแพงมาถวาย กไ็ มท่ รงใช้ ครั้นเจ้าพระคุณสมเด็จฯ กลบั จากภาคอสี านและมา ทป่ี ระทบั ของเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯไมม่ สี ง่ิ ของเครอ่ื งใชท้ เี่ ปน็ เครอ่ื ง พบสภาพทเ่ี ปลย่ี นแปลงของต�ำ หนกั คอยทา่ ปราโมช แทนท่ี ประดับสวยงามหรอื สง่ิ ของฟมุ่ เฟือยใดๆ เชน่ วทิ ยุ โทรทศั น์ (ทรงเคยมี จะทรงยนิ ดปี ลม้ื ใจกบั ความสวยงามของ “หอ้ งรบั แขกใหม”่ วทิ ยุเมอ่ื ครง้ั ยงั ทรงเรยี นภาษาองั กฤษส�ำ หรบั ฟงั รายการภาคภาษาองั กฤษ เมอื่ เลกิ เรยี นก็ทรงเลกิ ใช้) ในตู้ ไม่มเี ครือ่ งเจียระไนหรือลายคราม มแี ต่ ดงั กลา่ ว กลบั รบั สง่ั วา่ “สวยงามเกนิ ไป ทอ่ี ยอู่ าศยั หนังสือ ของที่เห็นได้ในทุกที่ในที่ประทับของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ คือ ของพระไม่ควรหรหู รา โคมไฟน่กี ็เกินจำ�เป็น หนงั สือกับพระพทุ ธรปู ไมค่ วรเอามาตดิ ในทอ่ี ยอู่ าศยั ของพระ ควรรอ้ื เอาไปติดไว้ที่โบสถ์หรือวิหาร” แล้วก็ทรงกำ�ชับ อีกว่า ร้ือเอาไปติดท่ีโบสถห์ รอื วหิ ารเสยี266
ส�ำ หรบั พระพทุ ธรปู นน้ั กไ็ มใ่ ชข่ องเกา่ แตเ่ ปน็ พระพทุ ธรปู ทรงมภี ารกจิ ทจ่ี ะตอ้ งเดนิ ทางไปนอกวดั กเ็ ดนิ ทางโดยแทก็ ซ่ี ไปกบั ศษิ ย์ เพราะไมโ่ ปรดทจ่ี ะรบกวนผอู้ น่ื แมเ้ มอ่ื ทรงเปน็ใหมท่ ม่ี ผี ถู้ วายในโอกาสตา่ ง ๆ บา้ ง มผี นู้ �ำ มาใหท้ รงบชู า (ซอ้ื ) สมเดจ็ พระสงั ฆราชแล้ว หากมีผ้มู าอาราธนาเชญิ เสด็จไป บำ�เพ็ญกศุ ลทีบ่ า้ น ที่อยู่ไมไ่ กลจากวดั บวรนิเวศวิหารนักบ้าง ซึ่งก็ทรงรับบูชาไว้ด้วยเมตตา กระทั่งมีผู้ปรารถนาดี เจา้ พระคณุ สมเด็จฯ กจ็ ะรับสงั่ กับเจา้ ภาพวา่ “ไม่ต้องเอา รถมารับนะ แล้วจะเดนิ ไปเอง”บางคนมาทูลดว้ ยความเปน็ หว่ งวา่ เจา้ พระคุณสมเด็จฯ จะ พระจรยิ วตั รของเจ้าพระคณุ สมเด็จฯ ไมเ่ พยี งแต่ถกู เขาหลอกขายของปลอมวา่ “เกลา้ ฯ เกรงวา่ จะไมใ่ ชข่ องเกา่ แสดงถึงพระคุณธรรมในเรื่องความเรียบง่ายเท่านั้นนะกระหม่อม” เจ้าพระคณุ สมเด็จฯ กท็ รงตอบว่า “ทน่ี ไี่ ม่ได้ แต่ยังแสดงถึงความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ความนยิ มของเก่า แต่นยิ มพทุ ธลักษณะเท่าน้ัน” มัธยัสถ์ (ประหยัด) ความมักน้อยสันโดษ ความไม่ บางครง้ั มผี นู้ �ำ สง่ิ ของเครอ่ื งใชท้ ส่ี วยงามมาถวาย พระองค์ สัง่ สม และความไมย่ ดึ ติดก็ทรงรับไว้และอนุโมทนา แต่ไม่ทรงใช้สอย โดยรับสั่งว่า“ไม่เหมาะสำ�หรับพระ” บางคราวมีผู้เคารพนับถือบางคนพยายามจะถวายรถยนต์สำ�หรับทรงใช้ส่วนพระองค์ แต่ก็ทรงปฏเิ สธด้วยเหตผุ ลงา่ ยๆ ว่า “ไมร่ ู้จะเอาไปเกบ็ ไว้ทไี่ หน”บางคราวก่อนท่จี ะทรงได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช 267
พระคุณธรรมประการที่ ๒ คือ ความใฝร่ ู้ พระคุณธรรมข้อนี้กลา่ วไดว้ ่า เป็นพืน้ พระอธั ยาศยั มาต้งั แต่ทรงพระเยาว์ พระอธั ยาศยั ใฝร่ ขู้ องเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ นน้ั ประมาท และสดุ ทา้ ยกท็ รงสอบได้จนถึงทีส่ ุดของ แสดงออกตั้งแต่ทรงเป็นเด็กนักเรียน เมื่อทรง การศกึ ษาทางพระศาสนา หรอื ทางพระปริยัติธรรม บรรพชาเป็นสามเณร ก็ทรงเอาพระทัยใส่ในการ คอื เปรียญธรรม ๙ ประโยค เรียนอย่างดียิ่ง ดังจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะทรงเรียน นอกจากการศกึ ษาตามหลกั สูตร คอื นักธรรม อะไร ทรงสอบได้เป็นที่ ๑ มาตลอด มีคราวหนึ่ง และบาลีแล้ว ยังทรงใฝ่รู้ใฝ่เรียนนอกหลักสูตรอีก ท่ีทรงสอบตกประโยค ๔ จงึ เป็นเหตใุ หท้ รงรู้สกึ มากมายจนตลอดพระชนมชีพของพระองค์ โดย เสียพระทัยมาก เพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อนวา่ จะ สอบตกแต่กท็ รงคดิ ไดว้ ่าท่เี ป็นเช่นนั้นเพราะความ เฉพาะอย่างยิ่งคือ การศึกษาเรียนรู้ด้วยการ อา่ นและการบันทกึ จดจำ�268
หากเป็นความรู้เชงิ ปริยตั ิ พระองคก์ จ็ ะทรงศึกษาเรียนรู้ หรอื ปรึกษาเล่าเรยี นกบั ต�ำ รับต�ำ รา อยเู่ สมอมิได้ขาด หากเปน็ ความรูเ้ ชิงปฏบิ ตั ิ พระองค์กจ็ ะทรงศึกษาเรียนรู้ หรอื ปรึกษาเล่าเรียนกับครูบาอาจารย์ ทเ่ี ปน็ นกั ปฏบิ ตั อิ ยู่เสมอ การอ่านนับว่าเป็นกิจวัตรประจำ�วันอย่างหน่ึง พระคุณธรรมหรือพระอธั ยาศัยส่วนนี้ สรปุ ได้ว่า ความเปน็ ผู้ใฝ่รู้ ใฝเ่ รยี นของเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ หากเปน็ ความรเู้ ชงิ ปรยิ ตั ิ เจา้ พระคณุของเจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ พระองค์ทรงอ่านหนงั สือ สมเด็จฯ กจ็ ะทรงศกึ ษาเรยี นรู้ หรือวา่ ปรกึ ษาเลา่ เรียนกบั ต�ำ รบั ต�ำ รา อยเู่ สมอมิได้ขาด หากเป็นความร้เู ชิงปฏบิ ัติ เจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ กจ็ ะทกุ ประเภท ท้งั คดโี ลกคดีธรรม ทงั้ ภาษาไทย ทรงศกึ ษาเรยี นรหู้ รอื ปรกึ ษาเลา่ เรยี นกบั ครบู าอาจารยท์ เ่ี ปน็ นกั ปฏบิ ตั ิ อยเู่ สมอ พรอ้ มท้งั ทรงปฏิบตั ิตรวจสอบด้วยพระองค์เองอยู่เสมอเชน่ภาษาองั กฤษ ทรงอา่ นทกุ เวลาทม่ี ีโอกาส แต่ กนั โดยมไิ ดท้ รงถอื พระองคว์ า่ เปน็ ผรู้ หู้ รอื วา่ รแู้ ลว้ จนไมต่ อ้ งขวนขวาย หาความรเู้ พิ่มเตมิสว่ นมากเป็นเวลากลางคืน หลงั จากทรงว่างเว้น 269จากภารกจิ อืน่ ๆ
ทรงถวายสักการะหลวงพอ่ ดี วดั เทวสงั ฆาราม พระคณุ ธรรมประการท่ี ๓ คือ ในพระจริยวัตรส่วนพระองค์จะเห็นได้ว่าความกตัญญู ความกตัญญู ประการแรกที่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ แสดงให้ปรากฏคือความ กตญั ญตู อ่ พระครอู ดลุ ยสมณกจิ หรอื หลวงพอ่ ดีซงึ่ เปน็ ทง้ั พระ พระคุณธรรมขอ้ นีย้ ่อมเปน็ ทปี่ รากฏทง้ั จาก อปุ ชั ฌายผ์ ู้ใหก้ ารบรรพชา และพระอาจารยผ์ สู้ ง่ั สอนพระธรรม พระจริยวัตรสว่ นพระองค์ และ คนแรกของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ หลวงพ่อดีเป็นผู้มุ่งมั่นที่จะ ใหเ้ จา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ แตเ่ มอ่ื ยงั เปน็ สามเณรไดเ้ ลา่ เรยี นบาลี จากพระธรรมค�ำ สอนท่ที รงเน้นอยเู่ สมอ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ กส็ นองเจตนาดขี องหลวงพอ่ กระทง่ั ส�ำ เรจ็ การศกึ ษาสงู สุดทางบาลคี อื ไดเ้ ป็นเปรยี ญธรรม ๙ ประโยค นอกจากไปช่วยหลวงพ่อสอนบาลีดังกล่าวแล้ว แล้วทรงกลับไปช่วยสอนบาลีที่โรงเรียนเทวานุกูล ที่วัด เจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ ยงั สนองคุณวัดเทวสงั ฆารามอนั เป็น เทวสังฆาราม (วัดเหนือ) ซึ่งหลวงพ่อสร้างรอไว้ตามความ โรงเรียนเดิมและสำ�นักเดิมของพระองค์อีกอย่างหน่ึงก็คือ ตั้งใจตั้งแต่ต้นของหลวงพ่อดี ทำ�ให้หลวงพ่อชื่นใจมากที่ ทรงดำ�เนินการสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่แทนศาลา สามารถตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรมได้สำ�เร็จตามท่ีดำ�ริไว้ หลงั เดมิ ท่เี คยใช้เป็นโรงเรยี นประชาบาล สมัยทพี่ ระองค์ ทรงถือว่าหลวงพอ่ ดี หรอื หลวงพ่อวัดเหนือ เปน็ ผมู้ พี ระคณุ ทรงเรียนช้นั ประถมที่โรงเรียนแหง่ นี้ เรยี กว่า ศาลา ภปร. อยา่ งสูงแกพ่ ระองค์ ได้ทรงถวายความเคารพนับถอื และทรง พรอ้ มทง้ั ทรงด�ำ เนนิ การสรา้ งเมรถุ าวรใหแ้ กว่ ดั เหนอื และ อุปฏั ฐากดูแลตลอดมา กระท่งั หลวงพอ่ ดถี ึงแก่มรณภาพ เมื่อ สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมให้แก่วัดเหนืออีกหลังหน่ึง พ.ศ. ๒๕๑๐ เรียกวา่ อาคารรวิเทวานันท์ ดว้ ย270
งานฌาปนกิจพระชนนี บำ�เพญ็ กุศลแด่บุพพการี และปา้ เฮง้ ผมู้ พี ระคุณ ความกตัญญูประการต่อมา ก็คือ ความกตัญญูต่อ ใช่แต่เพียงเท่านั้น เมื่อพระชนนีเจริญอายุถึงวัยชราพระชนนี(โยมมารดา) แม้ตามพระประวัตินั้นดูเหมือนว่า เจ้าพระคุณสมเด็จฯ เมื่อครั้งยังเป็นพระโศภนคณาภรณ์เจ้าพระคุณสมเด็จฯ กับพระชนนีจะไม่ค่อยใกล้ชิดกันนัก ก็ไม่ปล่อยให้พระชนนีอยู่ห่างไกลและเดียวดาย ได้ขอเพราะเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงอยู่ พระอนญุ าตสมเด็จพระสงั ฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ในความเลี้ยงดูของโยมป้าเฮ้งมาโดยตลอด กระทั่งทรง ซง่ึ ทรงครองวดั บวรนเิ วศวหิ ารอยใู่ นขณะนน้ั น�ำ พระชนนมี าบรรพชาเป็นสามเณร แต่ในความเป็นจริงกลับปรากฏว่า พ�ำ นกั อยใู่ กล้ ๆ ทว่ี ดั บวรนเิ วศวหิ ารโดยขออนญุ าตปลกู เรอื นความผูกพันระหว่างเจ้าพระคุณสมเด็จฯ กับพระชนนีนั้น หลังเล็กๆ ไว้ข้างๆ ตำ�หนักคอยท่า ปราโมช สำ�หรับให้มิได้ลดน้อยลงเลย ดงั จะเหน็ ไดว้ ่า เม่ือ พ.ศ. ๒๔๘๐ ขณะ พระชนนีอยู่อาศัย เพื่อจะได้อุปัฏฐากดูแลได้สะดวก และทีเ่ จา้ พระคุณสมเด็จฯ ยังทรงเป็นพระเปรียญ ๗ ประโยคทรงดำ�ริที่จะลาสิกขา ถึงกับทำ�หนังสือขอพระราชทาน 271พระบรมราชานุญาตขอลาสิกขาแล้ว และได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว เมื่อพระชนนีทราบข่าว ถึงกับเดนิ ทางมาจากเมอื งกาญจนบุรี แล้วรีบขนึ้ ไปหาพระลูกชายบนกุฏิด้วยความร้อนใจ เล่ากันว่า พระชนนีได้พูดกับเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ว่า “คุณมหาจะสึกหรือ! ถ้าคุณมหาสกึ อิฉันจะผูกคอตาย” ถอ้ ยคำ�ของพระชนนดี ังกลา่ วน้ี นบั วา่ ลึกซ้งึ กนิ ใจมากเพราะเทา่ กบั พระชนนีเอาชีวติ ของตนแลกกบั ความเป็นพระของพระลูกชายทเี ดยี ว ด้วยเหตดุ ังกลา่ วนี้เอง เจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ จงึ เลกิ ลม้ ความคดิ ทจ่ี ะลาสกิ ขา และแจง้ ขอยกเลกิพระบรมราชานญุ าตให้ลาสกิ ขาได้ ด้วยเหตผุ ลสนั้ ๆ ว่า “มีความจำ�เป็นอย่างที่สุดที่จะลาสิกขาไม่ได้” ทั้งนี้ ก็เท่ากับพระองค์ได้เอาความเป็นพระตลอดชีวิตของพระองค์แลกเอาความมชี วี ติ อยู่ของพระชนนีไว้ เทา่ กบั ทรงให้ชวี ิตของพระองค์แก่พระชนนี เปน็ การตอบแทนแกพ่ ระชนนที ่ีพรอ้ มจะสละชีวิตของตนเพื่อพระองคน์ น่ั เอง เรื่องน้เี ป็นเหตกุ ารณท์ ่ีแสดงถงึความรกั ความหว่ งใยทท่ี ง้ั สองทา่ นมตี อ่ กนั เกนิ กวา่ ทจ่ี ะคาดคดิ
สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส และสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ใกลช้ ดิ ตง้ั แตเ่ มอ่ื พ.ศ. ๒๔๙๖ เมอ่ื พระชนนไี ดม้ าพ�ำ นกั อยทู่ ว่ี ดั บวรนเิ วศวหิ ารกเ็ ปน็ การ เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๐๔ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ สะดวกที่พระชนนีจะรักษาศีลฟังธรรม และทำ�บุญทำ�ทานในโอกาสต่างๆ กิจวัตรที่ ขณะดำ�รงสมณศักดิ์ท่ีพระธรรมวราภรณ์ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงปฏิบัติต่อพระชนนีคือ การไปเยี่ยมถามสารทุกข์สุขดิบกับ ไดร้ บั แตง่ ตง้ั เปน็ เจา้ อาวาสวดั บวรนเิ วศวหิ าร พระชนนีทุกวัน เวลาเช้าบ้าง เวลาเย็นบ้าง สุดแต่จะสะดวก บางครั้งเมื่อทรงทราบ หลังจากนั้นไม่นาน สมเด็จพระสังฆราช หรอื ได้ยนิ เสียงพระชนนที แ่ี สดงถงึ ความวุ่นวายใจ เจา้ พระคุณสมเด็จฯ กจ็ ะทรงเดนิ ไป (ญาโณทยมหาเถร) วดั สระเกศ ขณะด�ำ รง ไตถ่ ามและปลอบโยนดว้ ยขอ้ ธรรมง่ายๆ ส้นั ๆ ทำ�นองจะไม่ใหร้ ู้สึกวา่ ทรงสอน คำ�ทม่ี กั สมณศักดิ์ที่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ จะตรสั กับพระชนนเี สมอก็คอื “โยม! เปน็ ไงบ้างวนั น้ี พกั บ้างหรอื เปลา่ ? หลบั ดีไหม? ได้ทรงปรารภกับเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ใน ท�ำ ภาวนาบา้ งจะไดห้ ลบั สบาย!” หรือหากวนั ใดทราบว่าพระชนนหี งดุ หงิด เพราะการ วันหนึ่งว่า “เจ้าคุณ! จะเอาวัดบวรไว้อยู่ ออกลิงออกคา่ งของบรรดาลกู ศิษย์ทง้ั หลาย เจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯก็มักจะตรสั วา่ “ชา่ ง หรอื ?” แสดงวา่ สมเดจ็ พระสงั ฆราชพระองค์ เถอะ! เรื่องของเด็ก ๆ มัน” หรอื หากบางคร้ังทรงเหน็ ว่าพระชนนีหงดุ หงิดวุ่นวายมาก นนั้ ทรงเปน็ ห่วงเจา้ พระคุณสมเด็จฯ วา่ จะ กจ็ ะตรสั ว่า “โยม! เป็นไงบา้ งวนั นี้ ปล่อยวางเสยี บา้ ง” ทรงปกครองวดั บวรนเิ วศวหิ ารไมไ่ หว เพราะ เจา้ พระคุณสมเด็จฯ ได้ทรงอุปัฏฐากดูแลพระชนนที ่วี ดั บวรนเิ วศวหิ าร เป็นเวลา ขณะนน้ั วดั บวรนเิ วศวหิ ารมพี ระเถระผมู้ อี ายุ สิบปี ถึง พ.ศ. ๒๕๐๕ ทรงเหน็ ว่าสขุ ภาพของพระชนนที รดุ โทรมลง จงึ ไดท้ รงตง้ั พรรษาสงู กวา่ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ เปน็ จ�ำ นวน กองทนุ ไว้จ�ำ นวนหนึง่ สำ�หรับเปน็ คา่ ใช้จา่ ยในการดูแลพระชนนีสบื ไปในอนาคต เรียก มาก เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ จงึ ทรงปรารภถงึ วา่ นิธินอ้ ย คชวัตร กระทงั่ พ.ศ. ๒๕๐๗ พระชนนีไดก้ ลับไปงานศพของป้าเฮ้ง ณ สมเด็จพระสังฆราช (ญาโณทยมหาเถร) บ้านเมืองกาญจน์ และเมื่อเสร็จงานศพป้าเฮ้งแล้วพวกลูกหลานได้ขอร้องให้พักอยู่ที่ วา่ ทรงมพี ระเมตตาตอ่ พระองคม์ ากองคห์ นง่ึ เมอื งกาญจนส์ กั ระยะหนง่ึ คอ่ ยกลบั กรงุ เทพฯ เพราะไดจ้ ากลกู หลานทางเมอื งกาญจน์ และทรงร�ำ ลกึ ถงึ พระเมตตาของสมเดจ็ พระ มาหลายปี ระหว่างทพ่ี กั อยูท่ ี่กาญจนบุรนี ้นั พระชนนไี ดเ้ กิดล้มปว่ ยลงและถึงแกก่ รรม สงั ฆราชพระองคน์ น้ั อยเู่ สมอ ฉะนน้ั เมอ่ื ถงึ ในเวลาตอ่ มาไม่นาน คือเมอื่ พ.ศ. ๒๕๐๘ สิริอายุได้ ๗๙ ปี เทศกาลเขา้ พรรษา จงึ ทรงไปถวายสกั การะ สมเด็จพระสังฆราชพระองค์นั้นตลอดมา เจ้าพระคุณสมเด็จฯ มักทรงปรารภถึงผู้มีพระคุณต่อพระองค์อยู่เสมอ โดยมัก แมเ้ มือ่ พระองคส์ น้ิ พระชนม์ไปแลว้ กเ็ สดจ็ จะทรงปรารภให้ผู้ใกล้ชิดฟังว่า ท่านใดได้ทำ�ประโยชน์อะไรให้แก่พระองค์บ้าง และ ไปถวายสกั การะพระอฐั เิ สมอมามิไดข้ าด ผมู้ พี ระคณุ ทา่ นใดทพ่ี ระองคย์ งั ไมม่ โี อกาสท�ำ อะไรตอบแทนบา้ ง อนั เปน็ การแสดงใหเ้ หน็ ว่าทรงรำ�ลกึ ถึงพระคณุ ของท่านเหลา่ น้ันอยใู่ นพระทยั เสมอ ฉะน้นั เม่อื มีโอกาสเหมาะ272จึงทรงปรารภออกมาทางวาจาใหผ้ ้อู นื่ ฟังบ่อย ๆ
ครน้ั ถงึ พ.ศ. ๒๕๑๕ เมื่อทรงไดร้ บั ของพระองค์ด้วย เป็นต้นว่าทรงมอบหมาย สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชา ให้เจ้าพระคุณสมเด็จฯ แต่เมื่อยังเป็นพระ วชิรญาณวโรรส เป็นพระมหาเถระอีกคณะที่ สมเด็จพระญาณสังวร นับเป็น เปรยี ญ ๙ ประโยค เปน็ เลขานกุ ารในพระองค์ พระองค์หนึ่งท่เี จา้ พระคณุ สมเด็จฯ ทรงสมเดจ็ พระญาณสังวร พระองค์ท่ี ๒ แหง่ และทรงมอบให้พระองค์แต่เม่ือยังเป็นท่ี ปรารภว่า “ถือว่าพระองค์ทรงเป็นพระกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ก็ พระโศภนคณาภรณ์ เป็นพระอภิบาลใน อาจารยก์ รรมฐานของที่น่ที ่านหน่งึ แต่ทรงรำ�ลึกถึงพระคุณของสมเด็จพระญาณ พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นในทางตำ�รา” ฉะนัน้ ใน พ.ศ. ๒๕๒๖สังวร (สุก ไกเ่ ถื่อน) โดยทรงปรารภว่า รัชกาลปจั จุบนั เมอ่ื เสด็จออกทรงผนวชเมอื่ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ จงึ ไดด้ ำ�เนินการให้“ถ้าไมม่ สี มเดจ็ พระญาณสงั วร รปู ท่ี ๑ พ.ศ. ๒๔๙๙ ฉะนัน้ จงึ มกั ทรงปรารภกับผู้ สร้างตึกวชิรญาณ สามัคคีพยาบาร ขึ้นก็คงไมม่ สี มเดจ็ พระญาณสงั วร รูปที่ ๒ ใกล้ชดิ บอ่ ย ๆ ว่า “สมเด็จพระสังฆราชเจ้า แทนตึกวชิรญาณและตึกสามัคคีพยาบารพระองคจ์ งึ นบั วา่ เปน็ ผมู้ พี ระคณุ ทา่ นหนง่ึ ” ทรงมพี ระเมตตาต่อท่ีนีม่ าก แต่ทีน่ ่ยี ังไม่ได้ หลังเดิมที่ทรุดโทรม ณ โรงพยาบาลฉะนน้ั เมอ่ื ถงึ เทศกาลเขา้ พรรษา เจา้ พระคณุ ท�ำ อะไรถวายท่านเลย” จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ถวายเป็นสมเดจ็ ฯ จึงเสด็จไปถวายสักการะพระรูป พ.ศ. ๒๕๑๖ เจ้าพระคณุ สมเด็จฯ จึงได้ พระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระมหาสมณเจ้าและพระอัฐิของสมเด็จพระญาณสังวร ทรงดำ�เนนิ การสร้างตึกวชริ ญาณวงศ์ อาคาร พระองคน์ น้ั และเปน็ พระอนสุ รณแ์ ดส่ มเดจ็(สุก ไก่เถือ่ น) ท้ังทว่ี ดั ราชสทิ ธารามและ เรียนของโรงเรียนวัดบวรนิเวศ ถวายเป็น พระสงั ฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ทวี่ ัดมหาธาตุตลอดมาทุกปี พระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรม ค่กู ันในอาคารหลงั เดยี วกัน สมเดจ็ พระสังฆราชเจา้ กรมหลวง หลวงวชิรญาณวงศ์ โดยรื้ออาคารเรียนเก่า พ.ศ. ๒๕๒๙ เจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯวชิรญาณวงศ์ เป็นอีกพระองค์หนึ่งที่ ๒ หลังของโรงเรียนวัดบวรนิเวศลงคือ ตกึ ทรงเป็นประธานอุปถัมภ์ในการสร้างตึกเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงปรารภถงึ บอ่ ย ๆ อรพนิ ท์ุ กับตึกด�ำ รงธรรมี แล้วสรา้ งตกึ ใหม่ ภปร. ณ โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ สภาว่าเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงต่อพระองค์ เปน็ อาคาร ๔ ชน้ั ขน้ึ แทน ตอ่ มาใน พ.ศ. ๒๕๒๕ กาชาดไทย ถวายเป็นพระราชกศุ ลเฉลมิเพราะทรงเป็นพระอุปัชฌาย์และทรง เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ กไ็ ดด้ �ำ เนนิ การใหส้ รา้ งตกึ พระเกยี รตแิ ด่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วัถือว่าทรงเป็นพระอาจารย์กรรมฐาน วชิรญาณวงศ์ ขน้ึ อกี หลงั หนึ่ง เป็นตกึ สงฆ์ เน่ืองในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระองค์แรกของพระองค์ด้วย ทั้งทรง อาพาธ ณ โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ ์ สภากาชาดไทย ๕ รอบ ๖๐ พรรษา ๕ ธนั วาคม พ.ศ.เป็นผู้มอบหมายภาระหน้าที่สำ�คัญ ๆ ให้ ถวายเปน็ พระอนสุ รณแ์ ดส่ มเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ ๒๕๓๐ ท้ังนกี้ ็ด้วยทรงรำ�ลึกถึงพระมหาพระองค์ไดท้ รงปฏบิ ตั แิ ละเรยี นรหู้ ลายอยา่ ง กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ดว้ ยเชน่ กนั กรุณาธิคุณท่ีพระราชทานแก่เจ้าพระคุณเท่ากับทรงเป็นครูในทางการคณะสงฆ์ สมเด็จฯ ในดา้ นตา่ ง ๆ เปน็ อันมาก 273
พระคุณธรรมประการท่ี ๔ คอืเมตตาพระเมตตาในเจา้ พระคุณสมเด็จฯนน้ั ปกแผ่ไปในทุกชีวิต ท้ังในคนและสัตว์ ดงั เช่นเมือ่ เสด็จออกบณิ ฑบาต หากทรงพบ คราวหนึ่ง เมื่อเสด็จกลับจากบิณฑบาต ทรงเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง นอนคดุ คอู้ ยทู่ ีข่ า้ งก�ำ แพงพระวหิ ารพระศาสดา เมอ่ื ถงึ ที่ประทบั จงึ โปรดใหศ้ ษิ ย์สามเณรกำ�ลังออกบิณฑบาตสวนทางกับพระองค์ รบี ไปดแู ละน�ำ ตัวมาทต่ี ำ�หนกั ทป่ี ระทบั เพอ่ื สอบถามถึงความเปน็ มาของเดก็ คนนั้น ไดค้ วามว่าเป็นเดก็ หนอี อกจากบ้าน จงึ โปรดประทานความช่วยเหลือกจ็ ะทรงน�ำ อาหารทท่ี รงบณิ ฑบาตไดม้ านน้ั ใสบ่ าตร และใหพ้ าไปมอบเจา้ หนา้ ทต่ี �ำ รวจเพื่อใหค้ วามชว่ ยเหลอื ต่อไปสามเณร ทั้งน้ีก็ด้วยพระปรารภที่ว่า “สงสารเณร!เกรงว่าจะบิณฑบาตได้ไม่พอฉัน” และการถวายสง่ิ ของแกส่ ามเณรกม็ ักจะทรงปรารถว่า“สามเณรไมม่ ีกจิ นิมนต์ ไม่มีรายได้ พระก็ต้องช่วยกนั ดแู ล”274
กจิ วตั รประจ�ำ วนั อยา่ งหนง่ึ ของเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ เมอ่ื เสดจ็ ไปประทบั ในตา่ งวดั คราวหนง่ึ หลงั จากเสวยคอื การเดนิ ตรวจวดั ในตอนเยน็ โดยเสดจ็ ไปทว่ั บรเิ วณ ภัตตาหารซ่ึงเสวยในบาตรตามปกตแิ ล้ว ศิษย์คนหน่ึงกน็ ำ�วัด สง่ิ ทไ่ี ด้ทรงพบเห็นเปน็ ประจำ�กค็ อื สนุ ขั ซงึ่ มีอยู่ บาตรไปลา้ ง โดยล้างแล้วกเ็ ทน�ำ้ ล้างบาตรซึง่ มีเศษอาหารมากมายจนเป็นท่ีกล่าวกันท่ัวไปว่าวัดบวรนิเวศวิหาร เหลอื อยเู่ ยอะลงในโถส้วม เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ คงสังเกตเป็นวดั ที่มสี ุนขั มากวัดหนึง่ หากวันใดทรงพบสนุ ัข เหน็ ความผิดปกตจิ ากทเี่ คยท�ำ ในวนั ก่อนๆ จึงตรัสถามว่าขเ้ี รอ้ื นซง่ึ กม็ กั มมี าไมข่ าด กจ็ ะตรสั วา่ “เจา้ นขี่ องใคร” “เอาน้ำ�ล้างบาตรไปเทที่ไหน?” ศษิ ยก์ ท็ ูลวา่ เทลงโถสว้ มซ่ึงหมายความวา่ สนุ ขั ขเ้ี รอ้ื นตวั น้ันอยใู่ นคณะหรือใน เจา้ พระคณุ สมเด็จฯ ทรงต�ำ หนิอย่างรนุ แรง “.....ทหี ลังบรเิ วณของใคร กจ็ ะโปรดใหบ้ อกแกภ่ กิ ษสุ ามเณรในทน่ี น้ั อยา่ ทำ�อย่างน้ี มันไม่ควรและสกปรก ควรเอาไปเทที่ที่ สะอาด เผือ่ ว่าพวกมดแมงเขาจะไดก้ นิ เศษอาหาร .....ใหช้ ว่ ยดแู ล โดยจะตรสั แบบข�ำ ขนั วา่ “คนตัง้ เยอะแยะ ทหี ลังอย่าทำ�”ยงั ดูแลได้ สนุ ัขตวั เดียวท�ำ ไมดูแลไม่ได้” พระคุณธรรมข้อเมตตาของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ นั้นก็ย่อมรวมไปถึง กรุณา มุทิตา อุเบกขาด้วย เพราะ ในการเดนิ ตรวจวดั คราวหนง่ึ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงถือคติว่า “เวลาที่ควรนิ่งก็นิ่งทรงสังเกตว่าทำ�ไมไม่ค่อยเห็นสุนัข จึงตรัสถาม เวลาทค่ี วรพดู กพ็ ดู หรอื เวลาทค่ี วรอเุ บกขากค็ วรอเุ บกขา”บรรดาศษิ ยท์ ต่ี ามเสดจ็ วา่ สนุ ขั ไปไหนหมด บรรดาศษิ ย์ เพราะฉะนั้น พระคุณธรรมข้อเมตตานี้ จึงมีความหมายจงึ ตอ้ งกราบทลู ความจรงิ วา่ ทางวดั ใหเ้ ทศบาลมาเกบ็ โดยรวมว่า ทรงมพี รหมวิหารธรรมน่ันเองเอาไปเลี้ยง เจ้าพระคุณสมเด็จฯ จึงรับสั่งว่า “เออ!ก็บ้านเขาอยู่ท่นี ี่ จะให้เขาไปอยู่ที่ไหน ไปเอาคนื มา” 275ปรากฏว่า ทางวัดต้องให้เทศบาลนำ�สุนัขทั้งหมดที่จบั ไปจากวัดมาคืน และปรากฏว่าเทศบาลเอามาคนืมากกวา่ จ�ำ นวนทีจ่ บั ไปเสียอีก ? ?!? เจ้าจดุ สุนัขในวดั บวรนิเวศวิหาร ท่ีคอย เดนิ รับเดินส่งเจา้ พระคุณสมเด็จฯ เสมอ เม่อื เสด็จไปในบริเวณวัด จนกระทั่งตาย
พระคุณธรรมท่ชี ัดเจนอีกข้อหนึ่ง คือ ความถอ่ มพระองค์ ซง่ึ เปน็ ทป่ี ระจกั ษ์ แกบ่ คุ คลทว่ั ไป ทั้งฝ่ายพระและฝา่ ยชาวบ้าน หากมองในภาพรวมกค็ ือเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ไมว่ ่าจะ ทรงอยู่ในกาละและเทศะใด ไม่ทรงแสดงพระกิรยิ าอาการ วา่ ทรงสูงส่งยงิ่ ใหญ่ อยา่ งทภี่ าษาชาวบ้านเรยี กวา่ ไมแ่ สดงพระอาการเจ้ายศเจา้ อย่าง ด้วยพระคุณธรรมข้อน้ีทำ�ให้เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ครงั้ หนึ่ง สมเดจ็ พระสงั ฆราช (อฏุ ฺฐายมี หาเถร) ทรงเปน็ พระมหาเถระท่สี งบเสงี่ยม สำ�รวมระมัดระวัง วัดมกุฏกษัตริยาราม ทรงทักแบบสัพยอกด้วย ตรสั น้อย และไม่ชอบแสดงพระองค์ พระเมตตาว่า “เจ้าคุณสานั่งไกลนัก กลัวจะเป็น สมเดจ็ หรอื ไง” เจา้ พระคณุ สมเด็จฯ ทรงเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม ในการสั่งสอนธรรมก็เช่นกัน เจ้าพระคุณ มาตั้งแต่ทรงดำ�รงสมณศักด์ิทีพ่ ระสาสนโสภณ และทรงเปน็ สมเด็จฯ ก็ไม่ได้แสดงพระองค์ว่า เป็นผู้รอบรู้ ตอ่ เนอ่ื งมาตง้ั แตก่ รรมการมหาเถรสมาคมชดุ แรก จนถงึ วาระ เช่ียวชาญ ไม่วา่ จะเป็นด้านปรยิ ตั ิหรือด้านปฏบิ ัติ สุดทา้ ยแหง่ พระชนมชีพ ในการประชมุ กรรมการเถรสมาคม แต่มักจะถ่อมพระองค์โดยตรัสว่า “แนะนำ�ใน เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ กโ็ ปรดที่จะนัง่ ตอนทา้ ยๆ แถว กระทั่ง ฐานะผู้ร่วมศึกษาปฏิบตั ิดว้ ยกนั ” บางคร้ังทรงร่างพระธรรมเทศนาในงาน ส�ำ คัญๆดว้ ยพระองค์เองแลว้ มักจะรับสงั่ กับพระ ผปู้ ฏบิ ตั สิ นองงานวา่ “เอาไปดซู !ิ มอี ะไรจะเพม่ิ เตมิ บา้ ง”แสดงใหเ้ หน็ วา่ ทรงใหเ้ กยี รตแิ ละรบั ฟงั ความ คดิ เหน็ ของผอู้ น่ื ไมไ่ ดท้ รงถอื วา่ พระองคท์ รงรอบรู้ ไปทกุ อยา่ ง และบางคร้ังกท็ รงเตือนผูป้ ฏิบัติสนอง งานในการทำ�งานดว้ ยวา่ “อยา่ ไปแสดงตนวา่ รู้ดี หรอื อวดรู้ คนอน่ื เขาจะหมน่ั ไสเ้ อา” หมายความว่า บางเรื่องแม้เราจะรู้และเป็นเรื่องจริง แต่ควรจะ พดู หรือไม่ควรพูดน้ัน ตอ้ งดูความเหมาะสม หรอื ความควรไม่ควรด้วย ไม่ใช่พูดทุกเรื่องที่รู้ หรือ พูดทุกเรื่องกับทุกคน เท่ากับทรงเน้นถึงความ สำ�คัญของ “กาละเทศะ”276
พระคณุ ธรรมประการต่อไปคอื ความอดทนเนอื่ งจากเจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯทรงมพี ระสขุ ภาพค่อนขา้ งไมแ่ ข็งแรงมาแตท่ รงพระเยาว์ แม้เมื่อทรงบรรพชาเป็นสามเณรแล้ว พระสุขภาพก็ยังไม่ดีขึ้นแต่ดูเหมือนจะมีอาการมากขึ้น จนบางครั้งป่วยไปเรียนไม่ไหว แต่ก็ด้วยทรงมีความอดทนจงึ ทรงประคองพระองค์ใหผ้ า่ นพน้ การเรยี นมาไดด้ ว้ ยดีและดว้ ยผลการเรียนชั้นดี คอื ได้เป็นทีห่ นง่ึ มาเกือบตลอด กันจะทำ�ศพให้เอง” ทำ�นองว่า ทรงปลงตกเมื่อเห็นสภาพของ แต่เน่ืองด้วยทรงมีพระสุขภาพไม่แข็งแรงเป็นทุนอยู่แล้ว เจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ ในขณะนนั้ แต่ขณะเดียวกนั ก็ทรงแสดงความในระหวา่ งทท่ี รงเรยี นบาลอี ยทู่ ว่ี ดั เสนหา นครปฐมนน้ั กท็ รงได้โรคเพม่ิ เตมิ ขน้ึ อกี คอื วณั โรค โดยทรงไดร้ บั มาจากการปฏบิ ตั ิ หว่ งใยและพระเมตตาไปพรอ้ มกัน (สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ ฯ ทรงใช้ดแู ลพระอาจารยซ์ ง่ึ เปน็ โรคน้ี คอื พระครสู งั วรวนิ ยั (อาจ) และไมน่ านพระอาจารย์กถ็ งึ มรณภาพดว้ ยโรคดังกล่าว ค�ำ วา่ “กนั ” กบั ผู้ใกลช้ ดิ ) เมื่อเจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ มาอยศู่ กึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรมทว่ี ัดบวรนเิ วศวหิ าร จงึ ทรงเจบ็ ปว่ ยอยเู่ สมอ แตพ่ ระองคก์ ม็ ไิ ดย้ อ่ ทอ้ เร่อื งพระขนั ตธิ รรมในเจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ นน้ั เปน็ ทีป่ ระจักษ์ตอ่ การเรยี น ตามบนั ทึกสว่ นพระองค์แสดงใหเ้ หน็ วา่ บางครงั้ทรงอาพาธมากแต่ด้วยความเอาพระทัยใส่ในการเรียนและทรง แกบ่ รรดาศษิ ยแ์ ละผู้ใกล้ชิดทวั่ กัน ไมว่ ่าจะเกดิ อะไรข้ึนกบั พระองค์มพี ระขนั ตธิ รรม ถึงจะเจ็บปว่ ยแค่ไหนก็ไมท่ รงขาดสอบ ดังที่ทรงบันทึกไว้ว่า “วันนี้ต้องใช้ผ้าสักหลาดพันรอบอกหลายชั้น กจ็ ะทรงประคองพระองค์ใหอ้ ยูใ่ นความเปน็ ปกติไดเ้ สมอ ไม่ทรงเพื่อไม่ไดเ้ กิดอาการหนาวสนั่ ในเวลาน่งั สอบ” และคงเนื่องดว้ ยพระสขุ ภาพทย่ี �ำ่ แยน่ เ้ี อง ครง้ั หนง่ึ ขณะเมอ่ื ยงั ทรงเปน็ พระเปรยี ญ แสดงอาการขึ้นลงให้เป็นที่ปรากฏ แม้ในระหว่างที่ประทับรักษาและยงั อยทู่ ก่ี ฏุ หิ อเขยี ว ขา้ งต�ำ หนกั บญั จบเบญจมาทป่ี ระทบั ของสมเดจ็พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ ฯ พระองค์อยู่ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จนถึงวาระสุดท้ายแห่งถึงกบั ตรัสกบั เจา้ พระคณุ สมเด็จฯ ในวันหนง่ึ วา่ “ถา้ คณุ มหาตาย พระชนมชพี ก็เป็นที่ประจกั ษ์แก่บรรดาแพทย์ พยาบาลและผถู้ วาย การอปุ ฏั ฐากดูแลว่า เจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ ไม่แสดงอาการเจ็บปวด ให้เห็น ไม่เคยทรงขออะไร และไม่เคยทรงปฏิเสธอะไร เกี่ยวกับ การดูแลรักษาพยาบาล คงประทับอยู่ในอาการดุษณียภาพตามแต่ แพทย์พยาบาลจะจัดถวายอย่างไร แทบจะไม่น่าเชื่อว่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปได้ จนบางครั้งแพทย์ที่ถวายการฉีดยาทนอยากที่จะรู้ ไม่ได้ว่าทรงรู้สึกอย่างไร เลยทูลถามว่า “เจ็บไหมกระหม่อม?” กร็ บั สงั่ วา่ “ลองดเู องสิ!” 277
พระคุณธรรมประการสุดทา้ ย คือ อีกประการหนึ่ง ทรงเตือนศิษย์หรือผู้ใกล้ชิด เสมอวา่ พระพทุ ธรปู นน้ั ควรตง้ั ไว้ในทส่ี งู หรอื ทเ่ี หมาะสม คารวธรรม และไม่ควรตั้งไว้ในที่ต้องเดินข้ามกรายไปมา ส่วน พระองคเ์ องนน้ั เม่ือผา่ นพระพุทธรปู ไมว่ ่าในท่ใี ดหรอื หรอื ความเคารพนบน้อมต่อผ้ทู ค่ี วรเคารพ โอกาสใดจะทรงยกพระหตั ถถ์ วายอญั ชลี คอื พนมมอื ไหว้ แม้เวลาประทบั นั่ง กจ็ ะไม่ทรงหนั ปลายพระบาท คารวธรรมอนั ดบั แรกของเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ไปทางพระพุทธรปู และคงเนื่องดว้ ยพระคณุ ธรรมข้อนี้ กค็ ือ ความเคารพในพระรตั นตรัย ความเคารพใน จงึ ทำ�ให้พระองคเ์ ปน็ ผทู้ ่ีโปรดพระพุทธรปู ไปดว้ ย ใน พระพุทธเจ้านั้น ทรงแสดงออกในหลายลักษณะ ที่ประทับไม่ว่าจะประทับอยู่ท่ีใดก็จะต้องประดิษฐาน เชน่ ทรงแนะน�ำ ตกั เตอื นภกิ ษสุ ามเณรเสมอวา่ ภกิ ษุ พระพุทธรปู ไวด้ ้วยสำ�หรบั ทจี่ ะทรงไหวพ้ ระสวดมนต์ สามเณรควรลงโบสถท์ �ำ วตั รสวดมนตป์ ระจ�ำ วนั เพราะ ประจำ�วัน ‘การลงโบสถท์ �ำ วัตรเช้าค่ำ�นนั้ กเ็ สมอื นได้เฝา้ พระพทุ ธเจา้ ประจำ�วนั ’ ทำ�ใหร้ ะลกึ ถงึ พระพุทธคณุ หรือเจริญพุทธานุสติ ท�ำ ใหจ้ ติ ใจไมห่ ่างเหินจากพระธรรม การสวดมนต์ กเ็ สมอื นหนง่ึ ไดฟ้ งั พระธรรมเทศนาหรอื ฟงั พระธรรม ค�ำ สอนจากพระพทุ ธเจา้ ฉะนน้ั การท�ำ วตั รสวดมนต์ ประจ�ำ วันจงึ เปน็ กจิ ท่ีภิกษสุ ามเณรควรท�ำ เพราะ เปน็ การกระท�ำ ที่มแี ตค่ ุณประโยชน์278
ความเคารพในพระธรรมของเจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ ก็คือ ทรงเคารพตอ่ สว่ นความเคารพในพระสงฆ์นนั้ เหน็ ได้ชดัพระคมั ภรี แ์ ละหนงั สอื ธรรมะทกุ ประเภท คมั ภรี พ์ ระพทุ ธศาสนาจะทรงเกบ็ หรอื จากพระจรยิ วตั รของเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ วา่ ทรงวางไว้ในทส่ี งู เสมอ หนงั สอื ธรรมะทกุ ชนดิ กเ็ ชน่ เดยี วกนั บางครง้ั ศษิ ยห์ รอื ผู้ มคี วามเคารพในทา่ นผเู้ ปน็ อปุ ชั ฌายอ์ าจารยข์ องปฏบิ ตั สิ นองงานถวายพระองคว์ างหนงั สอื ธรรมะไวบ้ นพน้ื เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ พระองคเ์ ปน็ อยา่ งยง่ิ ทรงมคี วามเคารพในความกจ็ ะรบี ตรสั บอกทนั ทวี า่ “นน้ั พระธรรม อยา่ วางกบั พน้ื ” คอื จะโปรดใหว้ างบน เปน็ ผมู้ ศี ลี ของพระภกิ ษสุ ามเณรทว่ั ไป ทรงปฏบิ ตั ิพานหรอื วางไว้ในท่ีสงู บางครัง้ เมือ่ จ�ำ เปน็ ทจ่ี ะต้องทง้ิ กระดาษทไ่ี มใ่ ช้ หรือ ตอ่ ภิกษสุ ามเณรด้วยการใหเ้ กยี รติ หรือไมท่ รงกระดาษทไี่ มป่ ระสงคจ์ ะเก็บไว้อีกต่อไป กจ็ ะรบั สัง่ ว่าเป็นกระดาษธรรมะหรือ ใช้ภิกษุสามเณรโดยไม่มีเหตุอันควรเสมือนเป็นเปล่า? ถา้ เปน็ กระดาษทเี่ ขียนธรรมะก็จะโปรดให้เผาเสยี ไมใ่ หท้ ิ้งลงถงั ขยะ เดก็ หรอื คนรับใช้ เพราะทรงถอื ว่าภิกษสุ ามเณรพระธรรมจะได้ไม่ถูกเหยยี บยำ่� หรอื ไปอย่ใู นทอ่ี ันไมส่ มควร คอื ผทู้ รงศีลด้วยกนั แมส้ ามเณรก็เป็นผทู้ รงศลี คนทว่ั ไปมกั จะคดิ ว่า มากราบเจ้าพระคณุ สมเด็จฯแลว้ จะตอ้ งไดข้ องดี ตามภาวะของสามเณร ไมเ่ พยี งแตไ่ มท่ รงใชส้ อยคอื พระเครื่องหรอื เหรยี ญอย่างใดอยา่ งหนึ่ง แต่เจ้าพระคณุ สมเด็จฯ กลบั ทรง โดยปราศจากเหตุอันควรเท่านั้น แม้การให้เตือนผ้ปู ฏบิ ัตงิ านถวายอยู่เสมอวา่ หนงั สอื ธรรมะให้มไี ว้เสมอ อยา่ ใหข้ าด สง่ิ ของแกภ่ กิ ษสุ ามเณรกท็ รงใหด้ ว้ ยความเคารพส�ำ หรบั จะไดท้ รงแจกผทู้ ม่ี าถวายสกั การะ เพราะฉะนน้ั ในเวลาแจกของทร่ี ะลกึ คอื จะรบั สัง่ วา่ เอาสง่ิ น้ไี ปถวายพระรปู นัน้ หรอืไมว่ า่ จะเปน็ วตั ถมุ งคลแบบใด ๆ จะตอ้ งมหี นงั สอื ธรรมะควบคไู่ ปกบั ของทท่ี รง เอาสิง่ นีไ้ ปถวายเณรรูปนั้น เปน็ ต้นแจกเสมอ โดยทรงอธิบายวา่ “ทนี่ แี่ จกพระธรรม ไม่ได้แจกของขลัง” 279
ถวายเคร่อื งไทยธรรมแดส่ มเด็จพระอรยิ วงศาคตญาณ สมเด็จพระสงั ฆราช (ปนุ่ ปุณฺณสิริ) ณ พระต�ำ หนกั เพ็ชร วัดบวรนเิ วศวหิ ารพระราชวุฒาจารย์ (หลวงป่ดู ลู ย์ อตุโล)วดั บรู พาราม (พระอารามหลวง) จ. สรุ นิ ทร์ ทรงเข้ากราบนมัสการสมเด็จพระวนั รัต (จบั ฐติ ธมฺโม) วดั โสมนสั วหิ ารสมเด็จพระพุทธปาพจนบดี (ทองเจอื จินฺตากโร)วัดราชบพิธสถิตมหาสมี ารามราชวรวิหาร หากเป็นพระสุปัฏบิ ัติ หรอื ทเ่ี รยี กอย่างชาวบ้านวา่ จากพระคณุ ธรรมในดา้ นตา่ งๆ ของ พระกรรมฐานด้วยแล้ว เจ้าพระคุณสมเด็จฯ จะถวาย เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ตามท่กี ลา่ วมาน้ี จงึ กล่าวได้วา่ ความเคารพอย่างสูง ไม่ว่าพระกรรมฐานนั้นจะมีอายุ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงดำ�เนินพระจริยวตั รไปตาม พรรษาปนู ใด กลา่ วคือเจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ จะทรงรสู้ ึก หลกั ของการท�ำ ดใี นคำ�สอนของพระพุทธศาสนา ปิติยินดเี ม่ือทรงได้พบหรือไดต้ ้อนรบั พระกรรมฐาน ไม่ ว่าพระกรรมฐานรูปนั้นจะเป็นพระในปูนใด พร้อมกับ อย่างครบถ้วน นนั่ คือ ทำ�ดีด้วยตนเองดว้ ย จัดการตอ้ นรับด้วยความเคารพ แนะน�ำ ขกั ชวนคนอ่ืนใหท้ �ำ ดีด้วย สำ�หรับพระเถระผู้มีอายุพรรษามากกว่าพระองค์ และยนิ ดีหรือสรรเสริญ ไม่ว่าท่านรูปนั้นจะเป็นใคร เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ก็จะ เมือ่ เห็นคนอ่ืนทำ�ดดี ว้ ย ถวายความเคารพตามธรรมเนียมทางพระวนิ ยั คือกราบ หรือไหว้ตามควรแก่โอกาสและสถานที่ หากพระองค์ ประทับนั่งอยู่ ก็จะโปรดให้ศิษย์จัดอาสนะถวายให้พระ เถระรูปนั้นนั่ง และทรงกราบแสดงความเคารพตาม280 ธรรมเนียมทางพระวนิ ัย
พระปฏิปทาแบบอย่าง“พรแะบปบฏอปิ ยทา่ งา”ไมว่ า่ ใครกต็ าม หากมีโอกาสวาสนาไดเ้ ข้าเฝา้ เจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ สกั ครงั้ หน่งึแม้จะเปน็ เวลาไม่นานก็ตาม กย็ ่อมมีความรูส้ กึเกดิ ขน้ึ ในใจไมแ่ ตกตา่ งกันวา่ เจา้ พระคุณสมเด็จฯเปน็ พระมหาเถระทผ่ี ู้ใดอยู่ใกลแ้ ล้วจะไดร้ ับแต่ความสงบรม่ เย็น ทกุ ถ้อยพระวาจาท่ีรบั สง่ั ประกอบด้วยสาระและธรรมะ ทรงเปน็ ผสู้ งบน่ิง รับสง่ั นอ้ ย ไม่ว่าจะประทบัอยู่ ณ ทีใ่ ด จะทรงอยใู่ นพระอาการสำ�รวมอยเู่ สมอโดยปกติเราจงึ มกั เหน็ พระอริ ยิ าบถท่ีประทบัหลับพระเนตรอยเู่ ป็นนิตย์ 281
พระอิริยาบถทป่ี ระทบั หลับพระเนตร ทรงเคร่งครัดในพระธรรมวินัย จงั หวดั ผา้ สบงจีวรหรือผ้าอนื่ ๆ ทไี่ ดร้ ับท่เี รามักได้เห็นกันเป็นประจ�ำ ถวายมา จะทรงทำ�วิกัป คือทำ�ให้เป็น เจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ ทรงเครง่ ครดั ของสองเจ้าของตามหลกั พระวินัย กอ่ น ในพระธรรมวนิ ัยเป็นอยา่ งยิง่ แมเ้ ร่ือง ทจี่ ะลว่ งเลยก�ำ หนดไปกอ่ นเสมอ ฉะนั้น บางเร่ืองท่ีผู้อ่ืนอาจเห็นว่าเป็นเร่ืองเล็ก เพ่อื กนั ลมื กอ่ นจะเข้าบรรทมในแตล่ ะวัน น้อยแต่เจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ กไ็ มไ่ ดท้ รง เจ้าพระคุณสมเด็จฯ จะรับสั่งถามพระผู้ มองข้าม ไม่ทรงละเว้นที่จะปฏิบัติตาม ปฏิบัติสนองงานก่อนเสมอว่า “วันนี้มี พระวินัย เช่น การใช้กระบอกกรองน้ำ� ผ้าต้องวิกัปไหม?” จะไม่ทรงปล่อยให้ หรือ ธมกรก ซึ่งเป็นพระวินัยบัญญัติ ล่วงวันล่วงคืนไป เพราะทรงเกรงว่าจะ แต่คร้ังพุทธกาลสำ�หรับป้องกันมิให้พระ หลงลืมจนผิดพระวินัย แม้กระทั่งการ ภิกษสุ งฆบ์ รโิ ภคนำ�้ ท่ีมีสัตวเ์ จอื ปน สมัย เสดจ็ ไปกิจนมิ นต์ใด ๆ นอกพระอาราม นแ้ี มจ้ ะมนี �ำ้ ประปาแลว้ ถา้ น�ำ น�ำ้ ประปานน้ั หลังเวลาเที่ยงวันแล้ว ทัง้ ๆ ทที่ รงเป็น ไปใส่ไว้ในตุ่มหรอื ในถงั เมอื่ จะทรงใชก้ ็ เจ้าอาวาสและสกลมหาสังฆปริณายก ทรงใช้กระบอกกรองน้ำ�ก่อนเสมอ แต่ก็จะทรงลาวิกาลกับพระภิกษุรูปใดรูป ทรงปฏิบัติเช่นนี้ไม่ว่าจะประทับอยู่ใน หนึง่ ตามพระวนิ ัย พระอารามหรือเสด็จไปประทับต่าง ทรงเปน็ ผมู้ กั น้อย สันโดษ เมอ่ื คร้งั เสด็จเยอื นจนี พระปฏิปทาท่ีเห็นได้ชัดเจนอย่างย่ิง เกี่ยวเนื่องกับพระปฏิปทาข้อน้ี สบงจวี รท่ีทรงใช้ ก็ทรงใชจ้ นเก่า บางคร้งั ของเจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ คือ ความเป็น ทำ�ให้เจา้ พระคณุ สมเด็จฯ ไม่ทรงสะสม สบงจวี รมรี อยฉกี ขาดกท็ รงเย็บ ทรงชุน ผู้มักน้อย สันโดษ ทรงปฏิบัติพระองค์ วัตถุสิ่งของท่ีมีผู้ถวายมาก็ทรงแจกจ่าย ด้วยพระองคเ์ อง ท้ังยังทรงสอนวธิ ชี ุนผา้ อย่างเรียบง่าย แม้ที่อยู่อาศัยก็ไม่โปรด ตอ่ ไปตามโอกาส ทรงถอื คตวิ ่า “พระ ให้กับศิษย์บางคนด้วย เมื่อมีผู้ศรัทธา ให้ประดับตกแต่งให้งดงามจนเกินสมควร ตอ้ งจน” เพราะทรงถือวา่ พระไมม่ อี าชีพ จะถวายเคร่ืองอำ�นวยความสะดวกใน ดังที่เล่ามาแล้วข้างต้น ทรงเตือนพระ การงาน ไมม่ รี ายได้ แตเ่ ป็นอยูไ่ ดด้ ว้ ย ลกั ษณะตา่ ง ๆ กจ็ ะทรงอนโุ มทนา แลว้ ก็ ภิกษสุ ามเณรอยูเ่ สมอว่า “พระเณรไม่ สง่ิ ของทช่ี าวบา้ นถวาย กลา่ วอยา่ งสามญั ทรงปฏเิ สธ เช่น เมอื่ มีผขู้ อถวายรถยนต์ ควรอยู่อย่างหรหู รา” ในการเสดจ็ เยือน กค็ อื แล้วแต่ชาวบา้ นเขาจะให้ ถ้าเขาให้ ไวส้ �ำ หรบั ใชส้ อยสว่ นพระองคก์ ท็ รงปฏเิ สธ สาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเปน็ ทางการ กม็ ี ถา้ เขาไมใ่ หก้ ไ็ มม่ ี เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ไปทกุ ครง้ั พรอ้ มทรงอธบิ ายวา่ ไมร่ จู้ ะเอา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๖ รฐั บาลจนี จดั การรบั จงึ รับสงั่ เสมอว่า ไปไวท้ ไี่ หน เมอื่ มผี ู้ขอถวายโคมไฟระยา้ เสด็จอยา่ งยิง่ ใหญ่สมพระเกียรติข้าวของ พระไม่ควรเป็นอยู่อย่างหรูหรา สวยงามสำ�หรับประดับตำ�หนัก ก็ทรง เครอ่ื งใช้ ตลอดถงึ ห้องบรรทมก็ตัง้ ใจจดั ฟุ่มเฟือย แต่ควรอยู่อย่าง ปฏเิ สธวา่ ยงั ไมม่ คี วามจ�ำ เปน็ ทรงใชเ้ ฉพาะ ให้สวยงามหรหู รา เมอ่ื ถงึ เวลาบรรทม สมถะ เรียบง่าย และประหยัด สง่ิ ทจ่ี �ำ เปน็ หรอื สมควรแกส่ มณสารปู เทา่ นน้ั เจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ โปรดใหศ้ ษิ ย์ทต่ี าม เสดจ็ จดั ทบ่ี รรทมถวายใหม่ โดยใชผ้ า้ สว่ น พระองคป์ บู นพ้นื ห้อง ไมบ่ รรทมบนเตยี ง ทเ่ี ขาจัดถวาย โดยรับสั่งกบั ศษิ ย์ว่า “น่นั ไม่ใช่ท่ีพระนอน” อนั หมายความวา่ เตยี ง หรือท่ีนอนใหญ่โตทเี่ ขาจัดถวายน้ัน ไม่ เหมาะสมสำ�หรับพระเพราะเป็นที่นอนอัน สูงใหญซ่ งึ่ ไมต่ ้องตรงตามพระวินยั282
กับ หลวงพอ่ คณู ปรสิ ุทฺโธ ในโอกาสที่ทรงบำ�เพ็ญพระกุศลฉลองพระชนมายุ ๘๐ พรรษา พระเทพวทิ ยาคม หรอื หลวงพอ่ คณู ปรสิ ทุ โฺ ธ ถวายปัจจัยร่วมบำ�เพ็ญพระกุศลนับจำ�นวนนับล้านบาท เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงอนโุ มทนาขอบคณุ หลวงพอ่ คณู และรบั ส่งั กับหลวงพอ่ คณู ว่า “ขอถวายคนื ร่วมท�ำ บุญ กับหลวงพ่อด้วยแล้วกัน” เป็นอันว่าทรงรับแล้วถวาย คืนไปทั้งจำ�นวน เมื่อใดก็ตามที่ทรงรับนิมนต์เสด็จไป ในการบำ�เพ็ญกุศลตามวัดต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วดั ในตา่ งจงั หวัด ปัจจยั และขา้ วของทีม่ ผี ู้ถวายหรือวัด ทเี่ ชญิ เสดจ็ เปน็ ผูจ้ ดั ถวายเองกต็ าม ก็จะประทานคนื ให้ แก่วัดนนั้ ๆ เสมอไป ทรงอยู่ในพระอาการสำ�รวมอยเู่ สมอ เมอื่ พ.ศ. ๒๕๑๒ คร้งั ท่ยี งั ทรง ห้องหลุดกระจาย มีเสียงดังได้ยิน พระกรุณาโปรดให้มีรถยนต์หลวงเปน็ ทพ่ี ระสาสนโสภณ ไดม้ เี หตรุ ะทกึ ใจ ไปทงั้ วัด! (ร.ย.ล.) มาจอดประจำ�ไว้ที่วัดบวรเกิดขึ้น กล่าวคือวันหนึ่งในตอนบ่าย นิเวศวหิ ารหนง่ึ คัน เพื่อถวายความขณะเจ้าพระคุณสมเด็จฯกำ�ลังสนทนา แต่เดชะบุญไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ สะดวกท่ีจะเสด็จไปปฏิบัติศาสนกิจธรรมอยู่กับนางโยเซฟิน สแตนตัน ภายหลังสืบทราบว่าระเบิดคร้ังนั้นมิใช่ ในท่ตี ่าง ๆ ในกรณขี องรถยนต์หลวงภริยาอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา การหมายปองร้ายผู้ใด หากแต่เกิดข้ึน นั้น เจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ รบั สง่ั กบัประจำ�ประเทศไทย พร้อมกับชาวต่าง จากศิษย์วัดคนหนึ่งที่ไม่ค่อยปกตินัก เจา้ หน้าท่ีผรู้ บั รับส่งั แตเ่ พยี งสน้ั ๆ วา่ประเทศคนอืน่ อกี หลายคนทม่ี ขุ ชน้ั ล่าง อย่างไรก็ดี จากเหตุระเบิดครั้งนั้นเป็น “ไมส่ มควร” กเ็ ปน็ อนั วา่ ไม่ทรงรบั ไว้ เหตใุ หท้ รงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหม้ ี เพยี งแตข่ อรบั พระราชทานใชส้ อยเปน็ของต�ำ หนักคอยทา่ ปราโมช ไดเ้ กิด เจ้าหนา้ ทต่ี �ำ รวจมาประจ�ำ ณ ต�ำ หนักที่ ครั้งคราวเมอ่ื มีความจ�ำ เป็นเท่าน้ันมีระเบิดข้ึนในท่ีไม่ห่างไกลจากท่ี ประทับเพอื่ ถวายอารกั ขา พรอ้ มกบั ทรงประทบั นน้ั บานประตหู นา้ ตา่ งของ 283
พระของประชาชน เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงถือคตวิ ่า “พระตอ้ งจน” อยเู่ นอื งนจิ ครง้ั หนง่ึ หลงั จากทท่ี รงไดร้ บั สถาปนาเปน็ สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปริณายกได้ไม่นาน ศษิ ย์ทใี่ กลช้ ิดคนหนง่ึ มากราบทูลวา่ “ขณะนีท้ วี่ ัด...ที่ เมืองกาญจน์ กำ�ลังสร้างสะพานข้ามแม่น้ำ�เกือบจะ เสร็จแล้ว ยังขาดเงนิ อีกราว ๗ - ๘ แสนบาท อยาก กราบทลู ใต้ฝา่ พระบาทเสดจ็ ไปโปรดสักคร้งั สะพาน จะไดเ้ สร็จเร็ว ๆ” เจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ รับสั่งตอบว่า “เวลาน่ะพอมี แต่เงินตั้งแสนจะเอาที่ไหน เพราะ พระไม่มีอาชีพการงาน ไม่มีรายได้เหมือนชาวบ้าน แลว้ แตเ่ ขาจะให”้284
พระดำ�รัสดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่าเจ้าพระคุณ ครั้งหน่ึงทรงรับนิมนต์ไปเป็นประธานในพิธีสมเดจ็ ฯไม่ได้ทรงถอื ว่าพระองค์เป็นผู้ยิ่งใหญ่ ย่งิ ดว้ ย เปิดและฉลองศาลาการเปรียญของวัดแห่งหนึ่งในพระยศ ย่ิงดว้ ยพระบารมี อยากได้อะไรก็สัง่ เอาได้ จังหวดั ยโสธร ทางวดั ตระเตรียมงานไว้ล่วงหน้าเป็นหรือบันดาลเอาได้ หากแต่ทรงถือว่าพระองค์ก็คือ เวลานาน แต่พอใกล้จะถึงกำ�หนดวันงาน แพทย์ได้“พระรูปหน่งึ ” เท่านั้น ในฐานะท่ที รงเปน็ พระรปู หน่ึง ถวายตรวจร่างกายแล้วนิมนต์ให้เข้ารักษาพระองค์เชน่ น้ี ทรงวางพระองค์เป็น พระของประชาชน อย่าง ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณช์ ่วั ระยะเวลาหนึ่ง คร้ันถงึแทจ้ ริง สำ�หรบั เจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ แล้วทุกคนเป็น ก�ำ หนดวนั งาน เจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ ก็ทรงขออนุญาตพุทธศาสนิกชนเสมอหน้ากันหมด หากเขามาเฝ้าก็ แพทย์เดนิ ทางไปปฏิบัตศิ าสนกิจท่ีจังหวดั ยโสธร ซ่งึทรงต้อนรับปฏิสันถารด้วยอย่างเท่าเทียมสม่ำ�เสมอ ในครั้งกระนั้นยังไม่มีสนามบินท่ีจะเดินทางได้ด้วยแมก้ ารรับกิจนิมนต์ไปยงั สถานทต่ี า่ งๆ ไมว่ า่ ใกลห้ รอื เครอื่ งบนิ ตอ้ งเสด็จดว้ ยรถยนต์ แมม้ ผี ้กู ราบทลู วา่ไกล ก็ทรงรับนมิ นต์โดยมิไดเ้ ลอื กว่าต้องทรงรู้จกั มัก ควรงดงานดงั กลา่ วเพราะพระพลานามยั ไมป่ กติ ก็คนุ้ หรอื ไม่ และเมอ่ื ทรงรบั แลว้ แมจ้ ะยากล�ำ บากเพยี งไร รบั สงั่ วา่ “ไม่เป็นไร แตถ่ า้ ไม่ไปงานเขาจะเสยี ” รบั ส่ังก็ทรงพากเพียรอุตสาหะปฏิบัติพระศาสนกิจใน ดังน้ันแล้วก็ทรงเดินทางด้วยรถยนต์จากโรงพยาบาลเร่อื งน้ันใหล้ ุล่วงดังทีท่ รงตั้งพระทัยไวจ้ นได้ จุฬาลงกรณ์ ในเวลากลางคืนเพ่ือจะได้ ไปถึงวัดน้ัน ในเวลาเช้าวันรุ่งขึ้น และทรงปฏิบัติศาสนกิจได้ทันที เมอ่ื เสรจ็ งานแลว้ กเ็ สดจ็ กลบั มาประทบั ณ โรงพยาบาล จฬุ าลงกรณต์ ่อไป อกี ครง้ั หนง่ึ ทรงรบั นมิ นต์ไปแสดงพระธรรมเทศนา ในงานศพทจ่ี ังหวัดขอนแกน่ ทรงเดนิ ทางไปดว้ ยรถตู้ ร ถ เ กิ ด ป ร ะ ส บ อุ บั ติ เ ห ตุ พ ลิ ก ค วำ่ � ล ง ข้ า ง ถ น น รถพลิกไปหลายตลบแต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ รวมทงั้ เจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ ด้วย มีเพียงศษิ ยบ์ างคน ฟกช�้ำ แต่รถตเู้ สยี หายมากวิ่งต่อไปไม่ได้ เจ้าพระคุณ สมเด็จฯ ต้องเปลี่ยนไปประทับรถยนต์ของตำ�รวจ ท า ง ห ล ว ง เ พ่ื อ เ ดิ น ท า ง ต่ อ ไ ป ยั ง ง า น ดั ง ก ล่ า ว รับส่ังกำ�ชับกับทุกคนในกระบวนเดินทางคร้ังนั้นว่า ไม่ต้องบอกใครถึงอุบัติเหตุดังกล่าว เพราะเกรงว่า เจา้ ภาพงานจะตกใจและเสยี ใจ เมอ่ื ทรงแสดงพระธรรม เทศนาเรียบร้อยก็เสด็จกลับกรุงเทพฯ เหมือนไมม่ ี เหตุการณ์อะไรเกิดขึน้ <เย<ี่ยมกปารรเะสชดาชจ็ นไปในปจฏังิบหตั วิศดั าตสา่ นงกๆจิ แทล่ัวะประเทศ 285
ด้วยความที่ทรงวางพระองค์ไม่เหินห่างจากผู้หนึ่งผู้ใด หากแต่ประทานพระเมตตาหรือความเปน็ กันเองกับบุคคลทุก ระดับ ใครๆ กส็ ามารถเขา้ เฝา้ ไดอ้ ยา่ งใกลช้ ดิ นับต้งั แต่ทรง เป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ต้องทรงพบปะกับบุคคล ตา่ ง ๆ ตามภาระหนา้ ทอ่ี ยเู่ สมอ ไมว่ า่ จะเปน็ พระภกิ ษสุ ามเณร หรือประชาชนทวั่ ไป เพื่อความสะดวกทั้งของพระองค์เองและผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงทรงก�ำ หนดเวลาสำ�หรับ “รบั แขก” ไว้ให้เป็นทีร่ ทู้ วั่ กันว่า ทรงรบั แขกวนั ละสองเวลา คอื เวลาเชา้ หลงั จากเสวยภตั ตาหาร แลว้ ครง้ั หนง่ึ และเวลาบา่ ยหลงั จากบา่ ยสองโมงไปแลว้ ครง้ั หนง่ึ ตามเวลาที่กำ�หนดนี้ บุคคลต่าง ๆ สามารถเข้าเฝ้าได้อย่าง เสมอหน้า ไม่เลอื กว่าใคร มีอยู่คราวหนง่ึ สมยั ทเ่ี จา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงรับแขกที่ห้องรับแขกใต้กุฏิไม้หลังใหญ่หน้าตำ�หนักคอยทา่ ปราโมช แตล่ ะวนั มผี คู้ นมากราบนมสั การเปน็จำ�นวนมาก ทรงสังเกตเห็นชายหนมุ่ คนหน่งึ มาน่งั อยู่กบั แขกทม่ี าเฝา้ โดยไมพ่ ดู จาอะไร เมอ่ื กลมุ่ ผมู้ าเฝา้ กลบัเขากก็ ลับด้วย เปน็ เชน่ น้ันอยหู่ ลายวัน จนกระทง่ัวนั หนงึ่ เมื่อมีโอกาสอ�ำ นวย เจา้ พระคณุ สมเด็จฯ จึงรับสั่งถามเขาวา่ “เออ! มธี ุระอะไรหรอื เปลา่ ” ทัง้ น้ีเพราะทรงเห็นเขามานัง่ อย่หู ลายวันแลว้ ชายหนุม่ คนนนั้ จงึ เล่าถวายวา่ เขาทำ�งานอยู่ ทา่ เรอื แล้วตกงาน เพราะภาวะวกิ ฤติทางเศรษฐกิจ เม่อื พ.ศ. ๒๕๔๐ เขากล้มุ ใจมากไม่รจู้ ะทำ�อย่างไร บางวนั กเ็ ดนิ โต๋เตเ๋ หม่อลอยไร้จดุ หมาย วนั หนง่ึ ผา่ นมาทางวดั บวรนเิ วศวหิ าร เหน็ คนเขาเดนิ มา เจ้าพระคณุ สมเด็จฯ ทรงยม้ิ และรับสงั่ กับศิษยผ์ สู้ นองงานทางนก้ี เ็ ลยเดนิ ตามเขา้ มาดว้ ย คนเหลา่ นน้ั เขา้ มากราบนมสั การ อยู่ในขณะนั้นวา่ “เออ! ไม่ได้ทำ�อะไรกช็ ่วยคนได”้เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ตนก็เลยตามเขา้ มานัง่ อยทู่ า้ ยกล่มุ ได้ แล้วทรงพระสรวลเบาๆมองดพู ระพกั ตรเ์ จา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ แลว้ รสู้ กึ สบายใจ พอคน แตล่ ะวนั ๆ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงมพี ระศาสนกจิ ทง้ั ในวดั นอกวดัเหล่านน้ั กลับก็กลบั พร้อมกนั ไปดว้ ย นับแต่วนั น้นั มากร็ ูส้ ึก ตง้ั แตเ่ ชา้ จนบา่ ยหรอื ตลอดทง้ั วนั แทบจะไมท่ รงมเี วลาพกั เมอ่ื มีวา่ สบายใจข้ึน จงึ มานัง่ อย่เู ช่นนนั้ หลายวนั แลว้ ต่อมาก็ได้ ผพู้ ยายามกราบทลู ใหท้ รงผอ่ นพระภาระลงบา้ งกร็ บั สง่ั ตอบทกุ ครง้ังานทำ� เรอ่ื งกม็ เี พยี งเทา่ น้ี เขาเลา่ จบกก็ ราบทลู ลาจากไป ไปวา่ “เออ! จะท�ำ ยงั ไงได้ ทน่ี เ่ี ปน็ พระของประชาชน” ท่ีรับสง่ั วา่ “ที่น่เี ป็นพระของประชาชน” มิได้หมายความแตเ่ พยี งการเสดจ็ ไปกจิ นมิ นตห์ รอื รับประชาชน ทมี่ าเฝ้าในทป่ี ระทบั เท่าน้ัน เพราะยามใดก็ตามทปี่ ระชาชนในบ้านเมอื งเกิดวกิ ฤตวิ นุ่ วาย เจา้ พระคุณสมเด็จฯ ก็มิไดท้ รงนิ่งเฉย286 หากแต่ทรงขวนขวายหาทางบรรเทาวกิ ฤติ หรอื ทรงช่วยเหลอื เท่าท่คี วามเป็นพระภิกษุของพระองคจ์ ะกระทำ�ได้ ตัวอยา่ งเช่น
เมือ่ เกดิ เหตุวกิ ฤติในบา้ นเมอื งในเดือนตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๖ มกี ารใช้กำ�ลังรุนแรงและมคี วามสญู เสียเกดิ ข้นึ เป็นจำ�นวนมากทั้งแก่ชวี ติ และทรัพยส์ ิน เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ไมอ่ าจทรงนง่ิ เฉยอยู่ได้ ได้โปรดให้ท�ำ ใบปลิวในนาม “พระสงฆ์ไทย” แล้วให้ศิษยช์ ่วยกนันำ�ไปแจกจ่ายแก่ประชาชนทุกฝ่ายทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับเหตุการณ์ครัง้ นนั้ เพอื่ ให้บา้ นเมอื งกลบั คืนสู่ความสงบสุขโดยเรว็ ใจความสำ�คญั ของแผ่นปลวิ คร้งั น้ันทรงเตอื นให้คนไทยต้งั มัน่ ในสัมมาสติ ทรงขอให้ทกุ คนถามตวั เองสามประการวา่ เราท้งั หลายเปน็ อะไรกัน เราท้งั หลายกำ�ลงั จะท�ำ อะไรให้แก่กนั และเราทง้ั หลายกำ�ลังมงุ่ อะไรเพอ่ื อะไร ลงท้ายทรงสรุปวา่ “การท่จี ะมาทำ�ลายกันเองลงไปเท่ากับเป็นการทำ�ลายกำ�ลังชาติน้นั เอง ทำ�ใหช้ าตอิ อ่ นกำ�ลงั ลง และเราท้ังหลายต่างมพี ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผทู้ รงเป็นประมุขของชาติ ผูท้ รงดำ�รงอยู่ในทศพิธราชธรรม เปน็ ท่ีเคารพ นบั ถอื อยา่ งสงู สุด ปรากฏว่าพระองค์มีพระราชวิตกห่วงใยเป็นอนั มาก มี พระมหากรณุ าแผ่ไปอยา่ งย่งิ เมอื่ เกิดเหตกุ ารณ์ที่รุนแรงข้นึ เพียงใด ความ ทกุ ขอ์ ยา่ งหนกั กย็ อ่ มจะเกดิ ขน้ึ ในพระราชหฤทยั เพยี งนน้ั จงึ นา่ ทท่ี กุ ๆ ฝา่ ย จะรำ�ลกึ ถงึ พระมหากรุณาและปฏิบัตอิ ยา่ งผ่อนปรนแก่กัน ดว้ ยมุ่งประโยชน์ แก่ประเทศชาตอิ ันเป็นสว่ นรวมเป็นทตี่ งั้ และระลึกถึงพระศาสนาซง่ึ สอนให้ ใชส้ มั มาสติ กลา่ วไดว้ า่ ทุกศาสนายอ่ มสอนให้ใชส้ มั มาสตทิ งั้ นัน้ ” ตัวอย่างอีกคราวหนึ่ง คือเมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำ�ท่วมประเทศไทยในหลายภูมิภาค เจ้าพระคุณสมเด็จฯ โปรดให้จัดสิ่งของต่าง ๆ ออกไปช่วยประชาชนทป่ี ระสบภยั น�ำ้ ทว่ มในบรเิ วณกรงุ เทพฯ และปรมิ ณฑล ไดเ้ สดจ็ ไปประทานสง่ิ ของในบางแหง่ ดว้ ยพระองคเ์ อง และโปรดใหค้ ณะศษิ ยานศุ ษิ ยท์ ง้ั พระภกิ ษสุ ามเณรและฆราวาสชว่ ยกนั น�ำ สง่ิ ของไปแจกในพน้ื ทอ่ี น่ื เทา่ ทส่ี ามารถจะด�ำ เนนิ การได้ บางสมยั ความทกุ ขร์ อ้ นเกดิ ขน้ึ ใน มติ รประเทศ พระเมตตาคณุ กป็ กแผไ่ ป ยังต่างประเทศเพอ่ื นบา้ นน้นั ด้วย เชน่ เม่ือ พ.ศ.๒๕๕๑ ประเทศเมียนมาร์ ประสบอุทกภัยคร้ังใหญ่เน่ืองจากพายุ นารก์ สี เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ กโ็ ปรดใหจ้ ดั สง่ิ ของเครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภคไปประทาน ความชว่ ยเหลอื แกป่ ระชาชนผปู้ ระสบภยั โดยมกี องทพั อากาศเปน็ ผดู้ �ำ เนนิ การ ลำ�เลียงส่งิ ของเหลา่ น้นั ทเ่ี ลา่ สกู่ นั ฟงั มาขา้ งตน้ นเ้ี ปน็ เพยี งตวั อยา่ งอนั นอ้ ยนดิ ของพระจรยิ วตั รและพระปฏปิ ทาอนั งดงามของเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯทท่ี รงวางพระองคเ์ สมอตน้ เสมอปลายมาตลอดพระชนมชพี และจะเปน็ ต�ำ นานทจ่ี ะเลา่ สบื กนั ไปในวนั ขา้ งหนา้ ถงึ “พระรปู หนง่ึ ”ทท่ี รงเป็นพระแท้ และทรงเป็นพระของประชาชนอย่างแทจ้ ริง 287
288
ใบปลวิ ทเ่ี จา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ทรงสง่ ขอ้ ความเตอื นสตคิ นไทยทกุ ฝา่ ย ทา่ มกลางสถานการณว์ กิ ฤตการเมอื งเดอื นตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๖ 289
พระกิตติคุณ นอกเหนอื จากพระอสิ รยิ ยศและสมณศกั ดท์ิ ท่ี รงด�ำ รงฐานะเปน็ สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก ทรงเปน็ ประมขุ ของคณะสงฆ์ไทยแลว้ เจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ ยงั ทรงพระกติ ติคณุ วเิ ศษ ทรงเป็นทเ่ี คารพนบั ถอื สกั การะของมหาชนทั้งไทยและเทศ ผลแหง่ พระกรณยี กิจที่ทรงปฏิบตั บิ ำ�เพญ็ มาตลอดพระชนมชพี ไดบ้ นั ดาลใหเ้ กิด ประโยชน์ใหญน่ อ้ ยแกค่ นจ�ำ นวนมาก ทรงเปน็ หลกั ทพ่ี ง่ึ พงิ ทางจติ ใจของพทุ ธศาสนกิ ชน มาช้านาน ดงั นนั้ จึงไม่นา่ แปลกใจทีเ่ จ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ จะทรงได้รบั การยกย่องเฉลมิ พระกติ ติคุณในหลายวาระโอกาส ท้งั จากภายในประเทศและต่างประเทศ ดงั จะได้เลา่ สู่กนั ฟงั ต่อไป พระกติ ติคณุ ทท่ี รงได้รับจากผู้ใดหรอื หนว่ ยงานใด ยอ่ มไม่อาจเทียบเทยี มได้กับพระมหากรณุ า ทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว ผทู้ รงเปน็ อัครศาสนปู ถัมภก ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานเฉลมิ พระเกียรตยิ ศเพิ่มเติมขึ้นจากพระอสิ รยิ ยศและสมณศกั ดิใ์ นฐานะที่ทรงเปน็ สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกล มหาสงั ฆปรณิ ายก ตามระเบียบแบบแผนปกติ ในส่วนนี้เจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ ทรงไดร้ ับพระมหากรุณา เป็นพเิ ศษท่เี หน็ ไดเ้ ด่นชัดสีก่ รณีด้วยกัน lข้อแรก เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงไดร้ บั พระราชทาน พระอสิ ริยยศเสมอเจ้านายชน้ั “พระองคเ์ จ้า” ตามประเพณแี ตโ่ บราณมา พระมหาเถระผเู้ ปน็ สามัญชนไดร้ ับพระราชทานสถาปนาเปน็ ตำ�แหนง่ ที่ พระสงั ฆราชหรอื สมเดจ็ พระสังฆราช จะไดร้ ับพระราชทานนามว่า สมเด็จพระอรยิ วงษา ตอ่ มาแก้ไขเปน็ สมเด็จพระอรยิ วงษญาณ และมา ในรชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงแก้ไขเปน็ สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณทกุ พระองค์ ดงั ทใ่ี ชก้ นั สบื มา จนปจั จบุ ัน และไดร้ ับพระราชทานอสิ ริยยศเสมอเจา้ นายชนั้ “หม่อมเจ้า” หากพระมหาเถระ ผูเ้ ปน็ พระบรมวงศานุวงศ์ ได้รบั พระราชทานสถาปนาเปน็ ตำ�แหนง่ ที่ สมเด็จพระสงั ฆราช จะไดร้ บั พระราชทานพระนามเฉพาะพระองคเ์ ชน่ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานุชติ ชิโนรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ เปน็ ต้น และทรงดำ�รง พระอิสริยยศฝ่ายพระราชวงศ์สุดแต่จะทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานคือ บางพระองค์ทรงดำ�รงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จกรมพระยา บางพระองค์เป็นสมเด็จกรมพระ บางพระองค์เป็นกรมหลวง ส�ำ หรบั เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ นั้น นับวา่ ได้รับพระราชทานพระมหากรณุ าเป็นพเิ ศษ คอื ทรงพระกรณุ าโปรดสถาปนา เป็นตำ�แหนง่ ท่ีสมเดจ็ พระสังฆราช ในราชทนิ นามพิเศษเฉพาะพระองค์วา่ สมเดจ็ พระญาณสังวร สมเดจ็ พระสงั ฆราช และ ทรงพระกรุณาพระราชทานพระอสิ ริยยศเสมอเจ้านายชัน้ “พระองคเ์ จ้า” ซ่งึ ไมเ่ คยปรากฏในอดีตท่ีผ่านมา290
พัดเล่มน้ีมีลักษณะเป็นพัดแฉกทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ทำ�ดว้ ยงาแกะตลอดทง้ั เลม่ พ้นื พดั สลกั เป็นลายโปร่ง อยา่ งประณีต ประดบั พลอย เปน็ ฝมี อื ของเจา้ พระยา สุธรรมมนตรี (บญุ ศรี บุรณศริ )ิ ผเู้ ปน็ ตน้ สกุลบุรณศริ ิ สร้างข้ึนเพื่อทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแด่พระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อพระราชทานแด่ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ์ ใหท้ รงใชเ้ ปน็ พดั ยศประจ�ำ พระองค์ ครน้ั ตอ่ มาถงึ รชั กาล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยู่หัว ไดท้ รงถวาย พัดแฉกงาพิเศษประดับพลอยเล่มน้ีแด่สมเด็จพระมหา สมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เมื่อครั้งดำ�รง ตำ�แหน่งเจา้ คณะใหญค่ ณะธรรมยตุ พ.ศ. ๒๔๓๖ และ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว เม่อื คราวท่ีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชนิ วรสริ ิวฒั น์ ทรง ดำ�รงต�ำ แหน่งเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยตุ กไ็ ด้ทรงถวาย พัดแฉกงาพิเศษเล่มนี้เป็นพัดยศสำ�หรับทรงถือสืบมา ตลอดพระชนมายุlข้อสอง เจ้าพระคุณสมเด็จฯทรงไดร้ บั พระราชทาน พัดแฉกงาพิเศษประดับพลอย สว่ นในรชั กาลปัจจบุ นั เมื่อครง้ั ทส่ี มเด็จพระสังฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ทรงด�ำ รงตำ�แหนง่ เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยตุ เมื่อ พ.ศ. พดั แฉกงาพิเศษประดับพลอย ซึ่งมีประวตั ิ๒๔๙๓ ก็ได้ทรงพระกรณุ าโปรดพระราชทานพัดแฉกงาพิเศษเล่มน้ีแด่ ความเป็นมาเก่าแก่และมคี วามสวยงามเปน็ พิเศษสมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์นั้นตามธรรมเนียม ต่อมาเมื่อสมเด็จพระสงั ฆราชเจา้ สน้ิ พระชนมแ์ ลว้ ในศภุ วาระฉลองพระชนมาย ุ ๙๐ พรรษา สรา้ งดว้ ยฝีมืออันวิจติ รบรรจง ทง้ั ทำ�ดว้ ยวสั ดุของสมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก มีค่าหายากเล่มนี้ เรามิไดพ้ บเห็นกนั บอ่ ยนัก(วาสน์ วาสโน) วดั ราชบพธิ ฯ ไดท้ รงพระกรณุ าโปรดพระราชทานพดั แฉกงาพิเศษประดับพลอยเลม่ นี้เป็นพระเกยี รตยิ ศ เพราะมีธรรมเนียมกันมาแตโ่ บราณ ครน้ั สมเดจ็ พระสงั ฆราชพระองคน์ น้ั สน้ิ พระชนมแ์ ลว้ ถงึ พ.ศ. ๒๕๓๖ ทจ่ี ะทรงใชแ้ ตเ่ พยี งในสองโอกาส คอืในคราวท่ีเจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ ซง่ึ ขณะนั้นทรงด�ำ รงตำ�แหนง่ สมเดจ็ พระ ในงานพระราชพิธีถอื นำ้�พระพพิ ฒั น์สัตยาสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายกแลว้ เจรญิ พระชนมายคุ รบ ๘๐ พรรษา และวนั รบั พระราชทานผา้ พระกฐนิ หลวงเทา่ นัน้ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพัดแฉกงาพิเศษประดับพลอยเล่มนี้แด่เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ 291
lขอ้ สาม เพจา้ัดพรรัตะคนณุ าสภมรเณด็จ์เฯปน็ทรพงรไดะร้เกับพียรระตราิยชศทพานเิ ศ ษ พัดรตั นาภรณ์ เปน็ แบบธรรมเนียมที่เพ่งิ เกิดขึน้ เมื่อรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว โดยทรงพระราชด�ำ รวิ า่ ส�ำ หรับ เจา้ นายและขา้ ราชการทส่ี นองพระเดชพระคณุ ไดเ้ ปน็ ทพ่ี อพระราชหฤทยั ยอ่ มไดร้ บั พระราชทานเหรยี ญบ�ำ เหนจ็ ความชอบในพระองค์ ทเ่ี รยี ก ว่า เหรยี ญรัตนาภรณ์ ให้เป็นเคร่ืองหมายปรากฏแหง่ พระมหากรุณา เหรยี ญรัตนาภรณ์ในแตล่ ะรัชกาลมพี ระปรมาภไิ ธยยอ่ เปน็ สำ�คญั อยู่ กลางดวงเหรยี ญ มกี ารประดบั ตกแตง่ ลดหลน่ั กนั เปน็ ล�ำ ดบั ชน้ั จากชน้ั ๕ ซง่ึ เปน็ ขน้ั ตน้ ไปจนถงึ ชน้ั ๑ ซง่ึ เปน็ ชน้ั สงู สดุ เหรยี ญรตั นาภรณน์ ้ี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหมอ่ มพระราชทานตามพระอัธยาศยั เม่ือทางฝา่ ยเจ้านายและข้าราชการมโี อกาสได้รับพระราชทานเหรยี ญ รัตนาภรณ์ดงั น้ีแลว้ ทางฝา่ ยพระภิกษุสงฆ์ท่ีทรงคนุ้ เคยและทรงพระราชศรทั ธาเลื่อมใสเป็นส่วนพระองค์ กน็ ่าจะได้รบั พระราชทานเกยี รตยิ ศ ในท�ำ นองทเ่ี ทยี บเคยี งกนั ไดด้ ว้ ย ในแตล่ ะรชั กาลจงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหส้ รา้ งพดั รตั นาภรณข์ น้ึ ลกั ษณะเปน็ พดั หนา้ นาง กลางพดั ปักพระปรมาภิไธยยอ่ ของรัชกาลนั้น ๆ แต่พัดรัตนาภรณน์ ีม้ ไิ ดแ้ บ่งเป็นหลายชั้นอย่างเหรียญรตั นาภรณ์หากแตม่ ีเพยี งช้ันเดียว สำ�หรับรชั กาลปจั จบุ ัน พดั รัตนาภรณ์เป็นพดั รูปหนา้ นางดังทก่ี ล่าวมาแลว้ พน้ื พัดสีน้ำ�เงนิ ทก่ี ลางพดั ปักเปน็ อกั ษรพระปรมาภิไธยยอ่ ภ.ป.ร. ลักษณะอยา่ งดวงเหรยี ญรตั นาภรณ์ อยู่ภายใตพ้ ระแสงจกั รและพระแสงตรสี อดไขว้ ทวี่ งขอบของพัดทงั้ ซา้ ยและขวาปกั เปน็ แถบสีเหลอื ง ลกั ษณะเช่นเดยี วกนั กบั แถบแพรสำ�หรบั หอ้ ยดวงเหรยี ญรตั นาภรณ์ นมพัดปกั เป็นรูปอุณาโลม ภายใต้ พระมหาพิชัยมงกุฏ เม่อื ทรงสร้างพัดรัตนาภรณแ์ ลว้ ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพดั น้แี ดพ่ ระภิกษุสงฆจ์ ำ�นวนเพียงไม่มาก เฉพาะเจา้ พระคุณสมเด็จฯ ทรงไดร้ ับพระราชทานพดั รตั นาภรณ ์ ๒ ครงั้ คอื คร้ังแรก เม่อื พ.ศ. ๒๕๐๐ หลังจากท่ไี ดท้ รงปฏิบตั ิหนา้ ท่ีพระอภิบาลเม่อื คราวท่พี ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ทรงพระผนวชแล้วไมน่ านนกั และในงานฉลองพระชนมาย ุ ๘๐ พรรษา ๓ ตลุ าคม ๒๕๓๖ ทรงพระกรณุ าโปรดพระราชทานถวาย พดั รัตนาภรณ์เปน็ ครงั้ ท ่ี ๒ พร้อมกับพระราชทานพัดแฉกงาพเิ ศษประดับพลอย ซ่ึงไมเ่ คยปรากฏมมี าก่อนเช่นกัน292
ขอ้ สี่ พระเกยี รตยิ ศพิเศษทท่ี รงได้รับพระราชทานl เม่ือเจา้ พระคุณสมเด็จฯ ส้นิ พระชนมแ์ ลว้ตามปกตปิ ระเพณขี องพระราชสำ�นกั ยอ่ มมีกฎเกณฑว์ ่า เม่ือสมเดจ็ พระสงั ฆราชสิ้นพระชนมจ์ ะได้รับพระราชทานพระโกศกุด่ันนอ้ ยเปน็ พระเกยี รตยิ ศส�ำ หรบั พระศพ แตส่ �ำ หรบั กรณขี องเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ตง้ั แตว่ นั แรกทพ่ี ระราชทานน�ำ้ สรงพระศพ ณ พระต�ำ หนกั เพช็ รวัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ทรงพระกรุณาโปรดให้เลื่อนชั้นพระโกศขึ้นเป็นพระโกศกุดั่นใหญ่เปน็ กรณีพเิ ศษ และได้ใช้พระโกศองค์น้ตี ลอดมาจนกระท่งั งานออกพระเมรุรบั พระราชทานเพลงิ 293
พระกิตตคิ ณุ ท่ีทรงได้รับยกยอ่ ง เฉลมิ พระเกียรตจิ ากตา่ งประเทศ พระประมขุ สูงสุด แห่งพระพุทธศาสนาโลก SUPREME HOLINESS OF WORLD BUDDHISM294
Buddhist Summit World Buddhist Supreme Conference ณ เมอื งเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๑ พระกิตติคุณของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ เหตกุ ารณค์ รง้ั นแ้ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความเปน็ได้รับการยกย่องสรรเสริญในระดับนานาชาติ นำ้�หน่ึงใจเดียวกันของชาวพุทธทั่วโลกว่าแม้คือเมื่อวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ จะต่างลทั ธติ า่ งนิกายกนั เมื่อต่างยดึ ถอื ธรรมพระดร. ชินไก โดริ รองประธานที่ประชุม เปน็ หลกั หรอื ยดึ ถอื ธรรมเปน็ ส�ำ คญั แลว้ ความสุดยอดผูน้ ำ�ชาวพทุ ธโลก (Buddhist Summit แตกต่างกันเชิงรูปแบบอันเป็นความแตกต่างWorld Buddhist Supreme Conference) ภายนอกกจ็ ะหมดความหมายไป แล้วสามารถซ่ึงได้จัดการประชุมข้ึนที่นครเกียวโตก่อน อยรู่ วมกนั ได้โดยไม่มีขอ้ ขัดแย้ง ซึง่ ความจรงิหน้านั้น ได้รับฉันทานุมัติของผู้นำ�ชาวพุทธ ขอ้ นี้เจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ ไดท้ รงแสดงใหเ้ หน็จากประเทศต่าง ๆ จำ�นวน ๓๒ ประเทศ เปน็ ตวั อยา่ งอยเู่ สมอ ทรงมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ชาวท่ัวโลกให้เชิญเกียรติบัตรสำ�หรับตำ�แหน่ง พุทธทุกลัทธินิกายด้วยความเป็นกันเองและพระประมุขสูงสุดแห่งพระพุทธศาสนาโลก ให้เกียรติซ่ึงกันและกันตามสมควรแก่ฐานะ(Supreme Holiness of World Buddhism) เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ จงึ ทรงเปน็ ทร่ี จู้ กั และเคารพมาถวายแดเ่ จา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ณ ตกึ วชริ ญาณ นับถอื ของชาวพุทธทกุ ลัทธินิกาย เนอื่ งมาจากสามัคคีพยาบาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พระจริยวัตรและการปฏิบัติพระศาสนกิจท่ีทรงสภากาชาดไทย ยดึ ธรรมเปน็ หลกั และมคี วามเปน็ สากลนน่ั เอง 295
296
297
ผู้ นำ � ช า ว พุ ท ธ สมเด็จพระสังฆราชแห่งลาว วปิ ัสสนาจารย์โกเองก้า ทุกลัทธินิกาย คณะสงฆ์จากลังกา ยิ่งไปกว่าน้ันยังทรงมีโอกาสได้ วิสาสะเสวนากับผ้นู ำ�ของชาวพุทธลัทธิ นิกายต่าง ๆ อยู่เนือง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สมเด็จพระสังฆราชแห่งลาว กัมพูชา พระสังฆนายกแห่งพระสงฆ์เนปาล พระสังฆนายกแห่งศรีลังกา พม่า (เมยี นมาร์) บังคลาเทศ ผนู้ ำ�คณะสงฆ์ แหง่ ไต้หวนั ผู้น�ำ ลามะแห่งภฏู าน ผนู้ ำ� คณะสงฆ์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สงั ฆนายกแหง่ คณะสงฆเ์ วยี ดนาม ผนู้ �ำ คณะสงฆ์นิกายเนนบุตซึสุแห่งญี่ปุ่น วปิ ัสสนาจารย์โกเองกา้WBUODRDLHDISBTUSDUDMHMISITTSUPREMEC O N F E R E N C E เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ยังได้ทรงเข้าร่วมประชุมในระดับนานาชาติ ทว่ั โลก เพอ่ื แลกเปลย่ี นประสบการณ์ในการเผยแผศ่ าสนา และเพอ่ื รว่ ม ขององค์การทางด้านพุทธศาสนา ทั้งที่จัดขึ้นในประเทศไทย และ เฉลิมพระเกียรติในวโรกาสมหามงคลท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่างประเทศอกี หลายคร้งั คือ ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๗๒ พรรษา • การประชมุ สุดยอดผู้นาํ ชาวพุทธโลกครงั้ ท ี่ ๒ ระหวา่ งวันท ่ี ๙ - ๑๑ • การประชมุ สดุ ยอดผนู้ ําชาวพทุ ธโลก คร้ังที่ ๔ ระหวา่ งวันท่ี ๑ - ๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๔๓ เจา้ พระคุณสมเดจ็ ฯ ได้ทรงมอบหมายให้ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ซง่ึ เจ้าพระคณุ สมเด็จฯ ไดท้ รงมอบหมายให้ มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย รว่ มกับคณะสงฆเ์ นนบตุ ซสึ ุ มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั เป็นเจ้าภาพจดั ประชุมทหี่ อประชุม ประเทศญ่ปี ุน่ จดั ประชุมสดุ ยอดผ้นู าํ ชาวพุทธเพื่อการเผยแผพ่ ระพทุ ธ- อาคารชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กองทัพเรือ โดยมีผู้นําชาวพุทธจาก ๒๓ ศาสนาแห่งโลกครั้งที่ ๒ ณ หอประชุมพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ประเทศ จํานวนกว่า ๓,๐๐๐ คนเข้าร่วมประชุม ด้วยเหตุดังกล่าว การประชุมครั้งนี้เน้นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวพุทธ เจา้ พระคณุ สมเด็จฯ จงึ ทรงเปน็ ท่ีรจู้ ักคุน้ เคยของผู้นาํ ชาวพทุ ธท่ัวโลก298
คณะรองพระสังฆนายกแห่งเวียดนาม คณะสงฆ์จากจนีพระศากยนันทะมหาเถระ สงั ฆนายกแหง่ เนปาล สมเด็จพระสังฆราชแห่งกัมพชู าดร. เกยี วเซ เอนชินโช ผู้น�ำ นกิ ายเนนบตุ ซึสแุ หง่ ญีป่ ุ่น พระลามะจากภูฏาน> เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ยงั เสดจ็ รว่ มการประชมุ สุดยอดผนู้ าํ ชาวพุทธโลกและ • พ.ศ. ๒๕๔๑ เสด็จร่วมประชมุ สุดยอดผู้นําชาวพุทธโลกการประชุมนานาชาตใิ นต่างประเทศอีกหลายคร้งั ณ เมืองเกียวโต ประเทศญปี่ นุ่ ระหว่างวนั ที่ ๔ - ๑๑• พ.ศ. ๒๕๒๓ เสด็จร่วมประชุมคีตาสากลครั้งที่ ๕ ณ เมืองโจธปูร์ รัฐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ ในฐานะประธานทป่ี ระชมุ และไดท้ รงราชสถาน ประเทศอินเดีย ในฐานะทรงได้รบั อาราธนาเปน็ แขกพิเศษ เมอื่ วนั ท่ี กลา่ วธัมมีกถาเปดิ ประชมุ โดยทรงยํ้าใหช้ าวพทุ ธมคี วาม๑๔ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ ในการประชุมคร้งั นี้ เจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ ทรง ม่ันใจในพระธรรมคําสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้และกล่าวสัมโมทนียกถาต่อท่ีประชุม แสดงถงึ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งประเทศไทย สงั่ สอนชาวโลกว่า สามารถนํามาปฏบิ ตั ิไดจ้ รงิ ไม่วา่ จะถือกบั ประเทศอนิ เดยี ในดา้ นศาสนา ภาษา วรรณกรรม และวัฒนธรรม เก่ียวกบั พระพทุ ธศาสนาลัทธนิ ิกายใด อยู่ในชาติใด วฒั นธรรมใดชีวิตและสังคมที่หลากหลาย รวมถึงความเกี่ยวโยงระหว่างพระพุทธศาสนา ขอเพียงใหศ้ กึ ษาให้เข้าใจจริง และตั้งใจปฏิบัตใิ หถ้ กู ต้องและภควตั คตี า จรงิ เท่านัน้ 299
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369